DONT Special Edition Spring/Summer 2014 by DONT Magazine

Special Edition Spring/Summer 2014

www.style.com, www.stylebistro.com, www.deviantart.com, aishtiblog.com, www.anothermag.com, nemolatte.blogspot.com, www.thaigoodview.com, www.ezio.com, www.wallpaperbest.com, jensblossoms.wordpress.com, juliacoynerrobinson.wordpress.com, www.booooooom.com, www.theliquorstore.fr, itisallaboutfashion.com, www.fashiongonerogue.com, Instagram/crishorwang, www.helenabordon.com, www.vogue.co.uk, www.majorcineplex.com, www.becauseiamfabulous.com, www.fashion-with-style.com, www.menstyle.cz, kitschybelle.com, www.thefashionmedley.com, fabfashionfix.com, stylebloguk.com, www.marieclaire.co.uk, www.todayimwearing.com, fashionel.mk, forums.thefashionspot.com, jacket.yournextshoes.com, forum.purseblog.com, chinabambi.wordpress.com, stylewithstylebabe. com, stylabl.com, www.viewsofia.com, www.vulture.com, www.mirror.co.uk, www.fashionela.net, midtownblogger.blogspot.com, clotheshorse-diaryofaclotheshorse.blogspot.com, contributors.luckymag.com, models.com, www.nmisr.com, media.likes.com, www.zimbio.com, stylewithstylebabe.com, life.nandu.com, weendotnetforum16662.yuku.com, brontek.wordpress.com, thescentofstyle.blogspot.com, www.fansshare.com, modaddiction.net, trialsbytalim.blogspot.com, afamily.vn, lesbeehive.com, www.thefashionlaw.com, www.businessoffashion.com, www.thedailybeast.com, globalgrind.com, www.eonline.com, bellezaymoda.univision.com, fashionsfeinest.blogspot.com, zanderscorner.com, multimedia.quotidiano.net, www.be.com, foros.vogue.es, www.glamour.com, www.dkny.com, www.imdb.com, www.justjared.com, www.oliviapalermo.com, www.dailymail.co.uk, www.stylelist.ca, www.wwd.com, fashionista.com,www.secretstylefile.com, www.highsnobiety.com, www.eonline.com, www.echinacities.com, www.huffingtonpost.com, www.venusbuzz.com, pursuitist.com, thefashionisto.com, howtcelebs.com, thinkingafrob.com

More on P.33

BEST BEST COLLEC COLLEC TION TION

CC-

5 Item

Kenzo Stream of Lives

ตัง้ แต่ Kenzo อ้าแขนรับ Humberto Leon และ Carol Lim เข้ามาเป็น ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ประจำ�บ้าน เราก็ได้เห็นคอลเลกชั่นดุเด็ดเผ็ดร้อน ของ Kenzo เปิดตัวออกมาไม่ขาดสาย ยิ่งในคอลเลกชั่นฤดูร้อนและ ใบไม้ผลินี้ ทั้งคู่ได้สร้างสรรค์รันเวย์ให้เป็นท้องทะเล เติมสีสันจัดๆ ลาย พิมพ์กราฟิกคมๆ ลงไปอย่างบ้าพลัง เพื่อย้ำ�ความเป็น Kenzo ยุคใหม่ ที่เท่ชนิดหาตัวจับได้ยากอย่างแท้จริง ไอเดียของคอลเลกชั่นใหม่ เกิดจากสำ�นึกในสิ่งแวดล้อมที่สอง ไดเร็กเตอร์อยากถ่ายทอดออกมาผ่านบริบทของแฟชั่น โดย Leon และ Lim มองว่าน้ำ�เป็นสิ่งมีชีวิตและมีจิตใจ พวกเขาจึงอยากอนุรักษ์ น้ำ�ไว้ให้คงอยู่ เช่นเดียวกับการรักษาสิ่งแวดล้อมในน้ำ� และการจับปลา ที่มากเกินความจำ�เป็น ความตั้งใจทั้งหมดนี้ ในท้ายที่สุดได้ถูกตีความ ออกมาเป็นลายเส้นวาดด้วยมือที่เต็มไปด้วยพลังและการเคลื่อนไหว ของมวลน้�ำ ปลา และเส้นคลืน ่ ภายใต้เฉดสีน�ำ้ เงิน แดง ม่วง เหลือง ดำ� และขาวเป็นหลัก รูปแบบคัตติง้ ทีใ่ ช้มค ี วามชัด ทะมัดทะแมง อย่างกางเกง ขากว้างจีบคม เสือ ้ คลุมเบลเซอร์ตวั ยาวเรียบเท่ไม่มแี ขน และเสือ ้ ยืดทีม ่ ี ถ้อยแถลงเจนจัดอย่าง No Fish No Nothing อวดอยู่ตรงช่วงอก ส่วนลูกเล่นที่น่าจับตาคงเป็นเสื้อคร็อปตัวสั้นที่ใช้การปักเส้นคลื่นเพื่อ สร้างลายบนเสื้อ เข้าชุดกับกระโปรง หมวกที่มีลายพิมพ์รูปปลา สร้อย คอเกลียว และแว่นกันแดดที่ล้อไปกับคอนเซ็ปต์ด้วยการทำ�ให้ดูเหมือน แว่นตาว่ายน้ำ�อยู่กลายๆ

Kenzo

Balmain Balmain

Rock Renaissance

ถ้าใครจะประดิดประดอยงานปักสีทองอร่ามได้นา่ ประทับใจทีส ่ ด ุ ก็คงต้อง เป็นอาณาจักร Balmain รายนี้เป็นต้นตำ�รับงานโกธิกคลาสสิกที่ทำ�ให้ รันเวย์ตอ ้ งตืน ่ ตะลึง จากคอลเลกชัน ่ ทีผ ่ า่ นๆ มาซึง่ กลายเป็นธงชัยทีท ่ �ำ ให้ Balmain กลับคืนสู่บัลลังก์ได้อย่างสิงห์ ฤดูกาลนี้ Olivier Rousteing ก็ยังคงรักษามาตรฐานความ แจ่มชัดของแบรนด์ไว้ได้ ด้วยการยกลายปักเลือ ่ มทองฟูฟ ่ า่ มาผสมผสาน เข้ากับความกรันจ์แบบยุค 1980s เพือ่ สร้างลุคขบถชัน ้ สูงอย่างที่ Balmain ถนัด ด้วยการใช้เดนิมมาเป็นวัตถุดิบหลัก บวกกับลาย Hound’s Tooth ลายตาราง และเทคนิคการ Quilt เพือ่ สร้างมิตแิ ละพืน ้ ผิวสัมผัสหลากหลาย มีการหยิบเอาชิน ้ ทีด ่ เู ป็นสตรีทแฟชัน ่ อย่างไบเกอร์แจ็คเก็ตหรือหนังมัน สีด�ำ ขลับมาใช้อย่างกล้าได้กล้าเสีย แถมมีรายละเอียดปลีกย่อยอย่างโซ่ทอง ชิ้นใหญ่พาดผ่านตรงส่วนคอเสื้อ และเป็นลายเคียงไปกับตะเข็บ หรือ กระดุมสีทองและซิปที่ย้ำ�ภาพดิบดุดันในแบบกรันจ์ได้อย่างออกรส และ อีกสิ่งที่เด่นสะดุดตาก็คือ ชายกระโปรงแบบ Rah-Rah ที่เป็นผลึกชิ้น สำ�คัญของยุค 80s ซึ่งถูกนำ�มาตีความใหม่บนรันเวย์ และ Olivier ก็ ทำ�ได้ดีเยี่ยมสมกับที่เป็นแฟนตัวยงของยุคนี้เลยจริงๆ

