คูมือครู 㪌»ÃСͺ¡ÒÃÊ͹ËÇÁ¡Ñº
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ©ºÑº Í- .
ภาพปกนี้มีขนาดเทากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน
กระบวนการสอนแบบ 5 Es ชวยสรางทักษะการเรียนรู กิจกรรมมุงพัฒนาทักษะการคิด คำถาม + แนวขอสอบเพื่อยกผลสัมฤทธิ์ O-NET กิจกรรมบูรณาการเตรียมพรอมสู ASEAN 2558
เอกสารประกอบคูมือครู
กลุมสาระการเรียนรู สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
พระพุทธศาสนา ชั้นมัธยมศึกษาปที่
1
สําหรับครู
คูมือครู Version ใหม
ลักษณะเดน
ขยายพื้นที่รูปเลมใหญขึ้นกวาเดิม จัดแบงพื้นที่ออกเปนโซน เพื่อคนหาขอมูลไดงาย สะดวก รวดเร็ว และดูเปนระเบียบ กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล
กระตุน ความสนใจ
Evaluate
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
เปาหมายการเรียนรู สมรรถนะของผูเรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค
หน า
โซน 1 กระตุน ความสนใจ
Engage
สํารวจคนหา
Explore
อธิบายความรู
Explain
ขยายความเขาใจ
Expand
ตรวจสอบผล
หน า
หนั ง สื อ เรี ย น
โซน 1
หนั ง สื อ เรี ย น
Evaluate
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ขอสอบ
โซน 2
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
เกร็ดแนะครู
O-NET
บูรณาการเชื่อมสาระ
โซน 3
กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
โซน 3
โซน 2 บูรณาการอาเซียน มุม IT
No.
คูมือครู
คูมือครู
No.
โซน 1 ขั้นตอนการสอนแบบ 5Es
โซน 2 ชวยครูเตรียมสอน
โซน 3 ชวยครูเตรียมนักเรียน
เพื่อใหครูเตรียมจัดกิจกรรมการเรียน การสอน โดยแนะนําขั้นตอนการสอนและ การจัดกิจกรรมแบบ 5Es อยางละเอียด เพื่อใหนักเรียนบรรลุตามตัวชี้วัด
เพื่อชวยลดภาระครูผูสอน โดยแนะนํา เกร็ดความรูสําหรับครู ความรูเสริมสําหรับ นักเรียน รวมทั้งบูรณาการความรูสูอาเซียน และมุม IT
เพื่อใหครูสะดวกตอการจัดกิจกรรม โดย แนะนํากิจกรรมบูรณาการเชือ่ มระหวางสาระหรือ กลุมสาระการเรียนรู วิชา กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย รวมถึงเนื้อหาที่เคยออกขอสอบ O-NET แนวขอสอบ NT/O-NET ทีเ่ นนการคิด พรอมเฉลยและคําอธิบายอยางละเอียด
ที่ใชในคูมือครู
แถบสีและสัญลักษณ
แถบสีแสดงขั้นตอนการสอนและการจัดกิจกรรม แบบ 5Es เพื่อใหครูทราบวาเปนขั้นการสอนขั้นใด
1. แถบสี 5Es สีแดง
สีเขียว
กระตุน ความสนใจ
เสร�ม
สํารวจคนหา
Engage
2
•
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใช เทคนิคกระตุน ความสนใจ เพื่อโยง เขาสูบทเรียน
สีสม
อธิบายความรู
Explore
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนสํารวจ ปญหา และศึกษา ขอมูล
สีฟา
Explain
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนคนหา คําตอบ จนเกิดความรู เชิงประจักษ
สีมวง
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
•
Evaluate
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนนําความรู ไปคิดคนตอๆ ไป
•
เปนขั้นที่ผูสอน ประเมินมโนทัศน ของผูเรียน
2. สัญลักษณ สัญลักษณ
วัตถุประสงค
• เปาหมายการเรียนรู
• หลักฐานแสดง ผลการเรียนรู
• เกร็ดแนะครู
แทรกความรูเสริมสําหรับครู ขอเสนอแนะ ขอควรระวัง ขอสังเกต แนวทางการจัด กิจกรรมและอืน่ ๆ เพื่อประโยชนในการ จัดการเรียนการสอน ขยายความรูเพิ่มเติมจากเนื้อหา เพื่อให ครูนําไปใชอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียน ไดมีความรูมากขึ้น
•
ความรูห รือกิจกรรมเสริม ใหครูนาํ ไปใช เตรียมความพรอมใหกบั นักเรียนกอนเขาสู ประชาคมอาเซียนใน พ.ศ. 2558 โดย บูรณาการกับวิชาทีก่ าํ ลังเรียน
บูรณาการอาเซียน
•
คูม อื ครู
แสดงรองรอยหลักฐานตามภาระงาน ที่ครูมอบหมาย เพื่อแสดงผลการเรียนรู ตามตัวชี้วัด
• นักเรียนควรรู
มุม IT
แสดงเปาหมายการเรียนรูที่นักเรียน ตองบรรลุตามตัวชี้วัด ตลอดจนสมรรถนะ ที่จะตองมี และคุณลักษณะที่พึงเกิดขึ้น กับนักเรียน
แนะนําแหลงคนควาจากเว็บไซต เพื่อให ครูและนักเรียนไดเขาถึงขอมูลความรู ที่หลากหลาย ทั้งไทยและตางประเทศ
สัญลักษณ
ขอสอบ
วัตถุประสงค
O-NET
(เฉพาะวิชา ชัน้ ทีส่ อบ O-NET O-NET)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T (เฉพาะระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนตอนตน)
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET (เฉพาะระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลาย)
บูรณาการเชื่อมสาระ
กิจกรรมสรางเสริม
กิจกรรมทาทาย
• ชีแ้ นะเนือ้ หาทีเ่ คยออกขอสอบ
O-NET โดยยกตัวอยางขอสอบ พรอมวิเคราะหคาํ ตอบ อยางละเอียด
• เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน
การคิดและเปนแนวขอสอบ NT/O-NET ในระดับมัธยมศึกษา ตอนตน มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด
• เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน
การคิดและเปนแนวขอสอบ O-NET ในระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม
เชือ่ มกับสาระหรือกลุม สาระ การเรียนรู ระดับชัน้ หรือวิชาอืน่ ทีเ่ กีย่ วของ
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม ซอมเสริมสําหรับนักเรียนทีค่ วร ไดรบั การพัฒนาการเรียนรู
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม ตอยอดสําหรับนักเรียนทีเ่ รียนรู ไดอยางรวดเร็ว และตองการ ทาทายความสามารถในระดับ ทีส่ งู ขึน้
คําแนะนําการใชคูมือครู การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน คูมือครู รายวิชา พระพุทธศาสนา ม.1 จัดทําขึ้นเพื่อใหครูผูสอนนําไปใชเปนแนวทางวางแผนการสอนเพื่อพัฒนา ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน และประกันคุณภาพผูเ รียน ตามนโยบายของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน (สพฐ.) โดยใชหนังสือเรียน พระพุทธศาสนา ม.1 ของบริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด เปนสื่อหลัก (Core Material) ประกอบ เสร�ม การสอนและการจัดกิจกรรมการเรียนรูใหสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดกลุมสาระการเรียนรู สังคมศึกษา 3 ศาสนา และวัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน ตามหลักการสําคัญ ดังนี้ 1 ออกแบบการสอนเปนหนวยการเรียนรูอิงมาตรฐาน คูม อื ครู รายวิชา พระพุทธศาสนา ม.1 วางแผนการสอนโดยแบงเปนหนวยการเรียนรูต ามลําดับสาระ (strand) และ หมายเลขขอของมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั แตละหนวยจะกําหนดเปาหมายการเรียนรูแ ละจุดประสงคการเรียนรู (Objective Learning) กิจกรรมการเรียนรู (Learning Activities) และแนวทางการประเมินผลการเรียนรู (Learning Evaluation) ไวชัดเจน ครูผูสอนสามารถจัดทําแผนการสอนใหครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด สมรรถนะ และคุณลักษณะ อันพึงประสงคที่เปนเปาหมายการเรียนรูตามที่กําหนดไวในสาระแกนกลาง (ตามแผนภูมิ) และสามารถบันทึกผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของผูเรียนแตละคนลงในเอกสาร ปพ.5 ไดอยางมั่นใจ แผนภูมิแสดงความสัมพันธขององคประกอบการออกแบบการเรียนรูอิงมาตรฐานและเนนผูเรียนเปนสําคัญ
พผ
ูเ
จุดปร
ะสง
คก า
ส ภา
รียน
ร
รู ีเรยน
มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัดชั้นป
ทักษะการคิด การวัดประเมินผล การเรียนรู
กิจกรรมการเรียนรู
เทคนิคการสอน คูม อื ครู
2 การจัดการเรียนรูที่ยึดผูเรียนเปนสําคัญ แนวคิ ด ในการจั ด การเรี ย นการสอนที่ ยึ ด ผู เ รี ย นเป น สํ า คั ญ พั ฒ นามาจากปรั ช ญาและทฤษฎี ก ารเรี ย นรู Constructivism ที่เชื่อวา การเรียนรูเปนกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในสมองของผูเรียนแตละคน ผูเรียนเปนผูสรางความรู โดยการเชื่อมโยงระหวางสิ่งที่ไดเรียนรูจากบทเรียนใหมกับความรูหรือประสบการณเดิมที่มีอยู ทฤษฎีนี้มีความเชื่อวา ผูเรียนทุกคนไดเรียนรูและมีการสั่งสมความรูความเขาใจเกี่ยวกับสิ่งตางๆ ติดตัวมากอน ทีจ่ ะเขาสูห อ งเรียน ซึง่ เปนการเรียนรูท เี่ กิดจากประสบการณและสิง่ แวดลอมรอบตัวผูเ รียนแตละคน ดังนัน้ การจัดกิจกรรม เสร�ม การเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ผูสอนจะตองคํานึงถึง
4
1. ความรูเดิมของผูเรียน วิธีการสอนที่ดีจะตองเริ่มตนจากจุดที่วา ผูเ รียนมีความรูอ ะไรมาบาง แลวจึงใหความรู หรือประสบการณใหม เพื่อตอยอดจาก ความรูเดิม นําไปสูการสรางความรู ความเขาใจใหม
2. ความรูเดิมของผูเรียนถูกตองหรือไม ผูส อนตองปรับเปลีย่ นความรูค วามเขาใจเดิม ของผูเรียนใหถูกตอง และเปนพฤติกรรม การเรียนรูใ หมทมี่ คี ณุ คาตอผูเรียน เพื่อสราง เจตคติหรือทัศนคติที่ดีตอการเรียนรู สิ่งเหลานั้น
3. ผูเรียนสรางความหมายสําหรับตนเอง ผูสอนตองสงเสริมใหผูเรียนนําความรู ความเขาใจที่เกิดขึ้นไปลงมือปฏิบัติ เพื่อขยายความรูใหลึกซึ้งและมีคุณคา ตอตัวผูเรียนมากที่สุด
แนวคิด Constructivism เนนใหผูเรียนสรางความรูโดยผานกระบวนการคิดและความอยากรูของตนเอง โดยมีผูสอนเปนผูสรางบรรยากาศ
การเรียนรูและกระตุนความสนใจ คอยจัดสถานการณใหผูเรียนเกิดความขัดแยงทางความคิดระหวางประสบการณเดิมกับประสบการณ ความรูใ หม เพือ่ กระตนุ ใหผเู รียนเชือ่ มโยงความรู ความคิด กับประสบการณทมี่ อี ยูเ ดิม แลวสังเคราะหเปนความรูห รือแนวคิดใหมๆ ไดดว ยตนเอง
3 การบูรณาการกระบวนการคิด การเรียนรูของผูเรียนแตละคนจะเกิดขึ้นที่สมอง ซึ่งเปนอวัยวะที่ทําหนาที่รูคิดภายใตสภาพแวดลอมที่เอื้ออํานวย และไดรบั การกระตนุ จูงใจอยางเหมาะสม สอดคลองกับสภาพจิตใจและความตองการของผูเ รียนแตละคน การจัดกิจกรรม การเรียนรูและสาระการเรียนรูที่สอดคลองกับความสนใจและมีความหมายตอผูเรียน จะชวยกระตุนใหสมองของผูเรียน สามารถรับรูและเรียนรูไดอยางมีประสิทธิภาพตามขั้นตอนการทํางานของสมอง ดังนี้ 1. สมองจะเรียนรูและสืบคน โดยการสังเกต คนหา ซักถาม และทดลอง ปฏิบัติ จนทําใหคนพบความรูความเขาใจ ไดอยางรวดเร็ว
2. สมองจะแยกแยะคุณคาของสิ่งตางๆ โดยการตัดสินใจวิพากษวิจารณ แสดง ความคิดเห็น ยอมรับหรือตอตานตาม อารมณความรูสึกที่เกิดขึ้นในขณะที่เรียนรู
3. สมองจะประมวลเนื้อหาสาระ โดยการสรุปเปนความคิดรวบยอดจาก เรื่องราวที่ไดเรียนรูใหมนําไปผสมผสานกับ ความรูห รือประสบการณเดิมทีถ่ กู จัดเก็บอยูใ น สมอง ผานการกลัน่ กรองเพือ่ สังเคราะหเปน ความรูค วามเขาใจใหมๆ หรือเปนทัศนคติใหม ที่จะเก็บบรรจุไวในสมองของผูเรียน
การเรียนรูที่มีประสิทธิภาพจึงตองเปนการเรียนรูที่เกิดจากกระบวนการคิดของผูเรียน เพราะการเรียนรูจะเกิดขึ้น เมื่อสมองรูคิด และตองเปนการคิดไดครบถวนตามขั้นตอนการทํางานของสมองผูเรียน โดยเริ่มตนจาก 1. ระดับการคิดพื้นฐาน ไดแก การสังเกต การจําแนก การคาดคะเน การสื่อความหมาย การรวบรวมขอมูล การสรุปผล เปนตน
คูม อื ครู
2. ระดับลักษณะการคิด ไดแก การคิดกวาง คิดลึกซึ้ง คิดไกล คิดหลากหลาย คิดคลอง คิดอยางมีเหตุผล เปนตน
3. ระดับกระบวนการคิด ไดแก กระบวนการคิดอยางมีวิจารณญาณ กระบวนการแกปญหา กระบวนการ คิดสรางสรรค กระบวนการคิดสังเคราะห เปนตน
5Es การจัดกิจกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ขั้นตอนการสอนที่สัมพันธกับขั้นตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้ ขั้นที่ 1
กระตุนความสนใจ
(Engage)
เสร�ม
5
เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของผูเรียนดวยเรื่องราวหรือเหตุการณที่นาสนใจโดยใชเทคนิควิธีการ และคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูความรูของบทเรียนใหม ชวยใหผูเรียนสามารถ สรุปความสําคัญหัวขอและสาระการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนการสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสราง แรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน
ขั้นที่ 2
สํารวจคนหา
(Explore)
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนเปดโอกาสใหผเู รียนลงมือศึกษา สังเกต หรือรวมมือกันสํารวจ เพือ่ ใหเห็นขอบขายของประเด็นหรือปญหา รวมถึง วิธีการศึกษาคนควา การรวบรวมขอมูลความรูที่จะนําไปสูการสรางความเขาใจประเด็นหรือปญหานั้นๆ เมื่อผูเรียนทําความเขาใจใน ประเด็นหรือปญหาที่จะศึกษาคนควาอยางถองแทแลว ก็ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมขอมูลความรู สํารวจตรวจสอบ โดยวิธีการตางๆ เชน สัมภาษณ ทดลอง อานคนควาขอมูลจากเอกสาร แหลงขอมูลตางๆ จนไดขอมูลความรูที่เกี่ยวของกับประเด็นหรือปญหาที่ศึกษา
ขั้นที่ 3
อธิบายความรู
(Explain)
เปนขั้นที่ผูสอนมีปฏิสัมพันธกับผูเรียน เชน ใหการแนะนํา ตั้งคําถามกระตุนใหคิด เพื่อใหผูเรียนคนหาคําตอบ และนําขอมูล ความรูจากการศึกษาคนควาในขั้นที่ 2 มาวิเคราะห สรุปผล และนําเสนอผลที่ไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน เขียนแผนภูมิ ผังมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน ในขั้นตอนนี้ฝกใหผูเรียนใชสมองคิดวิเคราะหและสังเคราะห อยางเปนระบบ
ขั้นที่ 4
ขยายความเขาใจ
(Expand)
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใชเทคนิควิธีสอนตางๆ ที่สงเสริมใหผูเรียนนําความรูที่เกิดขึ้นไปคิดคนสืบคนตอๆ ไป เพื่อพัฒนาทักษะ การเรียนรูและการทํางานรวมกันเปนกลุม ระดมสมองเพื่อคิดสรางสรรครวมกัน ผูเรียนสามารถนําความรูที่สรางขึ้นใหมไปเชื่อมโยง กับประสบการณเดิมโดยนําขอสรุปทีไ่ ดไปใชอธิบายเหตุการณตา งๆ หรือนําไปปฏิบตั ใิ นสถานการณใหมๆ ทีเ่ กีย่ วของกับชีวติ ประจําวัน ของตนเอง เพื่อขยายความรูความเขาใจใหกวางขวางยิ่งขึ้น ในขั้นตอนนี้ฝกสมองของผูเรียนใหสามารถคิดริเริ่มสรางสรรคอยางมี คุณภาพ เสริมสรางวิสัยทัศนใหกวางไกลออกไป
ขั้นที่ 5
ตรวจสอบผล
(Evaluate)
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนประเมินมโนทัศนของผูเ รียน โดยตรวจสอบจากความคิดทีเ่ ปลีย่ นไปและความคิดรวบยอดทีเ่ กิดขึน้ ใหม ตรวจสอบ ทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแกปญหา การตอบคําถามรวบยอด หรือการเคารพความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่น เพื่อการ สรางสรรคความรูร ว มกัน ผูเ รียนสามารถประเมินผลการเรียนรูข องตนเอง เพือ่ สรุปผลวามีความรูอ ะไรเพิม่ ขึน้ มาบาง เกิดความเขาใจ มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ หรือในชีวิตประจําวันไดอยางไร ผูเรียนจะเกิดเจตคติ และเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริง
การจัดกิจกรรมการเรียนรูตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนนผูเรียน เปนสําคัญอยางแทจริง เพราะสงเสริมใหผูเรียนไดเรียนรูตามขั้นตอนของกระบวนการสรางความรูดวยตนเอง และ ฝกฝนใหใชกระบวนการคิดและกระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะชีวิต ทักษะการทํางาน และทักษะการ เรียนรูที่มีประสิทธิภาพ สงผลตอการยกระดับผลสัมฤทธิ์ของผูเรียน ตามเปาหมายของการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการ คูม อื ครู
O-NET การเพิ่มผลสัมฤทธิ์ O-NET
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ในแตละหนวยการเรียนรู ทางผูจัดทํา จะเสนอแนะวิธีสอน รูปแบบกิจกรรมการเรียนรู พรอมทั้งออกแบบเครื่องมือวัดและประเมินผลที่สอดคลองกับตัวชี้วัด และสาระการเรียนรูแกนกลางไวทุกขั้นตอน โดยยึดหลักสําคัญ คือ หลักของการวัดและประเมินผล เสร�ม
6
1. การวัดและประเมินผลทุกครั้ง ควรนําผลมาปรับปรุงพัฒนาผูเรียน เปนรายบุคคล
2. การวัดและประเมินผลมี เปาหมาย เพื่อพัฒนาการเรียนรู ของผูเรียนจนเต็มศักยภาพ
3. การนําผลการวัดและประเมินผล ทุกครั้งมาวางแผนปรับปรุงกิจกรรม การเรียนการสอน การเลือกเทคนิค วิธีสอน และสื่อการเรียนรูให เหมาะสมกับสภาพจริงของผูเรียน
การทดสอบผูเรียน 1. การใชขอสอบอัตนัย เนนการอาน การคิดวิเคราะห และการเขียนเพิ่มมากขึ้น 2. การใชคําถามกระตุนการคิดควบคูกับการทําขอสอบที่เนนการคิดอยางตอเนื่องตามลําดับกิจกรรมการเรียนรู และตัวชี้วัด 3. การทดสอบตองดําเนินการทั้งกอนเรียน ระหวางเรียน และหลังเรียน การทดสอบควรใชขอสอบทั้งชนิดปรนัยและ อัตนัย และเปนการทดสอบเพื่อประเมินผลการเรียนของผูเรียนแตละคน เพื่อการสอนซอมเสริมใหบรรลุตัวชี้วัด ไดครบถวน 4. การสอบกลางภาค (ถามี) ควรนําแบบฝกหัดหรือขอสอบทีน่ กั เรียนสวนใหญไมสามารถตอบไดหรือไมครบถวนชัดเจน มา สรางเปนแบบทดสอบอีกครัง้ เพือ่ ตรวจสอบความรูค วามเขาใจทีถ่ กู ตอง และประเมินความกาวหนาของผูเ รียนแตละคน 5. การสอบปลายภาคเรียนเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามตัวชี้วัดที่สําคัญ ควรออกขอสอบใหมีลักษณะเดียวกับ ขอสอบ O-NET โดยเนนการคิดวิเคราะห สังเคราะห เชื่อมโยงประยุกตใช เพื่อสรางความคุนเคย และฝกฝน วิธีการทําขอสอบดวยความมั่นใจ 6. การนําผลการทดสอบของผูเรียนมาวิเคราะห โดยผลการสอบกอนการเรียนตองสามารถพยากรณผลการสอบ กลางภาค และผลการสอบกลางภาคตองทํานายผลการสอบปลายภาคของผูเ รียนแตละคน เพือ่ ประเมินพัฒนาการ ความกาวหนาของผูเรียนเปนรายบุคคล 7. ผลการทดสอบปลายป ปลายภาค ตองมีคาเฉลี่ยสอดคลองกับคาเฉลี่ยของการสอบ NT ที่เขตพื้นที่การศึกษา จัดสอบ รวมทั้งคาเฉลี่ยของการสอบ O-NET ชวงชั้นที่สอดคลองครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดสําคัญ เพือ่ สะทอนประสิทธิภาพของครูผสู อนในการออกแบบการเรียนรูแ ละประกันคุณภาพผูเ รียนทีต่ รวจสอบผลไดชดั เจน การจัดการเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ตองใหผูเรียนไดสั่งสมความรู ความเขาใจตามลําดับขั้นตอน ของกิจกรรมในวัฏจักรการเรียนรู 5Es เพื่อใหผูเรียนไดเติมเต็มองคความรูอยางตอเนื่อง จนสามารถปฏิบัติชิ้นงานหรือ ภาระงานรวบยอดของแตละหนวย ผานเกณฑประกันคุณภาพในระดับที่นาพึงพอใจ เพื่อรองรับการประเมินภายนอกจาก สมศ. ตลอดเวลา คูม อื ครู
ASEAN การเรียนรูสูประชาคมอาเซียน เพื่ออํานวยความสะดวกแกครูผูสอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรูบูรณาการอาเซียนศึกษา ผูจัดทําไดวิเคราะห มาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัดที่มีสาระการเรียนรูสอดคลองกับองคความรูเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนในแงมุมตางๆ ครอบคลุมทัง้ ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรม อาเซียน เพื่อสงเสริมการเรียนรูใหผูเรียนเกิดความตระหนัก มีความรูความเขาใจเหมาะสมกับระดับชั้นและกลุมสาระ การเรียนรู โดยเสนอแนะวิธีการจัดกิจกรรมบูรณาการเนื้อหาสาระตางๆ ที่เปนประโยชนตอผูเรียนและเปนการชวย เตรียมความพรอมผูเ รียนทุกคนทีจ่ ะกาวเขาสูก ารเปนสมาชิกของประชาคมอาเซียนไดอยางมัน่ ใจตามขอตกลงปฏิญญา เสร�ม ชะอํา-หัวหิน วาดวยความรวมมือดานการศึกษาเพือ่ บรรลุเปาหมายประชาคมอาเซียนทีเ่ อือ้ อาทรและแบงปน จึงกําหนด 7 เปนนโยบายใหกระทรวงศึกษาธิการจัดการเรียนรูเตรียมความพรอมผูเรียนเขาสูประชาคมอาเซียนภายในป พ.ศ. 2558 ตามแนวปฏิบัติที่สําคัญ ดังนี้
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน 1. การสรางความรูความเขาใจ และตระหนักถึงความสําคัญของ กฎบัตรอาเซียน และความรวมมือ ของ 3 เสาหลัก ซึง่ กฎบัตรอาเซียน ในขณะนี้มีสถานะเปนกฎหมายที่ ประเทศสมาชิกจะตองปฏิบัติตาม หลักการที่กําหนดไวเพื่อใหบรรลุ เปาหมายของกฎบัตรมาตราตางๆ
2. การสงเสริมหลักการ ประชาธิปไตยและการสราง สิ่งแวดลอมประชาธิปไตย เพื่อการอยูรวมกันอยางกลมกลืน ภายใตวิถีชีวิตอาเซียนที่มีความ หลากหลายดานสังคมและ วัฒนธรรม
4. การตระหนักในคุณคาของ สายสัมพันธทางประวัติศาสตร และมรดกทางวัฒนธรรมที่มี พัฒนาการรวมกัน เพื่อเชื่อม อัตลักษณและสรางจิตสํานึก ในการเปนประชากรของประชาคม อาเซียนรวมกัน
3. การสงเสริมการศึกษาดาน สิทธิมนุษยชน เพื่อสรางประชาคม อาเซียนใหเปนประชาคมเพื่อ ประชาชนอยางแทจริง สามารถ อยูรวมกันไดบนพื้นฐานการเคารพ ในคุณคาของศักดิ์ศรีแหงความ เปนมนุษยเทาเทียมกัน
5. การสงเสริมสันติภาพ ความ มั่นคง และความปรองดองในสังคม ทั้งระดับประเทศและภูมิภาคของ อาเซียนบนพื้นฐานสันติวิธีและการ อยูรวมกันดวยขันติธรรม
คูม อื ครู
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
เสร�ม
8
1. การพัฒนาทักษะการทํางาน เพื่อเสริมสรางผูเรียนใหมีทักษะ วิชาชีพที่จําเปนสอดคลองกับ ความตองการของตลาดแรงงาน และสถานประกอบการในอาเซียน สามารถเทียบโอนผลการเรียน และการทํางานตามมาตรฐานฝมือ แรงงานในภูมิภาคอาเซียน
2. การเสริมสรางวินัย ความรับผิดชอบ และเจตคติรักการทํางาน สามารถพึ่งพาตนเอง มีทักษะชีวิต ดํารงชีวิตอยางมีความสุข เห็นคุณคา และภูมิใจในตนเอง ในฐานะที่เปนพลเมืองไทยและ อาเซียน
3. การเรียนรูเพื่อพัฒนาตนเอง อยางตอเนื่องตลอดชีวิต ใหมี ทักษะการทํางานตามมาตรฐาน อาชีพ และคุณวุฒิของวิชาชีพสาขา ตางๆ เพื่อรองรับการเตรียมเคลื่อน ยายแรงงานมีฝมือและการเปน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่ เขมแข็ง เพื่อสรางขีดความสามารถ ในการแขงขันในเวทีโลก
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน 1. การเสริมสรางความรวมมือ ในลักษณะสังคมที่เอื้ออาทร ของประชากรอาเซียน โดยยึด หลักการสําคัญ คือ ความงดงาม ของประชาคมอาเซียนมาจาก ความแตกตางและหลากหลายทาง วัฒนธรรมที่ลวนแตมีคุณคาตอ มรดกทางวัฒนธรรมของอาเซียน ซึ่งประชาชนทุกคนตองอนุรักษ สืบสานใหยั่งยืน
2. การเสริมสรางคุณลักษณะ ของผูเรียนใหเปนพลเมืองอาเซียน ที่มีศักยภาพในการกาวเขาสู ประชาคมอาเซียนอยางมั่นใจ เปนผูที่มีสุขภาพสมบูรณแข็งแรง มีทักษะการสื่อสาร ทักษะการ ทํางาน ทักษะทางสังคม สามารถ ทํางานรวมกับผูอื่นไดอยาง สรางสรรค และมีองคความรู เกี่ยวกับอาเซียนที่จําเปนตอการ ดํารงชีวิตอยางมีคุณภาพ
4. การสงเสริมการเรียนรูดาน ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถชี วี ติ ความเปนอยูข องเพือ่ นบาน ในอาเซียน เพื่อสรางจิตสํานึกของ ความเปนประชาคมอาเซียนและ ตระหนักถึงหนาที่ของการเปน พลเมืองอาเซียนรวมกัน
3. การสงเสริมการเรียนรูภาษา อังกฤษเพื่อการสื่อสารและการ ทํางานตามมาตรฐานอาชีพที่ กําหนดและสนับสนุนการเรียนรู ภาษาอาเซียนและภาษาเพื่อนบาน เพื่อชวยเสริมสรางสัมพันธภาพทาง สังคม และการอยูรวมกันอยางสันติ ทามกลางความหลากหลายทาง วัฒนธรรม
5. การสรางความรูและความ ตระหนักเกี่ยวกับดานสิ่งแวดลอม ปญหาและผลกระทบตอคุณภาพ ชีวิตของประชากรในภูมิภาค รวมทั้งแนวทางการพัฒนาอยาง ยั่งยืน ใหเปนมรดกสืบทอดแก พลเมืองอาเซียนในรุนหลังตอๆ ไป
กระทรวงศึกษาธิการจึงประกาศนโยบายการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) เพื่อเรงพัฒนาเด็ก และเยาวชนไทยใหเปนทรัพยากรมนุษยของชาติที่มีทักษะและความชํานาญ พรอมเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงและ การแขงขันทั้งในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆ ของสังคมโลก ทั้งนี้ผูบริหารสถานศึกษา ครูผูสอน และผูปกครอง ควรรวมมือกันอยางใกลชิดในการดูแลชวยเหลือผูเรียนและจัดประสบการณการเรียนรูเพื่อพัฒนาผูเรียนจนเต็มศักยภาพ เพื่อกาวเขาสูการเปนพลเมืองอาเซียนอยางมีเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีความเปนมนุษยของตน คณะผูจัดทํา คูม อื ครู
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง สาระที่ 1
พระพุทธศาสนา (เฉพาะชั้น ม.1)*
ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม
มาตรฐาน ส 1.1 รูและเขาใจประวัติ ความสําคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือและ ศาสนาอื่น มีศรัทธาที่ถูกตอง ยึดมั่น และปฏิบัติตามหลักธรรม เพื่ออยูรวมกันอยางสันติสุข ชั้น
ตัวชี้วัด
ม.1 1. อธิบายการเผยแผ พระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตน นับถือสูประเทศไทย 2. วิเคราะหความ สําคัญของพระพุทธศาสนาหรือศาสนา ที่ตนนับถือ ที่มีตอ สภาพแวดลอมใน สังคมไทย รวมทั้ง การพัฒนาและ ครอบครัว 3. วิเคราะหพุทธประวัติ ตั้งแตประสูติจนถึง บําเพ็ญทุกกรกิริยา หรือประวัติศาสดา ที่ตนนับถือตามที่ กําหนด 4. วิเคราะหและ ประพฤติตนตาม แบบอยางการ ดําเนินชีวิตและ ขอคิดจากประวัติ พระสาวก ชาดก เรื่องเลา และ ศาสนิกชนตัวอยาง ตามที่กําหนด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
• การสังคายนา • การเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูประเทศไทย
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• หนวยการเรียนรูท ี่ 1 ประวัตแิ ละความสําคัญของ พระพุทธศาสนา
เสร�ม
9
• ความสําคัญของพระพุทธศาสนาตอสังคมไทยใน • หนวยการเรียนรูท ี่ 1 ประวัตแิ ละความสําคัญของ ฐานะเปน พระพุทธศาสนา - ศาสนาประจําชาติ - สถาบันหลักของสังคมไทย - สภาพแวดลอมที่กวางขวาง และครอบคลุม สังคมไทย - การพัฒนาตนและครอบครัว • สรุปและวิเคราะหพุทธประวัติ - ประสูติ - เทวทูต ๔ - การแสวงหาความรู - การบําเพ็ญทุกกรกิริยา
• หนวยการเรียนรูท ี่ 2 พุทธประวัติ พระสาวก ศาสนิกชนตัวอยาง และชาดก
• พุทธสาวก พุทธสาวิกา - พระมหากัสสปะ - พระอุบาลี - อนาถบิณฑิกะ - นางวิสาขา • ชาดก - อัมพชาดก - ติตติรชาดก • ศาสนิกชนตัวอยาง - พระเจาอโศกมหาราช - พระโสณะและพระอุตตระ
• หนวยการเรียนรูท ี่ 2 พุทธประวัติ พระสาวก ศาสนิกชนตัวอยาง และชาดก
_________________________________ * สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม. (กรุงเทพมหานคร : ชุมนุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย, 2551), หนา 43-57.
