นศ 351
การผลิตรายการวิดที ศั น์ 1 [CA 351 Video Program Production 1] (ปี การศึกษาที่1/2557)
รวมรวม/เรียบเรียง โดย อาจารย์ ณัฏฐพงษ์ สายพิณ สาขาวิชานิเทศศาสตร์ บูรณาการ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ โจ้
กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน์ • • • • •
ขันตอนพั ้ ฒนาความคิด (Initiation) ขันตอนเตรี ้ ยมงานก่อนการถ่ายทํา (Pre-production) ขันตอนผลิ ้ ตรายการ (Production) ขันหลั ้ งผลิตรายการ (Post-production) ขันตอนประเมิ ้ นผล (Evaluation)
และ กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน
|2
กระบวนการผลิตรายการวิทยุโทรทัศน์ รายการที่นําเสนอออกสูส่ ายตาผู้ชมผ่านจอโทรทัศน์ ด้ วยข่าวสารเนื ้อหาสาระหรื อความบันเทิงที่ชวนให้ ติดตามรับชม เกิดจากกระบวนการผลิตรายการโทรทัศน์ที่ต้องอาศัยความคิดสร้ างสรรค์ ความประณีตและพิถีพิถนั ในการทํางานของทีมงาน ด้ านการผลิต เริ่ มตังแต่ ้ การเตรี ยมการก่อนการผลิต ไปสูก่ ระบวนการขันผลิ ้ ตรายการ และหลังการผลิต เพื่อให้ รายการมี คุณภาพ และมีประโยชน์สนองตอบความต้ องการของผู้ชมนัน่ เอง ตําราทางด้ านการผลิตรายการโทรทัศน์สว่ นใหญ่ได้ จดั ขันตอนการผลิ ้ ตรายการโทรทัศน์ทวั่ ไปประกอบด้ วย 3 ขันตอน ้ ้ ยมการก่อนการผลิต (pre production) 2. ขันการผลิ ้ ตรายการ (production) และ หรื อที่เรี ยกว่า “3 P” ได้ แก่ 1. ขันเตรี 3. ขันหลั ้ งการผลิต (post production) อย่างไรก็ดี ในที่นี ้ได้ ขยายกระบวนการผลิตรายการโทรทัศน์จาก 3 ขันตอน ้ ไปเป็ น 5 ขันตอน ้ ได้ แก่ 1. ขันตอนพั ้ ฒนาความคิด (Initiation) 2. ขันตอนเตรี ้ ยมงานก่อนการถ่ายทํา (Pre-production) 3. ขันตอนผลิ ้ ตรายการ (Production) 4. ขันหลั ้ งผลิตรายการ (Post-production) 5. ขันตอนประเมิ ้ นผล (Evaluation) สาเหตุของการเพิ่ม ขันตอนพั ้ ฒนาความคิด (Initiation) และขันตอนประเมิ ้ นผล (Evaluation) เข้ ามา เนื่องจากผู้ผลิต รายการสมัครเล่นส่วนใหญ่มกั ให้ ความสนใจในการผลิตรายการโทรทัศน์เฉพาะในแง่ของการลงมือผลิตแง่ของการลงมือผลิตใน ขันตอนการถ่ ้ ายทํากับการตัดต่อเป็ นส่วนใหญ่ แต่กลับละเลยขันตอนสํ ้ าคัญๆ เช่น การพัฒนาความคิดอันเป็ นรากฐานสําคัญของ การผลิตรายการ การวางแผนงานก่อนการถ่ายทําจริ งที่จะช่วยให้ ทํางานไปได้ อย่างราบรื่ น และการประเมินผลงานเพื่อนําข้ อมูลมา ใช้ ในการพัฒนารายการต่อไป ด้ วยเหตุนี ้จึงได้ มีการแตกกระบวนการผลิตรายการโทรทัศน์ออกเป็ น 5 ขันตอน ้ เพื่อให้ ได้ ตระหนักถึง ความสําคัญของขันตอนต่ ้ างๆ ที่ได้ ขยายออกมาให้ มากยิ่งขึ ้น 1. ขัน้ ตอนพัฒนาความคิด (Initiation) การผลิตรายการโทรทัศน์ไม่วา่ เป็ นรายการใหม่หรื อรายการที่ออกอากาศอยู่ ล้ วนต้ องเริ่ มต้ นจาก “ความคิด (Ideas)” มากมาย เช่น ผลิตรายการอะไร เป้าหมายคืออะไร เนื ้อหาอย่างไร รูปแบบไหน กลุม่ เป้าหมายคือใคร งบประมาณเท่าไร ฯลฯ ซึง่ สิง่ เหล่านี ้เป็ นคําถามสําคัญก่อนลงมือผลิตรายการโทรทัศน์ และอาจกล่าวได้ วา่ ขันตอนนี ้ ้คือขันตอนที ้ ่เป็ นรากฐานที่สาํ คัญ ที่สดุ สําหรับเป็ นแนวทางในการทํางานขันตอนต่ ้ อๆ ไป ส่วนใหญ่รายการที่เป็ นรายการใหม่อาจต้ องใช้ เวลาในการกลัน่ กรองความคิด ซึง่ โปรดิวเซอร์ (Producer) หรื อ ผู้อํานวยการผลิต (Executive producer) มักจะเป็ นผู้จดุ ประกายความคิดในเบื ้องต้ นเกี่ยวกับการสร้ างรายการใหม่ หลังจาก นันจึ ้ งระดมความคิดเห็นจากทีมงานหรื อผู้เชี่ยวชาญมาแสดงความคิดเห็นหรื อเสนอแนะเพิ่มเติมเพื่อทําให้ ความคิดรายการ (Program idea) ให้ ชดั เจนมากขึ ้น จนพัฒนาเป็ นแก่นรายการ (Theme) ที่นา่ สนใจและมีความเป็ นไปได้ ในการผลิต การลงรายละเอียดทางความคิดให้ มีความชัดเจนมากขึ ้น เรี ยกว่า การกําหนดกระบวนการสาร (defined process message) ได้ แก่การกําหนดกรอบสิง่ ที่ต้องการนําเสนอว่า รายการต้ องการนําเสนออะไร (what) เพื่ออะไร (for
และ
กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน
|3
what) ให้ ใคร (to whom) และอย่างไร (how) หรื ออีกนัยหนึง่ ก็คือ การกําหนดเป้าหมายรายการ กลุม่ เป้าหมาย เนื ้อหารูปแบบ การ นําเสนอ ลักษณะการถ่ายทํา งบประมาณ และรายชื่อผู้ร่วมงาน เป็ นต้ น ซึง่ ในขันตอนนี ้ ้ต้ องมีการค้ นคว้ าหาข้ อมูลจากแหล่งต่างๆ เพื่อนํามาประกอบการตัดสินใจในการกําหนดทิศทางการผลิตรายการต่อไป จากนันเป็ ้ นการเขียนโครงงานการผลิตรายการหรื อข้ อเสนอรายการ (Program Proposal) เพื่อยื่นเสนอต่อสถานีโทรทัศน์ หรื อหัวหน้ าฝ่ ายรายการ การเขียนโครงงานการผลิตรายการ/ข้ อเสนอผลิตรายการนันเป็ ้ นงานที่มีความสําคัญมาก เพราะความคิด ต่างๆ ที่กระจัดกระจายในตอนต้ นจะถูกกลัน่ รกองและจัดเป็ นระบบความคิดผ่านการเขียนโครงงานการผลิตรายการนัน่ เอง ดังนัน้ แม้ ความคิดยอดเยี่ยมเพียงใด แต่หากเขียนโครงงานการผลิตรายการไม่ชดั เจนหรื อไม่นา่ สนใจ ไม่เป็ นรูปธรรม ไม่เป็ นระบบ ความคิดนันอาจไม่ ้ ได้ รับการตอบรับจากสถานีโทรทัศน์หรื อผู้อปุ ถัมภ์รายการได้ นนั่ เอง ด้ วยเหตุนี ้ผู้เสนอควรใส่ข้อมูลจําเป็ นๆ เพื่อให้ เห็นโครงสร้ างทางความคิดหลักๆ เกี่ยวกับรายการที่ต้องการผลิต เช่น ชื่อรายการ หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ กลุม่ เป้าหมาย ระยะเวลาการนําเสนอ รูปแบบรายการ วิธีการผลิต งบประมาณ ผลที่คาดว่าจะได้ รับ และรายชื่อทีมงาน เป็ นต้ น ทังนี ้ ้การใส่รายละเอียดมากเกินไปหรื อน้ อยเกินไปก็ไม่เป็ นผลดีตอ่ การนําเสนอ ควรเขียนให้ กระชับ ชัดเจน เข้ าใจง่าย และมี สาระสําคัญครบถ้ วน หลังจากโครงการการผลิตรายการได้ รับการพิจารณาอนุมตั ิแล้ ว ทีมผู้ผลิตรายการหลักจะต้ องมาประชุมกันเพื่อร่วมกัน ออกแบบ (Design) องค์ประกอบต่างๆ ในรายการให้ สอดคล้ องกับเป้าหมายที่วางไว้ รวมถึงการเขียนบทรายการ (Script) sหรื อ สตอรี่ บอร์ ด (Storyboard) เพื่อให้ เห็นภาพที่ตรงกันในทีมงาน หลังจากนันทุ ้ กฝ่ ายจะออกไปค้ นคว้ าข้ อมูลมาเพิ่มเติมและนําไป ออกแบบงานเพื่อดําเนินการลงมือทําจริ งต่อไป สามารถเขียนเป็ นผังคร่าวๆ ได้ ดงั ภาพ
ขัน้ ตอนการพัฒนาความคิ ด 2. ขัน้ ตอนเตรียมงานก่ อนการถ่ ายทํา (Pre-production) ในขันตอนนี ้ ้เป็ นการทํางานที่เน้ นเรื่ องการวางแผนเกี่ยวกับการบริ หารจัดการพร้ อมกับการประสานงานกับทุกๆ ฝ่ ายที่ เกี่ยวข้ องเพื่อให้ งานดําเนินไปได้ อย่างราบรื่ น ประหยัด และมีประสิทธิภาพ งานส่วนใหญ่เป็ นการจัดทําตารางงาน การ ประสานงาน และการนัดหมาย โดยจัดทําเป็ น
และ
กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน
|4
2.1
ตารางเวลาการผลิตรายการ (Production scheduling) เป็ นตัวกําหนดว่าทีมงานจะออกกอง ตัดต่อ ลงเสียง และส่งเทปวันไหน ที่ไหน อย่างไร และใครรับผิดชอบ 2.2 เอกสารออกกองถ่ายทํา (Call sheet) เป็ นเอกสารที่มีการระบุข้อมูล วัน เวลา สถานที่ บุคคลที่ติดต่อประสาร งาน ชื่อผู้ให้ สมั ภาษณ์ หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อที่ชดั เจน พร้ อมระบุวา่ ทีมงานคนในต้ องออกกองถ่ายทํา ทํา หน้ าที่อะไร และอุปกรณ์ที่ต้องใช้ มีอะไร เป็ นต้ น 2.3 การทําหนังสือขออนุญาตถ่ายทํา (Permit documents) เนื่องจากการถ่ายทํารายการโทรทัศน์สว่ นใหญ่ จําเป็ นต้ องติดต่อขอสถานที่ถ่ายทํา ขอข้ อมูล และผู้ให้ สมั ภาษณ์ ซึง่ หลายครัง้ ผู้ติดต่อประสารงานกับเจ้ าหน้ าที่ ที่ลงพื ้นที่นนเป็ ั ้ นคนละคนกัน ดังนันการเตรี ้ ยมการในขันตอนนี ้ ้จะลดความผิดพลาดในการติดต่อสือ่ สารหรื อ การถูกปฏิเสธจากเจ้ าหน้ าที่ที่ไม่ได้ รับทราบข้ อมูลมาก่อนว่ามีการติดต่อระหว่างกันไว้ ลว่ งหน้ าแล้ ว สําหรับเอกสารข้ างต้ นนันมี ้ ความจําเป็ นต้ องทําขึ ้นเพื่อแจกจ่ายให้ ทีมงานในการจัดตารางงานของแต่ละฝ่ ายต่อไป สามารถเขียนเป็ นผังคร่าวๆ ได้ ดงั ภาพ
