e-TOYOTACLUB e-Magazine August issue7 2012 week2

Page 1

AUGUST ISSUE 7

CarVariety • หยุดมองไมได

Toyota Mark X • Renault Alpine A110-50

ตนแบบเพื่อการเฉลิมฉลอง

Tip�&�Technique • เฮดเดอร เลือกยังไงดี (ตอนที่ 1) • ชิ้นสวนชำรุดจะซอมหรือจะเปลี่ยน

LifeStyle • Polaroid Z340 สนุกกับโพลาลอยดยุคดิจิตอล • Art in Paradise สวรรคแหงศิลปะ 3 มิติ


CarVariety หยุดมองไม่ได้

Toyota Mark X

“สมกับเป็น Luxury Sedan ที่มีคน รอคอยมากที่สุด ถึงแม้จะยังไม่เป็นที่รู้จัก ในประเทศไทย แต่ขอบอกว่าในตลาดต่าง ประเทศ Toyota Mark X มาแรงมากๆ”

..........


ซึ่ง Toyota Mark X ปี 2012 นี้ได้ ถูกเปิดตัวแห่งแรกในประเทศญี่ปุ่น มาพร้อม กับขุมพลังขนาด V6 ด้วยเครื่องเทอร์โบหัว ฉีด 2.5 ลิตร ระบบส่งกำ�ลังล่าสุดที่ให้กำ�ลัง 203 แรงม้า ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นกว่า ตัวก่อนราว 15% โดยรัฐบาลญี่ปุ่นก็เป็น ลูกค้ารายแรก แถมยังรีเควสเป็นเครื่อง 3.5 ลิตรอีกต่างหาก โดยคุณสมบัติโดยรวมนั้นมีมากกว่า ความ Luxury หรูหราอยู่แล้วครับ เพราะ Mark X ได้ออกแบบให้โดยคำ�นึงถึงหลัก พลศาสตร์และพลวัตของแรงโน้มถ่วงที่ต่ำ� (Dynamic Low Center Of Gravity) ผล ก็คือสามารถรีดประสิทธิภาพในการขับขี่ได้ มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำ�ให้รถนั่นนิ่งขึ้นแม้ วิ่งในย่านความเร็วสูง


Mark X ใช้เทคโนโลยี glam tech ที่ทำ�ให้เป็นรถ Luxury Sedan ที่มีความไฮเทค อีกทั้ง glam tech นั้นส่งผลให้ cpu มีความแม่นยำ� ในการคำ�นวณมากขึ้น รวมทั้งเชื่อมต่อเข้ากับโหมด sport snow และ eco ได้โดยตรงเสริมฟิลลิ่งให้ Mark X เป็นรถซีดานรุ่นใหญ่ที่ขับสนุก อีกรุ่นหนึ่ง สัดส่วนที่ 4,700 mm x 1,800 mm x 1,460 mm นี้ทำ�ให้รถ ดูโอ่งโถงกว่าซีดานแบรนด์อื่นๆ ดูดีครับว่ากันชนด้านหน้าทำ�ให้ดูลึก ขึ้นส่งผลให้รถดูภูมิฐานมากขึ้น กระจังหน้าแบบใหม่พร้อมด้วยโลโก้ X นี่ทำ�ได้ถูกใจหนุ่มๆ เป็นแน่ ซึ่งพันธุ์ X คันนี้ อย่างที่เกริ่นไปครับว่าเครื่องยนต์บล็อคเล็กของ Mark X คือ เบนซิน V6 ขนาด 2.5 ลิตร ที่สามารถทำ�ให้รถมีอัตราเร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ภายในเวลา 8.4 วินาที

โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำ�มันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 13 กิโลเมตร/ ลิตร สำ�หรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง นอกจากนั้นยังมีเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.5 ลิตร (ที่รัฐบาลขอมา) ที่ถือว่าแรงแต่ขับเคลื่อน ได้นุ่มนวลและประหยัดน้ำ�มัน Mark X เป็นรถที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ� สไตล์สปอร์ทจากการขยายความกว้างออกไปอีก 20 มิลลิเมตร ซึ่ง Toyota พยายามจะให้ Mark X เป็นรถหรูสไตล์สปอร์ทที่เป็นซี ดานขับเคลื่อนล้อหลังอย่างแท้จริง

