8858649121721

Page 1

คูมือครู 㪌»ÃСͺ¡ÒÃÊ͹ËÇÁ¡Ñº

˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ©ºÑº »ÃСѹÏ

·Õè ȸ. ¨Ð»ÃСÒÈÃÒ¡Òú¹àÇçºä«µ µÑé§áµ‹ Á. ¤. ’55 ໚¹µŒ¹ä»

ภาพปกนี้มีขนาดเทากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน


เอกสารประกอบคูมือครู

กลุมสาระการเรียนรู การงานอาชีพและเทคโนโลยี

รายวิชา

เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร

ู ร ค หรับ

สํา

ชั้นมัธยมศึกษาปที่ เอกสารหลักสูตรแกนกลางฯ ’51 ประกอบดวย ● ● ● ● ●

คําแนะนําการใชคูมือครู แถบสี/สัญลักษณที่ใชสื่อความหมายในคูมือครู ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง คําอธิบายรายวิชา ตารางวิเคราะหเนื้อหากับมาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัด

ตารางแสดงความแตกตางระหวาง “ คูมือครู ” กับ “ หนังสือเรียน * ” ความแตกตาง

ขนาดตัวอักษร ปกดานหลัง ระบบการจัดพิมพ สวนเสริมดานหนา

คูมือครู ยอลงจากปกติ 20%

พิมพ 4 สี มี เอกสารหลักสูตร คําอธิบายรายวิชา มี กิจกรรมแบบ 5E ความรูเสริมสําหรับครู พิมพสอดแทรกไวตลอดทั้งเลม ●

หนังสือเรียน ขนาดปกติ 100% : ตัวอักษรใหญกวา ที่พิมพในคูมือครูนี้ มีใบอนุญาต/ใบประกันคุณภาพ พิมพ 4 สี

-

เนื้อหาในเลม

● ●

* ที่ ศธ. อนุญาตใหโรงเรียนใชได

มีเฉพาะเนื้อหาสาระตามที่ ศธ. อนุญาตฯ/สนพ.ประกันคุณภาพ

6


คําแนะนําการใชคูมือครู : การจัดการเรียนรูสูหองเรียนคุณภาพ คูม อื ครู เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร ม.6 จัดทําขึน้ เพือ่ อํานวยความสะดวกแกครูผสู อนในการวางแผน และเตรียมการสอนโดยใชหนังสือเรียนเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร ม.6 ของบริษทั อักษรเจริญทัศน อจท. เสร�ม จํากัด เปนสื่อหลัก (Core Material) ประกอบการออกแบบกิจกรรมการเรียนรูใหสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรู 2 และตัวชี้วัดกลุมสาระการเรียนรู การงานอาชีพและเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โดยจัดทําตามหลักการสําคัญ ดังนี้

1. ออกแบบการสอนเปนหนวยการเรียนรูอิงมาตรฐาน

คูมือครู รายวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ม.6 จัดทําเปนหนวยการเรียนรูตามลําดับสาระ การเรียนรูท รี่ ะบุไวในมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั แตละหนวยจะกําหนดเปาหมายการสอนและจุดประสงคการเรียนรู (Objective Learning) กิจกรรมการเรียนรู (Learning Activities) และแนวทางการประเมินผลการเรียนรู (Learning Evaluation) ไวชัดเจน ครูผูสอนสามารถจัดทําแผนการสอนใหครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดที่เปน เปาหมายการเรียนรูของแตละหนวยการเรียนรู (ตามแผนภูมิ) และสามารถบันทึกผลการจัดการเรียนการสอนได อยางมั่นใจ

นรู

สภ

าพ

ผู

จุดป

ระส

เรีย

งค

รีย า รเ

มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัดชั้นป

ทักษะการคิด การวัดประเมินผล การเรียนรู

กิจกรรมการเรียนรู

เทคนิคการสอน

แผนภูมิแสดงองคประกอบของการออกแบบการเรียนรูอิงมาตรฐานและเนนผูเรียนเปนสําคัญ

2. การจัดการเรียนรูที่ยึดผูเรียนเปนสําคัญ

แนวคิดในการจัดการเรียนการสอนที่ยึดผูเรียนเปนสําคัญ พัฒนามาจากปรัชญาและทฤษฎีการเรียนรู Constructivism ที่เชื่อวาการเรียนรูเปนกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในสมองของผูเรียนแตละคน ผูเรียนเปนผูสราง ความรูโดยการเชื่อมโยงระหวางสิ่งที่ไดพบเห็นกับความรูหรือประสบการณเดิมที่มีอยู ทฤษฎีนี้มีความเชื่อวา นักเรียนทุกคนไดเรียนรูและมีความรูความเขาใจสิ่งตางๆ ติดตัวมากอนที่จะเขาสู หองเรียน ซึง่ เปนการเรียนรูท เี่ กิดจากบริบทและสิง่ แวดลอมรอบตัวนักเรียนแตละคน ดังนัน้ การจัดกระบวนการเรียนรู ในแตละบทเรียน ผูสอนจะตองคํานึงถึง คูม อื ครู


1) ความรูเดิมของนักเรียน การสอนที่ดีจึงตองเริ่มตนจากจุดที่วา นักเรียนมีความรูอ ะไรมาบาง แลวจึงให ความรูห รือประสบการณใหมเพือ่ ตอยอด จากความรูเ ดิม

2) ความรูเดิมของนักเรียนถูกตอง หรือไม ผูสอนตองปรับเปลี่ยนความรู ความเขาใจเดิมของนักเรียนใหถูกตอง และเปนพฤติกรรมการเรียนรูใหมที่มี คุณคาตอนักเรียน เพื่อสรางเจตคติหรือ ทัศนคติที่ดีตอการเรียน

3) นักเรียนสรางความหมายสําหรับ ตนเอง ผูสอนตองสงเสริมใหนักเรียน นํ า ข อ มู ล ความรู  ที่ ไ ด ไ ปลงมื อ ปฏิ บั ติ และประยุ ก ต ใ ช ค วามรู  อ ย า งถู ก ต อ ง ในบริ บ ทที่ เ ป น จริ ง ของชี วิ ต นั ก เรี ย น เพื่อขยายความรูใหลึกซึ้งและมีคุณคา ตอตัวนักเรียนมากที่สุด

เสร�ม

3

แนวคิด Constructivism เนนใหผูเรียนสรางความรูโดยผานกระบวนการคิดและความอยากรูของตนเอง โดยมีผูสอนเปนผูสรางบรรยากาศการเรียนรูและกระตุนความสนใจ คอยจัดสถานการณใหผูเรียนเกิดความ ขัดแยงทางความคิดระหวางประสบการณเดิมกับประสบการณความรูใหม ผูเรียนจะพยายามปรับขอมูลใหม กับประสบการณที่มีอยูเดิม แลวสรางเปนความรูใหมหรือแนวคิดใหมๆ ไดดวยตนเอง

3. การบูรณาการกระบวนการคิด

การเรียนรูของนักเรียนแตละคนจะเกิดขึ้นที่สมองซึ่งทําหนาที่รูคิด ภายใตสภาพแวดลอมที่เอื้ออํานวย และ ไดรับการกระตุนจูงใจอยางเหมาะสมสอดคลองกับสภาพจิตใจและความตองการของนักเรียน การจัดกระบวนการ เรียนรูและสาระการเรียนรูที่มีความหมายตอผูเรียนนั้น จะชวยกระตุนใหสมองรับรูและสามารถเรียนรูไดอยางมี ประสิทธิภาพตามขั้นตอนการทํางานของสมอง ดังนี้ 1) สมองจะเรี ย นรู  แ ละสื บ ค น โดย 2) สมองจะแยกแยะคุ ณ ค า ของ การสังเกต คนหา ซักถาม และทดลอง สิง่ ตางๆ โดยการลงมติ ตัดสินใจ วิพากษ ปฏิบัติ จนคนพบความรูความเขาใจได วิจารณ แสดงความคิดเห็น ยอมรับหรือ อยางรวดเร็ว ตอตานตามอารมณความรูสึกที่เกิดขึ้น ในขณะที่เรียนรู

3) สมองจะประมวลเนื้ อ หาสาระ โดยการสรุปเปนความคิดรวบยอดจาก เรือ่ งราวทีไ่ ดเรียนรูใ หมนาํ ไปผสมผสาน กับความรู หรือประสบการณเดิมที่ถูก จัดเก็บอยูในสมอง ผานการกลั่นกรอง เพื่อสังเคราะหเปนความรูความเขาใจ ใหมๆ หรือเปนเหตุผลทัศนคติใหมที่จะ ฝงแนนในสมองของผูเรียน

การเรียนรูที่มีประสิทธิภาพจึงตองเปนการเรียนรูที่เกิดจากกระบวนการคิดของผูเรียน เพราะการเรียนรูจะ เกิดขึ้นเมื่อสมองรูคิดและตองเปนการคิดไดครบถวนตามขั้นตอนการทํางานของสมอง โดยเริ่มตนจาก 1) ระดับการคิดขั้นพื้นฐาน ไดแก 2) ระดั บ ลั ก ษณะการคิ ด ได แ ก 3) ระดั บ กระบวนการคิ ด ได แ ก การสังเกต การจําแนก การคาดคะเน การคิดกวาง คิดลึกซึ้ง คิดหลากหลาย กระบวนการคิ ด อย า งมี วิ จ ารณญาณ การสื่อความหมาย การรวบรวมขอมูล คิดไกล คิดคลอง คิดอยางมีเหตุผล กระบวนการแกปญหา กระบวนการคิด การสรุปผล เปนตน เปนตน สรางสรรค กระบวนการคิดสังเคราะห วิจัย เปนตน

คูม อื ครู


4. การบูรณาการกระบวนการเรียนรูพื้นฐานอาชีพ

กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายสงเสริมการเรียนพื้นฐานอาชีพในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อเสริมสราง ทักษะที่จําเปนสําหรับการประกอบอาชีพ และดํารงชีวิตในสังคมทองถิ่นของผูเรียนอยางมีความสุข และเปนการ เสร�ม เตรียมความพรอมดานกําลังคนใหมีทักษะพื้นฐานและศักยภาพในการทํางาน เพื่อการแขงขันและกาวสูประชาคม 4 อาเซียนหรือประชาคมโลกตอไป 4.1 ทักษะพื้นฐานเพื่อการประกอบอาชีพ การจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผูเรียนในรายวิชาพื้นฐาน ทุกกลุมสาระการเรียนรูและทุกระดับชั้นเรียน ผูสอนควรบูรณาการประสบการณการเรียนรูพื้นฐานอาชีพควบคู ไปกับการเรียนการสอนดานวิชาการ โดยฝกทักษะสําคัญตามที่สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (สวก.) สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เสนอแนะไว ดังนี้ 1. ฝกทักษะกระบวนการคิด มีการวางแผนตลอดแนว เพื่อศึกษาขอมูลอาชีพ 2. ฝกการตัดสินใจอยางเปนระบบ โดยใชขอมูลจากการศึกษา คนควาแหลงเรียนรูในชุมชน เพื่อลด ความเสี่ยงในการลงทุนและเพิ่มความมั่นใจเรื่องการตลาด 3. ฝกกระบวนการวางแผน การผลิต และการจัดจําหนาย โดยนักเรียนคิดตนทุน กําไรดวยตนเอง 4. ฝกการเรียนรูเรื่องคุณธรรม จริยธรรม ดานการประกอบอาชีพ และการทํางานกลุม โดยมีจิตอาสา เพื่อสวนรวม 5. ฝกการทํางานอยางมีประสิทธิภาพ มีการประเมินผล ปรับปรุง พัฒนา และสรางสรรคตอ ยอดผลผลิต 6. ฝกการเสริมสรางความเชื่อมั่น ความเพียรพยายาม เห็นคุณคาและภาคภูมิใจในตนเอง (Self Esteem) ในการประกอบอาชีพ และเจตคติในพื้นฐานทางอาชีพ การจัดการเรียนการสอนที่ใหผูเรียนไดลงมือปฏิบัติทักษะดังกลาว จะชวยใหผูเรียนไดรับประสบการณจริง มีทักษะ ความสามารถ และความชํานาญในการทํางานที่จะใชในการประกอบอาชีพและเปนแรงงานที่มีคุณภาพ เขาสูตลาดแรงงานในอนาคต 4.2 การจัดกระบวนการเรียนรูพื้นฐานอาชีพ การจัดกระบวนการเรียนรูมีความสําคัญอยางยิ่งที่จะชวยให นักเรียนมีการพัฒนาทั้งดานความรู ทักษะ และคุณลักษณะตามเปาหมายของหลักสูตร การพัฒนาผูเรียน ดานทักษะพื้นฐานอาชีพตองอาศัยกระบวนการเรียนรูที่หลากหลายเปนเครื่องมือที่จะนําไปสูคุณภาพที่ตองการ เทคนิควิธีการตางๆ ที่ผูสอนจะตองพิจารณาใหเหมาะสมกับเนื้อหาวิชาและวัยของผูเรียน โดยใหความสําคัญกับ การฝกปฏิบัติและเนนการวัดประเมินผลจากการปฏิบัติตามสภาพจริง ดวยวิธีการที่จัดกิจกรรมการบูรณาการ ใหเหมาะสมกับวัยและระดับชั้นของผูเรียน สอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดของกลุมสาระตางๆ ที่กําหนดไวในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 การวิเคราะหมาตรฐานและตัวชี้วัดที่จะนําไป จัดเนื้อหาความรูและทักษะ เพื่อพัฒนาผูเรียนดานพื้นฐานอาชีพ ดังตัวอยางตอไปนี้ 1. กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย กลมุ สาระการเรียนรูภ าษาไทยมุง เนนการพัฒนาใหผเู รียนมีความรูค วามสามารถในการใชภาษาไทย เพื่อการสื่อสาร เปนเครื่องมือในการเรียนรู การแสวงหาความรู และประสบการณตางๆ เพื่อพัฒนาความรู กระบวนการคิดวิเคราะห วิจารณ และสรางสรรค ใหทันตอการเปลี่ยนแปลงของสังคมและความกาวหนาทาง วิทยาศาสตร เทคโนโลยี จึงเปนกลุมสาระการเรียนรูที่เปนทักษะพื้นฐานการประกอบอาชีพทุกอาชีพ ตัวชี้วัดที่ สามารถนํามาพัฒนาทักษะอาชีพ เชน คูม อื ครู


ท 2.1 ม.1/8 เขียนรายงานการศึกษาคนควาและโครงงาน ท 1.1 ม.4 - 6/8 สังเคราะหความรูจากการอานสื่อสิ่งพิมพ สื่ออิเล็กทรอนิกส และแหลงเรียนรู ตางๆ มาพัฒนาตน พัฒนาการเรียน และพัฒนาความรูทางอาชีพ ท 2.1 ม.4 - 6/4 ผลิตงานเขียนของตนเองในรูปแบบตางๆ ท 2.1 ม.4 - 6/5 ประเมินงานเขียนของผูอื่น แลวนํามาพัฒนางานเขียนของตนเอง การจัดการเรียนการสอนตามตัวชี้วัดดังกลาวขางตน จะเปนทักษะพื้นฐานของการนําไปสูอาชีพ ทุกอาชีพ และเปนการปูทางไปสูอาชีพเฉพาะเกี่ยวกับการเขียน เชน นักเขียน นักประพันธ นักหนังสือพิมพ นักวิจารณ เปนตน 2. กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม กลมุ สาระการเรียนรูส งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมมุง เนนการพัฒนาใหผเู รียนมีความรูค วาม เขาใจเกีย่ วกับการดํารงชีวติ ของมนุษย การอยูร ว มกันในสังคมทีม่ คี วามเชือ่ มโยงสัมพันธกนั มีความแตกตางกัน อยางหลากหลาย สามารถจัดการทรัพยากรที่มีอยูอยางจํากัด และเขาใจการเปลี่ยนแปลง เพื่อชวยใหสามารถ ปรับตนเองกับบริบทและสภาพแวดลอม เปนพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ มีความรู ทักษะ คุณธรรม และ คานิยมที่เหมาะสม มีมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดที่เปนพื้นฐานของการประกอบอาชีพตางๆ เชน ส 4.3 ม.1/3 วิเคราะหอิทธิพลของวัฒนธรรมและภูมิปญญาไทยสมัยสุโขทัยและสังคมไทย ในปจจุบัน ส 4.3 ม.2/3 ระบุภูมิปญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี และอิทธิพลของ ภูมิปญญาดังกลาวตอการพัฒนาชาติไทยในยุคตอมา ส 4.3 ม.3/3 วิเคราะหภูมิปญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร และอิทธิพลตอการ พัฒนาชาติไทย ส 4.3 ม.4 - 6/3 วางแผนกําหนดแนวทางและการมีสวนรวมในการอนุรักษภูมิปญญาไทยและ วัฒนธรรมไทย การจัดการเรียนการสอนตามตัวชีว้ ดั ดังกลาวขางตนจะเปนทักษะพืน้ ฐานและสรางเจตคติตอ อาชีพ เกีย่ วกับภูมปิ ญ ญาไทยในทองถิน่ เชน นักโบราณคดี นักประวัตศิ าสตร แพทยแผนโบราณ นวดแผนไทย ชางทอผา จักสาน นักดนตรีไทย การทําขนมหรืออาหารไทย เปนตน และเปนรากฐานของการศึกษาเพื่อพัฒนาตอยอด อาชีพที่มีฐานของภูมิปญญาไทย 3. กลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยี กลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีมุงพัฒนาใหผูเรียนมีฐานความรูความสามารถ และทักษะที่จําเปนสําหรับนําไปปรับใชในการประกอบอาชีพและการศึกษาตอในสาขาอาชีพตางๆ ไดอยาง หลากหลาย รวมทัง้ ใหเห็นแนวทางในการประกอบอาชีพและการศึกษาตอตามความรู ความถนัด และความสนใจ มาตรฐานและตัวชี้วัดของกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีสวนใหญมีลักษณะเปนทักษะ กระบวนการทํางาน ซึ่งผูสอนสามารถจัดเนื้อหาและกิจกรรมการสอนใหสอดคลองกับความตองการของผูเรียน และทองถิ่นได เพื่อพัฒนาไปสูการประกอบอาชีพตางๆ เชน ง 1.1 ม.4 - 6/2 สรางผลงานอยางมีความคิดสรางสรรคและมีทักษะการทํางานรวมกัน ง 1.1 ม.4 - 6/7 ใชพลังงาน ทรัพยากรในการทํางานอยางคุมคาและยั่งยืน เพื่อการอนุรักษ สิ่งแวดลอม

เสร�ม

5

คูม อื ครู


ง 4.1 ม.2/3 ง 4.1 ม.3/3

มีทักษะพื้นฐานที่จําเปนสําหรับการประกอบอาชีพที่สนใจ ประเมินทางเลือกในการประกอบอาชีพที่สอดคลองกับความรู ความถนัด และ ความสนใจของตนเอง ง 4.1 ม.4 - 6/2 เลือกและใชเทคโนโลยีอยางเหมาะสมกับอาชีพ เสร�ม ง 4.1 ม.4 - 6/3 มีประสบการณในอาชีพที่ถนัดและสนใจ 6 การจัดรายวิชาพื้นฐานในกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยีจึงสามารถดําเนินการ ไดอยางหลากหลาย ทั้งอาชีพในกลุมเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม ความคิดสรางสรรค การบริหาร จัดการ และการบริการ ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และสอดคลองกับบริบทของทองถิ่น ความพรอม ของสถานศึกษา และความตองการของผูเรียนเปนสําคัญ เพื่อเปนแนวทางการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนใหสนองนโยบายการจัดการเรียนการสอน พื้นฐานอาชีพในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ ผูจัดทําจึงวิเคราะหมาตรฐาน การเรียนรูและตัวชี้วัดในรายวิชา ประวัติศาสตร ที่สอดคลองกับทักษะปฏิบัติเพื่อเตรียมความพรอมดานพื้นฐาน อาชีพ โดยเสนอแนะกิจกรรมการเรียนรูไวเพื่อเปนแนวทางในการจัดการเรียนการสอนบูรณาการประสบการณ การทํางานแกผูเรียน ใหบรรลุเจตนารมณของพระราชบัญญัติการศึกษาแหงชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 7 ที่ระบุให การจัดการศึกษาตองปลูกฝงใหเยาวชนมีความรูอันเปนสากล มีจิตสํานึกในการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอม ตลอดจนมีความสามารถในการประกอบอาชีพ รูจักพึ่งตนเอง และมีความคิดสรางสรรค เพื่อ การดํารงชีวิต การศึกษาตอและการประกอบอาชีพอยางมีคุณภาพของผูเรียนตอไปในอนาคต

5. การใชวัฏจักรการเรียนรู 5E

รูปแบบการสอนที่สัมพันธกับกระบวนการคิดและการทํางานของสมองของผู งานของสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ วัฏจักรการเรียนรู 5E ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในคูมือครู ฉบับนี้ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้ ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ (Engage) เปนขัน้ ทีผ่ สู อนนําเขาสูบ ทเรียน เพือ่ กระตุน ความสนใจของนักเรียนดวยเรือ่ งราวหรือเหตุการณทนี่ า สนใจ โดยใชเทคนิควิธกี ารสอนและคําถามทบทวนความรูห รือประสบการณเดิมของผูเ รียน เพือ่ เชือ่ มโยงผูเ รียนเขาสู บทเรียนใหม ชวยใหนักเรียนสามารถสรุปประเด็นสําคัญที่เปนหัวขอการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอน การสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสรางแรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน ขั้นที่ 2 สํารวจคนหา (Explore) เปนขัน้ ทีผ่ สู อนเปดโอกาสใหผเู รียนไดสงั เกตและรวมมือกันสํารวจ เพือ่ ใหเห็นปญหา รวมถึงวิธกี ารศึกษา คนควาขอมูลความรูที่จะนําไปสูความเขาใจประเด็นปญหานั้นๆ เมื่อนักเรียนทําความเขาใจในประเด็นหัวขอที่จะศึกษาคนควาอยางถองแทแลวก็ลงมือปฏิบัติ เพื่อเก็บ รวบรวมขอมูลความรู สํารวจตรวจสอบ โดยวิธกี ารตางๆ เชน สัมภาษณ ทดลอง อานคนควาขอมูลจากเอกสาร แหลงขอมูลตางๆ จนไดขอมูลความรูตามที่ตั้งประเด็นศึกษาไว คูม อื ครู


