คูมือครู 㪌»ÃСͺ¡ÒÃÊ͹ËÇÁ¡Ñº
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ©ºÑº »ÃСѹÏ
ภาพปกนี้มีขนาดเทากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน
กระบวนการสอนแบบ 5 Es ชวยสรางทักษะการเรียนรู กิจกรรมมุงพัฒนาทักษะการคิด คำถาม + แนวขอสอบเพื่อยกผลสัมฤทธิ์ O-NET กิจกรรมบูรณาการเตรียมพรอมสู ASEAN 2558
เอกสารประกอบคูมือครู
กลุมสาระการเรียนรู สุขศึกษาและพลศึกษา
สุขศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปที่
2
สําหรับครู
คูมือครู Version ใหม
ลักษณะเดน
ขยายพื้นที่รูปเลมใหญขึ้นกวาเดิม จัดแบงพื้นที่ออกเปนโซน เพื่อคนหาขอมูลไดงาย สะดวก รวดเร็ว และดูเปนระเบียบ กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล
กระตุน ความสนใจ
Evaluate
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
เปาหมายการเรียนรู สมรรถนะของผูเรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค
หน า
โซน 1 กระตุน ความสนใจ
Engage
สํารวจคนหา
Explore
อธิบายความรู
Explain
ขยายความเขาใจ
Expand
ตรวจสอบผล
หน า
หนั ง สื อ เรี ย น
โซน 1
หนั ง สื อ เรี ย น
Evaluate
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
O-NET บูรณาการเชื่อมสาระ
เกร็ดแนะครู
ขอสอบ
โซน 2
โซน 3
กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
โซน 3
โซน 2 บูรณาการอาเซียน มุม IT
No.
คูมือครู
คูมือครู
No.
โซน 1 ขั้นตอนการสอนแบบ 5Es
โซน 2 ชวยครูเตรียมสอน
โซน 3 ชวยครูเตรียมนักเรียน
เพื่อใหครูเตรียมจัดกิจกรรมการเรียน การสอน โดยแนะนําขั้นตอนการสอนและ การจัดกิจกรรมแบบ 5Es อยางละเอียด เพื่อใหนักเรียนบรรลุตามตัวชี้วัด
เพื่อชวยลดภาระครูผูสอน โดยแนะนํา เกร็ดความรูสําหรับครู ความรูเสริมสําหรับ นักเรียน รวมทั้งบูรณาการความรูสูอาเซียน และมุม IT
เพื่อใหครูสะดวกตอการจัดกิจกรรม โดย แนะนํากิจกรรมบูรณาการเชือ่ มระหวางสาระหรือ กลุมสาระการเรียนรู วิชา กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย รวมถึงเนื้อหาที่เคยออกขอสอบ O-NET แนวขอสอบ NT/O-NET ทีเ่ นนการคิด พรอมเฉลยและคําอธิบายอยางละเอียด
ที่ใชในคูมือครู
แถบสีและสัญลักษณ
แถบสีแสดงขั้นตอนการสอนและการจัดกิจกรรม แบบ 5Es เพื่อใหครูทราบวาเปนขั้นการสอนขั้นใด
1. แถบสี 5Es สีแดง
สีเขียว
กระตุน ความสนใจ
เสร�ม
สํารวจคนหา
Engage
2
•
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใช เทคนิคกระตุน ความสนใจ เพื่อโยง เขาสูบทเรียน
สีสม
อธิบายความรู
Explore
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนสํารวจ ปญหา และศึกษา ขอมูล
สีฟา
Explain
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนคนหา คําตอบ จนเกิดความรู เชิงประจักษ
สีมวง
ขยายความเขาใจ Expand
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนนําความรู ไปคิดคนตอๆ ไป
ตรวจสอบผล Evaluate
•
เปนขั้นที่ผูสอน ประเมินมโนทัศน ของผูเรียน
2. สัญลักษณ สัญลักษณ
วัตถุประสงค
• เปาหมายการเรียนรู
• หลักฐานแสดง ผลการเรียนรู
• เกร็ดแนะครู
แทรกความรูเสริมสําหรับครู ขอเสนอแนะ ขอควรระวัง ขอสังเกต แนวทางการจัด กิจกรรมและอื่นๆ เพื่อประโยชนในการ จัดการเรียนการสอน ขยายความรูเพิ่มเติมจากเนื้อหา เพื่อให ครูนําไปใชอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียน ไดมีความรูมากขึ้น
•
ความรูหรือกิจกรรมเสริม ใหครูนําไปใช เตรียมความพรอมใหกับนักเรียนกอนเขาสู ประชาคมอาเซียนใน พ.ศ. 2558 โดย บูรณาการกับวิชาที่กําลังเรียน
บูรณาการอาเซียน
•
คูม อื ครู
แสดงรองรอยหลักฐานตามภาระงาน ที่ครูมอบหมาย เพื่อแสดงผลการเรียนรู ตามตัวชี้วัด
• นักเรียนควรรู
มุม IT
แสดงเปาหมายการเรียนรูที่นักเรียน ตองบรรลุตามตัวชี้วัด ตลอดจนสมรรถนะ ที่จะตองมี และคุณลักษณะที่พึงเกิดขึ้น กับนักเรียน
แนะนําแหลงคนควาจากเว็บไซต เพื่อให ครูและนักเรียนไดเขาถึงขอมูลความรู ที่หลากหลาย ทั้งไทยและตางประเทศ
สัญลักษณ
ขอสอบ
วัตถุประสงค
O-NET
•
ชี้แนะเนื้อหาที่เคยออกขอสอบ O-NET โดยยกตัวอยางขอสอบ พรอมวิเคราะหคําตอบ อยางละเอียด
•
เปนตัวอยางขอสอบที่มุงเนน การคิดและเปนแนวขอสอบ NT/O-NET ในระดับมัธยมศึกษา ตอนตน มีทั้งปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด
•
เปนตัวอยางขอสอบที่มุงเนน การคิดและเปนแนวขอสอบ O-NET ในระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย มีทั้งปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด
•
แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม เชื่อมกับสาระหรือกลุมสาระ การเรียนรู ระดับชัน้ หรือวิชาอืน่ ที่เกี่ยวของ
•
แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม ซอมเสริมสําหรับนักเรียนที่ควร ไดรับการพัฒนาการเรียนรู
•
แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม ตอยอดสําหรับนักเรียนที่เรียนรู ไดอยางรวดเร็ว และตองการ ทาทายความสามารถในระดับ ที่สูงขึ้น
(เฉพาะวิชา ชัน้ ทีส่ อบ O-NET)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T (เฉพาะระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนตน)
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET (เฉพาะระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลาย)
บูรณาการเชื่อมสาระ
กิจกรรมสรางเสริม
กิจกรรมทาทาย
คําแนะนําการใชคูมือครู การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน คูม อื ครู รายวิชา สุขศึกษา ม.2 จัดทําขึน้ เพือ่ ใหครูผสู อนนําไปใชเปนแนวทางวางแผนการสอนเพือ่ พัฒนาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน และประกันคุณภาพผูเรียน ตามนโยบายของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยใช หนังสือเรียน สุขศึกษา ม.2 ของบริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด เปนสื่อหลัก (Core Material) ประกอบการสอน เสร�ม และการจัดกิจกรรมการเรียนรูใ หสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั กลุม สาระการเรียนรู สุขศึกษาและพลศึกษา 3 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พ.ศ. 2551 โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนตามหลักการสําคัญ ดังนี้ 1 ออกแบบการสอนเปนหนวยการเรียนรูอิงมาตรฐาน คูมือครู รายวิชา สุขศึกษา ม.2 วางแผนการสอนโดยแบงเปนหนวยการเรียนรูตามลําดับสาระ (Strand) และ หมายเลขขอของมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั แตละหนวยจะกําหนดเปาหมายการเรียนรูแ ละจุดประสงคการเรียนรู (Objective Learning) กิจกรรมการเรียนรู (Learning Activities) และแนวทางการประเมินผลการเรียนรู (Learning Evaluation) ไวชัดเจน ครูผูสอนสามารถจัดทําแผนการสอนใหครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด สมรรถนะ และคุณลักษณะ อันพึงประสงคที่เปนเปาหมายการเรียนรูตามที่กําหนดไวในสาระแกนกลาง (ตามแผนภูมิ) และสามารถบันทึกผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของผูเรียนแตละคนลงในเอกสาร ปพ.5 ไดอยางมั่นใจ แผนภูมิแสดงความสัมพันธขององคประกอบการออกแบบการเรียนรูอิงมาตรฐานและเนนผูเรียนเปนสําคัญ
พผ
ูเ
จุ ด ป ร
ะสง
คก า
ส ภา
รี ย น
ร
รู ีเรยน
มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัดชั้นป
ทักษะการคิด การวัดประเมินผล การเรียนรู
กิจกรรมการเรียนรู
เทคนิคการสอน คูม อื ครู
2 การจัดการเรียนรูที่ยึดผูเรียนเปนสําคัญ แนวคิ ด ในการจั ด การเรี ย นการสอนที่ ยึ ด ผู เ รี ย นเป น สํ า คั ญ พั ฒ นามาจากปรั ช ญาและทฤษฎี ก ารเรี ย นรู Constructivism ที่เชื่อวา การเรียนรูเปนกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในสมองของผูเรียนแตละคน ผูเรียนเปนผูสรางความรู โดยการเชื่อมโยงระหวางสิ่งที่ไดเรียนรูจากบทเรียนใหมกับความรูหรือประสบการณเดิมที่มีอยู ทฤษฎีนี้มีความเชื่อวา ผูเรียนทุกคนไดเรียนรูและมีการสั่งสมความรูความเขาใจเกี่ยวกับสิ่งตางๆ ติดตัวมากอน ทีจ่ ะเขาสูห อ งเรียน ซึง่ เปนการเรียนรูท เี่ กิดจากประสบการณและสิง่ แวดลอมรอบตัวผูเ รียนแตละคน ดังนัน้ การจัดกิจกรรม เสร�ม การเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ผูสอนจะตองคํานึงถึง
4
1. ความรูเดิมของผูเรียน วิธีการสอนที่ดีจะตองเริ่มตนจากจุดที่วา ผูเ รียนมีความรูอ ะไรมาบาง แลวจึงใหความรู หรือประสบการณใหม เพื่อตอยอดจาก ความรูเดิม นําไปสูการสรางความรู ความเขาใจใหม
2. ความรูเดิมของผูเรียนถูกตองหรือไม ผูส อนตองปรับเปลีย่ นความรูค วามเขาใจเดิม ของผูเรียนใหถูกตอง และเปนพฤติกรรม การเรียนรูใ หมทมี่ คี ณุ คาตอผูเรียน เพื่อสราง เจตคติหรือทัศนคติที่ดีตอการเรียนรู สิ่งเหลานั้น
3. ผูเรียนสรางความหมายสําหรับตนเอง ผูสอนตองสงเสริมใหผูเรียนนําความรู ความเขาใจที่เกิดขึ้นไปลงมือปฏิบัติ เพื่อขยายความรูใหลึกซึ้งและมีคุณคา ตอตัวผูเรียนมากที่สุด
แนวคิด Constructivism เนนใหผูเรียนสรางความรูโดยผานกระบวนการคิดและความอยากรูของตนเอง โดยมีผูสอนเปนผูสรางบรรยากาศ
การเรียนรูและกระตุนความสนใจ คอยจัดสถานการณใหผูเรียนเกิดความขัดแยงทางความคิดระหวางประสบการณเดิมกับประสบการณ ความรูใ หม เพือ่ กระตนุ ใหผเู รียนเชือ่ มโยงความรู ความคิด กับประสบการณทมี่ อี ยูเ ดิม แลวสังเคราะหเปนความรูห รือแนวคิดใหมๆ ไดดว ยตนเอง
3 การบูรณาการกระบวนการคิด การเรียนรูของผูเรียนแตละคนจะเกิดขึ้นที่สมอง ซึ่งเปนอวัยวะที่ทําหนาที่รูคิดภายใตสภาพแวดลอมที่เอื้ออํานวย และไดรบั การกระตนุ จูงใจอยางเหมาะสม สอดคลองกับสภาพจิตใจและความตองการของผูเ รียนแตละคน การจัดกิจกรรม การเรียนรูและสาระการเรียนรูที่สอดคลองกับความสนใจและมีความหมายตอผูเรียน จะชวยกระตุนใหสมองของผูเรียน สามารถรับรูและเรียนรูไดอยางมีประสิทธิภาพตามขั้นตอนการทํางานของสมอง ดังนี้ 1. สมองจะเรียนรูและสืบคน โดยการสังเกต คนหา ซักถาม และทดลอง ปฏิบัติ จนทําใหคนพบความรูความเขาใจ ไดอยางรวดเร็ว
2. สมองจะแยกแยะคุณคาของสิ่งตางๆ โดยการตัดสินใจวิพากษวิจารณ แสดง ความคิดเห็น ยอมรับหรือตอตานตาม อารมณความรูสึกที่เกิดขึ้นในขณะที่เรียนรู
3. สมองจะประมวลเนื้อหาสาระ โดยการสรุปเปนความคิดรวบยอดจาก เรื่องราวที่ไดเรียนรูใหมนําไปผสมผสานกับ ความรูห รือประสบการณเดิมทีถ่ กู จัดเก็บอยูใ น สมอง ผานการกลัน่ กรองเพือ่ สังเคราะหเปน ความรูค วามเขาใจใหมๆ หรือเปนทัศนคติใหม ที่จะเก็บบรรจุไวในสมองของผูเรียน
การเรียนรูที่มีประสิทธิภาพจึงตองเปนการเรียนรูที่เกิดจากกระบวนการคิดของผูเรียน เพราะการเรียนรูจะเกิดขึ้น เมื่อสมองรูคิด และตองเปนการคิดไดครบถวนตามขั้นตอนการทํางานของสมองผูเรียน โดยเริ่มตนจาก 1. ระดับการคิดพื้นฐาน ไดแก การสังเกต การจําแนก การคาดคะเน การสื่อความหมาย การรวบรวมขอมูล การสรุปผล เปนตน
คูม อื ครู
2. ระดับลักษณะการคิด ไดแก การคิดกวาง คิดลึกซึ้ง คิดไกล คิดหลากหลาย คิดคลอง คิดอยางมีเหตุผล เปนตน
3. ระดับกระบวนการคิด ไดแก กระบวนการคิดอยางมีวิจารณญาณ กระบวนการแกปญหา กระบวนการ คิดสรางสรรค กระบวนการคิดสังเคราะห เปนตน
5Es การจัดกิจกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ขั้นตอนการสอนที่สัมพันธกับขั้นตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้ ขั้นที่ 1
กระตุนความสนใจ
(Engage)
เสร�ม
5
เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของผูเรียนดวยเรื่องราวหรือเหตุการณที่นาสนใจโดยใชเทคนิควิธีการ และคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูความรูของบทเรียนใหม ชวยใหผูเรียนสามารถ สรุปความสําคัญหัวขอและสาระการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนการสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสราง แรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน
ขั้นที่ 2
สํารวจคนหา
(Explore)
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนเปดโอกาสใหผเู รียนลงมือศึกษา สังเกต หรือรวมมือกันสํารวจ เพือ่ ใหเห็นขอบขายของประเด็นหรือปญหา รวมถึง วิธีการศึกษาคนควา การรวบรวมขอมูลความรูที่จะนําไปสูการสรางความเขาใจประเด็นหรือปญหานั้นๆ เมื่อผูเรียนทําความเขาใจใน ประเด็นหรือปญหาที่จะศึกษาคนควาอยางถองแทแลว ก็ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมขอมูลความรู สํารวจตรวจสอบ โดยวิธีการตางๆ เชน สัมภาษณ ทดลอง อานคนควาขอมูลจากเอกสาร แหลงขอมูลตางๆ จนไดขอมูลความรูที่เกี่ยวของกับประเด็นหรือปญหาที่ศึกษา
ขั้นที่ 3
อธิบายความรู
(Explain)
เปนขั้นที่ผูสอนมีปฏิสัมพันธกับผูเรียน เชน ใหการแนะนํา ตั้งคําถามกระตุนใหคิด เพื่อใหผูเรียนคนหาคําตอบ และนําขอมูล ความรูจากการศึกษาคนควาในขั้นที่ 2 มาวิเคราะห สรุปผล และนําเสนอผลที่ไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน เขียนแผนภูมิ ผังมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน ในขั้นตอนนี้ฝกใหผูเรียนใชสมองคิดวิเคราะหและสังเคราะห อยางเปนระบบ
ขั้นที่ 4
ขยายความเขาใจ
(Expand)
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใชเทคนิควิธีสอนตางๆ ที่สงเสริมใหผูเรียนนําความรูที่เกิดขึ้นไปคิดคนสืบคนตอๆ ไป เพื่อพัฒนาทักษะ การเรียนรูและการทํางานรวมกันเปนกลุม ระดมสมองเพื่อคิดสรางสรรครวมกัน ผูเรียนสามารถนําความรูที่สรางขึ้นใหมไปเชื่อมโยง กับประสบการณเดิมโดยนําขอสรุปทีไ่ ดไปใชอธิบายเหตุการณตา งๆ หรือนําไปปฏิบตั ใิ นสถานการณใหมๆ ทีเ่ กีย่ วของกับชีวติ ประจําวัน ของตนเอง เพื่อขยายความรูความเขาใจใหกวางขวางยิ่งขึ้น ในขั้นตอนนี้ฝกสมองของผูเรียนใหสามารถคิดริเริ่มสรางสรรคอยางมี คุณภาพ เสริมสรางวิสัยทัศนใหกวางไกลออกไป
ขั้นที่ 5
ตรวจสอบผล
(Evaluate)
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนประเมินมโนทัศนของผูเ รียน โดยตรวจสอบจากความคิดทีเ่ ปลีย่ นไปและความคิดรวบยอดทีเ่ กิดขึน้ ใหม ตรวจสอบ ทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแกปญหา การตอบคําถามรวบยอด หรือการเคารพความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่น เพื่อการ สรางสรรคความรูร ว มกัน ผูเ รียนสามารถประเมินผลการเรียนรูข องตนเอง เพือ่ สรุปผลวามีความรูอ ะไรเพิม่ ขึน้ มาบาง เกิดความเขาใจ มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ หรือในชีวิตประจําวันไดอยางไร ผูเรียนจะเกิดเจตคติ และเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริง
การจัดกิจกรรมการเรียนรูตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนนผูเรียน เปนสําคัญอยางแทจริง เพราะสงเสริมใหผูเรียนไดเรียนรูตามขั้นตอนของกระบวนการสรางความรูดวยตนเอง และ ฝกฝนใหใชกระบวนการคิดและกระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะชีวิต ทักษะการทํางาน และทักษะการ เรียนรูที่มีประสิทธิภาพ สงผลตอการยกระดับผลสัมฤทธิ์ของผูเรียน ตามเปาหมายของการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการ คูม อื ครู
O-NET การเพิ่มผลสัมฤทธิ์ O-NET
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ในแตละหนวยการเรียนรู ทางผูจัดทํา จะเสนอแนะวิธีสอน รูปแบบกิจกรรมการเรียนรู พรอมทั้งออกแบบเครื่องมือวัดและประเมินผลที่สอดคลองกับตัวชี้วัด และสาระการเรียนรูแกนกลางไวทุกขั้นตอน โดยยึดหลักสําคัญ คือ หลักของการวัดและประเมินผล เสร�ม
6
1. การวัดและประเมินผลทุกครั้ง ควรนําผลมาปรับปรุงพัฒนาผูเรียน เปนรายบุคคล
2. การวัดและประเมินผลมี เปาหมาย เพื่อพัฒนาการเรียนรู ของผูเรียนจนเต็มศักยภาพ
3. การนําผลการวัดและประเมินผล ทุกครั้งมาวางแผนปรับปรุงกิจกรรม การเรียนการสอน การเลือกเทคนิค วิธีสอน และสื่อการเรียนรูให เหมาะสมกับสภาพจริงของผูเรียน
การทดสอบผูเรียน 1. การใชขอสอบอัตนัย เนนการอาน การคิดวิเคราะห และการเขียนเพิ่มมากขึ้น 2. การใชคําถามกระตุนการคิดควบคูกับการทําขอสอบที่เนนการคิดอยางตอเนื่องตามลําดับกิจกรรมการเรียนรู และตัวชี้วัด 3. การทดสอบตองดําเนินการทั้งกอนเรียน ระหวางเรียน และหลังเรียน การทดสอบควรใชขอสอบทั้งชนิดปรนัยและ อัตนัย และเปนการทดสอบเพื่อประเมินผลการเรียนของผูเรียนแตละคน เพื่อการสอนซอมเสริมใหบรรลุตัวชี้วัด ไดครบถวน 4. การสอบกลางภาค (ถามี) ควรนําแบบฝกหัดหรือขอสอบทีน่ กั เรียนสวนใหญไมสามารถตอบไดหรือไมครบถวนชัดเจน มา สรางเปนแบบทดสอบอีกครัง้ เพือ่ ตรวจสอบความรูค วามเขาใจทีถ่ กู ตอง และประเมินความกาวหนาของผูเ รียนแตละคน 5. การสอบปลายภาคเรียนเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามตัวชี้วัดที่สําคัญ ควรออกขอสอบใหมีลักษณะเดียวกับ ขอสอบ O-NET โดยเนนการคิดวิเคราะห สังเคราะห เชื่อมโยงประยุกตใช เพื่อสรางความคุนเคย และฝกฝน วิธีการทําขอสอบดวยความมั่นใจ 6. การนําผลการทดสอบของผูเรียนมาวิเคราะห โดยผลการสอบกอนการเรียนตองสามารถพยากรณผลการสอบ กลางภาค และผลการสอบกลางภาคตองทํานายผลการสอบปลายภาคของผูเ รียนแตละคน เพือ่ ประเมินพัฒนาการ ความกาวหนาของผูเรียนเปนรายบุคคล 7. ผลการทดสอบปลายป ปลายภาค ตองมีคาเฉลี่ยสอดคลองกับคาเฉลี่ยของการสอบ NT ที่เขตพื้นที่การศึกษา จัดสอบ รวมทั้งคาเฉลี่ยของการสอบ O-NET ชวงชั้นที่สอดคลองครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดสําคัญ เพือ่ สะทอนประสิทธิภาพของครูผสู อนในการออกแบบการเรียนรูแ ละประกันคุณภาพผูเ รียนทีต่ รวจสอบผลไดชดั เจน การจัดการเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ตองใหผูเรียนไดสั่งสมความรู ความเขาใจตามลําดับขั้นตอน ของกิจกรรมในวัฏจักรการเรียนรู 5Es เพื่อใหผูเรียนไดเติมเต็มองคความรูอยางตอเนื่อง จนสามารถปฏิบัติชิ้นงานหรือ ภาระงานรวบยอดของแตละหนวย ผานเกณฑประกันคุณภาพในระดับที่นาพึงพอใจ เพื่อรองรับการประเมินภายนอกจาก สมศ. ตลอดเวลา คูม อื ครู
