8858649122742

Page 1

คูมือครู 㪌»ÃСͺ¡ÒÃÊ͹ËÇÁ¡Ñº

˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ©ºÑº »ÃСѹÏ

ภาพปกนี้มีขนาดเทากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน

กระบวนการสอนแบบ 5 Es ชวยสรางทักษะการเรียนรู กิจกรรมมุงพัฒนาทักษะการคิด คำถาม + แนวขอสอบเพื่อยกผลสัมฤทธิ์ O-NET กิจกรรมบูรณาการเตรียมพรอมสู ASEAN 2558


เอกสารประกอบคูมือครู

กลุมสาระการเรียนรู สุขศึกษาและพลศึกษา

สุขศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปที่

2

สําหรับครู

คูมือครู Version ใหม

ลักษณะเดน

ขยายพื้นที่รูปเลมใหญขึ้นกวาเดิม จัดแบงพื้นที่ออกเปนโซน เพื่อคนหาขอมูลไดงาย สะดวก รวดเร็ว และดูเปนระเบียบ กระตุน ความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ Expand

ตรวจสอบผล

กระตุน ความสนใจ

Evaluate

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ Expand

ตรวจสอบผล Evaluate

เปาหมายการเรียนรู สมรรถนะของผูเรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค

หน า

โซน 1 กระตุน ความสนใจ

Engage

สํารวจคนหา

Explore

อธิบายความรู

Explain

ขยายความเขาใจ

Expand

ตรวจสอบผล

หน า

หนั ง สื อ เรี ย น

โซน 1

หนั ง สื อ เรี ย น

Evaluate

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T

ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET

O-NET บูรณาการเชื่อมสาระ

เกร็ดแนะครู

ขอสอบ

โซน 2

โซน 3

กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย

นักเรียนควรรู

โซน 3

โซน 2 บูรณาการอาเซียน มุม IT

No.

คูมือครู

คูมือครู

No.

โซน 1 ขั้นตอนการสอนแบบ 5Es

โซน 2 ชวยครูเตรียมสอน

โซน 3 ชวยครูเตรียมนักเรียน

เพื่อใหครูเตรียมจัดกิจกรรมการเรียน การสอน โดยแนะนําขั้นตอนการสอนและ การจัดกิจกรรมแบบ 5Es อยางละเอียด เพื่อใหนักเรียนบรรลุตามตัวชี้วัด

เพื่อชวยลดภาระครูผูสอน โดยแนะนํา เกร็ดความรูสําหรับครู ความรูเสริมสําหรับ นักเรียน รวมทั้งบูรณาการความรูสูอาเซียน และมุม IT

เพื่อใหครูสะดวกตอการจัดกิจกรรม โดย แนะนํากิจกรรมบูรณาการเชือ่ มระหวางสาระหรือ กลุมสาระการเรียนรู วิชา กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย รวมถึงเนื้อหาที่เคยออกขอสอบ O-NET แนวขอสอบ NT/O-NET ทีเ่ นนการคิด พรอมเฉลยและคําอธิบายอยางละเอียด


ที่ใชในคูมือครู

แถบสีและสัญลักษณ

แถบสีแสดงขั้นตอนการสอนและการจัดกิจกรรม แบบ 5Es เพื่อใหครูทราบวาเปนขั้นการสอนขั้นใด

1. แถบสี 5Es สีแดง

สีเขียว

กระตุน ความสนใจ

เสร�ม

สํารวจคนหา

Engage

2

เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใช เทคนิคกระตุน ความสนใจ เพื่อโยง เขาสูบทเรียน

สีสม

อธิบายความรู

Explore

เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนสํารวจ ปญหา และศึกษา ขอมูล

สีฟา

Explain

เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนคนหา คําตอบ จนเกิดความรู เชิงประจักษ

สีมวง

ขยายความเขาใจ Expand

เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนนําความรู ไปคิดคนตอๆ ไป

ตรวจสอบผล Evaluate

เปนขั้นที่ผูสอน ประเมินมโนทัศน ของผูเรียน

2. สัญลักษณ สัญลักษณ

วัตถุประสงค

• เปาหมายการเรียนรู

• หลักฐานแสดง ผลการเรียนรู

• เกร็ดแนะครู

แทรกความรูเสริมสําหรับครู ขอเสนอแนะ ขอควรระวัง ขอสังเกต แนวทางการจัด กิจกรรมและอื่นๆ เพื่อประโยชนในการ จัดการเรียนการสอน ขยายความรูเพิ่มเติมจากเนื้อหา เพื่อให ครูนําไปใชอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียน ไดมีความรูมากขึ้น

ความรูหรือกิจกรรมเสริม ใหครูนําไปใช เตรียมความพรอมใหกับนักเรียนกอนเขาสู ประชาคมอาเซียนใน พ.ศ. 2558 โดย บูรณาการกับวิชาที่กําลังเรียน

บูรณาการอาเซียน

คูม อื ครู

แสดงรองรอยหลักฐานตามภาระงาน ที่ครูมอบหมาย เพื่อแสดงผลการเรียนรู ตามตัวชี้วัด

• นักเรียนควรรู

มุม IT

แสดงเปาหมายการเรียนรูที่นักเรียน ตองบรรลุตามตัวชี้วัด ตลอดจนสมรรถนะ ที่จะตองมี และคุณลักษณะที่พึงเกิดขึ้น กับนักเรียน

แนะนําแหลงคนควาจากเว็บไซต เพื่อให ครูและนักเรียนไดเขาถึงขอมูลความรู ที่หลากหลาย ทั้งไทยและตางประเทศ

สัญลักษณ

ขอสอบ

วัตถุประสงค

O-NET

ชี้แนะเนื้อหาที่เคยออกขอสอบ O-NET โดยยกตัวอยางขอสอบ พรอมวิเคราะหคําตอบ อยางละเอียด

เปนตัวอยางขอสอบที่มุงเนน การคิดและเปนแนวขอสอบ NT/O-NET ในระดับมัธยมศึกษา ตอนตน มีทั้งปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด

เปนตัวอยางขอสอบที่มุงเนน การคิดและเปนแนวขอสอบ O-NET ในระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย มีทั้งปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด

แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม เชื่อมกับสาระหรือกลุมสาระ การเรียนรู ระดับชัน้ หรือวิชาอืน่ ที่เกี่ยวของ

แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม ซอมเสริมสําหรับนักเรียนที่ควร ไดรับการพัฒนาการเรียนรู

แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม ตอยอดสําหรับนักเรียนที่เรียนรู ไดอยางรวดเร็ว และตองการ ทาทายความสามารถในระดับ ที่สูงขึ้น

(เฉพาะวิชา ชัน้ ทีส่ อบ O-NET)

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T (เฉพาะระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนตน)

ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET (เฉพาะระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลาย)

บูรณาการเชื่อมสาระ

กิจกรรมสรางเสริม

กิจกรรมทาทาย


คําแนะนําการใชคูมือครู การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน คูม อื ครู รายวิชา สุขศึกษา ม.2 จัดทําขึน้ เพือ่ ใหครูผสู อนนําไปใชเปนแนวทางวางแผนการสอนเพือ่ พัฒนาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน และประกันคุณภาพผูเรียน ตามนโยบายของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยใช หนังสือเรียน สุขศึกษา ม.2 ของบริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด เปนสื่อหลัก (Core Material) ประกอบการสอน เสร�ม และการจัดกิจกรรมการเรียนรูใ หสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั กลุม สาระการเรียนรู สุขศึกษาและพลศึกษา 3 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พ.ศ. 2551 โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนตามหลักการสําคัญ ดังนี้ 1 ออกแบบการสอนเปนหนวยการเรียนรูอิงมาตรฐาน คูมือครู รายวิชา สุขศึกษา ม.2 วางแผนการสอนโดยแบงเปนหนวยการเรียนรูตามลําดับสาระ (Strand) และ หมายเลขขอของมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั แตละหนวยจะกําหนดเปาหมายการเรียนรูแ ละจุดประสงคการเรียนรู (Objective Learning) กิจกรรมการเรียนรู (Learning Activities) และแนวทางการประเมินผลการเรียนรู (Learning Evaluation) ไวชัดเจน ครูผูสอนสามารถจัดทําแผนการสอนใหครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด สมรรถนะ และคุณลักษณะ อันพึงประสงคที่เปนเปาหมายการเรียนรูตามที่กําหนดไวในสาระแกนกลาง (ตามแผนภูมิ) และสามารถบันทึกผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของผูเรียนแตละคนลงในเอกสาร ปพ.5 ไดอยางมั่นใจ แผนภูมิแสดงความสัมพันธขององคประกอบการออกแบบการเรียนรูอิงมาตรฐานและเนนผูเรียนเปนสําคัญ

พผ

ูเ

จุ ด ป ร

ะสง

คก า

ส ภา

รี ย น

รู ีเรยน

มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัดชั้นป

ทักษะการคิด การวัดประเมินผล การเรียนรู

กิจกรรมการเรียนรู

เทคนิคการสอน คูม อื ครู


2 การจัดการเรียนรูที่ยึดผูเรียนเปนสําคัญ แนวคิ ด ในการจั ด การเรี ย นการสอนที่ ยึ ด ผู  เ รี ย นเป น สํ า คั ญ พั ฒ นามาจากปรั ช ญาและทฤษฎี ก ารเรี ย นรู  Constructivism ที่เชื่อวา การเรียนรูเปนกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในสมองของผูเรียนแตละคน ผูเรียนเปนผูสรางความรู โดยการเชื่อมโยงระหวางสิ่งที่ไดเรียนรูจากบทเรียนใหมกับความรูหรือประสบการณเดิมที่มีอยู ทฤษฎีนี้มีความเชื่อวา ผูเรียนทุกคนไดเรียนรูและมีการสั่งสมความรูความเขาใจเกี่ยวกับสิ่งตางๆ ติดตัวมากอน ทีจ่ ะเขาสูห อ งเรียน ซึง่ เปนการเรียนรูท เี่ กิดจากประสบการณและสิง่ แวดลอมรอบตัวผูเ รียนแตละคน ดังนัน้ การจัดกิจกรรม เสร�ม การเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ผูสอนจะตองคํานึงถึง

4

1. ความรูเดิมของผูเรียน วิธีการสอนที่ดีจะตองเริ่มตนจากจุดที่วา ผูเ รียนมีความรูอ ะไรมาบาง แลวจึงใหความรู หรือประสบการณใหม เพื่อตอยอดจาก ความรูเดิม นําไปสูการสรางความรู ความเขาใจใหม

2. ความรูเดิมของผูเรียนถูกตองหรือไม ผูส อนตองปรับเปลีย่ นความรูค วามเขาใจเดิม ของผูเรียนใหถูกตอง และเปนพฤติกรรม การเรียนรูใ หมทมี่ คี ณุ คาตอผูเรียน เพื่อสราง เจตคติหรือทัศนคติที่ดีตอการเรียนรู สิ่งเหลานั้น

3. ผูเรียนสรางความหมายสําหรับตนเอง ผูสอนตองสงเสริมใหผูเรียนนําความรู ความเขาใจที่เกิดขึ้นไปลงมือปฏิบัติ เพื่อขยายความรูใหลึกซึ้งและมีคุณคา ตอตัวผูเรียนมากที่สุด

แนวคิด Constructivism เนนใหผูเรียนสรางความรูโดยผานกระบวนการคิดและความอยากรูของตนเอง โดยมีผูสอนเปนผูสรางบรรยากาศ

การเรียนรูและกระตุนความสนใจ คอยจัดสถานการณใหผูเรียนเกิดความขัดแยงทางความคิดระหวางประสบการณเดิมกับประสบการณ ความรูใ หม เพือ่ กระตนุ ใหผเู รียนเชือ่ มโยงความรู ความคิด กับประสบการณทมี่ อี ยูเ ดิม แลวสังเคราะหเปนความรูห รือแนวคิดใหมๆ ไดดว ยตนเอง

3 การบูรณาการกระบวนการคิด การเรียนรูของผูเรียนแตละคนจะเกิดขึ้นที่สมอง ซึ่งเปนอวัยวะที่ทําหนาที่รูคิดภายใตสภาพแวดลอมที่เอื้ออํานวย และไดรบั การกระตนุ จูงใจอยางเหมาะสม สอดคลองกับสภาพจิตใจและความตองการของผูเ รียนแตละคน การจัดกิจกรรม การเรียนรูและสาระการเรียนรูที่สอดคลองกับความสนใจและมีความหมายตอผูเรียน จะชวยกระตุนใหสมองของผูเรียน สามารถรับรูและเรียนรูไดอยางมีประสิทธิภาพตามขั้นตอนการทํางานของสมอง ดังนี้ 1. สมองจะเรียนรูและสืบคน โดยการสังเกต คนหา ซักถาม และทดลอง ปฏิบัติ จนทําใหคนพบความรูความเขาใจ ไดอยางรวดเร็ว

2. สมองจะแยกแยะคุณคาของสิ่งตางๆ โดยการตัดสินใจวิพากษวิจารณ แสดง ความคิดเห็น ยอมรับหรือตอตานตาม อารมณความรูสึกที่เกิดขึ้นในขณะที่เรียนรู

3. สมองจะประมวลเนื้อหาสาระ โดยการสรุปเปนความคิดรวบยอดจาก เรื่องราวที่ไดเรียนรูใหมนําไปผสมผสานกับ ความรูห รือประสบการณเดิมทีถ่ กู จัดเก็บอยูใ น สมอง ผานการกลัน่ กรองเพือ่ สังเคราะหเปน ความรูค วามเขาใจใหมๆ หรือเปนทัศนคติใหม ที่จะเก็บบรรจุไวในสมองของผูเรียน

การเรียนรูที่มีประสิทธิภาพจึงตองเปนการเรียนรูที่เกิดจากกระบวนการคิดของผูเรียน เพราะการเรียนรูจะเกิดขึ้น เมื่อสมองรูคิด และตองเปนการคิดไดครบถวนตามขั้นตอนการทํางานของสมองผูเรียน โดยเริ่มตนจาก 1. ระดับการคิดพื้นฐาน ไดแก การสังเกต การจําแนก การคาดคะเน การสื่อความหมาย การรวบรวมขอมูล การสรุปผล เปนตน

คูม อื ครู

2. ระดับลักษณะการคิด ไดแก การคิดกวาง คิดลึกซึ้ง คิดไกล คิดหลากหลาย คิดคลอง คิดอยางมีเหตุผล เปนตน

3. ระดับกระบวนการคิด ไดแก กระบวนการคิดอยางมีวิจารณญาณ กระบวนการแกปญหา กระบวนการ คิดสรางสรรค กระบวนการคิดสังเคราะห เปนตน


5Es การจัดกิจกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ขั้นตอนการสอนที่สัมพันธกับขั้นตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้ ขั้นที่ 1

กระตุนความสนใจ

(Engage)

เสร�ม

5

เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของผูเรียนดวยเรื่องราวหรือเหตุการณที่นาสนใจโดยใชเทคนิควิธีการ และคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูความรูของบทเรียนใหม ชวยใหผูเรียนสามารถ สรุปความสําคัญหัวขอและสาระการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนการสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสราง แรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน

ขั้นที่ 2

สํารวจคนหา

(Explore)

เปนขัน้ ทีผ่ สู อนเปดโอกาสใหผเู รียนลงมือศึกษา สังเกต หรือรวมมือกันสํารวจ เพือ่ ใหเห็นขอบขายของประเด็นหรือปญหา รวมถึง วิธีการศึกษาคนควา การรวบรวมขอมูลความรูที่จะนําไปสูการสรางความเขาใจประเด็นหรือปญหานั้นๆ เมื่อผูเรียนทําความเขาใจใน ประเด็นหรือปญหาที่จะศึกษาคนควาอยางถองแทแลว ก็ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมขอมูลความรู สํารวจตรวจสอบ โดยวิธีการตางๆ เชน สัมภาษณ ทดลอง อานคนควาขอมูลจากเอกสาร แหลงขอมูลตางๆ จนไดขอมูลความรูที่เกี่ยวของกับประเด็นหรือปญหาที่ศึกษา

ขั้นที่ 3

อธิบายความรู

(Explain)

เปนขั้นที่ผูสอนมีปฏิสัมพันธกับผูเรียน เชน ใหการแนะนํา ตั้งคําถามกระตุนใหคิด เพื่อใหผูเรียนคนหาคําตอบ และนําขอมูล ความรูจากการศึกษาคนควาในขั้นที่ 2 มาวิเคราะห สรุปผล และนําเสนอผลที่ไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน เขียนแผนภูมิ ผังมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน ในขั้นตอนนี้ฝกใหผูเรียนใชสมองคิดวิเคราะหและสังเคราะห อยางเปนระบบ

ขั้นที่ 4

ขยายความเขาใจ

(Expand)

เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใชเทคนิควิธีสอนตางๆ ที่สงเสริมใหผูเรียนนําความรูที่เกิดขึ้นไปคิดคนสืบคนตอๆ ไป เพื่อพัฒนาทักษะ การเรียนรูและการทํางานรวมกันเปนกลุม ระดมสมองเพื่อคิดสรางสรรครวมกัน ผูเรียนสามารถนําความรูที่สรางขึ้นใหมไปเชื่อมโยง กับประสบการณเดิมโดยนําขอสรุปทีไ่ ดไปใชอธิบายเหตุการณตา งๆ หรือนําไปปฏิบตั ใิ นสถานการณใหมๆ ทีเ่ กีย่ วของกับชีวติ ประจําวัน ของตนเอง เพื่อขยายความรูความเขาใจใหกวางขวางยิ่งขึ้น ในขั้นตอนนี้ฝกสมองของผูเรียนใหสามารถคิดริเริ่มสรางสรรคอยางมี คุณภาพ เสริมสรางวิสัยทัศนใหกวางไกลออกไป

ขั้นที่ 5

ตรวจสอบผล

(Evaluate)

เปนขัน้ ทีผ่ สู อนประเมินมโนทัศนของผูเ รียน โดยตรวจสอบจากความคิดทีเ่ ปลีย่ นไปและความคิดรวบยอดทีเ่ กิดขึน้ ใหม ตรวจสอบ ทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแกปญหา การตอบคําถามรวบยอด หรือการเคารพความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่น เพื่อการ สรางสรรคความรูร ว มกัน ผูเ รียนสามารถประเมินผลการเรียนรูข องตนเอง เพือ่ สรุปผลวามีความรูอ ะไรเพิม่ ขึน้ มาบาง เกิดความเขาใจ มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ หรือในชีวิตประจําวันไดอยางไร ผูเรียนจะเกิดเจตคติ และเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริง

การจัดกิจกรรมการเรียนรูตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนนผูเรียน เปนสําคัญอยางแทจริง เพราะสงเสริมใหผูเรียนไดเรียนรูตามขั้นตอนของกระบวนการสรางความรูดวยตนเอง และ ฝกฝนใหใชกระบวนการคิดและกระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะชีวิต ทักษะการทํางาน และทักษะการ เรียนรูที่มีประสิทธิภาพ สงผลตอการยกระดับผลสัมฤทธิ์ของผูเรียน ตามเปาหมายของการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการ คูม อื ครู


O-NET การเพิ่มผลสัมฤทธิ์ O-NET

การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ในแตละหนวยการเรียนรู ทางผูจัดทํา จะเสนอแนะวิธีสอน รูปแบบกิจกรรมการเรียนรู พรอมทั้งออกแบบเครื่องมือวัดและประเมินผลที่สอดคลองกับตัวชี้วัด และสาระการเรียนรูแกนกลางไวทุกขั้นตอน โดยยึดหลักสําคัญ คือ หลักของการวัดและประเมินผล เสร�ม

6

1. การวัดและประเมินผลทุกครั้ง ควรนําผลมาปรับปรุงพัฒนาผูเรียน เปนรายบุคคล

2. การวัดและประเมินผลมี เปาหมาย เพื่อพัฒนาการเรียนรู ของผูเรียนจนเต็มศักยภาพ

3. การนําผลการวัดและประเมินผล ทุกครั้งมาวางแผนปรับปรุงกิจกรรม การเรียนการสอน การเลือกเทคนิค วิธีสอน และสื่อการเรียนรูให เหมาะสมกับสภาพจริงของผูเรียน

การทดสอบผูเรียน 1. การใชขอสอบอัตนัย เนนการอาน การคิดวิเคราะห และการเขียนเพิ่มมากขึ้น 2. การใชคําถามกระตุนการคิดควบคูกับการทําขอสอบที่เนนการคิดอยางตอเนื่องตามลําดับกิจกรรมการเรียนรู และตัวชี้วัด 3. การทดสอบตองดําเนินการทั้งกอนเรียน ระหวางเรียน และหลังเรียน การทดสอบควรใชขอสอบทั้งชนิดปรนัยและ อัตนัย และเปนการทดสอบเพื่อประเมินผลการเรียนของผูเรียนแตละคน เพื่อการสอนซอมเสริมใหบรรลุตัวชี้วัด ไดครบถวน 4. การสอบกลางภาค (ถามี) ควรนําแบบฝกหัดหรือขอสอบทีน่ กั เรียนสวนใหญไมสามารถตอบไดหรือไมครบถวนชัดเจน มา สรางเปนแบบทดสอบอีกครัง้ เพือ่ ตรวจสอบความรูค วามเขาใจทีถ่ กู ตอง และประเมินความกาวหนาของผูเ รียนแตละคน 5. การสอบปลายภาคเรียนเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามตัวชี้วัดที่สําคัญ ควรออกขอสอบใหมีลักษณะเดียวกับ ขอสอบ O-NET โดยเนนการคิดวิเคราะห สังเคราะห เชื่อมโยงประยุกตใช เพื่อสรางความคุนเคย และฝกฝน วิธีการทําขอสอบดวยความมั่นใจ 6. การนําผลการทดสอบของผูเรียนมาวิเคราะห โดยผลการสอบกอนการเรียนตองสามารถพยากรณผลการสอบ กลางภาค และผลการสอบกลางภาคตองทํานายผลการสอบปลายภาคของผูเ รียนแตละคน เพือ่ ประเมินพัฒนาการ ความกาวหนาของผูเรียนเปนรายบุคคล 7. ผลการทดสอบปลายป ปลายภาค ตองมีคาเฉลี่ยสอดคลองกับคาเฉลี่ยของการสอบ NT ที่เขตพื้นที่การศึกษา จัดสอบ รวมทั้งคาเฉลี่ยของการสอบ O-NET ชวงชั้นที่สอดคลองครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดสําคัญ เพือ่ สะทอนประสิทธิภาพของครูผสู อนในการออกแบบการเรียนรูแ ละประกันคุณภาพผูเ รียนทีต่ รวจสอบผลไดชดั เจน การจัดการเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ตองใหผูเรียนไดสั่งสมความรู ความเขาใจตามลําดับขั้นตอน ของกิจกรรมในวัฏจักรการเรียนรู 5Es เพื่อใหผูเรียนไดเติมเต็มองคความรูอยางตอเนื่อง จนสามารถปฏิบัติชิ้นงานหรือ ภาระงานรวบยอดของแตละหนวย ผานเกณฑประกันคุณภาพในระดับที่นาพึงพอใจ เพื่อรองรับการประเมินภายนอกจาก สมศ. ตลอดเวลา คูม อื ครู


ASEAN การเรียนรูสูประชาคมอาเซียน เพื่ออํานวยความสะดวกแกครูผูสอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรูบูรณาการอาเซียนศึกษา ผูจัดทําไดวิเคราะห มาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัดที่มีสาระการเรียนรูสอดคลองกับองคความรูเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนในแงมุมตางๆ ครอบคลุมทัง้ ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรม อาเซียน เพื่อสงเสริมการเรียนรูใหผูเรียนเกิดความตระหนัก มีความรูความเขาใจเหมาะสมกับระดับชั้นและกลุมสาระ การเรียนรู โดยเสนอแนะวิธีการจัดกิจกรรมบูรณาการเนื้อหาสาระตางๆ ที่เปนประโยชนตอผูเรียนและเปนการชวย เตรียมความพรอมผูเรียนทุกคนที่จะกาวเขาสูการเปนสมาชิกของประชาคมอาเซียนไดอยางมั่นใจตามขอตกลงปฏิญญา ชะอํา-หัวหิน วาดวยความรวมมือดานการศึกษาเพื่อบรรลุเปาหมายประชาคมอาเซียนที่เอื้ออาทรและแบงปน จึงกําหนด เปนนโยบายใหกระทรวงศึกษาธิการจัดการเรียนรูเตรียมความพรอมผูเรียนเขาสูประชาคมอาเซียนภายในป พ.ศ. 2558 ตามแนวปฏิบัติที่สําคัญ ดังนี้

เสร�ม

7

การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน 1. การสรางความรูความเขาใจ และตระหนักถึงความสําคัญของ กฎบัตรอาเซียน และความรวมมือ ของ 3 เสาหลัก ซึง่ กฎบัตรอาเซียน ในขณะนี้มีสถานะเปนกฎหมายที่ ประเทศสมาชิกจะตองปฏิบัติตาม หลักการที่กําหนดไวเพื่อใหบรรลุ เปาหมายของกฎบัตรมาตราตางๆ

2. การสงเสริมหลักการ ประชาธิปไตยและการสราง สิ่งแวดลอมประชาธิปไตย เพื่อการอยูรวมกันอยางกลมกลืน ภายใตวิถีชีวิตอาเซียนที่มีความ หลากหลายดานสังคมและ วัฒนธรรม

4. การตระหนักในคุณคาของ สายสัมพันธทางประวัติศาสตร และมรดกทางวัฒนธรรมที่มี พัฒนาการรวมกัน เพื่อเชื่อม อัตลักษณและสรางจิตสํานึก ในการเปนประชากรของประชาคม อาเซียนรวมกัน

