คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
คูมือครูฝก 0920162070803 สาขาชางเชื่อมแม็กระดับ 3
ชุดการฝกตามความสามารถ (CBT)
โมดูลการฝกที่ 2 09207220 การใชเครื่องมือวัด เครื่องมือทั่วไป และเครื่องมือกล
กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
คํา นํา
คูมือครูฝกสาขาชางเชื่อมแม็ก ระดับ 3 โมดูล 2 การใชเครื่องมือวัด เครื่องมือทั่วไป และเครื่องมือกล ฉบับนี้ เปนสวนหนึ่ง ของหลักสูตรฝกอบรมฝมือแรงงานตามความสามารถ (Competency Based Training : CBT) ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อใชเปน เอกสารประกอบการจัดการฝกอบรมกับชุดการฝกตามความสามารถ โดยไดดําเนินการภายใตโครงการพัฒนาระบบฝกและชุด การฝ ก ตามความสามารถเพื่ อ การพั ฒ นาฝ มือ แรงงาน ด ว ยระบบการฝ ก ตามความสามารถ (Competency Based Workforce Skill Training System) พ.ศ. 2560 โดยมีวัตถุประสงคเพื่อใหครูฝกไดใชเปนเครื่องมือในการบริหารจัดการการ ฝกอบรมใหเปนไปตามหลักสูตร กลาวคือ อบรมผูรับการฝกใหสามารถปฏิบัติการใชและบํารุงรักษาเครือ่ งมือวัด เครื่องมือทั่วไป และเครื่องมือกลไดอยางถูกตอง และติดตามความกาวหนาของผูรับการฝกอบรม ในดานความสามารถหรือสมรรถนะใหเปนไป ตามมาตรฐานที่กาํ หนด ระบบการฝกอบรมตามความสามารถเปนระบบการฝก อบรมที่สงเสริมใหผูรับการฝกอบรมสามารถฝกฝนเรียนรู ไดตามพื้นฐานความสามารถของตนในเวลาที่มีความสะดวก โดยเนนในเรื่องของการสงมอบการฝกอบรมที่หลากหลาย ไปใหแกผูรับการฝกอบรม และตองการใหผูรับการฝกอบรมเกิดการเรียนรูดวยตนเอง การฝกปฏิบัติจะดําเนินการในรูปแบบ Learning by Doing และเนนผลลัพธการฝกอบรมในการที่ทําใหผูรบั การฝกอบรมมีความสามารถในการปฏิบัติงานตามที่ ตลาดแรงงานตองการ โดยยึดความสามารถของผูรับการฝกเปนหลัก การฝกอบรมในระบบดังกลาว จึงเปนรูปแบบการฝกอบรม ที่ ส ามารถรองรั บ การพั ฒ นารายบุ ค คลได เ ป น อย า งดี นอกจากนี้ เนื้ อ หาวิ ช าในหลั ก สู ต รการฝก ตามความสามารถ (Competency Based Curriculum : CBC) ซึ่งไดจากการวิเคราะหงานอาชีพ (Job Analysis) ในแตละสาขาอาชีพ จะถูก กําหนดเปนรายการความสามารถหรือ สมรรถนะ (Competency) ที่ผูรับ การฝก อบรมจําเปนตอ งใชในการปฏิบัติงาน และสอดคลองกับความตองการของสถานประกอบกิจการและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งผูรับการฝกจะตองเรียนรูและฝกฝน จนกวาจะสามารถปฏิบัติเองได ตามมาตรฐานที่กําหนดในแตละรายการความสามารถ ทั้งนี้ การสงมอบการฝก สามารถ ดําเนินการไดทั้งรูปแบบการเรียนรูผานสื่อสิ่งพิมพ (Paper Based) และผานสื่อคอมพิวเตอร (Computer Based) โดยผูรับ การฝกสามารถเรียนรูไดดวยตนเอง (Self-Learning) ที่บานหรือที่ทํางาน และเขารับการฝกภาคปฏิบัติตามความพรอ ม ตามความสะดวกของตน หรือ ตามแผนการฝก หรือ ตามตารางการนัดหมาย การฝก หรือ ทดสอบประเมินผลความรู ความสามารถกับหนวยฝก โดยมีครูฝกหรือผูสอนคอยใหคําปรึกษา แนะนําและจัดเตรียมการฝกภาคปฏิบัติ รวมถึงจัดเตรียม และดําเนินการทดสอบ ประเมินผลในลักษณะตาง ๆ อันจะทําใหสามารถเพิ่มจํานวนผูรับการฝกไดมากยิ่งขึ้น ชวยประหยัดเวลา ในการเดินทาง และประหยัดงบประมาณคาใชจายในการพัฒนาฝมือแรงงานใหแกกําลัง แรงงานในระยะยาว จึงถือเปน รูปแบบการฝกที่มีความสําคัญตอการพัฒนาฝมือแรงงาน ทั้งในปจจุบันและอนาคต ซึ่งหากมีการนําระบบการฝกอบรมตาม ความสามารถมาใชในการพัฒนาฝมือแรงงาน จะชวยทําใหประชาชน ผูใชแรงงานผูวางงาน นักเรียน นักศึกษา และผูประกอบ อาชีพอิสระ สามารถเขาถึงการฝกอบรมเพื่อพัฒนาตนเองไดอยางสะดวก และไดรับประโยชนอยางทั่วถึงมากยิ่งขึ้น กรมพัฒนาฝมือแรงงาน
ก กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
เรื่อง
สารบั ญ
หนา
คํานํา
ก
สารบัญ ขอแนะนําสําหรับครูฝก
ข 1
โมดูลการฝกที่ 2 09207220 การใชเครื่องมือวัด เครื่องมือทั่วไป และเครื่องมือกล หัวขอวิชาที่ 1 0920722001 การใชเครื่องมือวัด หัวขอวิชาที่ 2 0920722002 การใชเครื่องมือทั่วไป
22 53
หัวขอวิชาที่ 3 0920722003 การใชเครื่องมือกล คณะผูจัดทําโครงการ
99 136
ข กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ขอแนะนําสําหรับครูฝก ขอแนะนําสําหรับครูฝก คือ คําอธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดของคูมือ และขั้นตอนการเขารับการฝก ซึ่งมีอยูดวยกัน 2 ขอ ดังนี้
1. รายละเอียดของคูมือ 1.1 โมดูลการฝก / หัวขอวิชา หมายถึง โมดูลการฝกที่ครูฝกตองจัดการฝกอบรม โดยภายในโมดูลจะประกอบไปดวย หัวขอ วิชาที่ ผู รั บการฝ กต อ งเรี ยนรูและฝก ฝน ซึ่ง มีร หัสโมดูลและรหัสหัวขอ วิชาเปนตัวกําหนดความสามารถ ที่ตอ งเรียนรู 1.2 ระยะเวลาการฝก หมายถึง จํานวนชั่วโมงในการฝกอบรม เพื่อใหบรรลุตามวัตถุประสงคของแตละโมดูล 1.3 ระบบการฝกตามความสามารถ (CBT) หมายถึง ระบบการฝก ที่เกิดจากการนําความรู ทัก ษะ ความสามารถ (Competency) ที่จําเปนสําหรับการทํางานมาเปนฐาน (Based) ของการจัดฝกอบรม หรือนํามากําหนดเปนเนื้อหา (Content) และเกณฑก ารประเมินการฝก อบรม ทําใหผูรับ การฝก อบรมมีความสามารถ (Competency) ตามเกณฑมาตรฐานที่กําหนด และตามความสามารถในการเรียนรูของผูรับการฝกเปนหลัก 1.4 ชุดการฝก หมายถึง สื่อสิ่งพิมพ และสื่ออิเล็กทรอนิกส ใชสําหรับเปนอุปกรณชวยฝก โดยแตละโมดูลประกอบดวย คูมือครูฝก คูมือผูรับการฝก คูมือประเมิน สื่อวีดิทัศน 1.5 ระบบจัดการฝกดวยคอมพิวเตอร (Computer Managed Instruction : CMI) หมายถึง การนําระบบคอมพิวเตอร และเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งใชในการจัดการเรียนรูและฝกอบรม เชน ระบบรับสมัครออนไลน ระบบลงทะเบียน เขารับ การฝก อบรมออนไลน ระบบการฝก อบรมภาคทฤษฎีผานอุป กรณอิเ ล็ก ทรอนิก สห รือ อุปกรณสื่อ สาร แบบพกพา การทดสอบออนไลน การบันทึกผลการฝกอัตโนมัติ และการออกใบวุฒิบัตรอิเล็กทรอนิกส เปนตน โดยการเขาใชง านระบบ แบง สวนการใชง านตามความรับ ผิดชอบของผูมีสวนไดสวนเสียดัง ภาพในหนาที่ 2 ซึ่งสามารถศึกษารายละเอียดการใชงานไดจากลิงคดังตอไปนี้ - ผูดูแลระบบ mlearning.dsd.go.th/download/files/admin.pdf - ผูพัฒนาบทเรียน mlearning.dsd.go.th/download/files/content.pdf - ครูฝก mlearning.dsd.go.th/download/files/teacher.pdf
1 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
2 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
2. วิธีการใชงานระบบการฝกตามความสามารถ (CBT) ก. ผังการจัดเตรียมขอมูลลงระบบ
คําอธิบาย 1. ผูดูแลระบบหรือผูพัฒนาหลักสูตรสรางหลักสูตรลงในระบบ DSD Data Center ของกรมพัฒนาฝมือแรงงานโดยใส ขอมูลรหัสหลักสูตรและชื่อหลักสูตร 2. ผูดูแลระบบหรือผูพัฒนาหลักสูตรระบุชื่อหลักสูตร รายชื่อโมดูล และหัวขอวิชา สรางบทเรียน ไฟลงาน และขอสอบ นําเขาสูระบบตามหลักสูตรที่สรางไวผานระบบ CMI
3 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ข. ผังการเปดรับสมัคร และคัดเลือกผูรับการฝก
4 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
คําอธิบาย 1. ผูดูแลระบบหรือผูพัฒนาหลักสูตรวางแผนหลักสูตรที่ตองการเปดฝก และเปดการฝกอบรมผานระบบ CMI 2. ผูดูแลระบบหรือผูพัฒนาหลักสูตรประกาศขาวรับสมัครฝกอบรมตามหลักสูตรที่มีในระบบผานเว็บไซต 3. ผูที่สนใจเขารับการฝกพิจารณาหลักสูตรตามพื้นฐานความสามารถ 3.1 ถาไมทราบพื้นฐานความสามารถ ผูที่สนใจเขารับการฝกสามารถประเมินพื้นฐานความรูความสามารถแบบ ออนไลนได 3.2 ถาทราบพื้นฐานความสามารถ ผูที่สนใจเขารับการฝกสามารถลงทะเบียนเพื่อเปนผูรับการฝกไดทันที 4. การลงทะเบียน มี 2 ชองทาง ดังนี้ 4.1 การลงทะเบียนแบบออนไลน ใหผูที่สนใจเขารับการฝกลงทะเบียนผานเว็บไซต โดยกรอกประวัติ เลือก หลักสูตร พรอมแนบเอกสารหลักฐานประกอบการสมัคร 4.2 การลงทะเบียนแบบออฟไลน ผูที่สนใจเขารับการฝกลงทะเบียนที่ศูนยฝก โดยการเลือกหลักสูตร กรอก ประวัติ พรอมแนบเอกสารหลักฐานประกอบการสมัคร 5. การประเมินพื้นฐานความรู 5.1 ผูที่สนใจเขารับการฝกที่ลงทะเบียนแบบออนไลน ประเมินพื้นฐานความรูความสามารถประจําหลักสูตรผาน เว็บไซต โดยระบบจะตรวจผลการประเมินแลวบันทึกไวในระบบ ใหครูฝกใชประกอบในการตรวจสอบสิทธิ์ ผูสมัคร 5.2 ผูที่สนใจเขารับการฝกทีล่ งทะเบียนแบบออฟไลน ประเมินพื้นฐานความรูความสามารถประจําหลักสูตรผาน กระดาษ โดยครูฝกจะตรวจผลการประเมินเพื่อใชประกอบในการตรวจสอบสิทธิ์ผูสมัคร 6. ครูฝกตรวจสอบสิทธิ์ผานระบบ หรือจากเอกสารที่ไดรบั จากผูทสี่ นใจเขารับการฝกตามเงื่อนไขมาตรฐานของกรม พัฒนาฝมือแรงงาน 7. ถาขอมูลไมเพียงพอ ครูฝกเรียกผูส มัครเพื่อสัมภาษณ หรือขอเอกสารเพิ่มเติม 8. ครูฝกคัดเลือกผูส มัครฝกผานระบบ หรือคัดเลือกจากเอกสารหรือผลการประเมินที่ไดรบั 9. เจาหนาที่ประกาศผลการคัดเลือกเปนผูรับการฝกผานเว็บไซตและที่ศูนยฝก
5 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ค. ผังการฝกอบรม
6 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
คําอธิบาย 1. การฝกอบรม 1.1 ครูฝก ทําความเขาใจการฝกอบรมในระบบ CBT ซึ่งสามารถสงมอบการฝกอบรมใหแกผรู ับการฝกได 3 รูปแบบ คือ 1.1.1 การฝกอบรมดวยการสงมอบสื่อสิ่งพิมพ (Offline) 1.1.2 การฝกอบรมที่ศูนยฝกอบรม (Offline) 1.1.3 การฝกอบรมดวยสือ่ ในระบบออนไลน (Online) โดยในแตละรูปแบบจะมีรายละเอียดแตกตางกัน ดังนี้ 1.1.1 การฝกอบรมดวยการสงมอบสื่อสิ่งพิมพ (Offline) คือ การฝก อบรมที่ผูรับ การฝก เรียนรูภาคทฤษฎี (ดานความรู) ดวยตนเอง โดยครูฝก เปนผูสงมอบ คูมือ ผูรับการฝก ที่พิมพจากสื่ออิเล็ก ทรอนิกส (.pdf) และวีดิทัศน (DVD) แกผูรับการฝก และฝก ภาคปฏิบัติ (ดานทักษะ) ที่ศูนยฝกอบรม การฝกภาคทฤษฎี - ผูรับการฝกเรียนรูภาคทฤษฎีดวยตนเอง โดยใชคูมือผูรับการฝกที่พิมพจากสื่ออิเล็กทรอนิกส (.pdf) และวีดิทัศน (DVD) ที่ครูฝกสงมอบให การประเมินผลภาคทฤษฎี 1) ครูฝก มอบหมายใหผูรับ การฝก ทําแบบทดสอบกอ นฝก (Pre-Test) ลงในกระดาษคําตอบ ของคูมือการประเมินที่พิมพจากสื่ออิเล็กทรอนิกส (.pdf) 2) ผูรับการฝกทําแบบทดสอบกอนฝก (Pre-Test) ลงในกระดาษคําตอบ แลวสงกระดาษคําตอบ ใหครูฝก เพื่อตรวจและประเมินผล 3) ครูฝกประเมินแบบทดสอบกอนฝก - ถาผลการประเมินผานเกณฑรอยละ 70 ตามที่กําหนดในเอกสารโครงรางหลักสูตร จะมี สิ ท ธิ์ ขอเขารับ การฝก ภาคปฏิบัติ (ถามี) หรือ เขารับ การฝก ในโมดูล ถัดไป - ถาผลการประเมินต่ํากวารอยละ 70 ใหครูฝกมอบหมายใหผูรับการฝกศึกษาเนื้อหา จากสื่อดวยตนเองจนเขาใจ จึงทําแบบทดสอบหลังฝก (Post-Test) 4) ครูฝกประเมินแบบทดสอบหลังฝก โดยใชหลักเกณฑเดียวกับการประเมินแบบทดสอบกอนฝก การฝกภาคปฏิบัติ 1) ครูฝกเปดหองฝกภาคปฏิบัติในระบบ โดยสามารถทําได 2 วิธี ดังนี้ - ครูฝกกําหนดวันฝกและรายชื่อของผูรบั การฝกลงในหองฝก - ครูฝกกําหนดวันฝกใหผรู ับการฝกเขามาจองวันที่ตนเองสะดวก 2) ครูฝกแจงวันฝกภาคปฏิบัติแกผรู ับการฝก
7 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
3) กอนวันฝกภาคปฏิบัติ ใหครูฝกเตรียมสถานที่ ใบงาน ใบรายชื่อ ใบใหคะแนนการตรวจสอบ เครื่องมือ วัสดุ และอุปกรณ 4) เมื่อ ถึง วันฝก ภาคปฏิบัติ ครูฝก ใหใบงานแกผูรับ การฝก อธิบ ายขั้นตอนการฝก ปฏิบัติง าน และใหคําแนะนําชวยเหลือผูรับการฝกตลอดระยะเวลาในการฝกภาคปฏิบัติ 5) ครูฝกประเมินผลงานการฝกภาคปฏิบัติ การประเมินผลภาคปฏิบัติ 1) ครูฝกเปดหองสอบภาคปฏิบัติในระบบ โดยสามารถทําได 2 วิธี ดังนี้ - ครูฝกกําหนดวันสอบและรายชื่อของผูรบั การฝกลงในหองสอบ - ครูฝกกําหนดวันสอบใหผูรบั การฝกเขามาจองวันที่ตนเองสะดวก 2) กอนวันสอบภาคปฏิบัติ ครูฝกจัดเตรียมสถานที่ ใบงาน ใบรายชื่อ ใบประเมินชิ้นงาน เครื่องมือ วัสดุ และอุปกรณ 3) ครูฝกควบคุมการทดสอบภาคปฏิบัติ 4) ครูฝกตรวจผลงานและกรอกคะแนนลงในใบใหคะแนนการตรวจสอบของคูมือ การประเมิน ที่พิมพจากสื่ออิเล็กทรอนิกส (.pdf) 5) ครูฝกประเมินผลงานของผูรับการฝก โดยตองผานเกณฑรอยละ 70 ตามที่กําหนดในเอกสาร โครงรางหลักสูตร จึงจะผานการฝกโมดูลนั้น 6) ครูฝกบันทึกผลการประเมินลงในระบบ และประกาศผลการทดสอบภาคปฏิบัติแกผูรับการฝก 1.1.2 การฝกอบรมที่ศูนยฝกอบรม (Offline) คือ การฝกอบรมที่ผูรับการฝกเรียนรูภาคทฤษฎีจากครูฝก และฝกภาคปฏิบัติที่ศูนยฝกอบรม การฝกภาคทฤษฎี ครูฝกใชคูมือครูฝกที่พิมพจากสื่ออิเล็กทรอนิกส (.pdf) และวีดิทัศน (DVD) เปนสื่อชวยในการฝก ภาคทฤษฎี โดยส ง มอบคูมือ ผูรับการฝก แกผูรับการฝก ที่ศูนยฝก อบรม และฝก ภาคปฏิบัติ ที่ ศูนย ฝ ก อบรม การประเมินผลภาคทฤษฎี 1) ครูฝก มอบหมายใหผูรับ การฝก ทําแบบทดสอบกอ นฝก (Pre-Test) ลงในกระดาษคําตอบ ของคูมือการประเมินที่พิมพจากสื่ออิเล็กทรอนิกส (.pdf) 2) ผูรับการฝกทําแบบทดสอบกอนฝก (Pre-Test) ลงในกระดาษคําตอบ แลวสงกระดาษคําตอบ ใหครูฝก เพื่อตรวจและประเมินผล 3) ครูฝกประเมินแบบทดสอบกอนฝก - ถาผลการประเมินผานเกณฑรอยละ 70 ตามที่กําหนดในเอกสารโครงรางหลักสูตร จะมีสิทธิ์ขอเขารับการฝกภาคปฏิบตั ิ (ดานทักษะ) (ถามี) หรือเขารับการฝกในโมดูลถัดไป 8 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
- ถาผลการประเมินต่ํากวารอยละ 70 ใหครูฝกมอบหมายใหผูรับการฝกศึกษาเนื้อหา จากสื่อดวยตนเองจนเขาใจ จึงทําแบบทดสอบหลังฝก (Post-Test) 4) ครูฝกประเมินแบบทดสอบหลังฝก โดยใชหลักเกณฑเดียวกับการประเมินแบบทดสอบกอนฝก การฝกภาคปฏิบัติ 1) ครูฝกเปดหองฝกภาคปฏิบัติในระบบ โดยสามารถทําได 2 วิธี ดังนี้ - ครูฝกกําหนดวันฝกและรายชื่อของผูรบั การฝกลงในหองฝก - ครูฝกกําหนดวันฝกใหผรู ับการฝกเขามาจองวันที่ตนเองสะดวก 2) ครูฝกแจงวันฝกภาคปฏิบัติแกผรู ับการฝก 3) กอนวันฝกภาคปฏิบัติ ใหครูฝกเตรียมสถานที่ ใบงาน ใบรายชื่อ ใบใหคะแนนการตรวจสอบ เครื่องมือ วัสดุ และอุปกรณ 4) เมื่อ ถึง วันฝก ภาคปฏิบัติ ครูฝก ใหใบงานแกผูรับ การฝก อธิบ ายขั้นตอนการฝก ปฏิบัติง าน และใหคําแนะนําชวยเหลือผูรับการฝกตลอดระยะเวลาในการฝกภาคปฏิบัติ 5) ครูฝกประเมินผลงานการฝกภาคปฏิบัติ การประเมินผลภาคปฏิบัติ 1) ครูฝกเปดหองสอบภาคปฏิบัติในระบบ โดยสามารถทําได 2 วิธี ดังนี้ - ครูฝกกําหนดวันสอบและรายชื่อของผูรบั การฝกลงในหองสอบ - ครูฝกกําหนดวันสอบใหผูรบั การฝกเขามาจองวันที่ตนเองสะดวก 2) กอนวันสอบภาคปฏิบัติ ครูฝกจัดเตรียมสถานที่ ใบงาน ใบรายชื่อ ใบใหคะแนนการตรวจสอบ เครื่องมือ วัสดุ และอุปกรณ 3) ครูฝกควบคุมการทดสอบภาคปฏิบัติ 4) ครูฝกตรวจผลงานและกรอกคะแนนลงในใบใหคะแนนการตรวจสอบของคูมือ การประเมิน ที่พิมพจากสื่ออิเล็กทรอนิกส (.pdf) 5) ครูฝกประเมินผลงานของผูรับการฝก โดยตองผานเกณฑรอยละ 70 ตามที่กําหนดในเอกสาร โครงรางหลักสูตร จึงจะผานการฝกโมดูลนั้น 6) ครูฝกบันทึกผลการประเมินลงในระบบ และประกาศผลการทดสอบภาคปฏิบัติแกผูรับการฝก 1.1.3 การฝกอบรมดวยสือ่ ในระบบออนไลน (Online) คือ การฝกอบรมที่ผูรับการฝกเรียนรูภาคทฤษฎีดวยตนเองผานระบบจัดการฝกดวยคอมพิวเตอร หรือ CMI โดยใชคูมือผูรับการฝกที่เปนสื่อออนไลนในแอปพลิเคชัน DSD m-Learning และฝกภาคปฏิบัติที่ศูนยฝกอบรม วิธีดาวนโหลดแอปพลิเคชัน DSD m-Learning ครูฝกอธิบายวิธีการดาวนโหลดแอปพลิเคชัน DSD m-Learning ใหแกผูรับการฝก ซึ่งวิธีการ ดาวนโหลดแอปพลิเคชัน สามารถแบงออกเปน 3 ชองทางตามแตละระบบปฏิบัติการ คือ 9 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
1) ผูรับการฝกที่ใชเครื่องมือสื่อสารอิเล็กทรอนิกส ระบบปฏิบัติการ iOS คนหา แอปพลิเคชัน DSD m-Learning ใน App Store จากนั้นกดดาวนโหลด เพื่อติดตั้งบนเครื่องมือสื่อสาร และเขาใชงานโดยกรอก Username และ Password ตามที่เคยลงทะเบียนไว 2) ผูรับ การฝกที่ใชเครื่องมือสื่อสารอิเล็ก ทรอนิกส ระบบปฏิบัติก าร Android คนหา แอปพลิเคชัน DSD m-Learning ใน Google Play จากนั้นกดดาวนโหลด เพื่อติดตั้ง บนเครื่องมือสื่อสาร และเขาใชงานโดยกรอก Username และ Password ตามที่เคย ลงทะเบียนไว 3) ผูรับ การฝก ที่ใชคอมพิวเตอร ระบบปฏิบัติก าร Windows สามารถดาวน โ หลด แอปพลิเคชัน DSD m-Learning โดยเขาเว็บไซต mlearning.dsd.go.th แลวเขาใชงาน โดยกรอก Username และ Password ตามที่เคยลงทะเบียนไว ใหกดปุม Download DSD m-learning เพื่อดาวนโหลดแอปพลิเคชันลงบนคอมพิวเตอร การฝกภาคทฤษฎี ผูรับการฝกเรียนรูภาคทฤษฎีดวยตนเอง จากคูมือผูรับการฝก ซึ่งเปนสื่อออนไลนบนแอปพลิเคชัน DSD m-Learning การประเมินผลภาคทฤษฎี 1) ผูรับการฝกทําแบบทดสอบกอนฝก (Pre-Test) ลงในแอปพลิเคชัน โดยระบบจะตรวจและประเมินผล อัตโนมัติ - ถาผลการประเมินผานเกณฑรอยละ 70 ตามที่กําหนดในเอกสารโครงรางหลักสูตร ผูรับการฝกจะมีสิทธิ์ขอเขารับการฝกภาคปฏิบัติ (ถามี) หรือเขารับการฝกในโมดูลถัดไป - ถาผลการประเมินต่ํากวารอยละ 70 ใหผูรับการฝกศึกษาเนื้อหาจากสื่อดวยตนเอง จนเขาใจแลวจึงทําแบบทดสอบหลังฝก (Post-Test) 2) ผูรับการฝกทําแบบทดสอบหลังฝก โดยใชหลักเกณฑเดียวกับการประเมินแบบทดสอบกอนฝก การฝกภาคปฏิบัติ 1) ครูฝกเปดหองฝกภาคปฏิบัติในระบบ โดยสามารถทําได 2 วิธี ดังนี้ - ครูฝกกําหนดวันฝกและรายชื่อของผูรับการฝกลงในหองฝก - ครูฝกกําหนดวันฝกใหผูรับการฝกเขามาจองวันที่ตนเองสะดวก 2) ครูฝกแจงวันฝกภาคปฏิบัติแกผูรับการฝกในระบบ 3) กอนวันฝกภาคปฏิบัติ ใหครูฝกเตรียมสถานที่ ใบงาน ใบรายชื่อ ใบใหคะแนนการตรวจสอบ เครื่องมือ วัสดุ และอุปกรณ 4) เมื่อ ถึง วันฝก ภาคปฏิบัติ ครูฝก ใหใบงานแกผูรับ การฝก อธิบ ายขั้นตอนการฝก ปฏิบัติง าน และใหคําแนะนําชวยเหลือผูรับการฝกตลอดระยะเวลาในการฝกภาคปฏิบัติ 5) ครูฝกประเมินผลงานการฝกภาคปฏิบัติ 10 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
การประเมินผลภาคปฏิบัติ 1) ครูฝกเปดหองสอบภาคปฏิบัติในระบบ โดยสามารถทําได 2 วิธี ดังนี้ - ครูฝกกําหนดวันสอบและรายชื่อของผูรับการฝกลงในหองสอบ - ครูฝกกําหนดวันสอบใหผูรับการฝกเขามาจองวันที่ตนเองสะดวก 2) กอนวันสอบภาคปฏิบัติ ครูฝกจัดเตรียมสถานที่ ใบงาน ใบรายชื่อ ใบใหคะแนนการตรวจสอบ เครื่องมือ วัสดุ และอุปกรณ 3) ครูฝกควบคุมการทดสอบภาคปฏิบัติ 4) ครูฝกตรวจผลงานและกรอกคะแนนลงในใบใหคะแนนการตรวจสอบของคูมือ การประเมิน ที่พิมพจากสื่ออิเล็กทรอนิกส (.pdf) 5) ครูฝกประเมินผลงานของผูรับการฝก โดยตองผานเกณฑรอยละ 70 ตามที่กําหนดในเอกสาร โครงรางหลักสูตร จึงจะผานการฝกโมดูลนั้น 6) ครูฝกบันทึกผลการประเมินลงในระบบ และประกาศผลการทดสอบภาคปฏิบัติแกผูรับการฝก 1.2 ครูฝกชี้แจงรูปแบบการฝกอบรมทั้ง 3 รูปแบบแกผูรับการฝก เพื่อทําการตกลงรูปแบบการฝกอบรมรวมกับผูรบั การฝก โดยใหผูรับการฝกเลือกวิธีที่สะดวก 1.3 ครูฝกวางแผนการฝกตลอดหลักสูตรรวมกันกับผูรับการฝก 2. อุปกรณชวยฝกและชองทางการเขาถึงอุปกรณชวยฝก ครูฝก สามารถเลือ กใชอุปกรณชวยฝก ได 2 รูป แบบ คือ รูป แบบสื่อสิ่งพิมพ (Offline) และรูปแบบระบบจัดการฝก ดวยคอมพิวเตอร หรือ CMI (Online) โดยมีชองทางการเขาถึงอุปกรณชวยฝกแตละรูปแบบแตกตางกัน ดังนี้ 2.1 รูปแบบสื่อสิ่งพิมพ (Offline) ประกอบดวย - คูมือครูฝก เพื่อประกอบการจัดการฝกอบรม - คูมือการประเมิน เพื่อบันทึกผลการประเมินการทดสอบของผูรับการฝก - สื่อวีดิทัศน (DVD) เพื่อประกอบการจัดการฝกอบรม 2.2 รูปแบบระบบจัดการฝกดวยคอมพิวเตอร หรือ CMI (Online) ดังนี้ - คูมือครูฝกรูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส (.pdf) เพื่อประกอบการจัดการฝกอบรม - คูมือการประเมินรูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส (.pdf) เพื่อบันทึกผลการประเมินการทดสอบของผูรบั การฝก - สื่อวีดิทัศนรูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส (Online) เพื่อประกอบการจัดการฝกอบรม
11 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
3. การวัดและประเมินผล ครูฝกมีหนาที่มอบหมายใหผูรับการฝกทดสอบความรูภาคทฤษฎี (ดานความรู) และภาคปฏิบัติ (ดานทัก ษะ) โดยใช คูมือการประเมินบันทึกผลการประเมินของผูรับการฝก โดยแบงการประเมินผลไดดังนี้ 3.1 การประเมินผลภาคทฤษฎี (ดานความรู) ประเมินผลจากแบบทดสอบภาคทฤษฎีกอนฝก และแบบทดสอบภาคทฤษฎีหลังฝก โดยกําหนดเกณฑการให คะแนนและการระบุความสามารถดานความรู ดังนี้ เกณฑการใหคะแนน ภาคทฤษฎี ตั้งแตรอยละ 70 ขึ้นไป ต่ํากวารอยละ 70
เกณฑการประเมิน ความสามารถ ผาน (C) ไมผาน (NYC)
3.2 การประเมินผลภาคปฏิบัติ (ดานทักษะ) ประเมินผลจากแบบทดสอบภาคปฏิบัติกอนฝก และแบบทดสอบภาคปฏิบัติหลังฝก โดยกําหนดเกณฑการใหคะแนน และการระบุความสามารถดานทักษะ ดังนี้ เกณฑการประเมิน ภาคปฏิบัติ ตั้งแตรอยละ 70 ขึ้นไป หรือ ทําไดตามเกณฑการปฏิบัตงิ าน ต่ํากวารอยละ 70 หรือ ไมสามารถทําได ตามเกณฑการปฏิบัตงิ าน
เกณฑการประเมิน ความสามารถ ผาน (C) ไมผาน (NYC)
ผูรับการฝกจะไดรับการประเมินผลการฝกจากครูฝก โดยจะตองสามารถปฏิบัติตามความสามารถในแตละโมดูลนั้น ๆ ไดตามเกณฑที่กําหนด จึงจะถือวาผานการฝกโมดูลนั้น และเมื่อผานการฝกครบทุกโมดูล จึงจะถือวาฝกครบชุดการฝกนั้น ๆ แลว
