คูมือครู 㪌»ÃСͺ¡ÒÃÊ͹ËÇÁ¡Ñº
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ©ºÑº Í- .
ภาพปกนี้มีขนาดเทากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน
กระบวนการสอนแบบ 5 Es ชวยสรางทักษะการเรียนรู กิจกรรมมุงพัฒนาทักษะการคิด คำถาม + แนวขอสอบเพื่อยกผลสัมฤทธิ์ O-NET กิจกรรมบูรณาการเตรียมพรอมสู ASEAN 2558
เอกสารประกอบคูมือครู
กลุมสาระการเรียนรู คณิตศาสตร
คณิตศาสตร เลม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปที่
1
สําหรับครู
คูมือครู Version ใหม
ลักษณะเดน
ขยายพื้นที่รูปเลมใหญขึ้นกวาเดิม จัดแบงพื้นที่ออกเปนโซน เพื่อคนหาขอมูลไดงาย สะดวก รวดเร็ว และดูเปนระเบียบ กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล
กระตุน ความสนใจ
Evaluate
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
เปาหมายการเรียนรู สมรรถนะของผูเรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค
หน า
โซน 1 กระตุน ความสนใจ
Engage
สํารวจคนหา
Explore
อธิบายความรู
Explain
ขยายความเขาใจ
Expand
ตรวจสอบผล
หน า
หนั ง สื อ เรี ย น
โซน 1
หนั ง สื อ เรี ย น
Evaluate
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
O-NET บูรณาการเชื่อมสาระ
เกร็ดแนะครู
ขอสอบ
โซน 2
โซน 3
กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
โซน 3
โซน 2 บูรณาการอาเซียน มุม IT
No.
คูมือครู
คูมือครู
No.
โซน 1 ขั้นตอนการสอนแบบ 5Es
โซน 2 ชวยครูเตรียมสอน
โซน 3 ชวยครูเตรียมนักเรียน
เพื่อใหครูเตรียมจัดกิจกรรมการเรียน การสอน โดยแนะนําขั้นตอนการสอนและ การจัดกิจกรรมแบบ 5Es อยางละเอียด เพื่อใหนักเรียนบรรลุตามตัวชี้วัด
เพื่อชวยลดภาระครูผูสอน โดยแนะนํา เกร็ดความรูสําหรับครู ความรูเสริมสําหรับ นักเรียน รวมทั้งบูรณาการความรูสูอาเซียน และมุม IT
เพื่อใหครูสะดวกตอการจัดกิจกรรม โดย แนะนํากิจกรรมบูรณาการเชือ่ มระหวางสาระหรือ กลุมสาระการเรียนรู วิชา กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย รวมถึงเนื้อหาที่เคยออกขอสอบ O-NET แนวขอสอบ NT/O-NET ทีเ่ นนการคิด พรอมเฉลยและคําอธิบายอยางละเอียด
ที่ใชในคูมือครู
แถบสีและสัญลักษณ
แถบสีแสดงขั้นตอนการสอนและการจัดกิจกรรม แบบ 5Es เพื่อใหครูทราบวาเปนขั้นการสอนขั้นใด
1. แถบสี 5Es สีแดง
สีเขียว
กระตุน ความสนใจ
เสร�ม
สํารวจคนหา
Engage
2
•
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใช เทคนิคกระตุน ความสนใจ เพื่อโยง เขาสูบทเรียน
สีสม
อธิบายความรู
Explore
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนสํารวจ ปญหา และศึกษา ขอมูล
สีฟา
Explain
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนคนหา คําตอบ จนเกิดความรู เชิงประจักษ
สีมวง
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
•
Evaluate
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนนําความรู ไปคิดคนตอๆ ไป
•
เปนขั้นที่ผูสอน ประเมินมโนทัศน ของผูเรียน
2. สัญลักษณ สัญลักษณ
วัตถุประสงค
• เปาหมายการเรียนรู
• หลักฐานแสดง ผลการเรียนรู
• เกร็ดแนะครู
แทรกความรูเสริมสําหรับครู ขอเสนอแนะ ขอควรระวัง ขอสังเกต แนวทางการจัด กิจกรรมและอืน่ ๆ เพื่อประโยชนในการ จัดการเรียนการสอน ขยายความรูเพิ่มเติมจากเนื้อหา เพื่อให ครูนําไปใชอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียน ไดมีความรูมากขึ้น
•
ความรูห รือกิจกรรมเสริม ใหครูนาํ ไปใช เตรียมความพรอมใหกบั นักเรียนกอนเขาสู ประชาคมอาเซียนใน พ.ศ. 2558 โดย บูรณาการกับวิชาทีก่ าํ ลังเรียน
บูรณาการอาเซียน
•
คูม อื ครู
แสดงรองรอยหลักฐานตามภาระงาน ที่ครูมอบหมาย เพื่อแสดงผลการเรียนรู ตามตัวชี้วัด
• นักเรียนควรรู
มุม IT
แสดงเปาหมายการเรียนรูที่นักเรียน ตองบรรลุตามตัวชี้วัด ตลอดจนสมรรถนะ ที่จะตองมี และคุณลักษณะที่พึงเกิดขึ้น กับนักเรียน
แนะนําแหลงคนควาจากเว็บไซต เพื่อให ครูและนักเรียนไดเขาถึงขอมูลความรู ที่หลากหลาย ทั้งไทยและตางประเทศ
สัญลักษณ
ขอสอบ
วัตถุประสงค
O-NET
(เฉพาะวิชา ชัน้ ทีส่ อบ O-NET O-NET)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T (เฉพาะระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนตอนตน)
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET (เฉพาะระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลาย)
บูรณาการเชื่อมสาระ
กิจกรรมสรางเสริม
กิจกรรมทาทาย
• ชีแ้ นะเนือ้ หาทีเ่ คยออกขอสอบ
O-NET โดยยกตัวอยางขอสอบ พรอมวิเคราะหคาํ ตอบ อยางละเอียด
• เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน
การคิดและเปนแนวขอสอบ NT/O-NET ในระดับมัธยมศึกษา ตอนตน มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด
• เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน
การคิดและเปนแนวขอสอบ O-NET ในระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม
เชือ่ มกับสาระหรือกลุม สาระ การเรียนรู ระดับชัน้ หรือวิชาอืน่ ทีเ่ กีย่ วของ
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม ซอมเสริมสําหรับนักเรียนทีค่ วร ไดรบั การพัฒนาการเรียนรู
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม ตอยอดสําหรับนักเรียนทีเ่ รียนรู ไดอยางรวดเร็ว และตองการ ทาทายความสามารถในระดับ ทีส่ งู ขึน้
คําแนะนําการใชคูมือครู การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน คูม อื ครู รายวิชา คณิตศาสตร ม.1 เลม 1 จัดทําขึน้ เพือ่ ใหครูผสู อนนําไปใชเปนแนวทางวางแผนการสอนเพือ่ พัฒนา ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน และประกันคุณภาพผูเ รียน ตามนโยบายของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน (สพฐ.) โดยใชหนังสือเรียน คณิตศาสตร ม.1 เลม 1 ของบริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด เปนสื่อหลัก (Core Material) เสร�ม ประกอบการสอนและการจัดกิจกรรมการเรียนรูใหสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดกลุมสาระการเรียนรู 3 คณิตศาสตร ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนตาม หลักการสําคัญ ดังนี้ 1 ออกแบบการสอนเปนหนวยการเรียนรูอิงมาตรฐาน คูม อื ครู รายวิชา คณิตศาสตร ม.1 เลม 1 วางแผนการสอนโดยแบงเปนหนวยการเรียนรูต ามลําดับสาระ (Strand) และหมายเลขขอของมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั แตละหนวยจะกําหนดเปาหมายการเรียนรูแ ละจุดประสงคการเรียนรู (Objective Learning) กิจกรรมการเรียนรู (Learning Activities) และแนวทางการประเมินผลการเรียนรู (Learning Evaluation) ไวชัดเจน ครูผูสอนสามารถจัดทําแผนการสอนใหครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด สมรรถนะ และ คุณลักษณะอันพึงประสงคทเี่ ปนเปาหมายการเรียนรูต ามทีก่ าํ หนดไวในสาระแกนกลาง (ตามแผนภูม)ิ และสามารถบันทึก ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผูเรียนแตละคนลงในเอกสาร ปพ.5 ไดอยางมั ง ่นใจ แผนภูมิแสดงความสัมพันธขององคประกอบการออกแบบการเรียนรูอิงมาตรฐานและเน มาต นผูเรียนเปนสําคัญ
พผ
ูเ
จุ ด ป ร
ะสง
คก า
ส ภา
รี ย น
ร
รู ีเรยน
มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัดชั้นป
ทักษะการคิด การวัดประเมินผล การเรียนรู
กิจกรรมการเรียนรู
เทคนิคการสอน คูม อื ครู
2 การจัดการเรียนรูที่ยึดผูเรียนเปนสําคัญ แนวคิ ด ในการจั ด การเรี ย นการสอนที่ ยึ ด ผู เ รี ย นเป น สํ า คั ญ พั ฒ นามาจากปรั ช ญาและทฤษฎี ก ารเรี ย นรู Constructivism ที่เชื่อวา การเรียนรูเปนกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในสมองของผูเรียนแตละคน ผูเรียนเปนผูสรางความรู โดยการเชื่อมโยงระหวางสิ่งที่ไดเรียนรูจากบทเรียนใหมกับความรูหรือประสบการณเดิมที่มีอยู ทฤษฎีนี้มีความเชื่อวา ผูเรียนทุกคนไดเรียนรูและมีการสั่งสมความรูความเขาใจเกี่ยวกับสิ่งตางๆ ติดตัวมากอน ทีจ่ ะเขาสูห อ งเรียน ซึง่ เปนการเรียนรูท เี่ กิดจากประสบการณและสิง่ แวดลอมรอบตัวผูเ รียนแตละคน ดังนัน้ การจัดกิจกรรม เสร�ม การเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ผูสอนจะตองคํานึงถึง
4
1. ความรูเดิมของผูเรียน วิธีการสอนที่ดีจะตองเริ่มตนจากจุดที่วา ผูเ รียนมีความรูอ ะไรมาบาง แลวจึงใหความรู หรือประสบการณใหม เพื่อตอยอดจาก ความรูเดิม นําไปสูการสรางความรู ความเขาใจใหม
2. ความรูเดิมของผูเรียนถูกตองหรือไม ผูส อนตองปรับเปลีย่ นความรูค วามเขาใจเดิม ของผูเรียนใหถูกตอง และเปนพฤติกรรม การเรียนรูใ หมทมี่ คี ณุ คาตอผูเรียน เพื่อสราง เจตคติหรือทัศนคติที่ดีตอการเรียนรู สิ่งเหลานั้น
3. ผูเรียนสรางความหมายสําหรับตนเอง ผูสอนตองสงเสริมใหผูเรียนนําความรู ความเขาใจที่เกิดขึ้นไปลงมือปฏิบัติ เพื่อขยายความรูใหลึกซึ้งและมีคุณคา ตอตัวผูเรียนมากที่สุด
แนวคิด Constructivism เนนใหผูเรียนสรางความรูโดยผานกระบวนการคิดและความอยากรูของตนเอง โดยมีผูสอนเปนผูสรางบรรยากาศ
การเรียนรูและกระตุนความสนใจ คอยจัดสถานการณใหผูเรียนเกิดความขัดแยงทางความคิดระหวางประสบการณเดิมกับประสบการณ ความรูใ หม เพือ่ กระตนุ ใหผเู รียนเชือ่ มโยงความรู ความคิด กับประสบการณทมี่ อี ยูเ ดิม แลวสังเคราะหเปนความรูห รือแนวคิดใหมๆ ไดดว ยตนเอง
3 การบูรณาการกระบวนการคิด การเรียนรูของผูเรียนแตละคนจะเกิดขึ้นที่สมอง ซึ่งเปนอวัยวะที่ทําหนาที่รูคิดภายใตสภาพแวดลอมที่เอื้ออํานวย และไดรบั การกระตนุ จูงใจอยางเหมาะสม สอดคลองกับสภาพจิตใจและความตองการของผูเ รียนแตละคน การจัดกิจกรรม การเรียนรูและสาระการเรียนรูที่สอดคลองกับความสนใจและมีความหมายตอผูเรียน จะชวยกระตุนใหสมองของผูเรียน สามารถรับรูและเรียนรูไดอยางมีประสิทธิภาพตามขั้นตอนการทํางงานของสมอง ดังนี้ 1. สมองจะเรียนรูและสืบคน โดยการสังเกต คนหา ซักถาม และทดลอง ปฏิบัติ จนทําใหคนพบความรูความเขาใจ ไดอยางรวดเร็ว
2. สมองจะแยกแยะคุณคาของสิ่งตางๆ โดยการตัดสินใจวิพากษวิจารณ แสดง ความคิดเห็น ยอมรับหรือตอตานตาม อารมณความรูสึกที่เกิดขึ้นในขณะที่เรียนรู
3. สมองจะประมวลเนื้อหาสาระ โดยการสรุปเปนความคิดรวบยอดจาก เรื่องราวที่ไดเรียนรูใหมนําไปผสมผสานกับ ความรูห รือประสบการณเดิมทีถ่ กู จัดเก็บอยูใ น สมอง ผานการกลัน่ กรองเพือ่ สังเคราะหเปน ความรูค วามเขาใจใหมๆ หรือเปนทัศนคติใหม ที่จะเก็บบรรจุไวในสมองของผูเรียน
การเรียนรูที่มีประสิทธิภาพจึงตองเปนการเรียนรูที่เกิดจากกระบวนการคิดของผูเรียน เพราะการเรียนรูจะเกิดขึ้น เมื่อสมองรูคิด และตองเปนการคิดไดครบถวนตามขั้นตอนการทํางานของสมองผูเรียน โดยเริ่มตนจาก 1. ระดับการคิดพื้นฐาน ไดแก การสังเกต การจําแนก การคาดคะเน การสื่อความหมาย การรวบรวมขอมูล การสรุปผล เปนตน
คูม อื ครู
2. ระดับลักษณะการคิด ไดแก การคิดกวาง คิดลึกซึ้ง คิดไกล คิดหลากหลาย คิดคลอง คิดอยางมีเหตุผล เปนตน
3. ระดับกระบวนการคิด ไดแก กระบวนการคิดอยางมีวิจารณญาณ กระบวนการแกปญหา กระบวนการ คิดสรางสรรค กระบวนการคิดสังเคราะห เปนตน
5Es การจัดกิจกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ขั้นตอนการสอนที่สัมพันธกับขั้นตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้ ขั้นที่ 1
กระตุนความสนใจ
(Engage)
เสร�ม
5
เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของผูเรียนดวยเรื่องราวหรือเหตุการณที่นาสนใจโดยใชเทคนิควิธีการ และคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูความรูของบทเรียนใหม ชวยใหผูเรียนสามารถ สรุปความสําคัญหัวขอและสาระการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนการสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสราง แรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน
ขั้นที่ 2
สํารวจคนหา
(Explore)
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนเปดโอกาสใหผเู รียนลงมือศึกษา สังเกต หรือรวมมือกันสํารวจ เพือ่ ใหเห็นขอบขายของประเด็นหรือปญหา รวมถึง วิธีการศึกษาคนควา การรวบรวมขอมูลความรูที่จะนําไปสูการสรางความเขาใจประเด็นหรือปญหานั้นๆ เมื่อผูเรียนทําความเขาใจใน ประเด็นหรือปญหาที่จะศึกษาคนควาอยางถองแทแลว ก็ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมขอมูลความรู สํารวจตรวจสอบ โดยวิธีการตางๆ เชน สัมภาษณ ทดลอง อานคนควาขอมูลจากเอกสาร แหลงขอมูลตางๆ จนไดขอมูลความรูที่เกี่ยวของกับประเด็นหรือปญหาที่ศึกษา
ขั้นที่ 3
อธิบายความรู
(Explain)
เปนขั้นที่ผูสอนมีปฏิสัมพันธกับผูเรียน เชน ใหการแนะนํา ตั้งคําถามกระตุนใหคิด เพื่อใหผูเรียนคนหาคําตอบ และนําขอมูล ความรูจากการศึกษาคนควาในขั้นที่ 2 มาวิเคราะห สรุปผล และนําเสนอผลที่ไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน เขียนแผนภูมิ ผังมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน ในขั้นตอนนี้ฝกใหผูเรียนใชสมองคิดวิเคราะหและสังเคราะห อยางเปนระบบ
ขั้นที่ 4
ขยายความเขาใจ
(Expand)
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใชเทคนิควิธีสอนตางๆ ที่สงเสริมใหผูเรียนนําความรูที่เกิดขึ้นไปคิดคนสืบคนตอๆ ไป เพื่อพัฒนาทักษะ การเรียนรูและการทํางานรวมกันเปนกลุม ระดมสมองเพื่อคิดสรางสรรครวมกัน ผูเรียนสามารถนําความรูที่สรางขึ้นใหมไปเชื่อมโยง กับประสบการณเดิมโดยนําขอสรุปทีไ่ ดไปใชอธิบายเหตุการณตา งๆ หรือนําไปปฏิบตั ใิ นสถานการณใหมๆ ทีเ่ กีย่ วของกับชีวติ ประจําวัน ของตนเอง เพื่อขยายความรูความเขาใจใหกวางขวางยิ่งขึ้น ในขั้นตอนนี้ฝกสมองของผูเรียนใหสามารถคิดริเริ่มสรางสรรคอยางมี คุณภาพ เสริมสรางวิสัยทัศนใหกวางไกลออกไป
ขั้นที่ 5
ตรวจสอบผล
(Evaluate)
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนประเมินมโนทัศนของผูเ รียน โดยตรวจสอบจากความคิดทีเ่ ปลีย่ นไปและความคิดรวบยอดทีเ่ กิดขึน้ ใหม ตรวจสอบ ทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแกปญหา การตอบคําถามรวบยอด หรือการเคารพความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่น เพื่อการ สรางสรรคความรูร ว มกัน ผูเ รียนสามารถประเมินผลการเรียนรูข องตนเอง เพือ่ สรุปผลวามีความรูอ ะไรเพิม่ ขึน้ มาบาง เกิดความเขาใจ มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ หรือในชีวิตประจําวันไดอยางไร ผูเรียนจะเกิดเจตคติ และเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริง
การจัดกิจกรรมการเรียนรูตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนนผูเรียน เปนสําคัญอยางแทจริง เพราะสงเสริมใหผูเรียนไดเรียนรูตามขั้นตอนของกระบวนการสรางความรูดวยตนเอง และ ฝกฝนใหใชกระบวนการคิดและกระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะชีวิต ทักษะการทํางาน และทักษะการ เรียนรูที่มีประสิทธิภาพ สงผลตอการยกระดับผลสัมฤทธิ์ของผูเรียน ตามเปาหมายของการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการ คูม อื ครู
O-NET การเพิ่มผลสัมฤทธิ์ O-NET
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ในแตละหนวยการเรียนรู ทางผูจัดทํา จะเสนอแนะวิธีสอน รูปแบบกิจกรรมการเรียนรู พรอมทั้งออกแบบเครื่องมือวัดและประเมินผลที่สอดคลองกับตัวชี้วัด และสาระการเรียนรูแกนกลางไวทุกขั้นตอน โดยยึดหลักสําคัญ คือ หลักของการวัดและประเมินผล เสร�ม
6
1. การวัดและประเมินผลทุกครั้ง ควรนําผลมาปรับปรุงพัฒนาผูเรียน เปนรายบุคคล
2. การวัดและประเมินผลมี เปาหมาย เพื่อพัฒนาการเรียนรู ของผูเรียนจนเต็มศักยภาพ
3. การนําผลการวัดและประเมินผล ทุกครั้งมาวางแผนปรับปรุงกิจกรรม การเรียนการสอน การเลือกเทคนิค วิธีสอน และสื่อการเรียนรูให เหมาะสมกับสภาพจริงของผูเรียน
การทดสอบผูเรียน 1. การใชขอสอบอัตนัย เนนการอาน การคิดวิเคราะห และการเขียนเพิ่มมากขึ้น 2. การใชคําถามกระตุนการคิดควบคูกับการทําขอสอบที่เนนการคิดอยางตอเนื่องตามลําดับกิจกรรมการเรียนรู และตัวชี้วัด 3. การทดสอบตองดําเนินการทั้งกอนเรียน ระหวางเรียน และหลังเรียน การทดสอบควรใชขอสอบทั้งชนิดปรนัยและ อัตนัย และเปนการทดสอบเพื่อประเมินผลการเรียนของผูเรียนแตละคน เพื่อการสอนซอมเสริมใหบรรลุตัวชี้วัด ไดครบถวน 4. การสอบกลางภาค (ถามี) ควรนําแบบฝกหัดหรือขอสอบทีน่ กั เรียนสวนใหญไมสามารถตอบไดหรือไมครบถวนชัดเจน มา สรางเปนแบบทดสอบอีกครัง้ เพือ่ ตรวจสอบความรูค วามเขาใจทีถ่ กู ตอง และประเมินความกาวหนาของผูเ รียนแตละคน 5. การสอบปลายภาคเรียนเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามตัวชี้วัดที่สําคัญ ควรออกขอสอบใหมีลักษณะเดียวกับ ขอสอบ O-NET โดยเนนการคิดวิเคราะห สังเคราะห เชื่อมโยงประยุกตใช เพื่อสรางความคุนเคย และฝกฝน วิธีการทําขอสอบดวยความมั่นใจ 6. การนําผลการทดสอบของผูเรียนมาวิเคราะห โดยผลการสอบกอนการเรียนตองสามารถพยากรณผลการสอบ กลางภาค และผลการสอบกลางภาคตองทํานายผลการสอบปลายภาคของผูเ รียนแตละคน เพือ่ ประเมินพัฒนาการ ความกาวหนาของผูเรียนเปนรายบุคคล 7. ผลการทดสอบปลายป ปลายภาค ตองมีคาเฉลี่ยสอดคลองกับคาเฉลี่ยของการสอบ NT ที่เขตพื้นที่การศึกษา จัดสอบ รวมทั้งคาเฉลี่ยของการสอบ O-NET ชวงชั้นที่สอดคลองครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดสําคัญ เพือ่ สะทอนประสิทธิภาพของครูผสู อนในการออกแบบการเรียนรูแ ละประกันคุณภาพผูเ รียนทีต่ รวจสอบผลไดชดั เจน การจัดการเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ตองใหผูเรียนไดสั่งสมความรู ความเขาใจตามลําดับขั้นตอน ของกิจกรรมในวัฏจักรการเรียนรู 5Es เพื่อใหผูเรียนไดเติมเต็มองคความรูอยางตอเนื่อง จนสามารถปฏิบัติชิ้นงานหรือ ภาระงานรวบยอดของแตละหนวย ผานเกณฑประกันคุณภาพในระดับที่นาพึงพอใจ เพื่อรองรับการประเมินภายนอกจาก สมศ. ตลอดเวลา คูม อื ครู
ASEAN การเรียนรูสูประชาคมอาเซียน เพื่ออํานวยความสะดวกแกครูผูสอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรูบูรณาการอาเซียนศึกษา ผูจัดทําไดวิเคราะห มาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัดที่มีสาระการเรียนรูสอดคลองกับองคความรูเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนในแงมุมตางๆ ครอบคลุมทัง้ ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรม อาเซียน เพื่อสงเสริมการเรียนรูใหผูเรียนเกิดความตระหนัก มีความรูความเขาใจเหมาะสมกับระดับชั้นและกลุมสาระ การเรียนรู โดยเสนอแนะวิธีการจัดกิจกรรมบูรณาการเนื้อหาสาระตางๆ ที่เปนประโยชนตอผูเรียนและเปนการชวย เตรียมความพรอมผูเ รียนทุกคนทีจ่ ะกาวเขาสูก ารเปนสมาชิกของประชาคมอาเซียนไดอยางมัน่ ใจตามขอตกลงปฏิญญา เสร�ม ชะอํา-หัวหิน วาดวยความรวมมือดานการศึกษาเพือ่ บรรลุเปาหมายประชาคมอาเซียนทีเ่ อือ้ อาทรและแบงปน จึงกําหนด 7 เปนนโยบายใหกระทรวงศึกษาธิการจัดการเรียนรูเตรียมความพรอมผูเรียนเขาสูประชาคมอาเซียนภายในป พ.ศ. 2558 ตามแนวปฏิบัติที่สําคัญ ดังนี้