3. การสงเสริมการศึกษาดาน สิทธิมนุษยชน เพื่อสรางประชาคม อาเซียนใหเปนประชาคมเพื่อ ประชาชนอยางแทจริง สามารถ อยูรวมกันไดบนพื้นฐานการเคารพ ในคุณคาของศักดิ์ศรีแหงความ เปนมนุษยเทาเทียมกัน

5. การสงเสริมสันติภาพ ความ มั่นคง และความปรองดองในสังคม ทั้งระดับประเทศและภูมิภาคของ อาเซียนบนพื้นฐานสันติวิธีและการ อยูรวมกันดวยขันติธรรม

คูม อื ครู


การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

เสร�ม

8

1. การพัฒนาทักษะการทํางาน เพื่อเสริมสรางผูเรียนใหมีทักษะ วิชาชีพที่จําเปนสอดคลองกับ ความตองการของตลาดแรงงาน และสถานประกอบการในอาเซียน สามารถเทียบโอนผลการเรียน และการทํางานตามมาตรฐานฝมือ แรงงานในภูมิภาคอาเซียน

2. การเสริมสรางวินัย ความรับผิดชอบ และเจตคติรักการทํางาน สามารถพึ่งพาตนเอง มีทักษะชีวิต ดํารงชีวิตอยางมีความสุข เห็นคุณคา และภูมิใจในตนเอง ในฐานะที่เปนพลเมืองไทยและ อาเซียน

3. การเรียนรูเพื่อพัฒนาตนเอง อยางตอเนื่องตลอดชีวิต ใหมี ทักษะการทํางานตามมาตรฐาน อาชีพ และคุณวุฒิของวิชาชีพสาขา ตางๆ เพื่อรองรับการเตรียมเคลื่อน ยายแรงงานมีฝมือและการเปน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่ เขมแข็ง เพื่อสรางขีดความสามารถ ในการแขงขันในเวทีโลก

การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน 1. การเสริมสรางความรวมมือ ในลักษณะสังคมที่เอื้ออาทร ของประชากรอาเซียน โดยยึด หลักการสําคัญ คือ ความงดงาม ของประชาคมอาเซียนมาจาก ความแตกตางและหลากหลายทาง วัฒนธรรมที่ลวนแตมีคุณคาตอ มรดกทางวัฒนธรรมของอาเซียน ซึ่งประชาชนทุกคนตองอนุรักษ สืบสานใหยั่งยืน

2. การเสริมสรางคุณลักษณะ ของผูเรียนใหเปนพลเมืองอาเซียน ที่มีศักยภาพในการกาวเขาสู ประชาคมอาเซียนอยางมั่นใจ เปนผูที่มีสุขภาพสมบูรณแข็งแรง มีทักษะการสื่อสาร ทักษะการ ทํางาน ทักษะทางสังคม สามารถ ทํางานรวมกับผูอื่นไดอยาง สรางสรรค และมีองคความรู เกี่ยวกับอาเซียนที่จําเปนตอการ ดํารงชีวิตอยางมีคุณภาพ

4. การสงเสริมการเรียนรูดาน ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถชี วี ติ ความเปนอยูข องเพือ่ นบาน ในอาเซียน เพื่อสรางจิตสํานึกของ ความเปนประชาคมอาเซียนและ ตระหนักถึงหนาที่ของการเปน พลเมืองอาเซียนรวมกัน

3. การสงเสริมการเรียนรูภาษา อังกฤษเพื่อการสื่อสารและการ ทํางานตามมาตรฐานอาชีพที่ กําหนดและสนับสนุนการเรียนรู ภาษาอาเซียนและภาษาเพื่อนบาน เพื่อชวยเสริมสรางสัมพันธภาพทาง สังคม และการอยูรวมกันอยางสันติ ทามกลางความหลากหลายทาง วัฒนธรรม

5. การสรางความรูและความ ตระหนักเกี่ยวกับดานสิ่งแวดลอม ปญหาและผลกระทบตอคุณภาพ ชีวิตของประชากรในภูมิภาค รวมทั้งแนวทางการพัฒนาอยาง ยั่งยืน ใหเปนมรดกสืบทอดแก พลเมืองอาเซียนในรุนหลังตอๆ ไป

กระทรวงศึกษาธิการจึงประกาศนโยบายการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) เพื่อเรงพัฒนาเด็ก และเยาวชนไทยใหเปนทรัพยากรมนุษยของชาติที่มีทักษะและความชํานาญ พรอมเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงและ การแขงขันทั้งในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆ ของสังคมโลก ทั้งนี้ผูบริหารสถานศึกษา ครูผูสอน และผูปกครอง ควรรวมมือกันอยางใกลชิดในการดูแลชวยเหลือผูเรียนและจัดประสบการณการเรียนรูเพื่อพัฒนาผูเรียนจนเต็มศักยภาพ เพื่อกาวเขาสูการเปนพลเมืองอาเซียนอยางมีเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีความเปนมนุษยของตน คณะผูจัดทํา คูม อื ครู


ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง สาระที่ 1

สุขศึกษา (เฉพาะชั้น ม.2)*

การเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย

มาตรฐาน พ 1.1 เขาใจธรรมชาติของการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย ชั้น

ตัวชี้วัด

สาระการเรียนรูแกนกลาง

ม.2 1. อธิบายการเปลี่ยนแปลงดานรางกาย • การเปลี่ยนแปลงดานรางกาย จิตใจ จิตใจ อารมณ สังคม และสติปญญา อารมณ สังคม และสติปญญาในวัยรุน ในวัยรุน 2. ระบุปจจัยที่มีผลกระทบตอการเจริญ • ปจจัยที่มผี ลกระทบตอการเจริญเติบโต เติบโต และพัฒนาการดานรางกาย และพัฒนาการดานรางกาย จิตใจ อารมณ จิตใจ อารมณ สังคม และสติปญญา สังคม และสติปญญา - พันธุกรรม ในวัยรุน - สิ่งแวดลอม - การอบรมเลี้ยงดู

สาระที่ 2

หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน

เสร�ม

9

• หนวยการเรียนรูที่ 1 การเจริญเติบโตและพัฒนาการ ของวัยรนุ

ชีวิตและครอบครัว

มาตรฐาน พ 2.1 เขาใจและเห็นคุณคาตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมีทักษะในการดําเนินชีวิต ชั้น

ตัวชี้วัด

สาระการเรียนรูแกนกลาง

ม.2 1. วิเคราะหปจจัยที่มีอิทธิพลตอเจตคติ • ปจจัยที่มีอิทธิพลตอเจตคติในเรื่องเพศ ในเรื่องเพศ - ครอบครัว - วัฒนธรรม - เพื่อน - สื่อ 2. วิเคราะหปญหาและผลกระทบที่เกิด • ปญหาและผลกระทบที่เกิดจากการมี จากการมีเพศสัมพันธในวัยเรียน เพศสัมพันธในวัยเรียน • โรคติดตอทางเพศสัมพันธ 3. อธิบายวิธีปองกันตนเองและ • โรคเอดส หลีกเลี่ยงจากโรคติดตอทาง เพศสัมพันธ เอดส และการตั้งครรภ • การตั้งครรภโดยไมพึงประสงค โดยไมพึงประสงค • ความสําคัญของความเสมอภาคทางเพศ 4. อธิบายความสําคัญของความ เสมอภาคทางเพศ และวางตัวได • การวางตัวตอเพศตรงขาม • ปญหาทางเพศ อยางเหมาะสม • แนวทางการแกไขปญหาทางเพศ

หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน

• หนวยการเรียนรูที่ 2 เพศกับวัยรุน

• หนวยการเรียนรูท ี่ 3 ความเสมอภาคทางเพศ

หมายเหตุ : สําหรับสาระที่ 3 จะอยูในหนังสือเรียนพลศึกษา ม.2 ของ อจท. _________________________________ * สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง กลุมสาระการเรียนรู สุขศึกษาและพลศึกษา. (กรุงเทพมหานคร : ชุมนุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย, 2551), หนา 7-47.

คูม อื ครู


สาระที่ 4

การสรางเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการปองกันโรค

มาตรฐาน พ 4.1 เห็นคุณคาและมีทักษะในการสรางเสริมสุขภาพ การดํารงสุขภาพ การปองกันโรค และการสรางเสริม สมรรถภาพเพื่อสุขภาพ ชั้น

เสร�ม

10

ตัวชี้วัด

ม.2 1. เลือกใชบริการทางสุขภาพอยางมี เหตุผล

สาระการเรียนรูแกนกลาง • การเลือกใชบริการทางสุขภาพ

2. วิเคราะหผลของการใชเทคโนโลยีที่ • ผลกระทบของเทคโนโลยี ที่มีตอสุขภาพ มีตอสุขภาพ 3. วิเคราะหความเจริญกาวหนา • ความเจริญกาวหนาทางการแพทยที่มีผล ทางการแพทยที่มีผลตอสุขภาพ ตอสุขภาพ 4. วิเคราะหความสัมพันธของภาวะ สมดุลระหวางสุขภาพกายและ สุขภาพจิต 5. อธิบายลักษณะอาการเบื้องตนของ ผูมีปญหาสุขภาพจิต 6. เสนอแนะวิธีปฏิบัติตนเพื่อจัดการ กับอารมณและความเครียด 7. พัฒนาสมรรถภาพทางกายตนเอง ใหเปนไปตามเกณฑที่กําหนด

สาระที่ 5

• ความสมดุลระหวางสุขภาพกายและ สุขภาพจิต • ความสมดุลระหวางสุขภาพกายและ สุขภาพจิต • วิธีปฏิบัติตนเพื่อจัดการกับอารมณและ ความเครียด • เกณฑสมรรถภาพทางกาย • การพัฒนาสมรรถภาพทางกาย

หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน • หนวยการเรียนรูท ี่ 7 การเลือกใชบริการสุขภาพในชีวติ ประจําวัน • หนวยการเรียนรูที่ 8 เทคโนโลยีทางสุขภาพและ ความเจริญกาวหนาทางการ แพทย • หนวยการเรียนรูท ี่ 4 สุขภาพกายและสุขภาพจิต • หนวยการเรียนรูที่ 6 อารมณและความเครียด • หนวยการเรียนรูท ี่ 5 การพัฒนาสมรรถภาพทางกาย

ความปลอดภัยในชีวิต

มาตรฐาน พ 5.1 ปองกันและหลีกเลี่ยงปจจัยเสี่ยง พฤติกรรมเสี่ยงตอสุขภาพ อุบัติเหตุ การใชยา สารเสพติด และความรุนแรง ชั้น

ตัวชี้วัด

ม.2 1. ระบุวิธีการ ปจจัยและแหลงที่ ชวยเหลือ ฟนฟูผูติดสารเสพติด 2. อธิบายวิธีการหลีกเลี่ยงพฤติกรรม เสี่ยงและสถานการณเสี่ยง

3. ใชทักษะชีวิตในการปองกันตนเอง และหลีกเลี่ยงสถานการณคับขันที่ อาจนําไปสูอันตราย

คูม อื ครู

สาระการเรียนรูแกนกลาง • วิธีการ ปจจัยและแหลงที่ชวยหลือฟนฟู ผูติดสารเสพติด • การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงและ สถานการณเสี่ยง - การมั่วสุม - การทะเลาะวิวาท - การเขาไปในแหลงอบายมุข - การแขงจักรยานยนตบนทองถนน ฯลฯ • ทักษะชีวิตในการปองกันตนเอง (ทักษะปฏิเสธ ทักษะการตอรอง ฯลฯ) และหลีกเลี่ยงสถานการณคับขันที่อาจ นําไปสูอันตราย

หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน • หนวยการเรียนรูท ี่ 9 การหลีกเลีย่ งพฤติกรรมเสีย่ งและ สถานการณเสีย่ งตออันตราย

• หนวยการเรียนรูที่ 10 การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง และสถานการณเสี่ยงตอ อันตราย


คําอธิบายรายวิชา รายวิชา สุขศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 รหัสวิชา พ…………………………………

กลุมสาระการเรียนรู สุขศึกษาและพลศึกษา ภาคเรียนที่ 1-2 เวลา 40 ชั่วโมง/ป

ศึกษา วิเคราะห และอธิบายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงดานรางกาย จิตใจ อารมณ สังคม และสติปญญา ในวัยรุน ปจจัยที่มีผลกระทบตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการดานรางกาย จิตใจ สังคม และสติปญญาในวัยรุน เสร�ม ปจจัยที่มีอิทธิพลตอเจตคติในเรื่องเพศ ปญหาและผลกระทบที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธในวัยเรียน วิธีปองกัน 11 ตนเองและหลีกเลีย่ งจากโรคติดตอทางเพศสัมพันธ เอดส และการตัง้ ครรภไมพงึ ประสงค ความสําคัญของความ เสมอภาคทางเพศ และวางตัวไดอยางเหมาะสม ความสัมพันธของภาวะสมดุลระหวางสุขภาพกายและสุขภาพจิต พัฒนาสมรรถภาพทางกายตนเองใหเปน ไปตามเกณฑทกี่ าํ หนด ลักษณะอาการเบือ้ งตนของผูม ปี ญ หาสุขภาพจิต วิธปี ฏิบตั ติ นเพือ่ จัดการกับอารมณและ ความเครียด เลือกใชบริการทางสุขภาพอยางมีเหตุผล ผลของการใชเทคโนโลยีและความเจริญกาวหนาทางการ แพทยที่มีตอ สุขภาพ วิธีการ ปจจัย และแหลงที่ชวยเหลือฟนฟูผูติดสารเสพติด วิธีการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง และสถานการณเสี่ยง ใชทักษะชีวิตในการปองกันตนเองและหลีกเลี่ยงสถานการณคับขันที่อาจนําไปสูอันตราย โดยใชกระบวนการเรียนรูแบบรวมมือ คิดวิเคราะห สังเคราะห อภิปราย สืบคนขอมูล ตั้งคําถาม และ การเผชิญสถานการณและการแกปญหา เพือ่ ใหเกิดความรู ความเขาใจ มีเจตคติ และคานิยมทีถ่ กู ตองในการเสริมสรางสุขภาพและพัฒนาคุณภาพ ชีวิตอยางยั่งยืน รวมถึงสามารถนําความรู ตลอดจนประสบการณที่ไดรับไปปรับใชใหเกิดประโยชนสูงสุดในการ ดําเนินชีวิต ตัวชี้วัด พ 1.1 พ 2.1 พ 4.1 พ 5.1

ม.2/1 ม.2/1 ม.2/1 ม.2/1

ม.2/2 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/2 ม.2/3 รวม 16 ตัวชี้วัด

ม.2/4 ม.2/4

ม.2/5

ม.2/6

ม.2/7

คูม อื ครู


ตาราง

วิเคราะหมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั รายวิชา สุขศึกษา ม.2

คําชี้แจง : ใหผูสอนใชตารางนี้ตรวจสอบความสอดคลองของเนื้อหาสาระการเรียนรูในหนวยการเรียนรูกับมาตรฐาน การเรียนรูและตัวชี้วัดชั้นป เสร�ม

12

สาระที่ 2 มาตรฐานการเรียนรู สาระที่ 1 และตัวชี้วัด มาตรฐาน มาตรฐาน พ 1.1 พ 2.1 ตัวชี้วัด ตัวชี้วัด หนวยการเรียนรู 1 2 1 2 3 4 หนวยการเรียนรูที่ 1 : การเจริญเติบโตและ พัฒนาการของวัยรุน หนวยการเรียนรูที่ 2 : เพศกับวัยรุน หนวยการเรียนรูที่ 3 : ความเสมอภาคทางเพศ

สาระที่ 4 มาตรฐาน พ 4.1 1

ตัวชี้วัด 2 3 4 5

6

7

หนวยการเรียนรูที่ 4 : สุขภาพกายและสุขภาพจิต

หนวยการเรียนรูที่ 5 : การพัฒนาสมรรถภาพทางกาย

หนวยการเรียนรูที่ 6 : อารมณและความเครียด หนวยการเรียนรูที่ 7 : การเลือกใชบริการสุขภาพ ในชีวิตประจําวัน หนวยการเรียนรูที่ 8 : เทคโนโลยีทางสุขภาพและ ความเจริญกาวหนา ทางการแพทย หนวยการเรียนรูที่ 9 : การชวยเหลือฟนฟูผูติด สารเสพติด หนวยการเรียนรูที่ 10 : การหลีกเลีย่ งพฤติกรรมเสีย่ ง และสถานการณเสี่ยงตอ อันตราย คูม อื ครู

สาระที่ 5 มาตรฐาน พ 5.1 ตัวชี้วัด 1 2 3


กระตุน ความสนใจ Engage

สํารวจคนหา Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ Expand

ตรวจสอบผล Evaluate

˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹

สุขศึกษา ม.๒ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๒

กลุมสาระการเรียนรูสุขศึกษาและพลศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

ผูเรียบเรียง

รศ. ดร. พรสุข หุนนิรันดร รศ. ดร. ประภาเพ็ญ สุวรรณ ผศ. ดร. สุรียพันธุ วรพงศธร ดร. อนันต มาลารัตน

ผูตรวจ

ผศ. ดร. ทรงพล ตอนี ผศ. รัตนา เจริญสาธิต นางสาวกัญจนณัฏฐ ตะเภาพงษ

บรรณาธิการ

รศ. ดร. จุฬาภรณ โสตะ นายสมเกียรติ ภูระหงษ พิมพครั้งที่ ๙

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ ISBN : 978-616-203-131-1 รหัสสินคา ๒๒๑๔๐๙๘

¤Œ¹¤ÇÒÁÃÙŒ¢ÂÒ¤ÇÒÁ¤Ô´¨Ò¡

¾ÔÁ¾ ¤ÃÑ駷Õè 1 ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ 2244042

EB GUIDE

ที่พิมพกํากับหัวขอสําคัญในหนังสือเรียนหลักสูตรแกนกลางฯ ผาน www.aksorn.com ไปยังแหลงความรูทั่วไทย-ทั่วโลก

คณะผูจัดทําคูมือครู เบญจพร ทองมาก ธงชัย หวลถึง


กระตุน ความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

¤íÒ˹í¹ÑÒ §Ê×ÍàÃÕ¹ ¤íÒá¹Ð¹íÒ㹡ÒÃ㪌

หนังสือเรียน รายวิ ชาพื้นฐาน มนี้ ใชประกอบการเรี ชาพื้นฐาน กลุ้ นม สาระการเรี ย นรูสุ สขุ ขศึศึกกษาเล ษาและพลศึ ก ษา ตามหลัยนการสอนรายวิ ก สู ต รแกนกลางการศึ ก ษาขั สาระการเรียนรูสุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๒ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ จะศึกษาเกีย่ วกับเรือ่ งการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษย เนื้อหาตรงตามสาระการเรียนรูแกนกลางขั้นพื้นฐาน อานทําความเขาใจงาย ใหทั้งความรูและ ชีวิตและครอบครัว การเคลื่อนไหว การออกกําลังกาย การเลนเกม กีฬาไทย กีฬาสากล ชวยพัฒนาผูเรียนตามหลักสูตรและตัวชี้วัด เนื้อหาสาระแบงออกเปนหนวยการเรียนรูตามโครงสรางรายวิชา การสรยานการสอนและการวั งเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ การปนผล องกันพรโรค และความปลอดภั ยในชี สะดวกแกการจัดการเรี ดผลประเมิ อมเสริ มองคประกอบอื ่นๆวิตที่จะชวยทําให ผูเรียนไดรับความรูอยางมีโดยมี ประสิเปทาธิหมายเพื ภาพ ่อการดํารงสุขภาพ การสรางเสริมสุขภาพ การพัฒนาคุณภาพชีวิต ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§ àÊÃÔÁÊÒÃШҡà¹× ¨Ò¡ ของบุคคล ครอบครัว และชุà¹×ãËŒมéͤËҵçµÒÁÊÒÃСÒÃàÃÕ ชนให ยั�งéÍยืµ‹Íน¡ÒùíสํÒาÂä»ãªŒ หรัÊบ͹à¾× สาระสุ นใหผูเÍé รีËҹ͡àË¹× ยนพัฒÍนา ÇÒÁÃÙŒáÅÐàÍ× èÍ ขศึกษามุ·ÕงÁè ãÕเน ¹ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙጠ¡¹¡ÅÒ§ à¾×Íè ãËŒºÃÃÅصÑǪÕéÇÑ´ áÅÐÊÌҧ¤Ø³ÅѡɳРพฤติกรรมดานความรู เจตคติÍѹคุ¾Öณ§»ÃÐʧ¤ ธรรม คานิยม และการปฏิบัติเกี่ยวกัà¾Ô¡ÇŒบèÁÒ¾Ù§¢ÇÒ§ÍÍ¡ä» สุ¹ขáÅТÂÒ¾ÃÁá´¹¤ÇÒÁÃÙ ภาพควบคูกันไปŒãËŒ

¨Ñ´¡ÅØ‹Áà¹×éÍËÒ໚¹Ë¹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ Êдǡᡋ¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹

à¡ÃÔè¹¹íÒà¾×èÍãˌࢌÒ㨶֧ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ ã¹Ë¹‹Ç·Õè¨ÐàÃÕ¹

ในการจัดทําหนังสือเรียนเพื่อใชประกอบการเรียนการสอนกลุมสาระการเรียนรู สุขศึกษาและพลศึกษา ในระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนตน แตละชัน้ จะประกอบดวยหนังสือเรียน สุขศึกษา ๑ เลม และหนังสือเรียนพลศึกษา ๑ เลม ซึ�งสถานศึกษาควรใชควบคูกันเพื่อ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีของผูเรียน ñ. ÇÑÂÃØ‹¹áÅСÒÃà»ÅÕè¹á»Å§

การเจริญเติบโต และพัฒนาการของวัยรุ่น

วุฒิภาวะ ดังนั้น วัยรุนจึงเปนวัยที่นับ วัยรุน (Adolescence) แปลวา การเจริญเติบโตไปสู ุตรไดเปนสําคัญ ซึ่งขอกําหนดนี้จะแตกตางกัน จากการมีวุฒิภาวะทางเพศ คือ สามารถที่จะมีบ โตของรางกาย สภาพภูมิอากาศ ประเพณี และ บ เติ ญ การเจริ บ ั ก  อยู น ้ ขึ ะชนชาติ ล แต ออกไปตาม จะถือวาวัยรุนอยูในชวงอายุ ๑๐ - ๒๐ ป วัฒนธรรมที่แตกตางกัน แตโดยทั่วไปแลว สวนใหญ วง ดังนี้ ซึ่งสามารถแบงชวงวัยของวัยรุนออกไดเปน ๓ ช กระบบ โดยจะอยูในชวง ๑) วัยแรกรุน เปนชวงที่มีการเปลี่ยนแปลงทางรางกายทุ ่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางรางกาย ซึ่งจะสง อายุ ๑๐ - ๑๓ ป เด็กในวัยนี้ มักคิดหมกมุนกังวลเกี ย า วนง และแปรปร ด ผลกระทบไปยังจิตใจ ทําใหอารมณหงุดหงิ างกายที่มีการเปลี่ยนแปลง ๒) วัยรุนตอนกลาง เปนชวงที่วัยรุนจะยอมรับสภาพร ๑๔ - ๑๖ ป เด็กในวัยนีจ้ ะเริม่ มีความคิดทีล่ กึ ซึง้ เปนหนุม เปนสาวไดแลว ซึง่ อยูใ นชวงอายุประมาณ วเอง และพยายามเอาชนะ ของตั ว ตั น ความเป อ ่ ื องตนเองเพ ข จึงหันมาใฝอุดมการณ หาเอกลักษณ ความรูสึกแบบเด็กๆ ที่ผูกพันพึ่งพาพอแม หรือ ๒๐ ป เปนชวงเวลาของ ๓) วัยรุนตอนปลาย จะอยูในชวงอายุ ๑๗ - ๑๙ ป เ่ หมาะสมกับตนเองในอนาคต เปนชวงเวลาทีจ่ ะ การฝกฝนอาชีพ รวมทัง้ ตัดสินใจทีจ่ ะเลือกอาชีพที บโตเต็มที่และบรรลุนิติภาวะในทางกฎหมาย มีความผูกพันกับเพื่อนตางเพศ สภาพทางรางกายเติ เปลี่ยนแปลงที่เปนแบบฉบับเฉพาะของ ทัง้ นีว้ ยั รุน แตละคนนัน้ จะมีการเจริญเติบโตและการ เมื่อเด็กยางเขาสูวัยรุน ตอมไรทอตางๆ จะผลิต คล ค ะบุ ล ต ออกไปในแ น งกั า จะแตกต ง ่ ซึ ตนเอง อยางสมบูรณ เชน ตอมเพศของ งานได า ํ ท งกายให า นของร ว ฮอรโมนเพื่อกระตุนในอวัยวะบางส วัยรุนชายจะสรางฮอรโมนเพศชาย ตอมเพศ ของวัยรุน หญิงจะสรางฮอรโมนเพศหญงิ เพือ่ ให แสดงลักษณะเฉพาะของเพศตนเองออกมา ซึ่งโดยทั่วไปแลววัยรุนจะมีการเจริญเติบโตและ การเปลี่ยนแปลงมากขึ้นในทุกดาน รวมทั้ง เริ่มมีความตองการที่แตกตางออกไปจากตอน เปนเด็ก การเปลี่ยนแปลงสําคัญที่เปนลักษณะ เฉพาะในวั ย รุ  น คื อ การเปลี่ ย นแปลงด า น รางกาย จิตใจ อารมณ สังคม และสติปญญา บ โตและ วั ย รุ น เพศชายและ เพศหญิ ง มี ก ารเจริ ญ เติ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ างกัน

