8858649121554

Page 1

คูมือครู 㪌»ÃСͺ¡ÒÃÊ͹ËÇÁ¡Ñº

˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ©ºÑº »ÃСѹÏ

ภาพปกนี้มีขนาดเทากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน

กระบวนการสอนแบบ 5 Es ชวยสรางทักษะการเรียนรู กิจกรรมมุงพัฒนาทักษะการคิด คำถาม + แนวขอสอบเพื่อยกผลสัมฤทธิ์ O-NET กิจกรรมบูรณาการเตรียมพรอมสู ASEAN 2558


เอกสารประกอบคูมือครู

กลุมสาระการเรียนรู ศิลปะ

ดนตรี

ชั้นมัธยมศึกษาปที่

4

สําหรับครู

คูมือครู Version ใหม

ลักษณะเดน

ขยายพื้นที่รูปเลมใหญขึ้นกวาเดิม จัดแบงพื้นที่ออกเปนโซน เพื่อคนหาขอมูลไดงาย สะดวก รวดเร็ว และดูเปนระเบียบ กระตุน ความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ Expand

ตรวจสอบผล

กระตุน ความสนใจ

Evaluate

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ Expand

ตรวจสอบผล Evaluate

เปาหมายการเรียนรู สมรรถนะของผูเรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค

หน า

โซน 1 กระตุน ความสนใจ

Engage

สํารวจคนหา

Explore

อธิบายความรู

Explain

ขยายความเขาใจ

Expand

ตรวจสอบผล

หน า

หนั ง สื อ เรี ย น

โซน 1

หนั ง สื อ เรี ย น

Evaluate

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T

ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET

O-NET บูรณาการเชื่อมสาระ

เกร็ดแนะครู

ขอสอบ

โซน 2

โซน 3

กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย

นักเรียนควรรู

โซน 3

โซน 2 บูรณาการอาเซียน มุม IT

No.

คูมือครู

คูมือครู

No.

โซน 1 ขั้นตอนการสอนแบบ 5Es

โซน 2 ชวยครูเตรียมสอน

โซน 3 ชวยครูเตรียมนักเรียน

เพื่อใหครูเตรียมจัดกิจกรรมการเรียน การสอน โดยแนะนําขั้นตอนการสอนและ การจัดกิจกรรมแบบ 5Es อยางละเอียด เพื่อใหนักเรียนบรรลุตามตัวชี้วัด

เพื่อชวยลดภาระครูผูสอน โดยแนะนํา เกร็ดความรูสําหรับครู ความรูเสริมสําหรับ นักเรียน รวมทั้งบูรณาการความรูสูอาเซียน และมุม IT

เพื่อใหครูสะดวกตอการจัดกิจกรรม โดย แนะนํากิจกรรมบูรณาการเชือ่ มระหวางสาระหรือ กลุมสาระการเรียนรู วิชา กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย รวมถึงเนื้อหาที่เคยออกขอสอบ O-NET แนวขอสอบ NT/O-NET ทีเ่ นนการคิด พรอมเฉลยและคําอธิบายอยางละเอียด


ที่ใชในคูมือครู

แถบสีและสัญลักษณ

แถบสีแสดงขั้นตอนการสอนและการจัดกิจกรรม แบบ 5Es เพื่อใหครูทราบวาเปนขั้นการสอนขั้นใด

1. แถบสี 5Es สีแดง

สีเขียว

กระตุน ความสนใจ

เสร�ม

สํารวจคนหา

Engage

2

เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใช เทคนิคกระตุน ความสนใจ เพื่อโยง เขาสูบทเรียน

สีสม

อธิบายความรู

Explore

เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนสํารวจ ปญหา และศึกษา ขอมูล

สีฟา

Explain

เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนคนหา คําตอบ จนเกิดความรู เชิงประจักษ

สีมวง

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนนําความรู ไปคิดคนตอๆ ไป

เปนขั้นที่ผูสอน ประเมินมโนทัศน ของผูเรียน

2. สัญลักษณ สัญลักษณ

วัตถุประสงค

• เปาหมายการเรียนรู

• หลักฐานแสดง ผลการเรียนรู

• เกร็ดแนะครู

แทรกความรูเสริมสําหรับครู ขอเสนอแนะ ขอควรระวัง ขอสังเกต แนวทางการจัด กิจกรรมและอืน่ ๆ เพื่อประโยชนในการ จัดการเรียนการสอน ขยายความรูเพิ่มเติมจากเนื้อหา เพื่อให ครูนําไปใชอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียน ไดมีความรูมากขึ้น

ความรูห รือกิจกรรมเสริม ใหครูนาํ ไปใช เตรียมความพรอมใหกบั นักเรียนกอนเขาสู ประชาคมอาเซียนใน พ.ศ. 2558 โดย บูรณาการกับวิชาทีก่ าํ ลังเรียน

บูรณาการอาเซียน

คูม อื ครู

แสดงรองรอยหลักฐานตามภาระงาน ที่ครูมอบหมาย เพื่อแสดงผลการเรียนรู ตามตัวชี้วัด

• นักเรียนควรรู

มุม IT

แสดงเปาหมายการเรียนรูที่นักเรียน ตองบรรลุตามตัวชี้วัด ตลอดจนสมรรถนะ ที่จะตองมี และคุณลักษณะที่พึงเกิดขึ้น กับนักเรียน

แนะนําแหลงคนควาจากเว็บไซต เพื่อให ครูและนักเรียนไดเขาถึงขอมูลความรู ที่หลากหลาย ทั้งไทยและตางประเทศ

สัญลักษณ

ขอสอบ

วัตถุประสงค

O-NET

(เฉพาะวิชา ชัน้ ทีส่ อบ O-NET O-NET)

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE O-NETT (เฉพาะระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนตน)

ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET (เฉพาะระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลาย)

บูรณาการเชื่อมสาระ

กิจกรรมสรางเสริม

• ชีแ้ นะเนือ้ หาทีเ่ คยออกขอสอบ

O-NET โดยยกตัวอยางขอสอบ พรอมวิเคราะหคาํ ตอบ อยางละเอียด

• เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน

การคิดและเปนแนวขอสอบ NT/O-NET ในระดับมัธยมศึกษา ตอนตน มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด

• เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน

การคิดและเปนแนวขอสอบ O-NET ในระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด

• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม

เชือ่ มกับสาระหรือกลุม สาระ การเรียนรู ระดับชัน้ หรือวิชาอืน่ ทีเ่ กีย่ วของ

• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม ซอมเสริมสําหรับนักเรียนทีค่ วร ไดรบั การพัฒนาการเรียนรู

• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม กิจกรรมทาทาย

ตอยอดสําหรับนักเรียนทีเ่ รียนรู ไดอยางรวดเร็ว และตองการ ทาทายความสามารถในระดับ ทีส่ งู ขึน้


คําแนะนําการใชคูมือครู การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน คูมือครู รายวิชา ดนตรี ม.4 จัดทําขึ้นเพื่อใหครูผูสอนนําไปใชเปนแนวทางวางแผนการสอนเพื่อพัฒนาผล สัมฤทธิ์ทางการเรียน และประกันคุณภาพผูเรียน ตามนโยบายของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยใชหนังสือเรียน ดนตรี ม.4 ของบริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด เปนสื่อหลัก (Core Material) ประกอบการสอน และการจัดกิจกรรมการเรียนรูใหสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดกลุมสาระการเรียนรู ศิลปะ ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนตามหลักการสําคัญ ดังนี้

เสร�ม

3

1 ออกแบบการสอนเปนหนวยการเรียนรูอิงมาตรฐาน คูมือครู รายวิชา ดนตรี ม.4 วางแผนการสอนโดยแบงเปนหนวยการเรียนรูตามลําดับสาระ (Strand) และ หมายเลขขอของมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด แตละหนวยจะกําหนดเปาหมายการเรียนรูและจุดประสงคการเรียนรู (Objective Learning) กิจกรรมการเรียนรู (Learning Activities) และแนวทางการประเมินผลการเรียนรู (Learning Evaluation) ไวชัดเจน ครูผูสอนสามารถจัดทําแผนการสอนใหครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด สมรรถนะ และคุณลักษณะอันพึงประสงคที่เปนเปาหมายการเรียนรูตามที่กําหนด หนดไวในสาระแกนกลาง (ตามแผนภูมิ) และสามารถ บันทึกผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผูเรียนแตละคนลงในเอกสาร ปพ.5 ได ไดอยางมั่นใจ แผนภูมิแสดงความสัมพันธขององคประกอบการออกแบบการเรียนรูอิงมาตรฐานและเน มาต นผูเรียนเปนสําคัญ

พผ

ูเ

จุ ด ป ร

ะสง

คก า

ส ภา

รี ย น

รู ีเรยน

มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัดชวงชั้น

ทักษะการคิด การวัดประเมินผล การเรียนรู

กิจกรรมการเรียนรู

เทคนิคการสอน คูม อื ครู


2 การจัดการเรียนรูที่ยึดผูเรียนเปนสําคัญ แนวคิ ด ในการจั ด การเรี ย นการสอนที่ ยึ ด ผู  เ รี ย นเป น สํ า คั ญ พั ฒ นามาจากปรั ช ญาและทฤษฎี ก ารเรี ย นรู  Constructivism ที่เชื่อวา การเรียนรูเปนกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในสมองของผูเรียนแตละคน ผูเรียนเปนผูสรางความรู โดยการเชื่อมโยงระหวางสิ่งที่ไดเรียนรูจากบทเรียนใหมกับความรูหรือประสบการณเดิมที่มีอยู ทฤษฎีนี้มีความเชื่อวา ผูเรียนทุกคนไดเรียนรูและมีการสั่งสมความรูความเขาใจเกี่ยวกับสิ่งตางๆ ติดตัวมากอน ทีจ่ ะเขาสูห อ งเรียน ซึง่ เปนการเรียนรูท เี่ กิดจากประสบการณและสิง่ แวดลอมรอบตัวผูเ รียนแตละคน ดังนัน้ การจัดกิจกรรม เสร�ม การเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ผูสอนจะตองคํานึงถึง

4

1. ความรูเดิมของผูเรียน วิธีการสอนที่ดีจะตองเริ่มตนจากจุดที่วา ผูเ รียนมีความรูอ ะไรมาบาง แลวจึงใหความรู หรือประสบการณใหม เพื่อตอยอดจาก ความรูเดิม นําไปสูการสรางความรู ความเขาใจใหม

2. ความรูเดิมของผูเรียนถูกตองหรือไม ผูส อนตองปรับเปลีย่ นความรูค วามเขาใจเดิม ของผูเรียนใหถูกตอง และเปนพฤติกรรม การเรียนรูใ หมทมี่ คี ณุ คาตอผูเรียน เพื่อสราง เจตคติหรือทัศนคติที่ดีตอการเรียนรู สิ่งเหลานั้น

3. ผูเรียนสรางความหมายสําหรับตนเอง ผูสอนตองสงเสริมใหผูเรียนนําความรู ความเขาใจที่เกิดขึ้นไปลงมือปฏิบัติ เพื่อขยายความรูใหลึกซึ้งและมีคุณคา ตอตัวผูเรียนมากที่สุด

แนวคิด Constructivism เนนใหผูเรียนสรางความรูโดยผานกระบวนการคิดและความอยากรูของตนเอง โดยมีผูสอนเปนผูสรางบรรยากาศ

การเรียนรูและกระตุนความสนใจ คอยจัดสถานการณใหผูเรียนเกิดความขัดแยงทางความคิดระหวางประสบการณเดิมกับประสบการณ ความรูใ หม เพือ่ กระตนุ ใหผเู รียนเชือ่ มโยงความรู ความคิด กับประสบการณทมี่ อี ยูเ ดิม แลวสังเคราะหเปนความรูห รือแนวคิดใหมๆ ไดดว ยตนเอง

3 การบูรณาการกระบวนการคิด การเรียนรูของผูเรียนแตละคนจะเกิดขึ้นที่สมอง ซึ่งเปนอวัยวะที่ทําหนาที่รูคิดภายใตสภาพแวดลอมที่เอื้ออํานวย และไดรบั การกระตนุ จูงใจอยางเหมาะสม สอดคลองกับสภาพจิตใจและความตองการของผูเ รียนแตละคน การจัดกิจกรรม การเรียนรูและสาระการเรียนรูที่สอดคลองกับความสนใจและมีความหมายตอผูเรียน จะชวยกระตุนใหสมองของผูเรียน สามารถรับรูและเรียนรูไดอยางมีประสิทธิภาพตามขั้นตอนการทํางงานของสมอง ดังนี้ 1. สมองจะเรียนรูและสืบคน โดยการสังเกต คนหา ซักถาม และทดลอง ปฏิบัติ จนทําใหคนพบความรูความเขาใจ ไดอยางรวดเร็ว

2. สมองจะแยกแยะคุณคาของสิ่งตางๆ โดยการตัดสินใจวิพากษวิจารณ แสดง ความคิดเห็น ยอมรับหรือตอตานตาม อารมณความรูสึกที่เกิดขึ้นในขณะที่เรียนรู

3. สมองจะประมวลเนื้อหาสาระ โดยการสรุปเปนความคิดรวบยอดจาก เรื่องราวที่ไดเรียนรูใหมนําไปผสมผสานกับ ความรูห รือประสบการณเดิมทีถ่ กู จัดเก็บอยูใ น สมอง ผานการกลัน่ กรองเพือ่ สังเคราะหเปน ความรูค วามเขาใจใหมๆ หรือเปนทัศนคติใหม ที่จะเก็บบรรจุไวในสมองของผูเรียน

การเรียนรูที่มีประสิทธิภาพจึงตองเปนการเรียนรูที่เกิดจากกระบวนการคิดของผูเรียน เพราะการเรียนรูจะเกิดขึ้น เมื่อสมองรูคิด และตองเปนการคิดไดครบถวนตามขั้นตอนการทํางานของสมองผูเรียน โดยเริ่มตนจาก 1. ระดับการคิดพื้นฐาน ไดแก การสังเกต การจําแนก การคาดคะเน การสื่อความหมาย การรวบรวมขอมูล การสรุปผล เปนตน

คูม อื ครู

2. ระดับลักษณะการคิด ไดแก การคิดกวาง คิดลึกซึ้ง คิดไกล คิดหลากหลาย คิดคลอง คิดอยางมีเหตุผล เปนตน

3. ระดับกระบวนการคิด ไดแก กระบวนการคิดอยางมีวิจารณญาณ กระบวนการแกปญหา กระบวนการ คิดสรางสรรค กระบวนการคิดสังเคราะห เปนตน


5Es การจัดกิจกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ขั้นตอนการสอนที่สัมพันธกับขั้นตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้ ขั้นที่ 1

กระตุนความสนใจ

(Engage)

เสร�ม

5

เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของผูเรียนดวยเรื่องราวหรือเหตุการณที่นาสนใจโดยใชเทคนิควิธีการ และคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูความรูของบทเรียนใหม ชวยใหผูเรียนสามารถ สรุปความสําคัญหัวขอและสาระการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนการสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสราง แรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน

ขั้นที่ 2

สํารวจคนหา

(Explore)

เปนขัน้ ทีผ่ สู อนเปดโอกาสใหผเู รียนลงมือศึกษา สังเกต หรือรวมมือกันสํารวจ เพือ่ ใหเห็นขอบขายของประเด็นหรือปญหา รวมถึง วิธีการศึกษาคนควา การรวบรวมขอมูลความรูที่จะนําไปสูการสรางความเขาใจประเด็นหรือปญหานั้นๆ เมื่อผูเรียนทําความเขาใจใน ประเด็นหรือปญหาที่จะศึกษาคนควาอยางถองแทแลว ก็ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมขอมูลความรู สํารวจตรวจสอบ โดยวิธีการตางๆ เชน สัมภาษณ ทดลอง อานคนควาขอมูลจากเอกสาร แหลงขอมูลตางๆ จนไดขอมูลความรูที่เกี่ยวของกับประเด็นหรือปญหาที่ศึกษา

ขั้นที่ 3

อธิบายความรู

(Explain)

เปนขั้นที่ผูสอนมีปฏิสัมพันธกับผูเรียน เชน ใหการแนะนํา ตั้งคําถามกระตุนใหคิด เพื่อใหผูเรียนคนหาคําตอบ และนําขอมูล ความรูจากการศึกษาคนควาในขั้นที่ 2 มาวิเคราะห สรุปผล และนําเสนอผลที่ไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน เขียนแผนภูมิ ผังมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน ในขั้นตอนนี้ฝกใหผูเรียนใชสมองคิดวิเคราะหและสังเคราะห อยางเปนระบบ

ขั้นที่ 4

ขยายความเขาใจ

(Expand)

เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใชเทคนิควิธีสอนตางๆ ที่สงเสริมใหผูเรียนนําความรูที่เกิดขึ้นไปคิดคนสืบคนตอๆ ไป เพื่อพัฒนาทักษะ การเรียนรูและการทํางานรวมกันเปนกลุม ระดมสมองเพื่อคิดสรางสรรครวมกัน ผูเรียนสามารถนําความรูที่สรางขึ้นใหมไปเชื่อมโยง กับประสบการณเดิมโดยนําขอสรุปทีไ่ ดไปใชอธิบายเหตุการณตา งๆ หรือนําไปปฏิบตั ใิ นสถานการณใหมๆ ทีเ่ กีย่ วของกับชีวติ ประจําวัน ของตนเอง เพื่อขยายความรูความเขาใจใหกวางขวางยิ่งขึ้น ในขั้นตอนนี้ฝกสมองของผูเรียนใหสามารถคิดริเริ่มสรางสรรคอยางมี คุณภาพ เสริมสรางวิสัยทัศนใหกวางไกลออกไป

ขั้นที่ 5

ตรวจสอบผล

(Evaluate)

