คูมือครู 㪌»ÃСͺ¡ÒÃÊ͹ËÇÁ¡Ñº
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ©ºÑº Í- .
».
ภาพปกนี้มีขนาดเทากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน
กระบวนการสอนแบบ 5 Es ชวยสรางทักษะการเรียนรู กิจกรรมมุงพัฒนาทักษะการคิด คำถาม + แนวขอสอบเพื่อยกผลสัมฤทธิ์ O-NET กิจกรรมบูรณาการเตรียมพรอมสู ASEAN 2558
เอกสารประกอบคูมือครู
กลุมสาระการเรียนรู สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ประวัติศาสตร ชั้นประถมศึกษาปที่
1
สําหรับครู
คูมือครู Version ใหม
ลักษณะเดน
ขยายพื้นที่รูปเลมใหญขึ้นกวาเดิม จัดแบงพื้นที่ออกเปนโซน เพื่อคนหาขอมูลไดงาย สะดวก รวดเร็ว และดูเปนระเบียบ กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
เปาหมายการเรียนรู สมรรถนะของผูเรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค
หน า
โซน 1 กระตุน ความสนใจ
Engage
สํารวจคนหา
Explore
อธิบายความรู
Explain
ขยายความเขาใจ
Expand
ตรวจสอบผล
หน า
หนั ง สื อ เรี ย น
โซน 1
หนั ง สื อ เรี ย น
Evaluate
ขอสอบเนน การคิด ขอสอบเนน การคิด แนว NT แนว O-NET ขอสอบ
โซน 2
เกร็ดแนะครู
O-NET
บูรณาการเชื่อมสาระ
โซน 3
กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
โซน 3
โซน 2 บูรณาการอาเซียน มุม IT
No.
คูมือครู
คูมือครู
No.
โซน 1 ขั้นตอนการสอนแบบ 5Es
โซน 2 ชวยครูเตรียมสอน
โซน 3 ชวยครูเตรียมนักเรียน
เพื่อใหครูเตรียมจัดกิจกรรมการเรียน การสอน โดยแนะนําขั้นตอนการสอนและ การจัดกิจกรรมแบบ 5Es อยางละเอียด เพื่อใหนักเรียนบรรลุตามตัวชี้วัด
เพื่อชวยลดภาระครูผูสอน โดยแนะนํา เกร็ดความรูสําหรับครู ความรูเสริมสําหรับ นักเรียน รวมทั้งบูรณาการความรูสูอาเซียน และมุม IT
เพือ่ ใหครูสะดวกตอการจัดกิจกรรม โดยแนะนํา กิจกรรมบูรณาการเชื่อมระหวางกลุมสาระ วิชา กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย รวมถึงเนือ้ หา ที่เคยออกขอสอบ O-NET เก็งขอสอบ O-NET และแนวขอสอบเนนการคิด พรอมคําอธิบาย และเฉลยอยางละเอียด
ที่ใชในคูมือครู
แถบสีและสัญลักษณ
แถบสีแสดงขั้นตอนการสอนและการจัดกิจกรรม แบบ 5Es เพื่อใหครูทราบวาเปนขั้นการสอนขั้นใด
1. แถบสี 5Es สีแดง
สีเขียว
กระตุน ความสนใจ
เสร�ม
สํารวจคนหา
Engage
2
•
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใช เทคนิคกระตุน ความสนใจ เพื่อโยง เขาสูบทเรียน
สีสม
อธิบายความรู
Explore
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนสํารวจ ปญหา และศึกษา ขอมูล
สีฟา
Explain
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนคนหา คําตอบ จนเกิดความรู เชิงประจักษ
สีมวง
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
•
Evaluate
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนนําความรู ไปคิดคนตอๆ ไป
•
เปนขั้นที่ผูสอน ประเมินมโนทัศน ของผูเรียน
2. สัญลักษณ สัญลักษณ
วัตถุประสงค
• เปาหมายการเรียนรู
O-NET
(เฉพาะวิชา ชัน้ ทีส่ อบ O-NET O-NET)
• ชีแ้ นะเนือ้ หาทีเ่ คยออกขอสอบ
O-NET โดยยกตัวอยางขอสอบ พรอมวิเคราะหคาํ ตอบ อยางละเอียด
• เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน
การคิดใหครูนาํ ไปใชไดจริง รวมถึงเปนการเก็งขอสอบ O-NET ทีจ่ ะออก มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด
แสดงรองรอยหลักฐานตามภาระงาน ที่ครูมอบหมาย เพื่อแสดงผลการเรียนรู ตามตัวชี้วัด
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
•
แทรกความรูเสริมสําหรับครู ขอเสนอแนะ ขอควรระวัง ขอสังเกต แนวทางการจัด กิจกรรมและอืน่ ๆ เพื่อประโยชนในการ จัดการเรียนการสอน
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
•
ขยายความรูเพิ่มเติมจากเนื้อหา เพื่อใหครู นําไปใชอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียน ไดมีความรูมากขึ้น
บูรณาการเชื่อมสาระ
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม
•
ความรูห รือกิจกรรมเสริม ใหครูนาํ ไปใช เตรียมความพรอมใหกบั นักเรียนกอนเขาสู ประชาคมอาเซียน 2558 โดยบูรณาการ กับวิชาทีก่ าํ ลังเรียน
กิจกรรมสรางเสริม
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนควรรู
บูรณาการอาเซียน
•
คูม อื ครู
ขอสอบ
วัตถุประสงค
• หลักฐานแสดงผล การเรียนรู
มุม IT
แสดงเปาหมายการเรียนรูที่นักเรียน ตองบรรลุตามตัวชี้วัด ตลอดจนสมรรถนะ ที่จะตองมี และคุณลักษณะที่พึงเกิดขึ้น กับนักเรียน
สัญลักษณ
แนะนําแหลงคนควาจากเว็บไซต เพื่อใหครู และนักเรียนไดเขาถึงขอมูลความรู ที่หลากหลาย ทั้งไทยและตางประเทศ
• แนวขอสอบ NT ในระดับ
ประถมศึกษา มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด
(เฉพาะวิชา ชัน้ ทีส่ อบ NT)
กิจกรรมทาทาย
เชือ่ มกับกลุม สาระ ชัน้ หรือวิชาอืน่ ทีเ่ กีย่ วของ
ซอมเสริมสําหรับนักเรียน ทีย่ งั ไมเขาใจเนือ้ หา
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม ตอยอดสําหรับนักเรียนทีเ่ รียนรู เนือ้ หาไดอยางรวดเร็ว และ ตองการทาทายความสามารถ ในระดับทีส่ งู ขึน้
คําแนะนําการใชคูมือครู การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน คูมือครู รายวิชา ประวัติศาสตร ป.1 จัดทําขึ้นเพื่อใหครูผูสอนนําไปใชเปนแนวทางวางแผนการสอนเพื่อพัฒนา ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน และประกันคุณภาพผูเ รียน ตามนโยบายของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน (สพฐ.) โดยใชหนังสือเรียน ประวัติศาสตร ป.1 ของบริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด เปนสื่อหลัก (Core Material) ประกอบ เสร�ม การสอนและการจัดกิจกรรมการเรียนรูใหสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดกลุมสาระการเรียนรู สังคมศึกษา 3 ศาสนา และวัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน ตามหลักการสําคัญ ดังนี้ 1 ออกแบบการสอนเปนหนวยการเรียนรูอิงมาตรฐาน คูม อื ครู รายวิชา ประวัตศิ าสตร ป.1 วางแผนการสอนโดยแบงเปนหนวยการเรียนรูต ามลําดับสาระ (standard) และ หมายเลขขอของมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั แตละหนวยจะกําหนดเปาหมายการสอนและจุดประสงคการเรียนรู (Objective Learning) กิจกรรมการเรียนรู (Learning Activities) และแนวทางการประเมินผลการเรียนรู (Learning Evaluation) ไวชัดเจน ครูผูสอนสามารถจัดทําแผนการสอนใหครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด สมรรถนะ และคุณลักษณะ อันพึงประสงคที่เปนเปาหมายการเรียนรูตามที่กําหนดไวในสาระแกนกลาง (ตามแผนภูมิ) และสามารถบันทึกผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของผูเรียนแตละคนลงในเอกสาร ปพ.5 ไดอยางมั่นใจ แผนภูมิแสดงองคประกอบของการออกแบบการเรียนรูอิงมาตรฐานและเนนผูเรียนเปนสําคัญ
า
พผ
ูเ
จุดปร
ะสง
ค ก
ส ภา
รี ย น
ร
รู ีเรยน
มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัดชั้นป
ทักษะการคิด การวัดประเมินผล การเรียนรู
กิจกรรมการเรียนรู
เทคนิคการสอน คูม อื ครู
2 การจัดการเรียนรูที่ยึดผูเรียนเปนสําคัญ แนวคิ ด ในการจั ด การเรี ย นการสอนที่ ยึ ด ผู เ รี ย นเป น สํ า คั ญ พั ฒ นามาจากปรั ช ญาและทฤษฎี ก ารเรี ย นรู Constructivism ที่เชื่อวาการเรียนรูเปนกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในสมองของผูเรียนแตละคน ผูเรียนเปนผูสรางความรู โดยการเชื่อมโยงระหวางสิ่งที่ไดเรียนรูจากบทเรียนใหมกับความรูหรือประสบการณเดิมที่มีอยู ทฤษฎีนี้มีความเชื่อวา ผูเรียนทุกคนไดเรียนรูและมีการสั่งสมความรูความเขาใจเกี่ยวกับสิ่งตางๆ ติดตัวมากอน เสร�ม ทีจ่ ะเขาสูห อ งเรียน ซึง่ เปนการเรียนรูท เี่ กิดจากประสบการณและสิง่ แวดลอมรอบตัวผูเ รียนแตละคน ดังนัน้ การจัดกิจกรรม 4 การเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ผูสอนจะตองคํานึงถึง 1. ความรูเดิมของผูเรียน วิธีการสอนที่ดีจะตองเริ่มตนจากจุดที่วา ผูเ รียนมีความรูอ ะไรมาบาง แลวจึงใหความรู หรือประสบการณใหม เพื่อตอยอดจาก ความรูเดิม นําไปสูการสรางความรูความ เขาใจใหม
2. ความรูเดิมของผูเรียนถูกตองหรือไม ผูส อนตองปรับเปลีย่ นความรูความเขาใจ เดิ ม ของผู เ รี ย นให ถู ก ต อ ง และเป น พฤติ ก รรมการเรียนรูใหมที่มีคุณคาตอ ผูเ รียน เพือ่ สรางเจตคติหรือทัศนคติทดี่ ตี อ การเรียนรูสิ่งเหลานั้น
3. ผูเรียนสรางความหมายสําหรับตนเอง ผูสอนตองสงเสริมใหผูเรียนนําความรูความ เขาใจที่เกิดขึ้นไปลงมือปฏิบัติ เพื่อขยาย ความรูใหลึกซึ้งและมีคุณคาตอตัวผูเรียน มากที่สุด
แนวคิด Constructivism เนนใหผูเรียนสรางความรูโดยผานกระบวนการคิดและความอยากรูของตนเอง โดยมีผูสอนเปนผูสรางบรรยากาศ
การเรียนรูและกระตุนความสนใจ คอยจัดสถานการณใหผูเรียนเกิดความขัดแยงทางความคิดระหวางประสบการณเดิมกับประสบการณ ความรูใ หม เพือ่ กระตนุ ใหผเู รียนเชือ่ มโยงความรู ความคิด กับประสบการณทมี่ อี ยูเ ดิม แลวสังเคราะหเปนความรูห รือแนวคิดใหมๆ ไดดว ยตนเอง
3 การบูรณาการกระบวนการคิด การเรียนรูข องผูเ รียนแตละคนจะเกิดขึน้ ทีส่ มอง ซึง่ เปนอวัยวะทีท่ าํ หนาทีร่ คู ดิ ภายใตสภาพแวดลอมทีเ่ อือ้ อํานวย และไดรบั การกระตนุ จูงใจอยางเหมาะสม สอดคลองกับสภาพจิตใจและความตองการของผูเ รียนแตละคน การจัดกิจกรรม การเรียนรูและสาระการเรียนรูที่สอดคลองกับความสนใจและมีความหมายตอผูเรียน จะชวยกระตุนใหสมองของผูเรียน สามารถรับรูและเรียนรูไดอยางมีประสิทธิภาพตามขั้นตอนการทํางานของสมอง ดังนี้ 1. สมองจะเรียนรูและสืบคน โดยการสังเกต คนหา ซักถาม และทดลอง ปฏิบัติ จนทําใหคนพบความรูความเขาใจ ไดอยางรวดเร็ว
2. สมองจะแยกแยะคุณคาของสิ่งตางๆ โดยการตัดสินใจวิพากษวิจารณ แสดง ความคิดเห็น ยอมรับหรือตอตานตาม อารมณความรูสึกที่เกิดขึ้นในขณะที่เรียนรู
3. สมองจะประมวลเนื้อหาสาระ โดยการสรุปเปนความคิดรวบยอดจาก เรื่องราวที่ไดเรียนรูใหมนําไปผสมผสานกับ ความรูห รือประสบการณเดิมทีถ่ กู จัดเก็บอยูใ น สมอง ผานการกลัน่ กรองเพือ่ สังเคราะหเปน ความรูค วามเขาใจใหมๆ หรือเปนทัศนคติใหม ที่จะเก็บบรรจุไวในสมองของผูเรียน
การเรียนรูที่มีประสิทธิภาพจึงตองเปนการเรียนรูที่เกิดจากกระบวนการคิดของผูเรียน เพราะการเรียนรูจะเกิดขึ้น เมื่อสมองรูคิด และตองเปนการคิดไดครบถวนตามขั้นตอนการทํางานของสมองผูเรียน โดยเริ่มตนจาก
