กนกบรรณสาร (OMF Publishers) 86/122-4 ซ.ทาขาม 28/1 ถ.พระราม 2 เขตบางขุนเทียน กทม. 10150 โทร. 0 2417 2511-3 แฟกซ 0 2417 2510 www.kanokbannasan.org E-mail: orders@kanokbannasan.org จอห์น บันยัน เขียน อรณี ไผทสิทธิ์ ปฎิมา คงสืบชาติ เฮเลน ยังก์ ตรวจ กนกบรรณสาร เรียบเรียง แปล ตอนที 8 P146- จบ
146 ปริศนาธรรม คริสเตียน “งั้นคุณท�ายังไงล่ะ” นายมีหวัง “ฉันคิดว่า ฉันต้องพยายามเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเอง ไม่อย่างนั้นคงต้องพินาศแน่” คริสเตียน “แล้วคุณพยายามเปลี่ยนแปลงมั้ย” นายมีหวัง “ใช่ ฉันพยายามไม่ท�าบาปและพยายามหลบหน้าเพื่อน ที่ไม่ดี ฉันเริ่มท�าหน้าที่ทางศาสนาเช่น อธิษฐาน อ่านพระคัมภีร์ ร้องไห้ ส�านึกบาป พูดความจริงกับเพื่อนบ้าน และอื่นๆ อีกมากมาย” คริสเตียน “แล้วคุณคิดว่ามันหมดปัญหาแล้วใช่มั้ย” นายมีหวัง “ใช่ ฉันคิดอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่นานฉันก็เริ่มมีปัญหาอีก ทั้งๆ ที่ชีวิตฉันเปลี่ยนไปแล้ว” คริสเตียน “มีปัญหาอะไรอีกล่ะ ก็คุณเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วนี่” นายมีหวัง “มีหลายอย่างที่ท�า ให้ฉันไม่สบายใจ
‘การกระท�าอันชอบธรรมของข้าพระองค์ทั้งสิ้นเหมือนผ้าขี้ริ้ว’ ‘ไม่มี ผู้ใดเป็นคนชอบธรรมได้โดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ’ ‘เมื่อท่านทั้งหลาย ได้กระท�าสิ่งสารพัดซึ่งเราบัญชาไว้แก่ท่านนั้น ก็จงพูดด้วยว่า
เป็นบ่าวที่ไม่มีบุญคุณต่อนาย’ และอีกหลายค�า จากนั้นฉันก็เริ่มคิดว่า ถ้า ความชอบธรรมของฉันเป็นเพียงผ้าขี้ริ้ว ถ้าไม่มีใครรอดได้โดยการเชื่อฟัง พระบัญญัติ และถ้าแม้ว่าเราจะท�าทุกอย่างเท่าที่เราจะท�าได้แล้ว แต่ยังไม่ สมควรที่จะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้า ดังนั้น การคิดว่าจะได้ไปสวรรค์โดย พระบัญญัติคงเป็นความคิดที่โง่มาก ฉันคิดต่อไปว่า ถ้ามีชายคนหนึ่งเป็นหนี้ ร้านค้าอยู่ 4,000 บาท แม้ว่าต่อมาภายหลังเขาจะช�าระเงินทุกงวดของเขา แต่หนี้เก่ายังค้างอยู่ เจ้าของร้านก็ยังสามารถฟ้องศาลได้ และจับเข้าคุกได้ จนกว่าเขาจะจ่ายหนี้ที่ค้างนั้นเสียก่อน” คริสเตียน “เรื่องนี้เกี่ยวกับตัวคุณเองยังไงล่ะ” นายมีหวัง “ฉันคิดว่าฉันได้ท�าบาปมากมายที่ได้บันทึกไว้ในสมุดของ พระเจ้า การเปลี่ยนแปลงชีวิตของฉันไม่สามารถช�าระหนี้เก่าได้ แม้ว่าฉันจะ ท�าดีต่อไป แต่ฉันจะพ้นโทษของความบาปดั้งเดิมได้อย่างไร”
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค�าที่ว่า
ข้าพเจ้าทั้งหลาย
ตัวเองและความบาปที่ผสมผสานกับความดีที่ฉันเห็นว่ายอดเยี่ยมที่สุดแล้ว ฉันจึงยอมรับความคิดเห็นของเขา”
คริสเตียน “แต่ตอนที่เขาบอกคุณครั้งแรก
147 ปริศนาธรรม คริสเตียน “เข้าใจเปรียบเทียบดีมาก พูดต่อเถอะ” นายมีหวัง “อีกอย่างหนึ่งที่ท�าให้ฉันทุกข์ใจก็คือ แม้ว่าจะเปลี่ยนแปลง ชีวิตไปแล้ว แต่ถ้าค้นดูชีวิตใหม่นั้นจะเห็นว่าก็ยังมีความบาปใหม่ๆ ปะปนอยู่ ด้วยเสมอ สรุปได้ว่า ถึงแม้ในอดีตจะไม่มีบาปเลย แต่บาปที่ท�าตอนนี้เพียง ครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะท�าให้ฉันตกนรกได้แล้ว” คริสเตียน “แล้วคุณท�ายังไงล่ะ” นายมีหวัง “ท�า เหรอ! ฉันไม่รู้จะท� า ยังไงแล้ว จนเมื่อได้คุยกับ นายสัตย์ซื่อ เพราะคุ้นเคยกันดีนั่นแหละ เขาบอกฉันว่าความดีของฉันและ ของโลกนี้จะไม่ช่วยให้ฉันพ้นโทษได้ นอกจากฉันจะน้อมรับความชอบธรรม จากผู้หนึ่งที่ไม่เคยท�าบาปเลย” คริสเตียน “คุณคิดว่าเขาพูดจริงหรือเปล่า” นายมีหวัง
“ถ้าเขาบอกตอนที่ฉันก�าลังรู้สึกดีๆ กับความเปลี่ยนแปลง ของตัวเองล่ะก
ฉันคงว่าเขาโง่มาก
แต่ตอนนั้น ฉันได้เห็นความอ่อนแอของ
คุณเชื่อว่ามีสักคนหนึ่งที่ ไม่เคยท�าบาปเลยจริงๆ เหรอ” นายมีหวัง “ตอนแรกฉันก็คิดเหมือนกันว่ามันแปลกๆ อยู่นา แต่ หลังจากที่เราได้ใช้เวลาคุยกันและอยู่กับเขา ฉันจึงเชื่อว่ามี” คริสเตียน “คุณถามหรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร และคุณจะได้รับการช�าระ บาปจากเขาได้อย่างไร” นายมีหวัง “ถามสิ เขาบอกว่าคนๆ นั้นคือองค์พระเยซูคริสต์ผู้สถิต อยู่ ณ เบื้องขวาขององค์ผู้สูงสุด ‘ท่านต้องได้รับการช�าระบาปโดยพระเยซู โดยความเชื่อในสิ่งที่พระองค์กระท�าขณะที่พระองค์อยู่ในโลกนี้ และการทุกข์ ทรมานของพระองค์ที่ไม้กางเขน’ ฉันถามเขาว่าความดีของคนๆ หนึ่งจะ สามารถลบล้างความบาปของอีกคนหนึ่งต่อพระพักตร์พระเจ้าได้อย่างไร เขา
ชอบธรรมของพระองค์ก็จะกลายมาเป็นความชอบธรรมของฉันได้”
ท�าให้ฉันมีใจกล้าและเข้าหาพระองค์อย่าง
148 ปริศนาธรรม บอกว่าคนๆ
พระองค์ได้ทรงกระท�ากิจและ
และถ้าฉันเชื่อพระองค์ความ
นั้นคือพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ
ตายบนไม้กางเขนมิใช่เพื่อตนเองแต่เพื่อฉัน
คริสเตียน “จากนั้นคุณท�ายังไงอีกล่ะ” นายมีหวัง “ฉันบอกเขาว่ามันเชื่อยาก เพราะคิดว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า คงไม่ยอมช่วยฉันให้รอด” คริสเตียน “แล้วนายสัตย์ซื่อบอกว่ายังไง” นายมีหวัง “เขาบอกให้ฉันไปหาพระองค์และดูเอาเอง ฉันบอก ว่ามันคงเป็นการอาจเอื้อม เขาบอกว่าไม่หรอก ไม่ได้เป็นการอาจเอื้อม เพราะพระองค์เชิญให้ไป แล้วเขาก็ให้หนังสือของพระเยซูแก่ฉัน ซึ่งเป็น ถ้อยค�าที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อ�านาจ
สบายใจ เขาบอกว่าทุกจุดและทุกตัวอักษรในหนังสือนั้นยืนยงคงมั่นยิ่งกว่า สวรรค์และโลกเสียอีก
เวลาเข้าไป หาพระองค์
ฉันอย่างสุดจิตสุดใจ แล้วฉันก็ถาม นายสัตย์ซื่อ ว่าฉันจะเข้าไปหาพระองค์ ได้อย่างไร เขาบอกว่า ‘ไปเถอะ แล้วคุณจะพบพระที่นั่งกรุณาที่ซึ่งพระองค์ ประทับอยู่ที่นั่นเสมอ เพื่ออภัยโทษให้แก่ทุกคนที่เข้าไปหาพระองค์’ ฉันบอก เขาว่า ฉันไม่รู้ว่าจะพูดยังไงเมื่อเข้าไปหาพระองค์ เขาบอกว่าฉันควรจะพูด ในท�านองที่ว่า ‘ข้าแต่พระเจ้าขอเมตตา ข้าพระองค์ผู้เป็นคนบาป ขอโปรด ช่วยให้ข้าพระองค์รู้จักและเชื่อในพระเยซูคริสต์ด้วย เพราะข้าพระองค์รู้ว่า หากปราศจากความชอบธรรมของพระองค์และความเชื่อของข้าพระองค์แล้ว ข้าพระองค์จะต้องพินาศ ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ได้ยินมาว่า พระองค์ ทรงพระเมตตา และได้ทรงส่งพระบุตรของพระองค์คือพระเยซูคริสต์ลงมา เป็นพระผู้ช่วยในโลกนี้ และยิ่งกว่านั้น พระองค์ยังทรงสละพระบุตรของ พระองค์ให้กับคนบาปหนาอย่างข้าพระองค์ ข้าพระองค์เป็นคนบาปจริงๆ