12 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
4. เงื่อนไขการผานการฝก ผูรับการฝกที่จะผานโมดูลการฝก ตองไดรับคารอยละของคะแนนการทดสอบหลังฝก ภาคทฤษฎี คะแนนรวมไมต่ํากวารอยละ 70 ภาคปฏิบัติ คะแนนรวมไมต่ํากวารอยละ 70 โดยคะแนนรวมจะถูกนํามาคิดแบงเปนสัดสวน ภาคทฤษฎี คิดเปนรอยละ 20 ภาคปฏิบัติ คิดเปนรอยละ 80 เมื่อนําคะแนนมารวมกัน ผูรับการฝกจะตองไดไมต่ํากวารอยละ 70 จึงจะผานเกณฑ ทั้งนี้ ผูรับการฝกจะตองทําคะแนนผานเกณฑทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ จึงจะผานโมดูลการฝก
13 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ง. ผังการขึ้นทะเบียนผูสําเร็จการฝก
14 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
คําอธิบาย 1. ผูรับการฝกขอหนังสือรับรองหรือวุฒิบัตร 2. เจาหนาที่ตรวจสอบโมดูลการฝกที่ผูรับการฝกแตละคนผานครบตามเงื่อนไขหลักสูตรหรือไม ผานระบบ 2.1 ถาครบ ใหสําเร็จการฝกในหลักสูตรอยางสมบูรณ ซึ่งสามารถออกวุฒิบัตรแกผูรับการฝกไดตามขั้นตอน ดังนี้ 2.1.1 เจาหนาที่ออกวุฒิบัตรตัวจริง 2.1.2 เจาหนาที่ออกวุฒิบัตรดิจิทัลผานระบบ 2.1.3 ผูรับการฝกดาวนโหลดวุฒิบัตรดิจิทัลผานระบบ 2.2 ถาไมครบ จะไมจบหลักสูตรแตไดรับการรับรองความสามารถบางโมดูลในรายการโมดูลที่สําเร็จเทานั้น ซึ่ง สามารถออกใบรับรองแกผูรับการฝกไดตามขั้นตอน ดังนี้ 2.2.1 เจาหนาที่ออกหนังสือรับรองตัวจริงเฉพาะโมดูลที่ผาน 2.2.2 เจาหนาที่ออกหนังสือรับรองดิจิทัลผานระบบ 2.2.3 ผูรับการฝกดาวนโหลดหนังสือรับรองดิจิทัลผานระบบ
15 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
รายละเอียดหลักสูตร หลักสูตรฝกอบรมฝมือแรงงานตามความสามารถ สาขาชางเชื่อมแม็ก ระดับ 3 กรมพัฒนาฝมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน
รหัสหลักสูตร 0920162070803
1. ขอบเขตของหลักสูตร หลักสูตรนี้พฒ ั นาขึ้นใหครอบคลุมดานความรู ทักษะ และเจตคติแกผูรบั การฝกในสาขาชางเชื่อมแม็ก เพื่อใหมีความรู ความสามารถและทัศนคติตามมาตรฐานฝมอื แรงงานแหงชาติ สาขาชางเชื่อมแม็ก ระดับ 3 ดังนี้ 1.1 มีความรูเกี่ยวกับความปลอดภัยทั่วไปในพื้นทีป่ ฏิบัติงานและความปลอดภัยในการเชื่อมและตัด 1.2 มีความรูและสามารถใชเครื่องมือวัด เครื่องมือทั่วไป และเครื่องมือกล 1.3 มีความรูเกี่ยวกับการใชเครื่องเชื่อม วงจรไฟฟา และเทคนิคการเชื่อม 1.4 มีความรูเกี่ยวกับสมบัติและความสามารถเชื่อมไดของโลหะ 1.5 มีความรูเกี่ยวกับการเลือกใชลวดเชื่อมและแกสปกปอง 1.6 มีความรูเกี่ยวกับขอกําหนดกรรมวิธีการเชื่อม 1.7 มีความรูเกี่ยวกับคณิตศาสตรประยุกตและวิทยาศาสตรเบื้องตนที่สัมพันธกบั งานเชื่อม 1.8 มีความรูและสามารถตรวจสอบและคุณภาพของงานเชื่อม 1.9 มีความรูเกี่ยวกับทอและอุปกรณประกอบทอ 1.10 มีความรูเกี่ยวกับทัศนคติในการประกอบอาชีพชางเชื่อมแม็ก ระดับ 3 1.11 สามารถปฏิบัติการเชื่อมแม็กเหล็กกลาคารบอนรอยเชื่อมตอชนทอ ตําแหนงทาเชื่อม D150PH และ H-L045 2. ระยะเวลาการฝก ผูรับการฝกจะไดรับการฝกในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยสถาบันพัฒนาฝมือแรงงาน หรือสํานักงานพัฒนาฝมือ แรงงานที่เปนหนวยฝกตามความสามารถใชระยะเวลาในการฝก 70 ชั่วโมง เนื่องจากเปนการฝกทีข่ ึ้นอยูกับพื้นฐานความรู ทักษะ ความสามารถและความพรอมของผูรับการฝกแตละคน มีผลให ผูรับการฝกจบการฝกไมพรอมกัน สามารถจบกอนหรือเกินระยะเวลาที่กําหนดไวในหลักสูตรได หนวยฝกจึงตองบริหาร ระยะเวลาในการฝกใหเหมาะสมตามความจําเปน ทั้งนี้ใหอยูในดุลยพินิจของผูอํานวยการสภาบันพัฒนาฝมือแรงงาน หรือผูอํานวยการสํานักงานฝมือแรงงานที่เปนหนวยฝกตามความสามารถจะเห็นสมควร
16 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
3. หนวยความสามารถและโมดูลการฝก จํานวนหนวยความสามารถ 11 หนวย จํานวนโมดูลการฝก 11 โมดูล 4. วุฒิบัตร 4.1 ชื่อเต็ม : วุฒิบัตรพัฒนาฝมือแรงงาน สาขาชางเชื่อมแม็ก ระดับ 3 4.2 ชื่อยอ : วพร. ชางเชื่อมแม็ก ระดับ 3 4.3 ผูรับการฝกที่ผานการประเมินผลหรือผานการฝกครบทุกหนวยความสามารถ จะไดรับวุฒิบัตร วพร. ชางเชื่อมแม็ก ระดับ 3
17 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
รายละเอียดโมดูลการฝกที่ 2 1. ชื่อหลักสูตร
รหัสหลักสูตร 0920162070803 2. ชื่อโมดูลการฝก การใชเครื่องมือวัด เครื่องมือทั่วไป และเครื่องมือกล รหัสโมดูลการฝก 09207220 3. ระยะเวลาการฝก รวม 12 ชั่วโมง ทฤษฎี 3 ชั่วโมง ปฏิบัติ 9 ชั่วโมง 4. ขอบเขตของหนวย หนวยการฝกนี้ พัฒนาขึ้นใหครอบคลุมดานความรู ทักษะ และเจตคติแกผูรับการฝก เพื่อให การฝก มีความสามารถ ดังนี้ 1. นําเครื่องมือรางแบบ เชน สายวัดระยะ ฉาก บรรทัดเหล็ก เวอรเนียคาลิปเปอร โปรแทรกเตอร ระดับน้ํา และบรรทัดออนไปใชไดอยางถูกตอง 2. นําเครื่องมือวัดอุณหภูมิ เชน ที่วัดอุณหภูมิแบบสัมผัส (Contact Pyrometer) ชอลกวัดอุณหภูมิ สีวัดอุณหภูมิ และเทอรโมคัปเปลไปใชไดอยางถูกตอง 3. นําอุปกรณการวัดแนวเชื่อม ไดแก เกจวัด แวนขยาย ไฟฉาย กระจกเงา ไปใชไดอยางถูกตอง 4. นําการดูแลและบํารุงรักษาเครือ่ งมือวัดไปใชไดอยางถูกตอง 5. ปฏิบัติการใชและบํารุงรักษาเครื่องมือวัดไดอยางถูกตอง 6. นําคีม คีมล็อก แคลมป ปากกา การใชตะไบและเลื่อยมือ การใชคอนและสกัดไปใช ไดอยางถูกตอง 7. นําดอกสวานและเครื่องเจาะ การใชประแจแบบตาง ๆ การใชชะแลง ลิ่ม และแมแรง ยกของ การใชแปรงลวดไปใชไดอยางถูกตอง 8. นําหินเจียระไนมือ (Hand Grinder) ไปใชไดอยางถูกตอง 9. นําการดูแลและบํารุงรักษาเครือ่ งมือทั่วไปไปใชไดอยางถูกตอง 10. ปฏิบัติการใชและบํารุงรักษาเครื่องมือทั่วไปไดอยางถูกตอง 11. นําเครื่องเจียระไนไปใชไดอยางถูกตอง 12. นําเครื่องขัดผิวโลหะไปใชไดอยางถูกตอง 13. นําเครื่องอัดไฮดรอลิกสไปใชไดอยางถูกตอง 14. นําเครื่องทดสอบการดัดงอไปใชไดอยางถูกตอง 15. นําเครื่องตัดชิ้นงานและเครื่องเลือ่ ยไปใชไดอยางถูกตอง 16. นําอุปกรณจับยึดไปใชไดอยางถูกตอง 17. นําเครื่องดูดควันไปใชไดอยางถูกตอง 18. นําการดูแลและบํารุงรักษาเครื่องมือกลไปใชไดอยางถูกตอง 19. ปฏิบัติการใชและบํารุงรักษาเครื่องมือกลไดอยางถูกตอง สาขาชางเชื่อมแม็ก ระดับ 3
18 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
5. พื้นฐาน ความสามารถของ ผูรับการฝก
ผูสมัครเขารับการฝกตองมีคุณสมบัติ ดังตอไปนี้ 1. มีความรูพื้นฐานในสาขาชางเชื่อมแม็ก 2. ผูรับการฝกผานระดับ 2 มาแลว 3. ผูรับการฝกผานโมดูลที่ 1 มาแลว 6. ผลลัพธการเรียนรู : เมื่อสําเร็จการฝกในโมดูลนี้แลวผูรับการฝกสามารถปฏิบัติงานโดยมีความรูความสามารถและใช ระยะเวลาฝก ดังนี้ ระยะเวลาฝก (ชั่วโมง : นาที) ผลลัพธการเรียนรู ชื่อหัวขอวิชา ทฤษฎี ปฏิบัติ รวม 1. นําเครื่องมือรางแบบ เชน หัวขอที่ 1 : การใชเครื่องมือวัด 1:00 3:00 4:00 สายวัดระยะ ฉาก บรรทัด เหล็ก เวอรเนียคาลิปเปอร โปรแทรกเตอร ระดับน้ําและ บรรทัดออนไปใช ไดอยางถูกตอง 2. นําเครื่องมือวัดอุณหภูมิ เชน ที่วัดอุณหภูมิแบบสัมผัส (Contact Pyrometer) ชอลกวัดอุณหภูมิ สีวัดอุณหภูมิ และเทอรโมคัปเปล ไปใชไดอยางถูกตอง 3. นําอุปกรณการวัดแนวเชื่อม ไดแก เกจวัด แวนขยาย ไฟฉาย กระจกเงา ไปใช ไดอยางถูกตอง 4. นํ า การดู แ ลและบํ า รุง รั ก ษา เครื่องมือวัดไปใช ไดอยางถูกตอง 5. ปฏิบัติการใชและบํารุงรัก ษา เครื่องมือวัดไดอยางถูกตอง
19 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
6. นําคีม คีมล็อก แคลมป หัวขอที่ 2 : การใชเครื่องมือทั่วไป ปากกา การใชตะไบและ เลื่อยมือ การใชคอนและสกัด ไปใชไดอยางถูกตอง 7. นําดอกสวานและเครือ่ งเจาะ การใชประแจแบบตาง ๆ การใชชะแลง ลิ่ม และ แมแรงยกของ การใช แปรงลวดไปใชไดอยางถูกตอง 8. นําหินเจียระไนมือ (Hand Grinder) ไปใชไดอยางถูกตอง 9. นําการดูแลและบํารุงรักษา เครื่องมือไปใชไดอยางถูกตอง 10. ปฏิบัติการใชและบํารุงรักษา เครื่องมือทั่วไปไดอยางถูกตอง 11. นําเครื่องเจียระไนไปใช หัวขอที่ 3 : การใชเครื่องมือกล ไดอยางถูกตอง 12. นําเครื่องขัดผิวโลหะไปใช ไดอยางถูกตอง 13. นําเครื่องอัดไฮดรอลิกส ไปใชไดอยางถูกตอง 14. นําเครื่องทดสอบการดัดงอ ไปใชไดอยางถูกตอง 15. นําเครื่องตัดชิ้นงานและ เครื่องเลื่อยไปใชไดอยางถูกตอง 16. นําอุปกรณจับยึดไปใช ไดอยางถูกตอง 17. นําเครื่องดูดควันไปใช ไดอยางถูกตอง 18. นํ า การดู แ ลและบํ า รุง รั ก ษา เครื่องมือกลไปใช ไดอยางถูกตอง 20 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
1:00
3:00
4:00
1:00
3:00
4:00
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
19. ปฏิบัติการใชและบํารุงรัก ษา เครื่องมือกลไดอยางถูกตอง รวมทั้งสิ้น
3:00
21 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
9:00
12:00
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
รายละเอียดหัวขอวิชาที่ 1
0920722001 การใชเครื่องมือวัด (ใบเตรียมการสอน) 1. ผลลัพธการเรียนรู 1. นําเครื่องมือรางแบบ เชน สายวัดระยะ ฉาก บรรทัดเหล็ก เวอรเนียคาลิปเปอร โปรแทรกเตอร ระดับน้ํา และบรรทัดออน ไปใชไดอยางถูกตอง 2. นําเครื่อ งมือวัดอุณหภูมิ เชน ที่วัดอุณหภูมิแบบสัม ผัส (Contact Pyrometer) ชอลก วัดอุณหภูมิ สีวัดอุณหภูมิ และเทอรโมคัปเปลไปใชไดอยางถูกตอง 3. นําอุปกรณการวัดแนวเชื่อม ไดแก เกจวัด แวนขยาย ไฟฉาย กระจกเงา ไปใชไดอยางถูกตอง 4. นําการดูแลและบํารุงรักษาเครือ่ งมือวัดไปใชไดอยางถูกตอง 5. ปฏิบัติการใชและบํารุงรักษาเครื่องมือวัดไดอยางถูกตอง
2. หัวขอสําคัญ 1. 2. 3. 4.
เครื่องมือรางแบบ เครื่องมือวัดอุณหภูมิ อุปกรณการวัดแนวเชื่อม การดูแลและบํารุงรักษาเครื่องมือวัด
3. วิธีการฝกอบรม การฝกอบรมสามารถเลือกได 3 รูปแบบ คือ 1) การฝกอบรมดวยการสงมอบสื่อสิ่งพิมพ 2) การฝกอบรมที่ศูนยฝกอบรม 3) การฝกอบรมดวยสื่อในระบบออนไลน ดังรายละเอียดในขอแนะนําสําหรับครูฝก
4. อุปกรณชวยฝก 1. สื่อการฝกอบรม ครูฝกสามารถเลือกใชงานสื่อได 2 รูปแบบ คือ 1.1 รูปแบบสื่อสิ่งพิมพ (Offline) ประกอบดวย - คูมือครูฝก เพื่อประกอบการจัดการฝกอบรม 22 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
- คูมือการประเมิน เพื่อบันทึกผลการประเมินการทดสอบของผูรับการฝก - สื่อวีดิทัศน (DVD) เพื่อประกอบการจัดการฝกอบรม 1.2 รูปแบบอิเล็กทรอนิกส (Online) ประกอบดวย - คูมือครูฝกรูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส (.pdf) เพือ่ ประกอบการจัดการฝกอบรม - คูมือการประเมินรูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส (.pdf) เพื่อบันทึกผลการประเมินการทดสอบของผูร บั การฝก - สื่อวีดิทัศน (Online) เพื่อประกอบการจัดการฝกอบรม 2. วัสดุและอุปกรณประกอบการจัดฝกอบรมตอผูรบั การฝก 1 คน 2.1 วัสดุ 1) ชิ้นงานเชื่อมตอชน จํานวน 3 ชิ้น 2) ชิ้นงานเชื่อมตอตัวที จํานวน 3 ชิ้น 3) ผาทําความสะอาด จํานวน 1 ผืน 2.2 เครื่องมือและอุปกรณ 1) เกจวัดแนวเชื่อม แบบ Automatic Weld Gauge จํานวน 1 อัน 2) เกจวัดแนวเชื่อม แบบ Bridge Cam Weld Gauge จํานวน 1 อัน 3) บรรทัดเหล็ก จํานวน 1 อัน 4) แปรงลวด จํานวน 1 ดาม 5) เวอรเนียคาลิปเปอร จํานวน 1 อัน
5. ขั้นตอนการฝกอบรม 1. ครูฝกมอบหมายใหผรู ับการฝกทําแบบทดสอบกอนฝก (Post-Test) และประเมินผล 1.1 ถาผลการประเมินผานเกณฑรอยละ 70 ตามที่กําหนดในเอกสารโครงรางหลักสูตร จะมีสิทธิ์ขอเขารับการฝก ภาคปฏิบัติ (ถามี) หรือเขารับการฝกในโมดูลถัดไป หรือเขารับการฝกในโมดูลที่ครูฝกกําหนดได 1.2 ถาผลการประเมินต่ํากวารอยละ 70 ใหครูฝก มอบหมายผูร ับการฝกใหฝกอบรมภาคทฤษฎี 2. การฝกอบรมภาคทฤษฎี ใหผูรับการฝกศึกษาคูมือผูรับการฝก และฝกหัดทําใบทดสอบทายหัวขอวิชา 3. เมื่อผูรับการฝกศึกษาคูมือผูรับการฝกประจําโมดูลนั้นเขาใจแลว ใหครูฝกมอบหมายผูรับการฝกใหทําแบบทดสอบ หลังฝก (Post-Test) และประเมินผลเชนเดียวกับแบบทดสอบกอนฝก 4. การฝกอบรมภาคปฏิบัติ ครูฝกชี้แจงลําดับการปฏิบัติงานตามใบขั้นตอนการปฏิบัติงาน 5. ครูฝกใหผูรับการฝกทําการฝก โดยครูฝกตองคอยสอบถาม ชี้แนะ และใหคําแนะนําเมื่อผูรับการฝกมีขอสงสัย 6. ครูฝกตรวจผลงานตามแบบประเมินผลใบงาน พรอมวิเคราะหผลงานรวมกับผูรับการฝกและแนะนําวิธีแกไข 7. ครูฝกแนะนําผูรับการฝกที่คะแนนผลงานผานเกณฑรอยละ 70 ใหทดสอบเพื่อจบโมดูลที่ฝก
23 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
6. การวัดผล 1. ครูฝกประเมินผลภาคทฤษฎีจากแบบทดสอบกอนฝก 1.1 ถาผลการประเมินผานเกณฑรอยละ 70 ตามที่กําหนดในเอกสารโครงรางหลักสูตร จะมีสิทธิ์ขอเขารับการฝก ภาคปฏิบัติ (ถามี) หรือเขารับการฝกในโมดูลถัดไปได 1.2 ถาผลการประเมินต่ํากวารอยละ 70 ใหครูฝก มอบหมายใหผรู ับการฝกศึกษาเนื้อหาจากสื่อดวยตนเองจนเขาใจ จึงทําแบบทดสอบหลังฝก (Post-Test) 2. ครูฝกประเมินแบบทดสอบหลังฝก โดยใชหลักเกณฑเดียวกับการประเมินแบบทดสอบกอนฝก 3. ครูฝกประเมินผลภาคปฏิบัติจากการตรวจประเมินผลงานของผูรับการฝกโดยตองผานเกณฑรอยละ 70 ตามที่กําหนด ในเอกสารโครงรางหลักสูตร จึงจะมีสิทธิ์เขารับการฝกในโมดูลถัดไปได หรือเขารับการฝกในโมดูลที่ครูฝกกําหนดได
7. บรรณานุกรม กรมพัฒนาฝมือแรงงาน. 2558. คูมือเตรียมทดสอบมาตรฐานฝมือแรงงานแหงชาติ กลุมสาขาอาชีพชางอุตสาหการ สาขาอาชีพชางเชื่อมทิก ระดับ ๑. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : www.dsd.go.th/standard/Region/ Download_Doc/9666 กรมพัฒนาฝมือแรงงาน. 2558. คูมือเตรียมทดสอบมาตรฐานฝมือแรงงานแหงชาติ กลุมสาขาอาชีพชางอุตสาหการ สาขาอาชีพชางเชื่อมแม็ก ระดับ ๑. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : http://www.dsd.go.th/standard/Region/ Doc_ShowDetails/6196 กรมพัฒ นาพลัง งานทดแทนและอนุ รั ก ษ พ ลั ง งาน กระทรวงพลัง งาน. 2555. เครื่องมือตรวจวัด ดา นเครื่ อ งกล. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : https://ienergyguru.com/2015/09/เครื่องมือวัด-เครื่องกล/ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย. 2551. มาตรฐานการตรวจสอบรอยเชื่อม โครงเหล็กรูปพรรณดวย วิธีการทดสอบแบบไมทําลาย. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : www.dpt.go.th/sesb/images/stories/pdf /standard/02.pdf บริษัท โปรโทรนิกส อินเตอรเทรด จํากัด. 2558. การดูแลรักษาเครื่องมือวัดและเทคนิคการดูแลเครื่องมือวัดแบบงาย ๆ . [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : https://www.ponpe.com/tech/258-การดูแลรักษาเครื่องมือวัดและเทคนิค การดูแลเครื่องมือวัดแบบงาย ๆ .html บริษัท เลกะ คอรปอเรชั่น จํากัด. 2559. การอานคาจากเวอรเนียคาลิปเปอรแบบอนาล็อก. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : https://legatool.com/wp/2753/ บริษัท สุพรีมไลนส จํากัด. ม.ป.ป. เทอรโมคัปเปล. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : http://www.เทอรโมคัปเปล.com/26เทอรโมคัปเปล-thermocouple.html ห า งหุ น ส ว นจํ า กั ด โกลบอล เอเชี ย เทค ซั พ พลาย. 2558. ชอล ค วั ด อุ ณ หภู มิ . [ออนไลน ] . เข า ถึ ง ได จ าก : http://www.gatsupplyasia.com/product/ชอลควัดอุณหภูมิ/4 48
48
24 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
เอิบ อักษรทอง. 2560. งานฝกฝมือเบื้องตน. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : http://www.hanpho.ac.th/aerb/งานฝก ฝมือเบื้องตน/เครื่องมือวัดประเภท.html
25 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
กิจกรรมการฝกอบรม ขั้นตอนการสอนหรือกิจกรรมของครูฝก ขั้นตอนการเรียนหรือกิจกรรมของผูรับการฝก ขั้นเตรียม 1. เช็คชื่อผูรับการฝก 1. ขานชื่อตามเลขที่ 2. เตรียมเครื่อง Projector 2. ชวยครูเตรียมเครื่อง Projector 3. เตรียมตัวอยางเครื่องมือวัดเพื่อใชประกอบ การสอน และตรวจสอบความพรอมใชงาน ของเครื่องมือ เชน บรรทัดเหล็ก ฉาก ชุดฉาก ผสม เวอรเนียคาลิปเปอร เกจวัดแนวเชื่อม เปนตน 4. ตัวอยางชิ้นงานเชื่อมตามใบงานที่ 1.1 ขั้นประเมินผลกอนเรียน ถามพื้นความรูเกี่ยวกับการใชเครื่องมือวัด ตอบคําถาม ดวยความตั้งใจ โดยใชความรูพื้นฐาน ที่มีอยู ขั้นนําเขาสูบทเรียน 1. ถามคํ าถามที่ เ กี่ ย วข อ งกั บ เนื้ อ หาเพื่อ สร า ง 1. ฟง ตอบคําถามและซักถามขอสงสัย ความสนใจ 2. บอกผลลัพธการเรียนรูในเรื่อง การใชเครื่องมือ 2. ฟง และซักถามขอสงสัย วัด ขั้นสอน 1. แจกคูมือผูรับการฝกเรื่อง การใชเครื่องมือวัด 1. รับคูมือผูรับการฝกเรือ่ ง การใชเครื่องมือวัด หนาที่ หนาที่ 16 - 42 16 - 42 ไปศึกษา 2. สอนเนื้อหาเรื่องการใชเครื่องมือวัด โดยใชวิธี 2. จดบันทึก ตอบคําถาม ซัก ถามขอสงสัยตรงตาม ถาม - ตอบกับผูรับการฝก และใชความรูเดิม เนื้อหาดวยวาจาที่สุภาพเรียบรอย ของผู รั บ การฝก มาต อ ยอดเป นความรูใหม พรอ มใช สื่ อ วี ดิทั ศน นาทีที่ 00.00 - 24.57 และตัวอยางของจริงประกอบการสอน โดยมี สาระสําคัญดังนี้ 2.1 เครื่องมือรางแบบ 2.2 เครื่องมือวัดอุณหภูมิ 2.3 อุปกรณการวัดแนวเชื่อม 26 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
กิจกรรมการฝกอบรม ขั้นตอนการสอนหรือกิจกรรมของครูฝก ขั้นตอนการเรียนหรือกิจกรรมของผูรับการฝก 2.4 การดู แลและบํ ารุ งรั กษาเครื่องมือ 3. ทําใบทดสอบหนาที่ 33 - 34 โดยครูฝกคอยสังเกต วัด และใหคําแนะนําเพิ่มเติม 3. มอบหมายใหทําใบทดสอบจากคูมือผูรับการ 4. จดบันทึก ตอบคําถาม ซักถามขอสงสัยดวยวาจาที่ ฝก หนาที่ 33 - 34 สุภาพเรียบรอย ตรวจใบทดสอบโดยสลับกันตรวจ 4. เฉลยใบทดสอบ โดยดู เ ฉลยจากคู มือ ครูฝก กับเพื่อนดวยความถูกตองและเปนธรรม หนาที่ 44 5. ศึ ก ษาใบงานที่ 1.1 เรื่ อ ง การใช เ ครื่ อ งมื อ วั ด หน า ที่ 35 - 42 โดยครู ฝ ก คอยสั ง เกตและให 5. มอบหมายใหศึกษาใบงานที่ 1.1 เรื่อง การใช คําแนะนําเพิ่มเติม เครื่องมือวัด จากคูมือผูรับการฝก หนาที่ 35 - 6. จดบันทึก ซักถามขอสงสัยเกี่ยวกับงานที่จะปฏิบัติ 42 ดวยวาจาที่สุภาพเรียบรอย 6. อธิบ ายพร อ มสาธิ ตและถามตอบขอ ซัก ถาม เกี่ยวกับงานที่จะปฏิบัติและขอควรระวัง โดย ใชสื่อวีดิทัศน นาทีที่ 00.00 - 03.21 มีสาระสําคัญ ดังนี้ 6.1 วั ส ดุ - อุ ป กรณ และเครื่อ งมือที่ใช ในการวัดขนาดแนวเชื่อม 6.2 ขั้นตอนการวัดขนาดแนวเชื่อม 6.3 วิธีการดูแลและบํารุงรักษาอุปกรณ 7. แบงกลุมตามความสมัครใจ 8. รับวัสดุ - อุปกรณและเครื่องมือปฏิบัติงานตามใบ การวัดแนวเชื่อม ขั้นตอนปฏิบัติงานในคูมือผูรับการฝก หนาที่ 37 7. แบงกลุมปฏิบัติงานกลุมละ 4 - 5 คน 8. จายวัสดุ - อุปกรณและเครื่องมือปฏิบัติงาน ตามใบขั้นตอนการปฏิบัติง านในคูมือ ครูฝก 9. ปฏิ บั ติ ง านด ว ยความตั้ ง ใจและคํ า นึ ง ถึ ง ความ ปลอดภัย หนาที่ 47 9. ควบคุมดูแล ตรวจสอบ และใหคําแนะนําตอ ผูรับการฝกขณะปฏิบัติงานทุกขั้นตอนอยาง 10. ทําความสะอาดพื้นที่ปฏิบัติงาน ใกลชิด 10. ควบคุ ม และดู แ ลการทํ าความสะอาดพื้นที่ 11. เก็บวัสดุ - อุปกรณและเครื่องมือปฏิบัติงานใหมี สภาพพรอมที่จะใชงานตอไปและสงคืน ปฏิบัติงานของผูรับการฝก 11. ตรวจเช็ ควั ส ดุ - อุ ป กรณ และเครื่ อ งมือ ให อภิปรายและรวมสรุปเรื่องที่เรียนรวมกัน ครบถวน 27 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
กิจกรรมการฝกอบรม ขั้นตอนการสอนหรือกิจกรรมของครูฝก ขั้นตอนการเรียนหรือกิจกรรมของผูรับการฝก ขั้นสรุป นําอภิปรายสรุปสาระสําคัญเรือ่ ง การใชเครื่องมือวัด รับฟงผลการประเมิน และซักถามขอสงสัย ขั้นประเมินผลหลังการฝก สรุปผลการประเมินผลรวมเรื่อง การใชเครื่องมือวัด เกี่ยวกับกิจนิสัยในการปฏิบัติงาน และคุณลักษณะที่ ตองการบูรณาการคุณธรรม จริยธรรม ใบทดสอบ และ ใบงาน
28 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ใบขอมูล หัวขอวิชาที่ 1 การใชเครือ่ งมือวัด เครื่องมือวัด เปนเครื่องมือที่ใชสําหรับการวัดซึ่งมีจุดประสงคในการใชแตกตางกัน จึงแบงไดเปนหลายประเภทดังนี้ 1. เครื่องมือรางแบบ 1.1 บรรทัด ใชเปนเครื่องมือวัดบอกขนาดความกวาง ความยาว หรือความสูง และเปนเครื่องมือรางแบบ ใชขีดเสน โดยการวางบนชิ้นงาน ซึ่งแบงตามลักษณะการใชงานดังนี้ 1) บรรทัดเหล็ก ใชสําหรับทาบเพื่อขีดเสนตรงและแสดงคาการวัด ทําจากสเตนเลส จึง มีความทนทาน และไมเปนสนิม
ภาพที่ 1.1 บรรทัดเหล็ก 2) บรรทัดวัดเสนรอบวง ใชสําหรับบอกคาความยาวเสนรอบวงเมื่อทราบคาเสนผานศูนยกลาง ทําใหทราบคาได โดยไมตองคํานวณ
ภาพที่ 1.2 บรรทัดวัดเสนรอบวง 3) บรรทัดชนิดออน มีลักษณะการทํางานแบบเดียวกับบรรทัดเหล็ก แตวัสดุที่ใชทําเปนพลาสติก หรือ PVC ซึ่งสามารถออนตัวได
ภาพที่ 1.3 บรรทัดชนิดออน วิธีการใชงาน 1) ใหปลายดานหนึ่งของสิง่ ของทีจ่ ะวัดตรงกับตําแหนง 0 ของสเกลบรรทัด 2) หาคาสเกลบรรทัดทีป่ ลายอีกดานหนึง่ ของสิ่งที่ถูกวัด 29 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