เปนขัน้ ทีผ่ สู อนประเมินมโนทัศนของผูเ รียน โดยตรวจสอบจากความคิดทีเ่ ปลีย่ นไปและความคิดรวบยอดทีเ่ กิดขึน้ ใหม ตรวจสอบ ทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแกปญหา การตอบคําถามรวบยอด หรือการเคารพความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่น เพื่อการ สรางสรรคความรูร ว มกัน ผูเ รียนสามารถประเมินผลการเรียนรูข องตนเอง เพือ่ สรุปผลวามีความรูอ ะไรเพิม่ ขึน้ มาบาง เกิดความเขาใจ มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ หรือในชีวิตประจําวันไดอยางไร ผูเรียนจะเกิดเจตคติ และเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริง

การจัดกิจกรรมการเรียนรูตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนนผูเรียน เปนสําคัญอยางแทจริง เพราะสงเสริมใหผูเรียนไดเรียนรูตามขั้นตอนของกระบวนการสรางความรูดวยตนเอง และ ฝกฝนใหใชกระบวนการคิดและกระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะชีวิต ทักษะการทํางาน และทักษะการ เรียนรูที่มีประสิทธิภาพ สงผลตอการยกระดับผลสัมฤทธิ์ของผูเรียน ตามเปาหมายของการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการ คูม อื ครู


O-NET การเพิ่มผลสัมฤทธิ์ O-NET

การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ในแตละหนวยการเรียนรู ทางผูจัดทํา จะเสนอแนะวิธีสอน รูปแบบกิจกรรมการเรียนรู พรอมทั้งออกแบบเครื่องมือวัดและประเมินผลที่สอดคลองกับตัวชี้วัด และสาระการเรียนรูแกนกลางไวทุกขั้นตอน โดยยึดหลักสําคัญ คือ หลักของการวัดและประเมินผล เสร�ม

6

1. การวัดและประเมินผลทุกครั้ง ควรนําผลมาปรับปรุงพัฒนาผูเรียน เปนรายบุคคล

2. การวัดและประเมินผลมี เปาหมาย เพื่อพัฒนาการเรียนรู ของผูเรียนจนเต็มศักยภาพ

3. การนําผลการวัดและประเมินผล ทุกครั้งมาวางแผนปรับปรุงกิจกรรม การเรียนการสอน การเลือกเทคนิค วิธีสอน และสื่อการเรียนรูให เหมาะสมกับสภาพจริงของผูเรียน

การทดสอบผูเรียน 1. การใชขอสอบอัตนัย เนนการอาน การคิดวิเคราะห และการเขียนเพิ่มมากขึ้น 2. การใชคําถามกระตุนการคิดควบคูกับการทําขอสอบที่เนนการคิดอยางตอเนื่องตามลําดับกิจกรรมการเรียนรู และตัวชี้วัด 3. การทดสอบตองดําเนินการทั้งกอนเรียน ระหวางเรียน และหลังเรียน การทดสอบควรใชขอสอบทั้งชนิดปรนัยและ อัตนัย และเปนการทดสอบเพื่อประเมินผลการเรียนของผูเรียนแตละคน เพื่อการสอนซอมเสริมใหบรรลุตัวชี้วัด ไดครบถวน 4. การสอบกลางภาค (ถามี) ควรนําแบบฝกหัดหรือขอสอบทีน่ กั เรียนสวนใหญไมสามารถตอบไดหรือไมครบถวนชัดเจน มา สรางเปนแบบทดสอบอีกครัง้ เพือ่ ตรวจสอบความรูค วามเขาใจทีถ่ กู ตอง และประเมินความกาวหนาของผูเ รียนแตละคน 5. การสอบปลายภาคเรียนเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามตัวชี้วัดที่สําคัญ ควรออกขอสอบใหมีลักษณะเดียวกับ ขอสอบ O-NET โดยเนนการคิดวิเคราะห สังเคราะห เชื่อมโยงประยุกตใช เพื่อสรางความคุนเคย และฝกฝน วิธีการทําขอสอบดวยความมั่นใจ 6. การนําผลการทดสอบของผูเรียนมาวิเคราะห โดยผลการสอบกอนการเรียนตองสามารถพยากรณผลการสอบ กลางภาค และผลการสอบกลางภาคตองทํานายผลการสอบปลายภาคของผูเ รียนแตละคน เพือ่ ประเมินพัฒนาการ ความกาวหนาของผูเรียนเปนรายบุคคล 7. ผลการทดสอบปลายป ปลายภาค ตองมีคาเฉลี่ยสอดคลองกับคาเฉลี่ยของการสอบ NT ที่เขตพื้นที่การศึกษา จัดสอบ รวมทั้งคาเฉลี่ยของการสอบ O-NET ชวงชั้นที่สอดคลองครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดสําคัญ เพือ่ สะทอนประสิทธิภาพของครูผสู อนในการออกแบบการเรียนรูแ ละประกันคุณภาพผูเ รียนทีต่ รวจสอบผลไดชดั เจน การจัดการเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ตองใหผูเรียนไดสั่งสมความรู ความเขาใจตามลําดับขั้นตอน ของกิจกรรมในวัฏจักรการเรียนรู 5Es เพื่อใหผูเรียนไดเติมเต็มองคความรูอยางตอเนื่อง จนสามารถปฏิบัติชิ้นงานหรือ ภาระงานรวบยอดของแตละหนวย ผานเกณฑประกันคุณภาพในระดับที่นาพึงพอใจ เพื่อรองรับการประเมินภายนอกจาก สมศ. ตลอดเวลา คูม อื ครู


ASEAN การเรียนรูสูประชาคมอาเซียน เพื่ออํานวยความสะดวกแกครูผูสอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรูบูรณาการอาเซียนศึกษา ผูจัดทําไดวิเคราะห มาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัดที่มีสาระการเรียนรูสอดคลองกับองคความรูเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนในแงมุมตางๆ ครอบคลุมทัง้ ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรม อาเซียน เพื่อสงเสริมการเรียนรูใหผูเรียนเกิดความตระหนัก มีความรูความเขาใจเหมาะสมกับระดับชั้นและกลุมสาระ การเรียนรู โดยเสนอแนะวิธีการจัดกิจกรรมบูรณาการเนื้อหาสาระตางๆ ที่เปนประโยชนตอผูเรียนและเปนการชวย เตรียมความพรอมผูเ รียนทุกคนทีจ่ ะกาวเขาสูก ารเปนสมาชิกของประชาคมอาเซียนไดอยางมัน่ ใจตามขอตกลงปฏิญญา เสร�ม ชะอํา-หัวหิน วาดวยความรวมมือดานการศึกษาเพือ่ บรรลุเปาหมายประชาคมอาเซียนทีเ่ อือ้ อาทรและแบงปน จึงกําหนด 7 เปนนโยบายใหกระทรวงศึกษาธิการจัดการเรียนรูเตรียมความพรอมผูเรียนเขาสูประชาคมอาเซียนภายในป พ.ศ. 2558 ตามแนวปฏิบัติที่สําคัญ ดังนี้

การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน 1. การสรางความรูความเขาใจ และตระหนักถึงความสําคัญของ กฎบัตรอาเซียน และความรวมมือ ของ 3 เสาหลัก ซึง่ กฎบัตรอาเซียน ในขณะนี้มีสถานะเปนกฎหมายที่ ประเทศสมาชิกจะตองปฏิบัติตาม หลักการที่กําหนดไวเพื่อใหบรรลุ เปาหมายของกฎบัตรมาตราตางๆ

2. การสงเสริมหลักการ ประชาธิปไตยและการสราง สิ่งแวดลอมประชาธิปไตย เพื่อการอยูรวมกันอยางกลมกลืน ภายใตวิถีชีวิตอาเซียนที่มีความ หลากหลายดานสังคมและ วัฒนธรรม

4. การตระหนักในคุณคาของ สายสัมพันธทางประวัติศาสตร และมรดกทางวัฒนธรรมที่มี พัฒนาการรวมกัน เพื่อเชื่อม อัตลักษณและสรางจิตสํานึก ในการเปนประชากรของประชาคม อาเซียนรวมกัน

3. การสงเสริมการศึกษาดาน สิทธิมนุษยชน เพื่อสรางประชาคม อาเซียนใหเปนประชาคมเพื่อ ประชาชนอยางแทจริง สามารถ อยูรวมกันไดบนพื้นฐานการเคารพ ในคุณคาของศักดิ์ศรีแหงความ เปนมนุษยเทาเทียมกัน

5. การสงเสริมสันติภาพ ความ มั่นคง และความปรองดองในสังคม ทั้งระดับประเทศและภูมิภาคของ อาเซียนบนพื้นฐานสันติวิธีและการ อยูรวมกันดวยขันติธรรม

คูม อื ครู


การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

เสร�ม

8

1. การพัฒนาทักษะการทํางาน เพื่อเสริมสรางผูเรียนใหมีทักษะ วิชาชีพที่จําเปนสอดคลองกับ ความตองการของตลาดแรงงาน และสถานประกอบการในอาเซียน สามารถเทียบโอนผลการเรียน และการทํางานตามมาตรฐานฝมือ แรงงานในภูมิภาคอาเซียน

2. การเสริมสรางวินัย ความรับผิดชอบ และเจตคติรักการทํางาน สามารถพึ่งพาตนเอง มีทักษะชีวิต ดํารงชีวิตอยางมีความสุข เห็นคุณคา และภูมิใจในตนเอง ในฐานะที่เปนพลเมืองไทยและ อาเซียน

3. การเรียนรูเพื่อพัฒนาตนเอง อยางตอเนื่องตลอดชีวิต ใหมี ทักษะการทํางานตามมาตรฐาน อาชีพ และคุณวุฒิของวิชาชีพสาขา ตางๆ เพื่อรองรับการเตรียมเคลื่อน ยายแรงงานมีฝมือและการเปน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่ เขมแข็ง เพื่อสรางขีดความสามารถ ในการแขงขันในเวทีโลก

การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน 1. การเสริมสรางความรวมมือ ในลักษณะสังคมที่เอื้ออาทร ของประชากรอาเซียน โดยยึด หลักการสําคัญ คือ ความงดงาม ของประชาคมอาเซียนมาจาก ความแตกตางและหลากหลายทาง วัฒนธรรมที่ลวนแตมีคุณคาตอ มรดกทางวัฒนธรรมของอาเซียน ซึ่งประชาชนทุกคนตองอนุรักษ สืบสานใหยั่งยืน

2. การเสริมสรางคุณลักษณะ ของผูเรียนใหเปนพลเมืองอาเซียน ที่มีศักยภาพในการกาวเขาสู ประชาคมอาเซียนอยางมั่นใจ เปนผูที่มีสุขภาพสมบูรณแข็งแรง มีทักษะการสื่อสาร ทักษะการ ทํางาน ทักษะทางสังคม สามารถ ทํางานรวมกับผูอื่นไดอยาง สรางสรรค และมีองคความรู เกี่ยวกับอาเซียนที่จําเปนตอการ ดํารงชีวิตอยางมีคุณภาพ

4. การสงเสริมการเรียนรูดาน ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถชี วี ติ ความเปนอยูข องเพือ่ นบาน ในอาเซียน เพื่อสรางจิตสํานึกของ ความเปนประชาคมอาเซียนและ ตระหนักถึงหนาที่ของการเปน พลเมืองอาเซียนรวมกัน

3. การสงเสริมการเรียนรูภาษา อังกฤษเพื่อการสื่อสารและการ ทํางานตามมาตรฐานอาชีพที่ กําหนดและสนับสนุนการเรียนรู ภาษาอาเซียนและภาษาเพื่อนบาน เพื่อชวยเสริมสรางสัมพันธภาพทาง สังคม และการอยูรวมกันอยางสันติ ทามกลางความหลากหลายทาง วัฒนธรรม

5. การสรางความรูและความ ตระหนักเกี่ยวกับดานสิ่งแวดลอม ปญหาและผลกระทบตอคุณภาพ ชีวิตของประชากรในภูมิภาค รวมทั้งแนวทางการพัฒนาอยาง ยั่งยืน ใหเปนมรดกสืบทอดแก พลเมืองอาเซียนในรุนหลังตอๆ ไป

กระทรวงศึกษาธิการจึงประกาศนโยบายการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) เพื่อเรงพัฒนาเด็ก และเยาวชนไทยใหเปนทรัพยากรมนุษยของชาติที่มีทักษะและความชํานาญ พรอมเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงและ การแขงขันทั้งในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆ ของสังคมโลก ทั้งนี้ผูบริหารสถานศึกษา ครูผูสอน และผูปกครอง ควรรวมมือกันอยางใกลชิดในการดูแลชวยเหลือผูเรียนและจัดประสบการณการเรียนรูเพื่อพัฒนาผูเรียนจนเต็มศักยภาพ เพื่อกาวเขาสูการเปนพลเมืองอาเซียนอยางมีเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีความเปนมนุษยของตน คณะผูจัดทํา คูม อื ครู


ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง สาระที่ 2

ดนตรี (เฉพาะชั้น ม.4)*

ดนตรี

มาตรฐาน ศ 2.1 เขาใจและแสดงออกทางดนตรีอยางสรางสรรค วิเคราะห วิพากษวิจารณคุณคาดนตรี ถายทอดความ รูสึก ความคิดตอดนตรีอยางอิสระ ชื่นชมและประยุกตใชในชีวิตประจําวัน ตัวชี้วัด

สาระการเรียนรูแกนกลาง

• การจัดวงดนตรี 1. เปรียบเทียบ รูปแบบของบทเพลง - การใชเครื่องดนตรีใน วงดนตรีประเภทตางๆ และวงดนตรีแตละ - บทเพลงทีบ่ รรเลงโดย ประเภท วงดนตรีประเภทตางๆ • ประเภทของวงดนตรี 2. จําแนกประเภท - ประเภทของวงดนตรีไทย และรูปแบบของ - ประเภทของวงดนตรี วงดนตรีทั้งไทย สากล และสากล • ปจจัยในการสรางสรรค 3. อธิบายเหตุผลที่ ผลงานดนตรีในแตละ คนตางวัฒนธรรม สรางสรรคงานดนตรี วัฒนธรรม - ความเชื่อกับการ แตกตางกัน สรางสรรคงานดนตรี - ศาสนากับการ สรางสรรคงานดนตรี - วิถีชีวิตกับการ สรางสรรคงานดนตรี - เทคโนโลยีกับการ สรางสรรคงานดนตรี • เครื่องหมายและสัญลักษณ 4. อาน เขียน โนต ดนตรีไทยและสากล ทางดนตรี ในอัตราจังหวะตางๆ - เครือ่ งหมายกําหนด อัตราจังหวะ - เครื่องหมายกําหนด บันไดเสียง • โนตบทเพลงไทยอัตรา จังหวะ 2 ชัน้ และ 3 ชัน้ • เทคนิคการถายทอด 5. รองเพลง หรือ เลนดนตรีเดี่ยวและ อารมณเพลงดวยการ รวมวงโดยเนนเทคนิค รองบรรเลงเครื่องดนตรี เดี่ยวและรวมวง การแสดงออกและ คุณภาพของการแสดง 6. สรางเกณฑสาํ หรับ • เกณฑในการประเมิน ผลงานดนตรี ประเมินคุณภาพ การประพันธและการ - คุณภาพของผลงาน ทางดนตรี เลนดนตรีของ - คุณคาของผลงาน ตนเองและผูอื่น ทางดนตรี ไดอยางเหมาะสม

ชั้น ม.4

หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน ชั้น ม.5

• หนวยการเรียนรูที่ 3 วงดนตรีไทย • หนวยการเรียนรูที่ 7 วงดนตรีสากล

-

• หนวยการเรียนรูที่ 3 • หนวยการเรียนรูที่ 4 ความรูทั่วไปเกี่ยวกับ วงดนตรีไทย • หนวยการเรียนรูที่ 7 ดนตรีสากล วงดนตรีสากล • หนวยการเรียนรูที่ 1 • หนวยการเรียนรูที่ 2 ดนตรีพนื้ บานของไทย ดนตรีไทย • หนวยการเรียนรูที่ 5 ดนตรีสากล

ชั้น ม.6

• หนวยการเรียนรูที่ 3 การปฏิบัติดนตรีไทย

เสร�ม

9

-

-

• หนวยการเรียนรูที่ 4 • หนวยการเรียนรูที่ 3 • หนวยการเรียนรูที่ 3 การปฏิบัติดนตรีไทย การปฏิบัติดนตรีไทย การปฏิบัติดนตรีไทย • หนวยการเรียนรูที่ 8 • หนวยการเรียนรูที่ 5 • หนวยการเรียนรูที่ 5 การปฏิบตั ดิ นตรีสากล การปฏิบตั ดิ นตรีสากล การปฏิบตั ดิ นตรีสากล

• หนวยการเรียนรูที่ 4 • หนวยการเรียนรูที่ 3 • หนวยการเรียนรูที่ 3 การปฏิบัติดนตรีไทย การปฏิบัติดนตรีไทย การปฏิบัติดนตรีไทย • หนวยการเรียนรูที่ 8 • หนวยการเรียนรูที่ 5 • หนวยการเรียนรูที่ 5 การปฏิบตั ดิ นตรีสากล การปฏิบตั ดิ นตรีสากล การปฏิบตั ดิ นตรีสากล -

• หนวยการเรียนรูที่ 3 การปฏิบัติดนตรีไทย

-

_________________________________ * สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง กลุมสาระการเรียนรูศิลปะ. (กรุงเทพมหานคร : ชุมนุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย, 2551), หนา 22-36.

คูม อื ครู


ตัวชี้วัด

สาระการเรียนรูแกนกลาง

7. เปรียบเทียบอารมณ • การถายทอดอารมณ ความรูสึกของงานดนตรี และความรูสึกที่ ไดรับจากงานดนตรี จากแตละวัฒนธรรม มาจากวัฒนธรรม ตางกัน 8. นําดนตรีไปประยุกต • ดนตรีกับการผอนคลาย ใชในงานอื่นๆ • ดนตรีกับการพัฒนามนุษย • ดนตรีกบั การประชาสัมพันธ • ดนตรีกบั การบําบัดรักษา • ดนตรีกับธุรกิจ • ดนตรีกับการศึกษา

เสร�ม

10

ชั้น ม.4 -

-

หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน ชั้น ม.5

ชั้น ม.6

-

• หนวยการเรียนรูที่ 1 ดนตรีกับวัฒนธรรม

• หนวยการเรียนรูที่ 1 ความรูทั่วไปเกี่ยวกับ ดนตรีไทย • หนวยการเรียนรูที่ 4 ความรูทั่วไปเกี่ยวกับ ดนตรีสากล

-

มาตรฐาน ศ 2.2 เขาใจความสัมพันธระหวางดนตรี ประวัติศาสตรและวัฒนธรรม เห็นคุณคาของดนตรีที่เปนมรดก ทางวัฒนธรรม ภูมิปญญาทองถิ่น ภูมิปญญาไทยและสากล ตัวชี้วัด

สาระการเรียนรูแกนกลาง

ชั้น ม.4

หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน ชั้น ม.5

• หนวยการเรียนรูที่ 2 • รูปแบบบทเพลงและ วงดนตรีไทยแตละยุคสมัย ความรูพื้นฐาน ดานดนตรีไทย • รูปแบบบทเพลงและ วงดนตรีสากลแตละยุคสมัย • หนวยการเรียนรูที่ 6 ความรูพื้นฐาน ดานดนตรีสากล • หนวยการเรียนรูที่ 2 • หนวยการเรียนรูที่ 1 2. วิเคราะหสถานะทาง • ประวัติสังคีตกวี ความรูทั่วไปเกี่ยวกับ ความรูพื้นฐาน สังคมของนักดนตรี ดนตรีไทย ดานดนตรีไทย ในวัฒนธรรมตางๆ • หนวยการเรียนรูที่ 6 • หนวยการเรียนรูที่ 2 ดนตรีพนื้ บานของไทย ความรูพื้นฐาน • หนวยการเรียนรูที่ 4 ดานดนตรีสากล ความรูทั่วไปเกี่ยวกับ ดนตรีสากล • หนวยการเรียนรูที่ 2 • หนวยการเรียนรูที่ 2 3. เปรียบเทียบลักษณะ • ลักษณะเดนของดนตรี ดนตรีพนื้ บานของไทย ความรูพื้นฐาน ในแตละวัฒนธรรม เดนของดนตรีใน ดานดนตรีไทย - เครื่องดนตรี วัฒนธรรมตางๆ • หนวยการเรียนรูที่ 3 - วงดนตรี วงดนตรีไทย - ภาษา เนื้อรอง • หนวยการเรียนรูที่ 7 - สําเนียง วงดนตรีสากล - องคประกอบบทเพลง 4. อธิบายบทบาทของ • บทบาทดนตรีในการสะทอน • หนวยการเรียนรูที่ 1 • หนวยการเรียนรูที่ 4 ความรูทั่วไปเกี่ยวกับ ดนตรีไทย ดนตรีในการสะทอน สังคม • หนวยการเรียนรูที่ 5 ดนตรีสากล - คานิยมของสังคมใน แนวความคิดและ ดนตรีสากล ผลงานดนตรี คานิยมที่เปลี่ยนไป - ความเชื่อของสังคมใน ของคนในสังคม งานดนตรี 5. นําเสนอแนวทาง • แนวทางและวิธีการในการ • หนวยการเรียนรูที่ 3 วงดนตรีไทย ในการสงเสริมและ สงเสริมอนุรักษดนตรีไทย อนุรักษดนตรีใน ฐานะมรดกของชาติ

1. วิเคราะหรูปแบบ ของดนตรีสากล ในยุคสมัยตางๆ

คูม อื ครู

ชั้น ม.6 -

• หนวยการเรียนรูที่ 2 ความรูเกี่ยวกับ ดนตรีไทย • หนวยการเรียนรูที่ 4 ความรูเกี่ยวกับ ดนตรีสากล • หนวยการเรียนรูที่ 1 ดนตรีกับวัฒนธรรม

• หนวยการเรียนรูที่ 2 ความรูเกี่ยวกับ ดนตรีไทย • หนวยการเรียนรูที่ 4 ความรูเกี่ยวกับ ดนตรีสากล • หนวยการเรียนรูที่ 2 ความรูเกี่ยวกับ ดนตรีไทย


คําอธิบายรายวิชา รายวิชา ดนตรี ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 รหัสวิชา ศ…………………………………

กลุมสาระการเรียนรู ศิลปะ ภาคเรียนที่………… เวลา 40 ชั่วโมง/ป

ศึกษา เปรียบเทียบการจัดวงดนตรี รูปแบบของบทเพลงที่บรรเลงโดยวงดนตรีแตละประเภท จําแนกประเภทและ รูปแบบของวงดนตรีไทยและวงดนตรีสากล เขาใจอิทธิพลของวัฒนธรรมตอการสรางสรรคงานดนตรีโดยใชกระบวนการคิด เสร�ม วิเคราะหเพื่ออธิบายเหตุผล หรือปจจัยที่คนแตละวัฒนธรรมสรางสรรคงานดนตรีแตกตางกัน 11 ฝกปฏิบัติการอาน เขียน โนตดนตรีไทยและสากลในอัตราจังหวะตางๆ มีทักษะในการรองเพลง หรือบรรเลง ดนตรีเดี่ยวและรวมวง โดยเนนเทคนิคการแสดงออกและคุณภาพของการแสดง สรางเกณฑสําหรับประเมินคุณภาพ การประพันธและการเลนดนตรีของตนเองและผูอ นื่ ไดอยางเหมาะสม เปรียบเทียบอารมณและความรูส กึ ทีไ่ ดรบั จากงานดนตรี ทีม่ าจากวัฒนธรรมตางกัน มีทกั ษะในการนําดนตรีไปประยุกตใชใหเกิดประโยชนในงานอืน่ ๆ ไดอยางเหมาะสมและเห็นคุณคา วิเคราะหรูปแบบของดนตรีไทยและดนตรีสากลในยุคสมัยตางๆ พรอมทั้งศึกษาและวิเคราะหสถานะทางสังคม ของดนตรี เพื่อเปรียบเทียบลักษณะเดนของดนตรีในวัฒนธรรมตางๆ ศึกษา วิเคราะหบทบาทของดนตรีในการสะทอนแนวความคิด คานิยมและความเชื่อที่เปลี่ยนไปของคนในสังคม โดยใชกระบวนการอภิปรายในการนําเสนอแนวทางและวิธกี ารในการสงเสริมและอนุรกั ษ เพือ่ ใหตระหนักและเห็นคุณคาของ ดนตรีในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ

ตัวชี้วัด ศ 2.1 ศ 2.1

ม.4-6/1 ม.4-6/1

ม.4-6/2 ม.4-6/2

ม.4-6/3 ม.4-6/3 รวม 10 ตัวชี้วัด

ม.4-6/4 ม.4-6/4

ม.4-6/5 ม.4-6/5

คูม อื ครู


ตาราง

วิเคราะหมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั รายวิชา ดนตรี ม.4

คําชี้แจง : ใหผูสอนใชตารางนี้ตรวจสอบความสอดคลองของเนื้อหาสาระการเรียนรูในหนวยการเรียนรูกับมาตรฐาน การเรียนรูและตัวชี้วัดชวงชั้น เสร�ม

12

มาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัด

หนวยการเรียนรู

สาระที่ 2

1

2

หนวยการเรียนรูที่ 1 : ดนตรีไทย

3

มาตรฐาน ศ 2.1

มาตรฐาน ศ 2.2

ตัวชี้วัด

ตัวชี้วัด

4

5

6

7

8

5

4

หนวยการเรียนรูที่ 6 : ความรูพื้นฐานเกี่ยวกับ ดนตรีสากล ✓

หมายเหตุ ✓ เฉพาะที่สอดคลองกับตัวชี้วัด ม.4 เทานั้น ตัวชี้วัดที่เหลือจะจัดการเรียนการสอนในชั้น ม.5 และ ม.6

คูม อื ครู

หนวยการเรียนรูที่ 5 : ดนตรีสากล

หนวยการเรียนรูที่ 8 : การปฏิบัติดนตรีสากล

3

หนวยการเรียนรูที่ 4 : การปฏิบัติดนตรีไทย

หนวยการเรียนรูที่ 7 : วงดนตรีสากล

2

หนวยการเรียนรูที่ 2 : ความรูพื้นฐานดานดนตรีไทย หนวยการเรียนรูที่ 3 : วงดนตรีไทย

1


กระตุน ความสนใจ Engage

สํารวจคนหา Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ Expand

ตรวจสอบผล Evaluate

˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹

ดนตรี ม.๔ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๔

กลุมสาระการเรียนรูศิลปะ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

ผูเรียบเรียง

รศ. สําเร็จ คําโมง นายสุดใจ ทศพร รศ. ณรงคชัย ปฎกรัชต ผศ. มณฑา กิมทอง นายชนินทร พุมศิริ

ผูตรวจ

ผศ. เดชน คงอิ่ม ผศ. อนรรฆ จรัณยานนท นายโฆษิต มั่นคงหัตถ

บรรณาธิการ

ดร. มนัส แกวบูชา นายสมเกียรติ ภูระหงษ

พิมพครั้งที่ ๙

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ รหัสสินคา ๓๔๑๕๐๐๕

¤Œ¹¤ÇÒÁÃÙŒ¢ÂÒ¤ÇÒÁ¤Ô´¨Ò¡

¾ÔÁ¾ ¤ÃÑ駷Õè 2 ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ 3445008

EB GUIDE

ที่พิมพกํากับหัวขอสําคัญในหนังสือเรียนหลักสูตรแกนกลางฯ ผาน www.aksorn.com ไปยังแหลงความรูทั่วไทย-ทั่วโลก

คณะผูจัดทําคูมือครู

สุดใจ ทศพร สุนิสา รังสิพุฒิกุล ฐิตาภรณ เติมเกียรติเจริญ


กระตุน ความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

อธิบายความรู

Explore

ขยายความเขาใจ

Explain

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

¤íÒá¹Ð¹íÒ㹡ÒÃ㪌˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ดนตรีเลมนี้ สรางขึ้นเพื่อใหเปนสื่อสําหรับใชประกอบการเรียน การสอนในรายวิชาพืน้ ฐาน กลุม สาระการเรียนรูศ ลิ ปะ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ โดยเนือ้ หาตรงตามสาระการเรียนรูแ กนกลางขัน้ พืน้ ฐาน อานทําความเขาใจงาย ใหทงั้ ความรูแ ละชวย พัฒนาผูเ รียนตามหลักสูตรและตัวชีว้ ดั เนือ้ หาสาระแบงออกเปนหนวยการเรียนรูต ามโครงสรางรายวิชา สะดวก แกการจัดการเรียนการสอนและการวัดผลประเมินผล พรอมเสริมองคประกอบอืน่ ๆ ทีจ่ ะชวยทําใหผเู รียนไดรบั ความรูอ ยางมีประสิทธิภาพ à¹×éÍËҵçµÒÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§ µÑǪÕÇé ´Ñ áÅÐÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙጠ¡¹¡ÅÒ§ µÒÁ·ÕËè ÅÑ¡Êٵà ¨Ñ´¡ÅØ‹Áà¹×éÍËÒ໚¹Ë¹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ¡íÒ˹´ à¾×èÍãËŒ·ÃÒº¶Ö§à»‡ÒËÁÒÂ㹡ÒÃÈÖ¡ÉÒ Êдǡᡋ¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹

ô ¡Òû¯ÔºÑµÔ´¹µÃÕä·Â

ãËŒ¤ÇÒÁÃÙŒáÅÐàÍ×é͵‹Í¡ÒùíÒä»ãªŒÊ͹à¾×èÍ ãËŒºÃÃÅصÑǪÕéÇÑ´ áÅÐÊÌҧ¤Ø³ÅѡɳРÍѹ¾Ö§»ÃÐʧ¤

à¡Ãç´ÈÔÅ»Šà¾ÔèÁàµÔÁ¨Ò¡à¹×éÍËÒ ÁÕá·Ã¡à»š¹ÃÐÂÐæ

à¡Ãç´ÈÔÅ»Š

หน่ว

กำรเรียนรู้ทย ี่

คือ เพลงไทย ที่ปรากฏในสมัยนี้ จ�าแนกได้ ๓ ประเภท บกล่อม เพลงที่บรรเลงมี ๑) เพลงมโหรี ใช้วงมโหรีบรรเลง มีไว้ส�าหรับบรรเลงขั อื่ ตกทอดมาถงึ สมัยรัตนโกสินทร์ รากฏรายช ป รี ราเพลงมโห � า ต มี ด ร็ และเพลงเก บ ๒ ชนิด คือ เพลงตั ถึง ๑๙๗ เพลง มีไว้ส�าหรับบรรเลงประกอบการแสดงโขน ๒) เพลงปี่พาทย์ ใช้วงปี่พาทย์บรรเลง แก่ เพลงหน้าพาทย์ เพลงเรือ่ ง และเพลง ละคร และใช้บรรเลงประกอบพิธตี า่ งๆ เพลงทีบ่ รรเลง ได้ คร ประกอบละ งของชาติต่างๆ มักใช้บรรเลงประกอบตัว ๓) เพลงภาษา เป็นเพลงไทยที่มีส�าเนีย นต้น ละครตามชนิดนั้นๆ เช่น เพลงส�าเนียงภาษาจีน มอญ เป็

การบรรเลงของวงดนตรีไทย วงดนตรีไทยโดยทั่วไปมีลักษณะการบ รรเลงที่แตกต่างจากวงดนตรีสากล จดจ�าท�านองเพลงที่จะบรรเลงให้ คือ ผู้บรรเลงทุกคนจ� แม่น และไหวพริบในการบรรเลงเป็น ย�า ไม่นิยมการดูโน้ตขณะบรรเลง นอกจากนั้นยังจ�าเป็นต้องมี าเป็นต้อง ค อย่างดี เพราะในวงจะไม่มีผู้อ�า นวยเพลงคอยให้สัญญาณเหมือ วามสามารถ มีแต่เพียงผูบ้ รรเลงฉิง่ เป็นผูก้ า� กับ นวงดนตรีสากล จังหวะสามัญทีน่ งั่ บรรเลงอยใู่ นวง ซึง่ บทเพลงจะครบ ขาด หรือเกิน จากการวัดด้วยส่วนสัดของหน้าทั สามารถทราบได้ บเท่านั้น

ตัวชี้วัด ศ ๒.1 ม.๔ ■

-6/๔, 5

อ่ำน เขียน โน้ ในอัตรำจังหวะตตดนตรีไทยและสำกล ่ำงๆ ร้องเพลง หร อื โดย เน้ น เทค เล่นดนตรีเดีย่ วและรวมว ง คุณภำพของก นิ ค กำร แสด งออ กแล ะ ำรแสดง

สำระกำรเรียนรู

้แกนกลำง

■ โน้ตเพลงไทยอ ัตรำจังหวะ ๓ ชั้น ๒ ชั้น และ เทคนิค และ กำรถ ด้วยกำรร้องบรร ่ำยทอดอำรมณ์เพลง เลงเครื่องดน และรวมวง ตรีเดี่ยว

2.3 สมัยรัตนโกสินทร์

ตรีสมัยอยุธยา สามารถ สมัยรัตนโกสินทร์ ดนตรีมีพัฒนาการต่อเนื่องมาจากดน แยกกล่าวในแต่ละช่วงของรัชกาลได้ ดังต่อไปนี้ ราช พระองค์ได้ทรงฟืน้ ฟู าโลกมหา ฬ จุ า ธยอดฟ้ ท พระพุ จ มเด็ ๑) สมัยพระบาทส ดาหลัง ให้สมบูรณ์ ซึ่งเป็น ง ดาหลั รามเกียรติ ์ และเรื่อง ศิลปวัฒนธรรมขึ้น โดยทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง รามเกี อ่ งนีใ้ ช้ในการแสดงโขน และแสดงละคร จึงนับ วรรณคดีทมี่ มี าตัง้ แต่สมัยอยุธยา วรรณคดีทงั้ สองเรื ฟูขึ้นมาอีกครั้ง เพราะละครไทยนั้นต้อง ตถูกฟื้น ว่าเป็นรากฐานส�าคัญที่ท�าให้บทเพลงต่างๆ ในอดี บูรณ์มากยิ่งขึ้น อาศัยเพลงบรรเลงประกอบการแสดง เพื่อให้การแสดงสม

๒) วงเครื่องสายประสม

คื เครือ่ งดนตรีประเภทดา� เนินท�านองเพล อ วงเครื่องสายไทยเครื่องเดี่ยวหรือเครื่องคู่ โดยมี ง ๑ ชนิด โดยไม่จา� กัดว่าต้องเป็นเครื อ่ งดนตรีไทย หรือเครือ่ ง ดนตรีจากแหล่งวัฒนธรรมอื่นๆ น� าเข้าประสมวงด้วย โดยเครื่องดนตรี ที่น�าเข้าประสมวงจะต้อง มีการปรับระดับเสียงของเครื่องดนตรี ชนิดนั้นให้สอดคล้องกับระดับเสีย งของวงเครื่องสายไทย ส่วนชื่อเรียกของวงดนตรีจะเรียกตามเค รื่องดนตรีที่น�าเข้าประสม เช่น วงเครื วงเครื่องสายประสมเปียโน วงเครื่อ ่องสายประสมขิม งสายปร ประสมไวโอลิน วงเครื่องสายประสมแอค ะสมออร์แกน วงเครื่องสายประสมกู่เจิง วงเครื่องสาย คอร์เดียน เป็ ๓) วงเครื่องสายปี่ชวา มีชื่อเรียกแต่ นต้น เ ดิมว่า “วงกลองแขกเครื่องใหญ่” ประเภทนีเ้ ป็นลักษณะของวงเครือ่ งสายปร วงดนตรี ะสม เกิ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยการประสมร ดขึน้ ครัง้ แรกในปลายสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จประกอบด้วย จะเข้ ซอด้วง ซออู้ ขลุ ะหว่างเครื่องดนตรีวงเครื่องสายไทยกับวงกลองแขก ่ยหลีบ ปี่ชวา กลองแขก และฉิ่ง

