คูมือครู 㪌»ÃСͺ¡ÒÃÊ͹ËÇÁ¡Ñº
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ©ºÑº ÍÞ.
หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน
วิทยาศาสตร
ชั้นประถมศึกษาปที่ ๑
กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ศิริรัตน วงศศิริ รักซอน รัตนวิจิตตเวช ภาพปกนี้มีขนาดเทากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน
กระบวนการสอนแบบ 5 Es ชวยสรางทักษะการเรียนรู กิจกรรมมุงพัฒนาทักษะการคิด คำถาม + แนวขอสอบเพื่อยกผลสัมฤทธิ์ O - NET กิจกรรมบูรณาการเตรียมพรอมสู ASEAN 2558
เอกสารประกอบคูมือครู
กลุมสาระการเรียนรู วิทยาศาสตร
วิทยาศาสตร ชั้นประถมศึกษาปที่
1
สําหรับครู
คูมือครู Version ใหม
ลักษณะเดน
ขยายพื้นที่รูปเลมใหญขึ้นกวาเดิม จัดแบงพื้นที่ออกเปนโซน เพื่อคนหาขอมูลไดงาย สะดวก รวดเร็ว และดูเปนระเบียบ กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
เปาหมายการเรียนรู สมรรถนะของผูเรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค
หน า
โซน 1 กระตุน ความสนใจ
Engage
สํารวจคนหา
Explore
อธิบายความรู
Explain
ขยายความเขาใจ
Expand
ตรวจสอบผล
หน า
หนั ง สื อ เรี ย น
โซน 1
หนั ง สื อ เรี ย น
Evaluate
ขอสอบเนน การคิด ขอสอบเนน การคิด แนว NT แนว O-NET
O-NET บูรณาการเชื่อมสาระ
เกร็ดแนะครู
ขอสอบ
โซน 2
โซน 3
กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
โซน 3
โซน 2 บูรณาการอาเซียน มุม IT
No.
คูมือครู
คูมือครู
No.
โซน 1 ขั้นตอนการสอนแบบ 5Es
โซน 2 ชวยครูเตรียมสอน
โซน 3 ชวยครูเตรียมนักเรียน
เพื่อใหครูเตรียมจัดกิจกรรมการเรียน การสอน โดยแนะนําขั้นตอนการสอนและ การจัดกิจกรรมแบบ 5Es อยางละเอียด เพื่อใหนักเรียนบรรลุตามตัวชี้วัด
เพื่อชวยลดภาระครูผูสอน โดยแนะนํา เกร็ดความรูสําหรับครู ความรูเสริมสําหรับ นักเรียน รวมทั้งบูรณาการความรูสูอาเซียน และมุม IT
เพือ่ ใหครูสะดวกตอการจัดกิจกรรม โดยแนะนํา กิจกรรมบูรณาการเชื่อมระหวางกลุมสาระ วิชา กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย รวมถึงเนือ้ หา ที่เคยออกขอสอบ O-NET เก็งขอสอบ O-NET และแนวขอสอบเนนการคิด พรอมคําอธิบาย และเฉลยอยางละเอียด
ที่ใชในคูมือครู
แถบสีและสัญลักษณ
แถบสีแสดงขั้นตอนการสอนและการจัดกิจกรรม แบบ 5Es เพื่อใหครูทราบวาเปนขั้นการสอนขั้นใด
1. แถบสี 5Es สีแดง
สีเขียว
กระตุน ความสนใจ
เสร�ม
สํารวจคนหา
Engage
2
•
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใช เทคนิคกระตุน ความสนใจ เพื่อโยง เขาสูบทเรียน
สีสม
อธิบายความรู
Explore
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนสํารวจ ปญหา และศึกษา ขอมูล
สีฟา
Explain
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนคนหา คําตอบ จนเกิดความรู เชิงประจักษ
สีมวง
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
•
Evaluate
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนนําความรู ไปคิดคนตอๆ ไป
•
เปนขั้นที่ผูสอน ประเมินมโนทัศน ของผูเรียน
2. สัญลักษณ สัญลักษณ
วัตถุประสงค
• เปาหมายการเรียนรู
• หลักฐานแสดงผล การเรียนรู
•
O-NET
(เฉพาะวิชา ชัน้ ทีส่ อบ O-NET O-NET)
• ชีแ้ นะเนือ้ หาทีเ่ คยออกขอสอบ
O-NET โดยยกตัวอยางขอสอบ พรอมวิเคราะหคาํ ตอบ อยางละเอียด
• เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน แนว
O-NET
การคิดใหครูนาํ ไปใชไดจริง รวมถึงเปนการเก็งขอสอบ O-NET ทีจ่ ะออก มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
•
ขยายความรูเพิ่มเติมจากเนื้อหา เพื่อใหครู นําไปใชอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียน ไดมีความรูมากขึ้น
บูรณาการเชื่อมสาระ
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม
•
ความรูห รือกิจกรรมเสริม ใหครูนาํ ไปใช เตรียมความพรอมใหกบั นักเรียนกอนเขาสู ประชาคมอาเซียน 2558 โดยบูรณาการ กับวิชาทีก่ าํ ลังเรียน
กิจกรรมสรางเสริม
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม
นักเรียนควรรู
บูรณาการอาเซียน
•
คูม อื ครู
แสดงรองรอยหลักฐานตามภาระงาน ที่ครูมอบหมาย เพื่อแสดงผลการเรียนรู ตามตัวชี้วัด
ขอสอบ
วัตถุประสงค
แทรกความรูเสริมสําหรับครู ขอเสนอแนะ ขอควรระวัง ขอสังเกต แนวทางการจัด กิจกรรมและอืน่ ๆ เพื่อประโยชนในการ จัดการเรียนการสอน
เกร็ดแนะครู
มุม IT
แสดงเปาหมายการเรียนรูที่นักเรียน ตองบรรลุตามตัวชี้วัด ตลอดจนสมรรถนะ ที่จะตองมี และคุณลักษณะที่พึงเกิดขึ้น กับนักเรียน
สัญลักษณ
แนะนําแหลงคนควาจากเว็บไซต เพื่อใหครู และนักเรียนไดเขาถึงขอมูลความรู ที่หลากหลาย ทั้งไทยและตางประเทศ
• แนวขอสอบ NT ในระดับ
ประถมศึกษา มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด
(เฉพาะวิชา ชัน้ ทีส่ อบ NT)
กิจกรรมทาทาย
เชือ่ มกับกลุม สาระ ชัน้ หรือวิชาอืน่ ทีเ่ กีย่ วของ
ซอมเสริมสําหรับนักเรียน ทีย่ งั ไมเขาใจเนือ้ หา
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม ตอยอดสําหรับนักเรียนทีเ่ รียนรู เนือ้ หาไดอยางรวดเร็ว และ ตองการทาทายความสามารถ ในระดับทีส่ งู ขึน้
คําแนะนําการใชคูมือครู การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน คูมือครู รายวิชา วิทยาศาสตร ป.1 จัดทําขึ้นเพื่อใหครูผูสอนนําไปใชเปนแนวทางวางแผนการสอนเพื่อพัฒนา ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน และประกันคุณภาพผูเ รียน ตามนโยบายของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน (สพฐ.) โดยใชหนังสือเรียน วิทยาศาสตร ป.1 ของบริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด เปนสื่อหลัก (Core Material) ประกอบ เสร�ม การสอนและการจัดกิจกรรมการเรียนรูใหสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดกลุมสาระการเรียนรู วิทยาศาสตร 3 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พ.ศ. 2551 โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนตามหลักการสําคัญ ดังนี้ 1 ออกแบบการสอนเปนหนวยการเรียนรูอิงมาตรฐาน คูม อื ครู รายวิชา วิทยาศาสตร ป.1 วางแผนการสอนโดยแบงเปนหนวยการเรียนรูต ามลําดับสาระ (standard) และ หมายเลขขอของมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั แตละหนวยจะกําหนดเปาหมายการสอนและจุดประสงคการเรียนรู (Objective Learning) กิจกรรมการเรียนรู (Learning Activities) และแนวทางการประเมินผลการเรียนรู (Learning Evaluation) ไวชัดเจน ครูผูสอนสามารถจัดทําแผนการสอนใหครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด สมรรถนะ และคุณลักษณะ อันพึงประสงคที่เปนเปาหมายการเรียนรูตามที่กําหนดไวในสาระแกนกลาง (ตามแผนภูมิ) และสามารถบันทึกผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของผูเรียนแตละคนลงในเอกสาร ปพ.5 ไดอยางมั่นใจ แผนภูมิแสดงองคประกอบของการออกแบบการเรียนรูอิงมาตรฐานและเนนผูเรียนเปนสําคัญ
า
พผ
ูเ
จุดปร
ะสง
ค ก
ส ภา
รียน
ร
รู ีเรยน
มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัดชั้นป
ทักษะการคิด การวัดประเมินผล การเรียนรู
กิจกรรมการเรียนรู
เทคนิคการสอน
คูม อื ครู
2 การจัดการเรียนรูที่ยึดผูเรียนเปนสําคัญ แนวคิ ด ในการจั ด การเรี ย นการสอนที่ ยึ ด ผู เ รี ย นเป น สํ า คั ญ พั ฒ นามาจากปรั ช ญาและทฤษฎี ก ารเรี ย นรู Constructivism ที่เชื่อวาการเรียนรูเปนกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในสมองของผูเรียนแตละคน ผูเรียนเปนผูสรางความรู โดยการเชื่อมโยงระหวางสิ่งที่ไดเรียนรูจากบทเรียนใหมกับความรูหรือประสบการณเดิมที่มีอยู ทฤษฎีนี้มีความเชื่อวา ผูเรียนทุกคนไดเรียนรูและมีการสั่งสมความรูความเขาใจเกี่ยวกับสิ่งตางๆ ติดตัวมากอน เสร�ม ทีจ่ ะเขาสูห อ งเรียน ซึง่ เปนการเรียนรูท เี่ กิดจากประสบการณและสิง่ แวดลอมรอบตัวผูเ รียนแตละคน ดังนัน้ การจัดกิจกรรม 4 การเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ผูสอนจะตองคํานึงถึง 1. ความรูเดิมของผูเรียน วิธีการสอนที่ดีจะตองเริ่มตนจากจุดที่วา ผูเ รียนมีความรูอ ะไรมาบาง แลวจึงใหความรู หรือประสบการณใหม เพื่อตอยอดจาก ความรูเดิม นําไปสูการสรางความรูความ เขาใจใหม
2. ความรูเดิมของผูเรียนถูกตองหรือไม ผูส อนตองปรับเปลีย่ นความรูความเขาใจ เดิ ม ของผู เ รี ย นให ถู ก ต อ ง และเป น พฤติ ก รรมการเรียนรูใหมที่มีคุณคาตอ ผูเ รียน เพือ่ สรางเจตคติหรือทัศนคติทดี่ ตี อ การเรียนรูสิ่งเหลานั้น
3. ผูเรียนสรางความหมายสําหรับตนเอง ผูสอนตองสงเสริมใหผูเรียนนําความรูความ เขาใจที่เกิดขึ้นไปลงมือปฏิบัติ เพื่อขยาย ความรูใหลึกซึ้งและมีคุณคาตอตัวผูเรียน มากที่สุด
แนวคิด Constructivism เนนใหผูเรียนสรางความรูโดยผานกระบวนการคิดและความอยากรูของตนเอง โดยมีผูสอนเปนผูสรางบรรยากาศ
การเรียนรูและกระตุนความสนใจ คอยจัดสถานการณใหผูเรียนเกิดความขัดแยงทางความคิดระหวางประสบการณเดิมกับประสบการณ ความรูใ หม เพือ่ กระตนุ ใหผเู รียนเชือ่ มโยงความรู ความคิด กับประสบการณทมี่ อี ยูเ ดิม แลวสังเคราะหเปนความรูห รือแนวคิดใหมๆ ไดดว ยตนเอง
3 การบูรณาการกระบวนการคิด การเรียนรูข องผูเ รียนแตละคนจะเกิดขึน้ ทีส่ มอง ซึง่ เปนอวัยวะทีท่ าํ หนาทีร่ คู ดิ ภายใตสภาพแวดลอมทีเ่ อือ้ อํานวย และไดรบั การกระตนุ จูงใจอยางเหมาะสม สอดคลองกับสภาพจิตใจและความตองการของผูเ รียนแตละคน การจัดกิจกรรม การเรียนรูและสาระการเรียนรูที่สอดคลองกับความสนใจและมีความหมายตอผูเรียน จะชวยกระตุนใหสมองของผูเรียน สามารถรับรูและเรียนรูไดอยางมีประสิทธิภาพตามขั้นตอนการทํางานของสมอง ดังนี้ 1. สมองจะเรียนรูและสืบคน โดยการสังเกต คนหา ซักถาม และทดลอง ปฏิบัติ จนทําใหคนพบความรูความเขาใจ ไดอยางรวดเร็ว
2. สมองจะแยกแยะคุณคาของสิ่งตางๆ โดยการตัดสินใจวิพากษวิจารณ แสดง ความคิดเห็น ยอมรับหรือตอตานตาม อารมณความรูสึกที่เกิดขึ้นในขณะที่เรียนรู
3. สมองจะประมวลเนื้อหาสาระ โดยการสรุปเปนความคิดรวบยอดจาก เรื่องราวที่ไดเรียนรูใหมนําไปผสมผสานกับ ความรูห รือประสบการณเดิมทีถ่ กู จัดเก็บอยูใ น สมอง ผานการกลัน่ กรองเพือ่ สังเคราะหเปน ความรูค วามเขาใจใหมๆ หรือเปนทัศนคติใหม ที่จะเก็บบรรจุไวในสมองของผูเรียน
การเรียนรูที่มีประสิทธิภาพจึงตองเปนการเรียนรูที่เกิดจากกระบวนการคิดของผูเรียน เพราะการเรียนรูจะเกิดขึ้น เมื่อสมองรูคิด และตองเปนการคิดไดครบถวนตามขั้นตอนการทํางานของสมองผูเรียน โดยเริ่มตนจาก
คูม อื ครู
1. ระดับการคิดพื้นฐาน
2. ระดับลักษณะการคิด
3. ระดับกระบวนการคิด
ไดแก การสังเกต การจําแนก การคาดคะเน การสื่อความหมาย การรวบรวมขอมูล การสรุปผล เปนตน
ไดแก การคิดกวาง คิดลึกซึ้ง คิดไกล คิดหลากหลาย คิดคลอง คิดอยางมีเหตุผล เปนตน
ไดแก กระบวนการคิดอยางมี วิจารณญาณ กระบวนการแกปญหา กระบวนการคิดสรางสรรค กระบวนการ คิดสังเคราะหวิจัย เปนตน
5Es การจัดกิจกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ขั้นตอนการสอนที่สัมพันธกับขั้นตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้ ขั้นที่ 1
กระตุนความสนใจ
(Engage)
เสร�ม
5
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนนําเขาสูบ ทเรียน เพือ่ กระตุน ความสนใจของผูเ รียนดวยเรือ่ งราวหรือเหตุการณทนี่ า สนใจโดยใชเทคนิควิธกี ารสอน และคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูความรูของบทเรียนใหม ชวยใหผูเรียนสามารถ สรุปประเด็นสําคัญที่เปนหัวขอและสาระการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนการสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอม และสรางแรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน
ขั้นที่ 2
สํารวจคนหา
(Explore)
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนเปดโอกาสใหผเู รียนลงมือศึกษา สังเกต หรือรวมมือกันสํารวจ เพือ่ ใหเห็นขอบขายของปญหา รวมถึงวิธกี ารศึกษา คนควา การรวบรวมขอมูลความรูที่จะนําไปสูการสรางความเขาใจประเด็นปญหานั้นๆ เมื่อผูเรียนทําความเขาใจในประเด็นหัวขอที่จะ ศึกษาคนควาอยางถองแทแลว ก็ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมขอมูลความรู สํารวจตรวจสอบ โดยวิธีการตางๆ เชน สัมภาษณ ทดลอง อานคนควาขอมูลจากเอกสาร แหลงขอมูลตางๆ จนไดขอมูลความรูตามที่ตั้งประเด็นศึกษาไว
ขั้นที่ 3
อธิบายความรู
(Explain)
เปนขั้นที่ผูสอนมีปฏิสัมพันธกับผูเรียน เชน ใหการแนะนํา ตั้งคําถามกระตุนใหคิด เพื่อใหผูเรียนคนหาคําตอบ และนําขอมูล ความรูจากการศึกษาคนควาในขั้นที่ 2 มาวิเคราะห สรุปผล และนําเสนอผลที่ไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน เขียนแผนภูมิ แผนผังแสดงมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน ในขั้นตอนนี้ฝกใหผูเรียนใชสมองคิดวิเคราะหและ สังเคราะหอยางเปนระบบ
ขั้นที่ 4
ขยายความเขาใจ
(Expand)
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใชเทคนิควิธีการสอนตางๆ ที่สงเสริมใหผูเรียนนําความรูที่เกิดขึ้นไปคิดคนสืบคนตอๆ ไป เพื่อพัฒนาทักษะ การเรียนรูและการทํางานรวมกันเปนกลุม ระดมสมองเพื่อคิดสรางสรรครวมกัน ผูเรียนสามารถนําความรูที่สรางขึ้นใหมไปเชื่อมโยง กับประสบการณเดิมโดยนําขอสรุปทีไ่ ดไปใชอธิบายเหตุการณตา งๆ หรือนําไปปฏิบตั ใิ นสถานการณใหมๆ ทีเ่ กีย่ วของกับชีวติ ประจําวัน ของตนเอง เพื่อขยายความรูความเขาใจใหกวางขวางยิ่งขึ้น ในขั้นตอนนี้ฝกสมองของผูเรียนใหสามารถคิดริเริ่มสรางสรรคอยางมี คุณภาพ เสริมสรางวิสัยทัศนใหกวางไกลออกไป
ขั้นที่ 5
ตรวจสอบผล
(Evaluate)
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนประเมินมโนทัศนของผูเ รียน โดยตรวจสอบจากความคิดทีเ่ ปลีย่ นไปและความคิดรวบยอดทีเ่ กิดขึน้ ใหม ตรวจสอบ ทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแกปญหา การตอบคําถามรวบยอด และการเคารพความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่น เพื่อการ สรางสรรคความรูร ว มกัน ผูเ รียนสามารถประเมินผลการเรียนรูข องตนเอง เพือ่ สรุปผลวามีความรูอ ะไรเพิม่ ขึน้ มาบาง เกิดความเขาใจ มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ ไดอยางไร ผูเรียนจะเกิดเจตคติและเห็นคุณคาของ ตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริง
การจัดกิจกรรมการเรียนรูตามขั้นตอนวัฏจักรการสรางความรูแบบ 5Es จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนน ผูเ รียนเปนสําคัญอยางแทจริง เพราะสงเสริมใหผเู รียนไดลงมือปฏิบตั ติ ามขัน้ ตอนของกระบวนการสรางความรูด ว ยตนเอง และฝกฝนใหใชกระบวนการคิดและกระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะชีวิต ทักษะการทํางานและทักษะการ เรียนรูท มี่ ปี ระสิทธิภาพ สงผลตอการยกระดับผลสัมฤทธิข์ องผูเ รียน ตามเปาหมายของการปฏิรปู การศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการ คูม อื ครู
O-NET การเพิ่มผลสัมฤทธิ์ O-NET
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามขัน้ ตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ในแตละหนวยการเรียนรู ทางผูจ ดั ทํา จะเสนอแนะวิธสี อนรูปแบบกิจกรรมการเรียนรู พรอมทัง้ ออกแบบเครือ่ งมือวัดผลประเมินผลทีส่ อดคลองกับตัวชีว้ ดั และสาระการเรียนรูแกนกลางไวทุกขั้นตอน โดยยึดหลักสําคัญ คือ เปาหมายของการวัดผลประเมินผล เสร�ม
6
1. การวัดผลทุกครั้งตองนําผล การวัดมาปรับปรุงพัฒนาผูเรียน เปนรายบุคคล
2. การประเมินผลมีเปาหมาย เพื่อพัฒนาการเรียนรูของผูเรียน จนเต็มศักยภาพ