“นอกจากนั้นระบบความปลอดภัยก็แน่นครับ ด้วยถุงลมนิรภัย 7 จุด ระบบแจ้งเตือนก่อนการ ชน ระบบไฟหน้าแบบ Adaptive , Cruise control Radar ใช้แผนที่นำ�ทาง on-demand และระบบ ช่วยจอดอัจฉริยะ และฟีทเจอร์ยิบย่อยอีกเพียบ โดยทั้งหมดทั้งปวงนี้ Mark X ได้สนนราคาไว้ที่ 2.3 ล้านเยน โดยพุ่งเป้าเปิดตัวไว้ที่เฉลี่ย 3,000 คันต่อเดือนครับ”



CarVariety Renault Alpine A110-50

ต้นแบบเพื่อการเฉลิมฉลอง

“ใครว่ารถที่สร้างมาเพื่อ Cerebrate จะใช้ การไม่ได้จริงต้องคิดใหม่ละครับ เพราะ Renault Alpine A110-50 Concept จะเกิดมาเพื่อการ เฉลิมฉลอง แต่ด้วยฝีมือการออกแบบอย่าง เฉียบขาดทั้งภายในและภายนอก เรียกว่าบิด กุญแจแล้วลง Track ได้เลย”

..........


เรื่องของเรื่องก็คือ อัลไพน์ เป็นรถสปอร์ตต้นแบบที่ มีรูปทรงคล้ายเข้ากับรถเลอมังส์ ซึ่งส่วนของตัวถังนั้นเป็น คาร์บอนไฟเบอร์ กระจังหน้าช่องเล็กแบนยาวลากผ่านโลโก้ Renault พร้อมไฟหน้าและเส้นสายอันคมกริบ สังเกตการณ์ ออกแบบฝากระโปรงจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับกันชนหน้า โดดเด่นด้วยช่องดักลมขนาดยักษ์ และกระจกหน้าบานใหญ่ไร้ รอยต่อรับกับกระจกด้านข้าง ส่วนหลังคาจรดส่วนท้ายเป็น วงรีรองรับกับสรีระและประตูเปิดแบบปีกนก


เดินวนมาด้านหลังจะเห็นสปอยเลอร์ด้านหลังที่เกรง ว่าจะมีขนาดใหญ่ราวกับรถสูตร 1 ก็ไม่ปาน ส่วนท้ายเสริม เสน่ห์ด้วยช่องระบายอากาศเต็มพื้นที่ส่วนท้าย ซุกด้วยท่อไอ เสียคู่ และติดตั้งไฟท้ายทรงยาวบนช่องดักลม พร้อม Diffuser ช่วยเพิ่มแรงกดอากาศส่วนท้ายให้แจ่มแจ๋วมากขึ้น ภายในตกแต่งแบบดิบๆ แนวรถแข่ง ด้วยการตัดสิ่ง ที่ไม่จำ�เป็นในคอนโซลหน้าออก แต่ติดตั้งโรลเคจเพื่อความ ปลอดภัยเข้าไปแทน พวงมาลัยสไตล์รถแข่งที่เพียบพร้อม ด้วยปุ่มสั่งงาน ซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจะเห็นบักเก็ตซีททรงปีกใหญ่ ทั้ง 2 ตัวถูกคาดทับด้วยเข็มขัดนิรภัย 5 จุดของซาเบลท์

มาถึงหัวใจกันบ้างครับ Alpine A110-50 นี้ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V6 24 วาล์ว จุขนาด 3,500 ซีซี ตัวเครื่องวางกลางหายใจได้เองซึ่งก็ประทับ ตรา Renault แต่ปรับแต่งในส่วนต่างๆ ให้เข้าที่เข้าทาง ทั้งสูบ ก้านสูบ เพลา ข้อเหวี่ยง แคมชาฟต์ เป็นต้น ทั้งหลายทั้งปวงนี้ก่อให้เกิดแรงม้าขนาด 400 แบบเน็ตๆ แรงบิดอยู่ที่ 42.9 กก.-ม. ส่งผ่านเกียร์ซีเควน 6 จังหวะ แบบเซ มิ-ออโต้

“โดยเหตุที่ Renault ฉลองให้กับอัลไพน์ ก็มาจากในปี 1962 Giovanni Michelotti ได้ออกแบบรถยนต์ของ Berlinette Alpine รุ่นแรก โดยใช้เครื่องยนต์ของ Renault นั่นเอง เหตุฉะนี้เองเมื่อบรรจบครบ 50 ปี Renault จึง คิดคอนเซปต์ Alpine เวอร์ชั่น 2012 เพื่อการเฉลิม ฉลองให้กับ(อดีต)ผู้ร่วมผลิตนั่นเอง”



Tip & Technique เฮดเดอร์ เลือกยังไงดี (ตอนที่ 1)

“เนื้ อ หาในตอนนี้ ค งถู ก ใจคนที่ ค วามแรงเป็ น อย่างดี กับการเลือกซื้อเจ้า “เฮดเดอร์” อุปกรณ์ เสริมแรงเสริมหล่อให้รถคันเก่งครับ” ก่อนอื่นนายทีก็ต้องทำ�ความเข้าใจกันก่อนว่า เฮดเดอร์ หรือ Exhaust Manifold คือท่อร่วมไอเสียชิ้นนี้จะอยู่ตรงส่วนของเครื่องยนต์ เป็นจุดเริ่มของการนับระบบทางเดินไอเสียนอกเครื่อง(ส่วนที่ออกมา จากฝาสูบ) บางคันจะเป็นเหล็กหล่อ บางคันจะเป็นเหล็กแป๊บจากโรงงาน มันจะรับไอเสียที่ถูกเผาไหม้จากภายในเครื่องยนต์ จากทุกๆสูบ เพื่อรวม กันให้เป็นท่อเดียว และส่งผ่านไปยังท่อไอเสียเพื่อออกนอกรถต่อไป อัน นี้อาจจะดูยากนิดหน่อยถ้าเป็นเครื่องยนต์แบบขวาง ท่อไอเสียด้านหลัง


ซึ่งเป็นประเด็นกันมากครับว่าในการเลือกเฮดเดอร์เนี่ย ควรเลือกแบบไหน และส่งผลอย่างไรกับรถยนต์ ทั้งแบบ 4-1 และ 4-2-1 โดยนายทีจะแนะนำ�กันก่อนว่าแบบ 4-1 คือแบบมีท่อ มาจากช่องไอเสียแต่ละสูบ เป็นระยะเท่ากัน ก่อนจะรวมกันเป็นท่อ เดียว ส่วนในแบบ 4-2-1 หรือแบบ Tri-Y ท่อไอเสียที่ออกมาจาก สูบที่ 1 รวมกับสูบที่ 4 และสูบที่ 2 จะรวมกันกับสูบที่ 3 กลาย เป็น 2 ท่อ ก่อนทั้งสองจะรวมกันเป็นท่อเดียว

