Ca351 week02 tv systems

Page 1

นศ 351 โทรทัศน์และภาพยนตร์ [CA 351 Television and Film] (ปีการศึกษาที่ 2/2558)

รวมรวม/เรียบเรียง โดย อาจารย์ณัฏฐพงษ์ สายพิณ ส า ข า วิ ช า นิ เ ท ศ ศ า ส ต ร์ บู ร ณ า ก า ร ค ณ ะ ศิ ล ป ศ า ส ต ร์ ม ห า วิ ท ย า ลั ย แ ม่ โ จ้

ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์ • • • • • • •

คุณลักษณะและธรรมชาติของสื่อโทรทัศน์ ระบบวิทยุโทรทัศน์ในปัจจุบัน ระบบการส่งและรับสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ในประเทศไทย เทคโนโลยีการส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เทคโนโลยีเคเบิลทีวี ระบบวิทยุโทรทัศน์ดิจิทัล ฟรีทีวีดิจิทัลสาธารณะ


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

|2

จากบทนําที่ได้ให้ความหมายและความสําคัญของสื่อวิทยุโทรทัศน์ บทบาทหน้าที่ องค์ประกอบ ตลอดจนลักษณะและข้อจํากัดของวิทยุโทรทัศน์ทําให้เราได้ทราบถึงลักษณะโดยรวมของสื่อที่เรียกว่า “วิทยุโทรทัศน์” แล้ว ในบทนี้จะขอกล่าวถึงคุณธรรมชาติของสื่อโทรทัศน์ที่จะเป็นส่วนเสริม และระบบการส่งและรับสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ในรูปแบบต่างๆ ดังจะได้กล่าวถึงในหัวข้อต่อไป คุณลักษณะและธรรมชาติของสื่อโทรทัศน์ สื่อโทรทัศน์เป็นสื่อทางภาพ (VISUAL MEDIA) ที่มีคุณลักษณะเฉพาะตัว ดังนี้ 1. สื่อโทรทัศน์ อาศัยภาพเป็นหลักในการนําเสนอ โดยใช้เสียงเป็นส่วนเสริม ซึ่งภาพที่นําเสนอนั้น ได้แก่ การแสดงท่าทาง สัญลักษณ์ เครื่องหมาย หรือข้อความ รวมถึงการใช้ภาษาภาพเฉพาะของสื่อโทรทัศน์ซึ่งมีความแตกต่างจากระบบภาษาอื่นๆ ส่วนเสียง ได้แก่ เสียงบรรยาย เสียงสนทนา เสียงดนตรี เสียงประกอบ ซึ่งเสียงจะเป็นส่วนเสริมในรายละเอียดที่ภาพไม่สามารถสื่อได้ เช่น เสียงนําเสนอเพื่อการรับรู้ที่เกี่ยวข้องกับ บรรยากาศ และอารมณ์ เป็นต้น 2. สื่อโทรทัศน์เป็นสื่อที่ผูกพันกับเวลา (REAL TIME PRESENTATION) เป็นสื่อที่นําเสนอสารตามระยะเวลาจริงของผู้รบั สารและการรับรู้เกี่ยวกับเวลาจริงจะเดินหน้าไปเรื่อยๆ จะไม่ย้อนกลับ ดังนั้น การนําเสนอสารผ่านสื่อโทรทัศน์ จะต้องเสนอสารที่มีเนื้อหาซับซ้อนน้อยที่สุด สร้างสรรค์สารให้มีความเข้าใจได้ง่ายที่สุด และไม่ยืดยาวเกินความสนใจของผู้ชม ตลอดจนภาษาที่ใช้ในการถ่ายทดความคิดนั้นต้องกระชับและได้ใจความ 3. สื่อโทรทัศน์เป็นสื่อที่นําเสนอรายละเอียดเฉพาะส่วน เป็นการนําเสนอภาพทีละส่วนซึ่งอยู่ในลักษณะของภาษาภาพวิเคราะห์ (ANALYICAL LANGUAGE) ซึ่งในการนําเสนอภาพเหตุการณ์หนึ่งๆ นั้น สื่อโทรทัศน์จะตัดภาพออกเป็นส่วนๆ แล้วนําเสนอทีละส่วน หากนําเสนอไม่ครบทุกส่วนผู้ชมจะไม่เข้าใจเหตุการณ์นั้น ซึ่งการนําเสนอภาพทีละส่วนนี้จะช่วยให้เกิดการดึงดูดความสนใจผู้รับสารโดยที่ผู้ชมไม่ต้องใช้ความพยายามในการติดตามรับรู้เนื้ อหามากนักสื่อโทรทัศน์จึงสามารถนํามาใช้กับผู้รับสารที่อายุน้อยได้ดี 4. สื่อโทรทัศน์นําเสนอการสื่อสารผ่านคลื่นอากาศ (BROADCASTING MEDIA) ทําให้สามารถเข้าถึงผู้รับสารได้อย่างรวดเร็วและกระจายเป็นบริเวณกว้างครอบคลุมทุกพื้นที่ 5. สื่อโทรทัศน์สามารถนําเสนอเรื่องที่ยากซับซ้อนให้เป็นเรื่องง่ายได้ โดยใช้ภาษาภาพและภาษาเสียงนําเสนอ 6. สื่อโทรทัศน์เป็นสื่อครอบครัว ช่วยให้เกิดการสังสรรค์ในครอบครัว เพื่อนฝูง การสร้างเรื่องจึงนําเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัว เพื่อใช้ภาษาที่เป็นกันเอง มีความรู้สึกสนิทสนม เป็นภาษาพูดหรือกิจวัตรประจําวัน เรื่องราวในโทรทัศน์ส่วนหนึ่งจึงเป็นหัวข้อสนทนาในครอบครัว 7. สื่อโทรทัศน์ เป็นสื่ออุ่น คือ อยู่ระหว่างสื่อร้อนกับสื่อเย็น ซึ่งมีความหมายดังนี้ 7.1 สื่อร้อน คือ สื่อที่สามารถดึงดูด เร่งเร้า บีบบังคับให้ผู้รับสารต้องสนใจสื่อ เช่น สื่อภาพยนตร์ 7.2 สื่อเย็น คือ สื่อที่ไม่เร่งเร้าความในใจของผู้รับสาร ชมได้เรื่อยๆ ค่อนข้างเข้าใจยาก เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ 7.3 สื่ออุ่น คือ สื่อที่มีทั้งลักษณะของสื่อร้อนและสื่อเย็นผสมผสานกัน โดยธรรมชาติของสื่อโทรทัศน์นั้นสามารถเร่งเร้าให้ผู้ชมสนใจที่จะชมได้ง่าย แต่หากเขียนบทที่บีบบังคับผู้ชมมากๆ จะทําให้ผู้ชมรู้สึกเครียดกับการชมรายการโทรทัศน์ อาจจะเปลี่ยนไปทํากิจกรรมอื่นแทนได้ การเขียนบทโทรทัศน์จึงควรจะมีลักษณะที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมสามารถทํากิจกรรมอื่นร่วมไปด้วยได้


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

|3

ระบบวิทยุโทรทัศน์ในปัจจุบัน

ระบบวิทยุโทรทัศน์ที่ใช้ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เป็นการใช้งานในรูปแบบแอนาล็อก โดยแต่ละประเทศจะมีการใช้ระบบวิทยุโทรทัศน์ที่ไม่เหมือนกัน มีสาเหตุเนื่องจากการใช้กระแสไฟฟ้าที่แตกต่างกัน เช่น กระแสไฟฟ้า 220 โวลต์ หรือ 110 โวลต์ (ประเทศไทยใช้ 220 โวลต์) ดังนั้น จึงมีการจําแนกระบบวิทยุโทรทัศน์เป็นระบบต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละประเทศ ดังนี้ 1. ระบบ NTSC (National Television System Committee) เป็นระบบโทรทัศน์สีระบบแรกที่ใช้งานในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี ค.ศ.1953 ประเทศที่ใช้ระบบนี้ต่อมา ได้แก่ ญี่ปุ่น แคนาดา เปอเตอริโก้ และเม็กซิโก เป็นต้น คุณสมบัติเฉพาะ : 60 Field/second , 30 Frame/second , 525 Line/Frame • การสั่นไหวของภาพน้อยเนื่องจากสัญญาณภาพใช้ความกว้างของคลื่นสัญญาณน้อย • ข้อเสียคือ เส้นสแกนภาพมีจํานวนน้อย หากใช้จอภาพเครื่องรับโทรทัศน์ที่มีขนาดใหญ่ จะทําให้รายละเอียดภาพมีน้อย 2. ระบบ PAL (Phase Alternate Line) เป็นระบบที่พัฒนามาจากระบบ NTSC ทําให้มีการเพี้ยนของสีน้อยลง เริ่มใช้งานมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1967 ในประเทศทางแถบยุโรป คือ เยอรมนีตะวันตก อังกฤษ ออสเตรเลีย เบลเยี่ยม บราซิล เดนมาร์ก นอร์เวย์ สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ และมีหลายประเทศในแถบเอเชียที่ใช้กันคือ สิงคโปร์ มาเลเซีย รวมไปถึงประเทศไทยก็ใช้ระบบนี้ คุณสมบัติเฉพาะ : 50 Field/second , 25 Frame/second , 625 Line/Frame • ให้รายละเอียดของภาพสูง ไม่มีความผิดเพี้ยนของสี • ข้อเสียคือ ถูกรบกวนสัญญาณภาพสูง เนื่องจากมีความกว้างของสัญญาณภาพมากกว่า (Higher banwidth)ระบบ NTSC 3. ระบบ SECAM (Sequential Color and Memory) เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1967 นิยมใช้กันอยู่หลายประเทศแถบยุโรปตะวันออก ได้แก่ ฝรั่งเศส อัลจีเรีย เยอรมนีตะวันออก ฮังการี ตูนีเซีย รูมาเนีย และรัสเซีย เป็นต้น


