NOVEMBER ISSUE 10
CarVariety • สุดอึ้งซุปเปอรคารจากบอลลีวูด DC Design Tornado
• ใกลความจริงแลว! เทคโนโลยีลองหนกับยานยนต
Tip�&�Technique • วาดวยเรื่องของ ECU ยุคใหม ตอนที่ 2 • Precrash System ปกปองกอนปะทะ
LifeStyle • Go!Scan3D แสกนเนอรเปลี่ยนโลก • ทองนครโบราณ "นครวัด" ตอนที่ 2
CarVariety สุดอึ้งซุปเปอร์คาร์จากบอลลีวูด DC Design Tornado
“ข่าวด่วนว่าอินเดียจะเป็นเจ้าตลาดรถในเอเชีย ก็คงจะไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดแต่อย่างใด เพราะหลังจาก ที่ DC Design แบรนด์รถยนต์ระดับบนของอินเดีย ได้คลอด Tornado ซุปเปอร์คาร์ที่มาแรงดั่งพายุ”
..........
ไม่มีอะไรจะแรงกว่านี้ เมื่อค่ายรถหรูอย่าง DC Design ที่ออกไลน์ผลิตแต่รถระดับ Premium และบรรดา Special Custom ทั้งหลาย ด้วยสรีระ ที่ดูแปลก บวกกับคอนเซปต์ระดับซุปเปอร์คาร์ แต่อยากได้สมรรถนะแบบ SUV ด้วยโครงสร้าง 2+2 ที่นั่ง และวางกลางลำ� ทำ�ให้ DC Design Tornado กลายเป็นหนึ่งในซุปเปอร์คาร์ที่น่าจับตา มองในปีนี้ โดย DC Design แบรนด์รถยนต์ในอินเดีย ก่อตั้งขึ้นในปี 1993 โดยดีไซน์เนอร์ Dillip Chhabria ซึ่งนายดิลลิปก็ได้ออกแบบคอนเซปต์ ภายใต้แบรนด์ DC Design และรถ Custom ให้กับ แบรนด์อื่นๆอีกมากมาย โดย Tornado เป็นอีก หนึ่งรุ่นที่ออกแบบได้หลุดจากบรรทัดฐานของรถ ซุปเปอร์คาร์เจ้าอื่นๆ ภายนอกนั้นอาศัยความกลมกลึงของตัวรถ ที่มีสรีระเว้าโค้งอย่างเห็นได้ชัด ด้านหน้าออกแบบ ให้มีไฟ Projector เพียง 4 ดวง พร้อมกระจังและ กันชนหน้าสไตล์เดียวกันกับ Camaro ซึ่งนั่นยังไม่ ทำ�ให้เราแปลกใจเท่าการที่ซุปเปอร์คาร์คันหนึ่งจะใช้ ล้ออันใหญ่โตมโหฬารถึง 28 นิ้ว ก่อนสวมทับด้วย ยาง 325/25/28 พายุคันนี้ขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์ของออ ดี้ขนาด 6,000 cc V12 ปรับจูนให้ได้แรงบิดและ แรงม้าสูงขึ้นถึง25% ซึ่งขณะนี้วัดได้ราว 500 PS และแรงบิดราว 1000 นิวตันเมตร โดยได้พ่วงระบบ iDCdrive กล้องมองหลัง รวมทั้งการควบคุมทั้ง คันด้วยไฟฟ้าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Drive By Wire, Steer By Wire และ Bake By Wire ทั้งส่วนของ คันเร่ง พวงมาลัย และระบบเบรก
“โดยในงานเปิดตัว DC ยังไม่ระบุราคา วันวางจำ�หน่าย และรายละเอียดอีกยิบย่อย แต่กระนั้นเองทางบริษัทก็อ้าง ว่ามันกำ�ลังจะขึ้นแท่นรถที่เร็วที่สุดในโลก แต่ก็ยังไม่มีใคร เห็นการขับเคลื่อนของมันเลยซักครั้ง”
CarVariety ใกล้ความจริงแล้ว! เทคโนโลยีล่องหนกับยานยนต์
“ไอน์สไตน์กล่าวไว้ว่า “จินตนาการสำ�คัญกว่าความรู้” เทคโนโลยีในทุกวันนี้ต่างพัฒนาโดยใช้จินตนาการในเรื่องต่างๆ รวมทั้งเทคโนโลยีล่องหน ดูได้จากภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นผ้า คลุ่มล่องหนที่ดัมเบอร์ดอร์มอบให้กับแฮรี่ ผ้าคลุมของโดเรม่อน ก็ตามที วันนี้เทคโนโลยีล่องหนได้มาเคาะประตู “รถ” ของเราๆ ท่านๆ แล้ว แต่จะอยู่ในส่วนใดของรถยนต์ เราไปชมกันครับ”
..........
