คูมือครู 㪌»ÃСͺ¡ÒÃÊ͹ËÇÁ¡Ñº
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ©ºÑº »ÃСѹÏ
ภาพปกนี้มีขนาดเทากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน
กระบวนการสอนแบบ 5 Es ชวยสรางทักษะการเรียนรู กิจกรรมมุงพัฒนาทักษะการคิด คำถาม + แนวขอสอบเพื่อยกผลสัมฤทธิ์ O-NET กิจกรรมบูรณาการเตรียมพรอมสู ASEAN 2558
เอกสารประกอบคูมือครู
กลุมสาระการเรียนรู ศิลปะ
ดนตรี - นาฏศิลป ชั้นมัธยมศึกษาปที่
2
สําหรับครู
คูมือครู Version ใหม
ลักษณะเดน
ขยายพื้นที่รูปเลมใหญขึ้นกวาเดิม จัดแบงพื้นที่ออกเปนโซน เพื่อคนหาขอมูลไดงาย สะดวก รวดเร็ว และดูเปนระเบียบ กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล
กระตุน ความสนใจ
Evaluate
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
เปาหมายการเรียนรู สมรรถนะของผูเรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค
หน า
โซน 1 กระตุน ความสนใจ
Engage
สํารวจคนหา
Explore
อธิบายความรู
Explain
ขยายความเขาใจ
Expand
ตรวจสอบผล
หน า
หนั ง สื อ เรี ย น
โซน 1
หนั ง สื อ เรี ย น
Evaluate
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
O-NET บูรณาการเชื่อมสาระ
เกร็ดแนะครู
ขอสอบ
โซน 2
โซน 3
กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
โซน 3
โซน 2 บูรณาการอาเซียน มุม IT
No.
คูมือครู
คูมือครู
No.
โซน 1 ขั้นตอนการสอนแบบ 5Es
โซน 2 ชวยครูเตรียมสอน
โซน 3 ชวยครูเตรียมนักเรียน
เพื่อใหครูเตรียมจัดกิจกรรมการเรียน การสอน โดยแนะนําขั้นตอนการสอนและ การจัดกิจกรรมแบบ 5Es อยางละเอียด เพื่อใหนักเรียนบรรลุตามตัวชี้วัด
เพื่อชวยลดภาระครูผูสอน โดยแนะนํา เกร็ดความรูสําหรับครู ความรูเสริมสําหรับ นักเรียน รวมทั้งบูรณาการความรูสูอาเซียน และมุม IT
เพื่อใหครูสะดวกตอการจัดกิจกรรม โดย แนะนํากิจกรรมบูรณาการเชือ่ มระหวางสาระหรือ กลุมสาระการเรียนรู วิชา กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย รวมถึงเนื้อหาที่เคยออกขอสอบ O-NET แนวขอสอบ NT/O-NET ทีเ่ นนการคิด พรอมเฉลยและคําอธิบายอยางละเอียด
ที่ใชในคูมือครู
แถบสีและสัญลักษณ
แถบสีแสดงขั้นตอนการสอนและการจัดกิจกรรม แบบ 5Es เพื่อใหครูทราบวาเปนขั้นการสอนขั้นใด
1. แถบสี 5Es สีแดง
สีเขียว
กระตุน ความสนใจ
เสร�ม
สํารวจคนหา
Engage
2
•
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใช เทคนิคกระตุน ความสนใจ เพื่อโยง เขาสูบทเรียน
สีสม
อธิบายความรู
Explore
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนสํารวจ ปญหา และศึกษา ขอมูล
สีฟา
Explain
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนคนหา คําตอบ จนเกิดความรู เชิงประจักษ
สีมวง
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
•
Evaluate
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนนําความรู ไปคิดคนตอๆ ไป
•
เปนขั้นที่ผูสอน ประเมินมโนทัศน ของผูเรียน
2. สัญลักษณ สัญลักษณ
วัตถุประสงค
• เปาหมายการเรียนรู
• หลักฐานแสดง ผลการเรียนรู
• เกร็ดแนะครู
แทรกความรูเสริมสําหรับครู ขอเสนอแนะ ขอควรระวัง ขอสังเกต แนวทางการจัด กิจกรรมและอืน่ ๆ เพื่อประโยชนในการ จัดการเรียนการสอน ขยายความรูเพิ่มเติมจากเนื้อหา เพื่อให ครูนําไปใชอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียน ไดมีความรูมากขึ้น
•
ความรูห รือกิจกรรมเสริม ใหครูนาํ ไปใช เตรียมความพรอมใหกบั นักเรียนกอนเขาสู ประชาคมอาเซียนใน พ.ศ. 2558 โดย บูรณาการกับวิชาทีก่ าํ ลังเรียน
บูรณาการอาเซียน
•
คูม อื ครู
แสดงรองรอยหลักฐานตามภาระงาน ที่ครูมอบหมาย เพื่อแสดงผลการเรียนรู ตามตัวชี้วัด
• นักเรียนควรรู
มุม IT
แสดงเปาหมายการเรียนรูที่นักเรียน ตองบรรลุตามตัวชี้วัด ตลอดจนสมรรถนะ ที่จะตองมี และคุณลักษณะที่พึงเกิดขึ้น กับนักเรียน
แนะนําแหลงคนควาจากเว็บไซต เพื่อให ครูและนักเรียนไดเขาถึงขอมูลความรู ที่หลากหลาย ทั้งไทยและตางประเทศ
สัญลักษณ
ขอสอบ
วัตถุประสงค
O-NET
(เฉพาะวิชา ชัน้ ทีส่ อบ O-NET O-NET)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE O-NETT (เฉพาะระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนตน)
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET (เฉพาะระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลาย)
บูรณาการเชื่อมสาระ
กิจกรรมสรางเสริม
• ชีแ้ นะเนือ้ หาทีเ่ คยออกขอสอบ
O-NET โดยยกตัวอยางขอสอบ พรอมวิเคราะหคาํ ตอบ อยางละเอียด
• เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน
การคิดและเปนแนวขอสอบ NT/O-NET ในระดับมัธยมศึกษา ตอนตน มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด
• เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน
การคิดและเปนแนวขอสอบ O-NET ในระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม
เชือ่ มกับสาระหรือกลุม สาระ การเรียนรู ระดับชัน้ หรือวิชาอืน่ ทีเ่ กีย่ วของ
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม ซอมเสริมสําหรับนักเรียนทีค่ วร ไดรบั การพัฒนาการเรียนรู
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม กิจกรรมทาทาย
ตอยอดสําหรับนักเรียนทีเ่ รียนรู ไดอยางรวดเร็ว และตองการ ทาทายความสามารถในระดับ ทีส่ งู ขึน้
คําแนะนําการใชคูมือครู การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน คูมือครู รายวิชา ดนตรี-นาฏศิลป ม.2 จัดทําขึ้นเพื่อใหครูผูสอนนําไปใชเปนแนวทางวางแผนการสอนเพื่อพัฒนา ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน และประกันคุณภาพผูเ รียน ตามนโยบายของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน (สพฐ.) โดยใชหนังสือเรียน ดนตรี-นาฏศิลป ม.2 ของบริษัท อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด เปนสื่อหลัก (Core Material) เสร�ม ประกอบการสอนและการจัดกิจกรรมการเรียนรูใ หสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั กลุม สาระการเรียนรู ศิลปะ 3 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พ.ศ. 2551 โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนตามหลักการสําคัญ ดังนี้ 1 ออกแบบการสอนเปนหนวยการเรียนรูอิงมาตรฐาน คูมือครู รายวิชา ดนตรี-นาฏศิลป ม.2 วางแผนการสอนโดยแบงเปนหนวยการเรียนรูตามลําดับสาระ (Strand) และหมายเลขขอของมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั แตละหนวยจะกําหนดเปาหมายการเรียนรูแ ละจุดประสงคการเรียนรู (Objective Learning) กิจกรรมการเรียนรู (Learning Activities) และแนวทางการประเมินผลการเรียนรู (Learning Evaluation) ไวชัดเจน ครูผูสอนสามารถจัดทําแผนการสอนใหครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด สมรรถนะ และคุณลักษณะ อันพึงประสงคที่เปนเปาหมายการเรียนรูตามที่กําหนดไวในสาระแ นสาระแกนกลาง (ตามแผนภูมิ) และสามารถบันทึกผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของผูเรียนแตละคนลงในเอกสาร ปพ.5 ไดอยางมั่นใจ แผนภูมิแสดงความสัมพันธขององคประกอบการออกแบบการเรียนรูอิงมาตรฐานและเน มาต นผูเรียนเปนสําคัญ
พผ
ูเ
จุ ด ป ร
ะสง
คก า
ส ภา
รี ย น
ร
รู ีเรยน
มาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัดชวงชั้น
ทักษะการคิด การวัดประเมินผล การเรียนรู
กิจกรรมการเรียนรู
เทคนิคการสอน คูม อื ครู
2 การจัดการเรียนรูที่ยึดผูเรียนเปนสําคัญ แนวคิ ด ในการจั ด การเรี ย นการสอนที่ ยึ ด ผู เ รี ย นเป น สํ า คั ญ พั ฒ นามาจากปรั ช ญาและทฤษฎี ก ารเรี ย นรู Constructivism ที่เชื่อวา การเรียนรูเปนกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในสมองของผูเรียนแตละคน ผูเรียนเปนผูสรางความรู โดยการเชื่อมโยงระหวางสิ่งที่ไดเรียนรูจากบทเรียนใหมกับความรูหรือประสบการณเดิมที่มีอยู ทฤษฎีนี้มีความเชื่อวา ผูเรียนทุกคนไดเรียนรูและมีการสั่งสมความรูความเขาใจเกี่ยวกับสิ่งตางๆ ติดตัวมากอน ทีจ่ ะเขาสูห อ งเรียน ซึง่ เปนการเรียนรูท เี่ กิดจากประสบการณและสิง่ แวดลอมรอบตัวผูเ รียนแตละคน ดังนัน้ การจัดกิจกรรม เสร�ม การเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ผูสอนจะตองคํานึงถึง
4
1. ความรูเดิมของผูเรียน วิธีการสอนที่ดีจะตองเริ่มตนจากจุดที่วา ผูเ รียนมีความรูอ ะไรมาบาง แลวจึงใหความรู หรือประสบการณใหม เพื่อตอยอดจาก ความรูเดิม นําไปสูการสรางความรู ความเขาใจใหม
2. ความรูเดิมของผูเรียนถูกตองหรือไม ผูส อนตองปรับเปลีย่ นความรูค วามเขาใจเดิม ของผูเรียนใหถูกตอง และเปนพฤติกรรม การเรียนรูใ หมทมี่ คี ณุ คาตอผูเรียน เพื่อสราง เจตคติหรือทัศนคติที่ดีตอการเรียนรู สิ่งเหลานั้น
3. ผูเรียนสรางความหมายสําหรับตนเอง ผูสอนตองสงเสริมใหผูเรียนนําความรู ความเขาใจที่เกิดขึ้นไปลงมือปฏิบัติ เพื่อขยายความรูใหลึกซึ้งและมีคุณคา ตอตัวผูเรียนมากที่สุด
แนวคิด Constructivism เนนใหผูเรียนสรางความรูโดยผานกระบวนการคิดและความอยากรูของตนเอง โดยมีผูสอนเปนผูสรางบรรยากาศ
การเรียนรูและกระตุนความสนใจ คอยจัดสถานการณใหผูเรียนเกิดความขัดแยงทางความคิดระหวางประสบการณเดิมกับประสบการณ ความรูใ หม เพือ่ กระตนุ ใหผเู รียนเชือ่ มโยงความรู ความคิด กับประสบการณทมี่ อี ยูเ ดิม แลวสังเคราะหเปนความรูห รือแนวคิดใหมๆ ไดดว ยตนเอง
3 การบูรณาการกระบวนการคิด การเรียนรูของผูเรียนแตละคนจะเกิดขึ้นที่สมอง ซึ่งเปนอวัยวะที่ทําหนาที่รูคิดภายใตสภาพแวดลอมที่เอื้ออํานวย และไดรบั การกระตนุ จูงใจอยางเหมาะสม สอดคลองกับสภาพจิตใจและความตองการของผูเ รียนแตละคน การจัดกิจกรรม การเรียนรูและสาระการเรียนรูที่สอดคลองกับความสนใจและมีความหมายตอผูเรียน จะชวยกระตุนใหสมองของผูเรียน สามารถรับรูและเรียนรูไดอยางมีประสิทธิภาพตามขั้นตอนการทํางงานของสมอง ดังนี้ 1. สมองจะเรียนรูและสืบคน โดยการสังเกต คนหา ซักถาม และทดลอง ปฏิบัติ จนทําใหคนพบความรูความเขาใจ ไดอยางรวดเร็ว
2. สมองจะแยกแยะคุณคาของสิ่งตางๆ โดยการตัดสินใจวิพากษวิจารณ แสดง ความคิดเห็น ยอมรับหรือตอตานตาม อารมณความรูสึกที่เกิดขึ้นในขณะที่เรียนรู
3. สมองจะประมวลเนื้อหาสาระ โดยการสรุปเปนความคิดรวบยอดจาก เรื่องราวที่ไดเรียนรูใหมนําไปผสมผสานกับ ความรูห รือประสบการณเดิมทีถ่ กู จัดเก็บอยูใ น สมอง ผานการกลัน่ กรองเพือ่ สังเคราะหเปน ความรูค วามเขาใจใหมๆ หรือเปนทัศนคติใหม ที่จะเก็บบรรจุไวในสมองของผูเรียน
การเรียนรูที่มีประสิทธิภาพจึงตองเปนการเรียนรูที่เกิดจากกระบวนการคิดของผูเรียน เพราะการเรียนรูจะเกิดขึ้น เมื่อสมองรูคิด และตองเปนการคิดไดครบถวนตามขั้นตอนการทํางานของสมองผูเรียน โดยเริ่มตนจาก 1. ระดับการคิดพื้นฐาน ไดแก การสังเกต การจําแนก การคาดคะเน การสื่อความหมาย การรวบรวมขอมูล การสรุปผล เปนตน
คูม อื ครู
2. ระดับลักษณะการคิด ไดแก การคิดกวาง คิดลึกซึ้ง คิดไกล คิดหลากหลาย คิดคลอง คิดอยางมีเหตุผล เปนตน
3. ระดับกระบวนการคิด ไดแก กระบวนการคิดอยางมีวิจารณญาณ กระบวนการแกปญหา กระบวนการ คิดสรางสรรค กระบวนการคิดสังเคราะห เปนตน
5Es การจัดกิจกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ขั้นตอนการสอนที่สัมพันธกับขั้นตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้ ขั้นที่ 1
กระตุนความสนใจ
(Engage)
เสร�ม
5
เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของผูเรียนดวยเรื่องราวหรือเหตุการณที่นาสนใจโดยใชเทคนิควิธีการ และคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูความรูของบทเรียนใหม ชวยใหผูเรียนสามารถ สรุปความสําคัญหัวขอและสาระการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนการสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสราง แรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน
ขั้นที่ 2
สํารวจคนหา
(Explore)
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนเปดโอกาสใหผเู รียนลงมือศึกษา สังเกต หรือรวมมือกันสํารวจ เพือ่ ใหเห็นขอบขายของประเด็นหรือปญหา รวมถึง วิธีการศึกษาคนควา การรวบรวมขอมูลความรูที่จะนําไปสูการสรางความเขาใจประเด็นหรือปญหานั้นๆ เมื่อผูเรียนทําความเขาใจใน ประเด็นหรือปญหาที่จะศึกษาคนควาอยางถองแทแลว ก็ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมขอมูลความรู สํารวจตรวจสอบ โดยวิธีการตางๆ เชน สัมภาษณ ทดลอง อานคนควาขอมูลจากเอกสาร แหลงขอมูลตางๆ จนไดขอมูลความรูที่เกี่ยวของกับประเด็นหรือปญหาที่ศึกษา
ขั้นที่ 3
อธิบายความรู
(Explain)
เปนขั้นที่ผูสอนมีปฏิสัมพันธกับผูเรียน เชน ใหการแนะนํา ตั้งคําถามกระตุนใหคิด เพื่อใหผูเรียนคนหาคําตอบ และนําขอมูล ความรูจากการศึกษาคนควาในขั้นที่ 2 มาวิเคราะห สรุปผล และนําเสนอผลที่ไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน เขียนแผนภูมิ ผังมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน ในขั้นตอนนี้ฝกใหผูเรียนใชสมองคิดวิเคราะหและสังเคราะห อยางเปนระบบ
ขั้นที่ 4
ขยายความเขาใจ
(Expand)
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใชเทคนิควิธีสอนตางๆ ที่สงเสริมใหผูเรียนนําความรูที่เกิดขึ้นไปคิดคนสืบคนตอๆ ไป เพื่อพัฒนาทักษะ การเรียนรูและการทํางานรวมกันเปนกลุม ระดมสมองเพื่อคิดสรางสรรครวมกัน ผูเรียนสามารถนําความรูที่สรางขึ้นใหมไปเชื่อมโยง กับประสบการณเดิมโดยนําขอสรุปทีไ่ ดไปใชอธิบายเหตุการณตา งๆ หรือนําไปปฏิบตั ใิ นสถานการณใหมๆ ทีเ่ กีย่ วของกับชีวติ ประจําวัน ของตนเอง เพื่อขยายความรูความเขาใจใหกวางขวางยิ่งขึ้น ในขั้นตอนนี้ฝกสมองของผูเรียนใหสามารถคิดริเริ่มสรางสรรคอยางมี คุณภาพ เสริมสรางวิสัยทัศนใหกวางไกลออกไป
ขั้นที่ 5
ตรวจสอบผล
(Evaluate)
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนประเมินมโนทัศนของผูเ รียน โดยตรวจสอบจากความคิดทีเ่ ปลีย่ นไปและความคิดรวบยอดทีเ่ กิดขึน้ ใหม ตรวจสอบ ทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแกปญหา การตอบคําถามรวบยอด หรือการเคารพความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่น เพื่อการ สรางสรรคความรูร ว มกัน ผูเ รียนสามารถประเมินผลการเรียนรูข องตนเอง เพือ่ สรุปผลวามีความรูอ ะไรเพิม่ ขึน้ มาบาง เกิดความเขาใจ มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ หรือในชีวิตประจําวันไดอยางไร ผูเรียนจะเกิดเจตคติ และเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริง
การจัดกิจกรรมการเรียนรูตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนนผูเรียน เปนสําคัญอยางแทจริง เพราะสงเสริมใหผูเรียนไดเรียนรูตามขั้นตอนของกระบวนการสรางความรูดวยตนเอง และ ฝกฝนใหใชกระบวนการคิดและกระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะชีวิต ทักษะการทํางาน และทักษะการ เรียนรูที่มีประสิทธิภาพ สงผลตอการยกระดับผลสัมฤทธิ์ของผูเรียน ตามเปาหมายของการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการ คูม อื ครู
O-NET การเพิ่มผลสัมฤทธิ์ O-NET
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ในแตละหนวยการเรียนรู ทางผูจัดทํา จะเสนอแนะวิธีสอน รูปแบบกิจกรรมการเรียนรู พรอมทั้งออกแบบเครื่องมือวัดและประเมินผลที่สอดคลองกับตัวชี้วัด และสาระการเรียนรูแกนกลางไวทุกขั้นตอน โดยยึดหลักสําคัญ คือ หลักของการวัดและประเมินผล เสร�ม
6
1. การวัดและประเมินผลทุกครั้ง ควรนําผลมาปรับปรุงพัฒนาผูเรียน เปนรายบุคคล
2. การวัดและประเมินผลมี เปาหมาย เพื่อพัฒนาการเรียนรู ของผูเรียนจนเต็มศักยภาพ
3. การนําผลการวัดและประเมินผล ทุกครั้งมาวางแผนปรับปรุงกิจกรรม การเรียนการสอน การเลือกเทคนิค วิธีสอน และสื่อการเรียนรูให เหมาะสมกับสภาพจริงของผูเรียน
การทดสอบผูเรียน 1. การใชขอสอบอัตนัย เนนการอาน การคิดวิเคราะห และการเขียนเพิ่มมากขึ้น 2. การใชคําถามกระตุนการคิดควบคูกับการทําขอสอบที่เนนการคิดอยางตอเนื่องตามลําดับกิจกรรมการเรียนรู และตัวชี้วัด 3. การทดสอบตองดําเนินการทั้งกอนเรียน ระหวางเรียน และหลังเรียน การทดสอบควรใชขอสอบทั้งชนิดปรนัยและ อัตนัย และเปนการทดสอบเพื่อประเมินผลการเรียนของผูเรียนแตละคน เพื่อการสอนซอมเสริมใหบรรลุตัวชี้วัด ไดครบถวน 4. การสอบกลางภาค (ถามี) ควรนําแบบฝกหัดหรือขอสอบทีน่ กั เรียนสวนใหญไมสามารถตอบไดหรือไมครบถวนชัดเจน มา สรางเปนแบบทดสอบอีกครัง้ เพือ่ ตรวจสอบความรูค วามเขาใจทีถ่ กู ตอง และประเมินความกาวหนาของผูเ รียนแตละคน 5. การสอบปลายภาคเรียนเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามตัวชี้วัดที่สําคัญ ควรออกขอสอบใหมีลักษณะเดียวกับ ขอสอบ O-NET โดยเนนการคิดวิเคราะห สังเคราะห เชื่อมโยงประยุกตใช เพื่อสรางความคุนเคย และฝกฝน วิธีการทําขอสอบดวยความมั่นใจ 6. การนําผลการทดสอบของผูเรียนมาวิเคราะห โดยผลการสอบกอนการเรียนตองสามารถพยากรณผลการสอบ กลางภาค และผลการสอบกลางภาคตองทํานายผลการสอบปลายภาคของผูเ รียนแตละคน เพือ่ ประเมินพัฒนาการ ความกาวหนาของผูเรียนเปนรายบุคคล 7. ผลการทดสอบปลายป ปลายภาค ตองมีคาเฉลี่ยสอดคลองกับคาเฉลี่ยของการสอบ NT ที่เขตพื้นที่การศึกษา จัดสอบ รวมทั้งคาเฉลี่ยของการสอบ O-NET ชวงชั้นที่สอดคลองครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดสําคัญ เพือ่ สะทอนประสิทธิภาพของครูผสู อนในการออกแบบการเรียนรูแ ละประกันคุณภาพผูเ รียนทีต่ รวจสอบผลไดชดั เจน การจัดการเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ตองใหผูเรียนไดสั่งสมความรู ความเขาใจตามลําดับขั้นตอน ของกิจกรรมในวัฏจักรการเรียนรู 5Es เพื่อใหผูเรียนไดเติมเต็มองคความรูอยางตอเนื่อง จนสามารถปฏิบัติชิ้นงานหรือ ภาระงานรวบยอดของแตละหนวย ผานเกณฑประกันคุณภาพในระดับที่นาพึงพอใจ เพื่อรองรับการประเมินภายนอกจาก สมศ. ตลอดเวลา คูม อื ครู
ASEAN การเรียนรูสูประชาคมอาเซียน เพื่ออํานวยความสะดวกแกครูผูสอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรูบูรณาการอาเซียนศึกษา ผูจัดทําไดวิเคราะห มาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัดที่มีสาระการเรียนรูสอดคลองกับองคความรูเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนในแงมุมตางๆ ครอบคลุมทัง้ ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรม อาเซียน เพื่อสงเสริมการเรียนรูใหผูเรียนเกิดความตระหนัก มีความรูความเขาใจเหมาะสมกับระดับชั้นและกลุมสาระ การเรียนรู โดยเสนอแนะวิธีการจัดกิจกรรมบูรณาการเนื้อหาสาระตางๆ ที่เปนประโยชนตอผูเรียนและเปนการชวย เตรียมความพรอมผูเ รียนทุกคนทีจ่ ะกาวเขาสูก ารเปนสมาชิกของประชาคมอาเซียนไดอยางมัน่ ใจตามขอตกลงปฏิญญา เสร�ม ชะอํา-หัวหิน วาดวยความรวมมือดานการศึกษาเพือ่ บรรลุเปาหมายประชาคมอาเซียนทีเ่ อือ้ อาทรและแบงปน จึงกําหนด 7 เปนนโยบายใหกระทรวงศึกษาธิการจัดการเรียนรูเตรียมความพรอมผูเรียนเขาสูประชาคมอาเซียนภายในป พ.ศ. 2558 ตามแนวปฏิบัติที่สําคัญ ดังนี้
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน 1. การสรางความรูความเขาใจ และตระหนักถึงความสําคัญของ กฎบัตรอาเซียน และความรวมมือ ของ 3 เสาหลัก ซึง่ กฎบัตรอาเซียน ในขณะนี้มีสถานะเปนกฎหมายที่ ประเทศสมาชิกจะตองปฏิบัติตาม หลักการที่กําหนดไวเพื่อใหบรรลุ เปาหมายของกฎบัตรมาตราตางๆ
2. การสงเสริมหลักการ ประชาธิปไตยและการสราง สิ่งแวดลอมประชาธิปไตย เพื่อการอยูรวมกันอยางกลมกลืน ภายใตวิถีชีวิตอาเซียนที่มีความ หลากหลายดานสังคมและ วัฒนธรรม
4. การตระหนักในคุณคาของ สายสัมพันธทางประวัติศาสตร และมรดกทางวัฒนธรรมที่มี พัฒนาการรวมกัน เพื่อเชื่อม อัตลักษณและสรางจิตสํานึก ในการเปนประชากรของประชาคม อาเซียนรวมกัน