การปฏิบัติเครื่อ งดนตรีประเ ต อ งศึ ก ษา ภทใดหรือชน เกี่ ย วกั บ ส ว ิดใดก็ตาม นป ระก อบ สัญลักษณ ในเบื้องตน ขอ งเค รื ที่ใชใ ผูฝกปฏิบ เครื่ อ งด นต นการปฏิบัติเครื่องดนต ่ อ งด นต รี กา รป ฏิ บั ต รี โน ต แล ิ เ ครื่ อ งด นต ัติจําเปน ะสั ญ ลั ก ษณ รีชนิดนั้นๆ ใหเขาใจก รี โน ต แล เกิดความเข ะ อน  ที่ ใ ช ใ นก ารป าใจว ฏิ บั ติ เ ครื่ อ งด ซึ่งการศึกษาวิธีปฏิบ ถาหมนั่ ฝกซ ิธีการปฏิบัติเครื่องดนต ัต นต รี จะทํ อมอยางสมํ รีชนิดนั้นๆ า ให ผู  ฝ  ก ปฏ ิ า ่ ไดดี และสา เสมอกจ็ ะทํ ชนิดนั้นๆ ิ บั ติ าใหผฝู ก ปฏ มารถปฏิบัต บิ ตั มิ คี วามชํ านาญในการป ิไดอยางถูกตอง ฏิบตั เิ ครือ่ งด นตรี

วงเครื่องสายปี่ชวา นิยมใช้บรรเลงในง

านมงคลต่างๆ

ภาพจาก สารานุกรมศัพท์ดนตรี

ไทยภาคคีตะ-ดุริยางค์ ฉบับราชบั

ธยอ าจุฬาโลกมหาราช ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้

ณฑิตยสถาน

การแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์

43

14

à¡ÃÔè¹¹íÒà¾×èÍãˌࢌÒ㨶֧ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ ã¹Ë¹‹Ç·Õè¨ÐàÃÕ¹

àÊÃÔÁÊÒÃШҡà¹×Íé Ëҹ͡à˹×ͨҡ ·ÕÁè ãÕ ¹ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙጠ¡¹¡ÅÒ§ à¾×Íè à¾ÔÁè ¾Ù¹áÅТÂÒ¾ÃÁá´¹¤ÇÒÁÃÙ㌠ˌ ¡ÇŒÒ§¢ÇÒ§ÍÍ¡ä» ะ

เสริมสาร

แก้ว กการน�า

้ว ป็น รีที่เกิดจา ตรีพิณแก ็นเครื่องดนต ีผู้เรียบเรียงเ เครื่องดว่านGlass Harp ซึ่งทเปี่แน่นอน และยังไมทว่ม ีปเอเชียไม่พบว่า

¤Ò¶ÒÁ»ÃШíÒ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ

ี้ ใน ค�า ณฑ์ ระเภทน ลมาจาก มีหลักเก คย แก้ว แป งผู้เล่น โดยไม่ ับผู้เล่นดนตรีป ักดิ์ ท่านเ หร นตรีพิณ ขอ าก งษ์ ทวีศ เครื่องด ามความถนัด สียงหวานๆ ส�า อ วีระพ รบั ชมเปน็ อยา่ งม คื เ งต ย ห้ ทย เรี ะใ ด ั จ ้ นี าจ งประเทศไ า่ งประเทศทไี่ ด้ ยเดิม ตลอดจน บรั่นดีม รื่องดนตรีชนิด ะเทศไทย ขอ ว ้ แก ีพิณ ชาวต เค ชน ลงไท ต�าราไว้ ศอื่น นอกจากปร ้างและเล่นดนตร ร้ บั การยกยอ่ งจาก ะราชนิพนธ์ เพ น์แก่สาธารณ ” ว้ ยช เท สร มีในประ ท่านแรกที่เริ่ม า่ งประเทศ ซึง่ ได ซึ่งมีทั้งเพลงพร ปใช้ให้เกิดประโ น็ วง “ปฐมพิณแก ดี ่ไ นอ ั่น บุคคล ตรที งั้ ในและต จนเกดิ เป ถที่มีอยู ็นแก้วบร ลงที่น�าเส งเลน่ ดน ถ และแนวเพ ามรู้ความสามาร า� จังหวดั นครปฐม รีจากอังกะลุงเป สด กแ ออ มสามาร ท่านได้น�าคว ั โทษในเรือนจ ี่ยนเครื่องดนต วา แล้ว าค ล ี ) ก ด้วยล ไม่ให้ฝืด การ มต่างๆ การสอนใหแ้ ก่น อังกะลุง แต่เปล ็นอย่างมาก อ ่ ื ย ิ (เพ ดน า ้ เพลงยอ นดว้ ยกนั เช่น เหมือนกับวง ัดนครปฐมเป หัวแม่มือจุ่มน� ่ต้องกดแรง ใน อง ่น ิ้ว ไม ด้า ในหลาย ่มีลักษณะการเล ้กับเรือนจ�า จังหว าได้โดยการใช้น ผัสกับปากแก้ว ารสั่นสะเทือนข ดี ที ั่น ให กก ท� สัม ซึ่งเป็นวง รแสดงที่สร้างชื่อ ตรีพิณแก้วนั้น ียงแค่ให้ เสียงที่ได้เกิดจา นอุ้งของแก้วบร ้ ป็ ให แม่มือเพ นับเป็นกา ับวิธีการเล่นดน ก้ว โดยวางหัว ิดเสียงที่ไพเราะ น เพราะความเ ส่ ามารถปรับจูน กแ มา ไม เก วา ส�าหร นั้นบนปา งปากแก้ว จะ เกิดเสียงก้องกัง นตวั เองอยูแ่ ล้ว มาหาโน้ตตัวถัด ้ า ือที่จุ่มน�้า น� ลง ูปขอ ยงใ สีหัวแม่ม มุนวนไปตามร กับนิ้วหัวแม่มือจะ า่ แตล่ ะใบจะมเี สี ับจูนเสียงให้ต�่า กว่าแก้วที่เติม าก ้ว ปร สีห ้ ปล เ นม แก รถ ให ดี วา น ้ ั ่ ั น าก มา ง ั น สี ีระหว่างป งเสยี ง ซึง่ แกว้ บร ดีเปล่า แต่เราสา ได้เสียงที่ก้องก ขาด ดส ย จะ สี น ้ ั การเ มิฉะน นามิคขอ งของแก้วบรั่น ่า แก้วเปล่าจะ น ได อ ่ ด กิ ้ เ าก ม ต� ี ย ี ให ตร จะก่อ ่นกัน กว่าเส ก เสียงจะยิ่ง ารเล่นดน งสูงต�่าเช ้นได้มาก เสียงสูงขึ ติมน�้า น�้ายิ่งมา มีผลต่อระดับเสีย ะต้องมีพื้นฐานก ตรีชนิดนี้ รเ รจ ก็ ได้โดยกา รือบางของแก้ว ้วนั้น ผู้เล่นคว ึกหัดการเล่นดน แก รฝ าห ความหน รเล่นดนตรีพิณ ฐานส�าคัญในกา ้น ในกา ซึ่งเป็นพื วามเข้าใจ ความรู้ค

ำงอัตโนมัติ ๔. ท�ำจิตใจให้สดใสและปลำบปลื้มจะท�ำให้ช่องคอเปดออกอย่ งคอจะเปดออก ๕. อ้ำปำกให้กว้ำงที่สุด แล้วเงี่ยหูฟงเสียงที่เบำที่สุด แล้วช่อ

แสดงลักษณะรูปปากขณะเปล่งเสียงต่างๆ

à¡Ãç´ÈÔÅ»Š การขับร้องประสานเสียง แนวด้วยกันคือ ในการขับร้องประสานเสียง จะมีแนวเสียงใหญ่ๆ อยู่ ๔ เสียงของผู้หญิงที่มีเสียงสูงและเด็กที่เสียงยังไม่แตก ๑. แนวโซปราโน (Soprano) เป็นเสียงสูงสุด ได้แก่ มีขอบเขตเสียงจาก โด-ซอล ราโน ได้แก่ เสียงของผู้หญิงที่มีเสียงต�่ากว่าโซปราโน ๒. แนวอัลโต (Alto) เป็นเสียงที่ต�่ารองลงมาจากโซป มีขอบเขตเสียงจาก ซอล-โด มีขอบเขตเสียงจาก โด-ซอล 3. แนวเทเนอร์ (Tenor) ได้แก่ เสียงผู้ชายที่มีเสียงสูง อบเขตเสียงจาก ฟา-โด 4. แนวเบส (Bass) ได้แก่ เสียงผู้ชายที่มีเสียงต�่า มีข เท่ากัน ในการขับร้องประสานเสียงจึงจ�าเป็นต้องมี โดยธรรมชาติ คนเราจะมีขอบเขตเสียงของแต่ละคนไม่ แต่บางคนอาจมีขอบเขตเสียงเกินกว่าที่ก�าหนดไว้ การจัดขอบเขตเสียงให้ผู้ร้อง ว่าคนไหนควรจะขับร้องในแนวใด คาบเส้นน้อยที่ ๒ และ เร เหนือเส้นน้อยที่ ๒ ูงสุดถึง โด เหมือนกัน เช่น ในแนวโซปราโน บางคนอาจจะร้องได้ส ล้ว เมื่อจัดระดับเสียงของผู้ร้องที่จะขับร้องประสานเสียงได้แ แต่นั่นก็ถือว่าเป็นความสามารถพิเศษของแต่ละบุคคล งไม่ก�าหนดว่าจะต้องมีจ�านวนผู้ร้องเท่าใด โดยให้ อ ้ ร ้ นวนผู า จ� ด การจั (Balance) ง ย ก็จะต้องจัดความกลมกลืนของเสี องในแนวสูงสุดของบทเพลง ไม่ต้องใช้ผู้ร้องจ�านวนมาก จัดตามก�าลังเสียงที่ออกมา คือ แนวโซปราโน ส่วนมากจะร้ เสียงและระดับเสียงที่ต�่า ควรจะเพิ่มจ�านวนผู้ร้อง ง ลั า � ก ี ม ่ แนวที น เป็ นวเบส แ แต่ ว ล้ แ ่ มากอยู ง ลั พ จะมี ง ู ส ่ เพราะเสียงที นกัน แต่จะใช้จ�านวนเท่าใดขึ้นอยู่กับเสียงที่ออกมาจะต้องกลมกลื สรุปจาก :http://www.tlcthai.com/club/view_topic.php

http://www.aksorn.com/LC/Mu/M4/14

¤íÒ¶ÒÁ»ÃШíÒ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒáÅСԨ¡ÃÃÁ ÊÌҧÊÃä ¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒà¾×èÍãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹ ÁդسÀÒ¾ºÃÃÅØÁҵðҹáÅеÑǪÕéÇÑ´

สรุปจาก

ent.php

?url=cont

group.php

wn.com/

ww.panto

: http://w

¡Ô¨¡ÃÃÁÊÌҧÊÃä ¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ กิจกรรมที่ ๑ กิจกรรมที่ ๒ กิจกรรมที่ ๓ กิจกรรมที่ ๔

39

EB GUIDE

๑33

Web Guide á¹Ð¹íÒáËÅ‹§¤Œ¹¤ÇŒÒ¢ŒÍÁÙÅ à¾ÔèÁàµÔÁ¼‹Ò¹Ãкº Online

๑. ดนตรีสากลแบ่งตามยุคสมัยได้กี่ยุคสมัย อะไรบ้าง ๒. เพราะอะไรเราจึงควรศึกษาประวัติความเป็นมาของดนตรีสากล ๓. จงยกตัวอย่างบทเพลงและวงดนตรีสากลมา ๑ ยุคสมัย ๔. เพลงป๊อป (Pop Song) คืออะไร มีลักษณะเด่นอย่างไร ๕. จงอธิบายประวัติและผลงานของสังคีตกวีดนตรีสากลที่นักเรียนชื่นชอบมา ๑ ท่าน

๑๐6

นักเรียนร่วมกันจัดท�าแผนผังแสดงวิวัฒนาการของดนตรีสากลในแต่ละยุคสมัย พร้อมสรุปลักษณะเด่นของดนตรีในสมัยนั้นๆ ไว้ด้วย แล้วน�าไปติดที่ป้ายนิเทศ ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับยุคสมัยของดนตรีสากล ให้นักเรียนชมซีดีวงดนตรีเพลงป๊อป และวงดนตรีเพลงแจ๊ส แล้วอภิปรายถึง อารมณ์และความรู้สึกจากการฟังเพลงใน ๒ ลักษณะ ให้นกั เรียนแต่ละคนศึกษาค้นคว้าและจัดท�าประวัตแิ ละผลงานสังคีตกวีดนตรีสากล ทีน่ กั เรียนชืน่ ชอบมา ๑ ท่าน จัดพิมพ์ พร้อมติดภาพประกอบลงบนกระดาษรายงาน แล้วน�าส่งครูผู้สอน เพื่อประเมินและคัดเลือกรายงานที่จัดท�าได้ดี ติดแสดงไว้ที่ ป้ายนิเทศ


กระตุน ความสนใจ Engage

หน่วยการเรียนรู้ที่

สํารวจคนหา

ñ ò

Expand

ตรวจสอบผล Evaluate

๑-๑๐

สØนทรียÈาสตร์ ปัจจัยในการสร้างสรรค์ผลงานดนตรีäทย บทบาทของดนตรีäทยในการสะท้อนสังคม

๒ ๖ ๗

ความรู้พื้นฐานด้านดนตรีä·ย

๑๑-๓ò

● ●

● ●

หน่วยการเรียนรู้ที่

ขยายความเขาใจ

´¹µÃÕä·Â

หน่วยการเรียนรู้ที่

Explain

ÊÒúÑÞ ●

หน่วยการเรียนรู้ที่

อธิบายความรู

Explore

คسค‹าและความสíาคัÞของดนตรีäทย ดนตรีäทยในแต‹ละยØคสมัย ลักɳะเด‹นของดนตรีäทย ประวัติสังคีตกวีด้านดนตรีäทย

ó

วงดนตรีä·ย

ô

การปฏิบัติดนตรีä·ย

● ●

● ● ● ● ● ● ●

ประเภทของวงดนตรีäทย แนวทางการอนØรักÉ์และส‹งเสริมดนตรีäทย

มาตราเสียงของดนตรีäทย ทíานองของดนตรีäทย จังËวะของดนตรีäทย âน้ตเ¾ลงäทย การเลือกเครื่องดนตรีและเทคนิคการบรรเลง การบรรเลงดนตรีäทย การขับร้องเ¾ลงäทย

๑๒ ๑ó ๒๑ ๒๙

๓๓-๕ò óô ô๘

๕๓-๗ô õô õô õõ õ๖ õ๙ ๖ô ๖õ


กระตุน ความสนใจ Engage

สํารวจคนหา

หน่วยการเรียนรู้ที่

หน่วยการเรียนรู้ที่

หน่วยการเรียนรู้ที่

หน่วยการเรียนรู้ที่

อธิบายความรู

Explore

Explain

ขยายความเขาใจ Expand

ดนตรีสากล

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับดนตรีสากล

วงดนตรีสากล

การปฏิบัติดนตรีสากล

● ●

● ●

● ●

● ●

ปัจจัยในการสร้างสรรค์ผลงานดนตรีสากล บทบาทของดนตรีสากลในการสะท้อนสังคม

วิวัฒนาการของดนตรีสากล ประวัติสังคีตกวีด้านดนตรีสากล

ประเภทของวงดนตรีสากล วงดนตรีพื้นบ้าน

การเลือกปฏิบัติเครื่องดนตรีและเทคนิคการบรรเลง การขับร้องเพลงสากล

บรรณานุกรม

ตรวจสอบผล Evaluate

๗๕-๙๐ ๗๖ ๘๗

๙๑-๑๐๖ ๙๒ ๑๐๐

๑๐๗-๑๑๘ ๑๐๘ ๑๑๖

๑๑๙-๑๓๘ ๑๒๐ ๑๒๙

๑๓๙


กระตุน้ ความสนใจ

ñ

กระตุEngage ้นความสนใจ

ส�ารวจค้นหา

อธิบายความรู้

ขยายความเข้าใจ

ตรวจสอบผล

Engage

Explore

Explain

Expand

Evaluate

หน่วย

การเรียนรูที่

เปาหมายการเรียนรู

1. อธิบายเหตุผลที่คนตางวัฒนธรรมสรางสรรค งานดนตรีแตกตางกัน 2. อธิบายบทบาทของดนตรีในการสะทอน แนวความคิดและคานิยมที่เปลี่ยนไปของ คนในสังคม

´¹µÃÕä·Â ตัวชี้วัด

สมรรถนะของผูเรียน

ศ 2.๑ ม.๔-6/3 ■

อธิ บ ายเหตุ ผ ลที่ ค นต่ า งวั ฒ นธรรม สร้างสรรค์งานดนตรีแตกต่างกัน

1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเทคโนโลยี

ศ 2.2 ม.๔-6/๔ ■

อธิบายบทบาทของดนตรีในการสะท้อน แนวความคิดและค่านิยมที่เปลี่ยนไป ของคนในสังคม

คุณลักษณะอันพึงประสงค สาระการเรียนรูแกนกลาง ■

1. 2. 3. 4.

ปจจัยในการสร้างสรรค์ผลงานดนตรี ในแต่ละวัฒนธรรม บทบาทดนตรีในการสะท้อนสังคม

มีวินัย ใฝเรียนรู มุงมั่นในการทํางาน รักความเปนไทย

กระตุน้ ความสนใจ

ด นตรีเปนศิลปะแขนงหนึ่งที่มนุษยไดสรางสรรคขึ้นโดยการเลียนแบบเสียงจาก

ธรรมชาติ หรือสรางสรรคขึ้นจากจินตนาการของตนเอง แลวถายทอดใหมนุษยไดรับรู รับฟง และสืบทอดตอกันมาจากชนรุนหนึ่งสูชนอีกรุนหนึ่ง ซึ่งดนตรีจัดวาเปนผลงาน แขนงหนึ่งที่ชวยจรรโลงโลกใหสดใส และเปนศิลปะสากลที่ทุกเพศ ทุกวัย และทุกเชื้อชาติ สามารถเขาถึงความงามได โดยผานทางการดู การฟง และเปนศิลปะที่มีคุณคาตอมนุษย ในการปรุงแตงชีวิตใหมีความสุข ผอนคลายอารมณ ทําใหเกิดความอิ่มิ เอมใจ สําหรับดนตรีไทยก็มีความงดงาม และมีสุนทรียะเชนเดียวกัน โดยมีการสรางสรรค สืบทอดกันมาตั้งแตสมัยกอนสุโขทัยจนถึงสมัยปจจุบัน

Engage

ใหนักเรียนดูภาพประกอบหนาหนวย จากนั้น ครูถามนักเรียนวา • เมื่อนักเรียนดูภาพหนาหนวยแลว นักเรียนรูสึกอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • ภาพหนาหนวยสะทอนใหเห็นถึงสิ่งใด (แนวตอบ หัวโขน หรือศีรษะครู ทัง้ ทีเ่ ปนเทพเจา เทวดา ฤๅษี ตลอดจนเครื่องดนตรีไทย ทีจ่ ะตัง้ อยูใ นพิธไี หวครูดนตรีไทย แสดงใหเห็น ถึงความศรัทธา ความกตัญูกตเวที ที่ผูเรียนดนตรีไทยทุกคนไดรบั การปลูกฝง ผานทางพิธไี หวครู)

เกร็ดแนะครู การเรียนการสอนในหนวยการเรียนรูนี้ ครูควรเชิญวิทยากรที่มีความรู ความสามารถดานดนตรีไทย มาอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสรางสรรคดนตรี และอิทธิพลของดนตรีไทยที่มีตอสังคมไทยใหนักเรียนฟง ครูอาจอธิบายเพิ่มเติมวา ดนตรีไทยเปนสิ่งที่บรรพบุรุษของเราไดสรางสมไวและเปนเครื่องหมายอยางหนึ่ง ที่แสดงลักษณะเฉพาะของชาติไทยเชนเดียวกับภาษา ศิลปวัฒนธรรมดานอื่นๆ ดนตรีไทยสะทอนใหเห็นถึงคานิยม ความเชือ่ ประเพณี วัฒนธรรมของคนในทองถิน่ ซึ่งสะทอนออกมาในรูปแบบของดนตรีพื้นบานที่มีความหลากหลายแตกตางกันไป ตามทองถิ่น ซึ่งดนตรีเปนสิ่งที่อยูคูมากับมนุษยตั้งแตเกิดจนตาย จึงถือเปนมรดก ทางวัฒนธรรมของไทยที่เราทุกคนควรชวยกันทํานุบํารุง สงเสริม สืบสาน เผยแพร และอนุรักษดนตรีไทยใหคงอยูคูกับคนไทยตราบนานเทานาน

คู่มือครู

1


กระตุน้ ความสนใจ

ส�ารวจค้นหา

อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้

ขยายความเข้าใจ

ตรวจสอบผล

Engage

Explore

Explain

Expand

Evaluate

กระตุEngage ้นความสนใจ

Exploreนหา ส�ารวจค้

กระตุน้ ความสนใจ

Engage

ครูเปดซีดี หรือดีวีดีเกี่ยวกับการแสดงดนตรีไทย ใหนักเรียนชม จากนั้นครูถามนักเรียนวา • นักเรียนรูสึกอยางไรเมื่อไดฟงดนตรีไทย (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • การแสดงดนตรีไทยมีสวนชวยกลอมเกลา จิตใจของคนไดอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • หากโลกนี้ไมมีเสียงดนตรีจะเปนเชนไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ)

ส�ารวจค้นหา

๑. สุนทรียศาสตร์

สุนทรียศาสตร์ (Aesthetics) เป็นเนื้อหาว่าด้วยการศึกษาเรื่องมาตรฐานของความงามใน เชิงทฤษฎีอันเกี่ยวกับประสบการณ์ทางสุนทรียภาพ กฎเกณฑ์ทางศิลปะ สุนทรียศาสตร์นับเป็น แขนงหนึ่งของปรัชญาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแสวงหาคุณค่า ในสมัยก่อนวิชานี้เป็นที่รู้จักใน รูปของวิชาทฤษฎีแห่งความงามหรือปรัชญาแห่งรสนิยม

๑.๑ ความหมาย สุนทรียศาสตร์ เป็นค�าที่มาจากภาษาบาลี ประกอบด้วยค�าว่า “สุนทรียะ” แปลว่า ความงาม ความดี สมาสกับค�าว่า “ศาสตร์” แปลว่า ความรู้หรือวิชา ดังนั้น สุนทรียศาสตร์ จึงหมายความว่า วิชาทีว่ า่ ด้วยความดี ความงาม หรือความไพเราะ และสามารถรับรูไ้ ด้ดว้ ยประสาท สัมผัส ท�าให้เกิดความรู้สึกต่างๆ เช่น เพลิดเพลิน สนุกสนาน ปีติยินดี อิ่มเอมใจ พอใจ หรือ เศร้าโศก ภาษาอังกฤษใช้ค�าว่า “Aesthetics” เป็นค�าที่มาจากภาษากรีกว่า “Aisthetikos” หมายถึง วิชาปรัชญาสาขาหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความงาม และการรับรู้คุณค่าของความงาม หรือสิ่งที่ดีงาม ซึ่งยึดหลักความคิดพื้นฐานว่า “ศิลปะนั้นสร้างขึ้นเพื่อศิลปะมิได้สร้างขึ้นเพื่อ วัตถุประสงค์อื่น” การจะเข้าถึงได้ต้องอาศัยประสาทสัมผัสด้วยตนเอง และต้องเป็นความรู้สึก บริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกภายใน ไม่ต้องการผลตอบแทนใดๆ เช่น เวลาที่ได้เห็นดอกไม้ที่มี สีสวย มีกลิ่นหอม มีโอกาสได้สัมผัสและสูดดมกลิ่นก็จะเกิดความสุขใใจ จัดเป็นสุนทรียะ เป็นต้น แต่ถ้าเมื่อใดที่นึกถึงการน�าดอกไม้ดอกนั้นไปท�าประโยชน์อื่นๆ เช่น น�าไปจัดเป็นช่อ เพื่อจ�าาหน่ หน่ายจนเกิดเป็นผลประโยชน์ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นจะไม่เรียกว กว่า “สุนทรียะ”

Explore

ใหนักเรียนแบงกลุมออกเปน 3 กลุม ใหนักเรียนศึกษา คนควา หาความรูเพิ่มเติม เกี่ยวกับสุนทรียศาสตร จากแหลงการเรียนรูตางๆ เชน หองสมุดโรงเรียน หองสมุดชุมชน อินเทอรเน็ต เปนตน ในหัวขอที่ครูกําหนดให ดังตอไปนี้ กลุมที่ 1 ความหมายของสุนทรียศาสตร กลุมที่ 2 สุนทรียศาสตรทางดนตรี กลุมที่ 3 การรับรูความงามของดนตรี

อธิบายความรู้

Explain

ครูสุมนักเรียน 2 - 3 คน ใหตอบคําถาม ดังตอไปนี้ • เพราะเหตุใดกอนการเรียนดนตรี นักเรียนจะตองมีความรูพื้นฐานเกี่ยวกับ สุนทรียศาสตร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ)

เสียงของดนตรีไทยมีผลต่อการปรุงแต่งจิตใจของมนุษย์ให้มีจิตใจที่ดีงาม เกิดความรู้สึกที่ผ่อนคลาย และดนตรียังช่วยให้ สังคมและวัฒนธรรมของชุมชนด�ารงอยู่

2

เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสําคัญของดนตรี อันเปนศาสตรที่ชวย ในการจรรโลงโลกและเปนศาสตรที่มีความสําคัญตอมนุษย โดยอาจยกตัวอยาง เพิ่มเติมใหนักเรียนฟง เชน ในสังคมของกรีก มีความเชื่อวาชนชั้นปกครองตองไดรับ การฝกฝนทักษะ 2 ดาน คือ ดานกีฬาและดานดนตรี เพราะกีฬาจะทําใหรา งกายแข็งแรง ในขณะที่ดนตรีจะชวยกลอมเกลาจิตใจ ทําใหเปนผูที่มีจิตใจดีงาม เหมาะที่จะเปน ผูปกครองรัฐ เปนตน

มุม IT นักเรียนสามารถศึกษา คนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุนทรียศาสตร ไดจาก http://www1.finearts.cmu.ac.th

2

คู่มือครู

ขอสอบ

O-NET

ขอสอบป ’ 53 ออกเกี่ยวกับการสืบทอดดนตรีไทย การสืบทอดดนตรีไทยสํานักหนึ่งที่สําคัญมีการถายทอดตอกันมา ขอใดเปนการสืบทอดในสายเดียวกัน 1. พระประดิษฐไพเราะ (มี ดุริยางกูร) พระยาประสานดุริยศัพท (แปลก ประสานศัพท) หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) 2. ครูชอย สุนทรวาทิน พระยาประสานดุริยศัพท (แปลก ประสานศัพท) พระยาภูมีเสวิน (จิตร จิตตเสวี) 3. หลวงไพเราะเสียงซอ (อุน ดูรยชีวิน) พระประดิษฐไพเราะ (มี ดุริยางกูร) หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) 4. พระยาประสานดุริยศัพท (แปลก ประสานศัพท) หลวงไพเราะเสียงซอ (อุน ดูรยชีวิน) จางวางทั่ว พาทยโกศล วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. เพราะหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) เปนศิษยของพระประดิษฐไพเราะ (มี ดุรยิ างกูร) และพระยาประสานดุรยิ ศัพท (แปลก ประสานศัพท) จึงจัดเปนการสืบทอดทางดนตรีไทยสายเดียวกัน


กระตุ้นความสนใจ

ส�ารวจค้นหา

Engage

Explore

อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้

ขยายความเข้าใจ

ตรวจสอบผล

Explain

Expand

Evaluate

อธิบายความรู้ ๔ ได้แก่

Explain

ครูใหนักเรียนกลุมที่ 1 ที่ไดศึกษา คนควา หาความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุนทรียศาสตร สงตัวแทน 2 - 3 คน ออกมาอธิบายความรูในหัวขอ ความหมายของสุนทรียศาสตรตามที่ไดศึกษามา หนาชั้นเรียน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • สุนทรียศาสตรมีความเกี่ยวของกับดนตรี อยางไร (แนวตอบ สุนทรียศาสตร หมายถึง ความดี ความงาม ความไพเราะ ซึ่งสามารถรับรูได ดวยประสาทสัมผัส จึงสามารถเชื่อมโยงกับ ความไพเราะของเสียงดนตรีได เพราะ มนุษยสามารถสัมผัสสุนทรียะทางดนตรี ไดจากการฟง) • สุนทรียศาสตรทางดนตรีประกอบไปดวยสิง่ ใด (แนวตอบ สุนทรียศาสตรทางดนตรี ประกอบไปดวยเสียง ทํานอง จังหวะ และการประสานเสียง) • เพราะเหตุใดจึงมีคํากลาววา “ดนตรีสามารถสรางสุนทรียศาสตรได” (แนวตอบ เสียงดนตรีเปนเสียงที่มีความ ละเอียดออนและมีความสําคัญตอมนุษย ทั้งดานรางกายและจิตใจ เมื่อเราไดยิน เสียงดนตรีที่มีความเรียบงาย จะทําให เกิดความรูสึกสงบ หากไดยินเสียงเพลง ที่ใหความสนุกสนาน ก็จะทําใหเกิด อารมณคึกคัก กระชุมกระชวย ดังนั้น จึงกลาวไดวา ดนตรีเปนสิ่งที่ สามารถสรางสุนทรียศาสตรใหแก มนุษยไดเปนอยางดี)

ศิลปะทุกแขนงจัดว่าเป็นสุนทรียศาสตร์ทั้งสิ้น โดยแต่ละแขนงประกอบด้วยธาตุทั้ง

๑) สื่อ ศิลปะทุกแขนงต้องอาศัยสื่อในการถ่ายทอด เพื่อให้ผู้รับสามารถสัมผัสได้

ด้วยประสาทสัมผัสต่างๆ เช่น ทัศนศิลป์หรือวิจิตรศิลป์ต้องใช้ภาพเป็นสื่อ สามารถรับรู้ได้ด้วย จักษุประสาท นาฏศิลป์ตอ้ งใช้ลลี าท่าทางเป็นสือ่ สามารถรับรูไ้ ด้ดว้ ยจักษุประสาทและโสตประสาท ส่วนดุรยิ างคศิลป์ คีตศิลป์ หรือโสตศิลป์ตอ้ งใช้เสียงเป็นสือ่ สามารถรับรูไ้ ด้ดว้ ยโสตประสาท เป็นต้น ๒) เนื้อหา เป็นสิง่ ทีป่ รากฏให้เห็น ได้ยนิ ได้ฟงั เป็นทีป่ ระจักษ์ เช่น เนือ้ หาทางทัศนศิลป์ หรือวิจิตรศิลป์ คือ ภาพหรือสิ่งประดิษฐ์ที่ศิลปิน1สร้างขึ้น เนื้อหาทางนาฏศิ 2 ลป์ คือ การแสดง ชุดต่างๆ ทีศ่ ลิ ปินคิดประดิษฐ์ขนึ้ ส่วนดุรยิ างคศิลป์ คีตศิลป์ หรือโสตศิลป์ คือ เครือ่ งดนตรี บทเพลง ท�านองเพลง ท�านองร้อง ที่ศิลปินทางดนตรีได้คิดประดิษฐ์ขึ้น ๓) สุนทรียธาตุ คือ องค์ประกอบหลักของศิลปะแต่ละแขนง ๓ ประการ ได้แก่ ความงาม ความน่าดูน่าฟัง และความเป็นเลิศ ๔) ศิลปินธาตุ ได้แก่ ความรู้สึกนึกคิด ความรู้ ประสบการณ์ ความเฉลียวฉลาด และความสามารถ ซึ่งมีอยู่ในตัวผู้ที่เป็นศิลปิน แล้วน�ามาสอดแทรกลงในงานศิลปะที่เขาสร้าง หรือแสดงออก

๑.2 สุนทรียศาสตร์ทางดนตรี ดนตรีจัดเป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยอาศัยเสียงเป็นสื่อในการถ่ายทอด อารมณ์ ความรู้สึกของศิลปิน ให้ผู้ที่ได้ยิน ได้ฟัง ได้รับรู้และเกิดอารมณ์ความรู้สึกเคลิบเคลิ้ม คึกคะนอง ฮึกเหิม โศกเศร้า สนุกสนาน บันเทิง หรือเกิดอารมณ์สะเทือนใจ เสียงดนตรีเป็นเสียงที่ ผูป้ ระพันธ์ได้นา� มาเรียบเรียงเป็นบทเพลงอย่างมีศลิ ปะ มีความไพเราะ ผสมกลมกลืน สอดประสาน กันอย่างเหมาะสมตามหลักวิชาดนตรี ประกอบด้วย ๑) เสียง คือ สิง่ ทีม่ ากระทบโสตประสาทท�าให้เราได้ยนิ มีหลายลักษณะ คือ สัน้ ยาว เบา-แรง, สูง-ต�่า, ดัง-เบา เสียงจึงเป็นองค์ประกอบที่ส� าคัญของดนตรี เพราะถ้าไม่มีเสียง ผู้ฟังก็จะไม่สามารถรับรู้ถึงอารมณ์ หรือความรู้สึกที่ผู้ประพันธ์ต้องการจะถ่ายทอดได้ คุณสมบัติ ของเสียงประกอบด้วย ระดับเสียง ความสั้น ยาว และกระแสเสียง ๒) ท�านอง คือ เสียงลักษณะต่างๆ ได้แก่ สูง-ต�่า, สั้น-ยาว ที่ผู้ประพันธ์น�ามา เรียบเรียงให้ต่อเนื่อง ผสมผสานกันได้อย่างกลมกลืน ส่วนของท�านองเพลงนี านองเพลงนี้จะเป็นส่วนที่ท�าให้ ผู้ฟังประทับใจและจดจ�าได้ดี โดยแต่ละท�านองเพลงจะมี านองเพลงจะมีความแตกต่างกัน แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ ท�านองร้อง (ทางร้อง) และท�านองบรรเลง (ทางเครื่อง) 3

กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนเขียนบรรยายในหัวขอ “ความไพเราะเชิงสุนทรียศาสตร ทางดนตรี” ลงกระดาษรายงาน นําสงครูผูสอน

กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนเลือกฟงเพลงบรรเลงที่มีทํานองสั้นๆ และมีความแตกตาง ทางอารมณมา 2 เพลง จากนั้นวิเคราะหองคประกอบทางสุนทรียศาสตร ทางดนตรีในเรื่องเสียง ทํานอง จังหวะ พื้นผิวและการประสานเสียง ลงกระดาษรายงาน นําสงครูผูสอน

นักเรียนควรรู 1 ดุริยางคศิลป เปนศิลปะที่วาดวยเรื่องการบรรเลงและขับรอง เปนสวนหนึ่ง ของศิลปะแขนงวิจิตรศิลป มนุษยสรางสรรคงานดุริยางคศิลปจากการเลียนเสียง จากธรรมชาติ ดวยการใชรางกายของตน พัฒนามาสูการหาวัสดุ เพื่อนํามาใชเปน อุปกรณที่ทําใหเกิดเสียง จนเกิดเปนเครื่องดนตรีที่สามารถแบงออกไดเปน 4 ประเภท ไดแก เครื่องดีด เครื่องสี เครื่องตีและเครื่องเปา 2 โสตศิลป เปนศิลปะที่สามารถสัมผัสไดจากการฟง งานศิลปะที่จัดอยูใน ประเภทโสตศิลป ไดแก ดนตรี และวรรณกรรม

มุม IT นักเรียนสามารถศึกษา คนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับดุริยางคศิลป ไดจาก http://www.ed.bpi.ac.th คู่มือครู

3


กระตุ้นความสนใจ

ส�ารวจค้นหา

Engage

Explore

อธิบายความรู้

อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้

ขยายความเข้าใจ

ตรวจสอบผล

Explain

Expand

Evaluate

Explain

ใหนกั เรียนกลุม ที่ 2 ทีไ่ ดศกึ ษา คนควา หาความรู เพิม่ เติมเกีย่ วกับสุนทรียศาสตร ออกมาอธิบายความรู ในหัวขอสุนทรียศาสตรทางดนตรีตามที่ไดศึกษามา หนาชั้นเรียน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • จังหวะของดนตรีไทยสามารถจําแนกออก เปนกี่ประเภท อะไรบาง (แนวตอบ สามารถจําแนกออกเปน 3 ประเภท คือ จังหวะ อัตรา

๓) จังหวะ หมายถึง การแบ่งช่วงระยะความสั้ น ยาว ของท� า นองเพลงให้ มี

สัดส่วนเท่าๆ กัน โดยใช้เครื่องดนตรีประเภทเครื่องก�ากับจังหวะ ได้แก่ ฉิ่ง ฉาบ กรับ โหม่ง และกลองต่างๆ ซึ่งจังหวะที่ใช้ในเพลงไทย ได้แก่ จังหวะสามัญ จังหวะฉิ่ง และจังหวะหน้าทับ ๔) พืน้ ผิวและการประสานเสียง พืน้ ผิวในทางดนตรี หมายถึง ลักษณะหรือรูปแบบ ของเสียงโดยรวมของเครื่องดนตรีแต่ละชนิด ส่วนการประสานเสียง หมายถึง การน�าเสียง หลายๆ เสียง หรือโน้ตหลายตัวมารวมกลุ่ม เพือ่ บรรเลงสอดประสานไปพร้อมๆ กันในแนวตัง้ หรือแนวดิ่ง เพื่อสนับสนุนแนวท�านองหลักให้ เด่นขึ้น กลุ่มเสียงที่ใช้ประสานเสียงเรียกว่า “ทรัยแอด” หรือ “คอร์ด” การจะเลื อ กเสี ย งใดมารวมกลุ่ ม ทรัยแอดหรือคอร์ดนั้น จะต้องเลือกให้ถูกต้อง การบรรเลงดนตรีประสานเสียงจะต้องเลือกเสียงของ เครื่ อ งดนตรี ที่ จ ะน� า มารวมกลุ่ ม ให้ ถู ก ต้ อ งตามหลั ก ตามหลักไวยากรณ์ดนตรีและต้องด�าเนินคอร์ด ไวยากรณ์ดนตรี คือ เปลี่ยนคอร์ดให้สัมพันธ์กับแนวท�านองด้วย

จังหวะชา อัตราจังหวะ 3 ชั้น จังหวะปานกลาง อัตราจังหวะ 2 ชั้น จังหวะเร็ว อัตราจังหวะ 1 ชั้น • การประสานเสียงทางดนตรีไทยสามารถนํามา ประสานเสียงในรูปแบบใดได (แนวตอบ สามารถนํามาประสานเสียง ในรูปแบบของการประสานเสียงในเครือ่ งดนตรี เดียวกัน การประสานเสียงระหวางเครือ่ งดนตรี และการประสานเสียงโดยการทําทาทาง) • เพราะเหตุใดการบรรเลงดนตรีประสานเสียง จะตองมีการคัดเลือกประเภทของเครือ่ งดนตรี กอนนํามาบรรเลง (แนวตอบ เพราะจะทําใหเสียงดนตรีที่เกิด ขึ้นนั้นมีความไพเราะมากยิ่งขึ้นจึงตอง มีการเลือกเครื่องดนตรีที่ใหเสียงสอดคลอง กลมกลืนกัน โดยยึดหลักไวยากรณดนตรี ประกอบดวย)

à¡Ãç´ÈÔÅ»Š กรับ กรับ เป็นเครื่องดนตรีที่ใช้ก�ากับจังหวะร่วมกับฉิ่ง จัดเป็นเครื่องดนตรีที่เก่าแก่ชนิดหนึ่งของมนุษย์ สันนิษฐาน ว่าพัฒนามาจากการปรบมือของมนุษย์ และเมื่อปรบมือเป็นระยะเวลานานเสียงปรบมืออาจเบาลง หรือเกิดอาการ เจ็บมือ รวมทั้งเห็นว่าไม้เมื่อน�ามาเคาะกันท�าให้เกิดเสียงไพเราะขึ้น จึงมีการน�าไม้มาเคาะกันแทนการปรบมือ ซึ่งก็ช่วยเพิ่มสีสันของเสียงในการเล่นดนตรีมากขึ้น ภายหลังจึงได้น�าไม้มาเหลา มาเกลา เพื่อให้เกิดความสวยงาม และความสะดวกในการใช้งาน กรับท�าด้วยไม้ไผ่ผ่าซีก เหลาให้เรียบและเกลี้ยงไม่ให้มีเสี้ยน มีรูปร่างตามซีกไม้ไผ่ มีความหนาตามขนาด ของเนื้อไม้ ยาวประมาณ ๔๐ เซนติเมตร ท�าเป็น ๒ คู่ คู่ละ ๒ อัน ใช้ตีให้ผิวกระทบกันทางด้านแบนจะเกิดเป็น เสียงดัง กรับ กรับ กรับ ส�าหรับกรับที่ใช้อยู่ในวงดนตรีไทยมีอยู่หลายแบบ ได้แก่ กรับคู่ กรับพวง และกรับเสภา ส�าหรับกรับเสภามักนิยมท�าจากไม้ชิงชัน เหตุที่โบราณนิยมใช้ไม้ชิงชันเพราะเป็นไม้ที่มีแก่นแน่น เสียงดี โดยธรรมชาติและมีเสียงก้อง โดยไม้ที่จะน�ามาท�ากรับต้องเป็นไม้แขนงเดียวกันทั้ง ๔ อัน เพราะต้องการให้มี ระดับเสียงเดียวกัน เท่ากันและเหมือนกัน ลักษณะการจับกรับขับเสภา ผู้ขยับกรับจะถือกรับมือละคู่ ขยับทั้งสองมือ ให้กรับแต่ละข้างสอดแทรกกระทบกัน และเข้าจังหวะกับเสียงของผู้ขับเสภา

EB GUIDE

ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET

บูรณาการอาเซียน จากการศึกษาเกี่ยวกับเครื่องดนตรีไทยที่นิยมนํามาใชกํากับจังหวะ คือ โหมง หรือฆอง ซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับประเทศสมาชิกอาเซียน คือ ประเทศฟลิปปนส ที่มีลักษณะของเครื่องดนตรีและวิธีการเลนคลายกัน แตมีชื่อเรียกที่ตางกัน คือ

โหมง / ฆอง (เครื่องดนตรีไทย)

4

คู่มือครู

http://www.aksorn.com/LC/Mu/M4/01

กังสา (Gangsa) / กาดิแกน (Gandingan) (เครื่องดนตรีฟลิปปนส)

องคประกอบใดของดนตรีไทยที่ ไม นํามาพิจารณาในเรือ่ งของสุนทรียศาสตร ทางดนตรี 1. เสียง 2. ทํานอง 3. จังหวะ 4. เสียงประสาน วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะรูปแบบการบรรเลงดนตรีไทย หรือการขับรองเพลงไทยจะไมมีการประสานเสียง แตมีการสอดประสานของ ทํานองแทน ดังนั้น เสียงประสานจึงไมสามารถนํามาใชพิจารณา ดานสุนทรียศาสตรทางดนตรีได


กระตุ้นความสนใจ

ส�ารวจค้นหา

Engage

Explore

อธิบายความรู้

ขยายความเข้าใจ

ตรวจสอบผล

Explain

Expand

Evaluate

อธิบExplain ายความรู้

Expand าใจ ขยายความเข้

Evaluate ตรวจสอบผล

อธิบายความรู้

Explain

ใหนักเรียนกลุมที่ 3 ที่ไดศึกษา คนควา หาความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุนทรียศาสตร สงตัวแทน 2 - 3 คน ออกมาอธิบายความรูในหัวขอ การรับรูความงามของดนตรี ตามที่ไดศึกษามา หนาชั้นเรียน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • ดนตรีที่ไพเราะนั้นมีลักษณะอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • เพราะเหตุใดการรับรูความงามของดนตรี จึงมีความแตกตางกันออกไป (แนวตอบ การรับรูความงามของดนตรี เปนเรื่องที่เขาใจไดยาก ซึ่งจะขึ้นอยูกับ ความรูสึก ความรูและประสบการณ ของแตละบุคคลวามีหลักการในการรับรู ความงามของดนตรีมากนอยเพียงใด) • การฟงเพลงซํ้าๆ กันหลายครั้งมีประโยชน หรือไม อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ)

๑.3 การรับรู้ความงามของดนตรี ดนตรีเป็นศิลปะทีเ่ กีย่ วข้องกับเสียง ความงดงามของดนตรีกค็ อื ความไพเราะทีส่ ามารถ สัมผัสได้ด้วยโสตประสาท โดยเพลงแต่ละเพลงจะไพเราะหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของ 1 ผู้ประพันธ์เพลง คุณภาพของเครื่องดนตรี ความสามารถของผู้บรรเลงหรือขับร้อง และความรู้ ความเข้าใจหรือประสบการณ์ด้านดนตรีของผู้ฟัง สิ่งที่กล่าวมาล้วนเป็นนามธรรม ไม่สามารถจับต้องได้เหมือนศิลปะแขนงอื่นๆ การจะ 2 เข้าถึงได้ต้องใช้โสตประสาทสัมผัสเท่านั้น เมื่อโสตประสาทได้รับรู้จะส่งผ่านไปยังระบบสมอง เพื่อ กลัน่ กรอง วิเคราะห์ โดยผสมผสานกับความคิด อารมณ์ และความรูส้ กึ รวมถึงความรูแ้ ละประสบการณ์ ของแต่ละบุคคล ดังนัน้ การรับรูถ้ งึ ความงาม ความไพเราะ หรืออารมณ์เพลงของแต่ละบุคคลจึงแตกต่างกัน ไม่เหมือน และไม่เท่าเทียมกัน การรับรู้ความงามของดนตรีจึงเป็นการยากที่จะเข้าถึงได้ หากผู้ใด ที่ต้องการจะเข้าถึงจ�าเป็นต้องอาศัยหลักการต่อไปนี้ ๑. ควรศึกษาและท�าความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐานของบทเพลงที่ฟังว่า ผู้ประพันธ์ ต้องการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกใด เป็นเพลงลักษณะใด มีโครงสร้างอย่างไร เพราะถ้าได้ศึกษา และท�าความเข้าใจก่อนฟังเพลงจะช่วยท�าให้รับรู้ความงามของดนตรีได้ง่ายขึ้น ๒. ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับเสียงของเครื่องดนตรีชนิดต่างๆ เพื่อสามารถจ�าแนกและ รับรู้ได้ดีขึ้น ๓. ท�าตนให้เป็นอิสระ หมายถึง ต้องท�าตนให้ว่างจากภาระงานทุกสิ่งขณะฟังเพลง เพราะการฟังเพื่อให้เกิดการรับรู้ถึงความงามของดนตรีจ� าเป็นต้องใช้สมาธิ ผู้ฟังต้องตั้งใจฟัง ไม่ควรปล่อยใจละจากเสียงเพลงที่รับฟัง ๔. ควรจัดล�าดับการฟัง เพราะการรับรู้และความพึงพอใจจะเกิดขึ้นเมื่อได้ยิน ได้เห็น และได้กระท�าสิ่งที่ใจปรารถนา ดังนั้น การฟังให้เกิดการรับรู้จึงต้องเลือกฟังตามความพอใจ ไม่มีการก�าหนดล�าดับที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละบุคคลที่จะเลือกฟังสิ่งใดก่อน สิง่ ใดหลัง เช่น บางคนอาจจะต้องการฟังท่วงท�านองโดยรวมก่อนทีจ่ ะฟังเสียงเครือ่ งดนตรีแยกเฉพาะ บางชนิด หรือบางคนต้องการฟังเพื่อหาความหมายของเพลงก่อนค่อยฟังท่วงท�านอง เป็นต้น ๕. โน้มใจเพือ่ รองรับสัมผัสแห่งอารมณ์ของบทเพลง การฟังให้เกิดการรับรูผ้ ฟู้ งั ต้องมี อารมณ์ร่วมกับเสียงเพลงที่ฟัง จึงจะช่วยให้เกิดการรับรู้ได้เร็วและชัดเจน ๖. ควรฟังซ�้าหลายๆ ครั้ง เพราะจะช่วยให้ผู้ฟังเกิดการรับรู้ได้ดี ๗. ศึกษาเนื้อหาสาระของบทเพลงตามที่ผู้ประพันธ์ได้ถ่ายทอดไว้ในบทเพลง

ขยายความเข้าใจ

Expand

ใหนักเรียนรวมกันสรุปสาระสําคัญเกี่ยวกับ สุนทรียศาสตร ลงกระดาษรายงาน นําสงครูผูสอน

ตรวจสอบผล

Evaluate

ครูพิจารณาจากการสรุปสาระสําคัญเกี่ยวกับ สุนทรียศาสตรของนักเรียน

5

ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET

การรับรูความงามของดนตรีขึ้นอยูกับปจจัยใดเปนสําคัญ 1. การศึกษา 2. คานิยม 3. สังคม 4. อารมณและจิตใจ

วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการที่มนุษยจะสามารถรับรูความงาม ของดนตรีและเขาถึงความไพเราะของบทเพลงไดนั้น อารมณและจิตใจ ถือวาเปนสิ่งที่สําคัญอยางมาก ซึ่งบุคคลแตละบุคคลจะมีการรับรู เรื่องความงามของดนตรีที่แตกตางกันออกไป

นักเรียนควรรู 1 ผูประพันธเพลง ผูที่ทําการประพันธทํานอง หรือผูที่ทําการประพันธคํารอง โดยบทเพลงแตละเพลงจะประกอบไปดวยทํานองและคํารอง การแตงเพลงในอดีต ผูประพันธทํานองและผูประพันธคํารองจะเปนคนเดียวกัน ตอมาจึงมีการพัฒนา ตามแบบอยางสากล คือ การสรางเพลง จะถูกประพันธทํานองขึ้นกอน แลวจึงประพันธคํารองตามมาทีหลัง 2 ประสาทสัมผัส (Sense Organs) ที่ทําใหเกิดความรูสึกสัมผัส ไดแก ตาดู หูฟง จมูกไดกลิ่น ลิ้นรูรส และผิวหนังรับความรูสึก

มุม IT นักเรียนสามารถศึกษา คนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรับรูความงามของดนตรี ไดจาก http://www1.finearts.cmu.ac.th คู่มือครู

5


กระตุน้ ความสนใจ

ส�ารวจค้นหา

อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้

ขยายความเข้าใจ

ตรวจสอบผล

Engage

Explore

Explain

Expand

Evaluate

กระตุEngage ้นความสนใจ

Exploreนหา ส�ารวจค้

กระตุน้ ความสนใจ

Engage

ครูเปดซีดี หรือดีวีดีการบรรเลงดนตรีในรูปแบบ ตางๆ เชน ดนตรีที่ใชประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ดนตรีที่ใชประกอบงานประเพณีในทองถิ่น ดนตรี ที่ใชประกอบการเทศนมหาชาติ ดนตรีที่ใชประกอบ ในงานศพ ดนตรีรวมสมัยที่ผสมผสานระหวาง ดนตรีไทยและสากล เปนตน ใหนักเรียนชม จากนั้นครูถามนักเรียนวา • มนุษยนําสิ่งใดมาใชในการสรางสรรคผลงาน ดานดนตรีไทย (แนวตอบ ปจจัยที่มีความสําคัญที่มนุษยนํามา ใชในการสรางสรรคผลงานดนตรีไทย คือ ความเชื่อ ศาสนา วิถีชีวิตและเทคโนโลยี)

ส�ารวจค้นหา

๒. ปัจจัยในการสร้างสรรค์ผลงานดนตรีไทย ศิลปะทุกแขนงเกิดขึ้นจากการคิด การประดิษฐ์ และการสร้างสรรค์ของมนุษย์แต่ละกลุ่ม แต่ละยุค แต่ละสมัย ดังนั้นย่อมมีบริบท สภาพแวดล้อม และชีวิตความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน ศิ ล ปะทุ ก แขนงจึ ง มี ก ารเปลี่ ย นแปลงและมี วิ วั ฒ นาการอย่ า งต่ อ เนื่ อ ง ดนตรี ไ ทยก็ เ ช่ น กั น ปัจจุบนั มีการพัฒนารูปแบบ การบรรเลงที่ต่าง ไปจากแบบแผนเดิม มีการน�าเครือ่ งดนตรีสากล มาผสมผสาน มีการประพันธ์บทเพลงใหม่ที่มี ลีลาจังหวะกระชับ สนุกสนาน หลากหลายรูปแบบ โดยปัจจัยทีช่ ว่ ยให้เกิดการสร้างสรรค์ ผลงานดนตรีไทย ได้แก่ ความเชื่อ ศาสนา วิถชี วี ติ และเทคโนโลยี ๑) ความเชื่อ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น จากความคิดและประสบการณ์ของมนุษย์ที่มี ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น เสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ต่อสิง่ ต่างๆ ในอดีตทีก่ ารศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ เป็นแรงบันดาลใจที่ท�าให้เกิดการสร้างเครื่องดนตรีขึ้น และเทคโนโลยียงั ไม่เจริญก้าวหน้า มนุษย์ใช้ชวี ติ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ท�าการเกษตรเพื่อเลี้ยงชีพ ใช้แรงงานมนุษย์และวัสดุอปุ กรณ์ทหี่ าได้ใกล้ตวั เครือ่ งมือ เครือ่ งทุน่ แรงก็เป็นแบบง่ายไม่สลับซับซ้อน ดังนั้น เมื่อเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น ฝนแล้ง ไฟป่า น�้าท่วม แผ่นดินไหว เป็นต้น มนุษย์จึงมีความเข้าใจว่าเป็นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเทพเจ้าพิโรธ จึงบันดาลให้เกิดขึ้น เมื่อมีความเชื่อเช่นนั้น จึงพยายามหาวิธีที่จะท�าให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเทพเจ้าพอใจหายพิโรธ โดยการหาวัสดุมาประดิษฐ์เป็นเครื่องดนตรี เพื่อใช้บรรเลงร่วมกับการขับร้อง ร่ายร�า เพื่อ บู ช าสิ่ ง ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ซึ่ ง อาจเป็ น เหตุ บั ง เอิ ญ ที่ ปรากฏการณ์ตามธรรมชาติเหล่านัน้ ก็กลับคืนสู่ สภาวะปกติหลังการบูชา จากความคิดและ ประสบการณ์ดังกล่าวได้พัฒนาเป็นความเชื่อ และค�าสั่งสอนสืบทอดต่อกันมาตามล�าดับ เช่น พิธีแห่นางแมวขอฝนในภาคตะวันออกเฉียง1 พิธีแห่นางแมวขอฝน ในระหว่างการแห่จะมีการบรรเลง เหนือ เป็นการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ฝนตก เครื่องดนตรีและการร่ายร�าประกอบ จะได้มีน�้าไว้ใช้ในการท�าการเกษตร เป็นต้น

Explore

ใหนักเรียนศึกษา คนควา หาความรูเพิ่มเติม เกี่ยวกับปจจัยในการสรางสรรคผลงานดนตรีไทย จากแหลงการเรียนรูตางๆ เชน หองสมุดโรงเรียน หองสมุดชุมชน อินเทอรเน็ต เปนตน

อธิบายความรู้

Explain

ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับปจจัยในการ สรางสรรคผลงานดนตรีไทย ตามที่ไดศึกษามา จากนั้นครูถามนักเรียนวา • เพราะเหตุใดมนุษยจึงนําดนตรีมาใชประกอบ กิจกรรมในชีวิตประจําวัน (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • เสียงดนตรีชวยผอนคลายความตึงเครียด ไดอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ)

6

เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับดนตรีวา ดนตรีเปนทั้งศาสตรและศิลปที่ชวยให มนุษยมีความสุข สนุกสนาน รื่นเริงใจ ผอนคลายความเครียด ทั้งนี้ดนตรียังเปน เครื่องกลอมเกลาจิตใจของมนุษยใหมีความออนโยน ในการใชชีวิตของมนุษยนั้น ตั้งแตเกิดจนตาย ดนตรีไดเขามามีสวนเกี่ยวของอยูเสมอ ซึ่งปจจัยที่มีความสําคัญ ที่มนุษยนํามาใชในการสรางสรรคผลงานดนตรีไทย ก็คือ ความเชื่อ ศาสนา วิถีชีวิต และเทคโนโลยี

นักเรียนควรรู 1 พิธีแหนางแมวขอฝน เปนประเพณีที่นิยมกระทําในปที่ฝนแลงไมตกตองตาม ฤดูกาล ชาวอีสานจะแหนางแมวไปรอบๆ หมูบาน โดยนําเครื่องดนตรีพื้นบาน มาบรรเลงประกอบการเซิ้งนางแมว

6

คู่มือครู

ขอสอบ

O-NET

ขอสอบป ’ 53 ออกเกี่ยวกับบทเพลงที่ใชประกอบกิจกรรมในสังคม บทเพลงใดประพันธเพื่อใชประกอบกิจกรรมในสังคมมิใชการฟง เพื่อความไพเราะ 1. เพลงโหมโรงจอมสุรางค 2. เพลงสุดสงวนเถา 3. เพลงขวัญใจดอกไมของชาติ 4. เพลงลาวดวงเดือน วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะเพลงขวัญใจดอกไมของชาติที่ใช ประกอบการแสดงนั้น จัดเปนเพลงรําวงมาตรฐาน ซึ่งเปนการละเลนพื้นเมือง ของชาวไทย ที่นิยมนํามาใชประกอบกิจกรรมในงานรื่นเริงตางๆ ไมใชแตงมา ใหฟงเพื่อความไพเราะ


กระตุน้ ความสนใจ

ส�ารวจค้นหา

อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้

ขยายความเข้าใจ

ตรวจสอบผล

Engage

Explore

Explain

Expand

Evaluate

กระตุEngage ้นความสนใจ

ส�ารวจค้ Exploreนหา

กระตุน้ ความสนใจ

Engage

ครูเปดซีดี หรือดีวีดีภาพยนตรไทย เนื้อหา ชวงทีม่ กี ารนําเสนอเกีย่ วกับดนตรีไทยใหนกั เรียนชม เชน เรือ่ งโหมโรง เปนตน จากนัน้ ครูถามนักเรียนวา • นักเรียนรูสึกอยางไรเมื่อไดชมภาพยนตร เรื่องนี้ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • ภาพยนตรเรื่องนี้ตองการสะทอนใหเห็นถึง สิ่งใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • นักเรียนคิดวาเปนการดีหรือไมที่คนไทย หันมาสนใจนําเรื่องราวเกี่ยวกับดนตรีไทย มาสรางเปนภาพยนตร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ)

๒) ศาสนา เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ท�าให้เกิดผลงานทางดนตรี จะเห็นได้ว่าทั้งดนตรีไทย

และดนตรีสากลล้วนมีความเกี่ยวข้องกับศาสนาทั้งสิ้น เช่น ศาสนาคริสต์ เริ่มจากการสวดมนต์ ในโบสถ์แล้ววิวัฒนาการเป็นการขับร้องร่วมกับดนตรี ส่วนในพระพุ ทธศาสนาก็มีการน�าดนตรี 1 มาใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ เช่น อุปสมบท เทศน์มหาชาติ เป็นต้น ๓) วิถีชีวิต การด�ารงชีวิตของมนุษย์มิได้มีเพียงอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรคเท่านั้น ยังต้องมีสิ่งอื่นๆ ที่ ช่วยให้เกิดความรื่นเริง บันเทิงใจ ได้แก่ ดนตรี และนาฏศิลป์ ดังนั้นจึงปรากฏผลงานเกี่ยวกับ ดนตรีและนาฏศิลป์หลากหลายรูปแบบที่น�ามา ใช้ในโอกาสต่างๆ แห่งวิถีชีวิต เช่น งานวันเกิด งานมงคลสมรส งานศพ งานเฉลิมฉลองใน โอกาสต่างๆ เป็นต้น ๔) เทคโนโลยี ในสมัยโบราณ ก่อนทีม่ นุษย์จะรูจ้ กั การหลอมโลหะ เครือ่ งดนตรี ดนตรีมีประโยชน์ต่อชีวิตประจ�าวัน มนุษย์สามารถ ที่ ป ระดิ ษ ฐ์ ส ่ ว นใหญ่ จ ะเป็ น เครื่ อ งตี ต่ อ มา เลือกสรรดนตรีเหล่านั้นมาใช้กับงานในโอกาสต่างๆ ได้ตามความเหมาะสม เมื่อมนุษย์มีความสามารถด้านเทคโนโลยี รู้จัก การหลอมโลหะ จึงมีการประดิษฐ์เครื่องดนตรีที่ท�าจากโลหะ เช่น ฉิ่ง กลอง แตร เป็นต้น นอกจากนี้ แต่เดิมผู้คนจะรับรู้หรือฟังเพลงได้ก็ต้องไปนั่งดูการแสดงสดๆ ท�าให้ ดนตรีไทยแพร่หลายในวงจ�ากัด ต่อมาเมื่อเริ่มมีการบันทึกแผ่นเสียงท�าให้ดนตรีไทยมีความ แพร่หลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันซึ่งเป็นยุคที่เทคโนโลยีสารสนเทศมีความก้าวหน้า อย่างมาก ท�าให้เกิดการบันทึกเสียงในรูปแบบดิจิทัล และยังสามารถพัฒนาผลงานดนตรี ให้เกิดรูปแบบใหม่ที่มีความหลากหลายมากไปกว่าเดิม เช่น การผสมผสานให้ดนตรีไทยบรรเลง ร่วมกับดนตรีสากล หรือน�าเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์มาบรรเลงเพลงไทย เป็นต้น

ส�ารวจค้นหา

Explore

ใหนักเรียนศึกษา คนควา หาความรูเพิ่มเติม เกี่ยวกับบทบาทของดนตรีไทยในการสะทอนสังคม จากแหลงการเรียนรูตางๆ เชน หองสมุดโรงเรียน หองสมุดชุมชน อินเทอรเน็ต เปนตน

๓. บทบาทของดนตรีไทยในการสะท้อนสังคม

อธิบายความรู้

มนุษยชาติทกุ เผ่าพันธุม์ วี ฒ ั นธรรมด้านค่านิยม และความเชือ่ ทีเ่ กีย่ วข้องกับดนตรีมาตัง้ แต่อดีต อยู่หลายอย่าง ซึ่งบางอย่างก็หายสาบสูญไปจากสังคมไทยแล้ว แต่บางอย่างก็ได้รับการถ่ายทอด สืบต่อกันมา ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างค่านิยมและความเชื่อที่เกี่ยวกับดนตรีไทย ดดั​ังนี้ ๑) ค่านิยมของสังคม ดนตรีไทยนับเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ช่วยสะท้อนค่านิยม ของผู้คนในสังคม กล่าวคือ ถ้าในช่วงใดที่ดนตรีไทยเฟื่องฟูมากนั่นก็แสดงให้เห็นว่าผู้คนมีค่านิยม ให้ความส�าคัญกับดนตรีไทย ทั้งนี้ค่านิยมก็ย่อมเปลี่ยนแปลงตามสภาพของสังคมที่เปลี่ยนไป

Explain

ครูสุมนักเรียน 2 - 3 คน ใหตอบคําถาม ดังตอไปนี้ • ดนตรีไทยไดเขาไปมีบทบาทในสังคมไทย ไดอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ)

7

บูรณาการเชื่อมสาระ

จากการศึกษาเกี่ยวกับเพลงที่ใชประกอบการเทศนมหาชาติ หรือเทศน มหาเวสสันดรชาดก สามารถเชื่อมโยงกับการเรียนการสอนในกลุมสาระ การเรียนรูสังคมศึกษา คือ วิชาพระพุทธศาสนา ในเรื่องมหาชาติ ซึ่งเปนชาติที่ยิ่งใหญของพระโพธิสัตวที่ไดเสวยพระชาติเปนพระเวสสันดร และเปนพระชาติสุดทายกอนที่จะตรัสรูเปนพระสัมมาสัมพุทธเจา คนไทยรูจักและคุนเคยกับมหาชาติมาตั้งแตสมัยสุโขทัยและในสมัยอยุธยา ก็ไดมีการแตงและสวดมหาชาติคําหลวงในวันธรรมสวนะ (วันที่ชาวพุทธ เขาวัดทําบุญ ตักบาตร รักษาศีล และฟงธรรมเทศนา) สวนการเทศนมหาชาติ เปนประเพณีที่สําคัญในทุกทองถิ่นและมีความเชื่อกันวาการฟงเทศนมหาชาติ จบภายในวันเดียวจะไดรับอานิสงสมาก มหาเวสสันดรชาดกมีทั้งหมด 10 บารมี คือ 1. ทานบารมี 2. ศีลบารมี 3. เนกขัมมบารมี 4. ปญญาบารมี 5. วิริยาบารมี 6. สัจจบารมี 7. ขันติบารมี 8. เมตตาบารมี 9. อุเบกขาบารมี 10. อธิษฐานบารมี ซึ่งจะชวยใหนักเรียนเกิดการเรียนรูในเรื่องมหาชาติไดดียิ่งขึ้น

นักเรียนควรรู 1 เทศนมหาชาติ หรือเทศนมหาเวสสันดรชาดก เปนวรรณคดีไทยเรื่องหนึ่ง ที่นิยมนํามาใชประกอบกิจกรรมทางศาสนา หลังจากการออกพรรษา หรือที่เรียกวา “เทศกาลทอดกฐิน” นิยมใชวงปพาทยมาบรรเลงประกอบการเทศนา เชน วงปพาทยเครื่องหา วงปพาทยเครื่องคู วงปพาทยเครื่องใหญ เปนตน ทั้งนี้ เพราะตองการใหมีเสียงดัง เพื่อใหคนที่อยูไกลๆ ไดยินและรวมอนุโมทนาบุญ เพลงที่ใชประกอบการเทศนมหาชาติทั้ง 13 กัณฑ ไดแก กัณฑที่ 1 เพลงสาธุการ กัณฑที่ 2 เพลงตวงพระธาตุ กัณฑที่ 3 เพลงพระยาโศก กัณฑที่ 4 เพลงพระยาเดิน กัณฑที่ 5 เพลงเสนเหลา กัณฑที่ 6 เพลงรัวสามลา กัณฑที่ 7 เพลงเชิดกลอง กัณฑที่ 8 เพลงฉิ่งโอด กัณฑที่ 9 เพลงทยอยโอด กัณฑที่ 10 เพลงเหาะ กัณฑที่ 11 เพลงกราวนอก กัณฑที่ 12 เพลงตระนอน กัณฑที่ 13 เพลงกลองโยนและเพลงเชิด คู่มือครู

7


กระตุ้นความสนใจ

ส�ารวจค้นหา

Engage

Explore

อธิบายความรู้

อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้

ขยายความเข้าใจ

ตรวจสอบผล

Explain

Expand

Evaluate

Explain

ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายความรูเกี่ยวกับ บทบาทของดนตรีไทยในการสะทอนสังคม ตามที่ไดศึกษามา จากนั้นครูถามนักเรียนวา • ดนตรีไทยสะทอนสังคมไดอยางไร (แนวตอบ ดนตรีไทยสามารถสะทอนใหเห็น ถึงสังคมไทยที่มีรูปแบบแตกตางกันออกไป ในแตละยุคสมัย) • เพราะเหตุใดในอดีตวงดนตรีไทย จึงไดรับ การอุปถัมภเปนอยางมาก (แนวตอบ เพราะในอดีตคนไทยนิยมฟงเพลงไทย และบรรเลงดนตรีไทย นอกจากนี้ผูที่มีฝมือ ทางดนตรีไทยจะอยูในระดับพระมหากษัตริย เจานาย ตลอดจนขุนนางผูใหญ จึงทําให ดนตรีไทยไดรับการอุปถัมภและทํานุบํารุง ในวังตางๆ จะมีวงดนตรีประจําวัง เชน วงวังบูรพา วงวังบางขุนพรหม วงวังบางคอแหลม วงวังปลายเนิน เปนตน ซึ่งแตละวงตางก็พยายามขวนขวายหา ครูดนตรีและนักดนตรีทมี่ ฝี ม อื เขามาประจําวง มีการฝกซอมกันอยูเปนประจํา บางครั้งก็มี การจัดประกวดประชันกัน จึงทําให ดนตรีไทยในอดีตเจริญรุงเรืองปนอยางมาก) • คานิยมทางดนตรีไทยที่เปลี่ยนแปลง ไปจากในอดีตมีลักษณะอยางไร (แนวตอบ มีการนําเครือ่ งดนตรีตะวันตกมาเลน ผสมกับวงดนตรีไทย มีการใชเครือ่ งดนตรีไทย มาบรรเลงเพลงสากล การประพันธเพลงไทย มีการทําจังหวะและทํานองเพลงสมัยใหม เพื่อใหเขากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป)

เช่น แต่เดิมสิ่งหนึ่งที่แสดงฐานะของบุคคลในสังคมก็คือการอุปถัมภ์วงดนตรีโดย เฉพาะข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่จะมีวงดนตรีเป็นของตนเอง แล้วน�ามาแข่งขันประกวดกันว่า วงของท่านผู้ใดมีฝมือเป็นเลิศ แต่ปัจจุบันค่านิยมแบบนี้ได้ลดน้อยถอยลงจนหมดไปในที่สุด นอกจากนี้ ค่านิยมการฟังดนตรีไทยในสมัยก่อน นิยมฟังเพื่อความเพลิดเพลิน ช่วยกล่อมเกลาจิตใจ และด้วยวิถชี วี ติ ทีไ่ ม่รบี เร่ง การบรรเลงดนตรีจงึ บรรเลงได้ยาว มีการขับร้อง เอือ้ นเสียง ซึง่ แต่ละเพลงใช้เวลานาน ผูฟ้ งั ดนตรี ไทยถือเป็นผูม้ รี สนิยมดี แต่ปจั จุบนั ด้วยวิถชี วี ติ ทีเ่ ร่งรีบ ดนตรีไทยจึงถูกจ�ากัดเวลา ท�าให้เพลง ถูกตัดทอนให้สนั้ ลง ขณะเดียวกันเยาวชนรุน่ ใหม่ มองว่าดนตรีไทยเป็นเรื่องล้าสมัย คนที่ชอบ ดนตรีไทยถือเป็นคนหัวเก่า ท�าให้เยาวชนรุน่ ใหม่ ห่างเหินไปจากดนตรีไทยมากขึ้น ซึ่งสะท้อน การจั ด ประกวด หรื อ การจั ด การแข่ ง ขั น ดนตรี ไ ทย ให้เห็นว่า ดนตรีไทยมีผู้สนใจน้อยลงไปเรื่อยๆ นับว่าเป็นแนวทางการส่งเสริมให้เยาวชนไทยสนใจ อย่างไรก็ตาม ในงานพิธีหรืองาน ดนตรีไทยมากขึ้น ที่เกี่ยวข้องกับขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ผู้คนยังมีค่านิยมที่จะต้องมีดนตรีไทยประกอบอยู่ด้วยไม่นิยมใช้ดนต นตรีตะวันตก ทั้งนี้ค่านิยมบางอย่างในการเล่นดนตรีไทยก็เปลี่ยนไปจากเดิม เป็นต้นว่า มีการน�า เครื่องดนตรีตะวันตกมาเล่นผสมวงกับดนตรีไทย มีการใช้เครื่องดนตรีไทยบรรเลงเพลงสากล สมัยใหม่หรือมีการประพันธ์เพลงไทยที่มีจังหวะเร็วขึ้น หรือมีท่วงท�านองสมัยใหม่ เพื่อให้เข้ากัน กับลักษณะการด�าเนินชีวิตของผู้คนในสังคมปัจจุบัน

à¡Ãç´ÈÔÅ»Š วงปพาทย์มอญ วงปพาทย์มอญ เป็นวงดนตรี​ีไทยที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาวมอญหรือรามัญ ที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ใน ประเทศไทยนับตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นต้นมา แต่เดิมใช้บรรเลงในงานอันเป็นมงคล แต่ภายหลังนิยมน�ามาบรรเลง ในงานอวมงคล แต่คนไทยในสมัยปจจุบันยึดถือว่า วงปพาทย์มอญใช้บรรเลงได้แต่ในงานศพเท่านั้น สาเหตุที่ คนไทยส่วนใหญ่นิยมใช้บรรเลงในงานศพ คงสืบเนื่องมาจากในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่ อ ครั้ ง จะมี ง านถวายพระเพลิ ง พระบรมศพสมเด็ จ พระเทพศิ ริ น ทรามาตย์ พระราชมารดา ทรงพระด� า ริ ว ่ า พระราชมารดาของพระองค์ ท รงมี เชื้ อ สายมอญโดยตรง จึ ง โปรดเกล้ า ฯ ให้ น� า วงป  พ าทย์ ม อญมาใช้ บ รรเลง ซึ่งในงานออกพระเมรุสมัยต่อๆ มาก็มีการใช้วงปพาทย์มอญมาโดยตลอด เหตุผลอีกประการหนึ่งก็คือปมอญมีเสียง ที่โหยหวนชวนให้เกิดความเศร้าใจ จึงเหมาะกับลักษณะของงาน สรุปจาก : http://www.pirun.kps.ku.ac.th/~b4927046/mon9_7.html

ขอสอบ

เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับนามบรรดาศักดิ์ที่พระมหากษัตริยพระราชทาน ใหแกนักดนตรีที่มีความรู ความสามารถ ดังนี้ ราชทินนาม ประสานดุริยศัพท ประดับดุริยกิจ ประดิษฐไพเราะ เสนาะดุริยางค สําอางดนตรี ศรีวาทิต สิทธิวาทิน พิณบรรเลงราช

8

คู่มือครู

พระราชทานใหแก นายแปลก ประสานศัพท นายแหยม วีณิน นายมีแขก วาระศิริ นายตาด วาระศิริ นายเอวัน วาระศิริ นายศร ศิลปบรรเลง นายขุนเณร สุอังคะวาทิน นายทองดี นายแชม สุนทรวาทิน นายหลบ สุองั คะวาทิน นายออน โกมลวาทิน นายสาย อังศุวาทิน นายแยม ประสานศัพท

O-NET

ขอสอบป ’ 53 ออกเกี่ยวกับยุคสมัยของดนตรีไทย ในชวงกรุงรัตนโกสินทรในรัชสมัยใดที่ดนตรีไทยเฟองฟู คนไทยมีความ ภาคภูมิใจนิยมชมชื่นดนตรีไทยอยางมาก และยุคใดที่ดนตรีไทยกลายเปน วัฒนธรรมที่ถูกจํากัดในการแสดงทําใหดนตรีไทยแทบสูญสิ้นไปจาก แผนดินไทย 1. รัชกาลที่ 6 และ รัชกาลที่ 7 2. รัชกาลที่ 5 และ รัชกาลที่ 7 3. รัชกาลที่ 2 และ รัชกาลที่ 8 4. รัชกาลที่ 2 และ รัชกาลที่ 8 วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะสมัยรัชกาลที่ 2 เปนยุคสมัยที่การ ดนตรีไทยมีความเจริญรุงเรืองอยางมากและจัดไดวาเปนยุคทองของดนตรี สวนสมัยรัชกาลที่ 8 เปนระยะที่ดนตรีไทยไมไดรับการสงเสริมจากรัฐบาล มีการหามไมใหเลนดนตรีไทย เพราะตองการใหผูคนหันมาสนใจดนตรี ตะวันตก


กระตุ้นความสนใจ

ส�ารวจค้นหา

Engage

Explore

อธิบายความรู้

ขยายความเข้าใจ Expand าใจ ขยายความเข้

ตรวจสอบผล

Explain

Expand

Evaluate

อธิบExplain ายความรู้

อธิบายความรู้

ครูสุมนักเรียน 2 - 3 คน ใหตอบคําถาม ดังตอไปนี้ • เทพแหงดุริยางคดนตรีตามความเชื่อ ของคนไทย คือเทพเจาองคใด (แนวตอบ เทพเจา 3 พระองค คือ 1. พระวิศวกรรม เทพเจาแหงศิลปะการชาง การสรางสรรคเครื่องดนตรีที่มีเสียง อันไพเราะนั้นเกิดจากการบันดาลของ พระวิศวกรรม 2. พระปรคนธรรม เทพเจาผูมีความ เชี่ยวชาญในการขับรองและบรรเลง ดนตรี เปนเทพเจาที่สรางพิณขึ้นมา เปนเครื่องดนตรีชนิดแรก 3. พระปญจสีขร เทพเจาผูม คี วามเชีย่ วชาญ ในดานการดีดพิณและการขับลํานํา ซึ่งผูที่เรียนดนตรีไทยใหความเคารพ นับถือเปนอยางมาก)

๒) ความเชื่อ มีความเชื่อของสังคมอยู่หลายประการที่เกี่ยวข้องกับดนตรีไทยที่เห็น

ได้เด่นชัดก็คือ “ดนตรีไทยถือว่า1มีครู” ดังนั้นจึงต้องท�าพิธีไหว้ครูก่อนเมื่อจะฝกหัดเล่นหลังจาก พิธีไหว้ครูแล้วจึงจะถึงพิธี “ครอบ” หมายถึง การประสิทธิประสาทวิทยาการหรืออนุมัติให้เริ่มเรียน วิชาดนตรีนั้นๆ ได้ หากผู้ใดไม่กระท�าจะพบกับอุปสรรคหรืออาจถึงแก่ชีวิต หรือในงานพิธีกรรม ต่างๆ ที่ต้องการความขลัง2 ความศักดิ์สิทธิ์ ก็จะต้องมีการบรรเลงดนตรีไทยประกอบด้วยหรือมี ความเชื่ อ เกี่ ย วกั บ ตะโพนว่ า “ตะโพนเป น เครื่ อ งดนตรี ศักดิ์สิทธิ์ ถือเปนบรมครูทางดุริยางคศิลป” ดังนั้น ก่อนจะ เริม่ การบรรเลงจะต้องน�าดอกไม้ และจุดธูปบูชาตะโพนก่อน ทุกครั้ง คนที่ไม่มีครูหรือคนที่มิใช่เป็นนักดนตรีจะมาตีเล่น ไม่ได้ และห้ามมิให้ใครเดินข้ามตะโพนเพราะอาจได้รับ อันตราย ทั้งนี้ในวันครูตะโพนจะได้รับการเจิมเป็นพิเศษ เครื่องดนตรีบางอย่างจะเกี่ยวพันกับเทพยดา อาทิเช่น ชาวอีสานบางส่วนถือว่าเสียงแคนสามารถช่วย สื่อสารถึงแถนหรือเทวดาบนท้องฟาได้ หรือคนในท้องที่ ตะโพนเป็นเครือ่ งแทนพระประคนธรรพ ภาคกลางบางแห่งถือว่า ถ้าจะเชิญเทพผู้ใหญ่หรืออัญเชิญ ในพิธไี หว้ครู และถือเป็นเครือ่ งควบคุม สิง่ ศักดิส์ ทิ ธิม์ าในมณฑลพิธจี ะต้องบรรเลงด้วยเพลงหน้าพาทย์ จังหวะที่ส�าคัญที่สุด สิ่งเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นว่าสังคมยึดมั่นในระบบอาวุโส การมีสัมมาคารวะยึดถือความ กตัญูรู้คุณ ความมีระเบียบแบบแผน และถือปฏิบัติสืบต่อกันมาจนป มาจนปัจั จุบัน

ขยายความเข้าใจ

สรุป สุนทรียศาสตรทางดนตรี เปนสิง่ ทีม่ นุษยสรางขึน้ จากการเลียนแบบธรรมชาติหรือ

Expand

ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 4 - 5 คน จากนั้นใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันวิเคราะหวา นอกจากบทบาทของดนตรีไทยในการสะทอนสังคม ดังที่กลาวมาแลวนี้นักเรียนคิดวามีสิ่งอื่นอีกหรือไม ที่แสดงใหเห็นถึงบทบาทของดนตรีไทยในการ สะทอนสังคม โดยใหแตละกลุมจัดทําเปนรายงาน พรอมหาภาพประกอบใหสวยงาม นําสงครูผูสอน

จินตนาการขึ้น โดยใชเสียงเปนสื่อในการถายทอดอารมณ ความรูสึก สามารถรับรูไดดวย โสตประสาท ชวยใหเกิดความเพลิดเพลิน สนุกสนาน หรือโศกเศรา ทั้งนี้ การจะรับรูถึงความงามของดนตรีได ผูฟงตองมีสมาธิ ตั้งใจฟง ฟงซํ้าหลายๆ ครั้ง ตองศึกษาเสียงของเครือ่ งดนตรี และพืน้ ฐานของบทเพลงนัน้ ๆ จัดลําดับการฟง มีอารมณรว ม และศึกษาความหมายของเพลง จึงจะทําใหเกิดการรับรูไดดี สําหรับดนตรีไทยนั้นไดรับการสรางสรรคขึ้นตั้งแตสมัยโบราณ โดยปจจัยที่ชวยใหเกิด การสรางสรรคผลงานดนตรีไทย ไดแก ความเชื่อ ศาสนา วิถีชีวิต และเทคโนโลยี ซึ่งดนตรี ก็เปรียบเสมือนกระจกเงาที่ชวยสะทอนสภาพสังคม วัฒนธรรม ดานความคิด คานิยม และ ความเชื่อ รวมทั้งเปนมรดกทางวัฒนธรรมที่ควรชวยกันสืบสานไว

http://www.aksorn.com/LC/Mu/M4/02

Explain

EB GUIDE

กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนวิเคราะหความสําคัญของดนตรีไทยที่มีตอสังคม ในดานคานิยมและความเชื่อ ลงกระดาษรายงาน นําสงครูผูสอน

กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนเขียนบรรยายในหัวขอ “บทบาทของดนตรีไทยในสังคม ปจจุบัน” ลงกระดาษรายงาน นําสงครูผูสอน

นักเรียนควรรู 1 พิธี “ครอบ” เปนวิธีปฏิบัติที่แสดงใหเห็นถึงการรับเปนศิษย คือ การนํา ศีรษะครูมาครอบ ซึ่งมีความเชื่อกันวาครูจะคอยคุมครอง ชวยใหศิษยมีความจําที่ดี หากมีสิ่งใดที่ไมงามเกิดขึ้นกับศิษย ครูจะชวยปดเปาใหพนไปจากตัวศิษย 2 ตะโพน ถือวาเปนบรมครูทางดุริยางคศิลป กอนการบรรเลงดนตรีไทยทุกครั้ง จะมีการนําดอกไม ธูป เทียนมาบูชาตะโพนกอน ตะโพนจัดเปนเครื่องดนตรีที่ บรรเลงรวมกับสังข บัณเฑาะวและมโหระทึก ซึ่งเปนเครื่องดนตรีประจําองค ของเทพเจา

มุม IT นักเรียนสามารถศึกษา คนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับพิธีการไหวครูดนตรีไทย ไดจาก http://www.bu.ac.th คู่มือครู

9


กระตุ้นความสนใจ

ส�ารวจค้นหา

อธิบายความรู้

ขยายความเข้าใจ

Engage

Explore

Explain

Expand

ตรวจสอบผล

ตรวจสอบผล Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate

Evaluate

1. ครูพิจารณาจากการอภิปรายเกี่ยวกับบทบาท ของดนตรีไทยในการสะทอนสังคมของนักเรียน 2. ครูพิจารณาจากการทํารายงานเรื่องบทบาท ของดนตรีไทยในการสะทอนสังคมของนักเรียน

¤Ò¶ÒÁ»ÃШíÒ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ๑. สุนทรียศาสตร์ทางดนตรีหมายถึงอะไร และจะสัมผัสได้ด้วยวิธีการอย่างไร ๒. ผลงานดนตรีไทยที่สร้างสรรค์ขึ้นมา เกิดจากปัจจัยส�าคัญอะไรบ้าง ๓. จงวิเคราะห์ถึงบทบาทของดนตรีไทยในการสะท้อนแนวความคิด และค่านิยมที่เปลี่ยนไปของคน ในสังคมไทย

หลักฐานแสดงผลการเรียนรู 1. ผลการสรุปสาระสําคัญเกี่ยวกับสุนทรียศาสตร 2. ผลการอภิปรายเกี่ยวกับบทบาทของดนตรีไทย ในการสะทอนสังคม 3. ผลการจัดทํารายงานเรื่องบทบาท ของดนตรีไทยในการสะทอนสังคม

¡Ô¨¡ÃÃÁÊÌҧÊÃä ¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ กิจกรรมที่ ๑

กิจกรรมที่ ๒๒

กิจกรรมที่ ๓

ครูผู้สอนหาเพลงบรรเลง ๑ เพลง เปิดให้นักเรียนฟังโดยให้นักเรียนหลับตาฟัง แล้วให้นักเรียนเขียนเล่าจินตนาการ ความรู้สึกที่ได้ฟังเพลงดังกล่าว ครูคัดเลือก ข้อเขียนที่สื่อจินตนาการออกมาได้ดี ๓-๕ ชิ้น น�ามาอ่านให้นักเรียนฟัง ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงเหตุผลที่คนต่างวัฒนธรรมกัน จะสร้างสรรค์ ดนตรีแตกต่างกันออกไป โดยให้นกั เรียนช่วยกันยกตัวอย่างประกอบการอภิปราย และบันทึกสาระส�าคัญเก็บไว้ ให้นักเรียนแต่ละคน จัดท�าแผนภาพหรือแผนภูมิ หรือผังความคิด (mind mapping) เกี่ยวกับปัจจัยในการสร้างสรรค์ผลงานดนตรีไทย พร้อมสรุปข้อมูล สังเขปลงบนกระดาษรายงาน ออกแบบให้สวยงามแล้วน�ามาส่งครูผู้สอน

๑๐

แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู 1. การรับรูจากการฟงดนตรีที่มีความไพเราะ ซึ่งสามารถรับรูดวยประสาทสัมผัสทางหู คือ การไดยิน ไดฟง ไดรับรูและเกิดความรูสึกสนุกสนาน หรือโศกเศรา 2. เกิดจาก 1) ความเชื่อ เปนสิ่งที่เกิดขึ้นจากความคิดและประสบการณของมนุษยที่มีตอสิ่งตางๆ ในอดีตที่การศึกษาดานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยียังไมเจริญกาวหนา มนุษยใชชีวิตอยูทามกลางธรรมชาติ ทําการเกษตรเพื่อเลี้ยงชีพ ใชแรงงานมนุษยและวัสดุอุปกรณที่หาไดใกลตัว เครื่องมือ เครื่องทุนแรงก็เปนแบบงาย ไมสลับซับซอน 2) ศาสนา เปนอีกปจจัยหนึ่งที่ทําใหเกิดผลงานทางดนตรี จะเห็นไดวาทั้งดนตรีไทยและดนตรีสากลลวนมีความเกี่ยวของกับศาสนาทั้งสิ้น เชน ศาสนาคริสต เริ่มจากการสวดมนตในโบสถแลววิวัฒนาการเปนการขับรองรวมกับดนตรี สวนในพระพุทธศาสนาก็มีการนําดนตรีมาใชประกอบพิธีกรรมตางๆ เปนตน 3) วิถีชีวิต การดํารงชีวิตของมนุษยมิไดมีเพียงอาหาร เครื่องนุมหม ที่อยูอาศัย และยารักษาโรคเทานั้น ยังตองมีสิ่งอื่นๆ ที่ชวยใหเกิดความรื่นเริง บันเทิงใจ ไดแก ดนตรีและนาฏศิลป ดังนั้น จึงปรากฏผลงานเกี่ยวกับดนตรีและนาฏศิลปหลากหลายรูปแบบที่นํามาใชในโอกาสตางๆ 4) เทคโนโลยี ในสมัยโบราณกอนที่มนุษยจะรูจักการหลอมโลหะ เครื่องดนตรีที่ประดิษฐสวนใหญจะเปนเครื่องตี ตอมาเมื่อมนุษยมีความสามารถดานเทคโนโลยี รูจักการหลอมโลหะ จึงมีการประดิษฐเครื่องดนตรีที่ทําจากโลหะ เชน ฉิ่ง กลอง แตร เปนตน 3. นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็นไดอยางอิสระ โดยขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน

10

คู่มือครู


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.