TOYOTA CAMRY CLUB
หลังจากที่ไปแอบลูบๆ คลำ� ๆ มานานนับตั้งแต่เปิด ตัว ในที่สุดด้วยความใจดีของโตโยต้า ผ่าน e-TOYOTACLUB ผมกับเพื่อนๆ โตโยต้า CAR CLUB อื่นๆ อีก 10 คลับ ก็ได้น้อง TOYOTA PRIUS มาเชยชมสมใจปรารถนาเป็นเวลา หลายวันหลายคืน ต้องขอขอบคุณ e-TOYOTACLUB เป็นอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้ครับ
แม้น้องเค้าจะอยู่กับเราเพียงไม่กี่คืน แต่คืนแรกที่ไม่มีน้องเค้าอยู่ ก็ทำ�เอาผมเศร้า อยู่ลึกๆ .. นึกอยู่ว่า ต่อจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว... 17.7 โล/ลิตร เหลือแต่ 7 โลลิตร คันเดิมที่ใช้อยู่ปกติเท่านั้น ฮือๆ ... จากที่ไม่เคยรู้สึกว่าเราจ่ายค่าน้ำ�มันแพงเกินไป กลับมาขับคัมรี่ของเราอีกที.. ทำ�ไมมันซดอย่างนี้ว้า อยากจอดไว้บ้านเลย วันๆ เฝ้าคิดถึงแต่น้องพรีอุสๆ ๆ อยากได้มันกลับมามากๆๆๆ... นอกจากความประหยัดน้ำ�มัน ก็ยังเฝ้าอาวรณ์คิดถึงความรู้สึกดีๆ ของพรี อุส ไฮบริด ยามที่มันจอดนิ่งๆ เมื่อจอดติดไฟแดง หรือจอดหน้าบ้านก่อนออกจาก บ้าน หรือตอนกลับเข้าบ้าน .. นอกจากเสียงคอมแอร์ที่ดังเบาๆ แล้ว ก็ไม่มีเสียง เครื่องยนต์ เสียงรอบเดินเบาอะไรต่างๆ ที่ปกติจะได้ยินจากรถยนต์ที่จอดติดเครื่อง อยู่กับที่เลย ความรู้สึกตอนนั้น มันยอดมากเลย ในที่เงียบๆ ก็ไม่ส่งเสียงให้ใคร รำ�คาญแม้แต่น้อย
การเข้าเกียร์แต่ละจังหวะใช้เพียงข้อนิ้วน้อยๆ ก็สามารถจะขับเกียร์ไปได้ทุกตำ�แหน่ง เมื่อใช้คุ้นเคยแล้วก็จะรู้สึกทันทีว่ามันสะดวกมาก ประกอบกับตำ�แหน่งเกียร์ที่อยู่สูงขึ้น มาในช่วงคอนโซลที่คั่นตรงกลางระหว่างผู้โดยสารตอนหน้ากับคนขับ ก็ทำ�ให้การ เปลี่ยนเกียร์ถนัดมากขึ้นกับตำ�แหน่งการวางของข้อมือ ชอบ ชอบ ชอบ 17.7 กิโลเมตรต่อลิตร ผมได้มาอย่างไร ... จริงๆ แล้วเป็นตัวเลขที่เมื่อเปรียบ ไม่เคยรู้สึกโอเคกับการจอดรถเปิดแอร์ติดเครื่องอยู่เฉยๆ เลยสักครั้ง เทียบกับคนอื่นๆ ที่นำ�พรีอุสไปทดสอบในช่วงเดียวกัน เห็นจะล้าหลังมากอยู่ เพราะ เพราะนอกจากมันจะส่งเสียงเดินเบาหนวกหูแล้ว ยังก่อมลภาวะจากท่อไอเสียอีก บางคนขับได้ถึง 22 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งก็ไม่แปลกใจอะไรทั้งสิ้น เพราะผมขับด้วย จนกระทั่งมาลองใช้ พรีอุส ไฮบริด คันนี้ อาการปกติ เพื่อเปรียบเทียบกับอัตราการกินน้ำ�มันของคัมรี่ที่คุ้นเคยอยู่แล้วกับ แอบอิจฉาเพื่อนๆ ที่ใช้ คัมรี่ ไฮบริด