คูม อื ครู
ชั้น
เสร�ม
10
คูม อื ครู
ตัวชี้วัด
ม.1 5. อธิบายพุทธคุณ และขอธรรมสําคัญ ในกรอบอริยสัจ ๔ หรือหลักธรรมของ ศาสนาที่ตนนับถือ ตามที่กําหนด เห็น คุณคาและนําไป พัฒนาแกปญหาของ ตนเองและครอบครัว
สาระการเรียนรูแกนกลาง
• พระรัตนตรัย - พุทธคุณ ๙ • อริยสัจ ๔ - ทุกข (ธรรมที่ควรรู) : ขันธ ๕ - สมุทัย (ธรรมที่ควรละ) : กรรม : อบายมุข ๖ - นิโรธ (ธรรมที่ควรบรรลุ) : สุข ๒ (กายิก, เจตสิก) : คิหิสุข - มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ) : ไตรสิกขา : กรรมฐาน ๒ : ปธาน ๔ : โกศล ๓ : มงคล ๓๘ ➤ การไมคบคนพาล ➤ การคบบัณฑิต ➤ การบูชาผูควรบูชา • พุทธศาสนสุภาษิต - ยํ เว เสวติ ตาทิโส คบคนเชนใดยอมเปนเชนนั้น - อตฺตนา โจทยตฺตานํ จงเตือนตนดวยตนเอง - นิสมฺม กรณํ เสยฺโย การใครครวญกอนแลวจึงทําดีกวา - ทุราวาสา ฆรา ทุกฺขา เหยาเรือนที่ปกครองไมดีนําทุกขมาให
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• หนวยการเรียนรูท ี่ 3 หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา • หนวยการเรียนรูท ี่ 4 พุทธศาสนสุภาษิต
ชั้น
ตัวชี้วัด
ม.1 6. เห็นคุณคาของการ พัฒนาจิต เพื่อ การเรียนรูและการ ดําเนินชีวิต ดวย วิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการคือวิธีคิด แบบคุณคาแทคุณคาเทียม และ วิธีคิดแบบคุณ-โทษ และทางออกหรือ การพัฒนาจิตตาม แนวทางของศาสนา ที่ตนนับถือ 7. สวดมนต แผเมตตา บริหารจิต และเจริญ ปญญาดวยอานาปานสติ หรือตาม แนวทางของศาสนา ที่ตนนับถือตามที่ กําหนด 8. วิเคราะหและปฏิบัติ ตนตามหลักธรรม ทางศาสนาที่ตน นับถือในการดํารง ชีวิตแบบพอเพียง และดูแลรักษา สิ่งแวดลอมเพื่อการ อยูรวมกันไดอยาง สันติสุข
สาระการเรียนรูแกนกลาง
• โยนิโสมนสิการ - วิธีคิดแบบคุณคาแท-คุณคาเทียม - วิธีคิดแบบคุณ-โทษ และทางออก
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• หนวยการเรียนรูท ี่ 7 การบริหารจิตและการเจริญ ปญญา เสร�ม
11
• สวดมนตแปล และแผเมตตา • หนวยการเรียนรูท ี่ 7 • วิธีปฏิบัติและประโยชนของการบริหารจิตและ การบริหารจิตและการเจริญ เจริญปญญา การฝกบริหารจิตและเจริญปญญา ปญญา ตามหลักสติปฏฐานเนนอานาปานสติ • นําวิธีการบริหารจิตและเจริญปญญาไปใชในชีวิต ประจําวัน • หลักธรรม (ตามสาระการเรียนรูขอ ๕)
• หนวยการเรียนรูท ี่ 8 ศาสนสัมพันธ
คูม อื ครู
ชั้น
เสร�ม
12
ตัวชี้วัด
ม.1 9. วิเคราะหเหตุผล ความจําเปนทีท่ กุ คน ตองศึกษาเรียนรู ศาสนาอื่นๆ 10. ปฏิบัติตนตอ ศาสนิกชนอื่นใน สถานการณตางๆ ไดอยางเหมาะสม 11. วิเคราะหการกระทํา ของบุคคลที่เปน แบบอยางดาน ศาสนสัมพันธ และ นําเสนอแนวทางการ ปฏิบัติของตนเอง
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• ศาสนิกชนของศาสนาตางๆ มีการประพฤติ • หนวยการเรียนรูท ี่ 8 ปฏิบัติตนและวิถีการดําเนินชีวิตแตกตางกันตาม ศาสนสัมพันธ หลักความเชื่อและคําสอนของศาสนาที่ตนนับถือ • การปฏิบัติอยางเหมาะสมตอศาสนิกชนอื่นใน สถานการณตางๆ
• หนวยการเรียนรูท ี่ 8 ศาสนสัมพันธ
• ตัวอยางบุคคลในทองถิ่นหรือประเทศที่ปฏิบัติตน • หนวยการเรียนรูท ี่ 8 ศาสนสัมพันธ เปนแบบอยางดานศาสนสัมพันธหรือมีผลงาน ดานศาสนสัมพันธ
มาตรฐาน ส 1.2 เขาใจ ตระหนัก และปฏิบัติตนเปนศาสนิกชนที่ดี และธํารงรักษาพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือ ชั้น
ตัวชี้วัด
ม.1 1. บําเพ็ญประโยชน ตอศาสนสถานของ ศาสนาที่ตนนับถือ 2. อธิบายจริยวัตรของ สาวกเพื่อเปนแบบ อยางในการประพฤติ ปฏิบตั ิ และปฏิบตั ติ น อยางเหมาะสมตอ สาวกของศาสนาที่ ตนนับถือ
คูม อื ครู
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• หนวยการเรียนรูท ี่ 5 หนาทีช่ าวพุทธและมารยาท ชาวพุทธ • หนวยการเรียนรูท ี่ 5 • วิถีชีวิตของพระภิกษุ หนาทีช่ าวพุทธและมารยาท • บทบาทของพระภิกษุในการเผยแผพระพุทธศาสนา เชน การแสดงธรรม ปาฐกถาธรรม การ ชาวพุทธ ประพฤติตนใหเปนแบบอยาง • การปฏิบัติตนที่เหมาะสม - การเขาพบพระภิกษุ - การแสดงความเคารพ การประนมมือ การ ไหว การกราบ การเคารพพระรัตนตรัย การ ฟงเจริญพระพุทธมนต การฟงสวดพระอภิธรรม การฟงพระธรรมเทศนา • การบําเพ็ญประโยชนและการบํารุงรักษาวัด
ชั้น
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
ม.1 3. ปฏิบัติตนอยาง • ปฏิบัติตนอยางเหมาะสมตอเพื่อนตามหลัก เหมาะสมตอบุคคล พระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ ตางๆ ตามหลัก - การจัดโตะหมูบูชา แบบหมู ๔ หมู ๕ ศาสนาที่ตนนับถือ หมู ๗ หมู ๘ ตามที่กําหนด - การจุดธูปเทียน การจัดเครื่องประกอบโตะ หมูบูชา 4. จัดพิธีกรรม • คําอาราธนาตางๆ และปฏิบัติตนใน ศาสนพิธี พิธีกรรม ไดถูกตอง 5. อธิบายประวัติ • ประวัติและความสําคัญของวันธรรมสวนะ ความสําคัญและ วันเขาพรรษา วันออกพรรษา วันเทโวโรหณะ ปฏิบัติตนในวัน • ระเบียบพิธี พิธีเวียนเทียน การปฏิบัติตนใน สําคัญทางศาสนา วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอัฏฐมีบูชา ที่ตนนับถือตามที่ วันอาสาฬหบูชา วันธรรมสวนะ และเทศกาล กําหนดไดถูกตอง สําคัญ
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• หนวยการเรียนรูท ี่ 5 หนาทีช่ าวพุทธและมารยาท ชาวพุทธ เสร�ม • หนวยการเรียนรูท ี่ 6 วันสําคัญทางพระพุทธศาสนา
13
• หนวยการเรียนรูท ี่ 6 วันสําคัญทางพระพุทธศาสนา
คูม อื ครู
จุดเนนการพัฒนาคุณภาพผูเรียน* การขับเคลื่อนหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 และการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษ ที่สอง (พ.ศ. 2552-2561) ใหประสบผลสําเร็จตามจุดเนนการพัฒนาคุณภาพผูเรียน โดยใหทุกภาคสวน รวมกันดําเนินการ กระทรวงศึกษาธิการไดกําหนดจุดเนนการพัฒนาคุณภาพผูเรียน ดังนี้ เสร�ม
14
ทักษะ ความสามารถ
คุณลักษณะ จุดเนนตามชวงวัย
ม. 4-6
แสวงหาความรู เพื่อแกปญหา ใชเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู ใชภาษาตางประเทศ (ภาษาอังกฤษ) มีทักษะการคิดขั้นสูง ทักษะชีวิต ทักษะการสื่อสารอยางสรางสรรคตามชวงวัย
ม. 1-3
แสวงหาความรูดวยตนเอง ใชเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู มีทักษะการคิดขั้นสูง ทักษะชีวิต ทักษะการสื่อสารอยางสรางสรรคตามชวงวัย
• อยูอยางพอเพียง
ป. 4-6
อานคลอง เขียนคลอง คิดเลขคลอง ทักษะการคิดขั้นพื้นฐาน ทักษะชีวิต ทักษะการสื่อสารอยางสรางสรรคตามชวงวัย
• ใฝเรียนรู
ป. 1-3
อานออก เขียนได คิดเลขเปน มีทักษะการคิดขั้นพื้นฐาน ทักษะชีวิต ทักษะการสื่อสารอยางสรางสรรคตามชวงวัย
• ใฝดี
• มุงมั่นในการศึกษา และการทํางาน
คุณลักษณะตามหลักสูตร
• รักชาติ ศาสน กษัตริย • ซื่อสัตยสุจริต • มีวินัย • ใฝเรียนรู • อยูอยางพอเพียง • มุงมั่นในการทํางาน • รักความเปนไทย • มีจิตสาธารณะ
* สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ. แนวทางการนําจุดเนนการพัฒนาผูเรียน สูการปฏิบัติ. (กรุงเทพมหานคร : ชุมนุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย, 2553), หนา 3-10.
คูม อื ครู
คําอธิบายรายวิชา รายวิชา พระพุทธศาสนา ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 รหัสวิชา ส…………………………………
กลุมสาระการเรียนรู สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ภาคเรียนที่ 1-2 เวลา 40 ชั่วโมง/ป
ศึกษา วิเคราะห การสังคายนา การเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูประเทศไทย พุทธประวัติตั้งแตประสูติจนถึงบําเพ็ญ ทุกกรกิริยา ประวัติพระมหากัสสปะ พระอุบาลี อนาถบิณฑิกะ นางวิสาขา พระเจาอโศกมหาราช พระโสณะและพระอุตตระ เสร�ม บุคคลที่เปนแบบอยางดานศาสนสัมพันธ ชาดกในเรื่อง อัมพชาดก ติตติรชาดก ประพฤติตนตามแบบอยางการดําเนินชีวิต 15 และขอคิดจากประวัติพระสาวก ชาดก เรื่องเลา และศาสนิกชนตัวอยาง ความสําคัญของพระพุทธศาสนาที่มีตอสภาพ แวดลอมในสังคมไทย รวมทัง้ การพัฒนาตนและครอบครัว ความจําเปนทีท่ กุ คนตองเรียนรูศ าสนาอืน่ ๆ ปฏิบตั ติ นตอศาสนิกชน อื่นในสถานการณตางๆ ไดอยางเหมาะสม วิเคราะหและปฏิบัติตนตามหลักพุทธคุณ ๙ อริยสัจ ๔ ทุกข (ธรรมที่ควรรู) ในเรื่อง ขันธ ๕ สมุทัย (ธรรมที่ควรละ) ในเรื่อง กรรม อบายมุข ๖ นิโรธ (ธรรมที่ควรบรรลุ) ในเรื่อง สุข ๒ (กายิก, เจตสิก) คิหิสุข มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ) ในเรื่อง ไตรสิกขา กรรมฐาน ๒ ปธาน ๔ โกศล ๓ มงคล ๓๘ (การไมคบคนพาล การคบบัณฑิต การบูชาผูควรบูชา) พุทธศาสนสุภาษิต ในเรือ่ ง ย เว เสวติ ตาทิโส (คบคนเชนใดยอมเปนเชนนัน้ ) อตฺตนา โจทยตฺตาน (จงเตือนตนดวยตนเอง) นิสมฺม กรณ เสยฺโย (การใครครวญกอนแลวจึงทําดีกวา) ทุราวาสา ฆรา ทุกขฺ า (เหยาเรือนทีป่ กครองไมดนี าํ ทุกขมาให) ปฏิบตั ติ นตาม หลักธรรมและนําไปพัฒนา แกปญ หาของตนเองและครอบครัวในการดํารงชีวติ แบบพอเพียง และดูแลรักษาสิง่ แวดลอมเพือ่ การอยู รวมกันไดอยางสันติสุข การพัฒนาจิตเพื่อการเรียนรูและและการดําเนินชีวิตดวยวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ (วิธีคิดแบบ คุณคาแท-คุณคาเทียม วิธคี ดิ แบบคุณ-โทษ และทางออก) สวดมนต แผเมตตา บริหารจิต และเจริญปญญาดวยอานาปานสติ วิเคราะหและปฏิบตั ติ น การบําเพ็ญประโยชนตอ ศาสนสถาน วิถชี วี ติ ของพระภิกษุ บทบาทของพระภิกษุในการเผยแผ พระพุทธศาสนา ปฏิบัติตนอยางเหมาะสมตอบุคคลตางๆ การจัดโตะหมูบูชา การจุดธูปเทียน การจัดเครื่องประกอบโตะ หมูบูชา ปฏิบัติตนในศาสนพิธีและพิธีกรรมในเรื่อง คําอาราธนาตางๆ ประวัติ ความสําคัญ และการปฏิบัติตนในวันสําคัญ ทางพระพุทธศาสนา โดยใชกระบวนการคิด กระบวนการสืบคนขอมูล กระบวนการทางสังคม กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการกลุม กระบวนการเผชิญสถานการณและแกปญหา เพือ่ ใหเกิดความรูค วามเขาใจ สามารถนําไปปฏิบตั ใิ นการดําเนินชีวติ นําไปพัฒนาแกปญ หาของตนเองและครอบครัว รักษาสิง่ แวดลอม มีคณุ ลักษณะอันพึงประสงคในดานรักชาติ ศาสน กษัตริย ซือ่ สัตยสจุ ริต มีวนิ ยั ใฝเรียนรู อยูอ ยางพอเพียง มุงมั่นในการทํางาน รักความเปนไทย มีจิตสาธารณะ สามารถอยูรวมกันไดอยางสันติสุข
ตัวชี้วัด ส 1.1 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 ม.1/6 ม.1/7 ม.1/8 ม.1/9 ม.1/10 ม.1/11 ส 1.2 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5 รวม 16 ตัวชี้วัด
คูม อื ครู
ตาราง
วิเคราะหมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั รายวิชา พระพุทธศาสนา ม.1
คําชี้แจง : ใหผูสอนใชตารางนี้ตรวจสอบความสอดคลองของเนื้อหาสาระการเรียนรูในหนวยการเรียนรูกับมาตรฐาน การเรียนรูและตัวชี้วัดชั้นป เสร�ม
16
สาระที่ 1
มาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด
หนวยการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 1 : ประวัติและ ความสําคัญของ พระพุทธศาสนา หนวยการเรียนรูที่ 2 : พุทธประวัติ พระสาวก ศาสนิกชนตัวอยาง และชาดก
มาตรฐาน ส 1.1 ตัวชี้วัด 1
2
✓
✓
3
4
✓
✓
5
หนวยการเรียนรูที่ 3 : หลักธรรมทาง พระพุทธศาสนา
✓
หนวยการเรียนรูที่ 4 : พุทธศาสนสุภาษิต
✓
6
7
มาตรฐาน ส 1.2 ตัวชี้วัด 8
9
10
11
หนวยการเรียนรูที่ 5 : หนาที่ชาวพุทธ และมารยาท ชาวพุทธ หนวยการเรียนรูที่ 6 : วันสําคัญทาง พระพุ ท ธศาสนา และศาสนพิธี หนวยการเรียนรูที่ 7 : การบริหารจิตและ การเจริญปญญา หนวยการเรียนรูที่ 8 : ศาสนสัมพันธ
คูม อื ครู
✓
✓
✓
✓
✓
✓
1
2
3
✓
✓
✓
4
5
✓
✓
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹
¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò Á.ñ
ªÑ¹é ÁѸÂÁÈÖ¡ÉÒ»‚·Õè ñ
¡ÅØ‹ÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙŒÊѧ¤ÁÈÖ¡ÉÒ ÈÒÊ¹Ò áÅÐÇѲ¹¸ÃÃÁ µÒÁËÅÑ¡ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òõõñ
¼ÙŒàÃÕºàÃÕ§
È.´Ã. ÇÔ·Â ÇÔÈ·àÇ·Â È.¾ÔàÈÉ àÊ°ÕÂþ§É ÇÃó»¡
¼ÙŒµÃǨ
È.¾ÔàÈÉ ¨íÒ¹§¤ ·Í§»ÃÐàÊÃÔ° ÃÈ. ªÙÈÑ¡´Ôì ·Ô¾Âà¡Éà ¹ÒÂÊíÒÃÇ ÊÒÃѵ¶
ºÃóҸԡÒÃ
¹ÒÂÊÁà¡ÕÂÃµÔ ÀÙ‹ÃÐ˧É
ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ òññóðøô
¾ÔÁ¾ ¤ÃÑ駷Õè ñ ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ òñôóñòø
คณะผูจัดทําคูมือครู ฤดีวรรณ มาดีกุล วีระชัย บุญอยู แมนพงษ เห็มกอง
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
¤íÒ¹íÒ
¾Ãоط¸ÈÒʹҹѺ໚¹Ê¶ÒºÑ¹ËÅÑ¡·ÕèÍÂÙ‹¤Ù‹Êѧ¤Áä·ÂÁÒÍ‹ҧÂÒǹҹáÅÐ໚¹ÊÀÒ¾áÇ´ÅŒÍÁ ·Õ¤è Ãͺ¤ÅØÁÊѧ¤Áä·ÂÍ‹ҧ¡ÇŒÒ§¢ÇÒ§ ´ŒÇÂÊÀÒ¾Êѧ¤Áä·Â·ÕÁè ¡Õ ÒÃà»ÅÕÂè ¹á»Å§ä»Í‹ҧÃÇ´àÃçÇ ÃÇÁ·Ñ§é à·¤â¹âÅÂÕáÅÐÇѵ¶Ø¹ÔÂÁ·ÕèࢌÒÁÒÁÕº·ºÒ·µ‹Í¡ÒôíÒà¹Ô¹ªÕÇÔµ¢Í§¼ÙŒ¤¹à»š¹Í‹ҧÁÒ¡ â´Â੾ÒÐÇÑ¢ͧ ¹Ñ¡àÃÕ¹«Öè§Âѧ໚¹àÂÒǪ¹ ¡çÁÕÊÔè§àÂŒÒÂǹµ‹Ò§æ ¼‹Ò¹à¢ŒÒÁÒ㹪ÕÇÔµÍÂÙ‹äÁ‹¹ŒÍ ¨Ö§¨íÒ໚¹µŒÍ§ÁÕÀÙÁԤ،Á¡Ñ¹ ãËŒÊÒÁÒö´íÒà¹Ô¹ªÕÇÔµ»ÃШíÒÇѹ䴌Í‹ҧ໚¹»¡µÔÊØ¢ áÅÐàµÔºâµà»š¹ºØ¤¤Å·Õè¶Ö§¾ÃŒÍÁ´ŒÇ¤ÇÒÁÃÙŒ ¤ÇÒÁÊÒÁÒö ໚¹¤¹´Õ Áդس¸ÃÃÁ áÅÐ㪌ªÕÇԵ͋ҧÁÕ¤ÇÒÁÊØ¢ ÀÙÁ¤Ô ÁŒØ ¡Ñ¹ÍÂ‹Ò§Ë¹Ö§è ·Õ¨è Ъ‹ÇÂãËŒ¹¡Ñ àÃÕ¹¶Ö§¾ÃŒÍÁ´ŒÇ¤سÊÁºÑµ´Ô §Ñ ¡Å‹ÒÇä´Œ ¡ç¤Í× ÈÒÊ¹Ò â´Â੾ÒÐ ¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò Íѹ໚¹ÈÒÊ¹Ò·Õ¤è ¹ä·ÂʋǹãËÞ‹¹ºÑ ¶×Í ´ŒÇÂà˵عÕé ¡ÒÃÈÖ¡ÉÒàÃÕ¹ÃÙ¾Œ Ãоط¸ÈÒʹҨ֧ ໚¹ÊÔ§è ¨íÒ໚¹ ·Ñ§é ¹Õàé ¾×Íè ¨Ðä´ŒàÅç§àË繤س¤‹ÒáÅеÃÐ˹ѡ㹤ÇÒÁÊíÒ¤Ñޢͧ¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò Íѹ¨Ð¹íÒä» ÊÙ¤‹ ÇÒÁËÇÁÁ×͡ѹ㹡Ò÷íҹغÒí Ãا¾Ãоط¸ÈÒʹÒãËŒà¨ÃÔÞÃا‹ àÃ×ͧµÅÍ´¨¹ä´ŒÁâÕ Í¡ÒÊàÃÕ¹ÃÙËŒ ÅÑ¡¸ÃÃÁ ·ÕèÁդس¤‹Òà¾×è͹íÒä»ãªŒà»š¹á¹Ç·Ò§ã¹¡ÒôíÒà¹Ô¹ªÕÇÔµ ÊíÒËÃѺ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò àÅ‹Á¹Õé àÃÕºàÃÕ§¢Öé¹ãËÁ‹ãËŒÊÍ´¤ÅŒÍ§¡ÑºµÑǪÕéÇÑ´áÅÐÊÒÃÐ ¡ÒÃàÃÕ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§ µÒÁËÅÑ¡ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òõõñ â´Âã¹áµ‹ÅÐ ªÑ¹é »‚ (Á.ñ-Á.ó) ¨ÐÁÕ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ªÑé¹ÅÐ ñ àÅ‹Á ÊÒÁÒö㪌໚¹Ê×èÍ»ÃСͺ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹䴌·Ñé§ ò ÀÒ¤àÃÕ¹ ·Ñ駹Õé㹪Ñé¹ÁѸÂÁÈÖ¡ÉÒ»‚·Õè ñ ¨ÐÁÕà¹×éÍÊÒÃÐÇ‹Ò´ŒÇ»ÃÐÇѵԤÇÒÁ໚¹ÁÒ ¡ÒÃà¼ÂἋ¾Ãоط¸ÈÒʹÒࢌÒÊÙ‹»ÃÐà·Èä·Â ¤ÇÒÁÊíÒ¤Ñޢͧ¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò ¾Ø·¸»ÃÐÇÑµÔ ¾ÃÐÊÒÇ¡ ÈÒʹԡª¹µÑÇÍ‹ҧ ªÒ´¡ ËÅÑ¡¸ÃÃÁ·ÕèÊíÒ¤ÑÞ·Ò§¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò ¾Ø·¸ÈÒʹÊØÀÒÉÔµ ˹ŒÒ·ÕèªÒǾط¸áÅÐÁÒÃÂÒ·ªÒǾط¸ ÇѹÊíÒ¤ÑÞ·Ò§¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò ÈÒʹ¾Ô¸Õ ¡ÒúÃÔËÒèԵáÅÐà¨ÃÔÞ»˜ÞÞÒ áÅÐÈÒʹÊÑÁ¾Ñ¹¸ «Ö§è 㹡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ ¹Í¡¨Ò¡ÀÒ¤¤ÇÒÁÃÙ·Œ ¹Õè ¡Ñ àÃÕ¹¨ÐµŒÍ§ÈÖ¡ÉҨҡ˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹áÅŒÇ ¤ÃÙ¼ÙŒÊ͹¨ÐµŒÍ§¨Ñ´¡Ô¨¡ÃÃÁãËŒ¹Ñ¡àÃÕ¹䴌ŧÁ×Í»¯ÔºÑµÔ¨ÃÔ§´ŒÇ â´Â੾ÒСÒÃËÇÁ»¯ÔºÑµÔÈÒʹ¾Ô¸Õ ¡ÒÃËÇÁ»¯ÔºÑµÔ¡Ô¨¡ÃÃÁã¹ÇѹÊíÒ¤ÑÞ·Ò§ÈÒÊ¹Ò ¡ÒùíÒËÅÑ¡¸ÃÃÁÁÒ㪌 ËÃ×Í¡Òýƒ¡ÊÁÒ¸Ô ¡ç¨Ðª‹ÇÂãËŒ ¹Ñ¡àÃÕ¹䴌ࢌÒã¨áÅÐàË繶֧¤ÇÒÁÊíÒ¤Ñޢͧ¾Ãоط¸ÈÒʹÒÁÒ¡¢Öé¹ ËÇѧ໚¹Í‹ҧÂÔ§è Ç‹Ò Ë¹Ñ§Ê×ÍàÃÕ¹¾Ãоط¸ÈÒʹÒàÅ‹Á¹Õé ¨Ðª‹ÇÂÍíҹǤÇÒÁÊдǡ㹡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹ ¡ÒÃÊ͹䴌Í‹ҧÁÕ»ÃÐÊÔ·¸ÔÀÒ¾ áÅЪ‹ÇÂãËŒ¹¡Ñ àÃÕ¹ÁÕ¤³ Ø ÀÒ¾ ÁÕ¼ÅÊÑÁÄ·¸Ô·ì Ò§¡ÒÃàÃÕ¹µÒÁ·ÕËè ÅÑ¡ÊÙµÃä´Œ ¡íÒ˹´äÇŒ·¡Ø »ÃСÒà ¤³Ð¼ÙŒàÃÕºàÃÕ§
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Explore
ขยายความเขาใจ
Explain
Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
¤íÒá¹Ð¹íÒ㹡ÒÃ㪌˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ หนังสือเรียน รายวิชาพืน้ ฐาน พระพุทธศาสนาเลมนี้ สรางขึน้ เพือ่ ใหเปนสือ่ สําหรับใชประกอบการเรียน การสอนในรายวิชาพืน้ ฐาน กลุม สาระการเรียนรูส งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๑ โดยเนือ้ หาตรงตามสาระการเรียนรูแ กนกลางขัน้ พืน้ ฐาน อานทําความเขาใจงาย ใหทงั้ ความรูแ ละชวย พัฒนาผูเ รียนตามหลักสูตรและตัวชีว้ ดั เนือ้ หาสาระแบงออกเปนหนวยการเรียนรูต ามโครงสรางรายวิชา สะดวก แกการจัดการเรียนการสอนและการวัดผลประเมินผล พรอมเสริมองคประกอบอืน่ ๆ ทีจ่ ะชวยทําใหผเู รียนไดรบั ความรูอ ยางมีประสิทธิภาพ à¹×éÍËҵçµÒÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§