ASEAN การเรียนรูสูประชาคมอาเซียน เพื่ออํานวยความสะดวกแกครูผูสอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรูบูรณาการอาเซียนศึกษา ผูจัดทําไดวิเคราะห มาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัดที่มีสาระการเรียนรูสอดคลองกับองคความรูเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนในแงมุมตางๆ ครอบคลุมทัง้ ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรม อาเซียน เพื่อสงเสริมการเรียนรูใหผูเรียนเกิดความตระหนัก มีความรูความเขาใจเหมาะสมกับระดับชั้นและกลุมสาระ การเรียนรู โดยเสนอแนะวิธีการจัดกิจกรรมบูรณาการเนื้อหาสาระตางๆ ที่เปนประโยชนตอผูเรียนและเปนการชวย เตรียมความพรอมผูเรียนทุกคนที่จะกาวเขาสูการเปนสมาชิกของประชาคมอาเซียนไดอยางมั่นใจตามขอตกลงปฏิญญา ชะอํา-หัวหิน วาดวยความรวมมือดานการศึกษาเพื่อบรรลุเปาหมายประชาคมอาเซียนที่เอื้ออาทรและแบงปน จึงกําหนด เปนนโยบายใหกระทรวงศึกษาธิการจัดการเรียนรูเตรียมความพรอมผูเรียนเขาสูประชาคมอาเซียนภายในป พ.ศ. 2558 ตามแนวปฏิบัติที่สําคัญ ดังนี้
เสร�ม
7
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน 1. การสรางความรูความเขาใจ และตระหนักถึงความสําคัญของ กฎบัตรอาเซียน และความรวมมือ ของ 3 เสาหลัก ซึง่ กฎบัตรอาเซียน ในขณะนี้มีสถานะเปนกฎหมายที่ ประเทศสมาชิกจะตองปฏิบัติตาม หลักการที่กําหนดไวเพื่อใหบรรลุ เปาหมายของกฎบัตรมาตราตางๆ
2. การสงเสริมหลักการ ประชาธิปไตยและการสราง สิ่งแวดลอมประชาธิปไตย เพื่อการอยูรวมกันอยางกลมกลืน ภายใตวิถีชีวิตอาเซียนที่มีความ หลากหลายดานสังคมและ วัฒนธรรม
4. การตระหนักในคุณคาของ สายสัมพันธทางประวัติศาสตร และมรดกทางวัฒนธรรมที่มี พัฒนาการรวมกัน เพื่อเชื่อม อัตลักษณและสรางจิตสํานึก ในการเปนประชากรของประชาคม อาเซียนรวมกัน
3. การสงเสริมการศึกษาดาน สิทธิมนุษยชน เพื่อสรางประชาคม อาเซียนใหเปนประชาคมเพื่อ ประชาชนอยางแทจริง สามารถ อยูรวมกันไดบนพื้นฐานการเคารพ ในคุณคาของศักดิ์ศรีแหงความ เปนมนุษยเทาเทียมกัน
5. การสงเสริมสันติภาพ ความ มั่นคง และความปรองดองในสังคม ทั้งระดับประเทศและภูมิภาคของ อาเซียนบนพื้นฐานสันติวิธีและการ อยูรวมกันดวยขันติธรรม
คูม อื ครู
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
เสร�ม
8
1. การพัฒนาทักษะการทํางาน เพื่อเสริมสรางผูเรียนใหมีทักษะ วิชาชีพที่จําเปนสอดคลองกับ ความตองการของตลาดแรงงาน และสถานประกอบการในอาเซียน สามารถเทียบโอนผลการเรียน และการทํางานตามมาตรฐานฝมือ แรงงานในภูมิภาคอาเซียน
2. การเสริมสรางวินัย ความรับผิดชอบ และเจตคติรักการทํางาน สามารถพึ่งพาตนเอง มีทักษะชีวิต ดํารงชีวิตอยางมีความสุข เห็นคุณคา และภูมิใจในตนเอง ในฐานะที่เปนพลเมืองไทยและ อาเซียน
3. การเรียนรูเพื่อพัฒนาตนเอง อยางตอเนื่องตลอดชีวิต ใหมี ทักษะการทํางานตามมาตรฐาน อาชีพ และคุณวุฒิของวิชาชีพสาขา ตางๆ เพื่อรองรับการเตรียมเคลื่อน ยายแรงงานมีฝมือและการเปน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่ เขมแข็ง เพื่อสรางขีดความสามารถ ในการแขงขันในเวทีโลก
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน 1. การเสริมสรางความรวมมือ ในลักษณะสังคมที่เอื้ออาทร ของประชากรอาเซียน โดยยึด หลักการสําคัญ คือ ความงดงาม ของประชาคมอาเซียนมาจาก ความแตกตางและหลากหลายทาง วัฒนธรรมที่ลวนแตมีคุณคาตอ มรดกทางวัฒนธรรมของอาเซียน ซึ่งประชาชนทุกคนตองอนุรักษ สืบสานใหยั่งยืน
2. การเสริมสรางคุณลักษณะ ของผูเรียนใหเปนพลเมืองอาเซียน ที่มีศักยภาพในการกาวเขาสู ประชาคมอาเซียนอยางมั่นใจ เปนผูที่มีสุขภาพสมบูรณแข็งแรง มีทักษะการสื่อสาร ทักษะการ ทํางาน ทักษะทางสังคม สามารถ ทํางานรวมกับผูอื่นไดอยาง สรางสรรค และมีองคความรู เกี่ยวกับอาเซียนที่จําเปนตอการ ดํารงชีวิตอยางมีคุณภาพ
4. การสงเสริมการเรียนรูดาน ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถชี วี ติ ความเปนอยูข องเพือ่ นบาน ในอาเซียน เพื่อสรางจิตสํานึกของ ความเปนประชาคมอาเซียนและ ตระหนักถึงหนาที่ของการเปน พลเมืองอาเซียนรวมกัน
3. การสงเสริมการเรียนรูภาษา อังกฤษเพื่อการสื่อสารและการ ทํางานตามมาตรฐานอาชีพที่ กําหนดและสนับสนุนการเรียนรู ภาษาอาเซียนและภาษาเพื่อนบาน เพื่อชวยเสริมสรางสัมพันธภาพทาง สังคม และการอยูรวมกันอยางสันติ ทามกลางความหลากหลายทาง วัฒนธรรม
5. การสรางความรูและความ ตระหนักเกี่ยวกับดานสิ่งแวดลอม ปญหาและผลกระทบตอคุณภาพ ชีวิตของประชากรในภูมิภาค รวมทั้งแนวทางการพัฒนาอยาง ยั่งยืน ใหเปนมรดกสืบทอดแก พลเมืองอาเซียนในรุนหลังตอๆ ไป
กระทรวงศึกษาธิการจึงประกาศนโยบายการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) เพื่อเรงพัฒนาเด็ก และเยาวชนไทยใหเปนทรัพยากรมนุษยของชาติที่มีทักษะและความชํานาญ พรอมเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงและ การแขงขันทั้งในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆ ของสังคมโลก ทั้งนี้ผูบริหารสถานศึกษา ครูผูสอน และผูปกครอง ควรรวมมือกันอยางใกลชิดในการดูแลชวยเหลือผูเรียนและจัดประสบการณการเรียนรูเพื่อพัฒนาผูเรียนจนเต็มศักยภาพ เพื่อกาวเขาสูการเปนพลเมืองอาเซียนอยางมีเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีความเปนมนุษยของตน คณะผูจัดทํา คูม อื ครู
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง สาระที่ 1
สุขศึกษา (เฉพาะชั้น ม.2)*
การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย
มาตรฐาน พ 1.1 เขาใจธรรมชาติของการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย ชั้น
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
ม.2 1. อธิบายการเปลี่ยนแปลงดานรางกาย • การเปลี่ยนแปลงดานรางกาย จิตใจ จิตใจ อารมณ สังคม และสติปญญา อารมณ สังคม และสติปญญาในวัยรุน ในวัยรุน 2. ระบุปจจัยที่มีผลกระทบตอการเจริญ • ปจจัยที่มผี ลกระทบตอการเจริญเติบโต เติบโต และพัฒนาการดานรางกาย และพัฒนาการดานรางกาย จิตใจ อารมณ จิตใจ อารมณ สังคม และสติปญญา สังคม และสติปญญา - พันธุกรรม ในวัยรุน - สิ่งแวดลอม - การอบรมเลี้ยงดู
สาระที่ 2
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
เสร�ม
9
• หนวยการเรียนรูที่ 1 การเจริญเติบโตและพัฒนาการ ของวัยรนุ
ชีวิตและครอบครัว
มาตรฐาน พ 2.1 เขาใจและเห็นคุณคาตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมีทักษะในการดําเนินชีวิต ชั้น
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
ม.2 1. วิเคราะหปจจัยที่มีอิทธิพลตอเจตคติ • ปจจัยที่มีอิทธิพลตอเจตคติในเรื่องเพศ ในเรื่องเพศ - ครอบครัว - วัฒนธรรม - เพื่อน - สื่อ 2. วิเคราะหปญหาและผลกระทบที่เกิด • ปญหาและผลกระทบที่เกิดจากการมี จากการมีเพศสัมพันธในวัยเรียน เพศสัมพันธในวัยเรียน • โรคติดตอทางเพศสัมพันธ 3. อธิบายวิธีปองกันตนเองและ • โรคเอดส หลีกเลี่ยงจากโรคติดตอทาง เพศสัมพันธ เอดส และการตั้งครรภ • การตั้งครรภโดยไมพึงประสงค โดยไมพึงประสงค • ความสําคัญของความเสมอภาคทางเพศ 4. อธิบายความสําคัญของความ เสมอภาคทางเพศ และวางตัวได • การวางตัวตอเพศตรงขาม • ปญหาทางเพศ อยางเหมาะสม • แนวทางการแกไขปญหาทางเพศ
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• หนวยการเรียนรูที่ 2 เพศกับวัยรุน
• หนวยการเรียนรูท ี่ 3 ความเสมอภาคทางเพศ
หมายเหตุ : สําหรับสาระที่ 3 จะอยูในหนังสือเรียนพลศึกษา ม.2 ของ อจท. _________________________________ * สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง กลุมสาระการเรียนรู สุขศึกษาและพลศึกษา. (กรุงเทพมหานคร : ชุมนุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย, 2551), หนา 7-47.
คูม อื ครู
สาระที่ 4
การสรางเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการปองกันโรค
มาตรฐาน พ 4.1 เห็นคุณคาและมีทักษะในการสรางเสริมสุขภาพ การดํารงสุขภาพ การปองกันโรค และการสรางเสริม สมรรถภาพเพื่อสุขภาพ ชั้น
เสร�ม
10
ตัวชี้วัด
ม.2 1. เลือกใชบริการทางสุขภาพอยางมี เหตุผล
สาระการเรียนรูแกนกลาง • การเลือกใชบริการทางสุขภาพ
2. วิเคราะหผลของการใชเทคโนโลยีที่ • ผลกระทบของเทคโนโลยี ที่มีตอสุขภาพ มีตอสุขภาพ 3. วิเคราะหความเจริญกาวหนา • ความเจริญกาวหนาทางการแพทยที่มีผล ทางการแพทยที่มีผลตอสุขภาพ ตอสุขภาพ 4. วิเคราะหความสัมพันธของภาวะ สมดุลระหวางสุขภาพกายและ สุขภาพจิต 5. อธิบายลักษณะอาการเบื้องตนของ ผูมีปญหาสุขภาพจิต 6. เสนอแนะวิธีปฏิบัติตนเพื่อจัดการ กับอารมณและความเครียด 7. พัฒนาสมรรถภาพทางกายตนเอง ใหเปนไปตามเกณฑที่กําหนด
สาระที่ 5
• ความสมดุลระหวางสุขภาพกายและ สุขภาพจิต • ความสมดุลระหวางสุขภาพกายและ สุขภาพจิต • วิธีปฏิบัติตนเพื่อจัดการกับอารมณและ ความเครียด • เกณฑสมรรถภาพทางกาย • การพัฒนาสมรรถภาพทางกาย
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน • หนวยการเรียนรูท ี่ 7 การเลือกใชบริการสุขภาพในชีวติ ประจําวัน • หนวยการเรียนรูที่ 8 เทคโนโลยีทางสุขภาพและ ความเจริญกาวหนาทางการ แพทย • หนวยการเรียนรูท ี่ 4 สุขภาพกายและสุขภาพจิต • หนวยการเรียนรูที่ 6 อารมณและความเครียด • หนวยการเรียนรูท ี่ 5 การพัฒนาสมรรถภาพทางกาย
ความปลอดภัยในชีวิต
มาตรฐาน พ 5.1 ปองกันและหลีกเลี่ยงปจจัยเสี่ยง พฤติกรรมเสี่ยงตอสุขภาพ อุบัติเหตุ การใชยา สารเสพติด และความรุนแรง ชั้น
ตัวชี้วัด
ม.2 1. ระบุวิธีการ ปจจัยและแหลงที่ ชวยเหลือ ฟนฟูผูติดสารเสพติด 2. อธิบายวิธีการหลีกเลี่ยงพฤติกรรม เสี่ยงและสถานการณเสี่ยง
3. ใชทักษะชีวิตในการปองกันตนเอง และหลีกเลี่ยงสถานการณคับขันที่ อาจนําไปสูอันตราย
คูม อื ครู
สาระการเรียนรูแกนกลาง • วิธีการ ปจจัยและแหลงที่ชวยหลือฟนฟู ผูติดสารเสพติด • การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงและ สถานการณเสี่ยง - การมั่วสุม - การทะเลาะวิวาท - การเขาไปในแหลงอบายมุข - การแขงจักรยานยนตบนทองถนน ฯลฯ • ทักษะชีวิตในการปองกันตนเอง (ทักษะปฏิเสธ ทักษะการตอรอง ฯลฯ) และหลีกเลี่ยงสถานการณคับขันที่อาจ นําไปสูอันตราย
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน • หนวยการเรียนรูท ี่ 9 การหลีกเลีย่ งพฤติกรรมเสีย่ งและ สถานการณเสีย่ งตออันตราย
• หนวยการเรียนรูที่ 10 การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง และสถานการณเสี่ยงตอ อันตราย
คําอธิบายรายวิชา รายวิชา สุขศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 รหัสวิชา พ…………………………………
กลุมสาระการเรียนรู สุขศึกษาและพลศึกษา ภาคเรียนที่ 1-2 เวลา 40 ชั่วโมง/ป
ศึกษา วิเคราะห และอธิบายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงดานรางกาย จิตใจ อารมณ สังคม และสติปญญา ในวัยรุน ปจจัยที่มีผลกระทบตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการดานรางกาย จิตใจ สังคม และสติปญญาในวัยรุน เสร�ม ปจจัยที่มีอิทธิพลตอเจตคติในเรื่องเพศ ปญหาและผลกระทบที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธในวัยเรียน วิธีปองกัน 11 ตนเองและหลีกเลีย่ งจากโรคติดตอทางเพศสัมพันธ เอดส และการตัง้ ครรภไมพงึ ประสงค ความสําคัญของความ เสมอภาคทางเพศ และวางตัวไดอยางเหมาะสม ความสัมพันธของภาวะสมดุลระหวางสุขภาพกายและสุขภาพจิต พัฒนาสมรรถภาพทางกายตนเองใหเปน ไปตามเกณฑทกี่ าํ หนด ลักษณะอาการเบือ้ งตนของผูม ปี ญ หาสุขภาพจิต วิธปี ฏิบตั ติ นเพือ่ จัดการกับอารมณและ ความเครียด เลือกใชบริการทางสุขภาพอยางมีเหตุผล ผลของการใชเทคโนโลยีและความเจริญกาวหนาทางการ แพทยที่มีตอ สุขภาพ วิธีการ ปจจัย และแหลงที่ชวยเหลือฟนฟูผูติดสารเสพติด วิธีการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง และสถานการณเสี่ยง ใชทักษะชีวิตในการปองกันตนเองและหลีกเลี่ยงสถานการณคับขันที่อาจนําไปสูอันตราย โดยใชกระบวนการเรียนรูแบบรวมมือ คิดวิเคราะห สังเคราะห อภิปราย สืบคนขอมูล ตั้งคําถาม และ การเผชิญสถานการณและการแกปญหา เพือ่ ใหเกิดความรู ความเขาใจ มีเจตคติ และคานิยมทีถ่ กู ตองในการเสริมสรางสุขภาพและพัฒนาคุณภาพ ชีวิตอยางยั่งยืน รวมถึงสามารถนําความรู ตลอดจนประสบการณที่ไดรับไปปรับใชใหเกิดประโยชนสูงสุดในการ ดําเนินชีวิต ตัวชี้วัด พ 1.1 พ 2.1 พ 4.1 พ 5.1
ม.2/1 ม.2/1 ม.2/1 ม.2/1
ม.2/2 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/2 ม.2/3 รวม 16 ตัวชี้วัด
ม.2/4 ม.2/4
ม.2/5
ม.2/6
ม.2/7
คูม อื ครู
ตาราง
วิเคราะหมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั รายวิชา สุขศึกษา ม.2
คําชี้แจง : ใหผูสอนใชตารางนี้ตรวจสอบความสอดคลองของเนื้อหาสาระการเรียนรูในหนวยการเรียนรูกับมาตรฐาน การเรียนรูและตัวชี้วัดชั้นป เสร�ม
12
สาระที่ 2 มาตรฐานการเรียนรู สาระที่ 1 และตัวชี้วัด มาตรฐาน มาตรฐาน พ 1.1 พ 2.1 ตัวชี้วัด ตัวชี้วัด หนวยการเรียนรู 1 2 1 2 3 4 หนวยการเรียนรูที่ 1 : การเจริญเติบโตและ พัฒนาการของวัยรุน หนวยการเรียนรูที่ 2 : เพศกับวัยรุน หนวยการเรียนรูที่ 3 : ความเสมอภาคทางเพศ
✓
สาระที่ 4 มาตรฐาน พ 4.1 1
ตัวชี้วัด 2 3 4 5
6
7
✓
✓
✓
✓
✓
หนวยการเรียนรูที่ 4 : สุขภาพกายและสุขภาพจิต
✓
หนวยการเรียนรูที่ 5 : การพัฒนาสมรรถภาพทางกาย
✓
หนวยการเรียนรูที่ 6 : อารมณและความเครียด หนวยการเรียนรูที่ 7 : การเลือกใชบริการสุขภาพ ในชีวิตประจําวัน หนวยการเรียนรูที่ 8 : เทคโนโลยีทางสุขภาพและ ความเจริญกาวหนา ทางการแพทย หนวยการเรียนรูที่ 9 : การชวยเหลือฟนฟูผูติด สารเสพติด หนวยการเรียนรูที่ 10 : การหลีกเลีย่ งพฤติกรรมเสีย่ ง และสถานการณเสี่ยงตอ อันตราย คูม อื ครู
สาระที่ 5 มาตรฐาน พ 5.1 ตัวชี้วัด 1 2 3
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹
สุขศึกษา ม.๒ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๒
กลุมสาระการเรียนรูสุขศึกษาและพลศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ผูเรียบเรียง
รศ. ดร. พรสุข หุนนิรันดร รศ. ดร. ประภาเพ็ญ สุวรรณ ผศ. ดร. สุรียพันธุ วรพงศธร ดร. อนันต มาลารัตน
ผูตรวจ
ผศ. ดร. ทรงพล ตอนี ผศ. รัตนา เจริญสาธิต นางสาวกัญจนณัฏฐ ตะเภาพงษ
บรรณาธิการ
รศ. ดร. จุฬาภรณ โสตะ นายสมเกียรติ ภูระหงษ พิมพครั้งที่ ๙
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ ISBN : 978-616-203-131-1 รหัสสินคา ๒๒๑๔๐๙๘
¤Œ¹¤ÇÒÁÃÙŒ¢ÂÒ¤ÇÒÁ¤Ô´¨Ò¡
¾ÔÁ¾ ¤ÃÑ駷Õè 1 ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ 2244042
EB GUIDE
ที่พิมพกํากับหัวขอสําคัญในหนังสือเรียนหลักสูตรแกนกลางฯ ผาน www.aksorn.com ไปยังแหลงความรูทั่วไทย-ทั่วโลก
คณะผูจัดทําคูมือครู เบญจพร ทองมาก ธงชัย หวลถึง
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
¤íÒ˹í¹ÑÒ §Ê×ÍàÃÕ¹ ¤íÒá¹Ð¹íÒ㹡ÒÃ㪌
หนังสือเรียน รายวิ ชาพื้นฐาน มนี้ ใชประกอบการเรี ชาพื้นฐาน กลุ้ นม สาระการเรี ย นรูสุ สขุ ขศึศึกกษาเล ษาและพลศึ ก ษา ตามหลัยนการสอนรายวิ ก สู ต รแกนกลางการศึ ก ษาขั สาระการเรียนรูสุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๒ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ จะศึกษาเกีย่ วกับเรือ่ งการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย เนื้อหาตรงตามสาระการเรียนรูแกนกลางขั้นพื้นฐาน อานทําความเขาใจงาย ใหทั้งความรูและ ชีวิตและครอบครัว การเคลื่อนไหว การออกกําลังกาย การเลนเกม กีฬาไทย กีฬาสากล ชวยพัฒนาผูเรียนตามหลักสูตรและตัวชี้วัด เนื้อหาสาระแบงออกเปนหนวยการเรียนรูตามโครงสรางรายวิชา การสรยานการสอนและการวั งเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ การปนผล องกันพรโรค และความปลอดภั ยในชี สะดวกแกการจัดการเรี ดผลประเมิ อมเสริ มองคประกอบอื ่นๆวิตที่จะชวยทําให ผูเรียนไดรับความรูอยางมีโดยมี ประสิเปทาธิหมายเพื ภาพ ่อการดํารงสุขภาพ การสรางเสริมสุขภาพ การพัฒนาคุณภาพชีวิต ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§ àÊÃÔÁÊÒÃШҡà¹× ¨Ò¡ ของบุคคล ครอบครัว และชุà¹×ãËŒมéͤËҵçµÒÁÊÒÃСÒÃàÃÕ ชนให ยั�งéÍยืµ‹Íน¡ÒùíสํÒาÂä»ãªŒ หรัÊบ͹à¾× สาระสุ นใหผูเÍé รีËҹ͡àË¹× ยนพัฒÍนา ÇÒÁÃÙŒáÅÐàÍ× èÍ ขศึกษามุ·ÕงÁè ãÕเน ¹ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙጠ¡¹¡ÅÒ§ à¾×Íè ãËŒºÃÃÅصÑǪÕéÇÑ´ áÅÐÊÌҧ¤Ø³ÅѡɳРพฤติกรรมดานความรู เจตคติÍѹคุ¾Öณ§»ÃÐʧ¤ ธรรม คานิยม และการปฏิบัติเกี่ยวกัà¾Ô¡ÇŒบèÁÒ¾Ù§¢ÇÒ§ÍÍ¡ä» สุ¹ขáÅТÂÒ¾ÃÁá´¹¤ÇÒÁÃÙ ภาพควบคูกันไปŒãËŒ
¨Ñ´¡ÅØ‹Áà¹×éÍËÒ໚¹Ë¹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ Êдǡᡋ¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹
à¡ÃÔè¹¹íÒà¾×èÍãˌࢌÒ㨶֧ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ ã¹Ë¹‹Ç·Õè¨ÐàÃÕ¹
ในการจัดทําหนังสือเรียนเพื่อใชประกอบการเรียนการสอนกลุมสาระการเรียนรู สุขศึกษาและพลศึกษา ในระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนตน แตละชัน้ จะประกอบดวยหนังสือเรียน สุขศึกษา ๑ เลม และหนังสือเรียนพลศึกษา ๑ เลม ซึ�งสถานศึกษาควรใชควบคูกันเพื่อ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีของผูเรียน ñ. ÇÑÂÃØ‹¹áÅСÒÃà»ÅÕè¹á»Å§