3) อานคาสเกลบนบรรทัด วิธีการดูแลและบํารุงรักษา หลังจากใชงานแลวควรทําความสะอาดทุกครัง้ กอนนําไปเก็บ 1.2 ตลับเมตร ใชสําหรับวัดชิ้นงาน วัดความโตของรู วางแนวเสน ตรวจสอบขนาดความถูกตอง สามารถวัดงานโคงได เพราะมีสมบัติพิเศษที่มีความออนตัว ทําจากเหล็กสปริงบางแบน สวนปลายจะมีตะขอสําหรับเกี่ยวขอบงาน และมีตัว กดล็อกปองกันไมใหแถบวัดเขาไปในตลับขณะวัด
ภาพที่ 1.4 ตลับเมตร วิธีการใชงาน 1) มือหนึ่งจับปลายเทปแลวดึงออกจากตลับ 2) ใชขอปลายเทปเกี่ยวชิ้นงานที่ตรงและไดฉาก 3) ทําเครื่องหมายระยะตามที่ตองการ 4) วัดขนาดโดยการอานคา วิธีการดูแลและบํารุงรักษา 1) ระวังและรักษาขอเกี่ยวปลายเทปไมใหหัก 2) เมื่อจะปลอยเสนเทปตองคอย ๆ ผอน เพราะถาปลอยเร็วเกินไปปลายขอเกี่ยวอาจชํารุดเสียหายได 3) ทําความสะอาดหลังเลิกใชงานแลวเก็บใหเปนระเบียบ 1.3 ฉาก เปนอุปกรณสําหรับใชรางแบบ หรือใชวัดขนาดไดหลากหลาย ซึ่งแบงตามการใชงานไดดังนี้ 1) ฉากเหล็ก ใชสําหรับรางแบบโดยใชมุมฉากของฉากเหล็กเปนจุดเริ่มตนในการรางแบบ หรือใชสําหรับ รางเสนตัดชิ้นงานที่เปนแผนโลหะ ซึ่งจะตองทํามุม 90 องศาเสมอ
ภาพที่ 1.5 ฉากเหล็ก 30 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
2) ชุดฉากผสม (Combination Square Set) เปนเครื่องมือที่สามารถใชวัดขนาดไดหลากหลาย โดยสามารถ วัดมุมขนาดตาง ๆ ได มีระดับน้ําเพื่อวัดระดับชิ้นงานในแนวระนาบ และหาจุดศูนยกลางของชิ้นงานได โดยประกอบดวยสวนสําคัญ 4 สวน คือ - บรรทัดเหล็ก (Steel Ruler) มีลักษณะเหมือนบรรทัดเหล็กทั่วไป แตจะมีความหนามากกวา และมีรองสําหรับเลื่อนหัววัดมุมฉาก หัวปรับมุม และหัวหาศูนยกลาง - หัววัดมุมฉาก (Square Head) ใชสําหรับวัดมุมฉาก และวัดมุม 45 องศา มีระดับน้ําสําหรับ วัดระดับชิ้นงานในแนวระนาบ หัววัดมุมฉากจะประกอบกับบรรทัดเหล็กขันล็อกดวย Knurled Nut - หัวปรับมุม (Protractor Head) ใชสําหรับวัดมุมตาง ๆ ที่นอกเหนือจาก 45 องศา และ 90 องศา เพราะเมื่อประกบบรรทัดแลวสามารถหมุนปรับมุมตั้งแต 0 - 180 องศา เพื่อวัดองศาไดตามตองการ - หัวหาศูนยกลาง (Centre Head) ใชสําหรับแบงครึ่งวงกลม และหาจุดศูนยกลางมีรูปรางตัววี (V) ใชงานโดยประกอบเขากับบรรทัดแลวนําชิ้นงานมาวางในรองตัววีขีด 1 ครั้ง จะไดเสนแบ ง ครึ่ ง วงกลม ถ า เลื่ อ นหมุ น ไปตํา แหนง ใหมแ ล ว ขี ด อี ก 1 ครั้ ง จุ ด ตั ด ที่ เ กิ ด ขึ้ น จะเปน จุด ศู นย ก ลางที่ ตอ งการ
ภาพที่ 1.6 ชุดฉากผสม วิธีการใชงาน 1) วางฉากทาบลงบนผิวหนาชิ้นงาน ใหขอบของเหล็กฉากแตะชิดกับขอบชิ้นงาน 2) สังเกตวา ชิ้นงานที่ตอ งการวัดไดมุมฉากหรือไม ขอควรระวัง 1) ไมควรเก็บรวมกับเครื่องมืออื่น โดยเฉพาะเครื่องมือที่มีคมตัด 2) หามใชฉากวัดความเรียบของผิวงานดิบ หรือผิวงานที่หยาบไมไดลบคม 31 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
3) เมื่อตองการเปลี่ยนจุดตรวจสอบ ใหยกฉากขึ้นจนพนผิวงานกอน อยาลากฉากเพราะจะทําใหฉากชํารุด 4) ในการใชฉากจะตองมีความระมัดระวัง อยาใหหลนตกพื้น วิธีการดูแลและบํารุงรักษา 1) วางฉากลงบนโตะปฏิบัติงานเบา ๆ อยางระมัดระวังเมื่อนําฉากเหล็กไปใช 2) ไมควรนําฉากเหล็กไปใชงานลักษณะอื่น นอกจากการวัด ขีดเสน ตรวจสอบมุม วัดขนาดความยาวชิ้นงาน 3) ไมควรใชฉากในการดัน ยกเวนการทําเพื่อดัดฉากใหได 90 องศา 4) ทําความสะอาดฉากใหปราศจากฝุนและทราย กอนเช็ดดวยน้ํามันเครื่องเพื่อกันสนิม 5) ไมใชดามฉากเคาะหรือตอกแทนคอน 6) ระวังไมใหฉากตกลงพื้น เพราะจะทําใหฉากคลาดเคลื่อนจากความเที่ยงตรง 7) เก็บฉากไวในที่เรียบ ไมวางทับซอนกับเครื่องมือชนิดอื่น 1.4 เวอรเนียคาลิปเปอร ใชในการวัดความยาว ความกวาง หรือความลึก เชน การวัดความหนาของเเผนเหล็ก การวัด ความกวางของนอตสกรู การวัดความลึกของรู เปนตน โดยมีการออกแบบตามหลักการทํางานเเละการนําไปใชงาน ดังนี้ 1) เวอรเนียคาลิปเปอรเเบบแอนะล็อก จะมีการอานคาตามสเกลที่ปรากฎบนตัวเครื่อง ซึ่งการอานคอนขางยาก และจะตองใชทักษะในการอาน
ภาพที่ 1.7 เวอรเนียคาลิปเปอรเเบบแอนะล็อก 2) เวอรเนียคาลิปเปอรเเบบดิจิทัล ถูกออกเเบบมาใหมีการอานคาไดงายผานหนาจอเเสดงผลแบบดิจิทัล บนตัวเครื่อง
ภาพที่ 1.8 เวอรเนียคาลิปเปอร เเบบดิจทิ ลั 48
32 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
วิธีการใชงาน การอานคาของเวอรเนียคาลิปเปอร ถาใหตําแหนงของเลข 0 บนสเกลเลื่อนอยูระหวาง 20 กับ 21 และ บนสเกลเลื่อนกับสเกลหลักตรงกันที่ตําแหนง 50 จะอานได 20.50 มิลลิเมตร ขอควรระวังในการใชงานเวอรเนียคาลิปเปอร 1) ตองลบคมชิ้นงานและทําความสะอาดชิ้นงานทุกครัง้ กอนทําการวัดคา 2) หามวัดชิ้นงานในขณะที่ชิ้นงานมีการเคลือ่ นที่ 3) หามวัดชิ้นงานในขณะที่ชิ้นงานมีอุณหภูมิที่สงู อยู 4) ตรวจสอบความสมบูรณของปากวัดกอนการใชงาน 5) อยาลากปากวัดไปมาบนชิ้นงาน จะทําใหปากวัดเกิดการสึกได การบํารุงรักษาเวอรเนียคาลิปเปอร 1) ไมควรเก็บเวอรเนียคาลิปเปอรใหอยูในที่อุณหภูมิสงู เกินไป หรืออุณหภูมิต่ําเกินไป 2) วางเวอรเนียคาลิปเปอรบนผา หรือแผนไม 3) ทําความสะอาดและทาน้ํามันกันสนิมทุกครัง้ หลังจากเลิกใชงาน 4) ถาปากวัดนอกหรือในของเครื่องเกิดรอยบิ่น ใหทําการขัดดวยหินน้ํามันละเอียด 1.5 โปรแทรกเตอรวัดมุม เปนเครื่องมือวัดแบบละเอียด ใชสําหรับวัดขนาดของมุมที่เกิดขึ้นบนชิ้นงาน วัดระยะทาง กําหนดมุม รวมไปถึงการสรางมุมตามแบบที่ตองการ ใบวัดมุมของโปรแทรกเตอรชนิดนี้จะสามารถวัดขนาดของมุม ไดตั้งแต 0 - 180 องศา จึงเหมาะสําหรับการวัดชิ้นงานตาง ๆ เชน วัดมุมของมีดกลึงและมีดใส การรางเสนแบงมุม บนโลหะแผน เปนตน
ภาพที่ 1.9 โปรแทรกเตอรวัดมุม วิธีการใชงาน 1) วางใบวัดมุมเขากับชิ้นงาน โดยใหจุดกึ่งกลางของใบวัดมุมตรงกับยอดมุมที่ตองการวัด ดังภาพ
33 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ภาพที่ 1.10 วางใบวัดมุมของโปรแทรกเตอรวัดมุมเขากับชิ้นงาน 2) หมุนกานใบวัดมุมแนบกับชิ้นงาน 3) หมุนสกรูปรับล็อกใหแนน เพือ่ ปองกันการคลาดเคลื่อนของคาที่วัดได 4) อานคาสเกล โดยเริ่มจากเสนศูนยองศาของดานที่กานใบวัดมุมแนบกับชิ้นงานไปจนถึงขีดชี้ตํา แหนง ที่ปลายยอดแขนวัดตรงกับเสนแบงองศา จากภาพจะเห็นวา มุมของชิ้นงานที่วัดไดมีขนาด 120 องศา
ภาพที่ 1.11 หมุนกานใบวัดมุมแนบกับชิ้นงาน และอานคาสเกล 34 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
วิธีการดูแลและบํารุงรักษาโปรแทรกเตอรวัดมุม หลังการใชงานใหเช็ดทําความสะอาด แลวทาดวยน้ํามันกันสนิมบาง ๆ และเก็บใสซองหรือกลองใหเรียบรอย ขอควรระวังในการใชงานโปรแทรกเตอรวัดมุม 1) ระวังอยาใหโปรแทรกเตอรวัดมุมตก 2) ชิ้นงานที่นํามาวัดจะตองลบครีบคมกอนทุกครั้ง 3) ระวังอยาใหปลายตะขอของกานใบวัดมุมบิดงอ 4) ขณะใชงานสกรูปรับล็อก จะตองปรับใหกานใบวัดมุมหมุนดวยความฝดที่เหมาะสม 5) หามวัดชิ้นงานที่รอ น และในขณะที่ชิ้นงานกําลังหมุน 6) ใบวัดมุมและกานใบวัดมุมจะตองประกบแนบสนิทกับชิ้นงาน 1.6 เหล็กขีด เปนเหล็กที่ใชขีดทําเครื่องหมายลงบนผิวหนาของวัสดุ ทําดวยแทงเหล็กชุบแข็ง โดยผานการชุบแข็ง สูงขึ้นมาประมาณ 2 นิ้ว ปลายแหลมของเหล็กขีด มีมุม 15 - 20 องศา เหล็กขีดสวนใหญมีความยาว 6 นิ้วถึง 10 นิ้ว ซึ่งมีการออกแบบไวหลายแบบตามลักษณะของการใชงาน
ภาพที่ 1.12 เหล็กขีดชนิดตาง ๆ วิธีการใชงาน 1) กอนใชงานตรวจสอบปลายใหแหลมอยูเ สมอ 2) ยึดหรือวางชิ้นงานใหมั่นคง กอนนําเหล็กขีดทําเครื่องหมายบนชิ้นงาน 3) ใชเหล็กขีดรางแบบบนชิ้นงานตามแบบที่ตองการ เพื่อความแมนยําควรใชงานรวมกับฉากหรือบรรทัด วิธีการดูแลและบํารุงรักษาเหล็กขีด หลังการใชงานใหเช็ดทําความสะอาด แลวทาดวยน้ํามันกันสนิมบาง ๆ และเก็บใสซองหรือกลองใหเรียบรอย ขอควรระวังในการใชงานเหล็กขีด 1) ตองใหปลายของเหล็กขีดแหลมอยูเสมอ 2) หามใชเหล็กขีดในขณะที่ชิ้นงานมีการเคลื่อนที่ หรือในขณะที่ชิ้นงานมีอุณหภูมิที่สงู
35 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
1.7 วงเวียน เปนเครื่องมือที่ใชในการถอดแบบ เขียนสวนโคงและวงกลม ตัววงเวียนทําดวยเหล็กแข็ง ปลายของวงเวียน จะต อ งแหลมคมและสามารถปรับ ขนาดขาวงเวี ย นได ต ามความกว างของวงเวี ยน วงเวี ย นมี อ ยู ห ลายชนิด เพื่อใหเหมาะสมกับการนําไปใชงาน
ภาพที่ 1.13 วงเวียนชนิดตาง ๆ วิธีการใชงาน 1) กอนใชงานตรวจสอบปลายใหแหลมอยูเ สมอ 2) ยึดหรือวางชิ้นงานใหมั่นคง กอนใชวงเวียนขีดบนชิ้นงาน 3) ใชขาดานหนึ่งของวงเวียนยึดที่จุดศูนยกลาง ปรับความกวางของขาวงเวียนใหไดตามแบบที่ตอ งการ กอนที่จะลากเสนโคง วาดวงกลม หรือถอดแบบชิ้นงาน วิธีการดูแลและบํารุงรักษาวงเวียน หลังการใชงานใหเช็ดทําความสะอาด แลวทาดวยน้ํามันกันสนิมบาง ๆ และเก็บใสซองหรือกลองใหเรียบรอย ขอควรระวังในการใชงานวงเวียน 1) ตองใหปลายของวงเวียนแหลมอยูเ สมอ 2) หามใชวงเวียนในขณะที่ชิ้นงานมีการเคลื่อนที่ 3) ระวังอยาทําวงเวียนตก เพราะอาจทําใหวงเวียนคดงอ 1.8 เหล็กตอกรางแบบและเหล็กตอกนําศูนย 1) เหล็กตอกรางแบบ ทําจากเหล็กกลาคารบอนที่ผานการชุบแข็งแลว ใชสําหรับตอกเพื่อทําเครื่องหมาย ถายแบบจากงานที่เขียนบนกระดาษเขียนแบบลงบนแผนโลหะ เพื่อใหเกิดจุดหรือรอยลึกบนแผนโลหะ ตามลัก ษณะรูป รา ง ชิ้น งาน หรือ ตอกเพื่อ ใชเ ปน จุด ศูน ยก ลางในการเขีย นสว นโคง ดว ยวงเวียน ลักษณะปลายแหลมเปนมุม 50 - 60 องศา
36 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ภาพที่ 1.14 เหล็กตอกรางแบบ 2) เหล็กตอกนําศูนย มีลักษณะคลายกับเหล็กตอกรางแบบ แตตางกันที่รูปรางของมุมสวนปลายสําหรับ ตอกบนแผนงานจะทํามุม 90 องศา ใชทําเครื่องหมายสําหรับงานเจาะดวยดอกสวาน
ภาพที่ 1.15 เหล็กตอกนําศูนย วิธีการใชงาน 1) ทําการรางแบบเพือ่ หาตําแหนงในการตอกลงบนชิ้นงาน 2) จรดปลายเหล็กตอกที่ตําแหนงที่รางไว โดยเอียงเล็กนอยเพือ่ ใหมองเห็นปลาย 3) คอย ๆ ตั้งเหล็กตอกขึ้นจนตั้งฉากกับชิ้นงาน แลวใชคอนตอกเบา ๆ ทีป่ ลายดานบน 4) เมือ่ ไดตําแหนงที่ตองการแลว ใหวางปลายเหล็กตอกไวที่ตําแหนงเดิม แลวตอกใหแรงอีกครั้ง เพื่อความชัดเจน ของตําแหนง ขอควรระวังในการใชงานเหล็กตอกรางแบบและเหล็กตอกนําศูนย 1) กอนใชงานตรวจสอบปลายใหแหลมอยูเ สมอ 2) ควรใชคอนตอกเบา ๆ กอน เพื่อใหสามารถแกไขไดเมื่อตอกไมตรงตําแหนงที่ตองการ 3) หามใชเหล็กตอก ตอกชิ้นงานในขณะที่ชิ้นงานมีการเคลื่อนที่ วิธีการดูแลและบํารุงรักษาเหล็กตอกรางแบบและเหล็กตอกนําศูนย หลังใชงานเหล็กตอกทั้งสองแบบเสร็จแลว ใหทําความสะอาดทั่วตัวเหล็กตอก หลังจากนั้นชโลมน้ํามันบาง ๆ แลวเก็บใสกลองเพื่อปองกันไมใหปลายเกิดความเสียหายจากการตกหลนได
37 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
1.9 ระดับน้ํา ใชสําหรับวัดพื้นผิววาไดระดับหรือไม โดยมีหลอดแกว 3 หลอดวางไวตั้งฉากกัน และทแยงมุม 45 องศา วัสดุทํามาจากอะลูมิเนียมหรือพลาสติก ยาวประมาณหนึ่งศอก มีชองใส ๆ หลายชอง แตละชองจะมีหลอดแกว ที่มีของเหลวมีสีอยูขางใน ในของเหลวจะมีฟองอากาศขนาดเทาเมล็ดถั่ว เมื่อลองขยับระดับน้ําดู จะสังเกตเห็นวา ฟองอากาศนั้นจะเคลื่อนที่ไปดวย ซึ่งระดับน้ํานั้นมีอยูหลายขนาด โดยสวนใหญใ ชข นาด 2 ฟุต (60 เซนติเ มตร) ขนาด 4 ฟุต (1.2 เมตร) หรือขนาด 6 ฟุต (1.8 เมตร) สําหรับประตูและหนาตาง โดยระดับน้ําจะมีตาวัว (แปน วงกลม) ใชแสดงทิศทางของการเอียง
ภาพที่ 1.16 ระดับน้ํา วิธีการใชงาน ใหสังเกตที่ระดับน้ํา โดยมีหลอดแกวที่ใชวัดระดับในแนวราบ และหลอดแกวที่ใชวัดระดับในแนวดิ่ง วาง ระดับน้ําลงบนพื้นผิวที่ตองการตรวจสอบแลวสังเกตฟองอากาศ ถาฟองอากาศลอยไปอยูที่ตรงกลางของหลอดแกว แสดงวา พื้นไดระดับในแนวราบแลว แตถาฟองอากาศไมอยูตรงกลาง แสดงวา พื้นเอียงไปดานใดดานหนึ่ง ถาตองการรูวาพื้นเอียงทางใดและเอียงมากแคไหน ใหลองยกปลายของระดับน้ําขึ้นดานหนึ่ง แลวสังเกตวา ฟองอากาศเลื่อ นไปทางไหน เมื่อ ฟองอากาศอยูตรงกลาง จะเห็นวามีชอ งวางระหวางพื้นกับ ขอบของระดับ ผูปฏิบัติงานจะทราบไดวา พื้นเอียงมากเทาไร หากพื้ นได ระดั บแนวราบแลว ให ห มุนระดับน้ําไปที่ 90 องศา แลวตรวจดูอีกครั้ง โดยพื้นที่ไดระดับนั้น ฟองอากาศจะตองอยูตรงกลางหลอดแกวเสมอ ไมวาจะหมุนระดับน้ําไปทางใดก็ตาม วิธีการดูแลและบํารุงรักษา ควรถือดวยความระมัดระวังไมทําใหตกหลน เพราะจะทําใหลูกปดน้ําเสียหายและทําการวัดระดับไมได
38 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
2. เครื่องมือวัดอุณหภูมิ 2.1 เครื่องวัดอุณหภูมิแบบสัมผัส เปนเครื่องมือที่ใชตรวจวัดอุณหภูมิของพื้นผิวในระยะไกล ซึ่งตรวจวัดไดจากการแผรังสี ของสเปกตรัม เหมาะสําหรับกับการวัดอุณหภูมิของวัตถุที่เคลื่อนที่ได หรือพื้นผิวที่ไมสามารถสัมผัสได
ภาพที่ 1.17 เครื่องวัดอุณหภูมิแบบสัมผัส 2.2 ชอลกวัดอุณหภูมิ หรือสีวัดอุณหภูมิ ใชสําหรับตรวจสอบอุณหภูมิในชวงอุนเครื่องกอนเริ่มกระบวนการ หรือหลัง เสร็จสิ้นกระบวนการ โดยใชชอลกแตะลงบนพื้นผิวที่มีอุณหภูมิสูงตามที่กําหนด เนื้อชอลกจะละลายสามารถขีดเขียน เปนเครื่องหมายบนพื้นผิวโลหะได
ภาพที่ 1.18 ชอลกวัดอุณหภูมิ 2.3 เทอรโมคัปเปล ใชสําหรับวัดอุณหภูมิ โดยใชหลักการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิหรือความรอน เปนแรงเคลื่อนไฟฟา ซึ่งประกอบดวย ลวดโลหะตัวนํา 2 ชนิดที่แตกตางกันทางโครงสรางของอะตอม ปลายขางหนึ่งเปนจุดวัดอุณหภูมิ (Measuring Point หรือ Hot Junction : T1) และจะมีปลายอีกขางหนึ่งของลวดโลหะปลอยวางเปนจุดอางอิง (Cold Junction : T2) นําปลายทั้ง 2 เชื่อมเขาดวยกัน หากจุดวัดอุณหภูมิและจุดอางอิงมีอุณหภูมิตางกันจะทําให มีการนํากระแสในวงจรเทอรโมคัปเปลทั้งสองขาง เมื่อตอเขากับจอแสดงผลก็จะสามารถแสดงอุณหภูมิได
ภาพที่ 1.19 เทอรโมคัปเปล 39 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ขอควรระวัง 1) ศึกษาวิธีใชเครื่องมือวัดใหเขาใจ 2) ตองเลือกใชใหถูกกับชนิดและประเภทของการวัด วิธีการดูแลและบํารุงรักษาเครื่องมือวัด เครื่องมือวัดเมือ่ ใชงานเสร็จแลว ผูปฏิบัติงานตองดูแลรักษาใหถูกวิธีซึ่งมีขั้นตอนงาย ๆ ดังนี้ 1) ทําความสะอาดชิ้นงาน โดยขจัดสิ่งสกปรก และเศษผงออกใหหมดกอนวัดงาน 2) กอนทําการวัดทุกครั้ง ควรปรับตั้งยานการวัดใหถูกตองเสมอ 3) เครื่องวัดที่ใชไฟฟา หามใหเครื่องวัดสัมผัสน้ําหรือไดรับความรอนมากเกินไป 4) ถาหากไมไดใชเครื่องวัดเปนเวลานาน ควรถอดแบตเตอรี่ออก 5) ไมควรใชเครื่องมือวัดผิดประเภท 3. อุปกรณการวัดแนวเชื่อม 3.1 เครื่องมือและอุปกรณขยายภาพ เชน แวนขยาย มีสวนประกอบเปนเลนสรูปแบบตาง ๆ ใชในการตรวจสอบรอยเชือ่ ม ดวยสายตา ชวยขยายภาพใหใหญขึ้น 3.2 เครื่องมือและอุปกรณสองสวา ง ชวยเพิ่ม ความสวางในบริเ วณตรวจสอบงานเชื่อ มที่มีแสงสวางไมเพียงพอ โดยอุปกรณที่ใชไดแก ไฟฉาย หลอดไฟฟลูออเรสเซนต ซึ่งเกิดความรอนและเงานอยกวาหลอดไสหรือหลอดไฟรุนใหม ที่สามารถปรับความเขมของแสงได 3.3 เครื่องมือและอุปกรณวัดคา ใชสําหรับตรวจวัดขนาดความกวาง ความนูนของแนวเชื่อม การหลอมลึกและจุดบกพรอง ซึ่งเครื่องมือวัดมีทั้งวัดหยาบและวัดละเอียด ไดแก 1) เวอรเนียวัดแนวเชื่อม ใชสําหรับวัดแนวเชื่อมตามมาตรฐานที่กําหนด เชน ความกวางแนวเชื่อมตอชน แนวเชื่อมตอตัวที และวัดความสูง ความกวางของแนวซึมลึกงานเชื่อมตอชน 2) บรรทัด ใช สําหรับวัดขนาดความกวางของแนวเชื่อม และแนวซึมลึกรอยตอบากหนางาน ขนาดของ ขอบกพรองตาง ๆ โดยใชรวมกับอุปกรณวัดชนิดอื่น ๆ 3) เกจวัดแนวเชื่อม ใชสําหรับการวัดความกวาง ความสูง แนวซึมลึก ความลึกรอยตอมุมองศา ทั้งงานเชื่อมตอชน และงานเชื่อมตอตัวที 3.4 เครื่องมือและอุปกรณบันทึกขอมูล ใชบันทึกผลการตรวจสอบ เพื่อเปนหลักฐานยืนยันผลการตรวจสอบ เชน การบันทึกเอกสาร เครื่องบันทึกเสียง กลองถายรูป เปนตน 40 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
3.5 เครื่องมือและอุปกรณตรวจสอบอื่น ๆ คือ เครื่อ งมือ และอุป กรณชวยตรวจสอบสายตาที่อ อกแบบใชง าน พิเ ศษเฉพาะ เปนกลุม เครื่อ งมือ ที่ใชตรวจสอบในรูห รือ ทอ ที่ม องดวยตาเปลาไมเ ห็น ไดแก กลอ งบอรสโคป เครื่องมือวัดปริมาณเฟอรไรท เครื่องมือชวยขยายตรวจดูโครงสราง เปนตน
ภาพที่ 1.20 อุปกรณการวัดแนวเชื่อม วิธีการใชงาน ในการตรวจสอบแบบพินิจ จําเปนตองใชอุปกรณหลายชนิดในการชวยตรวจสอบ - ใชเวอรเนียหรือเกจวัดแนวเชื่อมในการวัดความกวาง ความสูง แนวซึมลึก ความลึกรอยตอ และมุมองศา - ใชไฟฉาย เพื่อเพิ่มความสวางในบริเวณตรวจสอบงานเชื่อมที่มีแสงสวางไมเพียงพอ - ในกรณีที่จุดบกพรองมีขนาดเล็ก จําเปนตองใชแวนขยายหรือกลองบอรสโคปเขามาชวย
ภาพที่ 1.21 การตรวจสอบแนวเชื่อมดวยเกจวัดแนวเชื่อม แบบ Automatic Weld Gauge
41 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ภาพที่ 1.22 การตรวจสอบแนวเชือ่ มดวยเกจวัดแนวเชื่อม แบบ Bridge Cam Weld Gauge ขอควรระวัง ไมควรนําเครื่องมือไปใชผิดประเภท เชน การวัดความยาวของชิ้นงานควรใชบรรทัด ไมควรนําเกจวัดชิ้นงาน มาใช อาจทําใหเกิดความเสียหายได เปนตน วิธีการดูแลและบํารุงรักษา อุปกรณที่ทําจากโลหะ เชน เวอรเนียคาลิปเปอร เกจวัดแนวเชื่อม ใหทําความสะอาดดวยผาชุบน้ําแลวเช็ด ใหแหงเพื่อยืดอายุการใชงาน สําหรับอุปกรณอื่น ๆ เชน ไฟฉาย กลองถายรูป ควรตรวจสอบใหสภาพพรอมใชงาน ตลอดเวลา
42 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ใบทดสอบ คําชี้แจง ใหผรู ับการฝกทําเครื่องหมาย x ลงในกระดาษคําตอบขอที่ถูกทีส่ ุดเพียงขอเดียว 1. ในชุดฉากผสม หัววัดมุมฉาก (Square Head) และหัวปรับมุม (Protractor Head) ใชงานตางกันอยางไร ก. หัววัดมุมฉากใชวัดมุม 45 และ 90 องศา แตสําหรับหัวปรับมุมใชวัดมุมที่นอกเหนือจากมุม 45 และ 90 องศา ข. หัววัดมุมฉากใชวัดเฉพาะมุม 90 องศา แตสําหรับหัวปรับมุมใชวัดมุม 45 องศา ค. หัววัดมุมฉากใชวัดมุม 75 องศา และ 90 องศา แตสําหรับหัวปรับมุมใชวัดมุมที่นอกเหนือจากมุม 45 องศา ง. หัววัดมุมฉากใชวัดเฉพาะมุม 90 องศา แตสําหรับหัวปรับมุมใชวัดมุม 75 องศา 2. ในงานวัดแนวเชื่อม ถาชางตองการวัดความกวาง ความสูง แนวซึมลึก และความลึกรอยตอมุมองศา อุปกรณใดเหมาะสม ที่สุด ก. เวอรเนียวัดแนวเชื่อม ข. ระดับน้ําวัดแนวเชื่อม ค. เกจวัดแนวเชื่อม ง. บรรทัดวัดแนวเชื่อม 3. นักวิจัยตองการวัดอุณหภูมิของวัตถุทเี่ คลื่อนที่ และอยูในระยะไกล เครื่องมือชนิดใดที่นักวิจัยควรนําไปใช ก. เทอรโมคัปเปล ข. เครื่องมือวัดอุณหภูมิแบบสัมผัส ค. ชอลกวัดอุณหภูมิ ง. เวอรเนียคาลิปเปอร 4. ขอใด ไมใช การดูแลรักษาอุปกรณฉากเหล็ก และชุดฉากผสม ที่ถูกตอง ก. ทําความสะอาดไมใหมีฝุน และทรายเกาะ ข. เช็ดดวยน้ํามันเครื่องเพื่อกันสนิมหลังจากเลิกใชงาน ค. เก็บอุปกรณฉากในพื้นที่เรียบ ไมวางทับซอน ง. ดามของฉากสามารถใชเคาะหรือตอกแทนคอนได
43 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
เฉลยใบทดสอบ ขอ
ก
ข
ค
1 2 3 4
44 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
ง
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ใบงาน ใบงานที่ 1.1 การใชเครื่องมือวัด 1. วัตถุประสงคเชิงพฤติกรรม - ปฏิบัติการใชและบํารุงรักษาเครื่องมือวัดไดอยางถูกตอง
2. ระยะเวลาการฝกปฏิบตั ิงาน - ระยะเวลาการฝกปฏิบัติงาน รวม 3 ชั่วโมง
3. คําชี้แจง ใหผูรบั การฝกใชอปุ กรณวัดขนาดแนวเชื่อมของชิน้ งานตอไปนี้ แลวบันทึกผลลงในตารางบันทึกผล
ชิ้นงานเชื่อมตอชน
ชิ้นงานเชื่อมตอตัวที ตารางบันทึกผล
1) ชิ้นงานเชื่อมตอชน ขนาด (มิลลิเมตร)
บริเวณที่วัด
ชิ้นที่ 1
ความยาวแนวเชื่อม (Weld Length)
ชิ้นที่ 2
ชิ้นที่ 3
................ ................ ................
ความกวางแนวเชื่อม (Weld Cap Width) - สูงสุด - ต่ําสุด
................ ................ ................ ................ ................ ................
ความนูนแนวเชื่อม (Excess Cap Height) - สูงสุด - ต่าํ สุด
................ ................ ................ ................ ................ ................ 45 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ขนาด (มิลลิเมตร)
บริเวณที่วัด
ชิ้นที่ 1
ความกวางแนวราก (Root Bead Width) - สูงสุด
ชิ้นที่ 2
ชิ้นที่ 3
................ ................ ................
- ต่ําสุด
................ ................ ................
ความนูนแนวราก (Excess Root Penetration) - สูงสุด - ต่าํ สุด
................ ................ ................ ................ ................ ................
2) ชิ้นงานเชื่อมตอตัวที ขนาด (มิลลิเมตร)
บริเวณที่วัด
ชิ้นที่ 1
ความยาวแนวเชื่อม (Weld Length)
ชิ้นที่ 2
ชิ้นที่ 3
................ ................ ................
ความยาวของขาแนวเชื่อม (Leg) - L1 - L2
................ ................ ................ ................ ................ ................
ระยะคอแนวเชื่อม (Throat)
................ ................ ................
ผิวแนวเชื่อมนูนหรือผิวแนวเชื่อมเวา (Convexity or Concavity)
46 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
................ ................ ................
