คูมือครู 㪌»ÃСͺ¡ÒÃÊ͹ËÇÁ¡Ñº
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ©ºÑº »ÃСѹÏ
ภาพปกนี้มีขนาดเทากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน
กระบวนการสอนแบบ 5 Es ชวยสรางทักษะการเรียนรู กิจกรรมมุงพัฒนาทักษะการคิด คำถาม + แนวขอสอบเพื่อยกผลสัมฤทธิ์ O-NET กิจกรรมบูรณาการเตรียมพรอมสู ASEAN 2558
เอกสารประกอบคูมือครู
กลุมสาระการเรียนรู ศิลปะ
ทัศนศิลป ชั้นมัธยมศึกษาปที่
4
สําหรับครู
คูมือครู Version ใหม
ลักษณะเดน
ขยายพื้นที่รูปเลมใหญขึ้นกวาเดิม จัดแบงพื้นที่ออกเปนโซน เพื่อคนหาขอมูลไดงาย สะดวก รวดเร็ว และดูเปนระเบียบ กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล
กระตุน ความสนใจ
Evaluate
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
เปาหมายการเรียนรู สมรรถนะของผูเรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค
หน า
โซน 1 กระตุน ความสนใจ
Engage
สํารวจคนหา
Explore
อธิบายความรู
Explain
ขยายความเขาใจ
Expand
ตรวจสอบผล
หน า
หนั ง สื อ เรี ย น
โซน 1
หนั ง สื อ เรี ย น
Evaluate
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
O-NET บูรณาการเชื่อมสาระ
เกร็ดแนะครู
ขอสอบ
โซน 2
โซน 3
กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
โซน 3
โซน 2 บูรณาการอาเซียน มุม IT
No.
คูมือครู
คูมือครู
No.
โซน 1 ขั้นตอนการสอนแบบ 5Es
โซน 2 ชวยครูเตรียมสอน
โซน 3 ชวยครูเตรียมนักเรียน
เพื่อใหครูเตรียมจัดกิจกรรมการเรียน การสอน โดยแนะนําขั้นตอนการสอนและ การจัดกิจกรรมแบบ 5Es อยางละเอียด เพื่อใหนักเรียนบรรลุตามตัวชี้วัด
เพื่อชวยลดภาระครูผูสอน โดยแนะนํา เกร็ดความรูสําหรับครู ความรูเสริมสําหรับ นักเรียน รวมทั้งบูรณาการความรูสูอาเซียน และมุม IT
เพื่อใหครูสะดวกตอการจัดกิจกรรม โดย แนะนํากิจกรรมบูรณาการเชือ่ มระหวางสาระหรือ กลุมสาระการเรียนรู วิชา กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย รวมถึงเนื้อหาที่เคยออกขอสอบ O-NET แนวขอสอบ NT/O-NET ทีเ่ นนการคิด พรอมเฉลยและคําอธิบายอยางละเอียด
ที่ใชในคูมือครู
แถบสีและสัญลักษณ
แถบสีแสดงขั้นตอนการสอนและการจัดกิจกรรม แบบ 5Es เพื่อใหครูทราบวาเปนขั้นการสอนขั้นใด
1. แถบสี 5Es สีแดง
สีเขียว
กระตุน ความสนใจ
เสร�ม
สํารวจคนหา
Engage
2
•
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใช เทคนิคกระตุน ความสนใจ เพื่อโยง เขาสูบทเรียน
สีสม
อธิบายความรู
Explore
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนสํารวจ ปญหา และศึกษา ขอมูล
สีฟา
Explain
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนคนหา คําตอบ จนเกิดความรู เชิงประจักษ
สีมวง
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
•
Evaluate
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนนําความรู ไปคิดคนตอๆ ไป
•
เปนขั้นที่ผูสอน ประเมินมโนทัศน ของผูเรียน
2. สัญลักษณ สัญลักษณ
วัตถุประสงค
• เปาหมายการเรียนรู
• หลักฐานแสดง ผลการเรียนรู
• เกร็ดแนะครู
แทรกความรูเสริมสําหรับครู ขอเสนอแนะ ขอควรระวัง ขอสังเกต แนวทางการจัด กิจกรรมและอืน่ ๆ เพื่อประโยชนในการ จัดการเรียนการสอน ขยายความรูเพิ่มเติมจากเนื้อหา เพื่อให ครูนําไปใชอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียน ไดมีความรูมากขึ้น
•
ความรูห รือกิจกรรมเสริม ใหครูนาํ ไปใช เตรียมความพรอมใหกบั นักเรียนกอนเขาสู ประชาคมอาเซียนใน พ.ศ. 2558 โดย บูรณาการกับวิชาทีก่ าํ ลังเรียน
บูรณาการอาเซียน
•
คูม อื ครู
แสดงรองรอยหลักฐานตามภาระงาน ที่ครูมอบหมาย เพื่อแสดงผลการเรียนรู ตามตัวชี้วัด
• นักเรียนควรรู
มุม IT
แสดงเปาหมายการเรียนรูที่นักเรียน ตองบรรลุตามตัวชี้วัด ตลอดจนสมรรถนะ ที่จะตองมี และคุณลักษณะที่พึงเกิดขึ้น กับนักเรียน
แนะนําแหลงคนควาจากเว็บไซต เพื่อให ครูและนักเรียนไดเขาถึงขอมูลความรู ที่หลากหลาย ทั้งไทยและตางประเทศ
สัญลักษณ
ขอสอบ
วัตถุประสงค
O-NET
(เฉพาะวิชา ชัน้ ทีส่ อบ O-NET O-NET)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE O-NETT (เฉพาะระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนตน)
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET (เฉพาะระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลาย)
บูรณาการเชื่อมสาระ
กิจกรรมสรางเสริม
• ชีแ้ นะเนือ้ หาทีเ่ คยออกขอสอบ
O-NET โดยยกตัวอยางขอสอบ พรอมวิเคราะหคาํ ตอบ อยางละเอียด
• เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน
การคิดและเปนแนวขอสอบ NT/O-NET ในระดับมัธยมศึกษา ตอนตน มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด
• เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน
การคิดและเปนแนวขอสอบ O-NET ในระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม
เชือ่ มกับสาระหรือกลุม สาระ การเรียนรู ระดับชัน้ หรือวิชาอืน่ ทีเ่ กีย่ วของ
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม ซอมเสริมสําหรับนักเรียนทีค่ วร ไดรบั การพัฒนาการเรียนรู
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม กิจกรรมทาทาย
ตอยอดสําหรับนักเรียนทีเ่ รียนรู ไดอยางรวดเร็ว และตองการ ทาทายความสามารถในระดับ ทีส่ งู ขึน้
คําแนะนําการใชคูมือครู การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน คูมือครู รายวิชา ทัศนศิลป ม.4 จัดทําขึ้นเพื่อใหครูผูสอนนําไปใชเปนแนวทางวางแผนการสอนเพื่อพัฒนาผล สัมฤทธิ์ทางการเรียน และประกันคุณภาพผูเรียน ตามนโยบายของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยใชหนังสือเรียน ทัศนศิลป ม.4 ของบริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด เปนสื่อหลัก (Core Material) ประกอบการ เสร�ม สอนและการจัดกิจกรรมการเรียนรูใ หสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั กลุม สาระการเรียนรู ศิลปะ ตามหลักสูตร 3 แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนตามหลักการสําคัญ ดังนี้ 1 ออกแบบการสอนเปนหนวยการเรียนรูอิงมาตรฐาน คูมือครู รายวิชา ทัศนศิลป ม.4 วางแผนการสอนโดยแบงเปนหนวยการเรียนรูตามลําดับสาระ (Strand) และ หมายเลขขอของมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด แตละหนวยจะกําหนดเปาหมายการเรียนรูและจุดประสงคการเรียนรู (Objective Learning) กิจกรรมการเรียนรู (Learning Activities) และแนวทางการประเมินผลการเรียนรู (Learning Evaluation) ไวชัดเจน ครูผูสอนสามารถจัดทําแผนการสอนใหครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด สมรรถนะ และคุณลักษณะอันพึงประสงคที่เปนเปาหมายการเรียนรูตามที่กําหนด หนดไวในสาระแกนกลาง (ตามแผนภูมิ) และสามารถ บันทึกผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผูเรียนแตละคนลงในเอกสาร ปพ.5 ได ไดอยางมั่นใจ แผนภูมิแสดงความสัมพันธขององคประกอบการออกแบบการเรียนรูอิงมาตรฐานและเน มาต นผูเรียนเปนสําคัญ
พผ
ูเ
จุ ด ป ร
ะสง
คก า
ส ภา
รี ย น
ร
รู ีเรยน
มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัดชวงชั้น
ทักษะการคิด การวัดประเมินผล การเรียนรู
กิจกรรมการเรียนรู
เทคนิคการสอน คูม อื ครู
2 การจัดการเรียนรูที่ยึดผูเรียนเปนสําคัญ แนวคิ ด ในการจั ด การเรี ย นการสอนที่ ยึ ด ผู เ รี ย นเป น สํ า คั ญ พั ฒ นามาจากปรั ช ญาและทฤษฎี ก ารเรี ย นรู Constructivism ที่เชื่อวา การเรียนรูเปนกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในสมองของผูเรียนแตละคน ผูเรียนเปนผูสรางความรู โดยการเชื่อมโยงระหวางสิ่งที่ไดเรียนรูจากบทเรียนใหมกับความรูหรือประสบการณเดิมที่มีอยู ทฤษฎีนี้มีความเชื่อวา ผูเรียนทุกคนไดเรียนรูและมีการสั่งสมความรูความเขาใจเกี่ยวกับสิ่งตางๆ ติดตัวมากอน ทีจ่ ะเขาสูห อ งเรียน ซึง่ เปนการเรียนรูท เี่ กิดจากประสบการณและสิง่ แวดลอมรอบตัวผูเ รียนแตละคน ดังนัน้ การจัดกิจกรรม เสร�ม การเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ผูสอนจะตองคํานึงถึง
4
1. ความรูเดิมของผูเรียน วิธีการสอนที่ดีจะตองเริ่มตนจากจุดที่วา ผูเ รียนมีความรูอ ะไรมาบาง แลวจึงใหความรู หรือประสบการณใหม เพื่อตอยอดจาก ความรูเดิม นําไปสูการสรางความรู ความเขาใจใหม
2. ความรูเดิมของผูเรียนถูกตองหรือไม ผูส อนตองปรับเปลีย่ นความรูค วามเขาใจเดิม ของผูเรียนใหถูกตอง และเปนพฤติกรรม การเรียนรูใ หมทมี่ คี ณุ คาตอผูเรียน เพื่อสราง เจตคติหรือทัศนคติที่ดีตอการเรียนรู สิ่งเหลานั้น
3. ผูเรียนสรางความหมายสําหรับตนเอง ผูสอนตองสงเสริมใหผูเรียนนําความรู ความเขาใจที่เกิดขึ้นไปลงมือปฏิบัติ เพื่อขยายความรูใหลึกซึ้งและมีคุณคา ตอตัวผูเรียนมากที่สุด
แนวคิด Constructivism เนนใหผูเรียนสรางความรูโดยผานกระบวนการคิดและความอยากรูของตนเอง โดยมีผูสอนเปนผูสรางบรรยากาศ
การเรียนรูและกระตุนความสนใจ คอยจัดสถานการณใหผูเรียนเกิดความขัดแยงทางความคิดระหวางประสบการณเดิมกับประสบการณ ความรูใ หม เพือ่ กระตนุ ใหผเู รียนเชือ่ มโยงความรู ความคิด กับประสบการณทมี่ อี ยูเ ดิม แลวสังเคราะหเปนความรูห รือแนวคิดใหมๆ ไดดว ยตนเอง
3 การบูรณาการกระบวนการคิด การเรียนรูของผูเรียนแตละคนจะเกิดขึ้นที่สมอง ซึ่งเปนอวัยวะที่ทําหนาที่รูคิดภายใตสภาพแวดลอมที่เอื้ออํานวย และไดรบั การกระตนุ จูงใจอยางเหมาะสม สอดคลองกับสภาพจิตใจและความตองการของผูเ รียนแตละคน การจัดกิจกรรม การเรียนรูและสาระการเรียนรูที่สอดคลองกับความสนใจและมีความหมายตอผูเรียน จะชวยกระตุนใหสมองของผูเรียน สามารถรับรูและเรียนรูไดอยางมีประสิทธิภาพตามขั้นตอนการทํางงานของสมอง ดังนี้ 1. สมองจะเรียนรูและสืบคน โดยการสังเกต คนหา ซักถาม และทดลอง ปฏิบัติ จนทําใหคนพบความรูความเขาใจ ไดอยางรวดเร็ว
2. สมองจะแยกแยะคุณคาของสิ่งตางๆ โดยการตัดสินใจวิพากษวิจารณ แสดง ความคิดเห็น ยอมรับหรือตอตานตาม อารมณความรูสึกที่เกิดขึ้นในขณะที่เรียนรู
3. สมองจะประมวลเนื้อหาสาระ โดยการสรุปเปนความคิดรวบยอดจาก เรื่องราวที่ไดเรียนรูใหมนําไปผสมผสานกับ ความรูห รือประสบการณเดิมทีถ่ กู จัดเก็บอยูใ น สมอง ผานการกลัน่ กรองเพือ่ สังเคราะหเปน ความรูค วามเขาใจใหมๆ หรือเปนทัศนคติใหม ที่จะเก็บบรรจุไวในสมองของผูเรียน
การเรียนรูที่มีประสิทธิภาพจึงตองเปนการเรียนรูที่เกิดจากกระบวนการคิดของผูเรียน เพราะการเรียนรูจะเกิดขึ้น เมื่อสมองรูคิด และตองเปนการคิดไดครบถวนตามขั้นตอนการทํางานของสมองผูเรียน โดยเริ่มตนจาก 1. ระดับการคิดพื้นฐาน ไดแก การสังเกต การจําแนก การคาดคะเน การสื่อความหมาย การรวบรวมขอมูล การสรุปผล เปนตน
คูม อื ครู
2. ระดับลักษณะการคิด ไดแก การคิดกวาง คิดลึกซึ้ง คิดไกล คิดหลากหลาย คิดคลอง คิดอยางมีเหตุผล เปนตน
3. ระดับกระบวนการคิด ไดแก กระบวนการคิดอยางมีวิจารณญาณ กระบวนการแกปญหา กระบวนการ คิดสรางสรรค กระบวนการคิดสังเคราะห เปนตน
5Es การจัดกิจกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ขั้นตอนการสอนที่สัมพันธกับขั้นตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้ ขั้นที่ 1
กระตุนความสนใจ
(Engage)
เสร�ม
5
เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของผูเรียนดวยเรื่องราวหรือเหตุการณที่นาสนใจโดยใชเทคนิควิธีการ และคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูความรูของบทเรียนใหม ชวยใหผูเรียนสามารถ สรุปความสําคัญหัวขอและสาระการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนการสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสราง แรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน
ขั้นที่ 2
สํารวจคนหา
(Explore)
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนเปดโอกาสใหผเู รียนลงมือศึกษา สังเกต หรือรวมมือกันสํารวจ เพือ่ ใหเห็นขอบขายของประเด็นหรือปญหา รวมถึง วิธีการศึกษาคนควา การรวบรวมขอมูลความรูที่จะนําไปสูการสรางความเขาใจประเด็นหรือปญหานั้นๆ เมื่อผูเรียนทําความเขาใจใน ประเด็นหรือปญหาที่จะศึกษาคนควาอยางถองแทแลว ก็ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมขอมูลความรู สํารวจตรวจสอบ โดยวิธีการตางๆ เชน สัมภาษณ ทดลอง อานคนควาขอมูลจากเอกสาร แหลงขอมูลตางๆ จนไดขอมูลความรูที่เกี่ยวของกับประเด็นหรือปญหาที่ศึกษา
ขั้นที่ 3
อธิบายความรู
(Explain)
เปนขั้นที่ผูสอนมีปฏิสัมพันธกับผูเรียน เชน ใหการแนะนํา ตั้งคําถามกระตุนใหคิด เพื่อใหผูเรียนคนหาคําตอบ และนําขอมูล ความรูจากการศึกษาคนควาในขั้นที่ 2 มาวิเคราะห สรุปผล และนําเสนอผลที่ไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน เขียนแผนภูมิ ผังมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน ในขั้นตอนนี้ฝกใหผูเรียนใชสมองคิดวิเคราะหและสังเคราะห อยางเปนระบบ
ขั้นที่ 4
ขยายความเขาใจ
(Expand)
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใชเทคนิควิธีสอนตางๆ ที่สงเสริมใหผูเรียนนําความรูที่เกิดขึ้นไปคิดคนสืบคนตอๆ ไป เพื่อพัฒนาทักษะ การเรียนรูและการทํางานรวมกันเปนกลุม ระดมสมองเพื่อคิดสรางสรรครวมกัน ผูเรียนสามารถนําความรูที่สรางขึ้นใหมไปเชื่อมโยง กับประสบการณเดิมโดยนําขอสรุปทีไ่ ดไปใชอธิบายเหตุการณตา งๆ หรือนําไปปฏิบตั ใิ นสถานการณใหมๆ ทีเ่ กีย่ วของกับชีวติ ประจําวัน ของตนเอง เพื่อขยายความรูความเขาใจใหกวางขวางยิ่งขึ้น ในขั้นตอนนี้ฝกสมองของผูเรียนใหสามารถคิดริเริ่มสรางสรรคอยางมี คุณภาพ เสริมสรางวิสัยทัศนใหกวางไกลออกไป
ขั้นที่ 5
ตรวจสอบผล
(Evaluate)
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนประเมินมโนทัศนของผูเ รียน โดยตรวจสอบจากความคิดทีเ่ ปลีย่ นไปและความคิดรวบยอดทีเ่ กิดขึน้ ใหม ตรวจสอบ ทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแกปญหา การตอบคําถามรวบยอด หรือการเคารพความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่น เพื่อการ สรางสรรคความรูร ว มกัน ผูเ รียนสามารถประเมินผลการเรียนรูข องตนเอง เพือ่ สรุปผลวามีความรูอ ะไรเพิม่ ขึน้ มาบาง เกิดความเขาใจ มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ หรือในชีวิตประจําวันไดอยางไร ผูเรียนจะเกิดเจตคติ และเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริง
การจัดกิจกรรมการเรียนรูตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนนผูเรียน เปนสําคัญอยางแทจริง เพราะสงเสริมใหผูเรียนไดเรียนรูตามขั้นตอนของกระบวนการสรางความรูดวยตนเอง และ ฝกฝนใหใชกระบวนการคิดและกระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะชีวิต ทักษะการทํางาน และทักษะการ เรียนรูที่มีประสิทธิภาพ สงผลตอการยกระดับผลสัมฤทธิ์ของผูเรียน ตามเปาหมายของการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการ คูม อื ครู
O-NET การเพิ่มผลสัมฤทธิ์ O-NET
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ในแตละหนวยการเรียนรู ทางผูจัดทํา จะเสนอแนะวิธีสอน รูปแบบกิจกรรมการเรียนรู พรอมทั้งออกแบบเครื่องมือวัดและประเมินผลที่สอดคลองกับตัวชี้วัด และสาระการเรียนรูแกนกลางไวทุกขั้นตอน โดยยึดหลักสําคัญ คือ หลักของการวัดและประเมินผล เสร�ม
6
1. การวัดและประเมินผลทุกครั้ง ควรนําผลมาปรับปรุงพัฒนาผูเรียน เปนรายบุคคล
2. การวัดและประเมินผลมี เปาหมาย เพื่อพัฒนาการเรียนรู ของผูเรียนจนเต็มศักยภาพ
3. การนําผลการวัดและประเมินผล ทุกครั้งมาวางแผนปรับปรุงกิจกรรม การเรียนการสอน การเลือกเทคนิค วิธีสอน และสื่อการเรียนรูให เหมาะสมกับสภาพจริงของผูเรียน
การทดสอบผูเรียน 1. การใชขอสอบอัตนัย เนนการอาน การคิดวิเคราะห และการเขียนเพิ่มมากขึ้น 2. การใชคําถามกระตุนการคิดควบคูกับการทําขอสอบที่เนนการคิดอยางตอเนื่องตามลําดับกิจกรรมการเรียนรู และตัวชี้วัด 3. การทดสอบตองดําเนินการทั้งกอนเรียน ระหวางเรียน และหลังเรียน การทดสอบควรใชขอสอบทั้งชนิดปรนัยและ อัตนัย และเปนการทดสอบเพื่อประเมินผลการเรียนของผูเรียนแตละคน เพื่อการสอนซอมเสริมใหบรรลุตัวชี้วัด ไดครบถวน 4. การสอบกลางภาค (ถามี) ควรนําแบบฝกหัดหรือขอสอบทีน่ กั เรียนสวนใหญไมสามารถตอบไดหรือไมครบถวนชัดเจน มา สรางเปนแบบทดสอบอีกครัง้ เพือ่ ตรวจสอบความรูค วามเขาใจทีถ่ กู ตอง และประเมินความกาวหนาของผูเ รียนแตละคน 5. การสอบปลายภาคเรียนเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามตัวชี้วัดที่สําคัญ ควรออกขอสอบใหมีลักษณะเดียวกับ ขอสอบ O-NET โดยเนนการคิดวิเคราะห สังเคราะห เชื่อมโยงประยุกตใช เพื่อสรางความคุนเคย และฝกฝน วิธีการทําขอสอบดวยความมั่นใจ 6. การนําผลการทดสอบของผูเรียนมาวิเคราะห โดยผลการสอบกอนการเรียนตองสามารถพยากรณผลการสอบ กลางภาค และผลการสอบกลางภาคตองทํานายผลการสอบปลายภาคของผูเ รียนแตละคน เพือ่ ประเมินพัฒนาการ ความกาวหนาของผูเรียนเปนรายบุคคล 7. ผลการทดสอบปลายป ปลายภาค ตองมีคาเฉลี่ยสอดคลองกับคาเฉลี่ยของการสอบ NT ที่เขตพื้นที่การศึกษา จัดสอบ รวมทั้งคาเฉลี่ยของการสอบ O-NET ชวงชั้นที่สอดคลองครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดสําคัญ เพือ่ สะทอนประสิทธิภาพของครูผสู อนในการออกแบบการเรียนรูแ ละประกันคุณภาพผูเ รียนทีต่ รวจสอบผลไดชดั เจน การจัดการเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ตองใหผูเรียนไดสั่งสมความรู ความเขาใจตามลําดับขั้นตอน ของกิจกรรมในวัฏจักรการเรียนรู 5Es เพื่อใหผูเรียนไดเติมเต็มองคความรูอยางตอเนื่อง จนสามารถปฏิบัติชิ้นงานหรือ ภาระงานรวบยอดของแตละหนวย ผานเกณฑประกันคุณภาพในระดับที่นาพึงพอใจ เพื่อรองรับการประเมินภายนอกจาก สมศ. ตลอดเวลา คูม อื ครู
ASEAN การเรียนรูสูประชาคมอาเซียน เพื่ออํานวยความสะดวกแกครูผูสอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรูบูรณาการอาเซียนศึกษา ผูจัดทําไดวิเคราะห มาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัดที่มีสาระการเรียนรูสอดคลองกับองคความรูเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนในแงมุมตางๆ ครอบคลุมทัง้ ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรม อาเซียน เพื่อสงเสริมการเรียนรูใหผูเรียนเกิดความตระหนัก มีความรูความเขาใจเหมาะสมกับระดับชั้นและกลุมสาระ การเรียนรู โดยเสนอแนะวิธีการจัดกิจกรรมบูรณาการเนื้อหาสาระตางๆ ที่เปนประโยชนตอผูเรียนและเปนการชวย เตรียมความพรอมผูเ รียนทุกคนทีจ่ ะกาวเขาสูก ารเปนสมาชิกของประชาคมอาเซียนไดอยางมัน่ ใจตามขอตกลงปฏิญญา เสร�ม ชะอํา-หัวหิน วาดวยความรวมมือดานการศึกษาเพือ่ บรรลุเปาหมายประชาคมอาเซียนทีเ่ อือ้ อาทรและแบงปน จึงกําหนด 7 เปนนโยบายใหกระทรวงศึกษาธิการจัดการเรียนรูเตรียมความพรอมผูเรียนเขาสูประชาคมอาเซียนภายในป พ.ศ. 2558 ตามแนวปฏิบัติที่สําคัญ ดังนี้
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน 1. การสรางความรูความเขาใจ และตระหนักถึงความสําคัญของ กฎบัตรอาเซียน และความรวมมือ ของ 3 เสาหลัก ซึง่ กฎบัตรอาเซียน ในขณะนี้มีสถานะเปนกฎหมายที่ ประเทศสมาชิกจะตองปฏิบัติตาม หลักการที่กําหนดไวเพื่อใหบรรลุ เปาหมายของกฎบัตรมาตราตางๆ
2. การสงเสริมหลักการ ประชาธิปไตยและการสราง สิ่งแวดลอมประชาธิปไตย เพื่อการอยูรวมกันอยางกลมกลืน ภายใตวิถีชีวิตอาเซียนที่มีความ หลากหลายดานสังคมและ วัฒนธรรม
4. การตระหนักในคุณคาของ สายสัมพันธทางประวัติศาสตร และมรดกทางวัฒนธรรมที่มี พัฒนาการรวมกัน เพื่อเชื่อม อัตลักษณและสรางจิตสํานึก ในการเปนประชากรของประชาคม อาเซียนรวมกัน
3. การสงเสริมการศึกษาดาน สิทธิมนุษยชน เพื่อสรางประชาคม อาเซียนใหเปนประชาคมเพื่อ ประชาชนอยางแทจริง สามารถ อยูรวมกันไดบนพื้นฐานการเคารพ ในคุณคาของศักดิ์ศรีแหงความ เปนมนุษยเทาเทียมกัน
5. การสงเสริมสันติภาพ ความ มั่นคง และความปรองดองในสังคม ทั้งระดับประเทศและภูมิภาคของ อาเซียนบนพื้นฐานสันติวิธีและการ อยูรวมกันดวยขันติธรรม
คูม อื ครู
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
เสร�ม
8
1. การพัฒนาทักษะการทํางาน เพื่อเสริมสรางผูเรียนใหมีทักษะ วิชาชีพที่จําเปนสอดคลองกับ ความตองการของตลาดแรงงาน และสถานประกอบการในอาเซียน สามารถเทียบโอนผลการเรียน และการทํางานตามมาตรฐานฝมือ แรงงานในภูมิภาคอาเซียน
2. การเสริมสรางวินัย ความรับผิดชอบ และเจตคติรักการทํางาน สามารถพึ่งพาตนเอง มีทักษะชีวิต ดํารงชีวิตอยางมีความสุข เห็นคุณคา และภูมิใจในตนเอง ในฐานะที่เปนพลเมืองไทยและ อาเซียน
3. การเรียนรูเพื่อพัฒนาตนเอง อยางตอเนื่องตลอดชีวิต ใหมี ทักษะการทํางานตามมาตรฐาน อาชีพ และคุณวุฒิของวิชาชีพสาขา ตางๆ เพื่อรองรับการเตรียมเคลื่อน ยายแรงงานมีฝมือและการเปน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่ เขมแข็ง เพื่อสรางขีดความสามารถ ในการแขงขันในเวทีโลก
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน 1. การเสริมสรางความรวมมือ ในลักษณะสังคมที่เอื้ออาทร ของประชากรอาเซียน โดยยึด หลักการสําคัญ คือ ความงดงาม ของประชาคมอาเซียนมาจาก ความแตกตางและหลากหลายทาง วัฒนธรรมที่ลวนแตมีคุณคาตอ มรดกทางวัฒนธรรมของอาเซียน ซึ่งประชาชนทุกคนตองอนุรักษ สืบสานใหยั่งยืน
2. การเสริมสรางคุณลักษณะ ของผูเรียนใหเปนพลเมืองอาเซียน ที่มีศักยภาพในการกาวเขาสู ประชาคมอาเซียนอยางมั่นใจ เปนผูที่มีสุขภาพสมบูรณแข็งแรง มีทักษะการสื่อสาร ทักษะการ ทํางาน ทักษะทางสังคม สามารถ ทํางานรวมกับผูอื่นไดอยาง สรางสรรค และมีองคความรู เกี่ยวกับอาเซียนที่จําเปนตอการ ดํารงชีวิตอยางมีคุณภาพ
4. การสงเสริมการเรียนรูดาน ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถชี วี ติ ความเปนอยูข องเพือ่ นบาน ในอาเซียน เพื่อสรางจิตสํานึกของ ความเปนประชาคมอาเซียนและ ตระหนักถึงหนาที่ของการเปน พลเมืองอาเซียนรวมกัน
3. การสงเสริมการเรียนรูภาษา อังกฤษเพื่อการสื่อสารและการ ทํางานตามมาตรฐานอาชีพที่ กําหนดและสนับสนุนการเรียนรู ภาษาอาเซียนและภาษาเพื่อนบาน เพื่อชวยเสริมสรางสัมพันธภาพทาง สังคม และการอยูรวมกันอยางสันติ ทามกลางความหลากหลายทาง วัฒนธรรม
5. การสรางความรูและความ ตระหนักเกี่ยวกับดานสิ่งแวดลอม ปญหาและผลกระทบตอคุณภาพ ชีวิตของประชากรในภูมิภาค รวมทั้งแนวทางการพัฒนาอยาง ยั่งยืน ใหเปนมรดกสืบทอดแก พลเมืองอาเซียนในรุนหลังตอๆ ไป
กระทรวงศึกษาธิการจึงประกาศนโยบายการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) เพื่อเรงพัฒนาเด็ก และเยาวชนไทยใหเปนทรัพยากรมนุษยของชาติที่มีทักษะและความชํานาญ พรอมเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงและ การแขงขันทั้งในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆ ของสังคมโลก ทั้งนี้ผูบริหารสถานศึกษา ครูผูสอน และผูปกครอง ควรรวมมือกันอยางใกลชิดในการดูแลชวยเหลือผูเรียนและจัดประสบการณการเรียนรูเพื่อพัฒนาผูเรียนจนเต็มศักยภาพ เพื่อกาวเขาสูการเปนพลเมืองอาเซียนอยางมีเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีความเปนมนุษยของตน คณะผูจัดทํา คูม อื ครู
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง สาระที่ 1
ทัศนศิลป (เฉพาะชั้น ม.4-6)*
ทัศนศิลป
มาตรฐาน ศ 1.1 สรางสรรคงานทัศนศิลปตามจินตนาการและความคิดสรางสรรค วิเคราะห วิพากษ วิจารณคุณคางาน ทัศนศิลป ถายทอดความรูสึก ความคิดตองานศิลปะอยางอิสระ ชื่นชมและประยุกตใชในชีวิตประจําวัน ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
1. วิเคราะหการใช • ทัศนธาตุและหลักการ ทัศนธาตุและหลักการ ออกแบบ ออกแบบในการสื่อ ความหมายในรูปแบบ ตางๆ 2. บรรยายจุดประสงค • ศัพททางทัศนศิลป และเนื้อหาของงาน ทัศนศิลป โดยใชศัพท ทางทัศนศิลป 3. วิเคราะหการเลือกใช • วัสดุ อุปกรณ และเทคนิค วัสดุ อุปกรณ และ ของศิลปนในการแสดงออก เทคนิคของศิลปนใน ทางทัศนศิลป การแสดงออกทาง ทัศนศิลป 4.
5.
6. 7.
ชั้น ม.4
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน ชั้น ม.5
• หนวยการเรียนรูที่ 1 ทัศนธาตุและหลักการ ออกแบบ • หนวยการเรียนรูที่ 2 รูปแบบงานทัศนศิลป ตะวันออก • หนวยการเรียนรูที่ 1 • หนวยการเรียนรูที่ 1 ทัศนธาตุและหลักการ การบรรยายเกี่ยวกับ ออกแบบ ผลงานทางทัศนศิลป
• หนวยการเรียนรูที่ 2 รูปแบบงานทัศนศิลป ตะวันออก • หนวยการเรียนรูที่ 3 การแสดงออกทาง ทัศนศิลปของศิลปน มีทักษะและเทคนิคใน • เทคนิค วัสดุ อุปกรณ • หนวยการเรียนรูที่ 3 การใชวัสดุ อุปกรณ กระบวนการในการสรางงาน การแสดงออกทาง และกระบวนการที่สูง ทัศนศิลป ทัศนศิลปของศิลปน ขึ้นในการสรางงาน • หนวยการเรียนรูที่ 4 ทัศนศิลป การสรางสรรคงาน ทัศนศิลป สรางสรรคงานทัศน- • หลักการออกแบบและการ • หนวยการเรียนรูที่ 4 ศิลปดวยเทคโนโลยี จัดองคประกอบศิลปดวย การสรางสรรคงาน ตางๆ โดยเนนหลัก เทคโนโลยี ทัศนศิลป การออกแบบและการ จัดองคประกอบศิลป ออกแบบงานทัศน- • การออกแบบงานทัศนศิลป • หนวยการเรียนรูที่ 4 ศิลปไดเหมาะกับ การสรางสรรคงาน โอกาสและสถานที่ ทัศนศิลป วิเคราะหและอธิบาย • จุดมุงหมายของศิลปนในการ • หนวยการเรียนรูที่ 3 จุดมุงหมายของ เลือกใชวัสดุ อุปกรณ เทคนิค การแสดงออกทาง ศิลปนในการเลือกใช และเนื้อหาในการสรางงาน ทัศนศิลปของศิลปน วัสดุ อุปกรณ เทคนิค ทัศนศิลป และเนื้อหา เพื่อ สรางสรรคงาน ทัศนศิลป
• หนวยการเรียนรูที่ 3 การแสดงออกทาง ทัศนศิลปของศิลปน
ชั้น ม.6 -
เสร�ม
9
• หนวยการเรียนรูที่ 1 การบรรยาย ผลงานทัศนศิลป • หนวยการเรียนรูที่ 3 การแสดงออกทาง ทัศนศิลปของศิลปน
• หนวยการเรียนรูที่ 3 • หนวยการเรียนรูที่ 4 การแสดงออกทาง การสรางสรรคผลงาน ทัศนศิลปของศิลปน ทัศนศิลป • หนวยการเรียนรูที่ 4 การสรางสรรคผลงาน ทัศนศิลป • หนวยการเรียนรูที่ 5 การออกแบบงาน ทัศนศิลป • หนวยการเรียนรูที่ 5 การออกแบบงาน ทัศนศิลป • หนวยการเรียนรูที่ 3 การแสดงออกทาง ทัศนศิลปของศิลปน
• หนวยการเรียนรูที่ 3 การแสดงออกทาง ทัศนศิลปของศิลปน
_________________________________ * สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง กลุมสาระการเรียนรูศิลปะ. (กรุงเทพมหานคร : ชุมนุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย, 2551), หนา 22-36.
คูม อื ครู
ตัวชี้วัด 8. ประเมินและวิจารณงาน ทัศนศิลปโดยใชทฤษฎี การวิจารณศิลปะ 9. จัดกลุมงาน ทัศนศิลปเพื่อสะทอน พัฒนาการและความ กาวหนาของตนเอง 10. สรางสรรคงาน ทัศนศิลปไทย สากล โดยศึกษาจากแนวคิด และวิธีการสรางงาน ของศิลปนที่ตน ชื่นชอบ 11. วาดภาพระบายสีเปน ภาพลอเลียน หรือ ภาพการตูนเพื่อแสดง ความคิดเห็นเกี่ยว กับสภาพสังคมใน ปจจุบัน
เสร�ม
10
สาระการเรียนรูแกนกลาง • ทฤษฎีการวิจารณศิลปะ • การจัดทําแฟมสะสมงาน ทัศนศิลป
ชั้น ม.4
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน ชั้น ม.5
• หนวยการเรียนรูที่ 5 ศิลปวิจารณ -
• การสรางงานทัศนศิลปจาก • หนวยการเรียนรูที่ 3 แนวความคิดและวิธีการของ การแสดงออกทาง ศิลปน ทัศนศิลปของศิลปน
• การวาดภาพลอเลียนหรือ ภาพการตูน
• หนวยการเรียนรูที่ 4 การสรางสรรคงาน ทัศนศิลป
-
ชั้น ม.6 -
• หนวยการเรียนรูที่ 6 แฟมสะสมผลงาน ทัศนศิลป
-
• หนวยการเรียนรูที่ 3 การแสดงออกทาง ทัศนศิลปของศิลปน
-
-
-
มาตรฐาน ศ 1.2 เขาใจความสัมพันธระหวางทัศนศิลป ประวัติศาสตร และวัฒนธรรม เห็นคุณคางานทัศนศิลป ที่เปนมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปญญาทองถิ่น ภูมิปญญาไทยและสากล ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
ชั้น ม.4
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน ชั้น ม.5
ชั้น ม.6
-
-
1. วิเคราะหและ • งานทัศนศิลปรูปแบบ เปรียบเทียบงาน ตะวันออกและตะวันตก ทัศนศิลปในรูปแบบ ตะวันออก และรูปแบบตะวันตก 2. ระบุงานทัศนศิลปของ • งานทัศนศิลปของศิลปนที่มี • หนวยการเรียนรูที่ 3 ศิลปนที่มีชื่อเสียง ชื่อเสียง การแสดงออกทาง และบรรยาย ทัศนศิลปของศิลปน ผลตอบรับของสังคม 3. อภิปรายเกี่ยวกับ • อิทธิพลของวัฒนธรรม อิทธิพลของ ระหวางประเทศที่มีผลตองาน วัฒนธรรมระหวาง ทัศนศิลป ประเทศที่มีผลตอ งานทัศนศิลป ในสังคม
คูม อื ครู
• หนวยการเรียนรูที่ 2 รูปแบบงานทัศนศิลป ตะวันตก
• หนวยการเรียนรูที่ 2 รูปแบบงานทัศนศิลป ตะวันตก
• หนวยการเรียนรูที่ 2 งานทัศนศิลปและ อิทธิพลจากวัฒนธรรม
• หนวยการเรียนรูที่ 2 งานทัศนศิลปและ อิทธิพลจากวัฒนธรรม
คําอธิบายรายวิชา รายวิชา ทัศนศิลป ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 รหัสวิชา ศ…………………………………
กลุมสาระการเรียนรู ศิลปะ ภาคเรียนที่………… เวลา 40 ชั่วโมง/ป
ศึกษา วิเคราะห อธิบาย เกี่ยวกับการใชทัศนธาตุและหลักการออกแบบในการสื่อความหมายในรูปแบบตางๆ จุดประสงคและเนื้อหาของงานทัศนศิลป โดยใชศัพททางทัศนศิลป เสร�ม วิเคราะหและเปรียบเทียบงานทัศนศิลปในรูปแบบตะวันออก โดยใชกระบวนการอภิปรายเพื่อสรุปความรูเกี่ยวกับ 11 อิทธิพลของวัฒนธรรมระหวางประเทศที่มีผลงานตอทัศนศิลปในสังคม วิเคราะหการเลือกใชวัสดุ อุปกรณ และเทคนิคของศิลปนไทย สากล โดยศึกษาจากแนวคิดและวิธีการสรางงานของ ศิลปนที่ตนชื่นชอบ และสามารถระบุงานทัศนศิลปของศิลปนที่มีชื่อเสียงและบรรยายผลตอบรับของสังคม มีทกั ษะและเทคนิคในการใชวสั ดุ อุปกรณ และกระบวนการทีส่ งู ขึน้ ในการสรางงานทัศนศิลป ออกแบบงานทัศนศิลป ไดเหมาะสมกับโอกาสและสถานที่ ปฏิบัติการวาดภาพระบายสีเปนภาพลอเลียนหรือภาพการตูน โดยใชกระบวนการเรียนรู แบบบูรณาการ เพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพสังคมในปจจุบัน ประเมินและวิจารณงานทัศนศิลป โดยใชทฤษฎีการวิจารณศิลปะ และจัดกลุมงานทัศนศิลปเพื่อสะทอนพัฒนาการ และความกาวหนาของตนเอง เพื่อใหเห็นคุณคาและสามารถสรางงานทัศนศิลปอยางสรางสรรค วิเคราะห วิพากษ วิจารณ คุณคางานทัศนศิลป อยางชื่นชม และนํามาประยุกตใชใหเกิดประโยชนในชีวิตประจําวัน ตัวชี้วัด ศ 1.1
ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 ม.4-6/4 ม.4-6/5 ม.4-6/6 ม.4-6/7 ม.4-6/8 ม.4-6/10 ม.4-6/11
ศ 1.2
ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3
รวม 13 ตัวชี้วัด
คูม อื ครู
ตาราง
วิเคราะหมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั รายวิชา ทัศนศิลป ม.4
คําชี้แจง : ใหผูสอนใชตารางนี้ตรวจสอบความสอดคลองของเนื้อหาสาระการเรียนรูในหนวยการเรียนรูกับมาตรฐาน การเรียนรูและตัวชี้วัดชวงชั้น เสร�ม
12
มาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัด
สาระที่ 1
หนวยการเรียนรู
1
2
หนวยการเรียนรูที่ 1 : ทัศนธาตุและหลักการออกแบบ
✓
✓
3
4
มาตรฐาน ศ 1.1
มาตรฐาน ศ 1.2
ตัวชี้วัด
ตัวชี้วัด
5
6
7
8
9
10
11
หนวยการเรียนรูที่ 2 : รูปแบบงานทัศนศิลปตะวันออก
หนวยการเรียนรูที่ 3 : การแสดงออกทางทัศนศิลป ของศิลปน
หนวยการเรียนรูที่ 4 : การสรางสรรคงานทัศนศิลป
หนวยการเรียนรูที่ 5 : ศิลปวิจารณ
2
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
3
✓
✓
✓
หมายเหตุ ✓ เฉพาะที่สอดคลองกับตัวชี้วัด ม.4 เทานั้น ตัวชี้วัดที่เหลือจะจัดการเรียนการสอนในชั้น ม.5 และ ม.6
คูม อื ครู
1
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹
ทัศนศิลป ม.๔ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๔
กลุมสาระการเรียนรูศิลปะ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ผูเรียบเรียง
ศ. สุชาติ เถาทอง นายสังคม ทองมี นายธํารงศักดิ์ ธํารงเลิศฤทธิ์
ผูตรวจ
รศ. จารุพรรณ ทรัพยปรุง นางสาววัชรินทร ฐิติอดิศัย นายชัยยศ วนิชวัฒนานุวัติ
บรรณาธิการ
ศ. ปรีชา เถาทอง นายสมเกียรติ ภูระหงษ
รหัสสินคา ๓๔๑๕๐๐๔
¤Œ¹¤ÇÒÁÃÙŒ¢ÂÒ¤ÇÒÁ¤Ô´¨Ò¡
¾ÔÁ¾ ¤ÃÑ駷Õè 1 ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ 3445007
EB GUIDE
ที่พิมพกํากับหัวขอสําคัญในหนังสือเรียนหลักสูตรแกนกลางฯ ผาน www.aksorn.com ไปยังแหลงความรูทั่วไทย-ทั่วโลก
คณะผูจัดทําคูมือครู
พัญญนี กรานแกว อรณิช เกียรติอุบลไพบูลย
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
หนังสือเรียน
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
รายวิชาพื้นฐาน
ทัศนศิลป ม.๔ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๔
กลุมสาระการเรียนรูศิลปะ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
คํา
เตือ น
ศ. สุชาติ เถาทอง นายสังคม ทองมี นายธํารงศักดิ์ ธํารงเลิศฤทธิ์ หนังสือเลมนี้ไดรับการคุมครองตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ หามมิใหผูใด ทําซํ้า คัดลอก เลียนแบบ ทําสําเนา จําลองงานจากตนฉบับหรือแปลงเปนรูปแบบอื่น ในวิธีตางๆ ทุกวิธี ไมวาทั้งหมดหรือบางสวน โดยมิไดรับอนุญาตจากเจาของลิขสิทธิ์ถือเปนการละเมิด ผูกระทําจะตองรับผิดทั้งทางแพงและทางอาญา
พิมพครั้งที่ ๙
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
อธิบายความรู
Explore
ขยายความเขาใจ
Explain
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
¤íÒá¹Ð¹íÒ㹡ÒÃ㪌˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ทัศนศิลปเลมนี้ สรางขึ้นเพื่อใหเปนสื่อสําหรับใชประกอบการเรียน การสอนในรายวิชาพืน้ ฐาน กลุม สาระการเรียนรูศ ลิ ปะ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ โดยเนือ้ หาตรงตามสาระการเรียนรูแ กนกลางขัน้ พืน้ ฐาน อานทําความเขาใจงาย ใหทงั้ ความรูแ ละชวย พัฒนาผูเ รียนตามหลักสูตรและตัวชีว้ ดั เนือ้ หาสาระแบงออกเปนหนวยการเรียนรูต ามโครงสรางรายวิชา สะดวก แกการจัดการเรียนการสอนและการวัดผลประเมินผล พรอมเสริมองคประกอบอืน่ ๆ ทีจ่ ะชวยทําใหผเู รียนไดรบั ความรูอ ยางมีประสิทธิภาพ à¹×éÍËҵçµÒÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§ µÑǪÕÇé ´Ñ áÅÐÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙጠ¡¹¡ÅÒ§ µÒÁ·ÕËè ÅÑ¡Êٵà ¨Ñ´¡ÅØ‹Áà¹×éÍËÒ໚¹Ë¹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ¡íÒ˹´ à¾×èÍãËŒ·ÃÒº¶Ö§à»‡ÒËÁÒÂ㹡ÒÃÈÖ¡ÉÒ Êдǡᡋ¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹
ñ ·Ñȹ¸ÒµØáÅÐËÅÑ¡¡Ò หนว
การเรียนรูทย ี่
ÃÍ͡Ẻ ตัวชี้วัด ศ ๑.๑ ม.๔■
■
๖/๑, ๒ วิเคราะหการใชท ในการสื่อความ ัศนธาตุและหลักการอ อกแบบ บรรยายจุดประสหมายในรูปแบบตางๆ งานทัศนศิล งคและเนื้อหาของ ปโดยใชศัพท ทางทัศนศิล ป
สาระการเรียนรู ■ ■
แกนกลาง
ทัศนธาตุและหล ศัพททางทัศ ักการออกแบบ นศิลป
ทศน ศั นธธาต าตุ (Visual
Ele ทัศนศลิ ปจ ะมคี วามงาม ment) คือ สวนประก อบตางๆ ที่ม ทางศลิ ปะได ดวยหลักการ ีอยู ยอ มขนึ้ อยกู จัดองคป บั การจัดวาง ในงานทัศนศิลป การที องคประกอบ ระกอบศิลป ่งาน ทัศนธาตใุ นภ ศิ ลปเปน าพหรอื ในผ ใหมคี วามสั ลงาน มพันธกลม การจัดรูปราง รูปทรง กลนื กันหร เสน สี แสง เปนเอกภาพส อ ื ขั เงา ลักษณ ดแยง กันในจ วยงาม อัน ะพื้นผิว แล ด ุ ที เป เ ่ หม น ที าะส ่มาของสุนทร ะท นอกจากนนั้ องคประกอบ ียภาพหรือคว มอยางลงตวั จนเกิดสม ี่วาง ความคิดขอ ศิลปยงั เปน ดุลและ ามงาม งตนไปสูบ คุ เครอื่ งมอื สํ คลอืน่ ทัง้ ยั าคัญทางศลิ หลายแขนง งสามารถนํ ปะใหผสู รางส าไปใชในงาน รรคไ ดสอื่ สาร ศิลปะประยุ กตตา งๆ ได อกี มากมาย
เหลือง แดง ชมพู เขียว นํ้าเงิน มวง
http://www.aksorn.com/LC/Va/M4/02
ปลอดภัย มีชีวิต สดชื่น สงา หนักแนน มุงมั่น ลึกลับ เศราซึม
เทา นํ้าตาล ขาว ดํา
ให
ที่ดูหยาบขรุขระจะใหความรูสึกที่แข็งกระดาง ศิลปนจึงนําเอาลักษณะพื้นผิวมา จากลักษณะพื้นผิวที่ใหความรูสึกที่แตกตางกัน ่สําคัญประการหนึ่ง เพราะสรางความรูสึก สรางสรรคผลงานทางทัศนศิลปซึ่งเปนองคประกอบที ตางๆ ใหเกิดกับผูชมได างรอบๆ รูปทรงหรือเนื้อหา ๕) พื้นที่วาง (Space) หมายถึง บริเวณที่เปนความว ยกสิ่งนั้นวา รูปทรง ในงานศิลปะชิ้นหนึ่งจึงมี เรื่องราว เมื่อเราสรางสิ่งหนึ่งขึ้นในที่วาง เราเรี รูปทรงกับที่วางประกอบกันอยู วา รูปทรง และเรียกความวางรอบๆ ในงานประติมากรรม เราเรียกวัตถุที่สรางขึ้นนั้น ตัววัตถุหรือรูปทรงนี้วา ที่วาง ่งที่วาดหรือเขียนขึ้นหรือพิมพลงบน กสิ ย เราอาจเรี พ ม ภาพพิ อ ในงานจิตรกรรมหรื รูปทรงวา ที่วาง ได แตโดยทั่วไปแลว เรามักจะ แผนภาพวา รูปทรง และเรียกบริเวณที่วางรอบๆ เรียกวา รูป แทนรูปทรง และ พื้น แทนที่วาง รูปรางของสิ่งใดก็ไดที่ปรากฏบนพื้น รูปที่ใชคูกับพื้น ในทางภาพวาดแลวจะหมายถึง รูปทรงนามธรรม เชน คน สัตว สิ่งของ จุด ขีด รูปเรขาคณิต หรือ
สวางสดใส ตื่นเตน อันตราย ปติยินดี ออนหวาน นุมนวล
สุขุม สงบเงียบ แหงแลง อบอุน สงบ สะอาด บริสุทธิ์ ใหม เศราโศก หดหู
à¡Ãç´ÈÔÅ»Š คุณสมบัติของสี สีมีคุณสมบัติอยูในตัวของมันเอง ๓ ลักษณะ ดังนี้ ๑. สีแท (Hue) หมายถึง เนื้อ สีของแตละสีที่แสดงคุณสมบัติของสี ออกมาใหเห็นไดตามลักษณะของ สีแทเกิดจากการผลิตขึ้นมาโดยเฉ เนื้อสี พาะ เชน สีเหลือง แดง นํ้าเงิเ น ม วง เปนตน ๒. คุณคาของสี (Value) หมายถึ ง นํ้าหนักของสีที่มีความออน-แก ของสี โดยทําใหสีแทจางลงหรือเข ซึ่งทําไดโดยใชสีขาวผสมในสีแ มขึ้น ทจะทําใหสีแทจางลง เมื่อตองการให เขมขึ้นก็ผสมดวยสีดํา ถาเปน จะทําใหจางลงก็ใชนํ้าเปนตัวละลาย สีนํ้าเมื่อ ไมตองผสมดวยสีขาว ๓. ความเดนชัดของสี (Intens ity) หมายถึง ความสดหรือความบร ิสุทธิ์ของสีสีหนึ่ง สีที่ถูกผสมดวยสี หมนลง ความเดนชัดหรือความจั ดําจะ ดของสีจะลดลง ความจัดของสีจะเรี ยงลําดับจากจัดที่สุดไปจนหมนที คอยๆ เพิ่มปริมาณของสีดําที่ผสมเข ่สุดไดดวยการ าไปทีละนอยจนถึงลําดับที่ความจั วา ดของสีมีนอยที่สุด คือ เกือบดํ า
Web Guide á¹Ð¹íÒáËÅ‹§¤Œ¹¤ÇŒÒ¢ŒÍÁÙÅ à¾ÔèÁàµÔÁ¼‹Ò¹Ãкº Online
à¡ÃÔè¹¹íÒà¾×èÍãˌࢌÒ㨶֧ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ ã¹Ë¹‹Ç·Õè¨ÐàÃÕ¹ ÁÕàÊŒ¹àÇÅÒáÊ´§¼Å§Ò¹ºÒ§Ê‹Ç¹¢Í§ÈÔÅ» ¹ à¾×èÍãËŒà¡Ô´¤ÇÒÁࢌÒã¨ÁÒ¡¢Öé¹ เสนเวลา
แสดงผลงานบางสวนของศิลปน
๒๕๒๕
พ.ศ. พ.ศ. ๒๕๒๕
ะ
ภาพ “ยามเชา” ผลงานภาพพิมพแกะไม ไดรับรางวัล เหรียญทองจากการแสดงศิลปกรรมแหงชาติ
๒๕๓๐
àÊÃÔÁÊÒÃШҡà¹×Íé Ëҹ͡à˹×ͨҡ ·ÕÁè ãÕ ¹ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙጠ¡¹¡ÅÒ§ à¾×Íè à¾ÔÁè ¾Ù¹áÅТÂÒ¾ÃÁá´¹¤ÇÒÁÃÙ㌠ˌ ¡ÇŒÒ§¢ÇÒ§ÍÍ¡ä» เสริมสาร
ผลงานชื่อ “พี่-นอง”
ภาพสัตวที่ปรากฏในผลงานภาพ พิมพแกะไมของประหยัด ไมไดติดอยูกับขนบเ ่ นิยมตามที คยทํากันมา หากมีเสรีภาพในการ สรางสรรคอันสะทอนบุคลิกภาพสวนตนมิใช นอย นอกจากนั้น ผลงานของเขามุงปรารถนา สรางผลงานที่ทําใหเกิดความสุขทางใจแกผูดู มากกวาทําใหเกิดความเศราหมอง โดยเฉพาะ ภาพแมวที่เขามีวิธีการจัดภาพที่มีจุดเดนและ มีองคประกอบที่เกี่ยวของ เชน จานใสปลา ปลา ดวงอาทิตย ซึ่งชวยสรางความสมบูรณ ของเนื้อหาของภาพไดมาก เปนตน เชนเดียวกับภาพไกโกงคอขันรับ อรุณในภาพชื่อ “ยามเชา” อันเปนภาพที่มี ฉากหลังเปนบานชนบทกลางสายหมอก การ กําหนดทาทางอันสงาของไกพันธุนักรบ ดูจะ ใหความรูสึกทางดานความงามมากกวาเจาะชี้ ใหเห็นในเรื่องของจริยธรรม
๗.๑) หนาทีข่ องสี สีทาํ หนาทีเ่ ชนเดี ยวกับนํา้ หนักทุกประการ แต ที่สําคัญที่สุดขึ้นอีกประการหนึ่ง นั่น คือ อิทธิพลของสีที่มีตออารมณ ความร เพิม่ หนาทีพ่ เิ ศษ ูสึกของการรับรู สีใหความรูสึกตางๆ ดังนี้
วของสิ่งตางๆ ที่เมื่อสัมผัส ๔) พื้นผิว (Texture) หมายถึง ลักษณะของบริเวณผิ มัน ดาน เปนขีด เปนรอย เปนเสน เปนจุด จับตองหรือเมื่อเห็นแลวรูสึกไดวาหยาบ ละเอียด ในผลงานทัศนศิลปดาน น ้ ึ ข งสรรค า ร ส ย ษ ละมนุ แ าติ พื้นผิวของวัตถุตางๆ เกิดขึ้นจากธรรมช างหรือออกแบบพื้นผิวดวยสีหรือดวยเทคนิค จิตรกรรมหรือการวาดภาพระบายสี เราสามารถสร ของภาพได ง หลั น ้ พื น ป เ ให น ั ก ู ของรอยพ ลักษณะพื้นผิวโดยทั่วไปถือวาเปน ทัศนธาตุที่ไมใชเปนหลักในการสรางรูปทรง สวนใหญจะใชเปนสวนของพื้นภาพ มีศิลปน หลายคนใชลักษณะของพื้นผิวเปนทัศนธาตุที่ สําคัญในการสรางสรรคงาน ดวยการใชพื้นผิว ลักษณะตางๆ มาประกอบเปนรูปทรงทีส่ มบูรณ ได พื้นผิวที่มีลักษณะแตกตางกันยอมใหความ รูสึกที่แตกตางกันดวย เชน พื้นผิวที่เรียบ โคง เวาของโซฟา ยอมทําใหเกิดความรูสึกสบาย เ่ รียบเนียน ผลงานของเฮนรี มัวร ซึง่ แสดงลักษณะพืน้ ผิวที ผอนคลายอารมณ อยากสัมผัส สวนพื้นผิว ความรูสึกนุมนวล นาสัมผัสลูบไล
EB GUIDE
à¡Ãç´ÈÔÅ»Šà¾ÔèÁàµÔÁ¨Ò¡à¹×éÍËÒ ÁÕá·Ã¡à»š¹ÃÐÂÐæ
ãËŒ¤ÇÒÁÃÙŒáÅÐàÍ×é͵‹Í¡ÒùíÒä»ãªŒÊ͹à¾×èÍ ãËŒºÃÃÅصÑǪÕéÇÑ´ áÅÐÊÌҧ¤Ø³ÅѡɳРÍѹ¾Ö§»ÃÐʧ¤
พ.ศ. ๒๕๓๐ ผลงานชื่อ “Virgo”
พ.ศ. ๒๕๓๓ ผลงานชื่อ “Bat” พ.ศ. ๒๕๓๔ ผลงานชื่อ “ครอบครัว”
๒๕๓๕ พ.ศ. ๒๕๓๖ ผลงานชื่อ “เจดียทราย”
ฤต
ษยก รพันธุ์ โป มูลนิธิจักศ. ๒๕๔๖
ง้ ขึน้ เมอื่ พ. าและ กฤต จัดตั าค่ นั ธุ์ โปษย รรมอันล�้ ง มูลนิธจิ กั รพ ่อเก็บรักษาศิลปก นมรดกขอ เพื ค์ สง เพอื่ ใหเ้ ป็ ระ ป พดดี งั เดมิ โดยมีวัตถุ กฤต ด�ารง ภา ษย นส ่ ใ โป ยู ์ ให้คงอ ์จักรพันธุ ล้วมี รย ปแ จา อนรุ กั ษ์ไว้ รไ อา กา อ น ผู้ก่อตั้ง คื ิฯ ซึ่งงานที่ด�าเนิ นัง ชาติไทย ลนิธ รกรรมฝาผ ประธานมู รงการเขยี นภาพจิต ศ. ๒๕๔๗ นี้ ต�าแหน่ง โค ่ พ. รรม มีดัง ันธุ์ การ ไดแ้ ก่ หวดั จันทบรุ ี ตัง้ แต ถวัดตรีรักษ์ศิลปก องอาจารย์จักรพ ง หลายโครง จั บส โ ิ ุ ม ริมและอนุ นข ุ ก ะเพณี นังพระอ เป็นผลงา ถวดั เขาส ับการส่งเส รรมไทยปร พระอโุ บส บร่าง ซึ่ง รกรรมฝาผ ส�าหรับงานเกี่ยวก บบจิตรก ะแ นฉบับแน นภาพจิต ต้ ย ี แล ๓๓ ง ละ เข ริ ๒๕ าร มแ และก ่ พ.ศ. บเหมือนจ จิตรกรร รษะ ิหาร ตั้งแต ระเภทงาน เตล ทั้งแบ ็บรักษาศี ทศเทพวรว วบรวมศิลปวัตถุป มัน สีฝุ่น สีปาส เช่น การเก ๒๐๐ ตัว สีน�้า งขึ้นใหม่ ๑. การร มากกว่า นวาดเส้น หุ่นที่สร้า งพ่าย” มี จะเป็นงา ้น ราณและ า ่ ว ่ น ะเล โบ ต้ ไม น ุ “ต น ็ ห่ ง ง ้ เป ล้วนๆ ๐๐๐ ชิ านหุ่น ทั า� ขึ้นในปัจจุบันเรื่อ เครื่องแต่งตัวหุ่น ูชา มายนับ ๑, ิลปวัตถุประเภทง ื่อสักการบ ุนที่ท ้างหุ่น ซึ่งมีมาก ๐ องค์ เพ ดับหุ่น ห่ าม ่างการสร วบรวมศ เครื่องประ ษาต้นฉบับแบบร งๆ นับ ๑๐ เภทเครื่องลายคร ๒. การร ูปสมัยต่า ระ รัก กระบอก ศีรษะหุ่น ึงการเก็บ พระพุทธร วบรวมศิลปวัตถุป ก่ มถ แ ้ รว ได ก ั ่หุนหลวง ุทธศิลป์ ๔. การร ม้ ม่านป รี ทั้ง ทพ กไ เภ นต น ้ ฉา ชิ ระ งด น ป ๐ อ ่ ื ย ปวัตถุ ฉากเขี เภทเคร นกว่า ๑๐ เปิง วบรวมศิล ปวัตถุประ เป็นจ�านว ๓. การร นไทย-มอญ วบรวมศิล ๕. การร เครื่องใหญ่ ตะโพ ย์ าท พ ่ ี ป รี คัญใน � า เครื่องดนต ็นต้น นส ่ ว ส มี เป นับไดว้ า่ สญู หาย พม่า-มอญ นิ งานของมูลนิธฯิ ทยไวม้ ใิ ห้ ังใช้ การดา� เน ของชาตไิ นอนั ล�า้ ค่า ื่อให้เยาวชนรุ่นหล งา ผล ษา ก การเกบ็ รั ดิมอย่างดีที่สุด เพ ไทยสืบต่อไป อง พเ และคงสภา ค้นคว้าศิลปกรรมข ศึกษา ต เป็นแหล่ง ักรพันธุ์ โปษยกฤ ลนิธิจ ที่มา : มู
¤íÒ¶ÒÁ»ÃШíÒ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒáÅСԨ¡ÃÃÁ ÊÌҧÊÃä ¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒà¾×èÍãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹ ÁդسÀÒ¾ºÃÃÅØÁҵðҹáÅеÑǪÕéÇÑ´ ¤Ò¶ÒÁ»ÃШíÒ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ๑. ทัศนธาตุหรือองคประกอบทัศนศิลปมีความสําคัญตอการสรางสรรคงานทัศนศิลปอยางไร ๒. การพิจารณาผลงานชิ้นหนึ่งวามีความงามหรือไมนั้น ตองพิจารณาจากอะไรบาง ๓. เสนในแตละลักษณะใหความรูสึกตอการมองเห็นแตกตางกันอยางไร ๔. นักเรียนเห็นดวยหรือไมกับขอความที่วา สีเปนองคประกอบทัศนศิลปที่สําคัญที่สุดในงานจิตรกรรม ๕. หลักการออกแบบที่ดีควรคํานึงถึงเรื่องใดบาง ๖. การใชตัวอักษรและภาพประกอบในงานออกแบบสิ่งพิมพเพื่อใหเกิดความเขาใจชัดเจน ควรมีลักษณะ อยางไร ๗. เพราะเหตุใดในการบรรยายผลงานทางทัศนศิลปควรใชคําศัพททางทัศนศิลปประกอบลงไปดวย
¡Ô¨¡ÃÃÁÊÌҧÊÃä ¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ กิจกรรมที่
๑
กิจกรรมที่
๒
กิจกรรมที่
๓
ใหนักเรียนฝกหัดเขียนเสนชนิดตางๆ ใหครบดวยมือ แลวอธิบายถึงความรูสึก ที่มีตอเสนดังกลาว ใหนักเรียนทดลองวาดรูปโดยใชทัศนธาตุใหครบทุกองคประกอบ จากนั้นผลัดกัน กับเพื่อนชวยกันวิจารณผลงาน ใหนักเรียนไปหาภาพมา ๑ ภาพ อาจจะเปนดานจิตรกรรม ประติมากรรม สถาปตยกรรม แลวบรรยายผลงานดวยการใชภาษาตางๆ ประกอบกับศัพท ทางทัศนศิลป จากนั้นออกมานําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Explore
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
ñ ò ó ô õ
Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ÊÒúÑñ-ôð
·Ñȹ¸ÒµØáÅÐËÅÑ¡¡ÒÃÍ͡Ẻ ● ● ● ●
·Ñȹ¸ÒµØ ËÅÑ¡¡ÒÃÍ͡Ẻ »ÃÐàÀ·¢Í§§Ò¹Í͡Ẻ ÈѾ· ·Ò§·ÑȹÈÔÅ»Š¡Ñº§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š
ò ñô òô óô
ôñ-õø
ÃٻẺ§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»ŠµÐÇѹÍÍ¡ ● ● ●
ÃٻẺ§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š ÃٻẺ§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»ŠµÐÇѹÍÍ¡ ÍÔ·¸Ô¾Å¢Í§ÇѲ¹¸ÃÃÁÃÐËÇ‹Ò§»ÃÐà·È·ÕèÁÕµ‹Í§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š
¡ÒÃáÊ´§ÍÍ¡·Ò§·ÑȹÈÔÅ»Š¢Í§ÈÔÅ» ¹ ● ● ●
ÈÔÅ» ¹·Ò§·ÑȹÈÔÅ»ŠÊҢҨԵáÃÃÁ ÈÔÅ» ¹·Ò§·ÑȹÈÔÅ»ŠÊÒ¢Ò»ÃеÔÁÒ¡ÃÃÁ ÈÔÅ» ¹·Ò§·ÑȹÈÔÅ»ŠÊÒ¢ÒÀÒ¾¾ÔÁ¾
¡ÒÃÊÌҧÊÃä §Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š ● ● ● ●
¡ÒÃÊÌҧÊÃä §Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š»ÃÐàÀ·¨ÔµÃ¡ÃÃÁ ¡ÒÃÊÌҧÊÃä §Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š»ÃÐàÀ·»ÃеÔÁÒ¡ÃÃÁ ¡ÒÃÊÌҧÊÃä §Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Š»ÃÐàÀ·¡Òà µÙ¹ ¡ÒùíÒ§Ò¹·ÑȹÈÔÅ»Šä»ãªŒ
ÈÔÅ»ÇÔ¨Òó ● ● ● ●
¤ÇÒÁËÁÒÂáÅФÇÒÁÊíÒ¤Ñޢͧ¡ÒÃÇÔ¨Òó ÈÔŻРà¤Ã×èͧÁ×Í㹡ÒÃÇÔ¨Òó ÈÔŻР·ÄÉ®ÕÈÔŻлÃСͺ¡ÒÃÇÔ¨Òó ÈÔŻР·ÄɮաÒÃÇÔ¨Òó ÈÔÅ»Ð
ºÃóҹءÃÁ
ôò ôó õõ
õù-øò öð
öù ÷õ
øó-ñòò øô ù÷ ñðô ñòð
ñòó-ñóø ñòô ñò÷ ñòù ñóô
ñóù-ñôð
กระตุน ความสนใจ
ñ
กระตุEngage นความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
หน่วย
การเรียนรู้ที่
1. วิเคราะหการใชทัศนธาตุและหลักการ ออกแบบในการสื่อความหมายในรูปแบบ ตางๆ 2. บรรยายจุดประสงคและเนื้อหาของงาน ทัศนศิลป โดยใชศัพททางทัศนศิลป
·Ñȹ¸ÒµØáÅÐËÅÑ¡¡ÒÃÍ͡Ẻ ตัวชี้วัด
สมรรถนะของผูเรียน
ศ 1.1 ม.4-6/1, ๒ ■ วิเคราะห์การใช้ทัศนธาตุและหลักการออกแบบ ในการสื่อความหมายในรูปแบบต่างๆ ■ บรรยายจุดประสงค์และเนื้อหาของ งานทัศนศิลปโดยใช้ศัพท์ทางทัศนศิลป
1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด
คุณลักษณะอันพึงประสงค
สาระการเรียนรู้แกนกลาง ■ ■
เปาหมายการเรียนรู
ทัศนธาตุและหลักการออกแบบ ศัพท์ทางทัศนศิลป
1. มีวินัย 2. ใฝเรียนรู 3. มุงมัน่ ในการทํางาน
กระตุน ความสนใจ
ทัศนธาตุ ศนธาตุ (Visual Element) คือ สวนประกอบตางๆ ที่มีอยูในงานทัศนศิลป การที่งาน ทัศนศิลปจะมีความงามทางศิลปะไดยอ มขึน้ อยูก บั การจัดวางทัศนธาตุในภาพหรือในผลงาน ดวยหลักการจัดองคประกอบศิลป องคประกอบศิลปเปนการจัดรูปราง รูปทรง เสน สี แสง เงา ลักษณะพื้นผิว และที่วาง ใหมคี วามสัมพันธกลมกลืนกันหรือขัดแยงกันในจุดทีเ่ หมาะสมอยางลงตัว จนเกิดสมดุลและ เปนเอกภาพสวยงาม อันเปนที่มาของสุนทรียภาพหรือความงาม นอกจากนัน้ องคประกอบศิลปยงั เปนเครือ่ งมือสําคัญทางศิลปะใหผสู รางสรรคไดสอื่ สาร ความคิดของตนไปสูบ คุ คลอืน่ ทัง้ ยังสามารถนําไปใชในงานศิลปะประยุกตตา งๆ ไดอกี มากมาย หลายแขนง
Engage
ครูใหนกั เรียนดูภาพหนาหนวย ในหนังสือเรียน หนา 1 จากนั้นครูถามนักเรียนวา • จากภาพนักเรียนมองเห็นทัศนธาตุใดบาง (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • ภาพนี้ตองการสะทอนใหเห็นถึงสิ่งใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ)
เกร็ดแนะครู การเรียนการสอนในหนวยการเรียนรูนี้ ครูควรนําภาพผลงานการออกแบบ ที่ใชหลักทัศนธาตุเปนองคประกอบสําคัญมาใหนักเรียนดู จากนั้นใหนักเรียนฝก วิเคราะหหลักการใชทัศนธาตุกับงานออกแบบจากภาพ ซึ่งจะนําไปสูความสามารถ ในการบรรยายจุดประสงคและเนื้อหาของงานทัศนศิลปโดยใชศัพททางทัศนศิลปได
คูมือครู
1
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุEngage นความสนใจ
Exploreนหา สํารวจค
กระตุน ความสนใจ
Engage
ครูใหนักเรียนดูภาพ “บายวันอาทิตยบนเกาะ ลากรองด แชตต” ผลงานของ ชอรช เซอรา จากนั้นครูถามนักเรียนวา • นักเรียนคิดวา ผลงานชิ้นนี้มีทัศนธาตุอะไร ที่โดดเดนบาง (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ)
สํารวจคนหา
๑. ทัศนธาตุ ในการสร้างสรรค์งานทางศิลปะ มนุษย์ได้สร้างสรรค์เพื่อประโยชน์ในชีวิตประจ�าวัน นอกจาก การใช้สอยแล้วยังเน้นที่รูปลักษณ์ที่ไม่ขัดต่อสายตา รวมทั้งการจัดวางอย่างเหมาะสมจนเกิด ความงาม นับตั้งแต่ยุคสมัยก่อนเป็นต้นมา งานสร้างสรรค์ศิลปะมีการพัฒนาก้าวทีละขั้นจนเกิด มีหลักของการจัดองค์ประกอบศิลป์ เพื่อให้เหมาะสมกลมกลืนยิ่งขึ้น ได้แก่ ความรู้เรื่อง ทัศนธาตุ ซึ่งเป็นส่วนประกอบต่างๆ ในการออกแบบ เช่น เรื่องของเส้น รูปร่าง รูปทรง ลักษณะผิว สีสัน เป็นต้น การน�าเอาทัศนธาตุต่างๆ มาจัดวางประกอบกันขึ้นตามหลักของการจัดองค์ประกอบศิลป์ ช่วยท�าให้ผลงานที่มนุษย์สรรค์สร้างขึ้นมีความสมบูรณ์ทางด้านสุนทรียภาพ ผลงานทางทัศนศิลป์ที่สามารถท�าให้ผู้สัมผัสเกิดอารมณ์และความรู้สึกประทับใจได้นั้นจะ ต้องแสดงถึงการสร้างสรรค์อย่างถูกต้องตามเกณฑ์ของการจัด อันเป็นพื้นฐานของความงาม ทางด้านศิลปะ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ต้องประกอบด้วยองค์ประกอบย่อยๆ หรือที่เรียกกันว่า ทัศนธาตุ ของศิลปะ (Element of Arts) มาจัดองค์ประกอบ การจะน�าเอาสิ่งดังกล่าวมาจัดรวมกันให้เกิด คุณค่าทางศิลปะได้นั้น จะต้องมีความรู้ความเข้าใจให้ถ่องแท้ถึงความหมาย คุณลักษณะ ความ ส�าคัญและการน�าไปใช้ ซึ่งทัศนธาตุแต่ละอย่างก็จะให้คุณสมบัติและความรู้สึกที่แตกต่างกันไป
Explore
ใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับทัศนธาตุ จาก แหลงเรียนรูตางๆ เชน หนังสือเรียน หองสมุด อินเทอรเน็ต เปนตน ในหัวขอที่ครูกําหนดให ดังนี้ 1. จุดในทางทัศนศิลป 2. เสนในทางทัศนศิลป 3. รูปราง-รูปทรงในทางทัศนศิลป 4. พื้นผิวในทางทัศนศิลป 5. พื้นที่วางในทางทัศนศิลป 6. นํ้าหนักออน-แกในทางทัศนศิลป 7. สีในทางทัศนศิลป
อธิบายความรู
องค์ประกอบของทัศนธาตุ ทัศนธาตุหรือองค์ประกอบศิลป์ที่เป็นพื้นฐานในการน�าไปใช้เพื่อการสร้างสรรค์ผลงาน ทัศนศิลป์ จะประกอบไปด้วย จุด เส้น รูปร่าง รูปทรง ลักษณะผิว พื้นที่ว่าง น�้าหนักอ่อน-แก่ แสงเงา และสี ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ ๑) จุด (Point, Dot) เป็นทัศนธาตุ หรือองค์ประกอบอันดับแรกของงานทัศนศิลป์ จุดเป็นส่วนที่มีขนาดเล็กที่สุดของงานศิลปะ เมื่อน�าเอาจุดหลายๆ จุดมาเรียงต่อเนื่องกัน ตรงต�าแหน่งที่เหมาะสมซ�้าๆ กันก็จะท�าให้เกิด เป็นเส้น รูปร่าง รูปทรง ลักษณะผิว น�้าหนัก อ่อน-แก่ แสงเงา จุดจึงเป็นทัศนธาตุที่ส�าคัญ ในการสร้างสรรค์งานศิลปะเช่นเดียวกันกับ ภาพ “A Sunday Afternoon on the Island of La ทัศนธาตุอื่นๆ ซึ่งเราสามารถพบเห็นจุดใน Grande Jatte” (บ่ายวันอาทิตย์1บนเกาะลากรองด์ ลักษณะต่างๆ ในผลงานจิตรกรรมหรือการ แชตต์) ผลงานของชอร์ช เซอรา ใช้เทคนิคการน�าจุด จ�านวนมากมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน ออกแบบตกแต่งภายนอกอยู่เสมอ
Explain
ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ จุดในทางทัศนศิลปตามที่ไดศึกษามา จากนั้นครู ถามนักเรียนวา • คําวา “จุด” ในงานทัศนศิลปมีความหมายวา อยางไร (แนวตอบ จุด (Point, Dot) หมายถึง รอยหรือ แตมที่มีลักษณะกลมๆ ปรากฏที่พื้นผิว ซึ่งเกิดจากการจิ้ม กด กระแทกดวยวัสดุ อุปกรณตางๆ เชน ดินสอ ปากกา พูกัน วัสดุปลายแหลมทุกชนิด เปนตน)
๒
นักเรียนควรรู 1 ชอรช เซอรา หรือฌอรฌ-ปแยร เซอรา (Georges-Pierre Seurat) เปน จิตรกรชาวฝรั่งเศสในสมัยอิมเพรสชันนิสมใหมของคริสตศตวรรษที่ 19 ภาพเขียน ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเซอรา คือ ภาพ “บายวันอาทิตยบนเกาะลากรองด แชตต” (A Sunday Afternoon on the Island of La Grande Jatte) ที่เขียนระหวาง พ.ศ. 2427-2429 ซึ่งเปนภาพที่เปลี่ยนทิศทางของศิลปะสมัยใหมเขาสูสมัย อิมเพรสชันนิสมใหม และเปนภาพผลงานชิ้นสําคัญชิ้นหนึ่งของคริสตศตวรรษที่ 19
มุม IT นักเรียนสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติและผลงานของ ชอรช เซอรา ไดจาก http://www.georgesseurat.org
2
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
ขอใดไมจัดเปน ทัศนธาตุในงานทัศนศิลป 1. พื้นผิว 2. พื้นที่วาง 3. ปริมาตร 4. นํ้าหนักออน-แก วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะปริมาตรหรือความจุ เปนตัวบง ปริมาณวาวัตถุนั้นๆ มีที่วางสําหรับจะบรรจุสิ่งตางๆ ลงไปไดเทาไหร ซึ่งไมไดมคี วามสัมพันธกบั คําวา ทัศนธาตุ ทีจ่ ะประกอบไปดวย จุด เสน รูปราง รูปทรง พื้นผิว พื้นที่วาง นํ้าหนักออน-แก และสี
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ เสนในทางทัศนศิลปตามที่ไดศึกษามา จากนั้นครู ถามนักเรียนวา • หากตองการวาดภาพที่แสดงใหเห็นถึง ความรูสึกรุนแรง ตื่นเตน สับสน วุนวาย ขัดแยง ควรเลือกใชเสนประเภทใด (แนวตอบ เสนซิกแซก หรือเสนฟนปลา) • เสนมีความสําคัญอยางไรในงานทัศนศิลป (แนวตอบ เสนมีความสําคัญในงานทัศนศิลป ดังนี้ 1. ใชในการแบงที่วางออกเปนสวนๆ 2. กําหนดขอบเขตของที่วาง หมายถึง ทําใหเกิดเปนรูปรางขึ้นมา 3. กําหนดเสนรอบนอกของรูปทรง ทําให มองเห็นรูปทรงชัดเจนขึ้น 4. ทําหนาที่เปนนํ้าหนักออน-แกของแสงเงา หมายถึง การแรเงาดวยเสน 5. ใหความรูสึกดวยการเปนแกน หรือโครงสรางของรูปและโครงสราง ของภาพ)
๒) เส้น (Line) คือ จุดจ�านวนมากที่น�ามาเรียงติดต่อเชื่อมโยงกันบนพื้นระนาบ
ของทิศทาง จนสามารถแสดงให้เห็นได้ว่าเป็นลักษณะเส้นชนิดใด เช่น แนวตั้ง แนวนอน โค้ง คด แนวหยัก หักเห เมื่อน�าเอามาประกอบแสดงทิศทาง ท�าให้เกิดรูปร่าง รูปทรง เกิดเนื้อที่ มีน�้าหนัก ขนาดปริมาตร เส้นเป็นทัศนธาตุที่ส�าคัญในทางศิลปะ ซึ่งงานทางทัศนศิลป์ทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็นงานจิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม ล้วนมีจุดเริ่มต้นด้วยการใช้เส้น เส้นจึง เป็นทัศนธาตุเบื้องต้นที่ส�าคัญที่สุด เป็นพื้นฐานของโครงสร้างของทุกสิ่ง ส�าหรับวิธีที่ท�าให้เกิดเส้น คือ การขูด ขีด เขียนด้วยดินสอ ปากกา พู่กัน แปรง หรือเครื่องมืออื่นๆ เส้นแบ่งตามลักษณะใหญ่ๆ ได้ ๕ ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดให้คุณค่าและความรู้สึกแตกต่าง กัน ดังนี้ ชนิดของเส้น ๑. เส้นตรง
๒. เส้นโค้ง
ลักษณะของเส้น
ตัวอย่าง
มี ๓ ลักษณะ คือ - เส้นตั้ง มีทิศทางแนวตั้งหรือ ดิ่ ง ลงมา ให้ ค วามรู ้ สึ ก มั่ น คง แข็งแรง เป็นระเบียบ - เส้นนอน เส้นราบ หรือเส้นระดับ มีทิศทางในแนวนอนหรือราบ ให้ความรู้สึกสงบนิ่ง ปลอดภัย - เส้นตรงเฉียง มีทิศทางทแยง ให้ความรู้สึกไม่ตรง โน้มเอียง ความรวดเร็ว มี ๓ ลักษณะ คือ - เส้นโค้งของวงกลม ให้ความรู้สึก อ่ อ นโยน อ่ อ นช้ อ ย นิ่ มนวล ความเศร้า - เส้นโค้งอิสระ ถ้าเส้นโค้งลาก ขึ้นสูง ปล่อยน�้าหนักที่ปลายจะ แสดงความเจริญเติบโตก้าวหน้า - เส้นโค้งคดหรือก้นหอย ให้ความ รู ้ สึ ก มี พ ลั ง หมุ น อย่ า งรุ น แรง การคลี่ ค ลายขยายตั ว ออกไป ไม่มีที่สิ้นสุด
Explain
- เช่น ตึกสูง เสาไฟฟ้า ต้นไม้ คนยืนตรง เป็นต้น - เช่ น น�้ า ที่ ส งบนิ่ ง เส้ น ทางที่ ราบเรียบ คนพักผ่อน เป็นต้น - เช่น แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ที่ส่องท�ามุมกับพื้นระนาบ ๓๐ องศา หรือ ๔๕ องศา เป็นต้น - เช่น ภาพคนที่ท�าท่าอ่อนน้อม ค้อมตัวลง ภาพวาดแบบศิลปะ ไทย ภาพต้นไม้ใบไม้ทเี่ หีย่ วเฉา - เช่ น การเจริ ญ งอกงามของ ใบไม้ใบหญ้าทีด่ ไู สว แสดงความ หมายถึง ความก้าวหน้าของ ชีวิต ลวดลายในศิลปะไทย - เช่ น พายุ ห มุ น กั ง หั น หมุ น ลักษณะการคลายเกลียว เป็นต้น
EB GUIDE 3
http://www.aksorn.com/LC/Va/M4/01
ขอสอบ
O-NET
ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับทัศนธาตุเรื่องเสน เสนในขอใดใหความรูสึกสงบนิ่ง 1. เสนซิกแซก 2. เสนนอน 3. เสนโคง 4. เสนเฉียง วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะเสนนอนเปนเสนที่ใหความรูสึกถึง ความมั่นคง สงบ ราบเรียบ และผอนคลาย ดังเชน ผิวนํ้าที่เรียบไมมีคลื่น ถนนที่ราบเรียบ เปนตน
เกร็ดแนะครู การศึกษาเกี่ยวกับทัศนธาตุเรื่องเสน ครูอธิบายความสําคัญของเสน โดยอธิบาย ในแนวทางดังนี้ 1. เสนใชในการแบงที่วางออกเปนสวนๆ 2. เสนชวยกําหนดขอบเขตของที่วาง หมายถึง ทําใหเกิดเปนรูปรางขึ้นมา 3. เสนชวยกําหนดเสนรอบนอกของรูปทรง ทําใหมองเห็นรูปทรงชัดขึ้น 4. เสนทําหนาที่เปนนํ้าหนักออน-แกของแสงเงา หมายถึง การแรเงาดวยเสน 5. เสนใหความรูส กึ ดวยการเปนแกน หรือโครงสรางของรูปและโครงสรางของภาพ ซึ่งจะทําใหนักเรียนมีความรูความเขาใจเกี่ยวกับทัศนธาตุเรื่องเสนไดดียิ่งขึ้น
คูมือครู
3
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ รูปราง-รูปทรงในทางทัศนศิลปตามที่ไดศึกษามา จากนั้นครูถามนักเรียนวา • รูปรางสามารถแบงออกไดเปนกี่ประเภท อะไรบาง (แนวตอบ รูปราง แบงออกไดเปน 3 ประเภท คือ 1. รูปรางธรรมชาติ เชน รูปสัตว รูปตนไม รูปคน เปนตน 2. รูปรางเรขาคณิต เชน รูปวงกลม รูปสามเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยม เปนตน 3. รูปรางอิสระ เชน รูปรางถุงเทา รูปรางเสื้อผา เปนตน) • ความงามของรูปรางเกิดจากสิ่งใด (แนวตอบ ความงามของรูปรางเกิดจากสัดสวน ที่สวยงามของเสนรอบนอกรูปรางทั้งหมด กลาวคือ มีความกวางและความยาว พอเหมาะกัน) • รูปรางนามธรรมหมายถึงรูปรางที่มีลักษณะ อยางไร (แนวตอบ รูปรางนามธรรม หมายถึง รูปรางที่ถูกเปลี่ยนแปลง อาจเปนรูปราง ที่มาจากธรรมชาติ รูปรางเรขาคณิต หรือรูปรางที่มาจากจินตนาการ ซึ่งรูปราง ลักษณะนี้พอมองออกวาคลายกับรูปรางอะไร หรือหากไมสามารถระบุไดวาเปนรูปรางอะไร อาจเรียกรูปรางชนิดนี้วา “รูปรางไมแสดง เนื้อหา” หรือ “รูปรางอิสระ” ซึ่งเปนรูปรางที่ เกิดขึ้นได โดยไมจําเปนตองอางอิงธรรมชาติ หรือเรขาคณิต)
๓. เส้นคด
ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหวต่อเนื่อง เช่น ทางคดเคี้ยว แม่น�้าล�าธาร ไม่สิ้นสุด คลืน่ ทะเล การวาดภาพน�า้ ในศิลปะ ไทย เป็นต้น
๔. เส้นฟันปลาหรือซิกแซ็ก ให้ความรู้สึกไม่ราบรื่น เคลื่อนไหว เช่น เส้นทางที่ขรุขระ ฟันเลื่อย อย่างรุนแรง ตื่นเต้น ความตื่ น เต้ น ตกใจกลั ว ความ ขัดแย้ง เป็นต้น ๕. เส้นประหรือเส้นขาด
ให้ความรู้สึกไม่เป็นระเบียบ สับสน เช่ น สิ่ ง ปรั ก หั ก พั ง ซึ่ ง ก� า ลั ง จะ วุ่นวาย ไม่มั่นคง เก่า เสื่อมโทรม แตกสลาย รอยร้าวของวัตถุ ผืนดิน อันตราย ที่แตกระแหง เป็นต้น
๓) รูปร่าง-รูปทรง (Shape-Form) เป็นทัศนธาตุที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน ทั้ง รูปร่างและรูปทรงเป็นผลที่เกิดจากการน�าเส้นลักษณะต่างๆ มาประกอบกันให้เป็นเนื้อหาสาระ เรื่องราวทางทัศนศิลป์ และเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องด้านความหมายของรูปร่างและรูปทรง จึงขอกล่าวแยกให้เห็น ดังนี้ ๓.๑) รูปร่าง (Shape) หมายถึง เส้นที่เป็นเส้นโครงของวัตถุสิ่งของที่ปรากฏให้ เห็นเป็นลักษณะ ๒ มิติ ถ้ากล่าวถึงรูปร่างสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม วงกลม หรือรูปร่างอื่นๆ ก็คือ รูปที่มีเพียงส่วนกว้างกับส่วนยาวเท่านั้น จะไม่แสดงความหนาและสีผิวของวัตถุ เช่น รูปร่างของ คน หมายถึง เส้นรอบนอกของร่างกายที่แสดงเพียงส่วนโค้ง ส่วนเว้า ไม่เห็นส่วนนูนหนาหรือ สีผิว สัสังเกตง่ายๆ มองเห็นเป็นลักษณะแบนๆ ยๆ ก็ก็คือ มองเห็ ษณะแบนๆ เหมือนเงาของวัตถุ รูปร่างแบ่งออกเป็นลักษณะใหญ่ๆ ได้ ได้ ๓ ลักษณะ คือ รูปร่าง
ลักษณะของรูปร่าง
ตัวอย่าง
๑. รูปร่างธรรมชาติ
ได้แก่ สิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เช่น รูปร่างคน สัตว์ ต้นไม้ ใบไม้ สามารถพบเห็นในสภาพแวดล้อม ดอกไม้ เป็นต้น ทั่วไป ไป
๒. รูปร่างเรขาคณิต
ได้แก่ รูปร่างที่แสดงออกมาเป็น เช่ น รู ป ร่ า งสี่ เ หลี่ ย มด้ า นเท่ า แบบเรขาคณิ ต เป็ น รู ป ร่ า งที่ ม ี รู ป ร่ า งสี่ เ หลี่ ย มผื น ผ้ า รู ป ร่ า ง สี่เหลี่ยมจัตุรัส รูปร่างสามเหลี่ยม กฎเกณฑ์แน่นอนตายตัว รูปร่างวงกลม เป็นต้น
4
เกร็ดแนะครู ครูอธิบายความรูเพิ่มเติมในเรื่องของรูปรางวา รูปรางสามารถแบงออกไดเปน 2 ลักษณะ คือ รูปรางบวกและรูปรางลบ รูปรางบวก หมายถึง รูปรางที่เกิดจากการลอมรอบเสน หรือเกิดจาก สวนประกอบสําคัญของศิลปะอื่นๆ ไดแก สี ระนาบ นํ้าหนัก พื้นผิว มีลักษณะเปน 2 มิติ ปรากฏอยูบนพื้นที่วางหรือพื้น รูปรางลบ หมายถึง บริเวณพื้น (Ground) หรือเนื้อที่บริเวณวางที่ถูกแทนที่ หรือรองรับรูปรางบวก บริเวณเนื้อที่สวนที่เหลือจากรูปรางบวกจะมีคาเปนรูปรางลบ กลาวใหเขาใจงายๆ ก็คือ รูปรางบวกคือสวนที่เปนรูป และรูปรางลบคือสวนที่ เปนพื้น
มุม IT นักเรียนสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปราง ไดจาก http://www.wjd.ac.th
4
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
ภาพวาดที่แสดงใหเห็นการเจริญเติบโตกาวหนาควรเปนภาพลักษณะใด 1. วาดดวยเสนตรงแนวเฉียง 2. วาดดวยเสนโคงของวงกลม 3. วาดดวยเสนฟนปลาหรือเสนซิกแซก 4. วาดดวยเสนโคงอิสระทิ้งปลายขึ้นสูงและนํ้าหนักเบา วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการวาดภาพดวยเสนโคงอิสระ โดยการลากเสนโคงใหสูงขึ้นเรื่อยๆ แลวปลอยนํ้าหนักที่ปลาย จะให ความรูสึกวามีความตอเนื่องขึ้นไปอีก ซึ่งจะชวยสื่อถึงความเจริญเติบโต กาวหนา
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู ๓. รูปร่างอิสระหรือรูปร่าง ดัดแปลง
ครูสุมนักเรียน 2-3 คน ใหตอบคําถามตอไปนี้ • ความงามของรูปทรงเกิดจากสิ่งใด (แนวตอบ ความงามของรูปทรงเกิดจาก สัดสวนของความกวาง ความยาว และความหนา หรือความลึกที่พอเหมาะ และความกลมกลืนกันของรูปทรงทั้งหมด) • รูปทรงอินทรียหมายถึงรูปทรงลักษณะใด (แนวตอบ รูปทรงอินทรียเปนรูปทรงของ สิ่งมีชีวิต หรือคลายกับสิ่งมีชีวิตที่สามารถ เจริญเติบโต เคลื่อนไหว หรือเปลี่ยนแปลง รูปได เชน รูปทรงของคน สัตว พืช เปนตน) • รูปรางและรูปทรงมีความเหมือน หรือแตกตางกันอยางไร (แนวตอบ แตกตางกัน โดยรูปรางจะเปน รูปแบนๆ มี 2 มิติ คือ มีความกวางกับ ความยาว สวนรูปทรงจะเปนรูปที่มีลักษณะ เปน 3 มิติ คือ มีทั้งความกวาง ความยาว และความลึก หรือความหนา)
ได้แก่ รูปร่างทีเ่ กิดจากการออกแบบ เช่น หยดน�้า เมฆ ควัน เป็นต้น ดั ด แปลง ตั ด ทอน จากรู ป ร่ า ง ธรรมชาติ ห รื อ รู ป ร่ า งเรขาคณิ ต ที่แสดงออกถึงความเป็นอิสระตาม จินตนาการในการสร้างสรรค์ของ แต่ละคน
๓.๒) รูปทรง (Form) หมายถึง โครงสร้างทั้งหมดของวัตถุที่ปรากฏให้เห็นใน ลักษณะ ๓ มิติ คือ มีทั้งส่วนกว้าง ส่วนยาว ส่วนลึกหรือหนา เช่น รูปทรงของคน จะแสดง ให้เห็นโครงสร้างของร่างกายที่มีส่วนสูง ส่วนโค้ง ส่วนเว้า ส่วนนูนหนา และสีผิว หลักการสังเกต ว่าเป็นรูปทรง ๓ มิติ คือ เมื่อมองแล้วจะให้ความรู้สึกเป็นแท่ง เป็นก้อน มีมวลหรือมีเนื้อที่ภายใน มีปริมาตร มีน�้าหนัก รูปทรงแบ่งออกเป็นลักษณะใหญ่ๆ ได้ ๓ ลักษณะ คือ รูปทรง
ลักษณะของรูปทรง
ตัวอย่าง
๑. รูปทรงธรรมชาติ
ได้แก่ สิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เช่น รูปทรงของคน สัตว์ ต้นไม้ มี ก ฎเกณฑ์ แ น่ น อน มี โ ครงสร้ า ง เป็นต้น เป็ น ไปตามธรรมชาติ ซึ่ ง ในการ สร้า งสรรค์ ง านทางทัศ นศิ ล ป์ ไ ด้มี การน�าเอารูปทรงธรรมชาติมาใช้มาก
๒. รูปทรงเรขาคณิต
ได้แก่ รูปทรงที่เกิดจากการสร้างง- เช่น สิสิ่งก่อสร้างง อาคาร บ้ อาคาร บ้านเรือนน สรรค์ของมนุษย์ มีลกั ษณะเป็นเหลีย่ ม โต๊ะ เก้ เก้าอี้ รถยนต์ เป็นต้น เป็นมุม มีมีความโค้ง เป็ เป็นวงกลมหรือ รูปก้นหอย รูรูปทรงเหล่านีเ้ ป็นพืน้ ฐาน ในการออกแบบทางทัศนศิลป์
Explain
๓. รูปทรงอิสระหรือรูปทรง ได้แก่ รูปทรงที่มีความเป็นอิสระ เช่น สิสิ่งอ�านวยความสะดวกในชีวิต ดัดแปลง ไม่มีรูปแบบหรือกฎเกณฑ์ตายตัว ประจ�าวัน รองเท้า โทรศัพท์มือถือ ไม่มีโครงสร้างแน่นอน สามารถ โซฟา เป็นต้น เปลีย่ นแปลงไปตามสภาพแวดล้อม และความเหมาะสม
5
กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนวาดภาพผลงานทัศนศิลปตามความสนใจของตนเอง มาคนละ 1 ภาพ ลงสมุดวาดเขียน โดยใชรปู รางและรูปทรงมาประกอบกัน เปนรูปภาพตามจินตนาการ เสร็จแลวนําผลงานสงครูผูสอน
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนทําตารางวิเคราะหความแตกตางระหวางรูปรางกับรูปทรง ลงกระดาษรายงาน พรอมวาดภาพประกอบ นําสงครูผูสอน
เกร็ดแนะครู ครูใหนกั เรียนศึกษาตัวอยางรูปทรงของวัตถุตา งๆ เพิม่ เติม เชน รูปทรงของเพชร รูปทรงของคริสตัล เปนตน แลวรวมกันพิจารณาวา วัตถุชนิดเดียวกัน แตมีรูปทรง แตกตางกัน มีประโยชนหรือมีผลตอความรูส กึ ของมนุษยอยางไร และนักเรียนสามารถ นําความรูเกี่ยวกับความแตกตางของรูปทรงมาใชในการออกแบบ หรือสรางสรรค ผลงานทัศนศิลปไดอยางไร ซึ่งจะทําใหนักเรียนมีความรูความเขาใจเกี่ยวกับ ความหมายของรูปทรงไดดียิ่งขึ้น
มุม IT นักเรียนสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปทรง ไดจาก http://www.wjd.ac.th
คูมือครู
5
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับพื้นผิว และพื้นที่วางในทางทัศนศิลป ตามที่ไดศึกษามา จากนั้นครูถามนักเรียนวา • พื้นผิวในงานศิลปะใหความรูสึกอยางไร (แนวตอบ พื้นผิวลักษณะตางๆ จะใหความรูสึก ที่แตกตางกัน คือ พื้นผิวหยาบจะใหความรูสึก กระตุนประสาท หนักแนน มั่นคง แข็งแรง ในขณะทีพ่ นื้ ผิวเรียบจะใหความรูส กึ เบา สบาย) • นักเรียนสามารถพบเห็นพื้นผิวไดในงาน ทัศนศิลปประเภทใดบาง (แนวตอบ ในงานสถาปตยกรรมที่มีการนํา วัสดุหลายๆ อยาง เชน อิฐ ไม โลหะ กระจก คอนกรีต หิน เปนตน ซึ่งมีความขัดแยงกัน มาผสมกลมกลืนกันไวอยางเหมาะสม จนเกิดความสวยงาม) • พื้นผิวสามารถปรากฏบนงานจิตรกรรม ไดหรือไม อยางไร (แนวตอบ ได ในงานสื่อผสมของจิตรกรรม หรือการใชปริมาณเนื้อสีบนพื้นผิวของงาน จิตรกรรม พื้นผิวปูน ไม เปนตน • นักเรียนสามารถใหนิยามคําวา “พื้นที่วาง” ไดวาอยางไร (แนวตอบ พื้นที่วาง คือ บริเวณวางที่ลอมรอบ รูปรางและรูปทรง ระยะหางระหวางรูปราง และรูปทรง พื้นที่ระนาบวางเปลา หรือทีว่ า ง ภายในรูปรางและรูปทรง ซึง่ มีลกั ษณะเปนได ทั้ง 2 มิติ และ 3 มิติ) • พื้นที่วางสามารถแบงออกไดเปนกี่ลักษณะ อะไรบาง (แนวตอบ พืน้ ทีว่ า ง มีอยู 2 ลักษณะ คือ พื้นที่วางจริง และพื้นที่วางลวงตา หรือ พื้นที่วางในทางบวก และพื้นที่วางในทางลบ)
๔) พื้นผิว (Texture) หมายถึง ลักษณะของบริเวณผิวของสิ่งต่างๆ ที่เมื่อสัมผัส
จับต้องหรือเมื่อเห็นแล้วรู้สึกได้ว่าหยาบ ละเอียด มัน ด้าน เป็นขีด เป็นรอย เป็นเส้น เป็นจุด พื้นผิวของวัตถุต่างๆ เกิดขึ้นจากธรรมชาติและมนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น ในผลงานทัศนศิลป์ด้าน จิตรกรรมหรือการวาดภาพระบายสี เราสามารถสร้างหรือออกแบบพื้นผิวด้วยสีหรือด้วยเทคนิค ของรอยพู่กันให้เป็นพื้นหลังของภาพได้ ลักษณะพื้นผิวโดยทั่วไปถือว่าเป็น ทัศนธาตุที่ไม่ใช่เป็นหลักในการสร้างรูปทรง ส่วนใหญ่จะใช้เป็นส่วนของพื้นภาพ มีศิลปิน หลายคนใช้ลักษณะของพื้นผิวเป็นทัศนธาตุที่ ส�าคัญในการสร้างสรรค์งาน ด้วยการใช้พื้นผิว ลักษณะต่างๆ มาประกอบเป็นรูปทรงทีส่ มบูรณ์ ได้ พื้นผิวที่มีลักษณะแตกต่างกันย่อมให้ความ รู้สึกที่แตกต่างกันด้วย เช่น พื้นผิวที่เรียบ โค้ง ผลงานของเฮนรี มัวร์ ซึง่ แสดงลักษณะพืน้ ผิวทีเ่ รียบเนียน เว้าของโซฟา ย่อมท�าให้เกิดความรู้สึกสบาย ให้ความรู้สึกนุ่มนวล น่าสัมผัสลูบไล้ ผ่อนคลายอารมณ์ อยากสัมผัส ส่วนพื้นผิว ที่ดูหยาบขรุขระจะให้ความรู้สึกที่แข็งกระด้าง จากลักษณะพื้นผิวที่ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ศิลปินจึงน�าเอาลักษณะพื้นผิวมา สร้างสรรค์ผลงานทางทัศนศิลป์ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ส�าคัญประการหนึ่ง เพราะสร้างความรู้สึก ต่างๆ ให้เกิดกับผู้ชมได้ ๕) พื้นที่ว่าง (Space) หมายถึง บริเวณที่เป็นพื้นที่ว่างรอบๆ รูปทรงหรือเนื้อหา เรื่องราว เมื่อเราสร้างสิ่งหนึ่งขึ้นในที่ว่าง เราเรียกสิ่งนั้นว่า รูปทรง ในงานศิลปะชิ้นหนึ่งจึงมี รูปทรงกับพื้นที่ว่างประกอบกันอยู่ ในงานประติมากรรม เราเรียกวัตถุที่สร้างขึ้นนั้นว่า รู ปทรง และเรียกความว่างรอบๆ ตัววัตถุหรือรูปทรงนี้ว่า ที ่ว่าง ในงานจิตรกรรมหรือภาพพิมพ์ เราอาจเรียกสิ่งที่วาดหรือเขียนขึ้นหรือพิมพ์ลงบน แผ่นภาพว่า รูปทรง ทรง และเรี และเรียกบริเวณที่ว่างรอบๆ รูปทรงว่า ที่ว่าง ได้ แต่โดยทั่วไปแล้ว เรามักจะ แทนรูปทรง และ เรียกว่า รูป แทนรู ทรง และ พื้น แทนที่ว่าง รูปที่ใช้คู่กับพื้น ในทางภาพวาดแล้วจะหมายถึง รูปร่างของสิ่งใดก็ได้ที่ปรากฏบนพื้น เช่น คน สัตว์ สิ่งของ จุด ขีด รูปเรขาคณิต หรือรูปทรงนามธรรม 6
EB GUIDE
เกร็ดแนะครู ครูอธิบายถึงประโยชนของ “พื้นที่วาง” ในทางทัศนศิลปใหนักเรียนฟงวา “พื้นที่วาง” เปนสวนประกอบสําคัญที่ทําใหผลงานเกิดความงาม ความนาสนใจ โดยธรรมชาติแลวพื้นที่วางเปนสิ่งที่คอนขางซับซอน เพราะเราไมสามารถกําหนด พื้นที่วางใหเปนรูปทรงเองไดดวยตาเปลา บทบาทของพื้นที่วางจะปรากฏก็ตอเมื่อมี ทัศนธาตุอื่นๆ มาแสดง หรือมาผสม ทัศนศิลปแตละประเภทจะใชพื้นที่วางตางกันไปตามลักษณะของงาน เชน งานจิตรกรรมจะใชพื้นที่วางที่เปน 2 มิติ แตอาจทําใหเกิดการลวงตาเปน 3 มิติได ดวยการนําทัศนธาตุตางๆ มาประกอบเขาดวยกัน สวนงานประติมากรรม จะใชพื้นที่วางจริงลอมรอบผลงานและเจาะทะลุรูปทรงที่เปน 3 มิติ และงานสถาปตยกรรมจะใชพื้นที่วางจริงเชนเดียวกับประติมากรรม และยังมีที่วาง ใหเราสามารถเขาไปอยูภายในได เปนตน
6
คูมือครู
http://www.aksorn.com/LC/Va/M4/02
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
พื้นผิวกอใหเกิดความงามในงานทัศนศิลปไดอยางไร แนวตอบ พื้นผิวในทางทัศนศิลปมีแหลงกําเนิด 2 แหลง คือ เกิดขึ้นตาม ธรรมชาติ ไดแก พื้นผิวของสิ่งตางๆ ในธรรมชาติและสิ่งมีชีวิต เชน เปลือกไม กอนกรวด กอนหิน กิ่งไม ใบไม และพื้นผิวที่เกิดจากมนุษย สรางขึ้น ไดแก การขูด ขีด ระบาย ใหเกิดเปนรองรอยพื้นผิวลักษณะตางๆ ซึ่งลักษณะพื้นผิวที่แตกตางกันก็จะใหความรูสึกที่แตกตางกันดวย ศิลปนจึง นําเอาลักษณะพื้นผิวมาสรางสรรคผลงานทางทัศนศิลป เพราะสามารถสราง ความรูสึกตางๆ ใหเกิดกับผูชมไดตามแนวคิดของศิลปน
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู เราสามารถเห็นรูปบนพื้นในงานศิลปะได้ก็เพราะรูปกับพื้นมีความแตกต่างกันในน�้าหนัก ในสีหรือในลักษณะผิว ถ้ารูปกับพื้นมีน�้าหนัก สี หรือลักษณะผิวเป็นอย่างเดียวกัน เราจะไม่เห็น รูป ดังนั้น ปัจจัยของการมองเห็นก็คือ ความต่างกันของรูปกับพื้นในการจัดองค์ประกอบศิลป์ ถ้าปล่อยให้มีพื้นที่ว่างมากและรูปทรงน้อย การจัดนั้นจะให้ความรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยว ในทาง ตรงกันข้าม ถ้าให้มีรูปทรงหรือเนื้อหามากโดย ไม่ปล่อยให้มีพื้นที่ว่างเลย ก็จะให้ความรู้สึก อึดอัดคับแคบ ดังนั้น การจัดวางในสัดส่วนที่ พอเหมาะก็จะให้ความรู้สึกที่พอดีและงดงาม
๖) น�้าหนักอ่อน-แก่ (Value)
หมายถึง จ�านวนความเข้มความอ่อนของสีและ แสงเงาตามที่ประสาทตารับรู้ ความอ่อน-แก่ ของแสงเงาท�าให้เกิดระยะใกล้ไกลเช่นเดียวกัน กั บ ความอ่ อ น-แก่ ข องสี ในการสร้ า งสรรค์ งานทัศนศิลป์ ถ้าหากออกแบบให้ภาพอยู่บน พื้นผิวระนาบเดียวกัน เมื่อใช้น�้าหนักที่ต่างกัน
ภาพ “The Last Judgment” (การตัดสินครั้งสุดท้าย) ผลงานของมีเกลันเจโล บูโอนาร์โรตี ซึ่งใช้น�้าหนัก อ่อน-แก่ของสีจนท�าให้เกิดความเข้มแตกต่างกัน
ภาพ “Garden 1 at Sainte-Adresse” ผลงานของ โกลด โมเน ซึ่งใช้พื้นที่ในการจัดวางภาพได้อย่าง เหมาะสม ไม่ปล่อยให้ว่างมากหรือน้อยจนเกินไป
ของสีและแสงเงา จะท�าให้เกิดเป็นรูปลักษณ์ ต่างๆ บนระนาบนัน้ ท�าให้มองเห็นมิตติ า่ งๆ ได้ เช่น เห็นเป็นภาพระยะใกล้ไกลซ้อนทับกันหรือ มีความกลมกลืนหรือตัดกันก็ได้ เป็นต้น วิธกี าร ให้น�้าหนักอ่อน-แก่ในการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์สามารถจ�าแนกออกเป็น ๒ ประเภท ดังนี้ ๖.๑) น�้าหนักอ่อน-แก่ของสี ในการใช้นา�้ หนักอ่อน-แก่ของสีนจี้ ะเป็นลักษณะ ๒ มิติ ได้แก่ ภาพเขียนต่างๆ ภาพพิมพ์ เมื่อ มองดูด้วยสายตาจะเห็นระยะใกล้ไกล มีความ ลึก นอกจากนี้ น�้าหนักอ่อน-แก่ของการใช้สี ยังแบ่งได้อีกหลายลักษณะ เช่น ใช้สีเดียวหรือ หลายสีก็ได้ โดยวิธีการไล่น�้าหนักของสีจาก สีเข้มไปจนถึงสีอ่อนสุด หากใช้สีด�าก็จะไล่ น�้าหนักจากด�าและให้จางลงไปจนถึงระยะขาว ๗
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
งานศิลปะในขอใดใชเทคนิคนํ้าหนักออน-แกของการใชสี 1. รูปปนในสวนสาธารณะ 2. ลวดลายจากการทอผา 3. ภาพวาดบนฝาผนังโบสถ 4. งานแกะสลักงาชางเปนรูปตางๆ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เทคนิคนํ้าหนักออน-แกนิยมนํามาใชกับ ภาพที่มีลักษณะ 2 มิติ โดยมากจะเปนงานประเภทจิตรกรรม ซึ่งจะใช เทคนิคนํ้าหนักออน-แกของแสงเงา นํ้าหนักออน-แกของสี มาสรางเปน ภาพลวงตาใหมีความลึกหรือนูนได
Explain
ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ นํา้ หนักออน-แกในทางทัศนศิลปตามทีไ่ ดศกึ ษามา จากนั้นครูถามนักเรียนวา • นํ้าหนักออน-แก มีความสําคัญ ตองานทัศนศิลปอยางไร (แนวตอบ ใหความรูสึกแตกตางระหวางรูป และพื้น หรือรูปทรงกับที่วาง ใหความรูสึก เคลื่อนไหว ใหความรูสึกเปน 2 มิติแกรูปราง และความเปน 3 มิติแกรูปทรง ทําใหเกิด ระยะความตื้น-ลึก ระยะใกล-ไกลของภาพ และทําใหเกิดความกลมกลืนประสานกัน ของภาพ) • นํ้าหนักออน-แกของสี สามารถแบงออกได เปนกี่ประเภท อะไรบาง (แนวตอบ แบงออกไดเปน 2 ประเภท คือ นํ้าหนักออน-แกของสีหลายสี หมายถึง นํ้าหนักของสีเรียงจากนํ้าหนักออนที่สุด ไปจนถึงเขมที่สุดในวงสี และนํ้าหนัก ออน-แกของสีเดียว หมายถึง นํ้าหนักของสี เรียงจากนํ้าหนักออนที่สุดไปจนถึงเขมที่สุด โดยนําสีแทสีเดียวมาทําใหเกิดนํ้าหนัก ออน-แก เชน ดํา เทาเขม เทาออน ขาว เปนตน) • ศิลปนใชคานํ้าหนักของแสงเงาที่เกิด บนวัตถุของงานทัศนศิลปในลักษณะใด ไดบาง (แนวตอบ 5 ลักษณะ ไดแก 1. บริเวณแสงสวางจัด 2. บริเวณแสงสวาง 3. บริเวณเงา 4. บริเวณเงาเขมจัด 5. บริเวณเงาตกทอด)
นักเรียนควรรู 1 โกลด โมเน (Claude Monet) เปนจิตรกรสมัยอิมเพรสชันนิสมและเปน จิตรกรคนสําคัญของประเทศฝรั่งเศสชวงคริสตศตวรรษที่ 19-20 โดยเปนผูริเริ่ม ศิลปะอิมเพรสชันนิสม ซึ่งเปนการวาดภาพจากความประทับใจในสิ่งที่เห็น ของผูวาดแทนที่จะพยายามทําใหเหมือนจริงตามธรรมชาติ โดยเฉพาะจิตรกรรม ภูมิทัศน (Landscape painting) คําวา “อิมเพรสชันนิสม” (Impressionism) มาจากชื่อภาพเขียนของโมเนเองที่มีชื่อวา “Impression, Sunrise” (ความประทับใจ ยามรุงอรุณ)
มุม IT นักเรียนสามารถศึกษาเกี่ยวกับประวัติและผลงานของโกลด โมเน ไดจาก http://www.web.yru.ac.th คูมือครู
7
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ สีในทางทัศนศิลปตามที่ไดศึกษามา จากนั้นครูถาม นักเรียนวา • สีที่มีอยูทั่วไปในสิ่งแวดลอมรอบๆ ตัวเรา สามารถแบงออกไดเปนกี่ประเภท อะไรบาง (แนวตอบ 2 ประเภท ไดแก สีที่เกิดในธรรมชาติ มีอยู 2 ชนิด คือ สีที่เปน แสง เปนสีที่เกิดจากการหักเหของแสง เชน สีรุง สีจากแทงแกวปริซึม เปนตน และสีที่ อยูในวัตถุ หรือเนื้อสี ซึ่งเปนสีที่มีอยูในวัตถุ ธรรมชาติทั่วไป เชน สีของพืช สัตว แรธาตุ ตางๆ เปนตน สีทมี่ นุษยสรางขึน้ คือ สีทไี่ ดจากการสังเคราะห เพื่อใชประโยชนในงานตางๆ โดยสังเคราะห จากวัสดุธรรมชาติและจากสารเคมีที่เรียกวา “สีวิทยาศาสตร” ซึ่งสีที่ไดจากการสังเคราะห สามารถนํามาผสมกันใหเกิดเปนสีตางๆ ได อีกมากมาย) • หนาที่ของสีในงานศิลปะคือสิ่งใด (แนวตอบ ใหความแตกตางระหวางรูปกับพื้น หรือรูปทรงกับที่วาง ใหความรูสึกเคลื่อนไหว ดวยการนําสายตาของผูชม บริเวณที่สีตัดกัน จะดึงดูดความสนใจ ใหความเปนมิติแก รูปทรงและภาพดวยนํ้าหนักของสีที่ตางกัน และใหอารมณความรูสึกไดดวยตัวเอง)
๖.๒) น�้าหนักอ่อน-แก่ของแสงเงา เรื่องของแสงและเงา หมายถึง แสงสว่างและ เงามืด ซึง่ จะท�าให้เกิดการมองเห็นสิง่ ต่างๆ เป็นลักษณะ ๓ มิต ิ เช่น ทรงกลม ทรงเหลีย่ ม มองเห็น ความโค้ง ความเบี้ยว ความนูน ความเว้า เมื่อ แสงสาดกระทบวัตถุทมี่ สี ี ส่วนทีถ่ กู แสงสว่างจะ เป็นสีอ่อน ส่วนมืดจะอยู่ตรงข้ามกับด้านแสง ส่องสว่างมากระทบ ดังนั้น แสงและเงาจึงมี คุณค่าอ่อน-แก่ปรากฏอยู่ร่วมกันบนวัตถุตั้งแต่ ส่วนที่สว่างจนถึงมืดด�า น�้าหนักที่อ่อน กลาง แก่ จะใช้ในการจัดองค์ประกอบศิลป์ด้วย ๗) สี (Colors) สีมีปรากฏอยู่ ทั่วไปรอบๆ ตัวเราในธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์ สร้างขึ้น สีมีอิทธิพลต่อความรู้สึก ท�าให้เกิด ภาพ “แสงสุ 1 วรรณภูมิ (วัดระฆังฯ)” ผลงานของปรีชา ความรู้สึกแตกต่างมากมาย เช่น ท�าให้รู้สึก เถาทอง ที่ใช้การไล่น�้าหนักอ่อน-แก่ของแสงเงา จน เศร้าซึม หม่นหมอง ตื่นเต้น ร่าเริงหรือสดใส ท�าให้ภาพเกิดความสวยงาม สมจริง มนุษย์จึงมีความผูกพันเกี่ยวข้องกับสีมาตลอด ชีวิต ดังจะเห็นได้จากนับตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์หรือสมัยก่อนที่มนุษย์จะรู้จักบันทึก ษร ก็ได้ปรากฏหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่ามนุษย์รู้จักน�าสีมาใช้ใน เรื่องราวเป็นลายลักษณ์อักษร งๆ เช่น ภาพเขียนสีในผนังถ�้าของมนุษย์โบราณที่ประเทศฝรั่งเศส หรือภาพเขียนสี กิจกรรมต่างๆ ที่ผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี เป็นต้น ดังนั้น จึงมีความจ�าเป็นที่ควรท�าความเข้าใจเกี่ยวกับ เรื่องสี ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของการน�ามาใช้ในชีวิตประจ�าวันและเพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะให้ม ี คุณค่ามากยิ่งขึ้น ม เคลือบบ หรือเขียนภาพที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้เกิดจาก การเกิดขึ้นของสีโดยการย้อม จาก นักเคมีได้คิดค้นขึ้นตามทฤษฎีการค้นพบสีในแสงสว่างของเซอร์ไอแซค อแซค นิวตัน นักวิทยาศาสตร์ ชาวอังกฤษ กฤษ นันักเคมีได้ผลิตเนือ้ สีขนึ้ ด้วยสารประกอบทางเคมีหรือได้จากธรรมชาติน�ามาสังเคราะห์ ขึ้นใหม่ รวมทั้งการคิดค้นสีเพิ่มขึ้นโดยการทดลองผสมกันระหว่างสีให้เกิดอีกสีหนึ่ง ศิลปิน ใช้สีในการเขียนภาพและค้นพบวิธีการใช้สีในทางศิลปะ ปะ จนเกิดทฤษฎีการใช้สีหลายทฤษฎีตาม แนวทางของกลุ่มศิลปินและตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป สีเป็นทัศนธาตุที่ส�าคัญในการสร้างสรรค์ศิลปะ ปะ และยังมีส่วนสัมพันธ์กับส่วนประกอบ อื่นๆๆ ทีที่เป็นองค์ประกอบของภาพด้วยย ฉะนั ฉะนั้น รายละเอี รายละเอียดในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสีจึงมีอยู่มากมาย แต่สิ่งที่เราจ�าเป็นต้องเรียนรู้เพื่อน�าไปใช้ในการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ จะประกอบด้วย 8
นักเรียนควรรู 1 ปรีชา เถาทอง ศิลปนชั้นเยี่ยม สาขาจิตรกรรม สนใจปรากฏการณของแสง และเงาในธรรมชาติที่มีความเปนเหตุเปนผลและมีความสัมพันธกันตลอดเวลา ปรีชา เถาทอง ไดคนควาเรื่องแสงและเงา ทําใหเกิดหลักการสําคัญ 3 สวน คือ 1. แสงตนกําเนิด (แสงอาทิตย) 2. วัตถุตวั กลางทึบแสง (สวนทีบ่ งั แสงและสงผลใหบงั เกิดเปนภาพของเงา) 3. วัตถุบริเวณที่รับแสงและเงา (ผนังหรือฉากเปนที่เกิดของแสงและเงา) จากหลักการทั้ง 3 สวน เปนพื้นฐานสําคัญในการสรางผลงานของ ปรีชา เถาทองมาโดยตลอด โดยผลงานที่ไดรับรางวัลในการประกวดศิลปกรรม นานาชาติ จนไดรับเกียรติเปนศิลปนชั้นเยี่ยม พ.ศ. 2517 คือ ผลงานชื่อ “แสงและเงา”
8
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
สีในขอใดไม เหมาะที่จะนํามาใชในหองที่มีเครื่องปรับอากาศ 1. สีนํ้า 2. สีโปสเตอร 3. สีอะคริลิก 4. สีนํ้ามัน วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะสีนํ้ามันจะมีกลิ่นคอนขางรุนแรง เนื่องจากสวนผสมของสีนํ้ามันจะประกอบไปดวยนํ้ามันลินสีด นํ้ามันสน จึงไมเหมาะสมที่จะนํามาใชวาดภาพในหองที่มีเครื่องปรับอากาศ เพราะจะมีกลิ่นเหม็น รวมทั้งสารที่ผสมอยูในสี เมื่อหายใจเขาไปจะไปสะสม อยูในรางกาย อาจเปนอันตรายตอสุขภาพได
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับหนาที่ ของสีตามที่ไดศึกษามา จากนั้นครูถามนักเรียนวา • นักเรียนชอบสีใดมากที่สุด เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • ถานักเรียนไดเขาไปอยูในสวนดอกไมที่มี ดอกไมหลากสีสัน นักเรียนจะเกิดความรูสึก อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • สีแตละสีใหความรูสึกที่แตกตางกันอยางไร (แนวตอบ สีแตละสีใหความรูสึกที่แตกตางกัน เชน สีแดง ใหความรูสึกเรารอน รุนแรง อันตราย ตื่นเตน สีเหลือง ใหความรูสึกสวาง อบอุน แจมแจง ราเริง สีเขียว ใหความรูสึกสดใส สดชื่น เย็น ปลอดภัย เปนตน)
๗.๑) หน้าทีข่ องสี สีทา� หน้าทีเ่ ช่นเดียวกับน�า้ หนักทุกประการ แต่เพิม่ หน้าทีพ่ เิ ศษ ที่ส�าคัญที่สุดขึ้นอีกประการหนึ่ง นั่นคือ อิทธิพลของสีที่มีต่ออารมณ์ ความรู้สึกของการรับรู้ สีให้ความรู้สึกต่างๆ ดังนี้ เหลือง 1 แดง ชมพู
สว่างสดใส ตื่นเต้น อันตราย ปิติยินดี อ่อนหวาน นุ่มนวล
เขียว น�้าเงิน ม่วง
ปลอดภัย มีชีวิต สดชื่น สง่า หนักแน่น มุ่งมั่น ลึกลับ เศร้าซึม
เทา น�้าตาล
สุขุม สงบเงียบ แห้งแล้ง อบอุ่น สงบ สะอาด บริสุทธิ์ ใหม่ เศร้าโศก หดหู่
ขาว ด�า
Explain
à¡Ãç´ÈÔÅ»Š คุณสมบัติของสี สีมีคุณสมบัติอยู่ในตัวของมันเอง ๓ ลักษณะ ดังนี้ 1. สีแท (Hue) หมายถึง เนื้อสีของแต่ละสีที่แสดงคุณสมบัติของสีออกมาให้เห็นได้ตามลักษณะของเนื้อสี สีแท้เกิดจากการผลิตขึ้นมาโดยเฉพาะ เช่น สีเหลือง แดง น�้าเเงิงิน ม่วง เป็นต้น หมายถึง น�้าหนักของสีที่มีความอ่อน-แก่ของสี โดยท�าให้สีแท้จางลงหรือเข้มขึ้น ๒. คุณค่าของสี (Value) หมายถึ ซึ่งท�าได้โดยใช้สีขาวผสมในสีแท้จะท�าให้สีแท้จางลง เมื่อต้องการให้เข้มขึ้นก็ผสมด้วยสีด�า ถ้าเป็นสีน�้าเมื่อ จะท�าให้จางลงก็ใช้น�้าเป็นตัวละลาย ไม่ต้องผสมด้วยสีขาว 3. ความเด่นชัดของสี (Intensity) หมายถึง ความสดหรือความบริสุทธิ์ของสีสีหนึ่ง สีที่ถูกผสมด้วยสีด�าจะ หม่นลง ความเด่นชัดหรือความจัดของสีจะลดลง ความจัดของสีจะเรียงล�าดับจากจัดที่สุดไปจนหม่นที่สุดได้ด้วยการ ค่อยๆ เพิ่มปริมาณของสีด�าที่ผสมเข้าไปทีละน้อยจนถึงล�าดับที่ความจั วามจัดของสีมีน้อยที่สุด คือ เกือบด�า
9
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
“ภาพตอนพระอาทิตยใกลจะตกดิน สีภาพโดยรวมจะดูหมน คอนขางมืด แตมีแสงสีสดใสสองกระทบกับกอนเมฆอยางสวยงาม” จากการบรรยายขางตนแสดงใหเห็นลักษณะของสีแบบใด 1. สีเอกรงค (Monochrome) 2. คุณคาของสี (Value) 3. สีกลาง (Neutral Colors) 4. ความเดนชัดของสี (Intensity) วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะภาพตอนพระอาทิตยใกลจะตกดิน เปนภาพที่มีความสด หรือความบริสุทธิ์ของสีใดสีหนึ่ง สีที่ถูกผสมดวยสีดํา จนหมน ความจัดหรือความบริสุทธิ์จะลดลง ความจัดของสีจะเรียงลําดับ จากจัดที่สุดไปจนหมนที่สุดดวยการคอยๆ เพิ่มปริมาณของสีดําที่ผสมเขาไป ทีละนอยจนถึงลําดับที่ความจัดของสีมีนอยที่สุดคือเกือบเปนสีดํา จึงถือเปน ภาพที่แสดงถึงความเดนชัดของสี (Intensity) ไดเปนอยางดี
เกร็ดแนะครู ครูอธิบายความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนาที่ของสีวา สีที่มีอยูในธรรมชาติเปน ปรากฏการณที่ธรรมชาติสรางขึ้นมา เพื่อแสดงถึงความเปนไปของสิ่งตางๆ ที่มีอยู บนโลก สีจะเปนตัวบงบอกความเปลี่ยนแปลง หรือวิวัฒนาการของธรรมชาติ เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป สีอาจกลายสภาพจากสีหนึ่งไปเปนอีกสีหนึ่งได เชน การเปลี่ยนสีของใบไม การเปลี่ยนสีของอัญมณี เปนตน นอกจากนี้ มนุษยยังใชสีในการออกแบบหอง อาคารบานเรือนตามลักษณะของ การใชงานดวย เชน หองพยาบาลจะใชสขี าวและเขียวเพือ่ ใหรสู กึ สบายและปลอดภัย เปนตน
นักเรียนควรรู 1 แดง ในทัศนะของสังคมตะวันตกจะสื่อถึงอันตราย ไมปลอดภัย แตในสังคมจีนกลับมีทัศนะวา เปนสีแหงมงคล โชคลาภ ความมีชีวิต ความเจริญ เติบโต จึงนิยมนําสีแดงมาใชในกิจกรรมตางๆ จํานวนมาก คูมือครู
9
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ครูสุมตัวอยางนักเรียน 2-3 คน ใหออกมา อธิบายเกี่ยวกับแมสีและหลักการผสมสีตามที่ได ศึกษามา จากนั้นครูถามนักเรียนวา • หากนักเรียนผสมสีโดยใชแมสีจะไดสีใด (แนวตอบ การผสมสีจากแมสีดวยปริมาณ เทากันจะไดสี ดังตอไปนี้ สีแดง + สีเหลือง = สีสม สีแดง + สีนํ้าเงิน = สีมวง สีเหลือง + สีนํ้าเงิน = สีเขียว) • สีใดบางที่เกิดขึ้นจากการผสมสีขั้นที่ 2 (แนวตอบ สีแดงสม สีนํ้าตาล สีมวงแดง สีนํ้าตาล สีนํ้าเงินเขียว สีนํ้าเงินมวง สีสมเหลือง และสีเขียวเหลือง) • นักเรียนสามารถนําสีใดมาผสมกัน เพื่อทําให เกิดสีขั้นที่ 3 (แนวตอบ สีขั้นที่ 3 เกิดจากการนําเอา สีขั้นที่ 2 ผสมกับสีขั้นตนที่อยูใกลเคียงกัน เชน สีเหลืองแกมเขียว สีนํ้าเงินแกมมวง สีแดงแกมมวง สีแดงแกมสม สีเหลืองแกมสม สีนํ้าเงินแกมเขียว เปนตน)
1 ๗.๒) แม่สีและหลักการผสมสี การที่เรามองเห็นวัตถุมีสีต่างๆ ได้นั้น เนื่องจาก ในแสงมีสีต่างๆ รวมกันอยู่แล้วทุกสี แต่ได้ผสมกันอย่างสมดุลจนกลายเป็นสีขาวใส เมื่อแสง กระทบวัตถุที่มีสี วัตถุนั้นจะดูดสีทั้งหมดของแสงไว้แล้วสะท้อนสีที่เหมือนกับตัววัตถุออกมา เรา จึงมองเห็นสีของวัตถุนั้น เช่น แสงส่องมาถูกลูกโป่งสีแดง สีแดงของลูกโป่งจะจับกับสีแดงในแสง แล้วสะท้อนสีแดงนั้นเข้าสู่ตาของเรา เราจึงมองเห็นลูกโป่งสีแดง นอกจากสีทเี่ กิดผลจากแสงแล้ว ยังมีสที ไี่ ด้จากสารเคมีและจากวัตถุธรรมชาติมา สังเคราะห์เกิดเป็นสีต่างๆ มากมาย เราเรียกว่า สีจากวัตถุธาตุ ซึ่งหมายถึง วัตถุที่เป็นเนื้อสีอยู่ ในตัวเอง เกิดจากปฏิกริ ยิ าทางเคมี เป็นสีทชี่ า่ ง เขียนใช้ในการเขียนภาพ รวมทั้งสีประเภททา อาคาร บ้านเรือน สีของเครื่องใช้ต่างๆ สีวัตถุ ธาตุสามารถน�ามาผสมกันเป็นขั้นๆ ได้ดังนี้ (๑) แม่ สี ห รื อ สี ขั้ น ต้ น แม่สีของวัตถุธาตุ (Primary Colors) เป็นแม่สีของวัตถุธาตุ เป็น สีที่มีเนื้อแท้อยู่ในตัว มีอยู่ ๓ สีที่เราไม่อาจผสมขึ้นได้ คือ สีเหลือง แดง และน�้าเงิน (๒) สีขั้นที่ ๒ (Secondary Colors) ๒ (Secondary Colors) เกิดจากการน�าแม่สีทั้ง ๓ มาผสมกัน เข้าทีละคู่ ด้วยอัตราส่วนเท่ากัน จะได้สีขั้นที่ ๒ หรือลูกสีเพพิ่มขึ้นอีก ๓ สี คือ สีส้ม เขียว ม่วง สีขั้นที่ ๒
เหลือง +
แดง
ส้ม
เหลือง + น�้าเงิน
เขียว
ม่วง
แดง + น�้าเงิน
10
เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนสรางสรรคผลงานจิตรกรรมโดยใชสีที่ไดจากธรรมชาติ เชน สีจากดอกอัญชัน กระเจี๊ยบแดง ฟกทอง แครอท กะหลํ่าปลีมวง บีทรูท ขมิ้น เปลือกมังคุด ลูกหวา สนิมเหล็ก เขมาดิน ถานไม เปนตน แลวชวยกันพิจารณาวา สีจากธรรมชาติมีประโยชนอยางไร และมีความคลายคลึงหรือแตกตางจาก สีสังเคราะหอยางไร รวมทั้งใหนักเรียนเปรียบเทียบขอดีและขอเสียของการใชสีที่ได จากธรรมชาติและสีสังเคราะหในงานทัศนศิลปดวย
นักเรียนควรรู 1 มองเห็นวัตถุมีสีตางๆ โดยปกติวัตถุจะมีสารที่ทําหนาที่ดูดกลืนแสงสี ตางกันไป จึงทําใหเรามองเห็นวัตถุมีสีตางกัน เชน เห็นใบไมสีเขียวเพราะในใบไม มีสารดูดกลืนแสงสีมวงและสีแดงเอาไว แลวปลอยสีเขียวออกมา สวนวัตถุสีดํา จะดูดกลืนแสงสีไวทั้งหมด ไมมีแสงสีใดสะทอนออกมา ขณะที่วัตถุสีขาวจะสะทอน ทุกแสงสีที่ตกกระทบ เราจึงเห็นวาวัตถุมีสีขาว เปนตน
10
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
เพราะเหตุใดจึงเรียกสีแดง สีเหลือง สีนํ้าเงินวาแมสี แนวตอบ เพราะเปนสีพื้นฐานซึ่งเมื่อนํามาจับคูผสมกันดวยปริมาณสี แตละสีที่เทากันแลว จะทําใหเกิดสีใหมขึ้นมา เปนสีขั้นที่ 2 ตลอดจนเมื่อ นําสีขั้นที่ 2 มาผสมกับแมสีก็จะไดสีใหมเพิ่มขึ้นมาอีกเปนสีขั้นที่ 3 ดังนั้น สีแดง สีเหลือง สีนํ้าเงิน จึงเปนตนกําเนิดของสีตางๆ
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
ใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ การนําสีไปใชสรางสรรคงานศิลปะตามทีไ่ ดศกึ ษามา จากนั้นครูถามนักเรียนวา • วรรณะสีสามารถแบงออกไดเปนกี่วรรณะ อะไรบาง (แนวตอบ แบงออกไดเปน 2 วรรณะ คือ 1. วรรณะสีอุน (Warm Tone) ประกอบดวย สีเหลือง สีสมเหลือง สีสม สีสมแดง สีแดง สีมว งแดง และสีมว ง สีในวรรณะอุน จะไมใชสีสดๆ ดังที่เห็นในวงสีธรรมชาติ เสมอไป เพราะสีในธรรมชาติยอมมีสี แตกตางกันมากกวาสีในวงสีธรรมชาติ ถาหากสีใดคอนไปทางสีแดง หรือสีสม จะถือวาเปนสีวรรณะอุน เชน สีนํ้าตาล สีเทาอมทอง เปนตน 2. วรรณะสีเย็น (Cool Tone) ประกอบดวย สีเหลือง สีเขียวเหลือง สีเขียว สีเขียวนํ้าเงิน สีนํ้าเงิน สีมวงนํ้าเงิน และ สีมวง สวนสีอื่นๆ ถาหนักไปทางสีนํ้าเงิน และสีเขียวก็ถือเปนสีวรรณะเย็น เชน สีเทา สีดํา สีเขียวแก เปนตน) • คานํ้าหนักสีสามารถแบงออกได เปนกี่ลักษณะ อะไรบาง (แนวตอบ แบงออกเปน 4 ลักษณะ คือ 1. นํ้าหนักเขม ใหความรูสึกนากลัว สงา ขรึม 2. นํ้าหนักกลาง ใหความรูสึกเงียบ เฉย ถามีมากเกินไปจะทําใหงานจืดชืด 3. นํ้าหนักออน ใหความรูสึกเบา ออนโยน 4. นํ้าหนักตัดกัน ใหความรูสึกตื่นเตน เราใจ)
(๓) สีขั้นที่ ๓ (Tertiary Colors) เกิดจากการน�าสีขั้นที่ ๒ ผสมกับแม่สี ทีละคู่ จะได้สีเพิ่มขึ้นอีก ๖ สี คือ สีส้มเหลือง ส้มแดง เขียวเหลือง เขียวน�้าเงิน ม่วงแดง และ ม่วงน�้าเงิน สีขั้นที่ ๓
แดง + ส้ม
ส้มแดง
เหลือง + เขียว
เขียวเหลือง
แดง + ม่วง
ม่วงแดง
น�้าเงิน + เขียว
เขียวน�้าเงิน
เหลือง + ส้ม
ส้มเหลือง
น�้าเงิน + ม่วง
ม่วงน�้าเงิน
ส้ม
ง
เหลือ
เขียว
ส้มเห ลือง เหลือง
สีขั้นที่ ๑ ขั้นที่ ๒ และขั้นที่ ๓ ทั้ง ๑๒ สี รวมกันเป็นวงสีธรรมชาติ ซึ่งถ้าน�าสี ลาง (Neutral Colors) หรื หรือถ้าน�า ทุกสีมาผสมรวมกันเข้า จะได้สีเทาแก่ๆ เกือบด�า เรียกว่า สีกลาง (Neutral Colors) แม่สี ๓ สีมาผสมรวมกันเข้าก็ได้สีกลางเช่นเดียวกัน ๗.๓) การน�าสีไปใช้ ในการสร้างสรรค์งานศิลปะ สีเป็นทัศนธาตุหนึ่งที่ส�าคัญกว่า รูปทรงซึ่งถือว่าเป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การใช้สมี ที งั้ ยึดกฎเกณฑ์หรือทฤษฎี และปราศจากกฎเกณฑ์ ใดๆ การน�าสีไปใช้เพื่อให้เกิดความงามทางศิลปะจึง เขีย ว จ�าเป็นต้องศึกษาเรื่องสีให้เข้าใจในประการส�าคัญๆ เขียวน�้าเงิน เพื่อการสร้างสรรค์ผลงานตามวัตถุประสงค์ ดังนี้ ิน (๑) วรรณะสี (Tone) จากวงสี น�้าเง ธรรมชาติ ในทางศิลปะได้มีการแบ่งวรรณะของสีออกเป็น ๒ วรรณะ คือ สีวรรณะอุ่น (Warm Tone) ได้แก่ สีที่ให้ ความรู้สึกอบอุ่นหรือร้อน และสีวรรณะเย็น (Cool Tone) วงสีธรรมชาติ ประกอบด้วยสี ๑๒ สี ได้แก่ สีที่ให้ความรู้สึกเย็น สงบ สบาย แดง
ม่วง
ม่วง
น�้าเง
แดง
ิน
ส้มแดง
ม่วง
E×plain
11
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
สีใดที่สามารถอยูไดทั้งวรรณะอุนและวรรณะเย็น 1. สีแดง 2. สีสม 3. สีเขียว 4. สีเหลือง
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. หากสังเกตวงสีธรรมชาติจะพบวา สีเหลือง อยูไดทั้งวรรณะอุนและวรรณะเย็น ถาอยูในกลุมสีวรรณะอุน ก็ใหความรูสึก อุนหรือรอน แตถาอยูในกลุมสีวรรณะเย็นก็จะใหความรูสึกเย็นไปดวย สีเหลืองจึงเปนสีที่สามารถอยูไดทั้งวรรณะอุนและวรรณะเย็น
บูรณาการอาเซียน จากการศึกษาเกี่ยวกับการนําสีไปใชสามารถบูรณาการเชื่อมโยงกับประเทศ สมาชิกอาเซียนเกีย่ วกับเรือ่ งสีของธงชาติทมี่ คี วามคลายคลึงกัน โดยหลายประเทศ จะใชสีแดง ขาว และนํ้าเงินเปนหลัก ตัวอยางเชน
ธงชาติไทย
ธงชาติกัมพูชา
ธงชาติมาเลเซีย
ธงชาติสาธารณรัฐสิงคโปร
คูมือครู
11
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
ขยายความเขาใจ Expand าใจ ขยายความเข
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบExplain ายความรู
Explain
ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ วงสีธรรมชาติ รวมทั้งสีวรรณะอุนและวรรณะเย็น จากนั้นครูนําภาพจิตรกรรมที่เนนสีและแสงเงา มาใหนักเรียนดู แลวถามนักเรียนวา • เมื่อดูภาพนี้แลวนักเรียนรูสึกอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • จากภาพศิลปนเนนการใชโทนสีวรรณะใด มากกวากัน และโทนสีดังกลาวมีอิทธิพล อยางไรตอภาพ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ)
สีวรรณะเย็น
สีวรรณะอุ่น
ส้มแดง
เขียวน�้าเงิน แดง ม่วง
ม่วง
ม่วง
น�้าเง
ิน
แดง
ิน
น�้าเง
สีวรรณะอุ่น
สีวรรณะเย็น
ลือง
ง
ใหนักเรียนนําขอมูลเกี่ยวกับทัศนธาตุมารวมกัน จัดนิทรรศการในหัวขอ “ทัศนธาตุคูงานทัศนศิลป” พรอมหาภาพประกอบและตกแตงใหสวยงาม
ว
ส้มเห
เหลือ
เขีย
Expand
เหลือง
เขียว
ขยายความเขาใจ
หากแบ่งวงสีธรรมชาติออกเป็น ๒ ซีกด้วยเส้นดิ่งเส้นหนึ่ง ซีกทางขวามือ ซึ่งมีสีเหลือง (ครึ่งหนึ่ง) ส้มเหลือง ส้ม ส้มแดง แดง ม่วงแดง จะอยู่ในสีวรรณะอุ่น และ ม่วง (ครึ่งหนึ่ง) ม่วงน�้าเงิน น�้าเงิน เขียวน�้าเงิน เขียวเหลือง เขียว จะอยู่ในสีวรรณะเย็น สีม่วง และเหลืองเป็นสีที่อยู่ในวรรณะกลางๆ ถ้าอยู่ในกลุ่มของสีอุ่นก็จะอุ่นด้วย ถ้าอยู่ในกลุ่มสีเย็นก็จะ เย็นด้วย มีการทดลองวัดอุณหภูมิของแถบสีที่เกิดจากการหักเหของแสงด้วยเครื่องวัดที่มีความไว มากๆ ปรากฏว่าทางด้านที่เป็นสีแดงจะมีอุณหภูมิสูงกว่าด้านสีน�้าเงิน
ส้ม
อธิบายความรู
อธิบายความรู
สีวรรณะอุ่นและสีวรรณะเย็นมีอิทธิพลต่อความรู้สึกและอารมณ์ของมนุษย์ ศิลปินจึงมีวิธีในการเลือกใช้สีวรรณะอุ่นหรือสีวรรณะเย็นมาสร้างสรรค์ผลงานเพื่อสะท้อนให้เห็น ในสิ่งที่ต้องการ ศิลปินมีสีเป็นวัสดุเพียงอย่างเดียวก็สามารถสร้างงานจิตรกรรมที่สมบูรณ์ได้ เพราะในสีมีความเป็นทัศนธาตุส่วนอื่นๆ ด้วย กล่าวคือ ในสีมีเส้นเป็นเส้นรอบนอกของบริเวณสี หรือสีที่เขียนเป็นเส้น ในสีมีน�้าหนักอ่อน-แก่ มีที่ว่างในแผ่นสี 1 มีลักษณะพื้นผิว ม (๒) คุณค่าของสี (Value) (Value) หมายถึง สีใดสีหนึ่งที่เราท�าให้ค่อยๆ จางลงจน ขาวหรือดูสว่างและท�าให้ค่อยๆ เข้มขึ้นจนมืด ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น ๗-๘ ระยะ ประโยชน์ใน คุณค่าของสีทใี่ ช้เพือ่ การสร้างสรรค์งานก็คอื ท�าให้ได้ภาพทีเ่ กิดระยะใกล้ไกลเหมือนจริงในธรรมชาติ และเป็นลวดลายแสดงน�้าหนักอ่อน-แก่ที่งดงาม 1๒
EB GUIDE
เกร็ดแนะครู ครูเนนยํ้าใหนักเรียนเขาใจในเรื่องความหมายของวรรณะสี สีวรรณะอุน ประกอบดวยสีเหลือง สีสม สีแดง สีมวง สีเหลานี้ใหความรูสึก ตื่นเตน เราใจ กระฉับกระเฉง สีวรรณะเย็น ประกอบดวยสีเหลือง สีเขียว สีนํ้าเงิน สีมวง สีเหลานี้ดูเย็นตา ใหความรูสึกสงบ สดชื่น
นักเรียนควรรู 1 คุณคาของสี คานํ้าหนักสีสามารถเปลี่ยนแปลงไดโดยการเติมสีขาว หรือสีดําลงไปในสีนั้น ถาเติมสีขาวจะทําใหสีนั้นสวางขึ้นและสรางสีออน หรือเรียกวา “คานํ้าหนักสีออน” ถาเติมสีดําลงไปจะทําใหสีเขมขึ้นและสรางเงา หรือเรียกวา “คานํ้าหนักสีเขม
12
คูมือครู
http://www.aksorn.com/LC/Va/M4/03
กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนรวบรวมภาพวาดที่ใชสีในวรรณะอุน หรือวรรณะเย็น จากหนังสือ นิตยสาร หรือจากแหลงเรียนรูอื่นๆ มาจัดทําเปนสมุดภาพ ตกแตงใหสวยงาม พรอมทั้งวิเคราะหหรือจําแนกสีในวรรณะที่ปรากฏดวย
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนวาดภาพโดยเลือกใชสีในวรรณะอุน หรือวรรณะเย็น อยางใดอยางหนึ่งตามความสนใจของตนเอง มาคนละ 1 ภาพ พรอม เขียนบรรยายความงามของภาพ หรือวาดภาพเหมือนกัน 2 ภาพ ภาพหนึ่ง ระบายดวยสีวรรณะอุน อีกภาพหนึ่งระบายดวยสีวรรณะเย็น แลววิเคราะห เปรียบเทียบอารมณความรูสึกที่ไดจากภาพ นําสงครูผูสอน
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
Engage
Explore
Explain
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบผล
Evaluate
ครูพิจารณาจากผลงานการจัดนิทรรศการใน หัวขอ “ทัศนธาตุคงู านทัศนศิลป” ดานความถูกตอง ความสวยงาม และความคิดริเริ่มสรางสรรค คุณค่าสีของสีสีเดียวเมื่อผสมกับสีขาวจะมีค่าค่อยๆ ลดลงจนเกือบขาวหรือขาว
คุณค่าสีของสีสีเดียวเมื่อผสมกับสีด�าจะมีค่าค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนมืดหรือด�า
(๓) ความเด่นชัดของสี (Intensity) หมายถึง สีที่ปรากฏเด่นในการเขียน ภาพ โดยการใช้สีสดใสให้ปรากฏเด่นขึ้นมาบนโครงสีส่วนรวมที่เป็นสีกลางหรือสีอ่อนจาง ซึ่งจะ ช่วยให้ภาพสวยงาม มีความน่าดูยิ่งขึ้น เช่น ภาพธรรมชาติตอนพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน ท้องฟ้า จะค่อยๆ มืดลง สภาพสีส่วนรวมจะเป็นสีหม่นค่อนข้างไปในทางมืด แต่ดวงอาทิตย์และบริเวณ ทีด่ วงอาทิตย์กา� ลังจะลับขอบฟ้าจะมีแสงสีสดใสสาดส่องกระทบกับก้อนเมฆ เป็นภาพทีส่ วยงามมาก (๔) สีเอกรงค์ (Monochrome) หมายถึง สีทแี่ สดงความเด่นชัดออกมาเพียง สีเดียวหรือใช้เพียงสีเดียวในการเขียนภาพ โดยให้มีค่าอ่อน กลาง แก่ ลักษณะคล้ายกับภาพถ่าย สีเดียว ขาวด�า หรือจะใช้สีอื่นเป็นหลักแล้วไล่ น�า้ หนักเพิม่ ลดความเข้มตามทีต่ อ้ งการในภาพ สีเอกรงค์ที่นิยมใช้ ได้แก่ สีน�้าตาล ด�า น�้าเงิน แต่กใ็ ห้ความงดงาม แม้เป็นเพียงการใช้สสี เี ดียว แต่ และคุณค่าเช่นเดียวกันกับภาพที่ใช้หลายสี 1 การใช้สีเอกรงค์ในการ เขียนภาพจะสามารถสร้างสรรค์ความงามได้ ในด้านความกลมกลืนเป็นประการส�าคัญ จะไม่ แสดงถึงความขัดแย้งด้วยสี แต่สามารถสร้าง ความแตกต่างด้วยน�า้ หนักของสีระหว่างสีทอี่ อ่ น และสีเอกรงค์สามารถแสดง ภาพ “A Spring Dawn” ผลงานของวาเลอรี ทีส่ ดุ กับสีทแี่ ก่ทสี่ ดุ และสี แสงเงาและระยะใกล้ไกลของวัตถุได้ง่ายกว่า บุซซีกิน (Valery Busygin) ซึ่งเน้นการใช้สีสว่างสดใส โดยอาศัยหลักของการไล่นา�้ หนักอ่อน-แก่ของสี ในการวาดภาพ ท�าให้ภาพมีความสวยงาม 13
ขอสอบ
O-NET
ขอสอบป ’ 50 ออกเกี่ยวกับทฤษฎีสี ตามระบบทฤษฎีสีสากลขอใดตอไปนี้คือความหมายของคําวา Hue 1. สีแทที่ผสมดวยสีขาว 2. สีแทที่ผสมดวยสีกลาง 3. สีแทที่ยังไมไดผสมดวยสีอื่น 4. สีแทที่ผสมดวยสีดํา วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. Hue เปนสีแท หมายถึง สีตางๆ ทั่วไป ที่ยังไมมีการผสมสีขาว หรือสีดําลงไป
เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานจิตรกรรมวา งานจิตรกรรมเปนการขีด เขียน หรือการระบายสีลงบนพื้นผิววัสดุ ใหเกิดเรื่องราวและความงดงามตามความรูสึก นึกคิด มีลักษณะเปน 2 มิติ คือ มีเพียงความกวางและความยาว แตนํ้าหนักสี ที่แตกตางกันอาจทําใหเกิดความตื้นและลึก ใหความรูสึกทางการมองของผูชม เสมือนเปน 3 มิติได
นักเรียนควรรู 1 การใชสีเอกรงค จะเนนพื้นดวยสีแทที่มีความสดใส (Intensity) เพียงสีเดียว ในบริเวณที่เปนจุดเดนของภาพ สวนประกอบรอบๆ ก็ใชสีเดียวกันแตความสดใส นอยกวา ดังนั้น กอนลงมือปฏิบัติงานจึงตองออกแบบและกําหนดแนวคิดใหชัดเจน เพราะถาระบายผิดพลาดจะแกไขงานไดยาก คูมือครู
13
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา Exploreนหา สํารวจค
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุEngage นความสนใจ
กระตุน ความสนใจ
Engage
ครูใหนักเรียนดูภาพการออกแบบในลักษณะ ตางๆ เชน การออกแบบสวน การออกแบบอาคาร สถานที่ การออกแบบเครื่องประดับ การออกแบบ เครื่องแตงกาย เปนตน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • เพราะเหตุใด มนุษยจงึ สรางสรรคผลงานศิลปะ (แนวตอบ เพราะมนุษยตองการถายทอด ความรูสึกนึกคิดและจินตนาการออกมาเปน ชิ้นงาน หรือผลงานทางศิลปะ เพื่อใหผูอื่น สามารถมองเห็น รับรู หรือสัมผัสได) • การออกแบบประเภทใดที่นักเรียนสามารถ พบเห็นไดงายที่สุดในชีวิตประจําวัน (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ)
สํารวจคนหา
(๕) สีคู่ตรงข้าม (Complementary Colors) หมายถึง สีที่อยู่ตรงกันข้ามกัน ในวงสีธรรมชาติ เป็นคู่สีกัน คือ สีคู่ที่ตัดกัน หรือเรียกว่า สีตรงข้ามกันหรือสีตัดกัน (Contrast) ถ้าน�ามาใช้คู่กันจะท�าให้เกิดความรู้สึกตัดกันอย่างรุนแรง คู่สีนี้ถ้าน�ามาผสมกันจะได้เป็นสีกลาง แต่ถา้ น�าสีหนึง่ เจือลงไปในสีคขู่ องมันเล็กน้อย จะท�าให้สนี นั้ หม่นลง ถ้าเจือมากจะหม่นมาก จิตรกร บางกลุ่มใช้สีคู่ตรงข้ามนี้แทนสีด�าในการท�าให้อีกสีหนึ่งหม่นลง เหลือง
ม่วง
เขียวน�้าเงิน
ส้มแดง
เขียวเหลือง
ม่วงแดง
น�้าเงิน
ส้ม
เขียว
แดง
ม่วงน�้าเงิน
ส้มเหลือง
สีที่อยู่ตรงข้ามกันในวงสีธรรมชาติ
Explore
ครูขออาสาสมัครนักเรียน 12 คน จัดแบงออก เปน 4 กลุม โดยใหแตละกลุมศึกษาคนควา เกี่ยวกับหลักการออกแบบ จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน หนังสือเรียน หองสมุด อินเทอรเน็ต เปนตน ในหัวขอที่ครูกําหนดให ดังนี้ กลุมที่ 1 ความหมายและความสําคัญ ของการออกแบบ กลุมที่ 2 พัฒนาการของการออกแบบ กลุมที่ 3 แนวคิดในการออกแบบ กลุมที่ 4 หลักในการออกแบบ
๒. หลักการออกแบบ มนุษย์มีความรู้สึกนึกคิด สติปัญญา รู้จักสร้างสรรค์ ท�าให้เกิดสิ่งต่างๆ ที่มีคุณค่าแก่ชีวิต สามารถน�ามาใช้สอยให้เกิดประโยชน์ตามความเหมาะสมในการด�าเนินชีวิต เช่น การแต่งกาย การประดับประดา ประดา การตกแต่งที่อยู่อาศัย สถานที่ท�างาน อาคาร ร้านค้า ทุกสิ่งเริ่มต้นด้วยการ ออกแบบ ออกแบบ ซึ่งจ�าเป็นต้องเข้าใจถึงความเป็นมา มา การพัฒนาทางการออกแบบ นาทางการออกแบบ หลักการออกแบบ หน้าที่ประโยชน์ใช้สอยและความงาม รวมเรี อยและความงาม รวมเรียกว่า การสร้ การสร้างสรรค์ศิลปะ จินตนาการและการแสดงออกของมนุษย์เกี่ยวกับการออกแบบมีความแตกต่างกันไปตาม ศักยภาพของแต่ละบุคคลทั้งด้านสติปัญญาและกระบวนการคิด การสร้างสรรค์งานรูปแบบ ใหม่ๆ ขึขึ้นมา มา ภายใต้ ภายใต้แรงบันดาลใจของผู้ออกแบบที่ค�านึงถึงความต้องการ ความสวยงาม ความ ทรง สี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจินตนาการ กลมกลืน ตลอดจนความลงตัวขององค์ประกอบด้านรูปทรง ที่มีรสนิยมม มีมีสีสัน และการน� และการน�าไปใช้ประโยชน์ ผลงานจากศิลปะของการออกแบบมี1ความแตกต่าง กันออกไปในแต่ละด้านน เช่ เช่น สถาปัตยกรรม การออกแบบตกแต่ง งานวิ งานวิจิตรศิลป์ แต่โดยพื้นฐาน ส�าคัญแล้ว งานออกแบบจะต้องมีสุนทรียภาพ ภาพ มีความสอดคล้องลงตัว รวมทั้งผู้สร้างสรรค์เอง จะต้องเข้าใจหลักการและมีความซาบซึ้งต่อความเป็นศิลปะ ปะ ความเข้าใจ และความรู้สึกเหล่านี ้ จะก่อให้เกิดผลงานทางศิลปะที่สมบูรณ์ยิ่ง 14
เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนรวมกันศึกษาคนควาเพิ่มเติม โดยหาภาพตัวอยางผลงานเดนๆ ที่ใชสีเอกรงค ใชสีคูตรงขาม มาสรางสรรคผลงานใหดูแปลกตา นาสนใจ แลวนํา ตัวอยางภาพและขอมูลมาอภิปรายรวมกันในชั้นเรียน
นักเรียนควรรู 1 วิจิตรศิลป เปนงานศิลปะทีม่ จี ดุ มุง หมายเพือ่ ความงาม ความพอใจ มากกวา ประโยชนใชสอย อาจเรียกอีกอยางวา “ศิลปะบริสุทธิ์” เพราะศิลปนสรางสรรคงาน ขึ้นมาดวยความพอใจ ความบริสุทธิ์ใจ มิไดหวังผลตอบแทนใดๆ หรืออาจเพื่อ ประโยชนบาง แตก็เนนความละเอียดลออในการสรางสรรคใหวิจิตรงดงาม วิจิตรศิลป แบงออกเปน 8 ประเภท คือ จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปตยกรรม ภาพพิมพ สื่อผสม ศิลปะภาพถาย วรรณกรรม ดนตรี และนาฏศิลป
14
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
ขอใดคือแนวคิดของการออกแบบที่ดี 1. มีราคาแพงที่สุด 2. สวยงามมากที่สุด 3. ทันสมัยมากที่สุด 4. ใชประโยชนไดมากที่สุด วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะแนวคิดของการออกแบบที่ดีจะเนนที่ ประโยชนใชสอยควบคูกับความงาม ซึ่งเรียกวา “การสรางสรรคงานศิลปะ” ดังนั้น การออกแบบที่ดีจึงควรออกแบบผลิตภัณฑใหสามารถใชประโยชน ไดมากที่สุดและดีที่สุด
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
Explain
ใหนักเรียนกลุมที่ 1 ที่ศึกษาคนควาเกี่ยวกับ ความหมายและความสําคัญของการออกแบบ สงตัวแทน 2-3 คน ออกมาอธิบายความรูตามที่ได ศึกษามา หนาชั้นเรียน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • การออกแบบมีความสําคัญตอชีวิตมนุษย อยางไร (แนวตอบ การออกแบบมีความสําคัญตอชีวิต มนุษย เชน ชวยในการปรับปรุงผลิตภัณฑ หรือผลงานใหมีความแปลกใหมมากขึ้น สามารถนํามาใชประโยชนและมี ความเหมาะสมกับการนํามาใชสอยมากขึ้น เปนตน) • การออกแบบสรางคุณคาทางอารมณ ความรูสึกไดอยางไร (แนวตอบ คุณคาของงานออกแบบที่มีผลตอ อารมณความรูสึก เปนคุณคาที่เนน ความชื่นชอบ พึงพอใจ สุขสบายใจ หรือ ความรูสึกนึกคิดดานอื่นๆ ที่ไมมีผลทาง ประโยชนใชสอยโดยตรง)
๒.1 ความหมายและความส�าคัญของการออกแบบ การออกแบบ หมายถึง การสร้างสรรค์สิ่งใหม่เพื่อประโยชน์และความงาม ด้วยการ น�าทัศนธาตุทางศิลปะและหลักการจัดส่วนประกอบของการออกแบบมาใช้ รวมถึงการปรับปรุง ของเดิมที่มีอยู่แล้วมาดัดแปลงให้เหมาะสมยิ่งขึ้น กระบวนการที่ส�าคัญที่สุดในงานสร้างสรรค์ประเภททัศนศิลป์นั้นจะดูดี สวยงาม แปลก ใหม่ สื่อความหมายได้ชัดเจนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการออกแบบ การออกแบบอย่างมีคุณภาพในงาน ผู้ออกแบบจะต้องมีความรู้ความเข้าใจ ตลอดจนทักษะพื้นฐานในเรื่องของการใช้ทัศนธาตุและ หลักการออกแบบทางศิลปะมาเป็นองค์ประกอบหลักในกระบวนการสร้างสรรค์งาน จึงจะก่อให้เกิด ความงามในลักษณะต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ได้ ดังนั้น การสร้างสรรค์สิ่ง1ใดก็ตาม สิ่งแรกที่ต้องท�า จากขัน้ ตอนแรกเป็นการออกแบบเป็นภาพจินตนาการในสมอง เป็ ตนาการในสมอง นการออกแบบ คือ การออกแบบ จากขั โดยการคิด จากนัน้ ก็ถา่ ยทอดความคิดนัน้ ออกมาเป็นรูปธรรมทีม่ องเห็นได้ อาจเป็นภาพหรือแบบ จ�าลองที่มีรูปทรง ขนาดสัดส่วน ให้สามารถมองเห็นผลงานที่จะสร้างได้อย่างชัดเจน นอกจากการเรียนรู้ถึงความหมายและความส�าคัญของการออกแบบแล้ว สิ่งที่ต้อง ค�านึงถึงก็คือ ลักษณะส�าคัญของการออกแบบ ซึ่งมีสาระส�าคัญ ดังนี้ ๑. ความสามารถในการปรับปรุงผลผลิตหรือผลงานทีม่ อี ยูเ่ ดิมให้ดแู ปลกใหม่มากขึน้
การออกแบบสวนด้วยการน�าทัศนธาตุทางศิลปะมาประยุกต์ใช้ ย่อมท�าให้ผลงานที่ออกมามีความสวยงาม แปลกใหม่ และกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมได้อย่างลงตัว
15
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
การออกแบบควรปฏิบัติตามแนวทางในขอใดจึงจะดีที่สุด 1. ทําตามอยางศิลปนที่มีชื่อเสียง 2. ใชความคิดสรางสรรคของตนเอง 3. ดูผลงานผูอื่นแลวนําไปประยุกต 4. เอาผลงานเดนๆ มาผสมรวมกัน
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การออกแบบที่ดีจะตองใชความคิด สรางสรรคของตนเองตามจินตนาการ โดยศึกษาคนควาและชมผลงาน ของศิลปนที่มีชื่อเสียง หรือศิลปนทานอื่นๆ ใหมาก เพื่อใหเห็นเทคนิค วิธีการเลือกใชวัสดุ อุปกรณ รวมทั้งแนวคิด เพื่อจะไดมีประสบการณ นํามา ออกแบบสรางสรรคดวยตนเอง ไมลอกเลียน หรือละเมิดผลงานของผูอื่น
เกร็ดแนะครู ครูเนนยํ้าใหนักเรียนเห็นถึงประโยชนที่ไดจากการออกแบบวา การออกแบบ สามารถชวยผอนคลายความตึงเครียด นํามาใชประโยชนไดตามลักษณะของงาน ยกระดับใหชิ้นงานที่ออกแบบมีความหรูหรา มีความงามเฉพาะตัว มีระดับ ไดมาตรฐาน เหมาะสมกับราคา และสรางความสะดวกสบายในการใชงาน
นักเรียนควรรู 1 ภาพจินตนาการ เปนเรื่องที่เกี่ยวของกับจินตภาพ คือ การสรางภาพใน สมอง หรือนึกคิดเปนภาพ ภาพจินตนาการจึงเกี่ยวของกับความคิดสรางสรรค อยางเลี่ยงไมได ถือเปนทักษะเบื้องตนของความคิดสรางสรรค
คูมือครู
15
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ใหนักเรียนกลุมที่ 2 ที่ศึกษาคนควาเกี่ยวกับ พัฒนาการของการออกแบบ สงตัวแทน 2-3 คน ออกมาอธิบายความรูตามที่ไดไปศึกษามา หนาชั้นเรียน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • เพราะเหตุใด จึงตองมีการพัฒนาการ ออกแบบในรูปแบบใหมๆ (แนวตอบ เพราะตองการใหงานออกแบบ มีความเหมาะสมกับยุคสมัย สามารถนํามาใช ประโยชนในชีวิตประจําวันไดสะดวกสบาย มากยิ่งขึ้น)
๒. ผลงานที่ออกแบบต้องสอดคล้องกับประโยชน์และหน้าที่ใช้สอย ๓. ผลงานมีความกลมกลืน มีสัดส่วนที่เหมาะสม มีลักษณะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ๔. มีการจัดองค์ประกอบที่งดงาม ๕. ผู้ออกแบบต้องมีความสามารถในการวางแผนด�าเนินการให้ตรงกับวัตถุประสงค์ ที่ก�าหนดขึ้น ตั้งแต่การเลือกวัสดุให้สอดคล้องกับรูปแบบตามที่คิดสร้างสรรค์ไว้
๒.๒ พัฒนาการของการออกแบบ ในอดีตกาล มนุษย์มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ มีวิถีชีวิตที่กลมกลืนกับธรรมชาติ มีการด�าเนินชีวิตอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามกาลเวลา ไม่มีการแข่งขันทางการค้าใดๆ ต่อมามนุษย์ เริ่มรู้จักแก้ปัญหาต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นการแก้ปัญหาหรือคิดหาสิ่งอ�านวยความสะดวกที่เกี่ยวกับ การใช้ชีวิตประจ�าวัน เช่น รู้จักหาสิ่งมาปกปิดร่างกาย สร้างที่พักอาศัย ท�าเครื่องมือเครื่องใช้ ในการประกอบอาชีพ การที่มนุษย์พยายามสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ และมีความคิดในการปรับปรุง ตนเอง รวมทั้งสภาพแวดล้อมอยู่เสมอ ถือได้ว่าเป็นการออกแบบเพราะรู้จักคิดสร้างสรรค์ สิ่งใหม่ๆ ขึ้นมา รู้จักคิดแก้ปัญหาโดยอาศัยสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการ ด�ารงชีพทั้งของตนเองและสังคม ซึ่งกล่าวได้ว่ามนุษย์มีการออกแบบตั้งแต่ยุคโบราณ แต่เป็นการ ออกแบบเพื่อการด�ารงชีวิตซึ่งยังไม่มีรูปแบบขั้นตอนหรือรูปลักษณ์ของงานออกแบบเช่นปัจจุบัน การออกแบบมีพัฒนาการตามยุคสมัยต่อๆๆ มา จากยุคสังคมเกษตรกรรมสู่ยุคสังคม อุตสาหกรรม สาหกรรม ในยุคสังคมอุตสาหกรรมได้มีความชัดเจนมากขึ้นในรูปลักษณ์ของงานออกแบบ
ในสมัยปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรปได้มีการน�าเครื่องจักรไอน�า้ ที่ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นได้มาใช้งาน ซึ่งถูกออกแบบโดยเน้น ประโยชน์ใช้สอยในการด�าเนินชีวิตของมนุษย์มากกว่าเน้นความงามทางศิลปะ
16
เกร็ดแนะครู ครูเชิญวิทยากรในทองถิ่นที่มีความรูความสามารถดานการออกแบบสินคา พื้นเมืองมาอธิบายความรูเกี่ยวกับขั้นตอนของการออกแบบ พรอมทั้งนําตัวอยาง ผลงานการออกแบบมาใหนักเรียนดู จากนั้นครูเปดโอกาสใหนักเรียนไดซักถาม ขอสงสัยและแสดงความคิดเห็น ซึ่งจะทําใหนักเรียนเกิดความรูความเขาใจในเรื่อง การออกแบบไดดียิ่งขึ้น
มุม IT นักเรียนสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการออกแบบ ไดจาก http://www.gems.chanthaburi.buu.ac.th
16
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
การออกแบบมีความหมายสัมพันธกับขอใด 1. การสรางสรรคผลงานที่แปลกใหมขึ้นมา 2. การประดิษฐคิดคนสิ่งใหมใหเกิดขึ้น 3. การสรางงานทุกประเภทที่คนยอมรับ 4. การสรางงานทุกประเภทไมมีขอบเขตกําหนด วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การออกแบบเปนการสรางสรรคผลงาน ทัศนศิลปชิ้นใหมขึ้น ทั้งนี้เพื่อมุงประโยชนใชสอย หรือแสดงออก ซึ่งความงามใหผูอื่นไดรับรู สัมผัส ตลอดจนนําเอาผลงานเดิมที่มีอยูแลว มาตอยอดพัฒนาใหมีความสวยงาม หรือมีประสิทธิภาพมากขึ้น
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
Explain
ใหนักเรียนกลุมที่ 3 ที่ศึกษาคนควาเกี่ยวกับ แนวคิดในการออกแบบ สงตัวแทน 2-3 คน ออกมา อธิบายความรูตามที่ไดศึกษามา หนาชั้นเรียน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • แนวคิดในการออกแบบประกอบไปดวย สิ่งใดบาง (แนวตอบ แนวคิดจากธรรมชาติ แนวคิด จากประสบการณ และแนวคิดจากความรู ทางวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี) • นักเรียนคิดวา การรับรูความงามจาก ธรรมชาติและสิ่งแวดลอมของมนุษย แตละคนเหมือนกันหรือไม อยางไร (แนวตอบ ธรรมชาติและสิ่งแวดลอมรอบๆ ตัวเรามีความงามที่ใหความรูสึกแตกตาง กันไป ซึ่งคนเราก็สามารถรับรูความงามของ ธรรมชาติและสิ่งแวดลอมไดไมเหมือนกัน ขึ้นอยูกับทัศนคติ อารมณ ความรูสึก และ ประสบการณทางทัศนศิลปของแตละบุคคล)
สร้างสรรค์เพราะเป็นระยะเวลาทีม่ คี วามเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการ โดยเฉพาะสาขาฟิสกิ ส์ในเรือ่ ง แรงโน้มถ่วง พลังงานไฟฟ้า แสง เสียง คุณสมบัติจากวิทยาการสาขาต่างๆ ได้ถูกน�ามาใช้ให้เกิด ประโยชน์ทางการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องจักรกลเพื่อการผลิต ผลงานการออกแบบจึงเป็นลักษณะ ของช่างฝีมือหรืองานฝีมือมากกว่าการให้ความส�าคัญกับความงามทางศิลปะ ซึ่งมีผลกระทบ โดยตรงต่อลักษณะงานออกแบบและวิธีการท�างานของศิลปิน การออกแบบทางเครือ่ งจักรท�าให้ได้ผลงานทีม่ รี ปู ลักษณะและรูปแบบทีม่ กี ระแสต่อต้าน ว่าไร้รสนิยม อุตสาหกรรมการผลิตสินค้าจึงต้องเร่งระดมบรรดาศิลปิน ช่างฝีมือ และผู้ผลิต ประสานกันเพื่อการพัฒนารูปแบบที่ผลิตด้วยเครื่องจักรกล ให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีรูปแบบของงาน ศิลปะสร้างสรรค์นอกเหนือจากประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก กระแสการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงของศิลปะการออกแบบจึงก้าวเข้าสู่ยุคของ การแข่งขันกันระหว่างคู่แข่งในตลาดเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ภายหลังได้พัฒนาการออกแบบ มาเป็ น เจาะจงเฉพาะประเภท เช่ น ออกแบบรู ป ลั ก ษณ์ ข องภาพยนตร์ อาคารบ้ า นเรื อ น ด้วยเหตุนี้ นักออกแบบสมัยใหม่จึงต้องมีความรอบรู้ทั้งทางวิทยาการในแต่ละศาสตร์ และมี ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ควบคู่กันไป ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ ๒๐ เป็นต้นมา งานออกแบบถือ ได้ว่าเป็นอาชีพหนึ่งที่จะต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการออกแบบในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะ และเป็นอาชีพที่มีรายได้สูงไม่แพ้อาชีพส�าคัญอื่นๆ
๒.3 แนวคิดในการออกแบบ การสร้างสรรค์ผลงานของมนุษย์นนั้ มีสิ่งต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องท�าให้เกิดแนวคิด ในการออกแบบ ซึง่ ประกอบด้วยเรือ่ งดังต่อไปนี้
๑) แนวคิดจากธรรมชาติ
ธรรมชาติ นั้ น นั บ ว่ า เป็ น ปั จ จั ย ส� า คั ญ ต่ อ การ ออกแบบเพราะสิ่งต่างๆ ในธรรมชาติประกอบ ไปด้ ว ยรู ป ทรงที่ มี รู ป ลั ก ษณะสมบู ร ณ์ ล งตั ว และรู ป ทรงที่ มี ร ายละเอี ย ดสลั บ ซั บ ซ้ อ นทั้ ง ลีลา จังหวะ และสีสันสวยงาม เป็นสิ่งที่มีอยู่ ในธรรมชาติทั้งประเภทไม่มีชีวิตและประเภท มีชีวิต เช่น คน สัตว์ พืช ก้อนหิน ภูเขา ล�าธาร ผิวน�้าที่พลิ้วไหว ซึ่งนับเป็นแนวคิดที่ได้จาก ธรรมชาติ
ธรรมชาติทปี่ ระกอบไปด้วยรูปทรงต่างๆ ล้วนมีสว่ นท�าให้ เกิดแนวคิดในการออกแบบของมนุษย์
EB GUIDE 1๗
http://www.aksorn.com/LC/Va/M4/04
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
การออกแบบจะตองมุงตอบสนองหลักการตามขอใด 1. มีความงามและประโยชนใชสอย 2. มีความเชื่อทางศาสนาผสมผสานอยู 3. เปนสิ่งแปลกใหมไมเคยมีผูใดทํา 4. ทันสมัย สอดคลองกับสภาพสังคม
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. การออกแบบที่ดีนอกจากจะตองมี ความงดงามเปนที่ถูกตาตองใจของบุคคลทั่วไปแลว สิ่งสําคัญจะตองมี ประโยชนใชสอยดวย ไมวาจะเปนเพื่อใชงานในชีวิตประจําวัน หรือเพื่อใช ประดับตกแตงสถานที่ใหมีความสวยงาม
เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางผลงานทัศนศิลปที่นําเอาแนวคิดในธรรมชาติ มาสรางสรรคผลงาน จากนั้นครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการเขียนภาพธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม ดังนี้ 1. วางแผนในการวาด เลือกทิวทัศนธรรมชาติ และสิ่งแวดลอมมาเปนตนแบบ โดยหา มุมมองที่เหมาะสมและสวยงามที่สุด สําหรับวาด 2. รางภาพ ใชดินสอเขียนโครงรางของภาพ ทั้งหมด โดยคํานึงถึงความเหมาะสมกับ หนากระดาษ รูปราง รูปทรง ขนาด และสัดสวน 3. ลงเสนหนักและระบายสี ใชดินสอ หรือพูกันจุมสีลงเสนของภาพใหมี ความชัดเจนยิ่งขึ้น จากนั้นระบายสีใหสวยงาม คูมือครู
17
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับแนวคิด จากประสบการณและแนวคิดจากความรูทาง วิทยาศาสตรและเทคโนโลยีตามที่ไดศึกษามา จากนั้นครูถามนักเรียนวา • ประสบการณในอดีตสามารถนํามาสรางงาน ศิลปะไดอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอยางอิสระ ครูอธิบายเพิ่มเติมวา นักเรียนสามารถนํา ความรูที่ไดรับจากประสบการณในอดีตมา ดัดแปลงออกแบบผลงานศิลปะในรูปแบบเดิม ใหทันยุคสมัยมากขึ้นได แตควรที่จะคง เอกลักษณของผลงานเอาไว) • วิทยาศาสตรและเทคโนโลยีมีสวนชวย ในการสรางงานศิลปะอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอยางอิสระ ครูอธิบายเพิ่มเติมวา นักเรียนสามารถนํา เทคโนโลยีเขามาใชในการออกแบบ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว แมนยํา และมี ประสิทธิภาพมากขึ้น)
แม้ว่าความวิจิตรงดงามที่เกิดจากธรรมชาติเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถจะสร้างสรรค์ ให้เหมือนได้ แต่มนุษย์ก็ได้อาศัยข้อมูลต่างๆ จากธรรมชาติมาใช้ในงานออกแบบ ซึ่งจะมี กระบวนการกลั่นกรอง ขัดเกลา ปรับเปลี่ยน ดั ด แปลงให้ เ หมาะสม กลมกลื น ตรงตาม วัตถุประสงค์ของงานออกแบบ
๒) แนวคิดจากประสบการณ์
ประสบการณ์จากการศึกษาค้นคว้า สะสมความรู้ เกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์หรืองานออกแบบต่างๆ ที่อยู่รายรอบนั้นเชื่อมโยงกับประสบการณ์ใหม่ ของตน สิ่งต่างๆ ที่เราได้พบเห็นและเรียนรู้มา ล้วนได้ผ่านการออกแบบมาแล้วทั้งสิ้น ซึ่งนัก ออกแบบจะได้รับประสบการณ์ในการออกแบบ สะสมกันเรื่อยมา บางอย่างก็เป็นประสบการณ์ ทีเ่ คยเป็นผลงานในอดีตแล้วน�ามาปรับปรุงใหม่ เช่น หม้อดินเผา รูปร่างลักษณะของหม้อดินเผา 1 (ภาพบน) หม้อดินเผาสมัยก่อนประวัติศาสตร์ (ภาพ ในปัจจุบันกับอดีตอาจจะแตกต่างกันไปบ้าง ล่าง) หม้อดินเผาในสมัยปจจุบัน จะเห็นได้ว่าโครงสร้าง มีความคล้ายคลึงกัน อันเป็นผลมาจากประสบการณ์ที่ แต่โครงสร้างใหญ่ๆ ก็ยังคงคล้ายคลึงกับหม้อ สั่งสมถ่ายทอดและปรับปรุงสืบต่อๆ กันมา ดินเผาในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ๓) แนวคิดจากความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในปัจจุบันวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีมีความเจริญก้าวหน้าขึ้นอย่างมากและรวดเร็ว โดยเฉพาะการน�าคอมพิวเตอร์ มาใช้ในการออกแบบ ท�าให้เกิดความสะดวกสบายและมีความแม่นย�าสูงในการคิดค�านวณ เช่น การออกแบบสิ่งก่อสร้าง ผู้ออกแบบสามารถคิดค�านวณการรับน�้าหนักจากการใช้ความโค้ง ที่ก่อขึ้นจากการเรียงอิฐก้อนเล็กๆ ต่อกัน และยังค�านวณการถ่ายแรงจากหลังคาไปตามส่วนโค้ง ลงสู่เสาหรือก�าแพงได้ ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่ต้องอาศัยประสบการณ์เฉพาะตนของผู้ออกแบบ เพียงอย่างเดียว ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสามารถประสานกลมกลืน ได้กับจินตนาการทางศิลปะในการออกแบบเพื่อประดิษฐ์หรือสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ประโยชน์ที่ แลเห็นได้เด่นชัดในการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เพื่อการออกแบบก็คือ ความรวดเร็วของการ ออกแบบและการปรับแก้ไขแบบ ซึ่งจะมีความประณีต แม่นย�า ดังได้กล่าววมาแล้วในข้างต้น 18
เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนศึกษาประวัติของศิลปนไทยที่สรางสรรคผลงานทางทัศนศิลป โดยไดรับแรงบันดาลใจจากประสบการณชีวิต เชน พิษณุ ศุภนิมติ ร ไดรบั แรงบันดาลใจในการสรางสรรคผลงาน จิตรกรรมและภาพพิมพ โดยมีเนื้อหาสอดแทรกเรื่องราวจาก ประสบการณที่ไดพบเห็น รวมถึงความประทับใจระหวาง การเดินทางและทองเที่ยวไปในสถานที่ตางๆ เปนตน
นักเรียนควรรู 1 หมอดินเผาสมัยกอนประวัติศาสตร เครื่องปนดินเผาบานเชียงเปนเครื่องปน ดินเผาของไทยสมัยกอนประวัติศาสตร ขุดคนพบที่บานเชียง จังหวัดอุดรธานี แบงออกไดเปน 3 สมัย คือ สมัยตน (อายุประมาณ 5,600 - 3,000 ป) สมัยกลาง (อายุประมาณ 3,000 - 2,300 ป) และสมัยปลาย (อายุประมาณ 2,300 - 1,800 ป)
18
คูมือครู
กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนนําประสบการณของตัวเองมาถายทอดเปนภาพวาด คนละ 1 ภาพ ทําลงกระดาษวาดเขียน พรอมเขียนบรรยายใตภาพ
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนสรางสรรคผลงานศิลปะโดยใชความรูทางวิทยาศาสตรและ เทคโนโลยีตามจินตนาการของตนเอง มาคนละ 1 ผลงาน พรอมเขียน บรรยายแนวคิดในการออกแบบหรือแรงบันดาลใจในการออกแบบผลงาน ของตนเองมาพอสังเขป
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
Explain
ใหนักเรียนกลุมที่ 4 ที่ศึกษาคนควาเกี่ยวกับ หลักการออกแบบ สงตัวแทน 2-3 คน ออกมา อธิบายความรูตามที่ไดศึกษามา หนาชั้นเรียน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • หลักการออกแบบที่ดีจะตองคํานึงถึงสิ่งใด เปนสําคัญ (แนวตอบ การออกแบบที่ดีตองคํานึงถึง ความเปนเอกภาพ ความสมดุล ความกลมกลืน การเนน ความขัดแยง การซํ้า จังหวะ และสัดสวน) • เพราะเหตุใด จึงมีคํากลาววาโครงสราง เปนสวนสําคัญของงานทั้งหมด (แนวตอบ นักเรียนสามาถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ ครูอธิบายเพิ่มเติมวา เพราะ โครงสรางประกอบไปดวยสวนประธาน ที่เปนหลักของงาน กับสวนรองซึ่งเปน องคประกอบที่เนนใหเห็นความเดนของ ประธาน ทั้งสองสวนนี้จะตองเสริมและ สัมพันธกัน จึงจะทําใหงานสมบูรณแบบ มากขึ้น)
๒.4 หลักในการออกแบบ แม้ว่าจุดมุ่งหมายของการออกแบบส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นด้านประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก แต่ต้องค�านึงถึงความงามควบคู่กันไปด้วย รวมทั้งการเลือกวัสดุที่เหมาะสมและประหยัด พื้นฐาน ที่ใช้ในการออกแบบประกอบด้วย เส้น แสง-เงา สี ช่วงจังหวะ ลักษณะพื้นผิว รูปร่าง รูปทรง ความสมดุล ความกลมกลืน มีเอกภาพ มีสัดส่วนที่เหมาะสม โดยอาจจะใช้แนวคิดจากธรรมชาติ เข้ามาช่วย หรือเป็นความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดจากประสบการณ์ ดังนั้น การออกแบบให้เกิด ความงามจึงต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจและกระบวนการการปฏิบัติควบคู่กันไป จึงจะบรรลุ วัตถุประสงค์ของการน�าไปใช้ หลักทีจ่ ะเป็นแนวทางส�าหรับการออกแบบเพือ่ ให้มคี ณุ ค่าทางความงามจะต้องพิจารณา ถึงประเด็นต่างๆ ดังต่อไปนี้ ๑) โครงสร้างทั้งหมด โครงสร้าง หมายถึง ตัววัสดุ ระนาบที่รองรับ รวมทั้ง ความคิดที่น�ามาใช้ในการออกแบบ เช่น การถ่ายทอดรูปแบบ เรื่องราว การใช้วัสดุ คุณสมบัติ ของวัสดุและสื่อที่ใช้ เป็นต้น โครงสร้างนับเป็นส่วนส�าคัญทัง้ หมดของงาน ซึง่ ประกอบด้วย ๒ ส่วน คือ ส่วนประธาน ซึ่งเป็นส่วนที่เป็นหลักของงาน กับ ส่วนรอง ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่ช่วยเน้นให้เห็นความเด่น ความส�าคัญของส่วนประธาน การเน้นของส่วนรองอาจมีลักษณะขัดแย้งกับส่วนประธานก็ได้ แต่ทั้งสองส่วนจะต้องช่วยเสริมและสัมพันธ์กันเพื่อท�าให้งานดูสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
1
ภาพ “Gleaners” (คนเก็บข้าวตก) ผลงานของชอง-ฟรองซัว มีเล ซึ่งเน้นให้ส่วนประธาน คือ ชาวนา จะอยู่ในต�าแหน่ง ฉากหน้า เพื่อให้เป็นจุดสนใจของภาพ
19
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
ขอใดไมใช เกณฑหรือตัวชี้วัดที่แสดงถึง “ความพึงพอใจในการออกแบบ” 1. ความสวยงามแปลกใหม 2. ประโยชนในการใชสอย 3. การเลียนแบบมาจากสิ่งอื่น 4. แนวคิดในการออกแบบที่ดี
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะการเลียนแบบผลงานศิลปะมาจาก สิ่งอื่น ไมสามารถสรางความพึงพอใจในการออกแบบได แตหากงานนั้น ถูกสรางมาจากความคิดสรางสรรคของตนเองยอมจะสรางความพึงพอใจ ไดมากกวา
นักเรียนควรรู 1 ชอง-ฟรองซัว มีเล หรือฌ็อง-ฟร็องซัว มีเล จิตรกรชาวฝรั่งเศสเปนหนึ่งใน ผูกอตั้งตระกูลการเขียนบารบิซง (Barbizon school) ในชนบทฝรั่งเศส มีเลมีชื่อเสียงในการเขียนภาพชาวนา จากภาพ “Gleaners” (คนเก็บรวงขาว) ที่เขียนขึ้นใน ค.ศ. 1857 เปนภาพของหญิงชาวนาสามคนกมเก็บรวงขาวที่ตกอยู ในทุงเพื่อนําไปเปนอาหาร ซึ่งเปนภาพที่ไมมีเนื้อเรื่อง ไมมีนาฏกรรม เปนแคเพียง ภาพชาวนาธรรมดาในทองทุงที่ไปเก็บรวงขาวที่ตกหลน หลังจากที่เจาของที่นา เก็บเกี่ยวผลผลิตดีๆ ไปแลว ในฉากหลังจะยังคงเห็นเจาของที่นาและกรรมกร ปรากฏอยู มีเลหันเหจุดสนใจ หรือหัวเรื่องจากผูมีฐานะดีไปยังผูคนที่มีฐานะตํ่าตอย ในสังคม โดยไมไดเขียนใบหนา เพื่อเนน “ความไมมีตัวตน” (anonymity) และ “ความเปนคนนอกวง” (marginalized position) ของชาวนา รางที่คุมลงแสดงถึง การเปนผูที่ตองเผชิญกับงานหนักเปนประจํา คูมือครู
19
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ครูสุมตัวอยางนักเรียน 2-3 คน ใหตอบคําถาม ตอไปนี้ • คําวา “เอกภาพในงานศิลปะ” มีความหมาย วาอยางไร (แนวตอบ ความเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน ขององคประกอบศิลป ทั้งดานรูปลักษณะ และดานเนื้อหาเรื่องราว เปนการประสาน หรือจัดระเบียบสวนตางๆ ใหเกิด ความเปนหนึ่งเดียวกัน เพื่อผลรวมอันไมอาจ แบงแยกสวนใดสวนหนึ่งออกได) • นักเรียนคิดวา ภาพวาดที่ขาดความสมดุล จะกอใหเกิดสิ่งใด (แนวตอบ ภาพจะสะทอนใหเห็นถึงความรูสึก ที่แตกตางกัน เชน หากภาพมีความสมดุล เทากัน ก็จะใหความรูสึกที่มั่นคง แข็งแรง แตถาเปนภาพที่มีลักษณะสมดุลไมเทากัน ภาพที่ปรากฏก็อาจมีความนาสนใจมากกวา ภาพแบบสมดุลที่เทากัน แตความรูสึกที่มั่นคง จะนอยกวา เปนตน) • ประโยชนของความกลมกลืนในงานทัศนศิลป คือสิ่งใด (แนวตอบ การใชความกลมกลืนเปนตัวกลาง หรือตัวประสานทําสิ่งที่มีความขัดแยงกัน หรือสิ่งที่มีความแตกตางกันใหอยูรวมกันได เชน สีดํากับสีขาวเปนนํ้าหนักที่ตัดกัน อยางรุนแรง มีความขัดแยงกันอยางสิ้นเชิง ก็ใชนํ้าหนักเทา หรือนํ้าหนักออน-แกระหวาง สีขาวกับสีดํา มาเปนตัวประสานใหสีดํา และสีขาวมีความกลมกลืนกัน เปนตน)
๒) ความเปนเอกภาพ (Unity) การออกแบบที่มีเอกภาพเป็นการน�าเอาทัศนธาตุ
ทางศิลปะ เช่น เส้น รูปทรง แสงเงา สี ลักษณะพื้นผิว มาประกอบกันให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เมื่อมองดูแล้วจะท�าให้เกิดความรู้สึกเป็นกลุ่ม ก้อน ไม่แตกแยกกระจัดกระจาย จึงจะเป็นการ จัดองค์ประกอบที่ดี
๓) ความสมดุ ล (Balance)
หมายถึง การจัดส่วนประกอบให้ซา้ ยขวาเท่ากัน หรือรู้สึกเท่ากัน สามารถแบ่งลักษณะสมดุล ออกเป็น ๒ แบบ ดังนี้ ๓.๑) สมดุ ล โดยเหมื อ นกั น ทั้ง ๒ ด้าน (Symmetrical Balance) สมดุล แบบนี้จะเห็นได้ชัดจากสิ่งมีชีวิตเป็นส่วนมาก เช่ น โครงสร้ า งของมนุ ษ ย์ แ ละสั ต ว์ และ ทัชมาฮัล ผลงานสถาปตยกรรมที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ของอินเดีย ซึ่งออกแบบให้มีความสมดุลเหมือนกัน สถาปัตยกรรมหลายแห่ง เป็นการออกแบบ ทั้ง ๒ ด้าน ที่ไม่ยุ่งยาก ดูง่าย เพราะเมื่อลากเส้นแกนดิ่ง ตรงกึ่งกลางภาพ จะเห็นว่าส่วนของภาพที่ถูกแบ่งทั้งสองข้างเหมือนกัน สมดุลแบบนี้ให้ความ รู้สึกมั่นคง แข็งแรง ตรงไปตรงมา ๓.๒) สมดุลโดยทั้ง ๒ ด้านไม่เหมือนกัน (Asymmetrical Balance) สมดุล แบบนีเ้ ป็นการจัดภาพให้ทงั้ ๒ ด้านไม่เหมือนกัน เมือ่ แบ่งด้วยเส้นแกนดิง่ กึง่ กลาง แต่ความสมดุล เกิดขึ้นได้ด้วยความรู้สึกตามที่ตาเห็น เป็นการ จัดภาพทีต่ อ้ งอาศัยความรูค้ วามเข้าใจในการใช้ ทัศนธาตุและองค์ประกอบศิลป์อย่างมาก เช่น การถ่วงน�้าหนักด้วยรูปทรง สี เส้น หรือความ เด่นของลักษณะพื้นผิว
๔) ความกลมกลืน (Harmony)
คือ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในด้านการประสาน สั ม พั น ธ์ ที่ เ ข้ า กั น ได้ ข องส่ ว นประกอบหรื อ ทัศนธาตุต่างๆ เมื่อมองดูแล้วจะให้ความรู้สึก ที่ไม่ขัดแย้ง จึงเกิดความรู้สึกที่ดีต่องานนั้นๆ
1
ภาพ “The Last Supper” (พระกระยาหารมือ้ สุดท้าย) ผลงานของเลโอนาร์โด ดา วินชี ซึ่งจัดวางภาพให้เกิด ความสมดุล โดยทั้ง ๒ ด้านไม่เหมือนกัน
๒0
นักเรียนควรรู 1 พระกระยาหารมื้อสุดทาย เปนภาพจิตรกรรมฝาผนังทีใ่ ชการวาดภาพเทคนิค ปูนเปยก (fresco) ของเลโอนารโด ดา วินชี ที่มอบใหแก ดยุค โลโดวิโค สฟอรซา (Lodovico Sforza) เปนภาพที่มาจากพระกระยาหารคํ่ามื้อสุดทายของพระเยซู กอนที่พระองคจะถูกนําไปตรึงกางเขน ซึ่งเปนขอมูลที่มาจากคัมภีรไบเบิล ภาพวาดนี้ถือเปนภาพวาดที่มีขนาดใหญที่สุดของเลโอนารโด ดา วินชี ทีย่ งั คงสภาพใหเห็นไดในปจจุบนั และยังถือไดวา เปนหนึง่ ในบรรดาจิตรกรรมฝาผนัง ที่รูจักกันดีทั่วโลก
มุม IT นักเรียนสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสมดุลกับการออกแบบ ไดจาก http://www.cyberclass.msu.ac.th
20
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
ความเปนเอกภาพของงานศิลปะแบงออกไดเปนประเภทใดบาง แนวตอบ สามารถแบงออกไดเปน 2 ประเภท คือ 1. เอกภาพของการแสดงออก หมายถึง การแสดงออกที่มีจุดมุงหมายเดียว แนนอนและมีความเรียบงาย งานชิ้นเดียวจะแสดงออกหลายความคิด หลายอารมณไมได จะทําใหสับสน ขาดเอกภาพ 2. เอกภาพของรูปทรง คือ การรวมตัวกันอยางมีดุลยภาพและมีระเบียบ ขององคประกอบทางศิลปะ เพื่อใหเกิดเปนรูปทรงที่สามารถแสดง ความคิดเห็น หรืออารมณของศิลปนออกมาอยางชัดเจน เอกภาพของ รูปทรงเปนสิ่งสําคัญที่สุดตอความงามของผลงานศิลปะ เพราะเปนสิ่งที่ ศิลปนใชเปนสื่อในการแสดงออกถึงเรื่องราว ความคิด และอารมณ
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับการเนน ตามที่ไดศึกษามา จากนั้นครูถามนักเรียนวา • เพราะเหตุใด ในงานออกแบบจึงตอง มีการเนนเขามาเปนสวนประกอบสําคัญ (แนวตอบ เพราะจะทําใหเกิดจุดเดน ซึ่งงานออกแบบที่ดีนั้นจะตองใหความสําคัญ แกสวนใดสวนหนึ่งโดยเฉพาะ การเนน จึงมีบทบาทสําคัญในการสงเสริมใหเกิด ความนาสนใจ เพิ่มความงามและคุณคาให แกงานออกแบบนั้น สิ่งที่ตองคํานึงถึง คือ 1. เนนจุดเดนใหเหมาะกับประโยชนใชสอย 2. เนนใหเกิดความสวยงาม 3. เนนเพื่อสื่อความหมาย)
ลักษณะของความกลมกลืนมีหลายชนิด เช่น ความกลมกลืนด้วยเส้น รูปร่าง รูปทรง ขนาด สี ทิศทาง ลักษณะพื้นผิว เป็นต้น ๕) การเน้น (Emphasis) หมายถึง การจัดส่วนประกอบให้น่าสนใจ มีจุดสนใจ เด่นชัด จะท�าให้งานออกแบบมีความงามสมบูรณ์ยงิ่ ขึน้ ส�าหรับส่วนประกอบทีน่ า� มาจัดด้วยวิธกี าร ต่างๆ มีดังนี้ ๕.๑) การเน้นด้วยเส้น รูปร่าง รูปทรง และขนาด เป็นการเน้นด้วยลักษณะ ของความแตกต่างและความกลมกลืนของส่วนประกอบต่างๆ ในการออกแบบ เช่น อาจเน้นเส้น รูปร่าง รูปทรงที่ออกแบบให้เป็นส่วนส�าคัญ มีความเด่นด้วยขนาดที่แตกต่างหรือใหญ่เป็นพิเศษ กว่าส่วนอื่น จะท�าให้น่าสนใจ ๕.๒) การเน้นด้วยพื้นผิว โดยการใช้ลักษณะพื้นผิวที่มีความขัดแย้งหรือใช้ลักษณะ ตัดกัน เช่น พื้นผิวที่หยาบกับละเอียด ความขรุขระกับความเรียบ ความมันแวววาวกับความด้าน หรือใช้ลักษณะพื้นผิวลักษณะใดลักษณะหนึ่งที่มีปริมาณมากกว่าลักษณะอื่น ซึ่งจัดวางอยู่ใน ต�าแหน่งที่น่าสนใจ ๕.๓) การเน้นด้วยสี ในการจัดภาพทางศิลปะ จ�าเป็นต้องน�าเอาทฤษฎีสีมาใช้ เพื่อให้งดงาม สีเป็นทัศนธาตุที่ส�าคัญที่น�ามาใช้ควบคู่กันไปกับการเน้นด้วยรูปร่าง รูปทรง ขนาด และพื้นผิว เช่น ใช้ความเข้มของสี การใช้สีคู่ตรงข้าม และการใช้สีวรรณะเย็นหรือสีวรรณะอุ่น
ภาพ1“Mona Lisa” (โมนา ลิซา) ผลงานของเลโอนาร์โด ดา วินชี เน้นด้วยเส้น รูปร่าง รูปทรง และขนาด
2
ภาพ “The Thinker” (นักคิด) ผลงานของโอกูสต์ โรแดง เน้น ด้วยพื้นผิว
Explain
ภาพ “ดอกไม้” ผลงานของ บุญยิ่ง เอมเจริญ เน้นด้วยสี โดยใช้ สี คู ่ ต รงข้ า มตั ด กั น ให้ เกิดความสวยงาม
๒1
ขอสอบ
O-NET
ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับการจัดองคประกอบศิลป ภาพโมนาลิซา (Monalisa) ของเลโอนารโด ดา วินชี (leonaldo da Vinci) มีการใชสิ่งใดในการจัดองคประกอบศิลปมากที่สุด 1. ความสมดุล 2. ความกลมกลืน 3. เนนสีตางวรรณะกัน 4. เนนดวยเสนใหเกิดระยะ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ภาพโมนาลิซา (Monalisa) ของ เลโอนารโด ดา วินชี ใชเทคนิคการจัดวางองคประกอบศิลปที่หลากหลาย แตผสมกลมกลืนกันไดอยางลงตัว โดยสิ่งที่นํามาใชมากที่สุดในการจัด องคประกอบศิลปของภาพโมนาลิซา คือ ความกลมกลืน ไมวาจะเปน แสงเงา โทนสี บรรยากาศ และเรื่องราวในภาพ ไมมีสวนใดที่แสดงออกถึง ความขัดแยงจนรูสึกแปลกตา
นักเรียนควรรู 1 โมนาลิซา เปนภาพวาดสีนํ้ามัน สูง 77 เซนติเมตร กวาง 53 เซนติเมตร วาดโดย เลโอนารโด ดา วินชี (ค.ศ. 1452 - ค.ศ. 1519) เปนภาพที่ทั่วโลกรูจักกันดี ในฐานะสุภาพสตรีที่มีรอยยิ้มอันเปนปริศนาที่ไมมีใครรูวาเธอยิ้ม หัวเราะ หรือรองไห ปจจุบันภาพนี้เก็บรักษาอยูที่พิพิธภัณฑลูฟร (Musée du Louvre) กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส 2 นักคิด เปนประติมากรรมบรอนซและหินออนที่เปนรูปชายนั่งคิด เหมือนมีความขัดแยงภายในและมักใชเปนสัญลักษณของปรัชญา สรางโดย โอกูสต โรแดง ประติมากรชาวฝรั่งเศส ปจจุบันตั้งแสดงอยูที่พิพิธภัณฑโรแดง กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
คูมือครู
21
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ใหนกั เรียนรวมกันอภิปรายเกีย่ วกับความขัดแยง การซํา้ จังหวะ และสัดสวนตามทีไ่ ดศกึ ษามา จากนัน้ ครูถามนักเรียนวา • ความขัดแยงกันในงานศิลปะแบงออกเปน กี่ประเภท อะไรบาง (แนวตอบ แบงออกเปน 2 ประเภท คือ ความขัดแยงดานสวนประกอบของ ทัศนธาตุ ไดแก ความตัดกันของเสน รูปราง รูปทรง แสงเงา พื้นที่วาง สี และพื้นผิว และความขัดแยงตามธรรมชาติ ไดแก ความตัดกันซึ่งเกิดขึ้นโดยธรรมชาติในคน พืช สัตว เชน การตัดกันของสีดอกไม สรางความเดนและความสวยงาม เปนตน) • การซํ้าในงานทัศนศิลปมีวิธีการใดบาง (แนวตอบ การสรางภาพดวยวิธีการซํ้าทําได หลายวิธี ไมวาจะเปนการซํ้าดวยองคประกอบ ที่มองเห็น ไดแก รูปราง ขนาด สี และพื้นผิว สัมผัส รวมไปถึงการซํ้าดวยความสัมพันธของ องคประกอบ ไดแก ทิศทาง ตําแหนง ที่วาง และแรงดึงดูด) • จังหวะในงานทัศนศิลปแบงออกเปนกีป่ ระเภท อะไรบาง (แนวตอบ แบงออกเปน 4 ประเภท คือ 1. การจัดจังหวะแบบซํ้ากัน 2. การจัดจังหวะแบบสลับไปมา 3. การจัดจังหวะแบบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 4. การจัดจังหวะแบบไหลลื่น) • สัดสวนในงานทัศนศิลปแบงออกเปนกีป่ ระเภท อะไรบาง (แนวตอบ แบงออกเปน 2 ประเภท คือ 1. สัดสวนที่เปนมาตรฐานจากรูปลักษณะ ตามธรรมชาติของคน สัตว และพืช 2. สัดสวนจากความรูสึก)
๖) ความขัดแย้ง (Contrast) หมายถึง ลักษณะที่ตรงกันข้าม ขัดกัน เพื่อเป็น
การแก้ปัญหาที่มีลักษณะซ�้าๆ ไม่น่าสนใจ แต่ท�าให้มีส่วนที่ขัดแย้งกันตามความเหมาะสม จึงท�า ให้กลับมาน่าสนใจ อาจแสดงออกโดยใช้ความขัดแย้งด้วยเส้น รูปร่าง รูปทรง ขนาด สี และ ทิศทางของทัศนธาตุก็ได้
แสดงลักษณะการซ�้ากันของรูปร่าง เป็นการประสาน สัมพันธ์ของรูปร่าง
แสดงลักษณะที่มีความขัดแย้งของรูปร่างตรงกลางของ ภาพ ท�าให้ภาพน่าสนใจขึ้นและยังเป็นการเน้นความ เด่นชัดให้เกิดขึ้นที่รูปร่างตรงกลางของภาพอีกด้วย
๗) การซ�้า (Repetition) หมายถึง การจัดทัศนธาตุที่ต้องการให้มีช่องไฟ หรือ
จังหวะเท่าๆ กัน ถ้าหากการซ�้ามีจ�านวนมากก็ควรใช้ความขัดแย้งกันเข้าช่วย เพื่อไม่ให้ผลงาน เกิดซ�้าซากจนท�าให้ดูน่าเบื่อหน่าย ๘) จังหวะ (Rhythm) ในทาง ศิลปะ หมายถึง ความสัมพันธ์ของทัศนธาตุ เช่น เส้น สี รูปร่าง รูปทรง น�้าหนัก ในลักษณะ ของการซ�้ากันสลับไปมาหรือลักษณะลื่นไหล เคลือ่ นไหวไม่ขาดระยะ จังหวะทีม่ คี วามสัมพันธ์ ต่อเนือ่ งกันจะช่วยเน้นให้เกิดความเด่น อธิบาย ให้เข้าใจโดยง่ายก็คือ การจัดวางทัศนธาตุไว้ เป็นช่วงห่างเท่าๆ กัน หรือมีระยะของการวาง รูปแบบ ลวดลาย มีลักษณะเป็นแนวที่ต้องการ ความเป็นระเบียบสวยงาม จังหวะอาจจะมีการ ลวดลายที่ปรากฏบนผ้าไหม แสดงให้เห็นถึงจังหวะ เปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่ต้องให้สัมพันธ์กัน ที่มีลักษณะสลับกันไปมาอย่างเป็นระเบียบต่อเนื่องกัน
๒๒
EB GUIDE
http://www.aksorn.com/LC/Va/M4/05
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู ครูควรนําภาพผลงานทัศนศิลปที่แสดงใหเห็นถึงความขัดแยง การซํ้า และ จังหวะ มาใหนักเรียนดู เชน
ใหนักเรียนรวบรวมภาพผลงานศิลปะที่สะทอนใหเห็นถึงความขัดแยง การซํ้า และจังหวะ พรอมเขียนคําบรรยายใตภาพ จัดทําเปนสมุดภาพ ตกแตงใหสวยงาม
กิจกรรมทาทาย ความขัดแยง
การซํ้า
จังหวะ
จากนั้นใหนักเรียนฝกวิเคราะหลักษณะของภาพวา มีความแตกตางกันอยางไร และการใชองคประกอบดังกลาวสรางอารมณความรูสึกตอภาพเชนไร
22
คูมือครู
ใหนักเรียนสรางสรรคผลงานศิลปะโดยใชความรูเรื่องความขัดแยง การซํ้า และจังหวะ ตามจินตนาการของตนเอง มาคนละ 1 ภาพ พรอมเขียนคําบรรยายลักษณะของผลงานไวใตภาพ
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Expand าใจ ขยายความเข
Evaluate ตรวจสอบผล
ขยายความเขาใจ
Expand
ใหนักเรียนนําขอมูลเกี่ยวกับหลักการออกแบบ ที่ไดจากการศึกษาคนความารวมกันจัดนิทรรศการ ในหัวขอ “ศิลปะความงามจากการออกแบบงาน ทัศนศิลป” โดยเสริมภาพประกอบและตกแตงให สวยงาม
จังหวะมีอยู่ทั่วไปในธรรมชาติ การเต้นของหัวใจ การเกิด การเติบโต การดับไปของ ชีวิตก็เป็นจังหวะ จังหวะในงานศิลปะเป็นการซ�้าอย่างมีเอกภาพและความหมาย เป็นกฎอันหนึ่ง ของเอกภาพที่เกิดจากการซ�้าของรูปทรง
ตรวจสอบผล
Evaluate
ครูพิจารณาจากผลงานการจัดนิทรรศการ ในหัวขอ “ศิลปะความงามจากการออกแบบงาน ทัศนศิลป” ดานความถูกตอง ความคิดสรางสรรค และความสวยงาม การซ�า้ ของเส้นตัง้ ท�าให้เกิดจังหวะและความเคลือ่ นไหว
การซ�้าของเส้นลูกคลื่น ท�าให้เกิดความเคลื่อนไหวและ จังหวะที่ต่อเนื่อง
การซ�้ากับจังหวะล้วนมีความสัมพันธ์กัน เมื่อมีการซ�้าของทัศนธาตุพร้อมกับการจัด จังหวะช่องไฟไปด้วย เป็นวิธีการจัดที่เกี่ยวข้องกับหลักทางด้านองค์ประกอบศิลป์ ๙) สัดส่วน (Proportion) หมายถึง การเปรียบเทียบความสัมพันธ์ขนาดของ นาดของ โดยให้มีความสัมพันธ์กับงานและการใช้สอย เช่ อย เช่น การ การ รูปร่าง รูปทรงต่างๆ ที่ใช้ในการออกแบบ โดยให้ หาสัดส่วนที่เหมาะสมสวยงามของรูปทรงสี่เหลี่ยม หมายถึง ความสัมพันธ์ที่สวยงามของด้านน กว้างและด้านยาว หรือการเปรียบเทียบส่วนของการใช้ขนาดของรูปทรงที่นา� มาใช้ในการจัดภาพ ภาพ หรือในการออกแบบสิ่งของเครื่องใช้ ก็จ�าเป็นต้องค�านึงถึงขนาดที่สัมพันธ์กับการใช้งานจริง ถ้ถ้ามี ความสัมพันธ์เหมาะสมกันดี ก็หมายความถึงการมีสัดส่วนที่ดี หลักการต่างๆ ที่ใช้ในการออกแบบเพื่อการสร้างคุณค่าทางความงามจึงมีส่วน ช่วยให้งานมีความน่าสนใจ น่าสัมผัส การที่จะออกแบบให้มีความงามได้นั้นจ�าเป็นต้องอาศัย ประสบการณ์และรู้จักสังเกตพิจารณางานต่างๆ เหล่านั้นว่ามีความงามในลักษณะใดบ้างง 1การ สร้างสรรค์งานให้มีความงามจะต้องเข้าใจเรื่องทัศนธาตุทางศิลปะและองค์ประกอบศิลป์เป็น อย่างดี นอกจากจะก่อให้เกิดประโยชน์ทางการใช้สอยแล้วยังช่วยให้สามารถใช้วัสดุได้อย่างง คุ้มค่า ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ความงามของสิ่งที่สร้างสรรค์อาจเกิดจากการประดับตกแต่ง อย่างพิถีพิถันหรือออกแบบอย่างเรียบง่ายก็ได้ เพียงแต่ผู้สร้างสรรค์รู้จักใช้องค์ประกอบให้เป็นไป ตามหลักการเท่านั้น ก็ท�าให้เกิดความงามได้ ๒3
ขอสอบ
O-NET
ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับหลักการจัดองคประกอบศิลป ขอใดไมใช หลักการจัดองคประกอบศิลป 1. เอกภาพ 2. จินตนาการ 3. ความสมดุล 4. จุดสนใจ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะจินตนาการเปนกระบวนการคิด สรางภาพในสิ่งที่ไมเคยพบไมเคยเห็น เปนการคิดในสิ่งที่แปลกใหมที่จะนํา ไปสูกระบวนการสรางสรรคสิ่งใหม หรือมีรูปแบบใหมซึ่งไมอาจประเมินได จากตัวผลงาน
นักเรียนควรรู 1 องคประกอบศิลป เปนการนําสวนประกอบตางๆ ของทัศนธาตุ เชน จุด เสน รูปราง รูปทรง ขนาด สัดสวน แสงเงา สี ชองวาง และพื้นผิว มาสรางสรรค เปนผลงาน การเรียนรูองคประกอบศิลปจึงเปนพื้นฐานสําคัญในการสรางสรรค ผลงานศิลปะทุกแขนง เพื่อใหเกิดความงาม หรือสื่อความหมายทางศิลปะได โดยยึดหลักการ ดังนี้ 1. เอกภาพ (Unity) 2. ความสมดุล (Balance) 3. จังหวะ จุดเดน (Dominance) 4. ความกลมกลืน (Harmony) 5. ความขัดแยง (Contrast) 6. ขนาด สัดสวน (Size & Proportion)
คูมือครู
23
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา Exploreนหา สํารวจค
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุEngage นความสนใจ
กระตุน ความสนใจ
Engage
ครูใหนักเรียนดูภาพการออกแบบหองนอน ในลักษณะตางๆ จากนั้นครูถามนักเรียนวา • นักออกแบบจะตองมีความรูความเขาใจ เกี่ยวกับทัศนศิลปสาขาใดบาง (แนวตอบ ความรูในสาขาวิจิตรศิลปและ ประยุกตศิลป)
สํารวจคนหา
๓. ประเภทของงานออกแบบ การออกแบบทางศิลปะแบ่งออกเป็น ๒ สาขาใหญ่ๆ คือ สาขาวิจิตรศิลป์ (Fine Art) และ สาขาประยุกต์ศิลป์ (Applied Art) ทั้ง ๒ สาขานี้แตกต่างกันในด้านวัตถุประสงค์ของงาน ที่สร้างสรรค์ สาขาวิจิตรศิลป์เป็นศิลปะที่สร้างขึ้นเพื่อชื่นชมในคุณค่าของศิลปะโดยตรง มิได้มุ่งไป ที่ประโยชน์อย่างอื่น ส่วนสาขาประยุกต์ศิลป์นั้นมุ่งเน้นประโยชน์ใช้สอยเป็นส�าคัญ งานออกแบบ ทางศิลปะที่จัดเป็นประเภทประยุกต์ศิลป์ แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ได้ดังนี้
Explore
3.1 การออกแบบตกแต่งภายใน
1 การออกแบบตกแต่งภายใน หมายถึ ภายใน ง การออกแบบและการจัดตกแต่งโดยน�าเอาวัตถุ เครื่องใช้ เครื่องเรือน มาจัดวางให้เป็นระเบียบแบบแผนตามหลักการจัดทางศิลปะให้เกิดคุณค่า ทางความงามควบคู่ไปกับประโยชน์ใช้สอย ในบรรดาศิลปะการตกแต่งทั้งหลาย การตกแต่งภายในอาคารถือได้ว่าเป็นศิลปะการ ตกแต่งหลักของอาคาร เนื่องจากเป็นการจัดผังหรือจัดห้องให้เหมาะสมกับชีวิตความเป็นอยู่ของ เราเอง และแสดงให้เห็นในเรื่องการพัฒนารสนิยมทางด้านความเป็นอยู่ ศิลปะการออกแบบ ตกแต่งภายในยังแบ่งออกได้ดังนี้ ๑) ศิลปะการตกแต่งภายในอาคารพักอาศัย เช่น บ้าน อพาร์ตเมนต์หรือแฟลต ห้องแถวหรือทาวน์เฮาส์ โรงแรม ซึ่งแต่ละชนิดก็มีหลักของศิลปะการตกแต่งใกล้เคียงกัน
ใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับประเภท ของงานออกแบบ จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน หนังสือเรียน หองสมุด อินเทอรเน็ต เปนตน ในหัวขอที่ครูกําหนดให ดังนี้ 1. การออกแบบตกแตงภายใน 2. การออกแบบผลิตภัณฑ 3. การออกแบบสื่อสาร 4. การออกแบบสิ่งพิมพ 5. การออกแบบสัญลักษณ 6. การออกแบบโปสเตอร
อาคารพักอาศัยจ�าเป็นต้องใช้ศิลปะการตกแต่งเพื่อให้เกิดความสวยงาม กลมกลืน ดูเป็นธรรมชาติ
๒4
เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนออกแบบตกแตงที่พักอาศัยตามจินตนาการของตนเอง หรือครูอาจกําหนดโจทยใหนกั เรียนออกแบบตกแตงหองนอน หองนํา้ หรือหองตางๆ ภายใตแนวคิดใดแนวคิดหนึ่ง หรือกําหนดวัสดุ อุปกรณที่ใชในการตกแตง เชน ตองมีเครื่องเรือน ภาพวาด โคมไฟ ตนไม หรืออื่นๆ ประกอบในการออกแบบ เปนตน โดยใหออกแบบลงกระดาษวาดเขียน นําผลงานสงครูผูสอน
นักเรียนควรรู 1 การออกแบบตกแตงภายใน บุคคลที่ทําหนาที่นี้ เรียกวา “มัณฑนากร” ซึ่งนอกจากการออกแบบตกแตงแลว มัณฑนากรยังมีหนาที่พิจารณาเลือกใชสี จัดหาเฟอรนิเจอร วัสดุอุปกรณตางๆ ที่จะทําใหอาคารนาอยูอาศัย โดยคํานึงถึง ความงาม ความประหยัด และประโยชนใชสอย
24
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
การออกแบบหองใหดูกวางขึ้นควรทําอยางไร 1. เลือกใชสีนํ้าเงินเปนหลัก 2. เลือกใชสีขาวเปนหลัก 3. เลือกใชสีเทาเปนหลัก 4. เลือกใชสีชมพูเปนหลัก วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะสีขาวเมื่อมองดวยตาเปลาจะทําให เรารูสึกถึงความสงบ เรียบงาย กวาง สวาง สะอาด ดังนั้น หากตองการ ใหหองดูกวางมากขึ้น ควรทาหองดวยสีขาว หรือเลือกใชเฟอรนิเจอรสีขาว ในการตกแตงหอง
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ การออกแบบตกแตงภายใน การออกแบบ ผลิตภัณฑ การออกแบบสื่อสาร การออกแบบ สิ่งพิมพ การออกแบบสัญลักษณ การออกแบบ โปสเตอร ตามที่ไดศึกษามา หนาชั้นเรียน จากนั้น ครูถามนักเรียนวา • การตกแตงที่พักอาศัยตองใชศิลปะ ในการออกแบบประเภทใด (แนวตอบ ศิลปะการออกแบบตกแตงภายใน) • การออกแบบตกแตงภายในแบงออกได เปนกี่ประเภท อะไรบาง (แนวตอบ แบงออกไดเปน 4 ประเภท คือ ศิลปะการออกแบบตกแตงภายในที่พักอาศัย ศิลปะการออกแบบตกแตงภายในอาคาร ประเภทอื่นๆ เชน อาคารเรียน อาคาร สํานักงาน เปนตน ศิลปะการออกแบบ ตกแตงภายในสําหรับการจัดงาน และ ศิลปะการออกแบบตกแตงสวนภายในบาน หรือภายในอาคาร) • นักเรียนเคยออกแบบตกแตงหองนอนของ ตนเองหรือไม ถาเคย นักเรียนใชวิธีการ อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ)
๒) ศิลปะการตกแต่งภายในอาคารประเภทอืน่ ในปัจจุบนั ระบบวิถชี วี ติ ของมนุษย์
ในสังคมบังคับให้ต้องไปท�างานนอกบ้าน ในวัยเยาว์ก็ไปโรงเรียนเพื่อการศึกษาเล่าเรียน อาคาร ส�าหรับการประกอบอาชีพของมนุษย์ อาคารทางการศึกษาเล่าเรียนจึงเกิดขึ้นมากมาย การ ตกแต่งภายในก็มักจะดูโอ่อ่ามั่นคงหรือเป็นแบบเรียบง่าย ออกแบบได้หลากหลายตามรสนิยมที่ เหมาะส�าหรับคนทัว่ ๆ ไป เช่น อาคารส�านักงาน อาคารธุรกิจ อาคารเรียน อาคารห้องสมุด เป็นต้น
๓) ศิ ล ปะการตกแต่ ง ภายใน ส�าหรับการจัดงาน มนุษย์ทุกหมู่เหล่าย่อม
มี ป ระเพณี วั ฒ นธรรมของสั ง คมและมั ก จะมี การร่วมกันจัดงานในโอกาสต่างๆ กัน เช่น งานเลี้ยงพิธีมงคลสมรส งานพิธีทางศาสนา งานแสดงผลงานหรือนิทรรศการ ซึ่งต้องมีการ จัดตกแต่งสถานที่ให้เกิดความรู้สึกหรูหราหรือ ได้บรรยากาศที่เหมาะสมกับงาน ตลอดจน ตกแต่งเวทีสา� หรับการแสดงหรือเพือ่ ด�าเนินการ ตามพิธีต่างๆ ของงาน
Explain
ในการจั ด ป า ยนิ เ ทศ ผู ้ จั ด ควรท� า ความเข้ า ใจเรื่ อ ง องค์ประกอบศิลป เพื่อสร้างความรู้สึกต่างๆ ให้แก่ผู้ดู
1
๔) ศิลปะการตกแต่งสวนภายในบ้านหรือภายในอาคาร จากวัฒนธรรมของ
ความเป็นอยู่และดินฟ้าอากาศมีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์อย่างมาก มนุษย์ทุกสังคมมี แนวคิ ด ในศิลปะการตกแต่งภายในอาคารที่ แตกต่างกัน แต่มีสิ่งที่คล้ายคลึงกัน คือ ความ ต้องการใกล้ชิดกับธรรมชาติ ในวิถีชีวิตของ สังคมไทยแม้วา่ จะมีโอกาสใช้ชวี ติ กลางแจ้งมาก แต่ก็ยังมีสังคมเฉพาะที่ด�าเนินชีวิตท่ามกลาง ความแออัดยัดเยียดในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานคร ทีพ่ กั อาศัยถูกจ�ากัดด้วยความคับแคบ ของบริเวณ จึงมีความคิดในการดึงธรรมชาติ เข้าไปในอาคารด้วยการใช้ศิลปะการตกแต่ง ภายในอาคารโดยการจัดสวนหย่อม สวนถาด หรือไม้ดัด ไม้กระถาง เป็นงานออกแบบที่ ส�าหรับที่พักอาศัยที่มีเนื้อที่จ�ากัด ผู้พักอาศัยสามารถ น�าหลักการออกแบบมาใช้ตกแต่งภายใน เพื่อให้เกิด มีส่วนช่วยให้เกิดความรู้สึกพักผ่อน รื่นรมย์ ความรู้สึกพักผ่อนและรื่นรมย์ สงบร่มเย็น ๒5
กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนรวบรวมภาพการตกแตงภายในทั้ง 4 ประเภท โดยคนหา จากสื่ออินเทอรเน็ต หนังสือ นิตยสารตางๆ มาจัดทําเปนสมุดภาพ ตกแตงใหสวยงาม
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนทดลองออกแบบจัดสวนหยอมภายในบริเวณบาน ตามจินตนาการของตนเอง โดยทําลงกระดาษวาดเขียน พรอมเขียน บรรยายใตภาพ จากนั้นออกมานําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน
เกร็ดแนะครู ใหนักเรียนรวมกันเตรียมฝากลองขนาด A4 นํามาบรรจุทราย สมมติวาเปน สวนถาดภายในบาน ครูกําหนดใหเลือกใชเศษวัสดุ หรือใบไมใบหญาในทองถิ่น มาดัดแปลงออกแบบจัดลงในฝากลองที่เตรียมไว จากนั้นใหนักเรียนออกมาอธิบาย แนวคิดในการออกแบบ ลักษณะเดนที่ตองการเนน และประโยชนที่ไดรับจาก การมีสวนถาดภายในบาน หนาชั้นเรียน
นักเรียนควรรู 1 ศิลปะการตกแตงสวนภายในบานหรือภายในอาคาร ดวยเหตุที่ในปจจุบัน พื้นที่ใชสอยในเมืองมีจํากัด ผูคนอาศัยอยูในพื้นที่แคบ หรือคอนโดมิเนียมมากขึ้น จึงเกิดความคิดสรางสรรคในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ดวยการออกแบบเปนสวนแนวตั้ง โดยนําตนไมแขวนไวกับโครงที่แข็งแรง ซึ่งปจจุบันกําลังเปนที่นิยมมาก คูมือครู
25
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ครูขออาสาสมัครนักเรียน 2-3 คน ใหตอบคําถาม ตอไปนี้ • ประโยชนของการออกแบบผลิตภัณฑคอื อะไร (แนวตอบ คุณประโยชนของการออกแบบ ผลิตภัณฑมีหลายดาน เชน สรางเอกลักษณ สินคา ทําใหเกิดสัมผัสและการรับรูที่ดี ตอองคกรผานการใชผลิตภัณฑ ทําใหเกิด การพัฒนาผลิตภัณฑเดิมใหเกิดประโยชน ใชสอยที่ดีขึ้น เปนตน) • การออกแบบสื่อสารที่ดีมีลักษณะอยางไร (แนวตอบ ตองมีความเหมาะสมและสอดคลอง กับจุดมุงหมายของการนําไปใช งายตอ การทําความเขาใจ การนําไปใชงาน และกระบวนการผลิตมีสัดสวนที่ดี และเหมาะสมตามสภาพการใชงานของสื่อ มีความกลมกลืนของสวนประกอบ ตลอดจน สอดคลองกับสภาพแวดลอมของการใช และการผลิตสื่อ)
3.๒ การออกแบบผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ หมายถึง การผลิตสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ การออกแบบผลิตภัณฑ์จึงเป็น การน�าเอาหลักการออกแบบมาสร้างสรรค์ ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ต่างๆ หรือสินค้าให้เกิดลักษณะเด่น สะดุดตา ดึงดูดความสนใจ ผู้บริโภคเห็นแล้วอยากจะซื้อ จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันงานออกแบบ มีความส�าคัญอย่างมากต่อการผลิตสินค้าใน เชิงธุรกิจการค้า จึงมีการพัฒนาการออกแบบ ให้ก้าวหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง เช่น นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ เป็นต้น ซึ่งล้วนมี รูปแบบใหม่ๆ ที่สะดุดตา
3.3 การออกแบบสื่อสาร การพัฒนาการออกแบบสินค้าให้มีรูปโฉมแปลกใหม่ สะดุดตา เพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคมาซื้อสินค้า จะท�าให้ องค์กรธุรกิจได้รับประโยชน์ทางการค้า
ป้ายโฆษณา และการแพร่ภาพทางโทรทัศน์
สื่อสาร หมายถึง การส่งข่าวสาร ข้ อ มู ล ของฝ่ า ยหนึ่ ง ไปสู ่ อี ก ฝ่ า ยหนึ่ ง การ ออกแบบสื่อสารเป็นการออกแบบที่มุ่งให้สื่อที่ ส่งไปนั้นเข้าใจง่าย จดจ�าง่าย ดึงดูดความสนใจ ด้วยวิธีการจัดท�าเป็นแผ่นป้ายภาพสัญลักษณ์
3.4 4 การออกแบบสิ่งพิมพ์ ศิลปะการพิมพ์หรือสิ่งพิมพ์ตรงกับค�าในภาษาอังกฤษว่า Graphic arts or Graphics กล่าวในด้านวิจิตรศิลป์ หมายถึง กระบวนการสร้างสรรค์ที่ท�าให้เกิดรูปถอดแบบจ�านวนมากซึ ่ง 1 เหมือนกับผลงานพิมพ์ต้นแบบ แบบ ต้นแบบที่เกิดจากการเขียนน การวาด การแกะสลักเป็นลายเส้น เป็นร่องแล้วใช้นา�้ กรดกัดให้เกิดเป็นเส้นหรือร่องบนพืน้ ผิวระนาบนัน้ การพิมพ์ทางด้านวิจติ รศิลป์นี้ เป็นศิลปะภาพพิมพ์อนั เป็นการพิ2มพ์ภาพทางด้านทัศนศิลป์ทแี่ สดงออกถึงความงดงามเป็นส�าคัญ ในด้านพาณิชยศิลป์แล้ว ค�าว่า ศิลปะการพิมพ์ หรือเรียกว่า ศิลปะทางสิ่งพิมพ์นั้น ถูกใช้ในความหมายที่กว้างขวางกว่า ซึซึ่งรวมกระบวนการพิมพ์ทุกแขนงทั้งที่เป็นการพิมพ์ของสื่อ สิง่ พิมพ์ทใี่ ช้ดา้ นการพาณิชย์ และยังรวมเอาการพิมพ์ทนี่ า� ไปใช้ผลิตหนังสือพิมพ์และผลงานศิลปะ อย่างไรก็ตาม าม กว่าจะได้ผลงานทางศิลปะเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ที่มีความสมบูรณ์ได้นั้นจะ จะ ต้องเริ่มต้นด้วยรอยขีดเขียนจนกลายเป็นลวดลาย ลวดลาย เป็นตัวอักษรหรือรูปภาพต่างๆ งๆ แล้วน�ามาจัด วางตามหลักของการออกแบบทางศิลปะ ปะ สิ่งที่ได้ คือ ความงามและประโยชน์ 3 ของการน�าไปใช้ ผลงานทางศิลปะเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์หลายๆ ชนิดนี้ รวมเรียกว่า นินิเทศศิลป์ ๒6
นักเรียนควรรู 1 การแกะสลัก เปนวิธีการเอาสวนยอยออกจากสวนรวม เหลือไวเฉพาะ สวนที่ตองการ ผลงานที่ไดเรียกวา “รูปสลัก” ในทางทัศนศิลปการแกะสลัก สวนใหญจะใชวัสดุที่มีเนื้อไมแข็งมากนัก เชน ปูนปลาสเตอร ปูนผสมทราย ไมเนื้อออน เปนตน 2 พาณิชยศิลป งานออกแบบที่เนนเกี่ยวกับการคาขาย การตลาด กอนการออกแบบผลงานจะตองศึกษาความตองการของลูกคาและตัวสินคา ใหชัดเจน เพื่อจะไดออกแบบไดตรงตามวัตถุประสงค 3 นิเทศศิลป งานศิลปะเพื่อการนําเสนอใหปรากฏในรูปแบบตางๆ ผานการมองเห็นเปนสําคัญ
26
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
การออกแบบสินคามีความสําคัญอยางไร 1. สรางเอกลักษณใหกับสินคา 2. ลดตนทุนในการผลิตสินคา 3. ยืดอายุการใชงานของสินคา 4. สรางสัมพันธภาพระหวางผูผลิตกับผูบริโภค วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. การพัฒนาการออกแบบสินคามีวตั ถุประสงค เพื่อสรางเอกลักษณใหกับสินคา ทําใหเกิดการพัฒนาสินคาใหมี ความแปลกใหม สะดุดตา หรือมีความโดดเดนจากสินคาตัวอื่นที่อยูใน กลุมเดียวกัน เพื่อดึงดูดใจผูบริโภคใหซื้อสินคา
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
Explain
1. ใหนักเรียนแบงออกเปน 4 กลุม ศึกษาคนควา เกี่ยวกับการออกแบบสิ่งพิมพ ในหัวขอที่ครู กําหนดให ดังนี้ 1. ความสําคัญของการออกแบบสิ่งพิมพ 2. ประโยชนของการออกแบบสิ่งพิมพที่มีตอ ธุรกิจการคา 3. หลักการดําเนินงานออกแบบสิ่งพิมพ 4. สวนประกอบในงานออกแบบสิ่งพิมพ 2. ครูถามนักเรียนวา • หากนักเรียนตองการออกแบบสิ่งพิมพ นักเรียนจะตองเรียนรูใ นเรือ่ งองคประกอบใด ของการออกแบบสิ่งพิมพบาง (แนวตอบ องคประกอบที่ตองคํานึงถึง อาทิ 1. วัสดุที่ใชพิมพ 2. แบบและขนาดตัวพิมพ 3. วิธีการผลิต 4. การจัดชองไฟ 5. การจัดแนวตัวพิมพ 6. ความกวางของตัวพิมพที่เหมาะสม กับแถว บรรทัดหรือคอลัมน 7. การกําหนดตนฉบับใหพอดีกับเนื้อที่ 8. ที่วางสําหรับหัวเรื่อง เนื้อเรื่อง และภาพ 9. กําหนดแถวตัวพิมพ 10. การใชเสนและกรอบ 11. ภาพประกอบ 12. การใชสี)
งานออกแบบนิเทศศิลป์จึงเป็นการเรียนรู้ในสาขาที่มีความหลากหลายของชนิด สิ่งพิมพ์ที่นักเรียนควรเรียนรู้เพื่อเป็นพื้นฐานของอาชีพและโดยเฉพาะการศึกษาต่อในระดับ อุดมศึกษา ซึ่งมีสาขาการออกแบบนิเทศศิลป์เปิดท�าการเรียนการสอนอย่างแพร่หลายในสถาบัน การศึกษาหลายแห่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดด้านธุรกิจในยุคอุตสาหกรรมและ วิทยาการสมัยใหม่ ส�าหรับค�าว่า การออกแบบสิง่ พิมพ์ หรือ Graphic Design จากทัศนะของนักการศึกษา ทางด้านศิลปะและนักออกแบบได้ให้ความหมาย ดังนี้ การออกแบบสิ่งพิมพ์ คือ ๑. ผลงานการออกแบบลักษณะต่างๆ เพื่อให้ผู้คนได้อ่าน เช่น หนังสือ วารสาร นิตยสาร การโฆษณา ภาพยนตร์ โทรทัศน์ นิทรรศการ เป็นต้น ๒. ผลงานการออกแบบที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบเครื่องหมาย และการออกแบบ เกี่ยวกับการพิมพ์ต่างๆ ที่ใช้ในวงการอุตสาหกรรม ๓. ผลงานการออกแบบเพื่อการเผยแพร่ มุ่งชักชวน เรียกร้อง หรือเผยแพร่ ผลิตภัณฑ์ การบริการ และเสนอความคิดต่างๆ งานออกแบบบรรจุภัณฑ์ งานโฆษณา ซึ่งเป็น งานในลักษณะสิ่งพิมพ์ จากความหมายของการออกแบบสิง่ พิมพ์ดงั กล่าว เราจะเห็นขอบข่ายงานทีก่ ว้างขวาง เป็นการออกแบบที่สัมพันธ์กับทัศนศิลป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการออกแบบระนาบ ๒ มิติ และ มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการออกแบบนิเทศศิลป์ในอันที่จะต้องเตรียมการเพื่อน�าเสนอข่าวสาร ต่อผู้ดู ผู้อ่าน ให้สามารถรับรู้ความหมายและแปลความได้ทางสายตาผ่านสื่อกลางต่างๆ เช่น ตัวอักษร เครื่องหมาย สัญลักษณ์ รูปภาพ และรูปแบบอื่นๆ ซึ่งต้องผ่านกรรมวิธีขีดเขียน การ พิมพ์ การบันทึกภาพ รวมทั้งเทคนิคการสร้างภาพต่างๆ โดยใช้เครื่องมือ เครื่องจักรกล ให้เกิด เป็นรูปร่างที่ประณีต เรียบร้อย สวยงาม เพื่อใช้ติดต่อสื่อสารและโน้มน้าวจิตใจของกลุ่มเป้าหมาย ตามที่ต้องการได้ การออกแบบสิ่งพิมพ์มีความสัมพันธ์กันกับการออกแบบสื่อสาร (Communication Design) เพราะการออกแบบสิง่ พิมพ์เป็นส่วนหนึง่ ในกระบวนการออกแบบสือ่ สาร ได้แก่ ภาพถ่าย ภาพยนตร์ วีดิทัศน์ หรือการถ่ายภาพไปสู่จอโทรทัศน์ การออกแบบที่ต้องใช้สิ่งพิมพ์เข้ามา เกี่ยวข้องนั้นรวมถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นการสื่อสารไปถึงกลุ่มเป้าหมาย สิ่งที่ควรค�านึงถึงอย่างมากก็คือ ผู้ออกแบบจะต้องมีทักษะในการท�างาน มีแนวคิดที่ก้าวหน้า ทันสมัยทั้งความรู้ ประสบการณ์และเทคนิคต่างๆ EB GUIDE ๒๗
http://www.aksorn.com/LC/Va/M4/06
กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนเขียนวิเคราะหความสําคัญขององคประกอบของสิ่งพิมพ อยางนอย 1 ประเภท พรอมตัวอยางผลงาน ลงกระดาษรายงาน
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนออกแบบสิ่งพิมพตามความสนใจของตนเอง มาคนละ 1 ชิ้นงาน แลวออกมานําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน
เกร็ดแนะครู ครูอธิบายความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับองคประกอบของการออกแบบสิ่งพิมพวา ผูอ อกแบบสิง่ พิมพตอ งนําองคประกอบของงานออกแบบมาใชในการออกแบบสิง่ พิมพ เพื่อใหงานออกแบบออกมาสมบูรณ สวยงาม ใชเปนสื่อไดอยางมีประสิทธิภาพ
บูรณาการอาเซียน ใหนักเรียนหาตัวอยางผลงาน หรือภาพประกอบเกี่ยวกับการออกแบบผลิตภัณฑ การออกแบบสื่อสาร การออกแบบสิ่งพิมพของประเทศสมาชิกอาเซียน จากแหลง เรียนรูตางๆ แลวนํามาจําแนกประเภทใหชัดเจนวาเปนผลงานการออกแบบอะไร มาจากประเทศใด จากนั้นรวมกันอภิปรายวาการออกแบบดังกลาวมีความนาสนใจ อยางไร มีเอกลักษณอะไรบาง นักเรียนมีความรูสึกชื่นชอบตอการออกแบบผลงาน ดังกลาวมากนอยเพียงใด โดยครูคอยอธิบายเสริมเพิ่มเติมขอมูล คูมือครู
27
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ใหนักเรียนกลุมที่ 1 สงตัวแทนออกมาอธิบาย ความรูเกี่ยวกับความสําคัญของการออกแบบ สิ่งพิมพตามที่ไดศึกษามา จากนั้นครูถามนักเรียน วา • การออกแบบสิ่งพิมพมีประโยชนตอสังคม และชีวิตมนุษยอยางไร (แนวตอบ การออกแบบสิ่งพิมพมีประโยชน ตอสังคมและชีวิตมนุษยหลายดาน เชน มีสวนสรางสรรคขอตกลงรวมกันของคน ในสังคม ชวยเสริมสรางขาวสารใหสะดุดตา ชวยสงเสริมความเจริญกาวหนาทางธุรกิจ การคาและอุตสาหกรรม เปนตน) • การออกแบบสิ่งพิมพใหมีความสวยงามนั้น จะตองยึดหลักการทํางานในเชิงศิลปะอยางไร (แนวตอบ ตองคํานึงถึงเรื่องของสัดสวน ความสมดุล ความแตกตาง ความมีเอกภาพ การจัดวางรูปราง การใชรูปแบบที่ซํ้ากัน ในการจัดวางสวนประกอบตางๆ การผสมกลมกลืน และการเนนจุดสนใจ)
๑) ความส�าคัญของการออกแบบสิ่งพิมพ์ การออกแบบสิ่งพิมพ์เกิดขึ้นมานาน
พร้อมกับวิวัฒนาการทางการสื่อสารของมนุษย์ จากเพียงเพื่อสื่อความหมายให้เข้าใจก็พัฒนา มารวมกับความงามของการออกแบบด้วย การสื่อความหมาย การเผยแพร่ข่าวสาร และความรู้สึกนึกคิดต่างๆ ไปยังผู้รับสาร ในลักษณะของการสื่อสารด้วยลายเส้นหรือการวาดภาพ ซึ่งรูปแบบก็มีลักษณะแตกต่างกันไป ตามความเจริญก้าวหน้าของสังคมในแต่ละยุค ความนิยม ตลอดจนทักษะความสามารถและ ภูมิปัญญาของนักออกแบบในแต่ละช่วงเวลา จึงนับว่าการออกแบบสิ่งพิมพ์มีส่วนช่วยพัฒนา สร้างสรรค์สังคมและชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้ ๑.๑) การออกแบบสิ่งพิมพ์มีส่วนสร้างสรรค์ข้อตกลงร่วมกันของคนในสังคม ในสังคมมนุษย์ องค์ประกอบส�าคัญแห่งการด�ารงอยู่ของคนหมู่มาก คือ การมีความเคารพใน ระเบียบ กฎเกณฑ์ ที่มีการยอมรับเป็นข้อตกลง เป็นแนวประพฤติปฏิบัติร่วมกัน อาจเป็นการ ตกลงด้วยวาจา ด้วยตัวอักษร หรือความเชือ่ ขนบธรรมเนียมและจารีตประเพณีทสี่ บื ทอดต่อกันมา ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลงร่วมกันประเภทใดก็ตาม ข้อตกลงที่เกิดขึ้นนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่สามารถรับรู้ เข้าใจ จดจ�า และปฏิบัติได้ ดังนั้น การออกแบบสิ่งพิมพ์จึงได้เข้ามามีส่วนช่วยเสริมสร้างการรับรู้ทางการ มองเห็น เป็นสื่อกลางช่วยการรับรู้ในข้อตกลง ต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ มีความชัดเจน ซึ่งมี ผลทางด้านจิตวิทยาที่ต้องจ�าไว้เป็นข้อเตือนใจ และข้อควรระวังในระบบระเบียบ กฎเกณฑ์ ที่ จ ะปฏิ บั ติ ต ่ อ กั น และกั น สื บ ไป เพื่ อ ความ คงอยู่ของสังคมที่ร่มเย็นโดยปรากฏออกมา 1 เป็นเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์และข้อตกลง ต่างๆ เช่น เครื่องหมายบอกทิศทางคมนาคม เครื่องหมายการจราจร สัญลักษณ์สื่อความ หมายต่างๆ คือ ห้ามใช้เสียง ระวังของแตก ห้ามเปียกน�้า ซึ่งเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ ต่างๆ เหล่านี้ จะต้องอาศัยการออกแบบให้มี ขนาดรูปทรงและสีที่ชัดเจน มีความประณีต สัญลักษณ์สื่อความหมายต่างๆ ควรมีการออกแบบให้ เด่นสะดุดตา มีความชัดเจน เพื่อที่ทุกคนจะได้มองเห็น สวยงาม เพื่อความเหมาะสมส�าหรับการมอง และสามารถรับรู้ เข้าใจ และปฏิบัติตาม ของมนุษย์ ๒8
เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนคนหาและรวบรวมตัวอยางสัญลักษณ หรือเครื่องหมายตางๆ ที่เห็นไดในชีวิตประจําวัน เชน เครื่องหมายจราจร เครื่องหมายในโรงพยาบาล เครื่องหมายในสถานที่ราชการ เปนตน เพื่อนํามาอภิปรายรวมกันภายในหองเรียน วา นักเรียนมีความรูความเขาใจเกี่ยวกับสัญลักษณหรือเครื่องหมายไดอยางถูกตอง หรือไม อยางไร
นักเรียนควรรู 1 สัญลักษณ หรือเครื่องหมาย โดยพื้นฐานหมายถึงสิ่งที่ใชแทนความหมาย ของอีกสิ่งหนึ่ง หรือถาจะกลาวใหลึกลงไปอีก สัญลักษณ หมายถึง วัตถุ อักษร รูปราง หรือสีสัน ที่ใชในการสื่อความหมาย หรือแนวความคิดใหมนุษยเขาใจ ไปในทางเดียวกัน โดยอาจจะเปนรูปธรรม หรือนามธรรมก็ได
28
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
หลักการพื้นฐานในการออกแบบสิ่งพิมพคือสิ่งใด แนวตอบ หลักการพื้นฐานในการออกแบบสิ่งพิมพ คือ 1. การออกแบบเพื่อนําไปใชงานเปนพาณิชยศิลป มิใชเปนการทํางาน ศิลปะทั่วไปที่คํานึงถึงความสวยงามเปนสําคัญ 2. การสรางสรรคงานเพื่อใหผูอื่นเกิดความรูสึกพอใจ หรือโนมนาวใจผูชม ใหเปนไปอยางที่เราตองการ ไมใชเพื่อความพอใจของผูออกแบบเอง 3. การจัดองคประกอบของภาพเพื่อเปนการบอกกลาว ชี้แนะ ใหความบันเทิง ใหขาวสาร ใหความรูแกผูอานตามวัตถุประสงค ของสิ่งพิมพนั้นๆ
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
Explain
ใหนักเรียนกลุมที่ 2 สงตัวแทนออกมาอธิบาย ความรูเกี่ยวกับประโยชนของการออกแบบสิ่งพิมพ ที่มีตอธุรกิจการคา แลวสรุปผลการอภิปราย ลงสมุดบันทึก จากนั้นครูถามนักเรียนวา • หากนักเรียนตองการออกแบบสิ่งพิมพ นักเรียนจะตองยึดหลักการในขอใด (แนวตอบ จะตองยึดหลักการ ดังนี้ 1. เปาหมายของการออกแบบ 2. กลุมเปาหมายที่รับสาร 3. สวนประกอบสําคัญในการสื่อความหมาย 4. ทิศทางการนําพาขาวสาร)
๑.๒) การออกแบบสิ่ ง พิ ม พ์ มี ส ่ ว นเสริ ม สร้ า งข่ า วสารให้ ส ะดุ ด ตา น่ า สนใจ ข่าวสารใดๆ ก็ตามที่น�ามาเสนอเพื่อให้ได้ผลถึงกลุ่มเป้าหมาย ย่อมต้องการให้เป็นที่สนใจของ ผู้ชม ผู้อ่าน นักออกแบบจึงมีส่วนส�าคัญที่ ช่วยสร้างความสนใจให้กับข่าวสารนั้นๆ โดย การออกแบบและปรับปรุง เพิ่มเติมเสริมแต่ง ด้ ว ยความรู ้ ท างศิ ล ปะและใช้ ห ลั ก จิ ต วิ ท ยา ทางการรับรู้เข้าช่วยในด้านการจัดวางรูปแบบ ปรับเปลี่ยนข้อความรูปภาพที่เป็นข้อมูลเดิม ให้เป็นการน�าเสนอข้อความที่กระชับ สามารถ สื่อความหมายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ๑.๓) การออกแบบสิ่ ง พิ ม พ์ ช่ ว ยส่ ง เสริ ม ความเจริ ญ ก้ า วหน้ า ทางธุ ร กิ จ การค้าและวงการอุตสาหกรรม ปัจจุบันการ ออกแบบสิ่ ง พิ ม พ์ นั บ ว่ า มี ค วามสั ม พั น ธ์ ต ่ อ หนังสือพิมพ์ตา่ งๆ ล้วนได้รบั การออกแบบอย่างสวยงาม วงการธุ ร กิ จ และวงการอุ ต สาหกรรมอย่ า ง น่าสนใจ เพื่อประโยชน์ทางการค้าของผู้ผลิต ใกล้ชิด โดยเฉพาะวงการอุตสาหกรรมการพิมพ์ เพราะในยุคของการค้าเสรีที่มีการแข่งขันกัน สูง ผู้บริโภคมีจ�านวนมากขึ้น ผู้ผลิตสินค้าทั้งหลายจึงจ�1าเป็นต้องมีการปรับปรุงคุณภาพการผลิต สินค้า ปรับปรุงรูปแบบของผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ตลอดจนต้องมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การออกแบบเพื่อการค้าก็เกิดตามมา ตามมา เพื่อการตลาด ด้วยเหตุนี้ จึงท�าให้เกิดธุรกิจโฆษณาขึ้นมา การออกแบบเพื สาร เช่น การออกแบบสินค้าและผลิตภัณฑ์ การ มากมายหลายรูปแบบตามลักษณะของการสื่อสาร ยสาร แผ่นโปสเตอร์โฆษณา ฆษณา ตลอดจนสิ่งพิมพ์ ออกแบบโฆษณาทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร อื่นๆ ที่ใช้ประกอบธุรกิจการค้า ๒) ประโยชน์ของการออกแบบสิ่งพิมพ์ที่มีต่อธุรกิจการค้า ได้แก่ ๒.๑) ช่วยสร้างเอกลักษณ์ เป็นการออกแบบเครื่องหมายการค้าของบริษัทและ และ ตราสัญลักษณ์ของสินค้า เพื่อใช้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน จะช่วยสร้างการจดจ�าให้กับผู้บริโภค ภค สร้างความน่าเชื่อถือในคุณภาพสินค้า ๒.๒) สร้างภาพที่ดีให้กับสินค้า การออกแบบจะช่วยสื่อให้เห็นรูปร่างสินค้า ภายนอกที่สวยงาม โดยมีข้อความ ภาพประกอบ ภาพประกอบ การจัดวางและออกแบบสีสันที่เด่นสะดุดตา ตา เหมาะสมกับประเภทสินค้า เป็นการดึงดูดความสนใจของผู้พบเห็น ช่วยให้เกิดความไว้วางใจ างใจ น่าเชื่อถือ เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์และคุณภาพสินค้าที่อยู่ภายในบรรจุภัณฑ์อีกด้วย ๒9
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
ขอใดไมใช คุณสมบัติที่ดีของนักออกแบบ 1. ดัดแปลงความคิดของคนอื่นมาเปนของตนเอง 2. มีความคิดริเริ่มสรางสรรคสิ่งใหมๆ 3. มีทักษะในการวาดภาพระบายสี 4. รูจักสังเกตสิ่งตางๆ ที่อยูรอบตัว
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะนักออกแบบที่ดีควรสรางสรรค ผลงานจากความคิดของตนเอง ไมควรนําความคิดของคนอื่นมาดัดแปลง ใหเปนชิ้นงานของตนเอง กลาวคือ ตองพยายามใชความคิดสรางสรรค ของตนเองเปนสําคัญ เพื่อจะไดเกิดการพัฒนาไปไดอยางตอเนื่อง
เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนจัดกลุม 5 คน ใหแตละกลุมทําการออกแบบสิ่งพิมพเปนวารสาร จุลสาร แผนพับ โปสเตอร เพื่อประชาสัมพันธโรงเรียน หรือทองถิ่นของตน โดยออกแบบจัดทําเปนเอกสาร 4 สี ใหสวยงาม เรียบรอย แลวนําผลงานสงครูผูสอน
นักเรียนควรรู 1 บรรจุภัณฑ คือ สิ่งที่ทําหนาที่รองรับ หรือหอหุมผลิตภัณฑ ซึ่งทําหนาที่ ปองกันความเสียหายของผลิตภัณฑ ชวยอํานวยความสะดวกในการเก็บรักษา การขนสง ชวยกระตุนการซื้อ และบอกรายละเอียดของผลิตภัณฑที่หอหุม
คูมือครู
29
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
1. ใหนักเรียนกลุมที่ 3 สงตัวแทนออกมาอธิบาย ความรูเกี่ยวกับหลักการดําเนินงานออกแบบ สิ่งพิมพ ตามที่ไดศึกษามา หนาชั้นเรียน 2. ครูใหนักเรียนดูภาพและแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับการออกแบบสิ่งพิมพในประเด็น ตอไปนี้
๒.๓) ช่วยในการจ�าแนกสินค้า การออกแบบช่วยให้เห็นความแตกต่างของ ประเภทสินค้า เป็นการช่วยจ�าแนกประเภทสินค้าด้วยการออกแบบสื่อให้ผู้บริโภคจ�าชนิดหรือ ประเภทและคุณสมบัติของสินค้าได้อย่างดีและกว้างขวางมากขึ้น ๒.๔) ช่วยให้เกิดการพัฒนาระบบธุรกิจการค้าและอุตสาหกรรม ท�าให้เกิดมีการ พัฒนาเครื่องมือเครื่องใช้ วัสดุ อุปกรณ์ ตลอดจนเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการออกแบบ เพราะนักออกแบบจะต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถและทักษะปฏิบัติ จ�าเป็นจะต้องเรียนรู ้ คิดค้น ท�าความเข้าใจกับวิทยาการใหม่ๆ ซึ่งจะต้องน�ามาบูรณาการกับความรู้ความสามารถจาก ศาสตร์หลายสาขาเพื่อออกแบบสื่อความหมาย พัฒนากระบวนการผลิตและจ�าหน่ายอย่าง มีประสิทธิภาพ การแข่งขันทางธุรกิจการค้าเท่ากับเป็นช่องทางให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีการ ออกแบบ อันจะเป็นผลแห่งความเจริญก้าวหน้าทั้งทางการค้าและการพัฒนาสังคมในที่สุด ๓) หลักการด�าเนินงานออกแบบสิ่งพิมพ์ ผู้ออกแบบควรมีหลักการและข้อควร ค�านึงก่อนเริ่มท�างานเพื่อการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง มีการวางแผนการด�าเนินงานให้ส�าเร็จลุล่วงไป ด้วยดี ตลอดจนสามารถด�าเนินการตามกระบวนการโดยไม่ต้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ ซึ่งส่อถึงการท�างานที่ขาดระบบที่ดี นอกจากนี้อาจท�าให้เกิดการสูญเสียและสิ้นเปลืองปัจจัยต่างๆ โดยใช่เหตุ เมื่อมีการเริ่มต้นที่ดี แผนงานการออกแบบก็ย่อมมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด ส�าหรับหลักการด�าเนินงานและการวางแผนขัน้ ต้นของการออกแบบสิง่ พิมพ์ทดี่ จี ะต้อง งๆ ดังต่อไปนี้ ค�านึงถึงสิ่งต่างๆ ดั
• จากภาพสามารถสื่อสารวัตถุประสงคของ สิ่งพิมพตอผูบริโภคไดหรือไม อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • การจัดวางภาพกราฟก และสีสัน เหมาะสม กับเนื้อหาของงานสิ่งพิมพหรือไม อยางไร (แนวตอบ เหมาะสม เพราะจัดวางภาพกราฟก ไดเปนระบบ ดูสบายตา โดยการใชพื้นสีขาว ทําใหสีสันของภาพโดดเดนขึ้นมา)
หลักการด�าเนินงานออกแบบสิ่งพิมพ์ ๑. เป้ ๑. เป้าหมายของการออกแบบคืออะไร ผู้ออกแบบต้องรู้เป็นอันดับแรกว่าจะบอกกล่าวเรื่องราวข่าวสารอะไรแ วสารอะไรแก่ผู้รับ เช่น การเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์กจิ กรรมต่างๆ หรือแนวคิดเกีย่ วกับเรือ่ งราวต่างๆ งๆ หรื งๆ รวมทัง้ ผูอ้ อกแบบจะต้องรูว้ ตั ถุประสงค์ ของงานออกแบบแต่ละชิ้น เช่ เช่น เพื เพื่อส่งเสริมการขาย เพื่อให้ความรู้ เพื่อความบันเทิงหรือเพื่อเข้าร่วม การขาย เพื กิจกรรมรณรงค์ต่อต้านสิ่งเสพติด เป็ เป็นต้น กลุ่มเป้าหมายที่รับสารคือใคร ๒. กลุ กลุ่มเป้าหมายนับเป็นเรื่องส�าคัญ ควรศึกษาให้รู้แน่ชัดว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นหญิง เป็นชาย หรือ ไม่แยกเพศ ยกเพศ และมีช่วงอายุเท่าไร ไร การน�าเสนอข่าวสารจึงควรมีความยากง่ายที่แตกต่างกันออกไปซึ่ง ผูอ้ อกแบบต้องมีความรูค้ วามเข้าใจในส่วนนี ้ เพือ่ น�าไปสูก่ ารน�าเสนอให้ตรงจุดกับกลุม่ เป้าหมายทีต่ อ้ งการ 30
เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนดูซีดี หรือดีวีดี หรือสื่ออินเทอรเน็ตที่เกี่ยวกับวิวัฒนาการสิ่งพิมพ ตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบัน จากนั้นใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหความแตกตางของ สิ่งพิมพที่เกิดขึ้นในแตละยุคสมัย ครูอธิบายเพิ่มเติมวาเมื่อกาลเวลาผานไป รูปแบบในการนําเสนอสิ่งพิมพตางๆ มีมากขึ้น จึงทําใหสิ่งพิมพชนิดเดียวกันมีรูปแบบในการนําเสนอที่แตกตางกันออกไป ทั้งนี้วัตถุประสงคของการออกแบบสิ่งพิมพ คือ 1. เพื่อใชเปนแนวทางในการผลิตสิ่งพิมพ ใหผูที่มีสวนรับผิดชอบไดรับรูรูปแบบ รูปราง ลักษณะ และสวนประกอบในงานพิมพ 2. เพื่อสรางความสวยงามทางศิลปใหกับสื่อสิ่งพิมพ 3. เพื่อดึงดูดความสนใจของผูพบเห็น ผูอาน 4. เพื่อนําเสนอสารและเพื่อใหงายตอการจดจําเนื้อหา 5. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสาร
30
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
จากภาพสิ่งพิมพนี้ตองการสื่อสาร ใหเห็นสิ่งใดเปนสําคัญ 1. แฟชั่นการแตงกายของวัยรุน 2. เสื้อผาที่มีสีสดใสเหมาะแกวัยรุน 3. คานิยมในการแตงกายของวัยรุน 4. การแตงกายที่เหมาะสมกับ ชีวิตประจําวัน
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. รูปแบบการนําเสนอเปนการนําวัยรุน ที่แตงกายดวยเสื้อผาทันสมัย สบาย คลองตัว ซึ่งถือวาเปนแฟชั่น การแตงกายของวัยรุนที่ไดรับความนิยมในขณะนั้น
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
Explain
ใหนักเรียนกลุมที่ 4 สงตัวแทนออกมาอธิบาย ความรูเ กีย่ วกับสวนประกอบในการออกแบบสิง่ พิมพ ตามที่ไดศึกษามา จากนั้นครูถามนักเรียนวา • สวนประกอบสําคัญดานเนื้อหาของงาน ออกแบบสื่อสิ่งพิมพคือสวนประกอบใด (แนวตอบ ตัวอักษรและภาพประกอบ ) • เพราะเหตุใด ในงานออกแบบสื่อสิ่งพิมพ จึงตองมีการใชตัวอักษรและภาพประกอบ ที่หลากหลาย (แนวตอบ เพราะตองการสราง ความหลากหลายและดึงดูดความสนใจ ผูชมใหหันมาสนใจมากยิ่งขึ้น)
๓. ส่วนประกอบส�าคัญในการสื่อความหมายมีอะไรบ้าง วิธีการที่จะสื่อความหมายกับผู้รับจากที่มีการก�าหนดกลุ่มเป้าหมายไว้แล้ว ผู้ออกแบบจะต้อง ค�านึงถึงส่วนประกอบส�าคัญที่จะใช้ในการออกแบบ เช่น การใช้ภาษา การคิดข้อความ สัญลักษณ์และ เครื่องหมาย ตลอดจนภาพประกอบต่างๆ โดยออกแบบให้เหมาะสมตามระดับความสามารถในการรับรู้ ท�าให้ผู้รับสารมีความเข้าใจโดยง่ายและจดจ�าข่าวสารนั้นๆ ได้ดี ๔. จะน�าพาข่าวสารไปทางใด ผู้ออกแบบจะต้องค�านึงถึงสื่อในการน�าเสนอข่าวสารว่าควรใช้รูปแบบใดจึงจะได้ผล และควร จะใช้วิธีการอย่างไรจัดการกับข่าวสารนั้น 1จึงจะสามารถโน้มน้าวจิตใจและสื่อความหมายต่อผู้รับได้ อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ใช้ป้ายโฆษณา แผ่นโปสเตอร์ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ เป็นต้น ซึ่งสื่อต่างๆ เหล่านี้มีรูปแบบ กรรมวิธี และให้ผลต่อการรับรู้ที่แตกต่างกัน
การออกแบบสิ่งพิมพ์เป็นงานทัศนศิลป์ด้านการแสดงออกที่เน้นการสื่อความหมาย ลักษณะงานส่วนใหญ่จะแสดงให้เห็นเด่นชัดในเรือ่ งของตัวอักษรและภาพประกอบในรูปแบบต่างๆ เป็นการสื่อสารให้ผู้ชมรับสารด้วยการมองเพื่อให้เกิดการรับรู้ที่ดี ผู้ออกแบบจึงจ�าเป็นที่จะต้อง เรียนรูแ้ ละท�าความเข้าใจถึงส่วนประกอบส�าคัญ ในการออกแบบและหลักการจัดส่วนประกอบ หรือองค์ประกอบศิลป์ ซึง่ สิง่ เหล่านีเ้ ป็นพืน้ ฐาน ส�าคัญที่ใช้ในการออกแบบ
๔) ส่ส่วนประกอบในงานออกแบบ สิง่ พิมพ์ ส่วนประกอบในงานออกแบบสิง่ พิมพ์
ที่ส�าคัญ คือ ตัวอักษรและภาพประกอบ ทั้ง ตั ว อั กษรและภาพประกอบมี ค วามส� า คั ญ ไม่ แพ้กันและมีความสัมพันธ์กันอย่างมากในการ ท�าให้งานสิ่งพิมพ์นั้นสมบูรณ์ในเนื้อหา ท�าให้ ผู้รับข่าวสารรับได้ชัดเจน ไม่เกิดความสงสัย หรือเข้าใจคลุมเครือต่อเรื่องราวที่น�าเสนอ ตัว อักษรมีบทบาทในการอธิบายเนื้อหาที่ต้องการ สื่อความหมาย ในขณะที่ภาพประกอบจะช่วย เสริมความหมายให้เด่นชัด เข้าใจง่ายขึ้น
งานออกแบบสิ่งพิมพ์จะมีตัวอักษรและภาพประกอบ ที่มีความสัมพันธ์กัน เพื่อท�าให้เนื้อหาสมบูรณ์และ ผู้รับสารเกิดความเข้าใจในเนื้อหานั้น
31
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
งานกราฟกมีความสําคัญตองานออกแบบสิ่งพิมพอยางไร
แนวตอบ งานกราฟกชวยทําใหการออกแบบสื่อสิ่งพิมพทําไดสะดวก รวดเร็ว ประหยัดคาใชจาย ทําใหสื่อสิ่งพิมพมีความแปลกใหม นาสนใจ สามารถสื่อสารกับผูบริโภคใหเขาใจไดงายขึ้น นอกจากนี้ ยังชวยให ผูออกแบบสามารถใชจินตนาการออกแบบไดอยางกวางไกล รวมทั้ง งานกราฟกยังชวยสงเสริมใหการออกแบบสื่อสิ่งพิมพขยายตัวมากขึ้น
นักเรียนควรรู 1 ปายโฆษณา เปนสื่อที่มีบทบาทอยางมากในการประชาสัมพันธ เพราะสื่อ ประเภทนี้สามารถเผยแพรไดสะดวกและกวางขวาง สามารถเขาถึงกลุมบุคคลได ทุกเพศทุกวัย ทุกระดับการศึกษา มีความยืดหยุนในตัวสื่อไดเปนอยางดี ผูออกแบบสามารถสรางรูปภาพประกอบไดอยางอิสระและสวยงาม ลักษณะของ ปายโฆษณาสามารถนําเสนอขอมูลรายละเอียดไดมากพอสมควร เพราะมีขนาดใหญ เห็นชัดเจนแตไกล จึงเปนที่นิยมตลอดมา ในเบื้องตนมีการกําหนดลักษณะกวางๆ ของการออกแบบปายโฆษณาไววา จะตองประกอบดวยองคประกอบ 4 สวนดวยกัน คือ ตองเปนแผนเดียวสามารถ ติดลงบนพื้นผิวใดได ตองมีขอความประกอบเสมอ ตองติดตั้งแสดงไวในที่ สาธารณะ สามารถมองเห็นไดชัดเจน
คูมือครู
31
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับลักษณะ ตัวอักษรและภาพประกอบของการออกแบบสิ่งพิมพ ตามที่ไดศึกษามา จากนั้นครูถามนักเรียนวา • วัตถุประสงคของการมีภาพประกอบ ในงานออกแบบสิ่งพิมพคือสิ่งใด (แนวตอบ เพื่อเปนการดึงดูดความสนใจ ชวยอธิบายความคิดรวบยอด อธิบายเนื้อหา แทนขอความ เพื่อการอางอิงแทนของจริง และเพื่อแสดงขอมูลทางสถิติใหเขาใจงาย)
๔.๑) ตัวอักษร จัดเป็นองค์ประกอบพื้นฐานส�าคัญอันดับแรกของการออกแบบ ซึ่งนักออกแบบจ�าเป็นต้องมีการเรียนรู้เกี่ยวกับตัวอักษร เช่น ขนาด รูปร่าง ลักษณะ ส่วนประกอบ ตลอดจนกรรมวิธีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดและการผลิตตัวอักษร เพื่อให้เกิดความเข้าใจและ น�าตัวอักษรมาใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม จึงต้องมีความรู้ในเรื่องการน�าไปใช้ ซึ่งงานออกแบบด้าน ตัวอักษรที่มีการน�าไปใช้ แบ่งเป็น ๒ ลักษณะใหญ่ๆ ดังนี้ (๑) ใช้ตัวอักษรเพื่อดึงดูดสายตา การออกแบบตัวอักษรลักษณะนี้ใช้เพื่อ การตกแต่งหรือการเน้นข้อความข่าวสารให้สามารถดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน ตัวอักษรควรมี ขนาดใหญ่ มีความเด่นเป็นพิเศษ ข้อความไม่ยาว เช่น การพาดหัวเรื่อง ค�าประกาศ ค�าเตือน ค�ารณรงค์ต่อต้าน ส่วนประกอบที่เป็นภาพจะเป็นผู้อธิบายเนื้อหาเรื่องราว (๒) ใช้ตัวอักษรเพื่อบรรยายหรืออธิบายเนื้อหา การออกแบบตัวอักษร ลักษณะนี้จะใช้ตัวอักษรที่มีขนาดเล็ก เพื่อให้สอดคล้องกับข้อความที่ค่อนข้างยาว เพื่อการ บรรยายหรืออธิบายเนื้อหาปลีกย่อยของข่ 1 าวสารที่ต้องการเผยแพร่ ๔.๒) ภาพประกอบ ภาพประกอบที่น�ามาใช้ในงานออกแบบประเภทต่างๆ นั้น มีหลายลักษณะ หลายรูปแบบของการสร้างสรรค์ โดยวัตถุประสงค์ของการมีภาพประกอบใน งานออกแบบสิ่งพิมพ์ ได้แก่ เพื่อเปนการดึงดูด ความสนใจ
เพื่ อ อธิ บ ายความคิ ด รวบยอด เพื่อการอ้างอิงแทน ตัวจริง
เพื่ออธิบายเนื้อหา แทนข้อความ
เพื่อประกอบข้อมูล ทางสถิติ
ตัวอย่างงานสิ่งพิมพ์ที่มีภาพประกอบ
3๒
เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการออกแบบตัวอักษรวา ขนาดและรูปแบบ ตัวอักษรที่แตกตางกันมีเปาหมายในการใชงานบนสิ่งพิมพที่แตกตางกัน เชน หัวเรื่อง คําโปรย เปนตน ดังนั้น ผูออกแบบตองรูจักกําหนดความสูง ความกวาง และความยาวของประโยค เพื่อใหไดตัวอักษรที่เหมาะสมกับเนื้อที่
นักเรียนควรรู 1 ภาพประกอบ ที่นํามาใชในงานออกแบบควรเปนภาพขนาดใหญ ไมควรใช ภาพที่มีขนาดเล็กแลวมาขยายใหใหญขึ้น เพราะเม็ดสกรีนจะแตก ทําใหภาพ ไมชดั เจน ภาพควรมีสสี นั สดใส มีความสวยงาม ไมมรี ายละเอียดในภาพมากเกินไป
32
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
การเลือกใชตัวอักษรในการออกแบบสิ่งพิมพควรยึดถือสิ่งใดเปนสําคัญ 1. ทันสมัย วัยรุนนิยมใช 2. ใชตัวอักษรไมมีหัว 3. อานงาย สบายตา 4. มีลวดลายสลับซับซอน วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. สื่อสิ่งพิมพเปนสื่อที่ใชในวงกวาง ผูอาน มีหลายเพศ หลายวัย ดังนั้น จึงตองเนนการเลือกใชตัวอักษรที่อานงาย สบายตาเปนหลัก อยาใชตัวอักษรที่มีลีลาฉวัดเฉวียน หรือไมมีหัว เพราะจะอานยาก และยังทําใหผลงานดูแนน
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบExplain ายความรู
Expand าใจ ขยายความเข
Evaluate ตรวจสอบผล
อธิบายความรู
ครูขออาสาสมัครนักเรียนใหตอบคําถามตอไปนี้ • การออกแบบสัญลักษณ หรือเครื่องหมาย (Symbol) มีความสําคัญอยางไร (แนวตอบ เปนการสรางสื่อที่แสดงความนัย เพื่อเปนการชี้เตือน หรือกําหนดใหสมาชิก ในสังคมรับรูถึงขอกําหนด หรืออันตราย เชน เครื่องหมายจราจร เครื่องหมายที่ใชกับ เครื่องกล เครื่องหมายที่ใชกับเครื่องใชไฟฟา เปนตน) • องคประกอบสําคัญของโปสเตอรคือสิ่งใด (แนวตอบ องคประกอบของโปสเตอรคือ รูปภาพของสินคา หรือบริการ หรือเรื่องราว ที่ตองการจะสื่อสาร และถอยคําที่เปน ตัวอักษรประกอบ ซึ่งโดยมากจะเปน ขอความที่ไมยาวนัก ชื่อของสปอนเซอร หรือผูผลิตโปสเตอร สําหรับโปสเตอร โฆษณาสินคาในบางครั้งก็อาจเพิ่มเติม เครื่องหมายการคา หรือคําขวัญเขาไปดวย)
3.5 การออกแบบสัญลักษณ์ สัญลักษณ์ หมายถึง สิ่งที่ใช้แทนการอธิบายด้วยค�าพูดหรือการเขียนข้อความในการ ส่งข่าวสารข้อมูลจากฝ่ายหนึ่งไปสู่อีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และขจัดปัญหาความ ไม่เข้าใจหรือไม่คุ้นเคยทางภาษา สัญลักษณ์ บางอย่างสามารถเข้าใจร่วมกันและเป็นที่นิยม แพร่หลายทัว่ ไป เช่น สัญลักษณ์ทางการจราจร สั ญ ลั ก ษณ์ ข องห้ อ งสุ ข า ส� า หรั บ สั ญ ลั ก ษณ์ ทางการค้า ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของ สถานประกอบการธุรกิจต่างๆ เป็นสัญลักษณ์ ที่มีวัตถุประสงค์ให้ผู้ซื้อจดจ�าตัวสินค้าแต่ละ ชนิดได้
๑) ลักษณะของการออกแบบ สัญลักษณ์ มีดังนี้
Explain
1
เครื่องหมายการค้า จะได้รับการออกแบบจากเจ้าของ ธุรกิจเพื่อให้ผู้ซื้อสินค้าสามารถจดจ�าสินค้าได้ง่าย
๑. การออกแบบโดยใช้ ตั ว อักษรย่อ หรือใช้ค�าเต็มส�าหรับข้อความสั้นๆ ๒. การออกแบบโดยใช้ภาพแสดงความหมายของสิ่งนั้นๆ หรือก�าหนดให้ภาพ เป็นสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายการค้า ๓. การออกแบบโดยรวมเอาตัวอักษรกับภาพเข้าด้วยกัน โดยใช้รูปทรงทาง ๔. การออกแบบจากอุดมการณ์เป็นสัญลักษณ์แบบนามธรรม บบนามธรรม โดยใช้ เรขาคณิตหรือรูปทรงอิสระ ๒) หลักเกณฑ์พื้นฐานของการออกแบบสัญลักษณ์ การออกแบบสัญลักษณ์ที่ดี จะต้องมีหลักเกณฑ์พื้นฐาน ดังนี้ ๑. มีความประณีต เรีเรียบร้อย ตั ย ตัดทอนรายละเอียดออก ๒. ดูเข้าใจง่ายและจ�าได้ง่าย ๓. ดึงดูดความสนใจได้ดี สะดุดตา ๔. ไม่ล้าสมัย ผลงานการออกแบบสัญลักษณ์นั้น เมื่อออกแบบเสร็จเรียบร้อยเป็นตัวต้นฉบับแล้ว และจะเผยแพร่ทางสิ่งพิมพ์ ก็ต้องผ่านกระบวนการพิมพ์ แต่หากประสงค์จะท�าเป็นสัญลักษณ์ ที่ติดตั้งเป็นป้ายแสดง ก็ต้องจัดท�าด้วยวัสดุต่างๆ งๆ เป็นรูปสัญลักษณ์หรืออาจเป็นวัสดุชนิดต่างๆ งๆ จัดวางร่วมกันกับส่วนที่เป็นสิ่งพิมพ์ซึ่งขึ้นอยู่กับแบบที่สร้างสรรค์ไว้
ขยายความเขาใจ
Expand
ใหนักเรียนสรุปสาระสําคัญเกี่ยวกับประเภท ของงานออกแบบลงกระดาษรายงาน สงครูผูสอน
ตรวจสอบผล
Evaluate
ครูพิจารณาจากการสรุปสาระสําคัญเกี่ยวกับ ประเภทของงานออกแบบของนักเรียน
33
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
จากภาพสัญลักษณที่ปรากฏนี้ ตองการสื่อใหเห็นสิ่งใดเปนสําคัญ 1. สัญลักษณบอกเสนทางเดิน ในโรงพยาบาล 2. วิธีการเดินทางที่ปลอดภัยบนถนน 3. กฎขอบังคับที่ใชในการขับขี่ ยานพาหนะ 4. เครื่องหมายจราจรที่ทุกคนควรรู วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. จากภาพเปนเครื่องหมายจราจรที่สรางขึ้น เพื่อเปนกฎขอบังคับใหทุกคนที่ขับขี่พาหนะปฏิบัติตามเพื่อความสะดวก และปลอดภัย
เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนออกแบบเครื่องหมายการคาของสินคาที่นักเรียนคิดสรางสรรค ขึ้นใหม หรือสินคาที่เปนของทองถิ่นตามแนวทางการออกแบบเครื่องหมายการคา หรือหลักในการออกแบบ พรอมทั้งอธิบายแนวคิดในการออกแบบ แลวออกมา นําเสนอหนาชั้นเรียน
นักเรียนควรรู 1 เครื่องหมายการคา เปนเครื่องหมายที่ใชกับสินคาหรือบริการ โดยเครื่องหมายที่ใหความคุมครองตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการคา พ.ศ. 2534 มีดวยกัน 4 ประเภท คือ เครื่องหมายการคา เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง และเครื่องหมายรวม
คูมือครู
33
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา Exploreนหา สํารวจค
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุEngage นความสนใจ
กระตุน ความสนใจ
Engage
ครูแบงนักเรียนออกเปน 2 กลุม เพื่อแขงขัน ตอคําศัพททัศนศิลป ภายใน 5 นาที กลุมใด ตอคําศัพทไดมากกวาเปนฝายชนะ
สํารวจคนหา
3.6 การออกแบบโปสเตอร์
โปสเตอร์ คือ สื่อประเภทหนึ่งที่บอกกล่าวถึงเรื่องราวให้ผู้พบเห็นได้ทราบ โดยมี จุดเด่นดึงดูดสายตา รวมทั้งสามารถท�าความ เข้าใจได้ในระยะเวลาอันสั้น ในภาพโฆษณา อาจบรรจุตัวอักษรหรือรูปภาพ หรือทั้งสอง อย่าง ความส�าคัญและความงามของโปสเตอร์ นัน้ จะเข้าถึงจิตใจของผูพ้ บเห็นได้ฉบั ไว รวดเร็ว ขึ้นอยู่กับการออกแบบโปสเตอร์ซึ่งต้องมีความ แน่นอนด้านความคิดและการจัดองค์ประกอบ ศิลป์ที่สะดุดตา ดึงดูดความสนใจ เชื้อเชิญต่อ สายตาของผู้คนได้ตามเป้าหมายที่คาดหวังไว้ เช่น การกระตุ้นเตือนภัย การเอาใจใส่ การ เชิญชวน หรือการให้ความกระจ่างชัดในเรือ่ งใด งานโปสเตอร์ที่ได้รับการจัดองค์ประกอบศิลปมาเป็น อย่างดี จะสื่อให้ผู้ชมเข้าใจเรื่องราวได้รวดเร็วและดึงดูด เรือ่ งหนึง่ หรือชักชวนให้เข้ามาชม เช่น โปสเตอร์ ให้ผู้ชมเข้ามาชมผลงานตามเปาหมาย โฆษณาการแสดงดนตรี โปสเตอร์ โ ฆษณา ภาพยนตร์ เป็นต้น ดังนั้น การออกแบบโปสเตอร์ที่ดีจะต้องได้ผลผลิตโปสเตอร์ที่สมบูรณ์ ซึ่งประกอบด้วย ความชัดเจนของรูปแบบ สี ถ้อยค�า และความคิดที่ผู้พบเห็นจะจดจ�าไว้
Explore
ใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับศัพท ทางทัศนศิลปเพิ่มเติม จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน หนังสือเรียน หองสมุด อินเทอรเน็ต เปนตน
๔. ศัพททางทัศนศิลปกับงานทัศนศิลป ศาสตร์ทางด้านศิลปะนั้นเป็นศาสตร์เฉพาะทางที่มีการเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ นับเป็นวิชาความรู้ที่ส�าคัญต่อผู้เรียนในการเสริมสร้างให้มนุษย์มีการพัฒนาทางสมองที่สมบูรณ์ นอกจากการเรียนรู้และฝึกปฏิบัติแล้ว บทเรียนส�าคัญต่อมาที่ท�าให้การพิจารณาผลงานทัศนศิิลป์ เป็นไปอย่างถูกต้องสมบู 1 รณ์ก็คือ การประเมินงานทัศนศิลป์ที่มีขั้นตอนการวิจารณ์งาน การ วิจารณ์งานทัศนศิลป์ด้วยการบรรยายหรือข้อเขียนมีส่วนในการเสริมความรู้ความเข้าใจทาง ศิลปะให้แก่ตนเอง การฝึกให้ผู้เรียนได้บรรยายจุดประสงค์และเนื้อหาของงานทัศนศิลป์เป็น กิจกรรมที่ควรปฏิบัติเสมอหลังจากสร้างสรรค์ผลงาน และเนื่องจากเป็นศาสตร์เฉพาะทางจึงมี ศัพท์ทางทัศนศิลป์ที่ต้องใช้ในการอธิบายหรือบรรยาย ความรู้ที่ได้รับเป็นความรู้เชิงวิเคราะห์ ซึ่งจ�าเป็นอย่างยิ่งส�าหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้และเข้าใจงานศ ใจงานศิลปะ 34
EB GUIDE
เกร็ดแนะครู ครูใหขอเสนอแนะวา การเรียนรูคําศัพททางทัศนศิลปจะชวยใหนักเรียน สามารถบรรยายเนื้อหาของงานทัศนศิลป โดยใชคําศัพททางทัศนศิลปได อยางถูกตอง และจะชวยทําใหผูฟงเขาใจสิ่งที่นักเรียนตองการจะสื่อไดงายขึ้น
นักเรียนควรรู 1 การวิจารณงานทัศนศิลป เปนการแสดงออกทางดานความคิดเห็นตอผลงาน ศิลปะที่ศิลปนสรางสรรคไว โดยที่ผูวิจารณใหความคิดเห็นตามหลักเกณฑ และหลักการทางศิลปะ ทั้งในดานสุนทรียศาสตรและสาระอื่นๆ ดวยการติชม เพื่อใหไดขอคิดนําไปปรับปรุงพัฒนาผลงานศิลปะ หรือใชเปนขอมูลในการประเมิน ตัดสินผลงาน และเพื่อเปนขอมูลในการวิเคราะหเปรียบเทียบคุณคา ในผลงานศิลปะชิ้นนั้นๆ
34
คูมือครู
http://www.aksorn.com/LC/Va/M4/07
ขอสอบ
O-NET
ขอสอบป ’ 50 ออกเกี่ยวกับการใชเสนในงานทัศนศิลป ถาตองการเขียนภาพใหความรูสึกเคลื่อนไหวตอเนื่องและสะเทือนใจ ควรเลือกใชเสนแบบใด 1. เสนคด (Winding Lines) เสนฟนปลา (Zigzag Lines) 2. เสนฟนปลา (Zigzag Lines) เสนประ (Jagged Lines) 3. เสนตรง (Straight Lines) เสนประ (Jagged Lines) 4. เสนโคง (Curve Lines) เสนตรง (Straight Lines) วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เสนโคงและเสนตรงจะใหความรูสึก เคลื่อนไหวอยางชาๆ ลื่นไหลไปอยางตอเนื่อง ไมสิ้นสุด ขณะเดียวกัน ในบางกรณีก็สื่อออกมาถึงอารมณความรูสึกเศราสรอย สะเทือนใจ ดวยเชนกัน
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
Explain
ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับศัพททาง ทัศนศิลปกับการบรรยายงานทัศนศิลปตามที่ได ศึกษามา จากนั้นครูถามนักเรียนวา • เพราะเหตุใด เราจึงตองศึกษาเกี่ยวกับ คําศัพททางทัศนศิลป (แนวตอบ เพราะจะทําใหสามารถนําไปใช บรรยาย หรืออธิบายผลงานทัศนศิลปใหผูอื่น เขาใจ หรือเกิดความประทับใจไดงายขึ้น) • เพราะเหตุใด จึงมีคํากลาววา “การบรรยาย เปนขั้นตอนแรกของการวิจารณงานศิลปะ” (แนวตอบ เพราะการบรรยายที่ดีจะนําไป สูการวิเคราะห ตีความหมาย และตัดสิน ประเมินคาผลงานตามลําดับของหลักการ วิจารณงานศิลปะ) • การบรรยายงานศิลปะที่ดีจะตองกลาวถึง เรื่องใดเปนอันดับแรก (แนวตอบ สิ่งแรกที่ควรกลาวถึงคือ การพิจารณาถึงสิ่งที่เห็นไดชัดเจนที่สุดกอน ตามที่สายตามองเห็น เชน สี รูปทรง ทิศทาง เปนตน )
การใช้ศัพท์ทางทัศนศิลป์เพื่อการบรรยายจุดประสงค์และเนื้อหาของงานทัศนศิลป์ในที่นี้ มีวัตถุประสงค์ให้การบรรยายมุ่งเสนอจุดประสงค์ของการสร้างงานและพิจารณาเนื้อหาของ ผลงานที่สร้าง ซึ่งจะชี้ให้เห็นถึงเบื้องหลังของความคิดและเงื่อนไขการสร้างสรรค์งานศิลปะ ชิ้นใดชิ้นหนึ่งหรือเนื้อหาใดเนื้อหาหนึ่งโดยเฉพาะ การบรรยายประเภทนี้จะรวบรวมเรียบเรียง ข้อคิดแล้วใช้ศัพท์ทางทัศนศิลป์ร่วมในการบรรยายเชิงวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้ผู้ฟังมีความเข้าใจ ในการท�างานของผู้สร้างสรรค์ผลงานนั้น
4.1 การบรรยายกับงานทัศนศิลป์ ๑) ความส�าคัญของการบรรยาย การบรรยายเป็นกระบวนการบันทึกสิ่งต่างๆ
ที่พบในผลงาน โดยค้นหาว่ามีอะไรอยู่ในผลงาน คุณสมบัติที่เด่น รวมไปถึงรายละเอียดอื่นๆ ด้วย เป็นการท�าความเข้าใจภาพผลงานอย่างง่ายๆ เพื่อให้รู้ว่ามันคืออะไร ภาษาที่น�ามาใช้เป็น ภาษาง่ายๆ ประกอบกับศัพท์ทางทัศนศิลป์ การบรรยายเป็นขั้นตอนแรกของการวิจารณ์ศิลปะ การบรรยายที่ดีจะน�าผลไปสู่ขั้นวิเคราะห์ ขั้นตีความหมาย และขั้นตัดสินประเมินค่าผลงานตาม ล�าดับขั้นของหลักการวิจารณ์ศิลปะ ภาษาที่ใช้ในการบรรยายผลงาน มีความจ�าเป็นที่จะสื่อสารให้ผู้ฟังหรือผู้ชมได้รับรู้ ถึงจุดประสงค์และความคิด เนื้อหาของผลงาน และอาจรวมไปถึงอารมณ์ทางศิลปะด้วยก็ได้ ผู้บรรยายควรฝึกการสื่อความหมายที่สมบูรณ์ การใช้ภาษาไทยในการบรรยายบางครั้งบางตอน อาจมีข้อจ�ากัดในส่วนที่เกี่ยวกับการแสดงออกของความคิดทางศิลปะและด้านองค์ประกอบศิลป์ จึงจ�าเป็นต้องเรียนรู้ศัพท์ทางทัศนศิลป์เพื่อน�ามาใช้ประกอบการบรรยายให้เกิดสุนทรียารมณ์ต่อ ผู้ชมอีกประการหนึ่งนอกเหนือจากการได้รับข้อมูลเพียงอย่างเดียว ๒) หลักของการบรรยาย ในการบรรยายนี้ สิ่งแรกที่พูดถึงก็คือ พิจารณาถึงสิ่งที ่ เห็นได้ชัดเจนที่สุดก่อน ถ้าเป็นงาน แบบเหมื แบบเหมือนจริง ควรบั ควรบันทึกชื่อและสิ่งที่ปรากฏเห็นได้ไว้ก่อน และค�าบรรยายต้องใช้ค�าที่ง่าย ชัดเจน ตามข้อมูลที่ปรากฏ รากฏ แต่ถ้าเป็นผลงานที่ดัดแปลงจาก ธรรมชาติมาก การจะบรรยายรายละเอียดของเนื้อหาคงท�าได้ยาก าก จึงจ�าเป็นต้องอธิบายอย่างง กว้างๆ ถึง สี รูปทรง ทิศทาง ตามที่มองเห็น เช่น เห็ เห็นรูปไข่ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็ เป็นต้น
4.๒ ศัพท์ทางทัศนศิลป์ 1 ศัพท์ทางทัศนศิลป์ซึ่งเป็นศัพท์เฉพาะนั้นมีรากฐานมาจากภาษาอังกฤษแ กฤษและได้ ละได้บัญญัติ ศัพท์เป็นภาษาไทยโดยราชบัณฑิตยสถานเป็นหลัก บางค�าก็ก�าหนดขึ้นโดยศิลปินไทยผู้เขียนน ต�าราทางศิลปะเพราะศัพท์เฉพาะทางทัศนศิลป์ในภาษาไทยเรายังอยู่ในวงที่ไม่กว้างนัก บางค�า อาจไม่คุ้นหู ศัพท์ทางทัศนศิลป์ซึ่งผู้เรียนควรรู้ในระดับพื้นฐานมีดังนี้ 35
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
ขอใดเปนปญหาที่ทําใหการบรรยายผลงานทัศนศิลปสมัยใหมทําไดลําบาก 1. มีจํานวนผลงานทัศนศิลปมาก 2. วัสดุอุปกรณที่ศิลปนนํามาใช 3. เทคนิควิธีการสรางงานที่ซับซอน 4. รูปแบบของผลงานมีความหลากหลาย
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. ปจจุบันศิลปนใชเทคนิควิธีการ ในการสรางสรรคผลงานที่หลากหลาย ซับซอน และหลายอยางก็จํากัดอยูใน วงแคบ ไมแพรหลายมาก ไมมีศัพทเฉพาะเรียกวาอะไร หรือหมายความวา อยางไร ทําใหผูบรรยายตองใชความมานะในการศึกษาคนความากขึ้น เพื่อที่จะอธิบายผลงานดังกลาวใหผูชมทั่วไปเขาใจไดโดยงาย
เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิเคราะหและการประเมินคุณคาของงานศิลปะ โดยทั่วไปจะพิจารณาจาก 3 ดาน ไดแก 1. ดานความงาม เปนการวิเคราะหและประเมินคุณคาในดานทักษะฝมือ 2. ดานสาระ เปนการวิเคราะหและประเมินคุณคาผลงานศิลปะแตละชิ้นวา มีลักษณะสงเสริมคุณธรรม จริยธรรม หรือใหสาระอะไรกับผูชมบาง 3. ดานอารมณความรูส กึ เปนการคิดวิเคราะหและประเมินคุณคาในดานคุณสมบัติ ที่สามารถกระตุนอารมณความรูสึกและการสื่อความหมาย
นักเรียนควรรู 1 บัญญัติศัพท ศัพททางทัศนศิลปที่ถือวามีความถูกตองและยึดถือเปนหลัก ในการใช คือ คําศัพทที่บัญญัติขึ้นโดยราชบัณฑิตยสถาน เหตุที่ตองยึดถือตาม ราชบัณฑิตยสถาน เนื่องจากเปนศัพทที่ผานการกลั่นกรอง พิจารณาจากผูรู ในวงการศิลปะมาแลว คูมือครู 35
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ใหนักเรียนศึกษาศัพททางทัศนศิลป ในหนังสือเรียน หนา 36 จากนั้นครูถามนักเรียนวา • นักเรียนเคยใชศัพททางทัศนศิลปคําใดบาง ในการวิจารณงานศิลปะ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • ศัพททางทัศนศิลปมีความสําคัญ ตอการศึกษาวิชาทัศนศิลปอยางไร (แนวตอบ การเรียนรูเ กีย่ วกับศัพททางทัศนศิลป มีความสําคัญอยางมากตอการศึกษา วิชาทัศนศิลป เพราะนักเรียนสามารถนํา คําศัพททางทัศนศิลปมาใชประกอบ การบรรยายผลงานทัศนศิลปเพื่อใหผูชม เกิดความรูและเกิดสุนทรียะทางอารมณได)
ค�าศัพท์
ความหมาย
1
๑. โครงสร้างเคลื่อนไหว นไหว เป็นงานประติมากรรมที่มีโครงสร้างบอบบาง จัดสมดุลด้วยเส้นลวดแข็ง (mobile) บางๆ ที่มีวัตถุรูปร่าง รูปทรงต่างๆ ที่ออกแบบเชื่อมติดกับเส้นลวด เป็น เครื่องแขวนที่เคลื่อนไหวได้ด้วยกระแสลมเพียงเบาๆ ๒. งานสื่อผสม (mixed media)
เป็นงานออกแบบทางทัศนศิลป์ที่ประกอบด้วยหลายสื่อ โดยใช้วัสดุ หลายๆ แบบ เช่น กระดาษ ไม้ โลหะ สร้างความผสมกลมกลืนด้วยการ สร้างสรรค์
๓. จังหวะ (rhythm)
เป็นความสัมพันธ์ของทัศนธาตุ เช่น เส้น สี รูปร่าง รูปทรง น�้าหนัก ในลักษณะของการซ�้ากันสลับไปมา หรือลักษณะลื่นไหล เคลื่อนไหว ไม่ขาดระยะ จังหวะที่มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกันจะช่วยเน้นให้เกิดความ เด่น หรือทางดนตรีก็คือ การซ�้ากันของเสียงในช่วงเท่ากันหรือแตกต่าง กัน จังหวะให้ความรู้สึกหรือความพอใจทางสุนทรียภาพในงานศิลปะ
๔. ทัศนธาตุ (visual elements)
สิ่งที่เป็นปัจจัยของการมองเห็น เป็นส่วนต่างๆ ที่ประกอบกันเป็นภาพ ได้แก่ จุด เส้น น�้าหนัก ที่ว่าง รูปร่าง รูปทรง สี และลักษณะพื้นผิว
๕. ทัศนียภาพ (perspective)
วิธีเขียนภาพของวัตถุให้มองเห็นว่ามีระยะใกล้ไกล
art) ศิลปะที่รับรู้ได้ด้วยการเห็น ได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ ๖. ทัศนศิลป์ (visual (visual art) และงานสร้างสรรค์อื่นๆๆ ทีที่รับรู้ด้วยการเห็น ๗. ภาพปะติด (collage) (collage) ๗.
เป็นภาพทีท่ า� ขึน้ ด้วยการใช้วสั ดุตา่ งๆ งๆ เช่น กระดาษ ผ้า เศษวัสดุธรรมชาติ ปะติดลงบนแผ่นภาพด้วยกาวหรือแป้งเปียก เป็นต้น ปะติ
๘. วงสีธรรมชาติ (color circle) (color circle)
วงกลมซึ่งจัดระบบสีในแสงสีรุ้งที่เรียงกันอยู่ในธรรมชาติ สีวรรณะอุ่น คือ วงกลมซึ จะอยู่ในซีกที่มีสีแดงและเหลืองง ส่วนสีวรรณะเย็นจะอยู่ในซีกที่มีสีเขียว และสีม่วงง สีสีคู่ตรงข้ามกันจะอยู่ตรงกันข้ามในวงสี
๙. วรรณะสี (tone)
ลักษณะของสีที่แบ่งตามความรู้สึกอุ่นหรือเย็น เช่น สีแดงอยู่ในสีวรรณะ อุ่น (warm tone) สีเขียวอยู่ในสีวรรณะเย็น (cool tone) เป็นต้น
ม (comple- สีที่อยู่ตรงกันข้ามกันในวงสีธรรมชาติ เป็นคู่สีกัน คือ สีคู่ที่ตัดกันหรือ ๑๐. สีคู่ตรงข้าม (comple- mentary colors) ว สีเหลืองกับสีม่วง สีน�้าเงิน mentary colors) ต่างจากกันมากที่สุด เช่น สีแดงกับสีเขียว กับสีส้ม เป็นต้น 36
นักเรียนควรรู 1 โครงสรางเคลื่อนไหว เกิดขึ้นดวยปจจัย 3 ลักษณะ คือ 1. การเคลื่อนไหวโดยการลวงสายตา (ภาพลวงตา) 2. การเคลื่อนไหวโดยผูชมเปนผูเคลื่อนไหวหรือมีปฏิสัมพันธกับงาน 3. การเคลื่อนไหวภายในภาพ คือ บางสวนของภาพที่สามารถเคลื่อนไหวได โดยชิ้นงานจะเกิดความสมบูรณได เมื่อผูชมมีสวนชวยปฎิบัติตอผลงานนั้นๆ เปนการปรากฏผลระหวางผูชมกับผลงาน ทําใหเกิดความงาม การรับรู และความสัมพันธระหวางผูชมกับผลงาน
มุม IT นักเรียนสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับคําศัพททางทัศนศิลป โดยเขาไปที่ เว็บไซตของ ราชบัณฑิตยสถาน www.royin.go.th/home/ ดูแถบดานซาย คลิก เลือก E-book จะปรากฏรายการยอย คลิกเลือกพจนานุกรมศิลปกรรม อักษร ก-ฮ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน
36
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET ขอใดตรงกับคําวา “จุลศิลป” 1. Woodcut 2. Visual art 3. Kinetic art 4. Landscape
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะคําวา จุลศิลป เรียกตามศัพท ทางศิลปะวา “Kinetic art ” หมายถึง ประเภทของงานศิลปะที่เนนขนาดวา เปนขนาดเล็ก ไมวาจะเปนงานจิตรกรรม ประติมากรรม หรือภาพพิมพ ทั้งนี้ศิลปะที่ถือวาเปนจุลศิลปไมควรจะใหญกวา 100 ตารางเซนติเมตร
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
ครูสุมนักเรียน 2-3 คน ใหอธิบายศัพททาง ทัศนศิลป ในหนังสือเรียน หนา 37 จากนั้นครูถาม นักเรียนวา • คําศัพทในขอใดเกี่ยวของกับคําวา “Composition of Art” (แนวตอบ Composition of Art หรือองคประกอบศิลป หมายถึง วิชา หรือทฤษฎีที่เกี่ยวกับการสรางรูปทรง ในงานทัศนศิลป จึงเกี่ยวของกับคําศัพท ทางทัศนศิลปยอยๆ ดังตอไปนี้ • สัดสวนของภาพ (Proportion) • ความสมดุลของภาพ (Balance) • จังหวะของภาพ (Rhythm) • การเนน หรือจุดเดนของภาพ (Emphasis) • เอกภาพ (Unity) • ความขัดแยง (Contrast) • ความกลมกลืน (Harmony)
๑๑. องค์ประกอบศิลป์ วิชาหรือทฤษฎีที่เกี่ยวกับการสร้างรูปทรงในงานทัศนศิลป์ (composition of art) ๑๒. เอกภาพ (unity)
สภาพทีเ่ ป็นอันหนึง่ อันเดียวกัน ความสอดคล้องกลมกลืนกัน การประสาน กันหรือการจัดระเบียบของส่วนต่างๆ เพื่อสร้างผลรวมอันเป็นอันหนึ่ง อันเดียวที่ไม่อาจแยกออกจากกันได้
๑ ๓. ความกลมกลืน (harmony)
ความประสานกันอย่างลงตัว น่าพอใจของทัศนธาตุ เช่น เส้น รูปทรง สี ขนาด ลักษณะพื้นผิว เป็นต้น
๑ ๔. ความสมดุล (balance)
สภาพของการถ่วงดุลกันของน�า้ หนักทัศนธาตุทปี่ ระกอบกันในงานชิน้ หนึง่
๑๕. การซ�้า (repetition)
การท�าอีกครั้ง การปรากฏตัวของสิ่งที่เหมื1อนกันตั้งแต่ ๒ หน่วยขึ้นไป เช่น การซ�้าของแนวเรื่อง รูปทรง จังหวะ เป็นต้น
๑๖. กระบวนแบบ (style)
ลักษณะทีเ่ ด่นเฉพาะของรูปแบบและกลวิธใี นการสร้างสรรค์งานของศิลปิน หรือหมายถึง วิธีการแสดงออกที่ศิลปินแต่ละคนหรือแต่ละกลุ่มใช้ในการ สร้างสรรค์งาน อันเป็นลักษณะเฉพาะที่สังเกตเห็นได้เด่นชัด
๑ ๗. การแสดงออก (expression)
การแสดงความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ความหมาย เป็นต้น ออกมาให้ ปรากฏเป็นรูปแบบด้วยถ้อยค�า สัญลักษณ์ หรือผลงานทัศนศิลป์
๑ ๘. ความบันดาลใจ (inspiration)
การกระตุ้นหรือผลักดันที่เกิดขึ้นในใจ ท�าให้เกิดความคิดหรือการกระท�า เชิงสร้างสรรค์ อาจเกิดขึ้นจากการกระตุ้นจากภายนอกหรือภายในใจเอง ก็ได้ หรืออาจเรียกว่า ความดลใจ
Explain
๑๙. พื้นที่ว่างหรือช่องไฟ ที่ว่างระหว่างรูปทรง ระหว่างลายหรือตัวอักษร (space) ๒ ๐. เนื้อหา (content)
สิ่งที่แสดงออกในงานศิลปะ ความหมาย สาระ
ค�าศัพท์เหล่านี้เมื่อน�ามาใช้ประกอบการบรรยายผลงานทางทัศนศิลป์จะช่วยให้ผู้เรียน เข้าใจในชิ้นงานตามหลักการของการสร้างงานทัศนศิลป์และยังให้ความรู้สึกอยู่ในบรรยากาศของ การเรียนรู้ด้านศิลปะ EB GUIDE 3๗
http://www.aksorn.com/LC/Va/M4/08
กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนคนหาคําศัพททางทัศนศิลปจํานวน 50 คํา โดยระบุชื่อคําศัพท ทั้งที่เปนภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พรอมอธิบายความหมาย จัดเรียง ตามลําดับตัวอักษร เสร็จแลวนําสงครูผูสอน
กิจกรรมทาทาย
เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนศึกษาคนควา “บทความ” ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการบรรยายผลงาน ทัศนศิลปแลวใหนักเรียนศึกษาคําศัพททางทัศนศิลปที่ปรากฏในบทความ จากนั้น ใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหวา บทความดังกลาวเขียนบรรยายไดเขาใจหรือไม ใชศัพททางทัศนศิลปเปนอยางไร มีความเหมาะสม หรือสื่อความหมายไดชัดเจน เพียงใด
นักเรียนควรรู ใหนักเรียนทําสมุดรวบรวมคําศัพททางทัศนศิลป โดยแบงแยกประเภท ของตัวอักษร A-Z ตกแตงสมุดคําศัพทใหสวยงาม สงครูผูสอน
1 จังหวะ (Rhythm) เกิดจากการเวนระยะความหาง หรือการซํ้าที่เปนระเบียบ เปนจังหวะ จากระเบียบธรรมดาที่มีชวงถี่-หาง เทาๆ กัน มาเปนระเบียบที่สูง และซับซอนขึ้นของทัศนธาตุ หรือสวนประกอบมูลฐานของทัศนศิลป (Elements of Visual Art) เชน เสน รูปราง รูปทรง สี ทําใหเกิดการเคลื่อนไหว (Movement) ทางสายตา มีพลังชักนํา หรือขัดแยงใหสายตาติดตาม คูมือครู
37
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ใหนักเรียนศึกษาตัวอยางการบรรยายผลงาน ทัศนศิลป ในหนังสือเรียน หนา 38 จากนั้นครูถาม นักเรียนวา • หากนักเรียนตองเปนผูบรรยายผลงาน ทัศนศิลป 1 ผลงาน นักเรียนควรเตรียมตัว อยางไร (แนวตอบ ศึกษาผลงานดังกลาวใหเขาใจ อยางละเอียดวา ผูสรางสรรคมีแนวคิด หรือจุดประสงคในการสรางงานอยางไร ใชเทคนิควิธีการสรางอยางไร เนื้อหาสาระ ของผลงาน จุดเดน ความนาประทับใจ เปนตน รวมทั้งตองศึกษาคําศัพท ทางทัศนศิลปที่เกี่ยวของกับผลงานดวย เพื่อจะไดนํามาใชไดอยางถูกตอง)
4.3 ตัวอย่างการบรรยายภาพผลงานทัศนศิลป์ ตัวอย่างที่ ๑ ผลงานชิ้นนี้ชื่อภาพ “The parasol” (ร่มกัน แดดเล็กๆ ของสตรี) เทคนิคจิตรกรรมสีนา�้ มัน ภาพ เขียนชิ้นนีเ้ ป็นภาพคน ๒ คน ผู้หญิงนั่ง ผู้ชายยืน ถือร่มกันแดดให้ผู้หญิง การจัดภาพ ผู้หญิงผู้ชาย อยูใ่ กล้กนั ช่วงกลางของภาพ หันหน้าทิศทางเดียว กัน ขณะทีท่ ศิ ทางของร่มหันเข้าหาคน ท�าให้ดเู ป็น เอกภาพ รวมเป็นหน่วยเดียวกัน เกิด ความสมดุล การใช้สอี ยูใ่ น วรรณะสีเย็น มี วรรณะสีอนุ่ ปรากฏ เป็นผ้าประดับผมของผู้หญิงและตัวเสื้อของผู้ชาย 1 ภาพ “The 2 parasol” ผลงานของโกยา เทคนิค ซึ่งเป็นสีส้มแต่เพียงเล็กน้อย ดูโดยรวมแล้วภาพ สีนา�้ มัน มี ความกลมกลืน กันทั้ง รูปทรง และ สี ภาพ ผู้ชาย ผู้หญิง และร่มกันแดดซึ่งเป็นรูปทรงที่เด่นชัดเป็นจุดสนใจของภาพได้จัดวางให้มี ช่องไฟ ระหว่าง กันอย่างพอเหมาะสวยงาม สีของ พื้นหลัง เป็นสีอ่อนจาง ช่วยเสริมให้ เนื้อหา ของภาพที่ผู้สร้างสรรค์ มีจุดประสงค์ใน การแสดงออก เด่นชัดขึ้น
ตัวอย่างที่ ๒ ภาพนี้ชื่อภาพ ภาพ “The “The Stage-coach Stage-coach at at Louveciennes” (คนขับรถม้าบนถนนลูเวเซียนส์) Louveciennes” (คนขั จุดประสงค์ของผู้สร้างสรรค์ต้องการแสดงให้เห็น วิถีชีวิตในชนบท โดยสาร ในชนบท มีการเดินทางโดยรถม้าโดยสาร น โดยน�าเสนอ ภาพแสดงให้เห็นการสัญจรของผู้คน โดยน� ภาพ มีระยะใกล้ไกล ด้ กล ด้าน วิธวี าดภาพแสดง าดภาพแสดง ทัทัศนียภาพ มี ทรง ของต้นไม้จัดวางเป็น ซ้ายของภาพเป็น รูปทรง หวะ มีระยะ ช่ ะยะ ช่องไฟ เรี งไฟ เรียงไปสู่ระดับสายตา โทน สายตา จังหวะ มี สีของภาพเป็น วรรณะสีเย็น ทั้งภาพเกิด ความ ภาพ “The Stage-coach at Louveciennes” ผลงาน กลมกลืน ด้วยสี ภาพมี ความสมดุล ทั้ง ๒ ข้าง ของปีซาโร เทคนิคสีน�้ามัน ด้วยความรูส้ กึ ทีเ่ ท่ากัน ถึถึงแม้วา่ ด้านซ้ายจะมีสว่ น ประกอบมากกว่า แต่ แต่ดา้ นขวาก็ถว่ งน�า้ หนักด้วยต้นไม้ ๑ ต้ต้น และความเข้ และความเข้มของสีพนื้ ดินทีเ่ ติมสีเขียวเข้มลงไป ลงไป 38
นักเรียนควรรู 1 โกยา หรือฟรานซิสโก โฮเซ เด โกยา (Francisco Joseé de Goya) จิตรกรชาวสเปน (ค.ศ. 1746-1828) บิดามีอาชีพเปนชางเคลือบทอง สวนมารดา มีเชื้อสายผูดีชั้นสูง ภาพผลงานศิลปะทั้งหมดของโกยาลวนแลวแตเปนภาพที่แสดง ถึงอารมณที่เจ็บปวด หวาดกลัว สยองขวัญ ทอแท หมดหวัง และทอดอาลัย ดังนั้น คนที่เคยมีอารมณเจ็บปวด หวาดกลัว สยองขวัญ ทอแท หมดหวัง และทอดอาลัย จะรูสึกชอบภาพของโกยา เพราะโกยาสามารถสื่อความรูสึกลึกๆ ของคนธรรมดาไดดี และนีค่ อื เหตุผลทีท่ าํ ใหโกยาเปนจิตรกรผูย งิ่ ใหญคนหนึง่ ของโลก 2 สีนํ้ามัน สีที่เกิดจากการผสมกันระหวางสารสีกับนํ้ามัน เพื่อใหเหลวและลื่น ใชในการวาดภาพสีนํ้ามัน ซึ่งเปนการวาดภาพจิตรกรรมแบบหนึ่งที่นิยมกันทั่วโลก มากวา 400 ป สารสีที่จะนํามาทําสีนํ้ามันตองเลือกชนิดที่ดูดซึมเขากับนํ้ามันไดดี สวนนํ้ามันผสมมักใชนํ้ามันพืช เชน นํ้ามันลินสีด นํ้ามันสน เปนตน
38
คูมือครู
บูรณาการเชื่อมสาระ
การศึกษาเกี่ยวกับหลักการออกแบบสามารถบูรณาการเชื่อมโยง กับการเรียนการสอนของกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่องการใชเทคโนโลยีในการออกแบบ เทคโนโลยีในที่นี้หมายถึง โปรแกรม คอมพิวเตอรที่สามารถนํามาใชในงานออกแบบได ทําใหการออกแบบ มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เนื่องจากในปจจุบันการออกแบบ ไดกาวเขาสูยุคของการแขงขันกันทางการตลาด เพื่อเพิ่มมูลคาผลิตภัณฑ ดังนั้น นักออกแบบสมัยใหมนอกจากจะตองมีความรูทางดานศิลปะแลว ยังตองมีความรูดานเทคโนโลยีและมีความคิดริเริ่มสรางสรรคควบคูกันไปดวย เพื่อใหงานออกแบบมีประสิทธิภาพและเขากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ Expand าใจ ขยายความเข
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
ขยายความเขาใจ
Expand
ครูใหนักเรียนรวมกันสรุปศัพททางทัศนศิลป ที่ใชในการบรรยายผลงานทัศนศิลป โดยทําเปน เอกสารสื่อสิ่งพิมพประเภทแผนพับ ตกแตงให สวยงาม สงครูผูสอน
สรุป
ผลงานทางทัศนศิลปที่ปรากฏใหเห็นเดนชัดสวยงามนั้นประกอบดวยสวนประกอบ ยอยๆ อันเปนพื้นฐานอันดับแรกของศิลปะ ที่นิยมเรียกวา ทัศนธาตุ ไดแก จุด เสน รูปราง รูปทรง พื้นผิว พื้นที่วาง นํ้าหนักออน-แก และสี แลวนําเอาทัศนธาตุมาจัดรวมใหถูกตองโดย คํานึงถึงความมีเอกภาพ ความสมดุล ความกลมกลืน ความขัดแยง จุดสนใจ สัดสวน จังหวะ ทําใหเกิดผลงานที่เดนชัด สวยงาม และมีคุณคา ศิลปะการออกแบบดานประยุกตศิลปเปนการออกแบบเพื่อใหไดชิ้นงานที่เกี่ยวของกับ การดําเนินชีวิตในดานประโยชนใชสอยและการสื่อสารขอมูลตางๆ ซึ่งแสดงออกในรูปแบบที่ หลากหลาย ทั้งดานการออกแบบจัดวาง ตกแตงสิ่งของและวัสดุ เชน การออกแบบตกแตง ภายใน การออกแบบผลิตภัณฑ และการออกแบบดานการสื่อสารขอมูล เชน การออกแบบ สิ่งพิมพ การออกแบบสัญลักษณเครื่องหมายและการออกแบบโปสเตอร ศิลปะการออกแบบ เหลานี้ผูออกแบบจะตองมีความรูความเขาใจและสามารถสรางสรรคงาน ทั้งงานจัดวางวัตถุ สิ่งของ เครื่องใช และองคประกอบศิลปของการสื่อความหมายทางตัวอักษรและภาพดวย แนวคิดและนําเสนอรูปแบบใหทันสมัยอยูเสมอ ผลงานการออกแบบถึงจะไดรับการสนองตอบ อยางดีจากผูบริโภค
39
ขอสอบ
O-NET
ขอสอบป ’ 53 ออกเกี่ยวกับจิตรกรรมสีนํ้ามัน จิตรกรรมสีนํ้ามันเริ่มใชในสมัยคริสตศตวรรษที่เทาใด 1. คริสตศตวรรษที่ 12 2. คริสตศตวรรษที่ 13 3. คริสตศตวรรษที่ 15 4. คริสตศตวรรษที่ 16 วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. การใชสีนํ้ามัน (Oil Color) ปรากฏขึ้น เปนครั้งแรกเมื่อคริสตศตวรรษที่ 15 (ค.ศ 1452-1519) ในผลงานของ เลโอนารโด ดา วินชี จากนั้นก็ไดมีการใชสีนํ้ามันกันหลายลักษณะ เหตุที่ ศิลปนนิยมใชสีนํ้ามันอาจเปนเพราะวาดไดสะดวกดวยกลวิธีตางๆ มากมาย ตามแตความถนัดและการคิดคนพลิกแพลงหาแนวทางของตนเอง
บูรณาการอาเซียน ใหนักเรียนแบงกลุม 5 คน ใหแตละกลุมหาตัวอยางภาพผลงานทัศนศิลป ที่แสดงถึงวิถีชีวิตความเปนอยู ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม ประชากร สถานที่สําคัญของประเทศสมาชิกอาเซียน จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน หนังสือ นิตยสาร อินเทอรเน็ต เปนตน กลุมละ 1 ภาพ จากนั้นเขียนบรรยายถึงจุดประสงค ลักษณะของผลงาน และเนื้อหาสาระของผลงาน เพื่อใหผูอื่นอานเขาใจไดงาย โดยเนนการใชคําศัพททางทัศนศิลป ทั้งนี้ใหจัดทําอภิธานศัพททางทัศนศิลปไวดวย วา คําศัพทนั้นๆ มีความหมายวาอยางไร จากนั้นนําผลงานสงครูผูสอนเพื่อตรวจ พิจารณา และใหแตละกลุมสงตัวแทนออกมาบรรยายผลงานทัศนศิลปดังกลาว หนาชั้นเรียน
คูมือครู
39
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
Engage
Explore
Explain
Expand
ตรวจสอบผล
ตรวจสอบผล Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate
Evaluate
ครูพิจารณาแผนพับคําศัพททางทัศนศิลป ของนักเรียน โดยพิจารณาในดานความถูกตอง ความสวยงาม และความคิดสรางสรรค
¤Ò¶ÒÁ»ÃШíÒ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ
๑. ทัศนธาตุหรือองค์ประกอบทัศนศิลป์มีความส�าคัญต่อการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์อย่างไร ๒. การพิจารณาผลงานชิ้นหนึ่งว่ามีความงามหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง ๓. เส้นในแต่ละลักษณะให้ความรู้สึกต่อการมองเห็นแตกต่างกันอย่างไร ๔. นักเรียนเห็นด้วยหรือไม่กับข้อความที่ว่า สีเป็นองค์ประกอบทัศนศิลป์ที่ส�าคัญที่สุดในงานจิตรกรรม ๕. หลักการออกแบบที่ดีควรค�านึงถึงเรื่องใดบ้าง ๖. การใช้ตัวอักษรและภาพประกอบในงานออกแบบสิ่งพิมพ์เพื่อให้เกิดความเข้าใจชัดเจน ควรมีลักษณะ อย่างไร ๗. เพราะเหตุใดในการบรรยายผลงานทางทัศนศิลป์ควรใช้ค�าศัพท์ทางทัศนศิลป์ประกอบลงไปด้วย
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู 1. ผลงานการจัดนิทรรศการเรื่อง “ทัศนธาตุคูงาน ทัศนศิลป” 2. ผลงานการจัดนิทรรศการเรื่อง “ศิลปะความงาม จากการออกแบบงานทัศนศิลป” 3. ผลการสรุปสาระสําคัญเกี่ยวกับประเภท ของงานออกแบบ 4. แผนพับคําศัพททางทัศนศิลป
¡Ô¨¡ÃÃÁÊÌҧÊÃä ¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ กิจกรรมที่ ๑๑ กิจกรรมที่ ๒๒ ๓ กิจกรรมที่ ๓
ให้นักเรียนฝึกหัดเขียนเส้นชนิดต่างๆ ให้ครบด้วยมือ แล้วอธิบายถึงความรู้สึก ที่มีต่อเส้นดังกล่าว ให้นักเรียนทดลองวาดรูปโดยใช้ทัศนธาตุให้ครบทุกองค์ประกอบ จากนั้นผลัดกัน กับเพื่อนช่วยกันวิจารณ์ผลงาน ให้นันักเรียนไปหาภาพมา ๑ ภาพ อาจจะเป็นด้านจิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม แล้วบรรยายผลงานด้วยการใช้ภาษาต่างๆ ประกอบกับศัพท์ ทางทัศนศิลป์ จากนั้นออกมาน�าเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน
40
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู 1. ทําใหงานศิลปะมีความสวยงาม นาประทับใจ 2. พิจารณาจาก 3 ดาน ไดแก 1. ดานความงาม 2. ดานสาระ 3. ดานอารมณความรูสึก 3. เสนในแตละลักษณะจะใหความรูสึกแตกตางกัน เชน • เสนตั้ง หรือเสนดิ่ง ใหความรูสึกทางความสูง สงา มั่นคง แข็งแรง หนักแนน เปนสัญลักษณของความซื่อตรง • เสนนอน ใหความรูสึกทางความกวาง สงบ ราบเรียบ นิ่ง ผอนคลาย • เสนเฉียง หรือเสนทแยงมุม ใหความรูสึกเคลื่อนไหว รวดเร็ว ไมมั่นคง • เสนหยัก หรือเสนซิกแซกแบบฟนปลา ใหความรูสึกเคลื่อนไหวอยางเปนจังหวะ มีระเบียบ ไมราบเรียบ นากลัว อันตราย ขัดแยง รุนแรง • เสนประ ใหความรูสึกที่ไมตอเนื่อง ขาดหาย ไมชัดเจน ทําใหเกิดความเครียด เปนตน 4. นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็นไดอยางอิสระ ครูอธิบายเพิ่มเติมวา ภาพจะสวยงามไดนั้นตองขึ้นอยูกับองคประกอบศิลปที่มีความเหมาะสมลงตัว คือ จุด เสน รูปราง รูปทรง พื้นผิว พื้นที่วาง นํ้าหนักออน-แก และสี 5. ควรคํานึงถึงความสมดุล สัดสวน ความกลมกลืน การใชสัดสวนใหสัมพันธกับสิ่งแวดลอม ความแตกตาง จังหวะ และการเนนใหเกิดจุดเดน 6. ตัวอักษรมีขนาดที่เหมาะสม สั้น กระชับ ไดใจความ ภาพประกอบมีความสวยงาม 7. เพราะจะทําใหผูฟงหรือผูอานเขาใจ หรือมีความประทับใจตอผลงานทัศนศิลปไดงายขึ้น
40
คูมือครู