นิตยสารส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ผลักดันเศรษฐกิจไทย โดย
ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ สำ�นักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน)
Classic Item Tiffany & Co.
Creative City ทริเวโร
THE CREATIVE นทีธรรม ศุขประเสริฐ
ตุลาคม 2554 ปีที่ 3 | ฉบับที่ 1
แจกฟรี
ส่งต่อ DNA ช่างฝีมือ ตุลาคม 2554
l
Creative Thailand
1
2
Creative Thailand
l ตุลาคม 2554
Craft is part of the creative process. ทักษะ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างสรรค์ Gavin Bryars นักดนตรีและนักประพันธ์เพลงชาวอังกฤษ
ตุลาคม 2554
l
Creative Thailand
3
สารบัญ
บรรณาธิการอำนวยการ ที่ปรึกษา
The Subject
6
The Object
7
วัตถุดิบทางความคิด
8
Skill Transfer
The Den ดีไซนสถาปนิกชาวดัตช x ทักษะชางแมแจม Featured Book / Book / Magazine / DVD
Matter
10
Classic Item
11
เรื่องจากปก
12
Nebuta House Tiffany & Co.
ชางฝมือ… นักขุดทองแหงอนาคต
อภิสิทธิ์ ไลสัตรูไกล กิตติรัตน ปติพานิช ชมพูนุท วีรกิตติ พิชิต วีรังคบุตร ศิริอร หริ่มปราณี มนฑิณี ยงวิกุล กนกพร เกียรติศักดิ์ วราภรณ วศินสังวร จรินทรทิพย ลียะวณิช ศุภมาศ พะหุโล พัชรินทร พัฒนาบุญไพบูลย เลอชาติ ธรรมธีรเสถียร กริยา บิลยะลา กมลกานต โกศลกาญจน ชิดชน นินนาทนนท
บรรณาธิการบริหาร ผูชวยบรรณาธิการ กองบรรณาธิการ เลขากองบรรณาธิการ บรรณาธิการศิลปกรรม
จัดทําโดย ศูนยสรางสรรคงานออกแบบ (TCDC) ชั้น 24 อาคารเอ็มโพเรียมทาวเวอร 622 สุขุมวิท 24 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110 โทร. 02 664 7667 แฟกซ. 02 664 7670 ติดตอลงโฆษณาไดที่ sale@tcdc.or.th
Insight
20
คิด ทำ กิน
22
จับกระแสเมืองสรางสรรค
24
แยกสี บริษัท 71 อินเตอรสแกน จำกัด โทร. 02 631 7171 แฟกซ. 02 631 7181
มุมมองของนักคิด
28
คิด ทํา ดี
34
พิมพที่ บริษัท คอมฟอรม จำกัด โทร. 02 368 3942-7 แฟกซ. 02 368 2962 จำนวน 50,000 เลม
Digital Crafting Maison Takuya สรางคุณคาดวย “มือ” ทริเวโร หุบเขาแหงทักษะ
ชางมด นทีธรรม ศุขประเสริฐ ThaiCraft Fair Trade
นิตยสารฉบับนี้ใชหมึกพิมพจากน้ำมันถั่วเหลืองที่ไมเปนอันตรายตอสุขภาพ ทั้งยังเปนมิตรตอ สิง่ แวดลอม และทีส่ ำคัญคือ เปนผลผลิตจากความคิดของผูป ระกอบการไทย
Media Partnerer
จัดทำภายใตโครงการ “CreativeThailand สรางเศรษฐกิจไทยดวยความคิดสรางสรรค” โดยศูนยสรางสรรคงานออกแบบ สำนักงานบริหารและพัฒนาองคความรู (องคการมหาชน) ซึ่งมีเปาหมาย ในการเผยแพรความรูเกี่ยวกับเศรษฐกิจสรางสรรค (Creative Economy) และผลักดันการใชความคิด สรางสรรคในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
4
อนุญาตใหใชไดตามสัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส แสดงทีม่ า-ไมใชเพือ่ การคา-อนุญาตแบบเดียวกัน 3.0 ประเทศไทย Creative Thailand l ตุลาคม 2554
อานนิตยสารฉบับออนไลนและดูขอมูลเพิ่มเติมไดที่ www.creativethailand.org Email: creativethailand@tcdc.or.th Twitter: @Creative_TH Facebook: Creative Thailand
Editor's Note บทบรรณาธิการ
ตั๋วใบใหม่ ท่ า มกลางเสี ย งโห่ ร้ อ งยิ น ดี ข องชาวชิ ลี แ ละคน ทั่วโลกที่เห็นภาพภารกิจช่วยชีวิตคนงานเหมือง 33 คนในชิลเี ป็นไปอย่างราบรืน่ หลังจากคำ�ภาวนา ทีย่ าวนานกว่า 69 วัน และในเสียงแห่งความปีตนิ น้ั มีความโล่งใจและปลาบปลื้มของช่างไทยสองคน ที่เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการที่ต้องถูกบันทึกไว้ น่าสนใจทีท่ �ำ ไมพวกเขาทัง้ สองไปอยู่ ณ จุดนัน้ และน่าสงสัยว่า อะไรคือเหตุผลที่ทำ�ให้ช่างไทย เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์หน้านี้ คำ�ตอบทีง่ า่ ยและเร็วทีส่ ดุ ก็คอื พวกเขามีฝมี อื ทั้งวชิรพงศ์ นาคสารีย์ และสมพงษ์ พงกันยา เป็นช่างเทคนิคของบริษทั เม็ตตาโลจิก อินสเป็คชัน่ เซอร์วสิ เซส จำ�กัด ทีท่ างการชิลขี อร้องให้เดินทางมา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของทีมประดิษฐ์แคปซูลช่วยเหลือ โดยเหตุผลสำ�คัญที่ปฏิบัติการนี้ต้องการพวกเขา ก็ คือ การเป็ น ผู้ชำ� นาญการที่มีท้ัง ประสบการณ์ และทักษะขั้นสูง ทั้งยังขยัน สู้งาน และมีทัศนคติ ที่ดีในการทำ�งาน
เรือ่ งราวของช่างฝีมอื เล็กๆ อย่างพวกเขา กำ�ลัง สะท้อนให้เห็นความสำ�คัญอันยิ่งใหญ่ของทักษะ และความชำ � นาญที่ ไ ม่ ไ ด้ มี ติ ด ตั ว มาแต่ กำ � เนิ ด ทว่าความแม่นยำ�ของฝีมือนี้ ต้องได้รับการฝึกฝน เรียนรู้ และอดทนอย่างแรงกล้า กว่าจะได้มาซึ่ง คำ�ยกย่องและความนับถือ ไม่เพียงแต่เด็กหนุ่ม สองคนนี้เท่านั้น หากเราสังเกตเพิ่มเติม จะพบว่า ฝีมือช่างไทยนั้นแทรกซึมอยู่ในระบบการผลิตที่ ต้องใช้ทักษะสูงของภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก เช่น ช่างไทยบางคนใช้ชีวิตเป็นช่างตัดเสื้อชั้นสูง ให้กับ ห้องเสื้อวาเลนติโน่ ที่อิตาลีกว่า 20 ปี ก่อนจะกลับ มาเปิดร้านเล็กๆ บนถนนสุขุมวิท หรือ ใครจะรู้ว่า โรงงานจักรยานไจแอนท์ของไต้หวัน ผูผ้ ลิตจักรยาน รายใหญ่ของโลกจะต้องการแต่ช่างเชื่อมจากเมือง ไทยเท่านั้น เพราะไม่มีช่างที่ไหนจะสามารถเชื่อม ข้อต่อของชิ้นจักรยานได้เรียบเนียนและสมํ่าเสมอ ได้เท่าช่างไทยอีกแล้ว เมื่อโลกแห่งการผลิตทุกวันนี้และต่อจากนี้จะ หมุนเร็วและถ่ายเทผลผลิตให้แก่กันได้เร็วยิ่งกว่า ด้วยการเปิดเสรีจากกรอบเวทีการค้าโลกนานา รูปแบบ แน่นอนว่า เราคงไม่อาจฉุดรั้งทุนหรือ เทคโนโลยีในการผลิตของคนอื่นเพื่อกักเก็บไว้เป็น ข้อได้เปรียบของเราได้อกี ต่อไป เพียงแต่สงั คมไทย จะสร้างและส่งต่อความงอกเงยของเหล่าช่างฝีมอื นี้ ได้อย่างไร เพื่อไม่ว่าโลกการผลิตข้างหน้าจะเป็น เช่นไร และอยู่ที่ไหน ช่างฝีมือไทยจะยังคงได้รับ การยอมรับและเชื้อเชิญให้เป็นส่วนสำ�คัญของการ สร้างสรรค์ผลผลิตอันน่าทึ่งอยู่ได้ตลอดไป อภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล บรรณาธิการอํานวยการ
ตุลาคม 2554
l
Creative Thailand
5
The Subject
เรื่อง: อภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล
เมื่อการผลิตแบบจำ�นวนมากเพื่อตอบสนองโอกาสแห่งการ เข้า ถึงคุ ณ ภาพชี ว ิ ต ที่ดีโ ดยเท่าเทีย มกัน ได้พรากทั ก ษะ ความชำ�นาญจากการผลิตด้วยมือในสังคมยุคก่อนปฏิวัติ อุตสาหกรรมไป แต่ถึงอย่างนั้นจิตวิญญาณของความเป็น ช่างฝีมอื ทีซ่ กุ ซ่อนและดำ�รงอยูใ่ นแต่ละสังคม ก็ยงั คงเติบโตได้ จากผู้ที่เห็นค่าและเคารพในความเป็นช่างฝีมือ เช่นเดียวกับชาวญีป่ นุ่ ทีใ่ ครๆ ต่างรูด้ วี า่ เป็นประเทศทีม่ ชี า่ งตีมดี ผูช้ า่ํ ชอง จากสายเลือดซามูไรของพวกเขา แต่ที่โรงงานผลิตมีดแห่งหนึ่งในเมือง เซนได บนเกาะคิวชู กำ�ลังแหวกประเพณีการตีดาบซามูไรแบบดั้งเดิม 'เคียวเซร่า' มีชื่อเสียงเป็นรู้จักกันดีในฐานะผู้ผลิตใบมีดชั้นนำ�ของญี่ปุ่น และของโลก ซึ่งไม่เพียงผลิตมีดที่แข็งกว่าเหล็กเท่านั้นแต่มีดของพวกเขา ยังไม่ขึ้นสนิม ไม่ทื่อ และเหมาะมากสำ�หรับใช้แล่ปลาดิบ เบื้องหลังผลผลิตนี้คือการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี ทักษะแบบ ซามูไร และประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ที่ก่อเกิดเป็นพลังแห่งความพิเศษซึ่ง ยากต่อการลอกเลียน และสิ่งที่กล่าวกันว่ามีความแข็งแกร่งกว่าเหล็กนี้ แท้จริงแล้วก็คอื เซรามิกไฮเทครุน่ ใหม่ทม่ี คี วามแข็งเป็นรองแค่เพชรเท่านัน้ 1 และเพือ่ ให้ได้เซรามิกทีว่ า่ นี้ จะต้องเดินทางไปอีกซีกโลกหนึง่ ณ กรุงเพิรท์ ออสเตรเลีย อันเป็นแหล่งของวัตถุดบิ ทีร่ จู้ กั กันในชือ่ 'ทรายดำ�' หรือเหมือง 'เซอร์คอล' ซึง่ ต้องผ่านกระบวนการคัดแยกและคัดกรองเพือ่ ให้ได้สารประกอบ เซอร์คอล แต่หลังจากผ่านขัน้ ตอนทางเคมีหลายกระบวนการก็ยงั ไม่สามารถ นำ�ไปใช้ท�ำ มีดได้ทนั ที เพราะสารประกอบทีไ่ ด้จากเหมืองยังต้องถูกส่งไปที่ 1 เหล็กมีความแข็งเท่ากับ 5-6.5 โมห์ส มีดเซรามิกเท่ากับ 8.5 โมห์ส และเพชร 10 โมห์ส
6
Creative Thailand
l ตุลาคม 2554
ห้องทดลองของบริษทั ในจีน เพือ่ ผ่านกระบวนการทางเคมีจนได้สารประกอบ ชื่อ 'เซอร์โคเนียร์' หรือ 'เซอร์โคเนียมออกไซด์' ก่อนที่จะนำ�ส่งไปยัง โรงงานผลิตมีดที่เมืองเซนไดเพื่อทำ�การขึ้นรูปผลิตเป็นใบมีด การเดินทางของใบมีดยังไม่จบเพียงเท่านัน้ เพราะหลังจากขึน้ รูปใบมีด แล้ว พวกมันจะถูกส่งต่อไปยังโรงงานเล็กๆ ของช่างฝีมือผู้ชำ�นาญการ ทีซ่ อ่ นตัวอยูใ่ นหมูบ่ า้ นแห่งหนึง่ ช่างฝีมอื เหล่านีจ้ ะใช้สมาธิอย่างสูงในการ ฝนใบมีดกับวงล้อที่มีผงเพชรเคลือบอยู่ และเพื่อให้ได้ความคมอย่างที่ ต้องการ พวกเขาจะใช้วิธีการทดสอบในแบบซามูไรที่แท้จริงด้วยการผ่าน คมมีดลงบนกลางเล็บมือจนเมื่อต้องทำ�แผล นั่นจึงเป็นระดับความคม ที่ได้คุณภาพ ซึ่งนอกจากความคมที่เป็นคุณสมบัติพิเศษที่สร้างความต่าง ให้แก่มดี เคียวเซร่าแล้ว นา้ํ หนักทีเ่ บาซึง่ ช่วยให้จบั ได้ถนัดมือและสามารถ ควบคุมสมดุลในการแล่เนื้อหรือปลาให้บางได้อย่างใจ รวมถึงคุณสมบัติ ด้านความเฉือ่ ยทางเคมีทไ่ี ม่ท�ำ ให้มดี ดูดซับนํา้ มันและไขมันต่างๆ โดยเฉพาะ นํ้ามันจากปลา ซึ่งจะช่วยให้อาหารที่ผ่านการแล่จากคมของมีดชนิดนี้ ไร้กลิ่นคาว ก็ยังทำ�ให้มีดเคียวเซร่ากลายเป็นสุดยอดมีดอันเอกอุในกลุ่ม ผู้รักศิลปะการใช้มีดในการปรุงอาหารด้วย ด้วยความมุ่งมั่นและทุ่มเทของเหล่าช่างฝีมือที่มาพร้อมกับการใช้สติ ปัญญาสร้างสรรค์เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด ผลลัพธ์ที่ได้จึงหมายถึง การที่ผู้คนมากมายยอมที่จะจ่ายแพงกว่าเพื่อให้ได้ชิ้นงานที่มีคุณภาพ ลํ้าเลิศและเรื่องราวที่น่าจดจำ�นั่นเอง ที่มา: www.historyasia.com ภาพ: www.houseofjapan.com http://global.kyocera.com
The Object
เรื่อง: ศุภมาศ พะหุโล
ในขณะที่ เ ทคนิ ค งานฝี มื อ ดั้ ง เดิ ม ถู ก นำ � ปรั บ ใช้ ใ นผลงาน ออกแบบร่ว มสมั ย ทักษะช่างท้อ งถิ่น ก็ม ีส่วนช่วยให้ง าน สถาปัตยกรรมในปัจจุบันสำ�เร็จสวยงาม ดังที่เห็นใน ‘เดอะ เดน’ สวนสนุกสำ�หรับเด็กภายใน ‘โซเนวา คีรี บาย ซิกเซนส์’ รีสอร์ทระดับหกดาวซึ่งตั้งอยู่บนเกาะกูด จังหวัดตราด สถาปัตยกรรมไม้ไผ่รูปทรงแปลกตา หรือ ‘เดอะ เดน’ หลังนี้ ออกแบบ โดยสถาปนิกชาวดัตช์ โอลาฟ เบิร์น จากบริษัท 24h-architecture ซึ่งได้ รับแรงบันดาลใจจากรูปร่างของปลากระเบน ด้วยแนวคิดเริม่ ต้นทีต่ อ้ งการ อนุ รั ก ษ์ ส ภาพแวดล้ อ มทางธรรมชาติ บ นเกาะไว้ ใ ห้ ม ากที่ สุ ด ตาม อุดมการณ์ที่ตั้งไว้ของโครงการ โอลาฟจึงทำ�การศึกษาวัสดุพื้นถิ่นจนได้ ‘ไผ่ตง’ ที่มีคุณสมบัติเรื่องความแข็งแกร่งมาใช้ในโครงสร้างหลัก และ ‘ไผ่เลี้ยง’ มาใช้ในส่วนประกอบของอาคาร ซึ่งไผ่ทั้งสองสายพันธุ์พบมาก แถบปราจีนบุรีซึ่งอยู่เหนือตราดเพียงเล็กน้อย แม้จะได้ปรึกษากับผู้ที่คุ้นเคยกับการทำ�งานสถาปัตยกรรมไม้ไผ่ใน บาหลี แต่เมือ่ ถึงตอนก่อสร้างโอลาฟกลับพบปัญหามากมายตามมาเพราะ ชนิดไผ่ในแต่ละพื้นที่ล้วนมีคุณสมบัติต่างกัน “สิ่งที่ท้าทายที่สุดสำ�หรับ ผมแล้วคือการก่อสร้างอาคารด้วยวัสดุที่ไม่คุ้นเคย ในประเทศที่ผมก็ไม่ คุน้ เคยเช่นกัน” หลังจากลองผิดลองถูกนับครัง้ ไม่ถว้ น สุดท้ายโอลาฟก็ได้ โรงงานไม้ไผ่ซึ่งตั้งอยู่ที่ปราจีนบุรี ‘สบายแบมบู’ เป็นผู้ช่วยด้านเทคนิค การอบแห้งไม้ไผ่แต่ละปล้องและร่วมคิดหาวิธีในการดัดโค้ง เข้าลิ่ม และ