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ใบขั้นตอนการปฏิบัติงาน ใบขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ 1.1 การใชเครื่องมือวัด 1. การเตรียมการ 1.1 รับฟงคําสั่งจากครูฝก พรอมรับใบงาน 1.2 การเตรียมสถานที่ 1. ตรวจสอบสภาพพื้นที่ปฏิบัติงาน ไมใหมีอุปกรณอื่น ๆ ที่ไมเกี่ยวของ หรือวัสดุอันตรายอยูบริเวณพื้นที่ปฏิบัติงาน 2. ดูแลไมใหบุคคลทีไ่ มเกี่ยวของเขามาในบริเวณปฏิบัติงาน 3. เตรียมชุดปฐมพยาบาลเพื่อใชในกรณีฉุกเฉิน 1.3 การเตรียมเครื่องมือและอุปกรณตอผูรับการฝก 1 คน 1. เกจวัดแนวเชื่อม แบบ Automatic Weld Gauge
จํานวน 1 อัน
2. เกจวัดแนวเชื่อม แบบ Bridge Cam Weld Gauge 3. บรรทัดเหล็ก
จํานวน 1 อัน จํานวน 1 อัน
4. แปรงลวด 5. เวอรเนียคาลิปเปอร 1.4 การเตรียมวัสดุตอผูรับการฝก 1 คน
จํานวน 1 ดาม จํานวน 1 อัน
1. ชิ้นงานเชื่อมตอชน 2. ชิน้ งานเชื่อมตอตัวที
จํานวน 3 ชิ้น จํานวน 3 ชิ้น
3. ผาทําความสะอาด
จํานวน 1 ผืน
47 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
2. ลําดับการปฏิบตั ิงาน การใชเครื่องมือวัด ขั้นตอนการปฏิบัติงาน 1. เตรียมเครื่องมือและวัสดุ
คําอธิบาย
ขอควรระวัง
เตรียมเครื่องมือ อุปกรณวัดแนวเชื่อม และ ควรเลือกใชเครื่องมือวัด ตัวอยางชิ้นงานเชื่อม
ใหตรงกับวัตถุประสงค ของการใชงาน
Automatic Weld Gauge Bridge Cam Weld Gauge เกจวัดแนวเชื่อม
บรรทัดเหล็ก
เวอรเนียคาลิปเปอร
แปรงลวด
ผาทําความสะอาด
ชิ้นงานเชื่อมตอชน
ชิ้นงานเชื่อมตอตัวที
ตัวอยางชิ้นงานเชื่อม
2. ทําความสะอาดชิ้นงาน
ทําความสะอาดชิ้นงานเชื่อ ม โดยขัดดวย แปรงลวดแลวเช็ดดวยผาสะอาด
3. วัดความยาวแนวเชื่อม
ชิ้นงานเชื่อมตอชน
ตรวจสอบสเกลและ
วัดความยาวแนวเชื่อม (Weld Length) ดวย อานคาสเกลใหถูก ตอ ง บรรทัดเหล็ก เ พื่ อ ป อ ง กั น ค า ที่ ได คลาดเคลื่อน
48 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน 4. วัดความกวางแนวเชื่อม
คําอธิบาย ใชเวอรเนียคาลิปเปอรวัดความกวางแนว
ขอควรระวัง หาจุ ดที่ มี ความกว าง
เชื่อม (Weld Cap Width) โดยวัดทั้งจุดสูงสุด ต่ํ า สุ ด และสู ง สุ ด ของ และจุดต่ําสุด แนวเชื่อมใหถูกตอง 5. วัดความนูนแนวเชื่อม
วัดความนูนแนวเชื่อม (Excess Cap Height) ศึก ษาวิธีก ารใช เกจวัด ที่จุดสูง สุด และจุดต่ําสุด ดวยเกจวัดแนว แนวเชื่ อ ม แบบ Bridge เชื่อม แบบ Bridge Cam Weld Gauge
Cam Weld Gauge ก อ น
วัดชิ้นงาน 6. วัดความกวางแนวราก
วั ด ความกว า งของแนวราก ( Root Bead หาจุดที่มีความกวางแนว Width) ที่ จุ ด สู ง สุ ด และจุ ด ต่ํ า สุ ด โดยใช รากต่ําสุด และสูงสุดของ
เวอรเนียรคาลิปเปอร 7. วัดความนูนแนวราก
แนวเชื่อมใหถูกตอง
วั ด ค ว า ม นู น แ น ว ร า ก ( Excess Root หาจุ ดที่ มี ความนู นแนว Penetration) ที่ จุ ดสู งสุ ด และจุ ดต่ํ าสุ ด ดวย รากต่ําสุด และสูงสุดของ
เกจวั ด แนวเชื่ อ ม แบบ Bridge Cam Weld แนวเชื่อมใหถูกตอง Gauge
8. บันทึกผลลงในตารางบันทึกผล
วัดขนาดของชิ้นงานใหครบทั้ง 3 ชิ้น แลว ตรวจสอบความถูกตอง บันทึกผลลงในตารางบันทึกผล ของคาที่อา นได กอนสง ตรวจ
9. วัดความยาวแนวเชื่อม
ชิ้นงานเชื่อมตอตัวที
ตรวจสอบสเกลและ
วัดความยาวแนวเชื่อมดวยบรรทัดเหล็ก
อานคาสเกลใหถูก ตอ ง เ พื่ อ ป อ ง กั น ค า ที่ ได คลาดเคลื่อน
49 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน 10. วัดขนาดขาแนวเชื่อม
คําอธิบาย ใชเกจวัดแนวเชื่อม แบบ Automatic
ขอควรระวัง ศึกษาวิธีการใช เกจวัด
Weld Gauge วัดขนาดขาแนวเชื่อม (Leg) แนวเชื่อม แบบ Automatic Weld โดยวัดทั้ง L 1 และ L 2 ดังภาพ Gauge กอนวัดชิ้นงาน
11. วัดระยะคอแนวเชื่อม
วัดระยะคอแนวเชื่อม (Throat) โดยใชเกจ ศึ ก ษาวิ ธี ก ารใช เ กจวัด วั ด แนวเชื่ อ ม แบบ Bridge Cam Weld แนวเชื่ อ ม แบบ Bridge Cam Weld Gauge แ ละ Gauge อานคาสเกลใหถูกตอง
12. วัดขนาดผิวแนวเชื่อม
วัดขนาดของผิวแนวเชื่อมนูนหรือผิวแนว
ศึกษาวิธีการใชเกจวัด
เชื่อมเวา (Convexity or Concavity) โดย แนวเชื่อม แบบ Automatic Weld ใชเกจวัดแนวเชื่อม แบบ Automatic Weld Gauge
13. บันทึกผลลงในตาราง
Gauge กอนวัดชิ้นงาน
วัดขนาดของชิ้นงานเชื่อมใหครบทั้ง 3 ชิ้น ตรวจสอบความถูกตอง แลวบันทึกผลลงในตารางบันทึกผล
50 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
ของคาที่อา นได กอนสง ตรวจ
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ใบใหคะแนนการตรวจสอบ ลําดับที่ 1
รายการประเมิน การเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ
เกณฑการใหคะแนน
คะแนนเต็ม
เตรียมเครื่องมือ อุปกรณ และวัสดุที่เกี่ยวของไดถูกตอง
2
ครบถวน ให 2 คะแนน เตรียมเครื่องมือ อุปกรณ และวัสดุที่เกี่ยวของไดถูกตอง แตไมครบถวน ให 1 คะแนน เตรียมเครื่องมือ อุปกรณ และวัสดุที่เกี่ยวของไมถูกตอง ให 0 คะแนน 2
ชิ้นงานเชื่อมตอชน
วัดความยาวแนวเชื่อมไดถูกตอง ใหชิ้นละ 1 คะแนน
- การวัดความยาวแนวเชื่อม (Weld Length)
วัดความยาวแนวเชื่อมไมถูกตอง ใหชิ้นละ 0 คะแนน
- การวัดความกวางแนวเชื่อม (Weld Cap Width)
วัดความกวางแนวเชื่อมไดถูกตอง ใหชิ้นละ 1 คะแนน วัดความกวางแนวเชื่อมไมถูกตอง ใหชิ้นละ 0 คะแนน
3
- การวัดความนูนแนวเชื่อม (Excess Cap Height)
วัดความนูนแนวเชื่อมไดถูกตอง ใหชิ้นละ 1 คะแนน วัดความนูนแนวเชื่อมไมถูกตอง ใหชิ้นละ 0 คะแนน
3
- การวัดความกวางแนวราก (Root Bead Width)
วัดความกวางแนวรากไดถูกตอง ใหชิ้นละ 1 คะแนน
3
3
วัดความกวางแนวรากไมถูกตอง ใหชิ้นละ 0 คะแนน
3
- การวัดความนูนแนวราก (Excess Root Penetration)
วัดความนูนแนวรากไดถูกตอง ใหชิ้นละ 1 คะแนน วัดความนูนแนวรากไมถูกตอง ใหชิ้นละ 0 คะแนน
3
ชิ้นงานเชื่อมตอตัวที - ความยาวแนวเชื่อม (Weld Length)
วัดความยาวแนวเชื่อมไดถูกตอง ใหชิ้นละ 1 คะแนน วัดความยาวแนวเชื่อมไมถูกตอง ใหชิ้นละ 0 คะแนน
3
- การวัดขนาดขาแนวเชื่อม (Leg)
วัดขนาดขาแนวเชื่อมไดถูกตอง ใหชิ้นละ 1 คะแนน วัดขนาดขอแนวเชื่อมไมถูกตอง ใหชิ้นละ 0 คะแนน
3
- การวัดระยะคอแนวเชื่อม (Throat)
วัดระยะคอแนวเชื่อมไดถูกตอง ใหชิ้นละ 1 คะแนน
3
วัดระยะคอแนวเชื่อมไมถูกตอง ใหชิ้นละ 0 คะแนน - การวัดขนาดผิวแนวเชื่อมนูนหรือผิวแนวเชื่อมเวา
วัดความนูนหรือความเวาแนวเชื่อมไดถูกตอง ใหชิ้นละ 1 คะแนน
(Convexityor Concavity)
3
วัดความนูนหรือความเวาของแนวเชื่อมไมถูกตอง ใหชิ้นละ 0 คะแนน 4
เก็บเครื่องมือและอุปกรณเขาที่ไดถูกตอง ครบถวน
การจัดเก็บเครื่องมือและอุปกรณ
2
ให 2 คะแนน เก็บเครื่องมือและอุปกรณเขาที่ไดถูกตอง แตไมครบถวน ให 1 คะแนน ไมเก็บเครื่องมือและอุปกรณเขาที่ ให 0 คะแนน คะแนนเต็ม
31
51 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คะแนนที่ได
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
หมายเหตุ หากผูเขารับการฝกไดรับคะแนน 22 คะแนนขึ้นไป (คะแนนมากกวาหรือเทากับรอยละ 70) ใหผูเขารับการฝก ขอเขารับการทดสอบภาคปฏิบัติได
52 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
รายละเอียดหัวขอวิชาที่ 2
0920722002 การใชเครื่องมือทั่วไป (ใบเตรียมการสอน) 1. ผลลัพธการเรียนรู 1. นําคีม คีมล็อก แคลมป ปากกา การใชตะไบและเลื่อยมือ การใชคอนและสกัดไปใชไดอยางถูกตอง 2. นําดอกสวานและเครื่องเจาะ การใชประแจแบบตาง ๆ การใชชะแลง ลิ่ม และแมแรงยกของ การใชแปรงลวด ไปใชไดอยางถูกตอง 3. นําหินเจียระไนมือ (Hand Grinder) ไปใชไดอยางถูกตอง 4. นําการดูแลและบํารุงรักษาเครือ่ งมือทั่วไปไปใชไดอยางถูกตอง 5. ปฏิบัติการใชและบํารุงรักษาเครื่องมือทั่วไปไดอยางถูกตอง
2. หัวขอสําคัญ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9.
คีม คีมล็อก แคลมป ปากกา ตะไบและเลื่อยมือ คอนและสกัด ดอกสวานและเครื่องเจาะ ประแจ ชะแลง ลิ่ม และแมแรงยกของ แปรงลวด หินเจียระไนมือ (Hand Grinder) การดูแลและบํารุงรักษาเครื่องมือ
3. วิธีการฝกอบรม การฝกอบรมสามารถเลือกได 3 รูปแบบ คือ 1) การฝกอบรมดวยการสงมอบสื่อสิ่งพิมพ 2) การฝกอบรมที่ศูนยฝกอบรม 3) การฝกอบรมดวยสื่อในระบบออนไลน ดังรายละเอียดในขอแนะนําสําหรับครูฝก
53 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
4. อุปกรณชวยฝก 1. สื่อการฝกอบรม ครูฝกสามารถเลือกใชงานสื่อได 2 รูปแบบ คือ 1.1 รูปแบบสื่อสิ่งพิมพ (Offline) ประกอบดวย - คูมือครูฝก เพื่อประกอบการจัดการฝกอบรม - คูมือการประเมิน เพื่อบันทึกผลการประเมินการทดสอบของผูรับการฝก - สื่อวีดิทัศน (DVD) เพื่อประกอบการจัดการฝกอบรม 1.2 รูปแบบอิเล็กทรอนิกส (Online) ประกอบดวย - คูมือครูฝกรูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส (.pdf) เพือ่ ประกอบการจัดการฝกอบรม - คูมือการประเมินรูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส (.pdf) เพื่อบันทึกผลการประเมินการทดสอบของผูร บั การฝก - สื่อวีดิทัศน (Online) เพื่อประกอบการจัดการฝกอบรม 2. วัสดุและอุปกรณประกอบการจัดฝกอบรมตอผูรบั การฝก 1 คน 2.1 วัสดุ 1) เลื่อยมือ จํานวน 1 อัน 2) เครื่องเจาะชนิดตั้งโตะ จํานวน 1 เครื่อง 3) คอนหัวกลม จํานวน 1 อัน 4) ฉาก จํานวน 1 อัน 5) ซีแคลมป จํานวน 1 ตัว 6) ดอกสวานขนาด 5 มิลลิเมตร จํานวน 1 ดอก 7) ตะไบหยาบ 12 นิ้ว จํานวน 1 ดาม 8) บรรทัดเหล็ก จํานวน 1 อัน 9) ปากกาจับชิ้นงาน จํานวน 1 ตัว 10) ไมรองชิ้นงาน จํานวน 1 ชิ้น 11) สกัด จํานวน 1 อัน จํานวน 1 อัน 12) เหล็กขีด 13) เหล็กตอกนําศูนย จํานวน 1 อัน 2.2 เครื่องมือและอุปกรณ 1) แบบชิ้นงาน จํานวน 1 ชุด 2) เหล็กฉาก ขนาด 65 x 65 x 5 มิลลิเมตร จํานวน 1 เสน
54 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
5. ขั้นตอนการฝกอบรม 1. ครูฝกมอบหมายใหผรู ับการฝกทําแบบทดสอบกอนฝก (Post-Test) และประเมินผล 1.1 ถาผลการประเมินผานเกณฑรอยละ 70 ตามที่กําหนดในเอกสารโครงรางหลักสูตร จะมีสิทธิ์ขอเขารับการฝก ภาคปฏิบัติ (ถามี) หรือเขารับการฝกในโมดูลถัดไป หรือเขารับการฝกในโมดูลที่ครูฝกกําหนดได 1.2 ถาผลการประเมินต่ํากวารอยละ 70 ใหครูฝก มอบหมายผูร ับการฝกใหฝกอบรมภาคทฤษฎี 2. การฝกอบรมภาคทฤษฎี ใหผูรับการฝกศึกษาคูมือผูรับการฝก และฝกหัดทําใบทดสอบทายหัวขอวิชา 3. เมื่อผูรับการฝกศึกษาคูมือผูรับการฝกประจําโมดูลนั้นเขาใจแลว ใหครูฝกมอบหมายผูรับการฝกใหทําแบบทดสอบ หลังฝก (Post-Test) และประเมินผลเชนเดียวกับแบบทดสอบกอนฝก 4. การฝกอบรมภาคปฏิบัติ ครูฝกชี้แจงลําดับการปฏิบัติงานตามใบขั้นตอนการปฏิบัติงาน 5. ครูฝกใหผูรับการฝกทําการฝก โดยครูฝกตองคอยสอบถาม ชี้แนะ และใหคําแนะนําเมื่อผูรับการฝกมีขอสงสัย 6. ครูฝกตรวจผลงานตามแบบประเมินผลใบงาน พรอมวิเคราะหผลงานรวมกับผูรับการฝกและแนะนําวิธีแกไข 7. ครูฝกแนะนําผูรับการฝกที่คะแนนผลงานผานเกณฑรอยละ 70 ใหทดสอบเพื่อจบโมดูลที่ฝก
6. การวัดผล 1. ครูฝกประเมินผลภาคทฤษฎีจากแบบทดสอบกอนฝก 1.1 ถาผลการประเมินผานเกณฑรอยละ 70 ตามที่กําหนดในเอกสารโครงรางหลักสูตร จะมีสิทธิ์ขอเขารับการฝก ภาคปฏิบัติ (ถามี) หรือเขารับการฝกในโมดูลถัดไปได 1.2 ถาผลการประเมินต่ํากวารอยละ 70 ใหครูฝก มอบหมายใหผรู ับการฝกศึกษาเนื้อหาจากสื่อดวยตนเองจนเขาใจ จึงทําแบบทดสอบหลังฝก (Post-Test) 2. ครูฝกประเมินแบบทดสอบหลังฝก โดยใชหลักเกณฑเดียวกับการประเมินแบบทดสอบกอนฝก 3. ครูฝก ประเมินผลภาคปฏิบัตจิ ากการตรวจประเมินผลงานของผูร บั การฝกโดยตองผานเกณฑรอ ยละ 70 ตามที่กาํ หนด ในเอกสารโครงรางหลักสูตร จึงจะมีสทิ ธิ์เขารับการฝกในโมดูลถัดไปได หรือเขารับการฝกในโมดูลที่ครูฝก กําหนดได
7. บรรณานุกรม กรมพัฒนาฝมือแรงงาน. 2558. คูมือเตรียมทดสอบมาตรฐานฝมือแรงงานแหงชาติ กลุมสาขาอาชีพชางอุตสาหการ สาขาอาชีพชางเชื่อมทิก ระดับ ๑. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : www.dsd.go.th/standard/Region/ Download_Doc/9666 กรมพัฒนาฝมือแรงงาน. 2558. คูมือเตรียมทดสอบมาตรฐานฝมือแรงงานแหงชาติ กลุมสาขาอาชีพชางอุตสาหการ สาขาอาชีพชางเชื่อมแม็ก ระดับ ๑. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : http://www.dsd.go.th/standard/Region/ Doc_ShowDetails/6196
55 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
กฤษณะ ทางสกุล, ปยะพงษ บางสรอย, สุรัตน คําภูเมือง, อนิวัฒน ไชยาผาม, อภิสิทธิ์ มูลเอก และอัครดล หอชัย. ม.ป.ป. เครื่ อ งเจาะ. [ออนไลน ] . เข า ถึ ง ได จ าก : https://sites.google.com/site/krrmwithikarphlitt/neuxhasara/bth-thi-3-kheruxng-ceaa บริษัท ปูนซิเมนตไทย จํากัด. 2558. ศัพทคนสรางบาน ลูกหมู. [Online].Available : http://www.scgbuilding materials.com/th/LivingIdea/NewBuild/Grinder.aspx วสวัชร นาคเขียว และ อนิรุท ไชยจารุวนิช. 2559. บทที่ 5 เครื่องเจาะและงานเจาะรู. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : http://ie.eng.cmu.ac.th/IE2014/elearnings/2016_08/195/บทที่5%20เครื่องเจาะและงานเจาะรู.pdf ศูนยวิทยาศาสตรเพื่อการศึกษาขอนแกน กระทรวงศึกษาธิการ. 2554. เครื่องผอนแรง. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : http://www.kksci.com/E-Book/pdf/5.pdf
56 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
กิจกรรมการฝกอบรม ขั้นตอนการสอนหรือกิจกรรมของครูฝก ขั้นตอนการเรียนหรือกิจกรรมของผูรับการฝก ขั้นเตรียม 1. เช็คชื่อผูรับการฝก 1. ขานชื่อตามเลขที่ 2. เตรียมเครื่อง Projector 2. ชวยครูเตรียมเครื่อง Projector 3. เตรียมตัวอยางเครื่องมือทั่วไปเพือ่ ใชประกอบ การสอน และตรวจสอบความพรอมใชงาน ของเครื่องมือ เชน คีม แคลมป ตะไบ คอน ประแจ เครื่องเจีย เปนตน 4. ตัวอยางแบบชิ้นงานตามใบงานที่ 2.1 ขั้นประเมินผลกอนเรียน ตอบคําถาม ดวยความตั้งใจ โดยใชความรูพื้นฐาน ถามพื้นความรูเกี่ยวกับการใชเครื่องมือทั่วไป ที่มีอยู ขั้นนําเขาสูบทเรียน 1. ถามคํ าถามที่ เ กี่ ย วข อ งกั บ เนื้ อ หาเพื่อ สร า ง 1. ฟง ตอบคําถามและซักถามขอสงสัย ความสนใจ 2. บอกผลลัพธการเรียนรูในเรื่อง การใชเครื่องมือ 2. ฟง และซักถามขอสงสัย ทั่วไป ขั้นสอน 1. แจกคู มื อ ผู รั บ การฝ ก เรื่ อ ง การใช เ ครื่อ งมือ 1. รับ คูมือ ผูรับ การฝก เรื่อ ง การใชเ ครื่อ งมือ ทั่วไป หนาที่ 43 - 84 ไปศึกษา ทั่วไป หนาที่ 43 - 84 2. สอนเนื้อหาเรื่อง การใชเครื่องมือทั่วไป โดยใช 2. จดบันทึก ตอบคําถาม ซัก ถามขอสงสัยตรงตาม เนื้อหาดวยวาจาที่สุภาพเรียบรอย วิธีถาม - ตอบกับผูรับการฝก และใชความรู เดิมของผูรับการฝกมาตอยอดเปนความรูใหม พรอ มใช สื่ อ วี ดิทั ศน นาทีที่ 00.00 - 37.45 และตัวอยางของจริงประกอบการสอน โดยมีสาระสําคัญดังนี้ 2.1 การใชคีม คีมล็อก และแคลมป 2.2 การใชปากกาจับชิ้นงาน 2.3 การใชตะไบและเลื่อยมือ 2.4 การใชคอน และสกัด 2.5 การใชดอกสวานและเครื่องเจาะ 57 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
กิจกรรมการฝกอบรม ขั้นตอนการสอนหรือกิจกรรมของครูฝก ขั้นตอนการเรียนหรือกิจกรรมของผูรับการฝก 2.6 การใชประแจแบบตาง ๆ 2.7 การใชชะแลง ลิ่ม และแมแรงยกของ 2.8 การใชแปรงลวด 2.9 การดูแลและบํารุงรักษาเครื่อ งมือ ทั่วไป 3. มอบหมายใหทําใบทดสอบจากคูมือผูรับการ 3. ทําใบทดสอบหนาที่ 72 - 73 โดยครูฝกคอยสังเกต ฝก หนาที่ 72 - 73 และใหคําแนะนําเพิ่มเติม 4. เฉลยใบทดสอบ โดยดู เ ฉลยจากคู มือ ครูฝก 4. จดบันทึก ตอบคําถาม ซักถามขอสงสัยดวยวาจาที่ สุภาพเรียบรอย ตรวจใบทดสอบโดยสลับกันตรวจ หนาที่ 87 กับเพื่อนดวยความถูกตองและเปนธรรม 5. มอบหมายใหศึกษาใบงานที่ 2.1 เรื่อง การใช 5. ศึก ษาใบงานที่ 2.1 เรื่อ ง การใชเ ครื่องมือทั่วไป เครื่องมือทั่วไป จากคูมือผูรับการฝก หนาที่ หน า ที่ 74 - 84 โดยครู ฝ ก คอยสั ง เกตและให 74 - 84 คําแนะนําเพิ่มเติม 6. อธิบายและถามตอบขอซักถามเกี่ยวกับงานที่ 6. จดบันทึก ซักถามขอสงสัยเกี่ยวกับงานที่จะปฏิบัติ จะปฏิบัติและขอควรระวัง โดยใชสื่อวีดิทัศน ดวยวาจาที่สุภาพเรียบรอย นาทีที่ 00.00 - 08.27 มีสาระสําคัญ ดังนี้ 6.1 วั ส ดุ - อุ ป กรณ และเครื่อ งมือที่ใช ในการเจาะ เลื่อย และสกัดชิ้นงาน 6.2 ขั้นตอนการเจาะ เลื่อ ย และสกัด ชิ้นงาน 6.3 การปฏิบัติงานดวยความปลอดภัย 6.4 วิธีการดูแลและบํารุงรักษา เครื่องมือทั่วไป 7. แบงกลุมปฏิบัติงานกลุมละ 4 - 5 คน 7. แบงกลุมตามความสมัครใจ 8. จายวัสดุ - อุปกรณและเครื่องมือปฏิบัติงาน 8. รับวัสดุ - อุปกรณและเครื่องมือปฏิบัติงานตามใบ ตามใบขั้นตอนการปฏิบัติง านในคูมือ ครูฝก ขั้นตอนปฏิบัติงานในคูมือผูรับการฝก หนาที่ 76 - 77 หนาที่ 90 - 91
58 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
กิจกรรมการฝกอบรม ขั้นตอนการสอนหรือกิจกรรมของครูฝก ขั้นตอนการเรียนหรือกิจกรรมของผูรับการฝก 9. ควบคุมดูแล ตรวจสอบ และใหคําแนะนําตอ 9. ปฏิ บั ติ ง านด ว ยความตั้ ง ใจและคํ า นึ ง ถึ ง ความ ผูรับการฝกขณะปฏิบัติงานทุกขั้นตอนอยาง ปลอดภัย ใกลชิด 10. ควบคุ ม และดู แ ลการทํ าความสะอาดพื้นที่ 10. ทําความสะอาดพื้นที่ปฏิบัติงาน ปฏิบัติงานของผูรับการฝก 11. ตรวจเช็ ควั ส ดุ - อุ ป กรณ และเครื่ อ งมือ ให 11. เก็บวัสดุ - อุปกรณและเครื่องมือปฏิบัติงานใหมี ครบถวน สภาพพรอมที่จะใชงานตอไปและสงคืน ขั้นสรุป อภิปรายและรวมสรุปเรื่องที่เรียนรวมกัน นําอภิปรายสรุปสาระสําคัญเรือ่ ง การใชเครื่องมือ ทั่วไป ขั้นประเมินผลหลังการฝก รับฟงผลการประเมิน และซักถามขอสงสัย สรุปผลการประเมินผลรวมเรือ่ ง การใชเครื่องมือ ทั่วไป เกี่ยวกับกิจนิสัยในการปฏิบัติงาน และ คุณลักษณะที่ตองการบูรณาการคุณธรรม จริยธรรม ใบ ทดสอบ และใบงาน
59 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ใบขอมูล หัวขอวิชาที่ 2 การใชเครือ่ งมือทั่วไป 1. คีม เครื่องมือที่ใชสําหรับการจับยึด พับ ดัด ตัด วัสดุชิ้นงาน โดยคีมจะมีรูปรางและลักษณะแตกตางกันไปตามการใชงาน ดังนี้ 1.1 คีมปากขยาย (Slip Joint Plier) คือ คีมที่ปากคีมมีลักษณะโคงมน สามารถขยายออก หรือลดใหแคบลงได เหมาะสําหรับใชในงานเครื่องกลหรือเครื่องยนต 1.2 คีมล็อก (Vise Grip Pliers) คือ คีมที่ไดรับการออกแบบมาเปนพิเศษ ปลายดามจะมีสกรูปรับ เพื่อใชปรับขนาด ความกวางของปากคีมใหเหมาะสมกับชิ้นงาน เหมาะสําหรับใชจับหรือบีบชิ้นงานที่ตองการความแนนมาก
ภาพที่ 2.1 คีมปากขยาย
ภาพที่ 2.2 คีมล็อก
วิธีการใชงาน 1) เลือกใชคีมใหเหมาะสมกับงาน 2) ฟนและปากของคีมตองอยูในสภาพพรอมใชงาน 3) การจับ คีม ควรใหดามคีม อยูร ะหวางปลายนิ้วทั้ง 4 และใชอุง มือ กับ นิ้วหัวแมมือ กดดามคีมอีกดาน เพื่อใหมีกําลังในการจับหรือตัด ขอควรระวัง 1) ไมควรใชคีมตัดโลหะหรือชิ้นงานที่มีขนาดใหญหรือแข็งเกินไป 2) ไมควรใชคีมขันหรือคลายหัวนอตกับสกรู เพราะอาจทําใหเกิดความเสียหายได วิธีการดูแลและบํารุงรักษาคีม เช็ดทําความสะอาดแลวหยดน้ํามันที่จุดหมุน และชโลมน้ํามันหลังการใชงาน
60 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
2. แคลมป (Clamp) แคลมปเ ปนอุปกรณที่มีความสําคัญในการประกอบ ชวยจับ ชิ้นงานในขณะสรางชิ้นงาน ยึดของสองสิ่ง เขาดวยกัน ดวยแรงบีบเขาหรือดันออก เพื่อปองกันไมใหเกิดการเคลื่อนไหว รวมถึงการบีบชิ้นงานไวดวยกันในขณะติดกาวหรือประกอบ ทําใหทํางานไดอ ยางสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งตางจากปากกาจับ ชิ้นงานที่ใชในการยึดจับ ชิ้น งานไว กับ โตะ ในขณะสรางชิ้นงาน แคลมปมีหลายประเภทขึ้นอยูกับประสิทธิภาพและรูปแบบการใชงาน ไดแก 2.1 สปริงแคลมป (Spring Clamp) มีลักษณะคลายไมหนีบที่มีสปริงตัวใหญอยูภายใน ซึ่งมีอยูสองแบบหลัก ๆ คือ แบบที่ทําจากโลหะ และแบบที่ทําจากพลาสติก ขอดีของสปริงแคลมป ใชงานงาย และราคาถูก สวนขอเสียคือ ไมสามารถกําหนดแรงบีบ แรงหนีบจับชิ้นงานได ตองขึ้นอยูกับความแข็งของสปริงเทานั้นตางจากแคลมปแบบอื่น
ภาพที่ 2.3 สปริงแคลมปที่ทําจากโลหะ
ภาพที่ 2.4 สปริงแคลมปที่ทําจากพลาสติก
ตอมาไดมีการพัฒนาสปริงแคลมปใหใชงายขึ้น และสามารถกําหนดแรงบีบได โดยมีชื่อวา สปริงแคลมป ระบบเฟอง (Ratcheting Spring Clamp) โดยที่แคลมปชนิดนี้จะมีสปริงที่ไมแข็งมากในการกางปากแคลมปออก เวลาใชจ ะใช แรงมื อบี บด ามจั บเพื่อ ใหแคลมปบีบชิ้นงานดวยแรงบีบตามความเหมาะสม โดยกลไก Ratchet Spring Clamp จะปองกันไมใหแคลมปกางออกจนกวาจะปลดล็อกกลไกนั้น
ภาพที่ 2.5 สปริงแคลมประบบเฟอง
61 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
2.2 ซีแคลมป (C-Clamp) มีโครงเปนรูปตัวซี ใชระบบมือหมุนเกลียวในการสรางแรงบีบ เหมาะสําหรับการทํางาน เล็ก ๆ นอย ๆ ซีแคลมปที่ดีควรมีสวนที่สัมผัสกับชิ้นงานที่เรียบอยางสม่ําเสมอ ขอเสีย ของซีแคลมป ปรับ ขนาดความกวางของการบีบชิ้นงานยาก เนื่อ งจากจําเปนตอ งคอ ย ๆ หมุนเกลียว จนกวาจะมีที่กวางพอสําหรับใสชิ้นงาน แลวจึงคอย ๆ หมุนเกลียวกลับเพื่อบีบชิ้นงาน แตสําหรับควิกซีแคลมป (Quick C-Clamp) มีลักษณะพิเศษคือ มีกลไกในการยึดจับเกลียวที่เพิ่มปุมกดเพื่อเลื่อนปรับขนาดไดโดยไมตอง คอย ๆ หมุนเกลียว จึงชวยในการทํางานไดเร็วขึ้น
ภาพที่ 2.6 ซีแคลมปรปู ตัวซี
ภาพที่ 2.7 แคลมปแบบมีสองแขน และหุม พลาสติกบริเวณที่สัมผัสกับชิ้นงาน
ภาพที่ 2.8 ควิกซีแคลมป/บารแคลมป
62 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