3. การสงเสริมการศึกษาดาน สิทธิมนุษยชน เพื่อสรางประชาคม อาเซียนใหเปนประชาคมเพื่อ ประชาชนอยางแทจริง สามารถ อยูรวมกันไดบนพื้นฐานการเคารพ ในคุณคาของศักดิ์ศรีแหงความ เปนมนุษยเทาเทียมกัน
5. การสงเสริมสันติภาพ ความ มั่นคง และความปรองดองในสังคม ทั้งระดับประเทศและภูมิภาคของ อาเซียนบนพื้นฐานสันติวิธีและการ อยูรวมกันดวยขันติธรรม
คูม อื ครู
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
เสร�ม
8
1. การพัฒนาทักษะการทํางาน เพื่อเสริมสรางผูเรียนใหมีทักษะ วิชาชีพที่จําเปนสอดคลองกับ ความตองการของตลาดแรงงาน และสถานประกอบการในอาเซียน สามารถเทียบโอนผลการเรียน และการทํางานตามมาตรฐานฝมือ แรงงานในภูมิภาคอาเซียน
2. การเสริมสรางวินัย ความรับผิดชอบ และเจตคติรักการทํางาน สามารถพึ่งพาตนเอง มีทักษะชีวิต ดํารงชีวิตอยางมีความสุข เห็นคุณคา และภูมิใจในตนเอง ในฐานะที่เปนพลเมืองไทยและ อาเซียน
3. การเรียนรูเพื่อพัฒนาตนเอง อยางตอเนื่องตลอดชีวิต ใหมี ทักษะการทํางานตามมาตรฐาน อาชีพ และคุณวุฒิของวิชาชีพสาขา ตางๆ เพื่อรองรับการเตรียมเคลื่อน ยายแรงงานมีฝมือและการเปน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่ เขมแข็ง เพื่อสรางขีดความสามารถ ในการแขงขันในเวทีโลก
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน 1. การเสริมสรางความรวมมือ ในลักษณะสังคมที่เอื้ออาทร ของประชากรอาเซียน โดยยึด หลักการสําคัญ คือ ความงดงาม ของประชาคมอาเซียนมาจาก ความแตกตางและหลากหลายทาง วัฒนธรรมที่ลวนแตมีคุณคาตอ มรดกทางวัฒนธรรมของอาเซียน ซึ่งประชาชนทุกคนตองอนุรักษ สืบสานใหยั่งยืน
2. การเสริมสรางคุณลักษณะ ของผูเรียนใหเปนพลเมืองอาเซียน ที่มีศักยภาพในการกาวเขาสู ประชาคมอาเซียนอยางมั่นใจ เปนผูที่มีสุขภาพสมบูรณแข็งแรง มีทักษะการสื่อสาร ทักษะการ ทํางาน ทักษะทางสังคม สามารถ ทํางานรวมกับผูอื่นไดอยาง สรางสรรค และมีองคความรู เกี่ยวกับอาเซียนที่จําเปนตอการ ดํารงชีวิตอยางมีคุณภาพ
4. การสงเสริมการเรียนรูดาน ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถชี วี ติ ความเปนอยูข องเพือ่ นบาน ในอาเซียน เพื่อสรางจิตสํานึกของ ความเปนประชาคมอาเซียนและ ตระหนักถึงหนาที่ของการเปน พลเมืองอาเซียนรวมกัน
3. การสงเสริมการเรียนรูภาษา อังกฤษเพื่อการสื่อสารและการ ทํางานตามมาตรฐานอาชีพที่ กําหนดและสนับสนุนการเรียนรู ภาษาอาเซียนและภาษาเพื่อนบาน เพื่อชวยเสริมสรางสัมพันธภาพทาง สังคม และการอยูรวมกันอยางสันติ ทามกลางความหลากหลายทาง วัฒนธรรม
5. การสรางความรูและความ ตระหนักเกี่ยวกับดานสิ่งแวดลอม ปญหาและผลกระทบตอคุณภาพ ชีวิตของประชากรในภูมิภาค รวมทั้งแนวทางการพัฒนาอยาง ยั่งยืน ใหเปนมรดกสืบทอดแก พลเมืองอาเซียนในรุนหลังตอๆ ไป
กระทรวงศึกษาธิการจึงประกาศนโยบายการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) เพื่อเรงพัฒนาเด็ก และเยาวชนไทยใหเปนทรัพยากรมนุษยของชาติที่มีทักษะและความชํานาญ พรอมเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงและ การแขงขันทั้งในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆ ของสังคมโลก ทั้งนี้ผูบริหารสถานศึกษา ครูผูสอน และผูปกครอง ควรรวมมือกันอยางใกลชิดในการดูแลชวยเหลือผูเรียนและจัดประสบการณการเรียนรูเพื่อพัฒนาผูเรียนจนเต็มศักยภาพ เพื่อกาวเขาสูการเปนพลเมืองอาเซียนอยางมีเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีความเปนมนุษยของตน คณะผูจัดทํา คูม อื ครู
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง สาระที่ 2
ดนตรี-นาฏศิลป (เฉพาะชั้น ม.2)*
ดนตรี
มาตรฐาน ศ 2.1 เขาใจและแสดงออกทางดนตรีอยางสรางสรรค วิเคราะห วิพากษวิจารณคุณคาดนตรี ถายทอด ความรูสึก ความคิดตอดนตรีอยางอิสระ ชื่นชมและประยุกตใชในชีวิตประจําวัน ชั้น
ตัวชี้วัด
ม.2 1. เปรียบเทียบการใชองคประกอบ ดนตรีทมี่ าจากวัฒนธรรมตางกัน
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• องคประกอบของดนตรีจากแหลงวัฒนธรรมตางๆ • หนวยการเรียนรูที่ 1 ดนตรีกับสังคมและวัฒนธรรม
2. อาน เขียน รองโนตไทยและ โนตสากลที่มีเครื่องหมาย แปลงเสียง
• เครื่องหมายและสัญลักษณทางดนตรี - โนตจากเพลงไทยอัตราจังหวะสองชั้น - โนตสากล (เครื่องหมายแปลงเสียง)
• หนวยการเรียนรูที่ 2 ความรูทั่วไปเกี่ยวกับดนตรีไทย • หนวยการเรียนรูที่ 4 ความรูทั่วไปเกี่ยวกับดนตรีสากล
3. ระบุปจจัยสําคัญที่มีอิทธิพลตอ การสรางสรรคงานดนตรี
• เทคนิคและการแสดงออกในการ - จินตนาการในการสรางสรรคบทเพลง - การถายทอดเรื่องราวความคิด ในบทเพลง
• หนวยการเรียนรูที่ 2 ความรูทั่วไปเกี่ยวกับดนตรีไทย • หนวยการเรียนรูที่ 4 ความรูทั่วไปเกี่ยวกับดนตรีสากล
4. รองเพลงและเลนดนตรีเดี่ยว และรวมวง
• เทคนิคการรองและบรรเลงดนตรี - การรองและบรรเลงเดี่ยว - การรองและบรรเลงเปนวง
• หนวยการเรียนรูที่ 3 ทักษะดนตรีไทย • หนวยการเรียนรูที่ 5 ทักษะดนตรีสากล
5. บรรยายอารมณของเพลงและ ความรูสึกที่มีตอบทเพลงที่ฟง
• การบรรยายอารมณและความรูสึก ในบทเพลง
• หนวยการเรียนรูที่ 2 ความรูทั่วไปเกี่ยวกับดนตรีไทย
6. ประเมิน พัฒนาการทักษะ ทางดนตรีของตนเองหลังจาก การฝกปฏิบัติ
• การประเมินความสามารถทางดนตรี - ความถูกตองในการบรรเลง - ความแมนยําในการอานเครื่องหมาย และสัญลักษณ - การควบคุมคุณภาพเสียงในการรอง และบรรเลง
• หนวยการเรียนรูที่ 3 ทักษะดนตรีไทย • หนวยการเรียนรูที่ 5 ทักษะดนตรีสากล
7. ระบุงานอาชีพตางๆ ที่เกี่ยวของ กับดนตรีและบทบาทของดนตรี ในธุรกิจบันเทิง
• อาชีพทางดานดนตรี • บทบาทของดนตรีในธุรกิจบันเทิง
• หนวยการเรียนรูที่ 6 ดนตรีกับอาชีพทางดานดนตรี
เสร�ม
9
มาตรฐาน ศ 2.2 เขาใจความสัมพันธระหวางดนตรี ประวัติศาสตรและวัฒนธรรม เห็นคุณคาของดนตรีที่เปนมรดก ทางวัฒนธรรม ภูมิปญญาทองถิ่น ภูมิปญญาไทยและสากล ชั้น
ตัวชี้วัด
ม.2 1. บรรยายบทบาทและอิทธิพลของ ดนตรีในวัฒนธรรมของประเทศ ตางๆ
สาระการเรียนรูแกนกลาง • ดนตรีในวัฒนธรรมตางประเทศ - บทบาทของดนตรีในวัฒนธรรม - อิทธิพลของดนตรีในวัฒนธรรม
2. บรรยายอิทธิพลของวัฒนธรรมและ • เหตุการณประวัตศิ าสตรกบั การเปลีย่ นแปลง เหตุการณในประวัติศาสตรที่มีตอ ทางดนตรีในประเทศไทย รูปแบบของดนตรีในประเทศไทย - การเปลีย่ นแปลงทางการเมืองกับงานดนตรี - การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีกับงานดนตรี
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน • หนวยการเรียนรูที่ 1 ดนตรีกับสังคมและวัฒนธรรม • หนวยการเรียนรูที่ 1 ดนตรีกับสังคมและวัฒนธรรม
คูม อื ครู
สาระที่ 3
นาฏศิลป
มาตรฐาน ศ 3.1 เขาใจและแสดงออกทางดนตรีอยางสรางสรรค วิเคราะห วิพากษวิจารณคุณคาดนตรี ถายทอด ความรูสึก ความคิดตอดนตรีอยางอิสระ ชื่นชมและประยุกตใชในชีวิตประจําวัน ชั้น
เสร�ม
10
ตัวชี้วัด
ม.2 1. อธิบายการบูรณาการศิลปะแขนง อืน่ ๆ กับการแสดง
2. สรางสรรคการแสดงโดยใช องคประกอบนาฏศิลปและ การละคร
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• ศิลปะแขนงอื่นๆ กับการแสดง - แสง สี เสียง - ฉาก - เครื่องแตงกาย - อุปกรณ
• หนวยการเรียนรูที่ 7 ความรูทั่วไปเกี่ยวกับนาฏศิลป • หนวยการเรียนรูที่ 11 การแสดงละคร
• หลักและวิธีการสรางสรรคการแสดง โดยใช องคประกอบนาฏศิลปและการละคร
• หนวยการเรียนรูที่ 8 การแสดงนาฏศิลปไทยมาตรฐาน • หนวยการเรียนรูที่ 10 ความรูทั่วไปเกี่ยวกับการละคร
3. วิเคราะหการแสดงของตนเองและ • หลักและวิธีการวิเคราะหการแสดง ผูอื่น โดยใชนาฏยศัพทหรือศัพท ทางการละครที่เหมาะสม
• หนวยการเรียนรูที่ 7 ความรูทั่วไปเกี่ยวกับนาฏศิลป • หนวยการเรียนรูที่ 11 การแสดงละคร
4. เสนอขอคิดเห็นในการปรับปรุง การแสดง
• วิธีการวิเคราะห วิจารณการแสดงนาฏศิลป และการละคร • รําวงมาตรฐาน
• หนวยการเรียนรูที่ 8 การแสดงนาฏศิลปไทยมาตรฐาน
5. เชื่อมโยงการเรียนรูระหวาง นาฏศิลปและการละครกับสาระ การเรียนรูอื่นๆ
• ความสัมพันธของนาฏศิลปหรือการละครกับ สาระการเรียนรูอื่นๆ
• หนวยการเรียนรูที่ 7 ความรูทั่วไปเกี่ยวกับนาฏศิลป • หนวยการเรียนรูที่ 10 ความรูทั่วไปเกี่ยวกับการละคร
มาตรฐาน ศ 3.2 เขาใจความสัมพันธระหวางนาฏศิลป ประวัติศาสตรและวัฒนธรรม เห็นคุณคาของนาฏศิลปที่เปน มรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปญญาทองถิ่น ภูมิปญญาไทยและสากล ชั้น
ตัวชี้วัด
ม.2 1. เปรียบเทียบลักษณะเฉพาะ ของการแสดงนาฏศิลปจาก วัฒนธรรมตางๆ
คูม อื ครู
สาระการเรียนรูแกนกลาง • นาฏศิลปพื้นเมือง - ความหมาย - ที่มา - วัฒนธรรม - ลักษณะเฉพาะ
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน • หนวยการเรียนรูที่ 3 การแสดงนาฏศิลปพื้นเมือง
2. ระบุ หรือแสดงนาฏศิลป นาฏศิลป • รูปแบบการแสดงประเภทตางๆ พื้นบาน ละครไทย ละครพื้นบาน - นาฏศิลป หรือมหรสพอื่นที่เคยนิยมกัน - นาฏศิลปพื้นเมือง ในอดีต - ละครไทย - ละครพื้นบาน
• หนวยการเรียนรูที่ 3 การแสดงนาฏศิลปพื้นเมือง
3. อธิบายอิทธิพลของวัฒนธรรม ที่มีผลตอเนื้อหาของละคร
• หนวยการเรียนรูที่ 11 การแสดงละคร
• การละครสมัยตางๆ
คําอธิบายรายวิชา รายวิชา ดนตรี-นาฏศิลป ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 รหัสวิชา ศ…………………………………
กลุมสาระการเรียนรู ศิลปะ ภาคเรียนที่………… เวลา 40 ชั่วโมง/ป
ศึกษา เปรียบเทียบองคประกอบทางดนตรี เครื่องหมายและสัญลักษณทางดนตรี ลักษณะเฉพาะของการแสดง นาฏศิลปที่มาจากวัฒนธรรมตางๆ ระบุปจจัยที่มีอิทธิพลตอการนําเทคนิคการรอง การบรรเลงมาใชสรางสรรคงานดนตรี เสร�ม อาชีพตางๆ ทีเ่ กีย่ วของกับดนตรีและบทบาทของดนตรีในธุรกิจบันเทิง รูปแบบการแสดงนาฏศิลปประเภทตางๆ ทัง้ นาฏศิลป 11 พื้นบาน ละครไทย ละครพื้นบาน หรือมหรสพอื่นที่เคยนิยมกันในอดีต บรรยายอารมณและความรูสึกที่มีตอบทเพลง ที่ฟง บทบาทและอิทธิพลของดนตรีในวัฒนธรรมของประเทศตางๆ รวมถึงวัฒนธรรมและเหตุการณในประวัติศาสตรที่มี ตอรูปแบบของดนตรีในประเทศไทย อธิบายการบูรณาการศิลปะแขนงอื่นๆ กับการแสดง อิทธิพลของวัฒนธรรมที่มีผล ตอเนื้อหาของละคร สรางสรรคการแสดงโดยใชองคประกอบนาฏศิลปและการละคร วิเคราะห ประเมินพัฒนาการทักษะ ทางดนตรี การแสดงของตนเองและผูอื่น พรอมทั้งเสนอขอคิดเห็นในการปรับปรุงและเชื่อมโยงการเรียนรูกับสาระ การเรียนรูอื่นๆ โดยใชทักษะกระบวนการทางดนตรีและนาฏศิลป กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการกลุม ในการแสดงออกทางดนตรี และนาฏศิลปอยางสรางสรรค เพื่อใหเกิดความรู ความเขาใจ ความสัมพันธระหวางดนตรี-นาฏศิลป เทคนิคการสรางสรรคการแสดงออก ทางดนตรีและนาฏศิลป รวมถึงเห็นคุณคาของงานดนตรีและนาฏศิลปที่เปนมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปญญาทองถิ่น ภูมิปญญาไทยและสากล
ตัวชี้วัด ศ 2.1 ศ 2.2 ศ 3.1 ศ 3.2
ม.2/1 ม.2/1 ม.2/1 ม.2/1
ม.2/2 ม.2/2 ม.2/2 ม.2/2
ม.2/3
ม.2/4
ม.2/5
ม.2/3 ม.2/3
ม.2/4
ม.2/5
ม.2/6
ม.2/7
รวม 17 ตัวชี้วัด
คูม อื ครู
ตาราง
วิเคราะหมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั รายวิชา ดนตรี-นาฏศิลป ม.2
คําชี้แจง : ใหผูสอนใชตารางนี้ตรวจสอบความสอดคลองของเนื้อหาสาระการเรียนรูในหนวยการเรียนรูกับมาตรฐาน การเรียนรูและตัวชี้วัดชวงชั้น เสร�ม
12
มาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัด
หนวยการเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 1 : ดนตรีกับสังคมและวัฒนธรรม หนวยการเรียนรูที่ 2 : ความรูทั�วไปเกี่ยวกับดนตรีไทย
1
2
3
หนวยการเรียนรูที่ 5 : ทักษะดนตรีสากล หนวยการเรียนรูที่ 6 : ดนตรีกับอาชีพทางดานดนตรี หนวยการเรียนรูที่ 7 : ความรูทั�วไปเกี่ยวกับนาฏศิลป
มาตรฐาน ศ 2.2
มาตรฐาน ศ 3.1
มาตรฐาน ศ 3.1
ตัวชี้วัด
ตัวชี้วัด
ตัวชี้วัด
ตัวชี้วัด
4
5
สาระที่ 3
6
7
✓ ✓
✓
หนวยการเรียนรูที่ 3 : ทักษะดนตรีไทย หนวยการเรียนรูที่ 4 : ความรูทั�วไปเกี่ยวกับ ดนตรีสากล
สาระที่ 2 มาตรฐาน ศ 2.1
✓
1
2
1
2
✓
✓
3
4
5
✓
✓
✓
✓
3
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
หนวยการเรียนรูที่ 9 : การแสดงนาฏศิลปพื้นเมือง หนวยการเรียนรูที่ 10 : ความรูทั�วไปเกี่ยวกับ การละคร
คูม อื ครู
2
✓
หนวยการเรียนรูที่ 8 : การแสดงนาฏศิลปไทย มาตรฐาน
หนวยการเรียนรูที่ 11 : การแสดงละคร
1
✓
✓
✓
✓
✓
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹
´¹µÃÕ-¹Ò¯ÈÔÅ»Š Á.ò
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๒
กลุมสาระการเรียนรูศิลปะ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ผูเรียบเรียง
รศ. สุมนมาลย นิ่มเนติพันธ รศ. สําเร็จ คําโมง นายสุดใจ ทศพร รศ. ณรงคชัย ปฎกรัชต ผศ. ดร. รจนา สุนทรานนท ผศ. มณฑา กิมทอง นายชนินทร พุมศิริ
ผูตรวจ
ผศ. กฤษณา บัวสรวง ผศ. เดชน คงอิ่ม นายโฆษิต มั่นคงหัตถ
บรรณาธิการ
ดร. มนัส แกวบูชา นายสมเกียรติ ภูระหงษ พิมพครั้งที่ ๗
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ รหัสสินคา ๒๒๑๕๐๐๔
¤Œ¹¤ÇÒÁÃÙŒ¢ÂÒ¤ÇÒÁ¤Ô´¨Ò¡
¾ÔÁ¾ ¤ÃÑ駷Õè 2 ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ 2245008
EB GUIDE
ที่พิมพกํากับหัวขอสําคัญในหนังสือเรียนหลักสูตรแกนกลางฯ ผาน www.aksorn.com ไปยังแหลงความรูทั่วไทย-ทั่วโลก
คณะผูจัดทําคูมือครู
สุมนมาลย นิ่มเนติพันธ สุนิสา รังสิพุฒิกุล ฐิตาภรณ เติมเกียรติเจริญ
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
¤íÒá¹Ð¹íÒ㹡ÒÃ㪌˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ หนังสือเรียน ดนตรี-นาฏศิลป เลมนี้ ใชประกอบการเรียนการสอนในรายวิชาพื้นฐาน กลุมสาระ การเรียนรูศ ลิ ปะ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๒ เนื้อหาตรงตามสาระการเรียนรูแกนกลางขั้นพื้นฐาน อานทําความเขาใจงาย ใหทั้งความรูและชวย พัฒนาผูเรียนตามหลักสูตรและตัวชี้วัด เนื้อหาแบงออกเปนหนวยการเรียนรูตามโครงสรางรายวิชา สะดวก แกการจัดการเรียนการสอนและการวัดผลประเมินผล พรอมเสริมองคประกอบอืน่ ๆ ทีจ่ ะชวยทําใหผเู รียนไดรบั ความรูอ ยางมีประสิทธิภาพ à¹×éÍËҵçµÒÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§ ¨Ñ´¡ÅØ‹Áà¹×éÍËÒ໚¹Ë¹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ Êдǡᡋ¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹
à¡Ãç´ÈÔÅ»Šà¾ÔèÁàµÔÁ¨Ò¡à¹×éÍËÒ ÁÕá·Ã¡à»š¹ÃÐÂÐæ
ãËŒ¤ÇÒÁÃÙŒáÅÐàÍ×é͵‹Í¡ÒùíÒä»ãªŒÊ͹à¾×èÍ à¡ÃÔè¹¹íÒà¾×èÍãˌࢌÒ㨶֧ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ ãËŒºÃÃÅصÑǪÕéÇÑ´ áÅÐÊÌҧ¤Ø³ÅѡɳРÍѹ¾Ö§»ÃÐʧ¤ ã¹Ë¹‹Ç·Õè¨ÐàÃÕ¹ ๓) ตัวละคร
หน่วยการเรีย
นรู้ที่
ø
ตัวชี้วัด ■
สร้ำงสรรคก ำรแส และกำรละคร ดงโดยใช้องคประกอ บนำฏศิลป เสนอข้อคิดเห็ (ศ ๓.๑ ม.๒/๒) นในกำรปรับ ปรุงกำรแสดง (ศ ๓.๑ ม.๒/ ๔)
กา นาฏศิลปไทยม รแสดง าตรฐาน
เกร็ด
ศิลป “ความเปนจริง” กับ “ความสม จริง” เราคงได้ยนิ ได้ฟง มาบ้างแล้ว ว่า เรื แสดงไม่เป็น “ความจริง” แต่ “สมจริ อ่ งทีล่ ะครน�ามา ง”” ซึง่ ทัง้ สองค�านี้ มีนัยที่แตกต่างกัน กล่าวคือ ผูแ้ ต่งบทละครจะต้องผูกเรือ่ งและส่ องค์ประกอบของเรื่องให้ผู้ชมละครรู วนต่างๆ ทีเ่ ป็น ้ส แต่ไม่ใช่การถอดแบบมาจากธรรมชาติ ึกว่าเป็นจริงได้ เ การวาดภาพ การระบายสี ดังที่ จอร์ หมือนจิตรกรรม จ (George Bernard Shaw) นัก เบอร์นาร์ด ชอว์ เขียนบทละครชื่อดัง ชาวไอริช กล่าวไว้ว่า “ถาแตงบทละครต ามพฤติกรรม ที่เปนจริง จะไมมีใครไปชมละคร เพราะเขาอยูที่บาน เขาก็เห็นประจักษอยูแลว” ” ฉะนั้นการสร้างบทละคร ที่จะน�ามาใช้ในการแสดง ผู้ประพั จอร์ จ เบอร์ น าร์ ด ชอว์ นั ก เขี นธ์ ย นบทละคร ชื่ อ ดั ง ให้ผชู้ มละครรูส้ กึ ว่าเป็นจริงให้จงได้ จึงจะต้องผูกเรือ่ ง ชาวไอริช จึงใช้คา� ว่า “สมจริง”
น าฏ ศิ ล ป ไ ทย มา
แสดงนาฏศ ตร ฐา น เป ิลป น ปรมาจารย ไทยตามแบบแผนดั้ง กา ร ท างน เดิม ที่ ใหปฏิบัติสืบ าฏศลิ ปไทยไดกาํ หน ดไว ทอ กระบวนทา ดตอกันมาอยางเครง เพือ่ ครัด ซึ่ง รํา ลักษณะกา การแสดงจ รแตงกาย รูปแบบ ะเป ฝ ก หั ด นา ฏศ ลี่ยนแปลงมิได ดังนั้น ผู ิ ล ป ทุ ก คน สาระการเรียนรู จึ ง จํ า เป น ที่จะ มี ค วาม รู ค ้แกนกลาง จะ ต วาม หลักและวิธ แส ดง แล ะเอ เข า ใจเ กี่ ย วกั บ พื้ น ฐา อ ง ีก นำฏศิลปและกำำรสร้ำงสรรคกำรแสดงโด นก กล าร ั ก ษณ ข อง ยใช้องคประกอ วิธีกำรวิเครำะ รละคร แตละชุดเสี บ กา ห รแ วิ จ ำรณ สด ย ก กำรแสดงนำ ร�ำวงมำตรฐำ ฏศิลปและกำ น ถูกตอง นอ อน เพื่อจะไดปฏิบัต งใน รละคร ิไดอ กจ มีความรูเกี ากนี้ ผูเรียนนาฏศิล ยาง ่ยวกั ปก็ควร กา รแ สด งน บหลักการวิเคราะห วิจารณ าฏ ศิ ล ป ด ว ย ดั ง กล า วจ ะช ว ยส ร า งค เพ ราะ หลั ก กา ร วาม เข า ใจต ระหวางผูแ สดง และผู รง กั น ชมการแสด ง ■
ตัวละครเอกในเรื่อ แสดงได้สมบทบาท ท�าให้ผู้ชมละครเ งมีบุคลิกลักษณะที่เหมาะสมกับละครประเภทสมจริง กิดความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ ได้ตามความ บทละคร แต่สา� หรับตัวละครประกอบอื มุ่งหมายของ น่ ๆ ทีเ่ ที่จะต้องฝึกซ้อมให้มีการแสดงที่สมบทบาทสริมอยู่ในเรือ่ ง ยังมีขอ้ บกพร่อง คือ ค�าพูดและอารมณ์ โดยผู้ก�ากับการแสดงควรจะต้องให้ ตัวละครประกอบให้เท่าเทียมกับตัว ความส�าคัญกับ ละครเอก โดยฝึกฝนการแสดงอาร มณ์และค�าพูดให้สมจริง เท่าเทียมกับตัวละครเอก จะท�าให้ล ะครมีอรรถรสและสะเทือนอารมณ์ผ ู้ชมมากยิ่งขึ้น ๔) ทัศนองค์ประกอบต่างๆ ที บรรยากาศในการแสดงละครให้ดูสมจริ ่ช่วยส่งเสริมด้านอารมณ์ของผู้ชม เป็นการช่วยสร้าง ง ได้แก่ • ฉากและอุปกรณ์ป ระกอบฉาก มีความวิจิตรงดงามเหมาะส เหตุการณ์ในเรื่อง มกับสถานที่และ • การแต่งกาย สามารถแต่ งได้ ประเพณี มีความผสมกลมกลืนกับ แสง สี ถกู ต้องตามเชือ้ ชาติ ฐานะของตัวละคร ขนบธรรมเนยี ม รวมทัง้ การแต่งหน้า แต่งผมมีความเหมา ตามยุคสมัย ะสมกับเนือ้ เรือ่ ง
ประจ�ำชำติ วงซำยวำยใช้บรรเลงในงำนพิธี เป็นวงดนตรีแบบแผนที่รู้จักกันทั่วไป ถือเป็นวงดนตรี วข้องกับพิธกี รรมทำงพระพุทธศำสนำ งำนทีเ่ กีย่ ของทำงรำชกำร งำนต้อนรับอำคันตุกะของรัฐบำล ั นำขึน้ มำอย่ำงต่อเนื่องจนกลำยเป็น พม่ำได้พฒ ดนตรี ย ว ฎรด้ รรมของรำษ ก ี ธ นงำนพิ ใ ตลอดจนใช้ ลำยชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีกำรแกะสลัก ปิดทอง ดนตรีของรำชส�ำนัก ประกอบด้วยเครื่องดนตรีห ่องดนตรีพม่ำที่ควรรู้จัก เช่น ประดับประดำด้วยกระจกสีต่ำงๆ อย่ำงสวยงำม เครื ่มีรู ๗ รู ส�ำหรับเปลี่ยนระดับเสียง เลำปี ยใบตำล ว ด้ ำ � ท ่ ปี น ้ ลิ ปเนห์ เป็นปี่ที่มีล�ำโพง ก�ำพวดปี่ ปี่เนห์มีทั้งขนำดเล็กและขนำดใหญ่ เนิดเสียงอยู่ที่กำรน�ำเอำ “ลูกโหม่ง” ที่พม่ำ มองซาย มีลักษณะเหมือนฆ้องของไทย จุดก�ำ ขึ้นรูปให้กลมและแบนบำงอย่ำงถำด มีปุ่มนูน เรียกว่ำ “มอง” ซึ่งเป็นโลหะทองเหลืองที่ถูกตี นจ�ำนวน ๓ รำง จำกนั้นน�ำไปร้อยเชือกผูกไว้ ขึ้นเป็นจุดกระทบตรงกลำงมำประกอบติดกันเป็ ง่ ชุดจะมีลกู โหม่งจ�ำนวนทัง้ หมด ๑๗-๑๘ ใบ ในรำงไม้ ซึง่ พม่ำเรียกว่ำ “ซาย” ส�ำหรับใช้ไม้ตี มองซำยหนึ นวงปี่พำทย์ของพม่ำ ที่นิยมใช้ใ ไล่เรียงขนำดจำกใหญ่ไปหำเล็ก เป็นเครื่องดนตรี กษณ์ของดนตรีพม่ำ เป็นเครื่องดนตรีของ เอกลั น เป็ วำมสวยงำม ค ี ม ่ ที ำ พม่ ณ พิ ซองเกาะ เป็น รับกำรพัฒนำอย่ำงต่อเนื่อง เดิมซองเกำะมีสำย รำชส�ำนักและชนชั้นสูง ศิลปะกำรเล่นซองเกำะได้ สำย ดังปรำกฏในปัจจุบัน ซองเกำะนิยมบรรเลง เพียง ๓ สำย แต่นักดนตรีพม่ำได้เพิ่มเป็น ๑๖ วและประกอบกำรขับร้อง ในงำนส�ำคัญๆ ของทำงกำร ใช้ได้ทั้งบรรเลงเดี่ย
■
■ ■
µÑǪÕÇé ´Ñ áÅÐÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙጠ¡¹¡ÅÒ§ µÒÁ·ÕËè ÅÑ¡Êٵà ¡íÒ˹´ à¾×èÍãËŒ·ÃÒº¶Ö§à»‡ÒËÁÒÂ㹡ÒÃÈÖ¡ÉÒ Design ˹ŒÒẺãËÁ‹ ÊǧÒÁ ¾ÔÁ¾ ô ÊÕ µÅÍ´àÅ‹Á ª‹ÇÂãˌ͋ҹ·íÒ¤ÇÒÁࢌÒã¨ä´Œ§‹ÒÂ
เนือ้ ร้อง
“ปราโมทย์แสน”
