วงดนตรีไทย พาทยโกศล บ้านพาทยโกศล บ้านดนตรีเก่าแก่มคี วามสามารถ สืบทอดมรดกทางด้านดนตรี ด้วยชื่อทีค่ นุ้ เคยหรือรูจ้ กั ในหมู่นักดนตรีว่า “บ้านเครื่อง” อันหมายถึงบ้านทีเ่ ป็ นแหล่งสอนและรวบรวมเครื่องดนตรีไทยของชาวฝัง่ ธนฯ สืบสาน ตานานดนตรีไทยสายฝัง่ ธนฯ อันเกิดจากหลวงกัลยาณมิตตาวาส มาถึงจางวางทั ่ว พาทยโกศล สืบต่อกันมาตัง้ แต่ กรุงรัตนโกสินทร์ สมัยรัชกาลที่ ๒ จนถึงรัชกาลปัจจุบนั บ้ า น พ าท ยโ ก ศ ล ตั ้ง อยู่ บ ริ เ วณ บ้ า นเลขที่ ๗๘ ถนนอรุณอมรินทร์ตดั ใหม่ แขวง วั ด กั ล ย า ณ์ เ ข ต ธ น บุ รี กรุ ง เทพมหานคร ซึ่ ง บุ ค คล ส าคั ญ ของวงดนตรี ไ ทยบ้ า น พาทยโกศล ที่เป็ นผู้ทาหน้าทีส่ บื ทอดและสานต่อวัฒนธรรมทาง ดนตรีนัน้ มีตงั ้ แต่ในสมัยรัชกาลที่ ๒ จนถึงปัจจุบนั มีถงึ ๘ รุ่น จาก การศึ ก ษาค้ น คว้ า เอก ส าร ที่ เกี่ยวข้องและสัมภาษณ์ท ายาท รุ่นปัจจุบนั สามารถจัดลาดับได้ดงั นี้ รุ่นที่ ๑ ถึงที่ ๓ มิได้มกี ารบันทึกข้อมูลไว้อย่างชัดเจน พอถึงรุ่นที่ ๔ หลวงกัลยาณ มิตตาวาส (ทับ) เจ้ากรมวัดกัลยาณมิตร รุ่นที่ ๕ จางวางทั ่ว พาทยโกศลรุ่นที่ ๖ ครูเทวาประสิทธิ ์ พาทยโกศล และ คุณหญิงไพฑูรย์ กิติวรรณ (พาทยโกศล) รุ่นที่ ๗ ร้อยเอกอุทยั พาทยโกศล และในปัจจุบนั วงดนตรีบา้ นพาทยโกศล อยู่ในความดูแลของทายาท รุ่นที่ ๘ คือ พันโทหญิงราตรี พาทยโกศล ซึ่งเป็ นภริยาของร้อยเอกอุทยั พาทยโกศล ทีถ่ งึ แก่กรรมเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยมีบุตรคือคุณนพวรรณ พาทยโกศล โปรียานนท์และ คุณยุทธนา พาทยโกศล ช่วยคุณ แม่ดูแลวงในเวลาต่อมาถึงปัจจุบนั ต้นตระกูลของบ้านพาทยโกศล เดิมทีเดียวมาจากกรุงศรีอยุธยาในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า นภาลัย ไม่ได้มบี า้ นอยู่ทหี่ ลังวัดกัลยาณมิตร อยู่กนั ทีแ่ พริมแม่น้าเจ้าพระยาตอนเหนือขึน้ ไป ในสมัยรัชกาลที่ ๓ ท่าน เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรจะมีนามใดไม่สามารถค้นได้ มีความสนิทสนมกับครอบครัวพาทยโกศลมากจึงได้ชกั ชวน หลวงกัลยาณมิตตาวาส (ทับ พาทยโกศล) ให้มาสร้างบ้านอยู่ในเขตทีด่ นิ หลังวัด
ในสมัยรัชกาลที่ ๕ จนถึงสมัยของคุณครูจางวางทั ่ว พาทยโกศล และบุตร คือนายเทวาประสิทธิ ์ พาทย โกศล (บุตรชาย) และคุณหญิงไพฑูรย์ กิตติวรรณ (บุตรสาว) วงดนตรีไทยบ้านพาทยโกศลยังเป็ นวงดนตรีที่อยู่ใน สังกัดวังบางขุนพรหม เล่นดนตรีตามงานสาคัญต่าง ๆ ในนามของวังฯ แต่เมื่อมีการเปลีย่ นแปลงการปกครองวงดนตรี บ้านพาทยโกศลได้ดาเนินวิถขี องวงเป็ นวงดนตรีไทยทีร่ บั งานทั ่วไปจนถึงปัจจุบนั แต่บา้ นพาทยโกศลก็ยงั คงได้รบั พระ มหากรุณาธิคุณจากพระบรมวงศานุวงศ์ มาโดยตลอด วงดนตรีบ้านพาทยโกศลยังเป็ นวงดนตรีทไี่ ด้รบั เกียรติให้เข้า ร่วมงานพระราชพิธสี าคัญของชาติ ทีเ่ ป็ นผูแ้ ทนจากภาคประชาชนทีไ่ ปร่วมงาน วงดนตรีไทยพาทยโกศล นอกจากจะเป็ นวง ดนตรีไ ทยแบบชาวบ้านที่ร ับงานบรรเลงดนตรีเ ป็ น อาชีพหลักเลี้ยงตนเองแล้ว ด้วยความสามารถเป็ นที่ ประจักษ์ ท าให้เจ้าของวงคือ ท่ านจางวางทั ่ว ได้ร ับ ความไว้วางใจ จนได้เป็ น นั กดนตรีอ ยู่ วงดนตรีไ ทย สังกัดวังสมเด็จเจ้าฟ้ าฯ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ใช้ ชื่อวงว่า “วงวังบางขุนพรหม” และมีความสัมพันธ์แนบ แน่นกับท่านเจ้าของวัง สืบมาจนถึงรุ่นลูกคือคุณเทวา ประสิทธิ ์ พาทยโกศล และคุณหญิงไพฑูรย์ กิตติวรรณ ซึ่งเมื่อสมัยทีค่ ุณหญิงไพฑูรย์ กิตติวรรณ ยังมีชีวติ อยู่ ท่านยังได้เป็ นพระอาจารย์ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราช เจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช กุมารี ทัง้ ยังสืบเนื่องเป็ นพระอุปภัมภ์ในวงดนตรี ทาง ส านั ก พาทยโกศลได้ จัด การบรรเลงถวายในงาน สาคัญๆ เช่น งานพระบรมศพของสมเด็จพระชนกาธิ เบศร มหาภูม-ิ พลอดุลยเดชมหาราช ด้วยพระเมตตา อัน ใหญ่ห ลวงของสมเด็จพระกนิ ษ ฐาธิร าชเจ้า กรม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ มีต่ อ วงดนตรีพ าทยโกศลอย่ า งต่ อ เนื่ อ ง ท่ า นได้มี พระราชดาริฯ จนทาให้เกิดพิพธิ ภัณฑ์บา้ นพาทยโกศล ซึ่งเปิ ดให้บุคคลทั ่วไปได้เป็ นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมด้าน ดนตรีไทย เมื่อ พ.ศ. ๒๕๖๒ นับว่าวงพาทยโกศล เป็ นวงดนตรีไทยที่สาคัญวงหนึ่งในปั จจุบนั หากผู้สนใจ นิสติ นักศึกษา ต้องการข้อมูลเพิม่ เติม สามารถเข้าดูได้ใน เฟสบุค ชื่อเพจ บ้านพาทยโกศล
รายการแสดง เพลงเรื่องเต่ากินผักบุง้ โหมโรงประเสบัน เพลงเขมรพวง เถา เพลงโอ้ลาว เถา เพลงเชิดจีน ออกแขกบรเทศ
รายนามนักดนตรี นายนิวตั ิ คงราพึง ร.ต.สุรธี สวนชูผล นายพีรศิษย์ บัวทั ่ง นายกฤษณา พิทกั ษ์พงศ์ นายคณิน พรหมสวัสดิ ์ นายชัยพร ทับพวาทินท์ พันจ่าเอกหญิง อังคณา อ้วนล่า นายธรรมนูญ เผือกรื่น นายรุ่งเรือง ระฆังทอง สิบเอก บุญชู เชยนิ่ม
นายจันทร จิตรอรุณ นายบวร ไตรย์วาสน์ นายนพพลน์ น้อยเศรษฐี นายรุ่งเพชร เชยนิ่ม นายพรเทพ เชยนิ่ม นายประจักษ์ จิตรอรุณ นายอนุกูล จิตรอรุณ นายอภิสทิ ธิ ์ วงค์กาภู นายวรพจน์ แพทย์ปรีชา นายประกิต สะเพียรชัย
เพลงเรื่องเต่ากินผักบุ้ง เพลงเรื่อง ในหนังสือสารานุกรมศัพท์ดนตรีไทย ภาคคีตะ-ดุรยิ างค์ฉบับราชบัณฑิต พ.ศ. ๒๕๔๐ หน้า ๕๖-๕๗ ได้บญ ั ญัตคิ วามหมายของเพลงเรื่องไว้ว่า เพลงเรื่อง คือชื่อเรียกเพลงหลาย ๆ เพลงทีน่ ามารวมบรรเลงติดต่อกันไป ไม่มกี ารร้องส่ง การเรียกชื่อ นิยมเรียกตามชื่อเพลงอันดับแรกหรือเพลงสาคัญในเรื่อง เช่น เพลงเรื่องพระนเรศวรชนช้าง ซึ่งมีเพลงนเรศวรชนช้าง เป็ นเพลงแรก เรื่องเพลงยาวมีเพลงทะแยเป็ นเพลงอันดับแรก แต่เพลงยาวเป็ นเพลงสาคัญ ยกเว้นบางเรื่องเรียกตาม กิจการทีบ่ รรเลงประกอบ เช่น เพลงเรื่องทาขวัญ หรือเพลงเรื่องเวียนเทียน ซึ่งมีเพลงอันดับแรกชื่อเพลงนางนาค ใช้ กรณีทาขวัญหรือเวียนเทียนสมโภชบางเรื่องเรียกตามหน้าทับ เช่น เรื่องนางหงส์ ซึ่งใช้ประโคมศพ เพลงขึ้นต้นคือ เพลงพราหมณ์เก็บหัวแหวน โดยกลองมลายูตกี ากับจังหวะหน้าทับนางหงส์ เพลงเต่ากินผักบุง้ ได้รบั การถ่ายทอดในสานักพาทยโกศล มาแต่โบราณ โดยมิได้ระบุว่าเพลงนี้ช่อื อะไร ท่อนนี้ช่อื อะไร แต่ถ้าพิจารณาจากสานวนแล้ว เพลงเรื่องเต่ากินผักบุ้ง ถือได้ว่าเป็ นเพลงเรื่องประเภทเพลงช้า ซึ่ง หมายถึงเพลงที่มกี ารบรรเลงติดต่อกันตามโครงสร้างใหญ่ ๔ ประเภท ได้แก่ เพลงช้า สองไม้ เพลงเร็ว และลา ใน โบราณมักกาหนดเพลงนามาเรียนร้อยต่อกันมากกว่าหนึ่งเพลง แต่ต้องเพลงสานวนคล้ายกัน ใกล้เคียงกัน อยู่ใน อัตราจังหวะหน้าทับปรบไก่เหมือนกัน ตามทฤษฎีแน่นอน
เพลงโหมโรงประเสบัน เพลงนี้ ครูเทวาประสิทธิ ์ พาทยโกศล อธิบายไว้ว่า เพลงนี้มาจากเพลงอัตราสองชัน้ จากเพลงช้าเรื่อง ต้นแขกไทร อันเป็ นเพลงบรรเลงทีไ่ ม่มกี ารขับร้อง ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๑ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ าบริพัตร สุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต หรือทูลกระหม่อมบริพตั รทรงพระนิพนธ์ขยายขึน้ เป็ นอัตราสามชัน้ ในลักษณะ เพลงโหมโรงเสภา แล้วทรงต่อเพลงประทานให้แก่ครูเทวาประสิทธิ ์ พาทยโกศล ซึ่งได้ไปเฝ้ าอยู่ ณ พระตาหนักที่ ประเทศชวา พร้อมกัน นั น้ ก็ท รงบันทึกโน้ ตสากลเป็ น ทางฆ้องวงใหญ่ไว้เป็ น หลักฐานด้วยลายพระหัตถ์ด้วย โน้ ต ต้นฉบับเพลงโหมโรงประเสบันดังกล่าวเก็บรักษาไว้ที่บ้านทายาทของครูเทวาประสิทธิ ์ พาทยโกศล จนทุกวันนี้..” ในขณะทีท่ รงพระนิพนธ์เพลงนี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ าบริพตั รสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต หรือ ทู น กระหม่ อ มบริพัต รก าลัง อยู่ ใ นช่ ว งที่ท รงส าราญพระทัย ในการฉลองพระชนมายุ ๕๘ พรรษา เสมอด้ ว ย พระบาทสมเด็จเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั พระราชชนกนาถ และประทับอยู่ ณ พระตาหนักประเสบัน เมืองบันดุง ประเทศชวา (อินโดนีเซียปัจจุบนั ) ได้ทรงหารือถึงชื่อเพลงทีท่ รงพระนิพนธ์ใหม่ ครูเทวาประสิทธิ ์ พาทยโกศล จึงได้ กราบทูลเสนอว่าควรจะประทานชื่อตามชื่อของพระตาหนัก เพลงนี้จงึ มีช่อื ว่าเพลงโหมโรงประเสบันด้วยเหตุน้ี คัดจาก : สูจบิ ตั ร รายการจุฬาวาทิต ครัง้ ที่ ๓๒
เพลงเขมรพวง เถา เพลงเขมรพวง เถา นี้ ของเดิม สองชัน้ เรียกกันว่า เพลงเขมรพระประทุม เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๖๐-๒๔๖๒ สมเด็จเจ้าฟ้ ากรมพระนครสวรรค์ ได้ทรงประดิษฐ์ขน้ึ เป็ นอัตรา สามชัน้ สมเด็จเจ้าฟ้ ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต ได้ ทรงประดิษฐ์ขน้ึ เป็ นอัตรา สามชัน้ โปรดให้ท่านครูจางวางทั ่ว พาทยโกศล แต่งชัน้ เดียวต่อจนครบเป็ นเพลงเถา ทรง เขียนเป็ นโน้ตสากลประทานให้กองทัพเรือบรรเลงด้วยวงโยธวาทิต มีทงั ้ ทางร้องและทางเครื่องทัง้ เทีย่ วต้นและเทีย่ ว กลับ อย่างละ ๒ เทีย่ ว ไม่เหมือนกัน จึงต้องร้องทัง้ เถา ยาวถึง ๑๒ ท่อน กินเวลาการบรรเลงยาวมาก บทร้องโปรดให้ คุณแม่เจริญ พาทยโกศล ตัดตอนมาจากบทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนขุนแผนขึน้ เรือนขุน ช้าง แล้วชมม่านฝีมอื วันทอง ทางร้องทรงพระกรุณาต่อประทาน คุณหญิงไพฑูรย์ กิตติวรรณ ด้วยพระองค์เอง บทร้องเพลงเขมรพวง สามชัน้ เทีย่ วต้น ๑ ๒ เทีย่ วกลับ ๑ ๒ สองชัน้ เทีย่ วต้น ๑ ๒ เทีย่ วกลับ ๑ ๒ ชัน้ เดียว เทีย่ วต้น ๑ ๒ เทีย่ วกลับ ๑ ๒
เจ้าปักเป็ น เรื่องป่ า พนาเวศ ขอบเขต เขาคลุม้ ชอุ่มเขียว รุกขชาติ ดาษใบ ระบัดเรียว พริง้ เพรียว ดอกดก ระดะดวง ปักเป็ น มยุรา ลงราร่อน ฝ่ ายฟ้ อน อยู่บนยอด ภูเขาหลวง แผ่หาง กางปี ก เป็ นพุ่มพวง ชะนีหน่วง เหนี่ยวไม้ ชม้อยตา ปักเป็ น หิมพานต์ ตระหง่านงาม อร่ามรูป พระสุเมรุ ภูผา วินันตก หัสกัน เป็ นหลันมา ่ การวิก อิสนิ ธร ยุคุนธร อากาศ คงคา ชลาสินธุ์ มุจรินทร์ ห้าแถว แนวสลอน ไกรลาศ สะอาดเอีย่ ม อรชร ฝูงกินร คนธรรพ์ วิทยา ลงเล่นน้า ดาดัน้ อโนดาต ใสสะอาด เยือกเย็น เห็นขอบผา หมู่มงั กร ล่อแก้ว แพรวพรายตา ทัศนา ระลึกถึง เจ้าวันทอง ห้าหั ่น ฟันม่าน ผลาญสับ ระยายับ ย่างเข้าไป ชัน้ สอง น่ารัก เจ้าปักเอีย่ ม ลออ ออง น้องเอ๋ย ช่างฉลาด ล้ามนุษย์ (จากเสภาเรื่องขุนช้าง-ขุนแผน)
อนึ่งเพลงเขมรพวง เถา ยังมีอีกทางหนึ่ง เป็ นทางกรอ แต่งเป็ น ๓ ชัน้ โดยหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปะบรรเลง) เมื่อ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อมา หมื่นประคมเพลงประสาน (ใจ นิตยผลิน) ได้ตดั ลงเป็ นชัน้ เดียวจนครบเป็ นเถา เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๖๔ ส่วนทางร้องชัน้ เดียว นายเหมือน ดุรยิ กิจ เป็ นผูค้ ดิ ขึน้ สาหรับเพลงเขมรพวง เถาทางกรอ นี้ ใช้เนื้อร้องจากเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนขุนแผนเข้าห้องนางแก้วกิรยิ า แต่มคี าร้องเพียง 6 คากลอนเท่านัน้ จึง บรรเลงด้วยเวลาสัน้ กว่าทางของทูลกระหม่อมบริพตั รฯ มาก คัดจาก : หนังสือ ทูลกระหม่อมบริพตั ร กับการดนตรี
เพลงโอ้ลาว เถา เพลงโอ้ลาวอัตราสองชัน้ และชัน้ เดียวของเก่า เป็ นเพลงประเภทสองไม้และเพลงเร็ว ลีลาเศร้าสร้อย พะวักพะวน อาลัยอาวรณ์ นิยมใช้ในการแสดงโขน ละคร ได้มผี แู้ ต่งขึน้ เป็ นอัตราสามชัน้ อยู่หลายทาง ทางทีบ่ รรเลงใน วันนี้เป็ นทางประจาสานักพาทยโกศล ที่ท่านครูจางวางทั ่วได้ประดิษฐ์ไว้ (ในวงการดนตรีมกั เรียกทางเพลงนี้ว่า โอ้ ลาว ทางฝัง่ ธนฯ) โดยได้รบั การถ่ายทอดนิยมบรรเลงสืบมาจนถึงปัจจุบนั จากรุ่นสู่รุ่น เพลงโอ้ลาว เถา สามชัน้ ท่อน ๑ ท่อน ๒ สองชัน้
ท่อน ๑ ท่อน ๒
ชัน้ เดียว ท่อน ๑ ท่อน ๒
จึงเห็น พระขรรค์ เข้าทันใด หยิบได้ เขม้น อยู่เป็ นครู่ แม่นมั ่น พระขรรค์ ของน้องกู เหตุใด มาอยู่ กลางอัคคี ชรอยน้องรัก เจ้าตักษัย ทาไฉน จะได้พบ ซึ่งซากผี ยิง่ วิโยค โศกศัลย์ พันทวี ภูมี เทีย่ วแสวง ทุกแห่งมา เดินทาง พลางคะนึง ถึงน้อง ครวญคร่า ร่าร้อง เรียกหา โอ้เจ้า คาวี ของพีย่ า แก้วตา จะเป็ น ประการใด พระขรรค์น้ี ชีวติ ก็ย่อมรู้ มาทิ้งอยู่ ไกลองค์น่าสงสัย ชรอยคน ฆ่าเจ้า บรรลัย พีจ่ งึ ไม่ ประสบ พบพาน ใครหนอ สามารถ อาจอง แกล้งมา จานง จงผลาญ ล้างชีพ น้องชาย เราวายปราณ ไม่นาน จะได้เห็นกัน เราจะทา ทดแทน ให้แสนสา แล่เนื้อ เกลือทา จนอาสัญ ร่าพลาง ทางเสด็จ จรจรัล ทรงธรรม์ กันแสง ทุกแห่งมา (คาวี พระราชนิพนธ์ ในรัชกาลที่ ๒)
เพลงเชิดจีน เพลงเชิดจีน เพลงนี้ประดิษฐไพเราะ (มี ดุรยิ างกูร หรือครูมแี ขก) ได้ประดิษฐ์ขน้ึ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๖ สาหรับเพลง เชิดจีนตัว ๑ ท่านได้นาเพลงเชิดในตัวที่ ๖ มาทาเป็ นอัตราสามชัน้ แล้วประดิษฐ์ทางให้ไพเราะกระฉับกระเฉงดัง ทานองเพลงสองชัน้ ส่วนตัวต่อ ๆ ไป ท่านได้แต่งด้วยอารมณ์สนุกสนานไม้ยดึ ถือกาเนิดจากเพลงใดใด และทุกตัว ต่อท้ายด้วยเชิดในชัน้ เดียวทัง้ สิน้ นับว่าเพลงนี้แปลกกว่าเพลงไทยทัง้ หลาย มีความไพเราะเร่งเร้ากระตุ้นเตือนใจให้ ชวนฟัง สนุกและรื่นเริง เป็ นเพลงทีพ่ ระบาทสมเด็จพระปิ่ นเกล้าเจ้าอยู่หวั โปรดมาก ถึงแก่เลื่อนบรรเลงศักดิ ์จากหลวง ให้เป็ นพระประดิษฐไพเราะด้วยเหตุน้ี เพลงเชิดจีน ที่บรรเลงในครัง้ นี้ เป็ นเพลงหนึ่งทางเพลงคงเอกลักษณ์ของทางบ้านฝัง่ ธนฯ ได้อย่างเห็นได้ชดั โดยเฉพาะในตัวที่ ๖ ทางเพลงคงไว้ดว้ ยความสง่าผ่าเผย เรียบง่าย แต่มกั จะซ่อนเร้น กลเม็ดเด็ดพรายไว้ ในบทเพลง ทาให้ชวนติดตามและค้นหา บทร้องเพลงเชิ ดจีน ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖
ระเห็จเหิร ดาเนิน พระเวหน วาดรูป อินทรา สุราลัย วาดรูป พระกาฬ อันชาญฤทธิ ์ พระเพลิง เริงแรง ฤทธี รูปท้าว โลกบาล อันเรืองฤทธิ ์ รูปท้าวเวสสุวรรณ มหึมา
วิมานบน บาดาล ต่าใต้ เทพไท ครุฑา วาสุกรี พระอาทิตย์ ผูร้ ุ่ง รัศมี กับทัง้ มาตุลี อันศักดา ซึ่งประจา ทัง้ สี่ ทิศา ได้ดว้ ย ฤทธา อสุร ี
บรเทศ ๒ ชัน้ เสร็จแล้ว รีบกลับ จรดล มาใน อัมพน วิถี เร่งรีบ เร็วมา ในราตรี หมายมุ่ง บุรี รัตนา ครัน้ ถึง จึงค่อย เลื่อนลง ทีต่ รง ปราสาท นางอุษา เงียบสงัด สาวสรรค์ จานรรจา ก็ตรงมา โดยช่อง พระบัญชร (อุณรุท พระราชนิพนธ์ ใน รัชกาลที๑่ )
สำนักบริหารศิลปวัฒนธรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 254 ถนนพญาไท วังใหม่ ปทุมวัน กรุงเทพฯ ๑๐๓๓๐ โทร. ๐๒-๒๑๘๓๖๓๔ – ๕ cuartculture@chula.ac.th www.cuartculture.chula.ac.th CU Art Culture @cuartculture CU Art Culture