แล้วฉันถามเขาว่าฉันต้องท�าอะไรบ้าง
เขาบอกว่าฉันต้องคุกเข่าและขอให้พระบิดาส�าแดงพระองค์ต่อ
ข้าแต่พระเจ้า เวลานี้ขอทรงโปรดส�าแดงพระคุณของพระองค์เพื่อให้ความ รอดแก่จิตวิญญาณของข้าพระองค์โดยทางพระเยซูคริสต์พระบุตรของ พระองค์ อาเมน”
คริสเตียน “แล้วคุณท�าตามที่เขาว่าหรือเปล่า”
คริสเตียน “แล้วท�าไมถึงไม่เลิกล่ะ”
คริสเตียน “พระองค์ส�าแดงอย่างไรล่ะ”
นายมีหวัง “ฉันไม่ได้เห็นด้วยตาฝ่ายร่างกายนะ แต่เห็นด้วยตาแห่ง
ความเข้าใจ คือ วันหนึ่งฉันรู้สึกเศร้าสลดใจมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เพราะได้เห็นความชั่วร้ายของบาปของตัวเองอย่างชัดเจนมาก และขณะที่
ฉันนั่งอยู่ก็ตระหนักแก่ใจว่านรกกับการลงโทษรอฉันอยู่ข้างหน้า
149 ปริศนาธรรม
นายมีหวัง “แน่นอน...ครั้งแล้วครั้งเล่าเลยล่ะ” คริสเตียน “แล้วพระบิดาส�าแดงพระเยซูคริสต์ให้คุณเห็นหรือเปล่า” นายมีหวัง “ไม่เลย ทั้งครั้งแรก ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ครั้งที่สี่ ครั้งที่ห้า หรือแม้กระทั่งครั้งที่หก” คริสเตียน “แล้วคุณท�ายังไงล่ะ” นายมีหวัง “ฉันก็ไม่รู้ว่าจะท�ายังไง”
คริสเตียน “คุณคิดจะเลิกอธิษฐานมั้ย” นายมีหวัง “คิดสิ เป็นร้อยๆ ครั้งเลยล่ะ”
นายมีหวัง “ฉันเชื่อว่าที่นายสัตย์ซื่อบอกน่ะจริง นั่นคือ ถ้าปราศจาก ความชอบธรรมของพระเยซูคริสต์แล้ว โลกนี้ไม่สามารถช่วยฉันให้รอด ได้ ดังนั้น ฉันจึงคิดว่าถ้าฉันหยุดอธิษฐาน ฉันต้องตาย ฉันขอยอมตายที่ พระที่นั่งแห่งพระคุณดีกว่า แล้วก็มีถ้อยค�าเข้ามาในจิตใจฉันว่า ‘ถ้าดูช้าไป ก็จงคอยสักหน่อย มันจะบังเกิดขึ้นเป็นแน่ คงไม่ล่าช้านัก’ ฉันจึงอธิษฐาน ต่อไปจนพระเจ้าส�าแดงพระบุตรของพระองค์แก่ฉัน”
ทันใดนั้น ฉันก็เห็นองค์พระเยซูคริสต์มองลงมาจากเบื้องบนและตรัสว่า ‘จงเชื่อและ วางใจในองค์พระเยซูเจ้า และท่านจะรอดได้’
รักเราทั้งหลายและได้ทรงปลดเปลื้องบาปของเราด้วยพระโลหิตของพระองค์ มีคนกลางแต่ผู้เดียวระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์คือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงสภาพ
พระผู้ช่วยให้รอดด้วยใจขอบพระคุณ และเดี๋ยวนี้ฉันมีความชื่นชมยินดี น�้าตา แห่งความปลื้มปีตินองหน้า และจิตใจพองโตด้วยความรักที่มีต่อพระนาม
150 ปริศนาธรรม แต่ฉันตอบพระองค์ว่า
และผู้ที่วางใจในเราจะ ไม่กระหายอีกเลย’ ฉันจึงตระหนักกว่าการมีความเชื่อในพระองค์และการ ไปหาพระองค์นั้นเหมือนกัน และผู้ที่แสวงหาความรอดโดยทางพระเยซู คริสต์ด้วยสุดจิตสุดใจนั้นก็ได้เชื่อพระองค์แล้ว ฉันร้องไห้และทูลพระองค์ว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า
ได้อย่างไร’ แล้วฉันได้ยินพระองค์ตรัสว่า ‘ผู้ที่มาหาเรา เราก็จะไม่ทิ้งเขา เลย’ ฉันจึงพูดว่า ‘เมื่อข้าพระองค์เข้ามาหาพระองค์ ข้าพระองค์ควรคิดถึง พระองค์อย่างไร ความเชื่อของข้าพระองค์จึงจะอยู่ในพระองค์’ พระองค์ตรัส ว่า ‘พระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาในโลกเพื่อจะช่วยคนบาปให้รอด พระคริสต์ทรง เป็นจุดจบของธรรมบัญญัติเพื่อให้ทุกคนที่มีความเชื่อได้รับความชอบธรรม พระเยซูผู้ทรงถูกอายัดไว้ให้ถึงสิ้นพระชนม์แล้ว
และได้ทรงเป็นขึ้นจากความตายเพื่อให้เราเป็นคนชอบธรรม พระองค์ผู้ทรง
เป็นมนุษย์
กรุณาให้คนเหล่านั้น’ ฉันก็ได้ความจากข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ว่า ฉันต้อง แสวงหาความชอบธรรมในพระเยซู และได้รับการลบล้างบาปโดยพระโลหิต ของพระองค์ การที่พระเยซูเชื่อฟังพระบิดาโดยการยอมรับโทษบาปตาม กฎบัญญัติไม่ได้ท�าเพื่อพระองค์เอง แต่ท�าเพื่อทุกคนที่ยอมรับพระองค์เป็น
วิถีทาง และประชากรของพระเยซูคริสต์” คริสเตียน “นั่นเป็นการส�าแดงของพระคริสต์ในจิตวิญญาณของคุณ จริงๆ และมันมีผลต่อชีวิตของคุณอย่างไรบ้างล่ะ”
‘ข้าพระองค์เป็นคนบาปหนายิ่งนัก’ พระองค์
ตรัสว่า
‘คุณของเราก็พอแก่เจ้าแล้ว’ ฉันถามว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ความเชื่อ คืออะไร’ พระองค์ตอบว่า ‘ผู้ที่มาหาเราจะไม่หิว
พระองค์จะรับและช่วยคนบาปหนาอย่างข้าพระองค์ให้รอด
เพราะการล่วงละเมิดของเรา
เพราะว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่เป็นนิจเพื่อช่วยทูลขอพระ
นายมีหวัง “ถ้าเขาเดินทางร่วมกับเราก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนนี่นา”
151 ปริศนาธรรม นายมีหวัง “มันท�าให้ฉันเห็นว่าโลกนี้มีโทษของความผิดบาป แม้จะมี ความดีอยู่บ้างก็ตาม และท�าให้เห็นว่าพระเจ้าพระบิดาผู้ทรงยุติธรรมสามารถ ลบล้างโทษนั้นให้แก่คนบาปทุกคนที่เข้ามาหาพระองค์ได้ มันท� า ให้ฉัน อับอายกับชีวิตเหลวแหลกที่ผ่านมาและเสียใจกับความไม่รู้ของตัวเอง เพราะ เมื่อก่อนนี้ฉันไม่เคยรู้เลยว่าพระเยซูคริสต์งามเลิศเพียงใด มันท�าให้ฉันรัก ชีวิตที่บริสุทธิ์และปรารถนาจะถวายพระเกียรติและพระสิริแด่พระนามของ พระเยซูคริสต์ ฉันพร้อมที่จะสละเลือดที่ฉันมีอยู่ในกายนี้แด่พระเยซูคริสต์” ข้าพเจ้าเห็นในความฝันว่า นายมีหวังเหลียวไปมองนายไม่รับรู้ที่อยู่ ข้างหลัง แล้วพูดกับคริสเตียนว่า “ดูหนุ่มที่เอ้อระเหยลอยชายข้างหลังนั่นสิ” คริสเตียน “ใช่ เห็นแล้ว เขาไม่สนใจจะร่วมเดินทางไปกับเราเลย”
“นั่นน่ะสิ รอเข้าหน่อยเถอะนะ” ทั้งสองก็หยุดรอ คริสเตียนพูดกับนายไม่รับรู้ว่า “มานี่สิน้องชาย ท�าไมเดินห่างอย่างงั้นล่ะ” นายไม่รับรู้ “ฉันชอบเดินคนเดียวมากกว่า นอกจากว่าจะถูกชะตากับ ใครเป็นพิเศษ” คริสเตียนกระซิบกับนายมีหวังว่า “ฉันบอกแล้วไงว่าเขาไม่อยากร่วม เดินทางกับเรานักหรอก แต่ที่นี่มันเปลี่ยวนะ เราไปคุยกับเขาสักหน่อยเถอะ” แล้วเขาก็หันไปพูดกับนายไม่รับรู้ว่า “สบายดีหรือเปล่า และตอนนี้คิดเรื่อง พระเจ้ายังไงบ้าง” นายไม่รับรู้ “ก็ดี เพราะฉันคิดถึงแต่เรื่องดีๆ ตลอดการเดินทาง” คริสเตียน “เรื่องดีๆ อะไรบ้างล่ะ บอกมั่งสิ” นายไม่รับรู้ “ก็เรื่องพระเจ้ากับสวรรค์ไงล่ะ” คริสเตียน “พวกมารก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” นายไม่รับรู้ “แต่ฉันคิดแล้วก็อยากจะได้ไว้ด้วยนะ”
คริสเตียน “แต่รับรองว่าเขาไม่คิดอย่างนั้น” นายมีหวัง
ปลอบประโลมตนเองด้วยความหวังถึงสิ่งที่ตัวเองไม่มีสิทธิ์ที่จะหวัง”