3. การนําผลการวัดและประเมิน ทุกครั้งมาวางแผนปรับปรุงกิจกรรม การเรียนการสอน การเลือกเทคนิค วิธีการสอน และสื่อการเรียนรูให เหมาะสมกับสภาพจริงของผูเรียน
การทดสอบผูเรียน 1. การใชขอสอบอัตนัย เนนการอาน การคิดวิเคราะห และเขียนสรุปเพิ่มมากขึ้น 2. การใชคําถามกระตุนการคิด ควบคูกับการทําขอสอบที่เนนการคิดตลอดตอเนื่องตามลําดับกิจกรรมการเรียนรูและ ตัวชี้วัด 3. การทดสอบตองดําเนินการทั้งกอนเรียน ระหวางเรียน และเมื่อสิ้นสุดการเรียน การทดสอบระหวางเรียน ต อ งใช ข อ สอบทั้ ง ชนิ ด ปรนั ย และอั ต นั ย และเป น การทดสอบเพื่ อ วิ นิ จ ฉั ย ผลการเรี ย นของผู เ รี ย นแต ล ะคน เพื่อวัดการสอนซอมเสริมใหบรรลุตัวชี้วัดทุกตัว 4. การสอบกลางภาค (ถามี) ควรนําขอสอบหรือแบบฝกหัดที่นักเรียนสวนใหญทําผิดบอยๆ มาสรางเปนแบบทดสอบ อีกครัง้ เพือ่ ตรวจสอบความรูค วามเขาใจทีถ่ กู ตอง และประเมินความกาวหนาของผูเรียนแตละคน 5. การสอบปลายภาคเรียนเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามตัวชี้วัดที่สําคัญ ควรออกขอสอบใหมีลักษณะเดียวกับ ขอสอบ O-NET โดยเนนการคิดวิเคราะห สังเคราะห เชื่อมโยงประยุกตใช เพื่อสรางความคุนเคย และฝกฝน วิธีการทําขอสอบดวยความมั่นใจ 6. การนําผลการทดสอบของผูเรียนมาวิเคราะห โดยผลการสอบกอนการเรียนตองสามารถพยากรณผลการสอบ กลางภาค และผลการสอบกลางภาคตองทํานายผลการสอบปลายภาคของผูเ รียนแตละคน เพือ่ ประเมินพัฒนาการ ความกาวหนาของผูเรียนเปนรายบุคคล 7. ผลการทดสอบปลายป ปลายภาค ตองมีคาเฉลี่ยสอดคลองกับคาเฉลี่ยของการสอบ NT ที่เขตพื้นที่การศึกษา จัดสอบ รวมทั้งคาเฉลี่ยของการสอบ O-NET ชวงชั้นที่สอดคลองครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดสําคัญ เพือ่ สะทอนประสิทธิภาพของครูผสู อนในการออกแบบการเรียนรูแ ละประกันคุณภาพผูเ รียนทีต่ รวจสอบผลไดชดั เจน การจัดการเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ตองใหผูเรียนไดสั่งสมความรู สะสมความเขาใจไปทีละเล็ก ละนอยตามลําดับขัน้ ตอนของกิจกรรมการเรียนรู 5Es เพือ่ ใหผเู รียนไดเติมเต็มองคความรูอ ยางตอเนือ่ ง จนสามารถปฏิบตั ิ ชิ้นงานหรือภาระงานรวบยอดของแตละหนวยผานเกณฑประกันคุณภาพในระดับที่นาพึงพอใจ เพื่อรองรับการประเมิน ภายนอกจาก สมศ. ตลอดเวลา คูม อื ครู
ASEAN การเรียนรูสูประชาคมอาเซียน เพื่ออํานวยความสะดวกแกครูผูสอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรูบูรณาการอาเซียนศึกษา ผูจัดทําไดวิเคราะห มาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัดที่มีสาระการเรียนรูสอดคลองกับองคความรูเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนในแงมุมตางๆ ครอบคลุมทัง้ ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรม อาเซียน เพื่อสงเสริมการเรียนรูใหผูเรียนเกิดความตระหนัก มีความรูความเขาใจเหมาะสมกับระดับชั้นและกลุมสาระ การเรียนรู โดยเสนอแนะวิธีการจัดกิจกรรมบูรณาการเนื้อหาสาระตางๆ ที่เปนประโยชนตอผูเรียนและเปนการชวย เตรียมความพรอมผูเ รียนทุกคนทีจ่ ะกาวเขาสูก ารเปนสมาชิกของประชาคมอาเซียนไดอยางมัน่ ใจตามขอตกลงปฏิญญา ชะอํา-หัวหิน วาดวยความรวมมือดานการศึกษาเพือ่ บรรลุเปาหมายประชาคมอาเซียนทีเ่ อือ้ อาทรและแบงปน จึงกําหนด เปนนโยบายใหกระทรวงศึกษาธิการจัดการเรียนรูเตรียมความพรอมผูเรียนเขาสูประชาคมอาเซียนภายในป พ.ศ. 2558 ตามแนวปฏิบัติที่สําคัญ ดังนี้
เสร�ม
7
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน 1. การสรางความรูความเขาใจ และตระหนักถึงความสําคัญของ กฎบัตรอาเซียน และความรวมมือ ของ 3 เสาหลัก ซึง่ กฎบัตรอาเซียน ในขณะนี้มีสถานะเปนกฎหมายที่ ประเทศสมาชิกจะตองปฏิบัติตาม หลักการที่กําหนดไวเพื่อใหบรรลุ เปาหมายของกฎบัตรมาตราตางๆ
2. การสงเสริมหลักการ ประชาธิปไตยและการสราง สิ่งแวดลอมประชาธิปไตย เพื่อการอยูรวมกันอยางกลมกลืน ภายใตวิถีชีวิตอาเซียนที่มีความ หลากหลายดานสังคมและ วัฒนธรรม
4. การตระหนักในคุณคาของ สายสัมพันธทางประวัติศาสตร และมรดกทางวัฒนธรรมที่มี พัฒนาการรวมกัน เพื่อเชื่อม อัตลักษณและสรางจิตสํานึก ในการเปนประชากรของประชาคม อาเซียนรวมกัน
3. การสงเสริมการศึกษาดาน สิทธิมนุษยชน เพื่อสรางประชาคม อาเซียนใหเปนประชาคมเพื่อ ประชาชนอยางแทจริง สามารถ อยูรวมกันไดบนพื้นฐานการเคารพ ในคุณคาของศักดิ์ศรีแหงความ เปนมนุษยเทาเทียมกัน
5. การสงเสริมสันติภาพ ความ มั่นคง และความปรองดองในสังคม ทั้งระดับประเทศและภูมิภาคของ อาเซียนบนพื้นฐานสันติวิธีและการ อยูรวมกันดวยขันติธรรม
คูม อื ครู
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
เสร�ม
8
1. การพัฒนาทักษะการทํางาน เพื่อเสริมสรางผูเรียนใหมีทักษะ วิชาชีพที่จําเปนสอดคลองกับ ความตองการของตลาดแรงงาน และสถานประกอบการในอาเซียน สามารถเทียบโอนผลการเรียน และการทํางานตามมาตรฐานฝมือ แรงงานในภูมิภาคอาเซียน
2. การเสริมสรางวินัย ความรับผิดชอบ และเจตคติรักการทํางาน สามารถพึ่งพาตนเอง มีทักษะชีวิต ดํารงชีวิตอยางมีความสุข เห็นคุณคา และภูมิใจในตนเอง ในฐานะที่เปนพลเมืองไทยและ อาเซียน
3. การเรียนรูเพื่อพัฒนาตนเอง อยางตอเนื่องตลอดชีวิต ใหมี ทักษะการทํางานตามมาตรฐาน อาชีพ และคุณวุฒิของวิชาชีพสาขา ตางๆ เพื่อรองรับการเตรียมเคลื่อน ยายแรงงานมีฝมือและการเปน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่ เขมแข็ง เพื่อสรางขีดความสามารถ ในการแขงขันในเวทีโลก
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน 1. การเสริมสรางความรวมมือ ในลักษณะสังคมที่เอื้ออาทร ของประชากรอาเซียน โดยยึด หลักการสําคัญ คือ ความงดงาม ของประชาคมอาเซียนมาจาก ความแตกตางและหลากหลายทาง วัฒนธรรมที่ลวนแตมีคุณคาตอ มรดกทางวัฒนธรรมของอาเซียน ซึ่งประชาชนทุกคนตองอนุรักษ สืบสานใหยั่งยืน
2. การเสริมสรางคุณลักษณะ ของผูเรียนใหเปนพลเมืองอาเซียน ที่มีศักยภาพในการกาวเขาสู ประชาคมอาเซียนอยางมั่นใจ เปนผูที่มีสุขภาพสมบูรณแข็งแรง มีทักษะการสื่อสาร ทักษะการ ทํางาน ทักษะทางสังคม สามารถ ทํางานรวมกับผูอื่นไดอยาง สรางสรรค และมีองคความรู เกี่ยวกับอาเซียนที่จําเปนตอการ ดํารงชีวิตอยางมีคุณภาพ
4. การสงเสริมการเรียนรูดาน ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถชี วี ติ ความเปนอยูข องเพือ่ นบาน ในอาเซียน เพื่อสรางจิตสํานึกของ ความเปนประชาคมอาเซียนและ ตระหนักถึงหนาที่ของการเปน พลเมืองอาเซียนรวมกัน
3. การสงเสริมการเรียนรูภาษา อังกฤษเพื่อการสื่อสารและการ ทํางานตามมาตรฐานอาชีพที่ กําหนดและสนับสนุนการเรียนรู ภาษาอาเซียนและภาษาเพื่อนบาน เพื่อชวยเสริมสรางสัมพันธภาพทาง สังคม และการอยูรวมกันอยางสันติ ทามกลางความหลากหลายทาง วัฒนธรรม
5. การสรางความรูและความ ตระหนักเกี่ยวกับดานสิ่งแวดลอม ปญหาและผลกระทบตอคุณภาพ ชีวิตของประชากรในภูมิภาค รวมทั้งแนวทางการพัฒนาอยาง ยั่งยืน ใหเปนมรดกสืบทอดแก พลเมืองอาเซียนในรุนหลังตอๆ ไป
กระทรวงศึกษาธิการจึงประกาศนโยบายการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) เพื่อเรงพัฒนาเด็ก และเยาวชนไทยใหเปนทรัพยากรมนุษยของชาติที่มีทักษะและความชํานาญ พรอมเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงและ การแขงขันทั้งในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆ ของสังคมโลก ทั้งนี้ผูบริหารสถานศึกษา ครูผูสอน และผูปกครอง ควรรวมมือกันอยางใกลชดิ ในการดูแลชวยเหลือผูเ รียนและจัดประสบการณการเรียนรูเ พือ่ พัฒนาผูเ รียนจนเต็มศักยภาพ เพื่อกาวเขาสูการเปนพลเมืองอาเซียนอยางมีเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีความเปนมนุษยของตน คูม อื ครู
คณะผูจัดทํา
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง สาระที่ 1
วิทยาศาสตร (เฉพาะชั้น ป.1)*
สิ่งมีชีวิตกับกระบวนการดํารงชีวิต
มาตรฐาน ว 1.1 เขาใจหนวยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต ความสัมพันธของโครงสรางและหนาที่ของระบบตางๆ ของสิ่งมีชีวิตที่ทํางานสัมพันธกัน มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู สื่อสารสิ่งที่เรียนรูและนําความรู ไปใชในการดํารงชีวิตของตนเองและดูแลสิ่งมีชีวิต ชั้น
ตัวชี้วัด
ป.1 1. เปรียบเทียบ ความแตกตาง ระหวางสิ่งมีชีวิต กับสิ่งไมมีชีวิต 2. สังเกตและอธิบาย ลักษณะและหนาที่ ของโครงสราง ภายนอกของพืช และสัตว 3. สังเกตและอธิบาย ลักษณะ หนาที่ และความสําคัญ ของอวัยวะภายนอก ของมนุษย ตลอดจน การดูแลรักษาสุขภาพ
สาระการเรียนรูแกนกลาง
เสร�ม
9
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• สิ่งมีชีวิตมีลักษณะแตกตางกับสิ่งไมมีชีวิต โดย • หนวยการเรียนรูท ี่ 1 สิ่งมีชีวิตจะมีการเคลื่อนที่ กินอาหาร ขับถาย สิง่ ตางๆ รอบตัวเรา หายใจ เจริญเติบโต สืบพันธุ และตอบสนองตอ บทที่ 1 สิ่งมีชีวิตและ สิ่งเรา แตสิ่งไมมีชีวิตจะไมมีลักษณะดังกลาว สิ่งไมมีชีวิต • โครงสรางภายนอกของพืช ไดแก ราก ลําตน • หนวยการเรียนรูท ี่ 1 ใบ ดอกและผล ซึ่งแตละสวนทําหนาที่ตางกัน สิง่ ตางๆ รอบตัวเรา • โครงสรางภายนอกของสัตว ไดแก ตา หู จมูก บทที่ 2 สนใจในพืชและสัตว ปาก ขาและเทา แตละสวนทําหนาที่แตกตางกัน • อวัยวะภายนอกของมนุษยมีลักษณะหนาที่ • หนวยการเรียนรูท ี่ 2 ตัวเรา แตกตางกัน อวัยวะเหลานี้มีความสําคัญตอการ บทที่ 1 รางกายของเรา ดํารงชีวิต จึงตองดูแลรักษาและปองกันไมให อวัยวะเหลานั้นไดรับอันตราย
มาตรฐาน ว 1.2 เขาใจกระบวนการและความสําคัญของการถายทอดลักษณะทางพันธุกรรม วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ การใชเทคโนโลยีชีวภาพที่มีผลกระทบตอมนุษยและสิ่งแวดลอม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรูและจิตวิทยาศาสตร สื่อสารสิ่งที่เรียนรูและนําความรูไปใชประโยชน ชั้น
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
ป.1 1. ระบุลักษณะของ • สิ่งมีชีวิตในทองถิ่นจะมีทั้งลักษณะที่เหมือนกัน สิ่งมีชีวิตในทองถิ่น และแตกตางกัน ซึ่งสามารถนํามาจําแนก และนํามาจัดจําแนก โดยใชลักษณะภายนอกเปนเกณฑ โดยใชลักษณะ ภายนอกเปนเกณฑ
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• หนวยการเรียนรูท ี่ 1 สิง่ ตางๆ รอบตัวเรา บทที่ 3 สิ่งมีชีวิตใกลตัวเรา
_________________________________ * สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, สาระการเรียนรูแกนกลาง กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตร. (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพชุมนุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย, 2551), หนา 10-94.
คูม อื ครู
สาระที่ 3
สารและสมบัติของสาร
มาตรฐาน ว 3.1 เขาใจสมบัตขิ องสาร ความสัมพันธระหวางสมบัตขิ องสารกับโครงสรางของแรงยึดเหนีย่ วระหวางอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะหาความรูและจิตวิทยาศาสตร สื่อสารสิ่งที่เรียนรู นําความรูไปใชประโยชน ชั้น
เสร�ม
10
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
ป.1 1. สังเกตและระบุ • วัสดุที่ใชทําของเลนของใชในชีวิตประจําวัน ลักษณะที่ปรากฏ อาจมีรูปราง สี ขนาด พื้นผิว ความแข็ง หรือสมบัติของวัสดุ เหมือนกันหรือแตกตางกัน ที่ใชทาํ ของเลน ของใชในชีวิต ประจําวัน 2. จําแนกวัสดุที่ใชทํา • ลักษณะหรือสมบัติตางๆ ของวัสดุ สามารถ ของเลน ของใชใน นํามาใชเปนเกณฑในการจําแนกวัสดุที่ใชทํา ชีวิตประจําวัน รวม ของเลนของใชในชีวิตประจําวัน ทั้งระบุเกณฑที่ใช จําแนก
สาระที่ 4
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• หนวยการเรียนรูท ี่ 3 ของเลนแสนรัก ของใชใกลตวั บทที่ 1 ของเลนและของใช ของฉัน • หนวยการเรียนรูท ี่ 3 ของเลนแสนรัก ของใชใกลตวั บทที่ 2 วัสดุใกลตัว
แรงและการเคลื่อนที่
มาตรฐาน ว 4.1 เขาใจธรรมชาติของแรงแมเหล็กไฟฟา แรงโนมถวง และแรงนิวเคลียร มีกระบวนการสืบเสาะ เสาะหาความรู สื่อสารสิ่งที่เรียนรู และนําความรูไปใชประโยชนอยางถูกตองและมีคุณธรรม ชั้น
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
ป.1 1. ทดลองและอธิบาย • การดึงและการผลักวัตถุเปนการออกแรงกระทํา • หนวยการเรียนรูท ี่ 3 การดึงหรือการผลัก ตอวัตถุ ซึง่ อาจทําใหวตั ถุเคลือ่ นทีห่ รือไมเคลือ่ นที่ แรงของเรา วัตถุ และเปลี่ยนแปลงรูปรางหรืออาจไมเปลี่ยนแปลง บทที่ 1 ดึงหรือผลัก รูปราง
สาระที่ 6
กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก
มาตรฐาน ว 6.1 เขาใจกระบวนการตางๆ ที่เกิดขึ้นบนผิวโลกและภายในโลก ความสัมพันธของกระบวนการตางๆ ที่มีผล ตอการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และสัณฐานของโลก มีกระบวนการสืบเสาะหาความรูและ จิตวิทยาศาสตร สื่อสารสิ่งที่เรียนรูและนําความรูไปใชประโยชน ชั้น
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
ป.1 1. สํารวจ ทดลองและ • ดินประกอบดวย เศษหิน ซากพืช ซากสัตว • หนวยการเรียนรูท ี่ 1 อธิบายองคประกอบ โดยมีนํ้าและอากาศแทรกอยูในชองวางของ สิง่ ตางๆ รอบตัวเรา และสมบัติทาง เม็ดดิน บทที่ 4 ดินในทองถิ่น กายภาพของดิน • ดินในแตละทองถิน่ มีสมบัตทิ างกายภาพแตกตางกัน ในทองถิ่น เชน สี เนือ้ ดิน การอุมนํ้า และการจับตัวของดิน
คูม อื ครู
สาระที่ 7
ดาราศาสตรและอวกาศ
มาตรฐาน ว 7.1 เขาใจวิวฒ ั นาการของระบบสุรยิ ะ กาแล็กซีและเอกภพ การปฏิสมั พันธภายในระบบสุรยิ ะและผลตอสิง่ มีชวี ติ บนโลก มีกระบวนการสืบเสาะหาความรูและจิตวิทยาศาสตร การสื่อสารสิ่งที่เรียนรูและนําความรูไปใช ประโยชน ชั้น
ตัวชี้วัด
ป.1 1. ระบุในทองฟา มีดวงอาทิตย ดวงจันทรและ ดวงดาว
สาระที่ 8
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• ในทองฟามีดวงอาทิตย ดวงจันทร และดวงดาว • หนวยการเรียนรูท ี่ 5 โดยจะมองเห็นทองฟามีลกั ษณะเปนครึง่ ทรงกลม ทองฟาแสนงาม ครอบแผนดินไว บทที่ 1 ในทองฟา
เสร�ม
11
ธรรมชาติของวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 8.1 ใชกระบวนการทางวิทยาศาสตรและจิตวิทยาศาสตรในการสืบเสาะหาความรู การแกปญ หา รูว า ปรากฏการณ ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นสวนใหญมีรูปแบบที่แนนอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได ภายใตขอมูลและ เครือ่ งมือทีม่ อี ยูในชวงเวลานัน้ ๆ เขาใจวา วิทยาศาสตร เทคโนโลยี สังคม และสิง่ แวดลอมมีความเกีย่ วของ สัมพันธกัน ชั้น
ตัวชี้วัด
ป.1 1. ตั้งคําถามเกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตามที่ กําหนดใหหรือตามความสนใจ 2. วางแผนการสังเกต สํารวจตรวจสอบ ศึกษา คนควา โดยใชความคิดของตนเองและของครู 3. ใชวัสดุอุปกรณในการสํารวจตรวจสอบและ บันทึกผลดวยวิธีงายๆ 4. จัดกลุมขอมูลที่ไดจากการสํารวจตรวจสอบ และนําเสนอผล 5. แสดงความคิดเห็นในการสํารวจตรวจสอบ 6. บันทึกและอธิบายผลการสังเกต สํารวจ ตรวจสอบ โดยเขียนภาพหรือขอความสั้นๆ 7. นําเสนอผลงานดวยวาจาใหผูอื่นเขาใจ
สาระการเรียนรูแกนกลาง หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
-
บูรณาการสูการจัด การเรียนการสอน ในทุกหนวย การเรียนรู
คูม อื ครู
คําอธิบายรายวิชา รายวิชา วิทยาศาสตร ชั้นประถมศึกษาปที่ 1 รหัสวิชา ว…………………………………
เสร�ม
12