เทคโนโลยี ล่ อ งหนนี้ ไ ม่ ไ ด้ เ กิ ด ขึ้ น ครั้ ง แรก หรอกครับ มันใกล้ความเป็นจริงเอามาก ก็ดูได้จาก ยานบินล่องหนก็ใช้ประจำ�การอยู่ในกองทัพสหรัฐ จนปัจจุบัน รัสเซีย และจีน ก็ยังทำ�และประสบความ สำ�เร็จจนเป็นรุ่นที 2 แล้ว โดยเทคโนโลยีนี้ใช้พื้นที่สะ ท้อนเรดาห์ให้น้อยที่สุด หรือเท่ากับนกหนึ่งตัว แต่ ถ้ามองด้วยตาเปล่าก็จะเห็น เพราะยังไม่สามารถ ทำ�ให้โปร่งใสแบบ 100% ได้ แต่เทคโนโลยีนี้ เป็นความคิดของชาวญี่ปุ่น สมองใส ซึ่งเป็นทีมวิจัยจาก Keio University มหาวิทยาลัยชั้นนำ�ในญี่ปุ่น ได้คิดค้นเทคโนโลยี ล่องหนที่เรียกกันว่า Optical Camouflage มาใช้ กับรถยนต์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มทัศน์วิสัยด้านหลังรถได้ โดย Susumu Tachi หัวหน้าทีมวิจัย ได้ อย่างสมบูรณ์แบบ ทำ�ให้มองได้ทะลุปรุโปร่งเสมือน ทดลองใช้กับเสื้อคลุมก่อนเป็นดับแรก โดยหลัก ว่าไม่มีเบาะหลังด้วยซ้ำ�ไป การที่ดูเหมือนจะง่าย ก็คือตั้งกล้องไว้ด้านหลัง เสื้อคลุม และฉายภาพลงบนเสื้อคลุมนั้น โดย อาศัยหลักการหักเหของแสงเล็กน้อย เราก็จะเห็น เสื้อคลุมนั้นโปร่งใสดั่งมีเวทมนต์ยังไงยังนั้นเลย โดย Susumu Tachi หัวหน้าทีมวิจัย ได้ ทดลองใช้กับเสื้อคลุมก่อนเป็นดับแรก โดยหลัก การที่ดูเหมือนจะง่าย ก็คือตั้งกล้องไว้ด้านหลัง เสื้อคลุม และฉายภาพลงบนเสื้อคลุมนั้น โดย อาศัยหลักการหักเหของแสงเล็กน้อย เราก็จะเห็น เสื้อคลุมนั้นโปร่งใสดั่งมีเวทมนต์ยังไงยังนั้นเลย
ซึ่งหลักการเดียวกันนี้ ก็ได้ถูกพัฒนาให้อยู่ใช้กับยาน ยนต์ โดยทีมวิจัยเดิมได้เลือก Toyota Prius และติดตั้งกล้อง มุมกว้างไว้ด้านท้ายรถ ก่อนส่งภาพผ่านกระจกเพื่อทำ�มุม ซ้าย-ขวา ให้ถูกต้องจากนั้นก็จะฉายไปเบาะที่นั่งด้านหลัง ซึ่ง ถึงแม้จะมีผู้โดยสารนั่งหลัง คนขับก็ยังเห็นแบบโปร่งใสอยู่ดี โดยสิ่งสำ�คัญคือวัสดุที่ใช้ทำ�เบาะหลังจะถักทอด้วยเม็ดบีดส์ Retro-Reflective ขนาด 50 micron ที่สามารถสะท้อนภาพได้ ตรงและสมจริง100% แม้กลางวันแสกๆ
“โดยหัวหน้าทีมได้กล่าวถึงเทคโนโลยีนี้ ว่า จะทำ�ให้มีความรู้สึกเหมือนกำ�ลังขับรถ ที่ทำ�จากกระจกแก้วทั้งคัน โดยทีมวิจัยนี้ ก็ได้บุกเบิกอะไรใหม่ๆ แน่นอนว่าการทำ�รถ ล่องหนนั้นก็เป็นโปรเจ็คต่อไป ไม่แน่นะครับ อีกหน่อย ชาว e-Toyota Club อาจจะได้ชมรีวิว Prius เวอร์ชั่นล่องหน จากนายทีก็เป็นได้”
Tip & Technique ว่าด้วยเรื่องของ ECU ยุคใหม่ ตอนที่ 2
