5.3
อุตสาหกรรม / ธุรกิจไทยที่มีศักยภาพและมีโอกาสในเวียดนาม
นอกจากจุดอ่อน จุดแข็ง รวมทั้งโอกาสและอุปสรรคของเวียดนามสาหรับนักลงทุนแล้ว สิ่งที่ต้องพิจารณา ประกอบสาหรับการลงทุนในเวียดนามคือ อุตสาหกรรมหรือธุรกิจที่รัฐบาลเวียดนามสนับสนุน ซึ่งประกอบด้วย อุตสาหกรรมต่างๆ ดังนี้
รัฐบาลเวียดนามให้การส่งเสริมการลงทุนในกิจการหมวดต่างๆ ดังต่อไปนี้ 1) กิ จ การเกี่ ย วกั บ การเพาะปลู ก การแปรรู ป สินค้าเกษตร ป่าไม้ และสัตว์น้า การผลิตเกลือ การขยายพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ 2) กิ จ การหรื อ โ ครงการที่ เ กี่ ย ว กั บ การใช้ เทคโนโลยี แ ละเทคนิ คขั้ น สู ง การดู แ ล สิ่งแวดล้อมการวิจัยและพัฒนา โครงการที่ใช้ เทคโนโลยี ชีว ภาพ และการสร้ างเทคโนโลยี ใหม่ 3) อุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานเป็นหลัก 4) อุตสาหกรรมสาคัญขนาดใหญ่ และโครงการ สร้างและพัฒนาสาธารณูปโภคของประเทศ 5) โครงการหรื อ กิ จ การที่ พั ฒ นาบุ ค ลากรที่ มี อาชี พ ในด้ า นการศึ ก ษา การอบรม สุ ข ภาพ การกี ฬ า พลศึ ก ษา และวั ฒ นธรรมของ เวี ย ดนาม รวมถึ ง การพั ฒ นางานฝี มื อ และ อุตสาหกรรมต่างๆ 6) อุตสาหกรรมการผลิตวัสดุใหม่
7) โครงการที่ ใ ช้ เ ทคโนโลยี ใ หม่ ใ นการผลิ ต อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม 8) การผลิตวัสดุคุณภาพสูงเพื่อใช้ในอุตสาหกรรม รองเท้าและสิ่งทอเพื่อการส่งออก 9) การผลิตเหล็กคุณภาพสูง 10) โครงการฝึกอบรมแรงงานด้านเครื่องจั กรกล และอิเล็กทรอนิกส์ 11) โครงการด้ า นการศึ ก ษาในสาขาวิ ศ วกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศ และเศรษฐศาสตร์ 12) การสร้างโรงพยาบาลที่ทันสมัย และการผลิต ยารักษาโรคร้ายแรง เช่น วัณโรค มะเร็ง เอดส์ การเพาะเนื้อเยื่อ และการผลิตสารปฏิชีวนะ 13) การต่ อ เรื อ และซ่ อ มเรื อ เดิ น สมุ ท รขนาด 1 หมื่นตันขึ้นไป 14) ธุรกิจเกี่ยวกับการบาบัดของเสียจากเมืองและ โรงงานอุตสาหกรรม
Page | 11
ด้วยจุดแข็งและโอกาสของเวียดนามรวมทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งสิทธิ ประโยชน์ในการลงทุน เมื่อพิจารณาจากข้อมูลต่างๆ พบว่าธุรกิจที่นักลงทุนไทยน่าไปลงทุนในเวียดนาม มี ดังนี้ อุตสาหกรรมประมงและประมงแปรรูป อุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูปของเวียดนาม เป็นอุตสาหกรรมที่สาคัญต่อเศรษฐกิจของเวียดนามเป็น อย่างมาก เนื่องจากสามารถสร้างรายได้จากการส่งออกได้ถึง 6,556 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2557 ซึ่งเพิ่มขึ้น จากปี 2556 ที่มีมูลค่าส่งออก 5,510 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นอัตราการขยายตัวร้อยละ 18.9 จากการ ส่งออกในปี 2557 ข้างต้น ถือได้ว่าอุตสาหกรรมอาหารทะเลแปรรูปสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้มากเป็น อันดับที่ 4 รองจากน้ามันดิบ สิ่งทอ และรองเท้า โดยปัจจุบันประเทศเวียดนามเป็น 1 ใน 10 ของประเทศผู้ ส่งออกอาหารทะเลแปรรูปรายใหญ่ของโลก มีตลาดคู่ค้าที่สาคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แคนาดา และออสเตรเลีย สาหรับมูลค่าการนาเข้าอาหารทะเลแปรรูปของเวียดนามในปี 2557 มีมูลค่าประมาณ 4,809 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตั้งแต่ปี 2553 – 2557 เวียดนามมีอัตราขยายตัวของการนาเข้าอาหารทะเลแปรรูปเพิ่ม มากขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้รัฐบาลเวียดนามมีนโยบายลดการ ขาดดุลการค้า โดยกระทรวงอุตสาหกรรมและการ พาณิชย์เวียดนามได้สนับสนุนการดาเนินงานตาม แผนยุทธศาสตร์ด้านการนาเข้าและส่งออกสินค้า ในช่วงปี 2554 – 2563 โดยส่งเสริมให้เกิดการแปร รู ป สิ น ค้ า เพิ่ ม ขึ้ น เพื่ อ ลดการส่ ง ออกวั ต ถุ ดิ บ สนับสนุนการสร้างมูลค่าจากกิจกรรมการส่งออก ส่ ว นการน าเข้ า สนั บ สนุ น ภาคการผลิ ต วั ต ถุ ดิ บ สาหรับการผลิตสินค้าส่งออก และหาตลาดนาเข้า แห่ ง ใหม่ เ พื่ อ สร้ า งความหลากหลายของตลาด น าเข้ า ซึ่ ง เป็ น อี ก หนึ่ ง ปั จ จั ย ที่ ส่ ง เสริ ม ให้ เ กิ ด อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารในเวียดนามเพิ่ มมาก ขึ้น ส าหรั บ ตลาดภายในประเทศ พบว่ า ความ ต้ อ งการสิ น ค้ า อาหารแปรรู ป ของเวี ย ดนามมี แนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ด้วยจานวนประชากรเวียดนาม ประมาณ 90 ล้ า นคน ถื อ ว่ า เป็ น ตลาดที่ มี ข นาด ใหญ่
ประกอบกับปัจจุบันมีความต้องการสินค้าอาหาร แปรรูปเพิ่มสูงขึ้นตามพฤติกรรมและรสนิย มการ บริโภคของชาวเวียดนามที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมี วิถีชีวิตแบบเมืองมากขึ้นและเต็มไปด้วยความเร่ง รีบ ประชากรส่วนใหญ่อายุน้อยและให้ความสาคัญ กับความปลอดภัยของอาหาร จึงช่วยกระตุ้นให้มี การใช้วัตถุดิบอาหารแปรรูปในการประกอบอาหาร มากขึ้น ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย ที่มีความเชี่ยวชาญและมีศักยภาพในการดาเนิน ธุรกิจประเภทนี้ ซึ่งเวียดนามขาดเทคโนโลยี ก าร แปรรู ป อาหารและการออกแบบบรรจุ ภั ณ ฑ์ ที่ ทันสมัย จึงเป็นโอกาสของนักลงทุนที่มีเทคโนโลยี และประสบการณ์สูงในการจัดระบบเวียดนามยัง ขาดการพัฒ นาและวิจั ยผลิ ตภัณ ฑ์ อ าหาร โดยมี ปัจจัยสนับสนุนคือ วัตถุดิบ อัตราค่าจ้างแรงงานที่ ค่อนข้างต่า และสิทธิพิเศษ GSP ที่เวียดนามได้รับ จากประเทศคู่ค้าสาคัญ เช่น สหรัฐอเมริกา และ สหภาพยุโรป
Page | 12
อุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม อุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มของเวียดนามเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จาก มูลค่าส่งออกเสื้อผ้าอันดับที่ 7 ของโลกด้วยมูลค่าการส่งออก 13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2011 จนกระทั่งปี 2013 มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 18,298 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนมูลค่าการส่งออกสิ่งทอของเวียดนามอยู่ที่ 3,324 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้2 1) มีการจัดเขตการค้าเสรี (FTA) ของเวียดนาม กับประเทศต่างๆ มากมาย ปัจจุบันเวียดนามมี FTA ทั้งหมด 19 ฉบับ ทั้งในกรอบของทวิภาคี ระหว่างประเทศเวียดนามกับคู่ค้าโดยตรง กับ เขตการค้าเสรีในกรอบของอาเซียน 2) ความพร้อมของอุตสาหกรรมเสื้อผ้า - ปี 2555 เวียดนามมีบริษัทเสื้อผ้าจานวน มากกว่ า 6,000 บริ ษั ท กระจายอยู่ ทั่ ว ประเทศ โดยร้อยละ 70 อยู่ในเขตบริเวณ เมืองโฮจิมินท์ ได้แก่ เมืองดองไน่ (Dong Nai) เมืองลองอาน (Long An) และเมือง บินเยือง (Binh Doung) เฉพาะเมืองดอง ไน่ จ ะมี บ ริ ษั ท ต่ า งชาติ ที่ เ ข้ า มาลงทุ น ใน อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เช่น ไต้หวันและเกาหลี ใต้ ส่วนที่เหลืออยู่บน สามเหลี่ยมแม่น้าแดง (Red River Delta) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือบริเวณเมืองฮานอย - มี ก ารจ้ า งงานทั้ ง หมด 2.5 ล้ า นคน โดย จ า น ว น 1 ล้ า น ค น ตั้ ง อ ยู่ ใ น เ ข ต อุตสาหกรรม
2
3) การมีเขตอุตสาหกรรมจานวน 200 แห่ ง ซึ่ง เป็นจานวนที่มากที่สุดในประเทศอาเซียน ทา ให้เป็นทางเลือกและจูงในให้นักลงทุนต่างชาติ เข้ามาลงทุนในเวียดนาม 4) การมี VINATEX (Vietnam National Textile and Garment) ซึ่ ง เป็ น รั ฐ วิ ส าหกิ จ เข้ า มา กากับดูแลและกาหนดนโยบายของการพัฒนา อุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอของเวียดนามก็ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยทีผลักดันให้ธุรกิจเสื้อผ้าของ เวียดนามก้าวกระโดด
อุตสาหกรรมเสื้อผ้าเวียดนามขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งอาเซียน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช (2557)
Page | 13
5) ค่ า จ้ า งที่ ถู ก ยั ง เป็ น ตั ว ผลั ก ให้ อุ ต สาหกรรม เสื้ อผ้ าเวีย ดนามมีศักยภาพในการแข่งขันใน ตลาดต่างประเทศมากขึ้นอีก ปัจจุบันค่าจ้าง ต่อเดือนอยู่ ที่ 120-150 ดอลลาร์ ส หรั ฐ หรือ ประมาณ 3,720 – 4,650 บาทต่อเดือน เมื่อ เที ย บกั บ อิ น โดนี เ ซี ย ถื อ ได้ ว่ า ยั ง ต่ ากว่ า มาก (อินโดนีเซียประมาณ 7,000 บาทต่อเดือน) 6) การได้ รั บ สิ ท ธิ ป ระโยชน์ ท างภาษี โดย เวี ย ดนามได้ รั บ สิ ท ธิ GSP จากสหภาพยุโ รป โดยอยู่ในกลุ่ม Standard GSP สาหรับตลาด ญี่ปุ่ น เวีย ดนามได้รับ สิทธิพิเศษทางภาษีจาก ญี่ปุ่นทั้งภายใต้สิทธิ GSP รวมไปถึงความตกลง ทางการค้ า ทั้ ง แบบทวิ ภ าคี คื อ ความตกลง หุ้ น ส่ ว นเศรษฐกิ จ เวี ย ดนาม-ญี่ ปุ น (JapanVietnam Economic Partnership Agreement) และความตกลงทางการค้าแบบ พหุ ภ าคี คื อ ความตกลงหุ้ น ส่ ว นเศรษฐกิ จ อาเซียน-ญี่ปุ่น (ASEAN-Japan
Comprehensive Economic Agreement: AJCEP)
Partnership
7) รั ฐ บาลเวี ย ดนามประกาศเป้ า หมายพั ฒ นา เวี ย ดนามให้ ก้ า วสู่ ป ระเทศอุ ต สาหกรรมที่ ทันสมัยภายในปี 2563 โดยมีเป้าหมายของ สาขาสิ่งทอคือ รายได้จากการส่งออกสาขาสิ่ง ทอเป็ น 18พั น ล้ า นเหรี ย ญสหรั ฐ ภายในปี 2558 และ 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2563 ซึ่ ง เพิ่ ม มากขึ้ น เป็ น 2เท่ า และเกื อ บ 3 เท่าของรายได้จากการส่งออก ปี 2551 จากปั จ จั ย ต่ า งๆ ข้ า งต้ น จะเป็ น ส่ ว นช่ ว ย ส นั บ ส นุ น นั ก ล ง ทุ น ที่ ไ ท ย ที มี ศั ก ย ภ า พ ใ น อุ ต สาหกรรมนี้ แต่ อ ย่ า งไรก็ ต ามต้ อ งพิ จ ารณา ข้อมูลอย่างครบถ้วนเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
Page | 14
อุตสาหกรรมเกษตรและเกษตรแปรรูป
เวียดนามเป็นประเทศที่มีพื้นฐานการเกษตรกรรมใกล้เคียงกับประเทศไทย ประกอบกับสัดส่วนการเติบโต ทางเศรษฐกิ จ ในช่ ว ง 10 ปี ที่ ผ่ า นมา (2548 – 2557) มาจากผลิ ต ภั ณ ฑ์ ม วลรวมในประเทศหรื อ GDP เกษตรกรรม ร้อยละ 19.1 หรือมูลค่า 33.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2557 ด้วยปัจจัยพื้นฐานของเวียดนาม และศักยภาพ ในการแปรรูปสินค้าเกษตรของผู้ประกอบการไทย ซึ่งมีความสามารถในด้านการใช้เทคโนโลยีการผลิต ขั้ น สู ง แ ล ะ ก า ร จั ด ก า ร ด้ า น ก า ร ต ล า ด ที่ มี ประสิทธิภาพ อุตสาหกรรมเกษตรและเกษตรแปร รู ป จึ งเป็ น อีกหนึ่ งอุตสาหกรรมที่มีโอกาสส าหรับ ผู้ ป ระกอบการหรื อ นั ก ลงทุ น ส าหรั บ การเข้ า ไป ลงทุนในเวียดนาม นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุน อื่นๆ อีกไม่ว่า จะเป็ น อั ต ราค่ า จ้ า งแรงงานที่ ค่ อ นข้ า งต่ า และ ได้รั บ สิ ทธิพิเ ศษทางภาษี ศุล กากรเป็ น การทั่ ว ไป ( Generalized System of Preferences: GSP) จากประเทศคู่ค้าสาคัญ เช่น สหรัฐฯ และสหภาพ ยุโรป การสนับสนุนของรัฐบาลในการเพิ่มผลผลิต ทางการเกษตรของประเทศ ทาให้คุณภาพการผลิต
สิ น ค้ า เกษตรเพิ่ ม สู ง ขึ้ น จนทั ด เที ย มกั บ นานา ประเทศ ส่ ง ผลให้ ป ระเทศก้ า วขึ้ น เป็ น ผู้ ส่ ง ออก สิ น ค้ า เกษตรรายส าคั ญ ของโลก ขณะที่ ค วาม ต้องการสินค้าอาหารแปรรูปในเวียดนามเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากประชากรมีจานวนมากกว่า 90 ล้านคน และให้ความสาคัญกับความปลอดภัยของอาหาร (Food Safety) เป็นสาคัญ ประกอบกับการที่เวียดนามมีแนวโน้มพัฒนา เป็นศูนย์กลางการลงทุ น ในอุ ตสาหกรรมอาหาร แปรรูปในอนาคต หลังจากมีบริษัทต่างชาติขนาด ใหญ่หลายแห่งเริ่มเข้ามาลงทุนในเวียดนามมากขึ้น โดยเฉพาะบริษัทผลิตอาหารแปรรูปจากญี่ปุ่นและ เกาหลีใต้ ซึ่งเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมดังกล่าว และส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ในเมืองฮานอย นคร โฮจิมินห์ และจังหวัดดานัง
Page | 15
อุตสาหกรรมอาหารแปรรูป
เวี ย ดนามเป็ น ตลาดขนาดใหญ่ ที่ มี ศั ก ยภาพ ด้วยจานวนประชากรกว่า 90 ล้านคน ขณะที่ความ ต้ อ งการสิ น ค้ า อาหารแปรรู ป เพิ่ ม สู ง ขึ้ น ตาม พฤติ ก รรมและรสนิ ย มการบริ โ ภคของชาว เวี ย ดนามที่ เ ปลี่ ย นแปลงไป ซึ่ ง ปั จ จุ บั น ชาว
เวียดนามมีวิถีชีวิตแบบเมืองมากขึ้นและเต็มไปด้วย ความเร่งรีบ อีกทั้งประชากรส่วนใหญ่อายุน้อยและ มักให้ความสาคัญกับความปลอดภัยของอาหาร ซึ่ง มีส่วนช่วยกระตุ้นให้มีการใช้วัตถุดิบอาหารแปรรูป ในการประกอบอาหารมากขึ้น
ประกอบกั บ เวี ย ดนามมี แ นวโน้ ม พั ฒ นาเป็น ศูนย์กลางการลงทุนในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป ในอนาคต หลังจากบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่หลาย แห่งโดยเฉพาะบริษัทผลิตอาหารแปรรูปจากญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เช่น บริษัท Acecook บริษัท Lotte บริษัท Kyoei Food บริษัท Meiji บริษัท Nittofuji และ บริษัท Nissui เข้ามา ลงทุนในเวียดนาม โดย การลงทุนในอุตสาหกรรมดังกล่าวส่วนใหญ่กระจุก
ตัวอยู่ในกรุงฮานอย เมืองหลวงของ เวียดนามนคร โฮจิ มิ น ห์ แ ละจั ง หวั ด ดานั ง 3 ด้ ว ยปั จ จั ย ต่ า งๆ ข้างต้น รวมกับโอกาสและสิ ทธิประโยชน์ในการ ลงทุนแล้ ว อุตสาหกรรมอาหารแปรรูปจึงเป็นอีก หนึ่งอุตสาหกรรมที่น่าสนใจสาหรับผู้ประกอบการ ไทย โดยเฉพาะในปัจจุบันได้มีบริษัทของไทยไป ลงทุนในอุตสาหกรรมประเภทนี้ในเวียดนามแล้ว ด้วย
3
สานักความร่วมมือการค้าและการลงทุน กระทรวง พาณิชย์ (2556)
Page | 16
ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
ธุรกิจก่อสร้างที่มีโอกาสสาหรับผู้ประกอบการไทยในเวียดนาม อาทิ การรับเหมาก่อสร้างที่พักอาศัย ระบบ คมนาคม ก่อสร้างที่พักสาหรับการท่องเที่ยว และก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น ทั้งนี้ความต้องการที่อยู่ อาศัยในเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงปี 2553 - 2563 เวียดนามมีแผนพัฒนาพื้นที่ในเขตเมืองให้ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยมากกว่า 364 ล้านตารางเมตร ซึ่งต้องใช้เงินทุนกว่า 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นปัจจัย ให้ธุรกิจก่อสร้างในเวียดนามมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ การ ลงทุนด้านการขนส่ง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างและพัฒนาท่าเรือเพื่อเชื่อมโยงเครื อข่ายโลจิสติกส์ก็เป็นอีก หนึ่งช่องทางของผู้ประกอบการไทยสาหรับการเข้าไปลงทุน
Page | 17