เอกสารประกอบคูมือครู
กลุมสาระการเรียนรู สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ประวัติศาสตร ไทย ชั้นมัธยมศึกษาปที่
4-6
สําหรับครู
คูมือครู Version ใหม
ลักษณะเดน
ขยายพื้นที่รูปเลมใหญขึ้นกวาเดิม จัดแบงพื้นที่ออกเปนโซน เพื่อคนหาขอมูลไดงาย สะดวก รวดเร็ว และดูเปนระเบียบ กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล
กระตุน ความสนใจ
Evaluate
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
เปาหมายการเรียนรู สมรรถนะของผูเรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค
หน า
โซน 1 กระตุน ความสนใจ
Engage
สํารวจคนหา
Explore
อธิบายความรู
Explain
ขยายความเขาใจ
Expand
ตรวจสอบผล
หน า
หนั ง สื อ เรี ย น
โซน 1
หนั ง สื อ เรี ย น
Evaluate
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NET
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
O-NET บูรณาการเชื่อมสาระ
เกร็ดแนะครู
ขอสอบ
โซน 2
โซน 3
กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
โซน 3
โซน 2 บูรณาการอาเซียน มุม IT
No.
คูมือครู
คูมือครู
No.
โซน 1 ขั้นตอนการสอนแบบ 5Es
โซน 2 ชวยครูเตรียมสอน
โซน 3 ชวยครูเตรียมนักเรียน
เพื่อใหครูเตรียมจัดกิจกรรมการเรียน การสอน โดยแนะนําขั้นตอนการสอนและ การจัดกิจกรรมแบบ 5Es อยางละเอียด เพื่อใหนักเรียนบรรลุตามตัวชี้วัด
เพื่อชวยลดภาระครูผูสอน โดยแนะนํา เกร็ดความรูสําหรับครู ความรูเสริมสําหรับ นักเรียน รวมทั้งบูรณาการความรูสูอาเซียน และมุม IT
เพื่อใหครูสะดวกตอการจัดกิจกรรม โดย แนะนํากิจกรรมบูรณาการเชือ่ มระหวางสาระหรือ กลุมสาระการเรียนรู วิชา กิจกรรมสรางเสริม กิจกรรมทาทาย รวมถึงเนื้อหาที่เคยออกขอสอบ O-NET แนวขอสอบ NT/O-NET ทีเ่ นนการคิด พรอมเฉลยและคําอธิบายอยางละเอียด
ที่ใชในคูมือครู
แถบสีและสัญลักษณ
แถบสีแสดงขั้นตอนการสอนและการจัดกิจกรรม แบบ 5Es เพื่อใหครูทราบวาเปนขั้นการสอนขั้นใด
1. แถบสี 5Es สีแดง
สีเขียว
กระตุน ความสนใจ
เสร�ม
สํารวจคนหา
Engage
2
•
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใช เทคนิคกระตุน ความสนใจ เพื่อโยง เขาสูบทเรียน
สีสม
อธิบายความรู
Explore
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนสํารวจ ปญหา และศึกษา ขอมูล
สีฟา
Explain
•
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนคนหา คําตอบ จนเกิดความรู เชิงประจักษ
สีมวง
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
•
Evaluate
เปนขั้นที่ผูสอน ใหผูเรียนนําความรู ไปคิดคนตอๆ ไป
•
เปนขั้นที่ผูสอน ประเมินมโนทัศน ของผูเรียน
2. สัญลักษณ สัญลักษณ
วัตถุประสงค
• เปาหมายการเรียนรู
• หลักฐานแสดง ผลการเรียนรู
• เกร็ดแนะครู
แทรกความรูเสริมสําหรับครู ขอเสนอแนะ ขอควรระวัง ขอสังเกต แนวทางการจัด กิจกรรมและอืน่ ๆ เพื่อประโยชนในการ จัดการเรียนการสอน ขยายความรูเพิ่มเติมจากเนื้อหา เพื่อให ครูนําไปใชอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียน ไดมีความรูมากขึ้น
•
ความรูห รือกิจกรรมเสริม ใหครูนาํ ไปใช เตรียมความพรอมใหกบั นักเรียนกอนเขาสู ประชาคมอาเซียนใน พ.ศ. 2558 โดย บูรณาการกับวิชาทีก่ าํ ลังเรียน
บูรณาการอาเซียน
•
คูม อื ครู
แสดงรองรอยหลักฐานตามภาระงาน ที่ครูมอบหมาย เพื่อแสดงผลการเรียนรู ตามตัวชี้วัด
• นักเรียนควรรู
มุม IT
แสดงเปาหมายการเรียนรูที่นักเรียน ตองบรรลุตามตัวชี้วัด ตลอดจนสมรรถนะ ที่จะตองมี และคุณลักษณะที่พึงเกิดขึ้น กับนักเรียน
แนะนําแหลงคนควาจากเว็บไซต เพื่อให ครูและนักเรียนไดเขาถึงขอมูลความรู ที่หลากหลาย ทั้งไทยและตางประเทศ
สัญลักษณ
ขอสอบ
วัตถุประสงค
O-NET
(เฉพาะวิชา ชัน้ ทีส่ อบ O-NET)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T (เฉพาะระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนตน)
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET (เฉพาะระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลาย)
บูรณาการเชื่อมสาระ
กิจกรรมสรางเสริม
กิจกรรมทาทาย
• ชีแ้ นะเนือ้ หาทีเ่ คยออกขอสอบ
O-NET โดยยกตัวอยางขอสอบ พรอมวิเคราะหคาํ ตอบ อยางละเอียด
• เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน
การคิดและเปนแนวขอสอบ NT/O-NET ในระดับมัธยมศึกษา ตอนตน มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด
• เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน
การคิดและเปนแนวขอสอบ O-NET ในระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย พรอมเฉลยอยางละเอียด
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม
เชือ่ มกับสาระหรือกลุม สาระ การเรียนรู ระดับชัน้ หรือวิชาอืน่ ทีเ่ กีย่ วของ
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม ซอมเสริมสําหรับนักเรียนทีค่ วร ไดรบั การพัฒนาการเรียนรู
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม ตอยอดสําหรับนักเรียนทีเ่ รียนรู ไดอยางรวดเร็ว และตองการ ทาทายความสามารถในระดับ ทีส่ งู ขึน้
คําแนะนําการใชคูมือครู การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน คูม อื ครู รายวิชา ประวัตศิ าสตรไทย ม.4-6 จัดทําขึน้ เพือ่ ใหครูผสู อนนําไปใชเปนแนวทางวางแผนการสอนเพือ่ พัฒนา ผลสัมฤทธิท์ างการเรียน และประกันคุณภาพผูเ รียน ตามนโยบายของสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน (สพฐ.) โดยใชหนังสือเรียน ประวัตศิ าสตรไทย ม.4-6 ของบริษทั อักษรเจริญทัศน อจท. จํากัด เปนสือ่ หลัก (Core Material) ประกอบ เสร�ม การสอนและการจัดกิจกรรมการเรียนรูใหสอดคลองกับมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดกลุมสาระการเรียนรู สังคมศึกษา 3 ศาสนา และวัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอน ตามหลักการสําคัญ ดังนี้ 1 ออกแบบการสอนเปนหนวยการเรียนรูอิงมาตรฐาน คูม อื ครู รายวิชา ประวัตศิ าสตรไทย ม.4-6 วางแผนการสอนโดยแบงเปนหนวยการเรียนรูต ามลําดับสาระ (strand) และ หมายเลขขอของมาตรฐานการเรียนรูแ ละตัวชีว้ ดั แตละหนวยจะกําหนดเปาหมายการเรียนรูแ ละจุดประสงคการเรียนรู (Objective Learning) กิจกรรมการเรียนรู (Learning Activities) และแนวทางการประเมินผลการเรียนรู (Learning Evaluation) ไวชัดเจน ครูผูสอนสามารถจัดทําแผนการสอนใหครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู ตัวชี้วัด สมรรถนะ และคุณลักษณะ อันพึงประสงคที่เปนเปาหมายการเรียนรูตามที่กําหนดไวในสาระแกนกลาง (ตามแผนภูมิ) และสามารถบันทึกผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของผูเรียนแตละคนลงในเอกสาร ปพ.5 ไดอยางมั่นใจ แผนภูมิแสดงความสัมพันธขององคประกอบการออกแบบการเรียนรูอิงมาตรฐานและเนนผูเรียนเปนสําคัญ
พผ
ูเ
จุ ด ป ร
ะสง
คก า
ส ภา
รี ย น
ร
รู ีเรยน
มาตรฐานการเรียนรู ชวงชั้น
ทักษะการคิด การวัดประเมินผล การเรียนรู
กิจกรรมการเรียนรู
เทคนิคการสอน คูม อื ครู
2 การจัดการเรียนรูที่ยึดผูเรียนเปนสําคัญ แนวคิ ด ในการจั ด การเรี ย นการสอนที่ ยึ ด ผู เ รี ย นเป น สํ า คั ญ พั ฒ นามาจากปรั ช ญาและทฤษฎี ก ารเรี ย นรู Constructivism ที่เชื่อวา การเรียนรูเปนกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในสมองของผูเรียนแตละคน ผูเรียนเปนผูสรางความรู โดยการเชื่อมโยงระหวางสิ่งที่ไดเรียนรูจากบทเรียนใหมกับความรูหรือประสบการณเดิมที่มีอยู ทฤษฎีนี้มีความเชื่อวา ผูเรียนทุกคนไดเรียนรูและมีการสั่งสมความรูความเขาใจเกี่ยวกับสิ่งตางๆ ติดตัวมากอน ทีจ่ ะเขาสูห อ งเรียน ซึง่ เปนการเรียนรูท เี่ กิดจากประสบการณและสิง่ แวดลอมรอบตัวผูเ รียนแตละคน ดังนัน้ การจัดกิจกรรม เสร�ม การเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ผูสอนจะตองคํานึงถึง
4
1. ความรูเดิมของผูเรียน วิธีการสอนที่ดีจะตองเริ่มตนจากจุดที่วา ผูเ รียนมีความรูอ ะไรมาบาง แลวจึงใหความรู หรือประสบการณใหม เพื่อตอยอดจาก ความรูเดิม นําไปสูการสรางความรู ความเขาใจใหม
2. ความรูเดิมของผูเรียนถูกตองหรือไม ผูส อนตองปรับเปลีย่ นความรูค วามเขาใจเดิม ของผูเรียนใหถูกตอง และเปนพฤติกรรม การเรียนรูใ หมทมี่ คี ณุ คาตอผูเรียน เพื่อสราง เจตคติหรือทัศนคติที่ดีตอการเรียนรู สิ่งเหลานั้น
3. ผูเรียนสรางความหมายสําหรับตนเอง ผูสอนตองสงเสริมใหผูเรียนนําความรู ความเขาใจที่เกิดขึ้นไปลงมือปฏิบัติ เพื่อขยายความรูใหลึกซึ้งและมีคุณคา ตอตัวผูเรียนมากที่สุด
แนวคิด Constructivism เนนใหผูเรียนสรางความรูโดยผานกระบวนการคิดและความอยากรูของตนเอง โดยมีผูสอนเปนผูสรางบรรยากาศ
การเรียนรูและกระตุนความสนใจ คอยจัดสถานการณใหผูเรียนเกิดความขัดแยงทางความคิดระหวางประสบการณเดิมกับประสบการณ ความรูใ หม เพือ่ กระตนุ ใหผเู รียนเชือ่ มโยงความรู ความคิด กับประสบการณทมี่ อี ยูเ ดิม แลวสังเคราะหเปนความรูห รือแนวคิดใหมๆ ไดดว ยตนเอง
3 การบูรณาการกระบวนการคิด การเรียนรูของผูเรียนแตละคนจะเกิดขึ้นที่สมอง ซึ่งเปนอวัยวะที่ทําหนาที่รูคิดภายใตสภาพแวดลอมที่เอื้ออํานวย และไดรบั การกระตนุ จูงใจอยางเหมาะสม สอดคลองกับสภาพจิตใจและความตองการของผูเ รียนแตละคน การจัดกิจกรรม การเรียนรูและสาระการเรียนรูที่สอดคลองกับความสนใจและมีความหมายตอผูเรียน จะชวยกระตุนใหสมองของผูเรียน สามารถรับรูและเรียนรูไดอยางมีประสิทธิภาพตามขั้นตอนการทํางานของสมอง ดังนี้ 1. สมองจะเรียนรูและสืบคน โดยการสังเกต คนหา ซักถาม และทดลอง ปฏิบัติ จนทําใหคนพบความรูความเขาใจ ไดอยางรวดเร็ว
2. สมองจะแยกแยะคุณคาของสิ่งตางๆ โดยการตัดสินใจวิพากษวิจารณ แสดง ความคิดเห็น ยอมรับหรือตอตานตาม อารมณความรูสึกที่เกิดขึ้นในขณะที่เรียนรู
3. สมองจะประมวลเนื้อหาสาระ โดยการสรุปเปนความคิดรวบยอดจาก เรื่องราวที่ไดเรียนรูใหมนําไปผสมผสานกับ ความรูห รือประสบการณเดิมทีถ่ กู จัดเก็บอยูใ น สมอง ผานการกลัน่ กรองเพือ่ สังเคราะหเปน ความรูค วามเขาใจใหมๆ หรือเปนทัศนคติใหม ที่จะเก็บบรรจุไวในสมองของผูเรียน
การเรียนรูที่มีประสิทธิภาพจึงตองเปนการเรียนรูที่เกิดจากกระบวนการคิดของผูเรียน เพราะการเรียนรูจะเกิดขึ้น เมื่อสมองรูคิด และตองเปนการคิดไดครบถวนตามขั้นตอนการทํางานของสมองผูเรียน โดยเริ่มตนจาก 1. ระดับการคิดพื้นฐาน ไดแก การสังเกต การจําแนก การคาดคะเน การสื่อความหมาย การรวบรวมขอมูล การสรุปผล เปนตน
คูม อื ครู
2. ระดับลักษณะการคิด ไดแก การคิดกวาง คิดลึกซึ้ง คิดไกล คิดหลากหลาย คิดคลอง คิดอยางมีเหตุผล เปนตน
3. ระดับกระบวนการคิด ไดแก กระบวนการคิดอยางมีวิจารณญาณ กระบวนการแกปญหา กระบวนการ คิดสรางสรรค กระบวนการคิดสังเคราะห เปนตน
5Es การจัดกิจกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ขั้นตอนการสอนที่สัมพันธกับขั้นตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้ ขั้นที่ 1
กระตุนความสนใจ
(Engage)
เสร�ม
5
เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของผูเรียนดวยเรื่องราวหรือเหตุการณที่นาสนใจโดยใชเทคนิควิธีการ และคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูความรูของบทเรียนใหม ชวยใหผูเรียนสามารถ สรุปความสําคัญหัวขอและสาระการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนการสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสราง แรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน
ขั้นที่ 2
สํารวจคนหา
(Explore)
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนเปดโอกาสใหผเู รียนลงมือศึกษา สังเกต หรือรวมมือกันสํารวจ เพือ่ ใหเห็นขอบขายของประเด็นหรือปญหา รวมถึง วิธีการศึกษาคนควา การรวบรวมขอมูลความรูที่จะนําไปสูการสรางความเขาใจประเด็นหรือปญหานั้นๆ เมื่อผูเรียนทําความเขาใจใน ประเด็นหรือปญหาที่จะศึกษาคนควาอยางถองแทแลว ก็ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมขอมูลความรู สํารวจตรวจสอบ โดยวิธีการตางๆ เชน สัมภาษณ ทดลอง อานคนควาขอมูลจากเอกสาร แหลงขอมูลตางๆ จนไดขอมูลความรูที่เกี่ยวของกับประเด็นหรือปญหาที่ศึกษา
ขั้นที่ 3
อธิบายความรู
(Explain)
เปนขั้นที่ผูสอนมีปฏิสัมพันธกับผูเรียน เชน ใหการแนะนํา ตั้งคําถามกระตุนใหคิด เพื่อใหผูเรียนคนหาคําตอบ และนําขอมูล ความรูจากการศึกษาคนควาในขั้นที่ 2 มาวิเคราะห สรุปผล และนําเสนอผลที่ไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน เขียนแผนภูมิ ผังมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน ในขั้นตอนนี้ฝกใหผูเรียนใชสมองคิดวิเคราะหและสังเคราะห อยางเปนระบบ
ขั้นที่ 4
ขยายความเขาใจ
(Expand)
เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใชเทคนิควิธีสอนตางๆ ที่สงเสริมใหผูเรียนนําความรูที่เกิดขึ้นไปคิดคนสืบคนตอๆ ไป เพื่อพัฒนาทักษะ การเรียนรูและการทํางานรวมกันเปนกลุม ระดมสมองเพื่อคิดสรางสรรครวมกัน ผูเรียนสามารถนําความรูที่สรางขึ้นใหมไปเชื่อมโยง กับประสบการณเดิมโดยนําขอสรุปทีไ่ ดไปใชอธิบายเหตุการณตา งๆ หรือนําไปปฏิบตั ใิ นสถานการณใหมๆ ทีเ่ กีย่ วของกับชีวติ ประจําวัน ของตนเอง เพื่อขยายความรูความเขาใจใหกวางขวางยิ่งขึ้น ในขั้นตอนนี้ฝกสมองของผูเรียนใหสามารถคิดริเริ่มสรางสรรคอยางมี คุณภาพ เสริมสรางวิสัยทัศนใหกวางไกลออกไป
ขั้นที่ 5
ตรวจสอบผล
(Evaluate)
เปนขัน้ ทีผ่ สู อนประเมินมโนทัศนของผูเ รียน โดยตรวจสอบจากความคิดทีเ่ ปลีย่ นไปและความคิดรวบยอดทีเ่ กิดขึน้ ใหม ตรวจสอบ ทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแกปญหา การตอบคําถามรวบยอด หรือการเคารพความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่น เพื่อการ สรางสรรคความรูร ว มกัน ผูเ รียนสามารถประเมินผลการเรียนรูข องตนเอง เพือ่ สรุปผลวามีความรูอ ะไรเพิม่ ขึน้ มาบาง เกิดความเขาใจ มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ หรือในชีวิตประจําวันไดอยางไร ผูเรียนจะเกิดเจตคติ และเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริง
การจัดกิจกรรมการเรียนรูตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนนผูเรียน เปนสําคัญอยางแทจริง เพราะสงเสริมใหผูเรียนไดเรียนรูตามขั้นตอนของกระบวนการสรางความรูดวยตนเอง และ ฝกฝนใหใชกระบวนการคิดและกระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะชีวิต ทักษะการทํางาน และทักษะการ เรียนรูที่มีประสิทธิภาพ สงผลตอการยกระดับผลสัมฤทธิ์ของผูเรียน ตามเปาหมายของการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการ คูม อื ครู
O-NET การเพิ่มผลสัมฤทธิ์ O-NET
การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es ในแตละหนวยการเรียนรู ทางผูจัดทํา จะเสนอแนะวิธีสอน รูปแบบกิจกรรมการเรียนรู พรอมทั้งออกแบบเครื่องมือวัดและประเมินผลที่สอดคลองกับตัวชี้วัด และสาระการเรียนรูแกนกลางไวทุกขั้นตอน โดยยึดหลักสําคัญ คือ หลักของการวัดและประเมินผล เสร�ม
6
1. การวัดและประเมินผลทุกครั้ง ควรนําผลมาปรับปรุงพัฒนาผูเรียน เปนรายบุคคล
2. การวัดและประเมินผลมี เปาหมาย เพื่อพัฒนาการเรียนรู ของผูเรียนจนเต็มศักยภาพ
3. การนําผลการวัดและประเมินผล ทุกครั้งมาวางแผนปรับปรุงกิจกรรม การเรียนการสอน การเลือกเทคนิค วิธีสอน และสื่อการเรียนรูให เหมาะสมกับสภาพจริงของผูเรียน
การทดสอบผูเรียน 1. การใชขอสอบอัตนัย เนนการอาน การคิดวิเคราะห และการเขียนเพิ่มมากขึ้น 2. การใชคําถามกระตุนการคิดควบคูกับการทําขอสอบที่เนนการคิดอยางตอเนื่องตามลําดับกิจกรรมการเรียนรู และตัวชี้วัด 3. การทดสอบตองดําเนินการทั้งกอนเรียน ระหวางเรียน และหลังเรียน การทดสอบควรใชขอสอบทั้งชนิดปรนัยและ อัตนัย และเปนการทดสอบเพื่อประเมินผลการเรียนของผูเรียนแตละคน เพื่อการสอนซอมเสริมใหบรรลุตัวชี้วัด ไดครบถวน 4. การสอบกลางภาค (ถามี) ควรนําแบบฝกหัดหรือขอสอบทีน่ กั เรียนสวนใหญไมสามารถตอบไดหรือไมครบถวนชัดเจน มา สรางเปนแบบทดสอบอีกครัง้ เพือ่ ตรวจสอบความรูค วามเขาใจทีถ่ กู ตอง และประเมินความกาวหนาของผูเ รียนแตละคน 5. การสอบปลายภาคเรียนเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามตัวชี้วัดที่สําคัญ ควรออกขอสอบใหมีลักษณะเดียวกับ ขอสอบ O-NET โดยเนนการคิดวิเคราะห สังเคราะห เชื่อมโยงประยุกตใช เพื่อสรางความคุนเคย และฝกฝน วิธีการทําขอสอบดวยความมั่นใจ 6. การนําผลการทดสอบของผูเรียนมาวิเคราะห โดยผลการสอบกอนการเรียนตองสามารถพยากรณผลการสอบ กลางภาค และผลการสอบกลางภาคตองทํานายผลการสอบปลายภาคของผูเ รียนแตละคน เพือ่ ประเมินพัฒนาการ ความกาวหนาของผูเรียนเปนรายบุคคล 7. ผลการทดสอบปลายป ปลายภาค ตองมีคาเฉลี่ยสอดคลองกับคาเฉลี่ยของการสอบ NT ที่เขตพื้นที่การศึกษา จัดสอบ รวมทั้งคาเฉลี่ยของการสอบ O-NET ชวงชั้นที่สอดคลองครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัดสําคัญ เพือ่ สะทอนประสิทธิภาพของครูผสู อนในการออกแบบการเรียนรูแ ละประกันคุณภาพผูเ รียนทีต่ รวจสอบผลไดชดั เจน การจัดการเรียนการสอนในแตละหนวยการเรียนรู ตองใหผูเรียนไดสั่งสมความรู ความเขาใจตามลําดับขั้นตอน ของกิจกรรมในวัฏจักรการเรียนรู 5Es เพื่อใหผูเรียนไดเติมเต็มองคความรูอยางตอเนื่อง จนสามารถปฏิบัติชิ้นงานหรือ ภาระงานรวบยอดของแตละหนวย ผานเกณฑประกันคุณภาพในระดับที่นาพึงพอใจ เพื่อรองรับการประเมินภายนอกจาก สมศ. ตลอดเวลา คูม อื ครู