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน 1. การสรางความรูความเขาใจ และตระหนักถึงความสําคัญของ กฎบัตรอาเซียน และความรวมมือ ของ 3 เสาหลัก ซึง่ กฎบัตรอาเซียน ในขณะนี้มีสถานะเปนกฎหมายที่ ประเทศสมาชิกจะตองปฏิบัติตาม หลักการที่กําหนดไวเพื่อใหบรรลุ เปาหมายของกฎบัตรมาตราตางๆ
2. การสงเสริมหลักการ ประชาธิปไตยและการสราง สิ่งแวดลอมประชาธิปไตย เพื่อการอยูรวมกันอยางกลมกลืน ภายใตวิถีชีวิตอาเซียนที่มีความ หลากหลายดานสังคมและ วัฒนธรรม
4. การตระหนักในคุณคาของ สายสัมพันธทางประวัติศาสตร และมรดกทางวัฒนธรรมที่มี พัฒนาการรวมกัน เพื่อเชื่อม อัตลักษณและสรางจิตสํานึก ในการเปนประชากรของประชาคม อาเซียนรวมกัน
3. การสงเสริมการศึกษาดาน สิทธิมนุษยชน เพื่อสรางประชาคม อาเซียนใหเปนประชาคมเพื่อ ประชาชนอยางแทจริง สามารถ อยูรวมกันไดบนพื้นฐานการเคารพ ในคุณคาของศักดิ์ศรีแหงความ เปนมนุษยเทาเทียมกัน
5. การสงเสริมสันติภาพ ความ มั่นคง และความปรองดองในสังคม ทั้งระดับประเทศและภูมิภาคของ อาเซียนบนพื้นฐานสันติวิธีและการ อยูรวมกันดวยขันติธรรม
คูม อื ครู
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
เสร�ม
8
1. การพัฒนาทักษะการทํางาน เพื่อเสริมสรางผูเรียนใหมีทักษะ วิชาชีพที่จําเปนสอดคลองกับ ความตองการของตลาดแรงงาน และสถานประกอบการในอาเซียน สามารถเทียบโอนผลการเรียน และการทํางานตามมาตรฐานฝมือ แรงงานในภูมิภาคอาเซียน
2. การเสริมสรางวินัย ความรับผิดชอบ และเจตคติรักการทํางาน สามารถพึ่งพาตนเอง มีทักษะชีวิต ดํารงชีวิตอยางมีความสุข เห็นคุณคา และภูมิใจในตนเอง ในฐานะที่เปนพลเมืองไทยและ อาเซียน
3. การเรียนรูเพื่อพัฒนาตนเอง อยางตอเนื่องตลอดชีวิต ใหมี ทักษะการทํางานตามมาตรฐาน อาชีพ และคุณวุฒิของวิชาชีพสาขา ตางๆ เพื่อรองรับการเตรียมเคลื่อน ยายแรงงานมีฝมือและการเปน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่ เขมแข็ง เพื่อสรางขีดความสามารถ ในการแขงขันในเวทีโลก
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน 1. การเสริมสรางความรวมมือ ในลักษณะสังคมที่เอื้ออาทร ของประชากรอาเซียน โดยยึด หลักการสําคัญ คือ ความงดงาม ของประชาคมอาเซียนมาจาก ความแตกตางและหลากหลายทาง วัฒนธรรมที่ลวนแตมีคุณคาตอ มรดกทางวัฒนธรรมของอาเซียน ซึ่งประชาชนทุกคนตองอนุรักษ สืบสานใหยั่งยืน
2. การเสริมสรางคุณลักษณะ ของผูเรียนใหเปนพลเมืองอาเซียน ที่มีศักยภาพในการกาวเขาสู ประชาคมอาเซียนอยางมั่นใจ เปนผูที่มีสุขภาพสมบูรณแข็งแรง มีทักษะการสื่อสาร ทักษะการ ทํางาน ทักษะทางสังคม สามารถ ทํางานรวมกับผูอื่นไดอยาง สรางสรรค และมีองคความรู เกี่ยวกับอาเซียนที่จําเปนตอการ ดํารงชีวิตอยางมีคุณภาพ
4. การสงเสริมการเรียนรูดาน ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถชี วี ติ ความเปนอยูข องเพือ่ นบาน ในอาเซียน เพื่อสรางจิตสํานึกของ ความเปนประชาคมอาเซียนและ ตระหนักถึงหนาที่ของการเปน พลเมืองอาเซียนรวมกัน
3. การสงเสริมการเรียนรูภาษา อังกฤษเพื่อการสื่อสารและการ ทํางานตามมาตรฐานอาชีพที่ กําหนดและสนับสนุนการเรียนรู ภาษาอาเซียนและภาษาเพื่อนบาน เพื่อชวยเสริมสรางสัมพันธภาพทาง สังคม และการอยูรวมกันอยางสันติ ทามกลางความหลากหลายทาง วัฒนธรรม
5. การสรางความรูและความ ตระหนักเกี่ยวกับดานสิ่งแวดลอม ปญหาและผลกระทบตอคุณภาพ ชีวิตของประชากรในภูมิภาค รวมทั้งแนวทางการพัฒนาอยาง ยั่งยืน ใหเปนมรดกสืบทอดแก พลเมืองอาเซียนในรุนหลังตอๆ ไป
กระทรวงศึกษาธิการจึงประกาศนโยบายการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) เพื่อเรงพัฒนาเด็ก และเยาวชนไทยใหเปนทรัพยากรมนุษยของชาติที่มีทักษะและความชํานาญ พรอมเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงและ การแขงขันทั้งในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆ ของสังคมโลก ทั้งนี้ผูบริหารสถานศึกษา ครูผูสอน และผูปกครอง ควรรวมมือกันอยางใกลชิดในการดูแลชวยเหลือผูเรียนและจัดประสบการณการเรียนรูเพื่อพัฒนาผูเรียนจนเต็มศักยภาพ เพื่อกาวเขาสูการเปนพลเมืองอาเซียนอยางมีเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีความเปนมนุษยของตน คณะผูจัดทํา คูม อื ครู
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง สาระที่ 1
คณิตศาสตร (เฉพาะชั้น ม.1 เลม 1)*
จํานวนและการดําเนินการ
มาตรฐาน ค 1.1 เขาใจถึงความหลากหลายของการแสดงจํานวนและการใชจํานวนในชีวิตจริง ชั้น
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
ม.1 1. ระบุหรือยกตัวอยาง และเปรียบเทียบ • จํานวนเต็มบวก จํานวนเต็มลบ ศูนย เศษสวน • หนวยการเรียนรูที่ 2 จํานวนเต็มบวก จํานวนเต็มลบ ศูนย และทศนิยม ระบบจํานวนเต็ม เศษสวน และทศนิยม • การเปรียบเทียบจํานวนเต็ม เศษสวน และทศนิยม 2. เขาใจเกี่ยวกับเลขยกกําลังที่มี เลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม และเขียน แสดงจํานวนใหอยูในรูปสัญกรณ วิทยาศาสตร (scientific notation)
• เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม • การเขียนแสดงจํานวนในรูปสัญกรณ วิทยาศาสตร (A × 10n เมื่อ 1 ≤ A < 10 และ n เปนจํานวนเต็ม)
เสร�ม
9
• หนวยการเรียนรูที่ 3 เลขยกกําลัง
มาตรฐาน ค 1.2 เขาใจถึงผลที่เกิดขึ้นจากการดําเนินการของจํานวนและความสัมพันธระหวางการดําเนินการตางๆ และ สามารถใชการดําเนินการในการแกปญหา ชั้น
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
ม.1 1. บวก ลบ คูณ หารจํานวนเต็ม และนํา • การบวก การลบ การคูณ และการหาร ไปใชแกปญหา ตระหนักถึงความ เศษสวนและทศนิยม สมเหตุสมผลของคําตอบ อธิบายผลที่ • โจทยปญ หาเกี่ยวกับเศษสวนและทศนิยม เกิดขึ้นจากการบวก การลบ การคูณ การหาร และบอกความสัมพันธของ การบวกกับการลบ การคูณกับการหาร ของจํานวนเต็ม
• หนวยการเรียนรูที่ 2 ระบบจํานวนเต็ม
3. อธิบายผลที่เกิดขึ้นจากการยกกําลัง • เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม ของจํานวนเต็ม เศษสวนและทศนิยม
• หนวยการเรียนรูที่ 3 เลขยกกําลัง
4. คูณและหารเลขยกกําลังทีม่ ฐี านเดียวกัน • การคูณและการหารเลขยกกําลังที่มี และเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม ฐานเดียวกันและเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม
• หนวยการเรียนรูที่ 3 เลขยกกําลัง
มาตรฐาน ค 1.4 เขาใจระบบจํานวนและนําสมบัติเกี่ยวกับจํานวนไปใช ชั้น
ตัวชี้วัด
ม.1 1. นําความรูและสมบัติเกี่ยวกับ จํานวนเต็มไปใชในการแกปญหา
สาระที่ 3
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของจํานวนนับ และการ • หนวยการเรียนรูที่ 1 นําไปใช สมบัติของจํานวนนับ • การนําความรูและสมบัติเกี่ยวกับจํานวนเต็ม • หนวยการเรียนรูที่ 2 ไปใช ระบบจํานวนเต็ม
เรขาคณิต
มาตรฐาน ค 3.1 อธิบายและวิเคราะหรูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ ชั้น
ตัวชี้วัด
ม.1 1. สรางและบอกขั้นตอนการสราง พื้นฐานเรขาคณิต
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• การสรางพื้นฐานทางเรขาคณิต • หนวยการเรียนรูที่ 4 (ใชวงเวียนและสันตรง) พื้นฐานทางเรขาคณิต 1) การสรางสวนของเสนตรงใหยาวเทากับ ความยาวของสวนของเสนตรงที่กําหนดให
_________________________________ * สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง กลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร. (กรุงเทพมหานคร : ชุมนุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย, 2551), หนา 7-56
คูม อื ครู
ชั้น
ตัวชี้วัด
ม.1
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
2) การแบงครึ่งสวนของเสนตรงที่กําหนดให 3) การสรางมุมใหมีขนาดเทากับขนาด ของมุมที่กําหนดให 4) การแบงครึ่งมุมที่กําหนดให 5) การสรางเสนตั้งฉากจากจุดภายนอก มายังเสนตรงที่กําหนดให 6) การสรางเสนตั้งฉากที่จุดจุดหนึ่ง บนเสนตรงที่กําหนดให
เสร�ม
10
สาระการเรียนรูแกนกลาง
2. สรางรูปเรขาคณิตสองมิติโดยใช การสรางพื้นฐานทางเรขาคณิต และบอกขั้นตอนการสรางโดยไมเนน การพิสูจน
• การสรางรูปเรขาคณิตสองมิติ โดยใชการสราง • หนวยการเรียนรูที่ 4 พื้นฐานทางเรขาคณิต (ใชวงเวียนและสันตรง) พื้นฐานทางเรขาคณิต
3. สืบเสาะ สังเกต และคาดการณ เกี่ยวกับสมบัติทางเรขาคณิต
• สมบัติทางเรขาคณิตที่ตองการการสืบเสาะ สังเกต และคาดการณ เชน ขนาดของมุม ตรงขามที่เกิดจากสวนของเสนตรงสองเสน ตัดกัน และมุมที่เกิดจากการตัดกันของ เสนทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยม
สาระที่ 5
• หนวยการเรียนรูที่ 4 พื้นฐานทางเรขาคณิต
การวิเคราะหขอมูลและความนาจะเปน
มาตรฐาน ค 5.2 ใชวิธีการทางสถิติและความรูเกี่ยวกับความนาจะเปนในการคาดการณ ไดอยางสมเหตุสมผล ชั้น
ตัวชี้วัด
ม.1 1. อธิบายไดวาเหตุการณที่กําหนดให เหตุการณใดจะมีโอกาสเกิดขึ้นได มากกวากัน
สาระที่ 6
สาระการเรียนรูแกนกลาง • โอกาสของเหตุการณ
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน • หนวยการเรียนรูที่ 5 โอกาสของเหตุการณ
ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร
มาตรฐาน ค 6.1 มีความสามารถในการแกปญหา การใหเหุตผล การสื่อสาร การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร และ การนําเสนอ การเชื่อมโยงความรูตางๆ ทางคณิตศาสตรและเชื่อมโยงคณิตศาสตรกับศาสตรอื่นๆ และ มีความคิดริเริ่มสรางสรรค ชั้น
ตัวชี้วัด
ม.1 1. ใชวิธีการที่หลากหลายแกปญหา - 2. ใชความรู ทักษะและกระบวนการ ม.3 ทางคณิตศาสตร และเทคโนโลยีในการ แกปญหาในสถานการณตางๆ ไดอยาง เหมาะสม 3. ใหเหตุผลประกอบการตัดสินใจและ สรุปผลไดอยางเหมาะสม 4. ใชภาษาและสัญลักษณทางคณิตศาสตร ในการสื่อสาร การสื่อความหมาย และ การนําเสนอไดอยางถูกตองและชัดเจน 5. เชื่อมโยงความรูตางๆ ในคณิตศาสตร และนําความรูหลักการ กระบวนการ ทางคณิตศาสตรไปเชื่อมโยงกับศาสตร อื่นๆ 6. มีความคิดริเริ่มสรางสรรค
คูม อื ครู
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน • หนวยการเรียนรูท ี่ 1 สมบัตขิ องจํานวนนับ • หนวยการเรียนรูท ี่ 2 ระบบจํานวนเต็ม • หนวยการเรียนรูท ี่ 3 เลขยกกําลัง • หนวยการเรียนรูท ี่ 4 พืน้ ฐานทางเรขาคณิต • หนวยการเรียนรูท ี่ 5 โอกาสของเหตุการณ
คําอธิบายรายวิชา รายวิชา คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 รหัสวิชา ค…………………………………
กลุมสาระการเรียนรู คณิตศาสตร ภาคเรียนที่ 1 เวลา 60 ชั่วโมง/ป
ศึกษา ฝกทักษะการคิดคํานวณ และฝกการแกปญหาในสาระตอไปนี้ เสร�ม 11 จํานวนเต็มบวก จํานวนเต็มลบ และศูนย การเปรียบเทียบจํานวนเต็ม เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม การเขียนแสดงจํานวนในรูปสัญกรณวิทยาศาสตร (A × 10n เมื่อ 1 ≤ A ≤ 10 และ n เปนจํานวนเต็ม) การบวก การลบ การคูณ และการหารจํานวนเต็ม โจทยปญ หาเกีย่ วกับจํานวนเต็ม การคูณและการหาร เลขยกกําลังที่มีฐานเดียวกัน และเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของจํานวนนับและการนําไปใช การนําความรูและสมบัติเกี่ยวกับจํานวนเต็มไปใช พื้นฐานทางเรขาคณิต การสรางรูปเรขาคณิตโดยใชวงเวียนและสันตรง การสรางรูปเรขาคณิตสองมิติ โดยใชการสรางพื้นฐานทางเรขาคณิต การสืบเสาะ สังเกตและคาดการณสมมบัติทางเรขาคณิต โอกาสของเหตุการณ การคาดคะเนโอกาสที่จะเกิดขึ้นของเหตุการณตางๆ โดยใชทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร และเทคโนโลยีในการแกปญหาในสถานการณตางๆ ได อยางเหมาะสม รูจักใชวิธีการที่หลากหลายในการแกปญหา เพื่อใหมีความรูความเขาใจ มีทักษะในการคิดคํานวณ การแกปญหา การใหเหตุผล การสื่อความหมาย ทางคณิตศาสตร และสามารถนําไปใชในการเรียนรูส งิ่ ตางๆ และใชในชีวติ ประจําวันอยางสรางสรรค มีระเบียบ มีความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณและมีความเชื่อมั่นในตนเอง สามารถทํางานอยางเปนระบบ รวมทั้งเห็น คุณคาและมีเจตคติที่ดีตอคณิตศาสตร ตัวชี้วัด ค 1.1 ค 1.2 ค 1.4 ค 3.1 ค 5.2 ค 6.1
ม.1/1 ม.1/1 ม.1/1 ม.1/1 ม.1/1 ม.1-3/1
ม.1/2 ม.1/3
ม.1/4
ม.1/2
ม.1/3
ม.1-3/2
ม.1-3/3 ม.1-3/4 รวม 16 ตัวชี้วัด
ม.1-3/5
ม.1-3/6
คูม อื ครู
สาระที่ 1
มาตรฐาน ค 1.2 ตัวชี้วัด
คูม อื ครู
หนวยการเรียนรูที่ 5 : โอกาสของเหตุการณ
หนวยการเรียนรูที่ 4 : พื้นฐานทางเรขาคณิต
หนวยการเรียนรูที่ 3 : เลขยกกําลัง
✓
✓
✓ ✓
✓
✓
หนวยการเรียนรูที่ 2 : ระบบจํานวนเต็ม
1 ✓
1
มาตรฐาน มาตรฐาน ค 1.3 ค 1.4 ตัวชี้วัด ตัวชี้วัด
2
3
✓ ✓ ✓
1
4
5
สาระที่ 3
มาตรฐาน ค 3.1 ตัวชี้วัด
6
-
-
✓
1
สาระที่ 5
-
มาตรฐาน มาตรฐาน มาตรฐาน มาตรฐาน ค 3.2 ค 5.1 ค 5.2 ค 5.3 ตัวชี้วัด ตัวชี้วัด ตัวชี้วัด ตัวชี้วัด
✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓
✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓
✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓
✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓
✓ ✓ ✓ ✓ ✓ ✓
1 2 3 4 5 6
มาตรฐาน ค 6.1 ตัวชี้วัด
สาระที่ 6
12
1 2 1 2 3 4
มาตรฐาน ค 1.1 ตัวชี้วัด
เสร�ม
หนวยการเรียนรูที่ 1 : สมบัตขิ องจํานวนนับ
หนวยการเรียนรู
มาตรฐาน การเรียนรู และตัวชี้วัด
ตาราง วิเคราะหมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั รายวิชา คณิตศาสตร ม.1 เลม 1
คําชี้แจง : ใหผูสอนใชตารางนี้ตรวจสอบความสอดคลองของเนื้อหาสาระการเรียนรูในหนวยการเรียนรูกับมาตรฐาน การเรียนรูและตัวชี้วัดชั้นป
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ส�ารวจค้นหา Explore
อธิบายความรู้ Explain
ขยายความเข้าใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹
¤³ÔµÈÒʵà Á.ñ àÅ‹Á ñ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑
กลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ผูเรียบเรียง
นางกนกวลี อุษณกรกุล นางสาวปาจรีย วัชชวัลคุ ดร. สุเทพ บุญซอน
ผูตรวจ
นางสาวอัศนีย สวางศิลป นางจินดา อยูเปนสุข นายรณชัย มาเจริญทรัพย
บรรณาธิการ
ศ.ดร. ณรงค ปนนิ่ม นางสาวนวลนอย เจริญผล
พิมพครั้งที่ ๘
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ ISBN : 978-616-203-093-2 รหัสสินคา ๒๑๑๖๐๐๕
¤Œ¹¤ÇÒÁÃÙŒ¢ÂÒ¤ÇÒÁ¤Ô´¨Ò¡
¾ÔÁ¾ ¤ÃÑ駷Õè ñ ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ òñôöðòó
EB GUIDE
ที่พิมพกํากับหัวขอสําคัญในหนังสือเรียนหลักสูตรแกนกลางฯ ผาน www.aksorn.com ไปยังแหลงความรูทั่วไทย-ทั่วโลก
( ดูผงั มโนทัศน ไดทปี่ กหลังดานใน)
คณะผูจัดทําคูมือครู
จันทรเพ็ญ ชุมคช ทองดี กุลแกวสวางวงศ สมใจ ธนเกียรติมงคล สายสุณี สุทธิจักษ
กระตุน้ ความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
อธิบายความรู้
Explore
Explain
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
¤íÒá¹Ð¹íÒ㹡ÒÃ㪌˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ หนังสือเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน คณิตศาสตร ม.1 เลม 1 นี้ สรางขึน้ เพือ่ ใหเปนสือ่ สําหรับใชประกอบ การเรียนการสอนในรายวิชาพืน้ ฐาน กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 1 โดยเนือ้ หาตรงตามสาระการเรียนรูแ กนกลางขัน้ พืน้ ฐาน อานทําความเขาใจงาย ใหทงั้ ความรูแ ละชวย พัฒนาผูเ รียนตามหลักสูตรและตัวชีว้ ดั เนือ้ หาสาระแบงออกเปนหนวยการเรียนรูต ามโครงสรางรายวิชา สะดวก แกการจัดการเรียนการสอนและการวัดผลประเมินผล พรอมเสริมองคประกอบอืน่ ๆ ทีจ่ ะชวยทําใหผเู รียนไดรบั à¹×Íé ËҵçµÒÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙጠ¡¹¡ÅÒ§ ความรูอ ยางมีประสิทธิภาพ ¤³Ôµ¤Ô´Ê¹Ø¡ ໚¹à¡Á·Ò§ ãËŒ¤ÇÒÁÃÙጠÅÐàÍ×Íé µ‹Í¡ÒùíÒä»ãªŒÊ͹à¾×Íè ¤³ÔµÈÒʵà ·ÕèʹءáÅÐ ãËŒºÃÃÅصÑǪÕéÇÑ´ áÅÐÊÌҧ¤Ø³ÅѡɳР·ŒÒ·Ò à¾×èͪ‹Ç½ƒ¡·Ñ¡ÉÐ Íѹ¾Ö§»ÃÐʧ¤ ẺµÃǨÊͺ¤ÇÒÁࢌ Ò ã¨ à¡ÃÔè¹¹íÒà¾×èÍãˌࢌÒ㨶֧ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ ¢Í§¼ÙàŒ ÃÕ¹ à¾× Í è ½ƒ ¡ ·Ñ ¡ ÉСÒÃ¤Ô ´ áÅÐ ã¹Ë¹‹Ç·Õè¨ÐàÃÕ¹ á¡Œ»˜ÞËҢͧ¼ÙŒàÃÕ¹
µÑǪÕéÇÑ´ªÑé¹»‚áÅÐÊÒÃСÒÃàÃÕ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§ µÒÁËÅÑ¡ÊٵáíÒ˹´à¾×Íè ãËŒ·ÃÒº¶Ö§à»‡ÒËÁÒ 㹡ÒÃÈÖ¡ÉÒ ¨Ñ´¡ÅØ‹Áà¹×éÍËÒ໚¹Ë¹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ Êдǡᡋ¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ หนวยการเรีย
นรูที่
ตัวชี้วัด ค 1.4 ม.1/ 1 นําความรูและสม บัติเกี่ยวกับจํ แกปญหา านวนเต็มไปใช ในการ ค 6.1 ม.13/1-6 ■ ใชวิธีการที่ห ลากหลายแก ปญหา ■ ใชความรู ทั กษะ และกระบว นการทางคณิ และเทคโนโลยี ตศาสตร ในการแกปญ หาในสถาน ไดอยางเหม การณตางๆ าะสม ■ ใหเหตุผลประ กอบการตัด สินใจ และส เหมาะสม รุปผลไดอยา ง ■ ใชภาษาและสั ญลักษณทางคณ ิตศาสตรในการ การสื่อความ สื่อสาร หมาย และก ารนําเสนอได และชัดเจน อยางถูกตอง ■ เชื่อมโยงความ รูตางๆ ในคณ ิตศาสตร และน หลักการ กระบ ําความรู วนการทางคณิ ตศาสตรไปเชื ศาสตรอื่นๆ ่อมโยงกับ มีความคิดริเ ริ่มสรางสรร ค
1
สมบัติของจํา
■
■
นวนนับ
จํานวนนั ประโยชนในก บเปนจํานวนทีม่ นุษยนาํ มาใ ช ารบ บอกจํานวนส อกปริมาณของสิ่งตางๆ เพือ่ มา สัตวเลี้ยง บอ ชิกในครอบครัว บอกจ เชน ํานวน กจํานวน การศึกษาเรื่อ ไรนา เปนตน งสมบัติของจ สามารถนําคว ามรูเรื่องสมบ ํานวนนับ เรา ไปใชแกปญ ัติของจํานวนน หาไ และ ค.ร.น. รวมด โดยเฉพาะเรือ่ งการหา ห.ร ับ .ม. ทั ง ้ เป น พืน้ ฐาน คณิตศาสตรใ นระดับสูงขึ้น ในการศกึ ษาวิชา ตอไป
1. ตัวประกอบ 1. บ ได้แก่ จำานวน 1, 2, 3, 4, 5, ... ในระดับประถมศึกษา นักเรียนได้ทราบแล้วว่า จำานวนนั ยๆ ไม่สิ้นสุด ซึ่งเริ่มต้นจาก 1 และมีค่าเพิ่มขึ้นทีละหนึ่งไปเรื่อ ถนำาจำานวนนับเหล่านั้นมา และสามาร าติ นวนธรรมช า จำ า ว่ บ นวนนั า กจำ เราสามารถเรีย จำานวนนับหรือไม่ก็ได้ บวก ลบ คูณ และหารกันได้ ซึ่งผลลัพธ์อาจเป็น และการหารไม่ลงตัว เช่น เมื่อนำา ว ตั การหารลง ง ้ ั ท จะมี บ นวนนั า ำ งการหารจ อ ่ ในเรื ่นคือ 8 หารด้วย 2 ลงตัว เมื่อนำา 2 ไปหาร 7 2 ไปหาร 8 ได้ผลหารเป็น 4 เหลือเศษเป็น 0 นั วย 2 ไม่ลงตัว ได้ผลหารเป็น 3 เหลือเศษเป็น 1 นั่นคือ 7 หารด้ วย 2 คือ 0 และ 1 ด้ ใดๆ บ นวนนั า เศษที่เกิดจากการหารจำ ว่า จำ�นวนคู่ เช่น 2, 4, 6 เรียกจำานวนนับที่หารด้วย 2 แล้วเหลือเศษเป็น 0 เศษเป็น 1 ว่า จำ�นวนคี่ เช่น 1, 3, 5 อ เหลื ว แล้ 2 ย ว ารด้ ห ่ ที บ เรียกจำานวนนั ต่อไปนี้ หนดให้ า ำ ก ่ ที ให้นักเรียนพิจารณาการจัดดินสอ 12 แท่ง
สาระการเรียนรู
■
ห.ร.ม. และ
แกนกลาง
ค.ร.น. ของจ
ํานวนนับ และก
ารนําไปใช
จัดแถวละ 3 แท่ง ได้ 4 แถว
จัดแถวละ 4 แท่ง ได้ 3 แถว
จัดแถวละ 5 แท่ง ได้ 2 แถว เหลือเศษ 2 แท่ง
àÊÃÔÁ·Ñ¡ÉÐàªÔ§à·¤â¹âÅÂÕ à»š¹¡Ô¨¡ÃÃÁ½ƒ¡ ·Ñ¡ÉСÒäԴ ¡Òäíҹdz áÅЪ‹Ç¾Ѳ¹Ò ¼ÙŒàÃÕ¹ãËŒ4) Áถ้าÕ¤ผลคูسณของจำÀÒ¾µÒÁµÑ ǪÕéÇÑ´ านวนเต็มสองจำานวนใดเท่ากับศูนย์ จำานวนใดจำานวนหนึง่