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

|4

คุณสมบัติเฉพาะ : 50 Field/second , 25 Frame/second , 819 Line/Frame • ไม่มีความผิดเพี้ยนของสี รายละเอียดภาพสูงเทียบเท่าระบบ PAL • ข้อเสียคือ ภาพจะมีการสั่นไหวเหมือนระบบ PAL, การตัดต่อภาพในระบบนี้ไม่สามารถทําได้ ซึ่งในการผลิตรายการโทรทัศน์ส่วนมากใช้ระบบ PAL และเมื่อผลิตเสร็จแล้วจึงเปลี่ยนกลับไปเป็นระบบ SECAM แล้วจึงส่งออกอากาศ 4. ระบบ HDTV (High Definition Television) เป็นระบบวิทยุโทรทัศน์ที่มีความคมชัดสูง มีจํานวนเส้น 1125 เส้น ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกในโลกที่นําร่องคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีนี้ขึ้นมา โดยปัจจุบันกําลังพัฒนาเป็นโทรทัศน์ระบบดิจิทัล (Digital Television) คุณสมบัติเฉพาะ : 1125 Line/Frame • มีความคมชัดของภาพที่ปรากฏบนจอมากเป็น 2 เท่าของระบบวิทยุโทรทัศน์ธรรมดาที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน มีความละเอียดของภาพมากกว่าวิทยุโทรทัศน์ระบบธรรมดาถึง 5 เท่า • คุณภาพของภาพ (Improved color rendition) ที่มีสีสันสดใสมากกว่าระบบวิทยุโทรทัศน์ธรรมดาถึง 10 เท่า • คุณภาพเสียงดิจิทัล (Digital audio fidelity) เป็นระบบเสียงสเตอริโอ ซึ่งมีช่องสัญญาณเสียงสําหรับรองรับเสียงจํานวนหลายช่องทาง ให้คุณภาพเสียงชัดเจนโดยสามารถเปรียบเทียบได้เทียบเท่าเสียงจากเครื่องเล่นคอมแพคดิสก์ HDTV และ SDTV คือะไร

ว่ากันด้วยเรื่องของโทรทัศน์ทุกวันนี้ก็มีมาให้เลือกกันมากมายหลายยี่ห้อ ซึ่งราคานั้นก็แตกต่างตามความสามารถ รูปทรง และ ปัจจัยอื่นๆ ที่ทําให้แต่ละรุ่นนั้นมีคุณสมบัติแตกต่างกัน เพราะบางครั้งถ้ามองแค่ภายนอก หรือเทียบกันที่ขนาดของจอภาพอาจพบว่า โทรทัศน์ที่มีขนาดเล็กนั้นมีราคาที่สูงกว่าโทรทัศน์จอใหญ่ HDTV (High Definition Television) คือ "โทรทัศน์ความคมชัดสูง" เรียกกันสั้นๆว่า HDTV หรือ ทีวีระบบ ไฮ-เดฟ นั่นเอง มีการรับส่งสัญญาณภาพในแบบจอกว้าง (Wide screen ) มีอัตราส่วนการแสดงผลของจอภาพอยู่ที่ 1280 x 720 พิกเซล และระบบ " Full HDTV" ที่ให้ความละเอียดของจอภาพอยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

|5

HDTV โดยทั่วไปจะเป็นระบบดิจทิ ัลที่ให้ความละเอียดของภาพ และระบบเสียงรอบทิศทาง เพิ่มอรรถรสในการรับชม ได้สมจริงมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากนี้จอภาพแบบ HD ยังนําไปใช้กับโทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป กล้องวงจรปิด และหน้าจอ คอมพิวเตอร์อีกด้วย SDTV (Standard Definition Television) คือ "โทรทัศน์ความคมชัดปกติ" หรือ "โทรทัศน์ความชัดเจนมาตรฐาน" เป็นการส่งสัญญาณภาพในรูปแบบแอนาล็อกที่ใช้ กันอยู่ในปัจจุบัน มีการแสดงภาพอยู่ 3 ประเภท คือ NTSC, PAL, และ SECAM มีอัตราส่วนการแสดงผลของจอภาพอยู่ที่ 720 x 480 พิกเซล ซึ่งมีความละเอียดในการแสดงผลที่ค่อนข้างน้อย แม้ว่าเราจะดูโทรทัศน์ที่มีขนาดจอกว้างขึ้น แต่ความคมชัดของภาพ ก็ไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่ควร นี่จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสําคัญที่นําไปสู่การพัฒนาระบบการส่งสัญญาณทีวี เป็นระบบดิจทิ ัล ที่กําลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ตัวอย่างความละเอียด • • • •

480p = 338,000 pixels / frame (704 x 480) 720p = 922,000 pixels / frame (1280 x 720) 1080i = 1,037,000 pixels / frame (1920 x 1080) 1080p = 2,074,000 pixels / frame (1920 x 1080)

แสดงขนาดพิกเซลและความละเอียดของจอภาพ


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

ตัวอย่างความละเอียดภาพแบบ HD และ SD

Full HD มีขนาด 1,920 x 1,080p | HD มีขนาด 1,280 x 720p | SD มีขนาด 720 x 480 ระบบการส่งและรับสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ในประเทศไทย การส่งสัญญาณภาพและเสียงของวิทยุโทรทัศน์ในประเทศไทย จําแนกเป็นระบบใหญ่ๆ ได้ 2 ระบบ คือ ระบบเปิด และระบบปิด 1. วิทยุโทรทัศน์ระบบเปิด (Broadcasting television) หมายถึง การส่งรายการโทรทัศน์ด้วยคลื่นวิทยุโทรทัศน์โดยใช้ความถี่ใดความถี่หนึ่ง ความถี่ที่กําหนด แพร่ภาพออกอากาศให้ประชาชนรับชมได้ทั่วไป ดังเช่น โทรทัศน์ช่อง 3, 5, 7, 9, NBT และทีวีไทย ทีวีสาธารณะ ผู้รับเพียงแต่ใช้เครื่องรับที่เป็นระบบเดียวกับระบบโทรทัศน์ของเครื่องส่ง ก็สามารถรับรายการได้โดยตรง

Broadcast – Satellite Communication

|6


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

|7

The way of broadcasting television Internet TV and VOD 2. วิทยุโทรทัศน์ระบบปิด เป็นการส่งรายการโทรทัศน์ให้รับชมได้จํากัดเฉพาะพื้นที่ หรือเฉพาะความถี่ที่กําหนด วิธีการส่งอาจใช้สายต่อ นําสัญญาณจากเครื่องที่เป็นตัวส่งไปยังเครื่องรับโทรทัศน์ระบบเปิด แต่ใช้คลื่นความถี่เฉพาะให้รับได้เฉพาะ โทรทัศน์ บางเครื่องที่กําหนด หรือรับได้เฉพาะในบริเวณที่จํากัดไว้ การรับส่งโทรทัศน์แบบปิดทั้ง 2 วิธีนี้ หากทําอยู่ในขอบเขต จํากัด เช่น การส่งรายการทางการศึกษากระจายไปยังเครื่องรับตามห้องเรียนต่างๆ ของโรงเรียนแต่ละแห่ง หรือการใช้ เพื่อรักษาความปลอดภัยเรียกว่า “โทรทัศน์วงจรปิด (Closed circuit TV)” หรือ CCTV แต่หากทําในขอบเขตกว้าง เช่น การส่งรายการโทรทัศน์แก่สมาชิกเพื่อการค้ามักเรียกว่า “เคเบิลทีวี (Cable TV)”

ระบบ CCTV


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

|8

เทคโนโลยีการส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม การประยุกต์ใช้ระบบการสื่อสารผ่านดาวเทียมนับว่าเป็นนวัตกรรมที่เอื้อประโยชน์ให้กับกิจกรรมมากมาย ทั้งการสื่อสาร โทรคมนาคม เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ตลอดจนระบบการถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ทําให้ทั่วโลก สามารถบริโภค ข่าวสาร ความบันเทิง แหล่งข้อมูลสารสนเทศต่างๆ มากมายด้วยความสะดวกและรวดเร็ว