ขั้นที่ 3 อธิบายความรู (Explain) เปนขั้นที่ผูสอนมีปฏิสัมพันธกับผูเรียน เชน ใหการแนะนํา หรือตั้งคําถามกระตุนใหคิด เพื่อใหผูเรียนได คนหาคําตอบ และนําขอมูลความรูจากการศึกษาคนควาในขั้นที่ 2 มาวิเคราะห แปลผล สรุปผล และนําเสนอ ผลที่ไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน เขียนแผนภูมิ แผนผังแสดงมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน สมองของผูเรียนจะทําหนาที่คิดวิเคราะห สังเคราะหอยางเปนระบบ

เสร�ม

7

ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ (Expand) เปนขั้นที่ผูสอนไดใชเทคนิควิธีการสอนที่จะชวยพัฒนาผูเรียนใหนําความรูที่เกิดขึ้นไปคิดคนตอๆ ไป เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรูและการทํางานรวมกันเปนกลุม ระดมสมองเพื่อคิดสรางสรรครวมกัน นักเรียนสามารถนําความรูที่สรางขึ้นใหมไปเชื่อมโยงกับประสบการณเดิม โดยนําขอสรุปที่ไดไปอธิบาย ในเหตุการณตางๆ หรือนําไปปฏิบัติในสถานการณใหมๆ ที่เกี่ยวของกับชีวิตประจําวันของตนเอง เพื่อขยาย ความรูค วามเขาใจใหกวางขวางยิง่ ขึน้ สมองของผูเ รียนทําหนาทีค่ ดิ ริเริม่ สรางสรรคอยางมีคณ ุ ภาพ เสริมสราง วิสัยทัศนใหกวางไกลออกไป ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) เปนขั้นที่ผูสอนใชประเมินมโนทัศนของผูเรียน โดยตรวจสอบจากความคิดที่เปลี่ยนไปและความคิด รวบยอดที่เกิดขึ้นใหม ตรวจสอบทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแกปญหา การตอบคําถามรวบยอด และ การเคารพความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่น เพื่อการสรางสรรคความรูรวมกัน นักเรียนสามารถประเมินผลการเรียนรูของตนเอง เพื่อสรุปผลวานักเรียนมีความรูอะไรเพิ่มขึ้นมาบาง มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเ หลานัน้ ไปประยุกตใชในการเรียนรูเ รือ่ งอืน่ ๆ ไดอยางไร นักเรียนจะเกิดเจตคติ และเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริง การจัดกิจกรรมการเรียนรูตามวัฏจักรการสรางความรูแบบ 5E จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนน ผูเรียนเปนสําคัญ โดยสงเสริมใหผูเรียนใชกระบวนการสรางความรูดวยตนเอง ฝกฝนใหใชกระบวนการคิด และ กระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะการเรียนรูและทักษะชีวิตที่มีคุณภาพ ตามเปาหมายของการปฏิรูป การศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552 - 2561) ทุกประการ คณะผูจัดทํา

คูม อื ครู


แถบสีและสัญลักษณ ที่ใชสื่อความหมายในคูมือครู 1. แถบสี

แถบสีแสดงขั้นตอนการสอนและการจัดกิจกรรม แบบ 5E เพื่อใหครูทราบวาเปนขั้นการสอนขั้นใด

เสร�ม

8

สีแดง

สีเขียว

สีสม

กระตุน ความสนใจ

สํารวจคนหา

อธิบายความรู

Engage

เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใช เทคนิคกระตุนความ สนใจ เพื่อโยงเขาสู บทเรียน

Explore

เปนขั้นที่ผูสอนให ผูเรียนสํารวจปญหา และศึกษาขอมูล

Explain

เปนขั้นที่ผูสอนให ผูเรียนคนหาคําตอบ จนเกิดความรูเชิง ประจักษ

สีฟา

สีมวง

ขยายความเขาใจ Expand

เปนขั้นที่ผูสอนให ผูเรียนนําความรูไป คิดคนตอๆ ไป

ตรวจสอบผล Evaluate

เปนขั้นที่ผูสอน ประเมินมโนทัศน ของผูเรียน

สัญลักษณ

2. สัญลักษณ

วัตถุประสงค

เปาหมาย การเรียนรู

คูม อื ครู

• แสดงเปาหมาย การเรียนรูที่ นักเรียนตอง บรรลุตาม ตัวชี้วัด

หลักฐาน เกร็ดแนะครู แสดงผล การเรียนรู • แสดงรองรอย หลักฐานที่ แสดงผล การเรียนรู ตามตัวชี้วัด

นักเรียน ควรรู

B

@

NET

B

มุม IT

ขอสอบ

พื้นฐาน อาชีพ

• แทรกความรู • ขยายความรู • แนะนําแหลง • วิเคราะหแนว • กิจกรรม เสริมสําหรับครู เพิ่มเติมจาก คนควาจาก ขอสอบ O-NET สําหรับครู ขอเสนอแนะ เนื้อหา เพื่อให เว็บไซต เพื่อให เพือ่ ใหครู เพือ่ ใชเปน ขอควรระวัง นักเรียนไดมี ครูและนักเรียน เนนยํ้าเนื้อหา แนวทางใน ขอสังเกต ความรูม ากขึ้น ไดเขาถึงขอมูล ที่มักออก การชวยพัฒนา แนวทางการ ความรูที่ ขอสอบ O-NET อาชีพใหกับ จัดกิจกรรม หลากหลาย • ขอสอบ O-NET นักเรียน และอื่นๆ พิจารณาออก เพื่อประโยชน ขอสอบจาก ในการจัดการ เนื้อหา ม.4,5 เรียนการสอน และ 6


ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง (คัดมาเฉพาะที่ใชกับชั้น ม.4 - 6)* สาระที่ 3 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

มาตรฐาน ง 3.1 เขาใจ เห็นคุณคา และใชกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศในการสืบคนขอมูล การเรียนรู เสร�ม การสือ่ สาร การแกปญ หา การทํางาน และอาชีพอยางมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และมีคณ ุ ธรรม 9 ชั้น ม.4-6

ตัวชี้วัด 1. อธิบายองคประกอบของระบบ สารสนเทศ 2. อธิบายองคประกอบและหลักการ ทํางานของคอมพิวเตอร

3. อธิบายระบบสื่อสารขอมูลสําหรับ เครือขายคอมพิวเตอร

4. บอกคุณลักษณะของคอมพิวเตอร และอุปกรณตอพวง 5. แกปญหาดวยกระบวนการ เทคโนโลยีสารสนเทศอยางมี ประสิทธิภาพ

6. เขียนโปรแกรมภาษา

สาระการเรียนรูแกนกลาง • องคประกอบของระบบสารสนเทศ ไดแก ฮารดแวร ซอฟตแวร ขอมูล บุคลากร และขั้นตอนการปฏิบัติงาน • การทํางานของคอมพิวเตอร ประกอบดวยหนวยสําคัญ 5 หนวย ไดแก หนวยรับเขา หนวยประมวลผลกลาง หนวยความจําหลัก หนวยความจํารอง และหนวยสงออก - หนวยประมวลผลกลาง ประกอบดวย หนวยควบคุม และหนวย คํานวณและตรรกะ - การรับสงขอมูลระหวางหนวยตางๆ จะผานระบบทางขนสง ขอมูลหรือบัส • ระบบสื่อสารขอมูล ประกอบดวย ขาวสาร ผูสง ผูรับ สื่อกลาง โพรโทคอล • เครือขายคอมพิวเตอรจะสื่อสารและรับ - สงขอมูลกันไดตองใช โพรโทคอลชนิดเดียวกัน • วิธีการถายโอนขอมูลแบบขนานและแบบอนุกรม • คุณลักษณะ (Specification) ของอุปกรณคอมพิวเตอรและอุปกรณ ตอพวง เชน ความเร็วและความจุของฮารดดิสก • แกปญหาโดยใชขั้นตอนดังนี้ - การวิเคราะหและกําหนดรายละเอียดของปญหา - การเลือกเครื่องมือและออกแบบขั้นตอนวิธี - การดําเนินการแกปญหา - การตรวจสอบและการปรับปรุง • การถายทอดความคิดในการแกปญหาอยางมีขั้นตอน • ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรม มี ๕ ขั้นตอน ไดแก การวิเคราะห ปญหา การออกแบบโปรแกรม การเขียนโปรแกรม การทดสอบ โปรแกรม และการจัดทําเอกสารประกอบ • การเขียนโปรแกรม เชน ซี จาวา ปาสคาล วิชวลเบสิก ซีชารป • การเขียนโปรแกรมในงานดานตางๆ เชน การจัดการขอมูล การวิเคราะหขอมูล การแกปญหาในวิชาคณิตศาสตรและ วิทยาศาสตร การสรางชิ้นงาน

* สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ. ตัวชีว้ ดั และสาระการเรียนรูแ กนกลาง กลุม สาระ การเรียนรู การงานอาชีพและเทคโนโลยี. (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพชุมนุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย, 2551), หนา 28 - 46 คูม อื ครู


ชั้น

เสร�ม

10

ม.4-6 (ตอ)

ตัวชี้วัด 7. พัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร

สาระการเรียนรูแกนกลาง • โครงงานคอมพิวเตอร แบงตามวัตถุประสงคของการใชงาน ดังนี้ - การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา - การพัฒนาเครื่องมือ - การทดลองทฤษฎี - การประยุกตใชงาน - การพัฒนาโปรแกรมประยุกต • พัฒนาโครงงานคอมพิวเตอรตามขั้นตอนตอไปนี้ - คัดเลือกหัวขอที่สนใจ - ศึกษาคนควาเอกสาร - จัดทําขอเสนอโครงงาน - พัฒนาโครงงาน - จัดทํารายงาน - นําเสนอและเผยแพร

8. ใชฮารดแวรและซอฟตแวรให เหมาะสมกับงาน

• การเลือกคุณลักษณะของฮารดแวรและซอฟตแวรใหเหมาะสม กับงาน เชน คอมพิวเตอรที่ใชในงานสื่อประสม ควรเปนเครื่องที่มี สมรรถนะสูงและใชซอฟตแวรที่เหมาะสม

9. ติดตอสื่อสาร คนหาขอมูลผาน อินเทอรเน็ต

• ปฏิบัติการติดตอสื่อสาร คนหาขอมูลผานอินเทอรเน็ต • คุณธรรมและจริยธรรมในการใชอินเทอรเน็ต

10. ใชคอมพิวเตอรในการประมวลผล • ใชเทคโนโลยีสารสนเทศชวยในการตัดสินใจของบุคคล ขอมูลใหเปนสารสนเทศเพื่อประกอบ กลุมองคกรในงานตางๆ การตัดสินใจ 11. ใชเทคโนโลยีสารสนเทศนําเสนองาน • ใชเทคโนโลยีสารสนเทศนําเสนองานในรูปแบบโดยพิจารณา วัตถุประสงคของงาน ในรูปแบบที่เหมาะสม ตรงตาม วัตถุประสงคของงาน 12. ใชคอมพิวเตอรชวยสรางชิ้นงานหรือ • ใชคอมพิวเตอรชวยสรางชิ้นงานหรือโครงงาน ตามหลักการทํา โครงงาน โครงงานอยางมีจิตสํานึกและความ รับผิดชอบ • ศึกษาผลกระทบดานสังคมและสิ่งแวดลอมที่เกิดจากงานที่สรางขึ้น เพื่อหาแนวทางปรับปรุงและพัฒนา 13. บอกขอควรปฏิบัติสําหรับผูใช เทคโนโลยีสารสนเทศ

คูม อื ครู

• ขอปฏิบัติสําหรับผูใชเทคโนโลยีสารสนเทศ เชน สื่อสารและปฏิบัติ ตอผูอื่นอยางสุภาพ ปฏิบัติตามระเบียบขอบังคับของระบบที่ใชงาน ไมทําผิดกฎหมายและศีลธรรม แบงปนความสุขใหกับผูอื่น


คําอธิบายรายวิชา รายวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 รหัสวิชา ง…………………………………

กลุมสาระการเรียนรู การงานอาชีพและเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1- 2 เวลา 40 ชั่วโมง/ป

เสร�ม

อธิบายหลักการออกแบบฐานขอมูล การเขียนโปรแกรมเพื่อดึงขอมูลจากฐานขอมูล การพัฒนาโครงงาน คอมพิวเตอร การพัฒนาชิ้นงานระบบสารสนเทศทางธุรกิจ การเลือกใชฮารดแวรและซอฟตแวรใหเหมาะสมกับ โครงงานคอมพิวเตอรดานธุรกิจ การใชทรัพยากรสารสนเทศบนอินเทอรเน็ต การสืบคนไดอยางเหมาะสมตอการ พัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร ผลกระทบดานสังคมและสิ่งแวดลอมของโครงงาน รวมถึงแนวทางการปรับปรุงพัฒนา โครงงาน รูปแบบของอาชญากรรมคอมพิวเตอรและกฎหมายทีเ่ กีย่ วของ คุณธรรมและจริยธรรมในการใชอนิ เทอรเน็ต โดยใชกระบวนการทํางาน กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการคิดวิเคราะห และกระบวนการแกปญหา เพื่อใหเกิดความรู ความคิด ความเขาใจ สามารถนําเทคโนโลยีสารสนเทศไปประยุกตใชในชีวิตประจําวัน มีคุณธรรมและจริยธรรมในการใชเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยคํานึงถึงผลกระทบตอสังคม มารยาท และขอบังคับใน การใช ตลอดจนมีเจตคติที่ดีตอคุณคาของเทคโนโลยีสารสนเทศ

11

รหัสตัวชี้วัด ง 3.1 ม.4-6/6 6/6 ม.4-6/7 ม.4-6/8 ม.4-6/9 ม.4-6/9 ม.4-6/12 ม.4-6/13 รวม 6 ตัวชี้วัด

คูม อื ครู


ตาราง

ÇÔà¤ÃÒÐË Áҵðҹ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒáÅеÑǪÕéÇÑ´ ÃÒÂÇÔªÒ à·¤â¹âÅÂÕÊÒÃʹà·ÈáÅСÒÃÊ×èÍÊÒà Á.6

คําชี้แจง : ใหผูสอนใชตารางน�้ตรวจสอบความสอดคลองของเน�้อหาสาระการเรียนรูในหนวยการเรียนรูกับมาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัดชั้นป

เสร�ม

12

สาระที่ 3

มาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด

มาตรฐาน ส 3.1 หนวยการเรียนรู

ตัวชี้วัด 1

2

3

4

5

6

7

8

หนวยการเรียนรูที่ 1 : การคนหาขอมูล สารสนเทศ

10 11 12 13

หนวยการเรียนรูที่ 2 : การพัฒนาโครงงาน คอมพิวเตอรประยุกต

หนวยการเรียนรูที่ 3 : การเขียนโปรแกรม ภาษาซีชารป

9

✓ ✓

หนวยการเรียนรูที่ 4 : อาชญากรรม คอมพิวเตอรและ กฎหมายที่เกี่ยวของ หมายเหตุ ✓ เฉพาะที่สอดคลองกับตัวชี้วัดชั้น ม.6 เทานั้น ตัวชี้วัดที่เหลือจัดการเรียนการสอนในชั้น ม.4 และ ม.5

คูม อื ครู


กระตุน ความสนใจ Engage

สํารวจคนหา Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand

Evaluate

˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹

เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ม.6 ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6

กลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

ผูเรียบเรียง

รศ. ดร. พิมลพรรณ ประเสริฐวงษ เรพเพอร นางสาวอารียา ศรีประเสริฐ นางสาวสายสุนีย เจริญสุข นางสาวสุปราณี วงษแสงจันทร

ผูตรวจ

ผศ. ดร. พรฤดี เนติโสภากุล นายเอนก สุวรรณวงศ ดร. จารุวัส หนูทอง

บรรณาธิการ

นายมนตรี สมไรขิง นายสมเกียรติ ภูระหงษ

ผูจัดทําคูมือครู

พิไลพร ฉิมพัด บุญนิตา จิตรีเชาว พิมพครั้งที่ 1

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ รหัสสินคา 3617002 รหัสสินคา 3647002

¤Œ¹¤ÇÒÁÃÙŒ¢ÂÒ¤ÇÒÁ¤Ô´¨Ò¡

EB GUIDE

ที่พิมพกํากับหัวขอสําคัญในหนังสือเรียนหลักสูตรแกนกลางฯ ผาน www.aksorn.com ไปยังแหลงความรูทั่วไทย-ทั่วโลก


อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา Explore Engage

Expand

Explain

Evaluate

¤íÒá¹Ð¹íÒ㹡ÒÃ㪌˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ หนังสือเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารเลมนี้ ใชประกอบการเรียนการสอนรายวิชาพืน้ ฐาน กลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เนื้อหาตรงตามสาระการเรียนรูแกนกลางขั้นพื้นฐาน อานทําความเขาใจงาย ใหทั้งความรูและชวยพัฒนาผูเรียนตามหลักสูตรและตัวชี้วัด เนื้อหาสาระแบงออกเปนหนวยการเรียนรู สะดวกแกการจัดการเรียนการสอน และการวัดผลประเมินผล พรอมเสริมองคประกอบอืน่ ๆ ทีจ่ ะชวยทําใหผเู รียนไดรบั ความรูอ ยาง มีประสิทธิภาพ ¨Ñ´¡ÅØ‹Áà¹×éÍËÒ໚¹Ë¹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ Êдǡᡋ¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹

à¡ÃÔè¹¹íÒà¾×èÍãˌࢌÒ㨶֧ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ ã¹Ë¹‹Ç·Õè¨ÐàÃÕ¹

à¹×Íé ËҵçµÒÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙጠ¡¹¡ÅÒ§Ï ãËŒ¤ÇÒÁÃÙŒáÅÐàÍ×é͵‹Í¡ÒùíÒä»ãªŒÊ͹à¾×èÍ ãËŒºÃÃÅصÑǪÕéÇÑ´ áÅÐÊÌҧ¤Ø³ÅѡɳРÍѹ¾Ö§»ÃÐʧ¤

บคน บนอินเทอรเน็ตและการสื นประโยชนตอ 1. ทรัพยากรสารสนเทศ กที่เป ทรัพยากรสารสนเทศจํานวนมา

2

โครง งาน คอม ชวยเพิ่มพูนประ พิ ว เตอ ร เป น สิ่ ง ที่ จ ะ พัฒนางานทางด สบการณและความรูในการ ไดอยางมีประสิทานธุรกิจใหสามารถดําเนินงาน ประหยัดคาใชจา ธิภาพ สะดวก รวดเร็ว และ ย

หนวยการเรียนรูท

ตัวชี้วัด

ี่

การพัฒนาโครง

งานคอมพิวเตอ

ตัวชี้วัด ง 3.1 ม.4-6/7 พัฒนาโครงงานคอมพ ใชฮารดแวรและซอฟต ิวเตอร (ง 3.1 ม. 4-6/8) แวรใหเหมาะสมกั ใชคอมพิวเตอรช บงาน (ง 3.1 ม. วยสร และความรับผิดชอบ างชิ้นงานหรือโครงงานอยางมีจ 4-6/12) ิตสํานึก

รประยุกตทางด

านธุรกิจ

สาระการเรียนรู

งรวบรวม ระบบอินเทอรเน็ต ถือเปนแหล ะเดนที่สําคัญ ดังนี้ ใจในประเด็ เราจําเปนจะตองทําความเขา น เทอร เ น็ ต การนําไปใชในแตละดาน ซึ่ง ทรั พ ยากรส ารสนเ ทศบน อิ ่ถูกจัดเก็บอยูใน คือ สารสนเทศจํานวนมากที วยระบบเครือขาย คอมพิวเตอรซงึ่ เชือ่ มโยงกันด เสมือนจริง งสมุด อินเทอรเน็ต ทําใหเกิดหอ นเปนหองสมุดของ (Virtual Library) เปรียบเสมือ เก็บสรรพวิชาการ โลกขนาดใหญมหาศาลที่จัด าวสารตางๆ ไว และข งานวิจัย เทคโนโลยีใหมๆ การแสวงหา การสืบคนสารสนเทศ คือ มี ก ารบั น ทึ ก และ ทรั พ ยากรส ารสนเ ทศที่ ไ ด สื่อสิ่งพิมพ สื่อ เผยแพรไวในสื่อตางๆ ไดแก กส เพื่ อให ได โสตทัศน และสื่อ อิเล็ กทรอนิ งการ งทรัพยากรสารสนเทศทมี่ ี งที่ตอ ระบบอินเทอรเน็ตถือเปนแหล สารสนเทศที่เกี่ยวของกับเรื่อ วน และตรงตอ ขอมูลความรูมหาศาล างรวดเร็ว ครบถ วิธีการเพื่อใหไดสารสนเทศอย อ คื น ค บ ื นการส ใ ี ธ วิ ค เทคนิ และตองทราบวาสารสนเทศ วัตถุประสงคหรือความตองการ ่งตองใชการสืบคนที่เหมาะสม การใชสารสนเทศเรื่องใดเรื่องหนึ เทอรเน็ต การสืบคนขอมูลในระบบเครือขายอินเทอรเน็ต อขายอิน ธีใด ทีต่ อ งการนัน้ อยูท ใี่ ดในระบบเครื ิการ ทั้งนี้ขึ้นอยูกับขอมูลที่ตองการนั้นมีการเผยแพรโดยวิ ลายบร สามารถใชบริการตางๆ ไดห ต น็ เ  เทอร น นอิ า ผ น ค บ ีที่ดี 2. เทคนิควิธีการสื ธี ซึ่งถาหากเรามีเทคนิควิธ เน็ตนั้นสามารถทําไดหลายวิ ว ซึ่งปฏิบัติได ดังนี้ การสืบคนขอมูลผานอินเทอร รวดเร็ รวดเร็ งๆ ในอินเทอรเน็ตไดอยางสะดวก จะชวยใหสามารถสืบคนสิ่งตา งการ อ  ต ่ ที อ ข ว ั 2.1 การกําหนดห องการ ซึ่งขอมูลที่ไดก็จะมี ือระบุหัวเรื่องของขอมูลที่เราต เปนเทคนิคที่ใชในการกําหนดหร าหนด เชน วขอที่เรากํ ยไทย ก็ทําการกําหนดหัวขอ เนื้อหาที่อยูในขอบเขตของหั ่เกี่ยวกับระบบฐานขอมูลกฎหมา ตองการคนหาขอมูลโครงงานที อมูลกฎหมายไทย ผานอินเทอรเน็ต นข ระบบฐา ร านข โดยใชคําวา : โครงงานเรื่อง