านวนเต็มใดๆ และ อย่างน้อยหนึ่งจำานวนต้องเป็นศูนย์ กล่าวคือ ถ้า a และ b แทนจำ แล้วจะได้ a = 0 หรือ b = 0 ข้อสังเกต
มุมความคิด
a ×b=0
การหารจำานวนเต็มใดๆ ด้วยศูนย์ ถ้า a แทนจำานวนเต็มใดๆ a ไม่มีความหมาย 0 ใดๆ a + 0 = 0 + a = a เมื่อ a แทนจำ�นวนเต็ม ใดๆ a × 0 = 0 × a = 0 เมื่อ a แทนจำ�นวนเต็ม 0 = 0 เมื่อ a แทนจำ�นวนเต็มใดๆ ที่ไม่เท่�กับ 0 a
เสริมทักษะเชิงเทคโนโลยี
คำาสั่ง ให้นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมต่อไปนี้ 674,325 376,524 1. สร้างจำานวนที่มีหกหลัก จากเลขโดด 2 ถึง 7 เช่น 234,567 9 ลงตัวหรือไม่ แล้วใช้เครื่องคำานวณตรวจสอบว่า จำานวนที่สร้างขึ้นหารด้วย และ 9 เช่น 1,236,789 2. สร้างจำานวนที่มีเจ็ดหลัก จากเลขโดด 1, 2, 3, 6, 7, 8 ส่ ร้างขึน้ หารด้วย 9 9,261,783 7,129,863 แล้วใช้เครือ่ งคำานวณตรวจสอบว่า จำานวนที ลงตัวหรือไม่ และ 9 เช่น 1,245,789 3. สร้างจำานวนที่เจ็ดหลัก จากเลขโดด 1, 2, 4, 5, 7, 8 จำานวนที่สร้างขึ้นหาร 4,581,279 5,148,792 แล้วใช้เครื่องคำานวณตรวจสอบว่า ด้วย 9 ลงตัวหรือไม่ 57,412,368 4. สร้างจำานวนที่มีแปดหลัก จากเลขโดด 1 ถึง 8 เช่น 12,345,678 งขึ้นหารด้วย 9 ลงตัว 82,167,435 แล้วใช้เครื่องคำานวณตรวจสอบว่า จำานวนที่สร้า หรือไม่ าทำาไมจำานวนหลายหลักที่สร้างขึ้นจากเลขโดดที่กำาหนดให้ ● นักเรียนทราบหรือไม่ว่ จึงหารด้วย 9 ได้ลงตัว ่สร้างขึ้นว่ามีลักษณะ นักเรียนลองสังเกตผลบวกของเลขโดดทุกหลักของจำานวนที ●
อย่างไร
นักเรียนคิดว่ายังมีจ�านวนนับอื่นๆ ที่เป็นตัวประกอบของ 12 อีกหรือไม่
Web Guide á¹Ð¹íÒáËÅ‹§¤Œ¹¤ÇŒÒ¢ŒÍÁÙÅ à¾ÔèÁàµÔÁ¼‹Ò¹Ãкº Online
ÁØÁ¤ÇÒÁ¤Ô´ ໚¹¡ÒùíÒàʹÍÊѨ¾¨¹ ÊÁºÑµÔ ËÃ×Í¢ŒÍ¤ÇÒÁ·Õè¼ÙŒàÃÕ¹¤ÇèÐÃÙŒ ·Õèà¡ÕèÂÇ¢ŒÍ§¡Ñºà¹×éÍËÒ
68
จัดแถวละ 7 แท่ง ได้ 1 แถว เหลือเศษ 5 แท่ง
จัดแถวละ 6 แท่ง ได้ 2 แถว
นว่า จากตัวอย่างการจัดวางดินสอแบบต่างๆ นักเรียนจะเห็ อดีแถวโดยไม่เหลือเศษ เมื่อจัดดินสอแถวละ 3, 4 หรือ 6 แท่ง จะจัดได้พ งตัว ล ได้ 12 ร สามารถหา 6 และ 4 3, พราะ เ ้ นี น เช่ น ที่เป็ ตัวประกอบของ 12 เรียก 3, 4 และ 6 ซึ่งสามารถหาร 12 ได้ลงตัวว่า
¢ŒÍÊѧࡵ ª‹ÇÂ์¹ãËŒàË繤ÇÒÁÊíÒ¤ÑÞ ¢Í§à¹×éÍËÒ·Õè¼ÙŒàÃÕ¹¤Ç÷ÃÒº
27
แบบตรวจสอบความเขาใจที่
2
1.5
1. จงหา ค.ร.น. ของจํานวนนับต อไปนี้ 1) 12 และ 18 คณิตคิดสนุก 2) 5, 12, 18 และ 20 3) 75, 135 และ 225 4) 140, 220 และ 385 ใหเติมจํานวนนับตัง้ แต 1 ถึง 7 5) 78, 302 และ 522 ลงในวงกลมโดยใหจํานวนในวงกลม 6) 81, 135 และ 243 แตละวงรวมกันไดผลลัพธเทากัน 2. กําหนดจํานวนนับตอไปนี้ ทุกวงจะทําไดกี่แบบ 1) 7, 28 2) 12, 18 3) 12, 35 4) 96, 120 5) 136, 510 6) 128, 160 จงหา ก. ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ข. ผลคูณของ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของแตละขอ ค. ผลคูณของจํานวนนับทีก่ าํ หนดให ใ นแตละขอ เปรียบเทียบผลคณู ที่ไดน นั้ กับผลลัพธ ที่ไดจากขอ ข. และเขียนผลสรุปที ่ได 3. จํานวนนับสองจํานวนมี ค.ร.น. เปน 425 และ ห.ร.ม. เปน 5 ถาจํ านวนหนึ่งเปน 25 แลว จงหาอีกจํานวนหนึ่ง 4. จํานวนนับสองจํานวนมี ห.ร.ม. และ ค.ร.น. เทากับ 6 และ 540 ตามลํ าดับ ถาจํานวนแรก มีคาเทากับ 54 จงหาอีกจํานวนหนึ ่ง 5. จงหาจํานวนนับที่นอยที่สุด ซึ่ง หารดวย 12, 30 และ 36 แลวเหลือ เศษ 3 เทากัน 6. รานขายขนมไทยแหงหนึง่ รับขนมจ ากผูผลิตเปนงวดๆ ดังนี้ รับขนมกล วยทุก 4 วัน รับขนม ฟกทองทุก 5 วัน และรับขนมสอดไส ทุก 6 วัน ขนมที่เหลือของแตละวัน จะไมน ถารานนี้รับขนมทั้งสามอยางนี้พรอ มกัน เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2552 จงหาว ํามาขายใหม าครั้งตอไป 1) รานนี้จะรับขนมฟกทองและขนมส อดใสมาขายพรอมกันเมื่อใด 2) รานนี้จะรับขนมทั้งสามอยางมาขา ยพรอมกันเมื่อใด 7. นาฬกาปลุกสามเรือน เรือนแรกป ลุกทุก 30 นาที เรือนที่สองปลุกทุก 50 นาที เรือนที่สาม ปลุกทุก 1 ชัว่ โมง ถานาฬกาปลุกทัง้ สามเรอื นปลุกพรอมกันครัง้ แรกเวลา 15.00 น. จงหาวา นาฬกาจะปลุกพรอมกันครั้งตอไปเวล าใด http://www.aksorn.com/LC/Math
¡Ô ¨ ¡ÃÃÁàÊÃÔ Á ·Ñ ¡ ÉÐáÅСÃкǹ¡Ò÷ҧ ¤³ÔµÈÒʵà ª‹ÇÂÊÌҧ·Ñ¡ÉСÃкǹ¡ÒäԴ ·Ò§¤³ÔµÈÒʵà ãËŒ¹Ñ¡àÃÕ¹ 79
B1/M1/02
EB GUIDE
Ẻ½ƒ¡ËÑ´»ÃШíÒ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ ª‹Ç¾Ѳ¹Ò·Ñ¡ÉÐáÅзº·Ç¹¤ÇÒÁÃÙŒ¢Í§¼ÙŒàÃÕ¹ 157
ณิตศาสตร์
ระบวนการทางค มเสริมทักษะและก
) ริเริม่ สร้างสรรค์ อ และมีความคิด กิจกรร หตุผล การนำาเสน ก้ปญั หา การให้เ สามารถในการแ วาม ค ป (มี รู ดัง และแผนภ�พ ข
กิจกรรมที่ 1
หนดแผนภ�พ ก
กำ�
5 6 1 2 3 ภาพ4 ข แผน 5 6 ประก�ร 1 2 3 ภาพ4 ก งสองเท่�กันทุก ้ ทั �พ นภ แผน แผ ก กับแผนภ�พ �พ ข ประกบ นภ แผ � นำ อ ่ เมื ่ม ให้นักเรียนแบ่งกลุ ห้แต่ละกลุ่ม ดังแผนภ�พ ค 4 คน และใ กลุ่มละ 3 หรือ ูตรการหาผลบวกของ 7 ร่วมกันเพื่อหาส + 4 + ... + n 3 + 2 + 1 6 5 4 3 2 1 5 6 หน่วย 1 2 3 ภาพ4 ค ละคว�มกว้�ง 6 รืออ�จกล่�วได้ว่� แผน ย�ว 7 หน่วย แ ร.หน่วย ห ี่ยมผืนผ้�มีคว�ม หล เ ่ สี × 6 = 42 ต ป ู ร ด้ จะไ มผืนผ้�เท่�กับ 7 ูป ย ่ ี 2 ร หล เ ่ สี = 4 ป ู 6 องร × ข ่ ดังนั้น พื้นที สี่เหลี่ยมจัตุรัสทั้งหมดเท่�กับ 7 ูป แผนภ�พ ค มีร = 21 + 6 มจัตุรัสทั้งหมด ย ่ ี 5 หล เ ่ 4 + สี ป + งรู ขอ + 3 แต่ 1 + 2 ืนผ้�หรือจำ�นวน 1 × 6) องรูปสี่เหลี่ยมผ (7 ข ่ ที น ้ พื 6 = � บว่ + 2 จะพ 3 + 4 + 5 นธ์กับ 1 + 2 + มีคว�มสัมพั
4
แบบฝกหัด
ประจําหนวยการเรียนรูที่
1. กําหนดมุมที่มีขนาด x และ y ดังแสดงในรูป 1) จงสรางมุมที่มีขนาด (x + y) 2) จงสรางมุมที่มีขนาด (x - y) x y 3) จงสรางมุมที่มีขนาด 3y ∧ ∧ 2. จงสรางรูปสามเหลี่ยม ABC ที่มี AB ยาวเทากับ PQ, BAC มีขนาดเทากับ x และ ABC มีขนาดเทากับ y x
y
P
Q
3. จงบอกชื่อมุมทั้งหมดที่มี Y เปนจุดยอดมุม และแขนของมุมไมใชรังสีเดียวกัน พรอมทั้ง ระบุแขนของมุม B A
C Z
Y
X
∧
∧
4. ถา YT เปนรังสีที่แบงครึ�ง XYZ จงบอกชื่อมุมที่เกิดจากการแบงครึ�ง XYZ น�้ 5. จงสรางมุมขนาด 157 12 องศา 6. จงสรางรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก XYZW ให XY = ZW = AB และ YZ = WX = CD A
C
B
D ∧
7. จงสรางรูปสามเหลี่ยม ABC ให AB = RS, BC = PQ และ m(ABC) = 45 ํ P
P
Q
R Q
R
S
S
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
Explore
Explain
ขยายความเข้าใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ÊÒúѤ³ÔµÈÒʵà Á.1 àÅ‹Á 1 ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
1
ÊÁºÑµÔ¢Í§¨íҹǹ¹Ñº ● ● ● ● ●
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
2
Ãкº¨íҹǹàµçÁ ● ● ● ● ● ● ● ●
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
3
µÑÇ»ÃСͺ ¨íҹǹ੾ÒÐ ¡ÒÃᡵÑÇ»ÃСͺ µÑÇËÒÃËÇÁÁÒ¡ (Ë.Ã.Á.) áÅСÒùíÒä»ãªŒ µÑǤٳËÇÁ¹ŒÍ (¤.Ã.¹.) áÅСÒùíÒä»ãªŒ
¨íҹǹàµçÁ ¡ÒÃà»ÃÕºà·Õº¨íҹǹàµçÁ ¨íҹǹµÃ§¢ŒÒÁáÅФ‹ÒÊÑÁºÙó ¡Òúǡ¨íҹǹàµçÁ ¡ÒÃź¨íҹǹàµçÁ ¡Òäٳ¨íҹǹàµçÁ ¡ÒÃËÒèíҹǹàµçÁ ÊÁºÑµÔ¢Í§¨íҹǹàµçÁáÅСÒùíÒä»ãªŒ
àŢ¡¡íÒÅѧ ● ● ● ●
¡ÒÃà¢Õ¹àŢ¡¡íÒÅѧ·ÕèÁÕàÅ¢ªÕé¡íÒÅѧ໚¹¨íҹǹàµçÁ ¡ÒäٳàŢ¡¡íÒÅѧ àÁ×èÍàÅ¢ªÕé¡íÒÅѧ໚¹¨íҹǹàµçÁºÇ¡ ¡ÒÃËÒÃàŢ¡¡íÒÅѧ àÁ×èÍàÅ¢ªÕé¡íÒÅѧ໚¹¨íҹǹàµçÁºÇ¡ ¡ÒÃà¢Õ¹¨íҹǹã¹ÃÙ»ÊÑޡó ÇÔ·ÂÒÈÒʵÃ
1 - 30 2 5 6 8 18
31 - 82 32 34 37 40 51 54 62 66
83 - 112 84 89 92 98
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
Explore
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
4
● ●
●
5
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
¾×é¹°Ò¹·Ò§àâҤ³Ôµ
●
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
ขยายความเข้าใจ
Explain
113 - 160
¨Ø´ àÊŒ¹µÃ§ ʋǹ¢Í§àÊŒ¹µÃ§ áÅÐÃѧÊÕ ÁØÁáÅЪ¹Ô´¢Í§ÁØÁ ¡ÒÃÊÌҧ¾×é¹°Ò¹ ¡ÒÃÊÌҧÃÙ»àâҤ³ÔµÍ‹ҧ§‹ÒÂ
114 118 121 142
âÍ¡Òʢͧà˵ءÒó
161 - 178
à˵ءÒó âÍ¡Òʢͧà˵ءÒó
168 171
● ●
ºÃóҹءÃÁ
179
¤³ÔµÈÒʵà Á.1 àÅ‹Á 2 หนวยการเรียนรูท่ี
1
หนวยการเรียนรูท่ี
หนวยการเรียนรูท่ี
4
หนวยการเรียนรูที่
เศษสวน
3
10
คูอันดับและกราฟ
y
5
สมการเชิงเสน ตัวแปรเดียว
5
-10
-5
0
-5
-10
6
ทศนิยม
การประมาณคา
หนวยการเรียนรูที่
หนวยการเรียนรูท่ี
2
ความสัมพันธระหวาง รูปเรขาคณิต สองมิติและสามมิติ
5
10
x
กระตุน้ ความสนใจ กระตุEngage ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
หนวยการเรียนรูที่
1
ตัวชี้วัด ค 1.4 ม.1/1 ■ นําความรูและสมบัติเกี่ยวกับจํานวนเต็มไปใชในการ แกปญหา ค 6.1 ม.1-3/1-6 ใชวิธีการที่หลากหลายแกปญหา ■ ใชความรู ทักษะ และกระบวนการทางคณิตศาสตร และเทคโนโลยีในการแกปญหาในสถานการณตางๆ ไดอยางเหมาะสม ■ ใหเหตุผลประกอบการตัดสินใจ และสรุปผลไดอยาง เหมาะสม ■ ใชภาษาและสัญลักษณทางคณิตศาสตรในการสื่อสาร การสื่อความหมาย และการนําเสนอไดอยางถูกตอง และชัดเจน ■ เชื่อมโยงความรูตางๆ ในคณิตศาสตร และนําความรู หลักการ กระบวนการทางคณิตศาสตรไปเชื่อมโยงกับ ศาสตรอื่นๆ ■ มีความคิดริเริ่มสรางสรรค ■
1. หา ห.ร.ม. ของจํานวนนับได 2. หา ค.ร.น. ของจํานวนนับได 3. นําความรูเกี่ยวกับจํานวนเต็มไปใชในการ แกปญหาได 4. นําสมบัติเกี่ยวกับจํานวนเต็มไปใชในการ แกปญหาได 5. ใชทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร ในการแกปญหาในสถานการณตางๆ ได อยางเหมาะสม
สมบัติของจํานวนนับ จํานวนนับเปนจํานวนทีม่ นุษยนาํ มาใชเพือ่ ประโยชนในการบอกปริมาณของสิ่งตางๆ เชน บอกจํานวนสมาชิกในครอบครัว บอกจํานวน สัตวเลี้ยง บอกจํานวนไรนา เปนตน การศึกษาเรื่องสมบัติของจํานวนนับ เรา สามารถนําความรูเรื่องสมบัติของจํานวนนับ ไปใชแกปญ หาได โดยเฉพาะเรือ่ งการหา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. รวมทัง้ เปนพืน้ ฐานในการศึกษาวิชา คณิตศาสตรในระดับสูงขึ้นตอไป
สมรรถนะของผูเรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกปญ หา
คุณลักษณะอันพึงประสงค 1. มีวินัย 2. ใฝเรียนรู 3. มุงมัน่ ในการทํางาน
สาระการเรียนรูแกนกลาง ■
ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของจํานวนนับ และการนําไปใช
กระตุน้ ความสนใจ
Engage
ครูใหนักเรียนดูภาพหนาหนวยและสนทนา ซักถามนักเรียนวา • จํานวนสิ่งของที่อยูในภาพ ใชจํานวนชนิดใด (แนวตอบ จํานวนนับ) • นักเรียนบอกไดไหมวา สมบัติของจํานวนนับ มีอะไรบาง (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย ตามพืน้ ฐานความรู เชน สมบัตกิ ารสลับทีข่ อง การบวกและการคูณ เปนตน)
เกร็ดแนะครู กิจกรรมการเรียนการสอนของหนวยการเรียนรูน ี้ ครูควรใชเทคนิคการสอนสาธิต และบรรยายรวมกัน โดยยกตัวอยางสิง่ ของจริงหรือภาพประกอบทีอ่ ยูใ กลตวั นักเรียน สําหรับในโจทยปญหายกตัวอยางสถานการณที่อยูในชีวิตประจําวัน เพื่อใหนักเรียน ไดเขาใจในสมบัติของจํานวนนับวาสามารถนําไปใชไดจริง
คู่มือครู
1
กระตุน้ ความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
กระตุEngage ้นความสนใจ
ส�ารวจค้ Exploreนหา
กระตุน้ ความสนใจ
Explain
Expand
1. ตัวประกอบ ในระดับประถมศึกษา นักเรียนได้ทราบแล้วว่า จำานวนนับ ได้แก่ จำานวน 1, 2, 3, 4, 5, ... ซึ่งเริ่มต้นจาก 1 และมีค่าเพิ่มขึ้นทีละหนึ 1 ่งไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด เราสามารถเรียกจำานวนนับว่า จำานวนธรรมชาติ และสามารถนำาจำานวนนับเหล่านั้นมา บวก ลบ คูณ และหารกันได้ ซึ่งผลลัพธ์อาจเป็นจำานวนนับหรือไม่ก็ได้ ในเรื่องการหารจำานวนนับจะมีทั้งการหารลงตัวและการหารไม่ลงตัว เช่น เมื่อนำา 2 ไปหาร 8 ได้ผลหารเป็น 4 เหลือเศษเป็น 0 นั่นคือ 8 หารด้วย 2 ลงตัว เมื่อนำา 2 ไปหาร 7 ได้ผลหารเป็น 3 เหลือเศษเป็น 1 นั่นคือ 7 หารด้วย 2 ไม่ลงตัว เศษที่เกิดจากการหารจำานวนนับใดๆ ด้วย 2 คือ 0 และ 1 2 เรียกจำานวนนับที่หารด้วย 2 แล้วเหลือเศษเป็น 0 ว่า จำ�นวนคู่ เช่ 3 น 2, 4, 6 เรียกจำานวนนับที่หารด้วย 2 แล้วเหลือเศษเป็น 1 ว่า จำ�นวนคี่ เช่น 1, 3, 5 ให้นักเรียนพิจารณาการจัดดินสอ 12 แท่ง ที่กำาหนดให้ต่อไปนี้
Explore จัดแถวละ 3 แท่ง ได้ 4 แถว
จัดแถวละ 5 แท่ง ได้ 2 แถว เหลือเศษ 2 แท่ง
จัดแถวละ 4 แท่ง ได้ 3 แถว
จัดแถวละ 7 แท่ง ได้ 1 แถว เหลือเศษ 5 แท่ง
จัดแถวละ 6 แท่ง ได้ 2 แถว
นักเรียนคิดว่ายังมีจ�านวนนับอื่นๆ ที่เป็นตัวประกอบของ 12 อีกหรือไม่
จากตัวอย่างการจัดวางดินสอแบบต่างๆ นักเรียนจะเห็นว่า เมื่อจัดดินสอแถวละ 3, 4 หรือ 6 แท่ง จะจัดได้พอดีแถวโดยไม่เหลือเศษ ที่เป็นเช่นนี้เพราะ 3, 4 และ 6 สามารถหาร 12 ได้ลงตัว เรียก 3, 4 และ 6 ซึ่งสามารถหาร 12 ได้ลงตัวว่า ตัวประกอบของ 12
นักเรียนควรรู 1 จํานวนนับ (counting number) หรือจํานวนเต็มบวก( positive number) 2 จํานวนคู (even number) เปนจํานวนเต็มที่หารดวย 2 ลงตัว 3 จํานวนคี่ (odd number) เปนจํานวนเต็มที่หารดวย 2 แลวเหลือเศษ 1
คู่มือครู
Evaluate
2
ใหนักเรียนจับคูศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรียน หนา 2-4 จากนั้นใหนักเรียนแสดงความคิดเห็น ในประเด็นตอไปนี้ • บอกความเหมือนและความแตกตาง จากคําถามขั้นกระตุนความสนใจ ที่วา “ถามีเหรียญ 1 บาท จํานวน 12 เหรียญ ให จัดวางเหรียญเรียงเปนรูปสี่เหลี่ยมผืนผา” กับ “การจัดเรียงดินสอ 12 แทง ในหนังสือเรียน หนา 2 และหนา 3” นักเรียนคิดวาจะจัดเรียง ใหแตกตางกันไดอยางไรบาง และมีทั้งหมด กี่แบบอยางไร (แนวตอบ จํานวนสิ่งของเทากัน ตางกันที่ชนิด ของสิ่งของและการจัดเรียง)
2
ตรวจสอบผล
Engage
ครูใชคําถามกระตุนถามนักเรียนวา • จํานวนนับที่นํามาหาร 24 ไดลงตัว มีจํานวน ใดบาง และมีทั้งหมดกี่จํานวน (แนวตอบ มีทั้งหมด 8 จํานวน ไดแก 1, 2, 3, 4, 6, 8, 12 และ 24) • ถามีเหรียญ 1 บาท จํานวน 12 เหรียญ ใหจัด วางเหรียญเรียงเปนรูปสีเ่ หลีย่ มผืนผา นักเรียน คิดวา จะจัดเรียงใหแตกตางกันไดอยางไรบาง และมีทั้งหมดกี่แบบ (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย ตามพื้นฐานความรูของนักเรียน) • วิธีการหาคําตอบของทั้งสองขอขางตน ใชวิธี การเดียวกันหรือไม วิธีการนี้ใชความรูทาง คณิตศาสตรในเรื่องใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย ตามพืน้ ฐานความรูข องนักเรียน เชน จํานวนนับ จํานวนคู เปนตน)
ส�ารวจค้นหา
อธิ บายความรู ้ 11:01 AM ขยายความเข้าใจ February 1, 2010
บูรณาการเชื่อมสาระ
การเรียนรูเรื่องจํานวนนับที่ใชตัวเลขแตละตัวมีคาประจําหลักตางกัน ซึ่งจํานวนดังกลาวเขียนแทนโดยใชเลขโดด 0, 1, 2, 3, …, 9 จํานวนเหลานี้นํา ไปใชในการนับปริมาณของสิ่งของตางๆ จะตองมีหนวยที่กําหนดชัดเจน เชน ไขไก 3 ฟอง แห 2 ปาก ขลุย 4 เลา ปากกา 3 ดาม เปนตน หนวยที่บอก จํานวนสิ่งของเหลานี้เปนความรูที่สามารถเชื่อมโยงบูรณาการกับกลุมสาระ การเรียนรูภาษาไทย เรื่องลักษณนาม เปนคํานามชนิดหนึ่งที่สวนใหญตาม หลังคําวิเศษณบอกจํานวน ครูควรใหนักเรียนสืบคนลักษณนามของสิ่งตางๆ เพิ่มเติมไดจากเว็บไซตราชบัณฑิตยสถาน
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู้ 3
แต่ถ้านักเรียนจัดดินสอแถวละ 5 แท่ง จะเห็นว่าเหลือเศษ 2 แท่ง และถ้านักเรียนจัด ดินสอแถวละ 7 แท่ง จะเห็นว่าเหลือเศษ 5 แท่ง ทั้งนี้เพราะ 5 และ 7 หาร 12 ไม่ลงตัวหรือกล่าวว่า 5 และ 7 ไม่เป็นตัวประกอบของ 12 เนื่องจาก จำานวนนับที่หาร 12 ลงตัว ได้แก่ 1, 2, 3, 4, 6 และ 12 ดังนั้น จำานวนนับที่เป็นตัวประกอบของ 12 คือ 1, 2, 3, 4, 6 และ 12 มุมคว�มคิด จำ�นวนนับใดๆ ที่ห�รจำ�นวนนับที่กำ�หนดให้ได้ลงตัว เรียกว่� ตัวประกอบของจำ�นวนนับนั้น ตัวอย่�งที่
1
การหาตัวประกอบของจำานวนนับใดๆ สามารถหาได้หลายวิธี ดังตัวอย่างต่อไปนี้ จงหาตัวประกอบทั้งหมดของ 15 วิธีที่ 1 หาจำานวนนับต่างๆ ที่หาร 15 ลงตัว เนื่องจาก 15 เป็นจำานวนนับที่หารด้วย 2 แล้วเหลือเศษ 1 ดังนั้น 15 เป็นจำานวนคี่ จำานวนนับที่นำาไปหาร 15 ได้ลงตัว ต้องเป็น 15 หรือจำานวนคี่ที่ไม่เกิน ครึ่งหนึ่งของ 15 จึงตรวจสอบการหารด้วย 1, 3, 5, 7 และ 15 ดังนี้ 15 หารด้วย 1 ได้ผลหารเป็น 15 เหลือเศษเป็น 0 แสดงว่า 15 หารด้วย 1 ลงตัว 15 หารด้วย 3 ได้ผลหารเป็น 5 เหลือเศษเป็น 0 แสดงว่า 15 หารด้วย 3 ลงตัว 15 หารด้วย 5 ได้ผลหารเป็น 3 เหลือเศษเป็น 0 แสดงว่า 15 หารด้วย 5 ลงตัว 15 หารด้วย 7 ได้ผลหารเป็น 2 เหลือเศษเป็น 1 แสดงว่า 15 หารด้วย 7 ไม่ลงตัว 15 หารด้วย 15 ได้ผลหารเป็น 1 เหลือเศษเป็น 0 แสดงว่า 15 หารด้วย 15 ลงตัว จากการหารข้างต้นพบว่า จำานวนนับทุกจำานวนที่หาร 15 ลงตัว ได้แก่ 1, 3, 5, 15 ดังนั้น ตัวประกอบทั้งหมดของ 15 คือ 1, 3, 5 และ 15 1, 3, 5 และ 15 วิธที ี่ 2 เนือ่ งจาก 15 หารด้วย 1 ได้ผลหารเป็น 15 เหลือเศษเป็น 0 เราสามารถ เขียนความสัมพันธ์ได้วา่ 15 = 1 × 15 ซึง่ แสดงว่า 15 หารด้วย 1 ลงตัว และ 15 หารด้วย 15 ลงตัวด้วย เราจึงสามารถหาตัวประกอบของ 15 ได้ โดยพิจารณาจากการคูณของ จำานวนนับที่มีผลคูณเป็น 15 15 = 1 × 15 จะได้ 1 และ 15 เป็นตัวประกอบของ 15 15 = 3 × 5 จะได้ 3 และ 5 เป็นตัวประกอบของ 15 ดังนั้น ตัวประกอบทั้งหมดของ 15 คือ 1, 3, 5 และ 15 ตอบ วิธีทำ�
Explain
1. ครูใชคําถามเพื่อเชื่อมโยงความสัมพันธ ระหวางการคูณและการหาร ดังนี้ • การคูณและการหารมีความสัมพันธกัน หรือไม อยางไร (แนวตอบ มีความสัมพันธกัน ดังนี้ ตัวตั้งเทากับตัวหารคูณผลหาร (ถาเปนการ หารลงตัว) หรือตัวตั้งเทากับตัวหารคูณ ผลหาร บวกเศษ (ถาเปนการหารไมลงตัว) • การหารลงตัวและการหารไมลงตัว เมื่อเขียนเปนความสัมพันธระหวางการคูณ และการหารแตกตางกันหรือไม อยางไร (แนวตอบ แตกตางกันโดยการหารไมลงตัว จะตองนําเศษจากการหารไปบวกดวย) 2. จากขอความในตัวอยางที่ 1 หนา 3 ที่วา “....จํานวนนับที่นําไปหาร 15 ไดลงตัว ตองเปน 15 หรือจํานวนคี่ที่ไมเกินครึ่งหนึ่งของ 15 จึงตรวจสอบการหารดวย 1, 3, 5, 7 และ 15” ใหตอบคําถามตอไปนี้ • ถานักเรียนตองอธิบายใหเพื่อนๆ ทราบวา เปนเพราะเหตุผลใด นักเรียนจะอธิบาย อยางไร และ 15 ตองนํามาตรวจสอบ ดวยหรือไม (แนวตอบ ใชความสัมพันธระหวางการคูณ และการหาร ถาใช 1 แลวไมตองนํา 15 มาตรวจสอบอีก)
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
ขอใดตอไปนี้ถูกตอง ก. 30 มีตัวประกอบเฉพาะอยู 3 จํานวน ข. 1 เปนตัวประกอบของจํานวนนับทุกจํานวน ค. ตัวประกอบรวมของ 35 และ 210 คือ 1, 5 และ 7 ง. แยกตัวประกอบของ 12 = 3 × 4 1. ขอ ก. และขอ ข. 2. ขอ ข. และขอ ง. 3. ขอ ก. ถึงขอ ค. 4. ถูกทุกขอ วิเคราะหคําตอบ ก. ถูก ตัวประกอบทั้งหมดของ 30 มี 1, 2, 3, 5, 6, 15 และ 30 มีที่เปนจํานวนเฉพาะ 3 จํานวน คือ 2, 3, 5 ข. ถูก เพราะ 1 หารทุกจํานวนไดลงตัว ค. ถูก ตัวประกอบของ 35 คือ 1, 5, 7, 35 ตัวประกอบของ 210 คือ 1, 2, 3, 5, 6, 7, 30, 35, 42, 70, 105, 210 ตัวประกอบของ 35 และ 210 คือ 1, 5 และ 7 ง. ผิด เพราะการแยกตัวประกอบตองเขียนในรูปการคูณของจํานวนเฉพาะ ดังนั้น ขอ ก. ถึงขอ ค. ถูก จึงตอบขอ 3.