เสริมสาระ

๑๐ เคล็ดลับ เพื่อหางไกลแพ

ทย

แมวาภาครัฐจะจัดใหบริการสุขภาพแก ประชาชนอยางเต็มที่ แตหากเราไม จะไดไมเกิดความทุกขทรมาน เจ็บปวยเลยก็จะเปนสิ่งที่ดีกวา เพราะ และไมตองเสียเวลาไปรอรับการบริ การจากสถานบริการสุขภาพ ตลอดจนไ คาใชจายในการรักษาพยาบาลด มตองเสีย วย ดังนั้น เราทุกคนจึงควรเสริ มสรางและรักษารางกายใหแข็ง เจ็บปวย ซึ่งสามารถปฏิบัติได ดัง แรง เพื่อปองกันมิให นี้ ๑. การรับประทานอาหาร มีแ นวปฏิบัติไดหลาย อยาง อาทิ รับประทานอาหารที ่สด สะอาด และปลอด สารพิ ษ รั บ ประทานอ าหารให ค รบ ๕ หมู โดยเน น อาหารที่มีกากใยมาก เชน ธัญ พืช ผัก ผลไม เปนตน รวมถึงควรดื่มนมดวย หลีกเลี่ย งการรับประทานอาหาร กึ่ ง สุ ก กึ่ ง ดิ บ อาหารหมั ก ดอง อาหารที่ มี สี สั น ฉู ด ฉาด และอาหารทีม่ รี สจัด เชน อาหารที ม่ รี สเค็มจัด จะทําใหเปน โรคไต อาหารที่มีรสหวานจัด จะทํ าใหเปนโรคเบาหวาน อาหารที่มีรสเผ็ดจัด จะทําใหเ ปนโรคกระเพาะอาหาร เปนตน ดื่มน้ําสะอาดอยางนอยวั นละ ๘ แกว ๒. ออกกําลังกายอยางสม่ําเสมอ เพราะจะทําให การรักษาความสะอาดบริ ร า งกายแข็ ง แรงและป อ งกั น โรคหลาย เวณบา ชนิ ด เช น โรค ใหเกิดความรมรื่นสวยงาม เป นและหมัน่ ปลูกตนไมดอกไม นวิธีการหนึ่งที่จะชวยปองกัน หลอดเลือดหัวใจตีบ โรคเบาหวาน การเกิดโรคได เปนตน ๓. ดูแลรักษารางกายใหสะอาด ดวยการอาบน้ําทุกวัน อยางนอ ยวันละ ๒ ครั้ง โดยใชสบูฟอกทุ รางกายใหสะอาด จากนั้นลางด กสวนของ วยน้ําและเช็ดตัวใหแหงดวยผา สะอาด แปรงฟนอยางนอยวัน ยาสีฟนที่มีสวนผสมของฟลูออไรด ละ ๒ ครั้ง โดยใช สระผมอยางนอยสัปดาหละ ๒ ครั ้ง ขับถายอุจจาระใหเปนเวลาทุก ๔. นอนหลับพักผอนใหเพียงพออย วันในตอนเชา างนอยวันละ ๖ - ๘ ชั่วโมง และควรเข ทําใหสดชื่นกระปรี้กระเปรามากกว านอนแตหัวค่ําแลวตื่นตอนเชา าการนอนดึกแลวตื่นสาย จะ ๕. จัดสิ่งแวดลอมภายในบานและรอบ บานใหนาอยูอาศัย เชน หมั่นปด และผามานรับสายลมและแสงแดด กวาดเช็ดถูมิใหบานสกปรก เปด หนาตาง มิใหบานอับชื้นและชวยใหเกิดความสดช ื่น กําจัดขยะมิใหสงกลิ่นเหม็นรบกวนแล เปนแหลงเพาะพันธุเชื้อโรค ปลูก ตนไม ดอกไมใหอากาศบริสุทธิ์ ะ ๖. ทําจิตใจใหราเริงแจมใสอยูเ สมอ มองโลกในแงดี และรูจักการให อภัย ๗. สรางความสัมพันธในครอบคร ัวใหอบอุน มอบความรัก ความเข าใจ และความเอื้ออารีใหแกกันและกั ๘. ควรหาเวลาผอนคลายความเคร น งเครียดจากการทํางานหรือการเรี ยนหนังสือบาง เพราะการคร่ําเคร เวลา อาจทําใหรางกายเกิดการเจ็ บปวยไดงาย งตลอด ๙. งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล  กาแฟ ชา น้ําอัดลม และงดสูบบุ หรี่ รวมถึงสารเสพติดทุกชนิด ๑๐. งดการสําสอนทางเพศ เพื ่อปองกันโรคติดตอทางเพศสัมพั นธ เชน โรคเอดส โรคซิฟลิส เป นตน

ทั้งน�้หนังสือเรียนสุขศึกษา ภายในเลมออกแบบเปนหนวยการเรียนรูที่มีเน�้อหาสาระ ตรงตามสาระการเรียนรูแกนกลาง และเอื้อตอการนําไปใชจัดการเรียนการสอนใหบรรลุ ตัวชี้วัดตามที่หลักสูตรไดกําหนดไว โดยในหนาหนวยแตละหนวยจะมีตัวชี้วัดและสาระ การเรียนรูระบุไวให ซึ�งนอกจากเน�้อหาสาระที่อานทําความเขาใจงาย บรรจุแนนไปดวย องคความรูตางๆ แลว ยังมีการออกแบบจัดหนาแบบใหม เพื่อชวยใหอานงาย สบายตา µÑǪÕÇé ´Ñ áÅÐÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙጠ¡¹¡ÅÒ§Ï µÒÁ·ÕËè ÅÑ¡Êٵà อมแทรกกรอบเกร็ ดนารู และเสริ มÒสาระ �มสิ½¡ƒ �ง¤Ôที´áÅзº·Ç¹ ่ผูเรียนควรรูไวใหอีกดวย ตลอด ¤íÒ¶ÒÁ»ÃШí ˹‹ÇÂà¾×Íè เพื ãËŒ¹่อ¡Ñ àÃÕเพิ ¹䴌 ¡íÒ˹´ à¾×èÍãËŒ·ÃÒº¶Ö§à»‡Òพร ËÁÒÂ㹡ÒÃÈÖ ¡ÉÒ ¤ÇÒÁÃÙŒ áÅСԨ¡ÃÃÁÊÌҧÊÃä ¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ à¾×èÍ จนเมื่อจบแตละหนวยก็จะมีคําª‹ถามประจํ าหน วย¼ÅÊÑและกิ จกรรมสร ǾѲ¹Ò¼ÙŒàÃÕ¹ãËŒ ºÃÃÅØ ÁÄ·¸ÔìµÒÁµÑ ǪÕéÇÑ´ างสรรคพัฒนาการเรียนรู àÃ×èͧ¹‹ÒÃÙŒà¾ÔèÁàµÔÁ¨Ò¡à¹×éÍËÒ Design ˹ŒÒẺãËÁ‹ ÊǧÒÁ ÁÕ¡ÒÃá·Ã¡à»š¹ÃÐÂÐæ เพื่อฝกทบทวนและจัดกิจกรรมที่สอดคลองกับตัวชี้วัด ¾ÔÁ¾ ô ÊÕ µÅÍ´àÅ‹Á ª‹ÇÂãËŒ Web Guide á¹Ð¹íÒáËÅ‹§¤Œ¹¤ÇŒÒ¢ŒÍÁÙÅ หน่วยที่

วั

ตัวชี้วัด

อธิบายการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญาในวัยรุ่น (พ ๑.๑ ม.๒/๑) ระบุปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโต และพั ฒนาการ ด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติป ัญญาในวัยรุ่น (พ ๑.๑ ม.๒/๒)

สาระการเรียนรู้แกนกลาง

การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และ สติปัญญาในวัยรุ่น ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและพั ฒนาการด้าน ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา - พันธุกรรม - สิ่งแวดล้อม - การอบรมเลี้ยงดู

ยรุ่นเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างมากทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สั งคม และสติปญ ั ญา โดยร่างกายจะมีพฒ ั นาการ อย่างรวดเร็ว ในขณะที่อารมณ์จะรุน แรง และเปลีย่ นแปลงง่าย ส่วนด้านสังคมจะให้ ความสำาคัญกับเพื่อนอย่างมาก ช่วงวั ยรุ่น จึงถือเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต โดย การเปลี่ย นแปลงดั ง กล่ า วเกิ ด จากปั จ จั ย ด้านพันธุกรรม สิง่ แวดล้อม และการอบ รม เลีย้ งดูของผูป ้ กครอง การเรียนรู้เกี่ยวกับการเจริญเติบโต และพัฒนาการของวัยรุน ่ จะทำาให้เราเข้าใจ ยอมรับ และปรับตัวเข้ากับการเปลีย่ นแปลง ดังกล่าวได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

พัฒนาการที่แตกต

๑๒๐

͋ҹࢌÒ㨧‹ÒÂ

à¾ÔèÁàµÔÁ¼‹Ò¹Ãкº Online

อยางไรก็ตาม การจะศึกษาสาระการเรียนรูสุขศึกษาไดอยางมีประสิทธิภาพนั้น นอกจากหนังสือเรียนเลม¤ น�้แลว ผูเรียนควรศึกษาเพิ�มเติมจากเอกสาร หนังสือ หรือแหลง เรียนรูอื่นๆ เพิ�มเติมดวย ก็จะชวยใหไดรับความรูมากยิ�งขึ้น ซึ�งทางคณะผูเรียบเรียงหวัง เปนอยางยิ�งวา หนังสือเรียนสุ ขศึกษา ชั้น ม.๒ เลมน�้ จะชวยอํานวยความสะดวกในการเรียน ¡Ô การสอน ใหผูเรียนไดทั้งความรู คุณลักษณะอันพึงประสงค ผานตัวชี้วัด และมีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนที่ดีอยางที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานไดกําหนดไว

องไดรับการถายทอดมาจาก ลักษณะทางรางกายและจิตใจที่ปรากฏในรุนลูกหลาน จะต ธุกรรม สวนความผิดปกติบางอยาง รุน บรรพบุรษุ เทานัน้ จึงจะถือวาเปนลักษณะทีถ่ า ยทอดทางพัน โรคหูหนวกมาแตกําเนิด อวัยวะ ที่เกิดขึ้นหลังจากการปฏิสนธิ เชน ตาบอด โรคลิ้นหัวใจรั่ว เนื่องมาจากระหวางที่ทารกเจริญ บางสวนพิการ เปนตน ลักษณะผิดปกติเหลานี้ อาจมีสาเหตุ งชนิดซึ่งเปนอันตรายตอทารก เติบโตอยูในครรภ มารดาอาจเปนโรครายแรงหรือรับประทานยาบา จากสาเหตุทางพันธุกรรม ทําใหทารกมีลักษณะผิดปกติ ซึ่งจะไมถือวาเปนความผิดปกติ นสิ่งที่ติดตัวมาแตกําเนิด นอกจากนี้ ก็ยังมีขอกําหนดอีกประการหนึ่ง คือ พันธุกรรมเป อการปฏิบัติ ซึ่งคนเราสามารถ จึงเปลี่ยนแปลงไมได ไมเหมือนกับสิ่งแวดลอมและพฤติกรรมหรื สมอ เ ได น ้ ึ ข ี ปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงใหด

๒.๒ สิ่งแวดลอม

สนธิในครรภมารดา จนกระทั่ง สิ่งแวดลอมตางๆ จะเริม่ มีอิทธิพลตอตัวเด็กนับตั้งแตเริ่มปฏิ สิ่งแวดลอมเปนองคประกอบที่มี คลอดออกมาเปนทารก เจริญเติบโตและพัฒนาผานวัยตางๆ พันธุกรรม และในบางกรณีกลับมี อิทธิพลตอสุขภาพและการเจริญเติบโตไมยิ่งหยอนไปกวา อมนัน้ ๆ เปนไปอยางไมสมบูรณ ความสําคัญยิง่ กวาองคประกอบอืน่ โดยเฉพาะอยางยิง่ ถาสิง่ แวดล สงผลกระทบในเชิงลบตอตัวเด็ก เกร็ดนารู

โรคบูลิเมีย (Bulimia Nervasa)

ตกกังวลเกี่ยวกับรูปรางของตนเอง กลัววา เด็กผูหญิงจํานวนมาก เมื่อเขาสูชวงวัยรุนจะเริ่มมีความวิ ใหน้ําหนักตัวเพิ่มขึ้น ความวิตกกังวลเชนนี้ถาเพียง จะอวนเกินไปดูไมสวย หลายคนจึงพยายามควบคุมไม วามวิตกกังวลมาก อาจนําไปสูการกลัวความอวนจนเกิด เล็กนอยก็ถือเปนเรื่องปกติสําหรับวัยรุนทั่วไป แตถามีค อาการของโรคบูลิเมียได ึ ก กั ง วลกั บ น้ํ า หนั ก ตั ว หรื อ รู ป ร า งของตนเอง ผู ป ว ยโรคบู ลิ เ มี ย มั ก อาการซึ ม เศร า เครี ย ด หรื อ รู ส วาตัวเองอวนหรือมีไขมันสวนเกินมากอยู จนทนตัวเอง จนเกินขอบเขต สวนใหญจะมีรูปรางผอมมาก แตยังคิด ประทานเขาไปแลวก็จะรูสึกผิด จึงพยายามกําจัดอาหาร ไมได ผูปวยจะรับประทานอาหารครั้งละมากๆ เมื่อรับ ้น ยังอาจมีการอดอาหารในมื้อถัดไป นอกจากนั าระบาย ย ใช น ย าเจี อ ที่รับประทานเขาไปออกมา เชน ลวงคอให ผูที่เปนโรคนี้อาจเสียชีวิตได เนื่องจากรางกายจะขาด และมีการออกกําลังกายอยางหักโหมดวย เปนตน สารอาหาร น้ํา และเกลือแรอยางรุนแรง บอาการซึมเศรา และการบําบัดทางจิตวิทยา การรักษาโรคบูลิเมีย สามารถทําไดดวยการใชยาระงั ูที่การมีรูปรางที่ไดสัดสวนเหมาะสม ไมผอมแหง พยายามใหผูปวยปรับมุมมองของตนเองวา ความสวยงามอย จนเกินไป และใหมีความรูสึกเชื่อมั่นในรางกายของตน

๑๔

EB GUIDE

๓. ความสมดุลระหว่างสุขภาพกายและสุขภาพจิต

สุขภาพกายและสุขภาพจิตมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน ดังนั้น การสร้างความสมดุลระหว่าง สองสิ่งนี้ จึงมีความส�าคัญอย่างยิ่ง โดยต้องหมั่นดูแลร่างกายและจิตใจให้แข็งแรงอยู่เสมอ รวมถึง ควรรู้จักประเมินภาวะสุขภาพกายและสุขภาพจิตเป็นระยะๆ ด้วย เพื่อให้ทราบปัญหาของตนเอง จะได้เตรียมแนวทางแก้ไขที่ถูกต้องไว้ล่วงหน้า

¹ÃÙŒ

àÃÕ ¹‹Ç¡ÒÃ

ยรุนหญงิ ÃШ íÒË ชายและวั ของวัยรุน รมณ สังคมอยางไร Ò¶ÒÁ» านรางกาย อา ตางทางด งทางดานจิตใจ ตก มแ นแปล ยบควา การเปลี่ย เปรียบเที ๑. จง ็กเขาสูวัยรุน จะมี ตุผล น อธิบายเห รของวัยรุ ื่อเด ๒. เม ายมาพอสังเขป ย “พายุบุแคม” จง ิบโตและพัฒนากา งกายและจิตใจ า เต นวั ใหอธิบ ัยรุนวาเป งมากตอการเจริญ ่ยนแปลงทางดานร กว ย เรี ง ึ ลี า ตุใดจ ิทธิพลอย เพื่อรองรับการเป อ ี ๓. เห ม ่ ี งท า างไร จัยใดบ ๔. ปจ นควรเตรียมตัวอย เรีย ๕. นัก Õ¹ÃÙŒ

๓.๑ องค์ประกอบในการสร้างความสมดุล สุขภาพกาย

àÃ

¹Ò¡Òà Ãä ¾Ñ²

ู ใ น ให ควา มร บร รย าย อมูลการ ณสุ ข มา ข ÊÃŒÒ§Ê  า นส าธ าร ยนแตละคนสรุป ¨¡ÃÃÁ กร ทา งด ักเรี ่ เ ป น บุ ค ลา ัยรุน แลวใหน ที กร เปน ยา าติ หรือ เชิ ญ วิ ท วกับเรื่องเพศในว ประเทศช ี่ย สรุป ่ ๑ ประเด็นเก ิทยากรสงครูผูสอน านดีเดนตอสังคม าภาพประกอบ อ กิจกรรมที นห ถื งว ีผลง ใหนักเรีย ตุผลทนี่ กั เรียนยดึ บรรยายขอ ัดเลือกเยาวชนที่ม คน ๑ มา งาม ถึงเห นค ใหนักเรีย ีที่ควรประพฤติตาม า ว พรอ มอธิบาย A4 ตกแตงใหสวย งั กล งที่ด าษ ่ ๒ แบบอยา งานของเยาวชนด ัดทําลงบนกระด กิจกรรมที ผล โดยจ ละ นาการ ิ แ ฒ ั ั ต ไร ะพ ะว อะ ปร าก ญเติบโตแล เปนเวลา างเน�องจ ริ ย รเจ บอ กา แบ เปน ี่ยวกับ ไปแสดง ครูผูสอน ันจัดนิทรรศการเก านสุขภาพ นํา าพและขอมูล แลวนําสง วยก ลทางด รับเปลี่ยนภ นในชั้นช และขอมู ใหนักเรีย ยมีภาพประกอบ ะสัปดาหสามารถป โด ตล ่ ๓ ของวัยรุน ริเวณที่จัดไว โดยแ กิจกรรมที ม นบ ๑ เดือนใ ตามความเหมาะส ด ใหนาสนใจไ

สังคม เป็น

๑๘

สมาธิ เป็น

สุขภาพจิต

จากแผนผัง จะเห็นว่า สุขภาพกายและสุขภาพจิตตั้งอยู่บนคานที่สมดุล ถ้าส่วนใดส่วนหนึ่ง เปลี่ยนแปลง จะท�าให้ความสมดุลของคานเสียไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพได้ ดังนั้น การสร้างความสมดุลระหว่างสุขภาพกายและสุขภาพจิต จึงต้องมีองค์ประกอบ ๔ ประการ ดังนี้ องค์ประกอบในการสร้างความสมดุลระหว่างสุขภาพกายและสุขภาพจิต

60

http://www.aksorn.com/LC/He/M2/02

อยู่เป็น

กินเป็น

กินเป็น ๑. กินอาหารถูกหลัก โภชนาการ สะอาด ได้สัดส่วนครบถ้วน ๒. หลีกเลี่ยงอาหารที่มี คาร์โบไฮเดรตและ ไขมันมากเกินไป ๓. งดดืม่ ชา กาแฟ น�าอ้ ดั ลม และเครือ่ งดืม่ แอลกอฮอล์ ๔. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ เสริมอาหารที่มีการ โฆษณาชวนเชื่อ ให้ทดลอง

อยู่เป็น ๑. รักษาสุขนิสัยที่ดี ๒. ออกก�าลังกายสม�า่ เสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ ๓. หลี ก เลี่ ย งภาวะเสี่ ย ง ต่อการเกิดโรค ๔. มีอารมณ์รา่ เริงแจ่มใส

สังคมเป็น ๑. ปรับตัวให้เข้ากับ สภาพแวดล้อมได้ ๒. เข้าใจตนเองและผู้อื่น ๓. มีสัมพันธภาพที่ดีต่อ บุคคลอื่น ๔. อยูร่ ว่ มกันกับผูอ้ นื่ ได้ดี และมีความสุข ๕. มีบุคลิกภาพที่ดี

สมาธิเป็น ๑. มีสติ รอบคอบ สุขุม สงบ เยือกเย็น ๒. มีมโนธรรม คุณธรรม จริยธรรม ๓. สุขใจเมือ่ ได้ทา� ความดี ละอายใจเมือ่ ท�าความชัว่

ผูเรียบเรียง


กระตุน ความสนใจ Engage

˹‹Ç·Õè

ñ ò

● ●

ô

● ●

õ

Expand

ÇÑÂÃØ‹¹áÅСÒÃà»ÅÕè¹á»Å§ »˜¨¨Ñ·ÕèÁռŵ‹Í¡ÒÃà¨ÃÔÞàµÔºâµáÅоѲ¹Ò¡ÒâͧÇÑÂÃØ‹¹

¾Ñ²¹Ò¡ÒÃáÅСÒûÃѺµÑÇ·Ò§à¾È¢Í§ÇÑÂÃØ‹¹ ÇÑÂÃØ‹¹¡Ñºà¨µ¤µÔ·Ò§à¾È »˜ÞËÒáÅмšÃзº¨Ò¡¡ÒÃÁÕà¾ÈÊÑÁ¾Ñ¹¸ ã¹ÇÑÂàÃÕ¹ ·Ñ¡ÉЪÕÇԵ㹡Òû‡Í§¡Ñ¹µ¹àͧàÃ×èͧà¾È ¡Òû‡Í§¡Ñ¹µ¹àͧ¨Ò¡»˜ÞËÒ¡ÒÃÁÕà¾ÈÊÑÁ¾Ñ¹¸ ã¹ÇÑÂàÃÕ¹

¤ÇÒÁÊíÒ¤Ñޢͧ¤ÇÒÁàÊÁÍÀÒ¤·Ò§à¾È ¡ÒÃÇÒ§µÑǵ‹Íà¾ÈµÃ§¢ŒÒÁ »˜ÞËÒ·Ò§à¾È

ÊØ¢ÀÒ¾¡ÒÂáÅÐÊØ¢ÀÒ¾¨Ôµ ●

˹‹Ç·Õè

ขยายความเขาใจ

¤ÇÒÁàÊÁÍÀÒ¤·Ò§à¾È ●

˹‹Ç·Õè

Explain

à¾È¡ÑºÇÑÂÃع‹

ó

อธิบายความรู

¡ÒÃà¨ÃÔÞàµÔºâµáÅоѲ¹Ò¡ÒâͧÇÑÂÃØ‹¹

˹‹Ç·Õè

Explore

ตรวจสอบผล Evaluate

ÊÒúÑÞ ●

˹‹Ç·Õè

สํารวจคนหา

¤ÇÒÁÊíÒ¤ÑޢͧÊØ¢ÀÒ¾¡ÒÂáÅÐÊØ¢ÀÒ¾¨Ôµ ¤ÇÒÁÊÑÁ¾Ñ¹¸ ÃÐËÇ‹Ò§ÊØ¢ÀÒ¾¡ÒÂáÅÐÊØ¢ÀÒ¾¨Ôµ ¤ÇÒÁÊÁ´ØÅÃÐËÇ‹Ò§ÊØ¢ÀÒ¾¡ÒÂáÅÐÊØ¢ÀÒ¾¨Ôµ ¡Òû¯ÔºÑµÔµ¹à¾×èÍÊÌҧàÊÃÔÁÊØ¢ÀÒ¾¡ÒÂáÅÐÊØ¢ÀÒ¾¨Ôµ

¡ÒþѲ¹ÒÊÁÃöÀÒ¾·Ò§¡Ò ● ● ●

¤ÇÒÁËÁÒ ¤Ø³¤‹Ò áÅФÇÒÁÊíÒ¤ÑޢͧÊÁÃöÀÒ¾·Ò§¡Ò ࡳ± ÊÁÃöÀÒ¾·Ò§¡Ò ¡ÒþѲ¹ÒÊÁÃöÀÒ¾·Ò§¡ÒÂ

ñ - ñø ò ñò

ñù - ôò òð òò òö òù óø

ôó - õô ôô ôö ôù

õõ - öö õö õ÷ öð öó

ö÷ - øö öø ÷ð ÷ù


กระตุน ความสนใจ Engage

˹‹Ç·Õè

สํารวจคนหา Explore

ö ÷

ø

● ● ●

ù

● ●

ñð

ÃкººÃÔ¡ÒÃÊØ¢ÀÒ¾ ¡ÒèѴÃкººÃÔ¡ÒÃÊØ¢ÀҾ㹻ÃÐà·Èä·Â á¹Ç·Ò§¡ÒÃàÅ×͡㪌ºÃÔ¡Ò÷ҧÊØ¢ÀÒ¾ ËÅÑ¡»ÃСѹÊØ¢ÀÒ¾

ตรวจสอบผล Evaluate

ø÷ - ñðö øø ùð ùô

ñð÷ - ñòô ñðø ñðø ññö ññø

à·¤â¹âÅÂÕ·Ò§ÊØ¢ÀҾ㹪ÕÇÔµ»ÃШíÒÇѹ µÑÇÍ‹ҧ¢Í§à·¤â¹âÅÂÕ·Õè໚¹»ÃÐà´ç¹·Ò§ÊØ¢ÀÒ¾ ¼Å¡Ãзº¢Í§à·¤â¹âÅÂÕ·ÕèÁÕµ‹ÍÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ ¡ÒõѴÊÔ¹ã¨àÅ×Í¡ÃѺáÅÐ㪌෤â¹âÅÂÕ·Ò§ÊØ¢ÀÒ¾ ¤ÇÒÁà¨ÃÔÞ¡ŒÒÇ˹ŒÒ·Ò§¡ÒÃá¾·Â ·ÕèÁռŵ‹ÍÊØ¢ÀÒ¾

ǧ¨Ã¡ÒÃá¾Ã‹ÃкҴ¢Í§ÊÒÃàʾµÔ´ ¤ÇÒÁÊíÒ¤ÑÞáÅл˜¨¨ÑÂ㹡Òÿ„œ¹¿Ù¼ÙŒµÔ´ÊÒÃàʾµÔ´ ÇÔ¸Õ¡ÒúíҺѴ¿„œ¹¿Ù¼ÙŒµÔ´ÊÒÃàʾµÔ´ áËÅ‹§ª‹ÇÂàËÅ×Í¿„œ¹¿Ù¼ÙŒµÔ´ÊÒÃàʾµÔ´

ñòö ñóð ñó÷ ñôð ñôñ

ñô÷ - ñöö ñôø ñõð ñõò ñöñ

¡ÒÃËÅÕ¡àÅÕ觾ĵԡÃÃÁàÊÕè§áÅÐʶҹ¡Òó àÊÕè§ µ‹ÍÍѹµÃÒ ñö÷ - ñøö

● ● ●

ºÃóҹءÃÁ

ÍÒÃÁ³ áÅФÇÒÁà¤ÃÕ´·ÕèÁռŵ‹ÍÊØ¢ÀÒ¾ ÅѡɳÐÍÒ¡ÒÃàº×éͧµŒ¹¢Í§¼ÙŒÁÕ»˜ÞËÒÊØ¢ÀÒ¾¨Ôµ ÇÔ¸Õ»¯ÔºÑµÔµ¹à¾×èͨѴ¡ÒáѺÍÒÃÁ³ áÅФÇÒÁà¤ÃÕ´

¡Òê‹ÇÂàËÅ×Í¿„œ¹¿Ù¼ÙŒµÔ´ÊÒÃàʾµÔ´ ●

˹‹Ç·Õè

Expand

à·¤â¹âÅÂÕ·Ò§ÊØ¢ÀÒ¾áÅФÇÒÁà¨ÃÔÞ¡ŒÒÇ˹ŒÒ ·Ò§¡ÒÃá¾·Â ñòõ - ñôö ●

˹‹Ç·Õè

ขยายความเขาใจ

¡ÒÃàÅ×͡㪌ºÃÔ¡ÒÃÊØ¢ÀҾ㹪ÕÇÔµ»ÃШíÒÇѹ ●

˹‹Ç·Õè

Explain

ÍÒÃÁ³ áÅФÇÒÁà¤ÃÕ´ ●

˹‹Ç·Õè

อธิบายความรู

¡ÒÃËÅÕ¡àÅÕ觾ĵԡÃÃÁàÊÕè§áÅÐʶҹ¡Òó àÊÕ觵‹ÍÍѹµÃÒ ñöø á¹Ç·Ò§¡ÒÃËÅÕ¡àÅÕ觾ĵԡÃÃÁàÊÕè§áÅÐʶҹ¡Òó àÊÕ觵‹ÍÍѹµÃÒ ñøð ·Ñ¡ÉЪÕÇԵ㹡Òû‡Í§¡Ñ¹µ¹àͧ ñøñ

ñø÷


กระตุน ความสนใจ กระตุEngage นความสนใจ

สํารวจคนหา

อธิบายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Engage

Explore

Explain

Expand

Evaluate

เปาหมายการเรียนรู

1. อธิบายการเปลี่ยนแปลงดานรางกาย จิตใจ อารมณ สังคม และสติปญญาในวัยรุนได 2. ระบุปจจัยที่มีผลกระทบตอการเจริญเติบโต และพัฒนาการดานรางกาย จิตใจ อารมณ สังคม และสติปญญาในวัยรุนได

สมรรถนะของผูเรียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการแกปญหา 3. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต

หน่วยที่

ตัวชี้วัด ■

อธิบายการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญาในวัยรุ่น (พ ๑.๑ ม.๒/๑) ระบุปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโต และพัฒนาการ ด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญาในวัยรุ่น (พ ๑.๑ ม.๒/๒)

สาระการเรียนรู้แกนกลาง ■

การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และ สติปัญญาในวัยรุ่น ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการด้าน ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา - พันธุกรรม - สิ่งแวดล้อม - การอบรมเลี้ยงดู

คุณลักษณะอันพึงประสงค

การเจริญเติบโต และพัฒนาการของวัยรุ่น วัยรุ่นเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลง

อย่างมากทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปญ ั ญา โดยร่างกายจะมีพฒ ั นาการ อย่างรวดเร็ว ในขณะที่อารมณ์จะรุนแรง และเปลีย่ นแปลงง่าย ส่วนด้านสังคมจะให้ ความสำาคัญกับเพื่อนอย่างมาก ช่วงวัยรุ่น จึงถือเป็นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต โดย การเปลี่ย นแปลงดั ง กล่ า วเกิ ด จากปั จ จั ย ด้านพันธุกรรม สิง่ แวดล้อม และการอบรม เลีย้ งดูของผูป ้ กครอง การเรียนรู้เกี่ยวกับการเจริญเติบโต และพัฒนาการของวัยรุน่ จะทำาให้เราเข้าใจ ยอมรับ และปรับตัวเข้ากับการเปลีย่ นแปลง ดังกล่าวได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

1. มีวินัย 2. ใฝเรียนรู 3. อยูอยางพอเพียง

กระตุน ความสนใจ

Engage

ครูนําภาพเด็กและวัยรุนมาใหนักเรียนดู จากนั้นครูตั้งคําถามเพื่อกระตุนความสนใจของ นักเรียน โดยนักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ • จากภาพนักเรียนคิดวา อยูในชวงวัยใด และเพราะเหตุใดจึงทราบ • นักเรียนคิดวา 2 ภาพนี้มีความแตกตางกัน อยางไร • ถาใหนักเรียนเลือกได นักเรียนอยากจะอยู ในชวงวัยใดมากที่สุด เพราะเหตุใด

เกร็ดแนะครู เนื่องจากในหนวยที่ 1 นี้ เปนเรื่องเกี่ยวกับการเจริญเติบโตและพัฒนาการของ วัยรุน ซึง่ ถือเปนเรือ่ งใกลตวั ทีว่ ยั รุน ทุกคนยังคงไมเขาใจตอการเปลีย่ นแปลงทีเ่ กิดขึน้ มากนัก ดังนั้นครูอาจใชวิธีการใหนักเรียนดูภาพครูสมัยที่ยังเปนวัยรุนอยู พรอมกับ เลาประสบการณเมื่อครั้งยังเปนวัยรุนใหนักเรียนฟง โดยใหนักเรียนไดมีโอกาสแสดง ความคิดเห็น เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของตนเอง เพื่อใหนักเรียนได มีความรูความเขาใจ รูจักยอมรับ และปรับตัวตอการเปลี่ยนแปลงตางๆ ไดเปน อยางดี อีกทั้งยังสามารถนําความรูที่ไดไปประยุกตใชในชีวิตประจําวันไดอีกดวย

คูมือครู

1


กระตุน ความสนใจ กระตุEngage นความสนใจ

สํารวจคนหา

อธิบายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Engage

Explore

Explain

Expand

Evaluate

กระตุน ความสนใจ

Engage

ครูนําเขาสูบทเรียนโดยใหนักเรียนสํารวจ การเปลี่ยนแปลงทางดานตางๆ ของตนเอง จากนั้น ครูตั้งคําถามเพื่อกระตุนความสนใจของนักเรียน • นักเรียนคิดวา ตนเองมีการเปลี่ยนแปลงอะไร เกิดขึ้นบาง (แนวตอบ ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน โดย ที่เห็นไดชัดคือการเปลี่ยนแปลงทางดาน รางกาย) • นักเรียนรูสึกอยางไรตอการเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้น (แนวตอบ ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน โดย อาจตอบวา รูสึกไมคอยสบายตัวเหมือนตอน เปนเด็ก หรือบางคนอาจตอบวา รูสึกชอบที่มี รูปรางสมสวนมากขึ้น) • นักเรียนมีการเตรียมความพรอมที่จะรับมือ ตอการเปลี่ยนแปลงนี้อยางไร (แนวตอบ ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน แตสวนใหญจะไมคอยมีการเตรียมตัวอะไร เนื่องจากเปนการเปลี่ยนแปลงที่คนสวนใหญ มักจะไมคอยรูตัว)

ñ. วัยรุ่นและการเปลี่ยนแปลง วัยรุ่น (Adolescence) แปลว่า การเจริญเติบโตไปสูวุฒิภาวะ ดังนั้น วัยรุ่นจึงเป็นวัยที่นับ จากการมีวุฒิภาวะทางเพศ คือ สามารถที่จะมีบุตรได้เป็นส�าคัญ ซึ่งข้อก�าหนดนี้จะแตกต่างกัน ออกไปตามแต่ละชนชาติ ขึ้นอยู่กับการเจริญเติบโตของร่างกาย สภาพภูมิอากาศ ประเพณี และ วัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แต่โดยทั่วไปแล้ว ส่วนใหญ่จะถือว่าวัยรุ่นอยู่ในช่วงอายุ ๑๐ - ๒๐ ปี ซึ่งสามารถแบ่งช่วงวัยของวัยรุ่นออกได้เป็น ๓ ช่วง ดังนี้ ๑) วัยแรกรุ่น เป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายทุกระบบ โดยจะอยู่ในช่วง อายุ ๑๐ - ๑๓ ปี เด็กในวัยนี้ มักคิดหมกมุ่นกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ซึ่งจะส่ง ผลกระทบไปยังจิตใจ ท�าให้อารมณ์หงุดหงิดและแปรปรวนง่าย ๒) วัยรุ่นตอนกลาง เป็นช่วงที่วัยรุ่นจะยอมรับสภาพร่างกายที่มีการเปลี่ยนแปลง เป็นหนุม่ เป็นสาวได้แล้ว ซึง่ อยูใ่ นช่วงอายุประมาณ ๑๔ - ๑๖ ปี เด็กในวัยนีจ้ ะเริม่ มีความคิดทีล่ กึ ซึง้ จึงหันมาใฝ่อุดมการณ์ หาเอกลักษณ์ของตนเองเพื่อความเป็นตัวของตัวเอง และพยายามเอาชนะ ความรู้สึกแบบเด็กๆ ที่ผูกพันพึ่งพาพ่อแม่ ๓) วัยรุ่นตอนปลาย จะอยู่ในช่วงอายุ ๑๗ - ๑๙ ปี หรือ ๒๐ ปี เป็นช่วงเวลาของ การฝึกฝนอาชีพ รวมทัง้ ตัดสินใจทีจ่ ะเลือกอาชีพทีเ่ หมาะสมกับตนเองในอนาคต เป็นช่วงเวลาทีจ่ ะ มีความผูกพันกับเพื่อนต่างเพศ สภาพทางร่างกายเติบโตเต็มที่และบรรลุนิติภาวะในทางกฎหมาย ทัง้ นีว้ ยั รุน่ แต่ละคนนัน้ จะมีการเจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลงที่เป็นแบบฉบับเฉพาะของ ตนเอง ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล เมื่อเด็กย่างเข้าสู่วัยรุ่น ต่อมไร้ท่อต่างๆ จะผลิต ฮอร์โมน เพื่อกระตุ้นให้อวัยวะบางส่วนของร่างกายท�างานได้อย่างสมบูรณ์ เช่น ต่อ1มเพศของ วัยรุ่นชายจะสร้างฮอร์โมนเพศชาย ต่อมเพศ 2 ของวัยรุน่ หญิงจะสร้างฮอร์โมนเพศหญิง เพือ่ ให้ แสดงลัก ษณะเฉพาะของเพศตนเองออกมา ซึ่งโดยทั่วไปแล้ววัยรุ่นจะมีการเจริญเติบโตและ การเปลี่ยนแปลงมากขึ้นในทุกด้าน รวมทั้ง เริ่มมีความต้องการที่แตกต่างออกไปจากตอน เป็นเด็ก การเปลี่ยนแปลงส�าคัญที่เป็นลักษณะ เฉพาะในวั ย รุ ่ น คื อ การเปลี่ ย นแปลงด้ า น วั ย รุ่ น เพศชายและเพศหญิ ง มี ก ารเจริ ญ เติ บ โตและ ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา พัฒนาการที่แตกต่างกัน ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ ๒

นักเรียนควรรู 1 ฮอรโมนเพศชาย เปนฮอรโมนที่สรางจากอัณฑะ หรืออาจสรางไดบางที่ ตอมหมวกไตชั้นนอก ไดแก เทสโทสเตอโรน ซึ่งทําหนาที่กระตุนใหเกิดลักษณะ ของความเปนเพศชาย เชน เสียงหาว มีหนวดเครา มีความตองการทางเพศ เปนตน 2 ฮอรโมนเพศหญิง เปนฮอรโมนที่สรางจากรังไข หรืออาจสรางไดบางที่ ตอมหมวกไตชั้นนอก และรก มี 2 ชนิด ไดแก เอสโตรเจน ทําหนาที่กระตุนใหเกิด ลักษณะเฉพาะของความเปนหญิง เชน มีเสียงแหลม ใบหนาเปลงปลั่ง เอวคอด มีหนาอก สะโพกผาย เปนตน และโพรเจสเตอโรน ทําหนาที่กระตุนการสราง มดลูกใหหนาขึ้น เพื่อรองรับการฝงตัวของไขที่ผสมแลว และกระตุนการผลิต นํ้านมเมื่อมีทารก

2

คูมือครู

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T

การเปลี่ยนแปลงของวัยรุนนั้นมีผลมาจากสิ่งใด 1. ฮอรโมนเพศ 2. การเจริญเติบโตของวัยรุน 3. สภาพแวดลอมที่เปลี่ยนแปลง 4. พัฒนาการในดานตางๆ ของวัยรุน วิเคราะหคําตอบ วัยรุนเปนวัยชวงตอระหวางวัยเด็กกับวัยผูใหญที่นับวา มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด อันเปนผลมาจากการเจริญเติบโต และ พัฒนาการดานตางๆ ทัง้ ทางรางกาย จิตใจ อารมณ สังคม และสติปญ  ญา รวมทั้งพัฒนาการทางเพศที่มีความแตกตางกันออกไป ถึงแมวาจะมีอายุ เทากันก็ตาม ตอบขอ 4.


กระตุนความสนใจ Engage

สํารวจคนหา สํารวจค Exploreนหา

อธิบายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Explore

Explain

Expand

Evaluate

สํารวจคนหา

Explore

ใหนักเรียนศึกษาเนื้อหา จากหนังสือเรียน และแหลงเรียนรูเพิ่มเติมตางๆ ในประเด็น • การเปลี่ยนแปลงทางดานรางกาย • การเปลี่ยนแปลงทางดานจิตใจและอารมณ • การเปลี่ยนแปลงทางดานสังคม • การเปลี่ยนแปลงทางดานสติปญญา จากนั้นใหนักเรียนแบงกลุมออกเปน 2 กลุม แยกชาย-หญิง โตวาทีกันในญัตติ “ผูหญิงกับผูชาย ใครตัวโตกวากัน” โดยนักเรียนแตละกลุมสามารถ ทําสื่อหรือเอกสารเพิ่มเติมเพื่อใชประกอบการ โตวาทีได

๑.๑ การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย การเจริญเติบโต พัฒนาการ และการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายของวัยรุ่นจะเจริญเติบโต อย่างรวดเร็วในช่วงอายุ ๑๐ - ๑๓ ปี และจะ ลดอัตราการเจริญเติบโตเมื่อเข้าระยะวัยรุ่น ตอนกลาง ในช่ ว งวั ยรุ ่ น ตอนปลายจะมี ก าร เปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายน้อยลงอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายที่ส�าคัญ คือ

๑) ขนาดของร่างกายและความ

สูง เมื่อเข้าสู่วัยแรกรุ่น วัยรุ่นชายมีอัตราการ

เจริญเติบโตของไหล่มากที่สุด วัยรุ่นชายจะมี ไหล่กว้างกว่าวัยรุ่นหญิง แต่การเจริญเติบโต ของสะโพก วัยรุ่นหญิงมีอัตราการเจริญเติบโต เร็วกว่าวัยรุน่ ชายในระยะเริม่ แรก แต่เมือ่ ร่างกาย โตเต็มที่แล้ว พบว่าสะโพกของทั้งวัยรุ่นหญิง ช่วงวัยรุ่น เพศชายจะมีส่วนสูงและกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้น และวัยรุ่นชายมีขนาดใกล้เคียงกัน ส่วนการ รวมถึงมีไหล่ขยายกว้าง จึงทำาให้มีพละกำาลังมาก เจริญเติบโตทางด้านความสูง ในช่วงวัยเด็ก วัยรุ่นชายจะสูงกว่าวัยรุ่นหญิงมาตลอด จนเข้าสู่ วัยแรกรุ่น วัยรุ่นหญิงจะมีอัตราเร็วในการเจริญเติบโตทางด้านความสูงในระยะแรกจนเมื่ออายุ ๑๑ ปี ก็จะสูงพอๆ กับวัยรุ่นชายและจะสูงน�าไปก่อน จนเข้าสู่อายุ ๑๕ ปี วัยรุ่นชายจะเริ่มสูงทัน วัยรุน่ หญิงในวัยเดียวกัน และจะเริม่ สูงกว่า จนอายุ ๑๘ ปี ก็จะสูงกว่าวัยรุน่ หญิง และยังจะสามารถ เพิ่มความสูงต่อไปได้อีกในขณะที่วัยรุ่นหญิงปกติจะหยุดสูงแล้ว ๒) การเปลี่ยนแปลงของกระดูก เมื่อมีอายุประมาณ ๑๓ - ๑๔ ปี กระดูกจะ แข็งแรงขึ้น การเจริญเติบโตของกระดูกในแต่ละบุคคลจะแตกต่างกันออกไป เช่นเดียวกับการ เจริญเติบโตด้านอื่นๆ ของร่างกาย วัยรุ่นชายที่มีอายุ ๑๔ ปีไปแล้ว จะมีกระดูกข้อมือที่ใหญ่กว่า 1 2 วัยรุ่นหญิง แต่มีความหนาแน่นของมวลกระดูกน้อยกว่า และเมื่อถึงขั้นที่มีวุฒิภาวะทางเพศ กระดูกข้อมือก็จะมีพัฒนาการเท่ากัน ทั้งในด้านความหนาแน่นและความแข็งของกระดูก อวัยวะ ต่างๆ สามารถเคลื่อนไหวและใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ๓) การเปลี่ยนแปลงของไขมันและกล้ามเนื้อ ในช่วงเข้าสู่วัยรุ่น เด็กผู้ชายจะมี ไขมันใต้ผิวหนังบางลง พร้อมๆ กับมีกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้นและแข็งแรงขึ้น ซึ่งจะท�าให้วัยรุ่นชาย ผอมลงในระยะแรกโดยเฉพาะที่แขน ขา น่อง ส่วนวัยรุ่นหญิงแม้จะมีการเพิ่มของกล้ามเนื้อ 3

ขอสอบ

O-NET

ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของวัยรุนชาย ขอใดเปนลักษณะของวัยรุนชาย 1. ไหลจะกวางขึ้น 2. สะสมไขมันเพิ่มขึ้น 3. สะโพกจะขยายออก 4. เสียงจะแหลมหรือสูงขึ้น วิเคราะหคําตอบ วัยรุนจะมีการเปลี่ยนแปลงทางดานรางกายทั้งชายและ หญิงอยางเห็นไดชัด ซึ่งมีลักษณะที่แตกตางกันออกไปคือ วัยรุนหญิงจะมี การสะสมของไขมันเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะไขมันที่เตานม และสะโพก ทําใหมี เตานมที่ขยาย และมีสะโพกผายออก มีเสียงเล็กแหลมหรือสูงกวาผูชาย สวนวัยรุนชายจะมีการเจริญเติบโตตรงชวงไหลมากที่สุด ทําใหเห็นไดวา วัยรุนชายจะมีไหลที่กวางขึ้น และมีกลามเนื้อเปนมัดชัดเจน

ตอบขอ 1.

เกร็ดแนะครู วัยรุนเปนวัยที่มีความวิตกกังวลกับการเปลี่ยนแปลงทางดานรางกายของตนเอง มาก ดังนั้นครูจึงควรระมัดระวังในการใชคําพูดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางดาน รางกาย ซึ่งอาจสงผลกระทบกระเทือนตอจิตใจของนักเรียนบางคนได

นักเรียนควรรู 1 ความหนาแนนของมวลกระดูก เปนคาที่ใชในการวินิจฉัยภาวะเสี่ยงตอโรค ที่เกิดจากความผิดปกติของกระดูก เชน โรคกระดูกพรุน โรคกระดูกผุ เปนตน 2 วุฒิภาวะทางเพศ คือการที่เพศชายมีการหลั่งนํ้าอสุจิครั้งแรก และการที่ เพศหญิงมีประจําเดือนเปนครั้งแรก

คูมือครู

3


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู

อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Explain

Expand

Evaluate

Explain

ใหนักเรียนทั้ง 2 กลุมออกมาโตวาทีกันในญัตติ “ผูหญิงกับผูชายใครตัวโตกวากัน” โดยครูกําหนด ใหแตกลุมมีเวลาในการโตวาทีกลุมละไมเกิน 5 นาที หลังจากการโตวาทีเสร็จสิ้น ครูสรุปและ ชวยอธิบายเพิ่มเติม พรอมกับตั้งคําถามเพื่อใหได ขอสรุปที่ถูกตองรวมกัน • จากการโตวาทีนกั เรียนคิดวา ผูช ายและผูห ญิง ในวัยเดียวกันใครตัวโตกวากัน (แนวตอบ เมื่อเขาสูวัยรุนในชวงอายุ 10-14 ป ผูหญิงจะมีรูปรางที่โตกวาผูชาย แตพออายุได ประมาณ 14 ป ผูชายจะเริ่มมีรูปรางที่โตกวา ผูหญิง) • วัยรุนชายและวัยรุนหญิงมีการเปลี่ยนแปลง ทางรางกายที่แตกตางกันอยางไร (แนวตอบ วัยรุนชายและวัยรุนหญิงจะมี การเปลี่ยนแปลงทางรางกายที่แตกตางกัน อยางชัดเจน เชน วัยรุนชายจะมีนํ้าเสียงที่ แหบหาว มีหนวดเคราขึ้นบริเวณใบหนา มีขนขึ้นที่หนาแขง ชวงไหลกวาง ผิวหนัง หยาบกราน สวนวัยรุนหญิง จะมีนํ้าเสียงทุม นุมนวล มีหนาอกขยายใหญขึ้น สะโพกผาย เอวคอด ผิวหนังนุมละเอียดออน เปนตน)

แต่ก็จะมีการสะสมของไขมันใต้ผิวหนังเพิ่มขึ้นต่อไปอีก ซึ่งน�้าหนักอาจเพิ่มได้ถึงร้อยละ ๒๕ ของน�้าหนักตัว โดยเฉพาะไขมันจะไปสะสมที่เต้านมและสะโพก ทั้งนี้วัยรุ่นหญิงจ�านวนมาก 1 มักจะรู้สึกไม่พอใจในรูปลักษณ์ของตนและมักคิดว่าตัวเอง “อวน” น” เกินไป วัยรุ่นหญิงหลายคน จึงพยายามไปลดน�้าหนัก จนถึงขั้นมีรูปร่าง ผอมแห้ง ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต โดย ภาพรวมอาจสรุปได้วา่ วัยรุน่ ชายจะมีความแน่น ของร่างกายในส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อมากกว่า ในวัยรุ่นหญิงในวัยเดียวกัน และเป็นสาเหตุที่ ท�าให้วัยรุ่นชายมีพละก�าลังเหนือกว่า

๔) ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ข อ ง โครงสร้างใบหน้า ช่วงวัยรุ่นนี้ กระดูกของ

จมูกจะโตขึ้น ท�าให้ดั้งจมูกเป็นสันขึ้น กระดูก ขากรรไกรบนและขากรรไกรล่างเติบโตเร็วมาก วัยรุ่นหญิงมีผิวพรรณเปล่งปลั่ง สะโพกผาย และหน้าอก ในระยะนี้ เช่นเดียวกับกล่องเสียงและล�าคอ ขยายใหญ่ เนื่องจากมีการสะสมของไขมันที่ใต้ผิวหนัง ซึ่งวัยรุ่นชายกล่องเสียงจะเจริญเติบโตเร็วกว่า วัยรุ่นหญิงอย่างชัดเจน เป็นเหตุให้วัยรุ่นชายมีเสียงแตกห้าว เกร็ดน่ารู้ เคล็ดลับเพิ่มความสูง ปัจจุบันรูปร่างสูงสง่าได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่วัยรุ่นทั้งชายและหญิง เพราะความสูงช่วยให้ดูดี สมาทร์ หล่อ หรือสวย เคล็ดลับง่ายๆ ต่อไปนี้จะช่วยเพิ่มความสูงให้วัยรุ่นได้ ๑. รับประทานอาหารให้ครบ ๕ หมู่เป็นประจำา โดยเน้นอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม กุ้งแห้ง ปลาเล็ก ปลาน้อยที่รับประทานได้ทั้งตัว เป็นต้น ๒. ออกกำาลังกายอย่างสม่ำาเสมอ เพราะจะไปช่วยกระตุ้นให้ต่อมใต้สมองหลั่งโกรทฮอร์โมนออกมา ซึ่งเป็น ฮอร์โมนทีท่ าำ ให้สงู และควรออกไปรับแสงแดดอ่อนๆ ช่วงเช้าและเย็น เพราะจะทำาให้มกี ารสร้างวิตามินดีในร่างกาย ซึ่งจะช่วยในการดูดซึมแคลเซียม ๓. นอนหลับพักผ่อนให้สนิทและเพียงพอวันละ ๘ ชั่วโมง เพราะโกรทฮอร์โมนจะหลั่งออกมาเต็มที่ขณะ หลับสนิท ๔. หมัน่ ดูแลสุขภาพไม่ให้เจ็บปวยและอย่าเคร่งเครียด เพราะการเจ็บปวยและความเครียดจะทำาให้รา่ งกาย ทำางานผิดปกติและทำาให้การเจริญเติบโตหยุดชะงัก ๕. หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัด อาหารฟาสต์ฟู้ด ขนมกรุบกรอบ และน้ำาอัดลม

EB GUIDE

เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายเพิ่มเติมถึงความสําคัญของอาหารหลัก 5 หมู วามีผลตอ การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการทางดานตางๆ ของวัยรุน โดยนักเรียนควร รับประทานอาหารใหครบทั้ง 5 หมู แตละหมูใหหลากหลายเพื่อการมีสุขภาพที่ดี และการเจริญเติบโตที่สมวัย จากนั้นครูอาจใหนักเรียนเลนเกมจับคูพีระมิดอาหาร 5 หมู ซึ่งครูสามารถคนหาสื่อการสอนเพิ่มเติมไดที่ http://nutrition.anamai. moph.go.th เว็บไซตสํานักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

นักเรียนควรรู 1 อวน คือ สภาวะที่มีปริมาณไขมันในรางกายมากกวาเกณฑปกติ ซึ่ง ตามหลักสากลกําหนดใหผูชายไมควรมีปริมาณไขมันในรางกายเกินกวารอยละ 12-15 ของนํ้าหนักตัว สวนผูหญิงไมควรเกินกวารอยละ 18-20 ของนํ้าหนักตัว

4

คูมือครู

http://www.aksorn.com/LC/He/M2/01

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T

เด็กผูชายและเด็กผูหญิงจะเขาสูวัยรุนเร็วหรือชาตางกันหรือไม 1. ไมตางกัน 2. ไมแนนอน 3. ชายเร็วกวา 4. หญิงเร็วกวา วิเคราะหคําตอบ เด็กผูชายและเด็กผูหญิงจะเขาสูวัยรุนเร็วชาตางกัน เนื่องจากเด็กผูหญิงจะเขาสูการเปลี่ยนแปลงทางรางกายกอนเด็กผูชาย ประมาณ 2 ป ซึ่งจะสังเกตเห็นไดจากในชั้นประถมศึกษาตอนปลาย หรือ ชั้นมัธยมศึกษาตอนตนวาเด็กผูหญิงจะมีรางกายที่สูงใหญ เปนสาวนอย แรกรุน ในขณะที่เด็กผูชายยังดูเปนเด็กชายตัวเล็กๆ ตอบขอ 4.