คูม อื ครู
1. ระดับการคิดพื้นฐาน
2. ระดับลักษณะการคิด
3. ระดับกระบวนการคิด
ไดแก การสังเกต การจําแนก การคาดคะเน การสื่อความหมาย การรวบรวมขอมูล การสรุปผล เปนตน
ไดแก การคิดกวาง คิดลึกซึ้ง คิดไกล คิดหลากหลาย คิดคลอง คิดอยางมีเหตุผล เปนตน
ไดแก กระบวนการคิดอยางมี วิจารณญาณ กระบวนการแกปญหา กระบวนการคิดสรางสรรค กระบวนการ คิดสังเคราะหวิจัย เปนตน
5Es การจัดกิจกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ขั้นตอนการสอนที่สัมพันธกับขั้นตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้ ขั้นที่ 1
กระตุนความสนใจ
(Engage)
เสร�ม
5
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนนําเขาสูบ ทเรียน เพือ่ กระตุน ความสนใจของผูเ รียนดวยเรือ่ งราวหรือเหตุการณทนี่ า สนใจโดยใชเทคนิควิธกี ารสอน และคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูความรูของบทเรียนใหม ชวยใหผูเรียนสามารถ สรุปประเด็นสําคัญที่เปนหัวขอและสาระการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนการสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอม และสรางแรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน
ขั้นที่ 2
สํารวจคนหา
(Explore)
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนเปดโอกาสใหผเู รียนลงมือศึกษา สังเกต หรือรวมมือกันสํารวจ เพือ่ ใหเห็นขอบขายของปญหา รวมถึงวิธกี ารศึกษา คนควา การรวบรวมขอมูลความรูที่จะนําไปสูการสรางความเขาใจประเด็นปญหานั้นๆ เมื่อผูเรียนทําความเขาใจในประเด็นหัวขอที่จะ ศึกษาคนควาอยางถองแทแลว ก็ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมขอมูลความรู สํารวจตรวจสอบ โดยวิธีการตางๆ เชน สัมภาษณ ทดลอง อานคนควาขอมูลจากเอกสาร แหลงขอมูลตางๆ จนไดขอมูลความรูตามที่ตั้งประเด็นศึกษาไว
ขั้นที่ 3
อธิบายความรู
(Explain)
เปนขั้นที่ผูสอนมีปฏิสัมพันธกับผูเรียน เชน ใหการแนะนํา ตั้งคําถามกระตุนใหคิด เพื่อใหผูเรียนคนหาคําตอบ และนําขอมูล ความรูจากการศึกษาคนควาในขั้นที่ 2 มาวิเคราะห สรุปผล และนําเสนอผลที่ไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน เขียนแผนภูมิ แผนผังแสดงมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน ในขั้นตอนนี้ฝกใหผูเรียนใชสมองคิดวิเคราะหและ สังเคราะหอยางเปนระบบ
ขั้นที่ 4
ขยายความเขาใจ
(Expand)
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใชเทคนิควิธีการสอนตางๆ ที่สงเสริมใหผูเรียนนําความรูที่เกิดขึ้นไปคิดคนสืบคนตอๆ ไป เพื่อพัฒนาทักษะ การเรียนรูและการทํางานรวมกันเปนกลุม ระดมสมองเพื่อคิดสรางสรรครวมกัน ผูเรียนสามารถนําความรูที่สรางขึ้นใหมไปเชื่อมโยง กับประสบการณเดิมโดยนําขอสรุปทีไ่ ดไปใชอธิบายเหตุการณตา งๆ หรือนําไปปฏิบตั ใิ นสถานการณใหมๆ ทีเ่ กีย่ วของกับชีวติ ประจําวัน ของตนเอง เพื่อขยายความรูความเขาใจใหกวางขวางยิ่งขึ้น ในขั้นตอนนี้ฝกสมองของผูเรียนใหสามารถคิดริเริ่มสรางสรรคอยางมี คุณภาพ เสริมสรางวิสัยทัศนใหกวางไกลออกไป
ขั้นที่ 5
ตรวจสอบผล
(Evaluate)
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนประเมินมโนทัศนของผูเ รียน โดยตรวจสอบจากความคิดทีเ่ ปลีย่ นไปและความคิดรวบยอดทีเ่ กิดขึน้ ใหม ตรวจสอบ ทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแกปญหา การตอบคําถามรวบยอด และการเคารพความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่น เพื่อการ สรางสรรคความรูร ว มกัน ผูเ รียนสามารถประเมินผลการเรียนรูข องตนเอง เพือ่ สรุปผลวามีความรูอ ะไรเพิม่ ขึน้ มาบาง เกิดความเขาใจ มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ ไดอยางไร ผูเรียนจะเกิดเจตคติและเห็นคุณคาของ ตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริง
การจัดกิจกรรมการเรียนรูตามขั้นตอนวัฏจักรการสรางความรูแบบ 5Es จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนน ผูเ รียนเปนสําคัญอยางแทจริง เพราะสงเสริมใหผเู รียนไดลงมือปฏิบตั ติ ามขัน้ ตอนของกระบวนการสรางความรูด ว ยตนเอง และฝกฝนใหใชกระบวนการคิดและกระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะชีวิต ทักษะการทํางานและทักษะการ เรียนรูท มี่ ปี ระสิทธิภาพ สงผลตอการยกระดับผลสัมฤทธิข์ องผูเ รียน ตามเปาหมายของการปฏิรปู การศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการ คูม อื ครู
O-NET การเพิ่มผลสัมฤทธิ์ O-NET
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามขัน้ ตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ในแตละหนวยการเรียนรู ทางผูจ ดั ทํา จะเสนอแนะวิธสี อนรูปแบบกิจกรรมการเรียนรู พรอมทัง้ ออกแบบเครือ่ งมือวัดผลประเมินผลทีส่ อดคลองกับตัวชีว้ ดั และสาระการเรียนรูแกนกลางไวทุกขั้นตอน โดยยึดหลักสําคัญ คือ เปาหมายของการวัดผลประเมินผล เสร�ม
6
1. การวัดผลทุกครั้งตองนําผล การวัดมาปรับปรุงพัฒนาผูเรียน เปนรายบุคคล
2. การประเมินผลมีเปาหมาย เพื่อพัฒนาการเรียนรูของผูเรียน จนเต็มศักยภาพ
3. การนําผลการวัดและประเมิน ทุกครั้งมาวางแผนปรับปรุงกิจกรรม การเรียนการสอน การเลือกเทคนิค วิธีการสอน และสื่อการเรียนรูให เหมาะสมกับสภาพจริงของผูเรียน
การทดสอบผูเรียน 1. การใชขอสอบอัตนัย เนนการอาน การคิดวิเคราะห และเขียนสรุปเพิ่มมากขึ้น 2. การใชคําถามกระตุนการคิด ควบคูกับการทําขอสอบที่เนนการคิดตลอดตอเนื่องตามลําดับกิจกรรมการเรียนรูและ ตัวชี้วัด 3. การทดสอบตองดําเนินการทั้งกอนเรียน ระหวางเรียน และเมื่อสิ้นสุดการเรียน การทดสอบระหวางเรียน ต อ งใช ข อ สอบทั้ ง ชนิ ด ปรนั ย และอั ต นั ย และเป น การทดสอบเพื่ อ วิ นิ จ ฉั ย ผลการเรี ย นของผู เ รี ย นแต ล ะคน เพื่อวัดการสอนซอมเสริมใหบรรลุตัวชี้วัดทุกตัว 4. การสอบกลางภาค (ถามี) ควรนําขอสอบหรือแบบฝกหัดที่นักเรียนสวนใหญทําผิดบอยๆ มาสรางเปนแบบทดสอบ อีกครัง้ เพือ่ ตรวจสอบความรูค วามเขาใจทีถ่ กู ตอง และประเมินความกาวหนาของผูเรียนแตละคน 5. การสอบปลายภาคเรียนเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามตัวชี้วัดที่สําคัญ ควรออกขอสอบใหมีลักษณะเดียวกับ ขอสอบ O-NET โดยเนนการคิดวิเคราะห สังเคราะห เชื่อมโยงประยุกตใช เพื่อสรางความคุนเคย และฝกฝน วิธีการทําขอสอบดวยความมั่นใจ 6. การนําผลการทดสอบของผูเรียนมาวิเคราะห โดยผลการสอบกอนการเรียนตองสามารถพยากรณผลการสอบ กลางภาค และผลการสอบกลางภาคตองทํานายผลการสอบปลายภาคของผูเ รียนแตละคน เพือ่ ประเมินพัฒนาการ ความกาวหนาของผูเรียนเปนรายบุคคล 7. ผลการทดสอบปลายป ปลายภาค ตองมีคาเฉลี่ยสอดคลองกับคาเฉลี่ยของการสอบ NT ที่เขตพื้นที่การศึกษา จัดสอบ รวมทั้งคาเฉลี่ยของการสอบ O-NET ชวงชั้นที่สอดคลองครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดสําคัญ เพือ่ สะทอนประสิทธิภาพของครูผสู อนในการออกแบบการเรียนรูแ ละประกันคุณภาพผูเ รียนทีต่ รวจสอบผลไดชดั เจน การจัดการเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ตองใหผูเรียนไดสั่งสมความรู สะสมความเขาใจไปทีละเล็ก ละนอยตามลําดับขัน้ ตอนของกิจกรรมการเรียนรู 5Es เพือ่ ใหผเู รียนไดเติมเต็มองคความรูอ ยางตอเนือ่ ง จนสามารถปฏิบตั ิ ชิ้นงานหรือภาระงานรวบยอดของแตละหนวยผานเกณฑประกันคุณภาพในระดับที่นาพึงพอใจ เพื่อรองรับการประเมิน ภายนอกจาก สมศ. ตลอดเวลา คูม อื ครู
ASEAN การเรียนรูสูประชาคมอาเซียน เพื่ออํานวยความสะดวกแกครูผูสอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรูบูรณาการอาเซียนศึกษา ผูจัดทําไดวิเคราะห มาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัดที่มีสาระการเรียนรูสอดคลองกับองคความรูเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนในแงมุมตางๆ ครอบคลุมทัง้ ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรม อาเซียน เพื่อสงเสริมการเรียนรูใหผูเรียนเกิดความตระหนัก มีความรูความเขาใจเหมาะสมกับระดับชั้นและกลุมสาระ การเรียนรู โดยเสนอแนะวิธีการจัดกิจกรรมบูรณาการเนื้อหาสาระตางๆ ที่เปนประโยชนตอผูเรียนและเปนการชวย เตรียมความพรอมผูเ รียนทุกคนทีจ่ ะกาวเขาสูก ารเปนสมาชิกของประชาคมอาเซียนไดอยางมัน่ ใจตามขอตกลงปฏิญญา ชะอํา-หัวหิน วาดวยความรวมมือดานการศึกษาเพือ่ บรรลุเปาหมายประชาคมอาเซียนทีเ่ อือ้ อาทรและแบงปน จึงกําหนด เปนนโยบายใหกระทรวงศึกษาธิการจัดการเรียนรูเตรียมความพรอมผูเรียนเขาสูประชาคมอาเซียนภายในป พ.ศ. 2558 ตามแนวปฏิบัติที่สําคัญ ดังนี้
เสร�ม
7
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน 1. การสรางความรูความเขาใจ และตระหนักถึงความสําคัญของ กฎบัตรอาเซียน และความรวมมือ ของ 3 เสาหลัก ซึง่ กฎบัตรอาเซียน ในขณะนี้มีสถานะเปนกฎหมายที่ ประเทศสมาชิกจะตองปฏิบัติตาม หลักการที่กําหนดไวเพื่อใหบรรลุ เปาหมายของกฎบัตรมาตราตางๆ
2. การสงเสริมหลักการ ประชาธิปไตยและการสราง สิ่งแวดลอมประชาธิปไตย เพื่อการอยูรวมกันอยางกลมกลืน ภายใตวิถีชีวิตอาเซียนที่มีความ หลากหลายดานสังคมและ วัฒนธรรม
4. การตระหนักในคุณคาของ สายสัมพันธทางประวัติศาสตร และมรดกทางวัฒนธรรมที่มี พัฒนาการรวมกัน เพื่อเชื่อม อัตลักษณและสรางจิตสํานึก ในการเปนประชากรของประชาคม อาเซียนรวมกัน
3. การสงเสริมการศึกษาดาน สิทธิมนุษยชน เพื่อสรางประชาคม อาเซียนใหเปนประชาคมเพื่อ ประชาชนอยางแทจริง สามารถ อยูรวมกันไดบนพื้นฐานการเคารพ ในคุณคาของศักดิ์ศรีแหงความ เปนมนุษยเทาเทียมกัน
5. การสงเสริมสันติภาพ ความ มั่นคง และความปรองดองในสังคม ทั้งระดับประเทศและภูมิภาคของ อาเซียนบนพื้นฐานสันติวิธีและการ อยูรวมกันดวยขันติธรรม
คูม อื ครู
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
เสร�ม
8
1. การพัฒนาทักษะการทํางาน เพื่อเสริมสรางผูเรียนใหมีทักษะ วิชาชีพที่จําเปนสอดคลองกับ ความตองการของตลาดแรงงาน และสถานประกอบการในอาเซียน สามารถเทียบโอนผลการเรียน และการทํางานตามมาตรฐานฝมือ แรงงานในภูมิภาคอาเซียน
2. การเสริมสรางวินัย ความรับผิดชอบ และเจตคติรักการทํางาน สามารถพึ่งพาตนเอง มีทักษะชีวิต ดํารงชีวิตอยางมีความสุข เห็นคุณคา และภูมิใจในตนเอง ในฐานะที่เปนพลเมืองไทยและ อาเซียน
3. การเรียนรูเพื่อพัฒนาตนเอง อยางตอเนื่องตลอดชีวิต ใหมี ทักษะการทํางานตามมาตรฐาน อาชีพ และคุณวุฒิของวิชาชีพสาขา ตางๆ เพื่อรองรับการเตรียมเคลื่อน ยายแรงงานมีฝมือและการเปน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่ เขมแข็ง เพื่อสรางขีดความสามารถ ในการแขงขันในเวทีโลก
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน 1. การเสริมสรางความรวมมือ ในลักษณะสังคมที่เอื้ออาทร ของประชากรอาเซียน โดยยึด หลักการสําคัญ คือ ความงดงาม ของประชาคมอาเซียนมาจาก ความแตกตางและหลากหลายทาง วัฒนธรรมที่ลวนแตมีคุณคาตอ มรดกทางวัฒนธรรมของอาเซียน ซึ่งประชาชนทุกคนตองอนุรักษ สืบสานใหยั่งยืน
2. การเสริมสรางคุณลักษณะ ของผูเรียนใหเปนพลเมืองอาเซียน ที่มีศักยภาพในการกาวเขาสู ประชาคมอาเซียนอยางมั่นใจ เปนผูที่มีสุขภาพสมบูรณแข็งแรง มีทักษะการสื่อสาร ทักษะการ ทํางาน ทักษะทางสังคม สามารถ ทํางานรวมกับผูอื่นไดอยาง สรางสรรค และมีองคความรู เกี่ยวกับอาเซียนที่จําเปนตอการ ดํารงชีวิตอยางมีคุณภาพ
4. การสงเสริมการเรียนรูดาน ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถชี วี ติ ความเปนอยูข องเพือ่ นบาน ในอาเซียน เพื่อสรางจิตสํานึกของ ความเปนประชาคมอาเซียนและ ตระหนักถึงหนาที่ของการเปน พลเมืองอาเซียนรวมกัน
3. การสงเสริมการเรียนรูภาษา อังกฤษเพื่อการสื่อสารและการ ทํางานตามมาตรฐานอาชีพที่ กําหนดและสนับสนุนการเรียนรู ภาษาอาเซียนและภาษาเพื่อนบาน เพื่อชวยเสริมสรางสัมพันธภาพทาง สังคม และการอยูรวมกันอยางสันติ ทามกลางความหลากหลายทาง วัฒนธรรม
5. การสรางความรูและความ ตระหนักเกี่ยวกับดานสิ่งแวดลอม ปญหาและผลกระทบตอคุณภาพ ชีวิตของประชากรในภูมิภาค รวมทั้งแนวทางการพัฒนาอยาง ยั่งยืน ใหเปนมรดกสืบทอดแก พลเมืองอาเซียนในรุนหลังตอๆ ไป
กระทรวงศึกษาธิการจึงประกาศนโยบายการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) เพื่อเรงพัฒนาเด็ก และเยาวชนไทยใหเปนทรัพยากรมนุษยของชาติที่มีทักษะและความชํานาญ พรอมเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงและ การแขงขันทั้งในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆ ของสังคมโลก ทั้งนี้ผูบริหารสถานศึกษา ครูผูสอน และผูปกครอง ควรรวมมือกันอยางใกลชดิ ในการดูแลชวยเหลือผูเ รียนและจัดประสบการณการเรียนรูเ พือ่ พัฒนาผูเ รียนจนเต็มศักยภาพ เพื่อกาวเขาสูการเปนพลเมืองอาเซียนอยางมีเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีความเปนมนุษยของตน คูม อื ครู
คณะผูจัดทํา
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง สาระที่ 4
ประวัติศาสตร (เฉพาะชั้น ป.1)*
ประวัติศาสตร
มาตรฐาน ส 4.1 เขาใจความหมาย ความสําคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร สามารถใชวิธีการ ทางประวัติศาสตรมาวิเคราะหเหตุการณตางๆ อยางเปนระบบ ชั้น
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
ป.1 1. บอกวัน เดือน ป • ชื่อ วัน เดือน ป ตามระบบสุริยคติที่ปรากฏ • หนวยการเรียนรูท ี่ 1 และการนับชวงเวลา ในปฏิทิน วัน เวลา และเรือ่ งราว ตามปฏิทินที่ใช • ชื่อ วัน เดือน ป ตามระบบจันทรคติในปฏิทิน ทางประวัตศิ าสตร ในชีวิตประจําวัน • ชวงเวลาที่ใชในชีวิตประจําวัน เชน ตอนเชา บทที่ 1 การใชปฏิทิน วันนี้ ตอนเย็น ในชีวติ ประจําวัน 2. เรียงลําดับเหตุการณ • เหตุการณที่เกิดขึ้นในชีวิตประจําวันของนักเรียน • หนวยการเรียนรูท ี่ 1 ในชีวิตประจําวัน เชน ตื่นนอน เขานอน เรียนหนังสือ เลนกีฬา วัน เวลา และเรือ่ งราว ตามวันเวลาที่เกิดขึ้น รับประทานอาหาร ฯลฯ ทางประวัตศิ าสตร • ใชคําบอกชวงเวลา แสดงลําดับเหตุการณ บทที่ 1 การใชปฏิทิน ที่เกิดขึ้นได ในชีวิตประจําวัน 3. บอกประวัติความ • วิธีการสืบคนประวัติความเปนมาของตนเอง • หนวยการเรียนรูท ี่ 1 และครอบครัวอยางงายๆ วัน เวลา และเรือ่ งราว เปนมาของตนเอง และครอบครัวโดย • การบอกเลาประวัติความเปนมาของตนเองและ ทางประวัตศิ าสตร สอบถามผูเกี่ยวของ ครอบครัว บทที่ 2 ความเปนมาของเรา
เสร�ม
9
มาตรฐาน ส 4.2 เขาใจพัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตจนถึงปจจุบันในดานความสัมพันธและการเปลี่ยนแปลง ของเหตุการณอยางตอเนื่อง ตระหนักถึงความสําคัญและสามารถวิเคราะหผลกระทบที่เกิดขึ้น ชั้น
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
ป.1 1. บอกความ • ความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดลอม สิ่งของ • หนวยการเรียนรูท ี่ 2 เปลี่ยนแปลงของ เครื่องใช หรือการดําเนินชีวิตของอดีตกับ การดําเนินชีวติ สภาพแวดลอม ปจจุบันที่เปนรูปธรรมและใกลตัวเด็ก เชน บทที่ 1 ชีวิตที่เปลี่ยนแปลง สิ่งของเครื่องใช การใชควายไถนา รถไถนา เตารีด ถนน เกวียน หรือการดําเนินชีวิต รถอีแตน ของตนเองกับสมัย • สาเหตุและผลของการเปลี่ยนแปลงของสิ่งตางๆ ของพอแม ปูยา ตามกาลเวลา ตายาย 2. บอกเหตุการณ • เหตุการณสําคัญที่เกิดขึ้นในครอบครัว เชน • หนวยการเรียนรูท ี่ 2 ที่เกิดขึ้นในอดีตที่มี การยายบาน การยายโรงเรียน การสูญเสีย การดําเนินชีวติ ผลกระทบตอตนเอง บุคคลในครอบครัว บทที่ 2 เหตุการณ ในอดีต ในปจจุบัน ที่มีผลกับปจจุบัน _________________________________ * สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม. (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพชุมนุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย, 2551), หนา 92-118.
คูม อื ครู
มาตรฐาน ส 4.3 เข า ใจความเป นมาของชาติ ไ ทย วั ฒ นธรรม ภู มิ ป ญ ญาไทย มี ความรั ก ความภู มิ ใ จ และธํ า รง ความเปนไทย ชั้น
เสร�ม
10
คูม อื ครู
ตัวชี้วัด
ป.1 1. อธิบายความหมาย และความสําคัญของ สัญลักษณสําคัญของ ชาติไทย และปฏิบัติ ตนไดถูกตอง
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• ความหมายและความสําคัญของสัญลักษณ • หนวยการเรียนรูท ี่ 3 ที่สําคัญของชาติไทยที่เปนความภาคภูมิใจ บทที่ 1 สัญลักษณ และการมีสวนรวมที่จะอนุรักษ ไว ไดแก ชาติ ของชาติไทย ศาสนา พระมหากษัตริย (ธงชาติ เพลงชาติ พระพุทธรูป พระบรมฉายาลักษณ ภาษาไทย อักษรไทย) • การเคารพธงชาติ การรองเพลงชาติ และ เพลงสรรเสริญพระบารมี การเคารพพระบรมฉายาลักษณ เคารพศาสนวัตถุ ศาสนสถาน • เอกลักษณอื่นๆ เชน ศาสนา การแตงกาย วัฒนธรรม ประเพณีไทย เงินตรา แผนที่ประเทศไทย อาหารไทย (อาหารทีต่ า งชาติยกยอง เชน ตมยํากงุ ผัดไทย) 2. บอกสถานที่สําคัญ • ตัวอยางของแหลงวัฒนธรรมในชุมชน • หนวยการเรียนรูท ี่ 3 ซึ่งเปนแหลง ที่ใกลตัวนักเรียน เชน วัด ตลาด พิพิธภัณฑ บทที่ 1 สัญลักษณ วัฒนธรรมในชุมชน มัสยิด โบสถคริสต โบราณสถาน โบราณวัตถุ ของชาติไทย • คุณคาและความสําคัญของแหลงวัฒธรรมใน ชุมชนในดานตางๆ เชน เปนแหลงทองเที่ยว เปนแหลงเรียนรู • ตัวอยางสิ่งที่เปนความภาคภูมิใจในทองถิ่น เชน • หนวยการเรียนรูท ี่ 3 3. ระบุสิ่งที่ตนรัก สิ่งของ สถานที่ ภาษาถิ่น วัฒนธรรมประเพณี และภาคภูมิใจ บทที่ 1 สัญลักษณ ทีเ่ ปนสิง่ ที่ใกลตวั นักเรียนและเปนรูปธรรมชัดเจน ของชาติไทย ในทองถิ่น • คุณคาและประโยชนของสิ่งตางๆ เหลานั้น
คําอธิบายรายวิชา รายวิชา ประวัติศาสตร ชั้นประถมศึกษาปที่ 1 รหัสวิชา …………………………………
กลุมสาระการเรียนรู สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ภาคเรียนที่ 1-2 เวลา 40 ชั่วโมง/ป
ศึกษา วิเคราะห บอกชื่อวัน เดือน ป และการนับชวงเวลาตามปฏิทินที่ใชในชีวิตประจําวัน เรียงลําดับ เสร�ม เหตุการณในชีวิตประจําวันตามวันเวลาที่เกิดขึ้น ประวัติความเปนมาของตนเองและครอบครัว โดยสอบถาม 11 ผูเกี่ยวของ ความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดลอม สิ่งของ เครื่องใช หรือการดําเนินชีวิตของตนเองกับ สมัยของพอแม ปูยา ตายาย เหตุการณที่เกิดขึ้นในอดีตที่มีผลกระทบตอตนเองในปจจุบัน ความหมายและ ความสําคัญของสัญลักษณสําคัญของชาติไทย สถานที่สําคัญซึ่งเปนแหลงวัฒนธรรมในชุมชน สิ่งที่ตนรัก และภาคภูมิใจในทองถิ่น โดยใช ก ระบวนการคิ ด กระบวนการสื บ ค น ข อ มู ล กระบวนการปฏิ บั ติ กระบวนการทางสั ง คม กระบวนการกลุม กระบวนการเผชิญสถานการณและแกปญหา เพือ่ ใหเกิดความรู ความเขาใจ สามารถนําไปปฏิบตั ใิ นการดําเนินชีวติ มีคณุ ธรรม จริยธรรม มีคณุ ลักษณะ อันพึงประสงคในดานรักชาติ ศาสน กษัตริย ซื่อสัตยสุจริต มีวินัย ใฝเรียนรู รักความเปนไทย มีจิตสาธารณะ สามารถดําเนินชีวิตอยางสันติสุขในสังคมไทยและสังคมโลก ตัวชี้วัด ส 4.1 ส 4.2 ส 4.3
ป.1/1 ป.1/1 ป.1/1
ป.1/2 ป.1/2 ป.1/2
ป.1/3 ป.1/3 รวม 8 ตัวชี้วัด
คูม อื ครู
จุดเนนการพัฒนาคุณภาพผูเรียน* การขับเคลื่อนหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 และการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษ ที่สอง (พ.ศ. 2552-2561) ใหประสบผลสําเร็จตามจุดเนนการพัฒนาคุณภาพผูเรียน โดยใหทุกภาคสวน รวมกันดําเนินการ กระทรวงศึกษาธิการไดกําหนดจุดเนนการพัฒนาคุณภาพผูเรียน ดังนี้ เสร�ม
12
ทักษะ ความสามารถ
คุณลักษณะ จุดเนนตามชวงวัย
ม. 4-6
แสวงหาความรู เพื่อแกปญหา ใชเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู ใชภาษาตางประเทศ (ภาษาอังกฤษ) มีทักษะการคิดขั้นสูง ทักษะชีวิต ทักษะการสื่อสารอยางสรางสรรคตามชวงวัย
ม. 1-3
แสวงหาความรูดวยตนเอง ใชเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู มีทักษะการคิดขั้นสูง ทักษะชีวิต ทักษะการสื่อสารอยางสรางสรรคตามชวงวัย
• อยูอยางพอเพียง
ป. 4-6
อานคลอง เขียนคลอง คิดเลขคลอง ทักษะการคิดขั้นพื้นฐาน ทักษะชีวิต ทักษะการสื่อสารอยางสรางสรรคตามชวงวัย
• ใฝเรียนรู
ป. 1-3
อานออก เขียนได คิดเลขเปน มีทักษะการคิดขั้นพื้นฐาน ทักษะชีวิต ทักษะการสื่อสารอยางสรางสรรคตามชวงวัย
• ใฝดี
• มุงมั่นในการศึกษา และการทํางาน
คุณลักษณะตามหลักสูตร
• รักชาติ ศาสน กษัตริย • ซื่อสัตยสุจริต • มีวินัย • ใฝเรียนรู • อยูอยางพอเพียง • มุงมั่นในการทํางาน • รักความเปนไทย • มีจิตสาธารณะ
* สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ. แนวทางการนําจุดเนนการพัฒนาผูเรียน สูการปฏิบัติ. (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพชุมนุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย, 2553), หนา 3-10.