แกนกลาง

โครงงานคอมพิว เตอร การพัฒนาสื่อการศึ แบงตามวัตถุประสงค ของการใ ชงาน ดังนี้ กษา การพัฒนาเครื่อ ใชงาน การพัฒนาโปรแ งมือ การทดลองทฤษฎ ี การประยุกต พัฒนาโครงงานคอมพ กรมประยุกต คัดเลือกหัวขอที่ส ิวเตอรตามขั้นตอนตอไปนี้ นใจ โครงงาน จัดทํารายงานศึกษาคนควาเอกสาร จัดทําข อเสนอโครงการ พัฒนา การเลือกคุณลักษณะของ นําเสนอและเผยแพร ฮารดแวรแ คอมพิว เตอร ที่ ใ ช ใ นงานสื่ อประสมละซอฟแวรใหเหมาะสมกับงาน เช ใช ซอฟตแวรที่เหมาะสม น ควรเปน เครื่ อ งที ่ มี ส มรรถน ะสู ง และ ใชคอมพิวเตอรช วยสร ศึกษาผลกระทบด างชิ้นงานหรือโครงงานตามหลัก การทําโครงงาน แนวทางปรับปรุง านสังคมและสิ่งแวดลอมที่เกิดจากงาน และพัฒนา ที่สรางขึ้นเพื่อหา ●

● ●

à¡Ãç´ IT ໚¹àÃ×èͧ¹‹ÒÃÙŒà¾ÔèÁàµÔÁ ¨Ò¡à¹×éÍËÒ ÁÕá·Ã¡à»š¹ÃÐÂÐæ

ประเทศ (Region) คนหาปลอดภัย (SafeSearch) เครื่องมือเจาะจง หนาเว็บ

การคนหาขั้นสูง

วิธีการคนหา

คนหาหนาเว็บที่อยูในประเทศ การค นหาเว็บเพจที่อยูในประเทศตางๆ เช น เกาหลีใต คิวบา จีน เปนตน คนหาหนาเว็บที่กําหนดความ การค นหาขอมูลทีม่ กี ารกรอง หรือไมมกี ารกรองข ปลอดภัย อมูลดาน ความปลอดภัย คนหาหนาเว็บที่คลายคลึงกับ การค น หาเว็ บเพจที่คลายกับเว็บเพจที่ระบุ URL หนาเว็บนี้ คนหาหนาเว็บที่ลิงคไปสูหนา การค นหาเว็บเพจที่เชื่อมโยงมายังเว็บเพจที เว็บนี้ ่ระบุ URL

ผลลัพธการคนหาทีไ่ ดจากการค เพียงแตผูใชจะไดผลลัพธที่เจาะจงมา นหาขัน้ สูงจะคลายกับการคนหาดวย Google ตามปกติ กขึ้น

à¡Ãç´ IT

การคนหาโดยกําหนดประเภทของไฟล Google มีความสามารถในการค ประเภทอื่นๆ บนอินเทอรเน็ต ดวยการค นหาไฟล (Advanced Search) หรือการกําหนดคํ นหาขั้นสูง าคนได เชน ตองการหาไฟลเรื่องเบส ในรูปแบบไฟล ไมโครซอฟตเวิรด (.doc) กําหนดได ดังนี้

โดยประเภทของไฟลที่ Google รับรองก็ คือ .pdf ไฟลเอกสาร Adobe Acrobat Reader .ps ไฟลเอกสาร Adobe PostScript .dwf ไฟลขอมูลรูปจาก Autodesk DWF .kml ไฟลขอมูลจาก Google Earth KML .kmz ไฟลขอ มูลจาก Googl .xls ไฟลสเปรดชีท Microsoft Excel e Earth KMZ .ppt ไฟลนาํ เสนอ Microsoft .doc ไฟลเอกสาร Microsoft word PowerPoint .rtf ไฟลเอกสาร Rich Text Format .swf ไฟลมัลติมีเดียจาก Shockwave flash

2

19

µÑǪÕÇé ´Ñ áÅÐÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙጠ¡¹¡ÅÒ§ µÒÁ·ÕËè ÅÑ¡Êٵà ¡íÒ˹´ à¾×èÍãËŒ·ÃÒº¶Ö§à»‡ÒËÁÒÂ㹡ÒÃÈÖ¡ÉÒ Design ˹ŒÒẺãËÁ‹ ÊǧÒÁ ¾ÔÁ¾ ô ÊÕ µÅÍ´àÅ‹Á ª‹ÇÂãˌ͋ҹ·íÒ¤ÇÒÁࢌÒã¨ä´Œ§‹ÒÂ

ÁØÁà·¤â¹âÅÂÕ àÊÃÔÁà¹×éÍËҹ͡à˹×ͨҡ·ÕèÁÕã¹ ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§à¾×èÍà¾ÔèÁ¾Ù¹áÅТÂÒ ¤ÇÒÁÃÙŒãËŒ¡ÇŒÒ§¢ÇÒ§ÍÍ¡ä»

มุมเทคโนโลยี

จินที่เหมาะสม มูลผานเสิรชเอน น search engine 3. การคนหาขอ ตางๆ ทางอินเทอรเน็ตมักนิยมใชการคนหาผอมูาลผานเสิรชเอนจินมี ั่วไปการสืบคนขอมูล อยางงาย การคนหาข

Application) ประเภทตางๆ ที่ทํางานรวมกัน ะยุกต กตบนเว็บ (Web base

engine ที่ไดรับความ Keyword search นการ คือ Google ที่เน ง นิยมสูงในปจจุบัน ่รวดเร็ว วิธีการคนหาขอ แสดงผลการสืบคนที ็บเพจที่เกี่ยวของดวย Google คือ คนหาเว นหา ซึ่งสามารถปอน องค คําคนที่ผูใชปอนในช ทั้งนี้ และภาษาอังกฤษ คําคนไดทั้งภาษาไทย ถหลักในการคนหา ามาร Google ยังมีความส และ Scholar ไดดงั นี้ าษา แปลภ ่ ี รูปภาพ แผนท

2.6 % 8.3 % 6.3 % 9.6 %

49.2 %

23.8 %

เอมเอสเอ็น 9.6 % อื่นๆ 8.3 %

ยาฮู 23.8 % อารก 2.6 %

กูเกิล 49.2 % เอโอเอล 6.3 %

ป พ.ศ. 2549

ชเอนจินทั่วโลกใน

สัดสวนของผูใชเสิร

gle นการคนหาของ Goo

ความสามารถใ

รถ

ความสามา งกับ งไดตามความเกี่ยวขอ น โดยสามารถจัดเรีย ปอารต และภาพลายเส ภาพไดทั้งรูปถาย คลิ ที่ตองการได รูปภาพ คนหารูนปหาหร ใช ผูใชสามารถ ัวขอตางๆ ของผู ง ตามห แหน อ ื า ตํ บ ั ก  อยู ค ่ น ้ ที า คํ ่จะขึ ิดตอ บเบราวเซอร โดยแผนที งของธุรกิจขอมูล ที่ต ที่ซึ่งผูใชสามารถดูในเว็ ง ขอมูลธุรกิจทองถิ่น รวมถึงตําแหนกันไดทันที และดูภาพจาก แผนที่ บริการแผน ี่ที่กําหนดเอ สวนที่ติด กและลากแผนที่เพื่อดู ดูแผนที่พื้นฐานหรือแผนท ่ดวย โดยสามารถคลิ และเสนทางการขับขี งที่ตองการได ในภาษาใดๆ ก็ไดที่ บ เว็ แหน า า น ตํ และห มของ ย ี ค ดาวเท ประโย มารถแปลไดทั้ง คํา าถึงขอมูลไดงาย และกอใหเกิดประโยชน ภาษา 57 ภาษา โดยสา ั้นสามารถเข แปลภาษา บริการแปล ่งจะชวยใหผูคนในภาษาน Google สนับสนุน ซึ าใดก็ตาม นธ หนังสือ ก บทความ วิทยานิพ ไมวาจะเขียนขึ้นในภาษ หลงขอมูลตางๆ ไดแ ที่เก็บรางบทความ มหาวิทยาลัย าและแ ช าวิ ากสาข าการจ เขียนทางวิช ชาการ แวดวงวิชาชีพ Scholar คนหางาน มจากสํานักพิมพทางวิ บทคัดยอ และบทควาึกษาอื่นๆ นการศ และองคกรดา m/LC/Tech/M6/01

EB GUIDE

กิจกรรม สร้างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้

โปรแกรมประยุ ือขายอินเทอรเน็ตนั้น จะมีโปรแกรมปร ายเปนสื่อกลางในการติดตอสื่อสาร ข ในการทํางานบนเคร ชื่อมตออยูในเครือขาย โดยอาศัยเครือ โครงสรางการทํางานที่คลายกัน วเตอรที่เ ้มีลักษณะ ระหวางเครื่องคอมพิ ํางานของโปรแกรมประยุกตเหลานี ระยุกตบนเว็บโปรแกรมหนึง่ ทีเ่ รารูจ กั การท ระหวางกันและกัน บตั กิ ารบนเครือขายอินเทอรเ น็ต โปรแกรมป ปฏิ ) ซึง่ จะทําใหเกิดระบบ ส (Electronic Mail านเครือขายคอมพิวเตอร ซึ่งใหบริการ ปรษณียอิเล็กทรอนิก กันดี คือ โปรแกรมไ อิเล็กทรอนิกสเปนบริการรับสงจดหมายผ และเสียง ทําใหการติดตอสื่อสาร กษร ภาพ โปรแกรมไปรษณีย วสารไดทั้งแบบตัวอั ็ว สามารถรับสงขา มในการใชบริการสูงในเครือขาย วดเร และร ะดวก ส ได สวน คือ สวนการ นิย ประกอบที่สําคัญ 2 ปนระบบที่ไดรับความ ไมมีขีดจํากัด และเ ณียอิเล็กทรอนิกสประกอบขึ้นดวยองค กันดี โดยมากมักจะอยูในรูปแบบของ ละรูจัก บบ ปจจุบันระบบไปรษ ่งเปนสวนที่ผูใชคุนเคยแ UNIX และโปรแกรม Thunderbird ในระ ับ ซึ t Agen User า ติดตอกับผูใชเรียกว ิเล็กทรอนิกสที่ไดร ในระบบปฏิบัติการ น โปรแกรม Pine านวยความสะดวกในการอานจดหมายอ  (Email Address) โปรแกรมใชงาน เช ยู ยอํ อ ่ ว  ช ้ ที นี บ า เก็ ด หล รจั กรมเ โปรแ ะดวกในกา ปฏิบัติการ Windows มายและจัดสง รวมถึงอํานวยความส ิกสระหวางเครื่อง ชวยในการจัดเตรียมจดหอยครั้ง งไปรษณียอิเล็กทรอน อบ ของผูใชที่มีการติดต คัญอีกสวนหนึ่ง ไดแก สวนการรับส ประกอบสวน User Agent เปนเพียง องคประกอบที่สํา กวา Message Transfer Agent องค งนั้น จึงอาจมีรูปแบบแตกตางกัน ย ดั เรี ส ย ก ิ า ข อ ื ทรอน ก ล็ นเคร เ ิ ใ  อ  ย ี คอมพิวเตอร บบไปรษณ อระหวางผูใชและระ ตัวกลางในการเชื่อมต ประกอบสวน Message บองค ออกไปไดมาก สําหรั าหนาที่สรางการติดตอกับ ่งทํ Transfer Agent ซึ ไปรษณีย ง ส บ รั อ ่ ื อื่นในระบบเพ นการ เครื่องคอมพิวเตอร สวนที่ตองมีโพรโทคอลใ อิเล็กทรอนิกส เปน ําหนาที่เปนทั้งผูใหบริการ และท เจน ด ั ช ่ ี่ ที อ ต ติด ดียวกัน โปรแกรมท กรมเ โปรแ ารใน ก ริ บ และผูขอใช Sendmail ัติการ UNIX ไดแก รฐาน นิยมใชในระบบปฏิบ ลมาต โทคอ มโพร ไปตา น ป ซึ่งเปนโปรแกรมที่เ Transfer Protocol) SMTP (Simple Mail

โดยท อมูลได รวดเร็ว และเขาถึงข เนื่องจากเปนวิธีที่สะดวก าคนที่ ้ คนหาขอมูลดวยคํ หลากหลายวิธี ดังนี search engine

word 3.1 การใช Key เจาะจง

¡Ô¨¡ÃÃÁÊÌҧÊÃä ¾² Ñ ¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ÁͺËÁÒ ãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹䴌ŧÁ×ÍÊÌҧªÔ鹧ҹà¾×èÍãËŒÁդسÀÒ¾ ºÃÃÅØÁҵðҹáÅеÑǪÕéÇÑ´

7

http://www.aksorn.co

Web guide á¹Ð¹íÒáËÅ‹§¤Œ¹¤ÇŒÒ¢ŒÍÁÙÅ à¾ÔèÁàµÔÁ¼‹Ò¹Ãкº Online

ใบมอบหมายงาน เรื่อง อาชญากรรมคอมพิวเตอร์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตอนที่ 1 ให้นักเรียนตอบค�าถามประจ�าหน่วยการเรียนรู้ต่อไปนี้ 1 2 3 4

อาชญากรรมคอมพิวเตอร์มีกี่ประเภท อะไรบ้าง ปัญหาเกี่ยวกับการป้องกันอาชญากรรมคอมพิวเตอร์มีอะไรบ้าง จงเลือกอธิบายมา 3 ปัญหา จงบอกประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการมีมารยาทที่ดีในการใช้อินเทอร์เน็ต พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระท�าความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 หมวด 1 ความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มีกี่มาตรา มีมาตราส�าคัญอะไรบ้าง

ตอนที่ 2 ให้นักเรียนปฏิบัติตามค�าสั่งต่อไปนี้

1 2

3 51 106

นักเรียนหาตัวอย่างข่าว ภาพ บทความเกีย่ วกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ทเี่ กิดขึน้ ในสังคมไทย แล้วน�าไปจัดป้ายนิเทศเพื่อเผยแพร่ความรู้ นักเรียนเลือกดูภาพยนตร์ 1 เรื่อง แล้วน�าสาระที่ได้มาอภิปรายร่วมกันในชั้นเรียน เรื่องที่ 1 141 Hacker เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่ถูกจับในปี ค.ศ. 1983 ฐานลักลอบใช้ เครื่องคอมพิวเตอร์และโมเด็มโทรศัพท์เจาะเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานราชการ ต่างๆ ทัง้ หน่วยราชการลับ โรงพยาบาล สถาบันการศึกษา รวมทัง้ ท�าลายแฟ้มข้อมูลขององค์การ สหประชาชาติ หรือของศูนย์มะเร็ง ซึ่งต่อมาศาลตัดสินว่าเป็นความผิด เรื่องที่ 2 War Game เป็นเรื่องของเด็กหนุ่มผู้เป็นอัจฉริยะทางคอมพิวเตอร์ สามารถเจาะ เข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของกองก�าลังป้องกันทางอากาศในพืน้ ทีภ่ าคเหนือของสหรัฐอเมริกา ที่ตั้งอยู่ในมลรัฐไวโอมิง และเกือบเกิดสงครามปรมาณู นักเรียนร่วมกันศึกษาว่าอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง พร้อมทั้งเขียนแสดง ความคิดเห็นว่า ควรมีแนวทางอย่างไรในการแก้ปญั หาอาชญากรรมคอมพิวเตอร์เหล่านัน้ แล้ว น�าส่งครูผู้สอน


กระตุน ความสนใจ Engage

สํารวจคนหา Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand

¤íÒ¹íÒ กลุมสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี เปนกลุมสาระที่ชวยพัฒนาใหผูเรียนมีความรู ความ เขาใจ มีทักษะพื้นฐานที่จําเปนตอการดํารงชีวิต และรูเทาทันการเปลี่ยนแปลง สามารถนําความ รูเกี่ยวกับการดํารงชีวิต การอาชีพและเทคโนโลยี มาประยุกต ใชในการทํางานอยางมีความคิด สรางสรรคและแขงขันในสังคมไทยและสากล เห็นแนวทางในการประกอบอาชีพ รักการทํางาน และมีเจตคติที่ดีตอการทํางาน สามารถดํารงชีวิตอยูในสังคมไดอยางพอเพียงและมีความสุข สําหรับหนังสือเรียนที่ใชประกอบการเรียนการสอนสําหรับผูเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษา ปที่ 6 (ม.6) กลุมสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี จะจัดทําแยกออกเปน 2 เลมดวยกัน กลาวคือ แยกเปนการงานอาชีพและเทคโนโลยี เลมหนึง่ (ซึง่ จะกลาวถึงสาระที่ 1 การดํารงชีวติ และครอบครัว สาระที่ 2 การออกแบบและเทคโนโลยี สาระที่ 4 การอาชีพ) และเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารอีกเลมหนึ่ง (ซึ่งเลมหลังนี้จะเนนหนักสาระที่ 3 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) ทัง้ นีค้ รูผสู อนและสถานศึกษาพึงใชควบคูก นั เพือ่ ประสิทธิภาพในการเรียนการสอนและผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนที่ดีของผูเรียน โดยเลมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จะเปนสาระเกี่ยวกับกระบวนการเทคโนโลยี สารสนเทศ การติดตอสื่อสาร การคนหาขอมูล การใชขอมูลและสารสนเทศ การแกปญหาหรือ การสรางงาน คุณคาและผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ ภายในเลมไดจดั แบงเนือ้ หาแยกเปนหนวยการเรียนรู มีเนือ้ หาทีส่ อดคลองกับสาระการเรียน รูแกนกลาง รวมทั้งมีระดับความยากงายและจํานวนเนื้อหาที่เหมาะสมกับเวลาเรียน ทั้งนี้ทาง คณะผูเ รียบเรียงหวังเปนอยางยิง่ วา หนังสือเรียนเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารเลมนี้ จะเปน ประโยชนอยางยิง่ ตอการนําไปใชประกอบการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษาทุกแหง ชวยให ผูเรียนไดรับความรู มีทักษะ มีคุณลักษณะอันพึงประสงค ตลอดจนบรรลุตัวชี้วัดตามที่หลักสูตร แกนกลาง ฯ ไดกําหนดไวทุกประการ ผูเรียบเรียง

Evaluate


กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา Engage

˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè

Explore

1

3

33 - 56

ÃкºÊÒÃʹà·È·Ò§¸ØáԨ »ÃÐàÀ·¢Í§ÃкºÊÒÃʹà·È·Ò§¸ØáԨ ¡ÒþѲ¹Òâ¤Ã§§Ò¹ÃкºÊÒÃʹà·È·Ò§¸ØáԨ ¡ÒÃàÅ×͡㪌ÎÒà ´áÇà áÅЫͿµ áÇà ãËŒàËÁÒÐÊÁ¡Ñºâ¤Ã§§Ò¹ÃкºÊÒÃʹà·È·Ò§¸ØáԨ ¡ÒÃÈÖ¡ÉҼšÃзº´ŒÒ¹Êѧ¤ÁáÅÐÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ¢Í§â¤Ã§§Ò¹

34 35 41 48 52

57 - 92

¡ÒÃÍ͡Ẻ°Ò¹¢ŒÍÁÙÅ ¡ÒÃà¢Õ¹â»Ãá¡ÃÁà¾×èÍ´Ö§¢ŒÍÁÙŨҡ°Ò¹¢ŒÍÁÙÅ ¡ÒþѲ¹ÒªÔ鹧ҹÃкºÊÒÃʹà·È¡ÒâÒÂÊÔ¹¤ŒÒ

58 64 70

4

2 2 7 27 30

¡ÒÃà¢Õ¹â»Ãá¡ÃÁÀÒÉÒ «ÕªÒà » (C#) ●

˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè

1 - 32

·ÃѾÂÒ¡ÃÊÒÃʹà·Èº¹ÍÔ¹à·Íà à¹çµáÅСÒÃÊ׺¤Œ¹ à·¤¹Ô¤ÇÔ¸Õ¡ÒÃÊ׺¤Œ¹¼‹Ò¹ÍÔ¹à·Íà à¹çµ ¡Ò䌹ËÒ¢ŒÍÁÙż‹Ò¹àÊÔà ªà͹¨Ô¹·ÕèàËÁÒÐÊÁ àÇçºä«µ ·ÕèÁÕ»ÃÐ⪹ µ‹Í¡Ò÷íÒ§Ò¹â¤Ã§§Ò¹ËÃ×ͪÔ鹧ҹ ÃٻẺ¡ÒÃ͌ҧÍÔ§áËÅ‹§¢ŒÍÁÙÅã¹ÍÔ¹à·Íà à¹çµ

¡ÒþѲ¹Òâ¤Ã§§Ò¹¤ÍÁ¾ÔÇàµÍà »ÃÐÂØ¡µ ·Ò§´ŒÒ¹¸ØáԨ ●

˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè

Evaluate

¡Ò䌹ËÒ¢ŒÍÁÙÅÊÒÃʹà·È ●

2

Expand

Explain

ÊÒúÑÞ ●

˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè

อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล

ÍÒªÞÒ¡ÃÃÁ¤ÍÁ¾ÔÇàµÍà áÅС®ËÁÒ·Õèà¡ÕèÂÇ¢ŒÍ§ ●

ÍÒªÞÒ¡ÃÃÁ¤ÍÁ¾ÔÇàµÍà ÁÒÃÂÒ··ÑèÇä»ã¹¡ÒÃ㪌ÍÔ¹à·Íà à¹çµ ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞѵÔÇ‹Ò´ŒÇ¡ÒáÃзíÒ¼Ô´à¡ÕèÂǡѺ¤ÍÁ¾ÔÇàµÍà ¾.È. 2550

