OCTOBER ISSUE 9
CarVariety • 2013 Toyota Avalon สวย..สะกดทุกสายตา • Renault Popemobile นักบุญในมาด EV
Tip�&�Technique • Advanced Parking Guidance System จอดงาย จอดสบาย • ระบบสองสวาง จากอดีตจนปจจุบัน
LifeStyle • สิ้นสุดการรอคอย iPhone 5 ที่มาพรอมกับความยาววิ • ทองนครโบราณ "นครวัด"
CarVariety 2013 Toyota Avalon
สวย..สะกดทุกสายตา
“ถ้ า พู ด ถึ ง รถยนต์ ซี ด านหรู ที่ โดดเด่ นที่ สุ ด ใน งาน New York Auto Show 2012 ก็คงต้องเป็น ซีดานตัวเด่นประจำ�ค่าย Toyota Avalon โฉม 2013 มา Soft Lunch ให้บรรดาแฟนๆน้ำ�ลายหกกันเล่นๆ”
..........
รุ่นเก่ายังไม่เครื่องยังไม่ทันหายร้อน Toyota ก็ได้ออกโฉม 2013 กันมาแล้ว แต่มาในคราวนี้ได้ปรับ เปลี่ยนเครื่องยนต์ให้เป็นระบบ Full Hybrid เหมาะ สมกับสถานการณ์น้ำ�มันโลก อีกทั้งยังมีอัตราการ ประหยัดที่ซีดานหลายๆ ค่ายทำ�ไม่ได้ การออกแบบภายนอกนั้นต้องบอกว่าได้ทำ�ให้ สัดส่วนเข้าที่เข้าทางกว่ารุ่น 2012 พร้อมตกแต่ง รายละเอียดต่างๆให้สมกับเป็นซีดานที่เน้นอารมณ์ สปอร์ตไปในตัว ด้วยไฟหน้าทรงเฉี่ยว ที่สอดรับกับ กระจังหน้าและช่องดักอากาศขนาดยักษ์ และเส้นสาย ด้านหน้าและสปอร์ทไลท์ฝังอยู่ในโครเมี่ยมที่เงางามดู ทันสมัย
ด้านหลังจะเห็นระบบท่อไอเสียเป็นแบบ สแตนเลสคู่ บวกกับล้ออัลลอยด์ 5 ก้าน ขอบ 17 นิ้ว และ 18 นิ้ว มีการออกแบบและเชื่อม ต่อโครงสร้างแบบใหม่ รวมถึงการใช้เหล็กที่มี ความแข็งแรงสูงกว่าเดิม ระบบกันสะเทือนแบบ อิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมชุดสปริงที่แข็ง แรงขึ้นและมี Anti-Roll Bar ที่ขนาดใหญ่กว่าเดิม ทั้งหมดทั้งปวงนี้ออกแบบโดยทีม Calty Design Research ทีมออกแบบของโตโยต้าที่มีฐานอยู่ใน แคลิฟอเนีย
ภายในดีไซน์มาได้โดนใจจริงๆ ครับ ด้วยแผงควบคุมถูกจัด วางได้อย่างเป็นระบบระเบียบ โดยสวิทช์ทั้งหลายอยู่ในรัศมีการใช้ งานที่ง่ายต่อการควบคุม ทั้งนี้ เรือนไมล์จะบอกทั้งในแบบดิจิตอล และอนาล็อก โดยออกแบบให้กลมกลืนเป็นชุดเดียวกับช่องระบบปรับ อากาศอยู่ในกรอบโครเมี่ยม พวงมาลัยเพาเวอร์ทรงซิ่ง 3 ก้าน พร้อมด้วยปุ่มควบคุมแบบ Multi Function พร้อมหุ้ม dashboard ด้วยหนังที่ทำ�ให้ดูเท่ห์ได้อีก ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ขนาด V6 กับความจุ 3.5 ลิตร DOHC ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 speed โดยทั้ง 6 สูบนั้น สามารถรีดกำ�ลังได้ถึง 268 แรงม้า ส่วน 248 คือตัวเลขของแรงบิด โดยสามารถพารถที่หนักราว 1,570 กิโลวิ่งไปด้วยความเร็ว 0-100 ได้ภายใน 7 วินาที โดยผนวกกับระบบ HSD ก็สามารถลดอัตราสิ้น เปลืองได้ที่ 40MPG
“นั่นเป็นเพียงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นะครับ สำ�หรับ Toyota Avalon 2013 คันนี้ โดยในทาง งานยังอุบเรื่องราคาขายไว้ก่อน โดยระบุว่าจะ ออกจำ�หน่ายจริงๆ ช่วงปลายปีครับ”
CarVariety Renault Popemobile นักบุญในมาด EV
“ถ้าพูดกันถึงรถประจำ�ตำ�แหน่งแล้ว เพื่อนๆ คงนึกถึง รถซีดานหรูของเหล่าผู้บริหารหรือผู้นำ�ประเทศ แต่รถประจำ� ตำ �แหน่งที่นายทีจ ะพาไปรู้จัก วันนี้เป็นรถประจำ �ตำ �แหน่งที่ ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในโลก นั่นก็คือรถประจำ�ตำ�แหน่งของสมเด็จ พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 ที่ใช้บริการของ Renault มา ดัดแปลงให้เป็น Popemobile ในสไตล์ EV นั่นเอง”
..........