คู่มือครู
3
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิ บExplain ายความรู ้ 11:01 AM ขยายความเข้ Expand าใจ February 1, 2010
4 ตัวอย่�งที่
2
จงหาตัวประกอบทั้งหมดของ 36 วิธีทำ�
ตัวอย่�งที่
3
Expand
Evaluate
1. ใหนักเรียนประเมินผลระดับความเขาใจ ในเนื้อหานี้ดวยการเขียนบอกระดับเปนดีมาก ดี ปานกลางหรือตองเพิ่มความเขาใจอีก 2. ครูประเมินผลการเรียนรูจ ากการตรวจสอบความ ถูกตองการทําแบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.1 (ดูเฉลยแบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.1 ที่สวนเสริมดานหนาของหนังสือเลมนี้)
เกร็ดแนะครู ครูแนะนําวิธีลัดการหาจํานวนนับที่หารลงตัวดวย 3 และ 11 • ผลบวกของเลขโดดทุกหลักหารลงตัวดวย 3 จํานวนนั้นจะหารลงตัวดวย 3 • ผลบวกของเลขโดดในตําแหนงที่เปนจํานวนคี่เทากับผลบวกของเลขโดด ในตําแหนงที่เปนจํานวนคูนั้นจะหารลงตัวดวย 11
4
คู่มือครู
ตัวประกอบของ 36 1 และ 36 2 และ 18 3 และ 12 4 และ 9 6
เนื่องจาก 36 = 1 × 36 36 = 2 × 18 36 = 3 × 12 36 = 4 × 9 36 = 6 × 6 ดังนั้น ตัวประกอบทั้งหมดของ 36 คือ 1, 2, 3, 4, 6, 9, 12, 18 และ 36
ตอบ
จงหาตัวประกอบทั้งหมดของจำานวนต่อไปนี้ 1) 385 2) 460
1. ใหนักเรียนแตละคูชวยกันแลกเปลี่ยนแนวคิดใน การทําแบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.1 หนา 5 2. ใหนักเรียนทุกคนทําแบบตรวจสอบความเขาใจ ที่ 1.1 จากนั้นแตละคูแลกเปลี่ยนกันตรวจสอบ คําตอบ
ตรวจสอบผล
ตรวจสอบผล Evaluate
Explain
ครูใชคําถามเชื่อมโยงจากตัวอยางที่ 3 หนา 4 • จาก 385 ถาใชวิธีตรวจสอบวา “นําจํานวนคี่ ที่ไมเกินครึ่งหนึ่งของ 385” นักเรียนคิดวา ตองใชกี่จํานวน และมีจํานวนใดบาง (แนวตอบ 192 จํานวน ไดแก 1, 3, 5, ... 383) • นักเรียนทราบวาจํานวนนับที่มี 5 เปนเลขโดด ในหลักหนวยหารลงตัวดวย 5 ซึ่งเมื่อเขียน ในรูปการคูณ “385 = 5 × 77” นักเรียนจะใช ขอความนี้หาตัวประกอบอื่นไดหรือไม และ ใชอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย ตามพื้นฐานความรู เชน 11, 35, 55 เปนตน) • จากขอความ “460 = 2 × 230” นักเรียนจะใช ขอความนี้หาตัวประกอบอื่นๆ ไดหรือไม และ ใชอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย ตามพื้นฐานความรู)
ขยายความเข้าใจ
อธิบายความรู้
วิธีทำ�
1) เนื่องจาก 385 = 1 × 385 385 = 5 × 77 385 = 7 × 55 385 = 11 × 35 ดังนั้น ตัวประกอบทั้งหมดของ 385 คือ 1,1, 5, 7, 11, 35, 55, 77 5, 7, 11, 35, 55, 77 และ 385
ตัวประกอบของ 385 1 และ 385 5 และ 77 7 และ 55 11 และ 35
ตัวประกอบของ 460 1 และ 460 2 และ 230 4 และ 115 5 และ 92 10 และ 46 20 และ 23
2) เนื่องจาก 460 = 1 × 460 460 = 2 × 230 460 = 4 × 115 460 = 5 × 92 460 = 10 × 46 460 = 20 × 23 ดังนั้น ตัวประกอบทั้งหมดของ 460 คือ 1, 2, 4, 5, 10, 20, 23, 46, 92, 115, 230 และ 460
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
ตอบ
จงหาจํานวนนับที่มีจํานวนเฉพาะเปนตัวประกอบที่ตางกัน 4 จํานวน แนวตอบ 2 × 3 × 5 × 7 2 × 3 × 5 × 11 2 × 3 × 7 × 11 3 × 5 × 7 × 11
= = = =
210 330 462 1155
กระตุน้ ความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุEngage ้นความสนใจ
ส�ารวจค้ Exploreนหา
กระตุน้ ความสนใจ 5
แบบตรวจสอบคว�มเข�ใจที่
1.1
1. จงหาตัวประกอบทั้งหมดของจำานวนต่อไปนี้ 1) 24 2) 48 3) 117 4) 120 5) 132 6) 225 7) 279 8) 380 9) 420 10) 540 2. จำานวนนับใดที่เป็นตัวประกอบของจำานวนนับทุกจำานวน 3. จำานวนนับที่อยู่ระหว่าง 20 กับ 40 ซึ่งมี 6 เป็นตัวประกอบมีกี่จำานวน และมีจำานวนใดบ้าง 4. จำานวนนับที่อยู่ระหว่าง 10 - 99 ซึ่งมี 12 เป็นตัวประกอบมีกี่จำานวน และมีจำานวนใดบ้าง
จำานวนนับที่เป็นตัวประกอบของ 2 คือ 1, 2
จำานวนนับที่เป็นตัวประกอบของ 6 คือ 1, 2, 3, 6
จำานวนนับที่เป็นตัวประกอบของ 3 คือ 1, 3
จำานวนนับที่เป็นตัวประกอบของ 8 คือ 1, 2, 4, 8
จำานวนนับที่เป็นตัวประกอบของ 5 คือ 1, 5
จำานวนนับที่เป็นตัวประกอบของ 9 คือ 1, 3, 9
จำานวนนับที่เป็นตัวประกอบของ 7 คือ 1, 7
จำานวนนับที่เป็นตัวประกอบของ 10 คือ 1, 2, 5, 10
จำานวนนับที่เป็นตัวประกอบของ 11 คือ 1, 11
จำานวนนับที่เป็นตัวประกอบของ 12 คือ 1, 2, 3, 4, 6, 12
อธิบายความรู้
จากตารางแสดงตัวประกอบข้างต้น จะเห็นว่า 1 มีตัวประกอบที่เป็นจำานวนนับเพียง 1 ตัว คือ 1 2, 3, 5, 7, 11 มีตวั ประกอบทีเ่ ป็นจำานวนนับทีแ่ ตกต่างกันเพียงสองตัว 4, 6, 8, 9, 10, 12 มีตัวประกอบที่เป็นจำานวนนับอื่นๆ ที่แตกต่างกันมากกว่าสองตัว 1 เรียก 2, 3, 5, 7, 11 ว่าเป็นจำานวนเฉพาะ เรียก 1, 4, 6, 8, 9, 10, 12 จึงไม่เป็นจำานวนเฉพาะ มุมคว�มคิด จำ�นวนนับที่มีตัวประกอบที่แตกต่�งกัน เพียงสองตัว เรียกว่� จำ�นวนเฉพ�ะ
กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนหาจํานวนเฉพาะทั้งหมดที่อยูระหวาง 1 ถึง 100
Explore
ใหนักเรียนจับคูศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรียน หนา 5
ให้นักเรียนพิจารณาตารางแสดงตัวประกอบของจำานวนนับตั้งแต่ 1 ถึง 12 จำานวนนับที่เป็นตัวประกอบของ 4 คือ 1, 2, 4
ครูขออาสาสมัครนักเรียน 2 คน ออกมาเขียน ตัวเลข 1 ถึง 50 บนกระดาน จากนั้นใชการถาม กระตุน • นักเรียนทราบไหมวา จํานวนนับตั้งแต 1 ถึง 50 จํานวนนับใดมีตัวประกอบ 2 จํานวน 3 จํานวน 4 จํานวน และจํานวนนับใดที่มี ตัวประกอบมากที่สุด และมีกี่จํานวน (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย ตามพื้นฐานความรู)
ส�ารวจค้นหา
2. จํานวนเฉพาะ จำานวนนับที่เป็นตัวประกอบของ 1 คือ 1
Engage
Explain
1. จากที่นักเรียนศึกษาเนื้อหา หนา 5 ใหสังเกต ขอความตอไปนี้ “จํานวนนับที่เปนตัวประกอบของ 4 และ 9 จํานวนนับที่เปนตัวประกอบของ 6, 10 และ 12 จํานวนนับที่เปนตัวประกอบของ 8” 2. ใหนักเรียนตอบคําถามตอไปนี้ • 4 และ 9 มีจํานวนของตัวประกอบเทากัน หรือไม เทากับเทาไร และจํานวนทั้งสองนี้ มีลักษณะเหมือนกันอยางไร (แนวตอบ 4 และ 9 มีจํานวนตัวประกอบ เทากัน คือ 3 จํานวน ลักษณะการเขียน เหมือนกัน คือ เขียนอยูในรูปการคูณซํ้า ของจํานวนเดียวกัน คือ 2 × 2 กับ 3 × 3) • นักเรียนคิดวาจํานวนคี่ที่มากกวา 3 และหาร ดวย 3 ไมลงตัว จะเปนจํานวนเฉพาะหรือไม เพราะเหตุใด ยกตัวอยางประกอบ (แนวตอบ บางจํานวนเปนจํานวนเฉพาะ เชน 7, 11 เปนตน แตบางจํานวนไมเปนจํานวน เฉพาะ เชน 25, 35 เปนตน)
นักเรียนควรรู 1 ไมเปนจํานวนเฉพาะ ผลคูณของจํานวนเฉพาะตั้งแต 2 จํานวน ขึ้นไปไมเปน จํานวนเฉพาะ เชน 3 × 5 =15 เพราะมี 1, 3 และ 5 เปนตัวประกอบ
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนหาจํานวนเฉพาะ 3 จํานวน ที่มีผลบวกของจํานวนทั้งสาม เปนจํานวนเฉพาะ
คู่มือครู
5
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
ขยายความเข้าใจ
Expand
Evaluate
ตรวจสอบผล Evaluate
Expand
ตรวจสอบผล
6 ฉันไม่ ใª่ จ�านวนเฉพาะ
แบบตรวจสอบคว�มเข�ใจที่
3. การแยกตัวประกอบ
9 11
13
9 11
7 15
11
?
พิจารณาการเขียน 12 ในรูปการคูณของตัวประกอบ จะพบว่า สามารถเขียนได้ หลายวิธีดังนี้ 1) 12 = 1 × 12 2) 12 = 2 × 6 3) 12 = 3 × 4 4) 12 = 2 × 2 × 3
9
11
5
เรียกตัวประกอบที่เป็นจำ�นวนเฉพ�ะ ว่� ตัวประกอบเฉพ�ะ
7 15
7
มุมคว�มคิด
แนวตอบ จากรูปหวงโซอาหารมีจํานวนที่หายไป เมื่อสังเกตจํานวนในหวงโซ ที่กําหนดใหตามเข็มนาฬกา จะพบวาเปนแบบรูปของจํานวนที่มีความสัมพันธ แบบเพิ่มขึ้นและลดลงสลับกันไป โดยเพิ่มขึ้นครั้งละ 4 แลวลดลงครั้งละ 2 ดังนั้น จํานวนในหวงโซที่ตองการคือ 13
3
3
9
นักเรียนจะเห็นว่า ตัวประกอบของ 12 ได้แก่ 1, 2, 3, 4, 6 และ 12 ในบรรดาตัวประกอบของ 12 จะมี 2 และ 3 ซึ่งเป็นจำานวนเฉพาะ เรียก 2 และ 3 ว่าเป็นตัวประกอบเฉพาะของ 12
เฉลย คณิตคิดสนุก
5
1.2
จำานวนใดที่ขาดหายไปจากห่วงโซ่
Evaluate
7
แต่ฉันเป็น จ�านวนเฉพาะ
1. จำานวนนับที่เป็นจำานวนเฉพาะซึ่งเป็นจำานวนคู่มีกี่จำานวน จำานวนใดบ้าง 2. จงหาจำานวนเฉพาะทั้งหมดที่อยู่ระหว่าง 26 กับ 50 3. จงเขียนจำานวนเฉพาะที่น้อยที่สุด ซึ่งมากกว่าจำานวนต่อไปนี้ 1) 10 2) 20 3) 30 4) 40 4. จงเขียนจำานวนเฉพาะที่มากที่สุด ซึ่งน้อยกว่าจำานวนต่อไปนี้ 1) 10 2) 20 3) 30 4) 40 คณิตคิดสนุก 5. จงหาจำานวนเฉพาะทั้งหมดที่อยู่ระหว่าง 1 ถึง 50
ตรวจสอบความถูกตองการทําแบบตรวจสอบ ความเขาใจที่ 1.2 (ดูเฉลยแบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.2 ที่สวนเสริมดานหนาของหนังสือเลมนี้)
คู่มือครู
ตรวจสอบผล
Explain
1. ใหนกั เรียนคิดวิเคราะหและแสดงเหตุผลประกอบ • เลือกจํานวนเฉพาะ 3 จํานวนที่ตางกัน หาผล คูณของสองจํานวนแลวลบดวยจํานวนที่เหลือ นักเรียนคิดวาผลลบจะเปนจํานวนเฉพาะ หรือไม เพราะเหตุใด ใหยกตัวอยางประกอบ (แนวตอบ ผลลบเปนจํานวนเฉพาะหรือไมเปน จํานวนเฉพาะก็ได ถาไดผลลบเปนจํานวน เฉพาะ เชน (2 × 7) - 3 = 11 และถาได ผลลบไมเปนจํานวนเฉพาะ เพราะวาผลคูณ ของจํานวนเฉพาะที่มากกวา 2 ยอมเปน จํานวนคี่ เมื่อลบดวยจํานวนเฉพาะอีก 1 จํานวน จะทําใหผลลบเปนจํานวนคูเสมอ เชน (5 × 7) - 11 = 24) • ถานําจํานวนเฉพาะ 2 จํานวนคูณกันแลวบวก ดวยจํานวนนับที่ไมใชจํานวนเฉพาะเพียง 1 จํานวน นักเรียนคิดวาผลบวกจะเปนจํานวน เฉพาะหรือไม เพราะเหตุใด ยกตัวอยาง ประกอบ (แนวตอบ ผลบวกเปนจํานวนเฉพาะก็ไดหรือ ไมเปนจํานวนเฉพาะก็ได เพราะวาผลคูณของ จํานวนเฉพาะไมเปนจํานวนเฉพาะ ซึ่งทําให ผลบวกของผลคูณกับจํานวนนับที่ไมเปน จํานวนเฉพาะเปนจํานวนเฉพาะได เชน (5 × 7) + 12 = 47 และไมเปนจํานวนเฉพาะ ได เชน (5 × 7) + 14 = 49) 2. ใหนักเรียนแตละคูแลกเปลี่ยนแนวคิดและทํา แบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.2 หนา 6 จากนั้น ใหแลกเปลี่ยนกันตรวจสอบคําตอบ
6
ขยายความเข้าใจ
อธิ บายความรู ้ 11:01 AM ขยายความเข้ Expand าใจ February 1, 2010
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
จํานวนเฉพาะ 3 จํานวนที่มีผลคูณไมมากกวา 100 มีจํานวนใดบาง แนวตอบ จํานวนเฉพาะ 3 จํานวนที่มีผลคูณไมมากกวา 100 ไดแก - 2, 3, 5 เมื่อนํามาคูณกันจะเทากับ 30 - 2, 3, 7 เมื่อนํามาคูณกันจะเทากับ 42 - 2, 5, 7 เมื่อนํามาคูณกันจะเทากับ 70
กระตุน้ ความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุEngage ้นความสนใจ
ส�ารวจค้ Exploreนหา
กระตุน้ ความสนใจ 7
ครูขออาสาสมัครนักเรียน 2 คน ใหเขียน จํานวนนับตั้งแต 15 ถึง 32 บนกระดาน สนทนา และซักถามนักเรียนวา • มีจาํ นวนนับใดบางทีม่ ตี วั ประกอบเปนจํานวน เฉพาะเหมือนกัน (แนวตอบ จํานวนคู ไดแก 16, 18, 20, 22, 24, 28, 30 มี 2 เปนตัวประกอบเฉพาะ จํานวนที่มี 3 เปนตัวประกอบเฉพาะ ไดแก 15, 18, 21, 24, 27 และ 30 จํานวนที่มี 3 และ 5 เปนตัวประกอบเฉพาะ ไดแก 15 และ 30)
จากการเขียน 12 ในรูปการคูณของตัวประกอบในขอ 4) จะเห็นวานอกจากจะเปน การเขี ยน 12 ในรูป การคูณ ของตั วประกอบแล ว ยั งเปน การเขี ยน 12 ในรูป การคู ณ ของ ตัวประกอบเฉพาะอีกดวย เราเรียกการเขียนในลักษณะน�้วา การแยกตัวประกอบของ 12 มุมความคิด การแยกตัวประกอบของจํานวนนับใดๆ เปนการเขียนจํานวนนับนั้นในรูปการคูณของตัวประกอบเฉพาะ
การแยกตัวประกอบของจํานวนนับใดๆ สามารถทําไดหลายวิธี ดังตัวอยางตอไปน�้ ตัวอยางที่
1
จงแยกตัวประกอบของ 120 วิธีทํา
วิธีที่ 1 ใชแผนภาพตนไม 30
120 4
5 6 2
3
ส�ารวจค้นหา
1
หรือ 120
10 12
2
5 4 3
อธิบายความรู้
2
ดังนั้น
à¹×èͧ¨Ò¡ ¡ÒÃᡵÑÇ»ÃСͺ¢Í§ 120 ໚¹¡ÒÃà¢Õ¹ 120 ã¹ÃÙ»¡Òäٳ¢Í§µÑÇ»ÃСͺ੾ÒÐ ´Ñ§¹Ñé¹ ¨íҹǹ·ÕèËÒà 120 ŧµÑÇáÅÐ໚¹¨íҹǹ੾ÒÐ ¤×Í 2, 3 áÅÐ 5
120 = 2 × 2 × 2 × 3 × 5
http://www.aksorn.com/LC/Math B1/M1/01
ขอใดตอไปนี้ถูกตอง 1. 156 = 2 × 3 × 3 × 13 2. 312 = 2 × 2 × 2 × 3 × 13 3. 108 = 2 × 2 × 2 × 3 × 3 4. 252 = 2 × 2 × 3 × 3 × 9
ตอบ EB GUIDE
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
วิเคราะหคําตอบ 1. ผิด 156 = 2 × 2 × 3 × 13 2. ถูก 312 = 2 × 2 × 2 × 3 × 13 3. ผิด 108 = 2 × 2 × 3 × 3 × 3 4. ผิด 252 = 2 × 2 × 3 × 3 × 7 ดังนั้น คําตอบคือ ขอ 2.
Explain
ใหนักเรียนตอบคําถามตอไปนี้ • การแยกตัวประกอบโดยใชแผนภาพตนไม และใชการหารมีความเหมือนหรือแตกตาง กันหรือไม อยางไร (แนวตอบ ตอบไดหลากหลาย มีทั้งแตกตาง กันและเหมือนกัน แตกตางกัน คือ แผนภาพตนไมตอ งเขียน จํานวนนับเปนรูปการคูณของสองจํานวน ซึ่งไมจําเปนตองเปนจํานวนเฉพาะ ทําตอไป เรื่อยๆ จนกวาจะไดจํานวนนับที่เปนจํานวน เฉพาะ สําหรับการหารแตละครั้งตองใช จํานวนเฉพาะที่หารลงตัวเปนตัวหาร จนผลหารจํานวนสุดทายเปนจํานวนเฉพาะ เหมือนกัน คือการนําจํานวนเฉพาะ ทั้งหมดเขียนในรูปการคูณ)
2
ดังนั้น 120 = 2 × 2 × 2 × 3 × 5 วิธีที่ 2 ใชการหาร 2 120 2 60 2 30 3 15 5
Explore
ใหนักเรียนศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรียน หนา 6-8
2
2
Engage
นักเรียนควรรู 1 แผนภาพตนไม (tree diagram) เปนวิธีการที่นํามาใชเพื่อแยกตัวประกอบ ของจํานวนนับ ซึ่งจํานวนที่จะใชวิธีนี้ควรเปนจํานวนที่มีคาไมมากนัก เชน 8, 12, 16 เปนตน โดยการเขียนจะแบงเปนกิ่ง สามารถเขียนไดทั้งแนวตั้งและแนวนอน ตัวอยางเชน การแยกตัวประกอบของ 8 และ 12 แนวนอน
แนวตัง้ 8 2
3 4
2 8=2×2×2
12 2
4
2
2 12 = 3 × 2 × 2
คู่มือครู
7
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
ขยายความเข้าใจ
Evaluate
1. ใหนักเรียนประเมินผลระดับความเขาใจ ในเนื้อหานี้ ดวยการเขียนบอกระดับเปนดีมาก ดี ปานกลางหรือตองเพิ่มความเขาใจอีก 2. ครูประเมินผลการเรียนรูจากการตรวจสอบ ความถูกตองการทําแบบตรวจสอบความเขาใจ ที่ 1.3 (ดูเฉลยแบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.3 ที่สวนเสริมดานหนาของหนังสือเลมนี้)
Explain
ตัวอยางที่
2
Evaluate
จงแยกตัวประกอบของ 693 วิธีทํา
ãËŒ¹Ñ¡àÃÕ¹Åͧ㪌ÇÔ¸Õ á¼¹ÀÒ¾µŒ¹äÁŒá¡µÑÇ»ÃСͺ ¢Í§ 693
3 693 3 231 7 77 11
ดังนั้น 693 = 3 × 3 × 7 × 11 แบบตรวจสอบความเขาใจที่
ตอบ
1.3
1. จงแยกตัวประกอบของจํานวนในแตละขอตอไปนี้ 1) 63 2) 81 3) 105 4) 125 5) 145 6) 189 7) 315 8) 1,183 9) 1,260 10) 2,572 2. จงหาจํานวนนับที่มีหนึ่งหลัก ซึ่งเมื่อแยกตัวประกอบแลวจะไดตัวประกอบเฉพาะไมซํ้ากัน 2 จํานวน
4. ตัวหารรวมมาก (ห.ร.ม.) และการนําไปใช ถานักเรียนมีเชือกอยู 3 เสน ยาว 84, 108 และ 156 เมตร ตามลําดับ และตองการ ตัดเชือกแตละเสนเปนเสนสั้นๆ ใหเชือกแตละเสนที่ตัดนั้นยาวเทาๆ กัน และยาวมากที่สุดเทาที่ จะยาวได นักเรียนจะทราบไดอยางไรวา เชือกที่ตัดแลวนั้นจะยาวท จะยาวที่สุดเสนละกี่เมตร ในทางคณิตศาสตร เราตอบคําถามนี้ไดอยางรวดเร็ว โดยใชความรูเ รือ่ ง ห.ร.ม. นักเรียน 1 อยากรูจัก ห.ร.ม. หรือไม พิจารณา จํานวนนับทุกจํานวนที่หาร 12 ลงตัว คือ 1, 2, 3, 4, 6 และ 12 จํานวนนับทุกจํานวนที่หาร 18 ลงตัว คือ 1, 2, 3, 6, 9 และ 18 เรียก 1, 2, 3 และ 6 วาตัวประกอบรวมหรือตัวหารรวมของ 12 และ 18 ในบรรดาตัวหารรวมของ 12 และ 18 จะเห็นวา 6 เปนตัวประกอบรวมที่มากที่สุดหรือ ตัวหารรวมที่มากที่สุด
1 ห.ร.ม. เปนชื่อยอของตัวหารรวมมาก (Greatest Common Divisor ยอวา G.C.D.) บางครั้งเรียกวา Highest Common Factor ยอวา H.C.F.
มุม IT ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแยกตัวประกอบ (แบบฝกเสริมทักษะ) ไดที่ http://www.math-aids.com/Factors/
คู่มือครู
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
8
นักเรียนควรรู
8
ตรวจสอบผล
Expand
1. ใหนกั เรียนแสดงความคิดเห็นในประเด็นตอไปนี้ • นักเรียนคิดวา การแยกตัวประกอบมีความ จําเปนตอการดําเนินชีวิตประจําวันของ นักเรียนหรือไม อยางไร ยกตัวอยางประกอบ (แนวตอบ อาจจะตอบวามีความจําเปนหรือ ไมมีความจําเปนตอการดําเนินชีวิตประจําวัน ก็ได ครูควรใหนักเรียนแสดงความคิดเห็น อยางอิสระ) 2. ใหนักเรียนรวมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและ หาแนวทางและวิธีการแกโจทยปญหาในการทํา แบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.3 จากนั้นให นักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตองใน แบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.3
ตรวจสอบผล
ขยายความเข้าใจ
อธิ บายความรู ้ Expand าใจ July 12, 2012 10:50 AMขยายความเข้
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
จํานวนเฉพาะที่เปนตัวประกอบของ 10010 จะมีผลบวกเทาไร 1. 30 2. 34 3. 38 4. 40 วิเคราะหคําตอบ แยกตัวประกอบของ 10010 10010 = 2 × 5 × 7 × 11 × 13 ผลบวกคือ 2 + 5 + 7 + 11 + 13 = 38 ดังนั้น คําตอบคือ ขอ 3.
กระตุน้ ความสนใจ
ส�ารวจค้นหา ส�ารวจค้ Exploreนหา
อธิบายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุEngage ้นความสนใจ
กระตุน้ ความสนใจ 9
เรียกตัวประกอบร่วมที่มากที่สุด หรือตัวหารร่วมที่มากที่สุดของ 12 และ 18 ว่า ตัวหารร่วมมากของ 12 และ 18 ซึง่ เขียนย่อๆ ว่า ห.ร.ม. ของ 12 และ 18 จึงกล่าวได้วา่ 6 เป็น ห.ร.ม. ของ 12 และ 18 1 อธิบายด้วยแผนภาพได้ดังนี้ จ�านวนนับที่หาร 12 ลงตัว
จ�านวนนับที่หาร 18 ลงตัว
ตัวประกอบร่วมของ 12 และ 18
Engage
1. ครูอานขอความ “ถานักเรียนมีเชือก... เชือกที่ ตัดแลวนั้นจะยาวที่สุดเสนละกี่เมตร” หนา 8 แลวใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นวา จะหาคําตอบไดอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดหลากหลายตามความคิดของนักเรียน โดย ขึ้นอยูกับพื้นฐานความรูและประสบการณ) 2. นักเรียนอยากทราบไหมวา การหาคําตอบ นี้จะใชความรูเรื่องตัวประกอบและการแยก ตัวประกอบหรือไม และมีขั้นตอนอยางไรบาง (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย เชน ใชการหารลงตัว ใชตัวประกอบ เปนตน)
ส�ารวจค้นหา ตัวหารร่วมที่มากที่สุด คือ 6 ดังนั้น ห.ร.ม. ของ 12 และ 18 คือ 6 ตัวอย่างที่
1
จงหาตัวหารร่วมมากของ 36 และ 48
วิธีท ำ� จ�านวนนับทุกจ�านวนที่หาร 36 ลงตัว คือ 1, 2, 3, 4, 6, 9, 12, 18 และ 36 2, 3, 4, 6, 9, 12, 18 และ จ�านวนนับทุกจ�านวนทีห่ าร 48 ลงตัว คืคือ 1, 2, 3, 4, 6, 8, 12, 16, 24 และ 48 1, 2, 3, 4, 6, 8, 12, 16, 24 และ 48 ตัวหารร่วมของ 36 และ 48 คื และ 48 คือ 1, 2, 3, 4, 6 และ 12 1, 2, 3, 4, 6 และ 12 ตอบ ดังนั้น ตัตัวหารร่วมมากของ มมากของ 36 และ 48 คื 36 และ 48 คือ 12 12 นวน เพื่อหา หา นักเรียนสามารถใช้หลักการหาตัวหารร่วมมากของจ�านวนนับสองจ�านวน ตัวหารร่วมมากของจ�านวนนับมากกว่าสองจ�านวนได้ านวนได้ ดังตัวอย่างที่ 2
Explore
ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 4 คน แตละกลุม คละความสามารถทางคณิตศาสตรและรวมกัน ศึกษาเนื้อหาในหนังสือเรียน หนา 9-11
ตัวอย่2า งที่ จงหาตัวหารร่วมมากของ 24, 32 และ 40
วิธีท ำ�
จ�านวนนับทุกจ�านวนที่หาร 24 ลงตัว คือ 1, 2, 3, 4, 6, 8, 12, และ 24 2, 3, 4, 6, 8, 12, และ จ�านวนนับทุกจ�านวนที่หาร 32 ลงตัว คือ 1, 2, 4, 8, 16 และ 32 8, จ�านวนนับทุกจ�านวนที่หาร าร 40 ลงตั 40 ลงตัว คืคือ 1, 2, 4, 5, 8, 10, 20 และ 40 1, 2, 4, 5, 8, 10, 10, 20 และ 40 ตัวหารร่วมของ 24, 32 และ 40 คือ 1, 2, 4 และ 8 ดังนั้น ตัวหารร่วมมากของ 24, 32 และ 40 คือ 8 ตอบ
กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนเขียนแผนภาพแสดงตัวหารรวม ของ 36, 45 และ 48
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนเขียนแผนภาพแสดงตัวหารรวมของ 132, 144 และ 182
นักเรียนควรรู 1 แผนภาพ เรียกแผนภาพที่นําเสนอวา แผนภาพเวนน (Venn diagram) เปนภาพที่เขียนขึ้นเพื่อแสดงความสัมพันธระหวางกลุม 2 กลุม หรือ 3 กลุม นิยมใช วงกลมหรือวงรีแทนกลุมตางๆ ซึ่งอาจจะเปนจํานวนสองจํานวน หรือชนิดของสัตว ตัวอยางเชน ตัวหารรวมของ 24, 32 และ 40 สามารถเขียนแสดงเปนแผนภาพ เพื่อสะดวกในการหาคําตอบได ดังนี้ 32 24 3 6 12 24
12 48
16 32
5 10 20 40 40 คู่มือครู
9
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้
อธิบายความรู้
อธิ บExplain ายความรู ้ 11:02 AM ขยายความเข้าใจ February 1, 2010 Explain
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Explain
1. ครูสมุ นักเรียน 2 กลุม แตละกลุม สงตัวแทนเลือก หัวขอการหา ห.ร.ม. โดยพิจารณาตัวหารรวม และการหา ห.ร.ม. โดยการแยกตัวประกอบ และ นําเสนอขั้นนตอนการหา ห.ร.ม. หนาชั้นเรียน 2. ใหนักเรียนกลุมอื่นๆ รวมกันแสดงความคิดเห็น เพิ่มเติม และใหนักเรียนชวยกันสรุปความหมาย ของ ห.ร.ม. และวิธีการหา ห.ร.ม. โดยการ พิจารณาจากตัวรวม 3. ครูใชคําถามนักเรียนแสดงความคิดเห็น • การหา ห.ร.ม. โดยพิจารณาตัวหารรวมและ ใชการแยกตัวประกอบ วิธีการทั้งสองมีความ เหมือนหรือแตกตางกันหรือไม อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย มีทั้งเหมือนกันและแตกตางกัน เหมือนกัน คือตองใชการหารลงตัว แตกตางกัน คือจํานวนที่เปนตัวหาร ไมจําเปนตองเปนจํานวนเฉพาะแตตองหาร ทุกจํานวนลงตัว สวนการแยกตัวประกอบ แตละจํานวนตองเขียนในรูปการคูณของ จํานวนเฉพาะ)
10
มุมความคิด การหา ห.ร.ม. ของจำานวนนับตั้งแต่สองจำานวนขึ้นไป เป็นการหาตัวหารร่วมมากของจำานวนนับเหล่านั้น
เนื่ อ งจากการหา ห.ร.ม. ของจ� า นวนนั บ ตั้ ง แต่ ส องจ� า นวนขึ้ น ไป เป็ น การหา ตัวหารร่วมมากของจ�านวนนับเหล่านัน้ เราจะใช้การหาตัวหารร่วมในการหา ห.ร.ม. ของจ�านวนนับ โดยวิธีต่างๆ ดังนี้ 4.1 การหา ห.ร.ม. โดยการพิจารณาตัวหารร่วม ตัวอย่3 างที่
จงหา ห.ร.ม. ของ 18 และ 24
วิธีทำ�
จ�านวนนับทุกจ�านวนที่หาร 18 ลงตัว คือ 1, 2, 3, 6, 9 และ 18 จ�านวนนับทุกจ�านวนที่หาร 24 ลงตัว คือ 1, 2, 3, 4, 6, 8, 12 และ 24 ตัวหารร่วมของ 18 และ 24 คือ 1, 2, 3 และ 6 ตัวหารร่วมมากของ 18 และ 24 คือ 6 ตอบ ดังนั้น ห.ร.ม. ของ 18 และ 24 คือ 6
4.2 การหา ห.ร.ม. โดยการแยกตั 4.2 การหา ห.ร.ม. โดยการแยกตัวประกอบ
ตัวอย่4างที่
จงหา ห.ร.ม. ของ 18 และ 24 จงหา ห.ร.ม. ของ 18 และ 24
วิธีทำ�
18 = 2 × 3 × 3 24 = 2 × 2 × 2 2 × 3 3
จากการแยกตัวประกอบของ ประกอบของ 18 18 และ 24 จะได้ตัวหารร่วมมากของ 18 และ 24 คือ 2 2 × 33 18 และ 24 คื ตอบ ดังนั้น ห.ร.ม. ของ 18 และ 24 คื ห.ร.ม. อ 6 ตัวอย่5างที่
จงหา ห.ร.ม. ของ 56, 84 และ 140
วิธีทำ�
มุม IT ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการหา ห.ร.ม. โดยการแยกตัวประกอบและการหาร ไดที่ http://edltv.thai.net/index.php?mod=Courses&file=showcontent&cid=15 5&sid=108&lid=5&lid_parent=26 เว็บไซตโครงการจัดทําเนื้อหาระบบ e-Learning ของการศึกษาทางไกลผาน ดาวเทียม
10
คู่มือครู
56 = 2 × 2 × 2 × 7 84 = 2 × 2 × 3 × 7 140 = 2 × 2 × 5 × 7
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
จงหา ห.ร.ม. ของ 24, 36 และ 60 เทากับเทาไร 1. 2 2. 3 3. 4 4. 6 วิเคราะหคําตอบ หา ห.ร.ม. โดยการแยกตัวประกอบ 24 = 2 × 2 × 2 × 3 36 = 2 × 2 × 3 × 3 60 = 2 × 3 × 5 ห.ร.ม. คือ 2 × 3 = 6 ดังนั้น คําตอบคือ ขอ 4.
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู้ 11
จากการแยกตัวประกอบของ 56, 84 และ 140 จะได้ตัวหารร่วมมาก ของ 56, 84 และ 140 คือ 2 × 2 × 7 ตอบ ดังนั้น ห.ร.ม. ของ 56, 84 และ 140 คือ 28 ตัวอย่างที่
จงหา ห.ร.ม. ของ 8 และ 15
วิธีท ำ�
6
8 = 2 × 2 × 2 15 = 3 × 5 จากการแยกตัวประกอบ จะเห็นว่า ไม่มีจ�านวนเฉพาะที่เป็นตัวหารร่วม ของ 8 และ 15 แต่เนื่องจาก 1 เป็นตัวหารร่วมของจ�านวนนับทุกจ�านวน ดังนั้น ห.ร.ม. ของ 8 และ 15 คือ 1 ตอบ
ตัวอย่7างที่
จงหา ห.ร.ม. ของ 20, 21 และ 27
วิธีท ำ�
20 = 2 × 2 × 5 21 = 3 × 7 27 = 3 × 3 × 3 จากการแยกตัวประกอบ จะเห็นว่า ไม่มีจ�านวนเฉพาะที่เป็นตัวหารร่วมม ของ 20, 21 และ 27 แต่เนือ่ งจาก 1 เป็ เป็นตัวหารร่วมของจ�านวนนับทุกจ�านวน ดังนั้น ห.ร.ม. ของ 20, 21 และ 27 คืคือ 11 ตอบ
4.3 การหา ห.ร.ม. โดยวิ โดยวิธีหารสั1 ้น
การหา ห.ร.ม. โดยวิ การหา ห.ร.ม. โดยวิธหี ารสัน้ ของจ�านวนนับ ตัตัง้ แต่สองจ�านวนขึน้ ไป ไป มีมีวธิ กี ารดังนี้ ขั้นที่ 1 เขียนจ�านวนนับทุกจ�านวนที่ก�าหนดให้ในแถวที่หนึ่ง ขั้นที่ 2 น�าจ�านวนเฉพาะที่เป็นตัวประกอบร่วมของจ�านวนนับทุกจ�านวน นวน หาร หาร จ�านวนนับเหล่านั้น แล้วเขียนผลลัพธ์ ในแถวที่สอง อง ท�าเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ยๆ จนกระทั่งไม่สามารถหาจ�านวนเฉพาะใดๆ นวนเฉพาะใดๆ มาหารผลหารทุกจ�านวนนั้น ได้ลงตัวอีกแล้ว จะได้ว่า ห.ร.ม. ของจ�านวนนับที่ก�าหนดให้ คือ ผลคูณของจ�านวนเฉพาะที่เป็น ตัวหารทุกตัว กรณีที่ไม่สามารถหาจ�านวนเฉพาะมาหารได้ลงตัว แต่ 1 เป็นตัวหารร่วมของ มของ จ�านวนนับทุกจ�านวน ดังนั้น 1 จึงเป็นตัวหารร่วมมากของจ�านวนนับที่ก�าหนดให้
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
ให A เปน ห.ร.ม. ของ 63, 84 และ 105 แลว B เปน ห.ร.ม. ของ 24, 36 และ 72 แลว (A ÷ B) × 4 เทากับเทาไร 1. 5 2. 7 3. 9 4. 36
Explain
1. ครูสุมนักเรียน 2 กลุม ออกมานําเสนอขั้นตอน การหา ห.ร.ม. โดยพิจารณาตัวหาร หนาชั้นเรียน จากนั้นใหนักเรียนกลุมอื่นๆ รวมกันแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม 2. ครูใชคําถามใหนักเรียนแสดงความคิดเห็น • การหา ห.ร.ม. โดยวิธีการหารสั้นมีความ เหมือนหรือแตกตางจากการหา ห.ร.ม. โดยการแยกตัวประกอบหรือไม อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย มีทั้งเหมือนกันและแตกตางกัน เหมือนกัน คือตองใชการหารลงตัว และ จํานวนที่เปนตัวหารตองเปนจํานวนเฉพาะ แตกตางกัน คือการหารสัน้ ตองนําจํานวน ทุกจํานวนเปนตัวตั้งและนําจํานวนเฉพาะ ที่เปนตัวประกอบรวมของทุกจํานวนเปน ตัวหาร ซึ่งตองหารไปจนกวาจะไมมี ตัวประกอบรวมของจํานวนทุกจํานวน) • การหา ห.ร.ม. โดยการแยกตัวประกอบ กับการใชวิธีหารสั้น นักเรียนคิดวา วิธีใด เหมาะสมกวากัน เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย โดยใชพื้นฐานความรูที่ไดศึกษาคนหา รวมกัน)
นักเรียนควรรู 1 การหา ห.ร.ม. โดยวิธีหารสั้น เปนวิธีการที่เหมาะสมและสะดวกเมื่อจํานวน ที่ตองการหา ห.ร.ม. เปนจํานวนที่มีคามากและมีหลายจํานวน แตถาเลือกใช แผนภาพตนไมอาจจะไมสะดวก เพราะยุงยากในการเขียนและสิ้นเปลืองเวลา
วิเคราะหคําตอบ หา ห.ร.ม. โดยการแยกตัวประกอบ A = ห.ร.ม. ของ 63, 84 และ 105 คือ 21 B = ห.ร.ม. ของ 24, 36 และ 72 คือ 12 (A ÷ B) × 4 = (21 ÷ 12) × 4 = 74 × 4 = 7 ดังนั้น คําตอบคือ ขอ 2. คู่มือครู
11
กระตุน้ ความสนใจ กระตุEngage ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
กระตุน้ ความสนใจ
อธิ บายความรู ้ 11:02 AM ขยายความเข้าใจ February 1, 2010 Explain
Expand
12
พิจารณาการหา ห.ร.ม. โดยวิธีการหารสั้นในตัวอย่างต่อไปนี้
ตัวอย่8างที่
จงหา ห.ร.ม. ของ 18 และ 24 โดยวิธีหารสั้น
วิธีทำ�
ตัวอย่9างที่
จงหา ห.ร.ม. ของ 18, 36 และ 54 โดยวิธีหารสั้น
วิธีทำ�
อย่างที่ ตัว10
จงหา ห.ร.ม. ของ 28, 30 และ 45 จงหา ห.ร.ม. ของ 28, 30 และ 45
วิธีทำ�
4.4 การหา ห.ร.ม. โดยใช้ 4.4 การหา ห.ร.ม. โดยใช้ขั้นตอนวิธีการหาร
2 18 24 3 9 12 3 4
3, 4 ไม่มีตัวประกอบร่วม ที่เป็นจ�ำนวนเฉพำะอีก
2 × 3 = 6 ดังนั้น ตัวหารร่วมมาก คือ 2 × 3 = 6 นั่นคือ ห.ร.ม. ของ 18 และ 24 คือ 6
2 3 3
18 9 3 1
36 18 6 2
ตอบ
54 27 9 3
1, 2, 3 ไม่มีตัวประกอบร่วม ที่เป็นจ�ำนวนเฉพำะอีก
2 × 3 2 3 × 3 = 18 3 ดังนั้น ตัตัวหารร่วมมาก มมาก คือ 2 × 3 × 3 = 18 นั่นคือ ห.ร.ม. ของ 18, 36 และ 54 คื ห.ร.ม. ของ อ 18
ตอบ
พิจารณาจ�านวนนับ 28, 30 และ 45 พบว่ 28, 30 และ 45 าไม่มีจ�านวนเฉพาะใดหารได้ลงตัว ดังนั้น ห.ร.ม. ของ 28, 30 และ 45 คื ห.ร.ม. ของ 28, 30 และ อ 1 ตอบ 1
ขั้นตอนของการหา ห.ร.ม. โดยขั ตอนของการหา ้นตอนวิธีการหาร มีวิธีการดังนี้ ถ้าต้องการหา งการหา ห.ร.ม. ของ 150 และ 675 ห.ร.ม. ของ 150 และ 675 ขั้นที่ 1 เขี 1 เขียนจ�านวนนับสองจ�านวนในรู านวนในรูปแบบต่อไปนี้
นักเรียนควรรู 1 ขั้นตอนวิธีการหาร หรือเรียกอีกอยางหนึ่งวา “ขั้นตอนวิธีแบบยูคลิด” เปน ผลงานของยุคลิดแหงอะเล็กซานเดรีย (Euclid Alexandria) เปนนักคณิตศาสตร ชาวกรีก อยูในชวงประมาณ 450-380 ปกอนคริสตศักราช
คู่มือครู
Evaluate
Engage
1. ครูกําหนดจํานวนนับที่มี 3 หลัก สองจํานวน เชน 253 และ 351 แลวใหนักเรียนรวมกันแสดง ความคิดเห็นวา • วิธีใดจะเหมาะสมที่สุดที่จะนํามาใชหา ห.ร.ม. ของทั้งสองจํานวนนี้ เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย ตามพื้นฐานความรูและความเขาใจของ นักเรียน) 2. ครูสนทนาและซักถามนักเรียนโดยเชื่อมโยง จากจํานวน 253 และ 351 วา • จํานวน 253 และ 351 เปนจํานวนทีเ่ ปนผลคูณ ของจํานวนเฉพาะที่มีสองหลัก จึงไมสะดวก ที่จะหา ห.ร.ม. โดยการแยกตัวประกอบ หรือ โดยวิธีหารสั้นใชหรือไม (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ แตควรตอบวาใชเปนสวนใหญ) • นักเรียนอยากทราบไหมวา วิธกี ารการหา ห.ร.ม. ที่สะดวกและเหมาะสมสําหรับจํานวนที่มีคา มากนัน้ มีขนั้ ตอนอยางไร แตกตางจากวิธกี าร ดังกลาวขางตนอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดหลากหลายตามพื้นฐานความรูและความ เขาใจ)
12
ตรวจสอบผล
150 675
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
จํานวนที่มากที่สุดที่หาร 511 และ 1868 แลวเหลือเศษ 5 เทากัน
แนวตอบ นําเศษ 5 ลบออกจากทั้งสองจํานวน 511 - 5 = 506 1868 - 5 = 1863 1 506 1863 3 345 1518 7 161 345 2 161 322 23 ห.ร.ม. ของ 506 และ 1863 คือ 23 ดังนั้น จํานวนที่มากที่สุดที่หาร 511 และ 1868 เหลือเศษ 5 เทากัน คือ 23
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
ส�ารวจค้ Exploreนหา
Engage
13
ขั้นที่ 2 น�าจ�านวนที่มีค่าน้อย (150) ไปหารจ�านวนที่มีค่ามาก (675) และเขียน ผลหารและเศษในรูปแบบต่อไปนี้
ขั้นที่ 3 น�าเศษที่ได้จากขั้นที่ 2 (75) ไปหารตัวหารในขั้นที่ 2 (150) และเขียน ผลหารและเศษในรูปแบบต่อไปนี้
ผลหาร เศษ
ขั้นที่ 4 จากขั้นที่ 3 พบว่าเศษเหลือจากการหารเป็น 0 แสดงว่า 75 หาร 150 ลงตัว และ 75 หาร 675 ลงตัว จะได้ว่า ห.ร.ม. ของจ�านวนนับทั้งสอง คือ จ�านวนนับตัวสุดท้ายที่น�าไป หาร 150 ได้ลงตัว (ในที่นี้คือ 75) 75 ดังนั้น ห.ร.ม. ของ 150 และ 675 คือ 75
150 675 4 600 75
ผลหาร เศษ
2 150 675 4 150 600 0 75
675 = 75 × 9 แสดงว่า 75 หาร 675 ลงตัว
อย่างที่ ตัว11
โดยใช้ขั้นตอนวิธีการหาร จงหา ห.ร.ม. ของ 70, 105 และ 150 โดยใช้
มาหา ห.ร.ม. ก่อน ดั น ดังนี้ วิธีท ำ� น�า 70 กับ 105 มาหา ห.ร.ม. ก่
2
จะได้ว่า ห.ร.ม. ของ 70 กับ 105 คือ 35 น�า 35 และ 150 มาหา ห.ร.ม. ต่อ ดังนี้
70 105 70 70 0 35
1
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนหาจํานวนนับที่มากที่สุดที่หาร 1276, 1657 และ 1784 แลว เหลือเศษเทากัน เศษนั้นเทากับเทาไร
ส�ารวจค้นหา
Explore
ใหนักเรียนแตละกลุมศึกษาเนื้อหาใน หนังสือเรียน หนา 12-14
อธิบายความรู้
Explain
1. ครูสุมตัวแทนนักเรียน 2 กลุม ออกมานําเสนอ ขั้นตอนการหา ห.ร.ม. โดยใชขั้นตอนวิธีการ หาร หนาชั้นเรียน จากนั้นใหนักเรียนอื่นๆ รวมกันแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม 2. ครูใชคําถามใหนักเรียนคิดวิเคราะห • การหา ห.ร.ม. โดยใชวิธีการหารสั้นมี ความเหมือนหรือแตกตางจากการหา ห.ร.ม. โดยใชขั้นตอนวิธีการหารหรือไม อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย มีทั้งเหมือนกันและแตกตางกัน เหมือนกัน คือตองใชการหาร แตกตางกัน คือใชการหารสั้นจะนําทุก จํานวนมาเปนตัวตั้ง และตองหาตัวประกอบ รวมของทุกจํานวน แตใชขั้นตอนวิธีการหาร แตละครั้งจะใชจํานวนเพียงสองจํานวน โดย นําจํานวนที่นอยกวาเปนตัวหารและจํานวน ที่มากกวาเปนตัวตั้ง ผลลบจะใชเปนตัวหาร ตอไปจนกวาจะหารลงตัว) • การหา ห.ร.ม. โดยวิธีการหารสั้นกับการใช ขั้นตอนวิธีการหาร นักเรียนคิดวาวิธีใด เหมาะสมกวากัน เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย โดยใชพื้นฐานความรูที่ไดศึกษาคนหา รวมกัน)
เกร็ดแนะครู ครูแนะนํา “การหา ห.ร.ม. โดยใชขั้นตอนวิธีการหาร” พรอมอธิบายความ แตกตางระหวาง “ขั้นตอนวิธีการหาร” กับ “การหารสั้นและการหารยาว” ดังนี้ การหารสั้นและการหารยาวจะมีการหาผลหารในหลักตางๆ จากหลักที่มาก ที่สุดไปจนถึงหลักหนวย ซึ่งผลหารในแตละหลักจะมาจากตัวหารตัวเดียวกัน ขั้นตอนวิธีการหารมีรูปแบบการเขียนจํานวนนับทั้งสองเฉพาะซึ่งการหาร แตละครั้งตัวหารจะไมใชจํานวนเดิม และใชจํานวนนับสองจํานวนที่ตองการมาหา ห.ร.ม. หารกัน โดยใชจํานวนนอยเปนตัวหารและจํานวนมากเปนตัวตั้ง ทําเชนเดียว กับการหารยาว หาผลลบและใชผลลบเปนตัวหาร และใชตัวหารครั้งแรกเปนตัวตั้ง ดําเนินการอยางนี้ไปเรื่อยๆ จนกวาจะหารลงตัว
คู่มือครู
13
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้
อธิบายความรู้
อธิ บExplain ายความรู ้ 11:02 AM ขยายความเข้าใจ February 1, 2010 Explain
Expand
14
3
35 150 30 140 5 10 10 0
4 2
จะได้ว่า ห.ร.ม. ของ 35 กับ 150 คือ 5 ตอบ ดังนั้น ห.ร.ม. ของ 70, 105 และ 150 คือ 5 การหา ห.ร.ม. ของ 70, 105 และ 150 ที่แสดงวิธีท�าไปแล้วนี้ นักเรียนจะเห็นว่า เราหา ห.ร.ม. ของ 70 และ 105 ก่อน จะได้ว่า ห.ร.ม. คือ 35 แล้วจึงน�าจ�านวนที่เหลือคือ 150 และ 35 ไปหา ห.ร.ม. อีกครั้งหนึ่ง นักเรียนสามารถจะหา ห.ร.ม. ของจ�านวนสองจ�านวนใดๆ ก่อนก็ได้จาก 70, 105 และ 150 แล้วจึงน�าจ�านวนที่เหลือกับ ห.ร.ม. ที่หามาได้ไปหา ห.ร.ม. อีกครั้งหนึ่ง ก็จะได้ ห.ร.ม. ของ 70, 105 และ 150 ดังนี้ น�า 105 กับ 150 มาหา ห.ร.ม. ก่อน ดังนี้
ห.ร.ม. ของ 105 กับ 150 คื 150 อ 15 จะได้ว่า ห.ร.ม. ของ 105 กั ไป น�าา 15 15 กักับ 70 มาหา ห.ร.ม. อี 15 70 มาหา ห.ร.ม. กครั้งหนึ่ง ขั้นต่อไป น�
มุม IT ศึกษาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการหา ห.ร.ม. โดยใชขั้นตอนวิธีการหาร (ยูคลิด) ไดที่ www.youtube.com/watch?v=eYoWSsT6SC
คู่มือครู
Evaluate
Explain
ครูใชคําถามใหนักเรียนแสดงความคิดเห็น • นักเรียนคิดวา ถาใชจํานวนนับสองจํานวนอื่น เชน 70 กับ 150 มาหา ห.ร.ม. กอน แลวนํา ห.ร.ม. ที่ไดไปหา ห.ร.ม. กับ 105 แบบใดจะ สะดวกและรวดเร็วกวากันหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดหลากหลายตามพื้นฐานความรูและความ เขาใจ นักเรียนควรจะตอบวาสะดวกและ รวดเร็วกวา เพราะวาทัง้ สองจํานวนเปนพหุคณ ู ของ 10) • นักเรียนคิดวา การหา ห.ร.ม. โดยขั้นตอนวิธี การหาร เมื่อมีจํานวนนับ 3 จํานวน นักเรียน ควรจะเลือกสองจํานวนใดมาหา ห.ร.ม. กอน เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดหลากหลายตามพื้นฐานความรูและความ เขาใจ เชน นําจํานวน 2 จํานวนที่มีคามาก มาหา ห.ร.ม. โดยการตั้งหารกอน นําจํานวน ที่มีคานอยมาหา ห.ร.ม. โดยการตั้งหารกอน เปนตน)
14
ตรวจสอบผล
2
1
105 150 90 105 15 45 45 0
15 10 5
70 60 10 10 0
1 3
4 2
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนหา ห.ร.ม. ของ 667, 928 และ 1073 โดยปฏิบัติตาม ขั้นตอนตอไปนี้ 1. หา ห.ร.ม. โดยใชขั้นตอนวิธีหาร 2. หาผลลบของ 928 - 667 และ 1073 - 928 3. นําผลลบของขอ 2. มาหา ห.ร.ม. 4. เปรียบเทียบ ห.ร.ม. ที่ไดจากขอ 1. กับขอ 3.
กระตุ้นความสนใจ Engage
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
ส�ารวจค้ Exploreนหา
15
จะได้ว่า ห.ร.ม. ของ 15 กับ 70 คือ 5 ดังนั้น ห.ร.ม. ของ 70, 105 และ 150 คือ 5
ตอบ
การนําความรู้เกี่ยวกับ ห.ร.ม. ไปใช้
1 ความรูเ้ กีย่ วกับ ห.ร.ม. สามารถน�าไปประยุกต์ใช้กบั โจทย์ปญ หาทีเ่ กีย่ วข้องกับการหาร ซึ่งต้องการทราบจ�านวนที่มากที่สุด ดังตัวอย่างต่อไปนี้ อย่างที่ ตัว12
ลุงสมานมีเชือกอยู่ 3 เส้น ยาว 84, 108 และ 156 เมตร ตามล�าดับ ต้องการตัดเชือก แต่ละเส้นเป็นเส้นสั้นๆ ให้เชือกแต่ละเส้นที่ตัดนั้นยาวเท่าๆ กัน และยาวมากที่สุด เท่าที่จะยาวได้ จะได้เชือกยาวเส้นละกี่เมตร และได้เชือกกี่เส้น
วิธีท ำ� ความยาวของเชือกเส้นสั้นๆ ที่ยาวเท่ากันและยาวมากที่สุด หาได้จากการหา จ�านวนนับที่มากที่สุด ที่น�าไปหาร 84, 108 และ 156 ลงตัว ซึ่งต้องหา ห.ร.ม. ของ 84, 108 และ 156 2 84 108 156 2 42 54 78 3 21 27 39 2 7 9 13 ห.ร.ม.ของ 84, 108 และ 156 คือ 2 × 2 × 3 = 12 จะได้เชือกที่ตัดแล้วยาวที่สุดเส้นละ 12 เมตร เชือกเส้นแรกยาว 84 เมตร ตัดออกเป็นเส้นสั้นๆ เส้นละ 12 เมตรได้ 84 = 7 เส้น 12 108 เชือกเส้นที่สองยาว 108 เมตร ตัดออกเป็นเส้นสั้นๆ เส้นละ 12 เมตรได้ 12 = 9 เส้น เชือกเส้นที่สามยาว 156 เมตร ตัดออกเป็นเส้นสั้นๆ เส้นละ 12 เมตรได้ 156 = 13 เส้น 12 จะได้เชือกทั้งหมด 7 + 9 + 13 = 29 เส้น ตอบ ดังนั้น เชือกยาวเส้นละ 12 เมตร และได้ เมตร และได้เชือก 29 เส้ ก เส้น
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
ลูกเสือ 3 กอง กองละ 84, 98, 126 คน ตามลําดับ แบงเปนหมูละเทาๆ กัน จะไดลูกเสือมากที่สุดหมูละกี่คน 1. 6 2. 7 3. 12 4. 14 วิเคราะหคําตอบ ลูกเสือ 3 กอง กองละ 84, 98 และ 126 คน แบงเปน หมูละเทาๆ กัน ใหไดลูกเสือมากที่สุด นําไปหา ห.ร.ม. 2 84 98 126 7 42 49 63 6 7 9 ห.ร.ม. คือ 2 × 7 = 14 จะไดลูกเสือมากที่สุดหมูละ 14 คน ดังนั้น คําตอบคือ ขอ 4.
ส�ารวจค้นหา
Explore
ใหนกั เรียนกลุม เดิมศึกษาเนือ้ หาในหนังสือเรียน ตัวอยางที่ 12-15 หนา 15-17
อธิบายความรู้
Explain
1. ตัวอยางที่ 12 ครูสุมนักเรียน 1 กลุม สงตัวแทน ออกมาอธิบายขั้นตอนแกโจทยปญหา และให นักเรียนกลุมอื่นรวมกันแสดงความคิดเห็น 2. ใหนักเรียนตอบคําถามตอไปนี้ • ขอความใดในโจทยที่บงบอกวาตองแกโจทย ปญหาดวยการหา ห.ร.ม. (แนวตอบ ตองการตัดเชือกแตละเสนเปน เสนๆ ใหแตละเสนที่ตัดนั้นยาวเทาๆ กัน และยาวมากที่สุด) • นักเรียนคิดวา โจทยปญหาขอนี้สามารถใช วิธีการอื่นในการหา ห.ร.ม. ไดหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดหลากหลายตามพื้นฐานความรูและความ เขาใจ และใหอยูในดุลยพินิจของครูผูสอน)
นักเรียนควรรู 1 ประยุกต (applied) การนําความรูทางกระบวนการทางคณิตศาสตรไปใช ใหเกิดประโยชน เชน การหารนําไปใชในเรื่องการแบงสิ่งของ นําความรูหา ห.ร.ม. ไปแกโจทยปญหาในชีวิตประจําวัน เปนตน 2 7 9 13 จํานวนทั้งสามนี้เปนผลหารของจํานวนนับหารดวย ห.ร.ม. ของจํานวน 108 ทั้งสาม เชน 7 = 84 12 , 9 = 12 เปนตน
คู่มือครู
15
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้
อธิบายความรู้
อธิ บExplain ายความรู ้ 11:02 AM ขยายความเข้าใจ February 1, 2010 Explain
Expand
16 อย่างที่ ตัว13
สมหมายเลี้ยงหมู 38 ตัว ไก่ 86 ตัว และวัว 122 ตัว เขาต้องการแบ่ง หมู ไก่ และวัว เป็นกลุม่ กลุม่ ละเท่าๆ กัน ให้แต่ละกลุม่ มีจา� นวนสัตว์มากทีส่ ดุ และเป็นสัตว์ชนิดเดียวกัน โดยที่เมื่อแบ่งแล้วจะต้องเหลือสัตว์ส�ารองไว้ชนิดละ 2 ตัว เขาจะแบ่งสัตว์ได้ทั้งหมด กี่กลุ่ม กลุ่มละกี่ตัว
วิธีท ำ� เนื่องจากต้องการหาจ�านวนนับที่มากที่สุดที่หาร 38, 86 และ 122 แล้วจะ เหลือเศษ 2 เท่ากัน ซึ่งหมายถึงการหาจ�านวนนับที่มากที่สุดที่หาร 38 - 2, 86 - 2 และ 122 - 2 ลงตัว หรือจ�านวนนับที่มากที่สุดที่หาร 36, 84 และ 120 ลงตัว ซึ่งต้องหา ห.ร.ม. ของ 36, 84 และ 120 2 36 84 120 2 18 42 60 3 9 21 30 3 7 10 ห.ร.ม. ของ 36, 84 และ 120 คือ 2 × 2 × 3 = 12 แสดงว่า เขาจะต้ เขาจะต้องแบ่งสัตว์แต่ละชนิดเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 12 ตัว (36 ÷ 12) + (84 ÷ 12) + (120 ÷ 12) จ�าานวนกลุ นวนกลุ่มของสัตว์ที่แบ่งได้เท่ากับ (36 = 3 + 7 + 10 = 20 20 กลุ่ม หมด 20 กลุ่ม กลุ่มละ 12 ตัว ตอบ ดังนั้น สมหมายแบ่ สมหมายแบ่งสัตว์ได้ทั้งหมด หมด 1 กระดาษรูปสีเ่ หลีย่ มมุมฉากแผ่นหนึง่ กว้างง 1.4 เมตร และยาว 1.8 เมตร ถ้ 1.4 ายอดหญิง ต้องการตัดกระดาษแผ่นนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีพื้นที่มากที่สุด และไม่ให้เหลือเศษ จะตัดกระดาษยาวด้านละกีเ่ มตร มตร และได้กระดาษกีแ่ ผ่น 2 140 เซนติ วิธีท ำ� กระดาษ กว้าง 1.4 เมตร = 140 เซนติเมตร ยาว 1.8 เมตร = 180 180 เซนติเมตร ยอดหญิงต้องการตัดกระดาษเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีพื้นที่มากที่สุด และไม่ให้เหลือเศษ ซึ่งต้องหา ห.ร.ม. ของ 140 และ 180
อย่างที่ ตัว14
เกร็ดแนะครู ครูชี้แนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการเปลี่ยนหนวยวัดจากหนวยเล็กเปนหนวยใหญ จากหนวยใหญเปนหนวยเล็ก ควรใหนักเรียนยกตัวอยางและฝกการเปลี่ยนหนวย ถานักเรียนยังไมเขาใจครูควรใหนักเรียนที่มีความสามารถทางคณิตศาสตรชวย ทบทวนและฝกทักษะเพิ่ม
นักเรียนควรรู 1 รูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก (rectangle) เปนรูปเรขาคณิตสองมิติที่มีมุมสี่มุมเปน มุมฉาก และมีดานที่อยูตรงขามขนานกันสองคู แตละคูมีความยาวเทากัน 2 กวาง 1.4 เมตร = 140 เซนติเมตร สําหรับโจทยปญหาตัวอยางนี้ตองเปลี่ยน หนวยวัด เมตรเปนเซนติเมตร เพราะวาวิธีการหา ห.ร.ม. มีขอตกลงจากจํานวนนับที่ เทานั้น คู่มือครู
Evaluate
Explain
1. ครูสุมนักเรียนอีก 3 กลุม สงตัวแทนออกมา อธิบายขั้นตอนการแกโจทยปญหาตัวอยางที่ 13 ตัวอยางที่ 14 และตัวอยางที่ 15 ตามลําดับ 2. ครูตั้งคําถามใหนักเรียนแสดงความคิดเห็น • โจทยตัวอยางที่ 12 และตัวอยางที่ 13 มีลักษณะเหมือนกันหรือไม อยางไร (แนวตอบ ตัวอยางที่ 12 กับตัวอยางที่ 13 มีลกั ษณะเหมือนกัน คือมีจาํ นวนนับ 3 จํานวน และใชวิธีการหารสั้นเพื่อหา ห.ร.ม.) • โจทยตัวอยางที่ 13 และตัวอยางที่ 14 มีลักษณะใดที่เหมือนกัน และสิ่งใดที่แตกตาง กันบาง (แนวตอบ ตัวอยางที่ 13 และตัวอยางที่ 14 เหมือนกัน คือ ตองใชการหา ห.ร.ม. ในการ แกโจทยปญหา แตแตกตางกัน คือ ตัวอยางที่ 13 มีจํานวนนับ 3 จํานวน แตตัวอยางที่ 14 มีทศนิยม 2 จํานวน จึงตองใชการเปลี่ยน หนวยเพื่อใหเปนจํานวนนับ ตัวอยางที่ 13 หา ห.ร.ม. ดวยวิธีการหารสั้นแตตัวอยางที่ 14 ใชขั้นตอนวิธีการหาร) • โจทยตวั อยางที่ 13 ถึงตัวอยางที่ 15 มีลกั ษณะ ใดที่แตกตางกันหรือไม อยางไร (แนวตอบ มีลักษณะที่แตกตางกัน ไดแก ตัวอยางที่ 13 ใชวิธีการหารสั้น แตตัวอยาง ที่ 14 และตัวอยางที่ 15 ใชวธิ กี ารหาร ตัวอยาง ที่ 13 และตัวอยางที่ 14 เปนโจทยปญหา กําหนดสถานการณให แตตัวอยางที่ 15 โจทยกาํ หนดเศษสวนใหหา ห.ร.ม. เพือ่ ทําเปน เศษสวนอยางตํ่า)
16
ตรวจสอบผล
ขอสอบ
O-NET
ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับโจทยปญหาการหา ห.ร.ม. กระดาษหนึ่งแผน กวาง 18 เซนติเมตร ยาว 63 เซนติเมตร ถาตองการ ตัดกระดาษดังกลาวเปนรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีดานกวางและดานยาวเปน จํานวนนับที่มากที่สุดเทาที่จะทําได โดยที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสนี้จะตองมีขนาด เทากับทุกชิ้น และเมื่อตัดเสร็จแลวจะตองไมมีเศษกระดาษเหลืออยูเลย จงหาวาจะตัดกระดาษไดทั้งหมดกี่ชิ้น 1. 126 ชิ้น 2. 42 ชิ้น 3. 14 ชิ้น 4. 8 ชิ้น วิเคราะหคําตอบ ตองการตัดกระดาษกวาง 18 เซนติเมตร ยาว 63 เซนติเมตร เปนรูป จ ใหมีพื้นที่มากที่สุด และมีขนาดเทากันทุกชิ้น และ ไมใหเหลือเศษ หา ห.ร.ม.ของ 18 และ 63 คือ 9 ตองตัดกระดาษแผนนี้ยาวดานละ 9 เซนติเมตร ดานกวางตัดได 189 = 2 สวน ดานยาวตัดได 639 = 7 สวน ตัดกระดาษได 2 × 7 = 14 ชิ้น ดังนั้น คําตอบคือ ขอ 3.
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
Engage
Explore
Explain
3
140 180 120 140 20 40 40 0
17
จะได้ว่า ห.ร.ม. ของ 140 และ 180 คือ 20 ต้องตัดกระดาษแผ่นนีย้ าวด้านละ 20 เซนติเมตร หรือ 20 = 0.2 เมตร 100 140 กระดาษกว้าง 140 เซนติเมตร ตัดได้ 20 = 7 ส่วน กระดาษยาว 180 เซนติเมตร ตัดได้ 180 20 = 9 ส่วน ตัดกระดาษได้ 7 × 9 = 63 แผ่น ดังนั้น ยอดหญิงจะตัดกระดาษยาวด้านละ 0.2 เมตร และได้กระดาษทั้งหมด 63 แผ่น ตอบ
อย่างที่ ตัว15
จงท�า 120 135 ให้เป็นเศษส่วนอย่างต�่า
กระตุ้นความสนใจ
1 2
1 วิธีทำ� การท�า 120 น เศษส่ ว นอย่ า งต� า ่ สามารถท� าได้โดยการน�า ห.ร.ม. ให้ เ ป็ 135 ของ 120 และ 135 มาหารทั้งตัวเศษ และตัวส่วน หา ห.ร.ม. ของ 120 และ 135 ได้ดังนี้
8
ห.ร.ม. ของ 120 และ 135 คือ 15 ดังนั้น 120 = 120 ÷ 15 = 8 135 ÷ 15 9 135 แบบตรวจสอบความเข้าใจที่
1. 1.
120 135 120 120 0 15
1 2
อำจท�ำไดอีกวิธีหนึ่ง ดังนี้ 120 ÷ 55 120 = 120 135 ÷ 5 135 = 24 27 24 ÷ 33 = 24 27 ÷ 3 = 8 9
1.4
จงหา ห.ร.ม. ของจ�านวนต่อไปนี้ 1) 27 และ 36 3) 16, 24 และ 32 5) 108, 216 และ 621
2) 16, 72 และ 104 4) 12, 42 และ 72 6) 35, 245 และ 420
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
ที่ดินแปลงหนึ่งยาว 20 วา กวาง 18 วา ตองการลอมรั้วลวดหนาม โดย ปกเสาใหหางกันมากที่สุด และเสาแตละตนมีระยะหางเทาๆ กัน ตองปกเสา ใหหางกันกี่วา และใชเสากี่ตน แนวตอบ หา ห.ร.ม. ของ 20 และ 18 เทากับ 2 ตองปกเสาใหหางกัน 2 วา หาจํานวนเสา โดยนําความยาวรอบรูปของที่ดิน แลวหารดวย ห.ร.ม. 2 จะไดเทากับ 2(20 2+ 18) = 38 ตน ดังนั้น ปกเสาหางกัน 2 วา ใชเสา 38 ตน
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
ขยายความเข้ Expand าใจ
ตรวจสอบผล Evaluate
ขยายความเข้าใจ
Expand
1. ใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันแสดงความคิด ในประเด็นตอไปนี้ • ตัวอยางที่ 12 ถึงตัวอยางที่ 15 นักเรียน คิดวา มีขอความใดที่บงบอกวาเปนการหา คําตอบดวยการหา ห.ร.ม. (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความ คิดเห็นไดหลากหลายตามพื้นฐานความรู และความเขาใจ นักเรียนควรตอบขอความ วา “ยาวเทากันและยาวที่สุด” “จํานวนสัตว มากที่สุด” “มีพื้นที่มากที่สุด”) • ในชีวิตประจําวันของคนเราตองใชความรู เกี่ยวกับ ห.ร.ม. หรือไม ยกตัวอยางประกอบ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดหลากหลายตามพื้นฐานความรูและความ เขาใจที่แตละกลุมไดศึกษาและวิเคราะห รวมกัน คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครู ผูสอน โดยครูผูสอนควรชี้แนะขอความที่ บงบอกวาเปนการหา ห.ร.ม. เพิ่มเติม) 2. ใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นและหาแนวทางและวิธีการ แกโจทยปญหาในการทําแบบตรวจสอบ ความเขาใจที่ 1.4 3. ใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันตรวจสอบความ ถูกตองในแบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.4
ตรวจสอบผล
Evaluate
1. ใหนักเรียนประเมินผลระดับความเขาใจ ในเนื้อหานี้ดวยการเขียนบอกระดับเปนดีมาก ดี ปานกลางหรือตองเพิ่มความเขาใจอีก 2. ครูประเมินผลการเรียนรูจากการตรวจสอบ ความถูกตองการทําแบบตรวจสอบความเขาใจ ที่ 1.4 (ดูเฉลยแบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.4 ที่สวนเสริมดานหนาของหนังสือเลมนี้)
เกร็ดแนะครู ครูชี้แนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับขอความที่บงบอกวาตองแกโจทยปญหาดวยการหา ห.ร.ม. เชน “พรอมกัน” “มากที่สุด” เปนตน ครูควรใหนักเรียนยกตัวอยางขอความ อื่นๆ และรวมกันแสดงความคิดวาขอความใดบงบอกบางและอาจจะรวมกันสราง โจทยปญหาและแกปญหารวมกัน
นักเรียนควรรู 1 เศษสวนอยางตํ่า มีตัวเศษ (numerator) และตัวสวน (denominator) ที่มี 1 เปนตัวประกอบรวม เชน 35 , 11 15 เปนตน
คู่มือครู
17
กระตุน ความสนใจ กระตุEngage นความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
กระตุน ความสนใจ
อธิ บายความรู 11:02 AM ขยายความเขาใจ February 1, 2010 Explain 18
2.2. จงหาจ�านวนที่มากที่สุดที่หาร 218 และ 371 แล้วเหลือเศษ 2 เท่ากัน 3.3. กิ๊บมีลูกปดสีแดง 750 เม็ด เกมีลูกปดสีเขียว 625 เม็ด และกิ่งมีลูกปดสีเหลือง 450 เม็ด ต้องการแบ่งลูกปดออกเป็นกอง กองละเท่าๆ กัน ให้แต่ละกองมีจา� นวนลูกปดมากทีส่ ดุ และ ไม่เหลือเศษ แต่ละกองเป็นสีเดียวกัน จะแบ่งลูกปดได้กี่กอง กองละกี่เม็ด 4.4. แม่ค้ามีส้มโชกุน 120 ผล ส้มบางมด 150 ผล และส้มโอ 180 ผล ต้องการแบ่งส้มออก เป็นกอง กองละเท่าๆ กัน ให้แต่ละกองมีจา� นวนมากทีส่ ดุ และไม่เหลือเศษ แต่ละกองจะต้อง เป็นส้มชนิดเดียวกัน จะแบ่งส้มได้ทั้งหมดกี่กอง กองละกี่ผล 5.5. สมชัยต้องการติดตั้งพัดลมเพดานในหอประชุม ซึ่งกว้าง 16 เมตร ยาว 24 เมตร โดยให้ พัดลมแต่ละตัวมีระยะห่างเท่ากัน และตัวที่อยู่ใกล้ฝาผนัง มีระยะห่างจากฝาผนั 1 งที่ใกล้นั้น เท่ากับระยะห่างจากพัดลมตัวอื่นๆ จงหาว่า ต้อ2งใช้พัดลมอย่างน้อยกี่ตัว 6.6. ถ้าลุงชายต้องการล้อมรั้วที่ดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 135 เมตร ยาว 216 เมตร โดย ปกเสาต้นที่อยู่ติดกันตามแนวรั้วให้มีระยะห่างเท่ากัน ต้องใช้เสาอย่างน้อยที่สุดกี่ต้น 7.7. แปลงปลูกผักรูปสามเหลี่ยมแปลงหนึ่ง มีความยาวด้านเท่ากับ 3.5, 4.9 และ 5.6 เมตร ต้องการปกเสาเพือ่ ท�ารัว้ โดยปกเสาต้นทีอ่ ยูต่ ดิ กันตามแนวรัว้ ให้มรี ะยะห่างเท่ากัน และห่าง มากที่สุด จงหาว่า 1) เสาแต่ละต้นห่างกันกี่เมตร 3) ด้านที่ยาว 3.5 เมตร ใช้เสากี่ต้น 2) จะต้องใช้เสาทั้งหมดกี่ต้น 4) ด้านที่ยาว 5.6 เมตร ใช้เสากี่ต้น
5. ตัวคูณรวมนอย (ค.ร.น.) และการนําไปใช วิชัยมีแก้วอยู่จ�านวนหนึ่ง เขาต้องการน�าแก้วที่มีอยู่ทั้งหมดบรรจุลงในกล่อง ซึ่งมี สามขนาด โดยที่ขนาดเล็กจุ 4 ใบ ขนาดกลางจุ 6 ใบ ขนาดใหญ่จุ 8 ใบ ไม่ว่าจะเลือกใช้กล่อง ขนาดใดก็ตาม เพียงขนาดเดียวก็สามารถบรรจุแก้วที่มีอยู่ได้เต็มกล่อง จากข้อความข้างต้น นักเรียนทราบหรือไม่ว่าวิชัยมีแก้วอย่างน้อยที่สุดกี่ใบ 2 การใช้ความรู้เรื่อง ค.ร.น. จะช่วยให้นักเรียนหาจ�านวนแก้วนี้ได้ จากความรู้เรื่องตัวประกอบของจ�านวนนับ เราทราบว่า 3 เป็นตัวประกอบของ 9 และ 4 เป็นตัวประกอบของ 12 ในทางคณิตศาสตร์เรากล่าวว่า 9 เป็นพหุคูณของ 3 เพราะ 9 หารด้วย 3 ลงตัว 12 เป็นพหุคูณของ 4 เพราะ 12 หารด้วย 4 ลงตัว
นักเรียนควรรู 1 ใชพัดลมอยางนอยกี่ตัว ขอความนี้ใหสังเกตคําวา “อยางนอย” ไมไดแสดงวา ค.ร.น. ของจํานวนนับเหลานั้นเปนคําตอบ 2 รูปสี่เหลี่ยมผืนผา หรือเรียกวา รูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก (rectangle) เปนรูป เรขาคณิตสองมิติที่ดานตรงขามมีความยาวเทากันสองคู 3 ค.ร.น. หรือตัวคูณรวมนอย (least common multiple; lowest common multiple (L.C.M.) คือจํานวนนับที่นอยที่สุดซึ่งหารดวยจํานวนนับเหลานั้นลงตัว)
คูมือครู
Evaluate
Engage
ครูขออาสาสมัครนักเรียน 1 คน อานขอความ หนา 18 ที่วา “วิชัยมีแกวอยูจํานวนหนึ่ง...บรรจุแกว ที่มีอยูไดเต็มกลอง” ครูตั้งคําถามกระตุนใหนักเรียน แสดงความคิดเห็น • จํานวนแกวทีว่ ชิ ยั มีหารดวย 4, 6 และ 8 ลงตัว หรือไม (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น อยางเปนอิสระ และนักเรียนควรตอบวา หารลงตัว ถามีนักเรียนตอบไมลงตัว ครูชี้แนะเพิ่มเติม) • ขอความใดที่สามารถอางอิงและสนับสนุน คําตอบขางตนได (แนวตอบ ไมวาจะเลือกใชกลองขนาดใด ก็ตาม เพียงขนาดเดียวก็สามารถบรรจุแกว ที่มีอยูไดเต็มกลอง) • วิชัยมีแกวทั้งหมดกี่ใบ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดหลากหลายตามพื้นฐานความรูและ ความเขาใจ) • คําตอบจากขอขางตนที่วา วิชัยมีแกวทั้งหมด กี่ใบนั้น มีคําตอบเพียงคําตอบเดียวหรือ มีหลายคําตอบ เพราะเหตุใด (แนวตอบ มีคําตอบไดหลายคําตอบ เพราะวา มีจํานวนที่หารดวย 4, 6 และ 8 ลงตัว มีได หลายจํานวน เชน 24, 48, 72 เปนตน) • การแกโจทยปญหานี้เกี่ยวของกับการหาร ลงตัว หรือการแยกตัวประกอบหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดได ตามพื้นฐานความรู แตนักเรียนตองตอบวา เกีย่ วของ เพราะวามีจาํ นวนนับตัง้ แต 2 จํานวน ขึ้นไปที่เปนตัวหาร)
18
Expand
ตรวจสอบผล
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
มีสมุด 21 โหล ดินสอ 14 โหล ไมบรรทัด 7 โหล ตองการนําไปแจกให นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาแหงหนึ่ง โดยนักเรียนแตละคนตองไดรับ สิ่งของทั้ง 3 อยางเทาๆ กัน จะแจกใหนักเรียนมากที่สุดกี่คน และไดรับแจก อยางละเทาไร แนวตอบ เนื่องจากจํานวนนักเรียนที่ไดรับแจกตองมากที่สุด แสดงวา จํานวนสิ่งของแตละอยางที่แจกตองนอยที่สุด จึงตองหา ห.ร.ม. ของ 21, 14, 7 แตตองเปลี่ยนหนวยโหลเปนหนวยยอย คือ เลม แทง และอัน ตามลักษณนาม เพื่อให ห.ร.ม. ที่ไดสอดคลองกับโจทย และเปนไปไดตาม สถานการณ สมุด 21 โหล (252 เลม) ดินสอ 14 โหล (168 แทง) และไมบรรทัด 7 โหล (84 อัน) นํา 252 (เลม) 168 (แทง) และ 84 (อัน) หา ห.ร.ม. ได 84 ดังนั้น นักเรียนมีมากที่สุด 84 คน แตละคนไดรับแจกสมุด 3 เลม ดินสอ 2 แทง และไมบรรทัด 1 อัน
กระตุ้นความสนใจ Engage
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
ส�ารวจค้ Exploreนหา
19
จ�านวนนับที่หารด้วยจ�านวนนับที่ก�าหนดให้ลงตัว เรียกว่า พหุคูณของจ�านวนนับที่ ก�าหนดให้นั้น เช่น 1 ก�าหนดจ�านวนนับ คือ 3 จ�านวนนับที่เป็นพหุคูณของ ของ 3 ได้แก่ 3, 6, 9, 12, 15, 18, ... ก�าหนดจ�านวนนับ คือ 4 จ�านวนนับทีเ่ ป็นพหุคณ ู ของ 4 ได้แก่ 4, 8, 12, 16, 20, 24, ... ให้นักเรียนพิจารณาข้อความต่อไปนี้ จ�านวนนับที่เป็นพหุคูณของ 6 ได้แก่ 6, 12, 18, 24, 30, 36, 42, 48, 54, 60, 66, 72, ... จ�านวนนับที่เป็นพหุคูณของ 8 ได้แก่ 8, 16, 24, 32, 40, 48, 56, 64, 72, ... จากข้อความข้างต้นจะเห็นว่า มีจา� นวนนับทีเ่ ป็นพหุคณ ู ของ 6 และ 8 บางจ�านวนซ�า้ กัน ได้แก่ 24, 48, 72, ... เรียก 24, 48, 72, ... ว่าพหุคูณร่วมของ 6 และ 8 “...” เป็นสัญลักษณ์แสดงว่า เรียก 24 ว่าพหุคูณร่วมที่น้อยที่สุดของ 6 และ 8 มีจ�านวนอื่นๆ อีก ตามความสัมพันธ์ ของล�าดับ หรือเรียก 24 ว่าตัวคูณร่วมน้อย (ค.ร.น.) ของ 6 และ 8 ซึ่งกล่าวได้ว่า ค.ร.น. ของ 6 และ 8 คือ 24 ตัวอย่1า งที่ จงหาจ�านวนนับที่เป็นพหุคูณร่วมของ 3 และ 5
วิธีท ำ�
จ�านวนนับทีเ่ ป็นพหุคณ ู ของ 3 ได้แก่ 3,3, 6, 9, 12, 15, 18, 21, 24, 27, 30, 6, 9, 12, 15, 18, 21, 24, 27, 30, 33, 36, 39, 42, 45, ... จ�านวนนับที่เป็นพหุคูณของ ของ 5 ได้ 5 ได้แก่ 5,5, 10, 15, 20, 25, 30, 35, 40, 45, ... 10, 15, 20, 25, 30, 35, 40, 45, ... ดังนั้น จ�านวนนับที่เป็นพหุคูณร่วมของ มของ 3 และ 5 ได้ 15, 30, 45, ... 3 และ 5 ได้แก่ 15, 30, 45, ...
ตัวอย่2า งที่ จงหาตัวคูณร่วมน้อยของ 4 และ 6
วิธีท ำ�
จ�านวนนับที่เป็นพหุคูณของ 4 ได้แก่ 4, 8, 12, 16, 20, 24, 28, 32, 36, ... 12, 16, 20, 24, 28, 32, 36, จ�านวนนับที่เป็นพหุคูณของ 6 ได้แก่ 6, 12, 18, 24, 30, 36, ... จ�านวนนับที่เป็นพหุคูณร่วมของ มของ 4 และ 6 ได้ 12, 24, 36, ... 4 และ 6 ได้แก่ 12, 24, 36, ... ดังนั้น ตัวคูณร่วมน้อยของ 4 และ 6 เท่ากับ 12 ตอบ
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
จํานวนนับที่นอยที่สุดที่หารดวย 99, 132 และ 165 ลงตัว 1. 980 2. 1080 3. 1155 4. 1980 วิเคราะหคําตอบ
ตอบ
หา ค.ร.น. ของ 99, 132 และ 165 11 99 132 165 3 9 12 15 3 4 5 ค.ร.น. = 11 × 3 × 3 × 4 × 5 = 1980 ดังนั้น คําตอบคือ ขอ 4.
ส�ารวจค้นหา
Explore
ใหนักเรียนจับคูศึกษาตัวอยางที่ 1 ถึงตัวอยาง ที่ 3 หนา 19-23
อธิบายความรู้
Explain
1. ครูสุมนักเรียน 3 คู ใหแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับขั้นตอนการแกโจทยปญหาในตัวอยาง ที่ 1 ตัวอยางที่ 2 และตัวอยางที่ 3 และครูเปด โอกาสใหนักเรียนอื่นๆ รวมแสดงความคิดเห็น เพิ่มเติม 2. ใหนักเรียนตอบคําถามตอไปนี้ • พหุคูณรวมกับพหุคูณรวมนอยของจํานวน นับสองจํานวนใดๆ เหมือนกันหรือแตกตาง กันอยางไร (แนวตอบ พหุคูณรวมเปนจํานวนนับตั้งแต สองจํานวนขึ้นไป แตพหุคูณรวมนอยมีเพียง 1 จํานวน) • ตัวอยางที่ 1 และตัวอยางที่ 2 มีลักษณะ เหมือนหรือแตกตางกันอยางไร (แนวตอบ มีลักษณะเหมือนกัน คือ ตัวอยาง ที่ 1 และตัวอยางที่ 2 โจทยกําหนดจํานวน 2 จํานวน และมีลักษณะแตกตางกัน คือ ตัวอยางที่ 1 ใหหาพหุคูณรวมของจํานวน ที่กําหนด แตตัวอยางที่ 2 ใหหาตัวคูณ รวมนอยของจํานวนที่กําหนด) • ตัวอยางที่ 3 มีลักษณะแตกตางจากตัวอยาง ที่ 1 และตัวอยางที่ 2 หรือไม อยางไร (แนวตอบ แตกตางกัน คือ ตัวอยางที่ 3 กําหนดใหหาจํานวน 3 จํานวน แตตัวอยาง ที่ 1 และตัวอยางที่ 2 กําหนดใหหาจํานวน 2 จํานวน และตัวอยางที่ 1 และตัวอยางที่ 3 ใหหาพหุคูณรวมของจํานวน แตตัวอยางที่ 2 ใหหาตัวคูณรวมนอย)
เกร็ดแนะครู ครูควรทบทวนความรูเรื่องพหุคูณ โดยใหนักเรียนรวมกันยกตัวอยางและ ฝกทําโจทยปญหาเพื่อใหเกิดความเขาใจ ซึ่งจะไดนําไปใชในการหา ค.ร.น.
นักเรียนควรรู 1 พหุคูณ (multiple) ของจํานวนนับใดๆ คือ จํานวนนับที่มีจํานวนนั้น เปนตัวคูณรวม เชน 7, 14, 21, 28,… เปนพหุคูณของ 7
คู่มือครู
19
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้
อธิบายความรู้
อธิ บExplain ายความรู ้ 11:02 AM ขยายความเข้าใจ February 1, 2010 Explain
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Explain
1. ครูสุมนักเรียน 3 คู ใหแตละคูนําเสนอขั้นตอน การแกโจทยปญหาของตัวอยางที่ 4 ตัวอยาง ที่ 5 และตัวอยางที่ 6 2. ใหนักเรียนอื่นๆ รวมกันแสดงความคิดเห็นและ เสนอแนวทางการแกโจทยปญหาของแตละ ตัวอยาง 3. ใหนักเรียนตอบคําถามตอไปนี้ • ตัวอยางที่ 4 และตัวอยางที่ 5 มีลักษณะ เหมือนกันหรือแตกตางกันอยางไร (แนวตอบ มีลักษณะเหมือนกัน คือทั้งสอง ตัวอยางกําหนดจํานวนใหหา ค.ร.น. แต แตกตางกัน คือวิธีการหา ค.ร.น. ตัวอยาง ที่ 4 ใชการพิจารณาพหุคูณ และตัวอยางที่ 5 ใชวิธีการแยกตัวประกอบในการหา ค.ร.น.) • จํานวนในแตละตัวอยางมีความยุงยากในการ หาพหุคูณรวมหรือไม (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย ตามพื้นฐานความรูและประสบการณที่ได ศึกษามา มีทั้งความยุงยากและไมมีความ ยุงยาก)
20
ตัวอย่3า งที่ จงหาพหุคูณร่วมของ 3, 4 และ 6
วิธีทำ�
จ�านวนนับทีเ่ ป็นพหุคณ ู ของ 3 ได้แก่ 3, 6, 9, 12, 15, 18, 21, 24, 27, 30, 33, 36, ... จ�านวนนับที่เป็นพหุคูณของ 4 ได้แก่ 4, 8, 12, 16, 20, 24, 28, 32, 36, ... จ�านวนนับที่เป็นพหุคูณของ 6 ได้แก่ 6, 12, 18, 24, 30, 36, ... ดังนั้น จ�านวนนับที่เป็นพหุคูณร่วมของ 3, 4 และ 6 ได้แก่ 12, 24, 36, ... ตอบ มุมความคิด การหา ค.ร.น. ของจำานวนนับตั้งแต่สองจำานวนขึ้นไป เป็นการหาพหุคูณร่วมที่น้อยที่สุดของจำานวนนับเหล่านั้น
เนื่องจากการหา ค.ร.น. ของจ�านวนนับตั้งแต่สองจ�านวนขึ้นไป เป็นการหาพหุคูณร่วม ที่น้อยที่สุดของจ�านวนนับเหล่านั้น เราจะใช้การหาพหุคูณร่วมในการหา ค.ร.น. ของจ�านวนนับ โดยวิธีการต่างๆ ดังนี้ 5.1 การหา ค.ร.น. โดยการพิ 5.1 การหา ค.ร.น. โดยการพิจารณาพหุคูณ ตัวอย่4า งที่ จงหา จงหา ค.ร.น. ของ 6 และ 8 ค.ร.น. ของ 6 และ 8 วิธีทำ�
จ�านวนนับที่เป็นพหุคูณของ ของ 6 ได้ 6 ได้แก่ 6,6, 12, 18, 24, 30, 36, 42, 48, 54, 60, 66, 72, ... 12, 18, จ�านวนนับที่เป็นพหุคูณของ ของ 8 ได้ 8 ได้แก่ 8, 16, 24, 32, 40, 48, 56, 64, 72, ... 8, 16, 1 จ�านวนนับที่เป็นพหุคูณร่วมของ มของ 6 และ 8 ได้แก่ 24, 48, 72, ... ตอบ ดังนั้น ค.ร.น. ของ 6 และ 8 เท่ ค.ร.น. ของ 6 และ ากับ 24 การหา การหา ค.ร.น. โดยการพิ ค.ร.น. จารณาพหุคูณ มีขั้นตอนดังนี้ ขั้นที่ 11 หาจ�านวนนับที่เป็นพหุคูณของแต่ละจ�านวนที่โจทย์ก�าหนด ขั้นที่ 22 หาจ�านวนนับที่เป็นพหุคูณร่วมของจ�านวนนับที่โจทย์ก�าหนด ขั้นที่ 3 หาพหุคูณร่วมที่น้อยที่สุดของจ�านวนนับที่เป็นพหุคูณร่วมที่ได้ในขั้นที่ 2
นักเรียนควรรู 1 พหุคูณรวม หรือตัวคูณรวม (common multiple) เปนพหุคูณของจํานวนนับ ตั้งแต 2 จํานวนขึ้นไปซึ่งตองหารจํานวนนับเหลานั้นไดลงตัว
20
คู่มือครู
ขอสอบ
O-NET
ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับความรูพหุคูณ ให a เปนจํานวนที่มากที่สุด ที่หาร 170 และ 94 แลวเหลือเศษ 5 และ 4 ตามลําดับ แลว a + 5 ไมเปนพหุคูณของจํานวนใดตอไปนี้ 1. 2 2. 3 3. 4 4. 5 วิเคราะหคําตอบ 170 - 5 = 165 94 - 4 = 90 นํา 165 และ 90 ไปหา ห.ร.ม. 3 90 165 5 30 55 6 11 ห.ร.ม. คือ 15 a = 15 a + 5 = 20 ไมเปนพหุคูณของ 3 ดังนั้น คําตอบคือ ขอ 2.
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู้ 21
5.2 การหา ค.ร.น. โดยการแยกตัวประกอบ
ตัวอย่5า งที่ จงหา ค.ร.น. ของ 12 และ 30
วิธีท ำ� แยกตัวประกอบของ 12 และ 30 ได้ดังนี้
12 = 2 × 2 × 3 12 = 2 × 2 × 3 30 = 2 × 3 × 5 30 = 2 × 3 × 5 2 × 3 × 5 × 2 จากการแยกตัวประกอบของ 12 และ 30 จะเห็นว่าพหุคูณร่วมที่น้อยที่สุด ของ 12 และ 30 คือ 2 × 3 × 5 × 2 = 60 ดังนั้น ค.ร.น. ของ 12 และ 30 เท่1ากับ 60 ตอบ การหา ค.ร.น. โดยการแยกตัวประกอบของ การหา ค.ร.น. โดยการแยกตั ประกอบของ 12 และ 30 มีขั้นตอนดังนี้ ขั้นที่ 1 แยกตัวประกอบของ 12 และ 30 ขั้นที่ 2 เลือกจ�านวนเฉพาะที่เป็นตัวประกอบร่วมของทั้งสองจ�านวน จะได้ 2 และ 3 และเลือกจ�านวนเฉพาะที่เหลือ โดยการหาผลคูณของจ�านวนเฉพาะที่เลือก ขั้นที่ 3 หา ค.ร.น. ของ 12 และ 30 โดยการหาผลคู ได้ในขั้นที่ 2 2 × 3 จะได้ ค.ร.น. ของ 12 และ 30 คืคือ 2 3 × 2 2 × 5 = 60 5 = 60 นั่นคือ ค.ร.น. ของ 12 และ 30 คื ของ 12 และ 30 คือ 60 60 เราสามารถน�าวิธีการหา ค.ร.น. ค.ร.น. ของจ�านวนนับสองจ�านวนไปใช้ ค.ร.น. ของ านวนไปใช้หาา ค.ร.น. จ�านวนนับที่มากกว่าสองจ�านวนได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
Explain
ใหนักเรียนรวมกันตอบคําถามตอไปนี้ • ตัวอยางที่ 5 และตัวอยางที่ 6 มีลักษณะ แตกตางกันหรือไม อยางไร (แนวตอบ ทั้งสองตัวอยางมีลักษณะแตกตาง กัน คือ จํานวนนับที่ใหหา ค.ร.น. มีจํานวน ไมเทากัน ตัวอยางที่ 5 กําหนดใหหา 2 จํานวน และตัวอยางที่ 6 กําหนด 3 จํานวน) • การหา ค.ร.น. โดยการแยกตัวประกอบ ควรระมัดระวังในเรื่องใด เพราะเหตุใด (แนวตอบ จํานวนที่เขียนในรูปการคูณ ตองเปนจํานวนเฉพาะเทานั้น)
ตัวอย่6า งที่ จงหา ค.ร.น. ของ 12, 60 และ 45 45 12 = 2 × 2 × 3 60 = 2 × 2 × 3 × 5 45 = 3 × 3 × 5 วิธีท ำ� 12 = 2 × 2 × 3 2 × 2 2 × 3 3 × 5 × 3 60 = 2 × 2 × 3 × 5 45 = 3 × 3 3 × 5 5 นั่นคือ ค.ร.น. ของ 12, 60 และ 45 เท่ 12, และ 45 เท่ากับ 2 2 × 2 2 × 3 3 × 5 × 3 3 ตอบ = 180
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
จํานวนนับที่นอยที่สุด ซึ่งเมื่อนํา 6, 9, 12 และ 15 ไปหารแลวเหลือเศษ 4 เทากัน คือจํานวนใด 1. 94 2. 184 3. 364 4. 544
นักเรียนควรรู 1 การหา ค.ร.น. โดยการแยกตัวประกอบ เปนวิธีการหนึ่งที่นํามาใชในโจทย ปญหาที่กําหนดจํานวนไมเกิน 3 จํานวน เพื่อสะดวกในการหาคําตอบ
วิเคราะหคําตอบ
หา ค.ร.น. ของ 6, 9, 12 และ 15 3 6 9 12 15 2 2 3 4 5 1 3 2 5 ค.ร.น. = 3 × 2 × 3 × 2 × 5 = 180 จํานวนที่นอยที่สุดที่นํา 6, 9, 12 และ 15 ไปหารแลวเหลือเศษ 4 คือ 180 + 4 = 184 ดังนั้น คําตอบคือ ขอ 2. คู่มือครู
21
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้
✓ แบบวัดฯ ใบงาน แบบฝกฯ คณิตศาสตร ม.1 กิจกรรมที่ 1.3 หนวยที่ 1 สมบัติของจ�านวนนับ คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
ใหนักเรียนหา ค.ร.น ของจํานวนนับที่กําหนด (ค 1.4 ม.1/1)
20
1. 156 และ 195 156 = 2 × 2 × 3 × 13 ................................................................................................................................................................................................................................................... 195 = 3 × 5 × 13 ................................................................................................................................................................................................................................................... จะได ค.ร.น. เทากับ 3 × 13 × 2 × 2 × 5 = 780 ................................................................................................................................................................................................................................................... ดังนั้น ค.ร.น. ของ 156 กับ 195 เทากับ 780 ................................................................................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................................................................................
2. 312 กับ 702 312 = 2 × 2 × 2 × 3 × 13 ................................................................................................................................................................................................................................................... 702 = 2 × 3 × 3 × 3 × 13 ................................................................................................................................................................................................................................................... จะได ค.ร.น. เทากับ 2 × 3 × 13 × 2 × 2 × 3 × 3 = 2,808 ................................................................................................................................................................................................................................................... ดังนั้น ค.ร.น. ของ 312 กับ 702 เทากับ 2,808 ................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ
อธิ บExplain ายความรู ้ 11:03 AM ขยายความเข้าใจ February 1, 2010 Explain
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Explain
ครูสุมนักเรียน 2-3 คู ใหอธิบายขั้นตอนการหา ค.ร.น. หนาชั้นเรียน และใหนักเรียนรวมกันแสดง ความคิดเห็นวา • การหา ค.ร.น. โดยการตั้งหารมีความสะดวก และรวดเร็วกวาทั้งวิธีการพิจารณาพหุคูณ และแยกตัวประกอบหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลาย เชน การ ตัง้ หาร สามารถหาไดรวดเร็วเมือ่ กําหนดจํานวน ทีม่ คี า มากและมีหลายจํานวนจะหา ค.ร.น. ได ถูกตองและรวดเร็วกวา แตถากําหนดจํานวน ที่มีคานอยการพิจารณาพหุคูณและแยก ตัวประกอบจะสะดวกและรวดเร็วกวา เปนตน) จากนั้นใหนักเรียนใชความรูการหา ค.ร.น. ในการทําแบบวัดฯ คณิตศาสตร ม.1 หนวยที่ 1 กิจกรรมที่ 1.3
กิจกรรมที่ 1.3
อธิบายความรู้
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย 3. 108,252 และ 360
108 = 2 2 3 3 3 252 = 2 2 3 3 7 360 = 2 × 2 × 2 × 3 × 3 × 5 ................................................................................................................................................................................................................................................... จะได ค.ร.น. เทากับ 2 × 2 × 3 × 3 × 2 × 3 × 5 × 7 = 7,560 ................................................................................................................................................................................................................................................... ดังนั้น ค.ร.น. ของ 108, 252 และ 720 เทากับ 7,560 ................................................................................................................................................................................................................................................... × × × × ................................................................................................................................................................................................................................................... × × × × ...................................................................................................................................................................................................................................................
22
การหา ค.ร.น. โดยการแยกตัวประกอบ มีขั้นตอนดังนี้ ขั้นที่ 1 แยกตัวประกอบของจ�านวนนับทุกจ�านวนที่ต้องการหา ค.ร.น. ขั้นที่ 2 เลือกจ�านวนเฉพาะที่เป็นตัวประกอบร่วมจากขั้นที่ 1 ซึ่งเป็นตัวประกอบ ร่วมของทุกจ�านวน (ถ้ามี) หรืออาจเป็นตัวประกอบร่วมของจ�านวนอย่าง น้อยสองจ�านวนในแต่ละชุด และเลือกจ�านวนเฉพาะที่เหลือ ขั้นที่ 3 หา ค.ร.น. โดยการหาผลคูณของจ�านวนเฉพาะที่เลือกได้ในขั้นที่ 2
5.3 การหา ค.ร.น. โดยการตั้งหาร ขั้นตอนการหา ค.ร.น. โดยการตั้งหาร มีวิธีการดังนี้ ถ้าต้องการหา ค.ร.น. ของ 12, 30 และ 36 ขั้นที่ 1 เขียน 12, 30 และ 36 เรียงในแถวที่หนึ่ง ขั้นที่ 2 น�า 2 ซึ่งเป็นจ�านวนเฉพาะที่เป็นตัวประกอบร่วมของ 12, 30 และ 36 ไปหาร 12, 30 และ 36 ได้ดังนี้ 2 12 30 36 6 15 18 ขั้นที่ 3 น�า 3 ซึ่งเป็นจ�านวนเฉพาะที่เป็นตัวประกอบร่วมของ 6, 15 และ 18 6, 15 และ 18 ได้ดังนี้ ไปหาร 6, 15 และ 18 ได้ 2 12 30 36 3 6 15 18 2 5 6 2,2, 5, 6 5, 6
ขั้นที่ 44 น�า า 2 า 2 ซึซึ่งเป็นจ�านวนเฉพาะที่เป็นตัวประกอบร่วมของ มของ 2 และ 6 ไปหาร
2 3 2
12 30 36 6 15 18 2 5 6 1 5 3
5 หารด้วย 2 ไม่ลงตัว จึงเขียน 5 ซ�้าอีกครั้ง
4. 18, 28, 105 และ 108 18 = 2 × 3 × 3 ................................................................................................................................................................................................................................................... 28 = 2 × 2 × 7 ................................................................................................................................................................................................................................................... 105 = 3 × 5 × 7 ................................................................................................................................................................................................................................................... 108 = 2 × 2 × 3 × 3 × 3 ................................................................................................................................................................................................................................................... จะได ค.ร.น. เทากับ 2 × 2 × 3 × 3 × 7 × 5 × 3 = 3,780 ................................................................................................................................................................................................................................................... ดังนั้น ค.ร.น. ของ 18, 28, 105 และ 108 เทากับ 3,780 ................................................................................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................................................................................
4
เกร็ดแนะครู การเรียนการสอนการหา ค.ร.น. ครูชี้แนะใหนักเรียนพิจารณาวาโจทย “กําหนด จํานวนกี่จํานวน แตละจํานวนมีคามากหรือนอย” เพื่อจะไดเลือกการวิธีหา ค.ร.น. ไดเหมาะสม เชน มีจํานวนไมเกิน 3 จํานวน ควรเลือกใชการแยกตัวประกอบ ถามีมากกวา 3 จํานวนควรเลือกใชการตั้งหาร เปนตน
22
คู่มือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
จํานวนนับที่นอยที่สุดที่หารดวย 5 เหลือเศษ 4 หารดวย 6 เหลือเศษ 5 และหารดวย 8 เหลือเศษ 7 1. 240 2. 140 3. 120 4. 119 วิเคราะหคําตอบ เนื่องจากตัวหารและเศษในแตละชุดตางกันอยู 1 แสดงวา ถานํา 1 ไปบวกกับจํานวนนับ เมื่อหารดวย 5, 6 และ 8 จะหาร ลงตัว จึงตองหา ค.ร.น. ของ 5, 6 และ 8 แลวลบดวย 1 จะไดผลลบเปน จํานวนนับที่นอยที่สุด หา ค.ร.น. ของ 5, 6 และ 8 ได 2 5 6 8 5 3 4 ค.ร.น. คือ 2 × 5 × 3 × 4 = 120 จํานวนนั้นคือ 120 - 1 = 119 ดังนั้น คําตอบคือ ขอ 4.
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู้ 23
การหา ค.ร.น. โดยการตั้งหาร มีขั้นตอนดังนี้ ขั้นที่ 1 เขียนจ�านวนนับทุก1จ�านวนที่ก�าหนดให้ในบรรทัดที่หนึ่ง ขั้นที่ 2 หาตั หาตัวประกอบร่วมทีเ่ ป็นจ�านวนเฉพาะของจ�านวนนับ ดังนี้ 1) ถ้าจ�านวนนับทุกจ�านวนมีตวั ประกอบร่วม ให้นา� ตัวประกอบร่วมนัน้ หารจ�านวนนับ เหล่านัน้ เขียนผลหารลงในบรรทัดต่อไป 2) ถ้ามีจา� นวนเฉพาะซึง่ เป็นตัวประกอบร่วมของจ�านวนบางจ�านวนให้นา� ตัวประกอบ ร่วมนัน้ หารและเขียนผลหารของจ�านวนนับทีห่ ารลงตัวในบรรทัดต่อไป ส�าหรับ จ�านวนนับทีห่ ารไม่ลงตัวให้เขียนจ�านวนนับนัน้ ในบรรทัดเดียวกัน ขั้นที่ 3 ด�าเนินการเช่นเดียวกับขัน้ ที ่ 2 ข้อ 2) ไปเรือ่ ยๆ จนกว่าจะไม่สามารถหาตัวประกอบ ร่วมทีเ่ ป็นจ�านวนเฉพาะใดๆ ได้อกี จึงยุตกิ ารหาร ขั้นที่ 4 หา ค.ร.น. ของจ�านวนนับทีก่ า� หนดให้ โดยหาผลคูณของตัวประกอบร่วมทีเ่ ป็น จ�านวนเฉพาะทุกจ�านวน และจ�านวนนับในบรรทัดสุดท้าย
เนื่องจาก 1, 5 และ 3 ไม่มีตัวประกอบร่วมที่เป็นจ�านวนเฉพาะ จึงยุติการหาร นั่นคือ ค.ร.น. ของ 12, 30 และ 36 หาได้จาก 2 × 3 × 2 × 5 × 3 ซึ่งเท่ากับ 180
ตัวอย่7างที่ จงหา ค.ร.น. ของ 12, 30 และ 45
3 เป็นตัวประกอบร่วมที่เป็นจ�านวนเฉพาะ านวนเฉพาะ ของทุกจ�านวน
วิธีทำ�
2 เป็นตัวประกอบร่วมที่เป็นจ�านวนเฉพาะ ของ 4 และ 10
และ 45 คือ 3 3 × 2 ค.ร.น. ของ 12, 30 และ 45 คื 2 × 5 5 × 2 2 × 3 = 180 3 = 180
3 2 5
12 30 45 4 10 15 2 5 15 2 1 3
5 เป็นตัวประกอบร่วมที่เป็นจ�านวนเฉพาะ ของ 5 และ 15
ตอบ
ตัวอย่8างที่ จงหา ค.ร.น. ของ 35, 245 และ 420
5 เป็นตัวประกอบร่วมที่เป็นจ�านวนเฉพาะ านวนเฉพาะ ของทุกจ�านวน
วิธีทำ�
7 เป็นตัวประกอบร่วมที่เป็นจ�านวนเฉพาะ ของทุกจ�านวน
5 35 245 420 7 7 49 84 1 7 12
ค.ร.น. ของ 35, 245 และ 420 เท่ากับ 5 × 7 × 7 × 12 = 2,940 ตอบ
ขอสอบ
O-NET
ขอสอบป ’ 51 ออกเกี่ยวกับการหา ค.ร.น. จํานวนนับที่นอยที่สุดที่หารดวย 60, 54, 42 และ 30 แลวเหลือเศษ 9 ทุกจํานวน 1. 3771 2. 3780 3. 3789 4. 3798 วิเคราะหคําตอบ จํานวนนับทีน่ อ ยทีส่ ดุ ทีห่ ารแลวเหลือเศษเทากันแสดงวา จะตองใชความรูเกี่ยวกับ ค.ร.น. และตองนําเศษมาบวก ค.ร.น. ของตัวหาร หา ค.ร.น. โดยแยกตัวประกอบ 30 = 2 × 3 × 5 42 = 2 × 3 × 7 54 = 2 × 3 × 3 × 3 60 = 2 × 2 × 3 × 5 ค.ร.น. คือ 3780 ดังนั้น จํานวนนับที่นอยที่สุดที่หารดวย 60, 54, 42 และ 30 แลวเหลือ เศษ 9 ทุกจํานวน คือ 3780 + 9 = 3789 ดังนั้น คําตอบคือ ขอ 3.
Explain
1. ครูสุมนักเรียน 2 คู ใหอธิบายขั้นตอนการหา ค.ร.น. ของตัวอยางที่ 7 และตัวอยางที่ 8 2. ใหนักเรียนชวยกันตอบคําถามตอไปนี้ • นักเรียนบอกไดไหมวา การหา ค.ร.น. โดย วิธีการหารกับการหา ค.ร.น. โดยการตั้งหาร มีความเหมือนกันหรือแตกตางกันอยางไร (แนวตอบ เหมือนกัน คือเขียนจํานวนทั้งหมด เปนตัวตั้ง ใชการหารสั้น หาผลหารและใช จํานวนเฉพาะเปนตัวหาร แตกตางกัน คือจํานวนเฉพาะที่นํามาหาร เพื่อหา ค.ร.น. ไมจําเปนตองหารลงตัว ทุกจํานวน) • ตัวอยางที่ 7 และตัวอยางที่ 8 นักเรียนคิดวา มีลักษณะเหมือนกันหรือแตกตางกันอยางไร (แนวตอบ มีลักษณะเหมือนกัน คือ หา ค.ร.น. ของจํานวนที่กําหนดให 3 จํานวนและใช การตั้งหารหา ค.ร.น. มีลักษณะแตกตางกัน คือ ตัวอยางที่ 7 จํานวน 3 จํานวนที่กําหนด เปนจํานวนสองหลัก แตตัวอยางที่ 8 จํานวน ที่กําหนดมีทั้งจํานวนสองหลักและสามหลัก) • เพราะเหตุใดการหารแตละครั้งตองใช จํานวนเฉพาะที่เปนตัวประกอบรวม (แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลายตาม พื้นฐานความรู เชน เพื่อใหไดผลหาร ที่ทําใหไดจํานวนที่เปน ค.ร.น. ที่ถูกตอง) • ถาผลจากการตัง้ หารบางจํานวนมีตวั ประกอบ รวม แตไมทุกจํานวน ยังดําเนินการตั้งหาร ตอไปอีก ทั้งๆ ที่หารไมลงตัว นักเรียนบอก เหตุผลไดหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย แตครูควรอธิบายเพิ่มเติมวา เปนวิธีการซึ่ง ไมใชการหารแตนําการหารมาใชเพื่อหา ค.ร.น. จะไดจํานวนที่มีคานอยที่สุด ซึ่งตอง หารลงตัวดวยจํานวนนับเหลานั้น ดังนั้นผล หารในแตละครั้งจึงไมจําเปนตองหารลงตัว)
เกร็ดแนะครู ครูควรใหนกั เรียนไดทบทวนขัน้ ตอนการหารทัง้ หารสัน้ และหารยาว เพือ่ ตรวจสอบ ความเขาใจและทักษะของนักเรียน อาจจะจัดกิจกรรมยกตัวอยางโจทยและรวมกัน หาผลลัพธ ครูชวยชี้แนะตอบขอสงสัยระหวางการแกโจทยปญหา
นักเรียนควรรู 1 หาตัวประกอบรวม ถาจํานวนนับทุกจํานวนมี ห.ร.ม. ใหใช ห.ร.ม. นั้นเปน ตัวหารได เชน หา ค.ร.น. ของ 12, 30 และ 36 อาจเริ่มตนการหารได ดังนี้ 6 12 30 36 2 2 5 6 1 5 3 คู่มือครู
23
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
ขยายความเข้าใจ
ขยายความเข้าใจ
อธิ บายความรู ้ 11:03 AM ขยายความเข้ Expand าใจ February 1, 2010 Explain
Expand
24
การนำาความรูเกี่ยวกับ ค.ร.น. ไปใช
1 ความรู้เกี่ยวกับ ค.ร.น. สามารถน�าไปใช้แก้โจทยปญหาได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ตัวอย่างที่
9
จงหาจ�านวนนับที่น้อยที่สุดซึ่งหารด้วย 36, 54 และ 63 แล้วเหลือเศษ 5 เท่ากัน
วิธีท ำ� จ�านวนนับที่น้อยที่สุด ซึ่งหารด้วย 36, 54 และ 63 แล้วลงตัว คือ ค.ร.น. ของ 36, 54 และ 63 แต่ตอ้ งการหาจ�านวนนับทีน่ อ้ ยทีส่ ดุ ซึง่ หารด้วย 36, 54 และ 63 แล้วเหลือ เศษ 5 เท่ากัน แสดงว่าจ�านวนนับที่ต้องการ ต้องมากกว่า ค.ร.น. ของจ�านวนนับทั้งสามจ�านวน อีก 5 จึงหาได้จากการน�า ค.ร.น. ของทั้งสามจ�านวนบวกด้วย 5 หา ค.ร.น. ของ 36, 54 และ 63 ได้ดังนี้ 3 36 54 63 3 12 18 21 2 4 6 7 2 3 7 ค.ร.น.ของ 36, 54 และ 63 คือ 3 × 3 × 2 × 2 × 3 × 7 = 756 ดังนั้น จ�านวนนับที่น้อยที่สุดซึ่งหารด้วย 36, 54 และ 63 แล้วเหลือเศษ 5 เท่ากัน คือ 756 + 5 = 756 + 5 = 761 ตอบ ตัวอย่างที่ 10 ท่าเรือโดยสารแห่งหนึ่งก�าหนดเวลาปล่อยเรือออกจากท่าเรือ ดังนี้ เรือธรรมดาออกจากท่าเรือทุกๆ 15 นาที เรือด่วนออกจากท่าเรือทุกๆ 10 นาที ถ้านายท่าปล่อยเรือทั้งสองประเภทออกจากท่าเรือพร้อมกันครั้งแรกแล้ว เวลาผ่านไป อย่างน้อยที่สุด กี่นาที จึงจะปล่อยเรือทั้งสองประเภทออกจากท่าเรือพร้อมกันเป็นครั้ง ที่สอง วิธีท ำ� หาเวลาที่น้อยที่สุด โดยการหา ค.ร.น. ของ 10 และ 15 หา ค.ร.น. ของ 10 และ 15 ได้ดังนี้ 5 10 15 2 3
นักเรียนควรรู 1 ความรูเกี่ยวกับ ค.ร.น. มีขอสังเกตและพิจารณาสําหรับการหา ค.ร.น. ของ จํานวนนับใดๆ จะตองไมนอยกวาจํานวนนับที่มากที่สุดของจํานวนนับเหลานั้น เชน ค.ร.น. ของ 4, 8 และ12 คือ 24 เปนตน
คู่มือครู
Evaluate
Expand
1. ใหนักเรียนจัดกลุม กลุมละ 4 คน แตละกลุม รวมกันศึกษาและวิเคราะหตัวอยางที่ 9 และ ตัวอยางที่ 10 2. ใหนักเรียนแตละกลุมตอบคําถามตอไปนี้ • ความสัมพันธของการหารไมลงตัวสามารถ เปลี่ยนเปนการหารลงตัวไดหรือไม ถาเปลี่ยน ไดจะเปนอยางไร (แนวตอบ ได โดยใชความสัมพันธดังนี้ ตัวตั้ง = ผลหาร × ตัวหาร + เศษ หรือ ตัวตั้ง - ตั้วเศษ = ผลหาร × ตัวหาร) • ตัวอยางที่ 9 นักเรียนคิดวาการหารจํานวนนับ ดวยจํานวนนับและเหลือเศษจะหา ค.ร.น. ไดหรือไม เพราะเหตุใด (แนวตอบ ได เพราะวาตัวหาร 1 จํานวนและ เศษ 1 จํานวน จะมีตัวตั้งไดหลายจํานวน) • ตัวอยางที่ 10 มีขอความใดเกี่ยวของกับ ค.ร.น. บาง (แนวตอบ เวลาผานไปอยางนอยที่สุดกี่นาที และเรือทั้งสองออกจากทาเรือพรอมกัน) • การแกโจทยปญหาทั้งสองตัวอยางควรเลือก ใชวิธีใดจึงสะดวกที่สุด เพราะเหตุใด (แนวตอบ โดยการตั้งหาร และโดยการแยก ตัวประกอบ เพราะวามีจํานวน 2 จํานวน และคาไมมาก)
24
ตรวจสอบผล
ค.ร.น.ของ 10 และ 15 คือ 5 × 2 × 3 = 30 ดังนั้น นายท่าจะปล่อยเรือทั้งสองประเภทออกจากท่าเรือพร้อมกันเป็น ตอบ ครั้งที่สอง เมื่อเวลาผ่านไป 30 นาที
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
ค.ร.น. ของ 220 และ 385 เปนกี่เทาของ ห.ร.ม. ของจํานวนทั้งสอง 1. 7 2. 11 3. 28 4. 55 วิเคราะหคําตอบ นํา 220 และ 385 หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. 5 220 385 11 44 77 4 7 ห.ร.ม. คือ 5 × 11 = 55 ค.ร.น. คือ 5 × 11 × 4 × 7 = 1540 ดังนั้น ค.ร.น. ÷ ห.ร.ม. เทากับ 1540 55 = 28 ดังนั้น คําตอบคือ ขอ 3.