Alb Fer

Alberta Ferretti

Mexican Princess

ดีไซเนอร์ชาวอิตาเลียนเปิดฤดูกาล Spring/Summer ด้วยความหวือ หวาของกลิ่นอายเม็กซิกันรสจัดที่แสนจะลงตัว เธอหยิบความเป็นสาว ใต้ตามแบบฉบับ Frida Kahlo มาใส่ในรายละเอียดของการออกแบบ จนได้คอลเลกชัน ่ ทีม ่ ค ี รบทุกกระบวนท่า ทัง้ ความหรูหรา เรียบโก้ พืน ้ เมือง และความสวยติดดิน รูปแบบทีใ่ ช้ในการเล่าเรือ ่ งก็มด ี เี อ็นเอเม็กซิกน ั ขนานแท้ อย่างการ นำ�เดรสทีเ่ ป็นมรดกตกทอดพืน ้ เมืองของเม็กซิโกมาเป็นตัวเอกของรันเวย์ อันได้แก่ Michoacan, Campeche, Tehuana และ Tabasco ซึ่งเป็น เดรสประจำ�ท้องถิ่นและเป็นสัญลักษณ์แห่งการเฉลิมฉลอง โดยปูลาย ปักดอกไม้และเส้นลายพิมพ์เฉียบคมลงบนผ้าไหมมันเงา ไปจนถึงผ้า ซีทรูบางเบา มีดีเทลเจ๋งๆ ที่ต้องจดจำ�อย่างกระโปรงเล่นเลเยอร์และ เดรสกาวน์ ช่วยเกลารูปร่างให้ดูพลิ้วบางสะโอดสะอง ส่วนพาเล็ตต์สี ทีใ่ ช้กช ็ วนให้คด ิ ถึงดอกไม้หน้าร้อนทีเ่ บ่งบานในแดนใต้ มีสห ี ลักเป็นสีขาว เข้ากันได้ดีกับผืนผ้าไหม เช่นเดียวกับสีดำ� ส้มสด ชมพูบานเย็น แดง ราสเบอร์ร่ี น้�ำ เงินสด หรือสีเขียว ทีถ ่ ก ู นำ�มาใช้กบ ั อาภรณ์ได้อย่างบรรจง ยิง่ เมือ ่ Alberta ทอนความหรูลง ด้วยการให้นางแบบสวมรองเท้าบัลเลต์ ผ้าซาตินมีริบบิ้นพันรอบข้อเท้า รันเวย์ของเธอจึงดูเหมือนเป็นเทศกาล ร้องรำ�ทีม ่ ช ี วี ต ิ ชีวาในแบบเม็กซิกน ั ภายใต้บริบทของแฟชัน ่ ชั้นสูงประจำ� ฤดูร้อนและใบไม้ผลิที่ผ่านมา

Prada

Stroke of Femininity

คุณป้า Miuccia Prada มีมาตรฐานการออกแบบทีส ่ งู อยูเ่ สมอ และไม่เคย ทำ�ให้ใครผิดหวัง ด้วยการขยันหาวัตถุดิบใหม่ๆ มาทำ�งานออกแบบใน แต่ละคอลเลกชั่น และกล้าที่จะทดลองให้ใหม่ขึ้นและยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ปี มาจนถึงฤดูกาลนีท ้ เ่ี ธอทำ�ให้โลกของ Prada ผนึกเข้ากับโลก แห่งงานศิลปะอย่างสมบูรณ์ และช่างเป็นการเจอกันของมวยทีถ ่ ก ู คูจ่ ริงๆ รันเวย์ของ Prada ประจำ�ฤดูกาลนี้ จึงดูเหมือนเป็นนิทรรศการศิลปะ บนแฟชั่น ที่เต็มไปด้วยภาพวาดระดับมาสเตอร์พีซ เพียงแต่ในครั้งนี้ ไม่ใช่ภาพวาดบนผนังหรือผืนผ้าใบ แต่เป็นเสื้อผ้าอาภรณ์ และขนสัตว์ ซึง่ ลายพิมพ์ทถ ่ี ก ู นำ�มาใช้ในคอลเลกชัน ่ เป็นผลงานทีถ ่ ก ู นำ�มาตีความใหม่ ของศิลปินสตรีทอาร์ตชาวเม็กซิกน ั ชือ ่ ดังอย่าง Miles ‘El Mac’ Gregor, Mesa, Gabriel Specter และ Stinkfish รวมถึงนักวาดภาพประกอบ มือฉมังอีก 2 คน อย่าง Jeanne Detallante และ Pierre Mornet ซึ่งมาดาม Prada ได้อุทิศพื้นที่แฟชั่นของเธอให้กับความลุ่มหลงใน ผลงานดังกล่าว เพื่อถ่ายทอดแนวคิดสตรีนิยมและนำ�เสนอพลังของ ผู้หญิงในแบบ Prada ออกมาให้หนักแน่นที่สุด ผ่านคัตติ้งชั้นเยี่ยม ตามมาตรฐาน Prada โดยมีชิ้นที่เป็นตัวเอกของงาน อย่างเดรสทรง ตรงสไตล์ Mod ในยุค 60s แฟชัน ่ สปอร์ตยุค 70s เสือ ้ คลุมเฟอร์ตวั ยาว ทรงพลัง และบรรดาเครือ ่ งประดับในคอลเลกชัน ่ ซึง่ ถูกแต่งแต้มระบาย ด้วยลายพิมพ์วาดมือที่เป็นผลงานของศิลปินดังกล่าว โดยใช้เทคนิค การพิมพ์ใหญ่เต็มพืน ้ ที่ และการเล่นสีตด ั กัน เพือ ่ ชูความฉูดฉาดจัดจ้าน ตามแบบฉบับเม็กซิกันที่เราคุ้นตา

Prada

Céline

Luxe, Rough, Brassaï

ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็น Céline ทำ�อะไรแสบๆ บนรันเวย์ เพราะ Phoebe Philo มีกรอบงานออกแบบของเธอที่แสนเนี้ยบโก้ตามสไตล์ผู้หญิง ยุคใหม่ที่อวลกลิ่นอายความเป็นเมือง และความเฟมินีนอย่างหนักแน่น แต่ในครั้งนี้ คอลเลกชั่นฤดูร้อนและใบไม้ผลิ ถูกเปลี่ยนให้เป็นแกลเลอรี่ ขนาดย่อม ที่รวมองค์ประกอบศิลป์และความแสบสันต์ให้คนได้ ‘ว้าว’ กัน ยกใหญ่ จนเราเกือบลืมหายใจตอนได้ชมโชว์ แรงบันดาลใจหลักที่ Philo ฟุง้ ขึน ้ ในหัวคือ ผลงานกราฟฟิตข ้ี อง Brassaï ศิลปินและช่างภาพชาวฮังการีทโ่ี ด่งดังในฝรัง่ เศสช่วงศตวรรษ ที่ 20 หลอมรวมกับความหลงใหลในสตรีทอาร์ตทีไ่ ร้กฎเกณฑ์ เกิดเป็น คอลเลกชัน ่ ทีเ่ ต็มไปด้วยความสดและความคลัง่ อย่างทีไ่ ม่เคยพบมาก่อน ใน Celine มีการใช้เลเยอร์อย่างก๋ากัน ่ เพือ ่ สร้างลุคหนักหน่วง ตัดสลับ กับความอ่อนละมุนของผ้าซีทรูและการอัดจีบตรงส่วนชายกระโปรง ต่อด้วย ลายพิมพ์เลอะและสาดสีไม่ยง้ั อย่างตัง้ ใจ ราวกับผืนผ้าคือผ้าใบ ท้องถนน และกำ�แพง มีการใช้ผ้าถักและพีวีซีในวิถีที่แปลกใหม่ ชวนให้สนุกและ น่าติดตาม และที่เราชอบมากคือ เสื้อคลุมตัวนอกและเสื้อถูกออกแบบ ให้ใหญ่และไหล่กว้าง ดูทะมัดทะแมง มีพลัง สมกับสโลแกนแก่นแท้ของ Céline เช่นเดียวกับเครื่องประดับในคอลเลกชั่นที่ฟาดสายตาไม่แพ้กัน อย่างคลัตช์พห ่ ู างยาวไสว และสร้อยคอในแบบชนเผ่าอินเดบีเลของแอฟริกาใต้ ซึง่ ดูเหมาะเจาะกับลายกราฟฟิตเ้ี กรีย ้ วกราดทืท ่ �ำ หน้าทีช ่ โู รงได้เป็นอย่างดี

Céline

Chanel Pop the Art

อาจเป็นเพราะ Karl Lagerfeld เบื่อหน้าร้อนที่มีแต่ดอกไม้ใบหญ้าและ ท้องฟ้าสดสวย เขาเลยฉาบรันเวย์ด้วยพาเล็ตต์สีสารพัด และเปลี่ยน ให้โชว์กลายเป็นแกลเลอรี่งานศิลปะขนาดยักษ์ ครอบทับอาณาจักร Chanel ทุกมุมเมืองในฤดูกาล Spring/Summer ที่ผ่านมา ในโชว์ทท ่ี ก ุ คนคาดหวังมากทีส ่ ด ุ โชว์หนึง่ Lagerfeld เนรมิตพืน ้ ที่ แฟชัน ่ ในอาณัตใิ ห้กลายเป็นงานศิลปะเต็มรูปแบบ โดยมีนางแบบเดินเฉิดฉาย บนรันเวย์ในพาเล็ตต์สีที่ฉูดฉาด ตั้งแต่เสื้อผ้าหน้าผม ไปจนถึงเครือ ่ ง ประดับบนเรือนร่าง Lagerfeld ตัง้ ใจจะให้คอลเลกชัน ่ นีม ้ ก ี ลิน ่ วัฒนธรรม ป๊อปยุค 1980s และความเป็นศิลปะที่สื่อกันอย่างตรงๆ จริงใจ เลยจับ นางแบบมาสวมพอร์ตโฟลิโองานศิลปะเหล่านั้นไว้บนตัว โดยมีคีย์เวิร์ด เป็นจานสีของศิลปินที่ถูกระบายและบรรจงไล่สีอย่างมีระบบระเบียบ ก่อนจะถูกนำ�มาตีความเป็นลายพิมพ์กราฟิกหลักของคอลเลกชั่น และ ถูกนำ�มาใช้กบ ั เสือ ้ ผ้าอาภรณ์ ตลอดจนเครือ ่ งประดับหลายชิน ้ แม้กระทัง่ บนกระเป๋าของ Chanel ทีใ่ นครัง้ นีม ้ าในทรง Tote และกระเป๋าเป้สะพายหลัง อีกหนึ่งลูกเล่นไม้ตายของ Lagerfeld ที่ต้องลุกขึ้นปรบมือให้เลยก็คือ การรู้จักธรรมชาติของสี และทดลองเล่นสีอย่างชาญฉลาด เขาทำ�ให้ พาเล็ตต์เดิมๆ มีโทนร้อน เย็น เข้มและอ่อนแตกต่างกัน ตามลุค แพตเทิรน ์ และเนื้อผ้าที่ใช้ และค่อยๆ คลายปมความจัดลงไปเรื่อยๆ ตามการเดิน ทางของโชว์ เราจึงได้เจอกับลุคที่เป็นสีดำ� สีขาวและสีเทาฟอกขาวใน ตอนท้ายเรื่อง เพื่อขมวดทุกลุคให้กลมกลืนกันเป็นเฉดเดียว

Chanel

42 Ohayo Futuristic!

Iceberg

แฟชั่นเฮ้าส์จากอิตาลีที่โด่งดังมาจากงาน Knitwear และกลายเป็น หนึ่งในแบรนด์ที่น่าจับตามองสุดๆ ในฤดูกาลนี้หลัง Alexis Martial เข้ามานั่งกุมบังเหียนในฐานะหัวเรือใหญ่ ทำ�ให้ความคลาสสิกเดิมๆ ถูกแปลงเป็นความหวือหวาตืน ่ ตา จนอดไม่ได้ทจ่ี ะตกหลุมรักคอลเลกชัน ่ ฤดูกาลนี้เข้าอย่างจัง ความกล้าของ Martial ในการลุกขึน ้ มาเปลีย ่ นรูปแบบการดีไซน์ เสียใหม่ ทำ�ให้ Iceberg กลายเป็นภูเขาน้ำ�แข็งที่อันตรายสำ�หรับคู่แข่ง รายอื่นในวงการแฟชั่น ด้วยอิทธิพลจากมังงะของญี่ปุ่น ผนวกกับการ ใช้วัสดุไฮเทคหลุดกรอบ ความวิบวับของลาย Hologram และงานเย็บ ปะเท่ๆ เล่นสนุกบนเลเยอร์ทไ่ี ม่สมมาตร ทำ�ให้งานออกแบบครัง้ นีโ้ ลดโผน และมีแต่ใช่กบ ั ใช่ หลายลุคดูเป็นงานทดลองทีใ่ หม่มาก มีทง้ั ความลำ�ลอง สปอร์ต และสตรีท รวมตัวกันอยู่อย่างสามัคคี มีการใช้คู่สีโมโนโครม ตัดกับสีพาสเทลเพียงไม่กี่สี อย่างสีดำ�ขาวกับสีฟ้าและเหลืองนวล ซึ่งช่วยทอนให้ลุคดูเป็นมิตรและจับต้องได้ เมื่อรวมกับวัสดุที่มีทั้งพีวีซี พลาสติก เมทัลลิก ไปจนถึงผ้าถักเนือ ้ บางสำ�หรับสเวตเชิต ้ ก็ชวนให้เรา คิดถึงฤดูหนาวในหน้าร้อนอย่างบอกไม่ถก ู แต่นแ่ี หละ เสน่หข ์ อง Iceberg ที่ถูกสื่อออกมาอย่างชัดเจนในคอลเลกชั่นนี้

Iceberg

Prabal Gurung

Prabal Gurung Blooming Grace

ดูเหมือน Prabal Gurung จะยังคงรักษาความคมคายของเขาเอาไว้ได้ ด้วยฝีมือล้วนๆ หลังจากที่ฟาดฟันดีไซเนอร์รายอื่นด้วยความเนี้ยบหรู และคัตติ้งระดับสูง ในคอลเลกชั่นนี้เขายังคงยึดกฎเหล็กประจำ�ใจเอาไว้ เหมือนเดิม คือ น้อยเข้าไว้ แต่ในความน้อยของเขา ครั้งนี้มีความเยอะ และครบถ้วนอยู่ภายใน แถมด้วยความฉลาดในการเลือกใช้วัสดุที่ส่งให้ ผลงานทุกลุคดูมีชีวิตชีวาอย่างน่าอัศจรรย์ Gurung เปิดฉากรันเวย์มาด้วยพลาสติกโปร่งบางทีก ่ น ้ั นางแบบ ไว้เบือ ้ งหลัง เรียงรายด้วยลุคเรียบหรูของชุดเดรสสารพัดแบบ เผยให้เห็น เรือนร่างนาฬิกาทรายอ่อนช้อย ขณะเดียวกันก็ดูสง่าและมีเกียรติ โดด เด่นสะดุดตายิ่งขึ้นด้วยการใช้ซาตินทั้งตัว ตอกย้ำ�ความเฟมินีนเข้าไป อีกระลอก บวกเฉดสีที่อ่อนหวาน เช่น สีชมพูอ่อนกลีบกุหลาบ สีขาว สีมว่ ง และสีเขียวใบไม้ ทำ�ให้รส ู้ ก ึ เพ้อฝันเหนือจริง แต่กต ็ อ ้ งทึง่ กับลูกเล่น ที่แพรวพราวตัดอารมณ์ อย่างเสื้อคลุมหนังบางเฉียบตัวโคร่งและเดรส ยาวที่ใช้วัสดุเคลือบแลคเกอร์เนื้อมัน ซึ่งเป็นความขัดแย้งที่เข้ากันและ ใจกล้ามากๆ บนรันเวย์แห่งนี้ รวมถึงการใช้คัตติ้งกระโปรงในแบบของ ยุค 1950s ซึง่ มีชว่ งเอวสูงพอดีตวั กับความยาวเลียบครึง่ น่อง ชวนให้ คิดถึงสตรียค ุ 1950s จากภาพยนตร์ของ Alfred Hitchcock ทีด ่ ค ู ลาสสิก ร่วมสมัย สมกับที่ Gurung เลือกเฟ้นและกลัน ่ กรองออกมาแล้วเป็นอย่างดี

Dolce & Gabbana

45 Dolce & Gabbana Queen of Sicily

ดำ�ดิง่ สูอ่ าณาจักรโรมันบนรันเวย์ของ Dolce & Gabbana ทีย ่ กพงศาวดาร ซิซล ิ เี ก่าแก่มาไว้ในแฟชัน ่ วีค คอลเลกชัน ่ นีค ้ อ ื การตีความประวัตศ ิ าสตร์ ที่ละมุนละม่อม และกลมกล่อมถึงพริกถึงขิงที่สุด ด้วยรายละเอียดและ สีสันจัดจ้าน ละลานตาถึงใจ Dolce & Gabbana ได้เปลี่ยนรันเวย์ให้กลายเป็นฤดูใบไม้ผลิใน เมืองซิซล ิ โี บราณ เฉดสีทใ่ี ช้จงึ สะท้อนอารยธรรมดัง้ เดิมของอิตาลีได้แจ่มชัด อย่างสีแดงสด สีทอง สีดำ� และสีน้ำ�เงิน มีการใช้วัสดุที่หลากหลายใน การสร้างมิติให้กับชุด อย่างดิ้นทองอร่าม เฟอร์สารพัดแบบ เช่น เฟอร์ ปลายตัดสีแดงไล่เป็นชัน ้ ๆ หรือเฟอร์มน ั เงาแน่นขนัดบนเสือ ้ และกระโปรง ที่ดูหวือหวาเต็มขั้น เช่นเดียวกับวัสดุมันวาวสีสดที่ทำ�ให้เมืองโบราณมี กลิน ่ ความทันสมัยขึน ้ มา แต่ทพ ่ี ลาดไม่ได้เลยสำ�หรับรันเวย์น้ี คือ พาเหรด งานปักอลังการ ลูกไม้และลายพิมพ์นูนสุดวิจิตรที่เป็นลายเซ็นของ Dolce & Gabbana ทั้งลายพิมพ์สีทองและสีดำ� ลายปักดอกไม้หรูหรา และดอกเชอร์รี่บลอสซัมประดับประดาทั่วชุด รวมถึงลายพิมพ์กราฟิก รูปวิหารแพนธีออนวางหราบนชุดกระโปรงผ้าไหมเนื้อมัน เช่นเดียวกับ เหรียญโรมันโบราณที่ถูกนำ�มาใช้ในหลายๆ ลุคอย่างเข้าที จบงานที่ รองเท้าในคอลเลคชั่น ซึ่งถูกออกแบบให้อิงประวัติศาสตร์อย่างถ่องแท้ เพราะยกมาทัง้ เสาไอออนนิก เครือ ่ งปัน ้ เซรามิก และรูปปัน ้ โบราณ ชวนให้ ตื่นตาตื่นใจจนต้องยอมศิโรราบให้เลยจริงๆ

46 Christopher Kane

Experimental Softness

ดีไซเนอร์จอมขบถพาคอลเลกชัน ่ หน้าร้อนและใบไม้ผลิของเขาเข้าเส้นชัย อย่างไม่มข ี อ ้ กังขา ด้วยการผ่าเหล่าออกแบบลายพิมพ์พช ื พรรณแปลกตา และสาดเทคนิคใหม่ๆ เพือ่ ถ่ายทอดความกล้าตามแบบของเขา จนกลายเป็น สัญลักษณ์ประจำ�ตัว และพบเจอได้เฉพาะบนรันเวย์ของ Christopher Kane เท่านั้น เราชอบที่ Kane มักจะทำ�งานออกมาแบบไม่กลัวพลาด คอลเลกชัน ่ ของเขาจึงดีขึ้นและเปรี้ยวขึ้นทุกปีๆ เหมือนอย่างในปีนี้ที่เขานำ�เสนอ ความหรูหราในวิถีของตัวเอง ด้วยงานปักเรียบเท่ชั้นเยี่ยม และเทคนิค cut-out ในช่วงอกและช่วงตัวเป็นรูปทรงหยดน้ำ� เผยให้เห็นผิวของ ผูส ้ วมใส่มก ี ารวาดเส้นหนาตัดขอบของส่วนทีห ่ ายไป เพือ่ สร้างลายให้กบ ั ชุด ก่อนจะพาทุกคนเข้าชั้นเรียนชีววิทยา สำ�รวจพืชพรรณนานาชนิดบน ผืนผ้าบางเบาดูอ่อนไหว ผ่านลายพิมพ์ดอกไม้ พร้อมแผนภาพ ราวกับ กำ�ลังศึกษาองค์ประกอบของไม้ดอกที่พิมพ์หราอยู่บนชุด ซึ่งเป็นส่วน ผสมที่ลงตัวของแฟชั่นและเซ้นส์ความตลกในตัวดีไซเนอร์ นอกจากนี้ การปูเรื่องจากน้อยไปมาก โดยเปิดโชว์ด้วยสูทกางเกงสีดำ�เรียบๆ ปรับ เข้าสู่เดรสกระโปรงเฉดสีขาว เขียวมิ้นท์และม่วงไลแล็ก แล้วปิดท้ายด้วย ลายพิมพ์สด ุ หฤหรรษ์บนผ้าโปร่งบาง นับเป็นวิถท ี น ี่ า่ สนใจบนรันเวย์ของ Christopher Kane เพราะมันทำ�ให้เราอยากติดตามโชว์โดยไม่ลุกหรือ ละสายตาไปไหน แถมยังคาดเดาฉากจบแทบไม่ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องมีเรื่องให้เซอร์ไพรส์ได้ทุกที

Christopher Kane

Emilio Pucci

Glamourous Tribe

เกือบจะหมดมุกไปกับลายพิมพ์ Kaleidoscope เดิมๆ ของ Emilio Pucci ที่มีมาตั้งแต่ครั้งบรรพกาล คอลเลกชั่นนี้ Peter Dundus เลยขอตี ความใหม่ นอกจากจะใส่วัฒนธรรมชนเผ่ามาไซลงไปในลุค เขายังปรับ ให้ Emilio Pucci เปรี้ยวขึ้น จับต้องได้ง่ายขึ้น และน่าคบหามากขึ้น สำ�หรับคอแฟชั่นที่คาดหวังความโก้หรู แต่ทันสมัยสมวัย Peter ได้จับเอาสิ่งละอันพันละน้อยรอบตัวมาถักและทอเข้ากับ ชุด ทั้งอารยธรรมมาไซ แฟชั่นสตรีท กลิ่นอายยุค ปลาย 1980s ถึง ต้น 1990s และความทะมัดทะแมงคล่องตัว เพื่อให้คอลเลกชั่นนี้สนุก กว่าทีเ่ คยเป็นมา โดยยังคงรักษาร่องรอยที่ Emilio Pucci ดัง้ เดิมได้ฝาก เอาไว้ คือการเล่นสีอย่างมีสไตล์ วัสดุที่ใช้ในคอลเลกชั่นนี้ก็เป็นอีกองค์ ประกอบที่ทำ�ให้งานน่าตื่นใจขึ้นมาก ทั้งลูกปัดที่ถูกเรียงร้อยเข้ากับ ชายเสื้อและชายกระโปรง งานปักเลื่อมพรายสีสันตัดกันในสไตล์ชนเผ่า การใช้สีโมโนโครมสร้างลายเท่ๆ ให้กับชุด งานหนังที่กรันจ์นิดๆ เต็ม ไปด้วยรายละเอียดและความแข็งแกร่ง รวมถึงพู่ริ้วปลิวสะบัดที่ทำ�ให้ ความหรูหราลำ�ลองขึ้นเป็นกอง นับเป็นคอลเลกชั่นที่ครบรสอย่างมาก สำ�หรับ Emilio Pucci ในฤดูกาลนี้

อาณาจักร Burberry ในบริบทของแฟชั่นปัจจุบันคือความหวือหวา เฉียบขาด ต่างจากเมื่อหลายสิบปีก่อนถนัดตา ทั้งลูกเล่น สี และวัสดุ ที่ใช้ เทรนช์โค้ทตัวเดิมจึงกลายเป็นชิ้นคลาสสิกที่ไม่มีวันน่าเบื่อสำ�หรับ ทุกฤดูกาล และชายผู้กุมบังเหียนอยู่เบื้องหลังความสำ�เร็จครั้งใหญ่นี้ ก็คือ Christopher Bailey ชื่อของเขาอาจไม่ใหม่สำ�หรับแบรนด์สายเลือดอังกฤษขนาน แท้แบรนด์นี้ เพราะ Bailey ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Burberry ตั้งแต่ปี 2001 ด้วยวัย 29 ปี ในตำ�แหน่งครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ ดูแลไลน์ Prorsum โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นการจับคู่ที่แสนจะลงตัว เพราะ Bailey มา พร้อมกับสีสันและความกล้าได้กล้าเสียของคนหนุ่ม เขาค่อยๆ ตะล่อม เปลี่ยนให้แบรนด์เปิดรับอะไหล่ใหม่ทีละเล็กละน้อยในแต่ละคอลเลกชั่น โดยยังคงไว้ซึ่ง DNA ของแบรนด์ ทั้งลายตาราง สีเอิร์ธโทน และเทรนช์ โค้ท เขาเชื่อว่าความคลาสสิกเหล่านี้เก๋าพอที่จะอยู่ต่อไปได้อีกนาน แต่การจะทำ�ให้คนจดจำ�ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง Bailey เลยจัดการวางหมาก ใหม่ จับเอาความคลาสสิกมาเจอกับเรื่องน่าตื่นใจที่ไม่อาจคาดเดา อย่างการนำ�ลายตารางไปใช้ในวิถีอื่น เช่น ลายตารางใหญ่พิเศษ บิดเบี้ยว หรือใช้สีแปลกตาไปบ้าง (สีเขียว เป็นต้น) เพื่อสร้างความ ฉูดฉาดบนกรอบดั้งเดิม เช่นเดียวกับเทรนช์โค้ทที่ถูกนำ�ไปไล่สีเมทัลลิก เปลี่ยนไปใช้วัสดุมันเงา เย็บด้วยหนัง ไปจนถึงการใช้หมุดปักและลูกไม้ ยังไม่นับคอลเลกชั่นเสื้อผ้าที่นับวันจะยิ่งสนุกสนานชวนติดตามขึ้นทุกที กลายเป็นว่า เสน่ห์ของ Burberry Prorsum ไม่ได้อยู่แค่เสื้อผ้าที่โชว์ บนรันเวย์ แต่ยังเป็นการที่ทุกคนตั้งตาคอยว่า คอลเลกชั่นนี้ Bailey จะปล่อยพลังแบบไหนออกมา และจะทำ�ให้ทุกคน ‘ว้าว’ ได้มากแค่ไหนกัน อีกเรื่องที่ต้องเทคะแนนให้ Bailey เต็มสิบก็คือ การนำ�แฟชั่น ไปผสมผสานกับวัฒนธรรมอื่นๆ รอบตัว ได้แก่ เพลง โซเชียลมีเดีย และสื่อออนไลน์ แน่นอนว่า Bailey เป็นหนึ่งในผู้ที่ผลักดันให้ Burberry ก้าวออกจากขนบชั้นสูงไปสู่แบรนด์แฟชั่นที่เข้าถึงง่าย ด้วยการใส่ ความเป็นไลฟ์สไตล์ลงไปในสัดส่วนที่พอเหมาะ เพื่อให้ Burberry มี ส่วนผสมของความเรียบหรู และก๋ากั่นตามยุคสมัย หนึ่งในความเก๋ ที่ว่านั้นคือ Burberry Acoustic ซึ่งเป็นไอเดียที่เขาคิดขึ้นจากความรัก ในเสียงเพลงล้วนๆ และมองว่าแฟชั่นจะย่อยง่ายขึ้นเมื่อมีดนตรีเป็นส่วน ประกอบ เขาจึงสร้างสังคมขนาดย่อมเพื่อให้วงดนตรีอังกฤษหน้าใหม่ได้ มีพื้นที่ปล่อยของ ด้วยการแสดงสดบนเวทีที่ร้าน Burberry ตรงถนน Regent Street จนกลายเป็นหนึ่งในโชว์ที่นักฟังเพลงและคนแฟชั่น ติดตามมากที่สุด เช่นเดียวกับการจับทางความสดของสื่อออนไลน์ เขามองว่า ทางเดียวที่จะทำ�ให้แฟชั่นเดินทางไปหาคนหมู่มากทั่วโลกได้

ก็คือการจับแฟชั่นมาวางไว้ในโลกดิจิตอล แบรนด์ Burberry ก็เลย ติดอันดับแบรนด์แฟชั่นที่มีคนคลิก Like สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก (เกือบ 17 ล้าน Like!) รวมถึงการเปิดโอกาสให้คนทั่วโลกได้ชมโชว์ สด ราวกับนั่งอยู่ตรงแถวหน้าติดขอบรันเวย์ ในลักษณะ Runway to Reality ซึ่งตอบโจทย์การเข้าถึงสาวกแฟชั่นจำ�นวนมากได้อย่างเป็น มิตร ไม่ว่าใครก็เสพ Burberry ได้ ถ้าสไตล์ต้องกัน สมกับเป็นไอเดีย ของ Bailey เลยจริงๆ สำ�หรับปี 2014 หลังจากที่ Bailey ได้รับตำ�แหน่งหัวเรือใหญ่ ในการดูแล Burberry ต่อจาก Angela Ahrendts เมือ ่ กลางปีทผ ่ี า่ นมา เขาก็ดูจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ ในการเรียนรู้งานที่มากกว่าแค่การ ออกแบบและครีเอทีฟ แต่ยังรวมไปถึงด้านการตลาดและการขาย เพื่อให้ แบรนด์ยังคงเติบโตต่อไปได้ ส่วนคอลเลกชั่น Spring/Summer 2014 ก็เปิดศักราชด้วยเฉดสีพาสเทลฟุ้งฝัน ลูกไม้แนบเนื้อ และแพตเทิร์น คมคาย สะท้อนความเป็นสุภาพสตรีอังกฤษ หรือกุหลาบแห่งอังกฤษ (English Rose) ได้อย่างลงตัว โดย Bailey หวังใจให้คอลเลกชั่นนี้ ถ่ายทอดความแข็งแกร่งของผู้หญิงออกมาได้ชัดถ้อยชัดคำ� เพื่อให้ คำ�ว่า ‘พิมพ์นิยมของสุภาพสตรีอังกฤษ’ เต็มไปด้วยความสง่างาม สมบูรณ์แบบตามแบบฉบับ Burberry อย่างแท้จริง

ความสนุกอย่างหนึ่งบนรันเวย์ในแฟชั่นวีคก็คือ การได้ลุ้นว่าฤดูกาลนี้ วัตถุดิบอะไรที่จะถูกนำ�มาใช้กับงานออกแบบ ซึ่งในปีนี้ คอลเลกชั่นฤดู ใบไม้ผลิ/ฤดูร้อนถูกแปลงโฉมให้กลายเป็นแกลเลอรี่ศิลปะขนาดย่อม เมื่อดีไซเนอร์ชื่อดังหลายรายพากันสวมวิญญาณศิลปิน ละเลงเสื้อผ้า เครื่องประดับ รวมไปถึงโชว์สำ�หรับคอลเลกชั่นด้วยผลงานจากศิลปิน และจิตรกรชื่อดัง หรือนำ�วัฒนธรรมเชิงศิลป์มาตีความใหม่ เพื่อให้ หลอมรวมเข้ากับความเป็นแฟชั่นได้อย่างเข้าที เหตุการณ์นี้ดูจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะในอดีต ดีไซเนอร์ หลายคนก็มักจะใส่ความชอบในงานศิลป์ลงไปในงานของพวกเขา ตั้งแต่ ยุค 1930s ที่ Elsa Schiaparelli ชวน Salvador Dali มาวาดกุ้ง ล็อบสเตอร์ตัวยักษ์บนชุดกาวน์ยาวกรอมเท้าสีขาว ซึ่งเป็นชุดที่ฮือฮา สุดๆ ในยุคนั้น มาจนถึงยุค 1960s Yves Saint Laurent ก็ได้นำ�ผล งานของ Piet Mondrian มาสาดลงบนเดรสทรงตรง จนกลายเป็น Mondrian dress ในตำ�นาน ครั้งนี้ก็เช่นกัน คงเป็นเพราะธรรมชาติ ของงานออกแบบ ไม่ว่าจะแขนงใดก็ตาม มักเป็นจุดเริ่มต้นหรือเป็น ส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม ทัศนคติ ความเชื่อ และค่านิยม ทำ�ให้ทุกแขนง ทีอ ่ ยูภ ่ ายใต้บริบทของศิลปะ สามารถโยกย้ายถ่ายทอดถึงกันได้ไม่ยากนัก แม้กระทั่งวงการแฟชั่นชั้นสูงก็ตาม ต้องมีสักคอลเลกชั่นที่อุทิศให้แก่ งานศิลปะ หรือหยิบเอาชิ้นส่วนของงานศิลปะมาใช้ในการออกแบบ เพื่อสะท้อนทัศนคติและความลุ่มหลง รวมถึงความคลั่งไคล้ส่วนตัว จนอดไม่ได้ที่จะนำ�มาใช้กับงานแฟชั่นใต้อาณัติของแต่ละคน

รันเวย์ปีนี้เราจึงได้เห็นแกลเลอรี่เดินได้บนตัวนางแบบ ตั้งแต่ โชว์ส่งท้ายของ Marc Jacobs สำ�หรับ Louis Vuitton ที่ถูกฉาบด้วย สีดำ�ขลับ และมีลายโลโก้กราฟฟิตี้ ผลงานของ Stephen Sprouse เป็นตัวชูโรง ในขณะเดียวกัน Phoebe Philo จากฝั่ง Céline ก็จัด ขบวนงานศิลปะออกมาอย่างหนักแน่นและเหนือความคาดหมาย จนทำ�ให้คอลเลกชั่นนี้ดูหวือหวาผิดหูผิดตา (ในทางที่ดี) เพราะมีทั้ง งานกราฟฟิตี้ของ Brassaï การเลือกเฉดสีที่ใช้โดยอิงจากผลงานของ Sonia Delaunay (แดงสด เขียว เหลือง เป็นหลัก ผสานกับสีชมพู อ่อน สีเม็ดทรายและสีมิ้นท์) หรือแม้กระทั่งการออกแบบที่มี กลิ่นอายสตรีทอาร์ตในหลายๆ ลุค จนชวนให้คิดถึง Keith Haring และ Jean-Michel Basquiat Chanel ก็เป็นอีกหนึ่งแฟชั่นเฮ้าส์ที่โอบรับงานศิลปะมาไว้ใน คอลเลกชั่น ตั้งแต่การจัดโชว์ที่เหมือนยกนิทรรศการศิลปะชั้นเยี่ยม มาไว้ใน Grand Palais ไปจนถึงเสื้อผ้าและเครื่องประดับในคอลเลกชั่น ที่ถูกออกแบบให้เป็นเหมือนจานสี พอร์ตโฟลิโอ และสมุดสเก็ตช์ของ ศิลปิน โดยงานนี้ Karl Lagerfeld ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพวาด ยุคเก่าของศิลปินเยอรมัน สีที่ใช้จึงโดดเด่น จัดจ้าน และครบถ้วน ในเฉดเดียว ทั้งสีชมพูนีออน สีขาว และสีดำ� เช่นเดียวกับ Prada ที่ คุณป้า Miuccia Prada ได้ระบายความหลงใหลในศิลปะลงใน คอลเลกชั่นแบบไม่ออมมือ เราจึงได้เห็นภาพวาดของศิลปินชื่อดัง หลายคนถูกนำ�มาพิมพ์ใหม่ลงบนเครื่องประดับและเสื้อผ้าอาภรณ์ อาทิ Jeanne Detallante, Gabriel Specter, Stinkfish, Pierre Mornet และ El Mac โดยยังคงเป็นการออกแบบที่อยู่ภายใต้บริบท แบบ Prada คือ เข้มข้นด้วยพลังสตรี เจนจัด เป็นผู้นำ� แต่ก็ต้องรู้จัก มารยาและมีความอ่อนไหว การนัง่ ชมคอลเลกชัน ่ นีจ้ งึ เพลิดเพลิน ประหนึง่ เดินเล่นอยู่ในพิพิธภัณฑ์ส่วนแกลเลอรี่ที่เฟมินีนสุดโต่งตามในฉบับ Prada และมีแนวโน้มที่จะเป็นพื้นที่สำ�หรับสุภาพสตรีโดยเฉพาะเท่านั้น!

Kanye West คือนักร้องเพลงแร็ป โปรดิวเซอร์ ผู้กำ�กับ ดีไซเนอร์ ที่เป็นที่รู้จักในวงการ ฮอลลีวู้ดอย่างกว้างขวาง ไม่ใช่แค่บทเพลงเท่านั้นที่ส่งผลให้เขาติดหนึ่งในรายชื่อของ บุคคลที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักมากที่สุด แต่รวมถึงบุคลิกและวิธีการแสดงความคิดเห็น ที่มักจะกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสื่อทุกสำ�นักอยู่เสมอ อย่างการที่ West ขึ้นไปแย่งไมโครโฟนจากมือของนักร้องสาว Taylor Swift บนเวทีประกาศผลรางวัล MTV Video Music Awards ในปี 2009 แล้วประกาศกร้าวว่า รางวัลที่ Swift ได้นั้น สมควรจะตกไปอยู่ในมือของดีว่าสาวอย่าง Beyoncé มากกว่า ทำ�ให้เป็นข่าวฉาว ที่ทุกคนพูดถึงมากที่สุดในปีนั้น เรื่อยมาจนถึงปี 2013 และ 2014 ที่ยังคงมีปากเสียง กับคนในวงการฮอลลีวูดและแฟชั่นเป็นว่าเล่น ตั้งแต่ Nike, Hedi Slimane, Louis Vuitton และ Jimmy Kimmel

สิ่งที่สังเกตได้จากตัวของ West คือ เขาเป็นคนที่ไม่เคยหยุดนิ่ง และมักทำ�ในสิ่งที่ผู้คนไม่คาดคิดอยู่ตลอดเวลา เช่น ความหลงใหลเรื่อง แฟชั่นจนถึงขั้นหมกมุ่น ทำ�ให้ West พยายามอย่างมากที่จะเข้าไปมี ส่วนร่วมในวงการแฟชั่น โดยเขาได้เริ่มประกาศในปี 2005 ว่าจะเปิด แบรนด์เสื้อผ้าของตนเอง ภายใต้ชื่อ Pastelle ซึ่งเป็นเสื้อผ้าสไตล์ฮิปฮอป ที่เขาชื่นชอบ ในช่วงแรก West สวมชุดที่เขาดีไซน์เองออกสื่อบ่อยมาก ทั้งการ สวมเข้าฉากในมิวสิกวิดีโอของตัวเอง รวมทั้งสวมใส่ในชีวิตประจำ�วัน หรือ การให้เหล่าคนดังในวงการเพลงอย่าง Rihanna, Lupe Fiasco รวมทั้ง ตัวเขาเอง ถ่ายแฟชั่นเซ็ตเสื้อผ้าของเขาเพื่อโปรโมทลงนิตยสาร อย่างจริงจัง ไปจนถึงการร่วมมือกับดีไซเนอร์แว่นตาชื่อดังอย่าง George Garrow เพื่อออกไลน์แว่นตาให้กับแบรนด์ Pastelle แต่สิ่งที่น่า ประหลาดใจคือ West ใช้เวลาถึงสี่ปีโปรโมทแบรนด์เสื้อผ้าของเขา แต่ใน ระหว่างนั้นเขากลับไม่เคยออกคอลเลกชั่นมาให้ชมกันเต็มๆ และไม่ได้ผลิต ออกวางจำ�หน่ายเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในปี 2009 แบรนด์จึงถูกยกเลิกไป โดยปริยาย แต่ก็นับว่าเป็นใบเบิกทางให้ West ได้ร่วมงานกับแบรนด์ใหญ่ๆ อีกมากมายเช่น Nike และ Louis Vuitton จนทำ�ให้ในปี 2011 West ได้กลับมามีผลงานแฟชัน ่ อีกครัง้ ในฐานะดีไซเนอร์เสือ ้ ผ้าผูห ้ ญิง ในชือ ่ แบรนด์ ‘DW Kanye West’ แม้ว่าเสื้อผ้าของเขาจะขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว แต่คำ�ติที่มีมากกว่าเสียงชื่นชม เป็นผลให้ West ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า สิ่งที่คิดว่าเป็นอุปสรรคในการเดินเส้นทางสายแฟชั่นของเขา ก็คือ ‘ความเป็นคนดัง’ และ ‘สีผิว’ ซึ่งทำ�ให้ไม่มีดีไซเนอร์คนไหนอยากร่วมงาน และลงทุนกับเขาอย่างจริงจัง West บอกว่าตัวเองไม่ได้เรียนแฟชั่นมาโดยตรงและเสื้อผ้าที่ถูก ออกแบบโดยคนดังนั้นมักจะราคาไม่แพง แต่เสื้อผ้าของเขาแพงกว่าราคา เฉลี่ยของงานออกแบบจากคนดังคนอื่นๆ หลายเท่าตัว West ยังเผยว่า เขาได้ควักเงินตัวเองจำ�นวนมหาศาลเพื่อให้ได้นางแบบที่สวยที่สุด ทีม ออกแบบที่เก่งที่สุด และรันเวย์โชว์ที่หรูหราที่สุด และสิ่งที่เขาคาดหวังจาก วงการแฟชั่นคือการประสบความสำ�เร็จให้เทียบเท่า Ralph Lauren แต่ West คงจะลืมไปอีกอย่างว่า กว่าดีไซเนอร์แต่ละคนจะประสบความสำ�เร็จ มีผลงานเป็นที่ยอมรับ และสามารถขายคอลเลกชั่นเสื้อผ้าของพวกเขาได้ ในราคาแสนแพงนั้น แต่ละคนต้องผ่านการสั่งสมประสบการณ์อันยาวนาน ฝึกฝนฝีมือทั้งด้านการออกแบบและการทำ�ธุรกิจไปพร้อมกัน ซึ่งทั้งหมดก็ ไม่ได้เกิดจากตัวดีไซเนอร์เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงทีมงานที่ ประกอบด้วยพนักงานและช่างฝีมือที่ต้องใช้เวลาฝึกฝนกันเป็นแรมปี ไม่ใช่เพียงแค่การลงเม็ดเงินอันมหาศาลเพื่อให้ได้มาซึ่งวัสดุที่ราคาแพง ที่สุดเท่านั้น เพราะสิ่งที่แพงที่สุดก็ไม่จำ�เป็นต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเสมอไป โดยเฉพาะเมื่อนำ�ไปใช้ในงานออกแบบที่ไร้ซึ่งความหรูหรา สง่างาม แบบที่ West ทำ� จริงๆ แล้ว สิ่งที่นักร้องหนุ่มควรทำ�ตอนนี้ คือการลดอีโก้ลงสัก หน่อย แล้วหันกลับมามองสไตล์ของตัวเองอย่างจริงจังว่า สามารถจะ เทียบชั้นกับ Ralph Lauren ได้จริงหรือ? เพราะดูจากชิ้นงานที่ West ได้นำ�เสนอบนรันเวย์แล้ว คิดว่าเขายังต้องเดินทางอีกไกล

ถ้าพูดถึงบริษัทผู้นำ�ด้านสินค้าแฟชั่นหรูหราแล้วล่ะก็ LVMH หรือ Moet Hennessy Louis Vuitton คือชื่อแรกที่ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการ กลุ่มบริษัท ยักษ์ใหญ่ที่มีเงินทุนหนุนหลังจำ�นวนมหาศาล พัฒนาธุรกิจของตนเองด้วยการ กว้านซื้อแบรนด์ระดับเฟิร์สต์คลาสและขยายเป็นแบรนด์ขนาดใหญ่ที่เกิดจากการ รวมตัวของกลุ่มธุรกิจย่อยๆ (Conglomerate) LVMH เองมีแบรนด์ที่อยู่ในความดูแลมากกว่า 50 แบรนด์ ตั้งแต่ แชมเปญชั้นดี นาฬิกาสุดหรู แบรนด์เครื่องสำ�อางชั้นนำ�รวมไปถึง Sephora และ แบรนด์แฟชั่นระดับโลกอย่าง Louis Vuitton, Christian Dior, Loewe, Celine, Givenchy, Kenzo, Emilio Pucci, Fendi และอีกมากมาย วิสัยทัศน์ทางธุรกิจ ที่เป็นเลิศนำ�พาผลกำ�ไรและชื่อเสียงมหาศาลมาสู่แบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นการพลิก โฉมหน้าแบรนด์ในเครืออย่างการปรับเปลี่ยนหัวหน้าทีมออกแบบ ไม่มีใครลืมครั้งที่ ‘Raf Simons’ ถูกเรียกเข้ามาแทนที่ ‘John Galliano’ ที่ห้องเสื้อ Christian Dior แม้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ Simons คือคนที่สามารถล้างภาพเก่าๆ ของห้องเสื้อ เดิมให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หรือการคืนชีพของห้องเสื้อที่ซบเซาอย่าง Celine ด้วยฝีมือดีไซเนอร์สุดเท่จากอังกฤษอย่าง ‘Phoebe Philo’ ผู้ที่เคยทำ�ให้แบรนด์ Chloé โด่งดังเป็นพลุแตกช่วงยุคก่อนหน้า ก็ดึงความทันสมัยและดีไซน์ที่ละเอียด และชัดเจนมาสู่แบรนด์ได้อย่างดีเยี่ยม อีกหนึ่งตัวอย่างที่เป็นข้อพิสูจน์ก็คือการดึงตัวผู้ก่อตั้งมัลติแบรนด์สุด เฉี่ยวของ Opening Ceremony ได้แก่ ‘Humberto Leon’ และ ‘Carol Lim’ มาพลิกโฉมแบรนด์เก่าแก่จากญี่ปุ่น Kenzo ให้กลายเป็น Pop Culture ได้อีกครั้ง ถึงแม้ทั้งคู่อาจไม่ใช่ดีไซเนอร์ระดับหัวกะทิ แต่ก็เข้าใจธุรกิจแฟชั่นเป็นอย่างดีและรู้ดี ว่าต้องทำ�อย่างไรในการขับเคลื่อนกระแสของแฟชั่น ซึ่งเป็นเหตุผลหลักของการ ประจำ�การครั้งนี้ และล่าสุดกับการต้อนรับ ‘Nicolas Ghesquière’ อดีตดีไซเนอร์ ของ Balenciaga สู่บ้านหลังใหม่ที่ Louis Vuitton ซึ่งตอกย้ำ�ถึงจุดอิ่มตัวของ แบรนด์โลโก้ ที่ปัจจุบันถูกมองเป็นความเชยมากกว่าความเก๋ ความคลาสสิกและ รายละเอียดที่พิถีพิถันในงานดีไซน์ต่างหากที่ถูกให้ความสนใจ และนี่คงเป็นเหตุผล