ศึกษา วิเคราะหความแตกตางระหวางสิ่งมีชีวิตกับสิ่งไมมีชีวิต ลักษณะหนาที่ของโครงสรางภายนอก ของพืชและสัตว ลักษณะ หนาที่ และความสําคัญของอวัยวะภายนอกของมนุษย ตลอดจนการดูแลรักษา สุขภาพ ลักษณะของสิ่งมีชีวิตในทองถิ่น และนํามาจัดจําแนกโดยใชลักษณะภายนอกเปนเกณฑ ลักษณะที่ ปรากฏหรือสมบัติของวัสดุที่ใชทําของเลน ของใชในชีวิตประจําวัน จําแนกวัสดุที่ใชทําเปนของเลน ของใช การดึง การผลักวัตถุ องคประกอบและสมบัติทางกายภาพของดินในทองถิ่น ในทองฟามีดวงอาทิตย ดวงจันทร และดวงดาว โดยใชกระบวนการทางวิทยาศาสตร การสืบเสาะหาความรู การสํารวจ ตรวจสอบ การสืบคนขอมูล และการอภิปราย เพื่อใหเกิดความรู ความคิด ความเขาใจ สามารถสื่อสารสิ่งที่เรียนรู มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณคาของการนําความรูไปใชประโยชนในชีวิตประจําวัน มีจิตวิทยาศาสตร จริยธรรม คุณธรรมและ คานิยมที่เหมาะสม ตัวชี้วัด ว 1.1 ว 1.2 ว 3.1 ว 4.1 ว 6.1 ว 7.1 ว 8.1
คูม อื ครู
กลุมสาระการเรียนรู วิทยาศาสตร ภาคเรียนที่ 1-2 เวลา 80 ชั่วโมง/ป
ป.1/1 ป.1/1 ป.1/1 ป.1/1 ป.1/1 ป.1/1 ป.1/1
ป.1/2
ป.1/3
ป.1/2
ป.1/2
ป.1/3
ป.1/4 ป.1/5 รวม 16 ตัวชี้วัด
ป.1/6
ป.1/7
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹
ÇÔ·ÂÒÈÒʵà ».ñ
ªÑé¹»ÃжÁÈÖ¡ÉÒ»‚·Õè ñ
¡ÅØ‹ÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ÇÔ·ÂÒÈÒʵà µÒÁËÅÑ¡ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òõõñ
¼ÙŒàÃÕºàÃÕ§ ¹Ò§ÊÒÇÈÔÃÔÃѵ¹ Ç§È ÈÔÃÔ ´Ã. ÃÑ¡«ŒÍ¹ Ãѵ¹ ÇÔ¨Ôµµ àǪ ¼ÙŒµÃǨ
¹Ò§ÊÒÇÍÒ¹ØÃÑ¡É ÃÐÁ§¤Å ¹Ò§ÊÒÇ¢³ÔÉ°Ò ÇÃÒ¡ØÅ ¹Ò§ÊÒÇÃÒµÃÕ Êѧ¦ÇѲ¹
ºÃóҸԡÒà ¹Ò§ÇÅѾà âÍÀÒÊÇѲ¹Ò
¾ÔÁ¾ ¤ÃÑ駷Õè ù
ʧǹÅÔ¢ÊÔ·¸ÔìµÒÁ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞÑµÔ ISBN : 978-616-203-036-9 ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ ñññøðôô
¤Œ¹¤ÇÒÁÃÙŒ¢ÂÒ¤ÇÒÁ¤Ô´¨Ò¡ ¾ÔÁ¾ ¤ÃÑ駷Õè ñ ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ ññôøðòø
EB GUIDE
ที่พิมพกํากับหัวขอสําคัญในหนังสือเรียนหลักสูตรใหม ชั้น ป.๔ ขึ้นไป ผาน www.aksorn.com ไปยังแหลงความรูทั่วไทย-ทั่วโลก
ตรวจสอบผล Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
¤íÒ¹íÒ ´ŒÇ¡ÃзÃǧÈÖ¡ÉÒ¸Ô¡ÒÃä´ŒÁÕ¤íÒÊÑè§ãˌ㪌ËÅÑ¡ÊٵáÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òõôô ã¹âçàÃÕ¹·ÑèÇä» ·Õè¨Ñ´¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×鹰ҹ㹻‚¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ òõôö áÅШҡ¡ÒÃÈÖ¡ÉÒÇÔ¨ÑÂáÅеԴµÒÁ¼Å¡ÒÃ㪌ËÅÑ¡ÊٵáÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹ ¾×é¹°Ò¹ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òõôô ¨Ö§¹íÒä»Ê‹Ù¡ÒþѲ¹ÒËÅÑ¡ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òõõñ «Öè§ÁÕ ¤ÇÒÁàËÁÒÐÊÁáÅЪѴਹ à¾×Íè ãˌʶҹÈÖ¡ÉÒä´Œ¹Òí ä»ãªŒà»š¹¡Ãͺ·Ôȷҧ㹡ÒèѴËÅÑ¡ÊÙµÃʶҹÈÖ¡ÉÒ áÅШѴ¡Òà àÃÕ¹¡ÒÃÊ͹à¾×Íè ¾Ñ²¹Òà´ç¡áÅÐàÂÒǪ¹·Ø¡¤¹ã¹ÃдѺ¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñ¹é ¾×¹é °Ò¹ãËŒÁ¤Õ ³ Ø ÀÒ¾´ŒÒ¹¤ÇÒÁÃÙŒ áÅзѡÉзըè Òí ໚¹ ÊíÒËÃѺ¡ÒôíÒçªÕÇÔµã¹Êѧ¤Á·ÕèÁÕ¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§ áÅÐáÊǧËÒ¤ÇÒÁÃÙŒà¾×è;Ѳ¹Òµ¹àͧÍ‹ҧµ‹Íà¹×èͧµÅÍ´ªÕÇÔµ ÊíÒËÃѺ¡Å‹ØÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙŒÇÔ·ÂÒÈÒʵà »ÃСͺ´ŒÇ ø ÊÒÃЋ͠¤×Í ÊÒÃзÕè ñ ÊÔè§ÁÕªÕÇÔµ¡Ñº¡Ãкǹ¡ÒôíÒçªÕÇÔµ ÊÒÃзÕè ò ªÕÇÔµ¡ÑºÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ ÊÒÃзÕè ó ÊÒÃáÅÐÊÁºÑµÔ¢Í§ÊÒà ÊÒÃзÕè ô áçáÅСÒÃà¤Å×è͹·Õè ÊÒÃзÕè õ ¾Åѧ§Ò¹ ÊÒÃзÕè ö ¡Ãкǹ¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§¢Í§âÅ¡ ÊÒÃзÕè ÷ ´ÒÃÒÈÒʵà áÅÐÍÇ¡ÒÈ ÊÒÃзÕè ø ¸ÃÃÁªÒµÔ¢Í§ÇÔ·ÂÒÈÒʵà áÅÐà·¤â¹âÅÂÕ Ë¹Ñ§Ê×ÍàÃÕ¹ ÇÔ·ÂÒÈÒʵà ».ñ àÅ‹Á¹Õé¨Ñ´·íÒ¢Öé¹ÊíÒËÃѺ㪌»ÃСͺ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ªÑé¹»ÃжÁÈÖ¡ÉÒ»‚·Õè ñ â´Â´íÒà¹Ô¹¡ÒèѴ·íÒãËŒÊÍ´¤ÅŒÍ§µÒÁ¡Ãͺ¢Í§ËÅÑ¡Êٵ÷ء»ÃСÒà ʋ§àÊÃÔÁ¡Ãкǹ¡ÒäԴ ¡ÒÃÊ׺àÊÒÐËÒ¤ÇÒÁÃÙŒ ¡ÒÃá¡Œ»˜ÞËÒ ¤ÇÒÁÊÒÁÒö㹡ÒÃÊ×èÍÊÒà ¡ÒõѴÊԹ㨠¡ÒùíÒä»ãªŒã¹ªÕÇÔµ ÃÇÁ·Ñé§Ê‹§àÊÃÔÁãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹ÁÕ¨ÔµÇÔ·ÂÒÈÒʵà ¤Ø³¸ÃÃÁ áÅФ‹Ò¹ÔÂÁ·Õ¶è ¡Ù µŒÍ§àËÁÒÐÊÁ¡Ñº¡ÒôíÒçªÕÇµÔ ã¹Êѧ¤Áä·Â «Ö§è à¨ÃÔÞ¡ŒÒÇ˹ŒÒ´ŒÒ¹ÇÔ·ÂÒÈÒʵà áÅÐà·¤â¹âÅÂÕ Ë¹Ñ§Ê×ÍàÃÕ¹ ÇÔ·ÂÒÈÒʵà ».ñ àÅ‹Á¹Õé ÁÕ õ ˹‹Ç ã¹áµ‹ÅÐ˹‹ÇÂẋ§à»š¹º·Â‹ÍÂæ «Ö觻ÃСͺ´ŒÇ ñ. ໇ÒËÁÒ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ»ÃШíÒ˹‹Ç ¡íÒ˹´ÃдѺ¤ÇÒÁÃÙŒ ¤ÇÒÁÊÒÁÒö¢Í§¼ÙŒàÃÕ¹NjÒàÁ×èÍàÃÕ¹¨ºã¹ ᵋÅÐ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ µŒÍ§ºÃÃÅØÁҵðҹµÑǪÕéÇÑ´·Õè¡íÒ˹´äÇŒã¹ËÅÑ¡ÊٵâŒÍã´ºŒÒ§ ò. á¹Ç¤Ô´ÊíÒ¤ÑÞ á¡‹¹¤ÇÒÁÃÙŒ·Õè໚¹¤ÇÒÁÃÙŒ¤ÇÒÁࢌÒ㨤§·¹µÔ´µÑǼٌàÃÕ¹ ó. à¹×éÍËÒ ¤ÃºµÒÁËÅÑ¡ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾.È. òõõñ ¹íÒàʹÍàËÁÒÐÊÁ¡Ñº¡ÒÃàÃÕ¹ ¡ÒÃÊ͹ã¹áµ‹ÅÐÃдѺªÑé¹ ô. ¡Ô¨¡ÃÃÁ ÁÕËÅÒ¡ËÅÒÂÃٻẺãËŒ¹Ñ¡àÃÕ¹»¯ÔºÑµÔ ẋ§à»š¹ (ñ) ¡Ô¨¡ÃÃÁ¹íÒÊ‹Ù¡ÒÃàÃÕ¹ ¹íÒࢌÒÊ‹Ùº·àÃÕ¹à¾×èÍ¡Ãе،¹¤ÇÒÁʹã¨á¡‹¼ÙŒàÃÕ¹ (ò) ¡Ô¨¡ÃÃÁ¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹½ƒ¡»¯ÔºÑµÔà¾×è;Ѳ¹Ò¤ÇÒÁÃÙŒáÅзѡÉлÃШíÒ˹‹Ç (ó) ¡Ô¨¡ÃÃÁÃǺÂÍ´ ãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹»¯ÔºÑµÔà¾×èÍáÊ´§¾ÄµÔ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒÃǺÂÍ´ áÅлÃÐàÁÔ¹¼Å¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ µÒÁÁҵðҹµÑǪÕéÇÑ´»ÃШíÒ˹‹Ç ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÇÔ·ÂÒÈÒʵà ».ñ àÅ‹Á¹Õé ¹íÒàʹ͡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒãËŒàËÁÒÐÊÁ¡ÑºÇÑ¢ͧ¼ÙŒàÃÕ¹㹪Ñé¹»ÃжÁÈÖ¡ÉÒ »‚·Õè ñ «Öè§à»š¹¡ÒÃÈÖ¡ÉÒÊÔ觷Õè¼ÙŒàÃÕ¹à¡ÕèÂÇ¢ŒÍ§ã¹¡ÒôíÒà¹Ô¹ªÕÇÔµ»ÃШíÒÇѹ â´Â㪌ÀÒ¾ á¼¹ÀÙÁÔ µÒÃÒ§¢ŒÍÁÙÅ ª‹ÇÂ㹡Òà ¹íÒàʹÍÊÒÃе‹Ò§æ «Ö觨Ъ‹ÇÂãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹ÊÒÁÒöàÃÕ¹Ãٌ䴌§‹Ò¢Öé¹ ¤³Ð¼ÙŒ¨Ñ´·íÒ¨Ö§ËÇѧ໚¹Í‹ҧÂÔè§Ç‹Ò ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÇÔ·ÂÒÈÒʵà ».ñ àÅ‹Á¹Õé ¨Ð໚¹Ê×èÍ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹·Õè ÍíҹǻÃÐ⪹ µ‹Í¡ÒÃàÃÕ¹ÇÔ·ÂÒÈÒʵà à¾×èÍãËŒÊÑÁÄ·¸Ô¼ÅµÒÁÁҵðҹµÑǪÕéÇÑ´·Õè¡íÒ˹´äÇŒã¹ËÅÑ¡ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡Òà ÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾.È. òõõñ ·Ø¡»ÃСÒà ¤³Ð¼ÙŒ¨Ñ´·íÒ
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Explore
ขยายความเขาใจ
Explain
Expand
คําชี้แจงในการใชสื่อ หนวยการเรียนรูที่
ñ
เปาหมายการเรียนรู กําหนดระดับความรูความสามารถ ของผูเรียนเมื่อเรียนจบหนวย
ÑÇàÃÒ ÊÔ觵‹Ò§æ Ãͺµ
มาตรฐานตัวชี้วัด ระบุตัวชี้วัดที่กําหนดไว ในแตละหนวย
วยที่ ๑
รียนรูประจําหน
เปาหมายการเ
สามารถ ดังนี้ ผูเรียนจะมีความรูความ กับสิ่งไมมีชีวิต [มฐ. ว๑.๑ ป.๑/๑] /๒] เมื่อเรียนจบหนวยนี้ ่งมีชีวิต งสิ มฐ.. ว๑.๑ ป.๑/๒ า หว งระ า ตกต งพืชและสัตว [มฐ ๑. เปรียบเทียบความแ ะและหนาที่ของโครงสรางภายนอกขอ ยนอกเปนเกณฑ ะภา ษณ ษณ ก ั ก ั ล ายล ใช บ โดย อธิ ๒. สังเกตและ นํามาจัดจําแนก ่งมีชีวิตในทองถิ่นและ /๑] ๓. ระบุลักษณะของสิ [มฐ.. ว๖.๑ ป.๑/๑ งถิ่น [มฐ ายภาพของดินในทอ [มฐ. ว๑.๒ ป.๑/๑] ระกอบและสมบัติทางก รสอน] ป งค ายอ บ อธิ และ ๔. สํารวจ ทดลอง บูรณาการสูการจัดกิจกรรมการเรียนกา [มฐ. ว๘.๑ ป.๑/๑-๗
º··Õè
ñ
ÊÔè§ÁÕªÕÇÔµáÅÐÊÔè§äÁ‹ÁÕªÕÇÔµ
แนวคิดสําคัญ
แนวคิดสําคัญ แกนความรูที่เปนความเขาใจ คงทนติดตัวผูเรียน
สิ่งมีชีวิตมีลักษณะแตกตางจากสิ ่งไมมีชีวิต โดยสิ่งมีชีวิตจะมีการเค หายใจ เจริญเติบโต สืบพันธุ และต ลื่อนที่ กินอาหาร ขับถาย อบสนองตอสิ่งเรา แตสิ่งไมมีชีวิต จะไมมีลักษณะดังกลาว กิจกรรมนําสูการเรียน
กิจกรรมนําสูการเรียน นําเขาสูบทเรียนโดยใชกระตุน ความสนใจและวัดประเมินผล กอนเรียน
๑. นักเรียนคิดวา ภาพใดเปนภาพ ของสิ่งมีชีวิต และภาพใด เปนภาพของสิ่งไมมีชีวิต ๒. จากคําตอบในขอ ๑ นักเรียนสั งเกตจากสิ่งใด ๒
ตรวจสอบผล Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ลักษณะสําคัญของสิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิต คน ตนไม สิ่งตาง ๆ ที่อยูรอบตัวเรามีมากมาย เชน สัตว ไดเปน ๒ แนก า ํ จ ้ นี า เหล ง ่ สิ บาน แมนํ้า กอนหิน ถนน เปนตน มีลักษณะ ต ิ ว ี ช มี ง ่ สิ ต ิ ว ี ช ี ม กลุมใหญ ไดแก สิ่งมีชีวิต และสิ่งไม สําคัญ ดังนี้
ตองการอาหารและนํ้า
เคลื่อนไหวได
ลักษณะสําคัญ ของสิ่งมีชีวิต
ตองขับถาย
ตรวจสอบผล Evaluate
กิจกรรมหนูนอ ยนักสํารวจ
ออกลูกออกหลานได
กิจกรรมที่ ๑ สังเกตลักษณะของ สิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิต
มีการเจริญเติบโต
สวนสิ่งไมมีชีวิตไมมีลักษณะดังที่กลาวมาขางตน
Expand
เน�้อหา ครบตามหลักสูตรแกนกลาง’ ๕๑ นําเสนอโดยใชแผนภาพ แผนภูมิ ตาราง เหมาะสมกับการเรียนการสอน กิจกรรมสํารวจ กิจกรรมทดลอง เปนกิจกรรมที่ใหผูเรียน ไดลงมือปฏิบัติเพื่อฝกทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร
ตอบสนองตอสิ่งตาง ๆ ได ตองหายใจ
ขยายความเขาใจ
๓
กิจกรรมที่ ๒ จําแนกสิ่งมีชีวิต และสิ่งไมมีชีวิต
อุปกรณ อุปกรณ ๑. สมุดบันทึก ๑ เลม ๑. ปลาหางนกยูง ๒-๓ ตัว ๒. ดินสอ ๑ แทง ๒. กอนหิน ๒-๓ กอน ๓. อาหารสําเร็จรูป ๑ ถุง ๔. ขวดโหล ๑ ใบ ๕. แวนขยาย ๑ อัน วิธีทํา วิธีทํา รวจรอบบริเวณโรงเรียนวาพบเห็น ๑. ใหนักเรียนสังเกตปลาหางนกยูง และ ๑. ใหสํา กอนหินในขวดโหลวามีการเคลื่อนไหว สิ่งใดบาง ๒. สังเกตลักษณะของสิ่งที่พบเห็น หรือไมโดยใชแวนขยาย ๓. นําชื่อสิ่งที่สํารวจพบทั้งหมดมาจําแนก าหาร อ ส ใ ครู อ ่ เมื า เกตว ง นสั ย เรี ก ั น ให ๒. วาเปนสิ่งมีชีวิต หรือเปนสิ่งไมมีชีวิต ง งนกยู ปลาหา วดโหล ลงในข ป รู สําเร็จ พรอมบอกเหตุผลประกอบ ไม อ หรื อาหาร น กิ และกอนหิน ๓. บันทึกผลการสังเกต กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู
กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู ใหผูเรียนฝกปฏิบัติเพื่อพัฒนา ความรูและทักษะประจําหนวย
๑
๒
๓
๕
๖
๗
๔
กิจกรรมรวบยอด
ตอนที่ ๑ แนวคิดส�ำคัญ ช่วยกันสรุป ครูให้นักเรียนช่วยกันพูดสรุปลักษณะส�ำคัญของสิ ่งมีชีวิต และสิ่ง ไม่มีชีวิต จำกนั้นเขียนลงในสมุด ตอนที่ ๒ ลองท�ำดู หนูท�ำได้ ๑) ติดภำพสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตลงในสมุดอย่ ำงละ ๑ ภำพ แล้วเขียนเปรียบเทียบควำมแตกต่ำง ๒) เขียนแผนผังควำมคิดแสดงลักษณะส�ำคัญของสิ ่งมีชีวิต และสิ่งไม่มีชีวิต พร้อมกับยกตัวอย่ำงสิ่งมีชีวิตและสิ ่งไม่มีชีวิตประกอบ ลักษณะส�ำคัญ ลักษณะส�ำคัญ สิ่งมีชีวิต สิ่งต่ำง ๆ สิ่งไม่มีชีวิต ตัวอย่ำง ตัวอย่ำง ตอนที่ ๓ ฝึกคิด พิชิตค�ำถำม เขียนตอบค�ำถำมต่อไปนี้ลงในสมุด ๑) ต้นมะม่วง ก้อนหิน สุนัข สิ่งใดเป็นสิ่งมีชีวิต ๒) วัว กระป๋อง รถไฟ สิ่งใดแตกต่ำงจำกพวก เพรำะ อะไร ๓) ยกตัวอย่ำงสิ่งมีชีวิตที่เป็นสัตว์ มำคนละ ๓ ชนิ ด ๔) ยกตัวอย่ำงสิ่งไม่มีชีวิตที่พบในห้องเรียน มำคน ละ ๓ ชนิด ๕) ถ้ำจะสังเกตว่ำสิ่งใดเป็นสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งไม่มีช ีวิต นักเรียนจะ สังเกตจำกอะไรบ้ำง 5
สิ่งมีชีวิตหรือสิ่งไมมีชีวิต
ดูภาพ แลวเขียนลงในสมุดวาเปนภาพอะไร เปน
กิจกรรมรวบยอด ใหผูเรียนฝกปฏิบัติเพื่อแสดง พฤติกรรมการเรียนรูรวบยอด และประเมินผลการเรียนรูตาม มาตรฐานตัวชี้วัดประจําหนวย
๔
๘
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
สารบัญ
● ตารางวิเคราะหมาตรฐานการเรียนรู
หนวยการเรียนรูที่
บทที่ ๑ บทที่ ๒ บทที่ ๓ บทที่ ๔ หนวยการเรียนรูที่
๑ สิ่งตางๆ รอบตัวเรา
๒ ตัวเรา
๒๙
๓ ของเลนแสนรัก ของใชใกลตัว
๔๐
๔ แรงของเรา
๕๒
๕ ทองฟาแสนงาม
๕๘
บทที่ ๑ ดึงหรือผลัก หนวยการเรียนรูที่
๑
๒ ๖ ๑๕ ๒๒
บทที่ ๑ ของเลนและของใชของฉัน บทที่ ๒ วัสดุใกลตัว หนวยการเรียนรูที่
ก
สิ�งมีชีวิตและสิ�งไมมีชีวิต สนใจในพืชและสัตว สิ�งมีชีวิตใกลตัวเรา ดินในทองถิ�น
บทที่ ๑ รางกายของเรา หนวยการเรียนรูที่
Expand
บทที่ ๑ ในทองฟา ● คําสําคัญ ● บรรณานุกรม ● เรื่องนารูเกี่ยวกับวิทยาศาสตร
๓๑
๔๑ ๔๖
๕๓ ๕๙ ๖๖ ๖๖
พิเศษ ๑
ตรวจสอบผล Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
ตารางวิเคราะห
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
Explain
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
Áҵðҹ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒáÅеÑǪÕéÇÑ´ ÃÒÂÇÔªÒ ÇÔ·ÂÒÈÒʵà ».ñ
คําชี้แจง : ใหผูสอนใชตารางน�้ตรวจสอบวา เน�้อหาสาระการเรียนรูในหนวยการเรียนรูสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดชั้นป ในขอใดบาง
มาตรฐาน การเรียนรู
สาระการเรียนรู ตัวชี้วัดชั้น ป.๑
มฐ. ว๑.๑ สาระที่ ๑ สิ�งมีชีวิตกับกระบวนการดํารงชีวิต ๑. เปรียบเทียบความแตกตางระหวาง สิ�งมีชีวิตกับสิ�งไมมีชีวิต ๒. สังเกตและอธิบายลักษณะและหนาที่ ของโครงสรางภายนอกของพืชและสัตว ๓. สังเกตและอธิบายลักษณะ หนาที่ และความสําคัญของอวัยวะภายนอก ของมนุษย ตลอดจนดูแลรักษาสุขภาพ มฐ. ว๑.๒ ๑. ระบุลักษณะของสิ�งมีชีวิตในทองถิ�นและ นํามาจัดจําแนกโดยใชลักษณะภายนอก เปนเกณฑ มฐ. ว๓.๑ สาระที่ ๓ สารและสมบัติของสาร ๑. สังเกตและระบุลักษณะที่ปรากฏหรือ สมบัติของวัสดุที่ใชทําของเลนและของใช ในชีวิตประจําวัน ๒. จําแนกวัสดุที่ใชทําของเลนและของใช ในชีวิตประจําวัน รวมทั้งระบุ เกณฑที่ใชจําแนก มฐ. ว๔.๑ สาระที่ ๔ แรงและการเคลื่อนที่ ๑. ทดลองและอธิบายการดึงหรือการผลักวัตถุ มฐ. ว๖.๑ สาระที่ ๖ กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก ๑. สํารวจ ทดลอง และอธิบายองคประกอบ และสมบัตทิ างกายภาพของดินในทองถิน� มฐ. ว๗.๑ สาระที่ ๗ ดาราศาสตรและอวกาศ ๑. ระบุวาในทองฟามีดวงอาทิตย ดวงจันทร และดวงดาว มฐ. ว๘.๑ สาระที่ ๘ ธรรมชาติของวิทยาศาสตร และเทคโนโลยี ขอ ๑-๗ บูรณาการสูก ารจัดการเรียนการสอน
ก
หนวยที่ ๑ หนวยที่ ๒ บทที่ บทที่ ๑ ๒ ๓ ๔ ๑
หนวยที่ ๓ บทที่ ๑ ๒
หนวยที่ ๔ บทที่ ๑
หนวยที่ ๕ บทที่ ๑
✓ ✓ ✓
✓
✓
✓
✓ ✓
✓
✓ ✓ ✓ ✓
✓
✓
✓
✓
✓
กระตุน้ ความสนใจ กระตุEngage ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
หนวยการเรียนรูที่
ñ
ÊÔ觵‹Ò§æ ÃͺµÑÇàÃÒ
กระตุน้ ความสนใจ
Engage
1. ใหนักเรียนมองไปรอบๆ ตัว แลวใหแขงขันกัน บอกวาเห็นอะไรบาง เพื่อดูวานักเรียนรูจัก สิ่งแวดลอมรอบตัวมากนอยแคไหน 2. ใหนักเรียนดูภาพในหนานี้ แลวบอกวา เห็นอะไรบาง (แนวตอบ เด็กผูหญิง 2 คน ผีเสื้อ 2 ตัว ลูกโปง 3 ลูก บาน 1 หลัง ตนไม ทองฟา กอนเมฆ) 3. ครูสนทนากับนักเรียนวาสิ่งตางๆ รอบตัวเรา สามารถนํามาจําแนกเปนกลุมได เชน กลุม ของสิ่งมีชีวิตกับกลุมของสิ่งไมมีชีวิต กลุมของ พืชกับกลุมของสัตว เปนตน ซึ่งนักเรียนจะได เรียนรูตอไปในหนวยนี้
เปาหมายการเรียนรูประจําหนวยที่ ๑ เมื่อเรียนจบหนวยนี้ ผูเรียนจะมีความรูความสามารถ ดังนี้ มฐ. ว๑.๑ ป.๑/๑] ป.๑/๑] ๑. เปรียบเทียบความแตกตางระหวางสิ่งมีชีวิตกับสิ่งไมมีชีวิต [มฐ. ๒. สังเกตและอธิบายลักษณะและหนาที่ของโครงสรางภายนอกของพืชและสัตว [[มฐ. ว๑.๑ ป.๑/๒] ๓. ระบุลักษณะของสิ่งมีชีวิตในทองถิ่นและนํามาจัดจําแนกโดยใชลักษณะภายนอกเปนเกณฑ [มฐ. ว๑.๒ ป.๑/๑] ๔. สํารวจ ทดลอง และอธิบายองคประกอบและสมบัติทางกายภาพของดินในทองถิ่น [มฐ. ว๖.๑ ป.๑/๑] [มฐ. ว๘.๑ ป.๑/๑-๗ บูรณาการสูการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน]
เกร็ดแนะครู กอนเริ่มการเรียนการสอน ครูอธิบายใหนักเรียนเขาใจเกี่ยวกับการเรียนวิชา วิทยาศาสตร ซึ่งเปนการปลูกฝงใหนักเรียนรูจักแสวงหาความรู โดยใชวิธีการทาง วิทยาศาสตร ซึ่งเปนระบบและมีลําดับขั้นตอนแนนอน และชวยฝกใหนักเรียนเปน คนมีเหตุผล วิธีการทางวิทยาศาสตรมี 5 ขั้นตอน ดังนี้ 1. ตั้งปญหา เปนการตั้งปญหาในรูปคําถาม 2. ตั้งสมมติฐาน เปนการคาดเดาคําตอบที่เปนไปไดของปญหานั้น 3. ตรวจสอบสมมติฐาน หาขอพิสูจนของคําตอบ ซึ่งทําไดหลายวิธี เชน รวบรวมขอมูล สํารวจ ทดลอง 4. วิเคราะหผล ตรวจสอบผลกับสมมติฐาน 5. สรุปผล พิจารณาผลวาสอดคลองกับสมมติฐานหรือไม ถาสอดคลองแสดงวา สมมติฐานเปนคําตอบของปญหา