๑
พระสงฆ์ผู้กระท�า
สถานที่และผู้อุปถัมภ์
วัดโพธาราม จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย (นับเป็ ติโลกราชเป็นองค์อปุ ถัมภ์
อธิบายการเผยแ ที่ตนนับถือสู ผ่พระพุทธศาสนาหรอื ศาสน ่ป วิเคราะห์ความสระเทศไทย (ส ๑.๑ ม.๑/ า ๑) ศาสนาที่ตนนั า� คัญของพระพุทธศาสนาหร สังคมไทยรวม บถือที่มีต่อสภาพแวดล อื ั นาตนและค ้อมใน (ส ๑.๑ ม.๑/ ทัง้ การพฒ รอบครัว ๒)
า
สาเหตุ
ยอ่ หย่อนในพระธรรมวินยั พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดพระผูใ้ หญ่ถกู ถอดและถูกจับสึก เพราะความประพฤติ ฎกขึน้ เพือ่ ให้พระสงฆ์ศกึ ษาพระธรรมทีถ่ กู ต้อง ฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงทรงมีพระราชประสงค์ให้ชา� ระพระไตรปิ
พระพุทธรูปปางปรินิพพานในพระสถู
เวลาที่กระท�า
เดือน จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) กระท�าอยู่ ๕ กระท�าใน พ.ศ. ๒๓๓๑ (รัชสมัยของพระบาทสมเด็ จึงส�าเร็จ ยกว่า พระสงฆ์ผู้กระท�า ได้รว่ มกันช�าระคัดลอกสร้างพระไตรปิฎกฉบับหลวง เรี พระเถระ ๒๑๘ รูป และราชบัณฑิตคฤหัสถ์อกี ๓๒ คนบรองทอง และฉบับทองชุบ) “ฉบับทองใหญ่” (ต่อมาสร้างเพิม่ อีก ๒ ฉบับ คือ ฉบั
สาระการเรียนรู
้แกนกลาง
การสังคายน า การเผยแผ่พ ระพุ ความส�าคัญของพทธศาสนาเข้าสู่ประเท ศไทย ในฐานะเป็น ระพุทธศาสนาต่อสังคมไท ย - ศาสนาประ จ� - สถาบันหลั าชาติ กของสังคมไท - สภาพแวดล ย ้อมที่กว้างขวา สังคมไทย งและครอบคลุ ม - การพัฒนาตน และครอบครั ว ●
●
ปปรินิพพาน เมืองกุสินารา ประเทศอ
เรื่องน่ารู้
พระพุทธรูปปางไสยาสน์ เป็นพระปาง ประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอังคาร เรียกอีกอย่างว่าปางโปรดอสุรนิ ทราหู เป็นเหตุการณ์เมื่อครั้งพระพุทธเจ้ าประทับอยู่ ณ วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ครั ้งนั้นอสุรินทราหูจอมอสูรสำคัญ ว่าตนมีร่างกาย ใหญ่โต แสดงความกระด้างกระเดื ่องไม่ยอมอ่อนน้อมต่อพระพุทธเจ้ า พระพุทธองค์ ทรงมีพระราชประสงค์ลดทิฐิของจอมอ สูร จึงทรงเนรมิตกายจนใหญ่กว่ า อสุรินทราหูจึงยอมอ่อนน้อม
ทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเป็นองค์อปุ ถัมภ์ วัดมหาธาตุยวุ ราชรังสฤษฎิ์ โดยมีพระบาทสมเดจ็ พระพุ
¾Ã Ð¾Ø · àÁ×Íè »ÃÐÁÒ³ ¸È ÒÊ ¹Ò ä´Œ ¡‹ Í ¡í Ò à¹Ô ¤Ã§Ñé ·Õè ó ¾Ã ò,õðð ¡Ç‹Ò»‚ÁÒáÅ ´ ¢Öé ¹ ã¹ »Ã Ðà· ÈÍÔ ¹ ÇŒ â´ÂËÅ§Ñ ¨Ò¡ à´Õ  Ðਠ¤³Ð¸ÃÃÁ·Ù ÒŒ ÍâÈ¡ÁËÒÃÒª «Ö§è ¡ÒÃÊѧ¤Ò ໚ µ ¹Ò ´Ô¹á´¹ÊØÇ à´Ô¹·Ò§ä»à¼Âá¼È‹ Òʹ ¹Í§¤Í »Ø ¶ÑÁÀ ¡äç ´Œ·Ã§Ê Ãó ÂÍÁÃѺ¹Ñº ÀÙÁÔ´ŒÇ ¹Ñº¨Ò¡¹Ñ ÒÂѧ´Ô¹á´¹µÒ‹ §æ ÃÇÁ §‹ é¹ ¶× ··Ñ§é ¨¹¶Ö§»˜¨¨Øº ;Ãоط¸ÈÒʹÒ໚ ÁÒªÒÇä·ÂʋǹãË ¹ã Þ‹ ¡çä´Œ ѹ ¹ËÅÑ¡ã¹¡Ò Ã´íÒà¹Ô¹ªÕÇ ´Ñ§¹Ñé¹ ¨Ö§ Ôµ ໚¹¡ÒÃÊÁ ¤ÇèÐä´ŒÈ ¤ÇÃÂÔè§·Õ ¡Ö ¨Ðä´ŒµÃÐË ÉÒ»ÃÐÇѵ¤Ô ÇÒÁ໚¹ÁÒ è¾Ø·¸ÈÒʹԡª¹ªÒÇ ä·Â ¹Ñ ¢Í ÊíÒ¤ÑÞµ‹ÍÊÑ ¡¶Ö§¤ÇÒÁÊíÒ¤Ñޢͧ¾ §¾Ãо·Ø ¸ÈÒÊ Òʹ¹ÒÒ à¾× §¤Áä·ÂÁÒ Í‹ҧÂÒǹ Ãоط¸ÈÒʹҷÕèÁÕ¤ Íè ÇÒÁ Ò¹
การสังคายนา ครั้งที่ 10
สาเหตุ
ญ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ทรงเจริ เพื่อช�าระพระไตรปิฎกแล้วจัดพิมพ์ ในวโรกาสที่พ กว่า “พระไตรปิฎกฉบับสังคายนา” พระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา ใน พ.ศ. ๒๕๓๐ โดยเรีย
ินเดีย
พระพุทธรูปปางไสยาสน์
สถานที่และผู้อุปถัมภ์
พระพุทธรูปปางไสยาสน์และพระ
พุทธรูปปางปรินิพพาน
เวลาที่กระท�า
กระท�าใน พ.ศ. ๒๕๒๘ ไม่ปรากฏระยะเวลาทีก่ ระท�า
พระพุทธรูปปางไสยาสน์และพระพ ุทธรูปปางปรินิพพาน มีพุทธลักษณะที่ใกล้เคียงกันมาก ทั้งนี ้มีวิธีสังเกตความแตกต่างของพระ พุทธรูป ทั้ง ๒ ปางที่ฝ่าพระบาท โดยพระพ ุทธรูปปางไสยาสน์พระบาทจะเหลื ่อมกัน ส่วนพระพุทธรูปปางปรินิพพานจะม ีพระบาทที่เสมอกัน
พระสงฆ์ผู้กระท�า
ทงั้ ฝายมหานิกายและธรรมยุตกิ นิกาย มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นองค์ประมุข ร่วมกับพระสงฆ์ สถานที่และผู้อุปถัมภ์ โดยมีรฐั บาลเป็นผูอ้ ปุ ถัมภ์ วัดมหาธาตุยวุ ราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
32UIDE ๕ EB G
http://www.aksorn.com/LC/Rel/M1/01
Web guide á¹Ð¹íÒáËÅ‹§¤Œ¹¤ÇŒÒ¢ŒÍÁÙÅ à¾ÔèÁàµÔÁ¼‹Ò¹Ãкº Online
µÑǪÕÇé ´Ñ áÅÐÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙጠ¡¹¡ÅÒ§ µÒÁ·ÕËè ÅÑ¡Êٵà ¡íÒ˹´ à¾×èÍãËŒ·ÃÒº¶Ö§à»‡ÒËÁÒÂ㹡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
¤íÒ¶ÒÁ»ÃШíÒ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒáÅСԨ¡ÃÃÁ ÊÌҧÊÃä ¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒà¾×èÍãËŒ¼ÙŒàÃÕ¹ ÁդسÀÒ¾ºÃÃÅØÁҵðҹáÅеÑǪÕéÇÑ´
àÊÃÔÁÊÒÃШҡà¹×Íé Ëҹ͡à˹×ͨҡ ·ÕÁè ãÕ ¹ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙጠ¡¹¡ÅÒ§ à¾×Íè à¾ÔÁè ¾Ù¹áÅТÂÒ¾ÃÁá´¹¤ÇÒÁÃÙ㌠ˌ ¡ÇŒÒ§¢ÇÒ§ÍÍ¡ä»
Design ˹ŒÒẺãËÁ‹ ÊǧÒÁ ¾ÔÁ¾ ô ÊÕ µÅÍ´àÅ‹Á ª‹ÇÂãˌ͋ҹ·íÒ¤ÇÒÁࢌÒã¨ä´Œ§‹ÒÂ
·Ò§ ³ ÊíÒ¤ÑÞ à˵ءÒà Òã¹»˜¨¨ØºÑ¹ Òʹ
“ดูกอนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราขอเตือนเธอทั้งหลายวา สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมและสิ้นไปเปนธรรมดา พวกเธอจงยังประโยชนตนและผูอื่นใหถึงพรอมดวย ความไมประมาทเถิด”
¤Ó¶ÒÁ»ÃШÓ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ
È
¾Ãоط¸
ÃÐ àÊÃÔÁÊÒ
๑. ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ถานักเรียนติดธุระหรือไมสะดวกดวยประการใดๆ ควร ปฏิบัติเชนไรจึงจะไดชื่อวาเปนพุทธศาสนิกชนที่ดี ๒. การเขารวมศาสนพิธีในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนามีประโยชนอยางไร ๓. นักเรียนคิดวาการจัดโตะหมูบูชามีจุดประสงคเพื่ออะไร ๔. การอาราธนาศีล การอาราธนาธรรม และการอาราธนาพระปริตรมีความแตกตางกัน อยางไร ๕. นักเรียนควรจะปฏิบัติตนอยางไรจึงจะไดชื่อวาเปนพุทธศาสนิกชน หรือศาสนิกชนที่ดี ของศาสนาที่ตนนับถือ จงอธิบายพรอมยกตัวอยางประกอบ
ะพุทธี่ยวกับพร กิจการเก นอกเหนือจาก ลปัจจุบัน ในรัชกา องเป็นอย่างมาก �าหลักธรรมทาง งน ่งเรื รุ ทร ญ จะ ริ ัว ระพฤติ ศาสนาเจ เด็จพระเจ้าอยู่ห กรแล้ว ยังทรงป ทรง นิ สม ทิ พระบาท าสนามาดูแลพสก วพุทธที่ดี อา ใน ชา ละ พระพทุ ธศ นแบบอย่างของ ติยราชประเพณีแ ป็ เ ์ ต ขั งค พระอ ะราชกุศลตาม ธศาสนา บ�าเพ็ญพร างๆ ทางพระพุท ต่ ญ คั า ส� บ วัน ั จ จุ บั น กั ลป
ั จ จุบน ชกาลป ั้งแรก นาในรั ทศเป็นคร ุ ธศาส ท ต่างประเ ินเดีย ศอ ั พระพ างวัดไทยใน ยี่ วกบ มีการสร้ ยพุทธคยา ประเท
๐ ๒๕๐
นา ะพุทธศาสกิจการ ิม นักงานพร จัดตั้งส�า ท�าหน้าที่ส่งเสร แห่งชาติ าสนาของชาติ พระพุทธศ
น เนือ่ งในวั านาชาติ ณฑลเปน็ ธม ชาวพุทธน ทีป่ ระชมุ าโลก มีมติให้พทุ าสนาของโลก วิสาขบชู งของพระพทุ ธศ ลา ก ย์ น ศู
1๓
อภิปรายรวมกันในหัวขอ “ความสำคัญของวันธรรมสวนะกับการปฏิบัติตน เพื่อการเปนพุทธศาสนิกชนที่ดี” หลังจากนั้นใหนักเรียนเขียนสรุปเนื้อหา การอภิปรายลงในสมุดสงครูผูสอน
กิจกรรมที่ ๒
ครูพานักเรียนไปรวมบำเพ็ญประโยชน หรือเขารวมศาสนพิธีตามโอกาส และเวลาที่เหมาะสม
กิจกรรมที่ ๓
จัดการประกวดการจัดโตะหมูบูชาระหวางหองเรียน รวมทั้งจัดนิทรรศการ เกี่ยวกับการปฏิบัติตนที่ถูกตองในศาสนพิธีตางๆ เพื่อใหความรูแกนักเรียน ในโรงเรียน
พุทธศาสนสุภาษิต
ÊÒ¡¨Ú©Ò » Ú Ò àÇ·Ôµ¾Ú¾Ò : »˜- - Ò¾Ö§ÃÙŒ (ÁÕ) ä´Œ´ŒÇ¡ÒÃʹ·¹Ò ๑๒๒
๓๓
กิจกรรมที่ ๑
๔๘ พ.ศ. ๒๕
0๘ พ.ศ. ๒๕
พรรษา งกุสนิ ารา เมือ่ วันขึน้ ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ เมือ่ พระชนมายุ ๘๐ พระพุทธเจาเสด็จดับขันธปรินิพพาน ที่สาลวโนทยาน เมือ
0๕ พ.ศ. ๒๕
ใช้ ประกาศ ์ สงฆ ัญญัติคณะ แห่งโลก กสัมพันธ์ เป็นการ ทุ ธศาสนิ ขนึ้ องคก์ ารพตัง้ ส�านักงานใหญ่ มหานคร งเทพ จัด ถาวรทกี่ รุ (พ.ส.ล.)
พระราชบ
¡Ô¨¡ÃÃÁÊÌҧÊÃä ¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ
คือ วัดไท
๒๕๕ ๐
สร้าง มีการจัด ลที่จังหวัด พุทธมณฑ เพื่อฉลองกึ่ง นครปฐม และให้เป็น พุทธกาล ัดกิจกรรมและ สถานที่จ ะพุทธศาสนา ศึกษาพร าสนา พระพทุ ธศษา ึก เรียนสอน จัดตัง้ โรงพัฒนาเป็นศูนย์ศตย์ ปัจจุบัน าสนาวันอาทิ พระพุทธศ อ.) (ศพ
พ.ศ. ๒๕
01
พ.ศ. ๒๕
00
แสดง
๔๕
เก าํ คัญ ้ เวลา การณส เสน เหตุ
พ.ศ. ๒๕
ู ่ หั ว รั ช กา ะเจ ้ า อย นา สม เด็ จ พร พร ะบ าท า� รุงพระพุทธศาส บ การทา� นุ
๒๕๐ ๕
●
นการสังคายนาครั้งแรกในประเทศไทย) โดยมีพระเจ้
การสังคายนา ครั้งที่ ๙
ตัวชี้วัด ●
●
บัดนี้เราขอเ เสื่อมและสิ้นไปเป็นธรรมดา พวกเธ ตือนเธอทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลาย มีความ อจงยังประโยชน์ตนและผู้อื่นให้ถึงพร้ อมด้วยความ ไม่ประมาทเถิด”
ยร้อยรูป พระธรรมทินนเถระเป็นประธานสงฆ์ ท�าร่วมกับพระเถระหลา
๒๕๔ ๕
นรู้ที่
ป และควา ระวัติ ของพระพุท มสําคัญ ธศาสนา
๑.๔ ปรินิพพาน
เมื่อทรงสถาปนาพุทธบริษัทสี ่ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิก า ขึ้น แต่ละพุทธบริษัท ก็เจริญแพร่หลาย มีความรู้ความสา มารถท พระพุทธศาสนาให้ยนื ยาวต่อไปได้ พระพุ ี่จะสืบสานต่อเจตนารมณ์ของพระองค์ และสืบทอด ทธเจ้าจึงทรงตัดสินพระทัยเสด็จดับ ขันธ์ปรินิพพาน ณ สาลวโนทยาน เมืองกุสนิ ารา เมือ่ วัน เพ็ญเดือ ก่อนเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานพร น ๖ ขณะพระชนมายุ ๘๐ พรรษา ะองค์ได้ตรัสพระโอวาทครั้งสุดท้ายว่ า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
าระ พระเถระผูท้ รงพระไตรปิฎกหลายร้อยรูปจึงร่วมกันช� พระไตรปิฎกยังขาดตกบกพร่อง ผิดเพีย้ นและไม่ครบ พระไตรปิฎกให้สมบูรณ์ยงิ่ ขึน้ เวลาที่กระท�า งอาณาจักรล้านนา) ใช้เวลากระท�าอยู่ ๑ ป จึงส�าเร็จ กระท�าใน พ.ศ. ๒๐๒๐ (รัชสมัยพระเจ้าติโลกราช แห่
0๙ พ.ศ. ๒๕
หน่วยการเรีย
การสังคายนา ครั้งที่ ๘
สาเหตุ
๒๕๑ ๐
¨Ñ´¡ÅØ‹Áà¹×éÍËÒ໚¹Ë¹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ Êдǡᡋ¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹
àÃ×Íè §¹‹ÒÃÙàŒ ¾ÔÁè àµÔÁ¨Ò¡à¹×Íé ËÒ ÁÕá·Ã¡à»š¹ÃÐÂÐæ
à¡ÃÔè¹¹íÒà¾×èÍãˌࢌÒ㨶֧ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ ãËŒ¤ÇÒÁÃÙŒáÅÐàÍ×é͵‹Í¡ÒùíÒä»ãªŒÊ͹à¾×èÍ ãËŒºÃÃÅصÑǪÕéÇÑ´ áÅÐÊÌҧ¤Ø³ÅѡɳРã¹Ë¹‹Ç·Õè¨ÐàÃÕ¹ Íѹ¾Ö§»ÃÐʧ¤
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
ÊÒúÑ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
ñ
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
ò
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
ó ô
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
»ÃÐÇѵÔáÅФÇÒÁÊíÒ¤Ñޢͧ¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò ¡Ò÷íÒÊѧ¤ÒÂ¹Ò ¡ÒÃà¼ÂἋ¾Ãоط¸ÈÒʹÒࢌÒÊÙ‹»ÃÐà·Èä·Â ¤ÇÒÁÊíÒ¤Ñޢͧ¾Ãоط¸ÈÒʹҵ‹ÍÊѧ¤Áä·Â ¾Ãоط¸ÈÒʹҡѺ¡ÒþѲ¹Òµ¹áÅФÃͺ¤ÃÑÇ
ñ ò ö ñô òð
¾Ø·¸»ÃÐÇÑµÔ ¾ÃÐÊÒÇ¡ ÈÒʹԡª¹µÑÇÍ‹ҧáÅЪҴ¡ ¾Ø·¸»ÃÐÇÑµÔ »ÃÐÇѵԾط¸ÊÒÇ¡ ¾Ø·¸ÊÒÇÔ¡Ò ÈÒʹԡª¹µÑÇÍ‹ҧ ªÒ´¡
òõ òö óù õñ õõ
ËÅÑ¡¸ÃÃÁ·Ò§¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò ¾ÃÐÃѵ¹µÃÑ ÍÃÔÂÊѨ ô
öñ öò öó
¾Ø·¸ÈÒʹÊØÀÒÉÔµ Âí àÇ àÊÇµÔ µÒ·ÔâÊ : ¤º¤¹àª‹¹ã´Â‹ÍÁ໚¹àª‹¹¹Ñé¹ ÍµÚµ¹Ò ⨷µڵҹí : ¨§àµ×͹µ¹´ŒÇµ¹àͧ ¹ÔÊÁÚÁ ¡Ã³í àÊÂÚâ : ¡ÒÃã¤Ã‹¤ÃÇÞ¡‹Í¹áŌǨ֧·íÒ´Õ¡Ç‹Ò ·ØÃÒÇÒÊÒ ¦ÃÒ ·Ø¡Ú¢Ò : àËÂŒÒàÃ×͹·Õ軡¤ÃͧäÁ‹´Õ ¹íÒ·Ø¡¢ ÁÒãËŒ
÷÷ ÷ù øð øñ øò
กระตุน ความสนใจ Engage
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
สํารวจคนหา Explore
õ ö ÷ ø
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
˹ŒÒ·ÕèªÒǾط¸áÅÐÁÒÃÂÒ·ªÒǾط¸ ¡ÒúíÒà¾çÞ»ÃÐ⪹ áÅСÒúíÒÃاÃÑ¡ÉÒÇÑ´ ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒÇÔ¶ÕªÕÇÔµ¢Í§¾ÃÐÀÔ¡ÉØʧ¦ ÁÒÃÂÒ·ªÒǾط¸ ¡Òû¯ÔºÑµÔµ¹Í‹ҧàËÁÒÐÊÁµ‹Íà¾×è͹µÒÁËÅÑ¡¾Ãоط¸ÈÒʹÒ
ตรวจสอบผล Evaluate
øõ øö øø ùñ ùø
ÇѹÊíÒ¤ÑÞ·Ò§¾Ãоط¸ÈÒʹÒáÅÐÈÒʹ¾Ô¸Õ ÇѹÊíÒ¤ÑÞ·Ò§¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò ÈÒʹ¾Ô¸Õ
ñðó ñðô ññô
¡ÒúÃÔËÒèԵáÅСÒÃà¨ÃÔÞ»˜ÞÞÒ ¤ÇÒÁÃÙŒàº×éͧµŒ¹à¡ÕèÂǡѺ¡ÒúÃÔËÒèԵáÅÐà¨ÃÔÞ»˜ÞÞÒ ¡Ãкǹ¡Òýƒ¡ÊÁÒ¸ÔµÒÁËÅÑ¡ÍÒ¹Ò»Ò¹ÊµÔ ¡ÒÃà¨ÃÔÞ»˜ÞÞÒ ¡ÒÃà¨ÃÔÞ»˜ÞÞÒâ´Â¡ÒäԴẺâ¹ÔâÊÁ¹ÊÔ¡Òà ¡ÒùíÒÇÔ¸Õ¡ÒúÃÔËÒèԵáÅÐà¨ÃÔÞ»˜ÞÞÒä»ãªŒã¹ªÕÇÔµ»ÃШíÒÇѹ
ñòó ñòô ñòù ñóñ ñóó ñóõ
ÈÒʹÊÑÁ¾Ñ¹¸ ¤ÇÒÁ¨íÒ໚¹·ÕèàÃÒ¤ÇÃàÃÕ¹ÃÙŒÈÒʹÒÍ×è¹ ¡Òû¯ÔºÑµÔµ¹Í‹ҧàËÁÒÐÊÁµ‹ÍÈÒʹԡª¹Í×è¹ã¹Ê¶Ò¹¡Òó µ‹Ò§æ ¡Òû¯ÔºÑµÔµ¹µÒÁËÅÑ¡¸ÃÃÁ·Ò§ÈÒʹҷÕèµ¹¹Ñº¶×Í㹡ÒôíÒçªÕÇԵẺ¾Íà¾Õ§ áÅСÒôÙáÅÃÑ¡ÉÒÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ µÑÇÍ‹ҧºØ¤¤Å·Õè໚¹áººÍ‹ҧ·Ò§´ŒÒ¹ÈÒʹÊÑÁ¾Ñ¹¸
ñóù ñôð ñôñ ñôò
ºÃóҹءÃÁ
ñõò
ñôõ
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา
ลุมพินี เปนสถานที่ประสูติของเจาชาย สิทธัตถะ ซึ่งตอมาพระองคตรัสรูเปน พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจา สมัย พุทธกาล ลุมพินเี คยเปนพระราชอุทยาน ของกษัตริยแ ละประชาชน ตัง้ อยูร ะหวาง กรุงกบิลพัสดุก บั กรุงเทวทหะ หลังจาก ที่พระพุทธเจาเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระเจาอโศกมหาราชทรงสรางพระอาราม พระเจดี ย และเสาศิ ล าจารึ ก ไว เ ป น สัญลักษณ ปจจุบันลุมพินีตั้งอยูตําบล ลุมมินเด ประเทศเนปาล และไดรบั การ ขึน้ ทะเบียนจากองคการยูเนสโกใหเปน มรดกโลก ประเภทมรดกทางวัฒนธรรม เมื่อป พ.ศ. ๒๕๔๐
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
พุทธคยา เปนสถานที่ตรัสรูอนุตตรสัมมาโพธิญาณของพระพุทธเจา สราง ขึ้นในสมัยพระเจาหุวิชกะระหวาง พ.ศ. ๖๗๔-๖๙๔ ปจจุบัน พุทธคยาตั้งอยู ทางดานตะวันตกของแมนํ้าเนรัญชรา ตําบลคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย มีมหาสถูปพุทธคยาเปนสัญลักษณ สูง ๕๑ เมตร วัดรอบฐานได ๕๘.๗๖ เมตร และไดรับการขึ้นทะเบียนจากองคการ ยูเนสโกใหเปนมรดกโลก ประเภทมรดก ทางวัฒนธรรม เมื่อป พ.ศ. ๒๕๔๕
สารนาถ เปนสถานที่แสดงปฐมเทศนาของพระพุทธเจา ซึ่งพระพุทธองคทรงแสดงปฐมเทศนาธัมมจักกัปปวัตนสูตรแกปญจวัคคีย สมัยพุทธกาล สารนาถ คือ ปาอิสิปตนมฤคทาย ตั้งอยูเมืองพาราณสี อันเปนเมืองศูนยกลาง ของศาสนาฮินดู เปนสถานที่สงบและเปนแหลงชุมนุม ของนักบวชและนักพรต ปจจุบนั สารนาถตัง้ อยู รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ภายในมีธรรมเมกขสถูป หรือที่ แปลวา สถูปผูเห็นธรรม
กุสนิ ารา เปนสถานทีเ่ สด็จดับขันธปรินพิ พานของพระพุทธเจา สมัยพุทธกาล เมือง กุสินารา เปนที่ตั้งของสาลวโนทยานอันเปนปาสาละที่รมรื่น อยูในแควนมัลละ ใกลฝงแมนํ้าหิรัญญวดี หลังการเสด็จดับขันธปรินิพพานของพระพุทธองคแลว กษัตริยแหงมัลละทรงประดิษฐานพระพุทธสรีระไว ณ เมืองกุสินาราเปนเวลากวา ๗ วัน กอนที่จะประกอบพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ปจจุบัน กุสินารา ตั้งอยู รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย มีสถูปปรินพิ พานเปนสถูปแบบทรงโอควํา่ ภายใน ประดิษฐานพระพุทธรูปปางเสด็จดับขันธปรินิพพาน อายุกวา ๑,๕๐๐ ป สรางขึ้น โดยพระเจาอโศกมหาราช
กระตุน ความสนใจ Engage
หน่วยการเรียนรู้ที่
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
๑
1. อธิบายความหมาย สาเหตุ สถานที่ และ ระยะเวลาในการทําสังคายนาแตละครั้งได 2. อธิบายประวัติความเปนมาและการเผยแผ พระพุทธศาสนาเขาสูสังคมไทยได 3. วิเคราะหถึงคุณคาและความสําคัญของ พระพุทธศาสนาที่มีตอสังคมไทย
ประวัติ และความสําคัญ ของพระพุทธศาสนา
สมรรถนะของผูเรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการสื่อสาร 3. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
ตัวชี้วัด ●
●
อธิบายการเผยแผ่พระพุทธศาสนาหรือศาสนา ที่ตนนับถือสู่ประเทศไทย (ส ๑.๑ ม.๑/๑) วิเคราะห์ความส�าคัญของพระพุทธศาสนาหรือ ศาสนาที่ตนนับถือที่มีต่อสภาพแวดล้อมใน สังคมไทยรวมทัง้ การพัฒนาตนและครอบครัว (ส ๑.๑ ม.๑/๒)
คุณลักษณะอันพึงประสงค 1. 2. 3. 4. 5.
สาระการเรียนรู้แกนกลาง ● ● ●
เปาหมายการเรียนรู
การสังคายนา การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย ความส�าคัญของพระพุทธศาสนาต่อสังคมไทย ในฐานะเป็น - ศาสนาประจ�าชาติ - สถาบันหลักของสังคมไทย - สภาพแวดล้อมที่กว้างขวางและครอบคลุม สังคมไทย - การพัฒนาตนและครอบครัว
¾ÃÐ¾Ø · ¸ÈÒʹÒä´Œ ¡‹ Í ¡í Ò à¹Ô ´ ¢Öé ¹ ã¹»ÃÐà·ÈÍÔ ¹ à´Õ  àÁ×Íè »ÃÐÁÒ³ ò,õðð ¡Ç‹Ò»‚ÁÒáÅŒÇâ´ÂËÅѧ¨Ò¡¡ÒÃÊѧ¤ÒÂ¹Ò ¤ÃÑ§é ·Õè ó ¾ÃÐ਌ÒÍâÈ¡ÁËÒÃÒª «Ö§è ໚¹Í§¤ Í»Ø ¶ÑÁÀ ¡äç ´Œ·Ã§Ê‹§ ¤³Ð¸ÃÃÁ·Ùµà´Ô¹·Ò§ä»à¼ÂἋÈÒʹÒÂѧ´Ô¹á´¹µ‹Ò§æ ÃÇÁ·Ñ§é ´Ô¹á´¹ÊØÇÃóÀÙÁÔ´ŒÇ ¹Ñº¨Ò¡¹Ñé¹ÁÒªÒÇä·ÂʋǹãËÞ‹¡çä´Œ ÂÍÁÃÑ º ¹Ñ º ¶× ;ÃÐ¾Ø · ¸ÈÒʹÒ໚ ¹ ËÅÑ ¡ 㹡Òôí Ò à¹Ô ¹ ªÕ ÇÔ µ ¨¹¶Ö§»˜¨¨ØºÑ¹ ´Ñ§¹Ñé¹ ¨Ö§à»š¹¡ÒÃÊÁ¤ÇÃÂÔ觷Õè¾Ø·¸ÈÒʹԡª¹ªÒÇä·Â ¤ÇèÐä´ŒÈ¡Ö ÉÒ»ÃÐÇѵ¤Ô ÇÒÁ໚¹ÁҢͧ¾Ãоط¸ÈÒÊ¹Ò à¾×Íè ¨Ðä´ŒµÃÐ˹ѡ¶Ö§¤ÇÒÁÊíÒ¤Ñޢͧ¾Ãоط¸ÈÒʹҷÕèÁÕ¤ÇÒÁ ÊíÒ¤ÑÞµ‹ÍÊѧ¤Áä·ÂÁÒÍ‹ҧÂÒǹҹ
มีวินัย ใฝเรียนรู ซื่อสัตยสุจริต มุงมั่นในการทํางาน รักชาติ ศาสน กษัตริย
กระตุน ความสนใจ
Engage
ครูใหนักเรียนดูภาพที่เกี่ยวของกับพระพุทธเจา เชน สังเวชนียสถาน แลวบอกถึงความสําคัญ ตอพระพุทธศาสนา จากนั้นใหนักเรียนดูภาพ พระพุทธรูปหนาหนวย และตั้งคําถามกระตุน ความสนใจ เชน • พระพุทธศาสนาไดกอกําเนิดขึ้นใน ประเทศใด (แนวตอบ พระพุทธศาสนาไดกอกําเนิดขึ้นใน ประเทศอินเดียเมื่อประมาณ 2,500 กวาปมาแลว)
เกร็ดแนะครู ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรูที่สอดแทรกการพัฒนาทักษะกระบวนการตางๆ ที่สําคัญ ไดแก ทักษะการคิดและกระบวนการกลุม เพื่อใหนักเรียนสามารถอธิบาย การเผยแผพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือสูประเทศไทย และวิเคราะห ความสําคัญของพระพุทธศาสนาที่มีตอสภาพแวดลอมในสังคมไทย โดยจัดกิจกรรม • ใหนักเรียนแบงกลุมศึกษาความรูเกี่ยวกับการสังคายนา และจัดกิจกรรม ปุจฉา - วิสัชนา ถาม - ตอบปญหาเกี่ยวกับการสังคายนา • ใหนักเรียนแบงกลุมศึกษาการเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูประเทศไทยจาก หนังสือเรียนและแหลงการเรียนรูอื่นๆ เชน พระไตรปฎก แลวนําความรูที่ ไดศึกษามาอภิปรายและเขียนเรียงความเกี่ยวกับความสําคัญของพระพุทธศาสนาตอสังคมไทย • ใหนักเรียนยกตัวอยางหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เพื่อการพัฒนาตนเอง และครอบครัว คูมือครู
1
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
กระตุน ความสนใจ
อธิบายความรู Explain
Expand
Evaluate
ñ. การทíาสั§คาÂนา เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว พระพุทธวจนะทั้งหลายที่พระองค์เคย ตรัสสอนบุคคลต่างๆ ต่างกรรมต่างวาระ อันอยูใ่ นความทรงจ�าของบรรดาสาวกของพระพุทธองค์ ซึ่ง มีมากน้อยตามความสามารถของสาวกแต่ละรูปนัน้ ได้รบั การประมวลเป็นหมวดหมู่ เรียกว่า “พระธรรม วินยั ” โดยมีพระมหากัสสปะผูเ้ ป็นประมุขของสงฆ์กบั พระอรหันต์ทรงอภิญญาอีก ๕๐๐ รูป ร่วมกัน รวบรวมเรียบเรียงขึน้ การรวบรวมพระธรรมวินยั นีเ้ รียกว่า “การทําสังคายนา” สังคายนา มาจากค�าว่า “ สํ ” อันหมายถึง ร่วมกัน พร้อมกัน ประกอบกับค�าว่า “คายนา” ทีห่ มายถึงการสวด การสาธยาย ดังนัน้ สังคายนาจึงมีความหมายว่า การสวดพร้อมกัน หรือร่วมกันสวด ด้วยเหตุผลว่า พระสงฆ์ทั้งหลายท่านได้พิจารณาประเด็นต่างๆ แห่ง พระธรรมวินยั เมือ่ ตกลงเห็นพร้อมกันแล้ว ก็รว่ มสวดพร้อมกันเพือ่ ทรงจ�าต่อไป เนือ่ งจากการนี้ เป็นการรวบรวมหรือจัดหมูแ่ ห่งพระธรรมวินยั ให้เป็นระบบ เพราะฉะนัน้ ค�าว่า “สังคายนา” จึงมีความหมายถึง “การรอยกรอง” หรือ “การจัดหมวดหมู” พระธรรมวินัยได้อีกด้วย การท�าสังคายนาได้รบั การท�าติดต่อกันมาอีกหลายครัง้ เป็นระยะๆ ทั้งในประเทศอินเดียและประเทศอื่นๆ รวมทั้งสิ้น ๑๐ ครั้ง ดังนี้ สาเหตุ
การสังคายนา ครั้งที่ 1
เนือ่ งมาจากพระภิกษุชอื่ สุภทั ทะ ได้กล่าววาจาในท�านองดูหมิน่ พระพุทธองค์ และแสดงความดีใจเมื่อได้ข่าวว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระมหากัสสปะเกรง ว่าจะเป็นเหตุให้พระธรรมวินัยเสื่อมสูญ จึงเรียกประชุมพระสงฆ์เพื่อกระท�าการ สังคายนา
Explore
ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับการทํา สังคายนาในพระพุทธศาสนาจากพระไตรปฎก หรือหนังสือเรียน หนา 2 - 5
อธิบายความรู
ตรวจสอบผล
Engage
ครูใหนักเรียนยกตัวอยางเหตุการณที่ทําให เขาใจผิดกันในกลุมเพื่อนของตนเอง ใหนักเรียน ชวยกันบอกวิธีการแกปญหา และผลที่ไดรับ จากนั้นยกตัวอยางเหตุการณในสมัยพุทธกาลทีม่ ี ความเขาใจคลาดเคลือ่ นในหลักคําสอน จนทําให มีความเขาใจผิด พระพุทธศาสนาตองมัวหมอง จนตองนําไปสูการสังคายนา และครูตั้งคําถามให นักเรียนชวยกันตอบ • สังคายนา คืออะไร (แนวตอบ สังคายนา คือ การสวดพรอมกัน เพื่อจัดหมวดหมูพระธรรมวินัย กระทําโดย คณะสงฆรวมกันพิจารณาประเด็นแหง พระธรรมวินัย) • การสังคายนาในพระพุทธศาสนามี วัตถุประสงคเพื่ออะไร (แนวตอบ การสังคายนามีวัตถุประสงคเพื่อ จัดหมวดหมูพระธรรมวินัยใหเปนระบบและ ใหเกิดความเขาใจตรงกันในคณะสงฆ)
สํารวจคนหา
ขยายความเขาใจ
เวลาที่กระท�า
เริ่มหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานได้ ๓ เดือน กระท�าอยู่ ๗ เดือนจึงส�าเร็จ
พระสงฆ์ผู้กระท� 1 า
Explain
2
พระมหากัสสปะเป็นประธาน และเป็นผูส้ อบถามพระธรรม และพระวินยั โดยมีพระอุบาลีเป็น ผู้ตอบด้านพระวินัย และพระอานนท์เป็นผู้ตอบด้านพระธรรม พระสงฆ์ที่เข้าร่วมกระท�า สังคายนาครั้งนี้มีจ�านวน ๕๐๐ รูป ซึ่งล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้น
ครูนําสนทนาถึงที่มาของคําวา “สังคายนา” โดยเลาถึงเหตุการณในสมัยพุทธกาลที่พระภิกษุ กลาววาจาดูหมิ่นพระพุทธเจา
สถานที่และผู้อุปถัมภ์
ถ�้าสัตตบรรณ ข้างภูเขาเวภาระ ใกล้กรุงราชคฤห์ เมืองหลวงของแคว้นมคธ โดยมี พระเจ้าอชาตศัตรูเป็นผู้อุปถัมภ์ ๒
นักเรียนควรรู 1 พระมหากัสสปะ พระสาวกของพระพุทธเจาที่ไดรับยกยองใหเปนเอตทัคคะ ในดานผูทรงธุดงค เพราะหลังจากอุปสมบทไดไมนานก็บรรลุพระอรหันต และ ถือปฏิบัติธุดงควัตร 13 ประการตลอดชีวิต พระมหากัสสปะมีชีวิตอยูถึง 120 ป นิพพาน ณ เขากุกกุฏสัมปาตบรรพต เมืองราชคฤห 2 พระอุบาลี พระสาวกของพระพุทธเจาที่ไดรับยกยองใหเปนเอตทัคคะในทาง ผูทรงวินัย เพราะหลังจากอุปสมบททานไดศึกษาพระวินัยปฎกจากพระโอษฐของ พระพุทธเจาโดยตรง ทําใหมีความแมนยําในพระวินัยเปนอยางดี และเปนผูสอน พระวินัยแกภิกษุหลังจากที่พระพุทธเจาเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแลว
2
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
การทําสังคายนาในพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อใด 1. เมื่อพระพุทธเจาตรัสรู 2. ภายหลังแสดงปฐมเทศนา 3. เมื่อมีพระรัตนตรัยครบองค 3 4. ภายหลังพระพุทธเจาเสด็จดับขันธปรินิพพานแลว วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะเมื่อพระพุทธองคไดเสด็จดับขันธปรินิพพานแลว บรรดาสาวกของพระพุทธองค จึงไดรวบรวมพระพุทธวจนะ ทั้งหลายที่พระองคเคยตรัสสอนบุคคลตางๆ ไว นํามาจัดเปนหมวดหมู เรียกวา พระธรรมวินัย ดังนั้น การรวบรวมพระธรรมวินัยนี้เรียกวา การทํา สังคายนา
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
ครูและนักเรียนรวมกันสนทนาถึงสาเหตุของ การทําสังคายนาครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 และครั้งที่ 4 และรวมกันคาดเดาวาหากไมมีการทําสังคายนา พระพุทธศาสนาจะเกิดความเสื่อมอยางไร
การสังคายนา ครั้งที่ ๒
สาเหตุ
Explain
ภิกษุกลุม่ หนึง่ มีชอื่ ว่า พระวัชชีบตุ ร ได้ปฏิบตั หิ ย่อนทางวินยั ๑๐ ประการ เช่น เก็บสะสมเกลือไว้ในเขาสัตว์แล้ว น�ามาผสมอาหารฉันได้หลายวันหรือฉันเมือ่ ตะวันบ่ายไปแล้วประมาณสองนิว้ (เทียบราวบ่ายสองโมง) เป็นต้น พระยสกากัณฑบุตรจึงชักชวนพระเถระต่างๆ ให้มาร่วมกันวินจิ ฉัยแก้ความผิดในครัง้ นี้
เวลาที่กระท�า
กระท�าใน พ.ศ. ๑๐๐ กระท�าอยู่ ๘ เดือนจึงส�าเร็จ
พระสงฆ์ผู้กระท�า1
พระยสกากัณฑบุตร เป็นผู้ชักชวนพระเถระทั้งหลายให้กระท�าการสังคายนา พระเรวตะเป็นผู้ซักถามและ พระสัพพกามีเป็นผูต้ อบปัญหาเกีย่ วกับพระวินยั ทัง้ หมด โดยมีพระสงฆ์มาร่วมประชุมกัน ๗๐๐ รูป
สถานที่และผู้อุปถัมภ์
วาลิการาม เมืองเวสาลี (ไพศาลี) แคว้นวัชชี โดยมีพระเจ้ากาฬาโศกเป็นผูอ้ ปุ ถัมภ์
การสังคายนา ครั้งที่ ๓ สาเหตุ
มีพวกนอกศาสนาปลอมเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนามากขึน้ ท�าให้พระพุทธศาสนามัวหมอง พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระเห็นว่า อาจเป็นเหตุให้พระพุทธศาสนามัวหมองได้ จึงขอความร่วมมือจากพระมหากษัตริย์ให้ สังคายนาช�าระสะสางพระศาสนาให้บริสทุ ธิ์
เวลาที่กระท�า
กระท�าใน พ.ศ. ๒๓๔ (บางแห่งว่า พ.ศ. ๒๓๕) กระท�าอยู่ ๙ เดือน จึงส�าเร็จ
พระสงฆ์ผู้กระท�า 2
พระโมคคัลลีบตุ รติสสเถระเป็นประธานและมีพระสงฆ์ประชุมกัน ๑,๐๐๐ รูป
สถานที่และผู้อุปถัมภ์
อโศการาม กรุงปาฏลีบตุ ร โดยมีพระเจ้าอโศกมหาราชเป็นผูอ้ ปุ ถัมภ์
การสังคายนา ครั้งที่ ๔
สาเหตุ
ต้องการวางรากฐานพระพุทธศาสนาในประเทศลังกา
เวลาที่กระท�า
เริม่ ท�าใน พ.ศ. ๒๓๘ โดยไม่ปรากฏระยะเวลาทีก่ ระท�า
พระสงฆ์ผู้กระท� 3 า
พระมหินทเถระเป็นประธาน พระอริฏฐะเป็นผูส้ วดวินยั และมีพระสงฆ์รว่ มประชุมกันทัง้ สิน้ ๖๘,๐๐๐ รูป
สถานที่และผู้อุปถัมภ์
ถูปาราม เมืองอนุราธปุระ ประเทศลังกา โดยมีพระเจ้าเทวานัมปิยะติสสะ เป็นองค์อปุ ถัมภ์
ขอสอบ
O-NET
ขอสอบป ’ 51 ออกเกี่ยวกับการสังคายนา ภายหลังการสังคายนาพระไตรปฎกครัง้ ที่ 3 ในสมัยพระเจาอโศกมหาราช แลวไดเกิดเหตุการณสําคัญในขอใด 1. เกิดสงครามระหวางศาสนาตางๆ ในประเทศอินเดีย 2. พระพุทธศาสนากลายเปนรากฐานของวัฒนธรรมอินเดีย 3. พระพุทธศาสนาเผยแผไปยังดินแดนอาณานิคมของประเทศอินเดีย 4. พระเจาอโศกมหาราชทรงสงสมณทูตไปประกาศพระพุทธศาสนา นอกชมพูทวีป วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ภายหลังการสังคายนาพระไตรปฎก ครัง้ ที่ 3 พระเจาอโศกมหาราชไดทรงสงพระโสณเถระและพระอุตตรเถระเขา มาเผยแผพระพุทธศาสนาในดินแดนสุวรรณภูมิ
๓
เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายเพิ่มเติมวา การทําสังคายนาในชวงแรกใชวิธีการถาม - ตอบหรือ บอกเลาปากตอปาก เพื่อการทองจําที่แมนยํา ซึ่งเรียกวา “มุขปาฐะ”
นักเรียนควรรู 1 พระยสกากัณฑบุตร พระเถระจากเมืองโกสัมภี ไดเดินทางแสวงจาริกที่เมือง เวสาลี ซึ่งไดพบกับกลุมพระภิกษุวัชชีบุตร กระทําการอันไมเหมาะสม คือ การเรียกรองใหชาวบานบริจาคทรัพยสิน จึงเปนที่มาของการสังคายนาครั้งที่ 2 2 พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ ผูพิจารณาเห็นควรใหวัดสงพระเถระพรอมดวย บริวารออกเผยแผพระพุทธศาสนาในสวนตางๆ ของทวีปเอเชีย 3 พระมหินทเถระ ผูที่พระเจาอโศกมหาราชทรงสงใหมาเปนพระธรรมทูต ประจําที่เกาะลังกา หรือประเทศศรีลังกา คูมือครู
3
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู Explain
พระสงฆ์ในลังกาต่างเห็นพ้องต้องกันว่าพระพุทธวจนะที่ถ่ายทอดกันมาโดยวิธีท่องจ� านั้น อาจจะขาดตก บกพร่องได้ในภายภาคหน้า เพราะผูท้ สี่ ามารถจดจ�าได้มเี หลือน้อยลง ประกอบกับสถานการณ์1ทางการเมือง ในขณะนั้นก�าลังอยู่ในความไม่สงบ เพราะได้เกิดศึกยืดเยื้อระหว่างพวกทมิฬกับชาวสิงหล จึงได้บันทึก พระไตรปิฎกเป็นลายลักษณ์อกั ษร
เวลาที่กระท�า
กระท�าใน พ.ศ. ๔๓๓ (บางแห่งว่า พ.ศ. ๔๕๐) โดยไม่ปรากฏระยะเวลาทีก่ ระท�า
พระสงฆ์ผู้กระท�า พระสงฆ์ชาวลังกา
สถานที่และผู้อุปถัมภ์
อาโลกเลณสถาน มตเลณชนบท (หรือมลัยชนบท) ประเทศลังกา โดยมีพระเจ้าวัฏฏคามณีอภัยเป็นผูอ้ ปุ ถัมภ์
เนือ่ งจากในประเทศอินเดีย มีเพียงพระไตรปิฎก ไม่มอี รรถกถา พระพุทธโฆษาจารย์จงึ เดินทางมาแปลอรรถกถา พระไตรปิฎกจากภาษาลังกาเป็นภาษาบาลี กระท�าใน พ.ศ. ๙๕๖ โดยไม่ปรากฏว่าใช้ระยะเวลาเท่าใด
พระสงฆ์ผู้กระท�า
พระพุทธโฆษาจารย์ และพระเถระแห่งวัดมหาวิหารจ�านวนหนึง่
สถานที่และผู้อุปถัมภ์
วัดมหาวิหาร ประเทศศรีลงั กา โดยมีพระเจ้ามหานามเป็นผูอ้ ปุ ถัมภ์
ñð
ตอนที่ ๑ วิเคราะหการสังคายนาครั้งที่ ๑-๕ และผลตอการเปลี่ยนแปลงทางพระพุทธศาสนา สาเหตุ พระสุภัททะดูหมิ่นพระธรรมวินัย
การสังคายนา ครั้งที่ ๗
ผลของการทําสังคายนา ทําใหคําสอนของพระพุทธเจาไดรับ การจัดเปนหมวดหมูชัดเจน
ครั้งที่ ๑
…………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………..
ครั้งที่ ๒
…………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………..
สาเหตุ
…………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………..
พระภิกษุกลุมพระวัชชีบุตรประพฤติ ยอหยอนพระธรรมวินัย
2
เวลาที่กระท�า
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๑.๑ ใหนักเรียนตอบคําถามตอไปนี้ (ส ๑.๑ ม.๑/๑)
การสังคายนา ครั้งที่ ๖
สาเหตุ
กิจกรรมตามตัวชี้วัด
เกิดการแบงคณะสงฆเปน ๒ นิกาย คือ นิกายเถรวาทและนิกายมหายาน
เนือ่ งจากทีล่ งั กา ยังขาดคัมภีรฎ์ กี า (คัมภีรท์ อี่ ธิบายอรรถกถา) พระเถระทัง้ หลายอันมีพระกัสสปะเป็นประธาน จึงได้ประชุมกันเพือ่ รจนาคัมภีรฎ์ กี าขึน้ เพือ่ ประโยชน์แก่การศึกษาพระพุทธศาสนา
…………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………..
มีพวกนอกศาสนาปลอมตัวเขามาบวช …………………………………………………………………….. กําจัดพวกนอกศาสนา และพระเจา …………………………………………………………………….. ในพระพุทธศาสนามากขึ้น ทําให …………………………………………………………………….. อโศกมหาราชทรงส ง พระสงฆ ที่ …………………………………………………………………….. พระพุทธศาสนามัวหมอง มี ค วามรู ค วามสามารถไปเผยแผ …………………………………………………………………….. …………………………………………………………………….. พระพุทธศาสนายังตางแดน …………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………..
เวลาที่กระท�า
ตองการวางรากฐานพระพุทธศาสนา ทําใหพระพุทธศาสนาเจริญรุงเรือง ฉบับ ใหมั่นคงในประเทศศรีลังกา ในศรีลังกา และเปนตนแบบของ เฉลย พระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ
…………………………………………………………………….. …………………………………………………………………….. …………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………..
กระท�าใน พ.ศ. ๑๕๘๗ โดยไม่ปรากฏว่าใช้ระยะเวลาเท่าใด
…………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………..
เนื่องจากการทองจําอาจจะทําให ไดจารึกพระธรรมวินยั ลงในใบลาน พระธรรมวินัยคลาดเคลื่อนได จึง …………………………………………………………………….. …………………………………………………………………….. ตองจารึกไวเปนลายลักษณอักษร …………………………………………………………………….. …………………………………………………………………….. …………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………..
ครั้งที่ ๕
Evaluate
สาเหตุ
หนวยที่ 1 ประวัติและความสําคัญของพระพุทธศาสนา
ครั้งที่ ๔
Expand
การสังคายนา ครั้งที่ ๕
✓ แบบวัดฯ ใบงาน แบบฝกฯ พระพุทธศาสนา ม.1 กิจกรรมที่ 1.1
ครั้งที่ ๓
ตรวจสอบผล
Explain
1. ครูเลาเรื่องราวในชีวิตประจําวัน หรือเหตุการณ ตางๆ ใหตัวแทนนักเรียนคนที่ 1 ฟง โดยที่ไม ใหเพื่อนนักเรียนคนอื่นรู แลวใหนักเรียนคนที่ 1 เลาใหคนที่ 2 ฟง และเลาตอๆ กัน จากนั้นให นักเรียนคนที่ฟงคนสุดทายเลาใหเพื่อนในชั้นฟง และเปรียบเทียบวาเหมือนกับเรื่องราวที่ครูเลา หรือไม เพราะเหตุใด และถาตองการใหเรื่อง เลานั้นมีใจความไมผิดเพี้ยน ควรทําอยางไร เพื่อเชื่อมโยงกับสาเหตุของการทําสังคายนา ครั้งที่ 5 ซึ่งมีสาเหตุจากการถายทอดพุทธวจนะ ดวยการทองจําตอๆ กันมาโดยไมมีการบันทึก เปนลายลักษณอักษร 2. ครูและนักเรียนรวมกันวิเคราะหถึงสาเหตุของ การสังคายนาครั้งที่ 6 - 10 3. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมที่ 1.1 จากแบบวัดฯ พระพุทธศาสนา ม.1
การสังคายนา
ขยายความเขาใจ
พระสงฆ์ผู้กระท�า
พระกัสสปะเถระเป็นประธานสงฆ์รว่ มกับพระสงฆ์อกี จ�านวน ๑,๐๐๐ รูป
ตอนที่ ๒ การทําสังคายนามีผลตอพระพุทธศาสนาอยางไร
สถานที่และผู้อุปถัมภ์
๑. ทําใหหลักคําสอนของพระพุทธเจาไดรับการจัดไวเปนหมวดหมูชัดเจน ๒. หลักคําสอนของพระพุทธศาสนาไดมีผูนําไปเผยแผยังดินแดนตางๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๓. มีประชาชนจํานวนมากหันมานับถือพระพุทธศาสนา ทําใหพระพุทธศาสนาตั้งมั่นในประเทศตางๆ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๔. ทําใหพวกนอกรีตที่แปลกปลอมเขามาบวชในพระพุทธศาสนาถูกกําจัดใหหมดไป ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๕. มีการรักษาหลักธรรมในการสั่งสอนพุทธบริษัทสืบเนื่องตอกันเรื่อยมา ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๖. ทําใหเกิดคัมภีรที่สําคัญของพระพุทธศาสนา คือ พระไตรปฎก ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ประเทศศรีลงั กา โดยมีพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช เป็นองค์อปุ ถัมถ์ ๔
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
(พิจารณาคําตอบของนักเรียน โดยใหอยูในดุลยพินิจของครูผูสอน)
๓
เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความขัดแยงของชาวทมิฬกับชาวสิงหล และ เหตุการณที่เกิดขึ้นภายหลังการสังคายนาครั้งที่ 5
นักเรียนควรรู 1 ชาวสิงหล ชนพื้นเมืองสวนใหญของประเทศศรีลังกาที่นับถือพระพุทธศาสนา ในขณะที่ชาวทมิฬเปนชนกลุมนอยของประเทศศรีลังกาที่นับถือศาสนาฮินดู 2 อรรถกถา คําอธิบายที่ขยายความหลักคําสอนที่เปนพุทธวจนะใน พระไตรปฎก เพื่อใหมีใจความที่สมบูรณ และทําใหอานเขาใจงายขึ้น
4
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
วิธีถายทอดคําสอนของพระพุทธเจาในสมัยพุทธกาล มีการปฏิบัติกัน อยางไร 1. จารึกลงในใบลาน 2. จารึกลงในศิลาจารึก 3. ทองจําดวยปากเปลา 4. ทองจําและบันทึกลงในใบลาน วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. วิธีถายทอดคําสอนของพระพุทธเจาใน สมัยพุทธกาล ใชวิธีการทองจําดวยปากเปลา เพื่อการทองจําที่แมนยํา ซึ่งเรียกวา มุขปาฐะ
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
อธิบายความรู
ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายถึงสาเหตุของ การทําสังคายนาครั้งที่ 8 - 10 จากนั้นใหนักเรียน ทบทวนการสังคายนาครั้งที่ 1 - 10 และใหแบงออก เปน 2 กลุม เพื่อจัดกิจกรรมปุจฉา - วิสัชนา โดย ผลัดกันถาม - ตอบความรูเกี่ยวกับการสังคายนา ทั้ง 10 ครั้ง เชน • การสังคายนาครั้งที่ 5 มีความสําคัญ อยางไรตอพระพุทธศาสนา (แนวตอบ มีการจดบันทึกพระพุทธวจนะเปน ลายลักษณอักษรลงบนใบลานดวยภาษาบาลี และยังถือเปนตนฉบับของพระไตรปฎกใน พระพุทธศาสนาฝายเถรวาท)
การสังคายนา ครั้งที่ ๘
สาเหตุ
พระไตรปิฎกยังขาดตกบกพร่อง ผิดเพีย้ นและไม่ครบ พระเถระผูท้ รงพระไตรปิฎกหลายร้อยรูปจึงร่วมกันช�าระ พระไตรปิฎกให้สมบูรณ์ยงิ่ ขึน้
เวลาที่กระท�า
กระท�าใน พ.ศ. ๒๐๒๐ (รัชสมัยพระเจ้าติโลกราช แห่งอาณาจักรล้านนา) ใช้เวลากระท�าอยู่ ๑ ป จึงส�าเร็จ
พระสงฆ์ผู้กระท�า
พระธรรมทินนเถระเป็นประธานสงฆ์ ท�าร่วมกับพระเถระหลายร้อยรูป
สถานที่และผู้อุปถัมภ์
วัดโพธาราม จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย (นับเป็นการสังคายนาครั้งแรกในประเทศไทย) โดยมีพระเจ้า ติโลกราชเป็นองค์อปุ ถัมภ์
การสังคายนา ครั้งที่ ๙ สาเหตุ
ขยายความเขาใจ
พระผูใ้ หญ่ถกู ถอดและถูกจับสึก เพราะความประพฤติยอ่ หย่อนในพระธรรมวินยั พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงทรงมีพระราชประสงค์ให้ชา� ระพระไตรปิฎกขึน้ เพือ่ ให้พระสงฆ์ศกึ ษาพระธรรมทีถ่ กู ต้อง กระท�าใน พ.ศ. ๒๓๓๑ (รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) กระท�าอยู่ ๕ เดือน จึงส�าเร็จ
พระสงฆ์ผู้กระท�า
พระเถระ ๒๑๘ รูป และราชบัณฑิตคฤหัสถ์อกี ๓๒ คน ได้รว่ มกันช�าระคัดลอกสร้างพระไตรปิฎกฉบับหลวง เรียกว่า “ฉบับทองใหญ่” (ต่อมาสร้างเพิม่ อีก ๒ ฉบับ คือ ฉบับรองทอง และฉบับทองชุบ)
สถานที่และผู้อุปถัมภ์
วัดมหาธาตุยวุ ราชรังสฤษฎิ์ โดยมีพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเป็นองค์อปุ ถัมภ์
การสังคายนา ครั้งที่ 10
เพื่อช�าระพระไตรปิฎกแล้วจัดพิมพ์ ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ทรงเจริญ พระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา ใน พ.ศ. ๒๕๓๐ โดยเรียกว่า “พระไตรปิฎกฉบับสังคายนา”
เวลาที่กระท�า
กระท�าใน พ.ศ. ๒๕๒๘ ไม่ปรากฏระยะเวลาทีก่ ระท�า
พระสงฆ์ผู้กระท�า
1
2
มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นองค์ประมุข ร่วมกับพระสงฆ์ทงั้ ฝายมหานิกายและธรรมยุตกิ นิกาย
สถานที่และผู้อุปถัมภ์
วัดมหาธาตุยวุ ราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย โดยมีรฐั บาลเป็นผูอ้ ปุ ถัมภ์ http://www.aksorn.com/LC/Rel/M1/01
EB GUIDE ๕
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
การทําสังคายนามีผลตอความเจริญรุงเรืองของพระพุทธศาสนาอยางไร
แนวตอบ การทําสังคายนา ทําใหหลักคําสอนของพระพุทธเจาไดรับ การจัดเปนหมวดหมู เกิดเปนพระไตรปฎกในเวลาตอมา ซึ่งสามารถใช เปนหลักฐานสําคัญในการเรียนรูและเผยแผพระพุทธศาสนาตอๆ กันมา และทําใหพุทธบริษัทมีความเขาใจในหลักธรรมคําสอนไดถูกตองตรงกัน
Expand
1. ครูใหนักเรียนวิเคราะหถึงประโยชนที่ไดรับ จากการทําสังคายนาพระไตรปฎก (แนวตอบ เชน สรางความเขาใจในพระธรรมวินัยที่ถูกตองใหกับ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และ อุบาสิกา เปนการสืบทอดพระพุทธศาสนาให ดํารงอยูอยางมั่นคง ดวยการรักษาคําสอนของ พระพุทธเจาที่เรียกวา “พระธรรมวินัย” ใหมี ความถูกตองแมนยํา) 2. ครูสมมติสถานการณในชีวิตประจําวันของ นักเรียน หากนักเรียนมีเรื่องไมเขาใจกับเพื่อน นักเรียนสามารถนําวิธีการสังคายนาทาง พระพุทธศาสนามาปรับใชในการแกไขปญหา ไดอยางไรบาง (แนวตอบ ควรพูดคุยกับเพื่อนถึงสาเหตุของ ความไมเขาใจที่เกิดขึ้นระหวางกันและหา แนวทางแกไขปญหาเหลานั้นรวมกัน)
เวลาที่กระท�า
สาเหตุ
Explain
ตรวจสอบผล
Evaluate
ตรวจความถูกตองจากการถาม - ตอบคําถาม ในกิจกรรมปุจฉา - วิสัชนาเกี่ยวกับการสังคายนา ครั้งที่ 1 - 10
นักเรียนควรรู 1 มหานิกาย นิกายหนึ่งของคณะสงฆไทยสายเถรวาทลัทธิลังกาวงศ ที่สืบทอดมาตั้งแตสมัยสุโขทัย 2 ธรรมยุติกนิกาย นิกายหนึ่งของคณะสงฆไทย ตั้งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เนื่องดวยขณะที่พระองคทรงผนวช พระองคทรงศรัทธาในจริยาวัตรของพระมอญ จึงทรงตั้งคณะธรรมยุติกนิกายขึ้นใน พ.ศ. 2376 เพื่อปฏิรูปพระพุทธศาสนา ฟนฟู ดานวัตรปฏิบัติของสงฆ
คูมือครู
5
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
กระตุน ความสนใจ
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Engage
ครูใหนักเรียนดูแผนที่โลก และใหตัวแทน ออกมาชี้ตําแหนงของประเทศประกอบการ ตอบคําถาม • ดินแดนที่ถูกเรียกวา “สุวรรณภูมิ” มี ตําแหนงที่ตั้งอยูตรงสวนใดของแผนที่โลก • ประเทศเพื่อนบานของดินแดนสุวรรณภูมิ ไดแกประเทศใดบาง และมีตําแหนง ที่ตั้งอยูตรงสวนใดของแผนที่โลก
สํารวจคนหา
เรื่องน่ารู้ หอไตรหรือหอพระไตรปฎก “หอ” หมายถึง เรือนที่ปลูกเพื่อประโยชน์ในการใช้สอยอย่างใด อย่างหนึ่ง ส่วน “ไตร” เป็นค�าย่อมาจากไตรปฎก (พระธรรมค�าสั่งสอนของ พระพุทธเจ้าอันได้แก่ พระวินัย พระสูตร และพระอภิธรรม) ตั้งอยู่ในเขต สังฆาวาส เป็นสถานที่ที่ใช้เก็บพระไตรปฎกหรือเก็บรักษาคัมภีร์ทาง ศาสนา ด้วยเหตุนี้จึงท�าให้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “หอพระธรรม” หรือ “หอธรรม” ลักษณะของหอพระไตรปฎกในประเทศไทยจะมี ลักษณะและรูปแบบหลากหลายตามแต่ละยุคแต่ละสมัย หรือแต่ละ ท้องถิ่น บางที่สร้างอยู่กลางน�้า เพื่อปองกันโจรและสัตว์ประเภทหนู มด แมลงต่างๆ เป็นต้น
Explore
1. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับความเชื่อดั้งเดิม ของอาณาจักรตางๆ เชน การนับถือบูชาภูตผี ปศาจ ปรากฏการณทางธรรมชาติ เพื่อนําไปสู การอธิบายถึงการเกิดขึ้นของศาสนา 2. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5 - 8 คน เพื่อ ศึกษาคนควาการเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสู ประเทศไทยใน 4 ยุค ดังนี้ • ยุคเถรวาทสมัยพระเจาอโศกมหาราช • ยุคมหายาน • ยุคเถรวาทแบบพุกาม • ยุคเถรวาทแบบลังกาวงศ
ò. การà¼Âแ¼‹พระพุทธศาสนาࢌาสÙ‹»ระàทศäท การศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทยนั้น ขั้นแรก นักเรียนต้องท�าความเข้าใจเสียก่อนว่า ดินแดนอันเป็นที่ตั้งของประเทศไทยในปัจจุบันนี้รวมไป ถึงดินแดนของประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงที่อยู่รายรอบ เมื่อครั้งอดีตจะเรียกรวมๆ กันว่า “สุวรรณภูมิ” ซึ่งสมัยนั้นมีชุมชน เมือง แคว้น และอาณาจักรต่างๆ หลายแห่ง ซึ่งทั้งนี้เรา ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชัดเจนว่าเมืองหรืออาณาจักรเหล่านี้ ได้รับการยอมรับนับถือ พระพุทธศาสนาตั้งแต่เมื่อใด แต่จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ท�าให้อนุมานได้ว่าผู้คนใน ดินแดนสุวรรณภูมินี้นับถือศาสนาและลัทธิความเชื่อแตกต่างกันออกไป กล่าวคือ ผู้คนบางกลุ่มก็ นับถือบูชาภูตผีปศาจและปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอันเป็นความเชื1่อทที่มีมาตั้งแต่เดิม ในขณะที่ ผู้คนอีกส่วนหนึ่งก็นับถือพระพุทธศาสนาหรือศาสนาพราหมณ์ 2 - ฮินดู ต่างกันไป ทั้งนี้ การนับถือพระพุทธศาสนาในดินแดนสุวรรณภูมินี้ แต่ละอาณาจักรจะนับถือนิกายที่ ต่างกัน เช่น อาณาจักรทวารวดี อาณาจักรพุกาม และอาณาจักรหริภุญชัย จะนับถือนิกายเถรวาท ส่วนอาณาจักรศรีวิชัย นับถือนิกายมหายาน เป็นต้น ส�าหรับการนับถือพระพุทธศาสนาในประเทศไทยนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น ๔ ยุค ดังนี้
๖
นักเรียนควรรู 1 ศาสนาพราหมณ - ฮินดู ศาสนาอินเดียโบราณที่เขามาเผยแผในดินแดน สุวรรณภูมิกอนพุทธกาล จนกระทั่งพัฒนามาเปนศาสนาฮินดูในปจจุบัน ดังจะเห็นไดจากสวนหนึ่งของวิถีชีวิตคนไทยที่มีการผสมกลมกลืนระหวางพิธีกรรม ของศาสนาฮินดูกับพระพุทธศาสนา เชน พระราชพิธีที่สําคัญของพระมหากษัตริย เปนตน 2 สุวรรณภูมิ แปลวา ดินแดนแหงทองคํา ซึ่งมิไดจะแปลความวา ดินแดน แหงนี้เต็มไปดวยทองคําหรือมีทองคํามาก หากมีนัยบงบอกวา เปนดินแดนที่ อุดมสมบูรณไปดวยทรัพยากรลํ้าคาตางๆ ประดุจมีทองคําอยูทั่วทุกพื้นที่
6
คูมือครู
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูสามารถนําเนื้อหาเกี่ยวกับการเผยแผพระพุทธศาสนาเขาสูประเทศไทย ในดินแดนสุวรรณภูมิมาบูรณาการเชื่อมโยงกับวิชาประวัติศาสตร เรื่อง สมัย กอนสุโขทัยในดินแดนไทย โดยใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมถึงพัฒนาการของ พระพุทธศาสนาในอาณาจักรโบราณตางๆ เชน อาณาจักรทวารวดี อาณาจักร หริภุญชัย อาณาจักรศรีวิชัย เปนตน เพื่อเสริมสรางความเขาใจในแงประวัติ ของพระพุทธศาสนาในดินแดนไทยมากขึ้น
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
Explain
ครูใหนักเรียนนําขอมูลที่ศึกษาคนความา นําเสนอหนาชั้นเรียน แลวใหเพื่อนในชั้นเรียน รวมกันอภิปรายถึงหลักฐานที่เกี่ยวเนื่องกับ พระพุทธศาสนาในยุคตางๆ (แนวตอบ หลักฐานที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนา เชน ยุคเถรวาทสมัยพระเจาอโศกมหาราช เชน สถูป เจดีย ธรรมจักรศิลากวางหมอบ เปนตน ยุคมหายาน เชน พระโพธิสัตวอวโลกิเตศวร ทําดวยสําริด เจดียพระบรมธาตุไชยา เปนตน ยุคเถรวาทแบบพุกาม เชน เจดียวัดเจ็ดยอด เปนตน ยุคเถรวาทแบบลังกาวงศ เชน วัดมหาธาตุ วัดศรีชุม วรรณคดีเตภูมิกถา หรือไตรภูมิพระรวง เปนตน)
๒.1 ยุคเถรวาทสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ในรัชสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของอินเดียนั้น พระพุทธศาสนาได้ รับการท�านุบ�ารุงจนมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก พระราชกรณียกิจ ที่ส�าคัญประการหนึ่งของพระองค์คือ ทรงจัดให้มีการสังคายนา พระธรรมวิ นั ย ขึ้ น เป็ น ครั้ ง ที่ ๓ ซึ่ ง หลั ง จากเสร็ จ สิ้ น การ สั ง คายนาครั้ ง นี้ แ ล้ ว พระองค์ ไ ด้ ท รงส่ ง คณะสมณทู ต ให้ เดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนายั ง ดิ น แดนต่างๆ รวม ๙ สายด้วยกัน ในครั้งนั้นพระโสณเถระและพระอุตตรเถระ ได้เดินทางมาเผยแผ่พระพุทธศาสนายังดินแดนสุวรรณภูมิ ซึ่งรวมถึงดินแดนอันเป็นที่ตั้งของประเทศไทยในปัจจุบันด้วย การเข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาครั้งนี้สันนิษฐานว่าเกิดก่อนป พ.ศ. ๕๐๐ โดยสังเกตจากหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับ พระพุทธศาสนา อาทิ สถูป เจดีย์ ธรรมจักรศิลากวางหมอบ พระพุทธรูปที่ปรากฏในดินแดนแถบนี้ล้วนเป็นศิลปกรรม ธรรมจักรกับกวางหมอบ สัญลักษณ์ อินเดียสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชทั้งสิ้น ส�าหรับอาณาจักร แสดงถึงเหตุการณ์ปฐมเทศนาธรรมจักร แรกในดินแดนทีเ่ ป็นทีต่ งั้ ของประเทศไทยปัจจุบนั ทีร่ บั อิทธิพล กัปปวัตตนสูตร ของพระพุทธศาสนา คือ อาณาจักรทวารวดี (สันนิษฐานว่ามีศนู ย์กลาง อยูบ่ ริเวณภาคกลางของประเทศไทยในปัจจุบนั ) โดยนับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท และอาณาจักรทวารวดีนี้เองก็ได้เผยแผ่ พระพุทธศาสนาแบบเถรวาทไปยังดินแดนใกล้เคียงอีกด้วย
๒.๒ ยุคมหายาน
ประมาณ พ.ศ. ๑๓๐๐ อาณาจักรศรีวชิ ยั เรืองอ�านาจมาก มีอทิ ธิพลครอบคลุมพืน้ ทีท่ างคาบสมุทรตอนใต้ ตลอดจนหมู่เกาะ ชวาและสุมาตรา (ของประเทศอินโดนีเซียในปัจจุบนั ) ทัง้ นีก้ ษัตริย์ ศรีวชิ ยั นับถือพระพุทธศาสนานิกายมหายาน จึงท�าให้บริเวณ ภาคใต้ของไทยที่เป็นพื้นที่อยู่ในอาณาจักรของพระองค์ต่าง นับถือนิกายมหายานตามไปด้ พระโพธิสตั ว์อวโลกิเตศวรส�าริดหลักฐาน 1 วย โดยมีหลักฐานต่างๆ อาทิ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรท�าด้วยส�าริด เจดีย์พระบรมธาตุไชยา แสดงการนับถือพระพุทธศาสนานิกาย มหายาน ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นต้น http://www.aksorn.com/LC/Rel/M1/02
EB GUIDE
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
พระเจาอโศกมหาราชทรงสรางคุณประโยชนมหาศาลใหแกพระพุทธศาสนาดานใดมากที่สุด 1. การเผยแผพระพุทธศาสนา 2. การสรางพระประจําวันเกิด 3. การปราบปรามพวกมารศาสนา 4. การใหเสรีภาพในการนับถือศาสนา
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะหลังการทําสังคายนาพระธรรม วินัยครั้งที่ 3 สิ้นสุดลง พระเจาอโศกมหาราชไดทรงสงคณะสมณทูตออก ไปเผยแผพระพุทธศาสนายังดินแดนตางๆ 9 สายดวยกัน
๗
นักเรียนควรรู 1 พระโพธิสัตวอวโลกิเตศวร ศิลปะศรีวิชัยในพุทธศตวรรษที่ 13 - 18 คนพบที่ วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร จังหวัดสุราษฎรธานี ในสภาพชํารุดเหลือเพียง ครึ่งองค ซึ่งพระนามของพระองคนั้น มีความหมายวา พระผูเปนใหญในการ ทัศนาโลก และเปนผูปลดเปลื้องทุกขแกสรรพสัตว ทั้งนี้ ตามความเชื่อของ พระพุทธศาสนานิกายมหายาน นิยมสรางรูปพระโพธิสัตวอวโลกิเตศวรเปนที่เคารพ บูชา เพราะเชื่อกันวาพระองคเปนผูชวยเหลือ ผูใหแสงสวาง และผูสอนพระธรรม
คูมือครู
7
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Explain
1. ครูนําสารคดีหรือภาพโบราณสถานเกี่ยวกับ อาณาจักรพุกามมาใหนักเรียนดู และอภิปราย ถึงลักษณะเดน 2. นักเรียนอภิปรายถึงการเขามาของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทในประเทศไทย และให นักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความแตกตาง ระหวางพระพุทธศาสนานิกายมหายานและ นิกายเถรวาท
ต่อมาประมาณ พ.ศ. ๑๕๕๐ กษัตริย์กัมพูชาราชวงศ์สุริยวรมัน ผู้ทรงนับถือพระพุทธศาสนานิกายมหายาน เรืองอ�านาจ และได้แผ่ขยายอาณาเขตลงมายังอาณาจักรละโว้ (ลพบุรี) ซึ่ ง นั บ ถื อ พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทและศาสนาพราหมณ์ กันมาแต่เดิม จึงท�าให้ชมุ ชน บริเวณนี้นับถือพระพุทธศาสนาทั้ง ๒ นิกาย ตลอดจนศาสนาพราหมณ์ด้วย หลัก ฐานส�าคัญทางโบราณคดีที่แ สดงการนับ ถือ พระพุทธศาสนา นิกายมหายานในบริเวณนี้ อาทิ พระปรางค์องค์ใหญ่วดั พระศรีรตั นมหาธาตุ และพระปรางค์สามยอด ในจังหวัดลพบุรี
๒.๓ ยุคเถรวาทแบบพุกาม ประมาณ พ.ศ. ๑๖๐๐ พระเจ้ า อนุ รุ ท ธมหาราช มหากษั ต ริ ย ์ ผู ้ ท รงอิ ท ธิ พ ลของ อาณาจักรพุกาม ได้แผ่ขยายอ�านาจเข้ามา ครอบครองอาณาจัก รต่างๆ ทางตอนเหนือ ของไทย จึงท�าให้พระพุทธศาสนาแบบเถรวาท เจดี ย ์ วั ด เจ็ ด ยอด จั ง หวั ด เชี ย งใหม่ หลั ก ฐานแสดง เฟืองฟูขึ้นในดินแดนแถบนี้ โดยเรียกว่าเป็น การนับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทแบบพุกามใน “นิกายเถรวาทแบบพุกาม” หลักฐานส�าคัญทาง ประเทศไทย โบราณคดีที่พบในดินแดนแถบนี ้ที่เป็นตัวอย่าง 1 ได้แก่ เจดีย์วัดเจ็ดยอด จังหวัดเชียงใหม่ ที่สร้างเลียนแบบเจดีย์พุทธคยาในอินเดีย เป็นต้น
๒.๔ ยุคเถรวาทแบบลังกาวงศ
๘
ใน พ.ศ. ๑๖๙๖ พระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช กษัตริย์ลังกา ได้ทรงท�านุบ�ารุงพระพุทธศาสนาโดยรวมพระสงฆ์เป็นนิกายเดียว และโปรดให้มีการสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ ๗ ขึ้น ท�าให้พระพุทธศาสนาเจริญรุง่ เรืองมากทัง้ ด้านการศึกษาและปฏิบตั ิ พระสงฆ์จากประเทศต่างๆ จึง เข้าไปศึกษาพระธรรมวินัยเพื่อน�ากลับไปเผยแผ่ในประเทศของตน ส�าหรับประเทศไทย พระพุทธศาสนาแบบลังกาวงศ์นี้เป็นแบบที่นับถือกันมาเป็นศาสนา ประจ�าชาติจนปัจจุบัน ซึ่งสามารถแบ่งย่อยเป็นสมัยต่างๆ ได้ดังนี้ ๑) สมัยสุโขทัย พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทแบบลังกาวงศ์เฟืองฟูมากใน เมืองนครศรีธรรมราช จนเมื่อ พ.ศ. ๑๘๒๐ พ่อขุนรามค�าแหงมหาราชทรงทราบว่าพระสงฆ์ใน เมืองนครศรีธรรมราชมีวัตรปฏิบัติเคร่งครัดในพระธรรมวินัยน่าเคารพเลื่อมใส จึงโปรดเกล้าฯ ให้นิมนต์สมเด็จพระมหาเถรสังฆราชจากนครศรีธรรมราชขึ้นมาเทศนาสั่งสอนประชาชนที่ กรุงสุโขทัย โดยโปรดเกล้าฯ ให้พ�านักที่วัดอรัญญิก ปรากฏว่าพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทแบบ ลังกาวงศ์นี้เป็นที่เคารพนับถือของชาวสุโขทัยเป็นอย่างยิ่ง และลัทธิมหายานก็ได้เสื่อมสูญไป
นักเรียนควรรู 1 เจดียพุทธคยา สถานที่ตรัสรูของพระพุทธเจา ในสมัยพุทธกาล ตั้งอยูใน ดินแดนที่เรียกวา ชมพูทวีป หมูบานนิคมชื่อวา อุรุเวลาเสนานิคม ในแควนมคธ อันเปนสถานที่รมรื่นเหมาะแกการบําเพ็ญเพียรทางจิต ปจจุบันพุทธคยาตั้งอยูใน อําเภอคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย มีสัญลักษณที่สําคัญ คือ องคเจดียสี่เหลี่ยม ที่สูงถึง 51 เมตร ฐานวัดโดยรอบได 120 เมตร ลอมรอบดวยโบราณวัตถุ โบราณสถาน เชน ตนพระศรีมหาโพธิ์ พระแทนวัชรอาสน ที่ประทับตรัสรู เปนตน ทั้งนี้ พุทธคยา ยังมีอีกชื่อหนึ่งวา “วัดมหาโพธิ์” และใน พ.ศ. 2545 เปนสถานที่ที่ไดรับการยกยอง จากองคการยูเนสโกใหเปนมรดกโลก ประเภทมรดกทางวัฒนธรรม
8
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
พระพุทธศาสนาที่คนไทยนับถือเปนศาสนาประจําชาติในปจจุบัน เรียกวา พระพุทธศาสนาแบบใด 1. แบบพุกาม 2. แบบมหายาน 3. แบบสยามวงศ 4. แบบลังกาวงศ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เนื่องจากไดรับอิทธิพลและรูปแบบการ นับถือศาสนามาจากประเทศลังกา นับตั้งแตพุทธศตวรรษที่ 17
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
1. นักเรียนอภิปรายถึงสถานการณของพระพุทธศาสนาแบบลังกาวงศในประเทศไทย นับตั้งแต สมัยสุโขทัยจนถึงสมัยรัตนโกสินทร และให ตัวแทนนักเรียนออกมาเขียนผังความคิดลําดับ เหตุการณการเผยแผพระพุทธศาสนาแบบ ลังกาวงศในประเทศไทยบนกระดาน โดยให เพื่อนในชั้นเรียนรวมกันอภิปราย 2. ครูใหนักเรียนชวยกันวิเคราะหวา • การนับถือศาสนาของกษัตริยมีอิทธิพลตอ ความเจริญรุงเรืองของศาสนานั้นๆ หรือไม อยางไร (แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแสดง ความคิดเห็นไดอยางหลากหลายบนพื้นฐาน ของความมีเหตุผล โดยครูอาจยกตัวอยาง การนับถือพระพุทธศาสนาของ พระมหากษัตริยไทยประกอบคําอธิบาย)
วัดมหาธาตุ วัดเก่าแก่ที่พระยาเลอไทย กษัตริย์สุโขทัยทรงบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้น มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบสุโขทัยอย่าง ชัดเจน แสดงถึงการนับถือพระพุทธศาสนาแบบลังกาของอาณาจักรสุโขทัย
โดยในสมัยสุโขทัยมีหลักฐานทางประวัตศิ าสตร์ทแี่ สดงถึงการนับถือพระพุทธศาสนา แบบเถรวาทมากมาย อาทิ วัดมหาธาตุ วัดศรีชุม ตลอดจนวรรณคดีพระพุทธศาสนาที่ส�าคัญ มากของไทยเรื่องเตภูมิกถาหรือไตรภูมิพระร่วงก็ก�าเนิดขึ้นในสมัยนี้โดยเป็นบทพระราชนิพนธ์ ของพระยาลิไทย กษัตริย์ของสุโขทัย องค์ที่ ๖ ๒) สมัยล้านนา เมื่อ พ.ศ. ๑๙๑๓ พระเจ้ากือนา กษั1 ตริย์ล้านนาได้ส่งพระราชทูต มาอาราธนาพระสังฆราชสุมนเถระจากพระยาลิไทยขึ้นไปยังล้านนา อันเป็นการเริ่มต้นพระพุทธศาสนาแบบลังกาวงศ์ในดินแดนภาคเหนือของไทยตั้งแต่บัดนั้น สมัยอาณาจักรล้านนานี้ได้มีการสังคายนาครั้งที่ ๘ ขึ้นในสมัยพระเจ้าติโลกราช นอกจากนี้มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ต่างๆ อีกมากมาย2 อาทิ วัดเชีย3งมั่น พระธาตุดอยสุเทพ เ นต้น และเกิดวรรณคดีทางพระพุทธศาสนา อาทิ มังคลัตถทีปนี จักรวาฬทีปนี เป็ ๓) สมัยอยุธยา อาณาจักรอยุธยามีอาณาเขตอยู่ใกล้กับอาณาจักรสุโขทัยที่เป็น ศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนาในดินแดนสุวรรณภูมิ ท�าให้อาณาจักรอยุธยาได้มีการรับอิทธิพล การนับถือพระพุทธศาสนาตามอย่างอาณาจักรสุโขทัย กล่าวคือ นับถือพระพุทธศาสนานิกาย เถรวาทแบบลังกาวงศ์เป็นศาสนาประจ�าอาณาจักร ในยุคนี้พระสงฆ์ไทยได้เดินทางไปศึกษา พระพุทธศาสนาที่ลังกาหลายครั้ง จนประมาณป พ.ศ. ๒๒๙๖ พระพุทธศาสนาในลังกาเสื่อมลง http://www.aksorn.com/LC/Rel/M1/03
EB GUIDE
กิจกรรมสรางเสริม ครูใหนักเรียนสืบคนบทบาทของกษัตริยที่มีอิทธิพลตอความเจริญรุงเรือง ของพระพุทธศาสนาในประเทศเพื่อนบาน
กิจกรรมทาทาย ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับวรรณคดีทางพระพุทธศาสนาใน สมัยสุโขทัย สมัยลานนา สมัยอยุธยา แลวอธิบายวาวรรณคดีเรื่องดังกลาว มีความเกี่ยวของกับพระพุทธศาสนาอยางไร
Explain
๙
นักเรียนควรรู 1 ลานนา พระเจากือนาไดสรางวัดบุปผาราม หรือวัดสวนดอก ที่เมืองเชียงใหม สําหรับเปนที่จําพรรษาของพระสุมนเถระ 2 มังคลัตถทีปนี คัมภีรทางพระพุทธศาสนาที่อธิบายมงคล 38 ประการ ในมงคลสูตร โดยรวบรวมคําอธิบายจากอรรถกถา ฎีกา อนุฎีกาตางๆ พรอมทั้ง มีคําบรรยายเพิ่มเติมที่แตงโดยพระสิริมังคลาจารย เมื่อ พ.ศ. 2067 3 จักรวาฬทีปนี คัมภีรทางพระพุทธศาสนาที่อธิบายถึงการกําเนิดจักรวาลและ รวบรวมคําอธิบายตางๆ เกี่ยวกับจักรวาลที่ปรากฏในพระไตรปฎก อรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา โยชนา และปกรณตางๆ ซึ่งแตงโดยพระสิริมังคลาจารย เมื่อ พ.ศ. 2063
คูมือครู
9
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Explain
ใหนักเรียนดูภาพโบราณสถานโบราณวัตถุ ที่แสดงถึงความเจริญรุงเรืองของพระพุทธศาสนาใน สมัยอยุธยา พรอมทั้งใหนักเรียนรวมกันแสดงความ คิดเห็นเกี่ยวกับความสวยงาม ความสําคัญ คุณคา และการอนุรักษสถานที่เหลานั้นเพื่อเปนมรดกของ ชาติตอไป
มากแทบสิ้นสมณวงศ์ กษัตริย์ลังกาจึงส่งคณะทูตมายังกรุงศรีอยุธยา ขอให้พระสงฆ์ไทย ไปอุ ป สมบทให้ แ ก่ กุ ล บุ ต รชาวสิ ง หล สมเด็ จ พระเจ้ า บรมโกศตอบรั บ พระราชไมตรี โดย ส่ ง พระอุ บ าลี กั บ พระอริ ย มุ นี พร้ อ มด้ ว ย คณะสงฆ์อีก ๑๕ รูป เดินทางไปลังกา ครั้งนั้น พระสงฆ์ ไ ทยได้ ช ่ ว ยกั น วางรากฐานและ ประดิษฐานพระพุทธศาสนาในลังกาจนมั่นคง ท�าให้เกิดเป็นนิกายเรียกว่า “อุบาลีวงศ์หรือ สยามวงศ์” อันเป็นคณะสงฆ์ใหญ่ที่สุดในลังกา มาจนตราบทุกวันนี้ ในสมัยอยุธยานี้มีการสร้างวัดส�าคัญ ทางพระพุทธศาสนาหลายวัด เช่น วัดพระศรีสรรเพชญ์ วั ด หน้ า พระเมรุ วั ด ราชบู ร ณะ พระประธานวัดหน้าพระเมรุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็น รวมทั้ ง เกิ ด วรรณคดี พ ระพุ ท ธศาสนาที่ ส� า คั ญ 1 พระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยอยุธยาตอนปลายที่มีลักษณะ งดงามมากที่สุดองค์หนึ่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเจริญ หลายเรื่อง อาทิ มหาชาติค�าหลวง พระมาลัย รุง่ เรืองทางด้านพระพุทธศาสนาในสมัยอยุธยาได้เป็นอย่างดี ค� า หลวง กาพย์ ม หาชาติ นั น โทปนั น ทสู ต ร เป็นต้น
วัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นวัดในวังหลวงที่ไม่มีพระสงฆ์จ�าพรรษา สร้างในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ราชวงศ์ สุพรรณภูมิ แห่งอาณาจักรอยุธยา
10
เกร็ดแนะครู ครูอาจพานักเรียนไปทัศนศึกษาที่วัดหรือสถานที่สําคัญของพระพุทธศาสนา ในทองถิ่นหรือจังหวัดใกลเคียง เพื่อศึกษาประวัติความเปนมา ลักษณะทาง สถาปตยกรรม และรองรอยความเจริญรุงเรืองของพระพุทธศาสนา
นักเรียนควรรู 1 มหาชาติคําหลวง หนังสือมหาชาติภาษาไทยที่เปนคําหลวงเรื่องแรกของไทย มีนักปราชญชวยกันแตงตามพระบรมราชโองการของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เมื่อ พ.ศ. 2025 โดยใชคําประพันธหลายประเภท คือ โคลง ฉันท กาพย กลอน และราย มีเนื้อหาเกี่ยวกับศีลธรรมและศาสนา ซึ่งมหาชาติคําหลวงใชอานหรือสวด ในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนาตางๆ เชน วันเขาพรรษา เปนตน
10
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ขอใดมีความสัมพันธกับหลักฐานของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน 1. จักรวาฬทีปนี 2. เจดียวัดเจ็ดยอด 3. พระโพธิสัตวอวโลกิเตศวร 4. ธรรมจักรศิลากวางหมอบ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. ตามความเชื่อของพระพุทธศาสนา นิกาย ยุคมหายาน นิยมสรางพระโพธิสัตวอวโลกิเตศวรเปนที่เคารพบูชา เพื่อให พระองคเปนผูชวยเหลือ ใหแสงสวางแกชีวิต ในประเทศไทยขุดพบแถบ ภาคใต ณ วัดพระบรมธาตุไชยาฯ จังหวัดสุราษฎรธานี นับเปน พระโพธิสัตวอวโลกิเตศวรองคสําคัญในสมัยศรีวิชัย ที่ไดรับอิทธิพลจาก พระพุทธศาสนานิกายมหายาน
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
Explain
1. ครูสนทนาถึงความเสื่อมโทรมของพระพุทธศาสนา หลังการเสียกรุงครั้งที่ 2 และ ตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันอภิปราย • ในสมัยธนบุรี สมเด็จพระเจาตากสิน มหาราชทรงฟนฟูพระพุทธศาสนา อยางไรบาง (แนวตอบ หลังจากที่สมเด็จพระเจาตากสิน มหาราชสถาปนากรุงธนบุรีขึ้น พระองค ทรงโปรดเกลาฯ ใหคัดเลือกพระสงฆที่ทรง คุณสมบัติขึ้นเปนสังฆราช โปรดเกลาฯให ขอยืมพระไตรปฎกสยามวงศมาคัดลอก ใหเปนตนฉบับหลวง เพื่อรักษาหลักธรรมไว และยังทรงปฏิสังขรณพระอารามสําคัญ ตางๆ เชน วัดบางวาใหญ วัดบางยี่เรือใต วัดแจง เปนตน) 2. ใหนักเรียนดูภาพวัดอรุณฯ แลวบรรยายความ รูสึกและรวมกันอภิปรายถึงความงดงามคุณคา และความสําคัญของสถานที่ดังกลาว
๔) สมัยธนบุรี เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชสถาปนากรุงธนบุรีขึ้น ได้ทรง
ฟื้นฟูพระพุทธศาสนาทีเ่ สือ่ มโทรมไปเพราะสงครามคราวเสียกรุงครั้งที่ ๒ เป็นการใหญ่ พระสงฆ์ ที่กระจัดกระจายไปเพราะภัยสงคราม ก็ได้รับอาราธนามาอยู่ในพระอารามต่างๆ นอกจากนี้ พระองค์ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้รวบรวมพระสงฆ์ที่ทรงคุณธรรมจากทั่วประเทศให้มาประชุมกันที่ วัดบางว้าใหญ่ (วัดระฆังโฆสิตารามในปัจจุบัน) เพื่อคัดเลือกพระสงฆ์ที่ทรงคุณสมบัติขึ้นเป็น สังฆราช ซึง่ ครัง้ นัน้ มีมติให้พระอาจารย์ศรี วัดประดู่แห่งกรุงศรีอยุธยา เป็นสมเด็จพระสังฆราช องค์แรกของกรุงธนบุรี เพื่อรับผิดชอบการปกครองดูแลคณะสงฆ์และฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้ กลับคืนสู่ความรุ่งเรืองดังเดิม นอกจากนี้ ยังโปรดเกล้าฯ ให้ขอยืมพระไตรปิฎกสยามวงศ์ฉบับสมบูรณ์จาก หัวเมืองทางเหนือและเมืองนครศรีธรรมราชมาคัดลอกให้เป็นต้นฉบับหลวง เพื่อรักษาหลักธรรม ไว้ให้มนั่ คง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยังทรงปฏิสังขรณ์พระอารามส�าคัญและโปรดเกล้าฯ ให้สมโภชวัดพระมหาธาตุเมืองนครศรีธรรมราชให้เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาในภาคใต้ ตลอดจนทรงสร้างวัดบางยี่เรือเหนือ (วัดราชคฤห์) ส่วนวัดที่ทรงปฏิสังขรณ์ คือ วัดบางว้าใหญ่ (วัดระฆังโฆสิตาราม) วัดแจ้ง (วัดอรุณราชวราราม) วัดบางยี่เรือใต้ (วัดอินทาราม) และวัดหงส์รัตนาราม
1
วัดอรุณราชวราราม หรือเดิมชื่อวัดแจ้ง ได้รับการปฏิสังขรณ์มาตั้งแต่สมัยสมเ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
11
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
สมเด็จพระเจาตากสินมหาราชทรงสนพระทัยฟนฟูพระพุทธศาสนา อยางไร
แนวตอบ พระองคทรงฟนฟูพระพุทธศาสนาดวยการคัดเลือกพระสงฆ ที่ทรงคุณสมบัติขึ้นเปนสังฆราช เพื่อรับผิดชอบการปกครองดูแลคณะสงฆ นอกจากนี้ยังแสวงหาพระไตรปฎก เพื่อนํามาคัดลอกไวที่กรุงธนบุรีเปน ฉบับหลวง และทรงปฏิสังขรณวัดอรุณราชวราราม วัดบางวาใหญ วัดหงส รัตนาราม ตลอดจนสรางวัดบางยี่เรือเหนือ (วัดราชคฤห)
นักเรียนควรรู 1 วัดอรุณราชวราราม วัดโบราณที่สรางในสมัยอยุธยา แตเดิมนั้นชื่อวัดมะกอก และไดเปลี่ยนชื่อเปนวัดแจงในสมัยสมเด็จพระเจาตากสินมหาราช และเปลี่ยน ชื่อเปนวัดอรุณราชวรารามในสมัยรัชกาลที่ 4 ภายในวัดมีพระปรางคที่มีความ สวยงาม ประดับดวยเครื่องถวยชามสีตางๆ
มุม IT ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับศาสนสถานที่สําคัญสมัยกรุงธนบุรี ไดที่ http://www.wangdermpalace.org
คูมือครู
11
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Explain
ใหนักเรียนดูตารางเหตุการณทางดานพระพุทธ ศาสนาที่สําคัญจากหนังสือเรียนหนา 12 และให นักเรียนสรุปพระราชกรณียกิจสําคัญของพระมหากษัตริยสมัยรัตนโกสินทรที่มีตอพระพุทธศาสนาใน แตละรัชสมัย (แนวตอบ - รัชกาลที่ 1 ทรงสรางวัด พระศรีรัตนศาสดาราม - รัชกาลที่ 2 ทรงฟนฟูประเพณีวิสาขบูชา - รัชกาลที่ 3 โปรดเกลาฯ ใหราชบัณฑิตแตง และจารึกสรรพวิทยาไวที่ วัดพระเชตุพนฯ - รัชกาลที่ 4 โปรดเกลาฯ ใหมีพิธีมาฆบูชา - รัชกาลที่ 5 ทรงวางรูปแบบการศึกษา คณะสงฆ - รัชกาลที่ 6 โปรดเกลาฯ ใหเปลี่ยน ร.ศ. เปน พ.ศ. - รัชกาลที่ 7 โปรดเกลาฯ ใหจัดพิมพ พระไตรปฎกฉบับสยามรัฐ - รัชกาลที่ 8 มีการแปลพระไตรปฎกเปน สํานวนเทศนา เรียกวา “พระไตรปฎกเทศนาฉบับหลวง” - รัชกาลที่ 9 มีการบัญญัติกฎหมายคณะสงฆ พ.ศ. 2505 และกําหนดใหสมเด็จ พระสังฆราชเปนประมุขฝาย พุทธจักร)
๕) สมัยรัตนโกสินทร์ รัชสมัย
เหตุการณ์ทางด้านพระพุทธศาสนาที่ส�าคัญ
พระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬา โลกมหาราช (ร.๑)
ทรงสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และทรงปฏิสังขรณ์วัดสุทัศนเทพวราราม โปรดเกล้าฯ ให้สังคายนาครั้งที่ ๙ มีการแต่งและแปลคัมภีร์ทาง พระพุทธศาสนา เช่น ไตรภูมิโลกวินิจฉัยกถา รัตนพิมพวงศ์ สังคีติยวงศ์ มหาวงศ์ เป็นต้น
พระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้า นภาลัย (ร.๒)
ทรงฟื้นฟูประเพณีวิสาขบูชา ทรงส่งพระสงฆ์ไปสืบพระพุทธศาสนายัง ลังกา ทรงสร้างพระวิหารหลวงวัดสุทัศน์ฯ ทรงสลักบานประตูไม้ประดับ พระวิหาร ทรงให้หล่อพอกพระเศียรและต่อนิ้วพระหัตถ์พระศรีศากยมุนี ซึ่งเดิมสั้นยาวไม่เท่ากัน ให้ยาวเสมอกัน
พระบาทสมเด็จ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๓)
โปรดเกล้าฯ ให้ราชบัณฑิตแต่งและจารึกสรรพวิทยาและทรงให้สร้าง พระนอน ยาว ๔๙ เมตร ไว้ที่วัดพระเชตุพนฯ มีการแต่งวรรณคดี พระพุทธศาสนา เช่น ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก ปฐมสมโพธิกถา สรรพสิทธิ์ค�าฉันท์ โปรดเกล้าฯ ให้ชะลอพระพุทธชินสีห์จากพิษณุโลก มาประดิษฐานที่วัดบวรนิเวศวิหาร
พระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว (ร.๔)
เมื่อยังทรงเป็นเจ้าฟ้ามงกุฎ ทรงผนวชเป็นภิกษุ ทรงมีพระฉายานามว่า “วชิ ร ญาโณ” ทรงเลื่ อ มใสในวั ต รปฏิ บั ติ ข องพระรามั ญ วงศ์ จึ ง ทรง อุปสมบทใหม่ ภายหลังมีผู้บวชตามมาก จึงทรงตั้งเป็นนิกายใหม่เรียก ว่า ธรรมยุติกนิกาย ทรงคิดสร้างพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะใกล้เคียงกับ มนุษย์มากขึ้น เช่น พระนิรันตราย โปรดเกล้าฯ ให้มีพิธีมาฆบูชาขึ้นเป็น ครั้งแรก
พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้า เจ้าอยูห่ วั (ร.๕)
ทรงวางรูปแบบการศึกษาคณะสงฆ์ใหม่เป็นแผนกนักธรรมและแผนกบาลี ทรงสถาปนาสถาบันการศึกษาสงฆ์ขนั้ สูง คือ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ ราชวิทยาลัย ส�าหรับให้การศึกษาคณะสงฆ์มหานิกาย และมหาวิทยาลัย มหามกุฏราชวิทยาลัย ส�าหรับคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ทรงให้จัดพิมพ์ พระไตรปิฎกฉบับภาษาไทย แทนการจารลงในใบลานเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๑
พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัว (ร.๖)
ทรงพระราชนิพนธ์วรรณคดีพระพุทธศาสนา เช่น พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร มงคลสู ต รค� า ฉั น ท์ จดหมายเหตุ เ รื่ อ งพระภิ ก ษุ ดู ฟุ ต บอล เป็ น ต้ น โปรดเกล้าฯ ให้เปลีย่ น ร.ศ. (รัตนโกสินทร์ศก) เป็น พ.ศ. เพือ่ ยกย่องพระพุทธศาสนา ทรงปฏิสังขรณ์และพระราชทานนามพระพุทธรูปยืนที่พบที่เมือง ศรีสัชนาลัยว่า พระร่วงโรจนฤทธิ์
พระบาทสมเด็จ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๗)
ทรงผนวชและทรงจ�าพรรษาที่วัดบวรนิเวศวิหาร โดยทรงมีพระฉายานาม ว่า “ปชาธิโป” โปรดเกล้าฯ ให้จัดพิมพ์พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ และทรง ให้มีการจัดประกวดหนังสือสอนพระพุทธศาสนาส�าหรับเยาวชน
พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว อานันทมหิดล (ร.๘)
มีการแปลพระไตรปิฎกเป็นส�านวนธรรมดาและส�านวนเทศนา เรียกว่า พระไตรปิ ฎ กเทศนาฉบั บ หลวง มี ก ารออกพระราชบั ญ ญั ติ ค ณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๔๘๔ ซึ่งแบ่งการปกครองคณะสงฆ์เป็นประชาธิปไตยตามแบบ การปกครองประเทศ
พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช (ร.๙)
ทรงออกผนวช โดยมีพระฉายานามว่า “ภูมิพโล” มีการบัญญัติกฎหมาย คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ก�าหนดให้สมเด็จพระสังฆราชเป็นประมุขฝาย พุทธจักร มีการสร้างวัดไทยขึ้นในต่างประเทศ และประเทศไทยกลายเป็น ศูนย์กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของโลก
1
2
ตัวอย่างผลงานส�าคัญในรัชสมัย วัดพระเชตุพน วิมลมังคลาราม
วัดอรุณราช วราราม
วัดราชโอรสาราม
วัดราชประดิษฐ สถิตมหาสีมาราม
วัดเบญจมบพิตร ดุสิตวนาราม
พระร่วงโรจนฤทธิ์
พระไตรปิฎก ฉบับสยามรัฐ
พระไตรปิฎก เทศนาฉบับ หลวง วัดพระรามเก้า วัดที่สร้างขึ้นตาม แนวพระราชด�าริ เศรษฐกิจพอเพียง
1๒
นักเรียนควรรู 1 บานประตูไมประดับพระวิหาร บานประตูของพระวิหารพระศรีศากยมุนีเปน รูปภูเขาตนไม มีถํ้าคูหา และรูปสัตวตางๆ ซึ่งรัชกาลที่ 2 ทรงมีพระราชดําริให ชางเขียนเสนลายประตู และพระองคทรงแกะสลักลายประตูดวยพระองคเอง ซึ่งถือเปนงานแกะสลักไมที่มีความประณีตสวยงาม และมีคุณคาอยางมาก ปจจุบัน เก็บรักษาไวที่พิพิธภัณฑสถานแหงชาติ พระนคร 2 ร.ศ. (รัตนโกสินทรศก) เริ่มนับปที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนากรุงเทพมหานครขึน้ เปนราชธานีแหงใหมของราชอาณาจักรไทย เมื่อ พ.ศ. 2325 เปนรัตนโกสินทรศกที่ 1 ทั้งนี้ไทยเริ่มใชการนับศักราชแบบ รัตนโกสินทรศกใน พ.ศ. 2432 กลางรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูห วั และเลิกใชเมื่อ พ.ศ. 2455 ตอนตนรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว
12
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
เหตุผลที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว โปรดเกลาฯ ให เปลี่ยนการนับศักราชจาก ร.ศ. มาเปน พ.ศ. คืออะไร 1. คณะสงฆทูลใหทรงเปลี่ยนแปลง 2. ร.ศ. ใชมาเปนระยะเวลานานแลว 3. จะไดเทียบกับเวลาสากลไดสะดวก 4. ทรงยกยองพระพุทธศาสนาเปนศาสนาของชาติไทย วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว โปรดเกลาฯ ใหเปลี่ยนการนับศักราชจาก ร.ศ. มาเปน พ.ศ. เพื่อยกยอง พระพุทธศาสนา ซึ่ง พ.ศ. คือ พุทธศักราช เปนศักราชทางพระพุทธศาสนา โดยไทยเริ่มนับพุทธศักราชที่ 1 (พ.ศ. 1) เมื่อพระพุทธเจาเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแลว 1 ป
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ขยายความเขาใจ
àÊÃÔÁÊÒÃÐ
1. ครูนําขาวเกี่ยวกับเหตุการณสําคัญ ทางพระพุทธศาสนาในปจจุบันมาเลาให นักเรียนฟง 2. ใหนักเรียนวิเคราะหวา • ความเจริญรุงเรืองของพระพุทธศาสนามี ผลตอความสุขของคนในสังคมหรือไม อยางไร (แนวตอบ เปดโอกาสใหนักเรียนแสดงความ คิดเห็นไดอยางหลากหลายโดยอยู บนพื้นฐานของความมีเหตุผล) 3. ใหนักเรียนเขียนเรียงความในหัวขอ “พระมหากษัตริยไทยกับพระพุทธศาสนา” ลงในกระดาษ A4 สงครูผูสอน
à˵ءÒó ÊíÒ¤ÑÞ·Ò§ ¾Ãоط¸ÈÒʹÒã¹»˜¨¨ØºÑ¹
ในรัชกาลปัจจุบัน กิจการเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก นอกเหนือจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงน�าหลักธรรมทาง พระพุทธศาสนามาดูแลพสกนิกรแล้ว ยังทรงประพฤติ พระองค์เป็นแบบอย่างของชาวพุทธที่ดี อาทิ ทรง บ�าเพ็ญพระราชกุศลตามขัตติยราชประเพณีและใน วันส�าคัญต่างๆ ทางพระพุทธศาสนา พระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู ่ หั ว รั ช กาลปั จ จุ บั น กั บ การท�านุบา� รุงพระพุทธศาสนา
ตรวจสอบผล
เส้นเวลา
แสดงเหตุการณสาํ คัญเกีย ่ วกับพระพุทธศาสนาในรัชกาลปจจุบน ั
พ.ศ. ๒๕๔๕
๒๕ ๔๕
๒๕
ทีป่ ระชุมชาวพุทธนานาชาติเนือ่ งในวัน วิสาขบูชาโลก มีมติให้พทุ ธมณฑลเป็น ศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาของโลก
พ.ศ. ๒๕๔๘
พ.ศ. ๒๕0๘
องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (พ.ส.ล.) จัดตัง้ ส�านักงานใหญ่ขนึ้ เป็นการ ถาวรทีก่ รุงเทพมหานคร
๒๕ ๕๐
พ.ศ. ๒๕0๙
๑๐
จัดตั้งส�านักงานพระพุทธศาสนา แห่งชาติ ท�าหน้าที่ส่งเสริมกิจการ พระพุทธศาสนาของชาติ
พ.ศ. ๒๕0๕
ประกาศใช้ ประกาศใช้ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์
Evaluate
ตรวจผลงานการเขียนเรียงความ โดยพิจารณา จากความถูกตองของขอมูล และรูปแบบของการ เขียนเรียงความ
มีการสร้างวัดไทยในต่ 1 างประเทศเป็นครั้งแรก คือ วัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย
จัดตัง้ โรงเรียนสอนพระพุทธศาสนา ปัจจุบันพัฒนาเป็นศูนย์ศึกษา พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ (ศพอ.)
๒๕ ๐๕
พ.ศ. ๒๕01
พ.ศ. ๒๕00
มีการจัดสร้าง พุทธมณฑลที่จังหวัด นครปฐม เพื่อฉลองกึ่ง พุทธกาลและให้เป็น สถานที่จัดกิจกรรมและ ศึกษาพระพุทธศาสนา
๐๐ ๒๕
Expand
1๓
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
“พระมหากษัตริยมีพระพุทธศาสนาอยูเคียงคู รวมทั้งเปนหลักประกันวา พระประมุขของชาติเปนชาวพุทธ นับถือศาสนารวมกันกับประชาชน สวนใหญของประเทศ” มีความสัมพันธกับขอใด 1. รัฐบาลไทยสงเสริมพระพุทธศาสนา 2. พระมหากษัตริยทรงเปนพุทธมามกะ 3. พระพุทธศาสนาเปนสถาบันคูชาติไทย 4. ใหวันสําคัญทางพระพุทธศาสนาเปนวันหยุดราชการ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. พระมหากษัตริยทรงเปนพุทธมามกะ หมายถึง พระองคทรงประกาศตนวา เปนบุคคลผูนับถือพระพุทธศาสนา โดยทรงประพฤติพระองคเปนแบบอยางชาวพุทธที่ดี อาทิ ทรงบําเพ็ญ พระราชกุศลตามขัตติยราชประเพณีในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา
นักเรียนควรรู 1 วัดไทยพุทธคยา วัดแหงแรกที่รัฐบาลไทยสรางในตางแดนในนามพุทธบริษัท ชาวไทย เพื่อเปนพุทธบูชา ในคราวที่พระพุทธศาสนามีอายุครบ 25 ศตวรรษ หรือ 2,500 ป ตามคําเชิญของรัฐบาลอินเดีย วัดไทยพุทธคยาตั้งอยูใกลกับสถานที่ ทีพ่ ระพุทธองคประทับตรัสรู และยังเปนทีจ่ าํ พรรษาของพระเทพโพธิวเิ ทศ เจาอาวาส วัดไทยพุทธคยา และหัวหนาพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย - เนปาล และยังเปน ที่พักอาศัยปฏิบัติธรรม ในระหวางที่จาริกแสวงบุญ ณ ดินแดนพุทธสังเวชนียสถาน ของพระภิกษุและฆราวาสชาวไทย นอกจากนี้คณะพระธรรมทูตไทยยังไดทําหนาที่ ในการเผยแผพระพุทธศาสนาในประเทศอินเดียดวยดีมาโดยตลอด ตั้งแต พ.ศ. 2500 เปนตนมา และนับไดวาวัดไทยพุทธคยาเปนจุดเริ่มตนและเปนแบบอยางของ การกอสรางวัดไทยในตางประเทศ กระทั่งปจจุบันมีวัดไทยตั้งอยูในบริเวณใกลเคียง กับสังเวชนียสถานและสถานทีท่ มี่ คี วามสําคัญทางพุทธประวัติ ทัง้ ในประเทศอินเดีย และเนปาลนับสิบแหง คูมือครู
13
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
กระตุน ความสนใจ
อธิบายความรู Explain
Expand
Evaluate
ó. ควาÁสíาคัÞ¢อ§พระพุทธศาสนาต‹อสั§คÁäทÂ พระพุทธศาสนาเป็นสถาบันหลัก เป็นรากฐานของวัฒนธรรมไทย อยู่เคียงคู่กับสังคมไทย มาโดยตลอด หลักธรรมของพระพุทธศาสนาล้วนมีอิทธิพลต่อวิถีการด�าเนินชีวิตของผู้คนเป็น ส่วนใหญ่ในสังคม จนมีคา� กล่าวว่า “สังคมไทยเป็นสังคมพุทธ” เพราะเมือ่ พิจารณาสภาพแวดล้อม ที่อยู่รอบตัว ตลอดจนแนวทางการด�าเนินชีวิตประจ�าวัน จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า สิ่งที่เกิดขึ้น หลายอย่างล้วนเกี่ยวเนื่องหรือได้รับ1อิทธิพลมาจากพระพุทธศาสนา เช่น วัดที่อยู่ในชุมชน การแสดงความเคารพกันด้วยการไหว้ การสวดมนต์ไหว้พระ เป็นต้น ความส�าคัญของพระพุทธศาสนาที่มีต่อสังคมไทย สามารถแบ่งออกเป็น ๓ ด้านโดย ภาพรวม คือ ในฐานะที่เป็นศาสนาประจ�าชาติ เป็นสถาบันหลักของสังคมไทย และเป็นสภาพ แวดล้อมที่กว้างขวางครอบคลุมสังคมไทย
Explore
ครูตั้งคําถามเพื่อใหนักเรียนไปศึกษาคนควาวา • พระพุทธศาสนามีความสําคัญตอคนไทยและ สังคมไทยอยางไร โดยใหนักเรียนไปศึกษาคนควาในหนังสือ เรียนหนา 14 - 19 หรือจากผูที่มีความรู เชน พระสงฆ เพื่อนํามาอภิปรายในชั้นเรียน
อธิบายความรู
ตรวจสอบผล
Engage
ครูสนทนากับนักเรียนถึงเสรีภาพในการนับถือ ศาสนาตางๆ ในสังคมไทย และใหนักเรียนชวยกัน จัดลําดับวาศาสนาใดเปนศาสนาทีม่ ผี นู บั ถือมากทีส่ ดุ และนอยที่สุดตามลําดับ
สํารวจคนหา
ขยายความเขาใจ
๓.1 พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจําชาติไทย พระพุทธศาสนาอยู่เคียงคู่กับสังคมไทยมาหลายศตวรรษ ประวัติศาสตร์ไทยจึงมีเรื่องราว เกี่ยวพันกับพระพุทธศาสนาอยู่เสมอ นับตั้งแต่คนไทยสามารถรวมตัวกันก่อตั้งอาณาจักรของ ตนเองขึ้นมา พระพุทธศาสนาได้เข้ามามีบทบาทตั้งแต่นั้นจนถึงปัจจุบัน คนไทยส่วนใหญ่ยอมรับ นับถือพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจ�าชาติ โดยไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปยึดศาสนาอื่นใดเป็น ศาสนาประจ� า ชาติ ทั้ ง นี้ เ หตุ ผ ลของการนั บ ถื อ ยอมรั บ พุ ท ธศาสนาเป็ น ศาสนาประจ�าชาติไทย มีดังนี้ ๑) คนไทยส่วนใหญ่ยอมรับนับถือ การยอมรับ นับถือพระพุทธศาสนาของคนไทย มีมาแต่อดีต สืบเนื่องจนถึง ปัจจุบนั ทัง้ นีพ้ ระพุทธศาสนาเป็นศาสนาล�าดับแรกๆ ทีส่ งั คม รู้ จัก และคุ้น เคย แม้ ภายหลั งจะมี ศาสนาอื่นเผยแผ่เข้า มาบ้าง หรือแม้สังคมไทยจะเปิดกว้างให้มีการเผยแผ่ ศาสนาต่างๆ ได้อย่างเสรี ให้ผู้คนสามารถเลือก นั บ ถื อ ศาสนาใดๆ ได้ ต ามใจชอบ แต่ ผู ้ ค น ส่วนใหญ่ในสังคมไทยประมาณร้ อ ยละ ๙๕ ก็เลือกนับถือพระพุทธศาสนาเป็นแนวทางในการ ด�าเนินชีวิต ทั้งนี้เพราะชาวไทยนับตั้งแต่บรรพบุรุษ ในอดีต ต่างเห็นพร้องแล้วว่าพระพุทธศาสนาเป็น เยาวชนไทยจะได้รับการส่งเสริมให้เข้ามาบวชเรียน ศาสนาที่เหมาะสมกับสภาพสังคมไทยได้มากกว่า
Explain
1. ครูนาํ สนทนาถึงความสําคัญของพระพุทธศาสนา ในสังคมไทย และใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยาง วิถีชีวิตของคนไทยที่แสดงใหเห็นถึงการไดรับ อิทธิพลหรือมีความผูกพันกับพระพุทธศาสนา (แนวตอบ เชน ในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา คนไทยนิยมเขาวัดเพื่อทําบุญตักบาตร ฟงเทศน ฟงธรรม) 2. ครูตั้งประเด็นอภิปรายวา • การที่ประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเปน ศาสนาหลักสงผลตอวิถีชีวิตหรือการดําเนิน ชีวิตของคนในสังคมอยางไร (แนวตอบ ทําใหคนไทยอยูรวมกันอยางสันติสุข มีการพึ่งพาอาศัยกัน มีการชวยเหลือเอื้ออาทร ตอกัน มีการใหอภัย มีเมตตาตอกัน มีธรรมะ ในการดําเนินชีวิต ทําใหมีการดําเนินชีวิต แบบไมประมาท)
และศึกษาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
1๔
นักเรียนควรรู 1 การไหว มารยาทไทยที่สืบทอดกันมาชานาน การไหวเปนการแสดงถึงความ มีสัมมาคารวะ และการใหเกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งเปนการแสดงออกถึงการทักทาย การขอบคุณ หรือการกลาวลา โดยยกมือสองขางประนม นิ้วชิดกันปลายนิ้วจดกัน ยกมือขึ้นในระดับตางๆ ตามฐานะของบุคคล ซึ่งการไหวแบงเปน 4 ระดับ ไดแก การไหวพระรัตนตรัย การไหวผูอาวุโสมากกวา การไหวผูอาวุโสนอยกวา และการ ไหวผูเสมอกัน การแสดงความเคารพดวยการไหว เปนธรรมเนียมที่ประเทศไทยไดรับ อิทธิพลมาจากประเทศอินเดียซึ่งเปนประเทศตนตํารับภาษามือ (นาฏศาสตร) แตประเทศไทยไดนํามาปรับปรุงจนมีความงดงาม ออนชอย ทั้งนี้ ประเทศที่ไดรับ อิทธิพลจากวัฒนธรรมอินเดีย ก็จะมีธรรมเนียมการไหวที่คลายคลึงกัน
14
คูมือครู
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูอธิบายถึงลักษณะของสังคมไทยที่มีพระพุทธศาสนาเปนสถาบันหลัก เปนรากฐานของวัฒนธรรมไทย มีวัฒนธรมที่เปนเอกลักษณเฉพาะของ คนไทย เพื่อบูรณาการเชื่อมโยงกับสาระหนาที่พลเมือง วัฒนธรรม และ การดําเนินชีวิตในสังคม เรื่อง ที่มาของวัฒนธรรมไทย ที่ไดรับอิทธิพลจาก พระพุทธศาสนา เชน การประกอบพิธีกรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี การแสดงความเคารพกันดวยการไหว การสวดมนตไหวพระ เพื่อปลูก จิตสํานึกใหนักเรียนเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาอันเปนศาสนา ประจําชาติ และรวมสืบสานพิธีกรรมทางศาสนาดวยความเต็มใจ
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
1. ใหนักเรียนชวยกันบอกวา ในชีวิตประจําวัน นักเรียนพบเห็นสัญลักษณแทนพระพุทธศาสนา ที่ใดบาง (แนวตอบ เชน การจัดหิ้งพระไวบูชาที่บาน หรือสรางพระพุทธรูปประดิษฐานตามสถานที่ ราชการ หองทํางาน เพื่อใหบุคคลทั่วไป สักการบูชา ฯลฯ) 2. ครูตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบวา • นอกจากพระพุทธรูปปางตางๆ อันเปน สัญลักษณแทนพระพุทธศาสนาแลว นักเรียนคิดวา มีสิ่งใดอีกหรือไม ที่บงบอก วาพระพุทธศาสนาเปนศาสนาประจําชาติ ไทย (แนวตอบ พระมหากษัตริยไทยทรงเปน พุทธมามกะและอัครศาสนูปถัมภก รวมถึง การกําหนดใหวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา เปนวันหยุดราชการ เพื่อใหพุทธศาสนิกชน ไดไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา) 3. ครูใหนักเรียนชวยกันบอกพระราชกรณียกิจ ของพระมหากษัตริยไทยในอดีตที่บงบอกวา พระมหากษัตริยทรงเปนพุทธมามกะและ อัครศาสนูปถัมภก (แนวตอบ เชน รัชกาลที่ 1 ทรงสรางวัด พระศรีรัตนศาสดาราม รัชกาลที่ 4 ทรงผนวช เปนภิกษุ เปนตน)
๒) มี สั ญ ลั ก ษณ์ แ ทนพระพุ ท ธศาสนาในสถานที่ ร าชการ นอกเหนือจาก
พระบรมฉายาลั ก ษณ์ แ ละธงชาติ ไ ทยแล้ ว ตามสถานที่ ร าชการต่ า งๆ มั ก จะมี พ ระพุ ท ธรู ป อันเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของพระพุทธศาสนาประดิษฐานไว้ ๓) พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะและอัครศาสนูปถัมภก พระมหากษัตริย์ไทยในอดีตจนถึงปัจจุบันทุกพระองค์ทรงเป็นพุทธมามกะตามขัตติยราชประเพณี แม้มี การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย มีรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดที่ใช้ในการปกครองประเทศ เช่น รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน พุทธศักราช ๒๕๕๐ ได้บัญญัติไว้ในหมวด 1 ๒ มาตรา ๙ ว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะและทรงเป็ น อั ค รศาสนู ป ถั ม ภก เท่ า กั บ เป็ น การก� า หนดให้ สถาบันพระมหากษัตริย์ มีพระพุทธศาสนาอยู่เคียงคู่ รวมทั้งเป็นหลักประกันว่าพระประมุขของชาติเป็นชาวพุทธนับถือ ศาสนาร่วมกับประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ ๔) ก�าหนดให้วันส�าคัญทางพระพุทธศาสนาเป็นวันหยุดราชการ วันส�าคัญ ทางพระพุทธศาสนาต่างๆ นั้น ทางราชการได้ก�าหนดให้เป็นวันหยุดทั่วประเทศ เพื่อเปิดโอกาส ให้พุทธศาสนิกชนได้มีเวลาไปปฏิบัติศาสนกิจ อันย�้าให้เห็นความส�าคัญของพระพุทธศาสนาต่อ สังคมไทย แม้นานาชาติทั่วโลกก็รับทราบ โดยทางราชการและรัฐวิสาหกิจตลอดจนบริษัทเอกชน ส่วนใหญ่จะหยุดท�าการ ทั้งนี้วันส�าคัญทางพระพุทธศาสนาที่ราชการก�าหนดให้เป็นวันหยุด ได้แก่ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา โดยในวันดังกล่าว นอกจากทาง ราชการจะเป็นแกนน�าในการจัดศาสนพิธีใน สถานที่บางแห่งแล้ว ยังได้มีการรณรงค์ให้ พุทธศาสนิกชนไปปฏิบัติศาสนกิจที่วัด และลด ละ เลิก ความประพฤติเสียหายทั้งปวงอีกด้วย