เข้าเดือยเพื่อให้ออกมาดังแบบสามมิติที่สร้างจําลองไว้ ส่วนช่างฝีมือนั้น ก็ล้วนแต่เป็นเด็กหนุ่มจากอําเภอแม่แจ่ม เชียงใหม่ ซึ่งมีความชำ�นาญ กับการใช้ไม้ไผ่ในการก่อสร้างอยู่แล้ว นอกจากโอลาฟจะใช้ระบบเสาคานเพือ่ รองรับนา้ํ หนักใน ‘เดอะ เดน’ แล้ว เขายังใช้ระบบสานแบบตะกร้ามาเป็นส่วนประกอบของตัวอาคาร เพื่อให้ได้สัมผัสถึงความอ่อนนุ่มของวัสดุตามธรรมชาติและยังช่วยเสริม สร้างความแข็งแรง ส่วนหลังคานัน้ เขาได้ศกึ ษารูปทรงของเหงือกปลาอย่าง ละเอียดเพื่อเพิ่มการถ่ายเทของอากาศภายใน และเลือกใช้เปลือกไผ่มา ปูทับซ้อนกันถึงสามชั้นเพื่อให้สามารถกันนํ้าได้เป็นเวลาถึงห้าปี โดย โครงสร้างทั้งหมดนี้ผ่านการทดสอบเรื่องลมมรสุมเพื่อความปลอดภัย อย่างสูงสุด ‘เดอะ เดน’ สร้างเสร็จในปี 2010 และได้รบั การกล่าวขานในเรือ่ งความ ลงตัวของการนำ�วัสดุพื้นถิ่นมาปรับใช้ในการออกแบบสถาปัตยกรรม ร่วมสมัย แต่ความสำ�เร็จนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย ถ้าปราศจากการ เรียนรูท้ กั ษะช่างท้องถิ่นที่สะสมประสบการณ์สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ที่มา: www.asa.or.th www.bambusc.org www.sixsenses.com ภาพ: http://blog.revolgroup.com http://mimoa.eu ตุลาคม 2554
l
Creative Thailand
7
วัตถุดบิ ทางความคิด
เรือ่ ง: เลอชาติ ธรรมธีรเสถียร และ กริยา บิลยะลา
Jaime Hayon Works โดย Jaime Hayon หลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม งานที่ต้องอาศัย ทักษะฝีมือต่างต้องดิ้นรนหาหนทางใหม่ในการ สร้างจุดขายของตนเองเพื่อความอยู่รอด บ้างก็ ฉีกรูปแบบให้ตา่ งไปจากเดิม บ้างก็ตคี วามหมาย ใหม่ บ้างก็เปลี่ยนวิธีการใช้ ทว่าเสน่ห์ของงาน หัตถกรรมก็ไม่เคยจางไป ตราบใดที่เครื่องจักร ยังไม่สามารถเข้ามาแทนที่ความละเมียดละไม ของงานหัตถกรรมดัง้ เดิมได้ ทักษะแบบช่างฝีมอื ยังคงถูกทดสอบคุณค่าด้วยกาลเวลา และปรากฏ ในงานออกแบบสมั ย ใหม่อ ยู่เสมอ โดยกลุ่ม ศิลปินและนักออกแบบรุ่นใหม่ ที่พยายามใช้ ทั ก ษะงานฝี มื อ ดั้ ง เดิ ม ในการสร้ า งลั ก ษณะ เฉพาะตน
8
Creative Thailand
l ตุลาคม 2554
ไฆเม่ อายอน นักออกแบบผลิตภัณฑ์ชาว สเปน คื อ หนึ่งในผู้ที่มองเห็ น โอกาสนี ้ ในปี 2010 ไฆเม่มีโอกาสร่วมงานกับโชเอม่อน บริษทั เครื่องเคลือบดิ น เผาเก่ าแก่ จ ากญี่ ปุ่ น ที่ ขึ้ น ชื่ อ เรื่องทักษะช่างฝีมือชั้นสูงแบบดั้งเดิมในการทำ� พอร์ซเลน ด้วยการผสานพลังความสร้างสรรค์ ระหว่างนักออกแบบรุ่นใหม่กับทักษะเก่าแก่จน เกิดเป็นผลงานที่น่าประทับใจและเป็นที่ชื่นชม ไปทั่วโลก งานออกแบบของไฆเม่จึงไม่ใช่เพียง การลอกเลียนรูปแบบ รูปทรง หรือหยิบยกแค่ จุดเด่นเพียงเล็กน้อยของความดั้งเดิม หากเขา ได้ ส ร้ า งมิ ติ ที่ ลึ ก ลงไปถึ ง ความน่ า ภู มิ ใ จใน วัฒนธรรมที่แตกต่าง จนชื่อของเขาติดอันดับ นักออกแบบคลื่นลูกใหม่ที่น่าจับตามองที่สุด คนหนึง่ แห่งทศวรรษ จากความเข้าใจและความ สามารถในการเลือกใช้เซรามิกได้อย่างน่าทึ่ง ทั้ ง ยั ง ตั้ ง ใจศึ ก ษาเทคนิ ค ของช่ า งฝี มือ อย่ า ง จริงจัง ก่อนทีจ่ ะนำ�มาหล่อหลอมเป็นเอกลักษณ์ เฉพาะของตนเอง แม้ว่าไฆเม่จะสร้างชื่อเสียง ในระยะเวลาไม่นานนัก แต่ผลงานของเขาก็เปีย่ ม ไปด้ ว ยความคิ ด สร้ า งสรรค์ ที่ มี พ ลั ง จุ ด แรง บันดาลใจใหม่ๆ ได้เสมอ หนังสือเล่มนีร้ วบรวม ผลงานทั้งหมดของไฆเม่ ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึง ปัจจุบัน คุณจะได้เรียนรู้ลักษณะของรูปทรง การใช้สี และสไตล์ของไฆเม่ รวมถึงคอลเลคชัน่ ต่างๆ ทีส่ ร้างชือ่ เสียงและถูกจัดแสดงมาแล้วใน หลายประเทศ หรือแม้กระทั่งผลงานที่ไม่เคย ถูกเผยแพร่ที่ไหนมาก่อน
วัตถุดบิ ทางความคิด
Shattered Glass กำ�กับโดย Billy Ray
Ermenegildo Zegna: An enduring passion for fabrics, innovation, quality and style โดย James Hillman แอร์เมเนจิลโด เซนญ่า เพิ่งจะฉลองครบรอบ หนึ่งร้อยปีไปเมื่อไม่นานมานี้ หนังสือเล่มนี้จะ พาคุณย้อนกลับไปดูการสร้างอาณาจักรของ เซนญ่าให้สามารถอยู่ยงคงกระพันจนถึงวันนี้ แบรนด์ที่เต็มไปด้วยทักษะการตัดเย็บแบบช่าง ฝีมือชั้นเยี่ยม การคัดสรรผ้าที่ดีที่สุดมาใช้เป็น วัตถุดิบ จนทำ�ให้ลูกค้าเชื่อมั่นและสัมผัสได้ถึง คำ�ว่า “คุณภาพ” อย่างแท้จริง สิ่งเหล่านี้ล้วน ถูกส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่น นอกจากเราจะได้เห็น วิวัฒนาการของแบรนด์ที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังรวบรวมแคมเปญงานโฆษณา และการเข้าไปมีส่วนร่วมกับวงการต่างๆ ซึ่ง กลายมาเป็นบุคลิกและสไตล์ที่น่าสนใจในแบบ เซนญ่าในที่สุด
Crafts: The magazine for contemporary craft รายละเอียดของงานฝีมือร่วมสมัยถูกถ่ายทอด ลงในนิตยสารชัน้ ดีสญั ชาติองั กฤษที่ออกวางแผง เพียงปีละ 6 เล่ม ภายใต้การดูแลของ The Crafts Council กลุม่ สมาคมทีใ่ ห้ความสำ�คัญกับ การเรียนรู้และสั่งสมทักษะในงานฝีมือร่วมสมัย ซึ่งมิได้มองแค่กรรมวิธีการทำ� แต่ยังเล็งเห็นถึง บทบาทของงานฝีมือว่าจะเป็นหนทางหนึ่งใน การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจได้ ทั้งยัง พยายามเพิ่มศักยภาพ คุณภาพ และกำ�หนด ทิศทางของงานฝีมือให้มีมุมมองที่หลากหลาย เพือ่ ขยายกลุม่ ผูอ้ า่ น ผูส้ นใจ และผูบ้ ริโภคสินค้า ในกลุ่มนี้ ภายใต้ความเชื่อที่ว่าวัฒนธรรมของ งานฝีมือเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับการใช้ชีวิตประจำ�วัน ทุกคนย่อมมีโอกาสทำ� มองเห็น สั่งสม เรียนรู้ และสามารถนำ�ทักษะดั้งเดิมที่มีมาผูกโยงกับ ความร่วมสมัยทัง้ ด้านเทคนิค ความคิด และวัสดุ เพื่อสร้างสรรค์งานฝีมือชิ้นใหม่ๆ ต่อไป
หากทักษะเกิดจากการฝึกฝน การเขียนก็คงเรียก ได้วา่ เป็นทักษะ แล้วการโกหกนับเป็นทักษะด้วย หรือไม่? สตีเฟน กลาส นักข่าวหนุ่มหน้าใหม่ ของนิตยสาร เดอะนิวรีพับลิค ผู้เต็มเปี่ยมไป ด้วยทักษะและพรสวรรค์ชั้นเลิศ ขณะเดียวกัน เขาก็ใช้มันเป็นดาบสองคมที่ทลายเส้นแบ่งของ วั ฒ นธรรมในวงการสื่ อ สารมวลชนอย่ า งน่ า ตกตะลึง ภาพยนตร์เรือ่ งนีม้ เี ค้าโครงจากบทความ ของ บัซ บิสซิงเกอร์ ในนิตยสาร วานิตี้ แฟร์ ซึ่งเปิดเผยความจริงในแวดวงวิชาชีพข่าว ทั้ง การแข่งขัน ความฉับไว อันนำ�ไปสู่การละเลย ความถูกต้องในบางครั้ง ตลอดเรื่อง ผู้กำ�กับ มิได้มุ่งแสดงความผิดพลาดของการแข่งขันที่ รุนแรงในวงการสื่อ แต่ทำ�หน้าที่เป็นสื่อกลาง ให้ผู้ชมได้รับรู้เรื่องราวการเริ่มต้นและสิ้นสุด ของคนๆ หนึ่ง ซึ่งประกอบอาชีพที่มีความจริง เป็นแก่นสำ�คัญกับจิตใจที่แขวนอยู่บนตาชั่งที่ต้งั ระหว่างความโด่งดังแต่หลอกลวง กับจรรยาบรรณ ของนักข่าวทีด่ ี ภาพยนตร์เรือ่ งนีจ้ งึ เปรียบได้กบั โศกนาฏกรรมในละครกรีก ที่ตัวเอกเปิดเรื่อง เยี่ยงผู้ผดุงธรรมแต่กลับล่มสลายด้วยสองมือ ของตนเอง เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ทักษะ การฝึกฝน ความชาญฉลาดในการเขียน หรือการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างแยบยล ความ จริงก็ยังคงเป็นสิ่งที่ไม่มีวันตาย ตุลาคม 2554
l
Creative Thailand
9
Matter
แปลและเรียบเรียงจากนิตยสาร Matter ฉบับ 7.1 โดย ผู้เขียน: Sarah Natkins ผู้แปลและเรียบเรียง: วิรยา ศรีสิมารัตน์ และ พัชรินทร์ พัฒนาบุญไพบูลย์
ยิง่ นวัตกรรมรุดหน้าไปถึงยุคของการพัฒนา ไร้ขอบเขตมากเท่าไร เราก็ยิ่งโหยหาสัมผัส เดิมๆ จากสิ่งที่คุ้นเคยเสมอ และหนึ่งในนั้นก็ คือ “กระดาษ” วัสดุที่อยู่ใกล้ชิดกับวิถีชีวิต ประจำ � วั น ของมนุ ษ ย์ ม ากที่ สุ ด ตั้ ง แต่ ยุ ค โบราณจนถึงปัจจุบัน ทั้งยังเป็นอีกทางเลือก หนึ่งของการออกแบบยุคใหม่ ที่วัสดุแสน บอบบางนี้จะสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์มา เป็นสถาปัตยกรรมที่แข็งแกร่งและดึงดูดทุก สายตาผ่านคุณค่าของงานฝีมือที่สืบทอด มาจากประเพณีโบราณ
10
Creative Thailand
l ตุลาคม 2554
โมโล ดีไซน์ จากแวนคูเวอร์ แคนาดา หนึ่งใน สตูดิโอผู้นำ�ด้านการใช้กระดาษสำ�หรับผลิต ฉากและผนังกัน้ เฟอร์นเิ จอร์ และโคมไฟ สตูดโิ อ แห่ ง นี้ ยั ง ยอมเสี่ ย งที่ จ ะลงทุ น ผลิ ต งาน โครงสร้างที่มีขนาดใหญ่ นั่นคือ ‘บ้านเนบูตะ’ ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นศูนย์วัฒนธรรมที่อุทิศ ให้กับประเพณีโคมไฟกระดาษของญี่ปุ่นอย่าง เทศกาลเนบูตะ โดยจะมีขน้ึ ในทุกเมืองของญีป่ นุ่ เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ในเดือนสิงหาคม โมโล ดีไซน์ สตูดิโอ คงจะสร้างบ้านเนบูตะ ด้วยกระดาษทั้งหลังถ้าทำ�ได้ แต่น่าเสียดายที่ จำ�เป็นต้องใช้วัสดุอื่นที่แข็งแรงกว่ากระดาษ แทน รูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์กว่า 820 รูปทรง สูง 40 ฟุต ทำ�จากแผ่นเหล็กทีถ่ กู บิดโค้งไปรอบๆ ตัวอาคารทำ�ให้เกิดการเคลื่อนไหวของแสงและ เงาภายในช่องว่างระหว่างแผ่นเหล็กและกระจก ซึ่ง จะแตกต่ า งไปตามช่ ว งเวลาในแต่ ล ะวั น แม้ว่าผนังม่านนี้จะได้รับแรงบันดาลใจมาจาก รูปแบบของป่าบีชโบราณทีโ่ อบล้อมเมืองอาโอโมริ แต่ก็มีความคล้ายคลึงกับการพับกระดาษวาชิ ที่พบบ่อยครั้งในงานของสตูดิโอแห่งนี้ การพับ จะทำ�ให้วัสดุที่บอบบางแข็งแรงมากขึ้น ส่วน
การบิดโค้งของเหล็กก็จะทำ�ให้วัสดุที่แข็งแรงดู บอบบางและพลิว้ ไหว สิง่ ทีน่ า่ สนใจมากสำ�หรับ อาคารหลังนีก้ ค็ อื แผ่นเหล็กริบบิน้ เหล่านีอ้ าศัย ทักษะและฝีมือของช่างทั้งหมดตั้งแต่ขั้นตอน การขึ้นรูป การเก็บพื้นผิว การดัดโค้ง ไปจนถึง การเคลือบสีแดงตามแบบเครื่องเคลือบลงรัก ของเมืองอาโอโมริ สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกหลายล้าน คนให้หลั่งไหลเข้ามาที่งานเทศกาลเนบูตะใน เมืองอาโอโมริ ไม่ใช่แค่ความโดดเด่นทางรูปแบบ สถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่บรรดาแขกผู้มาเยือน ยังจะได้พบเห็นความมหัศจรรย์จากการสร้างสรรค์ “กระดาษ แสง และตำ�นาน” จากบ้านหลังนีไ้ ด้ ตลอดปี ภาพ: www.worldarchitecturenews.com www.paperphine.com
Classic Item
เรื่อง: ศิริอร หริ่มปราณี
ภายใต้ ก ล่ อ งสี ฟ้ า และริ บ บิ้ น สี ข าว ผู้หญิงจำ�นวนไม่น้อยล้วนมีความฝัน กั บ ของลํ้ า ค่ า ที่ ต ามมาภายในนั้ น ‘ทิฟฟานี แอนด์ โค.’ เปรียบเสมือน ตั ว แ ท น แ ห่ ง ค ว า ม รั ก อั น เ ป ล่ ง ประกายและความปรารถนาดี อั น สง่างาม แต่เหนือไปกว่านั้น ทิฟฟานี แอนด์ โค. คื อ การอุ ท ิ ศ ตั ว ของช่า ง ฝีมอื นับพันชัว่ โมง เพือ่ สร้างมนต์เสน่ห์ ให้บังเกิดขึ้นทุกวัน
ฌอง เชอร์ลมั บาร์เช่ นักออกแบบผูส้ ร้างผลงาน อันเป็นอมตะให้แก่ ทิฟฟานี แอนด์ โค. ผลงาน ของเขาสะท้ อ นให้ เ ห็ น ถึ ง งานออกแบบที่ เปลี่ยนสิ่งมหัศจรรย์ของธรรมชาติให้กลาย เป็นความงามที่จับต้องได้
ที่มา: http://press.tiffany.com ภาพ: www.marshallmatlock.com ตุลาคม 2554
l
Creative Thailand
11
Cover Story เรื่องจากปก
ช่างฝีมือ... นักขุดทองแห่งอนาคต
เรื่อง: ศิริอร หริ่มปราณี
12
Creative Thailand
l ตุลาคม 2554
Cover Story เรื่องจากปก
เราจะเริ่มต้นเรื่องนี้กันด้วย ข่าวดี หรือ ข่าวร้าย ก่อนดี?
… มีผู้กล่าวเสมอว่า เหตุจากความจำ�เป็นในชีวิต มักเป็นจุด เริ่มต้นของอุตสาหกรรม ผืนดินแห้งแล้งที่สุดของรัสเซียมักตก อยู่ในมือของชาวนาผู้ยากไร้ กระทั่งต้องซื้อหาเมล็ดพืชจากแดน ไกลเพือ่ ความอยูร่ อด แต่พวกเขานีเ่ องคือผูร้ เิ ริม่ งานหัตถกรรม อย่างเป็นกอบเป็นกำ� ชาวเขาแถบทะเลสาบคอนสแตนซ์ในเทือกเขาสวาเนียนจูรา หรือซิลิเซียในเยอรมนี เริ่มทอผ้าลินินตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 เพื่อ ชดเชยผลผลิตจากพื้นที่เกษตรกรรมอันแร้นแค้น เช่นเดียวกับ ในเขตทีร่ าบสูงสกอตแลนด์ ทีช่ าวนารับจ้างซึง่ ไม่สามารถเลีย้ งชีพ ได้ในยามไร้ฤดูกาลเพาะปลูก ต้องเอาตัวรอดด้วยการทำ�งานเป็น คนทอผ้า ชาวบ้านแถบภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ ทอผ้าจาก บ้านไปขายทีต่ ลาด ซึง่ พ่อค้าลอนดอนมักจะซือ้ ไปแต่งเติม ก่อนจะ กลายเป็นผ้าทีว่ างขายในตลาดคลอท์ฮอลล์... เฟอร์นานด์ โบรว์เดล The Wheels of Commerce (Civilization & Capitalism 15th-18th Century), 1992
ข่าวร้าย... เมื่อต้นเดือนสิงหาคม สำ�นักข่าว รอยเตอร์รายงานว่า บริษัทฮิตาชิเตรียมหยุด สายการผลิตโทรทัศน์ภายในปีนี้อย่างเร็วที่สุด หลังผลิตมานานกว่า 50 ปี เหตุผลเนื่องมาจาก การแข่ ง ขั น ด้ า นราคาที่ รุ น แรงมากขึ้ น ใน ขณะที่ความต้องการลดตํ่าลง โดยในไตรมาส แรกของปีน้ี ยอดขายโทรทัศน์ของบริษทั คิดเป็น ตัวเลขเพียงร้อยละ 0.5 ของผลกำ�ไรทัง้ หมด ซึง่ ไม่เพียงแต่ฮิตาชิเท่านั้น ผู้ผลิตโทรทัศน์ญี่ปุ่น รายอืน่ อาทิ พานาโซนิค โตชิบา และชาร์ป ต่าง เผชิญกับเหตุการณ์เดียวกัน เนือ่ งจากต้องแข่งขัน กับคูแ่ ข่งทีม่ าจากเอเชียด้วยกันแต่สนิ ค้ามีราคา ถูกกว่า เช่น ซัมซุงและแอลจี นักวิเคราะห์ของ เอ็มเอฟ โกลบอล อย่าง เดวิด รูเบนสไตน์ กล่าว ว่า "โทรทัศน์เป็นธุรกิจทีใ่ ห้ผลตอบแทนน้อย แม้ แต่ซัมซุงและแอลจีซ่ึงมีสเกลใหญ่กว่ายังต้อง ดิ้นรนกับแผงวงจรและโทรทัศน์เลย การยุติใน ครั้งนี้จึงเป็นการตัดสินใจที่ดียิ่ง แม้จะต้องมี การเลิกจ้างงานก็ตามที” ในทางกลับกัน... ที่โรงงานเวสตัน เซาธ์อสี ต์ เอเชี ย ในนิ คมอุ ต สาหกรรมปิ่น ทอง ชลบุ ร ี วิศวกรและคนงานชาวไทยกำ�ลังผลิต ‘ชิน้ ส่วน’ ของเครื่องยนต์โรลสรอยซ์ที่ใช้ในเครื่องบินที่ เรียกว่า ‘แอร์โรฟอยล์’ หรือส่วนที่เป็น ‘สตัทเตอร์’ ภายในเครื่ อ งยนต์ ไ อพ่ น ที่ ใ ช้ ใ นเครื่ อ งบิ น โดยสารแอร์บสั รุน่ เอ 319, เอ 320 และเอ 321 โดยใบพัดเหล่านี้จะทำ�หน้าที่รีดลมต่อเนื่องกัน เป็นชั้นๆ นับสิบๆ ชั้นเข้าไปในเครื่องไอพ่น ยิ่งเป็นชั้นลึกๆ เข้าไปขนาดจะเล็กลงและจะมี จำ�นวนถีม่ ากขึน้ ตัวของสตัทเตอร์ท�ำ จากอัลลอยด์ หรือโลหะผสมพิเศษเพือ่ ให้แข็งแกร่ง แต่ในเวลา เดียวกันก็ตอ้ งบิดเอียงตามมุมองศาทีต่ อ้ งการได้ ความหนา บาง ร่อง และรอยบากต่างๆ ต้อง ไม่มีคำ�ว่าคลาดเคลื่อน เพื่อให้นำ�ไปติดตั้งเข้า กั บ แกนของสตั ท เตอร์ ไ ด้ อ ย่ า งเหมาะเจาะ ความละเอียดและแม่นยำ�ในระดับนี้ นอกจาก จะต้องการขีดความสามารถในระดับสูงของ ตุลาคม 2554
l
Creative Thailand
13
Cover Story เรื่องจากปก
เครื่องจักรแล้ว ก็ยังต้องการความชำ�นาญจาก ช่างฝีมืออีกด้วย ความน่าสนใจก็คือ โรงงาน สัญชาติอังกฤษแห่งนี้ มีซีอีโอเพียงคนเดียวที่ เป็นชาวอังกฤษ แต่ที่เหลืออีก 148 คน เป็นช่าง ไทยที่มีอายุเฉลี่ยแค่ 27 ปีเท่านั้น และที่สำ�คัญ ฝีมือช่างที่หาตัวจับยากของพวกเขาทำ�ให้ในปี 2009 โรงงานแห่งนี้สามารถคว้ารางวัลโรงงาน ยอดเยี่ ย มของบริ ษั ท เวสตั น มาได้ จ ากการ พิ จ ารณาโรงงานของตั ว เองทุ ก แห่ ง ทั่ ว โลก ซึ่ ง ถือเป็นการการันตีทักษะฝีมืออันเปี่ยมล้น ของช่างไทยได้อย่างไม่ต้องสงสัย ความเหมือนของเรื่องที่ว่านี้คือ พวกเขา ล้วนเป็นผู้ผลิตสินค้าเพื่อรับใช้ตลาด โดยทุ่มเท ทั้งนวัตกรรมเทคโนโลยี เงินลงทุน และแรงงาน ไปมากอย่างเหลือเชือ่ ในช่วงทีต่ ลาดเบ่งบาน แต่ ความแตกต่างอย่างเจ็บปวดก็คอื คนหนึง่ ตกงาน ส่วนอีกคนได้โบนัส และสำ�หรับคนทีไ่ ด้โบนัสใน ระบบการผลิตอุตสาหกรรมทีแ่ ข่งขันอย่างร้อนแรง เช่นนี้ ย่อมเป็นคนที่มีทักษะหรือความสามารถ เฉพาะทางทีพ่ เิ ศษกว่าผูท้ ท่ี �ำ งานซํา้ ๆ อยูใ่ นระบบ สายพานการผลิตทั่วไป ซึ่งมักถูกทดแทนกัน อย่างง่ายๆ ด้วยค่าจ้างที่ตํ่ากว่าเสมอ เพราะผู้ มีทักษะจะแสดงความลุ่มลึกของพวกเขาผ่าน ฝีมือที่ประณีต ความเพียรจากความตั้งใจ และ ความรู้จากการฝึกฝน พวกเขาเหล่านี้ ถูกเรียก ว่า “ช่างฝีมือ” ซึ่งเป็นผลผลิตของแต่ละสังคม ตามแต่ประวัตศิ าสตร์ ความร้อนหนาวหรือความ แห้งแล้งของแต่ละพื้นที่จะนำ�พาไป ผลผลิตอันลํ้าเลิศของพวกเขาเดินทางมา อย่างยาวนาน ผ่านช่วงเวลาที่สังคมเบียดบัง ความละเมียดจากฝีเข็มไปเห็นชอบกับเครื่อง จักรขนาดมหึมา และหวนกลับมาสูค่ วามโหยหา ดังเดิมอีกครัง้ ... แต่เมือ่ ทุกวันนี้ วิวฒั นาการของ สังคมส่งผลให้มนุษย์สนุกกับการพัฒนาความ ต้องการในชีวิตให้ซับซ้อนเกินกว่ า จะคาดถึ ง โลกที่ช่างฝีมือและเทคโนโลยีอยู่ร่วมกันเพื่อ รับใช้สังคมจะเป็นเช่นไร
14
Creative Thailand
l ตุลาคม 2554
ศิลปิน หรือ นายช่าง ด้วยความเกื้อหนุนและอุ้มชูจากบรรดาขุนนาง ศักดินายุโรปในยุคกลาง ทำ�ให้กลุม่ แรงงานช่าง ฝีมือค่อยๆ ฟูมฟักทักษะและงอกเงยเป็นมรดก สำ�คัญของสังคม เพราะเมื่อการผลิตส่วนใหญ่ บนพื้นที่เกษตรกรรมในระบบแลนด์ลอร์ดอาศัย เพียงแรงงานติดที่ดินเพิ่มผลผลิต เจ้าที่ดินจึงมี เวลาว่างมากพอที่จะสร้างสุนทรียะด้วยรสนิยม ที่ฟุ่มเฟือยขึ้น แรงงานติดที่ดินเหล่านี้ใช้เวลา นอกเหนือจากฤดูกาลเก็บเกี่ยวและเพาะปลูก สร้างสรรค์งานฝีมือต่างๆ เพื่อแสดงสถานะอัน มัง่ คัง่ ของบรรดาเจ้านาย ผลงานเหล่านีถ้ กู พัฒนา ความงามไปเกินขอบเขตของคำ�ว่า “เครือ่ งใช้ใน ครัวเรือน” แต่สติปัญญา ฝีมือ และเทคนิคการ ผลิตต่างๆ นั้นได้พัฒนาเทียบเท่างานศิลปะ จนเมื่อความเสื่อมถอยของระบบศักดินาเกิด ขึ้น พร้อมๆ กับการเติบโตของกลุ่มพ่อค้าหรือ ชนชั้ น กลางซึ่ ง ถื อ เป็ น ชนชั้ น ใหม่ ข องสั ง คม ตะวันตกผู้มีฐานะมั่นคงมากขึ้นจากการค้าขาย กลุ่มพ่อค้าเหล่านี้ได้เปิดโลกทัศน์ให้เกิดความ ปรารถนาในสินค้าจากแดนไกล ตัง้ แต่เครือ่ งเทศ ใบชา ผ้าไหม งาช้างแกะสลัก หรือเครือ่ งกระเบือ้ ง เนือ้ ดีจากจีน ความต้องการสินค้าฟุม่ เฟือยที่มาก ไปกว่าชีวติ ประจำ�วันเหล่านี้ ทำ�ให้การค้าฟืน้ ตัว และตามมาด้วยโอกาสของพวกทีม่ ฝี มี อื การช่าง ในการผลิตงานหัตถกรรม ในช่วงศตวรรษที่ 10 ถึง 14 นัน้ อัตราการเพิม่ ของประชากรในยุโรปขยายตัวอย่างต่อเนือ่ ง ซึง่ ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานช่างฝีมือ เพิม่ ขึน้ ตามไปด้วย โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น ฟลอเรนซ์ มิลาน ปาแลร์โม โรม ลอนดอน โคโลญจน์ และปารีส ที่มพี ลเมืองถึง 50,000 คน ซึ่งทำ�ให้เมืองต้องการผลผลิตมากขึ้น ทั้งยังมี การเพิ่ ม เนื้ อ ที่ เ พาะปลู ก ใหม่ แ ละวิ ท ยาการ ใหม่ๆ ทำ�ให้สินค้ามีความแตกต่างและพิเศษ เฉพาะตัว นำ�ไปสู่การแลกเปลี่ยนสินค้า และ การค้าขายต่างเมืองต่างถิน่ อย่างเป็นกอบเป็นกำ� ขณะเดียวกันการขยายตัวทางการค้าโพ้นทะเล ยังทำ�ให้การแข่งขันต่อสูร้ ะหว่างเมืองท่าริมทะเล
ในแถบเมดิเตอร์เรเนียน เช่น ปิซา มาร์แซย์ เจนัว และเวนิสเข้มข้นขึ้น เช่นเดียวกับพ่อค้าในกลุ่ม เมืองแถบสแกนดิเนเวีย เยอรมนี บอลติก ใน ยุโรปเหนือ มีเมืองต่างๆ กว่า 150 เมือง รวม ตัวกันก่อตั้งสันนิบาตฮันเซียติค (Hanseatic League) ในปี 1358 เพื่อผูกขาดการค้ากับการ พาณิชย์ส่วนเหนือในการค้าขนสัตว์ ปลา เมล็ด พันธุพ์ ชื และไม้ซงุ ส่วนทางใต้ของเยอรมนีและ ลุม่ นํา้ ไรน์ มีศนู ย์กลางการค้าและเส้นทางระหว่าง อิตาลีและยุโรปภาคเหนือ เช่น ออลสเบิร์ก นูเรมเบิรก์ และโคโลญจน์ ด้วยความรุง่ เรืองทาง การค้ า ที่ ผ ลั ก ดั น และส่ ง เสริ ม ให้ เ กิ ด ความ รํ่ารวยและฟุ้งเฟ้อแก่เมืองท่าต่างๆ จึงเป็นผล ให้เกิดกลุ่มชนทางสังคมกลุ่มใหม่ ได้แก่ พวก ช่างฝีมือ ช่างโลหะ ช่างปืน ช่างอัญมณี ช่าง เครือ่ งปัน้ ดินเผา ช่างแก้ว ช่างตัดเสือ้ ช่างรองเท้า ทีร่ วมกลุม่ อาชีพกันในเมือง อันถือเป็นอุตสาหกรรม ระยะแรก ซึง่ มีการรับซือ้ วัตถุดบิ จากพ่อค้า ก่อนจะ ผลิตเป็นสินค้าสำ�เร็จรูปเพื่อนำ�มาขายแก่ชน ชั้นกลางและกลุ่มขุนนางอีกทอดหนึ่ง ก่อนหน้าทีก่ ารปฏิวตั อิ ตุ สาหกรรมจะแบ่งแยก หน้าทีข่ องช่างฝีมอื ออกจากศิลปิน นักออกแบบ วิศวกร หรืองานสาขาอืน่ ๆ ช่างฝีมอื ทัง้ หญิงและ ชายจะทำ � งานร่ ว มกั น ในโรงงานขนาดเล็ ก สร้างสรรค์ชิ้นงานคราวละไม่มากนัก พวกเขา อาจสร้างงานรูปแบบเดียวกัน แต่มกั จะต่างจาก พี่น้องของมันเล็กน้อย ซึ่งล้วนเป็นผลจากนาที แห่งการสร้างสรรค์ที่แสดงให้เห็นถึงทักษะแบบ สัง่ สมในโรงงานเล็กๆ อย่างแท้จริง
Cover Story เรื่องจากปก
ฝีมือ VS เครื่องจักร มันไม่ใช่ความผิดของเฮนรี ฟอร์ด ที่ประดิษฐ์ ฟอร์ด โมเดล ที เพื่อเป็นพาหนะแห่งศตวรรษใหม่ และคิดค้นระบบการผลิตแบบสายพานเพื่อรองรับการประกอบรถยนต์ทั้งคันให้รวดเร็วจนทำ�ให้ โลกรู้จักกับคำ�ว่า “การผลิตคราวละมากๆ” ในปลายทศวรรษ 1930 แม้ระบบสายพานการผลิตจะสร้างปริมาณสินค้าจำ�นวนมหาศาลด้วยต้นทุนที่ถูกลงอย่าง เหลือเชื่อ แต่กระบวนการผลิตที่ฟอร์ดคิดค้นไว้เพื่อให้คนแต่ละคนทำ�งานแบบเดียวซํ้าๆ ส่งผล ให้แรงงานฝีมือชั้นสูงถูกแทนที่ด้วยแรงงานราคาถูกในเวลาต่อมา แต่ก่อนที่ฟอร์ดจะจัดตั้งระบบ สายพานการผลิตของเขานัน้ เคยมีความพยายามอย่างน่าชืน่ ชมจากกลุม่ ศิลปินช่างฝีมอื ทีต่ อ้ งการ เก็บรักษาคุณค่าจากชิ้นงานของพวกเขาไว้ และปรากฏเป็นสินทรัพย์ที่น่าหลงใหลในปัจจุบัน วิลเลียม มอร์ริส นักออกแบบผู้ปฏิวัติและช่างฝีมือผู้สร้างแรงบันดาลใจ ผู้เห็นลางร้ายของ การใช้เครือ่ งจักรเข้ามาผลิตงานฝีมอื เขาไม่ได้ตอ่ ต้านการใช้เครือ่ งจักรหากแต่ตอ้ งการควบคุมมัน เขาเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า ช่างฝีมือจะผลิตชิ้นงานที่สวยงามได้เช่นไร หากอยู่ในสภาพแวดล้อม ที่บีบคั้นเช่นโรงงาน ดังนั้น เขาจึงกำ�หนดให้ตัวเองเรียนรู้ทุกขั้นตอนการผลิตของช่างฝีมือ ตั้งแต่ ทอผ้า ย้อมสี และพิมพ์ลาย ด้วยการเรียนรูท้ จ่ี ะควบคุมเครือ่ งจักร ทำ�ให้ผลงานผืนผ้าของมอร์รสิ มีความโดดเด่น สีสนั สดชัดเจนตามระบบอุตสาหกรรมแต่ยงั มีอณูของความเป็นธรรมชาติปรากฏอยู่ อย่างไรก็ดี ความพยายามของเรายังหลงเหลือสิง่ เดียวทีเ่ ป็นความผิดหวังจากการต่อสูก้ บั เครือ่ งจักร นั่นก็คือ ต้นทุนการผลิตที่สูงลิ่ว ชิ้นงานผ้าอันงดงามของเขาจึงตอบสนองเฉพาะแต่บรรดาลูกค้า ชัน้ สูงในอังกฤษและยุโรป แต่ไม่สามารถเข้าถึงกลุม่ ลูกค้าทัว่ ไปทีไ่ ม่มกี �ำ ลังซือ้ ได้เลย และในทีส่ ดุ เขาก็กล่าวอย่างทุกข์ใจกับคนใกล้ตัวว่า “ฉันใช้ชีวิตของฉันสร้างสรรค์ผลงานเพื่อตอบสนองชีวิต คนรํ่ารวยเท่านั้น” แม้จะรูส้ กึ พ่ายแพ้ แต่ทกุ วันนี้ ผลงานประวัตศิ าสตร์ของนักออกแบบแพทเทิรน์ ผ้าชาวอังกฤษ ยังคงไว้ซึ่งความคลาสสิกที่น่ายกย่อง หน่วยจดทะเบียนสิทธิบัตรงานออกแบบของอังกฤษได้จด สิทธิบัตรงานผ้าของมอร์ริสไว้ในปี 1883 โดยงานผ้าของมอร์ริสที่รักษาไว้นั้น ไม่ใช่แค่แบบร่างแต่ เป็นตัวอย่างผืนผ้าจริงๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงรายละเอียดที่ทรงคุณค่า การต่อสู้ และความ เย่อหยิ่งของความเป็นช่างชั้นสูงของเขา และนับแต่จัดตั้งหน่วยจดทะเบียนสิทธิบัตรเมื่อปี 1839 อังกฤษนับเป็นประเทศผู้ครอบครองสิทธิบัตรงานออกแบบและผลงานของช่างฝีมือไว้จำ�นวน มากมาย ทั้งเซรามิก งานโลหะ และงานผ้า ซึ่งนั่นทำ�ให้นักออกแบบและศิลปินรุ่นหลังๆ ได้ใช้ ประโยชน์และแรงบันดาลใจจากสินทรัพย์นี้เพื่อสร้างผลงานอัศจรรย์ได้ไม่รู้จบ
© Historical Picture Archive/Corbis
ตุลาคม 2554
l
Creative Thailand
15
Cover Story เรื่องจากปก
ภาพจาก http://andrewwiddis.blogspot.com
มรดกเก่ากับลูกค้าใหม่ โจเชียห์ เวดจ์วูด อุทิศความเพียรซํ้าแล้วซํ้าเล่า เป็นเวลา 4 ปี เพื่อที่จะทดลองทำ�แจกันใบเดียว เงื่อนไขของเขาไม่ได้อยู่ที่ดินซึ่งหล่อขึ้นเป็นตัว แจกัน แต่คือรูปเทพเจ้ากรีกสีดำ�และสีขาว กับ องค์ประกอบรวมอีก 18 ชิ้นที่ต้องรวมเป็นเนื้อ เดียวกับแจกันเนื้อแจสเปอร์แวร์นี้ ขั้นตอนใน การคิดและทดลองหาเทคนิคใหม่ๆ ดำ�เนินไป กว่า 3,000 ชิน้ งาน เพือ่ ขจัดฟองอากาศ กำ�หนด ความบางของเนื้อดิน และความอ่อนช้อยของ เหล่าทวยเทพทีไ่ ด้รบั แรงบันดาลใจมาจากเรือสมัย โรมัน แต่ในทีส่ ดุ เขาก็คน้ พบการจัดการทีส่ มบูรณ์ แบบและมันก็คมุ้ ค่า เมือ่ แจกันพอร์ตแลนด์นี้ ได้ รับเกียรติให้เป็นงานศิลปะที่จดั แสดงในพิพธิ ภัณฑ์ วิคตอเรีย แอนด์ อัลเบิร์ต ลอนดอน พร้อมๆ คำ�สั่งซื้อที่ต่อเนื่องยาวนานถึง 221 ปี
© Bettmann/Corbis
16
Creative Thailand
l ตุลาคม 2554
ด้วยความเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักบริหาร และช่างฝี ม ื อ ของเวดจ์ว ู ด ทำ � ให้ร าวปลาย ศตวรรษที่ 18 ณ โรงงานเครื่องปั้นดินเผาใน เมื อ งสแตนด์ ฟ อร์ ด ของอั ง กฤษได้ ก่ อ ให้ เ กิ ด แนวคิดในการผลิตงานฝีมือแบบใหม่ที่ใช้ระบบ แบ่งงานกันทำ� ตั้งแต่ระบบของช่างเผาซึ่งต้อง มี ค วามชำ � นาญในการวั ด อุ ณ หภู มิ เ ตาเผา ระบบการลำ�เลียงวัตถุดิบและสินค้าที่ใช้ทักษะ การขุ ด คู ค ลองเข้ า มายั ง โรงงานเพื่ อ ขนถ่ า ย สินค้า และที่สำ�คัญที่สุด เวดจ์วูด ยังเลือกใช้ ศิลปินในการแกะสลักแม่พิมพ์เพื่อทำ�ต้นแบบ ของเหล่าเทพเจ้ากรีกที่ปรากฏในแจกันและ เครื่องใช้ต่างๆ จนโรงงานของเขากลายเป็น แหล่ ง รวบรวมศิ ล ปิ น ช่ า งปั้ น ฝี มื อ ดี ที่ สุ ด ในอังกฤษ ซึ่งนับเป็นมรดกที่สืบทอดมาจนถึง ปัจจุบัน ทุกวันนี้ ช่างฝีมือผู้ถอดแบบเทพเจ้า ในโรงงานเวดจ์ วู ด ถู ก เรี ย กว่ า นั ก ปั้ น หุ่ น ผู้ มี เกียรติ ซึ่งมีจำ�นวนไม่กี่คนและล้วนแต่ทำ�งาน ที่โรงงานแห่งนี้มาแล้วกว่า 30 ปี หลั ง จากเปิ ด ดำ � เนิ น กิ จ การมายาวนาน ตั้งแต่ 1759 ธุรกิจของเวดจ์วูด ก็ถูกควบรวม กับวอเตอร์ฟอร์ดคริสตัลในปี 1987 และกลาย เป็นส่วนหนึง่ ของกลุม่ บริษทั WWRD (Waterford Wedgwood Royal Doulton) จากกลุม่ ทุนใหญ่ ของมหานครนิวยอร์ก แต่การเปลี่ยนแปลงของ เครื่องเคลือบจากสแตนด์ฟอร์ดก็ยังไม่จบสิ้น เมื่อภาวะเศรษฐกิจดิ่งเหวในอเมริกาได้ส่งผล ให้ WWRD ต้องปรับลดค่าใช้จ่ายโดยย้ายฐาน การผลิตไปในประเทศแรงงานถูก ส่งผลให้มี การเลิกจ้างคนงานถึง 1,400 คนจากแรงงาน การผลิต แต่สง่ิ ทีท่ �ำ ให้โจเชียห์ เวดจ์วดู จะต้อง ภาคภูมิใจกับมรดกแห่งความอุตสาหะของเขา ก็คือ ในจำ�นวนการเลิกจ้างนั้น แทบไม่ปรากฏ ว่าเป็นกลุ่มช่างฝีมือในโรงงานเวดจ์วูดของเขา แต่อย่างใด
Cover Story เรื่องจากปก
ธุรกิจทักษะแปรรูป ใช่ว่าทุกธุรกิจจะดำ�รงไว้ซึ่งความถ่องแท้จาก งานฝีมือในอดีตเฉกเช่นแจกันพอร์ตแลนด์ของ อังกฤษ แลกเกอร์แวร์ของญี่ปุ่น หรืองานแก้ว ของเวนิส เพราะเมือ่ ทักษะของช่างฝีมอื ถูกตีความ ใหม่ โดยใส่รสนิยมและวิถชี วี ติ คนแต่ละรุน่ ลงไป งานฝีมือก็ผลิดอกออกผลได้เกินกว่าช่างฝีมือ เจ้าของตำ�นานจะนึกถึง เรื่องราวของแคมเปอร์ เป็นหนึ่งในความ งอกเงยที่ว่านั ้ น จากช่างทำ�รองเท้าในเกาะ มายอร์กาของสเปน กลับกลายเป็นธุรกิจบริการ ที่ขายไลฟ์สไตล์ผ่านตัวตนของรองเท้าชาวนา ทัง้ ๆ ทีร่ องเท้าของแคมเปอร์นน้ั ไม่ได้หรูหราหรือ สู ง ศั ก ดิ์ ต ามนิ ย ามงานฝี มื อ ของคนชั้ น สู ง ในยุโรป แต่แคมเปอร์เกิดมาในท้องไร่ท้องนา รูปทรงหน้าตาก็ไม่มีอะไรพอที่จะเรียกได้ว่าทัน สมัย เพราะมุ่งเน้นให้แคมเปอร์ออกมาสมบุก สมบัน และใช้งานได้ทนทานพร้อมที่จะลุยใน สภาพอากาศที่รุนแรง อันโตนิโอ ฟลุกซา สร้างโรงงานรองเท้าเล็กๆ ของเขาหลังกลับมาจากอังกฤษในปี 1877 เขาได้ รวบรวมช่างฝีมือดีท่ีสุดในเกาะมายอร์กาเพื่อ บุกเบิกธุรกิจผลิตรองเท้าในระบบอุตสาหกรรม ซึ่ ง เป็ น ธุ ร กิ จ ของตระกู ล ที่ ไ ด้ ส านต่ อ และ สืบเนื่องมานานถึง 3 รุน่ โดย ลอเรนโซ ฟลุกซ่า ลูกชายของเขาเกิดในโรงงานรองเท้า จึงได้ลม้ิ รส ความเป็นช่างและความกระตือรือร้นที่จะสร้าง รองเท้าตามที่อนั โตนิโอ ผูเ้ ป็นพ่อตัง้ ใจไว้ ลอเรนโซ ริเริ่มก่อตั้งบริษัทและใช้คำ�ว่า “แคมเปอร์” ใน ภาษาคาตาลันทีแ่ ปลว่า “ชาวนา” เพือ่ ให้ตรงกับ สิ่ ง ที่ พ่ อ ตั้ ง ใจว่ า รองเท้ า ของพ่ อ จะต้ อ งมี องค์ประกอบสำ�คัญ 3 ส่วนคือ เทคนิคการตัด เย็ บ ที่ สื บ สานและถ่ า ยทอดกั น มาตั้ ง แต่ ยุ ค บรรพบุรษุ แนวคิดที่ทนั สมัย และความสวยงาม ของรู ป แบบที่ คำ � นึ ง ถึ ง การสนองตอบความ ต้องการใช้งานและความคิดสร้า งสรรค์ ซึ่ง ครั้งหนึ่ง ในช่วงที่ชูบังการ์ เรย์ ทำ�หน้าที่เป็น ผู้ อำ � นวยการฝ่ า ยสร้ า งสรรค์ ข องแคมเปอร์ เขากล่าวถึงรองเท้านีว้ า่ “มันได้รบั แรงบันดาลใจ
มาจากสังคม วัฒนธรรม และทิวทัศน์ของสเปน หรื อ เรี ย กว่ า แรงบั น ดาลใจจากวั ฒ นธรรม เมดิเตอร์เรเนียน ทัง้ สายลม แสงแดด ต้นมะกอก ระบำ�ฟลามิงโก นักสูว้ วั กระทิง และอาหารสเปน ที่มีซีฟู้ดกับมะเขือเทศเป็นพระเอก สิ่งเหล่านี้ ถูกตีความเป็นสีสดใส เจิดจ้า เหมือนวันแดดดี ที่ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใสออกมานั่งผึ่งแดด พูดคุย เรื่องสัพเพเหระกันอย่างมีชีวิตชีวา และรองเท้า ถูกนำ�เสนอโดยผ่านทักษะวิธีการตัดเย็บ วัสดุ เหลือใช้ และความตัง้ ใจทีจ่ ะผลิตรองเท้าทีส่ วมใส่ สบายและทนทาน” หลั ง จากที่ เ ปิ ด ร้ า นจำ � หน่ า ยแห่ ง แรก ทีบ่ าร์เซโลนาเมือ่ ปี 1981 ปัจจุบนั แคมเปอร์ มีรา้ น ที่จำ�หน่ายสินค้าราว 3,800 แห่งใน 46 ประเทศ ทั่วโลก ร้านของแคมเปอร์ตั้ง เป้าให้เหมื อ น แกลเลอรี่มากกว่าแค่ขายรองเท้า เช่น ร้าน ‘แคมเปอร์ ทูเกตเตอร์’ ในบาร์เซโลน่า เป็นผลงาน ของไฆเม่ ฮายอน ศิลปินนักออกแบบที่มผี ลงาน จัดจ้านและเกรี้ยวกราดที่สุดคนหนึ่งของสเปน โดยร้านที่เขาออกแบบนั้นมีสีสันสดใส โลดโผน ไม่ตา่ งจากหน้าตาของรองเท้าแต่อย่างใด และแม้ จะไม่ใช่รองเท้าแฟชั่น แต่ในปี 2007 แคมเปอร์ ก็สร้างยอดขายได้ถึง 100 ล้านยูโร (4,000 ล้าน บาท) นอกจากนี้ แคมเปอร์ยงั ได้สง่ ต่อลักษณะ เฉพาะนี้ไปสู่ธุรกิจใหม่ คือ ‘คาซา แคมเปอร์’ โรงแรมบู ติ ก ที่ อ ยู่ ใ จกลางกรุ ง บาร์ เ ซโลน่ า และเบอร์ลิน โรงแรมนี้เป็นส่วนผสมของความ เรียบง่ายแต่ไตร่ตรอง บรรยากาศของโรงแรม เปิดกว้างให้ลูกค้าได้สัมผัสกับแสงธรรมชาติ มากที่สุด และตอบสนองความสะดวกสบาย ด้วยห้องอาหารที่มีอาหารว่างให้ลูกค้าบริการ ตัวเองได้ 24 ชั่วโมง ศูนย์รีไซเคิล และบริการ จักรยานฟรีให้ลกู ค้าขีส่ �ำ รวจรอบเมือง โดยลูกค้า กลุม่ ใหญ่ของคาซา แคมเปอร์ เป็นกลุม่ คนรุน่ ใหม่ นักออกแบบ และครีเอทีฟ ซึ่งท่ามกลางความ ชื่มชนในความเรียบง่ายนั้น พวกเขาจะได้รับ พลังของแสงแดด ความโปร่งของอากาศ ซึง่ เป็น กลิ่นอายของท้องทุ่งที่ชาวนาคุ้นเคย
ภาพจาก www.dezeen.com ถ่ายโดย Nienke Klundes
ภาพจาก www.n-d-c.de
ภาพจาก http://2.bp.blogspot.com ตุลาคม 2554
l
Creative Thailand
17
Cover Story เรื่องจากปก
บริหารทักษะฝีมือ บริหารสินทรัพย์ ตุลาคม 2011 ที่ลอนดอนมีมหกรรมการแข่งขัน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มันไม่ใช่โอลิมปิกหรือเกมกีฬาที่ ไล่ลา่ อันดับโลก แต่เป็นการแข่งขันที่วา่ ด้วยฝีมอื ล้วนๆ จากช่างฝีมอื กว่า 1,000 คนจาก 50 ประเทศ ทั่วโลก เพื่อสร้างบรรทัดฐานความเยี่ยมยอดใน 40 สาขาช่างฝีมือ ในการแข่งขัน ‘World Skills London 2011’ การแข่งขันฝีมือแรงงานนานาชาติ จัดขึ้น ครั้งแรกในปี 1950 ที่กรุงมาดริดของสเปน และ มีกำ�หนดจัดการแข่งขันทุกๆ 2 ปี ให้ประเทศ ต่างๆ หมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ โดยมีเป้าหมาย เพื่อส่งเสริมทักษะฝีมือแรงงานของเยาวชนจาก ทัว่ โลก สำ�หรับประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขันจะต้อง เป็นสมาชิกองค์การ World Skills International หรือ International Vocational Training Organization (IVTO) ในส่วนของประเทศไทย ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก IVTO เมื่อปี 1993 และ ร่วมส่งเด็กไทยเข้าร่วมการแข่งขันฝีมือแรงงาน นานาชาติอย่างต่อเนือ่ งและสามารถคว้าเหรียญ รางวัลต่างๆ มาได้ตลอด โดยเฉพาะสาขาช่าง เชื่อม ช่างเครื่องประดับ ช่างตัดเย็บเสื้อผ้าสตรี และช่างเครือ่ งทำ�ความเย็น โดยการแข่งขันฝีมอื แรงงานนานาชาติครั้งที่ 41 นี้ ไทยส่งตัวแทน เข้าแข่งขันมากถึง 24 สาขา ซึ่งมีสาขาที่ไทย ต้ อ งการพั ฒ นาฝี มื อ ให้ เ ที ย บเท่ า มาตรฐาน สากล นั่นคือ ช่างไม้ พ่อครัว รวมทั้งช่างสี ซึ่ง สำ�หรับตัวแทนประเภทช่างสีอย่าง เกรียงศักดิ์ อ่อนศรี จากสถาบันพัฒนาฝีมอื แรงงาน ภาค 3 ชลบุรีนั้น จะต้องผ่านการเก็บตัวฝึกซ้อมเพื่อ เก็บเกีย่ วเทคนิคขัน้ ตอนการผสมสี พ่นสี การทำ� ชิน้ งาน ไปจนถึงการเรียนรูค้ วามแตกต่างของสี ความละเอียดของเม็ดสี รวมถึงเทคนิคใหม่ๆ เช่น การเรียนรู้เทคโนโลยีสีแห้งเร็ว เขากล่าว อย่างภูมใิ จถึงงานของเขาว่า “เสน่หข์ องการพ่นสี ซ่อมรถยนต์อยู่ที่มันเป็นงานศิลปะ ซึ่งไม่ใช่แค่ ปลายมือนิว้ สะบัดดินสอ แปรงพูก่ นั แต่เราต้อง ใช้ทั้งตัวทุ่มลงไปเพื่อให้นํ้าหนักสีเท่ากันทั้งตัว รถ นี่คืองานศิลปะที่เป็นอาชีพติดตัวที่มั่นคง”
© WorldSkills
© WorldSkills
18
Creative Thailand
l ตุลาคม 2554
Cover Story เรื่องจากปก
นับถอยหลัง... เมื่อเราไม่ได้อยู่คนเดียว อาจจะเป็นความเต็มใจหรือไม่ก็ตาม แต่ในปี 2015 การเกิดกลุ่มประชาคมอาเซียน จะก่อให้เกิด การเปลีย่ นแปลงครัง้ ใหญ่กบั ภาคการผลิตของประเทศ และอาจนำ�มาทัง้ โอกาสและความเสียเปรียบ ขึ้นอยู่กับว่าใครเตรียมพร้อมแค่ไหน กลุ่มประชาคมอาเซียน ประกอบด้วยสมาชิกของ 10 ประเทศอาเซียน คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย บรูไน เวียดนาม ลาว กัมพูชา และเมียนมาร์ โดยหนึ่งใน วัตถุประสงค์คือเพื่อให้อาเซียนมีตลาดและฐานการผลิตเดียว โดยให้สามารถเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน เงินทุน และแรงงานได้อย่างเสรี การเคลื่อนย้ายแรงงานเสรี เป็นการแสวงหาความร่วมมือเพื่อสร้างมาตรฐานที่ชัดเจนของ แรงงานฝีมือ และอำ�นวยความสะดวกให้กับแรงงานฝีมือที่มีคุณสมบัติตามมาตรฐานที่กำ�หนด ให้สามารถเคลือ่ นย้ายไปทำ�งานในประเทศสมาชิกได้งา่ ยขึน้ การตกลงในชัน้ ต้นทีก่ �ำ หนดเปิดเสรี ในตลาดแรงงานทักษะหรือแรงงานฝีมือนำ�ร่องอยู่ในกลุ่มบริการเร่งรัด 4 สาขา คือ ท่องเที่ยว สุขภาพ การเงิน และเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือใน 7 สาขา วิชาชีพ ได้แก่ วิศวกรรม พยาบาล สถาปนิก นักสำ�รวจ ทันตแพทย์ แพทย์ และบัญชี ในระดับ บุคคล นอกจากทีแ่ รงงานฝีมอื จะต้องแข่งขันกันในกลุม่ ประเทศอาเซียนเพือ่ ให้สามารถเลือกทำ�งาน ในประเทศที่มีรายได้สูง และสามารถแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่แล้ว ในระดับประเทศก็ต้องมี การเตรียมความพร้อมทั้งในด้านนโยบายของภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับ แรงงาน สำ�นักเศรษฐกิจแรงงาน กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม สรุปถึงความจำ�เป็นใน การเตรียมตัวเพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายแรงงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยสิ่งสำ�คัญคือ พัฒนาการด้านภาษา การดำ�เนินงานด้านขั้นตอนการอนุญาตทำ�งาน มาตรฐานอาชีพ และ มาตรฐานทักษะฝีมอื แรงงาน เพือ่ รองรับการเคลือ่ นย้ายแรงงานฝีมอื ให้เป็นไปโดยเสรีอย่างแท้จริง โอกาสในการส่งออก ต้นทุนนำ�เข้าวัตถุดิบราคาถูกลง การท่องเที่ยวขยายตัว การลงทุน จากเพื่อนบ้านที่คล่องตัวขึ้น ย่อมมาพร้อมๆ กับการแข่งขันที่สูงขึ้นทั้งในระดับธุรกิจและระดับ บุคคล จำ�นวนแรงงานราคาถูกจะหลั่งไหลเข้ามามากขึ้น ขณะที่แรงงานฝีมือดีก็มีทางเลือกที่ เปิดกว้างเช่นกัน เมื่อปีนี้คือปี 2011 คงเหลือเวลาไม่มากนักที่จะเตรียมตัวรับข้อสอบชุดใหญ่นี้
© Worldskills
ปัจจุบันมีแรงงานไทยกว่า 600,000 คน ทำ�งานในต่างประเทศ ซึง่ ส่วนใหญ่อยูใ่ นเกาหลี ไต้หวัน และประเทศกลุ่มอาหรับ โดยเป็นช่าง ฝีมอื ในกลุม่ ธุรกิจการก่อสร้าง นํา้ มัน และยานยนต์ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ยังคงมี ความต้องการช่างฝีมอื ด้านต่างๆ อีกกว่า 15,000 คน สำ�หรับอุตสาหกรรมภายในประเทศ ซึ่งทำ�ให้ กรมพัฒนาฝีมือแรงงานต้องตั้งเป้าเพิ่มกำ�ลัง การผลิตของช่างฝีมือกลุ่มนี้ให้เพิ่มขึ้น และให้ สูงเป็นอันดับ 10 ของโลก ถ้าอนาคตยังเป็น เช่นนี้ เกรียงศักดิ์และเพื่อนๆ จึงยังคงมั่นใจ และมีความสุขกับการเป็นช่างสีของพวกเขาต่อ ไปได้อย่างแน่นอน เคยมี ค ำ � กล่า วว่า สำ�หรั บ นั ก ออกแบบ อุตสาหกรรมแล้ว มือและตาของช่างฝีมือ คือ แรงบันดาลใจและเป็นมาตรฐานที่ควรยกย่อง คุณเห็นด้วยหรือเปล่า...? ที่มา: สารคดีชุด The Genius of Design โดย สถานีโทรทัศน์บีบีซี หนังสือ The Craftsman (2008) โดย Richard Sennett บทความ AEC: ตลาดและฐานการผลิตเดียว…โอกาสและ ผลกระทบของธุรกิจ SMEs ไทย (2554) โดย ศูนย์วจิ ยั กสิกรไทย บทความ ตามไปดูคนไทย ทำ�เครือ่ งยนต์ให้โรลรอยซ์ (2554) โดย ไพรัตน์ พงษ์พาณิชย์, หนังสือพิมพ์มติชน งานสัมมนา Creativities Unfold Bangkok 2006-2007: Perspectives on Value Creation โดย ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ www.uk.wwrd.com
© Worldskills
ตุลาคม 2554
l
Creative Thailand
19
Insight
เรื่อง: กมลกานต์ โกศลกาญจน์ ความต้องการที่จะผสมผสานเสน่ห์แห่งความประณีต เข้ากับ ความชาญฉลาดของระบบดิจิตอลที่กลายเป็นตัวช่วยสำ�คัญ ตั้งแต่กระบวนการออกแบบไปจนถึงขั้นตอนการผลิต เกิดเป็น ‘Digital Crafting’ ทางเลือกใหม่สำ�หรับผู้มีใจรักงานฝีมือ แต่ ก็ ไ ม่ อ าจปฏิ เ สธความตื่ น ตาตื่ น ใจของวิ ธี ผ ลิ ต ผลงานด้ ว ย นวัตกรรมร่วมสมัย
จากความเชือ่ ทีว่ า่ ผลงานศิลปะนัน้ ควรจะสามารถแจกจ่ายได้งา่ ยเหมือนกับ เพลงหรือรูปภาพในอินเตอร์เน็ต ทำ�ให้ เยน ไคทาเนน ผู้ก่อตั้ง Freedom of Creation (FOC) เลือกที่จะผลิตผลงานของเขาด้วย 3D-Printer หรือ เครื่อง “พิมพ์” วัตถุสามมิติที่เก็บรายละเอียดครบทั้งรูปร่างและรูปทรง และยังสามารถกำ�หนดวัสดุปลายทางได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรซิ่น พลาสติก ยาง หรือแม้กระทั่งเซรามิก Punch Bag ถูกผลิตขึ้นโดยใช้ เทคนิค Selective Laser Sintering (SLS) หรือการขึ้นรูปวัสดุด้วยการใช้ แสงเลเซอร์ ซึ่งแม้จะผ่านกระบวนการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีลํ้าสมัยเป็น เครือ่ งมือตัง้ ต้นก็ตาม แต่กระเป๋าไนลอนใบนีย้ งั คงให้ความรูส้ กึ และสัมผัส ที่พบได้ในงานถักด้วยมือ ผลงาน Jointed Jewelry ของ อลิเซีย เมลกา เตชิโร ก็เช่นกัน ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ใช้ระบบ 3D-Print พิมพ์ผลงาน เครื่องประดับในลักษณะรูปทรงกลมซ้อนรูปทรงกลม หรือลักษณะข้อต่อ แบบเบ้าหมุนได้ ซึ่งทำ�ให้การผลิตที่ซับซ้อนเช่นนี้สำ�เร็จได้ภายในการ ผลิตเพียงครั้งเดียว 20
Creative Thailand
l ตุลาคม 2554
โปรเจค L’ Artisan Electronique โดย อันโฟลด์ สตูดโิ อ และทิม คาเพน แสดงให้เห็นว่าระบบดิจิตอลสามารถก้าวเข้ามาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้ กับผูส้ ร้างงานฝีมอื ทัง้ หลาย ทัง้ ยังเป็นเครือ่ งมือทีเ่ อือ้ ประโยชน์ตอ่ กระบวนการ ผลิตงานฝีมือ แต่อย่างไรก็ตามเครื่องมือเหล่านี้จะทำ�งานได้ก็ด้วยทักษะ ดั้งเดิมในการทำ�เครื่องปั้นดินเผาและการขึ้นรูปเซรามิก ในกระบวนการ Digital Crafting ดีไซเนอร์ยงั คงต้องใช้มอื หมุนขึน้ รูป เพียงแต่ผา่ นซอฟท์แวร์ ทีแ่ สดงผลด้วยเลเซอร์ หรือแม้แต่ในเรือ่ งการพิมพ์ผลงานออกมา ซอฟท์แวร์ ก็ยงั คงเลียนแบบกรรมวิธกี ารทำ�เครือ่ งปัน้ ดินเผาแบบเดิมเช่นกัน ผลผลิต เองถูกพิมพ์ออกมาแบบชั้นต่อชั้น จากล่างขึ้นบนไม่ต่างจากขั้นตอนผลิต เครื่องดินเผาจริงๆ แต่อย่างใด ในวันที่ Digital Crafting มีบทบาทต่อเหล่านักออกแบบในฐานะ เครื่องมือหนึ่งซึ่งช่วยเสริมศักยภาพของงานฝีมือให้เด่นชัดมากขึ้น จึงถือ ได้ว่าเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำ�คัญระหว่างนวัตกรรมและทักษะที่สามารถอยู่ ร่วมกันได้อย่างลงตัว ที่มา: www.freedomofcreation.com www.nytimes.com www.economist.com www.craftscouncil.org.uk ภาพ: www.freedomofcreation.com www.creativeapplications.net
ตุลาคม 2554
l
Creative Thailand
21
Creative Entrepreneur คิด ทํา กิน
เรื่อง: ณัฐพร ศรีศิริรังสิมากุล ภาพ: อดิเดช ชัยวัฒนกุล
ฟังเพียงแค่ชื่อ หลายคนคงนึกว่า Maison Takuya เป็นสินค้า นำ�เข้าสัญชาติไม่ฝรั่งเศสก็ญี่ปุ่น แต่อ ันที่จริงแล้ว แบรนด์ เครื่องหนังชั้นดีนี้ ผลิตขึ้นโดยช่างฝีมือชาวไทยในประเทศไทย ทั้งยังกล้ายืดอกบอกชาวโลกอย่างมั่นใจว่า ผลงานแฮนด์เมด ระดับคุณภาพของ Maison Takuya นั้น Made in Thailand
“คุณภาพของสินค้าลักส์ชัวรี่ในยุโรปตกตํ่าลงมากจนน่าตกใจ มันหมดยุค แล้วที่จะขายกระเป๋าพลาสติกที่ผลิตแบบไม่ได้มาตรฐานในราคาแพงเกิน จริง เพียงเพราะคุณมี ‘แบรนด์’ มันน่าขายหน้า ผู้บริโภคฉลาดกว่านั้น” ฟรองซัวส์ รุสโซ นักออกแบบชาวฝรั่งเศส ตอบอย่างชัดเจนถึงเหตุผลที่ เขาตัดสินใจริเริ่ม Maison Takuya และมุ่งมั่นนำ�เสนอความหรูหราและ ความพิถีพิถันในแบบแฮนด์เมด 22
Creative Thailand
l ตุลาคม 2554
Creative Entrepreneur
คิด ทํา กิน
เดิมทีรุสโซคิดจะทำ�ธุรกิจในประเทศบ้าน เกิด แต่ตน้ ทุนในการเย็บงานด้วยมือในฝรัง่ เศส นัน้ สูงมากจนไม่สามารถทำ�ได้ “ผมตัดสินใจมา ประเทศไทยเพราะเพื่อนผมมาจ้างช่างฝีมือที่นี่ ทำ�เครื่องประดับและงานก็ออกมาดีมาก ผม เลยคิดว่าหากทำ�เครื่องประดับได้ ช่างไทยก็น่า จะทำ�เครื่องหนังได้ดีเช่นกัน” เขากล่าว “หลาย คนคิดว่าผมบ้า เพราะเขายังยึดติดกับความคิด เก่าๆ อยู่ว่าสินค้าลักส์ชัวรี่ต้อง Made in Italy หรือ Made in France เท่านั้น ความมุ่งมั่น ของผมคือเปลี่ยนความคิดคนเหล่านั้นให้ได้ ให้ เ ขาเข้ า ใจว่ า สิ น ค้ า ที่ ผ ลิ ต ในยุ โ รปไม่ ไ ด้ หมายความว่าจะเป็นสินค้าคุณภาพเสมอไป คุ ณ ภาพของสิ น ค้าต่างหากที่ส ำ � คั ญ ไม่ใช่ ประเทศที่ผ ลิ ต และทำ � ให้ค ำ � ว่า Made in Thailand กลายเป็นเครื่องหมายของสินค้า ลักส์ชัวรี่ระดับคุณภาพให้ได้” Tradition Meets Modernity Maison Takuya ตั้งชื่อตามช่างฝีมือชาวญี่ปุ่น ทาคุยะ โอคาโมโตะ ที่มาถ่ายทอดทักษะการ ตัดเย็บเครื่องหนังของญี่ปุ่นให้แก่ช่างชาวไทย งานของ Maison Takuya มีความละเอียดพิถีพถิ นั ในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการทำ�แพทเทิร์น การตัด การเจาะรู การเย็บ และการขัดขอบ เก็บงาน ดังนัน้ รุสโซจึงเชิญช่างชัน้ ครูจากแบรนด์ ดังของฝรั่งเศสอีกสองคนมาช่วยสอนเทคนิค การผลิ ต เครื่ อ งหนั ง ชั้ น สู ง ของยุ โ รปในอดี ต เพิ่มเติม และควบคุมดูแลการผลิตงานฝีมือ ทุกชิ้นให้ได้คุณภาพ โดยช่างแต่ละคนจะได้รับ มอบหมายหน้าที่คนละขัน้ ตอน เพือ่ ให้การฝึกสอน สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึน้ และได้ชน้ิ งาน ที่มีมาตรฐานเดียวกัน ปรัชญาการออกแบบของ Maison Takuya คือ สินค้าทุกชิน้ ต้องได้รบั การตัดเย็บด้วยมือ 100 เปอร์เซ็นต์ จากวัตถุดบิ ชัน้ ดี และตอบสนองกับ ไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน “ถึงเราจะใช้ เทคนิคการตัดเย็บด้วยมือแบบดั้งเดิม แต่เรา ต้องสร้างของที่ตอบรับกับชีวิตประจำ�วัน นั่น เป็นเหตุผลว่าทำ�ไมเราถึงเน้นทำ�สินค้าที่เกี่ยว
กับไอที เช่น เคสไอโฟนและไอแพด ควบคู่ไป กับกระเป๋าถือและกระเป๋าสตางค์ โดยผลิตภัณฑ์ ของเรานั้นจะมีความเรียบง่ายและนํ้าหนักเบา” รุสโซคัดเลือกหนังทีจ่ ะใช้ในการผลิตด้วยตนเอง “ทุกอย่างเริ่มต้นที่วัตถุดิบ หากวัตถุดิบไม่ดี ถึ ง ช่ า งจะเก่ ง ขนาดไหนก็ เ ป็ น ไปไม่ ไ ด้ ที่ จ ะ ได้ผลิตภัณฑ์ที่สวยงาม” เนื่องจากหนังที่ได้ คุณภาพนัน้ ยังหาไม่ได้ในไทย เขาจึงต้องนำ�เข้า จากประเทศต่างๆ เช่น อิตาลี สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และฝรัง่ เศส ซึง่ มีหลากหลายทัง้ หนังวัว หนังแพะ หนังนกกระจอกเทศ หนังงู และหนังจระเข้ เพือ่ ให้ ต อบรั บ กั บ การใช้ ง านและกำ � ลั ง ซื้ อ ของ ผู้บริโภค No-Brand Brand เพราะเชื่อว่า “คุณภาพของสินค้า” ขายได้ด้วย ตัวของมันเอง โดยไม่จำ�เป็นต้องพึ่งยี่ห้อหรือ อิมเมจของแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ของ Maison Takuya จึงไม่มโี ลโก้ประทับให้เห็นเด่นชัดเหมือน สินค้าแบรนด์เนมอืน่ ๆ แต่หากสังเกตดีๆ สินค้า ของ Maison Takuya จะเย็บด้วยด้ายสีคราม “ผมไม่ชอบเวลาที่คนใช้สินค้าแบรนด์เนมเพื่อ โชว์ออฟ หรือทำ�ให้คนอื่นประทับใจ Maison
Takuya จึงไม่มีโลโก้ให้เห็นชัดเจน แต่จะใช้ ด้ายสีครามเป็นสัญลักษณ์แทน” จากปีแรกที่เริ่มผลิตสินค้าออกจำ�หน่าย Maison Takuya มีชา่ งฝีมอื จำ�นวนนับนิว้ ได้ แต่ ด้วยยอดการสัง่ ซือ้ ทีเ่ พิม่ ขึน้ อย่างรวดเร็ว ปัจจุบนั รุสโซขยายฐานการผลิตขึ้นไปที่เชียงใหม่ และ จ้างช่างฝีมอื ชาวไทยเพิม่ อีกกว่าร้อยคน ด้วยอายุ เพียงสองปีครึ่ง Maison Takuya มีวางจำ�หน่าย ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ�ใน 13 ประเทศทั่วโลก และวางแผนที่ จ ะเปิ ด ร้ า นแห่ ง แรกในไทย ภายในสิ้นปีนี้ “ผมคิดว่าเราทุกคนมีดีเอ็นเอที่สัมผัสได้ ถึงคุณภาพ เมื่อเห็นสินค้าคุณภาพดี ก็จะถูกใจ และยอมลงทุนซือ้ ” รุสโซวางแผนทีจ่ ะขยายไลน์ สินค้าของ Maison Takuya เพื่อตอบรับความ ต้องการของผู้บริโภค “แบรนด์ก็เหมือนมนุษย์ คนหนึง่ หากเราไม่คอยทำ�นุบ�ำ รุงและพัฒนามัน สักวันมันก็จะตาย การที่ธุรกิจจะประสบความ สำ�เร็จ ผมคิดว่าเราต้องเดินตามกระแสนิยมของ สังคมให้ทัน แน่นอนว่าเทรนด์หมุนเร็ว แต่นั่น ก็ยิ่งทำ�ให้งานของดีไซเนอร์ท้าทายและสนุก มากขึ้นไปอีกไม่ใช่เหรอ” ตุลาคม 2554
l
Creative Thailand
23
Creative City
จับกระแสเมืองสร้างสรรค์
เรื่อง: มนฑิณี ยงวิกุล
24
Creative Thailand
ในขณะที่หลายแบรนด์ดังต้องยกธงขาวให้กับกำ�ลังซื้อที่หดหาย จากเศรษฐกิจตกตา่ํ และโรงงานทอผ้าหลายแห่งในอิตาลีตอ้ งถูก ทิ้งร้างเพราะแพ้คู่แข่งจากเมืองจีน แต่ แอร์เมเนจิลโด เซนญ่า กลับต้องเร่งผลิตผ้าเพื่อให้ทันส่งถึงมือลูกค้า และเบื้องหลังแห่ง การยืนหยัดอย่างสง่างามที่ว่านี้อยู่ที่เมืองเล็กๆ ในหุบเขาที่ชื่อว่า ทริเวโร
l ตุลาคม 2554
Creative City
จับกระแสเมืองสร้างสรรค์
เมืองทริเวโร อาจจะเหมือนเมืองอืน่ ๆ ในหุบเขา เบลเลสเซ แอลป์ ทีเ่ ต็มไปด้วยโรงทอผ้าขนสัตว์ เพราะสภาพพื้ น ที่ ที่ เ หมาะแก่ ก ารเลี้ ย งแกะ และอุดมไปด้วยแหล่งนํ้าบริสุทธิ์จากทั้งนํ้าฝน และนํา้ จากภูเขาเมือ่ หิมะละลาย ซึง่ มีคณุ สมบัติ อ่อนโยน เมื่อนำ�มาใช้ล้างและย้อมเส้นใยจึงได้ เป็นผ้าทอเนือ้ ดี แต่ทว่าความแตกต่างของเมือง นี้เริ่มขึ้นในปี 1910 แอร์เมเนจิลโด เซนญ่าเป็นลูกชายคนสุดท้อง ของครอบครัวช่างทำ�นาฬิกาที่ผันตัวเองมาทำ� ธุรกิจทอผ้าขนสัตว์ เพราะพ่อของเขาได้รบั เครือ่ ง ทอผ้าจำ�นวน 4 เครือ่ งจากการแต่งงานกับภรรยา คนที่สอง ซึง่ มาจากครอบครัวที่มธี รุ กิจเกี่ยวกับผ้า ในตูรนิ เขาเป็นคนเดียวในจำ�นวนพีน่ อ้ งทีห่ นั มา สนใจธุรกิจทอผ้า และได้ศกึ ษาด้านการค้าขายผ้า ที่โรงเรียนเทคนิคในเมือง จากนั้นก็เดินทางไป ฮัดเดอร์สฟิลด์ ในยอร์กเชียร์ อังกฤษ เพื่อเยีย่ มชม โรงงานทอผ้าหลายแห่ง ซึง่ ในขณะนัน้ ฮัดเดอร์สฟิลด์ เป็ น เมื อ งทอผ้ า ขนสัตว์ที่เจริญรุ่ง เรือ งและมี เทคโนโลยีที่ทันสมัย เขาจึงได้ซื้อเครือ่ งทอผ้าที่ ทันสมัยที่สุดกลับมา 20 เครื่อง และเริ่มก่อตั้ง ธุรกิจร่วมกับมาริโอ ผู้เป็นพี่ชายในปี 1910 นับ ตัง้ แต่นน้ั มาเมืองทริเวโรก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ความปรารถนาของแอร์เมเนจิลโด ทีต่ อ้ งการ จะเอาชนะอังกฤษซึง่ เป็นศูนย์กลางการปัน่ เส้นใย และทอผ้าในขณะนั้น ทำ�ให้เขาทุ่มเทแสวงหา เทคโนโลยีใหม่เพื่อให้ได้คุณภาพของเนื้อผ้าที่ดี เท่าเทียมกัน โดยทีย่ งั คงรักษาทักษะดัง้ เดิมของ ชาวทริเวโรในการคัดสรรวัตถุดบิ ปัน่ เส้นใย และ ทอผ้าไว้ นอกจากนี้ เขายังได้เดินทางไปทัว่ โลก เพื่ อ เสาะแสวงหาวั ต ถุ ดิ บ ขนสั ต ว์ คุ ณ ภาพดี อย่ า งเช่ น การเป็ น พั น ธมิ ต รกั บ ฟาร์ ม ผลิ ต ผ้าขนสัตว์แคชเมียร์ในมองโกเลีย แอฟริกาใต้ และออสเตรเลีย รวมทัง้ การเดินทางไปยังนิวยอร์ก ในปี 1938 เพื่อจัดงานเลี้ยงอาหารคํ่าให้สมาคม ช่างตัดเสื้ออาชีพชาวอิตาเลียนในสหรัฐอเมริกา (Professional Italian Tailors of America) ตลอดจนการก่อตั้งสาขาย่อยในอเมริกาด้วย
© ProfilePhotolibrary
บริษัทของเซนญ่ารุ่นก่อตั้งนั้นเจริญเติบโต อย่างรวดเร็วด้วยคุณภาพการผลิตจากเครือ่ งทอ ทันสมัย ความประณีตและประสบการณ์ของ ช่างฝีมือ พร้อมกับการขยายตลาดที่เน้นการส่ง สินค้าให้กับร้านตัดเสื้อเล็กๆ ทั่วอิตาลีที่ไม่มี กำ�ลังสั่งผ้าปริมาณมากจากโรงงานขนาดใหญ่ แต่มีกลุ่มลูกค้าที่พอใจในคุณภาพและเรียกร้อง ผ้าที่มีตราประทับเซนญ่าในเวลาต่อมา ความเข้ ม งวดด้ า นคุ ณ ภาพของเซนญ่ า เป็นที่เลื่องลือ เพราะนอกจากเขาจะตรวจสอบ ม้วนผ้าทุกม้วนเองแล้ว แต่เมื่อใดก็ตามที่มีผ้า ถูกส่งคืนกลับมาจากร้านตัดเสื้อ เขาจะต้องนำ� ม้วนผ้าออกมาตรวจสอบพร้อมๆ กับช่างที่รับ ผิดชอบม้วนผ้าผืนนั้น ดังนั้นช่างที่ทำ�งานใน โรงงานแห่งนี้จึงไม่เพียงแต่กระตือรือร้น และมี ความคิดสร้างสรรค์ เพือ่ รองรับการเปลีย่ นแปลง ทางเทคโนโลยีใหม่ แต่ยังต้องเป็นผู้อุทิศตนให้ กับงาน ซึ่งการจะรักษาบุคลากรเหล่านี้ได้นั้น แอร์เมเนจิลโดกล่าวว่า “พวกคนงานช่วยเรา เราจึงตอบแทนเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำ�ได้”
ภาพจาก http://2.bp.blogspot.com
แอร์เมเนจิลโด เซนญ่า
ตุลาคม 2554
l
Creative Thailand
25
Creative City
จับกระแสเมืองสร้างสรรค์
© mastino 70
นอกจากผลตอบแทนที่คุ้มค่าแล้ว ตระกูล เซนญ่ายังได้ลงทุนสร้างผลตอบแทนให้กับชาว เมืองในรูปแบบอืน่ โดยพวกเขาได้กว้านซือ้ ทีด่ นิ บนภูเขาเหนือเมืองและปลูกต้นไม้ตระกูลสน และไม้ดอกตระกูลโรโดเดนดอนกว่าแสนต้น บนพื้นที่กว่า 100 ตร.กม. เพื่อสร้างทัศนียภาพ รอบโรงงานที่เคยโล่งเตียนให้กลับมาสวยงาม เพื่อให้คนในเมืองได้ชื่นชม และเมื่อเข้าสู่ช่วง ปลายทศวรรษ 1930 พนักงานโรงงานเซนญ่า ก็ได้แปรสภาพเป็นพลเมืองเซนญ่าที่แวดล้อม ไปด้วยศูนย์การแพทย์ เนิร์สเซอรี่ ห้องสมุด โรงภาพยนตร์ สระว่ายนํ้า และศูนย์การกีฬา แต่ ท ว่ า การรั ก ษาทรั พ ยากรมนุ ษ ย์ อั น ลํ้าค่าให้อยู่ทำ�งานในทริเวโรไม่ใช่เรื่องง่ายใน ยุคนั้น เมื่อจำ�นวนประชากรในแถบชานเมือง ของเบลเลสเซ แอลป์เริ่มลดลงเรื่อยๆ ทั้งก่อน และหลังสงครามโลก และภาคอุตสาหกรรมของ อิตาลีเริ่มขยายตัวมากขึ้น คนหนุ่มสาวจึงพา กันทิ้งชนบทและหันหน้าเข้าไปทำ�งานในเมือง ใหญ่อย่างมิลานและตูรนิ ดังนัน้ ภายหลังสงคราม โลกสิน้ สุด โครงการตัดถนนผ่านภูเขาเชือ่ มเมือง ทริเวโรกับอันดราเต้จงึ เริม่ ต้นขึน้ โดยแอร์เมเนจิลโด เป็นผูเ้ ลือกเส้นทางด้วยตัวเอง โดยยึดเส้นทางเดิน
© mastino 70
© mastino 70
26
Creative Thailand
l ตุลาคม 2554
สายเก่าและได้จ้างคนงานจากเมืองใกล้เคียง เข้ามาทำ�งาน ซึ่งทุกๆ วันอาทิตย์เขาจะเดินไป ตามถนนเส้นใหม่นเ้ี พือ่ ตรวจดูความเรียบร้อย และเมื่อการตัดถนนสิ้นสุดลง แอร์เมเนจิลโด ได้ ป ลู ก ไม้ ด อกตระกู ล โรโดเดนดอนและ ไฮเดรนเยียตลอดสองข้างทางระหว่างทริเวโร ไปจนถึงโรซัสซา ซึ่งถูกเรียกว่า พาโนรามิก เซนญ่า ส่วนทีด่ นิ ทีอ่ ยูร่ อบๆ ถนนสายนีถ้ กู เรียก ว่า เลาซี่ เซนญ่า หรือโอเอซิสของตระกูลเซนญ่า ความคิดทีถ่ อื ได้วา่ แปลกประหลาดในยุคนัน้ ของแอร์เมเนจิลโด ทำ�ให้เมืองนี้มีสถานะเป็น สถานที่ท่องเที่ยวที่ครอบครัวอิตาเลียนมักจะ ขับรถมาจากมิลานและตูรินเพื่อมาชมวิวภูเขา โดยเฉพาะในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนที่ ดอกไม้ก�ำ ลังบานสะพรัง่ ความสำ�เร็จของเมืองนี้ กลายเป็นที่กล่าวขานจนประธานาธิบดีลยุ จิ เอเนาดิ ถึงกับต้องเดินทางมาเยี่ยมชมเมืองอย่างเป็ น ทางการ เมื่อเข้าสู่ช่วงปี 1960 ลูกชายทั้งสองคน แองเจโลและอัลโดได้เข้ามารับช่วงกิจการต่อ ซึ่งนอกจากจะสืบสานเจตนารมณ์ของบิดาใน แง่คุณภาพของเนื้อผ้าแล้ว ก็ยังได้ขยายกิจการ ไปสู่การตัดเย็บชุดสูทคอลเลคชั่นของเซนญ่า ซึ่ ง ต้ อ งใช้ ค วามประณี ต เป็ น พิ เ ศษเพื่ อ รั ก ษา ภาพลักษณ์แห่งคุณภาพและความหรูหรา และ เช่นเดียวกันพวกเขายังได้ดูแลเมืองทริเวโรให้ คงไว้ซึ่งสวัสดิการเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคน งานและรั ก ษาความเป็ น เมื อ งท่ อ งเที่ ย วเพื่ อ สร้างผลประโยชน์ให้กบั ชาวเมือง โดยการสร้าง ถนน โรงแรม ร้านอาหาร เส้นทางเดินป่า ปั่น จักรยาน และสกีรสี อร์ทเบลมอนเตบนภูเขา
Creative City
จับกระแสเมืองสร้างสรรค์
จวบจนเข้าสู่รุ่นที่สี่ของตระกูลเซนญ่า ทั้ง เปาโลและกิ ล โดต่ า งก็ ไ ด้ รั บ การปลู ก ฝั ง มา ตั้งแต่เยาว์วัยจึงได้สานต่อแนวคิดในการดูแล เมือง และแม้ว่าถนนเลาซี่ เซนญ่า จะถูกโอน เป็นของรัฐในปี 1993 แต่ตระกูลเซนญ่าก็ยังคง ให้เงินทุนดูแลถนนอย่างเนื่อง อีกทั้งยังจัดกลุ่ม อาสาสมัครทำ�ความสะอาดถนนและมีหน่วย ดับเพลิงจากโรงทอมาช่วยดูแล พร้อมทั้งยัง สร้างโรงงานไฟฟ้าพลังนํ้าที่จะผลิตพลังงาน สะอาดมาหล่อเลี้ยงโรงงานทอผ้าอีกด้วย ในส่วนของการบริหารธุรกิจของทายาทรุ่น ที่สี่นี้ ไม่เพียงแต่นำ�เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามา ช่วยให้การผลิตมีต้นทุนตํ่าและประหยัดเวลา มากขึ้นโดยที่ยังคงภาพลักษณ์ผลงานชิ้นเอก ของช่างฝีมือชั้นสูงไว้ แต่ยังหมายรวมถึงการ ตัดสินใจทีล่ า้ํ หน้ากว่าคูแ่ ข่งอืน่ ๆ ในการรุกเข้าไป เปิดร้านค้าในจีนเป็นแบรนด์แรก เนื่องจากพ่อ และลุงของพวกเขาต่างส่งออกผ้าไปค้าขายยัง ฮ่องกงมาเป็นเวลานาน และพวกเขารู้ดีว่านี่คือ โอกาสอันมหาศาล ซึ่งแม้ว่าจะขาดทุนในช่วง แรก แต่ท้ายที่สุดแล้วจีนก็ได้กลายเป็นตลาดที่ เข้ า มารองรั บ กิ จ การของเซนญ่ า ให้ ส ามารถ ฝ่าฟันมรสุมเศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐฯ ไปได้ ด้ ว ยยอดขายคิ ด เป็ น หนึ่ ง ในสี่ ข องยอดขาย ทั้งหมด และมีอัตราการเติบโตร้อยละ 30 จาก จำ�นวนร้านค้า 60 แห่ง ซึง่ มากกว่าหลุยส์ วิตตอง และกุชชี่ นอกจากนีก้ ารเติบโตของตลาดสินค้า หรูหราในจีนทีม่ อี ตั ราการเติบโตมากกว่าร้อยละ 15 และยอดขายที่สูงกว่า 11.3 พันล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ (339 พันล้านบาท)1 ยังช่วยให้โรงงาน ทอผ้าในเมืองทริเวโรไม่ต้องปิดลงเหมือนเมือง อื่นๆ ในอิตาลีที่ต้องประสบปัญหาคู่แข่งและ เศรษฐกิจตกตา่ํ แต่กลับต้องใช้ผา้ ขนสัตว์ประเภท ต่างๆ ถึง 2 ล้านเมตรต่อปีเพือ่ รองรับอัตราการ ตัดชุดสูทผู้ชายที่มีอยู่อย่างไม่ขาดมือ
ในปัจจุบนั โรงงานทอผ้าขนาด 20,000 ตร.ม. ซึ่งเปิดดำ�เนินการมาเป็นเวลากว่า 100 ปี ของ ตระกูลเซนญ่านี้ ไม่เพียงเป็นสิง่ ปลูกสร้างทีใ่ หญ่ ที่สุดของเมือง แต่ยังเป็นนายจ้างและผู้อุปถัมภ์ รายใหญ่ของเมืองนี้ การหล่อหลอมเมืองทาง กายภาพและทางวัฒนธรรมภายใต้วิสัยทัศน์ ของแอร์เมเนจิลโด ที่เข้าใจถึงความเปราะบาง ของธุรกิจที่ต้องพึ่งพาช่างฝีมือเป็นหลัก ได้วาง รากฐานการบริหารโรงงานด้วยการผสมผสาน แนวคิดการเกื้อกูลระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง การอนุรกั ษ์สง่ิ แวดล้อม รวมถึงความเฉลียวฉลาด ทางธุรกิจเข้าไว้ดว้ ยกันอย่างลงตัว และสามารถ ส่งต่อให้กับลูกหลานตระกูลเซนญ่าได้อย่างไม่ ขาดตกบกพร่อง ที่มา : บทความ High-End Tailor Zegna's Marco Polo Moment The Italian menswear maker is riding the wave of Asian affluence (4 June 2010) จาก Business Week หนังสือ Ermenegildo Zegna: An Enduring Passion for Fabrics, Innovation, Quality and Style (2010) โดย James Hillman www.zegna.com
© mastino 70
© mastino 70
1 จากการประมาณการณ์ของบริษัท Bain & Co.
© mastino 70 ตุลาคม 2554
l
Creative Thailand
27
The Creative
มุมมองของนักคิด
ช่างมด นทีธรรม ศุขประเสริฐ เรื่อง: วิสาข์ สอตระกูล ภาพ: อดิเดช ชัยวัฒนกุล
ก่อนจะมาเป็น “ช่างมด” หนึ่งในช่างทำ�กีตาร์มือวางอันดับต้นๆ ของ วงการในวันนี้ นทีธรรม ศุขประเสริฐ คือเด็กโบสถ์ที่เติบโตขึ้นมากับ เสียงเพลงของพระเจ้า ไม่แปลกที่ในวัยเยาว์เขาจะเลือกสานต่อความ คุ้นเคยนั้นในรั้วมหาวิทยาลัย แต่เมื่อวันเวลาแห่งการเลือกเส้นทาง ชีวิตมาถึง นทีธรรมก็รู้ว่าพระเจ้าได้มีแผนการอื่นไว้ให้กับเขาแล้ว...
ตลอดทศวรรษที่ผ่านมาเขามุ่งมั่นสร้างแบรนด์ Hippo Acoustic ขึ้นด้วย ความรัก เรียนรู้ที่จะเปลี่ยนตัวเองจากนักซ่อมสู่นักสร้าง ผลงานออกแบบ ของเขาถือเป็น "มาสเตอร์พีซ" ที่ตอบรับกับทัศนคติของผู้เล่นได้อย่าง เฉพาะตัว ปัจจุบนั ลูกค้าของนทีธรรมมีตง้ั แต่นกั ดนตรีอาชีพ ดาราฮอลลีวดู นักสะสมกีตาร์ ไปจนถึงนักแต่งเพลงชื่อดังอย่างคุณบอย โกสิยพงษ์ คิวการผลิตที่ยาวเหยียดและรายได้อันงดงามของช่างกีตาร์นายนี้คือ สิง่ พิสจู น์วา่ “ทักษะฝีมอื ชัน้ สูง” ยังคงเป็นสิง่ ทีผ่ คู้ นแสวงหาและให้คณุ ค่า ไม่เสื่อมคลาย
28
Creative Thailand
l ตุลาคม 2554
The Creative
มุมมองของนักคิด
เราต้องเป็นคนช่างสังเกตและจดจำ�ครับ ต้องทำ�การบ้านเยอะๆ ผมถึงบอกว่า ช่างที่ซอ่ มกีตาร์มาเยอะนี่เขาจะได้เปรียบ เพราะมันคือ Learning by Doing ล้วนๆ กว่าจะมาเป็น “ช่าง” ผมเรียนศิลปกรรม จุฬาฯ ครับ เอกแต่งเพลง โทกีตาร์ พอเรียนจบผมก็ ทำ�อัลบั้มก่อนเลย (ไฟแรงจัด) ทำ�เสร็จก็เอาไปฝากขายกับพี่เปี๊ยกที่ร้าน ดีเจสยาม ก็ขายได้คอ่ นข้างดีครับ แต่พอหลังจากนัน้ วงการเพลงถูก MP3 บุกหนัก คนทำ�เพลงแย่กนั หมด ผมก็แย่มากๆ จนต้องหาวิธปี รับตัว พอดี ตอนนัน้ ผมกำ�ลังหัดทำ�กีตาร์ไว้เล่นเอง ก็ไปฝึกกับน้าเขย (ช่างนิด - วิรฬุ ห์ ทรงบัณฑิต) ที่เขามีชื่อเสียงด้านนี้อยู่ คือตอนนั้นผมก็ไม่ได้มีกำ�ลังทรัพย์ อะไรมาก ไม่มีปัญญาไปตามแบรนด์ดังๆ แพงๆ ก็เลยหัดทำ�เองดีกว่า จากนัน้ ก็ท�ำ มาเรือ่ ยครับ แรกๆ ก็รบั ซ่อมเสียมาก น้านิดเขาโยนงาน มาให้ผมค่อยๆ ฝึกไป ซึ่งการได้ซ่อมกีตาร์เยอะๆ มันช่วยให้เราเห็นว่า ของดีเขาทำ�กันยังไง แล้วปัญหาทีเ่ กิดขึน้ กับกีตาร์ทง้ั หลายต่อให้แพงแค่ไหน เนี่ยมันเป็นเพราะอะไร ต่อไปเราจะได้ไม่ทำ�แบบนั้น วันที่ตัดสินใจยึดอาชีพนี้ มันค่อยๆ เป็นไปครับ พอลูกค้าที่มาส่งซ่อมเขาเห็นผมทำ�กีตาร์ด้วย เขา ก็มาขอลองเล่น เล่นแล้วก็ประทับใจ ตอนนั้นกีตาร์ผมยังไม่แพง ราคา จับต้องได้ง่าย จำ�ได้ว่าขายตัวละสามหมื่นบาทซึ่งถือว่าถูกมากเมื่อเทียบ กับคุณค่าของมัน ลูกค้ายุคแรกๆ จะซื้อเพราะความถูกครับ (หัวเราะ) อีกอย่างคือผมเคยสอนกีตาร์มาก่อน เคยทำ�เพลงมาก่อน แต่พอมา ทำ�กีตาร์แล้วมัน “ติด” ครับ มันมีคำ�ถามเกิดขึ้นต่อเนื่องไปไม่หยุด ซึ่ง ทำ�ให้ผมอยากทำ�กีตาร์ตัวต่อไปให้ดีขึ้น ผมเชื่อว่าในโลกของกีตาร์มัน ไม่มีคำ�ว่าดีที่สุดนะ แล้วมันก็หยุดไม่ได้เพราะลูกค้าด้วย ผมจะไปบอก เขาว่าผมขี้เกียจทำ�แล้ว คุณเอามัดจำ�คืนไป... มันไม่ได้ไง จากวันนั้น จนถึงวันนี้ผมก็ทำ�แต่กีตาร์มาตลอด ทำ�ไป 50 ตัวแล้วมั้งครับ
แรงจูงใจสำ�คัญ ความรัก ความท้าทาย และคำ�ถามที่ยังรอคำ�ตอบจากเราอยู่ คุณเชื่อมั้ย ใน 24 ชั่วโมงของทุกวันผมจะต้องคิดถึงเรื่องกีตาร์อย่างน้อยหนึ่งครั้งนะ มันติดอยู่ในหัว ต่อให้ไปเที่ยวพักผ่อนผมก็ยังคิด แล้วมันลุ้นมากทุกครั้ง เวลาที่เราขึ้นสายกีตาร์ (เตรียมจะลองเล่น) เราจะตื่นเต้นว่าเสียงมันจะ ออกมาอย่างที่คิดมั้ย ถ้ามันออกมาดี ลูกค้าชอบ ผมก็จะแฮปปี้มาก มัน เหมือนว่าผมได้ค้นพบคำ�ตอบใหม่ๆ ไปตลอด อิทธิพลของชีวิต "เด็กโบสถ์" มันทำ�ให้เราสนิทกับเสียงดนตรีครับ ผมเล่นดนตรีในโบสถ์มาตั้งแต่เด็กๆ เล่นทั้งกลอง กีตาร์ แซกโซโฟน เปียโน เล่นทุกอย่างเลย แล้วคุณลอง สังเกตสิว่าในคณะหรือภาควิชาดนตรีเนี่ย มันมักจะมีเด็กคริสเตียน ค่อนข้างเยอะ ผมก็ไม่รู้นะว่าทำ�ไม แต่คิดว่ามันคงเป็นวัฒนธรรมของ ชาวคริสเตียนที่ทุกครอบครัวจะผูกพันกับดนตรี อีกอย่างคือผมไม่เคยเชื่อว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ผมจะอธิษฐาน กับพระเจ้าทุกวัน ขอให้ท่านอวยพรให้ผมทำ�งานได้ดีขึ้น เก่งขึ้น คือมัน อยู่ที่ตัวเราด้วยก็จริงครับ แต่ผมเชื่อว่าในชีวิตนี้ผมก็มีพระเจ้าเป็นที่พึ่ง หลายอย่าง ท่านไม่เคยให้ผมต้องอดมื้อกินมื้อ ผมมีลูกค้าเข้ามาตลอด ฉะนั้นความฝันของผมก็ฝากไว้กับพระเจ้าด้วย การเล่นดนตรี VS การทำ�กีตาร์ ความรู้เรื่องดนตรีมีส่วนช่วยมากครับ ผมเองทำ�งานบันทึกเสียงมาก่อน ด้วย เคยทำ�ห้องอัดมาก่อน ดังนัน้ ผมต้องศึกษาเรือ่ งฟิสกิ ส์ของเสียง เรือ่ ง อะคูสติกของห้อง ฯลฯ แม้กระทัง่ โหมดของคลืน่ เสียงทีม่ ผี ลกระทบต่อวัสดุ ต่างๆ ผมก็ต้องรู้ไว้ ตรงนั้นมันคือพื้นฐานที่ดีมาก ส่วนในเรื่องดนตรี (Musical) และการถ่ายทอดของผู้เล่น ทุกวันนี้ผมคิดว่าผมคุยกับลูกค้าที่ เป็นนักดนตรีได้ง่ายมากเลย เหมือนเราสื่อสารกันเร็ว รู้ปัญหาได้เร็ว เช่น ถ้าเขาบอกว่าเขาเล่นสไตล์นี้ ผมก็จะบอกเขาว่าถ้างั้นผมจะทำ�กีตาร์เสียง ประมาณนี้ให้คุณนะ เพราะมันคือสิ่งที่คุณต้องการ ช่างที่เก่งต้องรู้วัสดุ กีตาร์มันก็คือกล่องเสียงดีๆ อันหนึ่งนี่แหละ ผมขอเรียกว่า Chamber (ห้อง) ละกัน ในห้องนั้นมันก็จะมีความจุหรือปริมาตรอยู่ มีพื้นผิวที่ให้ เสียงสะท้อนออกมาต่างๆ กัน สิ่งเหล่านี้มันคือเรื่องของอะคูสติกครับ ซึ่ง ผมก็เรียนรูม้ าจากอะคูสติกในห้องอัด ส่วนเรือ่ งของ “ไม้หน้า” ทีม่ นั จะสัน่ หรือ respond ได้ดีไม่ดียังไงเนี่ย ผมได้จากการเรียนทำ�กีตาร์และการจับ กีตาร์ของลูกค้าที่มาส่งซ่อม คือเราต้องเป็นคนช่างสังเกตและจดจำ�ครับ ต้องทำ�การบ้านเยอะๆ ผมถึงบอกว่าช่างที่ซ่อมกีตาร์มาเยอะนี่เขาจะได้เปรียบ เพราะมันคือ Learning by Doing ล้วนๆ ตุลาคม 2554
l
Creative Thailand
29
The Creative
มุมมองของนักคิด
หลักการทำ�กีตาร์ Custom-Made สำ�หรับผมกีตาร์จะออกมาเป็นยังไงมันอยูท่ บ่ี คุ ลิกของคนเล่นครับ บางคน เป็นนักสะสมเขาก็จะชอบความเนีย้ บเป็นหลัก ผมก็ตอ้ งเนีย้ บตามเขา ทำ� Aesthetics (สุนทรียะ) ให้เด่น แต่กับนักดนตรีบางคนเขาบอกว่า ทำ�ๆ ไปเลย ไม่ต้องเนี้ยบมากก็ได้ โฟกัสที่เสียงก็พอ (แต่ผมก็ยังเนี้ยบอยู่ดี) ซึ่งถ้าโจทย์มาแบบนี้ผมก็ต้องไปทำ�การบ้านเรื่องเทคนิค เช่น จะทำ�ยังไง ให้กีตาร์มันดึง potential ของไม้ออกมาให้ได้มากที่สุด Custom-Made VS Factory-Made การทำ� Custom-Made คือเราคุยกับลูกค้าได้เลยว่าเขามีความชอบทีพ่ เิ ศษ ตรงไหนบ้าง อยากได้เสียงยังไง อยากได้ spec ยังไง เช่น ลูกค้าบางคน ชอบไม้ที่ exotic หน่อย เราก็จะสั่งไม้แบบนั้นมาทำ�ให้เขา เราคุยกับ ลูกค้าได้เลยว่าถ้าเขาชอบแบบนี้ เขาควรจะใช้กีตาร์ทรงไหน ควรจะใช้ ไม้หน้าชนิดใด ไม้หลังชนิดใด ก็ต่อรองกันเพื่อให้มันตอบโจทย์ของลูกค้า มากที่สุดครับ และในกลุม่ กีตาร์ Custom ด้วยกัน มันก็จะแบ่งอีกว่าเป็น Hand-Made หรือ Hands-Made ด้วยนะ อย่างของผมเรียกว่า Hand-Made เพราะ ผมทำ�คนเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งวิธีนี้มีข้อดีตรงที่เราจะรู้องค์ประกอบ ทัง้ หมดของกีตาร์ตวั นัน้ เหมือนเรากำ�หนดทัศนคติให้กบั มันได้เลย เพราะ เราคิดอยู่เสมอว่าเรากำ�ลังทำ�กีตาร์ตัวนี้ให้กับใคร ส่วนกีตาร์โรงงานนีเ่ ขาจำ�เป็นต้องทำ�ออกมาเป็นกลางๆ ครับ สำ�คัญ คือต้องแข็งแรง และ Trouble-free (มีปญั หาน้อยทีส่ ดุ ) ซึง่ ถ้าคุณซือ้ กีตาร์ โรงงานคุณก็จะได้ความแน่นอนของเครื่องจักร ซึ่งถือเป็นข้อดีนะ เพราะ มันไม่มอี ารมณ์ ช่างฝีมอื ยังไงก็เป็นคน มีอารมณ์ขน้ึ ลง มีหงุดหงิด มีหวิ ข้าว ซึ่งมันส่งผลต่อการทำ�งานแน่ๆ อย่างผมนี่เวลาหงุดหงิดจะไม่ทำ�งานเลย คุณนึกออกใช่มย้ั ว่า Aesthetics ของคนกับเครือ่ งมันต่างกัน
สิง่ ทีย่ ากทีส่ ดุ คือการหา “จุดที่สมดุล” ระหว่างความแข็งแรงและ potential ของเสียง ซึ่งหากคุณมีทักษะในการ สร้างทีถ่ กู ต้อง มันก็จะช่วยได้เยอะ
30
Creative Thailand
l ตุลาคม 2554
กีตาร์ทด่ี ใี นมุมมองของคุณ เรือ่ งความงามผมตัดทิง้ ไปเลย เพราะมันเป็นเรือ่ งต่างจิตต่างใจ บางคนชอบ แบบ Traditional บางคนก็ชอบอะไรใหม่ๆ เดิ้นๆ แต่ถ้าเรื่องโครงสร้าง ผมคิดว่ากีตาร์ทท่ี ง้ั “แข็งแรง” และ “เสียงดี” ในตัวเดียวกันนีค่ อื สุดยอดครับ ทำ�ยากมาก ส่วนใหญ่กีตาร์ที่แข็งแรงก็มักจะทำ�ให้เสียง drop ไปบางส่วน (ที่เขา เรียกว่า overbuilt) เช่น พวกกีตาร์โรงงานเกาหลี ถามว่าทนมั้ย ทนมาก แต่เสียงดีมย้ั ผมว่ามันแข็งไป หรืออย่างกีตาร์อเมริกนั บางยีห่ อ้ เสียงดีมาก เลยนะ แต่พอใช้ๆ ไปมันมีอาการหน้าปูด คองอ ฯลฯ ฉะนั้นสิ่งที่ยาก ที่สุดคือการหา “จุดที่สมดุล” ระหว่างความแข็งแรงและ potential ของ เสียง ซึ่งหากคุณมีทักษะในการสร้างที่ถูกต้อง มันก็จะช่วยได้เยอะครับ
The Creative
มุมมองของนักคิด
ไม้ที่ถือเป็นสุดยอดของกีตาร์ ถ้าพูดถึงไม้หลังกับไม้ขา้ งคนจะนิยม Brazilian Rosewood (ไม้ปา่ ในแถบ อเมซอน) มากที่สุดครับ ซึ่งผมก็ว่ามันดีจริงนะ แต่ด้วยความที่มันถูกตัด เยอะ ตอนนี้ก็เลยถูกห้ามตัดแล้วโดยเด็ดขาด นอกจากนั้นไม้ในแถบบ้าน เราอย่างไม้ชิงชันหรือไม้พยุงก็ดีครับ ฝรั่งเขาเพิ่งค้นพบแล้วก็มากว้านซื้อ ไปเยอะเลย อะไรคือ signature ของช่างมด คนส่วนมากจะชอบเรือ่ ง action ของผม หมายความว่า มือซ้ายเล่นสบาย มือขวาเล่นสบาย กีตาร์ทุกตัวมันก็ต้อง set up แหละครับ แต่ด้วยความ ที่ผมซ่อมกีตาร์มาเยอะ ผมก็จะรู้ว่ามันต้อง set up ยังไงให้พอดีที่สุด จริงๆ มันคือการสร้างที่ถูกต้องตามกฎการสร้างกีตาร์เลย สำ�คัญคือคุณ ต้องทำ�ให้ได้ตามนั้น ลดข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด วัสดุหรือเทคนิคสำ�คัญกว่ากัน สำ�หรับผมเทคนิคสำ�คัญกว่า ผมให้สัดส่วน 65-35 ละกัน คือถ้าไม้ดีแล้ว เทคนิคดีด้วยมันก็จะยกระดับกีตาร์ตัวนั้นขึ้นไปเลย ส่วนถ้าไม้ไม่ค่อยดี แต่เทคนิคดี ช่างก็จะอ่านไม้ออกและรู้ว่าควรจะแก้ปัญหายังไง กระบวนการในการสร้างกีตาร์หนึ่งตัว หนักสุดคือการเตรียมไม้ครับ ไม้จะมาเป็นท่อนๆ ซึ่งเราก็ต้องมาผ่าให้ มันได้ขนาดหรือได้บล็อกที่เราต้องการ ส่วนขั้นตอนการประกอบก็จะมี เรื่องของเสียงเข้ามาเกี่ยวข้อง คือเรื่องการจูนไม้หน้าหรือการ scallop ไม้หน้า ตรงนี้แหละที่ผมสนุก เตรียมไม้ไม่สนุกหรอก (หัวเราะ) จากนั้น ขั้นต่อไปก็คือการทำ�สี เราก็พ่นสีแล้วก็พ่นแลคเกอร์ทับไปเป็นชั้นๆ คือ ไม้มันมีเสี้ยนใช่มั้ย ดังนั้นเราก็ต้องพ่นแล้วขัดจนกว่าเสี้ยนมันจะเต็ม ตรงนี้แหละที่ใช้เวลาเป็นเดือนๆ กีตาร์ตัวหนึ่งใช้เวลานานแค่ไหน ถ้าไม่มีงานซ่อมเข้ามาแทรกเลย ก็ประมาณเดือนครึ่งครับ งานไม้ใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ แต่งานสีจะนานหน่อยเพราะต้องรอให้แห้งดีจริงๆ บางทีก็ ปาเข้าไป 2 เดือน (หัวเราะ) คือแม้ว่าทุกอย่างมันจะดูเสร็จแล้ว แต่ผมมัก จะขอดองไว้อีกหน่อย อยากดูว่าสีมันจะยุบอีกรึเปล่า ต้องเอาให้แน่ใจ จริงๆ ไม่งั้นไม่ส่งให้ถึงมือลูกค้า
กระบี่มือหนึ่งในใจคุณ สำ�หรับกีตาร์สายเหล็ก (กีตาร์อะคูสติก) ถ้าเป็นของโรงงานผมจะชอบของ Collings ครับ (โรงงานเล็กๆ ทำ�กันไม่กี่คน) ชอบตรงที่เขามีหัวก้าวหน้า แต่ยังคงเอกลักษณ์ของงานคราฟท์ไว้ได้ดี ส่วนถ้าเป็น Hand-Made ผม ก็ชอบ Ervin Somogyi (ช่างกีตาร์ชาวฮังกาเรียน-อเมริกัน) เพราะเขาเป็น นักเรียนรู้ที่ดี สามารถประยุกต์เรื่องของฟิสิกส์เข้ามาอธิบายและประเมิน คุณค่าของกีตาร์ได้ แถมงานเขาก็สวยมากด้วยครับ แต่ถา้ กับกีตาร์ไนลอน (กีตาร์คลาสสิก) ผมคิดว่าช่างสเปนเก่งนะ โดยเฉพาะ Paulino Bernabe ผมเคยได้ลองเล่นกีตาร์เขาสองสามที ประทับใจมาก แล้วช่างไทยล่ะ ฝีมือเทียบฝรั่งได้มั้ย จริงๆ ผมว่ามันไม่เกี่ยวกับเชื้อชาติหรอกครับ มีช่างกีตาร์ไทยคนหนึ่งที่ เคยไปโรดโชว์ระดับโลกที่มอนทรีออล ฝรั่งเขายังชมเลยว่าเขาประทับใจ มาก เป็นคนไทยคนเดียวในงานนั้นด้วย คือผมพูดจริงๆ ว่า (ในต่าง ประเทศ) สมมติมีช่าง Hand-Made 100 คน จะมีเก่งๆ แค่ไม่เกิน 10 คนหรอก ซึ่งถามว่าคนไทยเราได้ถึงขนาดนั้นมั้ย ตอนนี้อาจจะไม่ถึง แต่ ผมขอเปรียบไว้กับมวยไทยละกัน ทุกอย่างมันอยู่ที่พรแสวง วันหนึ่งถ้า ฝรั่งเขาฝึกมาดีๆ เขาก็มาเตะคนไทยล้มได้เหมือนกัน น่าเสียดายอยูอ่ ย่างทีค่ นไทยเรามีนสิ ยั ชอบอมภูมิ คือหวงวิชากันมาก มันทำ�ให้องค์ความรู้หลายๆ อย่างตายจากไป
ตุลาคม 2554
l
Creative Thailand
31
The Creative
มุมมองของนักคิด
แต่คนเล่นกีตาร์ในบ้านเรามีน้อยคนมากที่จะตามความคิดของช่าง ทำ�กีตาร์ได้ทัน คนไทยชอบคิดว่าของฝรั่งทำ�ต้องดีกว่า หรือมีคุณค่า มากกว่า ซึ่งตลกมาก บางคนซื้อกีตาร์ฝรั่งมาราคา 120,000 บอกว่าดีใจ ซื้อได้ถูก แต่ผมทำ�ใน spec เดียวกันเป๊ะ บอกขายเขาที่ 65,000... เขา บอกแพง คนกลุ่มนี้ผมบอกกับตัวเองเลยว่า “นี่ไม่ใช่ลูกค้าเรา” เราคุยกับ คนที่เข้าใจกันดีกว่า
เป้าหมายและสัญญาของวิชาชีพคุณ เป้าหมายของเราคือ Perfection แต่ถามว่าทำ�ได้มย้ั ทุกวันนีก้ ย็ งั ไม่ได้นะ ทุกตัวก็ยังมีจุดที่เราจับผิดได้นิดๆ หน่อยๆ แต่ผมรับประกันว่าผมตั้งใจ ทำ�กีตาร์ทุกตัวอย่างดีที่สุด เราต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง ไม่อยากให้ใครซื้อ แล้วเอาไปด่าลับหลัง และผมบอกกับลูกค้าว่าผมจะดูแลให้ตลอดชีวติ ครับ เป็น Lifetime warrantee ซึ่งจนถึงวันนี้ก็ดีใจว่าแทบไม่มีใครเอากลับมา ให้แก้เลย ภูมิใจมั้ยกับสิ่งที่ทำ�อยู่ ผมเรียกตัวเองกับคนที่ไม่รู้จักว่าผมเป็น “ช่าง” นะ (หัวเราะ) ก็ไม่รู้เรียก ว่าภูมใิ จรึเปล่า ทุกวันนีเ้ วลาไปร้านขายเครือ่ งดนตรีกจ็ ะมีคนเข้ามาคุยด้วย มีคนรู้จักเรา มันก็รู้สึกดีนะ เหมือนเราเป็น Mr. Somebody ส่วนใหญ่ก็ จะได้มิตรภาพเพิ่มเข้ามา กีตาร์ดีๆ หนึ่งตัวมีต้นทุนเป็นอะไรบ้าง อันดับแรกคือวัสดุ เพราะมันมีมูลค่าและคุณภาพที่ต่างกัน อันดับที่สอง คือ Craftsmanship ซึง่ ตรงนีม้ นั ลงลึกไปถึงเรือ่ งของความรูใ้ นการให้เสียง มันไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียว ผมอยากบอกว่าค่าจ้างช่างทำ�กีตาร์คนหนึ่ง มันขึ้นอยู่กับหลายอย่างนะครับ เช่น องค์ความรู้ของเขาในเรื่องเสียงและ ความเข้าใจดนตรี เรือ่ งทักษะงานไม้ เรือ่ งมาตรฐานความเนีย้ บ เรือ่ งวัสดุ และการอ่านไม้ให้ออก ฯลฯ
32
Creative Thailand
l ตุลาคม 2554
ทำ�กีตาร์ได้เดือนละตัว คุณเลี้ยงชีพได้เหรอ มันอยูท่ ร่ี ะยะเวลาครับ แรกๆ ผมบอกได้เลยว่าผมก็หาเช้ากินคํา่ อาชีพนี้ ในช่วงแรกมันต้องลงทุนสูงมากกับวัสดุ เราต้องเก็บไม้ไว้เป็นปีๆ ต้อง ซื้อมาตุนไว้ก่อนเพื่อที่อีก 3 ปีข้างหน้าเราจะได้เอาไม้ชิ้นนี้มาใช้ แต่พอ ผ่านช่วงแรกไปแล้วผมว่าดีเลยนะ มีคนบอกว่ารายได้ผมไม่ต่างจากหมอ ในโรงพยาบาลบางแห่งด้วยซํ้า (หัวเราะ) ต่างตรงที่ผมอาจจะมีรายจ่าย สูงกว่าในการประกอบอาชีพ ฉะนั้นถ้ารักจะเป็นช่างกีตาร์คุณต้องอดทน และพยายาม มันไม่มีคำ�ว่าทางลัด ไม่มีใครเก่งทันทีที่เรียนจบต่อให้มี พรสวรรค์แค่ไหนก็ตาม คุณต้องสะสมประสบการณ์อย่างเดียวเท่านัน้ เลย ลูกค้าคนแรกของคุณ คือครูของผมสมัยเรียนมหาวิทยาลัยครับ เขาก็อยากสนับสนุนเราแหละ ให้ทิปผมก้อนใหญ่มาก (หัวเราะ) ทุกวันนี้เขาก็ยังบ่นว่าอยากได้อีกตัว ความสำ�เร็จสูงสุดในชีวิตนักทำ�กีตาร์ (เงียบไปพักใหญ่) สำ�หรับผมคือครอบครัวที่มีความสุขมั้ง มีคนที่เข้าใจ และเห็นคุณค่าของสิง่ ทีเ่ ราทำ� และถ้าวันข้างหน้าผมมีลกู แล้วลูกผมอยาก หัดทำ�กีตาร์บ้าง (โดยที่ผมไม่ได้บังคับ) แค่นั้นผมคงภูมิใจที่สุดแล้ว
Creative Will
คิด ทํา ดี
Pat Metheny
ภาพจาก www.thegrandwilmington.org Cole Porter
ภาพจาก www.sweetslyrics.com
นักดนตรีที่ชื่นชอบ ถ้าดนตรี Pop ผมชอบ Cole Porter ทีเ่ ขาเป็นนักแต่งเพลงในยุค 30s - 40s แล้วก็ชอบพวก Pop ไฮคลาส ของญี่ปุ่น แต่ถ้าดนตรี Jazz ผมชอบ Pat Metheny ครับ กิจกรรมยามว่าง ถ้ามีเวลาผมจะชอบไปตกปลา ชอบความรู้สึกเวลาอยู่ใกล้นํ้า มันเย็นดี หนังสือที่อ่าน ตอนเด็กๆ ผมจะอ่านหนังสือเยอะ ชอบหนังสือชุดของ SE-ED เช่น ชุดวิทยาศาสตร์ สัตว์ประหลาด บุคคลสำ�คัญ ฯลฯ แต่พอโตมาก็จะใช้อินเตอร์เน็ตมากกว่า ตุลาคม 2554
l
Creative Thailand
33
Creative Will คิด ทํา ดี
เรื่อง: ปิยพร อรุณเกรียงไกร ภาพ: กัลย์ธีรา สงวนตั้ง
ในวันที่กรุงลอนดอนกำ�ลังทำ�คะแนนนิยมจากกลุ่มผู้บริโภคทั่ว โลก ด้วยการเปิดร้านค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและผู้บริโภค อย่าง The People’s Supermarket ซึ่งจำ�หน่ายเฉพาะอาหาร และผักผลไม้ปลอดสารพิษคุณภาพสูงในราคาสมเหตุสมผล ฝั่งบ้านเราก็มีธุรกิจเพื่อสังคมออกมาเคลื่อนไหว หยิบยื่นความ ช่วยเหลือให้แก่ชุมชนในจังหวัดต่างๆ เช่นกัน แม้ในสถานที่ซึ่งทิ้ง ระยะห่างจากความเจริญไว้มากที่สุดก็ตาม
ไทยคราฟท์ แฟร์เทรด นับเป็นอีกหนึ่งองค์กรเพื่อสังคมที่มีกิจกรรมอย่าง ต่อเนือ่ งในรูปแบบงานจัดแสดงสินค้าซึง่ รวบรวมเอางานหัตถกรรมพืน้ บ้าน จากทั่วทุกภูมิภาคมาจำ�หน่าย เพื่อช่วยเหลือกลุ่มแม่บ้านชาวเขาผู้ผลิต งานหัตถกรรมในถิน่ ทุรกันดาร ยากทีจ่ ะเข้าถึงตลาด และไม่อาจมีเรีย่ วแรง เทียบเท่าจะแข่งขันกับค่านิยมการบริโภคของคนเมืองได้ ก่อนจะพัฒนามา เป็นแฟร์เทรดเต็มตัวในชื่อ สมาคมไทยคราฟท์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก โบสถ์คริสเตียนนานาชาติแห่งกรุงเทพฯ (ICB) ทีเ่ บิกทางให้กลุม่ มิชชันนารี จากภาคเหนือได้เดินทางมาจัดงานแสดงสินค้าหัตถกรรมของชาวเขาจาก ทั่วทุกภูมิภาค เพื่ออนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับ ชาวบ้าน งานไทยคราฟท์ เซลล์ (ภายหลังเปลีย่ นชือ่ มาเป็นไทยคราฟท์ แฟร์) จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2535 และได้รับกระแสตอบกลับที่ดีมาก โดยมี คุณสุวดี แซล์มอนเป็นผู้ประสานงานกับกลุ่มชาวบ้านทั่วประเทศและคัด เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมาร่วมออกร้าน ส่วนคุณสตีเฟ่น สามีชาว อังกฤษก็ได้ระดมกลุม่ อาสาสมัครทัง้ คนไทยและต่างชาติมาช่วยกันจัดงาน อย่างไรก็ดี ความช่วยเหลือระยะสั้นๆ ที่ว่านี้ก็ไม่สามารถทำ�ให้กลุ่มชาว เขาหาเลีย้ งชีพได้ดว้ ยตนเองอย่างยัง่ ยืน ทางสมาคมจึงลดจำ�นวนอาสาสมัคร แล้วหันมาส่งเสริมให้ผู้ผลิตได้เรียนรู้และทดลองทำ�ทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง ตัง้ แต่การจัดวางสินค้า ตกแต่งร้าน ไปจนถึงการซือ้ ขายและพูดคุยกับลูกค้า 34
Creative Thailand
l ตุลาคม 2554
จากสมาคมทีม่ เี ครือข่ายกลุม่ ผูผ้ ลิตเพียง 20 ราย ปัจจุบนั ไทยคราฟท์ ก้าวมาเป็นธุรกิจแฟร์เทรดครบวงจร เพื่อประชาสัมพันธ์ จัดหาช่องทาง การตลาดทัง้ ในและต่างประเทศ ตลอดจนให้ความช่วยเหลือและคำ�ปรึกษา ด้านธุรกิจการค้าอย่างเป็นธรรม โดยมุง่ มัน่ จะกระจายความเท่าเทียมไปสู่ มือของผูผ้ ลิตและผูบ้ ริโภคให้ได้มากทีส่ ดุ ภายใต้การบริหารของครอบครัว คุณสตีเฟ่นและทีมงานที่ดำ�เนินการตั้งแต่การส่งเสริมอนุรักษ์ภูมิปัญญา ไทยและการผลิตที่ไม่สร้างมลพิษเพื่อตอบโจทย์ตลาดร่วมสมัย อีกทั้ง เป็นพันธมิตรกับกลุ่มผลิตงานหัตถกรรมกว่า 60 กลุ่ม จากทุกภูมิภาค ของไทย และการจัดงานแฟร์ที่ต่างไปจากงานแสดงสินค้าทั่วไปอย่าง บรรยากาศที่เป็นมิตร เอื้อต่อการจับจ่ายผลิตภัณฑ์คุณภาพที่หาซื้อไม่ได้ ทัว่ ไป หรือการมีกลุม่ ผูผ้ ลิตมาสาธิตวิธกี ารสานหัตถกรรมต่างๆ ให้ได้ชม กันถึงที่ เป็นการคืนกำ�ไรให้ทง้ั ผูซ้ อ้ื และผูข้ ายให้สามารถเชือ่ มโยงถึงกันได้ อย่างใกล้ชิด เบื้องหลังองค์กรอิสระนี้ไม่เพียงสะท้อนเรื่องราวที่แตกต่างกันของ กลุม่ เครือข่ายทีเ่ ข้าร่วม ตัง้ แต่ผทู้ พุ พลภาพ ผูล้ ภ้ี ยั ทางการเมือง ผูท้ ม่ี ปี ญั หา ครอบครัวหรือเชือ้ ชาติ ไปจนถึงชาวบ้านทีป่ ระสบภัยทางธรรมชาติ แต่ยงั เป็นเครือ่ งยืนยันว่า ไม่มคี �ำ ว่าไกลเกินไปสำ�หรับการส่งต่อนา้ํ ใจให้กนั ที่มา : www.thaicraft.org
ตุลาคม 2554
l
Creative Thailand
35
36
Creative Thailand
l ตุลาคม 2554