๑
การเจริญเติบโต และพัฒนาการของวัยรุ่น
วุฒิภาวะ ดังนั้น วัยรุนจึงเปนวัยที่นับ วัยรุน (Adolescence) แปลวา การเจริญเติบโตไปสู ุตรไดเปนสําคัญ ซึ่งขอกําหนดนี้จะแตกตางกัน จากการมีวุฒิภาวะทางเพศ คือ สามารถที่จะมีบ โตของรางกาย สภาพภูมิอากาศ ประเพณี และ บ เติ ญ การเจริ บ ั ก อยู น ้ ขึ ะชนชาติ ล แต ออกไปตาม จะถือวาวัยรุนอยูในชวงอายุ ๑๐ - ๒๐ ป วัฒนธรรมที่แตกตางกัน แตโดยทั่วไปแลว สวนใหญ วง ดังนี้ ซึ่งสามารถแบงชวงวัยของวัยรุนออกไดเปน ๓ ช กระบบ โดยจะอยูในชวง ๑) วัยแรกรุน เปนชวงที่มีการเปลี่ยนแปลงทางรางกายทุ ่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางรางกาย ซึ่งจะสง อายุ ๑๐ - ๑๓ ป เด็กในวัยนี้ มักคิดหมกมุนกังวลเกี ย า วนง และแปรปร ด ผลกระทบไปยังจิตใจ ทําใหอารมณหงุดหงิ างกายที่มีการเปลี่ยนแปลง ๒) วัยรุนตอนกลาง เปนชวงที่วัยรุนจะยอมรับสภาพร ๑๔ - ๑๖ ป เด็กในวัยนีจ้ ะเริม่ มีความคิดทีล่ กึ ซึง้ เปนหนุม เปนสาวไดแลว ซึง่ อยูใ นชวงอายุประมาณ วเอง และพยายามเอาชนะ ของตั ว ตั น ความเป อ ่ ื องตนเองเพ ข จึงหันมาใฝอุดมการณ หาเอกลักษณ ความรูสึกแบบเด็กๆ ที่ผูกพันพึ่งพาพอแม หรือ ๒๐ ป เปนชวงเวลาของ ๓) วัยรุนตอนปลาย จะอยูในชวงอายุ ๑๗ - ๑๙ ป เ่ หมาะสมกับตนเองในอนาคต เปนชวงเวลาทีจ่ ะ การฝกฝนอาชีพ รวมทัง้ ตัดสินใจทีจ่ ะเลือกอาชีพที บโตเต็มที่และบรรลุนิติภาวะในทางกฎหมาย มีความผูกพันกับเพื่อนตางเพศ สภาพทางรางกายเติ เปลี่ยนแปลงที่เปนแบบฉบับเฉพาะของ ทัง้ นีว้ ยั รุน แตละคนนัน้ จะมีการเจริญเติบโตและการ เมื่อเด็กยางเขาสูวัยรุน ตอมไรทอตางๆ จะผลิต คล ค ะบุ ล ต ออกไปในแ น งกั า จะแตกต ง ่ ซึ ตนเอง อยางสมบูรณ เชน ตอมเพศของ งานได า ํ ท งกายให า นของร ว ฮอรโมนเพื่อกระตุนในอวัยวะบางส วัยรุนชายจะสรางฮอรโมนเพศชาย ตอมเพศ ของวัยรุน หญิงจะสรางฮอรโมนเพศหญงิ เพือ่ ให แสดงลักษณะเฉพาะของเพศตนเองออกมา ซึ่งโดยทั่วไปแลววัยรุนจะมีการเจริญเติบโตและ การเปลี่ยนแปลงมากขึ้นในทุกดาน รวมทั้ง เริ่มมีความตองการที่แตกตางออกไปจากตอน เปนเด็ก การเปลี่ยนแปลงสําคัญที่เปนลักษณะ เฉพาะในวั ย รุ น คื อ การเปลี่ ย นแปลงด า น รางกาย จิตใจ อารมณ สังคม และสติปญญา บ โตและ วั ย รุ น เพศชายและ เพศหญิ ง มี ก ารเจริ ญ เติ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ างกัน
เสริมสาระ
๑๐ เคล็ดลับ เพื่อหางไกลแพ
ทย
แมวาภาครัฐจะจัดใหบริการสุขภาพแก ประชาชนอยางเต็มที่ แตหากเราไม จะไดไมเกิดความทุกขทรมาน เจ็บปวยเลยก็จะเปนสิ่งที่ดีกวา เพราะ และไมตองเสียเวลาไปรอรับการบริ การจากสถานบริการสุขภาพ ตลอดจนไ คาใชจายในการรักษาพยาบาลด มตองเสีย วย ดังนั้น เราทุกคนจึงควรเสริ มสรางและรักษารางกายใหแข็ง เจ็บปวย ซึ่งสามารถปฏิบัติได ดัง แรง เพื่อปองกันมิให นี้ ๑. การรับประทานอาหาร มีแ นวปฏิบัติไดหลาย อยาง อาทิ รับประทานอาหารที ่สด สะอาด และปลอด สารพิ ษ รั บ ประทานอ าหารให ค รบ ๕ หมู โดยเน น อาหารที่มีกากใยมาก เชน ธัญ พืช ผัก ผลไม เปนตน รวมถึงควรดื่มนมดวย หลีกเลี่ย งการรับประทานอาหาร กึ่ ง สุ ก กึ่ ง ดิ บ อาหารหมั ก ดอง อาหารที่ มี สี สั น ฉู ด ฉาด และอาหารทีม่ รี สจัด เชน อาหารที ม่ รี สเค็มจัด จะทําใหเปน โรคไต อาหารที่มีรสหวานจัด จะทํ าใหเปนโรคเบาหวาน อาหารที่มีรสเผ็ดจัด จะทําใหเ ปนโรคกระเพาะอาหาร เปนตน ดื่มน้ําสะอาดอยางนอยวั นละ ๘ แกว ๒. ออกกําลังกายอยางสม่ําเสมอ เพราะจะทําให การรักษาความสะอาดบริ ร า งกายแข็ ง แรงและป อ งกั น โรคหลาย เวณบา ชนิ ด เช น โรค ใหเกิดความรมรื่นสวยงาม เป นและหมัน่ ปลูกตนไมดอกไม นวิธีการหนึ่งที่จะชวยปองกัน หลอดเลือดหัวใจตีบ โรคเบาหวาน การเกิดโรคได เปนตน ๓. ดูแลรักษารางกายใหสะอาด ดวยการอาบน้ําทุกวัน อยางนอ ยวันละ ๒ ครั้ง โดยใชสบูฟอกทุ รางกายใหสะอาด จากนั้นลางด กสวนของ วยน้ําและเช็ดตัวใหแหงดวยผา สะอาด แปรงฟนอยางนอยวัน ยาสีฟนที่มีสวนผสมของฟลูออไรด ละ ๒ ครั้ง โดยใช สระผมอยางนอยสัปดาหละ ๒ ครั ้ง ขับถายอุจจาระใหเปนเวลาทุก ๔. นอนหลับพักผอนใหเพียงพออย วันในตอนเชา างนอยวันละ ๖ - ๘ ชั่วโมง และควรเข ทําใหสดชื่นกระปรี้กระเปรามากกว านอนแตหัวค่ําแลวตื่นตอนเชา าการนอนดึกแลวตื่นสาย จะ ๕. จัดสิ่งแวดลอมภายในบานและรอบ บานใหนาอยูอาศัย เชน หมั่นปด และผามานรับสายลมและแสงแดด กวาดเช็ดถูมิใหบานสกปรก เปด หนาตาง มิใหบานอับชื้นและชวยใหเกิดความสดช ื่น กําจัดขยะมิใหสงกลิ่นเหม็นรบกวนแล เปนแหลงเพาะพันธุเชื้อโรค ปลูก ตนไม ดอกไมใหอากาศบริสุทธิ์ ะ ๖. ทําจิตใจใหราเริงแจมใสอยูเ สมอ มองโลกในแงดี และรูจักการให อภัย ๗. สรางความสัมพันธในครอบคร ัวใหอบอุน มอบความรัก ความเข าใจ และความเอื้ออารีใหแกกันและกั ๘. ควรหาเวลาผอนคลายความเคร น งเครียดจากการทํางานหรือการเรี ยนหนังสือบาง เพราะการคร่ําเคร เวลา อาจทําใหรางกายเกิดการเจ็ บปวยไดงาย งตลอด ๙. งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล กาแฟ ชา น้ําอัดลม และงดสูบบุ หรี่ รวมถึงสารเสพติดทุกชนิด ๑๐. งดการสําสอนทางเพศ เพื ่อปองกันโรคติดตอทางเพศสัมพั นธ เชน โรคเอดส โรคซิฟลิส เป นตน
ทั้งน�้หนังสือเรียนสุขศึกษา ภายในเลมออกแบบเปนหนวยการเรียนรูที่มีเน�้อหาสาระ ตรงตามสาระการเรียนรูแกนกลาง และเอื้อตอการนําไปใชจัดการเรียนการสอนใหบรรลุ ตัวชี้วัดตามที่หลักสูตรไดกําหนดไว โดยในหนาหนวยแตละหนวยจะมีตัวชี้วัดและสาระ การเรียนรูระบุไวให ซึ�งนอกจากเน�้อหาสาระที่อานทําความเขาใจงาย บรรจุแนนไปดวย องคความรูตางๆ แลว ยังมีการออกแบบจัดหนาแบบใหม เพื่อชวยใหอานงาย สบายตา µÑǪÕÇé ´Ñ áÅÐÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙጠ¡¹¡ÅÒ§Ï µÒÁ·ÕËè ÅÑ¡Êٵà อมแทรกกรอบเกร็ ดนารู และเสริ มÒสาระ �มสิ½¡ƒ �ง¤Ôที´áÅзº·Ç¹ ่ผูเรียนควรรูไวใหอีกดวย ตลอด ¤íÒ¶ÒÁ»ÃШí ˹‹ÇÂà¾×Íè เพื ãËŒ¹่อ¡Ñ àÃÕเพิ ¹䴌 ¡íÒ˹´ à¾×èÍãËŒ·ÃÒº¶Ö§à»‡Òพร ËÁÒÂ㹡ÒÃÈÖ ¡ÉÒ ¤ÇÒÁÃÙŒ áÅСԨ¡ÃÃÁÊÌҧÊÃä ¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ à¾×èÍ จนเมื่อจบแตละหนวยก็จะมีคําª‹ถามประจํ าหน วย¼ÅÊÑและกิ จกรรมสร ǾѲ¹Ò¼ÙŒàÃÕ¹ãËŒ ºÃÃÅØ ÁÄ·¸ÔìµÒÁµÑ ǪÕéÇÑ´ างสรรคพัฒนาการเรียนรู àÃ×èͧ¹‹ÒÃÙŒà¾ÔèÁàµÔÁ¨Ò¡à¹×éÍËÒ Design ˹ŒÒẺãËÁ‹ ÊǧÒÁ ÁÕ¡ÒÃá·Ã¡à»š¹ÃÐÂÐæ เพื่อฝกทบทวนและจัดกิจกรรมที่สอดคลองกับตัวชี้วัด ¾ÔÁ¾ ô ÊÕ µÅÍ´àÅ‹Á ª‹ÇÂãËŒ Web Guide á¹Ð¹íÒáËÅ‹§¤Œ¹¤ÇŒÒ¢ŒÍÁÙÅ หน่วยที่
วั
ตัวชี้วัด
■
■
อธิบายการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญาในวัยรุ่น (พ ๑.๑ ม.๒/๑) ระบุปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโต และพั ฒนาการ ด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติป ัญญาในวัยรุ่น (พ ๑.๑ ม.๒/๒)
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
■
■
การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และ สติปัญญาในวัยรุ่น ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและพั ฒนาการด้าน ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา - พันธุกรรม - สิ่งแวดล้อม - การอบรมเลี้ยงดู
ยรุ่นเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างมากทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สั งคม และสติปญ ั ญา โดยร่างกายจะมีพฒ ั นาการ อย่างรวดเร็ว ในขณะที่อารมณ์จะรุน แรง และเปลีย่ นแปลงง่าย ส่วนด้านสังคมจะให้ ความสำาคัญกับเพื่อนอย่างมาก ช่วงวั ยรุ่น จึงถือเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต โดย การเปลี่ย นแปลงดั ง กล่ า วเกิ ด จากปั จ จั ย ด้านพันธุกรรม สิง่ แวดล้อม และการอบ รม เลีย้ งดูของผูป ้ กครอง การเรียนรู้เกี่ยวกับการเจริญเติบโต และพัฒนาการของวัยรุน ่ จะทำาให้เราเข้าใจ ยอมรับ และปรับตัวเข้ากับการเปลีย่ นแปลง ดังกล่าวได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
พัฒนาการที่แตกต
๑๒๐
๒
͋ҹࢌÒ㨧‹ÒÂ
à¾ÔèÁàµÔÁ¼‹Ò¹Ãкº Online
อยางไรก็ตาม การจะศึกษาสาระการเรียนรูสุขศึกษาไดอยางมีประสิทธิภาพนั้น นอกจากหนังสือเรียนเลม¤ น�้แลว ผูเรียนควรศึกษาเพิ�มเติมจากเอกสาร หนังสือ หรือแหลง เรียนรูอื่นๆ เพิ�มเติมดวย ก็จะชวยใหไดรับความรูมากยิ�งขึ้น ซึ�งทางคณะผูเรียบเรียงหวัง เปนอยางยิ�งวา หนังสือเรียนสุ ขศึกษา ชั้น ม.๒ เลมน�้ จะชวยอํานวยความสะดวกในการเรียน ¡Ô การสอน ใหผูเรียนไดทั้งความรู คุณลักษณะอันพึงประสงค ผานตัวชี้วัด และมีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนที่ดีอยางที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานไดกําหนดไว
องไดรับการถายทอดมาจาก ลักษณะทางรางกายและจิตใจที่ปรากฏในรุนลูกหลาน จะต ธุกรรม สวนความผิดปกติบางอยาง รุน บรรพบุรษุ เทานัน้ จึงจะถือวาเปนลักษณะทีถ่ า ยทอดทางพัน โรคหูหนวกมาแตกําเนิด อวัยวะ ที่เกิดขึ้นหลังจากการปฏิสนธิ เชน ตาบอด โรคลิ้นหัวใจรั่ว เนื่องมาจากระหวางที่ทารกเจริญ บางสวนพิการ เปนตน ลักษณะผิดปกติเหลานี้ อาจมีสาเหตุ งชนิดซึ่งเปนอันตรายตอทารก เติบโตอยูในครรภ มารดาอาจเปนโรครายแรงหรือรับประทานยาบา จากสาเหตุทางพันธุกรรม ทําใหทารกมีลักษณะผิดปกติ ซึ่งจะไมถือวาเปนความผิดปกติ นสิ่งที่ติดตัวมาแตกําเนิด นอกจากนี้ ก็ยังมีขอกําหนดอีกประการหนึ่ง คือ พันธุกรรมเป อการปฏิบัติ ซึ่งคนเราสามารถ จึงเปลี่ยนแปลงไมได ไมเหมือนกับสิ่งแวดลอมและพฤติกรรมหรื สมอ เ ได น ้ ึ ข ี ปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงใหด
๒.๒ สิ่งแวดลอม
สนธิในครรภมารดา จนกระทั่ง สิ่งแวดลอมตางๆ จะเริม่ มีอิทธิพลตอตัวเด็กนับตั้งแตเริ่มปฏิ สิ่งแวดลอมเปนองคประกอบที่มี คลอดออกมาเปนทารก เจริญเติบโตและพัฒนาผานวัยตางๆ พันธุกรรม และในบางกรณีกลับมี อิทธิพลตอสุขภาพและการเจริญเติบโตไมยิ่งหยอนไปกวา อมนัน้ ๆ เปนไปอยางไมสมบูรณ ความสําคัญยิง่ กวาองคประกอบอืน่ โดยเฉพาะอยางยิง่ ถาสิง่ แวดล สงผลกระทบในเชิงลบตอตัวเด็ก เกร็ดนารู
โรคบูลิเมีย (Bulimia Nervasa)
ตกกังวลเกี่ยวกับรูปรางของตนเอง กลัววา เด็กผูหญิงจํานวนมาก เมื่อเขาสูชวงวัยรุนจะเริ่มมีความวิ ใหน้ําหนักตัวเพิ่มขึ้น ความวิตกกังวลเชนนี้ถาเพียง จะอวนเกินไปดูไมสวย หลายคนจึงพยายามควบคุมไม วามวิตกกังวลมาก อาจนําไปสูการกลัวความอวนจนเกิด เล็กนอยก็ถือเปนเรื่องปกติสําหรับวัยรุนทั่วไป แตถามีค อาการของโรคบูลิเมียได ึ ก กั ง วลกั บ น้ํ า หนั ก ตั ว หรื อ รู ป ร า งของตนเอง ผู ป ว ยโรคบู ลิ เ มี ย มั ก อาการซึ ม เศร า เครี ย ด หรื อ รู ส วาตัวเองอวนหรือมีไขมันสวนเกินมากอยู จนทนตัวเอง จนเกินขอบเขต สวนใหญจะมีรูปรางผอมมาก แตยังคิด ประทานเขาไปแลวก็จะรูสึกผิด จึงพยายามกําจัดอาหาร ไมได ผูปวยจะรับประทานอาหารครั้งละมากๆ เมื่อรับ ้น ยังอาจมีการอดอาหารในมื้อถัดไป นอกจากนั าระบาย ย ใช น ย าเจี อ ที่รับประทานเขาไปออกมา เชน ลวงคอให ผูที่เปนโรคนี้อาจเสียชีวิตได เนื่องจากรางกายจะขาด และมีการออกกําลังกายอยางหักโหมดวย เปนตน สารอาหาร น้ํา และเกลือแรอยางรุนแรง บอาการซึมเศรา และการบําบัดทางจิตวิทยา การรักษาโรคบูลิเมีย สามารถทําไดดวยการใชยาระงั ูที่การมีรูปรางที่ไดสัดสวนเหมาะสม ไมผอมแหง พยายามใหผูปวยปรับมุมมองของตนเองวา ความสวยงามอย จนเกินไป และใหมีความรูสึกเชื่อมั่นในรางกายของตน
๑๔
EB GUIDE
๓. ความสมดุลระหว่างสุขภาพกายและสุขภาพจิต
สุขภาพกายและสุขภาพจิตมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ดังนั้น การสร้างความสมดุลระหว่าง สองสิ่งนี้ จึงมีความส�าคัญอย่างยิ่ง โดยต้องหมั่นดูแลร่างกายและจิตใจให้แข็งแรงอยู่เสมอ รวมถึง ควรรู้จักประเมินภาวะสุขภาพกายและสุขภาพจิตเป็นระยะๆ ด้วย เพื่อให้ทราบปัญหาของตนเอง จะได้เตรียมแนวทางแก้ไขที่ถูกต้องไว้ล่วงหน้า
¹ÃÙŒ
àÃÕ ¹‹Ç¡ÒÃ
ยรุนหญงิ ÃШ íÒË ชายและวั ของวัยรุน รมณ สังคมอยางไร Ò¶ÒÁ» านรางกาย อา ตางทางด งทางดานจิตใจ ตก มแ นแปล ยบควา การเปลี่ย เปรียบเที ๑. จง ็กเขาสูวัยรุน จะมี ตุผล น อธิบายเห รของวัยรุ ื่อเด ๒. เม ายมาพอสังเขป ย “พายุบุแคม” จง ิบโตและพัฒนากา งกายและจิตใจ า เต นวั ใหอธิบ ัยรุนวาเป งมากตอการเจริญ ่ยนแปลงทางดานร กว ย เรี ง ึ ลี า ตุใดจ ิทธิพลอย เพื่อรองรับการเป อ ี ๓. เห ม ่ ี งท า างไร จัยใดบ ๔. ปจ นควรเตรียมตัวอย เรีย ๕. นัก Õ¹ÃÙŒ
๓.๑ องค์ประกอบในการสร้างความสมดุล สุขภาพกาย
àÃ
¹Ò¡Òà Ãä ¾Ñ²
ู ใ น ให ควา มร บร รย าย อมูลการ ณสุ ข มา ข ÊÃŒÒ§Ê า นส าธ าร ยนแตละคนสรุป ¨¡ÃÃÁ กร ทา งด ักเรี ่ เ ป น บุ ค ลา ัยรุน แลวใหน ที กร เปน ยา าติ หรือ เชิ ญ วิ ท วกับเรื่องเพศในว ประเทศช ี่ย สรุป ่ ๑ ประเด็นเก ิทยากรสงครูผูสอน านดีเดนตอสังคม าภาพประกอบ อ กิจกรรมที นห ถื งว ีผลง ใหนักเรีย ตุผลทนี่ กั เรียนยดึ บรรยายขอ ัดเลือกเยาวชนที่ม คน ๑ มา งาม ถึงเห นค ใหนักเรีย ีที่ควรประพฤติตาม า ว พรอ มอธิบาย A4 ตกแตงใหสวย งั กล งที่ด าษ ่ ๒ แบบอยา งานของเยาวชนด ัดทําลงบนกระด กิจกรรมที ผล โดยจ ละ นาการ ิ แ ฒ ั ั ต ไร ะพ ะว อะ ปร าก ญเติบโตแล เปนเวลา างเน�องจ ริ ย รเจ บอ กา แบ เปน ี่ยวกับ ไปแสดง ครูผูสอน ันจัดนิทรรศการเก านสุขภาพ นํา าพและขอมูล แลวนําสง วยก ลทางด รับเปลี่ยนภ นในชั้นช และขอมู ใหนักเรีย ยมีภาพประกอบ ะสัปดาหสามารถป โด ตล ่ ๓ ของวัยรุน ริเวณที่จัดไว โดยแ กิจกรรมที ม นบ ๑ เดือนใ ตามความเหมาะส ด ใหนาสนใจไ
สังคม เป็น
๑๘
สมาธิ เป็น
สุขภาพจิต
จากแผนผัง จะเห็นว่า สุขภาพกายและสุขภาพจิตตั้งอยู่บนคานที่สมดุล ถ้าส่วนใดส่วนหนึ่ง เปลี่ยนแปลง จะท�าให้ความสมดุลของคานเสียไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพได้ ดังนั้น การสร้างความสมดุลระหว่างสุขภาพกายและสุขภาพจิต จึงต้องมีองค์ประกอบ ๔ ประการ ดังนี้ องค์ประกอบในการสร้างความสมดุลระหว่างสุขภาพกายและสุขภาพจิต
60
http://www.aksorn.com/LC/He/M2/02
อยู่เป็น
กินเป็น
กินเป็น ๑. กินอาหารถูกหลัก โภชนาการ สะอาด ได้สัดส่วนครบถ้วน ๒. หลีกเลี่ยงอาหารที่มี คาร์โบไฮเดรตและ ไขมันมากเกินไป ๓. งดดืม่ ชา กาแฟ น�าอ้ ดั ลม และเครือ่ งดืม่ แอลกอฮอล์ ๔. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ เสริมอาหารที่มีการ โฆษณาชวนเชื่อ ให้ทดลอง
อยู่เป็น ๑. รักษาสุขนิสัยที่ดี ๒. ออกก�าลังกายสม�า่ เสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ ๓. หลี ก เลี่ ย งภาวะเสี่ ย ง ต่อการเกิดโรค ๔. มีอารมณ์รา่ เริงแจ่มใส
สังคมเป็น ๑. ปรับตัวให้เข้ากับ สภาพแวดล้อมได้ ๒. เข้าใจตนเองและผู้อื่น ๓. มีสัมพันธภาพที่ดีต่อ บุคคลอื่น ๔. อยูร่ ว่ มกันกับผูอ้ นื่ ได้ดี และมีความสุข ๕. มีบุคลิกภาพที่ดี
สมาธิเป็น ๑. มีสติ รอบคอบ สุขุม สงบ เยือกเย็น ๒. มีมโนธรรม คุณธรรม จริยธรรม ๓. สุขใจเมือ่ ได้ทา� ความดี ละอายใจเมือ่ ท�าความชัว่
ผูเรียบเรียง
กระตุน ความสนใจ Engage
˹‹Ç·Õè
ñ ò
●
●
● ●
●
●
ô
●
● ●
õ
Expand
ÇÑÂÃØ‹¹áÅСÒÃà»ÅÕè¹á»Å§ »˜¨¨Ñ·ÕèÁռŵ‹Í¡ÒÃà¨ÃÔÞàµÔºâµáÅоѲ¹Ò¡ÒâͧÇÑÂÃØ‹¹
¾Ñ²¹Ò¡ÒÃáÅСÒûÃѺµÑÇ·Ò§à¾È¢Í§ÇÑÂÃØ‹¹ ÇÑÂÃØ‹¹¡Ñºà¨µ¤µÔ·Ò§à¾È »˜ÞËÒáÅмšÃзº¨Ò¡¡ÒÃÁÕà¾ÈÊÑÁ¾Ñ¹¸ ã¹ÇÑÂàÃÕ¹ ·Ñ¡ÉЪÕÇԵ㹡Òû‡Í§¡Ñ¹µ¹àͧàÃ×èͧà¾È ¡Òû‡Í§¡Ñ¹µ¹àͧ¨Ò¡»˜ÞËÒ¡ÒÃÁÕà¾ÈÊÑÁ¾Ñ¹¸ ã¹ÇÑÂàÃÕ¹
¤ÇÒÁÊíÒ¤Ñޢͧ¤ÇÒÁàÊÁÍÀÒ¤·Ò§à¾È ¡ÒÃÇÒ§µÑǵ‹Íà¾ÈµÃ§¢ŒÒÁ »˜ÞËÒ·Ò§à¾È
ÊØ¢ÀÒ¾¡ÒÂáÅÐÊØ¢ÀÒ¾¨Ôµ ●
˹‹Ç·Õè
ขยายความเขาใจ
¤ÇÒÁàÊÁÍÀÒ¤·Ò§à¾È ●
˹‹Ç·Õè
Explain
à¾È¡ÑºÇÑÂÃع‹
●
ó
อธิบายความรู
¡ÒÃà¨ÃÔÞàµÔºâµáÅоѲ¹Ò¡ÒâͧÇÑÂÃØ‹¹
●
˹‹Ç·Õè
Explore
ตรวจสอบผล Evaluate
ÊÒúÑÞ ●
˹‹Ç·Õè
สํารวจคนหา
¤ÇÒÁÊíÒ¤ÑޢͧÊØ¢ÀÒ¾¡ÒÂáÅÐÊØ¢ÀÒ¾¨Ôµ ¤ÇÒÁÊÑÁ¾Ñ¹¸ ÃÐËÇ‹Ò§ÊØ¢ÀÒ¾¡ÒÂáÅÐÊØ¢ÀÒ¾¨Ôµ ¤ÇÒÁÊÁ´ØÅÃÐËÇ‹Ò§ÊØ¢ÀÒ¾¡ÒÂáÅÐÊØ¢ÀÒ¾¨Ôµ ¡Òû¯ÔºÑµÔµ¹à¾×èÍÊÌҧàÊÃÔÁÊØ¢ÀÒ¾¡ÒÂáÅÐÊØ¢ÀÒ¾¨Ôµ
¡ÒþѲ¹ÒÊÁÃöÀÒ¾·Ò§¡Ò ● ● ●
¤ÇÒÁËÁÒ ¤Ø³¤‹Ò áÅФÇÒÁÊíÒ¤ÑޢͧÊÁÃöÀÒ¾·Ò§¡Ò ࡳ± ÊÁÃöÀÒ¾·Ò§¡Ò ¡ÒþѲ¹ÒÊÁÃöÀÒ¾·Ò§¡ÒÂ
ñ - ñø ò ñò
ñù - ôò òð òò òö òù óø
ôó - õô ôô ôö ôù
õõ - öö õö õ÷ öð öó
ö÷ - øö öø ÷ð ÷ù
กระตุน ความสนใจ Engage
˹‹Ç·Õè
สํารวจคนหา Explore
ö ÷
●
●
●
●
ø
●
● ● ●
ù
●
●
● ●
ñð
ÃкººÃÔ¡ÒÃÊØ¢ÀÒ¾ ¡ÒèѴÃкººÃÔ¡ÒÃÊØ¢ÀҾ㹻ÃÐà·Èä·Â á¹Ç·Ò§¡ÒÃàÅ×͡㪌ºÃÔ¡Ò÷ҧÊØ¢ÀÒ¾ ËÅÑ¡»ÃСѹÊØ¢ÀÒ¾
ตรวจสอบผล Evaluate
ø÷ - ñðö øø ùð ùô
ñð÷ - ñòô ñðø ñðø ññö ññø
à·¤â¹âÅÂÕ·Ò§ÊØ¢ÀҾ㹪ÕÇÔµ»ÃШíÒÇѹ µÑÇÍ‹ҧ¢Í§à·¤â¹âÅÂÕ·Õè໚¹»ÃÐà´ç¹·Ò§ÊØ¢ÀÒ¾ ¼Å¡Ãзº¢Í§à·¤â¹âÅÂÕ·ÕèÁÕµ‹ÍÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ ¡ÒõѴÊÔ¹ã¨àÅ×Í¡ÃѺáÅÐ㪌෤â¹âÅÂÕ·Ò§ÊØ¢ÀÒ¾ ¤ÇÒÁà¨ÃÔÞ¡ŒÒÇ˹ŒÒ·Ò§¡ÒÃá¾·Â ·ÕèÁռŵ‹ÍÊØ¢ÀÒ¾
ǧ¨Ã¡ÒÃá¾Ã‹ÃкҴ¢Í§ÊÒÃàʾµÔ´ ¤ÇÒÁÊíÒ¤ÑÞáÅл˜¨¨ÑÂ㹡Òÿ„œ¹¿Ù¼ÙŒµÔ´ÊÒÃàʾµÔ´ ÇÔ¸Õ¡ÒúíҺѴ¿„œ¹¿Ù¼ÙŒµÔ´ÊÒÃàʾµÔ´ áËÅ‹§ª‹ÇÂàËÅ×Í¿„œ¹¿Ù¼ÙŒµÔ´ÊÒÃàʾµÔ´
ñòö ñóð ñó÷ ñôð ñôñ
ñô÷ - ñöö ñôø ñõð ñõò ñöñ
¡ÒÃËÅÕ¡àÅÕ觾ĵԡÃÃÁàÊÕè§áÅÐʶҹ¡Òó àÊÕè§ µ‹ÍÍѹµÃÒ ñö÷ - ñøö
● ● ●
ºÃóҹءÃÁ
ÍÒÃÁ³ áÅФÇÒÁà¤ÃÕ´·ÕèÁռŵ‹ÍÊØ¢ÀÒ¾ ÅѡɳÐÍÒ¡ÒÃàº×éͧµŒ¹¢Í§¼ÙŒÁÕ»˜ÞËÒÊØ¢ÀÒ¾¨Ôµ ÇÔ¸Õ»¯ÔºÑµÔµ¹à¾×èͨѴ¡ÒáѺÍÒÃÁ³ áÅФÇÒÁà¤ÃÕ´
¡Òê‹ÇÂàËÅ×Í¿„œ¹¿Ù¼ÙŒµÔ´ÊÒÃàʾµÔ´ ●
˹‹Ç·Õè
Expand
à·¤â¹âÅÂÕ·Ò§ÊØ¢ÀÒ¾áÅФÇÒÁà¨ÃÔÞ¡ŒÒÇ˹ŒÒ ·Ò§¡ÒÃá¾·Â ñòõ - ñôö ●
˹‹Ç·Õè
ขยายความเขาใจ
¡ÒÃàÅ×͡㪌ºÃÔ¡ÒÃÊØ¢ÀҾ㹪ÕÇÔµ»ÃШíÒÇѹ ●
˹‹Ç·Õè
Explain
ÍÒÃÁ³ áÅФÇÒÁà¤ÃÕ´ ●
˹‹Ç·Õè
อธิบายความรู
¡ÒÃËÅÕ¡àÅÕ觾ĵԡÃÃÁàÊÕè§áÅÐʶҹ¡Òó àÊÕ觵‹ÍÍѹµÃÒ ñöø á¹Ç·Ò§¡ÒÃËÅÕ¡àÅÕ觾ĵԡÃÃÁàÊÕè§áÅÐʶҹ¡Òó àÊÕ觵‹ÍÍѹµÃÒ ñøð ·Ñ¡ÉЪÕÇԵ㹡Òû‡Í§¡Ñ¹µ¹àͧ ñøñ
ñø÷