คู่มือครู
1
กระตุน้ ความสนใจ กระตุEngage ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
เปรียบเทียบความแตกตางระหวางสิ่งมีชีวิตกับ สิ่งไมมีชีวิต (ว1.1 ป.1/1)
º··Õè
ñ
สมรรถนะของผูเรียน
แนวคิดสําคัญ
1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด
สิง่ มีชวี ติ มีลกั ษณะแตกตางจากสิง่ ไมมชี วี ติ โดยสิง่ มีชวี ติ จะมีการเคลือ่ นไหว กินอาหาร ขับถาย หายใจ เจริญเติบโต สืบพันธุ และตอบสนองตอสิ่งเรา แตสิ่งไมมีชีวิตจะไมมีลักษณะดังกลาว
คุณลักษณะอันพึงประสงค 1. ใฝเรียนรู 2. มุงมั่นในการทํางาน
กระตุน้ ความสนใจ
ÊÔè§ÁÕªÕÇÔµáÅÐÊÔè§äÁ‹ÁÕªÕÇÔµ
กิจกรรมนําสูการเรียน
Engage
ใหนกั เรียนดูภาพในหนานี้ แลวชวยกันบอกวา • จากภาพ เปนภาพอะไร (ตอบ ชาง) • ภาพใดเปนสิง่ มีชวี ติ และภาพใดเปนสิ่งไมมี ชีวิต (ตอบ ภาพซายมือเปนสิ่งมีชีวิต ภาพขวามือเปนสิ่งไมมีชีวิต) • นักเรียนสังเกตจากสิ่งใดในภาพวาเปนสิ่งมี ชีวิตหรือเปนสิ่งไมมีชีวิต (ตอบ ชางทางดานซายมือเปนภาพจริงของชาง สวนชางทางดานขวามือทําจากไม)
๑. นักเรียนคิดวา ภาพใดเปนภาพของสิ่งมีชีวิต และภาพใด เปนภาพของสิ่งไมมีชีวิต ๒. จากคําตอบในขอ ๑ นักเรียนสังเกตจากสิ่งใด ๒
เกร็ดแนะครู ครูจัดกระบวนการเรียนรูโดยการใหนักเรียนปฏิบัติ ดังนี้ • สํารวจ สังเกตสิ่งตางๆ รอบตัว • อภิปรายเกี่ยวกับลักษณะของสิ่งมีชีวิต • เปรียบเทียบความแตกตางระหวางสิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิต จนเกิดเปนความรูความเขาใจวา สิ่งมีชีวิตจะมีการเคลื่อนที่ กินอาหาร ขับถาย เจริญเติบโต สืบพันธุ และตอบสนองตอสิ่งเราได แตสิ่งไมมีชีวิตจะไมมีลักษณะ ดังกลาว
2
คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ Engage
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
ส�ารวจค้ Exploreนหา
ส�ารวจค้นหา
ลักษณะสําคัญของสิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิต สิ่งตาง ๆ ที่อยูรอบตัวเรามีมากมาย เชน สัตว คน ตนไม บาน แมนํ้า กอนหิน ถนน เปนตน สิ่งเหลานี้จําแนกไดเปน ๒ กลุมใหญ ไดแก สิ่งมีชีวิต และสิ่งไมมีชีวิต สิ่งมีชีวิตมีลักษณะ สําคัญ ดังนี้ ตอบสนองตอสิ่งตาง ๆ ได ตองหายใจ
เคลื่อนไหวได
1
ตองการอาหารและนํ้า
2
ลักษณะสําคัญ ของสิ่งมีชีวิต
ตองขับถาย
มีการเจริญเติบโต
สวนสิ่งไมมีชีวิตไมมีลักษณะดังที่กลาวมาขางตน ๓
ขอใดกลาวถึงสิ่งมีชีวิตไดถูกตอง ก. สิ่งมีชีวิตทุกชนิดเคลื่อนที่ได ข. สิ่งมีชีวิตทุกชนิดตองกินอาหาร ค. สิ่งมีชีวิตทุกชนิดออกลูกเปนตัว
วิเคราะหคําตอบ สิง่ มีชวี ติ มีลกั ษณะสําคัญ คือ เคลือ่ นไหวได กินอาหาร ขับถาย หายใจ เจริญเติบโต สืบพันธุ และตอบสนองตอสิ่งเราได ขอ ข. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
1. ใหนักเรียนแบงเปน 5 กลุม ใหแตละกลุมผลัด กันยกตัวอยางสิ่งตางๆ ที่อยูรอบตัวนักเรียน เชน เพื่อน โตะ เกาอี้ กระดานดํา เปนตน แลวครูเขียนลงบนกระดาน 2. ใหแตละกลุมจัดกลุมตัวอยางสิ่งตางๆ แบงเปน 2 กลุม และสงตัวแทนออกมา นําเสนอวากลุมของตนใชเกณฑอะไรในการ แบงกลุม 3. หากไมมีกลุมใดใชเกณฑสิ่งมีชีวิต-สิ่งไมมีชีวิต ในการจัดกลุม ใหครูเสนอวา ใหนักเรียนลอง จัดกลุมใหม โดยใชเกณฑกลุมของสิ่งมีชีวิต กับกลุมของสิ่งไมมีชีวิต 4. ใหแตละกลุมนําเสนอผลการจัดกลุมของกลุม ตน และรวมกันตรวจสอบขอมูลของทุกกลุมวา เหมือนกันหรือแตกตางกันอยางไร 5. ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายวาสิ่งใดเปนสิ่ง มีชีวิต และสิ่งใดเปนสิ่งไมมีชีวิต พรอมทั้ง อธิบายเหตุผลประกอบ
อธิบายความรู้
ออกลูกออกหลานได
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
Explore
Explain
1. ใหนักเรียนรวมกันสรุปลักษณะสําคัญของ สิ่งมีชีวิต แลวครูเขียนไวบนกระดาน 2. ใหนักเรียนดูแผนผังความคิดในหนังสือ หนา 3 แลวรวมกันอธิบายลักษณะของสิ่งมี ชีวิตทีละลักษณะ พรอมกับชวยกันยกตัวอยาง เพิ่มเติม 3. ครูถามคําถาม แลวใหนักเรียนชวยกันตอบ เพื่ออธิบายความคิด • เพราะเหตุใด พืชจึงจัดเปนสิ่งมีชีวิต ทั้งที่ พืชไมสามารถเคลื่อนที่ได (แนวตอบ เพราะพืชมีลักษณะสําคัญของ สิ่งมีชีวิต ไดแก พืชตองการอาหารและนํ้า ตองหายใจ มีการเจริญเติบโต มีการสืบพันธุ และมีการตอบสนองตอสิ่งตางๆ ได)
นักเรียนควรรู 1 ตอบสนองตอสิ่งตางๆ ได หมายถึง การที่สิ่งมีชีวิตแสดงพฤติกรรมในการ ตอบสนองตอสิ่งตางๆ เชน สุนัขกระดิกหางเมื่อไดยินเสียงเจาของรองเรียก แมวโกงตัวทําขนพองเพื่อขูสุนัข นกบินหนีเมื่อคนวิ่งไล เปนตน 2 เคลื่อนไหวได พืชเปนสิ่งมีชีวิตที่สามารถเคลื่อนไหวได การเคลื่อนไหวของ พืชอาจเกิดขึ้นอยางชาๆ จนเราไมสามารถสังเกตเห็นไดหากไมไดเฝามองอยาง ตั้งใจ เชน การบาน-หุบของดอกไม การโนมลําตนเขาหาแสง การหุบของใบไม บางชนิด เปนตน แตพืชไมสามารถเคลื่อนที่จากบริเวณหนึ่งไปยังอีกบริเวณหนึ่งได ซึ่งเปน ขอแตกตางระหวางพืชกับสัตว เพราะสัตวสามารถเคลื่อนที่ไดเอง
คู่มือครู
3
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
Engage
Explore
Explain
ขยายความเข้าใจ
ขยายความเข้าใจ Expand าใจ ขยายความเข้
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Expand
1. ใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 1 สังเกตลักษณะของ สิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิต จากนั้นรวมกันสรุปผล การทํากิจกรรม 2. ครูถามนักเรียน ดังนี้ • เมื่อนักเรียนใหอาหารปลาหางนกยูง และกอนหิน จะเกิดผลอยางไร (ตอบ ปลาหางนกยูงจะกินอาหาร สวนกอนหิน ไมกินอาหาร) • นักเรียนจะสรุปไดอยางไรวา สิ่งใดเปนสิ่งมี ชีวิต และสิ่งใดเปนสิ่งไมมีชีวิต (ตอบ ปลาหางนกยูงเปนสิ่งมีชีวิต เพราะกิน อาหารได และเคลื่อนไหวได สวนกอนหิน เปนสิ่งไมมีชีวิต เพราะไมกินอาหาร และไมเคลื่อนไหว) 3. ใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 2 จําแนกสิ่งมีชีวิต และสิ่งไมมีชีวิต แลวรวมกันสรุปผลการทํา กิจกรรม 4. ครูถามคําถามนักเรียนวา • อะไรคือขอแตกตางที่สังเกตเห็นไดชัด ระหวางสิ่งมีชีวิตกับสิ่งไมมีชีวิต (แนวตอบ การเคลื่อนที่ การกินอาหาร การตอบสนองตอสิ่งตางๆ) 5. ใหนกั เรียนดูภาพ หนา 4 แลวบอกวาภาพใด เปนสิ่งมีชีวิต และภาพใดเปนสิ่งไมมีชีวิต โดยใหนักเรียนอธิบายเหตุผลประกอบ
กิจกรรมหนูนอ ยนักสํารวจ
(ดูเฉลยกิจกรรมที่สวนเสริมดานหนาของเลมนี้)
กิจกรรมที่ ๑ สังเกตลักษณะของ สิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิต
อุปกรณ ๑. ปลาหางนกยูง ๒-๓ ตัว ๒. กอนหิน ๒-๓ กอน ๓. อาหารสําเร็จรูป ๑ ถุง ๔. ขวดโหล ๑ ใบ ๕. แวนขยาย ๑ อัน วิธีทํา ๑. ใหนักเรียนสังเกตปลาหางนกยูง และ กอนหินในขวดโหลวามีการเคลื่อนไหว หรือไมโดยใชแวนขยาย ๒. ใหนักเรียนสังเกตวา เมื่อครูใสอาหาร สําเร็จรูปลงในขวดโหล ปลาหางนกยูง และกอนหินกินอาหารหรือไม ๓. บันทึกผลการสังเกต
กิจกรรมที่ ๒ จําแนกสิ่งมีชีวิต และสิ่งไมมีชีวิต
อุปกรณ ๑. สมุดบันทึก ๑ เลม ๒. ดินสอ ๑ แทง
วิธีทํา ๑. ใหสํารวจรอบบริเวณโรงเรียนวาพบเห็น สิ่งใดบาง ๒. สังเกตลักษณะของสิ่งที่พบเห็น ๓. นําชื่อสิ่งที่สํารวจพบทั้งหมดมาจําแนก วาเปนสิ่งมีชีวิต หรือเปนสิ่งไมมีชีวิต พรอมบอกเหตุผลประกอบ
กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู
ดูภาพ แลวเขียนลงในสมุดวาเปนภาพอะไร เปนสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งไมมีชีวิต ๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๔
เกร็ดแนะครู กอนใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 1 ใหครูสอนเรื่องวิธีการใชแวนขยาย โดยครู ศึกษาขอมูลจาก “เรื่องนารู...เกี่ยวกับวิทยาศาสตร” ในคูมือครู หนา 69 ใหครูสาธิต วิธีการใชแวนขยาย เพื่อใหนักเรียนเขาใจและใชอยางถูกวิธี
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
จิ้งจกกับกบ จัดเปนสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน เพราะอะไร ก. มีสี่เทา ข. หายใจได ค. กินสัตวอื่นเปนอาหาร วิเคราะหคําตอบ ลักษณะสําคัญของสิ่งมีชีวิต คือ มีการเคลื่อนไหว กินอาหาร ขับถาย หายใจ สืบพันธุ และตอบสนองตอสิ่งเราได ขอ ข. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
4
คู่มือครู
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Expand าใจ ขยายความเข
Evaluate ตรวจสอบผล
ขยายความเขาใจ
1. ใหนักเรียนชวยกันพูดสรุปลักษณะสําคัญของ สิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิต 2. ใหนักเรียนนําขอมูลจากขอ 1 มาเขียนเปน แผนผังความคิดแสดงลักษณะสําคัญของ สิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิตลงในสมุด 3. ใหนักเรียนติดภาพสิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิต อยางละ 1 ภาพ ลงในสมุด จากนั้นเขียน เปรียบเทียบความแตกตาง 4. ใหนักเรียนตอบคําถามจากกิจกรรมตอนที่ 3 หนา 5 ลงในสมุด
กิจกรรมรวบยอด (ดูเฉลยกิจกรรมที่สวนเสริมดานหนาของเลมนี้)
ตอนที่ ๑ แนวคิดสําคัญ ชวยกันสรุป ครูใหนักเรียนชวยกันพูดสรุปลักษณะสําคัญของสิ่งมีชีวิต และสิ่ง ไมมีชีวิต จากนั้นเขียนลงในสมุด ตอนที่ ๒ ลองทําดู หนูทําได ๑) ติดภาพสิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิตลงในสมุดอยางละ ๑ ภาพ แลวเขียนเปรียบเทียบความแตกตาง ๒) เขียนแผนผังความคิดแสดงลักษณะสําคัญของสิ่งมีชีวิต และสิ่งไมมีชีวิต พรอมกับยกตัวอยางสิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิตประกอบ ลักษณะสําคัญ
ตรวจสอบผล
สิ่งตาง ๆ
สิ่งไมมีชีวิต
ตัวอยาง
Evaluate
1. ครูตรวจสอบวา นักเรียนเขียนแสดงขอมูลใน แผนผังความคิดและยกตัวอยางไดถูกตอง หรือไม 2. ใหนักเรียนนําเสนอผลงานเปรียบเทียบความ แตกตางของสิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิต แลวครู ตรวจสอบวานักเรียนเปรียบเทียบไดถูกตอง หรือไม 3. ครูตรวจสอบวานักเรียนตอบคําถามไดถูกตอง หรือไม
ลักษณะสําคัญ สิ่งมีชีวิต
Expand
ตัวอยาง
ตอนที่ ๓ ฝกคิด พิชิตคําถาม เขียนตอบคําถามตอไปนี้ลงในสมุด ๑) ตนมะมวง กอนหิน สุนัข สิ่งใดเปนสิ่งมีชีวิต ๒) วัว กระปอง รถไฟ สิ่งใดแตกตางจากพวก เพราะอะไร ๓) ยกตัวอยางสิ่งมีชีวิตที่เปนสัตว มาคนละ ๓ ชนิด ๔) ยกตัวอยางสิ่งไมมีชีวิตที่พบในหองเรียน มาคนละ ๓ ชนิด ๕) ถาจะสังเกตวาสิ่งใดเปนสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งไมมีชีวิต นักเรียนจะ สังเกตจากอะไรบาง
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู 1. ใบบันทึกผลกิจกรรมหนูนอยนักสํารวจ 2. แผนผังความคิดแสดงลักษณะของสิ่งมีชีวิต และสิ่งไมมีชีวิต 3. ผลงานการเขียนเปรียบเทียบความแตกตางของ สิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิต
๕
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูบูรณาการเชื่อมสาระวิทยาศาสตรกับสาระสังคมศึกษา วิชาสังคมศึกษาฯ เรื่องสิ่งแวดลอม โดยใหนักเรียนสํารวจ สังเกตสิ่งแวดลอมรอบตัววา มีอะไรบาง จากนั้นนํามาจัดจําแนกโดยใชเกณฑสิ่งมีชีวิตและสิ่งไมมีชีวิตกับ เกณฑสิ่งแวดลอมทางธรรมชาติ และสิ่งแวดลอมทางสังคม แลวนําขอมูลใน แตละกลุมมาเปรียบเทียบกัน เพื่อฝกทักษะการจําแนกและเชื่อมโยงขอมูล
เกร็ดแนะครู ในขั้นขยายความเขาใจ ครูอาจใหนักเรียนดูคลิปวิดีโอ เรื่องสิ่งมีชีวิต เพื่อใหนักเรียนเขาใจเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตชัดเจนขึ้น เมื่อดูคลิปวิดีโอจบแลว ครูซักถามนักเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่ไดดู
มุม IT ครูดาวนโหลดคลิปวิดีโอเรื่องสิ่งมีชีวิต จากเว็บไซต www.thaiteachers.tv แลวพิมพคําวา สัตวและพืช ลงในชองคนหาแลวคลิก จะปรากฏคลิปวิดีโอเรื่อง สิ่งมีชีวิต ซึ่งมีความยาวประมาณ 14 นาที
คูมือครู
5
กระตุน้ ความสนใจ กระตุEngage ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
สังเกต และอธิบายลักษณะและหนาที่ของ โครงสรางภายนอกของพืชและสัตว (ว1.1 ป.1/2)
ò
สมรรถนะของผูเรียน
แนวคิดสําคัญ
1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด
พืชและสัตวเปนสิ่งมีชีวิตเชนเดียวกัน แตมีลักษณะโครงสรางแตกตางกัน โครงสรางภายนอก ของพืช ไดแก ราก ลําตน ใบ ดอกและผล แตละสวนทําหนาที่แตกตางกัน โครงสรางภายนอกของ สัตว ไดแก ตา หู จมูก ปาก ขาและเทา แตละสวนทําหนาที่แตกตางกัน
คุณลักษณะอันพึงประสงค 1. ใฝเรียนรู 2. มุงมั่นในการทํางาน
กระตุน้ ความสนใจ
ʹã¨ã¹¾×ªáÅÐÊѵÇ
º··Õè
กิจกรรมนําสูการเรียน
Engage
1. ใหนักเรียนดูภาพ หนา 6 แลวบอกวา เปนภาพอะไร (ตอบ ตนทานตะวัน และสุนัข) 2. ครูสนทนาเพือ่ ทบทวนความรูเ ดิมของนักเรียนวา ตนทานตะวันกับสุนัขเปนสิ่งมีชีวิตหรือไมมีชีวิต เมื่อนักเรียนตอบแลว ใหชวยกันอธิบายเหตุผล ประกอบ 3. ใหนักเรียนพิจารณาลักษณะโครงสรางของตน ทานตะวัน และสุนัข แลวใหเปรียบเทียบวาทั้ง 2 สิ่งนี้ มีโครงสรางภายนอกแตกตางกันหรือไม อยางไร (ตอบ แตกตางกัน คือ ตนทานตะวัน ประกอบดวย ราก ลําตน ใบ และดอก สวนสุนัข ประกอบดวย หู ตา จมูก ปาก ขา และเทา)
๑. จากภาพ เปนภาพของอะไร ๒. ทั้ง ๒ ภาพนี้ มีลักษณะเหมือนกัน และแตกตางกัน อยางไรบาง ๖
เกร็ดแนะครู ครูจัดกระบวนการเรียนรูโดยการใหนักเรียนปฏิบัติ ดังนี้ • สํารวจ สังเกต โครงสรางภายนอกของพืชและสัตว • อภิปรายเกี่ยวกับลักษณะโครงสรางภายนอกของพืชและสัตว • เปรียบเทียบความแตกตางของโครงสรางภายนอกของพืชและสัตว • ศึกษาขอมูลหนาที่ของโครงสรางภายนอกของพืชและสัตว จนเกิดเปนความรูความเขาใจวา พืชและสัตวมีลักษณะโครงสรางภายนอก แตกตางกัน ซึ่งโครงสรางแตละสวนของพืชและสัตวจะทําหนาที่แตกตางกัน
6
คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา ส�ารวจค้ Exploreนหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
Engage
ส�ารวจค้นหา
๑. โครงสรางภายนอกของพืช พืชเปนสิ่งมีชีวิตเชนเดียวกับเรา ถาเราสังเกตตนพืชจะเห็น วา พืชมีสวนตาง ๆ ไมเหมือนกับเราเลย พืชไมมีขาเหมือนเรา แตพืชมีรากจํานวนมากมายที่ชวยยึดเกาะพื้นดิน นอกจากรากแลว พืชยังมีสวนประกอบอะไรอีกบาง ÅͧÈÖ¡ÉÒâ¤Ã§ÊÌҧ ¢Í§¾×ª¨Ò¡ÀÒ¾¹Õé
ผล
ดอก ใบ ลําตน
ราก กิจกรรมหนูนอ ยนักสํารวจ
Explore
1. ใหนกั เรียนชวยกันบอกวารูจ กั ตนไมชนิดใดบาง แลวครูจดชื่อตนไมที่นักเรียนบอกลงบน กระดาน 2. ครูถามวา นักเรียนเคยสังเกตไหมวา ตนไมที่ ตนเองรูจักมีโครงสรางภายนอก (สวนประกอบ) อะไรบาง 3. ใหนักเรียนศึกษาโครงสรางของพืชในหนา 7 และใหนักเรียนชวยกันตอบคําถาม • จากภาพ โครงสรางภายนอก ของพืชประกอบดวยอะไรบาง (ตอบ ราก ลําตน ใบ ดอก และผล) 4. ใหนักเรียนแบงกลุมทํากิจกรรมที่ 1 โดยศึกษาโครงสรางภายนอกของพืชจากการ สังเกตตนพืชจริง และบันทึกผลการสังเกต 5. ใหแตละกลุมสังเกตโครงสรางแตละสวนของ พืช ไดแก ราก ลําตน ใบ วามีลักษณะอยางไร จากนั้นรวมกันแสดงความคิดเห็นวาโครงสราง เหลานั้นทําหนาที่อะไร 6. ใหแตละกลุมศึกษาขอมูล หนา 8 จากนั้น รวมกันสรุปภายในกลุม
(ดูเฉลยกิจกรรมที่สวนเสริมดานหนาของเลมนี้)
กิจกรรมที่ ๑ รูจักสวนตาง ๆ ของพืช
อุปกรณ
ตนพืชตนเล็ก ๆ ๑ ตน เชน ตนกระสัง ตนถั่ว ตนมะเขือ
วิธีทํา
๑. แบงกลุม ใหแตละกลุมนําตนไมตนเล็ก ๆ มากลุมละ ๑ ตน ๒. สังเกตดูสวนตาง ๆ แตละสวนของพืช ๓. วาดภาพตนพืชที่กลุมของตนเองศึกษา และชี้บอกสวนตาง ๆ ๗
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
ถาตนไมเปรียบเหมือนบาน ใบไมจะเปรียบเหมือนกับสวนใด ก. หองนอน ข. หองรับแขก ค. หองครัว