ºÃóҹءÃÁ

93 - 106 94 98 99

107


กระตุน ความสนใจ Engage

สํารวจคนหา

อธิบายความรู

Explore

Explain

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล Evaluate

Expand

เปาหมายการเรียนรู 1. บอกทรัพยากรสารสนเทศ บนอินเทอรเน็ตและวิธีการสืบคน 2. บอกกลยุทยการสืบคนผาน อินเทอรเน็ต 3. คนหาขอมูลผาน search engine ที่เหมาะสม 4. คนหาเว็บไซตที่มีประโยชนตอการ ทํางาน โครงงาน หรือชิ้นงาน

กระตุนความสนใจ

ในป จ จุ บั น ข อ มู ล สารสนเทศมี ค วาม จําเปนตอการดําเนินชีวิตของเราอยางมาก การที่เราจะเขาถึงแหลงขอมูลสารสนเทศ ไดอยางสะดวกรวดเร็วนั้น เราควรทราบถึง วิ ธี ก ารและเทคนิ ค ต า งๆ ที่ จ ะช ว ยให ก าร คนหาขอมูลสารสนเทศมีประสิทธิภาพ

1 การคนหาขอมูลสารสนเทศ

หน่วยการเรียนรู้ที่

ตัวชี้วัด

ตัวชี้วัด ง 3.1 ม. 4-6/9 ติดต่อสื่อสารค้นหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต ●

สาระการเรียนรู้แกนกลาง ●

ปฏิบัติการติดต่อสื่อสารค้นหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต

1. ครูนําภาพตัวอยางหนาเว็บไซตให นักเรียนดู แลวถามวา • นักเรียนรูจักเว็บไซตที่เห็นหรือ ไม และเว็บไซตนี้มีประโยชน อยางไร นักเรียนรวมกันแสดง ความคิดเห็น 2. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางเว็บไซต ที่นักเรียนรูจัก แลวอธิบายวา เว็บไซตดังกลาวมีประโยชน อยางไร

เกร็ดแนะครู ครูควรจัดการเรียนรู โดยให นักเรียนทํากิจกรรมตอไปนี้ • ลงมือปฏิบัติคนหาขอมูล สารสนเทศรูปแบบตางๆ • ประชุมกลุมยอยเพื่อแลกเปลี่ยน ความรูและแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับการคนหาขอมูล

คูมือครู

1


กระตุน ความสนใจ Engage

สํารวจคนหา

อธิบายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Explore

Explain

Expand

Evaluate

(หนาพิมพและตัวอักษรในกรอบนี้มีขนาดเล็กกวาฉบับนักเรียน 20%)

กระตุนความสนใจ 1. ครูอธิบายถึงเทคโนโลยีในปจจุบัน ที่มีการพัฒนาอยางตอเนื่องและ สามารถนํามาใชใหเกิดประโยชน ในดานตางๆ จากนั้นกระตุนความ คิดดวยคําถาม • ในปจจุบัน เทคโนโลยีที่ชวย ใหการสืบคนสารสนเทศมี ความสะดวกรวดเร็วที่สุดคือ อะไร (แนวตอบ ในปจุบันระบบ อินเทอรเน็ตชวยตอบสนองการ สืบคนขอมูลตางๆ ไดอยาง สะดวกรวดเร็วที่สุด เนื่องจาก เปนสิ่งที่เชื่อมโยงไปทั่วโลก) 2. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายถึง ความหมายของการสืบคนขอมูล สารสนเทศ (แนวตอบ การสืบคนขอมูล สารสนเทศ เปนการใชระบบ สารสนเทศเพื่อการคนหา หรือดึง ขอมูลสารสนเทศเฉพาะเรื่องที่ผูใช ระบุจากแหลงรวบรวมสารสนเทศ เพื่อประโยชนดานตางๆ เชน การ ศึกษา สุขภาพ การประกอบอาชีพ เปนตน) 3. ครูและนักเรียนอภิปรายถึงความ สําคัญของการสืบคนขอมูล สารสนเทศบนอินเทอรเน็ต ไดอยางมีประสิทธิภาพสูง (แนวตอบ เทคนิควิธีการสืบคน จะชวยเพิ่มประสิทธิภาพในการ สืบคน เนื่องจากเปนวิธีที่จะทําให เราเขาถึงขอมูลไดอยางครบถวน รวดเร็ว และตรงตามความ ตองการ)

1. ทรัพยากรสารสนเทศบนอินเทอร์เน็ตและการสืบค้น ระบบอินเทอร์เน็ต ถือเป็นแหล่งรวบรวมทรัพยากรสารสนเทศจ�านวนมากที่เป็นประโยชน์ต่อ การน�าไปใช้ในแต่ละด้าน ซึ่งเราจ�าเป็นจะต้องท�าความเข้าใจในประเด็นที่ส�าคัญ ดังนี้ ทรั พ ยากรสารสนเทศบนอิ น เทอร์ เ น็ ต คือ สารสนเทศจ�านวนมากที่ถูกจัดเก็บอยู่ใน คอมพิวเตอร์ซงึ่ เชือ่ มโยงกันด้วยระบบเครือข่าย อินเทอร์เน็ต ท�าให้เกิดห้องสมุดเสมือนจริง (Virtual Library) เปรียบเสมือนเป็นห้องสมุดของ โลกขนาดใหญ่มหาศาลที่จัดเก็บสรรพวิชาการ งานวิจัย เทคโนโลยีใหม่ๆ และข่าวสารต่างๆ ไว้ การสืบค้นสารสนเทศ คือ การแสวงหา ทรั พ ยากรสารสนเทศที่ ไ ด้ มี ก ารบั น ทึ ก และ เผยแพร่ไว้ในสื่อต่างๆ ได้แก่ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อ ระบบอินเทอร์เน็ตถือเปนแหล่งทรัพยากรสารสนเทศทีม่ ี โสตทัศน์ และสื่อ อิเ ล็ กทรอนิกส์ เพื่ อให้ ได้ ข้อมูลความรู้มหาศาล สารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ต้องการ เทคนิควิธีในการสืบค้น คือ วิธีการเพื่อให้ได้สารสนเทศอย่างรวดเร็ว ครบถ้วน และตรงต่อ วัตถุประสงค์หรือความต้องการ การใช้สารสนเทศเรื่องใดเรื่องหนึ่งต้องใช้การสืบค้นที่เหมาะสม และต้องทราบว่าสารสนเทศ ทีต่ อ้ งการนัน้ อยูท่ ใี่ ดในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การสืบค้นข้อมูลในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สามารถใช้บริการต่างๆ ได้หลายบริการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ต้องการนั้นมีการเผยแพร่โดยวิธีใด

2. เทคนิควิธีการสืบค้นผ่านอินเทอร์เน็ต การสืบค้นข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตนั้นสามารถท�าได้หลายวิธี ซึ่งถ้าหากเรามีเทคนิควิธีที่ดี จะช่วยให้สามารถสืบค้นสิ่งต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวก รวดเ งสะดวก รวดเร็ว ซึ่งปฏิบัติได้ ดังนี้

2.1 การก�าหนดหัวข้อที่ต้องการ เป็นเทคนิคที่ใช้ในการก�าหนดหรือระบุหัวเรื่องของข้อมูลที่เราต้องการ ซึ่งข้อมูลที่ได้ก็จะมี เนื้อหาที่อยู่ในขอบเขตของหัวข้อที่เราก�าหนด เช่น ต้องการค้นหาข้อมูลโครงงานที่เกี่ยวกับระบบฐานข้อมูลกฎหมายไทย ก็ท�าการก�าหนดหัวข้อ โดยใช้ค�าว่า : โครงงานเรื่อง ระบบฐานข้อมูลกฎหมายไทย ผ่านอินเทอร์เน็ต 2

@

มุม IT

ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทรัพยากรสารสนเทศบนอินเทอรเน็ต ไดที่ http://www.ranong2.dusit.ac.th

2

คูมือครู


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา Explore

อธิบายความรู Explain

Engage

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

สํารวจคนหา

2.2 การก�าหนดค�าค้นและค�าที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ การก�าหนดค�าค้น คือ การก�าหนดค�าขึ้นแทนเนื้อหาหรือสาระที่ต้องการ เพื่อใช้ในการค้นหา สารสนเทศ เช่น ต้องการค้นหาข้อมูลเกีย่ วกับกฎหมายไทยก็ทา� การก�าหนดค�าค้น โดยใช้คา� ว่า : กฎหมายไทย ต้องการค้นหาข้อมูลอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับกฎหมายไทย ก็ท�าการก�าหนดค�าที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ค�าว่า : พระราชบัญญัติ พระราชก�าหนด พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ค�าสั่ง ระเบียบ

2.3 การใช้เทคนิคการค้น 1) การใช้ตรรกบูลนี (Boolean logic) เป็นการใช้ตวั ด�าเนินตรรกะ (Logic operators)

มาเชื่อมค�าเหล่านั้น เพื่อช่วยก�าหนดขอบเขตค�าค้นที่ต้องการให้แคบลง ได้แก่ AND, OR, NOT มาเชื หรือกว้างขึ้น ตัวด�าเนินการตรรกะอาจเป็นได้ทั้งค�าและสัญลักษณ์

ตัวด�ำเนินกำรตรรกะ AND (และ)

ผลลัพธ์ สัตสัว์เตลี้ยว์ง AND

OR (หรือ)

แมว

ผลลัพธ์ สุนัข OR แมว

ผลลัพธ์ NOT (ไม่) สัตสัว์เตลี้ยว์ง NOT

เลี้ยง

@

แมว

วัตถุประสงค์ ส�ำหรับ ลดขอบเขต และค�ำที่สอง ตัวอย่ำงกำรใช้ รูปแบบกำรใช้งำน : งก : ผลลัพธ์ที่ต้องกำร อธิบำย :

กำรสื รสืบค้น ระบบจะสืบค้นเฉพำะเอกสำรที เฉพำะเอกส ่มีค�ำแรก เฉพ

สัตว์เลี้ยง AND แมว ข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงที่เป็นแมว ผลลัพธ์จำกกำรค้ ำ ำรค้นหำจะแสดงเว็ ห จะแสดงเว็บเพจที่ต้องมีค�ำทั้ง ยในเว็บเพจ สองค�ำ คือ สัตว์เลี้ยง และ แมว อยู่ภำยในเว็ เดียวกัน ำรสื รสืบค้น ระบบจะสืบค้นเอกส เอกสำรทั ำรทั รทั้งหมดที่มีค�ำแรก ส�ำหรับ ขยายขอบเขต กกำรสื ปร กฏอยู่ และค�ำที่สอง หรือมีค�ำใดค�ำหนึ่งปรำกฏอยู ตัวอย่ำงกำรใช้ รูปแบบกำรใช้งำน : สุนัข OR แมว งก : ข้อมูลเกี่ยวกับสุนัขหรือแมว ผลลัพธ์ที่ต้องกำร ำกกำรค้นหำจะแสดงเว็ ห จะแสดงเว็บเพจทีม่ คี ำ� ทัง้ สองค�ำ อธิบำย : ผลลัพธ์จำกกำรค้ หรือค�ำใดค�ำหนึ่งปรำกฏอยู่ก็ได้ ส�ำหรับ จ�ากัด กำรสืบค้น ระบบจะสืบค้นเอกสำรที่มีเพียงค�ำแรกเท่ำนั้น ตัวอย่ำงกำรใช้ รูปแบบกำรใช้งำน : สัตว์เลี้ยง NOT แมว ผลลัพธ์ที่ต้องกำร : ข้อมูลเกีย่ วกับสัตว์เลีย้ งอืน่ ๆ ไม่เอำข้อมูลเกีย่ วกับแมว อธิบำย : ผลลัพธ์จำกกำรค้นหำจะแสดงเว็บเพจทีแ่ สดงผลลัพธ์ สัตว์เลี้ยงต่ำงๆ ยกเว้นแมว

มุม IT

ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตรรกบูลีน ไดที่ http://www.nukul.ac.th

1. ครูใหนักเรียนคนควาขอมูล เกี่ยวกับกลยุทธในการสืบคน ขอมูลผานอินเทอรเน็ตจากแหลง ตางๆ วามีวิธีใดบางที่จะชวย ใหการสืบคนเกิดความสะดวก รวดเร็ว จากนั้นนําขอมูลที่ไดมา ศึกษาทําความเขาใจ 2 นักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับ การใชเทคนิคการคนโดยวิธีตางๆ ไดแก การใชตรรกบูลีน การตัด ปลายคําและการแทนคํา และ การใชเครื่องหมายวงเล็บ

อธิบายความรู 1. ครูใหนักเรียนชวยกันบอกกลยุทธ ในการสืบคนขอมูลที่นักเรียน คนความาได โดยอธิบายขั้นตอน ในการสืบคนพอสังเขป 2. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปราย เกี่ยวกับการใชตรรกบูลีนในการ สืบคนขอมูล วามีขั้นตอนอยางไร และมีขอดีอยางไร จากนั้นรวมกัน สรุปประโยชนของการใชตรรกบูลนี 3. นักเรียนทดลองการสืบคนขอมูล ดวยวิธีการใชตรรกบูลีน โดยลงมือ ปฏิบัติจริงกับคอมพิวเตอร แลว บันทึกผลการปฏิบัติ

นักเรียนควรรู เชื่อมคํา เปนลําดับการคนที่มีการ ใชวิธีเชื่อมคํา (Boolean Operators) ซึ่งมีกระบวนการ ดังนี้ 3 1. ระบบจะดําเนินการคนหาคําที่ อยูในวงเล็บกอน 2. ทําการคนหาคําทุกคําที่อยูหลัง NOT 3. ทําการคนหาคําทุกคําที่อยูระหวาง AND ทั้งหมด และรวมถึงคําที่อยูใกลกันที่ไมมี AND เชื่อมดวย 4. ทําการคนหาคําที่อยูระหวาง OR ทั้งหมด คูมือครู

3


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)

อธิบายความรู 1. ครูสุมนักเรียน 2-3 คน เพื่ออธิบาย วิธีการสืบคนขอมูลโดยการตัด ปลายคําและการแทนคํา 2. นักเรียนรวมกันอธิบายขอดีของ การใชเทคนิคการตัดปลายคําและ การแทนคํา พรอมยกตัวอยาง 3. นักเรียนทดลองการสืบคนขอมูล ดวยวิธีการตัดปลายคําและการ แทนคําโดยลงมือปฏิบัติจริงกับ คอมพิวเตอร แลวบันทึกผลการ ปฏิบัติ

นักเรียนควรรู

2) การตัดปลายค�าและการแทนค�า (Truncation) เป็นการค้นค�าเดียวแทน

ค�าอืน่ ทุกค�าทีม่ รี ากศัพท์เดียวกัน เพือ่ รวบรวมค�าทีม่ กี ารสะกดค�าทีใ่ กล้เคียงกันหรือเหมือนกัน หรือ กรณีที่เป็นเอกพจน์และพหูพจน์ โดยใช้อักขระตัวแทน (Wildcard) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ เช่น * # ? ! $ เป็นต้น มักใช้ในการค้นค�าในภาษาอังกฤษ ตัวอย่าง ● ห ำกต้องกำรค้นเรือ ่ งเกีย่ วกับเด็ก ค�ำค้นทีใ่ ช้คอื child* จะได้คำ� เกีย่ วกับเด็กทัง้ หมด เช่น child children childhood childish ● ห ำกต้องกำรค้นเรือ ่ งเกีย่ วกับสตรี ค�ำค้นทีใ่ ช้คอื wom#n จะได้ทงั้ ค�ำว่ำ woman และ women เป็นต้น ● ก ำรตัดปลำยค�ำควรระวังไม่ใช้ค�ำสั้นเกินไปเพรำะอำจได้เรื่องที่ไม่ต้องกำรออกมำด้วย เช่น ใช้ค�ำค้นว่ำ ban* จะได้ค�ำว่ำ ban banana bandit bank banner เป็นต้น ซึ่งค�ำต่ำงๆ เหล่ำนี้ไม่สัมพันธ์กันเลย

Spider คือ โปรแกรมที่จะชวยให การทองโลกอินเทอรเน็ตเปนไป อยางสะดวกสบาย เปรียบเหมือน ผูชวยในการทํางาน หรือปฏิบัติ ภารกิจตางๆ ไมวาจะเปนการคนหา ขอมูล หารูปภาพ หรือแมแตการ จัดเก็บขอมูลตางๆ

3) การใช้เครื่องหมายวงเล็บ (Nesting) เพื่อครอบคลุมในแต่ละส่วนค�าสั่งข้อมูล

เพื่อแบ่งค�าสั่งบูลีนเป็นส่วนๆ ที่ต้องการค้น มัมักใช้ร่วมกับตรรกบูลีน เพื นๆ

ตัวอย่าง ● (tel ● ( television or mass media and children) หม หมำยถึ ยถึง ต้องกำรข้ งก อมูลเกี่ยวกับเด็ก โทรทัศน์ และเด็กกับสื่อมวลชน เป็นต้น

2.4 การเลือกใช้เสิร์ชเอนจิน (Search engines) @

ปัจจุบันเสิร์ชเอนจินมี 33 ประเภท ซึ ประเภท ่งมีความแตกต่างกัน ดังนี้

มุม IT

1 Keyword search engine

ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับโปรแกรม Spider ไดที่ http://www.web-thai.com

เป็นเครื่องมือสืบค้นที่มีระบบกำรท�ำงำนโดยใช้โปรแกรมที่เรียกว่ำ Spider หรือ Robot ท่องไปในเว็บเพจต่ำงๆ เพื่ออ่ำนข้อมูลและจัดเก็บเว็บเพจที่พบเข้ำสู่ฐำนข้อมูล ท�ำให้ฐำนข้อมูลมีขนำดใหญ่ เสิร์ชเอนจินส่วนใหญ่จะค้นหำข้อมูลจำกค�ำส�ำคัญ (Keyword) ที่ผู้ใช้ป้อนเข้ำไป จำกนั้นก็จะแสดงรำยกำรผลลัพธ์ที่คิดว่ำผู้ใช้น่ำจะต้องกำร

4

4

คูมือครู


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

อธิบายความรู 1. นักเรียนแบงกลุม 4 กลุม แลว รวมกันสนทนาในประเด็นเกี่ยวกับ สิ่งที่ควรคํานึงถึงเพื่อใหการสืบคน มีประสิทธิภาพ จากนั้นออกมา สรุปสาระสําคัญที่ไดจากการ สนทนากลุมหนาชั้นเรียน 2. นักเรียนทดลองสืบคนขอมูลอะไร ก็ได 1 หัวขอ โดยใหปฏิบัติการ สืบคนควบคูกับวิธีตางๆ ที่จะชวย ใหการสืบคนมีประสิทธิภาพ จากนั้นนําผลการทดลองสืบคน มาเลาใหเพื่อนฟง

2 Meta Search Engine เป็นเครื่องมือสืบค้นที่ไม่มีฐำนข้อมูลของตนเอง แต่เป็นกำรค้นหำจำกฐำนข้อมูล ของ Search Engine หลำยๆ แห่ง แล้วแสดงผลลัพธ์ออกมำในมำตรฐำนเดียวกัน กำร แสดงผลมักจะอ้ำงอิงถึงที่มำของ Search Engine นั้นๆ

3 Subject directory เป็นเครื่องมือสืบค้นที่ใช้คนท�ำหน้ำที่คัดเลือกและจัดเก็บข้อมูล มีกำรแบ่งกลุ่ม เป็นหมวดหมู่ตำมล�ำดับชั้น โดยจ�ำแนกตำมหัวเรื่อง ต่ำงจำก Search Engine ที่เก็บ ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมอัตโนมัติ ดังนั้น ฐำนข้อมูลของ subject directory จึงมีขนำด เล็กกว่ำ แต่แสดงผลกำรสืบค้นทีต่ รงตำมควำมต้องกำรมำกกว่ำ กำรสืบค้นจำก subject directory สำมำรถท�ำได้โดยวิธีกำรเรียกอ่ำนจำกหัวเรื่องที่จัดกลุ่มไว้แล้ว

นักเรียนควรรู ขอมูลทางบรรณานุกรม เปนสิ่งที่ ผูสืบคนขอมูลควรใหความสําคัญ เพราะจะชวยใหประเมินไดวา ขอมูลที่เว็บเพจนํามาบรรจุไว มีความนาเชื่อถือมากนอยเพียงใด

2.5 การสืบค้นและประเมินผลข้อมูลที่ได้รับ ในการสืบค้นข้อมูล ผู้ใช้ต้องค�านึงถึงสิ่งต่างๆ งๆ เหล่ เหล่านี้เพื่อการสืบค้นที่มีประสิทธิภาพ าพ ได้ ได้แก่

1

กำรเลื รเลือกช่วงเวลำในกำรสื งเวล ในก รสืบค้น ผูใ้ ช้ควรสืบค้นข้อมูลในช่วงเช้ำหรือกลำงคื กล งคืน เพื่อหลีกเลี่ยงช่วงเวลำที งเวล ที่มีคนใช้เป็นจ�ำนวนม นวนมำก

2

กำรบั เวลำในกำรค้น รบันทึกแหล่งข้อมูลที่ใช้บ่อยๆ (Bookmark) เพื่อประหยัดเวล ครั้งต่อไป

3

กำรตรวจสอบเจ้ำของผลงำนน หรือข้อมูลทำงบรรณ ทำงบรรณำนุ งบรรณำนุนุกรมของบทคว งบรรณ รมของบทควำมหรือ เอกสำรที่แสดงผล

4

กำรตรวจสอบควำมถูกต้องของข้อมูลที่ได้รับ

@

มุม IT

ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับ Meta Search Engine ไดที่ http://apichetch

5

คูมือครู

5


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain

Expand

(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)

อธิบายความรู 1. นักเรียนอภิปรายถึงประโยชนที่ ไดรับจากการประเมินสารสนเทศ โดยยกตัวอยางประกอบใหชัดเจน 2. นักเรียนนําตัวอยางเว็บไซตที่ผาน หลักเกณฑการประเมินสารสนเทศ มาแนะนําแลกเปลี่ยนเรียนรูกันใน ชั้นเรียน 3. นักเรียนชวยกันอธิบายถึงการนํา หลักการประเมินสารสนเทศ มา ประยุกตในการทํางานดานตางๆ ใหเกิดประโยชน

การประเมินผลข้อมูลทีไ่ ด้รบั เป็นการประเมินความน่าเชือ่ ถือของข้อมูลและแหล่งสารสนเทศ ที่ค้นหามาได้ โดยมีเกณฑ์การประเมินสารสนเทศ ดังนี้