กระตุน ความสนใจ กระตุEngage นความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. อธิบายการเปลี่ยนแปลงดานรางกาย จิตใจ อารมณ สังคม และสติปญญาในวัยรุนได 2. ระบุปจจัยที่มีผลกระทบตอการเจริญเติบโต และพัฒนาการดานรางกาย จิตใจ อารมณ สังคม และสติปญญาในวัยรุนได
สมรรถนะของผูเรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการแกปญหา 3. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
หน่วยที่
๑
ตัวชี้วัด ■
■
อธิบายการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญาในวัยรุ่น (พ ๑.๑ ม.๒/๑) ระบุปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโต และพัฒนาการ ด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญาในวัยรุ่น (พ ๑.๑ ม.๒/๒)
สาระการเรียนรู้แกนกลาง ■
■
การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และ สติปัญญาในวัยรุ่น ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการด้าน ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา - พันธุกรรม - สิ่งแวดล้อม - การอบรมเลี้ยงดู
คุณลักษณะอันพึงประสงค
การเจริญเติบโต และพัฒนาการของวัยรุ่น วัยรุ่นเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลง
อย่างมากทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปญ ั ญา โดยร่างกายจะมีพฒ ั นาการ อย่างรวดเร็ว ในขณะที่อารมณ์จะรุนแรง และเปลีย่ นแปลงง่าย ส่วนด้านสังคมจะให้ ความสำาคัญกับเพื่อนอย่างมาก ช่วงวัยรุ่น จึงถือเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต โดย การเปลี่ย นแปลงดั ง กล่ า วเกิ ด จากปั จ จั ย ด้านพันธุกรรม สิง่ แวดล้อม และการอบรม เลีย้ งดูของผูป ้ กครอง การเรียนรู้เกี่ยวกับการเจริญเติบโต และพัฒนาการของวัยรุน่ จะทำาให้เราเข้าใจ ยอมรับ และปรับตัวเข้ากับการเปลีย่ นแปลง ดังกล่าวได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
1. มีวินัย 2. ใฝเรียนรู 3. อยูอยางพอเพียง
กระตุน ความสนใจ
Engage
ครูนําภาพเด็กและวัยรุนมาใหนักเรียนดู จากนั้นครูตั้งคําถามเพื่อกระตุนความสนใจของ นักเรียน โดยนักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ • จากภาพนักเรียนคิดวา อยูในชวงวัยใด และเพราะเหตุใดจึงทราบ • นักเรียนคิดวา 2 ภาพนี้มีความแตกตางกัน อยางไร • ถาใหนักเรียนเลือกได นักเรียนอยากจะอยู ในชวงวัยใดมากที่สุด เพราะเหตุใด
เกร็ดแนะครู เนื่องจากในหนวยที่ 1 นี้ เปนเรื่องเกี่ยวกับการเจริญเติบโตและพัฒนาการของ วัยรุน ซึง่ ถือเปนเรือ่ งใกลตวั ทีว่ ยั รุน ทุกคนยังคงไมเขาใจตอการเปลีย่ นแปลงทีเ่ กิดขึน้ มากนัก ดังนั้นครูอาจใชวิธีการใหนักเรียนดูภาพครูสมัยที่ยังเปนวัยรุนอยู พรอมกับ เลาประสบการณเมื่อครั้งยังเปนวัยรุนใหนักเรียนฟง โดยใหนักเรียนไดมีโอกาสแสดง ความคิดเห็น เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของตนเอง เพื่อใหนักเรียนได มีความรูความเขาใจ รูจักยอมรับ และปรับตัวตอการเปลี่ยนแปลงตางๆ ไดเปน อยางดี อีกทั้งยังสามารถนําความรูที่ไดไปประยุกตใชในชีวิตประจําวันไดอีกดวย
คูมือครู
1
กระตุน ความสนใจ กระตุEngage นความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุน ความสนใจ
Engage
ครูนําเขาสูบทเรียนโดยใหนักเรียนสํารวจ การเปลี่ยนแปลงทางดานตางๆ ของตนเอง จากนั้น ครูตั้งคําถามเพื่อกระตุนความสนใจของนักเรียน • นักเรียนคิดวา ตนเองมีการเปลี่ยนแปลงอะไร เกิดขึ้นบาง (แนวตอบ ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน โดย ที่เห็นไดชัดคือการเปลี่ยนแปลงทางดาน รางกาย) • นักเรียนรูสึกอยางไรตอการเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้น (แนวตอบ ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน โดย อาจตอบวา รูสึกไมคอยสบายตัวเหมือนตอน เปนเด็ก หรือบางคนอาจตอบวา รูสึกชอบที่มี รูปรางสมสวนมากขึ้น) • นักเรียนมีการเตรียมความพรอมที่จะรับมือ ตอการเปลี่ยนแปลงนี้อยางไร (แนวตอบ ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน แตสวนใหญจะไมคอยมีการเตรียมตัวอะไร เนื่องจากเปนการเปลี่ยนแปลงที่คนสวนใหญ มักจะไมคอยรูตัว)
ñ. วัยรุ่นและการเปลี่ยนแปลง วัยรุ่น (Adolescence) แปลว่า การเจริญเติบโตไปสูวุฒิภาวะ ดังนั้น วัยรุ่นจึงเป็นวัยที่นับ จากการมีวุฒิภาวะทางเพศ คือ สามารถที่จะมีบุตรได้เป็นส�าคัญ ซึ่งข้อก�าหนดนี้จะแตกต่างกัน ออกไปตามแต่ละชนชาติ ขึ้นอยู่กับการเจริญเติบโตของร่างกาย สภาพภูมิอากาศ ประเพณี และ วัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แต่โดยทั่วไปแล้ว ส่วนใหญ่จะถือว่าวัยรุ่นอยู่ในช่วงอายุ ๑๐ - ๒๐ ปี ซึ่งสามารถแบ่งช่วงวัยของวัยรุ่นออกได้เป็น ๓ ช่วง ดังนี้ ๑) วัยแรกรุ่น เป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายทุกระบบ โดยจะอยู่ในช่วง อายุ ๑๐ - ๑๓ ปี เด็กในวัยนี้ มักคิดหมกมุ่นกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ซึ่งจะส่ง ผลกระทบไปยังจิตใจ ท�าให้อารมณ์หงุดหงิดและแปรปรวนง่าย ๒) วัยรุ่นตอนกลาง เป็นช่วงที่วัยรุ่นจะยอมรับสภาพร่างกายที่มีการเปลี่ยนแปลง เป็นหนุม่ เป็นสาวได้แล้ว ซึง่ อยูใ่ นช่วงอายุประมาณ ๑๔ - ๑๖ ปี เด็กในวัยนีจ้ ะเริม่ มีความคิดทีล่ กึ ซึง้ จึงหันมาใฝ่อุดมการณ์ หาเอกลักษณ์ของตนเองเพื่อความเป็นตัวของตัวเอง และพยายามเอาชนะ ความรู้สึกแบบเด็กๆ ที่ผูกพันพึ่งพาพ่อแม่ ๓) วัยรุ่นตอนปลาย จะอยู่ในช่วงอายุ ๑๗ - ๑๙ ปี หรือ ๒๐ ปี เป็นช่วงเวลาของ การฝึกฝนอาชีพ รวมทัง้ ตัดสินใจทีจ่ ะเลือกอาชีพทีเ่ หมาะสมกับตนเองในอนาคต เป็นช่วงเวลาทีจ่ ะ มีความผูกพันกับเพื่อนต่างเพศ สภาพทางร่างกายเติบโตเต็มที่และบรรลุนิติภาวะในทางกฎหมาย ทัง้ นีว้ ยั รุน่ แต่ละคนนัน้ จะมีการเจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลงที่เป็นแบบฉบับเฉพาะของ ตนเอง ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล เมื่อเด็กย่างเข้าสู่วัยรุ่น ต่อมไร้ท่อต่างๆ จะผลิต ฮอร์โมน เพื่อกระตุ้นให้อวัยวะบางส่วนของร่างกายท�างานได้อย่างสมบูรณ์ เช่น ต่อ1มเพศของ วัยรุ่นชายจะสร้างฮอร์โมนเพศชาย ต่อมเพศ 2 ของวัยรุน่ หญิงจะสร้างฮอร์โมนเพศหญิง เพือ่ ให้ แสดงลัก ษณะเฉพาะของเพศตนเองออกมา ซึ่งโดยทั่วไปแล้ววัยรุ่นจะมีการเจริญเติบโตและ การเปลี่ยนแปลงมากขึ้นในทุกด้าน รวมทั้ง เริ่มมีความต้องการที่แตกต่างออกไปจากตอน เป็นเด็ก การเปลี่ยนแปลงส�าคัญที่เป็นลักษณะ เฉพาะในวั ย รุ ่ น คื อ การเปลี่ ย นแปลงด้ า น วั ย รุ่ น เพศชายและเพศหญิ ง มี ก ารเจริ ญ เติ บ โตและ ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา พัฒนาการที่แตกต่างกัน ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ ๒
นักเรียนควรรู 1 ฮอรโมนเพศชาย เปนฮอรโมนที่สรางจากอัณฑะ หรืออาจสรางไดบางที่ ตอมหมวกไตชั้นนอก ไดแก เทสโทสเตอโรน ซึ่งทําหนาที่กระตุนใหเกิดลักษณะ ของความเปนเพศชาย เชน เสียงหาว มีหนวดเครา มีความตองการทางเพศ เปนตน 2 ฮอรโมนเพศหญิง เปนฮอรโมนที่สรางจากรังไข หรืออาจสรางไดบางที่ ตอมหมวกไตชั้นนอก และรก มี 2 ชนิด ไดแก เอสโตรเจน ทําหนาที่กระตุนใหเกิด ลักษณะเฉพาะของความเปนหญิง เชน มีเสียงแหลม ใบหนาเปลงปลั่ง เอวคอด มีหนาอก สะโพกผาย เปนตน และโพรเจสเตอโรน ทําหนาที่กระตุนการสราง มดลูกใหหนาขึ้น เพื่อรองรับการฝงตัวของไขที่ผสมแลว และกระตุนการผลิต นํ้านมเมื่อมีทารก
2
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
การเปลี่ยนแปลงของวัยรุนนั้นมีผลมาจากสิ่งใด 1. ฮอรโมนเพศ 2. การเจริญเติบโตของวัยรุน 3. สภาพแวดลอมที่เปลี่ยนแปลง 4. พัฒนาการในดานตางๆ ของวัยรุน วิเคราะหคําตอบ วัยรุนเปนวัยชวงตอระหวางวัยเด็กกับวัยผูใหญที่นับวา มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด อันเปนผลมาจากการเจริญเติบโต และ พัฒนาการดานตางๆ ทัง้ ทางรางกาย จิตใจ อารมณ สังคม และสติปญ ญา รวมทั้งพัฒนาการทางเพศที่มีความแตกตางกันออกไป ถึงแมวาจะมีอายุ เทากันก็ตาม ตอบขอ 4.
กระตุนความสนใจ Engage
สํารวจคนหา สํารวจค Exploreนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
สํารวจคนหา
Explore
ใหนักเรียนศึกษาเนื้อหา จากหนังสือเรียน และแหลงเรียนรูเพิ่มเติมตางๆ ในประเด็น • การเปลี่ยนแปลงทางดานรางกาย • การเปลี่ยนแปลงทางดานจิตใจและอารมณ • การเปลี่ยนแปลงทางดานสังคม • การเปลี่ยนแปลงทางดานสติปญญา จากนั้นใหนักเรียนแบงกลุมออกเปน 2 กลุม แยกชาย-หญิง โตวาทีกันในญัตติ “ผูหญิงกับผูชาย ใครตัวโตกวากัน” โดยนักเรียนแตละกลุมสามารถ ทําสื่อหรือเอกสารเพิ่มเติมเพื่อใชประกอบการ โตวาทีได
๑.๑ การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย การเจริญเติบโต พัฒนาการ และการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายของวัยรุ่นจะเจริญเติบโต อย่างรวดเร็วในช่วงอายุ ๑๐ - ๑๓ ปี และจะ ลดอัตราการเจริญเติบโตเมื่อเข้าระยะวัยรุ่น ตอนกลาง ในช่ ว งวั ยรุ ่ น ตอนปลายจะมี ก าร เปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายน้อยลงอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายที่ส�าคัญ คือ
๑) ขนาดของร่างกายและความ
สูง เมื่อเข้าสู่วัยแรกรุ่น วัยรุ่นชายมีอัตราการ
เจริญเติบโตของไหล่มากที่สุด วัยรุ่นชายจะมี ไหล่กว้างกว่าวัยรุ่นหญิง แต่การเจริญเติบโต ของสะโพก วัยรุ่นหญิงมีอัตราการเจริญเติบโต เร็วกว่าวัยรุน่ ชายในระยะเริม่ แรก แต่เมือ่ ร่างกาย โตเต็มที่แล้ว พบว่าสะโพกของทั้งวัยรุ่นหญิง ช่วงวัยรุ่น เพศชายจะมีส่วนสูงและกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้น และวัยรุ่นชายมีขนาดใกล้เคียงกัน ส่วนการ รวมถึงมีไหล่ขยายกว้าง จึงทำาให้มีพละกำาลังมาก เจริญเติบโตทางด้านความสูง ในช่วงวัยเด็ก วัยรุ่นชายจะสูงกว่าวัยรุ่นหญิงมาตลอด จนเข้าสู่ วัยแรกรุ่น วัยรุ่นหญิงจะมีอัตราเร็วในการเจริญเติบโตทางด้านความสูงในระยะแรกจนเมื่ออายุ ๑๑ ปี ก็จะสูงพอๆ กับวัยรุ่นชายและจะสูงน�าไปก่อน จนเข้าสู่อายุ ๑๕ ปี วัยรุ่นชายจะเริ่มสูงทัน วัยรุน่ หญิงในวัยเดียวกัน และจะเริม่ สูงกว่า จนอายุ ๑๘ ปี ก็จะสูงกว่าวัยรุน่ หญิง และยังจะสามารถ เพิ่มความสูงต่อไปได้อีกในขณะที่วัยรุ่นหญิงปกติจะหยุดสูงแล้ว ๒) การเปลี่ยนแปลงของกระดูก เมื่อมีอายุประมาณ ๑๓ - ๑๔ ปี กระดูกจะ แข็งแรงขึ้น การเจริญเติบโตของกระดูกในแต่ละบุคคลจะแตกต่างกันออกไป เช่นเดียวกับการ เจริญเติบโตด้านอื่นๆ ของร่างกาย วัยรุ่นชายที่มีอายุ ๑๔ ปีไปแล้ว จะมีกระดูกข้อมือที่ใหญ่กว่า 1 2 วัยรุ่นหญิง แต่มีความหนาแน่นของมวลกระดูกน้อยกว่า และเมื่อถึงขั้นที่มีวุฒิภาวะทางเพศ กระดูกข้อมือก็จะมีพัฒนาการเท่ากัน ทั้งในด้านความหนาแน่นและความแข็งของกระดูก อวัยวะ ต่างๆ สามารถเคลื่อนไหวและใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ๓) การเปลี่ยนแปลงของไขมันและกล้ามเนื้อ ในช่วงเข้าสู่วัยรุ่น เด็กผู้ชายจะมี ไขมันใต้ผิวหนังบางลง พร้อมๆ กับมีกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้นและแข็งแรงขึ้น ซึ่งจะท�าให้วัยรุ่นชาย ผอมลงในระยะแรกโดยเฉพาะที่แขน ขา น่อง ส่วนวัยรุ่นหญิงแม้จะมีการเพิ่มของกล้ามเนื้อ 3
ขอสอบ
O-NET
ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของวัยรุนชาย ขอใดเปนลักษณะของวัยรุนชาย 1. ไหลจะกวางขึ้น 2. สะสมไขมันเพิ่มขึ้น 3. สะโพกจะขยายออก 4. เสียงจะแหลมหรือสูงขึ้น วิเคราะหคําตอบ วัยรุนจะมีการเปลี่ยนแปลงทางดานรางกายทั้งชายและ หญิงอยางเห็นไดชัด ซึ่งมีลักษณะที่แตกตางกันออกไปคือ วัยรุนหญิงจะมี การสะสมของไขมันเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะไขมันที่เตานม และสะโพก ทําใหมี เตานมที่ขยาย และมีสะโพกผายออก มีเสียงเล็กแหลมหรือสูงกวาผูชาย สวนวัยรุนชายจะมีการเจริญเติบโตตรงชวงไหลมากที่สุด ทําใหเห็นไดวา วัยรุนชายจะมีไหลที่กวางขึ้น และมีกลามเนื้อเปนมัดชัดเจน
ตอบขอ 1.
เกร็ดแนะครู วัยรุนเปนวัยที่มีความวิตกกังวลกับการเปลี่ยนแปลงทางดานรางกายของตนเอง มาก ดังนั้นครูจึงควรระมัดระวังในการใชคําพูดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางดาน รางกาย ซึ่งอาจสงผลกระทบกระเทือนตอจิตใจของนักเรียนบางคนได
นักเรียนควรรู 1 ความหนาแนนของมวลกระดูก เปนคาที่ใชในการวินิจฉัยภาวะเสี่ยงตอโรค ที่เกิดจากความผิดปกติของกระดูก เชน โรคกระดูกพรุน โรคกระดูกผุ เปนตน 2 วุฒิภาวะทางเพศ คือการที่เพศชายมีการหลั่งนํ้าอสุจิครั้งแรก และการที่ เพศหญิงมีประจําเดือนเปนครั้งแรก
คูมือครู
3
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ใหนักเรียนทั้ง 2 กลุมออกมาโตวาทีกันในญัตติ “ผูหญิงกับผูชายใครตัวโตกวากัน” โดยครูกําหนด ใหแตกลุมมีเวลาในการโตวาทีกลุมละไมเกิน 5 นาที หลังจากการโตวาทีเสร็จสิ้น ครูสรุปและ ชวยอธิบายเพิ่มเติม พรอมกับตั้งคําถามเพื่อใหได ขอสรุปที่ถูกตองรวมกัน • จากการโตวาทีนกั เรียนคิดวา ผูช ายและผูห ญิง ในวัยเดียวกันใครตัวโตกวากัน (แนวตอบ เมื่อเขาสูวัยรุนในชวงอายุ 10-14 ป ผูหญิงจะมีรูปรางที่โตกวาผูชาย แตพออายุได ประมาณ 14 ป ผูชายจะเริ่มมีรูปรางที่โตกวา ผูหญิง) • วัยรุนชายและวัยรุนหญิงมีการเปลี่ยนแปลง ทางรางกายที่แตกตางกันอยางไร (แนวตอบ วัยรุนชายและวัยรุนหญิงจะมี การเปลี่ยนแปลงทางรางกายที่แตกตางกัน อยางชัดเจน เชน วัยรุนชายจะมีนํ้าเสียงที่ แหบหาว มีหนวดเคราขึ้นบริเวณใบหนา มีขนขึ้นที่หนาแขง ชวงไหลกวาง ผิวหนัง หยาบกราน สวนวัยรุนหญิง จะมีนํ้าเสียงทุม นุมนวล มีหนาอกขยายใหญขึ้น สะโพกผาย เอวคอด ผิวหนังนุมละเอียดออน เปนตน)
แต่ก็จะมีการสะสมของไขมันใต้ผิวหนังเพิ่มขึ้นต่อไปอีก ซึ่งน�้าหนักอาจเพิ่มได้ถึงร้อยละ ๒๕ ของน�้าหนักตัว โดยเฉพาะไขมันจะไปสะสมที่เต้านมและสะโพก ทั้งนี้วัยรุ่นหญิงจ�านวนมาก 1 มักจะรู้สึกไม่พอใจในรูปลักษณ์ของตนและมักคิดว่าตัวเอง “อวน” น” เกินไป วัยรุ่นหญิงหลายคน จึงพยายามไปลดน�้าหนัก จนถึงขั้นมีรูปร่าง ผอมแห้ง ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต โดย ภาพรวมอาจสรุปได้วา่ วัยรุน่ ชายจะมีความแน่น ของร่างกายในส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อมากกว่า ในวัยรุ่นหญิงในวัยเดียวกัน และเป็นสาเหตุที่ ท�าให้วัยรุ่นชายมีพละก�าลังเหนือกว่า
๔) ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ข อ ง โครงสร้างใบหน้า ช่วงวัยรุ่นนี้ กระดูกของ
จมูกจะโตขึ้น ท�าให้ดั้งจมูกเป็นสันขึ้น กระดูก ขากรรไกรบนและขากรรไกรล่างเติบโตเร็วมาก วัยรุ่นหญิงมีผิวพรรณเปล่งปลั่ง สะโพกผาย และหน้าอก ในระยะนี้ เช่นเดียวกับกล่องเสียงและล�าคอ ขยายใหญ่ เนื่องจากมีการสะสมของไขมันที่ใต้ผิวหนัง ซึ่งวัยรุ่นชายกล่องเสียงจะเจริญเติบโตเร็วกว่า วัยรุ่นหญิงอย่างชัดเจน เป็นเหตุให้วัยรุ่นชายมีเสียงแตกห้าว เกร็ดน่ารู้ เคล็ดลับเพิ่มความสูง ปัจจุบันรูปร่างสูงสง่าได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่วัยรุ่นทั้งชายและหญิง เพราะความสูงช่วยให้ดูดี สมาทร์ หล่อ หรือสวย เคล็ดลับง่ายๆ ต่อไปนี้จะช่วยเพิ่มความสูงให้วัยรุ่นได้ ๑. รับประทานอาหารให้ครบ ๕ หมู่เป็นประจำา โดยเน้นอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม กุ้งแห้ง ปลาเล็ก ปลาน้อยที่รับประทานได้ทั้งตัว เป็นต้น ๒. ออกกำาลังกายอย่างสม่ำาเสมอ เพราะจะไปช่วยกระตุ้นให้ต่อมใต้สมองหลั่งโกรทฮอร์โมนออกมา ซึ่งเป็น ฮอร์โมนทีท่ าำ ให้สงู และควรออกไปรับแสงแดดอ่อนๆ ช่วงเช้าและเย็น เพราะจะทำาให้มกี ารสร้างวิตามินดีในร่างกาย ซึ่งจะช่วยในการดูดซึมแคลเซียม ๓. นอนหลับพักผ่อนให้สนิทและเพียงพอวันละ ๘ ชั่วโมง เพราะโกรทฮอร์โมนจะหลั่งออกมาเต็มที่ขณะ หลับสนิท ๔. หมัน่ ดูแลสุขภาพไม่ให้เจ็บปวยและอย่าเคร่งเครียด เพราะการเจ็บปวยและความเครียดจะทำาให้รา่ งกาย ทำางานผิดปกติและทำาให้การเจริญเติบโตหยุดชะงัก ๕. หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัด อาหารฟาสต์ฟู้ด ขนมกรุบกรอบ และน้ำาอัดลม
๔
EB GUIDE
เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายเพิ่มเติมถึงความสําคัญของอาหารหลัก 5 หมู วามีผลตอ การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการทางดานตางๆ ของวัยรุน โดยนักเรียนควร รับประทานอาหารใหครบทั้ง 5 หมู แตละหมูใหหลากหลายเพื่อการมีสุขภาพที่ดี และการเจริญเติบโตที่สมวัย จากนั้นครูอาจใหนักเรียนเลนเกมจับคูพีระมิดอาหาร 5 หมู ซึ่งครูสามารถคนหาสื่อการสอนเพิ่มเติมไดที่ http://nutrition.anamai. moph.go.th เว็บไซตสํานักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
นักเรียนควรรู 1 อวน คือ สภาวะที่มีปริมาณไขมันในรางกายมากกวาเกณฑปกติ ซึ่ง ตามหลักสากลกําหนดใหผูชายไมควรมีปริมาณไขมันในรางกายเกินกวารอยละ 12-15 ของนํ้าหนักตัว สวนผูหญิงไมควรเกินกวารอยละ 18-20 ของนํ้าหนักตัว
4
คูมือครู
http://www.aksorn.com/LC/He/M2/01
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
เด็กผูชายและเด็กผูหญิงจะเขาสูวัยรุนเร็วหรือชาตางกันหรือไม 1. ไมตางกัน 2. ไมแนนอน 3. ชายเร็วกวา 4. หญิงเร็วกวา วิเคราะหคําตอบ เด็กผูชายและเด็กผูหญิงจะเขาสูวัยรุนเร็วชาตางกัน เนื่องจากเด็กผูหญิงจะเขาสูการเปลี่ยนแปลงทางรางกายกอนเด็กผูชาย ประมาณ 2 ป ซึ่งจะสังเกตเห็นไดจากในชั้นประถมศึกษาตอนปลาย หรือ ชั้นมัธยมศึกษาตอนตนวาเด็กผูหญิงจะมีรางกายที่สูงใหญ เปนสาวนอย แรกรุน ในขณะที่เด็กผูชายยังดูเปนเด็กชายตัวเล็กๆ ตอบขอ 4.
