571768008 นางสาวเจนจิรา ใจถา

Page 1

วันส�ำคัญทางพระพุทธศาสนา

1


วันมาฆบูชา : โ อ ว า ท ป า ฏิ โ ม ก

ข์

ต ร ง กั บ วั น ขึ้ น ๑ ๕ ค�่ำ เ ดื อ น ๓ 2


"มาฆะ" เป็นชื่อของเดือน ๓ มาฆบูชานั้น ย่อมาจากค�ำว่า"มาฆบุรณมี" แปลว่าการบูชาพระในวันเพ็ญ เดือน ๓ วันมาฆบูชาจึงตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค�่ำ เดือน ๓ แต่ถ้าปีใดมีเดือน อธิกมาส คือมีเดือน ๘ สอง ครั้ง วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น ๑๕ ค�่ำ เดือน ๔ เป็นวัน ส�ำคัญวันหนึ่ง ในวันพุทธศาสนา คือวันที่มีการประชุมสังฆสันนิบาต ครั้งใหญ่ในพุทธศาสนา ที่เรียกว่า "จาตุรงคสันนิบาต" และเป็นวันที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงโอวาทปฎิโมกข์ แก่พระสงฆ์สาวก เป็นครั้งแรก ณ เวฬุวันวิหาร กรุงราชคฤห์ เพื่อให้พระสงฆ์น�ำไป ประพฤติปฏิบัติ เพื่อจะยังพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป โอวาทปาฏิโมกข์ โอวาทปาฏิโมกข์ หลักค�ำสอนส�ำคัญของพระพุทธศาสนา หรือค�ำสอน อันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ได้แก่ พระพุทธพจน์ ๓ คาถากึ่ง ที่ พระพุทธเจ้าตรัสแก่พระอรหันต์ ๑,๒๕๐ รูป ผู้ไปประชุมกันโดยมิได้ นัดหมาย ณ พระเวฬุ วนาราม ในวันเพ็ญเดือน ๓ ที่เราเรียกกันว่าวัน มาฆบูชา (ถรรถกถากล่าวว่า พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ นี้ แก่ที่ประชุมสงฆ์ตลอดมา เป็นเวลา ๒๐ พรรษา ก่อนที่จะโปรด ให้สวดปาฏิโมกข์อย่างปัจจุบันนี้แทนต่อมา), คาถา โอวาทปาฏิโมกข์ มีดังนี้ (โอวาทปาติโมกข์ ก็เขียน)

3


สพฺพปาปสฺส อกรณํกุสลสฺสูปสมฺปทา สจิตฺตปริโยทปนํเอตํ พุทธาน สาสนํฯ ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโตฯ อนูปวาโท อนูปฆาโต ปาติโมกฺเข จ สํวโร มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ ปนฺตญฺจ สยนาสนํ อธิจิตฺเต จ อาโยโค เอตํ พุทฺธาน สาสนํฯ แปล : การไม่ท�ำความชั่วทั้งปวง, การบ�ำเพ็ญแต่ความดี, การท�ำจิต ของตนให้ผ่องใส นี้เป็นค�ำสอนของ พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขันติ คือ ความอดกลั้น เป็นตบะอย่างยิ่ง, พระพุทธเจ้าทั้งหลายกล่าวว่านิพพาน เป็นบรมธรรม, ผู้ท�ำร้ายคนอื่น ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิต,ผู้เบียดเบียน คนอื่น ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะ การไม่กล่าวร้าย, การไม่ท�ำร้าย, ความ ส�ำรวมในปาฏิโมกข์, ความเป็นผู้รู้จักประมาณในอาหาร, ที่นั่งนอนอัน สงัด, ความเพียรในอธิจิต นี้เป็นค�ำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่ เข้าใจกันโดยทั่วไป และจ�ำกันได้มาก ก็คือ ความในคาถาแรกที่ว่า ไม่ท�ำ ชั่ว ท�ำแต่ความดี ท�ำจิตใจให้ผ่องใส

4


ค�ำว่า "จาตุรงคสันนิบาต" แยกศัพท์ได้ดังนี้ คือ "จาตุร" แปล ว่า ๔ "องค์" แปลว่า ส่วน "สันนิบาต" แปลว่า ประชุม ฉะนั้น จาตุรงคสันนิบาตจึงหมายความว่า "การประชุมด้วยองค์ ๔" กล่าวคือ มีเหตุการณ์พิเศษที่เกิดขึ้นพร้อมกันในวันนี้ คือ ๑. เป็นวันที่ พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า จ�ำนวน ๑,๒๕๐ รูป มา ประชุมพร้อมกันที่เวฬุวันวิหารในกรุงราชคฤห์ โดยมิได้นัดหมาย ๒. พระภิกษุสงฆ์เหล่านี้ล้วนเป็น "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" คือเป็นผู้ที่ได้ รับการอุปสมบทโดยตรงจาก พระพุทธเจ้าทั้งสิ้น ๓. พระภิกษุสงฆ์ทุกองค์ที่ได้มาประชุมในครั้งนี้ ล้วนแต่เป็นผุ้ได้ บรรลุพระอรหันต์แล้วทุก ๆองค์ ๔. เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงก�ำลังเสวยมาฆฤกษ การปฎิบัติตนส�ำหรับพุทธศาสนาในวันนี้ก็คือ การท�ำบุญ ตักบาตรในตอนเช้า หรือไม่ก็จัดหาอาหารคาวหวานไปท�ำบุญฟังเทศน์ ที่วัด ตอนบ่ายฟังพระแสดงพระธรรมเทศนา ในตอนกลางคืน จะพา กันน�ำดอกไม้ ธูปเทียน ไปที่วัดเพื่อชุมนุมกันท�ำพิธีเวียนเทียน รอบ พระอุโบสถ พร้อมกับพระภิกษุสงฆ์โดยเจ้าอาวาสจะน�ำว่า นะโม ๓ จบ จากนั้นกล่าวค�ำ ถวาย ดอกไม้ธูปเทียน ทุกคนว่าตาม จบแล้วเดิน เวียนขวา ตลอดเวลาให้ระลึกถึง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระ สังฆคุณ จนครบ ๓ รอบ แล้วน�ำดอกไม้ ธูปเทียนไปปักบูชาตาม ที่ทางวัด เตรียมไว้ เป็นอันเสร็จพิธี 5


วันวิสาขบูชา : ประสูติ - ตรัสรู้ – ปรินิพพาน

ต ร ง กั บ วั น ขึ้ น ๑ ๕ ค�่ำ เ ดื อ น ๖

6


ความหมาย ค�ำว่า "วิสาขบูชา" หมายถึงการบูชาในวันเพ็ญเดือน ๖ วิสาขบูชา ย่อมาจาก " วิสาขปุรณมีบูชา " แปลว่า " การบูชาใน วันเพ็ญเดือนวิสาขะ " ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ มีเดือน ๘ สองหน ก็ เลื่อนไปเป็นกลางเดือน ๗ ความส�ำคัญ วันวิสาขบูชา เป็นวันส�ำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ คือเกิด ได้ตรัสรู้ คือส�ำเร็จ ได้ ปรินิพพาน คือ ดับ เกิดขึ้นตรงกันทั้ง ๓ คราวคือ ๑. เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ ประสูติที่พระราชอุทยานลุมพินีวัน ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับเทวทหะ เมื่อเช้าวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค�่ำ เดือน ๖ ปีจอ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี ๒. เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าเมื่อพระชนมายุ ๓๕ พรรษา ณ ใต้ร่มไม้ศรีมหาโพธิ์ ฝั่งแม่น�้ำเนรัญชรา ต�ำบลอุรุ เวลาเสนานิคม ในตอนเช้ามืดวันพุธ ขึ้น ๑๕ ค�่ำ เดือน ๖ ปีระกา ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี หลังจากออกผนวชได้ ๖ ปี ปัจจุบันสถานที่ ตรัสรู้แห่งนี้เรียกว่า พุทธคยา เป็นต�ำบลหนึ่งของเมืองคยา แห่งรัฐ พิหารของอินเดีย ๓. หลังจากตรัสรู้แล้ว ได้ประกาศพระศาสนา และโปรดเวไนย สัตว์ ๔๕ ปี พระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา ก็เสด็จดับขันธปรินิพพาน เมื่อวันอังคาร ขึ้น ๑๕ ค�่ำ เดือน ๖ ปีมะเส็ง ณ สาลวโนทยาน ขอ งมัลลกษัตริย์ เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ (ปัจจุบันอยู่ในเมือง กุสี นคระ) แคว้นอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย 7