2.3 เอฟแคลมป (F-Clamp) เปนแคลมปที่มีรูปรางเหมือนตัวเอฟ โดยที่มีแขนขางหนึ่งสามารถเลื่อนไปมาได ขณะที่ อีกขางยึดติดอยูกับที่ สามารถเลื่อนปรับขนาดไดอยางรวดเร็ว ใชไดกับวัตถุขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ เอฟแคลมป มีอยู 3 ประเภท คือ เอฟแคลมปแบบแยกประกอบ เอฟแคลมปแบบโครงทําจากโลหะชิ้นเดียว และเอฟแคลมป แบบยาว ขอดีของเอฟแคลมป สามารถเลื่อนปรับขนาดไดอยางรวดเร็ว โดยสามารถเลื่อนแขนขางหนึ่งใหพ อดีกับชิ้นงาน แลวเมื่อ เริ่ ม ออกแรงบีบ ชิ้ นงานแขนข างที่เ คลื่อ นไหวจะเอียงเล็ก นอ ย และขัดกับ แกนของแคลมป จนทําให เคลื่อนไหวตอไมไดในที่สุด อีกทั้งมีใหเลือกหลากหลายขนาดทั้งความยาวของแกน และความยาวของแขน ซึ่งเปน ที่นิยมในปจจุปน
ภาพที่ 2.9 เอฟแคลมปแบบแยกประกอบ
ภาพที่ 2.10 เอฟแคลมปแบบโครงทําจากโลหะชิ้นเดียว
ภาพที่ 2.11 เอฟแคลมปแบบยาว 2.4 สปดแคลมป/ควิกแคลมป (Speed Clamp/Quick Clamp) มีลักษณะแขนคลายเอฟแคลมปคือ มีแขนขางหนึ่ง ที่สามารถเคลื่อนที่ได และมีไกสําหรับใชมือบีบเพื่อใหแคลมปบบี ชิ้นงานแนนขึ้นเรื่อย ๆ และมีปุมไกเล็ก ๆ สําหรับ คลายล็อกเพื่อเลื่อนแขนไป ขอดีของสปดแคลมป/ควิกแคลมป คือ ความเร็ว ซึ่งทําใหประหยัดเวลาและสะดวกสบายในการใชงาน 63 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ภาพที่ 2.12 สปดแคลมป 2.5 แคนททวิสทแคลมป (Kant-Twist Clamp) เปนเแคลมปที่มักใชในงานเหล็กและงานอุตสาหกรรมเปนหลัก ดวยโครงสรางการออกแบบที่รวมกําลังของเกลียวแบบซีแคลมปกับ การใชห ลักการคานดีด คานงัด จึง ทําให แคนททวิสทแคลมปใหแรงบีบที่เยอะกวาซีแคลมป สวนที่สัมผัสชิ้นงานทําจากทองแดง ซึ่งเปนโลหะทีค่ อนขางออน จึงไมทําใหเกิดรอยบนชิ้นงานโลหะ แตการใชงานคอนขางชาเพราะเปนระบบเกลียวมือหมุน
ภาพที่ 2.13 แคนททวิสทแคลมป 2.6 แคลมปทอ (Pipe Clamp) เปนแคลมปที่จับชิ้นงานไดหลากหลายขนาดที่สุด เพราะสามารถเลือกความยาวของ แคลมปไดดวยการเลือกความยาวของทอ เพราะแคลมปทอออกแบบมาใหสามารถใสประกอบกับทอเหล็กขนาด 3/4 นิ้ว หรือ 1/2 นิ้ว แตทั้งนี้ก็ขึ้นอยูกับแตละรุน ขอดีของแคลมปทอ คือ สามารถเลือกทอใหเหมาะกับงานที่ตองการทํา สวนขอเสียของแคลมปทอ คือ มีพื้นที่ สัมผัสชิ้นงานนอย ทําใหบีบชิ้นงานไดแคขอบเทานั้น
ภาพที่ 2.14 แคลมปทอ 64 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
2.7 แคลมปอัดไม/ปากกาอัดไม/แมแ รงอัดไม (T Bar Clamp/I Bar Clamp) เปนแคลมปที่แขนคอ นขางสั้น สวนใหญแคลมปชนิดนี้จะใชในการเพลาะไม แตก็สามารถใชในการประกอบชิ้นงานได โดยจะวางแคลมปไวบนพื้น หรือ บนโต ะ แล ววางชิ้ นงานไว บ นแคลมป เนื่อ งจากแคลมปชนิดนี้ทําจากเหล็ก ที่ห นาและมีน้ําหนั ก จึง ยาก ตอการยกขึ้นมาบีบชิ้นงาน T Bar Clamp และ I Bar Clamp มีลักษณะการใชงานที่เหมือนกัน จะแตกตางกัน ที่รูปรางหนาตัดของแทงเหล็กเทานั้น ขอดีของแคลมปอัดไม คือ ราคาที่คอนขางถูกเมื่อเทียบกับขนาดความยาวที่มใี หเลือกตั้งแต 3, 4, 5, 6, 7 ถึง 8 ฟุต สวนขอเสียคือ มีน้ําหนักมาก ทําใหเอาออกมาใชและจัดเก็บไดยาก
T Bar Clamp
I Bar Clamp
ภาพที่ 2.15 แคลมปอัดไม/ปากกาอัดไม/แมแรงอัดไม 2.8 แคลมปขนาน (Parallel Clamp) เปนแคลมปที่สามารถปรับขนาดระหวางแขนไดงาย มีพื้นที่สัมผัสชิ้นงานมาก และทํามุม 90° กับแกน เหมาะกับงานประกอบชิ้นงานที่ตองการความแมนยํา แตไมเหมาะกับการใชยึดจับชิ้นงาน ที่มีขนาดเล็ก นอกจากนั้นยังมีการกระจัดแรงบีบอยางสม่ําเสมอทั่วพื้นที่สัมผัสชิ้นงาน และมีใหเลือกหลายขนาด ขอเสีย ของแคลมป ข นาน คื อ มี ขนาดแขนจับ ที่ใหญไมเหมาะกับการใชยึดจับชิ้นงานเล็ก ๆ หรือ จับ ชิ้นงาน ในขั้นตอนขึ้นรูป เหมาะกับการใชในขั้นตอนประกอบงานเปนหลัก และมีราคาคอนขางสูง ซึ่งในปจจุบันยังไม เปนที่นิยม
ภาพที่ 2.16 แคลมปขนาน 2.9 แคลมปเขามุม (Mitre Clamp) แคลมปเขามุมเปนแคลมปที่มีการใชงานคอนขางเฉพาะเจาะจง ใชในการประกอบงาน ที่เขามุมและไมสามารถใชแคลมปชนิดอื่น ๆ ได แตสามารถทําไดเฉพาะมุม 90° เทานั้น ขอดีของแคลมปเขามุม คือ ทําใหการเขามุมงายขึ้น ขอเสีย คือ สามารถเขาไดเฉพาะมุม 90° เทานั้น 65 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ภาพที่ 2.17 แคลมปเขามุม 2.10 แคลมปส ายรัด (Band Clamp) เป นแคลมปที่ใชแรงดึง จากเชือ กในการรัดชิ้นงานใหติดกัน โดยมีแผนรอง ที่ มักจะทําจากพลาสติกหรือโลหะรองรับในบริเวณมุมตาง ๆ บนชิ้นงานที่ถูกรัดดวยสายรัด เพื่อปองกันการเกิดรอย จากการถูกรัด ซึ่งเปนอีกวิธีในการประกอบหรือยึดติดชิ้นงานที่เขามุม แตมีความยืดหยุนในการใชงานมากกวา แคลมปเ ข ามุม เนื่ อ งจากสามารถใชกับ มุม ที่ไมใช 90° ได เพราะฉะนั้นจะเปนกรอบสามเหลี่ยม หาเหลี่ยม หกเหลี่ยม ก็สามารถใชได โดยกลไกการเพิ่มแรงบีบจะมีสองแบบที่นิยมใช คือ แบบใชกลไกเฟอง ซึ่งมีสปริงสับ ทําใหหมุนไปไดทางเดียว หรือ Ratchet แบบที่ใชกับสายรัดของหลังรถกระบะ และแบบที่ใชกลไกเกลียวหมุน จับชิ้นงานไวเพื่อดึงสายรัดใหแนน ดังภาพที่ 2.18 ขอดีของแคลมปสายรัด คือ มีความยืดหยุนในการใชงาน แตในความยืดหยุนก็มีขอจํากัด คือ ตองใชแคลมปสายรัด รัดรอบชิ้นงานเทานั้น
ภาพที่ 2.18 แคลมปสายรัด 2.11 แคลมปนก (Toggle Clamp) เปนแคลมปที่ใชสําหรับการยึดชิ้นงานใหติดกับโตะ หรือจิ๊กดวยสกรูที่ติดแคลมปนก เอาไว ดัง ภาพที่ 2.19 สวนใหญนิยมใชในขั้นตอนการขึ้นรูป มากกวาการประกอบ ถือ วาเปนเครื่อ งมือ สําคัญ ในการสรางจิ๊กอีกชนิดหนึ่ง นอกจากนี้ แคลมปนกยังมีใหเลือกหลากหลายแบบ
66 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ภาพที่ 2.19 แคลมปนก วิธีการใชแคลมป 1) แคลมปตองอยูในแนวขนานกับชิ้นงาน 2) หาเศษกระดาษวางระหวางแคลมปกับชิ้นงาน เพื่อปองกันการเคลื่อนที่ของแคลมป และปองกันรอย บนชิ้นงาน 3) Stud (T-Bolt) และนอตรูปตัวที (T-Slot Nut) ตองอยูใกลชิ้นงาน และ Step Block ควรอยูใกล Stud เพราะจะชวยใหจบั ชิ้นงานแข็งแรง มั่นคง แตถา Stud อยูหางจากชิ้นงานเวลาเจาะงานแคลมปจะเคลื่อนที่ได
ภาพที่ 2.20 วิธีการใชแคลมป ขอควรระวังในการใชแคลมป 1) ตองระวังสลักเกลียวปรับ อยาจับยึดใกลแนวเชื่อม เพราะจะทําใหสะเก็ดโลหะเชื่อมกระเด็นติดอยูกับเกลียว แลวทําใหสลักเกลียวปรับเสีย ขันจับยึดชิ้นงานไดยาก และทําใหแคลมปชํารุดเสียหาย 2) ถาเกลียวปรับแคลมปโกงงอ ไมควรใชคอนเคาะดัด 3) การปรับแคลมปใหแนน ไมควรใชทอเหล็กตอแขนหมุน เพราะจะทําใหเกลียวปรับชํารุด หรือตัวแคลมปเสียรูป วิธีการดูแลและบํารุงรักษา 1) หนาสัมผัสจับงานใหเรียบอยูเ สมอ 2) เกลียวทาจาระบีเสมอ 3) อยาใชแรงอัดมากเกินไป เพราะจะทําใหหัก 67 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
4) ไมใชรองรับในการทุบเหล็กหรือตะปู 5) ตองทําความสะอาด และหยอดน้ํามันกันสนิมอยูเ สมอ 3. ปากกาจับชิ้นงาน (Bench Vise) ปากกาจับชิ้นงาน หรือปากกาจับงาน เปนเครื่องมือชางชนิดหนึ่งที่ใชสาํ หรับประกอบชิ้นงาน ใชในการจับ ยึด บีบ อัด ชิ้นงาน ใหแนนเพื่อสะดวกตอการปฏิบัติงานอื่น ๆ เชน ใชจับไม โลหะ พลาสติก ฯลฯ เพื่อใชในการตัด เจาะ ตอก ขัด หรือตะไบ และเปนอุปกรณที่มีน้ําหนักพอสมควร
ภาพที่ 2.21 ปากกาจับชิ้นงาน วิธีใชปากกาจับชิ้นงาน 1) เปดปากกาออกใหกวางกวาขนาดของชิ้นงาน 2) วางชิน้ งานไวระหวางกลาง และหมุนดามเพื่อใหขาหนีบเลือ่ นเขามาจับชิ้นงาน 3) ปรับตําแหนงของชิ้นงาน 4) ขันดามใหแนน เพื่อใหสวนของขาหนีบบีบชิ้นงานแลวลองโยกชิ้นงาน ถายังขยับใหขันจนกวาจะแนน ขอควรระวังในการใชปากกาจับชิ้นงาน ไมจับชิ้นงานครัง้ ละหลายชิ้น เพื่อปองกันการเกิดอันตรายกับเครื่องจักรและผูปฏิบัติงาน วิธีการดูแลและบํารุงรักษา 1) ไมใชปากการองรับเหล็กเพื่อทุบ จะทําใหปากกาแตกหักไดงา ย 2) ทําความสะอาดทุกสวนของปากกาจับชิ้นงาน หลังจากทําความสะอาดปากกาจับชิ้นงานเสร็จ ใหชโลมดวย น้ํามันเพื่อปองกันสนิม 3) เมื่อเลิกใชงานควรขันปากกาเขาไปใหชิด
68 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
4. ตะไบและเลื่อยมือ 4.1 ตะไบ เปนเครื่องมือที่ทําจากเหล็กแข็ง ใชในการขัดตกแตงผิว หรือปาดหนาชิ้นงานที่ตองการขจัดเนื้อโลหะทิ้งไป ตะไบมีรูปรางลักษณะหลายแบบและหลายขนาด
ภาพที่ 2.22 ตะไบ 1) ลักษณะและรูปรางของตะไบ ตะไบมีหลากหลายแบบแตที่นิยมและใชกันเปนประจําสวนใหญจะพิจารณา จากหนาตัดของตัวตะไบ
ภาพที่ 2.23 ลักษณะของตะไบ 2) ชนิดของฟนตะไบ หรือคมตัดตะไบ มีอยู 4 ลักษณะ ดังนี้ - ลักษณะคมตัดเดี่ยว (Single Cut) จะเปนลักษณะรองฟนมีแถวเดียวซึ่งจะทํามุมกับแนวยาว ของหนาตะไบ
ภาพที่ 2.24 ตะไบลักษณะคมตัดเดี่ยว 69 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
- ลักษณะคมตัดคู (Doub Cut) จะแตกตางกับลักษณะคมตัดเดี่ยวคือ รองฟนจะตัดกัน ปลายคมตัด จะมียอดแหลมสามารถตัดเฉือนวัสดุไดดีกวา
ภาพที่ 2.25 ตะไบลักษณะคมตัดคู - ลักษณะคมตัดหยาบ (Rasp Cut) ลักษณะของฟนจะเปนยอดแหลม คลายฟนของเครื่องมือชาง สําหรับตกแตงไม ที่เรียกวา “บุง” คมตัดชนิดนี้ใชแตงวัสดุออน เชน อะลูมิเนียม เพื่อทําเปน รูปรางของงานที่ตองการในขั้นตนไดเปนอยางดี
ภาพที่ 2.26 ตะไบลักษณะคมตัดหยาบ - ลั ก ษณะคมตั ดเป นรู ป โคง (Curved Cut) ลัก ษณะของฟนชนิดนี้ จะเปนรูป โคงมีระยะหาง ระหวางฟนมาก เวลาใชงานเศษวัสดุจะไมติดรองฟน เหมาะสําหรับทํางานตกแตง วัสดุนี้มีลักษณะ โคงนูนซึ่งสะดวกกวาแบบอื่น
ภาพที่ 2.27 ตะไบลักษณะคมตัดเปนรูปโคง วิธีการใชงาน เพื่อใหไดผิวงานที่มีคุณภาพและขนาดตามที่ตองการ ผูป ฏิบตั ิควรมีขั้นตอนการตะไบงานที่ถูกตองดังนี้ 1) ใชมือขางที่ถนัดจับที่ดามตะไบ และใชมืออีกขางหนึ่งจับที่ปลายตะไบ 70 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
2) วางตะไบบนชิ้นงาน จากนั้นดันตะไบไปดานหนาพรอมออกแรงกดใหพอดี เมื่อดันไปจนสุดใหดึงกลับมาทีเ่ ดิม และทําซ้ําไปเรื่อย ๆ จนไดผิวงานตามที่ตองการ ขอควรระวังในการใชตะไบ 1) ขณะตะไบชิ้นงาน ไมควรใชมือไปสัมผัสผิวหนางาน 2) หามใชตะไบที่ไมมีดาม 3) ถาตะไบหลวม อาจจะหลุดจากกั่นตะไบและกระแทกเทา ซึ่งจะทําใหเกิดอันตรายได 4) หามใชกั่นตะไบไปเผารอนเพื่อสอดดามตะไบเด็ดขาด เพราะจะทําใหดามหลวมและหลุดงาย 5) ไมควรตะไบงานที่กําลังรอนอยู เพราะจะทําใหฟนตะไบทูเร็ว การจัดเก็บบํารุงรักษาตะไบ 1) ตรวจดูความเรียบรอยของตะไบกอนเก็บเขาที่ 2) หลังการใชงานชโลมน้ํามันตะไบกอนเก็บเขาที่เก็บ 3) ไมควรวางตะไบทับกัน เพราะจะทําใหคมตะไบสึกหรองาย 4.2 เลื่อยมือ เปนเลื่อยที่ใชในงานโลหะเปนสวนใหญ มีสวนประกอบ คือ โครงเลื่อยและใบเลื่อย โครงเลื่อยเปนโครง เหล็กมีดามจับ สวนใบเลื่อยทําดวยเหล็กกลา ฟนเลื่อยมีทั้งชนิดละเอียดและหยาบ
ภาพที่ 2.28 เลื่อยมือ วิธีใชงาน 1) ประกอบใบเลื่อยเขากับโครงเลื่อย โดยตองขันใบเลือ่ ยใหตึงและตรง 2) มุมลิ่มของฟนเลือ่ ยตองชี้ไปทางดานหนา เพื่อใหเลื่อยตัดชิ้นงานได เพราะถาประกอบผิดการเลื่อยจะไมเกิดผล 3) ถาตองการตัดในทางลึก ควรปรับใบเลื่อยใหหมุนไป 90 ° 4) ขณะทําการเลื่อยใหใบเลื่อยเอียงกมลงเล็กนอย 5) ในการเลื่อยใหดงึ ระยะชักใหยาวสุดใบเลื่อย ถาชักไมสม่ําเสมอจะทําใหฟนเลื่อยหักไดงาย ขอควรระวังในการใชเลื่อย 1) อยาปลอยใหใบเลื่อยเปยกน้ํา 71 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
2) เก็บไวในที่แหง 3) การแตงฟนเลื่อยพยายามใหฟนเลื่อยไดรูปเดิมทุกครัง้ 4) อยาวางเลื่อยใหถูกแดดรอน วิธีการดูแลและบํารุงรักษาเลื่อย 1) หลังจากการใชงานใหคลายใบเลื่อยออกเล็กนอย เพื่อยืดอายุใบเลื่อยใหใชงานไดนานขึ้น 2) ใชแปรงปดทําความสะอาดทุกสวน แลวทาดวยน้ํามัน กอนนําไปเก็บไวในที่เก็บ 5. กรรไกร กรรไกร เปนเครื่องมือที่ใชตัดวัสดุที่เปนแผนหรือเปนเสน ชิ้นงานที่ตัดดวยกรรไกรจะมีขอบเรียบกวาตัดดวยการสกัด กรรไกรที่ใชในงานเชื่อมสําหรับตัดแผนโลหะ มีหลายชนิดดังนี้ 1) กรรไกรตัดตรง (Straight Snips) เปนกรรไกรชนิดที่มีการตัดขวางของคมตัดเปนแนวเสนตรง ใชสําหรับ งานตัดโลหะตามแนวเสนตรงเทานั้น 2) กรรไกรตัดโคง (Circle Snips) เปนกรรไกรชนิดที่มีการตัดขวางของคมตัดเปนสวนโคง เหมาะสําหรับ งานตัดโลหะในแนวเสนโคง 3) กรรไกรแบบผสม (Combination Snips) เปนกรรไกรที่สามารถตัดชิ้นงานไดทั้งแนวเสนตรงและแนวเสนโคง
ภาพที่ 2.29 กรรไกรตัดตรง
ภาพที่ 2.30 กรรไกรตัดโคง
ภาพที่ 2.31 กรรไกรแบบผสม 4) กรรไกรอะเวียชัน (Aviation Snips) เปนกรรไกรที่นิยมใชม ากในงานเชื่อ ม มีลัก ษณะของคมตั ด เรี ย ว เหมาะสําหรับตัดโลหะแผนที่เปนมุมฉากเล็ก ๆ วงกลมเล็ก และตัดเสนตรงซิกแซ็ก กรรไกรอะเวียชันมี 3 แบบ ไดแก กรรไกรตัดซาย กรรไกรตัดตรง และกรรไกรตัดขวา เพื่อจําไดงายจะจําแนกดวยสี ดังภาพที่ 2.32
72 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ดามสีเขียว : ตัดซาย
ดามสีเหลือง : ตัดตรง
ดามสีแดง : ตัดขวา ภาพที่ 2.32 กรรไกรอะเวียชัน วิธีใชงาน 1) กอนใชกรรไกรตัดชิ้นงาน ควรตรวจสอบสลักเกลียวที่ขันยึดใบตัดทั้งสองวาแนนหรือไม 2) รางแบบบนชิ้นงานที่จะทําการตัด 3) วางแผนการตัดโดยพิจารณาวาจะตัดสวนใดกอน 4) ขณะทําการตัดชิ้นงาน ควรใหใบตัดของกรรไกรตั้งไดฉากกับแผนชิ้นงานเสมอ 5) ถาเปนการตัดวงกลมหรือเหลี่ยมบนแผนชิ้นงาน ควรเจาะรูบนแผนชิ้นงานกอน 6) ตัดชิ้นงานโดยเลือกชนิดของกรรไกรใหเหมาะสมกับลักษณะของงานที่ตัด ขอควรระวัง 1) เลือกใชกรรไกรใหเหมาะสมกับงานที่ตองการตัด 2) ไมใชกรรไกรตัดโลหะที่มีความแข็งและหนาเกินไป จะทําใหใบตัดกรรไกรบิ่น 3) ในการตัดดวยกรรไกร ควรใชมือบีบเทานั้น อยาใชคอนทุบหรือเทาเหยียบ 4) เมื่อใชกรรไกรกับงานประเภทหนึ่งแลว ไมควรนํามาใชกับงานประเภทอื่น ๆ อีก เพราะอาจทําใหคมของกรรไกร มีประสิทธิภาพลดลงได 5) ไมควรใชกรรไกรทํางานแทนคีมตัดหรือคีมดัด เชน ใชในการตัดลวด หรือตัดหัวหมุดย้ํา เปนตน 6) อยาใชคมปากของกรรไกรแทนเหล็กขูด เพราะอาจทําใหคมปากของกรรไกรเสียหายได วิธีการดูแลและบํารุงรักษา 1) ควรหยอดน้ํามันหลอลื่นบริเวณจุดหมุนอยูเสมอ 2) หลังการใชงานกรรไกรทุกครั้ง ใหชโลมน้ํามันหลอลื่นบาง ๆ เพื่อปองกันสนิม และไมควรเก็บกรรไกรปนกับ เครื่องมือที่มีคมชนิดอื่น ๆ
73 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
6. คอนและสกัด 6.1 คอน เปนเครื่องมือประเภทตอก มีหลายชนิดขึ้นอยูกับความเหมาะสมของการใชงาน ดังนี้ 1) คอนหงอน สวนใหญใชกับงานชางไม มีสวนประกอบ 2 สวน คือ สวนหัวคอนและดามคอนทําหนาที่ ตอกและถอนตะปู
ภาพที่ 2.33 คอนหงอน 2) คอนหัวแบนและคอนหัวกลม ใชกับงานโลหะในการตอก ทุบ เคาะโลหะใหเปนรูปทรงตามตองการ
ภาพที่ 2.34 คอนหัวแบน
ภาพที่ 2.35 คอนหัวกลม
3) คอนเล็ก มีรูปรางเล็กน้ําหนักเบา ใชในงานตอกเข็มขัดรัดสายไฟฟา และงานไฟฟาทั่วไป
ภาพที่ 2.36 คอนเล็ก 4) คอนเคาะสแลกชางเชื่อม มีคมที่หัวทั้ง 2 ดาน ดานหนึ่งมีลักษณะคมแบนและอีกดานหนึ่ง เปนคมเรียว ใชสําหรับเคาะสแลกหรือสะเก็ดเชื่อมออกจากผิวหนาแนวเชื่อม อาจใชดามไมหรือดามเหล็กก็ได
ภาพที่ 2.37 คอนเคาะสแลกชางเชื่อม
74 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
5) คอนพลาสติก สวนหัวคอนทําจากพลาสติก ใชกับงานตีหรือเคาะแตงชิ้นงานที่เปนวัสดุออน และโลหะแผน เพื่อดัดขึ้นรูปและทําใหชิ้นงานเรียบ
ภาพที่ 2.38 คอนพลาสติก 6) คอนพะเนิน หรือคอนปอนด เปนคอนที่ใชกับงานหนัก และตองใชแรงในการเหวี่ยงมาก ซึ่งบางครั้งอาจตอง ใชสองมือชวยตีเหวี่ยง ตัวหัวคอนเปนแทงสี่เหลี่ยม หนาคอนจะโคงนูนเล็กนอยเหมือนกันทั้งสองดาน ใชในงานตีเหล็ก งานสะกัด หรืองานรื้อหรือทําลายสิ่งกอสราง
ภาพที่ 2.39 คอนพะเนิน วิธีใชงาน 1) กอนนําคอนไปใชงานทุกครั้ง ตองตรวจสอบใหแนใจวาหัวคอนยึดแนนกับดาม 2) เลือกใชคอนใหเหมาะสมกับการใชงาน 3) กอนนําคอนไปใชงานทุกครั้ง ตองเช็ดทําความสะอาดใหปราศจากน้ํามันหรือจาระบี 4) ในขณะใชงานตองจับดามคอนใหแนน ปองกันไมใหคอนหลุดมือ 5) วางหนาคอนลงบนหัวตะปูหรืออุปกรณที่จะตอก และตอกใหเต็มหนาคอน 6) การจับดามคอนควรจับใหหางจากปลายขึ้นมาประมาณ 3 สวน 4 ของดามคอน 7) ในขณะใชงานไมควรจับสวนปลายสุดของดามคอน เพราะจะทําใหขาดความแมนยํา และคอนอาจจะหลุดมือได 8) ในขณะใชงานควรยืนในทาที่มั่นคง มือ ชวงแขน และไหลตองมีความสมดุลกัน ขอควรระวัง 1) รักษาหัวคอนใหเรียบสม่ําเสมอกัน 2) อยาใชคอนงัดเกินกําลัง เพราะจะทําใหดามหักได 3) คอนที่ชํารุดหามใช 4) ขณะใชคอนตอกชิ้นงาน ควรระวังไมใหคอนตอกโดนมือ 75 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
วิธีการดูแลและบํารุงรักษาคอน 1) กอนการใชงานควรตรวจสอบความเรียบรอยของตัวดามและหัวคอนใหแนน และแข็งแรง 2) ถอนตะปูดวยความระมัดระวัง 3) หลังจากใชงานควรทําความสะอาดและเก็บเขาที่ใหเรียบรอย 6.2 สกัด เปนเครื่องมือที่ใชสําหรับตัดโลหะที่มีความหนาใหขาดออกจากกัน
ภาพที่ 2.40 สกัด วิธีใชเหล็กสกัด การใชเหล็กสกัดในการตัดวัสดุตาง ๆ จะตองทําดวยมือเทานั้น 1) ใชมือที่ถนัดจับดามคอน สวนมืออีกขางกําตรงลําตัวสกัดไวใหแนน 2) ออกแรงตี โดยคมสกัดจะตองอยูตําแหนงแนวเสนที่ตองการสกัด ขอควรระวัง 1) ขณะออกแรงตี สายตาควรมองที่คมสกัด ไมควรมองทีห่ ัวสกัดเพราะคอนอาจจะตีไปโดนมือได 2) ขณะปฏิบัติงานควรสวมแวนนิรภัย เพือ่ ปองกันเศษโลหะกระเด็นเขาตา การใชและดูแลรักษาเหล็กสกัด 1) การจับและตอกสกัดดวยคอนควรระมัดระวัง เพราะอาจเกิดอันตรายได 2) เลือกใชเหล็กสกัดและคอนที่ใชใหเหมาะสมกับงานที่ปฏิบัติ 3) ทาดวยน้ํามันเครื่อง เพื่อรักษาสกัดไมใหเปนสนิม 4) เก็บใสกลองเพื่อรักษาความชื้นและเพือ่ ปองกันสนิม 7. ดอกสวานและเครื่องเจาะ 7.1 ดอกสวานเปนเครื่องมือตัด ที่ใชในการตัดเฉือนวัสดุงานใหเปนรูกลม ซึ่งดอกสวานมีอยูดวยกันหลายชนิด ไดแก 1) ดอกสวานคมตัดเลื้อย (Twist Drills) เปนดอกสวานที่นิยมใชกันมากที่สุดในงานโลหะ ลักษณะคมตัด ของดอกสวานชนิดนี้จะเอียงทํามุมกับแนวแกนของดอกสวาน โดยแบงออกเปน 4 ชนิด ดังนี้ - ชนิด 2 คมตัด (Two Cutting Lips) ดอกสวานชนิดนี้ใชสําหรับงานเจาะรูบนชิ้นงานโลหะ 76 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
- ชนิด 3 คมตัด (Three Cutting Lips) ดอกสวานชนิดนี้นิยมใชสําหรับเจาะขยายรูบนชิ้นงานหลอ (Core Holes) ขอดีของดอกสวานชนิด 3 คมตัด คือ สามารถตัดเฉือนเศษวัสดุงานออกไดรวดเร็ว ใหความเที่ยงตรงของขนาดและตําแหนงของรูเจาะ และใหผิวสําเร็จเรียบกวาดอกสวานชนิด 2 คมตัด - ชนิด 4 คมตัด (Four Cutting Lips) ดอกสวานชนิดนี้มีลักษณะการใชงานเหมือนกับดอกสวาน ชนิด 3 คมตัด - ชนิดมีรูน้ํามัน (Oil Hold Twist Drills) ดอกสวานชนิดนี้จะมีรูน้ํามันอยูภายในแกนดอกสวาน โดยน้ํามันหลอลื่นจะถูกสงเขารูน้ํามันของดอกสวานผานทางเพลาหมุนหลักของเครื่อง จากนั้น น้ํามันจะไหลตามรูไปยังคมตัดของดอกสวาน ดอกสวานชนิดนี้ปกติจะใชกับเครื่องมือกลที่ใช เจาะรูบนชิ้นงานดวยอัตราการผลิตสูง
ภาพที่ 2.41 ดอกสวานคมตัดเลื้อย 2) ดอกสวานรองตรง (Straight Fluted or Farmer Drills) ดอกสวานชนิดนี้จะมีคมตัดตรงตามแนวแกน ของดอกสวาน นิยมใชสําหรับ เจาะรูบนชิ้นงานที่ทําจากทองเหลือ ง ทองแดง โลหะออ นชนิดอื่น ๆ และชิ้นงานโลหะบาง ๆ 3) ดอกสว านแบบพลั่ว (Spade Drills) ดอกสวานชนิดนี้ใชสําหรับ เจาะรูข นาดใหญ ตั้ง แตขนาดเสน ผานศูนยกลาง 25.4 ถึง 127 มิลลิเมตร (1 ถึง 5 นิ้ว) คมตัดของดอกสวานชนิดนี้มีลักษณะเปนแผนแบน สามารถถอดเปลี่ยนไดโดยมีสกรูยึดอยูที่ตัวดอกสวาน
ภาพที่ 2.42 ดอกสวานรองตรง
ภาพที่ 2.43 ดอกสวานแบบพลั่ว 77 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
วิธีใชงาน 1) ใหดอกสวานยึดอยูกบั เดือยดานหนึ่งของสวาน 2) เปดสวิตชของสวาน ดอกสวานจะถูกกดลงไปบนวัสดุแลวหมุน ทําใหปลายดอกสวานสามารถตัดเจาะวัสดุ กําจัดเศษวัสดุระหวางการเจาะหรือทํางานเปนตัวสูบอนุภาคเล็ก ๆ ได ขอควรระวัง 1) เลือกใชใหถูกชนิดและลักษณะของงาน 2) ใสดอกสวานใหตรงและแนนกอนการใชงาน 3) ควรพักระหวางการเจาะ อยาใหดอกสวานรอนเกินไป วิธีการดูแลและบํารุงรักษา เมื่อใชแลวตองทําความสะอาดและใชน้ํามันชโลมกอนจึงเก็บ อยาปลอยทิ้งไวใหเกิดสนิม 7.2 เครื่องเจาะ เปนเครื่องมือที่ใชเจาะรู มีหลายประเภทดังนี้ 1) เครื่องเจาะตั้งโตะ (Bench-model Sensitive Drilling Machine) เปนเครื่องเจาะขนาดเล็กเจาะรูขนาด ไมเกิน 13 มิลลิเมตร มีความเร็วรอบสูง ใชเจาะงานที่มีขนาดรูเล็ก ๆ การสงกําลังโดยทั่วไปจะใชสายพาน และปรับความเร็วรอบดวยลอสายพาน 2-3 ขั้น 2) เครื่องเจาะตั้งพื้น (Plan Vertical Spindle Drilling Machine) เปนเครื่องเจาะขนาดใหญ และเจาะรู บนชิ้นงานที่มีขนาดใหญ เจาะรูไดตั้งแตขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญสุดเทาที่ดอกสวานมี และใชงานอื่น ๆ ไดอ ยางกวางขวาง การสง กําลัง ปกติจะใชชุดเฟอ งทด จึง สามารถปรับ ความเร็วรอบไดห ลายระดับ และรับแรงบิดไดสูง 3) เครื่องเจาะรัศมี (Radial Drilling Machine) เปนเครื่องเจาะขนาดใหญและเจาะรูบนชิ้นงานที่มีขนาด ใหญกวาเครื่องเจาะตั้งพื้น โดยที่หัวจับดอกสวานจะเลื่อนไป-มาบนแขนเจาะ (Arm) จึงสามารถเจาะงาน ไดทุกตําแหนง โดยติดตั้งงานอยูกับที่ การสงกําลังปกติจะใชชุดเฟองทด 4) เครื่องเจาะหลายหัว (Multiple-spindle or Gang-type Drilling Machine) เปนเครื่องเจาะที่ออกแบบมา สําหรับการทํางานอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ เครื่องเจาะจะมีหลายหัวจับ ดังนั้นจึงสามารถจับ ดอกสวาน ไดหลายขนาด หรือจับเครื่องมือตัดอื่น ๆ เชน รีมเมอร หรือหัวจับทําเกลียวใน จึงทํางานไดอยางรวดเร็ว 5) เครื่อ งเจาะแนวนอน (Horizontal Drilling Machine) เปนเครื่อ งเจาะที่อ อกแบบมาเพื่อ ใหสามารถ ทํางานไดหลายลักษณะ ทั้งการเจาะรู การควานรู การกัด และการกลึง มักพบในโรงงานอุตสาหกรรม ขนาดใหญ 78 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