152 ปริศนาธรรม คริสเตียน “หลายคนก็คิดอย่างนั้น แต่ก็ไปไม่ถึงที่นั่น ‘วิญญาณของ คนเกียจคร้านยังอยากอยู่ แต่ก็ไม่ได้อะไรเลย’ ” นายไม่รับรู้ “ฉันคิดถึงเรื่องพระเจ้ากับสวรรค์และสละทุกสิ่งเพื่อให้ได้ มานะ” คริสเตียน “ฉันไม่เชื่อหรอก เพราะการสละทุกสิ่งน่ะ ยากที่จะกระท�า ยากกว่าที่หลายคนคิดด้วยซ�้า อะไรท�าให้คุณคิดว่า คุณสละทุกสิ่งเพื่อพระเจ้า และสวรรค์ล่ะ” นายไม่รับรู้ “จิตใจของฉันบอกอย่างนั้น” คริสเตียน “สุภาษิตบอกว่า ผู้ที่วางใจในความคิดของตัวเป็นคนโง่” นายไม่รับรู้ “นั่นหมายถึงจิตใจคนชั่ว แต่จิตใจของฉันน่ะดีแน่” คริสเตียน “คุณพิสูจน์ได้ยังไงล่ะ” นายไม่รับรู้
นายไม่รับรู้
ดังนั้น การที่ ฉันหวังอย่างนั้นก็ไม่ผิด” คริสเตียน “ใครบอกคุณว่า ชีวิตและจิตใจของคุณสอดคล้องกัน” นายไม่รับรู้ “จิตใจของฉันบอกอย่างนั้น” คริสเตียน “จิตใจของคุณบอกอย่างนั้นเหรอ ถ้าพระวจนะของพระเจ้า ไม่ได้กล่าวอย่างนั้น ค�ายืนยันต่างๆ ก็ไม่มีความหมาย” นายไม่รับรู้ “แต่ความคิดที่ดีย่อมมาจากจิตใจที่ดีมิใช่หรือ และชีวิตที่ดี คือชีวิตที่ท�าตามพระบัญญัติใช่หรือ” คริสเตียน “ใช่ จิตใจที่ดีย่อมมีความคิดที่ดี และชีวิตที่ดีคือชีวิตที่ ท�าตามบัญญัติของพระเจ้า แต่การกระท�ากับความคิดเป็นคนละเรื่องกัน” นายไม่รับรู้ “ช่วยบอกซิ ความคิดที่ดีกับชีวิตที่สอดคล้องกับพระ บัญญัติของพระเจ้าคืออะไร”
“เพราะฉันรู้สึกอุ่นใจเมื่อคิดถึงความหวังเรื่องสวรรค์ คริสเตียน “คุณอาจหลอกลวงตนเองก็ได้ เพราะจิตใจของคนมักจะ
“แต่จิตใจและชีวิตของฉันสอดคล้องกันนะ
และเมื่อจิตใจและการกระท�าของเราเป็นไป
153 ปริศนาธรรม
คริสเตียน “นั่นก็คือ คิดถึงตัวเองตามพระวจนะของพระเจ้าไงล่ะ”
เมื่อไหร่ล่ะ”
ฉันจะอธิบาย พระคัมภีร์บอกว่า ‘ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย’ และ ‘เค้าความคิดในใจของมนุษย์ล้วนเป็นเรื่องร้ายเสมอไป’ และ ‘เค้าความคิดในใจของมนุษย์ล้วนแต่ชั่วตั้งแต่เด็กมา’ ดังนั้น ถ้าเราคิดถึง ตัวเองอย่างนี้จริงๆ เราก็มีความคิดที่ดี เพราะนั่นสอดคล้องกับพระวจนะ ของพระเจ้า” นายไม่รับรู้ “ฉันไม่เชื่อหรอกว่า จิตใจของฉันจะชั่วอย่างนั้น” คริสเตียน “อย่างนั้นคุณก็ไม่เคยมีความคิดที่ถูกต้องเกี่ยวชีวิตของ คุณเลยนะสิ อย่างที่พระวจนะได้วินิจฉัยจิตใจของเรา พระวจนะของพระเจ้า ก็ได้วินิจฉัยวิถีชีวิตของเราด้วย
ในแนวเดียวกับพระวจนะ เมื่อนั้นทั้งสองก็จะดีเลิศเพราะมันสอดคล้องกับ พระวจนะ นายไม่รับรู้ “คุณหมายความว่ายังไง” คริสเตียน “พระคัมภีร์บอกว่า วิถีของคนคดเคี้ยวทั้งสิ้น คือมีธรรมชาติ ที่ไม่ดีและเขาไม่รู้ทางที่ดี เมื่อเราคิดอย่างถ่อมใจและตามความจริงว่า ทาง ของเรามีแต่ความผิดบาป เราก็มีความคิดที่ดีเกี่ยวกับความประพฤติของเรา เพราะนั่นตรงกับพระวจนะของพระเจ้า” นายไม่รับรู้ “แล้วความคิดที่ดีเกี่ยวกับพระเจ้าคืออะไร” คริสเตียน “ก็เหมือนกับความคิดเกี่ยวกับตัวเองนั่นแหละ ถ้าเราคิด เกี่ยวกับพระเจ้าตรงกับที่พระคัมภีร์เขียนไว้ นั่นก็เป็นความคิดที่ดี คือคิดถึง
คริสเตียน “ความคิดที่ดีน่ะมีหลายอย่างนะ บ้างก็เกี่ยวกับตัวเอง บ้าง ก็เกี่ยวกับพระเจ้า บ้างก็เกี่ยวกับพระคริสต์ บ้างก็เกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ” นายไม่รับรู้ “ความคิดที่ดีเกี่ยวกับตัวเองเป็นอย่างไรล่ะ”
นายไม่รับรู้ “แล้วความคิดเกี่ยวกับตัวเราเองจะตรงกับพระวจนะ
คริสเตียน “ก็เมื่อเราพิจารณาดูตัวเองที่พระวจนะของพระเจ้ากล่าวไว้ไง
ต้องพึ่งพระคริสต์เพื่อจะพ้นโทษต่อพระพักตร์พระเจ้าโดยความชอบธรรมของ
154 ปริศนาธรรม ความเป็นพระเจ้าและพระลักษณะของพระองค์ตามพระคัมภีร์ ตอนนี้ฉันไม่มี เวลาอธิบายยืดยาวถึงเรื่องนี้ แต่จะพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับเรา เท่านั้น เราจะมีความคิดที่ถูกต้องต่อพระเจ้า
และพระองค์สามารถเห็นความบาปในชีวิตของเรา แต่ เราไม่สามารถเห็นบาปในตัวเราเอง พระองค์รู้ความคิดส่วนลึกที่สุดของเรา และใจของเราก็ปรากฏแจ้งต่อพระองค์เสมอ และความชอบธรรมของเรานั้น เป็นที่สะอิดสะเอียนต่อพระองค ดังนั้นเราไม่สามารถยืนอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ พระองค์อย่างสง่าผ่าเผยได แม้ว่าเราจะท�าตัวดีแค่ไหนก็ตาม” นายไม่รับรู้ “คุณคิดว่าฉันโง่ขนาดจะคิดว่าพระเจ้าไม่รู้อะไรมากกว่า ฉัน หรือโง่ขนาดจะคิดว่า ฉันจะเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยความดีของตัวเองหรือ” คริสเตียน “ถ้าอย่างนั้นคุณคิดถึงเรื่องนี้ยังไงล่ะ” นายไม่รับรู้ “สรุปก็คือ ฉันก็คิดว่า ฉันต้องเชื่อในพระเยซูเพื่อพ้นผิด น่ะสิ” คริสเตียน “อะไรนะ คุณคิดว่าคุณจะเชื่อในพระเยซูคริสต์ทั้งๆ ที่คุณ ไม่เห็นความจ� า เป็นที่จะต้องให้พระองค์ช่วยเหรอ คุณไม่เคยส� า นึกบาปที่ ตกทอดมาเป็นกรรมพันธุ์จากอาดัมและบาปที่คุณเองได้กระท�า แต่กลับคิด ว่าตัวเองดีพอแล้ว สิ่งที่คุณท�าทุกอย่างก็ได้แสดงให้เห็นว่า คุณไม่จ�าเป็น
เมื่อเราคิดว่าพระองค์รู้จักเรา ดีกว่าที่เรารู้จักตัวเอง
พระองค์ แล้วอย่างนี้คุณจะพูดว่าคุณเชื่อในพระคริสต์ได้อย่างไร”
“คุณเชื่ออะไร” นายไม่รับรู้ “ฉันเชื่อว่า พระเยซูคริสต์ตายเพื่อคนบาป และพระเจ้า จะนับฉันว่าเป็นคนชอบธรรม เนื่องจากฉันเชื่อฟังพระบัญญัติ พระคริสต์ ได้ท�าให้กิจทางศาสนาที่ฉันกระท�าเป็นที่ยอมรับต่อพระบิดาโดยผลบุญของ พระองค์ ดังนั้นฉันก็พ้นบาปผิดได้”
นายไม่รับรู้ “แต่ฉันเชื่ออย่างนั้นนะ” คริสเตียน
คริสเตียน “ขอให้ฉันแสดงความคิดเห็นต่อความเชื่อของคุณหน่อยนะ
1. คุณเชื่อในความเชื่อที่ปั้นแต่งขึ้นเอง
2. คุณเชื่อผิดเพราะคิดว่าความดีของคุณช่วยให้พ้นผิดได้
155 ปริศนาธรรม
เพราะความเชื่อที่คุณพูดมา ไม่มีในพระคัมภีร์
ไม่ใช่ ความชอบธรรมของพระคริสต์ท�าให้พ้นโทษ 3. ความเชื่อของคุณที่บอกว่า พระคริสต์พิพากษาว่าการกระท�าของ คุณชอบธรรมแต่ไม่ใช่ตัวคุณเองชอบธรรม เป็นความเชื่อที่ผิดมหันต์ 4. ดังนั้น ความเชื่อนี้ก็หลอกลวงคุณ และจะท� า ให้คุณต้องถูก พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์พิพากษาในวันแห่งการพิพากษา เพราะความเชื่อที่แท้จริง จะท�าให้จิตวิญญาณ (ที่รู้ว่าธรรมบัญญัติช่วยไม่ได้) พึ่งพิงในความชอบธรรม ของพระเยซูคริสต์ เป็นความชอบธรรมของพระคริสต์ ไม่ใช่ความกรุณา เพื่อให้การเชื่อฟังของคุณเป็นที่ยอมรับของพระเจ้าและพ้นผิดได้ แต่พระองค์เอง เชื่อฟังกระท�าตามพระบัญญัติและทนทุกข์ทรมานเพื่อเรา แทนเรา นี่คือ ความเชื่อ ที่ถูกต้อง ถ้าเชื่อดังนี้ จิตวิญญาณก็จะมีความชอบธรรมของพระคริสต์ ครอบคลุม และจะปราศจากบาปต่อพระพักตร์พระเจ้า และพ้นโทษแน่” นายไม่รับรู้ “อะไรนะ!
า คนเดียว ไม่เกี่ยวกับการกระท�าของเราเองเหรอ การคิดอย่างนี้ก็ท�าให้เรา มีอิสระที่จะท�าอะไรก็ได้น่ะสิเพราะไม่ว่าเราจะมีชีวิตอย่างไร เพียงแต่เราเชื่อ ในความชอบธรรมของพระเยซู เราก็รอดแล้ว” คริสเตียน “คุณนี่ไม่ยอมรับรู้อะไรเสียเลยจริงๆ นะ สมชื่อจริงๆ คุณรับรู้ว่าจิตวิญญาณของคุณจะรอดจากพระพิโรธของพระเจ้าได้ ก็โดย ความเชื่อในความชอบธรรมของพระเยซู และคุณก็ไม่ยอมรับรู้ความเชื่อมีผล ท�าให้เรายอมจ�านนต่อพระเยซูคริสต์ รักพระนามของพระองค์ รักพระวจนะ ของพระองค์ รักวิถีของพระองค์ และรักคนของพระองค์ด้วย” นายมีหวัง “ถามเขาซิว่า พระเยซูเคยส� า แดงพระองค์ให้เขาเห็น จากสวรรค์มั้ย”
คุณจะให้ฉันเชื่อสิ่งที่พระเยซูคริสต์กระท�
ในพระเยซูคริสต์และโดยความชอบธรรมของพระองค์ซึ่งเป็นความชอบธรรม
156 ปริศนาธรรม
ซะแล้วล่ะ” นายมีหวัง
ของเรา
นอกจากพระบิดาจะส�าแดงพระเยซูให้เรา เห็นเท่านั้น” นายไม่รับรู้ “นั่นมันความเชื่อของคุณไม่ใช่ของฉัน แต่ความเชื่อของฉัน ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าของคุณหรอก” คริสเตียน “ฉันขอเสริมตรงนี้หน่อยนะ คุณไม่ควรถือว่าเรื่องนี้เป็น เรื่องเล็กๆ นะ ฉันขอย�้ า ว่า (แม้เพื่อนฉันจะพูดไปแล้วก็ตาม) ไม่มีใคร สามารถรู้จักพระเยซูคริสต์ได้ ถ้าพระบิดาไม่ส�า แดงให้เขารู้ และความเชื่อใน พระเยซูคริสต์ก็เป็นมาโดยฤทธิ์เดชอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
จงตื่นเถิด ลืมตาขึ้นมองดูสภาพของความเลวร้ายของตัวเอง แล้วพึ่งพิง
นายไม่รับรู้ “อะไรนะ คุณเชื่อเรื่องการส�าแดงเหรอ ฉันว่าคุณนี่สับสน
“ท�าไมล่ะ พระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้าซึ่งเหนือความเข้าใจ
เราจะรู้จักพระองค์ไม่ได้
ซึ่งคุณไม่ยอมรับรู้
คุณจะได้รับความรอดพ้นจากโทษบาป” นายไม่รับรู้ “คุณเดินเร็วจัง ฉันตามไม่ทันเลย คุณเดินไปก่อนเถอะ ฉันจะเดินตามไปทีหลังก็แล้วกัน” แล้วเขาทั้งสองก็พูดว่า เจ้ำไม่รับรู้เอำแต่ปฏิเสธ น่ำสังเวชไม่รู้จักค�ำสั่งสอน เอำแต่คิดว่ำท�ำดีเองนั้นแน่นอน อย่ำงนี้วอนรับโทษทัณฑ์ตำมบำปตน แล้วคริสเตียนพูดกับนายมีหวังว่า “ไปเถอะมีหวัง ฉันว่าเราต้องเดินกัน สองคนอย่างงี้แหละ”
ของพระเจ้า (เพราะพระองค์คือพระเจ้า)
นี่ เป็นช่วงสุดท้ายของการเดินทาง ซึ่งมีการวิเคราะห์ถึงความตกต�่ า ฝ่ายวิญญาณถ้วนถี่ที่สุด ในขณะที่คริสเตียนพูดถึงเหตุผลเก้าประการ กับนายมีหวัง บันยันมีเหมือนกับนักเทศน์คนอื่นๆ ที่ชอบทดสอบจิตใจของ ตัวเองและจิตใจของคนอื่น ในตอนต่อไปนี่เราจะเห็นว่าต้องมีบาปลับๆ ใน ชีวิตส่วนตัวก่อนที่จะกลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่ออกมา ก่อนที่คริสเตียนและนายมีหวังจะไปถึงประตู เขาต้องข้ามแม่น�้าสายหนึ่ง บันยันได้จินตนาการเรื่องนี้มาจากการที่อิสราเอลข้ามแม่น�้าจอร์แดน และ เข้าสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา (โยชูวา 3) แต่พระคัมภีร์ไม่ได้ใช้ “การข้าม แม่น�้ า จอร์แดน” เป็นสัญลักษณ์ของความตายไปสู่ชีวิตนิรันดร์ ในขณะที่ บทเพลงและบทกวีของคริสเตียนบางบทใช้ในความหมายแบบนั้น การข้าม แม่น�้าจอร์แดนของอิสราเอลคือ การทิ้งตัวเก่า ทิ้งชีวิตที่ไม่เชื่อที่วนเวียนอยู่ ในถิ่นทุรกันดาร และเข้าสู่มรดกในชีวิตของพระคริสต์ แต่ที่ส�าคัญคานาอัน ไม่ใช่สัญลักษณ์ของสวรรค์ เพราะอิสราเอลต้องท�าสงครามที่นั่น อย่างไร ก็ตามเรายอมรับว่าเล่มนี้เป็นวรรณกรรมที่เป็นเพชรน�้าเอกทีเดียว เรื่องราวของหนังสือเล่มนี้ เริ่มตั้งแต่เมืองพินาศมาจนถึงสวรรค์ และ คริสเตียนก็มาถึงประตูสวรรค์แล้ว บันยันปิดฉากหนังสือของเขาด้วยค�าเตือน ที่ว่า คนเราอาจเข้าใกล้สวรรค์มาก แต่ยังอยู่ห่างไกลจากความรอดของ พระเจ้า นายไม่รับรู้เป็นคนที่หลอกตัวเอง และเมื่อการเดินทางสิ้นสุด ก็จะ ถูกมัดมือมัดเท้าส่งไปยังนรกที่อยู่ข้างๆ ประตูสวรรค์นั่นเอง ขออย่าให้เราเป็นอย่างนั้นเลย บทน�ำสู่ตอนต่อไป
นายมีหวัง “คุณบอกก่อนสิ คุณเป็นพี่นี่นา”
คริสเตียน “ฉันคิดว่า พวกเขาอาจจะเคยส�านึกผิด
ข้ าพเจ้าเห็นในความฝันของข้าพเจ้าว่า คริสเตียน และ นายมีหวัง เดิน อย่างรวดเร็ว ส่วนนายไม่รับรู้ก็เอ้อระเหยมาข้างหลังแล้วคริสเตียนเอ่ย กับนายมีหวังว่า “น่าสงสารชายคนนี้จริงๆ ในบั้นปลายเขาคงต้องล�าบากแน่” นายมีหวัง “น่าเสียดายนะ ในเมืองเรามีคนแบบนี้อยู่มาก บ้างก็เป็น กันทั้งครอบครัวเลย
แถมบางคนเป็น นักแสวงธรรมด้วยนะ ถ้าขนาดในเมืองเรายังมีมากขนาดนี้ แล้วในบ้านเกิด เมืองนอนของเขาจะมากแค่ไหน” คริสเตียน “พระคัมภีร์บอกว่า พระองค์ได้ทรงปิดตาของเขาทั้งหลาย เกรงว่าเขาจะเห็นด้วยตาของเขา เดี๋ยวนี้มีเราแค่สองคน บอกซิว่า คุณคิด ยังไงเกี่ยวกับคนเหล่านั้นนะ คุณคิดว่าพวกเขาไม่เคยตระหนักถึงความบาป และไม่กลัวว่าจิตวิญญาณของพวกเขาจะตกใจสภาพที่อันตรายขนาดไหนหรือ”
บ้างก็เกลื่อนกลาดเต็มถนนไปหมด
แต่นิสัยของเขา ไม่ยอมรับรู้อะไรเอาเสียเลย พวกเขาไม่รู้ว่าการส�านึกบาปนั้นเป็นผลดีแก่ ตัวเขา จึงพยายามปัดความคิดนั้นไปเสีย แล้วก็หลอกตัวเองต่อไปว่า จิตใจ ของตัวเองดีแล้ว” ตอนที่ 9
159 ปริศนาธรรม นายมีหวัง “ฉันก็ว่าอย่างงั้นแหละ หลายครั้งความกลัวก่อให้เกิดผลดี เพราะเป็นแรงผลักดันในคนเหล่านั้นเริ่มออกเดินทางแสวงธรรม” คริสเตียน “ข้อนั้นฉันไม่สงสัยเลย
พระคัมภีร์บอกว่า
เป็นที่เริ่มต้นของปัญญา’ ” นายมีหวัง “คุณช่วยอธิบายถึงความกลัวที่ถูกต้องหน่อยสิว่าเป็นอย่างไร” คริสเตียน “ความกลัวจะผิดหรือถูกนั้น สังเกตได้จาก 3 ประการต่อไปนี้ หนึ่ง มันมาจากไหน ความกลัวที่ถูกต้องเกิดจากการที่ตัวเองส�านึก ได้ว่าตนต้องการความรอดเพราะตนมีความบาป สอง ความกลัวที่ถูกต้องจะชักน�าให้จิตวิญญาณของเราพึ่งพิงพระเยซู เพื่อจะได้รับความรอดนั้น สาม ความกลัวที่ถูกต้องจะท�าให้จิตวิญญาณเคารพนบนอบต่อพระเจ้า ต่อพระวจนะของพระองค์ ต่อวิถีของพระองค์ ท�าให้จิตวิญญาณมีความรู้สึก ไวต่อสิ่งเหล่านี้และกลัวที่จะหันออกจากสิ่งเหล่านี้ หรือท� า อะไรที่ไม่ถวาย เกียรติแด่พระเจ้า หรือท�าอะไรที่ท�าลายสันติสุขในจิตใจ หรือท�าอะไรที่ท�าให้ พระวิญญาณเสียพระทัย” นายมีหวัง “ฉันก็ว่าอย่างนั้น ตอนนี้เราเกือบจะพ้นดินแดนมนต์สะกด หรือยัง” คริสเตียน “ท�าไมล่ะ คุณเบื่อที่จะคุยแล้วหรือ” นายมีหวัง “ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก แต่ฉันอยากรู้ว่าเราอยู่ที่ไหน” คริสเตียน “เราคงต้องเดินไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ก็จะถึงแล้ว คุยเรื่องเดิมดีกว่านะ คนที่ไม่ยอมรับรู้จะไม่รู้ว่าการส� า นึกผิดที่ก่อให้เกิด ความเกรงกลัวนั้นเป็นสิ่งทีดีส�าหรับเขา ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามปัดความ รู้สึกนั้นออกไป” นายมีหวัง “พวกเขาท�าได้ไงนะ” คริสเตียน “ก็ ประการแรก พวกเขาคิดว่าความเกรงกลัวนั้นมาจาก มาร (ทั้งที่จริงๆ แล้วมาจากพระเจ้า) ดังนั้น พวกเขาจึงได้ต่อต้านความรู้สึก เหล่านี้จนเหมือนกับว่าความรู้สึกเหล่านั้นจะท�าให้พวกเขาพ่ายแพ้
แต่ต้องเป็นความกลัวที่ถูกต้องนะ
‘ความย�าเกรงพระเจ้า
พวกเขาเห็นว่าความเกรงกลัวจะท�าลายความชอบธรรมของตัวเอง
160 ปริศนาธรรม สอง พวกเขาคิดว่าความกลัวเหล่านั้นจะท�าลายความเชื่อของพวกเขา ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่มีความเชื่อเลย พวกเขาจึงท�าใจแข็งไม่ยอมให้ตัวเองรู้สึกกลัว สาม พวกเขาสรุปว่าพวกเขาไม่ควรกลัว ดังนั้น
ยิ่งทึกทักเอาเองว่ามั่นใจในตัวเอง สี่
ดังนั้น พวกเขาจึงพยายามสกัดกั้นอย่างถึงที่สุด” นายมีหวัง “ฉันรู้ดีเลยล่ะ เพราะฉันก็เคยเป็นมาก่อน” คริสเตียน “อืม... ตอนนี้เราเลิกคุยเรื่องนายไม่รับรู้ไว้ก่อนก็แล้วกัน คุยเรื่องอื่นที่เป็นประโยชน์กันดีกว่า” นายมีหวัง “เห็นด้วย คุณเริ่มสิ” คริสเตียน “อืมม... คุณเคยรู้จักกับคนชื่อนายชั่วคราวมั้ย เขาเคยอยู่ แถวบ้านคุณเมื่อ 10 ปีมาแล้ว เขาต่อต้านความเชื่อในพระเจ้า” นายมีหวัง “รู้จักรึ! แน่นอน รู้จักดีเชียวล่ะ เขาอยู่ในเมืองไร้พระคุณ ห่างจาก เมืองซื่อสัตย์ ไปสัก 3 กิโลเมตรเห็นจะได้ และบ้านอยู่ติดกับ นาย หันกลับ” คริสเตียน “นั่นแหละ คนนั้นแหละ พวกเขาอยู่บ้านหลังเดียวกัน ด้วยซ�้า ฉันว่า นายชั่วคราว น่ะมีความรู้สึกว่าตนเองบาปเหมือนกันนะ และ ก็รู้เรื่องโทษทัณฑ์ในวันพิพากษาดีด้วย” นายมีหวัง “ฉันก็ว่าอย่างงั้นแหละ เพราะบ้านของฉันห่างจากบ้านเขา ไม่ถึง 5 กิโลเมตรและเขามักมาหาฉันด้วยน�้าตานองหน้า ฉันสงสารเขาจริงๆ นะ และคิดว่า เขายังพอมีหวัง แต่นายคนนี้ท�าให้ฉันนึกได้ว่าไม่ใช่ทุกคน ที่เรียกพระเจ้าว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า’ จะได้เข้าแผ่นดินสวรรค์” คริสเตียน “ครั้งหนึ�งเขาเคยบอกฉันว่า เขาตั้งใจแสวงธรรม แต่ทันที ที่เขาได้พบกับนายช่วยตัวเองให้รอดก็เลิกคบกับฉันเลย” นายมีหวัง “เออ...เมื่อพูดถึงเขาแล้ว ให้เราลองคิดดูว่าอะไรเป็น สาเหตุที่ท�าให้เขาและคนอื่นเลิกล้มความตั้งใจกันดีกว่า”
แม้จะรู้สึกกลัว พวกเขา
หรืออย่างน้อยไม่น�าตัวเข้าไปสู่ปัญหาโดยไม่จ�าเป็น แล้วเขาก็กลับ
เมื่อความรู้สึกกลัวนรกและพระพิโรธที่จะมาถึงเริ่มจางหายไป พวกเขาก็จะหันกลับไปทางเดิม สี่ พวกเขาไม่ชอบคิดแม้แต่เรื่องความรู้สึกผิดและความเกรงกลัวหรือ
ความทุกข์ทรมานในอนาคต เพราะถ้าพวกเขาคิด
161 ปริศนาธรรม คริสเตียน “คงจะมีประโยชน์มากเลยล่ะ คุณเริ่มสิ” นายมีหวัง “ฉันคิดว่ามีเหตุผล 4 ประการ หนึ่ง แม้ว่าคนเหล่านี้จะรู้สึกผิดชอบขึ้นมา แต่ความคิดของเขาก็ ไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้น เมื่อความรู้สึกผิดหายไป เขาก็เลิกคิดเรื่องพระเจ้า พวกเขากลับไปท� า เหมือนเดิม เหมือนสุนัขกลับไปกินสิ่งที่มันส� า รอกออก มา พวกเขาแสวงหาสวรรค์ก็เพราะกลัวตกนรกเท่านั้นเอง แต่เมื่อความ รู้สึกถึงนรกและความกลัวเรื่องโทษทัณฑ์วันพิพากษาจางลง ความต้องการ ที่จะแสวงหาสวรรค์และความรอดก็ลดน้อยลงตามไปด้วย เมื่อความรู้สึกผิด และรู้สึกกลัวมลายหายไป ความต้องการสวรรค์และความสุขก็สูญสลายตาม ไปด้วย แล้วก็กลับมาท�าตัวเหมือนเดิม สอง พวกเขาเป็นทาสของความกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกลัวคน ‘เพราะการกลัวคนเหมือนกับการตกอยู่ในกับดัก’ แม้ว่าเขาจะแสวงหาสวรรค์ เมื่อได้ยินเรื่องเปลวไฟแห่งนรก แต่เมื่อความกลัวลดน้อยลง
ไปหาโลกอีกครั้ง สาม ความอัปยศอดสูที่ควบคู่มากับการตามพระเยซูเป็นอุปสรรคต่อ พวกเขา พวกเขาสูงส่งและมีอ�านาจ และคิดว่าการติดตามพระเยซูเป็นเรื่อง ต้อยต�่าและไร้ค่า
พวกเขาจะเริ่มมี ความคิดอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ เป็นการดีที่จะฉลาดและไม่เสี่ยงต่อการสูญเสีย ทั้งหมด
พวกเขาก็คงจะพึ่งพาใน สิ่งที่คนชอบธรรมพึ่งพาซึ่งเป็นที่ปลอดภัย แต่เพราะว่าพวกเขาหลีกเลี่ยง แม้แต่ความคิดเกี่ยวกับความรู้สึกผิดและความเกรงกลัว ดังนั้น เมื่อพวกเขา จ�ากัดความคิดเกี่ยวกับความสยดสยองของนรกและพระพิโรธของพระเจ้าได้ เสียแล้ว พวกเขาก็จะยินดีที่จะท�าใจให้แข็งกระด้างไม่ให้คิดถึงอีก และยังเลือก ทางที่จะท�าให้ใจแข็งมากขึ้นๆ”
162 ปริศนาธรรม คริสเตียน “คุณพูดถูกทีเดียว จริงๆ แล้วสิ่งที่พวกเขาควรท�าคือ การ เปลี่ยนความคิดความตั้งใจ พวกเขาเป็นเหมือนนักโทษอุกฉกรรจ์ยืนตัวสั่น อยู่ต่อหน้าผู้พิพากษา และดูเหมือนกลับใจ แต่ลึกๆ ในจิตใจแล้ว เขาเพียงแต่ กลัวการลงโทษเท่านั้น ไม่ได้เสียใจกับความผิดของตัวเอง
ละก็... เขาก็จะเป็นขโมยและตัวร้ายอีก นอกจากว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงจิตใจ เขาถึงจะเป็นคนใหม่จริงๆ” นายมีหวัง “ฉันบอกเหตุผลของการหันหลังให้พระเจ้าแล้ว คราวนี้ คุณพูดบ้าง” คริสเตียน “ด้วยความยินดีเลยล่ะ” หนึ่ง พวกเขาจะพยายามหันเหความคิดออกจากเรื่องของพระเจ้า ความตาย และการพิพากษาที่จะมาถึงอย่างสุดความสามารถ สอง จากนั้นพวกเขาจะค่อยๆ เลิกการอธิษฐานส่วนตัว การเหนี่ยวรั้งตน จากตัณหา การระมัดระวังในการด�าเนินชีวิต การกลับใจจากบาปและสิ่งอื่นๆ สาม จากนั้นพวกเขาก็จะหลีกเลี่ยงกลุ่มคริสเตียนที่กระตือรือร้นและ จริงใจ สี่ หลังจากนั้นเขาจะเริ่มไม่สนใจการฟังพระวจนะ การประชุมนมัสการ และอื่นๆ ห้า เขาจะเริ่มจับผิดคริสเตียนโดยมีจุดมุ่งหมายที่ไม่ดีคือ เพื่อน�าไป เป็นข้ออ้างในการหันออกจากพระเจ้า หก เขาจะเริ่มคบค้าสมาคมกับชาวโลก คนที่ผิดศีลธรรมและพวกเสเพล เจ็ด เขาจะปล่อยตัวกับโลกและพูดจาสกปรก และจะมีความสุขถ้าได้ เห็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนดีท�าเหมือนเขา เพื่อเขาจะสามารถน�าไปอ้างและ ปล่อยตัวได้มากขึ้น แปด แล้วเขาจะเริ่มเล่นกับบาปเล็กๆ น้อยๆ อย่างเปิดเผย เก้า เนื่องจากใจของเขาแข็งกระด้างแล้ว เขาก็จะแสดงตัวอย่างโจ่งแจ้ง ว่าเขาเป็นอย่างไร พวกเขาจะตกอยู่ในความเศร้าโศกและอยู่ในสภาพของการ หลอกลวงตนเองตลอดไป นอกเสียจากว่าจะมีการอัศจรรย์แห่งพระคุณบังเกิดขึ้น”
ถ้าเขามีอิสระอีก
163 ปริศนาธรรม แล้วข้าพเจ้าได้เห็นในความฝันของข้าพเจ้าว่า ผู้แสวงธรรมทั้งสอง ได้ข้ามดินแดนมนต์สะกดไป และเข้าสู่เมืองบิวลาห์ ซึ่งถนนหลวงได้ตัดตรง เข้าไปในเมืองนี้ อากาศเมืองนี้สดชื่นเย็นสบาย และทั้งสองก็ได้รับความ ประเล้าประโลมใจและการฟื้นฟูที่นั่นพักหนึ่ง ในเมืองนี้มีดอกไม้บานสะพรั่ง ทุกวัน มีเสียงนกร้องเพลง และมีเสียงนกเขาขันคู ดวงอาทิตย์ส่องสว่าง ทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะเขตนี้อยู่นอกเขต หุบเขาเงาความตาย และ นอกเขตของยักษ์หมดหวัง ที่จริงจากเมืองนี้เราไม่สามารถมองเห็นปราสาท สงสัยได้เลย แต่สามารถมองเห็นเมืองบรมสุขเกษมได้ และที่นี่พวกเขาได้ พบบางคนที่อาศัยใน เมืองบรมสุขเกษม คือผู้มีแสงเปล่งประกายอยู่รอบ ตัวที่มักจะเดินไปมาในเมืองนี้ เพราะเมืองนี้อยู่ในเขตชายแดนเมืองสวรรค์ นอกจากนี้ เมืองนี้ยังเป็นเมืองที่มีการร่างสัญญาระหว่างเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ขึ้นอีกครั้ง “และเจ้าบ่าวเปรมปรีดิ์เพราะเจ้าสาวฉันใด พระเจ้าของเจ้าจะ เปรมปรีดิ์เพราะเจ้าฉันนั้น” เมืองนี้ไม่เคยขาดทั้งพืชทั้งเหล้าองุ่น ทั้งสอง พบความอุดมสมบูรณ์ที่พวกเขาแสวงหามาตลอดการเดินทาง เขาได้ยิน เสียงดังจากเมืองบรมสุขเกษมว่า “จงกล่าวแก่ธิดาของศิโยนว่า ดูเถิดความรอด ของเจ้ามา ดูเถิด รางวัลของพระองค์ก็อยู่กับพระองค์” และคนเรียกเขา ทั้งหลายว่า “ประชาชนบริสุทธิ์ผู้รับการไถ่ไว้แล้วของพระเจ้า และเป็นผู้ที่ พระเจ้าเรียกออกมา” เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาในเมืองนี้ พวกเขามีความชื่นชมยินดีมากกว่า ที่อื่นๆ ที่ผ่านมา ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้เมืองบรมสุขเกษมเท่าไร ภาพของเมือง ที่เห็นนั้นก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเมืองนั้นสร้างด้วยไข่มุกและอัญมณีต่างๆ ถนนท�าด้วย ทองค�า และรัศมีเรืองรองของเมืองกับแสงอาทิตย์ที่สะท้อนรัศมีออกมา ท�าให้ คริสเตียนล้มป่วยด้วยความปรารถนาที่จะไป นายมีหวังก็เหมือนกัน ดังนั้น เขาจึงนอนลงสักครู่แล้วร้องว่า “ถ้าใครคนใดได้พบที่รักของฉัน บอกเขาด้วยว่า ฉันก�าลังเป็นไข้ใจ” เมื่อเริ่มมีก� า ลังและพอจะลุกขึ้นไหว พวกเขาก็มุ่งหน้าเดินต่อ ยิ่ง เข้าไปใกล้เมืองนั้นมากขึ้นๆ ทุกที และเห็นว่ามีสวนผลไม้ สวนองุ่น สวน
164 ปริศนาธรรม ดอกไม้ และเห็นประตูเปิดรออยู่ เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นคนท�าสวน ยืนอยู่ พวกเขาจึงถามว่า “สวนองุ่นสวนดอกไม้เหล่านี้เป็นของใคร” ชายคนนั้น ตอบว่า “เป็นของพระราชา ปลูกเพื่อความชื่นบานของพระองค์ และเพื่อ ปลอบโยนผู้แสวงธรรม” คนท�าสวน น�าพวกเขาไปที่สวนองุ่น และเชื้อเชิญให้กินผลไม้เลิศรส เพื่อให้สดชื่นขึ้น เขาชี้ให้ดูทางที่พระราชาเดินและชี้ให้ดูซุ้มที่พระราชา โปรดปรานที่สุด แล้วพวกเขาก็หยุดพักและนอนกันที่นั่น ข้าพเจ้าเห็นในความฝันว่า คราวนี้พวกเขาพร�่าเพ้อพูดคุยกันมากกว่า ที่เคยคุยกันมาตลอดทาง และเมื่อข้าพเจ้ากังขากับเรื่องนี้ คนท�าสวนก็หัน หน้ามาพูดกับข้าพเจ้าว่า “ท�าไมคุณจึงประหลาดใจในเรื่องนี้ ผลองุ่นของ สวนแห่งนี้หวานมากจนท�าให้ริมฝีปากของผู้ที่หลับอยู่พูดได้” ข้าพเจ้าเห็นว่า เมื่อพวกเขาตื่นขึ้นก็เตรียมตัวเดินทางขึ้นไปที่ เมือง บรมสุขเกษม แต่แสงอาทิตย์ที่สะท้อนจากเมืองนั้น (เพราะเมืองนั้นท�าด้วย ทองค�าแท้) สว่างสุกใสจนไม่สามารถมองตรงๆ ได้ ต้องมองผ่านแว่นกรอง แสงที่ผลิตมาโดยเฉพาะ เมื่อพวกเขาเดินต่อไป พวกเขาพบกับชายสองคน สวมเสื้อสีแพรวพราวดุจทองค�า หน้าตาสุกใสมีรัศมีเปล่งปลั่ง ชายสองคนนั้นถามคริสเตียนและนายมีหวังว่า มาจากไหน ทั้งสองก็ ตอบพวกเขา ชายสองคนนั้นถามอีกว่า พักที่ไหน พบอุปสรรคและอันตราย อะไรบ้าง พบความสุขสดชื่นที่ใดบ้าง คริสเตียนและนายมีหวังก็ตอบไป แล้ว ชายทั้งสองก็บอกว่า “คุณจะต้องเผชิญกับอุปสรรคอีกแค่สองอย่างเท่านั้น ก็ จะได้เข้าเมืองบรมสุขเกษม” คริสเตียน และ นายมีหวัง ขอให้ชายทั้งสองร่วมเดินทางไปด้วย ชาย ทั้งสองก็ตกลงแล้วพูดว่า “แต่คุณจะต้องเดินทางไปสู่เมืองนั้นด้วยความเชื่อ ของคุณเองนะ”
พวกเขาจึงถามชายทั้งสองว่า
แต่ก็ไม่พบทางที่จะข้ามแม่น�้าได้
165 ปริศนาธรรม จากนั้นข้าพเจ้าเห็นในความฝันว่า พวกเขาเดินทางไปด้วยกันจนถึง จุดที่มองเห็นประตูเมือง ข้าพเจ้าสังเกตเห็นว่าระหว่างพวกเขากับประตูเมืองมีแม่น�้าขวางกั้นอยู่ แต่ไม่มีสะพานข้าม และแม่น�้าก็ลึกมาก คริสเตียนและนายมีหวังไม่รู้จะท�า อย่างไร แต่ชายทั้งสองบอกว่า “คุณต้องข้ามไป มิฉะนั้นจะเข้าไปในเมือง ไม่ได้เลย” คริสเตียนและนายมีหวังถามว่า “มีทางอื่นที่จะเข้าไปหรือเปล่า” ชาย ทั้งสองตอบว่า “มี แต่ตั้งแต่สร้างโลก มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาต ให้ใช้เส้นทางนั้น คือเอโนคและเอลียาห์ นอกจากนั้นไม่มีใครได้ใช้เส้นทางนั้น จนกว่าจะมีเสียงแตรครั้งสุดท้ายดังขึ้น” ทั้งสองเริ่มหมดหวังโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คริสเตียน เขามองไปทางโน้นทีทางนี้ที
“ความลึกของแม่น�้าอยู่ระดับเดียวกันตลอดมั้ย” ชายทั้งสองนั้นบอกว่า
และพวกเขาช่วยไม่ได้ด้วย
“จะลึกหรือจะตื้นขึ้นอยู่กับความเชื่อในกษัตริย์ของที่แห่งนี้” พวกเขาลุยลงไปในแม่น�้า คริสเตียนเริ่มจมลง เขาร้องกับเพื่อนที่แสนดี ของเขาว่า “ฉันอยู่ในเลนลึกไม่มีที่ยืน ฉันมาอยู่ในน�้าลึก และน�้าท่วมฉัน” นายมีหวังพูดว่า “ท�าใจดีๆ ไว้เถอะพี่ ฉันหยั่งถึงพื้นแล้วและพื้นนั้น มั่งคงดีนะ” คริสเตียนพูดว่า “ความเจ็บปวดแห่งแดนผู้ตายจับฉันไว้ ฉันคงไม่ได้ เห็นดินแดนแห่งน�้านมและน�้าผึ้ง” ความมืดและความกลัวถมทับ คริสเตียน จนเขามองอะไรไม่เห็นและ จิตใจว้าวุ่นเหลือเกินไม่สามารถจ� า หรือพูดถึงพระพรที่เขาได้รับตลอดการ เดินทางที่ผ่านมา เขามัวแต่พูดถึงความกลัวแบบสยองขวัญ และเกรงว่าเขา คงจะตายในแม่น�้านี้และไม่ได้เข้าประตูเมืองบรมสุขเกษมแน่ เขาคิดกังวลกับ บาปที่เขาได้ท�า ท�าบาปตั้งแต่เขาเป็นผู้แสวงธรรมและก่อนหน้านั้น และจาก ค�าพูดของเขาท�าให้เห็นว่า เขาเป็นทุกข์เนื่องจากเห็นภาพของมารซาตาน และวิญญาณชั่ว
“ไม่”
แล้วก็พูดต่อไปว่า
คริสเตียนจมลงใต้น�้าหลายครั้งและเมื่อโผล่ขึ้นมาก็จวนเจียนจะตายแล้ว นาย
166 ปริศนาธรรม นายมีหวัง
ช่วยผยุง คริสเตียน ให้ลอยคอไว้เท่าที่จะท� า ได้ ความจริง
มีหวังพยายามหนุนใจเขาว่า “พี่เอ๋ย ฉันเห็นประตูแล้วมีคนมายืนรอรับเราด้วย” แต่คริสเตียนตอบว่า “เขารอรับน้องต่างหาก น้องมีความหวังตลอดมาตั้งแต่ พี่รู้จักน้อง” นายมีหวังบอกว่า “พี่ก็เหมือนกัน” คริสเตียนตอบว่า “น้องเอ๋ย ถ้าพี่ท�าตัวถูกต้อง พระองค์ต้องมาช่วยพี่เดี๋ยวนี้ แต่นี่พี่ต้องอยู่ในบ่วงแร้ว และพระองค์ทอดทิ้งพี่ ก็เป็นเพราะความบาปของพี่แน่ๆ” นายมีหวัง หนุนใจว่า “พี่ลืมแล้วหรือ พระคัมภีร์กล่าวถึงคนชั่วว่า ‘ตลอดชีวิตเขาไม่มีความเจ็บปวด ร่างกายเขาปกติและสมบูรณ์ เขาทั้งหลาย ไม่ล�าบากเหมือนคนอื่นๆ เขาทั้งหลายไม่รับภัยอย่างคนอื่นๆ’ การที่พี่ต้องทุกข์ ยากล�าบากไม่ใช่ว่าพระเจ้าทอดทิ้งพี่หรอกนะ แต่พระองค์ต้องการทดสอบดูว่า พี่ลืมพระกรุณาคุณของพระองค์ในอดีตหรือไม่ ดูว่าพี่จะพึ่งพาพระองค์เมื่อมี ความทุกข์หรือไม่” ข้าพเจ้าเห็นในความฝันว่าคริสเตียนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ขณะเดียวกัน นายมีหวังก็เสริมขึ้นว่า “ท�าใจดีๆ ไว้ พระเยซูคริสต์จะช่วยพี่จนถึงที่สุดแน่” แล้วคริสเตียนก็ร้องเสียงดังว่า “โอ พี่เห็นพระองค์แล้ว พระองค์ตรัสกับพี่ ว่า เมื่อเจ้าลุยข้ามน�้า เราจะอยู่กับเจ้า เมื่อข้ามแม่น�้า น�้าจะไม่ท่วมเจ้า” แล้วทั้งสองก็มีก� า ลังใจมากขึ้น หลังจากนั้นศัตรูก็เงียบไป ตอนนี้ คริสเตียน หยั่งถึงพื้นแล้วและระยะทางที่เหลือในแม่น�้ า นั้นก็เริ่มตื้นขึ้น ใน ที่สุดทั้งสองก็ข้ามได้ส�าเร็จ เมื่อถึงฝั่งก็พบชายสองคนที่มีแสงเปล่งประกายอยู่รอบตัวอีกครั้ง ซึ่ง รอคอยพวกเขาอยู่ และพูดว่า “เราเป็นวิญญาณผู้ปรนนิบัติที่พระองค์ทรง ส่งไปช่วยเหลือบรรดาผู้ที่ได้รับความรอด” แล้วพวกเขาก็เดินตรงไปยังประตู เมืองบรมสุขเกษมอยู่บนภูเขาสูง แต่ผู้แสวงธรรมทั้งสองปีนเขาขึ้นไป ได้อย่างง่ายดาย เพราะมีชายทั้งสองคอยชี้น�าและฉุดไว้ อีกอย่างหนึ่ง เมื่อ
167 ปริศนาธรรม เขาขึ้นจากแม่น�้านั้นเสื้อผ้าเก่าก็หายไป
กระฉับกระเฉงและรวดเร็ว
ขึ้นไปและคุยกันไปบนเมฆอย่างมีความสุข อุ่นใจที่ข้ามแม่น�้ามาได้ และมี เพื่อนร่วมทางที่มีสง่าราศีเช่นกันด้วย ผู้แสวงธรรมได้ขี่เมฆขำว แพรวพรำวด้วยทูตสวรรค์รอบข้ำง มิได้มำเพื่ออุปสรรคจะเบำบำง แต่อยู่ข้ำงผู้แสวงธรรมทุกค�่ำไป ทั้งสองพูดคุยกับชายสองคนที่มีแสงเปล่งประกายอยู่รอบตัว ถึงความ ยิ่งใหญ่ของ เมืองบรมสุขเกษม ซึ่งชายทั้งสองบอกว่าความสวยงามและ สง่าราศีนั้นเหลือที่จะพรรณนา ชายทั้งสองบอกว่า “นั่นไง
เยรูซาเล็มใหม่
ที่ท่านจะพบต้นไม้แห่งชีวิตซึ่งมีผลตลอดปี ท่านจะได้รับเสื้อขาวและได้เดิน กับกษัตริย์ พร้อมทั้งพูดคุยกับพระองค์ตลอดไป ท่านจะไม่ได้เห็นสิ่งที่ท่าน ได้เห็นในโลกอีก เช่น ไม่เห็นความโศกเศร้า ความเจ็บป่วย ความทุกข์ยาก และความตาย ‘เพราะสิ่งเก่าก่อนนั้นจะไม่จ�ากัน หรือนึกได้อีก’ ท่านจะได้พบ กับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ และผู้พยากรณ์คนอื่นๆ ซึ่งพระเจ้า ‘เอาไปเสีย จากความล�าบากยากเย็นที่จะมาถึงนี้’ พวกเขาเหล่านั้น ‘ก็พักอยู่บนที่นอน ของเขา’ แต่ละคนได้ ‘ด�าเนินในความเที่ยงธรรมของเขา’ ” คริสเตียน และ นายมีหวัง ถามว่า “เราต้องท� า อะไรบ้างในสถานที่ ศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้น” ชายทั้งสองตอบว่า “ท่านจะได้รับความบรรเทาจากความ ล�าบากเหน็ดเหนื่อยทั้งหลายและได้รับความชื่นชมยินดีทดแทนความเศร้าโศก ที่เคยได้รับ ท่านจะได้เก็บเกี่ยวผลที่ท่านหว่าน ผลของค�าอธิษฐาน ผลของ การหลั่งน�้าตา ผลของการทนทุกข์เพื่อองค์พระมหากษัตริย์ตลอดทางที่เดินมา
ดังนั้นเขาจึงสามารถเดินได้อย่าง
แม้ว่าเมืองนั้นจะอยู่สูงเหนือเมฆ พวกเขาก็ปีน
ภูเขาศิโยนนคร
แห่งสวรรค์ มีทูตสวรรค์มากมาย และวิญญาณของคนชอบ ธรรมซึ่งถึงความสมบูรณ์แล้ว ท่านก�าลังเดินทางไปเมืองสวรรค์ของพระเจ้า
แต่ท�าด้วยความยากล�าบากเนื่องจากเนื้อหนังของท่านอ่อนแอ
ชายที่มีแสงเปล่งประกายอยู่รอบตัวสองคนนั้นพูดกับทูตสวรรค์
“ความเจริญสุขจงมีแก่คนทั้งหลายที่ได้รับเชิญมาในงานมงคลสมรสของ พระเมษโปดก”
ขณะนั้นผู้เป่าแตรของพระเจ้าหลายคนก็ออกมาต้อนรับด้วย
แต่งกายด้วยเสื้อผ้าขาวระยิบระยับและเป่าแตรด้วยเสียงไพเราะดังก้องไปทั่ว
168 ปริศนาธรรม ท่านจะได้สวมมงกุฎทองค�าและชื่นชมยินดีจากการได้เห็นองค์ผู้บริสุทธิ์
ตาของท่านจะยินดีที่ได้เห็นพระองค์
ท่านจะได้พบมิตรสหายที่ได้ล่วงลับไปก่อนท่าน และท่านจะได้รับ ความชื่นบานจากการต้อนรับทุกคนที่จะเข้ามาในสวรรค์ภายหลังท่าน ท่าน จะได้สวมความสง่างามและสง่าราศี และจะด� า เนินไปกับกษัตริย์ผู้ทรงสิริ เมื่อพระองค์เสด็จในวันพิพากษาพร้อมกับเสียงแตรในเมฆ ท่านจะได้นั่งบน ปีกลมร่วมกับพระองค์ และจะได้นั่งข้างๆ พระองค์ที่บัลลังก์พิพากษา เมื่อ พระองค์ตัดสินผู้กระท�าผิด ทั้งทูตสวรรค์และมนุษย์ ท่านก็จะมีส่วนในการ ตัดสินด้วย เพราะพวกนั้นเป็นศัตรูของพระเจ้าและของท่านด้วย แล้วเมื่อ
ท่านก็จะตามเสด็จด้วย
เพราะ ‘จะเห็นพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็นอยู่นั้น’ ท่านจะได้รับใช้พระองค์ด้วย การสรรเสริญ ด้วยการเปล่งเสียง ด้วยการขอบพระคุณตามที่ท่านปรารถนา จะท�าในโลก
หูของท่านจะยินดีที่ได้ยินเสียงของ พระองค์
พระองค์เสด็จกลับเข้าเมืองพร้อมด้วยเสียงแตร
และ
อยู่กับพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์”
ต้อนรับ
กลุ่มนั้นว่า “คนเหล่านี้รักพระเจ้ามากเมื่ออยู่ในโลก และได้สละทุกสิ่งเพื่อ พระนามบริสุทธิ์ของพระองค์ พระเจ้าได้ส่งเราไปรับพวกเขามา เราได้น�า เขามาถึงนี่แล้วเพื่อเขาจะเข้าไปในเมือง และได้เห็นพระผู้ไถ่ของเขากับ ตาด้วยความชื่นบาน” จากนั้นทูตสวรรค์กลุ่มนั้นก็ส่งเสียงร้องดังสนั่นว่า
เมื่อพวกเขาใกล้จะถึงประตูสวรรค์ ก็มีทูตสวรรค์หมู่หนึ่งออกมา
พวกเขา
ฟ้าสวรรค์ พวกเขาค�านับ คริสเตียน และ นายมีหวัง หมื่นครั้ง พร้อมกับเป่า แตรไปด้วย
169 ปริศนาธรรม จากนั้น พวกนั้นก็ห้อมล้อมคนทั้งสอง ทั้งซ้ายขวาหน้าหลัง (เพื่อ ปกป้องเขาทั้งสองจากมาร) ทั้งสองรู้สึกเหมือนกับว่าสวรรค์ลงมาหาเขา เขา ทั้งสองก็เดินต่อไป ผู้เป่าแตรของพระเจ้าได้ขับกล่อมทั้งสองด้วยเสียงเพลง และเมื่อดูจากสายตาและท่าทางของเขาก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขายินดีต้อนรับ คริสเตียนและนายมีหวังมาก ทั้งสองรู้สึกปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งเหมือนอยู่ใน สวรรค์เมื่ออยู่ท่ามกลางชาวสวรรค์และเสียงดนตรีเหล่านั้น ตอนนี้ทั้งสอง สามารถเห็นเมืองสวรรค์แล้ว และยังได้ยินเสียงระฆังต้อนรับด้วย ที่ส�าคัญ ที่สุด พวกเขาอบอุ่นและชื่นชมยินดีเมื่อคิดถึงว่าจะได้อยู่ที่นั่นร่วมกับเพื่อน ฝูงเช่นนั้นตลอดเป็นนิตย์ เขาไม่สามารถบรรยายความสุขเกษมเปรมปรีดิ์นั้น ออกมาโดยวาจาหรือลายลักษณ์อักษรได้ และแล้ว ทั้งสองก็มาถึงประตูเมือง ณ ประตูเมือง เขาเห็นตัวอักษรสีทองจารึกไว้ว่า “คนทั้งหลายที่ได้ ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้าก็เป็นสุข เพื่อว่าเขาจะได้มีสิทธิ์ในต้นไม้ แห่งชีวิต และเพื่อเขาจะได้เข้าไปในนครนั้นโดยทางประตู” จากนั้นข้าพเจ้าได้เห็นในความฝันว่า ชายที่มีแสงเปล่งประกายอยู่ รอบตัวที่ร่วมเดินทางมานั้นบอกคนทั้งสองให้ร้องเรียกที่ประตู เมื่อทั้งสอง ส่งเสียงเรียก เอโนค โมเสส เอลียาห์ และคนอื่นๆ ก็มองลงมาจากขอบ ประตูสูง และมีคนพูดกับคนเหล่านั้นว่า “นักแสวงธรรมเหล่านี้มาจากเมือง แห่งความพินาศ ด้วยความรักในกษัตริย์แห่งสถานที่แห่งนี้” แล้วแต่ละคน ก็มอบหนังสือม้วนที่ได้รับมาตั้งแต่แรก แล้วหนังสือม้วนก็ถูกน� า ไปถวาย ให้กษัตริย์ เมื่อกษัตริย์อ่านแล้วก็ถามว่า “ชายทั้งสองอยู่ที่ไหน” มีผู้ตอบว่า “พวกเขายืนอยู่นอกประตู” แล้วกษัตริย์ก็สั่งให้เปิดประตูแล้วตรัสว่า “ประชาชาติ ที่ชอบธรรมซึ่งรักษาความซื่อสัตย์ไว้จะได้เข้ามา” แล้วข้าพเจ้าก็เห็นในความฝันว่า คริสเตียนและนายมีหวังเดินเข้าไป ในเมือง ขณะนั้นร่างกายของเขาก็เปลี่ยนไป มีเสื้อผ้าระยิบระยับเหมือน
พระบรมมหากษัตริย์ และพระองค์ได้สั่งสอนตามท้องถนนในบ้านเมือง ของเรา” และนายประตูก็ให้เขาส่งหนังสือม้วนมาเพื่อจะได้ยื่นให้กับกษัตริย์ แต่เมื่อเขาค้นหาดูในเสื้อก็ไม่พบเลย
170 ปริศนาธรรม ทองค� า มีพิณและมงกุฎสวม พิณส� า หรับการสรรเสริญ และมงกุฎแสดง ถึงสง่าราศี มีการตีระฆังในเมืองขึ้นอีกครั้งด้วยความชื่นชมยินดี และมีคน พูดกับเขาว่า “เจ้าจงปรีดี ร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด” ข้าพเจ้าได้ยินเสียง ทั้งสองคนร้องดังสนั่นว่า “ขอให้ค�าสดุดีและเกียรติ และพระสิริ และฤทธิ์ เดช จงมีแด่พระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่ง และแด่พระเมษกโปดก ตลอด ไปเป็นนิตย์” เมื่อประตูเปิดอ้าให้ทั้งสองเข้าไปนั้น ข้าพเจ้ามองตามไปเห็นเมืองนั้น ส่องแสงเหมือนดวงอาทิตย์ ถนนท�าด้วยทองค�า และมีคนสวมมงกุฎ ถือใบ ปาล์มกับพิณทองส�าหรับร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าเดินขวักไขว่อยู่ตามถนน เหล่าทูตสวรรค์ก็ร้องต่อกันและกันอย่างไม่หยุดยั้งว่า “บริสุทธิ์ บริสุทธิ์
จากที่ได้เห็นนั้นข้าพเจ้าปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเข้าไปอยู่ท่ามกลางพวกเขา ด้วยตัวเอง ขณะที่ข้าพเจ้าใคร่ครวญถึงสิ่งเหล่านั้น ข้าพเจ้าเหลือบไปเห็น นาย ไม่รับรู้ซึ่งเดินมาถึงแม่น�้า
ความยากล�าบากเหมือนคริสเตียน กับนายมีหวัง เพราะพอดีที่นั่นมีชายคน หนึ่งชื่อนายความหวังอันไร้ค่าช่วยพายเรือไปส่ง นายไม่รับรู้ขึ้นไปบนภูเขา เพียงคนเดียวโดยไม่มีใครมาให้ก�าลังใจสักคน เมื่อมาถึงที่ประตู เขาก็เงยหน้าดูที่ค� า จารึก เขาเคาะประตูและคิด ว่าจะได้เข้าประตูแน่ แต่คนที่อยู่ข้างบนประตูถามว่า “ท่านมาจากไหน และ ท่านต้องการอะไร” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าได้กินและดื่มต่อพระพักตร์
บริสุทธิ์ พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด” หลังจากนั้นประตูก็ปิด
เขาข้ามแม่น�้าได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องประสบ
171 ปริศนาธรรม นายประตูถามว่า
นายไม่รับรู้ ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง
ประตูบอกเรื่องนี้แก่กษัตริย์ แต่พระองค์ไม่ลงมาดูเขาเลย กลับสั่งให้ ทูตสวรรค์สององค์ที่ได้น�าคริสเตียนและนายมีหวังขึ้นมานั้นไปจับนายไม่รับรู้ มัดมือมัดเท้าแล้วเอาไปทิ้งภายนอก ทั้งสองแบกเขาไปถึงประตูที่ข้าพเจ้า เห็นที่เชิงเขาและทิ้งเขาไว้ที่นั่น ข้าพเจ้าจึงเข้าใจว่า จากประตูสวรรค์นั้นมีทางลงนรกด้วยเช่นเดียวกับ จากเมืองที่พินาศ แล้วข้าพเจ้าก็ตื่นขึ้นและระลึกได้ว่านั่นเป็นเพียงความฝัน
“ไม่มีหรือ”
นาย
ผมได้เล่ำควำมฝันให้ท่ำนฟัง พึงระวังกำรตีควำมอย่ำผลีผลำม แปลให้ตนหรือให้คนอื่นก็ตำม อย่ำตีควำมตำมใจอำจไม่ดี และระวังอย่ำตีควำมไปสุดโต่ง ออกนอกโครงเรื่องของผมไม่สุขศรี อย่ำมองเรื่องนี้เพียงแต่ตลกดี ไตร่ตรองทีจะรู้คุณรู้ค่ำจริง ถ้ำจะตีควำมหมำยให้ถูกต้อง คุณต้องลองทำยค�ำอุปมำผม
เพื่อให้สมกับเป็นลูกของพระองค์ สิ่งดีเก็บสิ่งไม่ดีโยนทิ้งเสีย เปรียบเหมือนเบี้ยทองค�ำมีแร่หลอม อย่ำโยนทิ้งทั้งเบี้ยคุณจะตรอม โปรดถนอมทองไส้ในมีค่ำเอย บทสรุป
จะแสวงหำสิ่งเหล่ำนี้อย่ำโง่งม