“องค์อัปสรอมรแมน”
“แดนสวรรค์”
“ยินกฤดาภินิหาร”
128
ท่ารำา
คำาอธิบายท่ารำา ท่าออก พระและนางหันหน้าทิศ ๒ ท�าท่า สอดสร้ อ ยมาลา มื อ ขวาถื อ พาน มือซ้ายจีบหงายระดับชายพก ศีรษะ เอียงซ้าย ก้าวหน้าเท้าซ้าย ยืดยุบเข่า แล้วหันหน้าตรงมาทิศ ๑ ท่าป้องหน้า พระและนางหันหน้าทิศ ๒ มือซ้าย ป้องหน้า มือขวาถือพาน ศีรษะ เอียงขวา กระดกเท้าซ้าย ตัวพระ มือซ้ายจีบระดับปาก มือขวาถือพาน ก้าวขวา ยืนทอดขวาซ้าย ตัวนาง มือซ้ายจีบระดับปาก มือขวาถือพาน ระดับวงล่าง ก้าวเท้าขวา แล้วก้าวไขว้ เท้าซ้าย พร้อมกับกดไหล่ซา้ ย ศีรษะ เอียงซ้าย ตัวพระและตัวนาง จีบสอดสูงมือซ้ายพร้อม กับแตะเท้าขวา ศีรษะเอียงขวา แล้ว เอียงซ้าย ตัวพระและตัวนาง เท้าขวาก้าวไขว้ ศีรษะ เอียงซ้าย ก้าวขวา กระดกเท้าซ้าย ศีรษะเอียงขวา ตัวพระ ตัวนาง
หันหลังเท้าซ้ายก้าวหน้า มืออยู่ใน ลักษณะเดิม เท้าซ้ายก้าวหน้า มืออยูใ่ นลักษณะเดิม ทัง้ ตัวพระและตัวนางยืดยุบวิง่ วนเป็น วงกลมกลับมาที่เดิม
องราชส�านักและชนชั้นสูง อเป็นเครื่องดนตรีของราชส
ซองเกาะ เป็นพิณพม่าที่มีความสวยงามและถื
1๔
EB GUIDE
http://www.aksorn.com/LC/Mu&Pa/M2/02
17๐
EB GUIDE
http://www.aksorn.com/LC/Mu&Pa/M
2/20
Web Guide á¹Ð¹íÒáËÅ‹§¤Œ¹¤ÇŒÒ¢ŒÍÁÙÅ à¾ÔèÁàµÔÁ¼‹Ò¹Ãкº Online àÊÃÔÁÊÒÃШҡà¹×Íé Ëҹ͡à˹×ͨҡ ·ÕÁè ãÕ ¹ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙጠ¡¹¡ÅÒ§ à¾×Íè à¾ÔÁè ¾Ù¹áÅТÂÒ¾ÃÁá´¹¤ÇÒÁÃÙ㌠ˌ ¡ÇŒÒ§¢ÇÒ§ÍÍ¡ä» ําวา ายของค นของคน ความหม ะ “ฟอน” �าหรือฟ้อ วามจริง ็นการร่ายร “เซิ้ง” แล แต่ค เสริมสาระ ือระบ�าเป ของคนภาคอีสาน ตลอด เชน่ หร า ร� า ั่วไปคิดว่ งิ้ เปน็ การรา่ ยรา� กวา่ “ฟอ้ น” มาโดย ่างค�าว่า นท งค และเรยี าคเหนือ เซ ้เห็นเลย อย มเข้าใจขอ ตามควา รรา่ ยรา� ของคนภ สี านนัน้ มีมานาน กฏค�าว่า “ร�า” ให งโขนฟ้อน กินรี คอ ลิ อ้ นเป็นกา า…” อด ไม่ปรา อนของภา ทวยฟ้อน ภาคกลาง ฟนัน้ ไม ่ เพราะการฟ้ ้ค�าว่า “ฟ้อน” ตล ามยามฟ้อน ระ ะฟ้อน ฟ้อนหย่อนข ญบั้งไฟ ะใช “ย น่ แล า ล� ง ้ ทั ช้ในงานบุ ์ หาเปน็ เช ีอีสานหลายเรื่องจ น หย่องฟ้อ �าว่า “เซิ้ง” นิยมใ กอบการขับกาพย คด รณ วร ใน ระ ส่วนค ไฟเป็นการฟ้อนป ้าๆ ของกลองตุ้ม ะช ้ง การเซิ้งบั ะขึ้นลงตามจังหว ประกอบ นิยมเซิ้ง เซิ้ง ลักษณ ือในบางครัง้ ก็มีโทน ขึ้นไป จะมีหัวหน้า ับ หร คน ด งร ๔ อ ฮา ร้ ๓ง ่ พั ้วคนอื่นจะ ุ่มๆ ตั้งแต กันเป็นกล กาพย์เซิ้งน�า แล บ ฐ์ เป็นคนขั ารประดษิ กก จา มา ไปเรื่อยๆ คนอีสานนัน้ น่าจะ ง แคน ซึง กรับ อนของ ประกอบด้วยกลอ ิบข้าวมาใช้ใน ฟ้ าร ก ึ ง รี บ ิ ะต ยถ นต กร เซิ้งกระต “เซิง้ ” หมา ง และน�า า และใช้ด ่านผู้หญิง มเข้าใจว่า ลงมาจากหมอล� ผ้าสไบ เกล้าผมสู ิ้งครั้งแรกนั้น ท ะเปลีย่ น รเซ �าเพ ห่ม ก้ ารทีม่ คี วา แล ทัง้ นี กระติบ” ขึ้น โดยน ุกคนแต่งตัวนุ่งซิ่น ์ของคนอีสาน ซึ่งกา ดงกันแพร่หลาย ้ง ท่าร�า “เซิ ในครั้งนั้นผู้แสดงท ข้าวเป็นสัญลักษณ มาไดม้ กี ารน�าไปแส ึ่ง ิบ อ่ โปงลาง ซ พราะเห็นว่ากระต ว้ า่ “เซิง้ อีสาน” ต า ให การแสดง เ นนาค เปน็ ผูต้ งั้ ชือ่ การดัดแปลงท่าร� มี นุ้ มณรี ตั น์ บุ “เซิง้ กระตบิ ข้าว” วไหม เซงิ้ ข้าวป น สา ้ ิ ง ป็ เ ย่ไข่ ม่ เซ ิ ง ให แห ชือ่ น่ เซงิ้ สว ิ้งสาละวัน เซิ้ง เป็น เช าย กม เซ อีกมา ิ้งกระหยัง จารณาให้ดีแล้วจะ ล่าว เซ ง ้ ะด เซิ้งกร ็นต้น แต่ถ้าพิ งที่ได้ก การเซงิ้ ดั เป มดแดง การฟอ้ นมากกวา่ อง ลักษณะข ฟ้อนภูไท มาข้างต้น
¡Ô¨¡ÃÃÁÈÔÅ»Š»¯ÔºµÑ ÙŒãÔ ËŒ¼ÙŒàÃÕ¹䴌½ƒ¡»¯ÔºÑµÔ à¾×èÍãËŒ ÁդسÀÒ¾ºÃÃÅØÁҵðҹáÅеÑǪÕéÇÑ´
ส�าหรับแสง นอกจากจะให้ความสว่างแล้ว ยังช่วยบอกเวลา สร้างอารมณ์ แสงนวลอ่อนใน เวลากลางคืนหรือแสงสว่างจ้าในเวลากลางวัน จะมีความเข้มของแสงต่างกันเป็นการสร้างบรรยากาศที่ แตกต่างกัน เช่น แสงที่มืดสลัว ท�าให้เกิดบรรยากาศทีน่ า่ สะพรึงกลัว บรรยากาศแจ่มใส สีตอ้ งสดใส ภาพและสีในแต่ละฉากจึงเป็นการสร้างเสริมบรรยากาศให้ดูสมจริง นอกจากนี ้ องค์ประกอบส�าคัญทีจ่ ะขาดเสียไม่ได้ในการสร้างบรรยากาศ ก็คอื เพลงทีเ่ รียกว่า “เพลงภูมหิ ลัง (Background Music)” ไม่มเี นือ้ ร้องมีแต่ทา� นอง ไม่เกีย่ วกับการด�าเนินเรือ่ ง แต่ชว่ ย สร้างอารมณ์ความรู้สึกให้แก่ผู้ชม ส�าหรับละครไทยนั้นจะมีเพลงที่ ใช้เพื่อแสดงอารมณ์ตามบทบาทของตัวละครอยู่ หลายเพลง เป็นต้นว่าเพลงอารมณ์เศร้า เช่น เพลงโอด เพลงนางครวญ เพลงธรณีกรรแสง เป็นต้น เพลงอารมณ์รื่นเริง เช่น เพลงกราวร�า เพลงแขกบรเทศ เพลงประสิทธิ์ เป็นต้น เพลงอารมณ์โกรธ เช่น เพลงเทพทอง เพลงนาคราช เพลงลิงโลด เป็นต้น
เรื่อง
ละคร
เนื้อหาสรุป
นิสัยตัวละคร
บรรยากาศ
กิจ กรรมศิลป์ปฏิบัติ ๑๐.๑ 15๗
164
กิจกรรมที่ ๑ เชิ ญ วิ ท ยากรมาบรรยายให้ ความรู้ เ กี่ ย วกั บ หลั ก การสร้ า งสรรค์ ล ะคร ให้นักเรียนจดบันทึกข้อมูลจากการรับฟังไว้ กิจกรรมที่ ๒ ให้นักเรียนชมตัวอย่างละครจากซีดี ดีวีดี หรือจากเครือข่ายอินเทอร์เน็ต แล้วร่วมกันอภิปรายถึงองค์ประกอบต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในละครดังกล่าว
กระตุน ความสนใจ Engage
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
สํารวจคนหา Explore
ñ ò ó
● ●
● ●
Evaluate
à¤Ã×èͧËÁÒÂáÅÐÊÑÞÅѡɳ ·Ò§´¹µÃÕä·Â »˜¨¨ÑÂÊíÒ¤ÑÞ·ÕèÁÕÍÔ·¸Ô¾Åµ‹Í¡ÒÃÊÌҧÊÃä §Ò¹´¹µÃÕ ÍÒÃÁ³ à¾Å§áÅФÇÒÁÃÙŒÊ֡㹺·à¾Å§
ñ-òò ò ø ñö
òó-ôö òô óð ôò
ô÷-öö ôø õð õö õø öó
¤ÇÒÁÃÙŒ·ÑèÇä»à¡ÕèÂǡѺ´¹µÃÕÊÒ¡Å
ö÷-øò
●
● ● ●
õ
ตรวจสอบผล
¡ÒâѺÌͧà¾Å§ä·Â ¡ÒúÃÃàŧà¤Ã×èͧ´¹µÃÕä·Â ËÅÑ¡¡ÒúÃÃàŧà¤Ã×èͧ´¹µÃÕä·Â “«ÍÍÙŒ” º·à¾Å§ä·ÂÊíÒËÃѺ½ƒ¡»¯ÔºÑµÔ ¡ÒûÃÐàÁÔ¹¤ÇÒÁÊÒÁÒö·Ò§´¹µÃÕ
●
●
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
ͧ¤ »ÃСͺ¢Í§´¹µÃÕã¹Êѧ¤ÁáÅÐÇѲ¹¸ÃÃÁ ´¹µÃÕã¹ÇѲ¹¸ÃÃÁµ‹Ò§»ÃÐà·È à˵ءÒó »ÃÐÇѵÔÈÒʵà ¡Ñº¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§·Ò§´¹µÃÕ ã¹»ÃÐà·Èä·Â
·Ñ¡Éд¹µÃÕä·Â
●
ô
Expand
¤ÇÒÁÃÙŒ·ÑèÇä»à¡ÕèÂǡѺ´¹µÃÕä·Â
●
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
ขยายความเขาใจ
´¹µÃÕ¡ºÑ Êѧ¤ÁáÅÐÇѲ¹¸ÃÃÁ
●
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
Explain
ÊÒúÑÞ ●
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
อธิบายความรู
à¤Ã×èͧËÁÒÂáÅÐÊÑÞÅѡɳ ·Ò§´¹µÃÕ »˜¨¨ÑÂÊíÒ¤ÑÞ·ÕèÁÕÍÔ·¸Ô¾Åµ‹Í¡ÒÃÊÌҧÊÃä §Ò¹´¹µÃÕ ¡ÒúÃÃÂÒÂÍÒÃÁ³ áÅФÇÒÁÃÙŒÊ֡㹺·à¾Å§
·Ñ¡Éд¹µÃÕÊÒ¡Å ● ● ●
¡ÒâѺÌͧà¾Å§ÊÒ¡Å ¡ÒúÃÃàŧà¤Ã×èͧ´¹µÃÕÊÒ¡Å ¡ÒûÃÐàÁÔ¹¤ÇÒÁÊÒÁÒö·Ò§´¹µÃÕ
öø ÷ó ÷ù
øó-ùø øô ø÷ ùö
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
ö
อธิบายความรู Explain
÷
● ●
● ●
●
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
ø ù
● ●
● ●
● ● ●
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
ññ
¤ÇÒÁËÁÒÂáÅзÕèÁҢͧ¹Ò¯ÈÔÅ»Š¾×é¹àÁ×ͧ »˜¨¨Ñ·ÕèÁÕÍÔ·¸Ô¾Åµ‹Í¹Ò¯ÈÔÅ»Š¾×é¹àÁ×ͧ ÅѡɳÐ੾ÒТͧ¹Ò®ÈÔÅ»Š¾×é¹àÁ×ͧã¹áµ‹ÅÐÀÒ¤ ¡ÒÃáÊ´§¹Ò®ÈÔÅ»Š¾×é¹àÁ×ͧᵋÅÐÀÒ¤
¤ÇÒÁÃÙŒ·ÑèÇä»à¡ÕèÂǡѺ¡ÒÃÅФà ●
ËÅÑ¡¡ÒÃÊÌҧÊÃä ¡ÒÃáÊ´§ÅФà ͧ¤ »ÃСͺ¢Í§ÅФà ËÅÑ¡¡ÒÃÇÔà¤ÃÒÐË ÇÔ¨Òó ¡ÒÃáÊ´§ÅФà ¤ÇÒÁÊÑÁ¾Ñ¹¸ ¢Í§¡ÒÃÅФáѺÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙŒÍ×è¹
¡ÒÃáÊ´§ÅФà ● ● ●
ตรวจสอบผล Evaluate
ùù-ññð ñðð ñðõ ñð÷
ñññ-ñòô ññò ññô ññ÷ ññù
ñòõ-ñôð
¡ÒÃáÊ´§¹Ò¯ÈÔÅ»Šä·ÂÁҵðҹ ªØ´ “ÃкíÒ¡Ä´ÒÀÔ¹ÔËÒÔ ñòö ¡ÒÃáÊ´§ÃíÒǧÁҵðҹ à¾Å§ “¤×¹à´×͹˧Ò” ñó÷
¡ÒÃáÊ´§¹Ò¯ÈÔÅ»Š¾×é¹àÁ×ͧ
●
ñð
ËÅÑ¡¡ÒÃáÅÐÇÔ¸Õ¡ÒÃÊÌҧÊÃä ¡ÒÃáÊ´§¹Ò¯ÈÔÅ»Š ÈÔÅ»Ðᢹ§Í×è¹æ ¡Ñº¡ÒÃáÊ´§ ËÅÑ¡¡ÒÃÇÔ¨Òó ¡ÒÃáÊ´§¹Ò¯ÈÔÅ»Šä·Â ¤ÇÒÁÊÑÁ¾Ñ¹¸ ¢Í§¹Ò¯ÈÔÅ»Š¡ÑºÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙŒÍ×è¹
¡ÒÃáÊ´§¹Ò¯ÈÔÅ»Šä·ÂÁҵðҹ
●
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
ÍÒªÕ¾´¹µÃÕ º·ºÒ·¢Í§´¹µÃÕ㹸ØáԨºÑ¹à·Ô§ º·ºÒ·¢Í§´¹µÃÕ·ÕèÁÕµ‹ÍÊѧ¤ÁáÅÐÇѲ¹¸ÃÃÁä·Â
¤ÇÒÁÃÙŒ·ÑèÇä»à¡ÕèÂǡѺ¹Ò¯ÈÔÅ»Š ●
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
Expand
´¹µÃաѺÍÒªÕ¾·Ò§´ŒÒ¹´¹µÃÕ ●
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
ขยายความเขาใจ
ÅФÃã¹ÂؤÊÁѵ‹Ò§æ ¡ÒÃÊÌҧÊÃä ÅФÃÃíÒ ¡ÒÃÊÌҧÊÃä ÅФÃàÇ·Õ
ºÃóҹءÃÁ
ñôñ-ñõø ñôò ñôô ñôö ñôù
ñõù-ñ÷ö ñöð ñöò ñöö ñ÷ñ
ñ÷÷-òðò ñ÷ø ñøô ñùô
òðó
กระตุน ความสนใจ กระตุEngage นความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. เปรียบเทียบการใชองคประกอบดนตรีที่มา จากวัฒนธรรมตางกัน 2. บรรยายบทบาทและอิทธิพลของดนตรี ในวัฒนธรรมของประเทศตางๆ 3. บรรยายอิทธิพลของวัฒนธรรมและเหตุการณ ในประวัติศาสตรที่มีตอรูปแบบของดนตรีใน ประเทศไทย
สมรรถนะของผูเรียน
หน่วยการเรียนรูที่
ñ
ตัวชี้วัด ■
■
■
เปรียบเทียบการใช้องค์ประกอบดนตรีที่มาจากวัฒนธรรม ต่างกัน (ศ ๒.๑ ม.๒/๑) บรรยายบทบาทและอิทธิพลของดนตรีในวัฒนธรรม ของประเทศต่างๆ ( ศ ๒.๒ ม.๒/๑) บรรยายอิทธิพลของวัฒนธรรมและเหตุการณ์ในประวัตศิ าสตร์ ที่มีต่อรูปแบบของดนตรีในประเทศไทย ( ศ ๒.๒ ม.๒/๒)
สาระการเรียนรูแกนกลาง ■ ■
■
องค์ประกอบของดนตรีจากแหล่งวัฒนธรรมต่างๆ ดนตรีในวัฒนธรรมต่างประเทศ - บทบาทของดนตรีในวัฒนธรรม – อิทธิพลของดนตรีในวัฒนธรรม เหตุการณ์ประวัติศาสตร์กับการเปลี่ยนแปลงทางดนตรี ในประเทศไทย - การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองกับงานดนตรี – การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีกับงานดนตรี
1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเทคโนโลยี
ดนตรีกับสังคม และวัฒนธรรม
คุณลักษณะอันพึงประสงค 1. 2. 3. 4.
ด นตรี จั ด เป น ศิ ล ปะที่ เ กี่ ย วข อ งกั บ
วัฒนธรรมและสังคมของมนุษยมาตัง้ แตอดีต ทั้งนี้ดนตรีเปนเสียงที่ถูกเรียบเรียงขึ้นเปน ทํ า นองที่ เ ชื่ อ มโยงองค ป ระกอบสํ า คั ญ เขาดวยกัน และมีการสรางสรรคเครื่องดนตรี เพือ่ ถายทอดสิง่ ทีผ่ คู นในสังคมสรางสรรคขนึ้ ออกมาเปนบทเพลง ซึ่งในแตละชนชาติยอม มีลักษณะเฉพาะที่แตกตางกันออกไป ทําให สามารถแยกแยะไดวา เปนดนตรีของชนชาติใด ขณะเดียวกัน งานดนตรีกเ็ ปนหลักฐาน สํ า คั ญ อย า งหนึ่ ง ทางด า นประวั ติ ศ าสตร ที่ สามารถสะท อ นเรื่ อ งราวที่ เ กิ ด ขึ้ น ในแต ล ะ ยุคสมัยได
มีวินัย ใฝเรียนรู มุงมั่นในการทํางาน รักความเปนไทย
กระตุน ความสนใจ
Engage
ครูเปดซีดี หรือดีวีดีเพลงบรรเลงทั้งเพลง ไทยเดิมและเพลงของชาติอื่นๆ ใหนักเรียนฟง จากนั้นครูถามนักเรียนวา • บทเพลงที่นักเรียนไดฟงนั้นมาจาก วัฒนธรรมใดและนักเรียนมีวิธีการวิเคราะห บทเพลงอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ)
เกร็ดแนะครู การเรียนการสอนในหนวยการเรียนรูนี้ ครูควรนําซีดีหรือดีวีดีที่นาสนใจมาเปด ใหนักเรียนชม เชน การแสดงดนตรีในวัฒนธรรมของประเทศสมาชิกประชาคม อาเซียน หรือสมาคมประชาชาติแหงเอเชียตะวันออกเฉียงใต (Association of South Nations : ASEAN ) ดนตรีในวัฒนธรรมอินเดีย ดนตรีในวัฒนธรรมจีน เปนตน เพื่อเปนการเปดโลกทัศนใหแกนักเรียน ครูอาจอธิบายเพิ่มเติมวาดนตรีในแตละ ประเทศจะมีรูปแบบที่แตกตางกันออกไปตามแตวัฒนธรรมของทองถิ่น แตสิ่งจําเปน ที่ตองมีเหมือนกันนั่นก็คือ เรื่องขององคประกอบดนตรี เพราะองคประกอบดนตรี เปนสวนหนึ่งของบทเพลง ถามีองคประกอบดนตรีที่สมบูรณและมีคุณภาพแลว จะทําใหบทเพลงมีความไพเราะและเปนการสรางสรรคผลงานทางดนตรีที่ดีชิ้นหนึ่ง ซึ่งบทเพลงที่ถายทอดออกมาจะแสดงใหเห็นถึงอิทธิพลทางวัฒนธรรมและเหตุการณ ในประวัติศาสตรของประเทศนั้นๆ ไดอยางชัดเจน
คูมือครู
1
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุEngage นความสนใจ
Exploreนหา สํารวจค
กระตุน ความสนใจ
Engage
ครูชักชวนนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับองคประกอบ ของดนตรีในสังคมและวัฒนธรรม จากนั้นครูถาม นักเรียนวา • ดนตรีมีความเกี่ยวของกับชีวิตมนุษยอยางไร (แนวตอบ ดนตรีจดั เปนสวนหนึง่ ในกิจกรรม การดําเนินชีวติ ของมนุษย เพราะเสียงของ ดนตรีทาํ ใหเกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน รวมทัง้ มีสว นสําคัญในการพัฒนาบุคลิกภาพ อารมณและจิตใจของมนุษยดว ย)
สํารวจคนหา
ñ. ͧ¤ »ÃСͺ¢Í§´¹µÃÕã¹Êѧ¤ÁáÅÐÇѲ¹¸ÃÃÁ ดนตรี มีความเกีย่ วของกับเรือ่ งราวของเสียงทีเ่ รียบเรียงขึน้ เปนทํานอง การเกิดทํานองเพลงได ตองนําองคประกอบสวนยอยตางๆ มารวมเขาดวยกัน ทัง้ ดนตรีไทย ดนตรีจนี ดนตรีอนิ เดีย ดนตรี เปอรเซีย และดนตรีตะวันตก ตางตองมีสวนประกอบสําคัญอยางนอย ๖ อยาง ที่เชื่อมโยงและ สัมพันธกัน เพื่อใหเกิดความชัดเจนตามคําอธิบายที่ไดกลาวมาในขางตนใหนักเรียนนึกถึงทํานอง เพลงที่นักเรียนคุนเคย หรืออาจเลือกเพลงและดนตรีที่ปรากฏในสังคมและวัฒนธรรมแหงใด แหงหนึ่งเปนตัวอยาง และเชื่อมโยงกับองคประกอบของดนตรี ดังตอไปนี้
๑.๑ เสียง
Explore
เสียงดนตรี หมายถึง สีสันของเสียง (Tone) ที่เกิดจากความถี่ของคลื่นเสียง ความดัง-คอย สูง-ตํา่ ความเขมทีห่ นาแนนหรือโปรงเบา มีระดับความดัง-เบา ของเครือ่ งดนตรีแตละชนิด สีสนั ของ เสียงที่แตกตาง ระดับเสียงที่แตกต1าง เมื่อเกิดการเคลื 2 ่อนที่เปนลีลาทํ3านองของเครื่องดนตรี4 แตละ ชนิด อาทิ ซออูของไทย ซองเกาะของพมา ซีตารของอินเดีย รือบับของอินโดนีเซีย ผิผาของจีน ไวโอลินของตะวันตก เครือ่ งดนตรีเหลานีเ้ มือ่ นักเรียนไดยนิ เสียงก็จะสามารถระบุชอื่ เครือ่ งดนตรีได การรับฟงความไพเราะของดนตรีจึงพิจารณาไดจากสีสันของเสียงดนตรี ความแตกตางหลากหลายที่เกิดจากเสียงดนตรีเปนคุณสมบัติที่แสดงคุณภาพของเสียง ซึ่งมี อิทธิพลตอการรับฟง เพราะกอใหเกิดความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ โดยระดับเสียงดังกอใหเกิด ความรูสึกมีพลังอํานาจ และความหรูหรา ระดับเสียงเบาจะใหความรูสึกนุมนวล เมื่อเสียงที่เบานั้น คอยๆ ดังขึน้ ความเปลีย่ นแปลงในอารมณทเี่ กิดขึน้ ก็คอื เกิดความรูส กึ ตืน่ เตน หากระดับเสียงทีด่ งั นัน้ คอยๆ เบาลงและแผวจาง อารมณความรูสึกก็จะคอยๆ ผอนคลาย เปนตน
ใหนักเรียนแบงกลุมออกเปน 6 กลุม ใหนักเรียน ศึกษา คนควา หาความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ องคประกอบของดนตรีในสังคมและวัฒนธรรม จากแหลงการเรียนรูตางๆ เชน หองสมุดโรงเรียน หองสมุดชุมชน อินเทอรเน็ต เปนตน ในหัวขอ ที่ครูกําหนดให ดังตอไปนี้ กลุมที่ 1 เสียง กลุมที่ 4 การประสานเสียง กลุมที่ 2 จังหวะ กลุมที่ 5 เนื้อดนตรี กลุมที่ 3 ทํานอง กลุมที่ 6 บันไดเสียง
อธิบายความรู
Explain
ใหนกั เรียนกลุม ที่ 1 ทีไ่ ดศกึ ษา คนควา หาความรู เพิ่มเติมเกี่ยวกับองคประกอบของดนตรีในสังคม และวัฒนธรรม สงตัวแทน 2 - 3 คน ออกมาอธิบาย ความรูในหัวขอเสียง ตามที่ไดศึกษามาหนาชั้นเรียน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • หากโลกเราไรซึ่งเสียงดนตรีจะกอใหเกิด สิ่งใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ)
สีสันของเสียงที่เกิดจากการบรรเลงเครื่องดนตรีชวยทําใหผูฟงเกิดความรูสึกที่แตกตางกัน ไมวาจะเปนความรูสึกตื่นเตน ผอนคลาย หรือนุมนวล
๒
นักเรียนควรรู 1 ซองเกาะ เปนพิณของพมา มี 16 สาย จัดเปนเครื่องดนตรีของราชสํานัก และเหลาบรรดาชนชั้นสูงในประเทศพมา นิยมนํามาบรรเลงในงานสําคัญตางๆ ของทางราชการ 2 ซีตาร จัดเปนเครื่องดนตรีคลาสสิกของประเทศอินเดีย ซีตารถือกําเนิดขึ้น ประมาณคริสตศตวรรษที่ 12 โดยอมีร กรุศโรว (Amir Krushrow) ชาวอินเดีย ซึ่งมีเชื้อสายเปอรเซีย เปนผูคิดคน 3 รือบับ เปนเครื่องดนตรีที่นิยมเลนกันในพื้นที่ภาคใตของไทยใชประกอบ การแสดงเมาะโยง หรือมะโยง ซึ่งการละเลนชนิดนี้ไมสามารถระบุไดวาเปน ศิลปะละครรําในวัฒนธรรมหลวง หรือเปนวัฒนธรรมราษฎรของคนถิ่นมลายู 4 ผิผา เปนเครื่องดนตรีจีน จัดเปนเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย วิธีการเลนจะใชนิ้วดีดที่สาย ผีผามีรูปรางลักษณะคลายกับลูกแพร
2
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ขอใด ไมใช องคประกอบของดนตรี 1. จังหวะ 2. เสียง 3. ทํานองเพลง 4. อารมณเพลง วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะอารมณของเพลงเปนสิ่งที่สามารถ รับรูไดจากการถายทอดเนื้อหาของบทเพลง โดยผูถายทอดอารมณเพลง จะเรียกวา “ศิลปนหรือนักรอง” เพราะเปนบุคคลที่ถายทอดเจตนารมณ และความรูสึกของนักแตงเพลงออกมาในขณะที่ตัวเองก็ตองทําใหผูฟงสนใจ และสามารถรับรูอารมณของนักแตงเพลงไดดวย ดังนั้น จึงไมไดนํา อารมณเพลงมาจัดเปนองคประกอบของดนตรี
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
Explain
ใหนกั เรียนกลุม ที่ 2 ทีไ่ ดศกึ ษา คนควา หาความรู เพิ่มเติมเกี่ยวกับองคประกอบของดนตรีในสังคม และวัฒนธรรม สงตัวแทน 2 - 3 คน ออกมาอธิบาย ความรูในหัวขอจังหวะ ตามที่ไดศึกษามา หนาชั้นเรียน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • นักเรียนคิดวา “จังหวะ” มีความสําคัญ ตอเสียงดนตรีอยางไร (แนวตอบ จังหวะ เปนสิ่งที่ทําใหดนตรี สามารถขับเคลื่อนไดอยางเปนระบบ และทําหนาที่ควบคุมการเคลื่อนที่ของ ทํานองและแนวประสานเสียงตางๆ เพื่อใหการบรรเลงดนตรีมีความสัมพันธกัน) • อัตราจังหวะถูกสรางขึ้นมาเพื่อทําหนาที่ใด (แนวตอบ จัดแบงจังหวะเคาะออกเปนกลุม เพื่อทําใหเกิดการเคาะจังหวะและการเนน มีความสมํ่าเสมอ การจัดกลุมจังหวะเคาะ ที่พบในบทเพลงทั่วๆ ไป คือ 2 3 และ 4 จังหวะเคาะ เชน อัตรา 2 จังหวะ 1 - 2 - 1 - 2 - 1 - 2 - 1 - 2 - 1 - 2 อัตรา 3 จังหวะ 1 - 2 - 3 - 1 - 2 - 3 - 1 - 2 - 3 1 - 2 - 3 - 1 - 2 - 3 เปนตน) • ดนตรีและการจับจังหวะของการเตนลีลาศ ในจังหวะวอลซควรมีลักษณะอยางไร (แนวตอบ ดนตรีและการจับจังหวะ จะเปน แบบ 34 คือ มี 3 จังหวะใน 1 หองเพลง เราจะไดยินเสียงการเคาะจังหวะพั่ม แท็ก แท็ก ตอเนื่องกันตลอดทั้งเพลงและจะมี ความชา - เร็วของจังหวะที่เทากันสมํ่าเสมอ สามารถวิเคราะหไดจากการฟงจังหวะ โดยวิเคราะหเสียงเบส (เสียงพั่มจะตรงกับ เสียงเบส) และเสียงกลอง (เสียงแท็ก แท็ก จะตรงกับเสียงกลอง)
๑.๒ จังหวะ จังหวะดนตรี (Time Elements) จัดเป็นส่วนส�ำคัญของดนตรี เพรำะเป็นสิ่งที่ท�ำให้ดนตรี ขับเคลื่อนไปอย่ำงเป็นระบบ จ�ำแนกได้ ๓ อย่ำง คือ อัตรำจังหวะ (Meters) จังหวะ (Rhythm) และอัตรำควำมเร็ว (Tempo) ๑) อัตราจังหวะ (Meters) คือ อัตรำกำรเคลือ่ นทีข่ องแนวท�ำนองหรือเสียงในช่วงเวลำ หนึง่ ทีว่ ำงแบบให้มจี ดุ เน้นทีแ่ น่นอน โดยวิธแี บ่งจ�ำนวนเคำะจังหวะหลักออกเป็นกลุม่ กลุม่ ละเท่ำๆ กัน เช่น กลุ่มละ ๒ เคำะ ๓ เคำะ หรือ ๔ เคำะ เป็นต้น เรียกกลุ่มเคำะแต่ละกลุ่มเป็น ๑ ห้อง ก�ำหนด เครื่องหมำยประจ�ำจังหวะ (Time Signature) ด้วยสัญลักษณ์เป็นตัวเลข ๒ ตัววำงซ้อนกัน โดย วำงอยูห่ ลังกุญแจประจ�ำหลักทีส่ ว่ นต้นของบรรทัดห้ำเส้นบรรทัดแรกของเพลง สังเกตได้จำกเพลง ที่บันทึกด้วยโน้ตสำกล ๒) จังหวะ (Rhythm) คือ กระสวนหรือแบบรูป (Pattern) ของกำรเคำะจังหวะ ที่แบ่ง ซอยจังหวะให้เป็นตำมทีอ่ ตั รำจังหวะก�ำหนดไว้ มีควำมถี-่ ห่ำงต่ำงกัน เพือ่ ให้ตรงตำมกระบวนแบบ หรือลีลำของบทเพลง นักเรียนสำมำรถสังเกตได้ ซึ่งก�ำหนดชื่อเฉพำะของจังหวะไว้ 1 จำกบทเพลง 2 เช่น จังหวะร�ำวง วอลตซ์ ร็อก แทงโก โซล สวิง รุมบำ บ เป็นต้น ๓) อัตราความเร็ว (Tempo) คือ อัตรำควำมเร็วของกำรด�ำเนินจังหวะทุกส่วน ทั้งส่วนอัตรำจังหวะ ส่วนแบบรูปจังหวะ และส่วนอัตรำควำมเร็ มเร็ว ตัวอย่ำงที่ศึกษำได้ ษ คือ มเร็วด้วยค�ำว่ำ Slow หรือ Fast หรือ เพลงสมัยนิยมหรือเพลงป๊อปปูลำร์ เพลงเหล่ำนีร้ ะบุอตั รำควำมเร็ Quick น�ำหน้ำชื่อลีลำหรื หรือกระบวนแบบของบทเพลง เช่น Slow Tango หมำยถึ หม ยถึง จังหวะแทงโก อย่ำงช้ำ Quick Waltz หมำยถึ ยถึง จังหวะวอลตซ์อย่ำงรวดเร็ว เป็นต้น
๑.๓ ทำานอง ทำานอง (Melody) คือ อนุกรมของหน่วยเสียงดนตรีตำ่ งระดับ (Pitches) และต่ำงอัตรำกำร ร กำร ยืดเสียง (Duration) ที่น�ำมำร้อยเรียงเข้ำกันเป็นวรรคตอนหรือประโยคเพลง มีแนวท�ำนองหรือ เคลื่อนไหวขึ้น-ลง สลับกัน โดยด�ำเนินไปต มหลักไวย ไวยำกรณ์ กรณ์เพลง จจำกหน่ กหน่วยที่เล็กที่สุดของ ลีลำเคลื ไปตำมหลั ท�ำนอง คือ หน่วยเสียงหรือค�ำของท�ำนอง หลำยหน่ ยหน่วยเสียงเรียงเป็นวลี วรรคตอน ประโยค และ ท่อนเพลง ท�ำนองเพลงมีส่วนประกอบส�ำคัญ คือ ๑) หมวดเสียง (Mode) และมาตราเสียง (Scale) หมำยถึ ยถึง เสียงระดับสูง-ต�่ำต่ำงๆ ตำมระบบหมวดเสียงและมำตรำเสี เสียง หมวดเสียงและมำตรำเสี งและม เสียงจะปรำกฏในบทเพลง งจะปร กฏในบทเพลง ดังนี้
3
กิจกรรมสรางเสริม ใหนกั เรียนเขียนแผนผัง (Mind Mapping) สรุปสาระสําคัญของจังหวะ แตละประเภท ลงกระดาษรายงาน นําสงครูผสู อน
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนเลือกฟงเพลงที่มีจังหวะที่แตกตางกัน ตามความสนใจ ของตนเอง 2 - 3 เพลง จากนั้นเขียนบรรยายลักษณะเดนของจังหวะ ที่พบในบทเพลงที่ฟง พรอมเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกตาง ของจังหวะ ลงกระดาษรายงาน นําสงครูผูสอน
นักเรียนควรรู 1 โซล เปนแนวเพลงที่เกิดจากการรวมตัวกันระหวางอารแอนดบีและกอสเปล โซลมีความหมายวา “ดนตรีที่เกิดขึ้นโดยคนดําในอเมริกา ที่เปลี่ยนรูปจากกอสเปล และอารแอนดบีในจังหวะที่สนุกสนาน โดยไมมีเนื้อหาเกี่ยวกับทางศาสนา” 2 รุมบา เปนจังหวะที่จัดอยูในพวกละตินอเมริกัน ลักษณะของจังหวะรุมบา จะมีรปู แบบคลายกับจังหวะวอลซ แตจงั หวะจะคอนขางเร็วกวา การกาวเทาสัน้ กวา นอกจากนี้ รุมบายังตองใชสะโพกเคลื่อนไหวใหสัมพันธกับการเคลื่อนไหว ของเทาดวย
มุม IT นักเรียนสามารถศึกษา คนควาเพิ่มเติมจากการชมการแสดงลีลาศในจังหวะ รุมบา ไดจาก http://www.youtube.com โดยคนหาจากคําวา เตนรุมบา คูมือครู
3
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ใหนกั เรียนกลุม ที่ 3 ทีไ่ ดศกึ ษา คนควา หาความรู เพิ่มเติมเกี่ยวกับองคประกอบของดนตรีในสังคม และวัฒนธรรม สงตัวแทน 2 - 3 คน ออกมาอธิบาย ความรูในหัวขอทํานอง ตามที่ไดศึกษามา หนาชั้นเรียน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • นักเรียนคิดวาหากดนตรีมีเพียงจังหวะ แตขาดทํานองจะกอใหเกิดสิ่งใด และเปนไปไดหรือไมวาจังหวะและทํานอง สามารถแยกออกจากกันได (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • เสียงในมาตราไดอะทอนิก (Diatonic Scale) และเสียงในมาตราโครมาติก (Chromatic Scale) มีความเหมือนหรือแตกตางกันอยางไร (แนวตอบ เสียงในมาตราไดอะทอนิก คือ เสียงที่มีระดับขั้นของเสียงหางกันเต็มเสียง และครึ่งเสียงคละกันไป 8 ขั้น มี 2 ชนิด คือ เสียงในมาตราเมเจอรไดอะทอนิก (Major Diatonic Scale) เสียงในมาตราไมเนอร ไดอะทอนิก (Minor Diatonic Scale) สวนเสียงในมาตราโครมาติก คือ เสียงที่มี ระดับขั้นของเสียงหางกันครึ่งเสียง เรียงลําดับกันไปทุกขั้น 13 ขั้น เปน 1 ชุด เมื่อลําดับเสียงไปทีละขั้นจะปรากฏชวงเสียง หางกันครึ่งเสียง) • คําวา “ทิศทางเดิน” มีความสําคัญเกี่ยวของ กับดนตรีอยางไร (แนวตอบ เปนการนําระดับเสียงตางๆ ที่มีอยู ในมาตราเสียง หมวดเสียงที่ตองการนํามา บรรจุลงที่ตัวโนต เพื่อกอใหเกิดการเคลื่อนที่ ของทํานองจากเสียงหนึ่งไปยังอีกเสียงหนึ่ง ตอเนื่องกันอยางสมํ่าเสมอจนจบวรรคตอน)
(๑) เสียงในมำตรำเพนทำทอนิก (Pentatonic Scale) ประกอบด้วย เสียง C D E G A (โด เร มี ซอล ลำ) เมือ่ น�ำมำแต่งท�ำนองเพลงจะให้ควำมรูส้ กึ ว่ำฟังสบำย ชวนให้อยำกขับร้องตำม พบได้ในเพลงของประเทศอินโดนีเซีย จีน ไทย ลำว กัมพูชำ และในภูมภิ ำคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (๒) เสียงในมำตรำไดอะทอนิก (Diatonic Scale) ประกอบด้วยเสียง C D E F G A B C (โด เร มี ฟำ ซอล ลำ ที โด) เสียงในระบบมำตรำไดอะทอนิก หมวดเมเจอร์เมื่อน�ำมำแต่ง ท�ำนองเพลงจะให้ควำมรูส้ กึ ร่ำเริง หรูหรำ สง่ำ กล้ำหำญ หรือตืน่ เต้น แต่ถำ้ เป็นเสียงในระบบมำตรำ ไดอะทอนิก หมวดไมเนอร์ เมื่อน�ำมำแต่งท�ำนองเพลงจะให้ควำมรู้สึกเศร้ำ ห่อเหี่ยว มืดทึม หรือ ลึกลับ (๓) เสียงในมำตรำโครมำติ 1 ก (Chromatic Scale) ประกอบด้วย เสียง C C# D D# E F F# G G# A A# B C (โด โดชำร์ป เร เรชำร์ป มี ฟำ ฟำชำร์ป ซอล ซอลชำร์ป ลำ ลำชำร์ป ที โด) เสียงในระบบมำตรำโครมำติก เมื่อน�ำมำแต่งท�ำนองเพลงจะให้ควำมรู้สึกกระด้ำง ไม่กลมกล่อม (๔) เสียงในหมวดเมเจอร์ (Major Mode) ประกอบด้วยเสียง C D E F G A B C (โด เร มี ฟำ ซอล ลำ ที โด) (๕) เสียงในหมวดไมเนอร์ (Minor Mode) ประกอบด้วยเสียง A B C D E F G A (ลำ ที โด เร มี ฟำ ซอล ลำ) ๒) จังหวะ (Rhythm) หมำยถึง กำรเรียบเรียงหน่วยเสียงจำกหมวดเสียงและ มำตรำเสียงให้ตอ่ เนือ่ ง มีอตั รำกำรยืดเสียงแตกต่ำงกัน แต่ตอ้ งอยู่ในกรอบจ�ำนวนจังหวะเคำะหลัก พลงสำมำรถออกแบบจังหวะได้หลำกหลำย หรืออัตรำจังหวะที่ก�ำหนดไว้ ทั้งนี้นักประพันธ์เพลงสำม ๓) ทิศทางเดิน (Direction) หมำยถึง กำรน�ำระดับเสียงต่ำงๆ จำกมำตรำเสียงหรือ หมวดเสียงทีต่ อ้ งกำรมำบรรจุลงทีต่ วั โน้ต เพือ่ ให้เกิดเป็นท�ำนองทีเ่ คลือ่ นทีจ่ ำกเสียงหนึง่ ไปยังเสียง หนึ่งเรียงต่อเนื่องกันไปจนจบวรรคตอน ทิศทำงของท�ำนองเพลง จ�ำแนกได้ ๓ ลักษณะ คือ (๑) ท�ำนองเดินขึน้ คือ ท�ำนองทีต่ งั้ ต้นด้วยระดับเสียงต�ำ่ และจบวรรคตอนด้วยระดับ เสียงสูง ทิศทำงเดินในลักษณะนี้ มีผลท�ำให้ฟังแล้วเกิดอำรมณ์ที่มีพลัง (๒) ท�ำนองเดินลง คือ ท�ำนองทีต่ งั้ ต้นด้วยระดับเสียงสูง และจบวรรคด้วยระดับเสียงต�ำ่ ทิศทำงเดินในลักษณะนี้ มีผลท�ำให้ฟังแล้วเกิดอำรมณ์ผ่อนคลำย (๓) ท�ำนองอยูค่ งที่ คือ ท�ำนองทีร่ ะดับเสียงตัง้ ต้นกับระดับเสียงจบวรรคตอนเป็นเสียง ระดับเดียวกัน ทิศทำงเดินในลักษณะนี้ มีผลท�ำให้ฟงั แล้วเกิดอำรมณ์ตดิ ขัด ต้องแก้ดว้ ยกำรเอำท�ำนอง เดินขึ้นหรือเดินลงมำต่อ
๔
EB GUIDE
http://www.aksorn.com/LC/Mu&Pa/M2/01
เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับสเกลเพนทาทอนิกวา เปนสเกลที่มีตัวโนต เพียง 5 เสียง สามารถแบงออกเปน สเกลเพนทาทอนิก เมเจอร สรางจากสเกลเมเจอร โดยตัดโนตตัวที่ 4 และ 7 ออกจากสเกล และสเกลเพนทาทอนิก ไมเนอร สรางจาก สเกลไมเนอร โดยตัดโนตตัวที่ 2 และ 6 ออกไป เชน สเกลซี เพนทาทอนิก เมเจอร ประกอบดวยโนต C D E G A จะตัดโนตตัว F (4) และ B (7) ออก สเกลซี เพนทาทอนิก ไมเนอร ประกอบดวยโนต C Eb F G Bb จะตัดโนตตัว D (2) และ Ab (6) ออก เปนตน
นักเรียนควรรู 1 ชารป ระดับเสียงที่สูงขึ้นทีละครึ่งเสียง เขียนแทนดวยสัญลักษณ # เปนเครื่องหมายแปลงเสียงชนิดหนึ่ง เนื่องจากสัญลักษณดังกลาวมีรูปรางคลายกับ เครื่องหมายนัมเบอร # เครื่องหมายนัมเบอรจึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งวา “ชารป”
4
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ถานักเรียนตองการวิเคราะหทํานองเพลง ควรเลือกวิเคราะหประเด็นใด จึงจะถูกตอง 1. มิติ 2. บันไดเสียง 3. หมวดเสียง 4. อัตราจังหวะ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะหมวดเสียงจะแสดงใหเห็นถึงระดับ เสียงสูง - เสียงตํ่าตามระบบหมวดเสียงและมาตรฐานเสียง ซึ่งจะปรากฏ อยูในบทเพลง เชน หมวดเสียงในมาตราเพนทาทอนิก ไดอะทอนิก โครมาติก เมเจอร ไมเนอร เปนตน ซึ่งสิ่งเหลานี้ลวนเปนองคประกอบ สําคัญในการวิเคราะหทํานองเพลงที่ถูกตอง
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
ครูสุมนักเรียน 2 - 3 คน ใหตอบคําถาม ดังตอไปนี้ • จังหวะของทํานองมีลักษณะเปนอยางไร (แนวตอบ มีลักษณะใหเห็นดังภาพ
๔) ลักษณะการเคลื่อนที่ของระดับเสียงที่อยู่ในทำานอง (Progression) คือ
ระดับเสียงจำกอนุกรมเสียงในระบบมำตรำ (Scale) และหมวด (Mode) ต่ำงๆ ที่บรรจุลงและเรียง กันอยู่ในวรรคตอนของบทเพลง โดยจ�ำแนกลักษณะกำรเคลื่อนที่ออกเป็นคู่ๆ จำกโน้ตตัวหนึ่งไป ยังโน้ตอีกตัวหนึ่งที่อยู่ถัดไป เรียงไปจนจบวรรคตอน ลักษณะกำรเคลื่อนที่ของระดับเสียง แบ่งได้ ๒ แบบ คือ (๑) เคลื่อนตำมล�ำดับขั้นเสียงหรือเรียงเสียง (Conjunct) เช่น จำก “โด” ไป “เร” จำก “เร” ไป “มี” จำก “มี” ไป “ฟา” เป็นต้น กำรเคลื่อนที่ของล�ำดับเสียงในลักษณะนี้ช่วยให้ นักดนตรีบรรเลงเพลงได้ง่ำย ท�ำให้ผู้ฟังเกิดควำมรู้สึกรำบรื่นและฟังสบำย (๒) เคลือ่ นข้ำมขัน้ เสียงหรือเว้นเสียง (Disjunct) เช่น จำก “โด” ไป “มี” จำก “โด” ไป “ซอล” จำก “ซอล” ไป “โดสูง” กำรเคลือ่ นทีข่ องล�ำดับเสียงในลักษณะนีท้ ำ� ให้นกั ดนตรีบรรเลงเพลง ได้ยำกขึน้ แต่กท็ ำ� ให้ผฟู้ งั เกิดควำมรูส้ กึ ตืน่ เต้น มีพละก�ำลัง ประหนึง่ ว่ำจะต้องใช้กำ� ลังก้ำวข้ำมผ่ำน อุปสรรคไปให้จงได้ ๕) มิติ (Dimension) หมำยถึง สัดส่วนควำมสั้น-ยำว และควำมแคบ-กว้ำง เรียกว่ำ “ช่วงเสียง” (Range) ของท�ำนอง บทเพลงยิ่งมีช่วงเสียงหรือควำมแคบ-กว้ำง มำกเท่ำใด ยิ่งท�ำให้ นักร้องหรือนักดนตรีขับร้องหรือบรรเลงเพลงนั้นๆ ได้ยำกขึ้นตำมไปด้วย ๖) รูปร่างทรวดทรง (Contour) หมำยถึง รูปร่ำงทรวดทรงของท�ำนอง ซึ่งจะสังเกต ได้จำกกำรลำกเส้นจำกหัวของตัวโน้ตตัวเริม่ ต้นท�ำนองในบรรทัดห้ำเส้น ผ่ำนไปยังหัวตัวโน้ตตัวอืน่ ๆ ทีบ่ นั ทึกเรียงล�ำดับไปจนถึงหัวตัวโน้ตสุดท้ำยทีจ่ บวรรคตอน เส้นทีเ่ กิดขึน้ คือ รูปร่ำงทรวดทรงของ ท�ำนองนั่นเอง ๗) เขตช่วงเสียง (Registers) (Registers) คือ อนุกรมระดับเสียงในท�ำนองทั้งชุดที่ผู้แต่งเพลง เลือกใช้ให้เหมำะสมกั ะสมกับช่วงเสียงของผูข้ บั ร้องหรือเสียงของเครือ่ งดนตรีทจี่ ะใช้บรรเลง และเนือ้ หหำ สำระที่อยู่ในท�ำนอง ตัวอย่ำงเช่น • เขตช่วงเสียงของนักร้องชำยย มีระดับต�่ำกว่ำเขตช่วงเสียงของนักร้องหญิง • เขตช่วงเสียงของท�ำนองที่ใช้พรรณนำเสี เสียงนกร้อง ควรอยู่ในเขตช่วงเสียงสูง
กลาวคือ เปนทํานองของเพลงที่มีความ สั้น - ยาวของเสียงแตละเสียงที่นํามา ประกอบกันเปนเพลง) • ภาพนี้ตองการสื่อใหเห็นถึงสิ่งใด
๑.๔ การประสานเสียง การประสานเสียง (Harmony) คือ กำรน�ำกลุม่ เสียงหลำยระดั ยระดับ ทัง้ สูง กล กลำงง ต�ำ่ และกลุม่ เสียง หลำยคุณภำพ ทัง้ ใส ทึบ ทุม้ แหลม แผดจ้ำ เบำบำง เบำบำง มำบรรเลงร่ เบ บรรเลงร่วมกัน เพือ่ สนับสนุนแนวท�ำนองหลัก งของเสียงบรรเลงอยู่ ซึ่งแนวเสียงประสำนจะช่ งประส นจะช่วยแต่งเติมให้เสียง งประสำ ของบทเพลงที่เป็นศูนย์กลำงของเสี บรรเลงน่ำสนใจยิ่งขึ้น และท�ำให้ผู้ฟังเกิดอำรมณ์ควำมรู้สึกไปตำมกลุ่มเสียงที่ใช้ เช่น 5
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
คําวา “ทํานอง” มีความหมายวาอยางไร 1. อนุกรมของการยึดเสียง 2. อนุกรมของหนวยเสียงดนตรีชั้นเดียว 3. อนุกรมของหนวยเสียงดนตรีครึ่งชั้น 4. อนุกรมของหนวยเสียงดนตรีตางระดับ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะทํานอง คือ ความตอเนื่องของโนต ดนตรีที่ถูกเรียบเรียงอยางเหมาะสม มีการใชเสียงสูง - ตํ่า, เสียงยาว - สั้น นํามาตอกันเปนชุด ทํานองที่ดีตองมีความหมาย มีเสียงที่สมดุลและมี เอกลักษณ สรางความประทับใจใหแกผูฟง ดังนั้นทํานองจึงเรียกไดอีก อยางหนึ่งวา “อนุกรมของหนวยเสียงดนตรีตางระดับ”
Explain
(แนวตอบ ชวงกวางของเสียง หรือมิติ เปนชวงหางของเสียงที่นํามารวมกัน เปนทํานองเพลง ชวงหางของเสียงนั้น จะถูกกําหนดขึ้นจากผูประพันธเพลงเทานั้น บทเพลงที่มีชวงเสียงที่กวาง หรือแคบมาก เทาใดก็จะทําใหนักรอง หรือนักดนตรี บรรเลงเพลงนั้นๆ ไดยากขึ้นตามไปดวย) • เสียงขับรองของชายและหญิง มีความแตกตางกันหรือไม อยางไร (แนวตอบ แตกตางกัน คือ เสียงสูงสุดของผูหญิง คือ เสียงโซปราโน และเสียงตํ่าของผูหญิง คือ เสียงเทเนอร เสียงสูงของผูชาย คือ เสียงอัลโต และเสียงตํ่าของผูชาย คือ เสียงเบส เชน เขตชวงเสียงของนักรองชาย จะมีระดับ ตํ่ากวาเขตชวงเสียงของนักรองหญิง เปนตน) • นักเรียนคิดวาเสียงของตนเอง มีลักษณะอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ)
เกร็ดแนะครู ครูควรเนนใหนักเรียนเห็นวาเสียงของมนุษยจะมีลักษณะเฉพาะ ของแตละบุคคลตางกัน ซึ่งขึ้นอยูกับปจจัย ดังนี้ 1. เชื้อชาติและเผาพันธุ ความแตกตางของโครงสรางอวัยวะภายในรางกาย 2. ภาษาดัง้ เดิมของชนชาตินนั้ ๆ มีสว นสําคัญในการกําหนดลักษณะการเปลงเสียง 3. อวัยวะที่กอใหเกิดเสียง เปนปจจัยในการกําหนดทั้งเสียงพูดและเสียงรอง เพลงของมนุษย สังเกตไดจากเสนเสียงยาว เสียงจะมีพิสัยที่กวาง เสนเสียงสั้น เสียงจะมีพิสัยที่แคบ เสนเสียงหนา เสียงจะทุม และเสนเสียงบาง เสียงจะแหลม เสียงขับรองของมนุษย สามารถแบงออกเปน 4 ประเภท คือ เสียงโซปราโน คือ เสียงสูงสุดของผูหญิง เสียงอัลโต คือ เสียงตํ่าของผูหญิง เสียงเทเนอร คือ เสียงสูงของผูชาย และเสียงเบส คือ เสียงตํ่าของผูชาย
คูมือครู
5
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ใหนักเรียนกลุมที่ 4 - 5 ที่ไดศึกษา คนควา หาความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับองคประกอบของดนตรี ในสังคมและวัฒนธรรม สงตัวแทนกลุมละ 2 - 3 คน ออกมาอธิบายความรูในหัวขอการประสานเสียง และเนื้อดนตรี ตามที่ไดศึกษามาหนาชั้นเรียน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • นักเรียนเคยฟงการขับรองเพลงแบบ ประสานเสียงหรือไม ถาเคย เสียงเพลง ที่ไดฟงนั้นใหความรูสึกอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • การประสานเสียงทีด่ สี ามารถปฏิบตั ไิ ดอยางไร (แนวตอบ การประสานทีด่ จี ะตองมีการประสาน กับแนวทํานองหลัก หรือแนวทํานองนําของบท เพลงนั้นๆ ไดอยางเหมาะสม กลมกลืนกัน) • “เนื้อดนตรีหรือ Texture” มีลักษณะอยางไร (แนวตอบ รูปแบบของเสียงที่มีการประสาน สัมพันธและไมประสานสัมพันธ อาจจะเปน การนําเสียงมาบรรเลงซอนกัน หรือบรรเลง พรอมกัน ซึง่ อาจพบทัง้ ในแนวตัง้ และแนวนอน ตามกระบวนการประพันธเพลง ผลรวมของ เสียงจะจัดเปนเนื้อดนตรีทั้งสิ้น) • ลักษณะแนวเสียงประสานในรูปของ Polyphonic Texture มีวิวัฒนาการอยางไร (แนวตอบ วิวัฒนาการมาจากเพลงชานท (Chant) ที่มีพื้นผิวเสียงในลักษณะของเพลง ทํานองเดียว แตภายหลังไดมีการเพิ่มแนว ขับรองเขาไปอีกหนึ่งแนว แนวที่เพิ่มเขาไป ใหมนี้จะใชระยะขั้นคู 4 และคู 5 และดําเนิน ไปในทางเดียวกับเพลงชานทเดิม การดําเนินทํานองในลักษณะนี้เรียกวา “ออรกานุม” (Organum))
1 • ถ้ำใช้กลุ่มเสียงกลมกลืน เสียงที่ประสำนเสียงจะท�ำให้ผู้ฟังเกิดอำรมณ์ควำมรู้สึก ผ่อนคลำย สงบ และคล้อยตำมเสียงบรรเลง • ถ้ำใช้กลุม่ เสียงกระด้ำง เสียงทีป่ ระสำนเสียงจะท�ำให้ผฟู้ งั เกิดอำรมณ์เครียด ไม่สงบ และกระด้ำง
๑.๕ เน�้อดนตรี
2 เนือ้ ดนตรี (Texture) เกิดจำกกำรบรรเลง ดนตรีที่ครบทุกส่วน ทั้งจังหวะ ท�ำนอง เสียง ประสำน และลีลำสอดประสำน ซึ่งท�ำให้เสียง ดนตรีมีควำมหนำแน่นต่ำงกัน ๓ ลักษณะ คือ ๑) เนือ้ ดนตรีแบบแนวเดียว คือ เนื้อดนตรีที่เกิดจำกกำรบรรเลงแนวเดียว ไม่ว่ำ จะบรรเลงคนเดียวหรือหลำยคน หรือหลำย เครือ่ งดนตรีกต็ ำม เนือ้ ดนตรีเช่นนีจ้ ะเพิม่ ควำม หนำแน่นของเสียงขึ้นตำมจ�ำนวนของเครื่อง การบรรเลงแนวเดียวด้วยเครื่องดนตรีชนิดเดียวกัน เป็น การเพิ่มความหนาแน่นของเสียง ซึ่งความไพเราะนั้น ดนตรีที่ร่วมบรรเลง ควำมไพเรำะของเสียงขึ้น ขึ้นอยู่กับฝมือการบรรเลง อยู่กับฝีมือกำรบรรเลง ๒) เนือ้ ดนตรีแบบร่วมคอร์ด คือ เนื้อดนตรีที่เกิดจำกกำรบรรเลง ๒ แนว แนวหนึ่ง เป็นท�ำนองหลัก อีกแนวหนึ่งเป็นกลุ่มเสียงคอร์ดที่น�ำมำบรรเลงสนับสนุนในแนวตั้ง ๓) เนือ้ ดนตรีแบบหลายแนว คือ เนื้อดนตรีที่เกิดจำกกำรน�ำท�ำนองสอดประสำน มำบรรเลงพร้อมกัน แต่ละท�ำนองต่ำงก็มีแนวทำงเดินของตน แต่ทุกท�ำนองสำมำรถสอดรับกันได้ อย่ำงเหมำะสม โดยมีเสียงประสำนแนวตั้งเป็นเสียงเชื่อมโยง
๑.๖ บันไดเสียง บันไดเสียง (Scale) เป็นมำตรำเสียงดนตรีทเี่ กีย่ วข้องกับกำรจัดเรียงอนุกรมของระดับเสียงดนตรี จำกเสียงต�่ำไต่ขึ้นไปหำระดับเสียงสูงเป็นขั้นๆ ตำมล�ำดับ จำกล่ำงไปสู่ตอนบนเหมือนขั้นบันได และอำจมีควำมห่ำงของขั้นเสียงไม่เท่ำกัน บันไดเสียงดนตรีของดนตรีสำกลมี ๔ ลักษณะ แต่ละลักษณะมีชื่อเรียกเฉพำะ ดังนี้ ๑) บันไดเสียงเพนทาทอนิก คือ มำตรำเสียงที่จัดขั้นบันไดเป็น ๕ ขั้น แต่ละขั้น มีชื่อเรียกระดับเสียงและวำงระยะห่ำงระหว่ำงขั้นเป็น ๑ เสียงเต็ม (Tone) และ ๑ ๑๒ เสียงเต็ม หรือ ๓ ครึ่งเสียง (๓ Semitones) ไว้ดังนี้ ๖
นักเรียนควรรู 1 เสียง เกิดจากการสั่นสะเทือนของอากาศที่เปนไปอยางสมํ่าเสมอและเกิดจาก การสั่นสะเทือนของอากาศที่ไมสมํ่าเสมอ ลักษณะความแตกตางของเสียงขึ้นอยู กับคุณสมบัติสําคัญ 4 ประการ คือ ระดับเสียง ความยาวของเสียง ความเขม ของเสียง และคุณภาพของเสียง 2 Texture สามารถแบงออกเปน 4 ลักษณะ คือ 1. Monophonic Texture เปนลักษณะพื้นผิวของเสียงที่มีแนวทํานองเดียว ไมมีเสียงประสาน 2. Polyphonic Texture เปนลักษณะพื้นผิวของเสียงที่ประกอบดวยแนว ทํานองตั้งแต 2 แนวทํานองขึ้นไป โดยแตละแนวมีความเดนและเปนอิสระจากกัน 3. Homophonic Texture เปนลักษณะพื้นผิวของเสียงที่ประสานดวยแนว ทํานองแนวเดียว โดยมีกลุมเสียงทําหนาที่สนับสนุน 4. Heterophonic Texture เปนรูปแบบของแนวเสียงที่มีทํานองหลายทํานอง แตละแนวมีความสําคัญเทากันทุกแนว
6
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
มารยาทในการขับรองที่ดีควรปฏิบัติอยางไร แนวตอบ 1. แตงกายใหเหมาะสมกับโอกาสและสถานที่ทําการขับรอง 2. เลือกเพลงที่จะขับรองใหเหมาะสมกับกลุมผูฟง 3. ไมควรพูดจาหยอกลอกับผูฟงมากจนเกินไป และใชภาษาสุภาพ ในการสื่อสารกัน 4. ควรมีหนาตายิ้มแยมแจมใส ไมหงุดหงิด 5. พยายามสบตาและกวาดสายตาไปยังผูชมใหทั่วถึง
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบExplain ายความรู
Expand าใจ ขยายความเข
Evaluate ตรวจสอบผล
อธิบายความรู
ใหนกั เรียนกลุม ที่ 6 ทีไ่ ดศกึ ษา คนควา หาความรู เพิ่มเติมเกี่ยวกับองคประกอบของดนตรีในสังคม และวัฒนธรรม สงตัวแทน 2 - 3 คน ออกมาอธิบาย ความรูในหัวขอบันไดเสียง ตามที่ไดศึกษามา หนาชั้นเรียน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • บันไดเสียงมีความสําคัญตองานดนตรี อยางไร (แนวตอบ บันไดเสียง เปนตัวกําหนดแนวทาง การเคลือ่ นของตัวโนตในเพลงและสรางความ เปนอันหนึ่งอันเดียวกันใหกับบทเพลง) • บันไดเสียงสากลสามารถแบงออก เปนกี่ประเภท อะไรบาง (แนวตอบ สามารถแบงออกเปน 4 ประเภท คือ บันไดเสียงเพนทาทอนิก บันไดเสียง ไดอะทอนิก บันไดเสียงโครมาติก และบันไดเสียงโฮลโทน) • บันไดเสียงโฮลโทนมีลักษณะอยางไร (แนวตอบ เปนบันไดเสียงที่มีระยะแตละขั้น เต็มเสียงตลอด จะมีโนตอยู 6 ตัว แตมี 7 ขั้น โนตขั้นที่ 1 กับ 7 เปนชื่อเดียวกัน ปจจุบัน นิยมใชกับเพลงในแนวแจส ฟวชั่น และคลาสสิกรวมสมัย)
ขั้นที่ : ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ (๑) ตัวอย่ำงตัวโน้ต : C D E G A (C) หรือ : F G A C D (F) อ่ำนออกเสียงว่ำ : โด เร มี ซอล ลำ (โด) หรือ : ฟำ ซอล ลำ โด เร (ฟำ) ระยะห่ำงระหว่ำงขั้น : T T ๓S T ๓S [T = ๑ เสียงเต็ม (๑ Tone) ๓S = ๓ ครึ่งเสียง (๓ semitones)] ๒) บันไดเสียงไดอะทอนิก คือ มำตรำเสียงที่จัดขั้นบันไดให้ช่วงทบหนึ่งๆ มี ๗ ขั้น แต่ละขั้นก�ำหนดมีชื่อเรียกระดับเสียง และวำงระยะห่ำงระหว่ำงขั้นบันไดเป็น ๑ เสียงเต็ม (Tone) และครึ่งเสียง (Semitone) ไว้ ดังนี้ ขั้นที่ : ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ (๑) ตัวอย่ำงตัวโน้ต : C D E F G A B (C) อ่ำนออกเสียงว่ำ : โด เร มี ฟำ ซอล ลำ ที (โด) ระยะห่ำงระหว่ำงขั้น : T T S T T T S [T = ๑ Tone S = ๑ semitone] บันไดเสียงไดอะทอนิกมี ๒ หมวด คือ ไดอะทอนิกหมวดเมเจอร์ และไดอะทอนิก หมวดไมเนอร์ แต่ละหมวดจัดวำงระยะห่ำงระหว่ำงขัน้ บันไดเป็น ๑ เสียงเต็ม และครึง่ เสียงเหมือนกัน แต่อยู่ต่ำงที่กันในบำงขั้นเท่ำนั้น เช่น หมวดเมเจอร์ตั้งต้นที่เสียง “โด” ส่วนหมวดไมเนอร์ตั้งต้นที่ เสียง “ลำ” เป็นต้น ๓) บันไดเสียงโครมาติก คือ มำตรำเสี ม ำเสี เสียงที่จัดขั้นบันไดให้ช่วงทบหนึ่งๆ มี ๑๒ ขั้น ให้แต่ละขั้นห่ำงกัน ๑ ครึ่งเสียง (๑ Semitone) ทุกๆ ขั้น โดยก�ำหนดชื่อระดับเสียงประจ�ำขั้น ดังนี้ ขั้นที่ : ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ (๑) ตัวอย่ำงตัวโน้ต : C C# D D# E F F# G G# A A# B C หรือ : b D b D Eb E F G b G A b A B b B C
ขยายความเขาใจ
๔) บันไดเสียงโฮลโทน คือ มำตรำเสียงทีจ่ ดั ขัน้ บันไดให้ชว่ งทบหนึง่ ๆ มี ๖ ขัน้ แต่ละขัน้
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ขอใดตอไปนี้ ไม สัมพันธกัน 1. เพนทาทอนิก คือ มาตราเสียงที่จัดขั้นบันไดใหชวงทบหนึ่งๆ มี 5 ขั้น 2. ไดอะทอนิก คือ มาตราเสียงที่จัดขั้นบันไดใหชวงทบหนึ่งๆ มี 7 ขั้น 3. โครมาติก คือ มาตราเสียงที่จัดขั้นบันไดใหชวงทบหนึ่งๆ มี 12 ขั้น 4. โฮลโทน คือ มาตราเสียงที่จัดขั้นบันไดใหชวงทบหนึ่งๆ มี 6 ขั้น
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เพราะเพนทาทอนิก คือ มาตราเสียงที่ จัดขั้นบันไดเปน 5 ขั้น แตละขั้นจะมีชื่อเรียกระดับเสียงและวางระยะหาง ระหวางขั้นเปน 1 เสียงเต็ม และ 1 21 เสียงเต็ม
Expand
ใหนักเรียนรวมกันสรุปสาระสําคัญเกี่ยวกับ องคประกอบของดนตรีในสังคมและวัฒนธรรม ลงกระดาษรายงาน นําสงครูผูสอน
หมายเหตุ : เครื่องหมำย # เรียกว่ำ “ชาร์ป (Sharp)” ใช้แปลงเสียงที่มีเครื่องหม งหมำยนี ยนี้ติดอยู่ให้สูงขึ้น กว่ำเสียงปกติอีก “ครึ่งเสียง (๑ semitone)” เครื่องหมำย bเรียกว่ำ “แฟลต (Flat)” ใช้แปลงเสียงที่มีเครื่องหมำยนี งหม ยนี้ติดอยู่ให้ต�่ำลงกว่ำเสียงปกติ อีก “ครึ่งเสียง”
มีระยะห่ำงเท่ำกัน ตัวอย่ำงเช่น
Explain
ตรวจสอบผล
Evaluate
ครูพิจารณาจากการสรุปสาระสําคัญเกี่ยวกับ องคประกอบของดนตรีในสังคมและวัฒนธรรม ของนักเรียน
7
เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับชื่อและลําดับขั้นของตัวโนตในบันไดเสียง วาลําดับขั้นของตัวโนตในบันไดเสียงจะมีชื่อเรียกแตกตางกันออกไปยกเวนขั้นที่ 1 และขั้นที่ 8 จะมีชื่อเหมือนกัน เพราะเปนโนตเสียงเดียวกัน แตมีระดับเสียงตางกัน 1 คูแปด คือ โทนิค (Tonic note) ซุปเปอรโทนิค (Supertonic note) มีเดียนท (Mediant note) ซับโดมินันท (Subdominant note) โดมินันท (Dominant note) ซับมีเดียนท (Submediant note) และลีดดิ้งโนต (Leading note) ดังภาพ ลําดับขั้นของสเกล
ชื่อของแตละขั้นของสเกล
1st
2nd
3nd
4th
5th
6th
7th
C
D
E
F
G
A
B
8th
Tonic Submediant Mediant Submediant Dominant Submediant Leading
C
Tonic
คูมือครู
7
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุEngage นความสนใจ
กระตุน ความสนใจ
Exploreนหา สํารวจค
Engage
ครูนําภาพการแสดงดนตรีในวัฒนธรรม ตางประเทศ มาใหนักเรียนดู จากนั้นครูถาม นักเรียนวา • นักเรียนเคยชมการแสดงดนตรีในวัฒนธรรม ตางประเทศบางหรือไม (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • การแสดงดนตรีเหลานี้มีความคลายคลึง กับการแสดงดนตรีไทยหรือไม อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ)
สํารวจคนหา
ขั้นที่ : ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ (๑) ตัวอย่ำงตัวโน้ต : C D E F# G# A# (C) ระยะห่ำงระหว่ำงขั้น : T T T T T T
๒. ดนตรีในวัฒนธรรมต่างประเทศ ๒.๑ ดนตรีในวัฒนธรรมอินเดีย ประเทศอินเดียมีพื้นที่กว้ำงใหญ่ เป็นแหล่งอำรยธรรมที่มีอิทธิพลแพร่กระจำยไปยังดินแดน ต่ำงๆ ของภำคพื้นเอเชีย และที่อื่นๆ ของโลก โดยเฉพำะศำสนำ ภำษำ และวัฒนธรรม ส�ำหรับ ประเทศไทยได้รบั แนวคิดและแนวปฏิบตั ดิ ำ้ นศำสนำและวัฒนธรรมของอินเดียมำเป็นฐำนรำกของ วัฒนธรรมไทยจ�ำนวนมำก เพรำะในอดีตมีกำรเผยแผ่ศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู พระพุทธศำสนำ ภำษำ บำลีสันสกฤต เข้ำมำสู่ดินแดนสุวรรณภูมิ ท�ำให้เกิดกำรผสมผสำนระหว่ำงแนวควำมคิด ควำมเชื่อ ดัง้ เดิมกับศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู และพระพุทธศำสนำ ดังจะเห็นได้จำกดนตรีไทยทีม่ รี ะบบควำมเชือ่ เรื่องเทพเจ้ำแห่งดนตรีตำมอย่ำงอินเดีย แม้ว่ำรูปแบบของดนตรีไทยมีควำมแตกต่ำงกับดนตรี อินเดียก็ตำม แต่ควำมเชื่อและแนวคิดก็สำมำรถสอดรับกันได้ กำรทีป่ ระเทศอินเดียมีอำณำเขตกว้ำงใหญ่ มีควำมแตกต่ำงของสภำพภูมอิ ำกำศและภูมปิ ระเทศ มีควำมหลำกหลำยทำงชำติ กหลำยทำงช ติพนั ธุ์ และมีประชำกรจ� ระช ำนวนมำกกว่ำพันล้ำนคน วัฒนธรรมของอินเดีย จึงมีควำมแตกต่ งหลำกหลำยตำมไปด้ วย ด้ำนวัฒนธรรมดนตรีในพื้นที่ทำงตอนเหนือจะเป็น ำมแตกต่ มแตกต่ำำงหลำกหล กหล กหลำยตำ กลุ่มวัฒนธรรมดนตรี “ฮินดูสถานสังคีต” (Hindustani Music) ดนตรีลักษณะนี้ได้รับอิทธิพล จำกดนตรี จำ กดนตรีทำงใต้และดนตรีของชำวอำหรับที่ เข้ำไปมีอิทธิพลและครอบครองอินเดีย ส่วน ททำงตอนใต้ งตอนใต้เป็นดนตรีอินเดียดั้งเดิม เรียกดนตรี ในกลุม่ วัฒนธรรมนีว้ ำ่ “การะนาตักสังคีต” (Karnatic Music) ดนตรีของอินเดียจะสัมพันธ์กบั เทพเจ้ำตำม รำกฐำนและแนวคิดทีเ่ กีย่ วกับศำสนำพรำหมณ์ฮินดูที่มีมำกว่ำ ๕,๐๐๐ ปี โดยเฉพำะจำกคัมภีร์ ควำมส�ำคัญของดนตรีอยู่ที่ท�ำนอง วงดนตรีอินเดีย บรรเลงเพลงประเภทคานะ ที่ชาวอินเดีย พระเวท คว เชื่อว่าเป็นเพลงที่มนุษยโลกได้สร้างสรรค์ขึ้นเอง บันไดเสียง จังหวะ และเสียงหนัก-เบำ บทบำท
Explore
ใหนักเรียนแบงกลุมออกเปน 6 กลุม ใหนักเรียน ศึกษา คนควา หาความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับดนตรี ในวัฒนธรรมตางประเทศ จากแหลงการเรียนรูต า งๆ เชน หองสมุดโรงเรียน หองสมุดชุมชน อินเทอรเน็ต เปนตน ในหัวขอที่ครูกําหนดให ดังตอไปนี้ กลุมที่ 1 ดนตรีในวัฒนธรรมอินเดีย กลุมที่ 2 ดนตรีในวัฒนธรรมจีน กลุมที่ 3 ดนตรีในวัฒนธรรมกัมพูชา กลุมที่ 4 ดนตรีในวัฒนธรรมเวียดนาม กลุมที่ 5 ดนตรีในวัฒนธรรมพมา กลุมที่ 6 ดนตรีในวัฒนธรรมอินโดนีเซีย
อธิบายความรู
Explain
ครูสุมนักเรียน 2 - 3 คน ใหตอบคําถาม ดังตอไปนี้ • เพราะเหตุใดเราจึงตองเรียนรูในเรื่อง วัฒนธรรมทางดนตรีของชาติตางๆ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ)
8
เกร็ดแนะครู ครูควรเปดซีดี หรือดีวีดี หรือสื่ออินเทอรเน็ตที่เกี่ยวกับการแสดงดนตรี ในวัฒนธรรมอินเดียใหนักเรียนชมและอธิบายเพิ่มเติมวา ดนตรีอินเดียมีเอกลักษณ เฉพาะตัว ไมวาในเรื่องของจังหวะ หรือราคะ (ชุดของเสียงดนตรีที่เลือกมาจากเสียง ถาตะ อยางนอย 5 เสียง มาเรียงไวเปนชุด) ดนตรีอินเดียแบงออกเปน 2 วัฒนธรรม ดนตรี คือ วัฒนธรรมดนตรีแบบฮินดูสถาน ซึ่งอยูทางภาคเหนือของอินเดีย และวัฒนธรรมการะนาตักสังคีต ซึง่ อยูท างภาคใตของอินเดีย เครือ่ งดนตรีของอินเดีย แบงออกไดเปน 4 ประเภท คือ ตะตะ สุษิระ อวนัทธะ และฆะนะ
มุม IT นักเรียนสามารถศึกษา คนควาเพิ่มเติมจากการชมการแสดงดนตรี ในวัฒนธรรมอินเดีย ไดจาก http://www.youtube.com โดยคนหาจากคําวา ดนตรีอินเดีย
8
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ดนตรีในวัฒนธรรมอินเดียมีอิทธิพลตอดนตรีในวัฒนธรรมไทยอยางไร แนวตอบ การที่ประเทศอินเดียมีอาณาเขตกวางใหญ มีความแตกตางกัน ทางสภาพภูมิศาสตร ความหลากหลายทางชาติพันธุและจํานวนประชากร วัฒนธรรมของอินเดียมีความสัมพันธกับเทพเจาตามแนวคิดที่เกี่ยวกับ ศาสนาพราหมณ - ฮินดู ความสําคัญของดนตรีอยูที่ทํานองบันไดเสียง จังหวะและเสียงหนัก - เบา บทบาทของดนตรีจึงมีความสําคัญในการ บวงสรวงเทพเจา ชาวอินเดียมีความเชื่อวาสามารถใชเสียงดนตรีสื่อสาร กับเทพเจาได ทั้งนี้เชื่อวาดนตรีไทยบางอยางไดรับแบบอยางมาจาก อินเดีย เนื่องจากวัฒนธรรมอินเดียไดเขามามีอิทธิพลตอประเทศตางๆ นับตั้งแตอดีต
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู ของดนตรีจะมีควำมส�ำคัญต่อกำรบวงสรวงเทพเจ้ำ โดยชำวอินเดียมีควำมเชื่อว่ำเสียงสำมำรถใช้ สือ่ สำรกับเทพเจ้ำได้ ขณะเดียวกันดนตรียงั มีอทิ ธิพลต่อวิถชี วี ติ ของผูค้ น ทัง้ ใช้บรรเลงในงำนพิธกี ำร ทำงสังคม และใช้สร้ำงควำมรื่นเริงในลักษณะต่ำงๆ พัฒนำกำรของดนตรีอินเดีย นอกจำกควำมศรัทธำต่อเทพเจ้ำแล้ว ดนตรีอินเดียยังได้รับกำร สนับสนุนจำกพระมหำกษัตริย์ มีนักปรำชญ์และศิลปินจ�ำนวนมำก โดยช่วงก่อนคริสต์ศตวรรษที่ ๒ ท่ำนภรตมุนีได้ประพันธ์คัมภีร์นำฏยศำสตร์ว่ำด้วยต�ำรำร�ำละคร จ�ำนวน ๓๖ บท โดยมีเรื่องรำว ที่เกี่ยวข้องกับดนตรี ๖ บท ซึ่งกล่ำวถึงกำรจ�ำแนกกลุ่มเครื่องดนตรีไว้ ๔ กลุ่ม และกล่ำวถึงเรื่อง ลักษณะของเพลง ๒ ประเภท คือ เพลงประเภทคำนธรวะ ซึ่งเป็นบรรดำเพลงที่เทพเจ้ำมอบให้แก่ มวลมนุษย์ และเพลงประเภทคำนะ เป็นเพลงที่มนุษยโลกได้สร้ำงสรรค์ขึ้นเอง รูปแบบของดนตรีอินเดีย นอกจำกจะพัฒนำในวงวัฒนธรรมของตนแล้ว ยังรับเอำวัฒนธรรม อิสลำมและตะวันตกเข้ำมำผสมผสำน ท�ำให้ดนตรีและเพลงของอินเดียมีควำมหลำกหลำย 1 เครือ่ งดนตรีของอินเดีย นอกจำกมีใช้ในอินเดียแล้ว บำงชนิดก็แพร่กระจำยไปยังเนปำล พม่ำ ไทย กัมพูชำ ลำว ตัวอย่ำงเครื่องดนตรีอินเดียที่ควรรู้จัก เช่น ตานปุระ เป็นเครือ่ งดนตรีทมี่ บี ทบำทในกำรสร้ำงเสียงเครือ ทีเ่ รียกกันว่ำ “เสียงดรอน” (Drone) เสียงของตำนปุระจะช่วยให้นักดนตรีคนอื่นๆ ที่ร่วมบรรเลงทรำบต�ำแหน่งจังหวะของเพลง ศิลปิน อินเดียมีควำมเชื่อว่ำ เสียงของตำนปุระจะช่วยสื่อสำรระหว่ำงมนุษย์กับพระเจ้ำ ซารังกี เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่อง สำยที่ใช้กำรสี มีสะพำนหรือหย่องเป็นต�ำแหน่ง ให้ศิลปินใช้วำงนิ้วกดสำย นิยมน�ำมำใช้บรรเลง ประกอบกำรขับร้อง ซีตาร์ เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสำย ใช้ดีด แต่เดิมซีตำร์มีสำยจ�ำนวน ๓ สำย ต่อมำ ได้พฒ ั นำให้มจี ำ� นวนสำยเพิม่ เป็น ๒๐ สำย ส่วน กำรจัดเรียงสำยมีทั้งด้ำนบนและด้ำนล่ำงของ ตัวเครื่องดนตรี เชห์ไน เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่ำ ที่ได้รบั อิทธิพลจำกอำหรับ มีลกั ษณะเป็นปีล่ นิ้ คู่ ล�ำโพงท�ำด้วยโลหะ มีรูเปิด-ปิดนิ้ว เพื่อเปลี่ยน ซีตาร์ เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายใช้ดีดของ ระดับเสียงไปตำมท�ำนองเพลง อินเดีย 9
กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนรวบรวมภาพเครื่องดนตรีอินเดีย มาจัดทําเปนสมุดภาพ พรอมเขียนอธิบายลักษณะของเครื่องดนตรี ตกแตงใหสวยงาม นําสงครูผูสอน
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนทําตารางวิเคราะหเปรียบเทียบลักษณะของเครื่องดนตรี อินเดียกับเครื่องดนตรีของไทย โดยจําแนกประเภท คือ เครื่องดีด เครื่องสี เครื่องตี และเครื่องเปา วามีลักษณะคลายคลึงกันหรือไม อยางไร พรอมหาภาพมาประกอบเปรียบเทียบใหเห็นอยางชัดเจน ลงกระดาษรายงาน ตกแตงใหสวยงาม นําสงครูผูสอน
Explain
ใหนกั เรียนกลุม ที่ 1 ทีไ่ ดศกึ ษา คนควา หาความรู เพิ่มเติมเกี่ยวกับดนตรีในวัฒนธรรมตางประเทศ สงตัวแทน 2 - 3 คน ออกมาอธิบายความรูในหัวขอ ดนตรีในวัฒนธรรมอินเดีย ตามที่ไดศึกษามา หนาชั้นเรียน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • ดนตรีของอินเดียมีลักษณะที่แตกตาง จากดนตรีชาติอื่นๆ อยางไร (แนวตอบ ดนตรีจะแบงออกไดเปน 2 ฝาย คือ ดนตรีประจําชาติฝายฮินดู และฝายมุสลิม อิทธิพลของดนตรีมุสลิมจะอยูทางตอนใต ของประเทศ อิทธิพลของดนตรีฮนิ ดูจะอยูท าง ตอนเหนือของประเทศ วัฒนธรรมทางดนตรี อินเดียจะแบงแยกกันอยางชัดเจนไมวา จะเปนการเรียกชื่อเครื่องดนตรี ประเภท ของเครื่องดนตรี แตมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน ก็คือ ชาวอินเดียจะใชเสียงดนตรีเปนสื่อ ติดตอกับพระเจา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเอง เคารพนับถืออยู) • อิทธิพลของดนตรีในวัฒนธรรมอินเดีย ที่มีผลตอวัฒนธรรมไทยอยางไร (แนวตอบ ประเทศไทยไดรับแนวคิด และแนว ปฏิบตั ดิ า นศาสนาและวัฒนธรรมของอินเดีย มาเปนรากฐานของวัฒนธรรมไทย ทําใหเกิด การผสมผสานระหวางแนวคิด ความเชื่อ ดั้งเดิมกับศาสนาพราหมณ - ฮินดู และพระพุทธศาสนา ดังจะเห็นไดจาก ดนตรีไทยมีระบบความเชื่อเรื่องเทพเจา แหงดนตรีของอินเดีย) • เพราะเหตุใดอินเดียจึงไดรับการขนาน นามวา “จาวแหงจังหวะ” (แนวตอบ เพราะเสียงที่เกิดขึ้นจากจังหวะ ของกลองอินเดีย ไดทําหนาที่เพิ่มสีสัน เพลงอินเดียใหเราใจนาฟงยิง่ ขึน้ กลองทีน่ ยิ ม ใชในการแสดงดนตรีมีอยู 3 ชนิด คือ มริทังค ปกชวัช และตับบลา)
นักเรียนควรรู 1 เครื่องดนตรีของอินเดีย แบงออกเปน 4 กลุม คือ 1. ตะตะ (Ta ta) คือ เครื่องดนตรีที่ผลิตเสียงโดยอาศัยสายเปนสําคัญ เครื่องดนตรีในตระกูลนี้แบงได 2 ประเภท คือ เครื่องสายประเภทไมใชทํานอง และเครื่องสายประเภทใชทํานอง 2. อวนัทธะ (Avanaddha) คือ เครื่องดนตรีประเภทเครื่องหนัง คือ กลองทุกประเภท จะเกิดเสียงเมื่อถูกตี หรือเคาะ 3. สุษิระ (Susira) คือ เครื่องดนตรีประเภทเครื่องเปา แบงออกเปน 3 ประเภท คือ ประเภทปที่มีลิ้น ประเภทขลุย และประเภทแตร 4. ฆะนะ (Ghana) คือ เครื่องดนตรีที่เกิดเสียงจากการสั่นสะเทือนของวัตถุ เชน ฉิ่ง ฉาบ กรับ เปนตน
คูมือครู
9
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ใหนกั เรียนกลุม ที่ 2 ทีไ่ ดศกึ ษา คนควา หาความรู เพิ่มเติมเกี่ยวกับดนตรีในวัฒนธรรมตางประเทศ สงตัวแทน 2 - 3 คน ออกมาอธิบายความรูในหัวขอ ดนตรีในวัฒนธรรมจีน ตามทีไ่ ดศกึ ษามาหนาชัน้ เรียน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • ดนตรีในวัฒนธรรมจีนมีที่มาอยางไร (แนวตอบ จีนมีประวัติศาสตรและวัฒนธรรมที่ เกาแกแหงหนึ่งของโลก โดยชาวจีนไดสั่งสม วัฒนธรรมของตนมาอยางตอเนื่อง และยาวนาน รวมถึงทางดานดนตรีดวย ดนตรีของชาวจีนมีทั้งที่เปนของราชสํานัก และของราษฎรทั่วไป สําหรับดนตรี ราชสํานักนั้น จักรพรรดิจีนทุกราชวงศจะ ใหการสนับสนุน รวมถึงชนชั้นสูง นักปราชญ ราชบัณฑิตตางก็มีคานิยมในการศึกษา และบรรเลงดนตรี) • นักเรียนรูจักเครื่องดนตรีจีนบางหรือไม ถารูจัก นักเรียนรูจักเครื่องดนตรีชนิดใด จงยกตัวอยางมา 1 ชนิด (แนวตอบ พิณหลิว (Liuqin) เปนเครื่องดนตรี ประเภทพิณ สัณฐาน และโครงสราง ของพิณหลิวมีลักษณะคลายกับพิณโบราณ ของจีน ในอดีตพิณหลิวจะมีโครงสรางที่ ไมซับซอนและมีรูปรางเรียบงาย ชาวจีน จึงเรียกวา “ถูผิผา” แปลวา “พิณชาวบาน” นิยมใชกันอยางแพรหลายในแถบมณฑล ซานตง อันฮุย และเจียงซู จัดเปน เครื่องดนตรีที่ใชบรรเลงประกอบการแสดง อุปรากร (งิ้ว) วิธีการบรรเลงพิณหลิว จะคลายกับการบรรเลงพิณผิผา ผูบรรเลงจะตองนั่งตัวตรง เอาพิณหลิว วางเฉียงที่หนาอก มือซายถือคันพิณ ใชนิ้วแมมือและนิ้วชี้ของมือขวาจับเครื่อง และดีดสายพิณ)
ตับบลา เปนเครือ่ งดนตรีประเภทกลอง ทีม่ เี สียงดังไพเราะ ศิลปนตองใชเทคนิคในการตีเพือ่ ให เกิดเสียงลักษณะตางๆ ตับบลาสํารับหนึ่งมีกลอง ๒ ใบ กลองใบเล็กอยูดานขวาของผูตี ทําจากไม ใหเสียงสูง กลองใบใหญอยูดานซาย ทําจากโลหะใหเสียงทุมตํ่า
๒.๒ ดนตรีในวัฒนธรรมจีน
จีนเปนประเทศที่มีพื้นที่กวางใหญไพศาล มีพลเมืองจํานวนมาก หลากหลายชาติพันธุ มีประวัตศิ าสตรและวัฒนธรรมทีเ่ กาแกแหงหนึง่ ของโลก โดยชาวจีนไดสั่งสมวัฒนธรรมของตน มาอยางตอเนือ่ งและยาวนาน รวมถึงวัฒนธรรม ทางดานดนตรีดวย ดนตรีของชาวจีนมีทั้งที่เปนของราชสํานัก และของราษฎรทั่วไป สําหรับดนตรีของราชสํานัก จักรพรรดิจีนทุกราชวงศใหการสนับสนุน วัฒนธรรมดนตรีของจีนมีความเจริญกาวหนามายาวนาน รวมทัง้ ชนชัน ้ สูงและนักปราชญราชบัณฑิตตางมี โดยปจจุบันไดมีการบรรจุวิชาดนตรีไวในหลักสูตรการ คานิยมในการศึกษาและบรรเลงดนตรี ศึกษาของจีนดวย นอกจากนี้ ลัทธิขงจือี๊ ซึง่ มีอทิ ธิพลอยางมาก ตอสังคมจีน ก็ใหความสําคัญอยางสูงกับดนตรี โดยมีการนําดนตรีมาบรรเลงประกอบพิธกี รรมของ ราชสํานัก ประกอบการเลี้ยงรับรอง ประกอบการเตนรํา ฟอนรํา ขับรอง ประกอบอุปรากรจีน นํา ขบวนแหในพิธสี าํ คัญๆ หรือใชประกอบพิธกี รรมบวงสรวงเซนไหวเทพยดาฟาดินตามลัทธิความเชือ่ ประเภทของเครื่องดนตรีจีน จัดแบงออกเปน ๘ หมวดหมู ตามวัสดุอุปกรณที่นํามาใชทํา เ ่องดนตรีจีนที่ควรรูจัก เชน เครื่องดนตรี คือ โลหะ หิน ไม ดิน หนัง ไมไผ นํ้าเตา และไหม เครื กูเจิงหรือเจง เปนเครื่องดนตรีประเภทเครื่องดีด ลําตัวหรือกลองเสียงทําดวยไม มีนมพาด สายตามจํานวนสาย แตเดิมกูเจิงมีสาย ๑๒ สาย แตในปจจุบันไดพัฒนาขึ้นจนมี ๑๖ สาย มีระดับ เสียง ๓ ชวงทบ เปนเครื่องดนตรีโบราณที่ไดรับความนิยมอยางแพรหลายมาตั้งแตสมัยราชวงศ ฉิน สามารถใชบรรเลงเดี่ยว บรรเลงรวมกับเครื่องดนตรีอื่น หรื ห อบรรเลงรวมกับการขับรองก็ได หยางฉิน่ เปนเครือ่ งดนตรีประเภทเครือ่ งสาย รูปทรงประกอบดวยกลองเสียง มีหลักหรือหยอง รองรับสายคั่นตามขวาง ๔ แถว หยางฉินเปนเครื่องดนตรีที่ไดรับอิทธิพลมาจากอาหรับ แตได พัฒนารูปทรงและระบบเสียงตามแบบจีน ใชตีประกอบการแสดงอุปรากรรวมกับวงเครื่องสาย ไทยเรียกหยางฉิ่นวา “ขิม” และรูจักมาตั้งแตสมัยอยุธยา ดังปรากฏในชื่อเพลงจีนขิม เปนตน ๑๐
เกร็ดแนะครู ครูควรแนะนํานักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับวงดนตรีของจีน ซึ่งแบงออกเปน 2 ประเภท คือ 1. ซื่อจู (Sizhu) เปนการรวมวงดวยเครื่องดนตรีจําพวกเสนไหมและไมไผ เชน ซอ Erhu ขิม Yang chin ซึง Yue chin ขลุย Diz (Shiao, Zither cheng) และ เครื่องประกอบจังหวะ เพลงของวงดนตรีประเภทนี้จะนุมและเบา ลักษณะรูปพรรณ ของบทเพลงเปนแบบ Heterophony ซอ Erhu คือ เครื่องดนตรีหลักของวง วงซื่อจู นิยมนํามาบรรเลงในหองเล็กๆ 2. ซุยดา (Chuida) เปนการรวมวงดวยเครือ่ งเปาและเครือ่ งตีกระทบชนิดตางๆ เปนหลัก เชน ป Sona ขลุย Dizi, sheng oboe กลอง ฆองฉาง วูดบลอก (Wood Block) เปนตน วงซุยดานิยมนํามาบรรเลงกลางแจง พิธีที่ใชวงซุยดาบรรเลง คือ งานศพและพิธีบูชาบรรพบุรุษ นอกจากวงดนตรีทั้ง 2 แบบแลว จีนยังมีวงดนตรี อื่นๆ อีกหลายชนิด เชน วงดนตรีพื้นบาน ซึ่งจะแตกตางกันออกไปตามลักษณะ ของพื้นที่และผูคนที่อาศัยอยู เปนตน
10
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ประเทศไทยไดรับวัฒนธรรมทางดนตรีของจีนไดอยางไร แนวตอบ ไทยไดมีการติดตอสรางความสัมพันธกับจีนมาเปนเวลานาน นับตั้งแตสมัยสุโขทัย อยุธยา มีชาวจีนบางกลุมที่อพยพมาพํานักอาศัยอยูใน เมืองไทย มีการนําเครื่องดนตรีพื้นบานของตนเขามาดวย เชน หยางฉิ่น หรือ “ขิม” ขิมเปนเครื่องดนตรีจีนชนิดหนึ่ง มีรูปคลายพระจันทรครึ่งซีก โดยชาวจีนนํามาบรรเลงรวมอยูในวงเครื่องสายจีนและประกอบการแสดงงิ้ว บรรเลงในงานเทศกาลและงานรืน่ เริงตางๆ ซึง่ มีความไพเราะและมีทว งทํานอง ที่นาฟง ไทยจึงรับเขามาใชกับดนตรีไทย
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู ผิผา เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสำยของจีนที่รู้จักกันทั่วไป และยังแพร่กระจำยไปสู่ ดินแดนเวียดนำม เกำหลี มองโกเลียด้วย ผิผำมีรปู ทรงคล้ำยพิณ มี ๔ สำย มีนม ๑๖ อัน ใช้บรรเลงเดีย่ ว หรือบรรเลงร่วมกับเครื่องดนตรีอื่นๆ โซนา เป็นเครื่องดนตรีประเภทเป่ำชนิด ลิ้นคู่หรือประเภทปี่ โซนำประกอบด้วยเลำปี่ที่ ท�ำจำกไม้ และส่วนล�ำโพงท�ำจำกโลหะ บนเลำปี่ เจำะรูสำ� หรับเปิด-ปิด เพือ่ บังคับระดับเสียงทัง้ สิน้ ๘ รู เป็นรูสำ� หรับนิว้ ค�ำ้ ๑ รู รูสำ� หรับบังคับระดับ เสียง ๗ รู โซนำมีเสียงที่ดังฟังชัด จึงนิยมน�ำ มำใช้บรรเลงอยู่ในทุกภูมิภำคของจีน โซนำจะ 1 มีบทบำทในกำรแสดงอุ รแสดงอุปรำกรจีน และยังนิยม น�ำมำใช้บรรเลงเดี่ยวและบรรเลงร่วมกับเครื่อง ดนตรีชนิดอื่นๆ ในขบวนแห่ต่ำงๆ
๒.๓ ดนตรีในวัฒนธรรมกัมพูชา
ผิผา เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายของจีน มีรูปร่าง คล้ายพิณใช้บรรเลงเดี่ยวหรือร่วมกับเครื่องดนตรีอื่นๆ
กัมพูชำเป็นประเทศหนึ่งในดินแดนสุวรรณภูมิที่มีควำมรุ่งเรืองมำนำน ควำมเจริญทำงสังคม และวัฒนธรรมส่วนใหญ่ได้รบั มำจำกอินเดีย โดยเฉพำะทำงด้ำนศำสนำ ควำ ควำมยิ มยิง่ ใหญ่ของกัมพูชำใน อดีตสำมำรถดูได้จำกวัฒนธรรมของอำณำจักร ฟูนันและเจนละ รวมทั้งควำมยิ่งใหญ่ของเมือง พระนคร ซึ่งมีนครวัดเป็นศูนย์กลำงง ตลอดจน หลักฐำนทำงด้ำนศิลปะ ปรำสำทหิ ทหิน โบรำณณสถำน และคติควำมเชื่อต่ำงๆ ส�ำหรับดนตรีของกัมพูชำมีบทบำทเด่ ทเด่นใน ฐำนะที่น�ำมำใช้ประกอบพิธีกรรมตำมควำมเชื มเชื่อ พิธีกรรมทำงศำสนำ สร้ำงควำมบันเทิง และใช้ บรรเลงประกอบกำรแสดงโขน หนังใหญ่ ละคร และฟ้อนร�ำ นอกจำกนี้ ภำคเหนือของกัมพูชำ คตะวันตกเฉียงเหนือ มีพื้นที่ติดกับลำว และภำคตะวั ดนตรีของกัมพูชาจะมีความเป็นเอกลักษณ์และนิยมใช้ ติดกับไทย ในพื3้นที่นี้ จึงมีกำร บรรเลงประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อและพิธีกรรม 2 ดนตรีกัมพูชำในพื ต่างๆ ทางศาสนา ใช้แคน และมีกำรแสดงหมอล� รแสดงหมอล�ำด้วย 11
บูรณาการเชื่อมสาระ
จากการศึกษาเกีย่ วกับความรูพ นื้ ฐานเกีย่ วกับดนตรีในวัฒนธรรมตางประเทศ สามารถเชื่อมโยงกับการเรียนการสอนในกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ในเรื่องประวัติความเปนมาและอารยธรรมของประเทศ ในทวีปเอเชีย เพราะการศึกษาเกี่ยวกับประวัติความเปนมาและอารยธรรมของ ประเทศในทวีปเอเชีย จะทําใหเราเขาใจสามารถเขาในเรื่องของวิวัฒนาการ ทางดนตรีที่มีรูปแบบแตกตางกันออกไปตามแตละวัฒนธรรมของชาติตางๆ และการที่ประเทศไทยไดรับเอาอิทธิพลทางดนตรีมาผสมผสาน ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงใหมีรูปแบบเปนของไทยเอง ซึ่งสิ่งเหลานี้ลวนมาจากแลกเปลี่ยน เรียนรูทางวัฒนธรรมดนตรีซึ่งกันและกัน ทําใหดนตรีมีรูปแบบที่เปลี่ยนแปลง ไปจากเดิม และมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะชวยใหนักเรียนเกิดการ เรียนรูในเรื่องดนตรีในวัฒนธรรมตางประเทศไดดียิ่งขึ้น
Explain
ใหนกั เรียนกลุม ที่ 3 ทีไ่ ดศกึ ษา คนควา หาความรู เพิ่มเติมเกี่ยวกับดนตรีในวัฒนธรรมตางประเทศ สงตัวแทน 2 - 3 คน ออกมาอธิบายความรูในหัวขอ ดนตรีในวัฒนธรรมกัมพูชา ตามที่ไดศึกษามา หนาชั้นเรียน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • ดนตรีกัมพูชามีเอกลักษณที่โดดเดนอยางไร (แนวตอบ ดนตรีกัมพูชา มีบทบาทในฐานะ ที่นํามาใชประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อ พิธีกรรมทางศาสนา สรางความบันเทิง และใชบรรเลงขับรองประกอบการแสดงโขน หนังใหญ ละคร และการฟอนรํา อิทธิพลของ ศาสนาพราหมณ - ฮินดู เปนปจจัยที่เปน ฐานรากสําคัญของวัฒนธรรมดนตรีกัมพูชา บรรดาเครื่องดนตรีที่ใชประกอบในงาน พิธีกรรมที่เกี่ยวของกับการติดตอทาง วิญญาณ คือ วงอารัก วงการ นิยมใชบรรเลง ในงานมงคลสมรส นอกจากนี้ก็มีวงมโหรี วงอาไย วงเจรียงจเปยใชบรรเลงในงานรืน่ เริง บันเทิงทั่วไป) • ดนตรีกัมพูชาไดเขามามีบทบาทกับดนตรี พืน้ บานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ของไทยอยางไร (แนวตอบ มีการนําดนตรีกันตรึมของกัมพูชา เขามาในภาคอีสานของไทย เนื่องจากมี อาณาเขตติดตอกับประเทศไทย ทางภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ ดนตรีในพื้นที่นี้ ของกัมพูชาจึงมีการใชแคน และมีการแสดง หมอลําดวย) • นักเรียนเคยชมการแสดงดนตรีวงกันตรึม หรือไม ถาเคย การแสดงนี้ใหความรูสึก อยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ)
นักเรียนควรรู 1 อุปรากรจีน หรืองิ้ว เปนการแสดงที่ผสมผสานการขับรองและการเจรจา ประกอบการแสดงลีลาทาทางของนักแสดงออกเปนเรื่องราว โดยนิยมนําเอา พงศวดารและประวัติศาสตรมาดัดแปลงเปนบทละครผสมผสานกับความเชื่อ ประเพณีและศาสนา การแสดงอุปรากรจีนในประเทศไทยไดรับความนิยมสูงสุด ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว (รัชกาลที่ 5) 2 แคน เครื่องดนตรีประเภทเครื่องเปา จัดเปนเครื่องดนตรีพื้นบานภาคอีสาน ที่ไดรับความนิยมเปนอยางมากชนิดหนึ่ง ทําจากไมซางขนาดตางๆ ประกอบกัน เขาเปนตัวแคน มีลิ้นโลหะ เสียงเกิดจากลมผานลิ้นโลหะไปตามลําไมที่เปนลูกแคน การเปาแคนตองใชทั้งเปาลมเขาและดูดลมออกดวย แคนมีหลายขนาด บางขนาด มีเสียงประสานประสมอยูดวย แคนนอกจากบรรเลงเปนวงแลว ยังนิยมนํามา บรรเลงประกอบการลํา หรือบรรเลงรวมกับพิณและโปงลาง 3 หมอลํา ผูที่มีความชํานาญในการบรรยายเรื่องราวตางๆ ดวยทํานองเพลง จัดเปนรูปแบบของเพลงลาวโบราณในประเทศลาวและภาคอีสานของประเทศไทย คูมือครู
11
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ครูสุมนักเรียน 2 - 3 คน ตอบคําถามดังตอไปนี้ • เพราะเหตุใดอิทธิพลของศาสนา พราหมณ - ฮินดูจึงเขามามีบทบาทเกี่ยวของ กับดนตรีของกัมพูชา (แนวตอบ เพราะอิทธิพลของศาสนา พราหมณ - ฮินดู จัดเปนปจจัยที่เปนรากฐาน สําคัญของวัฒนธรรมดนตรีกัมพูชา บรรดา เครื่องดนตรีที่มีความเกี่ยวของกับศาสนา พราหมณ - ฮินดู ก็มีการนํามาใชประกอบ ในงานพิธีกรรมทางศาสนาของกัมพูชาดวย เชน สังข กลอง เปนตน) • นักเรียนทราบหรือไมวาเครื่องดนตรีชิ้นนี้ มีชื่อเรียกวาอยางไรและมีลักษณะคลายกับ เครื่องดนตรีไทยประเภทใด
ประเภทของวงดนตรีกมั พูชำ เช่น วงพิณเพียต เป็นวงดนตรีพธิ กี รรมที่ใช้ทงั้ ในรำชส�ำนัก ในวัด ในงำนพิธกี รรมทัว่ ไป วงอำรักเป็นวงดนตรีที่ใช้ประกอบในงำนพิธกี รรมทีเ่ กีย่ วข้องกับกำรติดต่อทำง วิญญำณ วงกำร์นิยมใช้บรรเลงในงำนมงคลสมรส และวงโมโหรี วงอำไย วงเจรียงจเปย ใช้ส�ำหรับ งำนรื่นเริงบันเทิงทั่วไป อิทธิพลของศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู เป็นปัจจัยทีเ่ ป็นฐำนรำกส�ำคัญของวัฒนธรรมดนตรีกมั พูชำ บรรดำเครือ่ งดนตรีทเี่ กีย่ วข้องกับศำสนำพรำหมณ์-ฮินดูก็ได้นำ� มำใช้ในงำนพิธกี รรมทำงศำสนำของ กัมพูชำด้วย เช่น สังข์ กลอง ตัวอย่ำงเครื่องดนตรีกัมพูชำที่ควรรู้จัก เช่น กระแสมู ย หรื อ พิ ณ น�้ ำ เต้ ำ ปลำยด้ ำ นหนึ่ ง จะติ ด กล่ อ งเสี ย งหรื อ กะโหลกที่ ท� ำ จำก ผลน�้ำเต้ำผ่ำครึ่ง ถัดจำกกะโหลกไปด้ำนบนมีลูกบิด ส่วนปลำยอีกด้ำนของคันพิณมีกำรเจำะ เดือย ส�ำหรับขึงสำยพิณ ๑ สำย เชือ่ มกับลูกบิด กำรบังคับเสียงของกระแสมูยท�ำได้โดยกำรควบคุม กำรเปิด-ปิดของกะโหลกพิณที่ต้องแนบกับระดับหน้ำอกขณะดีดให้สัมพันธ์กับจังหวะ เปยออ หรือตรงกับเครื่องดนตรีไทย คือ ปี่อ้อ ตัวปี่ (เลำ) ท�ำจำกไม้รวกปล้องเดียว ไม่มีข้อ เจำะรูส�ำหรับเปิด-ปิด นิ้วเรียงตำมล�ำดับด้ำนหน้ำ ๗ รู และมีนิ้วค�้ำด้ำนหลัง ๑ รู เช่นเดียวกับขลุ่ย ส่วนที่เป็นลิ้นท�ำด้วยไม้อ้อเหลำจนบำงลงและบีบให้แบนประกบกันในลักษณะของลิ้นแฝด แต่ อีกด้ำนหนึ่งยังมีลักษณะกลมอยู่เพื่อให้สอดเข้ำกับตัวของปี่ได้ เสียงของเป็ยออมีลักษณะแหบ ทุ้มกังวำน
๒.๔ ดนตรีในวัฒนธรรมเวียดนาม (แนวตอบ มีชื่อวา ซัมโฟ (Sampho) เปนกลองยาว ขนาดเล็กของชนพื้นเมือง ในประเทศกัมพูชา มี 2 หนา และเลนโดยการ ใชมอื ทัง้ 2 ขางตี ซัมโฟทําหนาทีเ่ ปนผูน าํ กลุม เครื่องเปาและกลองคอยกําหนดจังหวะ ซัมโฟของกัมพูชามีลักษณะคลายกับตะโพน ของไทย) • ซอของกัมพูชาชนิดใดที่มีลักษณะคลายคลึง กับซอสามสายของประเทศไทย (แนวตอบ โตร (Tro) เปนเครื่องดนตรีพื้นเมือง ประเภทเครื่องสายของกัมพูชา ตัวซอ ทํามาจากกะลามะพราวชนิดพิเศษ ปลายขางหนึ่งจะถูกปดดวยหนังสัตว สายทั้ง 3 สาย ทํามาจากเสนไหม)
ดนตรีของเวียดนำมที่มีชื่อเสียงได้รับกำรกล่ำวถึง เป็นผลงำนนับตั้งแต่ยุคส�ำริด คือ กำร สร้ำงกลองโลหะส�ำริดขนำดใหญ่ ทีเ่ รียกว่ำ “มโหระทึก” ใช้ในพิธีกรรมทำงกำรเกษตร โดยเฉพำะในพิธีขอฝน บ้ำงก็ว่ำน�ำไปใช้ในกำรตีบอกสัญญำณในกำรสู้รบ ท�ำสงครำมด้วย ต่อมำกำรท�ำมโหระทึกได้แพร่กระจำย ไปยังดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศจีน ดนตรีของเวียดนำม จะจัดแบ่งเครื่องดนตรี ออกเป็น ๘ ประเภท คือ หิน โลหะ เส้นใย ไหม ไม้ไผ่ ไม้เนื้อแข็ง หนังสัตว์ น�้ำเต้ำ และดินเผำ คล้ำยกับเครื่องดนตรีของจีน เนื่องจำกได้รับ กลองมโหระทึก วัฒนธรรมดองซอน ประเทศเวียดนาม อิ ท ธิ พ ลมำจำกวั ฒ นธรรมจี น เครื่ อ งดนตรี สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคส�าริด สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เวียดนำมที่เรำควรรู้จัก เช่น 1๒
เกร็ดแนะครู ครูแนะนํานักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องดนตรีของกัมพูชา พรอมนําภาพ มาใหนักเรียนดูประกอบ เชน กรอเปอ (Krapeu) หรือทีเ่ รียกวา “จะเข” เปนเครื่องดนตรีที่มีรูปรางเหมือนจะเข ประดับดวยลวดลาย มีสาย 3 สาย สําหรับดีด คําวา “กรอเปอ” ในภาษากัมพูชา หมายถึง จะเข เปนเครื่องดนตรีคลาสสิก ของกัมพูชา จะเขจะมี 3 หรือ 5 ขา รองรับตัวเครื่อง เมื่อแสดงผูเลนจะนั่งขาง เครือ่ งดนตรี มือซายดีดขึน้ และลง ขณะทีม่ อื ขวาดึงดวยการใชไมดดี นิยมนํามาบรรเลง ในงานมงคลสมรส
12
คูมือครู
กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนรวมรวมภาพเครื่องดนตรีกัมพูชา มาจัดทําเปนสมุดภาพ พรอมเขียนอธิบายลักษณะของเครื่องดนตรี ตกแตงใหสวยงาม นําสงครูผูสอน
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนวิเคราะหความแตกตางของเครื่องดนตรีไทยและเครื่องดนตรี กัมพูชา คือ ตะโพนกับซัมโฟ พรอมหาภาพมาประกอบเปรียบเทียบ ใหเห็นอยางชัดเจน ลงกระดาษรายงาน ตกแตงใหสวยงาม นําสงครูผูสอน
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
Explain
ใหนักเรียนกลุมที่ 4 ที่ไดศึกษา คนควา หาความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับดนตรีในวัฒนธรรม ตางประเทศ สงตัวแทน 2 - 3 คน ออกมาอธิบาย ความรูในหัวขอดนตรีในวัฒนธรรมเวียดนาม ตามที่ไดศึกษามาหนาชั้นเรียน จากนั้นครูถาม นักเรียนวา • อิทธิพลของดนตรีในวัฒนธรรมเวียดนามมี ผลตอวัฒนธรรมไทยหรือไม อยางไร (แนวตอบ ชาวเวียดนามไดอพยพเขามาอยู ในประเทศไทย โดยกระจายอยูทั่วไปและ ไทยไดรับเอาดนตรีบางประเภท เชน กลอง มโหระทึกเขามาเลนในประเทศไทยอยาง แพรหลาย โดยนํามาใชประโคมในงานพิธี เชน กระบวนพยุหยาตรา งานพระบรมศพ งานศพเจานาย เปนตน) • จากภาพเปนเครื่องดนตรีที่มีชื่อเรียกวา อยางไรและมีลักษณะคลายกับ เครื่องดนตรีไทยชนิดใด
ปเสน เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่ำ เลำของปี่เสนท�ำด้วยไม้ไผ่ ลิ้นท�ำด้วยผิวไผ่หรือ โลหะแผ่นบำง ล�ำตัวของปี่เจำะรูเปลี่ยนเสียงจ�ำนวน ๗ รู เมื่อจะเป่ำ ผู้เป่ำต้องอมปลำยด้ำนหนึ่ง ที่เป็นส่วนของลิ้นเข้ำไว้ในปำก แล้วบังคับลมออกมำ ปตอด เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่ำ เลำของปีต่ อ ดท�ำด้วยไม้ไผ่ ล�ำท่อกว้ำงประมำณ ๑ เซนติเมตร เมื่อเป่ำจะใช้จมูกเป่ำลมเข้ำไป ดังนั้น ขณะที่เป่ำจึงใช้ช่องเสียงแนบกับจมูก จำกนัน้ จึงเป่ำลมเข้ำไปภำยในให้เกิดเสียง ปีต่ อ ด นิยมใช้เป่ำประกอบกำรร้องเพลงกล่อมเด็ก ด่านตาม เป็นเครื่องดนตรีพื้นบ้ำนของ เวียดนำมประเภทพิณ กล่องเสียงท�ำด้วยไม้ รูปทรงสีเ่ หลีย่ ม คันพิณยำว มีสำยจ�ำนวน ๓ สำย นอกจำกกำรดี ด เล่ น ทั่ ว ไปแล้ ว ยั ง นิ ย มน� ำ เป็นเครื่องดนตรีประเภทพิณของเวียดนาม ด่ำนตำมไปประสมในวงดนตรีออร์เคสตรำของ ด่ปัาจนตาม จุบันนิยมน�าไปประสมในวงดนตรีออร์เคสตราของ เวียดนำมด้วย เวียดนาม ตรื ง บาฮนาร เป็ น เครื่ อ งดนตรี ป ระเภท เครื่องเคำะของชนเผ่ำ ท�ำด้วยไม้ ๑๒ อัน ตีด้วยไม้ท่อน เพื่อช่วยสร้ำงจังหวะในกำรบรรเลง ซึ่งตัวท่อนท�ำด้วยไม้ไผ่หรือแก่นไม้ น�ำมำตกแต่งให้ได้เสียงตำมต้องกำร ปัจจุบันพัฒนำโดยใช้ โลหะแทนไม้ นอกจำกนี้ ดนตรีของเวียดนำมยังมีกำรน�ำเครือ่ งดนตรีตำ่ งๆ มำประสมวงบรรเลง แตกต่ำงกันไป ตำมแต่ละวัฒนธรรมและท้องถิ่น รวมทั้งเมื่อครั้งที่ฝรั่งเศสเข้ำปกครองประเทศเวียดนำมในช่วง คริสต์ศตวรรษที่ ๒๐ เวียดนำมก็รับอิทธิพลของเครื่องดนตรีตะวันตกมำใช้ด้วย
๒.๕ ดนตรีในวัฒนธรรมพม่า พม่ำมีพื้นที่ติดต่อกับไทยเป็นแนวยำวทำงภำคตะวันตก เป็นประเทศที่มีควำมหลำกหลำย ทำงวัฒนธรรมมำก เพรำะประกอบไปด้วยวัฒนธรรมพม่ำ มอญ กะเหรี่ยง ไทยใหญ่ รวมทั้ง กลุ่มวัฒนธรรมของชนชำติอื่นๆ ด้วย วัฒนธรรมดนตรีของพม่ำ มีทั้งดนตรีแบบแผนที่เป็นของรำชส�ำนัก ดนตรีของรำษฎร และ ดนตรีของกลุ่มชำติพันธุ์ต่ำงๆ บทบำทของดนตรีจะถูกน�ำมำใช้ในกำรประกอบพิธีกรรมต่ำงๆ เพื่อ ควำมรืน่ เริงบันเทิง เฉลิมฉลอง ตลอดจนใช้ประกอบกำรแสดงด้วย วงดนตรีทสี่ ำ� คัญ คือ วงซำยวำย 13
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ดานตาม เปนเครื่องดนตรีที่มีลักษณะคลายคลึงกับเครื่องดนตรีชนิดใด 1. ป 2. พิณ 3. รํามะนา 4. ฆองวง
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะเปนเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย ที่มีลักษณะคลายพิณ มี 16 สาย สามารถนํามาเลนเดี่ยวและเลนรวมวง เปนเครื่องดนตรีที่สรางขึ้นโดยจักรพรรดิ Phuc Hi ของจีน จัดเปน เครื่องดนตรีชนิดหนึ่งที่นิยมนํามาเลนกันเปนอยางมากในประเทศเวียดนาม
(แนวตอบ ดานญี่ (Dan nhi) เปนเครื่องดนตรี ประเภทเครื่องสาย มีลักษณะคลายซอดวง ของไทย มีเสียงสูง - ตํ่าที่เปนเอกลักษณ เฉพาะตัว ดานญี่ (Dan nhi) มีสาย 2 สาย สายทํามาจากไหมถักและกลองเสียง ทํามาจากหนังงู ในปจจุบนั ดานญี่ (Dan nhi) สายมักทําจากลวดและกลองเสียงทําดวยไม)
บูรณาการอาเซียน จากการศึกษาความรูพื้นฐานเกี่ยวกับเครื่องดนตรีในวัฒนธรรมตางๆ สามารถเชื่อมโยงกับประเทศสมาชิกอาเซียน คือ ประเทศเวียดนาม ซึ่งมีความ คลายคลึงในเรื่องของเครื่องดนตรี คือ กลองมโหระทึก ในวัฒนธรรมดองซอน ประเทศเวียดนามกับกลองมโหระทึก ในวัฒนธรรมไทย กลองมโหระทึก เปนกลอง ศักดิส์ ทิ ธิ์ ถูกคนพบในภาคอีสาน จะมีลวดลายดานบนเปนรูปกบ 4 ตัว หมายถึง ฝน ซึ่งหมายถึง ความอุดมสมบูรณของพืชพันธุธัญญาหาร นักโบราณคดีสันนิษฐานวา คนในสมัยโบราณสรางกลองมโหระทึก เพื่อใชในพิธีขอฝน หรือพิธีไสยศาสตร หรือแสดงฐานะอันมั่นคงสูงสง หรือใชในพิธีกรรมเกี่ยวกับความตาย หรือใช ในสงคราม ลวดลายอันสวยงามบนผิวกลอง ไดแก ลายรัศมีดาว หรืออาทิตย 12 แฉก ลายคนสวมเครื่องประดับศีรษะดวยขนนก ลายนกกระสา ลายซี่หวี และลายกลีบดอกไม
คูมือครู
13
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ใหนกั เรียนกลุม ที่ 5 ทีไ่ ดศกึ ษา คนควา หาความรู เพิ่มเติมเกี่ยวกับดนตรีในวัฒนธรรมตางประเทศ สงตัวแทน 2 - 3 คน ออกมาอธิบายความรูในหัวขอ ดนตรีในวัฒนธรรมพมา ตามที่ไดศึกษามาหนาชั้น เรียน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • ดนตรีของพมามีรูปแบบอยางไร (แนวตอบ ดนตรีของพมา มีทงั้ ดนตรีแบบแผนที่ เปนของราชสํานัก ดนตรีของราษฎรและดนตรี ของกลุมชาติพันธุตางๆ บทบาทของดนตรี จะถูกนํามาใชในการประกอบพิธีกรรมตางๆ เพื่อความรื่นเริงบันเทิง เฉลิมฉลอง ตลอดจน ใชประกอบการแสดงดวย วงดนตรีที่สําคัญ คือ “วงซายวาย” เปนวงดนตรีแบบแผน ที่รูจักกันทั่วไป ถือเปนวงดนตรีประจําชาติ ทีน่ กั ดนตรีชาวพมาไดพฒ ั นาขึน้ อยางตอเนือ่ ง จนกลายเปนดนตรีของราชสํานัก) • พมาไดรับอิทธิพลทางดนตรีจากไทย บางหรือไม ถาไดรบั จะไดรบั อิทธิพลในดานใด (แนวตอบ ไดรับอิทธิพลทางดานเพลง สําหรับ เพลงของพมา มีเพลงโบราณเพลงหนึ่งชื่อ เพลงโยธยา เชื่อวาไดรับสืบทอดจากศิลปน ของอยุธยาเมื่อครั้งที่พมากวาดตอนผูคน ไปอยูที่หงสาวดี ) • คําวา “ซายวาย” หมายถึงสิ่งใด (แนวตอบ ซายวาย เปนวงดนตรีประจําชาติ ของพมา ที่ใชในงานพิธีและงานบันเทิง มีเลนทั้งในงานหลวง งานวัดและงานราษฎร ปจจุบันพมายังคงมีความนิยมนําวงซายวาย มาเลนในงานพิธตี า งๆ เชน งานบวช งานทรงเจา งานรับปริญญา งานตอนรับ แขกบานแขกเมือง เปนตน เสียงดนตรี ที่บรรเลงจากวงซายวายนั้นมีลีลาเครงขรึม แตนุมนวล ใหทั้งอารมณสนุกสนาน เราใจ และโศกเศรา)
เป็นวงดนตรีแบบแผนที่รู้จักกันทั่วไป ถือเป็นวงดนตรีประจ�ำชำติ วงซำยวำยใช้บรรเลงในงำนพิธี ของทำงรำชกำร งำนต้อนรับอำคันตุกะของรัฐบำล งำนทีเ่ กีย่ วข้องกับพิธกี รรมทำงพระพุทธศำสนำ ตลอดจนใช้ในงำนพิธีกรรมของรำษฎรด้วย ดนตรีพม่ำได้พฒ ั นำขึน้ มำอย่ำงต่อเนื่องจนกลำยเป็น ดนตรีของรำชส�ำนัก ประกอบด้วยเครื่องดนตรีหลำยชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีกำรแกะสลัก ปิดทอง ประดับประดำด้วยกระจกสีต่ำงๆ อย่ำงสวยงำม เครื่องดนตรีพม่ำที่ควรรู้จัก เช่น ปเนห์ เป็นปี่ที่มีล�ำโพง ก�ำพวดปี่ ลิ้นปี่ท�ำด้วยใบตำล เลำปี่มีรู ๗ รู ส�ำหรับเปลี่ยนระดับเสียง ปี่เนห์มีทั้งขนำดเล็กและขนำดใหญ่ มองซาย มีลักษณะเหมือนฆ้องของไทย จุดก�ำเนิดเสียงอยู่ที่กำรน�ำเอำ “ลูกโหม่ง” ที่พม่ำ เรียกว่ำ “มอง” ซึ่งเป็นโลหะทองเหลืองที่ถูกตีขึ้นรูปให้กลมและแบนบำงอย่ำงถำด มีปุ่มนูน ขึ้นเป็นจุดกระทบตรงกลำงมำประกอบติดกันเป็นจ�ำนวน ๓ รำง จำกนั้นน�ำไปร้อยเชือกผูกไว้ ในรำงไม้ ซึง่ พม่ำเรียกว่ำ “ซาย” ส�ำหรับใช้ไม้ตี มองซำยหนึง่ ชุดจะมีลกู โหม่งจ�ำนวนทัง้ หมด ๑๗-๑๘ ใบ ไล่เรียงขนำดจำกใหญ่ไปหำเล็ก เป็นเครื่องดนตรีที่นิยมใช้ในวงปี่พำทย์ของพม่ำ ซองเกาะ เป็นพิณพม่ำที่มีควำมสวยงำม เป็นเอกลักษณ์ของดนตรีพม่ำ เป็นเครื่องดนตรีของ รำชส�ำนักและชนชั้นสูง ศิลปะกำรเล่นซองเกำะได้รับกำรพัฒนำอย่ำงต่อเนื่อง เดิมซองเกำะมีสำย เพียง ๓ สำย แต่นักดนตรีพม่ำได้เพิ่มเป็น ๑๖ สำย ดังปรำกฏในปัจจุบัน ซองเกำะนิยมบรรเลง ในงำนส�ำคัญๆ ของทำงกำร ใช้ได้ทั้งบรรเลงเดี่ยวและประกอบกำรขับร้อง
ซองเกาะ เป็นพิณพม่าที่มีความสวยงามและถือเป็นเครื่องดนตรีของราชส�านักและชนชั้นสูง
1๔
EB GUIDE
บูรณาการอาเซียน จากการศึกษาความรูพื้นฐานเกี่ยวกับเครื่องดนตรีในวัฒนธรรมตางๆ สามารถเชือ่ มโยงกับประเทศสมาชิกอาเซียน คือ ประเทศพมา ซึง่ มีความคลายคลึง ในเรื่องของเครื่องดนตรี คือ จะเข ในภาษามอญจะเรียกจะเขวา “จฺยาม” ในภาษา พมาเรียกวา “มิจอง” หรือ “หมี่จอง” ซึ่งตางก็แปลวา “จระเข” ดวยกันทั้ง 2 ภาษา เพราะพิจารณาจากรูปลักษณของเครือ่ งดนตรีทมี่ คี วามพิเศษดวยนิยมทีจ่ ะแกะหุน ของเครื่องดนตรี ซึ่งทําหนาที่เปนกลองเสียงใหเปนรูปจระเขนอนเหยียดยาว ซึ่งมีความเปนไปไดวาแตเดิมจะเขของไทยก็นาจะมีรูปรางและความหมายที่ เหมือนกัน แตตอมาในสมัยหลังชางไทยไดตัดทอนลายละเอียดตางๆ ออกไป เหลือไวเพียงแคโครงสรางดังทีเ่ ห็นกันอยูใ นปจจุบนั การชือ่ เรียกเครือ่ งดนตรีชนิดนี้ วา “จะเข” ก็ยังคงเปนสิ่งตกคางสําคัญที่ยืนยันไดถึงแหลงที่มาของวัฒนธรรม รวมกันระหวางมอญ พมา และไทย
14
คูมือครู
http://www.aksorn.com/LC/Mu&Pa/M2/02
กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนรวมรวมภาพเครื่องดนตรีพมา มาจัดทําเปนสมุดภาพ พรอมเขียนอธิบายลักษณะของเครื่องดนตรี ตกแตงใหสวยงาม นําสงครูผูสอน
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนวิเคราะหความแตกตางเครื่องดนตรีไทยกับเครื่องดนตรีพมา ระหวางฆองวงกับมองซาย พรอมหาภาพมาประกอบเปรียบเทียบใหเห็น อยางชัดเจน ลงกระดาษรายงาน ตกแตงใหสวยงาม นําสงครูผูสอน
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบExplain ายความรู
Expand าใจ ขยายความเข
Evaluate ตรวจสอบผล
อธิบายความรู
Explain
ใหนกั เรียนกลุม ที่ 6 ทีไ่ ดศกึ ษา คนควา หาความรู เพิ่มเติมเกี่ยวกับดนตรีในวัฒนธรรมตางประเทศ สงตัวแทน 2 - 3 คน ออกมาอธิบายความรูในหัวขอ ดนตรีในวัฒนธรรมอินโดนีเซีย ตามที่ไดศึกษามา หนาชั้นเรียน จากนั้นครูถามนักเรียนวา • ประเทศอินโดนีเซียไดรับอิทธิพล เครื่องดนตรีสําริดมาจากวัฒนธรรมใด (แนวตอบ จากวัฒนธรรมดองซอนของ เวียดนาม นอกจากกลองมโหระทึกแลว ก็มีการสรางฆอง แผนตีสําริดขนาดตางๆ สําหรับใชเปนเครื่องตี รวมทั้งมีการสราง เครื่องดนตรีอื่นๆ อีกหลายชนิด และ สามารถนํามาประสมวงเปนวงดนตรี ขนาดใหญได เรียกวา “วงกาเมลัน”)
๒.๖ ดนตรีในวัฒนธรรมอินโดน�เซีย อินโดนีเซียหรือชือ่ ทีค่ นไทยรูจ กั มาแตเดิมคือ “ชวา” เปนประเทศหมูเ กาะขนาดใหญทสี่ ดุ ในโลก วัฒนธรรมของอินโดนีเซียมาจากการผสมผสานอิทธิพลของศาสนาพราหมณ-ฮินดู พระพุทธศาสนา จากอินเดีย ศาสนาอิสลามจากตะวันออกกลาง และศาสนาคริสตจากยุโรป ในขณะที่ผูคนตาม เกาะตางๆ ยังคงยึดถือขนบธรรมเนียม ความเชือ่ และวิถีชีวิตดั้งเดิมของตนอยู อินโดนีเซียไดรบั อิทธิพลเครือ่ งดนตรีสาํ ริด จากวั ฒ นธรรมดองซอนของเวี ย ดนาม ซึ่ ง นอกจากมโหระทึกแลวก็มีการสรางฆอง แผนตี สํ า ริ ด ขนาดต า งๆ สํ า หรั บ ใช เ ป น เครื่ อ งตี รวมทั้งมีการสรางเครื่องดนตรีอื่นๆ อีกหลาย 1 ชนิด และสามารถนํามาประสมวงเปนวงดนตรี ขนาดใหญได เรียกวา “วงกาเมลัน” หมายถึง เครือ่ งดนตรีประเภทเครือ่ งตี ซึง่ จะใชเปนหลักในวงดนตรี การบรรเลงด ว ยเครื่ อ งดนตรี ป ระเภทเครื่ อ ง ขนาดใหญของอินโดนีเซีย ตี เ ป น หลั ก ทั้ ง เครื่ อ งดนตรี ที่ ทํ า ด ว ยโลหะ และที่ ทํ า ด ว ยไม บทบาทของวงกาเมลั น จะใช ใ นการประกอบพิ ธี กรรม การแสดงละคร และกิจกรรมรื่นเริงในเทศกาลตางๆ สําหรับความสัมพันธระหวางดนตรีอินโดนีเซียกับดนตรีไทย ปรากฏมาตั้งแตสมัยอยุธยา โดยไทยไดนาํ เอาปช วา กลองแขก มาบรรเลงในการรําอาวุธ ในขบวนแหพยุหยาตรา มีการนําวรรณกรรม ของชวามาแตงเปนบทละครเรื่องอิเหนาและดาหลัง สําหรับใชแสดงละครใน มีการนํากลองแขก ของชวามาตีเขากับปชวา และในสมัยรัตนโกสินทร หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ยังไดนําเครื่องดนตรีอังกะลุงเขามาในไทย และมีการแตงเพลงไทยใหมีสําเนียงชวา สําหรับ ใชในการบรรเลงอังกะลุงดวย เครื่องดนตรีของอินโดนีเซียที่ควรรูจัก เชน รือบับ เปนเครือ่ งดนตรีประเภทเครือ่ งสายที่ใชคนั ชักอิสระ โดยทัว่ ไปมี ๒ สาย บางถิน่ มี ๓ สาย รูปรางของรือบับคลายกับซอสามสายของไทย ใชบรรเลงเดี่ยวและบรรเลงประกอบการขับรอง ทั้งในวงกัมเมลัน และในวงดนตรีของชาวบานทั่วไป ซารอน เปนเครื่องดนตรีประเภทเครื่องตี มีแผนโลหะจํานวน ๕-๗ อัน ลักษณะคลายกับแผน ระนาดเหล็กของไทย ตั้งเรียงโดยมีหลักโลหะปกหัว-ทาย มีรางทําดวยไมเพื่อเปนกลองเสียง ใชไม ตีที่ทําดวยเขาควาย
ขยายความเขาใจ
Expand
ใหนักเรียนนําขอมูลเกี่ยวกับดนตรีใน วัฒนธรรมตางประเทศมารวมกันจัดนิทรรศการ เรื่อง “วัฒนธรรมดนตรีเอเซีย” พรอมหาภาพ มาประกอบใหสวยงาม
ตรวจสอบผล
Evaluate
ครูพิจารณาจากการจัดนิทรรศการเรื่อง “วัฒนธรรมดนตรีเอเซีย” ของนักเรียน โดยพิจารณาในดานความถูกตองของเนื้อหา การนําเสนอขอมูล ความสวยงาม และความคิดริเริ่มสรางสรรค
๑๕
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
เครื่องดนตรีในขอใดที่ ไม จัดอยูในวัฒนธรรมเดียวกัน 1. ตานปุระ ซีตาร เชหไน 2. ซากังรี กูเจิง ปเสน 3. ผิผา โซนา หยางฉิ่น 4. ปเนห มองซาย ซองเกาะ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะซากังรี เปนเครื่องดนตรีในวัฒนธรรม อินเดีย กูเจิง เปนเครื่องดนตรีในวัฒนธรรมจีนและปเสน เปนเครื่องดนตรี ในวัฒนธรรมเวียดนาม
เกร็ดแนะครู ครูควรแนะนําใหนักเรียนหาเพลงพื้นเมืองของประเทศพื้นบานอาเซียนมาฟง เพื่อใหเขาใจถึงทวงทํานองของลักษณะการบรรเลงที่เปนอัตลักษณเฉพาะของชาติ นั้นๆ
นักเรียนควรรู 1 วงดนตรี สามารถแบงออกเปน 2 ประเภทใหญๆ ไดแก 1. Gamelan คือ วงดนตรีดั้งเดิมของชาวอินโดนีเซีย เครื่องดนตรีที่นํามา ประสมเกิดจากภูมิปญญาของชาวอินโดนีเซียเอง วงกาเมลัน คือ สวนหนึ่งของ วิถีชีวิตของชาวอินโดนีเซีย นิยมนํามาบรรเลงในพิธีตางๆ และเพื่อสรางความ บันเทิงทั่วไป 2. Popular Band คือ วงดนตรีที่เกิดขึ้นจากอิทธิพลวัฒนธรรมดนตรี ของชาวตางชาติที่เขาไปในอินโดนีเซีย เชน อินเดีย อาหรับ โปรตุเกส เปนตน คูมือครู
15
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Engage
Explore
Explain
Expand
Evaluate
กระตุEngage นความสนใจ
Exploreนหา สํารวจค
กระตุน ความสนใจ
Engage
ครูชักชวนนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับองคประกอบ ของดนตรีในสังคมและวัฒนธรรม จากนั้นครูถาม นักเรียนวา • ปจจัยสําคัญที่มีผลตอการเปลี่ยนแปลง ทางดนตรีในประเทศไทยมีอะไรบาง (แนวตอบ ปจจัยสําคัญที่มีอิทธิพลตอการ เปลี่ยนแปลงทางดนตรีในประเทศไทย มี 2 ประการ ไดแก การเปลี่ยนแปลง ทางการเมืองและการเปลี่ยนแปลง ทางเทคโนโลยี)
สํารวจคนหา
ซูลิง เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่าที่ทำาด้วยไม้ไผ่ ลักษณะคล้ายกับขลุ่ย มีหลายขนาด ซูลิงมีเสียงไพเราะ ใช้ประสมในวงกัมเมลัน บรรเลงประกอบการขับร้อง และในกิจกรรมต่างๆ เซรูไน เป็นเครือ่ งดนตรีประเภทเครือ่ งเป่าทีม่ ลี นิ้ คู่ มีกาำ พวดสำาหรับเสียบเข้ากับเลาของเซรูไน ทีเ่ ลามีรเู ปิด-ปิดเสียง ส่วนปลายเป็นปากลำาโพงมีทงั้ ทีท่ าำ ด้วยไม้และโลหะ มีหลายขนาด ใช้ประสม ในวงฆ้องกลอง บรรเลงประกอบพิธกี รรม และประกอบการแสดงสีละ ซึง่ เป็นการแสดงต่อสูป้ อ้ งกันตัว
กิจ กรรมศิลป์ปฏิบัติ ๑.๑ ๑
กิจกรรมที่
๒
Explore
ใหนักเรียนศึกษา คนควา หาความรูเพิ่มเติม เกีย่ วกับเหตุการณประวัตศิ าสตรกบั การเปลีย่ นแปลง ทางดนตรีในประเทศไทย จากแหลงการเรียนรูต า งๆ เชน หองสมุดโรงเรียน หองสมุดชุมชน อินเทอรเน็ต เปนตน ในหัวขอที่ครูกําหนดให ดังตอไปนี้ 1. การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองกับงานดนตรี 2. การเปลีย่ นแปลงทางเทคโนโลยีกบั งานดนตรี
อธิบายความรู
กิจกรรมที่
ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๕ คน เพื่อศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับดนตรีใน วัฒนธรรมต่างๆ โดยอธิบายถึงลักษณะของดนตรีในวัฒนธรรมที่กลุ่มได้ เลือกศึกษา นำาเสนอเป็นรายงานกลุม่ ส่งครูผสู้ อน ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๕ คน จัดนิทรรศการเกี่ยวกับวัฒนธรรม ดนตรีของประเทศในภูมภิ าคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเลือกมากลุม่ ละ ๑ ประเทศ
๓. เหตุการณ์ประวัติศาสตร์กับการเปลี่ยนแปลงทางดนตรี ในประเทศไทย ดนตรีเป็นศิลปะของมนุษยชาติทถี่ า่ ยทอดความรูส้ กึ นึกคิดทางวัฒนธรรมของแต่ละวัฒนธรรม จึงย่อมมีการผสมผสาน ปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ซึ่งปัจจัยสสำาคัญ ๒ ประการที่มีอิทธิพล ต่องานดนตรีของประเทศไทย ก็คือการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและการเปลี่ยนแปลงทาง เทคโนโลยี ซึ่งสามารถสรุปได้ ดังนี้
Explain
ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับเหตุการณ ประวัติศาสตรกับการเปลี่ยนแปลงทางดนตรีใน ประเทศไทย ในหัวขอการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง กับงานดนตรี ตามที่ไดศึกษามา จากนั้นครูถาม นักเรียนวา • เพราะเหตุใดดนตรีจึงมีการเปลี่ยนแปลง รูปแบบไปจากอดีต (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ)
๓.๑ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองกับงานดนตรี การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมีอิทธิพลต่องานดนตรีของประเทศไทยในทุกยุคสมัย ทั้งโดย เปลี่ยนจากพื้นฐานของตนเอง และรับแนวคิดจากวัฒนธรรมภายนอก ๑) ช่วงปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ประเทศไทยได้รับแนวคิด การมีเพลงเกียรติยศส ศสำาหรับสถาบันหรือบุคคลส คลสำาคัญของชาติจากชาวตะวันตก กล่าวคือ ประเทศ ที่มีกษัตริย์ก็ต้องมีเพลงส พลงสำ ผลทาให้เกิ3ดเพลงเกียรติยศขึ้นมาหลายเพลง เช่น 1 าหรับกษัตริ2ย์ ส่งผลทำ เพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงมหาชัย เพลงมหาฤกษ์ เป็นต้น 16
นักเรียนควรรู 1 เพลงสรรเสริญพระบารมี เปนเพลงบรรเลงเพื่อสรรเสริญพระบารมีแหง พระมหากษัตริย แตเดิมไดใชเพลงนี้เปนเพลงประจําชาติของไทย จัดเปนเพลง ชาติไทยฉบับที่ 3 ทํานองโดย ปโยตร ชูรอฟสกี้ (Pyotr Schurovsky) นักประพันธ เพลงชาวรัสเซีย คํารองเปนพระนิพนธในสมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ เจาฟาจิตรเจริญ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ 2 เพลงมหาชัย เปนเพลงเกียรติยศสําหรับพระบรมวงศ สมเด็จพระบรมราชชนนี ผูสําเร็จราชการแทนพระองค นายกรัฐมนตรี ใชเปนเพลงเดินธงในพิธีการสําคัญ ทางทหารและใชบรรเลงในการอวยพร 3 เพลงมหาฤกษ เปนเพลงที่ใชบรรเลงในเวลาไดฤกษเปดงานที่เปนพิธีสําคัญ สําหรับเชื้อพระวงศที่ตํ่ากวาชั้นพระบรมวงศลงมา ขาราชการที่มีระดับตํ่ากวา นายกรัฐมนตรีและทหารที่มียศตํ่ากวาจอมพลลงมาจนถึงสามัญชนทั่วไป ประพันธ ทํานองโดยสมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ เจาฟาบริพัตรสุขุมพันธุ กรมพระนครสวรรค วรพินิต
16
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ขอใด ไมใช สาเหตุที่ทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงทางดนตรีในประเทศไทย 1. การเปลี่ยนแปลงการปกครองตามนโยบายของรัฐบาล 2. ภายหลังเหตุการณ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 3. สภาพทางภูมิอากาศและภูมิประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลง 4. ปฏิรูปการปกครองแผนดินในสมัยรัชกาลที่ 5 วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะสภาพทางภูมิอากาศและภูมิประเทศ เกิดการเปลี่ยนแปลงไมไดมีสวนเกี่ยวของที่ทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลง ทางดนตรีในประเทศไทย
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
Explain
ครูสุมนักเรียน 2 - 3 คน ใหตอบคําถาม ดังตอไปนี้ • การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองกับงานดนตรี จะเกิดขึ้นเมื่อเกิดเหตุการณในชวงใด (แนวตอบ เกิดเหตุการณในชวงการปฏิรูป การปกครองแผนดิน ชวงหลังการเปลีย่ นแปลง การปกครอง ชวงสมัยรัฐนิยม ชวงเหตุการณ วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516) • เพลงเกียรติยศหมายถึงเพลงที่มีลักษณะ อยางไร (แนวตอบ เพลงเกียรติยศ เปนเพลงบรรเลง เพื่อเปนเกียรติยศแกบุคคล ผูดํารงตําแหนง สําคัญ หรือผูมียศทางทหารตางๆ ในโอกาส ตางๆ ซึ่งในบางประเทศก็ใชเพลงชาติ ในการทําหนาที่ดังกลาวนี้ดวย) • เพราะเหตุใดจึงมีการยกเลิกเพลงสรรเสริญ พระบารมีไมใชเปนเพลงประจําชาติ (แนวตอบ เพราะมีการประพันธเพลงชาติ ขึ้นใหม ทํานองโดยพระเจนดุริยางค ในชวง หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อป พ.ศ. 2475 ซึ่งเพลงสรรเสริญพระบารมี ไมไดใชในฐานะเพลงชาติอีกตอไป แตยัง นํามาใชในฐานะเพลงที่ใชแสดงเพื่อถวาย ความเคารพแดองคพระมหากษัตริย) • เพราะเหตุใดจึงนําเพลงมหาฤกษมาใช ในงานมงคลสมรส (แนวตอบ เพราะเพลงมหาฤกษเปนเพลงที่ นิยมนํามาใชแทนคําอวยพรซึ่งกันและกัน ในพิธีมงคลฤกษตางๆ เพลงนี้จึงถูกนํามา ใชเพื่อเปนการอวยพรใหแกคูบาวสาว เพื่อเปนการแสดงความยินดี ทุกคนในงาน จะรวมกันยืนขึน้ เปนการใหเกียรติพรอมกัน)
ส�ำหรับที่มำของเพลงสรรเสริญพระบำรมี เกิดจำกเมื่อครั้งที่พระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัวเสด็จประพำสเกำะชวำ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๔ ขณะที่ประทับอยู่ที่สิงคโปร์ วงดุริยำงค์ของอังกฤษต้องกำรบรรเลงเพลง เกียรติยศเพือ่ รับเสด็จ ในสมัยนัน้ ประเทศไทยยัง ไม่มเี พลงเกียรติยศส�ำหรับกษัตริย์ วงดุรยิ ำงค์จงึ ใช้เพลง “God Save the Queen” ซึ่งเป็นเพลง เกียรติยศของอังกฤษบรรเลงรับเสด็จแทน และ เมือ่ ทรงเสด็จไปยังเมืองปัตตำเวีย ชำวฮอลันดำ ก็ได้สอบถำมถึงเพลงประจ�ำพระองค์ เพื่อจะได้ น�ำไปบรรเลงรับเสด็จเช่นกัน เมื่ อ เสด็ จ นิ วั ต สู ่ เ มื อ งไทย จึ ง ทรง โปรดเกล้ำฯ ให้ด�ำเนินกำรให้มีเพลงเกียรติยศ ส�ำหรับกษัตริย์อย่ำงเป็นทำงกำร ซึ่งครูดนตรี ธีสวนสนามของทหารม้ารักษาพระองค์มีการบรรเลง ไทยได้เลือกเพลงบุหลันลอยเลือ่ นในสมัยรัชกำล พิเพลงสรรเสริ ญ พระบารมี เพื่ อ รั บ เสด็ จ และส่ ง เสด็ จ ที่ ๒ มำปรับปรุงเป็นเพลงสรรเสริญพระบำรมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ท่วงท�ำนองจังหวะยังคงไม่เหมำะกับกำรใช้ เครื่องดนตรีสำกลบรรเลง ในเวลำต่อมำจึงโปรดเกล้ำฯ ให้น�ำท�ำนอง เพลงที่ครูดนตรีชำวฮอลันดำเป็นผู้แต่งมำใช้ ใช้ ส่วนเนื้อร้องเป็นบทพระนิพนธ์ของสมเด็จฯ เจ้ำฟ้ำกรมพระยำนริศรำนุวัดติวงศ์ ซึง่ ภำยหลั ำยหลั ยหลัง พระบำทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ำเจ้ำอยูห่ วั ทรงปรับ ค�ำบำงแห่ งแห่งให้สอดคล้องกัน ดังเนื้อเพลงที่ ใช้ ร้องกันในปัจจุบัน ส�ำหรับเพลงมหำชัย สมเด็จพระเจ้ำบรมวงศ์เธอ เจ้ำฟ้ำกรมพระยำนริศรำนุวัดติวงศ์ทรงพระนิพนธ์ขึ้น เพื่อเป็ น เพลง เกี ย รติ ย ศของประธำนในพิ ธี ที่ เ ป็ น พระบรม วงศำนุนุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ เช่น สมเด็จพระเทพรัตนปัจจุบันนิยมบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ ท�านองเพลงฝรั่งใน รำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี เป็นต้น และ ช่วงเวลาทีถ่ อื เป็นฤกษ์ หรือในการเปิดงานทีเ่ ป็นพิธตี า่ งๆ 17
กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนฝกขับรองเพลงสรรเสริญพระบารมี หรือเพลงมหาฤกษ หรือเพลงมหาชัย ตามความสนใจของตนเอง 1 เพลง จากนั้นออกมา ขับรองเพลงใหเพื่อนชมหนาชั้นเรียน พรอมอธิบายเหตุผลในการเลือกเพลง นี้มาใชในการขับรอง โดยมีครูเปนผูชี้แนะความถูกตอง
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนฟงเพลงสรรเสริญพระบารมี หรือเพลงมหาฤกษ หรือเพลงมหาชัย ตามความสนใจของตนเอง 1 เพลง จากนั้นวิเคราะห ความหมายของบทเพลง ลงกระดาษรายงาน นําสงครูผูสอน
เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายความรูเ พิม่ เติมเกีย่ วกับเพลงมหาชัยวา ในชวงทีม่ กี ารเปลีย่ นแปลง การปกครอง พ.ศ. 2475 คณะราษฎรไดนําเอาเพลงมหาชัยมาใชเปนเพลงปฏิวัติ มีชื่อวา “เพลงชาติมหาชัย” คํารองโดยเจาพระยาธรรมศักดิ์มนตรี เนื้อเพลง ชาติมหาชัย มีดังนี้ “สยามอยูคูฟาอยาสงสัย เพราะชาติไทยเปนไทยไปทุกเมื่อ ชาวสยามนําสยามเหมือนนําเรือ ผานแกงเกาะเพราะเพื่อชาติพนภัย เรารวมใจรวมรักสมัครหนุน วางธรรมนูญสถาปนาพาราใหม ยกสยามยิ่งยงธํารงชัย ใหคงไทยตราบสิ้นดินฟา”
มุม IT นักเรียนสามารถฟงเพลงชาติมหาชัย ไดจาก http://www.youtube.com โดยคนหาจากคําวา เพลงชาติมหาชัย คูมือครู
17
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ครูสุมนักเรียน 2 - 3 คน ใหตอบคําถาม ดังตอไปนี้ • ในชวงเปลี่ยนแปลงการปกครองป พ.ศ. 2475 ดนตรีมีการเปลี่ยนแปลงไปอยางไร (แนวตอบ คณะราษฎรไดประกาศใชเพลง ชาติมหาชัย ซึง่ ประพันธเนือ้ รองโดยเจาพระยา ธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เปนเพลงชาติอยู 7 วัน แตไมไดรับความนิยม จากประชาชน จึงไดเปลี่ยนมาเปนเพลงชาติ ฉบับที่แตงทํานองโดยพระเจนดุริยางค (ปติ วาทยะกร) เปนเพลงชาติอยาง เปนทางการแทนเพลงสรรเสริญพระบารมี) • เพราะเหตุใดในชวงสมัยรัฐนิยมการดนตรี จึงมีรูปแบบเปลี่ยนไปจากอดีตเปนอยางมาก (แนวตอบ เพราะรัฐบาลตองการที่จะพัฒนา ประเทศใหมีความทันสมัยมากขึ้นเหมือนกับ ชาติตะวันตก จึงไดมีการกําหนดวัฒนธรรม ขึ้นใหมเพื่อใหคนไทยยึดถือและปฏิบัติตาม ซึ่งนโยบายนี้มีผลกระทบตอดนตรีไทย คือ มีการหามบรรเลงดนตรีไทย เพราะเห็นวา ไมสอดคลองกับการพัฒนาประเทศ ใครที่ตองการจัดใหมีการบรรเลงดนตรีไทย ตองขออนุญาตจากทางราชการกอน) • ละครหลวงวิจติ รวาทการคือละครทีม่ ลี กั ษณะ อยางไร (แนวตอบ เปนละครที่จะใชเปนสื่อปลุกใจ ใหประชานเกิดความรักชาติ เนื้อหาสวนใหญ นํามาจากประวัติศาสตรตอนใดตอนหนึ่ง บทละครจะมีทั้งรัก รบ อารมณสะเทือนใจ ความรักที่มีตอคูรัก ถึงแมจะมากมายเพียงไร ก็ไมเทากับความรักชาติ ตัวเอกของเรื่อง จะเสียสละชีวิตเพื่อชาติ)
1 เพลงมหำฤกษ์ สมเด็จพระเจ้ำบรมวงศ์เธอ เจ้ำฟ้ำบริพตั รสุขมุ พันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินติ ทรงน�ำ ท�ำนองของเก่ำครัง้ สมัยอยุธยำมำพระนิพนธ์ขนึ้ ให้เป็นท�ำนองอย่ำงเพลงฝรัง่ ใช้ในวโรกำสทีเ่ กีย่ วกับ ฤกษ์พิธี หรือช่วงเวลำที่เหมำะสมและส�ำคัญที่สุดของงำน รวมทั้งใช้บรรเลงต้อนรับประธำนในพิธี ที่มิได้เป็นพระบรมวงศำนุวงศ์ ๒) ช่วงหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ภำยหลังเปลี่ยนแปลงกำรปกครอง มำเป็นระบอบประชำธิปไตย เมื่อเดือนมิถุนำยน พ.ศ. ๒๔๗๕ ก็ได้มีกำรใช้เพลงชำติฉบับที่ พระเจนดุรยิ ำงค์ (ปิติ วำทยกร) ประพันธ์ทำ� นอง และขุนวิจติ รมำตรำ (สง่ำ กำญจนำคพันธุ)์ ประพันธ์ เนื้อเพลง แต่ใช้เป็นช่วงสั้นๆ อย่ำงไม่เป็นทำงกำร ในปี พ.ศ. ๒๔๗๗ รัฐบำลได้จดั ประกวดเนือ้ ร้องเพลงชำติใหม่ ผลปรำกฏว่ำเนือ้ ร้องของ ขุนวิจิตรมำตรำยังคงได้รับกำรรับรองให้ใช้อีกต่อไป แต่มีกำรเพิ่มเนื้อร้องของนำยฉันท์ ข�ำวิไล เข้ำต่อท้ำยอีก ๒ บท ท�ำให้เนื้อร้องเพลงชำติยำวมำก ต่อมำเมื่อมีกำรเปลี่ยนชื่อประเทศจำก สยำมมำเป็นไทย ในปี พ.ศ. ๒๔๘๒ ทำงรำชกำรจึงเลือกใช้ท�ำนองเพลงเดิมของพระเจนดุริยำงค์ 2 ส่วนเนือ้ เพลงได้เปิดให้มกี ำรประกวดทัว่ ไป ผลปรำกฏว่ำเนือ้ เพลงของพันเอก หลวงสำรำนุประพันธ์ (นวล ปำจิณพยัคฆ์) ซึง่ แต่งในนำมกองทัพบกได้รบั คัดเลือกและน�ำมำใช้อย่ำงเป็นทำงกำร นับตัง้ แต่ วันที่ ๑๐ ธันวำคม พ.ศ. ๒๔๘๒ เป็นต้นมำ ๓) ช่วงสมัยรัฐนิยม กำรเมืองของประเทศไทยหลัง พ.ศ. ๒๔๗๕ เป็นต้นมำ รัฐบำลมีควำมต้องกำรจะพัฒนำประเทศให้มีควำมทันสมัยเหมือนอย่ำงตะวันตก รวมทั้งต้องกำร ปลูกฝังให้คนไทยมีควำมคิดแบบชำตินิยม จึงพยำยำมก�ำหนดวัฒนธรรมใหม่ให้คนไทยยึดถือ แนวควำมคิดนี้มีควำมชัดเจนมำกใน 3 รัฐบำลของจอมพล ป. พิบูลสงครำม ซึ่งด�ำรง ต�ำแหน่งนำยกรัฐมนตรี ระหว่ำง พ.ศ. ๒๔๘๑๒๔๘๗ ได้ออกประกำศรัฐนิยม ถึง ๑๒ ฉบับ ประกอบด้วยกิจกรรมหลำยลักษณะ รวมทั้ง ดนตรีก็ถูกน�ำไปมีส่วนร่วมในกำรสร้ำงควำม รู้สึกชำตินิยมด้วย ซึ่งหน่วยงำนที่เป็นหลักใน กำรด�ำเนินงำนสร้ำงจิตส�ำนึกรักชำติ ได้แก่ กรมศิลปำกร และกรมโฆษณำกำร บุคคลส�ำคัญที่ มีบทบำทในกำรท�ำงำนก็คือหลวงวิจิตรวำทกำร ละครเรื่อง เลือดสุพรรณ เป็นละครที่ปลุกใจให้รักชาติ อธิบดีคนแรกของกรมศิลปำกรที่ ใช้ละครเป็น ปัจจุบันยังมีการน�ามาแสดงในโอกาสต่างๆ เครื่องมือสื่อสำรแนวคิดในกำรรักชำติ 18
นักเรียนควรรู 1 สมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ เจาฟาบริพตั รสุขมุ พันธุ กรมพระนครสวรรควรพินติ พระองคทรงมีพระปรีชาสามารถในงานดนตรีและทรงไดรับการขนานพระนาม เปน “พระบิดาแหงเพลงไทยเดิม” ทรงพระนิพนธเพลงไทย เพลงฝรั่ง และเพลงไทยเดิมไวมากมาย ไดแก เพลงวอลซปลื้มจิต เพลงวอลซชุมพล เพลงสุดเสนาะ เพลงมหาฤกษ และเพลงพญาโศก 2 พันเอกหลวงสารานุประพันธ (นวล ปาจิณพยัคฆ) นักเขียน นักประพันธ บรรณาธิการหนังสือสารานุกูล เปนผูประพันธเพลงชาติไทย 3 จอมพล ป.พิบูลสงคราม (แปลก พิบูลสงคราม) เปนนายกรัฐมนตรีของไทย ที่มีระยะเวลาในการดํารงตําแหนงมากที่สุด คือ 8 สมัย รวม 14 ป 11 เดือน 18 วัน เปนผูเปลี่ยนชื่อ “ประเทศสยาม” เปน “ประเทศไทย” และเปนผูเปลี่ยน “เพลงชาติไทย” มาเปนเพลงที่ใชกันอยูในปจจุบัน
18
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ขอใดกลาว ไมถูกตอง เกี่ยวกับเพลงปลุกใจ 1. เพลงที่มีความหมายมุงปลุกจิตสํานึกของคนไทยใหเกิดความรักชาติ บานเมือง 2. เพลงปลุกใจของไทยเริ่มขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา นภาลัย รัชกาลที่ 2 3. เปนเพลงที่มีเนื้อรอง ทํานอง จังหวะเราใจ ชวนใหผูฟงเกิดอารมณ ฮึกเหิมและคึกคัก 4. เพลงปลุกใจมีอยูหลายบทเพลง เชน เพลงตื่นเถิดไทย เพลงใตรมธงไทย เพลงถิ่นเมืองไทย เพลงไทยรวมกําลัง เปนตน วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะเพลงปลุกใจของไทยเริ่มขึ้น ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 6
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบายความรู โดยเฉพำะละครปลุกใจเรื่องต่ำงๆ ของหลวงวิจิตรวำทกำร จะเน้นเนื้อหำสำระให้ผู้ชม ตระหนักถึงควำมสำมัคคี รักชำติ มีควำมเสียสละเพือ่ ส่วนรวมผ่ำนตัวละคร บทร้อง และท�ำนองเพลง ดังปรำกฏในละครเรื่องเลือดสุพรรณ รำชมนู ศึกถลำง เจ้ำหญิงแสนหวี มหำเทวี เป็นต้น และเมื่อ มีกำรก่อปฏิวตั ริ ฐั ประหำร ทำงรัฐบำลก็ได้นำ� เพลงทีเ่ รียกว่ำเพลงปลุกใจทีอ่ ยู่ในละครมำออกอำกำศ ทำงสถำนีวทิ ยุกระจำยเสียง และสถำนีโทรทัศน์ เช่น เพลงเลือดสุพรรณ จำกละครเรือ่ งเลือดสุพรรณ เพลงรักเมืองไทย จำกละครเรือ่ งรำชมนู เพลงศึกถลำง เพลงแหลมทอง เพลงตืน่ เถิดชำวไทย จำก ละครเรื่องศึกถลำง เป็นต้น ๔) ช่วงเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ สถำนกำรณ์บ้ำนเมืองในขณะนั้น มีควำมแตกแยกทำงควำมคิดอย่ำงหนัก โดยเฉพำะควำมวิตกกังวลเกีย่ วกับกำรแพร่ขยำยของลัทธิ คอมมิวนิสต์ ขณะเดียวกันก็เกิดกำรต่อต้ำนลัทธิทนุ นิยมตะวันตก รวมทัง้ ประชำชนเกิดควำมต้องกำร ให้บ้ำนเมืองมีกำรปกครองแบบประชำธิปไตยอย่ำงสมบูรณ์ ให้รัฐบำลแก้ไขปัญหำคนยำกจนที่ถูก เอำรัดเอำเปรียบ และไม่ได้รับควำมเป็นธรรมต่ำงๆ สภำพเหตุกำรณ์บ้ำนเมืองในขณะนั้น ได้เป็นแรงบันดำลใจให้ศิลปินสร้ำงสรรค์ดนตรี และบทเพลงออกมำรับใช้สงั คมเป็นจ�ำนวนมำก โดยเฉพำะบทเพลงเพือ่ ชีวติ เพลงทีม่ เี นือ้ หำสำระ บอกเล่ำเรื่องรำวควำมเป็นไปในสังคม ให้เห็นควำมยำกไร้ของชนชั้นกรรมำชีพ กำรต่อต้ำนสินค้ำ ต่ำงชำติ ควำมไม่เป็นธรรม เพลงเพื่อชีวิตจะใช้ เครื่องดนตรีง่ำยๆ แล้วแต่ควำมถนัด ผสม ผสำนระหว่ำงเครือ่ งดนตรีตะวันออกกับตะวันตก 1 วงดนตรีเพื่อ2ชีวิตในยุคนั้น เช่น วงคำรำวำน วำำน วงแฮมเมอร์ เป็นต้น ช่ ว งเวลำดั ง กล่ ำ วก็ มี ด นตรี ใ นอี ก ลักษณะหนึ่ง คือ เพลงปลุกใจ ที่มีเนื้อหำสำระ ระ เน้ น ให้ รั ก ชำติ รั ก แผ่ น ดิ น ต่ อ ต้ ำ นลั ท ธิ คอมมิวนิสต์ ต่อต้ำนผู้ที่ท�ำให้บ้ำนเมืองวุ่นวำย เพลงปลุ ก ใจเป็ น เพลงที่ มี อิ ท ธิ พ ลต่ อ ผลกำร ยในของผูฟ้ งั ให้กระตือรือร้น เกิด กระตุน้ พลังภำยในของผู ควำมฮึกเหิม กล้ำหำญญ เพลงปลุกใจทีผ่ คู้ นน�ำมำ ร้องกันบ่อย เช่น เพลงหนักแผ่นดิน ถำมคนไทย วงคาราวานเป็นวงดนตรีเพื่อชีวิตที่โด่งดังมากในช่วง เหตุการณ์ ๑๔ ตุลา ๒๕๑๖ (จากภาพ) ปกเทปเพลงของ อยุธยำร�ำลึก เป็นต้น วงคาราวาน อัลบัมอเมริกันอันตราย 19
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ขอใดเปนเหตุการณที่เกิดขึ้นในชวงวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 1. ขุนวิจิตรมาตราประพันธเนื้อเพลงชาติ 2. มีบทเพลงเพื่อชีวิตที่มีเนื้อหาสาระบอกเลาเรื่องราวความเปนไปในสังคม มากขึ้น 3. จอมพล ป. พิบูลสงคราม ใหหนวยงานของรัฐบาลดําเนินงานสรางจิตสํานึก ใหประชาชนรักชาติ 4. สมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ เจาฟาจิตรเจริญ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ ทรงนิพนธเพลงมหาชัย วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะชวงเวลาดังกลาวดนตรีจะเนนเนื้อหา สาระในเชิงปลุกใจใหรักชาติ มีบทเพลงเพื่อชีวิตที่มีเนื้อหาสาระบอกเลา เรื่องราวความเปนไปในสังคมมากขึ้น ถูกถายทอดโดยวงคาราวาน และวงแฮมเมอร เปนตน
Explain
ครูสุมนักเรียน 2 - 3 คน ใหตอบคําถาม ดังตอไปนี้ • นักเรียนทราบหรือไมวาวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ไดเกิดเหตุการณใดขึ้นกับ ประเทศไทย (แนวตอบ เหตุการณวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 หรือวันมหาวิปโยค เปนเหตุการณ ที่นักศึกษาและประชาชนในประเทศไทย มากกวา 5 แสนคน ไดรวมตัวกัน เพือ่ เรียกรองรัฐธรรมนูญจากรัฐบาลเผด็จการ จอมพลถนอม กิตติขจร โดยในเหตุการณนี้ มีผูเสียชีวิต บาดเจ็บและสูญหาย เปนจํานวนมาก) • จากเหตุการณที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 วงการดนตรีมกี ารเปลีย่ นแปลงไป อยางไร (แนวตอบ จากเหตุการณที่เกิดขึ้นไดเปน การสรางแรงบันดาลใจใหแกศิลปนในการ สรางสรรคงานดนตรีและบทเพลงออกมา เพื่อรับใชสังคมเปนจํานวนมาก โดยเฉพาะ บทเพลงเพื่อชีวิตที่มีเนื้อหาสาระบอกเลา เรื่องราวความเปนไปในสังคมมากขึ้น) • เพลงเพื่อชีวิตหมายถึงเพลงที่มีลักษณะ อยางไร (แนวตอบ เพลงเพื่อชีวิต หมายถึง เพลงที่มีเนื้อหากลาวถึงชีวิตของคน โดยเฉพาะคนชนชั้นลาง กลาวถึงความ ยากลําบากในการใชชีวิต การถูก เอารัดเอาเปรียบ เพลงเพื่อชีวิต ในประเทศไทยเปนที่รูจักและไดรับ ความนิยมอยางมากในชวงหลังเหตุการณ วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 โดยเนื้อหา ของเพลงไมจํากัดเฉพาะชีวิตของคนชั้นลาง แตเพียงอยางเดียว แตยงั รวมถึงการเรียกรอง ประชาธิปไตยและการเหน็บแนมทาง การเมืองอีกดวย)
นักเรียนควรรู 1 วงคาราวาน เปนวงดนตรีเพลงเพื่อชีวิตวงแรกๆ ของประเทศไทย ถือกําเนิด มาจากการรวมวงดนตรี 2 วง คือ ทอเสน สัญจร และบังกลาเทศแบนด คาราวาน ไดออกอัลบั้มแรก คือ “คนกับควาย” ในชวงเหตุการณวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ซึ่งเปนวงดนตรีที่แตงเพลงออกมาเรียกรองประชาธิปไตยอยางแทจริง 2 วงแฮมเมอร เปนวงดนตรีพี่นองชาวไทยมุสลิมเชื้อสายปาทาน มีงานเพลง ที่ไดรับความนิยม เชน เพลงบินหลา เพลงปกษใตบานเรา เปนตน “แฮมเมอร” หมายถึง คอนที่ทุบทําลายความอยุติธรรมตางๆ และสรางความ เปนธรรมในสังคม
มุม IT นักเรียนสามารถฟงเพลงบินหลาของวงแฮมเมอร ไดจาก http://www.youtube.com โดยคนหาจากคําวา เพลงบินหลา
คูมือครู
19
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
อธิบายความรู อธิบExplain ายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
Explain
ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับเหตุการณ ประวัติศาสตรกับการเปลี่ยนแปลงทางดนตรี ในประเทศไทย ในหัวขอการเปลี่ยนแปลง ทางเทคโนโลยีกับงานดนตรี ตามที่ไดศึกษามา จากนั้นครูถามนักเรียนวา • เทคโนโลยีของโลกตั้งแตยุคโบราณ จนถึงยุคปจจุบันใดบางที่สงผลตอดนตรี และเทคโนโลยีนั้นสงผลอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ) • เทคโนโลยีมีความสําคัญตอการเปลี่ยนแปลง ทางดนตรีอยางไร (แนวตอบ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได สงผลใหงานดนตรีมีการพัฒนาทั้งในระบบ คอมพิวเตอร เครื่องดนตรี เครื่องบันทึกเสียง เครื่องขยายเสียง และการปรับปรุงรูปแบบ ของดนตรีจนเกิดประสิทธิภาพสูงสุด) • เครื่องบันทึกเสียงหมายถึงเครื่องมือ ที่นํามาใชทําสิ่งใด (แนวตอบ เครื่องบันทึกเสียง คือ เครื่องมือ สําหรับบันทึกสัญญาณแมเหล็กไฟฟา ความถี่เสียงลงบนแถบบันทึกเสียง และเลนกลับเปนคลื่นเสียงตามธรรมชาติ ใหสามารถไดยนิ เสียงทีถ่ กู บันทึกไวไดอกี ซํา้ ๆ) • ในชีวิตประจําวันนักเรียนสามารถ นําเครื่องบันทึกเสียงมาใชในกิจกรรมใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไดอยางอิสระ)
หลังเหตุกำรณ์ ๑๔ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๑๖ จนถึงปัจจุบัน สภำพบ้ำนเมืองเปลี่ยนแปลงไป จำกเดิมเป็นอันมำก และแม้ในบำงช่วงจะมีกำรเปลี่ยนแปลงทำงกำรเมืองที่ส�ำคัญเกิดขึ้นใน ประเทศไทย แต่สภำพดนตรีก็ยังไม่เปลี่ยนรูปแบบไปมำกนัก เพียงแต่มีกำรปรับให้สอดคล้องกับ สภำพสังคมและกำรแข่งขันทำงเศรษฐกิจของธุรกิจค่ำยเพลง อย่ำงเพลงเพือ่ ชีวติ ก็ไม่เน้นเรือ่ งรำว ของชนชั้นกรรมำชีพนัก แต่จะกล่ำวถึงเรื่องรำวที่สังคมสนใจ รวมทั้งควำมรักของหนุ่มสำวด้วย หรือจำกจังหวะท�ำนองที่เรียบง่ำย หลำยเพลงก็เปลี่ยนมำเป็นจังหวะท�ำนองที่สนุกสนำนแทน เพื่อให้เข้ำถึงกลุ่มผู้ฟังที่เป็นวัยรุ่นได้ง่ำยขึ้น เนื้อหำของเพลงปลุกใจก็จะเป็นเรื่องรำวหลำกหลำย มำกกว่ำเดิม เช่น เน้นในเรื่องกำรรู้รักสำมัคคี ควำมจงรักภักดี กำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติ ศิลปวัฒนธรรม เป็นต้น
๓.๒ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีกับงานดนตรี
๒๐
ควำมเจริญก้ำวหน้ำทำงด้ำนเทคโนโลยีมีควำมส�ำคัญอย่ำงมำกต่อกำรสร้ำงสรรค์ผลงำนอันมี คุณค่ำ และยังส่งผลต่อกำรพัฒนำงำนด้ำนต่ำงๆ ไม่วำ่ จะเป็นด้ำนวรรณกรรม ศิลปกรรม นำฏกรรม ดนตรี โสตทัศนวัสดุ ภำพยนตร์ และวิทยำศำสตร์ โดยเฉพำะด้ำนงำนดนตรี กำรเปลี่ยนแปลงทำง เทคโนโลยีได้สง่ ผลให้งำนดนตรีมกี ำรพัฒนำทัง้ ในระบบคอมพิวเตอร์ เครือ่ งดนตรี เครือ่ งบันทึกเสียง เครื่องขยำยเสียง และกำรปรับปรุงรูปแบบของดนตรีจนเกิดประสิทธิภำพสูงสุด กำรน�ำเทคโนโลยีเข้ำมำใช้กับงำนดนตรี เริ่มต้นเมื่อ โทมัส อัลวำ เอดิสัน (Thomas Alva Edison) นักวิทยำศำสตร์ที่มีชื่อเสียงของโลก ได้คิดประดิษฐ์เครื่องมือส�ำหรับใช้บันทึกเสียงดนตรีขึ้น เรียกเครื่องมือชนิดนี้ว่ำ “เครื่องบันทึกเสียงเอดิสัน โฟโนกราฟ” (Edison Phonograph) เครื่องมือ ชนิดนี้สำมำรถบันทึกท�ำนองและจังหวะของ บทเพลงเพื่อสื่อไปถึงผู้ฟังได้ ซึ่งแตกต่ำงจำก กำรบั น ทึ ก เพลงด้ ว ยตั ว โน้ ต เหมื อ นแต่ ก ่ อ น ในช่วงแรกเครื่องบันทึกเสียงดังกล่ำวยังให้รำย ละเอียดและคุณภำพเสียงได้ไม่ดีนัก แต่ก็ถือ เป็นสิง่ ทีส่ ร้ำงควำมมหัศจรรย์ให้แก่วงกำรดนตรี อย่ำงมำกในสมัยนั้น อีกทั้งยังเป็นกำรเริ่มต้น กำรพัฒนำระบบกำรบันทึกเสียงดนตรีอีกหลำย รูปแบบในภำยหลัง ไม่ว่ำจะเป็นกำรบันทึกเสียง ลงในกระบอกเสียงไขขี้ผึ้ง (Wax Cylinder) (จากภาพ) โทมัส อัลวา เอดิสันกับเครื่องบันทึกเสียง 1 กำร บันทึกเสียงลงในจำนเสียงหรือแผ่นเสียง ใช้เปิด เอดิสัน โฟโนกราฟ (Edison Phonograph) กับเครื่องเล่นจำนเสียง (Gramophone)
เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายเพิม่ เติมเกีย่ วกับประวัตโิ ทมัส อัลวา เอดิสนั (Thomas Alva Edison) วาเปนนักประดิษฐและนักธุรกิจชาวอเมริกัน ผูประดิษฐอุปกรณที่สําคัญตางๆ มากมาย และในป ค.ศ. 1877 เอดิสันไดประดิษฐเครื่องบันทึกเสียงขึ้นและฉายา “พอมดแหงเมนโลพารก” ก็ไดมาจากการที่เขาประดิษฐเครื่องบันทึกเสียงชิ้นนี้
นักเรียนควรรู 1 แผนเสียง วัสดุที่กอใหเกิดเสียง ทําจากวัสดุหลายชนิดและมีหลายขนาด ในอดีตจะเปนกระบอกอัดเสียงเคลือบขี้ผึ้งแบบเอดิสัน ซึ่งในเมืองไทยนํามาใช บันทึกเพลงไทยเดิม ตั้งแตราวปลายรัชกาลที่ 4 ตอมาเริ่มมีการบันทึกเสียงลง แผนเสียง ในสมัยรัชกาลที่ 5 สวนใหญเปนเพลงเรื่องที่บรรเลงดวยวงปพาทย ดึกดําบรรพ ซึ่งกําลังไดรับความนิยมเปนอยางมากในสมัยนั้นและมักไมจบ ในหนาเดียวจึงตองบันทึกตอกันหลายแผนเปนชุด
20
คูมือครู
กิจกรรมสรางเสริม ใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี กับงานดนตรี เขียนสรุปสาระสําคัญและการเปลี่ยนแปลงตางๆ ที่เกิดขึ้น ลงกระดาษรายงาน นําสงครูผูสอน
กิจกรรมทาทาย ใหนักเรียนวิเคราะหขอดี ขอเสียของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี กับงานดนตรี ลงกระดาษรายงาน นําสงครูผูสอน
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ Expand าใจ ขยายความเข
ตรวจสอบผล
Explain
Expand
Evaluate
อธิบExplain ายความรู
อธิบายความรู
ครูสุมนักเรียน 2 - 3 คน ใหตอบคําถาม ดังตอไปนี้ • “บิดาแหงวงการวิทยุกระจายเสียงไทย” หมายถึงบุคคลใด (แนวตอบ พลเอกพระเจาบรมวงศเธอ พระองคเจาบุรฉัตรไชยากร กรมพระกําแพงเพชรอัครโยธิน) • วิทยุไดเขามามีสวนเกี่ยวของกับการ เปลี่ยนแปลงการปกครองอยางไร (แนวตอบ วิทยุกบั การเปลีย่ นแปลงการปกครอง ในป พ.ศ. 2475 ประเทศไทยมีการ เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชยมาเปนระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย ทรงเปนพระประมุข โดยคณะราษฎร ซึ่งนําโดยพันเอกพหลพลพยุหเสนา ในยุคนั้นคณะราษฎรไดใชวิทยุกระจายเสียง เปนสือ่ ในการเผยแพรความรูใ นการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยใหแกประชาชน) • นักเรียนรูจักวิทยุชุมชนหรือไม ถารูจัก วิทยุชุมชนมีลักษณะอยางไร (แนวตอบ วิทยุชุมชนมี 2 ลักษณะ คือ ตั้งโดย ประชาชน ไมหากําไร ทําเพื่อคนในชุมชน à ตั้งโดยผูประกอบการวิทยุทองถิ่น เนนเพลง และโฆษณา)
นอกจำกกำรประดิษฐ์เครื่องมือเกี่ยวกับกำรบันทึกเสียงแล้ว ยังมีกำรปรับปรุงคุณภำพของ งำนดนตรีโดยนักฟิสิกส์ที่ชื่อว่ำ “อเล็กซานเดอร์ เจ. เอลลิส” (Alexander J. Ellis) ได้ศึกษำ วิธวี ดั ระยะขัน้ คูเ่ สียง โดยก�ำหนดให้ ๑ ช่วงทบเสียง (Octave) มีค่ำเท่ำกับ ๑,๒๐๐ เซ็นต์ โดยแบ่ง ระยะครึ่งเสียงในดนตรีตะวันตกเท่ำกับ ๑๐๐ เซ็นต์ ซึ่งวิธีคิดเช่นนี้ก็ยังคงใช้มำจนถึงปัจจุบัน ส�ำหรับในประเทศไทย เทคโนโลยีได้เข้ำมำ มีบทบำทส�ำคัญในกำรเผยแพร่งำนดนตรี ให้ ได้รับควำมนิยมจำกนักฟังเพลงมำกขึ้น เพรำะ นับตัง้ แต่ทมี่ กี ำรเปิดใช้ไฟฟ้ำครัง้ แรกในพระนคร เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๒๗ โดยจอมพลเจ้ำพระยำสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต) มอบหมำยให้ ครูฝกทหำรชำวอิตำลีเป็นผู้ไปด�ำเนินกำรจัดซื้อ เครื่องเล่นจานเสียง (Gramophone) ประดิษฐ์ขึ้นโดย เครื่องจักรไฟฟ้ำจำกประเทศอังกฤษ เมื่อมี นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน เพื่อใช้เล่นแผ่นเสียง กระแสไฟฟ้ำใช้เรียบร้อยแล้ว พลเอกพระเจ้ำบรมวงศ์เธอ กรมพระก�ำแพงเพชรอัครโยธิน จึงได้ทรงเริ่มกระจำยเสียงจำกวังบ้ำนดอกไม้ เมื่อวันที่ ๑๓ มกรำคม พ.ศ. ๒๔๕๖ โดยเริ่มจำก กำรกระจำยเสียงข่ำวสำรของทำงรำชกำร จำกนั้นจึงมีรำยกำรบรรเลงดนตรีของวงต่ำงๆ ตำมมำ ทั้งวงดนตรีสำกล วงดนตรีไทยสำกล วงดนตรีไทย ออกอำกำศตำมรำยกำรที่จัดขึ้นจ�ำนวนมำก ท�ำให้ประชำชนมีโอกำสได้รับฟังข่ำวสำรและเพลงจำกรำยกำรต่ำงๆ เป็นกำรน�ำดนตรีไปสู่ผู้ฟัง ทั้งในพระนครและต่ำงจังหวัด กำรพัฒนำเทคโนโลยีดำ้ นงำนดนตรีกย็ งั ด�ำเนินต่อไปอย่ำงไม่หยุดนิง่ นักวิทยำศำสตร์ได้สร้ำง เครือ่ งบันทึกเสียงต่อมำอีกหลำยลักษณะ เทคโนโลยีเกีย่ วกับงำนดนตรีก็ได้พฒ ั นำขึน้ ตำมควำมนิยม ของนักฟังเพลง ซึง่ ปรับเปลีย่ นไปตำมยุคสมัย โดยในปัจจุบนั พัฒนำกำรของกำรดนตรีได้ปรับตำม เทคโนโลยีระบบดิจิทัล คือ นอกจำกกำรน�ำเสียงดนตรีไปสู่ผู้ฟังผ่ำนทำงวิทยุกระจำยเสียงแล้ว ก็ ยังพัฒนำไปสู่กำรเผยแพร่ทำงสถำนีโทรทัศน์ เครือข่ำยอินเทอร์เน็ต จนเข้ำสู่ระบบดำวเทียมที่ใน ปัจจุบันถือว่ำเป็นสื่อเผยแพร่ที่มีควำมส�ำคัญในกำรน�ำเพลงไพเรำะสู่กลุ่มผู้ฟังเพลงทั่วโลก ควำมก้ำวหน้ำของเทคโนโลยีได้ส่งผลให้งำนดนตรีมีกำรพัฒนำ ทั้งในระบบคอมพิวเตอร์ กำรพัฒนำเครือ่ งดนตรี เครือ่ งบันทึกเสียง เครือ่ งขยำยเสียง และปรับปรุงรูปแบบของดนตรีให้เกิด ประสิทธิภำพสูงสุด เพื่อน�ำบทเพลงไพเรำะสู่ผู้ฟังให้ได้รับควำมสุขอย่ำงเต็มที่ http://www.aksorn.com/LC/Eco/Mu&Pa/M2/03
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ขอใดเปนการสรางสรรคเทคโนโลยีกับงานดนตรีในยุคเริ่มแรก 1. ผลิตมิวสิกวีดีโอประกอบเพลง 2. สรางแผนซีดี หรือดีวีดีไวบันทึกเสียง 3. ประดิษฐเครื่องมือสําหรับใชบันทึกเสียงดนตรี 4. เปดโรงเรียนสอนปฏิบัติเครื่องดนตรีที่หลากหลาย
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. เพราะโทมัส อัลวา เอดิสัน ประดิษฐ เครื่องมือสําหรับใชบันทึกเสียงดนตรีขึ้น เพื่อนํามาใชในการบันทึกทํานอง และจังหวะของบทเพลงเพื่อสื่อไปถึงผูฟงได ซึ่งจะแตกตางจากการบันทึก โนตอยางเชนอดีตที่ผานมา
Explain
ขยายความเขาใจ
Expand
ใหนักเรียนรวมกันสรุปสาระสําคัญเกี่ยวกับ เหตุการณประวัติศาสตรกับการเปลี่ยนแปลง ทางดนตรีในประเทศไทย ลงกระดาษรายงาน นําสงครูผูสอน
EB GUIDE
๒1
เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิทยุเครื่องแรกของโลกใหนักเรียนฟงวา กําเนิดวิทยุของโลกมีความเปนมา ดังนี้ วิทยุโทรเลข การสงขอความผานสายดวยรหัสที่เปนเสนและจุด พ.ศ. 2408 เจมส คลาก แมกซเวล พบวาคลื่นแมเหล็กไฟฟาเคลื่อนที่ไดเร็วเทาคลื่นแสง และสามารถสงสัญญาณในอากาศไดไมตองใชสาย พ.ศ. 2430 เฮนริช รูดอลฟ เฮิรตซ นักฟสิกสชาวเยอรมัน สงและรับคลื่นแมเหล็กไฟฟาเปนคนแรกของโลก ดวยเครื่องออสซิเลเตอร คลื่นแมเหล็กไฟฟา นั่นคือ เฮิรตเซียน เรียกงายๆ วา คลื่น Hertz หรือยอวา Hz พ.ศ. 2444 กูลิเอลโม มารโคนี สามารถสงคลื่นวิทยุ โทรเลขขามมหาสมุทรแอตแลนติก ระยะแรกเปนการสงวิทยุโทรเลข ยังไมสามารถ สงสัญญาณที่เปนเสียงพูดได พ.ศ. 2449 จึงสามารถสงสัญญาณเสียงพูดไดโดยการ พัฒนาของเรจินัลต เอ. เพสเสนเดน และลีเดอฟอเรส ทําไดสําเร็จในป พ.ศ. 2451 ซึ่งเปนการสงเสียงพูดจากเครื่องสงไปยังเครื่องรับเครื่องหนึ่งในระยะไกล เรียกวา วิทยุโทรศัพท ออกอากาศครั้งแรกของโลกคือ สถานี KCBS ในซานฟรานซิโก สหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2453 เขาไดรับยกยองเปน “บิดาแหงวงการวิทยุ” คูมือครู 21
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
Engage
Explore
Explain
Expand
ตรวจสอบผล
ตรวจสอบผล Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate
Evaluate
ครูพิจารณาจากการสรุปสาระสําคัญเกี่ยวกับ เหตุการณประวัติศาสตรกับการเปลี่ยนแปลง ทางดนตรีในประเทศไทยของนักเรียน
¡Ô¨ ¡รรมศÔÅปŠป¯ÔºัตÔ ñ.๒ กิจกรรมที ่ ๑
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
กิจกรรมที่
1. ผลการสรุปสาระสําคัญเกี่ยวกับองคประกอบ ของดนตรีในสังคมและวัฒนธรรม 2. ผลการจัดนิทรรศการเรื่อง “วัฒนธรรมดนตรีเอเซีย” 3. ผลการสรุปสาระสําคัญเกี่ยวกับเหตุการณ ประวัติศาสตรกับการเปลี่ยนแปลงทางดนตรี ในประเทศไทย
ให้นักเรียนศึกษำค้นคว้ำเกี่ยวกับเหตุกำรณ์ประวัติศำสตร์ท่ีมีอิทธิพลต่อ รูปแบบของดนตรีในประเทศไทย แล้วมำอภิปรำยร่วมกันในชัน้ เรียน ๒ ให้นกั เรียนตอบค�ำถำมต่อไปน�้ ๑. องค์ประกอบของดนตรีทส่ี ำ� คัญมีอะไรบ้ำง จงอธิบำย ๒. ดนตรีในแต่ละวัฒนธรรมมีควำมแตกต่ำงกันอย่ำงไร อธิบำยมำพอสังเขป ๓. ให้นักเรียนยกตัวอย่ำงเหตุกำรณ์ประวัติศำสตร์ท่มี ีอิทธิพลต่อรูปแบบ ของดนตรีในประเทศไทยมำ ๑ เหตุกำรณ์
ก ลาวโดยสรุปไดวา ถึงแมองคประกอบของดนตรีในแตละสังคมจะมีความ
คลายคลึงกัน คือ ประกอบไปดวยเสียง จังหวะ ทํานอง การประสานเสียง เนื้อดนตรี และบันไดเสียง แตลักษณะทางวัฒนธรรมที่มีความแตกตางกัน จึงสงผลทําใหดนตรี ในแตละวัฒนธรรมมีความแตกตางกันตามไปดวย อันกอใหเกิดเอกลักษณที่ทําใหเมื่อ ฟงเสียงดนตรีแลวสามารถจะแยกแยะไดวา เปนของชาติใดหรือวัฒนธรรมใด ทัง้ นีด้ นตรี ที่เราคุนเคยและมีอิทธิพลตอสังคมไทย นอกจากดนตรีจากวัฒนธรรมตะวันตกแลว แล น ยังมีดนตรีจากชาติเพื่อนบานอาเซียน และดนตรีจากวัฒนธรรมอินเดียและจี ทั้งนี้ดนตรีไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย โดยมีปจจัยสําคัญที่ทําใหเกิด การเปลี่ยนแปลง คือ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ที่ทําใหเกิดเพลงในแนวเกียรติยศ เพลงปลุกใจ เพลงเพื่อชีวิตขึ้นมา รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีก็สงผล ใหวธิ กี ารสรางสรรค การนําเสนอ รูปแบบ แนวเพลง และการแสดงดนตรีถกู ปรับเปลีย่ นไป อยางรวดเร็วเชนกัน ดังนั้น จึงอาจกลาวไดวาดนตรีก็เสมือนเปนบันทึกประวัติศาสตร อยางดี ที่ชวยสะทอนลักษณะของสังคมและวัฒนธรรมของแตละยุคสมัยไดเปนอย
๒๒
แนวตอบ กิจกรรมศิลปปฏิบัติ 1.2 กิจกรรมที่ 2 1. องคประกอบของดนตรีประกอบไปดวยเสียง จังหวะ ทํานอง การประสานเสียง เนื้อดนตรีและบันไดเสียง 2. ดนตรีในแตละประเทศจะมีรูปแบบที่แตกตางกันออกไปตามแตวัฒนธรรมของทองถิ่นนั้น เชน มีความแตกตางกันออกไปตามแนวคิด ความเชื่อ คานิยม จารีต ประเพณี วัฒนธรรม เปนตน แตสิ่งจําเปนที่ตองมีเหมือนกันนั่นก็คือในเรื่องขององคประกอบดนตรี เพราะองคประกอบดนตรีเปนสวนหนึ่งของบทเพลง ซึ่งถามีองคประกอบที่สมบูรณและมีคุณภาพแลว จะทําใหบทเพลงมีความไพเราะและเปนการสรางสรรคผลงานทางดนตรีที่ดีชิ้นหนึ่ง ซึ่งบทเพลงที่ถายทอดออกมา จะแสดงใหเห็นถึงอิทธิพลทางวัฒนธรรมและเหตุการณในประวัติศาสตรของประเทศนั้นๆ ไดอยางชัดเจน 3. นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็นไดอยางอิสระ โดยขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครูผูสอน
22
คูมือครู