“ต่อจากตอนที่แล้วนะครับ สำ�หรับเรื่องของ เทคโนโลยี Electronic Control Unit หรือ ECU รุ่น ใหม่ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะ เวลาตั้งแต่ ECU ตัวแรกกำ�เนิดขึ้นบนโลก โดยใน ตอนสุดท้ายนี้จะต่อกันในส่วนของหมวดไอเสียและ ระบบน้ำ�มันที่มีเซ็นเซอร์ชิ้นสำ�คัญๆ อยู่มาก”
..........
ต่อมาเป็นเรื่องของระบบน้ำ�มันครับ Flexible Fuel Sensor เซ็นเซอร์บอกการเปลี่ยนแปลงของน้ำ�มัน เชื้อเพลิง Fuel Level Sensor เซ็นเซอร์วัดระดับน้ำ�มัน เชื้อเพลิง Volume Airflow Sensor เซ็นเซอร์วัดปริมาณ การไหลของอากาศที่เข้าไปยังห้องเผาไหม้ Vehicle Speed Sensor เซ็นเซอร์วัดความเร็วของรถ Throttle Position Sensor เซ็นเซอร์วัดองศาลิ้นปีกผีเสื้อ ใช้เป็น ข้อมูลส่วนหนึ่งในการสั่งจ่ายน้ำ �มันเชื้อเพลิงซึ่งจะใช้ ร่วมกับการทำ�งานของเกียร์อัตโนมัติ
Barometric Pressure Sensor เซ็ น เซอร์ ที่ วั ด ความกดอากาศเพื่ อ ใช้ ใ นการ เปรียบเทียบหรือเป็นการแจ้งให้ทราบว่ากำ�ลังใช้งานอยู่ สถานที่ใด เป็นพื้นที่สูงอากาศเบาบาง หรือที่ราบต่ำ�ซึ่ง มีอากาศหนาแน่น จะได้ปรับอัตราส่วนผสมของอากาศ กับเชื้อเพลิงได้ถูกต้องแม่นยำ�ยิ่งขึ้น
Barometric Pressure Sensor
Camshaft Position Sensor ทำ�หน้าที่บอกตำ�แหน่งของตัวแคมชาฟท์ว่ากำ�ลังอยู่ในตำ�แหน่ง ใดสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขององศาเปิดปิด วาล์วโดยเฉพาะพวกที่ใช้ระบบวาล์วแปรผันจังหวะการฉีดน้ำ�มัน รวม ทั้งจังหวะในการจุดระเบิดด้วย
Camshaft Position Sensor Crankshaft Position Sensor Crankshaft Position Sensor
“อุปกรณ์เหล่านี้ถือว่าเป็นเซ็นเซอร์พื้นฐานบางส่วน ของกล่อง ECU นะครับ เพราะยังมีอีกเพียบที่นาย ทียังแนะนำ�ไม่หมดเช่น เซ็นเซอร์ ABS เซ็นเซอร์ระบบ ควบคุมการทรงตัว ฯลฯ เป็นต้นครับ”
เซ็นเซอร์บอกตำ�แหน่งของข้อเหวี่ยง การใช้งานจะคล้ายๆ กับเซ็นเซอร์แค็มชาฟท์ แต่จะหนักไปในเรื่องของการจุดระเบิด มากกว่า นอกจากนี้ยังนำ�ไปใช้งานอย่างอื่นได้อีกเยอะเหมือนกัน เพราะมันเป็นการบอกถึงรอบเครื่องและตำ�แหน่งของลูกสูบ ขั้นตอนการทำ�งานจะทำ�หน้าที่รับข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ เพื่อนำ�มาประมวลผล และใช้ในการควบคุมการจ่ายน้ำ�มันเชื้อเพลิง และการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ ทำ�ให้เครื่องยนต์สามารถทำ�ได้ โดยที่กำ�ลังของเครื่องยนต์ยังคงทำ�งานได้เต็มประสิทธิภาพอยู่ นอกจากนี้ในปัจจุบันค่ายรถยนต์ต่างๆ ได้มีการเพิ่มคุณสมบัติ พิเศษให้กับ ECU และเครื่องยนต์ของตนเอง ตามเทคโนโลยีที่ได้รับ การพัฒนาของแต่ละค่าย ซึ่งในเครื่องยนต์ปัจจุบัน ECU จะไม่ควบคุมเพียงแค่การจ่าย น้ำ�มันเชื้อเพลิงและการจุดระเบิดเท่านั้น ECU ยังสามารถจะควบคุม ระบบต่างๆ อาทิ ระบบปรับความยาวท่อร่วมไอดีแปรผัน,ระบบ วาล์วแปรผัน ,ระบบควบคุมไอน้ำ�มันเชื้อเพลิง อีกยังคงทำ�งานร่วม กับระบบกันขโมย (Immobilizer) ที่กำ�ลังนิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบัน โดยระบบจะไม่อนุญาตให้กุญแจที่ไม่ถูกต้องสามารถสตาร์ทติดได้
Tip & Technique Precrash System
ปกป้องก่อนปะทะ
“ก่อนการชนหรือเหตุการณ์ใดๆ ที่จะก่อให้ เกิดอันตรายต่อรถยนต์และชีวิตผู้โดยสาร ระบบ หนึ่งที่ทำ�หน้าที่เป็นเหมือน Life Guard ให้กับเราๆ ท่านๆนั่นก็คือ Precrash System นั่นเอง”
..........
ระบบความปลอดภัยเพื่อปกป้องผู้โดยสารในนามของ Precrash System นั้นเกิดขึ้นเพื่อลดความรุนแรงของการเกิด อุบัติเหตุ โดยหลังจากปี 2001 เทคโนโลยีนี้แพร่หลายอย่าง มาก ซึ่งองค์ประกอบหลักๆก็จะได้แก่เซ็นเซอร์ตามจุดต่างๆ และเรดาห์ที่ใช้เป็นพื้นฐานในการเตือนก่อนจะเกิดการชน โดยเซ็นเซอร์นี้มักจะติดอยู่ในบริเวณรอบรถ โดยถ้า ระบบตรวจจับได้ว่าจะเกิดการปะทะด้านข้าง ระบบก็จะทำ�การ ปกป้องคนขับและผู้โดยสารด้วยการทำ�ให้ผู้โดยสารอยู่ห่าง บริเวณปะทะให้ได้มากที่สุดเพื่อลดความรุนแรงให้น้อยที่สุด โดย หมอนที่ฝังอยู่ด้านข้างและเบาะพนักพิงจะอัดอากาศพองตัว ออกอย่างรวดเร็วและดันให้คนขับและผู้โดยสารอยู่ส่วนกลาง ของรถ โดยจะมีถุงลมนิรภัยคั่นเพื่อลดแรงกระแทกระหว่าง กัน ระบบนี้เป็นหนึ่งในระบบ Precrash System ซึ่งปกป้องผู้ โดยสารจากด้านข้าง และตามสถิติพบว่ามันสามารถลดความ รุนแรงของอุบัติเหตุได้ถึง 1 ใน 3
นอกจากนั้นหลายค่ายยังใช้ระบบที่ช่วยให้ผู้โดยสารอยู่ห่างจากจุด ปะทะได้ โดยเรียกรวมๆ ว่า Precrash Pulse ซึ่งใช้ระบบที่เขยิบผู้โดยสารมา ไว้กึ่งกลางรถ โดยมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า Air Chamber ที่ทำ�งานร่วมกับ พนักพิงหลังเป็นตัวผลักดันผู้โดยสารได้ห่างราว 50 มม. มาไว้กึ่งกลาง รถเพื่อลดอัตราการบาดเจ็บให้น้อยที่สุด