ที่ Ghesquière ถูกเลือกเพราะเขาเองมีจุดแข็งในการดัดแปลง บิดเบือน แปรรูป งานดีไซน์ของเขาจึงดูสดใหม่ ท้าทาย เรียบโก้แต่แฝงด้วยรายละเอียดที่ต้องพิสูจน์ ด้วยตาเท่านั้น ในปี 2014 นี้ คืออีกหนึ่งความท้าทายของ LVMH เพราะเมื่อปลายปีที่ แล้ว LVMH ประกาศซื้อหุ้นของสามดีไซเนอร์รุ่นใหม่ เริ่มจาก J.W. Anderson ดีไซเนอร์หนุ่มอังกฤษไฟแรงเจ้าของงานดีไซน์ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ เพราะนอกจากแบรนด์ ของตนเองแล้วนั้น เขายังถูกวางตัวให้กุมบังเหียนแบรนด์เครื่องหนังจากสเปน อย่าง Loewe อีกด้วย ถัดมาคือ Nicholas Kirkwood เจ้าของแบรนด์รองเท้าสุด เก๋ ผู้ออกแบบงานดีไซน์ที่ล้ำ� เน้นโครงสร้างแปลกใหม่ เคยร่วมงานกับแบรนด์เก๋ มากมายทั้ง Rodarte Erdem และ Peter Pilotto และยังถูกซื้อไปวางขายตาม ห้างสรรพสินค้าดังๆ ทั่วโลก และสุดท้าย Maxim Simoens หนุ่มฝรั่งเศสที่มา พร้อมประสบการณ์งานระดับสูง เจ้าของแบรนด์ระดับ Couture ภายใต้ชื่อของตน สิ่งที่น่าจับตามองคือการเคลื่อนไหวครั้งนี้แปลกใหม่สำ�หรับ LVMH มาก เพราะถือเป็นครั้งแรกที่กลุ่มบริษัทตัดสินใจลงทุนกับดีไซเนอร์รุ่นใหม่ที่เริ่มธุรกิจ ได้เพียงไม่นาน เพราะปกติแล้ว LVMH จะขึ้นชื่อเรื่องกว้านซื้อแบรนด์ใหญ่และ โยกย้ายดีไซเนอร์เข้าออกมากกว่า แผนครั้งนี้อาจหมายถึงการหวังผลระยะยาว เพราะการลงทุนกับแบรนด์เล็กๆ อาจจะต้องใช้เวลาสักพักถึงจะจับต้องผลกำ�ไร ได้ ซึ่งบริษัทคู่แข่งอย่าง Kering (Gucci Group เก่า) ทำ�ได้ดีจากการเสี่ยงซื้อ หุ้นดีไซเนอร์รุ่นใหม่ พร้อมสร้างแบรนด์ของพวกเขาสู่ความเป็นสากลระดับโลก ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือ Alexander McQueen และ Stella McCartney และ ล่าสุดกับ Christopher Kane และ Altuzarra เม็ดเงินจำ�นวนมหาศาลที่ถูกอัดฉีด สามารถการันตีได้ว่าผลงานจะต้องอลังการและตื่นตามากขึ้น มาพร้อมความกดดัน ที่ต้องทำ�กำ�ไรและเข้าตาตลาดขนาดใหญ่ในเวลาเดียวกัน การเคลื่อนพลครั้งนี้ของ LVMH จะหมู่หรือจ่าคงต้องให้เวลาสักหน่อย อย่างน้อยก็ถือว่าช่วยประคองอนาคตให้แก่ดีไซเนอร์หน้าใหม่ในโลกแฟชั่นและทำ�ให้ วงการตื่นตัวและน่าสนใจอีกครั้งหนึ่ง

Photo Courtesy of www.style.com, www.stylebistro.com, www.deviantart.com, aishtiblog.com, www.anothermag.com, nemolatte.blogspot.com, www.thaigoodview.com, www.ezio.com, www.wallpaperbest.com, jensblossoms.wordpress.com, juliacoynerrobinson. wordpress.com, www.booooooom.com, www.theliquorstore.fr, itisallaboutfashion.com, www.fashiongonerogue.com, Instagram/crishorwang, www.helenabordon.com, www.vogue.co.uk, www.majorcineplex.com, www.becauseiam fabulous.com,

www.fashion-with-style.com,

www.menstyle.cz, kitschybelle.com,

www.thefashionmedley.com,

fabfashionfix.com, stylebloguk.com, www.marieclaire.co.uk, www.todayimwearing.com, fashionel.mk, forums. thefashionspot.com, jacket.yournextshoes.com, forum.purseblog.com, chinabambi.wordpress.com, stylewithstyle babe.com, stylabl.com, www.viewsofia.com, www.vulture.com, www.mirror.co.uk, www.fashionela.net, midtown blogger.blogspot.com, clotheshorse-diaryofaclotheshorse.blogspot.com, contributors.luckymag.com, models.com, www.nmisr.com, media.likes.com, www.zimbio.com, stylewithstylebabe.com, life.nandu.com, weendotnetforum 16662.yuku.com, brontek.wordpress.com, thescentofstyle.blogspot.com, www.fansshare.com, modaddiction.net, trialsbytalim.blogspot.com, afamily.vn, lesbeehive.com, www.thefashionlaw.com, www.businessoffashion.com, www.thedailybeast.com, globalgrind.com, www.eonline.com, bellezaymoda.univision.com, fashionsfeinest.blogspot .com,

zanderscorner.com,

multimedia.quotidiano.net,

www.be.com,

foros.vogue.es,

www.glamour.com,

www.dkny.com, www.imdb.com, www.justjared.com, www.oliviapalermo.com, www.dailymail.co.uk, www.stylelist.ca, www.wwd.com, fashionista.com,www.secretstylefile.com, www.highsnobiety.com, www.eonline.com, www.echinacities.com, www.huffingtonpost.com, www.venusbuzz.com, pursuitist.com, thefashionisto.com, howtcelebs.com, thinkingafrob.com

Contributors

BEN

WIBOONSIN,

CHANAPANG NINNED

BOONYAKORN

VANICHTANTIKUL,

PONGPIBOONKIAT, SUKKONG,

NUT

BUNNAWAT

POOSOMBOONWATTANA,

NARISARA SANCHUEN,

PANCHATIP

SAISANGUANSAT, MARTWIJIT,

PICHMOL RUGROD, RATCHAKRIT CHALERMSAN, RIKSH UPAMAYA, SARAN POTHACHAROEN, T-THUT RASINANONT, WITTHAWAT PUKKHABUT