๑
ปัญหาเรื่องพระปาติโมกข์ ตอนที่ ๑ สิ กขาบท พระบัญญัติมาตราหนึ่งๆ เป็ นสิ กขาบทอันหนึ่งๆ สิ กขาบทนั้นทรงตั้งขึ้นด้วยเป็ นพุทธอาณา ที่ได้แก่อาทิ พรหมจริ ยกาสิ กขาก็มี ทรงตั้งขึ้นด้วยเป็ นอภิสมาจาร คือขนบธรรมเนียม ที่ได้แก่อภิสมาจาริ กาสิ กขาก็มี อย่างก่อนนั้น มาในพระปาติโมกข์
มีพระพุทธานุญาตให้สวดในที่ประชุมสงฆ์ทุกกึ่งเดือน อย่างหลังนั้น
มานอกจากพระปาติโมกข์ เว้นไว้แต่ เสขิยวัตร ซึ่ งมาในพระปาติโมกข์ กระทูน้ ้ ีเป็ นสาคัญควรใส่ ใจ ในหนังสื อนี้จกั ตั้งกระทูน้ ้ ีเป็ นหลัก และจักพรรณนาความตามกระทูน้ ้ ี จานวนแห่งสิ กขาบทมาในพระปาติโมกข์มีพอประมาณ จานวนแห่งสิ กขาบทมานอกพระปาติโมกข์มีมากกว่ามาก จนพ้นความใส่ ใจของผูศ้ ึกษา เรี ยกว่าพ้นคณนาก็ได้ นอกจากนี้ยงั มี ข้อปรับอาบัติอนั พระคันถรจนาจารย์ต้ งั เพิ่มเติมเข้าไว้อีก เรี ยกว่า บาลีมุตตกทุกกฏ สิ กขาบทเหล่านี้ ย่อมปรากฏเห็นเป็ นมากจนฟั่นเฝื อ เหลือที่จะประพฤติให้ครบ ทั้งกาลเทศะก็เข้ามาเป็ นเหตุขดั ขวางด้วย ภิกษุท้ งั หลาย จึงได้หาทางหลีกเลี่ยงบ้าง เลิกเสี ย กล่าวคือ ทนเป็ นอาบัติเอาบ้าง เมื่อเลิกอย่างหนึ่งแล้ว ก็ชวนให้เลิกอย่างอื่นต่อไปอีก แม้ยงั ไม่ถึงเวลา พระศาสดาทรงคานึงเห็นเหตุน้ ีแล้ว เมื่อจะนิพพานได้ประทานพระพุทธานุญาตไว้วา่ ถ้าสงฆ์ปรารถนา ก็จงถอนสิ กขาบทเล็กน้อยได้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าถอนตรงๆ เพราะเกรงจะไม่สม่าเสมอกัน ซ้ าพระธรรมสังคาหกาจารย์ท้ งั หลายห้ามเสี ย เมื่อครั้งทาประถมสังคายนาด้วย แม้อย่างนั้น ภิกษุท้ งั หลายก็ได้ถอนข้อที่ตนเห็นว่าเล็กน้อยเสี ย แต่ได้ถอนโดยทางอ้อม คือไม่ต้ งั ใจรักษา ทนต้องอาบัติเอา ข้าพเจ้าตรองหาอุบายจะเรี ยงพระวินยั แก้ความฟั่นเฝื อของสิ กขาบททั้งหลายเสี ย เพื่อบารุ งความศึกษาและความปฏิบตั ิของภิกษุท้ งั หลายให้ดีข้ ึนมา คานึงถึงท่าน