แสดงการรับ-ส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม การรับ-ส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม หลักการส่งสัญญาณ เริ่มจากส่งคลื่นความถี่จากจานดาวเทียมของสถานีภาคพื้นดิน เรียกว่า “อัพลิงค์ (Up link)” ไปยัง ดาวเทียมที่โคจรอยู่นอกโลกในชั้นบรรยากาศแอทโมสเฟียร์ ที่ตัวดาวเทียมจะมีอุปกรณ์เรียกว่า ช่องสัญญาณดาวเทียม คอยรับ สัญญาณที่ส่งมา และแปลงคืนความถี่ให้ต่ําลง เพื่อไม่ให้รบกวนคลื่นอื่นๆ ที่ถูกส่งมาใหม่ จากนั้นจะส่งสัญญาณกลับลงมา เรียกว่า “ดาวน์ลิงค์ (Down link)” มายังจานเครื่องรับสัญญาณภาคพื้นโลก ย่านความถี่ดาวเทียม ดาวเทียมจะส่งสัญญาณกลับมายังพื้นที่ให้บริการ โดยใช้ความถี่ที่ได้จัดสรรไว้ในแต่ละย่านความถี่ ที่ไม่ถูกรบกวนโดย สภาพภูมิอากาศ หรือแสงอาทิตย์ ซึ่งสามารถแบ่งย่านความถี่ดาวเทียมที่ใช้ในกิจการโทรคมนาคมได้ดังนี้ 1. C-Band มีความถี่ในช่วง 3.7 ถึง 4.2 GHz เป็นความถี่แรกเริ่มที่ใช้ 2. KU-Band มีความถี่ในช่วง 10.95 ถึง 12.75 GHz ปัจจุบันใช้สําหรับการรับ-ส่งสัญญาณรายการวิทยุโทรทัศน์ 3. K-Band ใช้สําหรับการส่งสัญญาณโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมไปยังผู้รับโดยตรง (Direct Broadcasting Satellite หรือเรียกว่า DBS) สําหรับประเทศไทยนั้น ย่านความถี่ที่ใช้งานจะอยู่ในช่วง C-Band และ KU-Band ส่วนการรับ-ส่งสัญญาณนั้น ประเทศไทยตั้งอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร แต่ตําแหน่งต่างๆ ของดาวเทียมสื่อสารทั้งหมดจะอยู่ในแนวเส้นศูนย์สูตร การตั้งจาน สายอากาศรับ-ส่งสัญญาณดาวเทียมจึงต้องหันหน้าจานสายอากาศไปยังทิศใต้ โดยที่ตําแหน่งวงจรโคจรของดาวเทียมไทยคม 2 จะอยู่ที่ตําแหน่ง 78.5 องศาตะวันออก ดังนั้นจะต้องหันหน้าจานสายอากาศไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ โดยอ่านพิกัดมุมกวาด (มุม Azimuth) จากทิศเหนือตามเข็มนาฬิกาไปที่ 229-256 องศา และอ่านพิกัดมุมเงย (มุม Elevation) ไปที่ 53-65 องศา ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับจุดที่ตั้งของสถานีรับ-ส่งสัญญาณดาวเทียม


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

|9

พื้นที่ให้บริการ (Footprint) พื้นที่ให้บริการเป็นลักษณะของสัญญาณที่ส่งลงมาครอบคลุมพื้นโลก ดาวเทียมแต่ละดวงจะมีพื้นที่ให้บริการ ต่างกัน ขึ้นอยู่กับย่านความถี่ของดาวเทียมดวงนั้นๆ โดยสัญญาณจะมีความเข้มที่สุดตรงจุดศูนย์กลาง และจะค่อยๆ จางลงเมื่อออก ห่างจากจุดศูนย์กลาง การส่งสัญญาณในย่านความถี่ C-Band จะสามารถครอบคลุมพื้นที่ให้บริการได้กว้าง เช่น ดาวเทียมไทยคมสามารถ ส่งสัญญาณครอบคลุมพื้นที่ได้มากถึง 126 ประเทศ ส่วนการส่งสัญญาณย่านความถี่ Ku-Band จะครอบคลุมพื้นที่ให้บริการได้น้อยกว่า แต่จะมีความแรงของสัญญาณ สูงกว่า สามารถใช้จานขนาดเล็กรับสัญญาณได้

แสดงพื้นที่ให้บริการของดาวเทียมไทยคม เทคโนโลยีเคเบิลทีวี เคเบิลทีวี (Cable TV) หรือโทรทัศน์ตามสาย มีลักษณะการส่งสัญญาณภาพและเสียงให้แพร่กระจายไปยังปลายทางเจาะจงประชาชนที่เป็นสมาชิก ดังนัน้ เคเบิลทีวีก็คือ ระบบโทรทัศน์ที่ผู้ส่งแพร่ภาพออกอากาศรายการไปยังผู้รับที่เป็นสมาชิกโดยผ่านสายเคเบิลหรือสายใยแก้วนําแสง (Fiber optic) วัตถุประสงค์ของการส่งสัญญาณภาพและเสียงด้วยระบบเคเบิลทีวีในยุคแรกเน้นใช้เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษา และใช้แก้ปัญหาในสถานที่ที่ผู้รับไม่สามารถรับสัญญาณจากสถานีวิทยุโทรทัศน์ที่ออกอากาศเพื่อประชาชนทั่วไป (Free TV)


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

| 10

ซึ่งอยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกลมีสภาพทางภูมิศาสตร์เป็นอุปสรรคในการรับชม เช่น เขตภูเขาสูง แต่ในปัจจุบันการบริการ โทรทัศน์ ตามสายเป็นบริการส่งสัญญาณภาพและเสียงไปยังสมาชิกและเสียค่าใช้จ่ายในการรับชม หลักการส่งและรับสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ด้วยระบบเคเบิลทีวี

TPB S NB T

แสดงการส่งและรับสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ด้วยระบบเคเบิลทีวี ใช้วิธีการเดียวกันกับสถานีวิทยุโทรทัศน์ที่ออกอากาศทั่วไป แต่เพิ่มอุปกรณ์เพื่อให้ผู้รับที่เป็นสมาชิกเท่านั้น ที่สามารถ รับชมได้ ดังนั้น การส่งและรับสัญญาณด้วยระบบเคเบิลทีวี จึงต้องมีอุปกรณ์ที่สําคัญ ได้แก่ แม่ข่ายหรือเรียกว่า “เฮดเอนด์ (Head End)” อุปกรณ์การส่งสัญญาณและอุปกรณ์ระบบรับสัญญาณของสมาชิกหรือผู้รับ ซึ่งเฮดเอนด์ทําหน้าที่ ส่งรายการจาก แหล่ง ต่างๆ เช่นรายการที่ผลิตจากห้องสตูดิโอ รายการจากการบันทึกเทป หรือรายการจากสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ รวมถึงการถ่ายทอด รายการจากดาวเทียม ต่อจากนั้นจะส่งไปยังเคเบิลตามจํานวนช่องที่ได้รับอนุญาตเพื่อส่งไปบริการแก่สมาชิก


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

| 11

หลักการส่งสัญญาณ ปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีการส่ง 3 ระบบ คือ 1. ระบบเอ็มเอ็มดีเอส (MMDS : Multi Point : Multi Channel Distribution System) เป็นการส่งสัญญาณตามสายด้วยความถี่ไมโครเวฟ โดยให้บริการหลายช่องหรือหลายรายการพร้อมกัน เมื่อสัญญาณรายการจากห้องสตูดิโอผ่านเครื่องส่ง และส่งไปยังสายอากาศบนเสา เพื่อแพร่คลืน่ วิทยุ ด้วยความถี่ ไมโครเวฟไปสู่เครื่องรับของสมาชิกตามบ้าน

แสดงการส่งสัญญาณระบบเอ็มเอ็มดีเอส 2. ระบบดีทีเอช (DTH : Direct To Home) เป็นบริการส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมด้วยความถี่ย่านเคยูแบนด์ (KU-Band) ไปยังสายอากาศจานรับ ดาวเทียมขนาดเล็กที่ติดตั้งได้ง่ายและประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งกระบวนการส่งเริ่มจากสัญญาณ รายการจาก ห้องสตูดิโอหรือห้องผลิตรายการจะส่งไปยังสถานีดาวเทียมเพื่อส่ง “สัญญาณรายการขาขึ้น (Up link)” ไปยังช่อง สัญญาณดาวเทียมบนดาวเทียมด้วยความถี่ไมโครเวฟที่กําหนดให้และก่อนส่งลงมายังพื้นโลกจําเป็นต้องเปลี่ยนความถี่ ไมโครเวฟเป็นอีกความถี่หนึ่ง (ตามที่ไอทียูกําหนด) หากใช้ความถี่เดียวกันจะเกิดการรบกวนกันทําให้รับสัญญาณไม่ได้ หลังจากเปลี่ยนความถี่แล้วเครื่องส่งบนดาวเทียมจะส่งสัญญาณลงมายังผู้รับที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย เรียกว่า “สัญญาณ ขาลง (Down link)” รายการต่างๆ จะส่งตรงไปยังสายอากาศจานดาวเทียมของผู้รับ โดยผู้รับต้องมีอุปกรณ์ถอดรหัสที่เรียกว่า “ไออาร์ดี (IRD : Integrated Receiver Decoders)” จึงรับสัญญาณรายการจากดาวเทียมโดยตรงได้ ในทางปฏิบัติ ผู้ให้บริการจะใส่รหัสสัญญาณรายการ เพื่อป้องกันการขโมยรับสัญญาณรายการที่เรียกว่า “สแครมเบิล (Scramble)”


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

| 12

และเครื่องที่รับสมาชิกต้องมีคือเครื่องถอดรหัสสัญญาณรายการที่เรียกว่า “ดีสแครมเบิล (Descramble)” จึงสามารถ รับรายการได้

แสดงการส่งสัญญาณระบบดีทีเอช 3. ระบบเอชเอฟซี (HFC : Hybrid Fiber & Cable) เป็นการส่งแบบผสม คือ ใช้เคเบิลใยแก้วนําแสงผสมกับสายเคเบิลในลักษณะพิเศษที่เรียกว่า “โคแอกเชียล เคเบิล” โดยอาจเช่าสายใยแก้วนําแสงของหน่วยงานต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว เช่น สายใยแก้วนําแสงขององค์การโทรศัพท์ แห่งประเทศไทยหรือแหล่งอื่น ซึ่งการส่งลักษณะนี้สามารถส่งรายการพร้อมกันครั้งละ จํานวนมากและ สามารถ ดําเนินการในลักษณะบริการโต้ตอบกันได้ทันที (Interactive cable TV)