เกร็ดแนะครู ในขั้นสํารวจคนหา ครูควรสงเสริมใหนักเรียนไดสํารวจตรวจสอบ เพื่อสราง องคความรูดวยตนเอง โดยครูทําหนาที่ใหคําปรึกษาแกนักเรียน และใหเวลา นักเรียนในการคิดขอสงสัยตลอดจนปญหาตางๆ
วิเคราะหคําตอบ ใบไมมีหนาที่ในการสรางอาหาร จึงเปรียบไดกับ หองครัว ดังนั้น ขอ ค เปนคําตอบที่ถูกตอง
คู่มือครู
7
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้
✓ แบบวัดฯ ใบงาน แบบฝกฯ ว�ทยาศาสตร ป.1 แบบฝกกิจกรรม เร�่อง โครงสร้างภายนอกของพืชและสัตว
2
อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
1. ครูและนักเรียนชวยกันสรุปผลการทํากิจกรรม วาพืชประกอบดวยสวนตางๆ คือ ราก ลําตน ใบ ดอก และผล 2. ครูตั้งประเด็นใหนักเรียนรวมกันอภิปรายวา โครงสรางภายนอกแตละสวนของพืชมีความ สําคัญอยางไร 3. ใหนักเรียนทําแบบฝกกิจกรรมขอ 1 จาก แบบวัดฯ วิทยาศาสตร ป.1
บทที่
อธิบายความรู้
จากการสํารวจตนพืชจะพบวา พืชทั่วไปมีสวนตาง ๆ ไดแก ราก ลําตน ใบ ดอก และผล ซึ่งแตละสวนมีหนาที่แตกตางกัน ดังนี้ ดอก ดอกไมบางชนิดมีสสี วย สีและ กลิ่นของดอกไมชวยลอแมลง ใหมาผสมเกสร ดอกไมจึงชวย ในการสืบพันธุ
ผลและเมล็ด ดอกของพืชเมื่อไดรับการผสมพันธุจะ เติบโตพัฒนาไปเปนผล ในผลจะมีเมล็ด อยู ถานําเมล็ดไปปลูกจะงอกเปนตน พืชไดอกี เมล็ดจึงชวยในการขยายพันธุ 1
ลําตน ลําตนทําหนาที่ สําคัญอยางหนึ่ง คือ ชูกิ่ง กาน และใบ
สนใจในพืชและสัตว แบบฝกกิจกรรม
โครงสรางภายนอกของพืชและสัตว
คําชี้แจง : การเรียนรูโครงสรางภายนอกของพืชและสัตว ทําใหสามารถ อธิบายลักษณะและหนาที่ของโครงสรางเหลานั้นได
1 โยงเสนจับคูภาพโครงสรางภายนอกของพืชกับหนาที่ที่สัมพันธกัน
1) ทําหนาที่หอหุมเมล็ด
2)
ชวยยึดลําตนของพืช ไมใหโคนลม
3)
ฉบับ
เฉลย
ทําหนาที่สืบพันธุ
4)
ชวยชูกิ่ง กาน ใบ ใหไดรับ แสงแดดอยางเพียงพอ
5)
ทําหนาที่สรางอาหาร 7
ใบ ตนไมทุกตน มีใบ และใบไม สวนใหญมีสีเขีย2ว สีเขียวในใบไม ชวยในการสราง อาหารของพืช
4. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปวาพืชมีโครงสราง ภายนอกอะไรบาง และโครงสรางภายนอก แตละสวนทําหนาที่อะไร
3
ราก รากสวนใหญอยูใตดินและมีลักษณะ แผขยายออกไป รากจึงทําหนาที่สําคัญ อยางหนึ่ง คือ ยึดลําตนของพืชใหตั้ง บนดินไดโดยไมโคนลม รวมทั้งดูดนํ้า และธาตุอาหารในดินไปเลี้ยงสวนตาง ๆ
๘
นักเรียนควรรู 1 ลําตน นอกจากจะทําหนาทีช่ กู งิ่ กาน และใบแลว ยังทําหนาทีใ่ นการลําเลียงนํา้ และอาหารอีกดวย โดยลําเลียงนํา้ และธาตุอาหารทีร่ ากดูดขึน้ มาไปเลีย้ งยังสวนตางๆ ของพืช 2 สีเขียวในใบไม เรียกวา คลอโรฟลล ทําหนาที่ดูดกลืนพลังงานแสงมาใชใน การสรางอาหารของพืช 3 ราก พืชบางชนิดมีรากที่สามารถสะสมอาหารไดจนรากเปลี่ยนแปลงรูปราง ใหมีขนาดใหญ ซึ่งมักจะเรียกกันวา หัว เชน หัวแครอต หัวมันแกว หัวไชเทา เปนตน
8
คู่มือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว NT ขอใดเปนลักษณะของราก ก. มีขอและปลอง ข. สะสมอาหารได ค. สวนใหญมีสีเขียว
วิเคราะหคําตอบ รากพืชบางชนิดทําหนาที่สะสมอาหารได เชน หัวแครอต หัวไชเทา หัวมันเทศ หัวมันสําปะหลัง เปนตน ดังนั้น ขอ ข เปนคําตอบที่ถูกตอง
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
Engage
Explore
Explain
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Expand าใจ ขยายความเข้
Evaluate ตรวจสอบผล
ขยายความเข้าใจ
โครงสรางสวนตาง ๆ ของพืชนี้ จะทํางานรวมกัน ถาหาก ขาดสวนใดสวนหนึ่งไป ก็จะมีผลตอการดํารงชีวิตของพืช à¾×è͹ æ ¤Ô´Ç‹Ò ¶ŒÒµÑ´Ê‹Ç¹ã´Ê‹Ç¹Ë¹Öè§ ¢Í§¾×ªÍÍ¡ µŒ¹¾×ª¨Ð໚¹Í‹ҧäà Åͧ·íÒ¡Ô¨¡ÃÃÁ¹Õé กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู
ใหนักเรียนแบงกลุม แลวปฏิบัติกิจกรรม ดังนี้ ๑) ใหแตละกลุมวาดภาพตนพืชที่มีสวนใดสวนหนึ่งขาดหายไป เชน ตนพืชที่ไมมีราก ตนพืชที่ไมมีใบ ๒) รวมกันอภิปรายภายในกลุมถึงผลที่เกิดขึ้นกับตนพืช ๓) นําเสนอความคิดของกลุม แลวครูชวยสรุปอีกครั้งหนึ่ง
จากการทํากิจกรรม ทําใหทราบวา ถาพืชขาดโครงสราง สวนใดสวนหนึ่งไป จะมีผลตอการดํารงชีวิตของพืช เชน ไมมีสวนที่ ทําหนาที่ดูดนํ้า1 และธาตุอาหาร จากดิน ไมมอี าหารและนํา้ ไปเลี้ยงลําตน
ไมมีราก ไมมีสวนที่ ชวยยึดลําตน
ตาย ๙
หากพรวนดินโดยไมระวัง แลวทําใหรากของตนกุหลาบขาด จะมีผล กระทบตอหนาที่ใดของตนพืช ก. การสืบพันธุ ข. การสรางอาหาร ค. การดูดนํ้าและธาตุอาหาร
1. ครูวาดภาพตนไม และภาพคนบนกระดาน จากนั้นสนทนากับนักเรียนใหเห็นความสําคัญ ของโครงสรางภายนอกของพืช โดยเปรียบเทียบกับสวนตางๆ ของรางกายของเรา เชน • ถาเรามีแขนขางเดียว เราจะเปนอยางไร (ตอบ หยิบจับสิ่งของไดลําบาก) • ถาเรามีขาขางเดียว เราจะเปนอยางไร (ตอบ เคลื่อนที่ไดลําบาก) จากนั้นครูเชื่อมโยงใหนักเรียนเขาใจวา พืช ก็เปนเชนเดียวกับคน หากพืชขาดโครงสราง สวนใดสวนหนึ่งไป ตองมีผลตอการดํารงชีวิต ของพืชเชนเดียวกัน 2. ใหนักเรียนอานแผนภูมิในหนานี้ แลวถาม นักเรียนวา • ถาพืชไมมีราก จะเกิดผลอยางไรบาง (ตอบ พืชไมไดรับนํ้าและอาหารจากดิน และ ลําตนโคนลมไดงาย เนื่องจากไมมีรากคอย ชวยยึดเกาะดิน) 3. ใหครูยกตัวอยางวา ถาพืชขาดสวนประกอบ อื่นๆ เชน ใบ ลําตน ดอก เปนตน แลวให นักเรียนรวมกันอภิปรายวาจะเกิดผลอยางไร ตอพืช 4. ใหนักเรียนวาดภาพหรือติดภาพตนพืชที่ ตนเองรูจักลงในสมุด แลวชี้บอกโครงสราง แตละสวน พรอมกับเขียนหนาที่ของโครงสราง นั้นๆ ดวย
ตรวจสอบผล
โคนลมงาย
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
Expand
Evaluate
1. ครูสังเกตการเขารวมอภิปรายของนักเรียน และการใหเหตุผลประกอบ 2. ครูตรวจสอบการบอกโครงสรางภายนอกของ พืชและหนาที่ของโครงสรางนั้นๆ วาถูกตอง สมบูรณหรือไม
นักเรียนควรรู 1 ธาตุอาหาร ที่พืชไดจากดินมี 13 ชนิด ซึ่งธาตุอาหารแตละชนิดมีความ สําคัญตอการเจริญเติบโตของพืช ธาตุอาหารที่สําคัญ เชน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เปนตน
วิเคราะหคําตอบ รากของพืชทําหนาที่ดูดนํ้าและธาตุอาหารจากดิน ขึ้นไปเลี้ยงสวนตางๆ ของลําตน ขอ ค จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
คู่มือครู
9
กระตุน้ ความสนใจ กระตุEngage ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ
Engage
1. ใหนักเรียนชวยกันบอกวารูจักสัตวชนิดใดบาง แลวครูจดชื่อสัตวบนกระดาน 2. ใหนักเรียนดูชื่อสัตวบนกระดาน แลวครูขอ อาสาสมัครใหอธิบายลักษณะของสัตว บนกระดานมา 1 ชนิด ตามความเขาใจของ นักเรียน 3. ครูถามปริศนาคําทายเกี่ยวกับสัตว แลวให นักเรียนแขงกันยกมือตอบ เชน • อะไรเอย สี่ตีนเดินมา หลังคามุงกระเบื้อง (ตอบ เตา) • อะไรเอย สองตีนเดินมา หลังคามุงจาก (ตอบ ไก) • อะไรเอย นกมีหู หนูมีปก (ตอบ คางคาว) • อะไรเอย สองมือยกขึ้นปองใบหนา มีแปด บาทา พาตัวเดินไป (ตอบ ปู) • อะไรเอย มีขานับไมถวน มวนตัวกลมได (ตอบ กิ้งกือ) 4. ครูสนทนากับนักเรียนวา การอธิบายลักษณะ ของสัตว และการเลนทายปริศนาคําทาย เกี่ยวกับสัตว นักเรียนจะตองรูจักโครงสราง ภายนอกของสัตวจึงจะสามารถบอกไดวา เปนสัตวชนิดใด
๒. โครงสรางภายนอกของสัตว สัตวเปนสิง่ มีชวี ติ เชนเดียวกับคนและพืช สัตวมลี กั ษณะรูปราง เหมือนกับคนและพืชหรือไม มาศึกษาขอมูลเพิ่มเติม ÅͧÈÖ¡ÉÒâ¤Ã§ÊÌҧ¢Í§ÊÑµÇ ¨Ò¡ÀÒ¾¢ŒÒ§Å‹Ò§¹Õé
·Ñé§ ô µÑÇÁÕ ¢ÒáÅÐ෌Ҥ‹Ð
ÊÑµÇ ã¹ÀÒ¾ÁÕʋǹµ‹Ò§ æ àËÁ×͹¡Ñ¹ËÃ×ÍäÁ‹ ÍÐäúŒÒ§
·Ñé§ ô µÑÇÁÕ µÒ ËÙ ¨ÁÙ¡ »Ò¡ ¤ÃѺ ๑๐
เกร็ดแนะครู ในการเรียนการสอนเรื่อง โครงสรางภายนอกของสัตว ครูอาจรวบรวมภาพสัตว ชนิดตางๆ มาใหนักเรียนไดสังเกต นอกเหนือจากภาพในหนังสือเรียน เพื่อให นักเรียนเขาใจมากยิ่งขึ้น
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
ลักษณะของสัตว 4 ชนิด เปนดังนี้ สัตว
โครงสรางของสัตว ขา
ขน
ปก
เขา
ชนิดที่ 1
✓
✓
✓
-
ชนิดที่ 2
-
-
-
-
ชนิดที่ 3
✓
✓
-
✓
สัตวชนิดที่ 2 ควรเปนสัตวชนิดใด ก. นก หนู ข. งู กบ ค. ปลา ไสเดือน
10
วิเคราะหคําตอบ ปลา และไสเดือน เปนสัตวที่ไมมีขา ไมมีขน ไมมีปก และไมมีเขา ดังนั้น ขอ ค. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง คู่มือครู
สํารวจคนหา
กระตุนความสนใจ Engage
สํารวจค Exploreนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
สํารวจคนหา กิจกรรมหนูนอ ยนักสํารวจ
(ดูเฉลยกิจกรรมที่สวนเสริมดานหนาของเลมนี้)
กิจกรรมที่ ๒ รูจักสวนตาง ๆ ของสัตว
อุปกรณ
ภาพสัตวที่ชอบ ๑ ชนิด
วิธีทํา
๑. ติดภาพสัตวที่ชอบลงในสมุด ๒. ชี้บอกสวนตาง ๆ ของสัตวที่นักเรียนรูจักและมองเห็น
โดยทัว่ ไป สัตวสว นใหญจะมีสว นประกอบของรางกายคลายกับ คน สวนประกอบของรางกายนี้ เรียกวา อวัยวะ อวัยวะภายนอก ของสัตว ไดแก ตา หู จมูก ปาก ขาและเทา หู
ตา
หู
จมูก
ปาก
Explore
1. ใหนักเรียนสังเกตลักษณะของสัตวจากหนังสือ หนา 10 แลวชวยกันบอกวา สัตวในภาพมี โครงสรางภายนอกอะไรบาง (แนวตอบ สัตวแตละชนิดมีโครงสรางภายนอก เหมือนกัน คือ ตา หู จมูก ปาก ขา และเทา) 2. ใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 2 หนา 11 โดยนํา ภาพสัตวที่ชอบ 1 ชนิด มาศึกษาโครงสราง ภายนอกของสัตววามีอะไรบาง และรวมกัน สรุปผลการทํากิจกรรม 3. ใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 3 หนา 12 โดยสํารวจหนาที่ของอวัยวะตนเอง และนํามา เปรียบเทียบกับหนาที่ของอวัยวะของสัตว
ตา จมูก
ปาก ขา ขา
เทา
เทา
à¾×è͹ æ ¤Ô´Ç‹Ò ÍÇÑÂÇе‹Ò§ æ ¢Í§ÊÑµÇ ·íÒ˹ŒÒ·ÕèÍ‹ҧäúŒÒ§ àËÁ×͹¡ÑºÍÇÑÂÇТͧ¤¹ËÃ×ÍäÁ‹ ๑๑
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูบูรณาการความรูในสาระวิทยาศาสตรกับสาระศิลปะ วิชาทัศนศิลป เรื่อง โครงสรางภายนอกของสัตว โดยใหนักเรียนนําความรูจากการศึกษา โครงสรางภายนอกของสัตวไปทํางานศิลปะ โดยปนดินนํ้ามันเปนสัตวที่ชอบ คนละ 1 ชนิด และนําเสนอผลงานพรอมกับอธิบายโครงสรางภายนอกของสัตว เพื่ออธิบายความรูผานผลงานศิลปะ
เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา แมวาสัตวตางๆ จะมีโครงสรางภายนอก ไดแก ตา หู จมูก ปาก ขาและเทา เชนเดียวกัน แตโครงสรางภายนอกสัตวแตละ ชนิดก็มีลักษณะแตกตางกัน เพื่อใหเหมาะสมกับการดํารงชีวิตของสัตวชนิดนั้น
คูมือครู
11
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
1. ใหแตละกลุมสงตัวแทนออกมานําเสนอ ผลการทํากิจกรรมที่ 2 และ 3 2. ใหนักเรียนรวมกันสรุปความรูเรื่องโครงสราง ภายนอกของสัตววา สัตวมีโครงสรางภายนอก ของรางกายคลายกับคน คือ มีตา หู จมูก ปาก ขา และเทา ซึง่ อวัยวะเหลานีท้ าํ หนาทีแ่ ตกตางกัน 3. ใหนักเรียนรวมกันสรุปหนาที่ของอวัยวะตางๆ ของสัตว 4. ใหนักเรียนทําแบบฝกกิจกรรม ขอ 3 จาก แบบวัดฯ วิทยาศาสตร ป.1 ✓ แบบวัดฯ ใบงาน แบบฝกฯ ว�ทยาศาสตร ป.1 แบบฝกกิจกรรม เร�่อง โครงสร้างภายนอกของพืชและสัตว
กิจกรรมหนูนอ ยนักสํารวจ
(ดูเฉลยกิจกรรมที่สวนเสริมดานหนาของเลมนี้)
กิจกรรมที่ ๓ หนาที่ของอวัยวะของสัตว
วิธีทํา
๑. แบงกลุมชวยกันสํารวจหนาที่ของ ตา หู จมูก ปาก ขาและเทา ของตนเอง ๒. รวมกันอภิปรายภายในกลุม เปรียบเทียบวาอวัยวะตาง ๆ ของคนกับ อวัยวะของสัตววาทําหนาที่เหมือนกันหรือไม แตละอวัยวะทําหนาที่ อะไร
จากการทํากิจกรรม ทําใหทราบวา อวัยวะตาง ๆ ของสัตว ทําหนาที่เหมือนกันกับอวัยวะตาง ๆ ของคน ดังนี้ 1
ตา ทําหนาที่ มองดูสิ่งตาง ๆ
3 เลือกคําเติมลงในชองวางใหถูกตอง
ตา หู จมูก ปาก ขา เทา
ผิวหนัง ทําหนาที่ ปกคลุมรางกายใหอบอุน หู ทําหนาที่ ฟงเสียงตาง ๆ
หู จมูก ตา ปาก ขา เทา
ฉบับ
เฉลย
มองดู เดินและวิ่ง กินอาหาร ดมกลิ่น ฟงเสียง ฟงเสียง
ขาและเทา ทําหนาที่ในการ เคลื่อนที่และรับ นํ้าหนักตัว
มองดู
ดมกลิ่น
จมูก ทําหนาที่ หายใจและดมกลิ่น
เดินและวิ่ง กินอาหาร
9
ปาก ทําหนาที่ กินอาหาร และสงเสียงรอง ๑๒
นักเรียนควรรู 1 ผิวหนัง คือสิ่งภายนอกที่ปกคลุมรางกาย และคอยปองกันรางกายของคน และสัตวจากเชื้อโรคตางๆ ผิวหนังของสัตวแตละชนิดจะแตกตางกันไป สัตวบางชนิดมีขนเสนเล็กๆ ปกคลุมที่ผิวหนัง เชน สุนัข แมว วัว ควาย เสือ ลิง เปนตน สัตวบางชนิดมีขน แบบกานปกคลุมที่ผิวหนัง เชน นก เปด ไก เปนตน สวนสัตวบางชนิดมีเกล็ด ปกคลุมผิวหนัง เชน ปลา งู จระเข ตะกวด เปนตน
12
คู่มือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
แทะผลไม กัดเหยื่อ ดมกลิ่น สงเสียงรอง หายใจ จากขอความ ขอใดไมใชหนาที่ของปาก ก. ดมกลิ่น กัดเหยื่อ ข. หายใจ ดมกลิ่น ค. สงเสียงรอง แทะผลไม วิเคราะหคําตอบ แทะผลไม กัดเหยื่อ สงเสียงรอง เปนหนาที่ของปาก ดมกลิ่น หายใจ เปนหนาที่ของจมูก ดังนั้น ขอ ข. เปนคําตอบที่ถูกตอง
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
Engage
Explore
Explain
ขยายความเข้าใจ Expand าใจ ขยายความเข้
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
ขยายความเข้าใจ กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู
(ดูเฉลยกิจกรรมที่สอนเสริมดานหนาของเลมนี้)
๑. ครูอานขอความที่กําหนด แลวใหนักเรียนตอบวาเปนหนาที่ของอวัยวะ สวนใด á·Ð¼ÅäÁŒ ËÒÂ㨠¡ÃÐâ´´ ¿˜§àÊÕ§
Áͧ´Ù
¡Ñ´àËÂ×èÍ
Ê‹§àÊÕ§Ìͧ
à´Ô¹ ÇÔè§
´Á¡ÅÔè¹
๒. ใหนักเรียนแบงกลุม แลวปฏิบัติกิจกรรม ดังนี้ ๑) ใหแตละกลุมวาดภาพสัตวที่สนใจมา ๑ ชนิด โดยที่สัตวตัวนั้นมี สวนใดสวนหนึ่งหายไป เชน ไมมีขา ไมมีหู ๒) รวมกันอภิปรายภายในกลุมถึงผลที่เกิดขึ้นกับสัตวเมื่อมีอวัยวะ สวนหนึ่งขาดหายไป ๓) นําเสนอความคิดของกลุม แลวครูชวยสรุปอีกครั้งหนึ่ง
อวัยวะตาง ๆ ของสัตวจะทํางานรวมกัน ถาขาดอวัยวะที่ควรมี วร สวนใดสวนหนึ่งไป จะมีผลตอการดํารงชีวิตของสัตว จากการทํากิจกรรม ทําใหเราทราบวา ถาสัตวขาดอวัยวะที่ ควรมีสวนใดสวนหนึ่ง จะมีผลตอการดํารงชีวิตของสัตว เชน ถาสัตวไมมีขา จะทําใหเคลื่อนที่ไดไมสะดวก ถาสัตวไมมีตา จะไมสามารถมองเห็นสิ่งตาง ๆ ได ถาสัตวไมมีหู จะไมไดยินเสียงตาง ๆ
Expand
1. ใหนักเรียนวาดภาพสัตวที่มีสวนใดสวนหนึ่ง หายไป จากนั้นรวมกันอภิปรายวา เมื่อสัตวมี อวัยวะสวนใดสวนหนึ่งขาดหายไป จะเกิดผล ตอสัตวอยางไร 2. ครูถามนักเรียนวา • อวัยวะสวนตางๆ ของสัตวมีการทํางาน สัมพันธกันอยางไร (แนวตอบ เชน ตากับเทา โดยสัตวมองเห็น สิ่งตางๆ ได ก็จะทําใหสัตวเคลื่อนที่ไปใน ทิศทางตางๆ ไดสะดวก) • ถาสัตวขาดอวัยวะสวนใดสวนหนึ่งไปจะสง ผลกระทบตอการดํารงชีวิตของสัตวอยางไร (แนวตอบ สัตวจะดํารงชีวิตไดอยางยาก ลําบาก เชน สุนัขที่ขาพิการจะเคลื่อนที่ได ลําบากมากกวาสุนัขที่มีขาเปนปกติ) 3. ใหนักเรียนทํากิจกรรมพัฒนาการเรียนรู ขอ 1 หนา 13 โดยครูบอกหนาที่ของอวัยวะ แลวใหนักเรียนตอบชื่ออวัยวะทีละคน 4. ใหนักเรียนพูดสรุปลักษณะโครงสรางภายนอก และหนาที่ของโครงสรางภายนอกของสัตว 5. ใหนักเรียนตอบคําถามจากกิจกรรมตอนที่ 3 หนา 14 ลงในสมุด
๑๓
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
ลักษณะปากและฟนของสัตวแตละชนิด มีความแตกตางกัน มีความ สัมพันธกับขอใด ก. การสงเสียงรองของสัตว ข. การกินอาหารของสัตว ค. การเคลื่อนที่ของสัตว วิเคราะหคําตอบ ปากและฟนของสัตวเปนอวัยวะที่ใชในการกินอาหาร ซึ่งปากและฟนของสัตวแตละชนิดมีความเกี่ยวของกับอาหารที่สัตวกิน ดังนั้น ขอ ข. เปนคําตอบที่ถูกตอง
เกร็ดแนะครู ในการเรียนเรื่องสัตว ครูควรสอดแทรกเรื่องความมีเมตตาตอสัตวตางๆ โดยชวนนักเรียนสนทนาวา ถาบานของนักเรียนมีสัตวเลี้ยง นักเรียนควรดูแล เอาใจใสสัตวเลี้ยงของตนเอง และควรเลี้ยงดูดวยความเมตตา ไมรังแกสัตว หรือถาพบเห็นสัตวอื่นๆ ที่ไมใชสัตวเลี้ยงของเรา ก็ควรมีเมตตาตอสัตว เชน ไมควรรังแกสัตวเพื่อความสนุกสนานของตนเอง
คู่มือครู
13
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
Engage
Explore
Explain
ขยายความเข้าใจ
2 สังเกตภาพสัตวทกี่ าํ หนด และบอกโครงสรางภายนอกของสัตว และหนาทีข่ องโครงสรางนัน้
อวัยวะน�้ คือ…………หู……………………. ทําหนาที…่ ………ฟ…ง…เสี……ย…ง……………… อวัยวะน�้ คือ……จมู……ก……. ………………………………………….
ทําหนาที…่ ……หายใจ ………………. และดมกลิ ……………………่น…………………….. ฉบับ
เฉลย
อวัยวะน�้ คือ…………ปาก ……………………. ทําหนาที…่ ……กิ…น……อาหาร ………………………
ส……ง…เสี…ย…งร ……อ…ง…………………………………….
และใชในการเคลื่อนที่
…………………………………………………………. ตัวชี้วัด ว 1.1 ขอ 2
ไดคะแนน คะแนนเต็ม
10
เกณฑประเมินชิ้นงาน
ขอ 1 - 2 การเติมคําตอบ (5 ขอ ขอละ 2 คะแนน) • บอกชื่อโครงสรางของพืชหรืออวัยวะของสัตวไดถูกตอง • บอกหนาที่ของโครงสรางหรืออวัยวะไดถูกตอง
1 คะแนน 1 คะแนน
12
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
กิจกรรมรวบยอด
✓ แบบวัดฯ ใบงาน แบบฝกฯ ว�ทยาศาสตร ป.1 กิจกรรมรวบยอดที่ 1.2 แบบประเมินตัวช�้วัด ว1.1 ป.1/2
อวัยวะน�้ คือ……………ขา…………………. ก…ตั…ว……… ทําหนาที…่ ……รั…บ…นํ…้า…หนั ………
ตรวจสอบผล
Expand าใจ ขยายความเข้
Evaluate ตรวจสอบผล
Expand
ใหนักเรียนทํากิจกรรมรวบยอดที่ 1.2 จากแบบวัดฯ วิทยาศาสตร ป.1
อวัยวะน�้ คือ…………ตา……………………. งๆ………… ทําหนาที…่ …มองดู …………ส ……ิ่ง…ต…า…
ขยายความเข้าใจ
Evaluate
1. ครูตรวจสอบวานักเรียนสรุปโครงสรางและ หนาที่ของโครงสรางของสัตวไดถูกตองหรือไม 2. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมรวบยอดที่ 1.2
(ดูเฉลยกิจกรรมที่สวนเสริมดานหนาของเลมนี้)
ตอนที่ ๑ แนวคิดสําคัญ ชวยกันสรุป ครูใหนักเรียนชวยกันพูดสรุปลักษณะโครงสรางภายนอกของพืช และสัตว รวมทั้งหนาที่ของโครงสรางแตละสวน จากนั้นใหเขียนลงในสมุด ตอนที่ ๒ ลองทําดู หนูทําได ๑) วาดภาพหรือติดภาพตนพืชที่ตนเองรูจักลงในสมุด แลวชี้บอก โครงสรางแตละสวน พรอมกับบอกหนาที่ของโครงสรางนั้น ๆ ๒) วาดภาพหรือติดภาพสัตวทตี่ นเองชอบมากทีส่ ดุ ลงในสมุด แลว ชี้บอกโครงสรางแตละสวน พรอมกับบอกหนาที่ของโครงสรางนั้น ๆ ตอนที่ ๓ ฝกคิด พิชิตคําถาม เขียนตอบคําถามตอไปนี้ลงในสมุด ๑) พืชและสัตวมีรูปรางลักษณะแตกตางกันอยางไร ๒) สวนใดของพืชทําหนาที่ดูดนํ้าและธาตุอาหาร ๓) สวนใดของพืชทําหนาที่สรางอาหาร ๔) สัตวที่ไมมีขาและเทา สามารถเคลื่อนที่ไดหรือไม อยางไร ๕) สัตวทั้ง ๒ ชนิดนี้คือสัตวชนิดใด และมีลักษณะโครงสราง แตกตางกันอยางไร
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู 1. ใบบันทึกผลกิจกรรมหนูนอยนักสํารวจ 2. กิจกรรมรวบยอดที่ 1.2 ขอ 2 จากแบบวัดฯ วิทยาศาสตร ป.1
๑๔
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนจัดทําสมุดภาพสัตว โดยวาดภาพหรือติดภาพสัตวตางๆ ลงในสมุดวาดเขียนพรอมกับเขียนชื่อสัตว และชี้บอกโครงสรางภายนอก ของสัตวในแตละภาพ
14
คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ
º··Õè
ó
กระตุEngage ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
ระบุลักษณะของสิ่งมีชีวิตในทองถิ่นและนํา มาจัดจําแนกโดยใชลักษณะภายนอก เปนเกณฑ (ว 1.1 ป. 1/2)
ÊÔè§ÁÕªÕÇÔµã¡ÅŒµÑÇàÃÒ
สมรรถนะของผูเรียน
แนวคิดสําคัญ
1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต
ในทองถิ่นตาง ๆ จะมีสิ่งมีชีวิตมากมายหลายชนิด สิ่งมีชีวิตในทองถิ่น จะมีทั้งลักษณะที่เหมือน กันและแตกตางกัน ซึ่งสามารถนํามาจําแนกโดยใชลักษณะภายนอกเปนเกณฑ
คุณลักษณะอันพึงประสงค
กิจกรรมนําสูการเรียน
1. ใฝเรียนรู 2. มุงมั่นในการทํางาน
กระตุน้ ความสนใจ
Engage
ใหนักเรียนดูภาพ และชวยกันบอกวา • จากภาพ มีสิ่งมีชีวิตอะไรบาง (ตอบ ตนทานตะวัน ตนมะมวง ผีเสื้อ ตนมะพราว จิ้งจก วัว ตนกลวย และกุง) • นักเรียนจะจําแนกสิ่งมีชีวิตในภาพได อยางไร (แนวตอบ เชน จําแนกเปน สัตว - ผีเสื้อ จิ้งจก วัว กุง พืช - ตนทานตะวัน ตนมะมวง ตนมะพราว ตนกลวย) • นักเรียนใชเกณฑใดในการจําแนก (แนวตอบ ประเภทของสิ่งมีชีวิต)
๑. จากภาพ นักเรียนรูจักสิ่งมีชีวิตเหลานี้หรือไม มีอะไรบาง ๒. ถาจะจําแนกสิง่ มีชวี ติ ในภาพเปน ๒ กลุม นักเรียนจะจําแนก ไดอยางไร ๓. นักเรียนใชสิ่งใดเปนเกณฑในการจําแนก ๑๕
เกร็ดแนะครู ครูจัดกระบวนการเรียนรูโดยการใหนักเรียนปฏิบัติ ดังนี้ • สํารวจ สังเกตลักษณะภายนอกของพืชและสัตวในทองถิ่น • อภิปรายลักษณะของพืชและสัตวที่สํารวจพบ • จําแนกพืชและสัตว โดยใชลักษณะภายนอกเปนเกณฑ จนเกิดเปนความรูความเขาใจวา สิ่งมีชีวิตแตละชนิดอาจมีลักษณะทั้งที่ เหมือนกันหรือแตกตางกัน ทําใหสามารถจําแนกสิ่งมีชีวิตโดยใชลักษณะภายนอก เปนเกณฑได
คู่มือครู
15
กระตุน้ ความสนใจ กระตุEngage ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ
Engage
1. ครูพานักเรียนไปเดินดูตนไมในบริเวณสวนหรือ สนามของโรงเรียนหรืออาจหาตนไม 2-3 ชนิด มาใหดู และใหนักเรียนชวยกันบอกชื่อตนไม 2. ใหนักเรียนรวมกันสังเกตวาตนไมแตละชนิดมี โครงสรางอะไรบาง ตามที่นักเรียนไดเคยเรียน มาแลว เพื่อเปนการทบทวนความรูเดิม 3. ครูนําภาพสัตวชนิดตางๆ (ควรเปนสัตวที่ นักเรียนพบเห็นได) เชน สุนัข แมว หมู วัว ชาง มา เปนตน มาใหนักเรียนดูและชวยกันบอกชื่อ สัตวแตละชนิด 4. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับสัตวในภาพ แลวใหนกั เรียนทีเ่ คยพบเห็นสัตวเหลานี้ ผลัดกัน เลาเกี่ยวกับสัตวที่ตนเองรูจักหรือเคยพบเห็น 5. ครูนําเขาสูบทเรียนโดยเชื่อมโยงใหนักเรียน เขาใจวาในบทเรียนนีน้ กั เรียนจะไดเรียนรูเ กีย่ วกับ ลักษณะภายนอกของพืชและสัตวที่พบไดใน ทองถิ่น
ลักษณะของสิ่งมีชีวิตและการจําแนก ในแตละทองถิ่นจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยูมากมาย สิ่งมีชีวิต เหลานี้ ไดแก พืช และสัตว สับปะรด
ไผ
พืชที่พบ ในทองถิ่น กลวย
ออย
Åͧª‹Ç¡ѹºÍ¡ÊÔÇ‹Ò ¾×ªáÅÐÊÑµÇ áµ‹ÅЪ¹Ô´ ÁÕÅѡɳÐᵡµ‹Ò§¡Ñ¹Í‹ҧäÃ
นก
กบ
สัตวที่พบ ในทองถิ่น เตา
ลิง
๑๖
บูรณาการอาเซียน ครูอธิบายใหนักเรียนเขาใจวา ประเทศสมาชิกอาเซียนถือเปนประเทศเพื่อนบานของเรา และมีที่ตั้งอยูในภูมิภาคเดียวกับ ประเทศไทย คือ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต ดังนั้นสภาพภูมิประเทศและสภาพภูมิอากาศจึงมีความคลายคลึงกัน ทําใหมี พืชพรรณธรรมชาติคลายคลึงกัน ประเทศสมาชิกอาเซียนแตละประเทศมีดอกไมประจําชาติ ดังนี้
บรูไน : ดอกสานชะวา
กัมพูชา : ดอกลําดวน
อินโดนีเซีย : ดอกกลวยไมราตรี
ลาว : ดอกจําปาลาว
มาเลเซีย : ดอกชบา
พมา : ดอกประดู
ฟลิปปนส : ดอกพุดแกว
สิงคโปร : ดอกกลวยไม ตระกูลแวนดา
ไทย : ดอกราชพฤกษ
เวียดนาม : ดอกบัว
16
คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา ส�ารวจค้ Exploreนหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
Engage
ส�ารวจค้นหา
1. ใหนักเรียนทํากิจกรรมหนูนอยนักสํารวจ หนา 17 โดยรวมกันกําหนดบริเวณและเวลาที่ จะทําการสํารวจสิ่งมีชีวิตและบันทึกผล (ดังตัวอยางนี้) และตอบคําถาม
Ãͺ æ µÑÇàÃÒÁÕÊÔè§ÁÕªÕÇÔµÍÐäúŒÒ§ ÅͧÁÒ·íÒ¡Ô¨¡ÃÃÁ¹Õé¤ÃѺ กิจกรรมหนูนอ ยนักสํารวจ
Explore
(ดูเฉลยกิจกรรมที่สวนเสริมดานหนาของเลมนี้)
กรรมที่ ๑่ ๑ สิสิ่ง่งมีมีชชีวีวิติตใกล ใกลตตัวัวเรา เรา กิกิจจกรรมที
จําแนกเปน
สิ่งมีชีวิต ที่พบ
โครงสรางภายนอก ที่พบ
มด
- มี ตา ปาก ขา ลําตัว
✓ ✓
พืช
อุปกรณ
๑. สมุด ๑ เลม
๒. ดินสอ ๑ แทง
สุนัข
- มี ตา ปาก จมู ก ปาก ลําตัว ขา เทา
วิธีทํา
๑. แบงกลุม ใหแตละกลุมสํารวจสิ่งมีชีวิตบริเวณบาน โรงเรียน หรือในชุมชนใกลเคียง ๒. จดบันทึกชื่อสิ่งมีชีวิตที่พบเห็น อาจวาดภาพประกอบดวย ๓. นําผลการสํารวจมาจัดแยกประเภทเปนพืชและสัตว และให เหตุผลประกอบ
เข็ม
- ใบ ลําตน กิ่ง ดอก
µÑÇÍ‹ҧµÒÃÒ§ºÑ¹·Ö¡
สิ่งที่สํารวจ
ลักษณะที่ สังเกตเห็น
จําแนกเปน พืช สัตว
2.
เหตุผลประกอบ 3.
4.
๑๗
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
สัตวในขอใด มีจมูกยื่นยาว ตรงปลายมีจงอยใชสําหรับจับของได ก. มา ข. วัว ค. ชาง
วิเคราะหคําตอบ จมูกยื่นยาว ตรงปลายมีจงอยใชสําหรับจับของคือ งวง ของชาง ดังนั้น ขอ ค. เปนคําตอบที่ถูกตอง
5.
สัตว
✓
• จากผลการสํารวจสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตชนิดใด ที่มีลักษณะภายนอกเหมือนกัน (แนวตอบ ขึ้นอยูกับขอมูลของนักเรียน) • นักเรียนจะจําแนกพืชที่สํารวจไดโดยใช อะไรเปนเกณฑ (แนวตอบ ขึ้นอยูกับขอมูลของนักเรียน) สมาชิกในกลุมรวมกันแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับผลการสํารวจ และรวมกันสรุปใหได วา สิ่งมีชีวิตที่สํารวจพบ สิ่งใดเปนพืช และ สิ่งใดเปนสัตว ใหแตละกลุมทํากิจกรรมที่ 1 ใหมอีกครั้ง คราวนี้ใหสํารวจเฉพาะตนพืชประมาณ 4-5 ชนิด และเขียนบอกลักษณะภายนอกของ ตนพืชที่สังเกตเห็น เชน ใบมีลักษณะ... ลําตนมีลักษณะ... ดอกมีสี... ครูถามนักเรียนวา • ลักษณะภายนอกของพืชสามารถนํามาใช จําแนกพืชไดหรือไม อยางไร (แนวตอบ ได โดยกําหนดเกณฑที่ตองการใช จําแนกกอน พืชที่มีลักษณะตรงกับเกณฑก็ อยูในกลุมเดียวกัน) ใหสมาชิกแตละกลุมใชขอมูลลักษณะภายนอก ของพืชที่สังเกตไดมาจําแนกพืชโดยกําหนด เกณฑเอง
เกร็ดแนะครู ในการใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 1 ในหนานี้ ครูควรใหแตละกลุมรวมกันกําหนด วา กลุมใดจะไปสํารวจในบริเวณใด เพื่อไมใหสํารวจในบริเวณเดียวกัน และครูควร ตกลงกับนักเรียนทุกกลุมวา ใชเวลาเทาไรในการสํารวจ เมื่อหมดเวลาแลวใหมา รวมกันที่จุดนัดพบที่ครูกําหนด
คู่มือครู
17
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Expand าใจ ขยายความเข้
Evaluate ตรวจสอบผล
พืชและสัตวทสี่ าํ รวจพบแตละชนิด อาจมีลกั ษณะบางอยาง เหมือนกัน และอาจมีลกั ษณะบางอยางแตกตางกัน จึงสามารถ จําแนกพืชและสัตวใหอยูในกลุมเดียวกันได โดยใชลักษณะที่ เหมือนกันเปนเกณฑ เกณฑทใี่ ชในการจัดกลุม พืช คือ สิง่ ทีเ่ หมือนกันของพืช เชน ลักษณะภายนอก ประโยชน บริเวณที่ขึ้น เปนตน สีแดง - สีอื่น ขนาดเล็ก - ใหญ
Expand
1. ใหนักเรียนอานขอมูลในหนานี้แลวถาม นักเรียนวา • นักเรียนสามารถจัดกลุมพืชโดยสังเกตจาก อะไรไดอีกบาง (ตอบ บริเวณที่ขึ้น และประโยชนของพืช) 2. ใหนักเรียนนําผลการสํารวจ หนา 17 มาจําแนก พืชโดยใชบริเวณที่ขึ้นหรือประโยชนของพืช เปนเกณฑ โดยจัดทําเปนผลงานสงครู 3. ครูสุมนักเรียนออกมา 2-3 คน แลวใหนักเรียน นําเสนอผลการจําแนกพืชของตนเอง
ตรวจสอบผล
ขยายความเข้าใจ
อธิบExplain ายความรู้
Explain
1. ใหตัวแทนแตละกลุมออกมานําเสนอผลการ สํารวจสิ่งมีชีวิต และการจําแนกประเภทของ สิ่งมีชีวิต 2. ใหนกั เรียนรวมกันสรุปหลักเกณฑในการจําแนก สิง่ มีชวี ติ ใหไดวา ใชโครงสรางภายนอกเปนเกณฑ เพราะพืชและสัตวมีโครงสรางภายนอก แตกตางกัน 3. ใหตัวแทนแตละกลุมออกมานําเสนอผลการ จําแนกพืชโดยบอกเกณฑของกลุมตนเอง และ กลุมของพืชที่จําแนกได โดยใหครูเขียนเกณฑที่ ใชในการจําแนกพืชของทุกกลุมลงบนกระดาน 4. ใหนักเรียนรวมกันสรุปเกณฑที่ใชในการจําแนก พืชวา มีหลากหลาย
ขยายความเข้าใจ
อธิบายความรู้
ตั้งตรง - เถาเลื้อย มีหนาม - ไมมีหนาม
อื่น ๆ ดอก ใบ ลําตน
ขอบใบหยัก - ขอบใบเรียบ มีสีเขียว - มีสีอื่น
ลักษณะภายนอก
1
การจัดกลุมพืช
ประโยชน ทํายา ทําของใชตาง ๆ ทําอาหาร อื่น ๆ
บริเวณที่ขึ้น
Evaluate
ในนํ้า บนดิน บนตนไมอื่น
ครูประเมินทักษะการจําแนกของนักเรียนเปน รายบุคคล โดยพิจารณาจากผลงานการจําแนกพืช
2
๑๘
นักเรียนควรรู 1 บริเวณที่ขึ้น การจําแนกพืชโดยใชบริเวณที่ขึ้นเปนเกณฑ จําแนกพืชไดเปน 3 กลุม คือ 1) พืชที่ขึ้นในนํ้า เชน บัว สาหราย จอก แหน ผักตบชวา ผักบุง ฯลฯ 2) พืชที่ขึ้นบนบก เชน กลวย มะมวง ออย มะพราว ขนุน ฯลฯ 3) พืชที่ขึ้นบนตนไมอื่น เชน เฟรน กลวยไม กาฝาก พลูดาง ฯลฯ 2 ประโยชน การจําแนกพืชโดยใชประโยชนเปนเกณฑ สามารถจําแนกพืชได หลากหลายกลุม ขึ้นอยูวาจะใชประโยชนดานใดเปนเกณฑ เชน 1) พืชที่ใชทํายา เชน ขิง ขา ตะไคร มะกรูด มะนาว กระเทียม ฯลฯ 2) พืชที่ใชทําของใช เชน สัก รัง ไผ มะพราว ตาล ฯลฯ 3) พืชที่ใชทําอาหาร เชน ผักกาด แครอต หัวไชเทา ตําลึง คะนา ฯลฯ
18
คู่มือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
ขอมูลการสํารวจลักษณะใบพืช 4 ชนิด เปนดังนี้ ชนิดของใบ
สีของใบ
ขอบใบ
ขนาดของใบ
ใบตอง
เขียว
เรียบ
ใหญ
ใบตําลึง
เขียว
หยัก
เล็ก
ใบไผ
เขียว
เรียบ
เล็ก
ใบฟกทอง
เขียว
หยัก
ใหญ
หากใชสีของใบเปนเกณฑในการจําแนกพืช จะจําแนกพืชไดเปนกี่กลุม เพราะอะไร แนวตอบ จําแนกพืชไดเปน 1 กลุม คือ กลุมของพืชที่มีใบสีเขียว เพราะจากขอมูลพืชที่กําหนดใบพืชทั้ง 4 ชนิด มีสีเขียว
กระตุน้ ความสนใจ
ส�ารวจค้นหา ส�ารวจค้ Exploreนหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุEngage ้นความสนใจ
กระตุน้ ความสนใจ
Engage
1. ใหนักเรียนดูภาพสัตวในหนานี้ แลวใหนักเรียน ชวยกันบอกชื่อสัตวแตละชนิด 2. ใหนักเรียนผลัดกันบอกชื่อสัตวที่ตนเองชอบ พรอมกับบอกเหตุผลประกอบ 3. ใหนักเรียนสังเกตภาพสัตวในหนานี้อีกครั้ง จากนั้นใหนักเรียนแขงขันกันตอบคําถาม เกี่ยวกับสัตว เชน • สัตวชนิดใดไมมีขา (งู ปลา) • สัตวชนิดใดมี 4 ขา (วัว ยีราฟ เสือ) • สัตวชนิดใดมีขามากกวา 4 ขา (ปู) • สัตวชนิดใดลําตัวมีเกล็ด (งู ปลา) 4. ครูเชื่อมโยงใหนักเรียนเขาใจวา การสังเกต ลักษณะตางๆ ของสัตว ทําใหสามารถนํา ลักษณะเหลานั้นมาใชเปนเกณฑในการ จําแนกสัตวได
การจัดกลุมสัตวใชลักษณะที่เหมือนกันเปนเกณฑ เชนกัน ´ÙÀÒ¾ÊÑµÇ àËÅ‹Ò¹Õé áŌǪ‹Ç¡ѹ¨Ñ´¡ÅØ‹Á â´Â㪌ÅѡɳÐÀÒ¹͡໚¹à¡³±
ส�ารวจค้นหา
¡ÅØ‹Á¢Í§ÊÑµÇ ·ÕèÁÕ¢Ò
¡ÅØ‹Á¢Í§ÊÑµÇ ·Õè äÁ‹ÁÕ¢Ò
๑๙
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
ถาจัด มด ผีเสื้อ ยุง อยูในกลุมเดียวกัน ขอใดเปนเกณฑที่ใชในการ จําแนก ก. อาหารที่กิน ข. แหลงที่อยู ค. จํานวนขา วิเคราะหคําตอบ มด ผีเสื้อ และยุง มีขา 6 ขา เทากัน ขอ ค. เปนคําตอบที่ถูกตอง
Explore
1. ใหนักเรียนดูภาพสัตว หนา 19 แลวถาม นักเรียนวา • สัตวแตละชนิดมีลกั ษณะใดทีแ่ ตกตางกันบาง (แนวตอบ เชน สัตวบางชนิดมีขา สวนสัตว บางชนิดไมมีขา) • นักเรียนสามารถจําแนกสัตวเปนกลุมได อยางไร (แนวตอบ เชน สัตวที่มีขา ไดแก ปู วัว ยีราฟ เสือ สัตวที่ไมมีขา ไดแก งู ปลา) 2. ใหนักเรียนแบงกลุม แตละกลุมวางแผนสํารวจ สัตวในบริเวณบานหรือโรงเรียนประมาณ 4-5 ชนิด แลวสังเกตลักษณะภายนอกของสัตวที่ พบและบันทึกผล เชน - จํานวนขา - ขนปกคลุมลําตัว - สีของลําตัว - จํานวนปก 3. ใหสมาชิกในกลุมใชขอมูลลักษณะของสัตวที่ สังเกตไดมาจําแนกสัตวโดยกําหนดเกณฑเอง
เกร็ดแนะครู เชน
ในการเรียนการสอนเรื่องการจําแนกสัตว ครูอาจใชสื่อการสอนที่หลากหลาย • ตุกตาสัตวจําลอง • บัตรภาพสัตว • คลิปวิดีโอเกี่ยวกับสัตว • เว็บไซตของสวนสัตว • การไปทัศนศึกษาที่สวนสัตว ทั้งนี้เพื่อใหนักเรียนเรียนรูดวยความสนุกสนาน
คู่มือครู
19
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ Expand าใจ ขยายความเข้
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบExplain ายความรู้
Explain
1. ใหตัวแทนแตละกลุมออกมานําเสนอผลการ จําแนกสัตวโดยบอกเกณฑของกลุมตนเองและ กลุมของสัตวที่จําแนกไดโดยครูเขียนเกณฑที่ใช ในการจําแนกสัตวของทุกกลุมลงบนกระดาน 2. ใหนักเรียนรวมกันสรุปใหไดวาเกณฑที่ใชใน การจําแนกสัตวมีหลากหลาย
ขยายความเข้าใจ
เกณฑที่ใชในการจัดกลุมสัตวมีหลายอยาง เชน ลักษณะ ภายนอก การเคลือ่ นที่ ประโยชน อาหาร ทีอ่ ยูอ าศัย เปนตน ÈÖ¡ÉÒ¡ÒèѴ¡ÅØ‹ÁÊÑµÇ ¨Ò¡ á¼¹¼Ñ§¤ÇÒÁ¤Ô´
Expand
ขา ขน ปก สีของลําตัว ลักษณะภายนอก
1. ใหนักเรียนอานขอมูลในหนานี้ จากนั้นครูเขียน ชื่อสัตว 5-10 ชื่อ บนกระดาน แลวใหนักเรียน จับคูกันจําแนกสัตวโดยใชเกณฑอื่นๆ ที่ไมใช ลักษณะภายนอก โดยจัดทําเปนผลงานสงครู 2. ใหนักเรียนทํากิจกรรมรวบยอดที่ 1.3 ขอ 3 จากแบบวัดฯ วิทยาศาสตร ป.1 ✓ แบบวัดฯ ใบงาน แบบฝกฯ ว�ทยาศาสตร ป.1 กิจกรรมรวบยอดที่ 1.3 แบบประเมินตัวช�้วัด ว 1.2 ป. 1/1
การจัดกลุมสัตว
3 สังเกตภาพสัตวที่กําหนด แลวจําแนกสัตวเปนกลุมโดยใชลักษณะภายนอกเปนเกณฑ
ฉบับ
เฉลย
เปด
ปลา
งู
แมลงปอ
เตา
อึ�งอาง
วัว
(ตัวอยาง)
คางคาว
ที่อยูอาศัย
ชาง
มีขา - ไมมีขา ครัง้ ที่ 2 ใชเกณฑ………………………………………… ชือ่ สัตวในกลุม ………………………………………………
………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………….
