คูมือครู 㪌»ÃСͺ¡ÒÃÊ͹ËÇÁ¡Ñº
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ©ºÑº »ÃСѹÏ
ภาพปกนี้มีขนาดเทากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน
กระบวนการสอนแบบ 5 Es ชวยสรางทักษะการเรียนรู กิจกรรมมุงพัฒนาทักษะการคิด คำถาม + แนวขอสอบเพื่อยกผลสัมฤทธิ์ O-NET กิจกรรมบูรณาการเตรียมพรอมสู ASEAN 2558
เอกสารประกอบคูมือครู
กลุมสาระการเรียนรู สุขศึกษาและพลศึกษา
สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปที่
2
สําหรับครู
คูมือครู Version ใหม
ลักษณะเดน
ขยายพื้นที่รูปเลมใหญขึ้นกวาเดิม จัดแบงพื้นที่ออกเปนโซน เพื่อคนหาขอมูลไดงาย สะดวก รวดเร็ว และดูเปนระเบียบ กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
เปาหมายการเรียนรู สมรรถนะของผูเรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค
หน า
โซน 1 กระตุน ความสนใจ
Engage
สํารวจคนหา
Explore
อธิบายความรู
Explain
ขยายความเขาใจ
Expand
ตรวจสอบผล
หน า
หนั ง สื อ เรี ย น
โซน 1
หนั ง สื อ เรี ย น
Evaluate
ขอสอบเนน การคิด ขอสอบเนน การคิด แนว NT แนว O-NET ขอสอบ
โซน 2
เกร็ดแนะครู
O-NET
บูรณาการเชื่อมสาระ
โซน 3
กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
โซน 3
โซน 2 บูรณาการอาเซียน มุม IT
No.
คูมือครู
คูมือครู
No.
โซน 1 ขั้นตอนการสอนแบบ 5Es
โซน 2 ชวยครูเตรียมสอน
โซน 3 ชวยครูเตรียมนักเรียน
เพื่อใหครูเตรียมจัดกิจกรรมการเรียน การสอน โดยแนะนําขั้นตอนการสอนและ การจัดกิจกรรมแบบ 5Es อยางละเอียด เพื่อใหนักเรียนบรรลุตามตัวชี้วัด
เพื่อชวยลดภาระครูผูสอน โดยแนะนํา เกร็ดความรูสําหรับครู ความรูเสริมสําหรับ นักเรียน รวมทั้งบูรณาการความรูสูอาเซียน และมุม IT
เพือ่ ใหครูสะดวกตอการจัดกิจกรรม โดยแนะนํา กิจกรรมบูรณาการเชื่อมระหวางกลุมสาระ วิชา กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย รวมถึงเนือ้ หา ที่เคยออกขอสอบ O-NET เก็งขอสอบ O-NET และแนวขอสอบเนนการคิด พรอมคําอธิบาย และเฉลยอยางละเอียด
ที่ใชในคูมือครู
แถบสีและสัญลักษณ
แถบสีแสดงขั้นตอนการสอนและการจัดกิจกรรม แบบ 5Es เพื่อใหครูทราบวาเปนขั้นการสอนขั้นใด
1. แถบสี 5Es สีแดง
สีเขียว
กระตุน ความสนใจ
เสร�ม
สํารวจคนหา
Engage
2
•
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใช เทคนิคกระตุน ความสนใจ เพื่อโยง เขาสูบทเรียน
สีสม
อธิบายความรู
Explore
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนสํารวจ ปญหา และศึกษา ขอมูล
สีฟา
Explain
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนคนหา คําตอบ จนเกิดความรู เชิงประจักษ
สีมวง
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
•
Evaluate
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนนําความรู ไปคิดคนตอๆ ไป
•
เปนขั้นที่ผูสอน ประเมินมโนทัศน ของผูเรียน
2. สัญลักษณ สัญลักษณ
วัตถุประสงค
• เปาหมายการเรียนรู
O-NET
(เฉพาะวิชา ชัน้ ทีส่ อบ O-NET O-NET)
• ชีแ้ นะเนือ้ หาทีเ่ คยออกขอสอบ
O-NET โดยยกตัวอยางขอสอบ พรอมวิเคราะหคาํ ตอบ อยางละเอียด
• เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน
การคิดใหครูนาํ ไปใชไดจริง รวมถึงเปนการเก็งขอสอบ O-NET ทีจ่ ะออก มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด
แสดงรองรอยหลักฐานตามภาระงาน ที่ครูมอบหมาย เพื่อแสดงผลการเรียนรู ตามตัวชี้วัด
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
•
แทรกความรูเสริมสําหรับครู ขอเสนอแนะ ขอควรระวัง ขอสังเกต แนวทางการจัด กิจกรรมและอืน่ ๆ เพื่อประโยชนในการ จัดการเรียนการสอน
ขอสอบเนน การคิด แนว NT
•
ขยายความรูเพิ่มเติมจากเนื้อหา เพื่อใหครู นําไปใชอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียน ไดมีความรูมากขึ้น
บูรณาการเชื่อมสาระ
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม
•
ความรูห รือกิจกรรมเสริม ใหครูนาํ ไปใช เตรียมความพรอมใหกบั นักเรียนกอนเขาสู ประชาคมอาเซียน 2558 โดยบูรณาการ กับวิชาทีก่ าํ ลังเรียน
กิจกรรมสรางเสริม
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนควรรู
บูรณาการอาเซียน
•
คูม อื ครู
ขอสอบ
วัตถุประสงค
• หลักฐานแสดงผล การเรียนรู
มุม IT
แสดงเปาหมายการเรียนรูที่นักเรียน ตองบรรลุตามตัวชี้วัด ตลอดจนสมรรถนะ ที่จะตองมี และคุณลักษณะที่พึงเกิดขึ้น กับนักเรียน
สัญลักษณ
แนะนําแหลงคนควาจากเว็บไซต เพื่อใหครู และนักเรียนไดเขาถึงขอมูลความรู ที่หลากหลาย ทั้งไทยและตางประเทศ
• แนวขอสอบ NT ในระดับ
ประถมศึกษา มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด
(เฉพาะวิชา ชัน้ ทีส่ อบ NT)
กิจกรรมทาทาย
เชือ่ มกับกลุม สาระ ชัน้ หรือวิชาอืน่ ทีเ่ กีย่ วของ
ซอมเสริมสําหรับนักเรียน ทีย่ งั ไมเขาใจเนือ้ หา
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม ตอยอดสําหรับนักเรียนทีเ่ รียนรู เนือ้ หาไดอยางรวดเร็ว และ ตองการทาทายความสามารถ ในระดับทีส่ งู ขึน้
คําแนะนําการใชคูมือครู การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน คูมือครู รายวิชา สุขศึกษาฯ ป.2 จัดทําขึ้นเพื่อใหครูผูสอนนําไปใชเปนแนวทางวางแผนการสอนเพื่อพัฒนา ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน และประกันคุณภาพผูเ รียน ตามนโยบายของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน (สพฐ.) โดยใชหนังสือเรียน สุขศึกษาฯ ป.2 ของบริษทั อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด เปนสือ่ หลัก (Core Material) ประกอบการสอน เสร�ม และการจัดกิจกรรมการเรียนรูใ หสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั กลุม สาระการเรียนรู สุขศึกษาและพลศึกษา 3 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พ.ศ. 2551 โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนตามหลักการสําคัญ ดังนี้ 1 ออกแบบการสอนเปนหนวยการเรียนรูอิงมาตรฐาน คูมือครู รายวิชา สุขศึกษาฯ ป.2 วางแผนการสอนโดยแบงเปนหนวยการเรียนรูตามลําดับสาระ (Standard) และ หมายเลขขอของมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั แตละหนวยจะกําหนดเปาหมายการสอนและจุดประสงคการเรียนรู (Objective Learning) กิจกรรมการเรียนรู (Learning Activities) และแนวทางการประเมินผลการเรียนรู (Learning Evaluation) ไวชัดเจน ครูผูสอนสามารถจัดทําแผนการสอนใหครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด สมรรถนะ และคุณลักษณะ อันพึงประสงคที่เปนเปาหมายการเรียนรูตามที่กําหนดไวในสาระแกนกลาง (ตามแผนภูมิ) และสามารถบันทึกผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของผูเรียนแตละคนลงในเอกสาร ปพ.5 ไดอยางมั่นใจ แผนภูมิแสดงองคประกอบของการออกแบบการเรียนรูอิงมาตรฐานและเนนผูเรียนเปนสําคัญ
คก า
ส ภา
พผ
ูเ
จุ ด ป ร
ะสง
รู
รียน
ร
น เรีย
มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัดชั้นป
ทักษะการคิด การวัดประเมินผล การเรียนรู
กิจกรรมการเรียนรู
เทคนิคการสอน
คูม อื ครู
2 การจัดการเรียนรูที่ยึดผูเรียนเปนสําคัญ แนวคิ ด ในการจั ด การเรี ย นการสอนที่ ยึ ด ผู เ รี ย นเป น สํ า คั ญ พั ฒ นามาจากปรั ช ญาและทฤษฎี ก ารเรี ย นรู Constructivism ที่เชื่อวาการเรียนรูเปนกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในสมองของผูเรียนแตละคน ผูเรียนเปนผูสรางความรู โดยการเชื่อมโยงระหวางสิ่งที่ไดเรียนรูจากบทเรียนใหมกับความรูหรือประสบการณเดิมที่มีอยู ทฤษฎีนี้มีความเชื่อวา ผูเรียนทุกคนไดเรียนรูและมีการสั่งสมความรูความเขาใจเกี่ยวกับสิ่งตางๆ ติดตัวมากอน ทีจ่ ะเขาสูห อ งเรียน ซึง่ เปนการเรียนรูท เี่ กิดจากประสบการณและสิง่ แวดลอมรอบตัวผูเ รียนแตละคน ดังนัน้ การจัดกิจกรรม เสร�ม การเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ผูสอนจะตองคํานึงถึง
4
1. ความรูเดิมของผูเรียน วิธีการสอนที่ดีจะตองเริ่มตนจากจุดที่วา ผูเ รียนมีความรูอ ะไรมาบาง แลวจึงใหความรู หรือประสบการณใหม เพื่อตอยอดจาก ความรูเดิม นําไปสูการสรางความรู ความเขาใจใหม
2. ความรูเดิมของผูเรียนถูกตองหรือไม ผูส อนตองปรับเปลีย่ นความรูค วามเขาใจเดิม ของผูเรียนใหถูกตอง และเปนพฤติกรรม การเรียนรูใ หมทมี่ คี ณุ คาตอผูเรียน เพื่อสราง เจตคติหรือทัศนคติที่ดีตอการเรียนรู สิ่งเหลานั้น
3. ผูเรียนสรางความหมายสําหรับตนเอง ผูสอนตองสงเสริมใหผูเรียนนําความรู ความเขาใจที่เกิดขึ้นไปลงมือปฏิบัติ เพื่อขยายความรูใหลึกซึ้งและมีคุณคา ตอตัวผูเรียนมากที่สุด
แนวคิด Constructivism เนนใหผูเรียนสรางความรูโดยผานกระบวนการคิดและความอยากรูของตนเอง โดยมีผูสอนเปนผูสรางบรรยากาศ
การเรียนรูและกระตุนความสนใจ คอยจัดสถานการณใหผูเรียนเกิดความขัดแยงทางความคิดระหวางประสบการณเดิมกับประสบการณ ความรูใ หม เพือ่ กระตนุ ใหผเู รียนเชือ่ มโยงความรู ความคิด กับประสบการณทมี่ อี ยูเ ดิม แลวสังเคราะหเปนความรูห รือแนวคิดใหมๆ ไดดว ยตนเอง
3 การบูรณาการกระบวนการคิด การเรียนรูของผูเรียนแตละคนจะเกิดขึ้นที่สมอง ซึ่งเปนอวัยวะที่ทําหนาที่รูคิดภายใตสภาพแวดลอมที่เอื้ออํานวย และไดรบั การกระตนุ จูงใจอยางเหมาะสม สอดคลองกับสภาพจิตใจและความตองการของผูเ รียนแตละคน การจัดกิจกรรม การเรียนรูและสาระการเรียนรูที่สอดคลองกับความสนใจและมีความหมายตอผูเรียน จะชวยกระตุนใหสมองของผูเรียน สามารถรับรูและเรียนรูไดอยางมีประสิทธิภาพตามขั้นตอนการทํางานของสมอง ดังนี้ 1. สมองจะเรียนรูและสืบคน โดยการสังเกต คนหา ซักถาม และทดลอง ปฏิบัติ จนทําใหคนพบความรูความเขาใจ ไดอยางรวดเร็ว
2. สมองจะแยกแยะคุณคาของสิ่งตางๆ โดยการตัดสินใจวิพากษวิจารณ แสดง ความคิดเห็น ยอมรับหรือตอตานตาม อารมณความรูสึกที่เกิดขึ้นในขณะที่เรียนรู
3. สมองจะประมวลเนื้อหาสาระ โดยการสรุปเปนความคิดรวบยอดจาก เรื่องราวที่ไดเรียนรูใหมนําไปผสมผสานกับ ความรูห รือประสบการณเดิมทีถ่ กู จัดเก็บอยูใ น สมอง ผานการกลัน่ กรองเพือ่ สังเคราะหเปน ความรูค วามเขาใจใหมๆ หรือเปนทัศนคติใหม ที่จะเก็บบรรจุไวในสมองของผูเรียน
การเรียนรูที่มีประสิทธิภาพจึงตองเปนการเรียนรูที่เกิดจากกระบวนการคิดของผูเรียน เพราะการเรียนรูจะเกิดขึ้น เมื่อสมองรูคิด และตองเปนการคิดไดครบถวนตามขั้นตอนการทํางานของสมองผูเรียน โดยเริ่มตนจาก 1. ระดับการคิดพื้นฐาน ไดแก การสังเกต การจําแนก การคาดคะเน การสื่อความหมาย การรวบรวมขอมูล การสรุปผล เปนตน
คูม อื ครู
2. ระดับลักษณะการคิด ไดแก การคิดกวาง คิดลึกซึ้ง คิดไกล คิดหลากหลาย คิดคลอง คิดอยางมีเหตุผล เปนตน
3. ระดับกระบวนการคิด ไดแก กระบวนการคิดอยางมีวิจารณญาณ กระบวนการแกปญหา กระบวนการ คิดสรางสรรค กระบวนการคิดสังเคราะหวิจัย เปนตน
5Es การจัดกิจกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ขั้นตอนการสอนที่สัมพันธกับขั้นตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้ ขั้นที่ 1
กระตุนความสนใจ
(Engage)
เสร�ม
5
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนนําเขาสูบ ทเรียน เพือ่ กระตุน ความสนใจของผูเ รียนดวยเรือ่ งราวหรือเหตุการณทนี่ า สนใจโดยใชเทคนิควิธกี ารสอน และคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูความรูของบทเรียนใหม ชวยใหผูเรียนสามารถ สรุปประเด็นสําคัญที่เปนหัวขอและสาระการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนการสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอม และสรางแรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน
ขั้นที่ 2
สํารวจคนหา
(Explore)
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนเปดโอกาสใหผเู รียนลงมือศึกษา สังเกต หรือรวมมือกันสํารวจ เพือ่ ใหเห็นขอบขายของปญหา รวมถึงวิธกี ารศึกษา คนควา การรวบรวมขอมูลความรูที่จะนําไปสูการสรางความเขาใจประเด็นปญหานั้นๆ เมื่อผูเรียนทําความเขาใจในประเด็นหัวขอที่จะ ศึกษาคนควาอยางถองแทแลว ก็ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมขอมูลความรู สํารวจตรวจสอบ โดยวิธีการตางๆ เชน สัมภาษณ ทดลอง อานคนควาขอมูลจากเอกสาร แหลงขอมูลตางๆ จนไดขอมูลความรูตามที่ตั้งประเด็นศึกษาไว
ขั้นที่ 3
อธิบายความรู
(Explain)
เปนขั้นที่ผูสอนมีปฏิสัมพันธกับผูเรียน เชน ใหการแนะนํา ตั้งคําถามกระตุนใหคิด เพื่อใหผูเรียนคนหาคําตอบ และนําขอมูล ความรูจากการศึกษาคนควาในขั้นที่ 2 มาวิเคราะห สรุปผล และนําเสนอผลที่ไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน เขียนแผนภูมิ แผนผังแสดงมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน ในขั้นตอนนี้ฝกใหผูเรียนใชสมองคิดวิเคราะหและ สังเคราะหอยางเปนระบบ
