สร้างสุขขยับกาย1

Page 1

ปีที่ 7 ฉบับที่ 105 มิถุนายน 2553


4 เรื่องเด่นประจำฉบับ

รวมพลัง “ขยับ” ทั้งประเทศ ออกกำ�ลังกาย สำ�คัญกว่าที่คิด

9 รายงานพิเศษ

ออกกำ�ลังกายรับแสงตะวัน นวัตกรรมออกกำ�ลังกายสร้างเซลล์สมอง

10 รายงานพิเศษ

แข็งแรงด้วยไม้กวาด ที่บ้านบุไทย

12 ร่วมสร้างประเทศไทย

ตามหา “จังหวัดน่าอยู่” ที่สุดในประเทศไทย • ท่าเหนือเมืองน่าอยู่ ที่ “อุตรดิตถ์” • รวมพลัง “คิดดี ทำ�ดี” เพื่อเมืองนคร

4 เรื่องเด่นประจำฉบับ รวมพลัง “ขยับ” ทั้งประเทศ ออกกำ�ลังกาย สำ�คัญกว่าที่คิด

16 รายงานพิเศษ

รู้ค่า ‘ขยะ’ สร้างค่าให้ ‘ปริก’

18 เด็กแนว+

เยียวยาเด็ก...หลังสิ้นเสียงปืน นพ.สุริยเดว ทรีปาตี

20 รายงานพิเศษ

เมื่อเยาวชน 1 ใน 5 ติดพนันบอล FIFA 2010

12 ร่วมสร้างประเทศไทย

18 เด็กแนว +

20 รายงานพิเศษ

24 รู้ข้ามโลก

22 เขตปลอดบุหรี่ 23 เรื่องเล่าไร้แอลกอฮอล์ 24 รู้ข้ามโลก

26 หน้าต่างแห่งความสุข

‘โอที’ ทำ�ร้ายสุขภาพหัวใจ

“ละครเยาวชน” ต้นกล้าความสุข

28 กระปุกออมสุข

เว็บสุขภาพน้องใหม่ healthy.in.th

30 สุขกับงาน

32 เคล็ดลับคนดังสุขภาพดี

“เพราะทุกคนคือครอบครัว” สร้างองค์กรแห่งความสุข สไตล์ ‘โตชิบา’

32 เคล็ดลับคนดังสุขภาพดี

“วิ่ง” เคล็ดลับหน้าใส ของ “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์”

33 Happy Reading

The Map แผนที่คนหัดอ่าน เล่มโปรดของ แมพ-วงศธร ควันธรรม

35 Board update 36 มุ่งมั่นและหยาดเหงื่อในเดือนที่ผ่านมา 38 โทรโข่งเล่าข่าว 39 บริหารสมอง

กองบรรณาธิการจดหมายข่าวชุมชนคนรักสุขภาพฉบับสร้างสุข 979 ชั้น 34 อาคาร เอส.เอ็ม. ทาวเวอร์ ถนนพหลโยธิน สามเสนใน พญาไท กทม. 10400 โทร 0-2298-0500 ต่อ 3006 และ 3047 โทรสาร 0-2298-0499 หรือ e-mail : editor@thaihealth.or.th


เราเพิ่ ง ผ่ า นพ้ น เหตุ ก ารณ์ ที่ เ ป็ น เหมื อ นฝั น ร้ า ยของคนไทย ทุกคน เมื่อเหตุการณ์จบลง เหลือไว้เพียงความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สิน ซึ่งล้วนเป็นความสูญเสียไม่ทางตรงก็ทางอ้อมของ คนไทยทุกคน ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นเลยในผืนแผ่นดินไทย ที่ได้ชื่อว่า เป็นแผ่นดินของคน ‘รักสงบ’ ในแง่ ห นึ่ ง ฝั น ร้ า ยอาจยั ง ทิ้ ง บาดแผลเอาไว้ ใ นใจของใคร หลายคน...แต่คงไม่มีประโยชน์หากเราจะเสียเวลาไปกับการก่นด่า กล่าวโทษ หรือแก้แค้นใคร เพราะสิ่งเหล่านั้นคงไม่ได้ช่วยอะไร ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองกำลังบาดเจ็บ และต้องการการฟื้นฟู ครั้งใหญ่ ลองพลิกมุมมองในแง่ดี คงไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะเห็นภาพคน ไทยร่วมใจกันออกมาเก็บกวาดท้องถนน เก็บกวาดสิ่งที่เสียหาย ด้วยความตั้งใจจะ “สร้ า ง” ขึ้นใหม่ ไม่ใช่เพียงให้เหมือนเดิม แต่ต้อง “สร้าง” ให้ดีกว่าเดิม...ไม่ใช่เพียงด้านกายภาพอย่างตึก รามบ้านช่องท้องถนน แต่ยังหมายถึงคุณภาพจิตใจของคน และ ความสุขของคนในชาติด้วย ส่ ว นจะสร้ า งกั น อย่ า งไร…คงเป็ น ไปไม่ ไ ด้ แ น่ ที่ ค นไทย 63 ล้านคนจะมีความคิดเห็นเหมือนกันทั้งหมด แต่ภายใต้ความ เห็นที่แตกต่าง ถ้าทุกคนมี National Dream หรือความฝัน ใหญ่ อั น เดี ย วกั น โดยมี จุ ด มุ่ ง หมายเพื่ อ ประโยชน์ ข องประเทศ เราจะก้าวข้ามความขัดแย้งไปได้

ความฝันใหญ่นั้นคืออะไร โจทย์นี้เราทุกคนต้องเป็นคนตอบ ถึงเวลาที่เราจะมาช่วยกัน “ออกแบบ“ ว่าอยากให้ประเทศไทย เป็นอย่างไร และไม่ใช่แค่ออกแบบแล้วโยนให้เป็นหน้าทีข่ องรัฐบาล หรือใครมาทำให้ แต่เราต้อง “ลงมื อ ทำ” ด้วยสองมือของเรา ทุกคน เพื่อทำให้ประเทศไทยของเรากลับมาเป็นประเทศที่น่าอยู่ ไม่ใช่แค่เหมือนเดิม แต่ยิ่งกว่าเดิม... ถ้านึกภาพไม่ออก ผมอยากยกตัวอย่างชุมชนท้องถิ่นในหลาย ตำบลที่ สสส. ได้ร่วมทำงานด้วย ซึ่งน่าจะเป็นตัวอย่างของการที่ คนในท้องถิ่นร่วมลุกขึ้นมาแก้ปัญหาในท้องถิ่นตนเอง สร้างความ เข้มแข็ง พึ่งตนเอง โดยไม่เอาแต่นั่งรอความหวัง จนวันนี้เรียก ได้เต็มปากว่าเป็น “ตำบลสุ ข ภาวะ” ที่นอกจากช่วยเหลือตัวเอง ได้แล้ว ยังสามารถช่วยเหลือตำบลอื่นๆ ข้างเคียง และกำลังจะ ขยายผลออกไปสร้างให้จังหวัดทั้งจังหวัดกลายเป็น “จังหวัดน่าอยู่” ซึ่ ง ต อ น นี้ ก ำ ลั ง เ ริ่ ม เ ห็ น เ ป็ น รู ป ร่ า ง ใ น 2 จั ง ห วั ด คื อ นครศรีธรรมราช และอุตรดิตถ์ ซึง่ ฉบับนี้ “สร้างสุข” ได้นำเรือ่ งราว มาให้อ่านกัน น่าจะทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนการสร้างพระเจดีย์จากฐานราก ดังที่ ศ.นพ.ประเวศ วะสี ได้กล่ า วไว้ ลองจิ น ตนาการว่า ถ้า วัน หนึ่ง สิง่ ดีๆ เช่นนีเ้ กิดขึน้ ในทัว่ ทุกท้องถิน่ สร้างให้ 76 จังหวัดทัว่ ประเทศ เข้มแข็ง และน่าอยู่ การทีป่ ระเทศไทยของเราจะกลายเป็นประเทศ ที่น่าอยู่ ก็ย่อมไม่ได้เป็นเพียงฝันลมๆ แล้งๆ มาร่วมสร้างประเทศไทยขึ้นใหม่ด้วยกันนะครับ...

ส่วนใครมีข้อแนะนำ�เพิ่มเติม ติดต่อได้เหมือนเดิมดังนี้

*ป.ล. ใครยังไม่ได้ดูมิวสิควิดีโอ “บ้านเราจะเหมือนเดิม” ลองดูตาม link นี้ครับ http://www.youtube.com/watch?v=3Vuu_4O65Cw ดูแล้วจะมีกำ�ลังใจช่วยกันฟื้นบ้านเมืองให้กลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง

facebook : www.facebook.com/kunkris twitter : www.twitter.com/kunkris email : ceo@thaihealth.or.th

วิสัยทัศน์ของ สสส.

“คนไทยมีสุขภาวะอย่างยั่งยืน” สสส. มีหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนมีพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ และ ลด ละ เลิกพฤติกรรมที่เสี่ยง ต่อการทำลายสุขภาพ ซึ่งนำไปสู่การมีสุขภาพกายแข็งแรง สุขภาพจิตสมบูรณ์ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งถือเป็น พัฒนาการด้านสุขภาพอีกด้านหนึ่งซึ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่าการรักษาพยาบาล


4

เรื่องเด่นประจำฉบับ

“โรคหัวใจและหลอดเลือด” ถือเป็น 1 ใน 3 สาเหตุหลักของการ ป่วยและตายของคนไทย ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมามีจำนวนผู้ป่วยที่ เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นถึง 3-17 เท่าตัว! ในแต่ละปี มีคนไทยเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้น 160,000 คน โดย คนเมืองเสี่ยงโรคหัวใจมากกว่าชนบท 38% และมีแนวโน้มจะ เพิ่มเป็น 66% ในปี 2573 หรืออีกราว 20 ปีข้างหน้า! ปัจจัยสำคัญที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ก็คือ ความอ้วน โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง การมีไขมันในเส้นเลือด... ในปี 2548 ในแต่ละวัน มีคนไทยที่ตายจากความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เบาหวาน ประมาณ 121 คนต่อวัน และจากหลอด เลือดสมอง 82 คนต่อวัน...ไม่ใช่น้อยๆ เลย ทุกวันนี้ คนไทยเป็นความดันโลหิตสูง 10 ล้านคน 30% รู้ตัว และเพียง 60% ในนี้ที่เข้ารับการรักษา ขณะที่มีคนไทยป่วยเป็น เบาหวาน 6 ล้านคน ใช้ค่ารักษาเฉลี่ย 80,000 บาทต่อคน ต่อปี

ทั้งหมดที่พูดมา อยู่บนรากเหง้าแห่งจากความจริงอันน่าระทึก ที่ว่า...คนไทยส่วนใหญ่ ไม่ออกกำลังกาย และการไม่ออกกำลังกาย สามารถนำพามาสู่ความเจ็บป่วย เหล่านี้ ปัจจุบันนี้ มีคนไทย 16.3 ล้านคนเท่านั้นที่ออกกำลังกายเป็นประจำ…. ส่วนอีกเกือบ 50 ล้านคนเพิกเฉย เด็ก 73% ออกกำลังกาย แต่ยิ่งโตยิ่งน้อยลง คนวัยทำงาน เพียง 20% เท่านั้นที่ออกกำลังกาย มีความพยายามหาคำตอบว่ า ทำไมคนไทยถึงไม่ออกกำลัง กาย? การวิจัยล้วงลึกถึงพฤติกรรมการออกกำลังกายของคนไทย ทัง้ 76 จังหวัด พบคำตอบว่า อุปสรรคทีท่ ำให้พวกเขาไม่ออกกำลัง กายอันดับแรกคือ “ไม่มีเวลา” ถึง 43% มีอีก 14% บอกว่าไม่มี อุปกรณ์ ส่วนที่เหลือ 6% บอกว่า ไม่มีเพื่อน และปัญหาที่ดูเหมือนไม่ร้ายแรง แต่จะส่งผลกระทบระยะ


ยาวต่อสุขภาพคนไทยในอนาคต สำนักงาน กองทุ น สนั บ สนุ น การสร้ า งเสริ ม สุ ข ภาพ (สสส.) จึงร่วมกับหน่วยงานและภาคีกีฬา ชวนให้คนไทยออกมา “ขยับทัง้ ประเทศ” กัน ต่อเนื่องตลอดทั้งปี ในโครงการส่งเสริม การออกกำลังกายเพื่อเทิดพระเกียรติวัน ฉัตรมงคล 5 พฤษภาคม จนถึงวันเฉลิม พระชนม์พรรษา 5 ธันวาคม 2553 เพื่อ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็น “กษัตริย์นักกีฬา” ซึ่งในปี 2553 นี้เป็นทั้งปีสำคัญที่ตรงกับ 60 ปีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และทรง เจริญพระชนมายุ 84 พรรษา

โดยงานนี้ คาดหวังว่าจะมีประชาชน ทั่วประเทศแสดงเจตนารมณ์จะออกกำลัง กายและเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพเป็นประจำไม่ น้อยกว่า 1 ล้านคน นายวิวัฒน์ วิกรานตโนรส ประธานแผน งานส่ ง เสริ ม กี ฬ าและการออกกำลั ง กาย สสส. กล่าวว่า หน้าทีก่ ารงานเป็นส่วนหนึง่ ที่ ท ำให้ ค นห่ า งไกลการออกกำลั ง กาย บางส่วนก็มองว่าการออกกำลังกายเป็นเรือ่ ง ยุ่ ง ยาก ต้ อ งมี อุ ป กรณ์ ต้ อ งมี ส ถานที่ แต่สิ่งที่ สสส. และเครือข่ายกำลังทำคือ การพิ สู จ น์และสื่อสารให้คนไทยทราบว่า คนเราสามารถออกกำลั ง กายได้ ทุ ก วั น ทุ ก เวลา จากกิ จ กรรมประจำวั น ที่ ท ำอยู่ จึงต้องเปลี่ยนทัศนคติคนไทยให้มา “ขยับ” ทุกวัน รศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผู้อำนวยการ สำนั ก รณรงค์ แ ละสื่ อ สารสาธารณะเพื่ อ สั ง คม สสส. กล่ า ววว่ า เมื่ อ พิ จ ารณา สัดส่วนของคนไทยที่ออกกำลังกาย พบว่า ช่วงอายุที่มีการออกกำลังกายมากจะอยู่ใน วัยเด็ก และลดลงเมือ่ เข้าสูว่ ยั ทำงาน ก่อนที่ จะเพิ่ ม ขึ้ น อี ก ครั้ ง เมื่ อ เข้ า สู่ วั ย ผู้ สู ง อายุ ซึ่งการออกกำลังกายควรทำต่อเนื่องตลอด ไปตั้งแต่เล็กจนโต เพราะเมื่อดูแลร่างกาย จิตใจให้แข็งแรง... ก็จะนำไปสู่สังคมที่แข็งแรงได้ งาน “ชวนขยับทั้งประเทศ” ได้เปิดตัวไป เมื่อวันที่ 4-5 พฤษภาคม ในงานมหกรรม กี ฬ ามหามงคล ซึ่ ง ร่ ว ม เครื อ ข่ า ยภาคี สุ ข ภาพ อาทิ กระทรวงการท่ อ งเที่ ย ว แ ล ะ กี ฬ า , ก ร ะ ท ร ว ง ศึ ก ษ า ธิ ก า ร , กรุงเทพมหานคร, การกีฬาแห่งประเทศ ไทย และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สมาคมกี ฬ าเกื อ บ 20 สมาคมทั่ ว ประเทศ

ภายใต้ แ นวคิ ด “ชวนขยั บ ทั้ ง ประเทศ” มี กิ จ กรรมต่ า งๆมากมาย ไม่ ว่ า จะเป็ น นวั ต กรรมการออกกำลั ง กาย กี ฬ าสาธิ ต และกิจกรรมนันทนาการมากมายที่จะมา “ ช ว น ข ยั บ ” ห ล า ก ห ล า ย รู ป แ บ บ ทั้ ง นวั ต กรรมการออกกำลั ง กาย อาทิ ดัมเบลรักษ์โลก และต้นแบบนวัตกรรมการ ออกกำลังกายสำหรับทุกเพศทุกวัยทีป่ ระสบ ความสำเร็จและเป็นที่นิยมจากแต่ละชุมชน ทั่วประเทศ “ขยั บ ไว้ ล ายไทย” กั บ นวั ต กรรมการ ออกกำลั ง กายที่ ป ระยุ ก ต์ จ ากวั ฒ นธรรม พื้นบ้าน กีฬาท้องถิ่นทั่วประเทศ ไม่ว่าจะ เป็น แอโรบิกฟ้อนยอง รำมอญ แอโรบิก แผนไทย โนราบิก รำแม่มด หมากรุกคน พร้อมร่วมแข่งกีฬาชาวดอยหลากประเภท “ขยั บ วั น ละนิ ด จิ ต แจ่ ม ใส” อย่ า งเช่ น กิจกรรม “กีฬามหาสนุก พ่อแม่ลูกเล่นด้วยกัน” ซึ่งให้สาระและความรู้ที่คุณพ่อคุณแม่จะ นำไปใช้ฝึกกล้ามเนื้อและพัฒนาการทาง ร่างกายของลูกน้อยได้ กิจกรรมอาชาบำบัด และกิ จ กรรมตาราง 9 ช่ อ ง พร้ อ ม สารประโยชน์สำหรับเด็กพิเศษ ต่อด้วย “ขยับกายสบายอารมณ์” ด้วยกิจกรรมสร้าง เสริมสุขภาพจากภาคี สสส. และสมาคม กี ฬ าต่ า งๆ โดยมี นั ก กี ฬ าดั ง ของไทยมา แนะนำเคล็ดลับสุขภาพดีกันแบบตัวต่อตัว “ ข ยั บ แ ข้ ง ข ยั บ ข า” กั บ กิ จ กรรม สันทนาการหลากหลายรูปแบบ ทั้งเอ็กซ์ ต รี ม , จั ก ร ย า น ผ า ด โ ผ น , B - B o y , แมดฮอบ และ COVER J-POP /K-POP ในแบบฉบับคนรุน่ ใหม่ และปิดท้ายกับการ “ขยับสมอง” ใช้ความคิดกับกิจกรรมกระตุ้น ความฟิตให้สมอง อาทิ รูบิก ควงปากกา สแตกค์เรียงแก้ว