และในบางค่ายก็จะเสริมระหว่างเทคโนโลยีกับโครงสร้างสมัยใหม่ ซึ่งเรียกกันรวมๆ ว่า Precrash Structure คานโลหะที่สามารถพองตัวได้ โดยเสริมความแข็งแรงให้กับบานประตูด้วยคานพองตัวได้นี้ ด้วยแรงดัน ของตัวคานโลหะที่สามารถยกคนที่มีน้ำ�หนักตัว 100 กก. ได้สบายๆ ส่วน การสร้างแรงดันนั้นใช้เทคนิคเดียวกันกับถุงลมนิรภัย แต่คานแข็งนี้จะยืด ตัวออกโดยแรงดันจะอยู่ที่ 10-20 บาร์ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาเสี้ยว วินาทีเท่านั้น
“ซึ่งในโตโยต้าของเราก็จะมีอีกชื่อหนึ่งว่า Pre-Collision System ที่พระเอกหลักๆก็จะเป็นระบบช่วยเบรกหรือ Brake Assist (BA) ที่จะมาช่วยเบรกหากผู้ขับไม่เหยียบ เบรกในระยะเบรก เรดาห์ก็จะส่งสัญญาณไปยังเซ็นเซอร์ ที่ติดตั้งอยู่รอบคันที่จับวัตถุต่างๆ ได้ถึง 60 เมตร จาก นั้นระบบจะช่วยเบรกก่อนการปะทะประมาณ 0.6 วินาทีซึ่ง เป็นระบบอัจฉริยะที่ช่วยเซฟทั้งชีวิตและตัวรถ เรียกได้ว่า ระบบดีๆแบบนี้จะถูกพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เพื่อแข่งกับตัวเลข อุบัติเหตุบนท้องถนนที่สูงขึ้นทุกวัน”
Gadget
LifeStyle Go!Scan3D
สแกนเนอร์เปลี่ยนโลก
“นอกจากนวัตกรรมการพิมพ์แบบ 3D ที่ชาวเราเคย พาเพื่อนๆ ไปชมกันแล้ว ณ วันนี้โลกเราก็ได้บังเกิดอุปกรณ์ที่จะ พลิกวงการ 3D ไปอย่างสิ้นเชิง กับ Go!Scan3D สแกนเนอร์ เปลี่ยนโลก”
..........
เปลี่ยนโลกได้จริงๆ กับนวัตกรรมการสแกนภาพที่ คิดค้นโดยบริษัท CreaForm จากแคนาดา ที่เล่นแหวกมิติจาก เครื่องสแกนสำ�นักงานทั่วไป ให้กลายเป็นอุปกรณ์คล้ายปืนที่ สามารถสแกนให้ออกมาในรูปแบบของภาพ 3 มิติได้ โดยไม่ จำ�กัดว่าวัตถุที่ต้องการสแกนนั้นเล็กหรือใหญ่แค่ไหน เรียกได้ ว่า Go!Scan3D เป็นเครื่องสแกนที่ใช้ง่ายที่สุดและรวดเร็ว ที่สุดเท่าที่เคยมสแกนแบบ 3D มา โดย Go!Scan3D มีคุณสมบัติที่เรียกได้ว่าเป็น TRUsimplicity (ใช้งานง่าย), TRUportability(ขนาดกระทัดรัด), TRUaccuracy(มีความเที่ยงตรงสูง) ด้วยเทคโนโลยี LED ที่เข้า มามีส่วนช่วยเหลือในการสแกนที่สามารถใช้ได้ในทุกๆ พื้นผิว
TRUsimplicity การใช้งานของมันง่ายมากๆครับ แค่เรานำ� Go!Scan ที่มี รูปทรงคล้ายปืนยิงบาร์โค้ด เพียงเราชี้เป้าแล้วกดยิงไปตามพื้นผิว ที่เราต้องการสแกน ไม่ว่าชิ้นส่วนจะมีขนาดเท่าใดก็สามารถสแกนได้ อย่างไร้ขีดจำ�กัด โดยตัวอุปกรณ์สามารถซิงค์กับ VXelements ซอฟแวร์ที่แสดงผลแบบ real time ได้ว่าเราสแกนได้ครบทุกมุม แล้วหรือยัง หากยังเราก็สามารถสแกนซ้ำ�ได้โดยคล้ายกับเป็นการ เก็บรายละเอียดงานนั่นเอง