นับว่าเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ที่เหตุการณ์ทั้ง ๓ เกี่ยวกับ วิถีชีวิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีช่วงระยะเวลาห่างกันนับเวลา หลายสิบปี บังเอิญเกิดขึ้นในวันเพ็ญเดือน ๖ ดังนั้นเมื่อถึงวันส�ำคัญ เช่นนี้ ชาวพุทธทั้งคฤหัสถ์ และบรรพชิตได้พร้อมใจกันประกอบพิธี บูชาพระพุทธองค์เป็นการพิเศษ เพื่อน้อมร�ำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ พระ ปัญญาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ ของพระองค์ท่าน ผู้เป็นดวงประทีป ของโลก

8

ประวัติความเป็นมาของวันวิสาขบูชาในประเทศไทย วันวิสาขบูชานี้ ปรากฏตามหลักฐานว่า ได้มีมาตั้งแต่ครั้งกรุง สุโขทัยเป็นราชธานี ซึ่งสันนิษฐานว่า คงจะได้แบบอย่าง มาจาก ลังกา กล่าวคือ เมื่อประมาณ พ.ศ. ๔๒๐ พระเจ้าภาติกุราช กษัตริย์ แห่งกรุงลังกา ได้ประกอบพิธีวิสาขบูชาอย่าง มโหฬาร เพื่อถวายเป็น พุทธบูชา กษัตริย์ลังกาในรัชกาลต่อ ๆ มา ก็ทรงด�ำเนินรอยตาม แม้ ปัจจุบันก็ยังถือปฏิบัติอยู่ สมัยสุโขทัยนั้น ประเทศไทยกับประเทศลังกามีความสัมพันธ์ด้าน พระพุทธศาสนาใกล้ชิดกันมากเพราะพระสงฆ์ชาวลังกา ได้เดินทางเข้า มาเผยแพร่พระพุทธศาสนา และเชื่อว่าได้น�ำการประกอบพิธีวิสาขบูชา มาปฏิบัติในประเทศไทยด้วย ในหนังสือนางนพมาศได้กล่าวบรรยากาศการประกอบพิธีวิสาขบูชา สมัยสุโขทัยไว้ พอสรุปใจความได้ว่า " เมื่อถึงวันวิสาขบูชา พระเจ้า แผ่นดิน ข้าราชบริพาร ทั้งฝ่ายหน้า และฝ่ายใน ตลอดทั้งประชาชน


ชาวสุโขทัยทั่วทุก หมู่บ้านทุกต�ำบล ต่างช่วยกันท�ำความสะอาด ประดับตกแต่งพระนครสุโขทัยเป็นการพิเศษ ด้วยดอกไม้ของหอม จุดประทีปโคมไฟแลดูสว่างไสวไปทั่วพระนคร เป็นการอุทิศบูชาพระ รัตนตรัย เป็นเวลา ๓ วัน ๓ คืน พระมหากษัตริย์ และบรมวงศานุ วงศ์ ก็ทรงศีล และทรงบ�ำเพ็ญพระราชกุศลต่างๆ ครั้นตกเวลาเย็น ก็ เสด็จพระราช ด�ำเนิน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และนางสนอง พระโอษฐ์ต ลอดจนข้าราชการทั้งฝ่ายหน้า และฝ่ายใน ไปยังพระ อารามหลวง เพื่อทรงเวียนเทียนรอบพระประธาน ส่วนชาวสุโขทัยชวนกันรักษาศีล ฟังธรรมเทศนา ถวายสลากภัต ถวายสังฆทาน ถวายอาหารบิณฑบาต แด่พระภิกษุ สามเณรบริจาค ทรัพย์แจกเป็นทานแก่คนยากจน คนก�ำพร้า คนอนาถา คนแก่ คนพิการ บางพวกก็ชวนกันสละทรัพย์ ปล่อยสัตว์ ๔ เท้า ๒ เท้า และเต่า ปลา เพื่อชีวิตสัตว์ให้เป็นอิสระ โดยเชื่อว่าจะท�ำให้คนอายุ ยืนยาวต่อ ไป " ในสมัยอยุธยา สมัยธนบุรี และสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ด้วย อ�ำนาจอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ เข้าครอบง�ำประชาชนคนไทย และมีอิทธิพลสูงกว่าอ�ำนาจของพระพุทธศาสนา จึงไม่ปรากฎหลักฐาน ว่า ได้มีการประกอบพิธีบูชาในวันวิสาขบูชา จนมาถึงรัชสมัยพระบาท สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยรัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. ๒๓๖๐) ทรงด�ำริกับ สมเด็จพระสังฆราช (มี) ส�ำนักวัดราช บูรณะ มีพระราชประสงค์จะให้ฟื้นฟู การประกอบพระราชพิธีวัน 9


วิสาขบูชาขึ้นใหม่ โดย สมเด็จพระสังฆราช ถวายพระพรให้ทรงท�ำขึ้น เป็นครั้งแรกในวันขึ้น ๑๔ ค�่ำ ๑๕ ค�่ำ และวันแรม ๑ ค�่ำ เดือน ๖ พ.ศ. ๒๓๖๐ และให้จัดท�ำตามแบบอย่างประเพณีเดิมทุกประการ เพื่อ มีพระประสงค์ให้ประชาชนประกอบการบุญการกุศล เป็นหนทางเจริญ อายุ และอยู่เญ็นเป็นสุขปราศจากทุกข์โศกโรคภัย และอุปัทวันตราย ต่างๆ โดยทั่วหน้ากัน ฉะนั้น การประกอบพิธีในวันวิสาขบูชาในประเทศไทย จึงได้ รื้อฟื้นให้มีขึ้นอีกครั้งหนึ่งในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า นภาลัย รัชกาลที่ ๒ และถือปฏิบัติมาจวบจนกระทั่งปัจจุบัน การจัดงานเฉลิมฉลองในวันวิสาขบูชาที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกยุคทุกสมัย คงได้แก่การจัดงานเฉลิมฉลอง วันวิสาขบูชา พ.ศ.๒๕๐๐ ซึ่งทาง ราชการเรียกว่างาน " ฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ " ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ถึง ๑๘ พฤษภาคม รวม ๗ วัน ได้จัดงานส่วนใหญ่ขึ้นที่ท้องสนาม หลวง ส่วนสถานที่ราชการ และวัดอารามต่างๆ ประดับธงทิวและ โคมไฟสว่างไสวไปทั่วพระ ราชอาณาจักร ประชาชนถือศีล ๕ หรือ ศีล ๘ ตามศรัทธาตลอดเวลา ๗ วัน มีการอุปสมบทพระภิกษุ สงฆ์รวม ๒,๕๐๐ รูป ประชาชน งดการฆ่าสัตว์ และงดการดื่มสุรา ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ถึง ๑๔ พฤษภาคม รวม ๓ วัน มีการก่อสร้าง พุทธ มณฑล จัดภัตตาหาร เลี้ยงพระภิกษุสงฆ์วันละ ๒,๕๐๐ รูป ตั้งโรง ทานเลี้ยงอาหารแก่ประชาชน วันละ ๒๐๐,๐๐๐ คน เป็นเวลา ๓ วัน ออกกฎหมาย สงวนสัตว์ป่าในบริเวณนั้น รวมถึงการฆ่าสัตว์ และจับ 10