ASEAN การเรียนรูสูประชาคมอาเซียน เพื่ออํานวยความสะดวกแกครูผูสอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรูบูรณาการอาเซียนศึกษา ผูจัดทําไดวิเคราะห มาตรฐานการเรียนรู และตัวชี้วัดที่มีสาระการเรียนรูสอดคลองกับองคความรูเกี่ยวกับประชาคมอาเซียนในแงมุมตางๆ ครอบคลุมทัง้ ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และประชาคมสังคมและวัฒนธรรม อาเซียน เพื่อสงเสริมการเรียนรูใหผูเรียนเกิดความตระหนัก มีความรูความเขาใจเหมาะสมกับระดับชั้นและกลุมสาระ การเรียนรู โดยเสนอแนะวิธีการจัดกิจกรรมบูรณาการเนื้อหาสาระตางๆ ที่เปนประโยชนตอผูเรียนและเปนการชวย เตรียมความพรอมผูเ รียนทุกคนทีจ่ ะกาวเขาสูก ารเปนสมาชิกของประชาคมอาเซียนไดอยางมัน่ ใจตามขอตกลงปฏิญญา เสร�ม ชะอํา-หัวหิน วาดวยความรวมมือดานการศึกษาเพือ่ บรรลุเปาหมายประชาคมอาเซียนทีเ่ อือ้ อาทรและแบงปน จึงกําหนด 7 เปนนโยบายใหกระทรวงศึกษาธิการจัดการเรียนรูเตรียมความพรอมผูเรียนเขาสูประชาคมอาเซียนภายในป พ.ศ. 2558 ตามแนวปฏิบัติที่สําคัญ ดังนี้
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมการเมืองและความมัน่ คงอาเซียน 1. การสรางความรูความเขาใจ และตระหนักถึงความสําคัญของ กฎบัตรอาเซียน และความรวมมือ ของ 3 เสาหลัก ซึง่ กฎบัตรอาเซียน ในขณะนี้มีสถานะเปนกฎหมายที่ ประเทศสมาชิกจะตองปฏิบัติตาม หลักการที่กําหนดไวเพื่อใหบรรลุ เปาหมายของกฎบัตรมาตราตางๆ
2. การสงเสริมหลักการ ประชาธิปไตยและการสราง สิ่งแวดลอมประชาธิปไตย เพื่อการอยูรวมกันอยางกลมกลืน ภายใตวิถีชีวิตอาเซียนที่มีความ หลากหลายดานสังคมและ วัฒนธรรม
4. การตระหนักในคุณคาของ สายสัมพันธทางประวัติศาสตร และมรดกทางวัฒนธรรมที่มี พัฒนาการรวมกัน เพื่อเชื่อม อัตลักษณและสรางจิตสํานึก ในการเปนประชากรของประชาคม อาเซียนรวมกัน
3. การสงเสริมการศึกษาดาน สิทธิมนุษยชน เพื่อสรางประชาคม อาเซียนใหเปนประชาคมเพื่อ ประชาชนอยางแทจริง สามารถ อยูรวมกันไดบนพื้นฐานการเคารพ ในคุณคาของศักดิ์ศรีแหงความ เปนมนุษยเทาเทียมกัน
5. การสงเสริมสันติภาพ ความ มั่นคง และความปรองดองในสังคม ทั้งระดับประเทศและภูมิภาคของ อาเซียนบนพื้นฐานสันติวิธีและการ อยูรวมกันดวยขันติธรรม
คูม อื ครู
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
เสร�ม
8
1. การพัฒนาทักษะการทํางาน เพื่อเสริมสรางผูเรียนใหมีทักษะ วิชาชีพที่จําเปนสอดคลองกับ ความตองการของตลาดแรงงาน และสถานประกอบการในอาเซียน สามารถเทียบโอนผลการเรียน และการทํางานตามมาตรฐานฝมือ แรงงานในภูมิภาคอาเซียน
2. การเสริมสรางวินัย ความรับผิดชอบ และเจตคติรักการทํางาน สามารถพึ่งพาตนเอง มีทักษะชีวิต ดํารงชีวิตอยางมีความสุข เห็นคุณคา และภูมิใจในตนเอง ในฐานะที่เปนพลเมืองไทยและ อาเซียน
3. การเรียนรูเพื่อพัฒนาตนเอง อยางตอเนื่องตลอดชีวิต ใหมี ทักษะการทํางานตามมาตรฐาน อาชีพ และคุณวุฒิของวิชาชีพสาขา ตางๆ เพื่อรองรับการเตรียมเคลื่อน ยายแรงงานมีฝมือและการเปน ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่ เขมแข็ง เพื่อสรางขีดความสามารถ ในการแขงขันในเวทีโลก
การจัดการเรียนรูส ู ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน 1. การเสริมสรางความรวมมือ ในลักษณะสังคมที่เอื้ออาทร ของประชากรอาเซียน โดยยึด หลักการสําคัญ คือ ความงดงาม ของประชาคมอาเซียนมาจาก ความแตกตางและหลากหลายทาง วัฒนธรรมที่ลวนแตมีคุณคาตอ มรดกทางวัฒนธรรมของอาเซียน ซึ่งประชาชนทุกคนตองอนุรักษ สืบสานใหยั่งยืน
2. การเสริมสรางคุณลักษณะ ของผูเรียนใหเปนพลเมืองอาเซียน ที่มีศักยภาพในการกาวเขาสู ประชาคมอาเซียนอยางมั่นใจ เปนผูที่มีสุขภาพสมบูรณแข็งแรง มีทักษะการสื่อสาร ทักษะการ ทํางาน ทักษะทางสังคม สามารถ ทํางานรวมกับผูอื่นไดอยาง สรางสรรค และมีองคความรู เกี่ยวกับอาเซียนที่จําเปนตอการ ดํารงชีวิตอยางมีคุณภาพ
4. การสงเสริมการเรียนรูดาน ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถชี วี ติ ความเปนอยูข องเพือ่ นบาน ในอาเซียน เพื่อสรางจิตสํานึกของ ความเปนประชาคมอาเซียนและ ตระหนักถึงหนาที่ของการเปน พลเมืองอาเซียนรวมกัน
3. การสงเสริมการเรียนรูภาษา อังกฤษเพื่อการสื่อสารและการ ทํางานตามมาตรฐานอาชีพที่ กําหนดและสนับสนุนการเรียนรู ภาษาอาเซียนและภาษาเพื่อนบาน เพื่อชวยเสริมสรางสัมพันธภาพทาง สังคม และการอยูรวมกันอยางสันติ ทามกลางความหลากหลายทาง วัฒนธรรม
5. การสรางความรูและความ ตระหนักเกี่ยวกับดานสิ่งแวดลอม ปญหาและผลกระทบตอคุณภาพ ชีวิตของประชากรในภูมิภาค รวมทั้งแนวทางการพัฒนาอยาง ยั่งยืน ใหเปนมรดกสืบทอดแก พลเมืองอาเซียนในรุนหลังตอๆ ไป
กระทรวงศึกษาธิการจึงประกาศนโยบายการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) เพื่อเรงพัฒนาเด็ก และเยาวชนไทยใหเปนทรัพยากรมนุษยของชาติที่มีทักษะและความชํานาญ พรอมเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงและ การแขงขันทั้งในภูมิภาคอาเซียนและภูมิภาคอื่นๆ ของสังคมโลก ทั้งนี้ผูบริหารสถานศึกษา ครูผูสอน และผูปกครอง ควรรวมมือกันอยางใกลชิดในการดูแลชวยเหลือผูเรียนและจัดประสบการณการเรียนรูเพื่อพัฒนาผูเรียนจนเต็มศักยภาพ เพื่อกาวเขาสูการเปนพลเมืองอาเซียนอยางมีเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีความเปนมนุษยของตน คณะผูจัดทํา คูม อื ครู
ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง สาระที่ 4
ประวัติศาสตรไทย (เฉพาะชั้น ม.4-6)*
ประวัติศาสตร
มาตรฐาน ส 4.1 เขาใจความหมาย ความสําคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร สามารถใชวิธีการทาง ประวัติศาสตรมาวิเคราะหเหตุการณตางๆ อยางเปนระบบ ชั้น
ตัวชี้วัด
สาระการเรียนรูแกนกลาง
ม.4-6 1. ตระหนักถึงความ สําคัญของเวลา และยุคสมัยทาง ประวัติศาสตร ที่แสดงถึงการ เปลี่ยนแปลงของ มนุษยชาติ
• เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตรที่ปรากฏ ในหลักฐานทางประวัติศาสตร ไทยและ ประวัติศาสตรสากล • ตัวอยางเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร ของสังคมมนุษยที่มีปรากฏในหลักฐานทาง ประวัติศาสตร (เชื่อมโยงกับ มฐ. ส 4.3) • ความสําคัญของเวลาและยุคสมัยทาง ประวัติศาสตร 2. สรางองคความรูใหม • ขั้นตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร ทางประวัติศาสตร โดยนําเสนอตัวอยางทีละขั้นตอนอยางชัดเจน โดยใชวิธีการทาง • คุณคาและประโยชนของวิธีการทาง ประวัติศาสตรอยาง ประวัติศาสตร ที่มีตอการศึกษาทาง เปนระบบ ประวัติศาสตร • ผลการศึกษาหรือโครงงานทางประวัติศาสตร
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
เสร�ม
9
• หนวยการเรียนรูที่ 1 เวลา และยุคสมัย ทางประวัติศาสตรไทย
• หนวยการเรียนรูที่ 2 การสรางองคความรูใหม ทางประวัติศาสตรไทย
มาตรฐาน ส 4.3 เขาใจความเปนมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปญญาไทย มีความรัก ความภูมิใจและธํารง ความเปนไทย ชั้น
ตัวชี้วัด
ม.4-6 1. วิเคราะหประเด็น สําคัญของ ประวัติศาสตรไทย
2. วิเคราะหความ สําคัญของสถาบัน พระมหากษัตริย ตอชาติไทย
สาระการเรียนรูแกนกลาง
• ประเด็นสําคัญของประวัติศาสตร ไทย เชน แนวคิดเกี่ยวกับความเปนมาของชาติไทย อาณาจักรโบราณในดินแดนไทยและอิทธิพล ที่มีตอสังคมไทย ปจจัยที่มีผลตอการสถาปนา อาณาจักรไทยในชวงเวลาตางๆ สาเหตุและ ผลของการปฏิรูปการปกครองบานเมือง การ เลิกทาส เลิกไพร การเสด็จประพาสยุโรปและ หัวเมืองสมัยรัชกาลที่ 5 การเปลี่ยนแปลงการ ปกครอง พ.ศ. 2475 บทบาทของสตรีไทย • บทบาทของสถาบันพระมหากษัตริยในการ พัฒนาชาติไทยในดานตางๆ เชน การปองกัน และรักษาเอกราชของชาติ การสรางสรรค วัฒนธรรมไทย
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• หนวยการเรียนรูที่ 3 วิเคราะหประเด็นสําคัญ ทางประวัติศาสตรไทย
• หนวยการเรียนรูที่ 3 วิเคราะหประเด็นสําคัญ ทางประวัติศาสตรไทย
_________________________________ * สํานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, กระทรวงศึกษาธิการ. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม. (กรุงเทพมหานคร : ชุมนุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย, 2551), หนา 92-118.
คูม อื ครู
ชั้น
เสร�ม
10
คูม อื ครู
ตัวชี้วัด
ม.4-6 3. วิเคราะหปจจัยที่ สงเสริมการสรางสรรค ภูมิปญญาไทย และ วัฒนธรรมไทย ซึ่งมี ผลตอสังคมไทยใน ยุคปจจุบัน 4. วิเคราะหผลงาน ของบุคคลสําคัญ ทั้งชาวไทยและ ชาวตางประเทศ ที่มีสวนสรางสรรค วัฒนธรรมไทยและ ประวัติศาสตรไทย
สาระการเรียนรูแกนกลาง
หนวยการเรียนรูในหนังสือเรียน
• อิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออก • หนวยการเรียนรูที่ 3 ที่มีตอสังคมไทย วิเคราะหประเด็นสําคัญ ทางประวัติศาสตรไทย
• หนวยการเรียนรูที่ 4 • ผลงานของบุคคลสําคัญทั้งชาวไทยและ ตางประเทศที่มีสวนสรางสรรควัฒนธรรมไทย ผลงานของบุคคลสําคัญ และประวัติศาสตร ไทย เชน ในการสรางสรรคชาติไทย - พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลานภาลัย • หนวยการเรียนรูที่ 5 - พระบาทสมเด็จพระนั่งเกลาเจาอยูหัว การสรางสรรควัฒนธรรม - พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว - สมเด็จพระมหาสมณเจา กรมพระยาวชิรญาณ และภูมิปญญาไทย วโรรส - พระเจาบรมวงศเธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท - สมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ พระองคเจาดิศวรกุมาร กรมพระยาดํารงราชานุภาพ - สมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ เจาฟาจิตรเจริญ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ - หมอมราโชทัย หมอมราชวงศกระตาย อิศรางกูร - สมเด็จเจาพระยามหาศรีสรุ ยิ วงศ (ชวง บุนนาค) - บาทหลวงปาลเลอกัวซ - พระยากัลยาณไมตรี (Dr. Francis B. Sayre ดร.ฟรานซิส บี แซร) - ศาสตราจารยศิลป พีระศรี - พระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) • ปจจัยและบุคคลที่สงเสริมความสรางสรรค ภูมิปญญาไทยและวัฒนธรรมไทย ซึ่งมีผลตอ สังคมไทยในปจจุบัน เชน - พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวภูมิพลอดุลยเดช - สมเด็จพระนางเจาสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ - สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี - สมเด็จพระเจาพี่นางเธอ เจาฟากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร • หนวยการเรียนรูที่ 5 • สภาพแวดลอมที่มีผลตอการสรางสรรค 5. วางแผนกําหนด ภูมิปญญาและวัฒนธรรมไทย แนวทางและการมี การสรางสรรควัฒนธรรม สวนรวมการอนุรักษ • วิถีชีวิตของคนไทยในสมัยตางๆ และภูมิปญญาไทย ภูมิปญญาไทยและ • การสืบทอดและเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมไทย • แนวทางการอนุรักษภูมิปญญาและวัฒนธรรม วัฒนธรรมไทย ไทย และการมีสวนรวมในการอนุรักษ • วิธีการมีสวนรวมอนุรักษภูมิปญญาและ วัฒนธรรมไทย
คําอธิบายรายวิชา รายวิชา ประวัติศาสตรไทย ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4-6 รหัสวิชา ส…………………………………
กลุมสาระการเรียนรู สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ภาคเรียนที่ 1-2 เวลา 40 ชั่วโมง/ป
ศึกษา วิเคราะห ความสําคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตรที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลง เสร�ม ของมนุษยชาติ ขั้นตอนของวิธีการทางประวัติศาสตร คุณคาและประโยชนของวิธีการทางประวัติศาสตร 11 ที่มีตอการศึกษาทางประวัติศาสตร ประเด็นสําคัญทางประวัติศาสตรตั้งแตความเปนมาของชาติไทยสมัย กอนอาณาจักรสุโขทัยจนถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ความสําคัญของสถาบันพระมหากษัตริยตอชาติ ไทย ปจจัยที่สงเสริมการสรางสรรคภูมิปญญาไทยและวัฒนธรรมไทยซึ่งมีผลตอสังคมไทยในยุคปจจุบัน บทบาทของสถาบันพระมหากษัตริยใ นการพัฒนาชาติไทยในดานตางๆ อิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออก ที่มีตอสังคมไทย ผลงานของบุคคลสําคัญทั้งชาวไทยและตางประเทศที่มีสวนสรางสรรควัฒนธรรมไทยและ ประวัติศาสตรไทย ปจจัยและบุคคลที่สงเสริมความสรางสรรคภูมิปญญาไทยและวัฒนธรรมไทยที่มีผลตอสังคม ไทยในปจจุบัน สภาพแวดลอมที่มีผลตอการสรางสรรคภูมิปญญาและวัฒนธรรมไทย การกําหนดแนวทางและ การมีสวนรวมอนุรักษภูมิปญญาไทยและวัฒนธรรมไทย โดยใชวธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร กระบวนการคิด กระบวนการสืบคนขอมูล กระบวนการปฏิบตั ิ กระบวนการ ทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ กระบวนการแกปญหา กระบวนการกลุม เพื่ อ ให เ กิ ด ความรู ความเข า ใจ ตระหนั ก ในความสํ า คั ญ ของการศึ ก ษาประวั ติ ศ าสตร ช าติ ไ ทย เกิดความรักความภาคภูมิใจและธํารงความเปนไทย มีคุณลักษณะที่พึงประสงคในดานรักชาติ ศาสน กษัตริย ซื่อสัตยสุจริต มีวินัย ใฝเรียนรู รักความเปนไทย มุงมั่นในการทํางาน ตัวชี้วัด ส 4.1 ส 4.3
ม.4-6/1 ม.4-6/1
ม.4-6/2 ม.4-6/2
ม.4-6/3 ม.4-6/4 รวม 7 ตัวชี้วัด
ม.4-6/5
คูม อื ครู
ตาราง
วิเคราะหมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด รายวิชา ประวัตศิ าสตรไทย ม.4-6
คําชี้แจง : ใหผูสอนใชตารางนี้ตรวจสอบความสอดคลองของเนื้อหาสาระการเรียนรูในหนวยการเรียนรูกับมาตรฐาน การเรียนรูและตัวชี้วัดชั้นป
มาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด เสร�ม
12
หนวยการเรียนรู
หนวยการเรียนรูที่ 1 : เวลา และยุคสมัย ทางประวัติศาสตรไทย
หนวยการเรียนรูที่ 2 : การสรางองคความรูใหม ทางประวัติศาสตรไทย
หนวยการเรียนรูที่ 3 : วิเคราะหประเด็นสําคัญ ทางประวัติศาสตรไทย
คูม อื ครู
สาระที่ 4
มาตรฐาน ส 4.1 ตัวชี้วัด 1
2
มาตรฐาน ส 4.3 ตัวชี้วัด 1
2
3
✓
✓
✓
4
5
✓
✓
หนวยการเรียนรูที่ 4 : ผลงานของบุคคลสําคัญ ในการสรางสรรคชาติไทย
✓
หนวยการเรียนรูที่ 5 : การสรางสรรควัฒนธรรม และภูมิปญญาไทย
✓
✓
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹
»ÃÐÇѵÈÔ Òʵà ä·Â Á.ô - Á.ö ªÑ¹é ÁѸÂÁÈÖ¡ÉÒ»‚·èÕ ô - ö
¡ÅØ‹ÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙŒÊѧ¤ÁÈÖ¡ÉÒ ÈÒÊ¹Ò áÅÐÇѲ¹¸ÃÃÁ µÒÁËÅÑ¡ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª òõõñ
¼ÙŒàÃÕºàÃÕ§
¼ÙŒµÃǨ
ºÃóҸԡÒÃ
ÃÈ. ³Ã§¤ ¾‹Ç§¾ÔÈ ÃÈ. ÇزԪÑ ÁÙÅÈÔÅ»Š
ÃÈ. ´¹Ñ äªÂâÂ¸Ò ¹Ò§¹ÀÒÈÃÕ ¢íÒàÁ¦ ¹Ò§ÊÒǾ¨ÁÒÅ à¾ç§»Ò¹
¹ÒÂÊÁà¡ÕÂÃµÔ ÀÙ‹ÃÐ˧É
พิมพครั้งที่ ๑๑
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ รหัสสินคา ๓๐๑๓๐๐๓
¤Œ¹¤ÇÒÁÃÙŒ¢ÂÒ¤ÇÒÁ¤Ô´¨Ò¡
¾ÔÁ¾ ¤ÃÑ駷Õè 1 ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ 3043026
EB GUIDE
ที่พิมพกํากับหัวขอสําคัญในหนังสือเรียนหลักสูตรแกนกลางฯ ผาน www.aksorn.com ไปยังแหลงความรูทั่วไทย-ทั่วโลก
คณะผูจัดทําคูมือครู ดวงใจ สุขอึ้ง
กระตุน ความสนใจ
สํารวจคนหา
Engage
Explore
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
Explain
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
¤íÒá¹Ð¹íÒ㹡ÒÃ㪌˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ประวัติศาสตรไทยเลมนี้ สรางขึ้นเพื่อใหเปนสื่อสําหรับใชประกอบ การเรียนการสอนในรายวิชาพื้นฐาน กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยม ศึกษาปท่ี ๔ - ๖ โดยเนือ้ หาตรงตามสาระการเรียนรูแ กนกลางขัน้ พืน้ ฐาน อานทําความเขาใจงาย ใหทง้ั ความรูแ ละชวย พัฒนาผูเ รียนตามหลักสูตรและตัวชีว้ ดั เนือ้ หาสาระแบงออกเปนหนวยการเรียนรูต ามโครงสรางรายวิชา สะดวก แกการจัดการเรียนการสอนและการวัดผลประเมินผล พรอมเสริมองคประกอบอืน่ ๆ ทีจ่ ะชวยทําใหผเู รียนไดรบั à¹×éÍËҵçµÒÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§ ความรูอ ยางมีประสิทธิภาพ ÁÕàÊŒ¹àÇÅÒáÊ´§à˵ءÒó à¡ÃÔè¹¹íÒà¾×èÍãˌࢌÒ㨶֧ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ ãËŒ¤ÇÒÁÃÙŒáÅÐàÍ×é͵‹Í¡ÒùíÒä»ãªŒÊ͹à¾×èÍ ¨Ñ´¡ÅØ‹Áà¹×éÍËÒ໚¹Ë¹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ Êдǡᡋ¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹
นา กรมหลวงนราธิวาส๕) สมเด็จพระเจาพี่นางเธอ เจาฟากัลยาณิวัฒ ราชนครินทร
˹‹Ç¡ÒÃàÃ
Õ¹ÃÙŒ·Õè
๑
·Ò§»ÃÐÇѵ àÇÅÒ áÅФ ÔÈÒʵà ä·Â Ø ÊÁ Ñ
»ÃÐÇ àÇÅÒáÅÐÂؤ ѵÔÈÒʵà ໚¹¡ÒÃÈÖ¡ÉÒà ÊÁÑ àÇÅ Ò໚ ¹ »‚ ·ҧ»ÃÐÇѵÔÈÒʵà ¢Öé¹ Ã×èͧÃÒǢͧÁ¹ØÉ ·Õèà¡Ô´ È »ÃÐÇѵÔÈÒʵ Ñ ¡ ÃÒª ¡Ó ˹ ´ÂØ ¤ ÊÁ à¾×èÍãËŒà¡Ô´¤ÇÒÁࢌÒ㨻 ¢Öé¹ã¹Í´Õµ ¹Ñ¡»ÃÐÇѵÔÈÒʵ Ñ ÂѧÁÕ¡ÒÃẋ à ä·ÂÁÕ¡ÒÃẋ§ÂؤÊÁÑÂ໚ ໚ ¹ ÊÁÑ Â ¡‹ Í ¹» ÃÐÇÑ µ ÃÐÇѵÔÈÒʵà Í‹ҧªÑ´à¨¹ à 䴌¡Ó˹´ §Â‹ÍÂŧä»Í ÔÈ à˵ءÒó ä´Œ Õ¡ ઋ¹ ÊÁÑ ¹ÊÁÑ¡‹Í¹»ÃÐÇѵÔÈÒʵ ÒÊ µÃ á ÅÐ ÊÁÑ Â »Ã ÐÇÑ àª‹¹ ¡Ó˹´ µ à ࡳ± ÃÇÁ· ´ÕÂÔ觢Öé¹ ã¹¡ÒÃẋ§Âؤ ÊØ⢷Ñ ÊÁÑÂÍÂظÂÒ à»š áÅÐÊÁÑ»ÃÐÇѵÔÈÒÊµÃ Ô È ÒÊ µÃ ã¹ Ñ駹ÓÈÑ¡ÃÒªÁÒã ÊÁѹѡ»ÃÐ ã¹áµ‹ÅÐÊÁÑ ÇѵÔÈÒʵ ¹µŒ¹ à¾×èÍãËŒà¢ŒÒ ªŒà¾×èÍÃкØàÇÅÒ ãËŒªÑ´à¨¹ «Öè§ Ã ä´Œ¶×ÍàÍÒÅѡɳÐà´ã¨¤ÇÒÁµ‹Íà¹×èͧ¢Í§ ¨Ðª‹ÇÂãËŒ¨´¨Ó ‹¹¢Í§ ตัวชี้วัด áÅÐࢌÒ㨻ÃÐÇ à˵ءÒó ໚¹ ѵÔÈÒʵà 䴌´ ส ๔.๑ ม.๔๖/๑ Õ¢Öé¹ ตระหนั
■
๒. การเสด็จประพาสทวีปยุโรป พระบา ทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว ประพาสทวีปยุโรป ๒ ครั้ง เสด็จ ครั้ ง ที่ ๑ พ.ศ. ๒๔๔๐ เพื่ อ ทอดพ ระเนต รความ เจริ ญ ของยุ โ รป ซึ ศูนยกลางของโลกในเวลานั้น และเพ ่ ง เป น ื่อหาพันธมิตรที่จะชวยรับประกันเอกราช การเจรจาทำความเขาใจกับฝรั่งเศสซึ ของไทย รวมทั้ง ่งคุกคามไทยอยางหนัก โดยเฉพาะในวิ ๑๑๒ (พ.ศ. ๒๔๓๖) ที่สงเรือรบตี กฤติการณ ร.ศ. ฝาปอมตางๆ ที่ปากน้ำเขามาถึงกรุ งเทพฯ ในครั้งนี้พระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว เสด็จประพาสประเทศตางๆ รวม ๑๓ ประเทศ โดยในบาง ประเทศเสด็จประพาสมากกวาหนึ่ งครั้ง และทรงใชเวลาเดินทางไปกลั บรวม ๘ เดือนเศษ ผล การเสด็จประพาสยุโรปครั้งนี้ก็ประสบค วามสำเร็จในการสรางสัมพันธไมตร ีกับรัสเซียในรัชสมัย เสนเวลา แสดงลำดับเหตุการณพระบาทสม เด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูห วั เสด็จประพาสท วีปยุ โรป ครัง้ ที่ ๑ เมือ่ พ.ศ. ๒๔๔๐
■
¾.È. òôôð àÁ.Â.