กันไปเลยทีเดียว คุณตัดสินใจถูกละครับ ลักษณะการขับเหมือนกัน คือขับแบบว่องไว เร็วได้เร็ว แซงได้แซง อืดได้ก็อืด ติดได้ก็ อีกไม่นานผมจะตามไป 555 ติด เพราะฉะนั้นการที่ได้ 17.7 โลลิตรสำ�หรับตัวเองก็ถือว่าภาคภูมิใจเป็นล้นพ้นแล้ว ในการทดสอบ พรีอุส ไฮบริด คราวนี้ ผมได้มีโอกาสเอาไปลองในการใช้งาน นอกเหนือไปจากเรื่องการประหยัดน้ำ�มันที่สร้างความประทับใจอย่างแรงแล้ว ในชีวิตประจำ�วัน คือในเมือง แต่วิ่งไกล ผ่านรถติดสาทร, วิ่งเรื่อยๆ เรียงๆ อย่างอื่นที่ประทับใจมากเห็นจะเป็นไฟหน้า LED ที่มีในรุ่น Top ซึ่งนอกจากจะสว่าง แถวย่านเมืองเก่าแถบพระนคร, ขึ้นทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ไปๆ มาๆ กับการวิ่ง มากมายแบบไม่แยงสายตารถสวนแล้ว ยังเปิดติดได้ไวแทบจะทันที ต่างกับไฟในระบบ เส้นมอเตอร์เวย์ออกไปชลบุรีทั้งกลางวันและกลางคืน จะขาดก็แต่การวิ่งขึ้นลงเนิน HID ที่จะใช้เวลาในการส่องสว่างได้เต็มที่ประมาณ 3 วินาที ไฟหน้า LED ที่ดีมากๆ เยอะๆ ที่ปกติน่าจะลองดูเวลาทดสอบรถ โดยเฉพาะรถที่เป็นระบบเกียร์ e-CVT แบบในพรีอุสนี้ ถ้าให้เดาผมว่าต้องมีในคัมรี่ตัวต่อไปแน่ๆ (ไม่มี-โกรธ) ที่จะคำ�นวณอัตราทดเกียร์สำ�หรับการเบรคโดยใช้เครื่องยนต์แทนการเหยียบเบรค เช่นเดียวกันกับไฟท้ายที่เป็นแบบ LED เหมือนกัน ให้ความสว่างมากจนเหมือนจะเกิน ตามปกติมาให้ แต่ก็ไม่เป็นไรมากมาย เพราะเท่าที่ทดสอบมากับการใช้เกียร์ B ซึ่งเป็น พอดีไปเล็กน้อย เพราะได้ขับตามพรีอุสตอนกลางคืนอยู่ช่วงหนึ่งบนมอเตอร์เวย์ ไม่ เกียร์ BRAKE บนพื้นราบ ก็พอจะประมาณแรงหน่วงของเครื่องยนต์ได้ระดับหนึ่ง ได้ถึงกับจะแยงตา แต่ก็กวนตานิดหน่อย อีกเหตุหนึ่งคงเนื่องมากจากว่าระดับของ ไม่เหมือนกับเกียร์อัติโนมัติปกติ แต่เช่นเดียวกับเกียร์ใน CAMRY HYBRID, ไฟท้ายพรีอุสอยู่สูงกว่ารถทั่วไปด้วย TOYOTA PRIUS มีแค่เกียร์ D เพียงตำ�แหน่งเดียวสำ�หรับการขับเคลื่อน และมีเกียร์ เทคโนโลยีใหม่ที่เพิ่มความสะดวกสบายที่ไม่เคยมีในรถยนต์โตโยต้าที่จำ�หน่ายในไทย B ที่ว่าสำ�หรับการใช้ ENGINE BRAKE แทนการแตะเบรค ฉะนั้น เลยไม่แน่ใจสำ�หรับ อีกตัวคือระบบ HEAD UP DISPLAY ที่แสดงความเร็วรถยนต์บนกระจกบังลมด้าน คนที่ปกติยามขับรถลงเขาแล้วมักจะพึ่งพา ENGINE BRAKE เป็นหลักนั้น ควร หน้าตรงของคนขับเป็นตัวเลขเรืองแสง ทำ�ให้สามารถทราบถึงความเร็ว ณ ขณะ จะใช้เกียร์ D ตามปกติหรือควรปรับไปเกียร์ B.. แต่เรื่องนี้เพื่อนๆ ที่ใช้ CAMRY ใดขณะหนึ่งได้โดยไม่ต้องละสายตาไปมองหน้าปัทม์ ระบบ HUD นี้สามารถปรับระดับ HYBRID อยู่คงจะทราบกันแล้ว เดี๋ยวถ้าผมได้ไปลองอีกทีก็คงจะทราบอาจจะได้เอา ความเข้มของแสงให้พอเหมาะกับการมองเห็นที่ไม่รบกวนสายตามากเกินไปได้ และ มาบอก(ตัวเอง)อีกที แฮ่ ๆ ปรับระดับสูงต่ำ�ตามส่วนสัดของคนขับได้ ... อันนี้ก็ถือว่าล้ำ�ดี เพราะดูเหมือนไม่นาน ที่ไม่เหมือนกับเกียร์ของ CAMRY HYBRID คือเกียร์ของพรีอุสเป็นแบบจอย มากนักยังอ่านจากที่ไหนสักแห่งว่าเป็นเทคโนโลยีอนาคตอยู่เลย สติ๊ค ที่ไม่ว่าจะเลื่อนเพื่อจะไปเข้าตำ�แหน่งไหน ก็จะดีดกลับมาอยู่ที่ตำ�แหน่งกลางเสมอ
อัตราเร่งของพรีอุสไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรกับเครื่อง 1.8 ที่มีระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยขับกำ�ลังเร่งให้อีกทางโดยเฉพาะเมื่อกดปุ่ม POWER ซึ่งคล้ายกับการคิกดาวน์ ในย่านความเร็ว 80-120 ซึ่งเป็นความเร็วปกติของการขับรถบนมอเตอร์เวย์นั้น พรีอุสสั่งการได้ พร้อมความมั่นใจกับระบบเบรคที่แม้ว่าในการสัมผัสแรกๆ จะรู้สึก ว่าไวจนเกือบหน้าทิ่ม แต่ในการใช้งานจริงต้องยอมรับว่าเบรคของพรีอุสนั้นแน่น หนึบอย่างแรง การเบรคในสถานการณ์จริงบนความเร็วสูงนั้นหยุดได้รวดเร็วสมคำ� คุยที่ว่าดีกว่าบีเอ็มดับเบิลยูด้วยระยะเบรคที่สั้นและมั่นคงจนรู้สึกว่าจะดีกว่าในคัมรี่เสีย อีก การประคับประคองตัวเมื่อยามเบรคอย่างกระทันหันก็นับว่าใช้ได้ทีเดียว สามารถหัก หลบและกลับเข้าเลนปกติในระยะที่สั้นมากไม่ถึง 10 เมตรก่อนจะชน โดยที่ไม่รู้สึกว่า ผ่านเหตุการคับขันมาหยกๆ ไม่ต้องใจหายใจคว่ำ� แต่อย่างไรก็ตาม หากเกิดอุบัติเหตุชนจริง ความรู้สึกอุ่นใจคงถูกตุนในกระเป๋า ไว้เพียบ เพราะพรีอุสให้แอร์แบ็กถึง 7 ใบ คือหน้า 2 ใบปกติ บวกแอร์แบ็คใต้พวง ฟิลลิ่งการขับขี่ และการได้นั่งอยู่ในพรีอุสเป็นอย่างไร ใครที่ใช้คัมรี่ตัวปัจจุบันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นไฮบริดหรือไม่ วูบแรกคงจะรู้สึกไม่ต่างกันหลัง มาลัยรถเพื่อป้องกันเข่าและขาคนขับอีก 1 อีก 4 ใบเป็นแบบม่านที่ฝังไว้ตรงขอบ หน้าต่างทั้ง 4 บาน เยอะสุดในบรรดารถของโตโยต้าเลยทีเดียว จากที่เข้าไปนั่งปุ๊บว่ามันคนละคลาส ความรู้สึกภูมิฐาน หรูหรา ความสบาย อะไร ต่างๆ ที่นำ�มาซึ่งความรู้สึกที่ตอบสนองกับอีโก้ที่ทำ�ให้รู้สึกว่าคนใช้เป็นคนที่ประสบ ความสำ�เร็จในชีวิตระดับหนึ่งนั้น มันไม่ได้เป็นออปชั่นให้มาในพรีอุส ด้วยสายตา เรา จะเห็นคอนโซลที่เป็นพลาสติกแข็งล้วนรอบทิศทาง ไม่มีลายไม้ เบาะนั่งแม้จะเป็นหนัง แต่ก็ไม่นุ่ม รวมๆ บอกได้ว่าไม่มีส่วนไหนที่จะสร้างความรู้สึกภูมิฐานแบบคัมรี่ ด้วยความรู้สึก โดยเฉพาะเมื่อขับไปบนท้องถนน คนขับและคนนั่งจะยังรู้สึกว่าเป็น ส่วนหนึ่งที่ต้องรับรู้ความวุ่นวายของท้องถนนอยู่ กับความที่รู้สึกว่าพรีอุสวิ่งอยู่ ด้วยแข้งขาที่ทำ�ให้เรารับรู้ถึงการสัมผัสกับพื้นถนน การกระแทกเล็กๆ น้อยๆ และ การเก็บเสียงที่แม้จะไม่แย่ แต่ก็ไม่เงียบ เสียงลมเวลาวิ่งมีให้ได้ยินค่อนข้างดัง เช่นเดียว กับเสียงยางบดกับพื้นถนน เป็นฟีลลิ่งที่คล้ายคลึงกับที่เป็นอยู่ในอัลติสมาก พราะฉะนั้น ไม่แปลกที่การขับทางไกลด้วยพรีอุสจะรู้สึกค่อนข้างล้าและเหนื่อย พอๆ กับการขับอัลติส ซึ่งต่างจากการขับคัมรี่โดยสิ้นเชิง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ใช่เรื่อง ของอัตราเร่งแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องของความสบายล้วนๆ
ช่วงล่างเป็นอย่างไร ถ้าเอาคาแร็กเตอร์ช่วงล่างของรถค่ายโตโยต้าโดยเฉลี่ยๆ เป็นเกณฑ์พาร์ ถือว่า ดีกว่าพาร์อยู่ประมาณหนึ่ง ถ้าเทียบกับอัลติสซึ่งเป็นรถยนต์ขนาดเดียวกันกับ พรีอุส ก็ถือว่าดีกว่าเล็กน้อย แต่ก็คงเนื่องจากน้ำ�หนักตัวที่มากกว่า พรีอุสหนัก 1,390 กิโลกรัม ขณะที่อัลติส 1.8 รุ่นปัจจุบันหนักอยู่ที่ 1,245 ก.ก. ต่างกันถึง 155 ก.ก. จากน้ำ�หนักของแบตเตอรี่ เทียบกับคัมรี่ตาเหยี่ยว พรีอุสเกาะถนนกว่า เข้าโค้งได้ดีกว่าแรงกว่า แต่ถ้าเทียบ กับคัมรี่ตัวปัจจุบัน คัมรี่ช่วงล่างเดิมๆ ดีกว่าพอสมควร เพราะฐานล้อที่กว้างกว่า และถา้ เปน็ ตัวไฮบริดทีห่ นักราว 1,600 ก.ก. แล้ว ก็คงจะได้ความแน่นตอนเข้าโค้งมากกว่า โตโยต้า พรีอุส คันนี้ แม้ผมจะรู้สึกว่าไม่ได้เป็นรถที่นั่งสบายเท่าคัมรี่และรถใน ระดับเดียวกับคัมรี่ แต่เป็นรถที่ให้ความสะดวกมากทีเดียว นอกจาก SMART ENTRY และ PUSH START แล้ว อุปกรณ์มาตรฐานที่อยู่ในคัมรี่ก็ให้มาเกือบครบทุก รายการ ไล่ตั้งแต่ไฟหน้าอัตโนมัติ, ปัดน้ำ�ฝนอัตโนมัติ, ไฟตัดหมอกหน้าหลัง, มาตร วัดบอกใช้งานต่างๆ ที่เพิ่มระบบการคำ�นวณการใช้พลังงานและเก็บสถิติเทียบในแต่ ละทริปไว้ด้วย, ไฟเล็กๆ ส่องคอนโซลกลางในเวลากลางคืนให้พอมองเห็นสิ่งของ เรื่อๆ (ที่เวิร์คมาก LIKE LIKE LIKE), ช่องเสียบ AUX, กระจกมองหลังแบบตัดแสง, ระบบทำ�ความสะอาดไฟหน้าแบบซ่อนได้ (ฉีดได้แรงจนกระเจิงขึ้นกระจกบังลมหน้า),