จริงๆ ทางวาติกันไม่ได้ใช้บริการหรอกครับ แต่ Renault เป็นผู้บริจาค Renault Kangoo Van Maxi ให้พร้อมกับตกแต่งภายนอกภายในเสียใหม่หมด เพื่อ ที่จะใช้เป็นรถสำ�หรับเสด็จไปตามที่ต่างๆ และที่จริงแล้ว Renault Popemobile คันนี้ก็ ไม่ใช่ Popemobile คันแรกเหมือนกัน เพราะรถประจำ� ตำ�แหน่งพระสันตะปาปานั้นมีมาตั้งแต่ปี 1978 ซึ่งรถ คันแรกที่ได้เกียรตินั้นก็คือ SEAT Panda สีขาว (รถ Popemobile ทุกคันจะใช้สีขาว)ซึ่งอยู่ในยุคของพระ สันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 นั่นเองครับ และในปี 2012 Popemobile จึงเข้าสู่ยุคของ EV โดย Kangoo Van Maxi ที่เดิมทีเป็นรถแวน 1 ที่นั่งโดยเน้นบรรทุกสัมภาระ แต่เหตุกระนั้นเอง ทาง ค่ายจึงนำ�มาดัดแปลงตกแต่งให้นั่งสบาย พร้อม อุปกรณ์อำ�นวยความสะดวกสำ�หรับผู้สูงอายุ โดย ว่ากันเรื่องภายนอกที่ความยาว 4.2 เมตร นั่นทำ�ให้ สามารถเพิ่มเบาะแบบนั่งสบายๆได้อีก 3 ที่ รวมทั้ง เจาะเป็น moonroof ขนาดยักษ์ และอีกหนึ่งสาเหตุที่ ใช้ Kangoo ในการทำ�รถเสด็จของโป๊ปก็คือ ตัวบาน ประตูที่มีขนาดใหญ่และเหมาะสำ�หรับใส่ช่องกระจกบาน ใหญ่ที่สามารถมองเห็นเพื่อ โดยเรื่องของกำ�ลังการขับเคลื่อนนั้น Popemobile คันนี้เป็น Zero Emission ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ขนาด 44 kW หรือราว 60 แรงม้า จัดการพลังงาน ด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 22 kWh ที่ฝัง ตัวอยู่กลางคันรถ ซึ่งสามารถขับได้ไกลราว 170 กิโลเมตร ใช้เวลาชาร์จเต็มประมาณ 6-8 ชั่วโมงจึงจะ วิ่งได้อีกครั้ง
“ถ้าใครประสงค์จะใช้ Kangoo มาดัดแปลง เป็นรถเอนกประสงค์ต่างๆ ก็สามารถ จับจองได้นะครับ ที่ราคา ราว 15,000 ยูโร ส่วนเวอร์ชั่น 2 ที่นั่งจะอยู่ที่ 16,000 ยูโร ส่วนแบบ 5 ที่นั่งอยู่ที่ 17,000 ยูโร ครับ”
Tip & Technique Advanced Parking Guidance System
จอดง่าย จอดสบาย
“ต่อจากในคอลัมน์ที่แล้ว กับระบบช่วยจอดที่ทำ�ให้การถอย รถยนต์เข้าซองเป็นเรื่องง่าย เรามา ดูกันต่อครับว่าเทคโนโลยีดีๆ เหล่านี้ นั้นมีความอัจฉริยะแค่ไหน”
..........