¾.¤. ñø ¾.¤.-ñ ÁÔ.Â. àÊ´ç¨ÊÇÔµà«Íà Ᏼ ñ-ñö ÁÔ.Â. àÊ´ç¨ÍÔµÒÅÕ ¤ÃÑ駷Õè ò
งพระปรีชาสามารถ ั นา กรมหลวงนราธวิ าสราชนครินทร ทีแ่ สดงถึ เจาฟากัลยาณิวฒ ตัวอยางบทพระนิพนธ ใน สมเด็จพระเจาพีน่ างเธอ ทางดานอักษรศาสตรของพระองค
EB GUIDE
http://www.aksorn.com/LC/Hist_Th/M4-6/21
µÑǪÕÇé ´Ñ áÅÐÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙጠ¡¹¡ÅÒ§ µÒÁ·ÕËè ÅÑ¡Êٵà ¡íÒ˹´ à¾×èÍãËŒ·ÃÒº¶Ö§à»‡ÒËÁÒÂ㹡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
นคุณค่า ๒) การประเมินคุณค่าภายในหรือวิพากษ์วิธีภายใน เป็นการประเมิ การณ์ ในช่วง อมูลภายในหลักฐานนั้น เป็นต้นว่า มีชื่อบุคคล สถานที่ เหตุ
ของหลักฐานจากข้ เป็นของสมัยสุโขทัยแต่มีการพูดถึง เวลาที่หลักฐานนั้นทำขึ้นหรือไม่ ดังเช่น หลักฐานซึ่งเชื่อว่า ของสมัยสุโขทัยจริงหรือไม่ เพราะใน สหรัฐอเมริกาในหลักฐานนั้น ก็ควรสงสัยว่าหลักฐานนั้นเป็น ่ทำขึ้นเมื่อคนไทยได้รับรู้ว่ามี ฐานที ก หลั น จะเป็ า ่ น แต่ า ก อเมริ ฐ ระเทศสหรั ป ี สมัยสุโขทัยยังไม่ม โขทัยจริง แต่การคัดลอกต่อกันมามี ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว หรือหลักฐานเป็นของเก่าสมัยสุ การเติมชื่อประเทศสหรัฐอเมริกาเข้าไป เป็นต้น ารณ์ สถานที่ ถ้อยคำ วิพากษ์วิธีภายในยังสังเกตได้จากการกล่าวถึงตัวบุคคล เหตุก ถ้าหากไม่ถูกต้องก็ควรสงสัยว่าเป็น เป็นต้น ในหลักฐานว่ามีความถูกต้องในสมัยนั้นๆ หรือไม่ ัติศาสตร์ ส่วนหลักฐาน หลักฐานปลอมแปลง หลักฐานที่แท้จริงเท่านั้นที่มีคุณค่าในทางประว งนั้น การประเมินคุณค่า ต้องด้วย ดั ปลอมแปลงไม่มีคุณค่าใดๆ อีกทั้งจะทำให้เกิดความรู้ที่ไม่ถูก ของหลักฐานจึงมีความสำคัญและจำเป็นมาก
มูล
๒.๔ การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และจัดหมวดหมู่ข้อ
อ เท็ จ จริ ง หรื อ ความจริ ง ใน เมื่ อ ทราบว่ า หลั ก ฐานนั้ น เป็ น ของแท้ ให้ ข้ อ มู ล ที่ เ ป็ น ข้ หรือข้อสนเทศในหลักฐานนั้นว่าให้ ประวัติศาสตร์ ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์ก็จะต้องศึกษาข้อมูล หรือข้อมูลนั้นมีจุดมุ่งหมาย งใด ย พี เ ณ์ ร วามสมบู ค มี น ้ นั ล มู อ ข้ ง า ะไรบ้ อ าสตร์ ศ ิ ต ข้อมูลทางประวั วามยุติธรรมหรือไม่ จากนั้นจึงนำ เบื้องต้นอย่างไร มีจุดมุ่งหมายแอบแฝงหรือไม่ ข้อมูลมีค ารณ์ สาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ ข้อมูลทั้งหลายมาจัดหมวดหมู่ เช่น ความเป็นมาของเหตุก ความเป็นไปของเหตุการณ์ ผลของเหตุการณ์ เป็นต้น เรื่องนั้นก็จะต้องหาความ เมื่อได้ข้อมูลเป็นเรื่อง เป็นประเด็นแล้ว ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์ ใดที่ซ่อนเร้น อำพราง ไม่กล่าวถึง สัมพันธ์ของประเด็นต่างๆ และตีความข้อมูลว่ามีข้อเท็จจริง หรือในทางตรงกันข้ามอาจมีข้อมูลที่กล่าวเกินความ มุมน่ารู้ เป็นจริงไปมาก ิ ต ประวั ล มู อ หาข้ ปั จ จุ บั น การค้ น ในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ขอ้ มูล ผูศ้ กึ ษาประวัต-ิ ศาสตร์ ท างอิ น เทอร์ เ น็ ต สามารถทำได้ ศาสตร์ควรมีความละเอียดรอบคอบ วางตัวเป็นกลาง ด ระมั ง ึ พ แต่ ย า ่ จ ใช้ รวดเร็วและประหยัดค่า ต น็ เ เทอร์ น งในอิ า มีจนิ ตนาการ มีความรอบรู้ โดยศึกษาข้อมูลทั้งหลาย ระวังเพราะข้อมูลบางอย่ อาจเป็นเพียงข้อคิดเห็นมิใช่ข้อเท็จจริง หรือ อย่างกว้างขวาง และนำผลการศึกษาเรื่องนั้นที่มีแต่ เป็นข้อมูลทีย่ งั มิได้ตรวจสอบ ดังนัน้ ก่อนใช้ ง จากแหล่ อ เดิมมาวิเคราะห์เปรียบเทียบ รวมทั้งจัดหมวดหมู่ จึงควรตรวจสอบกับเอกสารหรื ข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อถือได้เสียก่อน ข้อมูลให้เป็นระบบ
ÁÔ.Â.
¡.¤. ñó-òð ¡.¤. àÊ´ç¨ÊÇÕà´¹ ¹Íà àÇÂ
ñ÷ ¡.Â.-ò µ.¤. àÊ´ç¨Íѧ¡ÄɤÃÑ駷Õè ò ò-ô µ.¤. àÊ´ç¨àºÅàÂÕÂÁ¤ÃÑ駷Õè ò ñð-ñô µ.¤. àʴ稽ÃÑè§àÈʤÃÑ駷Õè ò òñ-òó µ.¤. àÊ´ç¨â»ÃµØà¡Ê µ.¤. ¾.Â.
òù ¡.¤.-òñ Ê.¤. àÊ´ç¨Íѧ¡ÄɤÃÑ駷Õè ñ ù-ññ ¡.Â. àÊ´ç¨àºÅàÂÕÂÁ ¤ÃÑ駷Õè ñ
Ê.¤.
¡.Â.
òò Ê.¤.-ö ¡.Â. àÊ´ç¨àÂÍÃÁ¹Õ ¤ÃÑ駷Õè ñ ö-ù ¡.Â. àÊ´ç¨ à¹à¸Íà Ᏼ
๑๗๕
ññ-ñ÷ ¡.Â. àʴ稽ÃÑè§àÈÊ ¤ÃÑ駷Õè ñ ô-ù µ.¤. àÊ´ç¨àÂÍÃÁ¹Õ ¤ÃÑ駷Õè ò
ò÷ µ.¤.-ó ¾.Â. àÊ´ç¨ÍÔµÒÅÕ ¤ÃÑ駷Õè ó
¸.¤. ñö ¸.¤. ¡ÅѺ¶Ö§ ¡Ãا෾Ï
ñõ-òð µ.¤. àÊ´ç¨Ê໹
๕๘
Web Guide á¹Ð¹íÒáËÅ‹§¤Œ¹¤ÇŒÒ¢ŒÍÁÙÅ à¾ÔèÁàµÔÁ¼‹Ò¹Ãкº Online ¤íÒ¶ÒÁ»ÃШíÒ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒáÅСԨ¡ÃÃÁ ÊÌҧÊÃä ¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ¢Í§¼ÙŒàÃÕ¹ãËŒÁÕ ¤Ø³ÀÒ¾µÒÁµÑǪÕéÇÑ´
àÃ×Íè §àÅ‹Ò¨Ò¡Í´Õµ ¹Í¡à˹×ͨҡ·ÕÁè ãÕ ¹ÊÒÃÐ ¡ÒÃàÃÕ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§ à¾×èÍà¾ÔèÁ¾Ù¹áÅТÂÒ ¾ÃÁá´¹¤ÇÒÁÃÙŒãËŒ¡ÇŒÒ§¢ÇÒ§ÍÍ¡ä»
ÁØÁ¹‹ÒÃÙŒ à¾ÔèÁàµÔÁ¨Ò¡à¹×éÍËÒ ÁÕá·Ã¡à»š¹ÃÐÂÐæ
òó-òö ¡.¤. àÊ´ç¨à´¹ÁÒà ¡ ñ-ñò ¡.¤. àÊ´ç¨ÃÑÊà«ÕÂ
ñô-ñø ¾.¤. àÊ´ç¨ÍÔµÒÅÕ¤ÃÑé§áá
แกนกลาง
เวลาและยุค สมั ประวัติศาสตร ยทางประวัติศาสตรท ี่ปรากฏในห ตัวอยางเวล ไทย ลักฐานทาง าและยุคสมัย ทางประวัติศ ปรากฏในห ลัก าสตรของสัง คมมนุษยที่ม ความสำคัญ ฐานทางประวัตศิ าสตร ของเวลาและยุ (เชื ี คสมัยทางป อ่ มโยงกับ มฐ. ส ๔.๓) ระวัติศาสตร
ñ÷-óð ÁÔ.Â. àÊ´ç¨ÍÍÊàµÃÕÂ-Îѧ¡ÒÃÕ
÷ àÁ.Â. àÊ´ç¨Å§ àÃ×;ÃзÕè¹Ñ觨ѡÃÕ
■
■
24
ครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๔๑๓ อังกฤษ) และชวา (ขณะนั้นเปนอาณาน เสด็จประพาสสิงคโปร (ขณะนั้นเปนอาณานิคมของ ิคมของฮอลันดา) เพื ครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๔๑๔ เสด็จประพา ่อทอดพระเนตรความเจริญ สอินเดีย (ขณะนั้นเป อังกฤษ) โดยผานทางสิงคโปร พม า (ขณะนั้นเปนอาณานิคมของอังกฤษ) นอาณานิคมของ ความเจริญ เพื่อทอดพระเนตร ครั้งที่ ๓ พ.ศ. ๒๔๓๙ เสด็จประพา สชวา ครั้งที่ ๒ โดยผานทางสิงคโปร รักษาพระองค และทอดพระเนตรความ เพื่อ เจริญ ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๔๔๕ เสด็จประพา สชวาครั้งที่ ๓ เพื่อรักษาพระองคแ พระเนตรความเจริญดวย ละทอด
สมเด็จพระเจาพี่นางเธอ เจาฟากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร ทรงมี บทบาทสำคัญในการสงเสริมการสรางสรรควัฒนธรรม น และภูมิปญญาไทยมาอยางตอเนื่องยาวนาน ดังจะเห็ อ ทุ ก ได จากการที่ พ ระองค ท รงสนพระ ทั ย อ า นหนั ง สื ประเภทโดยเฉพาะดานภาษาไทย และประวัติศาสตร สมเด็จเจาฟาฯ กรมหลวงนราธิวาสราชปนที่ นครินทรทรงพระปรีชาสามารถดานพระนิพนธเ เกี่ยว ประจักษจากผลงานอันประกอบดวย พระนิพนธ กับพระราชวงศ ๑๒ เรือ่ ง เชน แมเลาใหฟง พระราช- สมเด็จพระเจาพีน่ างเธอ เจาฟากัลยาณิวฒั นา กรม และงาน ลฯ ด มหิ ของ า ฟ า หลวงนราธิวาสราชนครินทร สมเด็จอาจารย ธิดาในรัชกาลที่ ๕ สมเด็จเจ ระ เหลานักศึกษา ศิลปะ และจุฬาลงกรณราชสันตติวงศ พระนามพ น ต น เป ดา ด ชนั และพระรา า ด ราชโอรส พระราชธิ อีกเปนจำนวนมาก เชน พระนิพนธสารคดีเชิง นอกจากนี้ยังทรงพระนิพนธหนังสือประเภทอื่นๆ งวิชาการ เปนตน ทองเที่ยว พระนิพนธแปล และพระนิพนธบทความทา
สาระการเรียนรู
กถึงความ ที่แสดงถึงการเ สำคัญของเวลาและยุ คสมั ปลี่ยนแปลงขอ งมนุษยชาต ยทางประวัติศาสตร ิ
ÊíÒ¤ÑÞã¹»ÃÐÇѵÔÈÒʵà à¾×èÍãËŒà¡Ô´¤ÇÒÁࢌÒ㨠ÁÒ¡¢Öé¹
ãËŒºÃÃÅصÑǪÕéÇÑ´ áÅÐÊÌҧ¤Ø³ÅѡɳРÍѹ¾Ö§»ÃÐʧ¤
ã¹Ë¹‹Ç·Õè¨ÐàÃÕ¹
ะวัตศิ าสตร ไทย ดับยุคสมัยกอนปร เสนเวลา แสดงลำ มนุษยรูจักใชเครื่องมือหิน ะแรกมี กะเทาะ โดยในระย น ลักษณะหยาบ เช าะ เครื่องมือหินกะเทณคดี พบที่แหลงโบรา ผาบุง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม
ยุคหินเกา ป ๗๐๐,๐๐๐-๑๐,๐๐๐
๑๐,๐๐๐ ป
ยุคหินใหม ป ๑๐,๐๐๐-๔,๐๐๐
๘,๐๐๐ ป
๔,๐๐๐ ป
๖,๐๐๐ ป
ยุคสำริ๐-ด ๔,๐๐ ๒,๕๐๐ ป
ื่องมือ หะสำริดมาทำเคร มนุษยรูจักนำโลขวาน มีด ใบหอก กลองสำริด เครื่องใช เชน ลองมโหระทึก ที่บานโคกพลับ เปนตน ดังพบกจังหวัดราชบุรี อำเภอบางแพ
Õµ
àÃ×èͧàÅ‹Ò¨Ò¡Í´
คาถาม ประจำหน่วยการเรียนรู้
รื่องมือหินขัด มนุษยรูจักทำเค เผาทั้งแบบ ทำเครื่องปนดิน เชน ภาชนะ มีขาและไมมีขาพบที่บานเกา ดินเผาสามขา หวัดกาญจนบุรี อำเภอเมือง จัง
๒,๐๐๐ ป
๑. วัฒนธรรมและภูมิปัญญามีความสำคัญอย่างไรต่อสังคม จงวิเคราะห์ ๒. สภาพภูมิศาสตร์และสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย อย่างไร ๓. นักเรียนคิดว่าคนไทยควรทำอย่างไรจึงจะสามารถส่งเสริมและอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยไว้ได้ อย่างยั่งยืน ๔. จงยกตัวอย่างวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยในอดีตที่สามารถนำมาปรับใช้แก้ปัญหาใน สังคมไทยปัจจุบันได้ดีมา ๑ อย่าง ๕. ให้กล่าวถึงพระราชกรณียกิจสำคัญของพระบรมวงศานุวงศ์ที่ทรงส่งเสริมการสร้างสรรค์ ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยมา ๑ พระองค์
ปลวงมาแลว
ยุคเหล็ก ๒,๕๐๐ ป
อ ล็กมาทำเครื่องมื มนุษยรูจักนำเหเชน เสียม มีดขอ เครื่องใชตางๆ เปนตน ดังพบเครือ่ งมือ ใบหอก หัวธนู ชัยมงคล อำเภอตาคลี นใหม า เหล็ก ที่บ จังหวัดนครสวรรค
ทศไทย
าคใตของประเ
คนพบใหมทางภ
จังหวัดชุมพร ดีเขาสามแกว งๆ แหลงโบราณค า จากการขุดคน าณคดีชื่อดังจากสถาบันต อของนักโบร ุดพบหลักฐาน มมื ว ารข ก มร มี ๒ ควา โดย ๒๕๕ ย ของประเทศไท ภาพันธ พ.ศ. หิน แกวโมเสก สี พบที่ภาคใต ในชวงเดือนกุม อ ลูกปดโบราณที่เปนลูกปด ลูกปดแกวสลับ นานาชาติ ตรา คื เปนศูนย น ดี เงิ ง ถึ าณค รวม โบร ทาง ผลิต อง วณดังกลาวเคย หวัดชุมพร ระน ลงความเห็นตรงกันวา บริเ อัญมณี อุปกรณ ลูกปดทองคำ ดภาคใตตอนกลาง ตั้งแตจัง ถาบันตางๆ ปมาแลว ๐๐ ากส จ หวั ง ดี ๒,๐ จั ๕ ่ าณค ราว ที อ ่ น ้ ื ในพ ั้งแตเมื บี่ นักโบร พังงา และกระ และอัญมณีในระดับภูมิภาคต สุราษฎรธานี บ ายเครื่องประดั ผลิตและจำหน
ลูกปดโบราณ
กิจสร้กรรม างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้ กิจกรรมที่ ๑ ให้ นั ก เรี ย นรวบรวมผลงานภู มิ ปั ญ ญาไทยตั้ ง แต่ ส มั ย สุ โ ขทั ย ถึ ง ปั จ จุ บั น คนละ ๑ ชิ้น พร้อมทั้งบอกที่มา ลักษณะสำคัญ ประโยชน์ของผลงานนั้น ทำลงในกระดาษ A๔ ตกแต่งผลงานให้สวยงาม ครูผู้สอนรวบรวมผลงาน แล้วนำมารวมเป็นเล่ม “สมุดภูมิปัญญาไทย” เพื่อใช้เป็นแหล่งข้อมูลของ ห้องเรียน กิจกรรมที่ ๒ ให้นักเรียนไปสืบค้นข้อมูลบุคคลที่ส่งเสริมการสร้างสรรค์วัฒนธรรมและ ภูมิปัญญาไทยที่มีผลต่อสังคมไทยปัจจุบันเพิ่มเติมจากหนังสือเรียน แล้วทำ เป็นรายงานส่งครูผู้สอน กิจกรรมที่ ๓ ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละเท่าๆ กัน ร่วมกันวางแผนกำหนดแนวทางการ อนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย แล้วปฏิบัติภายในเวลา ๑ สัปดาห์ กิจกรรมที่ ๔ ให้นักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรมในท้องถิ่น แล้วเขียนรายงานสรุป สิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรมคนละ ๑ หน้ากระดาษ A๔
๗ 178
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ÊÒúÑÞ Ë¹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
ñ
àÇÅÒ áÅÐÂؤÊÁÑ·ҧ»ÃÐÇѵÔÈÒʵà ä·Â ● ● ●
àÇÅÒ ÂؤÊÁÑ áÅÐÈÑ¡ÃҪ㹻ÃÐÇѵÔÈÒʵà ä·Â ¡ÒÃẋ§ÂؤÊÁÑ·ҧ»ÃÐÇѵÔÈÒʵà ä·Â µÑÇÍ‹ҧàÇÅÒáÅÐÂؤÊÁÑ·Õè»ÃÒ¡¯ã¹ËÅÑ¡°Ò¹ ·Ò§»ÃÐÇѵÔÈÒʵà ä·Â
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
ò
¡ÒÃÊÌҧͧ¤ ¤ÇÒÁÃÙŒãËÁ‹·Ò§»ÃÐÇѵÔÈÒʵà ä·Â ●
● ● ●
¤ÇÒÁËÁÒ ¤ÇÒÁÊíÒ¤ÑÞ áÅлÃÐ⪹ ¢Í§ÇÔ¸Õ¡Òà ·Ò§»ÃÐÇѵÔÈÒʵà ¢Ñ鹵͹¢Í§ÇÔ¸Õ¡Ò÷ҧ»ÃÐÇѵÔÈÒʵà ËÅÑ¡°Ò¹·Ò§»ÃÐÇѵÔÈÒʵà ä·Â µÑÇÍ‹ҧ¡ÒùíÒÇÔ¸Õ¡Ò÷ҧ»ÃÐÇѵÔÈÒʵà ÁÒ㪌 㹡ÒÃÈÖ¡ÉÒ»ÃÐÇѵÔÈÒʵà ä·Â
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
ó
ÇÔà¤ÃÒÐË »ÃÐà´ç¹ÊíÒ¤ÑÞ·Ò§»ÃÐÇѵÔÈÒʵà ä·Â ● ● ● ● ● ● ● ●
á¹Ç¤Ô´à¡ÕèÂǡѺ¤ÇÒÁ໚¹ÁҢͧª¹ªÒµÔä·Â ÍҳҨѡÃâºÃҳ㹴Թᴹä·ÂáÅÐÍÔ·¸Ô¾Å·ÕèÁÕµ‹ÍÊѧ¤Áä·Â »˜¨¨Ñ·ÕèÁռŵ‹Í¡ÒÃʶһ¹ÒÍҳҨѡÃä·Â ¡Òû¯ÔÃÙ»ºŒÒ¹àÁ×ͧã¹ÊÁÑÂÃѪ¡ÒÅ·Õè õ ¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§¡Òû¡¤Ãͧ ¾.È. òô÷õ º·ºÒ·¢Í§ÊµÃÕä·Â º·ºÒ·¢Í§Ê¶ÒºÑ¹¾ÃÐÁËÒ¡ÉѵÃÔ 㹡ÒþѲ¹ÒªÒµÔä·Â ÍÔ·¸Ô¾Å¢Í§ÇѲ¹¸ÃÃÁµÐÇѹÍÍ¡áÅеÐÇѹµ¡ ·ÕèÁÕµ‹ÍÊѧ¤Áä·Â
ñ ò ô ñô
ñù òð òñ òõ óó
ó÷ óø ôõ ôù õñ öò öù ÷ô ÷ù
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ô
¼Å§Ò¹¢Í§ºØ¤¤ÅÊíÒ¤ÑÞ㹡ÒÃÊÌҧÊÃä ªÒµÔä·Â ø÷ ● ● ●
¾ÃÐÁËÒ¡ÉѵÃÔ ·ÕèÁÕº·ºÒ·ã¹¡ÒÃÊÌҧÊÃä ªÒµÔä·Â ¾ÃкÃÁǧÈÒ¹ØÇ§È ·ÕèÁÕº·ºÒ·ã¹¡ÒÃÊÌҧÊÃä ªÒµÔä·Â ¢Ø¹¹Ò§áÅЪÒǵ‹Ò§ªÒµÔ·ÕèÁÕº·ºÒ·ã¹¡ÒÃÊÌҧÊÃä ªÒµÔä·Â
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
õ
¡ÒÃÊÌҧÊÃä ÇѲ¹¸ÃÃÁáÅÐÀÙÁÔ»˜ÞÞÒä·Â ● ● ●
●
●
●
¡ÒÃÊÌҧÊÃä ÇѲ¹¸ÃÃÁä·Â ¡ÒÃÊÌҧÊÃä ÀÙÁÔ»˜ÞÞÒä·Â ¡ÒÃÊ׺·Í´áÅÐà»ÅÕè¹á»Å§¢Í§ÇѲ¹¸ÃÃÁ áÅÐÀÙÁÔ»˜ÞÞÒä·Â µÑÇÍ‹ҧ¢Í§¡ÒÃÊÌҧÊÃä ÀÙÁÔ»˜ÞÞÒä·Â ã¹»ÃÐÇѵÔÈÒʵà »˜¨¨ÑÂáÅкؤ¤Å·ÕèÊ‹§àÊÃÔÁ¡ÒÃÊÌҧÊÃä ÇѲ¹¸ÃÃÁ áÅÐÀÙÁÔ»˜ÞÞÒä·Â·ÕèÁռŵ‹ÍÊѧ¤Áä·Â»˜¨¨ØºÑ¹ ºØ¤¤Å·ÕèÁÕº·ºÒ·ã¹¡ÒÃÊ‹§àÊÃÔÁ¡ÒÃÊÌҧÊÃä ÀÙÁÔ»˜ÞÞÒ áÅÐÇѲ¹¸ÃÃÁä·Â«Öè§Áռŵ‹ÍÊѧ¤Áä·Â»˜¨¨ØºÑ¹
ºÃóҹءÃÁ
øù ññô ñòô
ñôñ ñôò ñôõ ñô÷ ñôø ñöó ñöö
ñ÷ù
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expore
Explain
Expand
Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. บอกความสําคัญของเวลาและยุคสมัยทาง ประวัติศาสตรได 2. นับและเทียบศักราชแบบตางๆ ในประวัติศาสตรไทยได 3. อธิบายการแบงยุคสมัยทางประวัติศาสตร ไทยได 4. ยกตัวอยางการใชเวลาและยุคสมัยที่ปรากฏ ในหลักฐานทางประวัติศาสตรไทยได
สมรรถนะของผูเรียน
˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ·Õè
1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกปญ หา
๑ àÇÅา áÅÐÂØคÊมÑÂ
คุณลักษณะอันพึงประสงค
·า§»รÐÇѵิÈาʵร ä·Â
»ÃÐÇѵÔÈÒʵà ໚¹¡ÒÃÈÖ¡ÉÒàÃ×èͧÃÒǢͧÁ¹ØÉ ·Õèà¡Ô´¢Öé¹ã¹Í´Õµ ¹Ñ¡»ÃÐÇѵÔÈÒʵà 䴌¡Ó˹´ àÇÅÒáÅÐÂؤÊÁÑ·ҧ»ÃÐÇѵÔÈÒʵà ¢Öé¹ à¾×èÍãËŒà¡Ô´¤ÇÒÁࢌÒ㨻ÃÐÇѵÔÈÒʵà Í‹ҧªÑ´à¨¹ ઋ¹ ¡Ó˹´ àÇÅÒ໚ ¹ »‚ ÈÑ ¡ ÃÒª ¡Ó˹´ÂØ ¤ ÊÁÑ Â à»š ¹ ÊÁÑ Â ¡‹ Í ¹»ÃÐÇÑ µÔ È Òʵà á ÅÐÊÁÑ Â »ÃÐÇÑ µÔ È Òʵà 㹠»ÃÐÇѵÔÈÒʵà ä·ÂÁÕ¡ÒÃẋ§ÂؤÊÁÑÂ໚¹ÊÁÑ¡‹Í¹»ÃÐÇѵÔÈÒʵà áÅÐÊÁÑ»ÃÐÇѵÔÈÒʵà ã¹áµ‹ÅÐÊÁÑ ÂѧÁÕ¡ÒÃẋ§Â‹ÍÂŧä»ÍÕ¡ ઋ¹ ÊÁÑÂÊØ⢷Ñ ÊÁÑÂÍÂظÂÒ à»š¹µŒ¹ à¾×èÍãˌࢌÒ㨤ÇÒÁµ‹Íà¹×èͧ¢Í§ à˵ءÒó ä´Œ´ÕÂÔ觢Öé¹ ã¹¡ÒÃẋ§ÂؤÊÁѹѡ»ÃÐÇѵÔÈÒʵà 䴌¶×ÍàÍÒÅѡɳÐà´‹¹¢Í§à˵ءÒó ໚¹ ࡳ± ÃÇÁ·Ñ駹ÓÈÑ¡ÃÒªÁÒ㪌à¾×èÍÃкØàÇÅÒãËŒªÑ´à¨¹ «Ö觨Ъ‹ÇÂãËŒ¨´¨ÓáÅÐࢌÒ㨻ÃÐÇѵÔÈÒʵà 䴌´Õ¢Öé¹ ตัวชี้วัด ■ ■
ส 4.1 ม.4-๖/1 ตระหนักถึงความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ ที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของมนุษยชาติ
สาระการเรียนรูแกนกลาง ■
■
■
เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ที่ปรากฏในหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ไทย ตัวอย่างเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ของสังคมมนุษย์ที่มี ปรากฏในหลักฐานทางประวัตศิ าสตร์ (เชือ่ มโยงกับ มฐ. ส ๔.๓) ความสำคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์
1. 2. 3. 4.
รักชาติ ศาสน กษัตริย ใฝเรียนรู มุงมั่นในการทํางาน รักความเปนไทย
กระตุน ความสนใจ
Engage
ครูใหนักเรียนดูภาพหนาหนวย แลวตั้งคําถาม ใหนักเรียนตอบ เชน • ภาพหนาหนวยเปนภาพอะไร มีอายุ อยูในยุคสมัยใด และมีความสําคัญ ทางประวัติศาสตรอยางไร (แนวตอบ เครื่องปนดินเผาบานเชียง สมัยกอนประวัติศาสตร เปนหลักฐานทาง ประวัติศาสตรที่สามารถนํามาใชในการ ศึกษาคนควาเรื่องราวของมนุษยในอดีต วามีชีวิตความเปนอยูอยางไร)
เกร็ดแนะครู ครูควรจัดการเรียนรูโดยเนนทักษะกระบวนการ เพื่อใหนักเรียนเขาใจถึง ความสําคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร สามารถนับและเทียบศักราช ในประวัติศาสตรไทยได โดยจัดกิจกรรม ดังนี้ • ยกตัวอยางขอมูลทางประวัติศาสตรที่มีศักราชตางๆ แลวใหนักเรียน ฝกเทียบศักราช • ใหนักเรียนไปสืบคนตัวอยางหลักฐานทางประวัติศาสตรไทยที่มีการใชเวลา ศักราชและยุคสมัย จากนั้นใหสรุปสาระสําคัญ
คูมือครู
1
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
กระตุน ความสนใจ
อธิบายความรู Explain
การศึกษาประวัตศิ าสตร์มคี วามเกีย่ วข้องกับเวลา เพราะประวัตศิ าสตร์เป็นการศึกษาเรือ่ งราว ในอดีตของมนุษย์ทมี่ ผี ลกระทบต่อพัฒนาการของมนุษย์ในอดีตและปัจจุบนั กล่าวได้วา่ การดำรง ชีวิตของมนุษย์มีความเกี่ยวข้องกับเวลา ดังนั้น จึงมีการกำหนดระบบการบอกเวลา เช่น เช้า สาย บ่าย เย็น วัน เดือน ปี ฤดู เป็นต้น เพือ่ ให้เกิดความเข้าใจทีต่ รงกัน เวลามีความสำคัญต่อ มนุษย์มาก เช่น ใช้ในการนัดหมาย การดำเนินชีวติ การเริม่ เพาะปลูก การเก็บเกีย่ ว ถ้าการนับ เวลาผิดพลาด อาจทำให้เกิดความเสียหายได้ เช่น การนัดผิดเวลา อาจส่งผลให้การค้าเสียหาย การเริ่มเพาะปลูก การทำนาช้าไป เร็วไป ก็ทำให้พืชผลเสียหาย หรือไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ดังนั้น การนับเวลาที่ถูกต้องจึงมีความสำคัญมาก ในประวัติศาสตร์ ได้มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมายในระยะเวลาหลายพันหลายร้อยปี นักประวัติศาสตร์จึงกำหนดช่วงเวลา เช่น แบ่งเวลาเป็นช่วง ๑๐ ปี หรือทศวรรษ ๑๐๐ ปี หรือ ศตวรรษ ๑,๐๐๐ ปี หรือสหัสวรรษ กำหนดเวลาเป็นปีศักราช เช่น พุทธศักราช (พ.ศ.) คริสต์ศักราช (ค.ศ.) ฮิจเราะห์ศักราช (ฮ.ศ.) และกำหนดยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ เช่น “สมัยก่อน ประวัติศาสตร์” หมายถึงเวลาที่มนุษย์ยังไม่มีตัวอักษรใช้ “สมัยประวัติศาสตร์” หมายถึงช่วงเวลา ที่มนุษย์เริ่มมีตัวอักษรใช้แล้ว การกำหนดช่วงเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ทำให้รู้ว่าเหตุการณ์ ในประวัติศาสตร์เกิดมา นานเท่าใดแล้ว หรืออยู่ในยุคสมัยใด เช่น ๑,๕๐๐ ปี, ๕๐๐ ปี, ๑๐๐ ปี หรือ ๕ ปีที่ผ่านมา อยู่ในสมัยก่อน ประวัติศาสตร์ ในสมัยสุโขทัย หรือในสมัยอยุธยา เป็นต้น นอกจากนี้เวลายังทำให้ง่ายต่อการลำดับและ เปรียบเทียบเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ว่าเหตุการณ์ ใดเกิดก่อน เกิดก่อนกี่ปี เหตุการณ์ใดเกิดทีหลัง เกิด หลังกี่ปี และจะช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์ถึงสาเหตุ และผลของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยต่างๆ ซึ่งจะ ทำให้เราเข้าใจเหตุการณ์ต่างๆ ได้ชัดเจนและถูกต้อง สมัยก่อนประวัติศาสตร์เป็นเวลาที่มนุษย์ยังไม่มีตัว มากยิ่งขึ้น และเวลายังใช้ในการบันทึกเพื่อบอกเล่า อักษรใช้ มนุษย์จะอาศัยอยู่ตามถ้ำหรือเพิงผา และ ดำรงชีวิตด้วยการหาของป่า ล่าสัตว์ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาแล้วอีกด้วย
Explain
2
เกร็ดแนะครู ครูใหนกั เรียนยกตัวอยางคําบอกเวลา พรอมทัง้ ใหอธิบายความหมาย เชน • ทุม วิธีนับเวลาตามประเพณีสําหรับ 6 ชั่วโมงแรกของกลางคืน ตั้งแต 19.00 น. - 24.00 น. เรียกวา 1 ทุม - 6 ทุม แต 6 ทุม นิยมเรียกวา 2 ยาม • โมง วิธีนับเวลาตามประเพณีในเวลากลางวัน ถาเปนเวลากอนเที่ยงวัน ตั้งแต 07.00 น. - 11.00 น. เรียกวา โมงเชา 4 - 5 โมงเชา ถาเปน 12 นาฬกา นิยมเรียกวา เทีย่ งวัน ถาหลังเทีย่ งวันตัง้ แต 13.00 น. - 17.00 น. เรียกวา บายโมง - บาย 5 โมง ถา 18 นาฬกา นิยมเรียกวา 6 โมงเย็น หรือยํ่าคํ่า
นักเรียนควรรู 1 ประวัติศาสตร ในภาษาอังกฤษใชคําวา History ซึ่งมาจากภาษาละตินวา “Historia” รากศัพทเดิมของคําดังกลาวนี้มาจากภาษากรีกวา “Histori หรือ Historiai” แปลวา ถัก หรือ ทอ คูมือครู
Evaluate
๑.๑ ความสำคัญ1ของเวลา และยุคสมัยทางประวัติศาสตร์
Explore
ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับเวลา ยุคสมัย และศักราชในประวัติศาสตรไทย จากนั้น สุมถามคําถามนักเรียน เชน • เวลากับประวัติศาสตรมีความสัมพันธกัน อยางไร (แนวตอบ ประวัติศาสตรเปนการศึกษา เรื่องราวในอดีตของมนุษยที่มีผลกระทบตอ พัฒนาการของมนุษยในอดีตและปจจุบัน ซึ่งมีความเกี่ยวของกับเวลา ดังนั้น จึงตอง มีการกําหนดระบบการบอกเวลาเพื่อใหเกิด ความเขาใจตรงกัน)
2
Elaborate
๑. เวลา ยุคสมัย และศักราชในประวัติศาสตร์ไทย
ครูใหนักเรียนศึกษาเกี่ยวกับเวลา ยุคสมัย และ ศักราชในประวัติศาสตรไทย จากหนังสือเรียนหนา 2-3 หรือจากแหลงเรียนรูอื่นๆ เชน หนังสือใน หองสมุด เว็บไซตในอินเทอรเน็ต เปนตน เพื่อนํามา อภิปรายรวมกันในชั้นเรียน
อธิบายความรู
ตรวจสอบผล
Engage
ครูนําภาพเหตุการณทางประวัติศาสตรไทยมา ใหนักเรียนศึกษา แลวใหบอกวาเปนเหตุการณอะไร ตรงกับเวลาหรือยุคสมัยใด เชน • ภาพสงครามยุทธหัตถี ระหวางสมเด็จ พระนเรศวรมหาราช กษัตริยอยุธยากับ พระมหาอุปราชา แมทพั พมา เมือ่ พ.ศ. 2135 • ภาพเหตุการณการเลิกทาสในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 5 • ภาพเหตุการณการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475
สํารวจคนหา
ขยายความเขาใจ
ขอสอบ
O-NET
ขอสอบป ’ 53 ออกเกี่ยวกับยุคสมัยทางประวัติศาสตร การเพาะปลูกของมนุษยยุคหินใหมในระยะเริ่มแรก ใชวิธีการแบบใด 1. นาดํา 2. นาหวาน 3. ไถพรวน 4. ไรเลื่อนลอย วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. ในระยะเริม่ แรกของยุคหินใหม มนุษยรจู กั เพาะปลูกโดยการทําไรแบบเลื่อนลอย คือ การถางปา เผาตนไมที่ตัดโคน แลวจึงทําการเพาะปลูกบนที่ดินดังกลาว เมื่อดินขาดความอุดมสมบูรณจึงยายไปเพาะปลูกยังที่แหงใหม
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engaae
Expore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
อธิบายความรู
1. ครูสุมใหนักเรียนอธิบายวิธีการนับศักราชแบบ ตางๆ คือ พุทธศักราช (พ.ศ.) มหาศักราช (ม.ศ.) จุลศักราช (จ.ศ.) รัตนโกสินทรศก (ร.ศ.) 2. ครูอธิบายหลักเกณฑการเทียบศักราช แบบตางๆ จากนั้นยกตัวอยางขอมูลทาง ประวัติศาสตรที่มีศักราชตางๆ แลวให นักเรียนฝกเปรียบเทียบศักราช
๑.๒ การนับและการเทียบศักราชในประวัติศาสตร์ไทย ๑) การนับศักราช ในการศึกษาประวัติศาสตร์ ไทยเราจะพบว่ามีการใช้ศักราช หลายแบบ ดังนั้น เพื่อให้สามารถศึกษาประวัติศาสตร์ ได้อย่างถูกต้อง เราจึงควรทำความเข้าใจ เกี่ยวกับวิธีการนับศักราชแบบต่างๆ ดังนี้ 1
พุทธศักราช (พ.ศ.) เปนศักราชทางพระพุทธศาสนา นิยมใชกันในหลายประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา เปนศาสนาประจำชาติ สำหรับประเทศไทยไดเริ่มใช พุทธศักราชมาตั้งแตสมัยอยุธยา ในสมัยสมเด็จพระ นารายณมหาราช และนำมาใชกันอยางแพรหลายเปน แบบอยางของทางราชการตัง้ แต พ.ศ. ๒๔๕๕ รัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวเปนตนมา จนกระทั่งถึงปจจุบัน
มหาศั กราช (ม.ศ.) เป น ศั ก ราชที่ พ ระเจ า กนิ ษ กะ กษัตริยอินเดียทางตอนเหนือมีพระราชดำริขึ้น จากนั้น จึงแพรหลายไปทั่วอินเดียและประเทศที่ไดรับอิทธิพล ทางอารยธรรมอินเดีย สำหรับประเทศไทยไดรับมหาศักราชผานมาทางขอมหรือเขมร ดังปรากฏหลักฐาน อยูในหลักศิลาจารึกหลักที่ ๑ สำหรับการเทียบมหาศักราชเปนพุทธศักราช ใหบวกดวย ๖๒๑
จุลศักราช (จ.ศ.) เปนศักราชที่กษัตริยของพมาสมัย อาณาจั ก รพุ ก ามทรงมี พ ระราชดำริ ขึ้ น ภายหลั ง พุ ท ธศั ก ราช ๑,๑๘๑ ป จากนั้ น ได แ พร ห ลาย เขามาโดยผานทางอาณาจักรลานนา ซึ่งจะนิยมใชกัน มากในหลักฐานทางประวัติศาสตรไทย ไมวาจะเปน สมัยสุโขทัย อยุธยา รัตนโกสินทรตอนตน และลานนา สำหรับการเทียบจุลศักราชเปนพุทธศักราช ใหบวก ดวย ๑๑๘๑
รัตนโกสินทร์ศก (ร.ศ.) เปนศักราชที่พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกลาเจาอยูหัวมีพระราชดำริใหบัญญัติขึ้น โดยเริ่มใชในชวงกลางรัชสมัยของพระองค ดังปรากฏ อยูในเอกสารราชการ และเลิกใช ร.ศ. ในต น สมั ย รัชกาลที่ ๖ โดยเริ่มนับปที่สถาปนากรุงรัตนโกสินทร เปนราชธานี คือ พ.ศ. ๒๓๒๕ เปน ร.ศ. ๑ สำหรับ การเทียบรัตนโกสินทรศกเปนพุทธศักราช ใหบวกดวย ๒๓๒๔
Explain
ขยายความเขาใจ
Expand
ครูใหนักเรียนไปสืบคนตัวอยางขอมูลทาง ประวัติศาสตรที่มีศักราชแบบตางๆ เพิ่มเติม แลวเทียบศักราช โดยใช พ.ศ. เปนศักราชเปรียบเทียบ จากนั้นใหนักเรียนสรุปหลักเกณฑการเทียบศักราช ลงในสมุด แลวนําสงครูผูสอน
ตรวจสอบผล
Evaluate
1. ตรวจสอบความถูกตองของการเทียบศักราช 2. ตรวจสรุปหลักเกณฑการเทียบศักราช
๒) การเทียบศักราช ศักราชแบบต่างๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้น สามารถ
นำมาเปรียบเทียบใ ห้เป็นศักราชแบบเดียวกัน โดยสามารถดูจากตารางข้างล่าง ดังต่อไปนี้ หลักเกณฑ์การเทียบศักราช ม.ศ. + ๖๒๑ จ.ศ. + ๑๑๘๑ ร.ศ. + ๒๓๒๔
= พ.ศ. = พ.ศ. = พ.ศ.
พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. -
๖๒๑ ๑๑๘๑ ๒๓๒๔
= ม.ศ. = จ.ศ. = ร.ศ.
http://www.aksorn.com/LC/Hist_Th/M4-6/01
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
ถาปจุบันประเทศไทยยังใชระบบศักราชแบบรัตนโกสินทรศก (ร.ศ.) ปพุทธศักราช 2556 จะตรงกับรัตนโกสินทรศกใด 1. ร.ศ. 224 2. ร.ศ. 225 3. ร.ศ. 227 4. ร.ศ. 232
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ร.ศ. หรือรัตนโกสินทรศก เปน ศักราชที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัวมีพระราชดําริให บัญญัติขึ้น โดยเริ่มนับปทสี่ ถาปนากรุงรัตนโกสินทรเปนราชธานี คือ พ.ศ. 2325 เปน ร.ศ. 1 การเทียบ พ.ศ. ใหเปน ร.ศ. ใหนํา พ.ศ. ลบดวย 2324 ดังนั้น 2556-2324 = 232
EB GUIDE
๓
เกร็ดแนะครู ครูควรนําตัวอยางเสนเวลา (Timeline) เกี่ยวกับเหตุการณในประวัติศาสตรไทย มาอธิบายเพิ่มเติม เพื่อใหนักเรียนเกิดความเขาใจเรื่องเวลาและสามารถนําขอมูล เรื่องเวลาไปวิเคราะหและเปรียบเทียบเหตุการณทางประวัติศาสตรตางๆ ไดดียิ่งขึ้น
นักเรียนควรรู 1 พุทธศักราช (พ.ศ.) จุดเริ่มตนในการนับ พ.ศ. 1 มี 2 แบบ คือ 1. แบบไทย-ลาว-เขมร เริ่ม พ.ศ.1 เมื่อพระพุทธเจาเสด็จดับขันธปรินิพพาน ไปแลว 1 ป 2. แบบลังกา-พมา-อินเดีย เริ่ม พ.ศ.1 ในปที่พระพุทธเจาเสด็จดับขันธปรินิพพาน (จึงมี พ.ศ. มากกวาไทย-ลาว-เขมร 1 ป)
คูมือครู
3
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
กระตุน ความสนใจ
อธิบายความรู Explain
สมัย
ลักษณะการแบ่ง
ช่วงระยะเวลา
๑. แบ่งตาม ลักษณะเครื่องมือหิน
๑.๑ ยุคหินเก่า (ประมาณ ๗๐๐,๐๐๐ - ๑๐,๐๐๐ ปีมาแล้ว) ๑.๒ ยุคหินใหม่ (ประมาณ ๑๐,๐๐๐ - ๔,๐๐๐ ปีมาแล้ว)๑
เครื่องมือโลหะ
๒.๒ ยุคเหล็ก (ประมาณ ๒,๕๐๐ ปีมาแล้ว)
๑. แบ่งตาม ราชอาณาจักรหรือ ราชธานี
๑.๑ ๑.๒ ๑.๓ ๑.๔
สมัยก่อน ประวัติศาสตร์ ๒. แบ่งตามลักษณะ ๒.๑ ยุคสำริด (ประมาณ ๔,๐๐๐ - ๒,๕๐๐ ปีมาแล้ว)
Explain
๒. แบ่งตามลักษณะ สมัย ประวัติศาสตร์ การปกครอง
สมัยสุโขทัย (ราว พ.ศ. ๑๗๙๒ - พ.ศ. ๒๐๐๖) สมัยอยุธยา (พ.ศ. ๑๘๙๓ - พ.ศ. ๒๓๑๐) สมัยธนบุรี (พ.ศ. ๒๓๑๐ - พ.ศ. ๒๓๒๕) สมัยรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. ๒๓๒๕ - ปัจจุบัน)
๒.๑ สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (พ.ศ. ๑๗๙๒ - พ.ศ. ๒๔๗๕) ๒.๒ สมัยประชาธิปไตย (พ.ศ. ๒๔๗๕ - ปัจจุบัน)
๓. แบ่งตามหลักสากล ๓.๑ สมัยโบราณ (พ.ศ. ๑๗๙๒ - พ.ศ. ๒๓๙๔) ๓.๒ สมัยใหม่ หรือสมัยปรับปรุงประเทศ (พ.ศ. ๒๓๙๔ - พ.ศ. ๒๔๗๕) ๓.๓ สมัยปัจจุบัน หรือสมัยประชาธิปไตย (พ.ศ. ๒๔๗๕ - ปัจจุบัน) ๑
4
ศัพทานุกรมโบราณคดี. สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร. ๒๕๕๐. หน้า ๔๙๕. ยุคหินกลางพบในยุโรป แอฟริกา และหลายภูมิภาคของเอเชีย ยกเว้นไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นักเรียนควรรู 1 อักษรคูนิฟอรม Cuneiform หรืออักษรรูปลิ่ม เกิดจากการใชเครื่องมือกดลง บนแผนดินเหนียวจนเกิดเปนตัวอักษรที่มีลักษณะรูปรางคลายลิ่ม 2 ชาวเมโสโปเตเมีย กลุมชนที่อาศัยอยูบริเวณดินแดนที่ชาวกรีกเรียกวา เมโสโปเตเมีย ซึง่ ตัง้ อยูร ะหวางแมนาํ้ ไทกริสและยูเฟรทีส (ปจจุบนั คือ ประเทศอิรกั ) เปนสวนหนึ่งของดินแดนรูปพระจันทรเสี้ยวอันอุดมสมบูรณ ซึ่งเปนดินแดนรูปครึ่ง วงกลมที่ทอดโคงขึ้นไปจากอาวเปอรเซีย โดยคนกลุมแรกที่สรางสรรคอารยธรรม เมโสโปเตเมีย คือ ชาวซูเมเรีย ซึ่งเปนผูประดิษฐอักษรคูนิฟอรม 3 สมัยกอนประวัติศาสตร เปนชวงเวลาที่ยังไมมีการประดิษฐตัวอักษรขึ้นใช บันทึกเรื่องราวตางๆ สวนใหญสื่อสารกันดวยกิริยาทาทาง คําพูด การศึกษา เรื่องราวสมัยกอนประวัติศาสตรจึงศึกษาจากการตั้งถิ่นฐานของชุมชนโบราณ โดยอาศัยการวิเคราะหตคี วามจากหลักฐานทางโบราณคดีประเภทเครือ่ งมือเครือ่ งใช โครงกระดูก เครื่องประดับ เปนตน คูมือครู
Evaluate
การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ไทยที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั้น มักเป็นแบบผสมระหว่าง หลักเกณฑ์การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์สากลกับหลักเกณฑ์ของไทย โดยหลักเกณฑ์การ แบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์สากล จะกำหนดให้สมัยประวั 1 ติศาสตร์ของมนุษยชาติ 2 เริ่มขึ้นเมื่อ มนุษย์รู้จักประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นมาใช้ คือ อักษรคูนิฟอร์ม ของชาวเมโสโปเตเมีย เมื่อประมาณ ๕,๕๐๐ ปีล่วงมาแล้ว โดยเรียกว่า “สมัยประวั 3 ติศาสตร์” สำหรับช่วงเวลาก่อนที่มนุษย์จะมีตัว อักษรใช้ เรียกว่า “สมัยก่อนประวัติศาสตร์” นอกจากนี้ยังได้แบ่งเรื่องราวของมนุษย์ในสมัย ประวัติศาสตร์ออกเป็นยุคสมัยต่างๆ ได้แก่ ประวัติศาสตร์สมัยโบราณ ประวัติศาสตร์สมัยกลาง ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ และประวัติศาสตร์ร่วมสมัยหรือยุคร่วมสมัย สำหรั บ หลั ก เกณฑ์ การแบ่ ง ยุ ค สมั ย ของไทยจะคล้ า ยคลึ ง กั บ แบบสากลตรงที่ แ บ่ ง เป็ น สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และสมัยประวัติศาสตร์ โดยในสมัยประวัติศาสตร์ก็จะแบ่งย่อยลงไปอีก อาจใช้ราชธานีหรือลักษณะการปกครองเป็นตัวกำหนดก็ได้ ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้ ตารางแสดงการแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ไทย
Explore
1. ครูตั้งประเด็นคําถามใหนักเรียนรวมกัน แสดงความคิดเห็น เชน • หลักเกณฑการแบงยุคสมัยของไทยและสากล มีความเหมือนหรือแตกตางกันอยางไร (แนวตอบ ยุคสมัยของไทยและสากลมีการ แบงยุคสมัยคลายคลึงกัน คือ แบงเปนสมัย กอนประวัติศาสตรและสมัยประวัติศาสตร แตตา งกันทีใ่ นสมัยประวัตศิ าสตรของไทย จะแบงยอยลงไป อาจใชราชธานีหรือ ลักษณะการปกครองเปนตัวกําหนด สวนสมัย ประวัติศาสตรสากลแบงเปนสมัยโบราณ สมัยใหม และสมัยปจจุบัน) 2. ครูใหอาสาสมัครนักเรียนออกมาอธิบายตาราง แสดงการแบงยุคสมัยทางประวัติศาสตรไทย ในหนังสือเรียนหนา 4 ที่หนาชั้นเรียน
4
Elaborate
๒. การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ไทย
ครูใหนักเรียนแบงกลุม 2 กลุม เพื่อศึกษา คนควาเกีย่ วกับการแบงยุคสมัยทางประวัตศิ าสตรไทย ตามประเด็น ดังนี้ กลุมที่ 1 สมัยกอนประวัติศาสตรใน ประเทศไทย กลุมที่ 2 สมัยประวัติศาสตรของประเทศไทย ใหนักเรียนแตละกลุมจัดทํารายงาน และ เตรียมตัวนําเสนอผลการศึกษาคนควาทีห่ นาชัน้ เรียน
อธิบายความรู
ตรวจสอบผล
Engage
ครูนําภาพเกี่ยวกับหลักฐานทางประวัติศาสตร ไทยมาใหนักเรียนดู เชน ขวานหิน หมอสามขา หลักศิลาจารึก เปนตน จากนั้นตั้งคําถาม กระตุนความสนใจของนักเรียน เชน • เปนหลักฐานเกี่ยวกับอะไร มีความสําคัญ อยางไร และอยูในสมัยใด
สํารวจคนหา
ขยายความเขาใจ
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูสามารถนําเนือ้ หาเรือ่ งการแบงยุคสมัยทางประวัตศิ าสตรไทย ไปบูรณาการเชื่อมกับกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและ เทคโนโลยี วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร โดยใหนกั เรียน นําขอมูลจากตารางแสดงการแบงยุคสมัยทางประวัติศาสตรไทย ในหนังสือเรียนหนา 4 มาปรับการนําเสนอใหมเปนรูปแบบเสนเวลา หรือ Timeline เพื่อใหนักเรียนสามารถจดจําและเขาใจเกี่ยวกับ การแบงยุคสมัยทางประวัติศาสตรไทยไดดียิ่งขึ้น และใหนักเรียน ไดแสดงความคิดสรางสรรคในการออกแบบใหสวยงาม โดยใช โปรแกรมคอมพิวเตอรเขามาชวยในการออกแบบสรางสรรคชิ้นงาน
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engaae
Expore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
1. ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางหลักฐาน ทางประวัติศาสตรไทย พรอมบอกสถานที่พบ หลักฐานดังกลาว (แนวตอบ หลักฐานทางประวัติศาสตรที่พบใน ประเทศไทย เชน - เครื่องมือหินกะเทาะ พบที่ถํ้าหลังโรงเรียน ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ - ขวานหินขัด พบที่โคกพนมดี อ.พนัสนิคม จ.ลพบุรี - ภาชนะดินเผา พบที่โคกพนมดี อ.พนัสนิคม จ.ลพบุรี) 2. นักเรียนกลุมที่ 1 สงตัวแทนออกมานําเสนอ ผลการศึกษาคนควาเรื่องสมัยกอน ประวัติศาสตรในประเทศไทยที่หนาชั้นเรียน 3. ครูใหนักเรียนบอกความแตกตางระหวาง ยุคหินเกากับยุคหินใหม (แนวตอบ ยุคหินเกา มีอายุระหวาง 700,00010,000 ปมาแลว เปนยุคที่มนุษยรูจักการใช เครื่องมือหินกรวดกะเทาะหนาเดียว สําหรับใช สับ ตัด หรือขุด สวนยุคหินใหม มีอายุระหวาง 10,000-4,000 ปมาแลว หลักฐานที่พบ เชน เครื่องมือหินขัดที่มีลักษณะดานหนึ่งคม ดานหนึ่งมน และมีผิวเรียบ ภาชนะดินเผา แบบตางๆ ทั้งแบบมีขาและไมมีขา) 4. ครูใหนักเรียนบอกลักษณะเดนของมนุษย ในยุคหินใหมวามีพัฒนาการอยางไร (แนวตอบ มนุษยรูจักทอผา สรางบานเรือนอยาง งายๆ เพาะปลูก ทําเครื่องปนดินเผา และ รูจักเลี้ยงสัตว สัตวชนิดแรกๆ ไดแก แพะ และแกะ)
๒.๑ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย สมัยก่อนประวัติศาสตร์ไทยเป็นสมัยที่ยังไม่ปรากฏหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรบนผืน แผ่นดินไทย การแบ่งยุคสมัยจะนิยมแบ่งตามนักโบราณคดี ซึ่งกำหนดจากการที่มนุษย์ในยุคนั้นๆ รู้จักประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใช้เพื่อการดำรงชีวิต สมัยก่อนประวัติศาสตร์ไทยสามารถแบ่งออก เป็น ๒ ยุคใหญ่ๆ ดังนี้ ๑) ยุคหิน นับเป็นยุคสมัยเริ่มแรกของมนุษย์ แบ่งออกเป็น ๒ ยุค ดังนี้ ยุคหิน
หลักฐานทางประวัติศาสตร์
๑. ยุคหินเกา มีอายุระหว่าง ๗๐๐,๐๐๐ - ๑๐,๐๐๐ ปี มาแล้ ว มนุ ษ ย์ ยุ ค หิ น เก่ า รู้ จั ก ใช้ เ ครื่ อ งมื อ หิ น กรวด กะเทาะหน้าเดียว สำหรับใช้สบั ตัด หรือขุด ซึง่ เครือ่ งมือหินดังกล่าวพบได้ ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย เช่ น ที่ บ้ า นแม่ ท ะและบ้ า นดอนมู ล จั ง หวั ด ลำปาง ที่แหล่งโบราณคดีผาบุ้ง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ที่ บ้ า นเก่ า จั ง หวั ด กาญจนบุ รี ที่ ถ้ ำ หลั ง โรงเรี ย น ทับปริก อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ เป็นต้น ๒. ยุคหินใหม มีอายุระหว่าง ๑๐,๐๐๐ - ๔,๐๐๐ ปีมา แล้ ว จากการขุ ด ค้ น ทางโบราณคดี พบหลั ก ฐาน เครื่องมือหินขัดที่มีลักษณะด้านหนึ่งคม ด้านหนึ่งมน และมีผวิ เรียบ นอกจากนีย้ งั พบภาชนะดินเผาแบบต่างๆ ทัง้ แบบมีขาและไม่มขี าอีกด้วย สำหรับหลักฐานยุคหินใหม่ สามารถพบได้หลายแห่งทั่วทุกภาคของประเทศไทย เช่น ที่บ้านเก่า จังหวัดกาญจนบุรี ที่บ้านเชียง จังหวัด อุดรธานี ที่โคกพนมดี อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี เป็นต้น
1
ขวานหิน พบที่แหล่งโบราณคดีบ้านพลีควาย อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา
Explain
เครื่องมือหินกะเทาะ พบที่ถ้ำหลังโรงเรียนทับปริก อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่
ขวานหินขัด พบที่โคกพนมดี อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี
ภาชนะดินเผา พบที่โคกพนมดี อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี
๕
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
พัฒนาการของมนุษยในการสรางและทําเพือ่ ความอยูร อดในการ ดํารงชีวติ เกิดขึ้นครั้งแรกในยุคใด 1. ยุคหินเกา 2. ยุคสําริด 3. ยุคเหล็ก 4. ยุคโลหะ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ยุคหินเกาถือเปนยุคแรกที่มนุษย ดํารงชีวิตดวยการลาสัตว หาของปา ประดิษฐเครื่องมือเครื่องใช รูจักใชไฟทําอาหาร ประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับความตาย ซึ่งเปน สิ่งที่มนุษยสรางและทําเพื่อความอยูรอดในการดํารงชีวิต และมี พัฒนาการเรื่อยมาตามยุคสมัยตางๆ
เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศึกษาเรื่องราวสมัยกอนประวัติศาสตรใน ประเทศไทยวา เริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2474 โดยศาสตราจารยฟริทซ ซาราซิน (Fritz Sarasin) ไดเขามาสํารวจและขุดคนตามถํ้าตางๆ ใน จ. เชียงราย เชียงใหม ลพบุรี และราชบุรี ผลการสํารวจและขุดคนไดพบเครื่องมือหินกะเทาะทําจากหินกรวด หลายชิ้น พบเศษภาชนะดินเผา เปนตน ผูที่คนพบเครื่องมือหินกะเทาะไดตั้งชื่อ เครื่องมือหินนั้นวา ไซแอมเมียน (Siamian) ตอมาใน พ.ศ. 2480 สมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพทรงพระนิพนธหนังสือ เรือ่ ง กอนประวัตศิ าสตร นับเปนหนังสือกอนประวัติศาสตรเลมแรกของประเทศไทย
นักเรียนควรรู 1 ขวานหิน เครื่องมือหรืออาวุธมีใชมาตั้งแตยุคกอนประวัติศาสตร ใชในการสับ ตัด ฟน หรือผา ทําจากหินกะเทาะใหเกิดคมและมีรปู รางตางๆ บางครัง้ มีการขัดผิว จนเรียบ สามารถใชโดยมีดามประกอบหรือไมมีก็ได คูมือครู 5
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engaae
Expore
อธิบายความรู
อธิบายความรู Explain
ÁØÁ¹‹ÒÃÙŒ
Elaborate
Evaluate
1
ภาชนะดินเผาแบบสามขา ยุคหินใหม่ อายุประมาณ ๔,๐๐๐ - ๓,๐๐๐ ป ม าแล้ ว พบที่ บ้ า นเก่ า จั ง หวั ด กาญจนบุ รี โดยคณะสำรวจก่อนประวัติศาสตร์ไทยเดนมาร์ก เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๕ พบว่ามีลักษณะที่คล้ายคลึงกับภาชนะของมนุษย์ยุคหินใหม่ที่ตำบล ลุงชานหรือหลงชาน ในมณฑลชานตุง ประเทศจีน
ภาชนะดินเผาสามขา พบที่มณฑลชานตุง ภาชนะดินเผาสามขา ประเทศจีน พบที่บ้านเก่า จังหวัดกาญจนบุรี
๒) ยุคโลหะ แบ่งออกเป็น ๒ ยุคย่อย ดังนี้ ยุคโลหะ
๖
หลักฐานทางประวัติศาสตร์
๑. ยุคสำริด มีอายุระหว่าง ๔,๐๐๐-๒,๕๐๐ ปีมาแล้ว มนุษย์ ในยุคนี้รู้จักนำโลหะสำริดที่มีส่วนผสมของทองแดงกับดีบุก หรือ ตะกั่วมาทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ เช่น ขวาน มีด ใบหอก กลอง สำริด เครื่องประดับประเภทกำไลแขนสำริด แหวนสำริด ลูกปัด เป็นต้น โดยขุดพบหลักฐานเครื่องมือเครื่องใช้สำริดได้ในพื้นที่หลาย แห่งของประเทศไทย เช่น ทีบ่ า้ นโคกพลับ จังหวัดราชบุรี ทีบ่ า้ นนาดี ที่บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี เป็นต้น โดยเฉพาะการขุดค้นทางโบราณคดีที่บ้านเชียง นอกจากจะพบ เครื่องมือสำริดแล้ว ยังพบเศษภาชนะดินเผาซึ่งมีรูปทรงแปลกตา และมีลวดลายเขียนด้วยสีแดงอย่างสวยงาม เชื่อว่าแหล่งอารยธรรม บ้านเชียงเป็นแหล่งอารยธรรมของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่มี ความเจริญอยู่ในระดับสูงแห่งหนึ่งที่ปรากฏในดินแดนประเทศไทย
ขวานสำริด พบที่บ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี
๒. ยุคเหล็ก เริ่มเมื่อประมาณ ๒,๕๐๐ ปีล่วงมาแล้ว มีการ พบเครื่องมือที่ทำด้วยเหล็ก ซึ่งมีความแข็งแรง และใช้ประโยชน์ได้ มากกว่าสำริดในหลายที่ เช่น ที่บ้านดอนตาเพชร จังหวัดกาญจนบุรี พบเสียม มีดขอ ใบหอก หัวธนู ที่บ้านหนองนาตูม อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา พบใบหอก เสียม ที่บ้านใหม่ชัยมงคล อำเภอ ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ พบขวานเหล็ก เสียมเหล็ก เป็นต้น ในยุคเหล็ก ผู้คนมีวิถีชีวิตที่เจริญขึ้น สังคมมีความซับซ้อนมาก ขึ้น มีชนชั้นทางสังคม และมีการติดต่อค้าขายกับต่างแดน แต่ใน ช่วงแรกของยุคเหล็กยังไม่ปรากฏหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร
เครื่องมือเหล็ก พบที่บ้านดอนตาเพชร อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี
EB GUIDE
นักเรียนควรรู 1 ภาชนะดินเผาแบบสามขา ภาชนะดินเผายุคกอนประวัติศาสตรประเภทหนึ่ง มีขา 3 ขา เพื่อใชในการตั้งวางเชื้อเพลิง หรือเพื่ออํานวยความสะดวกในการวาง เชื้อเพลิงสําหรับหุงตม มักพบในแหลงโบราณคดีทางภาคตะวันตกและภาคใตของ ประเทศไทย
บูรณาการอาเซียน ครูใหนักเรียนไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมัยกอนประวัติศาสตรในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต ซึ่งเปนที่ตั้งของประเทศสมาชิกอาเซียนวา มีการแบง ยุคสมัยเหมือนหรือแตกตางจากประเทศไทยอยางไร แลวใหยกตัวอยางหลักฐาน ทางประวัติศาสตรสมัยกอนประวัติศาสตรของแตละประเทศ โดยใหทําในกระดาษ A4 พรอมมีภาพประกอบตกแตงใหสวยงาม แลวนําสงครูผูสอน คูมือครู
ตรวจสอบผล
Explain
1. ครูใหนักเรียนบอกความแตกตางระหวาง ยุคสําริดกับยุคเหล็ก (แนวตอบ ยุคสําริดมีอายุระหวาง 4,000-2,000 ป มาแลว มนุษยรูจักนําโลหะสําริดที่มีสวนผสม ของทองแดงกับดีบุกหรือตะกั่ว แลวนํามาทํา เปนเครื่องมือเครื่องใชและเครื่องประดับ) 2. ครูใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นวา เพราะเหตุใดแหลงโบราณคดีบานเชียงจึงไดชื่อ วาเปนแหลงอารยธรรมที่สําคัญของไทย (แนวตอบ แหลงอารยธรรมบานเชียงเปนแหลง อารยธรรมของมนุษยยุคกอนประวัติศาสตร ที่มีความเจริญอยูในระดับสูงแหงหนึ่งที่พบใน ดินแดนประเทศไทย โดยมีการพบเครือ่ งมือสําริด เศษภาชนะดินเผาที่มีรูปทรงแปลกตา และมี ลวดลายเขียนดวยสีแดงอยางสวยงาม) 3. ครูใหนักเรียนอธิบายวา มนุษยในยุคเหล็กมี พัฒนาการจากยุคสําริดอยางไร (แนวตอบ มนุษยมีวิถีชีวิตที่เจริญขึ้น มีการพบ เครื่องมือที่ทําดวยเหล็กที่มีความแข็งแรงและ ใชประโยชนไดมากกวาสําริด สังคมมีความ ซับซอนมากขึ้น มีชนชั้นทางสังคม และมีการ ติดตอคาขายกับดินแดนอืน่ แตยงั ไมพบหลักฐาน ที่เปนลายลักษณอักษร) 4. ครูขออาสาสมัครนักเรียนอธิบายเกี่ยวกับ ลักษณะสังคมในยุคเหล็ก (แนวตอบ สังคมยุคเหล็กมีความซับซอนมากขึ้น มีการติดตอกับตางถิ่น มีชนชั้น ดังจะเห็นได จากการฝงศพ ที่บางศพมีขาวของเครื่องใชและ เครื่องประดับมากมาย แสดงถึงการเปนบุคคล สําคัญ หรือการมีชนชั้นในสังคมนั่นเอง)
6
ขยายความเขาใจ
http://www.aksorn.com/LC/Hist_Th/M4-6/02
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET ขอใดเปนจุดเริ่มตนของยุคโลหะ 1. การหลอมดีบุก 2. การหลอมเหล็ก 3. การหลอมสําริด 4. การหลอมทองแดง
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. การที่มนุษยรูจักหลอมทองแดง กับดีบุกหรือตะกั่วจนเปนโลหะสําริด แลวนํามาทําเครื่องมือ เครื่องใช เชน ขวาน มีด ใบหอก เครื่องประดับสําริด เปนตน นับเปนจุดเริม่ ตนของยุคโลหะ กอนทีจ่ ะพัฒนามาเปนเครือ่ งมือเหล็ก ที่มีความแข็งแรงกวาในสมัยตอมา
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engaae
Expore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
1. ครูใหอาสาสมัครนักเรียนออกมาอธิบาย เสนเวลาแสดงลําดับยุคสมัย กอนประวัติศาสตรไทย ใหเพื่อนฟง 2. ครูใหนักเรียนอานเรื่องเลาจากอดีต เรื่อง ลูกปดโบราณคนพบใหมทางภาคใตของไทย แลวใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นวา การคนพบลูกปดโบราณดังกลาวบงบอก อะไรไดบาง และมีความสําคัญตอการศึกษา ประวัติศาสตรไทยอยางไร (แนวตอบ การขุดพบลูกปดโบราณที่เปนลูกปด หิน แกวโมเสก ลูกปดทองคํา อัญมณี อุปกรณ ผลิต รวมถึงเงินตรานานาชาติ ในพื้นที่หลาย จังหวัดทางภาคใตของไทย แสดงใหเห็นวา บริเวณดังกลาวเคยเปนศูนยผลิตและจําหนาย เครื่องประดับและอัญมณีที่สําคัญของภูมิภาค มาตั้งแตเมื่อราว 2,000 ปมาแลว) 3. ครูใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นวา เพราะเหตุใดยุคหินใหมจึงเรียกวาเปนสมัย แหงการปฏิรูปวิถีชีวิตของมนุษยสมัยกอน ประวัติศาสตร (แนวตอบ เพราะเปนชวงที่มนุษยสมัยกอน ประวัติศาสตรเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตจากการ เรรอนมาเปนการตั้งถิ่นฐานอยูบริเวณที่ราบลุม แมนํ้า ดํารงชีวิตดวยการจับสัตวนํ้าเปนอาหาร มีการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว)
เสนเวลา แสดงลำดับยุคสมัยกอนประวัตศิ าสตร ไทย มนุษย์รู้จักใช้เครื่องมือหิน กะเทาะ โดยในระยะแรกมี ลักษณะหยาบ เช่น เครื่องมือหินกะเทาะ พบที่แหล่งโบราณคดี ผาบุ้ง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ยุคหินเก่า ๗๐๐,๐๐๐-๑๐,๐๐๐ ป
มนุษย์รู้จักทำเครื่องมือหินขัด ทำเครื่องปั้นดินเผาทั้งแบบ มีขาและไม่มีขา เช่น ภาชนะ ดินเผาสามขา พบที่บ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
ยุคหินใหม่ ๑๐,๐๐๐-๔,๐๐๐ ป ๑๐,๐๐๐ ป
๘,๐๐๐ ป
๖,๐๐๐ ป
๔,๐๐๐ ป
๒,๐๐๐ ป
ยุคสำริด ๔,๐๐๐๒,๕๐๐ ป มนุษย์รู้จักนำโลหะสำริดมาทำเครื่องมือ เครื่องใช้ เช่น ขวาน มีด ใบหอก 1 กลองสำริด เป็นต้น ดังพบกลองมโหระทึก ที่บ้านโคกพลับ อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี
Explain
ปลวงมาแลว
ยุคเหล็ก ๒,๕๐๐ ป
มนุษย์รู้จักนำเหล็กมาทำเครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆ เช่น เสียม มีดขอ ใบหอก หัวธนู เป็นต้น ดังพบเครือ่ งมือ เหล็ก ที่บ้านใหม่ชัยมงคล อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
àÃ×èͧàÅ‹Ò¨Ò¡Í´Õµ 2
ลูกปดโบราณคนพบใหมทางภาคใตของประเทศไทย จากการขุดค้นแหล่งโบราณคดีเขาสามแก้ว จังหวัดชุมพร โดยความร่วมมือของนักโบราณคดีชื่อดังจากสถาบันต่างๆ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒ มีการขุดพบหลักฐาน ทางโบราณคดี คือ ลูกปดโบราณที่เป็นลูกปดหิน แก้วโมเสก ลูกปดทองคำ อัญมณี อุปกรณ์ผลิต รวมถึงเงินตรานานาชาติ ลูกปดแก้วสลับสี พบที่ภาคใต้ของประเทศไทย ในพื้นที่ ๕ จังหวัดภาคใต้ตอนกลาง ตั้งแต่จังหวัดชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี พังงา และกระบี่ นักโบราณคดีจากสถาบันต่างๆ ลงความเห็นตรงกันว่า บริเวณดังกล่าวเคยเป็นศูนย์ ผลิตและจำหน่ายเครื่องประดับและอัญมณีในระดับภูมิภาคตั้งแต่เมื่อราว ๒,๐๐๐ ปมาแล้ว
๗
ขอสอบ
O-NET
ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับยุคกอนประวัติศาสตร หากทานเขาชมพิพิธภัณฑมนุษยยุคกอนประวัติศาสตร ทานจะไมพบสิ่งใด 1. เครื่องประดับ 2. อาวุธหินกะเทาะ 3. แผนศิลาจารึก 4. หมอดินเผาสามขา วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. จะไมพบแผนศิลาจารึก เพราะ แผนศิลาจารึกเปนหลักฐานสมัยประวัติศาสตร ซึ่งเปนสมัยที่ มนุษยมีตัวอักษรใช สวนสมัยกอนประวัติศาสตรเปนชวงเวลาที่ มนุษยยังไมมีตัวอักษรใช
เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนไปคนหาขาวเกี่ยวกับการคนพบหลักฐานทางประวัติศาสตร แหลงใหมๆ ในประเทศไทย จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน หนังสือพิมพ เว็บไซต ในอินเทอรเน็ต เปนตน แลวสรุปสาระสําคัญจากขาวดังกลาว จากนั้นนําขอมูลมา อภิปรายรวมกันในชั้นเรียน
นักเรียนควรรู 1 กลองมโหระทึก กลองหลอจากสําริดเพื่อใชในการประกอบพิธีกรรม ลักษณะ ทรงกระบอก สวนบนและสวนลางผายออก ที่หนากลองมีลวดลายประดับ เชน รูปพระอาทิตย เรือ เปนตน 2 ลูกปด เครื่องประดับทําจากวัสดุตางๆ เชน หิน แร กระดูก ฟน เขี้ยวสัตว เปลือกหอย ทองคํา สําริด เปนตน นํามาขัดฝนหรือหลอใหเปนรูปลักษณตางๆ กัน มีรูรอยดายหรือเชือกเปนเสน เพื่อประดับตกแตงรางกายหรือสิ่งของ คูมือครู 7
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engaae
Expore
อธิบายความรู
อธิบายความรู Explain
Elaborate
Evaluate
๒.๒ สมัยประวัติศาสตร์ของประเทศไทย หลักฐานเกี่ยวกับการเริ่มสมัยประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นสมัยที่เริ่มมีตัวอักษรใช้ ในดินแดน ประเทศไทยที่เก่าแก่ที่สุด คือ ศิลาจารึก ซึ่งพบในหลายๆ ที่ที่มีอายุอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน เช่น ที่ศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ซับจำปา จังหวัดลพบุรี แต่จารึก1ที่ปรากฏศักราชชัดเจนที่สุด พบที่ปราสาท เขาน้อย จังหวัดสระแก้ว ระบุศักราช ๕๕๙ ซึ่งเป็น มหาศักราช 2หรือตรงกับ พ.ศ. ๑๑๘๐ จารึกด้วย อักษรปัลลวะ เป็นภาษาสันสกฤตและเขมร สำหรับ สมัยประวัติศาสตร์ในดินแดนไทยนิยมแบ่งดังนี้ ๑) สมัยอาณาจักรโบราณ หรือสมัย ก่อนสุโขทัย ดินแดนที่ตั้งของประเทศไทยในปัจจุบัน ในอดี ต มี อาณาจั กรตั้ ง อยู่ ห ลายอาณาจั กร แต่ จาก เหรียญเงินด้านหนึง่ มีอกั ษรจารึกเป็นภาษาสันสกฤตว่า “ศรีทวารวตี ศวรปุณยะ” อีกด้านเป็นลายหม้อน้ำ หลั ก ฐานทางประวั ติ ศ าสตร์ อาณาจั กรเก่ า แก่ ที่ สุ ด พบที่จังหวัดนครปฐม น่าจะอยูบ่ ริเวณภาคกลางของดินแดนไทย คือ อาณาจักรทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๖) ซึ่งมีศูนย์กลาง ในเขตจังหวัดนครปฐม3 โดยพบเหรียญเงินที่มีจารึกว่า “ศรีทวารวตี ศวรปุณยะ” สำหรับอาณาจักรโบราณอืน่ ๆ เช่น ละโว้ (พุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๘) ตามพรลิงค์ (พุทธศตวรรษที่ ๗-๑๙) ศรีวิชัย (พุทธศตวรรษที่ ๑๓-๑๙) เป็นต้น ๒) สมัยสุโขทัย (ราว พ.ศ. ๑๗๙๒ ๒๐๐๖) เริ่มตั้งแต่การสถาปนาอาณาจักรสุโขทัย จน สุโขทัยรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยา สมั ย สุ โ ขทั ย เป็ น ช่ ว งที่ มี การสร้ า งสรรค์ อารยธรรม หลายประการ เช่น การประดิษฐ์ตัวอักษรไทย การรับ นับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท การจัดระเบียบ การปกครอง การสร้างสรรค์ศิลปะแบบสุโขทัย เช่น เจดียท์ รงดอกบัวตูม (หรือทรงพุม่ ข้าวบิณฑ์) พระพุทธศิลาจารึกสุโขทัย หลักที่ ๒ หรือศิลาจารึกวัดศรีชุม พบที่วัดศรีชุม อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย รูปปางลีลา เป็นต้น 8
นักเรียนควรรู 1 ปราสาทเขานอย เปนศาสนสถานของศาสนาฮินดู โดยเปนอาคารกออิฐ ไมผสมปูน 3 หลัง พังทลายเหลือแตปรางคองคกลางกับเนินดินอีก 2 เนิน บริเวณ โบราณสถานพบโบราณวัตถุหลายชิ้น เชน ทับหลังศิลปะเขมร จารึกระบุมหาศักราช 559 เสาประดับกรอบประตู ศิลปะเขมร ประติมากรรมรูปบุคคลมี 4 กร นอกจากนี้ ยังพบทับหลัง 4 ชิ้นที่ปราสาทองคทิศเหนือบริเวณหนาซุมประตู เปนศิลปะเขมรแบบตางๆ และพบโบราณวัตถุทําจากหินทรายจํานวนมาก เชน ศิวลึงค ประติมากรรมรูปบุคคล เครื่องปนดินเผา เครื่องโลหะ เปนตน 2 อักษรปลลวะ รูปแบบอักษรที่ไดรับการพัฒนาขึ้นมาในอินเดียและแพรเขามา ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใตจนกลายเปนตนแบบของอักษรเกือบทั้งหมดใน ภูมิภาคนี้ 3 ศรีทวารวตี ศวรปุณยะ นักประวัติศาสตรหลายทานไดใหความหมายวา “การบุณยของพระเจาศรีทวารวดี” คูมือครู
ตรวจสอบผล
Explain
1. ครูใหกลุมที่ 2 สงตัวแทนออกมานําเสนอ ผลการศึกษาคนควาเรื่องสมัยประวัติศาสตร ของประเทศไทย 2. ครูถามนักเรียนวาสมัยประวัติศาสตรของ ประเทศไทยเริ่มขึ้นเมื่อใด (แนวตอบ เริ่มเมื่อปลายพุทธศตวรรษที่ 12 เนือ่ งจากมีการพบศิลาจารึกหลายแหงทีม่ อี ายุอยู ในชวงเวลาเดียวกัน เชน ทีศ่ รีเทพ จ. เพชรบูรณ ที่ซับจําปา จ. ลพบุรี แตจารึกที่ปรากฏศักราช ชัดเจนที่สุด พบที่ปราสาทเขานอย จ.สระแกว ระบุศักราช 559 ซึ่งเปนมหาศักราช หรือ ตรงกับ พ.ศ.1180 จารึกดวยอักษรปลลวะ เปนภาษาสันสกฤตและเขมร) 2. ครูใหนักเรียนสรุปการแบงสมัยประวัติศาสตร ของประวัติศาสตรไทย (แนวตอบ สมัยประวัติศาสตรแบงตามราชธานี และแบงตามราชวงศการปกครอง คือ • แบงตามราชธานีเริ่มตนตั้งแตสมัยสุโขทัย สมัยอยุธยา สมัยธนบุรี และสมัยรัตนโกสินทร • แบงตามราชวงศที่ปกครอง เชน สมัยอยุธยา แบงเปน 5 ราชวงศ คือ อูทอง สุพรรณภูมิ สุโขทัย ปราสาททอง และบานพลูหลวง) 3. ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางอาณาจักร โบราณในดินแดนประเทศไทยสมัยกอนสุโขทัย พรอมบอกระยะเวลาและที่ตั้งของอาณาจักร ดังกลาว (แนวตอบ อาณาจักรโบราณที่สําคัญ เชน • อาณาจักรทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 11-16) มีศูนยกลางในเขต จ.นครปฐม) • อาณาจักรละโว (พุทธศตวรรษที่ 12-18) ตัง้ อยูบ ริเวณลุม แมนาํ้ เจาพระยาฝง ตะวันออก หรือ จ.ลพบุรีในปจจุบัน • อาณาจักรตามพรลิงค (พุทธศตวรรษที่ 7-19) มีศูนยกลางอยูที่ จ.นครศรีธรรมราช)
8
ขยายความเขาใจ
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
สมัยสุโขทัยตรงกับสมัยประวัติศาสตรสากลในขอใด 1. สมัยกลางหรือยุคมืด 2. สมัยแหงสงครามเพโลพอนนีเชียน 3. สมัยจักรวรรดิโรมันตะวันตกลมสลาย 4. สมัยจักรพรรดิคอนสแตนตินแหงโรมัน วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. สมัยสุโขทัยตรงกับ พ.ศ. 17922006 หรือ ค.ศ. 1249-1463 ซึ่งตรงกับสมัยกลาง ค.ศ. 476-1492 เปนระยะเวลาที่ชาวยุโรปซึ่งมีชีวิตอยูในชวงคริสตศตวรรษที่ 16 เห็นวาเปนยุคมืดทีแ่ สงของอารยธรรมกรีก-โรมันหายไป ทัง้ ยังถูกชีน้ าํ โดยศาสนจักรคาทอลิกที่มีสันตะปาปาเปนผูนํา และตกอยูใตระบอบ การปกครองแบบฟวดัล อํานาจการปกครองถูกกระจายอยูในมือของ ขุนนางและอัศวินทองถิ่น สวนชาวไรชาวนาตางสูญเสียอิสรภาพและ กลายเปนทาสติดที่ดิน
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engaae
Expore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู 1
๓) สมัยอยุธยา (พ.ศ. ๑๘๙๓ - ๒๓๑๐) เมื่ออาณาจักรสุโขทัยเสื่อมอำนาจ
คนไทยทางลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้ตั้งอาณาจักรใหม่ คือ อยุธยา เมื่อ พ.ศ. ๑๘๙๓ ซึ่งยืนยาวถึง ๔๑๗ ปี จนถึง พ.ศ. ๒๓๑๐ อยุธยาจึงเสื่อมอำนาจลง สมัยอยุธยาเป็นสมัยที่มีการสร้างความ เป็นปึกแผ่นของคนไทย มีการสร้างสมมรดกของชาติ ที่สำคัญในทุกๆ ด้าน ทั้งนี้นักประวัติศาสตร์ได้แบ่ง สมัยอยุธยาออกเป็นสมัยย่อยๆ๒ อีก ดังนี้ (๑) สมัยการวางรากฐานอำนาจและเสริม สรางความมั่นคง (พ.ศ. ๑๘๙๓ - ๑๙๙๑) คือ สมัย สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (อู่ทอง) ถึงสมัยสมเด็จ พระบรมราชาธิราชที่ ๒ (เจ้าสามพระยา) ซึ่งถือเป็น ช่วงเวลาเริ่มต้น อาณาจักรยังมีขนาดเล็ก การบริหาร จึงเป็นการพยายามทำให้อาณาจักรมั่นคงเข้มแข็ง พระบรมรูปสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (อูท่ อง) ปฐมกษัตริย์ กรอยุธยา เมือ่ พ.ศ. ๑๘๙๓ ประดิษฐาน โดยการเป็นพันธมิตรกับขอมหรือเขมรในระยะแรก ผูณส้ ถาปนาอาณาจั หน้าศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาหลังเดิม ต่อมาเมื่อขอมเปลี่ยนท่าทีจากการเป็ 2 นมิตรหรือเอาใจ ออกห่าง อยุธยาจึงยกทัพไปตีขอม นอกจากนั้นยังมี การติดต่อค้าขายกับต่างประเทศโดยเฉพาะกับจีน (๒) สมัยที่มีอำนาจทางการเมืองและมี ความรุงเรืองทางเศรษฐกิจ (พ.ศ. ๑๙๙๑ - ๒๒๓๑) คื อ สมั ย สมเด็ จ พระบรมไตรโลกนาถจนถึ ง สมั ย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นช่วงเวลาที่อยุธยามี การปกครองที่มั่นคงเป็นระบบยิ่งขึ้น และมีการติดต่อ ค้าขายกับต่างชาติอย่างกว้างขวาง ทั้งในทวีปเอเชีย และยุโรป แม้ว่าไทยจะเสียกรุงศรีอยุธยาในครั้งที่ ๑ แต่ก็เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ และก็สามารถฟื้นตัวได้ ต รกรรมฝาผนั ง แสดงเหตุ ก ารณ์ ส มเด็ จ พระนเรศวร อย่างรวดเร็ว สมัยนี้มีกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่หลายพระองค์ จิมหาราชทรงหลั ่งน้ำทักษิโณทก ประกาศอิสรภาพไม่ขึ้น ได้ แ ก่ สมเด็ จ พระบรมไตรโลกนาถ สมเด็ จ พระ กับกรุงหงสาวดีของพม่า เมือ่ พ.ศ. ๒๑๒๗ ในพระวิหาร วัดสุวรรณดาราราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นเรศวรมหาราช และสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ๒
วุฒชิ ยั มูลศิลป. “กรุงศรีอยุธยา” ในสารานุกรมประวัตศิ าสตร์ไทย เล่ม ๑ อักษร ก ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน ๒๕๔๙ หน้า ๑๘๐-๑๘๖.
กิจกรรมสรางเสริม ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตรใน สมัยอยุธยาในแตละสมัย ตั้งแตสมัยการวางรากฐานอํานาจและ เสริมสรางความมั่นคง สมัยที่มีอํานาจทางการเมืองและมีความ รุงเรืองทางเศรษฐกิจ และสมัยเสื่อมอํานาจ จากนั้นใหจัดทํา เสนเวลาแสดงเหตุการณสําคัญทางประวัติศาสตรในสมัยอยุธยา โดยใหเลือกทํา 1 สมัย
กิจกรรมทาทาย ครูมอบหมายใหนักเรียนสรุปผังมโนทัศนเกี่ยวกับสมัยการวาง รากฐานอํานาจและเสริมสรางความมั่นคง พ.ศ. 1893-1991 สมัยที่มีอํานาจทางการเมืองและความรุงเรืองทางเศรษฐกิจ และ สมัยเสื่อมอํานาจ โดยใหเลือกทํา 1 หัวขอ
๙
Explain
1. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางพระมหากษัตริยที่มี บทบาทสําคัญในสมัยอยุธยา พรอมบอกวามี บทบาทอยูในชวงเวลาใด และมีบทบาทสําคัญ อยางไร (แนวตอบ พระมหากษัตริยท มี่ บี ทบาทสําคัญ เชน • สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (อูท อง) ครองราชย พ.ศ.1893-1912 เปนปฐมกษัตริยผูสถาปนา อาณาจักรอยุธยา • สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ครองราชย พ.ศ.1991-2031 กษัตริยผูปฏิรูปการปกครอง ของไทยทีใ่ ชมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทรตอนตน • สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครองราชย พ.ศ. 2133-2148 กษัตริยผูประกาศเอกราช ใหกับกรุงศรีอยุธยา และทําสงครามปกปอง ราชอาณาจักรใหปลอดภัยและมั่นคง • สมเด็จพระนารายณมหาราช ครองราชย พ.ศ. 2199-2231 กษัตริยผูทรงใชนโยบาย ทางการทูตในการรักษาเอกราชของ บานเมือง) 2. ครูใหนักเรียนอธิบายวา สมัยการวางรากฐาน อํานาจและเสริมสรางความมั่นคง พ.ศ. 1893-1991 มีความสําคัญอยางไร (แนวตอบ สมัยที่เริ่มกอตั้งอาณาจักร จึงเปน การพยายามทําใหอาณาจักรมั่นคงแข็งแรง โดยการเปนพันธมิตรกับขอมในระยะแรก และยังสงเสริมการติดตอคาขายกับตางชาติ เพื่อสรางวางรากฐานอาณาจักรใหมั่นคง) 3. ครูถามนักเรียนวา เพราะเหตุใดใน พ.ศ. 1991-2231 จึงเปนสมัยที่อยุธยามีอํานาจ ทางการเมืองและความเจริญรุง เรืองทางเศรษฐกิจ (แนวตอบ เนื่องจากเปนชวงเวลาที่อยุธยามีการ ปกครองที่มั่นคงเปนระบบยิ่งขึ้น และมีการ ติดตอคาขายกับตางชาติอยางกวางขวาง ทั้งในทวีปเอเชียและยุโรป จึงทําใหอยุธยา มีความมั่นคงและมั่งคั่ง)
เกร็ดแนะครู ครูอาจนําภาพยนตรเรื่องพระสุริโยทัยหรือตํานานสมเด็จพระนเรศวร มาให นักเรียนดู แลวใหนกั เรียนรวมกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับสาระสําคัญ ทางประวัติศาสตรที่ไดรับจากการชมภาพยนตร
นักเรียนควรรู 1 สมัยอยุธยา สมัยที่ดินแดนไทยถูกปกครองโดยอาณาจักรซึ่งมีราชธานีอยูที่ กรุงศรีอยุธยา สมัยอยุธยามีอายุยาวนานถึง 417 ป มีพระมหากษัตริยปกครอง ทั้งหมด 33 พระองค 2 ขอม คําวา “กรอม” “กรอม” เพี้ยนมาจากคําภาษาเขมรวา “โกรม” แปลวา ใต และคําที่เขียนวา “กรอม” นี้ ชาวลานนาอานออกเสียงเปน “ขอม” สวนคนไทย ภาคกลางออกเสียงเปน “กรอม” คูมือครู
9
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engaae
Expore
อธิบายความรู
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Elaborate
Evaluate
Explain
1. ครูถามนักเรียนวา การแบงสมัยอยุธยาออกเปน สมัยยอยๆ มีขอดีอยางไร (แนวตอบ ทําใหเห็นลักษณะสําคัญของ ประวัติศาสตรอยุธยาและพัฒนาการ ทางประวัติศาสตรสมัยอยุธยาไดอยางชัดเจน ตั้งแตสมัยการวางรากฐานอํานาจและเสริมสราง ความมั่นคง สมัยที่มีอํานาจทางการเมืองและ มีความรุงเรืองทางเศรษฐกิจ และสมัยเสื่อม อํานาจ จึงทําใหเขาใจประวัติศาสตรสมัยอยุธยา ไดดียิ่งขึ้น) 2. ครูใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นวา การแบง สมัยอยุธยาตามราชวงศที่ปกครอง มีขอดี อยางไร (แนวตอบ ทําใหเห็นไดชัดวาอยุธยาอยูภายใต การปกครองของราชวงศใด ราชวงศใดปกครอง ยาวนานที่สุด และสามารถเปรียบเทียบไดวา ในสมัยราชวงศใดที่อยุธยาเจริญรุงเรืองและ เสื่อมอํานาจ) 3. ครูใหนักเรียน 2-3 คน ชวยกันสรุปความสําคัญ ของสมัยธนบุรี (แนวตอบ เปนสมัยกอบกูอิสรภาพของบานเมือง หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยา จึงมีการฟนฟู ประเทศในหลายดาน เชน การฟนฟูพระพุทธศาสนา ศิลปกรรม เปนตน และมีการฟนฟู ความสัมพันธกับจีนเพื่อประโยชนทางการคา และเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังตองมีการทํา สงครามกับพมาตลอดเวลา)
(๓) สมัยเสื่อมอำนาจ (พ.ศ. ๒๒๓๑ - ๒๓๑๐) คือ จากสมัยสมเด็จพระเพทราชา ถึงสมัยสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์1 อมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศ) นับเป็นช่วงเวลาที่อยุธยามีความเข้ม แข็งน้อยลง เนื่องจากเกิดกบฏภายในมีการแย่งชิงอำนาจกันหลายครั้ง และถูกข้าศึกโจมตีจนเสีย กรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ ซึ่งเป็นการสิ้นสุดสมัยอยุธยา การแบ่งเป็นสมัยย่อยข้างต้นทำให้เห็นลักษณะสำคัญของประวัติศาสตร์อยุธยาได้ ชัดเจน และเข้าใจได้ดี แต่มีนักประวัติศาสตร์บางท่านก็จัดแบ่งในลักษณะอื่นด้วย เช่น แบ่งตาม ราชวงศ์ที่ปกครอง ดังนี้ สมัย
ช่วงเวลา
๑. สมัยราชวงศ์อู่ทอง ๒. สมัยราชวงศ์สุพรรณภูมิ 2 ๓. สมัยราชวงศ์สุโขทัย ๔. สมัยราชวงศ์ปราสาททอง ๕. สมัยราชวงศ์บ้านพลูหลวง
พ.ศ. ๑๘๙๓ - ๑๙๑๓ และ พ.ศ. ๑๙๓๑ - ๑๙๕๒ พ.ศ. ๑๙๑๓ - ๑๙๓๑ และ พ.ศ. ๑๙๕๒ - ๒๑๑๒ พ.ศ. ๒๑๑๒ - ๒๑๗๓ พ.ศ. ๒๑๗๓ - ๒๒๓๑ พ.ศ. ๒๒๓๑ - ๒๓๑๐
การแบ่งดังกล่าวข้างต้น ทำให้เห็นได้ชัดว่าอยุธยาอยู่ภายใต้การปกครองของ ราชวงศ์ใดบ้าง ราชวงศ์ใดปกครองยาวนานที่สุด และอาจเปรียบเทียบว่าในสมัยราชวงศ์ใดที่ อยุธยารุ่งเรืองหรือเสื่อมอำนาจ
๔) สมั ย ธนบุ รี (พ.ศ. ๒๓๑๐ -
๒๓๒๕) เป็นสมัยกอบกู้อิสรภาพของบ้านเมืองหลัง
3
สมุ ด ภาพไตรภู มิ เ ป็ น วรรณกรรมทางพระพุ ท ธศาสนาที่เขียนขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสิน มหาราช
จากเสียกรุงศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐ เพื่อทำให้ บ้านเมืองเป็นปึกแผ่นมีอำนาจขึ้นมาใหม่ มีการฟื้นฟู พระพุทธศาสนา ศิลปกรรม วรรณกรรม เช่น สมเด็จ พระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดฯ ให้เขียนสมุดภาพไตรภูมิ ทรงให้ฟื้นฟูละครหลวงขึ้นใหม่ ทรงประพันธ์บทละคร รามเกียรติ์ ในด้านเศรษฐกิจ ทรงฟื้นฟูความสัมพันธ์ กั บ จี น เพื่ อ ผลประโยชน์ ท างการค้ า และการฟื้ น ฟู เศรษฐกิจ นอกจากนี้ในสมัยธนบุรียังเป็นสมัยที่มีการ ทำสงครามกับพม่าเกือบตลอดเวลา และขยายอำนาจ ไปยังล้านนา ล้านช้างอีกด้วย
10
นักเรียนควรรู 1 กบฏ การประทุษรายตออาณาจักร ความทรยศ กบฏทีส่ าํ คัญ คือ กบฏธรรมเถียร และกบฏบุญกวาง ในสมัยสมเด็จพระเพทราชา 2 ราชวงศสุโขทัย หรือราชวงศพระรวง เปนราชวงศที่สถาปนาขึ้นโดย พอขุนศรีอินทราทิตย ปฐมกษัตริยแหงกรุงสุโขทัย เชื้อสายของวงศพระรวงสืบทอด ยาวนานตลอดสมัยสุโขทัย จนตกอยูภายใตการปกครองของอยุธยา พระมหากษัตริย ทีส่ าํ คัญของราชวงศสโุ ขทัยในสมัยอยุธยา เชน สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จ พระเจาทรงธรรม เปนตน 3 สมุดภาพไตรภูมิ สมเด็จพระเจากรุงธนบุรีไดทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหชางเขียนขึ้นใน พ.ศ. 2319 โดยใหชางไปเขียนในสํานักสมเด็จพระสังฆราช (สี) วัดบางวาใหญ และใหสมเด็จพระสังฆราชทรงกํากับการเขียนใหถูกตรงตาม ภาษาบาลี และคัดภาษาบาลีลงกํากับภาพไวใหเปนที่เขาใจโดยชัดเจน
10
คูมือครู
กิจกรรมสรางเสริม ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับราชวงศที่ปกครอง กรุงศรีอยุธยาวา ในแตละราชวงศประกอบดวยพระมหากษัตริย พระองคใดบาง พรอมบอกระยะเวลาในการครองราชย โดยให จัดทําเปนแบบตารางหรือแบบผังมโนทัศน เพื่อใหนักเรียนเห็น ภาพรวมและจดจําขอมูลไดดียิ่งขึ้น
กิจกรรมทาทาย ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตรไทยสมัย อยุธยา จากนั้นใหสรุปวา สมัยอยุธยาปกครองโดยราชวงศใดบาง มีระยะเวลาปกครองนานแคไหน และสมัยราชวงศใดที่มีความ เจริญรุงเรืองหรือเสื่อมอํานาจ โดยใหบันทึกลงในกระดาษ A4
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engaae
Expore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู ๕) สมัยรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. ๒๓๒๕ - ปจจุบัน)
เริ่มจากสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราชจนกระทั่ง ปัจจุบัน ซึ่งแบ่งเป็นสมัยย่อยได้ ดังนี้ (๑) สมัยรัตนโกสินทรตอนตน (พ.ศ.๒๓๒๕ - ๒๓๙๔) ในช่วงเวลา ๓ รัชกาลแรก คือ พระบาทสมเด็จพระพุทธ ยอดฟาจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) พระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ ๒) และพระบาท สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) เป็นสมัยของ การฟื้นฟูประเทศต่อจากสมัยธนบุรี หรือเรียกกันว่า “สมัยการทำให้เหมือนเมื่อครั้งที่บ้านเมืองดี” คือ ให้ เหมือนสมัยอยุธยาในเวลาที่บ้านเมืองสงบสุข พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า สมั ย รั ต นโกสิ น ทร์ ต อนต้ น เป็ น ช่ ว งที่ มี การฟื้ น ฟู เจ้ า อยู่ หั ว ณ ลานพลั บ พลามหาเจษฎาบดิ น ทร์ กรุงเทพมหานคร ในสมัยของพระองค์มีการฟนฟู บ้านเมืองให้มีความเจริญก้าวหน้าโดยเฉพาะทาง บ้านเมืองในทุกด้าน เช่น ด้านการเมืองการปกครอง ด้านเศรษฐกิจ รัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้าฯ ให้ชำระกฎหมาย เรียกกัน 1 ว่า กฎหมายตราสามดวง ทรงให้ขุดคลองรอบกรุง สร้างปอมปราการและกำแพงพระนคร ทรง ทำสงครามเพื่อสร้างความมั่นคงแก่บ้านเมือง รัชกาลที่ ๒ ทรงตรากฎหมายห้ามสูบฝน ใน พ.ศ. 2 ๒๓๕๔ และ พ.ศ. ๒๓๖๒ รัชกาลที่ ๓ ทรงทำสัญญาทางพระราชไมตรีและการค้ากับอังกฤษ ด้านสังคมและวัฒนธรรม รัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระบรมมหาราชวังและวัดให้มีรูปแบบเหมือนสมัยอยุธยา ทรงให้สังคายนาพระไตรปฎก ออกกฎหมาย คณะสงฆ์ ทรงฟื้นฟูพระราชพิธีสมัยอยุธยา เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทรงส่งเสริม วรรณกรรมทั้งทรงมีพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ และโปรดเกล้าฯ ให้แปลหนังสือจีนเป็น ภาษาไทย เช่น สามกก รัชกาลที่ ๒ ทรงบูรณะวัดอรุณราชวราราม ทรงฟื้นฟูพระราชพิธี วิสาขบูชา ทรงส่งเสริมด้านศิลปกรรมและวรรณกรรม รัชกาลที่ ๓ ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ทรงสร้างและบูรณะวัดจำนวนมาก (๒) สมัยรัตนโกสินทรยุคปรับปรุงประเทศ (พ.ศ. ๒๓๙๔ - ๒๔๗๕) ในช่วงเวลา ๔ รัชกาลต่อมา คือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๖) พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๗) ถึง พ.ศ. ๒๔๗๕ สมัยการเปลี่ยนแปลงการ ปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย และเป็นสมัยของการปฏิรูปประเทศให้ทันสมัย 11
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
ขอใดเปนการฟนฟูบานเมืองดานการเมืองการปกครองในสมัย รัชกาลที่ 1 1. ทําสนธิสัญญาเบอรนีย 2. กฎหมายตราสามดวง 3. ตรากฎหมายหามสูบฝน 4. การสังคายนาพระไตรปฎก
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. รัชกาลที่ 1 โปรดเกลาฯ ใหชําระ กฎหมาย เรียกวา กฎหมายตราสามดวง ซึ่งเปนการฟนฟูบานเมือง ดานการเมืองการปกครอง สวนการสังคายนาพระไตรปฎก เปนการ ฟนฟูบานเมืองดานสังคมและวัฒนธรรมในสมัยรัชกาลที่ 1 การตรา กฎหมายหามสูบฝน เกิดขึน้ ในสมัยรัชกาลที่ 2 และการทําสนธิสญ ั ญา เบอรนียเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3
Explain
1. ครูใหนักเรียนอธิบายการแบงสมัยยอยของ สมัยรัตนโกสินทร (พ.ศ. 2325-ปจจุบัน) (แนวตอบ สมัยรัตนโกสินทรแบงเปน • สมัยรัตนโกสินทรตอนตน (พ.ศ. 2325-2394) อยูในชวงรัชกาลที่ 1-3 เปนชวงที่มีการฟนฟู บานเมืองทุกดาน • ยุคปรับปรุงประเทศ (พ.ศ. 2394-2475) อยูในชวงรัชกาลที่ 4-7 (กอนเปลี่ยนแปลง การปกครอง) • ยุคประชาธิปไตย (พ.ศ. 2475-ปจจุบัน) อยูในชวงที่ประเทศไทยปกครองระบอบ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริยทรงเปน ประมุข) 2. ครูใหนักเรียนอธิบายวา เพราะเหตุใดสมัย รัตนโกสินทรตอนตน (พ.ศ. 2325-2394) จึงเรียกวา “สมัยการทําใหเหมือนเมื่อครั้งที่ บานเมืองดี” (แนวตอบ เพราะเปนสมัยที่เริ่มสถาปนา บานเมืองขึ้นมาภายหลังจากเสียกรุงศรีอยุธยา ใหแกพมา จึงตองมีการฟน ฟูบา นเมืองในทุกดาน ใหเหมือนสมัยอยุธยาในเวลาทีบ่ า นเมืองสงบสุข) 3. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางการฟนฟูบานเมืองใน สมัยรัชกาลที่ 1 (แนวตอบ ตัวอยางการฟนฟูบานเมือง เชน • ดานการปกครอง โปรดเกลาฯ ใหชําระ กฎหมาย เรียกวา กฎหมายตราสามดวง ทรงใหขุดคลองรอบกรุง สรางปอมปราการ และกําแพงพระนคร • ดานสังคมและวัฒนธรรม โปรดเกลาฯ ให สรางพระบรมมหาราชวังและวัดใหมีรูปแบบ เหมือนสมัยอยุธยา ทรงใหสังคายนา พระไตรปฎก ทรงสงเสริมวรรณกรรมโดยได พระราชนิพนธเรื่องรามเกียรติ์ โปรดเกลาฯ ใหแปลหนังสือจีนเปนภาษาไทย เปนตน)
นักเรียนควรรู 1 กฎหมายตราสามดวง ประมวลกฎหมายที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราชโปรดเกลาฯ ใหชําระกฎหมายเกาที่มีมาแตครั้งโบราณขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2347 มีการประทับตรา 3 ดวง คือ ตราพระราชสีห ตราพระคชสีห และ ตราบัวแกว 2 สัญญาทางพระราชไมตรีและการคากับอังกฤษ ในสมัยรัชกาลที่ 3 ไดทํา สนธิสญ ั ญาเบอรนยี ก บั อังกฤษ เมือ่ วันที่ 20 มิถนุ ายน พ.ศ. 2369 ซึง่ เปนสนธิสญ ั ญา ทางพระราชไมตรีและการพาณิชยฉบับแรกที่ไทยไดทํากับชาติตะวันตก ในสมัยรัตนโกสินทร สนธิสัญญาฉบับนี้ไมทําใหไทยเสียผลประโยชนมากนัก เพราะมีผลบังคับใชเฉพาะพอคาอังกฤษและคนในบังคับ ซึง่ ขณะนัน้ เขามาติดตอกับ ไทยนอยมาก ในทางตรงกันขามกลับทําใหไทยไดประโยชนมากขึ้นจากการที่มีเรือ สินคาอังกฤษเขามาคาขายมากขึ้น
คูมือครู
11
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engaae
Expore
อธิบายความรู
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Elaborate
Evaluate
Explain
1. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางการปรับปรุงบานเมือง ในสมัยรัชกาลที่ 4-6 (แนวตอบ การปรับปรุงบานเมือง มีดังนี้ • รัชกาลที่ 4 มีการปรับปรุงการคมนาคม เชน ตัดถนนเจริญกรุง บํารุงเมือง ขุดคลอง ภาษีเจริญ คลองมหาสวัสดิ์ และมีการจาง ชาวตะวันตกมาฝกทหาร สอนหนังสือ เปนตน • รัชกาลที่ 5 มีการปฏิรูประบบบริหารราชการ แผนดิน รวมอํานาจเขาสูศูนยกลาง มีการ เลิกทาส เลิกไพร มีการพัฒนาการคมนาคม ดวยการสรางทางรถไฟ รถราง มีการใช โทรเลข ไฟฟา ประปา เปนตน • รัชกาลที่ 6 มีการสรางแนวคิดชาตินิยมให จงรักภักดีตอ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย มีการกําหนดใหใชนามสกุล คํานําหนานาม เปนตน) 2. ครูใหนกั เรียนแสดงความคิดเห็นวา เพราะเหตุใด รัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 จึงตองปรับปรุง ประเทศ (แนวตอบ เพื่อใหเกิดความเจริญกาวหนาและ เปนพื้นฐานที่จะไดมีการเปลี่ยนแปลงในโอกาส ตอไป และเพื่อรักษาเอกราชของชาติใหรอดพน จากการครอบครองของประเทศตะวันตกที่กําลัง ขยายอิทธิพลเขามาในประเทศไทยในขณะนั้น) 3. ครูถามนักเรียนวา ในสมัยรัชกาลที่ 6 ประเทศไทยเกี่ยวของกับสังคมโลกอยางไร (แนวตอบ เปนชวงที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 รัชกาลที่ 6 ไดนําประเทศไทยเขาสูสังคมโลก โดยการสงทหารเขารวมกับฝายสัมพันธมิตร)
สมัยรัชกาลที่ ๔ เป็นช่วงการเริ่มปรับปรุงประเทศ เช่น เปดการติดต่อ อย่างเป็นทางการกับชาติตะวันตกด้วยการทำสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีและการค้า มีการ 1 ปรับปรุงการคมนาคม เช่น ตัดถนนเจริญกรุง บำรุงเมือง ขุดคลอง เช่น คลองภาษีเจริญ คลอง 2 มหาสวัสดิ์ คลองเจดีย์บูชา มีการจ้างชาวตะวันตกมา ทำงาน เช่น ฝึกทหาร สอนหนังสือเจ้านาย เป็นต้น สมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นสมัยของ การปฏิรูปประเทศในทุกด้านเพื่อพัฒนาประเทศให้ทัน สมั ย และป อ งกั น การยึ ด ครองจากจั กรวรรดิ นิ ย ม ตะวันตกมีการปฏิรูป เช่น ปฏิรูประบบบริหารราชการ แผ่ น ดิ น รวมอำนาจเข้ า สู่ ศู น ย์ ก ลางที่ กรุ ง เทพฯ ปฏิ รู ป สั ง คมด้ ว ยการเลิ ก ทาส เลิ ก ไพร่ ขยายการ ศึกษา ปฏิรูปบ้านเมือง เช่น 3พัฒนาการคมนาคม สื่อสารด้วยการสร้างทางรถไฟ รถราง ใช้ โทรเลข ถนนเจริญกรุงเป็นถนนที่ตัดขึ้นในรัชสมัยพระบาท สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๔ ไฟฟา ประปา เป็นต้น สมัยรัชกาลที่ ๖ เป็นช่วงของการนำประเทศเข้าสู่สังคมโลก เช่น ส่งทหาร เข้าร่วมกับฝายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่ ๑ สร้างแนวคิดชาตินิยมให้จงรักภักดีต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ กำหนดให้ใช้นามสกุล คำนำหน้านาม ธงไตรรงค์ ในสมัยนี้ได้เกิด ปัญหาเศรษฐกิจและมีการเรียกร้องการปกครองระบอบประชาธิปไตย
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องแบบเสือป่า และ ลายพระหัตถ์พระราชทานแก่กองเสือป่า
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ ป ระกาศใช้ พ ระราชบั ญ ญั ติ น ามสกุ ล เมื่ อ พ.ศ. ๒๔๕๖
12
นักเรียนควรรู 1 ถนนเจริญกรุง เปนถนนที่ตัดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เริ่มตั้งแตถนนสนามไชย ถึงแมนาํ้ เจาพระยาทีบ่ ริเวณถนนตก กรุงเทพฯ เปนถนนรุน แรกทีใ่ ชเทคนิคการสราง แบบตะวันตก 2 คลองเจดียบูชา เปนคลองที่ขุดจากแมนํ้านครชัยศรี ไปยังพระตําหนัก ที่นครปฐม และสิ้นสุดลงที่วัดพระงาม รวมระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร เพื่อใชเปนเสนทางคมนาคมไปยังพระปฐมเจดียและเมืองนครปฐมในสมัยนั้น 3 ทางรถไฟ ทางรถไฟสายแรกที่มีการสรางในไทย คือ ทางรถไฟสาย กรุงเทพฯ - นครราชสีมา โดยมีการสรางเมื่อ พ.ศ. 2434 แตปรากฏวาหลังจาก กอสรางไดไมนาน บริษัทอังกฤษผูรับสัมปทานไมสามารถสรางทางรถไฟไดเสร็จ ตามสัญญา กรมรถไฟหลวงจึงเลิกจางแลวดําเนินการกอสรางเอง จนเปดใชการได ชวงแรก กรุงเทพฯ - อยุธยา เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2439 มีระยะทาง 71 กิโลเมตร
12
คูมือครู
กิจกรรมสรางเสริม ครูใหนักเรียนไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของ รัชกาลที่ 4-6 ในการปรับปรุงประเทศในดานตางๆ โดยใหสรุปใน แตละดาน เชน ดานการปกครอง ดานสังคมและวัฒนธรรม ดานเศรษฐกิจ เปนตน และอธิบายผลจากการเปลีย่ นแปลงดังกลาว
กิจกรรมทาทาย ครูใหนกั เรียนศึกษาคนควาเพิม่ เติมเกีย่ วกับการปรับปรุงบานเมือง ในสมัยรัชกาลที่ 4-6 โดยใหยกตัวอยาง 1 เรื่อง แลววิเคราะห ความเปนมา ความสําคัญ และพัฒนาการจนถึงปจจุบัน ในรูปแบบรายงาน
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engaae
Expore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
อธิบายความรู
1. ครูใหนักเรียนบอกสาเหตุที่ทําใหเกิดการ เปลี่ยนแปลงการปกครองในสมัยรัชกาลที่ 7 (แนวตอบ เกิดจากปจจัยทางการเมืองและ เศรษฐกิจ เชน การปฏิรูปบานเมืองและปฏิรูป การศึกษาในสมัยรัชกาลที่ 5 ทําใหเกิดชนชั้น กลางที่ตองการใหมีการปกครองระบอบรัฐสภา และมีรัฐธรรมนูญ และจากปญหาเศรษฐกิจ ตกตํ่าทั่วโลก รัฐบาลตองลดงบประมาณ และจํานวนขาราชการ จึงเปนสาเหตุหนึ่งที่ คณะราษฎรใชโจมตีการปกครองในระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย จนเกิดการเปลี่ยนแปลง การปกครองมาเปนระบอบประชาธิปไตยใน พ.ศ. 2475) 2. ครูใหนักเรียนสรุปความสําคัญของสมัย ประชาธิปไตย 3. ครูสุมนักเรียน 1-2 คนออกมาสรุปการแบง สมัยประวัติศาสตรของไทย จากนั้นครูอธิบาย เพิ่มเติมโดยเปดโอกาสใหนักเรียนซักถาม ขอสงสัยเพื่อใหเกิดความเขาใจมากยิ่งขึ้น
สมัยรัชกาลที่ ๗ เกิดปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก รัฐบาลต้องลดงบ ประมาณและจำนวนข้าราชการ เกิดกระแสเรียกร้องประชาธิปไตยเพิ่มมากขึ้น และเกิดการ เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย ในวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕
1
รัชกาลที่ ๗ และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ในงานพระราชทาน อนุสาวรียป์ ระชาธิปไตย สัญลักษณ์การปกครองสมัยประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญฉบับชัว่ คราว วันที่ ๒๗ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ของไทย สร้างขึน้ ในสมัยรัฐบาล จอมพล ป.พิบลู สงคราม
(๓) สมัยประชาธิปไตย (พ.ศ. ๒๔๗๕ - ปจจุบัน) เป็นช่วงเวลาที่ไทยมีการ ปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและมีรัฐธรรมนูญเป็น กฎหมายสูงสุดของประเทศ อำนาจการปกครองแบ่งเป็น ๓ ฝาย คือ ฝายบริหาร ฝายนิติบัญญัติ และฝายตุลาการ การปกครองในระบอบประชาธิ ปไตยที่ผ่านมากว่า ๗๐ ปียังไม่มั่นคงนัก เพราะ 2 มีการปฏิวัติรัฐประหารหลายครั้ง รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญหลายฉบับ สำหรับ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นฉบับที่ ๑๘ ประกาศใช้เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ สรุปการแบ่งสมัยประวัติศาสตร์ของไทย การแบ่งสมัยประวัติศาสตร์ไทยดังกล่าวข้างต้น เป็นการแบ่งโดยยึดอาณาจักรหรือ ราชธานีเป็นสำคัญ แต่ในสมัยรัตนโกสินทร์มีการแบ่งเป็นสมัยย่อยๆ โดยยึดการเปลี่ยนแปลงของ บ้านเมืองและการปกครองร่วมกันมาเป็นเกณฑ์ อย่างไรก็ดีมีนักประวัติศาสตร์บางคนเสนอการแบ่งยุคสมัยประวัติศาสตร์ไทยเป็น ๒ สมัย ดังนี้ ๑. ประวัติศาสตร์ไทยสมัยโบราณ นับจากเริ่มแรกจนถึง พ.ศ. ๒๓๙๔ ๒. ประวัติศาสตร์ไทยสมัยใหม่ นับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๙๔ จนถึงปัจจุบัน การแบ่งเช่นนี้ถือตามการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองเป็นสำคัญ นั่นคือ พัฒนาการ ของบ้านเมืองตามแบบเก่าถือเป็นประวัติศาสตร์สมัยโบราณ แต่เมื่อมีการปรับปรุงประเทศ ตามแบบชาติตะวันตก ซึ่งเริ่มในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวถือเป็นประวัติศาสตร์สมัยใหม่
กิจกรรมสรางเสริม ครูใหนักเรียนไปศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง การปกครอง พ.ศ. 2475 โดยมีประเด็นสําคัญ คือ • สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 • ผลของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475
กิจกรรมทาทาย ครูใหนักเรียนไปศึกษาคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปฏิวัติ รัฐประหารในประวัติศาสตรการเมืองไทย โดยใหสรุปเนื้อหา ในรูปแบบตาราง จากนั้นใหเลือกการปฏิวัติประหาร 1 ตัวอยาง แลวสรุปประเด็นสําคัญ ดังนี้ • สาเหตุของการปฏิวัติรัฐประหาร • ผลของการปฏิวัติรัฐประหาร
Explain
ขยายความเขาใจ
Expand
ครูใหนักเรียนสรุปการแบงสมัยประวัติศาสตร ของไทยเปนแผนผังความคิด โดยสรุปใหเห็นองค ประกอบของเวลาและยุคสมัยของประวัติศาสตร ในภาพรวม จําแนกขอมูลและเปรียบเทียบขอมูล ใหชัดเจน
ตรวจสอบผล
1๓
Evaluate
1. ตรวจรายงานการแบงยุคสมัยทาง ประวัติศาสตรไทย 2. ประเมินจากการนําเสนอผลงานกลุม 3. แผนผังความคิดการแบงสมัยประวัติศาสตร ของไทย
นักเรียนควรรู 1 อนุสาวรียป ระชาธิปไตย อนุสาวรียท ตี่ งั้ อยูก ลางวงเวียนระหวางถนนราชดําเนินกลาง กับถนนดินสอ เขตพระนคร กรุงเทพฯ สรางขึ้นเพื่อเปนอนุสรณการเปลี่ยนแปลง การปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชยมาเปนระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริยทรงเปนประมุขภายใตรัฐธรรมนูญ มีพิธีเปดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2483 ในสมัยจอมพล ป. พิบลู สงคราม ดํารงตําแหนงนายกรัฐมนตรี บริเวณ อนุสาวรียป ระชาธิปไตยเปนสถานทีแ่ สดงออกทางการเมืองหลายครั้ง เชน การชุมนุมของประชาชนและนักศึกษาในเหตุการณ 14 ตุลา พ.ศ. 2516 การชุมนุม ของประชาชนในเหตุการณพฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 เปนตน 2 รัฐประหาร การใชกําลังเปลี่ยนแปลงคณะรัฐบาลโดยฉับพลัน เปนการลมลาง รัฐบาลที่บริหารปกครองรัฐในขณะนั้น แตไมใชการลมลางระบอบการปกครองหรือรัฐ ทั้งรัฐ และไมจําเปนตองใชความรุนแรงหรือนองเลือดเสมอไป อาจใชกําลังบังคับให ออกจากตําแหนงและประกาศรัฐธรรมนูญใหม หรือประกาศใหมีการเลือกตั้งใหม แตหากการกอรัฐประหารไมสําเร็จก็จะถูกดําเนินคดีในขอหากบฏ คูมือครู
13
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
กระตุน ความสนใจ
อธิบายความรู Explain
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทยที่เป็นหลักฐานเก่าร่วมสมัย มีการใช้เวลาหลายอย่างทั้ง มหาศักราช จุลศักราช พุทธศักราช รัตนโกสินทร์ศก ดังตัวอย่างต่อไปนี้ “๑๒๐๕ ศก ปมะแม พอขุนรามคำแหง หาใครใจในใจ แลใสลายสือไทยนี้ ลายสือไทยนี้ จึ่งมีเพื่อขุนผูนั้นใสไว” ที่มา : ศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ ๑ จารึกพอขุนรามคำแหง หนา ๓๖. เวลาที่กลาวถึงในศิลาจารึกนี้ ๑๒๐๕ เปนมหาศักราช เทียบเปนพุทธศักราช + ๖๒๑ = ๑๘๒๖ พอขุนรามคำแหงมหาราชทรงประดิษฐอักษรไทย ลายสือไทยจึงมีขึ้น เพราะพอขุนราม คำแหงมหาราชคิดประดิษฐขึ้นมา ๖ “ศักราช ๗๑๒ ขาลศก วัน ๖ ฯ ๕ ค่ำ เวลารุงแลว ๓ นาฬกา ๙ บาท แรกสถาปนากรุงพระนครศรีอยุธยา” ที่มา: พระราชพงศาวดารกรุงเกา ฉบับหลวงประเสริฐฯ หนา ๕. ศักราชที่กลาวถึง ๗๑๒ เปนจุลศักราช เมื่อเทียบเปน พ.ศ. + ๑๑๘๑ = ๑๘๙๓ วัน ๖ คือ วันศุกร เดือน ๕ ขึ้น ๖ ค่ำ ตรงกับวันที่ ๔ มีนาคม รุงแลว ๓ นาฬกา ๙ บาท คือ เวลา ๙ นาฬกา ๕๔ นาที (๑ บาท = ๖ นาที) เปนเวลาที่สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (พระเจาอูทอง) ทรง สถาปนาพระนครศรีอยุธยาเปนราชธานี ถือเปนการเริ่มตนสมัยอยุธยา “ถึงรัชกาลที่ ๔ เมื่อปกุน พ.ศ. ๒๓๙๔ พระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกลาเจาอยูหัวทรง สถาปนาสมเด็จพระอนุชาธิราช เจาฟากรมขุนอิศเรศรังสรรคเปนพระมหาอุปราช แตโปรดให ยกพระยศขึ้นเปนอยางพระเจาแผนดินอีกพระองคหนึ่ง ทรงพระนามวา พระบาทสมเด็จ พระปนเกลาเจาอยูหัว ทรงศักดิ์สูงกวาพระมหาอุปราช” ที่มา: สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ. พระราชพงศาวดาร รัชกาลที่ ๕ หนา ๑๗๓. เวลาที่กลาวถึงนี้ ชัดเจนอยูแลววาเปนพุทธศักราชหรือ พ.ศ. ในปนั้น พระบาทสมเด็จ พระจอมเกลาเจาอยูหัวเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ ทรงสถาปนาพระอนุชาเปนพระมหาอุปราช แตมีพระยศสูงกวาพระมหาอุ1ปราช คือเทียบเทาพระเจาแผนดิน จึงทรงพระนามวา “พระบาท สมเด็จพระปนเกลาเจาอยูหัว”
Explain
14
เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา จารึกพอขุนรามคําแหง มีคําบางคําที่ใชมาจนถึงปจจุบัน แตมีความหมายไมเหมือนปจจุบัน เชน คําวา แพ หมายถึง ชนะ เพื่อ หมายถึง เพราะ กวา หมายถึง ไป แล หมายถึง และ เปนตน ดังนั้น จึงตองระมัดระวังใน การตีความ
นักเรียนควรรู 1 พระบาทสมเด็จพระปนเกลาเจาอยูหัว พระนามเดิม คือ สมเด็จเจาฟา จุฑามณี (สมเด็จเจาฟากรมขุนอิศเรศรังสรรค) และไดรับการสถาปนาเปน พระบาทสมเด็จพระปนเกลาเจาอยูหัว พระเจาแผนดินพระองคที่ 2 (The Second King) ในสมัยรัชกาลที่ 4
คูมือครู
Evaluate
๓.๑ ตัวอย่างการใชเวลาและศักราช
Explore
1. ครูใหนักเรียนแตละกลุมนําตัวอยางการใชเวลา ศักราช และยุคสมัย ในหลักฐานทาง ประวัติศาสตรไทยมาเทียบศักราชเปน พ.ศ. แลวแปลความจากขอมูลดังกลาว โดยใหทํา ในกระดาษ A4 พรอมบอกที่มาของขอมูล และมีภาพประกอบ 2. ครูใหนักเรียนกลุมที่ 1 สงตัวแทนออกมา นําเสนอผลการศึกษาคนควาตัวอยางการใช เวลาและศักราชที่หนาชั้นเรียน
14
Elaborate
๓. ตัวอย่างเวลาและยุคสมัยที่ปรากฏในหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ไทย
ครูใหนกั เรียนกลุม เดิมรวมกันวางแผนการสืบคน ตัวอยางเวลาและยุคสมัยในหลักฐาน ประวัติศาสตรไทย โดยสืบคนจากแหลงเรียนรู ตางๆ เชน หนังสือในหองสมุด เว็บไซตใน อินเทอรเน็ต เปนตน โดยมีประเด็นดังนี้ • กลุมที่ 1 การใชเวลาและศักราช • กลุมที่ 2 การใชยุคสมัย
อธิบายความรู
ตรวจสอบผล
Engage
ครูใหนักเรียนอานตัวอยางการใชเวลาและ ศักราชในหนังสือเรียนหนา 14-15 แลวใหบอกวา หลักฐานทางประวัติศาสตรแตละชิ้นใชศักราช แบบใด (แนวตอบ ตัวอยางการใชเวลาและศักราช เชน • ศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ 1 ใชมหาศักราช (ม.ศ.) • พระราชพงศาวดารกรุงเกา ฉบับหลวงประเสริฐฯ ใชจุลศักราช (จ.ศ.) • พระราชพงศาวดาร รัชกาลที่ 5 ใช พุทธศักราช (พ.ศ.) • หนังสือไกลบาน ใชรัตนโกสินทรศก (ร.ศ.))
สํารวจคนหา
ขยายความเขาใจ
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
หลักฐานทางประวัติศาสตรในขอใดที่บงบอกพัฒนาการอาณาจักร โบราณในดินแดนประเทศไทยกอนสมัยสุโขทัย 1. ตํานาน 2. ศิลาจารึก 3. พงศาวดาร 4. โบราณสถาน วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ศิลาจารึกเปนหลักฐานทาง ประวัติศาสตรที่สามารถบงบอกพัฒนาการของอาณาจักรโบราณ ในดินแดนประเทศไทยกอนสมัยสุโขทัย เชน จารึกปราสาทเขานอย จ. สระแกว เปนหลักฐานประเภทลายลักษณอักษรที่เกาแกที่พบใน เมืองไทยที่มีการระบุศักราชชัดเจน เปนตน
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engaae
Expore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Expand
Evaluate
อธิบายความรู
Explain
1. ครูใหนักเรียนสรุปวา หลักฐานทาง ประวัติศาสตรไทยมีการใชศักราชอยางไร (แนวตอบ หลักฐานทางประวัติศาสตรไทย มีการใชศักราชมาตั้งแตสมัยสุโขทัย โดยใน สมัยสุโขทัยและสมัยอยุธยาใชพุทธศักราช จุลศักราช มหาศักราช เปนหลัก สวนในสมัย รัตนโกสินทรมีการใชรัตนโกสินทรศกเพิ่มขึ้นมา สําหรับพุทธศักราชมีการประกาศใชอยางเปน ทางการ เมื่อ พ.ศ. 2455 ในสมัยรัชกาลที่ 6 ) 2. ครูใหนักเรียนสืบคนตัวอยางหลักฐานทาง ประวัติศาสตรไทยที่มีการใชเวลาและศักราช ไดแก มหาศักราช จุลศักราช พุทธศักราช และรัตนโกสินทรศก จากนั้นใหสรุปสาระ สําคัญ ดังนี้ • เหตุการณดังกลาวเกิดขึ้นในชวงเวลาใด • ประเด็นสําคัญของเหตุการณคืออะไร โดยใหบนั ทึกลงกระดาษ A4 แลวนําสงครูผสู อน 3. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางคําที่ใชแทนยุคสมัย หรือเวลาในประวัติศาสตร (แนวตอบ เชน คําใหการกรุงเกา เปนหนังสือ พงศาวดารบอกเลาเรื่องราวในประวัติศาสตร ไทยในสมัยอยุธยา ตั้งแตกอตั้งอาณาจักร คือ พ.ศ.1893 จนถึงเสียกรุงแกพมาใน พ.ศ. 2310) 4. ครูใหนักเรียนกลุมที่ 2 สงตัวแทนออกมา นําเสนอผลการศึกษาคนควาตัวอยางการใช ยุคสมัยที่หนาชั้นเรียน
“ไกลบาน พระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว ถึงสมเด็จพระเจา ลูกยาเธอ เจาฟานิภานภดล เมื่อเสด็จไปประพาสยุโรป ร.ศ. ๑๒๖” ตัวอยางนี้เปนขอความบนปกหนังสือไกลบาน ซึ่งเปนเรื่องการเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ ๒ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว เมื่อ ร.ศ. ๑๒๖ หรือรัตนโกสินทรศก ๑๒๖ เทียบ เปน พ.ศ. + ๒๓๒๔ = ๒๔๕๐
จากตัวอย่างดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่าในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทยมีการใช้ศักราช มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยในสมัยสุโขทัยและอยุธยาใช้พุทธศักราช จุลศักราช1 มหาศักราช เป็นหลัก ครั้นถึงสมัยรัตนโกสินทร์มีการใช้ศักราชเพิ่มขึ้นมา คือ รัตนโกสินทร์ศก ซึ่งพบมากในเอกสาร ราชการ ส่วนพุทธศักราชมีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๕ ซึ่งตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
๓.๒ ตัวอย่างการใชยุคสมัย นักประวัติศาสตร์ ได้กำหนดคำเรียกยุคสมัยเพื่อกำหนดเวลาในประวัติศาสตร์ การใช้ คำเรียกยุคสมัยหรือเวลาในประวัติศาสตร์ เห็นได้จากตัวอย่างดังนี้ ๑. การใชยุคสมัยเปนชื่อหนังสือ เพื่อใหรูชัดเจนวา หนังสือนั้นเปนเรื่องราว เกี่ยวกับสมั 2 ยใด เชน หนังสือสมัยกอนประวัติศาสตรในประเทศไทย ของศาสตราจารย ชิน อยูดี เปนหนังสือที่รวบรวมเรื่องราวสมัยกอนประวัติศาสตรในดินแดนประเทศไทย หนังสือกฎหมายสมัยอยุธยา ของ ม.ร.ว.เสนีย ปราโมช เปนหนังสือที่รวบรวมกฎหมาย ในสมัยอยุธยาหรือเปนหนังสือที่ผูเขียนเขียนเกี่ยวกับกฎหมายสมัยอยุธยา นอกจากคำวา “สมัย” ที่บอกถึงยุคสมัยทางประวัติศาสตรแลว การใชชื่อราชธานี เชน กรุงสุโขทัย ก็หมายถึง ชวงเวลาสมัยสุโขทัย หรือกรุงเกา หมายถึง สมัยอยุธยา ดังหนังสือประชุม ศิลาจารึก ภาคที่ ๑ จารึกกรุงสุโขทัย เปนการรวบรวมขอมูลจากศิลาจารึกสมัยสุโขทัยที่ มีการอานและทำคำอธิบาย พระราชพงศาวดารกรุงเกา ฉบับหลวงประเสริฐฯ (กรุงเกา คือ กรุงศรีอยุธยาเมื่อครั้งเปนราชธานี) คือ พระราชพงศาวดารหรือเรื่องราวของพระ มหากษัตริยสมัยอยุธยา ที่เรียกฉบับหลวงประเสริฐฯ เพราะหลวงประเสริฐหรือหลวง ประเสริ ฐ อั ก ษรนิ ติ์ (แพ ตาละลั ก ษณ ) เป น ผู พ บและมอบให ห อสมุ ด แห ง ชาติ จึงเรียกเพื่อเปนการใหเกียรติแกทาน
1๕
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
ในปจจุบันตรงกับปพุทธศักราช 2556 ถือวาอยูในพุทธศตวรรษใด 1. พุทธศตวรรษที่ 24 2. พุทธศตวรรษที่ 25 3. พุทธศตวรรษที่ 26 4. พุทธศตวรรษที่ 27
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. พุทธศตวรรษ คือชวงเวลา 100 ป โดยพุทธศักราชที่ 1 หรือ พ.ศ. 1 เมื่อผานไป 100 ป ก็จะนับเปน หนึ่งพุทธศตวรรษ ดังนั้น ถาปจจุบันตรงกับ พ.ศ. 2556 ก็จะตรงกับ พุทธศตวรรษที่ 26 (พ.ศ. 2501-2600)
นักเรียนควรรู 1 รัตนโกสินทรศก ภายหลังจากตั้งกรุงรัตนโกสินทรใน พ.ศ. 2525 แลว ไทยยังนิยมใชจุลศักราชเปนศักราชหลักอยู แตเมื่อถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระจอมเกลาเจาอยูห วั โปรดเกลาฯ ใหมปี ระกาศเรือ่ ง “ใชเลขปรชั กาลทับหลังศก” โดยวิธีการเขียนเลขปกํากับรัชกาลก็คือ ใหเขียนเลขเหนือคําวา ศก เชน ปกุน ตรีศก เปนปที่ 7 ในรัชกาล ก็ใหกํากับเลขลงไว คือ ปกุน ตรีศ๗ก ครั้นถึงในสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว ทรงเปลี่ยนใหใชรัตนโกสินทรศกแทน โดยเขียนอยางยอวา “ร, ศก” 2 ศาสตราจารยชิน อยูดี ผูเชี่ยวชาญทางโบราณคดีสมัยกอนประวัติศาสตร ของกรมศิลปากร ไดเสนอผลงานเรื่อง สมัยกอนประวัติศาสตรในประเทศไทย ตีพิมพเผยแพรใน พ.ศ. 2510 เนื้อหาโดยสรุป คือ บริเวณพื้นที่ประเทศไทยปจจุบัน มีรองรอยของผูคนอาศัยอยูตั้งแตยุคหินเกาจนถึงยุคประวัติศาสตร แตละยุค จะแสดงถึงความสืบเนื่องทางวัฒนธรรมมาจนถึงปจจุบัน คูมือครู
15
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
Engaae
Expore
อธิบายความรู
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ
ตรวจสอบผล
Elaborate
Evaluate
Explain
1. ครูสุมใหนักเรียนออกมาอธิบายตัวอยางการใช ยุคสมัยในหนังสือเรียนหนา 15-16 2. ครูใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นวา การใชคํา บอกยุคสมัยมีความสําคัญอยางไร (แนวตอบ คําบอกยุคสมัยสามารถใชแทนการ อธิบายเหตุการณทางประวัติศาสตรที่ยืดยาวได ทําใหเรื่องกระชับ ชัดเจน ไมเยิ่นเยอ และเกิด ความเขาใจที่ตรงกันระหวางผูเขียนกับผูอานวา กําลังกลาวถึงยุคสมัยใด) 3. ครูใหนักเรียนสืบคนขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ ใชคําเรียกยุคสมัยหรือเวลาในประวัติศาสตร เชน การใชยุคสมัยเปนชื่อหนังสือ การใช ยุคสมัยเพื่ออธิบายความ การใชยุคสมัย ประกอบบทความ เปนตน จากนั้นใหบันทึก ตัวอยาง 5 ตัวอยาง ลงในกระดาษ A4 แลวนํา สงครูผูสอน
๒. การใชยุคสมัยเพื่ออธิบายความ เพื่อใหเกิดความเขาใจงาย ตรงกั น โดยไม ต อ งอธิ บ ายให ยื ด ยาว เช น ลั ก ษณะสำคั ญ ในการ ปรับปรุงบานเมืองในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลก มหาราช นักประวัติศาสตรมักจะอธิบายวา เปนการ “ทำใหเหมือนเมื่อ ครั้งบานเมืองดี” ซึ่งจะพบในหนังสือทั่วไปเกี่ยวกับการปรับปรุงบาน เมืองสมัยรัชกาลที่ ๑ คำวา “เหมือนเมื่อครั้งบานเมืองดี” คือในยุค สมัยที่กรุงศรีอยุธยา มีสันติสุขภายใน การใชคำในลักษณะนี้ทำใหเกิด ความสนใจ อยากรูวา “เหมือนเมื่อครั้งบานเมืองดี” เปนอยางไร ๓. การใชยุคสมัยประกอบบทความ เพื่อใหเกิดความเขาใจตรงกันวา บทความ นั้นจะศึกษาวิเคราะหประวัติศาสตรยุคสมัยใด เพื่อไมใหเขาใจผิดทั้งผูเขียนและผูอาน บทความนั้น เชน “การปรับตัวของไทย จีน และญี่ปุน ในยุคจักรวรรดินิยมใหม” ใน หนังสือไทย จีน ญี่ปุน ในยุคจักรวรรดินิยมใหม ของวุฒิชัย มูลศิลป ยุคจักรวรรดินิยม ใหม หรือมักเรียกกันโดยทั่วไปวา ยุคจักรวรรดินิยมอยูในชวงคริสตศตวรรษที่ ๑๙ ตน คริสตศตวรรษที่ ๒๐ หรือตรงกับสมัยรัช1กาลที่ ๔ รัชกาลที่ ๕ และรัชกาลที่ ๖ ของไทย2 ของจีนอยูในสมัยพระนางฉือซี (หรือซูสี) เปนผูสำเร็จราชการ และญี่ปุนในจักรพรรดิเมจิ เปนชวงเวลาทีช่ าติจกั รวรรดินยิ มตะวันตกไดขยายอำนาจเขาไปยึดครองหรือสรางอิทธิพล ในประเทศตางๆ ในทวีปเอเชียและแอฟริกา บทความนี้อธิบายถึงการปรับตัวของ ประเทศไทย จีน และญีป่ นุ ความสำเร็จ ลมเหลว ในการปรับตัว ใครปรับตัวไดดกี วากัน นักเรียนจะพบวามีบทความมากมายที่มีการใชคำบอกยุคสมัยประกอบ เพื่อใหเขาใจตรง กันวา ผูเขียนตองการศึกษาวิเคราะหยุคสมัยนั้นๆ เทานั้น ไมใชยุคสมัยอื่น
เมื่อนักเรียนอ่าน ค้นคว้า หนังสือทางประวัติศาสตร์จะพบว่า มีการใช้คำบอกยุคสมัยแทน การอธิบายเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ยืดยาวได้ ทำให้เรื่องกระชับ ชัดเจน ไม่เยิ่นเย้อ และ เกิดความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างผู้เขียนกับผู้อ่านว่ากำลังกล่าวถึงยุคสมัยใด นอกจากการใช้ยุคสมัยเพื่อบอกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ยังมีการใช้ศักราชกำกับไว้ ด้ ว ย เพื่ อ เป็ น การระบุ เ วลาของยุ ค สมั ย ที่ นั ก ประวั ติ ศ าสตร์ ต้ อ งการอธิ บ ายหรื อ ศึ ก ษา เช่ น “ประวัติศาสตร์ไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น (พ.ศ. ๒๓๒๕ - ๒๓๙๔)” ช่วงเวลาที่ต้องการอธิบาย หรือศึกษา คือ พ.ศ. ๒๓๒๕ เป็นปีเริ่มต้นสมัยรัตนโกสินทร์ ถึง พ.ศ. ๒๓๙๔ อันเป็นปีที่ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต ซึ่งถือว่าเป็นปีสิ้นสุดของสมัยรัตนโกสินทร์ ตอนต้น จัดเป็นช่วงเวลาที่บ้านเมืองยังเป็นแบบเก่าทั้งทางด้านการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมที่สืบต่อมาจากสมัยอยุธยา สมัยธนบุรี โดยยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ หลังจากนี้จึงเริ่มสมัยใหม่ที่มีการปรับปรุงหรือปฏิรูปประเทศในทุกๆ ด้าน เป็นต้น 1๖
นักเรียนควรรู 1 พระนางฉือซี (หรือซูสี) เดิมทีเปนพระมเหสีของจักรพรรดิองคที่ 9 แหง ราชวงศชิง มีพระนามวา จักรพรรดิเสียนเฟง แตหลังจากจักรพรรดิสวรรคต พระนางก็ตั้งตนขึ้นเปนผูสําเร็จราชการปกครองจีน กอนจะมีการปฏิวัติ เปลี่ยนแปลงการปกครองเปนสาธารณรัฐในภายหลัง 2 จักรพรรดิเมจิ มีนามเดิมวา มุสึฮิโต ทรงเปนจักรพรรดิพระองคที่ 122 ของ ประเทศญี่ปุน ครองราชยตอจากสมเด็จพระจักรพรรดิโคเม (โอซาฮิโต) พระราชบิดา ทรงบริหารประเทศรวมกับผูนํารัฐบาล ซึ่งไดมีการปฏิรูปการปกครองในญี่ปุน ที่สําคัญ คือ การลดจํานวนนางกํานัล เพราะนางกํานัลมีอิทธิพลครอบงําวังหลวง มากเกินไป การเปดโอกาสใหบุคคลตางๆ ทั้งฝายทหาร ตั้งแตชั้นนักรบสามัญหรือ ซามูไรขึ้นไป และผูที่สืบเชื้อสายหรือสืบความรูทางการปกครอง ไดเขาทํางานและ รับพระราชทานตําแหนงสูงๆ ตามความเหมาะสมภายในวังหลวงได
16
คูมือครู
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
หากพบขอความในบทความวา “แผนดินสมเด็จพระนารายณ มหาราช” ในประวัติศาสตรไทยหมายถึงอะไร 1. บริเวณอําเภอเมือง จังหวัดลพบุรี 2. รัชสมัยของสมเด็จพระนารายณมหาราช 3. พระราชอํานาจของสมเด็จพระนารายณมหาราช 4. อาณาเขตที่ปกครองโดยสมเด็จพระนารายณมหาราช วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. แผนดินสมเด็จพระนารายณมหาราช ในประวัติศาสตรไทย หมายถึง รัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ มหาราช พ.ศ. 2199-2231
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
Engaae
Expore
Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ขยายความเขาใจ
Expand
ครูใหนักเรียนหาตัวอยางการใชเวลา ศักราช และยุคสมัยเพิ่มเติม แลวจัดทําเปนใบความรู เพื่อ ไวศึกษาคนควาเพิ่มเติมในชั้นเรียน ซึ่งจะทําให นักเรียนเรียนรูวิธีการสืบคนขอมูลมากขึ้น
1 การใช้เวลาหรือศักราช อาจแคบกว่าตัวอย่างข้างต้นก็ได้ เช่น “วิกฤติการณ์สยาม ร.ศ. ๑๑๒” ร.ศ. ๑๑๒ หรือ พ.ศ. ๒๔๓๖ เป็นการบอกให้รู้ว่าต้องการศึกษา อธิบาย วิกฤติการณ์ที่ เกิดขึ้นใน พ.ศ. ๒๔๓๖ เท่านั้น ไม่ใช่วิกฤติการณ์อื่นหรือปีอื่น เพราะในประวัติศาสตร์ไทยมี วิกฤติการณ์อื่นที่เกิดขึ้นในปีอื่นด้วย
ตรวจสอบผล
การศึกษาประวัติศาสตรใหละเอียดอาจเปนเรื่องที่ยุงยากและยากตอความเขาใจเพราะ ประวัติศาสตรของมนุษยชาติมีระยะเวลานานและมีเรื่องราวมากมาย ดังนั้น นักประวัติศาสตรจึงยึดเอาหลักฐานที่มนุษยสรางขึ้น คือ การรูจักประดิษฐตัวอักษรขึ้นมาใชเปนเกณฑ ซึ่งประวัติศาสตรสากลแบงเปน “สมัยกอนประวัติศาสตร” ที่จะแบงยอยเปนยุคหินและยุค โลหะ และ “สมัยประวัติศาสตร” ซึ่งแบงเปนสมัยโบราณ สมัยกลาง และสมัยปจจุบันหรือ รวมสมัย และแตละสมัยก็ยังแบงเปนสมัยยอยๆ อีก สำหรับประวัติศาสตรไทยมีการแบงยุคสมัยทำนองเดียวกับประวัติศาสตรสากล แตมี ความแตกตางกันบาง ในสวนที่เปนสมัยประวัติศาสตร เพราะสมัยประวัติศาสตรไทยนิยม แบงสมัยตามอาณาจักร คือ สมัยสุโขทัย สมัยอยุธยา สมัยรัตนโกสินทร นอกจากนี้ยังมีการ ใชเวลาหรือศักราชรวมกับยุคสมัย เพื่อใหเกิดความเขาใจตรงกันและสื่อสารไดชัดเจนยิ่งขึ้น
Evaluate
1. ตรวจตัวอยางเวลาและยุคสมัยในหลักฐาน ประวัติศาสตรไทย 2. ประเมินจากการนําเสนอผลงานกลุม 3. ประเมินจากการรวมอภิปรายและการตอบ คําถามในชั้นเรียน
1๗
ขอสอบเนน การคิด แนว O-NET
ขอใดเปนจุดเริ่มตนยุคประวัติศาสตร 1. การรูจักใชไฟ 2. รูจักตั้งถิ่นฐาน 3. รูจักการเพาะปลูก 4. รูจักบันทึกขอความ
วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ยุคประวัติศาสตรเริ่มขึ้นเมื่อมนุษย รูจักประดิษฐตัวอักษรขึ้นมาใช เพื่อบันทึกเรื่องราวหรือเหตุการณ ตางๆ ลงบนวัสดุหลากหลายชนิด เชน แผนหิน แผนดินเหนียว ไมไผ กระดาษ เปนตน
นักเรียนควรรู 1 วิกฤติการณสยาม ร.ศ. 112 เหตุการณความขัดแยงระหวางราชอาณาจักร สยามกับฝรั่งเศส ซึ่งเกิดขึ้นใน พ.ศ. 2436 จากการอางอํานาจอธิปไตยเหนือ พื้นที่ฝงซายของแมนํ้าโขง (พื้นที่สวนใหญของประเทศลาวในปจจุบัน) ผลของ วิกฤตการณครั้งนี้ ทําใหฝายไทยตองยอมยกดินแดนลาวฝงซายของแมนํ้าโขงใหแก ฝรัง่ เศส นับเปนการขยายอิทธิพลครัง้ สําคัญครัง้ หนึง่ ของฝรัง่ เศสในภูมภิ าคอินโดจีน และนําไปสูการสูญเสียดินแดนประเทศราชของไทยในเขมรและลาวในเวลาตอมา อีกดวย
มุม IT ศึกษาคนควาขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับยุคสมัยทางประวัติศาสตรไทย ไดที่ http://www.lek-prapai.org/watch.php?id=797 เว็บไซตมลู นิธเิ ล็ก-ประไพ วิรยิ ะพันธุ คูมือครู
17
กระตุนความสนใจ
สํารวจคนหา
อธิบายความรู
ขยายความเขาใจ
Engaae
Expore
Explain
Elaborate
ตรวจสอบผล
ตรวจสอบผล Evaluate
Evaluate
ครูตรวจความถูกตองจากการตอบคําถาม ประจําหนวยการเรียนรู
คาถาม ประจำหน่วยการเรียนรู้
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
๑. ๒. ๓. ๔.
การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์มีความสำคัญต่อการศึกษาประวัติศาสตร์อย่างไร การแบ่งยุคสมัยแบบไทยกับแบบสากลเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร การศึกษาประวัติศาสตร์ไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันให้แง่คิดทางด้านใดต่อนักเรียนบ้าง วิ ถี การดำรงชี วิ ต ของมนุ ษ ย์ ส มั ย ก่ อ นประวั ติ ศ าสตร์ กั บ มนุ ษ ย์ ส มั ย ปั จ จุ บั น มี ความ แตกต่างกันอย่างไร ๕. เพราะเหตุใดเมื่อมีการแบ่งเวลาเป็นยุคสมัยแล้ว จึงต้องมีการแบ่งย่อยลงไปอีก ให้อธิบาย และยกตัวอย่างประกอบ
1. รายงานการแบงยุคสมัยทางประวัติศาสตรไทย 2. ตัวอยางเวลาและยุคสมัยในหลักฐาน ประวัติศาสตรไทย
กิจสร้กรรม างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้ กิจกรรมที่ ๑ กิจกรรมที่ ๒ กิจกรรมที่ ๓
ให้นักเรียนไปค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ ไทย มา ๑ เหตุการณ์ โดยให้จัดทำเส้นแบ่งเวลาของเหตุการณ์ดังกล่าวมาพอ สังเขป พร้อมติดภาพประกอบให้สวยงาม ให้ นั ก เรี ย นแบ่ ง กลุ่ ม กลุ่ ม ละ ๕ คน สื บ ค้ น เรื่ อ งการแบ่ ง ยุ ค สมั ย ทาง ประวัติศาสตร์ ไทย แล้วจัดทำเป็นผังมโนทัศน์ ตกแต่งให้สวยงาม จากนั้น ส่งตัวแทนออกมานำเสนอหน้าชั้นเรียน ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๕ คนไปสืบค้นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่มี การระบุศักราชมา ๕ อย่าง แล้วนำมาฝึกเทียบศักราชแบบต่างๆ และ วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของช่วงเวลาดังกล่าว
18
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู 1. การแบงยุคสมัยเปนการแบงชวงเวลาในการศึกษาประวัติศาสตร ทําใหมีความสะดวกและเรียนรูพัฒนาการของมนุษยชาติและประวัติศาสตรของชาตินั้นๆ ไดตรงกัน 2. ประวัตศิ าสตรสากลและไทยมีการแบงยุคสมัยเหมือนกัน คือ ใชการเริ่มมีตัวอักษรในการแบงยุคสมัย โดยชวงเวลาตั้งแตมนุษยเริ่มมีอักษรใช จัดเปนยุคประวัติศาสตร และกอนหนาที่มีตัวอักษรเปนยุคกอนประวัติศาสตร สวนความแตกตาง คือ ยุคสมัยกอนประวัติศาสตรและสมัยประวัติศาสตรมีชวงเวลาเริ่มตนและการสิ้นสุดไมพรอม กัน และสมัยประวัติศาสตรสากลและไทยยังแบงออกเปนสมัยยอยๆ อีก เชน ประวัติศาสตรสากลนิยมแบงเปนสมัยใหญๆ ตามชวงเวลา โดยแบงเปน ประวัติศาสตร สมัยโบราณ สมัยกลาง สมัยใหม สมัยปจจุบัน หรือรวมสมัย แตประวัติศาสตรไทยนิยมแบงสมัยตามอาณาจักร หรือแบงตามราชวงศที่ปกครอง 3. การศึกษาประวัติศาสตรไทยทําใหเกิดความรัก เกิดความภาคภูมิใจในความเปนชาติไทย สงผลใหเกิดความสามัคคี การอนุรักษโบราณสถาน โบราณวัตถุ และการรักษา ศิลปวัฒนธรรมอันเปนมรดกของชาติไทยใหคงอยูตลอดไป 4. • มนุษยสมัยกอนประวัติศาสตร มีการลาสัตว หาของปา ตอมาเริ่มรูจักเพาะปลูก เลี้ยงสัตว อาศัยอยูเปนหลักแหลง และมีการใชชีวิตแบบเรียบงาย • มนุษยสมัยปจจุบัน มีการอยูรวมกันเปนสังคมใหญ มีกฎระเบียบทางสังคม มีการประกอบอาชีพที่หลากหลาย และมีการดําเนินชีวิตสะดวกสบาย 5. การแบงเวลาเปนยุคสมัย แลวยังตองมีการแบงยอยลงไปอีก เพราะจะทําใหการศึกษาประวัติศาสตรมีความชัดเจนมากขึ้น เชน สมัยสุโขทัย แบงยอย ดังนี้ • สมัยการวางรากฐานอํานาจและเสริมสรางความมั่นคง (พ.ศ. 1893-1991) คือ สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (อูทอง) ถึงสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจาสามพระยา) • สมัยที่มีอํานาจทางการเมืองและมีความรุงเรืองทางเศรษฐกิจ (พ.ศ. 1991-2231) คือ สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจนถึงสมัยสมเด็จพระนารายณมหาราช • สมัยเสื่อมอํานาจ (พ.ศ. 2231-2310) คือ สมัยสมเด็จพระเพทราชาถึงสมัยสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศนอัมรินทร (พระเจาเอกทัศ)
18
คูมือครู