ขั้นที่ 4
ขยายความเขาใจ
(Expand)
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใชเทคนิควิธีการสอนตางๆ ที่สงเสริมใหผูเรียนนําความรูที่เกิดขึ้นไปคิดคนสืบคนตอๆ ไป เพื่อพัฒนาทักษะ การเรียนรูและการทํางานรวมกันเปนกลุม ระดมสมองเพื่อคิดสรางสรรครวมกัน ผูเรียนสามารถนําความรูที่สรางขึ้นใหมไปเชื่อมโยง กับประสบการณเดิมโดยนําขอสรุปทีไ่ ดไปใชอธิบายเหตุการณตา งๆ หรือนําไปปฏิบตั ใิ นสถานการณใหมๆ ทีเ่ กีย่ วของกับชีวติ ประจําวัน ของตนเอง เพื่อขยายความรูความเขาใจใหกวางขวางยิ่งขึ้น ในขั้นตอนนี้ฝกสมองของผูเรียนใหสามารถคิดริเริ่มสรางสรรคอยางมี คุณภาพ เสริมสรางวิสัยทัศนใหกวางไกลออกไป
ขั้นที่ 5
ตรวจสอบผล
(Evaluate)
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนประเมินมโนทัศนของผูเ รียน โดยตรวจสอบจากความคิดทีเ่ ปลีย่ นไปและความคิดรวบยอดทีเ่ กิดขึน้ ใหม ตรวจสอบ ทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแกปญหา การตอบคําถามรวบยอด และการเคารพความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่น เพื่อการ สรางสรรคความรูร ว มกัน ผูเ รียนสามารถประเมินผลการเรียนรูข องตนเอง เพือ่ สรุปผลวามีความรูอ ะไรเพิม่ ขึน้ มาบาง เกิดความเขาใจ มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ ไดอยางไร ผูเรียนจะเกิดเจตคติและเห็นคุณคาของ ตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริง
การจัดกิจกรรมการเรียนรูตามขั้นตอนวัฏจักรการสรางความรูแบบ 5Es จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนน ผูเ รียนเปนสําคัญอยางแทจริง เพราะสงเสริมใหผเู รียนไดลงมือปฏิบตั ติ ามขัน้ ตอนของกระบวนการสรางความรูด ว ยตนเอง และฝกฝนใหใชกระบวนการคิดและกระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะชีวิต ทักษะการทํางานและทักษะการ เรียนรูท มี่ ปี ระสิทธิภาพ สงผลตอการยกระดับผลสัมฤทธิข์ องผูเ รียน ตามเปาหมายของการปฏิรปู การศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการ คูม อื ครู
O-NET การเพิ่มผลสัมฤทธิ์ O-NET
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ในแตละหนวยการเรียนรู ทางผูจัดทํา จะเสนอแนะวิธีสอนรูปแบบกิจกรรมการเรียนรู พรอมทั้งออกแบบเครื่องมือวัดผลประเมินผลที่สอดคลองกับตัวชี้วัด และสาระการเรียนรูแกนกลางไวทุกขั้นตอน โดยยึดหลักสําคัญ คือ เปาหมายของการวัดผลประเมินผล เสร�ม
6
1. การวัดผลทุกครั้งตองนําผล การวัดมาปรับปรุงพัฒนาผูเรียน เปนรายบุคคล
2. การประเมินผลมีเปาหมาย เพื่อพัฒนาการเรียนรูของผูเรียน จนเต็มศักยภาพ
3. การนําผลการวัดและประเมิน ทุกครั้งมาวางแผนปรับปรุงกิจกรรม การเรียนการสอน การเลือกเทคนิค วิธีการสอน และสื่อการเรียนรูให เหมาะสมกับสภาพจริงของผูเรียน
การทดสอบผูเรียน 1. การใชขอสอบอัตนัย เนนการอาน การคิดวิเคราะห และเขียนสรุปเพิ่มมากขึ้น 2. การใชคําถามกระตุนการคิด ควบคูกับการทําขอสอบที่เนนการคิดตลอดตอเนื่องตามลําดับกิจกรรมการเรียนรูและ ตัวชี้วัด 3. การทดสอบตองดําเนินการทั้งกอนเรียน ระหวางเรียน และเมื่อสิ้นสุดการเรียน การทดสอบระหวางเรียน ต อ งใช ข อ สอบทั้ ง ชนิ ด ปรนั ย และอั ต นั ย และเป น การทดสอบเพื่ อ วิ นิ จ ฉั ย ผลการเรี ย นของผู เ รี ย นแต ล ะคน เพื่อวัดการสอนซอมเสริมใหบรรลุตัวชี้วัดทุกตัว 4. การสอบกลางภาค (ถามี) ควรนําขอสอบหรือแบบฝกหัดที่นักเรียนสวนใหญทําผิดบอยๆ มาสรางเปนแบบทดสอบ อีกครัง้ เพือ่ ตรวจสอบความรูค วามเขาใจทีถ่ กู ตอง และประเมินความกาวหนาของผูเรียนแตละคน 5. การสอบปลายภาคเรียนเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามตัวชี้วัดที่สําคัญ ควรออกขอสอบใหมีลักษณะเดียวกับ ขอสอบ O-NET โดยเนนการคิดวิเคราะห สังเคราะห เชื่อมโยงประยุกตใช เพื่อสรางความคุนเคย และฝกฝน วิธีการทําขอสอบดวยความมั่นใจ 6. การนําผลการทดสอบของผูเรียนมาวิเคราะห โดยผลการสอบกอนการเรียนตองสามารถพยากรณผลการสอบ กลางภาค และผลการสอบกลางภาคตองทํานายผลการสอบปลายภาคของผูเ รียนแตละคน เพือ่ ประเมินพัฒนาการ ความกาวหนาของผูเรียนเปนรายบุคคล 7. ผลการทดสอบปลายป ปลายภาค ตองมีคาเฉลี่ยสอดคลองกับคาเฉลี่ยของการสอบ NT ที่เขตพื้นที่การศึกษา จัดสอบ รวมทั้งคาเฉลี่ยของการสอบ O-NET ชวงชั้นที่สอดคลองครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดสําคัญ เพือ่ สะทอนประสิทธิภาพของครูผสู อนในการออกแบบการเรียนรูแ ละประกันคุณภาพผูเ รียนทีต่ รวจสอบผลไดชดั เจน การจัดการเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ตองใหผูเรียนไดสั่งสมความรู สะสมความเขาใจไปทีละเล็ก ละนอยตามลําดับขัน้ ตอนของกิจกรรมการเรียนรู 5Es เพือ่ ใหผเู รียนไดเติมเต็มองคความรูอ ยางตอเนือ่ ง จนสามารถปฏิบตั ิ ชิ้นงานหรือภาระงานรวบยอดของแตละหนวยผานเกณฑประกันคุณภาพในระดับที่นาพึงพอใจ เพื่อรองรับการประเมิน ภายนอกจาก สมศ. ตลอดเวลา คูม อื ครู
ASEAN การเรียนรูสูประชาคมอาเซียน เพื่ออํานวยความสะดวกแกครูผูสอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรูบูรณาการอาเซียนศึกษา ผูจัดทําไดวิเคราะห มาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัดที่มีสาระการเรียนรูสอดคลองกับองคความรูเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนในแงมุมตางๆ ครอบคลุมทัง้ ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรม อาเซียน เพื่อสงเสริมการเรียนรูใหผูเรียนเกิดความตระหนัก มีความรูความเขาใจเหมาะสมกับระดับชั้นและกลุมสาระ การเรียนรู โดยเสนอแนะวิธีการจัดกิจกรรมบูรณาการเนื้อหาสาระตางๆ ที่เปนประโยชนตอผูเรียนและเปนการชวย เตรียมความพรอมผูเ รียนทุกคนทีจ่ ะกาวเขาสูก ารเปนสมาชิกของประชาคมอาเซียนไดอยางมัน่ ใจตามขอตกลงปฏิญญา เสร�ม ชะอํา-หัวหิน วาดวยความรวมมือดานการศึกษาเพือ่ บรรลุเปาหมายประชาคมอาเซียนทีเ่ อือ้ อาทรและแบงปน จึงกําหนด 7 เปนนโยบายใหกระทรวงศึกษาธิการจัดการเรียนรูเตรียมความพรอมผูเรียนเขาสูประชาคมอาเซียนภายในป พ.ศ. 2558 ตามแนวปฏิบัติที่สําคัญ ดังนี้
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน 1. การสรางความรูความเขาใจ และตระหนักถึงความสําคัญของ กฎบัตรอาเซียน และความรวมมือ ของ 3 เสาหลัก ซึง่ กฎบัตรอาเซียน ในขณะนี้มีสถานะเปนกฎหมายที่ ประเทศสมาชิกจะตองปฏิบัติตาม หลักการที่กําหนดไวเพื่อใหบรรลุ เปาหมายของกฎบัตรมาตราตางๆ
2. การสงเสริมหลักการ ประชาธิปไตยและการสราง สิ่งแวดลอมประชาธิปไตย เพื่อการอยูรวมกันอยางกลมกลืน ภายใตวิถีชีวิตอาเซียนที่มีความ หลากหลายดานสังคมและ วัฒนธรรม
4. การตระหนักในคุณคาของ สายสัมพันธทางประวัติศาสตร และมรดกทางวัฒนธรรมที่มี พัฒนาการรวมกัน เพื่อเชื่อม อัตลักษณและสรางจิตสํานึก ในการเปนประชากรของประชาคม อาเซียนรวมกัน
3. การสงเสริมการศึกษาดาน สิทธิมนุษยชน เพื่อสรางประชาคม อาเซียนใหเปนประชาคมเพื่อ ประชาชนอยางแทจริง สามารถ อยูรวมกันไดบนพื้นฐานการเคารพ ในคุณคาของศักดิ์ศรีแหงความ เปนมนุษยเทาเทียมกัน
5. การสงเสริมสันติภาพ ความ มั่นคง และความปรองดองในสังคม ทั้งระดับประเทศและภูมิภาคของ อาเซียนบนพื้นฐานสันติวิธีและการ อยูรวมกันดวยขันติธรรม
คูม อื ครู
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
เสร�ม
8
1. การพัฒนาทักษะการทํางาน เพื่อเสริมสรางผูเรียนใหมีทักษะ วิชาชีพที่จําเปนสอดคลองกับ ความตองการของตลาดแรงงาน และสถานประกอบการในอาเซียน สามารถเทียบโอนผลการเรียน และการทํางานตามมาตรฐานฝมือ แรงงานในภูมิภาคอาเซียน
2. การเสริมสรางวินัย ความรับผิดชอบ และเจตคติรักการทํางาน สามารถพึ่งพาตนเอง มีทักษะชีวิต ดํารงชีวิตอยางมีความสุข เห็นคุณคา และภูมิใจในตนเอง ในฐานะที่เปนพลเมืองไทยและ อาเซียน
3. การเรียนรูเพื่อพัฒนาตนเอง อยางตอเนื่องตลอดชีวิต ใหมี ทักษะการทํางานตามมาตรฐาน อาชีพ และคุณวุฒิของวิชาชีพสาขา ตางๆ เพื่อรองรับการเตรียมเคลื่อน ยายแรงงานมีฝมือและการเปน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่ เขมแข็ง เพื่อสรางขีดความสามารถ ในการแขงขันในเวทีโลก
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน 1. การเสริมสรางความรวมมือ ในลักษณะสังคมที่เอื้ออาทร ของประชากรอาเซียน โดยยึด หลักการสําคัญ คือ ความงดงาม ของประชาคมอาเซียนมาจาก ความแตกตางและหลากหลายทาง วัฒนธรรมที่ลวนแตมีคุณคาตอ มรดกทางวัฒนธรรมของอาเซียน ซึ่งประชาชนทุกคนตองอนุรักษ สืบสานใหยั่งยืน
2. การเสริมสรางคุณลักษณะ ของผูเรียนใหเปนพลเมืองอาเซียน ที่มีศักยภาพในการกาวเขาสู ประชาคมอาเซียนอยางมั่นใจ เปนผูที่มีสุขภาพสมบูรณแข็งแรง มีทักษะการสื่อสาร ทักษะการ ทํางาน ทักษะทางสังคม สามารถ ทํางานรวมกับผูอื่นไดอยาง สรางสรรค และมีองคความรู เกี่ยวกับอาเซียนที่จําเปนตอการ ดํารงชีวิตอยางมีคุณภาพ
4. การสงเสริมการเรียนรูดาน ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถชี วี ติ ความเปนอยูข องเพือ่ นบาน ในอาเซียน เพื่อสรางจิตสํานึกของ ความเปนประชาคมอาเซียนและ ตระหนักถึงหนาที่ของการเปน พลเมืองอาเซียนรวมกัน
3. การสงเสริมการเรียนรูภาษา อังกฤษเพื่อการสื่อสารและการ ทํางานตามมาตรฐานอาชีพที่ กําหนดและสนับสนุนการเรียนรู ภาษาอาเซียนและภาษาเพื่อนบาน เพื่อชวยเสริมสรางสัมพันธภาพทาง สังคม และการอยูรวมกันอยางสันติ ทามกลางความหลากหลายทาง วัฒนธรรม
5. การสรางความรูและความ ตระหนักเกี่ยวกับดานสิ่งแวดลอม ปญหาและผลกระทบตอคุณภาพ ชีวิตของประชากรในภูมิภาค รวมทั้งแนวทางการพัฒนาอยาง ยั่งยืน ใหเปนมรดกสืบทอดแก พลเมืองอาเซียนในรุนหลังตอๆ ไป
กระทรวงศึกษาธิการจึงประกาศนโยบายการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) เพื่อเรงพัฒนาเด็ก และเยาวชนไทยใหเปนทรัพยากรมนุษยของชาติที่มีทักษะและความชํานาญ พรอมเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงและ การแขงขันทั้งในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆ ของสังคมโลก ทั้งนี้ผูบริหารสถานศึกษา ครูผูสอน และผูปกครอง ควรรวมมือกันอยางใกลชิดในการดูแลชวยเหลือผูเรียนและจัดประสบการณการเรียนรูเพื่อพัฒนาผูเรียนจนเต็มศักยภาพ เพื่อกาวเขาสูการเปนพลเมืองอาเซียนอยางมีเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีความเปนมนุษยของตน คณะผูจัดทํา คูม อื ครู
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง สาระที่ 1
สุขศึกษา (เฉพาะชั้น ป.2)*
การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย
มาตรฐาน พ 1.1 เขาใจธรรมชาติของการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย ชั้น
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
เสร�ม
ป.2 1. อธิบายลักษณะและ • ลักษณะและหนาที่ของอวัยวะภายในที่มีการ • หนวยการเรียนรูที่ 1 หนาที่ของอวัยวะ เจริญเติบโตและพัฒนาการไปตามวัย (สมอง ตัวเรา ภายใน หัวใจ ตับ ไต ปอด กระเพาะอาหาร ลําไส ฯลฯ) บทที่ 1 อวัยวะภายใน 2. อธิบายวิธีดูแลรักษา • การดูแลรักษาอวัยวะภายใน อวัยวะภายใน - การระมัดระวังการกระแทก - การออกกําลังกาย - การกินอาหาร 3. อธิบายธรรมชาติ • ธรรมชาติของชีวิตมนุษยตั้งแตเกิดจนตาย • หนวยการเรียนรูที่ 2 ของชีวิตมนุษย ตัวเรา บทที่ 2 ธรรมชาติของ มนุษย
สาระที่ 2
9
ชีวิตและครอบครัว
มาตรฐาน พ 2.1 เขาใจและเห็นคุณคาตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมีทักษะในการดําเนินชีวิต ชั้น
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
ป.2 1. ระบุบทบาทหนาที่ • บทบาทหนาที่ของสมาชิกในครอบครัว ของตนเองและ - ตนเอง - พอ แม สมาชิกในครอบครัว - พี่ นอง - ญาติ 2. บอกความสําคัญของ • ความสําคัญของเพื่อน (เชน พูดคุย ปรึกษา เพื่อน เลน ฯลฯ) 3. ระบุพฤติกรรมที่ เหมาะสมกับเพศ 4. อธิบายความภาคภูมิใจในความเปน เพศหญิงหรือ เพศชาย
• พฤติกรรมที่เหมาะสมกับเพศ - ความเปนสุภาพบุรุษ - ความเปนสุภาพสตรี • ความภาคภูมิใจในเพศหญิงหรือเพศชาย
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• หนวยการเรียนรูที่ 2 ครอบครัว ตัวฉัน และคนรอบขาง บทที่ 1 ครอบครัวอบอุน • หนวยการเรียนรูที่ 2 ครอบครัว ตัวฉัน และคนรอบขาง บทที่ 2 หนึ่งมิตรชิดใกล • หนวยการเรียนรูที่ 2 ครอบครัว ตัวฉัน และคนรอบขาง บทที่ 3 เขาใจตนเอง
_________________________________ * สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน, สาระการเรียนรูแ กนกลาง กลุม สาระการเรียนรูส ขุ ศึกษาและพลศึกษา. (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพชุมนุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย, 2551), หนา 7-42.
คูม อื ครู
สาระที่ 3
การเคลื่อนไหว การออกกําลังกาย การเลนเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล
มาตรฐาน พ 3.1 เขาใจ มีทักษะในการเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การเลนเกม และกีฬา ชั้น
เสร�ม
10
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
ป.2 1. ควบคุมการ • ลักษณะและวิธีการของการเคลื่อนไหวรางกาย เคลื่อนไหวรางกาย แบบอยูกับที่ เชน กระโดด บิดตัว ดึง ผลัก ขณะอยูกับที่ แบบเคลือ่ นที่ เชน กระโดดเขยง กาวชิดกาว เคลื่อนที่ และใช วิ่งตามทิศทางที่กําหนด และแบบใชอุปกรณ อุปกรณประกอบ ประกอบ เชน คีบ ขวาง ตี 2. เลนเกมเบ็ดเตล็ด • การเลนเกมเบ็ดเตล็ดและเขารวมกิจกรรม และเขารวมกิจกรรม ทางกายที่วิธีเลนอาศัยการเคลื่อนไหวเบื้องตน ทางกายที่วิธีเลน ทั้งแบบอยูก ับที่ เคลื่อนที่ และใชอุปกรณ อาศัยการเคลื่อนไหว ประกอบ เบื้องตนทั้งแบบอยู กับที่ เคลื่อนที่ และ ใชอุปกรณประกอบ
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• หนวยการเรียนรูที่ 6 กิจกรรมหรรษา บทที่ 1 เตรียมความพรอม บทที่ 2 ขยับรางกาย บทที่ 3 เคลื่อนที่รางกาย บทที่ 4 สนุกกับอุปกรณ • หนวยการเรียนรูที่ 6 กิจกรรมหรรษา บทที่ 5 เกมแสนสนุก
มาตรฐาน พ 3.2 รักการออกกําลังกาย การเลนเกม และการเลนกีฬา ปฏิบตั เิ ปนประจําอยางสมํา่ เสมอ มีวนิ ยั เคารพสิทธิ กฎ กติกา มีนํ้าใจนักกีฬา มีจิตวิญญาณในการแขงขัน และชื่นชมในสุนทรียภาพของการกีฬา ชั้น
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
ป.2 1. ออกกําลังกายและ • การออกกําลัังกายและเลนเกมเบ็ดเตล็ด • หนวยการเรียนรูที่ 6 เลนเกมไดดว ยตนเอง • ประโยชนของการออกกําลังกายและการเลนเกม กิจกรรมหรรษา อยางสนุกสนาน บทที่ 1 เตรียมความพรอม บทที่ 2 ขยับรางกาย 2. ปฏิบัติตามกฎ กติกา • กฎ กติกา ขอตกลงในการเลนเกมเปนกลุม บทที่ 3 เคลื่อนที่รางกาย และขอตกลงในการ บทที่ 4 สนุกกับอุปกรณ เลนเกมเปนกลุม บทที่ 5 เกมแสนสนุก
สาระที่ 4
การสรางเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการปองกันโรค
มาตรฐาน พ 4.1 เห็นคุณคาและมีทักษะในการสรางเสริมสุขภาพ การดํารงสุขภาพ การปองกันโรค และการสรางเสริม สมรรถภาพเพื่อสุขภาพ ชั้น
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
ป.2 1. บอกลักษณะของการ • ลักษณะของการมีสุขภาพดี มีสุขภาพดี - รางกายแข็งแรง - จิตใจราเริง แจมใส - มีความสุข - มีความปลอดภัย 2. เลือกกินอาหารที่มี • อาหารที่มีประโยชนและไมมีประโยชน ประโยชน
คูม อื ครู
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• หนวยการเรียนรูที่ 3 รักสุขภาพ บทที่ 1 สุขภาพของเรา • หนวยการเรียนรูที่ 3 รักสุขภาพ บทที่ 2 อาหารดีมีประโยชน
ชั้น
ตัวชี้วัด
ป.2 3. ระบุของใชและ ของเลนที่มีผลเสีย ตอสุขภาพ 4. อธิบายอาการและวิธี ปองกันการเจ็บปวย การบาดเจ็บที่อาจ เกิดขึ้น 5. ปฎิบัติตามคําแนะนํา เมื่อมีอาการเจ็บปวย และบาดเจ็บ
สาระที่ 5
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• หนวยการเรียนรูที่ 3 รักสุขภาพ บทที่ 3 ของใชและของเลน • อาการและวิธีปองกันการเจ็บปวย • หนวยการเรียนรูที่ 3 - ตาแดง ทองเสีย ฯลฯ รักสุขภาพ • อาการและวิธีปองกันการบาดเจ็บ บทที่ 4 การบาดเจ็บ - ถูกของมีคม แมลงสัตวกัดตอย หกลม ฯลฯ และเจ็บปวย • วิธีปฏิบัติตนเมื่อเจ็บปวยและบาดเจ็บ • ของใชและของเลนที่มีผลเสียตอสุขภาพ
เสร�ม
11
ความปลอดภัยในชีวิต
มาตรฐาน พ 5.1 ปองกันและหลีกเลี่ยงปจจัยเสี่ยง พฤติกรรมเสี่ยงตอสุขภาพ อุบัติเหตุ การใชยา สารเสพติด และความรุนแรง ชั้น
ตัวชี้วัด
ป.2 1. ปฏิบัติตนในการ ปองกันอุบัติเหตุที่ อาจเกิดขึ้นทางนํ้า และทางบก 2. บอกชื่อยาสามัญ ประจําบานและใชยา ตามคําแนะนํา 3. ระบุโทษของ สารเสพติด สารอันตรายใกลตัว และวิธีการปองกัน 4. ปฎิบัติตนตาม สัญลักษณและ ปายเตือนของ สิ่งของหรือสถานที่ ที่เปนอันตราย 5. อธิบายสาเหตุ อันตราย วิธีปองกัน อัคคีภัย และแสดง การหนีไฟ
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• หนวยการเรียนรูที่ 4 ชีวิตปลอดภัย บทที่ 1 อุบัติเหตุและการ ปองกัน • ยาสามัญประจําบาน • หนวยการเรียนรูที่ 5 - ชื่อยาสามัญประจําบาน ยาและสารเสพติด - การใชยาตามความจําเปนและลักษณะอาการ บทที่ 1 ยานารู • สารเสพติดและสารอันตรายใกลตัว • หนวยการเรียนรูที่ 5 - โทษของสารเสพติดและสารอันตรายใกลตัว ยาและสารเสพติด - วิธีปองกัน บทที่ 2 ภัยรายทําลายชีวิต • อุบัติเหตุทางนํ้าและทางบก - สาเหตุของอุบัติเหตุทางนํ้าและทางบก - วิธีการปองกันอุบัติเหตุทางนํ้าและทางบก
• สัญลักษณและปายเตือนของสิ่งของหรือสถานที่ • หนวยการเรียนรูที่ 4 ที่เปนอันตราย ชีวิตปลอดภัย - ความหมายของสัญลักษณและปายเตือน บทที่ 2 สัญลักษณ และปายเตือน • อัคคีภัย - สาเหตุของการเกิดอัคคีภัย - อันตรายซึ่งไดรับจากการเกิดอัคคีภัย - การปองกันอัคคีภัย และการหนีไฟ
• หนวยการเรียนรูที่ 4 ชีวิตปลอดภัย บทที่ 3 อัคคีภัย
คูม อื ครู
คําอธิบายรายวิชา รายวิชา สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปที่ 2 รหัสวิชา พ…………………………………
เสร�ม
12
ศึกษา วิเคราะห ลักษณะ หนาที่ และวิธีการดูแลรักษาของอวัยวะภายในที่มีการเจริญเติบโตและ พัฒนาการไปตามวัย รูจัก เขาใจ และดูแลตนเองและสมาชิกในครอบครัว รูและปฏิบัติตามบทบาทหนาที่ ของสมาชิกในครอบครัว บทบาทของเพือ่ น และความภาคภูมใิ จในตนเอง พรอมปฏิบตั พิ ฤติกรรมทีเ่ หมาะสม กับเพศ ปฏิบตั ติ นใหเปนผูม สี ขุ ภาพทีด่ ี เลือกกินอาหารทีม่ ปี ระโยชน รูจ กั การเลือกของใชและของเลนทีเ่ หมาะสม และไมเกิดอันตราย เมือ่ มีอาการเจ็บปวยสามารถบอกลักษณะอาการ สาเหตุ และการรักษาเบือ้ งตนทีเ่ หมาะสม ปฏิบัติตนในการปองกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทางนํ้า ทางบก และอัคคีภัย การปฏิบัติตามคําแนะนําในการใชยา อยางเหมาะสม และระบุโทษของสารเสพติด สารอันตรายใกลตัวและวิธีการปองกันที่เหมาะสม มีทกั ษะในการปฏิบตั กิ จิ กรรมการเคลือ่ นไหวรางกายแบบอยูก บั ที่ แบบเคลือ่ นที่ แบบใชอปุ กรณประกอบ การเลนเกมเบ็ดเตล็ด ตามกฎ กติกา ขอตกลงในการเลนเกมตามคําแนะนํา เพื่อใหเกิดความสนุกสนานและ ปลอดภัย โดยใชทกั ษะกระบวนการคิดวิเคราะห กระบวนการปฏิบตั ิ ทักษะการเคลือ่ นไหวรางกาย การสืบคนขอมูล การแกปญหา การระดมสมอง และการอภิปราย เพื่อใหเกิดความรู ความคิด ความเขาใจ มีทักษะสื่อสารสิ่งที่เรียนรู สามารถตัดสินใจ และนําความรู ไปประยุกตใชในชีวิตประจําวัน มีการพัฒนาทางดานรางกาย จิตใจ อารมณ สังคม และมีจริยธรรม คุณธรรม และคานิยมที่เหมาะสม ตัวชี้วัด พ 1.1 พ 2.1 พ 3.1 พ 3.2 พ 4.1 พ 5.1
คูม อื ครู
กลุมสาระการเรียนรู สุขศึกษาและพลศึกษา ภาคเรียนที่ 1-2 เวลา 80 ชั่วโมง/ป
ป.2/1 ป.2/1 ป.2/1 ป.2/1 ป.2/1 ป.2/1
ป.2/2 ป.2/2 ป.2/2 ป.2/2 ป.2/2 ป.2/2
ป.2/3 ป.2/3
ป.2/3 ป.2/3
ป.2/4
ป.2/4 ป.2/5 ป.2/4 ป.2/5 รวม 21 ตัวชี้วัด
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹
ÊØ¢ÈÖ¡ÉÒáÅоÅÈÖ¡ÉÒ ».ò
ªÑé¹»ÃжÁÈÖ¡ÉÒ»‚·Õè ò
¡ÅØ‹ÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ÊØ¢ÈÖ¡ÉÒáÅоÅÈÖ¡ÉÒ µÒÁËÅÑ¡ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òõõñ ¼ÙŒàÃÕºàÃÕ§ ¹ÒÂªÙªÒµÔ ÃÍ´¶ÒÇà ¹ÒÂÀÒÊ¡Ã ºØÞ¹ÔÂÁ ¼ÙŒµÃǨ
¹Ò§ÊØÁÒÅÕ ¢ÍÁã¨à¾çªÃ ¹Ò§ªÞÒ´Ò ÊØ¢àÊÃÔÁ ¹Ò¾ԹԨ 褃 ÀÙ‹
ºÃóҸԡÒà ¹ÒºÑÞªÒ ªŒÒ§¾§É
¾ÔÁ¾ ¤ÃÑ駷Õè ù
ʧǹÅÔ¢ÊÔ·¸ÔìµÒÁ¾ÃÐÃÒªºÑÞÞÑµÔ ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ ñòñôððò
¤Œ¹¤ÇÒÁÃÙŒ¢ÂÒ¤ÇÒÁ¤Ô´¨Ò¡
¾ÔÁ¾ ¤ÃÑ駷Õè ñ ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ ñòôôðññ
EB GUIDE
ที่พิมพกํากับหัวขอสําคัญในหนังสือเรียนหลักสูตรใหม ชั้น ป.๔ ขึ้นไป ผาน www.aksorn.com ไปยังแหลงความรูทั่วไทย-ทั่วโลก
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Explore
ขยายความเขาใจ
Explain
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
คําชี้แจงในการใชสื่อ ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÊØ¢ÈÖ¡ÉÒáÅоÅÈÖ¡ÉÒ ». ò àÅ‹Á¹Õé ÀÒÂã¹àÅ‹Á¹íÒàʹ͡ÒèѴ ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹໚¹Ë¹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ¤Ãº¶ŒÇ¹µÒÁÁҵðҹµÑǪÕéÇÑ´ªÑé¹»‚ áÅÐÊÒÃÐ ¡ÒÃàÃÕ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§ â´Â์¹¡ÒÃÍ͡Ẻ¡Ô¨¡ÃÃÁãËŒÊÑÁ¾Ñ¹¸ ¡Ñº¸ÃÃÁªÒµÔ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ¢Í§áµ‹ÅСÅØ‹ÁÊÒÃÐ áÅФÇÒÁʹ㨢ͧ¼ÙŒàÃÕ¹ᵋÅФ¹ เปาหมายการเรียนรู
สาระสําคัญ
กําหนดระดับความรูความสามารถ ของผูเรียนเมื่อเรียนจบหนวย
แกนความรูที่เปนความเขาใจคงทน ติดตัวผูเรียน
ñ ตัวเรา
หนวยการเรียนรูที่
บทที่
อวัยวะภายใน
เปาหมายการเรียนรูประจําหนวยที่ ๑
อวัยวะภายในมีความสําคัญตอระบบการทํางานของรางกาย ดังนัน้ เราจึงควรดูแลรักษาอวัยวะภายในอยางถูกวิธี เพือ่ ให ทํางานไดอยางเปนปกติ
¡Ô¨¡ÃÃÁ¹Ò ¨¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹
เมื่อเรียนจบหนวยน�้ ผูเรียนจะมีความรูความสามารถตอไปน�้ ๑. อธิบายลักษณะและหนาที่ของอวัยวะภายใน (มฐ. พ ๑.๑ ป.๒/๑) ๒. อธิบายวิธีดูแลรักษาอวัยวะภายใน (มฐ. พ ๑.๑ ป.๒/๒) ๓. อธิบายธรรมชาติของชีวิตมนุษย (มฐ. พ ๑.๑ ป.๒/๓)
ñ
สาระสําคัญ
? ñ. ÍÇÑÂÇе‹Ò§æ ·ÕèàËç¹ã¹ÀÒ¾ ÁÕª×èÍàÃÕÂ¡Ç‹Ò ÍÐäúŒÒ§ ò. ÍÇÑÂÇÐàËÅ‹Ò¹ÕéÁÕ¤ÇÒÁÊíÒ¤ÑÞÍ‹ҧäúŒÒ§
๒
¡Ô¨¡ÃÃÁ¹ÓÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹ นําเขาสูบทเรียนใชกระตุนความสนใจ และวัดประเมินผลกอนเรียน
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ครบตามหลักสูตรแกนกลางฯ พ.ศ. ๒๕๕๑ นําเสนอเหมาะสมกับการเรียนการสอนใน แตละระดับชั้น
ตรวจสอบผล
มอบหมายผูเรียนฝกปฏิบัติ เพื่อ พัฒนาความรู ความคิด และทักษะประจําหนวย
๒. หัวใจ หัวใจ เปนอวัยวะที่สําคัญที่สุดในระบบไหลเวียนโลหิต ตําแหนง
ตั้งอยูในทรวงอก ระหวางปอดทั้ง ๒ ขาง มีขนาดประมาณเทากับ กําปนของเจาของ