แบบใช้จอภาพ ซึ่งสามารถมองเห็นท้ายรถขณะถอย เป็น อุปกรณ์ที่มือใหม่ชอบมาก เนื่องจากเซ็นเซอร์ เสียงเพียงอย่างเดียวอาจจะทำ�งานผิดพลาด ได้ ในบางสถานการณ์ที่ระบบไม่สามารถตรวจ จับได้ เช่นหลุม บ่อ หรือท่อที่ไม่มีฝาปิดอยู่ การ มองเห็นด้วยตัวเองดูท่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดย อุปกรณ์ชุดนี้จะค่อนข้างใหญ่ เพราะต้องมี กล้องติดอยู่ที่ท้ายรถ (ตอนสอบใบขับขี่ห้ามใช้ นะครับ) จอ LCD เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลังระบบจะ Sync กล้องกับจอให้แบบอัตโนมัติ ทำ�ให้สามารถ มองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ง่ายๆ ส่วนมากผู้ผลิตจะไม่ได้ทำ�ระบบมาแค่นั้น แต่จะใส่ลูกเล่นต่างๆ เช่น ในจอภาพจะมีเส้นบอก ระยะ ที่สามารถกะได้ว่าที่ที่จะเข้าจอดนั้นพอกับตัว รถหรือไม่ บางรุ่นสามารถกะระยะที่พวงมาลัย ได้ พอหมุนพวงมาลัยเส้นแนวก็จะโค้งตาม ทำ�ให้ ผู้ขับกะได้ว่าล้อจะไปอยู่ตำ�แหน่งไหนในภาพ ก็จะ ทำ�ให้การจอดรถเป็นเรื่องง่ายอีกแยะ
โดยในช่องใส่จอภาพหรือมอนิเตอร์นี้ จะต้องเป็นแบบ 2DIN ซึ่ง จะได้จอภาพอยู่ที่ขนาดตั้งแต่ 4.8-7 นิ้ว ซึ่งปัจจุบันในที่ล้ำ�กว่านั้นก็คือ บางรุ่นไม่ใช้จอ LCD ติดตรงวิทยุแล้ว แต่จะใช้เป็นกระจกมองหลังไฮเทค ที่ออกแบบมาเป็นจอ LCD ได้อีกด้วย เพิ่มความหรูหรา แถมยังสะดวกไม่ ต้องลดระดับสายตาลงมาอีกด้วย
แบบจอดอัตโนมัติ (Self-Parking Systems) ถ้าหากระบบอื่นๆไม่สามารถช่วยให้จอดรถได้โดยง่าย เพราะติดปัญหาที่ยากที่สุดคือ การควบคุมพวงมาลัยนั่นเอง มาลองดูระบบนี้กันดีกว่า ระบบถอยจอดให้เองครับ เป็นการ พั ฒ นาการต่ อ ยอดมาจากระบบคำ � นวณที่ จ อดโดยใช้ ค ลื่ น เสียงอัลตราโซนิค (เหมือนกับที่กล่าวมาในคอลัมน์ที่แล้ว) แต่ หลังจากรถรับรู้แล้วว่าพื้นที่สามารถจอดได้ มันก็จะช่วยหมุน พวงมาลัยให้โดยอัตโนมัติ และขับรถผ่านช่องว่างที่เห็น แล้วก็ จอดเข้าเกียร์ถอยหลัง จากนั้นก็ปล่อยให้รถไหลเข้าไปจอดเอง ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีรายละเอียดที่ไม่เหมือนกัน เช่น เร่งอัตโนมัติ เบรกอัตโนมัติ โดยระบบจะหยุดการทำ�งานทันทีที่มีการหมุน พวงมาลัยหรือเมื่อรถเคลื่อนที่เร็วไป เมื่อรถถอยจนเข้าที่แล้ว เปลี่ยนเป็นเกียร์เดินหน้า พวงมาลัยก็จะหมุนเองอีกเล็กน้อย เป็นอันเสร็จสิ้นระบบนี้
“ซึ่งจะเห็นได้ว่ายิ่งนับวันเทคโนโลยีเหล่านี้ยิ่ง ใกล้หนังไซ-ไฟเข้าไปทุกที ซึ่งนายทีคิดว่าอีกไม่ นานเทคโนโลยีอัจฉริยะเหล่านี้จะแพร่หลาย และจะทำ�ให้มีต้นทุนที่ถูกลง นั่นหมายความว่า อีกไม่กี่อึดใจก็คงจะเป็นหนึ่งในออปชั่น เสริมให้กับรถหลายๆ รุ่นแน่ครับ”
Tip & Technique ระบบส่องสว่าง จากอดีตจนปัจจุบัน
“Headlight หรือ Headlamp เป็นที่รู้จักกันมานานแสน นานตั้งแต่รถยนต์คันแรกเกิดขึ้น เพราะไฟหน้ารถถือเป็น เหมือนดวงตาที่จะทำ�ให้ผู้ขับขี่ได้มองเห็นถนนหนทางในยาม ค่ำ�คืน แต่กว่าจะออกมาเป็นไฟหลากหลายรูปแบบนั้น ก็ต้อง ผ่านการทดลองเป็นพันๆครั้งกว่าจะได้ระบบส่องสว่างดีๆ ให้เราใช้กัน เอาล่ะครับวันนี้นายทีจะพาไปดูวิวัฒนาการของ ระบบส่องสว่างหน้ารถในแบบต่างๆ กัน”
..........
ไฟแบบจานสะท้อน (Multi-Reflector) มีต้นกำ�เนิดมาตั้งแต่ยุค 1880 โดยเริ่มจากจุดสังเกต ของจานทรงโค้งแบบ Parabolic และหลอดไส้ โดยในรถยนต์ รุ่นแรกๆ ที่ใช้นั้นจะเปลี่ยนหลอดไม่ได้ (Sealed beam) แต่ก็ได้ พัฒนาเรื่อยมาจนสามารถเปลี่ยนหลอดได้ โดยข้อดีคือหลอด ขาดก็ไม่ต้องเปลี่ยนทั้งโคม โดยจะใช้ไฟต่ำ� ไฟสูงในโคมเดียวกัน หรือแยกก็ได้ ซึ่งปัจจุบันไฟหน้าแบบดั้งเดิมนี้ก็ยังเป็นไฟหน้าที่ นิยมใช้กันมากที่สุดทั่วโลก
ไฟหน้าฮาโลเจน (Halogen Headlamp) และในปี 1962 European consortium of bulb and headlamp makers ก็ได้คิดค้นหลอดไฟฮาโลเจน ไฟหน้าที่ใช้หลอดแบบมีไส้ที่มีความพิเศษอยู่ก็คือ เมื่อ จ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าไปจนไส้หลอดก็จะเกิดการเปล่งแสง ผ่านก๊าชฮาโลเจนที่บรรจุอยู่ภายใน ทำ�ให้เกิดความ สว่าง รองรับด้วยจานฉายสะท้อนยิงแสงผ่านหน้า เลนส์ และฮาโลเจนนี้เองใช้ได้ทั้งไฟต่ำ�และไฟสูงเพราะมี การตอบสนองค่อนข้างไว ลำ�แสงที่ปล่อยออกมามี สีอมเหลืองอ่อน และแบ่งการใช้งานได้อีกตามลักษณะ ของขนาดฐานรูปตัวโคม จำ�นวนไส้ และ ระดับความ สว่างที่เราเห็นเป็นแบบ H1, H2, H3, H4
Projector ก็ได้แจ้งเกิดครั้งแรกในรถคอนเซปต์ของค่าย AUDI (1981) ภายนอกดูแปลกใหม่ล้ำ�ยุค โดยต่อมาถูกพัฒนาให้ มีลำ�แสงพุ่งตรงเป็นลำ� ไม่ฟุ้งกระจายเหมือนไฟแบบอื่น โดย ติดตั้งครั้งแรกใน BME Series 1986 ซึ่งในยุคนั้นถือว่าเป็น อุปกรณ์มาตรฐานของรถเพื่อการจำ�หน่ายจริงเป็นครั้งแรก แต่ไฟ Projector ก็ยังติดปัญหาเรื่องของไส้จาก Halogen ที่ ยังให้แสงไม่สว่างพอที่จะตัดตรงไปได้ในระยะไกล แม้จะเพิ่มวัตต์ ให้สูงขึ้นก็ตามแต่กลับกลายเป็นการเพิ่มความร้อนให้สูงขึ้น พวกจานฉายหลอดตลอดจนหน้าเลนส์ที่บางค่ายใช้ลาสติค จึงหมองเสื่อมสภาพไปไวกว่าสมควร จุดนี้โปรเจคเตอร์จึง พัฒนามาเป็นไฟแบบ Xenon นั่นเอง
“นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของวิวัฒนาการไฟหน้า นะครับ ยังมีหลอดไฟอีกหลายประเภท รวมทั้ง รายละเอียดยิบย่อยอีกเพียบทั้ง LED, HID ฯลฯ และอื่นๆ ที่นายทีจะมาแนะนำ�ให้เพื่อนๆ ได้รู้จัก กันในครั้งหน้า อย่าลืมติดตามนะครับ”
Gadget
LifeStyle สิ้นสุดการรอคอย iPhone 5 ที่มาพร้อมกับความยาวว
“สิ้นสุดการลอยคอรอคอยจริงๆ ค่ะ กับสมาร์ทโฟนเปลี่ยนโลก iPhone 5 ของ Apple ที่อยู่ภายใต้บังเหียนของ Tim Cook รายละเอียดเสป็คจะเป็นอย่างไร ไปดูกันค่ะ”
..........
แม้ว่าจะได้รับการวิพากษ์ต่างๆ นาๆ ว่าหลังจาการจาก ไปของจ๊อบส์ จะเป็นช่วงขาลงของ Apple แต่นั่นก็ไม่ได้ทำ�ให้ทีม งานหยุดในการพัฒนาสมาร์ทโฟนที่มีคู่แข่งรอเชือดอยู่ตลอด เวลา ทำ�ให้การตีโจทย์ที่จะทำ�ให้หน้าจอใหญ่ขึ้นนั้นยาก ตรงที่ จ็อบส์ได้เคยบอกว่าจะไม่เพิ่มความกว้างให้มากกว่านี้ เพราะหาก กว้างกว่านี้มันไม่สามารถจับถือได้ด้วยมือเดียว Apple ก็เลย เคาะกันว่าจะเพิ่มความยาวให้กับ iPhone 5 ซึ่งนั่นก็หมายความ ว่ามันจะต้องผิดสัดส่วนแน่นอน การแหกกฎครั้งนี้ไม่ใช่แค่การแหกกฎของจ๊อบส์อย่าง เดียว แต่เป็นการแหกกฎ Golden Ratio หรืออัตราส่วนทองคำ� ที่ ว่ า ด้ ว ยความสวยงามของทุ ก สรรพสิ่ ง ในโลกนั้ นจะมี ค่ า ที่ 1.618 เสมอ ว่ากันตั้งแต่มหาวิหารพาร์ธีนอน ใบหน้าโมนาลิซ่า โทรทัศน์ LCD และรวมถึง iPhone ทุกรุ่นที่ออกแบบโดยจ๊อบส์
แต่อย่าลืมว่าถ้าไม่คิดว่าเจ๋งจริง Apple คงไม่กล้าทำ� เพราะการขยายหน้าจอให้ ยาวขึ้นจนมีขนาด 4 นิ้วนั้นเป็นผลดีต่อการอัพเกรดจอ Retina Display ความละเอียด ขนาด 1136x640 pixel ที่ทำ�อัตราส่วนได้ที่ 16:9 อีกทั้งแอพเปิ้ลยังบอกว่ามันพร้อม ให้สีสันที่สดใสขึ้นถึง 44% แต่ตัวเครื่องบางลงอยู่ที่ 7.6 มม. ส่งผลให้น้ำ�หนักรวมอยู่ ที่ 112 กรัมเท่านั้น มาพร้อมกับพอร์ทใหม่ถอดด้าม Lighting Connector ที่เล็กกว่า เท่ห์กว่า ชาร์จได้เร็วกว่า
มาดูที่กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล iSight ค่า f/2.4 เเละเลนส์ 5 ชิ้นเเบบ BSI ขนาดเล็กลงกว่ารุ่นที่เเล้ว 25% ถ่ายรูปได้ เร็วขึ้น 40% ลด Noise เเละถ่ายรูปในที่เเสงน้อยได้ดีกว่าเดิม (ใช้ชิป Apple A6 ช่วยเพราะทำ�หน้าที่เป็น Image Signal Processing) หน่วยประมวลผลใหม่ล่าสุดกับ A6 Chip มาพร้อมกับ ความเร็วกว่า A5 ถึง 2 เท่าและยังแจ่มแจ๋วในการแสดงผลกราฟ ฟิคต่างๆนาๆโดยไร้ที่ติ รองรับ 4G LTE , HSPA+,DC-SHDPA 802.11 a/b/g/n wifi กับแบตเตอรี่ที่อึดขึ้นโดยใช้ LTE ได้นานถึง 8 ชั่วโมง คุยติดต่อกันจนหูไหม้ได้ 8 ชั่วโมง และแสดงผลวีดีโอได้ที่ 10 ชั่วโมง
“ดูเสป็คตามประสาผู้ที่ยังไม่เคยได้จับแล้ว ชาว เราก็คงคิดกับเพื่อนๆ ว่ายังไม่ถึงกับ ร้องว้า ว แต่ว่ากันว่าลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆของ iPhone 5 ยังตามมาอีกเพียบ จะเป็นอย่างไรนั้นอาจจะ ต้องรอรีวิวจากหลายๆแหล่งข่าวหลังวันวาง จำ�หน่ายวันแรก 21 กันยานี้ค่ะ”
RoadTrip
LifeStyle ท่องนครโบราณ “นครวัด”
“แม้การจัดอันดับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุค ใหม่นี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยแต่เมื่อพูด ถึงสิ่งมหัศจรรย์ของโลกแห่งหนึ่งที่เป็นที่ยอมรับกัน ทั่วโลกและยังเป็นเป้าหมายการเดินทางของชาว Back Pack นั่นก็คือ ”นครวัด” ซึ่งอยู่ในจังหวัดเสียม เรี ย บประเทศกั ม พู ช าห่ า งจากชายแดนไทยประมาณ 150 กิโลเมตร ทั้งใกล้และไปง่ายขนาดนี้ แล้วทำ�ไมเราจะ พลาดการเดินทางครั้งนี้ซะหละคะ!!”
..........
นครวัดถือเป็นเป้าหมายของการเดินทางที่นักท่องเที่ยวจาก ประเทศไทยสามารถเดินทางได้ทั้งเครื่องบินและรถยนต์ส่วนตัวแต่ การเดินทางครั้งนี้เราจะไปด้วยรถยนต์กันค่ะ แต่ก่อนจะว่าไปถึงการ เดินทางเรามาว่ากันถึงการเตรียมตัวกันซะก่อน ว่าการที่เราจะขับรถ ข้ามไปนั้นจะเตรียมอะไรบ้าง ก็ต้องมีใบขับขี่สากลที่มีภาษาอังกฤษ อยู่ในบัตรด้วย ต่อมาก็ต้องนำ�รถคันเก่งของเราที่จะเดินทางไปๆ ทำ�พาสสปอร์ตเสียด้วย และหลังจากนั้นเราก็จะได้ทะเบียนรถที่เป็น สติ๊กเกอร์และสัญลักษณ์ตัวTมาแปะพร้อมเอกสารขับผ่านแดนค่ะ เมื่อเอกสารพร้อมอะไรพร้อม ก็บึ่งออกจากกรุงเทพด้วย ถนนหมาย 304 หรือเอาง่ายๆ ก็คือทางไปจังหวัดฉะเชิงเทราแล้ว เพื่อมุ่งหน้าต่อไปจังหวัดสระแก้ว
ตลอดเส้ นทางก็ จ ะมี บ้ า นเรื อ นสลั บ กั บ ทุ่ ง นาและก็ สลับกับหลุมบ้างฮ่าๆๆ (น่าจะชินเพราะบ้านเราก็ไม่ต่าง) และ สำ�หรับผู้ที่รถใช้ก๊าซแอลพีจีที่เสียมเรียบจะมีให้ไว้บริการอยู่ 1 ปั๊ม แต่ทางที่ดีขอแนะนำ�ให้เติมจากสระแก้วไปให้เต็มและก็ไป เต็มที่เสียมเรียบเลยอีกทีหนึ่งเพื่อความประหยัดค่ะ แต่ถ้าเป็น น้ำ�มันดีเซลและเบนซินมีตลอดทางสบายใจได ใช้เวลาไม่นาน ก็มาถึงกัมพูชาแล้ว ว่ากันเรื่องที่พัก บ้าง เราขอแนะนำ�ว่าให้จองทางออนไลน์และเลือกที่พักที่ติด กับ Pub Street เพราะราคาที่พักไม่แพง อยู่ราว 1200 บาท + Extra Bed แล้ว + อาหารเช้าด้วย ภายในห้องสะอาดดี มีทีวีเคเบิ้ล มีแอร์ เครื่องทำ�น้ำ�อุ่นและที่สำ�คัญอยู่กลางเมือง เสียมเรียบติดกับ Pub Street ที่เปรียบเหมือนตรอกข้าวสาร บ้านเค้าแต่จะใหญ่กว่า บ่าย2โมงเราก็เดินทางมาถึงเสียมเรียบ เมื่อไปถึงเราก็เช็คอินและจอดรถไว้ที่โรงแรม(เค้ามีที่จอดรถ ให้)หลังจากนั้นก็เตรียมตัวออกไปแลกเงิน เราแลกเป็น US Dollar เพราะที่นี่ส่วนมากจะใช้us ร้านสำ�หรับแลกเงินก็จะมีให้ เห็นทั่วไปในเสียมเรียบ Rate ราคาก็แล้วแต่ละร้านเดินเปรียบ เทียบกันสักหน่อย อาหารมื้อเย็นและเป็นอาหารกัมพูชามื้อ แรกของเรา เราเลือกทานหมูกระทะก็คล้ายๆที่บ้านเราแต่ของ เค้าถือว่าเป็นอาหารที่ขึ้นร้านอาหารแบบแต่งสไตล์ร้านที่ขาย อาหาร Fusion Food ในบ้านเราเลยหละค่ะ หลังจากอิ่มท้อง แล้วหนังท้องตึงหนังตาหย่อนต้องขอเข้านอนก่อน แล้ว คอลัมน์หน้าจะพาเพื่อนๆ ไปตะลุยเมืองนครวัดกันค่ะ
เวลาเดินทางจากกรุงเทพ-สระแก้วใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง (ตามน้ำ�หนักเท้า) การเดินทางครั้งนี้ชาวเราจะใช้เวลารวม 3 วัน 2 คืน ถือว่ามีเวลาไม่มากแต่รับรองว่าเต็มอิ่ม ล้อหมุนช่วง 6 โมงเช้า และถึงด่านประมาณ 9 โมง แวะกินข้าวเช้าแถวตลาดโรงเกลือหลังจาก นั้นก็เตรียมเข้าด่าน ที่ด่านนี้จะใช้เวลาค่อนข้างนานสักหน่อยอย่างเร็ว ก็40นาที เมื่อผ่านด่านคลองลึกไปก็จะเจอคาสิโนเรียงอยู่เป็นแถวเลย อ้อลืมบอกไปว่าถนนที่จะเดินทางไปเสียมเรียบเมื่อก่อนนี้ใช้เวลา เดินทางกันประมาณ 6-8 ชม.เลย เพราะทางแย่มากๆแต่ปัจจุบันนั้น สามารถเดินทางด้วยรถส่วนตัวแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้นและ 3-4 ชั่วโมง สำ�หรับรถบัสที่มีบริการเมื่อเราผ่าน immigration boarder ของ กัมพูชา เข้าไปแล้ว จากนั้นการขับรถจากด่านคลองลึกไปที่เสียมเรียบ นั้นขับไปไม่ ยากค่ะ เพราะตรงอย่างเดียวจะมีอยู่วงเวียนเดียวที่ต้อง สังเกตุป้ายสักหน่อย ถ้าเจอวงเวียนนี้นั่นก็หมายถึงคุณเดินทางมาเกิน ครึ่งทางแล้วล่ะ ตลอดเส้นทางก็จะมีบ้านเรือนสลับกับทุ่งนาและก็สลับกับหลุม บ้างฮ่าๆๆ (น่าจะชินเพราะบ้านเราก็ไม่ต่าง) และสำ�หรับผู้ที่รถใช้ก๊าซแอล พีจีที่เสียมเรียบจะมีให้ไว้บริการอยู่ 1 ปั๊ม แต่ทางที่ดีขอแนะนำ�ให้เติมจาก สระแก้วไปให้เต็มและก็ไปเต็มที่เสียมเรียบเลยอีกทีหนึ่งเพื่อความประหยัด ค่ะ แต่ถ้าเป็นน้ำ�มันดีเซลและเบนซินมีตลอดทางสบายใจได