คูม อื ครู
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹
»ÃÐÇѵÔÈÒʵà ».ñ ªÑé¹»ÃжÁÈÖ¡ÉÒ»‚·Õè ñ
¡ÅØ‹ÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ Êѧ¤ÁÈÖ¡ÉÒ ÈÒÊ¹Ò áÅÐÇѲ¹¸ÃÃÁ µÒÁËÅÑ¡ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òõõñ
¼ÙŒàÃÕºàÃÕ§ ÃÈ. ÇزԪÑ ÁÙÅÈÔÅ»Š ¼ÙŒµÃǨ
´Ã. ¡Ñ³°Ô¡Ò ÈÃÕÍØ´Á ¼È. ´Ã. Çþà ÀÙ‹¾§È ¾Ñ¹¸Ø ¹Ò§ÊØÃÕ ¾Ñ¹¸Ø ÊØ¢ÊÒ¸Ø
ºÃóҸԡÒà ¼È. ÈÔÃԾà ´Òºà¾ªÃ
¾ÔÁ¾ ¤ÃÑ駷Õè ññ
ʧǹÅÔ¢ÊÔ·¸ÔìµÒÁ¾ÃÐÃÒªºÑ- - ÑµÔ ISBN : 978-616-203-050-5 ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ ñññóðõð
¤Œ¹¤ÇÒÁÃÙŒ¢ÂÒ¤ÇÒÁ¤Ô´¨Ò¡
¾ÔÁ¾ ¤ÃÑ駷Õè ñ ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ ññôóðôó
EB GUIDE
ทีที่พ่พิมิมพพกกําํากักับบหัหัววขขออสํสําาคัคัญ ญในหนั ในหนังงสืสืออเรี เรียยนหลั นหลักกสูสูตตรใหม รใหม ชัชั้น้น ป.๔ ป.๔ ขึขึ้น้นไป ไป ผผาานน www.aksorn.com ไปยั ไปยังงแหล แหลงงความรู ความรูททั่วั่วไทย-ทั ไทย-ทั่ว่วโลก โลก
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
¤íÒ¹íÒ ´ŒÇ¡ÃзÃǧÈÖ¡ÉÒ¸Ô¡ÒÃä´ŒÁÕ¤íÒÊÑè§ãˌ㪌ËÅÑ¡ÊٵáÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òõôô ã¹âçàÃÕ¹·ÑÇè ä»·Õ¨è ´Ñ ¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñ¹é ¾×¹é °Ò¹ã¹»‚¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ òõôö áÅШҡ¡ÒÃÈÖ¡ÉÒÇÔ¨ÂÑ áÅеԴµÒÁ ¼Å¡ÒÃ㪌ËÅÑ¡ÊٵáÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñ¹é ¾×¹é °Ò¹ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òõôô ¨Ö§¹íÒä»Ê‹¡Ù ÒþѲ¹ÒËÅÑ¡ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§ ¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñ¹é ¾×¹é °Ò¹ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òõõñ «Ö§è ÁÕ¤ÇÒÁàËÁÒÐÊÁáÅЪѴਹ à¾×Íè ãˌʶҹÈÖ¡ÉÒä´Œ¹Òí ä» ãªŒà»š¹¡Ãͺ·Ôȷҧ㹡ÒèѴËÅÑ¡ÊÙµÃʶҹÈÖ¡ÉÒáÅШѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹à¾×Íè ¾Ñ²¹Òà´ç¡áÅÐàÂÒǪ¹ ·Ø¡¤¹ã¹ÃдѺ¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñ¹é ¾×¹é °Ò¹ãËŒÁ¤Õ ³ Ø ÀÒ¾´ŒÒ¹¤ÇÒÁÃÙŒ áÅзѡÉзըè Òí ໚¹ÊíÒËÃѺ¡ÒôíÒçªÕÇµÔ ã¹Êѧ¤Á·ÕèÁÕ¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§ áÅÐáÊǧËÒ¤ÇÒÁÃÙŒà¾×è;Ѳ¹Òµ¹àͧÍ‹ҧµ‹Íà¹×èͧµÅÍ´ªÕÇÔµ ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ »ÃÐÇѵÔÈÒʵà ».ñ àÅ‹Á¹Õé¨Ñ´·íÒ¢Öé¹ÊíÒËÃѺ㪌»ÃСͺ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ ªÑé¹»ÃжÁÈÖ¡ÉÒ»‚·Õè ñ â´Â´íÒà¹Ô¹¡ÒèѴ·íÒãËŒÊÍ´¤ÅŒÍ§µÒÁ¡Ãͺ¢Í§ËÅÑ¡Êٵ÷ء»ÃСÒà ʋ§àÊÃÔÁ ¡Ãкǹ¡ÒäԴ ¡ÒÃÊ׺àÊÒÐËÒ¤ÇÒÁÃÙŒ ¡ÒÃá¡Œ»˜ÞËÒ ¤ÇÒÁÊÒÁÒö㹡ÒÃÊ×èÍÊÒà ¡ÒõѴÊԹ㨠¡ÒùíÒä»ãªŒã¹ªÕÇÔµ ÃÇÁ·Ñé§Ê‹§àÊÃÔÁãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹ÁÕ ¤Ø³¸ÃÃÁ ¨ÃÔ¸ÃÃÁ áÅФ‹Ò¹ÔÂÁ·Õè¶Ù¡µŒÍ§àËÁÒÐÊÁ ¡Ñº¡ÒôíÒçªÕÇÔµã¹Êѧ¤Áä·Â ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ »ÃÐÇѵÔÈÒʵà ».ñ àÅ‹Á¹Õé ÁÕ ó ˹‹Ç ã¹áµ‹ÅÐ˹‹ÇÂẋ§à»š¹º·Â‹ÍÂæ «Ö觻ÃСͺ´ŒÇ ñ. ໇ÒËÁÒ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ»ÃШíÒ˹‹Ç ¡íÒ˹´ÃдѺ¤ÇÒÁÃÙŒ ¤ÇÒÁÊÒÁÒö¢Í§¼ÙŒàÃÕ¹ Ç‹ÒàÁ×èÍàÃÕ¹¨ºã¹áµ‹ÅÐ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ µŒÍ§ºÃÃÅØÁҵðҹµÑǪÕéÇÑ´·Õè¡Òí ˹´äÇŒã¹ËÅÑ¡ÊٵâŒÍã´ºŒÒ§ ò. á¹Ç¤Ô´ÊíÒ¤ÑÞ á¡‹¹¤ÇÒÁÃÙŒ·Õè໚¹¤ÇÒÁÃÙŒ¤ÇÒÁࢌÒ㨤§·¹µÔ´µÑǼٌàÃÕ¹ ó. à¹×éÍËÒ ¤ÃºµÒÁËÅÑ¡ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§ ¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾.È. òõõñ ¹íÒàÊ¹Í àËÁÒÐÊÁ¡Ñº¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ã¹áµ‹ÅÐÃдѺªÑé¹ ô. ¡Ô¨¡ÃÃÁ ÁÕËÅÒ¡ËÅÒÂÃٻẺãËŒ¹Ñ¡àÃÕ¹»¯ÔºÑµÔ ẋ§à»š¹ (ñ) ¡Ô¨¡ÃÃÁ¹íÒÊ‹Ù¡ÒÃàÃÕ¹ ¹íÒࢌÒÊ‹Ùº·àÃÕ¹à¾×èÍ¡Ãе،¹¤ÇÒÁʹã¨á¡‹¼ÙŒàÃÕ¹ (ò) ¡Ô¨¡ÃÃÁ¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹½ƒ¡»¯ÔºÑµÔà¾×è;Ѳ¹Ò¤ÇÒÁÃÙŒáÅзѡÉлÃШíÒ Ë¹‹Ç (ó) ¡Ô¨¡ÃÃÁÃǺÂÍ´ ãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹»¯ÔºÑµÔà¾×èÍáÊ´§¾ÄµÔ¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒÃǺÂÍ´ áÅÐ »ÃÐàÁÔ¹¼Å¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒµÒÁÁҵðҹµÑǪÕéÇÑ´»ÃШíÒ˹‹Ç ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ »ÃÐÇѵÔÈÒʵà ».ñ àÅ‹Á¹Õé ¹íÒàʹ͡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒãËŒàËÁÒÐÊÁ¡ÑºÇÑ¢ͧ ¼ÙŒàÃÕ¹㹪Ñé¹»ÃжÁÈÖ¡ÉÒ»‚·Õè ñ «Öè§à»š¹¡ÒÃÈÖ¡ÉÒÊÔ觷Õè¼ÙŒàÃÕ¹à¡ÕèÂÇ¢ŒÍ§ã¹¡ÒôíÒà¹Ô¹ªÕÇÔµ»ÃШíÒÇѹ â´Â㪌ÀÒ¾ á¼¹ÀÙÁÔ µÒÃÒ§¢ŒÍÁÙÅ ª‹ÇÂ㹡ÒùíÒàʹÍÊÒÃе‹Ò§æ «Ö觨Ъ‹ÇÂãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹ÊÒÁÒöàÃÕ¹ÃÙŒ ä´Œ§‹Ò¢Öé¹ ¤³Ð¼ÙŒ¨Ñ´·íÒ¨Ö§ËÇѧ໚¹Í‹ҧÂÔè§Ç‹Ò ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ »ÃÐÇѵÔÈÒʵà ».ñ àÅ‹Á¹Õé ¨Ð໚¹ Ê×èÍ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹·ÕèÍíҹǻÃÐ⪹ µ‹Í¡ÒÃàÃÕ¹»ÃÐÇѵÔÈÒʵà à¾×èÍãËŒÊÑÁÄ·¸Ô¼ÅµÒÁÁҵðҹ µÑǪÕéÇÑ´·Õè¡íÒ˹´äÇŒã¹ËÅÑ¡ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾.È. òõõñ ·Ø¡»ÃСÒà ¤³Ð¼ÙŒ¨Ñ´·íÒ
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
Explain
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
คําชี้แจงในการใชสื่อ เปาหมายการเรียนรู กําหนดระดับความรูความสามารถ ของผูเรียนเมื่อเรียนจบหนวย
ภาพหนาหนวยการเรียนรู เปนภาพประกอบขนาดใหญ ชวยกระตุนความสนใจของผูเรียน
กิจกรรมนําสูการเรียน นําเขาสูบทเรียนโดยใชกระตุน ความสนใจและวัดประเมินผล กอนเรียน
¡ÒÃ㪌»¯Ô·Ô¹ã¹ªÕÇÔµ»ÃШíÒÇѹ
º··Õè
หนวยการเรียนรูท ี่
ñ
ñ
Çѹ àÇÅÒ áÅÐàÃ×èͧÃÒÇ·Ò§»ÃÐÇѵÔÈÒʵÃ
กิจกรรมนําสูการเรียน
เมษายน ๒๕๕๖ อาทิตย Sunday
เปาหมายการเรียนรูประจําหนวยที่ ๑
เมื่อเรียนจบหนวยนี้ ผูเรียนจะมีความรูความสามารถตอไปนี้ ๑. บอกวัน เดือน ป และการนับชวงเวลาตามปฏิทินที่ใชในชีวิตประจําวัน [มฐ. ส ๔.๑ ป.๑/๑] ๒. เรียงลําดับเหตุการณในชีวิตประจําวันตามวันเวลาที่เกิดขึ้น [มฐ. ส ๔.๑ ป.๑/๒] ๓. บอกประวัติความเปนมาของตนเองและครอบครัวโดยสอบถามผูเกี่ยวของ [มฐ. ส ๔.๑ ป.๑/๓]
จันทร Monday
อังคาร Tuesday
วันหยุดชดเชย วันจักรี
วันสงกรานต
วันหยุดชดเชย วันสงกรานต
วันสงกรานต
4
พุธ Wednesday
April 2013
พฤหัสบดี Thursday
ศุกร Friday
เสาร Saturday
แรม ๘ ค่ำ เดือน ๔
วันจักรี
แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๔
วันสงกรานต
ขึน้ ๘ ค่ำ เดือน ๕
ä»àÂÕÂè Á¤Ø³ÂÒÂ
Çѹà¡Ô ´¤Ø³¾‹Í ขึน้ ๑๕ ค่ำ เดือน ๕
มาตรฐานตัวชี้วัด ระบุตัวชี้วัดตามที่หลักสูตรกําหนด
เพื่อนๆ ดูภาพปฏิทิน แลวชวยกันบอกวารูขอมูลอะไรบางคะ
แนวคิดสําคัญ ●
●
●
●
●
●
Çѹ àÇÅÒ ÁÕ¤ÇÒÁà¡ÕèÂÇ¢ŒÍ§¡ÑºªÕÇÔµ»ÃШíÒÇѹ¢Í§àÃÒ ¤íҺ͡Çѹ àÇÅÒ ÁÕËÅÒÂẺ ઋ¹ àÁ×èÍÇÒ¹¹Õé Çѹ¹Õé ¾ÃØ‹§¹Õé àªŒÒ ÊÒ º‹Ò àÂç¹ ¤íҺ͡àÇÅÒ·Õ赋ҧ¡Ñ¹ ·íÒãËŒàÃÒÃÙŒÅíҴѺ¡‹Í¹ËÅѧ¢Í§àÃ×èͧÃÒǵ‹Ò§æ à¤Ã×èͧÁ×Í·Õè㪌ºÍ¡Çѹ à´×͹ »‚ àÃÕÂ¡Ç‹Ò »¯Ô·Ô¹ ¡ÒÃà¢Õ¹àÃ×èͧÃÒÇÊíÒ¤ÑޢͧàÃÒäÇŒº¹»¯Ô·Ô¹ ª‹ÇÂãËŒàÃÒ¨´¨íÒàÃ×èͧµ‹Ò§æ ä´Œ »¯Ô·Ô¹ª‹ÇÂãËŒàÃÒÅíҴѺàÃ×èͧÃÒÇ·Õèà¡Ô´¢Öé¹ä´Œ
2
แนวคิดสําคัญ แกนความรูที่จะเปนความเขาใจ คงทนติดตัวผูเรียน
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
เน�้อหา ครบตามหลักสูตรแกนกลางฯ ’๕๑ นําเสนอโดยใชแผนภาพ แผนภูมิ ตาราง เหมาะสมกับการเรียนการสอน
Evaluate
ภาพประกอบเน�้อหา เปนภาพประกอบ ๔ สี แทรกอยูตลอดเลม ชวยเสริมสรางความเขาใจ
ชีวิตประจ�าวันของคนเรามีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย จนท� า ให้ ใ นบางครั้ ง เราอาจลื ม เรื่ อ งราวที่ ผ ่ า นมานานแล้ ว บางครัง้ เราต้องนัดหมายหรือวางแผนเพือ่ จะท�าสิง่ ต่าง ๆ ในวัน ข้างหน้า ดังนั้น การจดบันทึกวัน เดือน ป เกี่ยวกับเรื่องราว ต่างๆ ทีเ่ กิดในอดีต ปัจจุบนั และในอนาคตจะช่วยเตือนความจ�า ว่าต้องท�าสิ่งใดในวันใด เครื่องมือที่ช่วยให้รู้ วัน เดือน ป และ เตือนความจ�าเราได้อย่างดี เรียกว่า ปฏิทิน
กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู ใหผูเรียนฝกปฏิบัติเพื่อพัฒนา ความรูและทักษะประจําหนวย
ข้างขึน้ หมายถึง วันทีเ่ รา เห็นพระจันทร์คอ่ ยๆ สว่างขึน้ เริม่ จากวันขึน้ ๑ ค�า่ ถึงวันขึน้ ๑๕ ค�่า เช่น
▲ วันวิสาขบูชา ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๖
▲ วันเข้าพรรษา ตรงกับวันแรม ๑ ค�่า เดือน ๘
วันพุธที่ ๒๒ พ.ค. ๒๕๕๖
3
▲ วันลอยกระทง ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๑๒
ใน ๑ วัน แบงเปน กลางวันและกลางคืน เชน คําที่ใชบอกเวลาชวงกลางวัน เชน เชา เที่ยง เย็น คําที่ใชบอกเวลาชวงกลางคืน เชน หัวคํ่า ดึก เวลาเชา พระอาทิตยขนึ้ ทางทิศตะวันออก เวลาเที่ยง พระอาทิตยอยูตรงศีรษะ เวลาเย็น พระอาทิตยตกทางทิศ ตะวันตก ▲
วันขึ้น ๑๕ ค�า่ เดือน ๖ เป็นวันวิสาขบูชา วันขึน้ ๑๕ ค�า่ เดือน ๑๒ เป็นวันลอยกระทง ข้างแรม งแรม หมายถึง วันที่ เราเห็นพระจันทร์ค่อยๆ มืด ลง เริ่มจากวันแรม ๑ ค�่า ถึง วันแรม ๑๕ ค�่า เช่น วันแรม ๑ ค�่ า เดื อ น ๘ เป็ นวั น เข้ า พรรษา ระหว่างนี้พระสงฆ์จะ จ�าพรรษาที่วัดตลอด ๓ เดือน
กิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ที่ ๔
ดู ป ฏิ ทิ น ของเดื อ นนี้ แล้ ว เขี ย นวั น ทางจั น ทรคติ ที่ ป รากฏ บนปฏิทินลงในสมุด 8
เวลาเที่ยง พระอาทิตยอยูตรงศีรษะ
กิจกรรมพัฒนาการเรียนรูที่ ๗
เขียนบันทึกวาในวันนีน้ กั เรียนทํากิจกรรมใดบาง โดยใชคาํ บอก ชวงเวลา กิจกรรมรวบยอด