สัตว์ในบริเวณวัด และหน้าวัดด้วย และได้มีการปฏิบัติธรรมอันยิ่งใหญ่ อย่างพร้อมเพรียงกัน เป็นกรณีพิเศษ ในวันวิสาขบูชาปีนั้นด้วย ห ลั ก ธ ร ร ม ส�ำ คั ญ ที่ ค ว ร น�ำ ม า ป ฏิ บั ติ ๑. ค ว า ม ก ตั ญ ญู คือความรู้อุปการคุณที่มีผู้ท�ำไว่ก่อน เป็น คุณธรรมคู่กับความกตเวที คือ การตอบแทนอุปการคุณที่ผู้อื่นท�ำไว้ นั้น • บิดามารดา มีอุปการคุณแก่ลูก ในฐานะผู้ให้ก�ำเนิดและเลี้ยงดูจน เติบโต ให้การศึกษาอบรมสั่งสอน ให้เว้นจากความชั่ว มั่นคงในการ ท�ำความดี เมื่อถึงคราวมีคู่ครองได้จัดหาคู่ครองที่เหมาะสมให้ และ มอบทรัพย์สมบัติให้ไว้เป็นมรดก • ลูกเมื่อรู้อุปการะคุณที่บิดามารดาท�ำไว้ ย่อมตอบแทนด้วยการ ประพฤติตัวดี สร้างชื่อเสียงให้ แก่วงศ์ตระกูล เลี้ยงดูท่าน และช่วย ท�ำงานของ ท่าน และเมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ก็ท�ำบุญอุทิศส่วนกุศล ให้ท่าน • ครูอาจารย์มีอุปการคุณแก่ศิษย์ ในฐานะเป็นผู้ประสาทความรู้ให้ ฝึกฝนแนะน�ำให้เป็นคนดี สอนศิลปวิทยาให้อย่างไม่ปิดบังยกย่องให้ ปรากฎแก่คนอื่น และช่วยคุ้มครองให้ศิษย์ทั้งหลาย • ศิษย์เมื่อรู้อุปการคุณที่ครูอาจารย์ท�ำไว้ ย่อมตอบแทนด้วยการตั้งใจ เรียน ให้เกียรติ และให้ความเคารไม่ล่วงละเมิดโอวาทของครู • ความกตัญญูและความกตเวทีนี้ ถือว่าเป็นเครื่องหมายของคนดี ส่ง ผลให้ครอบครัว และสังคมมีความสุขได้เพราะ บิดามารดาจะรู้จัก

11


หน้าที่ของตนเอง ด้วยการท�ำอุปการคุณให้ก่อน และลูกก็จะรู้จักหน้าที่ ของตนเองด้วยการท�ำดีตอบแทน • นอกจากบิดากับลูก และครูอาจารย์กับศิษย์แล้ว คุณธรรมข้อนี้ก็ สามารถน�ำไปใช้ได้แม้ระหว่าง นายจ้างกับลูกจ้าง อันจะส่งผลให้สังคม อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข • ในทางพระพุทธศาสนาพระพุทธเจ้า ทรงเป็นบุพการรีในฐานะที่ทรง สถาปนาพระพุทธศาสนา และทรงสอนทางพ้นทุกข์ให้แก่เวไนยสัตว์ • พุทธศาสนิกชน รู้พระคุณอันนี้จึงตอบแทนด้วยอามิสบูชาและ ปฎิบัติบูชากล่าวคือการจัดกิจกรรม ในวันวิสาขบูชา เป็นส่วนหนึ่งที่ ชาวพุทธแสดงออก ซึ่งความกตัญญูกตเวที ต่อพระองค์ด้วยการท�ำนุ บ�ำรุงส่งเสริมพระพุทธศาสนา และประพฤติปฎิบัติธรรม เพื่อด�ำรง อายุพระพุทธศาสนาสืบไป ๒. อ ริ ย สั จ ๔ อริยสัจ ๔ คือ ความจริงอันประเสริฐ หมายถึงความจริงของชีวิตที่ ไม่ผันแปร เกิดมีได้แก่ทุกคน มี ๔ ประการ คือ • ทุกข์ ได้แก่ปัญหาของชีวิตพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ก็เพื่อให้ทราบ ว่ามนุษย์ทุกคนมีทุกข์เหมือนกัน ทั้งทุกข์ขั้นพื้นฐาน และทุกข์เกี่ยวกับ การด�ำเนินชีวิตประจ�ำวัน ทุกข์ขั้นพื้นฐานคือทุกข์ที่เกิดจาก การเกิด การแก่ และการตาย ส่วนทุกข์ที่เกี่ยวกับการด�ำเนินชีวิตประจ�ำวัน คือ ทุกข์ที่เกิด จากการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ทุกข์ที่เกิดจากการประสบ กันสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก ทุกข์ที่เกิดจากไม่ได้ตั้งใจปรารถนา รวมทั้งทุกข์ที่ 12


เกี่ยวกับการด�ำเนินชีวิตด้านต่างๆ อาทิความ ยากจน • สมุทัย คือ เหตุแห่งปัญหาพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ก็เพื่อให้ทราบ ว่า ทุกข์ทั้งหมดซึ่งเป็นปัญหา ของชีวิตล้วนมีเหตุให้เกิดเหตุนั้น คือ ตัญหา อันได้แก่ความอยากได้ต่างๆ ซึ่งประกอบไปด้วยความยึดมั่น • นิโรธ คือ การแก้ปัญหาได้ พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ก็เพื่อให้ทราบ ว่า ทุกข์คือปัญหาของชีวิต ทั้งหมดที่สามารถแก้ไข ได้นั้นต้องแก้ไข ตามทางหรือวิธีแก้ ๘ ประการ ( ดูมัชฌิมาปฎิปทา ) • มรรค การปฏิบัติเพื่อจ�ำกัดทุกข์ เพื่อหลุดพ้นจากทุกข์ การปฏิบัติ เพื่อแก้ปัญหา เพื่อบรรลุเป้าหมายการแก้ปัญหาที่ต้องการ ๓. ค ว า ม ไ ม่ ป ร ะ ม า ท ความไม่ประมาทคือ การมีสติเสมอทั้ง ขณะท�ำขณะพูด และขณะคิด สติคือการระลึกได้ ในภาคปฎิบัติเพื่อน�ำ มาใช้ในชีวิตประจ�ำวัน หมาย ถึง การระลึกรู้ทันการเคลื่อนไหว ของอริยาบท ๔ คือ เดิน ยืน นั่ง นอน การฝึกให้เกิดสติท�ำได้โดยตั้งสติก�ำหนดการเคลื่อนไหวของอริ ยาบท กล่าวคือ ระลึกทันทั้งในขณะ ยืน เดิน นั่ง และนอน รวมทั้ง ระลึกรู้ทัน ในขณะพูดคิด และขณะท�ำงานต่างๆ เมื่อท�ำได้อย่างนี้ก็ชื่อ ว่า มีความไม่ประมาท การท�ำงานต่างๆ ส�ำเร็จได้ก็ด้วยความไม่ประมาท กล่าวคือผู้ท�ำย่อม ต้องมีสติระลึกรู้อยู่ว่า ตนเองเป็นใครมีหน้าที่อะไร และก�ำลังท�ำ อย่างไร หากมีสติระลึกรู้ได้อย่างนั้น ก็ย่อมไม่ผิดพลาด 13


กิ จ ก ร ร ม ข อ ง วั น วิ ส า ข บู ช า ทางราชการประกาศชักชวนให้ประชาชน และหน่วยงานต่างๆ ทั้ง เอกชน และราชการประดับตกแต่งอาคารสถานที่ด้วยธงชาติ ธงเสมา ธรรมจักร จุดประทีบโคมไฟ แต่โดยทางปฎิบัติแล้ว ใช้หลอดไฟ ประดับหลากสี ในวันขึ้น ๑๔-๑๕ ค�่ำ เดือน ๖ พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จประกอบ พระราชกุศล ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงบาตร ในตอนเช้า ใน ตอนเย็น ทรงน�ำเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ และสดับพระธรรม เทศนาในพระอุโบสถ พร้อมทั้งถวายไทยธรรม • จัดงานส่งเสริมพระพุทธศาสนาที่บริเวณท้องสนามหลวงเป็นประจ�ำ ทุกปี แต่ละปีมีกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาหลากหลายหน่วยงาน ทั้ง ทางราชการ และเอกชนทั้งฝ่ายบรรพชิต และคฤหัสถ์ ร่วมกันจัดงาน อันยิ่งใหญ่สร้างความศรัทธาให้แก่พุทธศาสนิกชนบ�ำเพ็ญกุศล มีการ ท�ำบุญตักบาตร ให้ทานรักษาศีลฟังธรรม สนทนาธรรม เวียนเทียน เจริญภาวนาเป็นที่ประทับใจยิ่งนัก • สถานที่จัดกิจกรรมในวันวิสาขบูชาที่ยิ่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งก็คือ ณ บริเวณพุทธมณฑล ซึ่งมีหน่วยงานกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธ การร่วมกับประชาชนทั่วไป ได้จัดกิจกรรมปฎิบัติธรรมทั้งฝ่าย พระ สงฆ์ และฆราวาส มีจ�ำนวนหลายหมื่นได้ร่วมท�ำบุญตักบาตรให้ทาน รักษาศีล ฟังธรรม สนทนาธรรม และเจริญภาวนาแผ่เมตตาถวาย เป๋นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน เนื่อง 14


ในวโรกาสที่พระองค์ทรงมีพระชนมายุครบ ๗๒ พรรษา และในวัน วิสาขบูชา ณ บริเวณพุทธมณฑลนี้เอง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธานทรงเวียนเทียนทุกปีด้วย • พระสงฆ์ผู้จัดรายการธรรม ทางสถานีวิทยุ เกือบทุกรายการทั่ว ประเทศเมื่อถึงส�ำคัญ คือวันวิสาขบูชาเช่นนี้ ก็มี การประชาสัมพันธ์เชิญชวนพุทธศาสนิกชนบ�ำเพ็ญกุศล เป็นกรณีพิเศษ คือ บรรพชาอุปสมบทนาคหมู่ และบวช เนกขัมมะ เพื่อปฎิบัติธรรม ถวายเป็นพุทธบูชะ ธรรมบูชา เป็นการช่วยสนับสนุน ส่งเสริม สร้าง ความสงบสุขให้แก่บุคคลและสร้างความสามัคคีธรรมให้แก่สังคม ตลอดถึงประเทศชาติอีกด้วย สรุปแล้ววันวิสาขบูชาปีนี้ คงจะได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานทาง ราชการ และเอกชนตลอดทั้ง ผู้จัดรายการธรรมะ ทางสถานีวิทยุทั่ว ประเทศ ช่วยกันประชาสัมพันธ์ เชิญชวนสาธุชนผู้ศรัทธา จัดกิจกรรม ปฎิบัติธรรม บ�ำเพ็ญมหากุศลอันยิ่งใหญ่เป็นกรณีพิเศษ เหมือนที่เคย ปฎิบัติมาทุกๆ ปี วันวิสาขบูชาเป็นวันส�ำคัญสากลของสหประชาชาติคือ "วันส�ำคัญของโลก" ( Vesak Day ) ภูมิหลัง ๑. ในการประชุม International Buddhist Conference ณ กรุงโคลัมโบ ระหว่างวันที่ ๙ - ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ ซึ่งมี 15


ผู้แทนจากประเทศที่นับถือศาสนาพุทธจ�ำนวนมากเข้าร่วม อาทิ บัง คลาเทศ จีน ลาว เกาหลีใต้ เวียดนาม ภูฐาน อินโดนีเซีย เนปาล กัมพูชา อินเดีย ปากีสถาน และไทย ได้ตกลงกันที่จะเสนอให้สมัชชา สหประชาชาติรับรองข้อมติประกาศวัน วิสาขบูชาให้เป็นวันหยุดของ สหประชาชาติ ๒. ในการเยือนของประเทศต่างๆ ในอินโดจีนของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศศรีลังกา ในปี ๒๕๔๒ ก็ได้มีการหยิบยก เรื่องนี้ขึ้นหารือ และได้รับการสนับสนุนจากประเทศต่างๆ ได้ด้วยดี ๓. คณะทูตถาวรศรีลังกาประจ�ำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์กได้จัด เตรียมร่างข้อมติ และได้ขอเสียงสนับสนุนจากประเทศต่าง ๆ เพื่อ ให้มีการรับรองข้อมติเรื่องการประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดของ สหประชาชาติในที่ประชุมสมัชชา สหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๕๔ ๔. โดยที่สหประชาชาติประกาศวันหยุดเป็นจ�ำนวนมากอยู่แล้ว และจะ เป็นปัญหาในเรื่องงบประมาณและการบริหารแก่ สหประชาชาติ หาก ประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุด ศรีลังกาจึงได้ตัดสินใจที่จะเสนอ ร่างข้อมติ ขอให้วันวิสาขบูชาเป็นวันส�ำคัญสากลที่สหประชาชาติ ทั้ง ที่ส�ำนักงานใหญ่ และส�ำนักงานต่าง ๆ แทนการเสนอให้เป็นวันหยุด 16


ซึ่ง ออท. ผู้แทนถาวรประเทศต่าง ๆ รวม ๑๖ ประเทศ ได้แก่ ศรีลังกา บังคลาเทศ ภูฐาน กัมพูชา ลาว มัลดีฟส์ มองโกเลีย พม่า เนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ สเปน อินเดีย ไทย และ ยูเครน ได้ร่วมลงนามในหนังสือถึงประธานสมัชชาฯ เพื่อให้น�ำเรื่อง วันวิสาขบูชาเข้าเป็นระเบียบวาระการประชุมของสมัชชาฯ ๕. ต่อมาเมื่อ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ General Committee ของสมัชชาฯ ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าว โดย ออท.ผู้แทน ถาวรศรี ลังกาได้กล่าวถ้อยแถลงสนับสนุนหนังสือร้องขอให้ที่ประชุมบรรจุ ระเบียบวาระดังกล่าว เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสมัชชาเต็ม คณะ ออท.ผู้แทนถาวรไทย อินเดีย สเปน บังคลาเทศ ปากีสถาน ไซปรัส ลาว และภูฐาน ได้กล่าวถ้อย แถลงสนับสนุน ซึ่งที่ประชุม General Committee ได้มีมติให้บรรจุเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของ สมัชชาเต็มคณะ ปัจจุบัน ๑. เมื่อ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัย สามัญ ครั้งที่ ๕๔ ได้พิจารณาระเบียบวาระที่ ๑๗๔ International recognition of the Day of Visak โดยการเสนอของศรีลังกา ๒. ในการพิจารณา ประธานสมัชชาฯ ได้เชิญผู้แทนศรีลังกาขึ้นกล่าว 17


น�ำเสนอร่างข้อมติ และเชิญผู้แทนไทย สิงคโปร์ บังคลาเทศ ภูฐาน สเปน พม่า เนปาล ปากีสถาน อินเดียขึ้นกล่าวถ้อยแถลง สรุปความ ว่า วันวิสาขบูชาเป็นวันส�ำคัญของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เพราะ เป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ทรงตรัสรู้ เสด็จดับขันธปรินิพพาน พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนให้มวลมนุษย์มีเมตตาธรรมและขันติธรรม ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพื่อให้เกิดสันติสุขในสังคม อันเป็นแนวทาง ของ สหประชาชาติ จึงขอให้ที่ประชุมรับรองข้อมตินี้ ซึ่งเท่ากับ เป็นการรับรองความส�ำคัญของพุทธศาสนาในองค์การสหประชาชาติ โดยถือว่าวันดังกล่าวเป็นที่ส�ำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติและ ที่ท�ำการสมัชชาจะจัดให้มีการระลึกถึง (observance) ตามความ เหมาะสม ๓. ที่ประชุมฯ ได้รับรองร่างข้อมติโดยฉันทามติ ถ้อยแถลงของเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรฯ ศรีลังกาประจ�ำ สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ถ้อยแถลงของนายวรวีร์ วีรสัมพันธ์ อุปทูต คณะผู้แทนถาวรไทย ประจ�ำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก เหตุผลที่ องค์การสหประชาชาติหนดให้ วันวิสาขบูชา เป็นวันส�ำคัญ ของโลก 18


เนื่องจากคณะกรรมมาธิการองค์การสหประชาชาติ ได้ร่วมพิจารณาและ มีมติเห็นพ้องต้องกันประกาศให้วันวิสาขบูชา ถือเป็นวันส�ำคัญวันหนึ่ง ของโลกทั้งนี้ ด้วยส�ำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ เจ้าว่า ทรงเป็นมหาบุรุษผู้ให้ความเมตตาต่อหมู่มวล มนุษย์ทั้งหลาย ในโลก จะเห็นได้จากการยกเลิกแบ่งชนชั้นวรรณะ ซึ่งเท่ากับเป็นการ เลิกทาสโดยไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็น นักอนุรักษ์สัตว์ป่าอีกด้วย กล่าวคือ ทรงสอนให้ไม่ฆ่าสัตว์ ให้รู้จัก ช่วยเหลือสัตว์ เหตุผลส�ำคัญ อีกประการหนึ่งคือ พระองค์ ทรงเปิด โอกาสให้ทุกศาสนาสามารถเข้ามาศึกษาพุทธศาสนาเพื่อพิสูจน์หาข้อ เท็จจริงได้ โดย ไม่จ�ำเป็นต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนา พุทธและทรง สั่งสอนทุกคนโดยใช้ปัญญาธิคุณสอนโดยไม่คิดค่าตอบแทน

19


วันอัฏฐมีบูชา : วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ

ตรงกับ วันแรม ๘ ค�่ำ แห่งเดือนวิสาขะ (เดือน ๖)

20


วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ ความหมาย เนื่องด้วยอัฏฐมีคือวันแรม ๘ ค�่ำ แห่งเดือนวิสาขะ (เดือน ๖) เป็นวันที่ถือกันว่าตรงกับวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ เมื่อถึง วันนี้แล้ว พุทธศาสนิกชนบางส่วน ผู้มีความเคารพกล้าในพระพุทธองค์ มักนิยมประกอบพิธีบูชา ณ ปูชนียสถานนั้น ๆ วันนี้จึงเรียกว่า "วัน อัฏฐมีบูชา" ประวัติความเป็นมา เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว ๘ วัน มัลลกษัตริย์แห่ง นครกุสินารา พร้อมด้วยประชาชน และพระสงฆ์อันมีพระมหากัสสป เถระเป็นประธาน ได้พร้อมกันกระท�ำการถวายพระเพลิงพุทธสรีระ ณ มกุฏพันธนเจดีแห่งกรุงกุสินารา วันนั้นเป็นวันหนึ่งที่ชาวพุทธต้องมี ความสังเวชสลดใจ และวิปโยคโศกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง เพราะการสูญเสีย แห่งพระพุทธสรีระ เมื่อวันแรม ๘ ค�่ำ เดือน ๘ ซึ่งนิยมเรียกกันว่าวัน อัฏฐมีนั้นเวียนมาบรรจบแต่ละปี พุทธศาสนิกชนบางส่วน โดยเฉพาะ พระสงฆ์และอุบาสกอุบาสิกาแห่งวัดนั้น ๆ ได้พร้อมกันประกอบพิธี บูชาขึ้น เป็นการเฉพาะภายในวัด เช่นที่ปฏิบัติกันอยู่ในวัดมหาธาตุยุว ราชรังสฤษฏิ์ เป็นต้น แต่จะปฏิบัติกันมาแต่เมื่อใด ไม่พบหลักฐาน ปัจจุบันนี้ก็ยังถือปฏิบัติกันอยู่ ความส�ำคัญ โดยที่วันอัฏฐมีคือวันแรม ๘ ค�่ำ เดือน ๖ เป็นวันที่มีเหตุการณ์ส�ำคัญ ทางพระพุทธศาสนา ถือเป็นวันที่ตรงกับวันที่ตรงกับวันถวายพระเพลิง 21


พระพุทธสรีระเป็นวันที่ชาวพุทธต้องวิปโยค และสูญเสียพระบรม สรีระแห่งองค์พระบรมศาสดา ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงยิ่ง และเป็นวันควรแสดงธรรมสังเวชและระลึกถึงพระพุทธคุณให้ส�ำเร็จ เป็นพุทธานุสสติภาวนามัยกุศล พิธีอัฏฐมีบูชา การประกอบพิธีอัฏฐมีบูชานั้น นิยมท�ำกันในตอนค�่ำและปฏิบัติอย่าง เดียวกันกับประกอบพิธีวิสาขบูชา ต่างแต่ค�ำบูชาเท่านั้น ค�ำถวายดอกไม้ธูปเทียนในวันอัฏฐมีบูชา ยะมัมหะ โข มะยัง, ภะคะวันตัง สะระณัง คะตา, โย โน ภะคะวา สัตถา, ยัสสะ จะ มะยัง, ภะคะวะโต ธัมมัง โรเจมะ, อะโหสิ โข โส ภะคะวา, มัชฌิเมสุ ชะนะปะเทสุ, อะริยะเกสุ มะนุสเสสุ อุปปันโน, ขัตติโย ชาติยา, โคตะโม โคตเตนะ, สักยะปุตโต สักยะกุลา ปัพพะชิ โต, สะเทวะเก โลเก สะมาระเก สะพรัหมะเก, สัสสะมะณะพราหมะณิ ยา ปะชายะ สะเทวะมะนุสสายะ, อะนุตตะรัง สัมมาสัมโพธิง อะภิสัม พุทโธ, นิสสังสะยัง โข โส ภะคะวา, อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ, วิชชา จะระณะสัมปันโน, สุคะโต โลกะวิทู, อนุตตะโร ปุริสทัมมะสาระถิ, สัตถา เทวะมะนุสสานัง, พุทโธ ภะคะวา สวากขาโต โข ปะนะ, เต นะ ภะคะวา ธัมโม, สันทิฏฐิโก, อะกาลิโก, เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก, ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ. สุปะฏิปันโน โข ปะนัสสะ, ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ญายะปะฏิ ปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะ 22


กะสังโฆ, ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ, อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา, เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อาหุเนยโย, ปาหุเนยโย, ทักขิเนยโย อัญชลี กะระณีโย. อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ. อะยัง โข ปะนะ ถูโป (ปฏิมา) ตัง ภะคะวันตัง อุททิสสะ กโต (อุททิสสิ กตา) ยาวะเทวะ ทัสสะเนนะ, ตัง ภะคะวันตัง อะนุสสะริตวา, ปะสาทะสังเวคะปะฏิ ลาภายะ, มะยัง โข เอตะระหิ, อิมัง วิสาขะปุณณะมิโตปะรัง อัฏฐะมี กาลัง, ตัสสะ ภะคะวะโต สรีรัชฌาปะนะกาละสัมมะตัง ปัตวา, อิมัง ฐานัง สัมปัตตา, อิเม ทัณฑะทีปะธูปะ-, ปุปผาทิสักกาเร คะเหตวา, อัตตะโน กายัง สักการุปะธานัง กะริตวา, ตัสสะ ภะคะวะโต ยะถาภุจ เจ คุเณ อะนุสสะรันตา, อิมัง ถูปัง(ปะฏิมาฆะรัง) ติกขัตตุง ปะทัก ขิณัง กะริสสามะ, ยะถาคะหิเตหิ สักกาเรหิ ปูชัง กุรุมานา. สาธุ โน ภันเต ภะคะวา, สุจิระปะรินิพพุโตปิ, ญาตัพเพหิ คุเณหิ, อะ ตีตารัมมะณะตายะ ปัญญายะมาโน, อิเม อัมเหหิ คะหิเต, สักกาเร ปะฏิคคัณหาตุ, อัมหากัง, ฑีฆะรัตตัง, หิตายะ, สุขายะ.