๓.๒ พระพุทธศาสนาเป็น สถาบันหลักของสังคม ไทย สถาบั น หลั ก ของไทยมี ๓ สถาบั น ได้ แ ก่ สถาบั น ชาติ สถาบั น ศาสนา และ สถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งสามสถาบันนี้ต่าง เกื้อหนุนค�้าจุนเสมือนหนึ่งเป็นโครงสร้างอัน แข็งแกร่งให้สังคมไทยและชาติไทยด�ารงอยู่
Explain
ประชาชนจะน้ อ มท� า บุ ญ ตั ก บาตรร่ ว มกั น ในวั น ส� า คั ญ ทางพระพุทธศาสนา
กิจกรรมสรางเสริม ครูใหนักเรียนไปเขารวมกิจกรรมในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนา แลวจดบันทึกขั้นตอนในศาสนพิธี และประโยชนที่ไดรับจากการเขารวม กิจกรรม
กิจกรรมทาทาย ครูใหนักเรียนวิเคราะหวา การนับถือพระพุทธศาสนาเปนศาสนา ประจําชาติไทย เปนปจจัยที่เสริมสรางความสุขใหกับคนในสังคมไทย อยางไร
1๕
เกร็ดแนะครู ครูจัดกิจกรรมสงเสริมพระพุทธศาสนา โดยจัดทําโครงการทําบุญตักบาตร พระสงฆภายในโรงเรียน สัปดาหละ 1 วัน ตามความเหมาะสม เพื่อปลูกจิตสํานึก ใหนักเรียนปฏิบัติตนเปนพุทธศาสนิกชนที่ดี
นักเรียนควรรู 1 อัครศาสนูปถัมภก พระมหากษัตริยผูทรงนับถือพระพุทธศาสนา และทรง เปนพระประมุขในการทํานุบํารุงพระพุทธศาสนา อีกทั้งทรงอุปถัมภพสกนิกรของ ทุกศาสนาอยางเสมอภาคกัน
คูมือครู
15
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Explain
ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันถึงความสัมพันธ ของสถาบันหลักของไทย 3 สถาบัน อันไดแก สถาบัน ชาติ สถาบันศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย จากนั้นใหนักเรียนศึกษาคนควาพระราชกรณียกิจ ของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวที่แสดงใหเห็นวา พระองคทรงเปนพุทธมามกะและอัครศาสนูปถัมภก (แนวตอบ พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวทรงผนวช เปนพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ทรงประกอบศาสนกิจ ตามพระวินยั สงฆอยางเครงครัด ทรงบําเพ็ญพระราชกุศลในวันสําคัญทางพระพุทธศาสนาอยางสมํ่าเสมอ ทรงอุปถัมภเกื้อกูลพระพุทธศาสนาในดานตางๆ เชน พระราชทานพระบรมราชูปถัมภแกสามเณรที่ สอบไลไดเปรียญธรรม ๙ ประโยค ในการอุปสมบท เปนพระภิกษุนาคหลวง ทรงสถาปนาพระราชาคณะ พระราชทานพระสมณศักดิ์ ทรงถวายผาพระกฐิน และพระราชทานพระราชทรัพยในการกอสรางและ บํารุงรักษาวัดวาอารามตางๆ นอกจากนี้ พระองค ยังทรงอุปถัมภและคุมครองทุกศาสนาที่ประชาชนใน ประเทศไทยนับถืออยางเสมอภาคอีกดวย)
ได้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะพระพุทธศาสนาเป็นสถาบันที่มีบทบาทอย่างสูงในการ ควบคุมพฤติกรรมของผู้คนในสังคมไทย ทั้งนี้เหตุผลที่ท�าให้สถาบันพระพุทธศาสนาเป็นหนึ่งใน สถาบันหลักของสังคมไทย เนื่องมาจาก
๑) พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า เ ป ็ น สถาบันคู่ชาติไทย พระพุทธศาสนาได้เผยแผ่
เข้ามาในดินแดนสุวรรณภูมิอันเป็นที่ตั้งของ ประเทศไทยในปัจจุบัน นับตั้งแต่พุทธศตวรรษ ที่ ๓ อาณาจักรต่างๆ ของคนไทย ล้วนสืบทอด พระพุ ท ธศาสนาไว้ ตั้ ง แต่ ส มั ย สุ โ ขทั ย สมั ย อยุธยา สมัยธนบุรี จนมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ไว้อย่างมั่นคง จึงกล่าวได้ว่าพระพุทธศาสนา เป็นสถาบันคู่ชาติไทยมาโดยตลอด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทรงผนวช ณ วั ด พระศรี รั ต นศาสดาราม เมื่ อ พุ ท ธศั ก ราช ๒๔๙๙ ทรงได้รับพระสมญานามว่า “ภูมิพโล”
๒) 1พระมหากษัตริย์ไทยทรง เป็นพุทธมามกะ ในประวัตศิ าสตร์ของชาติอนื่
กษัตริย์ที่ปกครองประเทศในแต่ละสมัยมักจะ นับถือศาสนาต่างกัน แต่พระมหากษัตริย์ไทย ทุกยุคทุกสมัยล้วนเป็นพุทธมามกะ โดยราชประเพณี ก่อนที่พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ จะขึ้นครองราชย์ จะมีพระราชประเพณีให้ออกผนวชชั่วคราวเพื่อศึกษาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา และน�าหลักธรรมมาประยุกต์ใช้ในการปกครองประเทศ แม้ในกรณีที่ไม่สามารถออก ผนวชก่อนขึ้นเสวยราชสมบัติก็ต้องออกผนวชหลังจากขึ้นครองราชย์แล้ว ดังกรณีพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน เป็นต้น ๓) พระมหากษั ๓) พระมหากษั ต ริ ย ์ ท รงเป็ น อั ค รศาสนู ป ถั ม ภก ภก พระมหากษัตริย์ไทยทุก พระองค์ทรงให้ความส�าคัญในการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาโดยทรงถือเป็นพระราชภารกิจส�าคัญ พระราชภารกิ 2 จ ที่ พ ระมหากษั ต ริ ย ์ ไ ทยทรงท� า นุ บ� า รุ ง พระพุ ท ธศาสนา อาทิ ทรงสร้ า งวั ด ปฏิสังขรณ์วัด และปูชนียสถานต่างๆ ทรงอุปถัมภ์การศึกษาพระพุทธศาสนา ทรงส่งเสริม การปฏิบัติธรรม ทรงยกย่องพระสงฆ์ผู้เชี่ยวชาญในพระปริยัติและเชี่ยวชาญในการปฏิบัติให้ด�ารง สมณศักดิ์ตามความสามารถ และความเหมาะสม ทรงสนับสนุนการสังคายนา ดังที่พระมหากษัตริย์บางพระองค์ได้ทรงสนับสนุนอุปถัมภ์การสังคายนา (ดังในสมัยรัชกาลที่ ๑ และรัชกาล ที่ ๙) และทรงวางพระองค์เป็นแบบอย่างของชาวพุทธที่ดี เป็นต้น
1๖
นักเรียนควรรู 1 พุทธมามกะ ผูรับเอาพระพุทธเจาเปนของตน ในประเทศไทยมีการริเริ่ม พิธกี ารแสดงตนเปนพุทธมามกะในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูห วั และไดมีการปฏิบัติสืบตอกันมาจนถึงปจจุบัน 2 ปฏิสังขรณ การทําใหกลับคืนสูสภาพเดิมอยางที่เคยเปนมา โดยมีขั้นตอน ดําเนินการ ดังนี้ 1. สํารวจสภาพเดิมและสภาพปจจุบัน 2. จัดโครงการ โดยใหความสําคัญในการรักษาจุดเดนของโบราณสถาน 3. กําหนดใหใชเทคนิคการอนุรักษที่ผานการศึกษาและทดลองจนเปนที่พอใจ 4. กําหนดใหเสริมความมั่นคงแข็งแรงที่จําเปน เรียบงาย และกลมกลืนกับ ของเดิม 5. ในกรณีจําเปนตองทําชิ้นสวนที่ขาดหายไปขึ้นมาใหม ตองทําใหกลมกลืน กับของเดิม แตตองแสดงใหเห็นไดวาทําขึ้นมาใหม
16
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
พระมหากษัตริยไทยนับตั้งแตสมัยสุโขทัยจนถึงปจจุบันทรงมีบทบาทใน การสงเสริิมพระพุทธศาสนาใหประดิษฐานอยางมั่นคงในดินแดนประเทศไทย อยางไร จงอธิบายมาพอเขาใจ แนวตอบ นับตั้งแตสมัยสุโขทัยจนถึงสมัยรัตนโกสินทรอาจกลาวไดวา พระมหากษัตริยไทยลวนใหการสงเสริมการเผยแผพระพุทธศาสนาและ การทํานุบํารุงพระพุทธศาสนาใหเจริญรุงเรืองในแผนดินไทย ดังจะเห็นได จากพระราชกรณียกิจตางๆ ที่แสดงใหเห็นถึงการมีความเลื่อมใสศรัทธา ในพระพุทธศาสนา เชน พอขุนรามคําแหงมหาราชทรงนิมนตพระสงฆจาก นครศรีธรรมราชมาเทศนาสั่งสอนราษฎรที่กรุงสุโขทัย หรือพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) ทรงออกผนวช และทรงพระราชนิพนธวรรณคดีทาง พระพุทธศาสนา เรื่อง ไตรภูมิพระรวง หรือสมัยอยุธยาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร พระมหากษัตริยหลายพระองคทรงโปรดใหสรางวัดวาอารามมากมาย ทรง ใหมีการสังคายนาพระไตรปฎกเพื่อใหใชเปนหลักในการสั่งสอนประชาชน เปนตน
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู ๔) รัฐบาลไทยส่งเสริมสนับสนุนพระพุทธศาสนา เมือ่ ประเทศไทยได้เปลีย่ นแปลง
ระบอบการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย พระราชอ�านาจและพระราชภารกิจในการอุปถัมภ์ บ�ารุงพระศาสนาของพระมหากษัตริย์แต่เดิมก็ถูกมอบหมายให้รัฐบาลท�าหน้าที่สืบแทนต่อไป เพราะฉะนั้นรัฐบาลจึงมีหน้าที่โดยตรงที่จะอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาทั้งด้านการศึกษา และด้าน การปฏิบัติพระศาสนา โดยก�าหนดเป็นนโยบายที่แน่นอนและปฏิบัติให้บรรลุผลตามนโยบายที่ ก�าหนดไว้ ทั้งนี้โดยการด�าเนินงานผ่านทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงมหาดไทย และส�านักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นต้น
๓.๓ พระพุทธศาสนาเป็นสภาพแวดล้อมที่กว้างขวางและ ครอบคลุมสังคมไทย คนไทยส่วนใหญ่ภายในสังคมไทยเป็นชาวพุทธโดยก�าเนิด ไม่ต้องมีการประกาศ เพราะวิถี ชีวิตของคนไทยได้รับการผสมผสานกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระพุทธศาสนามาทุกยุค ทุกสมัย สภาพแวดล้อมรอบตัวทั้งทางกายภาพและสภาพแวดล้อมทางสังคม ส่วนใหญ่มักได้รับ อิทธิพลจากพระพุทธศาสนา หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ตั้งแต่เกิดจนตายคนไทยส่วนใหญ่มักต้อง สัมผัสกับพระพุทธศาสนามากหรือน้อยบ้างตามโอกาส ดังนั้น พระพุทธศาสนาจึงเป็นสภาพ แวดล้อมที่กว้างขวางและครอบคลุมสังคมไทยอย่างแท้จริง ด้วยเหตุผลดังนี้ ๑) มีวัดและส�านักสงฆ์มากมายทัว่ ประเทศ จากสถิติ พ.ศ. ๒๕๕๒ ในประเทศไทยมี วัดประมาณ ๓๕,๒๗๑ วัด และส�านักสงฆ์อีกจ�านวนมาก มีพระภิกษุและสามเณรประมาณ ๓๒๒,๐๐๐ รูป ไม่นับพระภิกษุสามเณร ผู้บวช ชั่วคราว ทุกหมู่บ้านมีวัดประจ�าหมู่บ้าน แม้ เมื่อจะก่อตั้งหมู่บ้านขึ้นใหม่ก็นิยมสร้างวัดไว้ เป็ น สถานที่ บ� า เพ็ ญ บุ ญ ทางพระศาสนาด้ ว ย วัดจึงนับเป็น “ศูนย์กลาง” ของสังคมไทยส่วน ใหญ่มาแต่อดีตถึงปัจจุบัน
๒) มี ปู ช นี ย สถาน ปู ช นี ย วั ต ถุ มากมาย เหตุ ที่ วั ด เป็ น สภาพแวดล้ อ มที่
ครอบคลุ ม สั ง คมไทยทั่ ว ไปจึ ง มี ปู ช นี ย สถาน และปูชนียวัตถุสา� คัญๆ ทีเ่ กีย่ วข้องกับพระพุทธศาสนาประดิษฐานเก็บรักษาอยู่มากมาย เช่น พระธาตุพนม พระบรมธาตุน1ครศรีธรรมราช พระธาตุดอยสุเทพ พระพุทธรูป วิหาร เป็นต้น
วั ด เบญจมบพิ ต รดุ สิ ต วนาราม เป็ น พระอารามหลวง ชั้นเอก สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
พระพุทธศาสนาในฐานะที่เปนสภาพแวดลอมที่ดีของสังคมไทยได สราง คุณประโยชนตอสังคมไทยอยางไรบาง แนวตอบ 1. เปนแหลงการศึกษาเรียนรูและภูมิปญญาของคนไทยโดยมี วัดและพระสงฆเปนแหลงศึกษาและเปนแบบอยางที่ดี 2. เปนศูนยรวมการพัฒนาจิตใจและบุคลิกภาพ ปลูกฝงใหคนในสังคม มีนิสัยโอบออมอารี รักสงบ และใหอภัยซึ่งกันและกัน
1๗
Explain
1. ครูนําสนทนาถึงคานิยมที่สําคัญของสังคมไทย ปจจุบัน และแสดงความคิดเห็นวา คานิยม เหลานั้นไดรับอิทธิพลจากพระพุทธศาสนา หรือไม อยางไร (แนวตอบ เนื่องจากวิถีชีวิตสวนใหญของคนไทย ไดรับการผสมผสานกลมกลืนเปนอันหนึ่ง อันเดียวกับพระพุทธศาสนามาทุกยุคทุกสมัย จึงกลาวไดวา คานิยมอันเปนความคิด ความเชื่อที่บุคคลในสังคมยึดถือหรือเห็นวา มีคุณคาตางๆ นั้น ลวนไดรับอิทธิพลจาก พระพุทธศาสนาเชนเดียวกัน ดังจะเห็นได จากลักษณะนิสัยและมารยาทของคนไทย เชน ความเอื้อเฟอเผื่อแผ ความมีนํ้าใจ ความ เมตตากรุณา และการรูจักใหอภัย เปนตน) 2. ครูสอบถามนักเรียนถึงกิจวัตรประจําวันที่มี ความเกี่ยวของกับพระพุทธศาสนา เชน การ สวดมนต การทําบุญตักบาตร เปนตน และ รวมกันอภิปรายถึงบทบาทสําคัญของวัด ในฐานะที่เปนศูนยกลางของสังคมไทยตั้งแต อดีตจนถึงปจจุบันและวิเคราะหถึงบทบาท ความสําคัญและบทบาทของวัดที่ลดลงเมื่อ เปรียบเทียบกับในอดีต 3. ครูนําภาพวัดหรือสถานที่ทางพระพุทธศาสนา ที่มีความยิ่งใหญสวยงามมาใหนักเรียนดูและ ใหนักเรียนตอบคําถามวา • นักเรียนมีความคิดเห็นอยางไรเกี่ยวกับการ สรางวัดหรือสถานทีท่ างพระพุทธศาสนา โดย มุงเนนความยิ่งใหญของสถานที่เปนหลัก (แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแสดง ความคิดเห็นไดอยางหลากหลายบนพื้นฐาน ของความมีเหตุผล โดยมุงเนนใหนักเรียน ตระหนักถึงแกนแทของพระพุทธศาสนาและ ความสําคัญของวัดหรือสถานที่ทางพระพุทธ ศาสนาอยางแทจริง)
เกร็ดแนะครู ครูอาจอธิบายเกี่ยวกับขอความที่วา “ในสังคมไทยของเรานั้น นับตั้งแตเกิด จนตายลวนมีความเกี่ยวของกับพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น” จากนั้นใหนักเรียนรวมกัน แสดงความคิดเห็นวาเห็นดวยหรือไม พรอมอธิบายเหตุผลประกอบ
นักเรียนควรรู 1 พระพุทธรูป แรกเริ่มการสรางพระพุทธรูปไมมีการกําหนดรูปแบบปางตางๆ ตามพระพุทธจริยาวัตรที่ทรงบําเพ็ญพุทธกิจอยางใดอยางหนึ่ง เปนการสรางขึ้น เพื่อเปนเครื่องเตือนใจใหระลึกถึงคุณของพระพุทธเจาเทานั้น แตตอมาจึงมีการ สรางพระพุทธรูปในลักษณะตางๆ มากขึ้น ซึ่งกรมศิลปากร แผนกโบราณคดีได จําแนกลักษณะของพระพุทธรูปในไทยออกเปน 7 สมัย ไดแก สมัยทวารวดี สมัย ศรีวิชัย สมัยลพบุรี สมัยเชียงแสน สมัยสุโขทัย สมัยอยุธยา และสมัยรัตนโกสินทร ทั้งนี้ ธรรมเนียมการสรางพระพุทธรูป ไทยก็ไดรับอิทธิพลจากอินเดียเชนกัน คูมือครู 17
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Explain
ใหนกั เรียนดูภาพโลหะปราสาท วัดราชนัดดาราม ศึกษาความสําคัญและรวมกันอภิปรายถึงความงดงาม และคุณคาตอสังคมไทย พรอมทั้งใหนักเรียน ยกตัวอยางวัดตางๆ ที่มีความงามและมีคุณคา พรอมทั้งบอกวิธีการอนุรักษและการถายทอดความ งามและคุณคาเหลานั้นใหคนไทยไดภูมิใจและ รวมกันอนุรักษโบราณสถานดังกลาว
àÊÃÔÁÊÒÃÐ
âÅËлÃÒÊÒ· ÇÑ´ÃÒª¹Ñ´´ÒÃÒÁ
âÅËлÃÒÊÒ·áË‹§ÊØ´·ŒÒ¢ͧâÅ¡ โลหะปราสาท ที่วัดราชนัดดารามวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ถนนมหาไชย
เขตพระนคร กรุงเทพฯ เป็นโลหะปราสาทแห่งเดียวของไทย และปัจจุบัน เป็นโลหะปราสาทแห่งเดียวที่ยังเหลืออยู่ในโลก พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมื่อป พ.ศ. ๒๓๘๙ โดยให้ช่างออกแบบและสร้างตามลักษณะโลหะปราสาทหลังที่สอง พระองค์ ท รงมอบหมายให้ ส มเด็ จ เจ้ า พระยาบรมมหาพิ ชั ย ญาติ (ทัต บุนนาค) ด�ารงต�าแหน่งอธิบดีก่อสร้าง ด�าเนินการก่อสร้าง โดยก่อนที่จะเริ่มก่อสร้างนั้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ช่างเดินทางไปดูแบบที่ประเทศลังกาด้วย ว่ากันว่า มู ล เหตุ ที่ บั น ดาลพระราชหฤทั ย พระบาทสมเด็ จ พระนั่ ง เกล้ า เจ้าอยู่หัว ให้ด�าเนินการสร้างโลหะปราสาทในวั ด ราชนั ด ดา รามวรวิหารนั้น น่าจะสืบเนื่องมาจากความเจริญรุ่งเรืองทาง พระพุทธศาสนาในรัชสมัยของพระองค์เป็นส�าคัญ อีกทัง้ ทรงสร้าง เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และเป็นอนุสรณ์ในบวรพุทธศาสนา ตามอย่างลังกา โลหะปราสาทของไทยหลังนี้ มีความงดงามตามแบบศิลปะสถาปัตยกรรมไทย แผนผังของปราสาทเป็น รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ฐานกว้างด้านละ ๒๓ วา เป็นปราสาท ๗ ชั้น อาคารชั้นล่าง ชั้นที่ ๓ และชั้นที่ ๕ เป็นคูหาและ ระเบียงรอบ ส่วนชั้นที่ ๒ ชั้นที่ ๔ และชั้นที่ ๖ ท�าเป็นคูหาจตุรมุข มียอดเป็นบุษบก ชั้นละ ๑๒ ยอด และชั้นที่ ๗ เป็นยอดปราสาทจตุรมุขส�าหรับประดิษฐานพระบรมธาตุ รวมทั1้งสิ้นเป็น ๓๗ ยอด ซึ่งหมายถึงหลักธรรมใน พุทธศาสนา ๓๗ ประการ ที่เรียกว่า “โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ” อันเป็นหลักธรรมที่น�าไปสู่ความหลุดพ้นและ เข้าสู่นิพพาน ใจกลางของตัวปราสาทจะมีบันไดวนที่ใช้ซุงขนาดใหญ่ยึดเป็นแม่บันได และมีหลักฐานการก่อสร้าง งฐานด้วย ครั้งแรกว่า ใช้ศิลาแลงจากเมืองสวรรคโลกมาเป็นวัสดุในการก่อสร้างฐ โลหะปราสาทหลังนี้เริ่มสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ แต่มาแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ ๕ เนื่องจากพระบาท สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตขณะก�าลังก่อสร้าง โลหะปราสาท ในภายหลังได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมาจนสมบูรณ์ วั ด ราชนั ด ดารามวรวิ ห ารแห่งนี้ นับว่า ในรัชกาลปัจจุบัน เป็ น พุ ท ธศิ ล ป ใ นสถาปั ต ยกรรม ที่ ง ดงามแห่ ง หนึ่ ง ของไทย และ เป็นโลหะปราสาททีเ่ หลืออยูเ่ พียง แห่งเดียวในโลก
1๘
นักเรียนควรรู 1 โพธิปกขิยธรรม 37 ประการ ธรรมอันเปนฝกฝายแหงความตรัสรู หรือธรรม ที่เกื้อหนุนแกอริยมรรค ไดแก 1. สติปฏฐาน 4 5. พละ 5 2. สัมมัปปธาน 4 6. โพชฌงค 7 3. อิทธิบาท 4 7. มรรคมีองค 8 4. อินทรีย 5
มุม IT ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโลหะปราสาท วัดราชนัดดาราม ไดที่ www.watratchanaddaram.com หรือ Youtube.com โดยคนหาคําวา โลหะปราสาท หรือวัดราชนัดดาราม
18
คูมือครู
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูสามารถนําเนื้อหาลักษณะสถาปตยกรรมของโลหะปราสาท วัดราชนัดดารามมาบูรณาการเชื่อมโยงกับกลุมสาระการเรียนรูศิลปะ วิชาทัศนศิลป เรื่อง ประเภทของงานทัศนศิลป โดยใหนักเรียนสืบคนขอมูลและอธิบาย ความงดงามในฐานะที่เปนผลงานดานสถาปตยกรรมทางพระพุทธศาสนา
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ขยายความเขาใจ
Expand
1. ครูยกตัวอยางวรรณคดีไทยที่ไดรับอิทธิพล มาจากพระพุทธศาสนา เชน ไตรภูมิพระรวง เปนตน และใหนักเรียนอภิปรายถึงขอคิดที่ ไดรับจากความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องนรก สวรรค หรือบาปกรรมในวรรณคดีดังกลาว (แนวตอบ เชน ใหเรงทําความดีเพื่อไปสู ภพภูมิที่ดีในอนาคต หรือหลุดพนจาก ความทุกขทั้งปวง) 2. ครูใหนักเรียนบอกลักษณะนิสัยและมารยาท ของตนเองที่ไดรับอิทธิพลมาจากพระพุทธศาสนา (แนวตอบ เชน มีนํ้าใจ มีความเมตตาตอผูอื่น ใหอภัยเมื่อผูอื่นที่ทําผิดตอเรา แลวเกิด สํานึกผิดและมาขอโทษ เพราะพระพุทธศาสนา สอนใหละเวนการจองเวรซึ่งกันและกัน ใหรูจัก การใหอภัย และใหโอกาสผูอื่นเสมอ เปนตน) 3. ครูยกตัวอยางชื่อคนหรือสถานที่ที่ไดรับ อิทธิพลมาจากภาษาบาลี - สันสกฤต และให นักเรียนบอกวา ชื่อตนเองแปลวาอะไร มาจาก ภาษาบาลี - สันสกฤต หรือไดรับอิทธิพลมา จากพระพุทธศาสนาหรือไม (แนวตอบ เชน วิทยา วิริยะ หมายถึง ความรู และความเพียร ตามลําดับ) 4. ครูใหนักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ “พระพุทธศาสนากับสังคมไทยปจจุบัน”
๓) ประเพณีพิธีกรรมต่างๆ ของคนไทย มาจากพระพุทธศาสนาโดยตรง เช่น
ประเพณีการบวช ประเพณีวนั ส�าคัญทางพระพุทธศาสนา ประเพณีทอดผ้าปา ประเพณีทอดกฐิน และคติบางอย่างก็น�าเอาแนวคิดทางพระพุทธศาสนาไปปรับใช้ให้ผสมกลมกลืน เช่น การตั้งชื่อ โกนผมไฟ ขึ้นบ้านใหม่ ท�าบุญอายุ งานศพ ถ้าไม่มีพระพุทธศาสนา ประเพณีพิธีกรรมเหล่านี้ อาจเป็นไปในรูปแบบอื่น หรือประเพณีบางอย่างก็อาจไม่เกิดขึ้นมาในสังคมไทย ซึ่งย่อมมี ผลพลอยท�าให้สังคมไทยขาดเอกลักษณ์บางอย่างไป นอกจากนี้จิตใจของคนไทยส่วนใหญ่ ก็อาจขาดการขัดเกลาหรือมิได้ถูกหล่อหลอมให้มีลักษณะเป็นคนไทยอย่างที่เห็นและเป็นอยู่ใน ปัจจุบันนี้ก็ได้
๔) ลักษณะนิสัยและมารยาทของคนไทยส่วนใหญ่มีรากฐานจากพระพุทธศาสนา คนไทยได้รับการยกย่องจากชาวต่างชาติว่าเป็นคนที่มีลักษณะนิสัยดีงาม เช่น มีความ
เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน�้าใจ เมตตากรุณา เกรงใจ พร้อมให้อภัยคนอื่นเสมอ ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นต้น คนไทยมีค�าพูดติดปาก คือ “ไมเปนไร” อันหมายถึง ไม่ถือโทษ ไม่อาฆาตมาดร้าย ให้อภัย อยู่เสมอ ลักษณะนิสัยเหล่านี้และอื่นๆ ล้วนหล่อหลอมมาจากพระพุทธศาสนา อันเป็นสภาพ แวดล้อมที่ครอบคลุมสังคมไทยอย่างกว้างขวาง ด้ า นกิ ริ ย ามารยาทนั้ น คนไทยมี กิ ริ ย ามารยาทเรี ย บร้ อ ย นุ ่ ม นวล การไหว้ การกราบ มารยาทในการต้อนรับ การแต่งกาย ตลอดจนอิริยาบถของคนไทย ล้วนได้รับการ ชื่นชมจากทั่วโลก ทั1 ้งนี้มารยาทเหล่านี้ล้วนมีพื้นฐานมาจากหลักค�าสอนทางพระพุทธศาสนา เช่น หลักคารวธรรม หลักการปฏิสันถาร เป็นต้น ๕) ภาษาและวรรณคดีไทยมีอิทธิพลมาจากพระพุทธศาสนา ภาษาไทยที่ใช้ อยู่ในปัจจุบันส่วนมากมีพื้นฐานมาจากภาษาบาลีสันสกฤต ซึ่งเป็นภาษาทางพระพุทธศาสนา สังเกตได้จากชื่อ นามสกุล ชื่อบริษัท ห้างร้าน สถานที่ แม้กระทั่งชื่อหน่วยงานราชการต่างๆ ตลอดจนวรรณคดีไทยต่างๆ มักมีแนวคิดทางพระพุ 2 ทธศาสนาเป็นแนวคิดหลัก โดยสะท้อนความ เชื่อเรื่อง นรก สวรรค์ บุญ บาป กรรม สังสารวัฏ 3๖) การนับศักราช การนับศักราชอย่างเป็นทางการของประเทศไทยจะนับเป็น “พุทธศักราช” โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรงมีพระราชด�าริให้เปลีย่ นแปลงจาก แบบรัตนโกสินทร์ศกมาเป็นพุทธศักราช อันแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยให้ความ การนับศักราชแบบรั ส�าคัญอย่างยิ่งยวดแก่พระพุทธศาสนา และประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่ใช้วิธีการนับ ศักราชเช่นนี้
ตรวจสอบผล
Evaluate
ตรวจสอบจากการแสดงความคิดเห็น โดย พิจารณาถึงความถูกตองของเนื้อหาและรูปแบบ การเขียน 1๙
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
“สังคมไทยเปนสังคมพุทธ” คํากลาวขางตนมีที่มาจากขอใด 1. การมีวัดเปนศูนยกลางของสังคมไทย 2. หลักธรรมทางพระพุทธศาสนามีอิทธิพลตอวิถีการดําเนินชีวิตของ คนไทยสวนใหญ 3. การกอเกิดประเพณีและพิธีกรรมตางๆ จากความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของคนไทย 4. ทางราชการกําหนดใหวันสําคัญทางศาสนาเปนวันหยุด เพื่อให พุทธศาสนิกชนไดปฏิบัติศาสนกิจ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. คนไทยสวนใหญนับถือพระพุทธศาสนา มาตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบัน ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาจึงเปนรากฐาน ของวัฒนธรรมไทยหลายดาน รวมถึงการปฏิบัติตนตามหลักธรรมทาง พระพุทธศาสนาชวยหลอหลอมใหคนไทยมีลักษณะนิสัยที่ดีงาม เชน มีความเอื้อเฟอเผื่อแผ รูจักใหอภัยซึ่งกันและกัน เปนตน
นักเรียนควรรู 1 หลักคารวธรรม หลักปฏิบัติในการอยูรวมกันในสังคมโดยมีความเคารพ ซึ่งกันและกัน มี 6 ประการ ไดแก เคารพในพระพุทธเจา เคารพเชื่อฟงพระธรรม คําสอนของพระพุทธเจา เคารพในพระสงฆ เคารพในไตรสิกขา เคารพใน ปฏิสันถารตอนรับดวยธรรม และเคารพในความไมประมาท 2 สังสารวัฏ การเวียนวายตายเกิดอยูในภพภูมิตางๆ ของสัตวโลกดวยอํานาจ แหงผลกรรม 3 พุทธศักราช เริ่มตนนับตั้งแตวันที่พระพุทธเจาเสด็จดับขันธปรินิพพานมาแลว ครบ 1 ปเปนพุทธศักราชหรือ พ.ศ.1 สําหรับการเทียบพุทธศักราชใหเปนคริสต ศักราช ใหนํา 543 ไปลบปพุทธศักราช เชน พ.ศ. 2555-543 = ค.ศ. 2012