บางครั้งเฮดเดอร์ที่ได้จากโรงงานยังไม่สะใจพอ นักซิ่ง ทั้งหลายจึงอยากทำ�ให้ระบบไอเสียโล่งขึ้นเพื่อรถจะได้ปรุ้ดปร้าด แบบสั่งได้มากขึ้น ว่าไปแล้วก็ไปเปลี่ยนท่อหม้อพักปลายที่สวยขึ้น และเสียงดังขึ้น แต่ก็จะมีอาการดังแต่ท่อล้อไม่หมุนเกิดขึ้น เพราะ รถใหม่ๆ ส่วนใหญ่เริ่มเอาไอเสียกลับมาคำ�นวณการจ่ายน้ำ�มัน เชื้อเพลิง ทีนี้พอเราเอาไอเสียออกำ�ไป เซ็นเซอร์ที่วัดออกซิเจน ในไอเสีย ตำ�แหน่งก่อนตัวกรองไอเสีย และตำ�แหน่งหลังตัว กรองไอเสีย อ่านค่าเท่ากันพอดี คอมพิวเตอร์ก็เลยคิดว่าน้ำ�มันเยอะไป จึงปรับลดน้ำ�มัน ลง รถก็เลยไม่วิ่ง ผู้ขับก็ต้องลากมากขึ้นใช้รอบสูงขึ้น กลาย เป็นว่ากินน้ำ�มันขึ้นไปอีก น้ำ�มันก็เริ่มส่งกลิ่นทุกครั้งที่ขับ จึง สรุปกันว่า เปลี่ยนเฮดเดอร์นี่หล่ะคือทางออก แต่หลังจาก เปลี่ยน เจ้าของรถเริ่มมีอาการไปต่อไม่ถูก ลงทุนไปเยอะ แต่วิ่งสู้ รถเดิมๆ ไม่ได้ มันน่าคิด

“ซึ่งที่นายทีเกริ่นกันก็เพื่อจะบอกกันให้เพื่อนๆเตรียมใจ กันก่อนว่า ก่อนที่เราจะลงทุนเสียสะตุ้งสะตังค์ปรับแต่ง อะไร ก็ควรศึกษาหาข้อมูลจนถึงสุดปลายก่อน ว่ามี ปัญหาอะไรหรือไม่ ทำ�ได้หรือไม่ ทำ�แล้วส่งผลเสียอะไร บ้าง หากเพื่อนๆ คำ�นวณแล้วคุ้มก็จัดเลยครับ ซึ่งใน ส่วนของเฮดเดอร์ เลือกยังไงดี แบบเนื้อๆ จะมีต่อใน ครั้งหน้าแล้วติดตามกันนะครับ”


Tip & Technique ชิ้นส่วนชำ�รุดจะซ่อมหรือจะเปลี่ยน

“ในปัจจุบันเวลาอะไรเสียแล้วช่างซ่อมค่อน ข้างหายาก ช่างในที่นี้ไม่ได้หมายถึงคนที่เอา อะไหล่ใหม่มาเปลี่ยนของที่ชำ�รุดนะครับ แต่หมาย ถึงช่างที่เอาอะไหล่มาซ่อม แก้ไขแล้วกลับไปใช้ ใหม่ต่างหาก”

..........


ไม่ใช่เรื่องการซ่อมที่เป็นประเด็นอย่างเดียว การเปลี่ยนนั้นก็ มีข้อดีอยู่หลายอย่าง เพราะการเปลี่ยนนั้นง่ายกว่าซ่อม ทั้งยังใช้ เวลาน้อยกว่า แต่บางครั้งก็เป็นลูกเล่นให้ช่างเสนอการเปลี่ยนอะไหล่ ให้กับลูกค้า ทั้งที่บางครั้งอะไหล่ยังไม่หมดอายุหรือชำ�รุดแค่เล็กน้อย เท่านั้น ที่สำ�คัญอะไหล่แยกย่อยสำ�หรับชิ้นส่วนอะไหล่หลัก อาจจะ ไม่มีขายในศูนย์บริการมาตรฐาน ทำ�ให้การซ่อมที่ร้านเป็นไปได้ยาก เหมือนกับว่าผลิตมาเพื่อต้องการให้เปลี่ยนทั้งชิ้น ไม่มีการแยกขาย ซึ่งบางอย่างไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่นัก ยกตัวอย่างเช่นลูกปืนไดชาร์จมีเสียงดัง ถ้าไม่ซ่อมอาจต้อง เปลี่ยนลูกใหม่ทั้งลูกในราคาราว 30,000-40,000 บาท ซึ่งสำ�หรับ ไดชาร์จยุโรปบางรุ่น ลูกปืนคอมเพรสเซอร์ดังหรือขดลวดแมคเนติ กคลัตช์เสีย ก็ต้องเปลี่ยนคอมแอร์ใหม่ทั้งลูก ราคาก็อยู่หลายหมื่น บาทเช่นกัน


นายทียกตัวอย่างคร่าวๆ กับปีกนก แบบอาร์มที่เป็นแขน เดียว ไม่ได้เป็นรูปลักษณะสามเหลี่ยมหรือรูปตัว A แต่ไม่ว่าจะเป็น แบบแขนเดี่ยวหรือรูปตัว A ช่างบ้านเราก็เรียกว่าปีกนกกันทั้งนั้น แต่ฝรั่งเขาเรียกแยกกันแต่ไม่เป็นไรให้เข้าใจว่าเป็นแขนที่ขยับขึ้นลงใน แนวดิ่ง คล้ายนกกระพือปีกขึ้น-ลง ก็เลยเรียกกันว่าปีกนก ปีกนกที่ว่านี้ อาจจะมีทั้งด้านบนและด้านล่างที่เรียกปีกนก บน และปีกนกล่าง มีทั้งแบบที่เป็นเหล็กหล่อหนักๆ เหล็กแป๊ปกลม หนา หรือดูดีหน่อยก็เป็นอลูมิเนียมซึ่งหน้าที่การทำ�งานเหมือนกัน เพียงแต่ตำ�แหน่งจุดยึดแตกต่างกัน พวกที่ขึ้นชื่อว่าแพงๆ จะเป็น ปีกนกของรถยุโรปเสียเป็นส่วนใหญ่ การทำ�ให้ปีกนกเบาจะช่วยลด Unsprung weight ของช่วงล่าง การตอบสนองเร็วแม่นยำ� แต่ ราคาจะแรงตามไปด้วย ปีกนกทั่วๆ ไป จะมีอายุการใช้งานที่ 50,000-80,000 กิโลเมตร จะเริ่มหลวมบุชยางปีกนกร้าวหรือขาด ลูกหมากที่อยู่ปลายอาจจะ หลวมหรือยางกันฝุ่นที่ลูกหมากขาด ทำ�ให้ล้อไม่เสถียรทั้งแนวขึ้นลง และแนวราบ การแก้ไข ถ้าเกิดการชำ�รุดของปีกนก เมื่อศูนย์ตรวจพบ ก็จะเสนอเปลี่ยนทั้งแขน ราคาก็หลักหมื่นต่อชิ้น สรุปว่าต้องเปลี่ยน 4 ชิ้น ทำ�ให้ต้องเสียเงินเกือบครึ่งแสนเลยทีเดียว เนื่องจากไม่มีอะไหล่ แยกขาย แต่ปัจจุบันสำ�หรับบางยี่ห้ออาจจะมีบุชปีกนกแยกขายในราคา 1,000-2,000 บาทต่อชิ้น ซึ่งถือเป็นการช่วยลูกค้าได้ แต่ในกรณีที่ลูก หมากหลวมนายทีไม่แนะนำ�ให้เอาไปซ่อม เพราะไม่ค่อยทนและอาจจะแข็ง เกินไป

“ยังมีเรื่องของการซ่อมแซมในรถยนต์อีก มากมายครับ ซึ่งบางครั้งค่าใช้จ่ายก็สามารถ ลดได้ตามความจำ�เป็น ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอยู่ที่ เจ้าของรถเองที่จะตัดสินใจวัดกันข้อดีข้อเสีย ของการซ่อมหรือการเปลี่ยนก็คงต้องดูกันแบบ “เคสต่อเคส”นั่นเองครับ”



Gadget

LifeStyle Polaroid Z340

สนุกกับโพลาลอยด์ยุคดิจิตอล

“ว่ากันว่าอุกาบาตรไม่ได้ทำ�ให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ แต่ การปรับตัวไม่ทันต่างหาก วันนี้หลายสิ่งหลายอย่างกำ�ลัง เปลี่ยนให้เข้าสู่ยุคดิจิตอลอย่างถาวร รวมทั้ง Polaroid ค่าย กล้องที่มีประวัติยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษยอมปรับตัวให้ เข้ากับยุคดิจิตอลเพื่อไม่ให้สูญพันธุ์นั่นเอง”

..........


และการวิวัฒนาการนั้นก็ส่งผลให้ Polaroid ได้ เปิดตัว Polaroid Z340 อีกวิวัฒนาการที่จะทำ�ให้ภาพ จากฟิล์มที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างโพลาลอยด์กลาย เป็นไฟล์ดิจิตอล.. แต่อย่างเพิ่งตกใจไปค่ะเพราะ Z340 สามารถปริ้นภาพได้ด้วยตัวเองเรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติ วงการถ่ายภาพกันเลยทีเดียว ซึ่ ง กล้ อ งประเภทนี้ เ นี่ ย เค้ า จั ด ให้ อ ยู่ ใ นประเภท ของ Instant Digital Camera ซึ่งได้รวบรวมความ เป็นดิจิตอลและความสำ�เร็จรูปที่ถ่ายปุ๊ปก็ปริ้นออกมา เป็นภาพสามารถจับต้องได้ทันที (ตามสไตล์ Polaroid) แน่นอนว่าภาพที่ได้ยังมีความคมชัดตามแบบดิจิตอลเป้ะๆ แถมยังสามารถโหลดรูปเก็บไว้ในแลปท็อปได้อีกด้วย

Polaroid อยากรักษาความคลาสสิคไว้ การ ออกแบบภายนอกจึงดูไม่ค่อยจะออกว่าเป็นกล้องดิ จิตอลมากเท่าไหร่ แต่การออกแบบนั้นยังคำ�นึงถึง การใช้งานที่อยากจะทำ�ให้ง่าย..แสนง่าย ด้วยหน้าจอ LCD ขนาด 27” ที่พับได้ทั้งแนวนอนแนวตั้งทำ�ให้ สะดวกต่อการจัดวางองค์ประกอบ


โดยหลังจากที่ชักภาพกันสนุกสนานแล้ว ฟังค์ชั่นปรับแต่งภายใน กล้องก็มีให้เล่นเพียบ ทั้ง Night Scene, Lomo , Love Portrait , Fish Eye เป็นต้น ซึ่งส่วนของความละเอียดนั้นคงต้องยกให้เซนเซอร์ขนาด 14 mp ที่เก็บความละเอียดและสีสันไว้อย่างครบถ้วนสวยงาม ฟังค์ชั่นอื่นๆ นั้นก็คงมาในสไตล์กล้องดิจิตอลทั่วไป ที่สามารถ ปรับ Auto White Balance , Iso , ได้ รวมทั้งทีเด็ดเลยก็คือมันสามารถ ถ่ายวีดีโอในโหมด Hi-def ได้ที่ 1280x720 และที่ไม่เอ่ยถึงก็คงไม่ได้นะคะสำ�หรับเทคโนโลยี Zink Image ที่ทำ�ให้ z340 สามารถปริ้นภาพออกมาได้โดยไม่ต้อง ใช้หมึกแม้แต่หยดเดียว เพราะ Zink นี้คือกระดาษที่ผลิตมาเพื่อ โพลาลอยด์เท่านั้น โดยฟิล์มในยุคดิจิตอลนี้จะทำ�ปฏิกิริยากับ ความร้อนที่สร้างขึ้นในตัว ทำ�ให้เกิดภาพในเฉดสีต่างๆ ได้ แจ่ม ใช่ไหมล่ะคะ..

“โดยโพลาลอยด์ Z340 สามารถหาซื้อได้แล้ว เพราะหลังจากได้รับรางวัลดีไซน์ยอดเยี่ยม ทางบริษัทก็ได้วางจำ�หน่ายทันที ราคาย่อมเยา ที่ 340$ เหรียญค่ะ”



RoadTrip

LifeStyle Art in Paradise

สวรรค์แห่งศิลปะ 3 มิติ

“ถ้าใครชอบเล่น instagram แนวแชะ&แชร์แล้ว ล่ะก็ ชาวเราขอแนะนำ�สถานที่ท่องเที่ยวที่กำ�ลังอินเท รนด์และคงถูกใจเพื่อนๆเป็นแน่แท้ เพราะที่นี่เพื่อนๆ จะ ได้สัมผัสกับศิลปะอันมหัศจรรย์กับงาน 3 มิติแห่ง เดียวในประเทศไทยที่ Art in paradise นั่นเอง”

..........


Art in Paradise เป็นสถานที่พิพิธภัณฑ์ภาพวาด 3 มิติที่ เกิดขึ้นแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเรียกได้ว่าใช้ศิลปะในการวาดภาพที่ ใช้เรื่องของมิติบวกกับการจัดแสงที่ลึกล้ำ� ทำ�ให้ภาพทุกภาพที่นี่มี ความสมจริงทีเรียกได้ว่า realistic เอามากๆ อีกทั้งยังมีเนื้อที่กว้าง ขวาง โดยแบ่งออกเป็น และอีกอย่างนะคะ มาทีนี่เหมือนได้มาเที่ยวทุกมุมโลก ได้ชมงาน ศิลปะสวยๆที่หาชมได้ยาก รวมทั้งใครที่ชอบอัพรูปบน Instagram หรือ facebook ก็คงจะได้ถ่ายและอัพกันจนสุขสมกันถ้วนหน้า ซึ่ง แต่ละภาพนั้นเรียกได้ว่าสร้างความพิศวง และได้ประสบการณ์แปลก ใหม่จริงๆ โดยลวงตากันตั้งแต่ทางเข้ากันเลยทีเดียว


ที่นี่จะแบ่งเป็น 10 โซนด้วยกัน ซึ่งแต่ละโซนนั้นก็เรียกได้ว่า สร้างความน่าสนใจไม่แพ้กันเลยทีเดียว เริ่มจากโซนแรกได้แก่ 1. ลวงตา 2. ใต้สมุทร พบความยิ่งใหญ่แห่งโลกใต้ทะเล 3. ซาฟารี พบกับบรรดาสัตว์ต่างๆ ที่ 4. ศิลปินระดับโลก 5. โถงอารยธรรม กับศิลปะแบบไทยๆ 6. ศิลปะเหนือความจริง 7. ไดโนเสาร์ ย้อนยุค ไปกับฝูงทีเร็กซ์ 8. น้ำ�ตกในซอกเขาอันสูงชัน 9. นิทัศการศิลปะ 10. วิวทิวทัศน์ ซึ่งแต่ละโซนขอบอกว่าเด็ดดวงมากๆ ภาพทุกภาพ มุมทุกมุมสามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเรามาก ซึ่งภาพ ที่ออกมาจะลอยออกมาเหมือนสัมผัสได้จริง ยกตัวอย่างห้อง ลวงตาที่ยืนในระนาบเดียวกันแต่กลับทำ�ให้ตัวอีกคนหนึ่งเล็ก อีกคนหนึ่งใหญ่ได้อย่างอัศจรรย์

พื้นที่สวรรค์แห่งศิลปะสามมิติขนาด 5,800 ตาราง เมตรนี้ รับรองว่าเพื่อนๆ จะได้สนุกกับวันว่างๆ ที่ Art in paradise เลขที่ 78/34 หมู่ 9 ถ.พัทยา สาย 2 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 20150 โทร. 038-424-500 ต่างชาติ ผู้ใหญ่ ราคา 500 บาท เด็ก 300 บาท (ส่วนสูงไม่เกิน 120 ซม.) คนไทย ผู้ใหญ่อย่างเราราคา 150 บาท ส่วนเด็ก น้อย 100 บาท (ส่วนสูงไม่เกิน 120 ซม. เหมือน กัน)ที่นี่เปิดทุกวัน เวลา 09.00 - 21.00 น. (แนะนำ�ให้มาวันธรรมดา จะได้มีเวลาเดินมีเวลาถ่าย รูป) ปิดขายบัตรเข้าชม เวลา 20.00 น. ค่ะ



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.