๑. สอบถามสมาชิกในบานเกีย่ วกับวัน เดือน ปเกิดของทุกคน แลวนํามาเทียบกับปจจุบันวาตรงกับวันใด โดยบันทึกลงในสมุด ๒. สํารวจวันสําคัญทางพระพุทธศาสนาจากปฏิทนิ ปปจ จุบนั วา ตรงกับวันใดทั้งทางสุริยคติและทางจันทรคติ แลวบันทึกลงในสมุด ๓. เขี ย นบั น ทึ ก เหตุ ก ารณ ป ระจํ า วั น ของตนเองเป น เวลา ๑ สัปดาห จากนั้นนํามาเลาใหเพื่อนฟงที่หนาชั้น ๑๔
กิจกรรมรวบยอด ใหผูเรียนฝกปฏิบัติเพื่อแสดง พฤติกรรมการเรียนรูรวบยอด และประเมินผลการเรียนรูตาม มาตรฐานตัวชี้วัดประจําหนวย
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
สารบัญ ● ตารางวิเคราะหมาตรฐานการเรียนรู
หนวยการเรียนรูที่
๑ วัน เวลา และเรื่องราวทางประวัติศาสตร
บทที่ ๑ การใชปฏิทินในชีวิตประจําวัน บทที่ ๒ ความเปนมาของเรา หนวยการเรียนรูที่
๑
๒ ๑๕
๒ การดําเนินชีวิต
๒๐
๓ ชาติไทย
๓๗
บทที่ ๑ ชีวิตที่เปลี่ยนแปลง บทที่ ๒ เหตุการณในอดีตที่มีผลกับปจจุบัน หนวยการเรียนรูที่
ก
บทที่ ๑ สัญลักษณของไทย ● คําสําคัญ ● บรรณานุกรม ● ดรรชนีภาพประวัติศาสตร
๒๑ ๓๒
๓๘ ๕๐ ๕๐
พิเศษ
๑
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Explore
ตารางวิเคราะห
Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
Áҵðҹ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙጠÅеÑǪÕÇé ´Ñ ÃÒÂÇÔªÒ »ÃÐÇѵÈÔ Òʵà ».๑
คําชี้แจง : ใหผูสอนใชตารางน�้ตรวจสอบวา เน�้อหาสาระการเรียนรูในหนวยการเรียนรูสอดคลองกับมาตรฐาน การเรียนรูและตัวชี้วัดชั้นปในขอใดบาง
มาตรฐาน การเรียนรู
สาระการเรียนรู หนวยที่ ๑ หนวยที่ ๒ หนวยที่ ๓ ตัวชี้วัด ชั้น ป.๑
บทที่ ๑ ๒
บทที่ ๑ ๒
บทที่ ๑
สาระที่ ๔ ประวัติศาสตร
มฐ. ส ๔.๑
มฐ. ส ๔.๒
มฐ. ส ๔.๓
ก
๑. บอกวัน เดือน ป และการนับชวงเวลาตาม ✓ ปฏิทินที่ใชในชีวิตประจําวัน ๒. เรียงลําดับเหตุการณในชีวิตประจําวันตามวัน ✓ เวลาที่เกิดขึ้น ๓. บอกประวัติความเปนมาของตนเองและ ✓ ครอบครัวโดยสอบถามผูเกี่ยวของ ๑. บอกความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดลอม สิ�งของ เครื่องใช หรือการดําเนินชีวิตของ ✓ ตนเองกับสมัยของพอแม ปูยา ตายาย ๒. บอกเหตุการณที่เกิดขึ้นในอดีตที่มีผลกระทบ ✓ ตอตนเองในปจจุบัน ๑. อธิ บ ายความหมายและความสํ า คั ญ ของ สัญลักษณสําคัญของชาติไทยและปฏิบัติได ถูกตอง ๒. บอกสถานที่สําคัญซึ�งเปนแหลงวัฒนธรรมใน ชุมชน ๓. ระบุสิ�งที่ตนรักและภาคภูมิใจในทองถิ�น
✓ ✓ ✓
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุน ความสนใจ
Engage
1. ครูเตรียมปฏิทินหลากหลายแบบมาให นักเรีียนดู แลวชวนนักเรียนสนทนา เชน • ปฏิทินที่ครูนํามาใหดู มีลักษณะอยางไร (แนวตอบ เปนปฏิทินแบบตั้งโตะ ปฏิทิน แบบแขวน) • นักเรียนชอบปฏิทินแบบไหน เพราะอะไร (แนวตอบ คําตอบมีหลากหลายขึ้นอยูกับ คําตอบของนักเรียนแตละคน เชน ชอบปฏิทินแบบตั้งโตะ เพราะดูงาย และสะดวกในการใชงาน) 2. ใหนักเรียนชวยกันสังเกตวา ในปฏิทิน แตละแบบบอกขอมูลอะไรบาง 3. ใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นวา ปฏิทิน มีความจําเปนตอนักเรียนหรือไม อยางไร
หนวยการเรียนรูท ี่
ñ
Çѹ àÇÅÒ áÅÐàÃ×èͧÃÒÇ·Ò§»ÃÐÇѵÔÈÒʵà เปาหมายการเรียนรูประจําหนวยที่ ๑
เมื่อเรียนจบหนวยนี้ ผูเรียนจะมีความรูความสามารถตอไปนี้ ๑. บอกวัน เดือน ป และการนับชวงเวลาตามปฏิทินที่ใชในชีวิตประจําวัน [มฐ. ส ๔.๑ ป.๑/๑] ๒. เรียงลําดับเหตุการณในชีวิตประจําวันตามวันเวลาที่เกิดขึ้น [มฐ. ส ๔.๑ ป.๑/๒] ๓. บอกประวัติความเปนมาของตนเองและครอบครัวโดยสอบถามผูเกี่ยวของ [มฐ. ส ๔.๑ ป.๑/๓]
เกร็ดแนะครู ครูอาจนําตัวอยางปฏิทินหลากหลายแบบมาใหนักเรียนดู หรือถาไมมีตัวอยางปฏิทินอาจอธิบายลักษณะปฏิทินใหนักเรียนฟง หรือใหดูตัวอยางภาพก็ได เชน
ปฏิทินแบบตั้งโตะ
ปฏิทินแบบแขวน
ปฏิทินแบบฉีก คูมือครู
1
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. บอกวัน เดือน ป และการนับชวงเวลา ตามปฏิทินที่ใชในชีวิตประจําวัน (ส 4.1 ป.1/1) 2. เรียงลําดับเหตุการณในชีวิตประจําวัน ตามวันเวลาที่เกิดขึ้น (ส 4.1 ป.1/2)
¡ÒÃ㪌»¯Ô·Ô¹ã¹ªÕÇÔµ»ÃШíÒÇѹ
º··Õè
ñ
กิจกรรมนําสูการเรียน
สมรรถนะของผูเรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต
เมษายน ๒๕๕๖ อาทิตย Sunday
จันทร Monday
อังคาร Tuesday
คุณลักษณะอันพึงประสงค 1. มีวินัย รับผิดชอบ 2. ใฝเรียนรู 3. มุงมัน่ ในการทํางาน
วันหยุดชดเชย วันจักรี
วันสงกรานต
วันหยุดชดเชย วันสงกรานต
วันสงกรานต
4
พุธ Wednesday
April 2013
พฤหัสบดี Thursday
ศุกร Friday
เสาร Saturday
แรม ๘ ค่ำ เดือน ๔
วันจักรี
แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๔
วันสงกรานต
ขึน้ ๘ ค่ำ เดือน ๕
ä»àÂÕÂè Á¤Ø³ÂÒÂ
Çѹà¡Ô ´¤Ø³¾‹Í ขึน้ ๑๕ ค่ำ เดือน ๕
กระตุน ความสนใจ
Engage
ใหนักเรียนดูภาพ หนา 2 และชวยกันบอกวา • ปฏิทินนี้บอกขอมูลอะไรบาง (แนวตอบ ขอมูลชือ่ เดือน ป พ.ศ. และป ค.ศ. ชื่อวัน จํานวนวันในเดือนนี้ วันสําคัญใน เดือนนี้ ขอมูลที่เตือนความจํา) • การจดเรื่องราวหรือเหตุการณสําคัญตางๆ ลงบนปฏิทิน มีประโยชนอยางไร (แนวตอบ เพื่อชวยเตือนความจํา) • นักเรียนเคยจดบันทึกเหตุการณอะไรลงบน ปฏิทินบาง (แนวตอบ คําตอบมีหลากหลาย ขึ้นอยูกับ คําตอบของนักเรียนแตละคน เชน วันเกิด คุณพอ วันเกิดคุณแม กําหนดวันที่ตอง สงงานครู เปนตน)
เพื่อนๆ ดูภาพปฏิทิน แลวชวยกันบอกวารูขอมูลอะไรบางคะ
แนวคิดสําคัญ ●
●
●
●
●
●
๒
เกร็ดแนะครู ครูจัดกระบวนการเรียนรูโดยการใหนักเรียนปฏิบัติ ดังนี้ • สังเกต และเปรียบเทียบขอมูลในปฏิทินแบบตางๆ • แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการใชปฏิทิน • อธิบายเกี่ยวกับปฏิทินและการแบงชวงเวลา • ตอบคําถามเกี่ยวกับปฏิทินและการแบงชวงเวลา จนเกิดเปนความรูความเขาใจวา ปฏิทินเปนเครื่องมือที่ใชบอกวัน เวลา และชวยใหลําดับเรื่องราวที่เกิดขึ้นได
2
คูมือครู
Çѹ àÇÅÒ ÁÕ¤ÇÒÁà¡ÕèÂÇ¢ŒÍ§¡ÑºªÕÇÔµ»ÃШíÒÇѹ¢Í§àÃÒ ¤íҺ͡Çѹ àÇÅÒ ÁÕËÅÒÂẺ ઋ¹ àÁ×èÍÇÒ¹¹Õé Çѹ¹Õé ¾ÃØ‹§¹Õé àªŒÒ ÊÒ º‹Ò àÂç¹ ¤íҺ͡àÇÅÒ·Õ赋ҧ¡Ñ¹ ·íÒãËŒàÃÒÃÙŒÅíҴѺ¡‹Í¹ËÅѧ¢Í§àÃ×èͧÃÒǵ‹Ò§æ à¤Ã×èͧÁ×Í·Õè㪌ºÍ¡Çѹ à´×͹ »‚ àÃÕÂ¡Ç‹Ò »¯Ô·Ô¹ ¡ÒÃà¢Õ¹àÃ×èͧÃÒÇÊíÒ¤ÑޢͧàÃÒäÇŒº¹»¯Ô·Ô¹ ª‹ÇÂãËŒàÃÒ¨´¨íÒàÃ×èͧµ‹Ò§æ ä´Œ »¯Ô·Ô¹ª‹ÇÂãËŒàÃÒÅíҴѺàÃ×èͧÃÒÇ·Õèà¡Ô´¢Öé¹ä´Œ
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา Explore
Engage
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
สํารวจคนหา
ชีวิตประจําวันของคนเรามีเรื่องราวตางๆ เกิดขึ้นมากมาย จนทํ า ให ใ นบางครั้ ง เราอาจลื ม เรื่ อ งราวที่ ผ า นมานานแล ว บางครัง้ เราตองนัดหมายหรือวางแผนเพือ่ จะทําสิง่ ตาง ๆ ในวัน ขางหนา ดังนั้น การจดบันทึกวัน เดือน ป เกี่ยวกับเรื่องราว ตางๆ ทีเ่ กิดในอดีต ปจจุบนั และในอนาคตจะชวยเตือนความจํา วาตองทําสิ่งใดในวันใด เครื่องมือที่ชวยใหรู วัน เดือน ป และ เตือนความจําเราไดอยางดี เรียกวา ปฏิทิน1
Ô
Explore
1. ใหนักเรียนดูภาพ หนา 3 และบอกวา • เด็กที่เขียนหนังสือกําลังนึกถึงเรื่องอะไร (ตอบ ไปโรงเรียน ไปทัศนศึกษาที่สวนสัตว) • นักเรียนมีวิธีใดที่จะทําใหเด็กคนนี้จดจํา เรื่องราวตางๆ ที่ผานไปแลวได (แนวตอบ การบันทึกเรื่องราวเอาไว ทําไดดวย การเขียนบันทึก การถายภาพ หรือ การถายเปนวิดีโอ) 2. ครูซกั ถามนักเรียนวา เคยใชประโยชนจากปฏิทนิ หรือไม อยางไร 3. ใหนักเรียนที่เคยใชประโยชนจากปฏิทินบอกวา เคยใชทําอะไรบาง 4. ครูนาํ ปฏิทนิ แบบตางๆ ทัง้ แบบทีม่ คี รบ 12 เดือน ในแผนเดียว และแบบที่แยกเปนรายเดือน มาใหนักเรียนดู และสังเกตวาในปฏิทิน บอกรายละเอียดอะไรบาง 5. ใหนักเรียนศึกษาขอมูลในหนังสือ • หัวขอที่ 1 รูจักปฏิทิน หนา 4-9 • หัวขอที่ 2 ความสําคัญของปฏิทิน หนา 10-12
วนั พธุ ที่ ๒๒ พ.ค. ๒๕๕๖
๓
ขอสอบเนนการคิด
การจดบันทึกเกี่ยวกับเรื่องราวตางๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจําวัน มีผลดี ตอผูบันทึกอยางไร แนวตอบ ทําใหรูวามีเหตุการณอะไรเกิดขึ้นบางในอดีตที่ผานมา และ ทําใหรูวาในอนาคตควรจะทําสิ่งใดบาง
เกร็ดแนะครู ครูควรใหนักเรียนนําปฏิทินแบบตางๆ มาคนละ 1 ชิ้น จากนั้นใหนักเรียนชวยกัน เลือกปฏิทินที่เหมาะสมกับการจดบันทึก ทั้งนี้ครูอาจเสนอรูปแบบปฏิทินอิเล็กทรอนิกส อยางเชน ปฏิทินที่อยูใน Tablet หรือเครื่องคอมพิวเตอรใหนักเรียนรูจักและสังเกตความแตกตางดวย
นักเรียนควรรู 1 ปฏิทิน ปฏิทินสากลหรือปฏิทินแบบสุริยคติ เริ่มมีใชในประเทศไทย สมัยรัชกาลที่ 5 โดยเดือนแรกของปในปฏิทิน คือ เดือนเมษายน และเดือนสุดทาย ของปในปฏิทิน คือ เดือนมีนาคม ตอมาสมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามไดมีการ ปรับเปลี่ยนการนับเดือนแรกของปฏิทินตามแบบสากล โดยเดือนแรกของป ในปฏิทิน คือ เดือนมกราคม และเดือนสุดทายของปในปฏิทิน คือ เดือนธันวาคม และใชเชนนี้มาจนถึงปจจุบัน คูมือครู
3
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Explain
1. ใหนักเรียนรวมกันอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่ สังเกตเห็นในปฏิทิน 2. ใหนักเรียนเขียนสรุปสิ่งที่สังเกตเห็นจากปฏิทิน ลงในสมุด 3. ใหนักเรียนชวยกันบอกวา ปฏิทินมีความสําคัญ อยางไรบาง (แนวตอบ เชน บอกวันสําคัญ ชวยเตือนความจํา เปนตน) 4. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปขอมูลที่บอกไวใน ปฏิทินและประโยชนของปฏิิทิน 5. ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนฟงวา • ใน 1 ป มี 365 วัน หรือ 366 วัน • ถาปใดเดือนกุมภาพันธมี 28 วัน ในปนั้น จะมี 365 วัน • ถาปใดเดือนกุมภาพันธมี 29 วัน ในปนั้น จะมี 366 วัน ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกๆ 4 ป
๑. รูจักปฏิทิน
ปฏิทิน เปนเครื่องมือที่บอกวัน เดือน ป ในปฏิทินจึงมีวัน เดือน ป และวันสําคัญตางๆ ในชวงเวลา ๑ ป บอกไว ดังนั้น หากเราตองการรูวัน เดือน ป และวันสําคัญตางๆ ที่ถูกตอง จึงควรดูปฏิทิน บอกป พ.ศ. และป ค.ศ. บอกเดือน บอกวัน บอกวันที่ ตามแบบ สุริยคติ
บอกวันสําคัญ ในแตละป
บอกวันที่และเดือน ตามแบบจันทรคติ
วันแรก แรกของป ของปในปฏิทิน คือ วันที่ ๑ เดือน มกราคม วันสุดทายของป ยของปในปฏิทิน คือ วันที่ ๓๑ เดือน ธันวาคม ๔
บูรณาการอาเซียน ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนฟงวา ประเทศสมาชิกในกลุมอาเซียนใชปฏิทินแบบสากลเปนเครื่องมือในการบอกวัน เดือน ป เชนเดียวกันกับประเทศไทย อาจแตกตางกันบางตามรายละเอียดปลีกยอย เชน ปฏิทินของไทยจะมีการบอกวันแบบจันทรคติ เพิ่มขึ้นมา เปนตน นอกจากนี้ ปฏิทินยังเปนเครื่องมือที่ใชบอกวันสําคัญของแตละประเทศดวย เชน วันชาติ วันสําคัญทางศาสนา วันหยุด เปนตน ตัวอยางวันหยุดซึ่งเปนวันชาติของประเทศสมาชิกอาเซียนที่ปรากฏบนปฏิทิน ไดแก
4
ประเทศ บรูไน
วันชาติ 23 กุมภาพันธ
ประเทศ พมา
วันชาติ 4 มกราคม
กัมพูชา
9 พฤศจิกายน
ฟลิปปนส
12 มิถุนายน
อินโดนีเซีย
17 สิงหาคม
สิงคโปร
9 สิงหาคม
ลาว
2 ธันวาคม
ไทย
5 ธันวาคม
มาเลเซีย
31 สิงหาคม
เวียดนาม
2 กันยายน
คูมือครู
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
ในปฏิทิน จะบอกวันเวลา ๒ แบบ ๑) แบบสุริยคติ 1 วันตามแบบสุริยคติ มี ๗ วัน นับเปน ๑ สัปดาห หรือ ๑ อาทิตย วันทั้ง ๗ มีชื่อเรียก ดังนี้ วันอาทิตย อานวา วัน - อา - ทิด วันจันทร
อานวา วัน - จัน
วันอังคาร
อานวา วัน - อัง - คาน
วันพุธ
อานวา วัน - พุด
วันพฤหัสบดี อานวา วัน - พะ - รึ - หัด - สะ - บอ - ดี วันศุกร
อานวา วัน - สุก
วันเสาร
อานวา วัน - เสา
กิจกรรมพัฒนาการเรียนรูที่ ๑
(ผลการปฏิบัติกิจกรรมขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
Explain
1. ใหนกั เรียนชวยกันบอกวัน เดือน ป ของวันนี้ 2. ครูอธิบายเพิม่ เติมใหนกั เรียนเขาใจวา การบอก วัน เดือน ป แบบที่นักเรียนตอบ ขอ 1 เปนการบอกแบบสุริยคติ 3. ครูนําปฏิทินมาใหนักเรียนดู และใหนักเรียน สังเกตวาใน 1 แถว (แนวนอน) มีกี่วัน มีวัน อะไรบาง 4. ใหนักเรียนฝกอานออกเสียงชื่อวันบนปฏิทิน ใหถูกตอง โดยครูคอยชวยแนะนํา 5. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา การบอกวันตามแบบ สุริยคติมีทั้งหมด 7 วัน นับเปน 1 สัปดาห 6. ใหนักเรียนชวยกันตอบคําถาม • วันเริ่มตนของสัปดาห คือวันอะไร (ตอบ วันอาทิตย) • วันสุดทายของสัปดาห คือวันอะไร (ตอบ วันเสาร) • วันที่อยูกอนวันพุธ คือวันอะไร (ตอบ วันอังคาร) • วันที่อยูหลังวันศุกร คือวันอะไร (ตอบ วันเสาร) • วันใดที่เราหยุดเรียน (ตอบ วันเสาร วันอาทิตย และวันอื่นๆ ที่เปน วันหยุดราชการ) 7. ใหนักเรียนจัดกลุมเพื่อนที่เกิดวันเดียวกัน กับตนเอง จากนั้นคิดสัญลักษณแทนวันเกิด ของกลุมตนเอง แลวนําเสนอหนาชั้น
สํารวจนักเรียนในหองวา ใครเกิดวันอะไรบาง จากนั้นจัดกลุม นักเรียนตามวันที่เกิด แลวใหนักเรียนคิดหาสัญลักษณแทนวันเกิด ๕
ขอสอบเนนการคิด
“นุนเกิดวันอาทิตยที่ 7 เดือนกันยายน แตงเกิดวันที่ 18 กันยายน ปเดียวกัน” แสดงวาแตงเกิดวันใด และเดือนที่นุนและแตงเกิดมีกี่วัน ก. วันพฤหัสบดี และเดือนที่เกิดมี 30 วัน ข. วันอังคาร และเดือนที่เกิดมี 31 วัน ค. วันเสาร และเดือนที่เกิดมี 30 วัน ง. วันพุธ และเดือนที่เกิดมี 31 วัน
แนวตอบ ถาวันที่ 7 ตรงกับวันอาทิตย วันที่ 18 ตรงกับวันพฤหัสบดี และเดือนกันยายนมี 30 วัน ดังนั้น ขอ ก. จึงเปนคําตอบที่ถูก
เกร็ดแนะครู ครูควรสอนใหนักเรียนจดจําชื่อวัน ควบคูกับการเรียงลําดับวันและสีประจําวัน และใหนักเรียนฝกทองเปนจังหวะ เพื่อใหจดจําไดงายขึ้น ดังนี้ 1) วันอาทิตย สีแดง 2) วันจันทร สีเหลือง 3) วันอังคาร สีชมพู 4) วันพุธ สีเขียว 5) วันพฤหัสบดี สีแสด (สีสม) 6) วันศุกร สีฟา 7) วันเสาร สีมวง ครูควรอธิบายเพิม่ เติมใหนกั เรียนฟงวา ปฏิทนิ แบบสุรยิ คติกค็ อื ปฏิทนิ แบบสากล ซึ่งใน 1 ป มี 365 วัน หรือ 366 วัน นั่นเอง
นักเรียนควรรู 1 สุริยคติ คือ วิธีนับวันและเดือนแบบสากล โดยถือกําหนดตําแหนงดวงอาทิตย เปนหลัก คูมือครู
5
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู Explain
Expand
Evaluate
เดือนตามแบบสุริยคติ มี ๑๒ เดือน มีชื่อดังนี้ ๑ ๒ ๓ 1 มกราคม กุมภาพันธ มีนาคม (มะ-กะ-รา-คม)
๔
(กุม-พา-พัน)
๕
เมษายน
(เม-สา-ยน)
๗
ตุลาคม
(ตุ-ลา-คม)
๖
พฤษภาคม ๘
กรกฎาคม
๑๐
(มี-นา-คม)
(พรึด-สะ-พา-คม)
(กะ-ระ-กะ-ดา-คม)
๙
สิงหาคม
(สิง-หา-คม)
๑๑
(พรึด-สะ-จิ-กา-ยน)
กันยายน
(กัน-ยา-ยน)
๑๒
พฤศจิกายน
มิถุนายน
(มิ-ถุ-นา-ยน)
ธันวาคม
(ทัน-วา-คม)
เดือนที่ลงทายดวยคําวา ““คม” มี ๓๑ วัน “ยน” มี ๓๐ วัน เดือนที่ลงทายดวยคําวา ““ยน เดือนกุกุมภาพันธ มี ๒๘ หรือ ๒๙ วัน กิจกรรมพัฒนาการเรียนรูที่ ๒
(ผลการปฏิบัติกิจกรรมขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
สํารวจนักเรียนในหองวา ใครเกิดเดือนอะไรบาง แลวจัดกลุม ตามเดือนที่เกิด จากนั้นใหแตละกลุมเขาแถวเรียงตามลําดับเดือน ที่เกิด ๖
เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายเพิ่มเติมวา การที่ทุกๆ 4 ป จะมีวันเพิ่มขึ้น 1 วัน ทําใหเดือน กุมภาพันธในปนั้นมี 29 วัน และปนั้นมี 366 วัน เนื่องมาจากหลักการที่วา โลกโคจร รอบดวงอาทิตย 1 รอบ ใชเวลา 365 วัน กับอีก 1 ใน 4 ของวัน แตในการนับป เราใช 365 วัน = 1 ป ทําใหเวลาขาดหายไป 1 ใน 4 ของวัน ดังนั้นจึงตองทดเอาไว เมื่อครบรอบ 4 ป ก็จะไดเทากับ 1 วันพอดี จึงทําใหตองเพิ่ม 1 วัน ในทุกๆ 4 ป ในป พ.ศ. 2555 เปนปอธิกสุรทิน ดังนั้น ปอธิกสุรทินครั้งตอไปเปนป พ.ศ. 2559 (ค.ศ. 2016)
นักเรียนควรรู 1 กุมภาพันธ ในปที่เดือนกุมภาพันธมี 29 วัน หรือปนั้นมี 366 วัน เรียกวา ปอธิกสุรทิน (อะ-ทิ-กะ-สุ-ระ-ทิน) ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกๆ 4 ป คูมือครู
ตรวจสอบผล
Explain
1. ใหนักเรียนดูปฏิทินอีกครั้งจากปฏิทินอันเดิม ที่ครูนํามาใหดู และชวยกันนับจํานวนเดือน ในปฏิทินวามีทั้งหมดกี่เดือน จากนั้นใหนักเรียน ชวยกันตอบคําถาม • ใน 1 ป มีกี่เดือน (ตอบ 12 เดือน) • เดือนแรกของป คือเดือนอะไร (ตอบ มกราคม) • เดือนสุดทายของป คือเดือนอะไร (ตอบ ธันวาคม) 2. ใหนักเรียนฝกอานชื่อเดือน โดยดูคําอาน จากหนังสือเรียน หนา 6 3. ใหนักเรียนดูปฏิทิน แลวชวยกันบอกวา • เดือนใดบางที่มี 30 วัน (ตอบ เมษายน มิถุนายน กันยายน และพฤศจิกายน) • เดือนใดบางที่มี 31 วัน (ตอบ มกราคม มีนาคม พฤษภาคม กรกฎาคม สิงหาคม ตุลาคม และธันวาคม) • เดือนใดบางที่มีจํานวนวันนอยกวา 30 วัน (ตอบ กุมภาพันธ) 4. ใหนักเรียนดูชื่อเดือนในหนังสือเรียน หนา 6 แลววงชื่อเดือนที่ลงทายวา “ยน” และชวยกัน บอกวาเดือนที่ลงทายดวย “ยน” มีกี่วัน จากนั้น ใหนักเรียนขีด ✓ ทับชื่อเดือนที่ลงทาย ดวย “คม” แลวชวยกันบอกวาเดือนที่ลงทาย ดวย “คม” มีกี่วัน 5. ใหนักเรียนรวมกันสรุปใหไดวา เดือนที่ลงทาย ดวย “ยน” มี 30 วัน เดือนที่ลงทายดวย “คม” มี 31 วัน สวนเดือนกุมภาพันธมี 28 หรือ 29 วัน จากนั้นรวมกันนับจํานวนเดือนในหนึ่งป ที่ลงทายดวย “ยน” และ “คม”
6
ขยายความเขาใจ
ขอสอบเนนการคิด
เดือนในขอใดจัดอยูในจําพวกเดียวกัน ก. มีนาคม เมษายน ข. สิงหาคม กันยายน ค. มกราคม กุมภาพันธ ง. มิถุนายน พฤศจิกายน วิเคราะหคําตอบ หากสังเกตจากชื่อเดือนจะเห็นวา เดือนมิถุนายน และเดือนพฤศจิกายน เปนเดือนที่ลงทายดวย “ยน” เหมือนกัน จึงมี จํานวนวันเทากัน คือ 30 วัน ดังนั้น ขอ ง. จึงเปนคําตอบที่ถูก
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
1. ใหนักเรียนจัดกลุมตามเดือนเกิด และให เขาแถวเรียงลําดับตามเดือนเกิด จากนั้นครู และนักเรียนรวมกันสรุปชื่อเดือนตามแบบ สุริยคติอีกครั้ง 2. ใหนักเรียนฝกอานและเขียนวัน เดือน ป ตามแบบสุริยคติ โดยจับคูกับเพื่อน แลวให ฝายหนึ่งชี้ที่วันใดก็ไดในปฏิทิน แลวใหคู ของตนเขียน วัน เดือน ป ลงในกระดาษ และอานใหคูของตนฟง 3. ใหนักเรียนเขียนวัน เดือน ป ของวันเกิด ของตนเอง และวัน เดือน ป ของวันนี้ ลงในสมุด พรอมกับเขียนคําอาน 4. ใหนักเรียนดูภาพดวงจันทร หนา 7 และให นักเรียนชวยกันบอกวาเปนภาพเกี่ยวกับอะไร 5. ใหนักเรียนชวยกันตอบคําถาม • การมองเห็นดวงจันทรมีรูปรางแตกตาง กันไปในแตละคืนเกี่ยวกับปรากฏการณใด (ตอบ ขางขึ้น ขางแรม)
ตัวอยาง การเรียก วัน เดือน ป แบบสุริยคติ มิถุนายน / 2556 อา
จ อ พ พฤ ศ ส
วันพุธที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖ อานวา วัน - พุด - ที่ - หา - มิ - ถุ - นา - ยน พอ - สอ - สอง - พัน - หา - รอย - หา สิบ - หก
กิจกรรมพัฒนาการเรียนรูที่ ๓
Explain
(ผลการปฏิบัติกิจกรรมขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
เขียนวัน เดือน ป ของวันเกิดของตนเอง และวัน เดือน ป ของวันนี้ลงในสมุด พรอมทั้งเขียนคําอาน
๒) แบบจันทรคติ 1 วันตามแบบจันทรคติ เรียกวา วันขางขึ้น วันขางแรม วันแรม ๘ คํ่า วันแรม ๑๕ คํ่า
วันแรม ๓ คํ่า
วันขึ้น ๑๕ คํ่า
วันขึ้น ๓ คํ่า วันขึ้น ๘ คํ่า
ขอสอบเนนการคิด
๗
เกร็ดแนะครู
“หนูนาไปทําบุญวันมาฆบูชากับคุณแมที่วัด” จากขอความนี้แสดงวา หนูนาไปทําบุญในวันใด และเปนการบอกวันเวลาแบบใด ตารางกลุมคําตอบ กลุมคําตอบที่ 1 กลุมคําตอบที่ 2 1) วันขึ้น 8 คํ่า A สุริยคติ 2) วันขึ้น 15 คํ่า B จันทรคติ 3) วันแรม 15 คํ่า C อธิกสุรทิน
ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนฟงวา • วันแรม 15 คํ่า เปนวันที่มองไมเห็นดวงจันทร โดยจะเรียกวา คืนเดือนดับ • วันขึ้น 15 คํ่า เปนวันที่มองเห็นดวงจันทรสวางเต็มดวง โดยจะเรียกวา คืนเดือนเพ็ญ
วิเคราะหคําตอบ วันมาฆบูชาตรงกับวันขึ้น 15 คํ่า เดือน 3 ซึ่งเปนการ บอกวันเวลาตามแบบจันทรคติ ดังนั้น ขอ 2), B จึงเปนคําตอบที่ถูก
1 จันทรคติ เปนวิธีนับวันและเดือนโดยถือเอาการโคจรของดวงจันทรเปนหลัก
นักเรียนควรรู
มุม IT ครูคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปฏิทินทางจันทรคติไดจาก www.myhora.com/ปฏิทิน-จันทรคติไทย.aspx คูมือครู
7
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Explain
1. ใหนกั เรียนอธิบายความหมายของขางขึน้ ขางแรม ตามความเขาใจจากปฏิทิน 2. ใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นวา วันแบบจันทรคติวันใดบาง ที่มีการจัดกิจกรรม และนักเรียนเคยเขารวมกิจกรรมนั้น โดยสังเกต จากปฏิทินที่ครูนํามาใหดู 3. ครูอธิบายเพิม่ เติมใหนกั เรียนเขาใจวา • ระยะเวลาขางขึ้นมี 15 วัน ตั้งแตวันขึ้น 1 คํ่า ถึงวันขึ้น 15 คํ่า • ระยะเวลาขางแรมมี 15 วัน ตั้งแตวันแรม 1 คํ่า ถึงวันแรม 15 คํ่า ซึ่งเมื่อรวมกันแลวจะเปน 1 เดือน 4. ใหนักเรียนดูปฏิทินของเดือนนี้ และเขียนวัน ทางจันทรคติที่ปรากฏอยูบนปฏิทิน และบันทึก ลงในสมุด
ขางขึน้ หมายถึง วันทีเ่ รา เห็นพระจันทรคอ ยๆ สวางขึน้ เริม่ จากวันขึน้ ๑ คํา่ ถึงวันขึน้ ๑๕ คํ่า เชน
▲
▲
วันเขาพรรษา ตรงกับวันแรม ๑ คํ่า เดือน ๘
▲
วันลอยกระทง ตรงกับวันขึ้น ๑๕ คํ่า เดือน ๑๒
วันวิสาขบูชา ตรงกับวันขึ้น ๑๕ คํ่า เดือน ๖
วันขึ้น ๑๕ คํา่ เดือน ๖ เปนวันวิสาขบูชา วันขึน้ ๑๕ คํา่ เดือน ๑๒ เปนวันลอยกระทง ขางแรม หมายถึง วันที่ เราเห็นพระจันทรคอยๆ มืด ลง เริ่มจากวันแรม ๑ คํ่า ถึง วันแรม ๑๕ คํ่า เชน วันแรม ๑ คํ่ า เดื อ น ๘ เป นวั น เข า 1 พรรษา ระหวางนี้พระสงฆจะ จําพรรษาที2 ่วัดตลอด ๓ เดือน
กิจกรรมพัฒนาการเรียนรูที่ ๔
(ผลการปฏิบัติกิจกรรมขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
ดู ป ฏิ ทิ น ของเดื อ นนี้ แล ว เขี ย นวั น ทางจั น ทรคติ ที่ ป รากฏ บนปฏิทินลงในสมุด ๘
นักเรียนควรรู 1 วันเขาพรรษา เปนวันที่พระสงฆอธิษฐานวา จะพักประจําอยู ณ ที่ใดที่หนึ่ง เปนเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแตวันแรม 1 คํ่า เดือน 8 จนถึงวันออกพรรษา ในวันขึน้ 15 คํา่ เดือน 11 2 พรรษา หมายถึง ฤดูฝน จําพรรษา หมายถึง การทีพ่ ระสงฆตอ งอยูป ระจํา ทีว่ ดั เปนเวลา 3 เดือน ในฤดูฝน ซึ่งสาเหตุที่พระพุทธเจาทรงอนุญาตใหพระสงฆ อยูจําพรรษาเปนเวลา 3 เดือน ณ ที่ใดที่หนึ่ง ก็เพื่อใหพระสงฆไดหยุดพักการ เผยแผศาสนา เพราะในชวงฤดูฝนจะเดินทางยากลําบาก และยังเปนการปองกัน ไมใหพระสงฆเดินเหยียบยํ่าขาวกลาหรือพืชผลของชาวบานที่เริ่มลงแปลงปลูก ในฤดูฝน
8
คูมือครู
กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนหาภาพเหตุการณที่เกี่ยวของกับขางขึ้น ขางแรม มา 1 ภาพ และเขียนชื่อของเหตุการณนั้น
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนจัดทําสมุดภาพเหตุการณที่เกี่ยวของกับขางขึ้น ขางแรม (อาจนํารูปภาพมาติดหรือวาดภาพก็ได) จากนั้นเขียนชื่อของเหตุการณนั้น พรอมกับเขียนอธิบายเกี่ยวกับเหตุการณมาสั้นๆ
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
การเรียกชือ่ เดือนแบบจันทรคติ เรียกชือ่ เดือนงายๆ ดังนี้
๑. เดือนอาย (เดือนที่ ๑) ๒. เดือนยี่ (เดือนที่ ๒) ๓. เดือนสาม ๔. เดือนสี่ ๕. เดือนหา ๖. เดือนหก ๗. เดือนเจ็ด ๘. เดือนแปด ๙. เดือนเกา ๑๐. เดือนสิบ ๑๑. เดือนสิบเอ็ด ๑๒. เดือนสิบสอง ปฏิทินที่เราใชทุกวันนี้ จะบอกทั้งวันแบบสุริยคติ และจันทรคติ แบบสุริยคติ
วันจันทรที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เปนวัน อาสาฬหบูชา
กรกฎาคม / 2556 อา
จ
อ
พ พฤ ศ
ส
วันขึ้น ๑๕ คํ่า เดือน ๘ ปนี้ เปนวัน อาสาฬหบูชา1
แรม ๘ ค่ำ เดือน ๗ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๗ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๘
ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๘
กิจกรรมพัฒนาการเรียนรูที่ ๕
แบบจันทรคติ
Explain
1. ใหนักเรียนทบทวนการเรียกชื่อเดือนแบบ สุริยคติวา มีชื่อเดือนอะไรบาง และมีทั้งหมด กี่เดือน 2. ใหนักเรียนชวยกันแสดงความคิดเห็นวา การเรียกชื่อเดือนแบบจันทรคติกับแบบสุริยคติ เหมือนกันหรือแตกตางกันอยางไร (แนวตอบ ตางกัน คือ การเรียกชื่อเดือนแบบ จันทรคติ จะเรียกชื่อเดือนตามลําดับของเดือน เชน เดือนอาย (เดือนที่หนึ่ง) เดือนสาม เดือนแปด เปนตน สวนการเรียกชื่อเดือน แบบสุริยคติจะเรียกตามชื่อของเดือนนั้นๆ เชน มกราคม กุมภาพันธ กันยายน เปนตน) 3. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรียกชื่อเดือน แบบจันทรคติใหนักเรียนเขาใจ 4. ครูและนักเรียนชวยกันเปรียบเทียบการบอก วัน เดือน ป แบบสุริยคติและแบบจันทรคติ 5. ใหนักเรียนดูปฏิทิน และใหนักเรียน อานออกเสียงวันตามแบบจันทรคติ 6. ใหนักเรียนเขียนชื่อวัน เดือน ป ของวันนี้ ตามแบบจันทรคติ และบันทึกลงในสมุด 7. ใหนักเรียนเขียนชื่อวัน เดือน ป ของเดือนนี้ ที่ตรงกับวันพระตามแบบจันทรคติ และบันทึก ลงในสมุด
(ผลการปฏิบัติกิจกรรมขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
๑. เขียนชือ่ วัน เดือน ป ของวันนีต้ ามแบบจันทรคติลงในสมุด ๒. เขียนชื่อ วัน เดือน ป ของเดือนนี้ที่ตรงกับวันพระตามแบบ จันทรคติลงในสมุด ๙
1. ขางขึ้น ขางแรม 2. วันจันทร 3. เดือนอาย 4. เดือนกุมภาพันธ 5. 1 สัปดาห
ขอสอบเนนการคิด
จากขอมูลที่กําหนด ขอใดสัมพันธกับการบอกวัน เดือน ป ตามแบบจันทรคติ ก. 1 และ 3 ข. 2 และ 4 ค. 3 และ 5 ง. 4 และ 5
นักเรียนควรรู 1 วันอาสาฬหบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 คํ่า เดือน 8 เปนวันที่พระพุทธเจา ไดแสดงธรรมโปรดปญจวัคคีย ณ อิสปิ ตนมฤคทายวัน ซึ่งถือเปนการแสดงธรรม ครั้งแรกของพระองค (ปฐมเทศนา) และทําใหเกิดเหตุการณสําคัญ ดังนี้ • เปนวันแรกที่พระพุทธเจาทรงประกาศศาสนาและแสดงธรรม • มีพระสงฆองคแรกเกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา • มีพระรัตนตรัยครบองคสาม ไดแก พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ
วิเคราะหคําตอบ หมายเลข 2, 4 และ 5 เปนการบอกวัน เดือน ป ตามแบบสุริยคติ สวนหมายเลข 1 และ 3 เปนการบอกวัน เดือน ป ตามแบบจันทรคติ ดังนั้น ขอ ก. จึงเปนคําตอบที่ถูก
คูมือครู
9
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
Expand
1. ใหนักเรียนชวยกันบอกวา • เราใชประโยชนอะไรจากปฏิทิน (แนวตอบ บอกวัน เดือน ป บอกวันสําคัญ ตางๆ ชวยเตือนความจําวาตองทําอะไร ในวันใดบาง) 2. ใหนักเรียนนําปฏิทินที่บอกวันสําคัญในปนี้ มาใหเพื่อนในชั้นเรียนดู และชวยกันบอกวา ในปฏิทินบอกวันสําคัญใดบาง ตรงกับวันที่ เทาใด 3. ครูอธิบายเพิม่ เติมเรือ่ งความสําคัญของวันสําคัญ ในปฏิทิน และใหนักเรียนเลาเหตุการณ ที่เคยทําใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน 4. ครูซักถามนักเรียนวา ถามีสิ่งที่จะตองทํา หลายอยางและกลัววาจะจําไมได นักเรียน จะทําอยางไร 5. ใหนักเรียนบันทึกกิจกรรมสําคัญที่ไดทําไปแลว กําลังทํา และจะทําในอนาคตลงในปฏิทิน เดือนนี้ และออกมาเลาใหเพื่อนฟงที่หนาชั้น 6. ใหนักเรียนรวมกันสรุปเกี่ยวกับ • ความสําคัญของปฏิทิน • การบอกวันเวลาตามแบบสุริยคติ และตามแบบจันทรคติ โดยสรุปเปนขอๆ
๒. ความสําคัญของปฏิทนิ
ปฏิทนิ มีความสําคัญ ดังนี้ ๑) ปฏิทนิ บอกความสําคัญ ของวันสําคัญ เชน วันที่ ๑๓ เมษายน เปน วันสงกรานต และวันครอบครัว นักเรียนไปทําบุญทีว่ ดั ไหวปยู า ตายาย รดนํา้ ดําหัวผูใ หญ และ เลนสาดนํา้ กันอยางสนุกสนาน วันที่ ๒๙ กรกฎาคม 1 เปนวันภาษาไทยแหงชาติ ซึ่ง คนไทยทุกคนตองใชภาษาไทย ใหถกู ตอง เพือ่ รักษาภาษาไทย ของเราไวใหคงอยูค กู บั คนไทย ตลอดไป วันที่ ๕ ธันวาคม เปน วันเฉลิมพระชนมพรรษา คือ วันคลายวันพระบรมราชสมภพ (วันเกิด)ของพระบาทสมเด็จ พระเจาอยูหัว และเปนวันพอ แหงชาติ
เมษายน
๑๓
กรกฎาคม
๒๙
ธันวาคม
๕
๑๐
นักเรียนควรรู 1 วันภาษาไทยแหงชาติ ตรงกับวันที่ 29 กรกฎาคม ของทุกป เหตุผลที่ กําหนดใหวันนี้เปนภาษาไทยแหงชาติ เนื่องในวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวฯ ทรงรวมอภิปรายในหัวขอปญหาการใชคําไทย ที่คณะอักษรศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ซึ่งแสดงถึงพระปรีชาสามารถและ ความหวงใยในภาษาไทย ดังนั้นทางราชการจึงไดกําหนดใหวันที่ 29 กรกฎาคม ของทุกป เปนวันภาษาไทยแหงชาติ
10
คูมือครู
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูบูรณาการความรูในสาระสังคมศึกษาฯ วิชาประวัติศาสตรกับสาระ ภาษาไทย เรือ่ งวันสําคัญในปฏิทนิ โดยใหนกั เรียนเขียนเลาเหตุการณทปี่ ระทับใจ ในวันสําคัญที่นักเรียนเคยเขารวม จากนั้นออกมาอานใหเพื่อนฟงที่หนาชั้น เพื่อใหนักเรียนมีความรูความเขาใจเกี่ยวกับวันสําคัญในปฏิทินเพิ่มมากขึ้น
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
ขยายความเขาใจ มกราคม
๑
พฤษภาคม
๑๗
สิงหาคม
๑
๒) ปฏิ ทิ น ใช ช ว ยเตื อ น ความจําของเรา ทําใหเรารู วาเรื่องราวใดเกิดขึ้นเมื่อใด ช ว ยให เ ราลํ า ดั บ เรื่ อ งที่ เ กิ ด กับเราไดถูกตอง เชน วันที่ ๑ มกราคม เปน วันขึ้นป ใหม วิชาไปทําบุญ และไปรวมงานเลี้ยงปใหม วันที่ ๑๗ พฤษภาคม วิชาไปโรงเรียนเปนวันแรก วันที่ ๑ สิงหาคม ครูนดุ ี พานักเรียนไปเก็บขยะที่นอก โรงเรียน วันที่ ๒๐ กันยายน วิชา ไปเที่ยวนํ้าตกกับครอบครัว
Expand
ใหนักเรียนทํากิจกรรมรวบยอดที่ 1.1 จากแบบวัดฯ ประวัติศาสตร ป.1 โดยอานขอมูล จากปฏิทิน แลวตอบคําถาม ✓ แบบวัดฯ ใบงาน แบบฝกฯ ประวัติศาสตร ป.1 กิจกรรมรวบยอดที่ 1.1 แบบประเมินตัวชี้วัด ส 4.1 ป.1/1 แบบประเมินผลการเรียนรูตามตัวชี้วัด ประจําหนวยที่ ๑ บทที่ ๑ กิจกรรมรวบยอดที่ ๑.๑ แบบประเมินตัวชี้วัด ส ๔.๑ ป.๑/๑
บอกวัน เดือน ป และการนับชวงเวลาตามปฏิทินที่ใชในชีวิตประจําวัน
ชุดที่ ๑ ๑๐ คะแนน อานขอมูลในปฏิทิน แลวตอบคําถาม
ปเถาะ 8
August 2011 อาทิตย Sunday ฉบับ
เฉลย
จันทร Monday
1 7 8 14 15 21 22 28 29
อังคาร Tuesday
2 9 16 23 30
พุธ Wednesday
3 10 17 24 31
ขึ้น 2 คํ่า เดือน 9
ขึ้น 3 คํ่า เดือน 9
ขึ้น 4 คํ่า เดือน 9
ขึ้น 8 คํ่า เดือน 9
ขึ้น 9 คํ่า เดือน 9
ขึ้น 10 คํ่า เดือน 9
ขึ้น 15 คํ่า เดือน 9
แรม 1 คํ่า เดือน 9
แรม 7 คํ่า เดือน 9
8 สิงหาคม ๒๕๕๔
พฤหัสบดี Thursday
4 11 18 25
ศุกร Friday
5 6 12 13 19 20 26 27
ขึ้น 5 คํ่า เดือน 9
ขึ้น 6 คํ่า เดือน 9
ขึ้น 7 คํ่า เดือน 9
ขึ้น 11 คํ่า เดือน 9
ขึ้น 12 คํ่า เดือน 9
ขึ้น 13 คํ่า เดือน 9
ขึ้น 14 คํ่า เดือน 9
แรม 2 คํ่า เดือน 9
แรม 3 คํ่า เดือน 9
แรม 4 คํ่า เดือน 9
แรม 5 คํ่า เดือน 9
แรม 6 คํ่า เดือน 9
แรม 8 คํ่า เดือน 9
แรม 9 คํ่า เดือน 9
แรม 10 คํ่า เดือน 9 แรม 11 คํ่า เดือน 9
แรม 14 คํ่า เดือน 9 ขึ้น 1 คํ่า เดือน 10
ขึ้น 2 คํ่า เดือน 10
ขึ้น 3 คํ่า เดือน 10
แรม 12 คํ่า เดือน 9 แรม 13 คํ่า เดือน 9
12 วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจาฯ พระบรมราชินีนาถ
๘
กันยายน
๒๐
เสาร Saturday
วันพระ
๑๑
กิจกรรมสรางเสริม ครูใหนักเรียนจัดทําปฏิทินของปปจจุบัน เฉพาะเดือนเกิดของตนเอง โดยออกแบบและตกแตงใหสวยงาม
กิจกรรมทาทาย
เกร็ดแนะครู ครูอธิบายใหนักเรียนเขาใจวา เราสามารถใชปฏิทินชวยเตือนความจําได โดยการจดสิ่งที่ตองทําลงบนปฏิทิน นอกจากนี้การจดสิ่งที่ตองทําไวบนปฏิทิน จะทําใหลําดับเหตุการณตางๆ ไดวาเหตุการณใดเกิดขึ้นกอนหรือหลังตามลําดับ เวลา และสามารถยอนกลับมาดูขอมูลที่จดไวได
ครูใหนักเรียนจัดทําปฏิทินของปปจจุบันใหครบทั้ง 12 เดือน และสามารถนํามาใชไดจริง โดยออกแบบและตกแตงใหสวยงาม
คูมือครู
11
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
Expand
1. ใหนักเรียนสอบถามสมาชิกในครอบครัว เกี่ยวกับวัน เดือน ปเกิดของทุกคน แลวนํามา เทียบกับปปจจุบันวาตรงกับวันใด แลวบันทึก ลงในสมุด 2. ใหนักเรียนดูวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา จากปฏิทิน แลวบันทึกลงในสมุด ตามวันเวลา ที่เกิดขึ้น
ตรวจสอบผล
ขยายความเขาใจ
Evaluate
1. ครูตรวจสอบผลการทํากิจกรรมรวบยอดที่ 1.1 จากแบบวัดฯ ประวัติศาสตร ป.1 2. ครูตรวจสอบผลการบันทึกวัน เดือน ปเกิด ของสมาชิกในครอบครัว โดยพิจารณาจาก ความถูกตองสมบูรณของขอมูล และตรงตาม ความเปนจริง
เราบันทึกวันสําคัญของเราไวบนปฏิทิน เชน อาทิตย
จันทร
อังคาร
พุธ
พฤหัสบดี
ศุกร
เสาร
โรงเรียนปด
เรียนวาดรูป
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 โรงเรียนปด
สงงาน คัดลายมือ
วันเกิด คุณแม
วันเกิด คุณพอ
ไปเยี่ยมคุณยาย
โรงเรียนปด
วันพระ
๕ วันเฉลิมฯ พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวฯ ๑๐ วันรัฐธรรมนูญ ๓๑ วันสิ้นป
กิจกรรมพัฒนาการเรียนรูที่ ๖
(ผลการปฏิบัติกิจกรรมขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
ใหนักเรียนนําปฏิทินของเดือนนี้มาดู แลวเขียนกิจกรรมสําคัญ ที่ไดทําไปแลว กําลังจะทํา และจะทําในอนาคตลงในปฏิทิน จากนั้น ออกมาเลาใหเพื่อนฟงที่หนาชั้น ๑๒
มุม IT ครูดูขอมูลเรื่องปฏิทินวันพระไดที่ www.onab.go.th ซึ่งเปนเว็บไซตของ สํานักงานพระพุทธศาสนาแหงชาติ
12
คูมือครู
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูบูรณาการความรูในสาระสังคมศึกษาฯ วิชาประวัติศาสตรกับสาระ ศิลปะ วิชาทัศนศิลป เรื่องวันสําคัญในปฏิทิน โดยใหนักเรียนออกแบบ ตารางบันทึกเพื่อใชบันทึกวันสําคัญ ซึ่งอาจดูตัวอยางจาก หนา 12 และ ตกแตงระบายสีใหสวยงาม เพื่อใหนักเรียนไดฝกการเขียนบันทึกตาม รูปแบบของปฏิทิน
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
กระตุน ความสนใจ
ครูถามคําถามนักเรียน เชน • นักเรียนตื่นนอนตอนไหน (แนวตอบ ตอนเชา) • นักเรียนวิ่งเลนตอนไหน (แนวตอบ ตอนพักกลางวัน ตอนเย็น)
๓. การแบงชวงเวลาใน ๑ วัน
ใน ๑ วัน แบงเปนหลายชวงเวลา คําบอกชวงเวลาทําใหเรา ลําดับเรือ่ งราวไดชดั เจน ไดแก เชา สาย เทีย่ ง บาย เย็น หัวคํา่ ดึก เราตื่นนอน อาบนํ้า ไปโรงเรียนตอนเชา เรารวมรอง เพลงชาติ แ ละเรี ย นหนั ง สื อ ตอนสาย ตอนเที่ ย งเราวิ่ ง เล น เราวาดรูปตอนบาย ตอนเย็นเราเลิกเรียน กลับบาน ทําการบาน ชวยทํางานบาน และกินอาหารเย็น เราเขานอนแตหัวคํ่า เรานอนหลับในตอนดึก เชา
ดึก
Engage
สํารวจคนหา
Explore
1. ครูนําคําตอบของนักเรียนเขียนบนกระดาน และอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา การบอกเวลาคราวๆ ลักษณะนี้ เปนการแบง ชวงเวลาใน 1 วัน 2. ใหนักเรียนชวยกันบอกคําบอกชวงเวลา ที่นักเรียนรูจัก เชน เชา สาย บาย เย็น ดึก 3. ใหนักเรียนชวยกันหาคําบอกชวงเวลาจาก เนื้อหาในหนังสือเรียน หนา 13
อธิบายความรู
สาย
1. ใหนักเรียนชวยกันบอกชวงเวลาของวัน 2. ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา การแบงชวงเวลาใน 1 วันนี้ เพื่อใหบอกลําดับ เหตุการณที่เกิดขึ้นใน 1 วัน ใหชัดเจน 3. ใหนักเรียนเขียนบันทึกวาในวันนี้ไดทํากิจกรรม ใดบาง โดยใชคําบอกชวงเวลา และบันทึก ลงในสมุด 4. ใหนักเรียนยกตัวอยางเหตุการณหรือกิจกรรม ที่ทําในวันนี้มา 1 เหตุการณ โดยระบุชวงเวลา ที่เกิด แลวครูสังเกตวานักเรียนใชคําบอก ชวงเวลาไดถูกตองหรือไม 5. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายสรุปเรื่องราว การแบงชวงเวลาใน 1 วัน
เที่ยง
หัวคา่ํ
วัน เ ย็
น
บา ย
ขอสอบเนนการคิด
“ปติตื่นนอน หลังจากนั้นก็อาบนํ้า แปรงฟน แตงตัว และไปโรงเรียน ชวงพักกลางวันปติรับประทานอาหารกับเพื่อนๆ เมื่อเลิกเรียนปติกลับบาน และไปชวยแมทํางานบาน” จากขอความนี้ เกี่ยวของกับชวงเวลาใดบาง ก. เชา เย็น ข. เชา เที่ยง เย็น ค. เชา สาย เย็น ดึก ง. เชา เย็น ดึก รุงสาง วิเคราะหคําตอบ จากขอความนี้ปติตื่นนอน อาบนํ้า แปรงฟน แตงตัว และไปโรงเรียนเกี่ยวของกับชวงเวลาเชา ปติรับประทานอาหารกลางวัน เกีย่ วของกับชวงเวลาเทีย่ ง ปตเิ ลิกเรียนและกลับบานไปชวยแมทาํ งานบาน เกี่ยวของกับชวงเวลาเย็น ดังนั้น ขอ ข. จึงเปนคําตอบที่ถูก
Explain
๑๓
เกร็ดแนะครู ครูอาจตั้งคําถามเพื่อใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเพิ่มเติมเพื่อเปนการขยาย ความเขาใจของนักเรียน เชน • ทําไมเราตองเรียนเรื่องการแบงชวงเวลา (แนวตอบ เพื่อลําดับเหตุการณตางๆ ที่เกิดขึ้นไดถูกตอง) • นักเรียนจะนําเรื่องการแบงชวงเวลาไปใชในชีวิตประจําวันอยางไร) (แนวตอบ ใชลําดับความสําคัญของเรื่องตางๆ ที่ตองทํากอน-หลัง และใช ในการสื่อสารกับผูอื่นใหเขาใจ)
คูมือครู
13
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
Expand
1. ใหนักเรียนเขียนบันทึกเหตุการณประจําวัน เปนเวลา 1 สัปดาห ลงในสมุด 2. ใหนักเรียนเรียงลําดับเหตุการณ (โดยครูเปนผู กําหนดเหตุการณหรืออาจมีภาพเหตุการณ ใหนักเรียนดูก็ได) และแตงประโยคโดยใช คําบอกชวงเวลา
ตรวจสอบผล
ขยายความเขาใจ
Evaluate
1. ครูประเมินผลการเขียนบันทึกเหตุการณ ประจําวันของนักเรียน โดยพิจารณาจากการ เรียงลําดับเหตุการณในชีวิตประจําวัน ตามชวงเวลาที่เกิดขึ้น 2. ครูตรวจสอบผลการเรียงลําดับเหตุการณ และการแตงประโยคที่ใชคําบอกชวงเวลา โดยพิจารณาจากความถูกตองสมบูรณ ของขอมูลและประโยค
ใน ๑ วัน แบงเปน กลางวันและกลางคืน คําที่ใชบอกเวลาชวงกลางวัน เชน เชา เที่ยง เย็น คําที่ใชบอกเวลาชวงกลางคืน เชน หัวคํ่า ดึก เวลาเชา พระอาทิตยขนึ้ ทางทิศตะวันออก เวลาเที่ยง พระอาทิตยอยูตรงศีรษะ เวลาเย็น พระอาทิตยตกทางทิศ ตะวันตก ▲
กิจกรรมพัฒนาการเรียนรูที่ ๗
เวลาเที่ยง พระอาทิตยอยูตรงศีรษะ
(ผลการปฏิบัติกิจกรรมขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
เขียนบันทึกวาในวันนีน้ กั เรียนทํากิจกรรมใดบาง โดยใชคาํ บอก ชวงเวลา
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู 1. การบันทึกวัน เดือน ปเกิด ของสมาชิก ในครอบครัว 2. ผลการทํากิจกรรมรวบยอดที่ 1.1 จากแบบวัดฯ ประวัติศาสตร ป.1 3. การเขียนบันทึกเหตุการณประจําวัน 4. การเขียนเรียงลําดับเหตุการณและแตงประโยค โดยใชคําบอกชวงเวลา
กิจกรรมรวบยอด จกรรมรวบยอด
(ผลการปฏิบัติกิจกรรมขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน)
๑. สอบถามสมาชิกในบานเกีย่ วกับวัน เดือน ปเกิดของทุกคน แลวนํามาเทียบกับปจจุบันวาตรงกับวันใด โดยบันทึกลงในสมุด ๒. สํารวจวันสําคัญทางพระพุทธศาสนาจากปฏิทนิ ปปจ จุบนั วา ตรงกับวันใดทั้งทางสุริยคติและทางจันทรคติ แลวบันทึกลงในสมุด ๓. เขี ย นบั น ทึ ก เหตุ ก ารณ ป ระจํ า วั น ของตนเองเป น เวลา ๑ สัปดาห จากนั้นนํามาเลาใหเพื่อนฟงที่หนาชั้น ๑๔
เฉลย กิจกรรมพัฒนาการเรียนรูที่ 7 แนวตอบ เชน วันนี้ฉันตื่นนอนตั้งแตเชาตรู จากนั้นอาบนํ้า แปรงฟน แตงตัว และรับประทานอาหารแลวไปโรงเรียนตอนเชา เวลาสายเรียนวิชาประวัติศาสตร คุณครูสอนเรื่องการเลาประวัติความเปนมาของตนเอง ตอนเย็นหลังเลิกเรียน ฉันรีบกลับบานและไปชวยแมทํางานบาน จากนั้นเขานอนตอนหัวคํ่า พอเลานิทาน กอนนอนใหฟง ฉันมีความสุขมาก
14
คูมือครู
ขอสอบเนนการคิด
เพราะเหตุใดจึงตองมีการใชคําบอกชวงเวลา ก. เพราะตองการใหมีการใชคําที่หลากหลาย ข. เพราะตองการใหลําดับเรื่องราวไดชัดเจน ค. เพราะตองการใหเราไปโรงเรียนไดทันเวลา ง. เพราะตองการใหสามารถเขียนบันทึกประจําวันไดถูกตอง วิเคราะหคําตอบ การใชคําบอกชวงเวลาตางๆ เชน เชา สาย บาย คํ่า เปนตน เปนการใชคําที่จะทําใหเราสามารถลําดับเรื่องราวไดชัดเจนวา ทําอะไร เวลาใด ดังนั้น ขอ ข. จึงเปนคําตอบที่ถูก