๑
พักผอนใหเพียงพอ
ลักษณะ
คลายดอกบัวตูม แบง ออกเปน ๔ หอง คือ - หัวใจหองบนซาย - หัวใจหองลางซาย - หัวใจหองบนขวา - หัวใจหองลางขวา
๒
กินอาหารที่มีประโยชน และหลีกเลี่ยง อาหารที่มีไขมันสูง
๓
ออกกําลังกายอยางสมํ่าเสมอ และเหมาะสมกับวัย
สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยง สวนตางๆ ของรางกาย
๔
ทําจิตใจใหราเริงแจมใสอยูเสมอ ไมเครียด
¡Ô¨¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ตอนที่ ๑ คําถามชวนคิด เขียนตอบคําถามตอไปนี้ลงในสมุด ๑) อวัยวะภายนอกและอวัยวะภายในมีความแตกตางกันอยางไร ๒) อวัยวะภายในชนิดใดมีความสําคัญที่สุด เพราะเหตุใด ๓) ถาอวัยวะภายในอวัยวะใดอวัยวะหนึง่ ทําหนาทีบ่ กพรอง จะเกิดผลอยางไร ๔) เพราะเหตุใดการพักผอนใหเพียงพอจึงทําใหอวัยวะทํางานไดดี ตอนที่ ๒ ชวนคิด ชวนทํา ๑. ดูภาพ แลวบอกชื่ออวัยวะ และเขียนอธิบายหนาที่ของอวัยวะตางๆ เหลานี้ ลงในสมุด ๑) ๒) ๓) ๔) ๕) ๖)
วิธีดูแลรักษาหัวใจ
เลือดแดง ปอด เลือดดํา จากรางกาย
หัวใจซีกขวา รับเลือดจากสวนตางๆ ของ รางกาย เพื่อสงไปฟอกที่ปอด
ÊØ¢ÀÒ¾¹‹ÒÃÙŒ
Expand
¡Ô¨¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ
เนือ้ หา
หนาที่
ขยายความเขาใจ
หัวใจซีกซาย รับเลือดจากปอดเพื่อสงไปยัง สวนตางๆ ของรางกาย การทํางานประสานกันของหัวใจทั้ง ๔ หอง ทําใหหัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงรางกายไดเปนปกติ
หัวใจหองบนขวาจะรั จะรับเลือดที่มีแกสออกซิเจนนอยจากทุกสวนของรางกาย เพื่อสงตอไป ใหหวั ใจหองลางขวาสสงเลือดไปฟอกทีป่ อด หัวใจหองบนซายรัรับเลือดทีม่ แี กสออกซิเจนมากจาก ปอดสงตอใหหัวใจหองลางซาย เพื่อสงไปเลี้ยงสวนตางๆ ของรางกาย
๕
๒. อานขอความ และบอกวามีผลตออวัยวะใด ๑) วิ่งเลนแลวศีรษะกระแทกกับเพื่อน ๒) รับประทานอาหารรสจัด เชน หวานจัด เค็มจัด เผ็ดจัด ๓) อยูในที่ที่มีฝุนละอองและมลพิษมาก ๔) ดื่มสุราเปนประจําทุกวัน ๕) ชอบรับประทานอาหารที่มีไขมันมากๆ ๓. เขียนวิธีการดูแลอวัยวะภายในลงในสมุดมา ๑๐ ขอ พรอมทั้งบอกวา เปนวิธีการดูแลอวัยวะใด ตอนที่ ๓ ผลงานสรางสรรค แบงกลุม ใหแตละกลุมรวมกันจัดทําแผนภาพอวัยวะภายใน โดยใหดานหนา ของแผนภาพเปนภาพอวัยวะภายใน และใหดา นหลังของแผนภาพเปนรายละเอียด (ชื่อ ตําแหนง ลักษณะ หนาที่ การดูแลรักษา) ๑๑
ÊØ¢ÀÒ¾¹‹ÒÃÙŒ เปนเกร็ดความรูเ พิม่ เติมทีเ่ ปน ประโยชนตอ ผูเ รียน
Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
สารบั ญ
ห น ว ย การเรียนรูที่
๑
ตัวเรา
๒
ครอบครัว ตัวฉัน และคนรอบขาง
๑๖
๓
๑ ๒ ๓ ๔
รักสุขภาพ
สุขภาพของเรา อาหารดีมีประโยชน ของใชและของเลน การบาดเจ็บและเจ็บปวย
๓๐
๔
ชีวิตปลอดภัย
๕๓
๕
ยาและสารเสพติด
๗๐
กิจกรรมหรรษา
๘๒
บทที่ ๑ อวัยวะภายใน บทที่ ๒ ธรรมชาติของมนุษย
ห น ว ย การเรียนรูที่
บทที่ ๑ ครอบครัวอบอุน บทที่ ๒ หนึ�งมิตรชิดใกล บทที่ ๓ เขาใจตนเอง
ห น ว ย การเรียนรูที่
บทที่ บทที่ บทที่ บทที่
ห น ว ย การเรียนรูที่
บทที่ ๑ อุบัติเหตุและการปองกัน บทที่ ๒ สัญลักษณและปายเตือน บทที่ ๓ อัคคีภัย
ห น ว ย การเรียนรูที่
บทที่ ๑ ยานารู บทที่ ๒ ภัยรายทําลายชีวิต
ห น ว ย การเรียนรูที่
บทที่ บทที่ บทที่ บทที่ บทที่
๖
๑ ๒ ๓ ๔ ๕
บรรณานุกรม
เตรียมความพรอม ขยับรางกาย เคลื่อนที่รางกาย สนุกกับอุปกรณ เกมแสนสนุก
๑
๒ ๑๒ ๑๗ ๒๒ ๒๖ ๓๑ ๓๕ ๔๐ ๔๖
๕๔ ๖๑ ๖๕ ๗๑ ๗๖
๘๓ ๘๘ ๙๓ ๙๘ ๑๐๓
๑๐๘
กระตุน ความสนใจ กระตุEngage นความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
ñ ตัวเรา
กระตุน ความสนใจ
Engage
1. ครูสอนนักเรียนรองเพลง “นี่คืออะไร” 1 - 2 ครั้ง จากนั้นใหนักเรียนรวมกันรองเพลง พรอมกับแสดงทาทางประกอบเพลง 2. ใหนักเรียนชวยกันบอกวา เนื้อเพลง กลาวถึงอวัยวะใดบาง 3. ครูสนทนากับนักเรียนวาอวัยวะที่กลาวถึง ในเนื้อเพลงนี้ เรียกวา อวัยวะภายนอกแลว ภายในรางกายของคนเราก็มีอวัยวะ ซึ่งนักเรียนจะไดเรียนตอไปในหนวยนี้
หน่วยการเรียนรู้ที่
เป้าหมายการเรียนรู้ประจ�าหน่วยที่ ๑ เมื่อเรียนจบหน่วยน�้ ผู้เรียนจะมีความรู้ความสามารถต่อไปน�้ ๑. อธิบายลักษณะและหน้าที่ของอวัยวะภายใน (มฐ. พ ๑.๑ ป.๒/๑) ๒. อธิบายวิธีดูแลรักษาอวัยวะภายใน (มฐ. พ ๑.๑ ป.๒/๒) ๓. อธิบายธรรมชาติของชีวิตมนุษย์ (มฐ. พ ๑.๑ ป.๒/๓)
เกร็ดแนะครู ครูรองเพลง “นี่คืออะไร” โดยใชทํานองงายๆ ใหนักเรียนฟงกอน 1 รอบ แลวใหนักเรียนฝกรองตาม พรอมกับทําทาประกอบ เพลง นี่คืออะไร นี่คือผม นี่คือหนาผาก นี่คือปาก นี่คือลูกตา นี่คือขา นี่คือหัวไหล ยืดออกไปเขาเรียกวาแขน อันแบนๆ เขาเรียกสะโพก เอาไวโยก แซมบา แซมบา
มุม IT ครูดูแนวทางการจัดกิจกรรมเรื่อง อวัยวะภายใน ไดจาก www.thaiteachers. tv/vdo2.php?id=692 แลวเลือก “สุขศึกษา ขาแดนซ” คูมือครู
1
กระตุน ความสนใจ กระตุEngage นความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
เปาหมายการเรียนรู บทที่
1. อธิบายลักษณะและหนาที่ของอวัยวะภายใน (พ 1.1 ป.2/1) 2. อธิบายวิธีดูแลรักษาอวัยวะภายใน (พ 1.1 ป.2/2)
อวัยวะภายใน
สมรรถนะของผูเรียน
สาระส�าคัญ อวัยวะภายในมีความส�าคัญต่อระบบการท�างานของร่างกาย ดังนัน้ เราจึงควรดูแลรักษาอวัยวะภายในอย่างถูกวิธ ี เพือ่ ให้ ท�างานได้อย่างเป็นปกติ
¡Ô¨¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹
• ความสามารถในการสื่อสาร
ñ
คุณลักษณะอันพึงประสงค 1. ใฝเรียนรู 2. มุงมั่นในการทํางาน
กระตุน ความสนใจ
Engage
1. ครูทบทวนเรื่องอวัยวะภายนอก โดยใหนักเรียน รวมกันบอกชื่ออวัยวะภายนอก แลวครูเขียนลง บนกระดาน 2. ใหนักเรียนผลัดกันอธิบายลักษณะ หนาที่ และ วิธีดูแลรักษาอวัยวะภายนอกทีละอวัยวะ 3. ใหนักเรียนดูภาพในหนังสือเรียน หนา 2 แลว ชวยกันบอกชื่ออวัยวะในภาพ จากนั้นครูถามวา อวัยวะเหลานั้นอยูตรงสวนใดของรางกาย ใหนักเรียนชี้ตําแหนงอวัยวะนั้นๆ
? ñ. ÍÇÑÂÇе‹Ò§æ ·ÕèàËç¹ã¹ÀÒ¾ ÁÕª×èÍàÃÕÂ¡Ç‹Ò ÍÐäúŒÒ§ ò. อÇัÂÇÐเËÅ่ÒนÕéมÕคÇÒมÊíÒคัÞอÂ่Ò§ไรบŒÒ§
2
เกร็ดแนะครู ครูจัดกระบวนการเรียนรูโดยการใหนักเรียนปฏิบัติ ดังนี้ • ศึกษาขอมูลอวัยวะภายในและการดูแลรักษา • อธิบายขอมูลอวัยวะภายในและการดูแลรักษา จนเกิดเปนความรูความเขาใจวา อวัยวะภายในเปนอวัยวะที่อยูในรางกาย และมีความสําคัญตอการดํารงชีวิต การดูแลอวัยวะภายในอยางถูกตอง จะทําให อวัยวะของรางกายทํางานตามปกติ เฉลย กิจกรรมนําสูการเรียน 1. ปอด มีหนาที่สําคัญ คือ รับแกสออกซิเจนเขาสูรางกาย และขับแกส คารบอนไดออกไซดออกจากรางกาย 2. หัวใจ มีหนาที่สําคัญ คือ สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสวนตางๆ ของรางกาย 3 กระเพาะอาหาร มีหนาที่สําคัญ คือ ยอยอาหาร 4. ลําไสเล็ก มีหนาที่สําคัญ คือ ยอยอาหารและดูดซึมสารอาหารเขาสูรางกาย
2
คูมือครู
กระตุนความสนใจ Engage
สํารวจคนหา สํารวจค Exploreนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
สํารวจคนหา
1. ครูติดบัตรคําอวัยวะภายใน ไดแก สมอง หัวใจ ตับ ไต ปอด กระเพาะอาหาร และลําไส บนกระดาน แลวใหนักเรียนสังเกตเพื่อนๆ วา นักเรียนมองเห็นอวัยวะเหลานี้ของเพื่อนๆ หรือไม 2. นักเรียนและครูรวมกันบอกวา อวัยวะเหลานี้ เราไมสามารถมองเห็นได เพราะเปนอวัยวะที่ อยูภายในรางกายเรียกวา อวัยวะภายใน 3. ใหนักเรียนแบงกลุมออกเปน 7 กลุม แลวให แตละกลุมจับฉลากชื่ออวัยวะภายในตาม บัตรคําบนกระดาน กลุมละ 1 ชื่อ จากนั้น ใหแตละกลุมศึกษาขอมูลเกี่ยวกับอวัยวะที่ จับฉลากไดตามหัวขอ ดังนี้ • ลักษณะ • หนาที่ • การดูแลรักษา โดยการศึกษาจากหนังสือเรียน หนา 4 - 10
1
อวัยวะภายใน ร่างกายของเราประกอบ ไปด้วยอวัยวะชนิดต่างๆ ซึ่งรวม เรียกว่า อวัยวะภายในและอวัยวะ ภายนอก อวั ย วะภายนอก เป็ น อวัยวะที่เราสามารถมองเห็นได้ เพราะอยู่ภายนอกร่างกาย เช่น ตา หู จมูก ปาก เป็นต้น
Explore
อวัยวะภายนอกมองเห็นด้วยตาเปล่าได้
อวัยวะภายใน เป็นอวัยวะ ที่อยู่ภายในร่างกายของเรา ซึ่ง เราไม่สามารถมองเห็นได้ เช่น สมอง หัวใจ ตับ ไต ปอด เป็นต้น 㹪Ñé¹àÃÕ¹¹Õé ¹Ñ¡àÃÕ¹¨Ðä´Œ เรÕÂนรÙŒเ¡ÕèÂÇ¡ับอÇัÂÇÐÀÒÂãนทÕèÊíÒคัÞ µ‹Í仹Õé อวัยวะภายในท�างานกันอย่างเป็นระบบ
3
ขอใดตางจากพวก ก. ตา คอ ข. หู จมูก ค. มือ เทา ง. ปาก ลําไส
ขอสอบเนนการคิด
วิเคราะหคําตอบ ตา คอ หู จมูก มือ เทา และปาก เปนอวัยวะที่เรา มองเห็น แตลําไสเปนอวัยวะที่อยูภายในรางกาย เราไมสามารถมองเห็นได ดังนั้น ขอ ง. เปนคําตอบที่ถูก
นักเรียนควรรู 1 อวัยวะ คือ กลุมของเนื้อเยื่อที่อยูรวมกัน ซึ่งแตละอวัยวะมีความสําคัญ แตกตางกันไปตามหนาที่ของแตละอวัยวะ
มุม IT ครูอาจใหนักเรียนดูวิดีทัศนเพลง “รางกายของฉัน” ไดจากเว็บไซต http://www.youtube.com/watchMv=gnCId5vDZ08 เพื่อสรางความสนใจ
คูมือครู
3
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
1. ใหแตละกลุมผลัดกันออกมานําเสนอผลการ ศึกษาตามที่ไดรับมอบหมายโดยนําเสนอใน รูปแบบที่กลุมของตนเองคิดขึ้น เชน รายงาน แสดงบทบาทสมมุติ รองเพลง เปนตน 2. เมื่อแตละกลุมรายงานจบแลว ใหเพื่อน ตางกลุมและครูรวมกันซักถามขอสงสัย 3. ครูตั้งคําถามเกี่ยวกับลักษณะและหนาที่ของ อวัยวะภายใน แลวใหนักเรียนผลัดกันตอบ เชน • อวัยวะใดมีรูปรางคลายดอกบัวตูม (ตอบ หัวใจ) • ปอดมีรูปรางลักษณะอยางไร (ตอบ ปอดมีรูปรางคลายกรวยควํ่า มีลักษณะคลายฟองนํ้า ยืดหยุนได) • อวัยวะใดมีรูปรางคลายตัวเจ (J) และ มีหนาที่อะไร (ตอบ กระเพาะอาหาร ทําหนาที่ยอยอาหาร) • ตับมีรูปรางอยางไร และมีหนาที่อะไร (ตอบ ตับมีรูปรางคลายลิ่ม มี 2 กลีบ คือ กลีบซายและขวา โดยกลีบซายจะมีขนาด เล็กกวากลีบขวา ตับมีหนาที่ขับสารพิษออกจากรางกาย และผลิตนํ้าดีซึ่งมีความสําคัญในการยอย อาหาร)
๑ . สมอง สมอง เป็นอวัยวะส�าคัญในระบบประสาท ต�าแหน่ง
อยู่ภายในกะโหลก ศีรษะ
ลักษณะ
เป็นก้อนเนื้อนุ่มๆ หยุน่ ๆ เป็นลอนคลืน่ สมองแบ่งออกเป็น ๓ ส่วน คือ - สมองส่วนหน้า - สมองส่วนกลาง - สมองส่วนหลัง
วิธีดูแลรักษาสมอง
๑ ๒ ๓
พักผ่อนให้เพียงพอ
๔
ระมัดระวังไม่ให้ของแข็งมากระแทก ศีรษะ
๕
ออกก�าลังกายอย่างสม�่าเสมอและ เหมาะสมกับวัย
หน้าที่
ควบคุมการท�างาน ของร่างกาย
กินอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ดื่มสุรา ไม่เสพสารเสพติด ไม่สูบ บุหรี่
สมองส่วนหน้า
สมองส่วนกลาง
ท�าหน้าที ควบคุ ่ ควบคุมการเคลื่อนไหว ความคิด ความจ�า สติปัญญา ความรู้สึก การได้ยิน การมองเห็น การดมกลิ�น การสัมผัส การพูด และการรับรส
ท�าหน้าที่ เป็นสถาน�รับ-ส่งประสาทระหว่าง สมองส่วนหน้ากับส่วนท้ายเกี่ยวกับการ มองเห็นและการได้ยิน
สมองส่วนหลัง ท�าหน้าที ่ ควบคุมกล้ามเน�้อ บริเวณใบหน้า การท�างานเหน�อ อ�านาจจิตใจ การท�างานของ ระบบกล้ามเน�้อและการทรงตัว
ก้านสมอง
สมองแต่ละส่วนจะท�าหน้าที่แตกต่างกัน
4
เกร็ดแนะครู ครูอธิบายใหนักเรียนฟงเพิ่มเติมวา การกระทําบางอยางถากระทําติดตอกันเปนประจําจะสงผลเสียตอสมอง เชน 1. 2. 3. 4. 5. 6.
การกระทําที่สงผลเสียตอสมอง การไมกินอาหารเชา การกินอาหารมากเกินไป การไมคอยพูดและไมใชความคิด การสูดดมอากาศที่เปนพิษ การอดนอนเปนเวลานาน การนอนคลุมโปง
7. การทํางานหรือเรียนขณะที่ปวย
4
คูมือครู
เหตุผล จะทําใหระดับนํ้าตาลในเลือดตํ่า ซึ่งทําใหมีสารอาหารไปเลี้ยงสมองไมเพียงพอ จะทําใหหลอดเลือดในสมองแข็งตัว ซึ่งจะสงผลทําใหเกิดโรคความจําสั้น จะทําใหสมองฝอ เพราะการพูดและการคิดเปนวิธีที่ดีที่สุดในการฝกสมอง จะทําใหแกสออกซิเจนในสมองมีนอย ทําใหประสิทธิภาพการทํางานของสมองลดลง จะทําใหเซลลสมองตาย เพราะการนอนคลุมโปงเปนการกักเก็บอากาศที่อยูบริเวณนั้นไว แลวเมื่อเราหายใจเอา แกสคารบอนไดออกไซดออกมา ทําใหบริเวณที่คลุมโปงมีแกสคารบอนไดออกไซดเพิ่มขึ้น แลวทําใหผูนอนหลับตองหายใจเอาแกสคารบอนไดออกไซดเขาไปอีก จะทําใหประสิทธิภาพการทํางานของสมองลดลง
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
1. ใหนักเรียนทํากิจกรรม ชวนคิด ชวนทํา ขอ 1 หนา 11 โดยเขียนอธิบายลักษณะและหนาที่ ของอวัยวะในภาพ 2. ใหนักเรียนทําแบบฝกกิจกรรมที่ 1 เรื่อง อวัยวะภายใน ขอ 1 จากแบบวัดฯ สุขศึกษาฯ ป.2
๒. หัวใจ หัวใจ เป็นอวัยวะที่ส�าคัญที่สุดในระบบไหลเวียนโลหิต ต�าแหน่ง
ลักษณะ หน้าที่
ตั้งอยู่ในทรวงอก ระหว่างปอดทั้ง ๒ ข้าง มีขนาดประมาณเท่ากับ ก�าปั้นของเจ้าของ
วิธีดูแลรักษาหัวใจ
คล้ายดอกบัวตูม แบ่ง ออกเป็น ๔ ห้อง คือ - หัวใจห้องบนซ้าย - หัวใจห้องล่างซ้าย - หัวใจห้องบนขวา - หัวใจห้องล่างขวา 1 สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยง ส่วนต่างๆ ของร่างกาย
✓ แบบวัดฯ ใบงาน แบบฝกฯ สุขศึกษาฯ ป.2 แบบฝกกิจกรรมที่ 1 เร�่อง อวัยวะภายใน
๑
พักผ่อนให้เพียงพอ
๒
กินอาหารที่มีประโยชน์ และหลีกเลี่ยง อาหารที่มีไขมันสูง 2 ออกก�าลังกายอย่างสม�่าเสมอ และเหมาะสมกับวัย
๓
๔
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
บทที่
ท�าจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ ไม่เครียด
ÊØ¢ÀÒ¾¹‹ÒÃÙŒ
๑ อวัยวะภายใน
๑ โยงเสนจับคูภาพกับขอความที่สัมพันธกัน
๑)
๒)
๓)
หัวใจซีกซ้าย รับเลือดจากปอดเพื่อส่งไปยัง ส่วนต่างๆ ของร่างกาย
รับเลือดจากส่วนต่างๆ ของ ร่างกาย เพื่อส่งไปฟอกที่ปอด
ñ
อวัยวะภายใน
แบบฝกกิจกรรมที่
ปอด
หัวใจซีกขวา
๑
µÑÇàÃÒ
คําชี้แจง : การเรียนรูชื่อ ลักษณะ หนาที่ของอวัยวะภายใน ทําใหเขาใจ การทํางานของรางกาย
เลือดแดง เลือดดํา จากร่างกาย
Explain
๔)
ไต ตัง้ อยูด า นลางของชองทางดาน ซายและดานขวา ใกลกับกระดูก สันหลัง ยึดติดอยูกับกะบังลม
ฉบับ
เฉลย
ลําไส เปนทอกลวงยาว ขดไปมา อยูในชองทองตอนบน หัวใจ ตั้งอยู ในทรวงอกระหวาง ปอดทั้ง ๒ ขาง มีขนาดเทากําปน ของเจาของ ตับ ตัง้ อยูด า นขวาบนของชองทอง อยู ใกลกะบังลม และมีบางสวน วางอยูบนกระเพาะอาหาร
การท�างานประสานกันของหัวใจทั้ง ๔ ห้อง ท�าให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้เป็นปกติ
๑
หัวใจห้องบนขวาจะรั จะรับเลือดที่มีแก๊สออกซิเจนน้อยจากทุกส่วนของร่างกาย เพื่อส่งต่อไป ให้หวั ใจห้องล่างขวาส่ส่งเลือดไปฟอกทีป่ อด หัหัวใจห้องบนซ้ายรั ยรับเลือดทีม่ แี ก๊สออกซิเจนมากจาก ปอดส่งต่อให้หัวใจห้องล่างซ้าย เพื่อส่งไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย
5
ขอสอบเนนการคิด
ใครดูแลรักษาหัวใจไดถูกตอง ก. จิ๋วกินแตอาหารที่เปนผักและผลไมเทานั้น ข. พลอยไปพบแพทยเพื่อตรวจเช็กหัวใจทุกสัปดาห ค. แกวไมยอมออกกําลังกายเพราะกลัวหัวใจทํางานหนัก ง. อารมฝกตนเองใหเขานอนและตื่นนอนเปนเวลาทุกวัน
วิเคราะหคําตอบ การดูแลรักษาหัวใจใหแข็งแรง ทําไดโดยการกินอาหาร ใหหลากหลายและครบถวน เขานอนใหเปนเวลาเพื่อใหรางกายไดพักผอน อยางเพียงพอ ทําจิตใจใหแจมใส และออกกําลังกายอยางสมํ่าเสมอ สวนการพบแพทยเพื่อตรวจเช็กหัวใจทุกสัปดาหเปนการปฏิบัติที่มากเกินไป เพราะนอกจากทําใหเสียเวลาแลว ยังทําใหเกิดการกังวล จนทําใหเครียดได ดังนั้น ขอ ง. เปนคําตอบที่ถูก
นักเรียนควรรู 1 สูบฉีดโลหิต หัวใจจะสูบฉีดโลหิตหรือเลือดไปเลี้ยงสวนตางๆ ของรางกาย เมื่อหัวใจบีบตัวจะดันเลือดออกไป และรับเลือดเขาสูหัวใจดวยการคลายตัว การบีบและคลายตัวของหัวใจ เรียกวา การเตนของหัวใจ ซึ่งอัตราการเตนของ หัวใจในคนวัยหนุมสาวปกติจะมีอัตราการเตนของหัวใจ ประมาณ 70 - 80 ครั้ง ตอนาที และจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงขึ้นอยูกับกิจกรรมที่ทํา เพศ และวัย 2 ออกกําลังกายอยางสมํ่าเสมอ จะมีผลดีตอหัวใจ คือ ทําใหกลามเนื้อหัวใจ แข็งแรงขึ้น ทําใหแรงบีบตัวของหัวใจดีขึ้น สามารถสูบฉีดเลือดออกจากหัวใจ ไดครั้งละมากขึ้น มีการกระจายของหลอดเลือดฝอยมากขึ้นในกลามเนื้อหัวใจ ทําใหกลามเนื้อหัวใจไดรับเลือดหลอเลี้ยงเพียงพอ ไมเกิดการขาดเลือดไดงาย
คูมือครู
5
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ครูตั้งคําถามเกี่ยวกับการดูแลรักษาอวัยวะ ภายใน แลวใหนักเรียนชวยกันตอบ เชน • การนอนหลับใหเพียงพอ จะชวยใหหัวใจ มีสุขภาพดีไดอยางไร (แนวตอบ หัวใจเปนอวัยวะที่ทํางานอยูตลอด เวลา แมในชวงที่เรานอนหลับ หัวใจก็ยัง ทํางานอยูเปนปกติ แตจะทํางานนอยลง ดังนั้นการพักผอนใหเพียงพอ จะชวยทําให หัวใจไมตองทํางานหนักเกินไป) • ถานักเรียนปวดปสสาวะขณะเรียน ควรทํา อยางไร (แนวตอบ ขออนุญาตครูไปหองนํ้าทันที) • การกินอาหารไมตรงเวลาจะเกิดผลเสียตอ กระเพาะอาหารอยางไร (แนวตอบ เมื่อถึงเวลากินอาหาร กระเพาะ อาหารจะผลิตนํ้ายอย ซึ่งมีฤทธิ์เปนกรด ออกมาเพื่อชวยยอยอาหาร ซึ่งถาไมมีอาหาร เขาสูกระเพาะอาหาร นํ้ายอยก็จะกัด ผนังกระเพาะอาหารใหเปนแผล)
๓. ตับ ตับ เป็นอวัยวะส�าคัญอวัยวะหนึ่งในระบบย่อยอาหาร ต�าแหน่ง
ลักษณะ
หน้าที่
ตั้งอยู่ด้านขวาบนของ ช่องท้อง และอยู่ใกล้ กะบังลม และมี บางส่วนของตับวาง อยู่บนกระเพาะอาหาร รูปร่างคล้ายลิ่ม มีสีน�้าตาลแดง มีลักษณะเป็น ๒ กลีบ ขนาดไม่เท่ากัน ขับสารพิษออกจาก 1 ร่างกาย และผลิตน�้าดี ซึง่ มีความส�าคัญส�าหรับ ใช้ในกระบวนการย่อย อาหาร
วิธีดูแลรักษาตับ
๑ ๒ ๓
พักผ่อนให้เพียงพอ
๔
ไม่ดื่มสุราและเครื่องดื่มที่มี แอลกอฮอล์
๕ ๖
ออกก�าลังกายอย่างสม�่าเสมอ
2 ไม่กินอาหารดิบหรือสุกๆ ดิบๆ ไม่กินยาเกินความจ�าเป็น เพราะสาร เคมีในยาอาจมีฤทธิ์ท�าลายตับ
กินอาหารที่สะอาดและดื่มน�้าต้มสุก เสมอ
ตับกลีบขวา มีขนาดใหญ่เป็น ๖ เท่า ของกลีบด้านซ้าย
ตับกลีบซ้าย มีขนาดเล็ก และแบนกว่า ด้านขวา นอกจากขับสารพิษออกจากร่างกายแล้ว ตับยังเป็นแหล่งสะสมของวิตามินต่างๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินบี ๑๒ เป็นต้น
6
นักเรียนควรรู 1 นํ้าดี เปนสารสําคัญที่สรางมาจากตับ มีลักษณะเปนของเหลวสีเหลืองหรือ สีเขียว ถูกเก็บไวที่ถุงนํ้าดี โดยนํ้าดีมีหนาที่ยอยอาหารประเภทไขมัน 2 อาหารดิบหรือสุกๆ ดิบๆ ประเภทนํ้าจืด เชน ปลานํ้าจืด หอยนํ้าจืด เปนตน อาจมีตัวออนของพยาธิใบไมตับปนเปอนอยู ซึ่งถาคนกินอาหารที่ปรุงไมสุกและ มีพยาธิปนอยูเขาไป จะทําใหตัวออนของพยาธิเขาไปฝงอยูในรางกาย แลวทําให เกิดโรคพยาธิใบไมตับ
6
คูมือครู
ขอสอบเนนการคิด
พฤติกรรมใดตอไปนี้ที่สงผลเสียตอตับ ก. ดื่มสุราเปนประจํา ข. กินลาบหมูที่ทําสุกแลว ค. ออกกําลังกายเปนประจําทุกสัปดาห ง. ดื่มนํ้าสะอาดที่บรรจุในภาชนะที่มิดชิด วิเคราะหคําตอบ การดื่มสุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล จะทําใหตับ ทํางานหนักมากขึ้น หากตับทํางานหนักมากก็อาจจะเสื่อมสภาพลง และ เปนสาเหตุใหเกิดโรคตางๆ เชน ตับแข็ง หรือไวรัสตับอักเสบ เปนตน ดังนั้น ขอ ก. เปนคําตอบที่ถูก
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
1. ใหนักเรียนทํากิจกรรม ชวนคิด ชวนทํา ขอ 2 หนา 11 โดยอานขอความที่กําหนดให แลวบอกวามีผลตออวัยวะใด 2. ใหนักเรียนทํากิจกรรม ชวนคิด ชวนทํา ขอ 3 หนา 11 โดยเขียนวิธีดูแลรักษาอวัยวะภายใน ลงในสมุด จากนั้นใหนักเรียนแลกกันตรวจ คําตอบกับเพื่อน 3. ครูเขียนตาราง 4 ชอง บนกระดานโดยให แตละชองเปนชื่ออวัยวะภายใน ลักษณะ หนาที่ และวิธีดูแลรักษา จากนั้นสุมเรียก นักเรียนออกมาเติมขอมูลในแตละชองให ถูกตอง
๔. ไต ไต เป็นอวัยวะที่ส�าคัญที่สุดในระบบขับถ่ายปัสสาวะ
ต�าแหน่ง ลักษณะ
หน้าที่
ตั้งอยู่ทางด้านล่างของ ช่องท้องทางด้านซ้าย และด้านขวาใกล้กระดูก สันหลัง ยึดติดอยู่กับ กะบังลม คล้ายเมล็ดถั่วแดง มีขนาดเท่าก�ามือ มีสีน�้าตาลแกมแดง กรองของเสียออกจาก เลือด และขับออกมา พร้อมกับน�้าในรูปของ “ปัสสาวะ” และช่วย รักษาสมดุลของน�้าและ เกลือแร่ในร่างกาย ไตข้างขวา
วิธีดูแลรักษาไต
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖
ไม่ดื่มสุรา ชา กาแฟ 1 ไม่กินอาหารที่มีรสจัดเกินไป กินผักและผลไม้เป็นประจ�า ดื่มน�้าสะอาดมากๆ ไม่ควรกลั้นปัสสาวะนานๆ
Explain
2
หลีกเลี่ยงการกินยาที่เป็นพิษต่อไต เช่น ยาซัลฟา เป็นต้น
ชื่อ
ลักษณะ
หนาที่
...............................
...............................
...............................
...............................
...............................
...............................
...............................
...............................
...............................
...............................
...............................
...............................
ตัวอย
...............................
...............................
...............................
...............................
...............................
...............................
...............................
...............................
ราง างตา
วิธดี แู ลรักษา
ไตข้างซ้าย
ไต ไตมี ๒ ข้าง คือ ไตข้างขวาและ ไตข้างซ้าย ไตข้างขวาจะอยู่ ต�่ากว่าข้างซ้าย เพราะมีตับ ทับซ้อนอยู่
หลอดไต ท�าหน้าที่ล�าเลียงน�้าปัสสาวะ ไปสู่กระเพาะปัสสาวะ กระเพาะปสสาวะ
ไตเป็นอวัยวะที่ส�าคัญ เพราะถ้าไตพิการจะท�าให้ไม่สามารถดูดซึมสารอาหารและออกซิเจนจากโลหิตได้
7
ขอใดตอไปนี้กลาวถึงอวัยวะภายใน ก. มีหนาที่มองดูสิ่งตางๆ ข. มีรูปรางคลายเมล็ดถั่วแดง ค. มี 2 ขาง ใชหยิบจับสิ่งของ ง. มีหนาที่บดเคี้ยวอาหารใหละเอียด
ขอสอบเนนการคิด
วิเคราะหคําตอบ ข. เพราะอวัยวะที่มีรูปรางคลายเมล็ดถั่วแดง คือ ไต ซึ่งเปนอวัยวะภายใน สวน ก. อวัยวะที่มีหนาที่ดูสิ่งตางๆ คือ ดวงตา ค. อวัยวะที่มี 2 ขาง ใชหยิบจับสิ่งของ คือ มือ ง. อวัยวะที่มีหนาที่บดเคี้ยวอาหารใหละเอียด คือ ฟน ดังนั้น ขอ ข. เปนคําตอบที่ถูก
นักเรียนควรรู 1 ไมกินอาหารที่มีรสจัดเกินไป โดยเฉพาะรสเค็มจัด เพราะจะทําใหไตทํางาน หนักมากกวาปกติ ซึ่งไตตองรีบขับโซเดียมออกทางปสสาวะเพื่อควบคุมปริมาณ โซเดียมในรางกายใหเกิดความสมดุล 2 ไมควรกลั้นปสสาวะนานๆ การปสสาวะอยางสมํ่าเสมอทุกครั้ง จะเปนการ ลางเอาเชื้อโรคที่พลัดหลงเขาสูกระเพาะปสสาวะทิ้งสูภายนอก แตถากลั้นปสสาวะ นานๆ อาจจะทําใหมีการติดเชื้อที่ทอปสสาวะได ซึ่งมีผลทําใหกระเพาะปสสาวะ และไตอักเสบ
คูมือครู
7
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ
Evaluate
ต�าแหน่ง ลักษณะ
คล้ายฟองน�้าขนาดใหญ่ ยืดหยุ่นได้
ประจําหนวยที่ ๑ บทที่ ๑
แบบประเมินตัวชี้วัด พ ๑.๑ ป.๒/๑
หน้าที่
• อธิบายลักษณะและหนาที่ของอวัยวะภายใน ชุดที่ ๑ ๒๕ คะแนน ดูภาพ แลวเขียนชื่อ ตําแหนง ลักษณะ และหนาที่ของอวัยวะในภาพใหถูกตอง
ฉบับ
Expand
บรรจุอยู่ภายในโพรง ของทรวงอก โดยแยก เป็นปอดข้างซ้ายและ ปอดข้างขวา
กิจกรรมรวบยอดที่ ๑.๑
เฉลย
ตรวจสอบผล
๕. ปอด ปอด เป็นอวัยวะที่ส�าคัญที่สุดในระบบหายใจ
✓ แบบวัดฯ ใบงาน แบบฝกฯ สุขศึกษาฯ ป.2 กิจกรรมรวบยอดที่ 1.1 แบบประเมินตัวช�้วัด พ 1.1 ป.2/1
๑)
Expand าใจ ขยายความเข
Expand
1. ครูนําภาพโครงสรางรางกายมาติดบนกระดาน จากนัน้ ใหนกั เรียนออกมาวาดภาพอวัยวะภายใน ใหถูกตําแหนงตามที่เรียนมา 2. ใหนักเรียนทํากิจกรรมรวบยอดที่ 1.1 จาก แบบวัดฯ สุขศึกษาฯ ป.2 โดยเขียนชื่อ ตําแหนง ลักษณะ และหนาที่ของอวัยวะในภาพ ใหถูกตอง
แบบประเมินผลการเรียนรูตามตัวชี้วัด
ขยายความเขาใจ
ปอด ชื่ออวัยวะ............................................................................................................. อยูในทรวงอก แยกเปนปอดขางซายและขางขวา ตําแหนง................................................................................................................ คลายฟองนํ้าขนาดใหญ ยืดหยุนได ลักษณะ .................................................................................................................. ..........................................................................................................................................
ฟอกเลือด โดยแลกเปลี่ยนแกสออกซิเจนกับ หนาที่ .......................................................................................................................
แกสคารบอนไดออกไซด ..........................................................................................................................................
วิธีดูแลรักษาปอด
ฟอกเลือดโดยรับเลือด ที่มีออกซิเจนน้อยจาก หัวใจห้องล่างขวา เพื่อ เปลี่ยนให้เป็นเลือดที่มี ออกซิเจนมาก ภายใน ปอดจะมีถุงลมเล็กๆ เป็นจ�านวนมาก เรียกว่า ถุงลมปอด จะมีหน้าที่ แลกเปลี่ยนแก๊สออกซิเจน กับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
1
๑ ๒ ๓
ไม่สูบบุหรี่
๔
หลีกเลี่ยงการกระทบกระแทกที่ บริเวณทรวงอก
๕
ใช้ผ้าปิดปากปิดจมูก เมื่ออยู่ในบริเวณ ที่มีฝุ่นควันมาก
ออกก�าลังกายอย่างสม�่าเสมอ ไม่คลุกคลีกบั ผูท้ ปี่ ว่ ยเป็นโรคเกีย่ วกับ ระบบหายใจ
๖
อยู่ในบริเวณที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ เพราะมีปริมาณแก๊สออกซิเจนมาก
..........................................................................................................................................
๒)
ปอด
กระเพาะอาหาร ชื่ออวัยวะ............................................................................................................. ตั้งอยูบริเวณชองทอง มีสวนปลายงอลงไปทางขวา ตําแหนง................................................................................................................ เปนถุงกลามเนื้อใหญ มีความเหนียวและสามารถ ลักษณะ ..................................................................................................................
ปอดข้างขวามี ขนาดใหญ่กว่า ปอดข้างซ้าย
ยืดตัวออกได ..........................................................................................................................................
(๑) เปนที่เก็บอาหาร หนาที่ .......................................................................................................................
(๒) ยอยอาหารและคลุกเคลาอาหารกับนํ้ายอยกอนที่อาหาร ..........................................................................................................................................
ปอดข้างขวา
หลอดลม ปอดข้างซ้าย
หลอดลม
จะเคลื่อนที่ไปสวนอื่นๆ ..........................................................................................................................................
๔
หัวใจ
ท�าหน้าที่เป็นทางผ่านของ อากาศลงสู่ปอด
อากาศจะไหลผ่านเข้าสู่ปอดโดยผ่านทางหลอดลม
8
นักเรียนควรรู 1 ไมสูบบุหรี่ ในควันบุหรี่มีสารชนิดหนึ่งที่เรียกวา ทาร ซึ่งเมื่อควันบุหรี่เขาสู รางกาย ทารจะเขาไปจับอยูที่ปอด ทําใหเซลลของปอดไมสามารถเคลื่อนไหว ไดตามปกติ เมื่อรวมตัวกับฝุนที่สูดเขาไปจะเกาะอยูในถุงลมปอด ทําใหเกิด การระคายเคือง เปนสาเหตุของการไอเรื้อรัง กอใหเกิดโรคมะเร็งปอด และถุงลมโปงพอง
มุม IT ครูศึกษาขอมูลการฝกหายใจเพื่อสุขอนามัยที่ดีของปอดไดจาก www.thaipedlung.org/topic/full/quice_look_3_140954.pdf
8
คูมือครู
ขอสอบเนนการคิด
ขอใดเปนวิธีดูแลอวัยวะในระบบหายใจ ก. กินผักและผลไมใหมาก ข. ออกกําลังกายอยางสมํ่าเสมอ ค. ไมกินอาหารที่มีไขมันมาก ง. ทําจิตใจใหราเริงแจมใสอยูเสมอ วิเคราะหคําตอบ ข. ออกกําลังกายอยางสมํ่าเสมอ เพราะจะชวย เสริมสรางปอดซึ่งเปนอวัยวะสําคัญในระบบหายใจใหแข็งแรง สวน ก. กินผักและผลไมใหมาก จะทําใหลําไสใหญขับถายอุจจาระไดงาย ค. ไมกินอาหารที่มีไขมันมาก ทําใหไมมีไขมันสวนเกินไปอุดตันการไหล ของเลือด ง. ทําจิตใจใหราเริงแจมใส ทําใหสมอง หัวใจ กระเพาะอาหาร ทํางาน เปนปกติ ดังนั้น ขอ ข. เปนคําตอบที่ถูก
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ Expand าใจ ขยายความเข
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
ขยายความเขาใจ
1. ใหนักเรียนยกตัวอยางพฤติกรรมที่เคยปฏิบัติ ในชีวิตประจําวัน จากนั้นบอกวาพฤติกรรมนั้น มีผลดีหรือผลเสียตออวัยวะภายในชนิดใดบาง และอยางไร เชน • เคี้ยวอาหารใหละเอียดกอนกลืน เปนพฤติกรรมที่มีผลดีตอกระเพาะอาหาร เพราะกระเพาะอาหารไมตองทํางานหนัก ในการยอยอาหาร • ไมสวมหมวกนิรภัยขณะโดยสาร รถจักรยานยนต เปนพฤติกรรมที่มีผลเสีย ตอสมอง เพราะถาเกิดอุบัติเหตุ อาจทําให สมองถูกกระทบกระแทกไดงาย 2. ใหนักเรียนทํากิจกรรมรวบยอดที่ 1.2 จาก แบบวัดฯ สุขศึกษา ป.2 โดยอานขอความและ ตอบคําถาม
๖. กระเพาะอาหาร กระเพาะอาหาร เป็นอวัยวะส�าคัญในระบบย่อยอาหาร ต�าแหน่ง
ตั้งอยู่บริเวณช่องท้อง และมีส่วนปลายงอลง ไปทางขวา
ลักษณะ
เป็นถุงกล้ามเนื้อใหญ่ มีความเหนียวและ สามารถยืดตัวออก เพื่อรับอาหารจ�านวน มากได้
หน้าที่
เป็นที่เก็บอาหาร และ ผลิตน�้าย่อยออกมา ย่อยอาหาร ก่อนที่ อาหารจะเคลื่อนที่ ไปยังล�าไส้เล็ก
วิธีดูแลรักษากระเพาะอาหาร
๑ ๒ ๓
๔ ๕ ๖
Expand
1 เคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน
กินอาหารในแต่ละมื้อให้ตรงตามเวลา ไม่กินอาหารในปริมาณที่มากหรือ น้อยเกินไป
ไม่กินอาหารที่มีรสจัดหรือของ หมักดอง ไม่สูบบุหรี่ และไม่ดื่มสุรา 2 ท�าใจให้สบาย ไม่เครียด เพราะ ความเครียดอาจเป็นสาเหตุท�าให้เกิด โรคกระเพาะอาหารอักเสบ
✓ แบบวัดฯ ใบงาน แบบฝกฯ สุขศึกษาฯ ป.2 กิจกรรมรวบยอดที่ 1.2 แบบประเมินตัวช�้วัด พ 1.1 ป.2/2
หลอดอาหาร
กิจกรรมรวบยอดที่ ๑.๒ แบบประเมินตัวชี้วัด พ ๑.๑ ป.๒/๒ • อธิบายวิธีดูแลรักษาอวัยวะภายใน ชุดที่ ๑ ๑๕ คะแนน
กระเพาะอาหาร
อานสถานการณที่กําหนดให แลวตอบคําถาม
เป็นอวัยวะที่เชื่อมต่อ จากหลอดอาหาร
๑) นุมชอบกินอาหารที่มัน โดยเฉพาะขาวขาหมู เธอจะตองกินทุกวัน หัวใจ พฤติกรรมของนุนเปนผลเสียตออวัยวะ ....................................................................................... นุนไมควรกินอาหารที่มีไขมันสูง นุนควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดังนี้...................................................................................................
ควรกิ นอาหารที่มีประโยชนในปริมาณที่เหมาะสมกับวัย ........................................................................................................................................................................................................
ลําไส้ตอนต้น
๒) ปานปวดปสสาวะขณะเรียน แตเธอก็ไมกลาขออนุญาตครูไปหองนํ้า ฉบับ เฉลย เพราะกลัวถูกครูดุ เธอจึงมักกลั้นปสสาวะเปนประจํา ไต พฤติกรรมของปานเปนผลเสียตออวัยวะ.................................................................................... ปานควรขออนุญาตครูไปเขา ปานควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดังนี้ ............................................................................................... ห........................................................................................................................................................................................................ องนํ้าทุกครั้งเมื่อรูสึกปวดปสสาวะ
กระเพาะอาหารมีรูปร่างคล้ายตัว (J) ท�าหน้าที่ผลิตน�้าย่อยและท�าหน้าที่ย่อยอาหารให้เล็กลงด้วย
๓) อั๋นชอบกินอาหารรสเผ็ดจัด เขาตองใหแมคาใสพริกมากๆ เสมอ กระเพาะอาหาร พฤติกรรมของอั๋นเปนผลเสียตออวัยวะ........................................................................................ อั๋นไมควรกินอาหารที่มีรสเผ็ดจัด อั๋นควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดังนี้ ................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................................
๙
๔) โหนงมักจะเขาไปอยูใกลๆ พอเสมอขณะที่พอสูบบุหรี่ ปอด พฤติกรรมของโหนงเปนผลเสียตออวัยวะ................................................................................. โหนงไมควรเขาใกลพอขณะที่ โหนงควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดังนี้ ............................................................................................
พ........................................................................................................................................................................................................ อสูบบุหรี่ และอาจขอรองใหพอเลิกสูบบุหรี่
ขอสอบเนนการคิด
ความเครียดมีผลตอการทํางานของกระเพาะอาหารอยางไร ก. ทําใหกระเพาะอาหารยอยอาหารไดชาลง ข. กระเพาะอาหารยอยอาหารไดมากขึ้น ค. กระเพาะอาหารดูดซึมอาหารไดดีขึ้น ง. กระเพาะอาหารหลั่งกรดในการยอยอาหารมากขึ้น
วิเคราะหคําตอบ ในขณะทีเ่ ราเครียดระบบประสาทจะสัง่ การใหมฮี อรโมน หลั่งออกมามากกวาปกติ ทําใหรางกายตื่นตัวตลอดเวลา และกระตุนให กระเพาะอาหารหลั่งนํ้ายอยออกมามากกวาปกติ จนเกิดการระคายเคือง ที่กระเพาะอาหาร และทําใหลําไสมีการหดตัว ซึ่งทําใหเกิดความเจ็บปวด และทรมานแกผูที่เปนอยางมาก ดังนั้น ขอ ง. เปนคําตอบที่ถูก
๗
นักเรียนควรรู 1 เคี้ยวอาหารใหละเอียดกอนกลืน นอกจากจะชวยทําใหกลืนอาหารไดสะดวก ยังชวยทําใหกระเพาะอาหารไมตองทํางานหนักในการยอยอาหารใหละเอียดกอน สงอาหารไปยอยตอที่ลําไสเล็ก 2 ไมเครียด ผูที่ไมเครียดจะทําใหมีอารมณแจมใส หนาตาเบิกบาน ซึ่งจะ สงผลใหมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตดี สวนผูที่มีความเครียด จะสงผลตอรางกาย เพราะเมื่อมีอาการเครียดหรือวิตกกังวลจะทําใหมีกรดหลั่งออกมาในกระเพาะอาหารมากผิดปกติ ซึ่งกรดเหลานี้จะไปกัดเยื่อบุของกระเพาะอาหารจนอักเสบ เปนแผลได
คูมือครู
9
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ
ขยายความเขาใจ
Expand
Evaluate
๗. ล�าไส้ ล�าไส้ เป็นอวัยวะส�าคัญในระบบย่อยอาหาร ต�าแหน่ง
ตัวอยางบัตรภาพ (ดานหนา)
ลักษณะ
หน้าที่
ชื่อ : หัวใจ ลักษณะ : รูปรางคลายดอกบัวตูม ขนาดเทากําปน หนาที่ : สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงสวนตางๆ ทั่วรางกาย วิธีดูแลรักษา : 1. กินอาหารที่มีประโยชน และไมกินอาหารที่มี ไขมันสูง 2. พักผอนใหเพียงพอ 3. ออกกําลังกายอยาง สมํ่าเสมอ
วิธีดูแลรักษาล�าไส้
อยู่ในช่องท้องตอนบน
เป็นท่อกลวงยาว ขดไปขดมา แบ่งเป็น ล�าไส้เล็ก และล�าไส้ใหญ่
ล�าไส้แต่ละส่วน ท�าหน้าที่แตกต่างกัน ดังภาพด้านล่าง
๑ ๒ ๓ ๔ ๕
ไม่กินอาหารที่มีรสจัด กินอาหารให้ถูกสุขลักษณะ 1 กินผักและผลไม้เป็นประจ�า ขับถ่ายให้เป็นเวลา
ไม่กินอาหารที่แข็งและเหนียว มากเกินไป ๖ ระมัดระวังไม่ให้ช่องท้องได้รับการ กระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
กระเพาะอาหาร
ล�าไส้ใหญ่
(ดานหลัง)
ท�าหน้าที่ ดูดน�้าและเกลือแร่จาก กากอาหาร และขับอุจจาระให้ เคลื่อนไปยังทวารหนัก
ล�าไส้เล็ก ท�าหน้าที่ ย่อยอาหารในขั้นตอน สุดท้าย และดูดซึมสารอาหาร เข้าสู่กระแสเลือด
ล�าไส้เป็นทางเดินอาหารที่อยู่ระหว่างกระเพาะอาหารและทวารหนัก
10
เกร็ดแนะครู ครูควรแนะนํานักเรียนใหเลือกรับประทานอาหารที่เปนผลดีตอลําไส เชน รับประทานผัก ผลไม อาหารที่มีเสนใย (ไฟเบอร) อาหารที่ยอยงาย อาหารที่ไมมี รสจัด นํ้าสะอาดในปริมาณที่เพียงพอ เพื่อใหการขับถายเปนไปโดยสะดวก
นักเรียนควรรู 1 กินผักและผลไมเปนประจํา ผักและผลไมประกอบไปดวยสารที่เปนกากใย อยูมาก ซึ่งกากใยเปนเสนใยละเอียดเล็กๆ เมื่อกินเขาไป กระเพาะอาหารและ ลําไสจะไมดูดซึมสารเหลานี้ แลวจะถูกขับออกมากับอุจจาระ ซึ่งเสนใยเหลานี้ จะชวยทําใหอุจจาระไมแข็งมาก ทําใหขับถายไดงายและไมเกิดอาการทองผูก
คูมือครู
ตรวจสอบผล
Expand
ใหนักเรียนจัดทําบัตรภาพอวัยวะภายในคนละ 1 ใบ โดยใหดานหนาของบัตรภาพ เปนภาพอวัยวะ ภายใน แลวดานหลังของบัตรภาพเขียนชื่อ ลักษณะ หนาที่ และการดูแลรักษาอวัยวะภายในชนิดนั้น จากนั้นนําผลงานออกมาแสดงที่หนาชั้น
10
Expand าใจ ขยายความเข
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนจัดทําโปสเตอรรางกายมนุษยแสดงอวัยวะภายในและอวัยวะ ภายนอกที่สําคัญ แลวอธิบายรายละเอียดของอวัยวะแตละสวน ดังนี้ • ลักษณะ • หนาที่ • วิธีดูแล จากนั้นใหนักเรียนนําผลงานออกมานําเสนอที่หนาชั้น แลวนําผลงานไป จัดปายนิเทศ
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
Engage
Explore
Explain
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบผล
¡Ô¨¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ตอนที่ ๑ ค�าถามชวนคิด เขียนตอบค�าถามต่อไปนี้ลงในสมุด ๑) อวัยวะภายนอกและอวัยวะภายในมีความแตกต่างกันอย่างไร ๒) อวัยวะภายในชนิดใดมีความส�าคัญที่สุด เพราะเหตุใด ๓) ถ้าอวัยวะภายในอวัยวะใดอวัยวะหนึง่ ท�าหน้าทีบ่ กพร่อง จะเกิดผลอย่างไร ๔) เพราะเหตุใดการพักผ่อนให้เพียงพอจึงท�าให้อวัยวะท�างานได้ดี ตอนที่ ๒ ชวนคิด ชวนท�า ๑. ดูภาพ แล้วบอกชื่ออวัยวะ และเขียนอธิบายหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ เหล่านี้ ลงในสมุด ๑) ๒) ๓) ๔) ๕) ๖)
Evaluate
1. ครูตรวจผลงานการเขียนชื่อ ตําแหนง ลักษณะ และหนาที่ของอวัยวะภายใน 2. ครูตรวจความถูกตองของบัตรภาพอวัยวะ ภายในวา ติดภาพหรือวาดภาพ พรอมกับ เขียนขอมูลไดถูกตองหรือไม
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู 1. กิจกรรมรวบยอดที่ 1.1 จากแบบวัดฯ สุขศึกษาฯ ป.2 2. บัตรภาพอวัยวะภายใน
๒. อ่านข้อความ และบอกว่ามีผลต่ออวัยวะใด ๑) วิ่งเล่นแล้วศีรษะกระแทกกับเพื่อน ๒) รับประทานอาหารรสจัด เช่น หวานจัด เค็มจัด เผ็ดจัด ๓) อยู่ในที่ที่มีฝุ่นละอองและมลพิษมาก ๔) ดื่มสุราเป็นประจ�าทุกวัน ๕) ชอบรับประทานอาหารที่มีไขมันมากๆ ๓. เขี ย นวิ ธี ก ารดู แ ลอวั ย วะภายในลงในสมุ ด มา ๕ ข้ อ พร้ อ มทั้ ง บอกว่ า เปนวิธีการดูแลอวัยวะใด ตอนที่ ๓ ผลงานสร้างสรรค์ แบ่งกลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มร่วมกันจัดท�าแผ่นภาพอวัยวะภายใน โดยให้ด้านหน้า ของแผ่นภาพเปนภาพอวัยวะภายใน และให้ดา้ นหลังของแผ่นภาพเปนรายละเอียด (ชื่อ ตําแหน่ง ลักษณะ หน้าที่ การดูแลรักษา) 11 เฉลย กิจกรรมการเรียนรู ตอนที่ 1 คําถามชวนคิด 1. แนวตอบ 1) อวัยวะภายนอกมองเห็นดวยตาเปลาได สวนอวัยวะภายในมองไมเห็น 3) จะทําใหรางกายเจ็บปวยหรือทํางานผิดปกติ
2) สําคัญเทากัน เพราะอวัยวะแตละชนิดทําหนาที่ตางกันและทํางานสัมพันธกัน 4) เพราะอวัยวะไมตองทํางานหนักเกินไป
ตอนที่ 2 ชวนคิด ชวนทํา 1. แนวตอบ 1) หัวใจ - สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงสวนตางๆ ของรางกาย 2) ไต - กรองของเสียออกจากเลือด และขับออกมากับนํ้าปสสาวะ 3) ปอด - แลกเปลี่ยนแกส 4) สมอง - ควบคุมการทํางานของรางกาย 5) ตับ - ขับสารพิษออกจากรางกาย 6) กระเพาะอาหาร - เก็บอาหารและยอยอาหาร 2. แนวตอบ 1) สมอง 2) กระเพาะอาหาร ลําไส ไต 3) ปอด 4) สมอง ตับ กระเพาะอาหาร 5) หัวใจ 3. แนวตอบ 1) กินอาหารที่มีประโยชน - ดูแลอวัยวะทุกสวนของรางกาย 2) พักผอนใหเพียงพอ - สมอง หัวใจ 3) ไมดื่มสุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล - หัวใจ ตับ 4) ดื่มนํ้าสะอาดมากๆ - ไต 5) ออกกําลังกายสมํ่าเสมอ - หัวใจ ปอด คูมือครู
11
กระตุน ความสนใจ กระตุEngage นความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
• อธิบายธรรมชาติของชีวิตมนุษยตั้งแตเกิด จนตาย (พ 1.1 ป.2/3)
บทที่
ธรรมชาติ ของมนุษย
สมรรถนะของผูเรียน • ความสามารถในการสื่อสาร
สาระส�าคัญ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมชาติของชีวิตมนุษย์ ขณะ ที่มีชีวิตอยู่ควรดูแลร่างกายให้แข็งแรง และรู้จักการด�าเนิน ชีวิตให้มีความสุข
¡Ô¨¡ÃÃÁ¹ÒÊÙ‹¡ÒÃàÃÕ¹
คุณลักษณะอันพึงประสงค • ใฝเรียนรู
ò
1
กระตุน ความสนใจ
Engage
1. ครูสนทนาซักถามนักเรียนเกี่ยวกับชีวิตของ นักเรียนโดยใหนักเรียนตอบอยางอิสระ เชน • ตอนเด็กๆ นักเรียนมีรูปรางลักษณะอยางไร • นักเรียนเคยเห็นเด็กแรกเกิดหรือไม • ในบานของนักเรียนมีคนแกหรือไม • นักเรียนเคยไปงานศพหรือไม 2. ครูซักถามความรูสึกของนักเรียนวา ถาสมาชิก ในบานเจ็บปวยหรือเสียชีวิต นักเรียนจะรูสึก อยางไร
? ¨Ò¡ÀÒ¾ ÊÔè§ã´เ¡Ô´ขÖéนเป็นÅíÒ´ับáร¡ áÅÐÊÔè§เËÅ่ÒนÕé¨Ðเ¡Ô´ขÖéน¡ับทØ¡คนËร×อไม่ เ¾รÒÐเ˵Øã´
12
เกร็ดแนะครู ครูจัดกระบวนการเรียนรูโดยใหนักเรียนปฏิบัติ ดังนี้ • สังเกตธรรมชาติของชีวิตจากบุคคลตางๆ รอบๆ ตัว • สืบคนขอมูลเกี่ยวกับธรรมชาติของชีวิตจากบุคคลตางๆ รอบๆ ตัว • อธิบายธรรมชาติของชีวิตมนุษย จนเกิดเปนความรูความเขาใจวา การเกิด แก เจ็บ ตาย เปนธรรมชาติของชีวิต ที่มนุษยทุกคนควรยอมรับ และรูจักดูแลสุขภาพรางกายเพื่อใหดําเนินชีวิตอยางมี ความสุข เฉลย กิจกรรมนําสูการเรียน • จากภาพ ภาพที่ 1 เกิดขึ้นเปนลําดับแรก เพราะเปนภาพของวัยทารก • จากภาพ เปนสิ่งที่ตองเกิดขึ้นกับคนทุกคน เพราะการเกิด การแก การเจ็บปวย และการตายเปนธรรมชาติของชีวิตมนุษยที่ไมมีใครสามารถหลีกเลี่ยงได
12
คูมือครู
กระตุนความสนใจ Engage
สํารวจคนหา
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
สํารวจค Exploreนหา
สํารวจคนหา
1. ครูนําภาพคนในชวงวัยตางๆ มาใหนักเรียนดู แลวใหนักเรียนรวมกันเรียงลําดับชวงวัยตางๆ ใหถูกตอง 2. ครูซักถามนักเรียนวา สมาชิกในบานของ นักเรียนมีใครบาง และอยูในชวงวัยใด โดยอาจเปรียบเทียบกับภาพที่ครูนํามาแสดง 3. ใหนักเรียนไปพูดคุยกับสมาชิกในบานที่เปน ผูใหญหรือคนแกวา ชีวิตในชวงวัยที่ผานมา เปนอยางไร จากนั้นใหออกมาเลาที่หนาชั้น พรอมแสดงภาพประกอบ
ธรรมชาติของชีวิตมนุษย ในครอบครัวหนึ่ง อาจประกอบด้วยสมาชิกหลายวัย ได้แก่ วัยทารก วัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ และวัยชรา ซึ่งถ้าเราสังเกตจะพบ ว่าสมาชิกในครอบครัวมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เช่น น้องที่เคย เป็นทารก แต่ในปัจจุบันเป็นนักเรียนชั้นอนุบาล หรือคุณปู่ คุณย่า ที่เคยแข็งแรง แต่ปัจจุบันได้แก่ชราลงไป เป็นต้น สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ล้วน ต้องเกิดขึ้นกับทุกคน ซึ่งเราเรียกว่า ธรรมชาติของชีวิตมนุษย์ ธรรมชาติ ของชีวิตมนุษย์ เริ่มตั้งแต่เราเกิดมาลืมตาดู โลก 1 เจริญเติบโตเป็นเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ วัยชรา ตามล�าดับ และใน แต่ละช่วงวัยย่อมที่จะมีโอกาส แก่ เจ็บ และถึงวาระสุดท้ายของชีวิต คือ ความตาย ซึ่งไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงกฎของธรรมชาติ นี้ได้ แผนภาพแสดงธรรมชาติของชีวิตมนุษย์
อธิบายความรู
วัยชรา วัยผู้ใหญ่ วัยรุ่น วัยเด็ก วัยทารก
เกิด
แก่
เจ็บ
ตาย 13
ขอสอบเนนการคิด
“หญิงชราคนหนึ่ง ชื่อดวงพร เธออายุ 80 ป เมื่อตอนเปนเด็ก แมบอกวา เธอเลี้ยงงาย โตมาก็เปนเด็กเรียบรอย เชื่อฟงผูใหญ เมื่อเธอทํางานก็ตั้งใจ ทํางาน ดวงพรแตงงานและมีลูก 3 คน” จากขอความ ขอใดเปนธรรมชาติของชีวิตมนุษย ก. ดวงพรเปนคนแก ข. ดวงพรแตงงานแลว ค. ดวงพรตั้งใจทํางาน ง. ดวงพรเปนเด็กเลี้ยงงาย วิเคราะหคําตอบ ก. เพราะธรรมชาติของชีวิตมนุษย คือ เกิด แก เจ็บ ตาย ซึ่งเกิดกับทุกคน ดังนั้นการที่ดวงพรเปนคนแก จึงเปนธรรมชาติ ของชีวิต ดังนั้น ขอ ก. เปนคําตอบที่ถูก
Explore
Explain
1. ครูตั้งคําถามวา • ผูที่อยูในวัยชราตองผานชวงวัยใดมาบาง (ตอบ วัยเด็ก วัยรุน วัยผูใหญ) • ทุกคนที่เกิดมาจะหลีกเลี่ยงความตายได หรือไม เพราะเหตุใด (ตอบ หลีกเลี่ยงไมได เพราะความตายเปน ธรรมชาติของคนเรา รวมทั้งสิ่งมีชีวิต ชนิดอื่นๆ ดวย) 2. ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายวา การเจ็บปวย และการตาย จะเกิดขึ้นไดในชวงวัยใดของ คนเรา (แนวตอบ เกิดขึ้นไดในทุกชวงวัยของชีวิต เชน วัยทารกก็เจ็บปวยไดและอาจตายไดเชนเดียว กับวัยอื่นๆ) 3. ใหนักเรียนรวมกันสรุปวา การเจริญเติบโต ตั้งแตเด็กจนเขาสูวัยชรา ซึ่งเมื่อเขาสูวัยชรา สภาพรางกายจะคอยๆ เสื่อมโทรมลง ทําให เกิดการเจ็บปวย และเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งสิ่งเหลานี้เกิดขึ้นกับทุกคน จนเรียกวา เปนธรรมชาติของชีวิตมนุษย
นักเรียนควรรู 1 เจริญเติบโต การเจริญเติบโตทางรางกายของคนเราสังเกตไดจาก • นํ้าหนัก • สวนสูง • ความยาวของลําตัว • ความยาวของชวงแขนเมื่อกางเต็มที่ • ความยาวของเสนรอบวงศีรษะ • ความยาวของเสนรอบอก • การงอกขึ้นของฟนแท
คูมือครู
13
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ
ขยายความเขาใจ Expand าใจ ขยายความเข
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Expand
1. ใหนักเรียนตอบคําถามชวนคิดจากหนังสือ หนา 15 แลวใหแลกเปลี่ยนกันตรวจคําตอบกับเพื่อน 2. ใหนักเรียนสรุปธรรมชาติของชีวิต จากนั้นให นักเรียนทํากิจกรรมรวบยอดที่ 1.3 จาก แบบวัดฯ สุขศึกษาฯ ป.2
หลักการดูแลสุขภาพร่างกาย แม้ว่าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาวะการแก่ การเจ็บ และการ ตายได้ แต่เราสามารถดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง ได้ด้วยหลัก ๖ อ. ซึ่งหมายถึง
✓ แบบวัดฯ ใบงาน แบบฝกฯ สุขศึกษา ป.2 กิจกรรมรวบยอดที่ 1.3 แบบประเมินตัวช�้วัด พ 1.1 ป.2/3 แบบประเมินผลการเรียนรูตามตัวชี้วัด ประจําหนวยที่ ๑ บทที่ ๒ กิจกรรมรวบยอดที่ ๑.๓ แบบประเมินตัวชี้วัด พ ๑.๑ ป.๒/๓
อ.๑
• อธิบายธรรมชาติของชีวิตมนุษย ชุดที่ ๑ ๑๐ คะแนน เขียนแผนผังความคิดแสดงธรรมชาติของชีวิตมนุษย พรอมทั้งอธิบายสั้นๆ
ออกก�าลังกาย
ออกก�าลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ ๓ ครั้ง
(ตัวอยาง)
อ.๒ อาหารปลอดภัย
รับประทานอาหารครบ ๕ หมู ่ สะอาดและปลอดภัย
ธรรมชาติของชีวิตมนุษย ฉบับ
เฉลย
เกิด
แก
ตาย
เจ็บ
คนเราทุกคนที่เกิดมา ยอมมีการเจริญเติบโตจากวัยทารก สูวัยเด็ก วัยรุน วัยผูใหญ และวัยชรา (แก) ซึ่งในแตละชวงวัยอาจมีการเจ็บปวย และ เสียชีวิตได แตถาดูแลสุขภาพดีเมื่อถึงวัยชรา สภาพรางกายจะทรุดโทรมลง ........................................................................................................................................................................................................... และทายที่สุดก็จะตาย ........................................................................................................................................................................................................... ...........................................................................................................................................................................................................
อ.๓ อบายมุข 1
...........................................................................................................................................................................................................
หลีกเลี่ยงสารเสพติด การพนั การพนัน
ตัวชี้วัด พ ๑.๑ ขอ ๓ ไดคะแนน คะแนนเต็ม
ñð
๑๐
3. ครูสนทนากับนักเรียนวา ธรรมชาติของชีวิต มนุษยเปนสิ่งที่หลีกเลี่ยงไมได ดังนั้น เราจึง ควรยอมรับและดูแลตนเองใหมีสุขภาพดี เพื่อ ใหใชชีวิตอยางมีความสุข จากนั้นใหนักเรียน รวมกันยกตัวอยางการดูแลตนเองใหมีสุขภาพดี เชน กินอาหารที่มีประโยชน ทําจิตใจใหราเริง แจมใส พักผอนใหเพียงพอ เปนตน
อ.๕ 14
หลีกเลี่ยงปัจจัยที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค
นักเรียนควรรู 1 อบายมุข เปนหนทางที่นําไปสูความเสื่อมโทรมของชีวิต เชน การดื่มสุรา การเลนการพนัน การเที่ยวกลางคืน เปนตน 2 อโรคยา หมายถึง การไมเปนโรค ดวยการดูแลรักษาสุขภาพใหแข็งแรง สมกับคํากลาววา “ความไมมีโรค เปนลาภอันประเสริฐ”
14
คูมือครู
2 อโรคยา
อ.๔ อารมณ์แจ่มใส
รูจ้ กั พักผ่อนคลายความเครียด และท�าจิตใจให้ แจ่มใสอยู่เสมอ
อ.๖
อนามัยสิ่งแวดล้อม
จัดสิง่ แวดล้อมรอบตัวให้สะอาด ถูกสุขลักษณะ
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนเลือก การเกิด การแก การเจ็บ การตาย มา 1 หัวขอ แลววิเคราะหวา เพราะอะไรสิ่งเหลานี้จึงเปนธรรมชาติของมนุษย ที่ทุกคนหลีกหนีไมพน จากนั้นออกมารายงานหนาชั้น
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
Engage
Explore
Explain
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate
ตรวจสอบผล
Evaluate
ครูตรวจสอบผลการเขียนแผนผังความคิดและ เขียนอธิบายธรรมชาติของชีวิตมนุษยจากกิจกรรม รวบยอดที่ 1.3 จากแบบวัดฯ สุขศึกษาฯ ป.2
¡Ô¨¡ÃÃÁ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
ตอนที่ ๑ ค�าถามชวนคิด เขียนตอบค�าถามต่อไปนี้ลงในสมุด ๑) ธรรมชาติของชีวิตมนุษย์คืออะไร ๒) คนทุกคนต้องตายใช่หรือไม่ เพราะเหตุใด ๓) นักเรียนตอนอายุ ๘ ป ต่างจากอายุ ๒ ป อย่างไร ๔) ผู้ใหญ่และเด็กมีความแตกต่างกันอย่างไร ๕) นักเรียนสามารถป้องกันการเจ็บป่วยได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
• แผนผังความคิดแสดงธรรมชาติของชีวติ มนุษย จากกิจกรรมรวบยอดที่ 1.3 จากแบบวัดฯ สุขศึกษา ป.2
ตอนที่ ๒ ชวนคิด ชวนท�า ๑. ติดภาพเด็กและคนชราลงในสมุด แล้วอธิบายลักษณะที่แตกต่างกัน ๒. อ่านหัวข้อที่ก�าหนดให้ แล้วบันทึกข้อมูลลงในสมุด ๑) นักเรียน เคยเห็น ไม่เคยเห็น ทารกเกิดใหม่ เด็กทารกที่เห็นมีลักษณะอย่างไร ๒) ในครอบครัวของนักเรียน มี ไม่มี คนชรา ถ้ามีชื่ออะไร อายุกี่ป ๓) สมาชิกในครอบครัวของนักเรียน เคย ไม่เคย เจ็บป่วย ถ้าเคย ป่วยเป็นโรคอะไร ๔) นักเรียน เคยไป ไม่เคยไป งานศพ ๕) ถ้านักเรียนต้องการมีชีวิตที่ยืนยาว นักเรียนควรปฏิบัติตนอย่างไร ตอนที่ ๓ ผลงานสร้างสรรค์ เขียนแผนภาพแสดงธรรมชาติของชีวิตมนุษย์ลงในกระดาษวาดเขียน พร้อมกับอธิบายสั้นๆ 15
ขอสอบเนนการคิด
ถามีคนชักชวนใหซื้อยาที่ทําใหไมแก นักเรียนควรซื้อหรือไม เพราะเหตุใด แนวตอบ ไมซื้อ เพราะความแกเปนสิ่งที่ตองเกิดขึ้นกับทุกคนเมื่อเขาสู ชวงวัย ดังนั้นจึงไมมียาที่จะชวยทําใหไมแกได ซึ่งอาจสันนิษฐานไดวา ยาชนิดนี้เปนยาที่โฆษณาเกินจริง และอาจเปนอันตรายตอรางกายได
เฉลย กิจกรรมการเรียนรู ตอนที่ 1 คําถามชวนคิด แนวตอบ 1) สิ่งที่เกิดขึ้นเปนปกติของคนทุกคน ไดแก เกิด แก เจ็บ ตาย 2) ใช เพราะเมื่อถึงคราวที่รางกายเสื่อมสภาพและอวัยวะหยุดทํางาน คนเราทุกคนก็จะตาย 3) รางกายมีการเจริญเติบโตตางกัน เชน นํ้าหนัก สวนสูงตางกัน 4) ผูใหญมีนํ้าหนัก สวนสูง มากกวาเด็ก และมีความสามารถทางดานตางๆ มากกวาเด็ก 5) ได เพราะการเจ็บปวยบางอยางเกิดจากการมีพฤติกรรมที่ไมดี ซึ่งสามารถปรับปรุงแกไขได และการเจ็บปวยบางอยางเกิดจากเชื้อโรค หรือการผิดปกติของอวัยวะ ซึ่งสามารถรักษาใหหายเปนปกติได
คูมือครู
15