1 ความทันสมัย ข้อมูลที่ได้รับไม่ควรเกิน 3 ปี แต่ข้อมูลบำงเรื่องอำจเป็นข้อมูลที่เกิน 5 ปี ก็ได้ เช่น ข้อมูลทำงประวัติศำสตร์ ในกรณีที่เป็นเว็บไซต์ให้พิจำรณำจำกวันที่ปรับปรุงล่ำสุด

2 ความน่าเชื่อถือของผู้เขียน ผู ้ เ ขี ย นข้ อ มู ล ควรเป็ น ที่ ย อมรั บ ในสำขำวิ ช ำนั้ น ๆ โดยพิ จ ำรณำจำกคุ ณ วุ ฒิ ประสบกำรณ์ ต�ำแหน่ง หน้ำที่ และผลงำน โดยเฉพำะในด้ำนกำรเขียน ผูแ้ ต่งทีม่ ผี ลงำน เผยแพร่มำก ย่อมแสดงว่ำเป็นผูม้ คี วำมเชีย่ วชำญและน่ำเชือ่ ถือในเรือ่ งนัน้ ๆ แต่หำกเป็น ผู้เขียนที่มีประสบกำรณ์น้อย ควำมน่ำเชื่อถือในตัวข้อมูลก็จะลดลง กรณีที่เป็นเว็บไซต์ ให้ดทู ี่ domain name ของผูเ้ ผยแพร่เว็บไซต์นนั้ ส่วน web master ไม่ถอื ว่ำเป็นผูเ้ ขียน ข้อมูลนั้นๆ

ขยายความเขาใจ นักเรียนแบงกลุมชวยกันจัด ปายนิเทศเพื่อแนะนําเว็บไซต ที่ มีคุณสมบัติผานหลักเกณฑการ ประเมินสารสนเทศ

3 ความถูกต้องแม่นย�า ข้อมูลจะต้องมีคววำมน่ มน่ำเชื่อถือ และทันต่อกำรเปลี ก รเปลี่ยนแปลงต นแปลงตำมเหตุกำรณ์ หรือน�ำ เสนอคว มรู้ใหม่ๆ มีกำรปรั เสนอควำมรู รปรับปรุงแก้ไขอย่ำงต่อเนื่อง ทั้งนี้ ควรพิจำรณำว่ำมีกำรอ้ำงอิง แหล่งที่มำของข้ ของข้อมูลด้วยหรือไม่

ตรวจสอบผล ครูตรวจสอบความรูความเขาใจ ของนักเรียนจากปายนิเทศ ทีน่ กั เรียน ชวยกันจัด จากนั้นคัดเลือกผลงาน ที่ดีและกลาวชมเชย พรอมทั้งให ขอเสนอแนะที่เปนประโยชน

4 ความเป็นกลาง พิจำำรณำจำกเนื รณำจำำกเนื กเนื้อหำที ห ที่น�ำเสนอนั้นว่ำเป็นกำรแสดงควำมคิดเห็นหรือไม่ ตัวผู้เขียน นกำรน�ำเสนอเพื่ออะไร มีควำมเอนเอี มเอนเอียงในก งในกำรน�ำเสนอข้อมูลหรือมีวัตถุประสงค์ในก

5 ความเหมาะสมของสารสนเทศกับผู้ใช้ พิจำรณำจำกวัตถุประสงค์ของผู้เขียนในกำรเขียนว่ำ เขียนขึ้นส�ำหรับผู้ใช้กลุ่มใด เช่น เขียนให้นักวิชำกำรหรือคนทั่วไปอ่ำน

นักเรียนควรรู

6 ผู้จัดพิมพ์

web master คือ บุคคลที่มีหนาที่ รับผิดชอบ ออกแบบ พัฒนา ดูแล รักษาเว็บไซต

ส�ำนักพิมพ์ทมี่ ปี ระสบกำรณ์ในงำนเฉพำะด้ำน ย่อมมีควำมน่ำเชือ่ ถือมำกในผลงำน ด้ำนนั้นๆ 6

@

มุม IT

ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับ Domain Name ไดที่ http://www.oie.go.th

6

คูมือครู

Evaluate


กระตุน ความสนใจ Engage

สํารวจคนหา Explore

อธิบายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Explain

Expand

Evaluate

กระตุนความสนใจ

3. การค้นหาข้อมูลผ่านเสิร์ชเอนจินที่เหมาะสม โดยทั่วไปการสืบค้นข้อมูลต่างๆ ทางอินเทอร์เน็ตมักนิยมใช้การค้นหาผ่าน search engine เนื่องจากเป็นวิธีที่สะดวกรวดเร็ว และเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่าย การค้นหาข้อมูลผ่านเสิร์ชเอนจินมี หลากหลายวิธี ดังนี้

3.1 การใช้ Keyword search engine ค้นหาข้อมูลด้วยค�าค้นที่ เจาะจง Keyword search engine ที่ได้รับความ นิยมสูงในปัจจุบัน คือ Google ที่เน้นการ แสดงผลการสืบค้นที่รวดเร็ว วิธีการค้นหาของ Google คือ ค้นหาเว็บเพจที่เกี่ยวข้องด้วย ค�าค้นที่ผู้ใช้ป้อนในช่องค้นหา ซึ่งสามารถป้อน ค�าค้นได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ Google ยังมีความสามารถหลักในการค้นหา รูปภาพ แผนที ่ แปลภาษา และ Scholar ได้ดงั นี้

2.6 % 8.3 % 6.3 % 9.6 %

49.2 %

23.8 %

กูเกิล 49.2 % เอโอเอล 6.3 %

ยาฮู 23.8 % อาร์ก 2.6 %

ครูกระตุนการเรียนรูดวยคําถาม • นักเรียนมีความคิดเห็นอยางไร เกี่ยวกับคําวา “เสิรชเอนจิน” (แนวตอบ เสิรชเอนจิน เปน เครื่องมือการคนหาขอมูลผาน อินเทอรเน็ตที่สามารถหาขอมูล ผานอินเทอรเน็ตได โดยกรอก ขอมูลที่ตองการคนหา หรือ Keyword เขาไปที่ชอง Search Box แลวกด Enter ขอมูลที่ คนหาก็จะแสดงออกมา อยางงายดาย)

สํารวจคนหา

เอมเอสเอ็น 9.6 % อื่นๆ 8.3 %

นักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับ ประวัติความเปนมาของเว็บไซต Google วามีการริเริ่มอยางไร

สัดส่วนของผู้ใช้เสิร์ชเอนจินทั่วโลกในป พ.ศ. 2549

ควำมสำมำรถในกำรค้นหำของ Google ควำมสำมำรถ

นักเรียนควรรู

รูปภำพ ค้นหำรูปภำพได้ทั้งรูปถ่ำย คลิปอำร์ต และภำพลำยเส้น โดยสำมำรถจัดเรียงได้ตำมควำมเกี่ยวข้องกับ

ค�ำที่ค้นหำหรือตำมหัวข้อต่ำงๆ ที่ต้องกำรได้ แผนที่ บริกำรแผนที่ซึ่งผู้ใช้สำมำรถดูในเว็บเบรำว์เซอร์ โดยแผนที่จะขึ้นอยู่กับต�ำแหน่งของผู้ใช้ ผู้ใช้สำมำรถ ดูแผนที่พื้นฐำนหรือแผนที่ที่ก�ำหนดเอง ข้อมูลธุรกิจท้องถิ่น รวมถึงต�ำแหน่งของธุรกิจข้อมูล ที่ติดต่อ และเส้นทำงกำรขับขี่ด้วย โดยสำมำรถคลิกและลำกแผนที่เพื่อดูส่วนที่ติดกันได้ทันที และดูภำพจำก ดำวเทียมของต�ำแหน่งที่ต้องกำรได้ แปลภำษำ บริกำรแปลภำษำ 57 ภำษำ โดยสำมำรถแปลได้ทั้ง ค�ำ ประโยค และหน้ำเว็บในภำษำใดๆ ก็ได้ที่ Google สนับสนุน ซึ่งจะช่วยให้ผู้คนในภำษำนั้นสำมำรถเข้ำถึงข้อมูลได้ง่ำย และก่อให้เกิดประโยชน์ ไม่ว่ำจะเขียนขึ้นในภำษำใดก็ตำม Scholar ค้นหำงำนเขียนทำงวิชำกำรจำกสำขำวิชำและแหล่งข้อมูลต่ำงๆ ได้แก่ บทควำม วิทยำนิพนธ์ หนังสือ บทคัดย่อ และบทควำมจำกส�ำนักพิมพ์ทำงวิชำกำร แวดวงวิชำชีพ ที่เก็บร่ำงบทควำม มหำวิทยำลัย และองค์กรด้ำนกำรศึกษำอื่นๆ http://www.aksorn.com/LC/Tech/M6/01

EB GUIDE

7

Google เปนเว็บไซตฐานขอมูล ขนาดใหญแหงหนึ่งของโลก ในอดีต เปนบริษทั ทีด่ าํ เนินการดานฐานขอมูล เพื่อใหบริการแกเว็บไซตคนหาอื่นๆ ปจจุบันไดเปดเว็บไซตคนหาดวย ฐานขอมูลมากกวาสามพันเว็บไซต และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่เหนือกวา ผูใหบริการรายอื่นๆ คือ เปนเว็บไซต คนหาที่สนับสนุนภาษาตางๆ มากกวา 80 ภาษาทั่วโลก (รวมทั้ง ภาษาไทย) และมีเครื่องเซิรฟเวอร ใหบริการในสวนตางๆ ของโลกมาก ถึง 36 ประเทศ

คูมือครู

7


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา Explore

อธิบายความรู Explain

Engage

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)

สํารวจคนหา 1. นักเรียนสํารวจคนควาวา Google มีบริการอื่นๆ ใดบางที่ใหบริการ และบริการเหลานั้น สามารถนํามา ใชประโยชนไดอยางไร 2. นักเรียนศึกษาการตั้งคาการคนหา ใน Google โดยการปฏิบัติจริง จากนั้นใหนักเรียนบันทึกผลการ ตั้งคาของนักเรียนวาพบอุปสรรค ใดบาง

นอกจากการค้นหาที่หลากหลายรูปแบบ ใน Google ยังมีบริการอื่นๆ เช่น การรับ - ส่งอีเมล ด้วย Gmail การสนทนาออนไลน์ผ่าน Google talk และเครื่องมือต่างๆ ส�าหรับผู้ที่สนใจสามารถ ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ “เกี่ยวกับ Google ทั้งหมด” หรือ http://www.google.co.th/intl/th/about.html 1) การตั้งค่าในการค้นหา การเริ่มต้นใช้ Google ในการหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ขอแนะน�าให้ตั้งค่าเกี่ยวกับการใช้งาน Google ซึ่ง ได้แก่ การก�าหนดภาษาหลักที่ใช้ การค้นหา ภาษาของข้อมูลที่ต้องการ ต�าแหน่งที่ตั้ง กรองด้วยการค้นหาที่ปลอดภัย เติมข้อความอัตโนมัติ จ�านวนผลลัพธ์ที่ให้แสดงภายใน 1 หน้า และหน้าต่างของผลลัพธ์ ดังนี้

อธิบายความรู นักเรียนเลาประสบการณในการใช Google วามีสงิ่ ใดทีน่ า สนใจและเปน ประโยชนตอการสืบคนขอมูลบาง

1 คลิก “การตั้งค่าการค้นหา”

นักเรียนควรรู Google talk เปนโปรแกรมที่มี ลักษณะที่คลายกับ MSN Messenger และ Yahoo Messenger ซึ่ง Google talk นั้น มีคุณสมบัติที่ หลากหลาย ไมวาจะเปนการ รับ - สง อีเมล การสนทนาดวย ขอความ (Chat) การสนทนาดวย เสียงพูด (Voice Chat) ซึ่งขอดีของ โปรแกรมนี้ คือ ใชงานงาย ไมเปลือง เนื้อที่หนวยความจําในการติดตั้ง โปรแกรม @

2 หน้าจอจะปรากฏภาษาต่างๆ ให้เราเลือกตามต้องการ

มุม IT

ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับ Gmail ไดที่ http:// www.pharm.chula.ac.th

8

คูมือครู

8


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

อธิบายความรู 1. นักเรียนศึกษาทําความเขาใจใน การกําหนดรายละเอียดสําหรับ การตั้งคาการคนหาภายในหนา เว็บไซต จากนั้นจัดกลุมอภิปราย เพื่อแลกเปลี่ยนความรูที่ไดจาก การศึกษา 2. นักเรียนเขาเว็บไซต Google แลว ทดลองกําหนดรายละเอียดสําหรับ การตั้งคาการคนหาภายในหนา เว็บตามขั้นตอนที่ไดศึกษามา จากนั้นใหสังเกตและบันทึกผล การตั้งคาวาพบปญหาในการ ตั้งคาหรือไม อยางไร แลวออกมา อธิบายหนาชั้นเรียน

กำรก�ำหนดรำยละเอียดส�ำหรับกำรตั้งค่ำกำรค้นหำภำยในหน้ำเว็บ รำยละเอียด ภำษำของ กำรก�ำหนดค่ำภำษำที่แสดงในหน้ำแรกของ Google ตัวอย่ำงเช่น หำกเลือกภำษำจีนในเมนูแบบ อินเทอร์เฟซ เลือ่ นลง ข้อควำมและปุม่ บน Google.com จะแสดงเป็นภำษำจีน นอกจำกนี้ Google จะเลือกแสดง ค้นหำภำษำ ต�ำแหน่ง ที่ตั้ง

กรองด้วย กำรค้นหำ ปลอดภัย

เติมข้อควำม อัตโนมัติ จ�ำนวนผล กำรค้นหำ หน้ำต่ำง ของผลลัพธ์

หน้ำเว็บภำษำจีนในผลกำรค้นหำโดยอัตโนมัติ กำรระบุให้ Google แสดงหน้ำเว็บภำษำอื่นๆ ตำมที่ต้องกำรได้ เนื่องจำก Google จะถูกก�ำหนด ค่ำให้คน้ หำผลลัพธ์ตำมภำษำทีเ่ ลือกไว้ในภำษำของอินเทอร์เฟซโดยอัตโนมัติ แต่ผใู้ ช้สำมำรถระบุเป็น ภำษำอื่นได้โดยท�ำเครื่องหมำยเลือกภำษำที่ต้องกำร กำรระบุตำ� แหน่งของผูใ้ ช้ เพือ่ ให้ Google ใช้หำผลลัพธ์โดยค้นหำเว็บและผลิตภัณฑ์อนื่ ๆ ในต�ำแหน่ง ทีใ่ กล้เคียงกับต�ำแหน่งของผูใ้ ช้ ตัวอย่ำงเช่น หำกต้องกำรค้นหำ [โรงพยำบำล] Google สำมำรถค้นหำ โรงพยำบำลที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงแม้ว่ำผู้ใช้ยังไม่ได้ระบุต�ำแหน่งในกำรค้นหำ ทั้งนี้สำมำรถเรียนรู้ เพิ่มเติมได้จำก http://www.google.co.th/support/websearch/bin/answer.py?answer= 35892&hl=th กำรตั้งค่ำเบรำว์เซอร์ของผู้ใช้ เพื่อป้องกันเนื้อหำส�ำหรับผู้ใหญ่ เช่น เนื้อหำทำงเพศที่เด่นชัด หรือ เนื้อหำที่ไม่เหมำะสมปรำกฏขึ้นในผลกำรค้นหำ ซึ่งผู้ใช้สำมำรถเลือกตั้งค่ำกำรค้นหำปลอดภัยได้ สำมระดับ ดังนี้ • กำรกรองระดับสูง จะกรองวิดีโอและภำพที่มีเนื้อหำทำงเพศที่ชัดเจนออกจำกหน้ำผลกำรค้นหำ โดย Google รวมถึงผลกำรค้นหำทีอ่ ำจลิงค์ไปยังเนือ้ หำนัน้ ด้วย • กำรกรองระดับกลำง จะแยกวิดโี อและภำพทีม่ เี นือ้ หำทำงเพศทีช่ ดั เจนออกจำกหน้ำผลกำรค้นหำ โดย Google แต่จะไม่กรองผลกำรค้นหำทีอ่ ำจลิงค์ไปยังเนือ้ หำนัน้ กำรตัง้ ค่ำนีเ้ ป็นค่ำเริม่ ต้นของ กำรค้นหำปลอดภัย • ไม่มีกำรกรอง คือกำรปิดกำรกรองทั้งหมดของ SafeSearch กำรแนะน�ำค�ำที่เกี่ยวข้องกับค�ำค้นหำในช่องกำรค้นหำ หรือไม่แนะน�ำค�ำที่เกี่ยวข้องกับค�ำค้นหำใน ช่องกำรค้นหำ กำรก�ำหนดจ�ำนวนผลกำรค้นหำต่อหนึ่งหน้ำเพจ ซึ่งถ้ำผู้ใช้ไม่ได้แก้ไขกำรตั้งค่ำนี้ Google จะแสดง ผลกำรค้นหำ 10 รำยกำรต่อหนึ่งหน้ำ เนื่องจำกเป็นค่ำที่ให้ผลลัพธ์ได้รวดเร็วที่สุด แต่ถ้ำผู้ใช้ต้องกำร เห็นผลกำรค้นหำมำกขึ้นในหนึ่งหน้ำ ผู้ใช้สำมำรถก�ำหนดเพิ่มจ�ำนวนเป็น 20, 30, 50 หรือ 100 ได้ กำรคลิกทีผ่ ลกำรค้นหำใดๆ Google จะโหลดหน้ำเว็บนัน้ ในหน้ำต่ำงหรือแท็บเดิมทีใ่ ช้อยู่ หำกต้องกำร เปิดผลกำรค้นหำในหน้ำต่ำงใหม่ (หรือแท็บใหม่ส�ำหรับบำงเบรำว์เซอร์) ให้เปิดใช้งำนตัวเลือกนี้

http://www.aksorn.com/LC/Tech/M6/02

EB GUIDE

นักเรียนควรรู กรองดวยการคนหาปลอดภัย เปนการกําหนดรายละเอียด ที่เหมาะสมอยางยิ่งสําหรับเครื่อง คอมพิวเตอรที่มีเด็กและเยาวชน ใช เนื่องจากในปจจุบันมีขอมูลที่ ไมเหมาะสมมากมายอยูในระบบ อินเทอรเน็ต การตั้งคาในลักษณะนี้ จึงเปนการควบคุมและปองกันขอมูล ที่ไมเหมาะสมไดในระดับหนึ่ง

9

คูมือครู

9


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)

อธิบายความรู 1. ครูใหนักเรียนจับกลุม แลวสนทนา แลกเปลีย่ นความรูแ ละประสบการณ ของแตละคนเกี่ยวกับการใช เว็บไซต Google จากนั้นสรุป สาระสําคัญที่ได 2. ครูใหนักเรียนทดลองเขาเว็บไซต Google โดยใหทดลองในขั้นของ การเริ่มตนในการคนหา จากนั้น ใหนักเรียนสังเกตขอมูลหรือ รูปแบบตางๆ ที่อยูในหนาแรก ของ Google แลวรวมกันสนทนา แลกเปลี่ยนความรูภายในชั้นเรียน

การตั้งค่าส่วนใหญ่ของ Google จะถูกบันทึกไว้ในไฟล์เบราว์เซอร์ขนาดเล็กใน คอมพิวเตอร์ ซึ่งเรียกว่า คุกกี้ และมีผลเฉพาะกับคอมพิวเตอร์และเบราว์เซอร์ที่ใช้ในการตั้งค่า เหล่านั้นเท่านั้น โดยสามารถศึกษาเรียนรู้การเปิดใช้งานการจัดเก็บคุกกี้ในเบราว์เซอร์และบันทึก การตั้งค่าได้จาก http://www.google.com/support/accounts/bin/answer.py?&answer=61416 2) การเริม่ ต้นค้นหาข้อมูล เริม่ จากคลิกปุม่ ค้นหา Google จะแสดงรายการเว็บเพจ ผลลัพธ์ที่ตรงกับค�าค้นเพื่อให้ผู้ใช้เลือกเข้าไปชมหน้าเว็บเพจได้ทันที 1

พิมพ์ www.google.co.th

2

นักเรียนควรรู คุกกี้ เปนแฟมขอมูลขนาดเล็ก ซึ่ง Web page server จะบันทึกลงใน ฮารดดิสกคอมพิวเตอร ขอดีของคุกกี้ คือ ชวยใหประหยัดเวลาในกรณีที่ บันทึกขอมูลลงบนเว็บเพจ คุกกี้ก็จะ ชวยให server จดจําขอมูล ซึ่งใน ครั้งตอไปหากเรากลับไปเขาเว็บเพจ นั้นอีก ก็จะมีการแสดงขอมูลที่เรา เคยเขาไปสืบคน

นักเรียนควรรู URL ยอมาจาก The Uniform Resource Locators คือ ที่อยูของ เอกสารบนเว็บไซต ทุกๆ เอกสาร จะตองมี URL เปนของตัวเอง แตละ สวนของ URL เปนสิ่งที่ใชระบบขอมูล เกี่ยวกับที่ตั้งของเอกสาร ซึ่งแตละ URL ประกอบไปดวยสวนพื้นฐาน 3 สวน คือ Protocol, Server Machine, File Protocol

10

คูมือครู

พิมพ์ค�าค้นที่ต้องการ

3 คลิกปุมค้นหาด้วย Google

1 2 3 4 5

10

Google แจ้งจ�านวน เวลาทีใ่ ช้ในการหา หัวเรื่อง ของหน้าเว็บ URL หัวเรื่อง ของหน้าเว็บ คลิกเพือ่ ดูตวั อย่าง

4

3

1

2 5


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

อธิบายความรู 1. ครูสุมตัวอยางใหนักเรียน 2 - 3 คน ออกมาอธิบายเทคนิคการคนหา เว็บเพจจาก Google โดยครูและ นักเรียนในชั้นคนอื่นๆ รวมเสริม 2. นักเรียนทดลองการคนหาเว็บเพจ จาก Google โดยการใชคํา 1 คํา หรือคําหลายๆ คํา จากนั้นอธิบาย ขั้นตอนหนาชั้นเรียนใหถูกตอง