ขัน้ ตอนการเตรี ยมงานก่อนการถ่ายทํา 3. ขัน้ ตอนผลิตรายการ (Production) ในขันตอนนี ้ ้เป็ นขันตอนของการผลิ ้ ตรายการหรื อถ่ายทําจริ งๆ ซึง่ อาจใช้ วิธีการบันทึกเทปรายการแล้ วนํามาออกอากาศ ภายหลัง เช่น รายการละคร รายการเกมโชว์ รายการสารคดี ฯลฯ ซึง่ วิธีการบันทึกเทปมีข้อดีคือสามารถแก้ ไขข้ อผิดพลาดที่ เกิดขึ ้นได้ และมีเวลาในการพิถีพิถนั ปรับปรุงรายการให้ มีความสมบูรณ์ที่สดุ ก่อนออกอากาศ อีกกรณีหนึง่ ในการผลิตรายการ คือ วิธีการผลิตรายการสดเพื่อออกอากาศทันที เช่น รายการข่าว รายการถ่ายทอด
(live) มีข้อดีตรงที่สามารถรายการ กีฬา การถ่ายทอดเหตุการณ์สาํ คัญต่างๆ การผลิตรายการโดยผลิตเป็ นรายการสด เหตุการณ์ได้ ทนั เวลา น่าสนใจ เหตุการณ์มีความสดใหม่ตรงตามช่วงเวลาที่เกิดขึ ้นจริ ง แต่อาจมีข้อเสียคือไม่สามารถแก้ ไขได้ หากเกิดข้ อผิดพลาดระหว่างผลิตรายการ ทีมงานผลิตจึงต้ องประสานงานกัน และควบคุมการผลิตให้ รัดกุมที่สดุ
และ
กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน
|5
สําหรับการถ่ายทําจริ ง (Shooting) นันมั ้ กจะมี การซักซ้ อมก่อนการถ่ายทําจริ ง เพราะจะช่วยให้ ทีมงานผลิตได้ ทราบ ปั ญหา และข้ อบกพร่องต่าง ๆของรายการ รวมทังช่ ้ วยในการพัฒนาเหตุการณ์ตา่ งๆ ของรายการได้ อย่างดีด้วย การซ้ อมนันจะ ้ ้ โดยจะซ้ อมนอกห้ องส่งรายการ หรื อ ทําสองขันตอน ้ คือ ซ้ อมแห้ งหรื อซ้ อมย่อย (dry rehearsal) เป็ นการซ้ อมขันแรก สถานที่วา่ งๆก็ได้ ยังไม่มีอปุ กรณ์ในการถ่ายทํา เป็ นการสร้ างความเข้ าใจกับบทก่อนเพื่อฝึ กนํ ้าเสียงตามอารมณ์ของบท ซึง่ อาจจะมีการแก้ ไขบทบ้ างให้ เหมาะสมกับผู้แสดง เมื่อเรี ยบร้ อยแล้ วก็จะซ้ อมต่อด้ วยการกําหนดมุมกล้ องหรื อ การเคลือ่ นไหว
(blocking) คือ การจัดวางตัวผู้แสดง ณ จุดต่างๆ ในฉากสมมุติขึ ้นโดยยังไม่ต้องมีของจริง ขันตอนที ้ ่สองเป็ นขันตอนของการ ้ ซ้ อมใหญ่ (dress rehearsal) เป็ นการซ้ อมการแสดงทุกอย่างพร้ อมเหมือนจริ ง ไม่วาจะเป็ นกล้ อง อุปกรณ์ตา่ งๆ ฉาก
รวมถึงเสื ้อผ้ าของนักแสดง และผู้ร่วมรายการทุกคน เพื่อเตรี ยมการถ่ายทําจริ งในขันตอนต่ ้ อไป หลังถ่ายทําเสร็ จเรี ยบร้ อยหรื อ “ปิ ดกอง” ในแต่ละวัน แต่ละฝ่ ายต้ องทําหน้ าที่ในการเก็บอุปกรณ์และเครื่ องมือ ตลอดจนเอกสารต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทป
้ อไป การทํางานในขันตอนดั ้ งกล่าวนี ้ บันทึกการถ่ายทํา (Master or rush tapes) ซึง่ ต้ องถูกนําไปใช้ ในการตัดต่อในขันตอนต่ สามารถเขียนเป็ นผังคร่าวๆ ได้ ดงั ภาพ
ขัน้ ตอนการผลิ ตรายการ 4. ขัน้ หลังผลิตรายการ (Post-production) เมื่อมีการบันทึกภาพและสียงที่ถ่ายทําไว้ ลงบนเทปบันทึกแล้ ว ขันตอนที ้ ่ต้องทําต่อไปคือการตัดต่อลําดับภาพและการ ผสมเสียง เพื่อให้ รายการสมบูรณ์ที่สดุ พร้ อมที่จะออกอากาศได้ ส่วนการผลิตรายการสดจําเป็ นต้ องควบคุมการลําดับภาพและ เสียงให้ เป็ นไปตามบทโทรทัศน์ที่กําหนดทิศทางเอาไว้ แล้ ว การตัดต่อและลําดับภาพอาศัยศิลปะในการเรี ยบเรี ยงลําดับภาพใหม่ ให้ สอดคล้ องและมีความหมายได้ อย่างสมบูรณ์ ตามบทโทรทัศน์ที่ทีมงานผลิตได้ วางโครงเรื่ องไว้ นอกจากการตัดต่อลําดับภาพใหม่แล้ ว การใส่เทคนิคพิเศษ กราฟิ ก การซ้ อน ตัวหนังสือ หรื อเทคนิคอื่นๆ ก็จะช่วยให้ ภาพมีชีวิตชีวาน่าสนใจมากขึ ้น การผสมเสียง หมายถึง การใส่เสียงเพลง เสียงคนบรรยาย เสียงประกอบ และเสียงจริ ง ลงไปในรายการเพื่อให้ รายการสมบูรณ์ ข้ อคํานึงถึงการเลือกเสียงมานําเสนอในรายการควรเลือกแต่ละเสียงให้ เหมาะสมกับเนื ้อหา และภาพที่ปรากฏ บนจอโทรทัศน์ กล่าวคือ เสียงและภาพต้ องไปด้ วยกันได้ ไม่ขดั แย้ งกัน เช่น เสียงผู้สอื่ ข่าวรายการถึงบรรยากาศของผู้โดยสารรอ
และ
กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน
|6
การขึ ้นรถกลับบ้ านที่สถานีรถไฟหัวลําโพง ภาพที่ปรากฏก็ควรตัดไปที่ภาพบรรยากาศที่สถานีรถไฟหัวลําโพง ในขันตอนนี ้ ้ผู้ที่มีหน้ าที่รับผิดชอบจะต้ องทําหมายเลขเทปถ่ายทํารายการ (Master or rush tape) แต่ละม้ วน ตรวจดูภาพ ที่ได้ มาทังหมดและบั ้ นทึกลงในเอกสารที่เรี ยกว่า ใบจดคิวเทป (Log sheet) ซึง่ มีการระบุหมายเลขเทปแต่ละม้ วนว่าประกอบด้ วย ภาพอะไรและอยู่ ณ ตําแหน่งใดของเทป การจดตําแหน่งภาพในม้ วนเทปจะดูจากรหัสตัวเลขที่ปรากกฎในสัญญาณเทป เรี ยกว่า “Time Code (TC)” ซึง่ เป็ นรหัสอ้ างอิงตําแหน่งต่างๆ ภายในเทปแต่ละม้ วน ทําให้ สามารถค้ นหาได้ วา่ ภาพที่ต้องการนันอยู ้ ท่ ี่จดุ ใด ของเทป รหัส TC จะมีตวั เลขสีค่ ทู่ ี่วิ่งได้ ดงั นี ้ TC 00:00:00:00 (ชัว่ โมง:นาที:วินาที:เฟรม) เช่น รหัส Time Code ระบุวา่ 00:05:10:00 หมายความว่าจุดอ้ างอิงของเทป ณ จุดนัน้ คือ นาทีที่ 5 กับ 10 วินาที เป็ นต้ น ดังนันหากคนจดคิ ้ วเทปเขียนว่า “00:12:18:07_ภาพบ้ านพระเอก” ก็หมายความว่าถ้ าใครต้ องการหาภาพบ้ านพระเอกในเทปม้ วน นันก็ ้ ให้ หมุนเทปไปยังตําแหน่งตัวเลขอ้ างอิงที่ 12 นาที 18 วินาที และเฟรมที่ 7 เป็ นต้ น 5. ขัน้ ตอนประเมินผล (Evaluation) เป็ นการวัดประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการผลิตรายการโทรทัศน์ อะไรคือปั ญหาและอุปสรรคในการทํางาน ซึง่ สามารถตรวจสอบได้ จากเอกสารการทํางานและการจัดประชุมทีมงาน ดังนันหลั ้ งการสะสางงานทุกอย่างแล้ ว โปรดิวเซอร์ ควร เรี ยกเก็บรวบรวมเอกสารที่จดั ทําขึ ้นในขันตอนต่ ้ างๆ อย่างเป็ นระบบทุกครัง้ เพื่อให้ ง่ายต่อการสืบค้ นข้ อมูลหรื อประเมินงาน ย้ อนหลัง รวมถึงใช้ เป็ นแนวทางในการทํางานครัง้ ต่อๆ ไป โดยอาจเก็บเป็ นไฟล์คอมพิวเตอร์ หรื อแฟ้ มเอกสารก็ได้ นอกจากนี ้หลังรายการออกอากาศไปแล้ ว ทางฝ่ ายผู้ผลิตรายการจําเป็ นต้ องประเมินผลงานด้ วยว่ารายการที่ออกอากาศ ไปนันประสบความสํ ้ าเร็ จมากน้ อยเพียงใด โดยสามารถดูได้ ทงในเชิ ั ้ งปริ มาณและเชิงคุณภาพ เชิงปริ มาณ ได้ แก่ การดูตวั เลขจาก ผลวัดความนิยมของผู้ชมรายการ (Rating) ส่วนข้ อมูลเชิงคุณภาพวัดได้ จากวัตถุประสงค์รายการที่วางไว้ เทียบกับผลลัพธ์ที่ออกมา หรื ออาจฟั งคําติชมต่างๆ ของผู้ชมและนักวิจารณ์ตามสือ่ ต่างๆ ก็ได้ โดยข้ อมูลที่ได้ รับมาจะถูกนําไปวิเคราะห์หาจุดอ่อน จุดแข็ง เพื่อพัฒนารายการในตอนต่อๆ ไป จาก กระบวนการ ในการผลิตรายการโทรทัศน์ทงั ้ 5 ขันตอนที ้ ่กล่าวมาข้ างต้ น พบว่าการผลิตรายการโทรทัศน์มี กระบวนการที่สลับซับซ้ อน ต้ องอาศัยทีมงามผู้ผลิตหรื อบุคลากรที่เกี่ยวข้ องจํานวนมาก ที่ต้องร่วมมือกันประสานงานเพื่อให้ การ ผลิตรายการโทรทัศน์มีคณ ุ ภาพ อย่างไรก็ดี ขันตอนทั ้ งห้ ้ า ไม่ได้ หมายความว่ากระบวนการผลิตรายการโทรทัศน์จริ งๆ จะดําเนินไป ตามขันตอนจากขั ้ นที ้ ่หนึง่ ไปสูข่ นที ั ้ ่ห้าอย่างเป็ นระเบียบ เพราะในการทํางานขันตอนต่ ้ างๆ นัน้ สามารถทับซ้ อนเหลือ่ มกันได้ หรื อ แม้ ตี่ข้ามขันไปมา ้ โดยไม่จําเป็ นว่าต้ องรอให้ งานขันตอนใดเสร็ ้ จก่อนแล้ วจึงเข้ าสูอ่ ีกขันตอนหนึ ้ ง่ หรื อเมื่อเสร็ จสิ ้นขันตอนหนึ ้ ง่ แล้ วก็ ไม่ได้ หมายความว่าจะย้ อนกลับมาทํางานในขันตอนที ้ ่ผา่ นมาแล้ วอีกไม่ได้ นอกจากนี ้รายการแต่ละประเภทก็มีความแตกต่างกัน ซึง่ ส่งผลต่อการใช้ เวลาในการทํางานแต่ละขันตอนมากน้ ้ อยแตกต่างกันด้ วย เช่น รายการละครอาจใช้ เวลาในการเตรี ยมงานก่อน การถ่ายทําค่อนข้ างนานกว่าการถ่ายทําสารคดี แต่เมื่อถึงขันตอนการตั ้ ดต่ออาจใช้ เวลาไม่มากนักเนื่องจากละครมีการใช้ เครื่ อง สวิทเชอร์ ในการตัดสลับภาพจากกล้ องต่างๆ ไว้ แล้ ว ซึง่ ต่างจากสารคดีที่มกั ถ่ายทําด้ วยกล้ องตัวเดียว การตัดต่อจึงใช้ เวลานานกว่า เป็ นต้ น ดังนันกระบวนการผลิ ้ ตรายการโทรทัศน์จึงมีความยืดหยุน่ พอสมควร ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์จึงจําเป็ นต้ องใช้ ปฏิภาณไหว พริ บในการพลิกแพลงการทํางานให้ สอดคล้ องกับสถานการณ์และลักษณะของรายการที่ผลิตด้ วย
และ กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน
ตัวอย่ างเอกสารต่ างๆ ที่ใช้ ในการผลิตรายการโทรทัศน์
|7
และ
กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน
(ตัวอย่ างโครงงานการผลิตรายการโทรทัศน์ ประเภทรายการดนตรี)
|8
และ
กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน
|9
และ
กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน
| 10
และ
กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน
| 11
และ
กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน
| 12
และ
กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน
| 13
และ
กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน
| 14
และ
กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน
(ตัวอย่ างการวางแผนการจัดตารางเวลาการผลิตรายการ)
| 15
และ
กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน
(ตัวอย่ างการแตกบท)
| 16
และ
กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน
| 17
และ
กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน
(ตัวอย่ างเอกสารออกกองถ่ ายทํา)
| 18
และ
กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน
| 19
และ
กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน
| 20
และ
กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน
(ตัวอย่ างใบจดคิวเทป)
| 21
และ
กระบวนการผลิตรายการโทรทัศน
บรรณานุกรม
| 22
ชัยยงค์ พรหมวงศ์, นิคม ทาแดง และไพบูรณ์ คะเชนทรพรรค์(2547, หน้ า 149-155). ประมวลสาระชุดวิชาเทคโนโลยีการจัดการการสื่อสาร หน่ วยที่ 1-7. พิมพ์ครัง้ ที่ 2 สุโขทัยธรรมาธิราช. วิภา อุตมฉันทร์ (2544). การผลิตสื่อโทรทัศน์ และสื่อคอมพิวเตอร์ : กระบวนการสร้ างสรรค์ และเทคนิคการผลิต . กรุงเทพ:บุ๊ค พอยท์. ศุภางค์ นันตา. (2552). หลักการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ . พิมพ์ครัง้ ที่ 1. มหาสารคาม : สํานักพิมพ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. สมสุข หินวิมาน และคณะ. ( 2554). ความรู้ เบือ้ งต้ นทางวิทยุและโทรทัศน์ . พิมพ์ครัง้ ที่ 1. กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ . อุษณีย์ ศิริสนุ ทรไพบูลย์. (2552). หลักการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ . พิมพ์ครัง้ ที่ 1. กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. Zettl, H. (1976). Television Production Handbook. 3rd. Edition. Wadsworth Publishing Company. Inc. Belmont, California.