กระตุน้ ความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้ อธิบExplain ายความรู้
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุEngage ้นความสนใจ
ส�ารวจค้ Exploreนหา
กระตุน้ ความสนใจ 25
ครูสนทนาซักถามนักเรียน ดังนี้ • จํานวนนับสองจํานวนที่มี ห.ร.ม. มากกวา 1 นักเรียนคิดวา ค.ร.น. ของจํานวนนับ เทากับ เทาไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย ตามพื้นฐานความรู) • นักเรียนคิดวา ค.ร.น. ของจํานวนนับ สองจํานวนมีความสัมพันธกับ ห.ร.ม. และ จํานวนนับทั้งสองหรือไม (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย)
ความสัมพันธ์ระหว่าง ห.ร.ม. และ ค.ร.น. เมื่อก�าหนดจ�านวนนับสองจ�านวน เราหา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของจ�านวนนับทั้งสองได้ กำาหนดจำานวนนับสองจำานวน คือ 12 และ 15 หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของ 12 และ 15 ได้ดังนี้ 12 = 2 × 2 × 3 15 = 3 × 5 ห.ร.ม. ของ 12 และ 15 คือ 3 ค.ร.น. ของ 12 และ 15 คือ 2 × 2 × 3 × 5 = 60 หาผลคูณของ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของ 12 และ 15 ได้เท่ากับ 3 × 60 = 180 หาผลคูณของจ�านวนนับที่ก�าหนดให้ ได้เท่ากับ 12 × 15 = 180 จะได้ผลคูณของ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของ 12 และ 15 เท่ากับผลคูณของ 12 และ 15 เพราะต่างเท่ากับ 180 กำาหนดจำานวนนับสองจำานวน คือ 18 และ 36 หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของ 18 และ 36 ได้ดังนี้ 18 = 2 × 3 × 3 36 = 2 × 2 × 3 × 3 ห.ร.ม. ของ 18 และ 36 คือ 2 × 3 × 3 = 18 ค.ร.น. ของ 18 และ 36 คือ 2 × 3 × 3 × 2 = 36 หาผลคูณของ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของ 18 และ 36 ได้เท่ากับ 18 × 36 = 648 หาผลคูณของจ�านวนนับที่ก�าหนดให้ ได้เท่ากับ 18 × 36 = 648 จะได้ผลคูณของ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของ 18 และ 36 เท่ากับผลคูณของ 18 และ 36 เพราะต่างเท่ากับ 648 มุมความคิด ผลคูณของ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของจํานวนนับสองจํานวน เทากับผลคูณของจํานวนนับทั้งสอง
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนใชความรูความสัมพันธระหวาง ห.ร.ม. และ ค.ร.น. แกโจทยปญหาตอไปนี้ จํานวนนับสองจํานวนที่มีผลคูณเทากับ 535379 และ ค.ร.น. เทากับ 14467 ใหหา ห.ร.ม. และจํานวนนับทั้งสอง
Engage
ส�ารวจค้นหา
Explore
ใหนักเรียนจัดกลุม กลุมละ 5 คน คละความสามารถทางคณิตศาสตร ศึกษาเนื้อหา ในหัวขอ “ความสัมพันธระหวาง ห.ร.ม. และ ค.ร.น.” หนา 25 และหนา 26
อธิบายความรู้
Explain
1. ครูสุมนักเรียน 2-3 กลุมใหแตละกลุมแสดง ขั้นตอนการหา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. พรอมยก ตัวอยางประกอบ และใหนักเรียนกลุมอื่นๆ รวมกันยกตัวอยางเพิ่มเติม จากนั้นรวมกัน ตรวจคําตอบ 2. ครูตั้งคําถามใหนักเรียนตอบ • ถานักเรียนทราบวา ห.ร.ม. ของจํานวน 2 จํานวน เปน 3 ค.ร.น. ของ 2 จํานวนนี้ เปน 60 และจํานวนหนึ่งในสองจํานวน คือ 12 นักเรียนหาอีกจํานวนหนึ่งไดหรือไม (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอิสระ แตคําตอบควรตอบวาได) • ถานํา ค.ร.น. คูณดวย ห.ร.ม. จะไดคําตอบ เทากับผลคูณของจํานวนนับสองจํานวน หรือไม (แนวตอบ จะไดคําตอบเทากัน)
เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนยกตัวอยางแสดง “ผลคูณของ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของจํานวนนับ สองจํานวนเทากับผลคูณของจํานวนนับทั้งสอง” โดยใหนักเรียนรวมกันกําหนดโจทย อาจจะใหนักเรียนรวมกันหาคําตอบ ทําซํ้าๆ จนนักเรียนเกิดทักษะและความเขาใจ
คู่มือครู
25
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู
อธิ บExplain ายความรู 11:03 AM ขยายความเขาใจ February 1, 2010 Explain
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Explain
1. ครูขออาสาสมัครนักเรียน 2-3 กลุม ใหแสดง ขั้นตอนการแกโจทยปญหาของตัวอยางที่ 11 และตัวอยางที่ 12 2. ใหนักเรียนตอบคําถามตอไปนี้ • ตัวอยางที่ 11 และตัวอยางที่ 12 มีลักษณะ เหมือนกันหรือไม อยางไร (แนวตอบ มีลักษณะเหมือนกัน เปนโจทย ปญหาเกี่ยวกับความสัมพันธระหวาง ห.ร.ม. กับ ค.ร.น.) • ตัวอยางที่ 11 และตัวอยางที่ 12 มีลักษณะ แตกตางกันหรือไม อยางไร (แนวตอบ แตกตางกันตามขอกําหนดและ คําถาม คือ ตัวอยางที่ 11 โจทยกําหนด ผลคูณของจํานวนนับสองจํานวนและ ห.ร.ม. และใหหา ค.ร.น. สวนตัวอยางที่ 12 กําหนด ค.ร.น. และ ห.ร.ม. และจํานวนนับหนึง่ จํานวน ใหหาจํานวนนับอีกหนึ่งจํานวน)
26 อย่างที่ ตัว11 ถ้าผลคูณของจ�านวนนับสองจ�านวนเท่ากับ 1,350 และ ห.ร.ม. ของจ�านวนนับทั้งสอง เป็น 15 แล้ว จงหา ค.ร.น. ของจ�านวนนับทั้งสองจ�านวน
วิธีท ำ� ให้ ค.ร.น. ของจ�านวนนับทั้งสองเป็น a เนื่องจาก ผลคูณของ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของจ�านวนนับสองจ�านวนเท่ากับ ผลคูณของจ�านวนนับทั้งสอง จะได้ 15 × a = 1,350 15 15× a = 1,350 15 a = 90 ดังนั้น ค.ร.น. ของจ�านวนนับทั้งสองเป็น 90 ตอบ
อย่างที่ ตัว12 ถ้า ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของจ�านวนนับสองจ�านวนเท่ากับ 11 และ 616 ตามล�าดับ ถ้าจ�านวนหนึ่งเป็น 77 แล้วอีกจ�านวนหนึ่งมีค่าเท่าไร
วิธีท ำ� ห.ร.ม. ของจ�านวนนับทั้งสอง คือ 11 ค.ร.น. ของจ�านวนนับทั้งสอง คือ 616 จ�านวนหนึ่ง คือ 77 ให้อีกจ�านวนหนึ่ง คือ a เนื่องจากผลคูณของ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของจ�านวนนับสองจ�านวนเท่ากับ ผลคูณของจ�านวนนับทั้งสอง จะได้ 11 × 616 = 6,776
ดังนั้น จ�านวนนับอีกจ�านวนหนึ่งคือ 88
77 77 × a = 6,776 77 × a = 6,776 77 77 a = 88
เปิดโลกคณิตศาสตร์ พิจารณาผลคูณจากการคูณกันของจ�านวนทางด้านขวามือ นักเรียนสามารถบอกผลคูณของจ�านวนที่เหลือได้หรือไม่ ทีม่ า : Hougton Miffin. The Mathematics Experience.
เกร็ดแนะครู ครูควรใหนักเรียนไดฝกทักษะเพิ่มเติมจากการทําโจทยปญหาที่กําหนด ในเปดโลกคณิตศาสตร และมีแนวคําตอบดังนี้ 11 × 11 = 121 111 × 111 = 12,321 1,111 × 1,111 = 1,234,321 11,111 × 11,111 = 123,454,321 111,111 × 111,111 = 12,345,654,321 จากนั้นครูใหนักเรียนเสริมทักษะโดยเพิ่มตัวเลขมากขึ้น สังเกตผลลัพธที่ได ครูชี้แนะเพิ่มเติม
ขอสอบ
O-NET
คูมือครู
= = = = =
121 12,321 1,234,321 ? ?
ขอสอบป ’ 53 ออกเกี่ยวกับความสัมพันธระหวาง ห.ร.ม. กับ ค.ร.น. ถาให A เปนตัวหารรวมมากของ 36 และ 54 และ B เปนตัวคูณรวมนอยของ 36 และ 54 แลว B ÷ A จะมีคาเปนเทาไร 1. 1 2. 3 3. 4 4. 6 วิเคราะหคําตอบ หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของ 36 และ 54 ไดดังนี้ แบบที่ 1 36 = 2 × 2 × 3 × 3 54 = 2 × 3 × 3 × 3 ห.ร.ม. ของ 36 และ 54 คือ 2 × 3 × 3 = 18 = A ค.ร.น. ของ 36 และ 53 คือ 2 × 3 × 3 × 3 × 2 = 108 = B B ÷ A = 108 ÷ 18 = 6 แบบที่ 2 จาก ห.ร.ม. × ค.ร.น. = ผลคูณของจํานวนนับทั้งสอง A x B = 36 x 54 A × B = 36 × 54 จะได B ÷ A = 6 A × A 18 × 18 ดังนั้น คําตอบคือ ขอ 4.
26
11 × 11 111 × 111 1,111 × 1,111 11,111 × 11,111 111,111 × 111,111
ตอบ
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
Engage
Explore
Explain
1. จงหา ค.ร.น. ของจํานวนนับตอไปนี้ คณิตคิดสนุก 1) 12 และ 18 2) 5, 12, 18 และ 20 ใหเติมจํานวนนับตัง้ แต 1 ถึง 7 3) 75, 135 และ 225 4) 140, 220 และ 385 ลงในวงกลมโดยใหจํานวนในวงกลม 5) 78, 302 และ 522 6) 81, 135 และ 243 แตละวงรวมกันไดผลลัพธเทากัน ทุกวงจะทําไดกี่แบบ 2. กําหนดจํานวนนับตอไปนี้ 1) 7, 28 2) 12, 18 3) 12, 35 4) 96, 120 5) 136, 510 6) 128, 160 จงหา ก. ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ข. ผลคูณของ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของแตละขอ ค. ผลคูณของจํานวนนับทีก่ าํ หนดใหในแตละขอ เปรียบเทียบผลคูณที่ไดนนั้ กับผลลัพธ ที่ไดจากขอ ข. และเขียนผลสรุปที่ได 3. จํานวนนับสองจํานวนมี ค.ร.น. เปน 425 และ ห.ร.ม. เปน 5 ถาจํานวนหนึ่งเปน 25 แลว จงหาอีกจํานวนหนึ่ง 4. จํานวนนับสองจํานวนมี ห.ร.ม. และ ค.ร.น. เทากับ 6 และ 540 ตามลําดับ ถาจํานวนแรก มีคาเทากับ 54 จงหาอีกจํานวนหนึ่ง 5. จงหาจํานวนนับที่นอยที่สุด ซึ่งหารดวย 12, 30 และ 36 แลวเหลือเศษ 3 เทากัน 6. รานขายขนมไทยแหงหนึง่ รับขนมจากผูผลิตเปนงวดๆ ดังนี้ รับขนมกลวยทุก 2 วัน รับขนม ฟกทองทุก 3 วัน และรับขนมสอดไสทุก 4 วัน ขนมที่เหลือของแตละวันจะไมนํามาขายใหม ถารานนี้รับขนมทั้งสามอยางนี้พรอมกัน เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2552 จงหาวาครั้งตอไป 1) รานนี้จะรับขนมฟกทองและขนมสอดไสมาขายพรอมกันเมื่อใด 2) รานนี้จะรับขนมทั้งสามอยางมาขายพรอมกันเมื่อใด 7. นาฬกาปลุกสามเรือน เรือนแรกปลุกทุก 30 นาที เรือนที่สองปลุกทุก 50 นาที เรือนที่สาม ปลุกทุก 1 ชัว่ โมง ถานาฬกาปลุกทัง้ สามเรือนปลุกพรอมกันครัง้ แรกเวลา 15.00 น. จงหาวา นาฬกาจะปลุกพรอมกันครั้งตอไปเวลาใด
ขอสอบ
Expand
Evaluate
ตรวจสอบผล Evaluate
Expand
1. ใหนักเรียนกลุมเดิมรวมกันแลกเปลี่ยนความ คิดเห็นวา โจทยขอใดในแบบตรวจสอบความ เขาใจที่ 1.5 เหมือนกับตัวอยางใดที่เรียนมา 2. ใหแตละกลุมนําแนวคิดและวิธีการที่ไดจาก การรวมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นไปใช ในการแกโจทยปญหาในการทําแบบตรวจสอบ ความเขาใจที่ 1.5 3. ครูขออาสาสมัครนักเรียน 2-3 กลุมใหออกมา นําเสนอแนวคิดและวิธีการแกโจทยปญหา แบบตรวจสอบเขาใจที่ 1.5 หนาชั้นเรียน และใหกลุมที่มีแนวคิดแตกตางนําเสนอดวย 4. นักเรียนในแตละกลุมรวมกันตรวจสอบ ความถูกตอง
1.5
http://www.aksorn.com/LC/Math B1/M1/02
ตรวจสอบผล
ขยายความเข้ Expand าใจ
ขยายความเข้าใจ
27
แบบตรวจสอบความเขาใจที่
ขยายความเข้าใจ
ตรวจสอบผล
Evaluate
1. ใหนักเรียนประเมินผลระดับความเขาใจ ในเนื้อหานี้ดวยการเขียนบอกระดับเปนดีมาก ดี ปานกลางหรือตองเพิ่มความเขาใจอีก 2. ครูประเมินผลการเรียนรูจากการตรวจสอบ ความถูกตองการทําแบบตรวจสอบความเขาใจ ที่ 1.5 (ดูเฉลยแบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.5 ที่สวนเสริมดานหนาของหนังสือเลมนี้)
EB GUIDE
O-NET
ขอสอบป ’ 51 ออกเกี่ยวกับความสัมพันธระหวาง ห.ร.ม. กับ ค.ร.น. ขอใดตอไปนี้ผิด 1. ห.ร.ม. ของ 8 และ 12 คือ 4 2. ค.ร.น. ของ 8 และ 12 คือ 24 3. ตัวประกอบรวมของ 8 และ 12 คือ 1, 2 และ 4 4. ตัวหารรวมของ 8 และ 12 คือ 2 และ 4 วิเคราะหคําตอบ จํานวนนับที่หาร 8 ลงตัว คือ 1, 2, 4 และ 8 จํานวนนับที่หาร 12 ลงตัว คือ 1, 2, 3, 4, 6 และ 12 ดังนั้น 1, 2, 4 เปนตัวประกอบรวมหรือตัวหารรวมของ 8 และ 12 ตัวหารรวมมากหรือ ห.ร.ม. คือ 4 จํานวนนับที่เปนพหุคูณของ 8 คือ 8, 16, 24, 32, 40, 48 จํานวนนับที่เปนพหุคูณของ 12 คือ 12, 24, 36, 48 จํานวนนับที่เปนพหุคูณรวมของ 8 และ 12 คือ 24, 48 ดังนั้น ค.ร.น. ของ 8 และ 12 คือ 24 ดังนั้น คําตอบคือ ขอ 4.
เฉลย คณิตคิดสนุก แนวตอบ คณิตคิดสนุกที่ใหเติมจํานวนนับตั้งแต 1 ถึง 7 ลงในวงกลมโดยให จํานวนในวงกลมแตละวงรวมกันไดผลลัพธเทากันทุกวง มี 2 แบบ คือ แบบที่ 1 ผลรวมของแตละวงเทากับ 16 5
3 4 7 1 2 6
แบบที่ 2 ผลรวมของแตละวงเทากับ 19 1 6 7 5 2 4 3
คู่มือครู
27
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
ขยายความเข้าใจ
ขยายความเข้าใจ
อธิ บายความรู ้ 11:03 AM ขยายความเข้ Expand าใจ February 1, 2010 Explain
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
Expand
1. ใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันทํากิจกรรม ในหนา 28 และนักเรียนภายในกลุมรวมกัน ตรวจสอบคําตอบดวยเครื่องคํานวณ 2. แตละกลุมรวมกันสรางโจทยปญหานําความรู ห.ร.ม. ค.ร.น. และความสัมพันธระหวาง ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ทีม่ ลี กั ษณะคลายกับหนา 28 จํานวน 10 ขอ พรอมหาคําตอบและรวมกันตรวจสอบ คําตอบ 3. จากนั้นใหรวมกันจัดเรียงพิมพเปนตารางดวย โปรแกรมสําเร็จรูป เชน Microsoft Word, Microsoft Excel เปนตน และจัดทําเปนแฟม ขอมูลสงชิ้นงานทางไปรษณียอิเล็กทรอนิกส 4. ครูสุมเลือกชิ้นงาน 3-5 ชิ้น ใหนักเรียนในหอง ไดรวมกันแลกเปลี่ยนความคิดและวิเคราะห ลักษณะการนําเสนอ และนักเรียนรวมกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและตรวจสอบคําตอบ ครูชี้แนะเพิ่มเติมและตอบขอสงสัยของนักเรียน
28
เสริมทักษะเชิงเทคโนโลยี
นักเรียนทราบมาแล้วว่า ผลคูณของ ห.ร.ม และ ค.ร.น. ของจ�านวนนับสองจ�านวน เท่ากับผลคูณของจ�านวนนับทั้งสอง ให้นักเรียนหา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของจ�านวนนับในแต่ละข้อต่อไปนี้ แล้วใช้ เครื่องค�านวณตรวจสอบว่า ผลคูณของ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. เท่ากับผลคูณของจ�านวน สองจ�านวนนั้นหรือไม่ จำานวนนับ
ห.ร.ม.
ค.ร.น.
ห.ร.ม. × ค.ร.น.
42, 75 56, 84 54, 63 54, 63 112, 208 112, 208 517, 611 517, 611
เฉลย เสริมทักษะเชิงเทคโนโลยี แนวตอบ กิจกรรมเสริมทักษะเชิงเทคโนโลยี สามารถหาผลคูณของ ห.ร.ม. และ ค.ร.น. เทากับผลคูณของจํานวนสองจํานวน ดังนี้
28
จํานวนนับ
ห.ร.ม.
ค.ร.น.
ห.ร.ม. × ค.ร.น.
ผลคูณของ จํานวนสองจํานวน
42, 75 56, 84 54, 63 112, 208 517, 611
3 28 9 16 47
1,050 168 378 1,456 6,721
3 × 1,050 28 × 168 9 × 378 16 × 1,456 4 × 6,721
3,150 4,704 3,402 23,296 315,887
คู่มือครู
ผลคูณของ จำานวนสองจำานวน
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
อธิบายความรู้
Engage
Explore
Explain 29
กิจกรรมเสริมทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร
(มีความสามารถในการแกปญหา การนําเสนอ การเชื่อมโยงความรูตางๆ ทางคณิตศาสตร) กิจกรรมที่ 1
คุณครูทวีทปี่ รึกษาชมรมโลกคณิตศาสตร ตองการตัดกระดาษรูปสีเ่ หลีย่ มจัตรุ สั เพือ่ ทําบัตรเลขโดด 0 ถึง 9 ไวใชในกิจกรรมตางๆ คุณครูจงึ ใหนกั เรียนในชมรมชวยกันทํา คุณครู ไดนํากระดาษขนาดกวาง 21 เซนติเมตร ยาว 28 เซนติเมตร จํานวน 5 แผน มาใหนักเรียน ในชมรมชวยกันตัด และบอกนักเรียนวาใหตดั กระดาษแตละแผนใหไดรปู สีเ่ หลีย่ มจัตรุ สั ขนาด เทาๆ กัน ที่มีขนาดใหญที่สุด และตัดแบงไดพอดีโดยไมเหลือเศษ ถานักเรียนเปนสมาชิกของชมรมโลกคณิตศาสตรที่ตองชวยคุณครูทวี รูปสี่เหลี่ยม จัตุรัสที่นักเรียนตัดได จะมีขนาดกี่เซนติเมตร และจะทําบัตรเลขโดด 0 ถึง 9 ไดทั้งหมดกี่ชุด กิจกรรมที่ 2
หมูบานกุลเจริญจะจัดงานปใหม มีการประดับไฟกะพริบตามตนไมตนละสีรอบ หมูบาน ไฟกะพริบมีสีแดง สีนํ้าเงิน สีชมพู และสีเหลือง ไฟแตละสีกะพริบทุก 2, 4, 6 และ 8 วินาที ตามลําดับ ถาเริ่มเปดไฟเวลา 18.30 น. ไฟทั้งสี่สีจะกะพริบพรอมกันครั้งแรก เวลาใด
ขยายความเข้าใจ ขยายความเข้ Expand าใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
ขยายความเข้าใจ
Expand
1. ใหนักเรียนกลุมเดิมรวมกันแกโจทยปญหา ในกิจกรรมที่ 1 และกิจกรรมที่ 2 2. ใหนักเรียนรวมกันหาแนวคําตอบและเฉลย รวมกัน 3. ใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันสรางโจทยกลุมละ 1 ขอ พรอมแสดงขั้นตอนการแกโจทยปญหา และหาคําตอบ โดยเลือกหัวขอตอไปนี้ • โจทยปญหาเกี่ยวกับการนําความรู ห.ร.ม. ไปใช • โจทยปญหาเกี่ยวกับการนําความรู ค.ร.น. ไปใช • โจทยปญหาเกี่ยวกับความสัมพันธระหวาง ห.ร.ม. และ ค.ร.น. 4. ครูสุมเลือกนักเรียน 2-3 กลุมใหนําเสนอ หนาชั้น ครูและนักเรียนคนอื่นๆ รวมกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น จากนั้นครูชี้แนะ เพิ่มเติม
เฉลย กิจกรรมเสริมทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร แนวตอบ กิจกรรมที่ 1 โจทยตองการทราบวา ตองตัดแบงกระดาษใหมีขนาดเทาๆ กัน และใหญที่สุด ตองนําความรูการหา ห.ร.ม. มาใช โดยหา ห.ร.ม. ของ 21 และ 28 ได 7 ใหตัดกระดาษเปนรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ดานยาวได 4 สวน ดานกวาง ได 3 สวน กระดาษ 1 แผน จะไดรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส 12 ชิ้น ดังนั้น กระดาษ 5 แผน จะไดกระดาษ 60 ชิ้น รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ไดจะมีขนาด 7 × 7 เซนติเมตร ทําบัตรเลขโดด 0, 1, 2,…9 ไดทั้งหมด 6 ชุด เนื่องจาก ความยาวของรูปสี่เหลี่ยมหารไดลงตัว หรือสามารถคํานวณไดอีกแบบ โดยนําพื้นที่กระดาษแผนใหญหารดวยกระดาษแผนเล็ก ตัดเปนรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส เทากับ 217 ×× 28 7 = 12 แผน ดังนั้นจะทําบัตรเลขโดด 0, 1, 2,…9 ไดเทากับ 1210× 5 = 6 ชุด กิจกรรมที่ 2 หมูบานกุลเจริญติดไฟกะพริบสีแดง สีนํ้าเงิน สีชมพู สีเหลือง แตละสีกะพริบทุก 2, 4, 6 และ 8 วินาที กิจกรรมนี้ตองใชความรูเรื่องการหา ค.ร.น. มาใช จะได ค.ร.น. เทากับ 24 ถาเริ่มเปดไปเวลา 18.30 นาที ไฟจะกะพริบพรอมกัน ครั้งแรกเวลา 18.54 น.
คู่มือครู
29
กระตุ้นความสนใจ
ส�ารวจค้นหา
Engage
Explore
ขยายความเข้าใจ
Evaluate
1. ใหนักเรียนประเมินผลระดับความเขาใจ ในเนื้อหานี้ดวยการเขียนบอกระดับเปนดีมาก ดี ปานกลางหรือตองเพิ่มความเขาใจอีก 2. ครูประเมินผลการเรียนรูจากการตรวจสอบ ความถูกตองการทําแบบฝกหัดประจําหนวย การเรียนรูที่ 1 (ดูเฉลยแบบฝกหัดประจําหนวยการเรียนรูที่ 1 ที่สวนเสริมดานหนาของหนังสือเลมนี้)
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู 1. การสรางโจทยปญหา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. หรือความสัมพันธระหวาง ห.ร.ม. และ ค.ร.น. แบบตรวจสอบความเขาใจที่ 1.1-1.5 2. แบบฝกหัดประจําหนวยการเรียนรูที่ 1
Evaluate
ตรวจสอบผล Evaluate
30
แบบฝกหัด
ประจำาหน่วยการเรียนรูที่ 1.1. 2.2. 3.3. 4.4. 5.5. 6.6.
1
จงหาตัวประกอบของจ�านวนนับต่อไปนี้ 1) 24 2) 60 3) 125 4) 185 จงแยกตัวประกอบของจ�านวนนับต่อไปนี้ 1) 1,573 2) 1,859 3) 1,960 4) 2,057 จงหา ตัวประกอบเฉพาะของ 72 จงหา ห.ร.ม. ของ 234, 312 และ 429 จงหา ค.ร.น. ของ 72, 96 และ 124 113 จงหาจ�านวนนับทีม่ ากทีส่ ดุ เมือ่ น�าไปหารตัวเศษและตัวส่วนของ 113 791 แล้วท�าให้ 791 เป็น เศษส่วนอย่างต�่า 7.7. ค.ร.น. และ ห.ร.ม. ของ 108, 720 และ 864 ต่างกันเท่าไร 8.8. ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของจ�านวนนับสองจ�านวนเท่ากับ 4 และ 252 ตามล�าดับ ถ้าจ�านวนหนึ่ง เป็น 36 แล้วอีกจ�านวนหนึ่งมีค่าเท่าไร 9.9. จงหาจ�านวนนับที่มากที่สุดที่หาร 88, 139 และ 190 แล้วเหลือเศษ 3 เท่ากัน 10. จงหาจ�านวนนับที่น้อยที่สุด ซึ่งหารด้วย 24, 60 และ 120 แล้วเหลือเศษ 13 เท่ากัน 10. 11. โอคมีแก้วขนาดเล็ก 168 ใบ ขนาดกลาง 264 ใบ และขนาดใหญ่ 312 ใบ ต้องการบรรจุลง 11. กล่อง กล่องละเท่าๆ กัน แต่ละกล่องเป็นแก้วขนาดเดียวกัน โดยจัดแบ่งได้พอดี จะแบ่งได้ มากที่สุดกล่องละกี่ใบ และแบ่งได้ทั้งหมดกี่กล่อง 12. ทีด่ นิ รูปสีเ่ หลีย่ มผืนผ้าแปลงหนึง่ กว้าง 18 เมตร ยาว 30 เมตร ต้องการปกเสาเพือ่ ท�ารัว้ 12. โดยให้ระยะห่างระหว่างเสาแต่ละต้นเท่าๆ กัน และมีระยะห่างมากที่สุดเท่าที่จะแบ่ง ให้พอดีได้ จงหาว่า เสาแต่ละต้นห่างกันกี่เมตร และใช้เสาทั้งหมด หมดกี่ต้น 13. กระดาษรูปสีเ่ หลีย่ มผืนผ้าแผ่นหนึง่ กว้าง 18 เซนติเมตร ยาว 60 เซนติเมตร ต้องการตัดออก 13. เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีขนาดใหญ่ที่สุด โดยตัดแบ่งได้พอดี จะตัดได้กี่แผ่น และแต่ละแผ่น ยาวกี่เซนติเมตร
การหาตัวประกอบที่เปนจํานวนเฉพาะที่เปนจํานวนสองหลักอาจจะมีเทคนิค ดังนี้ เทคนิคการหาผลหารของ 11 1,573 มี 1 + 7 = 5 + 3 ซึ่งเปนเลขโดดในหลักที่สลับกัน แสดงวา 11 เปนตัวประกอบของ 1,573 จะได 1,573 = 11 × 143 = 11 × 11 × 13 2,057 มี 2 + 5 = 0 + 7 ซึ่งเปนเลขโดดในหลักทีี่สลับกัน แสดงวา 11 เปนตัวประกอบของ 2,057 จะได 2,057 = 11 × 127 = 11 × 11 × 7 143 มี 1 + 3 = 4 จึงมี 11 เปนตัวประกอบ 187 มี 1 + 7 = 8 จึงมี 11 เปนตัวประกอบ คู่มือครู
Expand
Explain
เกร็ดแนะครู
30
ตรวจสอบผล
Expand
1. ใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นวาโจทยขอใดในแบบฝกหัดประจํา หนวยการเรียนที่ 1 หนา 30 เหมือนและ สอดคลองกับตัวอยางใดที่เรียนมา 2. ใหนักเรียนแตละกลุมนําแนวคิดและวิธีการที่ได จากการรวมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นไปใช ในการแกโจทยปญหาการทําในแบบฝกหัดฯ 3. ใหนกั เรียนในกลุม รวมกันตรวจสอบความถูกตอง แบบฝกหัดฯ หนา 30
ตรวจสอบผล
ขยายความเข้าใจ
อธิ บายความรู ้ 11:03 AM ขยายความเข้ Expand าใจ February 1, 2010