มีปก - เปด แมลงปอ คางคาว ไมมีปก - ปลา งู เตา อึ่งอาง วัว ชาง ………………………………………………………………………………….
ประโยชน เปนอาหาร1 ใชแรงงาน เลี้ยงไว ดูเลน 2 อื่น ๆ
บนบก ในนํ้า
มีปก - ไมมีปก ครัง้ ที่ 1 ใชเกณฑ………………………………………… ชือ่ สัตวในกลุม ………………………………………………
เดิน วิ่ง กระโดด บิน เลื้อย คลาน วายนํ้า การเคลือ่ นที่
¡ŒÒº..º
มีขา
- เปด แมลงปอ เตา อึง่ อาง วัว คางคาว ชาง ไมมีขา - ปลา งู ………………………………………………………………………………….
Åͧª‹Ç¡ѹ¤Ô´ ª×èÍÊÑµÇ ã¹áµ‹ÅСÅØ‹ÁÊÔ¤ÃѺ
ตัวชี้วัด ว 1.2 ขอ 1
ไดคะแนน คะแนนเต็ม
10
เกณฑประเมินชิ้นงาน
ขอ 1 การบันทึกขอมูล (2 ขอ ขอละ 5 คะแนน) • บอกชื่อภาพถูกตอง • บอกประเภทภาพถูกตอง • บอกลักษณะภายนอกไดถูกตอง 3 ลักษณะขึ้นไป
1 คะแนน 1 คะแนน 3 คะแนน
ขอ 2 - 3 การจําแนกขอมูล (2 ครั้ง ครั้งละ 5 คะแนน)
20
• บอกเกณฑที่ใชในการจําแนกไดถูกตอง • จัดกลุมขอมูลไดถูกตองครบถวน
2 คะแนน 3 คะแนน
นักเรียนควรรู 1 ใชแรงงาน สัตวทถี่ กู นํามาใชแรงงาน เชน • ชาง ใชชักลากซุง เปนพาหนะ • มา ใชลากรถ เปนพาหนะ • วัว ใชเทียมเกวียน • ควาย ใชไถนา • ลิง ใชเก็บมะพราว 2 อื่นๆ ประโยชนของสัตวในดานอื่นๆ เชน • พิษงู ใชผลิตเซรุม • กระตาย หนู ใชในการคนควา ทดลอง • สุนัข ใชฝกในงานดานตางๆ เชน กูภัย คนหายาเสพติด นําทางคนตาบอด
20
คู่มือครู
๒๐
ขอสอบเนน การคิด แนว NT ปอจัดกลุมสัตวไดดังนี้ กลุมที่ 1 สิงโต กวาง ลิง
กลุมที่ 2 กุง วาฬ โลมา
ปอใชเกณฑใดในการจําแนกสัตวออกเปน 2 กลุม ก. ชนิดของอาหาร ข. แหลงที่อยู ค. การสืบพันธุ วิเคราะหคําตอบ สิงโต กวาง ลิง อาศัยอยูบนบก สวนกุง วาฬ โลมา อาศัยอยูในนํ้า ดังนั้น ขอ ข. จึงเปนคําตอบที่ถูกตอง
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
Engage
Explore
Explain
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Expand าใจ ขยายความเข้
Evaluate ตรวจสอบผล
ขยายความเข้าใจ
1. ใหนักเรียนรวมกันพูดสรุปเกณฑการจําแนก พืชและสัตว 2. ใหนักเรียนตอบคําถามจากกิจกรรมตอนที่ 2 หนา 21 ลงในสมุด
Ãٌࡳ± ¡ÒèíÒṡ¾×ªáÅÐÊÑµÇ ¡Ñ¹áÅŒÇ ÁÒÊíÒÃǨáÅШíÒṡ¾×ªáÅÐÊÑµÇ ÃͺµÑǡѹ´Õ¡Ç‹Ò¤ÃѺ (ดูเฉลยกิจกรรมที่สวนเสริมดานหนาของเลมนี้)
กิจกรรมหนูนอ ยนักสํารวจ
กิจกรรมที่ ๒ จําแนกพืชและสัตวโดย ใชลักษณะภายนอก
อุปกรณ วิธีทํา
๑. สมุด ๑ เลม ๒. ดินสอ ๑ แทง ๑. แบงกลุม ใหแตละกลุมสํารวจ พืชและสัตว บริเวณบานหรือโรงเรียน ๒. จดบันทึกชื่อพืชและสัตวทพี่ บ ๓. สังเกตลักษณะภายนอกของ พืชและสัตว และบันทึกขอมูล ๔. จําแนกกลุมพืชและกลุมสัตวโดยใช ลักษณะภายนอกเปนเกณฑ
กิจกรรมรวบยอด
Expand
µÑÇÍ‹ҧµÒÃÒ§ºÑ¹·Ö¡
ตรวจสอบผล
พืช สัตว ลั ก ษณะ กษณะ ชนิด ภายนอก ชนิด ลัภายนอก
1. ครูประเมินทักษะการจําแนกของนักเรียน เปนรายบุคคลโดยพิจารณาจากผลงาน 2. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมรวบยอดที่ 1.3 ขอ 3 จากแบบวัดฯ วิทยาศาสตร ป.1 3. ครูตรวจสอบวานักเรียนสามารถสรุปเกณฑ การจําแนกพืชและสัตวไดถูกตองหรือไม 4. ครูตรวจสอบวานักเรียนสามารถตอบคําถาม ไดถูกตองหรือไม
การจําแนกพืช เกณฑที่ใช ……………………………………………………… กลุมพืชที่จําแนก ………………………………………. ………………………………………………………………………………….
การจําแนกสัตว เกณฑที่ใช ……………………………………………………… กลุมสัตวที่จําแนก …………………………………….. ………………………………………………………………………………….
(ดูเฉลยกิจกรรมที่สวนเสริมดานหนาของเลมนี้)
ตอนที่ ๑ แนวคิดสําคัญ ชวยกันสรุป ครูใหนักเรียนชวยกันพูดสรุปหลักเกณฑที่ใชในการจําแนกพืช และ จําแนกสัตวเปนกลุม (โดยเนนที่ลักษณะภายนอก) จากนั้นใหเขียนลงในสมุด ตอนที่ ๒ ฝกคิด พิชิตคําถาม เขียนตอบคําถามตอไปนี้ลงในสมุด ๑) การจําแนกกลุมพืชและสัตว มีหลักในการจําแนกอยางไร ๒) ยกตัวอยางการจําแนกกลุมพืชและกลุมสัตว พรอมทั้งบอก เกณฑที่ใชในการจําแนก
Evaluate
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู 1. ใบบันทึกผลกิจกรรมหนูนอยนักสํารวจ 2. ผลการจําแนกพืชและสัตวโดยใชลักษณะ ภายนอกเปนเกณฑ 3. กิจกรรมรวบยอดที่ 1.3 ขอ 3 จากแบบวัดฯ วิทยาศาสตร ป.1
๒๑
บูรณาการอาเซียน ครูอธิบายใหนักเรียนฟงวา ประเทศสมาชิกอาเซียนแตละประเทศมีสัตวประจําชาติ ดังนี้ ประเทศ
สัตวประจําชาติ
1. บรูไน
เสือโครง
2. กัมพูชา
กูปรี
3. อินโดนีเซีย
มังกรโคโมโด
4. ลาว
ชาง
5. มาเลเซีย
เสือโครง
6. พมา
เสือโครง
7. ฟลิปปนส
ควาย
8. สิงคโปร
นกกินปลีสีแดงสด
9. ไทย
ชาง
10. เวียดนาม
มังกรโคโมโด
กูปรี
เสือโครง
คู่มือครู
21
กระตุน้ ความสนใจ กระตุEngage ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
สํารวจ ทดลอง และอธิบายองคประกอบและ สมบัติทางกายภาพของดินในทองถิ่น (ว 6.1 ป. 1/1)
ô
สมรรถนะของผูเรียน
แนวคิดสําคัญ
1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกปญ หา
ดินเปนสิ่งแวดลอมทางธรรมชาติที่ประกอบดวยเศษหิน ซากพืช ซากสัตว โดยมีนํ้าและอากาศ แทรกอยูในชองวางของเม็ดดิน ดินในแตละทองถิ่นมีสมบัติทางกายภาพแตกตางกันในดานสี เม็ดดิน และการจับตัวของดิน
คุณลักษณะอันพึงประสงค
กิจกรรมนําสูการเรียน
1. ใฝเรียนรู 2. มุงมั่นในการทํางาน
กระตุน้ ความสนใจ
´Ô¹ã¹·ŒÍ§¶Ôè¹
º··Õè
Engage
1. ครูนาํ ตัวอยางดิน หิน และทราย มาใหนกั เรียนดู แลวใหบอกวา สิ่งที่ครูนํามาใหดูสิ่งไหน คือดิน 2. ใหนักเรียนสังเกต ดิน หิน และทรายอีกครั้ง และตอบคําถามตอไปนี้ • ดินมีลักษณะอยางไร (ตอบ มีลักษณะแตกตางกันขึ้นอยูกับชนิดของ ดิน เชน ดินเหนียวมีสีดํา และมีเม็ดดินขนาด เล็ก เนื้อเหนียว เปนตน) • ดินมีลกั ษณะแตกตางจากหินและทรายอยางไร (ตอบ ดินมีเนือ้ นิม่ กวาหิน เนือ้ ดินไมยดึ เกาะกัน เปนกอนแข็งเหมือนหิน และเนื้อดินไมรวน เปนเม็ดเหมือนกับทราย) 3. ครูสนทนากับนักเรียนวา ทําไมเราจึงตองเรียนรู เกี่ยวกับเรื่องดิน จากนั้นใหนักเรียนรวมกัน แสดงความคิดเห็นตามความเขาใจของนักเรียน
๑. จากภาพ ภาพใดคือภาพดิน ๒. ดินมีลักษณะอยางไร ๓. นักเรียนคิดวา ดินมีลักษณะแตกตางจากหิน และทรายอยางไร ๒๒
เกร็ดแนะครู ครูจัดกระบวนการเรียนรูโดยการใหนักเรียนปฏิบัติ ดังนี้ • สํารวจ สังเกตลักษณะดิน • ทดลองเรื่ององคประกอบและสมบัติทางกายภาพของดิน • อภิปรายผลการทดลอง และลงขอสรุป • เปรียบเทียบสมบัติของดินจากแหลงตางๆ จนเกิดเปนความรูความเขาใจวา ดินประกอบดวยเศษหิน ซากพืช ซากสัตว นํ้า และอากาศ ดินในแตละบริเวณจะมีสมบัติแตกตางกันทั้งสี เม็ดดิน และการ จับตัวของดิน
22
คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ
ส�ารวจค้นหา ส�ารวจค้ Exploreนหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุEngage ้นความสนใจ
กระตุน้ ความสนใจ
๑. องคประกอบของดิน ดินเปนสิง่ แวดลอมทางธรรมชาติทมี่ คี วามสําคัญตอการดํารง ชีวิตของพืชและสัตว ในดินประกอบดวยอะไรบาง ศึกษาไดจากกิจกรรมตอไปนี้ กิจกรรมหนูนอยนักทดลอง
(ดูเฉลยกิจกรรมที่สวนเสริมดานหนาของเลมนี้)
กิจกรรมที่ ๑ องคประกอบของดิน
อุปกรณ
๑. กอนดิน ๓ กอน (ครูเตรียม)
วิธีทํา
๓. จาน ๒ ใบ ๔. แกวใส ๓ ใบ ๕. ไมจิ้ม ๑ อัน แบงกลุมนักเรียน กลุมละ ๔ คน ปฏิบัติกิจกรรม ดังนี้
(ตอ ๑ กลุม) ๒. แวนขยาย ๑ อัน
Engage
1. ครูพานักเรียนไปบริเวณลานดินรอบๆ โรงเรียน เชน แปลงเกษตร สนาม แลวถาม นักเรียนวา • นักเรียนคิดวา ดินมีความเกี่ยวของกับการ ดํารงชีวิตของคนเราหรือไม เพราะอะไร (แนวตอบ เกี่ยวของ เพราะคนเราตองใช ประโยชนจากดิน เชน เปนแหลงเพาะปลูก พืช เลี้ยงสัตว เปนแหลงปลูกสรางบานเรือน เปนตน) 2. ใหนกั เรียนสังเกตดินในบริเวณทีค่ รูพาไปดู แลวรวมกันแสดงความคิดเห็นวาดินมี สวนประกอบอะไรบาง
ส�ารวจค้นหา
Explore
1. ใหนักเรียนแบงกลุม แลวใหแตละกลุมศึกษา ขอมูลกิจกรรมที่ 1 หนา 23 โดยครูชวยชี้แนะ และอธิบายเพิ่มเติมในสิ่งที่นักเรียนสงสัยหรือ ไมเขาใจ 2. ใหนักเรียนชวยกันตั้งคําถามเกี่ยวกับกิจกรรม ที่ 1 (กําหนดปญหา) ซึ่งควรจะไดวา • ในดินประกอบดวยอะไรบาง จากนั้นใหนักเรียนชวยกันคิดคําตอบลวงหนา กอนทําการทดลอง (ตั้งสมมติฐาน) 3. ใหแตละกลุมทําการทดลองตามขั้นตอนใน หนา 23 (ตรวสอบสมมติฐาน) 4. สมาชิกในกลุมบันทึกผลการทดลอง จากนั้น รวมกันอภิปรายเพื่อสรุปผล (วิเคราะหผล และสรุปผล)
ตอนที่ ๑ ๑. ใหนําดินกอนที่ ๑ ใสจาน แลวใชไมเขี่ยดิน ๒. สังเกตสิ่งที่อยูในดิน โดยใชแวนขยายสองดู ๓. บันทึกสิ่งที่เห็นลงในสมุด ตอนที่ ๒ ๑. ใสนํ้าในแกวประมาณครึ่งแกว ๒. นําดินกอนที่ ๒ ใสลงในแกวนํ้า ๓. สังเกตขณะที่ดินจมนํ้า วาเห็นอะไรบาง ๔. บันทึกสิ่งที่เห็นลงในสมุด ตอนที่ ๓ ๑. นําดินกอนที่ ๓ ใสในจานอีกใบ ๒. นําแกวเปลามาควํ่าครอบกอนดินไว ๓. นําจานไปตั้งไวกลางแดดประมาณ ๓๐ นาที ๔. สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นภายในแกว ๕. บันทึกสิ่งที่เห็นลงในสมุด ๒๓
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
ทดลองนํา ดิน 1 กอน วางบนจาน แลวนําแกวใสครอบกอนดินไว ตั้งไว กลางแดดประมาณ 30 นาที จากการทดลองนี้ สิ่งที่ตองสังเกตคืออะไร ก. การเปลี่ยนแปลงของจาน ข. การเปลี่ยนแปลงของแกว ค. การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในแกว วิเคราะหคําตอบ จากการทดลองตองการทราบวา ในดินมีนํ้าเปน สวนประกอบหรือไม จึงตองสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในแกว เพราะถาดินมีนํ้าเปนสวนประกอบ เมื่อไดรับความรอนจากแสงแดด นํ้าก็จะ ระเหยออกออกมาเกาะอยูขางแกว ดังนั้น ขอ ค. เปนคําตอบที่ถูกตอง
เกร็ดแนะครู ในการทํากิจกรรมสํารวจตรวจสอบหรือการทดลองใหครูอธิบายใหนักเรียน เขาใจวา • ทําไมจึงตองทดลอง • ระหวางทดลองจะตองทําอะไร • สังเกตอะไร อยางไร • สรุปผลอยางไร
คู่มือครู
23
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
1. ใหตัวแทนแตละกลุมออกมานําเสนอผล การทดลอง 2. ใหนกั เรียนนําผลการทดลองมาอภิปรายรวมกัน เพือ่ ใหไดขอ สรุปวา ดินประกอบดวยหิน ซากพืช ซากสัตว นํ้า และอากาศ 3. ครูตั้งประเด็นใหนักเรียนรวมกันอภิปรายวา • เพราะอะไร ในดินจึงมีนํ้าและอากาศ เปนองคประกอบ (แนวตอบ เพราะระหวางเม็ดดินมีชองวาง ทําใหสามารถกักเก็บนํ้า และอากาศได เมื่อ นํ้าไหลแทรกซึมลงในดิน นํ้าจะขังอยูตาม ชองวางระหวางเม็ดดิน สวนอากาศจะแทรก อยูในชองวางระหวางเม็ดดินในสวนที่ไมมีนํ้า)
จากการทดลองพบวา ในดินประกอบดวยเม็ดดิน เม็ดทราย เศษใบไมแหง ดินบางแหงอาจมีซากสัตวปะปนอยูดวย เพราะ ดินเปนที่อยูของสัตวหลายชนิด นอกจากนี้ในดินยังมีนํ้าประกอบ อยู เพราะนํา้ ฝนทีต่ กลงมา จะไหลผานดินชัน้ บนไปสูด นิ ชัน้ ลาง และเนื่องจากในดินมีชองวาง ทําใหมีอากาศแทรกอยูในดินดวย แผนภูมิแสดงองคประกอบของดิน 1 เศษหิน ซากพืช ซากสัตว ดิน อากาศ นํ้า
๒. สมบัติทางกายภาพของดิน สมบัตทิ างกายภาพ หมายถึง ลักษณะทีเ่ ราสังเกตเห็นไดหรือ จับตองได ดินทีพ่ บเห็นอยูท วั่ ไปอาจมีสมบัตทิ างกายภาพเหมือน กันหรือแตกตางกัน เนื่องจากบริเวณตาง ๆ ในทองถิ่นมีลักษณะ แตกตางกัน à¾×è͹ æ Åͧª‹Ç¡ѹÊíÒÃǨ
µÃǨÊͺÊÁºÑµÔ¢Í§´Ô¹ã¹ºÃÔàdz ªØÁª¹¢Í§µ¹àͧ¡Ñ¹à¶ÍФÃѺ
(ดูเฉลยกิจกรรมที่สอนเสริมดานหนาของเลมนี้)
กิจกรรมหนูนอ ยนักสํารวจ
กิจกรรมที่ ๒ ตรวจสอบสมบัติของดิน
อุปกรณ
๑. กอนดินจากบริเวณตาง ๆ ในชุมชน ประมาณ ๓-๔ แหง
(ตอ ๑ กลุม) ๒. แวนขยาย ๑ อัน
วิธีทํา
๑. ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ ๓-๔ คน แลวใหแตละกลุมสังเกต สีของดินในแตละแหง ๒. ใหใชแวนขยายสองดูเนื้อดิน และใชมือสัมผัสเนื้อดิน ๓. บันทึกผลการทํากิจกรรมลงในสมุด
๒๔
เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา ดินเปนทรัพยากรธรรมชาติที่เกิดจากการ สลายตัวของหินและแรธาตุตางๆ รวมกับซากพืชซากสัตวที่เนาเปอยผุพัง และมีนํ้า และอากาศเขาไปแทรกอยูในชองวางระหวางเม็ดดิน กระบวนการเกิดดินใชเวลานานหลายลานป ดังนัน้ ดินจึงเปนทรัพยากรธรรมชาติที่ มีคณ ุ คา ซึง่ เราควรชวยกันดูแลรักษาใหอยูใ นสภาพทีอ่ ดุ มสมบูรณ เพือ่ การใชประโยชน ที่ยั่งยืน
นักเรียนควรรู 1 ซากพืช ซากสัตว จะถูกจุลินทรียในดินยอยสลายจนเนาเปอยผุพัง กลายเปนสารคลายวุนสีดํา มีลักษณะหยุน เรียกวา ฮิวมัส
24
คู่มือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว NT ดินชนิดที่ 1 • เมื่อสัมผัสแลวรูสึก สากมือ • เนื้อดินไมยึดเกาะกัน
ดินชนิดที่ 2
ดินชนิดที่ 3