6) เครื่องมอเตอรสวานมือ (Motor Hand Drill) เปนเครื่องเจาะที่พกพาสะดวก ใชเจาะชิ้นงานที่ไมสามารถ นําขึ้นเจาะบนแทนเจาะได ใชพ ลัง งานไฟฟาขับ ใหม อเตอรห มุน ในการใชง านอาจนําไปจับ เขากับ แทนเจาะตั้งโตะหรือแทนเจาะแบบพกพา และสามารถปรับความเร็วรอบชาหรือเร็วไดดวย
ภาพที่ 2.44 เครื่องเจาะตั้งโตะ
ภาพที่ 2.47 เครื่องเจาะหลายหัว
ภาพที่ 2.45 เครื่องเจาะตั้งพื้น
ภาพที่ 2.48 เครื่องเจาะแนวนอน
ภาพที่ 2.46 เครื่องเจาะรัศมี
ภาพที่ 2.49 เครื่องมอเตอรสวานมือ
วิธีใชงาน 1) ศึกษาวิธีการใชเครื่องเจาะใหเขาใจ กอนปฏิบัติงาน 2) นําชิ้นงานมารางแบบใหไดแบบที่ถูกตอง และใชเหล็กนําศูนยตอกนํา 3) นําชิ้นงานมาจับยึดบนเครือ่ งเจาะใหแนน 4) นําดอกสวานที่ตองการเจาะจับยึดกับเครื่องเจาะ 5) ปรับระยะหางระหวางชิ้นงานกับปลายดอกสวานใหตรงตําแหนง 6) ปรับความเร็วรอบใหเหมาะสมกับขนาดของดอกสวาน ขอควรระวัง 1) กอนใชเครื่องเจาะทุกครั้งตองตรวจดูความพรอมของเครือ่ งเสมอ 2) การจับยึดชิ้นงานจะตองจับยึดใหแนนและจับใหถูกวิธี 3) ศึกษาขั้นตอน วิธีการใช และวิธีการทํางานของเครื่องใหถูกตอง 4) ตองแตงกายใหรัดกุม และสวมแวนนิรภัยเพื่อความปลอดภัย 79 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
วิธีการดูแลและบํารุงรักษา จะใชหลักการเดียวกันไมวาจะเปนเครื่องเจาะชนิดใดก็ตาม แตตางกันตรงจุดบํารุงรักษาจะมากนอยแตกตางกันไป ซึ่งวิธีการดูแลและบํารุงรักษามีดังนี้ 1) จะตองตรวจสอบระบบไฟฟาใหอยูในสภาพที่สมบูรณตลอดเวลา เมื่ออุปกรณไฟฟาชํารุดจะตองซอมแซม และเปลี่ยนทันที 2) ตองตรวจสอบชิ้นสวนตาง ๆ ของเครื่องใหพรอมใชงานตลอดเวลา 3) กอนใชงานตองหยดน้ํามันหลอลื่นในสวนที่เคลื่อนที่ 4) หลังเลิกใชงานจะตองทําความสะอาดและชโลมดวยน้ํามัน 8. ประแจ ประแจ คือ เครื่องมือที่ใชสําหรับจับ ยึด ขันหรือคลายเกลียวอุปกรณ เชน นอต สกรู สลักเกลียว เปนตน เปนอุปกรณ ประเภทที่ตองใชกําลังแรงบิด ซึ่งประแจสามารถแบงออกได 3 ชนิด คือ 1) ประแจชนิดปากปรับได (Adjustable Wrenches) คือ ประแจที่สามารถปรับขนาดความกวางของปาก ไดตามความตองการเพื่อใหเหมาะสมกับหนางาน เชน ประแจเลื่อน ประแจคอมา เปนตน 2) ประแจชนิดปากปรับไมได (Nonadjustable Wrenches) คือ ประแจที่ไมสามารถปรับความกวางของปากได เชน ประแจปากตาย ประแจแหวน ประแจรวม เปนตน 3) ประแจชนิดพิเศษ (Special Screw Wrenches) คือ ประแจที่ไดรับ การออกแบบมา สําหรับ การใชงาน เฉพาะจุด เชน ประแจบล็อก ประแจแอล เปนตน
ภาพที่ 2.50 ประแจเลื่อน
ภาพที่ 2.51 ประแจชนิดปากตาย
ภาพที่ 2.52 ประแจแอล
วิธีใชงาน 1) เลือกใชประแจที่มีขนาดของปากและความยาวของดามที่เหมาะสมกับงานที่ใช ไมควรตอดามใหยาวกวาปกติ 2) ปากของประแจตองไมชํารุด เชน สึกหรอ ถางออก หรือราว 3) เมื่อสวมใสประแจเขากับหัวนอตหรือหัวสกรูแลว ปากของประแจตองแนนพอดีและคลุมเต็มหัวนอต 4) การจับประแจสําหรับผูถนัดมือขวา ใหใชมือขวาจับปลายประแจ สวนมือซายหาที่ยึดใหมั่นคง รางกายตองอยู ในสภาพมั่นคงและสมดุล 80 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
5) การขันประแจไมวาจะเปนขันใหแนนหรือคลาย ตองใชวิธีดึงเขาหาตัวเสมอ และเตรียมพรอมสําหรับปากประแจ หลุดขณะขันดวย 6) ควรเลือกใชประแจชนิดปากปรับไมไดกอน เชน ประแจแหวน หรือประแจปากตาย ถาประแจเหลานี้ใชไมได ใหเลือกใชประแจชนิดปากปรับไดแทน เชน ประแจเลื่อน เปนตน 7) การใชประแจชนิดปากปรับได เชน ประแจเลื่อนหรือประแจจับแปป ตองใหปากดานที่เลื่อนไดอยูติดกับ ผูใชเสมอ 8) การใชประแจชนิดปากปรับได ตองปรับปากประแจใหแนนกับหัวนอตกอน จึงคอยออกแรงขัน 9) ปากและดามของประแจ ตองแหงปราศจากน้ํามันหรือจาระบี 10) การขันนอตหรือสกรูที่อยูในที่แคบหรือลึก ใหใชประแจบล็อก เพราะปากของประแจบล็อกจะยาว สามารถ สอดเขาไปในรูที่คับแคบได 11) ขณะขัน ประแจตองอยูระนาบเดียวกันกับหัวนอตหรือหัวสกรู 12) ไมควรใชประแจชนิดปากปรับไดกับหัวนอตหรือสกรูที่จะนํากลับมาใชอีก เพราะหัวนอตหรือสกรูจะเสียรูป ขอควรระวัง 1) ไมใชประแจตอกหรือตีแทนคอน 2) หลีกเลี่ยงการใชประแจที่มีขนาดใหญกวาสกรูหรือนอต 3) ใชประแจใหเหมาะสมกับลักษณะงาน และรองของนอตสกรู วิธีการดูแลและบํารุงรักษา 1) ทําความสะอาดหลังเลิกใชงาน 2) การเก็บประแจ ควรใชวิธีแขวนไวกับผนังหรือใสกลองเก็บประแจโดยเฉพาะ และควรเก็บไวในที่แหงไมมี น้ํามันหรือจาระบี 9. ชะแลง ลิ่ม และแมแรงยกของ 9.1 ชะแลง มีหลักการทํางานเปนไปตามหลักคานดีด คานงัด วัสดุในการทําชะแลงสวนใหญมาจากเหล็ก หรือไทเทเนียม
ภาพที่ 2.53 ชะแลง 81 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
วิธีการใชงาน สอดปลายของชะแลงใตวัตถุที่ตองการยกขึ้น จากนั้นออกแรงกดที่อีกดานหนึ่งจะสามารถยกสิ่งของขึ้นมาได ตามหลักของคานดีด คานงัด ขอควรระวัง 1) ควรเลือกขนาดของชะแลงใหเหมาะสมกับงาน 2) หากนําไปงัดกับวัตถุที่มีขนาดใหญเกินไป อาจเกิดการแตกหักซึ่งกอใหเกิดอันตรายกับชีวิตได วิธีการดูแลและบํารุงรักษา หลังจากใชงานใหลางทําความสะอาด เช็ดใหแหง และชโลมน้ํามันเพื่อปองกันการเกิดสนิม 9.2 ลิ่ม เปนวัตถุแข็งตันซึ่งปลายดานหนึ่งมีลักษณะแบนหรือแหลม สวนอีกดานหนึ่งเปนหนาเรียบ ใชหลักการพื้นเอียง ในการทํางาน ซึ่งการไดเปรียบเชิงกลขึ้นอยูกับสัดสวนของความยาวและความกวางของตัวลิ่ม ถาลิ่มมีความกวางมาก จะตองใชแรงมากกวาลิ่มที่มีความกวางนอย
ภาพที่ 2.54 ลิ่ม วิธีการใชงาน เมือ่ ตองการแยกของสองสิ่งออกจากกันใหใชแรงตอกลิ่มลงไปในวัตถุ ลิ่มจะแทรกลงไปในวัตถุใหแยกออกจากกัน ขอควรระวัง 1) ควรเลือกขนาดของลิม่ ใหเหมาะสมกับงาน 2) หากนําไปงัดกับวัตถุที่มีขนาดใหญเกินไป อาจเกิดการแตกหักซึ่งกอใหเกิดอันตรายกับชีวิตได วิธีการดูแลและบํารุงรักษา หลังใชงานแลวใหทําความสะอาดแลวเช็ดใหแหง และเก็บเขาที่ใหเรียบรอยเพื่อยืดอายุการใชงาน 10. แมแรง แมแรง คือ เครื่องมือที่มีหนาที่ในการเพิ่มแรงยก เพื่อชวยอํานวยความสะดวกในการซอมบํารุงสวนตาง ๆ ซึ่งแมแรง จะแบงออกเปน 2 ชนิดหลัก ๆ ดวยกัน
82 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
10.1 แมแรงระบบไฮดรอลิกส คือ เครื่องมือยกขนาดกลาง แตสามารถยกชิ้นงานที่มีน้ําหนักมากได หากใชยกชิ้นงาน ที่มีน้ําหนักมากเกินไป น้ํามันไฮดรอลิกสอาจจะรั่วไหลออกมาได
ภาพที่ 2.55 แมแรงระบบไฮดรอลิกส 10.2 แมแ รงระบบกลไก คือ เครื่อ งมือยกขนาดพกพา สามารถยกชิ้นงานไดสูงตามความยาวของแกนที่สรางเอาไว แตแมแรงชนิดนี้จะมีขาเดียว หากยกน้ําหนักที่มากเกินไป อาจกอใหเกิดอันตรายไดงาย
ภาพที่ 2.56 แมแรงระบบกลไก วิธีการใชงาน 1) กอนยกชิ้นงานตองตรวจสอบใหแนใจวา สอดแมแรงเขาไปถูกตําแหนงหรือไม 2) ตรวจสอบใหมั่นใจวา หากยกชิ้นงานขึ้นแลวจะไมเคลื่อนที่หรือรวงลงจากแมแรง ขอควรระวัง 1) ตรวจสอบตําแหนงของแมแรงใหถกู ตองเพื่อปองกันชิ้นงานเคลื่อนที่ 2) ไมควรขึ้นแมแรงคางไวเปนระยะเวลานาน หากจําเปนควรหาขาค้ํายันมารองรับอีกชั้น 3) หากจะใชฐานรองแมแรงใหคํานึงถึงน้ําหนักของสิ่งของทีจ่ ะยกเปนสําคัญ วิธีการดูแลและบํารุงรักษา หลังการใชงานทุกครั้ง ควรตรวจสอบวากระบอกสูบมีการรั่วไหลของน้ํามันหรือไม หากพบรอยรั่วใหดําเนินการ ซอมแซมแกไข จากนั้นใหเช็ดทําความสะอาด และเก็บเขาที่ใหเรียบรอย 83 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
11. แปรงลวด ทําจากเสนลวดมัดเปนกลุมเรียงเปนแถวตั้งแตสองแถวขึ้นไปอยูบนดามไม ใชสําหรับทําความสะอาดแนวเชื่อม เพื่อไมให ชิ้นงานเกิดสนิม มีทั้งชนิดเสนลวดที่ทําจากเหล็ก ทองเหลือง หรือสเตนเลส ขึ้นอยูกับวัสดุแนวเชื่อมที่จะทําการขัด
ภาพที่ 2.57 แปรงลวด วิธีใชงาน ใชขัดเพื่อตกแตงและทําความสะอาดชิ้นงานเชื่อม ขอควรระวัง 1) ควรเลือกขนาดใหเหมาะสมกับการใชงาน 2) เก็บใหพนมือเด็กและบริเวณที่ติดไฟงาย 3) ในขณะที่ใชงานควรสวมอุปกรณปองกัน เชน ถุงมือหนัง หนากากกรองฝุน เปนตน วิธีการดูแลและบํารุงรักษา หลังการใชงานควรลางทําความสะอาดเพื่อขจัดเศษสิ่งสกปรกออกไปใหหมด 12. เครื่องเจีย (Hand Grinder) เครื่องเจีย เปนเครื่องมือที่ใชสําหรับนําวัสดุสวนเกินออกจากชิ้นงาน เพื่อใหไดผิวงานละเอียด เพิ่มความเรียบมันวาว และใชในการลับคม ซึ่งตัวเครื่องจะประกอบดวย 2 สวน คือ 1) สวนดามจับ เพื่อถือใชงาน จะเชื่อมตอกับสายไฟ มีสวิตชสําหรับปด - เปด รวมถึงควบคุมความแรงของเครื่อง 2) สวนมอเตอร เชื่อมตอกับใบตัดหรือใบเจียมีรูปรางกลม แบน และบาง ตัวใบหมุนรอบจัดตามกําลังวัตตไฟฟา ของเครื่อง ซึ่งมีความเร็วมากพอสําหรับการเจียหรือตัดวัสดุประเภทตาง ๆ เชน เหล็ก พีวีซี กระเบื้องเซรามิก หิน เปนตน ใบตัดและใบเจียสามารถถอดเปลี่ยนได โดยลักษณะของขอบใบ และผิวสัมผัสจะมีความแตกตางกัน เพื่อใหเหมาะสมกับวัสดุและวัตถุประสงคของการใชงาน เชน ใบเจียเหล็ก ใบเจียสเตนเลส ใบเจียปูน ใบขัด ใบผา ใบปดหางเปย เปนตน
84 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ภาพที่ 2.58 เครื่องเจีย วิธีการใชงานเครื่องเจีย 1) สวมอุปกรณปอ งกันใบหนาและดวงตา รวมทัง้ อุปกรณปอ งกันหูขณะใชงาน 2) สวิตชตองอยูในตําแหนงปดกอนเสียบปลั๊กเขากับแหลงจายไฟ 3) ปรับทายืนใหเหมาะสมและสมดุลตลอดเวลา 4) ตรวจสอบวาเครือ่ งมือตัดคมและสะอาด พรอมทัง้ ตรวจสอบวาใบเจียมีสภาพพรอมใชงาน 5) ใชแผนและตัวปองกันสําหรับงานที่แนะนําเทานั้น 6) การถือเครื่องเจีย ใหใชมือขางหนึ่งจับที่ตัวเครื่อง และมืออีกขางจับรอบดามจับใหมั่นคง 7) ปรับตําแหนงตัวปองกันใหจานตัดหันออกจากตัวมากทีส่ ุด 8) ในการเจีย ใหถือเครือ่ งเจียทํามุมประมาณ 20 - 30 องศา
ภาพที่ 2.59 ถือเครื่องเจียทํามุมประมาณ 20 - 30 องศา 9) หลังใชงาน ใหปดสวิตชแลวจึงถอดปลั๊ก ขอควรระวัง 1) ไมใชงานใกลสารไวไฟ หรือบริเวณที่ติดไฟงาย 2) ควรระวังสะเก็ดไฟจากการเจียงานกระเด็นถูกสายไฟของเครื่องจักร การเก็บรักษาเครื่องเจีย ควรเก็บรักษาใหไมโดนน้ํามัน น้ํา ฝุนละออง และไมควรใหหินเจียสัมผัสโดยตรงกับความรอน 85 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ใบทดสอบ คําชี้แจง ใหผรู ับการฝกทําเครื่องหมาย x ลงในกระดาษคําตอบขอที่ถูกทีส่ ุดเพียงขอเดียว 1. ขอใดคือวิธีการขันประแจที่ถูกตอง ก. ประแจชนิดปากปรับได ผูใชตองใหปากดานที่เลื่อนไดหางจากตัวผูใชเสมอ ข. ปากและดามของประแจตองมีน้ํามัน หรือจาระบีหลอลื่นตลอดเวลา ค. การขันประแจใหแนน หรือคลายเกลียวอุปกรณ ตองใชวิธีดึงเขาหาตัวเสมอ ง. ประแจบล็อกไมเหมาะกับงานที่ตองการขันสกรูในที่แคบหรือลึก 2. ถาตองการตัดแผนกระเบือ้ งเซรามิก เพื่อมาตกแตงภายในบานใหมีผิวงานละเอียด และพื้นเรียบมันวาว จะเลือกใช เครื่องมือชนิดใด ก. เหล็กสกัดและแปรงลวด ข. ดอกสวานคมตัดเลื้อย ค. ตะไบและเลือ่ ยมือ ง. เครื่องหินเจียระไนมือ 3. สกรูปรับของคีมล็อกมีขอดีอยางไร ก. สามารถปรับขนาดความกวางใหเหมาะสมกับชิ้นงานได ข. ทําใหจบั ไดถนัดมือชึ้น ค. สามารถปรับใหน้ําหนักในการจับชิ้นงานเบาลงได ง. ชวยเพิ่มแรงบิดชิ้นงานไดงายขึ้น 4. วิธีที่ถูกตองในการเก็บรักษาเหล็กสกัดคือขอใด ก. ควรเก็บรักษาโดยใชวิธีแขวนกับผนังจะปลอดภัยที่สุด ข. ควรเก็บใสกลองเพื่อรักษาความชื้นและปองกันสนิม ค. ไมควรทาดวยน้ํามันเครื่องที่เหล็กสกัด เพราะจะทําใหเกิดสนิม ง. ขณะออกแรงตี มือขางหนึ่งควรกําทีป่ ลายสกัดอยางหลวม
86 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
เฉลยใบทดสอบ ขอ
ก
ข
ค
1 2 3 4
87 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
ง
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ใบงาน ใบงานที่ 2.1 การใชเครื่องมือทั่วไป 1. วัตถุประสงคเชิงพฤติกรรม 1. ปฏิบัติการใชและบํารุงรักษาเครื่องมือทั่วไปไดอยางถูกตอง 2. ปฏิบัติงานโดยคํานึงถึงความปลอดภัย
2. ระยะเวลาการฝกปฏิบตั ิงาน - ระยะเวลาการฝกปฏิบัติงาน รวม 3 ชั่วโมง
3. คําชี้แจง ใหผูรบั การฝกปฏิบัติงานตอไปนี้ 1. จงใชเลื่อยมือตัดชิ้นงานใหไดขนาดตามแบบทีก่ ําหนด
ภาพที่ 1 แบบชิ้นงานเลื่อย 2. จงรางแบบลงบนชิ้นงาน พรอมทัง้ ตอกนําศูนยในตําแหนงทีต่ องการเจาะรู ตามแบบราง
ภาพที่ 2 แบบชิ้นงานเจาะ 88 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
3. สกัดชิ้นงานใหไดตามแบบทีก่ ําหนด
ภาพที่ 3 แบบชิ้นงานหลังจากทําการสกัด
89 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ใบขั้นตอนการปฏิบัติงาน ใบขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ 2.1 การใชเครื่องมือทั่วไป 1. การเตรียมการ 1.1 การเตรียมอุปกรณปองกันสวนบุคคล สวมใสอปุ กรณปองกันอันตรายสวนบุคคลกอนเริม่ ปฏิบัตงิ าน ไดแก - ถุงมือผา - แวนตานิรภัย - รองเทานิรภัย - ชุดปฏิบัติการชาง 1.2 รับฟงคําสั่งจากครูฝก พรอมรับใบงาน 1.3 การเตรียมสถานที่ 1. ตรวจสอบสภาพพื้นที่ปฏิบัติงาน ไมใหมีอุปกรณอื่น ๆ ที่ไมเกี่ยวของ หรือวัสดุอันตราย อยูบริเวณพื้นที่ปฏิบัติงาน 2. ดูแลไมใหบุคคลทีไ่ มเกี่ยวของเขามาในบริเวณปฏิบัติงาน 3. เตรียมชุดปฐมพยาบาลเพื่อใชในกรณีฉุกเฉิน 4. ผูรบั การฝกตองเรียนรูวิธีการปฐมพยาบาลเบือ้ งตน ในกรณีเกิดอุบัติเหตุขณะปฏิบัตงิ าน 5. รับทราบจุดที่ตั้งของอุปกรณชวยเหลือในกรณีฉุกเฉินตาง ๆ รวมถึงวิธีการใชอุปกรณเหลานั้น 1.4 การเตรียมเครื่องมือและอุปกรณตอผูรับการฝก 1 คน 1. เลื่อยมือ จํานวน 1 อัน 2. เครื่องเจาะชนิดตั้งโตะ 3. คอนหัวกลม 4. ฉาก
จํานวน 1 เครื่อง จํานวน 1 อัน จํานวน 1 อัน
5. ซีแคลมป 6. ดอกสวานขนาด 5 มิลลิเมตร
จํานวน 1 ตัว จํานวน 1 ดอก
7. ตะไบหยาบ 12 นิ้ว 8. บรรทัดเหล็ก
จํานวน 1 ดาม จํานวน 1 อัน
9. ปากกาจับชิ้นงาน 10. ไมรองชิ้นงาน
จํานวน 1 ตัว จํานวน 1 ชิ้น 90 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
11. สกัด 12. เหล็กขีด
จํานวน 1 อัน จํานวน 1 อัน
13. เหล็กตอกนําศูนย 1.5 การเตรียมวัสดุตอผูรับการฝก 1 คน 1. แบบชิ้นงาน
จํานวน 1 อัน จํานวน 1 ชุด
2. เหล็กฉาก ขนาด 65 x 65 x 5 มิลลิเมตร
จํานวน 1 เสน
91 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
2. ลําดับการปฏิบตั ิงาน การใชเครื่องมือกล ขั้นตอนการปฏิบัติงาน 1. เครื่องมือและวัสดุ
เลือ่ ยมือ
เตรียมเครื่องมือ อุปกรณ และวัสดุ
ดอกสวานขนาด 5 มิลลิเมตร
บรรทัดเหล็ก
ปากกาจับชิ้นงาน
ไมรองชิ้นงาน
สกัด
เหล็กขีด เหล็กตอกนําศูนย
แบบชิ้นงานเลื่อย
ตรวจสอบความพรอม
แนน
ฉาก
ตะไบหยาบ 12 นิ้ว
ขอควรระวัง ของเครื่องมือกอน ปฏิบัติงาน และควรขัน ใบเลือ่ ยกับโครงเลือ่ ยให
เครือ่ งเจาะตั้งโตะ
คอนหัวกลม
ซีแคลมป
คําอธิบาย
แบบชิ้นงานเจาะ
92 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
แบบชิ้นงานสกัด
คําอธิบาย
ขอควรระวัง
เหล็กฉากขนาด 65×65×5 มม.
2. วัดเหล็กฉากใหไดขนาด 102 มิลลิเมตร
วัดขนาดและรางแบบเหล็กฉากใหมีความ ไม ค วรทําเครื่อ งมือ ตก ยาว 102 มิลลิเมตร เพราะอาจทํ า ให ชํารุด เสียหาย
3. ตัดเหล็กฉากขนาด 102 มิลลิเมตร ดวยเลื่อยมือ ล็ อ กชิ้ น งานเข า กับ ปากกาจับ ชิ้ น งาน ใช ตรวจสอบทิศทางของ เลื ่อ ยมือ ตัด เหล็ก ฉากใหม ีค วามยาว ฟนใบเลื่อยใหถูกตอง 102 มิลลิเมตร และควรอยูนอกเสนราง แบบ เพื่อใหไดความ ยาวตามที่กําหนด
4. ตะไบขอบใหเหลือความยาว 100 มิลลิเมตร
ตะไบขอบชิ้ น งานให มี ค วามยาว 100 ขณะตะไบ ควรตรวจสอบ มิลลิเมตร และตะไบพื้นผิวทั้งสองดานใหมี ขนาดของชิ้ น งานเปน ความราบเรียบ พรอมทั้งตรวจสอบชิ้นงาน ระยะ และตรวจสอบ ใหไดฉาก ชิ้ น งานให ไ ด ฉ ากทั้ ง 2 ดาน
93 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน 5. รางแบบเจาะ
คําอธิบาย รางแบบเจาะ ตามแบบที่กําหนดให
ขอควรระวัง ไมควรทําเครื่องมือราง แบบตก เพราะอาจทํา ใหชํารุด เสียหาย
6. ตอกนําศูนย
ตอกนําศูนย ณ ตําแหนงจุดตัด
ขณะตอกนํ า ศู น ย ค วร ตอกอยางระมัดระวัง
7. วางชิ้นงานบนเครื่องเจาะ
นําชิ้นงานฉากประกบกับ ทอ นไม วางบน ควรล็อ กชิ้นงานดวย แทนเจาะ แลวล็อกดวยซีแคลมป ซีแ คลมป ใ ห แ น น ก อ น ทําการเจาะ เพราะอาจ ทําใหชิ้นงานเคลื่อ นตั ว ได เ ป น สาเหตุ ใ ห ด อก สวานหัก
8. เจาะรูขนาด 5 มิลลิเมตร
ใช เ ครื่ อ งเจาะชนิ ด ตั้ง โต ะ เจาะรูข นาด 5 ปรับความเร็วรอบเครื่อง มิลลิเมตร ในตําแหนงที่ตอกนําศูนยไว
94 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
เจาะให เหมาะสมกั บ ขนาดดอกสวาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน 9. เลื่อยชิ้นงานจนถึงแนวสกัด
คําอธิบาย
ขอควรระวัง
ล็อ กชิ้นงานที่เ จาะแลว เขากับ ปากกาจับ ควรยึ ด ชิ้ น งานให แน น ชิ้นงาน แลวใชเลื่อยมือเลื่อยชิ้นงานจนถึง เพื่ อป องกันการการไถล แนวสกัด ของชิน้ งาน
10. สกัดชิ้นงาน
สกั ด ชิ้ น งานโดยวางเหล็ ก สกั ด ไว บ ริ เ วณ ขณะ ทํ า ก า ร ส กั ดให กึ่ง กลางของวงกลมที่เ จาะ ใชคอ นตอกที่ ระมัดระวังเพราะอาจเกิด ดามสกัดใหชิ้นงานขาดตลอดแนว อุบัตเิ หตุได และควรเอียง สกัดเล็กนอยเพื่อใหสกัด ไดงายขึ้น
11. ชิ้นงานหลังการสกัด
สกัดจนไดชิ้นงาน ดังภาพ
12. ตะไบลบรอยสกัด
ตะไบลบรอยสกัดใหเ รียบเสมอกันตลอด ขณะ ต ะ ไบ ควร ล็ อ ก แนว และตะไบปรับขนาดใหตรงตามแบบที่ ชิ้ น งานกั บ ปากกาจั บ กําหนด
เริ่มสกัดจากขอบชิ้นงาน เขามาตรงกลาง
ชิ้ น ง า น แ ล ะ ค ว ร ตรวจสอบขนาดของ ชิ้ น งานเป น ระยะ เพื่อ ปองกันความผิดพลาด
95 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน 13. ตรวจสอบชิ้นงาน
คําอธิบาย ตรวจสอบความถูกตองของชิ้นงาน แลวสง ตรวจ
96 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
ขอควรระวัง
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ใบใหคะแนนการตรวจสอบ ลําดับที่ 1
รายการประเมิน การสวมอุปกรณปองกันอันตราย
เกณฑการใหคะแนน สวมใสอุปกรณปองกันอันตรายไดถูกตอง ครบถวน
คะแนนเต็ม 3
ให 3 คะแนน สวมใสอุปกรณปองกันอันตรายขาดไป 1 ชิ้น ให 2 คะแนน สวมใสอุปกรณปองกันอันตรายขาดไปมากกวา 1 ชิ้น ให 1 คะแนน ไมสวมใสอุปกรณปองกันอันตราย ให 0 คะแนน 2
การเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ
เตรียมเครื่องมือ อุปกรณ และวัสดุที่เกี่ยวของไดถูกต อง ครบถวน ให 2 คะแนน เตรียมเครื่องมือ อุปกรณ และวัสดุที่เกี่ยวของไดถูกต อง
2
แตไมครบถวน ให 1 คะแนน เตรียมเครื่องมือ อุปกรณ และวัสดุที่เกี่ยวของไมถูกต อง ให 0 คะแนน 3
การเลื่อยชิ้นงานดวยเลื่อยมือ
เลื่อยไดความยาวตามแบบที่กําหนดและคลาดเคลื่ อน ไมเกิน ±1 มิลลิเมตร ให 4 คะแนน เลื่อยคลาดเคลื่อน ± 2 มิลลิเมตร ให 2 คะแนน
4
เลื่อยคลาดเคลื่อนมากกวา ±2 มิลลิเมตร ให 0 คะแนน 4
การตะไบขอบชิ้นงาน
ตะไบขอบชิ้ น งานทั้ ง 2 ด า น ให มี ค วามยาวตามที่
4
กําหนด ให 4 คะแนน ตะไบขอบชิ้ น งานทั้ ง 2 ด า น คลาดเคลื่ อ น ±1 มิลลิเมตร ให 2 คะแนน ตะไบขอบชิ้นงานทั้ง 2 ดาน คลาดเคลื่อนมากกวา ±1 มิลลิเมตร ให 0 คะแนน 5
การรางแบบเจาะ
รางแบบถูกตอง ให 2 คะแนน
2
รางแบบผิดพลาด 1 ตําแหนง ให 1 คะแนน รางแบบผิดพลาดมากกวา 1 ตําแหนง ให 0 คะแนน 6
การตอกนําศูนย
ตอกนําศูนยถูกตอง ทุกตําแหนง ให 2 คะแนน
2
ตอกนําศูนยผิดพลาด ให 0 คะแนน 7
การเจาะรูชิ้นงานดวยเครื่องเจาะชนิดตั้งโตะ
เจาะรูชิ้นงานถูกตอง ทุกตําแหนง ให 3 คะแนน เจาะรูชิ้นงานผิดพลาด 1 ตําแหนง ให 2 คะแนน เจาะรูชิ้นงานผิดพลาดมากกวา 1 ตําแหนง หรือดอก สวานหักขณะเจาะ ให 0 คะแนน
97 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
3
คะแนนที่ได
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2 ลําดับที่ 8
รายการประเมิน การล็อกชิ้นงานกับปากกาจับชิ้นงาน
เกณฑการใหคะแนน
คะแนนเต็ม
มีการล็อกชิ้นงานกับปากกาจับชิ้นงาน ให 1 คะแนน
1
คะแนนที่ได
ไมมีการล็อกชิ้นงานกับปากกาจับชิ้นงาน ให 0 คะแนน 9
การเลื่อยชิ้นงานจนถึงแนวสกัด
เลื่อยชิ้นงานไดอยางถูกตอง ให 2 คะแนน
2
เลื่อยชิ้นงานไมถูกตอง/ใบเลื่อยหัก ให 0 คะแนน 10
การสกัดชิ้นงาน
ใชสกัดและคอนไดอยางถูกตอง ให 2 คะแนน ใชสกัดและคอนไมถูกตอง ให 0 คะแนน
2
11
การตะไบรอยสกัดและตะไบปรับขนาดชิ้นงาน
ตะไบชิ้นงานเรียบรอย ให 3 คะแนน ตะไบชิ้นงานไมเรียบรอย ให 0 คะแนน
3
12
พฤติกรรมขณะปฏิบัติงานและความปลอดภัย
ขณะปฏิบัติงานคํานึงถึงความปลอดภัย ให 2 คะแนน
2
ขณะปฏิบัติงานไมคํานึงถึงความปลอดภัย ให 0 คะแนน 13
ทําความสะอาดเครื่องมือและอุปกรณ
ทําความสะอาดเครื่องมือ อุปกรณ และพื้นที่ปฏิบัติงาน ไดถูกตอง ครบถวน และสะอาดเรียบรอย ให 3 คะแนน ทําความสะอาดเครื่องมือ อุปกรณ และพื้นที่ปฏิบัติงาน
3
ไดถูกตอง ครบถวน แตไมสะอาดเรียบรอย ให 1 คะแนน ไม ทํ า ความสะอาดเครื่ อ งมื อ อุ ป กรณ และพื้ น ที่ ปฏิบัติงานให 0 คะแนน 14
การจัดเก็บเครื่องมือและอุปกรณ
เก็บเครื่องมือและอุปกรณเขาที่ไดถูกตอง ครบถวน
2
ให 2 คะแนน เก็บเครื่องมือและอุปกรณเขาที่ไดถูกตอง แตไมครบถวน ให 1 คะแนน ไมเก็บเครื่องมือและอุปกรณเขาที่ ให 0 คะแนน คะแนนเต็ม
35
หมายเหตุ หากผูเขารับการฝกไดรับคะแนน 25 คะแนนขึ้นไป (คะแนนมากกวาหรือเทากับรอยละ 70) ใหผูเขารับการฝก ขอเขารับการทดสอบภาคปฏิบัติได
98 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
รายละเอียดหัวขอวิชาที่ 3
0920722003 การใชเครื่องมือกล (ใบเตรียมการสอน) 1. ผลลัพธการเรียนรู 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9.
นําเครื่องเจียระไนไปใชไดอยางถูกตอง นําเครื่องขัดผิวโลหะไปใชไดอยางถูกตอง นําเครื่องอัดไฮดรอลิกสไปใชไดอยางถูกตอง นําเครื่องทดสอบการดัดงอไปใชไดอยางถูกตอง นําเครื่องตัดชิ้นงานและเครื่องเลือ่ ยไปใชไดอยางถูกตอง นําอุปกรณจับยึดไปใชไดอยางถูกตอง นําเครื่องดูดควันไปใชไดอยางถูกตอง นําการดูแลและบํารุงรักษาเครือ่ งมือกลไปใชไดอยางถูกตอง ปฏิบัติการใชและบํารุงรักษาเครื่องมือกลไดอยางถูกตอง
2. หัวขอสําคัญ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8.
เครื่องเจียระไน เครื่องขัดผิวโลหะ เครื่องอัดไฮดรอลิกส เครื่องทดสอบการดัดงอ เครื่องตัดชิ้นงานและเครื่องเลื่อย อุปกรณจับยึด เครื่องดูดควัน การดูแลและบํารุงรักษาเครื่องมือกล
3. วิธีการฝกอบรม การฝกอบรมสามารถเลือกได 3 รูปแบบ คือ 1) การฝกอบรมดวยการสงมอบสื่อสิ่งพิมพ 2) การฝกอบรมที่ศูนยฝกอบรม 3) การฝกอบรมดวยสื่อในระบบออนไลน ดังรายละเอียดในขอแนะนําสําหรับครูฝก 99 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
4. อุปกรณชวยฝก 1. สื่อการฝกอบรม ครูฝกสามารถเลือกใชงานสื่อได 2 รูปแบบ คือ 1.1 รูปแบบสื่อสิ่งพิมพ (Offline) ประกอบดวย - คูมือครูฝก เพื่อประกอบการจัดการฝกอบรม - คูมือการประเมิน เพื่อบันทึกผลการประเมินการทดสอบของผูรับการฝก - สื่อวีดิทัศน (DVD) เพื่อประกอบการจัดการฝกอบรม 1.2 รูปแบบอิเล็กทรอนิกส (Online) ประกอบดวย - คูมือครูฝกรูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส (.pdf) เพือ่ ประกอบการจัดการฝกอบรม - คูมือการประเมินรูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส (.pdf) เพื่อบันทึกผลการประเมินการทดสอบของผูร บั การฝก - สื่อวีดิทัศน (Online) เพื่อประกอบการจัดการฝกอบรม 2. วัสดุและอุปกรณประกอบการจัดฝกอบรมตอผูรบั การฝก 1 คน 2.1 วัสดุ 1) แบบชิ้นงาน จํานวน 1 ชุด 2) เหล็กสีเ่ หลี่ยมตัน ขนาด 19 x 19 มิลลิเมตร จํานวน 1 เสน 3) ผาทําความสะอาด จํานวน 1 ผืน 2.2 เครื่องมือและอุปกรณ 1) คอนหัวกลม จํานวน 1 อัน 2) เครื่องเจาะชนิดตั้งโตะ จํานวน 1 เครื่อง 3) เครื่องเลือ่ ยชัก จํานวน 1 เครื่อง 4) ฉาก จํานวน 1 อัน 5) ดอกตาป M10 × 1.5 จํานวน 1 ดอก 6) ดอกสวานขนาด 5 มิลลิเมตร จํานวน 1 ดอก 7) ดอกสวานขนาด 8.5 มิลลิเมตร จํานวน 1 ดอก 8) ดามตาป จํานวน 1 อัน จํานวน 1 ดาม 9) ตะไบละเอียด 6 นิ้ว 10) ตะไบหยาบ 12 นิ้ว จํานวน 1 ดาม 11) บรรทัดเหล็ก จํานวน 1 อัน 12) ปากกาจับชิ้นงาน จํานวน 1 ตัว 13) เลื่อยมือ จํานวน 1 อัน 14) เหล็กขีด จํานวน 1 อัน 100 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
15) เหล็กตอกนําศูนย
จํานวน 1 อัน
5. ขั้นตอนการฝกอบรม 1. ครูฝกมอบหมายใหผรู ับการฝกทําแบบทดสอบกอนฝก (Post-Test) และประเมินผล 1.1 ถาผลการประเมินผานเกณฑรอยละ 70 ตามที่กําหนดในเอกสารโครงรางหลักสูตร จะมีสิทธิ์ขอเขารับการฝก ภาคปฏิบัติ (ถามี) หรือเขารับการฝกในโมดูลถัดไป หรือเขารับการฝกในโมดูลที่ครูฝกกําหนดได 1.2 ถาผลการประเมินต่ํากวารอยละ 70 ใหครูฝก มอบหมายผูร ับการฝกใหฝกอบรมภาคทฤษฎี 2. การฝกอบรมภาคทฤษฎี ใหผูรับการฝกศึกษาคูมือผูรับการฝก และฝกหัดทําใบทดสอบทายหัวขอวิชา 3. เมื่อผูรับการฝกศึกษาคูมือผูรับการฝกประจําโมดูลนั้นเขาใจแลว ใหครูฝกมอบหมายผูรับการฝกใหทําแบบทดสอบ หลังฝก (Post-Test) และประเมินผลเชนเดียวกับแบบทดสอบกอนฝก 4. การฝกอบรมภาคปฏิบัติ ครูฝกชี้แจงลําดับการปฏิบัติงานตามใบขั้นตอนการปฏิบัติงาน 5. ครูฝกใหผูรับการฝกทําการฝก โดยครูฝกตองคอยสอบถาม ชี้แนะ และใหคําแนะนําเมื่อผูรับการฝกมีขอสงสัย 6. ครูฝกตรวจผลงานตามแบบประเมินผลใบงาน พรอมวิเคราะหผลงานรวมกับผูรับการฝกและแนะนําวิธีแกไข 7. ครูฝกแนะนําผูรับการฝกที่คะแนนผลงานผานเกณฑรอยละ 70 ใหทดสอบเพื่อจบโมดูลที่ฝก
6. การวัดผล 1. ครูฝกประเมินผลภาคทฤษฎีจากแบบทดสอบกอนฝก 1.1 ถาผลการประเมินผานเกณฑรอยละ 70 ตามที่กําหนดในเอกสารโครงรางหลักสูตร จะมีสิทธิ์ขอเขารับการฝก ภาคปฏิบัติ (ถามี) หรือเขารับการฝกในโมดูลถัดไปได 1.2 ถาผลการประเมินต่ํากวารอยละ 70 ใหครูฝก มอบหมายใหผรู ับการฝกศึกษาเนื้อหาจากสื่อดวยตนเองจนเขาใจ จึงทําแบบทดสอบหลังฝก (Post-Test) 2. ครูฝกประเมินแบบทดสอบหลังฝก โดยใชหลักเกณฑเดียวกับการประเมินแบบทดสอบกอนฝก 3. ครูฝกประเมินผลภาคปฏิบัติจากการตรวจประเมินผลงานของผูรับการฝกโดยตองผานเกณฑรอยละ 70 ตามที่กําหนด ในเอกสารโครงรางหลักสูตร จึงจะมีสทิ ธิ์เขารับการฝกในโมดูลถัดไปได หรือเขารับการฝกในโมดูลที่ครูฝก กําหนดได
7. บรรณานุกรม กรมพัฒนาฝมือแรงงาน. 2558. คูมือเตรียมทดสอบมาตรฐานฝมือแรงงานแหงชาติ กลุมสาขาอาชีพชางอุตสาหการ สาขาอาชีพชางเชื่อมทิก ระดับ ๑. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : www.dsd.go.th/standard/Region/ Download_Doc/9666
101 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
กรมพัฒนาฝมือแรงงาน. 2558. คูมือเตรียมทดสอบมาตรฐานฝมือแรงงานแหงชาติ กลุมสาขาอาชีพชางอุตสาหการ สาขาอาชีพชางเชื่อมแม็ก ระดับ ๑. ๑. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : http://www.dsd.go.th/standard/ Region/Doc_ShowDetails/6196 บริษัท นรินทรอินสทรูเมนท จํากัด. 2553. Universal Testing Machine คูมือการใชงาน. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : http://www.narin.co.th/Data%20sheet/INSTRUCTION%20MANUAL(Thai)%20TS501-100.pdf พงษศักดิ์ คําเปลว. 2554. การแตงหนาลอหินเจียระไน. ๑. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : http://www.rtc.ac.th/ www_km/03/0318/036_2-2554.pdf ศูนยเทคโนโลยีโลหะและวัสดุแหงชาติ. 2557. การทดสอบการดัดโคง ๑. [ออนไลน]. เขาถึงไดจาก : https://www. mtec.or.th/mcu/phml/index.php/th/2014-09-12-03-39-42/18-bending-test
102 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
กิจกรรมการฝกอบรม ขั้นตอนการสอนหรือกิจกรรมของครูฝก ขั้นตอนการเรียนหรือกิจกรรมของผูรับการฝก ขั้นเตรียม 1. เช็คชื่อผูรับการฝก 1. ขานชื่อตามเลขที่ 2. เตรียมเครื่อง Projector 2. ชวยครูเตรียมเครื่อง Projector 3. เตรียมตัวอยางเครื่องมือกลเพื่อใช ประกอบการสอน และตรวจสอบความพรอม ใชงานของเครื่องมือ เชน เครือ่ งเจีย เครือ่ งขัด จิ๊ก ฟกเจอร เปนตน 4. ตัวอยางแบบหัวคอน ตามใบงานที่ 3.1 ขั้นประเมินผลกอนเรียน ตอบคําถาม ดวยความตั้งใจ โดยใชความรูพื้นฐาน ถามพื้นความรูเกี่ยวกับการใชเครื่องมือกล ที่มีอยู ขั้นนําเขาสูบทเรียน 1. ถามคํ าถามที่ เ กี่ ย วข อ งกั บ เนื้ อ หาเพื่อ สร า ง 1. ฟง ตอบคําถามและซักถามขอสงสัย ความสนใจ 2. บอกผลลั พ ธ ก ารเรี ย นรู ใ นเรื่ อ ง การใช 2. ฟง และซักถามขอสงสัย เครื่องมือกล ขั้นสอน 1. แจกคูมือผูรับการฝกเรื่อง การใชเครื่องมือกล 1. รั บ คู มื อ ผู รั บ การฝ ก เรื่ อ ง การใช เ ครื่ อ งมื อ กล หนาที่ 85 - 117 ไปศึกษา หนาที่ 85 - 117 2. สอนเนื้อหาเรื่อง การใชเครื่องมือกล โดยใชวิธี 2. จดบันทึก ตอบคําถาม ซัก ถามขอสงสัยตรงตาม เนื้อหาดวยวาจาที่สุภาพเรียบรอย ถาม - ตอบกับผูรับการฝก และใชความรูเดิม ของผู รั บ การฝก มาต อ ยอดเป นความรูใหม พรอ มใช สื่ อ วี ดิทั ศน นาทีที่ 00.00 - 22.11 และตัวอยางของจริงประกอบการสอน โดยมี สาระสําคัญดังนี้ 2.1 การใชเครื่องเจียระไน 2.2 การใชเครื่องขัดผิวโลหะ 2.3 การใชเครื่องอัดไฮดรอลิกส 2.4 การใชเครื่องทดสอบการดัดงอ 103 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
กิจกรรมการฝกอบรม ขั้นตอนการสอนหรือกิจกรรมของครูฝก ขั้นตอนการเรียนหรือกิจกรรมของผูรับการฝก 2.5 การใชเครื่องตัดชิ้นงานและเครื่อง เลื่อย 2.6 การใชอุปกรณจับยึด 2.7 การใชการใชเครื่องดูดควัน 2.8 การดูแลและบํารุงรักษาเครื่องมือกล 3. มอบหมายใหทําใบทดสอบจากคูมือผูรับการ 3. ทําใบทดสอบหนาที่ 103 - 106 โดยครูฝก คอย ฝก หนาที่ 103 - 106 สังเกตและใหคําแนะนําเพิ่มเติม 4. เฉลยใบทดสอบ โดยดู เ ฉลยจากคู มือ ครูฝก 4. จดบันทึก ตอบคําถาม ซักถามขอสงสัยดวยวาจาที่ หนาที่ 124 สุภาพเรียบรอย ตรวจใบทดสอบโดยสลับกันตรวจ กับเพื่อนดวยความถูกตองและเปนธรรม 5. มอบหมายใหศึกษาใบงานที่ 3.1 เรื่อง การใช 5. ศึ ก ษาใบงานที่ 3.1 เรื่ อ ง การใช เ ครื่ อ งมื อ กล เครื่อ งมือ กล จากคูม ือ ผูร ับ การฝก หนา ที่ หนาที่ 107 -117 โดยครู ฝก คอยสัง เกตและให 107 - 117 คําแนะนําเพิ่มเติม 6. อธิบ ายพร อ มสาธิ ตและถามตอบขอ ซัก ถาม 6. จดบันทึก ซักถามขอสงสัยเกี่ยวกับงานที่จะปฏิบัติ เกี่ยวกับงานที่จะปฏิบัติและขอควรระวัง โดย ดวยวาจาที่สุภาพเรียบรอย ใชสื่อวีดิทัศน นาทีที่ 00.00 - 06.42 มีสาระสําคัญ ดังนี้ 6.1 วั ส ดุ - อุ ป กรณ และเครื่อ งมือที่ใช ในการทําหัวคอน 6.2 ขั้นตอนการทําหัวคอน 6.3 การปฏิบัตงิ านดวยความปลอดภัย 6.4 การดูแลและบํารุงรักษาเครื่อง เลื่อยชัก 7. แบงกลุมปฏิบัติงานกลุมละ 4 - 5 คน 7. แบงกลุมตามความสมัครใจ 8. จายวัสดุ - อุปกรณและเครื่องมือปฏิบัติงาน 8. รับวัสดุ - อุปกรณและเครื่องมือปฏิบัติงานตามใบ ตามใบขั้นตอนการปฏิบัติง านในคูมือ ครูฝก ขั ้น ตอนปฏิบ ัติง านในคู ม ือ ผูร ับ การฝก หนา ที่ หนาที่ 126 - 127 108 - 109 9. ควบคุมดูแล ตรวจสอบ และใหคําแนะนําตอ 9. ปฏิ บั ติ ง านด ว ยความตั้ ง ใจและคํ า นึ ง ถึ ง ความ ผูรับการฝกขณะปฏิบัติงานทุกขั้นตอนอยาง ปลอดภัย ใกลชิด 104 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
กิจกรรมการฝกอบรม ขั้นตอนการสอนหรือกิจกรรมของครูฝก ขั้นตอนการเรียนหรือกิจกรรมของผูรับการฝก 10. ควบคุ ม และดู แ ลการทํ าความสะอาดพื้นที่ 10. ทําความสะอาดพื้นที่ปฏิบัติงาน ปฏิบัติงานของผูรับการฝก 11. ตรวจเช็ ควั ส ดุ - อุ ป กรณ และเครื่ อ งมือ ให 11. เก็บวัสดุ - อุปกรณและเครื่องมือปฏิบัติงานใหมี ครบถวน สภาพพรอมที่จะใชงานตอไปและสงคืน ขั้นสรุป นําอภิปรายสรุปสาระสําคัญเรือ่ ง การใชเครื่องมือกล อภิปรายและรวมสรุปเรื่องที่เรียนรวมกัน ขั้นประเมินผลหลังการฝก สรุปผลการประเมินผลรวมเรื่อง การใชเครื่องมือกล รับฟงผลการประเมิน และซักถามขอสงสัย เกี่ยวกับกิจนิสัยในการปฏิบัติงาน และคุณลักษณะที่ ตองการบูรณาการคุณธรรม จริยธรรม ใบทดสอบ และ ใบงาน
105 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ใบขอมูล หัวขอวิชาที่ 3 การใชเครือ่ งมือกล 1. เครื่องเจีย เครื่องเจียลับคมตัด เปนเครื่องมือกลพื้นฐานชนิดหนึ่งที่มปี ระโยชนมาก สามารถทํางานไดอยางกวางขวาง เชน ใชสําหรับ ลับคมตัดตาง ๆ ของเครื่องมือตัด ซึ่งไดแก มีดกลึง มีดไส ดอกสวาน และยังสามารถเจียตกแตงชิ้นงานตาง ๆ ไดโดยคํานึงถึง เรื่องความปลอดภัย 1.1 ชนิดของเครื่องเจีย ลับคมตัด เครื่อ งเจียลับคมตัดโดยทั่วไป แบง ออกเปน 2 ชนิด คือ เครื่อ งเจียแบบตั้งโตะ และเครื่องเจียแบบตั้งพื้น ดังนี้ - เครื่อ งเจียแบบตั้ง โตะ (Bench Grinding) เครื่อ งเจียชนิดนี้จ ะยึด ติดอยูกับ โตะ เพื่อ เพิ่ม ความสูง และความสะดวกในการใชงาน - เครื่องเจียแบบตั้งพื้น (Floor Grinding) เปนเครื่องเจียลับคมตัดที่มีขนาดใหญกวาแบบตั้งโตะ มีสวน ที่เปนฐานเครื่องเพื่อใชยึดติดกับพื้น ทําใหเครื่องเจียมีความมั่นคงแข็งแรงกวาเครื่องเจียแบบตั้งโตะ
ภาพที่ 3.1 เครื่องเจียแบบตั้งโตะ
ภาพที่ 3.2 เครื่องเจียแบบตั้งพื้น
วิธีการใชงาน 1) ศึกษาหลักการใช วิธีการ และเตรียมเครื่องมือใหพรอมกอนปฏิบัติงาน 2) ตรวจสอบความพรอมและความเรียบรอยของเครื่องเจียลับคมตัด 3) เปดสวิตชการทํางานของเครือ่ ง 4) ทําการลับมีดตัดหรือชิ้นงานอยางถูกวิธี 5) เมือ่ ใชงานเสร็จปดสวิตชและทําความสะอาดใหเรียบรอย
106 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ขอควรระวัง ขณะใชเครื่องอาจจะมีผงเศษเหล็ก เศษหินกระเด็นเขาตา หรือนิ้วมือถูกลอหินเจียตัดขาดและไฟฟาดูดได เพื่อความปลอดภัยในการใชเครื่องผูใชมีวิธีปฏิบัติดังนี้ 1) ตรวจสอบความพรอมของเครื่องเจียทุกครั้งกอนใชงาน 2) แตงกายใหรัดกุม และสวมแวนปองกันสายตาทุกครั้งกอนใช 3) ตองปรับระยะหางแทนรองรับงาน ประมาณ 3 มิลลิเมตร 4) เมือ่ เกิดรอยบิ่น ใหทําการแตงลอหินเจียใหม 5) หามใชผาจับเครื่องมือหรือชิ้นงานขณะใชเครื่อง เพราะผาอาจจะติดเขาไปในลอแลวเกิดอันตรายได 6) ตองติดตั้งสายดินเพื่อปองกันไฟฟาดูด วิธีการดูแลและบํารุงรักษา เพื่อใหอายุการใชงานไดยาวนาน มีวิธีการดูแลและบํารุงรักษาดังนี้ 1) ตรวจสอบความเรียบรอยของเครื่องใหพรอมใชงานเสมอ 2) กรณีลอหินเจียมีรอยราวหรือไมมีคม ใหปรับแตงหนาหินใหม 3) ตรวจสอบระยะหางของแทนรองรับงานเปนประจํา 4) หลังเลิกใชงาน ควรปดสวิตชและทําความสะอาดทุกครัง้ 2. เครื่องขัดผิวโลหะ เปนเครื่อ งขัดเงาโลหะกอนที่จะนําชิ้นงานไปทําการกัดลาย (Etching) หลัก การและอุปกรณของการขัดเงาคลายกับ การขัดหยาบโดยจะใชจานหมุนอัตโนมัติ เพียงแตขนาดของอนุภาคสารขัดถูจะเล็กกวา ซึ่งอุปกรณในการขัดเงา มีดังนี้ 2.1 ผาขัด ผาขัดที่ใชกับการขัดเงาเปนผาโพลีเอสเตอร มีลักษณะคลายผากํามะหยี่ขนสั้น มีทั้งชนิดที่ติดกาวสําเร็จรูปดานหลัง และชนิดไมติดกาว เวลาใชงานจะแตมดวยผงขัดชนิดที่เปนครีม หรือฉีดดวยผงขัดที่แขวนลอยในน้ํา แขวนลอยในน้ํามัน ผาขัดชนิดที่มีกาวอยูดานหลัง เปนชนิดที่ไวใชกับผงขัดเพชร 2.2 สารขัดเงา สารขัดเงามีทั้งที่เปนผงขัดเพชรอลูมินาความละเอียดตั้งแต 6 ไมโครเมตร ไปจนถึง 0.25 ไมโครเมตร เวลาแตม ผงขัดหรือฉีดผงขัดลงบนผาควรจะฉีดเปนจุดตามตําแหนง 3, 6, 9 และ 12 นาฬิกาบนแนวเสนรอบวงของการหมุนเดียวกัน ถาเปนชนิดขัดแหง จะขัดโดยไมตองใชน้ํามันหรือสารหลอลื่น สวนการขัดเปยก ตองใชน้ํา หรือน้ํามันชวยในการหลอลื่น 107 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ภาพที่ 3.3 เครื่องขัดผิวโลหะ วิธีการใชงาน ใชหลักการเดียวกับการขัดดวยกระดาษทรายโดยใชจานหมุนอัตโนมัติ กรณีที่ใชมือจับชิ้นงานควรจับใหแนน ความเร็วของจานหมุนที่เหมาะสมควรเปนระดับความเร็ว (จํานวนรอบ/นาที) ที่เ ร็วพอที่จะทําใหเกิดการขัดสี เปดผิวหนาโลหะได แตตองไมเร็วเกินไปจนกระทั่งผูขัดไมสามารถจับชิ้นงานไดอยางถนัด โดยทั่วไปความเร็วในการหมุนจะอยูในชวง 150 - 300 รอบ/นาที ขณะขัดจึงตองมีการใชน้ําเปนสารหลอเย็น และหลอลื่น เพื่อใหเศษโลหะหลุดจากผิวหนาชิ้นงาน และชวยรักษาอุณหภูมิชิ้นงานไมใหรอนขึ้น เวลาในการขัดควรอยูระหวาง 30 - 90 วินาที เพราะการขัดนานเกินไปจะทําใหชิ้นงานเกิดรอยเปนสะเก็ดดาว ชิ้นงานที่ขัดเงาแลวจะตองใสเหมือนกระจกเพื่อที่จะสามารถนําไปกัดลายดวยสารละลายกรดตาง ๆ ได สิ่งสําคัญ ในการขัดเงาคือ การทําความสะอาด เนื่องจากผิวหนาชิ้นงานที่ผานการขัดเงาจะมันวาวมาก จึงควรทําความสะอาด ดว ยการสั่น ในเครื่อ งสั่น (Ultrasonic Cleaning Machine) ทุก ครั้งกอนที่จะเปลี่ยนเบอรผงขัดที่ละเอียดขึ้น เนื่องจากอนุภาคสารขัดเงาที่ตกคางที่ชิ้นงานจะทําใหชิ้นงานเกิดรอยที่ผิวหนาได ขอควรระวัง 1) ขณะทํางานไมควรใหมือ หรืออวัยวะสวนหนึ่งสวนใดของรางกายสัมผัสกับจานขัด 2) ในการขัดชิ้นงานใหกดชิ้นงานเพียงเบา ๆ 3) การขัดชิ้นงานขนาดเล็กใหใชอุปกรณจบั ยึดชิ้นงานแทนการใชมือ 4) ใหสวมกระบังปองกันใบหนาหรือแวนนิรภัยทุกครั้งเมื่อขัดดวยเครื่องขัดกระดาษทรายแบบจาน โดยเฉพาะอยางยิง่ เมื่อขัดชิ้นงานที่เปนโลหะ วิธีการดูแลและบํารุงรักษา หลังการขัดงานทุกครั้งควรทําความสะอาดจานหมุน โดยเฉพาะการใชกระดาษทรายประเภทที่ติดดวยกาว สวนการเก็บกระดาษทรายที่เปนแบบมีกาวและไมมีกาวควรจะเก็บในที่แหง เพราะความชื้นจะทําใหประสิทธิภาพ ของกาวลดลง และควรวางในแนวราบเพื่อไมใหงอ นอกจากนี้เมื่อเปลี่ยนเบอรละเอียดขึ้นจะตองเปลี่ยนผาขัดทุกครั้ง และผาขัดที่ใชควรแยกตามชิ้นงานโลหะที่ขัด 108 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
3. เครื่องอัดไฮดรอลิกส เครื่องอัดไฮดรอลิกส มีอีกชื่อหนึ่งวา เครื่องจักรกลไฮดรอลิกส เปนเครื่องทุนแรงที่ตองใชแรงในการกดและอัด เพื่ออัด ชิ้นงานเขาหรือดันชิ้นงานออก
ภาพที่ 3.4 เครื่องอัดไฮดรอลิกส วิธีการใชงาน 1) กอนใชงานทุกครั้งตองตรวจสอบเครื่องอัดไฮดรอลิกสใหอยูในสภาพพรอมใชงาน 2) ทําการติดตั้งกระบอกสูบไฮดรอลิกสไวใตชิ้นงานที่ตองการอัดหรือถอด 3) เลือ่ นแปนล็อกชิ้นงานใหสนิทเขากับตําแหนงที่ตองการ 4) ปดวาลวน้ํามันไหลกลับใหสนิท 5) ทําการโยกปมดวยมือโยก เพื่อใหกระบอกสูบไฮดรอลิกสดันชิ้นงานขึ้น 6) เมื่อดันชิ้นงานออกเรียบรอยแลว ใหคอย ๆ เปดวาลว เพื่อใหน้ํามันไหลลงสูดานลางของกระบอกสูบ ขอควรระวัง ไมควรยืนอยูตรงหนาของแทนอัด เพื่อปองกันไมใหสงิ่ ของกระเด็นใสในเวลาโยก วิธีการดูแลและบํารุงรักษาเครื่องอัดไฮดรอลิกส หลังการใชงานเครื่องอัดไฮดรอลิกสทุกครั้ง ควรตรวจสอบวากระบอกสูบมีการรั่วไหลของน้ํามันหรือไม หากพบ รอยรั่วใหดําเนินการซอมแซมทันที จากนั้นใหลางทําความสะอาดกอนนําไปเก็บเขาที่ใหเรียบรอย
109 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
4. เครื่องทดสอบการดัดงอ 4.1 อุปกรณและเครื่องมือในการทําการทดสอบการดัดโคง อุปกรณและเครื่องมือในการทําการทดสอบการดัดโคงนั้นไมมีขอกําหนดที่ตายตัว เนื่องจากการทดสอบไมซับซอน และไมตองการความละเอียดของเครื่องมือ เพียงแคสามารถทําการดัดโคงชิ้นทดสอบดวยรัศมีตาง ๆ ตามที่กําหนดไว หรือดัดโคงไปดวยมุม (Bending Angle) ที่ตองการ โดยทั่วไปเครื่องมือและอุปกรณตาง ๆ ที่ใชในการทดสอบการดัดโคง เชน Pin Roller และ Mandrel นั้นควรจะมีความยาวยาวกวาความกวางของชิ้นทดสอบ และจะตองมีความแข็งแรง และแข็งเกร็ง ทนตอการแปรรูปและการสึกหรอในระหวางทําการดัดโคงได
ภาพที่ 3.5 อุปกรณ และเครื่องมือในการทําการทดสอบการดัดโคงแบบตาง ๆ
110 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
วิธีใชงาน การทดสอบการดัดโคงมีหลายวิธี ซึ่ง หลัก การในการทดสอบที่เหมือนกันแตแตกตางกันในรายละเอียด โดยวิธีทดสอบการดัดโคงที่นิยมใชมี 3 วิธี ดังนี้ 1) แบบ Pressing Bend
ภาพที่ 3.6 การทดสอบการดัดโคงแบบ Pressing Bend ทดสอบทําโดยนําชิ้นทดสอบมาวางบนตัวฐานรอง ซึ่งควรจะเปนทรงกระบอกที่มีรัศมีความโคงไมต่ํากวา 10 มิลลิเมตร แลวคอย ๆ เพิ่มแรงในการกดที่จุดกึ่งกลางของชิ้นงานทดสอบ เพื่อทําการดัดโคงชิ้น งาน ซึ่งระยะหางระหวางฐานรองที่ใชในการทดสอบ = 2r + 3t โดยที่ r คือ รัศมีก ารดัดโคง และ t คือ ความหนา หรือ เสนผานศูนยกลางของชิ้นทดสอบ สวนปลาย ของ Mandrel จะตองเปนทรงกระบอก ที่มีรัศมีความโคงเทากับรัศมีการดัดโคงที่ตองการจะทําการทดสอบ 2) แบบ Winding Bend
ภาพที่ 3.7 การทดสอบการดัดโคงแบบ Winding Bend ทดสอบโดยคอย ๆ เพิ่มแรงที่ใชในการมวนชิ้นทดสอบรอบ ๆ Mandrel ตามที่กําหนดไว โดยกดยึดปลาย ดานหนึ่งของชิ้นทดสอบไว และทําการดัดโคงที่ปลายอีกดานหนึ่ง
111 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
3) แบบ V-block Bend
ภาพที่ 3.8 การทดสอบการดัดโคงแบบ V-block Bend ทดสอบโดยนําชิ้นทดสอบมาวางอยูบนฐานรูปตัววี แลวคอย ๆ เพิ่มแรงกดผาน Mandrel ลงตรงกลาง ของชิ้นงานทดสอบ เพื่อทําการดัดโคงชิ้นงานใหไดตามที่กําหนดไว ขอควรระวัง 1) อยาสัมผัสกับสายไฟเมือ่ มือเปยก 2) หลีกเลี่ยงการติดตั้งในสถานที่ ทีเ่ ครื่องทดสอบไดรับแสงแดดโดยตรง 3) อยาใชอุปกรณในบรรยากาศที่ไวไฟ วิธีบํารุงและดูแลรักษา 1) ทําความสะอาดตัวเครือ่ งดวยผาหรือฟองน้ําดวยน้ํายาทําความสะอาดที่เปนกลาง 2) ทําความสะอาดชิ้นสวนและอุปกรณประกอบดวยฟองน้ําหรือผานุมเปยก 3) เช็ดทําความสะอาดดวยผาแหงอีกครั้ง 4) จัดเก็บเครื่องมือและอุปกรณดวยวิธีการที่เหมาะสมและเก็บในที่ที่ปลอดภัย 5. เครื่องตัดชิ้นงานและเครื่องเลื่อย 5.1 เครื่องเลื่อยกล (Sawing Machine) เปนเครื่องมือใชสําหรับงานเลื่อยชิ้นงานอุตสาหกรรม ที่มีชิ้นงานจํานวนมากทั้งชิ้นงานขนาดเล็ก และขนาดใหญ ซึ่งเครื่องเลื่อยกลแบงออกเปนประเภทใหญ ๆ ไดดังนี้ 112 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
5.1.1 เครื่องเลื่อยชัก (Power Hack Saw) เครื่องเลื่อยแบบชักเปนที่นิยมใชกันอยางแพรหลายในการเลื่อย ตัดวัส ดุง านใหไดขนาดและความยาวตามความตองการ ระบบการขับเคลื่อนใบเลื่อยใชสงกําลังดวย มอเตอร แลว ใชเฟองเปนตัวกลับทิศทาง และใชหลักการของขอเหวี่ยงเปนตัวขับเคลื่อนใหใบเลื่ อ ย เคลื่อนที่กลับไป - มา ในแนวเสนตรงอยางตอเนื่อง ทําใหใบเลื่อยสามารถตัดงานได
ภาพที่ 3.9 เครื่องเลื่อยชัก วิธีการใชเครื่องเลื่อยชัก 1) ตรวจสอบความพรอมของเครื่องเลื่อยชักและอุปกรณอยูเ สมอ 2) ผูปฏิบัตงิ านตองมีการตรวจความพรอมทัง้ รางกายและสภาพจิตใจ 3) เปดสวิตชเมนใหญใหกระแสไฟฟาเขาเครือ่ งเลื่อยชัก 4) ยกโครงเลือ่ ยคางไว กอนที่จะทําการตัด 5) บีบจับชิ้นงานดวยปากกาจับงานไมตองแนน เพื่อใหสามารถเลื่อนปรับชิ้นงานได 6) ปรับโครงเลื่อยลง โดยใหฟนของใบเลื่อยหางจากชิ้นงานประมาณ 10 มิลลิเมตร 7) ตั้งระยะความยาวของชิ้นงานโดยใชบรรทัดเหล็กวัดขนาด 8) บีบจับชิ้นงานดวยปากกาจับงานใหแนน 9) ปรับแขนตัง้ ระยะใหยาวเทากับความยาวของชิ้นงาน 10) เปดสวิตชเดินเครื่องเลื่อยชัก 11) คอย ๆ ปรับระบบปอนตัดไฮดรอลิกสเพื่อใหโครงเลื่อยเลื่อนลงชา ๆ 12) ปรับทอน้ําหลอเย็นใหน้ําฉีดตรงคลองเลื่อย เพือ่ ชวยระบายความรอน 13) รอจนกวาเลื่อยตัดชิ้นงานขาด 113 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ขอควรระวังเครื่องเลื่อยชัก 1) กอนใชเครื่องเลื่อยชักทุกครั้ง ตองตรวจสอบความพรอมของเครื่องเสมอ 2) บีบปากกาจับชิ้นงานใหแนนกอนเปดสวิตชเครื่องทํางาน 3) หามตัดชิ้นงานที่มีความยาวนอยกวาปากของปากกาจับงาน เพราะจะทําใหใบเลื่อยหัก 4) เมื่อตองการตัดชิ้นงานยาว ๆ ควรมีฐานมารองรับชิ้นงานทุกครั้ง 5) กอนเปดสวิตชเดินเครือ่ ง ตองยกใบเลื่อยใหหางจากชิ้นงานประมาณ 10 มิลลิเมตร 6) การปอนตัดดวยระบบไฮดรอลิกสมากเกินไปจะทําใหใบเลื่อยหัก 7) เหล็กหลอ ทองเหลือง ทองแดง และอะลูมเิ นียมควรหลอเย็นใหถูกประเภท 8) ไมควรกมหนาเขาใกลโครงเลื่อยชักขณะจะเปดสวิตชเดินเครือ่ งเลื่อยทํางาน 9) ขณะเครื่องเลือ่ ยชักกําลังตัดชิ้นงานหามหมุนถอยปากกาจับงานออกเปนอันขาด วิธีการดูแลและบํารุงรักษา เพื่อยืดอายุการใชงานใหยาวนาน จะตองมีวิธีการดูแลและบํารุงรักษาเครื่อง ดังนี้ 1) กอนใชงานเครื่องเลื่อยชักทุกครั้งควรหยอดน้ํามันหลอลื่นบริเวณจุดที่เคลื่อนที่ 2) หลังเลิกใชงานทุกครั้งควรทําความสะอาด และใชผาคลุมเครื่องปองกันฝุนละออง 3) ควรเปลี่ยนน้ําหลอเย็นทุก ๆ สัปดาห 4) ตรวจสอบกระบอกสูบน้ํามันไฮดรอลิกสไมใหรั่วซึม 5) ตรวจสอบ สายพาน มูเ ลย เฟองทด และปม น้ําหลอเย็นเพื่อใหใชงานไดตลอด 5.1.2 เครื ่อ งเลื ่อ ยสายพานแนวนอน (Horizontal Band Saw) เปน เครื ่อ งเลื ่อ ยที ่ม ีใ บเลื ่อ ยยาว ติดตอกันเปนวงกลม การเคลื่อนที่ของใบเลื่อยมีลักษณะการสงกําลังดวยสายพานคือ มีลอขับและลอตาม ทําใหคมตัดของใบเลื่อยสามารถเลื่อยตัดงานไดตลอดทั้งใบ การปอนตัดงานใชระบบไฮดรอลิกสควบคุม ความตึงของใบเลื่อย ปรับ ดวยมือ หมุนหรือ ใชไฮดรอลิก สป รับ ระยะหางของลอ มีโ ครงสรางแข็งแรง ตัวเครื่องสามารถติดตั้งไดกับพื้นโรงงาน
114 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ภาพที่ 3.10 เครื่องเลื่อยสายพานแนวนอน 5.1.3 เครื่องเลื่อยสายพานแนวตั้ง (Vertical Band Saw) เครื่องเลื่อยสายพานแนวตั้งเปนเครื่องเลื่อยที่ มีใบเลื่อยเปนแบบสายพานแนวตั้ง ซึ่ง จะหมุนตัดชิ้นงานอยางตอ เนื่อง ใชตัดงานเบาไดทุกชนิด เชน ตัดเหล็กแบน เหล็กบางใหขาด หรือตัดเปนรูปทรงตาง ๆ ซึ่งเครื่องเลื่อยชนิดอื่น ๆ ไมสามารถทําได
ภาพที่ 3.11 เครื่องเลื่อยสายพานแนวตั้ง เครื่องเลื่อยสายพานแตกตางจากเครื่องเลื่อยชัก ที่สามารถตัดชิ้นงานไดตอเนื่อง ในขณะที่เครื่องเลื่อยชัก ทําหนาที่ตัดงานเฉพาะชวงชักตัดเทานั้น และยังใชประโยชนของใบเลื่อยในชวงจํากัด กลาวคือ จะใชประโยชน เฉพาะสวนกลางของใบเลื่อยไดเทานั้น ใบเลื่อ ยสายพานจะมีความหนานอ ยกวาใบเลื่อ ยชนิดอื่น จึง ทําใหมีก ารสูญ เสียวัส ดุนอ ยกวาเลื่อย สายพานแนวตั้ง ลักษณะเดนในการทํางานคลายกับงานฉลุดวยมือ ซึ่งจะไมพบในเครื่องเลื่อ ยโลหะชนิ ดอื่ น เชน ตัดชิ้นงานเปนรูปทรงเรขาคณิต 115 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
วิธีการใชงาน 1) ตรวจสอบความตึงของใบเลื่อย และเลือกใชใบเลื่อยใหเหมาะกับขนาดชิ้นงาน 2) ตรวจสอบสายพาน ความเร็วในการตัดใหเหมาะสมกับการใชงาน 3) ตรวจสอบลูกกลิ้งประคองใหใบเลื่อยอยูชิดกับชิ้นงาน 4) วัดชิ้นงานใหไดขนาดตามที่ตองการ แลวปรับระยะตัดชิ้นงาน 5) ยกฝาครอบขึ้นแลวตรวจสอบไฮดรอลิกส เพื่อปรับความเร็วในการตัดชิ้นงาน 6) เปดสวิตชเครือ่ งและวาลวน้ํามันหลอเย็น 7) ปดสวิตชเพื่อทดสอบการหยุดทํางานของเครื่อง แลวเปดเครือ่ งอีกครัง้ 8) หมุนสวิตช Emergency ตามทางลูกศรเล็กนอยเพื่อเปดเครือ่ งไดปกติ 9) ปรับไฮดรอลิกสเพื่อกําหนด FEED การตัดชิ้นงาน โดยการปรับวาลวละเอียด 10) ทดลองตัดชิ้นงานแลวล็อกวาลว และเปด Ball valve แทนในการตัดงานชิ้นตอไป 11) เมื่อชิ้นงานขาด Cover กด Limit สวิตชเครื่องเลือ่ ยจะหยุดทํางาน 12) หลังใชงานเสร็จควรลดความตึงใบเลื่อย เพื่อเพิ่มอายุการใชงาน ขอควรระวัง 1) ติดตั้งสายดินเพื่อปองกันอันตรายจากไฟดูด 2) ปดฝาครอบใบเลื่อยและพูลเลยทุกครั้งเมื่อตัดงาน 3) กอ นปรับ ใบเลื่อ ยใหตึง ตอ งปรับ แบริ่งประคองเลื่อยใหหางกันประมาณความหนาใบเลือ่ ย 0.1 - 0.2 มิลลิเมตร จากนั้นทดลองเลื่อนใบเลื่อยผานแบริ่งเพื่อไมใหฝด แลวคอยปรับใบเลื่อย ใหตึงพอเหมาะ วิธีการดูแลและบํารุงรักษา 1) เช็คระดับน้ํามันเกียรและชุดเฟองทดทุก 6 เดือน 2) ตรวจความตึงสายพาน รอยแตกทุก 6 เดือน 3) กอนใชงานทุกครัง้ ตองตรวจสภาพแบริ่งประคองใบเลือ่ ยไมใหหลวมหรือแนนเกินไป 4) ถาแบริ่งประคองใบเลื่อยแตกหรือติด ใหเปลี่ยนใบใหมทันที 5) ตรวจสอบการรั่วซึมของน้ํามันไฮดรอลิกสที่ชุดกระบอกไฮดรอลิกส 6) ตรวจสอบน้ําหลอเย็นสัปดาหละ 1 ครั้ง หรือถามีกลิ่นเหม็นควรเปลี่ยนใหมทันที
116 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
5.1.4 เครื่องเลื่อยวงเดือน (Circular Saw or Radius Saw) เครื่องเลื่อยวงเดือนเปนเครื่องเลื่อยที่ใบเลื่อย เปนวงกลม มีฟนรอบ ๆ วง สามารถตัดชิ้นงานไดอยางตอเนื่อง มักเปนชิ้นงานบาง ๆ เชน อะลูมิเนียม สามารถตัดงานไดทั้งลักษณะตรงและเอียงเปนมุม
ภาพที่ 3.12 เครื่องเลื่อยวงเดือน วิธีการใชงาน 1) กอนปรับเปลี่ยนหรือปรับตัง้ ขนาดใบเลื่อย จะตองมั่นใจวาเครื่องปดอยูเสมอ 2) การยืนควรยืนอยูขางใดขางหนึ่งของแนวใบเลือ่ ย เพื่อปองกันอันตรายหากใบเลื่อยหลุด 3) ใชที่ครอบใบเลือ่ ยทุกครัง้ ทีม่ ีการตัด 4) คอย ๆ เลื่อนใบเลือ่ ยเพื่อตัดตามรอยที่กําหนดไว 5) เมื่ อ ป ดเครื่ อ งแล วใบเลื่อ ยยัง ไมหยุด หามหยุดใบเลื่อยดวยการนําไมไปใสหรือมือ ไปสัมผัส ใบเลื่อย หามทําความสะอาดแทนเลื่อยดวยมือเปลา ควรใชแปรงปดหรือลมเปา ขอควรระวังในการใชเลื่อยวงเดือน 1) ควรใสฝาครอบใบเลือ่ ยเสมอ 2) อยาออกแรงควบคุมตัดเกิน 3) กอนชิ้นงานจะขาด ใชแรงควบคุมตัดเพียงเล็กนอยพอ 4) หมัน่ ตรวจการแตกราวของใบเลือ่ ยหรือการยึดติดคมเลื่อย วิธีการดูแลและบํารุงรักษา 1) ทําความสะอาดเครื่องและใบเลือ่ ยใหปราศจากเศษวัสดุ 2) ตรวจสอบความผิดปกติของเครื่องเปนประจําหลังใชงาน 117 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
6. อุปกรณจับยึด อุป กรณจับยึด คื อ ชิ้ นส วนของจิ๊ กหรือ ฟก เจอร มีห นาที่ในการจับยึดชิ้นงาน โดยจะยึดจับชิ้นงานใหติดแนนอยูกับ โครงสรางลําตัวของจิ๊กหรือฟกเจอร เพื่อทําใหชิ้นงานอยูในตําแหนงที่ตองการอยางมั่นคงเมื่อมีการปาดผิวชิ้นงาน 6.1 อุปกรณนําเจาะและจับงาน อุปกรณนําเจาะและจับงานแบงออกเปน 2 ชนิด คือ จิ๊ก และฟกเจอร ดังนี้ 1) จิ๊ก (Jig) คือ อุปกรณกําหนดตําแหนงจับยึดชิ้นงาน และเปนตัวนําทางของเครื่องมือตัด (Cutting Tools) โดยทั่วไปนิยมใชในการเจาะรู หรือควานรู จิ๊กจะมีปลอกนําทางอัดติดแนนอยูเสมอ ปลอกนําทางนี้ ทําดวยเหล็กพิเศษที่ผานการชุบแข็งมาแลว และเปนตัวที่ใชสําหรับนําทางในการเจาะรูของดอกสวาน และเครื่องมือตัดอื่น ๆ
ภาพที่ 3.13 จิ๊ก 2) ฟกเจอร (Fixture) เปนเครื่องมือสําหรับการผลิตที่ใชในการกําหนดตําแหนงยึดจับ และรองรับชิ้นงาน ใหอยูคงที่ขณะเครื่องจักรทํางาน และอาจมีแทงตั้งระยะสําหรับตั้งระยะของเครื่องมือตัดประกอบอยู สวนใหญจะใชกับงานไส งานกัด และงานเจียระไน
118 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ภาพที่ 3.14 ฟกเจอร ขอควรระวัง จิ๊ก และฟก เจอรถูก ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อ ใหเ หมาะสมกับ ชิ้นงานนั้น ผูป ฏิบัติง านไมควรนําไปใช อยางผิดประเภทเพื่อยืดอายุการใชงาน วิธีการดูแลและบํารุงรักษา หลังจากใชงาน ควรทําความสะอาดและตรวจสอบชิ้นสวนใหมีสภาพดี พรอมใชงานเสมอ 7. เครื่องดูดควัน เครื่องดูดควัน เปนอุปกรณที่ใชดูดฝุน และควันไอเชื่อม เพื่อลดผลกระทบตอสุขภาพของชางเชื่อม ทําใหสถานที่ทํางาน ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งเครื่องดูดควันมีหลายลักษณะเพื่อใหเลือกใชตามความเหมาะสม ดังตอไปนี้ 1) หัวเชื่อมที่มีชุดดูดควันประกอบ ใชสําหรับดูดสารพิษตรงจุดที่ทําการเชื่อมซึ่งเปนวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด 2) ทอดูดติดบนเครื่องมือ ใชสําหรับดักจับฝุนละออง และอนุภาคที่มีความเขมขนสูงในโรงงานเชื่อม 3) แขนดูดควันเชื่อม ใชดูดจับควันจากแหลงกําเนิดของควันเชื่อม กอนที่จะเขาสูระบบหายใจของชางเชื่อม 4) พัดลมและเครื่อ งเปาลม ใชสําหรับเคลื่อ นยายอากาศที่ปนเปอนฝุนละออง แกส พิษผานตัวกรองออกไป ทําความสะอาด ทําใหพื้นที่ปฏิบัติงานมีอากาศที่บริสุทธิ์
119 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ภาพที่ 3.15 หัวเชื่อมที่มีชุดดูดควัน
ภาพที่ 3.16 ทอดูดติดบนเครื่องมือ
ภาพที่ 3.17 แขนดูดควันเชื่อม
ภาพที่ 3.18 พัดลมและเครื่องเปาลม
วิธีใชงาน 1) ปรับตําแหนงแขนดูดควันเชื่อมใหตรงกับบริเวณทีจ่ ะทําการเชื่อม 2) เปดสวิตชการใชงาน เครื่องดูดควันจะดูดควันหรือไอเชื่อมเขาไป 3) เมื่อหยุดใช ใหปดสวิตชหลังใชงานทุกครั้ง ขอควรระวัง 1) ควรติดตั้งเครื่องดูดควันใหอยูในตําแหนงที่เหมาะสม ไมอยูใกลวัตถุไวไฟ หรือบริเวณที่มีความชื้น 2) ขณะทําการเชื่อมควรระวังไมใหสะเก็ดไปโดนสายไฟของเครื่องดูดควัน เพราะอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได วิธีการดูแลและบํารุงรักษา 1) ตรวจสอบเครื่องมือตามรอบที่ผผู ลิตแนะนําเพื่อปองกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น 2) หมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเครือ่ งมือกล 3) ทําความสะอาดและเปลี่ยนเครื่องมือเมื่อมีการเสื่อมสภาพ 4) ปรับแตงเครื่องจักรกลใหถูกตองตามคาเริม่ ตน 5) ควรใชเครื่องมือกลตามกําลังความสามารถ และใชอยางทะนุถนอม 6) บันทึกขอมูลในการตรวจสอบหรือซอมแซม เพื่อใชอางอิงในครั้งตอไป
120 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ใบทดสอบ คําชี้แจง ใหผรู ับการฝกทําเครื่องหมาย x ลงในกระดาษคําตอบขอที่ถูกทีส่ ุดเพียงขอเดียว 1. ขอใดแสดงการเจาะรูดวยดอกสวาน มีความปลอดภัยมากทีส่ ุด
ก.