6 รวมถึงการร่วมกันเต้นโรบิกครั้งสำคัญ กับ “นักแอโรบิก 100 ลานกี ฬ า” กรุ ง เทพมหานคร ที่ จ ะมารวมตั ว กั น เป็ น ครั้ ง แรก, การแข่งขันกีฬา “ชวนกันขยับทั้งเขต” เชื่อมความสัมพันธ์ชุมชน ต่างๆจาก 50 เขต ในกรุงเทพฯ และหลังจากนี.้ .. รศ.ดร.วิลาสินี บอกถึงการรณรงค์สร้างกระแส ต่อเนื่องเป็นเวลา 8 เดือนเต็ม ว่าจะมีการร่วมกับหน่วยงาน ต่างๆ ทัง้ โรงเรียน หน่วยราชการ เอกชน เพือ่ เอาวิธกี ารออกกำลัง กายง่ายๆ แต่ทำได้จริงเข้าไปแนะนำ ในเด็ ก จะมี ก ารส่ ง เสริ ม รู ป แบบการออกกำลั ง กายหลั ง เลิกเรียน การออกกำลังกายโดยใช้แนวคิดฐานปัญญาในโรงเรียน ต้นแบบ 60 โรงเรียน

ในวั ย รุ่ น จะมี ก ารส่ ง เสริ ม การออกกำลั ง กายในรู ป แบบ เอ็กซตรีม จักรยานผาดโผน, B-Boy, แมดฮอบ และ COVER J-POP /K-POP วัยทำงาน การเต้นแอโรบิคในนิคมคมอุตสาหกรรม ในชุมชน ตามพืน้ ทีเ่ ขตต่างๆ ของ กทม. กว่า 100 ลาน รวมถึงกิจกรรม การออกกำลั ง กายเพื่ อ สุ ข ภาพ เช่ น เดิ น วิ่ ง วิ ส าขพุ ท ธบู ช า รวมถึงการออกกำลังกายในสวนสาธารณะ เมื่อจบโครงการก็จะมีการวัดผลว่าสามารถทำให้คนลุกขึ้นมา ออกกำลังกายสม่ำเสมอและคุมน้ำหนักได้แค่ไหน

เพื่อเป็นการชวนคนไทยทั้งประเทศ ออกมาขยับ สำนักงานกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ สสส. จึงได้ พัฒนาความร่วมมือกับ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) พัฒนาเพลงและ มิวสิควิดีโอรณรงค์ร่วมกันภายใต้แนวคิ ด “การออกกำลั ง กายสม่ ำ เสมอ ทำให้ มี ความพร้อมทั้งกายและใจ” โดยทางบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จึงคัดเลือก ติ๊ก ชิโร่ ศิริศักดิ์ นันทเสน และ บี้ สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว มาเป็นต้นแบบที่ดีแก่เยาวชนเพื่อร่วม รณรงค์โครงการ “แค่ขยับ=เริ่มออกกำลังกาย” โดยพัฒนาเป็นเพลงและมิวสิค วิดีโอเพื่อจะเริ่มรณรงค์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นไป

จากความสำเร็จจนถึงปัจจุบันของ เพลง ขยับบ่อยๆ ในปี 2550 และ ด้วยนิสัยรักสุขภาพหมั่นออกกำลังกาย ทำให้ “ติ๊ก ชิโร่” ตอบรับความร่วมมือ รณรงค์ส่งเสริมการออกกำลังกายกับ สสส. อีกครั้ง โดยได้ต่อยอดแนวคิด จากเพลงขยั บ บ่ อ ยๆ มาเป็ น เพลง “ออกกำลังยกกำลังสอง” ทีเ่ น้นให้คนไทย อย่าหยุดขยับ โดยติ๊ก ชิโร่ต้งั ใจทั้งแต่ง ทั้งร้อง และเล่นมิวสิควิดีโอเอง ในมิวสิควิดีโอเพลง “ออกกำลังยก กำลังสอง” นี้จะเป็นภาพต่อของเพลง “ขยับบ่อยๆ” ที่เห็นตัวละครทั้งสามจาก เพลงขยั บ บ่ อ ยๆ คื อ คุ ณ นายเจ้ า ระเบียบที่เคยเอาแต่ชี้นิ้วไม่ยอมขยับ ลุ ก ขึ้ น มาชวนทุ ก คนรอบข้ า งขยั บ หนุ่ ม ออฟฟิ ส ผมเรี ย บที่ ลุ ก ขึ้ น มาขยั บ ในเพลงทีแ่ ล้ว เพลงนีก้ ม็ รี า่ งกายสดใส แข็งแรง จิตใจเบิกบานจนก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่และชักชวนคนในสำนักงานให้ กระฉับกระเฉง ส่วนตัวละครสุดท้ายคือวัยรุ่นสุดเท่ที่อยากชวนทุกคนมาออกกำลังกาย เลยเลือกงานเป็นครูสอนแอโรบิค ซึ่งทั้งสามตัวละคร ติ๊ก ชิโร่ ลงทุนสวมบทบาทเอง ทั้งหมด จะสมบทบาทขนาดไหนต้องติดตามดูกัน

หลอดเลือดหัวใจ

การออกกำลั ง กายที่ ใ ช้ ค วาม อดทนเป็ น เวลานาน หั ว ใจจะมี ปริ ม าตรเพิ่ ม ขึ้น กล้ า มเนื้ อ แข็ ง แรงขึ้น สามารถสูบฉีดเลือดออก จากหัวใจได้ครั้งละมากๆ มีการ กระจายของหลอดเลือดฝอยมาก ขึ้นในกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้หัวใจ ได้รับเลือดหล่อเลี้ยงอย่างเพียงพอ ระดั บ ไตรกลี เ ซอไรด์ ใ นเลื อ ด ลดลง ภาวะอุดตันของหลอดเลือด แดงน้อยลง

เบาหวาน

การออกกำลั ง กายมี ผ ลด้ า น เมตะบอลิ ส ม์ แ ละน้ ำ หนั ก ของ ร่างกาย ลดไขมัน ป้องกันไม่ให้ น้ ำ ตาลกลู โ คสในเลื อ ดเพิ่ ม ขึ้ น จึงสามารถป้องกันเบาหวานได้ดว้ ย

ความดันในเลือดสูง

การออกกำลังกายทำให้รา่ งกาย ขาดน้ำชั่วคราว ร่างกายไม่เครียด และทำให้มีสารเฉพาะบางอย่างที่ ออกฤทธิ์ไปขยายหลอดเลือด

ความเครียด

การออกกำลัง นอกจากมีผล โดยตรงต่อจิตใจลดความเครียด ได้ ทั น ที แ ล้ ว การออกกำลั ง เป็ น ประจำยังช่วยแก้ไขสภาพผิดปกติ ทางจิตใจบางอย่างได้ วิทยาการ สมั ย ใหม่ พ บว่ า ขณะออกกำลั ง ร่ า งกายจะหลั่ ง สารเอ็ น โดรฟิ น ออกมา ทำให้จิตใจสดชื่น และ ลดความเศร้า


7

ร่างกายพร้อม จิตใจก็พร้อม จะทำอะไรก็ไม่กลัว นี่คือข้อดีของการออกกำลังกายที่เป็นแนวคิด หลักของเพลง “ฟิตหัวใจ” ซึ่งได้ศิลปิน บี้ สุกฤษฏ์ เป็นผู้ถ่ายทอด และมิวสิควิดีโอเพลงนี้มีความ พิเศษด้วยเปิดให้ทุกคนเข้าร่วมการ audition เพื่อร่วมขยับไปกับบี้ในมิวสิควิดีโอ โดยมีผู้เข้าร่วม audition กว่า 300 คน ซึ่งมีทุกเพศทุกวัยตั้งแต่อาม่าวัยสูงอายุ กระทั่งคุณหลานวัย 5 ขวบ สถานที่ถ่ายทำมิวสิควิดีโอเพลง ฟิตหัวใจ ทีมงานได้แปลงลานด้านหน้าศูนย์ศิลปวัฒนธรรมแห่ง กรุงเทพมหานคร เป็นลานออกกำลังกายขนาดใหญ่ที่บี้และเหล่านักแสดงร่วม 300 คน ร่วมกัน ขยั บ อย่ า งสนุ ก สนานกลางเมื อ งกรุ ง เทพ ซึ่ ง ในวั น ถ่ า ยทำได้ รั บ ความสนใจจากสื่ อ มวลชนและ ประชาชนจำนวนมาก

วิธีออกกำลังกายง่ายๆ ที่ใครๆ ไม่ค่อยจะทำ...

1. เดิน - เดินสะสมระยะทางให้ได้ 15 กม. ต่อสัปดาห์ หรือเฉลี่ยวันละ 3-5 กม. - เดินสะสมในระยะเวลา 6-7 เดือน หรือจะ...เดินสะสมระยะเวลา ให้ได้ 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือเฉลี่ยวันละ 30 นาที หรือแบ่งเป็น 2 รอบ รอบละ 15 นาที 2. วิ่ง - วิ่ง 100-200 เมตร หรือ ขึ้น- ลง บันได 2 เที่ยวแล้วพัก ยังไม่มีผลต่อหัวใจมากนัก ไม่ช่วยลดพุง - วิ่ง 1.5 กม. ใน 8 นาที เริ่มมีผลต่อหัวใจแต่ยังไม่ลดพุง - วิ่งต่อเนื่องไม่หยุด 12 นาที มีผลต่อหัวใจและลดพุง - วิ่งต่อเนื่องไม่หยุด 30 นาทีขึ้นไป มีผลต่อหัวใจ ลดพุงชัดเจน 3. ยกน้ำหนักเบาๆ บ่อยๆ - ทำให้กล้ามเนื้อกระชับ ไม่ลีบ - ระดับฮอร์โมนต่างๆ ทำงานได้คงที่ เช่น อินซูลิน - ระดับความดันเลือดคงที่ 4. แอโรบิคเบาๆ บ่อยๆ - ลดความเครียด เกร็ง ของกล้ามเนื้อ - ชะลอขบวนการเสื่อมจากวัยของระบบกล้ามเนื้อ หัวใจ ปอด และกระดูก - ต้องทำนาน 20 นาทีเป็นอย่างน้อย อาจเป็นการวิ่ง ออกกำลังอยู่กับที่ ขี่จักรยานอยู่กับที่ หรือ เต้นแอโรบิค


8

Exercise บ่อยแค่ไหนดี... - - - - -

ช่วงเริ่มฝึก 1-2 สัปดาห์แรก อายุไม่มาก ควรออก 2-3 วันต่อสัปดาห์ อายุมากกว่า 40 ปี ควรออก 1-2 วันต่อสัปดาห์ ฝึกมาสักระยะ ให้มีความก้าวหน้า คงไว้ที่ 3 วันต่อสัปดาห์ เต็มที่ 5 วันต่อสัปดาห์ ไม่ควรเป็น 7 วันต่อสัปดาห์ เพราะร่างกายต้องการพักบ้าง

Exercise นานแค่ไหนดี... - - -

ครั้งละ 30 นาที ในช่วงเริ่มต้น น้ำหนักอาจยังไม่ลด เพิ่มเป็นครั้งละ 60 นาที น้ำหนักลดแน่นอน รวมแล้วให้ได้ 150-200 นาทีต่อสัปดาห์ รวม 16 สัปดาห์ รับรองน้ำหนักลดแน่นอน

ขอบคุณข้อมูล ผศ.ดร.สุชาติ ทวีพรปฐมกุล สถาบันวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการแผน งานส่งเสริมนวัตกรรมการออกกำลังกาย และกีฬาเพื่อสุขภาพ สสส. และ ผศ.ดร.รุ่งชัย ชวนไชยะกูล รองเลขาธิการเครือข่าย คนไทยไร้พุง และรองคณบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลัยมหิดล


9

“ออกกำลังกาย ออกกำลังกัน รับแสงตะวันยามเช้า รับแสงมหัศจรรย์เถอะนะ” “ขอบคุณยีราฟคอยาว คุณยีราฟตัวยาว คุณยีราฟขายาว พวกเราสู๊งสูง” “ขอบคุณกระต่ายว่องไว ก้าวชิดก้าวย่ำๆ1 ก้าวชิดก้าวย่ำๆ2 ก้าวชิดก้าวย่ำๆ3....” เนื้อเพลงตอนหนึ่งจากสโมสรเห็ดหรรษา สถาบันเพื่อ การเรี ย นรู้ เป็ น นวั ต กรรมใหม่ ชิ้ น หนึ่ ง ที่ น ำมาแสดงใน มหกรรมกี ฬ ามหามงคล 2553 เทิ ด พระเกี ย รติ 60 ปี พระบรมราชพิธีบรมราชาภิเษก ภายใต้แนวคิด “ชวนขยับทั้ง ประเทศ” ซึ่งเป็นสื่อในการออกกำลังกายที่เตรียมนำแจกให้ กับโรงเรียนทั่วไปได้ใช้ น้ า นิ ด ผึ้ ง น้ อ ย หรื อ ภั ท รจารี ย์ อั ย ศิ ริ ผู้ แ ต่ ง เพลง “ออกกำลังรับแสงตะวันยามเช้า” เล่าถึงที่มาว่า แสงแดดยาม เช้าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่หากได้รับอย่าง เหมาะสมจะเป็นเรื่องดี การแต่งเพลงโดยใช้ชื่อสัตว์ และ ท่าของสัตว์ต่างๆ มาใส่ นอกจากเด็กจะได้ออกกำลังกาย เกิดประโยชน์ในเรื่องการยืดกล้ามเนื้อ ยังทำให้สมองเด็ก ได้คิดตามท่าต่างๆ สมองกับกล้ามเนื้อจะสั่งการและเกิด การพัฒนาไปพร้อมๆ กัน

เช่น เมื่อพูดถึงยีราฟ เนื้อเพลงก็จะบอกลักษณะว่า ยีราฟ ตัวสูงขายาว ส่วนท่าที่เด็กทำก็จะยืดกล้ามเนื้อขา คอ ในลักษณะยืดขึ้นเหมือนกับยีราฟ หรือหากเป็นท่า ของกระต่าย ก็จะออกกำลังในส่วนขา เท้า ทำให้เป็น จังหวะย่ำๆ เหมือนกับเนื้อเพลง หรือ ท่ากบ ก็จะเป็นการ ย่อยืดตัว ให้เด็กได้ทำตาม นอกจากเนื้อเพลงฟังแล้วสนุกสนาน สามารถสร้าง ความรู้ สึ ก สนุ ก ให้ เ ด็ ก และทำให้ รั ก การออกกำลั ง กาย สิ่ ง ที่ ส ำคั ญ ยั ง ทำให้ ส มองได้ รั บ การสั่ ง การเชื่ อ มโยงกั บ ร่ า งกาย ถื อ เป็ น สิ่ ง จำเป็ น สำหรั บ วั ย เด็ ก เล็ ก อย่ า งมาก เพลงนีย้ งั ไม่จำกัดเฉพาะเด็ก แต่ผพู้ ฒ ั นายังมองไปถึงผูใ้ หญ่ ผู้สูงอายุที่จะสามารถออกกำลังกายร่วมกับเด็กๆ ในยาม เช้าด้วยอีกด้วย ประโยชน์ขนาดนี้ พรุ่งนี้เช้าเรามาออกกำลังกายพร้อมกัน


10

รายงานพิเศษ

“...เข้ามา มา มา มา มา เข้ามา มา มา มา มา เดี๋ยวพี่จะพาเที่ยวเมือง อีสาน เที่ยวชมวัตถุโบราณ ล่ะที่ภาคอีสานนั้นมีทุกอย่าง โคราชไปไหว้ย่าโม โคราชไปไหว้ ย่ า โม โคราชสุ ข โขสวยงามหนั ก หนา เที่ ย วดู เ พลิ น หู เ พลิ น ตา เที่ยวดูเพลินหาเพลินตา มาเถิดน้องมา ละได้ดูเป็นตั้ง....” เสียงลำกลอนชวน เที่ยวชมเมืองอีสานของชายวัยกลางคนผิวสีคล้ำและดูท่าทางใจดี ที่ชื่อว่า นายสวรรค์ ตลั บ ทอง ผู้ ช่ ว ยผู้ ใ หญ่ บ้ า น ชุ ม ชนบ้ า นบุ ไ ทย ต.ห้ ว ยยาง อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ช่างดูน่าสนุกและชวนขยับยิ่งนัก โดยเพลงนี้ เขาเป็นผู้ประพันธ์และขับร้องเองด้วย เพลงหมอลำเพลงนี้ถูกใช้ร้องปลุกเร้าผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนให้ออกมาเต้น และออกกำลังกายด้วยไม้กวาดทางมะพร้าวกันอย่างสนุกสนาน ในทุกเย็น วันศุกร์ของทุกๆ สัปดาห์ โดยจะมีผู้สูงอายุเป็นแกนนำหลักและชักชวน ชาวบ้ า นคนอื่ น ๆ มาร่ ว มกั น ในแต่ ล ะครั้ ง จะมี ผู้ เ ข้ า ร่ ว มไม่ ต่ ำ กว่ า 35– 40 คน


11

แต่การจะชวนทุกคนมาร่วมกันแบบนี้ ผูช้ ว่ ยผูใ้ หญ่บา้ น บุไทย เล่าว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะก่อนหน้านี้ชุมชน บ้านบุไทย ถือเป็นชุมชนนอกสายตา ไร้การเหลียวแลจาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนไม่มีองค์กรใดกล้าเข้ามาพัฒนา เนื่ อ งจากถนนที่ จ ะเข้ า หมู บ้ า นเป็ น เพี ย งทางเล็ ก ๆ ที่ วิ่ ง ผ่านได้เฉพาะมอเตอร์ไซค์และเต็มไปด้วยดินลูกรัง จนกระทัง่ ชาวบ้ า นในชุ ม ชนได้ ร่ ว มกั น พั ฒ นาหมู่ บ้ า นให้ น่ า อยู่ ด้ ว ย การทำ “โครงการร่วมสร้างหมู่บ้านพอเพียง เพื่อรากฐานสุขภาพ ที่ยั่งยืน” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการ สร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) 3 ปีซ้อน กิจกรรมที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นภายหลังจากทำโครงการ คือ การกระตุ้นให้ผู้สูงอายุออกกำลังกายด้วยท่าแอโรบิคที่ ใช้ไม้พลองเป็นส่วนประกอบ แต่ทางผู้นำชุมชนได้หารือ กันว่าทำอย่างไรที่จะให้ผู้สูงอายุมีกิจกรรมทำมากกว่าการ ออกกำลังกาย เนื่องจากในหมู่บ้านมีผู้เฒ่าผู้แก่ที่มีสุขภาพ แข็งแรงและอายุยืนเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะขาดการ เอาใจจากลูกหลานทำให้ต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง บางราย ถึงกับป่วยเป็นโรคซึมเศร้ า ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่าควรให้มี การรวมกลุ่มกันผลิตไม้กวาดทางมะพร้าว แล้วนำมาใช้เป็น ส่วนหนึ่งในการออกกำลังกาย “การพลิกฟื้นและปรับภูมิปัญญาดั้งเดิมในการผลิตไม้กวาด ถือเป็นวิธีง่ายๆ ที่ทำให้ผู้สูงอายุในหมู่บ้านได้มารวมตัว พูดคุย แลกเปลี่ยน และสานสัมพันธ์ระหว่างคนในชุมชนทุกครัวเรือน เข้ า ไว้ ด้ ว ยกั น เนื่ อ งจากเมื่ อ ปู่ ย่ า ตายาย มาทำไม้ ก วาด ลูกหลานที่ว่างเว้นจากการเรียนก็จะตามมานั่งเฝ้า นั่งดูและ ลงมือช่วยทำไม้กวาด โดยในระหว่างนั้นจะมีการพูดคุยแนะนำ ขัน้ ตอนวิธที ำ รวมไปถึงอบรมสัง่ สอนทางอ้อม ซึง่ นีถ้ อื เป็นการ ช่วยลดช่องว่างระหว่างวัยด้วย” การเต้นแอโรบิคโดยใช้หมอลำกลอนมรดกของภาคอีสาน มาใช้เป็นวิธีชักจูงคนในชุมชนนั้น เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้ คนออกมาแลกเปลี่ยนความคิด พูดคุย และทำให้ผู้สูงอายุ ในชุ ม ชนบ้ า นบุ ไ ทไม่ ห ยุ ด อยู่ นิ่ ง นี่ จ ะเป็ น การช่ ว ยทำให้ สิ่งแวดล้อมดีขึ้นโดยทางอ้อม

มีอีกหลายกิจกรรมที่น่าสนใจที่ชาวบุไทยได้รวมพลังกัน พัฒนาชุมชน เช่น การส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน และ ผู้สูงอายุ สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนตามแนวทาง เศรษฐกิ จ พอเพี ย ง ลดรายจ่ า ย นำได้ ร ายมาเก็ บ ออม ด้ ว ยการผลิ ต ของใช้ ใ นครั ว เรื อ นจากวั ส ดุ ใ นท้ อ งถิ่ น เช่น น้ำยาล้างจาน น้ำยาปรับผ้านุม่ นอกจากนีท้ กุ ครัวเรือน ยั ง ช่ ว ยกั น พั ฒ นาสิ่ ง แวดล้ อ มในหมู่ บ้ า นให้ น่ า อยู่ ด้วยการคัดแยกขยะที่ใช้แล้ว จัดทำเขตปลอดขยะมูลฝอย อบรมและจัดทำแผนด้านการจราจรให้มีระเบียบวินัยเพื่อ ลดอุบัติเหตุในการใช้รถและถนนภายในหมู่บ้าน ไม่น่าเชื่อว่าไม้กวาดทางมะพร้าวจะสามารถทำให้ชุมชน น่าอยู่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถทำให้สุขภาพของคนใน ชุมชนแข็งแรงอีกด้วย ที่สำคัญที่สุดเมื่อการออกกำลังกาย ด้วยไม้กวาดถูกนำมาประยุกต์คู่กับการใช้เพลงหมอลำร้อง ประกอบเพือ่ ดึงดูดใจคนแก่ในชุมชน ผลลัพธ์ทไ่ี ด้จงึ มากกว่า การช่วยทำให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพแข็งแรง แต่ยังถือเป็นการ อนุรักษ์สื่อพื้นบ้านของภาคอีสานไว้อีกด้วย


12

ร่วมสร้างประเทศไทย

ลองจินตนาการ ถ้าทุกชุมชนท้องถิ่น ได้เรียนรู้วิธีสร้างท้องถิ่นเข้มแข็งในรูป ถ้าหากเปรียบประเทศไทยเป็นพระเจดีย์ ชุ ม ชนท้ อ งถิ่ น ทั้ ง หลายก็ เ ปรี ย บเสมื อ น รู้ปัญหาของ ‘บ้าน’ ตัวเองอย่างดีที่สุด แบบของตนเอง แ ล ะ เ ริ่ ม ข ย า ย จ า ก ร ะ ดั บ ต ำ บ ล ฐานราก...แต่ ถ้ า หากฐานรากไม่ เ ข้ ม แข็ ง และสามารถร่ ว มมื อ ร่ ว มใจกั น เพื่ อ การจะสร้างประเทศให้มั่นคง คงเป็นไปไม่ได้ แก้ ไ ขปั ญ หาของตนเอง โดยไม่ มั ว นั่ ง ร ว ม พ ลั ง ขึ้ น ม า เ ป็ น ร ะ ดั บ จั ง ห วั ด แนวคิ ด การสร้ า งพระเจดี ย์ จ าก ฐ า น ร า ก ถู ก เ น้ น ย้ ำ บ่ อ ย ค รั้ ง โ ด ย ศ.นพ.ประเวศ วะสี และถูกพิสูจน์ให้เห็น แล้วว่า ‘จริงแท้’ อย่างไม่มีใครปฎิเสธได้ เห็ น ได้ จ ากสถานการณ์ บ้ า นเมื อ งที่ เกิ ด ขึ้ น ซึ่ ง แสดงถึ ง ความอ่ อ นแอของ ชุ ม ชนท้ อ งถิ่ น ซึ่ ง เป็ น ฐานรากของชาติ ส่งผลกระทบเป็นโดมิโนให้ประเทศไทย ทั้งประเทศต้องสั่นคลอน

แหงนหน้ารอความหวังจากนักการเมือง รัฐบาลใดๆ หรือใครทั้งสิ้น... ถ้ า เป็ น เช่ น นั้ น ก็ ค งไม่ มี ใ ครต้ อ งมา นอนกลางถนนเพื่ อ เรี ย กร้ อ ง รอคอย ความหวังจากใคร น่ายินดี ที่สิ่งที่ว่ามานี้ เกิดขึ้นแล้ว ในท้องถิ่นเล็กๆ หลายแห่งในโครงการ “ตำบลสุขภาวะ” ที่ สสส. มีส่วนให้การ สนับสนุน และตอนนี้ ตำบลเหล่านั้น กำลังเป็นพี่เลี้ยงเพื่อทำให้ตำบลข้างเคียง

ในโครงการ “จั ง หวั ด น่ า อยู่ ” ที่ มี หั ว ใจ อยู่ที่ “การร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมออกแรงของ คนในพื้นที่” และตอนนี้ นครศรีธรรมราช และ อุตรดิตถ์ ก็เป็น 2 จังหวัดแรกในประเทศ ไทย ที่กำลังจะกลายเป็น “จังหวัดน่าอยู่” ในโครงการ “ขับเคลื่อนจังหวัดน่าอยู่ที่สุด” ด้วยการสนับสนุนของ สสส.


13

ที่อุตรดิตถ์...พื้นที่ 1 ใน 3 เ ป็ น พื้ น ที่ ก า ร เ ก ษ ต ร ภาพเรือกสวนไร่นาเขียวชอุม่ ยังคงเห็นได้ทั่วไป ซึ่งน่าจะ เป็นเรื่องดี... ...แต่ขณะเดียวกัน ที่นี่ก็ เป็นจังหวัดทีม่ กี ารใช้สารเคมี การเกษตรสูงที่สุดของภาค เหนื อ รองจากกำแพงเพชร และสุ ข ภาพของเกษตรกร และคนในจั ง หวั ด ก็ ย่ ำ แย่ เพราะสารเคมี ดังนั้นการทำอุตรดิตถ์ให้เป็น ‘จังหวัดน่าอยู่’ เป้าหมาย จึงเล็งไปที่ “ผลผลิตปลอดภัย สิ่งแวดล้อมดี” เป็นหลัก อ.ประพันธ์ แจ้งเอี่ยม หัวหน้าภาควิชาพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ปัญหาทีอ่ ตุ รดิตถ์ ต้องเผชิญอยู่ตลอดมา เป็นปัญหาที่เกิดจากการพึ่งพา เกษตรเชิงเดี่ยว มีผลให้เกิดการอพยพแรงงาน เนื่องจาก การปลูกแต่ข้าวและพืชไร่สามารถหล่อเลี้ยงชีวิตในระยะ เวลาหนึ่ง เมื่อราคาพืชผลตกต่ำ แต่มีต้นทุนการผลิตที่ สูงจากการนำเข้าสารเคมีมาใช้ เกษตรกรจึงเกิดภาวะ เครียด สุขภาพกายก็แย่จากสารเคมี สุขภาพใจก็แย่จาก การมีภาระหนี้สิน ข้อมูลของเครือข่ายเกษตรพอเพียงพบว่า เกษตรกร ในจั ง หวั ด มี ห นี้ สิ น ที่ สู ง มากขึ้ น บางคนจำเป็ น ต้ อ ง ขายทีด่ นิ บางส่วนต้องอพยพไปหาทีท่ ำกินใหม่ สอดคล้อง กับ ข้ อ มู ล ของกระทรวงมหาดไทยที่ระบุว่า หนี้สินของ เกษตรกรจังหวังอุตรดิตถ์ในแต่ละตำบล เพิ่มสูงขึ้นจาก 7-8 ล้านบาทต่อตำบล มาเป็น 15 ล้านบาทต่อตำบล

เมื่อทิศทางปัญหาเป็นเช่นนี้ การสร้างจังหวัดน่าอยู่ จึ ง เริ่ ม จากสร้ า งชุ ม ชนท้ อ งถิ่ น เข้ ม แข็ ง เริ่ ม แรก 60 ตำบล รวบรวมข้อมูลปัญหา เพื่อให้ทุกคนรับรู้ปัญหา ร่วมกัน ขยายแนวทางทำงานโดยจัดตั้งเวทีภาคีสร้าง สุขระหว่างภาควิชาการ รัฐ เอกชน ประชาชน และ ท้องถิ่น เพื่อสนับสนุนให้ชุมชนได้แก้ปัญหาด้วยตนเอง ยกตัวอย่า ง ปัญหาสารเคมีที่ใช้ในการเกษตรมาก เกินไป ส่งผลต่อสุขภาวะของเกษตรกร เป้าหมายของ จั ง หวั ด น่ า อยู่ คื อ การลดการใช้ ส ารเคมี ใ ห้ ม ากที่ สุ ด และหันมาใช้ภูมิปัญญาในการแก้ปัญหาวัชพืชในนาข้าว โดยอาศัยแกนนำเกษตรกรที่ไม่พึ่งพาสารเคมี แต่ใช้ ภูมิปัญญาดั้งเดิมในการกำจัดศัตรูพืชข้าว โดยการใช้ น้ำส้มควันไม้ชนิดเข้มข้น ซึ่งได้จากการเผาไม้ถ่านมาใช้ กำจัดวัชพืชในนาข้าว ส่วนปัญหาหอยเชอรี่ ซึ่งมักจะ เกิดขึ้นในระยะเริ่มต้นของต้นข้าว กำจัดโดยการนำฝัก ต้นราชพฤกษ์มาบด และนำมาใส่ในนาข้าว ซึ่งสามารถ ป้องกันการกัดกินต้นข้าวของหอยเชอรี่ได้โดยไม่ต้องพึ่ง สารเคมี เครื อ ข่ า ยฯ จะถ่ า ยทอดความรู้ ใ ห้ กั บ เกษตรกรใน ตำบลต่างๆ โดยผ่านการประสานงานกับองค์การบริหาร ส่วนตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ถ้าตำบลไหนให้ความ สนใจ ก็จะเข้าไปเชื่อมโยงกับตำบลนั้นๆ โดยทำหน้าที่ เป็นพี่เลี้ยงในการให้ความรู้ทางเทคนิค วิธีการสนับสนุน การเกษตรแบบพอเพียง “ถ้าชาวบ้านเห็นว่า การลดการใช้สารเคมีสามารถลด ต้นทุนการผลิตได้จริงๆ ทัง้ ยังรักษาสิง่ แวดล้อม รักษาสุขภาพ ให้เค้าได้ วิธคี ดิ เดิมๆ ก็จะค่อยๆ ปรับเปลีย่ น...ต่อไปเกษตรกรที่ นี่ก็จะไม่พึ่งพาพืชเชิงเดี่ยวล้วนๆ อีกต่อไป แต่จะหันมามอง การทำการเกษตรแบบผสมผสาน เพราะจังหวัดนี้ไม่ได้มีดี แค่ข้าว แต่ยังมีพืชไร่สวนอีกจำนวนหนึ่งที่สามารถเป็นพืช เศรษฐกิจ หล่อเลี้ยงชีวิตพวกเขาได้”


14 หนึ่งในนั้น คือ “ต้นยางนา” ซึ่งเป็นต้นไม้ที่พระบาท สมเด็ จ พระเจ้ า อยู่ หั ว ทรงให้ ค วามสำคั ญ อย่ า งมาก นอกจากจะให้ความร่มเงา ยังให้เนื้อไม้ที่สามารถสร้าง เศรษฐกิจให้จังหวัดได้ ถ้าจังหวัดหันมาปลูกต้นยางนามากขึ้น เท่ากับเป็นการสร้าง ความร่มเงาให้กับท้องที่ สุขภาพทั้งทางกายและใจของคนในจังหวัด ก็จะดีขึ้น ซึ่ ง นอกเหนื อ จากต้ น ยางนา ยั ง มี พื ช ผลอื่ น ๆ ที่อาศัยเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเป็นผู้เข้าไปขับเคลื่อน เหมื อ นเช่ น เครื อ ข่ า ยเกษตรพอเพี ย งดำเนิ น การอยู่ เป้าหมายคือ การนำพืชจากการผลิต ไปสู่การแปรรูป และการจำหน่าย เพื่อลดหนี้สินครัวเรือนลง ทั้งยังสร้าง สวัสดิการให้กับคนในชุมชนระยะยาว เหล่ า นี้ คื อ จุ ด มุ่ ง หมายสู ง สุ ด ของการสร้ า งจั ง หวั ด อุ ต รดิ ต ถ์ ใ ห้ เ ป็ น เมื อ งคุ ณ ภาพชี วิ ต ผลผลิ ต ปลอดภั ย สิ่งแวดล้อมดี การท่องเที่ยวเชิงชุมชน และได้รับสวัสดิการ โดยให้แต่ละเครือข่ายขับเคลื่อนได้เอง โดยมีมหาวิทยาลัย คอยสนับสนุน นครศรีธรรมราช จังหวัดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภาคใต้รองจากสุราษฎร์ธานีนั้น ได้ชื่อ ว่ า เมื อ งคนดี . ..มี ค นเก่ ง และมี ค วามสามารถ ที่ต้องการทำสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นที่เมืองนครแห่ง นี้อยู่มาก แต่ปัญหาที่ผ่านมาก็คือ ต่างคนต่างทำ ไล่มาจากตั้งแต่ระดับจังหวัด ส่วนราชการ ซึ่งจัดทำโครงการของส่วนราชการโดยไม่ ได้ สอดคล้ อ งกั บ พื้ น ที่ ชุ ม ชน...ขณะที่ ก ลไกของ ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ขาดการมีส่วนร่ ว มการ รับฟังเสียงจากภาคประชาชน ทางแก้ของเรือ่ งนี้ อยูท่ ก่ี ารสร้างการเชือ่ มโยง ของชุมชนท้องถิ่นสู่ระดับจังหวัดเพื่อให้เกิดการ ตอบสนอง นายมานะ ช่วยชู ผู้อำนวยการศูนย์ประสาน งานเพื่ อ เสริ ม สร้ า งความเข้ ม แข็ ง ของชุ ม ชน ในพื้ น ที่ ภ าคใต้ กล่ า วว่ า นครศรี ธ รรมราช ได้ ขั บ เคลื่ อ นงาน 2 ด้ า นคื อ งานตำบล ร่ ว มกั บ องค์ ก รปกครองส่ ว นท้ อ งถิ่ น (อปท.) ซึ่งปัจจุบันมี 40 ตำบลศูนย์การเรียนรู้แห่ง กระบวนการชุมชนท้องถิ่นจาก 165 ตำบลทั้ง จังหวัด คิดเป็น 1 ใน 4 ของพื้นที่ทั้งหมด เพื่อให้มีระบบการจัดการที่ดีใน 40 ตำบล ซึ่ง ตั้งสมมติฐานว่า ถ้าทั้ง 40 ตำบลมีระบบการ จัดการที่ดี ภาพความร่วมมือของทั้งจังหวัดก็ น่าจะเปลี่ยนแปลงได้


15

ง า น ด้ า น ที่ 2 คื อ ใ น เชิ ง ประเด็ น นโยบายสาธารณะ ทั้งด้านสวัสดิการ งานอาสา สมัคร งานเกษตรกรรม ฯลฯ ตั ว อ ย่ า ง เ ช่ น ง า น ด้ า น สวัสดิการชุมชน มีการจัดตั้ง กองทุนสวัสดิการให้ชาวบ้าน ระดมเงินกันเองผ่านโครงการ สัจจะวันละ 1 บาท และผ่าน กิ จ กรรมต่ า งๆ เช่ น การ ช่วยเหลือคนพิการ ซึ่งถ้าใคร ทำกิจกรรมเหล่านัน้ ก็จะได้เข้ากองทุนสวัสดิการ เป็นต้น เป้ า หมายคื อ ให้ ทุ ก คนในตำบลช่ ว ยเหลื อ เกื้ อ กู ล กั น ขณะนี้ ท ำได้ แ ล้ ว 81 ตำบล แต่ ถ้ า มี ก ารเชื่ อ มโยง ข้ามจังหวัด งานนโยบายจะเข้าไปเสริมงานตำบลทันที เพื่ อ กระชั บ การทำงาน ปิ ด ปั ญ หาต่ า งคนต่ า งทำ เหมือนเช่นในอดีต นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ โดยคณาจารย์ อยู่ ร ะหว่ า งการตั้ ง คณะทำงานเพื่ อ เป็ น อี ก แรงแข็ ง ขั น เสริมความรู้ทางเทคนิคให้เกษตรในตำบล โดยเฉพาะ การศึกษาผลิตภัณฑ์แปรรูป เพือ่ ส่งเสริมอาชีพสินค้าเกษตร ให้กับจังหวัด รวมทั้งการส่งเสริมให้ใช้ปุ๋ยชีวภาพแทน การใช้สารเคมี “เราพยายามผลักดันให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในทุกๆ กระบวนการ ซึ่งทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดก็เห็นด้วย กั บ โครงการนี้ จึ ง ได้ ใ ห้ มี ก ารระดมความคิ ด เห็ น ของภาค ประชาชนแต่ละตำบล เพื่อบรรจุในแผนงานของ อบจ.” และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนนี้เอง จะนำมา ไปสู่การรับมือกับโครงการใหญ่ ๆ ในอนาคต ซึ่งอาจมี ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคนในชุมชน เช่น การที่ รัฐบาลเตรียมจะตั้งนิคมอุตสาหกรรมนครศรีธรรมราช ท่าเรือน้ำลึก โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แม้ว่าโครงการเหล่านั้น จะมีความจำเป็นต่อเศรษฐกิจในจังหวัด แต่ก็มีความเสี่ยง ต่อสุขภาพของชุมชนเช่นกัน ภาคประชาชนไม่ต้องการ เห็นอุตสาหกรรมจังหวัดอยู่รอดเพียงด้านเดียว ดังนั้น

เครื อ ข่ า ยฯ จึ งเร่ งให้ ข้อ มู ล ประชาชนในพื้ น ที่ ว่ า จะมี โครงการอะไรเข้ า มาในจั ง หวั ด บ้ า ง แล้ ว จะมี ผ ลดี ผลลบอย่างไร การมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่โดยผ่านการพูดคุยตำบลต่อ ตำบล ภาควิชาการ ภาคราชการ จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับ จังหวัดในการรับมือกับโครงการในอนาคตเหล่านี้ “เราไม่ได้หมายความว่าเราไม่เห็นด้วยทีจ่ ะมีโครงการขนาด ใหญ่มาที่นี่ แต่ต้องดูความเหมาะสม นำเหตุและผลมาพูดคุย กันผ่านเวทีระดมความคิดในทุกๆ ภาคส่วน โดยเฉพาะการมี ส่วนร่วมของประชาชนจำเป็นมาก เพื่อป้องกันปัญหาที่จะ มากระทบต่อวิถีชีวิตชาวบ้าน โดยเรานำบทเรียนจากปัญหา มาบตาพุดมาประกอบ” ปัญหาความอ่อนแอของคนในจังหวัด ทำให้การเมือง สามารถสอดแทรกเข้ า มาได้ ผ่ า นโครงการขนาดใหญ่ ซึง่ ในอดีตก็เป็นสิง่ ทีช่ ช้ี ดั แล้วว่า รัฐบาลมักจะสร้างโครงการ ในจั ง หวั ด ที่ ไ ม่ แ ข็ ง แรงมากในเชิ ง ชุ ม ชน จนท้ า ยที่ สุ ด ก็เกิดปัญหาต่อสุขภาพกายและใจของคน ในพื้นที่ ด้ ง นั้ น เป้ า หมายของการทำให้ น ครศรี ธ รรมราชเป็ น เมืองน่าอยู่ คือ ต้องการสร้างกระบวนการที่ว่า ‘จังหวัด น่าอยู่ได้ ก็เพราะการพูดคุยกัน’ ซึ่งไม่เพียงจะทำให้บรรยากาศ ของสังคมดีอย่างเดียว สุขภาวะกาย ใจ และปัญญาของ คนก็จะตามมา

จะดีไหม... ถ้าทุกจังหวัดทั่วประเทศไทยมีความเข้มแข็ง มีประชาชนที่ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมขับเคลื่อนเช่นนี้ สิ่งเหล่านี้จะสร้างประชาธิปไตยจากฐานรากอย่างแท้จริง เกิดการช่วยเหลือตนเองของคนในพื้นที่ โดยไม่ต้องพึ่งพารัฐบาลมากเกินไป จังหวัดก็จะเข้มแข็ง กลายเป็นจังหวัดน่าอยู่ และถ้าทุกจังหวัดน่าอยู่ ประเทศไทยก็จะเป็นประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลกได้ในที่สุด


16

รายงานพิเศษ

ที่เทศบาลตำบลปริก อ.สะเดา จ.สงขลา มีรถขยะเก่าๆ ที่ใช้งานมาเกือบสิบปี แต่ก็ไม่มี แผนจะซื้อใหม่ ไม่ใช่ว่าเทศบาลแห่งนี้ไม่มีงบประมาณ แต่เป็นเพราะว่า...ในเมื่อชาวบ้านไม่ค่อยมีขยะ ให้เก็บ รถขยะเก่าๆ คันนี้จึงเพียงพอแล้วสำหรับทั้งตำบล


17

ใช่ว่าคนที่นี่ไม่สร้างขยะ เมื่อก่อนขยะที่ตำบลปริกมีมากถึง 8-10 ตันต่อวัน แต่เดี๋ยวนี้ขยะเกือบทั้งหมดถูกนำไปสร้างค่า เป็นปุย๋ หมัก น้ำหมัก ก๊าซชีวภาพ ฯลฯ ทีก่ ลับมาสร้างเศรษฐกิจ ให้กับชุมชน ที่บ้านของ อาหลี หมัดหนิ หนึ่งในชาวบ้านเทศบาลตำบล ปริกมีถังขยะอยู่หลายถัง แต่ละถังเอาไว้สำหรับคัดแยกขยะ ประเภทต่ า งๆ ขยะรี ไ ซเคิ ล ประเภทขวดแก้ ว ขวดพลาสติ ก กระป๋อง กระดาษ จะเอาไปขายให้ธนาคารขยะที่ทางเทศบาล จัดตั้งขึ้น และจะเปิดรับซื้อขยะทุกวันศุกร์ ส่วนขยะอินทรีย์ อย่างเศษอาหาร เศษพืชผัก ผลไม้นั้นจะ เอาไปหมักกับมูลวัวและราดน้ำหมักชีวภาพเพื่อให้ย่อยสลาย กลายเป็น “ปุ๋ย” หรือนำมาหมักในถังแบบปิด เพื่อให้ได้แก๊ส เอาไว้ ใ ช้ หุ ง ต้ ม ในครั ว เรื อ น ไม่ ต้ อ งเสี ย เงิ น ซื้ อ แก๊ ส ถั ง ละ หลายบาท มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้มาทำการวิจัยที่นี่ และพบ ว่าขยะทั้งหมดในตำบลถ้าคิดเป็น 100 ส่วน 60 ส่วนจะเป็น ขยะอินทรีย์ท่ีนำมาทำปุ๋ยและแก๊สได้ อีก 20-30 ส่วนสามารถ ขายเป็นขยะรีไซเคิล ส่วนที่เป็นขยะจริงๆ ที่ต้องให้เทศบาล นำไปจัดการเหลือเพียงแค่ 10 ส่วนเท่านั้น และเทศบาลยังมีการนำขยะมาหมักทำปุ๋ยเองและขายให้ กับเกษตรกร ซึ่งขายดิบขายดีจนผลิตแทบไม่ทันอีกด้วย การจัดการขยะที่มีระบบเช่นนี้ยังถูกสืบทอดต่อไปยังคนรุ่น ต่อไป คือเด็กๆ ในชุมชน ด้วยการที่โรงเรียนในตำบลจะมีการ ปลูกฝังเรื่องการคัดแยกขยะให้กับเยาวชน เรียกได้ว่า เด็กเล็ก ในชุมชนทุกคนคัดแยกขยะเป็น เศษอาหารในโรงเรียน เด็กๆ จะนำไปทำเป็นน้ำหมักเพื่อ รดแปลงผัก ซึ่งปลูกไว้เพื่อปรุงอาหารกลางวันของนักเรียน และเหลือยังนำไปขายสร้างรายได้ได้ด้วย นี่เองเป็นเหตุผลว่าทำไมที่ตำบลปริกจึงไม่ต้องซื้อรถขยะ หรือแม้แต่ ถังขยะเพิ่ม... ต่อให้สมาชิกตำบลปริกจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกวัน แต่จำนวน ขยะกลับลดลงอย่างสวนทาง จากขยะที่เคยเป็นสิ่งที่คนไม่อยากได้ ปัจจุบันกลายมาเป็น ประโยชน์หลายด้าน แถมยังกลายเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ทำให้ เกิดความร่วมมือระหว่างคนต่างวัยในชุมชน

ระบบการจัดการขยะที่กล่าวมาทั้งหมดจะสำเร็จได้ก็ขึ้นอยู่ กับการที่คนในชุมชนทั้งหมดเห็นความสำคัญ มองย้อนกลับไป คนในชุมชนแห่งนี้ได้มาร่วมคิดหาวิธีจัดการปัญหาขยะด้วยกัน มาตัง้ แต่แรกเริม่ และได้ประสานกับคณะการจัดการสิง่ แวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่ส่งอาจารย์ นักศึกษาร่วมกัน คิดหาวิธีจัดการขยะกับชาวบ้าน ผลสุดท้ายมหาวิทยาลัยได้ องค์ความรู้ ชาวบ้านได้ทุกอย่างทั้งความรู้ และประโยชน์จาก การกำจัดขยะ ตำบลปริกได้รับคัดเลือกเป็นต้นแบบชุมชนจากสำนักงาน กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อร่วมพัฒนา เพื่อนชุมชน ตำบลอื่นๆ ให้แข็งแกร่งไปด้วยกัน โดยล่าสุด สสส. กระทรวงมหาดไทย เทศบาลตำบลปริก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ในพืน้ ที่ จ.สงขลา และจังหวัดใกล้เคียงรวม 21 ตำบลได้ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เครือข่ายชุมชนท้องถิ่น ร่ ว มขั บ เคลื่ อ นสู่ ต ำบลสุ ข ภาวะ มี เ ป้ า หมายให้ ป ระชาชนมี สุขภาวะที่ดีทั้งกาย จิตใจ สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข โดยมี เ ทศบาลตำบลปริ ก เป็ น ศู น ย์ แ ม่ แ บบในการฝึ ก อบรม เพราะปริกมีการบริหารจัดการท้องถิ่นตามหลักธรรมาภิบาล น.ส.ดวงพร เฮงบุณยพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการ สร้างสุขภาวะในพืน้ ทีแ่ ละชุมชน สสส. กล่าวว่า คาดว่าภายใน 3 ปี ปริกจะช่วยให้อีก 60 ตำบลในพื้นที่ใกล้เคียงได้มีศักยภาพ และประสิทธิภาพที่จะให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้นมา ไม่น่าเชื่อว่า เรื่องดีๆ ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นจาก “ขยะ” จริงๆ


18

เด็กแนว+

แม้การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงจะยุติลงแล้ว แต่ว่าการชุมนุมก่อนหน้านั้นที่ยืดเยื้อกิน เวลานานกว่า 3 เดือน ย่อมส่งผลกระทบต่อภาวะจิตใจของเด็กๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นพ.สุริยเดว ทรีปาตี หัวหน้าคลินิกเพื่อนวัยทีน สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี และผู้จัดการแผนงานสุขภาวะเด็กและเยาวชน สสส.


19

เชื่ อ ว่ า หลายคนอาจได้ เ ห็ น ภาพในข่ า วโทรทั ศ น์ แ ละ หนังสือพิมพ์หลายฉบับ ที่เด็กน้อยวัยเพียงไม่กี่ขวบถูกจับให้ยืน อยู่ บ นยางรถยนต์ ซึ่ ง ถู ก ใช้ เ ป็ น บั ง เกอร์ ข องฝั่ ง ผู้ ชุ ม นุ ม เพื่อ ป้อ งกันตัวจากกระสุนปื น ซึ่งยังคงเป็นภาพที่ติดตาใคร หลายๆ คน พร้อมกับตั้งคำถามว่า การเรียกร้องวิถีทางแห่ง ประชาธิปไตยของผู้ใหญ่ จำเป็นแค่ไหนที่ต้องให้เด็กได้มารับรู้ด้วย? โดยหลักแล้ว ภาวะความรุนแรงที่เด็กอาจได้พบเห็นนั้นมี 3 ระดับ ระดับแรก คือ การดูภาพความรุนแรงผ่านสื่อละคร ซึ่ ง แม้ ว่ า จะเป็ น ระดั บ ที่ อ่ อ นที่ สุด แต่ ก็ ยั ง มี ก ารจั ด ‘เรตติ้ ง ’ เพื่อลดผลกระทบต่อภาวะจิตใจของผู้ชมที่เป็นเด็ก ระดับที่ 2 คือ การดูภาพความรุนแรงผ่านเหตุการณ์ที่เรียกว่า Reality Show ซึง่ สร้างผลกระทบมากขึน้ ต่อผูช้ มทีเ่ ป็นเด็กและเยาวชน และระดั บ สุ ด ท้ า ย ที่ ส่ ง ผลกระทบด้ า นจิ ต ใจรุ น แรงที่ สุ ด คือ การเอาตัวเองไปสู่เหตุการณ์จริง อย่างที่เด็กน้อยคนนี้ และ อีกหลายๆ คนที่ถูกนำเข้าไปร่วมชุมนุมได้พบเจอ มีข้อพิสูจน์ที่บอกว่า ภาพความรุนแรงในละครมีผลกระทบ ต่อภาวะจิตใจของเด็ก จนนำมาซึ่งการจัดเรตติ้ง เพราะจาก การสำรวจ ‘ต้นทุนชีวิตการเลี้ยงดูของพ่อแม่ผู้ปกครอง’ ในประเทศ ไทยพบว่า มีพ่อแม่เพียง 4-5 % เท่านั้นที่สร้างต้นทุนชีวิตให้ กับลูกๆ ด้วยการให้คำแนะนำ การบอกเล่าข้อดี ข้อด้อยของ ภาพความรุนแรงในละครโทรทัศน์ แต่ผลกระทบทางจิตใจที่เกิดขึ้นสำหรับเด็กๆ ที่พ่อแม่นำพา

พวกเขาไปคลุกกับเหตุการณ์จริ ง ซึ่งไม่อาจมีใครไปช่ ว ยจั ด ‘เรตติ้ง’ นั้น ไม่เพียงทำให้เด็กๆ เกิดความเคยชินกับภาพความ รุ น แรง และคล้ อ ยตามว่ า นี่ คื อ วิ ธี ก ารแห่ ง การแก้ ปั ญ หา แต่ยังถึงขั้นส่งผลให้เด็กๆ เกิดภาวะซึมเศร้า หวาดระแวงสังคม มองโลกในแง่ร้าย และที่แย่ที่สุด คือ ‘ลดความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์’ เมื่อผสมโรงกับความจริงที่ว่า การปลูกฝังต้นทุนชีวิตให้กับ ลู ก ๆ อ่ อ นแอเป็ น ทุ น เดิ ม อยู่ แ ล้ ว จึ ง ไม่ น่ า แปลกใจว่ า ปรากฏการณ์การลอกเลียนแบบพฤติกรรมก้าวร้าวจึงปรากฏ ชัดในสังคมไทย อย่างภาพเด็กวัยรุ่นอายุเพียง 14 ปีที่เอาน้ำมัดไปราดบน ยางรถยนต์ที่บริเวณสามแยกดินแดงในเหตุการณ์การปะทะ กั น ระหว่ า งผู้ ชุ ม นุ ม และทหาร สะท้ อ นภาพ “ต้ น ทุ น ชี วิ ต ” ได้ อ ย่ า งชั ด เจนว่ า ถ้ า พ่ อ แม่ ไ ม่ ป ลู ก ฝั ง ต้ น ทุ น แบบนั้ น ให้ แ ก่ พวกเขา เด็กๆ จะไม่เกิดอารมณ์คึกคะนอง จนไปมีส่วนร่วม ในเหตุการณ์นั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเห็นภาพโศกนาฏกรรมต่อหน้าต่อตา จะสร้างรอยแผลทางจิตใจให้กับเด็กโต จนเกิดสภาวะซึมเศร้า ช็อคทางจิตใจ กระทั่งไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ในขณะที่เด็กเล็ก...ภาวะร้องไห้ไม่หยุด นอนไม่หลับ นอนผวา เป็นภาวะเบื้องต้นที่บ่งชี้ได้ว่าภาพเหตุการณ์จริงได้ส่งผลต่อพวก เขาอย่างไร

วิธีเยียวยาสภาพจิตใจของเด็กๆ ซึ่งกลายเป็นผ้าขาวที่เปื้อนด้วยรอยเลือดและคราบน้ำตา จึงไม่ใช่หน้าที่ของใครนอกจากผู้ที่ เป็นพ่อและแม่ พ่อและแม่จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้วาจาอันแสดงออกถึงความรุนแรงมาเป็น ‘เครื่องมือ’ ระบายความเครียด หรือ เพิ่มความเกลียดชังให้กับลูกๆ หนทางที่จะสงบสติอารมณ์ที่คุกรุ่นจากการเมือง คือ ควรเลิกคุยเรื่องการเมือง หรือเหตุการณ์ที่ ผ่านมา เมื่อหยุดพูดคุยเรื่องการเมืองได้ อารมณ์ของลูกๆ ก็จะสงบได้เช่นเดียวกัน จากนั้น พ่อแม่ต้องพูดคุยกับลูกโดยเปิดโอกาสให้ลูกแสดงความคิดเห็น ถ้าความคิดเห็นนั้นบ่งชี้ว่า เด็กๆ กำลังมองความ รุนแรงเป็นเรื่องถูกต้อง ต้องหาทางปรับทัศนคติ สร้างการเรียนรู้ในสิ่งที่ถูก ซึ่งการพูดคุยดังกล่าวจะเป็นพื้นฐานสำคัญของการ สร้าง “ต้นทุนชีวิต” ให้กับลูกๆ หากมีการชุมนุมในครั้งหน้า ไม่ว่าจะโดยสันติวิธีหรือไม่ เราไม่อยากเห็น “เด็ก” ต้องมาอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ดังนั้น จึงเรียกร้องให้ “ผู้ใหญ่” หลีกเลี่ยงการพาเด็กอายุน้อยกว่า 18 ปี เข้าร่วมการชุมนุม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม โดยต้อง กำหนดให้เป็นกติกาของสังคม ภายใต้อนุสัญญาสิทธิเด็ก และ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก อย่างที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงขั้นจับพ่อแม่เข้าคุกทันที หากเอาลูกๆ ที่อายุต่ำกว่า 12 ปี เข้าร่วมการชุมนุม ถ้าประเทศ ไทยสามารถทำได้ ก็จะเป็นการลดทอนความรุนแรงทางกายและใจต่อเด็กๆ ได้ จำเป็นนะครับ เพราะถ้าไม่เร่งหาวัคซีนป้องกันเด็กๆ เหล่านั้น โลกใบนี้จะไม่น่าอยู่สำหรับพวกเขา เด็กๆ จะโตมาในรูปแบบของการ แสดงออกซึ่งความรุนแรง การทำร้ายกันและกัน ...และที่อันตรายที่สุดซึ่งไม่อยากให้เกิดขึ้น คือ การลดความเมตตาปราณีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน...


20

รายงานพิเศษ

แต่นั่นคือตัวเลขจริงจากการประเมินของโครงการติดตาม สภาวการณ์ เ ด็ ก และเยาวชนรายจั ง หวั ด (Child Watch) ปี 2549-2552 ที่บอกว่า ในช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก ซึ่ง 4 ปีจะมีครั้งหนึ่ง ตัวเลขเด็กและเยาวชนที่เล่นพนันบอล จะเพิ่มขึ้นในทุกๆ ระดับชั้นเรียน และประมาณว่าจะพุ่งเกิน 20% ซึ่งเป็นตัวเลขที่คาดการณ์ได้ ในเมื่อตัวเลขของเด็กและ เยาวชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพนันในช่วงเทศกาลฟุตบอล โลกเมื่อ 4 ปีที่แล้วของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าเด็ก มัธยมปลายถึง 25% เข้าไปมีส่วนในเล่นการพนันฟุตบอล ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ หัวหน้าโครงการ Child Watch ผูอ้ ำนวยการสถาบันรามจิตติ กล่าวว่าปี 2549-2552 พบว่าการ เล่นพนันฟุตบอลของเด็กและเยาวชนทัว่ ประเทศ ช่วงก่อนเทศกาล ฟุตบอลโลกที่จะมาถึงนั้นลดลงบ้าง โดยกลุ่มเด็กพนันบอลใน ระดับประถมศึกษาในปี 2552 ลดลงเหลือแค่ 3.86% จาก 3.88% ในปี 2551 และ 5.49% ในปี 2549

สำหรับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายก็ลดลงเช่นกัน โดยมัธยมต้นลดจาก 10.39% ในปี 2549 มาเป็น 7.93% ในปี 2552 และมัธยมปลาย ลดจาก 14.80% มาเป็น 10.04% แต่ทน่ี า่ เป็นห่วงคือ ระดับอุดมศึกษากลับพบว่าเพิม่ สูงขึน้ จาก 17.10% ในปี 2549 เป็น 18.48% ในปีที่ผ่านมา เมื่อจำแนกเพศที่เล่น กลุ่มเยาวชนชายยังคงมากกว่าหญิง 4-5 เท่า โดยในปี 52 พบว่า มีเยาวชนชายเล่นพนันเกือบ 17% ลดลงจาก ปี 51 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 18% ส่วนเยาวชน หญิงอยู่ที่ 4.6% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 4.28% นี่ก็เป็นตัวเลขที่น่าคิดเช่นกันเมื่อพบว่าสาเหตุที่จำนวนเด็กผู้หญิง หันมาเล่นพนันบอลมากขึ้นเนื่องจากต้องการเล่นตามแฟน ซึ่งมักจะ พบในช่วงมัธยมศึกษา และมหาวิทยาลัย อย่างที่บอกไว้ในตอนต้นว่า ในช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอล โลกระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน-11 กรกฎาคมนี้ ตัวเลขดัง กล่าวจะมีการขยับขึ้น อันเนื่องมาจากเด็กมีสังคมกับเพื่อนๆ และต้องการที่จะโชว์เพื่อนๆ เมื่อเล่นพนันบอลแล้วชนะ ทำให้ เกิดกระแสตามกันไป


21 นอกจากนี้ ยั ง เป็ น เพราะสู ต รการเล่ น ที่ ห ลากหลาย โดยเฉพาะสูตรบอลชุดทีม่ เี งินรางวัลสูงมาก จะเป็นตัวหลอกล่อ ให้เด็กติดพนันบอลมากขึน้ ประกอบกับค่านิยมในเรือ่ งวัตถุนยิ ม ที่เพิ่มมากขึ้น เด็กต้องการรวยทางลัดจึงนิยมที่จะแทงบอล ชุดมากขึ้น สาเหตุเหล่านี้จึงทำให้คาดการณ์ว่า สถิติการเล่นพนัน บอลจะต้องทะยานสูงเกิน 20% อย่างแน่นอน หรืออาจ ประมาณได้ ว่ า เด็ ก จำนวน 5 คนจะมี 1 ในนั้ น ที่ เ ล่ น พนันบอล เด็กอายุน้อยที่สุดที่เล่นพนันบอล ยังคงเป็นระดับประถมศึกษาปีที่ 4 เนื่องจากเริ่มมีเงินพอที่จะสามารถนำไปพนันบอลได้ เยาวชนทั้งชาย-หญิง จำใจเอาตัวเข้าแลก เพื่อจ่ายหนี้ พนันบอลที่เคยเป็นข่าวไปแล้วเมื่อปีก่อนๆ ก็จะยังคงพบเห็น ได้อยู่ และมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในช่วงฟุตบอล โลกครั้งนี้ สิ่งที่ผู้ใหญ่และพ่อแม่ควรจะฉีดวัคซีนให้กับลูกๆ ในช่วงที่ มีเทศกาลฟุตบอลโลก คือ การพูดคุยกับลูกๆ ให้เห็นว่า การ พนันไม่ได้ทำให้ใครชนะ สอนให้เด็กๆ รู้จักความพอเพียงใน การใช้ชีวิต หรือ สอนให้ลูกรู้จักการหาเงินด้วยการช่วยเหลือ พ่อแม่ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถป้องกันการติดพนัน บอลได้ ด้าน นายธนากร คมกฤส จากมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว และเครือข่ายหยุดพนัน อธิบายถึงการเตรียมแผนเพื่อเฝ้า ระวังและป้องกันเยาวชน รวมถึงครอบครัวไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ การพนันในครัง้ นีว้ า่ จะมีการดึงเครือข่ายครอบครัวในโรงเรียน และพื้นที่ต่างๆ จากทั่วประเทศ เข้ามามีส่วนรวมเฝ้าระวัง มากขึ้น หลักสำคัญ คือ ต้องสร้างความตระหนักและรู้เท่าทันภัย ที่จะมาถึงตัวเด็กและครอบครัวอย่างไม่ยาก เพื่อให้เครือข่าย ต่างๆ เข้มแข็งและมีพลังในการดำเนินงานในท้องที่ ชุมชน ของตนเอง ซึ่งจะมีการเปิดเวทีสาธารณะเพื่อให้แสดงความ คิดเห็น และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงาน รวมไปถึงจะมีการพัฒนาสือ่ ซึง่ นำชุดข้อมูลมาจากประสบการณ์ ของเครือข่ายต่างๆ ออกไปสู่พื้นที่สาธารณะ เพื่อให้ครอบครัว ตระหนักและรูเ้ ท่าทัน เพือ่ หาทางป้องกันลูกหลาน คนในครอบครัว ของตนเองได้ นอกจากสร้ า งความเข้ ม แข็ ง ให้ กั บ เครื อ ข่ า ยพ่ อ แม่ ผูป้ กครอง จะมีการทำข้อเสนอไปถึงหน่วยงานต่างๆทีเ่ กีย่ วข้อง เพื่ อ ขอความร่ ว มมื อ ให้ ช่ ว ยกั น ดู แ ลทั้ ง ระบบ ไม่ ว่ า จะเป็ น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่ อ สาร (ไอซีที ) และสำนั ก งานตำรวจ แห่งชาติ(สตช.) เพื่อเข้มงวดกับการควบคุมดูแลเพื่อไม่ให้การ พนันเข้าถึงเด็ก เยาวชน และครอบครัวไทย ผลของกีฬาจะได้ไม่ถูกบ่อนทำลายลดค่าด้วยการพนัน!!

1. อดหลับอดนอน ไม่เป็นอันทำอะไร แม้ว่าจะมีงาน สำคัญ หรือ ต้องเรียนหนังสือ ก็ต้องรอดูฟุตบอลให้ได้ แม้ว่าจะเป็นคู่ดึกที่สุด และไม่ใช่ทีมโปรด 2. มี อ ารมณ์ ใ นการติ ด ตามเกมการแข่ ง ขั น ผิ ด ปกติ เช่น ดี ใ จหรื อ เสี ย ใจผิ ด ปกติ เ วลาที ม ที่ เ ชี ย ร์ ช นะหรื อ แพ้ แม้จะไม่ใช่ทีมที่ชอบ ซึ่งในเด็กและเยาวชน จะสังเกต อารมณ์ได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ 3. กระตือรือร้นตรวจผลการแข่งขันอย่างผิดสังเกต เช่น การเช็คผลในอิ น เตอร์เ น็ ตหนั งสื อ พิ ม พ์ กีฬ า หรื อ พก คัมภีร์บอลติดตัว 4. มี อ าการลั บ ๆ ล่ อ ๆ เวลาคุ ย โทรศั พ ท์ ใช้ ภ าษา แปลกๆ เช่น ปอปอ ลูกครึ่ง ครึ่งควบลูก 5. มี พ ฤติ ก รรมการใช้ จ่ า ยผิ ด ปกติ ทั้ ง รวยผิ ด ปกติ ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย มีเงินซื้อของมากเป็นพิเศษ หรือในแง่ ไม่ ใ ช้ เ งิ น ตามปกติ ไม่ กิ น เพื่ อ เก็ บ เงิ น ไว้ แ ทงบอล มีการขอเงินเพิ่มเติมจากผู้ปกครองมากเป็นพิเศษ หรือ ขอยืมเงินเพื่อนสนิท ไม่สนิท ญาติ พี่น้อง 6. ของที่เคยมี เช่น โทรศัพท์ มือถือ นาฬิกา กล้อง ถ่ายรูป หายไป และอาจนำของในบ้านไปขายหรือจำนำ 7. มีอาการหงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า เครียด หรือเก็บตัว 8. มีคนแปลกหน้ามาตามหาถึงบ้าน ถูกข่มขู่ โดนตาม ทวงหนี้ มี ข้ อ แนะนำเพิ่ ม เติ ม ว่ า พ่ อ แม่ ไ ม่ ค วรดุ ด่ า เมื่ อ รู้ ว่ า ลู ก เล่ น พนั น บอล เพราะจะยิ่ ง เป็ น การซ้ ำ เติ ม อาจจะทำให้ เ ด็ ก เตลิ ด ไปกั น ใหญ่ ซึ่ ง ถ้ า ผู้ ใ หญ่ ส ามารถสกั ด ปั ญ หาได้ โ ดยใช้ วิ ธี พู ด คุ ย ชี้ให้เห็นบาปบุญคุณโทษของการพนัน น่าจะป้องกันไม่ให้ลุกลาม มากขึ้น


22

เรื่องเล่าไร้แอลกอฮอล์

อาศั ย เกาะกระแสบอลโลก ฟีเวอร์ ผูป้ ระกอบการร้านเหล้า และบาร์เบียร์ในเมืองโตรอนโต ป ร ะ เ ท ศ แ ค น า ด า ไ ด้ อ อ ก ม า เรียกร้องให้ทางการพิจารณา ผ่ อ นผั น ขยายเวลาจำหน่ า ย เครื่ อ งดื่ ม แอลกอฮอล์ ใ นช่ ว ง ที่มีการแข่งฟุตบอลโลกที่จะจัด ขึ้ น ที่ ป ร ะ เ ท ศ แ อ ฟ ริ ก า ใ ต้ ระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน ถึง 11 กรกฎาคมนี้...ผู้ประกอบ การอ้างว่า ด้วยความแตกต่างกันของเวลาในประเทศเจ้าภาพ ฟุตบอลโลกกับแคนาดาทำให้เวลาที่มีการถ่ายทอดการแข่งขัน ในแคนาดาตกมาอยู่ ใ นช่ ว ง 7.30 น. 10.00 น. และ 14.30 น. ปัญหาคือตามกฎหมายแล้ว ร้านเหล้าจะไม่สามารถ เสิ ร์ ฟ แอลกอฮอล์ ไ ด้ ก่ อ น 11.00 น. ฉะนั้ น แล้ ว อยากจะ ร้องขอความเห็นใจจากทางการให้อนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้ ผู้ประกอบการสามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ต้งั แต่ 10.00 น. เป็นต้นไป คือ 1 ชั่วโมงก่อนเวลาปกติก็ยังดี... ทั้งนี้สมาคมผู้ประกอบการร้านเหล้าในโตรอนโตยังอ้าง อีกด้วยว่ามีลูกค้าคอบอลและคอเหล้าจำนวนมากโดยเฉพาะ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะมาใช้บริการชมการถ่ายทอด การแข่งขันที่ร้านของพวกเขา และคงเป็นการเสียโอกาส ทางการค้าเป็นที่สุดโดยเฉพาะในช่วงภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ ยังไม่จางหายเช่นนี้ หากร้านและบาร์ต่างๆ จะไม่สามารถ เสิร์ฟแอลกอฮอล์ได้ในช่วงที่ลูกค้ามาชมการแข่งขัน เพราะ โดยธรรมชาติแล้วการเชียร์บอลกับแอลกอฮอล์นั้นมักเป็น ของคู่กัน... แต่ยังไม่มีรายงานว่าทางการมีความเห็นเช่นไรต่อข้อเรียกร้องของ ผู้ประกอบการ

ไม่พ้นจะถูกครหาว่าเป็นการปกป้องพรรคพวกกันเอง สำหรับปอร์ตแมน กรู๊ป หรือคณะกรรมการควบคุมกันเอง ของบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำเมาในประเทศสก๊อตแลนด์ ที่ออกมายืนยันว่ากลยุทธ์ในการทำการตลาดด้วยการบรรจุ และเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในหลอดแก้วคล้ายหลอด ทดลองของผู้ประกอบการจำนวนหนึ่งซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ ในขณะนี้ไม่ถือเป็นการละเมิดหลักปฏิบัติว่าด้วยการควบคุม กันเองของอุตสาหกรรมน้ำเมาของประเทศนี้ที่ห้ามไม่ให้ ทำการตลาดในลักษณะที่ส่งเสริมการดื่มจัดหรือดื่มไม่ยั้ง... ปอร์ตแมน กรู๊ป อธิบายว่าแม้ว่าการใช้หลอดทดลองมา เป็นภาชนะในการเสิร์ฟหรือบรรจุเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจ กระตุ้นให้ผู้บริโภคกระดกทีเดียวหมดแก้ว (หลอด) แต่ด้วย ปริมาตรของหลอดทดลองที่เล็กมากเมื่อเทียบกับแก้ว ทำให้ ผู้ ดื่ ม ไม่ ไ ด้ ดื่ ม มากจนเกิ น ไปกว่ า ปริ ม าณที่ ท างการออกคำ แนะนำไว้ ต่อให้ดื่มไปสักสิบหลอดก็ยังไม่เกินว่างั้นเถอะ... แต่เพื่อไม่ให้เป็นการน่าเกลียดจนเกินไป คณะกรรมการ ดังกล่าวยอมรับว่าก็มียี่ห้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่บรรจุใน หลอดแก้วบางเจ้าทีอ่ าจมีความผิดฐานละเมิดระเบียบบังคับว่า ด้วยการตั้งชื่อสินค้าที่ส่อไปในทางที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความ รู้สึกว่าเครื่องดื่มชนิดนั้นๆ จะมีผลกระตุ้นสมองหรือร่างกาย ให้สดชื่นมีกำลังวังชาขึ้นมา... ด้านองค์กรแอลกอฮอล์คอนเซิร์นกล่าวว่านี่คือตัวอย่างที่ ชัดเจนของความล้มเหลวของปอร์ตแมน กรูป๊ ในเรือ่ งการบังคับใช้ หลักปฏิบตั ขิ องอุตสาหกรรมน้ำเมา อีกทัง้ ผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ ในหลอดทดลองคือกลยุทธ์ใหม่ที่ถูกใช้เพื่อกระตุ้นให้เยาวชนดื่ม หนักยิ่งขึ้น


เขตปลอดบุหรี่

นับเป็นกฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ที่เข้มงวดเอาการ ที่ สุ ด เท่ า ที่ เ คยมี ม าในประวั ติ ศ าสตร์ ป ระเทศ ออสเตรเลียและเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกสุด ของโลก เมื่ อ รั ฐ บาลออสเตรเลี ย ได้ ป ระกาศใช้ กฎหมายใหม่ที่ควบคุมให้บริษัทผู้ผลิตบุหรี่ต้องหันมา ใช้ซองบรรจุท่วี ่างเปล่าปราศจากตราสินค้า หรือโลโก้ข้อความ โฆษณาภาพสีใดๆ ของตัวเอง แต่ให้ใส่ภาพคำเตือน อันตรายต่อสุขภาพของบุหรี่ที่จัดหาให้โดยทางการ แทน ส่วนชื่อยี่ห้อสินค้านั้นให้ใส่ได้เพียงที่ส่วนล่าง สุดของซองและต้องเป็นฟอนต์ท่ธี รรมดาสามัญทั่วไป เท่านั้น... กฎหมายใหม่ น้ี จ ะมี ผ ลบั ง คั บ ใช้ ต้ั ง แต่ วั น ที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 หรืออีกราว 2 ปีข้าง หน้ า เป็ น ต้ น ไป โดยรั ฐ บาลออสเตรเลี ย หวั ง ว่ า มาตรการด้านกฎหมายใหม่ล่าสุดนี้จะช่วยลดทอน ความน่าสนใจของซองบุหรี่ลง และทำให้ไม่เกิดการ กระตุ้ น ความรู้ สึ ก อยากบุ ห รี่ ใ นผู้ ที่ สู บ อยู่ แ ล้ ว หรื อ เชิญชวนให้นักสูบหน้าใหม่อยากลอง พร้อมกันนี้รัฐบาลยังได้ประกาศขึ้นภาษีบุหรี่อีก ถึง 25% ซึ่งมีผลบังคับใช้ราวกลางเดือนพฤษภาคม การขึ้นภาษีครั้งนี้ส่งผลให้บุหรี่มีราคาต่อซองเพิ่มขึ้น ถึง 2 ดอลลาร์ออสเตรเลีย และอีก 16 เซนต์ ยิง่ ไปกว่านัน้ กฎหมายใหม่ยงั จะมีผลบังคับห้ามโฆษณา บุหรีผ่ า่ นทางอินเทอร์เน็ตอีกด้วย หลังจากทีป่ ระเทศนี้ ได้ห้ามการโฆษณาบุหรี่ทางสื่ออื่นๆ อย่างเบ็ดเสร็จ มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายที่กล่าวมาโดยเฉพาะ เรื่องของการบังคับใช้ซองบุหรี่โล้นๆ นั้นทำให้บริษัท บุหรี่ไม่พอใจเป็นอย่างมากและขู่รวมตัวกันฟ้องศาลให้ ยับยั้งการบังคับใช้กฎหมายนี้เสีย

ในที่สุดเฟอร์รารี ทีมฟอร์มูลาวันชื่อดังของโลกก็ทานกระแส ต่อต้านเรื่องถูกหาว่ายอมให้บริษัทบุหรี่มาร์ลโบโร สปอนเซอร์หลัก ของที ม ใช้ เ ป็ น เครื่ อ งมื อ เผยแพร่ โ ฆษณาแฝงไม่ ไ หวอี ก ต่ อ ไป จึงประกาศยอมถอดลายบาร์โค้ดสีขาว แดง ดำ บริเวณด้านหลังรถ ซึ่งถูก มองว่าเป็นโลโก้แฝงของบุหรี่มาร์ลโบโรออกแต่โดยดี โดยจะเริ่ม ถอดโลโก้ เ จ้ า ปั ญ หาออกนั บ ตั้ ง แต่ เ ริ่ ม การแข่ ง ขั น ในศึ ก ชิ ง แชมป์โลกสแปนิช กรังด์ปรีซ์ ที่สเปนเป็นต้นไป ทีมเฟอร์รารีให้เหตุผลว่าที่ตัดสินใจดังนี้เพราะต้องการจัดการ กับข้อครหาเรื่องยอมเป็นเครื่องมือนำเสนอโฆษณาแฝงให้มาร์ล โบโร ทั้งที่ก็ยังยืนยันเสียงแข็งเช่นเคยว่าโลโก้ที่ว่าไม่ใช่การแสดง ต ร า สิ น ค้ า บุ ห รี่ ร า ย นี้ แ ต่ อ ย่ า ง ใ ด . . ด้ า น ฟิ ลิ ป ม อ ร์ ริ ส อิ น เตอร์ เ นชั่ น แนล ก็ออกมาระบุว่าบริษัทจะยังคงให้การสนับสนุน ทีมเฟอร์รารีต่อไปถึงแม้จะมีการถอดลายบาร์โค้ดออกแล้วก็ตาม ขณะทีผ่ เู้ ชีย่ วชาญด้านการตลาดหลายรายได้ให้ความ เห็นว่ามาร์ลโบโรได้ประโยชน์จากลวดลายบาร์โค้ดนี้ทั้ง ในแง่การโฆษณาตราสินค้าและการกระตุ้นให้ คนอยากสูบบุหรี่เมื่อเห็นผ่านสื่อ ซึ่งเป็น ลั ก ษณะที่ เ รี ย กกั น ว่ า “การตลาด จิตใต้สำนึก” ทีเ่ ป็นการส่งสารในทาง อ้อมไปยังผู้รับและมีผลกระตุ้นต่อ ส ม อ ง ข อ ง ผู้ รั บ ใ น ลั ก ษ ณ ะ จิตใต้สำนึกแทนการโฆษณา แบบตรงๆ

23


24

รู้ข้ามโลก

งานวิจัยในยุโรปชี้ทำงานเกิน 9 ชั่วโมงต่อวันเสี่ยงโรคหัวใจ 60%


25

ใครทำงานเกิน 9 ชั่วโมงต่อวันบ้าง ยกมือขึ้น!!! ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ยกมือ โปรดฟังทางนี้ให้ดีๆ...

มี ค ำเตื อ นมาจากที ม นั ก วิ จั ย ในประเทศอั ง กฤษเมื่ อ เร็ ว ๆ นี้ว่า คนที่ทำงานเป็นระยะเวลาติดกันยาวนานตั้งแต่ 10 ชั่วโมงขึ้นไปต่อ วันมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจมากกว่าคนทั่วไปที่ทำงานตามปกติ 8 ชั่วโมงหรือไม่เกิน 9 ชั่วโมงต่อวัน ผลการวิจัยนี้เพิ่งได้รับ การตีพิมพ์เผยแพร่ต่อสาธารณชนผ่านทางวารสารวิชาการโรค หัวใจของยุโรป (European Heart Journal) กว่าจะได้ผลการศึกษานีม้ าทีมผูว้ จิ ยั ได้ตดิ ตามผลในข้าราชการ ในสหราชอาณาจักรจำนวนกว่า 6,000 คน ตั้งแต่ปี 1991 ถึง 2004 คิดเป็นระยะเวลาเฉลี่ย 11 ปีต่อคน นับว่าเป็นการ ศึกษาที่นานพอสมควร โดยทีมนักวิจัยต้องการทราบว่ามีคน จำนวนมากเท่าไหร่ท่ีทำงานจริงเกินวันละ 7 ชั่วโมง ตามเวลา การทำงานมาตรฐาน 8 ชั่วโมงพัก 1 ชั่วโมง และยังต้องการ ทราบด้ ว ยว่ า การทำงานในชั่ ว โมงที่ ม ากขึ้ น ต่ อ วั น ส่ ง ผลต่ อ สุขภาพของคนทำงานอย่างไรบ้าง? หลังเสร็จสิ้นการวิจัย นักวิจัยพบว่าคนที่ทำงาน 10 ชั่วโมง ต่อวันขึ้นไปมีความเสี่ยงในการมีปัญหาเรื่องโรคหัวใจสูงกว่า ปกติถึง 60% เมื่อเทียบกับคนที่ทำงาน 7 ชั่วโมงต่อวัน ส่วน คนที่ทำงานเกินวันละ 7 ชั่วโมงต่อวันแต่ยังอยู่ในช่วง 8 ถึง 9 ชั่วโมงนั้นไม่พบว่ามีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจที่เพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญ โดยตลอดระยะเวลาติดตามผลการวิจัยพบ ว่ากลุ่มตัวอย่าง 396 คนเสียชีวิตจากโรคหัวใจ หรือมีอาการ โรคหั ว ใจกำเริ บ แต่ ไ ม่ ถึ ง กั บ เสี ย ชี วิต หรื อ มี ปั ญ หาเรื่ อ งโรค กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เพื่อให้ทราบความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยเรื่องการทำงานใน ชั่วโมงที่ยาวนานขึ้นต่อวันกับปัญหาสุขภาพหัวใจ ทีมนักวิจัย ได้ ค วบคุ ม ปั จ จั ย เสี่ ย งอื่ น ๆ เป็ น ต้ น ว่ า การสู บ บุ ห รี่ ระดั บ ไขมันในเลือดสูง และอื่นๆ อีก 21 รายการ ซึ่งหลังจากตัด ปัจจัยเหล่านี้ออกไปหมดแล้ว ยังพบว่าจำนวนชั่วโมงในการ ทำงานต่อวันที่เพิ่มขึ้นก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเกิด โรคหัวใจในคนทำงานอยู่ดี

ดร.มาเรียนนา เวอร์ทาเนน นักระบาดวิทยา ประจำที่สถาบัน อาชีวอนามัยฟินแลนด์ ในเมืองเฮลซิงกิ และมหาวิทยาลัย คอลเลจ ลอนดอน ซึ่งเป็นคนเขียนรายงานการวิจัยนี้กล่าวว่า คนที่ทำงานล่วงเวลาหรือทำงานเกินชั่วโมงการทำงานปกติมัก เป็ น กลุ่ ม คนที่ มี บุ ค ลิ ก ภาพที่ เ รี ย กกั น ว่ า บุ ค ลิ ก ภาพกลุ่ ม เอ อันได้แก่ มีความทะเยอทะยานสูง ชอบการแข่งขัน และมี ความเครียดเยอะ คนกลุ่มนี้มีแนวโน้มในการมีปัญหาเรื่องโรค ซึมเศร้า วิตกกังวล และมักจะนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ “ความเป็นไปได้อีกอย่างก็คือ การรับความเครียดเป็นประจำ ทำให้มผี ลเสียต่อระบบการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ซึง่ ประเด็นนี้ ยังต้องมีการวิจัยกันในรายละเอียดเพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจนอีกที” ดร.เวอร์ทาเนน อธิบาย ณ ตอนนี้สิ่งที่ควรคำนึงไว้คือการทำงานเกินเวลามีผลเสีย ต่อสุขภาพจริงๆ และคนทั่วไปควรใส่ใจเรื่องจำนวนชั่วโมงใน การทำงานของตัวเองให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ คนอังกฤษนั้นมีแนวโน้มในการทำงานล่วงเวลามากกว่าคน ชาติอื่นใดในสหภาพยุโรป ส่วนประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมี ข้อมูลจากการสำรวจโดยองค์กรเพือ่ การพัฒนาและความร่วมมือ ด้านเศรษฐกิจ เมื่อปี 2004 ว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการทำงาน ล่วงเวลาเป็นอันดับที่ 6 ของโลก และประเทศอื่นๆ ที่มีอัตรา การทำงานล่วงเวลาสูงในอันดับต้นๆ ได้แก่ เกาหลีใต้ กรีก เม็กซิโก ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น แม้ว่าจะไม่มีรายชื่อประเทศไทย แต่ในภาวะเศรษฐกิจอย่าง ปั จ จุ บั น นี้ ก็ นั บ เป็ น เรื่ อ งที่ ย ากมากสำหรั บ คนทำงาน ที่ จ ะ หลีกเลี่ยงการทำงานหนักหรือการทำงานล่วงเวลา ดังนั้น อีกทางหนึ่งซึ่งอาจช่วยบรรเทาความเสี่ยงได้คือการ ฝึกทักษะในการควบคุมและจัดการกับความเครียด ซึ่งไม่เพียง แต่ช่วยลดความโกรธ ภาวะซึมเศร้า และภาวะเครียดเท่านั้น แต่ ยั งช่ ว ยเรื่ อ งของการลดความดั น โลหิ ต และอั ต ราการเต้ น ของหัวใจด้วย


26

หน้าต่างแห่งความสุข นอกเหนื อ จากปั จ จั ย สี่ อั น ได้ แ ก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และ ยารั ก ษาโรค ที่ เ ป็ น ความต้ อ งการ พื้นฐานของมนุษย์แล้ว คนบางกลุ่ม เชื่อว่า สุนทรียภาพและความงดงาม ถือ เป็ น สิ่ ง จำเป็ น อี ก อย่ า งที่ ม นุ ษ ย์ เ รามี ความต้องการและได้พยายามแสวงหา คิดค้น ดัดแปลง เรื่อยมา และหนึ่ง ในนั้ น ก็ คื อ “ละคร” ซึ่ ง เป็ น สื่ อ ที่ สามารถถ่ายทอดเรื่องราว อารมณ์ ความรู้ สึ ก ในแง่ มุ ม ต่ า งๆ ได้ อ ย่ า ง ชัดเจน ซึ่งกว่าที่จะสร้างละครมาสัก ฉากนั้น ก็ต้องผ่านขั้นตอนการฝึกฝน ครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อเอาองค์ประกอบ ทั้งศาสตร์และศิลป์หลายกระบวนท่า มาผสานกัน ด้วยเหตุนี้ ทางแผนงานอุปถัมภ์ เชิ ง รุ ก เพื่ อ สื่ อ ศิ ล ปวั ฒ นธรรมและ บรรดาภาคีกลุ่มงานละครจึงได้มีการ จัด “กิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการหนุนเสริม วิ ช าการด้ า นละครและเชื่ อ มโยงเครื อ ข่ า ย” ตามภูมิภาคต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ ผู้ เ ข้ า ร่ ว มกิ จ กรรมและกลุ่ ม แกนนำ เยาวชนได้หยิบยกประสบการณ์ด้าน ละครของตนเองมาร่วมแลกเปลี่ ย น กัน โดยรูปแบบและเนื้อหาของแต่ละ ภูมิภาคก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป

เปิดม่าน “ลิเกป่า” สานคุณค่าศิลปะชาวใต้

ด้วยลักษณะของลิเกป่าที่ต้องใช้การออกท่าทางให้สอด รับกับเสียงพูดเสียงร้อง ผนวกกับความเป็นสื่อดั้งเดิมของ ท้ อ งถิ่ น ภาคใต้ จึ ง ถู ก หยิ บ ยกขึ้ น มาเป็ น โจทย์ ใ หญ่ ข อง กิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการหนุนเสริมวิชาการด้านละคร และเชื่อมโยงเครือข่ายภาคใต้ เมื่อวันที่ 7-9 เมษายน โดยมีปราชญ์ชาวบ้านและตัวแทนจากหลายกลุ่มเข้าร่วม กิจกรรม คนส่วนหนึ่งอยากทำละคร แต่ขาดศิลปะการ ละคร และอี ก ส่ ว นหนึ่ ง มี ค วามเชี่ ย วชาญด้ า นละคร แต่ขาดประเด็น จึงได้มีการเข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนผ่าน เรื่ อ งเล่ า การฝึ ก ภาษากาย สมาธิ แล้ ว นำมาเสนอ ร่วมกัน ทำให้เกิดกระบวนการกลุ่มแล้วนำไปประยุกต์ใช้ กับกิจกรรมอื่นๆ ต่อไป


27

ร่วมวงฝึก “หมอลำกลอน” เคล้ากลิ่นถิ่นอีสาน

ความโดดเด่นของหมอลำกลอนก็คือ การเล่าเรื่องราว จากตำนาน นิ ท านพื้ น บ้ า น ผ่ า นท่ ว งทำนองดนตรี เสียงแคน ทัง้ หมดได้ถกู นำมาออกแบบผ่านการทำกิจกรรม เมื่อวันที่ 16-18 เมษายน โดยให้แกนนำเยาวชนเริ่มต้น เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเอง ท้องถิ่น หรือสิ่งที่อยู่ในความ สนใจ จากนั้นก็พัฒนามาฝึกการเขียนบท การด้นสด จนกระทั่งสามารถเล่าเป็นเรื่องราวเพื่อนำเสนอเป็นชิ้น งานได้...

เสริมกำลัง “ภาษากาย” สู่หัวใจงานละครภาค กลาง

จากประสบการณ์หลายๆ ครั้งที่ผ่านมา บรรดาครู ละครทั้ ง หลายได้ ตั้ ง ข้ อ สั ง เกตที่ น่ า สนใจไว้ ป ระเด็ น หนึ่งว่า ในการเล่นละครแต่ละครั้ง ผู้แสดงมักได้รับการ บาดเจ็บในระหว่างฝึกซ้อมและแสดง เนื่องจากใช้การ ออกท่าทางที่ผิดวิธี ซึ่งอาจจะเป็นผลเสียกับร่างกายใน ระยะยาว จึงเป็นเหตุผลหนึ่งของที่มาการทำกิจกรรม อบรมเชิ ง ปฏิ บั ติ ก ารหนุ น เสริ ม วิ ช าการด้ า นละครและ เชื่อมโยงเครือข่ายภาคกลางเมื่อวันที่ 30 เมษายน- 2 พฤษภาคม ทีเ่ น้นการใช้ทกั ษะด้านร่างกาย การเคลือ่ นไหว การหายใจ ความสัมพันธ์ภายในส่วนต่างๆ ของร่างกาย ตลอดจนการใช้องค์ประกอบด้านศิลปะอื่นๆ เช่น การ ใช้พื้นที่ การใช้หน้ากาก ดนตรี ภาพ เข้ามาเพื่อเล่า เรื่องสื่อความหมาย ผู้เข้าร่วมกิจกรรมบางคนมีพื้นฐาน ด้านงานละครแขนงต่างๆ มาอยูแ่ ล้ว เมือ่ ได้รบั การฝึกฝน เรื่องภาษากายเพิ่มเติม พวกเขากล่าวในทำนองคล้ายๆ กันว่า สามารถนำความรู้ส่วนนี้ไปประยุกต์ใช้กับงานการ แสดง ตลอดจนถ่ายทอดสู่รุ่นต่อๆ ไป ในการทำกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการหนุนเสริมวิชาการ ด้านละครและเชื่อมโยงเครือข่ายในภูมิภาคต่างๆ นั้น ได้เน้น เป้ า หมายหลั ก ไปยั ง กลุ่ ม เยาวชนซึ่ ง ถื อ ว่ า เป็ น ต้ น กล้ า อ่ อ นๆ ที่พร้อมจะเติบโตเพื่อสานต่อแนวคิดงานด้านการละคร และ เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้เกิดสุขภาวะที่ดีทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคมอย่างยั่งยืน ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการได้ที่เว็บไซต์ www.lakornsangsuk.com


28

กระปุกออมสุข

เคยได้ยินเรื่องเหล่านี้ไหม?

อาหาร...รบกวนการนอน โยคะช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งหลับง่ายขึ้น สามีกลัวภรรยา....เคล็ดลับที่ทำให้ชีวิตคู่ยืนยาว นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เป็นความรู้และสาระดีๆ จาก เว็บไซต์สุขภาพน้องใหม่ อย่ า ง “healthy.in.th” ซึ่ ง ไม่ เ พี ย งเนื้ อ หาสาระที่ ห ลากหลาย แต่ ยั ง เน้ น ข้อมูลสุขภาพที่น่าเชื่อถือ ถูกต้อง รวดเร็ว ที่สำคัญเป็นการเพิ่มช่องทางการรับรู้ ข่าวสารด้านสุขภาพ ที่แม้มีอยู่มากมาย แต่ยังไม่โดนใจนักท่องเว็บ


29

ผศ.ดร.ธวัชชัย ปิยะวัฒน์ ผู้จัดการชุดโครงการระบบ ออนไลน์เพื่อการจัดการความรู้สุขภาวะ (Digital KM) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผูพ้ ฒ ั นาเว็บไซต์ “healthy .in.th” อธิบายว่า เว็บไซต์ healthy.in.th มาพร้อม กับเนื้อหาสาระครบถ้วนรอบด้านครอบคลุมทั้งกาย จิต สังคมและปัญญา ได้รับการสนับสนุนการพัฒนาระบบ และบริหารจัดการจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการ สร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ในการบริหารจัดการเป็นระยะ เวลา 3 ปี เนื้อหาภายในเว็บไซต์แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ 5 คือ ข่าวดี บทความดี คลังยา คลังโรค และบทความเภสัช สนเทศ ในส่วนของข่าวดีประจำวัน จะเป็นข่าวจากรอบโลก ที่สร้างความสุขให้ผู้อ่านก่อนเริ่มต้นกิจวัตรประจำวัน ทั้ ง เรื่ อ งสุ ข ภาพดี นวั ต กรรมใหม่ ๆ สิ่ ง แวดล้ อ มดี กำลังใจดี น่ารักดี มุมมองดีแปลกดี ทั้งหมดเรื่องน่า ประทับใจที่จะเป็นจุดเริ่มต้นอันสดใสของชีวิตประจำ วันของทุกคน แหล่งข้อมูลยังมาจากสำนักข่าวที่ได้รับความน่าเชื่อถือทั้งจากใน ประเทศไทยและต่างประเทศ เช่น สำนักข่าวบีบีซี รอยเตอร์ และ เทเลกราฟ ถั ด มาเป็ น บทความเพื่ อ สุ ข ภาพ ซึ่งจะเป็ น การให้ ข้ อ มู ล ที่ เ ป็ น ประโยชน์ ต่ อ สุ ข ภาพร่ า งกายและจิ ต ใจ จากหน่ ว ยงานและผู้ เ ชี่ ย วชาญเฉพาะด้ า น เช่ น โรงพยาบาลสงขลานคริ น ทร์ โรงพยาบาลหาดใหญ่ และสถานที่ให้บริการข้อมูลความรู้ทางด้านสาธารณสุข ของรัฐ

ส่ ว นคลั ง ความรู้ เ รื่ อ งยานั้ น ไม่ ว่ า ยาชนิ ด ไหน ก็สามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างง่ายๆ ทั้งช่วยสร้างความ รูค้ วามเข้าใจให้กบั ผูบ้ ริโภคอย่างแม่นยำ ถูกต้อง เนือ้ หา เกี่ยวกับยาทั้งหมดเรียบเรียงโดยเภสัชกรหรือนักศึกษา เภสัชศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลา นครินทร์ โดยไม่ต้องห่วงว่าจะมุ่งประโยชน์ทางการค้า เพราะไม่ได้ รับการสนับสนุนทางการเงินจากองค์กรแสวงหาผลกำไร ใดๆ ทั้งสิ้น คลั ง ความรู้ เ รื่ อ งโรค ทุ ก คนสามารถเข้ า ไปค้ น หา รายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับความเจ็บป่วยและอาการ โดยฐานข้อมูลทั้งหมดเรียบเรียงโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อย่ า งไรก็ ต ามขอเตื อ นไว้ ห น่ อ ยว่ า ข้ อ มู ล ที่ อ ยู่ ใ น เว็บไซต์นี้ ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ที่นำไปใช้เพื่อ วินิจฉัยอาการของโรค ไม่ใช่ข้อแนะนำทางการแพทย์ หากมี ข้ อ สงสั ย ใดๆ เกี่ ย วกั บ สุ ข ภาพ ควรปรึ ก ษา ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง อีกทัง้ ยังมีพน้ื ทีเ่ พือ่ เปิดรับฟังความคิดเห็น ให้สมาชิก สาขาอาชี พ ต่ า งๆ สามารถแลกเปลี่ ย นเรี ย นรู้ แ ส ด ง ค ว า ม คิ ด เ ห็ น แ ต่ ต้ อ ง บ อ ก ไ ว้ ก่ อ น ว่ า healthy.in.th ไม่ ใ ช่ เ ว็ บ ไซต์ ที่ เ ป็ น พื้ น ที่ ส ำหรั บ ถาม ตอบปัญหาสุขภาพ หากสมาชิกต้องการปรึกษาปัญหา ด้านสุขภาพโปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

จะช้าอยู่ใย...หากเบื่อเว็บไซต์สุขภาพแบบเดิมๆ ลองเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ healthy.in.th มาร่วมแบ่งปันข้อมูลต่างๆ ที่อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น


30

สุขกับงาน

สภาพเศรษฐกิจทุกวันนี้ ทำให้มนุษย์ เงินเดือนต้องใช้เวลาอยู่กับที่ทำงานเพื่อ หาเงินตัวเป็นเกลียวมากกว่าจะใช้ชีวิต รื่นรมย์ที่บ้าน ดังนั้นความสุขส่วนมาก ของคนเราจะเกิดได้หรือไม่ ที่ทำงานก็ เป็นส่วนสำคัญทีเดียว แต่การทีจ่ ะทำให้ทท่ี ำงานเป็นสถานที่ แห่งความสุขจนทุกคนอยากไปทำงาน ทุกวัน และพร้อมจะทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อองค์กรนั้นไม่ใช่ เรื่องง่ายที่จะสร้างได้ในวันเดียว หนึ่งในองค์กรที่ประสบความ สำเร็ จ ในการทำที่ ท ำงานให้ เ ป็ น “องค์ ก รแห่ ง ความสุ ข ” หรื อ Happy Workplace ก็คือบริษัท ไทยโตชิบาอุตสาหกรรม จำกัด วรรณา ดุลยาสิทธิพร ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ผู้ทำงานกับไทยโตชิบาฯ มานานถึง 21 ปี และคลุกคลีกับ พนักงานโตชิบาร่วม 2,550 คน ณ โรงงานผลิตที่ จ.นนทบุรี บอกเล่าว่า นโยบายของไทยโตชิบาที่ถ่ายถอดมาตั้งแต่ผู้ก่อตั้ง คือคุณกรและท่านผู้หญิงนิรมล สุริยสัตย์ ไล่เรื่อยมาจนถึงผู้บริหาร รุ่นปัจจุบัน ซึ่งก็เป็นทายาทของทั้งคู่ รวมถึงผู้บริหารทุกท่าน ก็คือ “คนคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กร”

เพราะโตชิบาเป็นแบรนด์สินค้าคุณภาพ หากคนซึ่งเป็ น ผู้ผลิต ไม่มีคุณภาพแล้ว จะผลิตสินค้าที่มีคุณภาพได้อย่างไร การจะทำให้ พ นั ก งานมี คุ ณ ภาพนั้ น มี ห ลายมิ ติ ที่ โ ตชิ บ า ทำควบคู่กันไป เริ่มตั้งแต่การเข้ามาทำงาน โตชิบาจะเป็นผู้รับ สมัครพนักงานเอง ไม่ผ่านเอาท์ซอร์ส เพื่อจะได้พูดคุยทำความ รู้ จั ก พนั ก งานตั้ ง แต่ แ รกเริ่ ม จากนั้ น ต้ อ งมี ก ารฝึ ก อบรมให้ พนักงานรู้ว่าการผลิตต้องทำตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ซึ่งโต ชิ บ าได้ ทั้ ง ISO ซึ่ ง เป็ น มาตรฐานการผลิ ต และสิ่ ง แวดล้ อ ม OHSAS ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย การสร้างความมัน่ ใจให้พนักงานแค่เรือ่ งทำงานยังไม่เพียงพอ ที่จะทำให้ความสุขในการทำงานเกิดขึ้นได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ใจ” ทีฝ่ า่ ยบริหารมีให้พนักงานระดับปฏิบตั กิ าร เพือ่ ให้พนักงาน ให้ใจกับองค์กรเช่นกัน ฝ่ายบริหารจะมีการเดินตรวจงานตามไลน์การผลิตเป็นประจำ เรี ย กเป็ น การภายในว่ า Management by Walking การเสียสละเวลาเดินตรวจงานในโรงงานร้อนๆ อาจดูเป็น เรื่องไกลตัวสำหรับคนที่เป็นผู้บริหาร แต่กับโตชิบา นี่คืองาน ของผู้บริหาร


31

เพราะโตชิบาเป็นแบรนด์สินค้าคุณภาพ หากคนซึ่งเป็นผู้ผลิตไม่มีคุณภาพแล้ว จะผลิตสินค้าที่มีคุณภาพได้อย่างไร “การเดินตรวจงานจะทำให้เราได้พูดคุย กับพนักงาน ยิ่งหน้าร้อน พนักงานทำงาน เหงื่อตก แต่พอเราเดินไปคุยกับเขา บอกเขา ว่า ‘ร้อนหน่อยนะ ทนหน่อยนะ เดี๋ยวไปเอาผ้า ขนหนูชุบน้ำซับหน้า ทานน้ำเยอะๆ’ เขาจะรู้ว่า เขาไม่ได้ร้อนคนเดียว มีเหมือนกันที่พนักงาน ตอบกลับมาว่า ‘สู้อยู่แล้วครับ’” แม้กระทัง่ การซือ้ แป้งเย็นกระป๋องแจก พนักงานในไลน์การผลิต หรือแจกไอศ กรี ม หากพบว่ า การผลิ ต ในเดื อ นนั้ น ๆ มีอุบัติเหตุเป็นศูนย์ ก็คือสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงให้เห็นว่าคนในองค์กรไม่ทอดทิ้ง และไม่ละเลยรายละเอียดเล็กน้อยที่จะ สร้างความรูส้ กึ ทีด่ กี ลับมาอย่างคาดไม่ถงึ คุณวรรณาบอกด้วยว่า โตชิบามีผแู้ ทน พนั ก งานซึ่ ง มาจากการเลื อ กตั้ ง จาก พนักงานด้วยกันเอง และผู้แทนพนักงาน เหล่ า นั้ น จะนำปั ญ หาหรือข้อเสนอแนะ จากพนั ก งานระดั บ ปฏิ บั ติ ก ารมาสู่ ฝ่ า ย บริหาร เพือ่ นำไปสูก่ ารแก้ไขและปรับปรุง การทำงานให้ดขี น้ึ สิง่ นีส้ ร้างความภาคภูมิ ใจให้กับพนักงานเมื่อได้เห็นข้อเสนอแนะ ของตนเกิดผลในทางปฏิบัติ นอกจากเรื่องงาน ยังลงลึกไปถึงราย ละเอี ย ดปั ญ หาส่ ว นตั ว ของพนั ก งาน ไม่เว้นแม้แต่ความช่วยเหลือด้านเงินทอง เช่นการให้พนักงานหยิบยืมเงินส่วนตัว ของฝ่ายบริหารเพื่อนำไปแก้ปัญหาขาด สภาพคล่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ แม้แต่การประนอมหนีใ้ ห้พนักงานที่ อาจจะไม่ ไ ด้ รั บ ความเป็ น ธรรมจากหนี้ นอกระบบ ผู้บริหารอย่างคุณวรรณาก็ ทำมาแล้ว “เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องยิบย่อย บางที่อาจ ละเลยเพราะลงไปดูในรายละเอียดได้ไม่หมด แต่เรามองว่าถ้าเราปิดปัญหาเล็กน้อยเหล่านี้ ให้พนักงานได้ ปัญหาใหญ่ก็จะไม่เกิด ปัญหา คนงานหยุดงานประท้วงที่เกิดในบางบริษัท

ก็เพราะการขาดความเข้าใจกันระหว่างฝ่าย บริหารกับพนักงาน แต่ที่โตชิบาแทบจะไม่มีที่ จะเห็นปัญหารุนแรงระหว่างพนักงานด้วยกัน เราอยู่ทุกวันนี้เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไปแล้ว” โตชิบายังเผือ่ แผ่โอกาสการเข้ามาร่วม งานให้กับผู้พิการ ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัททำ มาตลอด และล่าสุดได้ไปชักชวนผู้พิการ ทางการพูด หรือคนใบ้ ราว 10 คน ให้ มาทำงานกับโตชิบาตามความสามารถที่ คนเหล่านั้นจะทำได้ และไม่ลืมที่จะให้ พนักงานอื่นๆ ดูแลให้เพื่อนร่วมงานเหล่า นี้ให้ทำงานด้วยกันได้อย่างมีความสุข ผลจากการสร้างคนสร้างองค์กรสไตล์ โตชิบา ที่บ่งชี้ได้ว่าที่แห่งนี้เป็นองค์กร แห่งความสุข ดูได้จากการลางานที่แทบ ไม่เกิดขึ้น ขณะที่การลาออกมีสถิติอยู่ที่ 0.04% ในแต่ละเดือนเท่านั้น ที่สำคัญ พนักงานปัจจุบันยังบอกต่อให้คนอื่นมา ทำงานกับโตชิบาด้วย และเมื่อโตชิบาจัดกิจกรรมเพื่อสังคม ใดๆ ขึ้นมาในวันหยุด และเป็นกิจกรรม ที่ ต้ อ งอาศั ย ใจจริ ง ๆ ไม่ มี ก ารว่ า จ้ า ง พบว่ามีพนักงานแสดงความจำนงขอความ ร่ ว มกิ จ กรรมเกิ น กว่ า ความต้ อ งการ นี่คงเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่าพนักงานมี ความสุขและอยากมีส่วนร่วมกับองค์กร เพียงใด “เราให้พนักงานประเมินความพึงพอใจ ทุกครึง่ ปี เพือ่ นำมาปรับปรุงระบบการทำงาน ทุกอย่างให้เขา ล่าสุดเมื่อปลายปี 2552 พบ ว่าพนักงาน 80% พอใจการทำงานกับเรา ซึ่งเราจะต้องพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ตั้งเป้า ไว้อยากให้ถึง 90%” และนี่คือสไตล์การบริหารงานและดูแลพนักงาน ของโตชิบา องค์กรแห่งความสุขที่อยู่คู่สังคมไทย มานานกว่า 40 ปีอย่างมั่นคง...

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างองค์กรแห่งความสุข ที่ www.happy8workplace.com


32

เคล็ดลับคนดังสุขภาพดี

โด่งดังจนกลายเป็นขวัญใจใครหลายๆคนมาแล้วด้วยบทบาทของ “ไข่ย้อย” หนุ่มสุดเซอร์ในภาพยนตร์เรื่อง “เพื่อนสนิท” อีกทั้งตัวจริงยังหน้าตาใส กินขาดหนุ่มมาดเซอร์คนอื่นๆ จนทำให้วันนี้ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ อยู่ ในใจสาวๆ หลายคน...แม้ผลงานจะเยอะ แต่เรื่องสุขภาพก็เป็นเรื่อง หลักที่ไม่อาจละเลยได้ ว่างเมื่อไหร่หนุ่มซันนี่เป็นต้อง “ออกกำลังกาย” อยู่ เ สมอ เรี ย กได้ ว่ า สุ ข ภาพดี แ ถมยั ง หล่ อ ได้ ใ จสาวไปแบบเต็ ม ๆ เลยล่ะ “ผมเป็นคนทำงานไม่เป็นเวลา...บางวันเลิกงานดึก แต่ก็ต้องตื่นขึ้นมา ทำงานให้ได้ตั้งแต่เช้าตรู่ บางครั้งการนอนหรือการพักผ่อนจึงเป็นสิ่งจำเป็น มากๆ สำหรับอาชีพศิลปินดาราอย่างพวกผม ซึ่งบางครั้งเวลาอยู่กองถ่าย ถ้ามีเวลาหรือหาโอกาส ก็จะของีบหลับเอาแรงไปด้วยเล็กน้อย เวลาตื่นขึ้นมา จะกระชุม่ กระชวย สามารถทำงานได้ตามปกติครับ อีกทัง้ ยังทำให้สมองแจ่มใสได้ ดีขึ้นด้วย” ส่ ว นการออกกำลั ง กายแบบซั น นี่ ที่ เ กริ่ น มาตั้ ง แต่ แ รกก็ คื อ การ “วิ่ง”...แม้แต่ในวันที่มีงานตลอดทั้งวัน ก็ไม่เคยลืมที่จะหาเวลาออกไป วิ่ง บางครั้งจะวิ่งไปมาบริเวณรอบๆ สถานที่ที่ไปทำงาน แต่หากวัน ไหนมีเวลาว่างแล้วอยู่บ้าน ก็จะวิ่งไปมารอบๆ บ้านบ้าง รอบๆ สวน บ้าง ซึง่ วิธกี ารนีไ้ ม่ตอ้ งไปเสียค่าใช้จา่ ยในการเข้าฟิตเนสใดๆ ก็สามารถ ทำให้เรามีสุขภาพดีได้... วิธีการนี้นอกจากจะทำให้หนุ่มซันนี่ ฟิต&เฟิร์มแล้ว ยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋า ได้อีกด้วย เป็นความคิดที่น่าเอาอย่างจริงๆ


Happy Reading ชายหนุม่ ทีม่ บี คุ ลิกโดดเด่นทันสมัยมาดเซอร์แบบ คนรุ่นใหม่อย่าง วงศธร ควันธรรม ประกาศตัวอย่าง ชัดเจนว่า “ไม่ใช่นักอ่านตัวยง” แต่ก็เลือกที่จะอ่าน ซึ่ ง หากพิ จ ารณาจากบุ ค ลิ ก ของหนุ่ ม สมั ย ใหม่ นำเทคโนโลยีแบบเขาแล้ว แทบเดาไม่ออกเลยว่า วงศธร หรือ ดีเจ แมพ ชอบอ่านหนังสือประเภท ไหน “จริ ง ๆ แล้ ว ผมเป็ น คนที่ ไ ม่ ช อบอ่ า นหนั ง สื อ และไม่ ไ ด้ จั ด อยู่ ใ นประเภทของหนอนหนั ง สื อ เพราะการทำงานในชี วิ ต ส่ ว นใหญ่ จ ะใช้ เ วลาอยู่ กั บ คนอื่น อยู่ข้างนอก ไม่ค่อยมีเวลาให้ตัวเอง การที่จะ มีเวลานั่งอ่านหนังสือสำหรับผมจึงถือเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้ไปเจอหนังสือเล่มหนึ่งว่าด้วยเรื่อง ศาสนา ว่ า ด้ ว ยเรื่ อ งของจิ ต และเรื่ อ งของการทำ สมาธิ โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนค่อนข้าง สมาธิสั้น ทำอะไรก็ไหลไปเรื่อย เลยจำเป็นต้องหาหนังสือที่เกี่ยว กับการฝึกจิตและการทำสมาธิมาอ่าน” หนังสือเล่มนั้นคือ “ไอน์สไตน์พบพระพุทธเจ้าเห็น” ที่เขียนโดยทันตแพทย์สม สุจีรา “หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ผมรู้สึกว่าโดนที่สุดใน ชีวิตที่เคยอ่าน เพราะเป็นหนังสือที่พูดถึงศาสนาพุทธ ในแง่ของวิทยาศาสตร์และในแง่ของความเป็นไปได้ ผมเป็นคนเชือ่ ในคำสอนของพระพุทธเจ้าและเชือ่ ในหลัก ธรรมของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเรื่องการสอนไม่ ให้คนยึดติด” หนั ง สื อ เรื่ อ ง “ไอน์ ส ไตน์ พ บพระพุ ท ธเจ้ า เห็ น ” เป็นหนังสือทีต่ อบโจทย์ให้เขาในแง่ของคุณงามความ ดี ไ ด้ เ ป็ น อย่ า งดี และเป็ น หนั ง สื อ ที่ พู ด ถึ ง ศาสนา พุทธด้วยความเป็นจริงที่ไม่ได้สอนให้ผู้คนงมงาย หนำซ้ำยังเป็นหนังสือที่ทำให้เข้าใจในศาสนาพุทธ ในเชิงของวิทยาศาสตร์ ในเวลาใดที่เขารู้สึกเครียด ก็จะหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน จะช่วยบรรเทา และเยียวยาจิตใจได้ทุกครั้ง วงศธรยังฝากแง่คิดถึงการอ่านไว้อย่างน่าสนใจ... “ผมเชื่อว่าการอ่านจะทำให้เกิดพลังที่จะทำให้เรา เปลี่ยนแปลงตัวเองได้ และยังทำให้เราหลุดพ้นจาก จินตนาการทัง้ ภาพและเสียง และผมก็ยงั เชือ่ ในคำสอนที่ ว่าเราอ่านมากเท่าไหร่เราก็จะเป็นพหูสูตมากเท่านั้น ผมไม่อยากให้คำจำกัดความทีว่ า่ คนไทยเราอ่านหนังสือ แค่ปีละ 6-7 บรรทัดนั้นเป็นความจริง เพราะฉะนั้นนับ ตั้งแต่วันนี้ใครที่ยังไม่ได้อ่านหนังสือเรามาเริ่มอ่านด้วย กันเถอะครับ ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อตัวเราเอง” พบกับเรื่องมหัศจรรย์ของหนังสือที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณตลอดไป ที่รายการ ย่อหน้านี้...มีชีวิต ทุกวันเสาร์ บ่ายสองโมงครึ่ง ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT และร่วมแลกเปลี่ยนเรื่องราวความประทับใจของคุณกับหนังสือได้ที่ www.yornarnee.com

33


ในช่วงเหตุการณ์ความขัดแย้งทีเ่ กิด ขึ้นในประเทศไทย มีหลายข้อความที่ เข้ า มาแสดงความคิ ด เห็ น เอาไว้ ใ น เฟซบุ้คของ สสส. เป็นข้อความดีๆ ซึ่งน่าจะเป็นกำลังใจคนไทยให้ผ่านพ้น ช่ ว งเวลาร้ า ยๆ ไปได้ วั น นี้ จึ ง ขอ หยิบยกมาฝากกัน...

หลายปีที่ผ่านมา มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้ร่วมต่อสู้เพื่อให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดีมาโดยตลอด ขณะนี้มูลนิธิฯ ได้เกิดความสูญเสียขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนคนไทยร่วมกันบริจาคเงินเพื่อร่วม สมทบทุนก่อสร้างอาคารสำนักงานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคหลังใหม่ ที่ บัญชีธนาคารกรุงไทย สาขา อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี กองทุน สสส.-รวมใจเพื่อมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

น้ำใจคนละเล็กละน้อยของท่าน จะช่วยสร้างบ้านหลังใหม่ให้เพื่อนบ้านของเรา

เพิ่มเฟซบุ้คของ สสส. เป็นเพื่อนกับคุณ ได้ที ่ www.facebook.com/thaihealth


BOARD UPDATE

จากการประชุมคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ครั้งที่ 5/2553 เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ.2553 คณะกรรมการ มีมติดังนี้ • ร่วมสนับสนุนการส่งเสริมกิจการเพื่อสังคมตามนโยบายของรัฐบาล โดยเห็นชอบการจัดตั้งสำนักงานสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ (สกส.) และเห็นชอบแผนงานสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคม • จากปัญหาทางการเมืองและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยใน ช่วงที่ผ่านมา คณะกรรมการกองทุนเห็นชอบให้ สสส. ร่วมสนับสนุนการแก้ไข ปัญหาผลกระทบทางด้านจิตใจโดยร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวง สาธารณสุขและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

35


36 มุ่งมั่นและหยาดเหงื่อในเดือนที่ผ่านมา

จากการรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ พบว่ามีผู้เสียชีวิตลดลง 3.22% จากเดิม 373 ราย เหลือ 361 ราย ซึ่งต่ำกว่า เป้าที่วางไว้ อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการขับขี่และโดยสารรถจักรยานยนต์ 59.3% ซึ่งเกือบทั้งหมด 91% เกิดจากการไม่ สวมหมวกนิรภัย และเมื่อพิจารณาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุพบว่าเมาสุรายังเป็นอันดับแรก

จั ด อบรม สปอร์ ต ลี ด เดอร์ ซั ม เมอร์ แคมปก์ บั กลุม่ เยาวชนอายุ 12-15 ปี 300 คน และกลุ่มผู้นำชุมชน 60 คน ในภาค กลางที่กรุงเทพมหานคร ภาคใต้ ที่ภูเก็ต และภาคตะวันออก ที่ชลบุรี

ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมจัดโครงการประกวด หนังสั้น ในหัวข้อ การส่งเสริมวัฒนธรรมทางเพศ เชิงบวก ซึง่ มีหนังสัน้ ทีไ่ ด้รบั รางวัล 13 เรือ่ ง โดยมี รั ฐ มนตรี ว่ า การกระทรวงวั ฒ นธรรม เป็นประธานมอบรางวัล โดยกลุ่มที่ส่งหนัง สั้ น เ ข้ า ป ร ะ ก ว ด คื อ นั ก ศึ ก ษ า ส ถ า บั น อุ ด มศึ ก ษา คณะ/ภาควิ ช าที่ เ กี่ ย วข้ อ งกั บ การผลิตสื่อทุกประเภทรวม 84 ทีม (420 คน) จาก 22 มหาวิทยาลัย

โครงการร่วมสร้างหมูบ่ า้ นพอเพียง เพือ่ รากฐานสุขภาพทีย่ ง่ั ยืน บ้านบุไทย จังหวัดนครราชสีมา เป็นอีกหนึ่งโครงการที่นำแนวพระราชดำรัส “เศรษฐกิจพอเพียง” มาประยุกต์ใช้กับการ สร้างเสริมสุขภาพผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การพัฒนาสิ่งแวดล้อม ปรับภูมิทัศน์ภายใน หมู่บ้านให้น่าดู น่าอยู่ ไม่มีขยะมูลฝอย ปราศจากโรค การลด ละ เลิก เหล้าและ อบายมุขในงานศพและงานบุญ การทำนาปลอดสารเคมี จนนำไปสู่การจัดตั้งศูนย์การ เรียนรู้ครอบครัวพอเพียง


37

โครงการพัฒนาแหล่งเรียนรูใ้ ห้เป็น พื้ น ที่ ส ร้ า ง ส ร ร ค์ ข อ ง ค ร อ บ ค รั ว ร่ ว มกั บ แผนงานสุ ข ภาวะครอบครั ว จัดงานเปิดตัว “บัตรเดียว เที่ยวยกครัว ทั ว ร์ พิ พิ ธ ภั ณ ฑ์ ร อบกรุ ง ” (HAPPY FAMILY DAY CARD) เพื่อส่งเสริม ให้ ค รอบครั ว ได้ เ รี ย นรู้ ร่ ว มกั น ใน แหล่งเรียนรู้ 100 แห่ง ทั้งในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล เรื่องวาระพื้นที่สร้างสรรค์ สำหรับเด็ก เยาวชน และครอบครัว

เทศบาลตำบลปริก อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ร่วมกับ เครือข่าย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 20 ตำบลใน 5 จังหวัดภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และพัทลุง) จัดทำบันทึกข้อตกลงความ ร่วมมือเพื่อร่วมกันพัฒนาเครือข่ายชุมชนท้องถิ่นร่วมขับเคลื่อน ตำบลสุขภาวะ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2553 ระหว่าง 3 ฝ่าย ได้แก่ (1) รองปลัดกระทรวงมหาดไทย (2) นายกและตัวแทน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 21 แห่ง และ (3) ผู้แทนจาก สสส. ทัง้ นีแ้ ต่ละตำบลจะค้นหาทุนและศักยภาพ ร่วมแลกเปลีย่ น เรี ย นรู้ วิ ธี คิ ด และกระบวนการพั ฒ นาตำบล ตลอดจนแหล่ ง เรียนรู้ที่หลากหลายของเทศบาลตำบลปริกที่สอดคล้องกับวิถี มุสลิม

จัดโครงการบัณฑิตอาสา มอ. โดยมีกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ กิจกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์กระดาษ ทางจาก วันที่ 23 มีนาคม ณ บ้านนายอดทอง อ.กันตัง จ.ตรัง, ปัจฉิมนิเทศรุ่นที่ 5 ในวันที่ 1 เมษายน ณ คณะอุตสาหกรรม มอ.เพื่อนำเสนอผลการปฏิบัติงานของบัณฑิต อาสา หารือแนวทางการต่อยอดโครงการฯ และพัฒนาโจทย์วิจัยระหว่างนักวิชาการ ร่วมกับชุมชน


38

โทรโข่งเล่าข่าว

และแล้วฤดูฝนก็พัดเอาความชุ่มช่ำเข้ามาดับความร้อนระอุของเมืองไทย หลายคนคงหวังให้สายฝน ช่วยชะล้างสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ ออกไปด้วย คงเหลือไว้แต่สิ่งดีๆ ที่จะทำให้เรายิ้มออกกันเสียที • ข่าวดีข่าวแรก ประกาศผลแล้วสำหรับคลิปวีดีโอ “สุขแท้ด้วยปัญญา” ของเครือข่ายพุทธิกา ที่เปิดพื้นที่ระดมสื่อสร้างสรรค์ร่วม สมัยจากประชาชนทั่วไป บอกได้ว่าผลงานที่ส่งเข้าประกวดล้วนเต็มไปด้วยมุมมอง “ความสุขที่แท้” หลายรูปแบบ ผลงานที่ได้รับรางวัล มาจากการคัดเลือกของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านศาสนา ตลอดจนนักวิจารณ์ศิลปะ ผู้ได้รับรางวัลดีเด่น 3 รางวัล อันดับ 1 เรื่อง “รู้จักทุกข์ รู้จักสุข” ของ ชญานุช วรีสาร อันดับ 2 เรื่อง “อ้วน” ของ ธนากร ลีระมาศ และสุธี หอมละออ และอันดับ 3 เรื่อง “The Destination ot Life” ของทีม Dogfilm ใครสนใจอยากชมคลิปที่ได้รับรางวัลทั้งหมด คลิกได้ที่ www.budnet.org • ข่าวต่อมา iCARE Award 2010 ฉลาดแกมดี! เชิญชวนนักศึกษาปริญญาตรี-โท และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมประกวด Creative Social Business Contest หรือการสร้างสรรค์ธุรกิจเพื่อสังคมให้มีกำไร ร่วม Workshop และลงมือทำงานกับผู้ ประกอบการเพื่อสังคมตัวจริง พร้อมเงินทุนตั้งต้น ชนะเลิศมีรางวัล 200,000 150,000 130,000 บาท และอื่นๆ พร้อมบินโชว์ความ สำเร็จในงาน Make a Difference Forum ที่ฮ่องกงยกทีม ใครสนใจเชิญเข้ามาฟังงานแถลงโจทย์ วันที่ 9 มิถุนายน 13.00 น. ที่ หอประชุมพุทธคยา อาคารอัมรินทร์พลาซ่า BTS ชิดลม หรือคลิกเข้าไปดูก่อนที่ www.facebook.com/home.php?ref=home#!/ iCAREClub หรือ www.icare-club.com • สำหรับใครที่ชื่นชอบเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทยอย่างลิเก ไม่ควรพลาดการแสดงชุด สุดสาคร ลิเกร่วมสมัย สร้างสรรค์โดย ภัทราวดีเธียเตอร์ และมูลนิธิละครธรรมะ ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ภายใต้การสนับสนุนของ สสส. ซึ่งเนื้อหายังมีการสอดแทรก ปรัชญาการดำเนินชีวิตให้มีความสุข ถือว่าเหมาะกับยุคสมัยนี้เลยทีเดียว การแสดงมีทุกวันเสาร์ เริ่ม 15 พฤษภาคม-12 มิถุนายนนี้ เวลาทุ่มครึ่ง ผู้ที่สนใจติดต่อได้ที่ ภัทราวดีเธียเตอร์ โทร. 024127287-8 www.patravaditheatre.com หรือวิกหัวหิน โทร 032 827815, 032 827817 www.vichuahin.com • ส่วนใครที่รอคอยงานมหกรรม Happy workplace Forum III ที่ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดเพราะสถานการณ์ บ้านเมือง ทางผู้จัดงานฝากขออภัยมา ณ ที่นี้ ได้วันเวลาใหม่เมื่อไรจะรีบนำข่าวคราวมาแจ้งให้ทราบกันทันที • ปิดท้ายข่าวกันด้วย ในวันที่ 24-25 มิ.ย. สสส. จะมีงานประชุมวิชาการ “สานจิตรเสวนา ครั้งที่ 2 : มีปัญญารักษาทุก(ข์)โรค” ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ วิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร ผู้ที่สนใจ สามารถสมัครเข้าร่วมประชุมได้ทาง www.thaissf.org หรือ สอบถามรายละเอียดที่แผนงานพัฒนาจิตเพื่อสุขภาพ มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ โทร 0-2511-5855-7 เว้นวันหยุดราชการ ** ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของข่าวสารน่าสนใจต่างๆ ได้ที่ www.thaihealth.or.th ฉบับหน้ามีเนื้อหาสาระข่าวสารต่างๆ ที่น่าสนใจอีก เพียบ! ติดตามกันต่อไปนะคะ


บริหารสมอง

เครียดกันมาเยอะแล้ว จึงชวน คุณผู้อ่านมาบริหารสมองกันด้วย เกมซู โ ดกุ หรื อ เกมปริ ศ นาเติ ม ตั ว เลข ซึ่ ง เป็ น เกมที่ ค นทั่ ว โลกคลั่งไคล้ สามารถเล่น ได้ ทั้ ง เด็ ก และผู้ ใ หญ่ ทุ ก วั ย ไม่ต้องใช้ความสามารถใน ก า ร ค ำ น ว ณ ห รื อ ค ว า ม ส า ม า ร ถ ท า ง ภ า ษ า แ ต่ อย่างใด อาศัยเพียงการคิด ที่เป็นเหตุเป็นผลก็สามารถ เล่ น เกมนี้ ไ ด้ อุ ป กรณ์ ก าร เล่นมีเพียงกระดาษ ดินสอ และยางลบเท่านั้น

1. เติมตัวเลขลงในช่องที่ว่าง 1 ถึง 9 ลงในช่องว่าง 2. แต่ละแถวทั้งแนวตั้งและแนวนอนต้องมีเลข 1-9 ไม่ซ้ำกัน 3. แต่ละกรอบ 3x3 (Box) ต้องมีเลข 1-9 ไม่ซ้ำกัน เติมคำตอบแล้วส่งมาที่ฝ่ายเว็บไซต์สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม สุขภาพ สสส. เลขที่ 979/116-120 อาคารเอสเอ็ม ทาวน์เวอร์ ชั้น 15 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน พญาไท กทม. 10400 หรือที่ editor@thaihealth.or.th ปิดรับคำตอบวันที่ 25 มิถุนายน ดูวัน ประทับตราไปรษณีย์ หรือ วันที่ส่งเป็นหลัก ผู้โชคดีรับไปเลย เสื้อยืด “ชวนขยับทั้งประเทศ” จำนวน 7 รางวัล ส่วนรายชื่อผู้โชคดีที่ร่วมสนุกกับ “บริหารสมอง” ฉบับย้อนหลังสามารถตรวจรายชื่อกันได้ที่ www.thaihealth.or.th ผู้โชคดีเตรียมรอรับรางวัลที่บ้านได้เลย

39



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.