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
Explain
ครูสุมนักเรียน 2-3 คน ออกมาสรุป สาระสําคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางดาน รางกาย จากนั้นใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบวัด และบันทึกผลการเรียนรู กิจกรรมที่ 1.1
๕) การเปลี่ยนแปลงของระดั บฮอร์โมน ในวัยรุ่นพบว่ามีการเพิ่มขึ้นของระดับ 1
ฮอร์โมนต่างๆ เช่น โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ รวมทัง้ ฮอร์โมน ทางเพศ โดยเฉพาะฮอร์โมนจะไปกระตุ้นต่อมไขมันใต้ผิวหนังและต่อมเหงื่อให้ท�างานเพิ่มมาก ขึ้น อันเป็นสาเหตุส�าคัญอย่างหนึ่งที่ท�าให้เกิดปัญหาเรื่อง “สิว” และ “กลิ่นตัว” ของวัยรุ่นตามมา นอกจากระดับฮอร์โมนจะมีผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและอวัยวะเพศในวัยรุ่นแล้ว ยังส่งผลถึงอารมณ์ความรู้สึกทางจิตใจด้วย ๖) การเปลี่ยนแปลงของอวัยวะเพศ เมื่อเด็กเข้าสู่วัยรุ่น อวัยวะเพศของชายและ หญิงจะเริ่มผลิตเซลล์สืบพันธุ์ โดยอวัยวะเพศชายจะผลิตตัวอสุจิและอวัยวะเพศหญิงจะผลิตไข่ วัยรุ่นหญิงจะมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงระยะ ๑ ปี ก่อนที่จะมีประจ�าเดือน เต้านม เริ่มขยายขนาดขึ้นเมื่ออายุประมาณ ๘ - ๑๓ ปี และใช้เวลา ๒ ปี - ๒ ปีครึ่ง จึงจะเจริญเติบโต เต็มที่ ในช่วงอายุ ๑๑ - ๑๓ ปี วัยรุ่นหญิงส่วนใหญ่จะมีรูปร่างเป็นสาวเต็มตัว ดังนั้น ในชั้นประถม ศึกษาตอนปลายหรือมัธยมศึกษาตอนต้น จะเห็นว่าวัยรุน่ หญิงมีรปู ร่างสูงใหญ่เป็นสาวน้อยแรกรุน่ ในขณะที่พวกวัยรุ่นชายยังเป็นเด็กชายตัวน้อยๆ ซึ่งอาจท�าให้เด็กบางคนสับสนและเป็นกังวลกับ สภาพร่างกายของตนเอง ส�าหรับหญิงวัยแรกรุน่ นัน้ รอบเดือนครัง้ แรกส่วนใหญ่จะมีเมือ่ อายุประมาณ ๑๒ - ๑๓ ปี 2 อันบ่งบอกว่า มดลูกและช่องคลอดได้เจริญเติบโตแล้ว และจะเติบโตเต็มที่เมื่อประมาณอายุ ๑๕ - ๑๗ ปี การมีรอบเดือนครั้งแรกอาจท�าให้วัยรุ่นหญิงบางคนรู้สึกพอใจหรือภูมิใจที่เป็นผู้หญิง เต็มตัว แต่บางคนอาจจะรู้สึกในทางลบ หวั่นไหว หวาดหวั่น หรือตกใจได้เช่นกัน ทั้งนี้รอบเดือน ในช่วงปีแรกอาจมาไม่สม�่าเสมอหรือขาดหายเป็นช่วงๆ ได้ ส�าหรับชายวัยแรกรุ่นนั้น รูปร่าง ภายนอกมีการเจริญเติบโตเปลี่ยนแปลงช้ากว่า เด็กผู้หญิงประมาณ ๒ ปี เมื่อเข้าสู่ช่วงอายุ ๑๐ - ๑๓ ปี อัณฑะจะเริ่มมีการเจริญเติบโต แต่ก็ยังไม่เต็มที่ จนเมื่อมีการเติบโตเข้าสู่วัยรุ่น ตอนกลาง ในช่วงวัย ๑๔ - ๑๖ ปี อัณฑะจึงจะ เจริญเติบโตและท�าหน้าทีไ่ ด้อย่างสมบู3รณ์ วัยรุน่ ชายนับจากช่วงนีไ้ ปจึงมีภาวะฝันเปียกบ่อยๆ ได้ ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย อายุ ๑๗ ๑๙ ปี ร่างกายวัยรุ่นชายจะมีการเปลี่ยนแปลง ช่วงวัยรุ่น ทั้งเพศชายและเพศหญิงจะมีการเปลี่ยนแปลง อย่างเต็มที ่ อารมณ์ทางเพศอาจขึน้ สูงและรุนแรง ด้านร่างกายอย่างรวดเร็ว
✓ แบบวัดฯ ใบงาน แบบฝกฯ สุขศึกษา ม.2 กิจกรรมที่ 1.1 หนวยที่ 1 การเจร�ญเติบโตและการพัฒนา ของวัยรนุ กิจกรรมตามตัวชี้วัด
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
ñõ
กิจกรรมที่ ๑.๑ ใหนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมตามคําแนะนํา (พ ๑.๑ ม.๒/๑) ๑. ใหนักเรียนบอกลักษณะการเปลี่ยนแปลงทางดานรางกายชวงเขาสูวัยรุนชายและวัยรุนหญิง
วัยรุนชาย
ฉบับ มีขนบริเวณหัวหนาว รักแร เฉลย ๑. ………………………………………………………………………………. มีหนวด เครา ๒. ………………………………………………………………………………. ชวงไหลกวางขึ้น ๓. ………………………………………………………………………………. เสียงหาว แตกพรา ๔. ………………………………………………………………………………. ผิวหนังหยาบขึ้น ๕. ………………………………………………………………………………. มีกลิ่นตัวแรง ๖. ……………………………………………………………………………….
วัยรุนหญิง มีขนบริเวณหัวหนาว รักแร ๑. ………………………………………………………………………………. มีการเจริญเติบโตของเตานม ๒. ………………………………………………………………………………. สะโพกผาย เอวคอด ๓. ………………………………………………………………………………. เสียงทุม นุมนวล ๔. ………………………………………………………………………………. ผิวหนังนุม ละเอียดออน ๕. ………………………………………………………………………………. มีกลิ่นตัว ๖. ……………………………………………………………………………….
๒. สิง่ ใดสามารถบงบอกถึงความแตกตางระหวางความเปนวัยรุน ชายและวัยรุน หญิงไดชดั เจนทีส่ ดุ มีพัฒนาการและการเจริญเติบโตของระบบสืบพันธุ โดยในวัยรุนชายจะเริ่มมีการสรางอสุจิ ขณะที่ วัยรุนหญิงจะเริ่มมีประจําเดือน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
๓. การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุน สงผลใหเกิดการเปลี่ยนแปลงทางดานจิตใจและ อารมณอยางไร วัยรุนมีอารมณที่เปลี่ยนแปลงไดงาย ซึ่งอาจมีสาเหตุจากความวิตกกังวลในหลายๆ ดาน ทั้งการ เปลีย่ นแปลงของรางกาย อารมณทางเพศ รักอิสระ และอยากรูอ ยากเห็นในสิง่ ใหม ทําใหรสู กึ สับสน ออนไหว หงุดหงิด ไมมั่นคง และมักมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณอยางรวดเร็ว ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๒
5
กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนสํารวจการเปลี่ยนแปลงทางดานรางกายของตนเอง แลวให เปรียบเทียบกับวัยเด็กวาแตกตางกันอยางไร
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนวิเคราะหถึงผลดีและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางดาน รางกายของตนเอง
นักเรียนควรรู 1 โกรทฮอรโมน เปนฮอรโมนที่ผลิตจากตอมใตสมอง ทําหนาที่ควบคุม การเจริญเติบโตของรางกายใหเปนไปอยางปกติ หากมีการผลิตฮอรโมนนี้ มากเกินไป รางกายจะสูงใหญ หัวใจโต ความดันโลหิตสูง แตถาผลิตนอยเกินไป รางกายจะเตี้ยแคระ การเจริญเติบโตของอวัยวะตางๆ หยุดชะงัก 2 มดลูก เปนอวัยวะที่เปนรูปกลวง ประกอบดวยกลามเนื้อซึ่งมีลักษณะคลาย ผลชมพู มีผนังหนาประมาณ 2 เซนติเมตร และยาวประมาณ 7 เซนติเมตร ตั้งอยู ในชองเชิงกรานระหวางกระเพาะปสสาวะและทวารหนัก ตัวมดลูกอยูดานบน สวนปากมดลูกจะอยูดานลางติดกับชองคลอด 3 ภาวะฝนเปยก คือ ภาวะที่วัยรุนชายมีการหลั่งนํ้าอสุจิออกมาในขณะหลับ
คูมือครู
5
กระตุน ความสนใจ กระตุEngage นความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุน ความสนใจ
Engage
ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียน โดยใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นไดอยางอิสระ • นักเรียนเคยสังเกตอารมณของตนเองบาง หรือไม ถาเคย นักเรียนคิดวา ตนเองมี อารมณที่แสดงออกในแตละวันเปนอยางไร (แนวตอบ ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน) • ทําไมผูชายถึงอารมณรอน ผูหญิงถึงแสนงอน (แนวตอบ เพราะวัยรุนมักมีอารมณแปรปรวน งาย ซึ่งเปนผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทาง รางกายที่เกิดขึ้นอยางรวดเร็ว ทําใหวัยรุน เกิดความกังวลและปรับตัวตอการเปลีย่ นแปลง ที่เกิดขึ้นไมได) • นักเรียนเคยสงสัยหรือไมวาทําไมวัยรุน โดยทั่วไปจึงตองพยายามสรางความโดดเดน ใหตนเอง (แนวตอบ ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน โดยอาจตอบวา เพื่อตองการใหเปนที่ยอมรับ ของเพื่อน และใหดูนาสนใจในสายตาของ เพศตรงขาม)
อวัยวะเพศตื่นตัวได้ง่าย แม้ว่าไม่มีสิ่งปลุกเร้า และอาจจะเกิดในบางสถานการณ์ที่ไม่สมควร จน ท�าให้วัยรุ่นชายบางคนอาจเกิดความรู้สึกละอายใจที่ควบคุมร่างกายตนเองไม่ได้ ส่งผลให้ขาด ความมั่นใจในตนเองตามมา ส่วนวัยรุ่นชายบางรายที่มีความคิดหมกมุ่นเกี่ยวกับเรื่องทางเพศ อาจแสดงพฤติกรรมทางเพศที่เบี่ยงเบนไปจากปกติจนก่อให้เกิดปัญหาได้ โดยสรุปแล้ว ลักษณะทางเพศที่แบ่งแยกความเป็นชายหนุ่มและความเป็นหญิงสาว ที่เพิ่งเริ่มเจริญเติบโตเต็มที่ในวัยแรกรุ่นจนถึงวัยรุ่นตอนปลายนั้น จะมีลักษณะเด่นที่แตกต่างกัน ในแต่ละเพศ ดังนี้ เพศหญิง ■ ■ ■ ■ ■
มีขนบริเวณหัวหน่าว รักแร้ มีการเจริญเติบโตของเต้านม สะโพกผาย เอวคอด เสียงทุ้ม นุ่มนวล ผิวหนังเรียบ ละเอียดอ่อน
เพศชาย ■ ■ ■ ■ ■
มีขนบริเวณหัวหน่าว รักแร้ มีหนวด เครา ไหล่กว้างขึ้น 1 เสียงห้าวว แตกพร่ แตกพร่า ผิวหนังหยาบขึ้น
๑.๒ การเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจและอารมณ์ วัยรุ่นมักมีจิตใจและอารมณ์เปลี่ยนไปจากวัยเด็กมาก มีความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับเรื่องเพศ ของตนหรือเพศตรงข้ามมากขึ้น ชอบความเป็นอิสระ มีความภาคภูมิใจในความเป็นชายและ เป็นหญิงของตนเอง ส่วนวัยรุ่นบางคนที่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายรวดเร็วกว่าคนอื่น เช่น สูงมาก ตัวใหญ่ อ้วน มีหน้าอกโต อาจท�าให้เกิดความวิตกกังวลหรือคิดว่าเป็นปมด้อยไม่เหมือนเพื่อน อาจท�าให้ความเชือ่ มัน่ ในตนเองลดลงไป ซึง่ การเปลีย่ นแปลงและการเจริญเติบโตทางด้านร่างกาย ของวัยรุ่นทั้งภายในและภายนอกนี้เอง จะมีอิทธิพลอย่างมากต่ออารมณ์และจิตใจของวัยรุ่น เด็กในวัยนี้จึงมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย สับสน อ่อนไหว ไม่มั่นคง อารมณ์ที่เกิดขึ้นมักจะ เปลีย่ นแปลงไปอย่างรวดเร็วรุนแรง เข้าใจได้ยาก จนมีการเปรียบเทียบว่าอารมณ์ของวัยรุน่ เหมือน พายุบุแคม (Storm and Stress) รวมทั้งมีความวิตกกังวล หงุดหงิด หมกมุ่นในเรื่องต่างๆ ที่ เกี่ยวกับตนเอง โดยจะมีความวิตกกังวลในการเปลี่ยนแปลงและต้องการเรียกร้องความสนใจ หลายอย่าง พอสรุปได้ ดังนี้ ๑) วิตกกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เด็กผู้ชายที่เข้าสู่วัยรุ่นช้า จะมีความวิตกกังวลมากเกี่ยวกับความแข็งแรงของร่างกาย จนอาจจะไม่มั่นใจในความเป็นชาย รู้สึกว่าตัวเองไม่สมบูรณ์ เกรงการถูกล้อเลียนหรือการกลั่นแกล้งจากเพื่อนๆ ที่มีรูปร่างใหญ่โตกว่า 6
นักเรียนควรรู 1 เสียงหาว แตกพรา หรือที่เรียกกันวา “เสียงแตกหนุม” เกิดจากโครงสราง ของกลองเสียง เมื่อยังเด็กจะมีสายเสียงสั้น ทําใหเสียงมีความถี่สูง แตเมื่อยางเขาสู วัยรุน กลองเสียงจะขยายใหญขึ้น สายเสียงจะยาว หนา และกวางขึ้น เสียงที่ เปลงออกมาจึงมีความถี่ตํ่าลง ซึ่งจะเกิดกับวัยรุนชายเปนหลัก
มุม IT สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับธรรมชาติจิตใจของวัยรุน….แตกตางจากวัยเด็ก ไดจาก http://www.bs.ac.th/2548/e_bs/G5/Nook/content1.html
6
คูมือครู
ขอสอบ
O-NET
ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางดานจิตใจและอารมณ ชวงวัยใดของมนุษยที่มีอารมณเปลี่ยนแปลงมากที่สุด 1. วัยเด็กกอนเขาเรียน 2. วัยเด็กเขาเรียน 3. วัยทารก 4. วัยรุน วิเคราะหคําตอบ วัยรุนเปนวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอรโมนและ รางกายเพื่อเขาสูการเปนผูใหญ เปนวัยที่อารมณแปรปรวนงาย ไมมั่นคง นําไปสูการเปลี่ยนแปลงทางอารมณมากที่สุด ตอบขอ 4.
กระตุนความสนใจ Engage
สํารวจคนหา สํารวจค Exploreนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
สํารวจคนหา
Explore
จากที่ไดใหนักเรียนทําการสํารวจคนหา เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางดานตางๆ ใน ประเด็น • การเปลี่ยนแปลงทางดานรางกาย • การเปลี่ยนแปลงทางดานจิตใจและอารมณ • การเปลี่ยนแปลงทางดานสังคม • การเปลี่ยนแปลงทางดานสติปญญา จากหนังสือเรียนและแหลงเรียนรูเ พิม่ เติมตางๆ ไปเบื้องตนแลว ใหนักเรียนแบงกลุม (ชาย-หญิงรวมกัน) รวมกันวิเคราะหขอมูลถึงการเปลี่ยนแปลงทางดาน รางกาย จิตใจ อารมณ สังคม และสติปญญาของ วัยรุน วาในแตละดานมีการเปลี่ยนแปลงที่สัมพันธ กันอยางไร
ความภาคภูมิใจในตนเองอาจมีน้อยลงและรู้สึกว่าตัวเองมีปมด้อย ซึ่งความรู้สึกดังกล่าวอาจฝังใจ ไปได้อีกนาน ส่วนวัยรุ่นหญิงที่โตเร็วกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน มักจะรู้สึกอึดอัด เคอะเขิน ประหม่า อายต่ อ สายตาและค� า พู ด ของเพศตรงข้ า ม เพราะร่างกายเริ่มโตเป็นสาวในขณะที่สภาพ อารมณ์จิตใจยังเป็นเด็ก
๒) วิตกกังวลกับอารมณ์ทางเพศ
ทีส่ งู ขึน้ การเปลีย่ นแปลงของระดับฮอร์โมนเพศ
ส่งผลท�าให้วัยรุ่นเกิดอารมณ์ทางเพศขึ้นมา ได้บ่อย วัยรุ่นบางคนมีความเครียดเพราะรู้สึก ว่าเป็นสิง่ ไม่ด ี ส�าหรับพฤติกรรมในช่วงนี ้ เมือ่ มี ความสนใจอยากรูอ้ ยากเห็นเป็นทุนเดิมบวกกับ การใช้เวลาว่างไปทำากิจกรรมที่ตนชื่นชอบ จะช่วยให้ คลายความเครียดและความหมกมุ่นเกี่ยวกับการ การมีระดับฮอร์โมนเพศที่สูง วัยรุ่นจึงเรียนรู้ที่ วัเปลียรุ่ย่นนแปลงทางด้ านร่างกายของตนเอง จะหัดส�าเร็จความใคร่ด้วยตนเอง บางคนก็ 1 อยากเรียนรูเ้ กีย่ วกับการมีความสัมพันธ์ทางเพศ และมั และมักปรึกษาขอค�าแนะน�าจากเพือ่ นวัยเดียวกัน หรือดูสื่อที่ไม่เหมาะสม หลายคนก็หมกหมุ่นในเรื่องเพศมากจนมีผลกระทบต่อการเรียนและการ ด�าเนินชีวิตปกติ แต่วัยรุ่นที่มีความเข้าใจธรรมชาติว่าเป็นช่วงวัยหนึ่งของชีวิตหรือได้รับค�าแนะน�า ที่ถูกต้อง ก็จะใช้พลังงานของตนไปท�ากิจกรรมอื่นที่เป็นคุณประโยชน์ เช่น เล่นดนตรี เล่นกีฬา ท�ากิจกรรมอาสา ท�ากิจกรรมนันทนาการ เป็นต้น ความสนใจก็จะเบี่ยงเบนไม่หมกมุ่นเรื่องเพศ ๓) วิตกกังวลกลัวการเป็นผู้ใหญ่ วัยรุ่นเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงร่างกายของตน บางคนก็จะเกิดความวิตกกังวลมาก กลัวว่าจะพ้นวัยเด็ก ไม่รู้ว่าจะวางตัวให้ถูกอย่างไร กลัวจะ ไม่เป็นที่ยอมรับจากคนรอบข้าง กลัวจะต้องรับผิดชอบอะไรๆ หลายอย่างทั้งที่ตัวเองยังไม่พร้อม รู้สึกว่าเป็นภาระที่หนักหนา ยุ่งยาก บางครั้งจึงอยากจะเป็นเด็ก อยากแสดงอารมณ์สนุกสนาน ร่าเริง เบิกบาน ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมาก ๔) วิตกกังวลในความงดงามของร่างกาย ไม่ว่าวัยรุ่นหญิงหรือชายก็จะมีความ รู้สึกต้องการให้คนรอบข้างชื่นชมเกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกของตน และมีความส�านึกว่า ความสวยงามทางกายเป็นแรงจูงใจส�าคัญ ท�าให้ผอู้ นื่ เห็นคุณค่า ท�าให้เพือ่ นยอมรับเข้ากลุม่ ได้งา่ ย เป็นวิถีทางหนึ่งที่จะเข้าสู่สังคมและดึงดูดใจเพศตรงข้าม จะเห็นว่าเด็กในช่วงวัยนี้จะสนอกสนใจ พิถีพิถันในการเลือกเสื้อผ้า การหวีผม เอาใจใส่ต่อการออกก�าลังกาย สนใจคุณค่าทางอาหาร 2 เครือ่ งประดับ สุสุขภาพอนามัย การวางตัวในสังคม แต่ความสนใจในแต่ละเรือ่ งอาจมีระยะเวลาไม่นาน 7
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
เพราะเหตุใดวัยรุนจึงมักถูกเรียกวาเปนวัยพายุบุแคม
แนวตอบ เนื่องจากวัยรุนเปนวัยที่มีอารมณเปลี่ยนแปลงงาย สับสน ออนไหว เขาใจยาก บางคนแสดงออกทางอารมณอยางรุนแรงดุจดังพายุ จนมีการเปรียบเทียบวาอารมณของวัยรุนเหมือนพายุบุแคม
นักเรียนควรรู 1 ปรึกษาขอคําแนะนํา เมื่อวัยรุนเกิดความเครียด หรือวิตกกังวลในเรื่องตางๆ สามารถปรึกษาขอคําแนะนําไดที่ “สายดวนวัยรุน” 1417 ซึ่งเปดใหบริการตั้งแต วันจันทร-วันเสาร เวลา 12.00-24.00 น. โดยไมเสียคาบริการใดๆ ทั้งสิ้น 2 สุขภาพอนามัย วัยรุนจําเปนตองรักษาสุขภาพอนามัยของตนเองอยูเสมอ เนื่องจากเปนวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอยางรวดเร็ว การรักษาสุขภาพอนามัยที่ดี จะทําใหสามารถดํารงชีวิตประจําวันไดอยางมีความสุข ไมเจ็บปวย หรือเกิด ความผิดปกติใดๆ ตอรางกาย
คูมือครู
7
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ใหแตละกลุมสงตัวแทนออกมาอธิบายถึง ความสัมพันธของการเปลี่ยนแปลงในแตละดาน ของวัยรุน กลุมละประมาณ 2 นาที โดยครูชวย อธิบายเพิ่มเติมและตั้งคําถามเพื่อใหไดขอสรุป ที่ถูกตองรวมกัน • การเปลี่ยนแปลงในแตละดานของวัยรุน มีความสัมพันธกันอยางไร (แนวตอบ การเปลี่ยนแปลงทางดานรางกาย ของวัยรุน อาจทําใหวัยรุนเกิดความกังวล ขึ้นได เนื่องจากวัยรุนบางคนมีการ เปลี่ยนแปลงทางรางกายที่แตกตางจากเพื่อน ทําใหรูสึกวาตนเองมีปมดอย ขาดความมั่นใจ ในตนเอง จนบางครั้งไมอยากที่จะเขาสังคม กับคนอื่นๆ ดวยเหตุนี้จึงไดสงผลไปถึงความ แปรปรวนทางดานอารมณและจิตใจตามมา ประกอบกับตองการใหเปนที่ยอมรับในกลุม เพื่อน และโดดเดนในสายตาของคนรอบขาง จึงสงผลกระทบไปถึงการเปลี่ยนแปลงทาง สังคมและสติปญญารวมดวย)
เสริมสาระ กลิ่นตัวเปนเรื่องธรรมชาติ กลิ่นตัว (Body Odor) เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่พบได้บ่อยในวัยรุ่นทุกคน เกิดจากต่อมเหงื่อน้ำาข้น (Aprocrine) ซึ่งจะมีเฉพาะบางบริเวณของร่างกาย เช่น ศีรษะ รักแร้ ที่ลับ กลิ่นตัวคนเราจะแรงขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น เนื่องจากอิทธิพล ของฮอร์โมนเพศไปกระตุ้นให้ต่อมเหงื่อน้ำาข้นเริ่มทำางาน โปรตีนกับไขมันรวมทั้งเหงื่อจะถูกขับออกมาตามรูขุมขน เกิดความชื้นบนผิวหนัง ส่งผลให้เกิดการเปอยยุ่ยและลอกออกของผิวหนังกำาพร้า จากนั้นเชื้อแบคทีเรียก็จะไปย่อย สลายเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วพร้อมกับขับกรดออกมาทำาให้เกิดกลิ่นเหม็นขึ้น ซึ่งปกติแล้วเจ้าของกลิ่นตัวมักจะไม่รู้สึกตัว ทั้งนี้เพราะจมูกซึ่งได้กลิ่นอยู่เสมอๆ จะชินกับกลิ่นกายของตัวเอง นอกจากกลิ่ น ตั ว จะมี ส าเหตุ จ ากปั จ จั ย ทาง ธรรมชาติของร่างกายแล้ว ยังมีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่นด้วย เช่น สภาพอากาศในฤดูร้อน เชื้อจุลินทรีย์บนผิวหนังจะเพิ่ม จำานวนได้อย่างรวดเร็ว เสื้อผ้าที่หนาหรือผ้าใยสังเคราะห์ จะทำาให้เหงื่อระบายออกได้ช้า ผิวหนังจึงมีความอับชื้นสูง อารมณ์ เ ครี ย ด โกรธ ตกใจ จะไปกระตุ้ น ให้ ต่ อ มเหงื่ อ หลั่ ง เหงื่ อ ออกมามากขึ้ น นอกจากนี้ อาหารบางชนิ ด เช่ น ไขมั น จากสั ต ว์ เนื้ อ สั ต ว์ สะตอ กระเที ย ม หอม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ ตลอดจนยาบางชนิด ก็ อ าจเป็ น สาเหตุ ข องการเกิ ด กลิ่ น ตั ว ได้ เช่ น1กั น อาทิ การใช้ยารักษาสิวที่มีสารเบนโซอิล เปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ผสมอยู่ เป็นต้น การดูแลรักษาความสะอาดของร่างกายอย่างสม่ำาเสมอ การแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นตัวของวัยรุ่น อาจปฏิบัติ จะช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่นตัวลงได้ ตามแนวทาง ดังนี้ อาบน้ำาทำาความสะอาดร่างกายบ่อยครั้ง โดยอาบให้ทั่วถึงทุกซอกทุกมุมของร่างกายโดยเฉพาะบริเวณ ที่อับชื้นหรือข้อพับต่างๆ นอกจากนี้ อาจใช้น้ำามันที่สกัดจากสะระแหน่ หยดลงในอ่างอาบน้ำา ๒ - ๓ หยด แล้วแช่ ก็จะช่วยระงับกลิ่นตัวได้2 เนื่องจากสะระแหน่มีคุณสมบัติช่วยดับกลิ่นตามธรรมชาติ ใช้ลูกกลิ้งที่มีสารยับยั้งการหลั่งเหงื่อทาบริเวณรักแร้หลังอาบน้ำา หรือจะใช้สมุนไพรช่วยก็ได้ เช่น พิมเสน ใบพลู ใบฝรั่ง เป็นต้น ขยี้หรือโขลกให้ละเอียด แล้วทารักแร้ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือยาที่ทำาให้เกิดกลิ่นตัว รวมทั้งพยายามอย่าให้ท้องผูก ในกรณีที่อาบน้ำาแล้วยังมีกลิ่นตัวอีก ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งมักอยู่ ในรูปของสบู่ในการอาบน้ำา หรือใช้สารส้มทาตัว ตลอดจนใช้เครื่องหอม น้ำาหอม โอดิโคโลญ สบู่หรือครีมอาบน้ำาที่ผสม น้ำาหอม ซึ่งกลิ่นหอมจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยกลบกลิ่นตัวลง ทำาให้เราเกิดความมั่นใจมากขึ้น หากแก้ไขหลายวิธีแล้ว คิดว่ายังไม่ได้ผล อาจไปขอคำาแนะนำาหรือปรึกษาแพทย์ผิวหนัง ทั้งนี้ยังไม่มียาที่ รับประทานแล้วสามารถระงับกลิ่นตัวได้ และต้องหมั่นคอยสังเกตว่า ทำาอะไรหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมแบบใดกลิ่นตัว ถึงแรงขึ้นหรือน้อยลง ■
■
■ ■
8
นักเรียนควรรู 1 เบนโซอิล เปอรออกไซด เปนยาที่ชวยละลายเซลลที่อุดตันตอมไขมัน และ ชวยฆาเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium Acnes (P. Anes) ซึ่งเปนสาเหตุของ การเกิดสิว ยานี้อาจทําใหผิวแหงและระคายเคืองได จึงควรเริ่มตนใชที่ระดับ ความเขมขนตํ่ากอน โดยทาวันละ 2 ครั้ง เชาและกอนนอน นาน 5-7 วัน ถาไมมี อาการแพยา ก็สามารถเพิ่มระดับความเขมขนของตัวยาได 2 ลูกกลิ้ง นักวิทยาศาสตรทางการแพทยไดทําการวิจัยพบวา การใชลูกกลิ้ง ระงับกลิ่นกายติดตอกันเปนระยะเวลานาน บางชนิดอาจทําใหเกิดสารตกคาง ใตวงแขนซึ่งเปนสาเหตุที่กอใหเกิดโรคมะเร็งได
8
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ปญหาของการเกิดสิวและกลิ่นตัว มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงในขอใด 1. การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอรโมน 2. การเปลี่ยนแปลงของโครงสรางใบหนา 3. การเปลี่ยนแปลงของไขมันและกลามเนื้อ 4. การเปลี่ยนแปลงของรางกายและความสูง วิเคราะหคําตอบ การเกิดสิวและกลิ่นตัวมีสาเหตุมาจากการ เปลี่ยนแปลงของระดับฮอรโมน ซึ่งมักเกิดขึ้นในวัยรุน ตอบขอ 1.