กระจกด้านข้างคู่หน้าแบบลดการเกาะของหยดน้ำ� (แบบ HYDROPHILIC), ไฟส่อง สว่างที่วางเท้าคู่หน้า ที่จะสว่างเรื่อๆ ตลอดเวลาที่ขับ และสว่างมากขึ้นเมื่อดับเครื่อง (LIKE อีก), ปุ่มปรับเบาะดันหลังไฟฟ้าฝั่งคนขับ (LUMBAR SUPPORT) ฯลฯ ยังมี อีกเยอะ ตามสไตล์โตโยต้าที่ไม่ค่อยกั๊กอะไรมากมาย อ้อ ยังมีระบบ BLUETOOTH พร้อมปุ่มโทรออก-รับสายบนพวงมาลัยให้ด้วย แม้ว่าตอนทดสอบผมพยายาม PAIR กับทั้ง BB และ i-Phone แต่ก็หาไม่เจอ ทั้งที่ใน คัมรี่จะหาเจอง่ายมาก แต่กระนั้น บางอย่างที่แสนจะธรรมดาๆ ควรมีในรถทั่วไป ที่ไม่ต้องถึงระดับล้าน
สรุป
สอง แต่โตโยต้า ก็ไม่ยอมใส่มาในพรีอุส คือกระจกข้างพับอัตโนมัติ (อายมากเวลา จอดแล้วจำ�เป็นต้องพับกระจกข้างด้วยมือ ต้องถึงกับเอามือปิดหน้ากันทีเดียว) และ ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อขับเคลื่อนออกตัว ขณะที่บางรายการไม่รู้ว่าจะให้มาทำ�ไม เช่น เบาะอุ่นคู่หน้า?? ไม่รู้จะได้ใช้ตอนไหนในเมื่อขับรถปกติเมืองไทยรถติดพักเดียว ก้นก็ร้อนแล้ว (ทีในคัมรี่ ดันให้พัดลมเป่าเบาะให้เย็นลง) เข้าใจว่าเผื่อใครได้ขับไปญี่ปุ่น นั่นเอง ถึงยังคงสเป็คเดิมไว้บ้าง – แง่วววว...
สรุปได้เลยว่า โตโยต้า พรีอุส เป็นรถที่น่าใช้มาก และผู้หญิงน่าจะชอบ เพราะการ ออกแบบวางตำ�แหน่งอุปกรณ์ภายในตอบสนองความจุกจิกได้ดี เช่นตำ�แหน่งที่ วางของต่างๆ, ไฟแต่งหน้าที่แผงบังแดดที่ให้มาทั้งสองด้าน, ไฟอ่านแผนที่สว่างๆ, ลักษณะรถที่เป็นแบบ HATCHBACK 5 ประตู ก็ทำ�ให้สะดวกในการเปิดใช้งานเก็บ ข้าวของหรือขนของ นอกเหนือไปจากความรู้สึกอุ่นใจกับความปลอดภัยแบบ ACTIVE SAFETY ต่างๆ เช่นไฟหน้าสว่างๆ, ถุงลมนิรภัยแยะๆ, ระบบล็อกแบบ DOUBLE LOCK ที่ล็อกได้ทั้งแบบจากข้างนอกเข้าข้างในอย่างเดียวหรือจากข้าง ในออกข้างนอกด้วย (เหมาะกับการขังเด็กไม่ให้ซุกซนออกมาขณะที่ต้องทำ�ธุระนอก รถ), ทัศนวิสัยการมองเห็นด้านหน้าที่โปร่งโล่ง (แม้ท้ายจะดูแคบและเกะกะกับตำ�แหน่งส ปอยเลอร์หลัง) สำ�หรับคนใช้คัมรี่อยู่ ถ้าเป็นรถคันที่สองของบ้าน ผมว่าเหมาะ น่าซื้อไว้ใช้ แต่ถ้า ต้องใช้คันเดียว ให้เลือกคัมรี่ หรือ คัมรี่ ไฮบริด เท่านั้นครับ อิอิ