3) เทคนิคการค้นหาเว็บเพจจาก Google Google เป็นเสิรช์ เอนจินทีใ่ ห้ผใู้ ช้เลือก

ใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อค้นหาสิ่งที่ต้องการบนอินเทอร์เน็ตได้อย่างเจาะจงยิ่งขึ้น เช่น ค้นหาเจาะจง ประเภทของไฟล์ การใช้ค�าเชื่อมเข้ามาก�าหนดการค้นหาให้แคบลง หรือการค้นหาแบบพิเศษ ซึ่ง ในที่นี้จะใช้ Google ค้าหาค�าในภาษาอังกฤษ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน ดังนี้ การใช้หลายๆ ค�า การค้นหาข้อมูลอาจใช้ค�าเพียงค�าเดียวในการค้นหา ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้อาจยังไม่ตรงกับ ความต้องการมากนัก Google จึงให้ผู้ใช้ค้นหาโดยใช้ค�ามากกว่าหนึ่งค�า เช่น เราต้องดูข้อมูล ของโปรแกรม Windows รุ่นใหม่ล่าสุด หากใช้ค�าว่า Windows เพื่อค้นหา ปรากฏว่ามีผลลัพธ์ อื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องปะปนมา ดังนั้นจึงต้องเพิ่มค�าค้นหาเป็น Microsoft Windows เป็นต้น

เกร็ดแนะครู ครูแนะนําความรูเพิ่มเติมหลังจาก ทดลองการคนหาขอมูลโดยใช เทคนิคการใชคําหลายๆ คําวา การคนหาวิธีนี้มีขอดีอยางไรและ เหมาะที่จะใชคนหาขอมูลลักษณะใด

การ ใช้ค�า 1 ค�า เพื่อค้นหา ท�าให้ได้ผลลัพธ์จ�านวนมาก และมีบางผลลัพธ์ไม่ตรงกับที่ต้องการ

การ ใช้ค�า 2 ค�า เพื่อค้นหา ท�าให้ได้ผลลัพธ์จ�านวนน้อยลง และผลลัพธ์จะตรงกับที่ต้องการมากขึ้น

11

คูมือครู

11


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)

อธิบายความรู 1. นักเรียนทดลองการสืบคนขอมูล ดวยวิธีการใชเครื่องหมาย “ ” โดยลงมือปฏิบัติจริงกับ คอมพิวเตอร แลวบันทึกผล การปฏิบัติ 2. นักเรียนออกมาเลาขั้นตอน การสืบคนขอมูลดวยวิธีการใช เครื่องหมาย “ ” รวมถึงบอก ขอดีจากการใชวิธีนี้ในการสืบคน

การใช้เครื่องหมาย “___” เพื่อค้นหาแบบรวมค�า การค้นหาแบบหลายค�านั้น Google จะไม่ได้ค้นหาค�าแบบเรียงติดกัน แต่จะเป็นการ แยกการค้นหาแต่ละค�า โดยที่ค�าอาจไม่ได้เรียงติดกัน ดังนั้น หากเราต้องการผลลัพธ์แบบเรียง ค�าทั้งสองอยู่ติดกัน กล่าวคือ ต้องการให้ Google มองค�าที่ค้นหาทั้งหมดเป็นวลี (Phrase) ให้ใช้ เครื่องหมาย “___” (Quotation) โดยให้ค�าที่ต้องการให้ค้นหาแบบทั้งวลีอยู่ภายใต้เครื่องหมาย ตัวอย่าง ● ผ ู้ใช้ต้องกำรค้นหำข้อมูลของโปรแกรม Microsoft Windows XP ด้วยกำรใช้ทั้ง 3 ค�ำ อำจให้ ผลลัพธ์จำกค�ำ 3 ค�ำทีไ่ ม่ตรงนัก เพรำะเป็นกำรค้นหำแบบแยกค�ำ ดังนัน้ เรำก็ควรใช้เครือ่ งหมำย “__” โดยพิมพ์เป็น “Microsoft Windows XP” แทน

เกร็ดแนะครู ครูแนะนําแหลงขอมูลตางๆ ที่ เกี่ยวกับขั้นตอนในการสืบคนขอมูล โดยการใชเครื่องหมาย “ ” รวมถึง มีการยกตัวอยางเทคนิคการสืบคนใน รูปแบบอื่นๆ ที่มีความนาสนใจ

Googlgle จะแสดงเว็บเพจผลลัพธ์ที่มีค�าทั้ง 3 ค�า ปรากฏอยู่ แต่ค�าเหล่านั้น Goo อาจไม่ได้เรียงล�าดับตามที่ผู้ใช้ต้องการ

นักเรียนควรรู การใชเครื่องหมาย การใช เครื่องหมายตางๆ ใน Google จะ ชวยใหเราสามารถคนหาขอมูลที่ ตองการไดอยางมีประสิทธิภาพและ เกิดความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น ถือเปนวิธีลัดอยางหนึ่งในการคนหา ขอมูล

Google ค้นหาผลลัพธ์ที่ให้ค�าทั้งหมดในแบบวลี ที่มีการเรียงล�าดับและติดกัน

12

12

คูมือครู


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

อธิบายความรู การใช้ OR คือ การให้ Google ค้นหาข้อมูลมากขึ้นจากค�าแรกและค�าที่สอง กล่าวคือเป็นการ น�าผลที่ได้จากค�าที่หนึ่งและค�าที่สองมารวมกัน วิธีใช้โดยการพิมพ์ OR ด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ คั่นระหว่างค�าที่ต้องการ เช่น China OR Korea คือ หาทั้งผลลัพธ์เมื่อเจอค�าว่า China หรือ Korea ค�าใดค�าหนึ่ง หรือทั้งสองค�าในเว็บไซต์มาแสดง

1. นักเรียนทดลองการสืบคนขอมูล ดวยวิธีการใช OR โดยลงมือ ปฏิบัติจริงกับคอมพิวเตอร แลวบันทึกผลการปฏิบัติ 2. นักเรียนทําการสนทนากลุมยอย เพื่อแลกเปลี่ยนความรูเรื่อง การสืบคนขอมูลดวยวิธีการใช OR แลวบันทึกสรุปผลการสนทนากลุม 3. นักเรียนออกมาเลาขั้นตอนการ สืบคนขอมูลดวยวิธีการใช OR รวมถึงบอกขอดีจากการใชวิธีนี้ ในการสืบคน

Google จะแสดงเว็บเพจผลลัพธ์ที่มีค�าว่า China หรือ Korea ค�าใดค�าหนึ่ง หรือเว็บเพจที่มีค�าว่า China และ Korea

เกร็ดแนะครู ครูยกตัวอยางประเด็นหรือหัวขอ เรื่องที่ควรสืบคนดวยวิธีการใช OR พรอมทัง้ ใหนกั เรียนชวยกันยกตัวอยาง ประเด็นหรือหัวเรื่อง โดยการออกมา เขียนบนกระดาน

กำรค้นหำ Google จะละเว้นค�ำทัว่ ๆ ไปบำง ค�ำ เพื่อช่วยให้กำรค้นหำท�ำได้เร็วขึ้น เช่น ค�ำว่ำ An to, to the หรือ of และตัวอักษรเดี่ยว แต่ A, An, ถ้ำผู้ใช้ต้องกำรให้กำรค้นหำตรงกับสิ่งที่ต้องกำร มำกขึ้น ก็ต้องใช้เครื่องหมำย + ช่วยโดยน�ำไปอยู่ น�ำหน้ำค�ำที่ต้องกำรให้ Google ช่วยค้นหำ เช่น ถ้ำต้องกำรค้นหำ สงครำมโลกครั้งที่ 1 ให้ใช้ ค�ำค้น World War + I

@

มุม IT

ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับการใชเครื่องหมาย + ใน Google ไดที่ http://www. slideshare.net

Google จะแสดงเว็บเพจผลลัพธ์ที่มีค�า I ร่วมกับค�าว่า World War

13

คูมือครู

13


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)

อธิบายความรู 1. นักเรียนทดลองการสืบคนขอมูล ดวยวิธีการตัดคําที่ไมตองการ คนหาออก โดยลงมือปฏิบัติจริงกับ คอมพิวเตอร แลวบันทึกผล การปฏิบัติ 2. นักเรียนทําการสนทนากลุมยอย เพื่อแลกเปลี่ยนความรูเรื่องการ สืบคนขอมูล ดวยวิธีการตัดคําที่ ไมตองการคนหาออก แลวทําการ บันทึกสรุปผลการสนทนา 3. นักเรียนออกมาเลาขั้นตอนการ สืบคนขอมูลดวยวิธีการตัดคําที่ ไมตองการคนหาออก รวมถึงบอก ขอดีจากการใชวิธีนี้ในการสืบคน

B

B

การตัดค�าที่ไม่ต้องการค้นหาออก การตัดค�าที่ไม่ต้องการค้นหาออก เป็นการตัดค�าพ้องรูปหรือค�าที่ไม่ต้องการโดยใช้ เครื่องหมาย - น�าไปไว้ข้างหน้าค�าที่ต้องการตัด

Google จะแสดงเว็บเพจผลลัพธ์เบสที่หมายถึง ความเข้มข้นของสารทางเคมีเท่านั้น

พื้นฐานอาชีพ

การศึกษาการใช Google ใน การชวยแปลภาษาบนเว็บไซต จะ ชวยใหการแปลภาษาเปนไปอยาง งายดาย อีกทั้งมีความถูกตองใน ระดับหนึ่ง ซึ่งเปนเครื่องมือที่มี ประโยชนตอผูที่สืบคนขอมูลใน ภาษาตางๆ เพื่อนําไปใชประโยชน ในธุรกิจการงาน รวมถึงผูที่ทํางาน ดานการแปล

4) การให้ Google ช่วยแปลภาษาบนเว็บ Google สามารถใช้แปลภาษาต่างๆ

กว่า 64 ภาษา เช่น English Italian French Spanish German Portuguese โดยคลิกที่ค�าว่า “Translate this page” บริเวณด้านข้างของชื่อเว็บที่ค้นหา โดยความสามารถนี้จะมีเฉพาะ www.google.com โดยเราสามารถเปลีย่ นจาก www.google.co.th เป็น www.google.com ได้ดงั นี้

คลิก เปลี่ยนเปน Google.com in English

14

14

ตัวอย่ำงเช่น กำรตัดค�ำพ้องรูป ได้แก่ ค�ำว่ำ เบส มีสองควำมหมำยคือ กีตำร์เบส หรือ ควำม เข้มข้นของสำรทำงเคมี ซึ่งในที่นี้เรำไม่ต้องกำร ค�ำที่มีควำมหมำยเกี่ยวกับกีตำร์ ดังนั้น ผู้ใช้ต้อง เติมค�ำว่ำ เบส -กีตำร์ (เครื่องหมำย - และค�ำว่ำ กีตำร์ ต้องติดกัน) หมำยควำมว่ำ ค้นหำเว็บเพจ ที่มีค�ำว่ำ เบส โดยไม่มีค�ำว่ำ กีตำร์ เป็นต้น

คูมือครู


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ Expand

ตรวจสอบผล Evaluate

อธิบายความรู 1. นักเรียนแตละคนทําการศึกษา การใช Google ในการชวยแปล ภาษาบนเว็บไซต โดยการปฏิบัติ จริง ตามขั้นตอนที่ถูกตอง จากนั้นบันทึกผลการปฏิบัติ ลงในสมุดบันทึก 2. นักเรียนนําบันทึกผลการศึกษาที่ ไดมาอธิบายใหครูฟง จากนั้น ครูสนทนาซักถามเกี่ยวกับ กระบวนการในแตละขั้น พรอมทั้ง ใหคําแนะนําที่เปนประโยชน

คลิก ที่ Translate this page

ขยายความเขาใจ นักเรียนทําแผนผังนําเสนอขัน้ ตอน ในการใช Google ในการชวยแปล ภาษาบนเว็บไซต โดยใหผังอธิบาย แตละขั้นตอนอยางครบถวน สมบูรณ และเขาใจงาย

คลิก เพื่อให้แสดงภาษาต่างๆ

เกร็ดแนะครู ครูนําตัวอยางการใช Google ใน การชวยแปลภาษาบนเว็บไซตรูปแบบ ตางๆ มาแสดงใหนักเรียนดูเพื่อให เกิดประสบการณที่หลากหลาย แลวใหนักเรียนทดลองปฏิบัติจริง เพื่อเปนการฝกทักษะ

คลิก เลือกภาษาที่ต้องการให้แปล

15

คูมือครู

15


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

1. นักเรียนแตละคนทําการศึกษาการ ใช Google เพื่อการคนหาขั้นสูง โดยการปฏิบัติจริงตามขั้นตอน ที่ถูกตอง จากนั้นบันทึกผลการ ปฏิบัติลงในสมุดบันทึก 2. นักเรียนรวมกันสนทนาแลกเปลีย่ น และรวมกันวิเคราะหการปฏิบัติ การใช Google เพื่อการคนหา ขั้นสูง 3. นักเรียนนําบันทึกผลการศึกษา ที่ไดมาอธิบายใหครูฟง จากนั้น ครูสนทนาซักถามเกี่ยวกับ กระบวนการในแตละขั้น พรอมทั้ง ใหคําแนะนําที่เปนประโยชน

Evaluate

5) การค้นหาขั้นสูง Google สามารถก�าหนดขอบเขตการค้นหาให้แคบลง เพื่อให้

สามารถเข้าถึงหน้าเว็บเพจที่เราต้องการได้ตรงยิ่งขึ้น โดยเลือกใช้ “การค้นหาขั้นสูง” (Advanced Search) เช่น ก�าหนดค�าเจาะจง เลือกภาษาเจาะจงส�าหรับหน้าเว็บที่จะค้นหา ก�าหนดชนิดของ ไซต์หนึ่งเท่านั้นก็ได้ ดังนี้ ไฟล์ที่จะค้นหา หรือค้นหาหน้าเว็บเพจเฉพาะภายในเว็บไซต์ใดเว็บไซต

ครูแนะนําเทคนิคตางๆ เกี่ยวกับ การใช Google เพื่อการคนหาขั้นสูง

1 คลิกเลือก “การค้นหาขั้นสูง”

มุม IT

ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับการใช Google เพื่อการ คนหาขั้นสูง ไดที่ http://www. mindphp.com

16

คูมือครู

Expand

ผลลัพธ์เว็บเพจที่ได้เปนเว็บเพจในภาษาที่ต้องการ

เกร็ดแนะครู

16

ตรวจสอบผล (ยอจากฉบับนักเรียน 20%)

อธิบายความรู

@

ขยายความเขาใจ


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

อธิบายความรู

2

1. นักเรียนจัดสัมมนาเพื่อรวมกัน อธิบายและแสดงความคิดเห็น ถึงจุดเดนและจุดดอยของการใช Google เพื่อการคนหาขั้นสูง 2. นักเรียนจับกลุมรวมกันนําความรู ที่ไดจากการศึกษาการใช Google เพื่อการคนหาขั้นสูงมาอภิปราย เกี่ยวกับประโยชนที่ไดจากการ ใชงาน และการนําไปประยุกตใช กับการคนหาขอมูลประเภทอื่นๆ จากนั้นสรุปผลการอภิปราย แลวสงตั​ัวแทนออกมารายงาน หนาชั้นเรียน

คลิกเครื่องหมาย + ขยายการค้นหาขั้นสูงเพิ่มเติม

เกร็ดแนะครู ครูสนทนาแลกเปลี่ยน ความรูก บั นักเรียน แลวอธิบายความรู เพิ่มเติมที่เปนประโยชนตอการใช Google เพื่อการคนหาขั้นสูง

กำรค้นหำขั้นสูงที่เพิ่มเติมขึ้นมำนั้น ผู้ใช้ สำมำรถทีจ่ ะก�ำหนดรำยละเอียดในด้ำนต่ำงๆ ได้ ท�ำให้กำรค้นหำข้อมูลที่ต้องกำรท�ำได้สะดวกและ ตรงกับควำมต้องกำรมำกขึ้น โดยกรองผลลัพธ์ ที่ไม่ต้องกำรออก 17

คูมือครู

17


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Explain

Expand

ตรวจสอบผล Evaluate

(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)

อธิบายความรู 1. นักเรียนจับกลุมกัน กลุมละ 3 - 4 คน แลวเลือกทดลองการคนหา ขอมูล โดยการกําหนดรายละเอียด สําหรับการคนหาขั้นสูง เมื่อคนหา ขอมูลไดตามที่ตองการแลว ให ทําการแลกเปลี่ยนความรูกับ กลุมอื่นๆ 2. นักเรียนแตละกลุมออกมาอธิบาย ผลการทดลองคนหาขอมูลโดย การกําหนดรายละเอียดสําหรับ การคนหาขั้นสูง

กำรก�ำหนดรำยละเอียดส�ำหรับกำรค้นหำขั้นสูงภำยในหน้ำเว็บนี้ กำรค้นหำขั้นสูง ค้นหำหน้ำเว็บที่มี (Find results) :

ค�ำหรือข้อควำมที่ตรงตำมนี้ ค�ำเหล่ำนี้อย่ำงน้อยหนึ่งค�ำ ค�ำที่ไม่ต้องกำรเหล่ำนี้ ผลกำรค้นหำต่อหน้ำ กำรแสดงผลแต่ละหน้ำ

(Results perpage) ภำษำ (Language) กลับสู่หน้ำที่เขียนในภำษำ

ขยายความเขาใจ 1. นักเรียนจับกลุมอภิปรายถึงจุดเดน และจุดดอยของการใชวิธีกําหนด รายละเอียดสําหรับการคนหา ขั้นสูง จากนั้นเขียนสรุปเปน แผนผังอยางงาย 2. นักเรียนกลุมเดิมรวมกันจัดปาย นิเทศเพื่อแสดงรายละเอียด สําหรับการคนหาขั้นสูง เพื่อ อธิบายคุณสมบัติและวิธีการเพื่อ ใหเขาใจไดโดยงาย

รูปแบบไฟล์ (File Format)

ครูนํากรณีศึกษาและตัวอยาง การกําหนดรายละเอียดเพื่อการ คนหาขั้นสูงมาใหนักเรียนดู พรอมทั้ง อธิบายความรูเพิ่มเติมและเปดโอกาส ใหนักเรียนไดซักถาม

แสดงผลกำรค้นหำใน รูปแบบไฟล์

ที่ที่ค�ำหลักของคุณ แสดงผลกำรค้นหำที่มีค�ำของ ให้แสดงเว็บผลลัพธ์ที่มีค�ำค้นหำปรำกฏอยู่ในต�ำแหน่งที่ ปรำกฎอยู่ ฉัน เรำก�ำหนดของหน้ำเว็บเท่ำนั้น เช่น เฉพำะบนแถบหัวเรื่อง (Occurrances) (Title) เฉพำะบนชือ่ URL หรือทีม่ ปี รำกฏในเนือ้ หำของหน้ำ เว็บ (Content) เป็นต้น

18

คูมือครู

ป้อนค�ำเดียวหรือหลำยค�ำ ซึง่ Google จะค้นหำเหมือนใช้ AND คั่นระหว่ำงค�ำที่เรำป้อนในช่องนี้ ค้นหำโดยมองค�ำทั้งหมดเป็นวลี ค้นหำโดยใช้ OR คั่นระหว่ำงค�ำที่ป้อน ไม่ให้มคี ำ� นีด้ ว้ ยในหน้ำเว็บผลลัพธ์ (เหมือนใช้เครือ่ งหมำย) กำรก�ำหนดจ�ำนวนกำรแสดงผลลัพธ์ เช่น 10 ผลกำรค้นหำ ต่อหน้ำเว็บเพจ ก�ำหนดภำษำของหน้ำเว็บผลลัพธ์ทตี่ อ้ งกำร เช่น เฉพำะเว็บ ภำษำไทย โดยค่ำเริ่มต้น คือ ภำษำอะไรก็ได้

นอกจำกผลลัพธ์ทเี่ ป็นลิงค์ของหน้ำเว็บเพจแล้ว เรำสำมำรถ ก�ำหนดให้ Google ค้นหำผลลัพธ์เป็นไฟล์ประเภทอื่นๆ ได้ เช่น ไฟล์ .pdf ไฟล์เอกสำร .doc ไฟล์ .ppt เป็นต้น (ดูรำยละเอียดเพิ่มเติมในหัวข้อถัดไป) ค่ำเริ่มต้นคือทุก รูปแบบ ค้นหำภำยใน แสดงผลกำรค้นหำจำกเว็บไซต์ ก� ำ หนดให้ ค ้ น หำหน้ ำ เว็ บ เพจที่ อ ยู ่ ภ ำยในโดเมนหรื อ เว็บไซต์หรือโดเมน หรือโดเมน ภำยในเว็บไซต์นี้เท่ำนั้น เช่น เฉพำะเว็บเพจที่อยู่ใน www. (Domain) microsoft.com เป็นต้น วันที่ (Date) แสดงหน้ ำ เว็ บ ที่ ป รำกฏเป็ น ก�ำหนดเว็บผลลัพธ์ที่มีกำรอัพเดตในช่วงเวลำที่ก�ำหนด เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ทันสมัย เช่น ในช่วง 3 เดือน หรือ ครั้งแรก ค่ำเริ่มต้นคือเมื่อไหร่ก็ได้ สิทธิ์ในกำรใช้งำน แสดงผลกำรค้นหำที่ สิทธิ์ในกำรเข้ำใช้เว็บไซต์ไม่ถูกกรองด้วยใบอนุญำตใน (The right to use) กำรน�ำไปใช้หรือแบ่งปันได้ฟรี

เกร็ดแนะครู

18

ทุกค�ำต่อไปนี้

วิธีกำรค้นหำ


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

อธิบายความรู

กำรค้นหำขั้นสูง ประเทศ (Region) ค้นหำปลอดภัย (SafeSearch) เครื่องมือเจำะจง หน้ำเว็บ

1. ครูใหนักเรียนทดลองการคนหา ขอมูลโดยการกําหนดประเภทของ ไฟล จากนั้นใหนักเรียนบันทึก ผลการทดลองลงในกระดาษ A4 2. นักเรียนนําบันทึกผลการทดลอง ออกมาอภิปรายหนาชั้นเรียน จากนั้นครูสนทนาซักถามความ เขาใจ พรอมทั้งอธิบายความรู เพิ่มเติม

วิธีกำรค้นหำ

ค้นหำหน้ำเว็บที่อยู่ในประเทศ กำรค้นหำเว็บเพจที่อยู่ในประเทศต่ำงๆ เช่น เกำหลีใต้ คิวบำ จีน เป็นต้น ค้นหำหน้ำเว็บที่ก�ำหนดควำม กำรค้นหำข้อมูลทีม่ กี ำรกรอง หรือไม่มกี ำรกรองข้อมูลด้ำน ปลอดภัย ควำมปลอดภัย ค้นหำหน้ำเว็บที่คล้ำยคลึงกับ กำรค้นหำเว็บเพจที่คล้ำยกับเว็บเพจที่ระบุ URL หน้ำเว็บนี้ ค้นหำหน้ำเว็บที่ลิงค์ไปสู่หน้ำ กำรค้นหำเว็บเพจที่เชื่อมโยงมำยังเว็บเพจที่ระบุ URL เว็บนี้

ผลลัพธ์การค้นหาทีไ่ ด้จากการค้นหาขัน้ สูงจะคล้ายกับการค้นหาด้วย Google ตามปกติ เพียงแต่ผู้ใช้จะได้ผลลัพธ์ที่เจาะจงมากขึ้น

à¡Ãç´ IT

กำรค้นหำโดยก�ำหนดประเภทของไฟล์ Google มีควำมสำมำรถในกำรค้นหำไฟล์ ประเภทอื่นๆ บนอินเทอร์เน็ต ด้วยกำรค้นหำขั้นสูง (Advanced Search) หรือกำรก�ำหนดค�ำค้นได้ เช่น ต้องกำรหำไฟล์เรื่องเบส ในรูปแบบไฟล์ ไมโครซอฟต์เวิร์ด (.doc) ก�ำหนดได้ ดังนี้

@

มุม IT

ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับการใช Google Earth ไดที่ http://earth.google.com

@

มุม IT

ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับการใช Shockwave flash ไดที่ http://support.microsoft.com

โดยประเภทของไฟล์ที่ Google รับรองก็คือ .pdf ไฟล์เอกสำร Adobe Acrobat Reader .ps ไฟล์เอกสำร Adobe PostScript .dwf ไฟล์ข้อมูลรูปจำก Autodesk DWF .kml ไฟล์ข้อมูลจำก Google Earth KML .kmz ไฟล์ขอ้ มูลจำก Google Earth KMZ .xls ไฟล์สเปรดชีท Microsoft Excel .ppt ไฟล์นำ� เสนอ Microsoft PowerPoint .doc ไฟล์เอกสำร Microsoft word .rtf ไฟล์เอกสำร Rich Text Format .swf ไฟล์มัลติมีเดียจำก Shockwave flash 19

คูมือครู

19


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)

อธิบายความรู 1. ครูตั้งคําถามเพื่อใหนักเรียนชวย กันอธิบายเกี่ยวกับการคนหาไฟล ภาพบนอินเทอรเน็ต • นักเรียนรูจักเว็บไซตใดบางที่ สามารถใชหาไฟลภาพได (แนวตอบ มีหลายเว็บไซตที่ให บริการในการคนหารูปภาพ โดยจะมี search engine ชวย ทําหนาที่ดังกลาว เชน Google, Yahoo หรือ Getty images เปนตน) 2. ครูกําหนดหัวขอภาพเพื่อให นักเรียนไปสืบคนโดยใชวิธีคนหา จาก Google จากนั้นนําภาพที่ คนหาไดมาแสดงในชั้นเรียนเพื่อ แลกเปลี่ยนเรียนรู

6) ค้นหาไฟล์ภาพบนอินเทอร์เน็ต นอกจาก Google จะสามารถค้นหาเว็บไซต์ที่

มีค�าที่ต้องการแล้ว Google ยังสามารถค้นหาไฟล์ภาพในเว็บเพจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับค�าค้นที่ผู้ใช้ ป้อนลงในช่องค้นหา โดยผลลัพธ์ที่ได้จากการค้นหานั้น Google จะแสดงไฟล์ภาพขนาดย่อให้เรา เห็น พร้อมรายละเอียดของไฟล์ภาพนั้นๆ เช่น ชื่อภาพ ขนาดไฟล์ภาพ เพื่อให้ผู้ใช้เลือกเปิดดูได้ ทันที ซึ่งผู้ใช้สามารถค้นหาไฟล์ภาพได้ ดังนี้

1 คลิกลิงค์ “รูปภาพ”

นักเรียนควรรู คนหาไฟลภาพ ในการใช Google เพือ่ หาไฟลภาพ เปนทีน่ ยิ มแพรหลาย มาก เนื่องจากสามารถทําไดโดยงาย และสามารถกําหนดคุณสมบัติของ ภาพที่ตองการคนหาไดหลากหลาย ไมวาจะเปน ขนาดภาพ เชน เล็ก กลาง ใหญ ลักษณะของภาพ เชน ภาพวาดลายเสน ภาพถาย สีของภาพ เชน ภาพสี ภาพขาวดํา ซึ่งจะชวย ใหเราสามารถคนหาไฟลภาพไดตรง ความตองการมากยิ่งขึ้น

โลโก Google ในส่วนของการหาไฟล์รูปภาพ

2

20

20

คูมือครู

พิมพ์ค�าในช่องค้นหา

3

คลิกปุมค้นหาด้วย Google


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

อธิบายความรู

4

5

1. นักเรียนทําการสํารวจคนหา ไฟลภาพจาก Google โดยปฏิบัติ ตามขั้นตอนในหนังสือเรียน หนา 21 จากนั้น ใหนักเรียนบันทึก ผลการสํารวจคนหาลงในสมุด บันทึก 2. นักเรียนนําบันทึกผลการสํารวจ คนหาไฟลภาพจาก Google มา อภิปรายหนาชั้นเรียน จากนั้นครู ตั้งประเด็นคําถามเพื่อใหนักเรียน เขาใจเทคนิคในการคนหาไฟลงาน ไดอยางรวดเร็วมากขึ้น

Google แสดงผลลัพธ์เปนตัวอย่างภาพ

ชื่อเว็บไซต์ที่แสดงภาพ

เกร็ดแนะครู 4 5 6

เมื่อน�าเม้าส์ชี้ Google จะแสดง ภาพ รายละเอียด ภาพ คลิกภาพ เพื่อดู ภาพขนาดใหญ่ และไปยังเว็บไซต์ ที่แสดงภาพ คลิกปด หรือคลิก ที่ภาพ

ครูใหนักเรียนชวยกันคนควา หาเทคนิคอื่นๆ ที่จะชวยใหการ คนหาไฟลภาพจาก Google มี ประสิทธิภาพมากขึ้น หรือไดรับ ความสะดวกในการหามากขึ้น

6

รายละเอียดของภาพ รายละเอี

B

ผลลัลัพธ์ภาพขนาดจริง ซึ่งผู้ใช้สามารถบันทึกภาพไว้ได้

B

พื้นฐานอาชีพ

ทักษะและความรูในการสํารวจ คนหาไฟลภาพจาก Google มี ประโยชนอยางยิ่งสําหรับผูที่ประกอบ อาชีพเกี่ยวกับการออกแบบสื่อตางๆ เชน หนังสือ โฆษณา และอื่นๆ รวมทั้งเปนความรูที่สามารถจะนําไป ประยุกตใชในการใหแนวคิดในการ สรางสรรคงานตางๆ ไดดวย

ภำพจะแสดงขึ้นมำโดยจะบอกรำยละเอียด ของภำพ ขนำดจริง ซึง่ ผูใ้ ช้สำมำรถจะพิจำรณำถึง ควำมละเอียดของภำพและควำมคมชัดได้ ท�ำให้ สำมำรถเลือกภำพเหล่ำนัน้ มำใช้ได้อย่ำงเหมำะสม

21

คูมือครู

21


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Explain

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)

อธิบายความรู 1. นักเรียนฝกปฏิบัติในการบันทึก ภาพที่คนหาไดจาก Google ตามขั้นตอนที่ถูกตอง จากนั้นให นักเรียนบันทึกผลการฝกปฏิบัติ ลงในสมุดบันทึก 2. นักเรียนออกมาอธิบายถึงวิธี การบันทึกภาพที่คนหาไดจาก Google หนาชั้นเรียน โดยให อธิบายตั้งแตขั้นเริ่มตนจนถึง ขั้นสุดทายใหถูกตอง

หากผู้ใช้ต้องการบันทึกภาพ ให้ท�าตามขั้นตอนต่อไปนี้

7 8

ขยายความเขาใจ นักเรียนจัดทําผังความคิดแสดง ขั้นตอนการบันทึกภาพที่คนหาได จาก Google ใหสวยงาม แลวนํา สงครู จากนั้นครูคัดเลือกผลงานที่ สวยงามและมีความถูกตองมาแสดง หนาชั้นเรียน

เกร็ดแนะครู ครูอาจใหนักเรียนแสดงความ คิดเห็นเกี่ยวกับขั้นตอนตางๆ ในการ สํารวจคนหาไฟลภาพจาก Google วามีการใชงาน ยาก งาย อยางไร และมีสิ่งใดที่เปนขอเสนอแนะ

7 8

คลิกขวาที่ภาพ เลือก Save As Picture 9 เลือกโฟล์เดอร์ ที่ต้องการเก็บภาพ 10 ตั้งชื่อภาพ 11 เลือกประเภทไฟล์ 12 กดปุมบันทึก “Save”

22

22

คูมือครู

9

10

12

11 Google อำจค้นหำผลลัพธ์ภำพที่ต้องกำร หลำยภำพ อำจมีภำพบำงส่วนที่ไม่ตรงกับควำม ต้องกำรแสดงขึ้นมำด้วย ดังนั้น ผู้ใช้สำมำรถ ก�ำหนดรำยละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติมได้อีก เช่น ชนิดของภำพ หรือให้ค้นหำจำกเว็บใดเว็บหนึ่ง เท่ำนั้น ด้วยกำรค้นหำภำพระดับสูง (Advanced Image Search) ซึ่งมีรำยละเอียดในกำรค้นหำ เพิ่มเติม ดังนี้


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ Expand

ตรวจสอบผล Evaluate

อธิบายความรู นักเรียนแบงกลุม 3-5 กลุม เพื่อ ทําการอภิปรายเกี่ยวกับการคนหา ไฟลภาพ โดยการกําหนดรายละเอียด ในการคนหา แลวใหแตละกลุม สงตัวแทนออกมารายงานหนาชั้น จากนัน้ เปดโอกาสใหเพือ่ นในชัน้ เรียน สอบถามรายละเอียด โดยครูชวย เสริมความรูเพิ่มเติม

กำรก�ำหนดรำยละเอียดส�ำหรับกำรค้นหำไฟล์ภำพเพิ่มเติม กำรค้นหำขั้นสูง ค้นหำผลลัพธ์ (Find results)

ประเภทเนื้อหำ (Content type) ขนำด (Size) ขนำดที่ต้องกำร (The desired size) อัตรำส่วน (Ratio) ประเภทไฟล์ (The file type)

ที่มีทุกค�ำต่อไปนี้ ที่มีประโยคหรือวลีนี้ ที่มีค�ำเหล่ำนี้อย่ำงน้อย หนึ่งค�ำ ที่ไม่มีค�ำเหล่ำนี้ แสดงภำพที่ประกอบด้วย แสดงรูปภำพ

วิธีกำรค้นหำ ป้อนค�ำหรือหลำยค�ำ ซึ่ง Google จะค้นหำเหมือนใช้ AND คั่นระหว่ำงค�ำที่เรำป้อนในช่องนี้ ค้นหำโดยมองค�ำทั้งหมดเป็นวลี ค้นหำโดยใช้ OR คั่นระหว่ำงค�ำที่ป้อน

ขยายความเขาใจ

ไม่ให้มคี ำ� นีด้ ว้ ยในหน้ำเว็บผลลัพธ์ (เหมือนใช้เครือ่ งหมำย -) กำรแสดงภำพทีเ่ ป็นคลิปอำร์ต ภำพลำยเส้น หรือภำพเนือ้ หำ ใดก็ได้ ก�ำหนดขนำดของภำพที่ต้องกำรค้นหำโดยสำมำรถก�ำหนด ได้หลำกหลำยขนำด เช่น ใหญ่ กลำง ไอคอน ขนำดที่ใหญ่ กว่ำ 400 x 300 เป็นต้น ก�ำหนดขนำดโดยให้ผู้ใช้ระบุควำมกว้ำงและควำมสูง

ใหนักเรียนแตะกลุมจัดทําผัง ความคิดที่แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับ การกําหนดรายละเอียดในการคนหา ตามหัวขอของกลุมตนเอง

แสดงภำพตำมขนำดที่ ต้องกำร แสดงภำพที่มีอัตรำส่วนแบบ ก�ำหนดอัตรำส่วนภำพ เช่น แนวตัง้ สีเ่ หลีย่ มจัตรุ สั แนวนอน เป็นต้น แสดงเฉพำะไฟล์ภำพที่อยู่ใน นอกจำกผลลัพธ์ที่เป็นภำพที่ลิงค์ไปยังหน้ำเว็บเพจแล้ว เรำ รูปแบบ สำมำรถก�ำหนดให้ Google ค้นหำผลลัพธ์เป็นไฟล์ประเภท อื่นๆ ได้ เช่น .gif, .jpg, .png เป็นต้น กำรใช้สี แสดงเฉพำะรูปภำพสี ก�ำหนดสีของรูปภำพที่ต้องกำร ได้แก่ สีใดก็ได้ สีขำวด�ำ (The use of color) และทุกสี โดเมน แสดงผลกำรค้นหำจำก ก�ำหนดให้ค้นหำหน้ำเว็บเพจที่อยู่ภำยในโดเมนหรือภำยใน (Domain) เว็บไซต์หรือโดเมน เว็บไซต์นเี้ ท่ำนัน้ เช่น เฉพำะเว็บเพจทีอ่ ยูใ่ น www.microsoft. com เป็นต้น สิทธิ์ในกำรใช้งำน แสดงผลกำรค้นหำที่ สิทธิ์ในกำรเข้ำใช้เว็บไซต์ไม่ถูกกรองด้วยใบอนุญำต น�ำไป (The right to use) ใช้หรือแบ่งปันได้ฟรี ค้นหำปลอดภัย ค้นหำไฟล์ภำพที่ก�ำหนด เป็นกำรค้นหำไฟล์ภำพทีม่ กี ำรกรอง หรือไม่มกี ำรกรองข้อมูล (Safe Search) ควำมปลอดภัย ด้ำนควำมปลอดภัย

นักเรียนควรรู jpg ยอมาจากคําวา Joint Photographer’s Experts Group เปนไฟลภาพชนิดหนึ่งที่นิยมใชกัน อยางแพรหลาย เนื่องจากมีความ ละเอียดสูง ประกอบดวยสีจํานวน มาก ภาพชนิดนี้เหมาะสําหรับการ นํามาสแกน เพื่อใชในการออกแบบ สื่อสิ่งพิมพ

23

คูมือครู

23


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)

อธิบายความรู 1. นักเรียนคนหาเว็บไซตที่เปน Meta search engine วามีเว็บไซต ชื่ออะไรบาง แลวนํามารวมกัน สนทนาแลกเปลี่ยนภายในชั้นเรียน 2. นักเรียนวิเคราะหการทํางานของ Meta search engine จากนั้น สรุปการวิเคราะหแลวนํามาอธิบาย หนาชั้นเรียน

3.2 การใช้ Meta search engine ค้นหาข้อมูล Meta search engine เป็นเว็บไซต์ที่ไม่มีฐำนข้อมูลของตนเอง แต่จะไปค้นหำรำยชื่อเว็บเพจที่เรำ ต้องกำร โดยกำรเข้ำไปดึงจำกฐำนข้อมูลของ search engine อื่นๆ หลำยแห่ง และจะแสดงผลให้เลือก ตำมที่เรำต้องกำร ตัวอย่ำง Meta search engine ที่ได้รับควำมนิยม เช่น Metacrawler, Dogpile, OneSeek, Mamma เป็นต้น นอกจากเว็บไซต์ขา้ งต้นแล้ว ในปัจจุบนั ยังมี Meta search engine มากมาย ทัง้ ทีเ่ ป็นเว็บไซต์ Meta search engine ค้นหาหลัก ไปจนถึงเว็บไซต์ Meta search engine ค้นหาที่เจาะจง เช่น Meta search engine ข้อมูลธุรกิจ โดยแต่ละเว็บไซต์ Meta search engine จะให้ผู้ใช้ลงทะเบียน เว็บไซต์ของผู้ใช้ไว้ (ถ้าผู้ใช้มีเว็บไซต์) เพื่อเป็นฐานข้อมูลเมื่อมีผู้เข้ามาค้นหาข้อมูล

นักเรียนควรรู

ข้อมูล

Meta search engine มีขอดี คือ สามารถคนหาขอมูลที่เราตองการ ไดจากแหลงเดียว ไมตองเสียเวลา คนหาจากแหลงอื่นๆ โดยระบบจะ ทําการตัดขอมูลที่ซํ้าซอนกันออกไป จึงเหมาะสําหรับการรวบรวมขอมูล ที่ตองการใหครอบคลุมมากที่สุด

Search engine

ข้อมูล

ทรัพยากร สารสนเทศ

ข้อมูล

Search engine

ข้อมูล ข้อมูล

Search engine

ข้อมูล

โครงสร้างการทํางานของ Meta search engine

@

การค้นหา Meta search engine 1 พิมพ์ www.metacrawler.com

มุม IT

ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับการใช Dogpile ไดที่ http://www.dogpile.com

2

3

24

คูมือครู

24

พิมพ์ค�าค้น

3

คลิกปุมค้นหา

คําค้น

Meta search engine ผลลัพธ์


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

อธิบายความรู 1. นักเรียนทดลองสืบคนการใช Subject directory ในการคนหา ขอมูลตามหมวดหมู แลวบันทึก ผลจากการทดลองใช จากนัน้ นํามา อธิบายหนาชั้นเรียน 2. นักเรียนรวมกันอภิปรายกลุม เกี่ยวกับการใช Subject directory เพื่อการคนหาขอมูลตางๆ รวมถึง วิเคราะหหลักการใชงานตามลําดับ ขั้นตอน จากนั้นสงตัวแทนมาสรุป ผลการอภิปรายหนาชั้นเรียน

4 รายชื่อ Search engine ที่ร่วมใช้ในการค้นหา 5

ผลลัพธ์เว็บเพจที่ได้จากการค้นหา ซึ่งแสดงต่อจากหัวข้อนี้เปนต้นไป

เกร็ดแนะครู

3.3 การใช้ Subject directory ค้นหาข้อมูลตามหมวดหมู่ Subject directory เป็นเว็บไซต์ที่มีการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ต โดย แต่ละเว็บไซต์จะถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ที่เหมาะสม ดังนั้นปริมาณเว็บไซต์ใน Subject directory อาจไม่ครอบคลุมทุกเว็บไซต์ที่มีในอินเทอร์เน็ต แต่ผลลัพธ์ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากกว่า ผลลัพธ์ที่ได้จาก Search engine เนื่องจากมีหมวดหมู่ที่ชัดเจน ซึ่งผู้ใช้อาจท�าได้ทั้งเรียกอ่าน จากหัวเรื่องที่จัดกลุ่มไว้จึงต้องใช้เวลาในการค้นหาข้อมูลทีละหมวดหมู่ย่อยจนกว่าจะเจอข้อมูลที่ ต้องการ เว็บไซต์ที่พัฒนาการสืบค้นจากค�าส�าคัญร่วมด้วย Subject directory มี 2 ลักษณะ ดังนี้ เป็นเว็บไซต์ที่มีการรวบรวมข้อมูลและให้บริการข้อมูลทั่วๆ ไป ตัวอย่างเช่น Web directory เป็ www.sanook.com www.yahoo.com www.dmoz.org เป็นต้น Subject gateway หรื หรือ Subject specific เป็นเว็บไซต์ที่มีการรวบรวมข้อมูลและให้บริการ ข้อมูลเฉพาะด้าน มักเน้นเนื้อหาทางวิชาการ มีการแบ่งหมวดและแยกหัวเรื่องโดยบรรณารักษ์ ดังนั้น Subject gateway จึงมีฐานข้อมูลขนาดเล็กกว่า Search engine ทั่วๆ ไป ตัวอย่างเช่น http://nature.ac.uk/ www.academicinfo.net ตัวอย่าง การค้นหาข้อมูลเกี่ยวข้องกับการศึกษาในเว็บไซต์ www.sanook.com ดังนี้

http://www.aksorn.com/LC/Tech/M6/03

EB GUIDE

ครูนําแผนผังหรือตารางที่แสดง รายละเอียดเกี่ยวกับการใช Subject directory ในการคนหาขอมูลตางๆ เพื่อชวยใหนักเรียนสามารถเขาใจได โดยงาย

25

คูมือครู

25


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain

Expand

Evaluate

(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)

อธิบายความรู 1. นักเรียนศึกษาการใช Subject directory โดยการทดลองเขา เว็บไซต www.sanook.com แลว ทําตามขั้นตอนในหนังสือเรียน หนา 26 จากนั้นทําการบันทึกผล 2. นักเรียนนําผลการศึกษาการใช Subject directory โดยการ ทดลองเขาเว็บไซต www.sanook. com ออกมาอภิปรายหนาชั้นเรียน จากนั้นครูสนทนาซักถามแลวให ความรูเพิ่มเติม

1

พิมพ์ www.sanook.com

2 คลิกลิงค์ “สารบัญเว็บไทย”

ขยายความเขาใจ นักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็น ถึงการนํา Subject directory ไป ประยุกตใชในการทํางานดานตางๆ โดยระบุถึงขอดีและประโยชนที่ได จากการนําไปใชใหครบถวน

3

คลิกลิงค์ ““การศึกษา ษา”

Web Directory

สารบัญเว็บไซต์

ตรวจสอบผล 1. ครูตรวจสอบความถูกตองของ แผนผังขั้นตอนการใช Google ในการชวยแปลภาษาบนเว็บไซต 2. ครูตรวจสอบความเขาใจของ นักเรียนจากแผนผังและการจัด ปายนิเทศเกี่ยวกับการคนหาขั้นสูง 3. ครูตรวจสอบความเขาใจของ นักเรียนจากผังความคิดเรื่อง การบันทึกภาพที่คนหาไดจาก Google และผังความคิดการ กําหนดรายละเอียดในการคนหา ขอมูล

หมวดย่ ดย่อยของการศึกษา ซึ่งผู้ใช้สามารถคลิกเพื่อหาข้อมูลที่ต้องการได้

การใช้ Subject directory จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งส�าหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นข้อมูลที่ ต้องการจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน 26

@

มุม IT

ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับการใช Search engine ไดที่ http://www.bks.ac.th

26

คูมือครู


กระตุน ความสนใจ Engage

สํารวจคนหา Explore

อธิบายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Explain

Expand

Evaluate

กระตุนความสนใจ ครูเกริ่นนําถึงประโยชนของ เว็บไซตที่มีตอการทําโครงงานหรือ ชิ้นงาน แลวใหนักเรียนยกตัวอยาง เว็บไซตที่สามารถนํามาใชทํา โครงงานได

4. เว็บไซต์ที่มีประโยชน์ต่อการทําโครงงานหรือชิ้นงาน การใช้เว็บไซต์เพื่อการสืบค้นข้อมูลในการท�างานนั้น เราจะต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับงาน แต่ละประเภท ซึ่งเว็บไซต์ที่มีประโยชน์ต่อการท�างานสามารถแบ่งออกได้ ดังนี้

4.1 เว็บไซต์ห้องสมุด สํารวจคนหา

เป็นเว็บไซต์ทใี่ ห้บริการเพือ่ ให้ผใู้ ช้สบื ค้นหนังสือและชือ่ ผูแ้ ต่งผ่านเว็บไซต์และข้อมูลสารสนเทศ ต่างๆ รวมทั้งบริการสื่อมัลติมีเดีย และ E-Book

นักเรียนสืบคนเว็บไซตที่เปน ประโยชนตอการทําโครงงานหรือ ชิ้นงาน แลวนําขอมูลที่ไดมาศึกษา โดยละเอียด

เว็บไซต์ห้องสมุดที่น่ำสนใจ เว็บไซต์แนะน�ำ เว็บไซต์ห้องสมุด

รำยละเอียด

www.nlt.go.th

เว็บไซต์สำ� นักหอสมุดแห่งชำติ ให้บริกำรสืบค้น หนังสือ บทควำม วำรสำร วิทยำนิพนธ์ ตัวเขียน และจำรึก หนังสือภำษำจีน และกำรขอหมำยเลข ISBN www.riclib.nrct.go.th/link/library.html เว็ บ ไซต์ ห ้ อ งสมุ ด งำนวิ จั ย ส� ำ นั ก งำนคณะ กรรมกำรวิจัยแห่งชำติ (วช.) ให้บริกำรสืบค้น หนังสือทัว่ ไป และวิทยำนิพนธ์ บทควำมวำรสำร e-book ของ วช.

เกร็ดแนะครู ครูสรุปเพื่อเสริมความเขาใจให กับนักเรียนโดยการแนะนําเว็บไซต ที่เกี่ยวของ เชน http://elearning. narinukul.ac.th

4.2 ฐานข้อมูลออนไลน์ เป็นแหล่งฐานข้อมูลผลงานวิจัย สถิติ และวิทยานิพนธ์ ที่ถูกเก็บในองค์กรต่างๆ ซึ่งปัจจุบัน มีการให้บริการออนไลน์ โดยผู้ใช้สามารถเข้าไปสืบค้นได้ผ่านอินเทอร์ เทอร์เน็ต

เว็บไซต์ฐำนข้อมูลออนไลน์ที่น่ำสนใจ เว็บไซต์แนะน�ำ เว็บไซต์ฐำนข้อมูล http://thesis.stks.or.th ออนไลน์ www.ttc.most.go.th www.journallink.or.th

รำยละเอียด ฐำนข้อมูลวิทยำนิพนธ์ไทยออนไลน์ให้บริกำร ค้นหำวิทยำนิพนธ์ เว็บไซต์ส�ำนักงำนส่งเสริมและถ่ำยทอด เทคโนโลยีให้บริกำรสืบค้นข้อมูลเทคโนโลยี ฐำนข้อมูลส�ำหรับบ่งชีแ้ หล่งวำรสำรในประเทศไทย โดยสำมำรถเชือ่ มโยงไปยังวำรสำรทีใ่ ห้บริกำรบน อินเทอร์เน็ตได้ 27

คูมือครู

27


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)

อธิบายความรู 1. นักเรียนสํารวจคนหาเว็บไซต ประเภท E-Learning มาคนละ 5 เว็บไซต พรอมทั้งเขียนอธิบาย วาแตละเว็บไซตเปน E-Learning ประเภทใด 2. ครูกําหนดเว็บไซตประเภท วิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ใหนักเรียนเขาไปสืบคนขอมูล จากนั้นนํารายละเอียดของ เว็บไซตเหลานั้นมาอธิบายให ครูฟง 3. นักเรียนรวมกันอภิปรายถึง เว็บไซตประเภท E-Learning และ เว็บไซตประเภท วิทยาศาสตร และเทคโนโลยี แลวสรุปผล การอภิปรายสงครูผูสอน

4.3 การเรียนรู้ผ่านเว็บไซต์ (E-Learning) เป็นเว็บไซต์ส�าหรับการเรียนรู้ผ่านอินเทอร์เน็ต หรือ E-Learning ซึ่งจะช่วยให้ผู้ที่มีความ สนใจ นักเรียน นักศึกษา สามารถศึกษาเรียนรู้ได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา

เว็บไซต์กำรเรียนรู้ที่น่ำสนใจ เว็บไซต์แนะน�ำ เว็บไซต์กำรเรียนรู้ www.learn.in.th (E-Learning)

www.ipst.ac.th www.thaicyberu.go.th

รำยละเอียด เว็บไซต์สถำบันพัฒนำวิชำชีพให้บริกำรฝกอบรม ระยะสั้น ผ่ำนเครือข่ำยอินเทอร์เน็ต (E-learning) ส�ำหรับผู้ประกอบกำรภำคอุตสำหกรรม นักวิจัย อำจำรย์ นักเรียน นักศึกษำ และผู้ที่ สนใจ สถำบั น ส่ ง เสริ ม กำรสอนวิ ท ยำศำสตร์ แ ละ เทคโนโลยี (สสวท.) ให้บริกำรกำรเรียนบทเรียน ออนไลน์เฉพำะวิชำวิทยำศำสตร์และคณิตศำสตร์ เว็ บ ไซต์ โ ครงกำรมหำวิ ท ยำลั ย ไซเบอร์ ไ ทย ส� ำ นั ก งำนคณะกรรมกำรกำรอุ ด มศึ ก ษำ ให้บริกำรบทเรียนออนไลน์

4.4 เว็บไซต์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นเว็บไซต์ที่น�าเสนอข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์ ตั้งแต่การศึกษา งานวิจัย ผลงาน ความรู้ ทางด้าน ฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา รวมทั้งสิ่งประดิษฐ์ทางด้านเทคโ นเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ล�้าสมัย

เว็บไซต์วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีที่น่ำสนใจ เว็บไซต์แนะน�ำ เว็บไซต์วิทยำศำสตร์ www.nectec.or.th และเทคโนโลยี www.most.go.th

28

28

คูมือครู

รำยละเอียด เว็ บ ไซต์ ศู น ย์ เ ทคโนโลยี อิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส์ แ ละ คอมพิวเตอร์แห่งชำติ (NECTEC) ให้บริกำร ควำมรู้ งำนวิจัย และเอกสำรด้ำนเทคโนโลยี สำรสนเทศ เว็บไซต์กระทรวงวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี ให้บริกำรสืบค้นข้อมูลจำกฐำนข้อมูลทำงด้ำน วิทยำศำสตร์ บริกำรบทเรียนออนไลน์


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand

Evaluate

อธิบายความรู

4.5 เว็บไซต์พัฒนาเว็บเพจ เป็นเว็บไซต์เกีย่ วกับการพัฒนาเว็บเพจด้วยภาษาต่างๆ เครือ่ งมือต่างๆ และการประชาสัมพันธ์ เว็บไซต์

เว็บไซต์พัฒนำเว็บเพจที่น่ำสนใจ เว็บไซต์แนะน�ำ เว็บไซต์พัฒนำ เว็บเพจ

www.dwthai.com www.webthaidd.com www.cmsthailand.com www.developer.com www.thaiall.com

รำยละเอียด

ขยายความเขาใจ

เว็บไซต์สอนภำษำที่ใช้พัฒนำเว็บไซต์ ได้แก่ ASP และ PHP รวมทั้งเทคนิคต่ำงๆ ส�ำหรับ กำรพัฒนำเว็บไซต์ เว็บไซต์สอนกำรใช้โปรแกรมต่ำงๆ ที่เกี่ยวข้อง ในกำรสร้ำงเว็บไซต์และภำษำส�ำหรับพัฒนำ เว็บไซต์ เว็ บ ไซต์ ที่ ใ ห้ บ ริ ก ำรข้ อ มู ล เกี่ ย วกั บ เว็ บ ไซต์ ส�ำเร็จรูป (Content Management System : CMS) เว็บไซต์ให้ผู้ใช้ดำวน์โหลด Source Code ส�ำหรับพัฒนำเว็บไซต์ เว็บไซต์สอนกำรใช้ภำษำ PHP ในกำรสร้ำง เว็บเพจ โดยเป็นบทเรียนต่อเนื่องพร้อมทั้ง Source Code

นักเรียนจัดประชุมกลุมยอย เพื่อ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเว็บไซต อื่นๆ ที่เปนประโยชนตอการพัฒนา โครงงานคอมพิวเตอร จากนั้นบันทึก ขอสรุปลงในกระดาษ A4 นําสงครู และสงตัวแทนออกมารายงานหนา ชั้นเรียน

ตรวจสอบผล ครูตรวจสอบความเขาใจของ นักเรียนจากการเขียนบันทึกขอสรุป จากการประชุมกลุมยอยเกี​ี่ยวกับ เว็บไซตอื่นๆ ที่เปนประโยชนตอ การคนหาโครงงานคอมพิวเตอร

4.6 เว็บไซต์สอนภาษา Visual Basic

เป็นเว็บไซต์สอนภาษา Visual Basic ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานจนถึงระดับสูง

เว็บไซต์สอนภำษำที่น่ำสนใจ เว็บไซต์แนะน�ำ เว็บไซต์สอนภำษำ www.thaiio.com/vbprogram.htm Visual Basic www.thaiall.com/vb/indexo.html

นักเรียนนําผลการสํารวจคนหา เว็บไซตพัฒนาเว็บเพจ เเละเว็บไซต สอนภาษา มาแสดงหนาชั้นเรียน พรอมทั้งอธิบายประกอบวาแตละ เว็บไซตมีคุณสมบัติและมีประโยชน ตอการทํางานอยางไร

@

รำยละเอียด

มุม IT

ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับโปรแกรม Visual Basic ไดที่ http://www.lks.ac.th

เว็บไซต์สอนเขียนภำษำ Visual Basic ตั้งแต่ พื้นฐำนจนถึงกำรเชื่อมต่อกับฮำร์ดแวร์ และ เทคนิคกำรเขียนโปรแกรม เว็บไซต์สอนเขียนภำษำ Visual Basic พร้อมทัง้ ตัวอย่ำงโปรแกรมเพื่อเป็นกรณีศึกษำ 29

คูมือครู

29


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)

อธิบายความรู 1. ครูกําหนดใหนักเรียนสืบคนขอมูล ตางๆ จากอินเทอรเน็ต แลวให นักเรียนเขียนบรรณานุกรมตาม หลักการใหถูกตอง 2. ครูใหนักเรียนอธิบายถึงประโยชน และความสําคัญของการอางอิง ขอมูลทางอิเล็กทรอนิกส @

5. รูปแบบการอ้างอิงแหล่งข้อมูลในอินเทอร์เน็ต การอ้างอิงถึงแหล่งข้อมูลในอินเทอร์เน็ตมีข้อควรพิจารณาหลายประการ เช่น ความ น่าเชื่อถือของผู้เขียนบทความ หน่วยงานหรือสถาบันที่รับผิดชอบและแหล่งข้อมูลนั้น ปัญหา ของแหล่งข้อมูลในอินเทอร์เน็ตที่เป็นที่วิตก คือความไม่มั่นใจว่าเนื้อหาของบทความที่น�าเสนอ ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานใดหรือไม่ มีหน่วยงานใดรับผิดชอบความถูกต้องของเนื้อหา เช่นเดียวกับการพิจารณาบทความจากวารสารหรือสิ่งพิมพ์ทั่วไป จ�าเป็นจะต้องวิเคราะห์ความ น่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลที่น�ามาอ้างถึง ซึ่งการอ้างอิงถึงแหล่งที่มาของข้อมูลเป็นการบอกให้ ทราบถึงแหล่งที่มาของข้อมูลเป็นส�าคัญ รูปแบบการอ้างอิงแหล่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์มีหลายรูปแบบ ได้แก่ MLA Style APA Style Anthropologh Style WEAPAS Style และ Melvin Page Style ซึ่งในที่นี้จะขอน�าเสนอ รูปแบบการอ้างอิงของ Melvin Page Style เป็นรูปแบบการอ้างอิงข้อมูลออนไลน์ที่เป็นที่นิยม แพร่หลายวิธีหนึ่ง ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

มุม IT

ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับรูปแบบการอางอิงขอมูล ทางอิเล็กทรอนิกส ไดที่ http:// www.panyathai.or.th.

องค์ประกอบหลักของรายการบรรณานุกรมแหล่งข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ได้แก่

30

30

คูมือครู

1

ชื่อผู้เขียน [Author]

2

ที่อยู่ของผู้เขียนในอินเทอร์เน็ต (ถ้ำมี) [E-mail Address]

3

ชื่อบทควำม บทคว [Title]

4

ชื่อเรื่องหลัก [Title of Complete Work]

5

ที่อยู่ที่ใช้สืบค้นในอินเทอร์เน็ต [Internet Address]

6

วัน เดือน ปี ที่เผยแพร่หรือวัน เดือน ปี ที่ท�ำกำรสืบค้น (ถ้ำมี) [Date]


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

อธิบายความรู

Engage

Explore

Explain

ขยายความเขาใจ Expand

ตรวจสอบผล Evaluate

ขยายความเขาใจ นักเรียนเขียนรายการบรรณานุกรม จากขอมูลที่หาไดจากเว็บไซต โดย เขียนลงในกระดาษ A4 สงครูผูสอน

ตัวอย่าง รูปแบบการอ้างอิง ● ( ภำษำไทย) ชื่อผู้เขียน. [ที่อยู่ของผู้เขียนในอินเทอร์เน็ต (ถ้ำมี)]. “ชื่อบทควำม” ใน “ชื่อเรื่อง หลัก” [ที่อยู่ของอินเทอร์เน็ต]. ปีที่พิมพ์ (ถ้ำมี) ● (ภำษำอังกฤษ) Author’s Last Name, First Name. [author’s internet address, if available]. “Title of word of title line of message.” In “Title of Complete Work” or Title of list/site as appropriate. [internet address]. Date, if available.

NET ขอสอบ ป 52 ขอสอบออกเกี่ยวกับการทํา รายงาน โดยถามวา ขอใดคือวิธีทํา รายงานโดยคนควาขอมูลจาก อินเทอรเน็ตที่ถูกตอง 1. คนหาบทความในอินเทอรเน็ต โดยใช search engine แลว คัดลอกมาเปนรายงาน 2. คนขอมูลที่เกี่ยวของโดยใช search engine แลวคัดลอก มาเปนรายงานพรอมอางอิง เอกสารตนฉบับ 3. คนขอมูลเพื่อทํารายงานโดยใช search engine แลวคัดลอก มาเปนรายงานพรอมอางอิง search engine 4. คนหาบทความในอินเทอรเน็ต โดยใช search engine แลว อานสรุปใจความรายงาน พรอมอางอิงเอกสารตนฉบับ (วิเคราะหหาคําตอบ เมื่อพิจารณา จากคําตอบจะพบวาการคนควา ขอมูลจากอินเทอรเน็ต เพื่อทํา รายงานจะตองมีการอานสรุป ใจความ พรอมทั้งมีการอางอิง แหลงที่มาอยางชัดเจน คําตอบ ที่ถูกตองคือ ขอ 4)

ตัวอย่าง การอ้างอิงแหล่งข้อมูลใน World Wide Web ● L imb, Peter. “Relationships between labour & African Nationalilst/Liberation Movements in Southern Africa.” [http://Meal.ctstateu.edu/history/world - history/worldhistory/archives/limb - l.html]. May 1992. ● Hughes,Helen. “Perspectives Perspectives for An Integrating World Economy : Implications for [http://www.iseas.ac.sg/econ.html]. 1996. Perform and Development.” [http://www.iseas.ac.sg/econ.html

สรุป

าคัญอย่างยิ่ง อินเทอร์เน็ตถือว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีความส�าคั ในปัจจุบัน แต่การที่อินเทอร์เน็ตมีข้อมูลอยู่เป็นจ�านวนมาก และ การรู้จักใช้ search engine รวมทั search engine รวมทั้งมีเทคนิควิธีการ มีหลายภาษา การรู ที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยท�าให้สามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการ ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย ตรงกับวัตถุประสงค์ นอกจากนี้ยังมี เว็บไซต์ที่เราควรท�าความรู้จักเพื่อประโยชน์ในการท�าโครงงาน ชิ้นงาน หรือศึกษาวิชาต่างๆ ส�าหรับข้อมูลจากเว็บไซต์เมื่อเรามา ใช้ประโยชน์ ควรอ้างอิงแหล่งที่มาไว้ด้วย

31

คูมือครู

31


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

อธิบายความรู

Engage

Explore

Explain

ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Expand

Evaluate

(ยอจากฉบับนักเรียน 20%)

ขยายความเขาใจ 1.ครูใหนักเรียนตอบคําถามใน กิจกรรมสรางสรรคพัฒนาการ เรียนรูในใบมอบหมายงาน (แนวตอบ 1. โดยทั่วไป เสิรชเอนจิน แบงออก เปน 3 ประเภท ไดแก • Crawler Based Search Engines เปนเครื่องมือในการ คนหา ที่อาศัยการบันทึกและ จัดเก็บขอมูลเปนหลัก • Web Directory มีลักษณะที่ เปนสารบัญเว็บไซต ที่มีดัชนี และการแยกหมวดหมูของ เนื้อหาในเว็บไซตอยางชัดเจน • Meta Search Engine ซึ่ง เปนการคนหาเว็บไซตใน ขั้นสูง 2. คําสําคัญที่ใชเขามาเชื่อม คือ AND OR NOT 3. สิ่งที่เราควรพิจารณาถึงความ นาเชื่อถือของสารสนเทศ ไดแก ชื่อผูแตง องคกร หนวยงานหรือ สถาบันที่เปนเจาของขอมูล และ อายุปของขอมูล 4. เว็บไซต Google มีความ สามารถในการคนหาที่ หลากหลาย ไมวาจะเปน เว็บไซต รูปภาพ แผนที่ เปนตน) 2. ใหนักเรียนรวมกลุมทํากิจกรรมใน ตอนที่ 2

กิจกรรม สร้างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้ ใบมอบหมายงาน เรื่อง การค้นหาข้อมูลสารสนเทศ ตอนที่ 1 ให้นักเรียนตอบค�าถามประจ�าหน่วยการเรียนรู้ต่อไปนี้ 1 2 3 4 5

ตอนที่ 2 ให้นักเรียนปฏิบัติตามค ามค�าสั่งต่อไปนี้

ตรวจสอบผล 1. ครูตรวจสอบความรูความเขาใจ ของนักเรียนจากการเขียน บรรณานุกรม ขอมูลเว็บไซต ของนักเรียน 2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมการคิด โดยการตั้งคําถาม แลวสุมถาม นักเรียน เรื่องการคนหาขอมูล สารสนเทศที่นักเรียนไดศึกษา มาแลว

32

คูมือครู

search engine มีกี่ประเภท อะไรบ้าง จงอธิบายแต่ละประเภทพร้อมยกตัวอย่างมาพอสังเขป ในการใช้ตรรกบูลีน (Boolean logic) มีการใช้ค�าใดเข้ามาเชื่อมเพื่อการสืบค้นข้อมูลต่างๆ เกณฑ์การประเมินสารสนเทศว่ามีความน่าเชื่อถือได้หรือไม่ มีอะไรบ้าง จงเลือกอธิบายมา 3 เกณฑ์ Google มีความสามารถหลักในการค้นหาข้อมูลประเภทใดบ้าง จงอธิบาย จงยกตัวอย่างการอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลจากเว็บไซต์มาา 1 แบบ

1

ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ กลุ่มละ ละ 3 คน เลื 3 คน เลือกก Keyword search engine เพี Keyword search ยง 1 search engine พร้อมทั้งสาธิตการใช้งาน าน ทัทั้งนี้ให้ทุกกลุ่มทดลองค้นค�าว่า “พลังงาน” และเปรียบเทียบจ�านวน รายการผลลัพธ์ และความถูกต้องของข้อมูลที่ได้รับ โดยจัดท�าเป็นโปสเตอร์เผยแพร่ความรู้ อน และจั เรื่องเสิร์ชเอนจินส่งครูผู้สอน และจัดท�าเป็นป้ายนิเทศเผยแพร่ความรู้แก่นักเรียนในโรงเรียน

2

ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ กลุ่มละ 5 คน เลื ละ อก Meta search engine เพียง 1 เสิร์ชเอนจิน ทดลอง พลังงาน และเปรียบเทียบจ�านวนรายการผลลัพธ์ และความถูกต้องของข้อมูลที่ได้รับ ค้นค�าว่า พลั งาน และเปรี แล้วสรุปเป็นรายงานส่งครูผู้สอน จากกิจกรรมที่ 11 แล้

3

ให้นักเรียนร่วมกันจัดท�าแบบส�ารวจของโรงเรียนว่านักเรียนส่วนใหญ่นิยมใช้ search engine ประเภทใดใน 3 ประเภท ได้แก่ Keyword search engine Meta search engine และ Subject directory ในการค้นหาข้อมูล จากนั้นน�าเสนอผลส�ารวจเป็นรูปแผนผัง แผนภูมิ แล้วน�าไป แสดงที่ป้ายนิเทศ

32

หลักฐาน แสดงผลการเรียนรู งานเขียนรายการบรรณานุกรม ขอมูล การสืบคนจากเว็บไซต


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.