ค.
ข.
ง.
2. หากตอ งการเจียตกแตง ชิ้นงานขนาดใหญใหส วยงาม โดยใชเ ครื่อ งเจียที่มั่นคงแข็ง แรงและมีฐ านยึดติดกับ พื้น ได ควรเลือกใชเครื่องมือกลชนิดใด
ก.
ค.
ข.
ง.
121 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
3. เหตุผลที่ตอ งใชน้ําเปนสารหลอเย็น ขณะใชเครื่องขัดผิวโลหะคือขอใด ก. เพื่อไมใหเศษโลหะหลุดจากผิวหนาชิ้นงาน และรักษาอุณหภูมิชิ้นงานไมใหรอ นขึ้น ข. เพื่อใหเศษโลหะหลุดจากผิวหนาชิ้นงาน และรักษาอุณหภูมชิ ิ้นงานไมใหรอนขึ้น ค. เพื่อรักษาผิวหนาชิ้นงานใหสวยงาม และรักษาอุณหภูมิชิ้นงานใหต่ํากวาศูนยองศาเสมอ ง. เพื่อรักษาเครื่องขัดผิวโลหะใหใชงานไดนาน และรักษาอุณหภูมิชิ้นงานใหต่ํากวาศูนยองศาเสมอ 4. โรงงานอุตสาหกรรมรถยนตแหงหนึ่ง ตองการซื้อเครื่องมือทุน แรงทีส่ ามารถใชอัด หรือถอดชิ้นสวนตาง ๆ ไดดี โรงงาน แหงนี้ควรซื้อเครื่องมือในขอใดเพื่อใหตรงกับวัตถุประสงค ก. เครื่องอัดไฮดรอลิกส ข. เครื่องเลือ่ ยชัก ค. เครือ่ งขัดผิวโลหะ ง. ฟกเจอร 5. ถาตองการดัดโคงแบบมวนชิ้นงานทดสอบรอบ ๆ Mandrel ควรใชการทดสอบวิธีใดที่เหมาะสมที่สุด ก. แบบ Pressing Bend ข. แบบ V-block Bend ค. แบบ Winding Bend ง. แบบ Tool Bending 6. ขอใดเปนวิธีการใชเครื่องเลื่อยชัก ไมถูกตอง ก. เปดสวิตชเมนใหญใหกระแสไฟฟาเขาเครือ่ งเลื่อยชัก ข. ตองตัดชิ้นงานใหเสร็จกอนแลวจึงยกโครงเลื่อยคางขึ้นไว ค. บีบจับชิ้นงานดวยปากกาจับงานไมตองแนน เพื่อใหสามารถเลื่อนปรับชิ้นงานได ง. ปรับแขนตัง้ ระยะใหยาวเทากับความยาวของชิ้นงาน
122 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
7. วิธีใชอุปกรณนําเจาะและจับงานที่ถูกตองคือขอใด ก. ใชจิ๊กมากําหนดตําแหนงยึดจับและใชขัดผิวชิ้นงานได ข. ใชจิ๊กเปนตัวนําทางของเครื่องมือตัดและใชดักฝุนผิวชิ้นงานได ค. ใชฟกเจอรกําหนดตําแหนงยึดจับใหแนนอนและใชขัดเงาชิ้นงานได ง. ใชฟก เจอรกําหนดตําแหนงยึดจับใหแนนอนและใชรวมกับงานเจียระไนได 8. ขอใด ไมใช การใชเครื่องดูดควันที่ถูกตอง ก. ปรับตําแหนงของแขนดูดควันเชื่อมใหต่ํากวาบริเวณที่จะทําการเชื่อม ข. ทอดูดติดบนเครื่องมือ ใชสําหรับดักจับฝุนละออง และอนุภาคที่มีความเขมขนสูง ค. พัดลม และเครื่องเปาลม ใชสําหรับเคลื่อนยายอากาศทีป่ นเปอนฝุนละออง ง. หัวเชื่อมทีม่ ีชุดดูดควันประกอบ ใชสําหรับดูดสารพิษตรงจุดที่ทําการเชื่อม 9. ทานจะเลือกปฏิบัติตามขอใด ถาตองการบํารุงรักษาเครื่องมือกลใหใชไดนาน ก. การเก็บกระดาษทรายแบบมีกาว และไมมีกาว ควรเก็บไวในที่ชื้นเสมอ ข. หลังใชเครื่องอัดไฮดรอลิกส ตองตรวจเช็คแปนล็อกวามีน้ํามันรั่วไหลออกมาหรือไมทุกครัง้ ค. ถาลอหินเจียมีรอยราวหรือไมมีคม ใหปรับแตงหนาหินใหมได ง. ควรเปลี่ยนน้ําหลอเย็นของเครื่องเลื่อยชักเปนประจําทุกเดือน
123 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
เฉลยใบทดสอบ ขอ
ก
ข
ค
1 2 3 4 5 6 7 8 9
124 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
ง
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ใบงาน ใบงานที่ 3.1 การใชเครื่องมือกล 1. วัตถุประสงคเชิงพฤติกรรม 1. ปฏิบัติการใชและบํารุงรักษาเครื่องมือทั่วไปไดอยางถูกตอง 2. ปฏิบตั ิงานโดยคํานึงถึงความปลอดภัย
2. ระยะเวลาการฝกปฏิบตั ิงาน - ระยะเวลาการฝกปฏิบัติงาน รวม 3 ชั่วโมง
3. คําชี้แจง ใหผูรบั การฝกทําหัวคอน จากแบบทีก่ ําหนดใหตอไปนี้
ภาพแบบหัวคอน
125 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ใบขั้นตอนการปฏิบัติงาน ใบขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ 3.1 การใชเครื่องมือกล 1. การเตรียมการ 1.1 การเตรียมอุปกรณปองกันสวนบุคคล สวมใสอปุ กรณปองกันอันตรายสวนบุคคลกอนเริม่ ปฏิบัตงิ าน ไดแก - ถุงมือผา - แวนตานิรภัย - รองเทานิรภัย - ชุดปฏิบัติการชาง 1.2 รับฟงคําสั่งจากครูฝก พรอมรับใบงาน 1.3 การเตรียมสถานที่ 1. ตรวจสอบสภาพพื้นที่ปฏิบัติงาน ไมใหมีอุปกรณอื่น ๆ ที่ไมเกี่ยวของ หรือวัสดุอันตราย อยูบริเวณพื้นที่ปฏิบัติงาน 2. ดูแลไมใหบุคคลทีไ่ มเกี่ยวของเขามาในบริเวณปฏิบัติงาน 3. เตรียมชุดปฐมพยาบาลเพื่อใชในกรณีฉุกเฉิน 4. ผูรบั การฝกตองเรียนรูวิธีการปฐมพยาบาลเบือ้ งตน ในกรณีเกิดอุบัติเหตุขณะปฏิบัตงิ าน 5. รับทราบจุดที่ตั้งของอุปกรณชวยเหลือในกรณีฉุกเฉินตาง ๆ รวมถึงวิธีการใชอุปกรณเหลานั้น 1.4 การเตรียมเครื่องมือและอุปกรณตอผูรับการฝก 1 คน 1. คอนหัวกลม จํานวน 1 อัน 2. เครื่องเจาะชนิดตั้งโตะ 3. เครือ่ งเลือ่ ยชัก 4. ฉาก
จํานวน 1 เครื่อง จํานวน 1 เครื่อง จํานวน 1 อัน
5. ดอกตาป M10 × 1.5 6. ดอกสวานขนาด 5 มิลลิเมตร
จํานวน 1 ดอก จํานวน 1 ดอก
7. ดอกสวานขนาด 8.5 มิลลิเมตร 8. ดามตาป
จํานวน 1 ดอก จํานวน 1 อัน
9. ตะไบละเอียด 6 นิ้ว 10. ตะไบหยาบ 12 นิ้ว
จํานวน 1 ดาม จํานวน 1 ดาม 126 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
11. บรรทัดเหล็ก 12. ปากกาจับชิ้นงาน
จํานวน 1 อัน จํานวน 1 ตัว
13. เลื่อยมือ 14. เหล็กขีด 15. เหล็กตอกนําศูนย
จํานวน 1 อัน จํานวน 1 อัน จํานวน 1 อัน
1.5 การเตรียมวัสดุตอผูรับการฝก 1 คน 1. แบบชิ้นงาน
จํานวน 1 ชุด
2. ผาทําความสะอาด จํานวน 1 ผืน 3. เหล็กสีเ่ หลี่ยมตัน ขนาด 19 x 19 มิลลิเมตร จํานวน 1 เสน
127 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
2. ลําดับการปฏิบตั ิงาน การใชเครื่องมือกล ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
คําอธิบาย
1. เครื่องมือและวัสดุ
เตรียมเครื่องมือ อุปกรณ และวัสดุ
ขอควรระวัง ตรวจสอบความ พรอมของเครื่องมือ กอนปฏิบัติงาน และ ควรขันใบเลื่อยกับ
เครื่องเลื่อยชัก เครื่องเจาะตัง้ โตะ
เลื่อยมือ
โครงเลื่อยใหแนน
คอนหัวกลม
ฉาก ดอกตาป M10 × 1.5 ดอกสวานขนาด 5 มิลลิเมตร
ตะไบหยาบ 12 นิ้ว
บรรทัดเหล็ก เหล็กขีด
ดามตาป ดอกสวานขนาด 8.5 มิลลิเมตร
ตะไบละเอียด 6 นิ้ว
ปากกาจับชิ้นงาน เหล็กตอกนําศูนย
แบบหัวคอน
128 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
คําอธิบาย
ขอควรระวัง
เหล็กสี่เหลี่ยมตัน ขนาด 19 x 19 มม.
2. ตัดเหล็กใหมีขนาด 19 × 19 × 105 มิลลิเมตร
ตั ด เหล็ ก สี่ เ หลี่ย มตั น ขนาด 19 × 19 ใบเลือ่ ยควรอยูนอก มิลลิเมตร ยาว 105 มิลลิเมตร โดยใชเครื่อง เสนรางแบบ เพื่อให เลื่อยชัก
3. ตะไบชิ้นงานใหมีขนาด 18 × 18 × 103 มิลลิเมตร
ไดความยาวตามที่ กําหนด
ใชตะไบหยาบ 12 นิ้ว ตะไบชิ้นงานใหได ขณะตะไบ ควร ขนาด 18 × 18 มิ ล ลิ เ มตร ยาว 103 ตรวจสอบขนาดของ มิลลิเมตร ใหมีความราบเรียบ และวัดให ชิ้นงานเปนระยะ และ
4. รางแบบเจาะ
ไดฉาก
ตรวจสอบชิ้นงานให ไดฉากทุกดาน
รางแบบเจาะตามแบบที่กําหนด
ไมควรทําเครื่องมือ รางแบบตก เพราะ อาจทําใหชํารุด เสียหาย
5. ตอกนําศูนยชิ้นงาน
ตอกนําศูนย ณ ตําแหนงจุดตัด
129 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
ขณะตอกนําศูนยควร ตอกอยางระมัดระวัง
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน 6. ล็อกชิ้นงานกับปากกาจับชิ้นงาน
คําอธิบาย
ขอควรระวัง
ล็อ กชิ ้น งานเขา กับ ปากกาจับ ชิ ้น งาน ควรล็ อ กชิ้ น งานให วางบนเครื่องเจาะตั้งโตะ
แนนกอนทําการเจาะ เ พ ร า ะ อ า จ ทํ า ใ ห ชิ้ น งานเคลื่ อ นตั วได เป น สาเหตุ ใ ห ด อก สวานหัก
7. เจาะรู ณ ตําแหนงที่ตอกนําศูนย
ใชดอกสวานขนาด 5 มิลลิเมตร เจาะรู ณ ปรั บความเร็ วรอบ ตํ า แหน ง ที่ ไ ดต อกนํ า ศูน ย ไ ว แล ว เจาะ เครือ่ งเจาะใหเหมาะสม ด อ ก ส ว า น ข น า ด 8 . 5 มิ ล ลิ เ ม ต ร กับขนาดดอกสวาน ตามลําดับ
8. ใสดอกตาปลงไปในรู วัดใหตั้งฉากกับชิ้นงาน
นําชิ้นงานที่เจาะเสร็จ ล็อกกับปากกาจับ ควรยึดชิ้นงานใหแนน ชิ้นงาน ใชดอกตาป M10 × 1.5 ใสลงไป เพื่อปองกันการการไถล ในรู แลวใชฉากวัดใหดอกตาปตั้งฉากกับ ของชิ้นงาน ชิ้นงาน
9. ประกอบดามตาปเขากับดอกตาป
นําดามตาปประกอบเขากับดอกตาป โดย ยึ ด ด า มต า ปเข า กั บ หมุนใหแนน ดอกตาปใหแนน
130 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน 10. หมุนดามตาปเพื่อทําเกลียวใน
คําอธิบาย
ขอควรระวัง
หมุ น ด า มต า ปเพื่อ ทํา เกลีย วใน ควรให ขณะหมุ น ดอกต า ป ดอกตาปตั้งฉากกับชิ้นงานตลอดการหมุน ควรหยอดน้ํามั น เพื่อ ชวยใหหมุนงาย ระบาย เศษของชิ้ นงานที่อาจ ติดเขาไปในเกลียวของ ดอกตาป และปองกัน ดอกตาปหัก
11. ดอกตาปทะลุอีกดานของชิ้นงาน
หมุนจนดอกตาปทะลุอีกดานของชิ้นงาน ควรตรวจสอบความ สมบู ร ณ ข องเกลี ย ว พรอมทั้งเช็ดทําความ สะอาดชิ้นงาน
12. รางแบบเพื่อตัดพื้นเอียงตรงหางคอน
รางแบบตามที่กําหนด เพื่อตัดพื้นผิวเอียง ในการร า งแบบเพื่ อ ตรงหางคอน ตั ด พื้ น ผิ ว เอี ย งตรง หางคอ น จะตอ งราง ให เ หลื อ ส ว นมุ ม ไว เพื่ อให ได ขนาดตามที่ กําหนด
13. เลื่อยสวนเกินออก
ใชเลื่อยมือเลื่อยสวนเกินออก ไดชิ้นงาน ล็ อ กชิ้ น งานเข า กั บ ดังภาพ
131 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
ปากกาจับ ชิ้นงานให แนนกอนเลื่อย
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน 14. ตะไบใหไดขนาด และลบปลายคอน
คําอธิบาย
ตะไบแนวเลื่อยใหเรียบ และไดขนาดตาม ขณะตะไบควรล็ อ ก แบบที่รางไว พรอมทั้งลบมุมปลายคอน
15. ตะไบลบมุมหัวคอนทั้ง 4 ดาน
ขอควรระวัง ชิ้นงานกับปากกาจับ ชิ้ น ง า น แ ล ะ ค ว ร
ตรวจสอบขนาดของ ชิ้นงานเปนระยะ เพื่อ ลบมุมหัวคอนใหมีขนาด 2 × 45˚ ทั้ง 4 ปองกันความผิดพลาด ด า น ตามแบบที่ กํ า หนด โดยใช ต ะไบ ละเอียด 6 นิ้ว
16. ตะไบลบเหลี่ยมชิ้นงาน
ตะไบลบเหลี่ยมชิ้นงาน ใหไดตามแบบ
17. ตรวจสอบความถูกตอง
ตรวจสอบความถูกตองของชิ้นงาน กอน สงตรวจ
132 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
ใบใหคะแนนการตรวจสอบ ลําดับที่ 1
รายการประเมิน การสวมอุปกรณปองกันอันตราย
เกณฑการใหคะแนน สวมใสอุปกรณปองกันอันตรายไดถูกตอง ครบถวน
คะแนนเต็ม 3
ให 3 คะแนน สวมใสอุปกรณปองกันอันตรายขาดไป 1 ชิ้น ให 2 คะแนน สวมใสอุปกรณปองกันอันตรายขาดไปมากกวา 1 ชิ้น ให 1 คะแนน ไมสวมใสอุปกรณปองกันอันตราย ให 0 คะแนน 2
การเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ
เตรี ย มเครื่ อ งมื อ อุ ป กรณ และวั ส ดุ ที่ เ กี่ ย วข อ งได ถูกตอง ครบถวน ให 2 คะแนน เตรี ย มเครื่ อ งมื อ อุ ป กรณ และวั ส ดุ ที่ เ กี่ ย วข อ งได
2
ถูกตอง แตไมครบถวน ให 1 คะแนน เตรี ย มเครื่ อ งมื อ อุ ป กรณ และวั ส ดุ ที่ เ กี่ ย วข อ งไม ถูกตอง ให 0 คะแนน 3
การเลื่อยชิ้นงานดวยเลื่อยชัก
เลื่อยไดความยาวตามแบบที่กําหนดและคลาดเคลื่ อน ไมเกิน ±1 มิลลิเมตร ให 4 คะแนน เลื่อยคลาดเคลื่อน ± 2 มิลลิเมตร ให 2 คะแนน
4
เลื่อยคลาดเคลื่อนมากกวา ±2 มิลลิเมตร ให 0 คะแนน 4
การตะไบขอบชิ้นงาน
ตะไบขอบชิ้ น งานทั้ ง 2 ด า น ให มี ค วามยาวตามที่
4
กําหนด ให 4 คะแนน ตะไบขอบชิ้ น งานทั้ ง 2 ด า น คลาดเคลื่ อ น ±1 มิลลิเมตร ให 2 คะแนน ตะไบขอบชิ้นงานทั้ง 2 ดาน คลาดเคลื่อนมากกวา ±1 มิลลิเมตร ให 0 คะแนน 5
การรางแบบเจาะ
รางแบบถูกตอง ให 1 คะแนน
1
รางแบบผิดพลาด ให 0 คะแนน 6
การตอกนําศูนย
ตอกนําศูนยถูกตอง ให 1 คะแนน ตอกนําศูนยผิดพลาด ให 0 คะแนน
1
7
การล็อกชิ้นงานกับปากกาจับชิ้นงาน
มีการล็อกชิ้นงานกับปากกาจับชิ้นงาน ให 1 คะแนน ไมมีการล็อกชิ้นงานกับปากกาจับชิ้นงาน
1
ให 0 คะแนน
133 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คะแนนที่ได
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2 ลําดับที่ 8
รายการประเมิน การเจาะรูชิ้นงานดวยเครื่องเจาะชนิดตั้งโตะ
เกณฑการใหคะแนน ใชดอกสวานเจาะรูชิ้นงานถูกตอง ทั้ง 2 ดอก
คะแนนเต็ม 3
ให 3 คะแนน ใชดอกสวานเจาะรูชิ้นงานถูกตอง เพียงดอกเดียว ให 2 คะแนน ใชดอกสวานเจาะรูชิ้นงานผิดพลาด หรือดอกสวานหัก ขณะเจาะ ให 0 คะแนน 9
การตาปชิ้นงาน
ตาปชิ้นงานถูกตอง ชิ้นงานสมบูรณ ให 4 คะแนน
4
ต า ปชิ้ น งานถู ก ต อ ง ชิ้ น งานสมบู ร ณ แต ข าดบาง ขั้นตอน ให 3 คะแนน ตาปชิ้นงานถูกตอง แตชิ้นงานไมสมบูรณ ให 1 คะแนน ตาปชิ้นงานผิดพลาด และชิ้นงานไมสมบูรณ ให 0 คะแนน 10
การรางแบบเพื่อตัดเอียง
รางแบบถูกตอง ให 1 คะแนน รางแบบผิดพลาด ให 0 คะแนน
1
11
การเลื่อยสวนเกินโดยใชเลื่อยมือ
เลื่อยชิ้นงานไดอยางถูกตอง ให 2 คะแนน
2
เลื่อยชิ้นงานไมถูกตอง/ใบเลื่อยหัก ให 0 คะแนน 12
การตะไบปรับขนาดชิ้นงาน และลบปลายคอน
ตะไบชิ้นงานเรียบรอย ให 3 คะแนน ตะไบชิ้นงานไมเรียบรอย ให 0 คะแนน
3
13
การตะไบลบมุมหัวคอน
ตะไบลบมุมหัวคอนถูกตอง ครบถวนทั้ง 4 ดาน ให 4 คะแนน ตะไบลบมุมหัวคอนผิดพลาด 1 ตําแหนง
4
ให 3 คะแนน ตะไบลบมุมหัวคอนผิดพลาด 2 ตําแหนง ให 2 คะแนน ตะไบลบมุมหัวคอนผิดพลาดมากกวา 2 ตําแหนง ให 0 คะแนน 14
พฤติกรรมขณะปฏิบัติงานและความปลอดภัย
ขณะปฏิบัติงานคํานึงถึงความปลอดภัย ให 2 คะแนน
2
ขณะปฏิบัติงานไมคํานึงถึงความปลอดภัย ให 0 คะแนน 15
ทําความสะอาดเครื่องมือและอุปกรณ
ทําความสะอาดเครื่องมือ อุปกรณ และพื้นที่ปฏิบัติงาน ไดถูกตอง ครบถวน และสะอาดเรียบรอย ให 3 คะแนน ทําความสะอาดเครื่องมือ อุปกรณ และพื้นที่ปฏิบัติงาน ไดถูกตอง ครบถวน แตไมสะอาดเรียบรอย ให 1 คะแนน ไม ทํ า ความสะอาดเครื่ อ งมื อ อุ ป กรณ และพื้ น ที่ ปฏิบัติงานให 0 คะแนน
134 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
3
คะแนนที่ได
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2 ลําดับที่ 16
รายการประเมิน การจัดเก็บเครื่องมือและอุปกรณ
เกณฑการใหคะแนน เก็บเครื่องมือและอุปกรณเขาที่ไดถูกตอง ครบถวน
คะแนนเต็ม
คะแนนที่ได
2
ให 2 คะแนน เก็บเครื่องมือและอุปกรณเขาที่ไดถูกตอง แตไมครบถวน ให 1 คะแนน ไมเก็บเครื่องมือและอุปกรณเขาที่ ให 0 คะแนน คะแนนเต็ม
40
หมายเหตุ หากผูเขารับการฝกไดรับคะแนน 28 คะแนนขึ้นไป (คะแนนมากกวาหรือเทากับรอยละ 70) ใหผูเขารับการฝก ขอเขารับการทดสอบภาคปฏิบัติได
135 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
คณะผูจัดทําโครงการ คณะผูบริหาร 1. นายสุทธิ 2. นางถวิล 3. นายธวัช
สุโกศล
อธิบดีกรมพัฒนาฝมือแรงงาน
เพิ่มเพียรสิน เบญจาทิกลุ
รองอธิบดีกรมพัฒนาฝมือแรงงาน รองอธิบดีกรมพัฒนาฝมือแรงงาน
4. นายสุรพล พลอยสุข 5. วาที่รอยตรี สมศักดิ์ พรหมดํา
รองอธิบดีกรมพัฒนาฝมือแรงงาน ผูอํานวยการสํานักพัฒนาผูฝ กและเทคโนโลยีการฝก
6. นางเพ็ญประภา 7. นายวัชรพงษ
ศิริรัตน มุขเชิด
ผูอํานวยการกลุมงานพัฒนาระบบการฝก ผูอํานวยการสํานักงานรับรองความรูความสามารถ
คณะที่ปรึกษาโครงการ 1. ผศ. ดร. มนตรี
คําเงิน
ภาควิชาวิศวกรรมโทรคมนาคม คณะวิศวกรรมศาสตร
สุนทรกนกพงศ
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกลาเจาคุณทหารลาดกระบัง ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟาสื่อสาร คณะครุศาสตรอุตสาหกรรม
2. รศ. ดร. วิสุทธิ์
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกลาเจาคุณทหารลาดกระบัง ภาควิชาครุศาสตรวิศวกรรม คณะครุศาสตรอุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกลาเจาคุณทหารลาดกระบัง
3. ผศ. สันติ
ตันตระกูล
4. นายสุระชัย
พิมพสาลี
ภาควิชาครุศาสตรวิศวกรรม คณะครุศาสตรอุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกลาเจาคุณทหารลาดกระบัง
5. นายวินัย
ใจกลา
ภาควิชาครุศาสตรวิศวกรรม คณะครุศาสตรอุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกลาเจาคุณทหารลาดกระบัง
6. นายวราวิช
กําภู ณ อยุธยา
สํานักบริหารงานวิจัยและนวัตกรรมพระจอมเกลาลาดกระบัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกลาเจาคุณทหารลาดกระบัง
7. นายมนตรี 8. นายธเนศ 9. นายณัฐวุฒิ
ประชารัตน วงควัฒนานุรักษ เสรีธรรม
แผนกวิชาชางไฟฟา วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี แผนกวิชาชางไฟฟา วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี แผนกวิชาชางไฟฟา วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี
10. นายหาญยงค 11. นายสวัสดิ์
หอสุขสิริ บุญเถื่อน
แผนกวิชาโลหะการ วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษก มหานคร แผนกวิชาชางยนต วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษก มหานคร 136 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน
คู มื อ ครู ฝ ก สาขาช า งเชื่ อ มแม็ ก ระดั บ 3 โมดู ล การฝ ก ที่ 2
137 กรมพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน