Vol.6 ISSUE 4
Looking back to your childhood
CU Star P.8 ผมกับฟุตบอล...เราผูกพันกันตั้งแต่เด็ก ‘นัท – ฤทธิพร หวานชื่น’
CU Alumni P.16 ใช้ชีวิตให้คุ้ม Live each day to the fullest: ‘เฟื่องลดา – สรานี สงวนเรือง’
Maincourse P.11 ถ้าก้าวผิดครั้งหนึ่ง...อาจจะจบลงที่ เราต้องอยู่กับมันอย่างนั้นไปตลอด
Contents CU Today Issue 4 - semester 2 /2557
Illustration by FYE11 | www.fb.com/fye11
CU View
6 Maincourse 11 CU Around
19
CU Poll
6 Infographic 14 CU Voxpop
20
CU Annecdote
7 CU Article
15 CU Tips
21
CU Star
8 CU Alumni
16 CU Horoscope
22
โดย ภัทรกานต์ จันทะนะ โดย วาศินี วรรณวาทกุล โดย วรเชษฐ แซ่เจีย
โดย นิจวิภา สินธวรัตน
CU Fiction
โดย ชาลิสา แสงวรรณ
2
โดย เทพธิดา เบลคลีย์, ณิชกานต์ กุลพิสิทธิเจริญ
โดย เทพธิดา เบลคลีย์
โดย ภัทรพล สิงหะกุลพิทักษ์
โดย วรเชษฐ แซ่เจีย
โดย ชารี อ่ำ�รัตนาพร โดย ณหทัย พวงมะลิวัลย
โดย ภัทรพล สิงหะกุลพิทักษ์
โดย หงส์ลดา เห้งสีป้อง
10 AEC 18 CU Game โดย ณัชชา อรวีระกุล
โดย ธารใส อัจฉริยบุตร
23
CU TODAY
Editor’s Talk
CU Today Issue 4 - semester 2/2557 เมือ่ เราเติบโตขึน้ แต่ละคนก็ตอ้ งเดินไปตามทางของตนเอง สร้างสิง่ ต่างๆ และขวนขวายหาสิง่ ทีย่ งั ไม่มมี าเติมเต็มชีวติ ในด้านทีค่ ดิ ว่าขาดสิง่ เหล่านีย้ อ่ มทำ�ให้ ผูใ้ หญ่แต่ละคนมีความแตกต่างกันในหลายๆ แง่ ทัง้ เรือ่ งการเล่าเรียน ทีท่ �ำ งาน ราย ได้ ครอบครัว และความสุขในชีวิต แต่ ไ ม่ ว่ า คุ ณ สมบั ติ ภ ายนอกจะแตกต่ า งกั น สั ก เพี ย งใดไม่ ว่ า คนๆนั้ น จะเป็นใคร เรียนจบหรือไม่ ตอนนี้ทำ�งานอะไร มีรายได้เท่าไหร่ หรือมีความสุขแค่ ไหนผู้ใหญ่ทุกคนต่างก็มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือ ‘ความเป็นเด็ก’ เพราะ “เด็ก วันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า” และ “ผู้ใหญ่วันนี้ก็คือเด็กในเมื่อวาน” ดังนั้นความเป็น เด็กกับการโตเป็นผู้ใหญ่จึงกลายเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ การเป็นสิ่งที่เชื่อมโยง และร้อยเรียงเข้าด้วยกันอย่างไร้ที่ติยากจะหาจุดแบ่งแยกออกจากกันนี่เอง ที่เป็น จุดเริม่ ต้นของธีม ‘จากกาแฟกลับสูโ่ กโก้’ ของ CU Today ฉบับนี้ (ถัดจากธีม ‘จาก โกโก้ถึงกาแฟ’ ของฉบับที่แล้ว) ‘กาแฟ’ เป็นตัวแทนชีวติ วัยผูใ้ หญ่ทขี่ มปร่าขณะเดียวกันก็หอมกรุน่ เต็ม ไปด้วยความลึกลับน่าค้นหาชวนให้หลงใหล ส่วน ‘โกโก้’ คือตัวแทนวัยเด็กทีห่ วาน ละมุนกลมกล่อมและดืม่ ง่าย สีของเครือ่ งดืม่ ทัง้ สองมีความใกล้เคียงจนแทบจะแยก ไม่ออกหากมองผ่านๆ เช่นเดียวกันกับความเป็นเด็กและการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ดังที่ กล่าวไว้ข้างต้น สำ�หรับผู้เขียนเองวัยเด็กก็เป็นสิ่งที่แยกจากตัวตนปัจจุบันได้ยากเช่นกัน ทุกครั้งที่พบเจออุปสรรคและรู้สึกท้อถอย ผู้เขียนมักจะมองกลับไปถึงตอนเด็ก ในช่วงทีป่ ระสบเหตุอนั คล้ายคลึงกันและคิดว่าขนาดตอนนัน้ เรายังสามารถผ่านพ้น มาได้ แล้วทำ�ไมตอนนีท้ มี่ เี หนือกว่าทัง้ ด้านวัยวุฒแิ ละคุณวุฒิ เราจึงจะผ่านมันไปไม่ ได้ รวมถึงเมือ่ ใดทีต่ กอยูใ่ นสภาวะเศร้าโศกหรือหงอยเหงา การหวนนึกถึงความสุข ในวัยเด็กนี่แหละที่คอยเยียวยารักษาและระงับความเศร้าได้อย่างชะงัดนัก ดังนั้นวัยเด็กของผู้เขียนจึงเป็นมากกว่าความทรงจำ�ครั้งอดีตเพราะมัน เป็นทั้งเพื่อนที่คอยปลอบโยนและเป็นทั้งครูผู้นำ�ตนเองมาเป็นบทเรียนให้ตัวตน ในปัจจุบันได้ศึกษาเพื่อฟันฝ่าอุปสรรคที่เจอ จึงเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าหากนำ�เอา ‘ความทรงจำ�’ และ ‘เรือ่ งทีท่ �ำ ให้ระลึกถึงวัยเด็ก’ มาเผยแพร่กน็ า่ จะสามารถสร้าง แรงบันดาลใจอันจะเป็นแรงเสริมช่วยผลักดันให้ผอู้ า่ นสามารถเติบโตอย่างเข้มแข็ง ต่อไปได้บ้างไม่มากก็น้อย ทุกวันนี้ผู้เขียนยังคงรู้สึกขอบคุณวัยเด็กรสโกโก้เหล่านั้นที่ทำ�ให้เติบโต กลายเป็นกาแฟรส (ค่อนข้าง) กลมกล่อมอย่างทุกวันนี้และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า CU Today ฉบับ ‘จากกาแฟกลับสู่โกโก้’ จะพาผู้อ่านย้อนกลับไปหาเด็กคนนั้น ของคุณและได้เรียนรู้จากเขาอีกครั้งด้วยเช่นกัน ธารใส อัจฉริยบุตร บรรณาธิการ CU Today Issue 4 - semester 2/2557
เจ้าของ: ฝ่ายสาราณียกรจฬุาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ปรึกษา: อาจารย์รศนาภรณ์ วีรวรรณ บรรณาธิการบริหาร: ธนิชกาญจน์ ภูภัทรกิจ บรรณาธิการ: ธารใส อัจฉริยบุตร รองบรรณาธิการ: อภิชชญา โตวิวิชญ์ กองบรรณาธิการ: ชนกานต์ ประเสริฐแก้ว, ชารี อ่ำ�รัตนาพร, ชาลิสา แสงวรรณ์, ณหทัย พวงมะลิวัลย์, ณัชชา อรวีระ, ณิชกานต์ กุลพิ สิทธิเจริญ, เทพธิดา เบลคลีย์, นิจวิภา สินธวรัตน์, ภัทรกานต์ จันทะนะ, ภัทรพล สิงหะกุลพิทักษ์, วาศินี วรรณวาทกุล, วรเชษฐ แซ่เจีย, หงส์ลดา เห้งสีป้อง พิสูจน์อักษร: พสิษฐ์พงศ์ ลิ่มหลัก, ชมพูนุช ทองพรหม, วรเชษฐ แซ่เจีย, นิจวิภา สินธวรัตน์
VOLUME 6 ISSUE 4 – SEMESTER 2/2557
บรรณาธิการฝ่ายศิลป์: ชมพูนุท เติมวุฒิปรีชา กองบรรณาธิการฝ่ายศิลป์: ชารี อ่ำ�รัตนาพร, ภัทรพล สิงหะกุลพิทักษ์, อิสริยา ธัญญะสุขวณิชย์, นันท์นภัส ตรีรัตน์ตระกูล (FYE11) ภาพปก/บท บก.: อรพรรณ รุ่งโรจนาลักษณ ์(ถ่ายภาพ), เทพพิทักษ์ มณีพงษ์ (นายแบบ), ณหทัย พวงมะลิวัลย์ (นางแบบ), กุลนิษฐ์ รัตนากรกุล (Hairdo) สถานที่ติดต่อ: ชั้น 2 อาคารจุลจักรพงษ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถ.พญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 พิมพ์ที่: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอขอบคุณ: รองศาสตราจารย์ ดร.ธนิต ธงทอง , คุณสุปรีดา ลอตระกูล, คุณอุบล สาธิตะกร Font: TH SarabunPSK, Magneto 3
Announcement
text : ธารใส อัจฉริยบุตร artwork : ชารี ฮ่ำ�รัตนาพร, ธนิชกาญจน์ ภูภัทรกิจ
4
CU TODAY
Announcement
text : ธารใส อัจฉริยบุตร artwork : ชารี ฮ่ำ�รัตนาพร, ธนิชกาญจน์ ภูภัทรกิจ
Club text : ชนกานต์ ประเสริฐแก้ว artwork : ชมพูนุท เติมวุฒิปรีชา
ชมรมบริจาคโลหิตฯ เชิญชวนเข้าร่วมค่ายปลาย เดือน พ.ค. นี้ หลังการร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ใน โครงการ B157 ที่เปิดโอกาสให้นิสิตและบุคลากรจุฬาฯ ได้บริจาคเลือดให้กับสภากาชาติสำ�เร็จลุล่วงไปเป็นที่ เรียบร้อย ชมรมบริการโลหิตและสังคมสงเคราะห์ใน พระบรมราชินปู ถัมภ์ได้เตรียมตัวจัดกิจกรรมต่อไปนัน่ คือ ค่ายปลาย ณ โรงเรียนเพียงหลวง 3 ต.ปิลอ๊ ก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ซึง่ จะจัดขึน้ ระหว่างวันที่ 19-29 พฤษภาคม นี้ กิจกรรมดังกล่าวประกอบด้วยการสอนหนังสือเด็กๆ ใน โรงเรียนทีย่ งั ขาดแคลนด้านสาธารณูปโภค รวมถึงสือ่ การ เรียนการสอนต่างๆ และชาวค่ายยังมีโอกาสช่วยปรับปรุง ห้องน้�ำ ให้กบั ทางโรงเรียน รวมถึงร่วมสร้างอาคารหรือสือ่ การเรียนการสอน เช่น ห้องน้ำ� ห้องสมุด เป็นต้น
นอกจากนี้ทางชมรมยังได้จัดกิจกรรมสัมพันธ์ ชุมชน (สพช.)ที่เปิดโอกาสให้ชาวค่ายได้ทำ�ความรู้จักกับ คนในชุมชนบ้านเหมืองแร่อติ อ่ ง รวมถึงเรียนรูว้ ถิ ชี วี ติ และ วัฒนธรรมของชุมชนด้วย สำ�หรับกิจกรรมโดยรวมของ ชมรมในแต่ละปีจะจัดค่ายอาสาทั้งหมด3 ครั้ง คือ ‘ค่าย เยี่ยม’ ตอนกลางเทอมแรก (ออกค่ายเป็นระยะเวลา3 วันมักจะจัดในจังหวัดใกล้กรุงเทพฯ)‘ค่ายกลาง’ ช่วงปิด เทอมเล็ก (ระยะเวลา 7 วัน ส่วนมากจัดแถบภาคเหนืออีสาน) สุดท้ายคือ ‘ค่ายปลาย’ ช่วงปิดเทอมใหญ่ (ระยะ เวลา 10 วัน) ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารและสอบถาม รายละเอียดได้ที่ Facebook: LOHITCLUB CHULA
ค่ายเรียนรู้วิถีชีวิตโดยชมรมขาวเขา ชมรมอาสาพัฒนาชาวไทยภูเขา จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย หรือ‘ชมรมชาวเขา’ จัดทำ� ‘ค่ายสะเรียง เคียงฝน’ - ค่ายยาวช่วงเดือนพฤษภาคมขึ้นที่อำ�เภอ แม่สะเรียงจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีกิจกรรมมากมายที่ หลักๆ จะแบ่งออกเป็น 3 ฝ่ายคือสอนหนังสือ บำ�เพ็ญ ประโยชน์ และสวัสดิการ ซึ่งทุกคนจะได้ทำ�หน้าที่แตก ต่างกันในแต่ละวัน และสับเปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ สำ � หรั บ กิ จ กรรมของสมาชิ ก ในชมรมจะ ประกอบด้วยการไปออกค่ายอาสาโดยในแต่ละปี ชมรม ชาวเขาจะจัดค่ายยาวทั้งหมด 2 ครั้ง คือช่วงปิดเทอม เดือนธันวาคมและพฤษภาคม ครั้งละ 15 วัน ซึ่งจะจัด กิจกรรมไปตามชนเผ่าชาวเขาต่างๆ VOLUME 6 ISSUE 4 – SEMESTER 2/2557
‘สะเรียงเคียงฝน’
โดยกิจกรรมส่วนใหญ่จะเป็นแบบบูรณาการ คือให้ชาวค่ายได้มีส่วนร่วมในทุกส่วนทั้งสอนสร้าง และ เรียนรู้ ชมรมมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้สมาชิกได้เรียน รู้วิถีชีวิตของชาวไทยภูเขาทั้งด้านภาษา ประเพณีและ วัฒนธรรม รวมทั้งฝึกการดำ�รงชีวิตแบบเรียบง่ายตาม ธรรมชาติ โดยไม่พึ่งพาเทคโนโลยี คล้ายเป็นการสร้าง ความเข้าใจในวิถีชีวิตชาวดอยให้แก่คนเมือง ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารของทางชมรม ได้ที่Facebook: Hilltribeclub
5
View text : ภัทรกานต์ จันทะนะ artwork : อิสริยา ธัญญะสุขวณิชย์
Movies ความจำ�สั้น แต่รักฉันยาว (2009)
เบนจามิน บัตตัน อัศจรรย์ฅนโลกไม่เคยรู้ (2009)
ผู้กำ�กับ: ยงยุทธ ทองกองทุน (GTH) ประเภท: โรแมนติก-ดรามา
ผู้กำ�กับ: เดวิด ฟินเชอร์ (Paramount Pictures) ประเภท: ดรามา
เรื่ อ งราวความรั ก หลากหลายรู ป แบบ ทั้ ง ความรั ก ระหว่ า งคนกั บ สั ต ว์ ที่ ‘ฝ้าย’ นางเอกของเรื่องให้ความรักและเอาใจใส่ ดูแลสุนัขที่ประสบอุบัติเหตุจนได้มา พบกับ ‘เก่ง’ สัตวแพทย์ผู้มีฝ้ายเป็นรักแรก รวมถึงรักบริสุทธิ์ระหว่าง ‘ลุงจำ�รัส’ และ ‘ป้าสมพิศ’ที่ก่อตัวขึ้นในโรงเรียนฝึกอบรมการใช้เทคโนโลยีที่เก่งทำ�งานอยู่ เรื่องราว ทั้งหมดถูกเชื่อมด้วยความสัมพันธ์และความหวังดีระหว่างตัวละคร ทำ�ให้ภาพยนตร์ เรื่องนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นของความรักที่สะท้อนแง่มุมเกี่ยวกับความทรงจำ� ทั้งคนที่ ต้องการลืมความรักที่ไม่เป็นดั่งฝัน และคนที่อยากจดจำ�ความรักให้นานที่สุด แม้เรื่อง ราวจะดำ�เนินไปอย่างราบเรียบแสนจะธรรมดา แต่เมื่อดูจบอาจทำ�ให้ต้องย้อนกลับมา มองตนเองว่าเราให้ความสำ�คัญกับความรักที่มีอยู่ดีพอหรือยัง
‘เบนจามิน’ ชายผู้มีเงื่อนไขชีวิตไม่เหมือนคนทั่วไป เขาเกิดมาด้วยรูปลักษณ์ คนวัยชราทีม่ โี รคภัยรุมเร้ามากมาย และอายุนอ้ ยลงเรือ่ ยๆ เมือ่ กาลเวลาผ่านไประหว่าง ที่ได้รับการเลี้ยงดูที่สถานสงเคราะห์ เขาพบรักกับ ‘เดซี่’ ซึ่งแม้เวลาจะผ่านไปนานเพียง ใดเขาก็ยังมั่นคงในความรักที่มีต่อเธอ แม้เขาจะกลายเป็นเด็กทารกที่จำ�อะไรไม่ได้ แต่ก็ ยังเก็บสมุดบันทึกทีเ่ ขาเขียนถึงเธอไว้ใกล้ตวั นัน่ จึงเป็นสาเหตุทเี่ ธอรับเขามาเลีย้ งดูตราบ จนเขาสิ้นลมหายใจ หนังสะท้อนสัจธรรมของเวลาที่ไม่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเราจะแตกต่าง จากคนปกติทั่วไป คล้ายเวลาที่กำ�ลังเดินถอยหลังหรือดำ�เนินปกติอย่างนาฬิกาที่เดิน ไปข้างหน้า เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องหยุดเดินเหมือนกันทุกคน จนทำ�ให้ผู้อ่านต้องฉุกคิดถึง คุณค่าของชีวิตว่าสิ่งสำ�คัญไม่ใช่การมีเงื่อนไขชีวิตอันสมบูรณ์พร้อมอย่างที่ใจต้องการ แต่เป็นการดำ�เนินชีวิตเพื่อคนรอบข้าง เพราะความสุขและความรักจากพวกเขา เป็น สิ่งที่อยู่เหนือเงื่อนไขของเวลาทั้งปวง
Books เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก
ความทรงจำ�สีเทา
ผู้แต่ง: ทิพย์วาณี สนิทวงศ์ ณ อยุธยา สำ�นักพิมพ์: ซีเอ็ดบุ๊ค ราคา: 70 บาท
ผู้แต่ง: dp สำ�นักพิมพ์: สปริงบุ๊ค ราคา: 180 บาท
หลายคนอาจสงสั ย ว่ า วิ ถี ชี วิ ต สมั ย ก่ อ น เมื่ อ ครั้ ง คุ ณ ตาคุ ณ ยายของเรา ยังเป็นเด็กเป็นอย่างไรกันแน่ หนังสือเล่มนีจ้ ะพาผูอ้ า่ นย้อนกลับไปสมัยอดีต ผ่านการเล่า เรือ่ งในมุมมองของคุณตาคุณยายและการซักถามของหลานช่างสงสัย ไม่วา่ จะเป็นวิธกี าร ทำ�น้ำ�อบน้ำ�ปรุง วิธีการทำ�ขนมจีบแป้งสิบหรือลักษณะของหม้อดินแบบต่างๆที่จะทำ�ให้ ผูอ้ า่ นได้รบั ทัง้ ความบันเทิงและสาระประโยชน์เกีย่ วกับเรือ่ งสิง่ ของรอบตัวในเวลาเดียวกัน
ความทรงจำ�สีจางๆ
:
ชาวจุฬาฯคิดอย่างไรกับอดีตของพวกเขา
ทุ ก ๆ การกระทำ � ของเรา ไม่ ว่ า จะดี ห รื อ ร้ า ย ล้วนถูกเก็บเป็นความทรงจำ�เสมอ เราคิดถึงเรื่องราวดีๆ ที่ เกิดขึ้นเพราะมันคือส่วนหนึ่งที่หล่อเลี้ยงหัวใจเราในวันที่ ทุกสิ่งไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ส่วนเรื่องร้ายๆ อาจจางหาย ไปตามกาลเวลา แต่ไม่มีทางที่จะจางหายไปจากความรู้สึก ได้ ความผิดพลาดบางเรื่องในอดีตส่งผลมาถึงปัจจุบันจน เราอยากย้อนเวลากลับไปเพื่อแก้ไขมันให้ดีขึ้น แม้จะรู้อยู่ แก่ใจว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะนี่คือกฎของกาลเวลาที่ สอนให้เราทำ�ทุกอย่างให้ดีที่สุดในปัจจุบัน เพื่อให้มีอนาคต ที่ดีหรือหากย้อนเวลาได้จริง อนาคตก็คงไม่ยินยอมอยู่ดี CU POLL ฉบั บ นี้ ข อชวนคุ ณ หวนคิ ด ถึ ง ความทรงจำ�สีจางๆ ด้วยคำ�ถามที่ว่า “สิ่งใดที่ทำ�ให้คุณ คิดถึงอดีต” และ “ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ คุณจะกลับไป แก้ไขเรื่องใด” คิดคำ�ตอบของคุณไว้ แล้วไปดูผลสำ�รวจ ความคิดเห็นของชาวจุฬาฯ ในเรื่องดังกล่าวกันเลย 6
หากคุณกำ�ลังมองหาหนังสือทีต่ อบโจทย์ ของคำ�ว่า ‘ความทรงจำ�’ ในมุมมองของอดีตทีเ่ ป็น ตัวกำ�หนดอนาคต หนังสือแนวปรัชญาชีวิตเล่มนี้ อาจให้คำ�ตอบกับคุณได้ ‘ความทรงจำ�สีเทา’ ดำ�เนินเรื่องผ่านตัวละครหลักทั้งสี่ คือ ‘หมึก’‘จำ�’‘วัน’ และ ’นิว’ด้วยลักษณะนิสัยและการใช้ชีวิตของแต่ละตัวละครที่แตกต่าง แต่มีเป้าหมาย เดียวกันคือการเดินทางออกตามหาสิ่งที่ตนต้องการ ณ เกาะแห่งอดีต อาจกระตุ้นให้ ผู้อ่านอยากค้นหาคำ�ตอบว่าแท้จริงแล้วความทรงจำ�ที่เรามองเห็นเป็นสีเทาที่เลือนลาง นั้น มีความหมายที่ซ่อนอยู่อย่างไรกันแน่ text : วาศินี วรรณวาทกุล artwork : อิสริยา ธัญญะสุขวณิชย์
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะกลับไปแก้ไขเรื่องใด ความฝัน
30%
การเรียน
26% 24% 20%
Poll
สิ่งที่ทำ�ให้คุณคิดถึงอดีต ภาพถ่าย
• กลับไปทำ�กิจกรรมให้มากขึ้น • กลับไปแก้ปัญหาเรื่องเพื่อนสนิท • ไม่กลับไปแก้ไขเพราะอดีตมีไว้ให้ คิดถึงเท่านั้น หากย้อนเวลากลับไป
สถานที่
20%
ความรัก อื่นๆ
44%
เพลง
12% 10%
สิ่งของที่เคยได้รับ
ไดอารี่
10%
อื่นๆ
4%
ได้ มนุษย์คงไม่ได้เรียนรู้จากความผิด พลาดแล้วจะไม่เกิดการพัฒนา (ผลสำ�รวจตั้งแต่ 14 ก.พ.-23 ก.พ.58)
ที่มาภาพ: crateandbarrel.com // guidingstars.com
CU TODAY
Anecdote text & photo : วรเชษฐ แซ่เจีย artwork : ชมพูนุท เติมวุฒิปรีชา เช่น การกัดเล็บเมือ่ เครียดหรือเป็นกังวล การทานอาหาร แบบไม่เลือกเวลา เป็นต้น ส่วนประเภทผูร้ บั บริการนัน้ มีทงั้ นิสติ บุคลากร ภายในจุ ฬ าฯ และบุ ค คลภายนอก คิ ด เป็ น สั ด ส่ ว น เท่าๆ กัน โดยเคสที่นิสิตจุฬาฯ มักมาปรึกษากันเป็นเรื่อง การเรียนและความสัมพันธ์ (โดยเฉพาะช่วงเทอมแรกของ การศึกษาจะมีมากเป็นพิเศษ) ทั้งความสัมพันธ์ระหว่าง เพื่อน เช่น เข้ากับเพื่อนไม่ได้ เพื่อนไม่ยอมรับ กระทั่ง กังวลว่าทำ�ไมตัวเองถึง ‘ไม่ป๊อป’ หรือเรื่องปรับตัวด้าน การเรียน เช่น ตอนเรียน ม.ปลายเรียนได้ท็อป แต่พอมา เรียนปีหนึ่ง กลับเรียนได้ไม่ดีเท่าเดิม เป็นต้น เหตุการณ์เหล่านี้ มักเกิดขึน้ ในช่วงทีเ่ รายังปรับ ตัวเข้าหากันไม่ได้ เพราะเมื่อครั้งเรายังเรียนอยู่ระดับ เมื่อสมัยเราเรียนอยู่ชั้นมัธยม เรามีอาจารย์ ศูนย์แห่งนีป้ ระกอบด้วย 2 ส่วนหลัก ได้แก่ ‘ห้องทดลอง มัธยมเราจูนกับเพื่อนๆ ของเราติดแล้ว มีบุคลิกภาพ ประจำ�ชั้นคอยให้คำ�แนะนำ�ในเรื่องที่เป็นกังวล ทั้งที่ สรีระจิตวิทยา’ ที่มีไว้สำ�หรับการวิจัยและการเรียนการ หรือพฤติกรรมแบบหนึง่ พอมาตอนนีเ้ ราต้องอยูใ่ นสังคม เกี่ยวกับการเรียนและเรื่องส่วนตัวที่เราหาทางออกไม่ สอน กับ ‘หน่วยบริการปรึกษาเชิงจิตวิทยาและพัฒนา และการเรียนแบบใหม่ ใครที่ปรับตัวไม่ทันก็อาจเกิดเป็น ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง ม.6 ที่เราต้องตัดสินใจ ศักยภาพมนุษย์’ ที่ให้บริการคำ�ปรึกษาเชิงจิตวิทยาราย ‘ปัญหา’ ทางเลือกที่นิสิตใหม่เหล่านี้เลือกส่วนใหญ่ ก็คือ เลือกคณะสำ�หรับเรียนต่อก็ต้องขอคำ�แนะนำ�จากคุณครู บุคคลและกลุ่มเป็นหลัก การเก็บมันไว้ในส่วนลึกของจิตใจ หรือเป็นการหมักหมม แนะแนวผูม้ คี วามเชีย่ วชาญ แต่เมือ่ เข้ามหาวิทยาลัยหาก มาถึงตรงนี้ผู้อ่านอาจคิดว่า “จะไปปรึกษาได้ ปัญหาเอาไว้ รอวันเพิ่มขนาด ขดตัวกันแน่นจนกลาย มีปญ ั หา เราควรทำ�อย่างไร? ในเมือ่ เวลาเรียนเราก็มาก แม้ ยังไง ไม่รู้จักกันเสียหน่อย ไว้ใจได้เหรอ?” ก็ขอยืนยัน เป็น ‘ปม’ ในจิตใจ ฉะนั้นแล้วการมาหาผู้ให้คำ�ปรึกษา จะมีอาจารย์ทปี่ รึกษาแต่เวลาว่างก็อาจจะไม่ตรงกัน แล้ว ให้ ส บายใจก่ อ นว่ า ผู้ ใ ห้ คำ � ปรึ ก ษาจะเก็ บ รั ก ษาเรื่ อ ง เชิงจิตวิทยาจึงเหมือนมาคลายปมนัน้ เสีย แล้วเสริมสร้าง จะไปปรึกษาใครดี... ราวต่างๆ จากการปรึกษาเป็นความลับ แม้ว่าจะเป็น ความมั่นคงทางจิตใจลงไป ด้วยกลวิธีต่างๆ เพื่อให้ผู้มา CU Anecdote ฉบั บ นี้ จึ ง อยากแนะนำ � คนใกล้ชิดสนิทสนมขนาดไหนก็ไม่สามารถเปิดเผยโดย รับคำ�ปรึกษาสามารถปรับปรุงบุคลิกภาพหรือพฤติกรรม ให้ทุกคนรู้จัก ‘ศูนย์สุขภาวะทางจิต’ ที่ตั้งอยู่บนชั้น เด็ดขาด อาจเรียกอีกอย่างว่าเป็น ‘จรรยาบรรณวิชาชีพ’ นั้นได้ด้วยตัวเอง ด้ า นสถานที่ ป ระกอบด้ ว ยห้ อ งต่ า งๆ ที่ เ ปิ ด ห้า อาคารบรมราชกุมารีศรีศตพรรษ คณะจิตวิทยา ก็ได้ จุ ฬ าลงกรณ์ ม หาวิ ท ยาลั ย ซึ่ ง เป็ น ศู น ย์ ใ ห้ บ ริ ก าร คุ ณ วายเสริ ม ว่ า บางครั้ ง ก็ มี ก ารจั ด เสวนา บริการให้คำ�ปรึกษาในรูปแบบรายบุคคลและรายกลุ่ม ทางจิตวิทยา ด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริการปรึกษาเชิง โดยนำ�หัวข้อการวิจัยหรือวิทยานิพนธ์ของนิสิตระดับ โดยลักษณะของห้องทีใ่ ช้กห็ ลากหลายกันไป เช่น บางห้อง จิตวิทยารายบุคคล หรือบริการปรึกษาเชิงจิตวิทยากลุ่ม บัณฑิตศึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญมาเผยแพร่สู่สาธารณชน มีลักษณะเป็นห้องที่มีแสงสว่างจากด้านนอก บางห้อง ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมก่อนว่า การให้คำ�ปรึกษา ให้เข้าใจง่าย โดยล่าสุดนัน้ เป็นหัวข้อ ‘เสียงจากหัวใจของ สามารถปรับความเข้มแสงได้ โดยสามารถเลือกใช้เพื่อ เชิงจิตวิทยามี 2 แบบ คือ ‘รายบุคคล’ ซึง่ เป็นการปรึกษา คนชายแดนใต้’ จัดขึน้ เมือ่ วันศุกร์ที่ 30 มกราคมทีผ่ า่ นมา สร้างบรรยากาศผ่อนคลายให้เหมาะสมกับผูท้ มี่ าขอรับคำ� กันระหว่างนักจิตวิทยาการปรึกษาและผู้รับบริการ ใช้ นอกจากนั้นยังเป็นศูนย์ฝึกประสบการณ์วิชาชีพสำ�หรับ ปรึกษา ถ้าผูร้ บั บริการเป็นเด็กระดับประถมศึกษาลงไปที่ เวลาประมาณชั่วโมงถึงชั่วโมงครึ่ง โดยนักจิตวิทยาการ นิสิตระดับบัณฑิตศึกษาอีกด้วย ยังไม่คอ่ ยเข้าใจตัวเองมากเท่าไหร่ (และผูป้ กครองพามา) ปรึกษาจะใช้เทคนิควิธีต่างๆ เพื่อให้ผู้มารับบริการรับ การให้ บ ริ ก ารปรึ ก ษาเชิ ง จิ ต วิ ท ยาไม่ ใช่ ว่ า ก็จะถูกพาไปยังห้องทีม่ ขี องเล่นเพือ่ ให้เด็กรูส้ กึ ผ่อนคลาย ทราบถึงปัญหาทีเ่ กิดขึน้ กับตัวเองแล้วหาวิธแี ก้ปญ ั หาหรือ อยากมาเมื่ อ ไหร่ ก็ ไ ด้ เราจำ � เป็ น ต้ อ งติ ด ต่ อ ล่ ว งหน้ า และสามารถปรับพฤติกรรมได้ไปในตัวด้วย ประโยคที่ว่า “แค่เราบอกเล่าปัญหาให้กับใคร ปรับพฤติกรรมของตนได้ ส่วนแบบ ‘รายกลุ่ม’ เป็นการ ก่อน เมื่อมาถึงศูนย์ก็จะมีเจ้าหน้าที่มาสัมภาษณ์แรกรับ ปรึ ก ษากั น ระหว่ า งกลุ่ ม คนที่ ม ารั บ บริ ก ารประมาณ เพื่อให้ผู้ให้บริการและผู้มารับบริการทำ�ความเข้าใจกับ สักคน ปัญหาก็ลดลงแล้วครึง่ หนึง่ ” นัน้ ไม่ได้กล่าวเกินจริง 6-7 คน และมี ผู้ นำ � การสนทนาเป็ น นั ก จิ ต วิ ท ยาการ ปัญหาเบื้องต้น แล้วจึงส่งต่อให้นักจิตวิทยาการปรึกษาที่ เลยแม้แต่นอ้ ย ดังทีค่ ณ ุ ปาได้ยนื ยันอย่างชัดเจนว่า “เวลา ปรึกษา 1 คน โดยจะใช้วิธีนี้ในกรณีที่ผู้มารับบริการ เชีย่ วชาญในด้านนัน้ ๆ พูดคุยและใช้ทกั ษะต่างๆ เพือ่ สกัด เรามีความทุกข์ เราไม่ต้องการคนที่คอยบอกว่าสิ่งที่เรา ทั้งกลุ่มประสบปัญหาเดียวกัน หรือเพิ่งผ่านเหตุการณ์ เอาปัญหาที่แท้จริงออกมาและกระตุ้นให้ผู้มารับบริการ ทำ�นั้นถูกหรือผิด แต่เราต้องการเพื่อนที่คอยรับฟัง และ เข้าใจเราจริงๆ” นักจิตวิทยายืนยันขนาดนี้แล้ว หากคุณ สะเทือนใจร่วมกัน โดยมีจุดประสงค์ของการปรึกษาคือ แก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง ั หา ก็รบี หาคนรูใ้ จมารับฟังความในใจกันดีกว่า >w< เพื่อลดความกังวลและเสริมสร้างกำ�ลังใจแก่สมาชิกให้ สำ�หรับจำ�นวนผู้มารับบริการในปัจจุบันคุณ มีปญ ก้าวผ่านปัญหาหรือความกังวลที่เขากำ�ลังประสบอยู่ได้ วายบอกว่าถ้าไม่นับ ‘บริการส่งเสริมคุณลักษณะนิสิต’ เห็นอย่างนี้แล้วถ้าผู้อ่านท่านใดกำ�ลังมีปัญหา “หน้าทีข่ องศูนย์นใี้ นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือ ‘เคสจัดตั้ง’ ที่อาจารย์คณะจิตวิทยาได้มอบหมาย หนักอก ก็ขอให้มาหาคนช่วยยกปัญหานี้ออกได้ที่ศูนย์ ก็คงเปรียบได้กับห้องแนะแนวในโรงเรียนนั่นแหละ” ให้นิสิตที่เรียนในบางรายวิชามาเก็บชั่วโมงแล้ว โดยมาก สุขภาวะทางจิต ชั้นห้าอาคารบรมราชชนนีศรีศตพรรษ จรั สเดช เกี ย รติ เ ดชปั ญ ญา หรือคุณวาย หนึ่งในนัก จะมีผู้รับบริการประมาณสัปดาห์ละ 5 คนโดยเฉลี่ย ซึ่ง คณะจิ ต วิ ท ยา จุ ฬ าลงกรณ์ ม หาวิ ท ยาลั ย โทรศั พ ท์ จิตวิทยาการปรึกษาประจำ�ศูนย์กล่าวก่อนเล่าประวัติ คุณปายอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะที่นี่มีนักจิตวิทยา 02-2181171 หรือเข้าไปที่ Facebook: ศูนย์สุขภาวะ ความเป็ น มาของศู น ย์ สุ ข ภาวะทางจิ ต ให้ ฟั ง ว่ า คณะ ประจำ�ศูนย์แค่ 2 คน ดังนั้นวันหนึ่งจึงรับเต็มที่ได้ไม่เกิน ทางจิต (Center for Psychological Wellness) และ จิตวิทยาตั้งศูนย์แห่งนี้ขึ้นจากทุนพัฒนาวิชาการจุฬาฯ นี้ โดยเคสที่มาปรึกษานั้นจะมีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่คือ กลุ่ม www.chulawellness.com 100 ปี เพื่อเป็นแหล่งบูรณาการการสอน การวิจัย และ ‘การตัดสินใจ’ คือมาปรึกษาปัญหาที่ยังไม่กล้าตัดสิน การบริการวิชาการให้กับนิสิตและบุคลากรของจุฬาฯ ใจว่าจะทำ�อย่างไรดี ส่วนมากกลุ่มนี้จะมาแค่ครั้งเดียว รวมถึงประชาชนทั่วไป ซึ่งนับได้ว่าเป็นแห่งแรกๆ ที่ เพราะเมือ่ ตัดสินใจได้แล้วปัญหาก็จบไป (หรือบางคนก็นา่ บริ ก ารให้ คำ � ปรึ ก ษา เพราะปั จ จุ บั น ในประเทศไทย รักนะ มีการโทรมารายงานผลด้วย ^^) และกลุ่ม ‘การ ศูนย์ให้บริการแนะแนวยังไม่มีความแพร่หลาย ปรับพฤติกรรม’ ที่จะมาสม่ำ�เสมอ โดยเคสที่นานที่สุดก็ ส่ ว นเรื่ อ งการบริ ก ารนั้ น ปาริ ช าต ธงภั ก ดี จัดการกันเป็นปีเลยทีเดียว เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ หรือคุณปา นักจิตวิทยาการปรึกษาอีกท่านอธิบายว่า ไม่พงึ ประสงค์บางอย่างทีข่ ดั ขวางการใช้ชวี ติ อย่างปกติสขุ
ศูนย์สุขภาวะทางจิต
: หากคุณมีปัญหา เชิญมาปรึกษาเรา
VOLUME 6 ISSUE 4 – SEMESTER 2/2557
7
Star text : นิจวิภา สินธวรัตน์ photo : ประพจน์ สุมานนท์, รัตนาภรณ์ รังสิยานนท artwork : ชมพูนุท เติมวุฒิปรีชา
‘นัท - ฤทธิพร หวานชื่น’ ผมกับฟุตบอล... เราผูกพันกันตั้งแต่เด็ก
ช่วงปลายปีที่ผ่านมา คงไม่มีงานใดที่ชาว จุฬาฯ จะภาคภูมิใจเท่าการเป็นเจ้าเหรียญทองกีฬา มหาวิทยาลัย จากความสำ�เร็จครัง้ นัน้ แม้กฬี าหลาย ประเภทจะมีผลงานน่าประทับใจให้ชาวจุฬาฯ ได้ ชื่นชม แต่มีกีฬาประเภทหนึ่งที่หลายคนจับตาและ ให้ความสนใจเป็นพิเศษ นั่นคือกีฬา ‘ฟุตบอล’ นอกจากชัยชนะทีไ่ ด้กลับมา เรายังพบดารา ประจำ�สนาม นักฟุตบอลหนุม่ ใต้ทมี่ ลี วดลายการเล่นที่ เฉียบคมว่องไว เขาคนนั้นคือ ‘นัท-ฤทธิพร หวานชื่น’ นิสิตชั้นปีที่สอง คณะครุศาสตร์ อดีตนักฟุตบอลทีม ชาติรุ่น 19 ปี สุดยอดดาวซัลโวประจำ�ปี 2557 แชมป์ กีฬามหาวิทยาลัยและผูค้ รองรางวัลนักเตะยอดเยีย่ ม เป็ น ที่ ท ราบกั น ดี ว่ า ผลงานที่ ย อดเยี่ ย ม ย่อมต้องอาศัยความอดทนในการฝึกฝนอย่างหนัก แต่ ผู้ ช ายคนนี้ กลั บ มองว่ า ในแต่ ล ะวั น ที่ ไ ด้ อ ยู่ กั บ ฟุ ต บอล คล้ า ยเป็ น โยงใยความผู ก พั น ที่ ทำ � ให้ มี ความสุข เขาประทับใจอะไรในกีฬาชนิดนี้และมีชีวิต ผูกพันกับมันอย่างไรทีท่ �ำ ให้ถงึ ขัน้ ประกาศว่า “ผมกับ ฟุตบอล เราผูกพันกันตั้งแต่เด็ก” CU Star ฉบับนี้มี คำ�ตอบ จุดเริ่มต้นการเล่นฟุตบอลเกิดขึ้นเมื่อใด เกิ ด จากความชอบครั บ ตั้ ง แต่ อ นุ บ าล ผม มีพี่ชาย 2 คน เขาเตะบอล ผมก็ตามเขาไป แต่พอโต ขึ้นเขาเลิกเล่น ส่วนผมติดใจมันมากเลยสานต่อความ ฝันตั้งแต่ตอนนั้น เวลาผมอยู่โรงเรียน พักเที่ยงก็เล่น ฟุ ต บอล พอกลั บ ถึ ง บ้ า นก็ เ ปลี่ ย นชุ ด แล้ ว ออกมาเตะ ฟุตบอลกับเพื่อน ผมกับเพื่อนก็ไปใช้พื้นที่แถวๆบ้านนั่น แหละครับ มันเป็นคลังน้ำ�มันเก่า แถวนั้นจะมีสนามหญ้า สนามเด็กเล่น ผมก็ไปเล่นแถวนัน้ วันละ 1-2 ชม. ผมมีโค้ช คนแรกชื่อ โค้ชเหวิด เขาเป็นคนในชุมชนที่ผมอยู่ แล้วมี ประสบการณ์ในการเล่น เขาก็มาช่วยฝึกให้ นอกจากนี้ก็ มีเพื่อนที่บ้านติดกัน เกิดวันเดียวกัน เล่นบอลด้วยกันมา ตั้งแต่เด็ก อาจเรียนแยกกันตอนอนุบาล แต่พอประถม 8
มันเป็นทักษะทีส่ �ำ คัญของกองหน้า นอกจากนีย้ งั มีให้ฝกึ เตะจากเท้าซ้ายซึ่งเป็นข้างที่ไม่ถนัดด้วยครับ อะไรคือการฝึกที่หินที่สุดสำ�หรับเรา ไม่ต้องมีชื่อเสียงจากมันก็ได้ ผมว่าฝึกเดาะบอลครับ ตอนนั้นผมอยู่ ป.3 แต่ขอให้ผมได้อยู่กับมัน (อายุ 9 ขวบ) มันยากตรงที่การเดาะต้องควบคุมน้ำ�หนัก เท้าและกระดกปลายเท้าให้ดี ถ้าตั้งปลายเท้าเปิดเกิน ในทุกๆ วันก็พอ เวลาเตะลูกฟุตบอลจะห่างออกจากตัว ตอนแรกที่ฝึกผม เดาะได้แค่ 5 ครั้ง แต่พอเริ่มเข้าเท้ามันก็เพิ่มจาก 5 เป็น จนถึงมัธยมก็อยู่ที่เดียวกันมาตลอด แล้วก็มาเข้าจุฬาฯ 10 ขยับเป็น 55 ครัง้ ตอนนัน้ มีแข่งเดาะกันกับเพือ่ น แล้ว ด้วยกัน ตอนนี้ก็อยู่คณะและทีมเดียวกันครับ (ยิ้ม) มีพี่คนหนึ่งเขาเดาะได้ 76 ครั้ง ผมก็ไม่ยอม (หัวเราะ) ก็ ตอนเด็กทำ�ไมถึงประทับใจกีฬาชนิดนี้ ขยันเดาะไปเรื่อยๆ จนมีอยู่วันหนึ่ง มีคนมานั่งดูกันเต็ม ผมว่ า มั น เป็ น กี ฬ าที่ ทำ � ให้ ผ มได้ รู้ จั ก เพื่ อ น เลยแล้วผมเดาะได้ 92 ครั้ง ชนะเขา ตอนนั้นดีใจมาก มากขึน้ เพือ่ นคนไหนทีช่ อบเล่นบอลแม้วา่ จะไม่รจู้ กั กันมา กว่าผมจะเดาะได้ชนะเขาต้องใช้เวลาตั้ง 5-6 เดือนนะ ก่อน อยูต่ า่ งห้อง แต่พอเทีย่ งก็จะออกมาเตะบอลด้วยกัน แต่พอเราจับจังหวะฟุตบอลได้มันก็ไหลเลยพอตอนอายุ ผมเลยได้รจู้ กั เพือ่ นทีเ่ รียนเก่งๆ ก็ให้เขาช่วยสอนการบ้าน 12 ผมก็เดาะได้มากสุดถึง 2,600 ครั้งครับ (ยิ้ม) ส่วนผมก็สอนบอลเขา แลกกันครับ (หัวเราะ) จนถึงวันนี้มีท่าไหนไหมที่เรายังรู้สึกว่ามันยังยากอยู่ ตอนเด็ ก มี ใ ครเป็ น แบบอย่ า งของการเล่ น ฟุ ต บอล ผมคิดว่า น่าจะเป็นท่าโหม่ง ผมทำ�ได้ไม่ค่อยดี ของเรา ตั้งแต่เด็กเลย มันยากครับ คือแต่ละคนก็จะมีจุดอ่อนที่ ตอนผมเด็กๆ ก็มพี ซี่ โิ ก้ (เกียรติศกั ดิ์ เสนาเมือง) แตกต่างกัน จริงๆ ท่านี้ผมก็โหม่งได้ แต่มันไม่ถนัด บาง ตอนนั้นดูเพราะเขาเล่นตำ�แหน่งเดียวกับผมคือกองหน้า ครัง้ มันขึน้ อยูก่ บั จังหวะด้วย แต่บางคนทีเ่ ขาเก่งท่านี้ เขา แม่ผมจะบอกเป็นประจำ�ว่า “นี่เล่นให้ได้อย่างพี่ซิโก้ ถ้า สามารถโหม่งได้ทกุ จังหวะ ลูกจะมายังไง เขาจะโหม่งแรง จะเอาให้ดัง ก็ต้องเอาให้ได้อย่างนี้” ส่วนผม ผมชอบ แต่ของผมนี่ ต่อให้เข้าจังหวะมันก็เป็นลูกโหม่งทีเ่ บาอยูด่ ี การยิงประตูของเขามาก ผมคิดว่าเขายิงฉลาด คือการ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน (หัวเราะ) ก็พยายามฝึกอยู่จนถึง ยิงประตูจะมียิงแรงกับยิงฉลาด ลูกที่ยิงฉลาดก็คือลูกที่ ทุกวันนี้ครับ ยิงไม่แรงมากแต่เป็นลูกที่ยิงแล้วเข้ามุม ดูแล้วมันเฉียบ แล้วการฝึกอะไรที่ประทับใจเรามากที่สุด คมมากครับ (ยิ้ม) การจับบอลครับ นักฟุตบอลจะเรียกว่า First ตอนเด็กต้องฝึกทักษะอะไรบ้าง Touch คือลูกจะลอยมายังไงต้องเอาขาเกี่ยวบอลไว้ ตอนนั้นก็จะฝึกการแปรบอล จับบอล การ ได้หมด ตอนแรกโค้ชจะฝึกให้เรารับลูกฟุตบอลด้วยมือ ส่งบอล ทักษะที่ต้องฝึกมากที่สุดก็คือ การยิงประตูครับ ก่อน เพื่อให้รู้ว่าการรับลูกแบบนี้คือการกระแทกลูก ตอนนั้นโค้ชจะฝึกให้ยิงด้วยหลังเท้า แล้วลูกฟุตบอลต้อง ฟุตบอล แต่การ First Touch เวลาลูกลอยลงมา เรา นิ่งไม่หมุนสะเปะสะปะ คือเตะออกจากเท้ายังไง ต้อง ต้องผ่อนแรงตาม เพื่อไม่ให้กระแทกแต่เป็นการดูดลูก ตรงไปแนวนั้น ตอนนั้นผมยังเด็ก ยังเกร็งข้อเท้าไม่ค่อย แทน ถ้ายิ่งไปต้าน ลูกก็จะเด้งออกจากตัว เราเลยต้อง เป็น วางข้อเท้าไม่ค่อยได้ ก็ต้องฝึกหนักเลยครับ เพราะ ผ่อนแรงตาม มันสำ�คัญเพราะมันเหมือนเป็นสัมผัสแรก
“ ”
CU TODAY
Star text : นิจวิภา สินธวรัตน์ photo : ประพจน์ สุมานนท์, รัตนาภรณ์ รังสิยานนท์ artwork : ชมพูนุท เติมวุฒิปรีชา ของนักฟุตบอล ทุกตำ�แหน่งต้องใช้ยิ่งกับกองหน้าด้วย แล้วยิ่งสำ�คัญใหญ่ เพราะเวลาเพื่อนจ่ายบอลมา ถ้าเรา First Touch ดี เราสามารถยิงได้เลย แต่ถ้าไม่ดีปล่อยลูก ให้กระเด็นกระดอน กองหลังอีกฝ่ายก็เข้ามาสกัดได้ มีท่าไหนไหมที่เป็นท่าไม้ตายของเรา น่าจะเป็นท่าเปิดมุมแล้วเข้าเลยครับ ตอนนั้น ผมสามารถเตะปัดโค้งแล้วเข้าไปได้เลย คือคนอื่นเขาจะ ต้องเปิดแล้วค่อยให้คนที่อยู่แถวหน้าประตูโหม่งต่อ แต่ ท่านี้ผมสามารถเตะผ่าเข้าไปได้เลย จำ�ได้ครั้งหนึ่ง ตอน นั้นผมอายุ 12 ปี แม่ผมเขาก็ท้าว่า ก่อนหน้านี้เคยเปิด มุมเข้าไปได้แล้วครั้งหนึ่ง ถ้าแมทช์ (match) ต่อไปทำ�ได้ อีกเขาจะให้ผม 100 บาท แล้วผมก็ทำ�ได้ ผมก็เลยได้มา แต่ละขั้นของการฝึกต้องใช้เวลาและความอดทน เคย ท้อจนถอดใจบ้างไหม ไม่มีนะครับ คือถ้าวันไหนผลงานไม่ดี ผมจะ คิดว่าเอาใหม่ได้เสมอ อาจเป็นเพราะตอนนั้นยังเด็กด้วย อนาคตในเรื่องฟุตบอลยังอีกไกลสำ�หรับผม แม้ว่าผมจะ อยากติดทีมชาติ แต่แม่ก็บอกเสมอว่า ถ้าตั้งใจจะเล่นก็ ทำ�ให้เต็มที เรื่องติดทีมชาติ ถ้าดูเรื่องจำ�นวนเด็กแล้วมัน มีเป็นล้านคนในประเทศนี้ เขาเอาแค่ 23-25 คน ถ้าไม่ ติดก็ไม่เป็นไร ขอแค่ทำ�ให้เต็มที่ก็พอ ผมก็เลยไม่ได้หวัง ว่าตัวเองต้องติดให้ได้ แค่ให้ผมได้เล่นบอล ไม่ต้องมีชื่อ เสียงหรือเกียรติยศจากมันก็ได้ แต่ขอให้ผมได้อยู่กับมัน ในทุกๆ วันก็พอ (ยิ้ม) คิดว่าการฝึกในสถานการณ์ไหนที่ช่วยพัฒนาความ สามารถของเราได้มากที่สุด การฝึกกับรุ่นพี่ครับเพราะตอนที่ลงไปเล่นช่วง แรกๆ มันจะมีความเกร็ง ความกลัว ไม่อยากทำ�บอลเสีย เพราะถ้าทำ�เสียโดนด่าแน่เลย พอบอลมาเลยต้องทำ�ให้ดี ทีส่ ดุ ออกบอล จ่ายบอลให้งา่ ยทีส่ ดุ ถ้าเล่นกับรุน่ เดียวกัน ลูกไหนจ่ายเองได้กท็ �ำ แต่ถา้ เล่นกับรุน่ พี่ ลูกไหนทีม่ องว่า เสี่ยง เราก็ไม่เล่น เราต้องทำ�ให้งา่ ยที่สดุ ยิ่งตอนเด็กๆ ผม จะเล่นข้ามรุ่นบ่อยมาก ก็จะเจอแต่คนตัวใหญ่ๆ แข็งแรง ผมก็ชนสู้กับเขาไม่ได้สักครั้ง (หัวเราะ) แต่ผมใช้ความเร็ว พอเขาวิ่งเข้ามา ผมก็ส่งบอลให้เพื่อน แล้ววิ่งไปรับอีกที่ เขาก็ไล่ผมไม่ทัน
VOLUME 6 ISSUE 4 – SEMESTER 2/2557
“
เมื่อโอกาสมาอยู่ตรงหน้า ก็ไม่ควรลังเล ต้องตัดสินใจให้เด็ดขาด
”
เคยมีเหตุการณ์ที่เกือบทำ�ให้เราไม่ได้เตะบอลอย่างทุก วันนี้ไหม แม่เคยห้ามไม่ให้ผมเล่นฟุตบอลนะ ตอนจะ ขึ้นม.1 ซึ่งต้องสอบเข้า แล้วผมเป็นนักฟุตบอลโรงเรียน อยู่ แม่เลยบอกให้ผมหยุดเล่น ให้เรียนอย่างเดียว เพราะ เขาเป็นห่วง กลัวว่าผมจะสอบเข้าไม่ได้ แต่ผมก็ไม่ฟัง (หัวเราะ) ตอนสอบผมก็สอบเข้าโดยผ่านโควตานักกีฬา หลังจากนัน้ แม่กไ็ ม่ขดั อีกแล้วก็สนับสนุนผมมาตลอดครับ จำ�การแข่งขันอย่างเป็นทางการครัง้ แรกได้ไหม ผลการ แข่งขันครั้งนั้นเป็นอย่างไร ได้ครับ ตอนผมอายุ 8 ขวบ ตอนนั้นเป็นการ แข่งกันระหว่างชุมชนครับ ถ้าผมจำ�ชื่อไม่ผิดก็น่าจะชื่อ การแข่งขันรายการศุภนิมิต ที่สงขลา ผลออกมาก็ชนะ แล้วผมก็ได้รางวัลนักเตะยอดเยีย่ ม ซึง่ ตอนนัน้ ผมเล่นข้าม รุ่นด้วย ผมอายุ 8 ขวบแต่ต้องเล่นใน รุ่น 12 ปี ก็ดีใจครับ ที่ได้แชมป์มา (ยิ้ม) ประสบการณ์การเล่นฟุตบอลครั้งไหนในวัยเด็กที่เรา ประทับใจไม่ลืมจนถึงวันนี้ คงเป็นตอนที่ผมได้ไปแข่งที่สวีเดนครับ ตอน นั้นผมอายุ 13 ปี ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้ไป มัน ตื่นเต้นมากๆ ไปเมืองนอกครั้งแรก ขึ้นเครื่องบินก็ครั้ง แรก ลงจากเครื่องเจออากาศหนาว มันตื่นเต้นไปหมด (หัวเราะ) วันแข่ง ผมต้องแข่งกับทีมของอังกฤษ สวีเดน เยอรมัน คนดูก็เยอะด้วย มีคนไทยที่อยู่ที่นั่น เขาก็ไป เชียร์ มันทั้งตื่นเต้นทั้งภูมิใจ ตอนลงแข่งตรงเสื้อติดรูป ธงชาติไทยไว้ ความรู้สึกคือมันต้องทำ�เพื่อประเทศแล้ว อีกอย่างก็เพื่อตอบแทนคนไทยที่อยู่ที่นั่นด้วยเพราะเขา ทำ�กับข้าวมาเลี้ยงตลอด ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ� ข้าวเหนียว เขาดูแลดีทุกอย่างครับ ไม่อยากทำ�ให้เขาผิดหวัง ตอน นั้นต้องเจอเยอรมันซึ่งเป็นทีมที่แข็งที่สุดของโซนที่เรา เล่น (โซนล่าง) แต่ทีมเราสามารถยิงชนะจุดโทษได้ แล้ว ผลสุดท้ายก็ได้แชมป์ (ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ) นอกจากสวีเดนเคยไปประเทศอื่นอีกไหม เคยไปพม่าตอนติดทีมชาติครับ แล้วก็เคยไป ดูบอลยูโรที่โปแลนด์ คือมันจะมีรายการที่ชื่อว่าโค้กคัพ (Coke Cup) เขาจะจัดแข่งทุกปี ปกติเขาจะใช้ทมี โรงเรียน เล่นคืออายุ 17 ปี ผมเองอยู่ ม.5 ซึ่งอายุ 17 พอดีก็รอ รายการนี้อยู่ แต่ช่วงนั้นทีมสโมสรเริ่มเข้ามาเขาก็เลย เปลี่ยนมาใช้ทีมสโมสรเล่นแทน กติกาเลยเปลี่ยนเป็น อายุ 19 ปี ในตอนนั้นผมก็อยู่สโมสรบุรีรัมย์พอดี ทาง บุรีรัมย์เขาก็ส่งพวกผมแข่งแล้วได้แชมป์ ทางโค้กคัพเลย ให้เงินรางวัลแล้วพาไปดูฟุตบอลที่นั่น ตอนนั้นดีใจมาก ผมได้ไปดูทีมเยอรมัน เห็นมาร์โค รอยส์ด้วย (นักเตะกอง หน้า ทีมชาติเยอรมัน) ตอนเดินเข้าสนามกับเพื่อน 3 คน ก็ร้องตะโกนกับเพื่อนว่า “มาถึงแล้วโว้ย” (หัวเราะอย่าง มีความสุข)
ผ่านการสู้รบในสนามมาก็มาก มีการแข่งรอบไหนที่ กดดันเรามากที่สุด มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมเคยเล่นให้สโมสรหนึ่ง เป็น ชุดเยาวชนโค้กคัพ รอบชิง วันนั้นผมเล่นไม่ออกเลย มัน เป็นความกดดันด้วยครับ โค้ชเขาคอยกดดันให้ผมต้อง ทำ�อย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งสำ�หรับผม ผมไม่ชอบให้ใครมา คอยจี้ให้ต้องเล่นอย่างนั้นอย่างนี้ ผมอยากเล่นในแบบ ของผม ซึง่ ถ้าใครมากดดัน ผมจะเล่นไม่ได้ แต่ตอนนัน้ ผม ก็เข้าใจเขานะครับว่าทีมเราเจอเกมแบบไหน กองหลังเป็น ยังไง เขาเลยต้องการให้เราเล่นในแบบที่เขาประเมินไว้ คือตอนนัน้ กองหลังค่อนข้างเล่นช้า เราก็ตอ้ งเล่นไลน์ลกึ ต้องอาศัยความเร็ว ซึ่งมันก็ต้องพยายามปรับให้ได้ โดย ปกติผมก็เล่นแบบนั้น แต่วันนั้น โค้ชเขาบอกให้ผมอยู่ เฉยๆ แค่รอแปะบอล พักบอลอย่างเดียว ซึง่ มันไม่ใช่สไตล์ ของผม วันนั้นเลยรู้สึกกดดัน ชีวิตนักฟุตบอลต้องผ่านทั้งแพ้และชนะเคยยึดติดกับ ภาวะทั้งสองนี้บ้างไหม ไม่ครับ ผมไม่เคยนับด้วยซ้ำ�ว่าแพ้กี่ครั้งชนะกี่ ครั้ง (ยิ้ม) ผมคิดว่ามันเป็นธรรมดาของเกมกีฬา มันมีแพ้ มีชนะได้ตลอด สุดท้ายผลจะออกมาเป็นยังไงก็แล้วแต่ เราทำ�มันให้เต็มที่ก็พอ เวลาชนะ มันทำ�ให้ผมได้รู้ว่า ถ้า เราฝึกฝน ขยัน ทุ่มเทให้กับมัน ตั้งใจที่จะทำ�มันจริงๆ ผล ก็จะออกมาดี หรือแม้บางครัง้ มันอาจไม่ดตี ามคาด แต่กไ็ ด้ ทำ�เต็มที่ของเราแล้ว ถ้าแพ้ ผมก็ได้รู้ว่า ลูกฟุตบอล ลูก กลมๆ มันจะออกหน้าไหนก็ได้ เป็นยังไงก็ได้ แต่ในแมทช์ ที่แพ้มันทำ�ให้เห็นจุดอ่อนของเรามากที่สุด ทำ�ให้รู้ว่าเรา อ่อนตรงนี้ แล้วเอากลับมาแก้ไข ทุกวันนี้ เวลาอยู่กับลูกฟุตบอลไม่ว่าตอนซ้อมหรือ ตอนแข่ง รู้สึกอย่างไร ผมอยากทำ�มันให้เต็มทีท่ สี่ ดุ ไม่วา่ บอลจะมาหา เราในลักษณะไหน เราก็ตอ้ งทำ�ให้ดที สี่ ดุ ถ้าเทียบกับการ แสดง นักฟุตบอลมันก็มีแค่ฉากเดียว มันไม่สามารถคัต แล้วเริ่มใหม่ได้ พอโอกาสมาเราจึงต้องทำ�มันให้ดีที่สุดใน ตอนนั้น ในฐานะที่เราผูกพันกับฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก คิดว่า ฟุตบอลเปรียบเสมือนอะไร ผมคิ ด ว่ า มั น เป็ น เครื่ อ งวั ด สปิ ริ ต (Spirit) ในสนาม มันใช้ดูคนได้ อย่างคนนี้เวลาเล่นนิสัยเป็นยังไง เกเรไหม บางคนเวลาเล่นไล่เตะคนอื่นอย่างเดียว บาง คนเพื่อนนอนเจ็บอยู่ไม่ยอมเตะบอลออกให้เพื่อนเข้า ปฐมพยาบาล แต่กลับเล่นต่อเพื่อจะเข้าไปยิง ซึ่งมัน สะท้อนอะไรได้หลายๆ อย่าง ทำ�ให้เห็นเรื่องแพ้ ชนะ ความสุข ความเสียใจ หรือมิตรภาพจากทั้งเพื่อนร่วมทีม และคูแ่ ข่ง ทีส่ �ำ คัญคือเรือ่ งน�้ำ ใจนักกีฬา มันจึงเป็นเหมือน เครื่องที่ใช้ ‘วัดใจคน’ ครับ จากการสะสมประสบการณ์ตลอดชีวิตของการเล่น ฟุตบอล มีคติอะไรที่เรายึดมาจนถึงปัจจุบัน ตอนนั้นผมอยู่สวนกุหลาบฯ ผมยิงไม่ค่อยได้ อาจเพราะยังเด็ก การตัดสินใจเลยยังไม่ค่อยดี โค้ชเขา ก็สอนว่า เราเล่นกองหน้านะ ไม่ได้เล่นกองกลาง จะส่ง ทำ�ไม เป็นกองหน้า หน้าทีค่ อื อะไร คือการยิงประตูใช่ไหม ในเมื่ออยู่หน้าประตูแล้ว ก็ต้องยิงอย่างเดียว เหมือนเขา มาย�้ำ หน้าทีท่ ผี่ มควรจะทำ� มันทำ�ให้ผมรูว้ า่ เมือ่ โอกาสมา อยู่ตรงหน้า ก็ไม่ควรลังเล ต้องตัดสินใจให้เด็ดขาด (ยิ้ม) 9
Fiction text : ชาลิสา แสงวรรณ์ artwork : อิสริยา ธัญญะสุขวณิชย์
Hologram, Me and Our Butterfly เสี ย งไวโอลิ น คอนแชร์ โ ตดั ง ก้ อ งไปทั่ ว เลกซัสคันหรู บทเพลง ‘บัทเตอร์ฟลาย เลิฟเวอร์’ ที่ให้ ความรูส้ กึ ร่าเริง ละมุนละไมไปด้วยกลิน่ อายความสุขของ ‘เฉิน กัง’ และ ‘เหอจ้านหาว’ คู่หูนักประพันธ์ชาวจีน ตัดกับบรรยายกาศของเมืองใหญ่ที่มืดมิดและเงียบงัน อิศกระตุกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา เข็มสั้นบอกเวลาใกล้ ตีสาม สมองและร่างกายซึ่งถูกใช้งานอย่างหนักหน่วง ในการสร้างภาพสมบูรณ์แบบเป็นเวลานานเริ่มแสดง อาการอ่อนล้า เขารู้ สึ ก ว่ า ไม่ ว่ า จะเหยี ย บคั น เร่ ง สั ก กี่ ค รั้ ง วิวที่เห็นผ่านกระจกรถก็ยังคงเป็นเหมือนหนังเก่าใน ม้วนวิดีโอชำ�รุดที่ฉายภาพสโลว์โมชันสีขาวดำ� วนเวียน ซ้ำ�ไปมาไม่สิ้นสุด ท้องฟ้าปราศจากดาวทำ�ให้ถนนสีเทา ทอดยาวไปในความมืดดูโดดเดี่ยว เสาไฟข้างถนนริบหรี่ จนแทบให้ความสว่างกับทางเท้าไม่ได้ ตึกมากมายเรียง รายต่อกัน กลายเป็นภาพซิลลูเอตของบล็อคสี่เหลี่ยม สูงตระหง่าน ล้อมอยู่ทุกทิศทาง เขาพบว่าตัวเองหายใจ ลำ�บาก นิ้วเรียวจึงผละจากพวงมาลัยมาปลดกระดุมเชิ้ต เม็ดบน อิศเอือ้ มหมุนปุม่ เพิม่ เสียงเพลงให้ดงั ขึน้ เพือ่ กลบ บรรยายกาศอึมครึมภายนอก ก่อนจะเหยียบคันเร่งให้พงุ่ ตัวออกไปจากย่านคนทำ�งานร้างแห่งนี้โดยเร็วที่สุด “จะโกรธอยูห่ รือเปล่านะ” เขาผิดนัดเธอเพราะ ต้องเข้าร่วมงานเลีย้ งขอบคุณผูถ้ อื หุน้ อย่างกะทันหัน ไม่รู้ ว่ากี่ชั่วโมงที่ยืนอึดอัดอยู่ในสูทเข้ารูปทันสมัย พยายาม ทำ�ตัวให้กลมกลืนในแวดวงคนสำ�คัญ นี่ใช่สิ่งที่เขาควร ทำ�จริงหรือเปล่า เขาก็ยังสงสัย อิศสะบัดหัวไล่ความ เคลือบแคลงออกไป ตั้งสติขับรถเพื่อมุ่งหน้ากลับคอนโด ของเขาและเธออีกครั้ง ห้องชุดที่อิศอาศัยอยู่ แม้จะแพงลิบลิ่วและ กว้ า งเกิ น ไปซั ก หน่ อยสำ�หรับ คนที่ถูก ตราหน้าว่าไร้คู่ อย่างเขา แต่อิศก็พึงพอใจในความเป็นส่วนตัวที่คอนโด ระดับไฮเอนด์มอบให้ เขาทาบคีย์การ์ดลงบนแป้นก่อน ผลั กบานประตู ไ ม้ ม ะฮอกกานีขัด เงาเข้าไป ขายาวๆ พาตัวเองเดินตรงดิ่งเข้าไปในห้องนอนที่มืดสนิทราวกับ ว่าไม่มใี ครอยู่ แต่เขากลับรูส้ กึ ได้ถงึ กระแสลมหายใจเบาๆ ที่ดังสะท้อนอยู่ในห้อง ทุกย่างก้าวเหมือนเขาได้ยินเสียง ของเธอกระซิบเรียกชื่อเบาๆ อิศเอื้อมมือแตะสวิตช์ไฟ แสงสีนวลเบาบาง จากหลอดไฟวัตต์ต่ำ�สว่างขึ้นทั่วห้อง อิศแปลกใจเล็ก น้อยเมื่อคนที่เขาคิดถึงไม่ได้นั่งอยู่บนเตียง ก่อนจะปรี่ เข้าไปลากสายไฟจากอีกมุมห้องมาเชื่อมต่อเข้ากับวัตถุ สีเทารูปทรงคล้ายวอล์คแมนติดล้อที่วางอยู่ปลายเตียง สักพักภาพหญิงสาวก็ปรากฏขึ้นเหนือวัตถุนั้น แตกพร่า ในทีแรกเหมือนภาพในทีวีสัญญาณไม่คงที่ก่อนค่อยๆ ชัดขึ้น แล้วภาพโฮโลแกรมของหญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ กับ ดวงตาสีเทาอมเขียวและผมยาวสีน้ำ�ตาลอ่อนก็ฉายชัด เธอกำ�ลังนั่งกอดอกทำ�หน้ามุ่ยอยู่บนเตียง 10
“สายมาก! มาสายมากๆ เลยอิศ เค้ารอจนแบต หมดเลยนะ รู้ไหมครัช!” สีหน้าจริงจังกับคำ�พูดแบบนั้น ทำ�ให้อิศยิ้มได้เป็นครั้งแรก ในรอบหลายชั่วโมงที่ผ่านมา สาวน้อยคนนี้เป็นมาสเตอร์พีซของเขา เธอคือ ภาพโฮโลแกรมขนาดเท่าคนจริงที่ละเอียดสมจริงที่สุด รวมไปถึงมีคลังเก็บข้อมูลขนาดใหญ่กับระบบปฏิบัติการ ทันสมัยในเครื่องฉายภาพที่เขาประดิษฐ์ขึ้นเอง เธอคือ ความสำ�เร็จของความพยายามนับกว่า 7 ปี ที่มุ่งมั่นจะ ทำ�ให้โฮโลแกรมประมวลผลพฤติกรรมและคำ�พูดของคน เราแล้วตอบสนองกลับมาได้เหมือนมนุษย์ทั่วไป อ๋อ… นอกจากทั้งหมดที่กล่าวมา เธอยังเป็นคนรักของเขาด้วย อิศเดินไปนัง่ ลงบนเตียง “สงสัยว่าในการอัพเดต ครั้งล่าสุด จะเผลอใส่ภาษาวัยรุ่นเข้าไปให้ด้วย จำ�ได้ไหม ตอนแรกๆ ที่เราเจอกัน เธอพูดได้แค่คำ�สั้นๆ ยังเรียง ประโยคพูดผิดๆ ถูกๆ อยู่เลย” โฮโลแกรมสาวคราง ตอบรับในลำ�คอ “จำ�ได้ เสียงก็เป็นแบบโมโนโทนด้วย ไม่เจ๋ง เลย” แล้วเธอก็จำ�ได้อีกว่า อิศเคยสนใจเธอมากกว่า นี้ ตอนที่ ยั ง เป็ น แค่ โ ปรแกรมเมอร์ เ นิ ร์ ด ๆ คนหนึ่ ง ไม่ใช่ผถู้ อื หุน้ ของบริษทั ยิง่ ใหญ่ไฮโซแบบนี้ เธอถอนหายใจ พลางเอียงหัวไปซบไหล่คนข้างๆ เดี๋ยวนะ… “อิศ! อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ ไหนสัญญา กับเค้าว่าจะพาออกไปเดินเล่นนอกบ้านเป็นครั้งแรกไง” “มันจะเช้าแล้วล่ะ เอาไว้ พรุ่งนี้นะคะคนดี” ความจริงแล้วเขาไม่อยากพาเธอออกไปเลยจริงๆ จะว่า ขีข้ ลาดก็ได้ แต่ความสัมพันธ์แปลกๆ ของเขาและเธออาจ จะทำ�ให้ชีวิตที่กำ�ลังไปได้ดีของเขาไม่มั่นคง แต่เหตุผลนัน่ … ถ้ามันพูดออกไปได้ เขาคงไม่มา ยืนอยู่ตรงนี้ สองมือล้วงกระเป๋า บนทางเท้าหน้าคอนโด “อิศ เริ่มจากร้านน้ำ�เต้าหู้ปาท่องโก๋ก่อนเลย” โฮโลแกรมสาวสับขาถี่ๆ ในท่ามาร์ช เร่งให้เขานำ�ทางไป อิศขานรับเนือยๆ ก่อนพาเธอเดินลัดสวนสาธารณะข้างๆ มันก็เหมือนกับการเดินเล่นเงียบๆ คนเดียวเว้นแต่มเี สียง ครืดคราดเบาๆ เหมือนมีรถบังคับเด็กเล่นวิ่งตามมาด้วย ตลอดเวลา “อิศ ดูสิ” เขาหมุนตัวกลับไปตามเสียงเรียก ของแฟนสาวทีก่ �ำ ลังชีไ้ ปยังท้องฟ้ายามรุง่ สางทีเ่ ผยให้เห็น ดวงอาทิตย์ทีละนิด เขามองเธอหัวเราะอย่างมีความสุข แล้วหมุนตัวไปรอบๆ เสียงใสๆ เรียกให้เขาดูแสงอาทิตย์ ที่ค่อยๆ สาดส่องลงมาบนตัวเธอ แสงจ้าทำ�ให้ความทึบ ของเธอเบาบางลง แต่เขากลับเห็นเธอชัดเจนยิง่ กว่าทีเ่ คย แสงแดดยามรุ่งอรุณสะท้อนลงบนเรือนผมสี ้นำ�ตาลอ่อนยิ่งทำ�ให้เธอดูราวกับสิ่งมีชีวิตสวยงามที่หลุด ออกมาจากอีกโลกหนึ่ง เขาได้ ยิ น เสี ย งไวโอลิ น คอนแชร์ โ ตบรรเลง บทเพลง ‘บั ท เตอร์ ฟ ลาย เลิ ฟ เวอร์ ’ ขึ้ น ที่ ไ หนสั ก แห่งในสวน ผีเสื้อตัวน้อยๆ โบยบินรอบตัวเธออย่าง
เริงร่า เขารู้สึกแปลกๆ คล้ายกับมีผีเสื้อบินวนอยู่ในตัว แต่ก็เป็นความรู้สึกที่ดีทีเดียว อิศได้ยินเสียงตัวเองหัวเราะออกมาดังๆ เมื่อ เห็นเธอกางแขนกางขาออก บอกเขาว่าต้องรับพลังจาก แสงแดดให้คุ้มค่าที่ออกมาจากบ้านได้สำ�เร็จ เขารู้สึกว่า ตัวเองกำ�ลังยิ้มอย่างควบคุมไม่ได้ “โอ๊ะ คุณอิศราภร มาวิ่งเหมือนกันเหรอครับ” เสียงทุ้มๆ ที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง ทำ�เอา ลมหายใจของอิ ศ สะดุ ด ร่ า งกายก็ พ าลเกร็ ง ขึ้ น โดย อัตโนมัติ ก่อนจะค่อยๆ หันไปเผชิญหน้ากับเพื่อนร่วม งานที่บังเอิญเจอกัน ชายหนุม่ เดินตรงเข้ามาหาอิศ เขากำ�ลังพูดอะไร บางอย่างเกี่ยวกับความบังเอิญและการไปดื่มกาแฟด้วย กันต่อหลังจากนี้ เธอไม่ได้ตั้งใจฟัง อิศหันไปมองภาพ ของโฮโลแกรมสาวที่ลางเลือนจนชายคนนี้ไม่รับรู้ว่าเธอ มีตัวตน… ‘ถ้ า เขาไม่ รู้ เขาก็ จ ะเอาไปพู ด ต่ อ ไม่ ไ ด้ ’ อิศราภรคิดแล้วหันกลับไปมองคนรักของตนอีกครั้ง อิศ เห็นเธอทำ�หน้าเหมือนจะร้องไห้แล้ววิ่งหนีไปซ่อนตัว ไกลๆ เขาไม่ชอบใจ ไม่ชอบใจเลยจริงๆ “พอดี ดิฉันมากับแฟนน่ะค่ะ” คำ�พูดหยุด การกระทำ�ของอีก 2 คนไปโดยปริยาย เพื่อนร่วมงาน หนุ่มเพ่งมองไปตามสายตาของอิศ ก่อนจะเบิกตาโพลง ด้วยความตกใจ “แฟนคุณอิศราภร…” ‘ใช่คะ่ เป็นโฮโลแกรม’ อิศคิด ก้มหน้ารับความ จริง อย่างไรก็คงต้องมีคนรู้เข้าสักวันอยู่แล้ว “เป็นผู้หญิงเหรอครับ?” อิศเงยหน้าขึน้ มองชายหนุม่ อย่างแปลกใจ แต่ก็ ให้ความกระจ่างด้วยการพยักหน้า “เอ่อ…ขอตัวนะคะ” อิศเดินจากชายหนุ่มมา โดยมีโฮโลแกรมสาว ลอยตามหลัง เขาเหลือบมองเธอ ชะลอฝีเท้าลง ก่อนจะ ยืน่ แขนออกไปข้างลำ�ตัวเล็กน้อย โฮโลแกรมสาวเร่งฝีเท้า ขึ้นมาเดินข้างๆ อิศคอยระวังไม่ให้ก้าวเร็วหรือช้าเกินไป เพือ่ ไม่ให้มอื ทีป่ ระสานกันไว้ของพวกเขาหลุดออกจากกัน “เห็นว่าเธอชอบหรอกนะ คราวหลังจะพาออก มาเดินเล่นอีกก็ได้” อิศลอบยิ้ม เขาก็ทำ�เป็นพูดไปอย่าง นั้นแหละ ความจริงเป็นตัวเขาเองเสียมากกว่า ที่อยาก จะออกมาเดินเล่นกับเธออีก ทั้งสองคนจูงมือกันไปบน พื้นหญ้านุ่มๆ ตัวตนของโฮโลแกรมสาวยังเลือนลางอยู่ เหมือนเดิม คนที่เดินผ่านไปมาอาจจะมองเห็นอิศราภร เพียงคนเดียว แต่นั่นก็ไม่สำ�คัญ แค่พวกเขาสองคนรู้ว่า ยังจับมือกันและกันไว้ ก็เพียงพอแล้ว
ที่มาภาพ : bogardpress.org // /thumbs.dreamstime.com
CU TODAY
Main Course text : เทพธิดา เบลคลีย์, ณิชกานต์ กุลพิสิทธิเจริญ artwork : ชมพูนุท เติมวุฒิปรีชา
To repeat on that time again. ที่มาภาพ : Pixabay
สำ�หรับ นิสติ อย่างเราคงคุน้ เคยดีกบั คำ�ว่า ‘ซิว่ ’ เพราะน่าจะมีเพื่อนหรือคนรู้จักที่เคยซิ่วมาบ้างไม่มาก ก็น้อย เมื่อพูดถึงความหมายตามบริบท ‘ซิ่ว’ คือการที่ นิสิตหรือนักศึกษาลาออกเพือ่ ไปสอบเข้าหรือสมัครเรียน ใหม่อีกครั้ง ในสมัยก่อนการซิ่วหรือการเรียนซ้ำ�ยังไม่เป็น ที่แพร่หลายด้วยเหตุผลหลายประการ ซึ่งส่วนใหญ่คือ ถูกพ่อแม่คัดค้านไม่ให้ซิ่วเพราะมีอคติว่าคนที่ซิ่วคือคนที่ เรียนไม่เก่งและไม่มีความอดทน ทว่าในปัจจุบันจำ�นวนเด็กที่ ‘ซิ่ว’ กลับเพิ่ม ขึ้นเรื่อยๆ เป็นไปได้หรือที่เด็กเหล่านั้นจะบังเอิญเรียน ไม่เก่งและขาดความอดทนกันทุกคน เหล่านี้ทำ�ให้เกิด คำ�ถามขึ้นมาว่าหรือการ ‘ซิ่ว’ จะมีความหมายในแง่มุม อื่นที่เราไม่รู้กันแน่? เพื่อตามหาความหมายดังกล่าว CU Today ฉบับนีข้ อแบ่งปันเรือ่ งราวของรุน่ พีใ่ นรัว้ จามจุรที เี่ คยผ่าน
VOLUME 6 ISSUE 4 – SEMESTER 2/2557
ประสบการณ์การซิ่วมาสู่รุ่นน้องเพื่อช่วยในการตัดสินใจ เลือกสิ่งที่ ‘ใช่’ และ ‘ไม่ใช่’ สำ�หรับตัวเอง เพราะบางคน ก็พบเจอกับสิง่ ทีต่ ามหาขณะเดียวกันบางคนก็ยงั หามันไม่ เจอ สิ่งๆนั้นก็คือ ‘สิ่งที่ตัวเองรัก’ นั่นเอง เรือ่ งเล่าลำ�ดับแรกคือเรือ่ งของคนทีไ่ ด้รบั ความ สุขจากการซิ่วเพราะสามารถตามหาสิ่งที่ตนรักเจอ เขา คนนี้มีชื่อว่า ‘แพ็ค’-คงเพชร สิงห์โต ปัจจุบันเป็นนิสิต ชั้นปีที่สี่ คณะวิทยาศาสตร์ เคยผ่านการซิ่วมาถึง 2 ครั้ง ด้วยกัน ครั้งแรกเขาซิ่วมาจากคณะสัตวแพทยยศาสตร์ จุฬาฯสิ่งที่ทำ�ให้เกิดการตัดสินใจครั้งนั้นเพราะว่าเขาเข้า คณะนี้ตามใจพ่อแม่ แต่เมื่อได้เรียนกลับพบว่าไม่ตรงกับ ทางที่ตนชอบ เเม้จะรักสัตว์แค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถดูแล รักษาสัตว์ได้ดขี นาดนัน้ เนือ่ งจากการดูแลรักษาสิง่ มีชวี ติ เป็นเรื่องยาก เขาจึงตัดสินใจซิ่วมายังคณะวิทยาศาสตร์ เพราะเป็นคณะที่ตนชอบ แต่หลังจากเรียนไปได้ 1 ปีเขา ก็ซวิ่ เข้าคณะวิทยาศาสตร์ซ�้ำ อีกรอบเนือ่ งจากบริหารเวลา
ได้ไม่ดที �ำ ให้เกรดไม่นา่ ชมเสียเท่าไหร่ แพ็คกล่าวว่าตอน ซิว่ พ่อกับแม่กเ็ ข้าใจเพราะตนได้อธิบายเหตุผลไปและเขา ก็ยอมรับในสิ่งที่จะตามมาทีหลัง “ตัวของเราเองนั้นต้องอยู่กับสิ่งนี้อีกนานซึ่ง เราก็ต้องถามตัวเองว่าถ้าจะต้องเรียนไปอีก 6 ปีเราจะ สามารถทนกับสิ่งที่เรียนได้ไหม นอกจากนี้เรายังต้อง คิดถึงสายงานที่เราต้องจบมาทำ�ว่าสิ่งที่จะจบมาทำ�ใน สายที่เรียนมานั้นใช่หรือเปล่า เวลา 1 ปีของคนที่จะซิ่ วนั้น มันก็มีพอสมควร ซึ่งควรใช้เวลานั้นตัดสินใจให้ดีว่า อยากทำ�อะไร อยากเป็นสิ่งที่เรียนจบมาจริงๆ หรือเปล่า หรือเพียงแค่คิดถึงว่าจบมางานดีก็ใช้ได้” แพ็คกล่าวฝาก ถึงคนที่กำ�ลังจะซิ่ว หลังจากซิ่วมาได้แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นจุดจบ ของปัญหาเพราะบางคนเมื่อเข้ามาแล้วก็ยังต้องเผชิญ กั บ อุ ป สรรคต่ า งๆ ในคณะ ไม่ ว่ า จะเป็ น เรื่ อ งเรี ย น หรือเรื่องการปรับตัวก็ตาม ส่วนตัวแพ็คนั้นบอกว่ามี
11
Main Course text : เทพธิดา เบลคลีย์, ณิชกานต์ กุลพิสิทธิเจริญ artwork : ชมพูนุท เติมวุฒิปรีชา
“
เวลา 1 ปีของคนที่จะซิ่วนั้น มันก็มีพอสมควร ซึ่งควรใช้เวลาใน 1 ปี ตัดสินใจให้ดีว่าอยากทำ�อะไร - แพ็ค วิทยาฯ ปี4
”
12
ความสุขมากเพราะคิดว่าตนเองยังเด็กอยู่และติดเรียก คำ�ว่าพี่ทำ�ให้สามารถทำ�ตัวกลมกลืนกับคนอื่นได้ อีก ส่ ว นหนึ่ ง อาจเป็ น เพราะคณะวิ ท ยาศาสตร์ เ ป็ น คณะ ใหญ่พอสมควรจึงไม่รู้สึกถึงความแตกต่างในช่วงอายุ มากนัก ตอนนีต้ วั เขารูส้ กึ มีความสุขกับสิง่ ทีเ่ รียนอยูแ่ ม้วา่ จะเหนื่อยกับวิชาเรียน แต่รู้สึกดีที่มีเพื่อนคอยช่วยเหลือ ทำ�ให้ผ่านอุปสรรคปัญหาต่างๆ ไปได้ แพ็คนั้นถือว่าเป็นคนที่โชคดีคนหนึ่งที่สามารถ ตามหาสิ่งที่ตนรักพบเพราะถึงแม้ว่าการซิ่วจะทำ�ให้ใคร หลายๆ คนพบกับสิ่งที่ใฝ่ฝันเอาไว้แต่ทุกอย่างย่อมมี 2 ด้านเพราะยังมีบางคนที่ยังค้นหา ‘สิ่งที่ตนเองรัก’ ไม่ เจอดังเช่น ‘แวน-แทนไท ผาติกรวงษ์’ นิสิตชั้นปีที่สี่ จาก คณะนิเทศศาสตร์ ที่ซิ่วมาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิ ท ยาลั ย เกษตรศาสตร์ หลั ง จากเรี ย นไปได้ 2 ปี เหตุ ผ ลเพราะเลื อ กเข้ า คณะวิ ศ วกรรมศาสตร์ ต าม คำ�ขอของพ่อแม่ ทว่าสุดท้ายก็ตัดสินใจซิ่วตามความ คิดของตัวเองมายังคณะนิเทศศาสตร์เพราะอยากหา ประสบการณ์ใหม่ทนี่ า่ ตืน่ เต้นนอกเหนือจากด้านวิชาการ อย่ า งไรก็ ดี เมื่ อ เข้ า มาแล้ ว ทุ ก อย่ า งกลั บ ไม่ เป็นดังที่ฝัน ทำ�ให้แวนรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากและ หากสามารถซิ่วได้อีกครั้งเขาอาจซิ่วไปคณะสถาปัตย์ไม่ ก็วิทยาศาสตร์แทนเพราะคิดว่าจะสามารถตามหาสิ่งที่ ชอบได้จากที่นั้น เนื่องจากตอนก่อนตัดสินใจซิ่ว แวน เกิดความลังเลระหว่างเลือกเข้าคณะนิเทศศาสตร์หรือ คณะวิทยาศาสตร์ แต่สดุ ท้ายก็เลือกเข้าคณะนิเทศศาสตร์ เพราะคิดว่า คณะนี้น่าจะให้ประสบการณ์ที่ไม่ใช่แค่การ เรียนด้านวิชาการให้แก่เขาได้ “ตอนแรก มันเริม่ มาจากการทีโ่ รงเรียนไม่มกี าร แนะแนวที่มีประสิทธิภาพมากเท่าที่ควร ทำ�ให้เด็กตัดสิน ใจพลาดเพราะตามกระแสค่านิยมในช่วงนั้นเช่นตัวของ เราเองเป็นต้น ฉะนั้นหากใครที่ต้องการซิ่วหรือมีความ คิดว่าไม่อยากเรียนคณะทีก่ �ำ ลังเรียนอยูน่ อี้ กี ต่อไปแล้ว ก็ ขอให้คดิ ดีๆ หาความชอบให้เจอเสียก่อนทีจ่ ะซิว่ เพราะถ้า เราซิ่วไปแล้วสิ่งที่เราเลือกมาหลังจากนั้นมันจะติดตัวเรา ไปตลอด หากเราเลือกและพบกับสิ่งที่ตามหาก็เป็นเรื่อง ดี แต่ถ้าก้าวผิดครั้งหนึ่งอาจจะจบลงที่เราต้องอยู่กับมัน อย่างนัน้ ไปตลอดก็ได้ ดังนัน้ ควรตัดสินใจและพิจารณาให้ ดีก่อนที่จะตัดสินใจยื่นใบลาออกจากมหา’ลัย” แวนฝาก คำ�พูดแก่นิสิตในรั้วจามจุรีที่มีความคิดอยากจะซิ่วหรือ รู้สึกว่าชีวิตที่เรียนอยู่ในตอนนี้มันไม่ใช่ทางที่เราต้องการ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการซิว่ ไม่สามารถช่วย แก้ปญ ั หาทุกอย่างได้ แวนเล่าให้ฟงั ว่าหลังจากซิว่ มา เขาก็ พบกับความลำ�บากหลายประการ แต่หลักๆ ก็คอื เขาใช้ค�ำ แทนตัวเองไม่ถกู หากจะให้เรียกรุน่ พีท่ อี่ ายุเท่ากับตนเอง
“
ถ้าก้าวผิดครั้งหนึ่ง อาจจะจบลงที่เราต้องอยู่กับมัน อย่างนั้นไปตลอด - แวน นิเทศฯ ปี4
”
หรือน้อยกว่าตนเองว่า ‘พี’่ นัน้ ก็ไม่กล้าทีจ่ ะเรียกเท่าไหร่ ทำ�ให้เขาไม่อยากคุยกับรุน่ พีแ่ ละขณะเดียวกันกับรุน่ น้อง ก็มีปัญหาที่อายุต่างกันเกินไป ทำ�ให้เขารู้สึกไม่สนิทสนม กับคนภายในคณะเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามแม้การกลับมาเป็นรุ่นน้องอีก ครั้งจะทำ�ให้แวนพบปัญหามากมาย แต่การที่เขาได้มา เป็นรุน่ น้องในคณะนิเทศศาสตร์ ก็สง่ ผลในแง่บวกกับเขา เช่นกัน “เรารูส้ กึ มีความสุขในการได้เป็นรุน่ น้องในคณะ นิเทศศาสตร์ทมี่ รี ะบบรุน่ พีร่ นุ่ น้องทีเ่ กือ้ กูลกันเพราะตอน ที่เรียนอยู่ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์นั้นเรียนหนักทำ�ให้ไม่ คิดอะไรมากแต่เวลาก็ผ่านไปจากที่เป็นรุ่นพี่ที่กลายเป็น รุ่นน้องและกลับมาเป็นรุ่นพี่อีกครั้งหนึ่งก็รู้สึกว่าความ รู้สึกที่เป็นรุ่นน้องในตอนที่เรียนคณะนิเทศศาสตร์ได้ เปลีย่ นไปเมือ่ ได้เป็นรุน่ พีเ่ พราะมีความเป็นผูใ้ หญ่มากขึน้ ตามวุฒิภาวะและวัยที่มากขึ้น” แวนอธิบาย จากบทสัมภาษณ์ข้างต้น จะเห็นว่าการ ‘ซิ่ว’ มีทั้งด้านดีและไม่ดี ซึ่งปัจจัยสำ�คัญที่ตัดสินว่าการซิ่วจะ ดีหรือไม่นั้นก็คือ ‘ผู้ปกครอง’ เพราะถือว่าเป็นด่านยิ่ง ใหญ่ที่เด็กซิ่วจำ�เป็นต้องข้ามผ่านไปให้ได้ เนื่องจากหาก ผูป้ กครองไม่สนับสนุน เราก็ไม่สามารถรูไ้ ด้เลยว่าสิง่ ทีเ่ รา คิดว่าใช่นนั้ มันคือเรือ่ งจริงหรือเป็นเพียงแค่ความคิดเล็กๆ ของเรา แต่ถึงอย่างนั้นการที่ไม่ได้ทำ�ตามที่สิ่งเราคาดฝัน ไว้กอ็ าจทำ�ให้เราพลาดอะไรบางอย่าง ดังนัน้ ผูป้ กครองจึง ถือเป็นสิ่งสำ�คัญในการตัดสินอนาคตของเด็ก แพ็คบอกว่าตัวเขานั้นเจอมากับตัวเองเพราะ ตอนทีอ่ ยากสอบเข้าคณะบัญชีและคะแนนก็ถงึ ในการแอ ดมิดชัน่ ครัง้ แรกแต่พอ่ แม่เป็นปัจจัยหลักทีท่ �ำ ให้เขาตัดสิน ใจบอกลาคณะนีไ้ ป แพ็คให้ความเห็นว่าจะต้องพูดคุยกับ ผู้ปกครองให้ชัดเจน หากไม่สามารถชี้แนะหรือแสดงให้ พ่อแม่เห็นได้วา่ เรามีความชอบในด้านนัน้ จริงๆ ก็จะทำ�ให้ พ่อแม่ไม่ไว้ใจในการตัดสินใจและทำ�ให้พลาดในการตาม หาสิ่งที่ตนชอบไป ด้านแวนก็ให้ความเห็นในอีกมุมหนึ่งว่า บาง ครั้งผู้ปกครองควรเปิดใจที่จะยอมรับเด็กให้มากขึ้นกว่า
CU TODAY
Main Course text : เทพธิดา เบลคลีย์, ณิชกานต์ กุลพิสิทธิเจริญ artwork : ชมพูนุท เติมวุฒิปรีชา
“
จงทำ�ในสิ่งที่ชอบ ทำ�ในสิ่งที่รัก แล้วจะประสบความสำ�เร็จเอง - คุณธันชนก
”
เดิม ให้เขาได้ทำ�ตามความฝันอย่าไปขีดเส้นกำ�หนดให้ เด็กต้องทำ�ตาม คล้ายคลึงกับความเห็นของคุณธันชนก แสงทอง ที่มีลูกชายซิ่วจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ มายั ง คณะนิ เ ทศศาสตร์ จุ ฬ าลงกรณ์ มหาวิทยาลัย บอกว่าอยากให้ผปู้ กครองเปิดโอกาสให้แก่ เด็กได้เรียนสิ่งที่ตนชอบ “ในเมื่อเด็กไปเรียนแล้วไม่ชอบ ไม่เอาแล้ว ตัว เด็กเองก็จะทิ้งหรือปล่อยการเรียนไป หากเรายังให้เขา เรียนต่อไปก็เหมือนบังคับฝืนใจให้ทนเรียน ซึ่งผู้ปกครอง น่าจะเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบหรือ อยากเรียน เขาจะได้มีความสุขกับการเรียน สำ�หรับเด็ก ที่จะซิ่วก็จงทำ�ในสิ่งที่ชอบ ทำ�ในสิ่งที่รัก แล้วจะประสบ ความสำ�เร็จเองขอเป็นกำ�ลังใจให้คนที่จะซิ่วทุกคนค่ะ” คุณแม่กล่าวด้วยน้ำ�เสียงจริงใจและอ่อนหวาน คุณแม่เล่าให้ฟังว่าตัวเองได้สนับสนุนให้ลูกทำ� ตามความฝันจึงเข้าใจดีวา่ เด็กต้องการอะไร เพราะในตอน แรกตนก็ไม่อยากให้ลกู ซิว่ นัก ด้วยกังวลว่าถ้าซิว่ ไปแล้วยัง ไม่เจอสิ่งที่ใช่ก็ต้องเริ่มต้นใหม่ เสียไปปีหนึ่งฟรีๆ แต่เมื่อ เห็นว่าลูกไม่อยากเรียนแล้วด้วยความรักลูก สุดท้ายก็ยอม วัดดวงกับลูกของตัวเองว่าเป็นไงเป็นกัน “ในตอนที่ลูกจะซิ่ว เขาก็มาปรึกษากับตัวคุณ แม่ คุณแม่เคยถามว่า คุณพ่อว่าอย่างไรบ้าง คุณพ่อก็ อนุญาตให้ทำ�ตามความฝันของตนเอง คือตัวคุณพ่อกับ คุณแม่ไม่ได้ห้ามลูก ลูกอยากทำ�อะไรก็ทำ�คุณพ่อคุณแม่ พร้อมสนับสนุน ถ้าเขามัน่ ใจในตัวเองว่าทำ�ได้ และถ้าเขา มัน่ ใจคุณแม่กก็ ล้าเสีย่ งไปกับลูกด้วย” คุณธันชนกอธิบาย นอกจากความรักลูกแล้วเหตุผลหลักทีอ่ นุญาต ให้ลกู ซิว่ เพราะเห็นว่าลูกเรียนไม่ไหวและไม่อยากเรียนอีก ต่อไปจึงยอม ประกอบกับเห็นว่าตอนเทอมสอง (ที่คณะ เก่า) ลูกของตนเริม่ ไม่เรียนแล้วปล่อยเกรด ทัง้ ทีต่ อนแรก ยังตั้งใจเรียนดี ความจริงก็คือเขาเริ่มปล่อยเกรดเพราะ ต้องการดรอปมาอ่านหนังสือเพือ่ เตรียมตัวก่อนซิว่ นัน่ เอง “ส่วนตัวคุณแม่เองก็ยอมรับได้ในคณะที่ลูก เลือกเพราะตอนแรกเราก็เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าลูกอยาก เข้าคณะนีม้ าตัง้ แต่ตน้ แต่สอบติดอีกทีก่ อ่ นก็เลยตัดสินใจ
เรียนทีศ่ ลิ ปกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไปเลย แต่เมือ่ เขาเข้าไปเรียนจริงๆ ก็รสู้ กึ ว่ามันไม่ใช่ไม่ชอบ หลังจากซิว่ มาทีน่ เิ ทศ จุฬาฯ คุณแม่กเ็ ห็นว่าลูกดูมคี วามสุขมากขึน้ ” คุณแม่กล่าวด้วยน้ำ�เสียงที่เจือไปด้วยความสุข เรื่ อ งราวที่ ถู ก ถ่ า ยทอดมาทั้ ง จากฝ่ า ยนิ สิ ต และผู้ปกครองข้างต้นแสดงให้เห็นว่าในการตัดสินใจซิ่ว อาจมีโอกาสนำ�เราไปเจอกับสิ่งที่เราตามหา ดังนั้นการ ซิว่ ย่อมไม่ได้หมายความว่า คนทีซ่ ว่ิ จะต้องเป็นคนไร้ความ สามารถหรือเรียนไม่ไหวเลยต้องซิ่วเสมอไป แต่มันคือ การที่คนๆ หนึ่งต้องการจะเริ่มต้นเส้นทางใหม่เพื่อค้นหา จุดมุ่งหมายของชีวิตที่ตนเองใฝ่ฝันมาตลอดจากการซิ่ว แม้ต้องแลกกับเวลาที่เสียไปมากแค่ไหนก็ตาม ในแง่ของเวลานั้น การเสียเวลาเพียงไม่กี่ปี แต่ ได้เรียนในสิ่งที่ชอบ ที่ถนัด และมีความสุขนั้นย่อมคุ้มค่า กว่าการเสียเวลาทั้งชีวิตไปกับสิ่งที่ไม่ใช่เราหรือสิ่งที่คน อื่นคิดว่าดี เพราะเราย่อมรู้ดีกว่าใครว่าอะไรดีสำ�หรับ เราและเราเองเท่านั้นที่จะกำ�หนดชีวิตและเส้นทางเดิน ของตัวเองได้ ไม่วา่ จะเลือกอะไรก็ขอให้เป็นการตัดสินใจทีม่ า จากการ ‘รับฟัง’ ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นตัวเราเอง
“
ผู้ปกครองน่าจะเปิดโอกาส ให้เด็กได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ หรืออยากเรียน เขาจะได้มีความสุขกับการเรียน - คุณธันชนก
”
ที่มาภาพ : Pixabay
VOLUME 6 ISSUE 4 – SEMESTER 2/2557
13
Info Graphic
text & artwork : ภัทรพล สิงหะกุลพิทักษ์
14
CU TODAY
Article
text : ชารี อ่ำ�รัตนาพร artwork : อิสริยา ธัญญะสุขวณิชย์
เรื่องเล่าจากถ้วยกาแฟ ที่เด็ก-ห้าม-ดื่ม! หากลองนึกย้อนกลับไปคุณจะพบว่า ชีวิตวัยเด็กของเราทุกคนล้วนมีแต่ข้อห้าม พ่อแม่จะห้ามลูกนั่งรถเมล์คนเดียว ห้ามเถียงผู้ใหญ่ หรือห้ามกลับบ้านเกิน หกโมงเย็น เราถูกห้ามในเรื่องต่างๆ มากมาย หลายเรื่องที่ถูกห้ามก็น่าสงสัยว่าเป็น เรื่องไม่ดีตรงไหน แล้วทำ�ไมเรื่องบางเรื่อง ที่ผู้ใหญ่ห้าม... พวกเขากลับทำ�เสียเอง หนึ่งในเรื่องที่รู้สึกว่าเป็นข้อห้ามที่ ไร้เหตุผลในวัยเด็กคือเรื่อง ‘การดื่มกาแฟ’ จำ�ได้ว่าทุกครั้งที่พ่อพาเราไปหยุดตรงหน้า ร้านกาแฟโบราณในตลาดหน้าปากซอย พ่อจะ สั่งกาแฟเย็นถุงหนึ่งให้ตัวเองและโกโก้อีกถุงให้เรา บ่อยครั้งที่เราตั้งคำ�ถาม (และคิดว่าหลายคนคงเคยคิดแบบเดียวกัน) ว่า “ทำ�ไมเด็กถึงดื่มกาแฟไม่ได้?” ขณะที่ คนเป็นผู้ใหญ่จะ สั่งเครื่องดื่มอะไรก็ได้ทั้งนั้น แล้วอะไรคือเหตุผลที่แท้จริงที่ผู้ใหญ่ห้าม ไม่ให้เด็กดื่มกาแฟ?
ทำ�ไมเด็ก-ห้าม-ดื่ม!: เหตุผลเบื้องหลังข้อห้าม อันที่จริงตามหลักวิทยาศาสตร์อธิบายไว้ว่า เหตุผลที่เด็กดื่มกาแฟไม่ได้ เป็นเพราะในกาแฟมีสารที่ ชื่อว่า ‘คาเฟอีน’ (Caffeine) ซึ่งหากร่างกายรับเข้าไป ในปริมาณหนึง่ จะมีฤทธิก์ ระตุน้ ระบบประสาท ทำ�ให้รสู้ กึ ตื่นตัวและสดชื่น แต่ถ้ารับเข้าไปในปริมาณมาก จะทำ�ให้ ปวดศีรษะ กระวนกระวาย และหัวใจเต้นเร็ว ที่สำ�คัญกว่านั้นเด็กๆ ยังต้องอาศัยฮอร์โมน ชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า ‘โกรทฮอร์โมน’ (Growth Hormone) ในการเจริญเติบโตของร่างกาย ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้จะเริ่ม หลั่งออกมาในช่วงที่ ร่างกายพักผ่อนหรือนอนหลับ ดัง นั้นหากเด็กๆ นอนไม่หลับด้วยฤทธิ์ของกาแฟอาจทำ�ให้ มีรูปร่างแคระแกร็น เติบโตไม่สมวัย และอาจส่งผลต่อ ร่างกายที่กำ�ลังพัฒนาได้ นีค่ งเป็นเหตุผลทีอ่ ยูเ่ บือ้ งหลังข้อห้าม ไม่ให้ลกู ดื่มกาแฟของพ่อแม่ กาแฟ: รสชาติของความเป็นผู้ใหญ่ เรายั ง จำ � ความภาคภู มิ ใ จขณะดื่ ม กาแฟ แก้วแรกในชีวิตได้ การดื่มกาแฟแก้วนั้นมิใช่เพียงความ น่ายินดีทเี่ ราสามารถดืม่ กาแฟได้โดยไม่มคี นห้ามอีกต่อไป หากยังสื่อว่าเราได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่อีกระดับหนึ่ง ที่มี ความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจในการดื่มกาแฟ อย่างไรก็ตาม แม้ผใู้ หญ่จะมีรา่ งกายที่ สามารถ รับมือกับคาเฟอีนได้มากกว่าเด็ก แต่กต็ อ้ งรูจ้ กั ความพอดี และหนักแน่นพอที่จะห้ามใจตัวเองไม่ให้หลงใหลไปกับ รสชาติและกลิ่นกรุ่นของกาแฟ จนเผลอดื่มมากเกินขีด จำ�กัดของร่างกาย เพราะแต่ละคนรับสารคาเฟอีนได้ไม่ เท่ากัน บางคนดืม่ กาแฟ นิดเดียวก็ใจสัน่ แล้ว ขณะทีก่ าแฟ ปริมาณเดียวกันอาจไม่มีผลต่ออีกคนเลย ทัง้ ร่างกายทีแ่ ข็งแรงและจิตใจทีห่ นักแน่นนี้ คือ ‘ความเป็นผู้ใหญ่’ ตามความเห็นของเรา อาจกล่ า วได้ ว่ า ‘กาแฟ’ ไม่ ไ ด้ แ สดงความ เป็ น ผู้ ใ หญ่ เ ท่ า นั้ น หากยั ง สะท้ อ นอิ ส รภาพและ ความรับผิดชอบทีเ่ พิม่ มากขึน้ จากวัยเด็ก คนทีเ่ ป็นผูใ้ หญ่
VOLUME 6 ISSUE 4 – SEMESTER 2/2557
แล้วจะมีอิสระในการเลือกทำ�สิ่งต่างๆ เพราะมีความ พร้อม ของร่างกายและประสบการณ์มากกว่าในวัยเด็ก แต่ก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ�ลงไป ไม่ใช่เด็กๆ ที่ทำ�ผิด โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์แล้วแก้ตัวได้ว่า “หนูไม่รู้...หนูไม่ได้ ตั้งใจ” ได้อีกต่อไป
ครั้งหนึ่ง เราเคยถามด้วยความรู้สึกไม่ยุติธรรม ว่า “ทำ�ไมพ่อถึงดื่มกาแฟได้ แล้วหนูดื่มบ้างไม่ได้?” ครัง้ นัน้ ไม่มคี �ำ ตอบ พ่อเพียงแต่ยมิ้ ทว่าหากคิด ดูดๆี ก็จะพบคำ�ตอบว่าทีผ่ ใู้ หญ่ดมื่ กาแฟได้เป็นเพราะเมือ่ เรามี ‘ชีวิตแบบผู้ใหญ่’ เราจะกินอะไรก็ได้ เราสามารถ เลือกทางเดินของตัวเองโดยไม่ต้องมีใครมากำ�กับดูแล ตัวเราเองแม้เริม่ โตเป็นผูใ้ หญ่กย็ งั ติดรสชาติของโกโก้ เมนู เครื่องดื่มที่ต้องสั่งเสมอจึงเปลี่ยนจากโกโก้ในวัยเด็กมา เป็นกาแฟผสมโกโก้ ซึ่งผสานรสหวานและรสขมในแก้ว กาแฟได้อย่างลงตัว กลายเป็นรสอร่อยที่การดื่มกาแฟ หรือโกโก้เพียงอย่างเดียวไม่อาจสร้างได้ ไม่ แ น่ ว่ า ในแก้ ว กาแฟชี วิ ต แบบผู้ ใ หญ่ อ าจมี รสหวานของวัยเด็กผสมกับความขม ด้วยเหมือนกัน ก็เป็นได้
ความขม: รสชาติที่โกโก้ไม่มี หากลองถามคนในครอบครัวเกี่ยวกับกาแฟ ที่ ช อบจะพบว่ า ผู้ ใ หญ่ แ ต่ ล ะคนชอบกาแฟที่ มี ร สชาติ แตกต่างกันไป พ่อชอบกาแฟดำ� พี่สาวชอบกาแฟใส่นม ส่วนคุณปู่ชอบกาแฟใส่น้ำ�ตาลก้อน กาแฟมีหลากรส หลายสี แต่สิ่งที่กาแฟมีร่วมกันคือ ‘ความขม’ ที่เกิดจาก สารประกอบชนิดหนึง่ ชือ่ ‘ไตรโกเนลลีน’ (Trigonelline) ในกาแฟ ซึ่ ง เป็ น รสชาติ ที่ ทุ ก คนติ ด ใจจนถึ ง ขั้ น ที่ ว่ า เหล่าบาริสต้าต้องหาสารพัดวิธีมาทำ�ให้กาแฟมีรสขมที่ แตกต่างกันให้ถูกปากลูกค้า แล้วทำ�ไมคอกาแฟถึงติดใจความขม… ถ้าเปรียบกาแฟแก้วหนึ่งเป็นชีวิต ‘ความขม’ ที่แทรกอยู่ในกาแฟ ไม่ว่าน้อยหรือมาก ก็เปรียบได้กับ อุปสรรคในชีวิต เมื่อเด็กๆ เจอปัญหา แม้จะเล็กน้อย จนไม่อาจนับได้ว่าเป็น ‘ความขม’ แต่พวกเขาอาจไม่รู้ ว่าต้องจัดการกับมันอย่างไร ต้องให้ผู้ใหญ่ช่วยแก้ปัญหา ให้ เพราะเด็กน้อยต่างไม่เคยผ่านประสบการณ์ความขม มาก่อน แต่ส�ำ หรับคนทีเ่ ป็นผูใ้ หญ่แล้ว จะมีความสามารถ พอในการรับมือกับปัญหาใหญ่ๆ หรือความขมในปริมาณ ที่มากขึ้น แล้วเปลี่ยน ‘รสขม’ ให้เป็น ‘รสอร่อย’ ที่น่า ภาคภูมิใจในแก้วกาแฟของชีวิตได้
ที่มาภาพ : fanpop.com // freegreatpicture.com
15
Alumni text : ณหทัย พวงมะลิวัลย์ artwork : ภัทรพล สิงหะกุลพิทักษ์
เข้มข้นแบบ ‘เฟื่องลดา – สรานี สงวนเรือง’
ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ในร้านกาแฟย่าน ยูเซ็นเตอร์ ตกแต่งด้วยโทนสีเทา ดูอบอุ่นสบายตาเคล้า กับกลิ่นกาแฟและดนตรีเบาๆ เสริมให้บรรยากาศใน ร้านดูน่านั่ง CU Alumni ฉบับนี้ จะพาผู้อ่านทุกท่านมา พูดคุยกับสาวเก่งมากความสามารถ ‘เฟื่องลดา – สรานี สงวนเรือง’ ดีกรีบัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ 1 (เอกภาษา อังกฤษ โทศิลปะการละคร) คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ นอกจากจะเรียนดีแล้ว ด้านกิจกรรมก็เด่น ไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นผู้นำ�เชียร์คณะอักษรศาสตร์ ทีม นิ สิ ต สั ม พั น ธ์ ข องอบจ. (องค์ ก ารบริ ห ารสโมสรนิ สิ ต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ผู้เข้ารอบ 10 คนสุดท้าย ของการประกวดซียู ซิงกิ้ง คอนเทสต์ 2 ปีซ้อนและเป็น นักร้องในชมรมซียแู บนด์ (ชมรมดนตรีสากล สโมสรนิสติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) อีกด้วย โดยปัจจุบนั ทำ�งานเป็น ดีเจที่คลื่นวิทยุ 103 ไลฟ์เอฟเอ็ม และเป็นผู้ประกาศข่าว รายการเช้าข่าวชัดโซเชียลทางไทยรัฐทีวี หลังจากกาแฟแก้วโปรดของพี่เฟื่องลดามา เสิรฟ์ เธอก็พร้อมจะให้สมั ภาษณ์แล้ว ไปฟังประสบการณ์ ดีๆ จากพี่เฟื่องลดากันเลย! ความฝันในวัยเด็กอยากเป็นอะไร ตอนเด็กๆ ชอบฟังเพลงการ์ตนู ดิสนียแ์ ละชอบ ลีอา ซาลองกา (นักร้องชาวฟิลิปปินส์) เลยมีความฝันว่า โตขึ้นอยากเป็นนักร้องบรอดเวย์ (Broadway) เพราะคิด ว่าเพลงละครบรอดเวย์เป็นเพลงที่ร้องเพื่อเล่าเรื่องราว ทำ�ให้รู้สึกอินมากกว่าเพลงประเภทอื่นๆ แต่เป็นฝันที่ดู 16
ไกลเกินไป พอโตมาเข้าใจอะไรมากขึ้น ความคิดก็เริ่ม เปลี่ยน ช่วงก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย อยากทำ�งาน องค์การสหประชาชาติ (UN : United Nations) รู้แค่ว่า ถ้าทำ�งานที่นี่ต้องได้ใช้ภาษาอังกฤษที่เราถนัดแน่นอนซึ่ง ตอนนัน้ ยังไม่รเู้ ลยว่าต้องทำ�งานอะไรบ้าง จนได้ลองศึกษา ข้อมูลและได้รู้ว่าใน UN มีแยกย่อยเป็นหลายองค์กร ภายใต้การดูแล คนที่จะทำ�งานใน UN จึงต้องมีความรู้ เฉพาะด้านด้วย เช่น กฎหมาย รัฐศาสตร์ ความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ เศรษฐศาสตร์ เป็นต้น ส่วนความรู้ด้าน ภาษาทีใ่ ช้หลักๆ คือ ภาษาอังกฤษและภาษาฝรัง่ เศส หาก ได้ภาษาอื่นเพิ่มอีกภาษาจะดีมาก ความฝันนั้นก็เลยล้ม เลิกไปเพราะอาจจะมีอะไรที่เหมาะและชอบมากกว่า ถ้าเปรียบ ‘โกโก้’ เป็นชีวติ วัยเด็ก สำ�หรับพีจ่ ะมีรสชาติ แบบไหน โกโก้รสเข้มข้นเพราะแม้ว่าจะเป็นเด็กก็ต้องมี แก่นสาร ไหนๆ ก็เป็นโกโก้แล้ว มีความเป็นวัยรุ่น เป็น เด็กที่มีพลังงานเหลือล้น ใช้ชีวิตให้คุ้มและต้องเป็นโกโก้ ที่ดี ไม่เป็นโกโก้จืดๆ ไร้รสชาติ ไม่มีคุณภาพ ต้องเป็น โกโก้ที่ ‘Live each day to the fullest’ ใช้ชีวิตใน แต่ละวันให้เต็มศักยภาพของมันจะได้เป็นโกโก้ที่เข้มข้น หวานมันกลมกล่อมที่น่าลิ้มลอง เคล็ดลับในการเรียนของ ‘เฟื่องลดา’ หลักที่พี่ยึดตอนเรียนก็คือ เราเป็นนิสิตต้อง ทำ�หน้าที่เรียนให้เต็มที่ ให้ความสำ�คัญเป็นอันดับแรกๆ
เคล็ดลับไม่มีอะไรมาก ถ้าพูดไปก็คงเหมือนกับที่เคย ได้ยินกันมาว่า เข้าเรียนให้ครบทุกครั้ง ตั้งใจเรียนในห้อง ไม่เข้าใจต้องรีบถาม ขวนขวายหาประสบการณ์ ทำ� กิจกรรมบ้าง เวลาไปทำ�กิจกรรม ก็ตอ้ งมีความรับผิดชอบ ต่อหน้าที่ของเราด้วย ‘การแบ่งเวลาเป็น’ คือสิ่งสำ�คัญ ทีส่ ดุ ถ้าคิดว่าแบ่งเวลาไม่ได้แน่ๆ บอกเลยว่า น้องๆ หนูๆ จะพลาดมาก ทำ�กิจกรรมให้ประโยชน์อะไรกับเราบ้าง กิจกรรมให้ประโยชน์มาก เพราะชีวิตมหา’ลัย เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่เป็นเหมือนสนามของการฝึกก่อน ไปลุยสนามใหญ่ เวลาเราจบไปแล้วถ้าเรียนอย่างเดียว มันว่างไป ลองหากิจกรรมทำ� ประสบการณ์ก็มีมากตาม กิจกรรมนั้นๆ ซึ่งมันนอกเหนือจากตำ�ราเรียน ในหนังสือ มันไม่ได้สอน การฝึกการแก้ปญ ั หาเฉพาะหน้า เรียนรูก้ าร อยู่ร่วมกับคนอื่น ฝึกประสานงาน สร้างความสัมพันธ์กับ คนอืน่ รูจ้ กั คนเยอะขึน้ ด้วย เป็นสิง่ ทีส่ �ำ คัญในการทำ�งาน ตอนเป็นเด็กเราผิดพลาดได้แต่พอเราก้าวออก ไปทำ�งานจริงๆ ถ้าเราไม่เคยทำ�อะไรเลย ไม่เคยเจอความ ผิดพลาด ไม่เคยรู้ว่าปัญหาแบบนี้ต้องแก้ไขยังไง ไปล้ม ข้างนอกมันเจ็บหนักกว่าล้มข้างในเยอะ เป็นการเตรียม ความพร้อมของเราในการก้าวไปสู่โลกภายนอกที่ใหญ่ และกว้างกว่า ทักษะในการเรียนมันก็แค่ส่วนหนึ่ง แต่ ทักษะการเป็นคนที่สมบูรณ์ เทคนิคการใช้ชีวิตต่างๆ พี่ ว่ามันสำ�คัญกว่าเยอะ ใช่วา่ วิชาการไม่ส�ำ คัญ มันเป็นส่วน ประกอบของกันและกัน
CU TODAY
Alumni text : ณหทัย พวงมะลิวัลย์ artwork : ภัทรพล สิงหะกุลพิทักษ์
ที่บอกว่าทำ�งานไปด้วยตอนเรียนเคยทำ�อะไรมาบ้าง การทำ � งานของพี่ เริ่ ม จริ ง จั ง ตอนปี ส าม ได้ ทำ�งานเป็นพิธีกรที่ทรูอินไซด์ เป็นโอกาสที่ได้หลังจาก ประกวดร้องเพลงรายการทรู อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย ซีซนั่ เจ็ด และซีซนั่ แปด เข้ารอบ 50 คนสุดท้าย มีผใู้ หญ่มาเห็น และเรียกเข้าไปคัดเลือกครั้งแรกไม่ได้รับคัดเลือกพอได้ รับโอกาสครั้งที่สองก็รู้สึกว่าต้องทำ�ให้ดีกว่าเดิม โอกาส แบบนี้ไม่ได้มาบ่อยๆ และในครั้งนี้ผู้ใหญ่เห็นว่าพอไปได้ จึงได้เริ่มงานเป็นพิธีกรช่วงข่าวบันเทิงหลังจากเรียนจบ พี่หนุ่ย (พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์) พิธีกรรายการแบไต๋ไอที ทางช่อง เก้า เจอพี่ร้องเพลงในงานเว็บ sanook.com กับวงไอเฮียแบนด์สนใจจะให้พี่ไปเป็นพิธีกรคู่ด้วยใน รายการจึงติดต่อผ่านรุ่นพี่ในวงไอเฮียแบนด์ ซึ่งเป็นอดีต สมาชิกวงซียูแบนด์ โดยพี่หนุ่ยขอทดสอบให้เอาข่าวไอที ไปแต่งเป็นเพลงพี่ก็สู้ เอาเพลง ‘Part of your world’ แนวเพลงที่ตัวเองชอบอัดพร้อมข่าวไอทีส่งไป ปรากฏว่า พี่หนุ่ยชอบมาก ก็รับเข้าทำ�งานเลย ผลการเรียน VS กิจกรรม VS ทำ�งาน เทอมที่กิจกรรมหรืองานแน่นๆ กลับได้เอช้ วน (ผลการเรียนได้ A ทุกรายวิชา) เป็นอย่างนี้แหละ คนที่ลำ�บาก มันจะได้ดี พ่อพี่เคยสอนว่า “ความลำ�บาก สร้างคน ความสบายทำ�ลายคน” ซึ่งพี่ว่าจริง เพราะเจอ กับตัวเอง กิจกรรมก็ตอ้ งทำ� งานข้างนอกก็ตอ้ งทำ� ต้องพก หนังสือไปทุกที่ ว่างเป็นอ่าน ว่างเป็นจับหนังสือ พยายาม อ่านตลอด แต่แปลกดีพอเทอมทีว่ า่ งๆ ไม่มอี ะไรมากกลับ ไม่ได้เอช้วน (หัวเราะ) หากย้อนเวลากลับไปได้สิ่งที่อยากทำ�แต่ไม่ได้ทำ�ในรั้ว มหาวิทยาลัยคืออะไร ไปปาร์ตี้กับเพื่อน อย่างอื่นคิดว่าเต็มที่แล้ว ทั้งเรียน กิจกรรม แต่ปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ยังไม่เคยได้ไป เลย มิน่าเด็กๆ ถึงสนุกเวลาไปปาร์ตี้ (หัวเราะ) พูดแล้ว ดูแก่ทันที มองอีกมุมหนึ่งคิดว่า ถ้าเราไปปาร์ตี้ตอนนั้นก็
VOLUME 6 ISSUE 4 – SEMESTER 2/2557
“
ไหนๆ ก็เป็นโกโก้แล้ว มีความเป็นวัยรุ่น เป็นเด็กที่มีพลังงานเหลือล้น ใช้ชีวิตให้คุ้มและต้องเป็นโกโก้ที่ดี ไม่เป็นโกโก้จืดๆ ไร้รสชาติ ไม่มีคุณภาพ ต้อง เป็นโกโก้ที่ ‘Live each day to the fullest’ ไม่รู้ว่าเราจะเป็นเฟื่องลดาได้เหมือนตอนนี้หรือเปล่า เรา เลือกให้ความสำ�คัญกับมันไว้เป็นอันดับล่างๆ แต่ได้อย่าง ก็ตอ้ งเสียอย่างคิดว่าถ้าตอนนัน้ ไปปาร์ตอี้ าจจะมีเรือ่ งเล่า ขำ�ๆ มาเล่าเวลานึกย้อนก็ได้ ถ้าเปรียบ ‘กาแฟ’ เป็นผู้ใหญ่ อยากจะเป็นกาแฟสูตร อะไร เป็นมอคค่า (หัวเราะ) จะได้เป็นกาแฟกับโกโก้ ผสมกัน แม้วา่ โตแล้วก็ยงั อยากสนุกสนานแบบเด็กๆ บ้าง แต่กต็ อ้ งมีความรับผิดชอบในหน้าทีข่ องตัวเองด้วย สูตรนี้ น่าจะเหมาะที่สุด
”
โทรทัศน์มนั คนละอย่างกัน” ซึง่ พีก่ ไ็ ม่ชอบวงการบันเทิงที่ ฉันเป็นดารา ต้องมีคนมายุ่งกับชีวิตฉันเยอะๆ แต่วงการ โทรทัศน์สามารถมอบความรูใ้ ห้คนได้โดยผ่านทางหน้าจอ ผ่านทางการสื่อสารซึ่งมันตรงกับเป้าหมายในชีวิตของพี่ ที่อยากทำ�อะไรบางอย่าง อยากถ่ายทอดสิ่งดีๆ กับสังคม อาจจะดูโลกสวย แต่มันอยาก (หัวเราะ)
ถ้า ‘กาแฟ’ คือผู้ใหญ่ ‘โกโก้’ คือเด็ก อยากเป็นกาแฟ หรือโกโก้มากกว่า เชื่อว่าไม่มีใครอยากแก่หรอก ทุกคนอยากเป็น เด็ก แต่ถา้ ให้เลือกจริงๆ ก็คงต้องเป็นกาแฟเพราะโตแล้ว ก้าวผ่านความเป็นเด็กมาแล้ว ชีวิตตอนเรียนกับการทำ�งานแตกต่างกันไหม ในแต่ละวันความอยากเป็นกาแฟสูตรไหนก็ ไม่ ค่ อ ยต่ า งกั น มากนะเพราะพี่ เรี ย นไปทำ � ต่างกันอยู่นะแล้วแต่วัน ส่วนตัวพี่บทบาทหลักอยากเป็น กิ จ กรรมไปและทำ � งานข้ า งนอกด้ ว ย การเรี ย นใน ผู้ใหญ่แต่บทบาทรองก็ยังอยากเป็นเด็ก พี่สังเกตจาก มหาวิทยาลัยองค์ความรู้กว้างขึ้น อ่านเท่าที่เรียนไม่พอ สังคมที่พี่ได้ก้าวเข้าไปอยู่ ไม่ว่าจะงานไหนพี่มักจะก้าว ต้องหาความรู้เพิ่มเติม หากทำ�กิจกรรมต้องขยันมากกว่า ไปเร็วกว่าคนในวัยเดียวกันเยอะ ทุกคนที่พี่ทำ�งานด้วย คนอื่น เพราะในขณะที่เพื่อนๆ คนอื่นอ่านหนังสือ เรา เป็นผู้ใหญ่แก่กว่าพี่มากกว่า 10 ปีเลย ตัวเองกลายเป็น ก็ใช้เวลาทำ�กิจกรรมหรือทำ�งาน ความรับผิดชอบต้อง เด็กน้อยที่ต้องเข้าไปอยู่ในจุดๆ นั้น เลยต้องทำ�ตัวเองให้ ทวีคณ ู พอเรียนจบทุกอย่างก็สบายขึน้ เพราะตัดเรือ่ งเรียน โตเร็วด้วยแหละ เวลาจำ�เป็นต้องแก่ก็แก่ได้ ออกไป แต่ก็มีอะไรเข้ามาให้เราต้องจัดการกับมันอีกนั่น แหละ ฝากข้อคิดดีๆจาก ‘กาแฟ’ ถึง ‘โกโก้’ ในรัว้ มหาวิทยาลัย ชีวิตการทำ�งานก็คือการเรียนรู้อยู่ดี องค์ความ เตรียมตัวได้แล้วนะ การเรียนในมหาวิทยาลัย รู้ ทักษะที่ต้องใช้มันใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม ไม่มีใครมาคอย ก็ตักตวงให้เต็มที่ มันเป็นเหมือนสนามชีวิตย่อมๆ ที่มี ตักเตือน ต้องแบ่งสัดส่วนชีวิตการทำ�งาน เรื่องส่วนตัว เวลาแค่ 4 ปี หรืออาจจะ 5 – 6 ปี แล้วแต่หลักสูตรของ ครอบครัว ความรัก และพักผ่อนยังไงให้เหมาะสม มัน คณะ ใช้ไปเถอะเต็มที่ แต่ก็ไม่ต้องอยู่ในกรอบตลอดเวลา ไม่ได้มีเกรดมาวัดอีกต่อไป ลองคิดต่าง ทำ�สิ่งที่มันมีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะ เป็นความรู้ ทักษะการใช้ชีวิตการคบเพื่อนหรือช่วงเวลา ประสบความสำ�เร็จอย่างที่ตั้งใจไว้แล้ว สนุกๆ มีอะไรทำ�ไปเลยแต่ต้องให้น้ำ�หนักความสำ�คัญดีๆ ไม่สดุ โต่งไปทางใดทางหนึง่ ทำ�แต่พอดี โกโก้ถา้ หวานมาก หรือยัง ทำ�งานสายพิธีกรทำ�ให้รู้ว่าเป็น ก็ไม่ดี กาแฟเข้มเกินไปก็อาจจะมีโทษเยอะ อาจจะใจสั่น อีกศาสตร์หนึ่งที่พี่ชอบ เพราะได้เรียนรู้ ช็อกตายไปเลยก็ได อะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา ได้เป็นตัวของตัว อีกอย่างที่อยากจะฝาก เวลาเด็กๆ ทำ�อะไร เอง 100 เปอร์เซ็นต์ถามว่าประสบความ ผิดพลาดยังไม่มีพิษมีภัยกับเรา ไม่เหมือนผู้ใหญ่ เมื่อทำ� สำ�เร็จแล้วหรือยัง ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจว่า อะไรผิดพลาดจะแสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นมืออาชีพ จะมาได้ไกลขนาดนี้ มันไกลเกินความคาด ทันที การให้อภัยก็จะน้อยลงหรืออาจจะไม่มีเลยเพราะ หมายของเรามากๆ แต่ถา้ ถามว่ารูส้ กึ พอใจ การทำ�งานก็คือการทำ�งาน ต้องเริ่มเตรียมตัวสู่โลกใหม่ กับความสามารถของตัวเองตอนนี้ไหม พี่ ทีจ่ ะเจอในอนาคตการทำ�งานได้แล้วเพราะถ้ามีจดุ เริม่ ต้น คิดว่ายังพัฒนาได้อีก หากคิดจะเป็นพิธีกร และพื้นฐานที่ดี การจะต่อยอดอะไรมันก็จะง่ายขึ้นนะ มืออาชีพ เก่ง และอยู่ได้นานในสายงานนี้ ต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด ช่องทางการติดต่อ มีแผนชีวิตในอนาคตต่อไปอย่างไร Website: www.faunglada.com ตอนนี้ชัดมากแล้วกับเส้นทางนี้ Facebook: www.facebook.com/FLD.official การร้องเพลงที่ชอบกลายเป็นงานอดิเรก Twitter &Instagram: @faunglada แทน งานด้านพิธีกรตอนนี้ยังมีโอกาสอยู่ก็ อยากทำ�ให้มันดี พี่หนุ่ยเคยพูดให้ฟังและพี่ เห็นด้วยมากๆ ว่า “วงการบันเทิงกับวงการ 17
AEC text : ณัชชา อรวีระกุล artwork : ชมพูนุท เติมวุฒิปรีชา
นิทาน กับการสร้างอนาคตของชาติ “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...” คงเป็นประโยค คุ้นหูสมัยเมื่อครั้งพวกเรายังเป็นเด็ก นิทานเป็นสิ่งที่ อยู่คู่กับเยาวชนมาเสมอ ไม่ว่าเด็กๆ ชาติไหนก็น่าจะมี โอกาสได้ฟังนิทานก่อนนอนทั้งนั้น เพราะนอกจากจะ เป็นเครื่องมือช่วยในการกล่อมให้พวกเขานอนหลับแล้ว นิทานยังช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ที่สำ�คัญ เช่น การสือ่ สาร จินตนาการ และยังมีการสอดแทรกคุณธรรม ต่างๆ ของแต่ละสังคมซึ่งทำ�หน้าที่กล่อมเกลาเด็กๆ ให้ เติบโตเป็น ‘ผู้ใหญ่ที่ดี’ ในวันข้างหน้า รวมถึงสามารถ สะท้อนคุณค่าทางสังคมและวัฒนธรรมของประเทศนัน้ ๆ ให้เราได้เห็น ซึง่ ผูอ้ า่ นคงเคยได้ฟงั นิทานพืน้ บ้านของไทย มาหลายเรื่องแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแก้วหน้าม้า นางสิบสอง ศรีธนญชัย ปลาบู่ทอง ฯลฯ AEC ฉบับนี้จึงจะพาไปมอง เพื่อนบ้านผ่านนิทานพื้นบ้านของประเทศในอาเซียน กันบ้าง เรื่ อ งที่ ย กมาพู ด ถึ ง นั้ น มี ด้ ว ยกั น 2 เรื่ อ งอั น ได้แก่ตำ�นานผู้กล้าแห่งเกาะสิงคโปร์ ‘บาดังผู้ทรงพลัง’1 ที่ ใช้ ค วามสามารถของตนจนได้ รั บ ความดี ค วามชอบ ซึ่ ง โด่ ง ดั ง จนถู ก นำ � ไปสร้ า งเป็ น ภาพยนตร์ ที่ ป ระเทศ มาเลเซียมาแล้ว2 และอีกเรื่องคือ ‘ท้าวเสียวสวาด’3 จาก ประเทศลาวที่ถูกเล่าขานมานานกว่า 300 ปี4 จนคนไทย ภาคอีสานแถบลุ่มแม่น้ำ�โขงยังคุ้นเคย5 นิทานเหล่านี้จะ แฝงคุณค่าแบบไหนไว้บ้างไปติดตามกัน เริ่ ม จากตำ � นานของ ‘บาดั ง ผู้ ท รงพลั ง ’ ซึ่ ง สันนิษฐานว่าอาจเคยมีตวั ตนอยูจ่ ริงในช่วงศตวรรษที่ 14 เพราะมีการค้นพบ ‘หินสิงคโปร์’ (Singapore Stone)6 บริ เวณปากแม่ น้ำ � สิ ง คโปร์ เ มื่ อ พ.ศ. 2386 อั น เป็ น หลุมศพเพื่อให้เกียรติแก่ทาสผู้มีชื่อเสียงที่สุด โดยเรื่อง มีอยู่ว่า ‘บาดัง’ ได้รับพลังวิเศษจากการไว้ชีวิตยักษ์ให้ มีพละกำ�ลังที่ท่วมท้น ด้วยความแข็งแกร่งดังกล่าวทำ�ให้ บาดังได้รับตำ�แหน่งเป็นแม่ทัพแห่งแคว้นสิงคปุระ โดย นำ�ทัพคว้าชัยชนะมาได้หลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่ง เจ้าเมืองแคว้นเปลัคซึ่งเป็นพระอนุชาของเจ้าเมืองแคว้น สิงคปุระส่งคนมาท้าประลอง ภายหลังการประลองกำ�ลัง อย่างลับๆ บาดังพบว่าตนเหนือกว่าคูแ่ ข่งมาก หากดึงดัน จัดการแข่งขันเกรงว่าผลการแข่งจะทำ�ให้ความสัมพันธ์ ระหว่างพีน่ อ้ งสะบัน้ ลงแน่นอน เขาจึงปฎิเสธการประลอง ครั้งนั้นในที่สุด ต่ อ กั น ด้ ว ยเรื่ อ งราวของ ‘ท้ า วเสี ย วสวาด’ ปราชญ์ผฉู้ ลาดหลักแหลม หนึง่ ในนิทานสุภาษิตเรือ่ งยาว
ชื่อว่า ‘นิทานเสียวสวาด’ ซึ่งเป็นวรรณกรรมยอดนิยม มากว่า 300 ปีของชาวลาว จารึกอยู่ในใบลานรวมเล่ม กันเรียกว่า ‘หนังสือผูก’ สันนิษฐานว่าแต่งในสมัยของ พระเจ้าสุรยิ วงศาธรรมิกราช4 เรือ่ งมีอยูว่ า่ ท้าวเสียวสวาด ได้ออกเดินทางมาถึงเมืองจัมปาที่เกิดเรื่องวุ่นวาย เพราะ พระราชาทรงหวาดระแวงว่าจะมีคนมาทำ�ร้ายจึงเกณฑ์ ประชาชนนับร้อยมาเฝ้าอยู่ยามทุกคืน จากนั้นก็เสด็จ ออกมาเข่นฆ่าประชาชนเหล่านั้นกลางดึกตายจนหมด ในคืนที่เขาต้องอยู่เวรจึงใช้อุบายทำ�เสียงดังโดยกล่าวว่า “กะเตสิ กะเตสิ กิงกะระนัง อะหังปิตังชานามิ” มีความ หมายว่า “เจ้าพยายามจะทำ�อะไร ข้ารูด้ ”ี ทำ�ให้พระราชา ตกพระทัยและเสด็จกลับไปบรรทมดังเดิม ประชาชนที่ เหลือจึงรอดตายจากเงื้อมมือของพระราชา มองเพื่อนบ้านผ่านนิทาน: นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า... สังเกตได้ว่าแม้นิทานทั้ง 2 เรื่องจะมีความ แตกต่างด้านเชื้อชาติและเนื้อหา ทว่ามีจุดร่วมกันอยู่ ประการหนึง่ คือ เรือ่ งของการทำ�ความดีโดยอาศัยปัญญา ในการช่วยเหลือผู้อื่น ดังเช่นบาดังที่เมื่อเกิดการประลอง ระหว่างเมืองพีเ่ มืองน้อง ก็เลือกจัดการประลองอย่างลับๆ ขึ้นก่อน เมื่อรู้ว่าตนแข็งแกร่งกว่าหากต่อสู้ได้รับชัยชนะ แม้จะเป็นผลดีต่อตนเอง แต่ก็จะสร้างความบาดหมาง ระหว่างพีน่ อ้ งและนำ�มาซึง่ ความเดือนร้อนอืน่ ๆ จึงปฏิเสธ การแข่งขันเพื่อรักษาพระเกียรติของเจ้าเมืองทั้งสองไว้ เช่นเดียวกับท้าวเสียวสวาดที่ใช้ปัญญาของตนช่วยเหลือ ประชาชนจากความหวาดระแวงของพระราชาด้วยคำ�พูด เพียงประโยคเดียว โดยนิทานทั้ง 2 เรื่องสื่อถึงการให้ความสำ�คัญ ด้านคุณธรรมการทำ�ความดี ช่วยเหลือสังคม และการ ใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา กล่าวคือพยายามสอนเด็กๆ ว่าเมื่อการแก้ปัญหาตั้งอยู่บนฐานของสติปัญญาและ คุณธรรม เราก็จะสามารถใช้ความสามารถที่มี (ในที่นี้คือ ความแข็งแกร่งทางกายของบาดังและปฏิภาณไหวพริบ ของท้าวเสียวสวาด) ไปในทางทีถ่ กู ต้องและเป็นประโยชน์ ต่อส่วนรวมได้ นอกจากเป็นเครื่องมือในการปลูกฝังคุณค่าที่ แต่ละสังคมให้ความสำ�คัญแก่เด็กๆ แล้ว เมือ่ ลองวิเคราะห์ ถึงปัจจัยอันส่งผลต่อคุณค่าภายในนิทาน ยังสามารถ สะท้อนให้เห็นมิตดิ า้ นวัฒนธรรมของแต่ละประเทศได้อกี ด้วย ทั้งประเทศลาวและสิงคโปร์ต่างก็ได้รับอิทธิพลจาก
อินเดียโดยเฉพาะด้านพุทธศาสนา6 แต่จะแตกต่างกันที่ นิกายเท่านั้น ในลาวนับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาททีร่ บั มา จากลังกา ซึ่งให้ความสำ�คัญกับปัญญาในการแก้ปัญหา หรือพิจารณาสิง่ ต่างๆ อย่างแยบคาย ในสมัยพระเจ้าสุรยิ วงศาธรรมิกราช เสด็จขึ้นครองราชย์ใน พ.ศ. 2180 ได้ ทรงทำ�นุบำ�รุงหลายด้าน เช่น บ้านเมืองที่วุ่นวายมาก่อน หน้าจากการแย่งชิงราชสมบัต9ิ พระองค์จึงทรงใช้นิทาน เสียวสวาดในการปกครองและสั่งสอนประชาชนให้เป็น ระเบียบเรียบร้อย รวมถึงชีใ้ ห้เห็นโทษของการปฏิบตั ไิ ม่ดี ต่อบ้านเมือง7 ส่งผลให้ชาวลาวยึดมั่นในการใช้ปัญญาแก้ ปัญหาเหมือนกับท้าวเสียวสวาดด้วย ส่วนสิงคโปร์ซงึ่ มีความหลากหลายทางเชือ้ ชาติ แต่ส่วนใหญ่มักเป็นชาวจีนที่นับถือศาสนาพุทธนิกาย มหายานที่เน้นสังคมสงเคราะห์ เช่น การตั้งโรงทาน การ บริจาคทรัพย์ให้แก่ผยู้ ากไร้ จึงมีสว่ นในการกำ�หนดความ คิดความเชื่อในเรื่องของการช่วยเหลือผู้อื่นที่เดือดร้อน อย่างเช่นในนิทานที่ได้ยกมาแล้ว8 ความคิดความเชื่อเหล่านี้ได้รับการส่งต่อจาก รุ่นสู่รุ่น แม้ว่าจะผ่านไปหลายร้อยปี นิทานก็ยังเป็นสื่อที่ ใช้ในการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม ทำ�ให้เด็กๆ ได้เรียน รูข้ นบธรรมเนียมประเพณีทอ้ งถิน่ ไปในตัว รวมถึงช่วยส่ง เสริมพัฒนาการที่สำ�คัญของเด็ก ให้เป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ ในอนาคตอีกด้วย
ที่มาภาพ : Pixabay
Eugenio, Damiana L. (Editor). ASEAN FOLK LITERATURE: An Anthology. ASEAN COMMITTEE ON CULTURE AND INFORMATION, Manila, 1995. singapore infopedia. Badang. [Online]. Available: http://eresources.nlb.gov.sg/infopedia/articles/SIP_996_2006-04-05.html. 2006. 3 ส.พลายน้อย. นิทานลาว: ชุดนิทานในประเทศประชาคมอาเซียน. กรุงเทพ: สถาพรบุ๊ค, 2555, น. 130-135. 4 วิกิพีเดีย. วรรณกรรมลาว. [Online]. เข้าถึงได้จาก: http://th.wikipedia.org/wiki/วรรณกรรมลาว. 2557. 5 วิกิพีเดีย. อาณาจักรล้านช้าง. [Online]. เข้าถึงได้จาก: http://th.wikipedia.org/wiki/อาณาจักรล้านช้าง. 2558. 6 ไรอัน, เอน.เจ.การสร้างชาติมาเลเซียและสิงคโปร์. แปลจากเรื่อง The Making of Modern Malaysia and Singapore โดย ม.ร.ว.ประกายทอง สิริสุข. กรุงเทพ: ไทยวัฒนาพานิช, 2526. 7 ภาณุพงศ์ อุดมศิลป์. นิทานเสียวสวาด: บทบาทการควบคุมข้าโอกาส และชนชั้นปกครองในสมัยล้านช้าง. [online]. เข้าถึงได้จาก: http://human.bsru.ac.th/search/sites/default/files/นิทานเสียวสวาด.pdf. 2557. 8 Vi Singapore. ศาสนาในประเทศสิงคโปร์. [Online]. เข้าถึงได้จาก: http://singaporereligionmm.blogspot.com. 2556. 9 มูลนิธิการศึกษาและเผยแผ่พระพุทธศาสนาอนุภูมิภาคลถ่มแน้ำ�โขง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่. พระพุทธศาสนาในลาว. [Online]. เข้าถึงได้จาก: http://202.28.109.109/offices/social/UserFiles/ files/4_4-5.pdf. 2550. 1 2
18
CU TODAY
Around
text & photo : เทพธิดา เบลคลีย์ artwork : ชมพูนุท เติมวุฒิปรีชา
The Good Old
‘Neilson Hays Library’ I believe almost everyone must have their memorable or unforgettable places. There is one place for me that even time has past for a very long time remains unchanged since the very first moment I had been there when I was a little girl. That place is ‘The Neilson Hays Library’. “The Neilson Hays Library was built up in 1921 by an expatriate Dr. Thomas Heywood Hays, who was the chief of the Thai Navy Hospital. The purpose was to honour his wife ‘Jenny Neilson Hays’ who was the inspiration and mainstay of the Bangkok Library Association organized in 1869 for 25 years.” This history of the library is represented on the post, the leaflet and on website. I would not be surprised that many foreigners will know about this place. But what surprises me is that even though, it has been a long time that the library was constructed (from around the reign of king Rama VI) and with its remarkable history, still there are only few Thai visitors. One of the librarians ‘Meaw’ or ‘Phatarin Thiposod’ told me that the reason why Thai people do not come to this place much is because of the language. The books here are all in English language which might be the problem for some Thai people who are not good with it. But I could see that Thai people is becoming
more concerned about the language because Meaw said that lately the number of Thai visitors has been increase for about 30 to 40 percent. Most of them are either college students who want to practice their English skill or parents who want their children to be fluent in English since they were kids. Meaw also informed me that there are several ways people could know about this place, more often by word of mouth and from the movies. In a year the library has been used for shooting about 10 films. The most lately film for instance is ‘I Fine... Thank you... Love you’ and another well-known short film ‘The library’ starred by Ananda Everingham, Selena Weisman and Niti Chaichitatorn. The film is about the librarian who falls in love with one of her clients. A romantic-drama movie that will touch your heart and make you want to take sometimes visit here. More about the library, here they have over than 20,000 books with new additions each month and an extensive range of magazines and newspapers. There is also a lovely children’s zone which was my favorite spot when I was younger and the ‘Storytelling day’ on every Saturday is a pretty popular activity for a family with children. I think this activity will provide a good chance for children these days to do something fun and learn English at the same time, which is far better than playing with gadgets. They could as well get some new friends and even learn few things from the story that you might never think of. Even though, you are not a kid. This place might still be somewhere you were looking for. If you need an inspiration for creative work the two art galleries ‘Rotunda’ and ‘Garden’ Galleries might be able to help you
with new exhibitions each month and regular creative workshops. Or if you are just seeking for some place to chill out, here they also have the ‘Garden café’ which looks bright and airy. The café’s wall is made of glass, which allows the passage of light from outside and you can look though it from inside to see the green garden and the library. The interior has installed an air conditioner, great for someone who can’t stand hot weather. And the exterior has tables sheltered with roof for those who prefer fresh air of nature. All the menus here are provided by the highly regarded British Club chefs so the price might be a bit high but the taste is going to be reasonable for what you get. I heard that the British dish here was probably the fanciest or maybe the best. Next time, I will not miss and have a try on it! And I am going to revisit here again because there are some good feelings for me about coming here. After times gone by, for about seven years that I haven’t been here, things haven’t change much. With its peaceful atmosphere in the garden, the classic style building, columns and teak fixtures and fittings, the good old Neilson Hays library that I remember was like the last time I had visited. When I looked around I got this familiar feeling and sudden all the memories about this place were everywhere I could see. In the kid zone, I was playing with my brother and reading a funny children book. When my father would return his borrowed book and searched for a new one. Not only the past of my life, here I could feel like going back to ancient time when people were wearing historical dresses and suits coming to the library and I’ve found some old books were stamped in like a hundred years ago. It was quite something new to me and I felt somehow closer to the history and old times. So it might not be wrong enough for me to say that … “This place is recommended for someone who is seeking for something new in the old one”.
Interesting Vocab : Expatriate = คนที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ, คนที่ทำ�งานอยู่ต่างประเทศ , Mainstay= คนหรือสิ่งที่เป็นหลักสำ�คัญ, Teak = ไม้สัก , Fixture = ของในบ้านที่ติดตั้งอยู่กับที่ , Fitting = ของในบ้านที่เคลื่อนย้ายได้
VOLUME 6 ISSUE 4 – SEMESTER 2/2557
19
Vox Pop
text : วรเชษฐ แซ่เจีย artwork : ชารี ฮ่ำ�รัตนาพร
20
CU TODAY
Tips text & artwork : ภัทรพล สิงหะกุลพิทักษ์
หากพูดถึงเครื่องดื่มรสชาติติดขม ส่งกลิ่นอ่อนๆ หอมละมุนชวนให้หลงใหล ไม่มีใครเลยที่จะไม่นึกถึง เจ้าเครื่องดื่มสน้ำ�ตาลอ่อนอย่าง ‘กาแฟ’ แน่นอนล่ะว่ากว่าจะได้กาแฟหอมกรุ่นสักแก้ว เจ้าเมล็ดกาแฟตัวน้อยจะ ต้องผ่านกรรมวิธีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการคั่ว การบด เพื่อให้ได้ผงกาแฟสีน้ำ�ตาลเข้ม ก่อนจะคลุกเคล้าด้วยน้ำ�ตาล ครีมเทียมเล็กน้อยตามด้วยน้ำ�ร้อน เกิดเป็นเครื่องดื่มสูตรพิเศษสำ�หรับคนทำ�งานดึก ส่วนกากกาแฟก็จัดการทิ้งลงถัง ขยะเป็นอันเสร็จสรรพ แต่ช้าก่อน! กากกาแฟมีค่าอย่าเพิ่งทิ้ง บอกเอาไว้ก่อนว่าเราไม่ได้จะส่งกากกาแฟไปชิงโชคแต่ อย่างใด แต่อยากให้รู้ไว้ว่ากากกาแฟที่คุณคิดว่าหมดประโยชน์พวกนี้ ไม่ได้กากเหมือนชื่อนะ จะบอกให้! ขอเชิญทุกคนล้อมวงเข้ามาทางนี้ เพราะเรามีประโยชน์ดีๆ จากกากกาแฟที่เรามั่นใจแน่ๆ ว่าคุณเอง ก็คาดไม่ถึงมาให้อ่านกัน
1. ใช้เป็นปุ๋ยสำ�หรับต้นไม้
รู้ไหมว่ากากกาแฟเหลือทิ้งจะสามารถกลาย เป็นปุ๋ยชั้นดีสำ�หรับต้นไม้ได้ เนื่องจากกากกาแฟอุดมไป ด้วยไนโตรเจนสูงจนเหลือเชื่อ แถมยังมีฟอสฟอรัสและ โพแทสเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่พืชต้องการ นอกจากนี้ การนำ�กากกาแฟครึ่งถ้วยผสมกับน้ำ�อุ่นใช้ฉีดใส่ต้นไม้ก็ สามารถเร่งการเติบโตของพืชได้อีกด้วย
2. ดับกลิ่นรบกวนใจ
แน่นอนว่าเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์ย่อมสร้าง ความรำ � คาญใจให้ แ ก่ ผู้ อ ยู่ อ าศั ย ทั้ ง จากกลิ่ น อั บ จาก รองเท้า กลิน่ เหม็นจากตูเ้ สือ้ ผ้า หรือแม้กระทัง่ กลิน่ ทีเ่ กิด จากการทำ�อาหารในห้องครัว สเปรย์ปรับอากาศก็อาจจะ เปลืองเกินไปสำ�หรับการขจัดกลิน่ ทัง้ หมด งัน้ ลองมองหา อะไรที่ใกล้ตัวน่าจะดีกว่า อย่างเช่น ‘กากกาแฟ’ นี่ไงเอง เพราะคุณสมบัติที่ช่วยในการดูดกลิ่นได้เป็นอย่างดี จึง ทำ�ให้ผู้คนหันมาประดิษฐ์ถุงสำ�หรับใส่กากกาแฟเล็กๆ สำ�หรับแขวนไว้ดูดกลิ่นในบ้าน เหมาะสำ�หรับคนรักงาน D.I.Y ยุคใหม่เสียจริง
3. ขัดรอยดำ�ของหม้อและกระทะ
เบือ่ ไหมกับการทีต่ อ้ งมานัง่ ขัดทำ�ความสะอาด คราบที่ล้างไม่ออก วันนี้เรามีกรรมวิธีใหม่ๆ มาเสนอ นั่น คือการใช้ ‘กากกาแฟ’ ด้วยฤทธิท์ เี่ ป็นกรดทำ�ให้สามารถ ใช้ขดั รอยดำ�หรือรอยไหม้ทเี่ กิดจากการทำ�อาหารเหล่านัน้ ออกไปง่ายๆ เพียงแค่ใช้กากกาแฟสัก 2-3 ช้อนชา รับรอง สะอาดเหมือนขัดด้วยน้ำ�ยาล้างจานแน่นอน
4. สครับผิว
หลายคนคงจะเห็นมาสก์ขดั ผิวหลากหลายยีห่ อ้ ที่ทำ�จากกากกาแฟ แต่ดูราคาแล้วช่างแสนปวดใจเหลือ เกินทุกวันนีก้ แ็ ทบจะประทังชีวติ ด้วยมาม่าอยูแ่ ล้ว (#ผิด) แถมอากาศเมืองไทยก็ช่างร้อนระอุประหนึ่งเป็นสถานที่ ลงจอดของพระอาทิตย์ก็ไม่ปาน ไม่แปลกใจเลยที่ผิวของ เราจะถูกทำ�ร้ายจนแห้งเสีย งานนี้เห็นทีจะต้องใช้ตัวช่วย จากกากกาแฟมาสครับให้ผิวกลับมาอ่อนละมุนซะแล้ว ส่วนวิธีการนั้นก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่นำ�กาก กาแฟไปถูกับผิวกายในขณะอาบน้ำ� กากกาแฟจะช่วย ขจัดสารพิษให้กับผิวชั้นนอกและกระตุ้นการทำ�งานของ เซลล์ผวิ ชัน้ ใน กระตุน้ การเผาพลาญไขมันใต้ชนั้ ผิว ทำ�ให้ ผิวสวยใสเปล่งปลั่งอีกครั้ง
5. ไล่มด
พ่อบ้านแม่บ้านยุคใหม่จงฟัง! ต่อไปนี้ห้องครัว จะปราศจากมด หากเราใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด จัดการ กับพวกมัน แต่เอ๊ะ? จะมีวิธีการใดบ้างในการต่อสู้กับฝูง มดพวกนัน้ วิธกี ารกำ�ราบจำ�พวกมดน่ารำ�คาญให้สนิ้ ซากก็ ง่ายแสนง่าย เพียงแค่น�ำ กากกาแฟไปถูทบี่ ริเวณตูก้ บั ข้าว แล้วพวกมดก็จะไม่เข้าไปใกล้บริเวณนั้น เพราะในกาก กาแฟมีกลิ่นฉุนที่มดไม่ชอบอยู่
ที่มาภาพ : pixabay.com ที่ ม า : “ประโยชน์ 10 อย่ า งของกากกาแฟ.”. [ออนไลน์ ] . เข้ า ถึ ง ได้ จ าก: http://www.toptenthailand.com/topten/detail/20131213171120342 2555. “20 วิธีนำ� กากกาแฟ มาใช้ใหม่ที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน!!.”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.kiitdoo.com/20-วิธี-กากกาแฟ-มาใช้ใหม่/. 2557.
VOLUME 6 ISSUE 4 – SEMESTER 2/2557
ที่มาภาพ : theweekendedition.com.au
6. สระผมลดความมัน
สาวๆ หลายคนอาจพบกับปัญหาที่เกี่ยวกับ เส้นผม โดยเฉพาะปัญหาผมมันที่แก้ไม่ตกกันเสียที การ ผสมกากกาแฟลงไปในยาสระผมหรือครีมนวดก็เป็นอีก หนึ่งวิธีที่น่าสนใจในการลดความมันของเส้นผม เพราะ คาเฟอีนในกากกาแฟจะช่วยกระตุน้ การไหลเวียนบนหนัง ศีรษะและลดการหลุดร่วงของเส้นผม ทัง้ ยังช่วยให้เส้นผม ของคุณกลับมาเงางามอีกครั้ง อีกทั้ง ยาสระผมที่ผสม กากกาแฟยังช่วยบำ�รุงให้เส้นผมของคุณมีสีที่เข้มขึ้นอีก ด้วย เรียกได้ว่าเป็นสีจากธรรมชาติที่ปลอดภัยไร้สารเคมี แน่นอน
7. ใช้เป็นสีสำ�หรับย้อมหรือวาดภาพ
สีทไี่ ด้จากการนำ�กากกาแฟไปละลายในน�้ำ ร้อน จะเป็นสน้ำ�ตาลกาแฟ เป็นทางเลือกใหม่ในการสะบัด ปลายพู่กันให้เป็นภาพสวยๆ หรือจะนำ�ไปใช้สำ�หรับการ ย้อมผ้าก็ถือเป็นทางเลือกใหม่ซ่ึงทำ�ได้ง่ายๆ ด้วยวิธีการ ต่อไปนี้ คือนำ�กากกาแฟ 1 ถ้วย ผสมน้ำ� 4 ถ้วย ไปต้ม ให้เดือด แล้วปิดไฟ รอจนกว่าน�้ำ จะเย็นแล้วจุม่ ผ้าลงในน�้ำ กาแฟให้ชุ่ม จากนั้นนำ�ผ้าขึ้นมาบิดให้หมาด ตากให้แห้ง โดยสี ที่ ไ ด้ จ ากการย้ อ มนั้ น จะติ ด ทนมากน้ อ ยแค่ ไ หน ขึ้นอยู่กับปริมาณและความเข้มข้นของกากกาแฟที่ใช้ นั่นเอง
ใครจะไปคิดว่ากากกาแฟที่หลายคนเคยมองข้ามจะมีดี และไม่กากอย่างที่คิด นอกจาก 7 คุณประโยชน์ ข้างต้นก็ยังมีอีกมากมายที่สามารถนำ�ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำ�วันได้ ทั้งช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แถมยังลดขยะได้ ง่ายๆ อีกด้วย ครั้งหน้าจะเจอกับ CU Tips เรื่องอะไรอย่าลืมติดตามกันนะ ตอนนี้ขอลาไปจิบกาแฟ กลิ่นหอมๆ ก่อน ดีกว่า ป่านนี้คงจะเริ่มอุ่นขึ้นมาบ้างแล้ว อ้อ! แล้วก็อย่าลืมว่า ‘กากกาแฟ’ มีค่าอย่าทิ้งนะ 21
Horoscopes text : หงส์ลดา เห้งสีป้อง artwork : ภัทรพล สิงหะกุลพิทักษ์
22
CU TODAY
Game text : ธารใส อัจฉริยบุตร artwork : ชมพูนุท เติมวุฒิปรีชา
ทายภาพเวทีทอง: ของดักแก่ ยิ่งเราโตขึ้น หลายสิ่งหลายอย่างรอบตัวก็เปลี่ยนแปลงไป จากสิ่งที่คุ้นเคยตอนเด็กๆ พอรู้ตัวอีกทีสิ่งเหล่านั้นก็ได้รับขนานนามว่า ‘ของดักแก่’ ไปเสียแล้ว... เพื่อคลายความคิดถึง วันนี้ CU Game ขอพาผู้อ่านทุกท่านมาร่วมรำ�ลึกถึงความหลัง ลองทายกันดูสิว่าภายในภาพนี้ มีชื่อ ‘ของดักแก่’ ทั้งหมดกี่ชื่อ อะไรบ้าง!!
ฮึบ!
ไชโย! เสร็จก่อน ชนะแล้ว
อ้ะ!!
เดี๋ยวไปเล่นด้วยนะ
จักร... ไอ้นี่น่าจะหนัก เท่าไหร่อ่ะ
เอ... น่าจะหนักสัก 1-2 โลนะ
หมาก... มาเล่นกับ คิมเหอะ
เฉลย : 1. ทามาก็อต 2. กางเกงขาม้า 3. แบงค์กาโม่ 4. หมากเก็บ 5. จักรยาน BMX
Privilage
สิทธิพิเศษสำ�หรับนิสิตจุฬาฯ เพียงแสดงบัตรนิสิตกับร้านค้าที่ร่วมรายการรับส่วนลดตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ด้านล่างทันที!
micci smoothie cafe
Unna cake
WSoptics
bobbi brown
ส่วนลด 10 บาท เมื่อซื้อเครื่องดื่ม ขนาดใหญ่ มูลค่า 55 บาทขึ้นไป
ส่วนลด 10 บาท เมื่อซื้อเค้ก 3 ชิ้น มูลค่า 120 บาท
ส่วนลด On Top 15% เมื่อซื้อแว่นตาราคาโปรโมชั่น
ฟรี! กิจกรรม ‘Bye Bye Dark Circle’ สาขา Siam Discovery และ Siam Center
Pick me
ฟรี! ไอศกรีม Mini Size 1 ลูก เมื่อซื้อไอศกรีมขนาดปกติ 2 ลูก
Snooze Cafe
ส่วนลด 15% เมื่อกิน ครบ 250 บาท
VOLUME 6 ISSUE 4 – SEMESTER 2/2557
I’m park
ครัวน้องเป็ด
ใบเสร็จมูลค่า 500 บาท แลกรับ Voucher 100 บาท
ส่วนลด 10% เฉพาะค่าอาหาร
(กรุณาโทรนัดล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน)
23
â&#x20AC;&#x153;When we are children we seldom think of the future. This innocence leaves us free to enjoy ourselves as few adults can. The day we fret about the future is the day we leave our childhood behind.â&#x20AC;? - Patrick Rothfuss , The Name of the Wind