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Explain

Expand

Evaluate

อธิบายความรู

Explain

ครูสุมนักเรียน 2-3 คน ออกมาสรุป สาระสําคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางดาน รางกาย จากนั้นใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบวัด และบันทึกผลการเรียนรู กิจกรรมที่ 1.1

๕) การเปลี่ยนแปลงของระดั บฮอร์โมน ในวัยรุ่นพบว่ามีการเพิ่มขึ้นของระดับ 1

ฮอร์โมนต่างๆ เช่น โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ รวมทัง้ ฮอร์โมน ทางเพศ โดยเฉพาะฮอร์โมนจะไปกระตุ้นต่อมไขมันใต้ผิวหนังและต่อมเหงื่อให้ท�างานเพิ่มมาก ขึ้น อันเป็นสาเหตุส�าคัญอย่างหนึ่งที่ท�าให้เกิดปัญหาเรื่อง “สิว” และ “กลิ่นตัว” ของวัยรุ่นตามมา นอกจากระดับฮอร์โมนจะมีผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและอวัยวะเพศในวัยรุ่นแล้ว ยังส่งผลถึงอารมณ์ความรู้สึกทางจิตใจด้วย ๖) การเปลี่ยนแปลงของอวัยวะเพศ เมื่อเด็กเข้าสู่วัยรุ่น อวัยวะเพศของชายและ หญิงจะเริ่มผลิตเซลล์สืบพันธุ์ โดยอวัยวะเพศชายจะผลิตตัวอสุจิและอวัยวะเพศหญิงจะผลิตไข่ วัยรุ่นหญิงจะมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงระยะ ๑ ปี ก่อนที่จะมีประจ�าเดือน เต้านม เริ่มขยายขนาดขึ้นเมื่ออายุประมาณ ๘ - ๑๓ ปี และใช้เวลา ๒ ปี - ๒ ปีครึ่ง จึงจะเจริญเติบโต เต็มที่ ในช่วงอายุ ๑๑ - ๑๓ ปี วัยรุ่นหญิงส่วนใหญ่จะมีรูปร่างเป็นสาวเต็มตัว ดังนั้น ในชั้นประถม ศึกษาตอนปลายหรือมัธยมศึกษาตอนต้น จะเห็นว่าวัยรุน่ หญิงมีรปู ร่างสูงใหญ่เป็นสาวน้อยแรกรุน่ ในขณะที่พวกวัยรุ่นชายยังเป็นเด็กชายตัวน้อยๆ ซึ่งอาจท�าให้เด็กบางคนสับสนและเป็นกังวลกับ สภาพร่างกายของตนเอง ส�าหรับหญิงวัยแรกรุน่ นัน้ รอบเดือนครัง้ แรกส่วนใหญ่จะมีเมือ่ อายุประมาณ ๑๒ - ๑๓ ปี 2 อันบ่งบอกว่า มดลูกและช่องคลอดได้เจริญเติบโตแล้ว และจะเติบโตเต็มที่เมื่อประมาณอายุ ๑๕ - ๑๗ ปี การมีรอบเดือนครั้งแรกอาจท�าให้วัยรุ่นหญิงบางคนรู้สึกพอใจหรือภูมิใจที่เป็นผู้หญิง เต็มตัว แต่บางคนอาจจะรู้สึกในทางลบ หวั่นไหว หวาดหวั่น หรือตกใจได้เช่นกัน ทั้งนี้รอบเดือน ในช่วงปีแรกอาจมาไม่สม�่าเสมอหรือขาดหายเป็นช่วงๆ ได้ ส�าหรับชายวัยแรกรุ่นนั้น รูปร่าง ภายนอกมีการเจริญเติบโตเปลี่ยนแปลงช้ากว่า เด็กผู้หญิงประมาณ ๒ ปี เมื่อเข้าสู่ช่วงอายุ ๑๐ - ๑๓ ปี อัณฑะจะเริ่มมีการเจริญเติบโต แต่ก็ยังไม่เต็มที่ จนเมื่อมีการเติบโตเข้าสู่วัยรุ่น ตอนกลาง ในช่วงวัย ๑๔ - ๑๖ ปี อัณฑะจึงจะ เจริญเติบโตและท�าหน้าทีไ่ ด้อย่างสมบู3รณ์ วัยรุน่ ชายนับจากช่วงนีไ้ ปจึงมีภาวะฝันเปียกบ่อยๆ ได้ ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย อายุ ๑๗ ๑๙ ปี ร่างกายวัยรุ่นชายจะมีการเปลี่ยนแปลง ช่วงวัยรุ่น ทั้งเพศชายและเพศหญิงจะมีการเปลี่ยนแปลง อย่างเต็มที ่ อารมณ์ทางเพศอาจขึน้ สูงและรุนแรง ด้านร่างกายอย่างรวดเร็ว

✓ แบบวัดฯ ใบงาน แบบฝกฯ สุขศึกษา ม.2 กิจกรรมที่ 1.1 หนวยที่ 1 การเจร�ญเติบโตและการพัฒนา ของวัยรนุ กิจกรรมตามตัวชี้วัด

คะแนนเต็ม คะแนนที่ได

ñõ

กิจกรรมที่ ๑.๑ ใหนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมตามคําแนะนํา (พ ๑.๑ ม.๒/๑) ๑. ใหนักเรียนบอกลักษณะการเปลี่ยนแปลงทางดานรางกายชวงเขาสูวัยรุนชายและวัยรุนหญิง

วัยรุนชาย

ฉบับ มีขนบริเวณหัวหนาว รักแร เฉลย ๑. ………………………………………………………………………………. มีหนวด เครา ๒. ………………………………………………………………………………. ชวงไหลกวางขึ้น ๓. ………………………………………………………………………………. เสียงหาว แตกพรา ๔. ………………………………………………………………………………. ผิวหนังหยาบขึ้น ๕. ………………………………………………………………………………. มีกลิ่นตัวแรง ๖. ……………………………………………………………………………….

วัยรุนหญิง มีขนบริเวณหัวหนาว รักแร ๑. ………………………………………………………………………………. มีการเจริญเติบโตของเตานม ๒. ………………………………………………………………………………. สะโพกผาย เอวคอด ๓. ………………………………………………………………………………. เสียงทุม นุมนวล ๔. ………………………………………………………………………………. ผิวหนังนุม ละเอียดออน ๕. ………………………………………………………………………………. มีกลิ่นตัว ๖. ……………………………………………………………………………….

๒. สิง่ ใดสามารถบงบอกถึงความแตกตางระหวางความเปนวัยรุน ชายและวัยรุน หญิงไดชดั เจนทีส่ ดุ มีพัฒนาการและการเจริญเติบโตของระบบสืบพันธุ โดยในวัยรุนชายจะเริ่มมีการสรางอสุจิ ขณะที่ วัยรุนหญิงจะเริ่มมีประจําเดือน

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

๓. การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุน สงผลใหเกิดการเปลี่ยนแปลงทางดานจิตใจและ อารมณอยางไร วัยรุนมีอารมณที่เปลี่ยนแปลงไดงาย ซึ่งอาจมีสาเหตุจากความวิตกกังวลในหลายๆ ดาน ทั้งการ เปลีย่ นแปลงของรางกาย อารมณทางเพศ รักอิสระ และอยากรูอ ยากเห็นในสิง่ ใหม ทําใหรสู กึ สับสน ออนไหว หงุดหงิด ไมมั่นคง และมักมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณอยางรวดเร็ว ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

5

กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนสํารวจการเปลี่ยนแปลงทางดานรางกายของตนเอง แลวให เปรียบเทียบกับวัยเด็กวาแตกตางกันอยางไร

กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนวิเคราะหถึงผลดีและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงทางดาน รางกายของตนเอง

นักเรียนควรรู 1 โกรทฮอรโมน เปนฮอรโมนที่ผลิตจากตอมใตสมอง ทําหนาที่ควบคุม การเจริญเติบโตของรางกายใหเปนไปอยางปกติ หากมีการผลิตฮอรโมนนี้ มากเกินไป รางกายจะสูงใหญ หัวใจโต ความดันโลหิตสูง แตถาผลิตนอยเกินไป รางกายจะเตี้ยแคระ การเจริญเติบโตของอวัยวะตางๆ หยุดชะงัก 2 มดลูก เปนอวัยวะที่เปนรูปกลวง ประกอบดวยกลามเนื้อซึ่งมีลักษณะคลาย ผลชมพู มีผนังหนาประมาณ 2 เซนติเมตร และยาวประมาณ 7 เซนติเมตร ตั้งอยู ในชองเชิงกรานระหวางกระเพาะปสสาวะและทวารหนัก ตัวมดลูกอยูดานบน สวนปากมดลูกจะอยูดานลางติดกับชองคลอด 3 ภาวะฝนเปยก คือ ภาวะที่วัยรุนชายมีการหลั่งนํ้าอสุจิออกมาในขณะหลับ

คูมือครู

5


กระตุน ความสนใจ กระตุEngage นความสนใจ

สํารวจคนหา

อธิบายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Engage

Explore

Explain

Expand

Evaluate

กระตุน ความสนใจ

Engage

ครูตั้งคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียน โดยใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นไดอยางอิสระ • นักเรียนเคยสังเกตอารมณของตนเองบาง หรือไม ถาเคย นักเรียนคิดวา ตนเองมี อารมณที่แสดงออกในแตละวันเปนอยางไร (แนวตอบ ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน) • ทําไมผูชายถึงอารมณรอน ผูหญิงถึงแสนงอน (แนวตอบ เพราะวัยรุนมักมีอารมณแปรปรวน งาย ซึ่งเปนผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทาง รางกายที่เกิดขึ้นอยางรวดเร็ว ทําใหวัยรุน เกิดความกังวลและปรับตัวตอการเปลีย่ นแปลง ที่เกิดขึ้นไมได) • นักเรียนเคยสงสัยหรือไมวาทําไมวัยรุน โดยทั่วไปจึงตองพยายามสรางความโดดเดน ใหตนเอง (แนวตอบ ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน โดยอาจตอบวา เพื่อตองการใหเปนที่ยอมรับ ของเพื่อน และใหดูนาสนใจในสายตาของ เพศตรงขาม)

อวัยวะเพศตื่นตัวได้ง่าย แม้ว่าไม่มีสิ่งปลุกเร้า และอาจจะเกิดในบางสถานการณ์ที่ไม่สมควร จน ท�าให้วัยรุ่นชายบางคนอาจเกิดความรู้สึกละอายใจที่ควบคุมร่างกายตนเองไม่ได้ ส่งผลให้ขาด ความมั่นใจในตนเองตามมา ส่วนวัยรุ่นชายบางรายที่มีความคิดหมกมุ่นเกี่ยวกับเรื่องทางเพศ อาจแสดงพฤติกรรมทางเพศที่เบี่ยงเบนไปจากปกติจนก่อให้เกิดปัญหาได้ โดยสรุปแล้ว ลักษณะทางเพศที่แบ่งแยกความเป็นชายหนุ่มและความเป็นหญิงสาว ที่เพิ่งเริ่มเจริญเติบโตเต็มที่ในวัยแรกรุ่นจนถึงวัยรุ่นตอนปลายนั้น จะมีลักษณะเด่นที่แตกต่างกัน ในแต่ละเพศ ดังนี้ เพศหญิง ■ ■ ■ ■ ■

มีขนบริเวณหัวหน่าว รักแร้ มีการเจริญเติบโตของเต้านม สะโพกผาย เอวคอด เสียงทุ้ม นุ่มนวล ผิวหนังเรียบ ละเอียดอ่อน

เพศชาย ■ ■ ■ ■ ■

มีขนบริเวณหัวหน่าว รักแร้ มีหนวด เครา ไหล่กว้างขึ้น 1 เสียงห้าวว แตกพร่ แตกพร่า ผิวหนังหยาบขึ้น

๑.๒ การเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจและอารมณ์ วัยรุ่นมักมีจิตใจและอารมณ์เปลี่ยนไปจากวัยเด็กมาก มีความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับเรื่องเพศ ของตนหรือเพศตรงข้ามมากขึ้น ชอบความเป็นอิสระ มีความภาคภูมิใจในความเป็นชายและ เป็นหญิงของตนเอง ส่วนวัยรุ่นบางคนที่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายรวดเร็วกว่าคนอื่น เช่น สูงมาก ตัวใหญ่ อ้วน มีหน้าอกโต อาจท�าให้เกิดความวิตกกังวลหรือคิดว่าเป็นปมด้อยไม่เหมือนเพื่อน อาจท�าให้ความเชือ่ มัน่ ในตนเองลดลงไป ซึง่ การเปลีย่ นแปลงและการเจริญเติบโตทางด้านร่างกาย ของวัยรุ่นทั้งภายในและภายนอกนี้เอง จะมีอิทธิพลอย่างมากต่ออารมณ์และจิตใจของวัยรุ่น เด็กในวัยนี้จึงมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย สับสน อ่อนไหว ไม่มั่นคง อารมณ์ที่เกิดขึ้นมักจะ เปลีย่ นแปลงไปอย่างรวดเร็วรุนแรง เข้าใจได้ยาก จนมีการเปรียบเทียบว่าอารมณ์ของวัยรุน่ เหมือน พายุบุแคม (Storm and Stress) รวมทั้งมีความวิตกกังวล หงุดหงิด หมกมุ่นในเรื่องต่างๆ ที่ เกี่ยวกับตนเอง โดยจะมีความวิตกกังวลในการเปลี่ยนแปลงและต้องการเรียกร้องความสนใจ หลายอย่าง พอสรุปได้ ดังนี้ ๑) วิตกกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เด็กผู้ชายที่เข้าสู่วัยรุ่นช้า จะมีความวิตกกังวลมากเกี่ยวกับความแข็งแรงของร่างกาย จนอาจจะไม่มั่นใจในความเป็นชาย รู้สึกว่าตัวเองไม่สมบูรณ์ เกรงการถูกล้อเลียนหรือการกลั่นแกล้งจากเพื่อนๆ ที่มีรูปร่างใหญ่โตกว่า 6

นักเรียนควรรู 1 เสียงหาว แตกพรา หรือที่เรียกกันวา “เสียงแตกหนุม” เกิดจากโครงสราง ของกลองเสียง เมื่อยังเด็กจะมีสายเสียงสั้น ทําใหเสียงมีความถี่สูง แตเมื่อยางเขาสู วัยรุน กลองเสียงจะขยายใหญขึ้น สายเสียงจะยาว หนา และกวางขึ้น เสียงที่ เปลงออกมาจึงมีความถี่ตํ่าลง ซึ่งจะเกิดกับวัยรุนชายเปนหลัก

มุม IT สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับธรรมชาติจิตใจของวัยรุน….แตกตางจากวัยเด็ก ไดจาก http://www.bs.ac.th/2548/e_bs/G5/Nook/content1.html

6

คูมือครู

ขอสอบ

O-NET

ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางดานจิตใจและอารมณ ชวงวัยใดของมนุษยที่มีอารมณเปลี่ยนแปลงมากที่สุด 1. วัยเด็กกอนเขาเรียน 2. วัยเด็กเขาเรียน 3. วัยทารก 4. วัยรุน วิเคราะหคําตอบ วัยรุนเปนวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอรโมนและ รางกายเพื่อเขาสูการเปนผูใหญ เปนวัยที่อารมณแปรปรวนงาย ไมมั่นคง นําไปสูการเปลี่ยนแปลงทางอารมณมากที่สุด ตอบขอ 4.


กระตุนความสนใจ Engage

สํารวจคนหา สํารวจค Exploreนหา

อธิบายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Explore

Explain

Expand

Evaluate

สํารวจคนหา

Explore

จากที่ไดใหนักเรียนทําการสํารวจคนหา เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางดานตางๆ ใน ประเด็น • การเปลี่ยนแปลงทางดานรางกาย • การเปลี่ยนแปลงทางดานจิตใจและอารมณ • การเปลี่ยนแปลงทางดานสังคม • การเปลี่ยนแปลงทางดานสติปญญา จากหนังสือเรียนและแหลงเรียนรูเ พิม่ เติมตางๆ ไปเบื้องตนแลว ใหนักเรียนแบงกลุม (ชาย-หญิงรวมกัน) รวมกันวิเคราะหขอมูลถึงการเปลี่ยนแปลงทางดาน รางกาย จิตใจ อารมณ สังคม และสติปญญาของ วัยรุน วาในแตละดานมีการเปลี่ยนแปลงที่สัมพันธ กันอยางไร

ความภาคภูมิใจในตนเองอาจมีน้อยลงและรู้สึกว่าตัวเองมีปมด้อย ซึ่งความรู้สึกดังกล่าวอาจฝังใจ ไปได้อีกนาน ส่วนวัยรุ่นหญิงที่โตเร็วกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน มักจะรู้สึกอึดอัด เคอะเขิน ประหม่า อายต่ อ สายตาและค� า พู ด ของเพศตรงข้ า ม เพราะร่างกายเริ่มโตเป็นสาวในขณะที่สภาพ อารมณ์จิตใจยังเป็นเด็ก

๒) วิตกกังวลกับอารมณ์ทางเพศ

ทีส่ งู ขึน้ การเปลีย่ นแปลงของระดับฮอร์โมนเพศ

ส่งผลท�าให้วัยรุ่นเกิดอารมณ์ทางเพศขึ้นมา ได้บ่อย วัยรุ่นบางคนมีความเครียดเพราะรู้สึก ว่าเป็นสิง่ ไม่ด ี ส�าหรับพฤติกรรมในช่วงนี ้ เมือ่ มี ความสนใจอยากรูอ้ ยากเห็นเป็นทุนเดิมบวกกับ การใช้เวลาว่างไปทำากิจกรรมที่ตนชื่นชอบ จะช่วยให้ คลายความเครียดและความหมกมุ่นเกี่ยวกับการ การมีระดับฮอร์โมนเพศที่สูง วัยรุ่นจึงเรียนรู้ที่ วัเปลียรุ่ย่นนแปลงทางด้ านร่างกายของตนเอง จะหัดส�าเร็จความใคร่ด้วยตนเอง บางคนก็ 1 อยากเรียนรูเ้ กีย่ วกับการมีความสัมพันธ์ทางเพศ และมั และมักปรึกษาขอค�าแนะน�าจากเพือ่ นวัยเดียวกัน หรือดูสื่อที่ไม่เหมาะสม หลายคนก็หมกหมุ่นในเรื่องเพศมากจนมีผลกระทบต่อการเรียนและการ ด�าเนินชีวิตปกติ แต่วัยรุ่นที่มีความเข้าใจธรรมชาติว่าเป็นช่วงวัยหนึ่งของชีวิตหรือได้รับค�าแนะน�า ที่ถูกต้อง ก็จะใช้พลังงานของตนไปท�ากิจกรรมอื่นที่เป็นคุณประโยชน์ เช่น เล่นดนตรี เล่นกีฬา ท�ากิจกรรมอาสา ท�ากิจกรรมนันทนาการ เป็นต้น ความสนใจก็จะเบี่ยงเบนไม่หมกมุ่นเรื่องเพศ ๓) วิตกกังวลกลัวการเป็นผู้ใหญ่ วัยรุ่นเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงร่างกายของตน บางคนก็จะเกิดความวิตกกังวลมาก กลัวว่าจะพ้นวัยเด็ก ไม่รู้ว่าจะวางตัวให้ถูกอย่างไร กลัวจะ ไม่เป็นที่ยอมรับจากคนรอบข้าง กลัวจะต้องรับผิดชอบอะไรๆ หลายอย่างทั้งที่ตัวเองยังไม่พร้อม รู้สึกว่าเป็นภาระที่หนักหนา ยุ่งยาก บางครั้งจึงอยากจะเป็นเด็ก อยากแสดงอารมณ์สนุกสนาน ร่าเริง เบิกบาน ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมาก ๔) วิตกกังวลในความงดงามของร่างกาย ไม่ว่าวัยรุ่นหญิงหรือชายก็จะมีความ รู้สึกต้องการให้คนรอบข้างชื่นชมเกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกของตน และมีความส�านึกว่า ความสวยงามทางกายเป็นแรงจูงใจส�าคัญ ท�าให้ผอู้ นื่ เห็นคุณค่า ท�าให้เพือ่ นยอมรับเข้ากลุม่ ได้งา่ ย เป็นวิถีทางหนึ่งที่จะเข้าสู่สังคมและดึงดูดใจเพศตรงข้าม จะเห็นว่าเด็กในช่วงวัยนี้จะสนอกสนใจ พิถีพิถันในการเลือกเสื้อผ้า การหวีผม เอาใจใส่ต่อการออกก�าลังกาย สนใจคุณค่าทางอาหาร 2 เครือ่ งประดับ สุสุขภาพอนามัย การวางตัวในสังคม แต่ความสนใจในแต่ละเรือ่ งอาจมีระยะเวลาไม่นาน 7

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T

เพราะเหตุใดวัยรุนจึงมักถูกเรียกวาเปนวัยพายุบุแคม

แนวตอบ เนื่องจากวัยรุนเปนวัยที่มีอารมณเปลี่ยนแปลงงาย สับสน ออนไหว เขาใจยาก บางคนแสดงออกทางอารมณอยางรุนแรงดุจดังพายุ จนมีการเปรียบเทียบวาอารมณของวัยรุนเหมือนพายุบุแคม

นักเรียนควรรู 1 ปรึกษาขอคําแนะนํา เมื่อวัยรุนเกิดความเครียด หรือวิตกกังวลในเรื่องตางๆ สามารถปรึกษาขอคําแนะนําไดที่ “สายดวนวัยรุน” 1417 ซึ่งเปดใหบริการตั้งแต วันจันทร-วันเสาร เวลา 12.00-24.00 น. โดยไมเสียคาบริการใดๆ ทั้งสิ้น 2 สุขภาพอนามัย วัยรุนจําเปนตองรักษาสุขภาพอนามัยของตนเองอยูเสมอ เนื่องจากเปนวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอยางรวดเร็ว การรักษาสุขภาพอนามัยที่ดี จะทําใหสามารถดํารงชีวิตประจําวันไดอยางมีความสุข ไมเจ็บปวย หรือเกิด ความผิดปกติใดๆ ตอรางกาย

คูมือครู

7


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู

อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Explain

Expand

Evaluate

Explain

ใหแตละกลุมสงตัวแทนออกมาอธิบายถึง ความสัมพันธของการเปลี่ยนแปลงในแตละดาน ของวัยรุน กลุมละประมาณ 2 นาที โดยครูชวย อธิบายเพิ่มเติมและตั้งคําถามเพื่อใหไดขอสรุป ที่ถูกตองรวมกัน • การเปลี่ยนแปลงในแตละดานของวัยรุน มีความสัมพันธกันอยางไร (แนวตอบ การเปลี่ยนแปลงทางดานรางกาย ของวัยรุน อาจทําใหวัยรุนเกิดความกังวล ขึ้นได เนื่องจากวัยรุนบางคนมีการ เปลี่ยนแปลงทางรางกายที่แตกตางจากเพื่อน ทําใหรูสึกวาตนเองมีปมดอย ขาดความมั่นใจ ในตนเอง จนบางครั้งไมอยากที่จะเขาสังคม กับคนอื่นๆ ดวยเหตุนี้จึงไดสงผลไปถึงความ แปรปรวนทางดานอารมณและจิตใจตามมา ประกอบกับตองการใหเปนที่ยอมรับในกลุม เพื่อน และโดดเดนในสายตาของคนรอบขาง จึงสงผลกระทบไปถึงการเปลี่ยนแปลงทาง สังคมและสติปญญารวมดวย)