• เมื่อสัมผัสแลวรูสึกนุมมือ • เมื่อสัมผัสแลว เหนียวเหนอะ ติดมือ • เนื้อดินจับกันเปนกอน • เนื้อดินจับกันเปนกอน ไมแตกจากกัน คลึงเปนเสนยาวได
หากเทนํ้าปริมาณเทากันลงในดินทั้ง 3 ชนิด นํ้าจะซึมผานดินชนิดใด ไดเร็วที่สุด ก. ชนิดที่ 1 ข. ชนิดที่ 2 ค. ชนิดที่ 3 วิเคราะหคําตอบ ดินชนิดที่ 1 เนื้อดินไมยึดเกาะกัน ทําใหมีชองวาง ระหวางเม็ดดินมาก ทําใหมีการระบายนํ้าไดดี นํ้าจึงสามารถซึมผานดิน ชนิดนี้ไดเร็วที่สุด ขอ ก เปนคําตอบที่ถูกตอง
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
สํารวจค Exploreนหา
Engage
สํารวจคนหา
จากการทํากิจกรรมที่ ๒ ทําใหเราสามารถบอกสมบัติทาง กายภาพของดินได ดังนี้ ๑. สี ดินแตละแหงมีสีแตกตางกัน เนื่องจากมีสิ่งเจือปน ตางกัน ดินบางแหงมีสีดํา บางแหงมีสีนํ้าตาลแดง บางแหง มีสีนํ้าตาลเขม เปนตน ๒. เนือ้ ดิน ดินบางแหงมีเนื้อดินหยาบ เม็ดดินมีขนาดใหญ ดินบางแหงมีเนือ้ ดินละเอียด เม็ดดินมีขนาดเล็กจนเรามองดวย ตาเปลาไมเห็น เปนตน ๓. การอุม นํา้ ของดิน หมายถึง ความสามารถในการเก็บกัก นํ้าของดิน ดินบางแหงเก็บกักนํ้าไดดี เรียกวา ดินอุมนํ้า แต ดินบางแหงเก็บกักนํ้าไดไมดี เรียกวา ดินไมอุมนํ้า ๔. การจับตัวของดิน เปนสมบัติอยางหนึ่งของดิน ดินที่มี เนื้อละเอียด จะจับตัวเปนกอน ทําใหมีความเหนียว จึงนําดินมา ปนเปนสิ่งตาง ๆ ได สวนดินที่มีเนื้อหยาบ เม็ดดินมีขนาดใหญ ทําใหมชี อ งวางระหวางเม็ดดินมาก จึงไมจบั ตัวกันเปนกอน ไม สามารถนํามาปนเปนสิ่งตาง ๆ ได
▲
1
ดินเหนียวมีเนื้อดินละเอียดจับตัวกันแนน นิยมนํามาปนเปนภาชนะตาง ๆ
๒๕
สมบัติของดินทั้ง 3 ชนิด เปนดังนี้ ดินชนิดที่ 1 • เมื่อสัมผัสแลวรูสึก สากมือ • เนื้อดินไมยึดเกาะกัน
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
ดินชนิดที่ 2
ดินชนิดที่ 3
• เมื่อสัมผัสแลวรูสึกนุมมือ • เมื่อสัมผัสแลว เหนียวเหนอะ ติดมือ • เนื้อดินจับกันเปนกอน • เนื้อดินจับกันเปนกอน ไมแตกจากกัน คลึงเปนเสนยาวได
Explore
1. ครูเตรียมดินจากบริเวณตางๆ 2-4 แหง มาให นักเรียนสังเกต แลวใหนักเรียนชวยกันบอกวา ดินที่สังเกตมีลักษณะอยางไรบาง 2. ใหนักเรียนแตละกลุมศึกษาขอมูลกิจกรรมที่ 2 หนา 24 และใหชวยกันตั้งคําถามเกี่ยวกับ กิจกรรม ซึ่งควรจะไดวา • ดินมีสมบัติทางกายภาพอยางไร จากนั้นใหนักเรียนชวยกันคิดคําตอบลวงหนา กอนทํากิจกรรม 3. ใหแตละกลุมทํากิจกรรมและบันทึกผล แลวรวมกันอภิปรายภายในกลุมเพื่อสรุปผล
อธิบายความรู
Explain
1. ใหตัวแทนแตละกลุมออกมานําเสนอผลการทํา กิจกรรม 2. ครูถามนักเรียนวา • จากกิจกรรม นักเรียนสามารถบอกสมบัติ อะไรของดินไดบาง (ตอบ สีของดิน และลักษณะของเนื้อดิน) 3. ใหนักเรียนอานขอมูล หนา 25 แลวตอบ คําถาม • ดินที่อุมนํ้าไดดี จัดเปนดินที่ระบายนํ้าไดดี หรือไม เพราะอะไร (แนวตอบ ระบายนํ้าไดไมดี เพราะเนื้อดินจะ เก็บกักนํ้าไวตามชองวางของเม็ดดิน ทําให ระบายนํ้าไดไมดี) • การจับตัวของเนื้อดินเกี่ยวของกับการอุมนํ้า ของดินหรือไม อยางไร (แนวตอบ เกี่ยวของ เนื่องจากดินที่จับตัวกัน ไดดีจะมีเม็ดดินเล็ก เนื้อละเอียด ทําใหอุมนํ้า ไดดดี ว ย สวนดินทีไ่ มจบั ตัวกัน จะมีเม็ด ดินใหญ และมีชองวางระหวางเม็ดดินมาก ทําใหนํ้าไหลผานไดงาย จึงไมอุมนํ้า) 4. ใหนักเรียนรวมกันสรุปความรูเรื่องสมบัติทาง กายภาพของดินวามีอะไรบาง
นักเรียนควรรู 1 ดินเหนียว เปนดินที่ใชทําเครื่องปนดินเผา เชน กระถาง หมอดิน โอง แจกัน เปนตน เมื่อนําดินเหนียวที่ปนแลวไปเขาเตาเผา แรบางชนิดในดินจะแปรสภาพ และยึดดินไวดวยกัน สีของดินเหนียวที่ถูกเผาก็จะเปลี่ยนแปลงไปดวย แหลงดินเหนียวที่ใชผลิตเครื่องปนดินเผา เชน ปทุมธานี นนทบุรี ราชบุรี นครราชสีมา เปนตน
หากจะนําไปปนเปนภาชนะ ดินชนิดใดเหมาะสมที่สุด ก. ชนิดที่ 1 ข. ชนิดที่ 2 ค. ชนิดที่ 3 วิเคราะหคําตอบ ดินที่จะนํามาปนเปนรูปทรงตางๆ ได จะตองมีความ เหนียว ซึ่งจากขอมูลที่กําหนด ดินชนิดที่ 3 เนื้อดินจับกันเปนกอน คลึงเปน เสนยาวได แสดงวาดินมีความเหนียว ดังนั้น ขอ ค. เปนคําตอบที่ถูกตอง คูมือครู
25
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
Engage
ส�ารวจค้นหา
Exploreนหา ส�ารวจค้
Explore
1. ครูสนทนาซักถามนักเรียนวา ถาอยากทราบวา ดินแตละชนิดอุมนํ้าไดดีหรือไม ควรทําอยางไร 2. ใหนักเรียนแตละกลุมศึกษาขอมูลกิจกรรมที่ 3 หนา 26 โดยครูชวยชี้แนะและอธิบายเพิ่มเติม ในสิ่งที่นักเรียนไมเขาใจหรือมีขอสงสัย 3. ใหนกั เรียนชวยกันตัง้ คําถามเกีย่ วกับกิจกรรมที่ 3 ซึ่งควรจะไดวา • ดินแตละชนิดมีการอุมนํ้าไดแตกตางกัน หรือไม จากนัน้ ใหนกั เรียนชวยกันคิดหาคําตอบลวงหนา กอนทําการทดลอง 4. ใหแตละกลุม ทําการทดลองตามขัน้ ตอนในหนานี้ 5. สมาชิกในกลุมบันทึกผลการทดลองและรวมกัน อภิปรายเพื่อสรุปผล
อธิบายความรู้
Explain
1. ใหตัวแทนแตละกลุมออกมานําเสนอผล การทดลอง 2. ครูถามนักเรียนวา • ดินจะอุมนํ้าไดมากหรือนอย ขึ้นอยูกับอะไร (แนวตอบ ขึ้นอยูกับเนื้อดิน ดินที่มีเนื้อละเอียด จะอุม นํา้ ไดมาก สวนดินทีม่ เี นือ้ หยาบจะอุม นํา้ ไดนอย) • เพราะเหตุใด ดินที่มีเนื้อละเอียดจึงอุมนํ้า ไดมาก (แนวตอบ เพราะดินที่มีเนื้อละเอียด เนื้อดิน จับตัวกันแนน ทําใหมีชองวางระหวางเม็ดดิน นอย นํ้าจึงแทรกซึมผานไปไดนอย ทําใหเก็บ กักนํ้าไวไดมาก) 3. ใหนักเรียนรวมกันสรุปใหไดวา ดินชนิดที่ 1 (เนื้อหยาบ) นํ้าผานไดเร็วที่สุด ดินชนิดที่ 2 (เนือ้ ละเอียดปานกลาง) นํา้ ผานไดเร็วปานกลาง ดินชนิดที่ 3 (เนื้อละเอียด) นํ้าผานไดชาที่สุด
เกร็ดแนะครู จากการทํากิจกรรมที่ 3 ครูใหนักเรียนชวยกันบอกวา • ในการทดลองนี้ สิ่งที่ตองจัดใหแตกตางกันคืออะไร (ตอบ ชนิดของดิน) • ในการทดลองนี้ สิ่งที่ตองติดตามดูคืออะไร (ตอบ ปริมาณนํ้าที่ไหลผานดินแตละชนิด)
26
คู่มือครู
กิจกรรมหนูนอ ยนักทดลอง
(ดูเฉลยกิจกรรมที่สวนเสริมดานหนาของเลมนี้)
กิจกรรมที่ ๓ การอุมนํ้าของดิน
อุปกรณ
๑. ดิน ๓ ชนิด (เนื้อหยาบ เนื้อละเอียด และเนื้อปานกลาง) (ตอ ๑ กลุม) ๒. แวนขยาย ๑ อัน ๔. กระปองเจาะรู ๓ ใบ ๓. นํ้า ๓ แกว ๕. แกวเปลา ๓ ใบ วิธีทํา ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ ๔-๕ คน ปฏิบัติกิจกรรม ดังนี้ ๑. ใหแตละกลุมใชแวนขยายสองดูเนื้อดินและใชมือสัมผัสเนื้อดิน ๒. นําดินทั้ง ๓ ชนิด แยกใสกระปอง กระปองละ ๑ ชนิด ในปริมาณ ที่เทากัน ๓. นําแกวมารองไวใตกระปองทั้ง ๓ ใบ จากนั้นตักนํ้าเทใสกระปองที่มีดิน กระปองละ ๑ แกว โดยเทนํ้าลงชา ๆ ๔. สังเกตปริมาณนํ้าที่ไหลออกมาจากทั้ง ๓ กระปอง ในเวลาที่เทากัน และบันทึกผล ¨Ò¡¼Å¡Ò÷íÒ¡Ô¨¡ÃÃÁ·íÒãËŒ ¹Ñ¡àÃÕ¹·ÃÒºÇ‹Ò ´Ô¹·ÕèÁÕÅѡɳÐà¹×éÍ´Ô¹ ᵡµ‹Ò§¡Ñ¹ ·íÒãËŒ´Ô¹ÍØŒÁ¹íéÒä´Œ ᵡµ‹Ò§¡Ñ¹
ผลการทดลอง สิ่งที่สังเกต ดินชนิดที่ ๑ ดินชนิดที่ ๒ ดินชนิดที่ ๓
๑. ลักษณะ ของเนื้อดิน ๒. ปริมาณ นํ้าที่ไหล ออกจาก กระปอง ๒๖
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
ถาตองการทราบวา ดินมีความเหนียวหรือไม ควรตรวจสอบดวยวิธีการใด แนวตอบ ตรวจสอบดวยการนําดินมาปนเปนกอนหรือคลึงเปนเสนยาว เพราะดินที่มีความเหนียว เนื้อดินจะจับตัวกัน ทําใหนํามาปนเปนกอน หรือคลึงเปนเสนยาวได
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
Engage
Explore
Explain
ขยายความเข้าใจ Expand าใจ ขยายความเข้
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
ขยายความเข้าใจ
จากการทดลองเรือ่ งการอุม นํา้ ของดินทีม่ ลี กั ษณะของเนือ้ ดิน แตกตางกัน ทําใหนกั เรียนทราบวา ลักษณะของเนือ้ ดินมีผลตอ การดูดซับนํ้าหรือการอุมนํ้าของดิน เนื้อดินเปนสมบัติทางกายภาพของดินที่มีผลตอการเจริญ เติบโตของพืช เพราะพืชแตละชนิดชอบดินที่มีเนื้อดินตางกัน ดินที่มีเนือ้ ดินหยาบ จะมีชองวางระหวาง เม็ดดินกวาง เนื้อดินไมจับตัวกัน ทําให นํ้าซึมผานไปไดเร็ว จึงอุมนํ้าไดนอย
Expand
1. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายความสัมพันธ ระหวางเนื้อดินกับการอุมนํ้าของดินและการ จับตัวของดิน จากนั้นสรุปผลการอภิปราย (แนวตอบ ดินที่มีเนื้อหยาบจะมีชองวางระหวาง เม็ดดินมาก และเนื้อดินไมจับตัวกัน นํ้าจึงซึม ผานไดงาย ทําใหดินไมอุมนํ้า สวนเนื้อดินที่มีเนื้อละเอียดจะมีชองวาง ระหวางเม็ดดินนอย และดินจับตัวกันแนน นํ้าจึงซึมผานไดยาก ทําใหดินอุมนํ้าไดดี) 2. ใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษาขอมูลใน หนา 27 และนําขอมูลไปเปรียบเทียบกับดินที่ นํามาทดลอง เพื่อลงความเห็นวาดินชนิดที่ 1-3 เปนดินชนิดใดระหวางดินรวน ดินเหนียว และดินทราย
ดินที่มีเนือ้ ดินละเอียด มีชองวางระหวาง เม็ ด ดิ น เล็ ก มาก เนื้ อ ดิ น จั บ ตั ว กั น แน น ทําใหนํ้าซึมผานไปไดชา จึงอุมนํ้าไดมาก ดินที่มีเนือ้ ปานกลาง จะมีเนื้อหยาบ และ เนือ้ ละเอียดผสมอยูเ ทา ๆ กัน ทําใหเนือ้ ดิน โปรง ชองวางระหวางเม็ดดินจึงไมเล็กและ ไมใหญเกินไป ทําใหนํ้าซึมผานไดพอควร จึงอุมนํ้าไดปานกลาง ๒๗
กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนหาดินจากบริเวณใดบริเวณหนึ่งมาใสกลองพลาสติกใสที่มี ฝาเปด จากนั้นสังเกตลักษณะของดินตามที่ไดเรียนมา แลวบันทึกขอมูล และนํามาติดกับกลองใสดิน
เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา พืชแตละชนิดมีการเจริญเติบโตในดินที่มี สมบัติแตกตางกัน เชน ขาวเปนพืชที่ชอบนํ้า ดังนั้นดินที่เหมาะสมกับการปลูกขาว จึงควรเปนดินในพื้นที่ลุม เนื้อดินมีความเหนียว มีการระบายนํ้าไดไมดี ซึ่งจะชวย ขังนํ้าไวในนาขาวได แตถาตองการปลูกพืชไร หรือไมผล ดินที่ใชปลูกควรเปนดินลึก มีหนาดินหนา เนื้อดินเปนพวกดินรวน มีการระบายนํ้าไดดี มีความอุดมสมบูรณ เพื่อใหรากพืช สามารถชอนไชลงไปในดินไดลึกและยึดเกาะดินไวเพื่อใหลําตนสามารถตานทาน แรงลมไดดี
คู่มือครู
27
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
Engage
Explore
Explain
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Expand าใจ ขยายความเข้
Evaluate ตรวจสอบผล
Expand
1. ใหนักเรียนชวยกันพูดสรุปองคประกอบและ สมบัติทางกายภาพของดิน 2. ใหนักเรียนเขียนแผนผังความคิดแสดง องคประกอบของดิน 3. ใหนักเรียนดูภาพดินในกิจกรรม ตอนที่ 2 หนา 28 และเขียนเปรียบเทียบสมบัติทาง กายภาพของดิน 4. ใหนักเรียนตอบคําถามจากกิจกรรมตอนที่ 3 หนา 28 ลงในสมุด
ตรวจสอบผล
ขยายความเข้าใจ
Evaluate
1. ครูตรวจสอบวานักเรียนสรุปองคประกอบและ สมบัติทางกายภาพของดินไดถูกตองหรือไม 2. ครูตรวจผลงานแผนผังความคิดแสดง องคประกอบของดินวาครบถวนถูกตองหรือไม 3. ครูตรวจสอบวานักเรียนเขียนเปรียบเทียบสมบัติ ทางกายภาพของดินไดถูกตองหรือไม
กิจกรรมรวบยอด
ตอนที่ ๑ แนวคิดสําคัญ ชวยกันสรุป (ดูเฉลยกิจกรรมที่สวนเสริมดานหนาของเลมนี้) ครู ใหนักเรียนในชั้นชวยกันพูดสรุปองคประกอบและสมบัติทาง กายภาพของดินตามที่ไดเรียนรูมา จากนั้นเขียนลงในสมุด ตอนที่ ๒ ลองทําดู หนูทําได ๑) ใหเขียนแผนผังความคิดแสดงองคประกอบของดินลงในสมุด ๒) ดูภาพและเขียนเปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพของดิน ลงในสมุด
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู 1. ใบบันทึกผลกิจกรรมหนูนอยนักทดลอง และหนูนอยนักสํารวจ 2. แผนผังความคิดแสดงองคประกอบของดิน 3. การเขียนเปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพของดิน
ภาพที่ ๑
ภาพที่ ๒
ตอนที่ ๓ ฝกคิด พิชิตคําถาม เขียนตอบคําถามตอไปนี้ลงในสมุด ๑) ดินแตละแหงมีสีแตกตางกันเพราะอะไร ๒) องคประกอบใดในดินที่มีผลตอการเจริญเติบโตของพืช ๓) ดินที่อุมนํ้าไดดี เนื้อดินมีลักษณะอยางไร ๔) ดินลักษณะใดที่มีนํ้าไหลผานไดงาย ๕) ในดินมีอากาศหรือไม ทราบไดอยางไร ๒๘
เกร็ดแนะครู เมื่อเรียบจบหนวยนี้แลว ครูใหนักเรียนชวยกันสรุปความรูทั้งหมดที่ไดจากหนวย การเรียนรูนี้ โดยครูใชเทคนิคการเขียนแผนผังความคิดเปนเครื่องมือในการให นักเรียนไดระดมสมองในการสรุปบทเรียน โดยใหนักเรียนผลัดกันออกมาเขียนสิ่งที่ ตนเองรูในรูปแผนผังความคิด
28
คู่มือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
ถาในดินมีซากพืชซากสัตวอยูมาก จะเกิดผลดีหรือผลเสียตอดินอยางไร แนวตอบ จะเกิดผลดีตอดิน เพราะซากพืชซากสัตวจะเนาเปอยผุพัง และกลายเปนฮิวมัส ซึ่งจะทําใหดินมีความอุดมสมบูรณเหมาะแกการ เพาะปลูกพืช