คูมือครู
19
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
กระตุน ความสนใจ
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Engage
1. ครูสนทนากับนักเรียนถึงลักษณะของคนดีกับ คนเกง และตั้งคําถามกระตุนความสนใจวา • นักเรียนคิดวาระหวางคนดีกับคนเกงนั้น บุคคลประเภทใดสามารถสรางความเจริญ ใหแกตนเองและสังคมไดมากกวากัน เพราะเหตุใด 2. ครูยกตัวอยางบุคคลที่เปนแบบอยางของ คนดี ที่ใชหลักธรรมทางศาสนาในการดําเนิน ชีวิตจนประสบความสําเร็จในการเรียนหรือใน อาชีพ และใหนักเรียนรวมกันอภิปรายแสดง ความคิดเห็นถึงแนวทางการนําหลักธรรมมาใช ในชีวิตประจําวัน
สํารวจคนหา
๔. พระพุทธศาสนากับการพัฒนาตนและครอบครัว ๔.1 พระพุทธศาสนากับการพัฒนาตน การพัฒนา หมายถึง การเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงอะไรบางอย่างให้ดีขึ้น โดยอาจเป็น สิ่งที่ยังไม่ดีให้กลายเป็นดี หรือสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นการรู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดีเป็น สิ่งส�าคัญ เพราะถ้าไม่รู้การพัฒนาก็เกิดไม่ได้ เพราะการพัฒนาคือการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งนั้น การพัฒนาตนนั้นมองได้ ๒ ทาง คือ พัฒนาตนให้เป็นคนดี กับการพัฒนาตนให้เป็น คนเก่งมีความสามารถ คนดีที่ไม่เก่งแม้จะไม่ท�าความชั่วก็ไม่สามารถสร้างความเจริญให้แก่ตน และสังคมได้มากนัก แต่ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายแก่สังคม ส่วนคนเก่งที่ไม่ดีเป็นคนน่ากลัว เพราะอาจท�าความชั่วได้มาก ทั้งนี้ตามคติของพระพุทธศาสนา คนดี คือ คนที่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่เบียดเบียนผู้อื่น มีเมตตากรุณา อยู่ในเบญจศีล เบญจธรรม ส่วน คนเก่ง คือ คนที่สามารถ ท�าการงานให้ส�าเร็จลุล่วงไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ซึ่งพระพุทธศาสนามีบทบาท ช่วยพัฒนาชาวพุทธและครอบครัว ดังนี้ ๑) การพัฒนาตนให้เป็น1 คนดี พระพุ 2 ทธศาสนามีหลักธรรมมากมายที่สั่งสอน ส่งเสริมให้คนเป็นคนดี เช่น ไตรสิกขา ปธาน ๔ มิตรแท้ มิตรเทียม มงคล (ไม่คบคนพาล คบบัณฑิต) เป็นต้น แต่หลักธรรมส�าคัญที่ควรศึกษาไว้เพื่อน�าไปใช้ในการพัฒนาตน ได้แก่ เบญจศีล และเบญจธรรม
Explore
ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับหลักธรรม ทางพระพุทธศาสนาที่สามารถนําไปประยุกตใชเพื่อ พัฒนาตนและสังคมได เชน เบญจศีล เบญจธรรม อิทธิบาท 4 เปนตน
เบญจศีล ดังนี้
เบญจศีล คือ หลักธรรมที่ว่าด้วยการรักษากายวาจาให้เรียบร้อย เว้นจากความชั่ว ๕ ประการ (๑) (๒) (๓) (๔) (๕)
เว้นจากการฆ่า การเบียดเบียนสัตวโลกทั้งปวง เว้นจากการถือเอาสิง่ ของทีเ่ ขามิได้ให้ การฉ้อโกง การท�าลายของผูอ้ นื่ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม ไม่ละเมิดสิ่งที่ผู้อื่นหวงแหน เว้นจากการพูดเท็จ เว้นจากการดื่มน�้าเมา และสิ่งเสพติดทั้งปวง
เบญจธรรม
๒0
เบญจธรรม คือ หลักธรรมที่คู่กับเบญจศีล โดยมุ่งเน้นการกระท�าเพิ่ม มิใช่การละเว้นอย่างเดียว มีอยู่ ๕ ประการ ดังนี้ (๑) มีเมตตา กรุณา (๒) หาเลี้ยงชีพในทางสุจริต (๓) สังวรในกาม ควบคุมตนในกามารมณ์ (๔) มีความสัตย์ (๕) ไม่ประมาท ระลึกอยู่เสมอว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร
นักเรียนควรรู 1 ไตรสิกขา หลักปฏิบัติเพื่อพัฒนาชีวิต 3 ประการ ประกอบดวย อธิสีลสิกขา (ศีล) อธิจิตตสิกขา (สมาธิ) และอธิปญญาสิกขา (ปญญา) 2 ปธาน 4 ความเพียรทั้ง 4 ประกอบดวย สังวรปทาน คือ ความเพียรระวังยับยั้งบาปไมใหเกิดขึ้น ปหานปทาน คือ ความเพียรที่จะละหรือกําจัดบาปที่เกิดขึ้นแลว ภาวนาปทาน คือ ความเพียรการสรางกุศลธรรมใหเกิดขึ้น อนุรักขนาปธาน คือ ความเพียรรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแลวใหคงอยู และเพิ่มพูนขึ้นตอไป
20
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
เพราะเหตุใดการพัฒนาตนตามแนวทางพระพุทธศาสนาจึงมุงเนน การเปนคนดีควบคูไปกับการเปนคนเกง แนวตอบ เพราะคนเกงที่เปนคนไมดีจะสามารถสรางความเดือดรอนให กับตนเองและสังคมไดมากมาย สําหรับคนดีที่ไมใชคนเกง ถึงแมวาจะไม สามารถสรางผลงานที่มีประสิทธิภาพเทียบเทาคนเกงได แตก็ไมไดสราง ความเดือดรอนใหกับสังคมมากเทา ทั้งยังเปนแบบอยางที่ดีในการปฏิบัติตน ตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาใหกับผูอื่นไดอีกดวย ดังนั้น การพัฒนา ตนใหเปนคนดีควบคูไปกับการเปนคนเกงจึงสงเสริมใหบุคคลประกอบการ งานไดสําเร็จลุลวงอยางรวดเร็ว และชวยพัฒนาสังคมโดยปองกันไมให คนเกงที่ไมมีคุณธรรมสรางความเสื่อมเสียใหกับสังคม
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
Explain
1. ครูนําสนทนาดวยการยกตัวอยางละคร โทรทัศนที่มีตัวละครเปนคนดี มีหลักธรรม ในการดําเนินชีวิต และใหนักเรียนรวมกัน วิเคราะหนิสัยตัวละครและหลักธรรมที่ ตัวละครใชในการดําเนินชีวิต 2. ใหนักเรียนในชั้นเรียนทองศีล 5 พรอมกัน แลวตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบ เชน • นักเรียนคิดวา การปฏิบัติตนตามศีล 5 นั้น มีประโยชนตอตนเองและสังคมอยางไร (แนวตอบ การปฏิบัติตนตามศีล 5 นั้นชวย ขัดเกลาจิตใจของผูปฏิบัติใหเปนผูคิดดี ทําดี พูดดี ทั้งยังเปนเครื่องมือในการ ควบคุมพฤติกรรมของผูปฏิบัติใหสามารถ อยูรวมกับผูอื่นในสังคมไดอยางสงบสุข) • นักเรียนคิดวา การปฏิบัติตนตามศีล 5 ขอใดที่ปฏิบัติไดยากที่สุด เพราะเหตุใด (แนวตอบ ครูเปดโอกาสใหนักเรียนแสดง ความคิดเห็นไดอยางหลากหลายโดยอยูบน พื้นฐานของความมีเหตุผล)
๒) การพัฒนาตนให้เป็นคนเก่งมีความสามารถ พระพุทธศาสนามีหลักธรรม
อีกมากมายที่ส่งเสริมให้มนุษย์เป็นคนเก่ง มีความสามารถในการประกอบการงาน เช่น โกศล ๓ หลักกรรม ไตรสิกขา เป็นต้น แต่นอกจากนี้ ยังมีหลักธรรมอื่นๆ ที่ควรศึกษาไว้เพื่อพัฒนา ตนให้เป็นคนเก่ง มีความสามารถในการท�างาน ให้เป็นผลส�าเร็จได้อีก ได้แก่ อิทธิบาท ๔ และ พละ ๕ อิทธิบาท ๔ คือ คุณธรรมที่ น� า ไปสู่ความส�าเร็จ มี ๔ ประการ ดังนี้ (๑) ฉั น ทะ คื อ ความมี ใ จรั ก ที่ จะท�าในสิ่งที่ก�าลังตั้งใจท�า (๒) วิ ริ ย ะ คื อ ความพยายาม เข้มแข็ง และอดทนที่จะท�า (๓) จิตตะ คือ ความตัง้ ใจแน่วแน่ การท�างานโดยยึดหลัก สัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และ ที่จะท�า ไม่ลังเล ไม่ฟุ้งซ่าน ปัญญา สามารถช่วยพัฒนาตนเองให้เป็นคนดีคนเก่งได้ (๔) วิมงั สา คือ ความคิดไตร่ตรอง วางแผน ตามเหตุผล มีการปรับปรุง พละ ๕ คือ หลักธรรมที่ช่วยให้ท�างานลุล่วงส�าเร็จได้ มี ๕ ประการ ดังนี้ (๑) สัทธา คือ มีความเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนก�าลังท�า (๒) วิริยะ คือ มีความเพียร (๓) สติ คือ มีความระลึกได้ ไม่ประมาท (๔) สมาธิ คือ มีจิตตั้งมั่น (๕) ปัญญา คือ มีความรู้ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องที่กระท�า เรื่องน่ารู้ พุทธลักษณะกับการพัฒนาตน
1
พุทธลักษณะบางประการ สามารถพิจารณาเชิงสัญลักษณ์ว่ามีนัยในการ สั่งสอนให้บุคคลรู้จักการพัฒนาตนเอง เช่น พระเนตรที่หลุบต�่า คือ นิมิตเตือนใจว่าให้ หลุบตาลงมามองตนเองเสียบ้าง อย่ามัวแต่เพ่งโทษจับผิดผู้อื่น หรือพระกรรณยาว คือ นิมิตเตือนให้เป็นคนหูหนัก ไม่หูเบาเชื่ออะไรง่ายๆ เป็นต้น
๒1
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
การพัฒนาตนใหเปนคนเกง ประสบความสําเร็จในการเรียนหรือ การทํางาน ควรปฏิบัติตนตามหลักธรรมในขอใด 1. ทิศ 6 2. เบญจธรรม 3. อิทธิบาท 4 4. กุลจิรัฏฐิติธรรม 4
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. อิทธิบาท 4 คือ หลักธรรมที่นําไปสูความ สําเร็จ 4 ประการ ดังนี้ ฉันทะ มีใจรักในสิ่งที่ทํา วิริยะ มีความเพียรพยายาม จิตตะ มีจิตที่แนวแน วิมังสา มีการคิดไตรตรองดวยเหตุผล
เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนชวยกันสืบคนประวัติและผลงานของบุคคลที่นําหลักธรรมทาง พระพุทธศาสนามาประยุกตใชในการดํารงชีวิตแลวประสบความสําเร็จในหนาที่ชีวิต การงาน โดยอาจสรุปประวัติและผลงานโดยสังเขปจัดทําเปนปายนิเทศ
นักเรียนควรรู 1 พุทธลักษณะ ลักษณะของสวนตางๆ ที่สังเกตเห็นไดจากพระพุทธรูป ซึ่งลักษณะในแตละสวนนั้นจะมีเอกลักษณเฉพาะที่แฝงไวดวยขอคิดจากธรรมะ เชน พระนาสิกเปนสันนูน หมายถึง การหายใจดวยตนเอง เปนการเตือนสติใหยึดมั่น การพึ่งตนเองเปนหลัก
คูมือครู
21
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Explain
1. ครูยกตัวอยางครอบครัวที่เปนแบบอยางใน การทําดี เชน ชวยเหลือกิจกรรมตางๆ ใน ชุมชน ประกอบอาชีพสุจริตจนประสบความ สําเร็จ สมาชิกในครอบครัวเปนคนดีมีการศึกษา ที่ดีมีงานทําที่ดี ฯลฯ รวมกันอภิปรายถึงแบบอยางความดี จากนั้นนําสนทนาถึงความสําคัญ ของสถาบันครอบครัวที่มีตอสังคมไทย และให นักเรียนชวยกันบอกหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ที่สงเสริมใหมนุษยพัฒนาครอบครัวของตนใหมี ความสุขและมีความเจริญรุงเรือง (แนวตอบ ครอบครัวเปนสถาบันแรกที่ทําหนาที่ เลี้ยงดูและอบรมบมสอนแบบแผนและวิธีปฏิบัติ ตนตามระเบียบของสังคมที่ถูกตองใหกับสมาชิก ในครอบครัว อีกทั้งยังมีบทบาทในการปลูกฝง ความคิด ความเชื่อ และพฤติกรรมตางๆ ของ สมาชิกที่จะแสดงออกตอสังคมอีกดวย ดังนั้น จึงกลาวไดวา สถาบันครอบครัวเปนสถาบันที่ เล็กที่สุดแตทรงคุณคาแกสังคมมากที่สุด เชน หากครอบครัวปลูกฝงใหสมาชิกเปนคนดีและ รูจักใฝรูใฝเรียนแลว ยอมเปนกําลังสําคัญในการ พัฒนาสังคมและประเทศชาติไปในทางที่ดีอยาง แนนอน สวนหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที่ สงเสริมใหมนุษยพัฒนาครอบครัวของตนใหมี ความสุขและมีความเจริญรุงเรือง เชน กุลจิรัฏฐิติธรรม 4 และ ทิศ 6) 2. ครูและนักเรียนชวยกันยกตัวอยางเหตุการณ ตางๆ ที่แสดงใหเห็นถึงสภาพปญหาในสังคม เชน ปญหานักเรียนยกพวกทํารายกัน ปญหา อาชญากรรม เปนตน แลวใหนักเรียนชวยกัน บอกบทบาทของครอบครัวเพื่อแกปญหา เหลานั้น
๔.๒ พระพุทธศาสนากับการพัฒนาครอบครัว การพัฒนาครอบครัว คือ การปรับปรุงให้ครอบครัวดีขึ้น1 ครอบครัวที่ดี คือ ครอบครัวที่ มีความสงบสุข สมาชิกในครอบครัวมีความรักใคร่กัน สามัคคีปรองดองกัน ให้อภัยกันและกัน ไม่แก่งแย่งชิงดีกัน ผู้ปกครองหรือหัวหน้าครอบครัวมีความยุติธรรม การพัฒนาครอบครัวนั้นจึงเกี่ยวกับการพัฒนาตนเองของสมาชิกแต่ละคนภายในครอบครัว ถ้าสมาชิกในครอบครัวเป็นคนดีคนเก่ง ครอบครัวนั้นย่อมเจริญรุ่งเรือง มีความสงบสุข ในขณะ เดียวกัน ถ้าครอบครัวไม่สงบสุข การพัฒนาตนเองของสมาชิกก็เป็นไปได้ยาก ดังนั้น การพัฒนา ตนเองและครอบครัวจึงต้องด�าเนินไปด้วยกัน หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที่ส่งเสริมให้มนุษย์ พัฒนาครอบครัวมีอยู่มากมาย แต่ที่ควรศึกษาไว้ในระดับนี้ เช่น กุลจิรัฏฐิติธรรม ๔ และ ทิศ ๖ กุลจิรัฏฐิติธรรม ๔ กุลจิรัฏฐิติธรรม ๔ คือ หลักธรรมเพื่อพัฒนาให้สกุลยั่งยืน มี ๔ ประการ ดังนี้ (๑) ของหมดรู้จักหามาไว้ (๒) ของเก่ารู้จักบูรณะซ่อมแซม (๓) รู้จักประมาณการกินการใช้ (๔) ตั้งผู้มีศีลธรรมเป็นพ่อบ้านแม่เรือน
ทิศ ๖ ทิศ ๖ คือ หลักธรรมที่บอกหน้าที่ที่บุคคลพึงปฏิบัติต่อกัน โดยหลักธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการ พัฒนาครอบครัว คือ ทิศเบื้องหน้า หรือบิดามารดา ซึ่งหลักเกณฑ์ที่บุตรธิดาพึงบ�ารุงบิดามารดา มีดังนี้ (๑) ท่านเลี้ยงมาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ (๒) ช่วยท�าการงานของท่าน (๓) ด�ารงวงศ์ตระกูล (๔) ประพฤติตัวให้เหมาะสมกับความเป็นทายาท (๕) เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ท�าบุญอุทิศให้ท่าน ส่วนบิดามารดาเองก็ม่ีหลักการอนุเคราะห์บุตรธิดา ดังนี้ (๑) ห้ามปรามจากความชั่ว (๒) ให้ตั้งอยู่ในความดี (๓) ให้ศึกษาศิลปวิทยา (๔) หาคู่ครองที่สมควรให้ (๕) มอบทรัพย์สมบัติให้ในโอกาสอันควร
๒๒
เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักธรรมสําหรับการพัฒนาครอบครัว เชน ฆราวาสธรรม 4 ประกอบดวย สัจจะ (ความซื่อสัตย) ทมะ (ความขมใจ) ขันติ (ความอดทน) และจาคะ (ความเสียสละ)
นักเรียนควรรู 1 สามัคคี การรวมพลังกับผูอื่น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของตนในการกระทํา สิ่งใดสิ่งหนึ่งดวยความพรอมเพรียงใหสําเร็จผล ซึ่งความพรอมเพรียงจําแนกได 2 ประเภท ไดแก 1. ความพรอมเพรียงทางกาย คือ การชวยเหลือซึ่งกันและกันดวยกําลังกาย ใหสําเร็จลุลวง 2. ความพรอมเพรียงทางใจ คือ มีใจที่หวังดีตอกัน มีเจตนาที่จะแสดงความ คิดเห็นเพื่อพัฒนาไปในทิศทางที่ดี
22
คูมือครู
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูสามารถนําเนื้อหาเรื่อง หลักธรรมกุลจิรัฏฐิติธรรม 4 มาบูรณาการ เชื่อมโยงกับสาระการเรียนรูเศรษฐศาสตร เรื่อง การดําเนินชีวิตตามหลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยใหนักเรียนยกตัวอยางการปฏิบัติตนตาม หลักธรรมดังกลาว พรอมกับอธิบายวามีความสอดคลองกับหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงอยางไร
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ขยายความเขาใจ
Expand
1. ครูและนักเรียนอภิปรายรวมกันวา นักเรียนมี วิธีปฏิบัติตนอยางไร เพื่อสงเสริมใหพระพุทธ ศาสนาดํารงอยูอยางมั่นคง บันทึกลงใน กระดาษ A4 (แนวตอบ ปฏิบัติตนตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาและเขารวมพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาอยางสมํ่าเสมอ) 2. ครูจดั กิจกรรมเสวนา “ธรรมะกับการพัฒนาตน” โดยคัดเลือกตัวแทนนักเรียน 4 - 5 คน เปน ผูรวมเสวนา และคัดเลือกตัวแทนนักเรียน 1 - 2 คน เปนผูดําเนินการเสวนา 3. ครูใหนักเรียนเขียนเรียงความเกี่ยวกับการนํา หลักธรรม แนวคิดทางพระพุทธศาสนามาใช ในการเรียน โดยใหนักเรียนตั้งชื่อเรื่องให นาสนใจ
เรื่องน่ารู้ บทบาทของวัด วัดเป็นสถานที่ส�าคัญมากต่อสังคมไทย บทบาทส�าคัญ ต่างๆ ของวัด ที่มีต่อสังคมไทยมาอย่างยาวนาน มีดังนี้ ๑. เป็นสถานศึกษาของชาวบ้าน ในอดีตชาวบ้าน นิยมส่งบุตรหลานให้มาอยู่กับพระเพื่อศึกษาทั้งวิชาการ และ ศีลธรรม แม้ปัจจุบันบทบาทด้านนี้อาจไม่ชัดเจนนัก เนือ่ งจาก มีสถานศึกษามารับบทบาทนีแ้ ทน แต่ในโรงเรียนบางแห่งก็ยัง มีวัดอยู่ในบริเวณหรือมีวัดอุปถัมภ์อยู่ ๒. เป็นสถานสงเคราะห์ วัดจะรับบุตรหลานชาวบ้านที่ยากจนมาศึกษาเล่าเรียนฝึกฝนอาชีพพื้นฐาน ๓. เป็นสถานพยาบาล วัดบางแห่งพระสงฆ์มีความรู้ความสามารถในการรักษาโรคทั้งโรคทางกายและ จิตใจ อันเป็นการแบ่งเบาภาระของหน่วยงานราชการทางอ้อม ๔. เป็นที่พบปะสังสรรค์ของชาวบ้าน วัดมักเป็นศูนย์กลางที่ชาวบ้านจะมาพบปะสังสรรค์ ปรึกษาหารือ เรื่องราวต่างๆ ตลอดจนเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ๕. เป็นสถานบันเทิง ในงานเทศกาลต่างๆ วัดมักมีงานมหรสพต่างๆ ส�าหรับชาวบ้าน ๖. เป็นศูนย์กลางศิลปวัฒนธรรม วัดเป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์รวบรวมศิลปกรรมต่างๆ ของชาติไว้ ๗. เป็นคลังพัสดุ ส�าหรับเก็บของใช้ต่างๆ ที่ชาวบ้านได้ใช้ร่วมกัน หรือยืมไปใช้เมื่อมีงาน ๘. เป็นศูนย์ประสานงานของหน่วยราชการ เช่น เป็นสถานที่ที่ก�านันหรือผู้ใหญ่บ้านจะเรียกลูกบ้าน มาประชุมเพื่อแจ้งกิจกรรมต่างๆ เป็นหน่วยเลือกตั้ง เป็นต้น ๙. เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรม เนื่องจากวัดส่วนใหญ่จะมีสถานที่กว้างขวาง1 และมีข้าวของเครื่องใช้ เป็นต้น ครบถ้วน ดังนั้น จึงเป็นสถานที่ที่ชาวพุทธมักเลือกใช้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ เช่น งานศพ เป
ตรวจสอบผล
Evaluate
1. ครูประเมินผลงานการเสวนา “ธรรมะกับการ พัฒนาตน” 2. ครูตรวจเรียงความเกี่ยวกับการนําหลักธรรม และแนวคิดทางพระพุทธศาสนามาใชในการ เรียน โดยพิจารณาจากความถูกตองของ รูปแบบการเขียนและความถูกตองของเนื้อหา
นับตั้งแต่พระเจ้าอโศกมหาราช มีพระราชด�าริให้ท�าการสั าการสังคายนาพระธรรม วินัย และส่งธรรมทูตเข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนา จนมาประดิษฐานและเฟื่องฟูในดินแดน สุวรรณภูมิ อันเป็นถิ่นที่ตั้งของสยามประเทศในปัจจุบัน พระพุทธศาสนาได้รับการท�านุบ�ารุง ให้บริบูรณ์อยู่เสมอมานับแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี ตราบจนสมัยรัตนโกสินทร์ สถาบัน พระพุทธศาสนาจึงกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับสังคมไทยอย่างย งยิิ่งยวด วิถีการด�าเนิน ชีวิตของไทยส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของพระพุทธศาสนา สิ่งต่างๆ เหล่านี้จึงสะท้อนให้ เห็นว่าพระพุทธศาสนามีความส�าคัญเป็นอย่างยิ่งต่อสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นสถาบันหลักของ สังคมไทย เป็นสภาพแวดล้อมที่กว้างขวางครอบคลุมสังคมไทย รวมทั้งการมีหลักธรรม ที่จะน�าไปช่วยในการพัฒนาตนและครอบครัวของพุทธศาสนิกชนผู้นับถือ ๒๓
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
บทบาทสําคัญของวัดที่มีตอสังคมไทยในอดีตและปจจุบันเหมือนหรือ แตกตางกันอยางไร แนวตอบ ในอดีตวัดเปนสถานศึกษาของศาสนิกชนและเปนศูนยรวม ในการจัดงานตางๆ ของชุมชน แตในปจจุบันบทบาทสําคัญในสวนนี้ได กลายเปนของโรงเรียนและหนวยงานภาครัฐหรือเอกชนไปแลว วัดจึงมี บทบาทสําคัญในการเปนสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา และใหความรูทางธรรมแกชุมชน หรือใชเปนสถานที่จัดงานประเพณี วัฒนธรรมตางๆ
เกร็ดแนะครู ครูควรนํานักเรียนสนทนาเกี่ยวกับวัดที่อยูในทองถิ่นวายังคงมีบทบาทตาม ที่หนังสือเรียนระบุไวในดานใดบาง และสาเหตุที่ทําใหบทบาทของวัดบางดาน เริ่มเปลี่ยนแปลงในสังคมปจจุบัน
นักเรียนควรรู 1 งานศพ มีขั้นตอนตางๆ ในศาสนพิธีที่แฝงไปดวยปริศนาธรรม เชน การเคาะโลงรับศีล เปนการบอกคนที่มารวมงานวาอยาประมาทขาดสติ ไมสนใจในหลักธรรมคําสอน เพราะเมื่อตายไปแลวยอมหมดโอกาสในการทํา ความดี แมจะเคาะจนโลงแตกก็ลุกขึ้นมาไมได การสวดอภิธรรม เปนการสวดมนตเพื่อใหผูมีชีวิตมีสมาธิอยูกับเสียงสวด และนอมนําหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาไปปฏิบัติในชีวิตประจําวัน เปนตน คูมือครู
23
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
Engage
Explore
Explain
Expand
ตรวจสอบผล
ตรวจสอบผล Evaluate
Evaluate
ครูตรวจความถูกตองในการตอบคําถาม ประจําหนวยการเรียนรู
คíา¶าÁ»ระ¨íาËน‹วÂการàรÕÂนรÙŒ ๑. การสังคายนามีความส�าคัญอย่างไร จงสรุปการสังคายนาของพระพุทธศาสนานับตั้งแต่ ครั้งอดีต ๒. พระพุทธศาสนาเผยแผ่เข้ามาสู่ประเทศไทยเมื่อใด และแต่ละยุคสมัยมีพัฒนาการความ เป็นมาอย่างไร ๓. พระพุทธศาสนาได้เป็นศาสนาประจ�าชาติมาตั้งแต่สมัยใด และมีอะไรบ้างที่ปรากฏเป็น หลักฐานยืนยัน ๔. จงวิเคราะห์ถึงความส�าคัญของพระพุทธศาสนาที่มีต่อสังคมไทยมาพอสังเขป ๕. หลักธรรมข้อใดของพระพุทธศาสนาที่นักเรียนคิดว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งในการน�าไปใช้ พัฒนาตนเองและครอบครัว ให้ประสบความส�าเร็จในการด�าเนินชีวิต
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู เรียงความเกี่ยวกับการนําแนวคิดทางพระพุทธศาสนามาใชในการเรียน
กÔ¨กรรÁสรŒา§สรรค พัฒนาการàรÕÂนรÙŒ กิจกรรมที่ ๑
ให้นักเรียนสรุปข้อมูลเกี่ยวกับการสังคายนาพระธรรมวินัยทั้ง ๑๐ ครั้ง น�าข้อมูลมาจัดท�าเป็นตารางให้สมบูรณ์ แล้วน�าส่งครูผู้สอน
กิจกรรมที่ ๒ จัดท�าแผนที่แสดงเส้นทางที่พระธรรมทูตภายใต้การอุปถัมภ์ของพระเจ้า อโศกมหาราช เดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ว่ามีดินแดนใดบ้าง แล้วน�าไปติดที่ป้ายนิเทศ กิจกรรมที่ ๓
นักเรียนสืบค้นข้อมูลเพิม่ เติมจากแหล่งเรียนรู้ เช่น จากหนังสือหรือสืบค้น จากอินเทอร์เน็ตในประเด็น “ความส�าคัญของพระพุทธศาสนาต่อสังคมไทย” แล้วน�ามาอภิปรายร่วมกันในชัน้ เรียน นักเรียนแต่ละคนสรุปผลการอภิปราย ส่งครูผู้สอน
พุทธศาสนสุภาษิต
âÅâ¡ »µ¶ÁÀÔ »µÚ¶ÁÀÔÚÀ¡Ô Ò àÁµµÒ àÁµµÒ ÚµÒ
:
àÁµµÒ¸ÃÃÁ໚¹à¤Ã×èͧ¤íéҨعâÅ¡
๒๔
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู 1. การสังคายนาเปนการจัดหมวดหมูพระธรรมวินัยใหเปนระบบ เพื่อสรางความเขาใจที่ถูกตองใหกับพุทธบริษัทและสืบทอดพระพุทธศาสนาใหดํารงอยูอยางมั่นคง การสังคายนาเกิดขึ้นทั้งหมด 10 ครั้ง การสังคายนาครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นหลังจากพระพุทธเจาปรินิพพานได 3 เดือน และกระทําติดตอกันมาอยางตอเนื่อง มีสาเหตุหลักมาจากความคลาดเคลื่อนของพระพุทธวจนะและมีขอวัตรปฏิบัติที่แตกตางกัน 2. พระพุทธศาสนาเผยแผเขาสูประเทศไทย เมื่อพระเจาอโศกมหาราชทรงสงคณะสมณทูตมาเผยแผยังดินแดนสุวรรณภูมิ และในแตละยุคสมัยนั้นพระมหากษัตริยจะเปน ผูใหการอุปถัมภพระพุทธศาสนาใหเจริญรุงเรืองเรื่อยมาจนถึงปจจุบัน 3. นับตั้งแตคนไทยสามารถรวมตัวกันกอตั้งอาณาจักรของตนเอง พิจารณาไดจากวัดวาอาราม ปูชนียสถาน ปูชนียวัตถุ และประเพณีพิธีกรรมตางๆ ของคนไทยที่สืบทอด ตอกันมา 4. ความสําคัญของพระพุทธศาสนาที่มีตอสังคมไทย แบงออกเปน 3 ดาน ไดแก ในฐานะที่เปนศาสนาประจําชาติ เปนสถาบันหลักของสังคมไทย และเปนสภาพแวดลอมที่ กวางขวางครอบคลุมสังคมไทย 5. หลักธรรมเบญจศีล เบญจธรรม อันเปนหลักธรรมที่วาดวยการรักษากาย วาจา ใจ ใหละเวนจากความชั่ว 5 ประการ และประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ดี 5 ประการ
24
คูมือครู