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
Explain
ครูขออาสาสมัครนักเรียน 2 คน (ชาย-หญิง) ออกมาสรุปสาระสําคัญถึงความสัมพันธของ การเปลี่ยนแปลงในแตละดานของวัยรุนตาม ความเขาใจและประสบการณของนักเรียนเอง โดยนักเรียนสามารถยกตัวอยางประกอบ การอธิบายได จากนั้นครูเปดโอกาสใหเพื่อน ในหองยกมือแสดงความคิดเห็นไดอยางอิสระ และใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู กิจกรรมที่ 1.2
๕) ต้องการความรักความห่วงใย ช่วงวัยรุ่นนี้เป็นวัยที่มีความรู้สึกอยากที่จะถูกรัก
อยากได้รบั ความเอาใจใส่หว่ งใยจากบุคคลทีม่ คี วามส�าคัญต่อตนเอง ไม่วา่ จะเป็นพ่อแม่ ครูอาจารย์ และเพื่อน แต่มักจะมีข้อแม้ว่า ต้องไม่ใช่การ แสดงออกที่มีความรู้สึกว่าเขายังเป็นเด็ก ไม่ ต้องการให้แสดงความห่วงใยอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ต้องการให้เหินห่าง
๖) ต้องการเป็นอิสระท�าอะไร ด้วยตนเอง เด็กในวัยนี้อยากท�าในสิ่งที่ตัวเอง
คิดแล้วว่าดี อยากมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ อยากที่จะท�าตัวห่างจากพ่อแม่ ห่างจากค�าสั่ง ของครอบครัวทุกรูปแบบ ซึ่งบางครั้งจะท�าให้ วัยรุ่นเกิดความรู้สึกสับสน สองจิตสองใจ คือ อยากได้ความเป็นอิสระแต่กก็ ลัวสูญเสียความรัก ทั้งวัยรุ่นชายและหญิงจะให้ความสำาคัญต่อรูปลักษณ์ ความเอาใจใส่จากพ่อแม่ แต่ถ้าตนยอมรับการ ที่ปรากฏต่อผู้อื่น จึงพิถีพิถันเรื่องเสื้อผ้า ทรงผม และ การแต่งตัวค่อนข้างมาก ดูแลหรือยอมท�าตามค�าสั่งของพ่อแม่ ก็จะไป ขัดกับความต้องการลึกๆ ที่อยากเป็นเด็กโตมีอิสระของตนเอง ต้องการพึ่งพาตนเอง การช่วย ผ่อนคลายความรู้สึกเช่นนี้ จึงขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของครอบครัวที่ต้องให้ความเป็นอิสระ ไม่ไป จุกจิกเสียทุกเรื่อง รวมถึงมีความเข้าใจและเคารพในสิทธิส่วนบุคคลของวัยรุ่น ๗) ต้องการเป็นตัวของตัวเอง วัยรุ่นจะยอมรับในสิ่งที่มาจากตัวของเขาเอง ไม่ต้องการให้ใครมาออกค�าสั่งหรือบังคับ หลายคนจะใช้วิธีดื้อเงียบเมื่อถูกสั่งให้ท�าในสิ่งที่ตัวเอง ไม่ชอบ แต่ขณะเดียวกันก็ยังไม่ค่อยมั่นใจในความคิดหรือการกระท�าของตน ยังต้องการค�าชี้แนะ อยู่บ้าง ดังนั้น ครอบครัวจึงมีส่วนส�าคัญที่จะช่วยท�าให้วัยรุ่นมั่นใจในตัวเอง พ่อแม่ต้องส่งเสริม ให้วัยรุ่นได้รู้จักช่วยเหลือตัวเอง ครอบครัว ให้มากที่สุดเท่าที่จะท�าได้ตามสมควรแก่วัย ๘) ต้องการความถูกต้อง ยุติธรรม เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นตอนกลาง วัยรุ่นจะให้ความ จริงจังอย่างมากกับความถูกต้องยุติธรรมตามทัศนะของตนเอง อยากจะท�าอะไรหลายๆ อย่าง เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม จึงมักจะเห็นวัยรุ่นถกเถียงกันในสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว ๙) ต้องการความตื่นเต้นท้าทาย ความแปลกใหม่ วัยรุ่นบางส่วนโดยเฉพาะ วัยรุ่นชายอาจเรียกร้องความสนใจด้วยการกระท�าที่ฝ่าฝนต่อกฎเกณฑ์ต่างๆ ของทางบ้านและ 1 ระเบียบของสังคม เพราะรู้สึกว่าเป็นความตื่นเต้นและความท้าทาย หรือเข้าใจผิดว่าจะท�าให้ตน
✓ แบบวัดฯ ใบงาน แบบฝกฯ สุขศึกษา ม.2 กิจกรรมที่ 1.2 หนวยที่ 1 การเจร�ญเติบโตและการพัฒนา ของวัยรนุ กิจกรรมที่ ๑.๒ ใหนักเรียนอธิบายถึงลักษณะการเปลี่ยนแปลงของวัยรุน ในดานตางๆ (พ ๑.๑ ม.๒/๑) ดานรางกาย มีขนาดของรางกายและสวนสูงเพิ่มขึ้น ๑. ……………………………………………………………………………….
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
òð
ดานจิตใจและอารมณ มีความรูสึกนึกคิดและวิตกกังวลเกี่ยวกับ ๑. ………………………………………………………………………………. เรื่องเพศของตนและเพศตรงขาม
……………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………….
มีการเปลี่ยนแปลงของกระดูก ๒. ……………………………………………………………………………….
ตองการความตื่นเตนทาทาย ๒. ………………………………………………………………………………. และความแปลกใหม
……………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………….
มีการเปลี่ยนแปลงของไขมันและกลามเนื้อ ๓. ……………………………………………………………………………….
มีความภาคภูมิใจในความเปนชายและหญิง ๓. ………………………………………………………………………………. ของตน
……………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………….
มีการเปลี่ยนแปลงของโครงสรางใบหนา ๔. ……………………………………………………………………………….
มีความวิตกกังวลในความงดงามของรางกาย ๔. ……………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………….
มีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอรโมน ๕. ……………………………………………………………………………….
มีอารมณแปรปรวน หงุดหงิดไดงาย ๕. ……………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………….
มีการเปลี่ยนแปลงของอวัยวะเพศ ๖. ……………………………………………………………………………….
ชอบความเปนอิสระ ๖. ……………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………….
ดานสังคม มีความสนใจเพศตรงขาม ๑. ……………………………………………………………………………….
ดานสติปญญา มีความคิดเปนเหตุเปนผล ไมเชื่ออะไรงายๆ ๑. ……………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………….
รูจ กั การปรับตัวใหเขากับกฎเกณฑกติกาของ ๒. ……………………………………………………………………………….
มีแนวคิดแบบนามธรรมมากขึ้น ๒. ……………………………………………………………………………….
กลุมและสังคม มีการทํางานรวมกับผูอื่น ๓. ………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………….
มีความสามารถในการคิดวิเคราะหและ ๓. ………………………………………………………………………………. สังเคราะหสิ่งตางๆ ไดมากขึ้น
……………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………….
สนใจเพื่อนมากกวาครอบครัว ๔. ……………………………………………………………………………….
รูจักควบคุมตนเอง และเรียนรูที่จะควบคุม ๔. ……………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………….
มีทักษะทางดานสังคม การสื่อสารกับผูอื่น ๕. ……………………………………………………………………………….
รูจักปรับตัวทางความคิด เพื่อใหทาํ งานรวม ๕. ……………………………………………………………………………….
และการแกปญหามากขึ้น
ความคิด
กับผูอื่นได
……………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………….
แสวงหาความเปนเอกลักษณของตนเอง ๖. ……………………………………………………………………………….
รูจ กั ตัดสินใจในเรือ่ งทีย่ ากๆ โดยการคนหา ๖. ……………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………….
เพื่อใหเปนที่ยอมรับ
ฉบับ
เฉลย
ขอมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจ
๓
9
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
นักเรียนมีวิธีการปฏิบัติตนอยางไร เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางดาน อารมณและจิตใจ
แนวตอบ 1. ยอมรับสภาพความเปนจริงของตนเอง โดยรูจักปลอยวาง ในบางเรื่อง 2. พยายามสรางความเชื่อมั่นใหกับตนเอง กลาที่จะเผชิญกับ ปญหา และพรอมที่จะแกปญหาตางๆ 3. รูจักปรับตัวใหสามารถเขากับผูอื่นได 4. ทําจิตใจใหราเริงแจมใสอยูเสมอ 5. มีวุฒิภาวะทางอารมณที่ดี 6. ฝกทําจิตใหสงบมีสมาธิ 7. หลีกเลี่ยงจากสิ่งไมดีทั้งหลายที่มีผลตอจิตใจและอารมณ
เกร็ดแนะครู วัยรุนเปนวัยที่บางครั้งอาจทําความเขาไดยาก ดังนั้นครูอาจใหนักเรียน แตละคนเขียนเรียงความในหัวขอ “อยากใหครอบครัวเขาใจ” เพื่ออธิบายสิ่งที่ ตองการจะสื่อสารวาอยากใหสมาชิกในครอบครัวเขาใจตนเองในเรื่องใดบาง เพื่อละลายพฤติกรรมและสงเสริมใหนักเรียนไดถายทอดมุมมองของตนเองออกมา ซึ่งครูจะไดทําความเขาใจและสามารถเรียนรูถึงลักษณะพฤติกรรมที่แสดงออก ของนักเรียนแตละคนได
นักเรียนควรรู 1 ระเบียบของสังคม หมายถึง กระบวนการทางสังคมที่จัดขึ้นเพื่อควบคุม สมาชิกใหมีความสัมพันธกันภายใตแบบแผนและกฎเกณฑเดียวกัน เพื่อใหเกิด ความเปนระเบียบเรียบรอยในสังคม คูมือครู
9
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ครูตั้งคําถามเพื่อทดสอบความเขาใจของ นักเรียน • ถาวัยรุนไมสามารถปรับตัวและยอมรับตอ การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ และอารมณได จะสงผลอยางไร (แนวตอบ อาจเกิดปญหาสับสนทางใจ ซึ่งสงผลทําใหสุขภาพจิตเสียได) • เพราะเหตุใด วัยรุนไมคอยชอบคลุกคลีกับ ครอบครัวเหมือนในชวงวัยเด็ก (แนวตอบ เนื่องจากตองการความเปนอิสระ โดยจะพยายามปลีกตัวออกหางจากพอแม เพื่อหัดดูแลและรับผิดชอบตนเอง แตจะให ความสําคัญกับเพื่อนรวมวัยคอนขางมาก เริ่มมีความสนใจเพศตรงขาม สนใจสังคม และสิ่งแวดลอมมากขึ้น) • วัยรุนจะมีการเปลี่ยนแปลงทางดาน สติปญญาที่แตกตางไปจากวัยเด็กอยางไร (แนวตอบ เริ่มเรียนรูไดดวยตนเองมากขึ้น มีความคิดที่เปนเหตุเปนผล รูจักตัดสินใจ ในเรื่องยากๆ ไดดีกวาในวัยเด็ก แตยังขาด ความยั้งคิดและการไตรตรองอยางรอบคอบ)
เป็นคนเด่นขึ้นมา ซึ่งการกระท�าในบางสิ่งก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต การดูแลวัยรุ่นในช่วงวัยนี้จึง ต้องเปิดโอกาสให้เด็กได้มีโอกาสท�างานที่ท้าทายความสามารถอยู่ตลอดเวลา ตลอดจนให้เด็กได้ ใช้พลังงานและความคิดสร้างสรรค์ของตนในทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์
๑๐) มีความอยากรู้ อยากเห็น อยากลองสูง เด็กในช่วงวัยนี้จะมีความอยากรู้
อยากเห็น หรืออยากลองสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ การกระท�าหลายอย่างแม้จะทราบว่าเป็นสิง่ ไม่ดี แต่บางครัง้ ก็อยากรูด้ ว้ ยตนเองว่าท�าแล้วจะเป็น อย่างไร มีผลอย่างไร ท�าให้การกระท�าหลายอย่าง มีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวเอง แต่วัยรุ่นบางส่วนก็ใช้ความอยากรู้อยากเห็น ของตนไปสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ท�าให้เกิดผลงาน ขึ้นมา เช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ การท�า วัยรุ่นเป็นวัยที่คึกคะนองและชอบความตื่นเต้นท้าทาย ธุรกิ จขนาดเล็ ก1 เป็ นต้ น ซึ่ง การเลี้ยงดูข อง จึงมักชอบเล่นกีฬาที่อาศัยความเร็วและผาดโผน ครอบครัวที่เปิดโอกาสให้วัยรุ่นได้ทดลองท�า ในสิ่งดีมีประโยชน์และถูกต้อง จะช่วยท�าให้เด็กได้ความรู้ ทักษะประสบการณ์ ซึ่งบางสิ่งก็จะ เป็นประโยชน์ต่อการประกอบอาชีพในภายหน้า
๑.3 การเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม วัยนี้จะเริ่มท�าตัวห่างจากทางบ้าน ไม่ค่อยคลุกคลีกับครอบครัวเหมือนในช่วงวัยเด็ก แต่จะ สนใจเพือ่ นมากกว่า จะใช้เวลากับเพือ่ นนานๆ มีกจิ กรรมนอกบ้านมาก ไม่อยากไปไหนกับทางบ้าน เริ่มมีความสนใจเพศตรงข้าม สนใจสังคมสิ่งแวดล้อม รู้จักปรับตัวเองให้เข้ากับกฎเกณฑ์กติกา ของกลุ่มและสังคมได้ดีขึ้น ส่วนใหญ่จะมีความสามารถทางด้านทักษะสังคม การสื่อสารเจรจา การแก้ปัญหา การประนีประนอม การยืดหยุ่นโอนอ่อน และการท� างานร่วมกับผู้อื่น พัฒนาการ 2 ทางสังคมที่ดีของวัยรุ่นจะเป็นพื้นฐานของมนุษยสัมพันธ์และบุคลิกภาพที่ดี การเรียนรู้สังคม จะช่วยให้วัยรุ่นหาแนวทางการด�าเนินชีวิตที่เหมาะกับตนเองได้ดีขึ้น เด็กในวัยนี้ต้องการการยอมรับว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน ของกลุ่มเพื่อน พื้นฐานการ เลี้ยงดูที่สนับสนุน ให้ก�าลังใจ มีความรักความผูกพันระหว่างพ่อแม่ ผู้ปกครองกับเด็ก ย่อมมีผล ท�าให้วัยรุ่นเกิดความรู้สึกที่ดีต่อสังคมสิ่งแวดล้อมของตน การเปิดโอกาสให้วัยรุ่นได้มีส่วนในการ ตัดสินใจ ลงมือกระท�า หรือการแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ถ้าครอบครัวเปิดใจรับฟัง ๑0
นักเรียนควรรู 1 การทําธุรกิจขนาดเล็ก คือ การทําธุรกิจ SMEs ซึ่งมาจากคําวา Small and Medium Enterprise หรือภาษาไทยใชคําวา วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม โดยประเทศไทยมีกฎหมายที่เกี่ยวของกับ SMEs ไดแก พระราชบัญญัติสงเสริม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม พ.ศ. 2543 2 มนุษยสัมพันธ (Relationship) หลักการสรางมนุษยสัมพันธ มีหลายแนวทาง เชน ยิ้มแยมแจมใสทักทายผูอื่น มีนํ้าใจเอื้อเฟอเผื่อแผ สุภาพ ออนนอมถอมตน มีความจริงใจ ใหความรวมมือในการทําประโยชนเพื่อสวนรวม เปนตน
10
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
เพราะเหตุใด การเปลี่ยนแปลงทางดานอารมณและจิตใจของวัยรุน จึงสงผลใหเกิดความขัดแยงกับพอแมหรือผูปกครอง แนวตอบ เนื่องจากวัยรุนเปนวัยที่มีอารมณแปรปรวน เปลี่ยนแปลงงาย สับสน ออนไหว และเขาใจยาก ไมสามารถที่จะควบคุมอารมณของตนเอง ได ประกอบกับการมีชองวางระหวางวัยของวัยรุนกับพอแมหรือผูปกครอง ซึ่งกอใหเกิดความไมเขาใจกันทางดานความคิดหรือการกระทําตางๆ จึง สงผลใหมักจะมีปญหาความขัดแยงกับบุคคลรอบขาง รวมไปถึงบุคคลใน ครอบครัวดวย
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
Expand าใจ ขยายความเข
Evaluate ตรวจสอบผล
ขยายความเขาใจ
ครูอาจใชเหตุการณสมมุติเกี่ยวกับ การเปลี่ยนแปลงทางดานตางๆ ของวัยรุน แลวถามถึงวิธีการปรับตัวตอการเปลี่ยนแปลงนั้น เชน • ถานักเรียนมีสิวขึ้นที่ใบหนาและมีกลิ่นตัว นักเรียนจะทําอยางไร (แนวตอบ ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน เชน ดูแลรักษาสุขอนามัยของรางกายตนเอง ใหสะอาด ไมบีบสิว ไปพบแพทย หรือหา ผลิตภัณฑรักษาสิวมาใช ใชสารสมทา บริเวณรักแรเพื่อดับกลิ่นตัว เปนตน) • ถานักเรียนมีปญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลง ของรางกายนักเรียนจะปรึกษาใคร (แนวตอบ ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน โดยบางคนอาจตอบวาปรึกษาพอแม หรือ ปรึกษาผูใหญที่ใกลชิด ปรึกษาครู ปรึกษา เพื่อน แตสวนใหญวัยรุนจะเลือกปรึกษา เพื่อน เพราะเพื่อนจะมีอิทธิพลตอวัยรุนมาก และมักจะเขาใจความรูสึกในวัยเดียวกัน ไดดีมากกวา) จากนัน้ ใหนกั เรียนเขียนสรุปถึงการเปลีย่ นแปลง ทางดานตางๆ ของวัยรุนเปนแผนผังความคิด
พยายามท�าความเข้าใจตาม ถ้าเบี่ยงเบนก็ช่วยแก้ไข ถ้าถูกต้องก็ชมเชยและชื่นชม สิ่งเหล่านี้จะ ช่วยให้วัยรุ่นมีความรู้สึกว่าตนเป็นที่ยอมรับจากบุคคลภายในครอบครัว เป็นคนที่มีคุณค่า ย่อมจะ ไม่กระท�าอะไรที่ไม่ดีมีความเสี่ยง จะส่งผลให้ เด็กอยากเป็นที่ยอมรับจากเพื่อน จากครู และ จากคนอื่นๆ ต่อไป ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้วัยรุ่น กระท�าความดีมากขึ้นเรื่อยๆ ส�าหรับเด็กวัยรุ่นที่เข้ารวมกลุ่มกัน ก็จะมี 1 ความจริงใจต่อกลุม่ ยอมรั ยอมรับเอาค่านิยมม ทัศนคติ ความเชื่อ และความสนใจของกลุ่มมาเป็นของ ตนเองอย่างเต็มใจ การรวมกลุ่มจะท�าให้เด็ก มีความรู้สึกอุ่นใจ กล้าแสดงความคิดเห็น หรือ วัยรุ่นจะมีความสามารถด้านทักษะสังคม การได้อยู่ร่วม มีการกระท�าในเชิงต่อต้านในสิ่งที่เขาเห็นว่า และปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ง่าย จะเป็นพื้นฐานที่ดีในการ ดำารงชีวิตต่อไปภายภาคหน้า ไม่ยุติธรรม จากที่กล่าวมาทั้งหมด พอจะสรุปภาพรวมพฤติกรรมทางสังคมของวัยรุ่นได้ ดังนี้ ๑. มีการคบค้าสมาคมกับเพื่อนต่างเพศและเพศเดียวกัน ๒. มีการเที่ยวเตร่ เพื่อหาความรู้ ความบันเทิงใจ โดยพบว่าเด็กในวัยนี้ชอบเที่ยวเตร่ กันเป็นหมู่คณะ มากกว่าการเที่ยวเตร่ตามล�าพัง 2 ๓. การแต่งกายของวัยรุ่น เป็นไปตามสมัยนิยม ม เนื่องจากมีความต้องการที่จะให้ เหมือนกับเพื่อนๆ เพื่อหวังการยอมรับจากกลุ่ม ๔. พยายามแสวงหาเอกลักษณ์ของการเป็นคนเก่ง การเป็นวีรบุรุษ เด็กวัยรุ่นจะ ยอมรั บ และนั บ ถื อ บุ ค คลตามเจตคติ ข องตน และเลียนแบบพฤติกรรมตาม
ตรวจสอบผล
๑.๔ การเปลี่ยนแปลงทางด้าน สติปัญญา วัยนีส้ ติปญั ญาจะพัฒนาสูงขึน้ จนมีความคิด เป็นแบบรูปธรรม (หมายถึงความสามารถเรียนรู้ เข้าใจเหตุการณ์ต่างๆ ได้ลึกซึ้งขึ้น) มีความ สามารถในการคิด วิเคราะห์ และสังเคราะห์ สิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น จนเมื่อพ้นช่วงวัยรุ่นแล้ว
Expand
Evaluate
การเขียนสรุปถึงการเปลีย่ นแปลงทางดานตางๆ ของวัยรุนเปนแผนผังความคิด
วั ย รุ่ น จะรั ก สวยรั ก งาม ชอบทำ า กิ จ กรรมเป็ น หมู่ ค ณะ บางคนก็พยายามทำาตัวเด่นเพื่อดึงดูดความสนใจ
๑๑
กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนเขียนอธิบายการเปลี่ยนแปลงทางดานตางๆ ของวัยรุน โดยนักเรียนสามารถเลือกอธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงดานใดดานหนึ่งก็ได ไมวาจะเปนการเปลี่ยนแปลงทางดานรางกาย จิตใจ อารมณ สังคม หรือสติปญญาลงในสมุดสงครูผูสอน
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนเขียนอธิบายการเปลี่ยนแปลงทางดานตางๆ ของวัยรุน ทั้งทางดานรางกาย จิตใจ อารมณ สังคม และสติปญญา จากนั้นให นักเรียนวิเคราะหวาการเปลี่ยนแปลงดังกลาวมีความสัมพันธกันอยางไร ลงในสมุดสงครูผูสอน
นักเรียนควรรู 1 คานิยม คานิยมเปนสิ่งที่คนในสังคมยอมรับวามีคุณคา การปลูกฝงคานิยม ในสังคมไทยนับเปนสวนหนึ่งของวัฒนธรรม ซึ่งเปนตัวกําหนดพฤติกรรมของบุคคล ในการดําเนินชีวิตระหวางสมาชิกในสังคมใหมีความสอดคลองสัมพันธกัน และชวย เสริมสรางความเปนปกแผนใหแกสังคม เมื่อมีการรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเขามา ทําใหมีผลกระทบตอการดําเนินชีวิต ดังนั้นจึงจําเปนที่จะตองปลูกฝงคานิยมไทย ใหเยาวชนไดรับรูและสืบทอดปฏิบัติตอไป 2 สมัยนิยม เปนสิ่งที่ปฏิบัติหรือกระทําตามกันอยางตอเนื่องในชวงเวลาหนึ่งๆ หรือยุคหนึ่งๆ ซึ่งสวนมากจัดอยูในพฤติกรรมการเลียนแบบ
มุม IT สามารถศึกษาเพิม่ เติมเกีย่ วกับวัยรุน กับการคบเพือ่ น จากบทความ “วัยรุน วุน ๆ กับเพื่อน” ไดจาก http://www.elib-online.com/doctors/mental_friend.html คูมือครู
11
กระตุน ความสนใจ กระตุEngage นความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุน ความสนใจ
Engage
ครูกระตุนความสนใจของนักเรียนโดยการให นักเรียนสํารวจตนเองวามีลักษณะเฉพาะตัว สวนไหนบางที่คลายคลึงกับพอแม และญาติพี่นอง จากนั้นครูขออาสาสมัครนักเรียนออกมา หนาชั้นเรียน 4 คน (ชาย 2 คน หญิง 2 คน) โดยแตละคนใหมีบุคลิกลักษณะที่แตกตางกัน ทั้งทางดานสีผิว ผม หรือแมกระทั่งอุปนิสัยใจคอ แลวถามนักเรียนในหองวาทั้ง 4 คน มีลักษณะที่ แตกตางกันอยางไรบาง โดยครูเชื่อมโยงเพื่อเขาสู เนื้อหา และตั้งคําถามใหนักเรียนแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ • เพราะเหตุใด บุคคลแตละคนจึงมีการ เจริญเติบโตและพัฒนาการที่แตกตางกัน (แนวตอบ ขึ้นอยูกับปจจัยสําคัญตางๆ เชน พันธุกรรม สิ่งแวดลอม การเลี้ยงดู เปนตน ซึ่งมีผลตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการ ที่แตกตางกันของบุคคล ซึ่งนักเรียน จะไดศึกษาในเนื้อหาตอไป)
จะมีความสามารถทางสติปัญญาเหมือนผู้ใหญ่ การเจริญเติบโตในการท�างานของสมอง ท�าให้ 1 เด็กวัยนี้เริ่มมีความคิดอ่านเป็นของตนเอง เริ่มมีความคิดแบบนามธรรม แบบนามธรรม รู้จักควบคุมตนเอง เรียนรู้ที่จะควบคุมความคิด รู้จักยั้งคิด คิดให้เป็นระบบ เพื่อให้สามารถใช้ความคิดได้อย่างมี ประสิทธิภาพและอยูร่ ว่ มกับผูอ้ นื่ ได้ แต่บางครัง้ ในช่วงระหว่างวัยรุ่น ก็ยังพบว่ามีบางขณะที่มี การกระท�าทีอ่ าจขาดความยัง้ คิด มีความหุนหัน พลันแล่นสูง ขาดการไตร่ตรองให้รอบคอบได้ พัฒนาการทางความคิดและสติปัญญา ของวัยรุน่ นัน้ พบว่าสามารถทีจ่ ะคิดได้ในลักษณะ ดังต่อไปนี้ ๑. รู้จักคิดเป็นเหตุเป็นผล ไม่เชื่อ อะไรง่ายๆ การเปิดโอกาสให้วัยรุ่นได้แสดงออกทางความคิดและ ๒. รูจ้ กั คิดแบบวิทยาศาสตร์ มีการ เชาวน์ปัญญาตามความชอบของตน จะช่วยพัฒนาความ คิ ด วิ เ คราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์ คิดอย่างมีระเบียบ สามารถด้านสติปัญญาได้ แบบแผน ต้องพยายามนึกคิดด้วยตนเอง ๓. มีความคิดในเชิงนามธรรมมากขึ้น กล่าวคือ ไม่จ�าเป็นต้องเห็นของจริงก็สามารถ ที่จะจินตนาการเพื่อสร้างภาพในใจให้เกิดขึ้นได้ ตลอดจนสามารถที่จะน�าภาพในใจเหล่านั้น มา ผสมผสานกับกระบวนการคิดทางวิทยาศาสตร์ได้มากขึ้น ท�าให้เกิดกระบวนการคิดในเชิงเหตุผล ๔. มี ค วามคิ ด รวบยอดในเรื่ อ งราวต่ า งๆ มากขึ้ น สามารถที่ จ ะน� า ความรู ้ แ ละ ประสบการณ์ในอดีตมาเชื่อมโยงเข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันได้ สามารถที่จะเรียนรู้และน�ามา ประยุกต์ใช้ได้มากขึ้น ๕. รู้จักที่จะตัดสินใจในเรื่องยากๆ มีการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการ ตัดสินใจของตนเองมากขึ้น 2 ๖. รู้จักที่จะปรับตัวทางความคิด สามารถที่จะปรับตัวเพื่อให้ท�างานร่วมกับผู้อื่นได้ และช่วยท�างานให้กับสาธารณประโยชน์ได้ หากได้รับการส่งเสริม
๒. ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น ถ้านักเรียนสังเกตเพื่อนๆ ที่อยู่ในช่วงวัยแรกรุ่นเหมือนกับเรา จะเห็นว่าเพื่อนๆ แต่ละคน มีลักษณะการเจริญเติบโตและพัฒนาไม่เท่ากัน บางคนแรกๆ มีระดับความสูงที่ใกล้เคียงกับเรา แต่พอผ่านพ้นไปช่วงหนึ่ง บางคนกลับสูงกว่าหรือเตี้ยกว่าเรา ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยดังต่อไปนี้ ๑๒
นักเรียนควรรู 1 ความคิดแบบนามธรรม ความคิดที่เปนขอกลาวอางถึงปรากฏการณตางๆ ที่ไมมีรูปรางหรือสรางใหเกิดขึ้นมาเอง โดยหมายความถึงไมสามารถจับตองหรือ บอกรูปรางได 2 ทํางานรวมกับผูอื่นได แนวทางในการทํางานรวมกับผูอื่นมีดังนี้ • • • • •
12
มีการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน มีสวนรวมเทาเทียมกัน มีปฏิสัมพันธไปพรอมๆ กัน มีกระบวนการในการทํางาน มีทักษะการฟง-พูด
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ปจจัยใดที่มีผลตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุน 1. พันธุกรรม 2. สัมพันธภาพ 3. บุคคลรอบขาง 4. จิตใจและอารมณ วิเคราะหคําตอบ ปจจัยทางดานพันธุกรรม เพราะเปนสิ่งที่ติดตัวมา ตั้งแตกําเนิด จึงไมสามารถเปลี่ยนแปลงได ซึ่งจะแตกตางกับสิ่งแวดลอม และพฤติกรรมหรือการปฏิบัติที่คนเราสามารถปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลง แกไขใหดีขึ้นไดเสมอ ตอบขอ 1.
กระตุนความสนใจ Engage
สํารวจคนหา สํารวจค Exploreนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explore
Explain
Expand
Evaluate
สํารวจคนหา
Explore
ใหนักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง ปจจัยที่มีผล ตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุน จากหนังสือเรียน จากนั้นครูใหนักเรียนแบงกลุม ออกเปน 3 กลุมเทาๆ กัน โดยใหแตละกลุม สงตัวแทนออกมาจับสลาก ซึ่งมีประเด็น ดังนี้ • พันธุกรรม • สิ่งแวดลอม • การอบรมเลี้ยงดู เมื่อนักเรียนจับฉลากเรียบรอยแลว ใหนักเรียน เตรียมเนื้อหาพรอมทั้งสื่อประกอบและเอกสารที่ใช แจกเพื่อนในหองเพื่อนําเสนอหนาชั้นเรียนกลุมละ 5 นาที
๒.๑ พันธุกรรม พันธุกรรม หมายถึง ปรากฏการณ์ที่สิ่งมีชีวิตถ่ายทอดลักษณะต่างๆ จากรุ่นหนึ่งไปสู่ อีกรุ่นหนึ่ง หรือเป็นลักษณะทางร่างกายและพฤติกรรมของบุคคลที่ได้รับการถ่ายทอดมาจาก บรรพบุรษุ โดยการสืบสายเลือด เช่น จากพ่อแม่ ไปสู่ลูก จากปู่ย่า ตายาย ไปสู่ลูกหลาน เป็นต้น ลักษณะใดที่สามารถถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ ไปสู่ลูกหลานได้ จะเรียกลักษณะนั้นว่าเป็น พันธุกรรม ลักษณะที่ถ่ายทอดเป็นพันธุกรรม จะมีอยู่ในเซลล์สืบพันธุ์ของพ่อแม่ เมื่อเซลล์ สืบพันธุข์ องพ่อแม่ คือ ตัวอสุจกิ บั ไข่มาผสมกัน เป็นเซลล์เดียวแล้วก็จะเจริญเป็นชีวิตใหม่ จะเห็นได้ว่าลูกที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกัน มักจะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกัน ลูกบางคน การถ่ายทอดทางพันธุกรรมจะสืบทอดจากบรรพบุรุษสู่ หน้าเหมือนพ่อ บางคนหน้าเหมือนแม่ และ ลูกหลาน ทำาให้บุคคลในครอบครัวเดียวกัน มีรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ คล้ายคลึงกัน อาจมีบางคนที่หน้าไม่เหมือนพ่อและแม่ แต่ กลับไปคล้ายญาติพี่น้อง หรือบรรพบุรุษ ลักษณะที่สามารถถ่ายทอดไปยังลูกหลานมีมากมาย เช่น มือข้างที่ถนัด สติปัญญา ลักษณะและสีของผม ลักษณะตาชั้นเดียวหรือสองชั้น เป็นต้น ลักษณะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมไม่ได้แสดงออกเหมือนกันทุกคน ลักษณะใดที่เป็นลักษณะเด่น ย่อมแสดงออกให้เห็นได้อย่างชัดเจน ส่วนที่เป็นลักษณะด้อยจะไม่ปรากฏ พันธุกรรมท�าให้คนเรามีลกั ษณะทีแ่ ตกต่างกัน เช่น รูปร่าง หน้าตา สีของเส้นผม และลักษณะ ของเส้นผม สีของนัยน์ตา สีของผิวหนัง ความสูง ความเตี้ย กลุ่มเลือด โรคบางอย่าง ความพิการ บางอย่างของร่างกาย เชาวน์ปัญญา เป็นต้น เมื่อคนเราเข้าสู่วัยรุ่น ลักษณะต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาจากพ่อแม่และบรรพบุรุษจะปรากฏให้เห็นเด่นชัดขึ้น เช่น ความสูง ความเตี้ย สีของผิวหนัง เป็นต้น ลักษณะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่ปรากฏเด่นชัด ได้แก่ • ลักษณะทางกาย เช่น รูปร่าง สีผวิ สีตา การถนัดของมือ เป็นต้น ั ญา เช่น อารมณ์ สติปญั ญา เป็นต้น1 • ลักษณะทางจิตใจและสติปญ • โรคทางกายบางอย่าง เช่น เบาหวาน ตาบอดสี เลือดไหลไม่หยุด เป็นต้น • โรคทางจิตบางอย่าง เช่น โรคจิตเภท เป็นต้น • ชนิดของหมูเ่ ลือด ได้แก่ หมูเ่ ลือด A, B, O และ AB ๑3
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ขอใดกลาวถึงปจจัยที่มีอิทธิพลตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของ วัยรุนไดถูกตองที่สุด 1. เปนผลกระทบที่เกิดจากการอบรมเลี้ยงดู 2. เปนผลกระทบที่เกิดมาจากภาวะดานสุขภาพ 3. เปนปจจัยที่เกิดจากสภาพทางธรรมชาติของคนเรา 4. เปนปจจัยที่สงผลกระทบมาจากอิทธิพลของสิ่งแวดลอม
วิเคราะหคําตอบ เปนทีท่ ราบกันดีอยูแ ลววาการเจริญเติบโตและพัฒนาการ ของวัยรุน แตละคนนัน้ มีความแตกตางกันออกไป ทัง้ นีข้ นึ้ อยูก บั ปจจัยสําคัญ ตางๆ เชน พันธุกรรม สิ่งแวดลอม การเลี้ยงดู เปนตน แตแทที่จริงแลว ปจจัยทีม่ อี ทิ ธิพลตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุน นัน้ เปนปจจัย ที่เกิดจากสภาพทางธรรมชาติของคนเรา ซึ่งวัยรุนควรยอมรับและปรับตัว ใหไดวาทุกสิ่งทุกอยางที่เกิดนั้นลวนเปนธรรมชาติ ตอบขอ 3.
เกร็ดแนะครู ครูอาจแนะนํานักเรียนกลุมที่นําเสนอเรื่องพันธุกรรมในการเตรียมสื่อประกอบ การนําเสนอวา นักเรียนอาจนํารูปถายของบิดามารดา และรูปถายของตนเองมา เปรียบเทียบกันใหเห็นถึงความเหมือนหรือความแตกตางทางพันธุกรรมซึ่งเปนปจจัย ที่มีผลตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุน
นักเรียนควรรู 1 เลือดไหลไมหยุด เรียกอีกชื่อหนึ่งวา โรคฮีโมฟเลีย (Hemophilia) เปน อาการของโรคชนิดหนึ่งที่เกิดจากความผิดปกติทางกรรมพันธุ ซึ่งอาจจะมีพอหรือ แมปวยเปนโรคนี้อยู ลักษณะอาการของโรค คือ เมื่อเกิดแผลและมีเลือดออก เลือด มักจะหยุดไหลไดยาก ดังนั้น ผูปวยจะตองระมัดระวังไมใหเกิดบาดแผล เพราะ อาจเปนอันตรายจนถึงแกชีวิตได คูมือครู
13
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ใหนักเรียนกลุมที่จับสลากไดเรื่อง พันธุกรรม ออกมานําเสนอหนาชั้นเรียน โดยหลังจาก การนําเสนอเสร็จสิ้น ครูสุมนักเรียนชาย 1 คน นักเรียนหญิง 1 คน ออกมาอธิบายถึงลักษณะ ทางพันธุกรรม ซึ่งนักเรียนในหองสามารถอธิบาย เพิ่มเติมไดในประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวของ จากนั้น ครูชวยอธิบายเพิ่มเติมและตั้งคําถามเพื่อใหได ขอสรุปที่ถูกตองรวมกัน • นักเรียนคิดวา พี่นองที่เกิดจากพอแม เดียวกันแตมีรูปรางและลักษณะไมเหมือนกัน เกิดจากอะไร (แนวตอบ เกิดจากพันธุกรรมที่ไดรับจากพอ และแมเปนลักษณะเฉพาะตัว ซึ่งจะแสดงออก ไมเหมือนกันทุกคน โดยลักษณะใดที่เปน ลักษณะเดนยอมแสดงออกใหเห็นไดอยาง ชัดเจน สวนที่เปนลักษณะดอยจะไมปรากฏ ทําใหพี่นองที่เกิดจากพอแมเดียวกันมีลักษณะ บางอยางที่แตกตางกันออกไป)
ลักษณะทางร่างกายและจิตใจที่ปรากฏในรุ่นลูกหลาน จะต้องได้รับการถ่ายทอดมาจาก รุน่ บรรพบุรษุ เท่านัน้ จึงจะถือว่าเป็นลักษณะทีถ่ า่ ยทอดทางพันธุกรรม ส่วนความผิดปกติบางอย่าง ที่เกิดขึ้นหลังจากการปฏิสนธิ เช่น ตาบอด โรคลิ้นหัวใจรั่ว โรคหูหนวกมาแต่ก�าเนิด อวัยวะ บางส่วนพิการ เป็นต้น ลักษณะผิดปกติเหล่านี้ อาจมีสาเหตุเนื่องมาจากระหว่ างที่ทารกเจริญ 1 เติบโตอยู่ในครรภ์ มารดาอาจเป็นโรคร้ายแรงหรือรับประทานยาบางชนิดซึ่งเป็นอันตรายต่อทารก ท�าให้ทารกมีลักษณะผิดปกติ ซึ่งจะไม่ถือว่าเป็นความผิดปกติจากสาเหตุทางพันธุกรรม นอกจากนี้ ก็ยังมีข้อก�าหนดอีกประการหนึ่ง คือ พันธุกรรมเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่ก�าเนิด จึงเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ไม่เหมือนกับสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมหรือการปฏิบัติ ซึ่งคนเราสามารถ ปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้เสมอ
๒.๒ สิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมต่างๆ จะเริ่มมีอิทธิพลต่อตัวเด็กนับตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิในครรภ์มารดา จนกระทั่ง คลอดออกมาเป็นทารก เจริญเติบโตและพัฒนาผ่านวัยต่างๆ สิ่งแวดล้อมเป็นองค์ประกอบที่มี อิทธิพลต่อสุขภาพและการเจริญเติบโตไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพันธุกรรม และในบางกรณีกลับมี ความส�าคัญยิง่ กว่าองค์ประกอบอืน่ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ถ้าสิง่ แวดล้อมนัน้ ๆ เป็นไปอย่างไม่สมบูรณ์ ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อตัวเด็ก เกร็ดน่ารู้ โรคบูลิเมีย (Bulimia Nervosa) เด็กผู้หญิงจำานวนมาก เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นจะเริ่มมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับรูปร่างของตนเอง กลัวว่า จะอ้วนเกินไปดูไม่สวย หลายคนจึงพยายามควบคุมไม่ให้น้ำาหนักตัวเพิ่มขึ้น ความวิตกกังวลเช่นนี้ถ้าเพียง เล็กน้อยก็ถือเป็นเรื่องปกติสำาหรับวัยรุ่นทั่วไป แต่ถ้ามีความวิตกกังวลมาก อาจนำาไปสู่การกลัวความอ้วนจนเกิด อาการของโรคบูลิเมียได้ ผู้ ป ว ยโรคบู ลิ เ มี ย มั ก มี อ าการซึ ม เศร้ า เครี ย ด หรื อ รู้ สึ ก กั ง วลกั บ น้ำ า หนั ก ตั ว หรื อ รู ป ร่ า งของตนเอง จนเกินขอบเขต ส่วนใหญ่จะมีรูปร่างผอมมาก แต่ยังคิดว่าตัวเองอ้วนหรือมีไขมันส่วนเกินมากอยู่ จนทนตัวเอง ไม่ได้ ผู้ปวยจะรับประทานอาหารครั้งละมากๆ เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วก็จะรู้สึกผิด จึงพยายามกำาจัดอาหาร ที่รับประทานเข้าไปออกมา เช่น ล้วงคอให้อาเจียน ใช้ยาระบาย นอกจากนั้น ยังอาจมีการอดอาหารในมื้อถัดไป และมีการออกกำาลังกายอย่างหักโหมด้วย เป็นต้น ผู้ที่เป็นโรคนี้อาจเสียชีวิตได้ เนื่องจากร่างกายจะขาด สารอาหาร น้ำา และเกลือแร่อย่างรุนแรง การรักษาโรคบูลิเมีย สามารถทำาได้ด้วยการใช้ยาระงับอาการซึมเศร้า และการบำาบัดทางจิตวิทยา พยายามให้ผู้ปวยปรับมุมมองของตนเองว่า ความสวยงามอยู่ที่การมีรูปร่างที่ได้สัดส่วนเหมาะสม ไม่ผอมแห้ง จนเกินไป และให้มีความรู้สึกเชื่อมั่นในร่างกายของตน
๑๔
EB GUIDE
นักเรียนควรรู 1 รับประทานยาบางชนิด มารดาที่ตั้งครรภไมควรรับประทานยาบางชนิด เชน • ยาแกไอ ยานอนหลับ ซึ่งอาจมีผลทําใหทารกปากแหวง เพดานโหว และมี กลามเนื้อที่ออนแรง • ยากันชัก Hydantoin ซึ่งอาจมีผลทําใหทารกมีหนาตาที่ผิดปกติ ปญญาออน และตัวเล็กเกินกวามาตรฐาน • ยาฆาเชื้อ Tetracycline และ Metronidazole ยารักษาสิว Roacutane ซึ่งอาจมีผลทําใหทารกพิการได ดังนั้นกอนการรับประทานยา มารดาควรปรึกษาแพทยเพื่อปองกันอันตราย ที่อาจเกิดขึ้นทั้งตอตัวมารดา และทารกในครรภ
14
คูมือครู
http://www.aksorn.com/LC/He/M2/02
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
เพราะเหตุใดการตรวจ DNA จึงทําใหทราบไดวาใครเปนพอแมลูกกัน แนวตอบ เนื่องจากดีเอ็นเอซึ่งเปนสารพันธุกรรมของลูก ครึ่งหนึ่งจะมา จากพอ และอีกครึ่งหนึ่งมาจากแม ดังนั้นในการตรวจ DNA จึงทําให สามารถทราบไดวาเปนพอแมลูกกันหรือไม
บูรณาการเชื่อมสาระ
สามารถนําเนื้อหาเรื่องพันธุกรรมไปบูรณาการเชื่อมโยงกับกลุมสาระ การเรียนรูวิทยาศาสตร วิชาวิทยาศาสตร เรื่องพันธุกรรม เพื่อใหนักเรียน ไดเกิดความรูความเขาใจในกระบวนการของพันธุกรรมมากยิ่งขึ้น
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู สภาพสังคมปจจุบันมีสิ่งแวดลอ1มหลายอยางที่เปนอันตรายตอวัยรุน เชน สถานเริงรมย ตางๆ ทีย่ อมใหวยั รุน อายุตาํ่ กวา ๒๐ ป เขาไปเทีย่ วได การดืม่ เครือ่ งดืม่ ทีม่ สี ว นผสมของแอลกอฮอล การเสพสารเสพติ ด ซึ่ ง จะก อ ให เ กิ ด ป ญ หา ตางๆ ตามมา เชน รางกายเสื่อมโทรม การมี เพศสั ม พั น ธ ก อ นเวลาอั น ควร การทะเลาะ วิวาท เปนตน นอกจากนี้ วัยรุนบางคนที่อยูใน สิ่งแวดลอมที่ไมเหมาะสม ใกลสถานเริงรมย พอแมเสพสารเสพติด เลนการพนันหรือทะเลาะ วิวาทกัน เมื่อวัยรุนพบเห็นเปนประจํา จะทําให เปนผูม จี ติ ใจแข็งกระดาง กาวราว พูดจาหยาบคาย วาเหว ขาดความอบอุน สิ่งแวดลอมอีกอยางหนึ่งที่มีบทบาทตอ การเจริ ญ เติ บ โตและพั ฒ นาการของวั ย รุ น อยางมากก็คืออาหาร เนื่องจากรางกายวัยรุน การเขาไปอยูในสิ่งแวดลอมที่ไมเหมาะสม เชน ผับ บาร มีการเจริญเติบโตอยางรวดเร็ว และรางกาย อาจจะชักจูงใหวัยรุนมีพฤติกรรมเสี่ยงตอสุขภาพได ตองใชพลังงานมาก จึงตองเพิ่มอาหารใหมากขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพ จะเห็นไดวา วัยรุนจะ รับประทานอาหารจุ นอนเกง วัยรุนหลายคนนอนตื่นสาย บางครั้งพอแมตองปลุกหลายครั้ง กวาจะยอมตื่น จึงมักเรียกวัยนี้อีกอยางหนึ่งวา “วัยกําลังกินกําลังนอน” ขณะเดียวกันวัยรุนหญิงที่กําลังเปนสาวก็กลัวอวนเกินไป จึงมักวิตกกังวลเกี่ยวกับความอวน ถามีปญหาเชนนี้ ควรรับประทานอาหารประเภทผักและผลไมใหมากขึ้น รับประทานขาว แปง เนื้อสัตว ไขมันใหนอยลง และตองหมั่น ออกกําลังกายควบคูกันไปดวย วัยรุนบางคน แกปญ หานีอ้ ยางผิดๆ เชน งดรับประทานอาหาร มื้อเชา ลดปริมาณอาหารลงอยางมากตอมื้อ กินยาลดความอวน ไปดูดไขมัน เปนตน ซึ่ง การกระทําเชนนี้ลวนมีผลเสียตอสุขภาพตาม มา จึงไมควรกระทํา วัยรุนบางคนอาจขาดสารอาหารมาตั้งแต เมือ่ ตนเองยังอยูใ นครรภ หรืออาจขาดสารอาหาร อาหารจานดวนมีหลายลักษณะ หากรับประทานเปน ในวัยเด็ก ก็จะสงผลใหเจริญเติบโตชา เมื่อเปน ประจํา จะมีผลเสียตอสุขภาพ ทําใหอวนไดงาย ๑๕
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ปจจัยที่มีผลตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษยมากที่สุด คือ ปจจัยใด 1. อาหาร 2. พันธุกรรม 3. สภาพแวดลอมทางสังคม 4. การอบรมเลี้ยงดูของผูปกครอง
วิเคราะหคําตอบ อาหารนับเปนสิ่งแวดลอมหนึ่งที่มีผลตอการเจริญเติบโต มากทีส่ ดุ เพราะหากไดรบั อาหารไมเพียงพอหรือไมมปี ระโยชน รางกายก็จะ มีการเจริญเติบโตชาหรือผิดปกติไป ตอบขอ 1.