แสดงการส่งสัญญาณระบบเอชเอฟซี

หลักการรับสัญญาณ มีลักษณะคล้ายกับเครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ทั่วไป เพียงแต่เพิ่มอุปกรณ์เพื่อรับสัญญาณเคเบิลทีวีให้ได้สมบูรณ์ เช่น สายอากาศจานดาวเทียม สายอากาศไมโครเวฟ เครื่องขยายสัญญาณที่มีคุณภาพสูงที่เรียกว่า “แอลเอ็นเอ (LNA : Low Noise Amplifier)” ซึ่งสามารถขยายสัญญาณจากดาวเทียมหรือไมโครเวฟได้คุณภาพสูง นอกจากนี้ผู้รับที่เป็นสมาชิกต้องมีอุปกรณ์ที่สําคัญคือ เซ็ท ทอป บอกซ์ (Set Top Box) มีหน้าที่เพื่อใช้สําหรับถอดรหัส สัญญาณรายการที่ส่งมาจากแม่ข่าย และใช้สําหรับควบคุมการสื่อสารกับสถานีที่ให้บริการ


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

| 13

ประเภทของระบบเคเบิลทีวี ปัจจุบันมีการจําแนกเพื่อให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ในการใช้งานได้ ดังนี้ 1. CCTV (Closed Circuit TV) มีลักษณะเป็นวงจรปิดโดยใช้เชื่อมโยงสัญญาณภายในบริเวณที่ต้องการ เช่น อาคาร สํานักงาน วิธีการส่ง สัญญาณใช้สายเคเบิลลักษณะพิเศษที่เรียกว่า “โคแอกเชียลเคเบิล” หรือส่งสัญญาณด้วย คลื่นความถี่ ไมโครเวฟ ไปยังเครื่องรับ 2. MATV (Master Antenna TV) เป็นการส่งสัญญาณไปตามจุดต่างๆ ของอาคารจํานวนหลายจุดโดยใช้สายอากาศร่วมกันเพียงชุดเดียว และติดตั้งสายอากาศเพื่อรับสัญญาณจากสถานีที่อออากาศที่ต้องการรับทุกช่อง 3. STV (Subscription TV)หรือ Pay TV เป็นระบบการส่งรายการโทรทัศน์ให้รับชมโดยผู้รับจะต้องจ่ายเงิน รายการที่นําเสนออาจ ไม่มีการโฆษณา สินค้าเลย เพย์ทีวีจะใช้วิธกี ารเชื่อมโยงสัญญาณไปยังผู้รับด้วยระบบคอมพิวเตอร์และระบบโทรคมนาคมที่ทันสมัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการแก่สมาชิกหลายรูปแบบ เช่น ด้านบันเทิงหรือการค้า สําหรับประเทศไทยมีผู้ประกอบการธุรกิจเคเบิลทีวีที่ชัดจเน คือ ทรูวิชั่นส์ โดยจะซื้อลิขสิทธิ์รายการจาก ผู้ผลิตรายการเคเบิลทีวีต่างๆ มาแล้วจัดเป็นแพกเกจเพื่อขายแก่สมาชิก โดยราคาของแพกเกจ จะขึ้นอยู่กับจํานวน ช่องของสถานีที่จะสามารถรับชมได้

แสดงแพกเกจของทรูวิชั่นส์ สําหรับประเภทช่องรายการของ STV หรือ Pay TV นั้น บุญญเลขา มากบุญ ได้แบ่งประเภทช่องรายการไว้ 2 ประเภท คือ 3.1 ช่องพื้นฐาน หมายถึง บริการที่สมาชิกต้องจ่ายค่าบริการเป็นรายเดือนเพื่อรับชมรายการวิทยุโทรทัศน์จากช่อง มาตรฐาน ได้แก่ CNN ESPN MTV TNT รวมถึงฟรีทีวแี ละรายการาจากสถานีวิทยุโทรทัศน์อิสระของท้องถิ่นแต่ละพื้นที่ 3.2 ช่องที่ต้องจ่ายค่าบริการเพิ่ม คือช่องรายการที่ไม่มีโฆษณาคั่นโดยสมาชิกที่ต้องการจะรับชมรายการจะต้องเสียค่าบริการเพิ่มขึ้นต่า งหากเป็นรายช่องไป ซึ่งบวกเพิ่มจากค่าบริการของช่องพื้นฐาน ช่องรายการดังกล่าวได้แก่ ช่องภาพยนตร์ เช่น HBO, Star Movies เป็นต้น ช่องสารคดี เช่น Animal Planet, Discovery Channel เป็นต้น


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

| 14

นอกจากนี้ยังมีบริการ “เพย์เพอร์วิว (Pay Per View) หรือ PPV” หมายถึงการจ่ายค่าบริการ ต่อการรับชม 1 ครั้ง โดยเป็นบริการที่สมาชิกสามารถเลือกชมรายการที่ต้องการได้ โดยกดป้อนข้อมูลคําสั่งจากรีโมท คอนโทรล ผ่านอุปกรณ์ควบคุมพิเศษที่ติดตั้งเอาไวเชื่อมต่อกับระบบเคเบิลทีวี ข้อมูลที่ร้องขอจะถูกส่งไปยังฐานระบบ ของผู้ประกอบการ จากนั้นจะจัดส่งสัญญาณรายการที่ร้องขอมายังเครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ที่บ้านสมาชิก เช่น รายการ ภาพยนตร์โชว์ไทม์ที่บริการฉายภาพยนตร์ใหม่ที่กําลังเข้าฉายพร้อมกับในโรงภาพยนตร์ หรือรายการสําหรับผู้ใหญ่ เช่น เพลย์บอย แชนเนล เป็นต้น 4. CATV (Community Antenna TV) ให้บริการโทรทัศน์ตามสายแก่ชุมชน ประชาชนในท้องถิ่นที่ไม่สามารถรับสัญญาณรายการโทรทัศน์ทั่วๆ ไปได้ IPTV เทคโนโลยีใหม่ที่น่าจับตามอง เทคโนโลยี IPTV (Internet Protocol Television) เป็นการประยุกต์โดยการนําเอาเทคโนโลยีด้านโทรทัศน์ ซึ่งเป็นการแพร่ สัญญาณภาพและเสียง ผ่านทางคลื่นความถี่ มาใช้งานโดยการวิ่งผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต แบบ Multimedia คือการส่งข้อมูล ทั้งภาพและเสียง จุดเด่นของ IPTV คือ การแพร่ภาพสัญญาณนั้น สามารถทํางานแบบ Interactive ได้ คือผู้ชมสามารถโต้ตอบ กลับไปยังสถานีส่งได้ ซึ่งจะแตกต่างจากระบบโทรทัศน์แบบเก่าที่ไม่สามารถโต้ตอบกลับไปยังสถานีโทรทัศน์ได้ทันท่วงที ตัวอย่าง เช่น การดูรายการเกมโชว์ ถ้าเป็นระบบโทรทัศน์ผู้ชมอยากแสดงความคิดเห็นหรือร่วมสนุกกับทางรายการผู้ชม ต้องโทรศัพท์เข้าไป เพื่อร่วมรายการ แต่ถ้าเป็นระบบ IPTV ผู้ชมสามารถคลิกเมาส์ พิมพ์ข้อความผ่านทางแป้นพิมพ์ หรือจะใช้ระบบ VoIP (Voice Over IP) ในการติดต่อเพื่อร่วมสนุกในรายการเกมโชว์ได้ทันที และผู้ชมยังสามารถเลือกชมภาพยนตร์ได้ ตามความต้องการ ของตัวเอง สิ่งที่จําเป็นต้องมีสําหรับการใช้บริการ IPTV 1. Broadband Internet 2. IPTV Set Top Box และ Remote Control 3. Wireless Router

แสดงการส่งสัญญาณระบบ IPTV


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

แสดงช่องรายการของ 3BB IPTV

| 15


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

| 16

วิทยุโทรทัศน์ระบบดิจิทัล ในยุคเริ่มต้นที่มีการรับส่งข้อมูลระบบต่างๆ ทํางานแบบแอนาล็อกทั้งหมด รวมถึงการส่งสัญญาณโทรทัศน์ ต่อมา เทคโนโลยีทางด้านดิจิทัลได้ก้าวหน้าขึ้นมา ความต้องการรับส่งข้อมูลข่าวสารในปัจจุบันมีมากทั้งปริมาณและชนิดของข้อมูล ทําให้เกิดการพัฒนาและการขยายตัวของระบบสื่อสารข้อมูลเป็นอย่างมากทั้งโครงข่ายโทรศัพท์ โครงข่ายโทรคมนาคม และโครงข่ายการส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ เป็นต้น ดังนั้นจึงมีการเริ่มนําเอาเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าไปทดแทนแบบแอนาล็อกเดิม

Analog signal VS Digital signal คุณสมบัติของเทคโนโลยีดิจิทัล มีข้อดีที่สามารถชดเชยข้อจํากัดของระบบแอนาล็อกได้ ดังนี้ 1. ให้คุณภาพการรับส่งข้อมูลที่เท่ากันหรือดีกว่าแบบแอนาล็อก 2. ง่ายต่อการบํารุงรักษา 3. เพิ่มเติม ปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงความสามารถหรือบริการของระบบได้ง่าย 4. มีความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูง 5. ทนต่อสัญญาณรบกวนได้ดี 6. สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบของสัญญาณไปเป็นรูปแบบมาตรฐานต่างๆ ได้ง่าย 7. เนื่องจากสัญญาณดิจิทัลสามารถทดแทนได้ด้วยตัวเลข จึงนําไปทําการคํานวณที่ซับซ้อนได้ จากจุดนี้เองทําให้เกิดวิธีการบีบอัดข้อมูล และการเข้ารหัสต่างๆ มากมาย 8. ประหยัดช่องสัญญาณโทรทัศน์ เพราะใช้ช่องความถี่ในการออกอากาศเพียงความถี่เดียวก็สามารถส่งรายการได้หลายรายการ


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

| 17

การพัฒนาเทคโนโลยีวิทยุโทรทัศน์ระบบดิจิทัล ปัจจุบันนี้มีการพัฒนาด้านการส่งและการรับสัญญาณโดยสรุปได้ดังต่อไปนี้ 1. การส่งวิทยุโทรทัศน์ระบบดิจิทัลบนพื้นโลก เป็นการส่งสัญญาณออกอากาศหลายรายการในช่องเดียวกันด้วยความถี่เดียว โดยใช้วิธีบีบอัดสัญญาณดิจิทัล แต่ละรายการ เพื่อให้เกิดการรวมสื่อ และให้บริการได้หลากหลาย โดยผ่านอุปกรณ์รวมสัญญาณ แต่ละรายการ เข้าด้วยกันหลายความถี่และบีบอัดสัญญาณภาพและเสียงเพื่อสามารถส่งได้ครั้งละหลายรายการในช่องเดียวกัน ทั้งนี้ต้องอาศัยเสาอากาศเครื่องส่งที่มีความสูงพอที่จะส่งได้ครอบคลุมพืน้ ที่เป้าหมาย 2. การรับวิทยุโทรทัศน์ระบบดิจิทัล เมื่อสายอากาศรับสัญญาณรายการที่ส่งมาจากสถานีโทรทัศน์ไปยังเครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ระบบดิจิทัล (DVB-T receiver) เพื่อชมรายการปกติหรือรายการอื่น เมื่อไปถึงผู้รับที่มีเครื่องแยกสัญญาณ ก็จะเลือกรับรายการ แต่ละรายการทีต่ ้องการได้ 3. วิทยุโทรทัศน์ระบบดิจิทัลชนิดโต้ตอบทันที (Interactive TV) โทรทัศน์ระบบดิจิทัลแบบโต้ตอบทันที ปกติต้องใช้ ระบบสายเคเบิลทีวีหรือสายโทรศัพท์ (สายให้เช่า) และเครื่องรับของผู้รับต้องมีเครื่องส่งระบบดิจิทัลขนาดเล็ก ติดตั้งรวมอยู่ในเครื่องรับโทรศัพท์ด้วย ทําให้สมาชิกหรือผู้รับติดต่อกับสถานีหรือศูนย์บริการได้โดยอัตโนมัติ 4. การพัฒนาการรับส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ด้วยระบบ HDTV ต้องใช้คลื่นความถี่ในการส่งสัญญาณดาวเทียม โดยแถบคลื่นต้องมีขนาดความกว้างมากว่าแถบคลื่นระบบธรรมดา กล่าวคือ ต้องมากกว่า 6 เมกกะเฮิร์ตซ์ ซึ่งมากกว่าแถบคลื่นที่ใช้ส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ระบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้การรับสัญญาณ จากวิทยุโทรทัศน์ระบบ HDTV จะต้องใช้อุปกรณ์เครื่องรับที่ทําขึ้นมาเพื่อรองรับระบบนี้โดยเฉพาะ กระบวนการปรับเปลี่ยนสู่ทีวีระบบดิจิทัล สําหรับกระบวนการปรับเปลี่ยนสู่ทีวีระบบดิจิทัลนั้น มี 3 ขั้นตอนสําคัญคือ ขั้นที่ 1 การเริ่มใช้ระบบดิจิทัล ขั้นที่ 2 การส่งเสริมให้เกิดการปรับเปลี่ยน ขั้นที่ 3 การเลิกระบบแอนาล็อก ซึ่งกระบวนการเหล่านั้น อาจใช้เวลานานมากกว่า 10 ปี เพราะเหตุผลที่เป็นอุปสรรคสําคัญ 2 ประการ ได้แก่ 1. สถานีโทรทัศน์ที่จะแพร่ภาพต้องลงทุนเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆ ในสถานีย่อยทั่วประเทศและเสาอากาศต่างๆ ที่ใช้ในการแพร่ภาพให้เป็นเสาดิจิทัล 2. ในด้านของการรับชม ผู้ชมต้องมีเครื่องรับโทรทัศน์แบบใหม่ซึ่งสามารถรับและแสดงภาพดิจิทัลได้หรือใช้ Set-TopBox กล่องแปลงสัญญาณ ซึ่งต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์ในราคาที่สูงทําให้เกิดความลังเล ประเด็นกล่องแปลงสัญญาณภาพนั้น ไม่มีปัญหา เพราะ กสทช.เตรียมแจก 22 ล้านครัวเรือนอยู่ เหลือแต่ว่าได้กล่องไปแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่จะดูหรือเปล่า มีข้อมูลเกี่ยวกับทีวดี ิจิทัลที่คนไทยควรรู้อีกอย่างคือ เราจะเลือกใช้ทีวดี ิจิทลั ระบบ DVB-T2 (Digital Video Broadcasting - Terrestrial 2nd generation) DVB-T2 เป็นมาตรฐานใหม่ของการส่งสัญญาณโทรทัศน์ระบบดิจิทัล ซึ่งพัฒนามาจากระบบ DVB-T เพื่อทดแทนการออกอากาศระบบแอนาล็อก สามารถส่งสัญญาณความละเอียดสูงแบบ FULL HD ได้ ให้ภาพที่คมชัด และเสียงรอบทิศทางได้อย่างเสถียรและระยะส่งสัญญาณไกลมากขึ้น หากจะรับชมสัญญาณดิจิทัลทีวีระบบ DVB-T2 ที่จะแพร่ภาพในบ้านเราได้ ก็ต้องเครืองรับทีวี ที่มี Built-in Digital Tuner แบบ DVB-T2 และมีกล่องรับสัญญาณ ซึ่งต้องเป็นกล่อง ที่รับสัญญาณของ DVB-T2 เท่านั้น ไม่ว่าเราจะมีทีวีรุ่นเก่าแค่ไหน เป็นทีวีแบบจอตู้หรือจอแบน ก็สามารถรับชมได้ เพราะกล่อง ช่วยแปลงสัญญาณ แล้วส่งสัญญาณ DVB-T2 ที่แปลงแล้วเข้าไปสู่ทีวี ถ้าบ้านไหนไม่มีกล่องแปลงสัญญาณ ก็ยังดูฟรีทีวีช่อง 3,5,7,9, NBT และไทยพีบีเอส ได้เหมือนเดิม อย่าไปกังวลถึงขั้นต้องขายทีวเี ก่าไปซื้อทีวีใหม่


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

| 18

กสทช.จะยังให้ทีวีของภาครัฐและเอกชนส่งสัญญาณการแพร่ภาพแบบอะนาล็อกไปจนถึงปี 2563 ตามข้อตกลงของอาเซียน โดยระหว่างนี้ ฟรีทีวีช่องเดิมและช่องใหม่ก็จะทําการแพร่ภาพสัญญาณแบบดิจิทัลคู่ไปกับอะนาล็อก ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการ ค้าจานดาวเทียมที่จะได้รบั ผลกระทบจากทีวดี ิจิทัล ก็ปรับแผนจะทํา "เครื่องรับทีวี" ระบบที่มีกล่องรับสัญญาณ DVB-T2 และ สัญญาณดาวเทียม ออกสู่ท้องตลาด เพราะเชื่อกันว่า ในระยะแรก การรับชมทีวดี ิจิทัลยังไม่ครอบคลุมทั้งประเทศ และเขตชนบท ห่างไกลยังเป็นช่องว่างทางการตลาดให้ทีวีดาวเทียมได้โตได้ ทีวีดิจิทัลปลุกตลาดเสาอากาศอีกครั้ง โลกใบนี้ยังมีเสาสูงเด่นเป็น สง่าเหนือหลังคาบ้าน เพียงแต่เสาใหม่มีราคาสูงกว่าก้างปลาและหนวดกุ้ง ฟรีทีวีดิจิทัลสาธารณะ

การเปลี่ยนผ่านของวงการโทรทัศน์ประเทศไทยในรอบ 50 ปีจากระบบแอนาล็อกสู่ระบบดิจิทัลที่กําลังเกิดขึ้นอยู่นี้ กระแสฟรีทีวีดิจิทัลก็เป็นหนึ่งในกระแสที่ประชาชนในประเทศวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากในรอบปีที่ผ่านมา นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อํานวยการ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) ได้แสดงความคิดเห็น ในเรื่องนี้ผ่านคอลัมน์ “คิดใหม่วันอาทิตย์” ในหน้า 2 ของหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ซึ่งมีประเด็นสาระที่น่าขบคิดสําหรับ รูปแบบของฟรีทีวีดิจิทลั สาธารณะดังจะขอยกบทความบางส่วนเรือง ฟรีทีวีดิจิทัลสาธารณะ : สังคมต้องมีส่วนร่วมคัดเลือก ของนายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ มาเป็นกรณีศึกษาสําหรับฟรีทีวีดิจิทัลสาธารณะ (อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ, 2556 : 353-359) 11 อรหันต์ในคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)มีอํานาจ ล้นฟ้า ในการชี้เป็นชี้ตายอนาคตสื่อสารโทรคมนาคมของประเทศ ปีที่แล้วเป็นปีทองของคณะกรรมการกิจการ โทรคมนาคม แห่งชาติ(กทค.) ที่เร่งเปิดประมูลคคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิร์ตซ์สําหรับเครือข่ายโทรศัพท์ 3 G ที่กว่าจะผ่านด่านการตรวจสอบ ของสังคมไปได้เล่นเอาทุลักทุเล แต่สังคมยอมให้ผ่านไปได้ท่ามกลางความกังขาในกระบวนการประมูลแบบไม่แข่งกันเสนอราคา ปี 2556 จะเป็นปีทองของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์แห่งชาติ(กสท.) 5 คนที่มีอํานาจในการพลิก โฉมหน้าอุตสาหกรรมวิทยุและโทรทัศน์ของประเทศไทยอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 50 ปี ปรากฏการณ์แจก ใบอนุญาต ประกอบกิจการโทรทัศน์แบบไม่ใช้คลื่นความถี่ไปเมื่อปลายเดือนมกราคมกว่า 630 ใบอนุญาตถือเป็นเรื่องเล็กมากๆ เมื่อเทียบกับ สิ่งที่กําลังจะเกิดขึ้นในการจัดสรรคลื่นความถี่โทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลนับจากนี้เป็นต้นไป


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

| 19

กสท.จะเปิดให้ยื่นขอ "ฟรีทีวีดิจิทัล" กิจการบริการสาธารณะ ด้วยวิธี Beauty Contest ในเดือนพ.ค.นี้จํานวน 12 ช่อง แบ่งเป็น 3 ประเภท ประเภทที่หนึ่ง เป็นกิจการที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมความรู้ การศึกษา ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม การเกษตร และการส่งเสริมอาชีพอื่นๆ สุขภาพ อนามัย กีฬา หรือส่งเสริมคุณภาพชีวิตของ ประชาชน อ่านวัตถุประสงค์ของทีวีสาธารณะประเภทที่หนึ่ง แล้วลองนึกไปถึงวิธีคิดของผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ที่ออกอากาศอยู่แล้ว เช่น มหาดไทยแชนแนล, เกษตรแชนแนล, DTV(ธรรมกาย), ETV, มหาจุฬาแชนแนล ฯลฯ ว่าช่องทีวี ดาวเทียมเหล่านี้จะนั่งนิ่งเฉยๆไม่สนใจยื่นขอดิจิทัลทีวีสาธารณะหรือไม่ ตอบได้ 3 คํา "ยื่น-แน่-นอน" ประเภทที่สอง ออกให้สําหรับกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อความมั่นคงของรัฐหรือ ความปลอดภัยสาธารณะ โทรทัศน์สาธารณะประเภทนี้ ตามกฎหมายยังบอกว่า "ให้หารายได้จากการโฆษณาได้เท่าที่เพียงพอต่อ การประกอบกิจการ โดยไม่เน้นแสวงหากําไร" ซึ่งเป็นข้อความที่ผ่านการต่อในระหว่างแปรญัตติวันสุดท้ายที่เป็นวันหยุดวันอาทิตย์ของ สภานิติบัญญัติ แห่งชาติ (สนช.) เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของกองทัพก่อนจะยอมให้ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์พ.ศ.2551 ผ่านออกมาได้อย่างหวุดหวิดและยังกังขาว่าไม่ครบองค์ประชุม คุณสมบัติแบบนี้น่าจะล็อกไว้ให้สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 โดยเฉพาะที่เริ่มทดลองออกอากาศระบบดิจิทัลไปแล้ว และยังน่าจะมีอีกหลายหน่วยงานด้านความมั่นคงส่งเข้า "ประกวด" เช่น กองทัพอากาศที่บ่นน้อยใจอิจฉากองทัพบก ที่มโี ทรทัศน์ เป็นขุมทรัพย์ถึง 2 ช่อง , สํานักงานตํารวจแห่งชาติที่มีทีวีผ่านดาวเทียม Police Channel อยู่แล้ว ประเภทที่สาม ออกให้สําหรับกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกระจายข้อมูลข่าวสารเพื่อ ส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างรัฐบาลกับประชาชนและรัฐสภากับประชาชน ฯลฯ คุณสมบัติแบบนี้จะคิดเป็นอื่นไปไม่ได้น่าจะจัดเตรียมล็อกไว้ให้กับช่อง 11 และทีวีรัฐสภา ยากจะมีใครเถียงได้เพราะ กฎหมายเขียนชัดๆ ไว้อย่างนั้น และที่สําคัญกฎหมายยังเปิดช่องให้หารายได้แบบช่อง 11 ไม่ผิดเพี้ยนเลย กฎหมายระบุไว้เลยว่าห้ามมีรายได้จากโฆษณา เว้นแต่ "เป็นการหารายได้โดยโฆษณาหรือเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับ งานหรือกิจการของหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ สมาคม มูลนิธิ หรือนิติบุคคลอื่นที่มีวัตถุประสงค์ในการดําเนิน กิจการ เพื่อประโยชน์สาธารณะโดยไม่แสวงหากําไรในทางธุรกิจ หรือการเสนอภาพลักษณ์ขององค์กร บริษัท และกิจการโดยมิได้ มีการโฆษณาสรรพคุณ คุณประโยชน์ หรือคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม" ลองกลับไปอ่านคุณสมบัติของผู้มีสิทธิยื่นขอที่ได้เขียนไว้ในพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการ โทรทัศน์ พ.ศ.2551 ในมาตรา 11 ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการสาธารณะ ต้องเป็น


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

| 20

1)กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรมหาชน หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ ที่มิใช่รัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายหรือมีความจําเป็นต้องดําเนินกิจการกระจายเสียง หรือกิจการโทรทัศน์ตามหลักเกณฑ์ ที่คณะกรรมการประกาศกําหนด 2) สมาคม มูลนิธิ หรือนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยที่มีวัตถุประสงค์ในการดําเนินกิจการเพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยไม่แสวงหากําไรในทางธุรกิจ ซึ่งมีความเหมาะสมกับการประกอบกิจการสาธารณะตามลักษณะและหลักเกณฑ์ ที่คณะกรรมการประกาศกําหนด 3) สถาบันอุดมศึกษาเพื่อการใช้ประโยชน์ด้านการเรียนการสอนหรือ การเผยแพร่ความรู้สู่สังคมตามลักษณะ และ หลักเกณฑ์ ที่คณะกรรมการกําหนด การกําหนดคุณสมบัติแบบนี้จะทําให้ประเทศไทยที่กําลังจะมีสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีดิจิทัลประเภทสาธารณะเกิดขึ้นอีก 12 ช่อง แต่ "หน้าตา" น่าจะไม่เหมือนสถานีโทรทัศน์สาธารณะไทยพีบีเอสที่ไม่ให้มีโฆษณาทุกกรณี แต่แกะออกมาจากพิมพ์เดียวกับ สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ของกรมประชาสัมพันธ์ที่มีข้อห้ามหารายได้จากโฆษณาไม่ได้ แต่กฎกระทรวงเปิดช่อง ให้หาโฆษณา ได้แบบคอร์ปอเรทที่เห็นกันอยู่ทุกคืนว่าสปอตโฆษณาแทบจะไม่ต่างจากฟรีทีวีภาคธุรกิจ ผมหนักใจแทน กสท. 5 ท่านโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ ประธานกสท.ที่เชื่อว่ามีความมุ่งมั่น จะเปลี่ยนโทรทัศน์ประเทศไทย ด้วยกระบวนการเปลี่ยนผ่านจากระบบ "ผูกขาด" ในอุตสาหกรรมโทรทัศน์ระบบอะนาล็อคที่ เจ้าของสถานีเป็นภาครัฐแล้วให้สัมปทานเอกชนมานานกว่า 50 ปีให้เป็นระบบฟรีทีวีดิจิทัล ผ่านหนักเกณฑ์การจัดสรร คลื่นความถี่สาธารณะเพื่อทําให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับสังคม เริ่มต้นเฟสแรก 48 ช่องดิจิทัลทีวีแบ่งเป็นภาคสาธารณะไม่น้อยกว่า 20 % คือ 12 ช่อง ภาคชุมชนไม่น้อยกว่า 20 % คือ 12 ช่อง แล้วเหลือเป็นภาคธุรกิจ 24 ช่อง เรื่องหนักใจของดร.นทีคงไม่ใช่ภาคธุรกิจที่ใช้วิธีประมูลแบบทั่วไปใช้ "ราคาประมูล" เป็นเกณฑ์ชี้ขาด เพียงแต่สังคม ยังไม่ค่อยตระหนักว่าร่างหลักเกณฑ์ที่แย้มออกมาแล้ว ดูเหมือนกําลังจะนําไปการเอื้อให้ "ทุนใหญ่" 5 รายใช้เงินทุ่มประมูล ครอบครองช่องไปรายละ 3 ช่องที่จะนําไปสู่การ "ผูกขาด" ยิ่งกว่าเดิม หลังหมดอายุใบอนุญาต 15 ปี ซึ่งผิดเจตนารมณ์ของ การปฏิรูปสื่อที่ต้องการให้ลดการผูกขาด กระจายโอกาสให้เกิดการแข่งขันที่เท่าเทียม ในขณะที่ฟรีทีวีดิจิทัลประเภทสาธารณะ 12 ช่องที่จะให้ยื่นคําขอในเดือนพ.ค. กลับยังขาดรายละเอียดหลักเกณฑ์ การยื่นคําขอแบบ Beauty Contest ว่าจะต้องกําหนดให้ใส่เสื้อผ้าแต่งตัว,ทาหน้า,ทาปาก,ส่งประวัติย้อนหลัง,ผังรายการ ฯลฯ แบบไหน จึงจะ "สวยพอ" ให้กสท. 5 ท่านเลือกข้อเสนอให้ใบอนุญาตไปทําดิจิทัลทีวีสาธารณะ เคยถามกสท.หลายท่านก็ยังงึมงําๆ ในลําคอขาดความชัดเจน แล้วสังคมจะมีความหวังกับ "ฟรีทีวีดิจิทัลสาธารณะ" 12 ช่องนี้ได้อย่างไร ถ้ากระบวนการคัดเลือก "ฟรีทวี ีดิจิทัลสาธารณะ" ไม่โปร่งใส สังคมไม่มีส่วนร่วมในการพิจารณาใดๆ แล้วประเทศนี้ ได้ทีวีสาธารณะแบบช่อง 11 อีกถึง 12 ช่องก็คงเป็นเรื่องน่าผิดหวังมากๆกับกระบวนการปฏิรูปสื่อที่เริ่ม มาตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

| 21

2540 ช่องทีวีดิจิทัลที่ใช้คลื่นสาธารณะจะกลายเป็นแหล่งหาผลประโยชน์ของนักการเมืองที่เป็นรัฐมนตรี, ข้าราชการ, กลุ่มศาสนา, เอ็นจีโอเชิงพาณิชย์ ฯลฯมากกว่าเป็น "ช่องทางเลือก" ในเชิงคุณภาพ พ.อ.ดร.นทีและกรรมการกสท.อีก 4 ท่านอย่าแบกภาระไว้คนเดียวหรือคณะเดียวเลยครับ พวกท่านคงจะไม่สามารถ ต้านทานแรงกดดันจาก "ผู้มีอิทธิพลอํานาจ" ที่มีเป้าหมายชัด ต้องการฮุบช่องดิจิทัลทีวีสาธารณะไปเป็นสมบัติส่วนตัว อํานาจของกสท.สามารถบรรเทาความเสียหายที่กําลังจะเกิดขึ้นจาก "ทีวีสาธารณะแบบจําแลง" ได้ด้วยการเปิด "กลไก" ให้ทุกภาคส่วนของสังคมได้เข้าไปมีส่วนร่วม กําหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมขององค์กร ที่จะยื่นขอ ตั้งแต่ต้นทางและตรวจสอบ วิธีการประมูลแบบ Beauty Contest เช่น ตัวแทนคณะนิเทศศาสตร์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ผลิตบุคลากรป้อนช่องทีว,ี ตัวแทนสายวิชาชีพจากองค์กรสมาคมวิชาชีพสื่อ, ภาคประชาสังคม ฯลฯ ถ้าหากกสท.ไม่เปิดทางให้ทุกภาคส่วนของสังคมได้เข้ามามีส่วนร่วม เป็น "เกราะ" ให้กสท.กําหนดเงื่อนไขกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่มุ่งไปที่ "เนื้อหา" ที่เป็น "คุณภาพและความสวยงาม" ของช่องสาธารณะจริงๆ ก่อนไปถึงขั้นตอนการยื่นขอในเดือนพ.ค.นี้ ช่องดิจิทัลทีวีสาธารณะ 12 ช่องจะกลายเป็น "ท่อสูบงบประมาณ" เป็นรูปแบบการทุจริตอย่างชอบธรรมที่สุดว่าจ้างให้ พวกพ้องผลิตรายการที่ไม่มีคุณภาพ,สนับสนุนโฆษณา ฯลฯ ทีวีสาธารณะ 12 ช่องที่ไม่ต่างจากช่อง 11 จะเต็มไปด้วยรายการ โฆษณาชวนเชื่อผลงานรัฐมนตรี(ที่นิยามตามกฎหมายไม่นับเป็นโฆษณา) แต่จะแตกต่างโดยสิ้นเชิงจาก "สื่อสาธารณะ" ในความหมายดั้งเดิม เพื่อประโยชน์ของสังคมเป็นธงนํา,จะต้องเป็นอิสระจากอํานาจรัฐและกลไกตลาด, สร้างความเข้มแข็ง ให้แก่พลเมือง,เครื่องมือในการให้การศึกษาและพัฒนาความรู้ ฯลฯ หากต่างชาติมาเห็นเรื่อง "ทีวีสาธารณะ" ของประเทศไทยที่จะมีมากถึง 12 ช่องใหม่ จํานวนช่องมากยิ่งกว่าในประเทศ อังกฤษ, ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกาที่เป็นต้นแบบ "สื่อสาธารณะ" มานับร้อยปี ช่องสาธารณะแบบไทยๆ หน้าตาอัปลักษณ์แบบนี้จะ "น่าอับอาย" มากกว่า "น่าชื่นชม" ความก้าวหน้าในการกํากับและดูแลกิจการบรอดแคสติ้งในประเทศไทยที่เพิ่งเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ร่างวิธีประมูลทีวีดิจิทลั คาดเปิดประมูล ส.ค.-ก.ย. 56


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

| 22

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา ที่ประชุมกสท. ได้อนุมัติ (ร่าง)ประกาศกสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการประมูลคลื่นความถี่ เพื่อให้บริการโทรทัศน์ดิจิทัล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ พ.ศ. 2556 ซึ่งจะนําเข้า ที่ประชุม กสทช. ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2556 และเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะใช้เวลาประมาณ 30 วัน แล้วจึงประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา คาดว่าจะเปิดประมูลได้ในเดือน สิงหาคม-กันยายน 2556 หรือเลื่อนไม่เกิน 1-2 เดือน ราคาตั้งต้นการประมูล หมวดหมู่เด็ก 140 ล้านบาท, หมวดหมู่ข่าว 220 ล้านบาท, หมวดหมู่ทั่วไปแบบความคมชัดปกติ (SD) 380 ล้านบาท, หมวดหมู่ทั่วไปแบบความคมชัดสูง (HD) 1510 ล้านบาท เสนอเพิ่มราคาแต่ละครั้ง หมวดหมู่เด็กเพิ่มครั้งละ 1 ล้านบาท, หมวดหมู่ข่าวเพิ่มครั้งละ 2 ล้านบาท, หมวดหมู่ทั่วไปแบบความคมชัดปกติ (SD) ครั้งละ 5 ล้านบาท, หมวดหมู่ทั่วไปแบบคมชัดสูง (HD) ครั้งละ 10 ล้านบาท เงื่อนไขการเข้าร่วมประมูล • 4 หมวดหมู่ไม่ได้ประมูลพร้อมกันในช่วงเวลาหรือวันเดียวกัน • สามารถยื่นประมูลได้หมวดหมู่ละ 1 ช่อง สูงสุด 3 หมวดหมู่ โดยห้ามยื่นหมวดหมู่ทั่วไปความคมชัดสูง (HD) และหมวดหมู่ข่าวโดยผู้ประมูลเดิม • ราคาค่าเอกสารและการพิจารณาคําขอประมูล (ค่าซื้อซอง) 1 ล้านบาทต่อช่อง • หลังยื่นขอใบอนุญาตแล้ว วางเงินประกันซอง 10% ของราคาตั้งต้นในแต่ละหมวดหมู่ช่องรายการ โดยจะคืนให้ภายใน 30 วัน หากผู้เข้าร่วมไม่ชนะการประมูล • เสนอเพิ่มราคาได้ไม่จํากัดจํานวนครั้งภายในเวลาการประมูล 60 นาที ถ้ามีจํานวนผู้เสนอราคาเท่ากันมากกว่าจํานวนช่องที่มี จะขยายเวลาออกไปอีก 5 นาที หากขยายเวลาแล้วไม่มีการเสนอเพิ่มราคาให้จับสลากหาผู้ชนะการประมูล • ได้ใบอนุญาตหลังประมูลจบ 60 วัน มีอายุ 15 ปี ผู้ชนะการประมูลจะได้รับสิทธิ์ 3 ข้อ 1. เป็นเจ้าของช่องตามมาตรฐาน กสทช. กําหนด 2. จะได้เป็นผู้เลือกช่องก่อน 3. จะได้รับสิทธิ์เลือกโครงข่าย โดยการใช้ลําดับตัดสินการเลือกโครงข่าย ทั้งนี้ได้มีการกําหนดหมายเลขช่องทีวดี ิจิทัลดังนี้ หมายเลข 1- 12 ช่องบริการสาธารณะ, 13-15 ช่องรายการเด็ก, 16-22 ช่องรายการข่าว, 23-29 ช่องทั่วไปความคมชัดปกติ (SD), 30-36 ช่องทั่วไปความคมชัดสูง (HD), และช่องหมายเลข 37-48 ช่องบริการชุมชน กว่าจะมาถึงวันนี้จะเห็นว่าการเปลี่ยนผ่านของยุคโทรทัศน์นั้นมีช่วงเวลาที่นานพอสมควรกว่าจะเป็นยุคทีวีดิจิทัลในปัจจุบั น ซึ่งสามารถสรุปยุคของกิจการโทรทัศน์ในประเทศไทยได้ดังนี้ ยุคของกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินประเทศไทย - ยุคที่ 1 ยุคโทรทัศน์ขาว-ดํา (พ.ศ. 2490 – 2510) - ยุคที่ 2 ยุคโทรทัศน์สี (พ.ศ.2510 – 2555) - ยุคที่ 3 คือ ยุคโทรทัศน์ระบบดิจทิ ัล (พ.ศ.2557 – ปัจจุบัน)


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

| 23

ในทีวีดิจิทัลของประเทศไทยมีอะไรให้ดูบ้าง? กสทช. ได้กําหนดให้ทีวีดิจิทัลมี 48 ช่อง โดยที่มีทีวีท้องถิ่นของชุมชน 12 ช่อง ทีวีสาธารณะ 12 ช่อง ทีวีสําหรับภาคธุรกิจ 24 ช่อง โดยใน 24 ช่องนี้ เป็นมาตรฐานปกติ (SD) 17 ช่อง และเป็นช่องมาตรฐานความคมชัดสูงอีก 7 ช่อง

สติ๊กเกอร์น้องดูดี

และตั้งแต่ปี 2556 จนถึงเดือนมีนาคม 2557 สํานักงาน กสทช. ได้ทําการออกสติ๊กเกอร์น้องดูดี ซึ่งเป็นเครื่องหมาย แสดงการได้รับการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานเครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจทิ ัลแบบที่มีจอภาพแสดงผล หรือ Integrated Digital Television (iDTV) ที่ผ่านการจดทะเบียนแล้วจากสํานักงาน กสทช. แล้วรวมทั้งสิ้น 123 รุ่น 388,754 เครื่อง และได้ออกเครื่องหมายแสดงการได้รับการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานเครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์แบบไม่มีจอภาพ แสดงผล (SET TOP BOX) 73 รุ่น 490,250 เครื่อง รายชือ่ ช่องโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัล และหมายเลขที่ใช้ออกอากาศ ณ ปัจจุบัน หลังจากผ่านการประมูลช่องรายการแล้ว เมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2557 กสทช.เชิญบริษัทซึ่งผ่านการประมูลทั้งหมด มาประชุมเพื่อตกลงร่วมกัน ในการเลือกหมายเลขช่องที่ใช้ออกอากาศ ส่วนช่องที่ประมูลได้ใบอนุญาต ให้ผู้ที่ประมูลชนะด้วยมูลค่าเงินสูงสุดได้เลือกหมายเลขก่อนตามลําดับ และวันที่ 27 มกราคม ปีเดียวกัน กสทช.จึงประกาศหมายเลขช่องของแต่ละบริษัท ดังมีรายละเอียดตามตารางต่อไปนี้


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

เลขช่อง

องค์กร

| 24

ชื่อช่อง

ลักษณะ

ประเภทบริการสาธารณะ 1

กองทัพบกไทย

สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก(ททบ.)

2

กรมประชาสัมพันธ์

สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย(NBT)

3

องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ไทยพีบีเอส(Thai PBS)

4

องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ไทยพีบีเอสคิดส์(Thai PBS Kids)

5

สํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ

6

สถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา(ETV) (ช่องศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม) ภาครัฐ

7

(ช่องสุขภาพ กีฬา คุณภาพชีวิต)

8

(ช่องความมั่นคงของรัฐ)

9

(ช่องความปลอดภัยสาธารณะ)

10

สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

โทรทัศน์รัฐสภา(Thai Parliament TV)

11

(ช่องส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย)

12

(ช่องพัฒนาเยาวชนและผู้ด้อยโอกาส)


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

เลขช่อง

องค์กร

| 25

ชื่อช่อง

ลักษณะ

ประเภทรายการเด็ก เยาวชน และครอบครัว 13

บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จํากัด

ช่อง 3 แฟมิล(ี Channel 3 Family)

14

บริษัท อสมท จํากัด (มหาชน)

เอ็มคอตแฟมิล(ี MCOT Family)

15

บริษัท ไทยทีวี จํากัด

โลกา / เอ็มวีทีวีแฟมิล(ี LOCA / MVTV Family)

เลขช่อง

องค์กร

ชื่อช่อง

ใบอนุญาต

ลักษณะ

ประเภทรายการข่าวสาร และสาระ 16

บริษัท ไทยนิวส์เน็ตเวิร์ก จํากัด

ทีเอ็นเอ็น24(TNN24)

17

บริษัท ไทยทีวี จํากัด

ไทยทีวี(Thai TV)

18

บริษัท ดีเอ็นบรอดคาสต์ จํากัด

นิวทีวี(New TV)

19

บริษัท สปริงนิวส์เทเลวิชัน จํากัด

สปริงนิวส์(Spring News)

20

บริษัท ไบรท์ทีวี จํากัด

ไบรต์ทีว(ี Bright TV)

21

บริษัท วอยซ์ทีวี จํากัด

วอยซ์ทีวี(Voice TV)

22

บริษัท เอ็นบีซีเน็กซ์วิชัน จํากัด

ช่องเนชั่น(Nation)

ใบอนุญาต


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

เลขช่อง

องค์กร

ชื่อช่อง

| 26

ลักษณะ

ประเภทรายการทั่วไป ภาพคมชัดปกติ 23

บริษัท ไทยบรอดคาสติง จํากัด

ช่องเวิร์คพอยท์(Workpoint TV)

24

บริษัท ทรูโฟร์ยู จํากัด

ทรูโฟร์ย(ู True4U)

25

บริษัท จีเอ็มเอ็มแชนแนล จํากัด

จีเอ็มเอ็ม 25(GMM 25)

26

บริษัท แบงคอกบิสสิเนสบรอดแคสติง จํากัด

ช่องนาว(Now 26)

27

บริษัท อาร์.เอส.เทเลวิชัน จํากัด

ช่อง 8(Channel 8)

28

บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จํากัด

ช่อง 3 เอสดี(Channel 3 SD)

29

บริษัท โมโนบรอดคาซท์ จํากัด

โมโน 29(Mono 29)

ใบอนุญาต


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

เลขช่อง

องค์กร

ชื่อช่อง

| 27

ลักษณะ

ประเภทรายการทั่วไป ภาพคมชัดสูง

30

บริษัท อสมท จํากัด (มหาชน)

ช่อง 9 เอ็มคอตเอชดี (MCOT HD)

31

บริษัท จีเอ็มเอ็มวัน ทีวี เทรดดิ้ง จํากัด

ช่องวัน (One HD)

32

บริษัท ทริปเปิลวีบรอดคาสต์ จํากัด

ไทยรัฐทีวี (Thairath TV)

33

บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จํากัด

ช่อง 3 เอชดี (Channel 3 HD)

34

บริษัท อมรินทร์เทเลวิชัน จํากัด

อมรินทร์ทีวี เอชดี (AmarinTV HD)

35

บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จํากัด

ช่อง 7 เอชดี (Channel 7 HD)

36

บริษัท บางกอกมีเดียแอนด์บรอดคาสติง จํากัด

พีพีทีวี (PPTV)

ประเภทบริการชุมชน 37-48

ยังไม่ให้ใบอนุญาตบริการ

ยังไม่ออกอากาศ

ใบอนุญาต


ระบบวิทยุโทรทัศน์และภาพยนตร์

| 28

บรรณานุกรม ร่างวิธีประมูลทีวีดิจิทัล. (ระบบออนไลน์). วันสืบค้น 31 พฤษภาคม 2556, แหล่งที่มา http://tvdigital.in.th รู้ทันทีวีดิจิตอล"เสา" ใครคิดว่าไม่สําคัญ? : คอลัมน์ โลกไร้เสา. (ระบบออนไลน์). วันสืบค้น 5 มิถุนายน 2556, แหล่งที่มา http://www.komchadluek.net ศุภางค์ นันตา. (2552). หลักการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์. พิมพ์ครั้งที่ 1. มหาสารคาม : สํานักพิมพ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. สมสุข หินวิมาน และคณะ. (2554). ความรู้เบื้องต้นทางวิทยุและโทรทัศน์. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. สุโขทัยธรรมาธิราช, มหาวิทยาลัย, สาขาวิชานิเทศศาสตร์. (2550). เอกสารการสอนชุดวิชาการสร้างสรรค์รายการโทรทัศน์ หน่วยที่ 1-5. พิมพ์ครั้งที่ 2. นนทบุรี : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สุโขทัยธรรมาธิราช, มหาวิทยาลัย, สาขาวิชานิเทศศาสตร์. (2539). เอกสารการสอนชุดวิชาการสร้างสรรค์และการผลิตภาพยนตร์เบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชวนพิมพ์. สุทิติ ขัตติยะ. (2555). หลักการทางวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร : บริษัท ประยูรวงศ์พริ้นท์ติ้ง จํากัด. อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ. (2556). ภูมิทัศน์สื่อใหม่ : Digital Media ทีวีพันช่อง. พิมพ์ครั้งที่ 1. สมุทรปราการ : บริษัท ดับบลิวพีเอส (ประเทศไทย) จํากัด. อรนุช เลิศจรรยารักษ์. (2544). หลักการเขียนบทโทรทัศน์. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. อุษณีย์ ศิริสุนทรไพบูลย์. (2552). หลักการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ภาพประกอบบางส่วนจาก http://www.ctesat.com http://www.cableaml.com http://www.iptv.3bb.co.th/th/iptv/channel.php http://www.sulit.com http://www.th.wikipedia.org http://www.truevisionstv.com http://www.tvdigital.in.th http://www.tvdigitalthailand.com http://www.visual.merriam-webster.com/communications/communications/broadcast-satellite-communication.php


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.