เสริมสาระ กลิ่นตัวเปนเรื่องธรรมชาติ กลิ่นตัว (Body Odor) เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่พบได้บ่อยในวัยรุ่นทุกคน เกิดจากต่อมเหงื่อน้ำาข้น (Aprocrine) ซึ่งจะมีเฉพาะบางบริเวณของร่างกาย เช่น ศีรษะ รักแร้ ที่ลับ กลิ่นตัวคนเราจะแรงขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น เนื่องจากอิทธิพล ของฮอร์โมนเพศไปกระตุ้นให้ต่อมเหงื่อน้ำาข้นเริ่มทำางาน โปรตีนกับไขมันรวมทั้งเหงื่อจะถูกขับออกมาตามรูขุมขน เกิดความชื้นบนผิวหนัง ส่งผลให้เกิดการเปอยยุ่ยและลอกออกของผิวหนังกำาพร้า จากนั้นเชื้อแบคทีเรียก็จะไปย่อย สลายเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วพร้อมกับขับกรดออกมาทำาให้เกิดกลิ่นเหม็นขึ้น ซึ่งปกติแล้วเจ้าของกลิ่นตัวมักจะไม่รู้สึกตัว ทั้งนี้เพราะจมูกซึ่งได้กลิ่นอยู่เสมอๆ จะชินกับกลิ่นกายของตัวเอง นอกจากกลิ่ น ตั ว จะมี ส าเหตุ จ ากปั จ จั ย ทาง ธรรมชาติของร่างกายแล้ว ยังมีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่นด้วย เช่น สภาพอากาศในฤดูร้อน เชื้อจุลินทรีย์บนผิวหนังจะเพิ่ม จำานวนได้อย่างรวดเร็ว เสื้อผ้าที่หนาหรือผ้าใยสังเคราะห์ จะทำาให้เหงื่อระบายออกได้ช้า ผิวหนังจึงมีความอับชื้นสูง อารมณ์ เ ครี ย ด โกรธ ตกใจ จะไปกระตุ้ น ให้ ต่ อ มเหงื่ อ หลั่ ง เหงื่ อ ออกมามากขึ้ น นอกจากนี้ อาหารบางชนิ ด เช่ น ไขมั น จากสั ต ว์ เนื้ อ สั ต ว์ สะตอ กระเที ย ม หอม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ ตลอดจนยาบางชนิด ก็ อ าจเป็ น สาเหตุ ข องการเกิ ด กลิ่ น ตั ว ได้ เช่ น1กั น อาทิ การใช้ยารักษาสิวที่มีสารเบนโซอิล เปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ผสมอยู่ เป็นต้น การดูแลรักษาความสะอาดของร่างกายอย่างสม่ำาเสมอ การแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นตัวของวัยรุ่น อาจปฏิบัติ จะช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่นตัวลงได้ ตามแนวทาง ดังนี้ อาบน้ำาทำาความสะอาดร่างกายบ่อยครั้ง โดยอาบให้ทั่วถึงทุกซอกทุกมุมของร่างกายโดยเฉพาะบริเวณ ที่อับชื้นหรือข้อพับต่างๆ นอกจากนี้ อาจใช้น้ำามันที่สกัดจากสะระแหน่ หยดลงในอ่างอาบน้ำา ๒ - ๓ หยด แล้วแช่ ก็จะช่วยระงับกลิ่นตัวได้2 เนื่องจากสะระแหน่มีคุณสมบัติช่วยดับกลิ่นตามธรรมชาติ ใช้ลูกกลิ้งที่มีสารยับยั้งการหลั่งเหงื่อทาบริเวณรักแร้หลังอาบน้ำา หรือจะใช้สมุนไพรช่วยก็ได้ เช่น พิมเสน ใบพลู ใบฝรั่ง เป็นต้น ขยี้หรือโขลกให้ละเอียด แล้วทารักแร้ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือยาที่ทำาให้เกิดกลิ่นตัว รวมทั้งพยายามอย่าให้ท้องผูก ในกรณีที่อาบน้ำาแล้วยังมีกลิ่นตัวอีก ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งมักอยู่ ในรูปของสบู่ในการอาบน้ำา หรือใช้สารส้มทาตัว ตลอดจนใช้เครื่องหอม น้ำาหอม โอดิโคโลญ สบู่หรือครีมอาบน้ำาที่ผสม น้ำาหอม ซึ่งกลิ่นหอมจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยกลบกลิ่นตัวลง ทำาให้เราเกิดความมั่นใจมากขึ้น หากแก้ไขหลายวิธีแล้ว คิดว่ายังไม่ได้ผล อาจไปขอคำาแนะนำาหรือปรึกษาแพทย์ผิวหนัง ทั้งนี้ยังไม่มียาที่ รับประทานแล้วสามารถระงับกลิ่นตัวได้ และต้องหมั่นคอยสังเกตว่า ทำาอะไรหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมแบบใดกลิ่นตัว ถึงแรงขึ้นหรือน้อยลง ■

■ ■

8

นักเรียนควรรู 1 เบนโซอิล เปอรออกไซด เปนยาที่ชวยละลายเซลลที่อุดตันตอมไขมัน และ ชวยฆาเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium Acnes (P. Anes) ซึ่งเปนสาเหตุของ การเกิดสิว ยานี้อาจทําใหผิวแหงและระคายเคืองได จึงควรเริ่มตนใชที่ระดับ ความเขมขนตํ่ากอน โดยทาวันละ 2 ครั้ง เชาและกอนนอน นาน 5-7 วัน ถาไมมี อาการแพยา ก็สามารถเพิ่มระดับความเขมขนของตัวยาได 2 ลูกกลิ้ง นักวิทยาศาสตรทางการแพทยไดทําการวิจัยพบวา การใชลูกกลิ้ง ระงับกลิ่นกายติดตอกันเปนระยะเวลานาน บางชนิดอาจทําใหเกิดสารตกคาง ใตวงแขนซึ่งเปนสาเหตุที่กอใหเกิดโรคมะเร็งได

8

คูมือครู

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T

ปญหาของการเกิดสิวและกลิ่นตัว มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงในขอใด 1. การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอรโมน 2. การเปลี่ยนแปลงของโครงสรางใบหนา 3. การเปลี่ยนแปลงของไขมันและกลามเนื้อ 4. การเปลี่ยนแปลงของรางกายและความสูง วิเคราะหคําตอบ การเกิดสิวและกลิ่นตัวมีสาเหตุมาจากการ เปลี่ยนแปลงของระดับฮอรโมน ซึ่งมักเกิดขึ้นในวัยรุน ตอบขอ 1.


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Explain

Expand

Evaluate

อธิบายความรู

Explain

ครูขออาสาสมัครนักเรียน 2 คน (ชาย-หญิง) ออกมาสรุปสาระสําคัญถึงความสัมพันธของ การเปลี่ยนแปลงในแตละดานของวัยรุนตาม ความเขาใจและประสบการณของนักเรียนเอง โดยนักเรียนสามารถยกตัวอยางประกอบ การอธิบายได จากนั้นครูเปดโอกาสใหเพื่อน ในหองยกมือแสดงความคิดเห็นไดอยางอิสระ และใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู กิจกรรมที่ 1.2

๕) ต้องการความรักความห่วงใย ช่วงวัยรุ่นนี้เป็นวัยที่มีความรู้สึกอยากที่จะถูกรัก

อยากได้รบั ความเอาใจใส่หว่ งใยจากบุคคลทีม่ คี วามส�าคัญต่อตนเอง ไม่วา่ จะเป็นพ่อแม่ ครูอาจารย์ และเพื่อน แต่มักจะมีข้อแม้ว่า ต้องไม่ใช่การ แสดงออกที่มีความรู้สึกว่าเขายังเป็นเด็ก ไม่ ต้องการให้แสดงความห่วงใยอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ต้องการให้เหินห่าง

๖) ต้องการเป็นอิสระท�าอะไร ด้วยตนเอง เด็กในวัยนี้อยากท�าในสิ่งที่ตัวเอง

คิดแล้วว่าดี อยากมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ อยากที่จะท�าตัวห่างจากพ่อแม่ ห่างจากค�าสั่ง ของครอบครัวทุกรูปแบบ ซึ่งบางครั้งจะท�าให้ วัยรุ่นเกิดความรู้สึกสับสน สองจิตสองใจ คือ อยากได้ความเป็นอิสระแต่กก็ ลัวสูญเสียความรัก ทั้งวัยรุ่นชายและหญิงจะให้ความสำาคัญต่อรูปลักษณ์ ความเอาใจใส่จากพ่อแม่ แต่ถ้าตนยอมรับการ ที่ปรากฏต่อผู้อื่น จึงพิถีพิถันเรื่องเสื้อผ้า ทรงผม และ การแต่งตัวค่อนข้างมาก ดูแลหรือยอมท�าตามค�าสั่งของพ่อแม่ ก็จะไป ขัดกับความต้องการลึกๆ ที่อยากเป็นเด็กโตมีอิสระของตนเอง ต้องการพึ่งพาตนเอง การช่วย ผ่อนคลายความรู้สึกเช่นนี้ จึงขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของครอบครัวที่ต้องให้ความเป็นอิสระ ไม่ไป จุกจิกเสียทุกเรื่อง รวมถึงมีความเข้าใจและเคารพในสิทธิส่วนบุคคลของวัยรุ่น ๗) ต้องการเป็นตัวของตัวเอง วัยรุ่นจะยอมรับในสิ่งที่มาจากตัวของเขาเอง ไม่ต้องการให้ใครมาออกค�าสั่งหรือบังคับ หลายคนจะใช้วิธีดื้อเงียบเมื่อถูกสั่งให้ท�าในสิ่งที่ตัวเอง ไม่ชอบ แต่ขณะเดียวกันก็ยังไม่ค่อยมั่นใจในความคิดหรือการกระท�าของตน ยังต้องการค�าชี้แนะ อยู่บ้าง ดังนั้น ครอบครัวจึงมีส่วนส�าคัญที่จะช่วยท�าให้วัยรุ่นมั่นใจในตัวเอง พ่อแม่ต้องส่งเสริม ให้วัยรุ่นได้รู้จักช่วยเหลือตัวเอง ครอบครัว ให้มากที่สุดเท่าที่จะท�าได้ตามสมควรแก่วัย ๘) ต้องการความถูกต้อง ยุติธรรม เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นตอนกลาง วัยรุ่นจะให้ความ จริงจังอย่างมากกับความถูกต้องยุติธรรมตามทัศนะของตนเอง อยากจะท�าอะไรหลายๆ อย่าง เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม จึงมักจะเห็นวัยรุ่นถกเถียงกันในสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว ๙) ต้องการความตื่นเต้นท้าทาย ความแปลกใหม่ วัยรุ่นบางส่วนโดยเฉพาะ วัยรุ่นชายอาจเรียกร้องความสนใจด้วยการกระท�าที่ฝ่าฝนต่อกฎเกณฑ์ต่างๆ ของทางบ้านและ 1 ระเบียบของสังคม เพราะรู้สึกว่าเป็นความตื่นเต้นและความท้าทาย หรือเข้าใจผิดว่าจะท�าให้ตน

✓ แบบวัดฯ ใบงาน แบบฝกฯ สุขศึกษา ม.2 กิจกรรมที่ 1.2 หนวยที่ 1 การเจร�ญเติบโตและการพัฒนา ของวัยรนุ กิจกรรมที่ ๑.๒ ใหนักเรียนอธิบายถึงลักษณะการเปลี่ยนแปลงของวัยรุน ในดานตางๆ (พ ๑.๑ ม.๒/๑) ดานรางกาย มีขนาดของรางกายและสวนสูงเพิ่มขึ้น ๑. ……………………………………………………………………………….

คะแนนเต็ม คะแนนที่ได

òð

ดานจิตใจและอารมณ มีความรูสึกนึกคิดและวิตกกังวลเกี่ยวกับ ๑. ………………………………………………………………………………. เรื่องเพศของตนและเพศตรงขาม

……………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………….

มีการเปลี่ยนแปลงของกระดูก ๒. ……………………………………………………………………………….

ตองการความตื่นเตนทาทาย ๒. ………………………………………………………………………………. และความแปลกใหม

……………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………….

มีการเปลี่ยนแปลงของไขมันและกลามเนื้อ ๓. ……………………………………………………………………………….

มีความภาคภูมิใจในความเปนชายและหญิง ๓. ………………………………………………………………………………. ของตน

……………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………….

มีการเปลี่ยนแปลงของโครงสรางใบหนา ๔. ……………………………………………………………………………….

มีความวิตกกังวลในความงดงามของรางกาย ๔. ……………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………….

มีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอรโมน ๕. ……………………………………………………………………………….

มีอารมณแปรปรวน หงุดหงิดไดงาย ๕. ……………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………….

มีการเปลี่ยนแปลงของอวัยวะเพศ ๖. ……………………………………………………………………………….

ชอบความเปนอิสระ ๖. ……………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………….

ดานสังคม มีความสนใจเพศตรงขาม ๑. ……………………………………………………………………………….

ดานสติปญญา มีความคิดเปนเหตุเปนผล ไมเชื่ออะไรงายๆ ๑. ……………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………….

รูจ กั การปรับตัวใหเขากับกฎเกณฑกติกาของ ๒. ……………………………………………………………………………….

มีแนวคิดแบบนามธรรมมากขึ้น ๒. ……………………………………………………………………………….

กลุมและสังคม มีการทํางานรวมกับผูอื่น ๓. ………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………….

มีความสามารถในการคิดวิเคราะหและ ๓. ………………………………………………………………………………. สังเคราะหสิ่งตางๆ ไดมากขึ้น

……………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………….

สนใจเพื่อนมากกวาครอบครัว ๔. ……………………………………………………………………………….

รูจักควบคุมตนเอง และเรียนรูที่จะควบคุม ๔. ……………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………….

มีทักษะทางดานสังคม การสื่อสารกับผูอื่น ๕. ……………………………………………………………………………….

รูจักปรับตัวทางความคิด เพื่อใหทาํ งานรวม ๕. ……………………………………………………………………………….

และการแกปญหามากขึ้น

ความคิด

กับผูอื่นได

……………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………….

แสวงหาความเปนเอกลักษณของตนเอง ๖. ……………………………………………………………………………….

รูจ กั ตัดสินใจในเรือ่ งทีย่ ากๆ โดยการคนหา ๖. ……………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………….

……………………………………………………………………………….

เพื่อใหเปนที่ยอมรับ

ฉบับ

เฉลย

ขอมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจ

9

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T

นักเรียนมีวิธีการปฏิบัติตนอยางไร เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางดาน อารมณและจิตใจ

แนวตอบ 1. ยอมรับสภาพความเปนจริงของตนเอง โดยรูจักปลอยวาง ในบางเรื่อง 2. พยายามสรางความเชื่อมั่นใหกับตนเอง กลาที่จะเผชิญกับ ปญหา และพรอมที่จะแกปญหาตางๆ 3. รูจักปรับตัวใหสามารถเขากับผูอื่นได 4. ทําจิตใจใหราเริงแจมใสอยูเสมอ 5. มีวุฒิภาวะทางอารมณที่ดี 6. ฝกทําจิตใหสงบมีสมาธิ 7. หลีกเลี่ยงจากสิ่งไมดีทั้งหลายที่มีผลตอจิตใจและอารมณ

เกร็ดแนะครู วัยรุนเปนวัยที่บางครั้งอาจทําความเขาไดยาก ดังนั้นครูอาจใหนักเรียน แตละคนเขียนเรียงความในหัวขอ “อยากใหครอบครัวเขาใจ” เพื่ออธิบายสิ่งที่ ตองการจะสื่อสารวาอยากใหสมาชิกในครอบครัวเขาใจตนเองในเรื่องใดบาง เพื่อละลายพฤติกรรมและสงเสริมใหนักเรียนไดถายทอดมุมมองของตนเองออกมา ซึ่งครูจะไดทําความเขาใจและสามารถเรียนรูถึงลักษณะพฤติกรรมที่แสดงออก ของนักเรียนแตละคนได

นักเรียนควรรู 1 ระเบียบของสังคม หมายถึง กระบวนการทางสังคมที่จัดขึ้นเพื่อควบคุม สมาชิกใหมีความสัมพันธกันภายใตแบบแผนและกฎเกณฑเดียวกัน เพื่อใหเกิด ความเปนระเบียบเรียบรอยในสังคม คูมือครู

9


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู

อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Explain

Expand

Evaluate

Explain

ครูตั้งคําถามเพื่อทดสอบความเขาใจของ นักเรียน • ถาวัยรุนไมสามารถปรับตัวและยอมรับตอ การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ และอารมณได จะสงผลอยางไร (แนวตอบ อาจเกิดปญหาสับสนทางใจ ซึ่งสงผลทําใหสุขภาพจิตเสียได) • เพราะเหตุใด วัยรุนไมคอยชอบคลุกคลีกับ ครอบครัวเหมือนในชวงวัยเด็ก (แนวตอบ เนื่องจากตองการความเปนอิสระ โดยจะพยายามปลีกตัวออกหางจากพอแม เพื่อหัดดูแลและรับผิดชอบตนเอง แตจะให ความสําคัญกับเพื่อนรวมวัยคอนขางมาก เริ่มมีความสนใจเพศตรงขาม สนใจสังคม และสิ่งแวดลอมมากขึ้น) • วัยรุนจะมีการเปลี่ยนแปลงทางดาน สติปญญาที่แตกตางไปจากวัยเด็กอยางไร (แนวตอบ เริ่มเรียนรูไดดวยตนเองมากขึ้น มีความคิดที่เปนเหตุเปนผล รูจักตัดสินใจ ในเรื่องยากๆ ไดดีกวาในวัยเด็ก แตยังขาด ความยั้งคิดและการไตรตรองอยางรอบคอบ)

เป็นคนเด่นขึ้นมา ซึ่งการกระท�าในบางสิ่งก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต การดูแลวัยรุ่นในช่วงวัยนี้จึง ต้องเปิดโอกาสให้เด็กได้มีโอกาสท�างานที่ท้าทายความสามารถอยู่ตลอดเวลา ตลอดจนให้เด็กได้ ใช้พลังงานและความคิดสร้างสรรค์ของตนในทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์

๑๐) มีความอยากรู้ อยากเห็น อยากลองสูง เด็กในช่วงวัยนี้จะมีความอยากรู้

อยากเห็น หรืออยากลองสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ การกระท�าหลายอย่างแม้จะทราบว่าเป็นสิง่ ไม่ดี แต่บางครัง้ ก็อยากรูด้ ว้ ยตนเองว่าท�าแล้วจะเป็น อย่างไร มีผลอย่างไร ท�าให้การกระท�าหลายอย่าง มีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวเอง แต่วัยรุ่นบางส่วนก็ใช้ความอยากรู้อยากเห็น ของตนไปสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ท�าให้เกิดผลงาน ขึ้นมา เช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ การท�า วัยรุ่นเป็นวัยที่คึกคะนองและชอบความตื่นเต้นท้าทาย ธุรกิ จขนาดเล็ ก1 เป็ นต้ น ซึ่ง การเลี้ยงดูข อง จึงมักชอบเล่นกีฬาที่อาศัยความเร็วและผาดโผน ครอบครัวที่เปิดโอกาสให้วัยรุ่นได้ทดลองท�า ในสิ่งดีมีประโยชน์และถูกต้อง จะช่วยท�าให้เด็กได้ความรู้ ทักษะประสบการณ์ ซึ่งบางสิ่งก็จะ เป็นประโยชน์ต่อการประกอบอาชีพในภายหน้า

๑.3 การเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม วัยนี้จะเริ่มท�าตัวห่างจากทางบ้าน ไม่ค่อยคลุกคลีกับครอบครัวเหมือนในช่วงวัยเด็ก แต่จะ สนใจเพือ่ นมากกว่า จะใช้เวลากับเพือ่ นนานๆ มีกจิ กรรมนอกบ้านมาก ไม่อยากไปไหนกับทางบ้าน เริ่มมีความสนใจเพศตรงข้าม สนใจสังคมสิ่งแวดล้อม รู้จักปรับตัวเองให้เข้ากับกฎเกณฑ์กติกา ของกลุ่มและสังคมได้ดีขึ้น ส่วนใหญ่จะมีความสามารถทางด้านทักษะสังคม การสื่อสารเจรจา การแก้ปัญหา การประนีประนอม การยืดหยุ่นโอนอ่อน และการท� างานร่วมกับผู้อื่น พัฒนาการ 2 ทางสังคมที่ดีของวัยรุ่นจะเป็นพื้นฐานของมนุษยสัมพันธ์และบุคลิกภาพที่ดี การเรียนรู้สังคม จะช่วยให้วัยรุ่นหาแนวทางการด�าเนินชีวิตที่เหมาะกับตนเองได้ดีขึ้น เด็กในวัยนี้ต้องการการยอมรับว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน ของกลุ่มเพื่อน พื้นฐานการ เลี้ยงดูที่สนับสนุน ให้ก�าลังใจ มีความรักความผูกพันระหว่างพ่อแม่ ผู้ปกครองกับเด็ก ย่อมมีผล ท�าให้วัยรุ่นเกิดความรู้สึกที่ดีต่อสังคมสิ่งแวดล้อมของตน การเปิดโอกาสให้วัยรุ่นได้มีส่วนในการ ตัดสินใจ ลงมือกระท�า หรือการแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ถ้าครอบครัวเปิดใจรับฟัง ๑0

นักเรียนควรรู 1 การทําธุรกิจขนาดเล็ก คือ การทําธุรกิจ SMEs ซึ่งมาจากคําวา Small and Medium Enterprise หรือภาษาไทยใชคําวา วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม โดยประเทศไทยมีกฎหมายที่เกี่ยวของกับ SMEs ไดแก พระราชบัญญัติสงเสริม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม พ.ศ. 2543 2 มนุษยสัมพันธ (Relationship) หลักการสรางมนุษยสัมพันธ มีหลายแนวทาง เชน ยิ้มแยมแจมใสทักทายผูอื่น มีนํ้าใจเอื้อเฟอเผื่อแผ สุภาพ ออนนอมถอมตน มีความจริงใจ ใหความรวมมือในการทําประโยชนเพื่อสวนรวม เปนตน

10

คูมือครู

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T

เพราะเหตุใด การเปลี่ยนแปลงทางดานอารมณและจิตใจของวัยรุน จึงสงผลใหเกิดความขัดแยงกับพอแมหรือผูปกครอง แนวตอบ เนื่องจากวัยรุนเปนวัยที่มีอารมณแปรปรวน เปลี่ยนแปลงงาย สับสน ออนไหว และเขาใจยาก ไมสามารถที่จะควบคุมอารมณของตนเอง ได ประกอบกับการมีชองวางระหวางวัยของวัยรุนกับพอแมหรือผูปกครอง ซึ่งกอใหเกิดความไมเขาใจกันทางดานความคิดหรือการกระทําตางๆ จึง สงผลใหมักจะมีปญหาความขัดแยงกับบุคคลรอบขาง รวมไปถึงบุคคลใน ครอบครัวดวย


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

อธิบายความรู

Engage

Explore

Explain

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

Expand าใจ ขยายความเข

Evaluate ตรวจสอบผล

ขยายความเขาใจ

ครูอาจใชเหตุการณสมมุติเกี่ยวกับ การเปลี่ยนแปลงทางดานตางๆ ของวัยรุน แลวถามถึงวิธีการปรับตัวตอการเปลี่ยนแปลงนั้น เชน • ถานักเรียนมีสิวขึ้นที่ใบหนาและมีกลิ่นตัว นักเรียนจะทําอยางไร (แนวตอบ ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน เชน ดูแลรักษาสุขอนามัยของรางกายตนเอง ใหสะอาด ไมบีบสิว ไปพบแพทย หรือหา ผลิตภัณฑรักษาสิวมาใช ใชสารสมทา บริเวณรักแรเพื่อดับกลิ่นตัว เปนตน) • ถานักเรียนมีปญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลง ของรางกายนักเรียนจะปรึกษาใคร (แนวตอบ ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน โดยบางคนอาจตอบวาปรึกษาพอแม หรือ ปรึกษาผูใหญที่ใกลชิด ปรึกษาครู ปรึกษา เพื่อน แตสวนใหญวัยรุนจะเลือกปรึกษา เพื่อน เพราะเพื่อนจะมีอิทธิพลตอวัยรุนมาก และมักจะเขาใจความรูสึกในวัยเดียวกัน ไดดีมากกวา) จากนัน้ ใหนกั เรียนเขียนสรุปถึงการเปลีย่ นแปลง ทางดานตางๆ ของวัยรุนเปนแผนผังความคิด

พยายามท�าความเข้าใจตาม ถ้าเบี่ยงเบนก็ช่วยแก้ไข ถ้าถูกต้องก็ชมเชยและชื่นชม สิ่งเหล่านี้จะ ช่วยให้วัยรุ่นมีความรู้สึกว่าตนเป็นที่ยอมรับจากบุคคลภายในครอบครัว เป็นคนที่มีคุณค่า ย่อมจะ ไม่กระท�าอะไรที่ไม่ดีมีความเสี่ยง จะส่งผลให้ เด็กอยากเป็นที่ยอมรับจากเพื่อน จากครู และ จากคนอื่นๆ ต่อไป ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจให้วัยรุ่น กระท�าความดีมากขึ้นเรื่อยๆ ส�าหรับเด็กวัยรุ่นที่เข้ารวมกลุ่มกัน ก็จะมี 1 ความจริงใจต่อกลุม่ ยอมรั ยอมรับเอาค่านิยมม ทัศนคติ ความเชื่อ และความสนใจของกลุ่มมาเป็นของ ตนเองอย่างเต็มใจ การรวมกลุ่มจะท�าให้เด็ก มีความรู้สึกอุ่นใจ กล้าแสดงความคิดเห็น หรือ วัยรุ่นจะมีความสามารถด้านทักษะสังคม การได้อยู่ร่วม มีการกระท�าในเชิงต่อต้านในสิ่งที่เขาเห็นว่า และปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ง่าย จะเป็นพื้นฐานที่ดีในการ ดำารงชีวิตต่อไปภายภาคหน้า ไม่ยุติธรรม จากที่กล่าวมาทั้งหมด พอจะสรุปภาพรวมพฤติกรรมทางสังคมของวัยรุ่นได้ ดังนี้ ๑. มีการคบค้าสมาคมกับเพื่อนต่างเพศและเพศเดียวกัน ๒. มีการเที่ยวเตร่ เพื่อหาความรู้ ความบันเทิงใจ โดยพบว่าเด็กในวัยนี้ชอบเที่ยวเตร่ กันเป็นหมู่คณะ มากกว่าการเที่ยวเตร่ตามล�าพัง 2 ๓. การแต่งกายของวัยรุ่น เป็นไปตามสมัยนิยม ม เนื่องจากมีความต้องการที่จะให้ เหมือนกับเพื่อนๆ เพื่อหวังการยอมรับจากกลุ่ม ๔. พยายามแสวงหาเอกลักษณ์ของการเป็นคนเก่ง การเป็นวีรบุรุษ เด็กวัยรุ่นจะ ยอมรั บ และนั บ ถื อ บุ ค คลตามเจตคติ ข องตน และเลียนแบบพฤติกรรมตาม

ตรวจสอบผล

๑.๔ การเปลี่ยนแปลงทางด้าน สติปัญญา วัยนีส้ ติปญั ญาจะพัฒนาสูงขึน้ จนมีความคิด เป็นแบบรูปธรรม (หมายถึงความสามารถเรียนรู้ เข้าใจเหตุการณ์ต่างๆ ได้ลึกซึ้งขึ้น) มีความ สามารถในการคิด วิเคราะห์ และสังเคราะห์ สิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น จนเมื่อพ้นช่วงวัยรุ่นแล้ว

Expand

Evaluate

การเขียนสรุปถึงการเปลีย่ นแปลงทางดานตางๆ ของวัยรุนเปนแผนผังความคิด

วั ย รุ่ น จะรั ก สวยรั ก งาม ชอบทำ า กิ จ กรรมเป็ น หมู่ ค ณะ บางคนก็พยายามทำาตัวเด่นเพื่อดึงดูดความสนใจ

๑๑

กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนเขียนอธิบายการเปลี่ยนแปลงทางดานตางๆ ของวัยรุน โดยนักเรียนสามารถเลือกอธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงดานใดดานหนึ่งก็ได ไมวาจะเปนการเปลี่ยนแปลงทางดานรางกาย จิตใจ อารมณ สังคม หรือสติปญญาลงในสมุดสงครูผูสอน

กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนเขียนอธิบายการเปลี่ยนแปลงทางดานตางๆ ของวัยรุน ทั้งทางดานรางกาย จิตใจ อารมณ สังคม และสติปญญา จากนั้นให นักเรียนวิเคราะหวาการเปลี่ยนแปลงดังกลาวมีความสัมพันธกันอยางไร ลงในสมุดสงครูผูสอน

นักเรียนควรรู 1 คานิยม คานิยมเปนสิ่งที่คนในสังคมยอมรับวามีคุณคา การปลูกฝงคานิยม ในสังคมไทยนับเปนสวนหนึ่งของวัฒนธรรม ซึ่งเปนตัวกําหนดพฤติกรรมของบุคคล ในการดําเนินชีวิตระหวางสมาชิกในสังคมใหมีความสอดคลองสัมพันธกัน และชวย เสริมสรางความเปนปกแผนใหแกสังคม เมื่อมีการรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเขามา ทําใหมีผลกระทบตอการดําเนินชีวิต ดังนั้นจึงจําเปนที่จะตองปลูกฝงคานิยมไทย ใหเยาวชนไดรับรูและสืบทอดปฏิบัติตอไป 2 สมัยนิยม เปนสิ่งที่ปฏิบัติหรือกระทําตามกันอยางตอเนื่องในชวงเวลาหนึ่งๆ หรือยุคหนึ่งๆ ซึ่งสวนมากจัดอยูในพฤติกรรมการเลียนแบบ

มุม IT สามารถศึกษาเพิม่ เติมเกีย่ วกับวัยรุน กับการคบเพือ่ น จากบทความ “วัยรุน วุน ๆ กับเพื่อน” ไดจาก http://www.elib-online.com/doctors/mental_friend.html คูมือครู

11


กระตุน ความสนใจ กระตุEngage นความสนใจ

สํารวจคนหา

อธิบายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Engage

Explore

Explain

Expand

Evaluate

กระตุน ความสนใจ

Engage

ครูกระตุนความสนใจของนักเรียนโดยการให นักเรียนสํารวจตนเองวามีลักษณะเฉพาะตัว สวนไหนบางที่คลายคลึงกับพอแม และญาติพี่นอง จากนั้นครูขออาสาสมัครนักเรียนออกมา หนาชั้นเรียน 4 คน (ชาย 2 คน หญิง 2 คน) โดยแตละคนใหมีบุคลิกลักษณะที่แตกตางกัน ทั้งทางดานสีผิว ผม หรือแมกระทั่งอุปนิสัยใจคอ แลวถามนักเรียนในหองวาทั้ง 4 คน มีลักษณะที่ แตกตางกันอยางไรบาง โดยครูเชื่อมโยงเพื่อเขาสู เนื้อหา และตั้งคําถามใหนักเรียนแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ • เพราะเหตุใด บุคคลแตละคนจึงมีการ เจริญเติบโตและพัฒนาการที่แตกตางกัน (แนวตอบ ขึ้นอยูกับปจจัยสําคัญตางๆ เชน พันธุกรรม สิ่งแวดลอม การเลี้ยงดู เปนตน ซึ่งมีผลตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการ ที่แตกตางกันของบุคคล ซึ่งนักเรียน จะไดศึกษาในเนื้อหาตอไป)

จะมีความสามารถทางสติปัญญาเหมือนผู้ใหญ่ การเจริญเติบโตในการท�างานของสมอง ท�าให้ 1 เด็กวัยนี้เริ่มมีความคิดอ่านเป็นของตนเอง เริ่มมีความคิดแบบนามธรรม แบบนามธรรม รู้จักควบคุมตนเอง เรียนรู้ที่จะควบคุมความคิด รู้จักยั้งคิด คิดให้เป็นระบบ เพื่อให้สามารถใช้ความคิดได้อย่างมี ประสิทธิภาพและอยูร่ ว่ มกับผูอ้ นื่ ได้ แต่บางครัง้ ในช่วงระหว่างวัยรุ่น ก็ยังพบว่ามีบางขณะที่มี การกระท�าทีอ่ าจขาดความยัง้ คิด มีความหุนหัน พลันแล่นสูง ขาดการไตร่ตรองให้รอบคอบได้ พัฒนาการทางความคิดและสติปัญญา ของวัยรุน่ นัน้ พบว่าสามารถทีจ่ ะคิดได้ในลักษณะ ดังต่อไปนี้ ๑. รู้จักคิดเป็นเหตุเป็นผล ไม่เชื่อ อะไรง่ายๆ การเปิดโอกาสให้วัยรุ่นได้แสดงออกทางความคิดและ ๒. รูจ้ กั คิดแบบวิทยาศาสตร์ มีการ เชาวน์ปัญญาตามความชอบของตน จะช่วยพัฒนาความ คิ ด วิ เ คราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์ คิดอย่างมีระเบียบ สามารถด้านสติปัญญาได้ แบบแผน ต้องพยายามนึกคิดด้วยตนเอง ๓. มีความคิดในเชิงนามธรรมมากขึ้น กล่าวคือ ไม่จ�าเป็นต้องเห็นของจริงก็สามารถ ที่จะจินตนาการเพื่อสร้างภาพในใจให้เกิดขึ้นได้ ตลอดจนสามารถที่จะน�าภาพในใจเหล่านั้น มา ผสมผสานกับกระบวนการคิดทางวิทยาศาสตร์ได้มากขึ้น ท�าให้เกิดกระบวนการคิดในเชิงเหตุผล ๔. มี ค วามคิ ด รวบยอดในเรื่ อ งราวต่ า งๆ มากขึ้ น สามารถที่ จ ะน� า ความรู ้ แ ละ ประสบการณ์ในอดีตมาเชื่อมโยงเข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันได้ สามารถที่จะเรียนรู้และน�ามา ประยุกต์ใช้ได้มากขึ้น ๕. รู้จักที่จะตัดสินใจในเรื่องยากๆ มีการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการ ตัดสินใจของตนเองมากขึ้น 2 ๖. รู้จักที่จะปรับตัวทางความคิด สามารถที่จะปรับตัวเพื่อให้ท�างานร่วมกับผู้อื่นได้ และช่วยท�างานให้กับสาธารณประโยชน์ได้ หากได้รับการส่งเสริม

๒. ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น ถ้านักเรียนสังเกตเพื่อนๆ ที่อยู่ในช่วงวัยแรกรุ่นเหมือนกับเรา จะเห็นว่าเพื่อนๆ แต่ละคน มีลักษณะการเจริญเติบโตและพัฒนาไม่เท่ากัน บางคนแรกๆ มีระดับความสูงที่ใกล้เคียงกับเรา แต่พอผ่านพ้นไปช่วงหนึ่ง บางคนกลับสูงกว่าหรือเตี้ยกว่าเรา ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยดังต่อไปนี้ ๑๒

นักเรียนควรรู 1 ความคิดแบบนามธรรม ความคิดที่เปนขอกลาวอางถึงปรากฏการณตางๆ ที่ไมมีรูปรางหรือสรางใหเกิดขึ้นมาเอง โดยหมายความถึงไมสามารถจับตองหรือ บอกรูปรางได 2 ทํางานรวมกับผูอื่นได แนวทางในการทํางานรวมกับผูอื่นมีดังนี้ • • • • •

12

มีการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน มีสวนรวมเทาเทียมกัน มีปฏิสัมพันธไปพรอมๆ กัน มีกระบวนการในการทํางาน มีทักษะการฟง-พูด

คูมือครู

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T

ปจจัยใดที่มีผลตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุน 1. พันธุกรรม 2. สัมพันธภาพ 3. บุคคลรอบขาง 4. จิตใจและอารมณ วิเคราะหคําตอบ ปจจัยทางดานพันธุกรรม เพราะเปนสิ่งที่ติดตัวมา ตั้งแตกําเนิด จึงไมสามารถเปลี่ยนแปลงได ซึ่งจะแตกตางกับสิ่งแวดลอม และพฤติกรรมหรือการปฏิบัติที่คนเราสามารถปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลง แกไขใหดีขึ้นไดเสมอ ตอบขอ 1.


กระตุนความสนใจ Engage

สํารวจคนหา สํารวจค Exploreนหา

อธิบายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Explore

Explain

Expand

Evaluate

สํารวจคนหา

Explore

ใหนักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง ปจจัยที่มีผล ตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุน จากหนังสือเรียน จากนั้นครูใหนักเรียนแบงกลุม ออกเปน 3 กลุมเทาๆ กัน โดยใหแตละกลุม สงตัวแทนออกมาจับสลาก ซึ่งมีประเด็น ดังนี้ • พันธุกรรม • สิ่งแวดลอม • การอบรมเลี้ยงดู เมื่อนักเรียนจับฉลากเรียบรอยแลว ใหนักเรียน เตรียมเนื้อหาพรอมทั้งสื่อประกอบและเอกสารที่ใช แจกเพื่อนในหองเพื่อนําเสนอหนาชั้นเรียนกลุมละ 5 นาที

๒.๑ พันธุกรรม พันธุกรรม หมายถึง ปรากฏการณ์ที่สิ่งมีชีวิตถ่ายทอดลักษณะต่างๆ จากรุ่นหนึ่งไปสู่ อีกรุ่นหนึ่ง หรือเป็นลักษณะทางร่างกายและพฤติกรรมของบุคคลที่ได้รับการถ่ายทอดมาจาก บรรพบุรษุ โดยการสืบสายเลือด เช่น จากพ่อแม่ ไปสู่ลูก จากปู่ย่า ตายาย ไปสู่ลูกหลาน เป็นต้น ลักษณะใดที่สามารถถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ ไปสู่ลูกหลานได้ จะเรียกลักษณะนั้นว่าเป็น พันธุกรรม ลักษณะที่ถ่ายทอดเป็นพันธุกรรม จะมีอยู่ในเซลล์สืบพันธุ์ของพ่อแม่ เมื่อเซลล์ สืบพันธุข์ องพ่อแม่ คือ ตัวอสุจกิ บั ไข่มาผสมกัน เป็นเซลล์เดียวแล้วก็จะเจริญเป็นชีวิตใหม่ จะเห็นได้ว่าลูกที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกัน มักจะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกัน ลูกบางคน การถ่ายทอดทางพันธุกรรมจะสืบทอดจากบรรพบุรุษสู่ หน้าเหมือนพ่อ บางคนหน้าเหมือนแม่ และ ลูกหลาน ทำาให้บุคคลในครอบครัวเดียวกัน มีรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ คล้ายคลึงกัน อาจมีบางคนที่หน้าไม่เหมือนพ่อและแม่ แต่ กลับไปคล้ายญาติพี่น้อง หรือบรรพบุรุษ ลักษณะที่สามารถถ่ายทอดไปยังลูกหลานมีมากมาย เช่น มือข้างที่ถนัด สติปัญญา ลักษณะและสีของผม ลักษณะตาชั้นเดียวหรือสองชั้น เป็นต้น ลักษณะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมไม่ได้แสดงออกเหมือนกันทุกคน ลักษณะใดที่เป็นลักษณะเด่น ย่อมแสดงออกให้เห็นได้อย่างชัดเจน ส่วนที่เป็นลักษณะด้อยจะไม่ปรากฏ พันธุกรรมท�าให้คนเรามีลกั ษณะทีแ่ ตกต่างกัน เช่น รูปร่าง หน้าตา สีของเส้นผม และลักษณะ ของเส้นผม สีของนัยน์ตา สีของผิวหนัง ความสูง ความเตี้ย กลุ่มเลือด โรคบางอย่าง ความพิการ บางอย่างของร่างกาย เชาวน์ปัญญา เป็นต้น เมื่อคนเราเข้าสู่วัยรุ่น ลักษณะต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาจากพ่อแม่และบรรพบุรุษจะปรากฏให้เห็นเด่นชัดขึ้น เช่น ความสูง ความเตี้ย สีของผิวหนัง เป็นต้น ลักษณะที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่ปรากฏเด่นชัด ได้แก่ • ลักษณะทางกาย เช่น รูปร่าง สีผวิ สีตา การถนัดของมือ เป็นต้น ั ญา เช่น อารมณ์ สติปญั ญา เป็นต้น1 • ลักษณะทางจิตใจและสติปญ • โรคทางกายบางอย่าง เช่น เบาหวาน ตาบอดสี เลือดไหลไม่หยุด เป็นต้น • โรคทางจิตบางอย่าง เช่น โรคจิตเภท เป็นต้น • ชนิดของหมูเ่ ลือด ได้แก่ หมูเ่ ลือด A, B, O และ AB ๑3

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T

ขอใดกลาวถึงปจจัยที่มีอิทธิพลตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของ วัยรุนไดถูกตองที่สุด 1. เปนผลกระทบที่เกิดจากการอบรมเลี้ยงดู 2. เปนผลกระทบที่เกิดมาจากภาวะดานสุขภาพ 3. เปนปจจัยที่เกิดจากสภาพทางธรรมชาติของคนเรา 4. เปนปจจัยที่สงผลกระทบมาจากอิทธิพลของสิ่งแวดลอม

วิเคราะหคําตอบ เปนทีท่ ราบกันดีอยูแ ลววาการเจริญเติบโตและพัฒนาการ ของวัยรุน แตละคนนัน้ มีความแตกตางกันออกไป ทัง้ นีข้ นึ้ อยูก บั ปจจัยสําคัญ ตางๆ เชน พันธุกรรม สิ่งแวดลอม การเลี้ยงดู เปนตน แตแทที่จริงแลว ปจจัยทีม่ อี ทิ ธิพลตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุน นัน้ เปนปจจัย ที่เกิดจากสภาพทางธรรมชาติของคนเรา ซึ่งวัยรุนควรยอมรับและปรับตัว ใหไดวาทุกสิ่งทุกอยางที่เกิดนั้นลวนเปนธรรมชาติ ตอบขอ 3.

เกร็ดแนะครู ครูอาจแนะนํานักเรียนกลุมที่นําเสนอเรื่องพันธุกรรมในการเตรียมสื่อประกอบ การนําเสนอวา นักเรียนอาจนํารูปถายของบิดามารดา และรูปถายของตนเองมา เปรียบเทียบกันใหเห็นถึงความเหมือนหรือความแตกตางทางพันธุกรรมซึ่งเปนปจจัย ที่มีผลตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุน

นักเรียนควรรู 1 เลือดไหลไมหยุด เรียกอีกชื่อหนึ่งวา โรคฮีโมฟเลีย (Hemophilia) เปน อาการของโรคชนิดหนึ่งที่เกิดจากความผิดปกติทางกรรมพันธุ ซึ่งอาจจะมีพอหรือ แมปวยเปนโรคนี้อยู ลักษณะอาการของโรค คือ เมื่อเกิดแผลและมีเลือดออก เลือด มักจะหยุดไหลไดยาก ดังนั้น ผูปวยจะตองระมัดระวังไมใหเกิดบาดแผล เพราะ อาจเปนอันตรายจนถึงแกชีวิตได คูมือครู

13


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู

อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Explain

Expand

Evaluate

Explain

ใหนักเรียนกลุมที่จับสลากไดเรื่อง พันธุกรรม ออกมานําเสนอหนาชั้นเรียน โดยหลังจาก การนําเสนอเสร็จสิ้น ครูสุมนักเรียนชาย 1 คน นักเรียนหญิง 1 คน ออกมาอธิบายถึงลักษณะ ทางพันธุกรรม ซึ่งนักเรียนในหองสามารถอธิบาย เพิ่มเติมไดในประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวของ จากนั้น ครูชวยอธิบายเพิ่มเติมและตั้งคําถามเพื่อใหได ขอสรุปที่ถูกตองรวมกัน • นักเรียนคิดวา พี่นองที่เกิดจากพอแม เดียวกันแตมีรูปรางและลักษณะไมเหมือนกัน เกิดจากอะไร (แนวตอบ เกิดจากพันธุกรรมที่ไดรับจากพอ และแมเปนลักษณะเฉพาะตัว ซึ่งจะแสดงออก ไมเหมือนกันทุกคน โดยลักษณะใดที่เปน ลักษณะเดนยอมแสดงออกใหเห็นไดอยาง ชัดเจน สวนที่เปนลักษณะดอยจะไมปรากฏ ทําใหพี่นองที่เกิดจากพอแมเดียวกันมีลักษณะ บางอยางที่แตกตางกันออกไป)

ลักษณะทางร่างกายและจิตใจที่ปรากฏในรุ่นลูกหลาน จะต้องได้รับการถ่ายทอดมาจาก รุน่ บรรพบุรษุ เท่านัน้ จึงจะถือว่าเป็นลักษณะทีถ่ า่ ยทอดทางพันธุกรรม ส่วนความผิดปกติบางอย่าง ที่เกิดขึ้นหลังจากการปฏิสนธิ เช่น ตาบอด โรคลิ้นหัวใจรั่ว โรคหูหนวกมาแต่ก�าเนิด อวัยวะ บางส่วนพิการ เป็นต้น ลักษณะผิดปกติเหล่านี้ อาจมีสาเหตุเนื่องมาจากระหว่ างที่ทารกเจริญ 1 เติบโตอยู่ในครรภ์ มารดาอาจเป็นโรคร้ายแรงหรือรับประทานยาบางชนิดซึ่งเป็นอันตรายต่อทารก ท�าให้ทารกมีลักษณะผิดปกติ ซึ่งจะไม่ถือว่าเป็นความผิดปกติจากสาเหตุทางพันธุกรรม นอกจากนี้ ก็ยังมีข้อก�าหนดอีกประการหนึ่ง คือ พันธุกรรมเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่ก�าเนิด จึงเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ไม่เหมือนกับสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมหรือการปฏิบัติ ซึ่งคนเราสามารถ ปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้เสมอ

๒.๒ สิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมต่างๆ จะเริ่มมีอิทธิพลต่อตัวเด็กนับตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิในครรภ์มารดา จนกระทั่ง คลอดออกมาเป็นทารก เจริญเติบโตและพัฒนาผ่านวัยต่างๆ สิ่งแวดล้อมเป็นองค์ประกอบที่มี อิทธิพลต่อสุขภาพและการเจริญเติบโตไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพันธุกรรม และในบางกรณีกลับมี ความส�าคัญยิง่ กว่าองค์ประกอบอืน่ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ถ้าสิง่ แวดล้อมนัน้ ๆ เป็นไปอย่างไม่สมบูรณ์ ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อตัวเด็ก เกร็ดน่ารู้ โรคบูลิเมีย (Bulimia Nervosa) เด็กผู้หญิงจำานวนมาก เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นจะเริ่มมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับรูปร่างของตนเอง กลัวว่า จะอ้วนเกินไปดูไม่สวย หลายคนจึงพยายามควบคุมไม่ให้น้ำาหนักตัวเพิ่มขึ้น ความวิตกกังวลเช่นนี้ถ้าเพียง เล็กน้อยก็ถือเป็นเรื่องปกติสำาหรับวัยรุ่นทั่วไป แต่ถ้ามีความวิตกกังวลมาก อาจนำาไปสู่การกลัวความอ้วนจนเกิด อาการของโรคบูลิเมียได้ ผู้ ป ว ยโรคบู ลิ เ มี ย มั ก มี อ าการซึ ม เศร้ า เครี ย ด หรื อ รู้ สึ ก กั ง วลกั บ น้ำ า หนั ก ตั ว หรื อ รู ป ร่ า งของตนเอง จนเกินขอบเขต ส่วนใหญ่จะมีรูปร่างผอมมาก แต่ยังคิดว่าตัวเองอ้วนหรือมีไขมันส่วนเกินมากอยู่ จนทนตัวเอง ไม่ได้ ผู้ปวยจะรับประทานอาหารครั้งละมากๆ เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วก็จะรู้สึกผิด จึงพยายามกำาจัดอาหาร ที่รับประทานเข้าไปออกมา เช่น ล้วงคอให้อาเจียน ใช้ยาระบาย นอกจากนั้น ยังอาจมีการอดอาหารในมื้อถัดไป และมีการออกกำาลังกายอย่างหักโหมด้วย เป็นต้น ผู้ที่เป็นโรคนี้อาจเสียชีวิตได้ เนื่องจากร่างกายจะขาด สารอาหาร น้ำา และเกลือแร่อย่างรุนแรง การรักษาโรคบูลิเมีย สามารถทำาได้ด้วยการใช้ยาระงับอาการซึมเศร้า และการบำาบัดทางจิตวิทยา พยายามให้ผู้ปวยปรับมุมมองของตนเองว่า ความสวยงามอยู่ที่การมีรูปร่างที่ได้สัดส่วนเหมาะสม ไม่ผอมแห้ง จนเกินไป และให้มีความรู้สึกเชื่อมั่นในร่างกายของตน

๑๔

EB GUIDE

นักเรียนควรรู 1 รับประทานยาบางชนิด มารดาที่ตั้งครรภไมควรรับประทานยาบางชนิด เชน • ยาแกไอ ยานอนหลับ ซึ่งอาจมีผลทําใหทารกปากแหวง เพดานโหว และมี กลามเนื้อที่ออนแรง • ยากันชัก Hydantoin ซึ่งอาจมีผลทําใหทารกมีหนาตาที่ผิดปกติ ปญญาออน และตัวเล็กเกินกวามาตรฐาน • ยาฆาเชื้อ Tetracycline และ Metronidazole ยารักษาสิว Roacutane ซึ่งอาจมีผลทําใหทารกพิการได ดังนั้นกอนการรับประทานยา มารดาควรปรึกษาแพทยเพื่อปองกันอันตราย ที่อาจเกิดขึ้นทั้งตอตัวมารดา และทารกในครรภ

14

คูมือครู

http://www.aksorn.com/LC/He/M2/02

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T

เพราะเหตุใดการตรวจ DNA จึงทําใหทราบไดวาใครเปนพอแมลูกกัน แนวตอบ เนื่องจากดีเอ็นเอซึ่งเปนสารพันธุกรรมของลูก ครึ่งหนึ่งจะมา จากพอ และอีกครึ่งหนึ่งมาจากแม ดังนั้นในการตรวจ DNA จึงทําให สามารถทราบไดวาเปนพอแมลูกกันหรือไม

บูรณาการเชื่อมสาระ

สามารถนําเนื้อหาเรื่องพันธุกรรมไปบูรณาการเชื่อมโยงกับกลุมสาระ การเรียนรูวิทยาศาสตร วิชาวิทยาศาสตร เรื่องพันธุกรรม เพื่อใหนักเรียน ไดเกิดความรูความเขาใจในกระบวนการของพันธุกรรมมากยิ่งขึ้น


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Explain

Expand

Evaluate

อธิบายความรู สภาพสังคมปจจุบันมีสิ่งแวดลอ1มหลายอยางที่เปนอันตรายตอวัยรุน เชน สถานเริงรมย ตางๆ ทีย่ อมใหวยั รุน อายุตาํ่ กวา ๒๐ ป เขาไปเทีย่ วได การดืม่ เครือ่ งดืม่ ทีม่ สี ว นผสมของแอลกอฮอล การเสพสารเสพติ ด ซึ่ ง จะก อ ให เ กิ ด ป ญ หา ตางๆ ตามมา เชน รางกายเสื่อมโทรม การมี เพศสั ม พั น ธ ก  อ นเวลาอั น ควร การทะเลาะ วิวาท เปนตน นอกจากนี้ วัยรุนบางคนที่อยูใน สิ่งแวดลอมที่ไมเหมาะสม ใกลสถานเริงรมย พอแมเสพสารเสพติด เลนการพนันหรือทะเลาะ วิวาทกัน เมื่อวัยรุนพบเห็นเปนประจํา จะทําให เปนผูม จี ติ ใจแข็งกระดาง กาวราว พูดจาหยาบคาย วาเหว ขาดความอบอุน สิ่งแวดลอมอีกอยางหนึ่งที่มีบทบาทตอ การเจริ ญ เติ บ โตและพั ฒ นาการของวั ย รุ  น อยางมากก็คืออาหาร เนื่องจากรางกายวัยรุน การเขาไปอยูในสิ่งแวดลอมที่ไมเหมาะสม เชน ผับ บาร มีการเจริญเติบโตอยางรวดเร็ว และรางกาย อาจจะชักจูงใหวัยรุนมีพฤติกรรมเสี่ยงตอสุขภาพได ตองใชพลังงานมาก จึงตองเพิ่มอาหารใหมากขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพ จะเห็นไดวา วัยรุนจะ รับประทานอาหารจุ นอนเกง วัยรุนหลายคนนอนตื่นสาย บางครั้งพอแมตองปลุกหลายครั้ง กวาจะยอมตื่น จึงมักเรียกวัยนี้อีกอยางหนึ่งวา “วัยกําลังกินกําลังนอน” ขณะเดียวกันวัยรุนหญิงที่กําลังเปนสาวก็กลัวอวนเกินไป จึงมักวิตกกังวลเกี่ยวกับความอวน ถามีปญหาเชนนี้ ควรรับประทานอาหารประเภทผักและผลไมใหมากขึ้น รับประทานขาว แปง เนื้อสัตว ไขมันใหนอยลง และตองหมั่น ออกกําลังกายควบคูกันไปดวย วัยรุนบางคน แกปญ หานีอ้ ยางผิดๆ เชน งดรับประทานอาหาร มื้อเชา ลดปริมาณอาหารลงอยางมากตอมื้อ กินยาลดความอวน ไปดูดไขมัน เปนตน ซึ่ง การกระทําเชนนี้ลวนมีผลเสียตอสุขภาพตาม มา จึงไมควรกระทํา วัยรุนบางคนอาจขาดสารอาหารมาตั้งแต เมือ่ ตนเองยังอยูใ นครรภ หรืออาจขาดสารอาหาร อาหารจานดวนมีหลายลักษณะ หากรับประทานเปน ในวัยเด็ก ก็จะสงผลใหเจริญเติบโตชา เมื่อเปน ประจํา จะมีผลเสียตอสุขภาพ ทําใหอวนไดงาย ๑๕

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T

ปจจัยที่มีผลตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของมนุษยมากที่สุด คือ ปจจัยใด 1. อาหาร 2. พันธุกรรม 3. สภาพแวดลอมทางสังคม 4. การอบรมเลี้ยงดูของผูปกครอง

วิเคราะหคําตอบ อาหารนับเปนสิ่งแวดลอมหนึ่งที่มีผลตอการเจริญเติบโต มากทีส่ ดุ เพราะหากไดรบั อาหารไมเพียงพอหรือไมมปี ระโยชน รางกายก็จะ มีการเจริญเติบโตชาหรือผิดปกติไป ตอบขอ 1.

Explain

ใหนักเรียนกลุมที่จับสลากไดเรื่องสิ่งแวดลอม ออกมานําเสนอหนาชั้นเรียน โดยหลังจาก การนําเสนอเสร็จสิ้น ใหนักเรียนในหอง รวมแสดงความคิดเห็น จากนัน้ ครูอธิบายเพิม่ เติม และตั้งคําถามเพื่อใหไดขอสรุปที่ถูกตองรวมกัน • สถานเริงรมย ถือเปนสิ่งแวดลอมที่มีผลตอ การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุนใน ปจจุบันหรือไม อยางไร (แนวตอบ เปน เพราะ สถานเริงรมยเปน สถานที่ที่อนุญาตใหวัยรุนอายุตํ่ากวา 20 ป เขาไปใชบริการ สงผลใหวัยรุนมีการดื่ม เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล ใชสารเสพติด ซึ่งสงผลกระทบตอสุขภาพ ทําใหรางกาย เสื่อมโทรม หรืออาจเปนสาเหตุที่ทําใหวัยรุน มีเพศสัมพันธกอนวัยอันควร หรือขาดสติ จนเกิดการทะเลาะวิวาทกันได) • การอยูในสิ่งแวดลอมที่ไมเหมาะสม พอแมใชสารเสพติด เลนการพนัน และ ทะเลาะวิวาทกันสงผลตอวัยรุนอยางไร (แนวตอบ ทําใหวัยรุนมีจิตใจที่แข็งกระดาง กาวราว พูดจาหยาบคาย วาเหว ขาดความ อบอุน) • อาหารมีผลตอการเจริญเติบโต และ พัฒนาการของวัยรุนอยางไร (แนวตอบ ชวยใหวัยรุนมีพัฒนาการที่ เหมาะสมกับวัย) • นอกจากคําถามขางตน ยังมีปจจัยอื่นๆ อีก หรือไมที่นักเรียนคิดวา มีผลตอการ เจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุน (แนวตอบ ขึ้นอยูกับคําตอบของนักเรียน โดยอาจตอบวา มี เชน การออกกําลังกาย การนอนหลับพักผอนที่เพียงพอ การอยูในที่ ที่มีอากาศบริสุทธิ์ เปนตน)

เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายถึงความสําคัญของอาหาร และพลังงานทีว่ ยั รุน ควรไดรบั ในแตละวัน ซึ่งถือเปนปจจัยสําคัญที่มีผลตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุน โดยครู สามารถหาสื่อการสอนเพิ่มเติมไดที่ http://nutrition.anamai.moph.go.th/

นักเรียนควรรู 1 วัยรุนอายุตํ่ากวา 20 ป ในพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509 (เพิ่มเติม พ.ศ. 2546) ไดระบุไววา “มาตรา 16/1 หามมิใหผูรับอนุญาตตั้ง สถานบริการยินยอมหรือปลอยปละละเลยใหผูมีอายุตํ่ากวายี่สิบปบริบูรณเขาไปใน สถานบริการ ใหผูรับอนุญาตตั้งสถานบริการตรวจเอกสารราชการที่มีภาพถายและ ระบุอายุของผูซึ่งจะเขาไปในสถานบริการ”

คูมือครู

15


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

Engage

Explore

อธิบายความรู

อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู

ขยายความเขาใจ

ตรวจสอบผล

Explain

Expand

Evaluate

Explain

ครูใหนักเรียนกลุมที่จับสลากไดเรื่อง การอบรม เลี้ยงดูออกมานําเสนอหนาชั้นเรียน โดยหลังจาก การนําเสนอเสร็จสิ้นครูชวยอธิบายเพิ่มเติม จากนั้น ใหนักเรียนทํากิจกรรมในแบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู กิจกรรมที่ 1.4

วัยรุ่นก็จะมีรูปร่างเล็ก เตี้ย ผอม ในทางตรงกันข้าม ถ้าวัยรุ่นได้รับอาหารที่ดีทั้งคุณภาพและ ปริมาณแล้ว ก็จะเจริญเติบโตเร็ว และถ้ายิ่งดื่มนมมากๆ ด้วยแล้ว กระดูกจะเจริญเติบโตได้ดี ยิ่งขึ้น ท�าให้มีรูปร่างสูงใหญ่ ซึ่งจะเห็นได้ว่าอิ1ทธิพลของอาหารการกินที่ดีท�าให้วัยรุ่นในปัจจุบัน โดยภาพรวมจะตัวโตสูงใหญ่กว่าวัยรุ่นในอดีต ในทางกลับกันก็มีวัยรุ่นอ้วนมากขึ้น ทั้งนี้เพราะ รับประทานอาหารทีม่ แี ป้งและไขมันมากเกินไป ชอบรับประทานอาหารฟ้าสต์ฟดู้ รับประทานจุบจิบ ออกก�าลังกายน้อยจึงท�าให้อ้วนได้ง่าย 2

✓ แบบวัดฯ ใบงาน แบบฝกฯ สุขศึกษา ม.2 กิจกรรมที่ 1.4 หนวยที่ 1 การเจร�ญเติบโตและการพัฒนา ของวัยรนุ กิจกรรมที่ ๑.๔ ใหนักเรียนอานขอความที่กําหนดให แลวตอบคําถาม ใหถูกตอง (พ ๑.๑ ม.๒/๒)

๒.3 การอบรมเลี้ยงดู

การอบรมเลี้ยงดูมีความส�าคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น ดังนี้ ๑) ทัศนคติของพ่อแม่ มีความส�3าคัญต่อความประพฤติและบุคลิกภาพของเด็ก เป็นอย่างมาก เด็กที่พ่อแม่รักและตามใจเกินไป จะไม่รู้จักโต เวลาอยากได้อะไรก็ต้องเอาให้ได้ ดังใจ เพราะเคยเรียนรู้ว่าตนเคยได้รับการพะเน้าพะนอตลอดเวลา จึงมีความรู้สึกว่า ตนต้องได้ ในสิ่งที่ต้องการเสมอ โดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร เมื่อมาอยู่โรงเรียนจึงเป็นเด็กที่ พึ่งตนเองไม่ได้ เข้ากับกลุ่มเพื่อนได้ยาก ส่วนเด็กที่ถูกเกลียดชัง มักเป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่ต้องการ เด็กจะถูกทอดทิ้งให้อดอยาก มักถูกดุด่าด้วยถ้อยค�าหยาบคาย บางครั้งก็ถูกเฆี่ยนตีอย่างทารุณ เด็กจะเกิดความรู้สึกว่าโลก เป็นศัตรูของตน เพราะตนไม่เคยได้รับความรักจากใคร เมื่อโตขึ้นมักเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ไม่ไว้วางใจใคร กลายเป็นคนก้าวร้าว ชอบข่มขู่ผู้อื่น หนีสังคม ชอบจับกลุ่มเป็นแก๊งอันธพาล

คะแนนเต็ม คะแนนที่ได

òð

หญิงกับแมนเปนเพื่อนสนิทกัน เมื่อจบชั้นประถมศึกษาปที่ ๖ ทั้งคูตางมีอายุ ๑๒ ป แตเมื่อขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑ แมนสังเกตวาหญิงมีสวนสูงมากกวาแมนอยางเห็นไดชัด เวลาไปเที่ยวหรือทํากิจกรรมดวยกันแมนจะรูสึกแปลกๆ วาทําไมผูหญิงถึงสูงกวาผูชายได ทัง้ ๆ ทีส่ ภาพความเปนอยูข องทัง้ สองคนก็ไมแตกตางกัน และบางครัง้ แมนรูส กึ อายเนือ่ งจาก มีเพื่อนบางคนลอเลียนวาเตี้ยกวาผูหญิง ๑. นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดหญิงจึงสูงใหญกวาแมน

เมื่อเขาสูวัยแรกรุน (อายุ ๑๐-๑๓ ป) วัยรุนหญิงจะมีการเจริญเติบโตทางความสูงเร็วกวาวัยรุนชาย จนเมื่ออายุประมาณ ๑๕ ป วัยรุนชายจึงจะเริ่มสูงทันและสูงกวาวัยรุนหญิง

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

๒. ปจจัยใดบางที่มีผลตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุน

ฉบับ

การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุนแตละคนจะไมเทากัน ซึ่งขึ้นอยูกับพันธุกรรม สิ่งแวดลอม เฉลย และการอบรมเลี้ยงดูจากครอบครัว

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

๓. ปจจัยที่มีผลตอการเจริญเติบโตของวัยรุนปจจัยใดไมสามารถปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงได เพราะเหตุใด พันธุกรรม เพราะเปนสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแตกําเนิด โดยไดรับการถายทอดจากรุนหนึ่งไปสูอีกรุนหนึ่ง ไมสามารถเปลี่ยนแปลงได ซึ่งจะแตกตางจากสิ่งแวดลอมและการอบรมเลี้ยงดูที่สามารถปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงได

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

๔. ครอบครัวมีบทบาทตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุนอยางไร

ครอบครัวมีความสําคัญตอการเจริญเติบโตพัฒนาการของวัยรุนอยางมาก เพราะชวยใหวัยรุนมีความ เขาใจในการเปลี่ยนแปลงอยางถูกตอง ทั้งคอยดูแลไมใหเกิดการลองผิดลองถูก ซึ่งอาจเปนผลเสีย ตอวัยรุนเอง

……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ความรักและความอบอุ่นในครอบครัว จะทำาให้เด็กเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพและลดพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ

๑6

นักเรียนควรรู 1 ตัวโตสูงใหญกวาวัยรุนในอดีต ตัวอยางที่เห็นไดเดนชัด คือ ชาวญี่ปุน ซึ่ง ในอดีตมีรูปรางเตี้ย แคระแกร็น แตชาวญี่ปุนรุนใหมกลับมีรูปรางสูงใหญ เนื่องจาก รัฐบาลญี่ปุน ไดรณรงคใหประชาชนบริโภคอาหารอยางถูกหลักโภชนาการ โดยเฉพาะอยางยิ่งการดื่มนม 2 การอบรมเลี้ยงดู มีหลักการในการเลี้ยงดูเด็กอยางมีคุณภาพ ดังนี้ • ใหความรักความอบอุนอยางเหมาะสม • ไมตามใจหรือยอมมากเกินไป • ไมปกปองจนเด็กทําอะไรไมเปน • ไมปรนเปรอดวยวัตถุสิ่งของ • พูดจาสื่อสารอยางชัดเจน • ไมเพิกเฉยทอดทิ้งใหอยูลําพัง 3 เด็กที่พอแมรักและตามใจเกินไป ภาษาอังกฤษใชวา Spoil หมายถึง การเลี้ยงลูกแบบตามใจจนกลายเปนเด็กเสียนิสัย เชน กาวราว เอาแตใจตนเอง เปนตน

16

คูมือครู

ขอสอบเนน การคิด

แนว  NT  O-NE T

ถาอยากใหวัยรุนเจริญเติบโตขึ้นมามีนิสัยที่เต็มไปดวยความรัก และเมตตา ไมกาวราว มีกิริยามารยาทที่ดี ควรเลี้ยงดูแบบใด แนวตอบ การอบรมเลี้ยงดูเปนปจจัยหนึ่งที่มีความสําคัญตอการ เจริญเติบโต และพัฒนาการของวัยรุนอยางยิ่ง เนื่องจากมีการซึมซับของ สิ่งตางๆ ที่ไดจากการอบรมเลี้ยงดูจากพอแมมาผสมผสานเขากับความคิด และความเขาใจของตนเอง ซึ่งการอยูในครอบครัวที่มีการอบรมเลี้ยงดูที่ดี มีความรัก ความเอาใจใส และความเขาใจ จะทําใหวัยรุนเจริญเติบโตเปน ผูใหญที่มีความพรอมทั้งวุฒิภาวะทางดานรางกาย จิตใจ อารมณ และ สังคม รวมถึงการมีบุคลิกภาพที่ดี ตลอดจนมีพัฒนาการที่สมวัย สามารถ ใชชีวิตอยูรวมกับผูอื่นไดอยางมีความสุข


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

อธิบายความรู

Engage

Explore

Explain

ขยายความเขาใจ Expand าใจ ขยายความเข

ตรวจสอบผล

Expand

Evaluate

ขยายความเขาใจ

Expand

จากที่ไดกลาวมาแลววามีปจจัยหลายอยางที่ มีผลตอการเจริญเติบโต และพัฒนาการของวัยรุน เชน พันธุกรรม สิ่งแวดลอม การอบรมเลี้ยงดู เปนตน เพื่อขยายความเขาใจใหนักเรียนได เกิดความรู ความเขาใจตอการเจริญเติบโตและ พัฒนาการของวัยรุนมากยิ่งขึ้น ครูใหนักเรียน เขียนสรุปถึงปจจัยที่มีผลตอการเจริญเติบโต และพัฒนาการของวัยรุนเปนแผนผังความคิด

๒) ลักษณะการอบรมเลี้ยงดู ลักษณะการอบรมเลี้ยงดูเด็กย่อมแตกต่างกันไป

ตามลักษณะนิสัย ฐานะทางเศรษฐกิจ และสังคม เช่น ถ้าพ่อแม่ยากจนก็มักจะไม่มีเวลาอบรม สั่งสอนลูก ท�าให้เด็กมีพฤติกรรมที่ไม่ดี แต่พ่อแม่ฐานะร�่ารวยบางรายก็เลี้ยงดูลูกดีเกินไปจนลูก ช่วยตัวเองไม่ได้ บางรายก็มีธุระมากจนไม่มีเวลาดูแลลูก ท�าให้เด็กขาดความอบอุ่น มีเพื่อน เป็นที่พึ่ง และกระท�าสิ่งที่ผิดตามเพื่อน ๓) ความสั มพันธ์ภายในครอบครัว หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูก 1 ตลอดจนสัมพันธภาพภายในบ้าน เนื น อ่ งจากวัยรุน่ เป็นวัยทีม่ อี ารมณ์เปลีย่ นแปลงรวดเร็ว ถ้าพ่อแม่ ไม่เข้าใจและไม่ยอมให้อภัยในพฤติกรรมบางอย่างของวัยรุ่น ไปต�าหนิติเตียนหรือใช้ค�าพูดรุนแรง อาจกลายเป็นชนวนน�าไปสู่ความขัดแย้งภายในบ้าน มีสัมพันธภาพที่ไม่ดีต่อกัน ท�าให้วัยรุ่น เกิดความร�าคาญเบื่อหน่าย ซึ่งจะมีผลกระทบต่อพัฒนาการทางด้านจิตใจและอารมณ์ ดังนั้น การเข้าใจลูกที่ก�าลังเป็นวัยรุ่น การให้อภัย การให้ก�าลังใจ และการให้ค�าแนะน�าอย่างมีเหตุผล จึงเป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรกระท�า เพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านจิตใจและอารมณ์ของวัยรุ่น

การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่นนั้น จะเป็นแบบฉบับเฉพาะของตนเอง

ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล วัยรุ่นจะมีการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ หลาย ด้ าน แต่ โ ดยทั่ วไปแล้ ว การเปลี่ ย นแปลงที่ สำาคั ญ ที่เป็นลัก ษณะเฉพาะในวัย นี้ก็คือ การเปลีย่ นแปลงด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปญ ั ญา โดยการเปลีย่ นแปลง ทางด้านร่างกายจะพบตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน เช่น ขนาดของ ร่างกายและความสูง ลักษณะเฉพาะทางเพศ และการเปลี่ยนแปลงภายในที่เกิดขึ้น เช่น ระดับฮอร์โมนต่างๆ ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ อารมณ์ สังคม และ สติปัญญา จะมีความสืบเนื่องและมีความเกี่ยวพันกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย วั ย รุ่ น เป็ น วั ย ที่ มี อ ารมณ์ เ ปลี่ ย นแปลงง่ า ย สั บ สน อ่ อ นไหว ไม่ มั่ น คงทางอารมณ์ อารมณ์ ที่ เ กิ ด ขึ้ น มั ก จะเปลี่ ย นแปลงอย่ า งรวดเร็ ว และรุ น แรง มี ค วามต้ อ งการการ ยอมรับ ซึ่งปัจจัยสำาคัญที่ก่อให้เกิดการเจริญเติบโตและพัฒนาการต่างๆ ดังกล่าวนั้น เนื่องมาจากสาเหตุหลายประการ ที่สำาคัญ คือ พันธุกรรม ซึ่งเป็นปัจจัยภายในที่มีความ สำาคัญต่อลักษณะทางกาย สิ่งแวดล้อม และการอบรมเลี้ยงดู อันเป็นปัจจัยภายนอก ที่มีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตในทุกๆ ด้าน

๑7

กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนสํารวจตนเองวามีการเปลี่ยนแปลงในดานใดบาง และ ปจจัยใดที่ทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยสรุปเปนรายงานสงครูผูสอน

กิจกรรมทาทาย

นักเรียนควรรู 1 สัมพันธภาพ ความสําคัญของการสรางสัมพันธภาพที่ดี คือ • เกิดความรูสึกที่ดีตอตนเองและผูอื่น เพราะรูสึกวาตนเองมีคุณคา • รูสึกอบอุน มีชีวิตชีวา ไมเดียวดาย • เมื่อเกิดปญหาหรือเรื่องทุกขใจ ก็มีคนใหคําปรึกษา หรือใหความชวยเหลือ

มุม IT ใหนักเรียนจัดนิทรรศการเกี่ยวกับการเจริญเติบโตและพัฒนาการของ วัยรุน แลวนําไปแสดงที่บริเวณโรงอาหารของโรงเรียนเปนเวลา 1 เดือน

สามารถศึกษาหาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถาบันครอบครัว ไดจาก เว็บไซต สํานักกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว จากบทความเรื่องเวลากับครอบครัว : คุณคาการใชเวลารวมกับครอบครัว http://www.women-family.go.th/wofa/ modules/website/upload/article/3064166b18edfa80a72b16d1dda28d43. pdf คูมือครู

17


กระตุนความสนใจ

สํารวจคนหา

อธิบายความรู

ขยายความเขาใจ

Engage

Explore

Explain

Expand

ตรวจสอบผล

ตรวจสอบผล Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate

Evaluate

การเขียนสรุปถึงปจจัยที่มีผลตอการเจริญเติบโต และพัฒนาการของวัยรุนเปนแผนผังความคิด

¤า¶ามประจíาหน‹วยการเรียนรÙŒ

หลักฐานแสดงผลการเรียนรู

๑. ๒. ๓. ๔. ๕.

1. แผนผังความคิดการเปลี่ยนแปลงทางดานตางๆ ของวัยรุน 2. แผนผังความคิดปจจัยที่มีผลตอการเจริญเติบโต และพัฒนาการของวัยรุน

จงเปรียบเทียบความแตกต่างทางด้านร่างกายของวัยรุ่นชายและวัยรุ่นหญิง เมื่อเด็กเข้าสู่วัยรุ่น จะมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจ อารมณ์ สังคมอย่างไร ให้อธิบายมาพอสังเขป เหตุใดจึงเรียกวัยรุ่นว่าเป็นวัย “พายุบุแคม” จงอธิบายเหตุผล ปัจจัยใดบ้างที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุ่น นักเรียนควรเตรียมตัวอย่างไร เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายและจิตใจ

กิจกรรมสรŒางสรร¤์พั²นาการเรียนรÙŒ กิจกรรมที่ ๑

กิจกรรมที่ ๒

กิจกรรมที่ ๓

เชิ ญ วิ ท ยากรที่ เ ป็ น บุ ค ลากรทางด้ า นสาธารณสุ ข มาบรรยายให้ ความรู้ ใ น ประเด็นเกี่ยวกับเรื่องเพศในวัยรุ่น แล้วให้นักเรียนแต่ละคนสรุปข้อมูลการ บรรยายของวิทยากรส่งครูผู้สอน ให้นักเรียนคัดเลือกเยาวชนที่มีผลงานดีเด่นต่อสังคม ประเทศชาติ หรือเป็น แบบอย่างที่ดีที่ควรประพฤติตามมา ๑ คน ให้นักเรียนหาภาพประกอบ สรุป ประวัตแิ ละผลงานของเยาวชนดังกล่าว พร้อมอธิบายถึงเหตุผลทีน่ กั เรียนยึดถือ เป็นแบบอย่างเน��องจากอะไร โดยจัดท�าลงบนกระดาษ A4 ตกแต่งให้สวยงาม แล้วน�าส่งครูผู้สอน ให้นักเรียนในชั้นช่วยกันจัดนิทรรศการเกี่ยวกับการเจริญเติบโตและพัฒนาการ ของวัยรุ่น โดยมีภาพประกอบและข้อมูลทางด้านสุขภาพ น�าไปแสดงเป็นเวลา ๑ เดือนในบริเวณที่จัดไว้ โดยแต่ละสัปดาห์สามารถปรับเปลี่ยนภาพและข้อมูล ให้น่าสนใจได้ตามความเหมาะสม

๑8

แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู 1. ความแตกตางดานรางกายของวัยรุนชายและวัยรุนหญิงมีดังนี้ วัยรุนชาย มีหนวดเคราขึ้นที่ใบหนา มีขนหนาแขง ชวงไหลกวาง เสียงแหบหาว แตกพรา ผิวหนัง หยาบกราน มีการหลั่งนํ้าอสุจิ สวนวัยรุนหญิง มีเตานมขยายใหญขึ้น สะโพกผาย เอวคอด เสียงเล็กแหลม นุมนวล ผิวหนังนุม ละเอียดออน มีประจําเดือน 2. เมื่อเด็กเขาสูวัยรุนจะมีการเปลี่ยนแปลงทางดานจิตใจ อารมณ สังคม ดังนี้ • ดานจิตใจและอารมณ คือ มีความรูสึกนึกคิด และวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องเพศของตนเองและเพศตรงขาม มีความภาคภูมิใจในความเปนชายและหญิงของตน มีอารมณแปรปรวนงาย หงุดหงิดงาย สับสน ออนไหว ไมมั่นคง โกรธงาย โมโหงาย • ดานสังคม มีความสนใจเพศตรงขาม รูจักการปรับตัวใหเขากับกฏเกณฑ กติกา ของกลุมและสังคม มีการทํางานรวมกับผูอื่น สนใจเพื่อนมากกวาครอบครัว มีทักษะดานสังคม การสื่อสารกับผูอื่น และการแกปญหามากขึ้น แสวงหาความเปนเอกลักษณของตนเองเพื่อใหเปนที่ยอมรับ 3. เหตุที่เรียกวัยรุนวาเปนวัย “พายุบุแคม” เนื่องจาก วัยรุนมีอารมณเปลี่ยนแปลงงาย สับสน ออนไหว ไมมั่นคง หงุดหงิดงาย ซึ่งอารมณที่เกิดขึ้นจะเปลี่ยนแปลงไป อยางรวดเร็ว รุนแรง และเขาใจยาก 4. ปจจัยที่มีอิทธิพลอยางมากตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุน ไดแก พันธุกรรม สิ่งแวดลอม อาหาร และการอบรมเลี้ยงดู 5. ตองเรียนรูและเขาใจ เรื่องการเปลี่ยนแปลงทางดานรางกายและจิตใจของวัยรุน เพื่อยอมรับและปรับตัวตอการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ซึ่งจะไดไมตองเครียด และวิตกกังวลตอการเปลี่ยนแปลงนั้น โดยทําใหเราใชชีวิตประจําวันอยางมีความสุข

18

คูมือครู


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.