กนกบรรณสาร (OMF Publishers) 86/122-4 ซ.ทาขาม 28/1 ถ.พระราม 2 เขตบางขุนเทียน กทม. 10150 โทร. 0 2417 2511-3 แฟกซ 0 2417 2510 www.kanokbannasan.org E-mail: orders@kanokbannasan.org จอห์น บันยัน เขียน อรณี ไผทสิทธิ์ ปฎิมา คงสืบชาติ เฮเลน ยังก์ ตรวจ กนกบรรณสาร เรียบเรียง แปล ตอนที 4 - 5
ใ นความฝันนั้น ข้าพเจ้าเห็น คริสเตียน เดินต่อไปด้วยความชื่นชมยินดี จนกระทั่งมาถึงที่ราบแห่งหนึ่ง เขาพบชาย 3 คนนอนหลับอยู่ริมทาง โดยเท้ามีโซ่ตรวนล่ามอยู่ ชายคนแรกชื่อ นายซื่อบื้อ คนที่สองชื่อ นาย เกียจคร้าน และคนที่สามชื่อ นายทะนงตนคริสเตียนตรงเข้าไปปลุกพวกเขา “พวกท่านน่ะเป็นเหมือนคนที่นอนอยู่บนเสากระโดงเรือกลางทะเลตาย ไม่รู้ว่า ความตายจะมาเยือนเมื่อไหร่ ตื่นเถอะ ฉันจะช่วยปลดโซ่ตรวนให้ถ้าท่าน ต้องการ ถ้ามารร้ายซึ่งมาอย่างสิงโตค�ารามพบท่านเข้า ท่านต้องกลายเป็น เหยื่ออันโอชะของมันแน่” ชายทั้งสามงัวเงียลุกขึ้นและมองเขาด้วยสายตา ไม่พอใจ แล้ว นายซื่อบื้อ ตอบว่า “ฉันไม่เห็นว่าจะมีอันตรายอะไรเลย” นาย เกียจคร้านสวนขึ้นมาว่า “ปล่อยให้ฉันหลับต่ออีกหน่อยเถอะ” ส่วนนายทะนงตน พูดขึ้นว่า “ฉันช่วยตัวเองได้ไม่ต้องไหว้วานท่านหรอก” จากนั้นพวกเขาก็ หลับต่อ คริสเตียนจึงผละจากไป ถึงกระนั้น คริสเตียนรู้สึกหนักใจเพราะเขาเหล่านั้นมองไม่เห็นความ ตั้งใจดีและความช่วยเหลือที่ตนหยิบยื่นให้ในภาวะวิกฤตนั้น ทั้งปลุก ทั้งให้ ตอนที่ 4
52 ปริศนาธรรม ค�า แนะน� า ทั้งเสนอความช่วยเหลือให้ก็แล้ว ขณะครุ่นคิดอยู่
2 คนปีนข้ามก�าแพงเข้ามาในทางแคบ และความพยายามตามคริสเตียนไป คนหนึ่งชื่อ นายพิธีนิยม อีกคนชื่อ นายเสแสร้ง เมื่อสองคนนั้นตามมาทัน คริสเตียนก็เปิดฉากสนทนาด้วย คริสเตียน “สหาย ท่านมาจากไหนและจะไปไหน” ชายทั้งสอง “เรามาจากดินแดนแห่งความหยิ่งผยอง และก�าลังจะไป ยังภูเขาศิโยนเพื่อจะได้เกียรติยศชื่อเสียง” คริสเตียน “ท�าไมท่านไม่เข้าทางประตูแคบที่ต้นทางนั่นล่ะ ท่านไม่รู้หรือ มีค�าเขียนว่าผู้ใดที่ไม่เข้าทางประตู แต่ปีนเข้ามาก็เปรียบเหมือนโจรขโมย” ชายทั้งสอง “โถ มันไกลเกินกว่าจะให้ไปเริ่มใหม่ เสียเวลาเปล่าๆ ปีน ก�าแพงลัดเข้ามาดีกว่า” คริสเตียน “แต่นั่นเป็นการบุกรุกเมืองของพระเจ้านะ”
ท�ากันเป็นพันๆ
ชายทั้งสอง “ในเมื่อปฏิบัติติดต่อกันมานมนานนับพันปี ยังจะถือว่า ไม่ถูกต้องตามกฎหมายอีกหรือ มันไม่ส�าคัญหรอกว่าเราจะเข้ามาทางไหน คุณเข้ามาทางประตู ส่วนเราเข้ามาโดยการปีนก�าแพง วิธีการของคุณไม่เห็น จะวิเศษกว่าเราตรงไหน เพราะมันเข้ามาได้เหมือนๆ กันนั่นแหละ” คริสเตียน “ฉันเดินตามกฎกติกาที่เจ้านายตั้งไว้ แต่ท่านมาตามความ นึกคิดของท่านเองและไม่ยอมท�าตามค�าแนะน�าของเจ้านาย ซึ่งจริงๆ แล้ว ก็เปรียบเหมือนโจรหรือขโมยนั่นเอง ฉะนั้น ท่านจะถูกตัดออกโดยไม่ได้รับ ความเมตตาจากผู้เป็นนายเลย” ชายทั้งสองไม่พูดอะไรมาก นอกจากตัดบทว่าไม่ต้องมายุ่งกับเรื่อง ของคนอื่น และยังย�้าว่า เขาทั้งสองได้พยายามปฏิบัติตามกฎหมายกับกติกา เท่าที่จะท�าได้เหมือนคริสเตียนนั่นแหละ ดังนั้นเขาทั้งสองจึงไม่แตกต่างไป
เขาเห็นชาย
ชายทั้งสอง
“อย่าท�าให้ยุ่งยากล�าบากใจเลย
นี่เป็นประเพณีนิยมที่เรา
ปีแล้ว” คริสเตียน “แต่การกระท�าอย่างนี้ไม่ถูกต้องตามกฎหมายมิใช่หรือ”
53 ปริศนาธรรม จากคริสเตียนเท่าไหร่นัก เว้นแต่เสื้อคลุมตัวเดียว ซึ่งพวกเขาคิดว่าเพื่อนบ้าน คงให้คริสเตียนมาเพื่อให้เขาปกปิดร่างกายที่เปลือยเปล่าเท่านั้น คริสเตียน “ท่านจะไม่ได้รับความรอดตามกฎหมายหรอก เพราะว่า ท่านไม่ได้เข้ามาทางประตู และเสื้อคลุมตัวที่ฉันสวมใส่อยู่นี้ได้มาจากความ กรุณาของเจ้าของสถานที่ที่ฉันก�าลังจะเดินทางไปหา ท่านให้มาปกปิดร่างกาย ที่เปลือยเปล่าเพราะก่อนหน้านี้ฉันมีแต่เสื้อผ้าที่เป็นผ้าขี้ริ้ว ฉันแน่ใจว่าเมื่อไป ถึงประตูเมือง เจ้าของสถานที่แห่งนั้นจะรู้จักฉันด้วยเสื้อคลุมตัวนี้พร้อมกับ เครื่องหมายบนหน้าผากของฉัน ซึ่งท่านอาจจะยังไม่ได้สังเกต เครื่องหมายนี้ องคมนตรีของเจ้านายเป็นผู้ประทับตราให้เมื่อวันที่ภาระหนักของฉันหลุดหาย ไปจากบ่า นอกจากนั้น ฉันยังมีหนังสือม้วนที่มีตราประทับอยู่ ซึ่งฉันสามารถ น�ามาอ่านเพื่อปลอบประโลมใจได้ในขณะเดินทาง
เป็นการรับรองการเข้าเมือง
เพราะท่านไม่ได้เข้าไป ทางประตู” ชายทั้งสองมิได้ตอบ นอกจากมองหน้ากันพร้อมกับหัวเราะแล้วเดิน ต่อไป คริสเตียน มุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับร�าพึงร�าพัน บางครั้งทอดถอนใจ บางครั้งรู้สึกมั่นใจ และยังอ่านหนังสือม้วนนั้นไปด้วยเพื่อรับการประเล้า ประโลมใจให้สดชื่น ทั้งสามได้เดินทางมาจนถึง ภูเขาแห่งความยากล�าบาก ที่เชิงเขานั่น มีน�้าพุอยู่และมีทางสองแพร่งแยกออกจากทางที่ตรงมาจากประตู ทางหนึ่ง เลี้ยวไปทางซ้าย อีกทางเลี้ยวไปทางขวา ส่วนทางที่คับแคบตัดตรงไปยัง ภูเขาแห่งความยากล� า บากคริสเตียน เดินไปดื่มน�้ าที่น�้า พุนั้น เพื่อจะได้ สดชื่นขึ้น แล้วเริ่มต้นป่ายปีนเขาพร้อมกับปลุกใจตัวเองว่า แม้ภูเขำสูง ข้ำพเจ้ำจะก้ำวขึ้นไป ควำมยำกล�ำบำกจะไม่เป็นอุปสรรค เพรำะข้ำพเจ้ำมองเห็นทำงแห่งชีวิตอยู่ที่นั่น
พวกเขาบอกฉันว่าต้องส่ง หนังสือนี้คืนเมื่อไปถึงประตู เมืองบรมสุขเกษม
แต่ฉันคิดว่าท่านทั้งสองคงไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้หรอก
ได้เตรียมไว้เพื่อคนเดินทางทั้งหลายจะใช้เป็นร่มเงาพักผ่อนให้สดชื่นขึ้น
คริสเตียน นั่งพักอยู่ที่นั่นด้วยแล้วดึงเอาหนังสือม้วนออกมาอ่านเพื่อหนุนใจ
54 ปริศนาธรรม มำด้วยควำมตั้งใจจริงสิ! อย่ำอ่อนแรง หรือตกใจกลัว จงเดินในทำงที่ถูกต้องแม้จะยำกล�ำบำก ดีกว่ำเดินในทำงที่ง่ำยแต่เป็นหนทำงที่ผิด เพรำะควำมง่ำยนั้นจะน�ำไปถึงซึ่งควำมวิบัติ ชายสองคนนั้นมาถึงเชิงเขาเช่นกัน แต่เมื่อพวกเขาเห็นภูเขาสูงชัน และทางสองแพร่งที่จะไปได้ ก็เหมาเอาว่าทางสองแพร่งนี้จะไปบรรจบกับ ทางที่คริสเตียนก�าลังมุ่งหน้าไปหลังภูเขาสูงชันนั้น พวกเขาจึงตัดสินใจใช้ สองเส้นทางนั้น ทางแรกชื่อว่า ทางอันตราย อีกทางชื่อว่า ทางแห่งการ ท�าลาย คนหนึ่งเลือกทางอันตรายซึ่งน�าเขาไปถึงป่าใหญ่แห่งหนึ่ง ขณะที่อีก คนหนึ่งเลือกทางแห่งการท�าลายซึ่งน�าเขาไปถึงทุ่งกว้างที่มีแต่เขาด�าทะมึน ในที่สุดเขาก็สะดุดพลัดตกลงไปและไม่มีวันลุกขึ้นได้อีก คนทั้งหลำยผู้ซึ่งเริ่มต้นผิดจะถูกต้องในบั้นปลำยได้หรือ แล้วคนเหล่ำนี้จะช่วยเหลือเพื่อนของเขำได้ไหม ไม่ได้หรอก! เพรำะด้วยควำมหัวแข็งของเขำ ในที่สุดพวกเขำจะต้องพบกับควำมสูญเสียอย่ำงไม่ต้องสงสัย ข้าพเจ้าเห็นคริสเตียนปีนป่ายขึ้นเขา จากวิ่งเป็นเดิน จากเดินเป็นคลาน เพราะภูเขาลูกนั้นสูงชันมาก เมื่อมาได้ครึ่งทางก็พบต้นไม้ใหญ่ซึ่งเจ้าของ
ความชื่นชมยินดี ในที่สุดเขาเผลอหลับไป ตอนแรกครึ่งหลับครึ่งตื่นสักพัก ก็หลับสนิทจนหนังสือม้วนหล่นจากมือของเขา จนกระทั่งเกือบมืดค�่ามีชาย คนหนึ่งมาปลุกแล้วบอกว่า “ไปดูมดซิ! เจ้าคนขี้เกียจ จงพิจารณาดูทาง ของมันแล้วจงฉลาดขึ้น” ทันใดนั้นคริสเตียนตื่นขึ้นและรีบเดินทางอย่างรีบเร่ง เพื่อไปให้ถึงยอดเขา
เขายังหวนนึกถึงเสื้อคลุมที่ได้รับขณะที่อยู่ใต้กางเขนนั้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็น
ไม่รู้จะท�าอย่างไรเพราะหนังสือเล่มนั้นเป็นเครื่องปลอบประโลมใจ
เมืองบรมสุขเกษม เขารู้สึกสับสนและไม่รู้จะ ท�าอย่างไร ในที่สุดเขาจ�าได้ว่าเขาหลับไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่
55 ปริศนาธรรม เมื่อมาถึงยอดเขาแล้ว มีชาย 2 คนวิ่งตรงมายัง คริสเตียน ด้วย ความเร็วสูง คนหนึ่งมีชื่อว่า นายขี้ขลาด อีกคนหนึ่งชื่อว่า นายสงสัย คริสเตียน “เกิดอะไรขึ้นหรือท่าน ท่านก�าลังวิ่งผิดทางนะ” นายขี้ขลาด “เราก�าลังเดินทางไปยังเมืองศิโยน จนมาถึงที่ยากล�าบาก แห่งนี้ แต่ว่ายิ่งเดินไปข้างหน้าก็ยิ่งพบแต่อันตราย ดังนั้นเราจึงหันหลังกลับ” นายสงสัย “ใช่ ตรงทางข้างหน้านั้นเราพบสิงโต 2 ตัวนอนอยู่ ไม่รู้ ว่าหลับหรือตื่น แต่เชื่อว่าถ้าหากเฉียดเข้าไปใกล้ มันคงต้องฉีกเราออกเป็น ชิ้นๆ แน่” คริสเตียน “สิ่งที่ท่านบอกนั้นมันน่าตกใจแต่ฉันจะหนีไปไหนดีล่ะ เพราะถ้ากลับไปถิ่นเดิมจะต้องพบกับไฟและก�ามะถัน และจะต้องสูญสลายไป ถ้าหากฉันสามารถไปถึง
ฉันแน่ใจว่าจะปลอดภัยกว่า ฉันต้องเดินหน้าต่อไปโดยยอมเสี่ยงและผจญภัย
ฉะนั้น ฉันจะเดินหน้าต่อไป” นายขี้ขลาด และ นายสงสัย วิ่งลงเขาหายลับไป ส่วน คริสเตียน ยังคง มุ่งหน้าเดินทางต่อไป แต่เมื่อคริสเตียนหวนคิดถึงค�าพูดของชาย 2 คนนั้น เขาก็ล้วงเอาหนังสือม้วนขึ้นมาเพื่ออ่านหนุนใจ ทว่ามันหายไป เขารู้สึก ร้อนใจมาก
ที่ดี อีกทั้งยังเป็นใบเบิกทางเข้าสู่
ภูเขาแห่งความ ยากล�าบาก หนังสือคงตกอยู่บริเวณนั้น เขาคุกเข่าลงแล้วขอพระเจ้าอภัยใน ความโง่เขลาแล้วกลับไปตามหาหนังสือเล่มนั้น ตลอดทางเขาทุกข์ระทมมาก ทอดถอนใจสลับกับร้องไห้ พลางต� า หนิตัวเองว่าโง่เง่าเผลอหลับในร่มเงา แห่งการพักผ่อนได้ยังไง พร้อมทั้งกวาดสายตาสอดส่ายหาอย่างไม่ลดละ หวังว่าจะเจอม้วนหนังสือซึ่งได้ให้ค�าหนุนใจแก่เขาหลายครั้ง เมื่อเขาเห็น ต้นไม้ใหญ่แต่ไกล เขาก็คร�่าครวญต่ออีกว่า “โอ... ท�าไมฉันจึงเลวอย่างนี้
เมืองบรมสุขเกษม
กลับไปมีแต่ตายกับตาย อย่างเดียว ข้างหน้าแม้ต้องเสี่ยงกับความตายแต่มีชีวิตนิรันดร์อยู่ที่ปลายทาง
เล่มนั้น แล้วเขาเดินทางต่อไปด้วยความชื่นชมยินดีและความตื้นตันใจจน
56 ปริศนาธรรม หลับทั้งที่ยังเป็นตอนกลางวันแสกๆ
เนื้อหนังเลย
ชั่วคราวเท่านั้น
โดยใช่เหตุ (สิ่งนี้เคยเกิดขึ้นกับอิสราเอลมาแล้วเนื่องจากความผิดบาป เขาทั้งหลายต้องหวนกลับมายังทะเลแดงอีก) ตอนนี้ฉันต้องเดินตามทางนี้ ด้วยความเศร้าโศก แทนที่จะได้ความชื่นบาน ฉันต้องเดินทางมากขึ้นอีก 3 เท่า แทนที่จะเป็นแค่หนเดียว แล้วนี่จวนจะมืดค�่าแล้ว ถ้าไม่เผลอหลับไปก็คง จะดีไม่น้อย!” พอมาถึงต้นไม้ใหญ่ เขานั่งลงและร้องไห้เสียใจ แต่ในที่สุดพระเจ้า โปรดให้เขามองเห็นหนังสือม้วนตกอยู่ใต้ม้านั่ง เขารีบคว้ามาเก็บไว้ในเสื้อคลุม ดีใจจนสุดจะพรรณนาเพราะหนังสือเล่มนี้เป็นเครื่องยืนยันว่าจะได้เข้า เมืองบรมสุขเกษม
ฉันไม่น่าสนองความปรารถนาของ
แท้ที่จริงแล้ว ที่นี่เป็นที่ที่เตรียมไว้เพื่อพักผ่อนฝ่ายจิตวิญญาณ
ไม่ใช่ที่ส�าหรับหลับนอน ดูซิ! ฉันต้องเสียเวลาเปล่าประโยชน์
สุข คริสเตียนขอบคุณพระเจ้าที่ทรงช่วยให้เขาเจอหนังสือ
น�้าตาซึม
และนี่ เป็นเหตุให้เขาต้องเดินทางฝ่าความมืด ทันใดนั้นเขาหวนคิดถึงเรื่องสิงโตที่ นายขี้ขลาดและนายสงสัยเล่าให้ฟัง เขาร�าพึงกับตัวเองว่า “สัตว์ป่าเหล่านี้ ออกหากินในเวลากลางคืน ถ้าฉันพบมันเข้าจะหลบหนีมันได้อย่างไรล่ะ” ขณะที่ก�าลังคิดถึงภัยอันตรายนั้น เขามองขึ้นไปและเห็นปราสาทสวยงาม ตั้งตระหง่านอยู่ข้างทางนั้น ในความฝันนั้น ข้าพเจ้าเห็น คริสเตียน รีบรุดไปข้างหน้าเพื่อหาที่พัก อาศัยชั่วคราว ไม่นานก็ไปถึงซอกเขาแห่งหนึ่งซึ่งห่างจากป้อมยามของปราสาท ประมาณ 200 เมตร เขากวาดตามองอย่างระแวดระวัง แล้วพบว่าข้างหน้า มีสิงโตอยู่ 2 ตัว เขาคิดว่าคราวนี้เขาเห็นอันตรายอยู่เบื้องหน้าตามที่นายขี้ขลาด และ นายสงสัย บอกไว้ (แท้จริงสิงโตมีโซ่ล่ามอยู่ แต่ คริสเตียน มองไม่เห็น
ก่อนปีนขึ้นเขาอีกครั้งหนึ่ง ดวงอาทิตย์ก็ตก ความมืดท�าให้เขาหวน นึกถึงการหลับใหลที่แสนจะโง่เขลานั้นอีกครั้งด้วยความโศกาอาดูร
จงเดินในทางตรงกลางแล้วท่านจะไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด”
57 ปริศนาธรรม โซ่นั้น) เขารู้สึกหวาดกลัวและคิดจะหันหลังกลับเพราะดูเหมือนว่าข้างหน้านั้น มีความตายรอคอยเขาอยู่ แต่คนเฝ้าประตูผู้มีนามว่านายเฝ้าระวัง พอเห็น คริสเตียนจะหันหลังหนีจึงร้องขึ้นว่า “ก�าลังของท่านไม่พอหรือ อย่ากลัวสิงโตเลย เพราะมันถูกล่ามโซ่อยู่ เหตุที่มีสิงโตอยู่ตรงนั้นก็เพื่อทดสอบความเชื่อของ ผู้เดินทาง
ควำมยำกล�ำบำกอยู่ข้ำงหลัง ควำมหวำดผวำอยู่ข้ำงหน้ำ ถึงแม้ว่ำจะมำถึงภูเขำแล้ว สิงโตยังคงค�ำรำมใส่ คริสเตียนต้องตื่นตัวอยู่เสมอ เมื่อควำมหวำดกลัวอย่ำงหนึ่งหำยไป อีกอย่ำงหนึ่งก็ยังคงตำมมำ ข้าพเจ้าเห็น คริสเตียน เดินไปด้วยอาการสั่นเทา แต่คอยฟังเสียง แนะน�าของคนเฝ้าประตูอย่างระมัดระวัง เขาได้ยินสิงโตค�ารามแต่มันก็ไม่ได้ ท�าร้ายเขา ในที่สุดเขาไปถึงที่หน้าประตูพร้อมกับตบมือดีใจ คริสเตียนถาม คนเฝ้าประตูว่า “บ้านหลังนี้เป็นของใครล่ะท่าน ให้ฉันพักสักคืนหนึ่งได้มั้ย” คนเฝ้าประตูตอบว่า “บ้านนี้เป็นของเจ้าของภูเขาลูกนี้ ท่านสร้างขึ้นเพื่อให้ นักแสวงธรรมได้พักผ่อนอย่างปลอดภัย” แล้วคนเฝ้าประตูถามคริสเตียนว่า มาจากไหนและจะไปไหน คริสเตียน “ฉันมาจากเมืองแห่งความพินาศ และก�าลังจะไปภูเขาศิโยน แต่ตอนนี้ดวงอาทิตย์ตกแล้ว ถ้าเป็นได้คืนนี้ฉันขอพักที่นี่” นายเฝ้าระวัง “คุณเป็นใคร” คริสเตียน “ฉันชื่อ คริสเตียน แต่ก่อนนั้นฉันชื่อว่า ไร้พระคุณ บรรพบุรุษของฉันคือยาเฟท ผู้ซึ่งพระเจ้าให้พ�านักอยู่ในเต๊นท์ของเชม” นายเฝ้าระวัง “ท�าไมคุณมาช้านัก ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว” คริสเตียน “ฉันควรมาได้เร็วกว่านี้ แต่ฉันเป็นคนน่าสมเพชที่เผลอ หลับใต้ร่มไม้ระหว่างทางบนภูเขา เมื่อถึงยอดจึงรู้ว่าหลักฐานการแสดงตัว หายไป ฉันต้องกลับไปหาจนพบเลยท�าให้เสียเวลา แต่ตอนนี้ฉันก็มาอยู่ที่นี่ แล้วพร้อมกับหนังสือแสดงตัว”
58 ปริศนาธรรม นายเฝ้าระวัง “อืม! เราจะเรียกหญิงพรหมจารีคนหนึ่งมาพบคุณ ถ้า เธอพอใจในค�าพูดของคุณ เธอจะพาคุณไปพบคนอื่นๆ ในครอบครัวตามกฎ ของบ้าน” เมื่อนายเฝ้าระวังสั�นกระดิ�ง หญิงสาวสวยท่าทางดุจนางพญาหงส ชื่อ ว่า นางสาว พินิจ เดินออกมาถาม ว่า มีอะไรใ ห้รับใ ช้คะ นายเ ฝ้าระ วัง ตอบ ว่า “ชายผู้น่้ เดินทางมาจาก เมืองแห่งความพินาศ เพื่ อจะไป ภูเขาศิโยน แ ต่เขา เหน็ดเหน่�อย และตอนน่้ก็มืดค�่า แล้วจึงถามฉันว่าคืนน่้ จะขอพักที่น่�ได้ไหม ฉันบอกว่าจะให้เขาพูดคุยกับคุณตามกฎของบ้านก่อน แล้วจะตัดสินว่าจะให้ พักได้หรือไม่” หญิงสาวคนนั้นหันไปถามคริสเตียนว่า “ท่านมาจากไหน จะ ไปไหน มาถึงที่น่�ได้อย่างไร และระหว่างทางพบอะไรบ้างคะ” คริสเตียนตอบ ไปตามความจริง จากนั้นเธอก็ถามชื่อของเขา คริสเตียนตอบว่า “ฉันชื่อคริสเตียน เมื่อทราบว่าบ้านหลังนี้เป็นสถานที่ ที่เจ้าของภูเขาสร้างขึ้นเพื่อให้นักแสวงธรรมพักเหนื่อยอย่างปลอดภัย ฉัน ยิ่งอยากค้างที่นี่มากขึ้น” หญิงคนนั้นยิ้มด้วยน�้าตาพร้อมกับกล่าวว่า “ฉันจะ ให้คุณพบกับอีก 2-3 คนที่อยู่ด้วยกันที่นี่” เธอเชิญ นางสาวสุขุมนางสาวรู้คุณ และนางสาวน�้าใจมาพูดคุยกับคริสเตียนจากนั้นก็พาคริสเตียนเข้าไปในบ้าน มีอีกหลายคนออกมาเขาที่ประตูพร้อมกับพูดว่า “เข้ามาเถิด! ท่านผู้รับพระพรของพระเจ้า บ้านนี้ได้สร้างขึ้นมาเพื่อ นักแสวงธรรมเช่นท่าน” คริสเตียนก้มศีรษะลงค�านับแล้วเดินเข้าบ้าน เมื่อนั่งลงเรียบร้อยแล้ว คริสเตียนรับเครื่องดื่มพร้อมกับพูดคุยในเรื่อง ฝ่ายวิญญาณก่อนจะรับประทานอาหารเย็น เพื่อว่าจะได้ใช้เวลาอย่างมีค่าที่สุด
คนนั้นสนทนากับเขา
เราก็รับท่านเข้ามาแล้ว ให้เราใช้เวลาพูดคุยกับ ท่านถึงเรื่องที่ผ่านมาในระหว่างการเดินทางดีกว่า” คริสเตียน “ฉันยินดีมากเลย” นางสาวรู้คุณ “มีอะไรที่ท�าให้ท่านตัดสินใจเลือกชีวิตการเดินทางแบบนี้”
พวกเขามอบหมายให้หญิง 3
นางสาวรู้คุณ “ไหนๆ
59 ปริศนาธรรม คริสเตียน “อ๋อ ฉันได้ยินข่าวที่น่ากลัวว่า บ้านเกิดเมืองนอนของฉัน จะถูกท�าลายล้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉันจึงหนีออกมา” นางสาวรู้คุณ “แล้วคุณมาทางนี้ได้ยังไงล่ะ” คริสเตียน “ก็เป็นเพราะพระราชกิจของพระเจ้า ฉันไม่รู้ว่าควรไปทางไหน แต่ขณะที่หวาดหวั่นและเศร้าโศกอยู่นั่น ชายที่ชื่อว่า ผู้ประกาศได้มาหาฉัน และแนะน�าให้ฉันไปทางประตูแคบ ซึ่งน�ามาถึงบ้านหลังนี้” นางสาวรู้คุณ “แล้วท่านไม่ได้ผ่านบ้านนักไขปริศนาหรือ” คริสเตียน “ผ่านสิ! ฉันยังจ�าเหตุการณ์ต่างๆ ได้ไม่ลืมเลือน โดยเฉพาะ 3 สิ่งคือ หนึ่ง... แม้ซาตานจะต่อต้าน พระเยซูคริสต์ยังผดุงพระค�าแห่ง ความดีไว้ในจิตใจของเราเสมอ สอง... มนุษย์เป็นคนบาปหนาจนไม่สมควร จะได้รับพระเมตตาจากพระเจ้าเลย สาม... ความฝันเรื่องวันแห่งการ พิพากษา” นางสาวรู้คุณ “ท่านได้ฟังชายคนนั้นเล่าถึงความฝันของเขาหรือ” คริสเตียน “ใช่! มันน่ากลัวทีเดียว และท�าให้ฉันปวดร้าวใจ แต่ฉัน ชื่นใจที่ได้ฟัง” นางสาวรู้คุณ “ทั้งหมดที่ท่านเห็นในบ้านนักไขปริศนามีเพียงเท่านี้ใช่ไหม” คริสเตียน “ไม่ใช่หรอก! นักไขปริศนาพาฉันไปดูปราสาทอันใหญ่โต มโหฬารที่มีคนสวมเสื้อผ้าทองค�า และขณะนั้นมีชายผู้กล้าหาญเข้ามาเพื่อ ที่จะเข้าไปยังสถานที่นั้น เขาฟาดฟันกับเหล่าคนที่สวมเสื้อเกราะป้องกัน และฟันฝ่าจนไปถึงประตู แล้วได้เข้าไปและได้รับสง่าราศีอันเป็นนิรันดร์ ฉันเต็มตื้นไปด้วยความยินดีและอยากจะอยู่ที่นั่นสัก 1 ปี แต่ฉันรู้ว่าฉันต้อง เดินทางต่อไป” นางสาวรู้คุณ “ท่านพบเห็นอะไรอีกมั๊ย!” คริสเตียน “เห็นสิ ฉันได้พบชายคนหนึ่งถูกแขวนอยู่บนต้นไม้ มีเลือดไหล และที่นั่นภาระหนักของฉันก็หล่นหายไป (ฉันได้แบกภาระอันหนักอึ้งบนหลัง มานานแสนนาน) ฉันไม่เคยเห็นปรากฏการณ์นี้มาก่อนเลยจึงอดเพ่งดูไม่ได้
คนที่สามท�าเครื่องหมายไว้บนหน้าผากพร้อมทั้งมอบหนังสือม้วนที่ประทับตรา
แม้แต่ ฉันเองก็เถอะ แต่ตอนนี้สิ่งเหล่านั้นท�าให้ฉันเสียใจเพราะฉันไม่ท�าสิ่งที่ฉัน
ปรารถนาจะท�าแต่กลับท�าสิ่งที่ฉันเกลียดชังนั้น
60 ปริศนาธรรม เวลานั้นเองชาย
ยืนยันว่าความบาปของฉันได้รับการยกโทษแล้ว
ไว้” (แล้วคริสเตียนก็ดึงหนังสือม้วนออกมา) นางสาวรู้คุณ “แต่ท่านเห็นมากกว่านี้มิใช่หรือ” คริสเตียน “สิ่งที่ฉันบอกนั้นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด แต่ฉันก็พบ สิ่งอื่นๆ อีก เช่นพบนายซื่อบื้อ นายเกียจคร้าน และนายทะนงตน พากัน นอนหลับใหลอยู่ข้างทางโดยมีโซ่ตรวนล่ามอยู่ที่เท้าของพวกเขา ฉันไม่ สามารถปลุกเขาให้ลุกขึ้นได้ ฉันยังพบนายพิธีนิยมและนายเสแสร้งปีนข้าม ก�าแพงเข้ามาเพื่อจะเดินทางไปศิโยนแต่ในที่สุดก็หายตัวไป ฉันเองได้เตือน เขาแล้วแต่เขาไม่เชื่อ แต่เหนืออื่นใดฉันพบว่าการปีนภูเขานี้ยากยิ่งกว่า แล้ว
ฉันคงหันกลับไปแล้ว ตอนนี้ฉันขอบพระคุณพระเจ้าที่ฉันมา ถึงที่นี่ได้ และขอบคุณทุกท่านที่ต้อนรับฉันด้วย” จากนั้นนางสาวสุขุมหันมาซักถามคริสเตียนบ้าง นางสาวสุขุม “ท่านไม่เคยคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนเลยหรือ” คริสเตียน “เคยสิ! ฉันเคยคิดและละอายใจด้วย ถ้าฉันอยากกลับจริงๆ ก็คงกลับไปได้ แต่ตอนนี้ฉันอยากแสวงหาที่ที่ดีกว่านั้น นั่นคือแผ่นดินสวรรค์” นางสาวสุขุม “แล้วสิ่งเก่าๆ ในชีวิตเก่าล่ะ ยังติดอยู่บ้างหรือเปล่า” คริสเตียน “ก็ยังมีบ้าง แต่ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น โดยเฉพาะความคิด ฝ่ายเนื้อหนังซึ่งเพื่อนบ้านของฉันต่างหลงมัวเมาอยู่กับสิ่งเหล่านั้น
3 คนเต็มไปด้วยแสงแห่งสง่าราศีได้เดินเข้ามาหาฉัน คนหนึ่ง
อีกคนหนึ่งถอดเสื้อผ้าชุดเก่าที่ ไม่ต่างกับผ้าขี้ริ้วนั้นออกให้ฉัน แล้วมอบเสื้อคลุมที่ปักฉลุตัวสวยนี้แก่ฉัน และ
ยังต้องหาทางเอาตัวรอดจากปากสิงโตมาโดยถ้าไม่มีคนเฝ้าประตูคนนั้นคอย ช่วยบอกทาง
ถ้าเลือกได้นะฉันจะไม่ยอม แม้แต่จะคิดถึงมันอีกเลย” นางสาวสุขุม “แต่บางครั้งท่านก็สามารถเอาชนะสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่หรือ”
61 ปริศนาธรรม คริสเตียน “ใช่! แต่ไม่บ่อยนัก เมื่อท�าได้รู้สึกว่าเยี่ยมจริงๆ” นางสาวสุขุม “ท่านพอจะจ�าวิธีที่เอาชนะสิ่งที่รบกวนใจนั้นได้มั้ย” คริสเตียน “ได้สิ! ก็มองดูที่ไม้กางเขน มองดูเสื้อคลุมตัวนี้ที่ปักฉลุ อย่างสวยงามและอ่านหนังสือม้วนที่ถืออยู่ ตลอดจนคิดถึงสถานที่ที่ก�าลัง จะไป สิ่งเหล่านี้ช่วยฉันได้มากทีเดียว” นางสาวสุขุม “แล้วอะไรท�าให้ท่านกระหายจะไปยังภูเขาศิโยน” คริสเตียน “ก็เพราะฉันหวังที่จะพบพระองค์ผู้ทรงพระชนม์อยู่ที่เคย ถูกตรึงบนไม้กางเขน ฉันเชื่อว่าที่นั่นจะปลดเปลื้องอุปนิสัยที่น่าชิงชังของฉัน ที่นั่นไม่มีความตายและที่นั่นฉันหวังจะได้อยู่กับเพื่อนๆ ที่ฉันพอใจ บอก จริงๆ นะ ฉันรักพระองค์ เพราะว่าพระองค์ท�าให้ภาระหนักของฉันบรรเทา เบาบางลง ฉันเหนื่อยอ่อนกับการป่วยไข้ภายในของฉัน และฉันต้องการอยู่ ในที่ซึ่งไม่ต้องตายอีก อยู่ร่วมกับอีกหลายๆ คนที่ร้องตลอดเวลาว่า ‘บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์’ ” แล้วนางสาวน�้าใจได้ถามคริสเตียนว่า “ท่านมีครอบครัวมั้ย แต่งงาน แล้วหรือยัง” คริสเตียน “ฉันมีภรรยาและลูกอีก 4 คน” นางสาวน�้าใจ “แล้วท�าไมไม่พาพวกเขามาด้วยล่ะ” คริสเตียนร้องไห้แล้วตอบว่า “โอ... ฉันอยากจะพามาด้วยจริงๆ แต่ พวกเขาต่อต้านการแสวงหาสัจธรรมอย่างยิ่ง” นางสาวน�้าใจ “แต่ท่านควรอธิบายให้พวกเขาเข้าใจถึงภัยอันตรายที่ จะเกิดขึ้นถ้าหากยังอยู่ที่นั่นต่อไป” คริสเตียน “ฉันเคยพูดแล้ว นอกจากนั้นยังบอกพวกเขาถึงสิ่งที่ พระเจ้าได้ส� า แดงแก่ฉันเกี่ยวกับการท� า ลายล้างเมืองนั้น แต่พวกเขากลับ เยาะเย้ย และไม่เชื่อ” นางสาวน�้าใจ “แล้วท่านอธิษฐานทูลขอให้พระเจ้าช่วยเหลือพวกเขา ให้เข้าใจค�าแนะน�าของท่านหรือเปล่า”
พวกเขาจึงปล่อยให้ฉันมาตามล�าพัง”
หรือไม่ได้เป็นไปตามค�าพูดของคุณที่พยายามชักชวนให้เขามาทางนี้มั้ง” คริสเตียน “ก็จริงอยู่ ฉันไม่สามารถยกตัวเองขึ้นโอ้อวดได้หรอก เพราะว่าฉันยังพลาดพลั้งและความประพฤติก็ยังไม่ดีพอ
ว่าฉันเองระมัดระวังในการกระท�าที่ไม่เหมาะสม
พระเจ้าหรือท�าผิดต่อเพื่อนบ้าน” นางสาวน�้าใจ “แท้ที่จริงแล้วคาอินก็เกลียดน้องชายของตนเอง
62 ปริศนาธรรม คริสเตียน “ท�าอย่างมากด้วยความรักหมดใจเลย เพราะฉันรักภรรยา และลูกๆ มาก” นางสาวน�้าใจ “ท่านได้บอกพวกเขาถึงความรู้สึกเสียใจของท่านเอง และความกลัวเกี่ยวกับการท�าลายนั้นหรือเปล่า คริสเตียน “บอกสิ! บอกแล้วบอกอีก พวกเขาเองก็เห็นว่าฉันร้องไห้ เสียใจ เห็นว่าฉันหวั่นวิตกและเป็นห่วงกังวลถึงการพิพากษาที่จะมาถึง แต่ สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถท�าให้พวกเขาเปลี่ยนใจและตามฉันมา” นางสาวน�้าใจ “พวกเขาบอกเหตุผลหรือเปล่าว่าท�าไมไม่มาด้วย” คริสเตียน “อืม! บอกสิ ภรรยาของฉันกลัวว่าจะต้องสูญเสียทรัพย์ สมบัติโลก ลูกๆ ของฉันก็สนใจแต่ความสนุกสนานในวัยหนุ่มสาว ด้วยเหตุนี้
นางสาวน�้าใจ
กระนั้นก็ดี ฉันบอกได้
ด้วยเกรงว่าจะท�าให้พวกเขา ไม่พอใจ
พวกเขาหาว่าฉัน ปฏิเสธทุกสิ่งที่พวกเขาไม่เห็นว่ามันจะเลวร้ายตรงไหน สิ่งเดียวในชีวิตฉัน ที่อาจจะเป็นอุปสรรคกับพวกเขาก็คือการที่ฉันกลัวหนักหนาที่จะท�าบาปต่อ
เพราะว่า การงานของเขาชั่วร้าย ในขณะที่น้องชายนั้นชอบธรรม ถ้าหากภรรยาและ ลูกๆ ไม่พอใจท่านเพราะเหตุนี้ พวกเขาก็ไม่พอใจในความดี แล้วท่านก็ไม่มี ความผิดในเรื่องนี้” ในความ ฝัน นั้ น ข้าพเ จ้าเ ห็นพวกเขา พูด คุย กันจนกระ ทั�ง ถึงเวลา อาหารเย็น ที่โต๊ะอาหารนั้นเต็มไปด้วยอาหารนานาชนิดและเหล้าองุ่นอย่างดี
“อาจจะเป็นเพราะว่าเขาสับสนว่าชีวิตของคุณไม่ได้ดูดี
แท้ที่จริงแล้วพวกเขาบอกว่าฉันเคร่งครัดเกินไป
63 ปริศนาธรรม
อันตรายอันใหญ่หลวง เขาทั้งหลายรวมทั้งคริสเตียนบอกว่า ด้วยความรักบริสุทธิ์ พระองค์ต้อง สูญเสียโลหิตมากมาย แต่ได้น� า พระคุณมาถึงทุกคน นอกจากนั้นบางคน กล่าวว่า เขาได้อยู่กับพระองค์และพูดคุยกับพระองค์หลังจากพระองค์ สิ้นพระชนม์ที่กางเขน และยังยืนยันว่า ความรักของพระองค์ที่ไม่อาจหาได้ ตั้งแต่ทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตกนั้น มีมาถึงบรรดาผู้แสวงธรรมทุกคน เขาทั้งหลายยกตัวอย่างว่า พระองค์ได้ละทิ้งสง่าราศีของพระองค์เอง เพื่อคนบาปทั้งหลาย และพระองค์บอกว่าพระองค์จะไม่พ�านักอยู่ที่ภูเขาศิโยน แต่เพียงล�าพัง พระองค์ยังได้ท�าให้คนยากจนข้นแค้นกลับกลายเป็นเจ้าชายที่ สมเกียรติ
แล้ว ทุกคนเข้านอน
ทิศตะวันออก ห้องนี้มีชื่อว่า ห้องสันติสุข คริสเตียนนอนหลับจนรุ่นเช้า เขา ตื่นขึ้นพร้อมกับร้องเพลงว่า ตอนนี้ฉันอยู่ที่ใด! นี่คือควำมรักและควำมห่วงใย ของพระเยซูที่มีต่อนักแสวงธรรมหรือเปล่ำ! เพรำะ ณ ที่นี่ฉันได้รับกำรยกโทษบำป และได้ลิ้มรสแผ่นดินสวรรค์ เมื่อทุกคนตื่นขึ้นในตอนเช้า พวกเขาพาคริสเตียนชมห้องต่างๆ ใน ปราสาทหลังนั้นห้องแรกเป็นห้องสมุดที่มีหนังสือเก่าแก่มากมาย สิ่งแรก ที่พวกเขาเปิดให้ดูคือล�าดับพงศ์พันธุ์ของผู้เป็นเจ้าของภูเขานี้ ซึ่งเป็นบุตร ของผู้ที่ด�ารงอยู่แต่ดึกด�าบรรพ์ ทั้งหมดที่พระองค์กระท�านั้นบันทึกไว้อย่าง ละเอียด รวมทั้งรายชื่อของคนหลายร้อยคนที่รับใช้พระองค์ และคนเหล่านั้น ได้อาศัยอยู่ในที่ซึ่งเวลาหรือความตายไม่อาจท�าลายได้
ทุกคนต่างกล่าวขวัญถึงเจ้าของภูเขาแห่งนี้ สิ่งที่พระองค์กระท�า และความ เป็นมาของการสร้างบ้านหลังนี้ขึ้น ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ว่าพระองค์เป็นนักรบ ที่ยิ่งใหญ่ ได้ต่อสู้และฆ่าพญามารผู้ซึ่งเป็นเจ้าแห่งความตายโดยฝ่าฟัน
พวกเขาได้พูดคุยกันจนดึก หลังจากอธิษฐานขอให้พระเจ้าคุ้มครอง
คริสเตียน นอนอยู่ที่ห้องชั้นบนซึ่งมีหน้าต่างหันไปสู่
ท้องฟ้า และเพียงพอส�าหรับทุกคนที่ผ่านมาใช้บริการเพื่อรับใช้พระเจ้า
64 ปริศนาธรรม พวกเขาอ่านถึงสิ่งที่พวกผู้รับใช้พระองค์ได้กระท�าซึ่งมีค่าอย่างยิ่ง เช่น “การที่เขามีชัยเหนืออาณาจักรต่างๆ ได้ตั้งระบบความยุติธรรม ได้รับผลของ พันธสัญญา ได้ปิดปากสิงห์ ได้ดับไฟที่ไหม้อย่างรุนแรง
จนศัตรูต้องแตกพ่ายไป ความอ่อนแอ ของคนเหล่านั้นกลับเป็นความเข็มแข็ง” จากนั้นเขาอ่านบันทึกอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งบรรยายว่าพระเจ้ายินดีที่จะ ต้อนรับทุกคนแม้ว่าในอดีตเขาจะเคยต่อต้านพระองค์ก็ตาม คริสเตียนยังได้ เห็นสิ่งต่างๆ ที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ทั้งในยุคเก่าและยุคปัจจุบัน พร้อม กับอนาคตที่ผู้พยากรณ์ท�านายไว้ซึ่งจะท�าให้ศัตรูหวาดกลัว แต่ขณะเดียวกัน ก็หนุนใจบรรดานักแสวงธรรมด้วย รุ่งขึ้นก็พาคริสเตียนไปที่คลังอาวุธ ซึ่งมียุทโธปกรณ์มากมายส�าหรับ นักแสวงธรรม เช่น ดาบ โล่ หมวกเหล็ก เกราะป้องกันตัว วิธีการอธิษฐาน ทุกชนิด และรองเท้าซึ่งไม่มีการผุพัง อาวุธเหล่านี้มีมากมายดุจดวงดาวใน
พวกเขายังพา คริสเตียน ไปชมอุปกรณ์ที่คนของพระเจ้าได้ใช้ท� า การ อัศจรรย์หลายอย่าง เช่น ไม้เท้าของโมเลส ตะปูและค้อนที่ ยาเอล ใช้ฆ่า สิเสรา เหยือกน�้า แตร และตะเกียงที่กิเดโอนใช้ต่อสู้กับพวกมีเดียน ประตัก ที่ใช้บังคับวัวซึ่งชัมการ์ใช้ฆ่าชาย 600 คน กระดูกขากรรไกรที่แซมสันใช้ ลวดสลิงและก้อนหินที่ดาวิดใช้ฆ่าโกลิอัท และดาบที่พระเจ้าจะใช้ฆ่าปฏิปักษ์ พระคริสต์ นอกเหนือจากสิ่งเหล่านี้พวกเขายังให้ คริสเตียน ดูสิ่งดีๆ อีก มากมาย ท�าให้คริสเตียนพึงพอใจอย่างยิ่ง กระทั่งถึงเวลานอน รุ่งเช้า คริสเตียนตั้งใจเดินทางต่อไป แต่ทว่าพวกเขาต้องการให้อยู่ต่อ อีก 1 วัน พวกเขาบอกว่า “ถ้าอากาศดีแล้ว เราจะพาท่านชมภูเขาเกษมสันต์ ซึ่งจะท�าให้ท่านสบายใจขึ้น เพราะมันเป็นเครื่องบ่งบอกว่าใกล้ถึงจุดหมาย ปลายทางแล้ว” คริสเตียนจึงยอมอยู่ต่อไปอีก เช้าต่อมา เขาทั้งหลายพาคริสเตียนไปยังดาดฟ้า และเมื่อมองไปทาง ทิศใต้ คริสเตียนเห็นภูเขาสวยงามแต่ไกลๆ ที่มีป่าทึบ สวนองุ่น ผลไม้และ
ได้พ้นจากคมดาบ ได้สู้รบอย่างทะนงองอาจและกล้าหาญ
65 ปริศนาธรรม ดอกไม้หลากหลายชนิด น�้าพุ น�้าตกที่งดงาม บริเวณนั้นคือแผ่นดินอิมมานูเอล ซึ่งเป็นของนักแสวงธรรมทุกคน เขาทั้งหลายบอกว่าถ้าคริสเตียนไปถึงที่นั่น จะสามารถเห็นประตูเมืองบรมสุขเกษม คริสเตียนคิดว่าควรจะออกจากที่นั่นได้แล้ว แต่เขาเหล่านั้นยังอยาก พาเขาไปที่คลังอาวุธอีก เพื่อมอบยุทธภัณฑ์ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าให้ไปใช้ ถ้าพบคนพาลระหว่างทางเขาจะไม่ถูกท�าร้าย เมื่อมาถึงประตู คริสเตียนถาม นายเฝ้าระวังว่ามีนักแสวงธรรมคนอื่นผ่านไปบ้างหรือไม่ เขาตอบว่ามีคนหนึ่ง ชื่อ นายสัตย์ซื่อ คริสเตียน “อ้อ ฉันรู้จักเขาดี เขามาจากถิ่นที่ฉันเกิด และเป็นเพื่อนบ้าน ของฉันเอง เขาไปไกลแล้วหรือยัง” นายเฝ้าระวัง “ตอนนี้เขาคงไปถึงเชิงเขาแล้วล่ะ” คริสเตียน “อืม! คุณช่วยฉันมากทีเดียว ขอพระเจ้าสถิตและอวยพระพร คุณที่ได้กรุณาต่อฉันมาก” คริสเตียน คิดจะเดินทางต่อไป ทว่า นางสาวพินิจ นางสาวน�้ าใจ นางสาวรู้คุณ และนางสาวสุขุม ต้องการจะเดินไปส่งถึงเชิงเขา พวกเขาจึงเดิน คุยกันไปในหลายเรื่อง ขณะก�าลังจะลงเขานั้น คริสเตียนพูดขึ้นว่า “ทางลงเขา นี่อันตรายไม่แพ้ตอนปีนขึ้นมาเลยนะ” “ใช่” นางสาวสุขุมตอบ “ส�าหรับมนุษย์แล้ว การไปสู่หุบเขาแห่งความ ถ่อมใจโดยไม่ให้พลาดหรือเลื่อนไถลอย่างที่คุณเดินอยู่นี้ท�าได้ยากมาก เรา จึงเดินมาเป็นเพื่อนไงล่ะ” คริสเตียน เริ่มไต่ลงอย่างระมัดระวัง กระนั้นเขา ยังลื่นล้ม 2-3 ครั้ง ในความฝันนั้น ข้าพเจ้าเห็นคริสเตียนลงมาถึงเชิงเขา เพื่อนที่แสนดี เหล่านั้นได้ให้ขนมปัง 1 ก้อน ไวน์ 1 ขวด และลูกเกดอีก 1 ห่อ จากนั้น คริสเตียนก็มุ่งหน้าเดินต่อไปตามทางของเขา
คริสเตียนได้รับก�าลังฝ่ายวิญญาณจาก“การกินเนื้อและดื่มโลหิตของพระองค์”
บทน�ำสู่ตอนต่อไป เ มื่อคริสเตียนมาถึงหุบเขาแห่งความถ่อมใจ เขากินอาหารที่ นางสาวสุขุม นางสาวรู้คุณ นางสาวน�้าใจ และนางสาวพินิจให้มา เขาจะกินอาหารนี้ อีกครั้งหลังจากที่เขาเอาชนะ อปอลลิโยน ได้แล้ว ขนมปังและเหล้าองุ่น ท�าให้เราระลึกถึงพิธีมหาสนิทซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความตายของพระเยซู
การเดินทางในตอนนี้ คริสเตียนต้องเผชิญหน้ากับ อปอลลิโยน หรือ
(วิวรณ์
ซึ่งเป็นศัตรูดั้งเดิมตัวที่สาม ศัตรูทั้งหมดได้แก่ โลก เนื้อหนัง และมารซาตาน คริสเตียนพบกับศัตรูตัวแรก (คือโลก) ที่ ภูเขาแห่งความยากล�าบาก พบศัตรูตัวที่สอง (คือเนื้อหนัง) เมื่อเขานอนอยู่ ที่ใต้ร่มไม้ตรงเนินเขา และตอนนี้เขาต้องสู้กับซาตานศัตรูตัวที่สาม ในตอนนี้ เขาต้องเข้าไปในหุบเขาเงาความตาย มันไม่ใช่ความตาย จริงๆ แต่เป็นประสบการณ์แห่งความกลัวและความสยดสยองที่ คริสเตียน ต้องประสบพบเจอบ้างในบางครั้ง หนทางสู่ เมืองบรมสุขเกษม มักน�า พา คริสเตียนไปสู่หุบเขาอุปสรรคบ่อยๆ
“ผู้ท�าลาย”
9.11)
ณหุบเขาแห่งความถ่อมใจ คริสเตียนผู้น่าสงสารต้องเผชิญกับอุปสรรค ครั้งใหญ่ พอเขาเดินทางไปได้ไม่เท่าไรก็เจอมารชื่อ อปอลลิโยน เดินข้ามทุ่งมาหาเขา คริสเตียน เริ่มกลัวและคิดหนักว่าจะกลับหรือยืนหยัด สู้ต่อไปดี แต่เขาตระหนักว่าข้างหลังของเขาไม่มีเกราะป้องกัน ฉะนั้นถ้า หันหลังกลับ อปอลลิโยนอาจเอาหลาวแทงเขาข้างหลังได้ เขาจึงตัดสินใจ ปักหลักสู้มันและคิดในใจว่า “ถ้าสู้อาจจะรอด แต่ถ้าหนีตายลูกเดียว” อปอลลิโยนมาถึงตัวคริสเตียน มันแปลงตัวมาอย่างน่าขนพองสยองเกล้า โดยมีครีบเหมือนปลา (นั่นคือความหยิ่งของมัน) มีปีกเหมือนมังกร มีเท้า เหมือนหมี และปากเหมือนสิงห์ นอกจากนั้นมีไฟและควันพวยพุ่งออกมา จากท้องด้วย มันมองดูคริสเตียนด้วยสายตาเหยียดหยาม และแผดเสียงถาม อปอลลิโยน “เฮ้ย! แกมาจากไหน และจะไปไหน” คริสเตียน “ฉันมาจาก เมืองแห่งความพินาศ ซึ่งเต็มไปด้วยความ ชั่วร้าย และก�าลังจะไปเมืองศิโยน” อปอลลิโยน “ถ้างั้นเจ้าก็เป็นคนของข้าน่ะสิเพราะทุกเมืองเป็นของข้า ข้าเป็นเทพแห่งศักดิเทพ เจ้าหนีจากเทพารักษ์ของเจ้ามาได้ยังไงกัน ถ้าเจ้า ไม่ปรนนิบัติข้าต่อไป ข้าจะเป่าเจ้าให้หายวับไปในพริบตานี้แหละ” ตอนที่ 5
อปอลลิโยน “เจ้ายังทรยศข้าได้นี่ ถ้าเจ้ากลับมาหาข้าซะตั้งแต่ตอนนี้ ข้าจะไม่ถือสาเรื่องที่เจ้าทรยศนั้น”
คริสเตียน “ที่ฉันเคยสัญญาเป็นทาสของท่านนั้นก็เพราะฉันไร้เดียงสา
ฉันรู้ดีกษัตริย์ที่ปกครองตัวฉันอยู่ตอนนี้สามารถปลดเปลื้อง ความบาปให้ฉันได้และให้อภัยโทษแก่ฉันในสิ่งที่ฉันเคยล่วงเกินต่อท่าน
68 ปริศนาธรรม
นั่นคือพัฒนาตัวเองไงล่ะ” อปอลลิโยน “ไม่มีกษัตริย์องค์ไหนเห็นว่าการที่พลเมืองของตนหนีไป เป็นเรื่องเล็กน้อยหรอก ข้าเองก็ไม่อยากเสียเจ้าไป ที่เจ้าบ่นเรื่องงานหนัก และค่าจ้างไม่เหมาะสมนั้น ถ้าเจ้ายอมกลับไปข้าสัญญาว่าจะให้ทุกอย่างที่ เมืองเราสามารถหามาให้เจ้าได้” คริสเตียน “แต่ฉัน... ถวายตัวฉันให้กับกษัตริย์ทั้งปวงแล้ว ฉันจะกลับ ไปกับท่านอีกได้ยังไงกัน” อปอลลิโยน “เจ้าก�าลังท�าตัวเหมือนกับหนีเสือปะจระเข้รู้มั้ย มีบางคน วิ่งไปหาผู้ที่เจ้าบอก แต่ท้ายที่สุด
กลับมากับข้าดีๆ ทุกอย่างจะเรียบร้อย” คริสเตียน “ฉันศรัทธาและให้สัตย์ปฏิญาณกับพระองค์แล้ว ฉันจะหัน หลังกลับและอยู่อย่างคนทรยศได้อย่างไร”
คริสเตียน “จริงๆ ฉันเกิดในอาณาจักรของท่านน่ะแหละ แต่งาน มันหนักและค่าจ้างของท่านก็ไม่มีใครทนได้ เพราะค่าจ้างของความบาปคือ ความตาย ดังนั้น เมื่อฉันโตขึ้น ฉันจึงท�าเหมือนคนที่มีความคิดเขาท�ากัน
พวกเขาก็ย้อนกลับมาหาข้าอีก
ถ้าเจ้ายอม
และ นอกจากนี้ ท่านอปอลลิโยนแห่งการท�าลายครับ พูดจริงๆ นะ ฉันชอบงาน ค่าจ้าง ข้าราชการ รัฐบาล เพื่อนฝูงและประเทศของพระองค์มากกว่า ฉะนั้น เลิก ชักชวนฉันเสียที ฉันเป็นผู้รับใช้ของพระองค์และจะติดตามพระองค์ตลอดไป” “เอาเถอะ ให้เจ้าสงบสติอารมณ์สักพัก แล้วค่อยคิดถึงสิ่งที่เจ้าจะต้อง เผชิญในวันข้างหน้า เจ้ารู้มั้ย คนที่ติดตามกษัตริย์องค์นั้นน่ะมักมีจุดจบที่น่า อนาถเสมอ เพราะพวกเขาต่อต้านข้าและวิถีทางของข้า พวกเขากี่คนแล้วที่
ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี
ความล้มเหลวเหล่านี้นะเกิดขึ้นในบ้านเมืองของท่านเองนั่นแหละ
69 ปริศนาธรรม ต้องตายอย่างน่าสมเพช เจ้าบอกว่างานของเขาดีกว่าของข้ารึ แต่เวลาที่คน พวกนั้นต้องตายอย่างอเนจอนาถ ท�าไมกษัตริย์ที่ว่าถึงไม่มาช่วยล่ะ ส่วนข้า ข้าช่วยคนของข้าด้วยอ�านาจและเล่ห์กลไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว ใครๆ เขาก็ รู้กันทั้งนั้นแหละ และข้าจะช่วยเจ้าด้วย “ตอนนี้ พระองค์ไม่ประสงค์จะช่วยให้พวกเขารอด เพื่อพิสูจน์ให้เห็น ว่าคนเหล่านั้นสัตย์ซื่อจนวาระสุดท้าย และความตายอย่างน่าสมเพชที่ท่าน พูดถึงนั้น พวกเขาถือว่าเป็นศักดิ์ศรี พวกเขาไม่คาดหวังว่าพระองค์จะมา ช่วยเดี่ยวนี้หรอกเพราะพวกเขารอคอยศักดิ์ศรีที่จะมาถึงเมื่อพระองค์เสด็จ กลับมาด้วยรัศมีภาพพร้อมกับทูตสวรรค์ของพระองค์” “เจ้าเองก็ทรยศต่อเขาแล้วนี่ เจ้ารู้ได้ยังไงว่ากษัตริย์จะจ่ายค่าจ้างให้เจ้า” “เอ ฉันทรยศเมื่อไหร่กัน ท่านอปอลลิโยน” “ก็ตอนออกเดินทางมาใหม่ๆ เจ้าหมดก� า ลังใจ ตอนที่ตกลงไปใน บ่อโคลนแห่งความท้อแท้ใจไงล่ะ แล้วเจ้าก็พยายามหาทางปลดเปลื้องภาระ หนักของเจ้าออกโดยวิธีการที่ผิดแทนที่จะรอกษัตริย์ของเจ้ามาปลดให้ เจ้า ขี้เซาและเผลอหลับไปจนท�าม้วนหนังสือหล่นหายด้วย เจ้าเกือบจะหันหลัง กลับเมื่อพบสิงโต และเมื่อเจ้าพูดถึงสิ่งที่เจ้าได้ยิน ได้เห็นในระหว่างการเดินทาง จริงๆ แล้วเจ้าท�าเพื่ออวดและยกย่องตัวเองเท่านั้นแหละ” “สิ่งที่ท่านพูดก็ถูก แต่ที่ท่านไม่ได้พูดก็มีอีกเยอะ อย่างไรก็ตาม กษัตริย์องค์ที่ฉันรับใช้และเทิดทูนกอปรด้วยความเมตตาและพร้อมจะให้อภัย นอกจากนั้น
ฉันเสียใจและคร�่าครวญอยากจะหลุดพ้นจากสิ่งเหล่านั้น ฉันได้สารภาพผิดและ ขออภัยโทษจากกษัตริย์ของฉันแล้ว” แล้วอปอลลิโยนโพล่งออกมาว่า “ข้าเป็นศัตรูของกษัตริย์ของเจ้า ข้า เกลียดเขา เกลียดชังกฎหมายและคนของเขา ที่ข้ามาก็เพื่อต่อสู้กับเจ้า” คริสเตียน “ อปอลลิโยน ระวังการกระท�าของท่านหน่อย ฉันก�าลังอยู่ ในทางหลวงของกษัตริย์ เป็นทางที่บริสุทธิ์ ดังนั้น ขอท่านจงระวังตัวด้วย”
70 ปริศนาธรรม จากนั้น อปอลลิโยนไปยืนจังก้าขวางทางไว้ แล้วพูดว่า “ข้าไม่กลัว เตรียมตัวตายเถอะ ข้าขอสาบานสุดก�าลังของข้าว่าเจ้าจะไม่มีวันได้เดินทาง ต่อไปแม้แต่ก้าวเดียว ข้าจะฆ่าเจ้าตรงนี้แหละ” อปอลลิโยน พุ่งหลาวใส่หน้าอกของ คริสเตียน แต่ คริสเตียน ถือโล่ อยู่ในมือจึงป้องกันตัวได้ แล้ว คริสเตียน ก็ตั้งหลักรอจังหวะช่องทางว่าควรจะท� า อย่างไรต่อไป อปอลลิโยน ก้าวเข้ามา แล้วพุ่งหลาวเข้าใส่ คริสเตียน อีก คริสเตียน ตั้งรับ อย่างแข็งขัน แต่ก็บาดเจ็บที่ศีรษะมือและเท้าบ้าง นี่ท� า ให้ คริสเตียน เริ่ม ตอบโต้กลับ อปอลลิโยน ยังจู่โจมไม่หยุดยั้งและคริสเตียนเริ่มมีใจกล้าขึ้น ทั้งรับทั้งรุกต่อไปอย่างสุดก�าลัง พวกเขาต่อสู้กันอยู่ครึ่งวัน จนกระทั่งคริสเตียน เกือบจะหมดแรงเพราะบาดแผลของคริสเตียนท�าให้เขาอ่อนล้าลงเรื่อยๆ อปอลลิโยนฉวยโอกาสเข้าประชิดตัวและปล�้าสู้กับเขา ท�าให้คริสเตียน ล้มลงและดาบหลุดออกจากมือ อปอลลิโยนได้ทีร้องขึ้นว่า “เจ้าเสร็จข้าแน่” คริสเตียน เริ่มหมดหวังขณะที่ อปอลลิโยน เตรียมจะปลิดชีวิตเขา คริสเตียน รวบรวมก�าลังเฮือกสุดท้ายคว้าดาบของเขาขึ้นมาแล้วตะโกนว่า “ศัตรูของข้าเอ๋ย อย่าเปรมปรีดิ์เย้ยข้าเลย เมื่อข้าล้มลงข้าจะลุกขึ้นอีก” คริสเตียนจ้วงแทง อปอลลิโยนเต็มรักจนมันต้องถอยกรูด เพราะได้รับบาดแผลฉกรรจ์ เมื่อ คริสเตียนเห็นดังนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “เรามีชัยเหลือล้นโดยพระองค์ผู้ทรงรัก เราทั้งหลาย”
และคริสเตียน
ตราบใดที่คุณไม่เห็นและไม่ได้ยินอย่างข้าพเจ้า... คงไม่มีทางนึกวาดภาพ การต่อสู้นั้นออกแน่นอน การรบครั้งนั้นเป็นภาพที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่ ข้าพเจ้าเคยเห็นมา อปอลลิโยนตะโกนก้องและค�ารามดังสนั่นเหมือนมังกร คริสเตียนได้แต่ถอนหายใจและครวญคราง แต่ในที่สุดเขาก็ได้ชัยชนะด้วย ดาบสองคม ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นเขาแสดงอาการปลาบปลื้มดีใจเหมือนครั้งนี้ เขายิ้มและเงยหน้าขึ้นฟ้า
อปอลลิโยนจึงกางปีกมังกรของมันแล้วหนีไป
ที่ไม่เห็นหน้ามันอีกเลย
จากนั้นเขานั่งกินขนมปังและดื่มเหล้าองุ่นที่ได้รับมาจากเพื่อน แสนดีเหล่านั้น เมื่อเขาชุ่มชื่นขึ้นอีกครั้งก็เริ่มเดินทางต่อโดยกระชับดาบไว้
71 ปริศนาธรรม ไม่มีกำรรบใดเทียบครั้งนี้ คริสเตียนมีศึกกับทูตชั่วร้ำย เขำสู้อย่ำงกล้ำหำญไม่กลัวตำย มังกรอำยหนีรำบเป็นหน้ำกลอง ดังนั้น เมื่อการสู้รบจบลง คริสเตียน จึงอธิษฐานว่า “ข้าพระองค์ ขอบพระคุณพระเจ้า ผู้ได้ทรงประทานก� า ลังให้ข้าพระองค์รอดพ้นจาก อปอลลิโยน” และร้องว่า เจ้ำมำรร้ำยเบเอเซบูล มัน... ผู้คิดก�ำจัดข้ำ จึงส่งสมุนคู่ใจมำบีฑำ ท�ำร้ำยข้ำด้วยศำตรำพิษร้ำยแรง พระเจ้ำส่งมิคำเอลผู้เข้มแข็ง ช่วยอีกแรงข้ำพ้นดังมุ่งหมำย ด้วยดำบนั้นเจ้ำมังกรเกือบจะตำย ข้ำถวำยค�ำขอบคุณและสรรเสริญแด่พระองค์ แล้วต่อมามีมือยื่นลงมาจากสวรรค์ น�าใบไม้จากต้นไม้แห่งชีวิตส่งให้ คริสเตียนคริสเตียนรับมารักษาแผลจากการต่อสู้ และบาดแผลเหล่านั้นก็ หายทันที
ในมือ เพราะเกรงว่า “บางทีอาจมีศัตรูมาจู่โจมอีก” แต่ตลอดทางในหุบเขา แห่งนั้น อปอลลิโยนไม่ได้ย้อนกลับมาโจมตีเขาอีกเลย ถัดจากหุบเขาแห่งนั้น เป็นหุบเงาความตาย และคริสเตียนจ�าต้องใช้ เส้นทางนี้เพราะเป็นทางผ่านไปยัง เมืองบรมสุขเกษม อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หุบเขาแห่งนี้เป็นที่วังเวงและเปลี่ยวมาก ดังที่เยเรมีย์พรรณนาไว้ว่า “เป็น ถิ่นทุรกันดาร ดินแดนแห่งทะเลทรายและหลุมกับดัก ดินแดนแห่งความ
อย่างแสนสาหัส และเหน่อหุบเขาก็มีแต่กลุ่มเมฆแห่งความสับสนด�าทะมึน ปกคลุมอยู่ ความตายแผ่ปีกของมันออกมาเสมอ สรุปแล้วมันน่ากลัวไปหมด เลยล่ะ คริสเตียน “จากที่คุณเล่ามา
72 ปริศนาธรรม แห้งแล้ง ดินแดนแห่งเงาความตาย
ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ได้
คริสเตียน)” ในตอนต่อไป คริสเตียนต้องเผชิญกับความเลวร้ายยิ่งกว่าการต่อสู้กับ อปอลลิโยนเสียอีก ในความฝันของข้าพเจ้านั้น เมื่อเขามาถึงชายแดนของ หุบเขาเงา ความตาย เขาได้พบชาย 2 คน ซึ่งเป็นลูกหลานของผู้สอดแนมที่น�าข่าวร้าย มาจากดินแดนพระสัญญา พวกเขาเดินสวนทางกับ คริสเตียน อย่างรีบร้อน คริสเตียนเอ่ยถามพวกเขาว่า คริสเตียน “ท่านจะไปไหนกัน” ชายแปลกหน้า “กลับไป กลับไป ท่านด้วย ถ้าท่านอยากมีชีวิตอยู่ และอยากอยู่อย่างสันติ” คริสเตียน “ท�าไม มีอะไรหรือ” ชายแปลกหน้า “ก็เราก�าลังไปที่เดียวกับท่านนั่นแหละ เราไปไกลเท่าที่ เรากล้าไปและจริงๆ แล้ว เราเกือบจะถึงจุดที่หวนกลับไม่ได้แล้วด้วย ถ้าเรา ไปไกลกว่านี้อีกหน่อยล่ะก็... เราคงไม่ได้มาบอกข่าวส�าคัญแก่ท่านหรอก” คริสเตียน “ท่านไปพบอะไรมาล่ะ” ชายแปลกหน้า “ก็หุบเขาเงาความตายน่ะส มันมืดมิดเหมือนบึงนรก เราเจอผีซุกซนร่างครึ�งคนครึ�งแพะ มังกรแห่งขุมนรก และได้ยินเสียงร้อง
ฉันเชื่อว่านั่นเป็นทางสู่สวรรค์ที่ฉัน ปรารถนาจะไป” ชายแปลกหน้า “มันอาจเป็นทางของท่าน แต่เราไม่เอาด้วยแน่”
ดินแดนที่ไม่มีผู้ใดจะผ่านพ้นไปได้และ
(ยกเว้น
โหยหวนตลอดเวลาเหมือนคนที่ถูกจองจ�าล่ามโซ่ไว้และได้รับความทุกข์ทรมาน
ต้องกลืนกล�้ำเพรำะหวังในควำมเรืองรอง เมื่อผ่านหุบเขาไปได้ครึ่งทางข้าพเจ้าเห็นปากแดนนรกใกล้กับทางที่
73 ปริศนาธรรม ดังนั้น พวกเขาจึงแยกทางกัน คริสเตียนมุ่งหน้าไปตามทางของเขา โดยมีดาบกระชับอยู่ในมือเผื่อว่าจะถูกท�าร้าย ในความฝันนั้น ข้าพเจ้าเห็นด้านขวามีหุบเหวลึกเป็นแนวยาวตลอด หุบเขา หุบเหวนี้เองที่คนตาบอดได้จูงคนตาบอดตกลงไปทุกยุคทุกสมัย และ ทั้งคู่ก็ต้องพินาศอย่างน่าเศร้า ด้านซ้ายเป็นหนองบึงที่อันตราย แม้ว่าคนดี ตกลงไป บึงนั้นก็จะไม่มีพื้นให้เขาเหยียบได้ กษัตริย์ดาวิดเองก็เคยตกลงไป ในบึงนี้ครั้งหนึ่ง และคงต้องส�าลักน�้าตายถ้าพระเจ้าไม่ช่วยฉุดเขาขึ้นมา “ทาง” ที่พูดถึงตรงนี้แคบมาก คริสเตียนจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจจะพลัดตกลงไปในหุบเหวนั้นหรือหนองบึงที่ไม่มีพื้นก็ได้ ข้าพเจ้า ได้ยินเขาทอดถอนหายใจอย่างขมขื่น เพราะนอกจากจะมีอันตรายดังที่กล่าว
มันมืดมากถึงขนาดถ้ายกเท้าข้างหนึ่งขึ้น มา ก็ไม่รู้ว่าจะวางมันลงตรงไหนได้อีก ข้ำพระองค์น่ำสงสำรเสียจริง สว่ำงยิ่งกลับกลำยเป็นมืดค�่ำ
คริสเตียน
คริสเตียน
มีควันและเปลวไฟพวยพุ่งออกมาพร้อมแสงแวบวาบกับเสียงร้องครวญคราง (สิ่งเหล่านี้ คริสเตียน ไม่สามารถใช้ดาบปราบอย่างที่เคยใช้กับ อปอลลิโยน ) เขาจึงเก็บดาบเข้าฝักแล้วใช้อาวุธชนิดใหม่ที่เรียกว่า “การอธิษฐานทุกชนิด” เขาร้องทูลว่า “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดช่วยจิตวิญญาณของข้าพระองค์” แล้วออกเดินต่อไปขณะที่เปลวไฟยังพุ่งมาถึงตัวเขา เขาได้ยินเสียงร้อง ครวญครางและเสียงเคลื่อนตัวไปมา จนบางครั้งคิดว่าเขาอาจจะถูกฉีก
ไว้แล้วเส้นทางนั้นยังมืดทึบอีกด้วย
หนทำงสู่สวรรค์ช่ำงระก�ำ
ก�าลังเดินอยู่นั้น
นึกในใจว่า “ตอนนี้ฉันจะท�ายังไงดีล่ะ”
ที่น่าสะพรึงกลัวตลอดการเดินทางหลายกิโลเมตรจากนั้นก็มาถึงที่แห่งหนึ่ง
มันเป็นไปได้ยังไงที่ตัวเขาเองประณามพระเยซูที่เขารักด้วย
แต่เขาไม่มีความเข้าใจพอที่จะอุดหูตัวเองหรือสังเกตว่าเสียงนั้น
คริสเตียน เดินทางด้วยความกระสับกระส่ายอย่างนั้นมาได้
74 ปริศนาธรรม
เขาจึงหยุดและครุ่นคิดว่า จะท�าอย่างไรดี ใจหนึ่งอยากถอยกลับแต่อีกใจคิดว่าไหนๆ ก็มาจนครึ่งทาง แล้ว และได้ฝ่าฟันอันตรายมามากมาย ถ้าข้ามหุบเขาแห่งนี้ไปได้ก็ถึงแล้ว นอกจากนั้นการเดินทางกลับอาจจะอันตรายมากกว่าการลุยไปข้างหน้าก็ได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเดินหน้าต่อไป ดูเหมือนว่าพวกปีศาจตรงรี่เข้ามาหาเขา เขาร้องขึ้นอย่างองอาจว่า “ฉันจะเดินด้วยก�าลังขององค์พระผู้เป็นเจ้า พวก ปีศาจจึงเปิดทางให้และไม่กล้ามากวนเขาอีก อีกอย่างหนึ่งที่ข้าพเจ้าสังเกตเห็นคือตอนนี้คริสเตียนผู้น่าสงสารรู้สึก สับสนมากจนไม่รู้ว่าเสียงไหนเป็นเสียงตัวเอง
ปากแดนนรกนั้น มีมารตัวหนึ่งออกมาจากหลุมและแอบอยู่ข้างหลังเขา เงียบๆ
และคอยกระซิบประณามพระเยซูจนเขาคิดว่านั่น เป็นความคิดของเขาเอง นี่เป็นการต่อสู้ที่หนักที่สุดเท่าที่คริสเตียนประสบมา เขาแปลกใจว่า
สุดจิตสุดใจ
มาจากไหน เมื่อ
สักพักหนึ่ง
“แม้ ข้าพระองค์จะเดินตามหุบเขาเงามัจจุราช ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์สถิตกับข้าพระองค์” พอได้ยินถ้อยค�าเหล่านั้น คริสเตียนก็เริ่มเบิกบานแจ่มใสขึ้น เนื่องจาก ประการแรก เขารู้ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว ยังมีคนอื่นซึ่งเกรงกลัว พระเจ้าอยู่ในหุบเขาแห่งนี้เหมือนกัน ประการที่สอง เขาตระหนักว่า ถ้าพระเจ้าสถิตอยู่กับพวกเขาใน ท่ามกลางความมืดมิดและน่ากลัวเช่นนี้ พระองค์จะอยู่กับเขาด้วยแม้เขาจะ ไม่รู้สึกก็ตาม
เป็นชิ้นๆ หรือถูกเหยียบจนแบนติดดินก็ได้ เขาได้เห็นภาพและได้ยินเสียง
และได้ยินเสียงปีศาจมากหน้าตรงดิ่งเข้ามาหาเขา
เพราะตอนที่เขาเดินผ่าน
มันย่องตามเขา
เขาคิดว่าเขาได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งอยู่ข้างหน้าพูดว่า
หลังจากพระเจ้าฉุด คริสเตียน ออกจากอันตรายทั้งปวงตลอดเส้นทาง อันเปลี่ยวเปล่านั้นเขาได้เปลี่ยนทัศนะใหม่ จากอดีตที่เคยกลัวสิ่งเหล่านั้น อย่างมากแต่บัดนี้เขาได้เห็นมันอย่างชัดเจน
แต่ในช่วงที่สองที่เขาต้องเดินต่อไปนี้ยิ่งจะมีอันตรายมากกว่า
จากจุดที่เขายืนอยู่เรื่อยไปจนถึงปลายหุบเขาเต็มไปด้วยหลุมพราง
75 ปริศนาธรรม ประการที่สาม เขาหวังว่าเขาจะตามทันคนเหล่านั้น จะได้มีเพื่อน เดินทาง เขาจึงรีบเดินต่อและร้องเรียกคนที่อยู่ข้างหน้า แต่ชายคนนั้นไม่ได้ ตอบอะไรเพราะเขานึกว่าเขาอยู่คนเดียวเช่นกัน ไม่นานฟ้าก็สาง คริสเตียน จึงพูดว่า “พระองค์ผู้ทรงกลับความมืดทึบให้เป็นรุ่งเช้า” ตอนนี้เขาหันกลับไปมองดูสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ไม่ใช่เพราะอยากจะกลับไป แต่อยากจะดูว่ามันเป็นอย่างไรเมื่อแสงสว่างได้สาดส่องต้องสิ่งเหล่านั้น เขา เห็นหุบเหวด้านขวากับบึงอันตรายด้ายซ้ายได้ถนัด และเห็นว่าทางเดินนั้น แคบแค่ไหน นอกจากนั้นยังเห็นผีร่างครึ่งคนครึ่งแพะ และมังกรอยู่ที่หลุมนรก ไกลโพ้นอีกด้วย (หลังจากรุ่งเช้า พวกนั้นไม่เข้ามาใกล้เขาอีกเลย) เหมือน ค�ากล่าวที่ว่า “พระองค์ทรงเปิดสิ่งที่ลึกออกมาจากความมืด และทรงน�าเงา
มัจจุราชมาสู่ความสว่าง”
เพราะแสงสว่างยามกลางวัน สาดส่องเข้ามา
การเดินทางในหุบเขาช่วงแรกนั้น มีอันตรายมาก
นั้นอีก
กับดัก บ่อลึก หลุมลึกและผาชัน ถ้าตอนนี้เป็นเวลาค�่ามืด เหมือนกับช่วง ออกเดินทางใหม่ๆ แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่กล้าเสี่ยงอันตรายมากที่สุด เขาก็ยัง ต้องอกสั่นขวัญแขวนแน่ แต่ตอนนี้ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว คริสเตียนจึงพูดว่า “เมื่อประทีปของพระองค์ส่องเหนือศีรษะข้า ข้าจะเดินฝ่าความมืดไปด้วย ความสว่างของพระองค์” โดยความสว่างนี้คริสเตียนจึงเดินทางผ่านหุบเขา แห่งนั้นมาได้อย่างปลอดภัย เขาเดินทางต่อไป พร้อมกับร้องเพลงว่า โอ โลกแห่งควำมอัศจรรย์ใจ ไยจึงให้ข้ำพบแต่ทุกข์เข็ญ
นี่เป็นพระเมตตาของพระเจ้า
76 ปริศนาธรรม แต่ก็ยังดีที่องค์พระผู้เป็น ได้ทรงเห็นแก่ข้ำช่วยพ้นภัย ควำมมืดบำปกรรมชั่วและนรก ควำมสกปรกปกคลุมทุกแห่งหน แม้หนทำงล�ำบำกข้ำจะผจญ เพื่อได้ยลองค์พระคริสต์ที่ข้ำรอ เมื่อคริสเตียนเดินทางต่อจนมาถึงเนินเขาเล็กๆ ซึ่งเป็นจุดสังเกตการณ์ ที่ผู้แสวงธรรมจะดูได้ว่ามีอะไรอยู่ข้างหน้าบ้าง คริสเตียนปีนขึ้นไปแล้วมองไป ข้างหน้า เห็นนายสัตย์ซื่อ คริสเตียนตะโกนเสียงดังว่า “เฮ้... คุณ รอด้วย ขอฉันเดินไปด้วยคน” นายสัตย์ซื่อจึงเหลียวมาดู คริสเตียนร้องอีกว่า “รอด้วย ให้ฉันเดินทันก่อนสิ” แต่นายสัตย์ซื่อตอบว่า “ไม่ได้หรอก ผู้อาฆาตก�าลังไล่ ตามฉัน ฉันจะต้องหนีเอาตัวรอด” พอคริสเตียนได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ จึงรวบรวมก�าลังทั้งหมดวิ่งตาม นาย สัตย์ซื่อสุดชีวิตจนน�าหน้าไป คนท้ายจึงเป็นคนต้น คริสเตียนยิ้มด้วยความ ล�าพองใจ เลยไม่ได้ระวังเท้าจึงลื่นตกลงไปในหลุมจนลุกไม่ขึ้น นายสัตย์ซื่อ ต้องช่วยดึงเขาออกมา ในความฝัน ข้าพเจ้าเห็นพวกเขาเดินไปด้วยกันอย่างมีความสุข คุยกัน อย่างสนุกสนานถึงทุกเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างแสวงธรรม คริสเตียนเริ่มขึ้นว่า คริสเตียน “คุณสัตย์ซื่อเพื่อนที่รักและนับถือของฉัน ฉันดีใจจริงๆ ที่ ฉันตามคุณทันและพระเจ้ากล่อมเกลาใจเราให้สามารถเป็นเพื่อนร่วมทาง กันได้” นายสัตย์ซื่อ “เพื่อนเอ๋ย ฉันคิดว่าเราน่าจะมาด้วยกันตั้งแต่แรกเสีย ด้วยซ�้า แต่คุณออกเดินทางก่อนฉันนี่นา ฉันเลยต้องมาคนเดียวตั้งไกล” คริสเตียน “หลังจากฉันออกเดินทางมาแล้ว คุณอยู่ในเมืองแห่งความ พินาศอีกนานเท่าไหร่”
77 ปริศนาธรรม นายสัตย์ซื่อ “โอ๊ย! ฉันอยู่จนฉันทนไม่ไหว ก็เลยออกมา หลังจากที่คุณ ออกมา คนในเมืองพูดกันเซ็งแซ่ว่า เมืองของเราจะถูกเผาด้วยไฟจากสวรรค์” คริสเตียน “อะไรนะ เพื่อนบ้านคุณพูดเรื่องนั้นกันเหรอ” นายสัตย์ซื่อ “ใช่ ทุกคนพูดถึงเรื่องนั้นกัน” คริสเตียน “อะไรนะ ทุกคนพูด แต่ไม่มีใครหนีออกมานอกจากคุณเหรอ” นายสัตย์ซื่อ “ใช่ แต่แม้ว่าพวกเขาจะพูดถึงเรื่องนี้กัน ฉันคิดว่าเขา คงไม่เชื่อจริงจังอะไรนักหรอก เพราะเมื่อเอ่ยขึ้นมา บางคนก็ดูถูกคุณ ดูถูก การเดินทางที่ไม่มีหวังของคุณ (พวกเขาเรียกการเดินทางแสวงธรรมของคุณ แบบนั้น) แต่ฉันเชื่อนะว่าสุดท้ายหมู่บ้านของเราจะต้องถูกเผาด้วยไฟจาก สวรรค์ ฉันก็เลยหนีไง”
นายเชื่อง่ายหรือเปล่า” นายสัตย์ซื่อ “ได้สิ ฉันได้ยินว่าเขาไปกับคุณจนถึงบ่อโคลนแห่งความ ท้อแท้ใจ บางคนบอกว่าเขาตกลงไป เขาไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้หรอก แต่ ฉันรู้เพราะเสื้อผ้าเขามีโคลนเต็มไปหมด” คริสเตียน “พวกเพื่อนบ้านพูดกับเขาว่ายังไง” นายสัตย์ซื่อ
และดูถูกเขา แทบจะไม่มี ใครให้งานเขาท�า เขาแย่กว่าตอนก่อนออกไปจากเมืองถึง 7 เท่า คริสเตียน “ท�าไมผู้คนถึงต่อต้านเขาล่ะ คนเหล่านั้นไม่ชอบทางที่เขา ทิ้งมาไม่ใช่เหรอ” นายสัตย์ซื่อ “บางคนบอกว่าจับเขาแขวนคอเสีย เพราะเขาเป็นคน ทรยศไม่สัตย์ซื่อต่อค�าปฏิญาณของตัวเอง ฉันคิดว่า พระเจ้าคงใช้ศัตรูของ พระองค์ต่อต้านเขา เพราะเขาละทิ้งทางของพระองค์ คริสเตียน “คุณได้คุยกับเขาก่อนจะออกจากเมืองมั้ย” นายสัตย์ซื่อ “ฉันพบเขาที่ถนนหนเดียว แต่เขาข้ามไปอีกฟากหนึ่ง ราวกับว่าอับอายในสิ่งที่เขาท�าลงไป ฉันจึงไม่ได้พูดอะไรกับเขา”
คริสเตียน “คุณได้ข่าวเรื่อง
“ก็หัวเราะเยาะที่เขากลับไป
78 ปริศนาธรรม คริสเตียน “ตอนที่ออกเดินทางน่ะ ฉันหวังในตัวเขามากทีเดียว แต่ ตอนนี้เกรงว่าเขาจะต้องตายเมื่อพระเจ้าท�าลายเมืองนั้น เขาเหมือนภาษิต ว่า ‘สุนัขกินสิ่งที่มันส�ารอกออกมา และสุกรที่คนล้างมันให้สะอาดแล้วกลับ ลุยลงไปนอนในปลักอีก’ ” นายสัตย์ซื่อ “ฉันก็กลัวว่าเขาจะโดนเช่นนั้นเหมือนกัน แต่มันช่วย ไม่ได้นี่นา” คริสเตียน “เอ้อ สัตย์ซื่อ เลิกคุยเรื่องนี้เถอะ มาพูดถึงเรื่องของเรา ดีกว่า ลองเล่าสิ่งที่คุณพบระหว่างทางให้ฉันฟังบ้างสิ ฉันเชื่อว่าคุณต้องพบ อะไรมาบ้างแน่ ถ้าไม่มีเลยก็เหลือเชื่อล่ะ” นายสัตย์ซื่อ “ฉันไม่ได้ตกลงไปใน บ่อโคลนแห่งความท้อแท้ใจ อย่าง คุณหรอก ฉันไปถึงประตูแคบอย่างปลอดภัย แต่ฉันพบผู้หญิงชื่อ นางราคี มาล่อลวงฉัน” คริสเตียน “ดีที่คุณพ้นจากบ่วงของเธอมาได้ เธอพยายามจะล่อลวง โยเซฟนะแต่โยเซฟหนีออกมาเหมือนคุณนั่นแหละ แต่กว่าจะออกมาได้เล่นเอา แทบแย่ เธอท�าอะไรคุณบ้างล่ะ” นายสัตย์ซื่อ “คุณจะนึกไม่ถึงเลยว่าเธอน่ะปลิ้นปล้อนแค่ไหน เธอ อยากให้ฉันท�าผิดกับเธอ โดยสัญญาว่าจะให้ความสุขแก่ฉันทุกอย่าง คริสเตียน “ใช่ แต่เธอไม่ได้สัญญาว่าจะให้จิตส�านึกของคุณสงบสุข ด้วยหรอก” นายสัตย์ซื่อ “เอ้อคุณก็รู้นี่ เธอจะให้ความสุขเฉพาะทางเนื้อหนัง เท่านั้นแหละ” คริสเตียน “ขอบคุณพระเจ้าที่คุณหนีเธอมาได้ เพราะคนที่พระเจ้าทรง พิโรธจะตกลงในกับดักของเธอ” นายสัตย์ซื่อ “อื้อ... แต่ฉันไม่รู้ว่า ฉันหนีเธอพ้นจริงๆ หรือเปล่านะ” คริสเตียน “ท�าไมล่ะ ฉันเชื่อว่าคุณไม่ยอมท�าตามความปรารถนาของ เธอหรอก”
เขา บอกว่างานของเขาสบายๆ และค่าจ้างคือ
79 ปริศนาธรรม นายสัตย์ซื่อ “ใช่ แน่นอน ฉันไม่อยากท�าร้ายตัวเอง เพราะฉันจ�า ค�าโบราณได้ดีที่ว่า ‘เท้าของนางก้าวไปสู่ความตาย’ ฉันหลับตาเพื่อจะได้ ไม่เห็นเสน่ห์เย้ายวนของเธอ เธอจึงเกรี้ยวกราดใส่ฉัน แต่ฉันก็มาตามทาง ของฉันเอง” คริสเตียน “แล้วคุณเจอคนร้ายๆ อีกหรือเปล่า นายสัตย์ซื่อ “ตอนมาถึงเชิงเขาแห่งความยากล�าบาก ฉันพบคนแก่ คนหนึ่งถามฉันว่า ฉันเป็นใครและจะไปไหน ฉันตอบไปว่าฉันเป็น นักแสวงธรรม ก�าลังเดินทางไปเมืองบรมสุขเกษม แล้วเขาก็พูดว่า ‘ท่าทาง เจ้าสัตย์ซื่อดีนะ ไปอยู่กับฉันมั้ย ฉันจะจ้างท�างาน’ ฉันถามว่าเขาชื่ออะไร และอยู่ที่ไหน เขาบอกว่าชื่ออาดัมคนแรก อยู่ในเมืองแห่งความหลอกลวง แล้วฉันก็ถามว่า งานที่จะให้ท�าคืองานอะไรแล้วจะจ่ายค่าจ้างเท่าไหร่
ฉันจะได้เป็นทายาทของเขา ฉัน ถามเขาว่าบ้านของเขาเป็นอย่างไรและมีคนใช้หรือเปล่า เขาบอกว่าบ้าน ของเขามีอาหารเลิศรสจากทั่วทุกมุมโลก และคนรับใช้ก็คือลูกของเขาเอง แล้วฉันถามต่อว่า เขามีลูกกี่คน เขาบอกว่ามีลูกสาว 3 คนชื่อ ตัณหาแห่ง เนื้อหนัง ตัณหาแห่งตา และ ความหยิ่งแห่งชีวิต และเขายังบอกด้วยว่า ฉันสามารถแต่งงานกับเธอทั้ง 3 คนได้ถ้าฉันต้องการ แล้วฉันถามว่าเขา ต้องการให้ฉันอยู่ด้วยนานเท่าไหร่ เขาบอกว่าจนกว่าเขาจะตาย” คริสเตียน “อืม... แล้วสุดท้ายเป็นยังไงล่ะ” นายสัตย์ซื่อ “ตอนแรกฉันก็อยากไปเหมือนกัน เพราะเห็นว่าสิ่งที่เขา พูดน่าสนใจดี แต่ขณะที่คุยกับเขา ฉันเห็นที่หน้าผากของเขาเขียนว่า “จง ปลดเปลื้องโลกียวิสัยของมนุษย์เก่าเสีย” คริสเตียน “แล้วยังไงอีกล่ะ” นายสัตย์ซื่อ “ในใจฉันรู้ว่าเขาโกหกแน่ ถ้าไปถึงบ้านเขา เขาจะขาย ฉันเป็นทาส ฉันจึงบอกว่า ‘หยุดพูดเถอะ ฉันจะไม่มีวันเฉียดเข้าไปใกล้บ้าน คุณหรอก’ แล้วเขาก็ด่าว่าฉันพร้อมกับขู่ว่าจะส่งคนมาท�าให้ฉันต้องล�าบาก
เขาคงจะฆ่าฉันตายแน่ถ้าไม่มีใครมาห้ามไว้ซะก่อน”
80 ปริศนาธรรม ตลอดทาง ดังนั้น ฉันจึงแยกจากเขา แต่เขากลับยุดแขนฉันไว้และกระชาก กลับอย่างแรงจนแทบจะหลุดออกจากบ่า ฉันจึงร้องว่า ‘โอ้ย ช่างน่าสมเพช อะไรเช่นนี้’ แล้วฉันก็เดินไปที่ภูเขา เมื่อฉันปีนขึ้นไปได้ครึ่งทาง มีคนหนึ่ง วิ่งตามหลังฉันมาอย่างรวดเร็วปานลมกรด และแซงฉันตรงศาลาแห่งการ พักผ่อน” คริสเตียน “ตรงนั้นแหละที่ฉันนั่งพักแล้วเผลอหลับ หนังสือม้วนจึง หล่นหายไป” นายสัตย์ซื่อ “ฟังฉันก่อนซิเพื่อนรัก พอชายคนนั้นแซงฉันได้ เขาก็ตี ฉันล้มลง ฉันแน่นิ่งไปเหมือนตาย พอรู้สึกตัว ฉันถามเขาว่าตีฉันท�าไม เขา บอกว่า ‘เพราะว่าเจ้าสนใจอาดัมคนแรกอยู่ในใจลึกๆ’ จากนั้นเขาก็ชกที่อกฉัน อย่างหนักหน่วงจนถึงกับหงายลงไปนอนหมดสติอยู่ที่พื้นอีก
ฉันจึงร้องอ้อนวอนว่า
แล้ว เขาก็ต่อยฉันคว�่าลงไปอีก
นายสัตย์ซื่อ “ตอนแรกฉันไม่รู้ แต่เมื่อท่านเดินผ่านไป ฉันเห็นฝ่ามือ และสีข้างของท่านมีรอยถูกแทง ฉันจึงคิดว่า คงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า จากนั้น ฉันก็เดินขึ้นเขามา” คริสเตียน “คนที่ตีคุณคือโมเสส เขาไม่ไว้หน้าใคร แล้วแสดงความ เมตตาแก่คนที่ท�าผิดไม่เป็นด้วย” นายสัตย์ซื่อ “ฉันรู้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบฉัน เขาเคยมาที่บ้านฉัน และบอกว่าจะเผาบ้านของฉัน ถ้าฉันยังอยู่ที่นั่น” คริสเตียน “คุณเห็นบ้านที่อยู่บนยอดเขา ตรงที่โมเสสพบคุณมั้ย” นายสัตย์ซื่อ “เห็น ฉันเห็นสิงโตด้วย แต่ฉันคิดว่าสิงโตคงหลับอยู่ เพราะยังไม่ค�่าฉันจึงผ่านคนเฝ้าประตูและลงภูเขาไป” คริสเตียน “เขาบอกฉันว่าเขาเห็นคุณผ่านไป แต่เสียดายที่คุณไม่ได้ แวะที่บ้านนั้น เพราะเขาจะให้คุณได้เห็นสิ่งอัศจรรย์หลายอย่างที่คุณไม่มีวัน ลืมเลย แล้วคุณพบคนอื่นอีกหรือเปล่าที่หุบเขาถ่อมใจนั่นน่ะ”
เมื่อฟื้นขึ้นอีกครั้ง
‘กรุณาเถอะ’ แต่เขาพูดว่า
‘ข้าไม่รู้จะกรุณายังไง’
คริสเตียน “ใครมาห้ามล่ะ”
อิสรภาพซึ่งเป็นสิทธิที่ควรจะได้ในยุคนี้
81 ปริศนาธรรม นายสัตย์ซื่อ
กลับไป
ก็เป็นการไม่เชื่อฟังเพื่อนฝูง เช่น นายหยิ่งยโส นายจองหอง นายหลอกตัวเอง นายเกียรติยศแห่งโลก พวกเขาจะไม่พอใจถ้าฉันยังดันทุรังที่จะไปหุบเขา แห่งนั้น” คริสเตียน “แล้วคุณตอบเขาไปว่ายังไงล่ะ” นายสัตย์ซื่อ “ฉันบอกว่า แม้ว่าคนเหล่านั้นจะอ้างว่าเป็นญาติฉัน แต่ เขาก็เป็นญาติทางเนื้อหนังเท่านั้น เมื่อฉันเป็นนักแสวงธรรมแล้ว พวกเขา ก็ไม่นับฉันเป็นญาติแล้วและฉันก็ไม่นับญาติกับเขาด้วย ฉันยังบอกเขาอีกว่า พวกเขามองหุบเขานี้ผิดถนัดเพราะ ‘ความถ่อมใจเดินอยู่หน้าเกียรติและความ เย่อหยิ่งเดินหน้าการถูกท�าลาย’ ดังนั้น ฉันจะเดินทางผ่านหุบเขานี้ให้ได้ เพื่อ จะได้เกียรติที่คนฉลาดที่สุดบอกกล่าวไว้ แทนที่จะตอบสนองความปรารถนา ฝ่ายเนื้อหนังที่เขาพูดมา”
“แล้วคุณได้เห็นอย่างอื่นที่หุบเขานั้นหรือเปล่า” นายสัตย์ซื่อ “เห็นสิ ตลอดทางฉันได้พบผู้คนมากมายและยังพบกับ นายน่าละอายด้วย ฉันว่าชื่อของเขาไม่สมกับตัวเขาสักนิดเดียว เพราะเขา ช่างไม่มีความละอายเอาเสียเลย” คริสเตียน “ท�าไมล่ะ เขาพูดอะไรกับคุณหรือ” นายสัตย์ซื่อ “เขาต่อต้านศาสนา เขาบอกว่า คนที่สนใจเรื่องศาสนาน่ะ เป็นคนน่าสงสาร เป็นคนชั้นต�่า และเป็นเรื่องไร้สาระ สติสัมปชัญญะน่ะไม่ใช่ เรื่องของมนุษย์ คนที่มัวแต่ระวังค�าพูดและการกระท�าของตัวเองก็สูญเสีย
แถมยังเป็นคนที่โง่งมงาย แล้วเขา ยังแย้งต่ออีกว่า คนที่มีอ�านาจ ร�่ารวยและฉลาดจะไม่ใส่ใจศาสนาเลย เพราะ พวกเขาไม่โง่พอที่จะเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปเสี่ยงกับสิ่งที่ตัวเองไม่รู้จัก เขาบอกว่า คนที่แสวงธรรมส่วนใหญ่เป็นคนจนและไม่มีการศึกษา เขาพูดถึงเรื่องนี้อีก มากมาย เช่น มันน่าอายที่จะมานั่งร้องไห้เศร้าโศกเวลาฟังค�าเทศนาและ
“พบสิ ฉันพบนายไม่สบอารมณ์ เขาพยายามชวนฉัน
เหตุผลของเขาคือ หุบเขาแห่งนี้ไม่มีเกียรติใดๆ และการไปที่นั่น
คริสเตียน
และคนที่ประพฤติตัวเหมือนคนโง่เพื่อเห็นแก่แผ่นดินสวรรค์
คนยากจนที่รักพระคริสต์ก็ร�่ารวยกว่าคนที่ยิ่งใหญ่
82 ปริศนาธรรม นั่งถอนใจครวญครางเวลากลับบ้าน และน่าขายหน้าที่จะไปขอโทษขอโพย เพื่อนบ้านในความผิดนิดๆ หน่อยๆ หรือชดใช้อะไรให้ ศาสนาท�าให้คนกลาย เป็นมนุษย์ประหลาดในสายตาของคนใหญ่คนโตที่โลกยกย่อง เพราะไม่ยอม อะลุ้มอล่วยแม้กับความผิดเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งในสายตาของเขาถือว่าเป็นเรื่อง น่ายกย่องเสียด้วยซ�้าไป และศาสนาท�าให้ต้องใส่ใจคนที่ต�่าต้อยเนื่องจากถือว่า เป็นพี่น้องกัน นี่แหละสิ่งที่นายน่าละอายพูดมา” คริสเตียน “แล้วคุณบอกเขาไปว่ายังไงล่ะ” นายสัตย์ซื่อ “บอกเหรอ ตอนแรกฉันพูดไม่ออกเลยล่ะ สิ่งที่เขาพูด มาน่ะน่าละอายจนฉันหน้าแดงไปหมด แต่ในที่สุดฉันก็นึกถึงความจริงที่ ว่า ‘ด้วยว่าเป็นที่นับถือมากท่ามกลางมนุษย์ ก็ยังเป็นที่เกลียดชังจ�าเพาะ พระพักตร์พระเจ้า’ นายน่าละอาย พูดถึงมนุษย์แต่ไม่ได้พูดถึงพระเจ้าหรือ พระวจนะของพระองค์เลย เมื่อวันพิพากษาของพระเจ้ามาถึง เราจะได้รับ ชีวิตหรือความตายตามสติปัญญาและกฎหมายขององค์ผู้สูงสุด ไม่ใช่ขึ้นอยู่ กับวิญญาณของคนพาลในโลกนี้ ดังนั้น ค�าตรัสของพระเจ้าต่างหากส�าคัญ ที่สุด แม้ว่าคนในโลกจะต่อต้านคัดค้านก็ตาม พระเจ้าโปรดปรานคนที่มี สติสัมปชัญญะ
นั้นเป็นคนที่ฉลาดที่สุด
ที่สุดในโลกที่เกลียดชังพระองค์ ฉันจึงบอกนายน่าละอายว่าไปให้พ้น นาย เป็นศัตรูของความรอดของฉัน ถ้าฉันฟังนายแทนที่จะฟังพระเจ้าของฉัน เมื่อ พระองค์เสด็จมาฉันจะมองพระพักตร์พระองค์ได้อย่างไร ถ้าฉันละอายกับทาง ของพระองค์และผู้รับใช้ของพระองค์ ฉันจะคาดหวังพระพรจากพระองค์ได้ อย่างไร แต่นายน่าละอายเป็นคนหน้าด้านอย่างร้ายกาจ ฉันก�าจัดเขาไม่ได้ ง่ายๆ เขาเฝ้าตื้อและกระซิบข้างหูถึงสิ่งผิดๆ เกี่ยวกับศาสนาหลายอย่าง แต่ ในที่สุดฉันบอกเขาว่า มันไม่มีประโยชน์ที่จะมาตามตื้อฉันอีกต่อไป เพราะ สิ่งที่เขาดูถูกดูแคลนนั้นฉันถือว่ามีค่ามากที่สุด ในที่สุด ฉันก็รอดพ้นจากการ ชักจูงของเขามาได้ เมื่อก�าจัดเขาออกไปได้ฉันก็ร้องเพลงว่า
83 ปริศนาธรรม กำรทดสอบที่พระเจ้ำให้มนุษย์ เป้ำสูงสุดคือ
อันเป็นสิ่งที่ทุกชีวิตต้องเลือกเอำ ขอให้เรำทุกคนสู้ขำดใจ คริสเตียน “ฉันดีใจที่คุณเอาชนะเจ้าวายร้ายนั่นมาได้อย่างกล้าหาญ อย่างที่คุณพูดถึงน่ะแหละ เขามีชื่อไม่สมกับตัวเขาเลยจริงๆ เขากล้าตามเรา มาที่ถนนอย่างหน้าด้านๆ แล้วพยายามให้เราอับอายต่อหน้าผู้คน อายในเรื่อง ที่ดี เขาคงไม่ท�าอย่างนั้นแน่ถ้าเขามีความละอายอยู่บ้าง ให้เราต่อต้านเขา กันเถอะ เขาดีแต่คุยโวโอ้อวดเท่านั้นแต่จริงๆ แล้วเป็นคนโง่โดยแท้ ซาโลมอน บอกว่า คนฉลาดจะได้เกียรติเป็นมรดก แต่คนโง่จะได้ความอัปยศ” นายสัตย์ซื่อ “เพื่อช่วยเราในการต่อต้านนายน่าละอาย ฉันคิดว่าเรา ต้องร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ผู้ทรงช่วยเราให้ยืนหยัดในโลกด้วย ความจริงได้” นายคริสเตียน “ที่คุณพูดก็จริง แต่บอกฉันหน่อยซิว่า คุณพบใครอีก ที่หุบเขานั่น” นายสัตย์ซื่อ “ไม่ได้พบใครอีกเลย แล้วตลอดทางที่เหลือและตลอด หุบเขาเงาความตายก็มีแสงอาทิตย์ส่องด้วย” คริสเตียน “งั้นคุณก็สบายกว่าฉัน พอฉันก้าวเข้าสู่ หุบเขาเงาความ ตายก็เจอเจ้าปีศาจอปอลลิโยนเลย และต้องต่อสู้กันอยู่นานจนเกือบจะถึงชีวิต ที่จริงฉันนึกว่าฉันตายแน่แล้ว ยิ่งตอนที่มันจับตัวฉันได้แล้วเหวี่ยงฉันลง ดาบ ก็หลุดจากมือ มันเองบอกว่าฉันเสร็จมันแน่ แต่ฉันร้องทูลพระเจ้า พระองค์ ฟังฉันและช่วยฉันออกมา จากนั้นฉันก็เข้าไปในหุบเขาเงาความตายนั้นได้ ครึ่งทางโดยไม่เห็นแสงอาทิตย์เลย ฉันได้แค่คิดว่าฉันคงถูกฆ่าตัวตายที่นั่นแน่ แต่ในที่สุดดวงอาทิตย์ก็โผล่ออกมา ฉันจึงผ่านครึ่งทางที่เหลือทางได้อย่าง สบายและราบรื่น”
ให้เขำเชื่อฟังพระเจ้ำ
ชอบเถียงกันในเรื่องไม่เป็นเรื่องและนั่นท�าให้ฉันหงุดหงิดร�าคาญใจ
แต่แท้จริงแล้วไม่มีเรื่องใดอัศจรรย์ไปกว่าเรื่องที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์”
นายสัตย์ซื่อ “จริงด้วย แต่เราต้องมีเป้าหมายที่จะได้รับประโยชน์จาก
สิ่งที่เราพูดนะ”
84 ปริศนาธรรม ในความฝัน ข้าพเจ้าได้เห็นพวกเขาเดินทางต่อไป นายสัตย์ซื่อ มองไปอีกด้านหนึ่งและเห็นชายคนที่ชื่อ นายเอาแต่พูด เดินตามมาไม่ห่าง เท่าใดนัก (สถานที่ตรงนั้นกว้างพอที่จะเดินเรียงหน้ากระดานได้) เขาตัวสูง และมองดูไกลๆ หล่อเหลาเหมือนพระเอกหนังแต่ดูใกล้ๆ หน้ายังกับผิวโลก พระจันทร์ นายสัตย์ซื่อถลาเข้าไปหาแล้วเอ่ยกับเขาว่า นายสัตย์ซื่อ “เพื่อนเอ๋ย จะไปไหน ไปเมืองบรมสุขเกษมหรือเปล่า” นายเอาแต่พูด “ใช่ ฉันก�าลังจะไปที่นั่น” นายสัตย์ซื่อ “ดี งั้นเราเดินไปด้วยกันดีมั้ย” นายเอาแต่พูด “ก็ดีน่ะซี” นายสัตย์ซื่อ “งั้นไปด้วยกันเลย ระหว่างทางเราจะได้คุยกันเรื่องดีๆ ที่มีประโยชน์” นายเอาแต่พูด “ฉันชอบพูดทุกเรื่องเลย ชอบเจอกับคนที่ชอบเหมือนกัน ด้วยจริงๆ
ส่วนมาก
นายสัตย์ซื่อ “น่าเสียดายนะ ไม่มีอะไรดีกว่าการใช้ลิ้นและปากพูดถึง เรื่องพระเจ้า” นายเอาแต่พูด “ค�าพูดของคุณน่าฟังดีนี่ ผมเห็นด้วยว่าไม่มีเรื่องใด จะสนุกหรือมีประโยชน์ไปกว่าเรื่องของพระเจ้า บางคนชอบพูดถึงประวัติศาสตร์ หรือเรื่องลึกลับ บางคนชอบพูดถึงการอัศจรรย์
นะ มีไม่กี่คนเท่านั้นแหละที่ชอบคุยกันเวลาเดินทาง
เรื่องแปลก หรือหมายส�าคัญ
นายเอาแต่พูด “นั่นน่ะซิ การพูดคุยถึงเรื่องเหล่านั้นให้ประโยชน์มาก ที่สุด ได้ความรู้หลายเรื่อง เช่น ความอนิจจังของสิ่งต่างๆ ในโลก และข้อดีของ สิ่งของจากเบื้องบนและที่ส� า คัญ เราจะได้เรียนรู้ว่ามนุษย์ต้องบังเกิดใหม่ มนุษย์ไม่สามารถพึ่งการกระท�าของตนเอง มนุษย์ต้องการความชอบธรรม
85 ปริศนาธรรม ของพระเยซูคริสต์ ถ้าเราคุยกันเราจะรู้ว่าอะไรคือการกลับใจ
อะไรคือการอธิษฐาน อะไรคือการทนทุกข์ และอื่นๆ และจะได้เรียนรู้พระสัญญา ของพระเจ้า และพระกิตติคุณเพื่อปลอบประโลมใจเรา นอกจากนี้คนเรายัง เรียนรู้ที่จะปฏิเสธสิ่งผิด ยึดมั่นในสิ่งที่ดี อีกทั้งสอนคนที่ไม่รู้ด้วย” นายสัตย์ซื่อ “ฉันดีใจที่ได้ยินคุณพูดอย่างนี้” นายเอาแต่พูด “น่าเสียดายที่ไม่ค่อยมีคนพูดกัน จึงมีน้อยคนที่เข้าใจ เรื่องความเชื่อและเรื่องพระคุณในการรับชีวิตนิรันดร์ พวกเขาจึงปฏิบัติตาม ธรรมบัญญัติอย่างน่าสมเพช ซึ่งไม่สามารถน�าพวกเขาไปถึงแผ่นดินสวรรค์ได้” นายสัตย์ซื่อ “แต่ความรู้เหล่านี้เป็นของประทานจากพระเจ้า คนไม่ สามารถหามาได้ด้วยก�าลังของตัวเอง หรือเพียงแต่พูดถึงมัน” นายเอาแต่พูด “ฉันรู้ดี สิ่งที่มนุษย์ได้รับล้วนมาจากพระเจ้าทั้งสิ้น ทุกอย่างเป็นพระคุณไม่ใช่เพราะมนุษย์หามาเอง ฉันสามารถหาข้อพระคัมภีร์ มาสนับสนุนได้เป็นร้อยๆ
นายเอาแต่พูด “อะไรก็ได้ที่คุณอยากคุย พูดเรื่องศักดิ์สิทธิ์หรือทางโลก สวรรค์หรือโลก ศีลธรรมหรือการประกาศ อดีตหรืออนาคต ต่างประเทศ หรือในบ้าน ความจริงที่ตายตัวหรือที่ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม หากมันให้ ประโยชน์กับเรา” ตอนนี้ นายสัตย์ซื่อเริ่มประทับใจในค�าพูดของนายเอาแต่พูด และหัน ไปหาคริสเตียนที่เดินอยู่ห่างๆ คนเดียว แล้วพูดเบาๆ ว่า “เพื่อนเราคนนี้ กล้าหาญเสียจริง เขาคงเป็นนักแสวงธรรมชั้นยอดเชียวล่ะ” คริสเตียน ยิ้มที่มุมปากแล้วพูดขึ้นว่า “คนนี้น่ะหรือที่คุณหลงคารม ลิ้นของเขามีไว้หลอกคนที่ไม่รู้จักเขาเท่านั้นแหละ” นายสัตย์ซื่อ “คุณรู้จักเขาเหรอ” คริสเตียน “รู้จักรึ แน่นอน รู้จักดีกว่าที่เขารู้จักตัวเองเสียอีก” นายสัตย์ซื่อ “เขาเป็นใครล่ะ”
อะไรคือความเชื่อ
เลยล่ะ”
นายสัตย์ซื่อ
“ดีจังเลย ถ้างั้น เราคุยเรื่องอะไรกันดีล่ะ”
86 ปริศนาธรรม คริสเตียน “เขาชื่อนายเอาแต่พูด และอยู่ในเมืองเดียวกับเรานั่นแหละ แปลกนะที่คุณไม่รู้จักเขา เอ้อ! แต่เมืองเราก็ใหญ่โตน่าดู” นายสัตย์ซื่อ “เขาเป็นลูกใคร และอยู่บ้านไหนล่ะ” คริสเตียน “เขาเป็นลูกของนายพูดดี บ้านอยู่ซอยพูดพร�่า คนทั่วไป เรียกเขาว่า นายเอาแต่พูด เขาพูดเก่ง แต่เป็นคนน่ารังเกียจ นายสัตย์ซื่อ “แต่เขาดูหล่อเหลาเอาการนะ” คริสเตียน “คนที่ไม่คุ้นเคยกับเขามักจะพูดอย่างนั้นแหละ คนที่ไม่ได้ ใกล้ชิดมักจะคิดว่าเขาเป็นคนดีเหลือเกิน แต่คนที่อยู่ใกล้ตัวเขาจะรู้สึกว่า เขา น่ารังเกียจมาก ค�าพูดของคุณที่ว่าเขาหล่อ ท�าให้ฉันนึกถึงภาพของจิตรกร บางคน ภาพของเขามองไกลๆ ก็สวยงามนะ แต่ถ้ามองใกล้ๆ แล้วดูไม่ได้เลย นายสัตย์ซื่อ “พูดเป็นเล่นน่า” คริสเตียน “พระเจ้าห้ามไม่ให้ฉันพูดเล่นในเรื่องแบบนี้นะ และฉันไม่ กล่าวหาใครผิดๆ ด้วย ฉันจะบอกคุณเกี่ยวกับเขามากกว่านี้ คนๆ นี่น่ะชอบ มีเพื่อน ชอบคุย เหมือนที่คุยกับคุณเมื่อกี้นี้แหละ เขาจะพูดเมื่ออยู่ในร้าน เหล้าด้วย แล้วถ้ากินเหล้าเข้าไปก็ยิ่งพูดมาก ศาสนาไม่ได้อยู่ในใจ ในบ้าน และในนิสัยของเขาเลย มันอยู่แค่นี่ลิ้นของเขาเท่านั้น” นายสัตย์ซื่อ “อย่าพูดอย่างนั้นสิ นี่ฉันถูกหลอกเข้าแล้วหรือนี่” คริสเตียน “ถูกหลอกรึ แน่นอน คุณจ�าค�านี้ได้มั้ย ‘เขาเป็นแต่ผู้พูด สั่งสอน แต่เขาเองหาท�าตามไม่’ แต่ ‘แผ่นดินของพระเจ้าไม่ใช่เรื่องของ ค�าพูด แต่เป็นเรื่องของฤทธิ์ของเดช’ เขาพูดถึงการอธิษฐาน การกลับใจใหม่ ความเชื่อ และการบังเกิดใหม่ แต่เขาเอาแต่พูดเท่านั้น ฉันเคยอยู่กับ ครอบครัวของเขา แล้วสังเกตดูเขาทั้งที่บ้านและนอกบ้าน ฉันพูดจริงๆ นะ บ้านเขาไม่มีศาสนาเอาเลยล่ะ จืดชืดไม่มีรสชาติเหมือนไข่ขาว ไม่มีการอธิษฐาน ไม่มีการกลับใจใหม่ สัตว์ยังจะปรนนิบัติพระเจ้าดีกว่าเขาอีก คนที่รู้จักเขาจะ ได้รับความอับอาย และเขาท�าให้พระนามของพระเจ้าเสื่อมเสีย แถวชานเมือง ที่เขาอาศัยอยู่น่ะ เขาท�าให้ศาสนาเสื่อมเสียไปหมดเลยล่ะ คนที่รู้จักเขาจะ
87 ปริศนาธรรม บอกว่า
ครอบครัวของเขาก็คิดอย่างนั้นด้วย
เหตุผลกับคนใช้
ถ้านายเอาแต่พูดมีโอกาสเมื่อไหร่นะ เขาจะโกงบ้างหลอกบ้าง และพยายาม เอาเปรียบด้วยเล่ห์เพทุบายทุกอย่าง นอกจากนี้เขายังสอนให้บรรดาลูกๆ เป็นอย่างนั้นด้วยนะ และถ้าเห็นลูกคนไหนโง่ล่ะก็... (คือคนที่มีจิตส� านึก ผิดชอบบ้าง) เขาจะเรียกว่าไอ้งั่ง ไอ้หัวขี้เลื่อย แล้วก็ไม่ให้เงินเดือน ไม่ให้ ไปเป็นลูกจ้างคนอื่นด้วย ฉันเชื่อว่าชีวิตที่ชั่วร้ายของเขาได้ท�าให้หลายคน สะดุดและหลงไปจากทางของพระเจ้า ถ้าพระเจ้าไม่ยับยั้งไว้เขาจะท�าให้คน อีกมากมายพินาศด้วย” นายสัตย์ซื่อ “อืม...ม ฉันต้องเชื่อคุณ ไม่ใช่เพียงเพราะคุณบอกว่า คุณรู้จักเขานะ แต่เพราะคุณมองคนจากแง่มุมของคริสเตียนด้วย และเรื่อง ที่คุณพูดก็คงจะจริง ฉันคิดว่าคุณคงไม่ได้คิดชั่วร้ายหรอก” คริสเตียน “ถ้าฉันไม่รู้จักเขามาก่อน ฉันคงคิดเหมือนคุณนั่นแหละ และถ้าฉันได้ยินเรื่องอย่างนี้จากคนที่เป็นศัตรูของศาสนาล่ะก็ ฉันคงคิดว่า เป็นการใส่ร้ายป้ายสีคนดีแน่ แต่นี่ฉันรู้มาด้วยตัวเอง ฉันสามารถพิสูจน์ได้ นอกจากนี้มีคนดีๆ หลายคนแล้วที่ต้องอับอายเพราะเขา พวกนั้นไม่ยอม คบค้ากับเขาอีก แค่ชื่อก็ไม่อยากจะเอ่ยถึง” นายสัตย์ซื่อ “อืม...การกระท�ากับการพูดนี่ต่างกันเลยนะ ตั้งแต่นี้ไป ฉันจะสังเกตความแตกต่างของเรื่องนี้ดีๆ” คริสเตียน “มันต่างกันจริงๆ ชนิดตรงข้ามกันเหมือนจิตวิญญาณกับ ร่างกายเลยล่ะ ร่างกายที่ปราศจากวิญญาณเป็นแค่ซากศพ ค�าพูดที่ไม่มีการ กระท�าก็เหมือนกัน หัวใจของศาสนาคือการกระท�า ธรรมะที่บริสุทธิ์ไร้มลทิน ต่อพระพักตร์พระบิดาเจ้านั้นคือการเยี่ยมเยียนเด็กก� า พร้าและหญิงหม้าย ที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตัวให้พ้นราคีของโลก นายเอาแต่พูดไม่ได้ ระวังข้อนี้เขาคิดว่าการฟังและการพูดจะท�าให้เป็นคริสเตียนที่ดี เขาหารู้ไม่
‘เขาเป็นนักบุญที่นอกเมือง แต่เป็นปีศาจในบ้านเมืองตัวเอง’ แน่นอน
เขาหยาบคายและร้ายกาจมาก ไม่มี
จนพวกนั้นไม่รู้จะเอาใจยังไงถูกเลย คนที่ต้องติดต่อกับเขา บ่นว่า ไปติดต่อกับคนแปลกหน้ายังดีซะกว่าเพราะจะได้ความยุติธรรมบ้าง
สิ่งที่ไม่มีความเชื่อแท้และปราศจากพระคุณของพระกิตติคุณ
คนเหล่านั้นจะไม่สามารถเข้าในแผ่นดินสวรรค์ร่วมกับลูกของ
88 ปริศนาธรรม ว่านั่นเป็นการหลวงลวงจิตวิญญาณของตัวเอง การฟังเป็นเพียงแค่การรับ เมล็ดพระวจนะที่หว่าน ค�าพูดไม่ได้พิสูจน์ว่าจิตใจและชีวิตจะเกิดผล แต่ให้ เรามั่นใจเถอะว่ามนุษย์จะต้องถูกตัดสินด้วยผลการกระท�าของเขา จะไม่มี การถามว่า ‘คุณเชื่อหรือเปล่า’ แต่จะถามว่า ‘คุณเป็นผู้กระท� า หรือผู้พูด อย่างเดียวเท่านั้น’ แล้วจะมีการพิพากษาตามความเป็นจริง วันสุดท้ายของ โลกเปรียบเสมือนการเก็บเกี่ยว คุณก็รู้นี่ว่าในเวลาเก็บเกี่ยวน่ะ คนไม่สนใจ อะไรเลยนอกจากผล สิ่งที่ไม่ใช่ผลของความเชื่อจะไม่ได้รับการยอมรับ แต่ ที่ผมพูดนี่เพียงต้องการจะบอกค�าพูดของนายเอาแต่พูดจะไม่มีประโยชน์ใน วันสุดท้าย” นายสัตย์ซื่อ “นี่ท�า ให้ฉันนึกถึงค� า ของโมเสสนะ ที่เขาพูดถึงสัตว์ที่ สะอาดคือสัตว์ที่มีทั้งกีบแยกและเคี้ยวเอื้อง ไม่ใช่มีเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง แค่อย่างเดียว กระต่ายเคี้ยวเอื้อง แต่มันก็มีมลทินเพราะมันไม่มีกีบแยก นี่เหมือน
เขาแสวงหาความรู้โดยเคี้ยวเอื้องค�าพูด แต่ไม่ยอม แยกตัวเองออกจากทางที่ชั่วร้าย ดังนั้นเขาก็ยังมีมลทินเหมือนกระต่าย นั่นแหละ” คริสเตียน “คุณพูดค�าจริงที่มาจากพระคัมภีร์ซะด้วย และฉันขอเพิ่มเติม อีกอย่าง เปาโลเรียกคนบางคนซึ่งเป็นนักพูดที่ยิ่งใหญ่ว่าเป็นเหมือน ‘ฆ้อง หรือฉาบที่ก�าลังส่งเสียง’ และเหมือน ‘สิ่งไม่มีชีวิตที่ท�าเสียงได้’ สิ่งที่ไม่มี ชีวิตหมายถึง
เพราะฉะนั้น
พระเจ้าได้ แม้ว่ามันจะมีเสียงเหมือนเสียงทูตสวรรค์” นายสัตย์ซื่อ “อืม...แม้ฉันไม่เคยสนิทสนมกับเขา ยังรู้สึก สะอิดสะเอียนบอกไม่ถูกเราจะตีจากเขาได้อย่างไรล่ะ” คริสเตียน “ใช้วิธีของฉันสิ แล้วเขาจะเบื่อคุณไปเอง นอกจากว่า พระเจ้าจะสัมผัสจิตใจของเขาและเขากลับใจใหม่” นายสัตย์ซื่อ “คุณจะให้ฉันท�าอะไรล่ะ”
นายเอาแต่พูด
89 ปริศนาธรรม คริสเตียน “ไปคุยกับเขาเรื่องอ�านาจของศาสนาอย่างจริงจังสิ และ เมื่อเขาเห็นด้วยกับคุณ คุณก็ถามเขาตรงๆ ว่า อ�านาจที่ว่านี้อยู่ในใจ ใน ครอบครัว และในนิสัยของเขาหรือเปล่า” แล้ว นายสัตย์ซื่อก้าวเข้าไปหา นายเอาแต่พูดอีกครั้ง พร้อมกับถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง” นายเอาแต่พูด “ก็ดี ขอบคุณ คราวนี้เราคงจะคุยกันได้เสียทีนะ” นายสัตย์ซื่อ “ได้สิ ถ้าคุณต้องการก็ให้เราเริ่มเดี๋ยวนี้เลย เมื่อกี้คุณ บอกให้ฉันถามค�าถามใช่ไหม เอาล่ะฉันถามเลยนะ คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า พระคุณที่ช่วยให้คุณรอดนั้นอยู่ในใจมนุษย์” นายเอาแต่พูด “ดูเหมือนเราก�าลังพูดเรื่องอ�านาจนะ มันเป็นค�าถามที่ ดีมาก และฉันยินดีตอบ ประการแรก โดยสรุปนะ เมื่อพระคุณของพระเจ้า อยู่ในใจคุณนะ
นายสัตย์ซื่อ
ให้เราพิจารณาทีละประเด็นนะ ฉันคิดว่าคุณ
สิ่งที่ยืนยันถึงพระคุณก็คือมันท�าให้ผู้นั้นรังเกียจบาปของตัวเอง มากกว่า” นายเอาแต่พูด “เอ๊ะ การร้องต่อต้านความบาปกับการรังเกียจบาป ต่างกันหรือ” นายสัตย์ซื่อ “โอ แตกต่างกันมากทีเดียวล่ะ โดยหลักการแล้วคนเรา อาจจะร้องต่อต้านบาปแต่เขาจะไม่รังเกียจบาป ถ้าเขาไม่เห็นความชั่วร้าย ของบาปตามสายพระเนตรของพระเจ้า ฉันเคยได้ยินหลายคนร้องต่อต้าน บาปบนธรรมาสน์แต่ยังด� า เนินชีวิตอยู่กับความบาป ในใจ ในบ้าน และ ในนิสัยส่วนตัว ภรรยาของเจ้านายของโยเซฟประกาศก้องราวกับว่า เธอ บริสุทธิ์มากทั้งๆ ที่เธอพร้อมจะร่วมประเวณีกับโยเซฟ บางคนร้องเหมือนแม่ ที่หยอกเย้าลูกที่นั่งอยู่บนตัก จากนั้นก็กอดจูบลูกซนๆ ของเธออีก” นายเอาแต่พูด “นี่พูดเพื่อจับผิดฉันใช่ไหมเนี่ย” นายสัตย์ซื่อ “เปล่า ฉันเพียงแต่อยากอธิบายให้กระจ่างเท่านั้น เอาล่ะ ประการที่สองที่จะพิสูจน์ว่าเรามีพระคุณอยู่ในใจน่ะ ว่าอย่างไรนะ”
มันจะร้องต่อต้านความบาป ประการที่สอง...”
“เดี๋ยวๆ
น่าจะพูดว่า
สิ่งที่ดี เพราะถ้าไม่มีความรู้แล้วความตั้งใจจริงก็ไม่มีประโยชน์
ที่แท้จริงจะอิ่มเอมใจในประเภทที่สองเท่านั้น ‘ขอประทานความเข้าใจแก่
90 ปริศนาธรรม นายเอาแต่พูด “ต้องมีความรู้ในข้อล�้าลึกของพระกิตติคุณสิ” นายสัตย์ซื่อ “นี่มันน่าจะเป็นข้อแรกนะ แต่ฉันว่าข้อแรกหรือข้อสุดท้าย มันก็ไม่ถูกทั้งนั้น แม้ผู้นั้นจะมีความรู้ในข้อล�้าลึกของพระกิตติคุณไม่ว่าจะมาก แค่ไหนเขาอาจจะไม่มีพระคุณอยู่ในใจเลยก็ได้ คนเราอาจจะรู้เรื่องพระเจ้า ทะลุปรุโปร่ง แต่ไม่ได้เป็นลูกของพระองค์ พระเยซูตรัสว่า ‘พวกท่านรู้ สิ่งเหล่านี้ไหม ถ้าท่านประพฤติตาม ท่านก็เป็นสุข’ ดังนั้นพระพรจะเป็นของ ผู้ที่ท�าตาม ไม่ใช้ผู้ที่รู้ เพราะความรู้ไม่ได้คู่กับการกระท�าเสมอไป เหมือน ทาสที่รู้ใจเจ้านายแต่ไม่ท�าตาม คนเราอาจมีความรู้ของทูตสวรรค์แต่ไม่ได้ เป็นคริสเตียน ดังนั้นสิ่งที่คุณใช้พิสูจน์ก็ไม่ถูกต้อง จริงๆ แล้วการมีความรู้ เป็นที่ชื่นชอบของคนที่ชอบพูด ชอบโม้ แต่การลงมือกระท�าต่างหากที่จะท�าให้ พระเจ้าพอพระทัย แต่ฉันไม่ได้หมายความว่าจิตใจที่ปราศจากความรู้นั้นเป็น
แต่ความรู้มี
ประเภทคือ ความรู้เป็นแค่ทฤษฎีแต่หาได้ปฏิบัติตามไม่
ข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะรักษาพระธรรมของพระองค์ไว้และปฏิบัติด้วย สุดใจของข้าพระองค์” นายเอาแต่พูด “คุณก�าลังย้อนหลังฉันอีกแล้ว นี่ไม่เสริมสร้างเลยนะ” นายสัตย์ซื่อ “อืม... คุณจะคิดอย่างนั้นก็ตามใจ ว่าต่อไปสิ สัญลักษณ์ อีกประการหนึ่งของงานของพระคุณนั้นมีอะไรอีก” นายเอาแต่พูด “ไม่เอา เลิกคุยกับคุณแล้ว” นายสัตยซื่อ “ถ้าคุณไม่คุย ให้ฉันคุยได้ไหม” นายเอาแต่พูด “ตามใจคุณสิ” นายสัตย์ซื่อ “พระคุณของพระเจ้าที่กระท�ากิจอยู่ในจิตใจนั้นจะปรากฏชัด ทั้งต่อตัวเขาเองและคนรอบข้างด้วย
2
และความรู้ที่ควบคู่ ไปกับพระคุณแห่งความเชื่อและความรัก
ซึ่งท�าให้คนตั้งใจที่จะปฏิบัติตาม
น�้าพระทัยของพระเจ้า ประเภทแรกเหมาะส�าหรับคนเอาแต่พูด แต่คริสเตียน
1. ส�านึกในความผิดบาปและรับเชื่อพระเยซูคริสต์
2. โดยมีชีวิตที่สอดคล้องกับค�าสารภาพที่กล่าวนั้น
หรือเปล่า ความเชื่อในพระเจ้าคุณอยู่แค่ที่ค�าพูดหรือมีการปฏิบัติด้วยใจจริง! ถ้าคุณอยากตอบค�าถามเหล่านี้อย่างจริงใจ ก็ควรพูดเฉพาะในสิ่งที่พระเจ้าจะ เห็นด้วย และจิตใต้ส�านึกของคุณจะไม่ฟ้องร้องออกมาให้เห็น
91 ปริศนาธรรม คนที่มีพระคุณในใจจะตระหนักในความบาปโดยเฉพาะอย่างยิ่งบาปที่ ท�าร้ายจิตใจของเขา และบาปแห่งความไม่เชื่อฟัง
ไม่เมตตาเขาโดยให้เขาเชื่อในพระเยซูคริสต์ล่ะก็... เขาจะต้องพินาศแน่) การ ตระหนักนี้จะท�าให้เขาเสียใจและละอายใจในความบาป ยิ่งกว่านั้น พระคุณ จะท�าให้เขากระหายหาพระเจ้า และหิวกระหายหาความรอดที่พระเจ้าสัญญา ว่าจะท�าให้อิ่มเอิบใจด้วย ความชื่นชมยินดีและสันติสุขของเขาจะขึ้นอยู่กับ ความเชื่อของเขาในพระเจ้าว่ามั่นคงและเข้มแข็งอย่างไร และขึ้นอยู่กับความ ปรารถนาที่จะมีชีวิตที่บริสุทธิ์และที่จะรู้จักและปรนนิบัติพระผู้ช่วยในโลกนี้ ลักษณะอื่นๆ คือ
(เขาแน่ใจว่า ถ้าพระเจ้า
คือชีวิตที่บริสุทธิ์ ใจบริสุทธิ์ ครอบครัวบริสุทธิ์ (ถ้ามีครอบครัว) และความประพฤติบริสุทธิ์ ความบริสุทธิ์จะท�าให้เขาเกลียดชังความบาปของตัวเอง และจะก�าจัดความ บาปทั้งในชีวิตส่วนตัวและในครอบครัว และจะแสดงถึงความบริสุทธิ์ให้โลกรู้ ไม่ใช่พูดอย่างเดียวเหมือนกับคนหน้าไหว้หลังหลอก แต่ต้องปฏิบัติจริงๆ มีความเชื่อและความรักในฤทธานุภาพของพระวจนะพระเจ้า จากที่ฉันอธิบาย มาสั้นๆ เนี่ย คุณมีอะไรค้านมั้ย ถ้าไม่มีฉันจะถามค�าถามต่อไป” นายเอาแต่พูด “ไม่ ฉันไม่ค้าน ขอรับฟังเท่านั้น ค�าถามที่สองคือ อะไรล่ะ” นายสัตย์ซื่อ “คุณเคยมีประสบการณ์ในประการแรกที่พูดถึงงานแห่ง พระคุณหรือไม่ ชีวิตและความประพฤติของคุณปรากฏชัดอย่างที่บอกไว้นั้น
‘เพราะว่าคนที่ ยกย่องตัวเองไม่เป็นที่ยกย่องของผู้ใด คนที่น่านับถือนั้นคือคนที่พระเจ้าทรง ยกย่อง’ นอกจากนี้การพูดว่า ฉันเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ทั้งที่พฤติกรรมของ คุณท�าให้เพื่อนบ้านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณโกหกนั้นเป็นเรื่องชั่วร้ายมาก”
92 ปริศนาธรรม ตอนแรกนายเอาแต่พูดเริ่มละอายใจ แต่พอตั้งตัวได้เขาก็โต้ตอบทันที นายเอาแต่พูด “คุณพูดถึงประสบการณ์ ความรู้สึกผิดชอบ พระเจ้า และการที่พระเจ้าพิพากษาตามค�าพูดของเรา ฉันไม่เคยคิดว่าเราจะมาคุย เรื่องนี้กัน และฉันก็ไม่ใส่ในที่จะตอบค� า ถามนี้ด้วย เพราะไม่จ� า เป็นที่ฉัน จะต้องตอบ นอกจากว่าคุณเป็นพนักงานสอบสวน แต่ถึงแม้ว่าคุณจะเป็น พนักงานสอบสวนก็เถอะ ฉันก็ไม่ยอมให้คุณพิพากษาฉันหรอก บอกฉัน หน่อยซิว่าท�าไมคุณจึงถามค�าถามแบบนี้กับฉัน” นายสัตย์ซื่อ “ก็ฉันเห็นคุณอยากพูดอยากคุยเหลือเกินนี่ นอกจากนี้ บอกตรงๆ เลยนะฉันได้ยินมาว่าคุณเป็นคนที่ถือศาสนาแค่ที่ริมฝีปากเท่านั้น แต่พฤติกรรมของคุณส่ออย่างชัดเจนว่าคุณโกหก พวกเขาพูดกันว่าคุณน�า
สะดุดเพราะพฤติกรรมเลวร้ายของคุณ และมีคนอีกมากมายอาจต้องพินาศ เพราะคุณ ศาสนาของคุณ ความโลภ ความสกปรกมีมลทิน ค�าหยาบ ค�าโกหก และเพื่อนที่ไม่ดีจะต้องถูกพิพากษาด้วยกันทั้งหมด มีภาษิตกล่าวว่า หญิงโสเภณีเป็นความอับอายของผู้หญิงทุกคน คุณก็เข้าข่ายนี้คือ เป็นความ อับอายของคริสเตียนทุกคนเช่นกัน” นายเอาแต่พูด “คุณนี่ช่างหูเบา เชื่อในข่าวลือและตัดสินคนง่ายจังนะ ฉันรู้สึกว่าคุณเป็นคนไม่ได้เรื่องซึ่งไม่ควรเสียเวลามาวิสาสะด้วยเลย ลาก่อนนะ” แล้ว คริสเตียน เดินมาหา นายสัตย์ซื่อ และบอกว่า “เป็นไง เห็นผล ทันตามั้ย ค�าพูดของคุณกับตัณหาของเขาน่ะไม่ลงรอยกันหรอก เขาจะเลิก คบคุณ และไม่ยอมเปลี่ยนแปลงนิสัย แต่ยังไงเขาก็ไปแล้วนะ ฉันว่าปล่อย เขาไปดีกว่า ผลเสียตกกับเขาเอง ดีที่เขาไปเสียเองเราจะได้ไม่ต้องปวดหัว กับการบอกปัดเขา ไม่งั้นเขาจะเป็นอุปสรรคในการเดินทางของเราแน่ๆ อัครทูตเปาโลบอกว่า จงปลีกตัวของท่านออกไปจากคนเหล่านี้”
ความอับอายขายหน้ามาให้คนของพระเจ้าและท�าให้พระนามของพระองค์ เสื่อมเสียเนื่องจากพฤติกรรมที่เลวร้ายของคุณ พวกเขาบอกว่ามีบางคน
ไม่เช่นนั้นคงน่าเบื่อเพราะบัดนี้พวกเขาก�าลัง
93 ปริศนาธรรม นายสัตย์ซื่อ “ฉันดีใจที่เราได้คุยเรื่องนี้กับเขาซึ่งคงท� า ให้เขาได้คิด บ้าง อย่างไรก็ตาม ฉันพูดกับเขาอย่างตรงไปตรงมา ดังนั้น แม้ว่าเขาจะ ต้องพินาศ แต่ฉันก็พ้นโทษแล้ว” คริสเตียน “ที่คุณพูดออกมาอย่างหมดเปลือกนั้นดีมากเลย ปัจจุบันนี้ คนไม่ค่อยพูดกันตรงไปตรงมานักหรอก จึงท� า ให้เรื่องพระเจ้าเป็นเรื่อง น่ารังเกียจ เพราะคนแบบนี้มีความเชื่อแค่ที่ค�าพูด แต่ความประพฤติของเขา แสนจะเลวร้าย (แต่ยังอยู่ในสังคมคริสเตียน) ท�าให้โลกสับสน ท�าให้คริสเตียน เสื่อมเสีย และท� า ให้คนที่จริงใจเศร้าสลดฉันอยากให้ทุกคนจัดการกับคน แบบนี้เหมือนที่คุณท�าจัง” นายสัตย์ซื่อพูดขึ้นว่า แรกๆ ดูนำยเอำแต่พูดช่ำงรูปงำม มีโวหำรวำจำแกล้วกล้ำดี ใครได้ฟังต่ำงก้มหัวชิดซ้ำยไป แต่เมื่อไซร้นำยสัตย์ซื่อพูดถึงงำนของพระวิญญำณขึ้น เขำก็เหมือนจันทร์ข้ำงแรมที่อับแสง ทุกคนที่เหมือนเขำจะมีจุดจบฉะนี้นำ จากนั้นพวกเขาเดินทางต่อไป คุยกันถึงสิ่งที่เขาเห็นตามทางซึ่งเพิ่ม รสชาติของการเดินทางมากขึ้น
เดินผ่านถิ่นทุรกันดาร ตอนที่พวกเขาเกือบจะพ้นถิ่นทุรกันดารนั้น นายสัตย์ซื่อ มองไป ข้างหลังและเห็นคนเดินตามพวกเขามา เขาจ�าชายคนนั้นได้ “ดูซินั่นใคร” คริสเตียนหันไปมอง แล้วร้องว่า “เพื่อนที่ดีของฉันเองผู้ประกาศไง” นาย สัตย์ซื่อ บอกว่า “เพื่อนที่ดีของฉันด้วย เพราะเขาเป็นคนบอกทางไปประตู แก่ฉัน” ต่อมาผู้ประกาศก็ตามมาทันพวกเขาแล้วทักทายกัน ผู้ประกาศ “สันติสุขอยู่กับท่านที่รัก และอยู่กับผู้ที่เคยให้ความ ช่วยเหลือท่าน”
94 ปริศนาธรรม คริสเตียน “ยินดีต้อนรับผู้ประกาศ เห็นหน้าคุณแล้วฉันก็อดที่จะนึกถึง บุญคุณและพันธกิจของคุณซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับฉัน” นายสัตย์ซื่อ “โอ้ ยินดีที่ได้พบอีกผู้ประกาศเพื่อนรัก นักแสวงธรรม อย่างเราต้องการท่านเหลือเกิน” ผู้ประกาศ “พวกคุณไปไงมาไงกันบ้างล่ะตั้งแต่จากกันครั้งสุดท้าย นั้นน่ะ เจอกับอะไร แล้วคุณท�ายังไงกันบ้าง” คริสเตียนและนายสัตย์ซื่อก็เล่าให้ผู้ประกาศฟังว่าระหว่างทางเกิดอะไร กับพวกเขาบ้างและเขามาถึงที่นั่นด้วยความยากล�าบากเพียงไร ผู้ประกาศ “ฉันดีใจจริงๆ ไม่ใช่ที่คุณถูกทดลองนะ แต่ที่คุณชนะมันได้ และยังคงเดินอยู่บนทางสายนี้ทั้งๆ ที่พวกคุณต่างก็มีจุดอ่อนพอสมควร ฉันดีใจจริงๆ ฉันได้หว่าน ส่วนคุณได้เก็บเกี่ยวผล
ทั้ง ผู้หว่านและผู้เกี่ยวจะได้ชื่นชมกับพืชผลร่วมกัน นั่นคือถ้าคุณยังคงยืนหยัด ไม่ท้อแท้จนถึงเวลาที่ก�าหนด คุณจะได้เก็บเกี่ยวผล มงกุฎอยู่ตรงหน้าคุณ แล้ว และเป็นมงกุฎที่ไม่ร่วงโรย ดังนั้นขอให้คุณวิ่งต่อไปเพื่อให้ได้มงกุฎนั้น บางคนตั้งใจวิ่งเพื่อมงกุฎนี้ แต่ภายหลังมีคนอื่นเข้ามาและชิงมงกุฎไปจาก พวกเขา ดังนั้นจงยึดสิ่งที่คุณมีไว้ให้มั่น เพื่อไม่ให้ใครมาชิงมงกุฎไปจาก คุณได้ คุณยังเป็นเป้าโจมตีของมารซาตานอยู่ แต่ในการต่อสู้นั้น คุณยัง ไม่ได้สู้รบจนถึงเลือดตกยางออกเลย ขอให้อาณาจักรของพระเจ้าอยู่ตรงหน้า คุณเสมอ และให้คุณมีความเชื่อมั่นคงในสิ่งที่ยังไม่เห็น อย่าให้สิ่งที่เป็น ของโลกนี้มามีอิทธิพลเหนือชีวิตคุณ และเหนือสิ่งอื่นใด จงระวังตัณหาจาก เนื้อหนังของคุณเพราะมันปลิ้นปล้อนหลอกลวง และชั่วช้าเลวทรามเหลือเกิน จงมีจิตใจแน่วแน่และมุมานะ เพราะว่าฤทธานุภาพทั้งในสวรรค์และบน แผ่นดินโลกอยู่กับคุณ” คริสเตียน ขอบคุณเขาที่ตักเตือน และอยากให้เขาพูดต่อเพื่อจะเป็น ประโยชน์กับหนทางที่เหลือ เพราะพวกเขารู้ว่า ผู้ประกาศ เป็นผู้พยากรณ์ สามารถท�านายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ และบอกวิธีที่เขาจะต่อสู้ให้มีชัยชนะ ได้ด้วย นายสัตย์ซื่อก็ช่วยขอร้องด้วย
แล้ววันหนึ่งข้างหน้า
95 ปริศนาธรรม ผู้ประกาศ “เพื่อนเอ๋ย คุณได้ยินจากพระกิตติคุณแล้วว่าคุณต้อง ประสบความทุกข์ยากล�าบากมากมายในการที่จะเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ และ ในทุกเมืองที่คุณผ่านไปคุณจะต้องผจญกับคุกและความยากล�าบาก ดังนั้น คุณต้องไม่คาดหวังว่าเส้นทางของนักแสวงธรรมนั้นจะราบรื่นนะ มันอาจจะ มีหลายรูปแบบก็ได้ คุณเองก็เคยสัมผัสความจริงนี้มาแล้ว และเจอมา มากกว่านี้เสียด้วยซ�้า ตอนนี้คุณเกือบจะพ้นถิ่นทุรกันดารแล้ว จากนั้นคุณจะ ได้เข้าเมืองหนึ่ง ที่นั่นคุณจะพบศัตรูตัวร้ายที่พยายามฆ่าคุณ คุณคนใดคนหนึ่ง หรือทั้งคู่จะต้องมีค�าพยานที่ตราไว้ด้วยเลือด แต่จงสัตย์ซื่อตราบเท่าวันตาย และกษัตริย์จะประทานมงกุฎแก่คุณ ผู้ที่ตายที่นั่นแม้ว่าจะต้องตายอย่างทุกข์ ทรมานและน่าอนาถ แต่เขาจะมีอนาคตที่ดีกว่าคนอื่น เพราะนอกจากเขาจะ ได้เข้าเมืองบรมสุขเกษมเร็วกว่าแล้ว เขายังไม่ต้องพบความทุกข์ยากที่คนอื่น จะต้องประสบตลอดการเดินทางที่เหลือด้วย แต่เมื่อคุณเข้าไปในเมืองนั้น และพบว่าทุกสิ่งเป็นไปตามที่ฉันพูดแล้ว จงจ�าไว้ว่าจงกล้าหาญและถวายตัว แด่พระผู้สร้างที่ทรงสัตย์ซื่อ และยึดมั่นในความดีและท�าดีต่อไป
ตอนหนุ่มๆ บันยันได้ไปชมงานแสดงสินค้าที่สเตาว์บริดจ์ ซึ่งสมัยนั้น ใช้หอประชุมมูทเป็นที่ขายสินค้า ซึ่งปัจจุบันยังตั้งอยู่ที่เมืองเอลสโทว์ อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเขาเอง งานแสดงสินค้าอนิจจังเล็งถึงโลกและ กิจกรรมของโลก เป็นความอนิจจังหรือความว่างเปล่าในชีวิตมนุษย์ที่แยกจาก พระเจ้า สินค้าทั้งหมดที่ขายล้วนเป็นสิ่งที่ชาวโลกแสวงหา เนื่องจากซาตาน เป็นเทพเหนือศักดิเทพของโลกนี้ มันจึงเป็นผู้ให้ก�าเนิดและผู้อ�านวยการของ งานแสดงสินค้าอนิจจังนี้ บันยันได้เห็นคริสเตียนและนายสัตย์ซื่อได้รับประสบการณ์เช่นเดียวกับ อัครทูตในยุคแรก บางส่วนที่เขียนในตอนต่อไปบันยันเขียนจากประสบการณ์ การขึ้นศาลของเขา รวมทั้งความทรมานที่พวกพิวริทันสมัยนั้นเผชิญ ตัวอย่าง เช่น ท่านลอร์ดเกลียดความดี คงเปรียบเสมือนบรรดาผู้พิพากษาที่ตัดสิน บันยันและพวกพิวริทัน ผู้พิพากษาจอร์จ เจฟฟรี เป็นผู้พิพากษาที่เลวร้าย ที่สุดคนหนึ่ง บันยันถูกพิพากษาจากผู้พิพากษาที่ชื่อเซอร์ จอห์น คีลีน ใน สมัยนั้นศาลจะตัดสินอย่างล�าเอียงเพราะมีอคติต่อพวกพิวริทัน บทน�ำสู่ตอนต่อไป