คูมือครู 㪌»ÃСͺ¡ÒÃÊ͹ËÇÁ¡Ñº
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ©ºÑº Í- .
·Õè ȸ. ¨Ð»ÃСÒÈÃÒ¡Òú¹àÇçºä«µ µÑé§áµ‹ Á. ¤. ’55 ໚¹µŒ¹ä»
ภาพปกนี้มีขนาดเทากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน
เอกสารประกอบคูมือครู
กลุมสาระการเรียนรู คณิตศาสตร
รายวิชา
คณิตศาสตร เลม 1
ู ร ค หรับ
สํา
ชั้นมัธยมศึกษาปที่
เอกสารหลักสูตรแกนกลางฯ ’51 ประกอบดวย ● ● ● ● ●
●
คําแนะนําการใชคูมือครู แถบสี/สัญลักษณที่ใชสื่อความหมายในคูมือครู ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง คําอธิบายรายวิชา ตารางวิเคราะหเนื้อหากับมาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัด เฉลยกิจกรรมสําหรับครู ตารางแสดงความแตกตางระหวาง “ คูมือครู ” กับ “ หนังสือเรียน * ”
ความแตกตาง
ขนาดตัวอักษร ปกดานหลัง ระบบการจัดพิมพ สวนเสริมดานหนา
คูมือครู ยอลงจากปกติ 20%
พิมพ 4 สี มี เอกสารหลักสูตร คําอธิบายรายวิชา มี กิจกรรมแบบ 5E ความรูเสริมสําหรับครู พิมพสอดแทรกไวตลอดทั้งเลม ●
หนังสือเรียน ขนาดปกติ 100% : ตัวอักษรใหญกวา ที่พิมพในคูมือครูนี้ มีใบอนุญาต/ใบประกันคุณภาพ พิมพ 4 สี
-
●
เนื้อหาในเลม
● ●
* ที่ ศธ. อนุญาตใหโรงเรียนใชได
มีเฉพาะเนื้อหาสาระตามที่ ศธ. อนุญาตฯ/สนพ.ประกันคุณภาพ
3
คําแนะนําการใชคูมือครู
: การจัดการเรียนรูสูหองเรียนคุณภาพ
คูมือครู คณิตศาสตร ม.3 เลม 1 จัดทําขึ้นเพื่ออํานวยความสะดวกแกครูผูสอนในการวางแผนและเตรียม การสอนโดยใชหนังสือเรียน คณิตศาสตร ม.3 เลม 1 ของบริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด เปนสื่อหลัก เสร�ม (Core Material) ประกอบการออกแบบกิจกรรมการเรียนรูใ หสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั กลุม สาระ 2 การเรียนรู คณิตศาสตร ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โดยจัดทําตามหลักการสําคัญ ดังนี้
1. ออกแบบการสอนเปนหนวยการเรียนรูอิงมาตรฐาน คูมือครู รายวิชา คณิตศาสตร ม.3 จัดทําเปนหนวยการเรียนรูตามลําดับสาระการเรียนรูที่ระบุไวใน มาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด แตละหนวยจะกําหนดเปาหมายการสอนและจุดประสงคการเรียนรู (Objective Learning) กิจกรรมการเรียนรู (Learning Activities) และแนวทางการประเมินผลการเรียนรู (Learning Evaluation) ไวชัดเจน ครูผูสอนสามารถจัดทําแผนการสอนใหครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดที่เปน เปาหมายการเรียนรูของแตละหนวยการเรียนรู (ตามแผนภูมิ) และสามารถบันทึกผลการจัดการเรียนการสอนได อยางมั่นใจ สภ
าพ
ผู
จุดป
น
ระส
เรีย
งค
ก
รู รียน เ ร า
มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัดชั้นป
ทักษะการคิด การวัดประเมินผล การเรียนรู
กิจกรรมการเรียนรู
เทคนิคการสอน
แผนภูมิแสดงองคประกอบของการออกแบบการเรียนรูอิงมาตรฐานและเนนผูเรียนเปนสําคัญ
2. การจัดการเรียนรูที่ยึดผูเรียนเปนสําคัญ แนวคิดในการจัดการเรียนการสอนที่ยึดผูเรียนเปนสําคัญ พัฒนามาจากปรัชญาและทฤษฎีการเรียนรู Constructivism ที่เชื่อวาการเรียนรูเปนกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในสมองของผูเรียนแตละคน ผูเรียนเปนผูสราง ความรูโดยการเชื่อมโยงระหวางสิ่งที่ไดพบเห็นกับความรูหรือประสบการณเดิมที่มีอยู คูม อื ครู
ทฤษฎีนี้มีความเชื่อวา นักเรียนทุกคนไดเรียนรูและมีความรูความเขาใจสิ่งตางๆ ติดตัวมากอนที่จะเขาสู หองเรียน ซึง่ เปนการเรียนรูท เี่ กิดจากบริบทและสิง่ แวดลอมรอบตัวนักเรียนแตละคน ดังนัน้ การจัดกระบวนการเรียนรู เสร�ม ในแตละบทเรียน ผูสอนจะตองคํานึงถึง
3
1) ความรูเดิมของนักเรียน การสอนที่ดีจึงตองเริ่มตนจากจุดที่วา นักเรียนมีความรูอะไรมาบาง แลวจึงให ความรูห รือประสบการณใหมเพือ่ ตอยอด จากความรูเดิม
2) ความรูเ ดิมของนักเรียนถูกตอง หรือไม ผูสอนตองปรับเปลี่ยนความรู ความเขาใจเดิมของนักเรียนใหถูกตอง และเปนพฤติกรรมการเรียนรูใหมที่มี คุณคาตอนักเรียน เพื่อสรางเจตคติหรือ ทัศนคติที่ดีตอการเรียน
3) นั ก เรี ย นสร า งความหมาย สําหรับตนเอง ผูสอนตองสงเสริมให นักเรียนนําขอมูลความรูที่ไดไปลงมือ ปฏิ บั ติ และประยุ ก ต ใ ช ค วามรู อ ย า ง ถู ก ต อ ง ในบริ บ ทที่ เ ป น จริ ง ของชี วิ ต นักเรียน เพื่อขยายความรูใหลึกซึ้งและ มีคุณคาตอตัวนักเรียนมากที่สุด
แนวคิด Constructivism เนนใหผเู รียนสรางความรูโ ดยผานกระบวนการคิดและความอยากรูข องตนเอง โดยมีผูสอนเปนผูสรางบรรยากาศการเรียนรูและกระตุนความสนใจ คอยจัดสถานการณใหผูเรียนเกิดความ ขัดแยงทางความคิดระหวางประสบการณเดิมกับประสบการณความรูใ หม ผูเ รียนจะพยายามปรับขอมูลใหม กับประสบการณที่มีอยูเดิม แลวสรางเปนความรูใหมหรือแนวคิดใหม ให ๆ ไดดวยตนเอง
3. การบูรณาการกระบวนการคิด การเรียนรูข องนักเรียนแตละคนจะเกิดขึน้ ทีส่ มอง ซึง่ ทําหนาทีร่ คู ดิ ภายใตสภาพแวดลอมทีเ่ อือ้ อํานวยและได รับการกระตนุ จูงใจอยางเหมาะสมสอดคลองกับสภาพจิตใจและความตองการของนักเรียน การจัดกระบวนการเรียนรู และสาระการเรียนรูท มี่ คี วามหมายตอผูเ รียน จะชวยกระตนุ ใหสมองรับรูแ ละสามารถเรียนรูไ ดอยางมีประสิทธิภาพ ตามขั้นตอนการทํางานของสมอง ดังนี้ 1) สมองจะเรียนรูและสืบคนโดย 2) สมองจะแยกแยะคุ ณค าของ การสังเกต คนหา ซักถาม และทดลอง สิง่ ตางๆ โดยการลงมติ ตัดสินใจ วิพากษ ปฏิบัติ จนคนพบความรูความเขาใจได วิจารณ แสดงความคิดเห็น ยอมรับหรือ อยางรวดเร็ว ตอตานตามอารมณความรูสึกที่เกิดขึ้น ในขณะที่เรียนรู
3) สมองจะประมวลเนื้อหาสาระ โดยการสรุปเปนความคิดรวบยอดจาก เรื่องราวที่ไดเรียนรูใหมนําไปผสมผสาน กับความรูหรือประสบการณเดิมที่ถูกจัด เก็บอยูในสมอง ผานการกลั่นกรองเพื่อ สังเคราะหเปนความรูความเขาใจใหมๆ หรือเปนเหตุผลทัศนคติใหมที่จะฝงแนน ในสมองของผูเรียน คูม อื ครู
เสร�ม
การเรียนรูที่มีประสิทธิภาพจึงตองเปนการเรียนรูที่เกิดจากกระบวนการคิดของผูเรียน เพราะการเรียนรูจะ เกิดขึ้นเมื่อสมองรูคิด และตองเปนการคิดไดครบถวนตามขั้นตอนการทํางานของสมองผูเรียน โดยเริ่มตนจาก
4
1) ระดับการคิดขั้นพื้นฐาน ไดแก 2) ระดับลักษณะการคิด ไดแก 3) ระดับกระบวนการคิด ไดแก การสังเกต การจําแนก การคาดคะเน การคิดกวาง คิดลึกซึ้ง คิดหลากหลาย กระบวนการคิ ด อย า งมี วิ จ ารณญาณ การสื่อความหมาย การรวบรวมขอมูล คิดไกล คิดคลอง คิดอยางมีเหตุผล กระบวนการแกปญหา กระบวนการคิด การสรุปผล เปนตน เปนตน สรางสรรค กระบวนการคิดสังเคราะห วิจัย เปนตน
4. การบูรณาการกระบวนการเรียนรูพื้นฐานอาชีพ กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายสงเสริมการเรียนพื้นฐานอาชีพในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อเสริมสราง ทักษะที่จําเปนสําหรับการประกอบอาชีพ และดํารงชีวิตในสังคมทองถิ่นของผูเรียนอยางมีความสุข และเปนการ เตรียมความพรอมดานกําลังคนใหมีทักษะพื้นฐาน และศักยภาพในการทํางานเพื่อการแขงขันและกาวสูประชาคม อาเซียนหรือประชาคมโลกตอไป 4.1 ทักษะพืน้ ฐานเพือ่ การประกอบอาชีพ การจัดการเรียนการสอนเพือ่ พัฒนาผูเ รียนในรายวิชาพืน้ ฐานทุกกลมุ สาระการเรียนรูและทุกระดับชั้นเรียน ผูสอนควรบูรณาการประสบการณ เรียนรูพื้นฐานอาชีพควบคูไปกับการ เรียนการสอนดานวิชาการ โดยฝกทักษะสําคัญตามที่สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (สวก.) สํานักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เสนอแนะไว ดังนี้ 1. ฝกทักษะกระบวนการคิด มีการวางแผนตลอดแนว เพื่อศึกษาขอมูลอาชีพ 2. ฝกการตัดสินใจอยางเปนระบบ โดยใชขอมูลจากการศึกษา คนควา แหลงเรียนรูในชุมชน เพื่อลด ความเสี่ยงในการลงทุน และเพิ่มความมั่นใจเรื่องการตลาด 3. ฝกกระบวนการวางแผน การผลิตและการจัดจําหนายโดยนักเรียนคิดตนทุน กําไร ดวยตนเอง 4. ฝกการเรียนรูเ รือ่ งคุณธรรม จริยธรรม ดานการประกอบอาชีพ และการทํางานกลมุ โดยมีจติ อาสาเพือ่ สวนรวม 5. ฝกการทํางานอยางมีประสิทธิภาพ มีการประเมินผล ปรับปรุง พัฒนา และสรางสรรคตอยอดผลผลิต 6. ฝกการเสริมสรางความเชือ่ มัน่ ความเพียรพยายาม เห็นคุณคาและภาคภูมใิ จในตนเอง (Self Esteem) ในการประกอบอาชีพ และเจตคติในพื้นฐานทางอาชีพ การจัดการเรียนการสอนที่ใหผูเรียนไดลงมือปฏิบัติทักษะดังกลาว จะชวยใหผูเรียนไดรับประสบการณจริง มีทักษะ ความสามารถ และความชํานาญในการทํางานที่จะใชในการประกอบอาชีพและเปนแรงงานที่มีคุณภาพ เขาสูตลาดแรงงานในอนาคต คูม อื ครู
4.2 การจัดกระบวนการเรียนรูพื้นฐานอาชีพ การจัดกระบวนการเรียนรูมีความสําคัญอยางยิ่งที่จะชวยใหนักเรียนมีการพัฒนาทั้งดานความรู ทักษะ และคุณลักษณะตามเปาหมายของหลักสูตร การพัฒนาผูเ รียนดานทักษะพืน้ ฐานอาชีพตองอาศัยกระบวนการเรียนรู เสร�ม ทีห่ ลากหลายเปนเครือ่ งมือทีจ่ ะนําไปสูค ณ ุ ภาพทีต่ อ งการ เทคนิควิธกี ารตางๆ ทีผ่ สู อนจะตองพิจารณาใหเหมาะสม 5 กับเนื้อหาวิชาและวัยของผูเรียน โดยใหความสําคัญกับการฝกปฏิบัติ และเนนการวัดประเมินผลจากการปฎิบัติ ตามสภาพจริง ดวยวิธีการที่จัดกิจกรรมการบูรณาการใหเหมาะสมกับวัยและระดับชั้นของผูเรียน สอดคลองกับ มาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัดของกลุมสาระตางๆ ที่กําหนดไวในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขึ้นพื้นฐาน 2551 การวิเคราะหมาตรฐานและตัวชี้วัดที่จะนําไปจัดเนื้อหาความรูและทักษะ เพื่อพัฒนาผูเรียนดานพื้นฐานอาชีพ ดังตัวอยางตอไปนี้ 1. กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย กลมุ สาระการเรียนรูภ าษาไทยมุง เนนการพัฒนาใหผเู รียนมีความรูค วามสามารถในการใชภาษาไทย เพื่อการสื่อสาร เปนเครื่องมือในการเรียนรู การแสวงหาความรูและประสบการณตางๆ เพื่อพัฒนาความรู กระบวนการคิดวิเคราะห วิจารณ และสรางสรรคใหทันตอการเปลี่ยนแปลงของสังคม และความกาวหนาทาง วิทยาศาสตร เทคโนโลยี จึงเปนกลุมสาระการเรียนรูที่เปนทักษะพื้นฐานการประกอบอาชีพทุกอาชีพ ตัวชี้วัดที่ สามารถนํามาพัฒนาทักษะอาชีพ เชน ท 2.1 ม.1/8 เขียนรายงานการศึกษาคนควาและโครงงาน ท 1.1 ม.4-6/8 สังเคราะหความรูจากการอานสื่อสิ่งพิมพ สื่ออิเล็กทรอนิกส และแหลงเรียนรู ตางๆ มาพัฒนาตน พัฒนาการเรียน และพัฒนาความรูทางอาชีพ ท 2.1 ม.4-6/4 ผลิตงานเขียนของตนเองในรูปแบบตางๆ ท 2.1 ม.4-6/5 ประเมินงานเขียนของผูอื่น แลวนํามาพัฒนางานเขียนของตนเอง การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวขางตน จะเปนทักษะพื้นฐานของการนําไปสูอาชีพ ทุกอาชีพ และเปนการปูทางไปสูอาชีพเฉพาะเกี่ยวกับการเขียน เชน นักเขียน นักประพันธ นักหนังสือพิมพ นัก วิจารณ เปนตน 2. กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตรมุงเนนการพัฒนาผูเรียนในการเชื่อมโยงความรูกับกระบวนการ มีทักษะสําคัญในการคนควาและสรางองคความรู พัฒนาวิธีการคิด ทั้งความคิดที่เปนเหตุเปนผล คิดสรางสรรค คิดวิเคราะห วิจารณ โดยใชกระบวนการในการสืบเสาะหาความรู การแกปญหาที่หลากหลาย เพื่อใหมีความรู ความเขาใจในธรรมชาติและเทคโนโลยี นําความรูไปใชอยางมีเหตุผล มีคุณธรรม และอยูในสังคมแหงการเรียนรู ไดอยางเหมาะสม โดยมีมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพตางๆ มากมาย เชน คูม อื ครู
ว 1.1 ม.1/13 เสร�ม
6
อธิบายหลักการและผลของการใชเทคโนโลยีชวี ภาพในการขยายพันธุ ปรับปรุงพันธุ และเพิ่มผลผลิตของพืช และนําความรูไปใชประโยชน
ว 1.1 ม.2/4
อธิบายหลักการและผลของการใชเทคโนโลยีชวี ภาพในการขยายพันธุ ปรับปรุงพันธุ และเพิ่มผลผลิตของสัตว และนําความรูไปใชประโยชน ว 1.2 ม.4-6/3 สืบคนขอมูลและอภิปรายผลของเทคโนโลยีชีวภาพที่มีตอมนุษย และสิ่งแวดลอม และนําความรูไปใชประโยชน การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวขางตนจะเปนทักษะพื้นฐานของการนําไปสูอาชีพที่ เกี่ยวกับเกษตรกร วิทยาศาสตร การเกษตร นักวิจัย เปนตน 3. กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมมุงเนนการพัฒนาใหผูเรียนมีความรูความ เขาใจเกี่ยวกับการดํารงชีวิตของมนุษย การอยูรวมกันในสังคมที่มีความเชื่อมโยงสัมพันธกัน มีความแตกตางกัน อยางหลากหลาย สามารถจัดการทรัพยากรที่มีอยูอยางจํากัด และเขาใจการเปลี่ยนแปลง เพื่อชวยใหสามารถปรับ ตนเองกับบริบท และสภาพแวดลอม เปนพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ มีความรู ทักษะ คุณธรรม และคานิยมที่ เหมาะสม มีมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชี ฐานของการประ พตางๆ เชน ส 4.3 ม.1/3 วิเคราะหอิทธิพลของวัฒนธรรมและภูมิปญญาไทยสมัยสุโขทัยและสังคมไทยใน ปจจุบัน ส 4.3 ม.2/3 ระบุภมู ปิ ญ ญาและวัฒนธรรมไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี และอิทธิพลของภูมปิ ญ ญา ดังกลาว ตอการพัฒนาชาติไทยในยุคตอมา ส 4.3 ม.3/3 วิเคราะหภมู ปิ ญ ญาและวัฒนธรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร และอิทธิพลตอการพัฒนา ชาติไทย ส 4.3 ม.4-6/3 วางแผนกําหนดแนวทางและการมีสวนรวมในการอนุรักษภูมิปญญาไทยและ วัฒนธรรมไทย การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวขางตนจะเปนทักษะพื้นฐาน และสรางเจตคติตออาชีพ เกีย่ วกับภูมปิ ญ ญาไทยในทองถิน่ เชน นักโบราณคดี นักประวัตศิ าสตร แพทยแผนโบราณ นวดแผนไทย ชางทอผา จักสาน นักดนตรีไทย การทําขนมหรืออาหารไทย ฯลฯ และเปนรากฐานของการศึกษาเพื่อพัฒนาตอยอดอาชีพ ที่มีฐานของภูมิปญญาไทย
คูม อื ครู
4. กลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยี กลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีมุงพัฒนาใหผูเรียนมีฐานความรูความสามารถ และทักษะที่จําเปนสําหรับนําไปปรับใชในการประกอบอาชีพและการศึกษาตอในสาขาอาชีพตางๆ ไดอยาง เสร�ม หลากหลาย รวมทั้งใหเห็นแนวทางในการประกอบอาชีพและการศึกษาตอตามความรู ความถนัดและความสนใจ 7 มาตรฐานและตัวชีว้ ดั ของกลมุ สาระการเรียนรูก ารงานอาชีพและเทคโนโลยีสว นใหญมลี กั ษณะเปนทักษะกระบวนการ ทํางาน ซึ่งผูสอนสามารถจัดเนื้อหาและกิจกรรมการสอนใหสอดคลองกับความตองการของผูเรียนและทองถิ่นได เพื่อพัฒนาไปสูการประกอบอาชีพตางๆ เชน ง 1.1 ม.4-6/2 สรางผลงานอยางมีความคิดสรางสรรค และมีทักษะการทํางานรวมกัน ง 1.1 ม.4-6/7 ใชพลังงาน ทรัพยากรในการทํางานอยางคุมคาและยั่งยืน เพื่อการอนุรักษ สิ่งแวดลอม ง 4.1 ม.2/3 มีทักษะพื้นฐานที่จําเปนสําหรับการประกอบอาชีพที่สนใจ ง 4.1 ม.3/3 ประเมินทางเลือกในการประกอบอาชีพที่สอดคลองกับความรู ความถนัด และ ความสนใจของตนเอง ง 4.1 ม.4-6/2 เลือกและใชเทคโนโลยีอยางเหมาะสมกับอาชีพ ง 4.1 ม.4-6/3 มีประสบการณในอาชีพที่ถนัดและสนใจ การจัดรายวิชาพื้นฐานในกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีจึงสามารถดําเนินการ ไดอยางหลากหลาย ทัง้ อาชีพในกลมุ เกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม ความคิดสรางสรรค และการบริหาร จัดการและการบริการ ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และสอดคลองกับบริบทของทองถิ่น ความพรอม ของสถานศึกษา และความตองการของผูเรียนเปนสําคัญ เพือ่ เปนแนวทางการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนใหสนองตามนโยบายการจัดการเรียนการสอน พื้นฐานอาชีพในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ ผูจัดทําจึงวิเคราะหมาตรฐานการ เรียนรูและตัวชี้วัดในรายวิชา วิทยาศาสตร ที่สอดคลองกับทักษะปฏิบัติเพื่อเตรียมความพรอมดานพื้นฐานอาชีพ โดยเสนอแนะกิจกรรมการเรียนรูไวเปนแนวทางในการจัดการเรียนการสอนบูรณาการประสบการณการทํางานแก ผูเรียน ใหบรรลุเจตนารมยของ พ.ร.บ. การศึกษาฯ พ.ศ. 2542 มาตรา 7 ที่ระบุใหการจัดการศึกษาตองปลูกฝง ใหเยาวชนมีความรูอันเปนสากล มีจิตสํานึกในการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ตลอดจนมีความ สามารถในการประกอบอาชีพ รูจักพึ่งตนเอง และมีความคิดสรางสรรค เพื่อการดํารงชีวิต การศึกษาตอและการ ประกอบอาชีพอยางมีคุณภาพของผูเรียนตอไปในอนาคต
คูม อื ครู
5. การใชวัฏจักรการเรียนรู 5E รูปแบบการสอนที่สัมพันธกับกระบวนการคิดและการทํางานของสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย เสร�ม คือ วัฏจักรการเรียนรู 5E ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในคูมือครู 8 ฉบับนี้ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้ ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ (Engage) เปนขัน้ ทีผ่ สู อนนําเขาสูบ ทเรียน เพือ่ กระตุน ความสนใจของนักเรียนดวยเรือ่ งราว หรือเหตุการณทนี่ า สนใจ โดยใชเทคนิควิธกี ารสอนและคําถามทบทวนความรูห รือประสบการณเดิมของผูเ รียน เพือ่ เชือ่ มโยงผูเ รียนเขาสู บทเรียนใหม ชวยใหนักเรียนสามารถสรุปประเด็นสําคัญที่เปนหัวขอการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอน การสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสรางแรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน ขั้นที่ 2 สํารวจคนหา (Explore) เปนขั้นที่ผูสอนเปดโอกาสใหผูเรียนสังเกต และรวมมือกันสํารวจ เพื่อใหเห็นปญหา รวมถึงวิธีการศึกษา คนควาขอมูลความรูที่จะนําไปสูความเขาใจประเด็นปญหานั้นๆ เมื่อนักเรียนทําความเขาใจในประเด็นหัวขอที่จะศึกษาคนควาอยางถองแทแลว ก็ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บ รวบรวมขอมูลความรู สํารวจตรวจสอบ โดยวิธกี ารตางๆ เชน สัมภาษณ ทดลอง อานคนควาขอมูลจากเอกสาร แหลงขอมูลตางๆ จนไดขอมูลความรูตามที่ตั้งประเด็นศึกษาไว ขั้นที่ 3 อธิบายความรู (Explain) เปนขั้นที่ผูสอนมีปฏิสัมพันธกับผูเรียน เชน ใหการแนะนํา ตั้งคําถามกระตุนใหคิด เพื่อใหผูเรียนไดคนหา คําตอบ และนําขอมูลความรูจากการศึกษาคนควาในขั้นที่ 2 มาวิเคราะห แปลผล สรุปผล และนําเสนอผล ที่ไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน เขียนแผนภูมิ แผนผังแสดงมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน สมองของผูเรียนจะทําหนาที่คิดวิเคราะห สังเคราะหอยางเปนระบบ ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ (Expand) เปนขั้นที่ผูสอนไดใชเทคนิควิธีการสอนที่ชวยพัฒนาผูเรียนใหนําความรูที่เกิดขึ้นไปคิดคนตอๆ ไป เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรูและการทํางานรวมกันเปนกลุม ระดมสมองเพื่อคิดสรางสรรครวมกัน นักเรียนสามารถนําความรูที่สรางขึ้นใหมไปเชื่อมโยงกับประสบการณเดิมโดยนําขอสรุปที่ไดไปอธิบาย ในเหตุการณตางๆ หรือนําไปปฏิบัติในสถานการณใหมๆ ที่เกี่ยวของกับชีวิตประจําวันของตนเอง เพื่อขยาย ความรูค วามเขาใจใหกวางขวางยิง่ ขึน้ สมองของผูเ รียนทําหนาทีค่ ดิ ริเริม่ สรางสรรคอยางมีคณ ุ ภาพ เสริมสราง วิสัยทัศนใหกวางไกลออกไป คูม อื ครู
ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) เปนขั้นที่ผูสอนประเมินมโนทัศนของผูเรียน โดยตรวจสอบจากความคิดที่เปลี่ยนไปและความคิดรวบยอด ที่เกิดขึ้นใหม ตรวจสอบทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแกปญหา การตอบคําถามรวบยอด และการเคารพ ความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่นเพื่อการสรางสรรคความรูรวมกัน นักเรียนสามารถประเมินผลการเรียนรูของตนเอง เพื่อสรุปผลวานักเรียนมีความรูอะไรเพิ่มขึ้นมาบาง มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ ไดอยางไร นักเรียนจะเกิด เจตคติและเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริง
เสร�ม
9
การจัดกิจกรรมการเรียนรูตามวัฏจักรการสรางความรูแบบ 5E จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนน ผูเรียนเปนสําคัญ โดยสงเสริมใหผูเรียนใชกระบวนการสรางความรูดวยตนเอง และฝกฝนใหใชกระบวนการคิดและ กระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะการเรียนรูและทักษะชีวิตที่มีคุณภาพ ตามเปาหมายของการปฏิรูป การศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการ คณะผูจัดทํา
คูม อื ครู
แถบสี และสัญลักษณ ที่ใชสื่อความหมายในคูมือครู 1. แถบสี
แถบสีแสดงขั้นตอนการสอนและการจัดกิจกรรม แบบ 5E เพื่อใหครูทราบวาเปนขั้นการสอนขั้นใด
เสร�ม
10
สีแดง
สีเขียว
สีสม
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
•
•
•
Engage
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใช เทคนิคกระตุนความ สนใจ เพื่อโยงเขาสู บทเรียน
Explore
เปนขั้นที่ผูสอนให ผูเรียนสํารวจปญหา และศึกษาขอมูล
Explain
เปนขั้นที่ผูสอนให ผูเรียนคนหาคําตอบ จนเกิดความรูเชิง ประจักษ
สีฟา
สีมวง
ขยายความเขาใจ Expand
•
เปนขั้นที่ผูสอนให ผูเรียนนําความรูไป คิดคนตอๆ ไป
ตรวจสอบผล Evaluate
•
เปนขั้นที่ผูสอน ประเมินมโนทัศน ของผูเรียน
สัญลักษณ
2. สัญลักษณ
วัตถุประสงค
เปาหมาย การเรียนรู
คูม อื ครู
• แสดงเปาหมาย การเรียนรูที่ นักเรียนตอง บรรลุตาม ตัวชี้วัด
หลักฐาน เกร็ดแนะครู แสดงผล การเรียนรู • แสดงรองรอย หลักฐานที่ แสดงผล การเรียนรู ตามตัวชี้วัด
นักเรียน ควรรู
B
@
NET
B
มุม IT
ขอสอบ
พื้นฐาน อาชีพ
• แทรกความรู • ขยายความรู • แนะนําแหลง • วิเคราะหแนว • กิจกรรม เสริมสําหรับครู เพิ่มเติมจาก คนควาจาก ขอสอบ O-NET สําหรับครู ขอเสนอแนะ เนื้อหา เพื่อให เว็บไซต เพื่อให เพือ่ ใหครู เพือ่ ใชเปน ขอควรระวัง นักเรียนไดมี ครูและนักเรียน เนนยํ้าเนื้อหา แนวทางใน ขอสังเกต ความรูม ากขึ้น ไดเขาถึงขอมูล ที่มักออก การชวยพัฒนา แนวทางการ ความรูที่ ขอสอบ O-NET อาชีพใหกับ จัดกิจกรรม หลากหลาย • ขอสอบ O-NET นักเรียน และอื่นๆ พิจารณาออก เพื่อประโยชน ขอสอบจาก ในการจัดการ เนื้อหา ม.1, 2 เรียนการสอน และ 3
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง (เฉพาะชั้น ม.3)* สาระที่ 2 การวัด
มาตรฐาน ค 2.1 เขาใจพื้นฐานเกี่ยวกับการวัด วัดและคาดคะเนขนาดของสิ่งที่ตองการวัด ชั้น
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
ม.3 1. หาพื้นที่ผิวของปริซึมและทรง • พื้นที่ผิวของปริซึม และทรงกระบอก กระบอก 2. หาปริมาตรของปริซึม ทรงกระบอก พีระมิด กรวย และทรงกลม
• ปริมาตรของปริซึม ทรงกระบอก พีระมิด กรวย และทรง กลม
3. เปรียบเทียบหนวยความจุ หรือหนวยปริมาตรในระบบ เดียวกันหรือตางระบบ และ เลือกใชหนวยการวัดไดอยาง เหมาะสม
• การเปรียบเทียบหนวยความจุหรือหนวยปริมาตรในระบบ เดียวกันหรือตางระบบ • การเลือกใชหนวยการวัดเกี่ยวกับความจุหรือปริมาตร
4. ใชการคาดคะเนเกีย่ วกับการ วัดในสถานการณตา งๆ ได อยางเหมาะสม
• การคาดคะเนเกี่ยวกับการวัด
เสร�ม
11
มาตรฐาน ค 2.2 แกปญหาเกี่ยวกับการวัด ชั้น
ตัวชี้วัด
ม.3 1. ใชความรูเกี่ยวกับพื้นที่ พื้นที่ผิว และปริมาตรในการ แกปญหาในสถานการณ ตางๆ
สาระการเรียนรูแกนกลาง
• การใชความรูเกี่ยวกับพื้นที่ พื้นที่ผิว และปริมาตรในการ แกปญหา
สาระที่ 3 เรขาคณิต
มาตรฐาน ค 3.1 อธิบายและวิเคราะหรูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ ชั้น
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
ม.3 1. อธิบายลักษณะและสมบัติของ • ลักษณะและสมบัติของปริซึม พีระมิด ทรงกระบอก กรวย ปริซึม พีระมิด ทรงกระบอก และทรงกลม กรวย และทรงกลม * สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง กลุมสาระการเรียนรู คณิตศาสตร. (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพชุมนุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย, 2551), หนา 7 - 56.
คูม อื ครู
มาตรฐาน ค 3.2 ใชการนึกภาพ (visualization) ใชเหตุผลเกีย่ วกับปริภมู ิ (spatial reasoning) และใชแบบจําลอง ทางเรขาคณิต (geometric model) ในการแกปญหา ชั้น
เสร�ม
12
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
ม.3 1. ใชสมบัติของรูปสามเหลี่ยม • สมบัติของรูปสามเหลี่ยมคลายและการนําไปใช คลายในการใหเหตุผลและการ แกปญหา
สาระที่ 4 พีชคณิต
มาตรฐาน ค 4.2 ใชนิพจน สมการ อสมการ กราฟ และตัวแบบเชิงคณิตศาสตร (mathematical model) อื่นๆ แทนสถานการณตางๆ ตลอดจนแปลความหมายและนําไปใชแกปญหา ชั้น
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
ม.3 1. ใชความรูเกี่ยวกับอสมการ • อสมการเชิงเสนตัวแปรเดียวและการนําไปใช เชิงเสนตัวแปรเดียวในการแก ปญหา พรอมทั้งตระหนักถึง ความสมเหตุ สมผลของ คําตอบ 2. เขียนกราฟแสดงความ • กราฟแสดงความเกี่ยวของระหวางปริมาณสองชุดที่มีความ เกี่ยวของระหวางปริมาณสอง สัมพันธเชิงเสน ชุดที่มีความสัมพันธเชิงเสน 3. เขียนกราฟของสมการเชิงเสน • กราฟของสมการเชิงเสนสองตัวแปร สองตัวแปร 4. อานและแปลความหมาย กราฟของระบบสมการเชิง เสนสองตัวแปร และกราฟ อื่นๆ
• กราฟของระบบสมการเชิงเสนสองตัวแปร • กราฟอื่นๆ
5. แกระบบสมการเชิงเสนสอง • ระบบสมการเชิงเสนสองตัวแปร และการนําไปใช ตัวแปร และนําไปใชแกปญหา พรอมทั้งตระหนักถึงความสม เหตุ สมผลของคําตอบ
คูม อื ครู
สาระที่ 5 การวิเคราะหขอมูลและความนาจะเปน
มาตรฐาน ค 5.1 เขาใจและใชวิธีการทางสถิติในการวิเคราะหขอมูล ชั้น
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
ม.3 1. กําหนดประเด็น และเขียน • การเก็บรวบรวมขอมูล ขอคําถามเกี่ยวกับปญหาหรือ สถานการณตางๆ รวมทั้ง กําหนดวิธีการศึกษาและ การเก็บ รวบรวมขอมูลที่ เหมาะสม
เสร�ม
13
2. หาคาเฉลีย่ เลขคณิต มัธยฐาน • คากลางของขอมูล และการนําไปใช และฐานนิยมของขอมูลทีไ่ มได แจกแจงความถี่ และเลือกใชได อยางเหมาะสม 3. นําเสนอขอมูลในรูปแบบที่ เหมาะสม
• การนําเสนอขอมูล
4. อาน แปลความหมาย และ วิเคราะหขอ มูลทีไ่ ดจากการ นําเสนอ
• การวิเคราะหขอมูลจากการนําเสนอ
มาตรฐาน ค 5.2 ใชวิธีการทางสถิติและความรูเกี่ยวกับความนาจะเปนในการคาดการณไดอยางสมเหตุสมผล ชั้น
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
ม.3 1. หาความนาจะเปนของ • การทดลองสุมและเหตุการณ เหตุการณจากการทดลองสุม • ความนาจะเปนของเหตุการณ ที่ผลแตละตัวมีโอกาสเกิดขึ้น • การใชความรูเกี่ยวกับความนาจะเปนในการคาดการณ เทาๆ กัน และใชความรูเกี่ยว กับความนาจะเปนในการคาด การณไดอยางสมเหตุสมผล มาตรฐาน ค 5.3 ใชความรูเกี่ยวกับสถิติและความนาจะเปนชวยในการตัดสินใจและแกปญหา ชั้น
ตัวชี้วัด
ม.3 1. ใชความรูเกี่ยวกับสถิติและ ความนาจะเปนประกอบการ ตัดสินใจในสถานการณตางๆ
สาระการเรียนรูแกนกลาง
• การใชความรูเกี่ยวกับสถิติ และความนาจะเปนประกอบการ ตัดสินใจ คูม อื ครู
ชั้น
สาระการเรียนรูแกนกลาง
ม.3 2. อภิปรายถึงความคลาด เคลื่อนที่อาจเกิดขึ้นไดจาก การนําเสนอขอมูลทางสถิติ
เสร�ม
14
ตัวชี้วัด
สาระที่ 6 ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร
มาตรฐาน ค 6.1 มีความสามารถในการแกปญหา การใหเหตุผล การสื่อสาร การสื่อความหมาย ทางคณิตศาสตร และการนําเสนอ การเชือ่ มโยงความรูต า งๆ ทางคณิตศาสตรและเชือ่ มโยงคณิตศาสตรกบั ศาสตร อื่นๆ และมีความคิดริเริ่มสรางสรรค ชั้น
ตัวชี้วัด
ม.3 1. ใชวิธีการที่หลากหลายแก ปญหา 2. ใชความรู ทักษะและ กระบวนการทางคณิตศาสตร และเทคโนโลยีในการแก ปญหาในสถานการณตางๆ ไดอยางเหมาะสม 3. ใหเหตุผลประกอบการ ตัดสินใจ และสรุปผลไดอยาง เหมาะสม 4. ใชภาษาและสัญลักษณทาง คณิตศาสตรในการสื่อสาร การสื่อความหมาย และ การนําเสนอ ไดอยางถูกตอง และชัดเจน 5. เชื่อมโยงความรูตางๆ ใน คณิตศาสตร และนําความรู หลักการ กระบวนการทาง คณิตศาสตรไปเชื่อมโยงกับ ศาสตรอื่นๆ 6. มีความคิดริเริ่มสรางสรรค
คูม อื ครู
สาระการเรียนรูแกนกลาง
-
คําอธิบายรายวิชา รายวิชา คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 3 รหัสวิชา ค…………………………………
กลุมสาระการเรียนรู คณิตศาสตร ภาคเรียนที่ 1 เวลา 60 ชั่วโมง/ป เสร�ม
ศึกษาความรูพื้นฐาน อธิบายลักษณะและสมบัติของปริซึม พีระมิด ทรงกระบอก กรวย และทรงกลม ฝกทักษะ การคิดคํานวณ ฝกการแกปญ หาและสามารถนําความรูไ ปประยุกตใชในเรือ่ ง พืน้ ทีผ่ วิ ของปริซมึ และทรงกระบอก และ ปริมาตรของปริซึม ทรงกระบอก พีระมิด กรวย และทรงกลม เปรียบเทียบหนวยความจุหรือหนวยปริมาตรในระบบ เดียวกันหรือตางระบบ และเลือกใชหนวยการวัดไดอยางเหมาะสม คาดคะเนเกี่ยวกับการวัดในสถานการณตางๆ ได อยางเหมาะสม ใชสมบัติของรูปสามเหลี่ยมคลายในการใหเหตุผลและแกปญหา ใชความรูเกี่ยวกับอสมการเชิงเสน ตัวแปรเดียวในการแกปญหา เขียนกราฟแสดงความเกี่ยวของระหวางปริมาณสองชุดที่มีความสัมพันธเชิงเสน เขียน กราฟของสมการเชิงเสนสองตัวแปร อานและแปลความหมายกราฟของระบบสมการเชิงเสนสองตัวแปรและกราฟ อื่นๆ แกระบบสมการเชิงเสนสองตัวแปรและนําไปใชแกปญหา พรอมทั้งตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของคําตอบ โดยมุงเนนจัดประสบการณการเรียนรูที่เชื่อมโยงความรูตางๆ ทางคณิตศาสตรกับสถานการณจริงและศาสตร อื่นๆ ใหผูเรียนมีการพัฒนาดานทักษะ/กระบวนการทางคณิตศาสตร เพื่อใหมีความรูความสามารถในการแกปญหา การใหเหตุผล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร การนํา เสนอ และพัฒนาความคิดริเริ่มงานทางคณิตศาสตรทั้งในและนอกชั้นเรียน และเนนใหเห็นคุณคาและมีเจตคติที่ดีตอ คณิตศาสตร สามารถนําไปประยุกตใชในการทํางานไดอยางเปนระบบ
15
ตัวชี้วัด ค 2.1 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ค 2.2 ม.3/1 ค 3.1 ม.3/1 ค 3.2 ม.3/1 ค 4.2 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ค 6.1 ม.1-3/1 ม.1-3/2 ม.1-3/3 ม.1-3/4 ม.1-3/5 ม.1-3/6 รวม 17 ตัวชี้วัด
คูม อื ครู
คูม อื ครู
ÇÔà¤ÃÒÐË Áҵðҹ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙጠÅеÑǪÕÇé ´Ñ ÃÒÂÇÔªÒ ¤³ÔµÈÒʵà Á.3 àÅ‹Á 1
หนวยการเรียนรูที่ 4 : ความคลาย
หนวยการเรียนรูที่ 3 : ระบบสมการเชิงเสนสองตัวแปร
หนวยการเรียนรูที่ 2 : กราฟของความสัมพันธเชิงเสน
หนวยการเรียนรูที่ 1 : พื้นที่ผิวและปริมาตร
คณิตศาสตร ม.3 เลม 1
หนวยการเรียนรู
✓
1
✓
✓
3
4
✓
✓
1
✓
1
✓
1
ตัวชี้วัด ตัวชี้วัด ตัวชี้วัด
ตัวชี้วัด 2
มาตรฐาน มาตรฐาน มาตรฐาน ค 2.2 ค 3.1 ค 3.2
สาระที่ 3
มาตรฐาน ค 2.1
สาระที่ 2
1
✓
2
✓
3
ตัวชี้วัด
มาตรฐาน ค 4.2
สาระที่ 4
✓
4
✓
5
✓
✓
✓
✓
1
✓
✓
✓
✓
2
✓
✓
✓
✓
3
✓
✓
✓
✓
4
ตัวชี้วัด
มาตรฐาน ค 6.1
สาระที่ 6
16
มาตรฐาน การเรียนรูและ ตัวชี้วัด
คําชี้แจง : ใหผูสอนใชตารางน�้ตรวจสอบวา เน�้อหาสาระการเรียนรูในหนวยการเรียนรูสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดชั้นปในขอใดบาง
ตาราง
เสร�ม ✓
✓
✓
✓
5
✓
✓
✓
✓
6
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand
Evaluate
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹
¤³ÔµÈÒʵà Á.ó àÅ‹Á ñ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๓
กลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ผูเรียบเรียง
นางกนกวลี อุษณกรกุล นางสาวนวลนอย เจริญผล นางสาวปาจรีย วัชชวัลคุ ดร. สุเทพ บุญซอน
ผูตรวจ
นางจินดา อยูเปนสุข นายรณชัย มาเจริญทรัพย นางสาวสายสุณี สุทธิจักษ
บรรณาธิการ
ศ. ดร. ณรงค ปนนิ่ม
คณะผูจัดทําคูมือครู
จันทรเพ็ญ ชุมคช ทองดี กุลแกวสวางวงศ สมใจ ธนเกียรติมงคล สายสุณี สุทธิจักษ พิมพครั้งที่ ๑
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ ISBN : 978-616-203-185-4 รหัสสินคา ๒๓๑๖๐๐๕ รหัสสินคา ๒๓๔๖๐๑๔
¤Œ¹¤ÇÒÁÃÙŒ¢ÂÒ¤ÇÒÁ¤Ô´¨Ò¡
EB GUIDE
ที่พิมพกํากับหัวขอสําคัญในหนังสือเรียนหลักสูตรแกนกลางฯ ผาน www.aksorn.com ไปยังแหลงความรูทั่วไทย-ทั่วโลก
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา Explore Engage
Expand
Explain
Evaluate
¤íÒá¹Ð¹íÒ㹡ÒÃ㪌˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ หนังสือเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน คณิตศาสตร ม.3 เลม 1 นี้ สรางขึน้ เพือ่ ใหเปนสือ่ สําหรับใชประกอบการเรียนการสอนในรายวิชา พืน้ ฐาน กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 3 โดยเนือ้ หาตรงตามสาระการเรียนรูแ กนกลางขัน้ พืน้ ฐาน อานทําความเขาใจงาย ใหทงั้ ความรูแ ละชวยพัฒนาผูเ รียนตาม หลักสูตรและตัวชี้วัด เนื้อหาสาระแบงออกเปนหนวยการเรียนรูตามโครงสรางรายวิชา สะดวกแกการจัดการเรียนการสอนและ การวัดผลประเมินผล พรอมเสริมองคประกอบอืน่ ๆ ทีจ่ ะชวยทําใหผเู รียนไดรบั ความรูอ ยางมีประสิทธิภาพ à¹×Íé ËҵçµÒÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙጠ¡¹¡ÅÒ§Ï ãËŒ¤ÇÒÁÃÙŒáÅÐàÍ×é͵‹Í¡ÒùíÒä»ãªŒÊ͹à¾×èÍ ãËŒºÃÃÅصÑǪÕéÇÑ´ áÅÐÊÌҧ¤Ø³ÅѡɳРà¡ÃÔè¹¹íÒà¾×èÍãˌࢌÒ㨠Íѹ¾Ö§»ÃÐʧ¤ ¶Ö§ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ㹠˹‹Ç·Õè¨ÐàÃÕ¹
µÑǪÕéÇÑ´áÅÐÊÒÃСÒÃàÃÕ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§Ï µÒÁËÅÑ¡ÊٵáíÒ˹´ à¾×èÍãËŒ·ÃÒº¶Ö§ ໇ÒËÁÒÂ㹡ÒÃÈÖ¡ÉÒ ¨Ñ´¡ÅØ‹Áà¹×éÍËÒ໚¹Ë¹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ Êдǡᡋ¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹
¤³Ôµ¤Ô´Ê¹Ø¡ ໚¹à¡Á ·Ò§¤³ÔµÈÒʵà ·Õèʹء áÅзŒÒ·Ò à¾×èͪ‹Ç ½ƒ¡·Ñ¡ÉТͧ¼ÙŒàÃÕ¹
ÁØÁ¤ÇÒÁ¤Ô´ ໚¹¡ÒùíÒàʹÍÊѨ¾¨¹ ÊÁºÑµÔ ËÃ×Í¢ŒÍ¤ÇÒÁ·Õè¼ÙŒàÃÕ¹¤ÇèРÃÙŒ·Õèà¡ÕèÂÇ¢ŒÍ§¡Ñºà¹×éÍËÒ
197
22
หน่วยการเรีย ตัวชี้วัด
หาพื้นที่ผิวของป (ค 2.1 ม.3/1 ริซึมและทรงกระบอก หาปริมาตรข ) พีระมิด กรวยองปริซึม ทรงกระบอก (ค 2.1 ม.3/2 และทรงกลม ) เปรียบเทียบหนว ยความจุหรือ ปริมาตรใน หนวย และเลอื กใชหระบบเดียวกันหรือตางระบบ (ค 2.1 ม.3/3นวยการวดั ไดอยางเหมาะสม ■ ใช การคาดคะเนเ) สถานการณ กี่ยวกับการวัดใน (ค 2.1 ม.3/4ตางๆ ไดอยางเหมาะสม ) ■ ใช ความรูเกี่ยวกั บพื้นที่ พื้นที ปริมาตรในการแ ผ ่ ิว และ ตางๆ (ค 2.2 กปญหาในสถานการณ ■ อธิ บายลักษณะแม.3/1) พีระมิด ทรงก ละสมบัติของปริซึม (ค 3.1 ม.3/1 ระบอก กรวยและทรงกล ) ม ■ ใช วิธีการที่ห (ค 6.1 ม.1-3ลากหลายแกปญหา /1) ■ ใช ความรู ทักษะ คณิตศาสตร และกระบวนการทาง แกปญหาใน และเทคโนโลยีในการ ไดอยางเหมาสถานการณตางๆ ะสม ■ ให เหตุผลประ (ค 6.1 ม.1-3/2) และสรุปผลได กอบการตัดสินใจ (ค 6.1 ม.1-3 อยางเหมาะสม /3) ■ ใช ภาษาและสั ในการสื่อสารกญลักษณทางคณิตศาสต การนําเสนอ ารสื่อความหมาย และ ร ได อ ย (ค 6.1 ม.1-3 างถูกตองและชัดเจน /4) ■ เชื่อ มโยงความร และนําความ ูตางๆ ในคณิตศาสต คณิตศาสตร รูหลักการ กระบวนกา ร (ค 6.1 ม.1-3ไปเชื่อมโยงกับศาสตรอรทาง ื่นๆ /5) ■ มีค วามคิดริเริ่ม (ค 6.1 ม.1-3 สรางสรรค /6) ■
■
■
สาระการเรี
2. รูปสามเหลี่ยมที่คล้ายกัน
1
นรู้ที่
พื้นที่ผิวและป
ริมาตร
A
ยนรู้แกนก
ลาง
พื้นที่ผิวของป ปริมาตรของปรริซึมและทรงกระบอก กรวยและทรงกลิซึม ทรงกระบอก พีร ะมิด การเปรียบเที ม ยบ หนวยควา หนวยปริมาตรใน มรู ระบบเดียวกั หรือ ตางระบบ นหรือ ■ การเล ือกใช หรือปริมาตรหนวยการวัดเกี่ยวกับความ จุ ■ การค ะเนเกี่ยวกับ ■ ใช ความรูเกี่ยวกั การวัด บพื้นที่ พื้นที ปริมาตรในการแ ่ผิวและ ■ ลัก ษณะและสม กปญหา ทรงกระบอก บัติของปริซึม พีระมิ ด กรวย และท รงกลม ■
รูปเรขาคณิตสามมิติที่มีหน้า ตัดหรือฐานเป็นวงกลมที่เท่า กันทุกประการและอยู่ในระนาบ ที่ขนานกัน เมื่อตัดรูปเรขาคณิ ตสามมิตินี้ด้วยระนาบที่ขนานกั บฐานแล้วจะได้รอยตัดเป็นวงกลม ทีเ่ ท่ากันทุกประการกบั ฐานเสมอ เรียกว่า ทรงกระบอก
กิจกรรมที่ 1 ซึ่งมีมุมเท่ากันสามคู่ ดังรูป PQR ซึ ม PQR ซึ ะรูปสามเหลี่ยม PQR ABC และรู ม ABC ม ก�าหนดรูปสามเหลี่ยม ABC แล C ABC ➭ AB = 3 ซม. PQ = 2 ซม. R BC = 2.4 ซม. QR = 1.6 ซม. CA = 2.7 ซม. RP = 1.8 ซม.
การหาพื้นที ทําไดโดยการค ่ผิวของรูปเรขาคณิตสาม มิติ วิธีหนึ่ง ลีร่ ปู เรขาคณ สามารถ ติ สามมิตใิ ห แลวคํานวณ เปน หาพนื้ ทีข่ องร ปู เรขาคณติ สอง รูปเรขาคณติ สองมิติ ผิวของรูปเรข มิตนิ นั้ ก็จะได าคณิตสามมิ เ ปนพืน้ ที่ ถาตองการทร ติที่ตองการ าบความจุข วิธีการหาปร องทรงสามม ิมาตรของทรง ิติเราจะตองทร สามมิตินั้น าบ
มุมความคิด
ให้นักเรียนท�ากิจกรรมต่อไปนี้
■
■
ในการศึกษาเกี่ยวกับทรงกระบอกในช่ วงชั้นนี้จะศึกษาเฉพาะพื้นที่ผิวและปริ ทรงกระบอกตรงเท่านั้น มาตรของ
Q
P
B
3.1 พื้นที่ผิวของทรงกระบอก
การหาพื้นที่ผิวของทรงกระบอก เร าสามารถหาได้โดยการคลี่รูปเรขาคณิ ตสามมิติออก เป็นรูปเรขาคณิตสองมิต ิ และค�านวณหาพ นื้ ทีข่ องรูปเรขาคณิตสองมิตแิ ต่ละรูป นัน้ แล้วน�าพืน้ ทีข่ อง ทุกรูปรวมกันเป็นพื้นที่ผิวของทรงก ระบอกรูปนั้น พิจารณาทรงกระบอกกลวงที่มีรัศมี ของฐานเท่ากับ r หน่วย และความ สูงเท่ากับ h หน่วย ดังรูป
ให้นักเรียนปฏิบัติดังนี้ (หน่วยเป็นเซนติเมตร) ง AB BC และ CA ของ ΔABC (หน่ 1. วัดความยาวของ AB, PQR (หน่วยเป็นเซนติเมตร) 2. วัดความยาวของ PQ, QR และ RP ของ Δ CA วเปรียบเทียบค่าทั้งสามที่หาได้ AB BC 3. หาอัตราส่วนของ PQ , QR และ RP แล้ ผลจากการปฏิบัติ เป็นดังนี้ 1. AB = 3 เซนติเมตร BC = 2.4 เซนติเมตร CA = 2.7 เซนติเมตร คณิตคิดสนุก 2. PQ = 2 เซนติเมตร QR = 1.6 เซนติเมตร ลองนั บ ดู ซิ ว ่ า รู ป สามเหลี่ ย มที่ ก�าหนดให้รูปนี้ มีรูปสามเหลี่ยมขนาด RP = 1.8 เซนติเมตร RP ต่างๆ รวมทั้งหมดจ�านวนกี่รูป 3 3. AB PQ = 2 1 1 2 2 BC = 2.4 = 3 3 3 QR 1.6 2 4 4 5 5 CA = 2.7 = 3 6 6 7 RP 1.8 2 7 8 8 BC = CA = 3 = จะได้ AB QR RP 2 PQ
h
จากรูป ถ้าคลี่ทรงกระบอกออกโด ยตัดฐานทั้งสองออกก่อนจะได้ฐานทั ้งสองเป็นรูป วงกลม และตัดด้านข้างให้ขนานตาม แนวตั้งจะได้รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า EB GUIDE
http://www.aksorn.com/LC/Math
B1/M3/02
Web Guide á¹Ð¹íÒáËÅ‹§¤Œ¹¤ÇŒÒ¢ŒÍÁÙÅ à¾ÔèÁàµÔÁ¼‹Ò¹Ãкº Online Ẻ½ƒ¡ËÑ´»ÃШíÒ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ª‹Ç¾Ѳ¹Ò·Ñ¡ÉÐáÅзº·Ç¹¤ÇÒÁÃÙŒ¢Í§¼ÙŒàÃÕ¹
µÑÇÍ‹ҧáÊ´§ÇÔ¸Õ¡ÒäԴ à¾×èͪ‹ÇÂ㹡Ò÷íÒ¤ÇÒÁࢌÒã¨
78
42 ตัวอย่างที่
5
รทางคณิตศาสตร์
ะกระบวนกา กิจกรรมเสริมทักษะแล
ื่อมโยงความรูตางๆ
ารแกปญหา การเช (มีความสามารถในก มคล้าย
เงาของดวงจันทร์ ดวงจันทร์
√37 ซม.
7 ซม.
13 ซม.
12 ซม.
ẺµÃǨÊͺ¤ÇÒÁࢌÒ㨠à¾×èͽƒ¡·Ñ¡ÉСÒäԴáÅÐ á¡Œ»˜ÞËҢͧ¼ÙŒàÃÕ¹
10 ซม.
2 ซม.
ม.
2 ซ
. 4 ซม ซม. 2
2 ซม.
2 ซม.
2 ซม. 2 ซม.
2 ซม.
2. จงหาพื้นที่ผิวและปริมาตรของแท่งปริซึมตัน แต่ละข้อต่อไปนี้ 1) 2)
3 ซม.
ม.
3 ซ
31 ซม.
12 ซม.
6 ซม.
โลก
ดวง าทิตย์ งสุริยุปราคา เต็ม ะมองไม่เห็นดวงอ พิจารณาภาพแสด ี่อยู่ ณ ต�าแหน่ง A จ และ กิดสุริยุปราคา คนท ยกว่า การเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง จากภาพเป็นการเ งอาทิตย์หมด เรี ากดว ย์ แสงจ ต ิ ง ดบั งอาท บ ทร์ ละดว เพราะดวงจัน ผัสกับดวงจันทร์แ ม ะสั A จ ด กจุ จะเห็นว่าเส้นที่ลากจา
10 ซม. 6 ซม.
2 ซม. 1 ซม.
A
ดวงอาทิตย์
33 ซม.
1. จงหาพื้นที่ผิวด้านนอกและปริมาตรของทรงสามมิติต่อไปนี้ 1) 2)
วงโคจรของโลก
1.4
บตั ิ ดังนี้ 1. ส�าหรับพีระมิดทีก่ า� หนดให้แต่ละข้อต่อไปนี้ให้นกั เรียนปฏิ 1) เขียนรูปเรขาคณิตสองมิตทิ เี่ กิดจากการคลีพ่ รี ะมิด 2) ค�านวณหาพืน้ ทีผ่ วิ ของพีระมิด ด ะมิ ร 3) จงหาปริมาตรของพี (3) (2) (1)
ประจ�าหน่วยการเรียนรู้ที่
ลก เหลี่ย ตย์ ดวงจันทร์ และโ สุริยุปราคากับรูปสาม รณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อดวงอาทิ ฏกา สุริยุปราคา เป็นปราก วงจันทร์อยู่ตรงกลาง นดวง เห็ มอง ด งๆ มี า ต่ ง ่ โดย าแหน ยวกัน ท�าให้คนที่อยู่ในต� โคจรมาอยู่ในแนวเดี จะทอดมายังโลก เงาของดวงจันทร์ น (partial ้ สุริยุปราคาบางสว ที่แตกต่างกัน ดังนี น เรียกว่า การเกิด อาทิตย์ในลักษณะ าทิตย์เพียงบางส่ว ดวงอ น เห็ มอง 1. l eclipse) (tota ดวง ม เต็ กิดสุริยุปราคา r eclipsae) วงแหวน (pannula าทิตย์ เรียกว่าการเ 2. มองไม่เห็นดวงอ ป็นวงแหวน เรียกว่า การเกิดสุรยิ ปุ ราคา าทิตย์เ 3. มองเห็นดวงอ กโลกมาก ดวงจันทร์อยู่ไกลจา อ ่ เมื ด เกิ ae) eclip
ตอบ
แบบตรวจสอบความเข้าใจที่
1
แบบฝึกหัด
ับศาสตรอื่นๆ) ทางคณิตศาสตรก
ม. 4 ซ
226
กบาศก์เซนติเมตร พีระมิดฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสรูปหนึ่งสูง 6 เซนติเมตรมีปริมาตร 32 ลู จงค�านวณหา 2) ความยาวแต่ละด้านของฐานพีระมิด 1) พื้นที่ฐานของพีระมิด 32 ลูกบาศก์เซนติเมตร วิธีทำ� 1) เนื่องจากปริมาตรของพีระมิดเท่ากับ จะได้ 32 = 13 Ah 32 = 13 × A × 6 32 = 2A A = 322 = 16 ตารางเซนติเมตร ดังนั้น พื้นที่ฐานของพีระมิด เท่ากับ 16 ตารางเซนติเมตร 2) เนื่องจากฐานของพีระมิดเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส 2 ด เท่ากับ (ความยาวด้าน) ะมิ ร านของพี ฐ ่ ที จะได้ พื้น 16 = 42 ความยาวด้านเท่ากับ 4 เซนติเมตร เมตร ดังนั้น ความยาวของแต่ละด้านของฐานพีระมิดเท่ากับ 4 เซนติ
3)
4)
3 ซม. 6 ซม.
5 ซม.
10 ซม.
¡Ô ¨ ¡ÃÃÁàÊÃÔ Á ·Ñ ¡ ÉÐáÅСÃкǹ¡Ò÷ҧ ¤³ÔµÈÒʵà ª‹ÇÂÊÌҧ·Ñ¡ÉСÃкǹ¡ÒäԴ ·Ò§¤³ÔµÈÒʵà ãËŒ¹Ñ¡àÃÕ¹
6 ซม.
ม.
12 ซ
ม.
10 ซ
3 ซม. 5 ซม.
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand
Evaluate
ÊÒúѤ³ÔµÈÒʵà Á. 3 àÅ‹Á 1 ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
1
¾×é¹·Õè¼ÔÇáÅлÃÔÁҵà ● ● ● ● ● ● ● ●
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
2
●
¡ÃÒ¿¢Í§¤ÇÒÁÊÑÁ¾Ñ¹¸ àªÔ§àÊŒ¹ ●
● ●
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
3
¤ÇÒÁÃÙŒà¡ÕèÂǡѺ»ÃÔÁҵà »ÃÔ«ÖÁ ·Ã§¡Ãк͡ ¾ÕÃÐÁÔ´ ¡ÃÇ ·Ã§¡ÅÁ ¡ÒÃà»ÃÕºà·Õº˹‹Ç»ÃÔÁҵà ¡ÒÃàÅ×͡㪌˹‹Ç»ÃÔÁÒµÃáÅСÒùíÒä»ãªŒ ¡ÒäҴ¤Ðà¹à¡ÕèÂǡѺ¡ÒÃÇÑ´ã¹Ê¶Ò¹¡Òó µ‹Ò§æ
¡ÃÒ¿áÊ´§¤ÇÒÁà¡ÕèÂÇ¢ŒÍ§ÃÐËÇ‹Ò§»ÃÔÁÒ³ÊͧªØ´ ·ÕèÁÕ¤ÇÒÁÊÑÁ¾Ñ¹¸ àªÔ§àÊŒ¹ ¡ÃÒ¿¢Í§ÊÁ¡ÒÃàªÔ§àÊŒ¹ÊͧµÑÇá»Ã ¡ÒÃÍ‹Ò¹áÅСÒÃá»Å¤ÇÒÁËÁÒ¢ͧ¡ÃÒ¿·Õè¡íÒ˹´ãËŒ
ÃкºÊÁ¡ÒÃàªÔ§àÊŒ¹ÊͧµÑÇá»Ã ● ●
● ●
ÃкºÊÁ¡ÒÃàªÔ§àÊŒ¹ÊͧµÑÇá»Ã ¡ÒÃÍ‹Ò¹áÅÐá»Å¤ÇÒÁËÁÒ¡ÃÒ¿¢Í§ÃкºÊÁ¡Òà àªÔ§àÊŒ¹ÊͧµÑÇá»Ã ¡ÒÃá¡ŒÃкºÊÁ¡ÒÃàªÔ§àÊŒ¹ÊͧµÑÇá»Ã ¡ÒùíÒÃкºÊÁ¡ÒÃàªÔ§àÊŒ¹ÊͧµÑÇá»Ãä»ãªŒ á¡Œ»˜ÞËÒã¹Ê¶Ò¹¡Òó µ‹Ò§æ
1 - 80 2 3 21 31 43 53 59 65 70
81 - 134 82 91 119
135 - 186 136 145 149 159
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา Explore Engage
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
4
Explain
Expand
Evaluate
¤ÇÒÁ¤ÅŒÒ ● ● ● ●
187 - 230
ÃÙ»·Õè¤ÅŒÒ¡ѹ ÃÙ»ÊÒÁàËÅÕèÂÁ·Õè¤ÅŒÒ¡ѹ ¡ÒùíÒÃÙ»ÊÒÁàËÅÕèÂÁ¤ÅŒÒÂä»ãªŒã¹·Ò§¤³ÔµÈÒʵà ¡ÒùíÒ¤ÇÒÁÃÙŒà¡ÕèÂǡѺÃÙ»ÊÒÁàËÅÕèÂÁ¤ÅŒÒÂä»ãªŒ 㹪ÕÇÔµ»ÃШíÒÇѹ
188 197 211 219
ºÃóҹءÃÁ
233
¤³ÔµÈÒʵà Á. 3 àÅ‹Á 2 ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
1
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
3
ÍÊÁ¡ÒÃàªÔ§àÊŒ¹ µÑÇá»Ãà´ÕÂÇ
¤ÇÒÁ¹‹Ò¨Ð໚¹
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
2
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
4
ʶԵÔ
¡ÒÃàÊÃÔÁ·Ñ¡ÉСÃкǹ ¡Ò÷ҧ¤³ÔµÈÒʵÃ
กระตุน ความสนใจ Engage
หน่วยการเรียนรู้ที่ ตัวชี้วัด ■
■
■
■
■
■
■
■
■
■
■
■
หาพื้นที่ผิวของปริซึมและทรงกระบอก (ค 2.1 ม.3/1) หาปริมาตรของปริซึม ทรงกระบอก พีระมิด กรวย และทรงกลม (ค 2.1 ม.3/2) เปรียบเทียบหนวยความจุหรือหนวย ปริมาตรในระบบเดียวกันหรือตางระบบ และเลือกใชหนวยการวัดไดอยางเหมาะสม (ค 2.1 ม.3/3) ใชการคาดคะเนเกี่ยวกับการวัดใน สถานการณตางๆ ไดอยางเหมาะสม (ค 2.1 ม.3/4) ใชความรูเกี่ยวกับพื้นที่ พื้นที่ผิว และ ปริมาตรในการแกปญหาในสถานการณ ตางๆ (ค 2.2 ม.3/1) อธิบายลักษณะและสมบัติของปริซึม พีระมิด ทรงกระบอก กรวยและทรงกลม (ค 3.1 ม.3/1) ใชวิธีการที่หลากหลายแกปญหา (ค 6.1 ม.1-3/1) ใชความรู ทักษะ และกระบวนการทาง คณิตศาสตรและเทคโนโลยีในการ แกปญหาในสถานการณตางๆ ไดอยางเหมาะสม (ค 6.1 ม.1-3/2) ใหเหตุผลประกอบการตัดสินใจ และสรุปผลไดอยางเหมาะสม (ค 6.1 ม.1-3/3) ใชภาษาและสัญลักษณทางคณิตศาสตร ในการสื่อสารการสื่อความหมาย และ การนําเสนอไดอยางถูกตองและชัดเจน (ค 6.1 ม.1-3/4) เชื่อมโยงความรูตางๆ ในคณิตศาสตร และนําความรูหลักการ กระบวนการทาง คณิตศาสตรไปเชื่อมโยงกับศาสตรอื่นๆ (ค 6.1 ม.1-3/5) มีความคิดริเริ่มสรางสรรค (ค 6.1 ม.1-3/6)
1
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
พื้นที่ผิวและปริมาตร
การหาพื้นที่ผิวของรูปเรขาคณิตสามมิติ วิธีหนึ่งสามารถ ทําไดโดยการคลีร่ ปู เรขาคณิตสามมิตใิ หเปนรูปเรขาคณิตสองมิติ แลวคํานวณหาพืน้ ทีข่ องรูปเรขาคณิตสองมิตนิ นั้ ก็จะไดเปนพืน้ ที่ ผิวของรูปเรขาคณิตสามมิติที่ตองการ ถาตองการทราบความจุของทรงสามมิติเราจะตองทราบ วิธีการหาปริมาตรของทรงสามมิตินั้น
สาระการเรียนรู้แกนกลาง ■ ■
■
■
■ ■
■
พื้นที่ผิวของปริซึมและทรงกระบอก ปริมาตรของปริซึม ทรงกระบอก พีระมิด กรวยและทรงกลม การเปรียบเทียบ หนวยความรู หรือ หนวยปริมาตรในระบบเดียวกันหรือ ตางระบบ การเลือกใชหนวยการวัดเกี่ยวกับความจุ หรือปริมาตร การคะเนเกี่ยวกับการวัด ใชความรูเกี่ยวกับพื้นที่ พื้นที่ผิวและ ปริมาตรในการแกปญหา ลักษณะและสมบัติของปริซึม พีระมิด ทรงกระบอก กรวย และทรงกลม
• หาพื้นที่ผิวของปริซึม พีระมิด •
•
•
•
•
ทรงกระบอก กรวย และทรงกลมได หาปริมาตรของปริซึม ทรงกระบอก พีระมิด กรวย และ ทรงกลมได เปรียบเทียบหนวยความจุหรือ หนวยในระบบเดียวกัน หรือตาง ระบบ และเลือกใชหนวยการวัด ไดอยางเหมาะสม ใชความรูเกี่ยวกับพื้นที่ พื้นที่ผิว และปริมาตรในการแกปญหาใน สถานการณได อธิบายลักษณะและสมบัติของ ปริซึม พีระมิด ทรงกระบอก กรวย และทรงกลมได ใชทักษะและกระบวนการทาง คณิตศาสตรในการแกปญหา ในสถานการณตางๆ ไดอยาง เหมาะสม
กระตุนความสนใจ ครูนําสิ่งของ วัสดุ เครื่องใชในชีวิต ประจําวันของนักเรียน เชน กลองใส เครื่องเขียน แปรงลบกระดาน กลอง ใสชอลก เปนตน ใหนักเรียนดู พรอม ตั้งคําถาม • สิ่งของเครื่องใชเหลานี้เกี่ยวของ กับรูปเรขาคณิตสองมิติหรือไม เพราะเหตุใด • ถานักเรียนตองการผลิตสิ่งของ เครื่องใชเหลานี้ ใหเพียงพอที่ จะบรรจุ นักเรียนทราบไหมวา ปริมาณวัสดุที่ตองนํามาผลิต แตละชนิดจะมากนอยเพียงใด ตองคํานวณอยางไร
เกร็ดแนะครู การเรียนการสอนในหนวยการเรียนรูนี้ ครูใหนักเรียนไดสัมผัสของจริงเพื่อความเขาใจ โดยการสราง รูปจําลองแลวคลี่รูปนั้นๆ เชน ปริซึม ทรงกระบอก กรวย เปนตน กระตุนใหนักเรียนเห็นวา ความรูใน เรื่องนี้เปนเรื่องใกลตัวนักเรียนและสามารถนําไปประยุกตใชไดจริง คูมือครู
1
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา Explore
Engage
กระตุนความสนใจ ครูเขียนคําวา “อารคิมีดิส” และ “ปริมาตร” บนกระดาน ถามนักเรียนวา • อารคิมีดิสคือใคร • อารคิมีดิสเกี่ยวของกับปริมาตร อยางไร
สํารวจคนหา ใหนักเรียนสํารวจเกี่ยวกับ การคนพบเรื่อง “ปริมาตรของ อารคิมีดิส” จากหนังสือหรือจาก เว็บไซต www.youtube.com โดย search คําวา Archimedes หรือ Crown of Syracuse
นักเรียนควรรู รัศมีของฐานเทากับรัศมีของทรง กลมเปนความสัมพันธที่มีขอจํากัดวา รัศมีของทรงกระบอกและทรงกลม ตองเทากัน
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
(หนาพิมพและตัวอักษรในกรอบนี้มีขนาดเล็กกวาฉบับนักเรียน 20%) 2
1. ความรูเกี่ยวกับปริมาตร อาร์คิมีดิส (Archimedes) เป็นนักคณิตศาสตร์ชาวกรีก ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงประมาณ 287 - 212 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีค�าอุทานของท่านที่รู้จักกันดีทั่วโลกคือ “ยูเรก้า (Eureka)” ซึ่งในภาษากรีกแปลว่า ฉันรู้แล้ว ท่านอุทานค�านี้แล้ววิ่งออกมาตามถนนของเมืองไซราคิวส์ (Syracure) บนเกาะซิซิลี สาเหตุเล่ากันว่า “ครั้งหนึ่งกษัตริยเฮียโรทรงสงสัยวามงกุฎที่ทําดวย ทองคําของพระองคจะถูกชางทองผสมเงินปนเขาไปดวย เพื่อยักยอกทองบางสวนไว จึงทรงใหอารคิมีดิสชวยพิสูจน อารคิมีดิสจึงหาวิธีการพิสูจน โดยไมตองหลอมมงกุฎและ ไดคําตอบในขณะที่กําลังจะอาบนํ้าที่มีนํ้าอยูเต็มอาง เมื่อ กาวเทาลงไปในอางนํ้าจะลนออกมา ถาลงทั้งตัวนํ้าก็จะลน มากกวานี้ ทานจึงกระโดดออกจากอางและตะโกนคําวา “ยูเรกา” ซึ่งอารคิมีดิสคิดหาวิธีแกปญหาของกษัตริย ได โดยทราบวาเงินหนักครึ่งกิโลกรัมจะมีความถวงจําเพาะ กวาทองที่มีนํ้าหนักเทากัน ซึ่งไดจากกฎการหาความถวงจําเพาะที่ทานตั้งขึ้นมา อารคิมีดิสจึงชั่ง มงกุฎและทองแทงใหมนี าํ้ หนักเทากัน แลวเอามงกุฎและทองแทงจุม ลงในถวยทีม่ นี าํ้ เต็ม จึงพบวา มงกุฎทําใหนํ้าลนออกมามากกวาทองแทง” อาร์คมิ ดี สิ จึงค้นพบค�าตอบว่าในการท�ามงกุฎทองค�าของกษัตริยน์ นั้ มีสว่ นผสมของเงิน ปนอยู่ด้วย อาร์คิมีดิสเป็นผู้ที่คิดวิธีหาปริมาตรของทรงกลม โดยแสดงให้เห็นว่า ปริมาตร ของทรงกลม เท่ากับสองในสามของปริมาตรของทรงกระบอกที่มีรัศมีของฐานเท่ากับรัศมี ของทรงกลม และความสูงของทรงกระบอกเท่ากับสองเท่าของความยาวของรัศมีของฐานดังรูป r h = 2r
2
คูมือครู
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุนความสนใจ 3
นักเรียนเคยศึกษาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างรูปเรขาคณิตสองมิติกับรูปเรขาคณิต สามมิติ และเรื่องการหาพื้นที่ของรูปเรขาคณิตสองมิติต่างๆ มาแล้ว นักเรียนทราบแล้วว่า รูปเรขาคณิตเป็นรูปที่ประกอบด้วยจุด ส่วนของเส้นตรง เส้นโค้ง ระนาบ เป็นต้น อย่างน้อยหนึ่งอย่าง รูปเรขาคณิตแบ่งเป็นรูปเรขาคณิตสองมิติและรูปเรขาคณิต สามมิติ ตัวอย่างของรูปเรขาคณิตสองมิติ เช่น รูปสามเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยม รูปวงกลม ตัวอย่าง ของรูปเรขาคณิตสามมิติ เช่น ทรงกระบอก ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก กรวย พีระมิด ทรงกลม เป็นต้น ในหน่วยนีเ้ ราจะศึกษาเกีย่ วกับเรือ่ งพืน้ ทีผ่ วิ และปริมาตรของรูปเรขาคณิตสามมิตติ า่ งๆ โดยเริ่มจากปริซึม ทรงกระบอก พีระมิด กรวยและทรงกลม ซึ่งทุกเรื่องจะเชื่อมโยงมาจากความรู้ เดิมที่นักเรียนได้เคยศึกษามาแล้ว
2. ปริซึม (Prism) พิจารณารูปเรขาคณิตสามมิติหรือทรงสามมิติต่อไปนี้ ซึ่งเป็นตัวอย่างของทรงสามมิติ ที่เรียกว่า ปริซึม
ครูนําสิ่งของจริงหรือภาชนะที่เปน ทรงปริซึมตามลักษณะของฐานที่เปน รูปเหลี่ยมตางๆ ใหนักเรียนดูพรอม ตั้งคําถาม • ปริซึมมีหนาตัดรูปเหลี่ยมใดบาง • ปริซึมมีหนาตัดวงกลมได หรือไม
นักเรียนควรรู รูปเรขาคณิตสองมิติ (twodimension geometric fifigure) เปน รูปที่ลอมรอบดวยเสนตรง หรือเสน โคงซึ่งบนระนาบเดียวกัน เชน รูป วงกลม รูปสี่เหลี่ยม รูปสามเหลี่ยม เปนตน
ฐานหรือหน้าตัด
นักเรียนควรรู
ด้านข้าง ส่วนสูง ฐานหรือหน้าตัด ปริซึมตวง
ปริซึมเอียง
เรานิยมเรียกปริซมึ ตามลักษณะของรูปเหลีย่ มทีเ่ ป็นฐานหรือหน้าตัดหัวท้ายของปริซมึ นั้น เช่น ปริซึมสามเหลี่ยม ปริซึมห้าเหลี่ยม ปริซึมหกเหลี่ยม คือปริซึมที่มีฐานหรือหน้าตัด หัวท้ายเป็นรูปสามเหลี่ยม รูปห้าเหลี่ยม และรูปหกเหลี่ยมตามล�าดับ
สวนของเสนตรง (line segment) เปนสวนหนึ่งของเสนตรงที่มีจุด ปลายสองจุด @
มุม IT
ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปริซึม ไดที่ http://www.learner.org/ interactives/geometry/3d_prisms. html ปริซึมสามเหลี่ยม
ปริซึมห้าเหลี่ยม
หมายเหตุ : ความสูงของปริซึมตรงคือความยาวของปริซึม
ปริซึมหกเหลี่ยม
เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายเสริมความรูเกี่ยว กับรูปเรขาคณิตสามมิติและคําศัพท ทรงสามมิติตางๆ จากขอมูลเสริม ทายเลมเพื่อขยายความรูใหนักเรียน เขาใจเพิ่มเติม
คูมือครู
3
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Explore
Explain
Engage
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
สํารวจคนหา 1. ครูขออาสาสมัครนักเรียน 2-3 คน ใหลองคลี่ปริซึมรูปเหลี่ยมตางๆ ที่นํามาเปนตัวอยางหนาชั้นเรียน 2. ใหนักเรียนสังเกตรูปคลี่ • เปรียบเทียบวาเหมือนหรือ แตกตางกับรูปปริซึมหนา 4 อยางไร (แนวตอบ คําตอบมีไดหลาก หลายขึ้นอยูกับตัวอยางปริซึม ที่ครูนํามาใช)
อธิบายความรู 1. ใหนักเรียนจับคูศึกษารายละเอียด เรื่องพื้นที่ผิวของปริซึม หนา 4 และใหตอบคําถาม • ปริซึมมีหนาตัดเปนรูปอะไร (แนวตอบ เปนรูปสามเหลี่ยม มุมฉาก) • พื้นที่ผิวขางของปริซึมคํานวณ ไดจากการใชสูตรใด (แนวตอบ สูตร การหาพื้นที่ สี่เหลี่ยมผืนผา = ความกวาง × ความสูง) 2. ครูแนะนํารายละเอียดของปริซึม ที่มีหนาตัดเปนรูปเหลี่ยมตางๆ พรอมบอกการคํานวณหาตองใช สูตรของรูปเหลี่ยมของปริซึมตาม ที่โจทยกําหนด
เกร็ดแนะครู ครูทบทวนความรูท ฤษฎีบทพีทาโกรัส โดยอธิบายใหนักเรียนเขาใจสูตรการ คํานวณเพื่อเชื่อมความรูการหาพื้นที่ หนาตัดรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก
4
มุมความคิด รูปเรขาคณิตสามมิตทิ มี่ ฐี านทัง้ สองเป็นรูปหลายเหลีย่ มทีเ่ ท่ากันทุกประการ ฐานทัง้ คูอ่ ยูใ่ น ระนาบทีข่ นานกันและด้านข้างแต่ละด้านเป็นรูปสีเ่ หลีย่ มด้านขนาน เรียกว่า ปริซมึ
ในการศึกษาเกีย่ วกับปริซมึ ในระดับชัน้ นี ้ จะศึกษาเฉพาะพืน้ ทีผ่ วิ และปริมาตรของปริซมึ ตรงเท่านั้น ในหน่วยนี้จึงน�าเสนอเฉพาะในส่วนที่เป็นปริซึมตรง
2.1 พื้นที่ผิวของปริซึม
ถ้าต้องการหาพื้นที่ผิวของปริซึม เราสามารถคลี่ปริซึมออกเป็นรูปเรขาคณิตสองมิติได้ แล้วค�านวณหาพืน้ ทีข่ องรูปเรขาคณิตสองมิตแิ ต่ละรูป แล้วน�าพืน้ ทีข่ องทุกรูปรวมกันจะได้พนื้ ทีผ่ วิ ของปริซึมรูปนั้น ตัวอย่างเช่น พื้นที่หน้าตัดหัวท้าย ก็คือ สองเท่าของพื้นที่ฐานนั่นเอง
a
h
h
b c
c
ปริซึมสามเหลี่ยมมุมฉาก
11
22 c a
b
3
b
b
รูปคลี่ของปริซึมเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า และรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก
จากรูปคลี่ของปริซึมสามเหลี่ยมมุมฉาก จะได้ พื้นที่หน้าตัดหัวท้ายเท่ากับสองเท่าของพื้นที่รูปสามเหลี่ยมมุมฉาก เนื่องจาก สองเท่าของพื้นที่รูปสามเหลี่ยมมุมฉาก = 2 × ( 12 × a × b) ดังนั้น พื้นที่หน้าตัดหัวท้าย = ab ตารางหน่วย เนื่องจาก พื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเท่ากับความกว้างคูณความยาว จะได้ พื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ารูปที่ 1 เท่ากับ ah พื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ารูปที่ 2 เท่ากับ ch พื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ารูปที่ 3 เท่ากับ bh
พื้นที่รูปสามเหลี่ยม สามารถหาไดจากสูตร s(s - a) (s - b) (s - c) เมื่อ a, b, c เปนความยาวของดานทั้งสามและ s = 12 (a + b + c) คูมือครู
a
a
a
นักเรียนควรรู
4
b
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Explore
Explain
Engage
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
สํารวจคนหา 5
และเนือ่ งจากผิวข้างเท่ากับพืน้ ทีร่ ปู สีเ่ หลีย่ มผืนผ้ารูปที ่ 1 รูปที ่ 2 และรูปที ่ 3 รวมกัน จากรูปคลี่ (a + c + b) ดังนั้น พื้นที่ผิวข้าง = ah + ch + bh เทากับความยาวเสนรอบฐาน พื้นที่ผิวข้าง = (a( + c + b) h h คือ ความสูงของปริซึม
จะได้ พื้นที่ผิวข้างเท่ากับความยาวเส้นรอบฐานคูณความสูง ดังนั้น พืน้ ที่ผิวของปริซึมทั้งหมดเท่ากับพื้นที่หน้าตัดหัวท้ายรวมกับพื้นที่ผิวข้าง พืน้ ที่หน้าตัดหัวท้าย + พื้นที่ผิวข้าง = ab + (a + b + c) h ตารางหน่วย a
h
a
a
a
a
1
2
3
4
h
a ปริซึมสี่เหลี่ยมจัตุรัส
ครูใหนักเรียนนํากลองหรือภาชนะ ที่เปนปริซึมสี่เหลี่ยมจัตุรัสและผืนผา ใหนักเรียนวัดความยาว ความสูงของ ปริซึมและความสูงของรูปสี่เหลี่ยม จัตุรัสและผืนผา พิจารณาความ แตกตางของปริซึมทั้งสอง
รูปคลี่ของปริซึมเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า และรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
พื้นที่ผิวข้างเท่ากับพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า รูปที่ 1 รูปที่ 2 รูปที่ 3 และรูปที่ 4 รวมกัน
จากรูปคลี่ของปริซึมสี่เหลี่ยมจัตุรัส จะได้ พื้นที่หน้าตัดหัวท้ายเท่ากับสองเท่าของพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส พื้นที่หน้าตัดหัวท้าย = 2a2 ตารางหน่วย พื้นที่ผิวข้าง = ah + ah + ah + ah a) × h ความยาวเส นรอบฐาน = ((a + a + a + a) × = 4ah ตารางหน่วย พื้นที่ผิวข้าง = ความยาวเส้นรอบฐาน × ความสูง ดังนั้น พืน้ ทีผ่ วิ ของปริซมึ สีเ่ หลีย่ มจัตรุ สั เท่ากับพืน้ ทีห่ น้าตัดหัวท้ายรวมกับพืน้ ทีผ่ วิ ข้าง = 2a2 + 4ah ตารางหน่วย
อธิบายความรู 1. ใหนักเรียนพิจารณาปริซึมสี่เหลี่ยม จัตุรัสตามรายละเอียด หนา 5 วา • คํานวณหาพื้นที่ผิวขางและหนา ตัดดวยการใชสูตรใด (แนวตอบ การคํานวณพื้นที่ ผิวขาง ใชสูตรการหาพื้นที่ สี่เหลี่ยมผืนผา = ความกวาง × ความยาว การคํานวณพื้นที่หนาตัด หัวทาย ใชสูตรการหาพื้นที่ สี่เหลี่ยมจัตุรัส = ความกวาง × ความยาว ) 2. ครูอธิบายรายละเอียดปริซึม สี่เหลี่ยมผืนผาและจัตุรัส และให นักเรียนซักถามขอสงสัย
นักเรียนควรรู รูปสี่เหลี่ยมผืนผา (rectangle) เปนรูปที่มีดานยาวเทากัน 4 ดาน มีมุมเปนมุมฉากทุกมุม มีดานตรง ขามยาวเทากัน และใชสัญลักษณ ผ แทนคําวา สี่เหลี่ยมผืนผา
นักเรียนควรรู รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส (square) เปน รูปสี่เหลี่ยมที่มีมุมเปนมุมฉากทุกมุม มีดานยาวเทากันทุกดาน และ ใชสัญลักษณ จ แทนคําวา สี่เหลี่ยมจัตุรัส คูมือครู
5
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
อธิบายความรู 1. ใหนักเรียนพิจารณาปริซึมสี่เหลี่ยม ผืนผา หนา 6 แลวตอบคําถาม • คํานวณหาพื้นที่ผิวขางและพื้นที่ หนาตัดของปริซึมนี้วาจะใช สูตรใด (แนวตอบ การคํานวณพื้นที่ ผิวขางใชสูตรการหาพื้นที่ สี่เหลี่ยมผืนผา = ความกวาง × ความยาว การคํานวณพื้นที่หนาตัดหัวทาย ใชสูตรการหาพื้นที่ สี่เหลี่ยมผืนผา = ความกวาง × ความยาว) 2. ครูใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหวา • ปริซึมสี่เหลี่ยมจัตุรัสและปริซึม สี่เหลี่ยมผืนผาเหมือนหรือตาง กันในเรื่องใด (แนวตอบ ปริซึมทั้งสองหาพื้นที่ หนาตัดหัวทายและพื้นที่ผิวขาง โดยใชสูตร ความกวาง × ความยาว เหมือนกัน และตางกันที่ความ กวางและความยาวที่โจทย กําหนด)
6 b
h
h
ปริซึมสี่เหลี่ยมผืนผ้า
a
b
1
2
3
4
รูปคลี่ของปริซึมเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ารูปที่ รูปที่ 2 รูปที่ 3 และรูปที่ 4 รวมกัน
1
จากรูปคลี่ของปริซึมสี่เหลี่ยมผืนผ้า จะได้ พื้นที่หน้าตัดหัวท้ายเท่ากับสองเท่าของพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า พื้นที่หน้าตัดหัวท้าย = 2ab ตารางหน่ 2 ตารางหน่วย พื้นที่ผิวข้าง = ah + bh + ah + bh ความยาวเส นรอบฐาน = ((a + b + a + b) × h b) × = (2a (2 + 2b)h ตารางหน่วย พื้นที่ผิวข้าง = ความยาวเส้นรอบฐาน × ความสูง ดังนั้น พืน้ ทีผ่ วิ ของปริซมึ สีเ่ หลีย่ มผืนผ้าเท่ากับพืน้ ทีห่ น้าตัดหัวท้ายรวมกับพืน้ ทีผ่ วิ ข้าง วย = 2ab + (2 22ab + (2a + (2a + 2b)h ตารางหน่ 2 เปดโลกคณิตศาสตร์ ในสมัยเรอเนซองซ (Renaissance) โบนาเวนตูรา คาวาลีเอรี (Bonaventura Cavalieri) (ค.ศ.1598 - 1647) นักคณิตศาสตรชาวอิตาลีลูกศิษยของกาลิเลโอ ไดเสนอแนวความคิดตางๆ เพื่อพัฒนา วิ ช าเรขาคณิ ต ตรี โ กณมิ ติ และพี ช คณิ ต โดยนํ า ผลงานของยุ ค ลิ ด เป น พื้ น ฐานในการศึ ก ษา คาวาลี เ อรี มีชื่อเสียงมากในเรื่องการคํานวณหาปริมาตรของทรงสามมิติตางๆ ที่มา : Dr Wong Khoon Yoong & Sin Kwa ; Meng : New Elementary Mathematics Syllabus D
ยุคลิด (Euclid of Alexandria : ยุคลิดแหงอะเล็กซานเดรีย) เปนนักคณิตศาสตรชาวกรีกที่มี ชีวิตอยูในชวง 450-380 กอนคริสตศักราช ยุคลิดเกิดที่เมือง อะเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต ทานไดรับการแตงตั้งเปน ศาสตราจารยและหัวหนาภาคคนแรกที่มหาวิทยาลัย อะเล็กซานเดรีย ซึ่งถือไดวาเปนมหาวิทยาลัยแหงแรกของโลก คูมือครู
b
a
นักเรียนควรรู
6
a
b
เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนลองสรางปริซึม สี่เหลี่ยมจัตุรัสและสี่เหลี่ยมผืนผา ที่มีความสูงเทากัน ตางกันที่ความ ยาวของดานที่เปนหนาตัด เพื่อเสริม ความเขาใจยิ่งขึ้น
a
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Engage
สํารวจคนหา 7 a
a
a
a
a
a
a
1
2
3
4
5
6
h
ปริซึมหกเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่า
พื้นที่ผิวข้างเท่ากับพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ารูปที่ 1 รูปที่ 2 รูปที่ 3 รูปที่ 4 รูปที่ 5 และรูปที่ 6 รวมกัน
รูปคลี่ของปริซึมเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า และรูปหกเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่า
จากรูปคลี่ของปริซึมหกเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่า จะได้ พื้นที่หน้าตัดหัวท้ายเท่ากับสองเท่าของพืน้ ทีร่ ปู หกเหลีย่ มด้านเท่ามุมเท่า พื้นที่หน้าตัดหัวท้าย = 2 × 3 3 × aa2 2 = 3 3a2 ตารางหน่วย พื้นที่ผิวข้าง = ah + ah + ah + ah + ah + ah = (a + a + a + a + a + a) × h = 6ah ตารางหน่วย พื้นที่ผิวข้าง = ความยาวเส้นรอบฐาน × ความสูง
h
ครูควรนํากลองบรรจุภัณฑที่เปน ปริซึมรูปหกเหลี่ยมดานเทามุมเทา ใหนักเรียนวัดความยาว ความสูงของ ปริซึมและความสูงของรูปหกเหลี่ยม ดานเทามุมเทา แลวคํานวณพื้นที่ หนาตัดหัวทาย โดยไมใชสูตรพื้นที่ ของรูปสามเหลี่ยมดานเทา ครูถามนําทางวา • รูปหกเหลี่ยมหนาตัดหัวและ ทายสรางใหเปนรูปสามเหลี่ยม ดานเทาไดจํานวนกี่รูป พื้นที่เทา กันหรือไม และคํานวณพื้นที่ได อยางไร (แนวตอบ สรางเปนรูปสามเหลีย่ ม ดานเทาไดจํานวน 6 รูป แตละ รูปมีพื้นที่เทากัน และคํานวณ พื้นที่ไดโดยการใชความรูเรื่อง ทฤษฎีบทพีทาโกรัส หาความ สูงของรูปสามเหลี่ยมดานเทา หรือใชสูตรจากพื้นที่ของรูป สามเหลี่ยมดานเทาได)
นักเรียนควรรู รูปหกเหลี่ยมดานเทามุมเทา สามารถสรางไดงาย เพราะวาเปน ดานที่มีความยาวเทากันทุกดาน โดยเขียนรูปวงกลม แลวแบงเสน รอบวงเปน 6 สวน ใหแตละสวนยาว เทากับรัศมีของรูปวงกลม แลวลาก สวนของเสนตรงตอระหวางจุดบน เสนรอบวง
60 ํ
คูมือครู
7
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
อธิบายความรู ใหนักเรียนตอบคําถามตอไปนี้ • พื้นที่หกเหลี่ยมดานเทามุมเทา สัมพันธกับรูปสามเหลี่ยม หรือไม อยางไร (แนวตอบ มีความสัมพันธกัน เนื่องจากพื้นที่หกเหลี่ยมดานเทา มุมเทาเทากับหกเทาของพื้นที่ สามเหลี่ยมดานเทา 1 รูป)
8
ดังนั้น พืน้ ทีผ่ วิ ของปริซมึ หกเหลีย่ มด้านเท่ามุมเท่าเท่ากับพืน้ ทีห่ น้าตัดหัวท้ายรวมกับ พื้นที่ผิวข้าง = 3 3a2 + 6ah ตารางหน่วย
เกร็ดแนะครู
คงจ�าได้ว่า พื้นที่รูปสามเหลี่ยม
ในเรื่องพื้นที่ผิวและปริมาตรของ รูปเรขาคณิตสามมิติ มีความจําเปน ตองใชทฤษฎีบทพีทาโกรัส เพื่อหา ความสูงและสูงเอียง ครูทบทวน ทฤษฎีบทพีทาโกรัสกอนศึกษา บทเรียน
1 2
=
พื้นที่รูปสามเหลี่ยมด้านเท่า =
1 2
x ความยาวของฐาน x ความสูง xaxh
= 21 x a x
a a
a
3
a a
a 3 2
a
h a
a
h = a2 - ( a2 )2 3
= a 2
= 4 a2 รูปหกเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่ารูปนี้ประกอบด้วยรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าหกรูป ดังนั้น พื้นที่รูปหกเหลี่ยมด้านเท่า เท่ากับ หกเท่าของพื้นที่รูปสามเหลี่ยมด้านเท่า
a
= =
นักเรียนควรรู
6
(
3 2
3 4 3
a2) a2
()
2 h = a2 - a2 เปนการหาความ สูงโดยใชทฤษฎีบทพีทาโกรัส
() a - ( a4 )
2
h = a2 - a2 =
2
2
2 2 = 4a - a 4
มุมความคิด พื้นที่ผิวของปริซึมเท่ากับสองเท่าของพื้นที่ฐานรวมกับพื้นที่ผิวข้าง ซึ่งพื้นที่ผิวข้างเท่ากับ ผลคูณของความยาวเส้นรอบฐานกับความสูงของปริซมึ
2 = 3a4
= 23
EB GUIDE
ดังนั้น พื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม ดานเทา = 34 (ดาน)2
8
คูมือครู
http://www.aksorn.com/LC/Math B1/M3/01
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู 9 ตัวอย่างที่
จงหาพื้นที่ผิวของปริซึมสามเหลี่ยมมุมฉาก ที่มีด้านประกอบมุมฉากยาว 3 นิ้ว และ 4 นิ้ว และปริซึมแท่งนี้มีความสูง 10 นิ้ว
วิธีทำ�
3 นิ้ว
x 3
1
จากโจทย์ พื้นที่ผิวของปริซึมประกอบด้วยพื้นที่ฐานซึ่งเป็นรูปสามเหลี่ยม มุมฉาก 2 รูป และพื้นที่ผิวข้าง เนื่องจาก พื้นที่รูปสามเหลี่ยม = 12 × ความยาวฐาน × ความสูง จะได้ พื้นที่ฐาน = 12 × 3 × 4
4 นิ้ว
4
= 6 ตารางนิ้ว ฉาก จากฐานเป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก หาความยาวของด้ าน ตรงข้ามมุมฉาก (x) โดยใช้ทฤษฎีบทพีทาโกรัสได้ x2 = 32 + 42 x2 = 9 + 16 x2 = 25 = 52 x = 55 นินิ้ว รอบฐาน × จาก พื้นที่ผิวข้าง = ความยาวเส้นรอบฐาน × ความสูง (3 + 4 + 5) × 10 จะได้ พื้นที่ผิวข้าง = (3 + 4 + 5) × 10 12 × 10 = 12 × 10 120 ตารางนิ = 120 ตารางนิ้ว าน + จาก พื้นที่ผิว = สองเท่าของพื้นที่ฐาน พื้นที่ผิวข้าง จะได้ พื้นที่ผิว = (2 × 6) + 120 = 12 + 120 = 132 ตารางนิ้ว ดังนั้น พื้นที่ผิวของปริซึมสามเหลี่ยมมุมฉากเท่ากับ 132 ตารางนิ้ว ตอบ 10 นิ้ว
1. ตัวอยางที่ 1 สิ่งที่โจทยกําหนดให เพียงพอจะคํานวณพื้นที่ผิวขาง หรือไม ใหใชคําถามวิเคราะห ดังนี้ • เมื่อไรนักเรียนจะคํานวณหา พื้นที่ผิวขางของปริซึมได (แนวตอบ เมื่อโจทยกําหนดความ ยาวดานของรูปเหลี่ยมที่เปน หนาตัดหัวทายและความสูง ของปริซึมให ) • เมื่อไรนักเรียนจะนําทฤษฎีบท พีทาโกรัสมาใช (แนวตอบ เมื่อรูปปริซึมเกี่ยวของ กับรูปเหลี่ยมที่มีมุมฉากซึ่ง ทราบความยาวของดาน ประกอบมุมฉากทั้งสองดาน หรือทราบความยาวของดาน ตรงขามมุมฉากกับความยาว ของดานประกอบมุมฉากเพียง 1 ดาน) 2. ใหนักเรียนจับคู ศึกษารายละเอียด จากตัวอยางที่ 1
เกร็ดแนะครู กอนจะศึกษาจากตัวอยางนี้ ครูควรใหนักเรียนหาพื้นที่ผิวขางของ สิ่งของเครื่องใชที่เปนปริซึมใกลตัว นักเรียน โดยใหนักเรียนวัดความยาว ของดานและความสูง เพื่อใหนักเรียน ตระหนักวา บางครั้งเราไมสามารถ วัดความยาวของดานใดดานหนึ่ง ได ถาเปนดังนั้นเราจะตองนําความ รูอะไรบาง มาเชื่อมโยงจึงจะคํานวณ พื้นที่ได
นักเรียนควรรู รูปสามเหลี่ยมมุมฉาก (right triangle) เปนรูปเหลี่ยมที่มีสามดาน มีมุมหนึ่งเปน มุมฉาก ถาวัดความยาวดานตางๆ ของรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก จะพบวา ดานตรง ขามมุมฉากเปนดานที่ยาวที่สุด เพราะอยูตรงขามมุมที่ขนาดใหญที่สุด คูมือครู
9
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
อธิบายความรู ครูใชคําถามใหนักเรียนคิด วิเคราะห จากตัวอยางที่ 2 หนา 10-11 • ปริซึมแทงนี้ฐานเปนรูปสี่เหลี่ยม คางหมู โจทยกําหนดขอมูล เพียงพอจะหาพื้นที่หนาตัด และพื้นที่ผิวขางแลวหรือไม ถาไมเพียงพอยังขาดความยาว สวนใด และจะหาไดอยางไร (แนวตอบ ขอมูลที่โจทยกําหนด ยังไมเพียงพอที่จะหาพื้นที่ฐาน หนาตัดและพื้นที่ผิวขาง ตองหา ความยาวเสนรอบฐานซึ่งตอง ใชทฤษฎีบทพีทาโกรัสหาความ ยาวดานที่ไมใชดานคูขนานของ รูปสี่เหลี่ยมคางหมูกอน) • สูตรที่ตองนํามาใชเพื่อคํานวณมี สูตรอะไรบาง (แนวตอบ สูตรที่ตองนํามาใช เพื่อคํานวณพื้นที่ผิว มีดังนี้ - สูตรพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยม คางหมู - สูตรพื้นที่ขางของปริซึม)
เกร็ดแนะครู การแกปญหาโจทยครูควร พิจารณาวา โจทยกําหนดขอมูล เพียงพอนั้น หมายถึงเมื่อนําทุกคา ที่กําหนดแทนลงในสูตรจะคํานวณ ผลลัพธได โดยไมตองใชความรู อื่นเพิ่มเติม @
มุม IT
ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สี่เหลี่ยมคางหมูไดที่ http://www. mathopenref.com/trapezoid. html
10
คูมือครู
10 ตัวอย่างที่
2
จงหาพื้นที่ผิวของปริซึมสี่เหลี่ยมคางหมูหน้าจั่ว ที่มีความยาวเส้นคู่ขนานเท่ากับ 9 นิ้ว และ 15 นิ้ว ตามล�าดับ และสูง 4 นิ้ว เมื่อปริซึมแท่งนี้สูง 10 นิ้ว
x
9 15
x
9
x 3
4
9
4 x 3
10
วิธีทำ�
โจทย์ต้องการให้หาพื้นที่ผิว ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ฐานซึ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยม คางหมูหน้าจั่วสองรูปและพื้นที่ผิวข้าง จากรูปสี่เหลี่ยมคางหมูหน้าจั่ว สามารถใช้ทฤษฎีบทพีทาโกรัสหาความยาว ของ x ได้ดังนี้ ของ x ได้ x2 = 42 + 32 = 16 + 9 = 25 = 52 x = 5 นิ้ว จะได้ ความยาวของเส้นรอบฐาน = 99 + 5 + 15 + 5 = 34 นิ้ว รอบฐาน × ความสูง เนื่องจาก พื้นที่ผิวข้าง = ความยาวเส้นรอบฐาน 34 × 10 = 340 ตารางนิ ้ว จะได้ พื้นที่ผิวข้าง = 34 × และเนื่องจากฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู จะได้ พื้นที่ฐาน = 12 × ผลบวกของด้านคูข่ นาน × ความสูง พื้นที่ฐาน = 12 × (9 + 15) × 4 = 48 ตารางนิ้ว ซึ่ง พื้นที่ผิว = สองเท่าของพื้นที่ฐาน + พื้นที่ผิวข้าง
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
Explain
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
อธิบายความรู 11
พื้นที่ผิว
= (2 × 48) + 340 = 96 + 340 = 436 ตารางนิ้ว ดังนั้น พื้นที่ผิวของปริซึมสี่เหลี่ยมคางหมูหน้าจั่วนี้เท่ากับ 436 ตารางนิ้ว ตอบ
2 ซม. ตัวอย่างที่
3
จงหาพื้นที่ผิวของปริซึมหกเหลี่ยม ฐานเป็นรูปหกเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่า ซึ่งมีด้านยาวด้านละ 2 เซนติเมตร และปริซึมแท่งนี้ยาว 8 เซนติเมตร
8 ซม.
2 ซม.
ครูใชคําถามใหคิดวิเคราะห ตัวอยางที่ 3 • การหาพื้นที่ฐานในตัวอยางนี้ จะใชสูตร พื้นที่รูปหกเหลี่ยม ดานเทามุมเทาไดหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ สามารถใชสูตรพื้นที่ ของรูปหกเหลี่ยมดานเทามุม เทาได เพราะวาโจทยกําหนด ใหฐานเปนรูปหกเหลี่ยมดาน เทามุมเทา) • ขอมูลที่โจทยกําหนดเพียงพอ สําหรับคํานวณพื้นที่ผิวหรือไม (แนวตอบ ขอมูลที่โจทยกําหนด ใหเพียงพอที่จะคํานวณ พื้นที่ผิวได)
ขยายความเขาใจ
ฐานเป็นรูปหกเหลีย่ มด้านเท่ามุมเท่ามีความยาวด้านละ 2 เซนติ นละ 2 เซนติเมตร เนือ่ งจาก ฐานเป็ จะได้ พื้นที่ฐาน = 3 3 × 2 × 22 2 พื้นที่รูปหกเหลี่ยม ×2 = 3 33 × 2 ด้านเท่ามุมเท่า เท่ากับ = 6 3 ตารางเซนติ ตารางเซนติ ตารางเซนติเมตร 3 3 2 x (ความยาวด้ า น) 2 รอบฐาน พื้นที่ผิวข้าง = ความยาวของเส้นรอบฐาน × ความสู ง พื้นที่ผิวข้าง = (2 + 2 + 2 + 2 + 2 + 2) × 8 (2 2 + 2 + 2 + 2 + 2) × 8 = 96 ตารางเซนติเมตร และ พื้นที่ผิว = สองเท่าของพื้นที่ฐาน + พื้นที่ผิวข้าง พื้นที่ผิว = 2 × (6 3 ) + 96 = 12 3 + 96 ตารางเซนติเมตร ดังนั้น พื้นที่ผิวของปริซึมหกเหลี่ยมนี้ ตอบ เท่ากับ 12 3 + 96 ตารางเซนติเมตร วิธีทำ�
ครูใหนักเรียนรวมกันแสดงความ คิดเห็น • นักเรียนคิดวาในชีวิตประจําวัน ของนักเรียนตองใชความรูเกี่ยว กับพื้นที่ผิวของปริซึมหรือไม และใชมากนอยเพียงใด ถาไมมี ความรูเรื่องนี้จะกระทบตอการ ดําเนินชีวิตประจําวันหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ อาจจะมีคําตอบหลาก หลายตามความคิดของนักเรียน ตัวอยางเชน ในชีวิตประจําวัน ตองใชความรูเกี่ยวกับพื้นที่ผิว ของปริซึม เพื่อตรวจสอบวา พื้นที่ผิวของบรรจุภัณฑหรือ สิ่งของ เครื่องใชที่กําหนดไว เปนจริงหรือใกลเคียงหรือไม ก็ได หรืออาจตอบวาถาไมมี ความรูเรื่องนี้ก็ไมสงผลกระทบ ตอการดําเนินชีวิตประจําวัน เพราะวาไมมีความจําเปนที่ จะตองตรวจสอบพื้นที่ผิวของบรรจุภัณฑเหลานั้น) • นักเรียนคิดวา มีอาชีพใดบางที่ตองใชความรูเรื่องนี้ (แนวตอบ อาจจะมีคําตอบหลากหลายตามความคิดของ นักเรียน ตัวอยางเชน นักออกแบบบรรจุภัณฑ สถาปนิก ชางกลึง ชางทําเฟอรนิเจอร เปนตน) คูมือครู 11
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
ขยายความเขาใจ 1. ครูใหนักเรียนจับคูรวมกันแลก เปลี่ยนความคิดเห็นวาโจทยขอ ใดในแบบตรวจสอบความเขาใจ ที่ 1.2 ก หนา 12-13 วาเหมือนกับ ตัวอยางใดที่เรียนมา 2. นักเรียนนําแนวคิดที่ไดไปใชใน การทําแบบตรวจสอบความเขาใจ ที่ 1.2 ก จากนั้นนักเรียนแตละคู แลกเปลี่ยนกันตรวจคําตอบ 3. ครูสุมนักเรียน 2-3 คูใหออกมา นําเสนอแนวคิดและวิธีการ แกปญหาโจทย
12
แบบตรวจสอบความเข้าใจที่
1.2 ก
1. รูปคลี่ในแต่ละข้อต่อไปนี้ประกอบกันเป็นปริซึมใด พร้อมทั้งค�านวณหาพื้นที่ผิว ของปริซึมนั้นๆ (จ�านวนที่ก�าหนดให้แทนความยาวที่มีหน่วยเป็นนิ้ว) 1)
2)
3
3 1 12
1
ตรวจสอบผล ตรวจสอบความถูกตองจากการทํา แบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.2 ก (ดูเฉลยแบบตรวจสอบความเขาใจ ที่ 1.2 ก ที่สวนเสริมดานหนาของ หนังสือเลมนี้)
3)
3 34
4
4) 2
2 14
NET ขอสอบ ป 52 ขอสอบออกเกี่ยวกับการหาพื้นที่ ของรูปทรงเรขาคณิต โจทยกําหนด • จงหาพื้นที่บนหนาที่มองไมเห็น ของรูปทรงเรขาคณิตขางลางนี้ รวมกันไดกี่ตารางหนวย 1. 582 ตารางหนวย 2. 682 ตารางหนวย 3. 762 ตารางหนวย 4. 772 ตารางหนวย 6
งๆ น ดังรูป 2. ของเล่นเด็กเป็นปริซึมพลาสติกแบบต่างๆ กั จงหาพืน้ ที่ผิวของปริซึมแต่ละแท่งซึ่งมีความยาว วามยาว 5 เซนติเมตรเท่ากัน 1)
2)
2 ซม.
3 ซม. 3 ซม.
7 9 21
12
7
6 15 10
คูมือครู
(แนวคิด พื้นที่ดานขาง พื้นที่ดานลาง พื้นที่ดานหลัง พื้นที่ดานใน พื้นที่ทั้งหมด ดังนั้น คําตอบ
= 15 × 10 = 150 = 21 × 10 = 210 = ( 21 × 15) - (7 × 9) = 315 - 63 = 52 = 7 × 10 = 70 = 150 + 210 + 252 + 70 = 682 ตารางหนวย) คือ ขอ 2.)
2 ซม.
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุนความสนใจ 13
3)
4)
2 ซม.
1.5 ซม. 1.5 ซม.
2 ซม.
2.2 ปริมาตรของปริซึม
1 ซม. 1 ซม.
1 ซม.
รูป ก.
นักเรียนเคยศึกษาเรื่องปริมาตรของทรงลูกบาศก์ และปริมาตรของ ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากมาแล้ว นักเรียนทราบว่า ทรงลูกบาศก์ที่มีด้านยาว ด้านละ 1 เซนติเมตร ดังรูป ก. จะมีปริมาตรเท่ากับ 1 × 1 × 1 = 1 ลูกบาศก์เซนติเมตร
ปริมาตรของทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากที่มีความกว้าง a หน่วย ความยาว b b หน่วย และ ความสูง h หน่วย ดังรูป ข.
ครูนําสื่ออุปกรณรูปเรขาคณิต สามมิติ ไดแก ปริซึม พีระมิด ทรงกระบอกและกรวย ซึ่งสามารถ แยกสวนออกและประกบใหมได หรือ อาจใชสื่อซึ่งประดิษฐขึ้นเองจาก กระดาษแข็ง ใหนักเรียนดูและถาม นักเรียนวา • ถาตองการหาปริมาตรของ รูปเรขาคณิตสามมิติเหลานี้ นักเรียนบอกไดไหมวา จะหาไดอยางไร • เราจะใชสูตร ปริมาตร = พื้นที่ฐาน × ความสูง หรือปริมาตร = ความกวาง × ความยาว × ความสูง ไดหรือไม
นักเรียนควรรู h
b a
ลูกบาศก (cube) มีลักษณะ รูปทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก มีสัน (edge) ยาวเทากันทุกสัน เชน ถาสันยาว 1 นิ้ว มีปริมาตร 1 ลูกบาศกนิ้ว (ลบ.นิ้ว) เปนตน
รูป ข.
ปริมาตรของทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากรูป ข. = (a × b) × h ลูกบาศก์หน่วย หรือปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก = พื้นที่ฐาน × ความสูง ซึ่งทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากนี้ คือปริซึมสี่เหลี่ยมมุมฉาก ดังนั้น ปริมาตรของปริซึมสี่เหลี่ยมมุมฉาก = พื้นที่ฐาน × ความสูงของปริซึม
คูมือครู
13
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Engage
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
สํารวจคนหา 1. ครูนํายางลบแทงสี่เหลี่ยมมุมฉาก มา 2 แทง 2. ขออาสาสมัครนักเรียน 2 คน ออกมาหนาชั้นเรียนเพื่อปฎิบัติ กิจกรรม 3. ใหนักเรียนตัดยางลบแทงสี่เหลี่ยม มุมฉาก ตามแนวเสนทแยงมุม ให ขาดออกจากกัน 4. ครูใหนักเรียนสังเกตแตละสวน แลวถามนักเรียนวา • ยางลบที่ตัดแตละสวน เปนรูป เรขาคณิตชนิดใด (แนวตอบ ปริซึมสามเหลี่ยม มุมฉาก 2 รูป) • ปริมาตรของยางลบที่ตัดออก เกี่ยวของกับปริมาตรของยางลบ ทั้งกอนหรือไม และเกี่ยวของ อยางไร (แนวตอบ เกี่ยวของกับปริมาตร ของยางลบทั้งกอน โดยปริมาตร ของยางลบที่ตัดออกเปนครึ่ง หนึ่งของปริมาตรของยางลบ ทั้งกอน) • ปริมาตรของยางลบทั้งกอนหา ไดหรือไม (แนวตอบ สามารถหาปริมาตร ของยางลบทั้งกอนไดโดยใช สูตร ปริมาตร = ความกวาง x ความยาว x ความสูง • ถากําหนดให a แทนความกวางของยางลบ b แทนความยาวของยางลบ h แทนความสูงของยางลบ ปริมาตรของยางลบที่ตัดออก เทากับเทาไร (แนวตอบ ปริมาตรของยางลบที่ ตัดออก เทากับ 12 × a × b × h)
14
ถ้าตัดทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากตามแนวเส้นทแยงมุมของหน้าตัดดังรูป ค. จะได้ปริซึม สามเหลี่ยมมุมฉากสองแท่งที่มีขนาดเท่ากัน h
รูป ค.
b a
1 ของปริมาตรของปริซมึ สีเ่ หลีย่ มมุมฉาก 2 1 × (ความกว้าง × ความยาว × ความสูง) 2 = ( 12 × ความกว้าง × ความยาว) × ความสูง = ( 12 ab) × h ลูกบาศก์หน่วย ฉาก = พื้นที่ของรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก × h ลูกบาศก์หน่วย ปริมาตรของปริซึมสามเหลี่ยมมุมฉากเท่ากับพื้นที่ของรูปสามเหลี่ยมมุมฉากคูณความสูง ดังนั้น ปริ ในท�าานองเดี นองเดียวกัน เราสามารถหาปริ เราสามารถหาปริมาตรของปริซมึ ทีม่ ฐี านเป็นรูปสามเหลีย่ มใดๆ ได้ มใดๆ โดยแบ่งปริซึมออกเป็นปริซึมสามเหลี่ยมมุมฉากสองแท่ง ดังรูป
ปริมาตรของปริซึมสามเหลี่ยมมุมฉาก = =
B
A
D
C
A
B
B
D
D
เนื่องจาก ปริมาตรของปริซึมสามเหลี่ยมมุมฉาก = จะได้ ปริมาตรของปริซึมสามเหลี่ยมมุมฉาก ABD = และ ปริมาตรของปริซึมสามเหลี่ยมมุมฉาก BCD =
C
พื้นที่ของรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก × ความสูง พื้นที่ ΔABD × ความสูง พื้นที่ ΔBCD × ความสูง
• นักเรียนสรุปปริมาตรของปริซึมของสามเหลี่ยมมุมฉากไดหรือไม อยางไร (แนวตอบ นักเรียนอาจจะตอบวาไดหรือไมได ครูแนะแนวทางโดยนํา 1 × a × b × h เขียนเปน 1 × a × b × h) 2 2 • ถาฐานของปริซึมไมใชรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก นักเรียนคิดวา จะหาปริมาตรของปริซึมนี้ไดอยางไรบาง (แนวตอบ มีคําตอบหลากหลายอยูในดุลยพินิจของผูสอน เชน แบงฐานของปริซึมใหเปนรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก หาปริมาตรของปริซึมแตละรูป
แลวจัดรูปใหม จะไดสูตรหาปริมาตรของปริซึมฐานตางๆ ได)
14
คูมือครู
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู 15 พื้นที่ ΔABD + พื้นที่ ΔBCD
ดังนั้น ปริมาตรของปริซึมสามเหลี่ยม ABC = พื้นที่ ΔABC BCD ง) = (พื้นที่ ΔABD × ความสูง) + (พื้นที่ ΔBCD × ความสู = (พื้นที่ ΔABD + พื้นที่ ΔBCD) × ความสูง ปริมาตรของปริซึมสามเหลี่ยม ABC = พื้นที่ ΔABC × ความสูง = พื้นที่ฐานของปริซึมสามเหลี่ยม ABC × ความสูง ดังนั้น ปริมาตรของปริซึมสามเหลี่ยมใดๆ = พื้นที่ฐาน × ความสูง จากปริมาตรของปริซมึ สามเหลีย่ มใดๆ เราสามารถน�ามาหาปริมาตรของปริซมึ ใดๆ ได้ โดยการแบ่งปริซึมนั้นออกเป็นปริซึมสามเหลี่ยม เช่น ปริซึมหกเหลี่ยมที่มีความสูงเป็น h แบ่ง ออกเป็นปริซึมสามเหลี่ยมได้ 4 แท่ง ดังรูป A
D B
C
h
ปริมาตรของปริซึมหกเหลี่ยมเท่ากับปริมาตรของปริซึม A + ปริ + ปริมาตรของปริซึม B + ปริมาตรของปริซึม C + ปริ C + ปริ + ปริมาตรของปริซึม DD A × ) + (พืน้ ทีฐ่ านของปริซมึ B × h) = (พืน้ ทีฐ่ านของปริซมึ A × h) + (พื + (พืน้ ทีฐ่ านของปริซมึ C × ) + (พืน้ ทีฐ่ านของปริซมึ D × h) C × h) + (พื + พื้นที่ฐานของปริซึม B + = (พื้นที่ฐานของปริซึม A + พื พื้นที่ฐานของปริซึม C + พื + พื้นที่ฐานของปริซึม D D) × h D) × ) × h = พื้นที่ฐานของปริซึมหกเหลี่ยม × ความสูง
ครูสุมนักเรียน 2-3 คนใหออกมา สรุปวา การใชปริมาตรของปริซึม สามเหลี่ยมมุมฉาก เชื่อมโยงไปสู ปริมาตรของปริซึมสามเหลี่ยมใดๆ และปริมาตรของปริซึมใดๆ ตองใช สมบัติที่เกี่ยวกับจํานวนจริงบาง หรือไม ถาใช ควรใชสมบัติใด (แนวตอบ ตองใชสมบัติเกี่ยวของกับ จํานวนจริง ไดแก สมบัติการเปลี่ยน กลุมและสมบัติการแจกแจง)
เกร็ดแนะครู ครูอาจใหนักเรียนจัดกลุม กลุมละ 4 คน คละความสามารถศึกษาบท เรียนหนา 14-15 เพื่อเชื่อมโยงความ รูของปริซึมสามเหลี่ยมมุมฉากไป สูปริมาตรสามเหลี่ยมใดๆ เทากับ พื้นที่ฐาน × ความสูง
@
มุม IT
ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ปริมาตรของปริซึมไดที่ http:// hotmath.com/hotmath_help/ topics/prism.html
มุมความคิด
ปริมาตรของปริซมึ เท่ากับ ผลคูณของพืน้ ทีฐ่ านกับความสูงของปริซมึ ดังนัน้ V = A x h เมือ่ V แทนปริมาตรของปริซมึ ใดๆ A แทนพืน้ ทีฐ่ านของปริซม ึ และ h แทนความสูงของปริซมึ
คูมือครู
15
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
อธิบายความรู ครูใชคําถามใหนักเรียนวิเคราะห โจทยจากตัวอยางที่ 4 และตัวอยางที่ 5 ตัวอยางที่ 4 • ความยาว 4 ซม. และความยาว 8 ซม. ความยาวใดเปนความสูง ของปริซึม (แนวตอบ ความยาว 8 ซม. เปน ความสูงของปริซึม) • ขอมูลที่โจทยกําหนดเพียงพอที่ จะหาปริมาตรหรือไม ถาเพียง พอแลว จงบอกความยาว ความ กวางและความสูง (แนวตอบ ขอมูลที่โจทยกําหนด เพียงพอที่จะหาปริมาตร โดยมี ความกวาง 3 ซม. ความยาว 4 ซม. และความสูง 8 ซม.) ตัวอยางที่ 5 • ขอมูลที่โจทยกําหนดเพียงพอที่ จะหาพื้นที่ฐานหรือไม (แนวตอบ ขอมูลที่โจทยกําหนด เพียงพอที่จะหาพื้นที่ฐาน) • ความสูง 4 นิ้ว และความสูง 12 นิ้ว ความสูงใดเปนความสูงของ ปริซึม (แนวตอบ ความสูง 12 นิ้ว เปน ความสูงของปริซึม แตความ สูง 4 นิ้ว เปนความสูงของรูป สี่เหลี่ยมคางหมู) • ถาแทนความสูง 4 นิ้ว และ 12 นิ้ว สลับที่กัน ปริมาตรที่คํานวณ ไดจะถูกตองหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ ปริมาตรที่คํานวณได จะไมถูกตอง)
16
คูมือครู
16 ตัวอย่างที่
4
จงหาปริมาตรของปริซึมสี่เหลี่ยมมุมฉากที่มีหน้าตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าความกว้าง 3 เซนติเมตร ความยาว 4 เซนติเมตรและปริซึมแท่งนี้มีความยาว 8 เซนติเมตร ดังรูป
4 ซม. 8 ซม. 3 ซม.
ตัวอย่างที่
วิธีทำ�
เนื่องจาก ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หาพื้นที่ฐานจากสูตร พื้นที่ฐาน = ความกว้าง × ความยาว = 3 × 4 ตารางเซนติเมตร จะได้ พืพื้นที่ฐานเท่ากับ 12 ตารางเซนติเมตร าน × ความสูงของปริซึม เนื่องจาก ปริ งจาก ปริมาตรของปริซึม = พื้นที่ฐาน 12 × 8 ปริมาตรของปริซึม = 12 96 ลูกบาศก์เซนติเมตร = 96 ตอบ ดังนั้น ปริ ปริมาตรของปริซึมเท่ากับ 96 ลู 96 กบาศก์เซนติเมตร
5
จงหาปริมาตรของปริซมึ สีเ่ หลีย่ มม ซึง่ ฐานเป็นรูปสีเ่ หลีย่ มคางหมู มีความยาวเส้นคูข่ นาน เท่ากับ 5 นินิ้ว และ 8 นิ และ 8 นิ้ว ตามล�าดับ และสูง 4 นิ้ว เมื่อปริซึมแท่งนี้สูง 12 นิ้ว
วิ ธีทำ�
จากโจทย์ สามารถสร้างรูปจ�าลองได้ดังนี้ 5” 4” 8” 12”
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู 17
เนื่องจาก ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู จะได้ พื้นที่ฐาน = 12 × ผลบวกของความยาวด้านคูข่ นาน × ความสูง พื้นที่ฐาน = 1 × (5 + 8) × 4 2 = 26 ตารางนิ้ว จาก ปริมาตรของปริซึม = พื้นที่ฐาน × ความสูงของปริซึม ปริมาตรของปริซึม = 26 × 12 = 312 ลูกบาศก์นิ้ว ดังนั้น ปริมาตรของปริซึมนี้เท่ากับ 312 ลูกบาศก์นิ้ว ตอบ
ตัวอย่6างที่
บริษทั ผลิตชาเขียวแห่งหนึง่ ให้พนักงานประกวดการออกแบบกล่องบรรจุชาเขียว โดยมี กติกาว่ากล่องต้องมีปริมาตร 240 ลูกบาศก์เซนติเมตร มตร และประหยัดกระดาษที่ใช้ท�า ในรอบสุดท้ายมีกล่องทีเ่ ข้ารอบ รอบ 2 กล่ กล่องดังรูป กรรมการตั กรรมการตัดสินควรเลือก กล่องมากทีส่ ดุ ในรอบสุ กล่องแบบใดเป็นกล่องบรรจุชาเขียวของบริษัท เพราะเหตุ หนด 3 ≈ 1.732) เพราะเหตุใดด (ก� (ก�าหนด 4 ซม.
วิธีทำ�
55 ซม. ซม.
44 ซม. ซม.
240 ลูกบาศก์ เซนติเมตร
240 ลูกบาศก์ เซนติเมตร
รูป ก.
รูป ข. ข.
กล่องเป็นปริซึมสี่เหลี่ยมมุมฉากซึ่งมีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า 1) รูป ก. กล่ โจทย์ก�าหนดปริมาตรเท่ากับ 240 ลู 240 ลูกบาศก์เซนติเมตร จาก ปริมาตรของปริซึม = พื้นที่ฐาน × ความสูง 240 = ความกว้าง × ความยาว × ความสูง 240 = (4 × 5) × ความสูง 240 ความสูง = 4 × 5 = 12 เซนติเมตร
จากตัวอยางที่ 6 หนา 17-18 ครูใช คําถามนํา ดังนี้ • ขอความ “ประหยัดกระดาษที่ ใชทํามากที่สุด” หมายความวา อยางไร เกี่ยวของกับพื้นที่หรือไม (แนวตอบ หมายความวา ตองใช กระดาษนอยที่สุด ในการออกแบบ ผลิตภัณฑ ซึ่งเกี่ยวของกับการ คํานวณหาพื้นที่) • โจทย ใ นตั ว อย า งที่ 6 นี้ เป น รู ป เรขาคณิตสามมิตใิ ด เพราะเหตุใด (แนวตอบ เปนปริซึม เพราะวามี ดานขางทุกดานเปนรูปสี่เหลี่ยม ผืนผา) • ในการตัดสินเลือกกลองตองใช ความรูเรื่องพื้นที่ผิวหรือปริมาตร (แนวตอบ ในตัวอยางนี้ตองใชความ รูเกี่ยวกับพื้นที่ผิว) • ขอมูลที่โจทยกําหนดทั้งกลองรูป ก. และรูป ข. เพียงพอที่จะนําไป หาคําตอบหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ เพียงพอเพราะวา สามารถคํานวณพื้นที่ฐานไดแลว นําไปหาความสูงจากปริมาตรที่ ระบุไวได) • สูตรพื้นที่ของรูปหกเหลี่ยมดาน เทามุมเทา เกี่ยวของกับสูตรพื้นที่ ของรูปสามเหลี่ยมดานเทาหรือไม (แนวตอบ เกี่ยวของกัน เพราะวา รูปหลายเหลี่ยมดานเทามุมเทา สัมพันธกับรูปสามเหลี่ยม ดานเทา) • กระดาษที่ใชทํากลองบรรจุ ชาเขียวรูป ข. เปนจํานวนตรรกยะ หรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ ไมเปนจํานวนตรรกยะ เพราะวาพื้นที่ฐานใชสูตร 3 3 × (ดาน)2 ถาความยาวดาน 2 เปนรากที่สองของจํานวนบวกใดๆ จะทําให (ดาน)2 เปนจํานวน ตรรกยะเสมอ)
คูมือครู
17
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
ขยายความเขาใจ
18 ครูใหนักเรียนรวมกันแสดง ความคิดเห็น • นักเรียนคิดวา ในชีวิตประจําวัน จะได้ ความสูงของกล่อง = 12 เซนติเมตร ของนักเรียนตองเกี่ยวของกับ พื้นที่ผิวของกล่อง = สองเท่าของพื้นที่ฐาน + พื้นที่ผิวข้าง พื้นที่ผิวและปริมาตรของรูป พื้นที่ผิวของกล่อง = 2(ความกว้าง × ความยาว) + [ความยาวเส้น เรขาคณิตสามมิติหรือไม รอบฐาน × ความสูง] เพราะเหตุใด (แนวตอบ คําตอบมีไดหลากหลาย = 2(4 × 5) + [(4 + 5 + 4 + 5) × 12] เชน = 40 + 216 - เกี่ ย วข อ งกั น จึ ง จํ า เป น ต อ ง = 256 ตารางเซนติเมตร เรี ย นรู เ พื่ อ จะได ใ ช วั ส ดุ ไ ด 2) รูป ข. กล่องเป็นปริซึมหกเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่า คุม คา ไมสญ ู เปลาและใชตรวจ 3 สอบความถูกตอง จากพื้นที่รูปหกเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่า = 3 (ความยาวด้ าน)2 2 - ไมเกี่ยวของจึงไมจําเปนตอง 3 3 2 จะได้ พื้นที่ฐาน = (4) เรียนรู) 2 • ถานักเรียนจําเปนตองตัดสินใจ = 24 3 ตารางเซนติเมตร เลือกซื้อนํ้าผลไมที่บรรจุแบบ โจทย์กา� หนดปริมาตรเท่ากับ 240 240 ลูลูกบาศก์เซนติเมตร กระปอง 2 ขนาด ควรเลือกซื้อ จากปริมาตรของปริซึม = พื้นที่ฐาน × ความสู ง าน แบบใดจึงจะประหยัดเงินกวา 240 = 24 33 × ความสู × ความสูง กัน และใชความรูเรื่องใด แบบ A นํ้าผลไมบรรจุกระปอง ความสูง == 240 = 10 24 3 3 ทรงกระบอก มีรัศมีฐาน 2.5 นิ้ว 10 จะได้ ความสูงของกล่อง = เซนติเมตร ความสูง 4 นิ้ว ราคากระปองละ 3 15 บาท พื้นที่ผิวของกล่อง เท่ากับสองเท่าของพื้นที่ฐานรวมกับพื้นที่ผิวข้าง แบบ B นํ้าผลไมบรรจุกระปอง 3 ) + (ความยาวเส้นรอบฐาน × ความสูง) พืน้ ทีผ่ วิ ของกล่อง = (2 × 24 (2 ทรงกระบอก มีรัศมีฐาน 2 นิ้ว (4 × 6) × 10 = 48 3 + (4 การน�า 3 มาคูณ ความสูง 5 นิ้ว บรรจุแพ็กละ 3 3 2 กระปอง ราคา 29 บาท เพื่อให้ตัวส่วนเป็นจ�านวนเต็ม 10 3 = 48 3 + 24 × × (แนวตอบ การเลือกซื้อจะตอง 3 x 3 = 3 นั่นเอง 3 3 ใชความรูเรื่องปริมาตรของ = 48 3 + 80 3 ทรงกระบอก เพื่อตรวจสอบวา = 128 3 มีปริมาตรเทากัน แบบใดใชเงิน ≈ 221.7 ตารางเซนติเมตร นอยกวา หรือถาใชเงินจํานวน เทากัน แบบใดจะไดปริมาตร มากกวา ซึ่งตองเลือกแบบ A - แบบ A มีปริมาตร = π 52 24 = 25 π จายเงิน 15 บาท - แบบ B มีปริมาตร = π (2)25 = 20 π ตองซื้อ 2 กระปอง = 2 × 20π จะไดนํ้าผลไมมีปริมาตร 40π โดยจายเงิน 29 บาท ดังนั้น ถาซื้อแบบ A เพียงเพิ่มเงินอีก 1 บาท ก็จะไดนํ้าผลไมปริมาตร 50π ซึ่งคุมคากวา)
[ [
()
18
คูมือครู
]
]
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ขยายความเขาใจ 19
กรรมการตัดสินพิจารณาได้ว่า กล่องรูป ก. จะใช้กระดาษมากกว่ากล่องรูป ข. กล่อง รูป ข. จึงประหยัดกระดาษมากกว่า ดังนั้น กรรมการจึงควรตัดสินให้กล่องรูป ข. เป็นกล่องบรรจุชาเขียวของบริษัท ตอบ แบบตรวจสอบความเข้าใจที่
1.2 ข
1. จงหาปริมาตรของกล่องต่อไปนี้ 1)
2) 1 ซม.
8 ซม.
1. ครูใหนักเรียนจับคูรวมกันแลก เปลี่ยนความคิดเห็นวาโจทยขอใด ในแบบตรวจสอบความเขาใจ ที่ 1.2 ข หนา 19 - 21 วา เหมือน กับตัวอยางใดที่เรียนมา 2. นักเรียนนําแนวคิดที่แลกเปลี่ยน กันนําไปใชในการทําแบบตรวจ สอบความเขาใจที่ 1.2 ข จากนั้น นักเรียนแตละคูแลกเปลี่ยนกัน ตรวจคําตอบ 3. ครูสุมนักเรียน 2 - 3 คูใหออกมา นําเสนอแนวคิดและวิธีการ แกปญหาโจทย
44 ซม. ซม.
6 ซม.
3)
เกร็ดแนะครู
4 ซม. 4 ซม.
5 ซม. ซม. 9 ซม.
4) 2 ซม.
ครูยํ้าใหนักเรียนจดจําสูตรการหา ปริมาตรของปริซึม คือ ปริมาตรของ ปริซึม = พื้นที่ฐาน × สูง การหาความสูงตองใหตั้งฉาก กับฐานเสมอ
9 ซม. 6 ซม. 5 ซม. 5 ซม.
2.4 ซม. 2.4 ซม.
5 ซม.
10 ซม.
2)
มุม IT
ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ปริมาตรของปริซึม (แบบฝก เสริมทักษะ) ไดที่ http://www. kalasinpit.ac.th/elearning/ supan/testplan3.swf
2. จงหาปริมาตรของปริซึมแต่ละแท่งต่อไปนี้ 1)
@
7 ซม. 5 ซม. 6 ซม.
6 ซม.
8 ซม.
คูมือครู
19
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
Engage
Explore
Explain
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
ตรวจสอบผล ตรวจสอบความถูกตองจากการทํา แบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.2 ข (ดูเฉลยแบบตรวจสอบความ เขาใจที่ 1.2 ข ที่สวนเสริม ดานหนาของหนังสือเลมนี้)
20
3)
4)
5 ซม.
2 ซม. 2 ซม.
3 ซม.
NET ขอสอบ ป 52 ขอสอบออกเกี่ยวกับการคํานวณ หาปริมาตรของรูปสี่เหลี่ยมลูกบาศก โจทยกําหนด • กลองกระดาษสี่เหลี่ยมลูกบาศก ที่มีขนาดภายในกวาง 21 เซนติเมตร บรรจุลูกบอลลูก หนึ่งไดพอดี อยากทราบวา ปริมาตรของอากาศภายใน กลองที่มีอยูลอมรอบบอลลูกนั้น กี่ลูกบาศกเซนติเมตร 1. 4,400 ลูกบาศกเซนติเมตร 2. 4,410 ลูกบาศกเซนติเมตร 3. 4,420 ลูกบาศกเซนติเมตร 4. 4,430 ลูกบาศกเซนติเมตร (แนวคิด นําปริมาตรของกลอง ลูกบาศกลบดวยปริมาตรของ ทรงกลม จะไดปริมาตรของ อากาศภายในกลองจากสูตร ปริมาตร = ความกวาง x ความสูง ปริมาตรของกลอง = 21 × 21 × 21 = 213 ลบ.ซม. จากสูตร ปริมาตร = 12 πr3 ปริมาตรของลูกบอล 3 = 12 × 223 × 222 = 11 × 212 ดังนั้น ปริมาตรของอากาศ ภายในกลอง = 213 - 11 × 212 = 212 - 21 - 11) = 4,410 ลบ.ซม. ดังนั้น คําตอบคือ ขอ 2.)
( )
20
คูมือครู
4 ซม. 3 ซม.
5) 3 ซม. 4 ซม.
6 ซม.
ยังจ�าได้ไหม 1 ลิตรเท่ากับ 1,000 ลบ.ซม.
44 ซม. ซม.
3. 4.
กล่องบรรจุนา�้ ผลไม้ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากมีความจุ 11 ลิตร วามยาว 8 เซนติ เมตร ถ้าฐานกล่องมีความยาว 8 เซนติเมตร และความกว้ มตร และความกว้าง 6.25 เซนติ ง จงหาความสูงของกล่องใบนี้ จงหาค่าของ a, ของ a, b, c เมื c เมื่อก�าหนดปริมาตรของปริซึมแต่ละรูปให้ 2) ปริมาตร 174 ลูกบาศก์เซนติเมตร 1) ปริมาตร 80 ลู าตร 80 ลูกบาศก์เซนติเมตร
3 ซม. 10 ซม.
4 ซม. a
6 ซม.
4 ซม. 6 ซม.
b
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุนความสนใจ 21 2 ซม.
3) ปริมาตร 120 ลูกบาศก์เซนติเมตร
8 ซม.
c 3 ซม.
5. ภาชนะใบหนึ่งเป็นปริซึมที่มีหน้าตัดเป็น รูปสี่เหลี่ยมคางหมูดังรูป ภาชนะนี้มีปริมาตร 6 ลูกบาศก์เมตร จงหาความกว้างของภาชนะนี้
2 ม. 1.2 ม.
ความกว้าง 1.6 ม.
3. ทรงกระบอก (Cylinder)
พิจารณารูปต่อไปนี้ซึ่งเป็นรูปของทรงกระบอกและส่วนต่างๆ ของทรงกระบอก หน้าตัดหรือฐาน
ครูนํากลองบรรจุภัณฑที่เปน ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก กระปองนมที่ สามารถแกะกระดาษที่ปดกระปอง ไดสะดวก และกระปองสเปรย กระปองนํ้าอัดลม เปนตน ใหนักเรียนดู พรอมตั้งคําถาม • กลองบรรจุภัณฑและกระปอง เหลานี้ เหมือนกันหรือแตกตาง กันอยางไรบาง (แนวตอบ เหมือนกัน : เปนบรรจุ ภัณฑที่มีความยาว ความกวาง ความสูง ซึ่งรูปจําลองเปนรูป เรขาคณิตสามมิติ แตกตางกัน : มีดานขางและ หนาตัดหัวทายเปนสี่เหลี่ยม ผืนผากับมีดานขางและหนาตัด หัวทายเปนวงกลม) • นักเรียนคิดวา กระปองนํ้า อัดลม กระปองสเปรย เปน ปริซึมหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ ไมเปน เพราะวาดาน ขางไมเปนรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก)
แกน ส่วนสูง
นักเรียนควรรู
หน้าตัด หรือฐาน
ทรงกระบอกตรง
ทรงกระบอกเอียง
ทรงกระบอกตรง เป็นรูปเรขาคณิตสามมิติที่มีหน้าตัดหรือฐานเป็นวงกลมที่เท่ากัน ทุกประการและอยู่ในระนาบที่ขนานกัน โดยที่ฐานแต่ละข้างตั้งฉากกับแกนของทรงกระบอก ทรงกระบอกเอียง เป็นรูปเรขาคณิตสามมิติที่มีหน้าตัดหรือฐานเป็นวงกลมที่เท่ากัน ทุกประการและอยู่ในระนาบที่ขนานกัน แต่ฐานไม่ตั้งฉากกับแกนของทรงกระบอก
ลูกบาศกเมตร เปนหนวยวัดความจุ 1 ลูกบาศกเมตร = 1,000 ลิตร หรือ 1 กิโลลิตร @
มุม IT
ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทรง กระบอกไดที่ http://www. icoachmath.com/math_ dictionary/Cylinder.html
คูมือครู
21
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
กระตุนความสนใจ ครูถามนักเรียนใหรวมกันแสดง ความคิดเห็น • รูปคลี่ของกลองบรรจุภัณฑหรือ กระปองเหลานี้เหมือนกันหรือ แตกตางกันอยางไร (แนวตอบ รูปคลี่จะแตกตางกัน โดยบรรจุภัณฑที่เปนกระปอง พื้นที่ผิวขางจะเปนรูปสี่เหลี่ยม ผืนผา 1 รูป ไมมีรอยพับ แต บรรจุภัณฑที่เปนกลองพื้นที่ ผิวขางจะเปนรูปสี่เหลี่ยมผืนผา หลายรูป โดยแตละรูปจะมี รอยพับ) • รูปคลี่ของกลองบรรจุภัณฑ หรือกระปองเหลานี้เปนรูป เรขาคณิตสองมิติชนิดใด (แนวตอบ เปนรูปวงกลม รูปสี่เหลี่ยมผืนผาและ รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส) • นักเรียนคิดวา การหาพื้นที่ผิว ของทรงกระบอก ใชความรู เกี่ยวกับพื้นที่ของรูป เรขาคณิตสองมิติชนิดใดบาง (แนวตอบ รูปวงกลมและรูป สี่เหลี่ยมผืนผา) @
22
มุมความคิด รูปเรขาคณิตสามมิติที่มีหน้าตัดหรือฐานเป็นวงกลมที่เท่ากันทุกประการและอยู่ในระนาบ ที่ขนานกัน เมื่อตัดรูปเรขาคณิตสามมิตินี้ด้วยระนาบที่ขนานกับฐานแล้วจะได้รอยตัดเป็นวงกลม ทีเ่ ท่ากันทุกประการกับฐานเสมอ เรียกว่า ทรงกระบอก
ในการศึกษาเกี่ยวกับทรงกระบอกในช่วงชั้นนี้จะศึกษาเฉพาะพื้นที่ผิวและปริมาตรของ ทรงกระบอกตรงเท่านั้น
3.1 พื้นที่ผิวของทรงกระบอก
การหาพื้นที่ผิวของทรงกระบอก เราสามารถหาได้โดยการคลี่รูปเรขาคณิตสามมิติออก เป็นรูปเรขาคณิตสองมิต ิ และค�านวณหาพืน้ ทีข่ องรูปเรขาคณิตสองมิตแิ ต่ละรูปนัน้ แล้วน�าพืน้ ทีข่ อง ทุกรูปรวมกันเป็นพื้นที่ผิวของทรงกระบอกรูปนั้น พิจารณาทรงกระบอกกลวงที่มีรัศมีของฐานเท่ากับ r หน่วย และความสูงเท่ากับ h หน่วย ดังรูป
h
มุม IT
ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพื้นที่ ผิวของทรงกระบอก (กิจกรรมเสริม ทักษะ) ที่ http://www.learner.org/ interactives/geometry/area_ surface2.html
จากรูป ถ้าคลี่ทรงกระบอกออกโดยตัดฐานทั้งสองออกก่อนจะได้ฐานทั้งสองเป็นรูป วงกลม และตัดด้านข้างให้ขนานตามแนวตั้งจะได้รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า EB GUIDE
22
คูมือครู
http://www.aksorn.com/LC/Math B1/M3/02
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
Engage
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
สํารวจคนหา 23
จากรูปคลี่ข้างต้นท�าให้สามารถหาพื้นที่ผิวของทรงกระบอกได้ดังนี้ 1) พื้นที่ผิวที่เป็นฐานทั้งสองของทรงกระบอกเท่ากับสองเท่าของพื้นที่วงกลม = 2 πr2 ตารางหน่วย 2) พื้นที่ผิวข้างเท่ากับ พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีความกว้างเท่ากับความสูงของ ทรงกระบอกและความยาวเท่ากับความยาวของเส้นรอบวงของวงกลมของฐานทรง กระบอก จะได้ พื้นที่ผิวข้าง = h × 2πr = 2πrh ตารางหน่วย ดังนั้น พื้นที่ผิวเท่ากับสองเท่าของพื้นที่ฐานรวมกับพื้นที่ผิวข้าง = 2πr2 + 2πrh ตารางหน่วย
2πr2
เท่ากับ พื้นที่วงกลมสองวง รวมกัน
มุมความคิด
พืน้ ทีผ่ วิ ของทรงกระบอก = 22πr2 + 2πrh เมือ่ r แทนรัศมีของฐานทรงกระบอก h แทนความสูงของทรงกระบอก
ตัวอย่1างที่ จงหาพื้นที่ผิวของทรงกระบอกที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางของฐานเท่ากับ 5 เซนติ 5 เซนติเมตร 22 และสูง 6 เซนติเมตร (ก�าหนดให้ π ≈ 7 )
วิธีท ำ�
จากโจทย์ สร้างรูปจ�าลองได้ดังนี้
6 ซม.
5 ซม.
เกร็ดแนะครู ครูแนะนําคําศัพทที่เกี่ยวของกับทรงกระบอก โดยเชื่อมโยงกับกระดาษที่แกะออก 1. กระดาษที่แกะออกเปนรูปสี่เหลี่ยมผืนผา เรียกวา พื้นที่ผิวขาง 2. ฝาและกนกระปองเปนวงกลม เรียกวา พื้นที่หนาตัดหัวทาย หรือพื้นที่ผิวที่เปนฐานทั้งสอง
1. ครู นํ า กระป อ งนม 2 ใบ และขอ อาสาสมัครนักเรียน 4 คน ชวยกัน แกะกระดาษรอบกระปองนมอยาง ระมัดระวังไมใหฉีกขาด แลวถือ กระดาษคนละขางใหเพื่อนๆ ดู 2. ครูตั้งคําถามใหนักเรียนไดความ คิดรวบยอดเกี่ยวกับทรงกระบอก • กระดาษที่แกะออกเปนรูป เรขาคณิตสองมิติชนิดใด (แนวตอบ รูปสี่เหลี่ยมผืนผา) • ความยาวของกระดาษสัมพันธ กับฝาหรือกนของกระปองหรือ ไมอยางไร (แนวตอบ สัมพันธกับความยาว เสนรอบรูปของวงกลม) • ความกวางกระดาษสัมพันธกับ กระปองหรือไม อยางไร (แนวตอบ สัมพันธกับความสูง ของกระปอง) 3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรม หนา 22-23 เพื่อสรุปความคิดรวบยอด การหาพื้นที่ผิวของทรงกระบอก ตามมุมความคิด หนา 23
อธิบายความรู ครูใชคําถามใหนักเรียนวิเคราะห โจทยตัวอยางที่ 1 หนา 23-24 • โจทยกําหนดขอมูลเพียงพอ ที่จะหาพื้นผิวของทรงกระบอก หรือไม (แนวตอบ เพียงพอ) • 5 ซม. เปนคาของ r หรือ 2r (แนวตอบ เปนคาของ 2r ) • เมื่อแทนคา r = 1 และ 5 h = 6 แลวนักเรียนจะทํา อยางไรไดบาง ซึ่งทําใหการ คํานวณสะดวกและรวดเร็วขึ้น (แนวตอบ ใชสมบัติการแจกแจง แตเปนการคิดแบบยอนกลับ ซึ่งเรียกวา ดึงตัวประกอบ 2 × 227 × 52 ) คูมือครู
23
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
อธิบายความรู ครูใชคําถามใหนักเรียนวิเคราะห โจทยตัวอยางที่ 2 หนา 23-24 • พื้นที่ผิวขางของรูปเรขาคณิต สามมิตินี้ เทากับ 14 ของพื้นที่ ผิวขางของทรงกระบอกหรือไม เพราะเหตุใด ถาไมเทากัน รูปเรขาคณิตสามมิตินี้ ยังขาด พื้นที่สวนใดอีกบาง และเปนรูป เรขาคณิตสองมิติชนิดใด (แนวตอบ ไมเทากัน เพราะวา จะมีอีกสองดานซึ่งเปนรูป สี่เหลี่ยมผืนผาที่เกิดจากรอยตัด ตามความสูงของทรงกระบอก) • พื้นที่หนาตัดหัวทาย เทากับ 1 2 ของพื้นที่ของรูปเรขาคณิตสอง มิติใด อยางไร (แนวตอบ พื้นที่รูปวงกลม คือ พื้นที่หนาตัดหัวทาย = 12 × π × (2.2)2 = 1 × π × (2 ×1.1)2 2 = 2π × 1.21)
24
รัศมีเท่ากับ 12 ของเส้นผ่านศูนย์กลาง รัศมี = 12 × 5 5 เซนติเมตร = 2
จาก พื้นที่ผิวของทรงกระบอก = 2πr2 + 2πrh พื้นที่ผิวของทรงกระบอกประมาณ 2 227 52 2 + 2 227 52 (6) ≈ 39.286 + 94.286 ≈ 133.57 ตารางเซนติเมตร ดังนั้น พื้นที่ผิวของทรงกระบอกประมาณ 133.57 ตารางเซนติเมตร
( )( ) ( )( )
ตอบ
ตัวอย่2างที่ จงหาพื้นที่ผิวของรูปเรขาคณิตสามมิติ ซึ่งมีฐานเป็นหนึ่งในสี่ของวงกลมที่มีรัศมี 2.2 เซนติ เมตร ดังรูป (ก�าหนดให้ π ≈ 227 ) 2.2 เซนติเมตร และมี มตร และมีความยาว 8 เซนติ วามยาว
8 ซม. 2.2 ซม.
24
คูมือครู
วิธีทำ�
เ นื่องจากรูปเรขาคณิตสามมิติรูปนี้ มีฐานเป็นหนึ่งในสี่ของวงกลม จะได้ พื้นที่ฐาน เท่ากับ 14 πr2 (2.2)2 พื้นที่ฐาน = 14 π (2.2) 1 × 22 × 2.2 × 2.2 ≈ 4 7 ≈ 3.80 ตารางเซนติเมตร และ พื้นที่ผิวข้าง = ความยาวเส้นรอบฐาน × ความสูง จะได้ พื้นที่ผิวข้าง = 14 ของเส้นรอบวง + 2.2 + 2.2 × ความสูง พื้นที่ผิวข้าง = ( 14 × 2π × 2.2) + 4.4 × 8
( [
]
)
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
กระตุนความสนใจ 25 ≈ ≈
[( 14 × 2 × 227 × 2.2) + 4.4] × 8
(3.457 + 4.4) × 8 ≈ 62.86 ตารางเซนติเมตร พื้นที่ผิวของรูปเรขาคณิตสามมิติเท่ากับสองเท่าของพื้นที่ฐานรวมกับพื้นที่ผิวข้าง พื้นที่ผิวของรูปเรขาคณิตสามมิติ ประมาณ (2 × 3.8) + 62.86 ≈ 70.46 ตารางเซนติเมตร ดังนั้น พื้นที่ผิวของรูปเรขาคณิตสามมิติแท่งนี้ประมาณ 70.46 ตารางเซนติเมตร
ตอบ
ตัวอย่3างที่ ถังใส่ขยะทรงกระบอกสูง 6 ฟุต และเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของถังเท่ากับ 7 ฟุต ถ้าต้องการทาสีรอบถังภายนอกแต่ไม่ทาสีก้นถังและฝาถัง โดยต้องจ่ายค่าสี ตารางฟุตละ 30 บาท จะต้ าหนดให้ π ≈ 227 ) จะต้องจ่ายเงินประมาณเท่าไร (ก� ไร (ก�าหนดให้
วิธีทำ�
จากพื้นที่ผิวข้างของทรงกระบอก เท่ากับ 2πrh จะได้ พื้นที่ผิวภายนอกของถังใส่ขยะ = 2 × 2 × π × × 72 × 6 ตารางฟุ × 6 ตารางฟุต ระมาณ 2 พื้นที่ผิวภายนอกของถังใส่ขยะ ประมาณ 2 227 72 (6) ≈ 132 ตารางฟุ 132 ตารางฟุต ทาสี 1 ตารางฟุต ต้ต้องจ่ายค่าสี 30 บาท 30 บาท พืน้ ทีท่ าสีประมาณ 132 ตารางฟุต ต้ต้องจ่ายเงิน ประมาณ 30 × 132 = 3,960 บาท ประมาณ 30 × 132 = 3,960 ตอบ ดังนั้น จะต้องจ่ายเงินประมาณ 3,960 บาท บาท
() ( )( )
3.2 ปริมาตรของทรงกระบอก
นักเรียนทราบแล้วว่า ปริมาตรของปริซึมเท่ากับผลคูณของพื้นที่ฐานกับความสูงของ ปริซึม แต่นักเรียนอยากทราบไหมว่า เราจะหาปริมาตรของทรงกระบอกได้อย่างไร และจะใช้สูตร ปริมาตรของปริซึมได้หรือไม่ พิจารณารูปหลายเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่าซึ่งบรรจุในวงกลม และวงกลมทุกวงมีรัศมี เท่ากันกับพื้นที่ส่วนที่แรเงา
ครูใหนักเรียนนําภาชนะ ทรงกระบอก แลวใหอานปริมาตร ของภาชนะทรงกระบอก ที่ระบุไว ครูตั้งคําถาม ดังนี้ • นักเรียนจําไดไหมวา เคยใชวิธี การใดหาปริมาตรหรือความจุ ของทรงกระบอก (แนวตอบ คําตอบอาจจะเปน จําได หรือจําไมไดก็ได โดย ใชสูตร ปริมาตร = ความยาว × ความกวาง × ความสูง) • นักเรียนทราบไหมวา มีวิธีการ หาปริมาตรของทรงกระบอกได อยางไรอีกบาง (แนวตอบ ตอบไดหลากหลาย ตามพื้นฐานความรูของ นักเรียน) • นักเรียนคิดวา ถานําสูตร ปริมาตร = พื้นที่ฐาน × ความสูง ใชเพื่อหาปริมาตรของทรง กระบอกจะไดหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ ได เพราะวาพื้นที่ฐาน เปนพื้นที่ของวงกลม)
สํารวจคนหา ใหนักเรียนจับคู ชวยกันวัด ความสูงและความยาวของ เสนผานศูนยกลางของทรง กระบอกที่แตละคนนํามา
คูมือครู
25
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Explain
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
อธิบายความรู 1. จากขอมูลทรงกระบอกที่นักเรียน ไดวัดใหคํานวณปริมาตรโดยใช สูตรปริมาตร ในหนา 26 พรอม ตรวจสอบกับปริมาตร ซึ่งระบุไว ที่ภาชนะวา เทากัน หรือไม ถา ไมเทากัน นักเรียนคิดวา เกิดจาก สาเหตุใดไดบาง (แนวตอบ คําตอบมีไดหลายแบบ เชน มาจากความคลาดเคลื่อนใน การวัด หรือการบรรจุในภาชนะ อาจจะบรรจุไมเต็ม) 2. ใหนักเรียนแตละคูเลือกภาชนะ ของคูอื่น ดําเนินการตรวจสอบวา ไดปริมาตรเทากันหรือไม 3. ใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิด เห็นวา “เพราะเหตุใด ปริมาตรที่ ไดจากการคํานวณจึงไมเทากับ ปริมาตรที่ระบุไว” แลวรวมกันสรุป สูตรหาปริมาตรของทรงกระบอก (แนวตอบ คําตอบมีไดหลากหลาย ตามพื้นฐานความรูของนักเรียน โดยใหอยูในดุลยพินิจของครู)
ขยายความเขาใจ ครูใหนักเรียนรวมกันแสดง ความคิดเห็น • นักเรียนคิดวา ในชีวิตประจําวัน ของนักเรียนตองใชความรูเกี่ยวกับ พื้นที่ผิวของทรงกระบอกหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนอาจจะตอบวา ตองใชความรูเกี่ยวกับพื้นที่ผิวของ ทรงกระบอก เพราะวาภาชนะที่ เปนบรรจุภัณฑสวนมากเปน ทรงกระบอก เพื่อจะไดทราบวา ตองใชวัสดุในการผลิตจํานวน เทาใด หรืออาจจะตอบวา ไมตอง ใชเพราะไมตองการรูวา บรรจุ ภัณฑนั้นใชวัสดุจํานวนเทาใดก็ได)
26
คูมือครู
26
รูปห้าเหลี่ยม
รูปหกเหลี่ยม
รูปเก้าเหลี่ยม
รูปเจ็ดเหลี่ยม
รูปแปดเหลี่ยม
รูปสิบเหลี่ยม
นักเรียนจะเห็นว่า เมื่อจ�านวนเหลี่ยมของรูปหลายเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่าเพิ่มขึ้น พื้นที่ ส่วนที่แรเงาจะลดลง นักเรียนคิดว่า นักเรียนสามารถระบุจ�านวนเหลี่ยมของรูปหลายเหลี่ยมด้าน นวงกลม แล้วท�าให้พื้นที่ส่วนที่แรเงาน้อยที่สุดได้หรือไม่ ซึ่งนักเรียนทราบว่า เท่ามุมเท่าที่บรรจุในวงกลม เราไม่สามารถระบุจ�านวนเหลี่ยมของรูปหลายเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่าได้ แต่เราได้ข้อสรุปว่า เมื่อจ�านวนเหลี่ยมมากขึ้นจนไม่สามารถจะนับจ�านวนได้ พื้นที่ส่วนที่แรเงาจะเท่ากับ 0 ท�าให้รูป หลายเหลี่ยมที่ไม่สามารถนับจ�านวนเหลี่ยมได้ จะเป็นรูปวงกลม วงกลม ดังนั้น เราจึงพอจะใช้แนวคิดนี้ เพื่อการหาปริมาตรของทรงกระบอกได้ ทรงกระบอกมีฐานเป็นรูปวงกลม วงกลม ซึซึ่งหาพื้นที่โดยใช้สูตรพื้นที่วงกลมและจากสูตร ปริมาตร = พื้นที่ฐาน × ความสูง
ดังนั้น เราจึ เราจึงสามารถหาปริมาตรของทรงกระบอกได้ นั่นคือ ปริมาตรของทรงกระบอก = พื้นที่ฐาน × ความสู ง าน 2 หรือ V = πr × h = πr2h คณิตคิดสนุก ให้น�าเลขโดดตั้งแต่ 1-9 มาสร้างจ�านวนกี่จ�านวนก็ได้ที่มีเลขโดดไม่ซ�้ากัน โดยใช้ครบทุกตัวและเลขโดดที่ใช้ต้อง เรียงล�าดับจากน้อยไปมาก แล้วน�าจ�านวนเหล่านั้นมาบวกหรือลบกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์เป็น 100 เช่น 1 + 2 + 3 - 4 + 5 + 6 + 78 + 9 = 100
• อาชีพใดจะตองใชความรูเกี่ยวกับ
พื้นที่ผิว ถาเขาไมมีความรูเรื่องนี้ จะสงผลกระทบอะไรตอเขาบาง (แนวตอบ อาชีพที่เกี่ยวของ เชน นักออกแบบผลิตภัณฑ ชางบัดกรี เปนตน)
เกร็ดแนะครู (แนวตอบ คณิตคิดสนุก สามารถหาไดหลายคําตอบ เชน 123 - 45 - 67 + 89 = 100 1 + 2 + 34 - 5 + 67 - 8 + 9 = 100 12 + 3 - 4 + 5 + 67 + 8 + 9 = 100 เปนตน)
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู 27
มุมความคิด
ปริมาตรของทรงกระบอก เท่ากับ πr2h r = πr2h เมือ่ V แทนปริมาตรของทรงกระบอก r แทนรัศมีของฐาน h แทนความสูงของทรงกระบอก
ตัวอย่1างที่ จงหาปริมาตรของทรงกระบอกที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับ 4 เซนติเมตร และยาว 9 เซนติเมตร (ก�าหนดให้ π ≈ 227 )
วิธีทำ�
จากโจทย์ สร้างรูปจ�าลองได้ดังนี้
4 ซม. 9 ซม. 9 ซม.
ของเส้นผ่านศูนย์กลาง จาก จาก รัรัศมี เท่ากับ 12 ของเส้ = 42 2 เซนติเมตร = 2 เซนติ จาก ปริมาตรของทรงกระบอก เท่ากับ πr2h จะได้ ปริมาตรของทรงกระบอก = π × (2)2 × 9 = 36π ≈ 36 × 22 7 ≈ 113.14 ลูกบาศก์เซนติเมตร ดังนั้น ปริมาตรของทรงกระบอกนี้ประมาณ 113.14 ลูกบาศก์เซนติเมตร
ตัวอยางที่ 1 ครูใชคําถามใหนักเรียนวิเคราะห • ขอมูลที่โจทยกําหนดเพียงพอที่ จะหาปริมาตรหรือไม (แนวตอบ เพียงพอ เพราะวา ทราบรัศมีและความยาว (ความสูง)) • ตองแทนคา r ดวยจํานวนใด (แนวตอบ r = 2 ) • หนวยความยาวและรัศมีของ ทรงกระบอกเปนหนวยเดียวกัน หรือไม (แนวตอบ เปนหนวยเซนติเมตร เหมือนกัน) • ปริมาตรที่คํานวณไดเปนคา ประมาณหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ เปนคาประมาณเพราะ วา คํานวณจากสูตร πr2h มี π ซึ่งเปนจํานวนอตรรกยะ เราอาจใช 3.14 หรือ 227 แทนคา π แตจํานวนทั้งสองเปน คาประมาณของ π)
@
ตอบ
มุม IT
ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ปริมาตรของทรงกระบอก (กิจกรรม เสริมทักษะ) ไดที่ http://www. mathexpression.com/volumeof-a-cylinder.html
คูมือครู
27
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
อธิบายความรู 1. ตัวอยางที่ 2 หนา 28 ครูใช คําถามใหนักเรียนวิเคราะห • ขอมูลที่กําหนดเพียงพอจะหา ความสูงหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ เพียงพอ โดยใชสูตร ปริมาตร = πr2h) • การหาความสูงของ ทรงกระบอกตองใชความรู เรื่องใดบาง (แนวตอบ เมื่อแทนคา r และ ปริมาตรสามารถหาคา h โดย การแกสมการ) • ความสูงที่คํานวณได เปนคา ประมาณหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ เปนคาประมาณ เพราะวา π เปนจํานวน อตรรกยะ และ 227 เปนคา ประมาณของ π) 2. ตัวอยางที่ 3 หนา 28-29 ครูใช คําถามใหนักเรียนวิเคราะห • นักเรียนจะหาปริมาตรของ พลาสติกไดอยางไรบาง (แนวตอบ หาไดจากสูตร ปริมาตร = พื้นที่ฐาน × ความสูง) • จะแทนคา r = 2 มิลลิเมตร ไดหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ ไมได เพราะความ หนาไมใชรัศมี แตเปนระยะ หางระหวางสวนของเสนตรง 2 เสน หรือสวนของเสนรอบวง) • ถาตัดทอประปาตามความยาว 25 ซม. แลวคลี่ออกจะเปนรูป เรขาคณิตชนิดใด (แนวตอบ เปนรูปเรขาคณิตสาม มิติ หนาตัดหัวและทายเปนรูป สี่เหลี่ยมผืนผา) • ปริมาตรที่คํานวณไดเปน ปริมาตรของพลาสติกหรือไม (แนวตอบ เปนปริมาตรของ พลาสติก)
28
คูมือครู
28
ตัวอย่2างที่ จงหาความสูงของทรงกระบอกที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับ 8 นิ้ว และปริมาตรเท่ากับ 120 ลูกบาศก์นิ้ว (ก�าหนดให้ π ≈ 227 )
วิธีทำ�
จากโจทย์ สร้างรูปจ�าลองได้ดังนี้ 8 นิ้ว h
เนื่องจากปริมาตรของทรงกระบอก เท่ากับ πr2h ปริมาตรของทรงกระบอก = π 82 2 h 120 = 16πh 120 h = 16π
()
120 × 7 22 × 16 ≈ 2.39 นิ้ว 2.39 ดังนั้น ทรงกระบอกนี ทรงกระบอกนี้มีความสูงประมาณ 2.39 นิ ประมาณ 2.39 ประมาณ ประมาณ 2.39 นิ้ว h
ตัวอย่างที่
3
≈
ตอบ
จงหาปริมาตรของพลาสติกที่ใช้ทา� ท่อประปาซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก ลางภายนอก เมตร (ก�าหนด π ≈ 227 ) 22 เซนติ เซนติเมตร ท่ มตร ท่อหนา 2 มิ หนา 2 มิลลิเมตร และยาว 25 เซนติ มตร
งจาก นักเรียนได้เรียนรู้การคลี่รูปมาแล้ว ดังนั้นวิธีท�าของตัวอย่างที่ 3 วิธีทำ� เนื่องจาก อาจจะมีกิจกรรม ให้นักเรียนอภิปราย โดยการตัดตามแนวยาวตลอดทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก กรรม ให้ ราย โดยการตั ฉาก แล้วหา ปริมาตรของทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากได้จากโจทย์ สร้างรูปจ�าลองได้ดังนี้ 2 มม.
R
r
2 ซม. 25 ซม.
• โจทยในตัวอยางที่ 3 มีความเหมือนหรือแตกตางจากโจทยในตัวอยางที่ 1 และตัวอยางที่ 2 หรือไม อยางไร (แนวตอบ มีความเหมือนกัน ในประเด็นที่เปนทรงกระบอก แตแตกตางกันที่ตัวอยางนี้เปนปริมาตรของพลาสติกไมใช
ปริมาตรของทรงกระบอก) • ปริมาตรของพลาสติกกับปริมาตรของทรงกระบอกเหมือนกันหรือแตกตางกัน อยางไร (แนวตอบ ปริมาตรของพลาสติกกับปริมาตรของทรงกระบอกแตกตางกัน โดยปริมาตรของพลาสติกไมสามารถใช สูตร πr2h ได เพราะ r ไมไดแทนความหนา แตปริมาตรทรงกระบอกคํานวณจากสูตร πr2h ไดเลย)
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ขยายความเขาใจ 29
จากรูป ให้ R แทนรัศมีภายนอก r แทนรัศมีภายใน h แทนความสูง (ความยาวของท่อ) ปริมาตรของพลาสติกที่ใช้ท�าท่อประปา เท่ากับ ปริมาตรของทรงกระบอกรัศมี R - ปริมาตรของทรงกระบอกรัศมี r จะได้ ปริมาตรของพลาสติกที่ใช้ท�าท่อประปา = πR2h - πr2h = πh(R2 - r2) แทนค่า R = 1 ซม. r = 1 - 0.2 = 0.8 ซม. ซม. h = 25 ซม. จะได้ ปริมาตรของพลาสติกที่ใช้ท�าท่อประปา = π × 25 × (1 × 25 × (12 - 0.82) = π × 25 × 0.36 × 25 × 0.36 = 9π ≈ 99 × × 227 ≈ 28.29 28.29 ลูลูกบาศก์เซนติเมตร ดังนั้น ปริ ระมาณ 28.29 ลู ปริมาตรของพลาสติกที่ใช้ทา� ท่อประปานี้ประมาณ 28.29 ลูกบาศก์เซนติเมตร ตอบ นอกจากวิธีท�านี้แล้ว อาจจะลองหาปริมาตรของพลาสติกที่ใช้ท�าาท่ท่อประปานี้ โดยการตัดตามแนวยาวตลอด แล้วคลี่แผ่นพลาสติกออกจะมีพื้นที่หน้าตัดหัวท้าย เป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก และมีความหนา 2 มิลลิเมตร นักเรียนลองค�านวณว่า ได้ปริมาตรเท่ากันหรือไม่ และวิธีใดสะดวกกว่ากัน
ครูใหนักเรียนรวมกันแสดง ความคิดเห็น • ผูออกแบบบรรจุภัณฑตางๆ ตองใชความรูเกี่ยวกับพื้นที่ผิว และปริมาตรของรูปเรขาคณิต ใดมากที่สุด เพราะเหตุใด (แนวตอบ คําตอบอาจจะมีได หลากหลาย ตัวอยางเชน เปนทรงกระบอก เพราะวาบรรจุ ภัณฑที่เปนทรงกระบอกจะ สวยงาม สะดวกในการผลิต และการนําไปใช) • ในชีวิตประจําวันของนักเรียน ตองใชความรูเกี่ยวกับปริมาตร ของทรงกระบอกมากนอย เพียงใด (แนวตอบ อาจตอบไดหลาก หลาย เชน ไมไดใชเลย ใชบาง เปนตน) • นักเรียนอยากมีอาชีพการ ออกแบบบรรจุภัณฑหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ อาจจะตอบวา “อยาก” เพราะชอบคิดสรางสรรคและ งานออกแบบ หรือตอบวา “ไมอยาก” เพราะไมชอบการคิด สรางสรรคหรือสนใจอาชีพ อื่นมากกวาก็ได)
คูมือครู
29
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
ขยายความเขาใจ 1. ครูใหนักเรียนรวมกันแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นวา • มีขอใดในแบบตรวจสอบ ความเขาใจที่ 1.3 หนา 30-31 เกี่ยวของกับการออกแบบ บรรจุภัณฑ เพราะเหตุใด (แนวตอบ โจทยขอ 2-6 มีความ เกี่ยวของกับการออกแบบ บรรจุภัณฑ เพราะโจทยขอ 2-6 เกีย่ วของกับความจุและปริมาตร ของวัสดุที่ตองใชเพื่อผลิต บรรจุภัณฑตางๆ ดังกลาว) 2. ใหนักเรียนจับคูรวมกันทําแบบ ตรวจสอบความเขาใจที่ 1.3 3. จากนั้นแตละคูแลกเปลี่ยนกัน ตรวจสอบความถูกตอง
ตรวจสอบผล ตรวจสอบความถูกตองจากการ ทําแบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.3 (ดูเฉลยแบบตรวจสอบความเขาใจ ที่ 1.3 ที่สวนเสริมดานหนาของ หนังสือเลมนี้)
NET ขอสอบ ป 51 ขอสอบออกโจทยปญหาเกี่ยวกับ ปริมาตรของทรงกระบอก โดยโจทย กําหนด • จงหาคา d ที่ทําใหปริมาตรของ รูปทรงตอไปนี้ มีคาเทากับ 990 ลูกบาศกเซนติเมตร d
30
แบบตรวจสอบความเข้าใจที่
1.3
1. จงหาพืน้ ทีผ่ วิ และปริมาตรของรูปเรขาคณิตสามมิติในแต่ละข้อต่อไปนี ้ (ก�าหนดให้ π ≈ 227 ) 1) 2) 14 ซม. 4 ซม.
4 ซม. 8 ซม.
3) 7 ซม.
12 ซม.
2. จงหาพื้นที่ผิวภายนอกและปริมาตรของทรงกระบอกต่อไปนี้ (ก�าหนดให้ π ≈ 227 ) 1) กระปองอาหารทรงกระบอกที่มีรัศมีภายในของฐาน 3.5 เซนติเมตร กระปองหนา 1 มิลลิเมตร เท่ากันตลอดและสูง 12 เซนติเมตร 2) แจกันแก้วทรงกระบอกสูง 14 เซนติเมตร มีความหนาเท่ากันตลอดและ มีเส้นผ่านศูนย์กลางภายในและภายนอก 7 และ 8 เซนติเมตรตามล�าดับ 3. 3. จงหาพืน้ ทีผ่ วิ ภายในและปริมาตรของวัสดุที่ใช้ทา� ทรงกระบอกต่อไปนี ้ (ก�าหนดให้ π ≈ 3.14) 1) ถังทรงกระบอกไม่มีฝา มีเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของฐาน 42 เซนติเมตร หนา 3 มิลลิเมตร เท่ากันตลอดและสูง 15 เซนติเมตร 2) กระถางดินเผาทรงกระบอกที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกและภายในของฐาน 14 และ 12 เซนติเมตรตามล�าดับ กระถางสูง 9 เซนติเมตร และมีความหนาเท่ากันตลอด (ต้องการทศนิยมสองต�าแหน่ง) 4. บริษัทเครื่องดื่มออกแบบขนาดของกระปองน�้าอัดลมทรงกระบอก 2 แบบดังนี้ 1) แบบที่หนึ่งมีความจุ 250 มิลลิลิตรและรัศมีภายในของฐานกระปอง 3 เซนติเมตร จงหาความสูงภายในของกระปอง (ตอบในรูปของ π ) 2) แบบที่สองมีความจุ 400 มิลลิลิตรและความสูงภายใน 12 เซนติเมตร จงหารัศมีภายในของฐานกระปอง (ตอบในรูปของ π )
35 ซม.
10 ซม.
1. 8 เซนติเมตร 2. 6 เซนติเมตร 3. 4 เซนติเมตร 4. 2 เซนติเมตร
30
คูมือครู
(แนวคิด กําหนด d เปนเสนผานศูนยกลางภายในของทรงกระบอก และเสนผานศูนยกลางภายนอกของทรงกระบอก แตโจทยไมไดถามปริมาตรของวัสดุ จึงไมตองใชพื้นที่วงแหวน πR2 - πr2 มาคํานวณ จากสูตร ปริมาตรทรงกระบอก = πrh2 2 แทนคา จะได 990 = 227 × d2 × 35 d2 = 990 ×77 × 4 = 18 × 2 d = 6 × 6 = 6 เซนติเมตร ดังนั้น คําตอบ คือ ขอ 2.)
()
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
กระตุนความสนใจ 31
5. นายสัญญามีแท่งเหล็กตัน A กับ แผ่นเหล็กตัน B ดังรูป จงตอบค�าถามในแต่ละข้อต่อไปนี้ r = 4 ซม. 1) ปริมาตรของแท่งเหล็ก A 5 ซม. 1 ซม. 5 ซม. และแผ่นเหล็ก B เป็นเท่าไร 2) ปริมาตรของแท่งเหล็ก A B A และแผ่นเหล็ก B ต่างกันเท่าไร 3) อัตราส่วนของพื้นที่ผิวภายนอกของแท่งเหล็ก A ต่อแผ่นเหล็ก B เท่ากับเท่าไร 6. กระปองทรงกระบอกจุน�้านมวัวได้ 365 ลูกบาศก์เซนติเมตร ถ้ากระปองมีรัศมีภายนอก ของฐาน 3.7 เซนติเมตร และกระปองหนา 0.2 เซนติเมตรตลอดทั้งกระปอง จงหาความสูงของกระปอง (ก�าหนด π ≈ 3.14 ต้องการทศนิยมสองต�าแหน่ง)
ครูนําภาชนะหรือบรรจุภัณฑที่เปน ปริซึมทรงกระบอกและพีระมิด จากนั้นใหนักเรียนดูรูปคลี่ของปริซึม ทรงกระบอกและพีระมิดเหลานั้น ซึ่งมีลักษณะและภาพตางกัน แลวถามนักเรียนวา • รูปคลี่ใดไมใชรูปคลี่ของปริซึม และทรงกระบอก เพราะเหตุใด (แนวตอบ ขึ้นอยูกับรูปคลี่ที่ครู ผูสอนนํามาใหนักเรียนดู) • รูปคลี่ใดเปนรูปคลี่ของรูป เรขาคณิตสามมิติที่เหมือนกัน (แนวตอบ ขึ้นอยูกับรูปคลี่ที่ครู ผูสอนนํามาใหนักเรียนดู)
4. พีระมิด (Pyramid)
สํารวจคนหา
กิจกรรมที่ 1 ให้นักเรียนสร้างรูปเรขาคณิตสองมิติทุกรูปตามขนาดที่ก�าหนดให้ต่อไปนี้
75 �
75 � �
75 �
75 �
75
75 �
จัดกลุมนักเรียนคละความสามารถ กัน กลุมละ 4 คน ใหปฏิบัติกิจกรรม ที่ 1 โดยใหแตละกลุมสรางรูปพีระมิด 2 รูป เชน พีระมิดรูปสามเหลี่ยมหนา จั่ ว พี ร ะมิ ด รู ป สามเหลี่ ย มด า นเท า พีระมิดรูปหาเหลี่ยมดานเทามุมเทา เปนตน แตละกลุม วัดความยาว ความ กวาง ความสูงของรูปเรขาคณิตสอง มิติในแตละรูปคลี่ พรอมหาพื้นที่ @
ตัดตามแนวรอบนอกแล้วพับตามรอยประ น�ามาประกอบกัน ให้ความยาวของด้านที่มี ขนาดเท่ากันของรูปสามเหลี่ยมบรรจบกัน จะได้รูปเรขาคณิตสามมิติ ให้นักเรียน สังเกตรูปเรขาคณิตสามมิติที่ได้ว่า มีลักษณะอย่างไร และเหมือนกันทุกรูป หรือไม่
มุม IT
ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พีระมิด(กิจกรรมเสริมทักษะ) ที่ http://www.learner.org/interactives/geometry/3d_pyramids. html
คูมือครู
31
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
อธิบายความรู ครูใหนักเรียนแตละกลุมนําเสนอ ผลงาน ครูใชคําถามเพื่อใหนักเรียน สังเกต ลักษณะตางๆที่เหมือนกัน ของรูปเรขาคณิตสามมิติเหลานี้ พรอมสาธิตประกอบคําอธิบาย ใหนักเรียนไดความคิดรวบยอด เกี่ยวกับพีระมิด
เกร็ดแนะครู การสอนในเรื่องนี้ครูใชการสาธิต ประกอบคําอธิบายเชื่อมโยงจาก การปฏิบัติกิจกรรม เพื่อแนะนํา สวนตางๆ ของพีระมิด
@
มุม IT
ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พีระมิดไดที่ http://www. mathsisfun.com/geometry/ pyramids.html
32
จากรูปเรขาคณิตสองมิติที่ก�าหนดให้ เมื่อน�าแต่ละรูปมาประกอบ เป็นรูปเรขาคณิตสามมิติจะมีลักษณะเหมือนกันทั้งสามรูป และได้รูปเรขาคณิตสามมิติดังรูป ก. เรียกรูปเรขาคณิตสามมิตินี้ว่า พีระมิด รูป ก. ให้นกั เรียนลองค้นคว้าเกีย่ วกับพีระมิดในอียปิ ต์ ซึง่ เป็นสถาปัตยกรรมทีย่ งิ่ ใหญ่ และเป็น สิง่ มหัศจรรย์ของโลก ทีส่ ร้างขึน้ โดยชาวอียปิ ต์โบราณ พีระมิดทีม่ ชี อื่ เสียงและยังคงปรากฏอยูจ่ นถึง ปัจจุบันนี้ เช่น พีระมิดแห่งเมืองกิซา (Great Pyramid at Giza) ในประเทศอียิปต์ พิจารณารูปพีระมิดซึ่งประกอบด้วยส่วนต่างๆ ของพีระมิดดังนี้ ยอด สัน หน้า ส่วนสูงของพีระมิด ฐาน พีระมิดตรง
พีระมิดเอียง
ส่วนประกอบของพีระมิด 1. ฐานของพี ของพีระมิดเป็นรูปหลายเหลี่ยมใดๆ 2. เรียกส่วนที่เป็นรูปสามเหลี่ยมแต่ละรูปที่ไม่ใช่ฐานว่า หน้าของพีระมิด 3. เรียกขอบของแต่ละหน้าที่ไม่เป็นด้านหนึ่งของฐานว่า สันของพีระมิด 4. เรียกจุดหนึ่งเหนือฐานของพีระมิดที่เกิดจากการพบกันของสันของพีระมิดว่า จุดยอดของพีระมิด 5. เรียกส่วนของเส้นตรงที่ลากจากจุดยอดมาตั้งฉากกับฐานของพีระมิดว่าสูงตรง 6. เรียกส่วนสูงของหน้าของพีระมิดแต่ละหน้าว่าสูงเอียง มุมความคิด รูปเรขาคณิตสามมิติที่มีฐานเป็นรูปหลายเหลี่ยมใดๆ มียอดแหลมซึ่งไม่อยู่บนระนาบ เดียวกันกับฐาน และหน้าทุกหน้าเป็นรูปสามเหลี่ยมที่มีจุดยอดร่วมกันที่ยอดแหลม เรียกว่า พีระมิด
32
คูมือครู
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู 33
เรานิยมเรียกชื่อของพีระมิดตามลักษณะของฐาน เช่น พีระมิดฐานสามเหลี่ยม พีระมิด ฐานสีเ่ หลีย่ มผืนผ้า พีระมิดฐานสีเ่ หลีย่ มจัตรุ สั พีระมิดฐานหกเหลีย่ ม เป็นต้น ดังตัวอย่างรูปต่อไปนี้
พีระมิดฐานสามเหลี่ยม
พีระมิดฐานสี่เหลี่ยมผืนผ้า
พีระมิดฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส
พีระมิดฐานหกเหลี่ยม
ตรง นั่นคือพีระมิด ในกรณีที่พีระมิดมีสันยาวเท่ากันทุกเส้น เรีเรียกพีระมิดนั้นว่า พีพีระมิดตรง นั ตรงจะมีหน้าเป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ในบทเรี ในบทเรียนนี้จะกล่าวถึงพีระมิดตรงเท่านั้น
4.1 พื้นที่ผิวของพีระมิด
การหาพื้นที่ผิวของพีระมิดเราสามารถหาได้โดยการคลี่รูปเรขาคณิตสามมิติออกเป็น รูปเรขาคณิตสองมิติ และค�านวณหาพื้นที่ของรูปเรขาคณิตสองมิตินั้นแต่ละรูป แล้วน�าพื้นที่ของ ทุกรูปรวมกันเป็นพื้นที่ผิวของพีระมิดรูปนั้น ตัตัวอย่างเช่น 1)
a
สูงเอียง (l)
a พีระมิดฐานสามเหลี่ยมด้านเท่า รูปคลี่ของพีระมิดฐานสามเหลี่ยมด้านเท่า
• ถาโจทยกําหนดความสูงของพีระมิดใหนักเรียนหา โดยใชความรูใดไดบาง (แนวตอบ ใชความรูทฤษฎีบทพีทาโกรัส) • ถาโจทยกําหนดสันของพีระมิดใหนักเรียนหา โดยใชความรูใดไดบาง (แนวตอบ ใชความรูทฤษฎีบทพีทาโกรัส) 2. ใหนักเรียนชวยกันสรุปสูตร พื้นที่ผิวของพีระมิดฐานตามขอ 1), 2) และ 3) หนา 33-35
1. ครูสนทนาหรือตั้งคําถามกับ นักเรียน โดยเชื่อมโยงความรูจาก กิจกรรมรูปคลี่กับรูปเรขาคณิต สามมิติ แตละคําถาม ครูควรให นักเรียนดูจากพีระมิดฐานตางๆ ตามหัวขอ 4.1 พื้นที่ผิวของพีระมิด หนา 33-35 ประกอบดวย เพื่อจะไดเกิดความเขาใจและได ความคิดรวบยอด พรอมแนะนํา คําศัพทที่เกี่ยวของกับพื้นที่ผิว • หนาของพีระมิดแตละหนาเปน รูปสามเหลี่ยมชนิดใด เทากัน หรือไม (แนวตอบ เปนรูปสามเหลี่ยม หนาจั่ว โดยมีรายละเอียด เพิ่มเติมดังนี้ - ฐานเปนรูปสามเหลี่ยมดาน เทา หนาของพีระมิดเปนรูป สามเหลี่ยมหนาจั่ว 3 รูป ซึ่ง เทากันทุกประการ - ฐานเปนรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส หนาของพีระมิดเปนรูป สามเหลี่ยมหนาจั่ว 4 รูป ซึ่ง เทากันทุกประการ - ฐานเปนรูปหกเหลี่ยมดานเทา มุมเทา หนาของพีระมิดเปน รูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว 6 รูป ซึ่งเทากันทุกประการ) • ความสูงในแตละหนาของ พีระมิดเรียกวาอะไร ใชตัว อักษรใดแทน (แนวตอบ เรียกวา สูงเอียง ใช สัญลักษณแทนดวย l) • ถาโจทยไมกําหนดสูงเอียงให นักเรียนคิดวา เราหาพื้นที่หนา ของพีระมิดไดหรือไม ถาหาไม ไดโจทยตองกําหนดขอมูลใด เพิ่มเติมและนักเรียนตองใช ความรูใดเพิ่มเติมอีกบาง (แนวตอบ สามารถหาพื้นที่ได แตโจทยตองกําหนดความยาว สันของพีระมิดให ซึ่งเราตองใช ความรูทฤษฎีบทพีทาโกรัส)
คูมือครู
33
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
อธิบายความรู 1. ครูใชคําถามนําทาง • หนาของพีระมิดแตละหนาเปน รูปเหลี่ยมชนิดใด (แนวตอบ เปนรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส โดยเปนดานฐาน หนาของพีระมิด เปนรูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว 4 รูป ซึ่งเทากันทุกประการ) • ความสูงในแตละหนาของ พีระมิดเรียกวาอะไร ใชตัวอักษรใดแทน (แนวตอบ เรียกวา สูงเอียง ใช สัญลักษณแทนดวย l) • ถาโจทยไมกําหนดสูงเอียงให นักเรียนคิดวา เราหาพื้นที่หนา ของพีระมิดไดหรือไม ถาหาไม ไดโจทยตองกําหนดขอมูลใด เพิ่มเติมและนักเรียนตองใช ความรูใดเพิ่มเติมอีกบาง (แนวตอบ สามารถหาพื้นได แต โจทยตองกําหนดความยาวสัน ของพีระมิดให ซึ่งเราตองใช ความรูทฤษฎีบทพีทาโกรัส) • ถาโจทยกําหนดความสูงของ พีระมิดใหนักเรียนหา l โดยใช ความรูใดไดบาง (แนวตอบ ใชความรูทฤษฎีบท พีทาโกรัส) • ถาโจทยกําหนดสันของพีระมิด ใหนักเรียนหา l โดยใชความรู ใดไดบาง (แนวตอบ ใชความรูทฤษฎีบท พีทาโกรัส) 2. ใหนักเรียนชวยกันสรุปสูตร พื้นที่ผิวของพีระมิดฐานสี่เหลี่ยม จัตุรัส
34
คูมือครู
34
รูปคลีข่ องพีระมิดฐานสามเหลีย่ มด้านเท่าทีม่ คี วามยาวของฐาน a หน่วย และความยาว ของสูงเอียง l หน่วย ประกอบด้วยรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ซึ่งเป็นฐานหนึ่งรูปและรูปสามเหลี่ยม หน้าจั่วสามรูป ซึ่งเป็นหน้าของพีระมิด พื้นที่ของหน้าทุกหน้าของพีระมิดรวมกันเรียกว่า พื้นที่ผิว ข้างของพีระมิด พื้นที่ฐานเท่ากับพื้นที่ของรูปสามเหลี่ยมด้านเท่าหนึ่งรูป พื้นที่ฐานเท่ากับ 43 a2 ตารางหน่วย พื้นที่ผิวข้าง เท่ากับ พืน้ ทีข่ องรูปสามเหลีย่ มหน้าจัว่ สามรูป ซึ่งเท่ากันทุกประการ พื้นที่ผิวข้าง = 3 × ( 12 × a × l ) ตารางหน่วย จะได้ พื้นที่ผิวของพีระมิดฐานสามเหลี่ยมด้านเท่าเท่ากับพื้นที่ฐานรวมกับพื้นที่ผิวข้าง พื้นที่ผิวของพีระมิดฐานสามเหลี่ยมด้านเท่า = 43 a2 + 3 × ( 12 × a × l ) =
3 2 3 4 a + 2 al ตารางหน่วย
2) b
a พีระมิดฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส
รูปคลี่ของพีระมิด ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส
รูปคลี่ของพีระมิดฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส ประกอบด้วยรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งเป็นฐานหนึ่งรูป และรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วซึ่งเป็นหน้าของพีระมิดสี่รูป พื้นที่ฐาน เท่ากับพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสหนึ่งรูป พื้นที่ฐาน = a2 ตารางหน่วย พื้นที่ผิวข้าง เท่ากับพื้นที่ของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วสี่รูป ซึ่งเท่ากันทุกประการ
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู 35
พื้นที่ผิวข้าง = 4 × ( 12 × a × l ) = 2al ตารางหน่วย ดังนั้น พื้นที่ผิวของพีระมิดฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสเท่ากับพื้นที่ฐานรวมกับพื้นที่ผิวข้าง = a2 + 2al ตารางหน่วย 3)
สูงเอียง ( l) a a พีระมิดฐานหกเหลี่ยม ด้านเท่ามุมเท่า
รูปคลี่ของพีระมิดฐานหกเหลี่ยม ด้านเท่ามุมเท่า
รูปคลี่ของพีระมิดฐานหกเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่า ประกอบด้วยรูปหกเหลี่ยมด้านเท่า และรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วซึ่งเป็นหน้าของพีระมิดจ�านวนหกรูป มุมเท่าซึ่งเป็นฐานหนึ่งรูป และรู พื้นที่ฐานเท่ากับพื้นที่ของรูปหกเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่า 3 3 (ความยาวด้าน)2 คงจ�าได้นะว่า พื้นที่ฐาน = (ความยาวด้ 2 พื้นที่ของรูปหกเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่า
3 3 a2 ตารางหน่วย = 2 พื้นที่ผิวข้าง เท่ากับพื้นที่ของรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วหกรูป ซึ่งเท่ากันทุกประการ พื้นที่ผิวข้าง = 6 × ( 12 × a × l ) = 3 al ตารางหน่วย ซึ่ง พื้นที่ผิวของพีระมิดเท่ากับพื้นที่ฐานรวมกับพื้นที่ผิวข้าง ดังนั้น พื้นที่ผิวของพีระมิดฐานหกเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่า เท่ากับ 3 3 a2 + 3 al ตารางหน่วย 2
เท่ากับ 3 3 (ความยาวด้าน)2 2
1. ครูตงั้ คําถามกับนักเรียน โดยเชือ่ มโยง ความรู จ ากกิ จ กรรมรู ป คลี่ กั บ รู ป เรขาคณิตสามมิติ แตละคําถามครู ควรใหนักเรียนดูจากพีระมิดฐาน หกเหลี่ยมดานเทามุมเทา เพื่อให เกิ ด ความเข า ใจและได ค วามคิ ด รวบยอดที่สมบูรณ • หนาของพีระมิดแตละหนาเปน รูปเหลี่ยมชนิดใด (แนวตอบ เปนรูปหกเหลี่ยมดาน เทามุมเทา โดย - ฐานเปนรูปหกเหลี่ยมดานเทา มุมเทา หนาของพีระมิดเปน รูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว 6 รูป ซึ่งเทากันทุกประการ - ความสูงในแตละหนาของ พีระมิดเรียกวาอะไร ใชตัว อักษรใดแทน (แนวตอบ เรียกวา สูงเอียง ใช l แทน) • ถาโจทยไมกําหนดสูงเอียงให นักเรียนคิดวา เราหาพื้นที่หนา ของพีระมิดไดหรือไม ถาหาไม ไดโจทยตองกําหนดขอมูลใด เพิ่มเติมและนักเรียนตองใช ความรูใดเพิ่มเติมอีกบาง (แนวตอบ สามารถหาพื้นที่ได แตโจทยตองกําหนดความยาว สันของพีระมิดให ซึ่งเราตองใช ความรูทฤษฎีบทพีทาโกรัส) • ถานักเรียนจําสูตร พื้นที่ของ รูปหกเหลี่ยมดานเทามุมเทา ไมได นักเรียนทราบไหมวา จะ นําความรูใดหาความสูงของรูป สามเหลี่ยมหนาจั่วไดบาง (แนวตอบ ทฤษฎีบทพีทาโกรัส) 2. ครูแนะนําการใชสูตรหาพื้นที่ หกเหลี่ยมดานเทามุมเทาเพิ่มเติม
คูมือครู
35
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Engage
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
สํารวจคนหา 1. ครูใชคําถามเชื่อมโยงความรูจาก ตาราง หนา 36 เพื่อใหไดความ คิดรวบยอดเกี่ยวกับความยาวเสน รอบฐาน และไดสูตรพื้นที่ผิวขาง ของพีระมิด = 1 × ความยาว 2 เสนรอบฐาน × ความสูงเอียง 2. ใหนักเรียนสรุปการหาพื้นที่ผิวของ พีระมิดตามมุมความคิด หนา 36
36
จากตัวอย่างข้างต้น สรุปการหาพื้นที่ผิวของพีระมิดฐานต่างๆ ได้ดังตาราง พีระมิดที่ก�าหนดให้
พื้นที่ฐาน
พีระมิดฐานสามเหลี่ยม พืน้ ทีร่ ปู สามเหลีย่ มด้านเท่า เท่ากับ 3 2 ด้านเท่า 4 a พี ร ะมิ ด ฐานสี่ เ หลี่ ย ม พื้นที่รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส จัตุรัส เท่ากับ a2
นักเรียนควรรู
มุม IT
ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพื้นที่ ผิวของพีระมิด (กิจกรรมเสริม ทักษะ) ที่ http://www. bigideasmath.com/protected/ content/ipe/grade%207/06/ g7_06_04.pdf
คูมือครู
)
(
)
a2 + 2al
(
)
3 3 a2 + 3al 2
มุมความคิด
36
พื้นที่ผิว 3 2 3 4 a + 2 al
(
พี ร ะมิ ด ฐานหกเหลี่ ย ม พืน้ ทีร่ ปู หกเหลีย่ มด้านเท่ามุมเท่า 6 x 12 x a x l 3 3 ด้านเท่ามุมเท่า = 3al เท่ากับ 2 a2
รูปสามเหลี่ยมดานเทา มีสมบัติ ดังนี้ • มุมทั้งสามของรูปสามเหลี่ยม ดานเทามีขนาดเทากัน • ดานทั้งสามของรูปสามเหลี่ยม ที่มุมทั้งสามมีขนาดเทากันยอม ยาวเทากัน @
พื้นที่ผิวข้าง 3x 1 x ax l 2 = 32 al 4 x 12 x a x l = 2al
พื้นที่ผิวของพีระมิดเท่ากับพื้นที่ฐานของพีระมิดรวมกับพื้นที่ผิวข้างของพีระมิด พื้นที่ผิวข้างของพีระมิดเท่ากับผลรวมของพื้นที่ทุกหน้าของพีระมิด
พิจารณา ารณา การหาพื การหาพื้นที่ผิวข้างของพีระมิดต่อไปนี้ จาก จาก พีพีระมิดฐานสามเหลี่ยมด้านเท่าข้างต้น พื้นที่ผิวข้างของพีระมิด = 33 × 12 × a × l = 12 × (3a) × l × a + a + a) × l = 12 × (a พื้นที่ผิวข้างของพีระมิด = 12 × ความยาวเส้นรอบฐาน × ความยาวสูงเอียง จาก พีระมิดฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส พื้นที่ผิวข้างของพีระมิด = 4 × 12 × a × l = 12 × (4a) × l = 12 × (a + a + a + a) × l ดังนั้น พื้นที่ผิวข้างของพีระมิด = 12 × ความยาวเส้นรอบฐาน × ความยาวสูงเอียง
(
)
(
)
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู 37
จาก พีระมิดฐานหกเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่า พื้นที่ผิวข้างของพีระมิด = 6 × ( 12 × a × l ) = 12 × (6a) × l = 12 × (a + a + a + a + a + a) × l พื้นที่ผิวข้างของพีระมิด = 12 × ความยาวเส้นรอบฐาน × ความยาวสูงเอียง
มุมความคิด ตัวอย่างที่
พีระมิดฐานสีเ่ หลีย่ มจัตรุ สั มีฐานยาวด้านละ 6 เซนติ เซนติเมตร สู มตร สูงเอียงเท่ากับ 5 เซนติเมตร จงหาพื้นที่ผิวของพีระมิดรูปนี้ วิธีทำ�
จากโจทย์สามารถสร้างรูปจ�าลองพีระมิด และรู และรูปคลี่ของพีระมิดได้ดังนี้ 55 ซม. ซม.
1
ถ้าฐานของพีระมิดเป็นรูปหลายเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่า พื้นที่ผิวข้างของพีระมิด = 1 x ความยาวเส้นรอบฐาน x ความยาวสูงเอียง 2
สูงเอียง 5 ซม. 5 ซม. 5 ซม.
5 ซม. 5 ซม. 6 ซม. 6 ซม.
6 ซม. 55 ซม. ซม.
6 ซม.
ตัวอยางที่ 1 ครูใชคําถามให นักเรียนวิเคราะห • ขอมูลที่กําหนดเพียงพอที่จะหา พื้นที่ผิวหรือไม (แนวตอบ เพียงพอ เพราะ กําหนดสูงเอียงและฐานเปน รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งเปน รูปเหลี่ยมที่มีดานเทาและ มุมเทา) • นักเรียนจะเลือกใชสูตรใด เพราะเหตุใด (แนวตอบ ใชสูตร พื้นที่ผิวขาง = 4 × 12 al เพราะวาสะดวกใน การคํานวณมากกวาใชสูตร 1 × ความยาวเสนรอบรูป × l) 2
เกร็ดแนะครู ครูตองยํ้าเตือนนักเรียนใหระมัด ระวังการใชสูตรหาพื้นที่ผิวขางวา พีระมิดตองเปนรูปหลายเหลี่ยมดาน เทามุมเทา ถาเปนรูปหลายเหลี่ยม มุมเทาแตดา นไมเทา เชน รูปสีเ่ หลีย่ ม ผืนผา จะตองหาความยาวของ สูงเอียงของรูปสามเหลี่ยมแตละรูป
จาก พื้นที่ผิวของพีระมิดเท่ากับพื้นที่ฐานของพีระมิดรวมกับพื้นที่ผิวข้าง จะได้ พื้นที่ผิว = (6 × 6) + 4 × 12 × 6 × 5 = 36 + 60 = 96 ตารางเซนติเมตร ดังนั้น พื้นที่ผิวของพีระมิดรูปนี้เท่ากับ 96 ตารางเซนติเมตร ตอบ
(
)
คูมือครู
37
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
อธิบายความรู 1. ตัวอยางที่ 2 ครูใชคําถามให นักเรียนวิเคราะหโจทย • นักเรียนจะเลือกใชสูตรใด คํานวณ เพราะเหตุใด (แนวตอบ ใชสูตร พื้นที่ผิวขาง เทากับ 4 × 12 al) เพราะวา สะดวกในการคํานวณวาใชสูตร 1 × ความยาวเสนรอบรูป × l) 2 2. ตัวอยางที่ 3 หนา 38-39 ครูใช คําถามใหนักเรียนวิเคราะห • นักเรียนจะใชสูตรพื้นที่ผิวขาง เทากับ 12 × ความยาวเสนรอบ ฐาน × ความสูงเอียง ไดหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ ไมได เพราะฐานของ พีระมิดไมเปนรูปหลายเหลี่ยม ดานเทาและมุมเทา) • ตัวอยางนี้ขอมูลที่กําหนดเพียง พอที่จะหาพื้นที่ผิวหรือไม (แนวตอบ ไมเพียงพอ) • ถาไมเพียงพอยังขาดสวนใด ของพีระมิด และจะตองหาสวน ที่ขาดอยูไดอยางไร (แนวตอบ ยังขาดสูงเอียง จะตอง ใชทฤษฎีบทพีทาโกรัสหาความ ยาวของสูงเอียงของรูป สามเหลี่ยมหนาจั่ว ที่ฐาน ยาว 6 ซม. และ 4 ซม.) • นักเรียนจําเปนตองใชความยาว ของสันหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ ตองใชความยาวของ สัน หาความยาวของสูงเอียง โดยความยาวของสันจะเปน ความยาวของดานตรงขาม มุมฉาก) • ความยาวของสูงเอียงเทากันทุก เสนหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ ไมเทากันทุกเสน เพราะวาฐานของพีระมิดไมเปน รูปเหลี่ยมดานเทามุมเทา)
38
คูมือครู
38 V ตัวอย่างที่
2
พีระมิดฐานสามเหลี่ยมด้านเท่ามีด้านยาวด้านละ 8 เซนติเมตร และหน้าทุกหน้าของพีระมิดเป็นรูปสามเหลี่ยมเท่ากันทุกรูป และเท่ากับฐานของพีระมิด จงหาพื้นที่ผิวของพีระมิด P วิธีทำ�
8 ซม. Q 8 ซม.
R
เนื่องจากฐานและหน้าทุกหน้าของพีระมิดเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า พื้นที่ผิวเท่ากับพื้นที่ฐานรวมกับพื้นที่ผิวข้าง คงจ�าได้นะว่า พื้นที่ของรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า จะได้ว่า พื้นที่ผิวเท่ากับสี่เท่าของพื้นที่ของรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า = 3 (ความยาวด้าน)2 พื้นที่ผิว = 4 × 3 × 82 4 4 = 3 × 82 = 64 3 ตารางเซนติเมตร ดังนั้น พืพื้นที่ผิวของพีระมิด เท่ากับ 64 3 ตารางเซนติเมตร ตอบ นักเรียนคิดว่า พืพื้นที่ผิวของพีระมิดฐานสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีวิธีการหาเช่นเดียว กับพีระมิดที่มีฐานเป็นรูปหลายเหลี่ยมด้านเท่าหรือไม่ ให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างต่อไปนี้
(
)
ตัวอย่3างที่ พีระมิดฐานสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งมีความกว้างง 4 เซนติ 4 เซนติเมตร ความยาว 6 เซนติ มตร เมตร ยาว 8 เซนติ และสันทุกเส้นยาว 8 เซนติเมตร จงหาพื มตร จงหาพื้นที่ผิวของพีระมิดรูปนี้
วิธีทำ�
จากโจทย์สามารถสร้างรูปจ�าลองพีระมิดและรูปคลี่ของพีระมิดได้ ดังนี้ 3
8 ซม. 8 ซม. 4 ซม. 6 ซม.
1
4 ซม. 6 ซม. 4
พื้นที่ผิวของพีระมิดเท่ากับพื้นที่ฐานของพีระมิดรวมกับพื้นที่ผิวข้าง หาพื้นที่ฐานของพีระมิดและพื้นที่ผิวข้างได้ดังนี้ พื้นที่ฐาน = 4 × 6 = 24 ตารางเซนติเมตร
2
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู 39
พื้นที่ผิวข้างของพีระมิดฐานสี่เหลี่ยมผืนผ้า คือ ผลรวมของพื้นที่รูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว รูปที่ 1 , 2 , 3 และ 4 จากรูปพื้นที่รูปสามเหลี่ยมรูปที่ 1 เท่ากับรูปสามเหลี่ยมรูปที่ 2 และหาพื้นที่ของ รูปสามเหลี่ยมได้ดังนี้ พื้นที่รูปสามเหลี่ยม = 12 × ความยาวฐาน × ความสูง 82 - 22 จะได้พื้นที่รูปสามเหลี่ยมรูปที่ 1 = 12 × 4 × 60 8 = 4 15 ตารางเซนติเมตร 2 2 = 60 ในท�านองเดียวกัน รูปสามเหลี่ยมรูปที่ 3 เท่ากับ พื้นที่รูปสามเหลี่ยมรูปที่ 4 พื้นที่รูปสามเหลี่ยมรูปที่ 3 = 12 × 6 × 55
82 - 32 = 3 55 ตารางเซนติเมตร 8 จะได้ พื้นที่ผิวข้างเท่ากับสองเท่าของพื้นที่ 3 3 = 55 รูปสามเหลี่ยมรูปที่ 1 รวมกับสองเท่าของพื้นที่ รูปสามเหลี่ยมรูปที่ 3 = 2(4 15 ) + 2 (3 55 ) = 8 15 + 6 55 ตารางเซนติเมตร ดังนั้น พื้นที่ผิวของพีระมิดรูปนี้เท่ากับ 24 + 8 15 + 6 55 ตารางเซนติเมตร
ตอบ
จากตัวอย่างที่ 3 นักเรียนจะพบว่าเมื่อฐานของพีระมิดไม่เป็นรูปหลายเหลี่ยมด้านเท่า ฐานของรูปสามเหลี่ยมที่เป็นหน้าของพีระมิดจะมีความยาวไม่เท่ากัน จะท�าให้หน้าของพีระมิด เป็นรูปสามเหลีย่ มหน้าจัว่ ที่ไม่เท่ากันทุกประการ ดังนัน้ การหาพืน้ ทีผ่ วิ ข้างของพีระมิดจะใช้วธิ กี าร เช่นเดียวกับพีระมิดที่มีฐานเป็นรูปหลายเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่าไม่ได้ ควรใช้การวาดรูปคลี่ของ พีระมิด เพื่อช่วยในการค�านวณหาพื้นที่ผิวข้างได้ถูกต้อง
จากตัวอยางที่ 3 หนา 38-39 ใหนักเรียนวิเคราะหโจทย • สูตรการหาพื้นที่ผิวของพีระมิด มีความยาวของสันในสูตร หรือไม (แนวตอบ ไมมี) • ถาโจทยกําหนดความยาว ของสัน นักเรียนคิดวา ขอมูลนี้ เปนขอมูลที่ไมจําเปนหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ อาจจะจําเปนและไม จําเปน เพราะวาถาไมกําหนด ความยาวของสูงเอียงแสดงวา ความยาวของสันเปนขอมูลที่ จําเปน) • นักเรียนจําเปนตองใชความยาว ของสันหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ ตองใชความยาวของ สัน จากสูงเอียงโดยความยาว ของสันจะเปนความยาวของ ดานตรงขามมุมฉาก) • ความยาวของสูงเอียงเทากันทุก เสนหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ ไมเทากันทุกเสน เพราะวาฐานของพีระมิด ไมเปนรูปเหลี่ยมดานเทา มุมเทา)
4.2 ปริมาตรของพีระมิด
เพื่อให้เกิดแนวคิดในการหาปริมาตรของพีระมิด ให้นักเรียนลองท�ากิจกรรมตาม ขั้นตอนต่อไปนี้
คูมือครู
39
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา Explore
Engage
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
สํารวจคนหา
@
มุม IT
ศึกษาขอมูลเกี่ยวกับปริมาตร ของพีระมิดไดที่ http://www. mathsteacher.com.au/year10/ ch14_measurement/ 25_pyramid/21pyramid. htm
40
13 ซม.
กิจกรรม 1. ลอกแบบของรูป ก. แล้วตัดตามแนวเส้นขอบเพื่อสร้างเป็นพีระมิดฐานสี่เหลี่ยม จัตุรัส ดังรูป ข. 13 ซม. รูป ก.
10 ซม.
10 ซม.
10 ซม. 13 ซม. 10 ซม.
12 ซม.
13 ซม.
1. จัดกลุมนักเรียน กลุมละ 4 คน คละความสามารถกัน ปฏิบัติ กิจกรรมจากขอ 1-4 หนา 40 2. ตัวแทนกลุมรายงานผลการปฏิบัติ กิจกรรมวา ตองเททรายจาก พีระมิดจํานวนกี่ครั้งจึงเต็มปริซึม 3. ใหนักเรียนสรุปความสัมพันธ ระหวางปริมาตรของทรายใน ปริซึมกับปริมาตรของทรายจาก พีระมิดที่มีความสูงเทากันและฐาน เทากัน ซึ่งไดตามมุมความคิด หนา 41
รูป ข.
2. ลอกแบบของรูป ค. แล้วตัดตามแนวเส้นขอบเพื่อสร้างเป็นปริซึมสี่เหลี่ยมจัตุรัส ดังรูป ง. ซึ่งมีความสูงเท่ากับความสูงของพีระมิดที่สร้างจากรูป ก. 12 ซม.
12 ซม. 10 ซม. 10 ซม. 12 ซม.
12 10
12 ซม. รูป ค.
รูป ง.
3. ตัดตรงฐานของพีระมิดให้เป็นพีระมิดฐานเปิดดังรูป จ. แล้วบรรจุทรายให้เต็มพีระมิด รูป จ. 4. เททรายจากพีระมิดลงในปริซึมสี่เหลี่ยมจัตุรัสรูป ง. เมื่อเททราย 1 ครั้ง สังเกตว่าทรายเต็มปริซึมสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือไม่ ถ้ายังไม่เต็มให้ ปฏิบัติซ�้าอีก จะต้องเททรายในพีระมิดกี่ครั้งจึงจะเต็มปริซึมสี่เหลี่ยมจัตุรัสพอดี จะพบว่า ต้องเททรายจากพีระมิดใส่ลงในปริซึมถึง 3 ครั้งจึงเต็มพอดี จากการทดลองในกิจกรรมนี้จะสรุปได้ว่า 3 เท่าของปริมาตรของพีระมิด เท่ากับ ปริมาตรของปริซึมสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งมีฐานและความสูงเท่ากัน แสดงว่าปริมาตรของพีระมิดเท่ากับ 13 ของปริมาตรของปริซึมที่มีพื้นที่ฐานและ ความสูงเท่ากัน
40
คูมือครู
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู 41 น�้า
a
b ในท� า นองเดี ย วกั น สมมติ ว ่ า a เราต้องการเติมน�้าลงในถังน�้าทรงสี่เหลี่ยม มุมฉาก เราก็จะต้องใช้น�้า 3 เท่าของพีระมิด h h ฐานสี่เหลี่ยมมุมฉากที่มีพื้นที่ฐาน และความ สูงเท่ากับถังทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากดังรูป จ. นอกจากนั้น นักเรียนอาจจะ b รูป จ. ทดลองสร้างพีระมิดฐานต่างๆ ซึ่งก็จะพบว่า 3 เท่าของปริมาตรของพีระมิดจะเท่ากับปริมาตร ของปริซึม ซึ่งมีพื้นที่ฐานและความสูงเท่ากับพีระมิดนั้นหรืออาจใช้อุปกรณ์ส�าเร็จรูปที่สร้างด้วย พลาสติกใส และใช้น�้าสีแทนทราย
มุมความคิด
ปริมาตรของพีระมิด
หรือ V
เมือ่ V A และ h
ครูใชคําถามใหนักเรียน วิเคราะหโจทย ตัวอยางที่ 4 • ขอมูลที่กําหนดเพียงพอที่จะหา ปริมาตรหรือไม (แนวตอบ เพียงพอที่จะหา ปริมาตรได) • ความยาว ความกวางและความ สูงเปนหนวยเดียวกันหรือไม (แนวตอบ หนวยเดียวกัน) • หาปริมาตรโดยใชสูตรปริมาตร อะไรไดบาง (แนวตอบ ใชสูตร V = 13 Ah)
เกร็ดแนะครู
1 x พื พืน้ ทีฐ่ าน าน x ความสู x ความสูง 3 1 Ah = 3 แทนปริมาตรของพีระมิด แทนพืน้ ทีฐ่ านของพีระมิด แทนความสูงของพีระมิด =
ครูอาจใหนักเรียนที่มีความรูความ เขาใจเกี่ยวกับเรื่องพีระมิด ชวย อธิบายทบทวนความรูใหแกเพื่อน อีกครั้งหนึ่งโดยสรางรูปประกอบกับ อธิบายดวย
ตัวอย่4างที่ จงหาปริมาตรของพีระมิดฐานสี่เหลี่ยมมุมฉาก ซึซึ่งมีความกว้างง 6 เซนติ เซนติเมตร มตร และสูง 10 เซนติเมตร ความยาว 8 เซนติเมตร และสู
วิธีทำ�
10 ซม. 10 ซม. จากโจทย์ สร้างรูปจ�าลองได้ดังนี้ เนื่องจาก v = 13 Ah จะได้ v = 13 (6 × 8)(10) 8 ซม. = 160 ลูกบาศก์เซนติเมตร ดังนั้น ปริมาตรของพีระมิดนี้ เท่ากับ 160 ลูกบาศก์เซนติเมตร
6 ซม.
ตอบ
คูมือครู
41
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Explain
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
อธิบายความรู ครูถามใหนักเรียนแสดงความคิด เกี่ยวกับตัวอยางที่ 5 • ขอมูลที่กําหนดในตัวอยางที่ 5 เพียงพอที่จะหาพื้นที่ฐาน และ ความยาวแตละดานของพีระมิด หรือไม (แนวตอบ เพียงพอ) • การหาคําตอบจะตองใชความรู ใดบาง (แนวตอบ ใชความรูปริมาตร ของพีระมิดและการแกสมการ เชิงเสนตัวแปรเดียว)
ขยายความเขาใจ
42 ตัวอย่างที่
5
พีระมิดฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสรูปหนึ่งสูง 6 เซนติเมตรมีปริมาตร 32 ลูกบาศก์เซนติเมตร จงค�านวณหา 1) พื้นที่ฐานของพีระมิด 2) ความยาวแต่ละด้านของฐานพีระมิด วิธีทำ�
1) เนื่องจากปริมาตรของพีระมิดเท่ากับ 32 ลูกบาศก์เซนติเมตร จะได้ 32 = 13 Ah 32 = 13 × A × 6 32 = 2A A = 322 = 16 ตารางเซนติเมตร ดังนั้น พืพื้นที่ฐานของพีระมิด เท่ากับ 16 ตารางเซนติเมตร 2) เนื่องจากฐานของพีระมิดเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส 2) จะได้ พืพื้นที่ฐานของพีระมิด เท่ากับ (ความยาวด้าน)2 16 = 42 ความยาวด้านเท่ากับ 4 เซนติ 4 เซนติเมตร ดังนั้น ความยาวของแต่ ความยาวของแต่ละด้านของฐานพีระมิดเท่ากับ 4 เซนติเมตร
1. ครูกําหนดประเด็นใหนักเรียน รวมกันแสดงความคิดเห็น • ในชีวิตประจําวันของนักเรียน ตองใชความรูเกี่ยวกับพื้นที่ผิว และปริมาตรของพีระมิดหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสวนมากอาจ แบบตรวจสอบความเข้าใจที่ 1.4 จะตอบวา ไมใชเพราะวาใน ชีวิตประจําวันไมไดเกี่ยวของกับ 1. ส�าหรับพีระมิดทีก่ า� หนดให้แต่ละข้อต่อไปนี้ให้นกั เรียนปฏิบตั ิ ดังนี้ พีระมิด) 1) เขียนรูปเรขาคณิตสองมิตทิ เี่ กิดจากการคลีพ่ รี ะมิด • อาชีพใดตองใชความรูเกี่ยวกับ 2) ค�านวณหาพืน้ ทีผ่ วิ ของพีระมิด พื้นที่ผิวและปริมาตรของ พีระมิด 3) จงหาปริมาตรของพีระมิด (แนวตอบ มีหลายอาชีพ ไดแก (1) (2) (3) อาชีพนักออกแบบบรรจุภัณฑ 13 ซม. 33 ซม. ชางบัดกรี เปนตน) 12 ซม. √37 ซม. 7 ซม. • ถาผูมีอาชีพดังกลาว ขาดความ 10 ซม. รูเรื่องพื้นที่ผิวและปริมาตร พีระมิด จะเกิดผลกระทบ 6 ซม. 10 ซม. อยางไรบาง (แนวตอบ คําตอบสามารถตอบ ไดหลากหลาย ตัวอยางเชน อาจใชวัสดุสิ้นเปลืองเกินไป ไมคุมคา หรืออาจจะเกิดความ เสียหายเกี่ยวกับธุรกิจได) 2. ใหนักเรียนจัดกลุมรวมกันหาแนวทางและวิธีการแกปญหาโจทยในแบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.4 หนา 42-43 3. จากนั้นใหแตละกลุมชวยกันตรวจสอบความถูกตองของคําตอบ
42
คูมือครู
ตอบ
31 ซม.
10 ซม.
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
Engage
Explore
Explain
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบผล 43
2. จ งหาพืน้ ทีฐ่ านของพีระมิดฐานสีเ่ หลีย่ มจัตรุ สั แต่ละข้อต่อไปนี ้ พร้อมทัง้ หาความยาวของด้าน แต่ละด้านของรูปสีเ่ หลีย่ มจัตรุ สั 1) ปริมาตร 96 ลูกบาศน์นวิ้ และสูง 2 นิว้ 2) มีปริมาตร 108 ลูกบาศก์เซนติเมตร และสูง 9 เซนติเมตร 3) มีปริมาตร 216 ลูกบาศก์เซนติเมตร และสูง 8 เซนติเมตร 4) มีปริมาตร 324 ลูกบาศก์เซนติเมตร และสูง 12 เซนติเมตร 3. จงหาความสูงของพีระมิดแต่ละข้อต่อไปนี้ 1) มีปริมาตร 160 ลูกบาศก์เซนติเมตร และพืน้ ทีฐ่ าน 80 ตารางเซนติเมตร 2) มีปริมาตร 294 ลูกบาศก์เซนติเมตร และพืน้ ทีฐ่ าน 126 ตารางเซนติเมตร 3) มีปริมาตร 464 ลูกบาศก์เซนติเมตร และพืน้ ทีฐ่ าน 174 ตารางเซนติเมตร 4. พีระมิดฐานสี่เหลี่ยมผืนผ้ารูปหนึ่งมีความกว้างและความยาวของฐาน 8 นิ้ว และ 10 นิ้ว ตามล�าดับ ความยาวของสัน 13 นิว้ และความสูง 8 2 นิว้ จงหาพืน้ ทีผ่ วิ และปริมาตรของ พีระมิดนี้ 5. เจดียจ์ า� ลองทรงพีระมิดฐานสีเ่ หลีย่ มจัตรุ สั องค์หนึง่ มีฐานยาวด้านละ 10 นิว้ สันยาว 13 นิว้ ถ้าต้องการทาสีผวิ ข้างทัง้ หมด จะใช้สกี กี่ ระปอง ถ้าสี 1 กระปองทาได้พนื้ ที ่ 20 ตารางนิว้
ตรวจสอบความถูกตองจากการทํา แบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.4 (ดูเฉลยแบบตรวจสอบความเขาใจ ที่ 1.4 ที่สวนเสริมดานหนาของ หนังสือเลมนี้) @
มุม IT
ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ปริมาตรของพีระมิด (แบบฝกหัด) ไดที่ http://www.goonone.com/ index.php/2010-06-07-03-0930/871--13
5. กรวย (Cone) ให้นกั เรียนใช้วงเวียนรัศมีพอสมควร วาดรูปวงกลมลงบนกระดาษ จากนัน้ ให้ตดั กระดาษ เป็นรูปสามเหลี่ยมฐานโค้ง (Sector) ดั ) ดังรูป ก. แล้วน�ารูปสามเหลี่ยมฐานโค้งที่ได้มาม้วนดังรูป ข. เมื่อติดกาวตรงขอบด้านข้างจะได้รูปเรขาคณิตสามมิติดังรูป ค. เรียกรูปเรขาคณิตสามมิตินี้ว่า กรวย ซึ ซึ่งมีฐานเปิด นอกจากนั้นเราอาจสร้างกรวยซึ่งมีฐานปิดโดยน�ารูป ค. วางบนกระดาษและ ตัดกระดาษมีฐานปิดตามขนาดของวงกลมน�ามาติดกับรูป ค. จะได้รูปเรขาคณิตสามมิติดังรูป ง. เรียกรูปเรขาคณิตนีว้ า่ กรวยซึง่ มีฐานปิด นักเรียนจะเห็นว่ากรวยฐานเปิดและกรวยฐานปิด จะมีฐาน เป็นรูปวงกลม ซึ่งความยาวเส้นรอบฐานเท่า 2πr ซึ่งรัศมีของกรวยกลม ข. จะหาได้จากความยาว ของส่วนโค้งจากรูปสามเหลี่ยมฐานโค้ง http://www.aksorn.com/LC/Math B1/M3/03
EB GUIDE
คูมือครู
43
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา Engage
Explore
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
กระตุนความสนใจ ครูนําของจริง เชน กรวยกรอกนํ้า กรวยที่ใสไอศกรีม เปนตน ใหนักเรียนดูและใชคําถาม • นักเรียนทราบไหมวา ขั้นตอน การสรางกรวยเปนอยางไร • ปริมาณวัสดุที่ใชทํากรวยตอง คํานวณอยางไร และตอง เกี่ยวของกับเนื้อหาใดบาง
44
ขอบด้านข้าง
θ
สํารวจคนหา 1. ใหนักเรียนจับคูศึกษาบทเรียน หนา 44 และปฏิบัติกิจกรรม โดย กําหนดรัศมีและมุมที่จุดศูนยกลาง ตามความสมัครใจ 2. ครูใชกรวยที่นักเรียนสรางสาธิต ประกอบคําอธิบายสวนตางๆ ของ กรวย 3. ใหนักเรียนแตละคูวัดความยาว ของสูงเอียง ความสูงและเสนผาน ศูนยกลางของฐาน 4. ใหนักเรียนรวมกันสรุปเกี่ยวกับ กรวยตามมุมความคิดหนา 44
@
มุม IT
ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพื้นที่ ผิวของกรวย (กิจกรรมเสริมทักษะ) ที่ http://www.bigideasmath. com/protected/content/ipe/ grade%207/06/g7_06_05.pdf
44
คูมือครู
ขอบด้านข้าง
รูป ก.
รูป ข.
รูป ค.
รูป ง.
ส่วนต่างๆ ของกรวยสามารถแสดงได้ ดังรูป ยอด สวนสูง
สวนสูง
สูงเอียง แกน ฐาน กรวยตรง
กรวยเอียง
กรวยตรง กรวยตรง ส่ส่วนสูงของกรวยจะตัง้ ฉากกับฐานทีจ่ ดุ ศูนย์กลางของฐานและจะเป็นเส้นเดียว กับแกนของกรวย ส่ ใดๆ บนขอบของฐานจะยาวเท่ากัน แกนของกรวย ส่วนของเส้นตรงที่ต่อระหว่างจุดยอดและจุดใดๆ เรียกว่าสูงเอียง นันั่นคือสูงเอียงของกรวยตรงจะยาวเท่ากัน กรวยเอียงง ส่วนสูงของกรวยจะตั้งฉากกับฐานที่จุดซึ่งไม่ใช่จุดศูนย์กลางของฐาน ลางของฐาน และ ส่วนสูงจะไม่เป็นแกนของกรวย ในบทเรียนต่อไปนี้จะกล่าวเฉพาะกรวยตรงเท่านั้น มุมความคิด รูปเรขาคณิตสามมิตทิ มี่ ฐี านเป็นวงกลม มียอดแหลมทีไ่ ม่อยูบ่ นระนาบเดียวกันกับฐาน และ เส้นทีต่ อ่ ระหว่างจุดยอดกับจุดใดๆ บนขอบของฐานเป็นส่วนของเส้นตรง เรียกรูปเรขาคณิตสามมิติ นัน้ ว่า กรวย
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
กระตุนความสนใจ 45
5.1 พื้นที่ผิวของกรวย
ให้นักเรียนน�ากระดาษสร้างกรวยฐานเปิด 1 อัน วัดความยาวของเส้นผ่านศูนย์กลาง ของฐานและสูงเอียง สมมติว่าวัดความยาวของเส้นผ่านศูนย์กลางของฐานได้ เท่ากับ d จะได้รัศมีของ ฐานเท่ากับ 2d และให้เท่ากับ r และสูงเอียงเท่ากับ l เมือ่ คลีก่ รวยกระดาษออก จะได้รปู สามเหลีย่ มฐานโค้ง และเรียกพืน้ ทีข่ องรูปสามเหลีย่ ม ฐานโค้งนี้ว่า พื้นที่ผิวข้างของกรวย l
l
r กิจกรรมที่ 1 จากรูปให้ O เป็ เป็นจุดศูนย์กลางของวงกลม มี AB เป็นเส้นผ่านศูนย์กลาง รัศมี r หน่ r หน่วย และมีส่วนโค้ง AB รองรับมุม AOB เป็ เป็นมุมที่จุดศูนย์กลาง ซึ่งมีขนาด 180 � ให้นักเรียนตอบค�าถามต่อไปนี้ 1. พื้นที่ของส่วนที่ระบายสีเท่ากับเท่าไร O A r B 2. พื้นที่ของวงกลมเท่ากับเท่าไร 3. อัตราส่วนของพื้นที่ในข้อ 1. และข้อ 2. เท่ากับเท่าไร 4. ความยาวของส่วนโค้ง AB ซึ ซึ่งรองรับมุมที่จุดศูนย์กลางเท่ากับเท่าไร 5. ความยาวของเส้นรอบรูปของวงกลมเท่ากับเท่าไร 6. อัตราส่วนของความยาวในข้อ 4. และข้อ 5. เท่ากับเท่าไร 7. อัตราส่วนในข้อ 3. และข้อ 6. เป็นอัตราส่วนที่เท่ากันหรือไม่ แนวการตอบ 2 1. พื้นที่ของส่วนที่ระบายสีเท่ากับ πr 2 2. พื้นที่ของวงกลมเท่ากับ πr2
ครูสนทนาและซักถามกับนักเรียน เกี่ยวกับความสูง เสนผานศูนยกลาง ความยาวของสูงเอียงของกรวยที่ แตละคูสรางไว • นักเรียนบอกไดไหมวา กรวยที่ นักเรียนสรางใชกระดาษ กี่ตารางเซนติเมตร (แนวตอบ ตอบไดหลากหลาย ตามพื้นฐานความรูของ นักเรียน) • นักเรียนรูไดอยางไร และ นักเรียนอยากทราบหรือไม วาจะคํานวณพื้นที่ของกระดาษ อยางไร (แนวตอบ ตอบไดหลากหลาย ตามพื้นฐานความรูของ นักเรียน)
สํารวจคนหา ใหนักเรียนจัดกลุม กลุมละ 4 คน คละความสามารถกัน ศึกษาบทเรียน และปฏิบัติกิจกรรมที่ 1 ถึง 3 หนา 45-48
คูมือครู
45
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
@
มุม IT
ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพื้นที่ ผิวของกรวยไดที่ http://www.vcharkarn.com/ vcafe/172334
46
คูมือครู
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
อธิบายความรู 1. จากที่นักเรียนทํากิจกรรมที่ 1 และ 2 นักเรียนคิดวา • นักเรียนสามารถนําแนวคิดจาก กิจกรรมที่ 1 ถึงกิจกรรมที่ 2 หาวากระดาษที่นักเรียนสราง กรวย หรือพื้นที่ผิวขางของ กรวย ไดหรือไม ถาได ใหแสดงแนวคิดประกอบ (แนวตอบ ตอบไดหลากหลาย ตามพื้นฐานความรูของ นักเรียน) 2. ขออาสาสมัครนักเรียน 3-4 กลุม นําเสนอผลงาน 3. ใหนักเรียนรวมกันแสดงความ คิดเห็น
ขยายความเขาใจ
46
3. อัตราส่วนของพื้นที่ในข้อ 1. และข้อ 2. เท่ากับ 1: 2 4. ความยาวส่วนโค้ง AB ซึ่งรองรับมุมที่จุดศูนย์กลางเท่ากับ πr 5. ความยาวเส้นรอบวงของวงกลมเท่ากับ 2πr 6. อัตราส่วนของความยาวในข้อ 4. และข้อ 5. เท่ากับ 1 : 2 7. อัตราส่วนของพืน้ ทีส่ ว่ นทีร่ ะบายสีตอ่ พืน้ ทีข่ องวงกลมเท่ากับอัตราส่วนของความยาว ของส่วนโค้งที่รองรับมุม AOB ต่ออัตราส่วนความยาวของเส้นรอบรูปของวงกลม เท่ากับ 1 : 2
กิจกรรมที่ 2 จากรูปให้ O เป็นจุดศูนย์กลางของวงกลม มี AB เป็นเส้นผ่านศูนย์กลาง รัศมี r หน่วย และมีส่วนโค้ง BC รองรั รองรับมุม BOC เป็นมุมที่จุดศูนย์กลาง ซึ่งมีขนาด 90 � ให้นักเรียนตอบค�าถามต่อไปนี้ 1. พื้นที่ของส่วนที่ระบายสีเท่ากับเท่าไร 2. พื้นที่ของวงกลมเท่ากับเท่าไร O r B 3. อัตราส่วนของพื้นที่ในข้อ 1. และข้อ 2. เท่ากับเท่าไร A 4. ความยาวของส่วนโค้ง BC เท่ ากับเท่าไร 5. ความยาวของเส้นรอบรูปของวงกลมเท่ากับเท่าไร C 6. อัตราส่วนของความยาวในข้อ 4. และข้อ 5. เท่ากับเท่าไร 7. อัตราส่วนในข้อ 3. และข้อ 6. เป็นอัตราส่วนที่เท่ากันหรือไม่ แนวการตอบ 2 1. พื้นที่ของส่วนที่ระบายสีเท่ากับ πr 4 2. พื้นที่ของวงกลมเท่ากับ πr2 3. อัตราส่วนของพื้นที่ในข้อ 1. และข้อ 2. เท่ากับ 1: 4 4. ความยาวของส่วนโค้ง BC เท่ากับ πr 2 5. ความยาวเส้นรอบรูปเท่ากับ 2πr 6. อัตราส่วนของความยาวในข้อ 4. และข้อ 5. เท่ากับ 1 : 4 7. อัตราส่วนของพืน้ ทีส่ ว่ นทีร่ ะบายสีตอ่ พืน้ ทีข่ องวงกลมเท่ากับอัตราส่วนของความยาว ของส่วนโค้งที่รองรับมุม BOC ต่ออัตราส่วนความยาวของเส้นรอบรูปของวงกลม เท่ากับ 1 : 4
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู 47
กิจกรรมที่ 3 จากรูปให้ O เป็นจุดศูนย์กลางของวงกลม มี AB เป็นเส้นผ่านศูนย์กลาง รัศมี r หน่วย และมีส่วนโค้ง BD รองรับมุม BOD เป็นมุมที่จุดศูนย์กลาง ซึ่งมีขนาด 60 � ให้นักเรียนตอบค�าถามต่อไปนี้ 1. พื้นที่ของส่วนที่ระบายสีเท่ากับเท่าไร 2. พื้นที่ของวงกลมเท่ากับเท่าไร A r O 60 � B 3. อัตราส่วนของพื้นที่ในข้อ 1. และข้อ 2. เท่ากับเท่าไร 4. ความยาวของส่วนโค้ง BD ซึ่งรองรับมุม BOD เท่ากับเท่าไร D C 5. ความยาวของเส้นรอบรูปของวงกลมเท่ากับเท่าไร 6. อัตราส่วนของความยาวในข้อ 4. และข้อ 5. เท่ากับเท่าไร 7. อัตราส่วนในข้อ 3. และ ข้อ 6. เป็นอัตราส่วนที่เท่ากันหรือไม่ แนวการตอบ 2 1. พื้นที่ของส่วนที่ระบายสีเท่ากับ πr 6 2. พื้นที่ของวงกลมเท่ากับ πr2 3. อัตราส่วนของพื้นที่ในข้อ 1. และข้อ 2. เท่ากับ 1: 6 4. ความยาวของส่วนโค้ง BD BD เท่ากับ πr BD เท่ 3 5. ความยาวเส้นรอบรูปเท่ากับ 2πr 6. อัตราส่วนของความยาวในข้อ 4. และข้อ 5. เท่ากับ 1 : 6 7. อัตราส่วนของพืน้ ทีส่ ว่ นทีร่ ะบายสีตอ่ พืน้ ทีข่ องวงกลมเท่ากับอัตราส่วนของความยาว ของส่วนโค้งที่รองรับมุม BOD ต่ ต่ออัตราส่วนความยาวของเส้นรอบรูปของวงกลม เท่ากับ 1 : 6 จากแนวคิดข้างต้นท�าให้สามารถน�ามาประยุกต์ ใช้ในการหาพื้นที่ผิวข้างของกรวย ได้ดังนี้
1. นักเรียนคิดวา • นักเรียนสามารถนําแนวคิดจาก กิจกรรมที่ 3 หาวากระดาษที่ นักเรียนสรางกรวย หรือพื้นที่ผิว ขางของกรวย ไดหรือไม ถาได จงแสดงแนวคิดนําเสนอผลงาน (แนวตอบ ตอบไดหลากหลาย ตามพื้นฐานความรูของ นักเรียน) 2. ขออาสาสมัครนักเรียน 3-4 กลุม นําเสนอผลงาน 3. ใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิด เห็น กิจกรรมที่ 1 กิจกรรมที่ 2 และกิจกรรมที่ 3 เหมือนหรือตาง กันอยางไร
O l
O
A
A
B
B
r
C 2πr
คูมือครู
47
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
อธิบายความรู ใหนักเรียนศึกษาบทเรียนหนา 48 แลวแตละกลุมตรวจสอบวา • พื้นที่ซึ่งคํานวณจากสูตร πrl เทากันกับที่หาไดในขั้นตอน สํารวจคนหาขางตนอยางไร (แนวตอบ คําตอบมีหลากหลาย ตามกิจกรรมที่นักเรียนทํา)
48
จากรูป พื้นที่ผิวข้างของกรวย OAB คือ พื้นที่รูปสามเหลี่ยมฐานโค้ง ความยาวของส่วนโค้ง ACB คือ เส้นรอบฐานของกรวย พื้นที่รูปวงกลม O เท่ากับ πl2 ความยาวเส้นรอบวงของวงกลม O เท่ากับ 2πl เนื่องจากอัตราส่วนของพื้นที่ของรูปสามเหลี่ยมฐานโค้ง OAB กับพื้นที่วงกลม O เท่ากับอัตราส่วนของความยาวของส่วนโค้ง ACB กับความยาวของเส้นรอบวงของรูปวงกลม O จะได้ พื้นที่รูปสามเหลี่ยมฐานโค้ง OAB เท่ากับ ความยาวของส่วนโค้ง ABC พื้นที่รูปวงกลม O ความยาวเส้นรอบวงของรูปวงกลม O พื้นที่รูปสามเหลี่ยมฐานโค้ง OAB เท่ากับ 2πr หรือเท่ากับ r l 2πl πl2 ดังนั้น พืพื้นที่รูปสามเหลี่ยมฐานโค้ง OAB เท่ากับ r × πl2 หรือเท่ากับ πrl l
แต่พื้นที่รูปสามเหลี่ยมฐานโค้ง OAB คือ พื้นที่ผิวข้างของกรวยที่มีสูงเอียงยาว l หน่วยย และรั และรัศมีของฐาน r หน่ องฐาน r หน่วย ดังนั้น พืพื้นที่ผิวข้างของกรวยเท่ากับ πrl มุมความคิด
พืน้ ทีผ่ วิ ข้างของกรวยเท่ากับ π πrl
เมือ่
r
แทนรัศมีของฐานกรวย
l แทนความยาวของสูงเอียงของกรวย
ส�าหรับกรวยที่มีฝาปิดหรือกรวยตัน พืพื้นที่ผิวของกรวยจะประกอบด้วยพื้นที่ฐานซึ่งเป็น รูปวงกลมและพื้นที่ผิวข้าง เราเรียกผลบวกของพื้นที่ฐานของกรวยกับพื้นที่ผิวข้างของกรวยว่า พื้นที่ผิวของกรวย มุมความคิด
พืน้ ทีผ่ วิ ของกรวยเท่ากับพืน้ ทีฐ่ านรวมกับพืน้ ทีผ่ วิ ข้างของกรวย
พืน้ ทีผ่ วิ ของกรวยเท่ากับ πr2 + πrl
เมือ่
r
แทนรัศมีของฐานกรวย
l แทนความยาวของสูงเอียงของกรวย
48
คูมือครู
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู 49
ตัวอย่1างที่ จงหาพืน้ ทีผ่ วิ ของกรวยทีม่ รี ศั มีของฐานเท่ากับ 7 เซนติเมตร และความยาวของสูงเอียง 15 เซนติเมตร (ก�าหนดให้ π ≈ 227 ) ตัวอย่างที่
2
ตัวอย่3างที่
เนื่องจาก พื้นที่ผิวของกรวย เท่ากับ πr2 + πrl จะได้ พื้นที่ผิวของกรวย = π(7)2 + (π)(7)(15) = 49π + 105π = 154π พื้นที่ผิวของกรวย ประมาณ 154 × 227 ≈ 484 ตารางเซนติเมตร ดังนั้นพื้นที่ผิวของกรวยประมาณ 484 ตารางเซนติเมตร ตอบ จงหาความยาวของสูงเอียงของกรวยซึ่งมีพื้นที่ผิวข้าง 50.4 ตารางนิ้ว และรัศมีของฐานกรวย เท่ากับ 1.4 นิ้ว (ก�าหนดให้ π ≈ 227 ) วิธีทำ�
เนื่องจาก พื้นที่ผิวข้างเท่ากับ πrl × 1.4 × l จะได้ 50.4 ≈ 227 × 1.4 × 50.4 × 7 l ≈ 1.4 × 22 1.4 × 22 ≈ 11.45 11.45 นินิ้ว ดังนั้น ความยาวของสู ความยาวของสูงเอียงของกรวยประมาณ 11.45 นิ งของกรวยประมาณ 11.45 นิ้ว ตอบ 35.64 ตารางเซนติเมตร และความยาวของ มตร และความยาวของ จงหาพื้นที่ฐานของกรวยที่มีพื้นที่ผิวข้าง 35.64 ตารางเซนติ สูงเอียง เท่ากับ 5.4 เซนติเมตร (ก�าหนดให้ π ≈ 3.14) วิธีทำ�
ครูใชคําถามใหนักเรียนวิเคราะห โจทย ตัวอยางที่ 1-3 • ตัวอยางที่ 1 ขอมูลที่กําหนด เพียงพอที่จะหาพื้นที่ผิวของ กรวยหรือไม (แนวตอบ เพียงพอ) • ตัวอยางที่ 2 คําตอบเปน คาประมาณหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ เปนคาประมาณเพราะ วาสูตรที่ใชคํานวณมี π) • ตัวอยางที่ 3 จะตองแกสมการ หรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ ตัวอยางที่ 1 ไมตอง แกสมการหาความยาวของสูง เอียงเพราะคํานวณพื้นที่ผิวขาง โจทยกําหนดขอมูลใหเพียงพอ ตัวอยางที่ 2 ตองแกสมการ เพราะวาโจทยกําหนดพื้นที่ ผิวขางและรัศมีของฐาน ตัวอยางที่ 3 ตองแกสมการ เพื่อหา r จึงจะคํานวณพื้นที่ฐาน ของกรวยได)
เนื่องจาก พื้นที่ผิวข้างเท่ากับ πrl จะได้ 35.64 35.64 = π × r × 5.4 × r × 5.4 35.64 r ≈ 5.4 × 3.14 ≈ 2.1 เซนติเมตร และเนื่องจากพื้นที่ฐานของกรวยเท่ากับ πr2 ≈ 3.14 × (2.1)2 ≈ 13.85 ตารางเซนติเมตร ดังนั้น พื้นที่ฐานของกรวยประมาณ 13.85 ตารางเซนติเมตร ตอบ วิธีทำ�
คูมือครู
49
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา Explore
Engage
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
กระตุนความสนใจ นักเรียนคิดวา • ถากรวยและทรงกระบอกมีความ สูงเทากันและรัศมีของฐานเทากัน แลวปริมาตรของกรวยเทากับของ ปริมาตรของทรงกระบอกหรือไม (แนวตอบ นักเรียนตอบไดอยาง อิสระ) • ถาตองการตรวจสอบวา ความคิด ขางตน ถูกตองหรือไม นักเรียน คิดวา จะใชการปฏิบัติกิจกรรม เหมือนกันกับการหาปริมาตรของ พีระมิดกับปริซึมหรือไม เพราะ เหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบวา ได เพราะวาใชความยาวของเสน รอบฐานและความสูงเหมือนกัน ตางกันเฉพาะฐานของพีระมิดกับ ปริซึมเปนรูปเหลี่ยม แตกรวยและ ทรงกระบอกเปนวงกลม)
50
นักเรียนทราบแล้วว่า ถ้าต้องการหาปริมาตรหรือความจุของภาชนะ สามารถท�าได้โดย การตวง ให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมต่อไปนี้ 1. น�ากระดาษมาสร้างเป็นกรวยและทรงกระบอกที่มีฐาน และความสูงเท่ากัน 2. น�าทรายละเอียดใส่ในกรวยจนเต็มพอดี แล้วเททรายจากกรวยใส่ลงในกระบอก 3. ด�าเนินการในข้อ 2. ซ�้า นักเรียนคิดว่า ต้องเททรายลงในทรงกระบอกจ�านวนกี่ครั้ง ทรายจึงเต็มทรงกระบอก พอดี ค�าตอบที่นักเรียนได้คือต้องเททรายจากกรวย 3 ครั้ง ปริมาตรของกรวยเท่ากับ 13 ของปริมาตรของทรงกระบอกทีม่ ฐี านและความสูง ดังนัน้ ปริ เท่ากัน แต่ าตรของทรงกระบอก เท่ แต่ปริมาตรของทรงกระบอก เท่ากับ πr2h ดังนั้นปริมาตรของกรวยเท่ากับ 13 πr2h มุมความคิด = 1 πr2h 3 เมือ่ V แทนปริมาตรของกรวย V
สํารวจคนหา 1. จัดกลุมนักเรียน กลุมละ 4 คน คละความสามารถปฏิบัติกิจกรรม หัวขอ 5.2 หนา 50 2. แตละกลุมสรุปความสัมพันธ ระหวางปริมาตรของกรวยกับ ปริมาตรของทรงกระบอก
เกร็ดแนะครู จากตัวอยางที่ 4 ครูดําเนิน กิจกรรมในลักษณะเดียวกับ ตัวอยางที่ 1 ถึงตัวอยางที่ 3
50
5.2 ปริมาตรของกรวย
คูมือครู
r
แทนรัศมีของฐานกรวย
h
แทนความสูงของกรวย
3.5 นิ้ว และความสูง 8 นิ้ว ตัวอย่4างที่ จงหาปริมาตรของกรวยที่รัศมีของฐานเท่ากับ 3.5 นิ 22 (ก�าหนดให้ π ≈ 7 )
เนื่องจาก ปริมาตรของกรวย (v) = 13 πr2h จะได้ v ≈ 13 × 227 × (3.5)2 × 8 ≈ 102.67 ลูกบาศก์นิ้ว ดังนั้น ปริมาตรของกรวยประมาณ 102.67 ลูกบาศก์นิ้ว วิธีทำ�
ตอบ
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
Explain
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
อธิบายความรู 51
ตัวอย่5างที่ จงหาความสูงของกรวยที่มีปริมาตร 2,120 ลูกบาศก์เซนติเมตร และรัศมีของฐาน 12 เซนติเมตร (ก�าหนดให้ π ≈ 227)
วิธีทำ�
เนื่องจาก ปริมาตรกรวยเท่ากับ 13 πr2h 2,120 ≈ 13 × 227 × (12)2 × h 2120 × 3 × 7 ≈ h 22 × (12)2 หรือ h ≈ 2120 × 3 × 7 22 × 12 × 12 ≈ 14 เซนติเมตร ดังนั้น ความสูงของกรวยประมาณ 14 เซนติเมตร
ตอบ
ตัวอย่6างที่ จงหารัศมีของฐานกรวยที่มีปริมาตร 58.875 ลูลูกบาศก์เซนติเมตร และมี มตร และมีความสูง 9 เซนติเมตร (ก�าหนดให้ π ≈ 3.14)
วิธีทำ�
เนื่องจาก ปริ ปริมาตรของกรวย เท่ากับ 13 πr2h × 3.14 × r2 × 9 ×9 58.875 ≈ 13 × 3.14 × r r2 ≈ 58.875 ×× 33 3.14 × 9 3.14 ×9 ≈ 6.25 ≈ (2.5)2 r ≈ 2.5 เซนติ เซนติเมตร ดังนั้น รัรัศมีของฐานกรวยประมาณ 2.5 เซนติ องฐานกรวยประมาณ 2.5 เซนติเมตร
ตอบ
ครูตั้งคําถามใหนักเรียนวิเคราะห • การหาความสูงและรัศมี ของฐานในตัวอยางที่ 5 และ ตัวอยางที่ 6 ตองใชความรูใน เรื่องใดบาง (แนวตอบ ตองใชความรูเรื่อง ปริมาตรของกรวยกับการแก สมการเชิงเสนตัวแปรเดียวใน ตัวอยางที่ 5 แตตัวอยางที่ 6 ไมเปนสมการเชิงเสน จึงตองใช ความรูการถอดรากที่สองของ จํานวนจริง) • ถาคาของ h และ r ที่คํานวณได ในตัวอยางที่ 5 และตัวอยางที่ 6 เปนจํานวนเต็ม ตองตอบเปน คาประมาณเสมอใชหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ ใชเพราะวาปริมาตร ของกรวยคํานวณจากสูตรที่มี π จึงตองเปนคาประมาณเสมอ แมวาการคํานวณจะมีคาตัว ประกอบจาก 227 ได แต 227 เปนคาประมาณของ π)
ขยายความเขาใจ ครูกําหนดประเด็นใหนักเรียนรวม กันแสดงความคิดเห็น • นักเรียนคิดวาในชีวิตประจําวัน ของนักเรียนตองใชความรูเกี่ยว กับการหาปริมาตรของกรวย หรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ คําตอบมีหลากหลาย ตามพื้นฐานความรูของนักเรียน ซึ่งสวนมากอาจจะตอบไมไดใช เพราะวาในชีวิตไมไดเกี่ยวของ กับกรวย)
คูมือครู
51
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
ขยายความเขาใจ 1. ครูใหนักเรียนจับคูรวมกันแลก เปลี่ยนความคิดเห็นวาโจทยขอ ใดในแบบตรวจสอบความเขาใจ ที่ 1.5 หนา 52 - 53 วา เหมือนกับ ตัวอยางใดที่เรียนมา 2. นักเรียนนําแนวคิดที่แลกเปลี่ยน กันนําไปใชในการทําแบบตรวจ สอบความเขาใจที่ 1.5 จากนั้น นักเรียนแตละคูแลกเปลี่ยนกัน ตรวจคําตอบ 3. ครูสุมนักเรียน 2 - 3 คูใหออกมา นําเสนอแนวคิดและวิธีการ แกปญหาโจทย
ตรวจสอบผล ตรวจสอบความถูกตองจากการ ทําแบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.5 (ดูเฉลยแบบตรวจสอบความ เขาใจที่ 1.5 ที่สวนเสริมดานหนา ของหนังสือเลมนี้)
NET ขอสอบ ป 51 ขอสอบออกโจทยปญหาเกี่ยวกับ กรวย โดยโจทยกําหนด • จงหาพื้นที่สวนที่แรเงา 15 ซม.
8 ซม. 2 ซม.
1. 2.25π ตารางเซนติเมตร 2. 3π ตารางเซนติเมตร 3. 6.25π ตารางเซนติเมตร 4. 9π ตารางเซนติเมตร
52
คูมือครู
52
แบบตรวจสอบความเข้าใจที่ 1.5 1. ก�าหนดให้ π ≈ 227 จงหาพื้นที่ผิวข้างของกรวยแต่ละข้อต่อไปนี้ 1) รัศมีของฐาน 7 เซนติเมตร และสูงเอียง 10 เซนติเมตร 2) เส้นผ่านศูนย์กลางของฐาน 8.4 เซนติเมตร และสูงเอียง 7 เซนติเมตร 3) รัศมีของฐาน 3 นิ้ว และสูงตรง 4 นิ้ว 2. ก�าหนดให้ π ≈ 3.14 จงหาพื้นที่ผิวของกรวยต่อไปนี้ ต้องการทศนิยมสองต�าแหน่ง 1) รัศมีของฐาน 4 เซนติเมตรและสูงเอียง 9 เซนติเมตร 2) เส้นผ่านศูนย์กลางของฐาน 10 เซนติเมตร และสูงเอียง 12 เซนติเมตร 3) รัศมีของฐาน 3 นิ้ว และสูงเอียง 4.5 นิ้ว 3. ก�าหนดให้ π ≈ 227 จงค�านวณค่าต่างๆ ของกรวยแล้วเติมลงในตารางให้สมบูรณ์ ข้อ 1 2
ความยาว สูงเอียงง (l) 77 ซม. ซม. 3.5 นินิ้ว 3.5
3
รัศมีของฐาน
พื้นที่ฐาน
พื้นที่ผิวข้าง
4.2 ซม. 4.2 ซม. 7 นิ 7 นิ้ว 7 ซม. 7 ซม.
550 ตร.ซม.
4
29 ซม. 29 ซม.
5
14.8 นิ 14.8 นิ้ว
616 ตร.นิ้ว
6
12.5 12.5 นินิ้ว
665.5 ตร.นิ้ว
1,914 ตร.ซม.
จงค�านวณหาปริมาตรของกรวยแต่ละข้อต่อไปนี้ 4. ก�าหนดให้ π ≈ 227 จงค� 1) รัศมีของฐาน 12 เซนติ เมตร และความสูง 35 เซนติเมตร องฐาน 2) รัศมีของฐาน 4 นิ้ว และความสูง 4.9 นิ้ว 3) เส้นผ่านศูนย์กลาง 7 เมตร และความสูง 4.2 เมตร 5. จงหาความสูงของกรวยแต่ละข้อต่อไปนี้ 1) รัศมีของฐาน 7 เมตร และปริมาตร 392π ลูกบาศก์เมตร 2) รัศมีของฐาน 4.2 เซนติเมตร และปริมาตร 23.52π ลูกบาศก์เซนติเมตร 3) เส้นผ่านศูนย์กลางของฐาน 14 นิ้ว และปริมาตร 196π ลูกบาศก์นิ้ว
(แนวคิด เชื่อมโยงความรูจากรูปสามเหลี่ยมคลายและกรวย จาก ΔABE ~ ΔCDE 15 ซม. A B AB = AE จะได CD CE 8 ซม. 7.5 = 10 C D CD 2
2 ซม. CD = 1.5 ดังนั้น พื้นที่สวนที่แรเงา เทากับ π(1.5)2 = 2.25 คําตอบ คือ ขอ 1.)
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุนความสนใจ 53
6. จงหาพื้นที่ฐานของกรวยแต่ละข้อต่อไปนี้ 1) ปริมาตร 100 ลูกบาศก์นิ้ว ความสูง 10 นิ้ว 2) ปริมาตร 24.6 ลูกบาศก์เซนติเมตร ความสูง 3 เซนติเมตร 3) ปริมาตร 22.8 ลูกบาศก์เมตร ความสูง 1.2 เมตร 7. ก�าหนดให้ π ≈ 3.14 จงหารัศมีของฐานกรวยแต่ละข้อต่อไปนี้ 1) ปริมาตร 50.24 ลูกบาศก์เซนติเมตร ความสูง 3 เซนติเมตร 2) ปริมาตร 78.5 ลูกบาศก์นิ้ว ความสูง 4 นิ้ว 3) ปริมาตร 314 ลูกบาศก์เมตร ความสูง 4 เมตร 8. จงหาพื้นที่ผิวข้างและปริมาตรของกรวยไอศกรีมซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3.5 เซนติเมตร และสูงเอียง 9 เซนติเมตร (ก�าหนดให้ π ≈ 227 ตอบทศนิยม 2 ต�าแหน่ง) 9. ถ้าสูงเอียงและรัศมีของกรวยมีความยาว 12 เซนติเมตร และ 9 เซนติเมตรตามล�าดับ จงหาพื้นที่ผิวของกรวยและปริมาตรของกรวย (ก�าหนดให้ π ≈ 3.14 ตอบทศนิยม 2 ต�าแหน่ง) 10. กรวยอันหนึ่งมีสูงเอียงยาว 5 เซนติเมตร พื้นที่ผิวข้าง 15π ตารางเซนติเมตร จงหาปริมาตรของกรวย (ตอบในรูปของ π )
ครูสนทนากับนักเรียนเกีย่ วกับกีฬา ที่ชอบเลนมากที่สุดแลวตั้งคําถาม • กีฬาชนิดนั้นตองใชอุปกรณ อะไรบาง (แนวตอบ ขึ้นอยูกับคําตอบของ นักเรียน) • อุปกรณกีฬาฟุตบอล บาสเกตบอล เทนนิส ปงปอง บิลเลียด เปนตน มีลักษณะ อยางไร และเรียกวาอะไร (แนวตอบ เปนทรงกลม เรียกวา ทรงกลม) • นักเรียนคิดวา การหาพื้นที่ผิว ของทรงกลมจะใชแนวคิด โดย ตัดทรงกลมออกแลวคลี่ใหเปน รูปเรขาคณิตสองมิติไดหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ คําตอบอาจจะหลาก หลาย ตัวอยางเชน ไมนาจะใช การคลี่ออกเปนรูปเรขาคณิต สองมิติได เพราะวาทรงกลม ไมมีดานที่เปนรูปเหลี่ยมเลย)
6. ทรงกลม (Sphere) ตัวอย่างทรงกลมหรือใกล้เคียงทรงกลมที่นักเรียนพบเห็นอยู่ทั่วไปได้แก่ ลูกปิงปอง ลูกบอล ลูกแก้ว ลูกกอล์ฟ เป็นต้น
คูมือครู
53
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Engage
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
สํารวจคนหา ใหนักเรียนจับคูศึกษาบทเรียน กิจกรรมที่ 1 และใชคําถามเพื่อให นักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น ดังนี้ • นักเรียนคิดวา วิธีปฏิบัติที่นํา เสนอสามารถปฏิบัติไดหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบ ทั้งไดหรือไมไดอยางอิสระ ตัวอยางเชน สามารถทําไดแต โดยการทํากิจกรรมนี้ตองใช ความพยายามและระมัดระวัง ในขณะปฏิบัติอยางยิ่ง) • ถาปฏิบัติไมได โดยแนวคิดนี้ นักเรียนยอมรับเหตุผลทาง คณิตศาสตรไดหรือไม (แนวตอบ ยอมรับได)
54
คูมือครู
54
มุมความคิด ทรงสามมิติที่มีผิวโค้งเรียบและจุดทุกจุดบนผิวโค้งอยู่ห่างจากจุดคงที่จุดหนึ่งเป็น ระยะเท่ากัน เรียกว่า ทรงกลม จุดคงที่ เรียกว่า จุดศูนย์กลางของทรงกลม ระยะที่เท่ากัน เรียกว่า รัศมีของทรงกลม
6.1 พื้นที่ผิวของทรงกลม
นักเรียนทราบหรือไม่ว่า จะใช้แนวคิดใดหาพื้นที่ผิวของทรงกลม เราสามารถหาพื้นที่ผิวของทรงกลมได้ โดยการทดลองปฏิบัติกิจกรรมที่ 1 กิจกรรมที่ 1 อุปกรณ์ 1. เชือกชนิดเดียวกัน 2 เส้น มีความยาว r พอประมาณ 2r 2. ทรงกลมตันรัศมี r หน่ r หน่วย 3. ทรงกระบอกซึ่งมีรัศมีของฐาน r หน่ องฐาน rr หน่ หน่วย r และความสูง 2 2r หน่ rr หน่ หน่วย B A วิธีปฏิบัติ รอบทรงกลม A ให้ น�าเชือกเส้นที่ 1 พันรอบทรงกลม รอบทรงกลม A ให้เต็มทั้งทรงกลมพอดี ดังรูป ตัดเชือกที่เหลือทิ้ง รอบทรงกระบอก B จนเต็มทรงกระบอก ดังรูป ตัดเชือกที่เหลือทิ้ง น�า และน�าเชือกเส้นที่ 2 พันรอบทรงกระบอก เชือกทั้งสองเส้นที่ใช้พันรอบทรงสามมิติทั้งสองมาเปรียบเทียบความยาว จะพบว่า เชือกทั้งสอง เส้นยาวเท่ากันพอดี แสดงว่า พื้นที่ผิวของทรงกลมเท่ากับพื้นที่ผิวข้างของทรงกระบอก พื้นที่ผิวข้างของทรงกระบอก = ความยาวของเส้นรอบวง × ความสูง พื้นที่ผิวข้างของทรงกระบอก = 2πr × h แต่ h = 2r จะได้ พื้นที่ผิวข้างของทรงกระบอก = 2πr × 2r = 4πr2 ดังนั้น พื้นที่ผิวของทรงกลมเท่ากับ 4πr2 หรือกล่าวได้ว่า พื้นที่ผิวของทรงกลมเท่ากับ 4 เท่าของพื้นที่วงกลมที่มีรัศมีเท่ากัน
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา Explore
Engage
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
สํารวจคนหา 55
มุมความคิด
พื้นที่ผิวของทรงกลมเท่ากับ 4 πr2 เมื่อ r แทนรัศมีของทรงกลม
6.2 ปริมาตรของทรงกลม ในการหาปริมาตรของทรงกลม เราสามารถหาได้ โดยการทดลองปฏิบัติกิจกรรมที่ 2 กิจกรรมที่ 2 อุปกรณ์ 1. พลาสติกครึ่งทรงกลม รัศมี r หน่วย 2. ทรงกระบอกรัศมีของฐาน r หน่วย และมีความสูง 2r หน่วย 3. ทราย วิธีปฏิบัติ 1. บรรจุทรายให้เต็มพลาสติกครึ่งทรงกลม 2. เททรายจากพลาสติกครึ่งทรงกลมลงในทรงกระบอก จะต้องเททรายจากพลาสติก ครึ่งทรงกลมกี่ครั้งจึงจะเต็มทรงกระบอกพอดี 3. ด�าเนินการข้อ 2. ซ�้า นักเรียนจะพบว่า ต้องเททรายจากพลาสติกครึ่งทรงกลม 3 ครั้ง จึงจะเต็มทรง กระบอกพอดี 4. หาความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรของทรงกลมกับทรงกระบอก นักเรียนจะพบว่า ต้องเททรายจากพลาสติกครึ่งทรงกลม 3 ครั้ง จึงจะเต็ม ทรงกระบอกพอดี ดังนั้นสามเท่าของปริมาตรของครึ่งทรงกลมที่มีรัศมี r หน่ หน่วย เท่ากับปริมาตรของ ทรงกระบอกที่มีรัศมีของฐาน r หน่วยและมีความสูง 2r หน่วย เนื่องจากปริมาตรของทรงกระบอกเท่ากับ πr2h = πr2 (2r) (เพราะ h = 2r) = 2πr3
1. จัดกลุมนักเรียน กลุมละ 4 คน คละความสามารถกัน ตอบคําถาม และปฏิบัติกิจกรรมที่ 2 หนา 55-56 • นักเรียนสามารถหาพลาสติก ทรงกลมไดหรือไม (แนวตอบ ได ) • ถาหาไดนักเรียนจะหาทรง กระบอกซึ่งรัศมีเทากับทรงกลม ไดหรือไม (แนวตอบ อาจจะหาไมได) • ถาหาไมไดจะสรางทรงกระบอก ไดหรือไม (แนวตอบ สามารถสรางไดโดยใช พื้นฐานความรูตามที่ได ศึกษามา) 2. แตละกลุมสรุปผลกิจกรรม รายงานผลและแสดงความคิด เห็นรวมกัน 3. ใหนักเรียนสรุปความสัมพันธ ตามมุมความคิดหนา 56
คูมือครู
55
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
อธิบายความรู ครูตั้งคําถามใหนักเรียนวิเคราะห โจทยตัวอยางที่ 1 หนา 56 • ขอมูลที่กําหนดเพียงพอที่จะหา พื้นที่ผิวของทรงกลมหรือไม (แนวตอบ เพียงพอ) • คําตอบเปนคาประมาณหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ เปนคาประมาณ เพราะวา สูตรพื้นที่ผิวและ ปริมาตรของทรงกลมจะมี π) • จะตองแกสมการหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ ไมตองแกสมการ เพราะโจทยกําหนดรัศมีมาให แลว)
56
คูมือครู
และสามเท่าของปริมาตรของครึ่งทรงกลมเท่ากับปริมาตรของทรงกระบอก ดังนั้น สามเท่าของปริมาตรของครึ่งทรงกลม = 2πr3 3 × 12 × ปริมาตรของทรงกลม = 2πr3 ปริมาตรของทรงกลม = 23 × 2πr3 = 43 πr3
(
)
มุมความคิด
ปริมาตรของทรงกลมเท่ากับ 4 πr3 3 เมื่อ r แทนรัศมีของทรงกลม
ตัวอย่1างที่ ทรงกลมลูกหนึ่งมีรัศมี 3 เซนติเมตร จงค�านวณหา 1) พื้นที่ผิว 2) 1) 2) ปริมาตร 22 ก�าหนดให้ π ≈ 7 และตอบเป็นจ�านวนเต็ม วิธีทำ�
EB GUIDE
56
1) เนื่องจากพื้นที่ผิวของทรงกลมเท่ากับ 4πr2 เมื่อ r เป็นรัศมีของทรงกลม พื้นที่ผิวของทรงกลม = 4π(3)2 พื้นที่ผิวของทรงกลมประมาณ 4 × 227 × 3 × 3 ≈ 113.14 ตารางเซนติเมตร ดังนั้น พื้นที่ผิวของทรงกลมประมาณ 113 ตารางเซนติเมตร 2) เนื่องจากปริมาตรของทรงกลมเท่ากับ 43 πr3 2) ปริมาตรของทรงกลม = 43 π(3)3 4 × 22 × 3 × 3 × 3 ≈ 3 7 ≈ 113.14 ลูกบาศก์เซนติเมตร ดังนั้น ปริมาตรของทรงกลมประมาณ 113 ลูกบาศก์เซนติเมตร ตอบ
http://www.aksorn.com/LC/Math B1/M3/04
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู 57
ตัวอย่2างที่ จงหารัศมีและปริมาตรของทรงกลมซึ่งมีพื้นที่ผิว 144π ตารางเซนติเมตร ก�าหนดให้ π ≈ 227
วิธีทำ�
เนื่องจาก พื้นที่ผิวทรงกลมเท่ากับ 4πr2 จะได้ 144π = 4πr2 144π = r2 4 π2 หรือ r = 36 = 62 r = 6 เซนติเมตร ดังนั้น ทรงกลมนี้มีรัศมีเท่ากับ 6 เซนติเมตร เนื่องจาก ปริมาตรของทรงกลมเท่ากับ 43 πr3 ปริมาตรของทรงกลม = 43 π(6)3 22 6 × 6 × 6 4 × ≈ 3 × 7 ×× 6 × 6 × 6 ≈ 905.14 905.14 ลูลูกบาศก์เซนติเมตร ดังนั้น ปริ ปริมาตรของทรงกลมประมาณ 905.14 ลู าตรของทรงกลมประมาณ 905.14 ลูกบาศก์เซนติเมตร ตอบ
ครูตั้งคําถามใหนักเรียนวิเคราะห โจทย • นักเรียนคิดวาในชีวิตจริงจะมี กระทะรูปครึ่งวงกลมหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ อาจจะมี เพราะ สามารถสรางขึ้นมาได) • การหาพื้นที่ผิวดานในของ กระทะตองใชรัศมีภายนอกลบ ดวยรัศมีภายในหรือไม (แนวตอบ ได ถากําหนดรัศมีให) • ขอมูลที่กําหนดเพียงพอหรือไม (แนวตอบ เพียงพอ) • ตัวอยางที่ 1-3 หนา 56-67 จะตองแกสมการหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ ตัวอยาง 1 ไมตอง แกสมการเพราะกําหนดรัศมี ตัวอยางที่ 2 และ 3 ตอง แกสมการเพื่อหารัศมี)
ตัวอย่3างที่ กระทะรูปครึ่งทรงกลมใบหนึ่งมีปริมาตร 18π ลูลูกบาศก์นิ้ว จงค� าตร 18 จงค�านวณหา 1) รัศมีของกระทะ 2) พื พื้นที่ผิวด้านในของกระทะ นในของกระทะ (ค�าตอบอยู่ในรูปของ π) วิธีทำ�
1) เนื่องจาก ปริมาตรของทรงกลมเท่ากับ 43 πr3 จะได้ ปริมาตรของครึ่งทรงกลม = 12 × × 43 πr3 = 23 πr3 ซึ่ง ปริมาตรของกระทะรูปครึ่งทรงกลม เท่ากับ 18π 2 πr3 = 18π จะได้ 3 3 r = 18π × 32 × 1 π = 27
คูมือครู
57
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
ขยายความเขาใจ 1. ครูกําหนดประเด็นใหนักเรียน รวมกันแสดงความคิดเห็น • นักเรียนคิดวา ในชีวิตประจําวัน ของนักเรียนตองใชความรูเกี่ยว กับพื้นที่ผิวและปริมาตรของทรง กลมหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ สามารถตอบไดทั้ง นําความรูไปใชหรือไมตองใช ก็ได ขึ้นอยูกับประสบการณของ นักเรียนที่มีแตกตางกัน) • อาชีพใดจําเปนตองใชความรู เรื่องพื้นที่ผิวและปริมาตรของ ทรงกลม (แนวตอบ มีหลายอาชีพ เชน นักออกแบบบรรจุภัณฑ สถาปนิก วิศวกร เปนตน) 2. นักเรียนจับคูรวมกันแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นวาขอใดในแบบตรวจ สอบความเขาใจที่ 1.6 หนา 58-59 ที่เหมือนกับตัวอยางที่เรียนมา 3. แตละคูรวมกันทําแบบตรวจสอบ ความเขาใจที่ 1.6 จากนั้นแลก เปลี่ยนกันตรวจสอบความถูกตอง
ตรวจสอบผล ตรวจสอบความถูกตองจากการ ทําแบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.6 (ดูเฉลยแบบตรวจสอบความเขาใจ ที่ 1.6 ที่สวนเสริมดานหนาของ หนังสือเลมนี้)
58
คูมือครู
Evaluate
58
= 33 r = 3 นิ้ว ดังนั้น กระทะใบนี้มีรัศมีเท่ากับ 3 นิ้ว 2) เนื่องจากพื้นที่ผิวของทรงกลมเท่ากับ 4πr2 จะได้ พื้นที่ผิวของครึ่งทรงกลม = 12 × 4πr2 = 2π × 32 = 18π ตารางนิ้ว ดังนั้น พื้นที่ผิวด้านในของกระทะเท่ากับ 18π ตารางนิ้ว
แบบตรวจสอบความเข้าใจที่
ตอบ
1.6
1. จงหาปริมาตรและพื้นที่ผิวของทรงกลม เมื ของทรงกลม ่อก�าหนดรัศมีให้ในแต่ละข้อต่อไปนี้ หนด π ≈ 3.14) (ก�าหนด 1) 3.5 เซนติ 3.5 เซนติเมตร 2) 5 เมตร 5 เมตร 3) 1.5 นิ้ว 2. จงหารัศมีและปริมาตรของทรงกลม เมื าตรของทรงกลม เมื่อก�าหนดพื้นที่ผิวให้ในแต่ละข้อต่อไปนี้ (ค�าตอบอาจ ของ π ได้ อยู่ในรูปของ ได้) 1) 64π ตารางเมตร ตารางเมตร 2) 144π ตารางนิ้ว 3) 900π ตารางเซนติ ตารางเซนติเมตร 4) 1,296π ตารางมิลลิเมตร ภายใน1,810 ภายใน 3. ลูกบาสเกตบอลมีพนื้ ทีผ่ วิ ภายใน 1,810 ตารางเซนติเมตร จงหารัศมีภายในของลูกบาสเกตบอล และปริมาตรของลมทีอ่ ยูข่ า้ งในลูกบาสเกตบอลนี ้ (ก�าหนดให้ π ≈ 227 ตอบเป็นจ�านวนเต็ม) 4. จงหาปริมาตรของทรงกลม ซึ าตรของทรงกลม ซึ่งมีพื้นที่ผิวก�าหนดให้ในแต่ละข้อต่อไปนี้ (ตอบในรูปของ π) 1) 49π ตารางเซนติเมตร 2) 81π ตารางเมตร 3) 225π ตารางเซนติเมตร 4) 288π ตารางเมตร 5. เหล็กท่อนหนึ่งมีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 9 เซนติเมตร ยาว 27 เซนติเมตร และ สูง 30 π เซนติเมตร น�ามาหลอมเป็นลูกเหล็กทรงกลมได้ 60 ลูก ลูกเหล็กทรงกลมแต่ละลูก มีรัศมียาวเท่าใด
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู 59
6. แก้วทรงกระบอกมีรศั มีของฐาน 5 เซนติเมตร บรรจุน�้าสูงขึ้นมา 8 เซนติเมตร จงหา 1) ปริมาตรของน�้า (ตอบในรูปของ π) 2) ถ้ า น� า ลู ก แก้ ว ทรงกลมใส่ ล งไปในแก้ ว ทรงกระบอก 20 ลูก ลูกแก้วแต่ละลูก มีรัศมี 1.4 เซนติเมตร อยากทราบว่า น�้าจะสูงขึ้นมาอีกกี่เซนติเมตร (ตอบทศนิยม 2 ต�าแหน่ง)
5 ซม. 8 ซม.
7. การเปรียบเทียบหนวยปริมาตร
1. ครูใชคําถามทบทวนความรูเดิม ดังนี้ • ไมบรรทัดของนักเรียนมีหนวย การวัดในระบบใด (แนวตอบ หนวยการวัดระบบ เมตริกและระบบอังกฤษ ) • ระบบเมตริก มีหนวยอะไรบาง (แนวตอบ หนวยในระบบเมตริก เชน มิลลิเมตร เซนติเมตร เมตร กิโลเมตร เปนตน ) • ระบบอังกฤษ มีหนวยอะไรบาง (แนวตอบ หนวยในระบบอังกฤษ เชน นิ้ว ฟุต หลา ไมล เปนตน) 2. จากนั้นครูและนักเรียนรวมกันสรุป ประเด็นสําคัญ
7.1 เปรียบเทียบหน่วยปริมาตรในระบบเดียวกัน
นักเรียนเคยศึกษาเรื่องหน่วยการวัดความยาว หน่วยการวัดพื้นที่ในระบบสากลและ ระบบอังกฤษมาแล้ว ในหัวข้อนี้เราจะศึกษาเรื่องหน่วยการวัดปริมาตรในระบบสากลและระบบ อังกฤษ ความสัมพันธ์ของหน่วยวัดปริมาตรในระบบเมตริก เนื่องจาก ความยาว 1 เซนติเมตร เท่ากับ ความยาว 10 มิลลิเมตร
เนื่องจาก พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเท่ากับ (ความยาวด้าน)2 1 ซม. 1 ซม.
ดังนั้น พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
= = = =
1 × 1 ตารางเซนติเมตร 1 ตารางเซนติเมตร 10 × 10 ตารางมิลลิเมตร 102 ตารางมิลลิเมตร
คูมือครู
59
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
อธิบายความรู 1. ครูตั้งคําถามเพื่อทบทวนความรู เรื่องการเปลี่ยนหนวย • ใหเรียงลําดับความยาวจาก นอยไปหามาก ความยาว 1 ฟุต ความยาว 1 นิ้ว และความยาว 1 เมตร (แนวตอบ ความยาว 1 นิ้ว ความยาว 1 ฟุต ความยาว 1 เมตร) • ใหนักเรียนเปลี่ยนหนวยความ ยาวจาก 1 เมตร เปนหนวยนิ้ว จะไดกี่นิ้ว (แนวตอบ ความยาว 1 เมตร ประมาณ 39. 37 นิ้ว) • การเปลี่ยนหนวยเล็กเปนหนวย ใหญและหนวยใหญเปนหนวย เล็ก จะตองพิจารณาสิ่งใดกอน แลวตองทําอยางไร (แนวตอบ หนวยเล็กและหนวย ใหญที่ตองการเปรียบเทียบ มีเพียงหนวยเดียวหรือหลาย หนวย ซึ่งตองเปลี่ยนหนวยไป ตามลําดับความสัมพันธของ หนวยวัดปริมาตรนั้น) 2. ครูและนักเรียนแลกเปลี่ยนความ คิดเห็นและสรุปความสัมพันธของ หนวยวัดปริมาตร
60
เนื่องจาก ปริมาตรของลูกบาศก์เท่ากับ (ความยาวด้าน)3 1 ซม.
1 ซม.
ดังนั้น ปริมาตรของลูกบาศก์
= 1 × 1 × 1 ลูกบาศก์เซนติเมตร = 1 ลูกบาศก์เซนติเมตร = 10 × 10 × 10 ลูกบาศก์มิลลิเมตร = 103 ลูกบาศก์มิลลิเมตร เนื่องจาก ความยาว 1 เมตรเท่ากับ ความยาว 100 เซนติเมตร ดังนั้น ปริมาตรของลูกบาศก์ = 1 × 1 × 1 ลูกบาศก์เมตร = 1 ลู 1 กบาศก์เมตร = 100 × 100 × 100 ลู กบาศก์เซนติเมตร 100 3 = 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร หรื หรือ = 106 ลูกบาศก์เซนติเมตร มุมความคิด 1 ลูกบาศก์เซนติเมตร เท่ากับ 103 ลูกบาศก์มิลลิเมตร 1 ลู ลูกบาศก์เซนติเมตร เท่ากับ 1003 ลู 1 ลูลูกบาศก์เมตร หรือ เท่ากับ 106 ลูกบาศก์เซนติเมตร
ความสัมพันธ์ของหน่วยวัดปริมาตรในระบบอังกฤษ เนื่องจาก ความยาว 1 ฟุต เท่ เท่ากับความยาว 12 นิ ความยาว 12 นิ้ว งจาก ความยาว 1 ฟุ เนื่องจาก พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเท่ากับ (ความยาวด้าน)2 ดังนั้น พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส = 1 × 1 ตารางฟุต = 1 ตารางฟุต 1 ฟุ ต = 12 × 12 ตารางนิ้ว = 122 ตารางนิ้ว 1 ฟุต
60
คูมือครู
1 ซม.
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู 61
เนื่องจาก ปริมาตรของลูกบาศก์ เท่ากับ (ความยาวด้าน)3 ดังนั้น ปริมาตรของลูกบาศก์ = 1 × 1 × 1 ลูกบาศก์ฟุต ต = 1 ลูกบาศก์ฟุต 1 ฟุ = 12 × 12 × 12 ลูกบาศก์นิ้ว = 123 ลูกบาศก์นิ้ว
1 ฟุต 1 ฟุต
มุมความคิด 1 ลูกบาศก์ฟุต เท่ากับ 123 ลูกบาศก์นิ้ว
ตัวอย่1างที่ หาค�าตอบของโจทย์ต่อไปนี้ ใช้ความสัมพันธ์ของหน่วยปริมาตรในระบบสากล 1) ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากอันหนึ่งมีปริมาตร 8 าตร 8 ลูกบาศก์เซนติเมตร มตร จะมีปริมาตร กี่ลูกบาศก์มิลลิเมตร 2) ถังน�้าใบหนึ่งมีปริมาตร าตร 3.57 ลู 3.57 ลูกบาศก์เมตร คิ มตร คิดเป็นปริมาตรกี่ลูกบาศก์เซนติเมตร วิธีทำ�
ครูตั้งคําถามใหนักเรียนวิเคราะห ตัวอยางที่ 1 • เหตุผลใด เมื่อเปลี่ยนหนวยเล็ก เปนหนวยใหญในระบบเดียวกัน ตองใชการหาร (แนวตอบ เพราะวาหนวยเล็ก แสดงปริมาณที่นอยกวา) • เหตุผลใด เมื่อเปลี่ยนหนวย ใหญเปนหนวยใหญในระบบ เดียวกันตองใชการคูณ (แนวตอบ หนวยใหญแสดง ปริมาณที่มากกวา) • ตัวอยางที่ 1 เปนการ เปลี่ยนแปลงจากหนวยเล็กเปน หนวยใหญหรือเปลี่ยนหนวย ใหญเปนหนวยเล็ก (แนวตอบ หนวยใหญเปนหนวย เล็ก)
1) เนื่องจาก 1 ล ูกบาศก์เซนติเมตรเท่ากับ 10 103 ลูลูกบาศก์มิลลิเมตร 8 × 103 จะได้ 8 ลูกบาศก์เซนติเมตร = 8 × 103 = 8,000 ลู 8,000 ลูกบาศก์มิลลิเมตร ดังนัน้ ทรงสี ทรงสีเ่ หลีย่ มมุมฉากนีม้ ปี ริมาตรเท่ากับ 8,000 ลู 8,000 ลูกบาศก์มลิ ลิเมตร 3 2) เนื่องจาก 1 ลู 1 ลูกบาศก์เมตร เท่ากับ 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร จะได้ 3.57 ลูกบาศก์เมตร = 3.57 × 1003 3.57 × 100 = 3,570,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร ตอบ ดังนั้น ถังน�้าใบนี้มีปริมาตร 3,570,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร
คูมือครู
61
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
อธิบายความรู ครูตั้งคําถามใหนักเรียนวิเคราะห โจทย • ตัวอยางที่ 2 เปนการเปลี่ยน หนวยปริมาตรจากหนวยเล็ก เปนหนวยใหญหรือไม (แนวตอบ เปน) • ตัวอยางที่ 2 ตองใชจํานวนใด คูณหรือหาร (แนวตอบ ขอ1) ตองนํา 103 หาร ขอ 2) ตองนํา 1003 หาร) • ปริมาตรที่คํานวณได(ตัวเลข) จะมากขึ้นหรือลดลง เมื่อมีการ เปลี่ยนหนวย (แนวตอบ มากขึ้น ถาเปลี่ยนจาก หนวยใหญเปนหนวยเล็ก นอย ลงเมื่อเปลี่ยนหนวยเล็กเปน หนวยใหญ) • นอกจากวิธีทําในตัวอยางที่ 1, 2 และ 3 แลว นักเรียนคิดวายังมี วิธีทําอื่นอีกหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ มีวิธีทําอื่นๆ ขึ้นอยู ประสบการณและพื้นฐาน ความรูของนักเรียน)
62 ตัวอย่างที่
2
จงเปลี่ยนหน่วยปริมาตรต่อไปนี้ 1) พีระมิดมีปริมาตร 2,345 ลูกบาศก์มลิ ลิเมตร คิดเป็นปริมาตรกีล่ กู บาศก์เซนติเมตร 2) ทรงกลมมีปริมาตร 946,000 ลูกบาศก์เซนติเมตรจะมีปริมาตรกี่ลูกบาศก์เมตร วิธีทำ�
ตัวอย่3างที่ จงเปลี่ยนหน่วยปริมาตรต่อไปนี้ 1) 5 ลู 1) 5 ลูกบาศก์ฟุตเป็นลูกบาศก์นิ้ว 2) 172,800 ลู 2) 172,800 ลูกบาศก์นิ้วเป็นลูกบาศก์ฟุต วิธีทำ�
62
คูมือครู
1) เนื่องจาก 103 ลูกบาศก์มิลลิเมตร เท่ากับ 1 ลูกบาศก์เซนติเมตร จะได้ 2,345 ลูกบาศก์มิลลิเมตร = 2,345 ลูกบาศก์เซนติเมตร 103 = 2,345 1,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร = 2.345 ลูกบาศก์เซนติเมตร ดังนั้น พีระมิดนี้มีปริมาตร 2.345 ลูกบาศก์เซนติเมตร 2) เนื่องจาก 1003 ลูกบาศก์เซนติเมตร เท่ากับ 1 ลูกบาศก์เมตร จะได้ 946,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร = 946,000 ลูกบาศก์เมตร 1003 946,000 ลูกบาศก์เมตร = 1,000,000 = 0.946 ลูกบาศก์เมตร ตอบ ดังนั้น ทรงกลมนี ทรงกลมนี้มีปริมาตรเท่ากับ 0.946 ลู 0.946 กบาศก์เมตร
1) เนื่องจาก 1 ลู งจาก กบาศก์ฟุต เท่ากับ 123 ลูกบาศก์นิ้ว จะได้ 55 ลูลูกบาศก์ฟุต = 5 × 12 = 5 × 123 = 8,640 ลูกบาศก์นิ้ว เท่ากับ 8,640 ลูกบาศก์นิ้ว ดังนั้น 5 ลูลูกบาศก์ฟุต เท่ 3 2) เนื่องจาก 12 ลูกบาศก์นิ้ว เท่ากับ 1 ลูกบาศก์ฟุต จะได้ 172,800 ลูกบาศก์นิ้ว = 172,800 123 = 172,800 1,728 = 100 ลูกบาศก์ฟุต ดังนั้น 172,800 ลูกบาศก์นิ้ว เท่ากับ 100 ลูกบาศก์ฟุต
ตอบ
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ขยายความเขาใจ 63
7.2 การเปรียบเทียบหน่วยปริมาตรต่างระบบกัน
1 ฟุต
เนื่องจาก ความยาว 1 ฟุต เท่ากับ ความยาว 30 เซนติเมตร 1 ฟุ ต ปริมาตรของลูกบาศก์ = 1 × 1 × 1 ลูกบาศก์ฟุต = 1 ลูกบาศก์ฟุต = 30 × 30 × 30 ลูกบาศก์เซนติเมตร 1 ฟุ ต = (30)3 ลูกบาศก์เซนติเมตร = 27 × 103 ลูกบาศก์เซนติเมตร ดังนั้น 1 ลูกบาศก์ฟุต = 27 × 103 ลูกบาศก์เซนติเมตร เนื่องจาก ความยาว 1 ฟุต เท่ากับ ความยาว 0.3 เมตร ปริมาตรของลูกบาศก์ = 1 × 1 × 1 ลูกบาศก์ฟุต = 1 ลูกบาศก์ฟุต = 0.3 × 0.3 × 0.3 ลู 0.3 ลูกบาศก์เมตร มตร 3 = 0.3 ลูลูกบาศก์เมตร 0.027 ลูลูกบาศก์เมตร = 0.027 ดังนั้น 1 ลูลูกบาศก์ฟุต เท่ 0.027 ลูลูกบาศก์เมตร เท่ากับ 0.027
ครูกําหนดประเด็นใหนักเรียน รวมกันแสดงความคิดเห็น • ในชีวิตประจําวันของนักเรียน ตองใชความรูเรื่องการเปลี่ยน หนวยหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ สามารถตอบไดทั้ง ใชความรูหรือไมตองใชความ รู เพราะวาประสบการณของ นักเรียนแตกตางกัน) • ความรูเรื่องนี้มีความจําเปนใน การดําเนินชีวิตประจําวันของ คนเราหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ มีความจําเปน เพราะ วา ในชีวิตประจําวันของคนที่ ตองเกี่ยวของกับหนวยวัดที่ตาง ระบบกัน และตองการทราบ ปริมาณใดมากกวากันจํานวน เทาไร เพื่อจะเกิดความเขาใจ ที่ตรงกันและสื่อสารกันได ถูกตอง)
มุมความคิด 1 ลูกบาศก์ฟุต เท่ากับ (30)3 เท่ากับ 27 × 10 103 ลูลูกบาศก์เซนติเมตร 1 ลูกบาศก์ฟุต เท่ากับ (0.3)3 เท่ากับ 0.027 ลูลูกบาศก์เมตร
ตัวอย่4างที่ จงเปลี่ยนหน่วยปริมาตรต่อไปนี้ 1) 4 ลูลูกบาศก์ฟุตเป็นลูกบาศก์เซนติเมตร 2) 270 ลูกบาศก์ฟุตเป็นลูกบาศก์เมตร วิธีทำ�
1) เนื่องจาก 1 ลูกบาศก์ฟุต เท่ากับ 27 × 103 ลูกบาศก์เซนติเมตร จะได้ 4 ลูกบาศก์ฟุต = 4 × 27 × 103 = 108,000 หรือ = 1.08 × 105 ลูกบาศก์เซนติเมตร ดังนั้น 4 ลูกบาศก์ฟุต = 1.08 × 105 ลูกบาศก์เซนติเมตร
นักเรียนควรรู เปลี่ยนหนวย มีขอสังเกตและควร จดจําดังนี้ • เมื่อตองการเปลี่ยนจากหนวย เล็กกวาไปสูหนวยที่ใหญขึ้นจะ ใชการหารดวยจํานวนที่มีความ สัมพันธระหวางหนวยทั้งสอง • เมื่อตองการเปลี่ยนหนวยจาก หนวยใหญกวาเปนหนวยเล็กลง จะใชคูณดวยจํานวนที่มีความ สัมพันธระหวางหนวยทั้งสอง
คูมือครู
63
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
ขยายความเขาใจ 1. ครูใหนักเรียนจับคูรวมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นวาโจทยขอ ใดในแบบตรวจสอบความเขาใจ ที่ 1.7 หนา 63-64 วาเหมือนกับ ตัวอยางใดที่เรียน 2. นักเรียนนําแนวคิดที่แลกเปลี่ยน กันนําไปใชในการทําแบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.7 จากนั้น นักเรียนแตละคูแลกเปลี่ยนกัน ตรวจคําตอบ 3. ครูสุมนักเรียน 2-3 คูใหออกมา นําเสนอแนวคิดและวิธีการแกปญหาโจทย
ตรวจสอบผล ตรวจสอบความถูกตองจากการทํา แบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.7 (ดูเฉลยแบบตรวจสอบความ เขาใจที่ 1.7 ที่สวนเสริมดานหนา ของหนังสือเลมนี้)
64
2) เนื่องจาก 1 ลูกบาศก์ฟุต เท่ากับ 0.027 ลูกบาศก์เมตร จะได้ 270 ลูกบาศก์ฟุต = 270 × 0.027 = 7.29 ลูกบาศก์เมตร ดังนั้น 270 ลูกบาศก์ฟุต เท่ากับ 7.29 ลูกบาศก์เมตร
แบบตรวจสอบความเข้าใจที่
1.7
1. จงเปลี่ยนหน่วยปริมาตรต่อไปนี้ให้เป็นหน่วยที่ก�าหนดไว้ในวงเล็บ 1) 8 ลูกบาศก์เซนติเมตร (ลูกบาศก์มิลลิเมตร) 2) 4.2 ลูกบาศก์เซนติเมตร (ลูกบาศก์มิลลิเมตร) มตร กบาศก์เซนติเมตร) 3) 6,000 ลูลูกบาศก์มิลลิเมตร (ลู 4) 9,500 ลู 9,500 ลูกบาศก์มิลลิเมตร (ลู มตร (ลูกบาศก์เซนติเมตร) 5) 7 ลู 7 ลูกบาศก์เมตร (ลู มตร (ลูกบาศก์เซนติเมตร) 8.3 ลูลูกบาศก์เมตร (ลู 6) 8.3 6) มตร (ลูกบาศก์เซนติเมตร) 5,000,000 ลูลูกบาศก์เซนติเมตร (ลู 7) 5,000,000 มตร (ลูกบาศก์เมตร) 7,800,000 ลูลูกบาศก์เซนติเมตร (ลู 8) 7,800,000 8) มตร (ลูกบาศก์เมตร) 2. จงเปลี่ยนหน่วยปริมาตรต่อไปนี้ให้เป็นหน่วยที่ก�าหนดไว้ในวงเล็บ 1) 44 ลูลูกบาศก์ฟุต (ลู (ลูกบาศก์นิ้ว) 2) 3.5 ลูลูกบาศก์ฟุต (ลู (ลูกบาศก์นิ้ว) 3) 1,728 ลูลูกบาศก์นิ้ว (ลู (ลูกบาศก์ฟุต) 51,840 ลูลูกบาศก์นิ้ว (ลู 4) 51,840 (ลูกบาศก์ฟุต) 5) 691,200 ลูกบาศก์นิ้ว (ลูกบาศก์ฟุต) 3. จงเปลี่ยนหน่วยปริมาตรต่อไปนี้ให้เป็นหน่วยที่ก�าหนดไว้ในวงเล็บ 1) 635,400 ลูกบาศก์เซนติเมตร (ลูกบาศก์ฟุต) 2) 109,377 ลูกบาศก์เซนติเมตร (ลูกบาศก์ฟุต) 3) 7 ลูกบาศก์ฟุต (ลูกบาศก์เซนติเมตร) 4) 12.5 ลูกบาศก์ฟุต (ลูกบาศก์เซนติเมตร)
64
คูมือครู
ตอบ
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา Explore
Engage
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
สํารวจคนหา 65
5) 216 ลูกบาศก์ฟุต (ลูกบาศก์เมตร) 6) 251.1 ลูกบาศก์ฟุต (ลูกบาศก์เมตร) 7) 4.374 ลูกบาศก์เมตร (ลูกบาศก์ฟุต) 8) 5.103 ลูกบาศก์เมตร (ลูกบาศก์ฟุต) 9) 24,300 ลูกบาศก์เมตร (ลูกบาศก์ฟุต) 10) 2,000 ลูกบาศก์เมตร (ลูกบาศก์ฟุต)
ใหนักเรียนจับคูศึกษาบทเรียน หัวขอ 8 หนา 65 รวมแสดงความคิด เห็นวา • เห็นดวยหรือไม กับการทําเปน วิธีและแนวคิด เพราะเหตุใด (แนวตอบ สามารถตอบไดทั้งเห็น ดวยหรือไมเห็นดวย และแสดง ความคิดเห็นอยางหลากหลาย)
นักเรียนควรรู
8. การเลือกใชหนวยปริมาตรและการนําไปใช การเลือกใช้หน่วยปริมาตรโดยทั่วไปจะเลือกใช้ให้เหมาะสมกับขนาดของปริมาตรที่ ต้องการวัด เช่น ขวดบรรจุยาหยอดตาอาจมีหน่วยเป็นมิลลิลิตร แต่ขวดบรรจุน�้าขนาดใหญ่อาจใช้ หน่วยเป็นลิตร กล่องบรรจุของขนาดเล็กก็อาจใช้หน่วยเป็นลูกบาศก์เซนติเมตรหรือลูกบาศก์นิ้ว ถ้าเป็นกล่องบรรจุขนาดใหญ่อาจใช้หน่วยเป็นลูกบาศก์ฟุต หรือลูกบาศก์เมตร เป็นต้น จากการบีบน�้ายาหยอดตาความจุ 15 มิลลิลิตรจะบีบได้ 30 หยด จึงอาจ ประมาณได้ว่า ความจุ 1 มิลลิลิตรเท่ากับน�้ายาที่บีบจากขวดยาหยอดตา 2 หยด
ปัจจุบันนี้ขวดบรรจุน�้าดื่มหรือเครื่องดื่มมีขนาดต่างๆ กัน ดูได้จากสลากที่ปิด เช่น ขวดน�้าดื่มมีปริมาตร 500 ลูกบาศก์เซนติเมตร หรือ 500 500 cc. ((cc. เป็นตัวย่อของ cubic centimetre) หรือ 1 ลิตร หรือ 5 ลิตร เป็นต้น น�้าอัดลมที่บรรจุในขวดพลาสติกจะมีปริมาตร 1.25 ลิตร หรือ 2 ลิตร
มุมความคิด
1 ลิตร เมื่อเทียบหนวยวัดของไทย เทากับ 1 ทะนาน และ 1 เกวียน เทากับ 2,000 ลิตร ความจุ ใชเพื่อแสดงวาภาชนะนั้น บรรจุสิ่งของ (ซึ่งเปนของเหลว) ได ปริมาณเทาใด เชนถังใบนี้จุนํ้าได 5 ลิตร นั่นคือถังใบนี้มีความจุ 5 ลิตร ปริมาตรใชเพื่อแสดงวาปริมาตร ของเหลวที่บรรจุในภาชนะนั้นมี ปริมาณเทาใด @
มุม IT
ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนวย ปริมาตร (กิจกรรมเสริมทักษะ) ที่ http://www.mathsisfun.com/ measure/metric-volume.html
ความจุ 1 ลิตร เท่ากับ 1,000 มิลลิลิตร ความจุ 1 ลิตร เท่ากับ 1,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร ความจุ 1 มิลลิลิตร เท่ากับ 1 ลูกบาศก์เซนติเมตร
คูมือครู
65
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
อธิบายความรู จากตัวอยางที่ 1 และ 2 หนา 66-67 ใหนักเรียนรวมกัน แสดงความคิดเห็น • การเลือกหนวยกับสิ่งของนั้น สัมพันธกันอยางไร (แนวตอบ ถาสิ่งของมีขนาดเล็ก ควรเลือกใชหนวยเล็ก และถามี ขนาดใหญควรเลือกหนวยใหญ เพื่อสะดวกและงายตอการ จดจํา)
ขยายความเขาใจ
66
ตัวอย่1างที่ พิจารณาว่าควรใช้หน่วยการวัดใดในแต่ละข้อต่อไปนี้จึงจะเหมาะสมพร้อมทั้งอธิบาย เหตุผล 1) ความจุของสระว่ายน�้า 2) ความจุของถ้วยกาแฟ 3) ความจุของขวดยาน�้า 4) ความจุของขวดน�้าส้ม 5) ความจุของแท็งก์น�้าขนาดใหญ่ วิธีทำ�
1) ความจุของสระว่ายน�้าควรใช้หน่วยเป็นลูกบาศก์เมตรเพราะความกว้าง ความยาวของสระน�้านิยมวัดเป็นเมตรและสระว่ายน�้าจุน�้าได้มาก 2) ความจุของถ้วยกาแฟควรใช้หน่วยเป็นมิลลิลติ ร หรือลูกบาศก์เซนติเมตร เพราะถ้วยกาแฟจุน�้าได้ประมาณหนึ่งในสี่ของลิตรซึ่งไม่มาก 3) ความจุของขวดยาน�้า ถ้าเป็นขวดขนาดเล็กและกลางควรใช้หน่วยเป็น 3) มิลลิลิตรร หรื หรือลูกบาศก์เซนติเมตร มตรแต่ถ้าเป็นขวดขนาดใหญ่ควรใช้หน่วย เป็นลิตร 4) ความจุของขวดน�้าส้มถ้าเป็นขวดขนาดเล็กและขนาดกลางควรใช้หน่วย เป็นมิลลิลิตรแต่ แต่ถ้าเป็นขวดขนาดใหญ่ก็ใช้หน่วยเป็นลิตร 5) ความจุของแท็งก์น�้าขนาดใหญ่ ควรใช้หน่วยเป็นลูกบาศก์เมตร เพราะ ตอบ แท็งก์นา�้ จุนา�้ ได้มาก
ตัวอย่2างที่ วัสดุทา� ฝ้าแผ่นหนึง่ ขนาด60 ขนาด 60×60 ตารางเซนติเมตร ขนาด 60 × 60 ตารางเซนติ มตร ถ้าบ้านหลังหนึง่ กว้าง 10 เมตร และ ยาว 12 12 เมตร จะต้องใช้วัสดุท�าฝ้ากี่แผ่น และถ้าวัสดุท�าฝ้าราคาแผ่นละ 31 บาท จะต้องจ่ายเงินค่าวัสดุท�าฝ้ากี่บาท
66
คูมือครู
วิธีทำ�
เนื่องจาก ความกว้าง 10 เมตร = 10 × 100 = 1,000 เซนติเมตร วัสดุท�าฝ้ากว้าง 60 เซนติเมตร จะต้องใช้ตามความกว้างของบ้าน เท่ากับ 1,000 ÷ 60 = 16.67 ประมาณ 17 แผ่น เนื่องจาก ความยาว 12 เมตร = 12 × 100 = 1,200 เซนติเมตร
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู 67
วัสดุท�ำฝ้ำยำว 60 เซนติเมตร จะต้องใช้ตำมควำมยำวของบ้ำน เท่ำกับ 1,200 ÷ 60 = 20 แผ่น จึงต้องใช้วัสดุท�ำฝ้ำทั้งหมด = 17 × 20 = 340 แผ่น ถ้ำวัสดุท�ำฝ้ำรำคำแผ่นละ 31 บำท ดังนั้น จะต้องจ่ำยเงินค่ำวัสดุท�ำฝ้ำ = 340 × 31 = 10,540 บำท
ตอบ
ตัวอย่3างที่ ห้ำงสรรพสินค้ำแห่งหนึ่งโฆษณำขำยน�้ำผลไม้ชนิดกล่องขนำด 250 มิลลิลิตร ขำยเป็น แพ็กแพ็กละ 6 กล่อง รำคำ 102 บำท ส่วนกล่องใหญ่ 1 ลิตร รำคำกล่องละ 61 บำท จำกข้อมูลข้ำงต้นนักเรียนคิดว่ำควรซื้อน�้ำผลไม้ชนิดใดจึงจะประหยัดเงินกว่ำกัน
น�้าผลไม้ 250 มิลลิลิตร แพ็ก 6 กล่อง ราคา 102 บาท
วิธีทำ�
จากตัวอยางที่ 3 ครูตั้งคําถาม • การตอบคําถามในตัวอยางนี้ตอง ใชความรูเ รือ่ งใดบาง เพราะเหตุใด (แนวตอบ การเปลี่ยนหนวย มิลลิลิตรเปนลิตร แลวเปรียบ เทียบราคา) • ขอมูลที่กําหนดไดขอสรุปวา ซื้อนํ้า ผลไมกลองใหญ ประหยัดเงินกวา ถาในครอบครัวนักเรียนมีจํานวน คนดื่มนํ้าผลไม 2 คน นักเรียนคิด วาจะคุมกับจํานวนเงินที่ประหยัด ไดหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ อาจจะตอบวาคุมเพราะ วาทั้งสองคนชอบดื่มนํ้าผลไม หรือ ตอบวา ไมคุมเพราะวาไดปริมาณ นํ้าผลไมมากเกินความตองการ สําหรับการดื่ม)
น�า้ ผลไม้ 1 ลิตร 1 กล่อง ราคา 61 บาท
6 กล่อง รำคำ ง รำคำ คำ 102 บำท บท บำ น�้ำผลไม้กล่องเล็ก 6 กล่ 102 ำ น�้ำผลไม้กล่องเล็ก 1 กล่อง รำคำ = 17 บำท บำท 6 น�้ำผลไม้กล่องเล็ก 1 กล่อง มีควำมจุ มจุ 250 มิลลิลิตร น�้ำผลไม้กล่องเล็ก 4 กล่อง มีควำมจุ 4 × 250 250 = 1,000 มิลลิลิตร = 1 ลิตร น�้ำผลไม้กล่องเล็ก 4 กล่อง มีควำมจุ 1 ลิตร รำคำ เท่ำกับ 4 × 17 = 68 บำท แต่ผลไม้กล่องใหญ่ 1 กล่อง มีควำมจุ 1 ลิตร รำคำ 61 บำท ในปริมำณควำมจุเท่ำกันรำคำน�้ำผลไม้กล่องใหญ่ถูกกว่ำกล่องเล็ก = 68 - 61 = 7 บำท ดังนั้น ควรซื้อน�้ำผลไม้กล่องใหญ่ เพรำะจะประหยัดเงินได้ 7 บำท
ตอบ
คูมือครู
67
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
ขยายความเขาใจ ครูกําหนดประเด็นใหนักเรียน รวมกันแสดงความคิดเห็น • ความรูเรื่อง พื้นที่ผิวและ ปริมาตรเกี่ยวของกับชีวิต ประจําวันของนักเรียนอยางไร บาง (แนวตอบ คําตอบมีไดหลากหลาย ใหครูพิจารณาความเปน เหตุเปนผลประกอบ) • ถาขาดความรูเรื่องนี้ จะสงผล กระทบตอการนําดําเนินชีวิต ประจําวันของคนเราอยางไร บาง (แนวตอบ คําตอบมีไดหลากหลาย ใหครูพิจารณาความเปน เหตุเปนผลประกอบ) 2. ใหนักเรียนจับคูรวมกันหาแนวทาง และวิธีการแกปญหาโจทยในแบบ ตรวจสอบความเขาใจที่ 1.8 หนา 68-70 3. จากนั้นแตละคูแลกเปลี่ยนกัน ตรวจสอบความถูกตอง 4. ครูสุมนักเรียน 3-4 คู ใหออกมา นําเสนอแนวคิดและวิธีการ แกปญหาโจทย
68
1.8
แบบตรวจสอบความเข้าใจที่ 1.
30 ซม.
20 ซม
.
ม.
25 ซ
จากรูป ตู้ปลาท�าด้วยพลาสติกมีความหนา 1 เซนติเมตร จงหา 1) ปริมาตรของน�้าในตู้ปลา เมื่อไม่ได้ใส่วัสดุใดๆ ในตู้ปลาและเติมน�้าเต็มตู้ปลานี้ 2) พื้นที่ผิวด้านนอกของตู้ปลานี้ 2.
1 ม.
12 ม. 2 ม.
4 ม.
จากรูปแสดงหน้าตัดขวางของสระว่ายน�้าแห่งหนึ่ง ถ้าสระว่ายน�้านี้มีความกว้าง 6 เมตร จงหา 1) ปริมาตรของน�้าในสระ 2) ถ้าต้องการเปลีย่ นน�า้ ในสระว่ายน�า้ นี ้ จะต้องใช้เวลานานเท่าไร จึงจะสูบน�า้ ออกหมดสระ เมื่อสูบน�้าได้ 48 ลูกบาศก์เมตรในเวลา 1 ชั่วโมง 3.
3 ซม.
4 ซม.
12 ซม.
7 ซม.
68
คูมือครู
ทรงสามมิตทิ สี่ ร้างจากทรงกระบอกตัน 2 อัน ดังรูป จงหา 1) พื้นที่ผิวภายนอก 2) ปริมาตรของทรงสามมิตินี้ (ตอบในรูปของ π)
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
ตรวจสอบผล 69
4. เรือนกระจกส�าหรับทดลองปลูกพืชเมืองหนาวหลังหนึง่ ดังรูป จงหาพืน้ ทีข่ องกระจกอย่างน้อย ทีส่ ดุ ในการสร้างเรือนหลังนี ้ ถ้ากระจกราคาตารางเมตรละ 200 บาท จะต้องเสียเงินค่ากระจก ประมาณกี่บาท 3.9 ม
.
4.5 ม.
6 ม.
4.5 ม. 12 ม.
7.2 ม.
5. รางน�้าฝนรางหนึ่งดังรูป ความยาว 10 เมตร ถ้ถ้ารางนี้มีนา�้ ฝนเต็มจะจุนา�้ ได้อย่างมากที่สุด เท่าไร
40 ซม. 40 ซม. 5 ซม. 5 ซม.
5 ซม. 30 ซม.
6. ถังโลหะทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากซึ่งมีขนาดภายนอกเท่ากับ 16 × 28 × 40 ลู 16 × 28 × 40 ลูกบาศก์เซนติเมตร มตร ถ้าถังโลหะนี้หนา 1 เซนติ เซนติเมตร จงหา มตร 1) พื้นที่ผิวภายในถังโลหะนี้ 2) ปริมาณโลหะที่ใช้ท�าถังนี้
ตรวจสอบความถูกตองจากการ ทําแบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.8 (ดูเฉลยแบบตรวจสอบความ เขาใจที่ 1.8 ที่สวนเสริมดานหนา ของหนังสือเลมนี้)
NET ขอสอบ ป 51 ขอสอบออกโจทยปญหาเกี่ยวกับ การนําความรูเรื่องปริมาตรของทรง กระบอกไปใช โดยโจทยกําหนด • ตองการทําเคกรูปทรงกระบอก ชิ้นหนึ่งที่มีเสนผานศูนยกลาง 28 เซนติเมตร เปนชั้นๆ ดังนี้ ชั้นที่หนึ่ง เปนเนื้อเคกหนา 3 เซนติเมตร ชั้นที่สอง เปนแยมหนา 1 เซนติเมตร ชั้นที่สาม เปนเนื้อเคกหนา 2 เซนติเมตร ชั้นที่สี่ เปนครีมหนา 1.5 เซนติเมตร ถาเนื้อเคก 100 ลูกบาศก เซนติเมตรราคา 10 บาท แยม 100 ลูกบาศกเซนติเมตร ราคา 25 บาท และครีม 100 ลูกบาศกเซนติเมตรราคา 25 บาท ถาตองการกําไรจากการ ขายเคกกอนนี้ 20% จะตองตั้ง ราคาขายเคกกอนนี้ไวกี่บาท 1. 138.60 บาท 2. 693.00 บาท 3. 831.60 บาท 4. 925.40 บาท (แนวคิด หาปริมาตรของเนื้อ เคก แยม และครีมพรอมคิด ตนทุนแตละชนิด แลวนําไปคิด ราคาขายจากที่ตองการกําไร 20% ทุนของเคกกอนนี้ (308 + 154 + 231) = 693 บาท ตองการขายใหไดกําไร 20% ตั้งราคา = 120 × 693 = 831.60 บาท 100 ดังนั้น คําตอบ คือ ขอ 3.) คูมือครู 69
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
กระตุนความสนใจ ครูสนทนาและซักถามนักเรียน เกี่ยวกับการคาดคะเนที่นักเรียนเคย มีความรูมาแลวใน • เหตุใดตองมีการคาดคะเน (แนวตอบ เพราะวาในบาง สถานการณที่เกี่ยวของกับการ คิดคํานวณ เราตองการคาที่ ใกลเคียงซึ่งเพียงพอจะใชใน การตัดสินใจ) • มีวิธีการคาดคะเนอยางไรบาง (แนวตอบ คําตอบมีไดหลากหลาย ใหครูพิจารณาความเปน เหตุเปนผลประกอบ) • ผลที่ไดจากการคาดคะเนเปน อยางไรไดบาง (แนวตอบ การคาดคะเนไดคา ไมเทากัน) • เมื่อไรจึงจะยอมรับวา การคาด คะเนนั้นดีและเหมาะสม (แนวตอบ เมื่อไดคาที่ใกลเคียง มากที่สุด) • นักเรียนคิดวา ประสบการณมี ความสําคัญและจําเปนตอการ คาดคะเนหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ มีความสําคัญและ จําเปน เพราะวาประสบการณ จะทําใหเราเลือกวิธีคาดคะเน ไดเหมาะสม ไดผลนําไปชวย ในการตัดสินใจไดดี)
70
คูมือครู
70
7.
8. 9.
จากรู ป ขนมเค้ ก ทรงกระบอกสองก้ อ น เส้ น ผ่ า น ศู น ย์ ก ลางของเค้ ก ก้ อ นบนกั บ ก้ อ นล่ า งเป็ น 20 เซนติเมตร และ 26 เซนติเมตร ตามล�าดับ ความสูง ของเค้กก้อนบนและเค้กก้อนล่างเป็น 8 เซนติเมตร และ 12 เซนติเมตร ตามล�าดับ (ก�าหนด π ≈ 227 ) จงหา 1) พื้นที่ผิวด้านนอกของขนมเค้กก้อนนี้ 2) ปริมาตรของเค้กก้อนนี้
แท่งเหล็กทรงกระบอกเจาะตรงกลางออกเป็นแท่งปริซึมสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งมีความกว้าง 4 เซนติเมตร และความยาว 6 เซนติเมตร โดยแท่งเหล็กมีรัศมีของฐานยาว 10 เซนติเมตร และความสูง 12 เซนติเมตร จงหาปริมาตรของแท่งเหล็กทรงกระบอกนี้ (ก�าหนด π ≈ 3.14) คุณพ่อต้องการท�าห้องน�้าใหม่ ให้มีความกว้าง 2 เมตร ความยาว 3.5 เมตร ความสูง 2.2 เมตร คุณพ่อให้โอตช่วยค�านวณว่าจะต้องใช้กระเบื้องปูรอบผนังห้องน�้าทั้งสี่ด้านกี่แผ่น ถ้าต้องตัดส่วนที่เป็นประตูขนาด 90 × 190 ตารางเซนติเมตรออก โดยคุณพ่อให้ขนาด กระเบื้องมา 2 ขนาด คือ ขนาด 13 × 13 ตารางนิ้ว ราคาแผ่นละ 12 บาทกับขนาด 8 × 10 ตารางนิ้วราคาแผ่นละ 7 บาท ตามล�าดับ คุณพ่อควรใช้กระเบื้องขนาดใดจึงจะประหยัด ค่าใช้จ่ายและประหยัดได้กี่บาท
9. การคาดคะเนเกี่ยวกับการวัดในสถานการณตางๆ นักเรียนทราบแล้วว่าในการตัดสินใจบางเรือ่ งทีต่ อ้ งการความรวดเร็ว และต้องการเพียง ค่าใกล้เคียงที่เพียงพอจะใช้ประกอบการตัดสินใจได้ อาจใช้การคาดคะเน ซึ่งค่าที่ได้จากการคาด คะเนอาจมากกว่าหรือน้อยกว่าที่ได้จากการใช้เครื่องมือวัดเรียกค่าที่มากกว่าหรือน้อยกว่านี้ว่า ค่าความคลาดเคลื่อน การคาดคะเนจะมีความคลาดเคลื่อนมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับประสบการณ์ แนวคิด หรือรูปแบบที่ใช้ประกอบการตัดสินใจ กิจกรรมที่ 1 ให้นกั เรียนคาดคะเนสิง่ ต่างๆ ในห้องเรียนทีก่ า� หนด แล้วเปรียบเทียบกับค่าทีค่ า� นวณได้ จากการวัด พร้อมทั้งหาค่าความคลาดเคลื่อนจากการคาดคะเน
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
Engage
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
สํารวจคนหา 71 รายการ
ค่าที่ค�านวณได้ จากการคาดคะเน
ค่าที่ค�านวณได้ จากการวัด
ค่าความ คลาดเคลื่อน
1. พื้นที่ผิวด้านบนของโตะเรียน 2. พื้นที่ของพื้นห้องเรียน 3. พื้นที่ฝาห้องเรียน 4. ปริมาตรของห้องเรียน 5. ปริมาตรของกล่องใส่ดินสอทรงสี่เหลี่ยม มุมฉาก
อธิบายความรู
กิจกรรมที่ 2 ให้นักเรียนปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้ 1. จัดหาสิ่งต่างๆ ดังนี้ แก้วน�้าทรงกระบอก กรวยและลูกบอลพลาสติก 2. คาดคะเนปริมาตรของสิง่ ต่างๆ ในข้อ 1 แล้วเปรียบเทียบกับค่าทีค่ า� นวณได้ จากการวัด พร้อมทั้งหาค่าความคลาดเคลื่อน รายการ
ครูใหนักเรียนรวมกันแสดง ความคิดเห็นเกี่ยวกับขอความนี้ “การคาดคะเนจะมีความคลาด เคลื่อนมากนอยเพียงใดขึ้นอยู กับประสบการณ” จากนั้นใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 1 และ 2
ค่าที่ค�านวณได้ จากการคาดคะเน
ค่าที่ค�านวณได้ จากการวัด
ค่าความ คลาดเคลื่อน
หลังจากนักเรียนทํากิจกรรมที่ 1 และกิจกรรมที่ 2 หนา 70-71 เสร็จ แลว ครูใหนักเรียนรวมกันแสดง ความคิดเห็นวา • กิจกรรมใดคาดคะเนไดงายกวา และไดคาคลาดเคลื่อนนอยกวา เพราะเหตุใดจึงเปนเชนนั้น (แนวตอบ ตอบไดหลากหลาย ตามพื้นฐานความรูและ ประสบการณของนักเรียน)
1. แก้วน�้าทรงกระบอก 2. กรวย 3. ลูกบอลพลาสติก
จากกิจกรรมที่ 1 จะพบว่าเป็นการคาดคะเนพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า และคาดคะเน ปริมาตรของทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก และจากกิจกรรมที่ 2 จะพบว่า เป็นการคาดคะเนปริมาตรของ ทรงกระบอก กรวย และทรงกลม แต่สิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเรานั้น ส่วนใหญ่มีลักษณะคล้ายรูป เรขาคณิตสามมิติ เช่น ส้ม ขนมเทียน โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น การคาดคะเนพื้นที่ผิวหรือปริมาตร ของสิ่งที่มีลักษณะคล้ายรูปเรขาคณิตสามมิติ แต่รูปเรขาคณิตต่างชนิดกัน การคาดคะเนอาจท�าได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
คูมือครู
71
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
Engage
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
สํารวจคนหา ครูนําภาชนะรูปทรงในลักษณะดัง ภาพ หรืออาจจะแตกตางก็ไดตาม ความเหมาะสม ใหนักเรียนพิจารณา แนวทางหรือแนวคิดในการคาดคะเน (แนวตอบ คําตอบมีไดหลากหลาย ตามพื้นฐานความรูและประสบการณ ซึ่งแนวคิดของนักเรียนอาจจะ แตกตางจากที่นําเสนอ)
อธิบายความรู 1. ครูใชคําถามใหนักเรียนวิเคราะห โจทยวา • แตละตัวอยางจะใชความรูใด หรือประสบการณใดมาคาด คะเน เพราะเหตุใด (แนวตอบ คําตอบมีไดหลากหลายตามพื้นความรู และ ประสบการณของนักเรียน) 2. ครูควรใหนักเรียนชวยกันแสดง ความคิดเห็น 3. ครูอธิบายเพิ่มเติม โดยรวมกัน สรุปจากตัวอยางที่นําเสนอ
72
คูมือครู
72
ให้นักเรียนพิจารณาภาพของภาชนะต่อไปนี้
จากภาพ ถ้านักเรียนต้องการคาดคะเนพืน้ ทีผ่ วิ หรือปริมาตรของภาชนะเหล่านี ้ นักเรียน มีแนวคิดหรือวิธีการคิดอย่างไรได้บ้าง ให้นักเรียนศึกษาแนวคิดการคาดคะเนพื้นที่ผิวและปริมาตร จากตัวอย่างต่อไปนี้ ตัวอย่1างที่ จงบอกวิธีการคาดคะเนความจุ และพื้นที่ผิวของแจกันที่ก�าหนด แนวคิด แจกันแต่ละใบมีลกั ษณะคล้ายทรงกลม ดังนัน้ การคาดคะเน ความจุและพื้นที่ผิวของแจกันแต่ละใบ ท�าได้โดยคาดคะเน รัศมีของแจกัน แล้วค�านวณปริมาตรจากสูตร 43 πr3 และ ค�านวณพื้นที่ผิวจากสูตร 4 πr2 ตัวอย่2างที่ จงบอกวิธกี ารคาดคะเนความจุ และพืน้ ทีผ่ วิ ของภาชนะบรรจุนา�้ ผลไม้ ดังรูป แนวคิด ภาชนะบรรจุนา�้ ผลไม้น ี้ มีลกั ษณะเป็นปริซมึ สีเ่ หลีย่ มคางหมู E D F มี ABGF ABGF เป็ เป็นฐาน ดังนัน้ การคาดคะเนความจุจะต้องคาด G AB FG, EF และระยะห่างระหว่าง คะเนความยาวของ AB, AB และ FG แล้วค�านวณหาความจุจากสูตร พื้นที่ฐานคูณ C A ความสูง B การคาดคะเนพืน้ ทีผ่ วิ ต้องคาดคะเนความยาวด้าน AF อีกหนึง่ ด้าน แล้วด�าเนินการดังนี้ 1. หาพื้นที่ผิวข้างจากสูตร ความยาวรอบฐาน × ความสูง (EF) 2. หาสองเท่าของพื้นที่ฐาน 3. หาพื้นที่ผิว โดยหาผลรวมของพื้นที่จากข้อ 1. และข้อ 2.
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ขยายความเขาใจ 73 ตัวอย่างที่
3
จงคาดคะเนความจุของแจกันที่ก�าหนด แนวคิด พิจารณารูปแจกันที่ก�าหนดประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนบนมีลักษณะคล้ายทรง กระบอก ส่วนล่างมีลักษณะคล้ายทรงกลม ดังนั้นการคาดคะเนความจุของ แจกันนี้ ต้องคาดคะเนจากส่วนบน และส่วนล่างดัังนี้ ส่วนบน ส่วนล่าง
ส่วนบน ค าดคะเนรั ศ มี ข องปากแจกั น และความสู ง แล้ ว ค�านวณความจุจากสูตร πr2h ส่วนล่าง คาดคะเนรัศมีแล้วค�านวณความจุจากสูตร 43 πr3 แล้ว หาค่าคาดคะเนของความจุของแจกันใบนี้ โดยน�าค่า คาดคะเนความจุจากส่วนบนรวมกับค่าคาดคะเนความ จุจากส่วนล่าง
1. ใหนักเรียนหาตัวอยางภาชนะหรือ สิ่งของที่ใชในชีวิตประจําวัน ที่แตกตางจากตัวอยางที่ 1 ถึง 4 และใหใชคาดคะเนความจุของ ภาชนะเหลานั้น พรอมตรวจสอบ คาคาดคะเนโดยการปฏิบัติ 2. ใหนําเสนอแนวคิดหรือวิธีการที่ แตกตางจากตัวอยางที่ 1 ถึง 4 และจัดทํารายงานบนกระดาษ A4 สงครูผูสอน
ตัวอย่4างที่ จงคาดคะเนปริมาตรของน�้าเป็นหน่วยลูกบาศก์เซนติเมตรในหลอดแก้วจากภาพ แนวคิด การหาปริมาตรของน�า้ ในหลอดแก้ว ส่วนบนมีลกั ษณะเป็น ทรงกระบอกส่วนล่างมีลักษณะคล้ายครึ่งทรงกลม ดังนั้น การคาดคะเนความจุของน�้าในหลอดแก้ว จะต้องคาดคะเน จาก 2 ส่วน คือคาดคะเนปริมาตรของน�้าจากส่วนบนของ ส่วนบน หลอดแก้ว ต้องคาดคะเนรัศมีและความสูงของระดับน�้า แล้วค�านวณหาปริมาตรน�้าจากสูตร πr2h ส่วนล่าง
การคาดคะเนปริมาตรของน�้าจากส่วนล่างของหลอดแก้วโดยใช้สูตร 23 πr3 การคาดคะเนปริมาตรน�้าทั้งหมด โดยการน�าค่าคาดคะเนจากส่วนบนรวมกับค่าคาด คะเนจากส่วนล่าง
http://www.aksorn.com/LC/Math B1/M3/05
EB GUIDE
คูมือครู
73
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
ขยายความเขาใจ 1. ครูใหนักเรียนจับคูรวมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นวาโจทยขอ ใดในแบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.9 เหมือนกับตัวอยางใดที่ เรียนมา 2. นักเรียนนําแนวคิดที่แลกเปลี่ยน กันนําไปใชในการทําแบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.9 จากนั้น นักเรียนแตละคูแลกเปลี่ยนกัน ตรวจคําตอบ 3. ครูสุมนักเรียน 2-3 คูใหออกมา นําเสนอแนวคิดและวิธีการ แกปญหาโจทย
74
แบบตรวจสอบความเข้าใจที่
1.9
1. ให้คาดคะเนสิ่งต่างๆ ที่ก�าหนด แล้วเปรียบเทียบกับค่าที่ได้จากการวัดพร้อมทั้งหาค่า ความคลาดเคลื่อนจากการคาดคะเน รายการ
ค่าที่ค�านวณได้ จากการคาดคะเน
ค่าที่ค�านวณได้ จากการวัด
ค่าความ คลาดเคลื่อน
1. พื้นที่ของหน้าปกหนังสือคณิตศาสตร์ ม.3 เล่ม 1 2. พื้นที่ฝาตู้เย็นในบ้าน 3. พื้นที่ของวัสดุที่ใช้ท�าลูกปิงปอง 4. พื้นที่ของธนบัตรหนึ่งร้อยบาท 1 ฉบับ 5. ปริมาตรของตู้เย็นในบ้าน 6. ปริมาตรของมะนาว นไข 1 เล่ม 7. ปริมาตรของเทียนไข 1 เล่ บาท 1 เหรียญ 8. ปริมาตรของเหรียญสิบบาท 1 เหรี 9. ปริมาตรของหม้อหุงต้ม 1 ใบ 1 ใบ ง 1 โหล 10. ปริมาตรของนมกล่อง 1 โหล
2. สุ สุปัญญาต้องบริโภคน�้าส้มทุกวัน จึงต้องการตรวจสอบว่าปริมาณน�้าส้มที่เท่ากันของน�้าส้ม ส�าเร็จรูปกับน�า้ ส้มที่คั้นเอง เอง น�น�้าส้มแบบใดประหยัดเงินได้มากกว่า จึงได้ส�ารวจราคาขายส้ม เขียวหวาน พบว่า ส้มเขียวหวานราคากิโลกรัมละ 45 บาท เมื่อน�าส้มเขียวหวาน 1 กิโลกรัม มาคั้นน�้าจะได้น�้าส้มปริมาตร 600 มตร แต่น�้าส้มเขียวหวานคั้นส�าเร็จรูป าตร 600 ลูกบาศก์เซนติเมตร 100% ราคาลิตรละ 72 บาท นักเรียนคิดว่า สุปัญญาควรเลือกซื้อน�้าส้มเขียวหวานคั้น ส�าเร็จรูป 100% หรือซื้อส้มเขียวหวานสดมาคั้นเอง จึงจะคุ้มค่า โดยใช้ความรู้เรื่องการคาด คะเนมาช่วยในการตัดสินใจ (เมื่อก�าหนดให้คุณค่าทางโภชนาการของน�้าส้มเขียวหวานคั้น ส�าเร็จรูป 100% และน�้าส้มเขียวหวานคั้นสดไม่แตกต่างกัน)
74
คูมือครู
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
Engage
Explore
Explain
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบผล 75
3. จงบอกวิธีการคาดคะเนพื้นที่ผิวและปริมาตรในแตละขอตอไปนี้ 1)
ตรวจสอบความถูกตองจากการ ทําแบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.9 (ดูเฉลยแบบตรวจสอบความ เขาใจที่ 1.9 ที่สวนเสริมดานหนา ของหนังสือเลมนี้)
B
B
2)
3)
พื้นฐานอาชีพ
ครูแนะนํานักเรียนวาความรู เกี่ยวกับพื้นที่ผิว และปริมาตรเปน ความรูพื้นฐานที่นําไปประกอบอาชีพ ตางๆ เชน นักออกแบบบรรจุภัณฑ สถาปนิก วิศวกร เปนตน ถานักเรียน สนใจจะประกอบอาชีพเหลานี้ ควร ศึกษาเนื้อหาเรื่องนี้ใหเขาใจและฝก ทักษะการคํานวณใหเชี่ยวชาญ จะไดเปนพื้นฐานความรูสําหรับ นําไปใชตอไป
4)
5)
คูมือครู
75
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
ขยายความเขาใจ 1. แบงกลุมนักเรียน ใหแตละกลุม รวมกันสรางบรรจุภัณฑทรงสาม มิติ มา 1 ชิ้น 2. แตละกลุม บอกรายละเอียดขัน้ ตอน การสรางบรรจุภัณฑและวัสดุที่นํา มาใช 3. จากนั้นแตละกลุมรวมกันออกแบบ สรางสรรคบรรจุภัณฑใหสวยงาม และนําสงครูผูสอน
ตรวจสอบผล
76 กิจกรรมเสริมทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์
(มีความสามารถในการแกปญ หา มีความคิดริเริม่ สรางสรรค เชือ่ มโยงความรูต า งๆ ทางคณิตศาสตร กับศาสตรอื่นๆ)
ทรงสามมิติใดมีความจุมากที่สุด
35 ʹʹ
ปัจจุบันการออกแบบบรรจุภัณฑ์ต่างๆ มีความส�าคัญอย่าง ่ รี ปู ทรงหลากหลายปรากฏ 21ʹʹ มาก ซึง่ ส่งผลให้เกิดการสร้างสรรค์งานทีม ให้เห็น เช่น กล่องนม ลังผลไม้ อาหารกระปอง เป็นต้น สมมติว่ามีกระดาษ 21 นิ้ว × 35 นิ้ว อยู่ 1 แผ่นต้องการสร้างทรงสามมิติ เช่น ทรงกระบอก ปริซึมสี่เหลี่ยมจัตุรัส ปริซึมสี่เหลี่ยมผืนผ้า ปริซึมสามเหลี่ยมหน้าจั่ว เป็นต้น นักเรียนคิดว่าจะใช้กระดาษแผ่นนีส้ ร้างพืน้ ทีผ่ วิ ด้านข้างทรงสามมิตทิ รงใดทีม่ คี วามจุมากทีส่ ดุ แนวคิด เ นื่องจากกระดาษมีความยาว 35 นิ้ว ควรใช้ด้านนี้เป็นความยาวรอบฐานของทรง สามมิติ และด้านซึ่งมีความกว้าง 21 นิ้ว ก็จะเป็นความสูงของทรงสามมิติ จากปริมาตรของทรงสามมิติ เท่ากับ ผลคูณของพื้นที่ฐานกับความสูง ดังนั้น เราจึงเปรียบเทียบเฉพาะพื้นที่ฐานของแต่ละทรงก็จะทราบค�าตอบ
76
คูมือครู
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ขยายความเขาใจ 77
ตัวอย่างเช่น 1. ปริซมึ สีเ่ หลีย่ มจัตรุ สั มีความยาวเส้นรอบฐาน เท่ากับ 35 นิว้ แบ่งเป็นสีส่ ว่ นเท่าๆ กัน จะได้ความยาวด้านของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส เท่ากับ 354 = 8.75 ดังนั้น พื้นที่ฐานของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส เท่ากับ 8.75 × 8.75 = 76.5625 ตารางนิ้ว 2. ปริซึมสามเหลี่ยม หาความยาวของด้านสามเหลี่ยมด้านเท่าได้ เท่ากับ 11.67 ดังนั้น พื้นที่ฐานเท่ากับ 43 (11.67)2 ≈ 58.97 ตารางนิ้ว 3. ทรงกระบอก หาความยาวของรัศมีของเส้นรอบวงของวงกลมได้ ให้ 2πr = 35 r = 235π ≈ 5.57 ดังนั้น พื้นที่ฐาน เท่ากับ π(5.57)2 ≈ 97.51 ตารางนิ้ว จากการค�านวณทรงสามมิตทิ งั้ 3 แบบ สามารถสรุปได้วา่ ทรงกระบอกมีความจุมากทีส่ ดุ นักเรียนคิดว่าบรรจุภัณฑ์ที่ปรากฏอยู่รอบตัวเรา ท�าไมจึงมีรูปแบบแตกต่างกัน เป็นเพราะเหตุใด
A
ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายและ แสดงความคิดเห็นวา • รูปเรขาคณิตสามมิติมีสวน เกี่ยวของกับการออกแบบ บรรจุภัณฑ ผลิตภัณฑหรือ สิ่งของตางๆ อยางไร และ กอใหเกิดประโยชนอยางไรบาง (แนวตอบ คําตอบมีไดหลาก หลายตามพื้นฐานความรูและ ประสบการณของนักเรียน)
@
มุม IT
ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ปริมาตรของพีระมิดและกรวย (กิจกรรมเสริมทักษะ) ที่ http://www.redmond.k12. or.us/14552011718214563/ lib/14552011718214563/ Lesson_10.3.pdf
B
¶้าต้องการสร้างทรงสามมิติดังรูป A และ B ให้มีความจุ 250 cc. และมีความสูง 10 เซนติเมตร นักเรียนคิดว่าทรงสามมิติ แบบใดจะประหยัดกระดาษมากกว่ากัน
คูมือครู
77
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
ขยายความเขาใจ 1. ใหนักเรียนจัดกลุม กลุมละ 5 คน แตกลุมคละความสามารถรวมกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นวาโจทย ขอใดในแบบฝกหัดประจําหนวย การเรียนรูที่ 1 หนา 78-80 เหมือน และสอดคลองกับตัวอยางใดที่ เรียนมา 2. นักเรียนแตละกลุมนําแนวคิดและ วิธีการที่ไดจากการรวมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นไปใชในการ แกปญหาโจทยในแบบฝกหัดฯ หนา 78 3. นักเรียนในกลุมรวมกันตรวจสอบ ความถูกตองในแบบฝกหัดฯ หนา 78 @
78
1
แบบฝึกหัด
ประจ�าหน่วยการเรียนรู้ที่
1. จงหาพื้นที่ผิวด้านนอกและปริมาตรของทรงสามมิติต่อไปนี้ 1) 2) 2 ซม. 1 ซม.
2 ซม. ม.
2 ซ
. 4 ซม ซม. 2
2 ซม.
2 ซม.
2 ซม. 2 ซม.
2 ซม.
2. จงหาพื้นที่ผิวและปริมาตรของแท่งปริซึมตัน แต่ละข้อต่อไปนี้ 1) 2)
3 ซม.
มุม IT ม. 3 ซ
12 ซม.
66 ซม. ซม.
ม. 4 ซ
ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพื้นที่ ผิวและปริมาตร (แบบฝกเสริมทักษะ) ไดที่ http://www.vcharkarn.com/ vcafe/164962
3)
4)
เกร็ดแนะครู กอนใหนักเรียนทําแบบฝกหัด ประจําหนวยการเรียนรูที่ 1 นักเรียน ควรรวมกันทบทวนความรูที่เรียนมา และใหนักเรียนชวยกันเสนอแนวคิด แนวทาง และวิธีการที่เหมาะสม เพื่อแกปญหาโจทยนั้นๆ
3 ซม. 6 ซม.
5 ซม.
78
คูมือครู
6 ซม.
ม.
12 ซ
ม.
10 ซ
3 ซม. 5 ซม.
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ขยายความเขาใจ 79
3. จงหาพื้นที่ผิวของลูกบาศก์ซึ่งมีปริมาตร 64 ลูกบาศก์นิ้ว 4. ปริซึมสี่เหลี่ยมผืนผ้าแท่งหนึ่งยาว 4 หน่วย และความกว้างกับความยาวของฐานเท่ากับ 2 หน่วย และ 3 หน่วย ตามล�าดับ จงหาพื้นที่ผิวและปริมาตรของปริซึม 5. รัศมีของฐานทรงกระบอกตันเท่ากับ 2 นิ้ว และความสูง 3 นิ้ว จงหา 1) ปริมาตร 2) พื้นที่ผิวข้าง 3) พื้นที่ผิว (ก�าหนด π ≈ 3.14)
@
6. ภาคภูมิเทน�้า 8 ลิตร ลงในถังทรงกระบอกที่ว่างเปล่า ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางภายใน 20 เซนติเมตร จงหาความสูงของน�้าในถัง ก�าหนดให้ π ≈ 227 ตอบในรูปเศษส่วน
(
1. นักเรียนแตละกลุมนําแนวคิดและ วิธีการที่ไดจากการรวมกันแลก เปลี่ยนความคิดเห็นไปใชในการ แกปญหาโจทยในแบบฝกหัดฯ หนา 79 2. นักเรียนในกลุมรวมกันตรวจสอบ ความถูกตองในแบบฝกหัดฯ หนา 79
)
7. พื้นที่ผิวข้างของทรงกระบอกเท่ากับ 880 ตารางเซนติเมตร และถ้าทรงกระบอกนี้สูง 10 เซนติเมตร จงหาความยาวเส้นรอบรูปของฐานและพื้นที่ฐานของทรงกระบอกนี้ (ตอบในรูปของ π)
มุม IT
ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพื้นที่ ผิวและปริมาตร (แบบฝกเสริมทักษะ) ไดที่ http://www.thaicadet.org/ StudyOnline/math02.html
เซนติเมตร 10 เซนติเมตร มตร 8. ท่อทรงกระบอกยาว 30 เซนติ มตร มีมีความยาวเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก ลางภายนอก 10 เซนติ 3.14) จงหา และหนา 2 เซนติเมตร (ก�าหนดให้ π ≈ 3.14) จงหา 1) พื้นที่ผิวภายนอก 2) พื้นที่ผิวภายใน 3) ปริมาตรของวัสดุที่ใช้ท�าท่อ 9. มานิตต้องซื้อผ้าใบมาท�าหลังคาเต็นท์มีความกว้าง 7 เมตร ความยาว 24 เมตร มี 7 เมตร ความยาว 24 เมตร ลักษณะ เป็นทรงกระบอกผ่าครึ่ง มานิตจะต้องซื้อผ้าใบท�าหลังคาอย่างน้อยกี่ตารางเมตร ารางเมตร ก�าหนดให้ π ≈ 227 10. หมอนขวานใบหนึ่งมีความยาวฐาน วามยาวฐาน 12 นิ้ว ด้านประกอบมุม หมอนขวานมีลักษณะเป็น ยอดยาว 10 นิ้ว หมอนมีความยาว 16 นิ้ว สิริโชคต้องการมอบ ปริซึมสามเหลี่ยมหน้าจั่ว หมอนขวานใบนี้ให้แด่คุณย่าเนื่องในโอกาสวันเกิดครบ 72 ปี สิริโชคต้องใช้กระดาษห่อของขวัญที่มีพื้นที่อย่างน้อยเท่าใด
(
)
คูมือครู
79
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
Engage
Explore
Explain
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)
ตรวจสอบผล ตรวจสอบความถูกตองจากการ ทําแบบฝกหัดประจําหนวยการ เรียนรูที่ 1 (ดูเฉลยแบบฝกหัดประจําหนวย การเรียนรูที่ 1 ที่สวนเสริมดานหนา ของหนังสือเลมนี้)
NET ขอสอบ ป 51 ขอสอบออกโจทยปญหาเกี่ยวกับ การนําความรูเรื่องทรงกระบอกไปใช โดยโจทยกําหนด • ถั ง นํ้ า ทรงกระบอกและกรวยมี ความสูงและมีเสนผานศูนยกลาง เทากัน โดยมีความสูง 15 เซนติเมตร ถ า ใช ก รวยตั ก นํ้ า ให เ ต็ ม พอดี แลวเทใสถังทรงกระบอก จงหา วาระดับนํา้ ในถังทรงกระบอกจะ สูงกี่เซนติเมตร 1. 3 เซนติเมตร 2. 5 เซนติเมตร 3. 10 เซนติเมตร 4. 15 เซนติเมตร (แนวคิด ปริมาณของกรวย เทากับ 13 ของปริมาณของทรง กระบอก เมื่อกรวยและทรง กระบอกมีความสูงเทากันและ เสนผานศูนยกลางเทากัน จะไดปริมาตรของกรวย = 13 πr2 × 15 = 5 πr2 แตปริมาตรของทรงกระบอก = πr2h πr2h = 5 πr2 จะได h = 5 นั่นคือ ระดับนํ้าในถังทรง กระบอกสูง 5 เซนติเมตร ดังนั้น คําตอบคือ ขอ 2.)
80
11. ช่างท�าลูกตุ้มเหล็กส�าหรับยกน�้าหนัก น�าเหล็กตันทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก มีความกว้าง 20 เซนติเมตร ความยาว 24 เซนติเมตร หนา 12 เซนติเมตร มาหล่อเป็นลูกตุ้มทรงกลมที่มี เส้นผ่านศูนย์กลางยาว 7 เซนติเมตร ช่างท�าลูกตุ้มจะหล่อลูกตุ้มได้อย่างมากที่สุดกี่ลูก ก�าหนดให้ π ≈ 227
(
12. 13.
)
5 ซม.
8 ซม.
20 ซม. A
h ซม.
B สีสเปรย์กระปองสองยีห่ อ้ ออกแบบฝาครอบ ต่างกัน แบบ แบบ A ฝาครอบเป็ AA ฝาครอบเป็ ฝาครอบเป็นรูปครึง่ ทรงกลม แบบ B ฝาครอบเป็ น รู ป ทรงกระบอก จงบอกวิธกี ารคาดคะเนปริมาตรและพืน้ ทีผ่ วิ ของกระปองทั้งสองใบ
หลักฐาน แสดงผลการเรียนรู • บรรจุภัณฑทรงสามมิติ • แบบฝกหัดประจําหนวยการเรียนรูที่ 1
80
คูมือครู
ทรงกระบอก A มีเส้นผ่านศูนย์กลางของฐานยาว 5 เซนติเมตร สูง 20 เซนติเมตร มีน�้าบรรจุเต็ม เทลงในทรงกระบอก B ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลาง ของฐาน 8 เซนติเมตร จงหาความสูงของน�้าใน ทรงกระบอก B
A
B