Explain
ใหนักเรียนกลุมที่จับสลากไดเรื่องสิ่งแวดลอม ออกมานําเสนอหนาชั้นเรียน โดยหลังจาก การนําเสนอเสร็จสิ้น ใหนักเรียนในหอง รวมแสดงความคิดเห็น จากนัน้ ครูอธิบายเพิม่ เติม และตั้งคําถามเพื่อใหไดขอสรุปที่ถูกตองรวมกัน • สถานเริงรมย ถือเปนสิ่งแวดลอมที่มีผลตอ การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุนใน ปจจุบันหรือไม อยางไร (แนวตอบ เปน เพราะ สถานเริงรมยเปน สถานที่ที่อนุญาตใหวัยรุนอายุตํ่ากวา 20 ป เขาไปใชบริการ สงผลใหวัยรุนมีการดื่ม เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล ใชสารเสพติด ซึ่งสงผลกระทบตอสุขภาพ ทําใหรางกาย เสื่อมโทรม หรืออาจเปนสาเหตุที่ทําใหวัยรุน มีเพศสัมพันธกอนวัยอันควร หรือขาดสติ จนเกิดการทะเลาะวิวาทกันได) • การอยูในสิ่งแวดลอมที่ไมเหมาะสม พอแมใชสารเสพติด เลนการพนัน และ ทะเลาะวิวาทกันสงผลตอวัยรุนอยางไร (แนวตอบ ทําใหวัยรุนมีจิตใจที่แข็งกระดาง กาวราว พูดจาหยาบคาย วาเหว ขาดความ อบอุน) • อาหารมีผลตอการเจริญเติบโต และ พัฒนาการของวัยรุนอยางไร (แนวตอบ ชวยใหวัยรุนมีพัฒนาการที่ เหมาะสมกับวัย) • นอกจากคําถามขางตน ยังมีปจจัยอื่นๆ อีก หรือไมที่นักเรียนคิดวา มีผลตอการ เจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุน (แนวตอบ ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน โดยอาจตอบวา มี เชน การออกกําลังกาย การนอนหลับพักผอนที่เพียงพอ การอยูในที่ ที่มีอากาศบริสุทธิ์ เปนตน)
เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายถึงความสําคัญของอาหาร และพลังงานทีว่ ยั รุน ควรไดรบั ในแตละวัน ซึ่งถือเปนปจจัยสําคัญที่มีผลตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุน โดยครู สามารถหาสื่อการสอนเพิ่มเติมไดที่ http://nutrition.anamai.moph.go.th/
นักเรียนควรรู 1 วัยรุนอายุตํ่ากวา 20 ป ในพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509 (เพิ่มเติม พ.ศ. 2546) ไดระบุไววา “มาตรา 16/1 หามมิใหผูรับอนุญาตตั้ง สถานบริการยินยอมหรือปลอยปละละเลยใหผูมีอายุตํ่ากวายี่สิบปบริบูรณเขาไปใน สถานบริการ ใหผูรับอนุญาตตั้งสถานบริการตรวจเอกสารราชการที่มีภาพถายและ ระบุอายุของผูซึ่งจะเขาไปในสถานบริการ”
คูมือครู
15
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ครูใหนักเรียนกลุมที่จับสลากไดเรื่อง การอบรม เลี้ยงดูออกมานําเสนอหนาชั้นเรียน โดยหลังจาก การนําเสนอเสร็จสิ้นครูชวยอธิบายเพิ่มเติม จากนั้น ใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู กิจกรรมที่ 1.4
วัยรุ่นก็จะมีรูปร่างเล็ก เตี้ย ผอม ในทางตรงกันข้าม ถ้าวัยรุ่นได้รับอาหารที่ดีทั้งคุณภาพและ ปริมาณแล้ว ก็จะเจริญเติบโตเร็ว และถ้ายิ่งดื่มนมมากๆ ด้วยแล้ว กระดูกจะเจริญเติบโตได้ดี ยิ่งขึ้น ท�าให้มีรูปร่างสูงใหญ่ ซึ่งจะเห็นได้ว่าอิ1ทธิพลของอาหารการกินที่ดีท�าให้วัยรุ่นในปัจจุบัน โดยภาพรวมจะตัวโตสูงใหญ่กว่าวัยรุ่นในอดีต ในทางกลับกันก็มีวัยรุ่นอ้วนมากขึ้น ทั้งนี้เพราะ รับประทานอาหารทีม่ แี ป้งและไขมันมากเกินไป ชอบรับประทานอาหารฟ้าสต์ฟดู้ รับประทานจุบจิบ ออกก�าลังกายน้อยจึงท�าให้อ้วนได้ง่าย 2
✓ แบบวัดฯ ใบงาน แบบฝกฯ สุขศึกษา ม.2 กิจกรรมที่ 1.4 หนวยที่ 1 การเจร�ญเติบโตและการพัฒนา ของวัยรนุ กิจกรรมที่ ๑.๔ ใหนักเรียนอานขอความที่กําหนดให แลวตอบคําถาม ใหถูกตอง (พ ๑.๑ ม.๒/๒)
๒.3 การอบรมเลี้ยงดู
การอบรมเลี้ยงดูมีความส�าคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น ดังนี้ ๑) ทัศนคติของพ่อแม่ มีความส�3าคัญต่อความประพฤติและบุคลิกภาพของเด็ก เป็นอย่างมาก เด็กที่พ่อแม่รักและตามใจเกินไป จะไม่รู้จักโต เวลาอยากได้อะไรก็ต้องเอาให้ได้ ดังใจ เพราะเคยเรียนรู้ว่าตนเคยได้รับการพะเน้าพะนอตลอดเวลา จึงมีความรู้สึกว่า ตนต้องได้ ในสิ่งที่ต้องการเสมอ โดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร เมื่อมาอยู่โรงเรียนจึงเป็นเด็กที่ พึ่งตนเองไม่ได้ เข้ากับกลุ่มเพื่อนได้ยาก ส่วนเด็กที่ถูกเกลียดชัง มักเป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่ต้องการ เด็กจะถูกทอดทิ้งให้อดอยาก มักถูกดุด่าด้วยถ้อยค�าหยาบคาย บางครั้งก็ถูกเฆี่ยนตีอย่างทารุณ เด็กจะเกิดความรู้สึกว่าโลก เป็นศัตรูของตน เพราะตนไม่เคยได้รับความรักจากใคร เมื่อโตขึ้นมักเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ไม่ไว้วางใจใคร กลายเป็นคนก้าวร้าว ชอบข่มขู่ผู้อื่น หนีสังคม ชอบจับกลุ่มเป็นแก๊งอันธพาล
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
òð
หญิงกับแมนเปนเพื่อนสนิทกัน เมื่อจบชั้นประถมศึกษาปที่ ๖ ทั้งคูตางมีอายุ ๑๒ ป แตเมื่อขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑ แมนสังเกตวาหญิงมีสวนสูงมากกวาแมนอยางเห็นไดชัด เวลาไปเที่ยวหรือทํากิจกรรมดวยกันแมนจะรูสึกแปลกๆ วาทําไมผูหญิงถึงสูงกวาผูชายได ทัง้ ๆ ทีส่ ภาพความเปนอยูข องทัง้ สองคนก็ไมแตกตางกัน และบางครัง้ แมนรูส กึ อายเนือ่ งจาก มีเพื่อนบางคนลอเลียนวาเตี้ยกวาผูหญิง ๑. นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดหญิงจึงสูงใหญกวาแมน
เมื่อเขาสูวัยแรกรุน (อายุ ๑๐-๑๓ ป) วัยรุนหญิงจะมีการเจริญเติบโตทางความสูงเร็วกวาวัยรุนชาย จนเมื่ออายุประมาณ ๑๕ ป วัยรุนชายจึงจะเริ่มสูงทันและสูงกวาวัยรุนหญิง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
๒. ปจจัยใดบางที่มีผลตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุน
ฉบับ
การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุนแตละคนจะไมเทากัน ซึ่งขึ้นอยูกับพันธุกรรม สิ่งแวดลอม เฉลย และการอบรมเลี้ยงดูจากครอบครัว
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
๓. ปจจัยที่มีผลตอการเจริญเติบโตของวัยรุนปจจัยใดไมสามารถปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงได เพราะเหตุใด พันธุกรรม เพราะเปนสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแตกําเนิด โดยไดรับการถายทอดจากรุนหนึ่งไปสูอีกรุนหนึ่ง ไมสามารถเปลี่ยนแปลงได ซึ่งจะแตกตางจากสิ่งแวดลอมและการอบรมเลี้ยงดูที่สามารถปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงได
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
๔. ครอบครัวมีบทบาทตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุนอยางไร
ครอบครัวมีความสําคัญตอการเจริญเติบโตพัฒนาการของวัยรุนอยางมาก เพราะชวยใหวัยรุนมีความ เขาใจในการเปลี่ยนแปลงอยางถูกตอง ทั้งคอยดูแลไมใหเกิดการลองผิดลองถูก ซึ่งอาจเปนผลเสีย ตอวัยรุนเอง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
๕
ความรักและความอบอุ่นในครอบครัว จะทำาให้เด็กเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพและลดพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ
๑6
นักเรียนควรรู 1 ตัวโตสูงใหญกวาวัยรุนในอดีต ตัวอยางที่เห็นไดเดนชัด คือ ชาวญี่ปุน ซึ่ง ในอดีตมีรูปรางเตี้ย แคระแกร็น แตชาวญี่ปุนรุนใหมกลับมีรูปรางสูงใหญ เนื่องจาก รัฐบาลญี่ปุน ไดรณรงคใหประชาชนบริโภคอาหารอยางถูกหลักโภชนาการ โดยเฉพาะอยางยิ่งการดื่มนม 2 การอบรมเลี้ยงดู มีหลักการในการเลี้ยงดูเด็กอยางมีคุณภาพ ดังนี้ • ใหความรักความอบอุนอยางเหมาะสม • ไมตามใจหรือยอมมากเกินไป • ไมปกปองจนเด็กทําอะไรไมเปน • ไมปรนเปรอดวยวัตถุสิ่งของ • พูดจาสื่อสารอยางชัดเจน • ไมเพิกเฉยทอดทิ้งใหอยูลําพัง 3 เด็กที่พอแมรักและตามใจเกินไป ภาษาอังกฤษใชวา Spoil หมายถึง การเลี้ยงลูกแบบตามใจจนกลายเปนเด็กเสียนิสัย เชน กาวราว เอาแตใจตนเอง เปนตน
16
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ถาอยากใหวัยรุนเจริญเติบโตขึ้นมามีนิสัยที่เต็มไปดวยความรัก และเมตตา ไมกาวราว มีกิริยามารยาทที่ดี ควรเลี้ยงดูแบบใด แนวตอบ การอบรมเลี้ยงดูเปนปจจัยหนึ่งที่มีความสําคัญตอการ เจริญเติบโต และพัฒนาการของวัยรุนอยางยิ่ง เนื่องจากมีการซึมซับของ สิ่งตางๆ ที่ไดจากการอบรมเลี้ยงดูจากพอแมมาผสมผสานเขากับความคิด และความเขาใจของตนเอง ซึ่งการอยูในครอบครัวที่มีการอบรมเลี้ยงดูที่ดี มีความรัก ความเอาใจใส และความเขาใจ จะทําใหวัยรุนเจริญเติบโตเปน ผูใหญที่มีความพรอมทั้งวุฒิภาวะทางดานรางกาย จิตใจ อารมณ และ สังคม รวมถึงการมีบุคลิกภาพที่ดี ตลอดจนมีพัฒนาการที่สมวัย สามารถ ใชชีวิตอยูรวมกับผูอื่นไดอยางมีความสุข
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engage
Explore
Explain
ขยายความเขาใจ Expand าใจ ขยายความเข
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
ขยายความเขาใจ
Expand
จากที่ไดกลาวมาแลววามีปจจัยหลายอยางที่ มีผลตอการเจริญเติบโต และพัฒนาการของวัยรุน เชน พันธุกรรม สิ่งแวดลอม การอบรมเลี้ยงดู เปนตน เพื่อขยายความเขาใจใหนักเรียนได เกิดความรู ความเขาใจตอการเจริญเติบโตและ พัฒนาการของวัยรุนมากยิ่งขึ้น ครูใหนักเรียน เขียนสรุปถึงปจจัยที่มีผลตอการเจริญเติบโต และพัฒนาการของวัยรุนเปนแผนผังความคิด
๒) ลักษณะการอบรมเลี้ยงดู ลักษณะการอบรมเลี้ยงดูเด็กย่อมแตกต่างกันไป
ตามลักษณะนิสัย ฐานะทางเศรษฐกิจ และสังคม เช่น ถ้าพ่อแม่ยากจนก็มักจะไม่มีเวลาอบรม สั่งสอนลูก ท�าให้เด็กมีพฤติกรรมที่ไม่ดี แต่พ่อแม่ฐานะร�่ารวยบางรายก็เลี้ยงดูลูกดีเกินไปจนลูก ช่วยตัวเองไม่ได้ บางรายก็มีธุระมากจนไม่มีเวลาดูแลลูก ท�าให้เด็กขาดความอบอุ่น มีเพื่อน เป็นที่พึ่ง และกระท�าสิ่งที่ผิดตามเพื่อน ๓) ความสั มพันธ์ภายในครอบครัว หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูก 1 ตลอดจนสัมพันธภาพภายในบ้าน เนื น อ่ งจากวัยรุน่ เป็นวัยทีม่ อี ารมณ์เปลีย่ นแปลงรวดเร็ว ถ้าพ่อแม่ ไม่เข้าใจและไม่ยอมให้อภัยในพฤติกรรมบางอย่างของวัยรุ่น ไปต�าหนิติเตียนหรือใช้ค�าพูดรุนแรง อาจกลายเป็นชนวนน�าไปสู่ความขัดแย้งภายในบ้าน มีสัมพันธภาพที่ไม่ดีต่อกัน ท�าให้วัยรุ่น เกิดความร�าคาญเบื่อหน่าย ซึ่งจะมีผลกระทบต่อพัฒนาการทางด้านจิตใจและอารมณ์ ดังนั้น การเข้าใจลูกที่ก�าลังเป็นวัยรุ่น การให้อภัย การให้ก�าลังใจ และการให้ค�าแนะน�าอย่างมีเหตุผล จึงเป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรกระท�า เพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านจิตใจและอารมณ์ของวัยรุ่น
การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่นนั้น จะเป็นแบบฉบับเฉพาะของตนเอง
ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล วัยรุ่นจะมีการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ หลาย ด้ าน แต่ โ ดยทั่ วไปแล้ ว การเปลี่ ย นแปลงที่ สำาคั ญ ที่เป็นลัก ษณะเฉพาะในวัย นี้ก็คือ การเปลีย่ นแปลงด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปญ ั ญา โดยการเปลีย่ นแปลง ทางด้านร่างกายจะพบตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน เช่น ขนาดของ ร่างกายและความสูง ลักษณะเฉพาะทางเพศ และการเปลี่ยนแปลงภายในที่เกิดขึ้น เช่น ระดับฮอร์โมนต่างๆ ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ อารมณ์ สังคม และ สติปัญญา จะมีความสืบเนื่องและมีความเกี่ยวพันกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย วั ย รุ่ น เป็ น วั ย ที่ มี อ ารมณ์ เ ปลี่ ย นแปลงง่ า ย สั บ สน อ่ อ นไหว ไม่ มั่ น คงทางอารมณ์ อารมณ์ ที่ เ กิ ด ขึ้ น มั ก จะเปลี่ ย นแปลงอย่ า งรวดเร็ ว และรุ น แรง มี ค วามต้ อ งการการ ยอมรับ ซึ่งปัจจัยสำาคัญที่ก่อให้เกิดการเจริญเติบโตและพัฒนาการต่างๆ ดังกล่าวนั้น เนื่องมาจากสาเหตุหลายประการ ที่สำาคัญ คือ พันธุกรรม ซึ่งเป็นปัจจัยภายในที่มีความ สำาคัญต่อลักษณะทางกาย สิ่งแวดล้อม และการอบรมเลี้ยงดู อันเป็นปัจจัยภายนอก ที่มีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตในทุกๆ ด้าน
๑7
กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนสํารวจตนเองวามีการเปลี่ยนแปลงในดานใดบาง และ ปจจัยใดที่ทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยสรุปเปนรายงานสงครูผูสอน
กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู 1 สัมพันธภาพ ความสําคัญของการสรางสัมพันธภาพที่ดี คือ • เกิดความรูสึกที่ดีตอตนเองและผูอื่น เพราะรูสึกวาตนเองมีคุณคา • รูสึกอบอุน มีชีวิตชีวา ไมเดียวดาย • เมื่อเกิดปญหาหรือเรื่องทุกขใจ ก็มีคนใหคําปรึกษา หรือใหความชวยเหลือ
มุม IT ใหนักเรียนจัดนิทรรศการเกี่ยวกับการเจริญเติบโตและพัฒนาการของ วัยรุน แลวนําไปแสดงที่บริเวณโรงอาหารของโรงเรียนเปนเวลา 1 เดือน
สามารถศึกษาหาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถาบันครอบครัว ไดจาก เว็บไซต สํานักกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว จากบทความเรื่องเวลากับครอบครัว : คุณคาการใชเวลารวมกับครอบครัว http://www.women-family.go.th/wofa/ modules/website/upload/article/3064166b18edfa80a72b16d1dda28d43. pdf คูมือครู
17
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
Engage
Explore
Explain
Expand
ตรวจสอบผล
ตรวจสอบผล Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate
Evaluate
การเขียนสรุปถึงปจจัยที่มีผลตอการเจริญเติบโต และพัฒนาการของวัยรุนเปนแผนผังความคิด
¤า¶ามประจíาหน‹วยการเรียนรÙŒ
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
๑. ๒. ๓. ๔. ๕.
1. แผนผังความคิดการเปลี่ยนแปลงทางดานตางๆ ของวัยรุน 2. แผนผังความคิดปจจัยที่มีผลตอการเจริญเติบโต และพัฒนาการของวัยรุน
จงเปรียบเทียบความแตกต่างทางด้านร่างกายของวัยรุ่นชายและวัยรุ่นหญิง เมื่อเด็กเข้าสู่วัยรุ่น จะมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจ อารมณ์ สังคมอย่างไร ให้อธิบายมาพอสังเขป เหตุใดจึงเรียกวัยรุ่นว่าเป็นวัย “พายุบุแคม” จงอธิบายเหตุผล ปัจจัยใดบ้างที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น นักเรียนควรเตรียมตัวอย่างไร เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายและจิตใจ
กิจกรรมสรŒางสรร¤์พั²นาการเรียนรÙŒ กิจกรรมที่ ๑
กิจกรรมที่ ๒
กิจกรรมที่ ๓
เชิ ญ วิ ท ยากรที่ เ ป็ น บุ ค ลากรทางด้ า นสาธารณสุ ข มาบรรยายให้ ความรู้ ใ น ประเด็นเกี่ยวกับเรื่องเพศในวัยรุ่น แล้วให้นักเรียนแต่ละคนสรุปข้อมูลการ บรรยายของวิทยากรส่งครูผู้สอน ให้นักเรียนคัดเลือกเยาวชนที่มีผลงานดีเด่นต่อสังคม ประเทศชาติ หรือเป็น แบบอย่างที่ดีที่ควรประพฤติตามมา ๑ คน ให้นักเรียนหาภาพประกอบ สรุป ประวัตแิ ละผลงานของเยาวชนดังกล่าว พร้อมอธิบายถึงเหตุผลทีน่ กั เรียนยึดถือ เป็นแบบอย่างเน��องจากอะไร โดยจัดท�าลงบนกระดาษ A4 ตกแต่งให้สวยงาม แล้วน�าส่งครูผู้สอน ให้นักเรียนในชั้นช่วยกันจัดนิทรรศการเกี่ยวกับการเจริญเติบโตและพัฒนาการ ของวัยรุ่น โดยมีภาพประกอบและข้อมูลทางด้านสุขภาพ น�าไปแสดงเป็นเวลา ๑ เดือนในบริเวณที่จัดไว้ โดยแต่ละสัปดาห์สามารถปรับเปลี่ยนภาพและข้อมูล ให้น่าสนใจได้ตามความเหมาะสม
๑8
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู 1. ความแตกตางดานรางกายของวัยรุนชายและวัยรุนหญิงมีดังนี้ วัยรุนชาย มีหนวดเคราขึ้นที่ใบหนา มีขนหนาแขง ชวงไหลกวาง เสียงแหบหาว แตกพรา ผิวหนัง หยาบกราน มีการหลั่งนํ้าอสุจิ สวนวัยรุนหญิง มีเตานมขยายใหญขึ้น สะโพกผาย เอวคอด เสียงเล็กแหลม นุมนวล ผิวหนังนุม ละเอียดออน มีประจําเดือน 2. เมื่อเด็กเขาสูวัยรุนจะมีการเปลี่ยนแปลงทางดานจิตใจ อารมณ สังคม ดังนี้ • ดานจิตใจและอารมณ คือ มีความรูสึกนึกคิด และวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องเพศของตนเองและเพศตรงขาม มีความภาคภูมิใจในความเปนชายและหญิงของตน มีอารมณแปรปรวนงาย หงุดหงิดงาย สับสน ออนไหว ไมมั่นคง โกรธงาย โมโหงาย • ดานสังคม มีความสนใจเพศตรงขาม รูจักการปรับตัวใหเขากับกฏเกณฑ กติกา ของกลุมและสังคม มีการทํางานรวมกับผูอื่น สนใจเพื่อนมากกวาครอบครัว มีทักษะดานสังคม การสื่อสารกับผูอื่น และการแกปญหามากขึ้น แสวงหาความเปนเอกลักษณของตนเองเพื่อใหเปนที่ยอมรับ 3. เหตุที่เรียกวัยรุนวาเปนวัย “พายุบุแคม” เนื่องจาก วัยรุนมีอารมณเปลี่ยนแปลงงาย สับสน ออนไหว ไมมั่นคง หงุดหงิดงาย ซึ่งอารมณที่เกิดขึ้นจะเปลี่ยนแปลงไป อยางรวดเร็ว รุนแรง และเขาใจยาก 4. ปจจัยที่มีอิทธิพลอยางมากตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุน ไดแก พันธุกรรม สิ่งแวดลอม อาหาร และการอบรมเลี้ยงดู 5. ตองเรียนรูและเขาใจ เรื่องการเปลี่ยนแปลงทางดานรางกายและจิตใจของวัยรุน เพื่อยอมรับและปรับตัวตอการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ซึ่งจะไดไมตองเครียด และวิตกกังวลตอการเปลี่ยนแปลงนั้น โดยทําใหเราใชชีวิตประจําวันอยางมีความสุข
18
คูมือครู