23


วันอาสาฬหบูชา : พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนา

ต ร ง กั บ วั น ขึ้ น ๑ ๕ ค�่ำ เ ดื อ น ๘ 24


วันขึ้น ๑๕ ค�่ำ เดือน ๘ นับเป็นวันที่ส�ำคัญในประวัติศาสตร์แห่ง พระพุทธศาสนา คือวันที่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมเทศนาหรือหลัก ธรรมที่ทรงตรัสรู้ เป็นครั้งแรกแก่เบญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ณ มฤคทายวัน ต�ำบลอิสิปตนะ เมืองพาราณสี ในชมพูทวีปสมัยโบราณซึ่งปัจจุบันตั้ง อยู่ในประเทศอินเดีย ด้วยพระพุทธองค์ทรงเปรียบดังผู้ทรงเป็นธรรม ราชา ก็ทรงบันลือธรรมเภรียังล้อแห่งธรรมให้หมุนรุดหน้า เริ่มต้นแผ่ ขยายอาณาจักรแห่งธรรม น�ำความร่มเย็นและความสงบสุขมาให้แก่หมู่ ประชา ดังนั้น ธรรมเทศนาที่ทรงแสดงครั้งแรกจึงได้ชื่อว่า ธัมมจักกัป ปวัตตนสูตร แปลว่า พระสูตรแห่งการหมุนวงล้อธรรม หรือพระสูตร แห่งการแผ่ขยายธรรมจักร กล่าวคือดินแดนแห่งธรรม เมื่อ ๒๕๐๐ กว่าปีมาแล้วนั้นชมพูทวีปในสมัยโบราณ ก�ำลัง ย่างเข้าสู่ยุคใหม่แห่งความเจริญก้าวหน้า รุ่งเรืองเฟื่องฟูทุกด้านและมี คนหลายประเภททั้งชนผู้มั่งคั่งร�่ำรวย นักบวชที่พัฒนาความเชื่อและ ข้อปฏิบัติทางศาสนา เพื่อให้ผู้ร�่ำรวยได้ประกอบพิธกรรมแก่ตนเต็มที่ ผู้เบื่อหน่ายชีวิตที่วนเวียน ในอ�ำนาจและโภคสมบัติที่ออกบวช หรือ บางพวกก็แสวงหาค�ำตอบที่เป็นทางรอกพ้นด้วยการคิดปรัชญาต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องที่เหลือวิสัยและไม่อาจพิสูจน์ได้บ้าง พระพุทธเจ้าจึงทรง อุบัติในสภาพเช่นนี้ และด�ำเนินชีพเช่นนี้ด้วยแต่เมื่อทรงพบว่าสิ่งที่เกิด ขึ้นในตอนนั้นขาดแก่นสาน ไม่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง แก่ตนเอง และผู้อื่น จึงทรงคิดหาวิธีแก้ไขด้วยการทดลองต่าง ๆ โดยละทิ้งราช สมบัติ และอิสริยศแล้วออกผนวช บ�ำเพ็ญตนนานถึง ๖ ปี ก็ไม่อาจพบ 25


ทางแก้ได้ ต่อมาจึงได้ทางค้นพบ มัชฌิมาปฏิปทา หรือทางสายกลาง เมื่อทรงปฏิบัติตามมรรคานี้ก็ได้ค้นพบสัจธรรมที่น�ำคุณค่า แท้จริงมาสู่ ชีวิต อันเรียกว่า อริยสัจ ๔ ประการ ในวันเพ็ญเดือน ๖ ก่อนพุทธศก ๔๔ ปี ที่เรียกว่า การตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า จากนั้นทรงงานประกาศ ศาสนาโดยทรงด�ำริหาทางที่ได้ผลดีและรวดเร็ว คือ เริ่มสอนแก่ผู้มี พื้นฐานภูมิปัญญาดีที่รู้แจ้งค�ำสอนได้อย่างรวดเร็วและสามารถน�ำไป ชี้แจงอธิบาย ให้ผู้อื่นเข้ามาได้อย่างกว้างขวาง จึงมุ่งไปพบนักบวช ๕ รูป หรือเบญจวัคคีย์ และได้แสดงธรรม เทศนาเป็นครั้งแรกในวันเพ็ญ เดือน ๘ ใ จ ค ว า ม ส�ำ คั ญ ข อ ง ป ฐ ม เ ท ศ น า ในการแสดงแสดงปฐมเทศนาครั้งแรกของพระพุทธเจ้าทรงแสดงหลัก ธรรมส�ำคัญ ๒ ประการคือ ก. มัชฌิมาปฏิปทาหรือทางสายกลาง เป็นข้อปฏิบัติที่เป็นกลาง ๆ ถูก ต้องและเหมาะสมที่จะให้บรรลุถึงจุดหมายได้ มิใช่การด�ำเนินชีวิตที่ เอียงสุด ๒ อย่าง หรืออย่างหนึ่งอย่างใด คือ ๑. การหมกหมุ่นในความสุขทางกาย มัวเมาในรูป รส กลิ่น เสียง รวมความเรียกว่า เป็นการหลงเพลิดเพลินหมกหมุ่นในกามสุข หรือ กาม สุขัลลิกานุโยค ๒. การสร้างความล�ำบากแก่ตนด�ำเนินชีวิตอย่างเลื่อนลอย เช่น 26


บ�ำเพ็ญตบะการทรมานตน คอยพึ่งอ�ำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น การ ด�ำเนินชีวิตแบบที่ก่อความทุกข์ให้ตนเหนื่อยแรงกาย แรงสมอง แรง ความคิด รวมเรียกว่า อัตตกิลมถานุโยค ดังนั้นเพื่อละเว้นห่างจากการปฏิบัติทางสุดเหล่านี้ ต้องใช้ทางสายกลาง ซึ่งเป็นการด�ำเนินชีวิตด้วยปัญญา โดยมีหลักปฏิบัติเป็นองค์ประกอบ ๘ ประการ เรียกว่า อริยอัฏฐังคิกมัคค์ หรือ มรรคมีองค์ ๘ ได้แก่ ๑. สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ คือ รู้เข้าใจถูกต้อง เห็นตามที่เป็นจริง ๒. สัมมาสังกัปปะ ด�ำริชอบ คือ คิดสุจริตตั้งใจท�ำสิ่งที่ดีงาม ๓. สัมมาวาจา เจรจาชอบ คือ กล่าวค�ำสุจริต ๔. สัมมากัมมันตะ กระท�ำชอบ คือ ท�ำการที่สุจริต ๕. สัมมาอาชีวะ อาชีพชอบ คือ ประกอบสัมมาชีพหรืออาชีพที่ สุจริต ๖. สัมมาวายามะ พยายามชอบ คือ เพียรละชั่วบ�ำเพ็ญดี ๗. สัมมาสติ ระลึกชอบ คือ ท�ำการด้วยจิตส�ำนึกเสมอ ไม่เผลอ พลาด ๘. สัมมาสมาธิ ตั้งจิตมั่นชอบ คือ คุมจิตให้แน่วแน่มั่นคงไม่ ฟุ้งซ่าน ข. อริยสัจ ๔ แปลว่า ความจริงอันประเสริฐของอริยะ ซึ่งคือ บุคคล ที่ห่างไกลจากกิเลส ได้แก่ ๑. ทุกข์ ได้แก่ ปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ บุคคลต้องก�ำหนด รู้ให้เท่าทันตามความเป็นจริงว่ามันคืออะไร ต้องยอมรับรู้กล้าสู้หน้า 27


ปัญหา กล้าเผชิญความจริง ต้องเข้าใจในสภาวะโลกว่าทุกสิ่งไม่เที่ยง มี การเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น ไม่ยึดติด ๒. สมุทัย ได้แก่ เหตุเกิดแห่งทุกข์ หรือสาเหตุของปัญหา ตัวการ ส�ำคัญของทุกข์ คือ ตัณหาหรือเส้นเชือกแห่งความอยากซึ่งสัมพันธ์กับ ปัจจัยอื่น ๆ ๓. นิโรธ ได้แก่ ความดับทุกข์ เริ่มด้วยชีวิตที่อิสระ อยู่อย่างรู้เท่า ทันโลกและชีวิต ด�ำเนินชีวิตด้วยการใช้ปัญญา ๔. มรรค ได้แก่ กระบวนวิธีแห้งการแก้ปัญหา อันได้แก่ มรรคมีองค์ ๘ ประการดังกล่าวข้างต้น ผ ล จ า ก ก า ร แ ส ด ง ป ฐ ม เท ศ น า เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมแล้ว ปรากฏว่าโกณฑัญญะผู้เป็น หัวหน้าเบญจวัคคีย์ได้เกิดเข้าใจธรรม เรียกว่า เกิดดวงตาแห่งธรรมหรือ ธรรมจักษุ บรรลุเป็นโสดาบัน จึงทูลขอบรรพชาและถือเป็นพระภิกษุ สาวก รูปแรกในพระพุทธศาสนา มีชื่อว่า อัญญาโกณฑัญญะ ค ว า ม ห ม า ย ข อ ง อ า ส า ฬ ห บู ช า “อาสาฬหบูชา” (อา-สาน-หะ-บู-ชา/อา-สาน-ละ-หะ-บูชา) ประกอบด้วยค�ำ ๒ ค�ำ คือ อาสาฬห (เดือน ๘ ทางจันทรคติ) กับบูชา (การบูชา) เมื่อรวมกันจึงแปลว่า การบูชาในเดือน ๘ หรือ การบูชาเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ส�ำคัญในเดือน ๘ หรือเรียกให้เต็มว่า อาสาฬหบูรณมีบูชา 28


โดยสรุป วันอาสาฬหบูชา แปลว่า การบูชาในวันเพ็ญ เดือน ๘ หรือ การบูชาเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ส�ำคัญในวันเพ็ญ เดือน ๘ คือ ๑. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา ๒. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าเริ่มประกาศพระศาสนา ๓. เป็นวันที่เกิดอริยสงฆ์ครั้งแรกคือการที่ท่านโกณฑัญญะรู้แจ้งเห็น ธรรม เป็นพระโสดาบัน จัดเป็นอริยบุคคลท่านแรกในอริยสงฆ์ ๔. เป็นวันที่เกิดพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา คือ การที่ท่านโกณ ฑัญญะขอบรรพชาและ ได้บวชเป็นพระภิกษุ หลังจากฟังปฐมเทศนา และบรรลุธรรมแล้ว ๕. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงได้ปฐมสาวกคือ การที่ท่านโกณฑัญญะ นั้น ได้บรรลุธรรม และบวชเป็นพระภิกษุ จึงเป็นสาวกรูปแรกของ พระพุทธเจ้า เมื่อเปรียบกับวันส�ำคัญอื่น ๆ ในพระพุทธศาสนา บางทีเรียกวัน อาสาฬหบูชา นี้ว่า วันพระสงฆ์ (คือวันที่เริ่มเกิดมีพระสงฆ์) พิธีกรรมที่กระท�ำในวันนี้ โดยทั่วไป คือ ท�ำบุญ ตักบาตร รักษาศีล เวียนเทียน ฟังพระธรรมเทศนา (ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร) และสวด มนต์ ดังนั้นในวันนี้จึงถือว่า พุทธศาสนิกชนควรได้รับประโยชน์ ที่ เป็นสาระส�ำคัญจากอาสาฬหบูชา กล่าวคือ ควรทบทวนระลึกเตือนใจ ส�ำรวจตนว่า ชีวิตเราได้เจริญงอกงามขึ้นด้วยความเป็นอยู่อย่างผู้รู้เท่า ทันโลกและชีวิตนี้บ้างแล้วเพียงใด เรายังด�ำเนินชีวิตอยู่อย่างลุ่มหลง มัวเมา หรือมีจิตใจอิสระปลอดโปร่งผ่องใสบ้างแล้วเพียงใด 29


วันเข้าพรรษา

ต ร ง กั บ วั น แ ร ม ๑ ค�่ำ เ ดื อ น ๘ 30


"เข้าพรรษา" แปลว่า "พักฝน" หมายถึง พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจ�ำ ณ วัดใดวัดหนึ่งระหว่างฤดูฝน โดยเหตุที่พระภิกษุในสมัยพุทธกาล มีหน้าที่จะต้องจาริกโปรดสัตว์ และเผยแผ่พระธรรมค�ำสั่งสอนแก่ ประชาชนไปในที่ต่าง ๆ ไม่จ�ำเป็นต้องมีที่อยู่ประจ�ำ แม้ในฤดูฝน ชาว บ้านจึงต�ำหนิว่าไปเหยียบข้าวกล้าและพืชอื่นๆ จนเสียหาย พระพุทธเจ้า จึงทรงวางระเบียบการจ�ำพรรษาให้พระภิกษุอยู่ประจ�ำที่ตลอด 3 เดือน ในฤดูฝน คือ เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค�่ำ เดือน 8 ของทุกปี ถ้า ปีใดมีเดือน 8 สองครั้ง ก็เลื่อนมาเป็นวันแรม 1 ค�่ำ เดือนแปดหลัง และออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค�่ำ เดือน 11 เว้นแต่มีกิจธุระเจ้าเป็น ซึ่งเมื่อเดินทางไปแล้วไม่สามารถจะกลับได้ในเดียวนั้น ก็ทรงอนุญาตให้ ไปแรมคืนได้ คราวหนึ่งไม่เกิน 7 คืนเรียกว่า สัตตาหะ หากเกินก�ำหนด นี้ถือว่าไม่ได้รับประโยชน์ แห่งการจ�ำพรรษา จัดว่าพรรษาขาด ระหว่าง เดินทางก่อนหยุดเข้าพรรษา หากพระภิกษุสงฆ์เข้ามาทันในหมู่บ้านหรือ ในเมืองก็พอจะหาที่พักพิงได้ตามสมควร แต่ถ้ามาไม่ทันก็ต้องพึ่งโคน ไม้ใหญ่เป็นที่พักแรม ชาวบ้านเห็นพระได้รับความล�ำบากเช่นนี้ จึงช่วย กันปลูกเพิง เพื่อให้ท่านได้อาศัยพักฝน รวมกันหลาย ๆองค์ ที่พักดัง กล่าวนี้เรียกว่า "วิหาร" แปลว่าที่อยู่สงฆ์ เมื่อหมดแล้ว พระสงฆ์ท่าน ออกจาริกตามกิจของท่านครั้งถึงหน้าฝนใหม่ท่านก็กลับมาพักอีกเพราะ สะดวกดี แต่บางท่านอยู่ประจ�ำเลย บางทีเศรษฐีมีจิตศัรทธาเลื่อมใส ในพระพุทธศาสนา ก็เลือกหาสถานที่สงบเงียบไม่ห่างไกลจากชุมชนนัก สร้างที่พัก เรียกว่า "อาราม" ให้เป็นที่อยู่ของสงฆ์ดังเช่นปัจจุบันนี้ 31


โดยปรกติเครื่องใช้สอยของพระตามพุทธานุญาตให้มีประจ�ำตัว นั้น มีเพียงอัฏฐบริขารอันได้แก่ สบง จีวร สังฆาฏิ เข็ม บาตร รัด ประคด หม้อกรองน�้ำ และมีดโกน และกว่าพระท่านจะหาที่พักแรมได้ บางทีก็ถูกฝนต้นฤดูเปียกปอนมา ชาวบ้านที่ใจบุญจึงถวายผ้าอาบน�้ำฝน ส�ำหรับให้ท่านได้ผลัดเปลี่ยน และถวายของจ�ำเป็นแก่กิจประจ�ำวันของ ท่านเป็นพิเศษในเข้าพรรษานับเป็นเหตุให้มีประเพณีท�ำบุญเนื่องในวัน นี้สืบมา การที่พระภิกษุสงฆ์ท่านโปรดสัตว์อยู่ประจ�ำเป็นที่เช่นนี้ เป็นการดี ส�ำหรับสาธุชนหลายประการ กล่าวคือ ผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามพ ระพุทธบัญญัติก็นิยมบวชพระ ส่วนผู้ที่อายุยังไม่ครบบวชผู้ปกครองก็ น�ำไปฝากพระ โดยบวชเป็นเณรบ้าง ถวายเป็นลูกศิษย์รับใช้ท่านบ้าง ท่านก็สั่งสอนธรรม และความรู้ให้ และโดยทั่วไป พุทธศาสนิกชนนิยม ตักบาตรหรือไปท�ำบุญที่วัด นับว่าเป็นประโยชน์ การปฏิบัติตน ในวันนี้หรือก่อนวันนี้หนึ่งวัน พุทธศาสนิกชนมักจะ จัดเครื่องสักการะเช่น ดอกไม้ ธูปเทียน เครื่องใช้ เช่น สบู่ ยาสีฟัน เป็นต้น มาถวายพระภิกษุ สามเณร ที่ตนเคารพนับถือ ที่ส�ำคัญคือ มี ประเพณีหล่อเทียนขนาดใหญ่เพื่อให้จุดบูชาพระประธานในโบสถ์อยู่ได้ ตลอด 3 เดือน มีการประกวดเทียนพรรษา โดยจัดเป็นขบวนแห่ทั้ง ทางบกและทางน�้ำ แม้การเข้าพรรษาจะเป็นเรื่องของภิกษุ แต่พุทธศาสนิกชนก็ถือ เป็นโอกาสดีที่จะได้ ท�ำบุญรักษาศีลและช�ำระจิตใจให้ผ่องใส ก่อนวัน 32


เข้าพรรษาชาวบ้านก็จะไปช่วยพระท�ำความสะอาดเสนาสนะ ซ่อมแซม กุฏิวิหารและอื่นๆ พอถึง วันเข้าพรรษาก็จะไปร่วมท�ำบุญตักบาตร ฟัง เทศน์ ฟังธรรมและรักษาอุโบสถศีลกันที่วัด บางคนอาจตั้งใจงดเว้น อบายมุขต่างๆ เป็นกรณีพิเศษ เช่น งดเสพสุรา งดฆ่าสัตว์ เป็นต้น อนึ่ง บิดามารดามักจะจัดพิธีอุปสมบทให้บุตรหลาน ของตนโดยถือ กันว่าการเข้าบวชเรียนและอยู่จ�ำพรรษาในระหว่างนี้จะได้รับ อานิสงส์ อย่างสูง ประเพณีหล่อเทียนเข้าพรรษา เป็นประเพณีที่กระท�ำกันเมื่อใกล้ ถึงฤดูเข้าพรรษาซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ พระภิกษุจะต้องอยู่ประจ�ำวัด ตลอด ๓ เดือนมาตั้งแต่โบราณกาล การหล่อเทียนเข้าพรรษานี้มีอยู่ เป็นประจ�ำ ทุกปี เพราะในระยะเข้าพรรษานี้ พระภิกษุจะต้องมีการ สวดมนต์ท�ำวัตรทุกเช้าเย็นและในการนี้จะต้องมีธูป เทียนจุดบูชาด้วย พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จึงพร้อมใจกันหล่อเทียนเข้าพรรษาส�ำหรับให้ พระภิกษุจุดเป็น การกุศลทานอย่างหนึ่งเพราะเชื่อกันว่าในการให้ทาน ด้วยแสงสว่าง จะมีอานิสงฆ์เพิ่มพูนปัญญาหูตาสว่างไสว ตามชนบท การหล่อเทียนเข้าพรรษาท�ำกันอย่างเอิกเกริกสนุกสนานมาก เมื่อหล่อ เสร็จแล้ว ก็จะมีการแห่แหน รอบพระอุโบสถ ๓ รอบ แล้วน�ำไปบูชา พระตลอดระยะเวลา ๓ เดือน บางแห่งก็มีการประกวดการตกแต่งมี การแห่แหนรอบเมืองด้วยริ้วขบวนที่สวยงามและถือว่าเป็นงานประจ�ำ ปีทีเดียว ในวันนั้นจะมีการร่วมกันท�ำบุญตักบาตรถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ เป็นการร่วมกุศลกันในหมู่บ้านนั้น 33


วันออกพรรษา

ต ร ง กั บ วั น ขึ้ น ๑ ๕ ค�่ำ เ ดื อ น ๑ ๑

34


วันออกพรรษา คือวันสิ้นสุดระยะการจ�ำพรรษา หรือออกจากการอยู่ ประจ�ำที่ในฤดูฝนซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค�่ำ เดือน ๑๑ วันออกพรรษานี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันมหาปวารณา" ค�ำ ว่า"ปวารณา"แปลว่า "อนุญาต" หรือ "ยอมให้" คือ เป็นวันที่เปิด โอกาสให้พระภิกษุสงฆ์ด้วยกัน ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ ในข้อที่ผิดพลั้ง ล่วงเกินระหว่างที่จ�ำพรรษาอยู่ด้วยกัน ในวันออกพรรษานี้กิจที่ชาว บ้านมักจะกระท�ำก็คือ การบ�ำเพ็ญกุศล เช่น ท�ำบุญตักบาตร จัดดอกไม้ ธูป เทียน ไปบูชาพระที่วัด และฟังพระธรรมเทศนา ของที่ชาวพุทธ นิยมน�ำไปใส่บาตรในวันนี้ก็คือ ข้าวต้ม มัดไต้ และข้าวต้มลูกโยน และ การร่วมกุศลกรรมการ "ตักบาตรเทโว" ค�ำว่า "เทโว" ย่อมาจาก"เท โวโรหน" แปลว่าการเสด็จจากเทวโลกการตักบาตรเทโว จึงเป็นการ ระลึกถึงวันที่ พระพุทธองค์เสด็จกลับจากการโปรด พระพุทธมารดา ในเทวโลก ประเพณีการท�ำบุญกุศล เนื่องในวันออกพรรษานี้ ทุกวัดใน ประเทศไทย ก็มีพิธีเหมือนกันหมด จะผิดกันก็เพียงแต่สถานที่ ที่สมมติ ว่าเป็นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เท่านั้น กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันออกพรรษา ๑. ท�ำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ ๒. ไปวัดเพื่อปฏิบัติธรรม ฟังพระธรรมเทศนา ๓. ร่วมกุศลธรรม "ตักบาตรเทโว" 35


๔. ปัดกวาดบ้านเรือนให้สะอาด ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน และสถานที่ราชการและ ประดับธงชาติและธงธรรมจักรตามวัดและ สถานที่ส�ำคัญทางพระพุทธศาสนา ๕. ตามสถานที่ราชการ สถานที่ศึกษาและที่วัด ควรจัดให้มี นิทรรศการ การบรรยาย หรือ บรรยายธรรม เกี่ยวกับวันออกพรรษา ฯลฯ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนและผู้สนใจทั่วไป ประเพณีตักบาตรเทโว วัดสะแกกรัง อุทัยธานี ที่ขบวนพระภิกษุเดินลงมาที่วัดสะแกกรัง หรือวัดสังกัสรัตนคีรี ใน จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งตั้งอยู่บนเชิงเขาสูง พิธีตักบาตรเทโวที่วัดนี้ บรรดาพระภิกษุจะพากันเดินขบวนลงมาจากบนเขา มาตามบันไดดู เหลืองอร่ามงามจับตา โดยมีบรรดาพุทธศาสนิกชนจะพากันใส่บาตร ตามเชิงบันไดเรื่อยมาจนถึงพื้นล่าง หลังจากวันออกพรรษาแล้วมีประเพณีอย่างหนึ่งที่ชาวพุทธนิยมท�ำกัน มากคือ การทอดกฐิน

36


วันโกน - วันพระ

วั น ธ ร ร ม ส ว น ะ

37


วันพระ หรือ วันธรรมสวนะ หมายถึง วันประชุมถือศีลฟังธรรมใน พุทธศาสนา (ธรรมสวนะ หมายถึง การฟังธรรม) ก�ำหนดเดือนทาง จันทรคติละ 4 วัน ได้แก่ วันขึ้น 8 ค�่ำ วันขึ้น 15 ค�่ำ (วันเพ็ญ) วันแรม 8 ค�่ำ วันแรม 15 ค�่ำ (หากเดือนใดเป็นเดือนขาด ถือเอาวันแรม 14 ค�่ำ) ในวันพระ พุทธศาสนิกชนถือเป็นวันส�ำคัญ ควรไปวัดเพื่อท�ำบุญ ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ และฟังธรรม ส�ำหรับผู้ที่เคร่งครัดใน ศาสนาอาจถือศีลแปดในวันพระด้วย นอกจากนี้ชาวพุทธยังถือว่า วันพระไม่ควรท�ำบาปใดๆ การท�ำบาปหรือไม่ถือศีลห้าในวันพระถือว่า เป็นบาปยิ่งในวันอื่น วันโกน เป็นภาษาพูด หมายถึง วันก่อนวันพระ ๑ วัน ประวัติความเป็นมา ในสมัยพุทธกาล พระเจ้าพิมพิสาร ได้เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และกราบทูลว่านักบวชศาสนาอื่น มีวันประชุมสนทนาเกี่ยวกับหลัก ธรรมค�ำสั่งสอนในศาสนาของเขา แต่ว่าศาสนาพุทธยังไม่มี พระพุทธ องค์จึงทรงอนุญาติให้ภิกษุสงฆ์ประชุมสนทนาและแสดงธรรมเทศนา แก่ประชาชน ในวัน ๘ ค�่ำ ๑๔ ค�่ำ และ ๑๕ ค�่ำ 38


พุทธศาสนิกชนจึงถือเอาวันดังกล่าวเป็น วันธรรมสวนะ ( ส�ำหรับวัน ธรรมสวนะนี้ เมืองไทยมีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย )

39


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.