TRUportablity ด้วยคอนเซปต์ของมันก็คือ on-the-go scan ทำ�ให้มันกำ�ลังจะเป็นสแกน เนอร์ที่พกพาได้อย่างสะดวก ด้วยน้ำ�หนักเพียง 1.1 กิโลกรัม ทำ�ให้ง่ายต่อการ เข้าถึงทุกพื้นที่ และโหมดไร้สายที่ทำ�ให้ไม่มีข้อจำ�กัดในการเคลื่อนไหว
TRUaccuracy แม่นยำ�ด้วย Dynamic Referencing ที่คอยเก็บข้อมูลในทุกพื้นผิวของ วัตถุที่มีความถูกต้องแม้พื้นผิวจะอยู่ที่ระดับ 0.1 มิลลิเมตร ซึ่งไม่ต้องพึ่ง เครื่องวัดพิกัด (CMM) เหมือนสแกนเนอร์ทั่วไป
“โดยหลังจากสแกนเสร็จเราก็จะได้วัตถุในรูปแบบของ 3D ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกๆ อุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรมยานยนต์, การบิน, สถาปนิก, มัณฑนศิลป์, 3D to CAD , ออกแบบผลิตภัณฑ์ ,เฟอนิเจอร์,ดรอวอิ้ง, โมเดลดิจิตอล เกมส์คอมพิวเตอร์ การ์ตูนอนิเมชั่นไปจนถึง วงการแพทย์ใช้เพื่อวินิจฉัยโรคต่างๆ ทางภายภาพ มาถึง ตรงนี้คงไม่แปลกใจแล้วว่าทำ�ไมชาวเราถึงตั้งฉายาให้ว่าเป็น สแกนเนอร์เปลี่ยนโลก เพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ค่ะ”
RoadTrip
LifeStyle ท่องนครโบราณ “นครวัด” (ตอน 2)
“ต่ อ จากตอนที่ แ ล้ ว หลั ง จากที่ เ มื่ อ คื น เราได้ ติดต่อรถตุ๊กๆ เพื่อที่จะให้พาเราไปนครวัดซึ่งห่างจาก ที่พักไป ประมาณ6กิโลเมตร เราเหมาทั้งวันประมาณ 16 Us ก็ประมาณ 558 บาท ตอนเช้าๆที่นี่บรรยากาศ ดีมากๆ เพราะสองของทางก็เขียวชอุ่มคล้ายกับต่าง จังหวัดบ้านเรา”
..........
พอไปถึงนครวัด (หรืออังกอร์วัด Angkor Wat) เราก็ต้องแวะด้านหน้าที่จุด ขายบัตรซะก่อนเพื่อซื้อบัตรเข้าชม ที่นี่จะมี บัตร1วันและบัตร3วัน แต่เราเลือกบัตร 1 วันเพราะมีเวลาแค่วันนี้ทั้งวันสำ�หรับนครวัด ราคาค่าเข้าต่อคนก็ 20Us หรือคนละ 600 บาท เมื่อได้บัตรแล้วก็เตรียมตัวที่จะได้ยล เมืองโบราณที่ได้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกสัก ที ตื่นเต้นดีเหมือนกันคร้า และเมื่อพ้นประตูเล็กๆลึกเข้าไปก็จะเห็นแม่น้ำ�อังกอร์อยู่ล้อมรอบผนังอังกอร์วัด ตลอดแนวกำ�แพง ส่วนตรงกันข้ามกับทางเข้าทิศตะวันตก (นครวัดจะหันหน้าไปทางทิศ ตะวันตก) ก็จะเป็นบอลลูนที่สามารถให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปดุบรรยากาศและถ่ายภาพได้จากมุม สูง ราคาก็ประมาณ40Us ด้านหน้านครวัดจะมีสะพานยาวประมาณ800เมตรเพื่อจะเดินต่อ เข้าไปที่ตัวปราสาท ด้านในนครวัดก็จะมีชั้นนอก ชั้นใน รวมทั้งหมด3ชั้นจะมีบันไดที่ชันมากๆ อยู่ที่ปราสาทชั้น3นี้ ใครมาก็ต้องขอลองปีนดูสักครั้ง เหมือนกับว่าถ้าไม่ได้ขึ้นก็เหมือนมา ไม่ถึงนครวัดนะคะ และตอนทางออกก็ต้องแวะชมนางอัปสราอยู่ที่ป้อมด้านนอกตัวปราสาท ซึ่งความยิ่งใหญ่ของที่นี่นั้นก็ได้ถูกบันทึกเป็นมรดกโลกในนามว่า Angkor Wat UNESCO World Heritage
เมื่อเยี่ยมชมนครวัดเราไปต่อที่นครธมกันต่อเลยค่ะ อยู่ ตรงข้ า มกั บ ปราสาทบั นทายศรี เราก็ เ ลยขอแวะเข้ า ไปหน่ อ ย เพราะจริงๆ แล้วมีเป้าหมายในใจอันดับหนึ่งอยู่ที่ปราสาทตา พรม ที่นั่นเป็นที่ถ่ายภาพยนตร์ในฉากหนึ่งของ Tom Rider ด้วย ใจนี้อยากไปให้ถึงเร็วๆ จัง ถั ด จากบั น ทายศรี ก็ จ ะเป็ น เป้ า หมายของเราก็ คื อ ปราสาทตาพรหม ซึ่งเป็นที่ยอดฮิตของทั้งนักท่องเที่ยว เพราะเข้าไปในตัวปราสาทก็จะเห็นรากไม้ขนาดใหญ่ทับอยู่บนตัว ปราสาทที่ดูขลังและแปลกประหลาดไปอีกแบบ แต่ที่สำ�คัญต้นไม้ นี้คงจะเก่าแก่มากๆแน่เลยถึงได้ใหญ่โตได้ขนาดนี้ ที่นี่จึงเป็นฉาก หนังฉากโฆษณา ฉากหนัง และเป็น Landmark สำ�คัญของนัก ถ่ายภาพจากทั่วโลก
“สรุปทริปนี้เราใช้เงินไปไม่มาก ไม่ต่างกับเที่ยวที่บ้านเราเลย การเดินทางไม่เหนื่อยมากด้วย ยิ่งใหญ่อลังการสมคำ�ร่ำ� ลือ เลยคิดว่าจะต้องมาเก็บให้หมดในทริปหน้าและจะมาฤดู หนาวดีกว่า โดยรวมแล้วถือว่า ประทับใจมากค่ะ และนคร วัดยังเป็นที่หนึ่งที่เดินทางมาด้วยรถส่วนตัวได้และมีเสน่ห์ ชวนให้ต้องกลับมาอีกครั้ง”
ที่ต่อไปที่จะเดินทางไปต่อก็คือปราสาทบายน (Bayon) เป็นปราสาทที่เก่าแก่แห่งนึงของนครธม ปราสาทแห่งนี้จะมี ลักษณะที่แปลกและที่ผนังหินจะถูกแกะสลักเป็นหน้าต่างๆอยู่ จริงแล้วต่อจากปราสาทบายันเราก็ผ่านประตูเมืองใหญ่ฝั่งทิศ เหนือของนครธมและก็ตั้งใจจะไปต่อที่พนมบาเค็งที่ๆเราพลาด ไปเมื่อเช้าว่าจะไปถ่ายอาทิตย์ขึ้น เป็นทางที่ต้องขึ้นเขาด้วยการ เดินเท้าหรือนั่งช้างไปก็ได้ค่ะ แง๊ . .พอจะเข้ า ใจแล้ ว ว่ า ทำ � ไมถึ ง ต้ อ งมี บั ต ร3วั น เพื่ อ เที่ ย วนครวั ด และนครธมแต่ ล ะที่ นั้ น บางที ต้ อ งเดิ นทางด้ ว ย ตุ๊กๆ30กิโลเมตรไปกลับ60กิโลเมตร และเราต้องตัดอีกหลายๆ ที่ที่น่าไปมากๆ แต่..แค่นี้ก็เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย