42 Message From EDITOR เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา...FRM ได้มีโอกาสร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ของงาน “Thailand Bike of The Year 2013” ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อเฟ้นหาสุดยอด รถจักรยานยนต์ประเภทต่างๆ เพื่อมอบรางวัลยอดเยี่ยมให้กับบริษัทผู้ผลิต ท�าให้ มือทดสอบของ FRM ได้สัมผัสกับรถจักรยานยนต์หลากรุ่นหลายสไตล์มากกว่า 30 คันเลยทีเดียว ซึ่งทีมงาน FRM ก็ถือโอกาสนี้ “เลือก” รถจักรยานยนต์ 12 รุ่น ซึ่งเป็น “ที่สุด” ในความรู้สึกจากการที่ได้ขับขี่ทดสอบครั้งนี้ออกมาจัดท�าเป็นสกู๊ป “FRM 12 chosen Stars from Bike of The Year 2013” ส่วนจะมีรุ่นใดจากค่ายไหนบ้างที่เป็นที่สุด ในใจของ FRM บ้างนั้น ต้องพลิกอ่านด้านใน!!! นอกจากจะเต็มอิ่มกับบททดสอบที่อัดแน่นแบบเต็มพิกัดแล้ว...ฉบับนี้เรายังเอาใจ เหล่าไรเดอร์ที่รักการขับขี่ ด้วยการจัดรีวิวชุดหนัง “Speed-R” ซึ่งเป็น Racing Suit จากไต้หวัน กับ “Forma Ice AB17” รองเท้าบูทลายพิเศษจากอิตาลี่ เพื่อเป็นข้อมูลให้ กับคนที่ก�าลังมองหาไรดิ้งเกียร์คุณภาพดีราคาประหยัดได้เลือกได้ตัดสินใจกัน... และฉบับนี้ก็ยังมีเรื่องราวของการเปิดตัวรถ อีโค่ มอเตอร์ไซค์ รุ่นล่าสุดอย่าง “ซูซูกิ Let’s” ที่เปิดตัวกันไปแบบสดๆ ร้อนๆ เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาให้ได้ รับชมกัน รวมถึงการเจาะลึกเทคโนโลยีแห่งความประหยัดขั้นเทพของระบบหัวฉีด YEC_FI ที่อยู่ในรถจักรยานยนต์ ครอบครัว “ยามาฮ่า สปาร์ค 115 หัวฉีดใหม่” ว่าเพราะเหตุใดจึง ท�าให้รถรุ่นนี้ท�าสถิติประหยัด น�้ามันได้ถึง 84.15 กม./ลิตร... อย่าพลาดการติดตามนะครับ!!!
facebook.com/FRMfans
e-mail : forridemagazine@gmail.com
52
ISSUE 04 FEBUARY 2013
News Update ............................................ 6 FRM 12 Chosen Stars ............................13
เต็มอิ่มกับบททดสอบ 12 รุ่น 12 คัน ที่สุดในใจ FRM
New Launch Suzuki...............................38
ซูซูกิ เล็ทส์…อีโค่ มอเตอร์ไซค์ รุ่นล่าสุดของเมืองไทย
TechKnow ................................................ 42
เจาะลึกเทคโนโลยีขั้นเทพของระบบหัวฉีด YEC_FI
The Journey ............................................ 46
ภาค 4 กับการตะลุย 5 ขุนเขาในมาเลเซีย
Speed-R Suit Review ...........................50
สัมผัสชุดแข่งคุณภาพดีจากไต้หวัน
Gear Hunter ............................................52
Forma Ice AB17 เรชซิ่งบูทสุดเจ็บจากอิตาลี่
Inter News ............................................... 54
ข่าวสารจากต่างแดน
38
13
FRM TEAM
Executive Editor : Nopdon Phaengphet นพดล แผงเพชร, Editorial : Kampol Gaensuwan กัมพล แก่นสุวรรณ์, Komz Giggs, Mr. Black Special Guest : Nicky PH & Franco Angeloni VEDETT /////, Graphic Design : Komkrit Sakulvilailerd คมกริช สกุลวิไลเลิศ, Photographer : FRM Team, บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา : Nopdon Phaengphet นพดล แผงเพชร, โรงพิมพ์/เพลท : เอส.ออฟเซ็ทกราฟฟิคดีไซน์ จัดจ�าหน่าย : บริษัท ส�านักพิมพ์ นุชนารถ จ�ากัด, ส�านักงาน ฟอร์ไรด์แมกกาซีน : 12/76 ซอยนาคนิวาส 59 ถนนนาคนิวาส แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230 โทร. 0-2932-8716, 08-9499-1927
Yamaha
Nouvo SX
รถออโตเมติก “รุ่นใหญ่” จากค่ายส้อมเสียงที่เปิดตัวเมื่อปีก่อนโดยพัฒนา จากรุ่น Nouvo Elegance ขึ้นมาพร้อมยัดเทคโนโลยีใหม่เข้าไปเพียบ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องยนต์ 125 ซีซี. หัวฉีด ไฟหน้าโปรเจคเตอร์และอื่นๆ เรามาดูกันดีกว่าว่าเจ้า Nouvo SX 125 คันนี้จะมีสมรรถนะเป็นยังไงบ้างในโบนันซ่าเซอร์กิต
Handling & Braking อย่างแรกที่เราทดสอบก่อนเลยก็คือการควบคุมรถและการเบรก ความแรง ของเบรกหน้าแรงพอจะหยุดรถที่ความเร็ว 80 กม/ชม. ได้สบาย เบรกหลัง หนึบดีและไม่มีเสียงเบรกกวนใจ ยางหน้า-หลังแก้มเตี้ยได้อารมณ์สปอร์ต ไซส์ยาง 70/90 หน้าและ 80/90 หลังบนล้อขอบ 16 ซึ่งก็นับว่าเกาะถนนได้ดีแม้จะเจอ กับโค้งที่ความเร็ว 80-100 กม/ชม. ก็ตาม มาดูในส่วนของโช้คหน้ากันบ้าง ดู เหมือนว่าส�าหรับการขับขี่แบบธรรมดาเหมือนใช้บนถนนทั่วไปโช้คหน้าจะท�างานได้ ดี แต่เมื่อลุยโค้งที่ความเร็วสูงเกิดอาการยวบเล็กน้อย โช้คหลังถ้าให้คะแนนความ สบายจากเต็ม 10 คงได้ซัก 8 เพราะเมื่อเจอกับหลุมที่ความเร็ว 80 กม./ชม. จะ ออกอาการกระเด้ง แต่อย่างที่บอกว่าในสนามก็อีกเรื่องนึงบนถนนกับการใช้งาน จริงก็อีกเรื่องนึงครับ เบาะที่นั่งถูกอัพเกรดมาใหม่นุ่มสบายก้นและใหญ่รองรับ กับก้นขนาดใหญ่ของคนตัวใหญ่ได้ดี ท่านั่ง – มุมการจับแฮนด์ และพักเท้าวาง ต�าแหน่งสัมพันธ์กัน สามารถปรับท่านั่งขับขี่ได้หลายแบบตามลักษณะของถนน ช่วงท้องรถและชิ้นส่วนด้านข้างอย่างขาตั้งคู่และขาตั้งข้างสูงจากพื้นก�าลังดีไม่ ครูดพื้นเวลาแบนเข้าโค้ง ถ้าจะให้หาข้อผิดพลาดมาซัก 1 จุดส�าหรับ Nouvo SX ก็คงจะเป็น “กระจกข้าง” ที่เล็กไปนิดนึง แต่โดยรวมในส่วนของ Handling และ Braking รวมไปถึงชิ้นส่วนเพื่อความปลอดภัยนับว่ายอดเยี่ยม
Engine & Acceleration จุดเด่นของ Nouvo SX 125 อยู่ที่เครื่องยนต์ 124 ซีซี. พร้อมกระบอก สูบ DiASil ลูกสูบฟอร์จ วาล์วแบบโรลเลอร์ร็อคเก็ต ระบายความร้อนด้วยน�้า เต็มระบบ เสริมทัพความแรงแฝงความประหยัดด้วยหัวฉีดอัจฉริยะ YMJET ที่เข้า มาจัดการกับปัญหา “กินน�้ามัน” ที่เคยมีคนบ่นไว้ในรุ่น Nouvo Elegance ใน ด้านอัตราการกินเชื้อเพลิงของรถแต่ละรุ่นเราไม่ได้ทดสอบเนื่องจากเวลามีจ�ากัด แต่ที่ได้ทดลองก็คือ “อัตราเร่ง” ทั้งออกตัว – ต้น – กลาง – ปลาย ของรถ แต่ละรุ่น Nouvo SX ออกตัวได้ดีระดับหนึ่ง ไม่กระชากมากเกินไปและไม่อืดจนน่า เบื่อ เสียงเครื่องยนต์และห้องสายพานเงียบว่ารุ่นพี่แถมลื่นกว่าอย่างเห็นได้ชัด ลอง “หลอก” หัวฉีดด้วยการออกตัวช้าๆ แล้วเปิดคันเร่งจนสุดเพื่อดูว่าหัวฉีด จะปรับตัวทันไหม? ปรากฏว่า YMJET สามารถจ่ายน�้ามันเชื้อเพลิงเข้าจุดระเบิด 14 For Ride Magazine Febuary 2013
ตามปริมาณคันเร่งที่บิดได้เป็นอย่างดีส่งผลให้รถพุ่งไปข้างหน้าทันที แบบไม่มีสะดุด เอาเป็นว่าหายสงสัยกันไปในส่วนของระบบเชื้อเพลิง... ในส่วนของเครื่องยนต์ แม้น�้าหนักตัวรถจะมากถึง 111 กก. แต่มันก็ ยังท�าความเร็วได้ดี ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ราวๆ 110 กม/ชม. (ก่อน จะผ่อนคันเร่งเพื่อเข้าโค้ง) ไม่ว่าจะเป็นช่วงขึ้นทางโค้งชันหรือจังหวะ ออกจากโค้งคันเร่งก็ตอบสนองได้ดีตลอดเวลา ก�าลังความแรงของ Nouvo SX จะอยู่ในช่วง “ต้น-กลาง” ซึ่งนับว่าได้เปรียบและมีประโยชน์ ส�าหรับการใช้ในเมือง
Final Result สรุปกันเลยดีกว่าส�าหรับ Nouvo SX รถออโตเมติกที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “นวตกรรมระดับเทพ” ผ่านการ ทดสอบในสนามด้วยคะแนนความพอใจที่ ค่อนข้างสูง ทั้งขนาดใหญ่ก�าลังดีของ ตัวรถที่รองรับตั้งแต่เด็กวัยรุ่นไปจนถึง ครอบครัวพ่อแม่ลูก การคอนโทรลรถ
ดีเยี่ยมเมื่อเทียบกับความยาวตัวรถ โช้คหน้า หลังท�างานได้ดีในระดับหนึ่งเพียงพอกับการใช้ ในเมือง ก�าลังแรงบิดตอบสนองทันใจผู้ใช้และ ที่ส�าคัญเป็นระบบหัวฉีด ส่วนรูปร่างภายนอก ของ Nouvo SX คงไม่ต้องบรรยายมาก เพราะไฟหน้าโปรเจคเตอร์ดวงเดียวก็ “เซ็กซี่” บาดใจคณะกรรมการแล้วครับ มาดูคะแนนของ Nouvo SX กันดีกว่า....
Braking :
Normal Use
Hardcore Use
10/10
9/10
Handling :
9/10
8/10
Suspension :
9/10
8/10
Engine :
10/10
10/10
Acceleration :
8/10
7/10
For Ride Magazine Febuary 2013 15
ตัวจี๊ดที่ตีคู่มากับ Nouvo SX นั่นก็คือ Mio 125i สปอร์ตออโตเมติกตัวเต็มแรง เกินตัว พรีเซ็นเตอร์ของรถคันนี้คือ ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าทีมเมืองทองยูไนเต็ด Yamaha จับ Mio 125 ตัวเก่าปรับปรุงใหม่หมดจดทั้ง เครื่องยนต์ หัวฉีดและหน้าตา มาดูกันดีกว่าว่าเจ้า Mio 125i ใหม่จะท�าลายสถิติความแรงของรุ่นมัน ลงได้หรือไม่
16 For Ride Magazine Febuary 2013
Handling & Braking รถไซส์กะทัดรัดขนาดนี้ (กว้างxยาวxสูง = 700x1,855x1,070 มม.) ดูไม่ค่อยเหมาะกับ นักทดสอบสูง 189 ซม. เท่าไหร่นัก แต่มันก็ให้อารมณ์สปอร์ตในคราบออโตเมติกได้เหมือนกัน ก้มลงมองดูหน้ายางขนาด 70/90 ด้านหน้าและ 90/80 ด้านหลังแล้วก็นึกในใจว่า “แก้มเตี้ย ขนาดนี้จะขี่ให้เข่าเช็ดพื้นไปเลย” เพราะว่ายางแบบสปอร์ตท�าให้เราคิดว่า Mio 125i คันนี้ต้อง “มันส์” แน่ๆ เริ่มวอร์มช่วงแรกกับ “สลาลอม” (Slalom) อ้อมกรวยเพื่อปรับสภาพร่างกาย ให้เข้ากับรถ ดูเหมือนว่า Mio 125i จะได้เปรียบเรื่องช่วงตัวรถที่สั้นท�าให้เลี้ยวได้เร็ว เมื่อรวม
Yamaha
Mio 125i
Braking :
Normal Use
Hardcore Use
10/10
9/10
Handling :
10/10
9/10
Suspension :
10/10
9/10
Engine :
10/10
10/10
Acceleration :
11/10
11/10
กับยางหน้าแก้มเตี้ยแต่หน้ากว้างแล้วยิ่งท�าให้การพลิกรถซ้าย-ขวาได้เร็วยิ่งขึ้น มุม เลี้ยวกว้างบวกกับพื้นที่วางเท้าที่พอดีช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการโยกรถ เบาะที่นั่ง แบนราบแบบรถสปอร์ตให้ความนุ่มระดับหนึ่ง (อาจถูกใจวัยรุ่นหลายคน) แต่เมื่อนั่ง นานๆ อาจรู้สึกเมื่อยได้ถ้าต้องวิ่งทางไกล ในส่วนของโช้คหน้า-หลังบอกได้เลยว่า “เกาะถนนดีนัก” เข้าโค้งที่ความเร็วสูงไม่มีอาการส่ายหรือสับให้เห็น ด้านเบรก...เบรก หน้าของ Mio 125i “จี๊ด” มากจนต้องระวังอย่าเผลอเหนี่ยวเบรกแรงเกินไป เมื่อ ใช้เบรกหน้าควรคู่กับเบรกหลังจะท�าให้การขับขี่นุ่มนวลหยุดได้ดั่งใจทั้งในและนอกโค้ง น�้าหนักตัวรถเบา (100กก.) ช่วยให้เกิดความคล่องตัวสูงส�าหรับเจ้า Mio 125i คันนี้
Engine & Acceleration เครื่องยนต์ 124 ซีซี. ของ Mio 125i มีออพชั่นความแรงแบบเดียวกับรุ่นพี่ อย่าง Nouvo SX นั่นก็คือ ชุดกระบอกสูบ DiASil ลูกสูบฟอร์จ วาล์วโรลเลอร์ ระบบระบายความร้อนแบบหม้อน�้าไหลเวียนเต็มระบบ ระบบเชื้อเพลิงรุ่นใหม่หัวฉีด อัจฉริยะ YMJET แทนที่คาร์บูเรเตอร์ซึ่งคงจะ “ประหยัด” กว่ารุ่นเก่าแน่นอน อีกจุด ที่เปลี่ยนแปลงส�าหรับเครื่องยนต์ก็คือปลายท่อไอเสียที่สั้นลงแต่กลับดูโหดกว่าเดิม สตาร์ทเครื่องยนต์เงียบกริบแตกต่างจากรุ่นเก่า อัตราเร่งในช่วงต้นของ Mio 125i นับว่าแรงจนน่าตกใจ ความรู้สึกของการสะบัดคันเร่งเล่นคือ “กระชาก” แต่ก็ยังผสม ผสานความนุ่มนวลในแบบฉบับของรถออโตเมติกได้อย่างลงตัว ผ่านการวอร์มอัพใน ช่วงแรกอย่างสบายๆ ด้วยการใช้คันเร่งเพียง 10% จากนั้นเจอกับของจริงเมื่อเปิดคัน เร่ง 100% ในสนาม ความเร็วทางตรงก่อนถึงช่วงโค้งขวาใหญ่เกือบถึง 110 กม/ ชม. เมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมค่ายอย่าง Nouvo SX นับว่า Mio 125i ออกตัวและส่ง ก�าลังช่วงแรงกลาง-ปลายได้ดีกว่ามาก ความเร็วในโค้งที่ 90 กม./ชม. สามารถเดินคัน เร่งออกได้ทันที ก�าลังเครื่องยนต์เหลือมากพอส�าหรับการเติมคันเร่งขึ้นเขา FRM ฟัน ธงไปเลยว่า Mio 125i แรงครอบคลุมทั้ง “ต้น-กลาง-ปลาย” เรียกว่าขี่ในสนามก็ได้ ขี่ใช้ประจ�าวันก็คงมันส์ไม่หยอก ถ้าให้หาข้อด้อยของ Mio 125i ก็คงเป็นเบาะไม่สบาย ก้นเท่าที่ควร....แต่มันก็ยังขี่สนุกอยู่ดี!
Final Result เครื่องยนต์รุ่นใหม่แกร่งเกินตัวจริงๆ ตอบรับความบ้าคลั่งของนักบิดได้ทุกรูปแบบ ก�าลังเครื่องยนต์ครอบคลุมความแรงทุกรูปแบบการใช้งาน เหมาะกับวัยรุ่นใจร้อนและ คุณพ่อบ้านขาสปอร์ต โช้คหน้าหลังเกาะถนนดีเข้ากันได้กับหน้ายางขนาดใหญ่แถมแก้ม เตี้ยสะใจ นอกจากแรงแล้วยังมีตัวช่วยประหยัดซึ่งก็คือระบบหัวฉีดอัจฉริยะ YMJET ใน ส่วนของรูปลักษณ์ภายนอกที่เปลี่ยนไปโดนโคมไฟหน้ารวมกันเป็นโคมเดี่ยวก็ดูดุไม่แพ้โฉม เก่า FRM อยากให้ผู้อ่านลองด้วยตัวเองมากกว่าเชื่อเราครับ โหดจริงๆ Mio 125i คันนี้! For Ride Magazine Febuary 2013 17
อันที่จริงแล้วเจ้า TTX ที่ว่านี้เคยถูกจับทดสอบโหดๆ โดยกลุ่มสื่อมวลชน บนเส้นทาง อุดรธานี - เวียงจันทร์ – หลวงพระบาง มาแล้ว! เพราะงั้น สบายใจได้เรื่องระบบช่วงล่างและก�าลังเครื่องยนต์ ใครที่เคยไปลาวคงรู้ดีว่า ถนนนั้นหาที่เรียบไม่ได้เลย แถมเส้นทางขึ้นลงเขาตลอดเวลา....แล้วถ้าจับ TTX วิ่งในสนามล่ะจะเป็นยังไง?
Handling & Braking ด้วยความสูงจากเบาะถึงพื้น 780 มม. ซึ่งนับว่าสูงกว่ารถออโตเมติก รุ่นอื่นๆ ท�าให้นักทดสอบร่างสูงของเรารู้สึกคุ้นเคยกับความสูงระดับนี้ ดีไซน์ ตัวรถดูเหมือนจะถูกออกแบบมาให้เป็น “ออโตเมติกโมตาร์ด” อารมณ์ ประมาณ...กึ่งๆ วิบาก กึ่งๆ ทางเรียบ แต่เมื่อสังเกตุล้อหลังขนาดใหญ่และ ยางไซส์ใหญ่กว่ารถออโตเมติกทั่วไป (หมายถึงหน้ากว้างน่ะครับ) ท�าให้เรา คิดว่า TTX น่าจะเป็นรถที่ขี่สนุกและต้องลองดูกันซักตั้ง กระโดดขึ้นคร่อม TTX รู้สึกถึงความมั่นคงโดยเฉพาะเบาะที่ไม่นุ่มเกินไปและไม่แข็งเกินไป รูปทรง เบาะเรียบๆ นอกจากดูดีแล้วยังสไลด์ตัวไปหน้าหรือหลังได้ง่ายเพื่อให้เข้ากับรูป แบบการขับขี่ แฮนด์บาร์ทรงกว้างก�าลังดีท�าให้รู้สึกคล้ายขี่รถวิบาก กระจก ทรง 6 เหลี่ยมดีไซน์สวยแถมมองเห็นชัด สตาร์ทช่วงแรกกับสลาลอม..TTX สามารถโยกซ้ายขวาได้ง่ายและคล่องตัวกว่า Mio 125i ที่ส�าคัญคือความ รู้สึก “สนุก” เมื่อได้อยู่บนหลังเจ้า TTX คันนี้ แฮนด์บาร์กว้างท�ามุมองศา พอดีกับท่านั่งไม่ว่าจะเลือกสไตล์การขี่แบบ Lean Out หรือ Lean With ก็ ลงตัว เบรกหน้าให้ก�าลังแรงเบรกดี เบรกหลังแบบดรัมนุ่มเหมือนกับโมเดล อื่นๆ ของยามาฮ่า จากสลาลอมออกมาวิ่งจริงในสนาม ดูเหมือนว่าโช้คหลัง จะออกอาการ “สับ” บ้างที่ความเร็วสูงหรืออาจเกิดจากช่วงตัวรถที่สูงก็ เป็นได้ แต่ส�าหรับการขับขี่ธรรมดาส�าหรับ TTX นับว่านุ่มมาก ความรู้สึกที่ได้ จากโช้คหน้าและหลังคล้ายๆ กับขี่รถวิบากเลยทีเดียว ใครชอบรถวิบากแต่ก็รัก ออโตเมติกเราแนะน�าเลยครับคันนี้ TTX
Engine & Acceleration เครื่องยนต์ 113.6 ซีซี. มาพร้อมเทคโนโลยีเดียวกันกับทั้ง Nouvo SX และ Mio 125i นั่นก็คือกระบอกสูบสุดแกร่ง DiASil ลูกสูบฟอร์จอัดขึ้นรูป กระเดื่องวาล์วแบบโรลเลอร์ ที่แตกต่างก็คือระบบระบายความร้อนด้วยอากาศ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะตัวกระบอกสูบท�าจากวัสดุที่ระบายความร้อนได้ดีอยู่แล้ว เครื่องยนต์สตาร์ทเงียบคันเร่งเดินนุ่มมือ ก�าลังอัตราเร่งของ TTX ดูเหมือน จะเน้นที่แรงต้น – กลาง ส่วนปลายก็เน้นไหลเอา ความเร็วสูงสุดที่ท�าได้อยู่ ที่ 95 กม./ชม. แม้อัตราเร่งจะไม่รุนแรงเท่า Mio 125i (เพราะต่างซีซี. กัน) แต่รอบต้นก็นับว่า “พึ่งพาได้” โดยเฉพาะช่วงการออกตัว หลังจากทดสอบ เข้าโค้งซ�้าแล้วซ�้าอีกก็พอจะบอกได้ว่า TTX ขี่บนทางเรียบก็สนุกไม่แพ้ทางฝุ่น จุดเด่นของเครื่องยนต์ TTX คงจะอยู่ที่ความลื่นไหลของรอบ ถ้าแฮนด์บาร์ ของ TTX เล็กกว่านี้ก็คงขี่ในเมืองสนุกโดยเฉพาะการซอกแซกฝ่ารถติด (แต่ ถ้าใครมีทักษะก็คงผ่านได้แบบสบายๆ) อีกหนึ่งจุดเด่นที่เข้ามาสนับสนุนความ น่าขี่ของ TTX ก็คือระบบหัวฉีด YMJET นอกจากขี่สนุกแล้วยังประหยัดน�้ามัน ในเวลาเดียวกัน...
Final Result TTX เป็นหนึ่งในรถ “ของเล่นคนรวย” ที่เราก็อยากจะมีไว้ซักคัน มัน ขี่สนุกและตอบสนองการใช้งานแบบโหดๆ ได้ดี ช่วงตัวรถที่สูงถูกใจ หน้าตา รถที่ดูเหมือนหลุดออกมาจากหนังทรานส์ฟอร์มเมอร์ แฮนด์บาร์เปลือย ได้อารมณ์แบบลุยๆ เมื่อรวมเข้ากับเทคโนโลยีภายในเครื่องยนต์ท�าให้รู้สึก ว่าคุ้มค่าที่จะมีรถ “ลุยๆ” ไว้ตอบสนองความบ้าซักคัน แต่ FRM ก็ไม่ลืม คุณแม่บ้านทั้งหลายนะครับ เพราะ TTX ก็เหมาะกับสาวๆ ขาลุยที่ชอบรถหน้า ยางใหญ่สะใจแถมปลอดภัยทุกเส้นทาง TTX เนี่ยแหละเหมาะกับถนนเมืองกรุง นัก!
Yamaha
TTX
18 For Ride Magazine Febuary 2013
Normal Use
Hardcore Use
Braking :
10/10
9/10
Handling :
9/10
9/10
Suspension :
9/10
8/10
Engine :
10/10
10/10
Acceleration :
8/10
7/10
For Ride Magazine Febuary 2013 19
Suzuki
Skydrive
125
20 For Ride Magazine Febuary 2013
กระโดดย้ายค่ายกันมาที่ค่ายตัว S กับ Suzuki Skydrive เรายังคงขลุกอยู่กับรถ ออโตเมติกซึ่งแต่ละค่ายก็มี “จุดเด่น” แตกต่างกันไป แต่ที่แน่ๆ เคยมีแฟนคลับซูซูกิเคยบอกกับ เราว่า “ซูซูกิเครื่องอึด ปลายดี โช้คแน่น” ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหนแต่คงต้องลองลงสนามไปหวด กันดูซักตั้ง
Handling & Braking รูปร่างเพรียวบางคอดกลางของเจ้า Skydrive มีที่มาจากรุ่นพี่ยักษ์ใหญ่ บิ๊กสกู๊ตเตอร์ ในต�านาน Skywave ซึ่งได้รับความนิยมมากในต่างประเทศ Skydrive จึงได้รับถ่ายทอดจุดเด่น บางส่วนมาไว้ด้วยเช่นกัน เริ่มจากเบาะที่นั่งซึ่งแม้จะดูเล็กกะทัดรัดแต่กลับให้ความรู้สึกสบายก้น อย่างบอกไม่ถูก พักเท้าขนาดใหญ่รองรับกับเท้าไซส์ใหญ่ได้สบาย องศาการวางแขนและจับแฮนด์ บาร์ออกไปในแนวสปอร์ตนิดๆ แฮนด์ไซส์กะทัดรัดก�าลังดีน่าจะเหมาะกับการขับขี่ในเมืองเป็นพิเศษ เพราะสามารถมุดผ่านช่วงรถติดได้สะดวก ยางหน้า 70/90 ขอบ 14 และยางหลัง 80/90 ขอบ 14 ช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับรถ ในช่วงสลาลอม...การคอนโทรลรถท�าได้ง่ายแต่ ส�าหรับคนตัวสูงอาจเจอกับอาการ “แฮนด์ชนเข่า”แก้ปัญหาได้ด้วยการสไลด์ตัวไปด้านหลัง เล็กน้อย เมื่อเจอกับโค้งเราก็ “ใส่ให้เต็มที่” ปรากฏว่าโช้ค “หนึบ” จริงๆ ไม่มีอาการส่ายหรือ ย้วยของโช้คแม้ว่าน�้าหนักตัวคนขี่จะหนักถึง 90 กก. โช้คดี-ยางดี FRM คอนเฟิร์มครับ จากโค้ง ที่น่ากลัวก็กลายเป็นเรื่องสนุกเมื่อได้ลองขี่ Skydrive คันนี้ เบรกหน้า-หลัง “อยู่มือ” แม้ยาง จะแก้มไม่เตี้ยมากแต่ก็สามารถ “เข้าได้จนสุด” ขอบยาง...ไม่น่าเชื่อว่ารถไซส์เล็กหุ่นเพรียวบางจะ ซ่อนสมรรถนะที่ดีขนาดนี้ไว้ภายใน...สรุปแล้วช่วงล่างแน่นจริงๆ ครับ
Engine & Acceleration Skydrive มาพร้อมเครื่องยนต์ 124 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยอากาศ ตามด้วยระบบ หัวฉีดอัจฉริยะ Fi ที่ผ่านมาตรฐานค่าไอเสียระดับ 6 เมื่อลองบิดดูซักพักก็รู้สึกว่าก�าลังของ เครื่องยนต์ในช่วงต้น-กลางได้มาตรฐานรถออโตเมติกทั่วไป ส�าหรับคนตัวใหญ่อาจรู้สึกว่ามัน อืดในช่วงแรกด้วยซ�้า แต่เมื่อได้ท�าความคุ้นเคยซักพักก็รู้ว่า Skydrive เป็นรถที่ได้เปรียบในเรื่อง ของก�าลังแรงปลาย ที่ 80-90 กม/ชม. รถสามารถเติมคันเร่งให้ไหลไปได้อีก เหมาะกับการขี่ ทางไกลหรือใช้งานระยะทางยาวเช่นวิ่งไปท�างาน 20-30 กม ขึ้นไปจะรู้สึกสบายไม่ต้องเค้นรถมาก ระบบหัวฉีดช่วยจ่ายน�้ามันเชื้อเพลิงจุดระเบิดอย่างแม่นย�า นั่นท�าให้สภาพอากาศหรืออุณหภูมิไม่ สามารถท�าอะไรเจ้า Skydrive คันนี้ได้…
Final Result สรุปว่าที่มีคนบอกกับเราว่า “ซูซูกิเครื่องอึด ปลายดี โช้คแน่น” นั้นจริง! ครับ เพราะ เครื่องเงียบแต่วิ่งดี ก�าลังแรงปลายมาต่อเนื่องเมื่อได้ความเร็วระดับที่ต้องการ แถมโช้คก็หนึบและ เกาะถนนได้ดีจนแทบไม่น่าเชื่อ ใครตัวใหญ่แต่ชอบรถไซส์เล็กมาทางนี้เลยครับ Skydrive เป็นตัว เลือกที่ผ่านบททดสอบโหดๆ ของนักทดสอบ FRM มาได้ เพราะงั้นผู้ใช้ทั่วจึงมั่นใจได้ว่า หนึบ แน่น แน่นอน!
Normal Use
Hardcore Use
Braking :
10/10
9/10
Handling :
10/10
9/10
Suspension :
10/10
9/10
Engine :
10/10
9/10
Acceleration :
8/10
7/10
For Ride Magazine Febuary 2013 21
มาต่อกับค่ายปีกนก Honda ที่ดูเหมือนว่า Click 125i จะโดนตาเราไม่น้อยจนต้องจับ มาทดสอบให้มันรู้กันไปว่ารถที่เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์เจ๋งๆ อย่าง Combi Brake, Idiling Stop ระบบสตาร์ทแบบอัลเตอร์เนเตอร์และระบบหัวฉีด PGM-FI จะมีสมรรถนะยังไงเมื่อต้อง ลงหวดในสนามแบบนี้!
Handling + Braking Honda Click 125i เป็นหนึ่งในรถยอดนิยมจากค่ายฮอนด้าที่ครองใจชาว 2 ล้อหลาย คน สาเหตุหลักก็คือระบบความปลอดภัย เริ่มจากยางขนาดใหญ่ 80/90 ขอบ 14 หน้า และ 90/90 ขอบ 14 หลัง ยางใหญ่นอกจากดูสปอร์ตแล้วยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยไม่ว่า จะจากหลุมบ่อหรือกรวดทราย เพราะหน้าสัมผัสพื้นถนนที่มากกว่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจใน การขับขี่ ขยับขึ้นมาด้านบนกับเบาะที่นุ่มสบายเป็นพิเศษ นุ่มจนเรียกได้ว่า “นุ่มแบบฮอนด้า” ขยับต่อมาที่แฮนด์ทรงสูง (ยกสูงจนไม่โดนขายาวๆ ของนักทดสอบ) ความกว้างของแฮนด์ ก�าลังดีจับได้แบบอยู่มือ กระจกมองข้างทรงใบไม้ใหญ่แต่สั้นเหมาะกับนักมุดที่สุด ช่วงพักเท้า วางเท้าได้หลายรูปแบบรองรับกับผู้ขี่ทุกไซส์ จุดแรกที่รู้สึกแปลกใจก็คือหน้ายางใหญ่และกลม จนท�าให้รถเอนลงไปได้มากกว่าปกติ แต่ถ้าใช้เวลากับ Click 125i คันนี้ซักพักก็จะรู้สึกชินและ สนุกกับการเข้าโค้ง ระยะห่างจากท้องรถถึงพื้นค่อนข้างสูงท�าให้สามารถเข้าโค้งได้แบนกว่า Click ตัวเก่า โช้คหน้าหลังออกอาการส่ายบ้างเมื่อลองโหนโค้งที่ความเร็ว (อาจเป็นเพราะน�้า หนักตัวที่มากถึง 90 กก.ของผู้ขี่ก็เป็นได้) ส�าหรับการขับขี่ธรรมดานับว่าระบบโช้คของ Click 125i นุ่มได้ระดับก�าลังดี เมื่อบวกกับเบาะที่นุ่มแล้วยิ่งท�าให้ไม่อยากลุกออกจากรถคันนี้ไปไหน เลยทีเดียว ในส่วนจุดเด่นที่พูดถึงไปก่อนหน้านี้นั่นก็คือ Combi Brake ทีเด็ดของเจ้า Click 125i…ระบบจะท�างานช่วยเบรกล้อหลังทันทีที่แตะเบรกหน้าช่วยให้ระยะเบรกสั้นลงและออกแรง น้อยลงกว่าเก่า เราลองเบรกแบบไม่ทันตั้งตัวที่ความเร็วราว 80 กม/ชม. ระบบเบรกช่วยไม่ให้ เกิดอาการล้อล็อคหรือล้อหน้าสไลด์ซึ่งแตกต่างจากระบบเบรกธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด ได้ใจไป เต็มๆ กับระบบ Combi Brake
Engine & Acceleration เครื่องยนต์ 124.8 ซีซี. SOHC ระบายความร้อนด้วยน�้ามาพร้อมอัตราส่วนการอัด 11.0:1 ไฮไลท์ของพาร์ทนี้อยู่ที่ระบบหัวฉีด PGM-FI อัพเกรดระบบสตาร์ทใหม่โดยไม่ต้องใช้ ไดสตาร์ทกับเทคโนโลยี Alternator Start ช่วยให้สตาร์ทเงียบและเบาจนแทบไม่รู้สึกว่าสตาร์ท ตัวที่เราขี่มีระบบ Idling Stop มาให้ด้วยซึ่งไม่ได้ใช้ในการทดสอบเพราะต้องขี่วนรอบสนาม ใน ส่วนของอัตราเร่งนับว่าแรงต้น-กลางน่าประทับใจ แม้ยางจะใหญ่กว่ารุ่นอื่นแต่กลับออกตัว ได้ดี ส่วนแรงปลายใกล้เคียงกับออโตเมติก 125 ซีซี. ในคลาสเดียวกัน การตอบสนองของ คันเร่งค่อนข้างเร็วโดยเฉพาะเมื่อต้องการความเร็วขณะออกจากโค้ง นี่น่าจะท�าให้ Click 125i วิ่งฉิวในเมืองใหญ่ที่การจราจรติดขัด ไม่แปลกใจเลยว่าท�าไม Click 125i ถึงเป็นรถในใจของ ใครหลายๆ คน FRM ขอให้นิยามสมรรถนะของเครื่องยนต์ Click 125i คันนี้ไว้ว่า “ต้นดีขี่ ง่ายสไตล์ฮอนด้า”
Honda
Click 125i
22 For Ride Magazine Febuary 2013
Final Result ยังคงเป็นที่ถูกใจนักทดสอบในส่วนของระบบความ ปลอดภัยไม่ว่าจะเป็น Combi Brake หรือยางไซส์ใหญ่ ส่วนเสริมอย่างระบบ Idling Stop แม้จะไม่ได้ทดสอบแต่ ก็รู้สึกดีที่มี “ของเล่น” ติดรถมาให้ด้วย เครื่องยนต์ ของ Click 125i ตอบสนองดีในรอบต้น-กลาง แรงบิด น่าประทับที่สุดในรอบต้น แถมสตาร์ทนิ่มสุดๆ ด้วยระบบ Alternator Start ทั้งหมดท�าให้ Click 125i เป็นหนึ่งในรถ ออโตเมติกกึ่งสปอร์ตที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีความ ปลอดภัยและออพชั่นให้กับผู้ใช้ ใครชอบยางใหญ่และระบบ Combi Brake มาทางนี้ได้เลย
Normal Use
Hardcore Use
Braking :
11/10
11/10
Handling :
8/10
8/10
Suspension :
8/10
8/10
Engine :
10/10
10/10
Acceleration :
9/10
8/10
For Ride Magazine Febuary 2013 23
เปลี่ยนอารมณ์จากออโตเมติกไซส์เล็กมาเป็นรุ่น ใหญ่ “บิ๊กสกู๊ตเตอร์” แบรนด์ไต้หวันอย่าง SYM Maxsym 400i กันบ้าง ค�าว่ารถไต้หวันหมายความ ว่า “เทคโนโลยีและความปราณีตที่แตกต่างจากรถ จีน” ใช่แล้วครับ! รถไต้หวันนั้นแตกต่างจากรถจีน โดยสิ้นเชิงทั้งด้านคุณภาพและสมรรถนะ...ว่าแล้วก็มา เจาะลึกกันดีกว่า
Handling & Braking น�้าหนักตัวก่อนขึ้นชกชั่งได้ 224 กก. ยอมรับ ว่าหนักพอสมควรส�าหรับรถ Big Scooter แต่ มาดูชิ้นส่วนต่างๆ ที่ท�าให้มันหนักขนาดนี้กันดีกว่า เริ่มจากบอดี้ขนาดใหญ่กว้าง 825 มม. ยาว 2,700 มม. สูง 1,400 มม. ระยะห่างฐานล้อ 1,570 มม. ยางหน้าขนาด 120/70 ขอบ 15 ส่วนยางหลัง 160/60 ขอบ 14 แปลกที่ไซส์ไม่เท่า กัน อาจท�าให้หายากยี่ห้ออื่นล�าบากแต่เชื่อว่าศูนย์ บริการมีเตรียมไว้รอบริการแน่นอน เบาะที่นั่งขนาด ใหญ่สะใจถูกแบ่งเป็น 2 ชั้นแถมมีตัว “บล็อค” หลัง หรือพนักพิงทั้งคนขี่และคนซ้อนให้ นอกจากให้ความ
24 For Ride Magazine Febuary 2013
สบายเมื่อต้องขี่นานๆ แล้วยังช่วยเพิ่มความมั่นใจอีกด้วย พักเท้ายาวสุดเหยียดวางเท้าได้ 3 แบบคือ ทัวริ่ง ธรรมดา และเรซซิ่ง มีช่วงเว้าระหว่างพักเท้าส�าหรับท่ายืนพักระหว่างรถติด (ขาและเท้าจะได้ไม่ เกะกะและเป็นอันตรายอีกต่อไป) แฮนด์บาร์ยกสูงเล็กน้อยพร้อมมีปุ่มควบคุมต่างๆ เพียบพร้อม เจ๋ง ที่มีปุ่มเปิดเบาะแถมมาด้วย เมื่อลองสังเกตแฮนด์ด้านซ้ายและขวาจะเห็นกระปุกน�้ามันเบรก...ทั้งเบรก หน้าและหลังเป็นแบบดิสก์แถมพ่วงระบบ ABS เพิ่มความมั่นใจอีกชั้น....ลองกระแทกเบรกที่ความเร็ว สูงพบว่าระบบ ABS ท�างานได้ยอดเยี่ยมไม่มีอาการล้อล็อคหรือสไลด์ให้เสียวเล่น ท่านั่งขี่ให้อารมณ์ แบบรถทัวริ่งสบายแต่ก็มั่นคงทั้งในโค้งและทางตรง จุดด้อยของ Maxsym เท่าที่พบก็คือ “กระจก เชยไปหน่อย” แต่มันก็ไม่มีได้มีผลกับการขับขี่ ยางหน้าหลังเกาะถนนดีและสามารถเข้าโค้งที่ความเร็วได้ สบาย โช้คหน้าหลังรับน�้าหนักแรงกดได้ดีโดยเฉพาะในโค้ง แต่ดูเหมือนโช้คหลังจะต้องปรับให้เข้ากับน�้า หนักและลักษณะการขับขี่หน่อยเพราะออกอาการส่ายเล็กน้อย ส�าหรับการใช้งานปกติหรือการออก ทริปนับว่า Maxsym ครอบคลุมการท่องเที่ยวทั่วไทย
SYM
Maxsym
Normal Use
Hardcore Use
Braking :
11/10
11/10
Handling :
10/10
9/10
Suspension :
9/10
8/10
Engine :
10/10
9/10
Acceleration :
10/10
9/10
400i Engine & Accelerating จัดมาเต็ม 399 ซีซี. พร้อมระบบหัวฉีดแบบนี้มันต้องลองดูซักตั้ง ทางตรง ที่ยาวที่สุดของสนามโบนันซ่า เจ้า Maxsym คันนี้สามารถค�าความเร็วก่อนหมด ทางตรงได้ที่ 160 กม/ชม. (และมันน่าจะไปต่อได้มากกว่านี้อีก) เรื่องแรงบิดคง ต้องบอกว่า “ระวังหงายท้อง” เพราะก�าลังแรงบิดดีมากจนโช้คหน้ายกขึ้นทันทีที่ บิด (แต่ไม่ได้ยกล้อนะครับ) เสียงเครื่องยนต์ดังในแบบฉบับรถบิ๊กสกู๊ตเตอร์ซึ่งเรา คิดว่าเสียงแบบนี้แหละที่เรียกร้องให้เราเปิดคันเร่งเดินเครื่องเข้าหาโค้ง แรงบิดต่อ เนื่องจากต้นสู่ปลายไหลลื่นไม่มีอาการสะดุด คงเกิดจากระบบหัวฉีดที่คอยค�านวณ การจ่ายเชื้อเพลิงอย่างแม่นย�า คันเร่งสอบสนองดีชนิดที่ว่า “บิดเท่าไหร่ไป เท่านั้น” แม้ขนาดตัวจะใหญ่หรือน�้าหนักตัวจะมากแค่ไหนแต่ก�าลังของเครื่องยนต์ก็ เพียงพอส�าหรับการท�าความเร็วในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างเช่นจังหวะแซงหรือจังหวะ ออกจากโค้งที่อาจต้องท�าความเร็วส่งต่อออกไป เครื่องยนต์ก�าลังแรงสูงแต่ก็มี แรงเบรกเครื่องยนต์ (Engine Brake) ที่พึ่งพาได้ ส�าหรับช่วงลงทางลาดชันแค่ ผ่อนคันเร่งก็ช่วยให้รถชะลอลงได้แล้ว สรุปแล้วสมรรถนะเครื่องยนต์ออโตเมติก 400 ซีซี. ของ Maxsym 400i คันนี้นับว่าแรงสมตัวจริงๆ
Final Result ราคาค่าตัว 2 แสนต้นเมื่อเทียบกับความแรงและความสะดวกสบายที่ได้จาก SYM Maxsym 400i นับว่าคุ้มค่าและน่ามีไว้ครอบครองซักคันครับ ส�าหรับคน ที่เบื่อการหวดรถสปอร์ตเที่ยวต่างจังหวัด เราขอแนะน�าให้ลองหันมามองรถ Big Scooter จากไต้หวันคันนี้ดูครับ ไม่ว่าจะขี่เที่ยวคนเดียวหรือซ้อนก็ชิลล์ๆ แถมขี่ สบายสไตล์ออโตเมติกด้วยครับ
For Ride Magazine Febuary 2013 25
เปิดตัวกันไปสดๆ ร้อนๆ กับรถเกียร์เพื่อ “คนใช้งานจริง” ออกแบบมาพร้อมสโลแกน “แรงดี ประหยัดจริง ขั้นเทพ” พร้อม พรีเซ็นเตอร์คนใหม่ เจ เจตริน งานนี้ยามาฮ่าซุ่มวิจัยและทดสอบอยู่ นานจนออกมาเป็น Spark 115 หัวฉีดใหม่ พร้อมระบบหัวฉีดใหม่ YEC_FI ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นคู่แข่งรถเกียร์ที่น่าจับตามอง...จะดีจะเจ๋ง สมค�าร�่าลือหรือไม่มาดูกัน!
Handling & Braking อย่างแรกที่ต้องสังเกตก็คือ “ยาง” แม้จะบอกว่า Spark 115 หัวฉีดใหม่ เป็นรถสไตล์ “แม่บ้าน” แต่ยางที่ใส่ให้มามันออกแนว “เรซซิ่ง” ชัดๆ แก้มเตี้ยสะใจน่าจะถูกใจทั้งครอบครัว ยกตัวอย่างคุณ แม่บ้านอยากได้รถแม่บ้าน แต่คุณลูกก็สามารถสนุกกับรถคันเดียวกัน ได้ในการขี่ที่ต่างสไตล์ เราพิสูจน์แล้วในช่วงสลาลอม ยางแก้มเตี้ยจน ท�าให้รถ “เอนแบบอัตโนมัติ” เรียกว่าใช้ความพยายามน้อยมากในการ คอนโทรลรถผ่านกรวยแต่ละกรวย ส�าหรับโค้งใหญ่ที่ใช้ความเร็วสูง ยางของ Spark 115 หัวฉีดใหม่ เดิมๆ ที่ให้มากับรถเกาะถนนได้ดีไม่ ออกอาการงอแง ที่สัมผัสได้ในนาทีที่แบนเข้าโค้งคือ “ท้องรถสูง พัก เท้าสูง ไม่ครูดพื้น” ท�าให้เรารู้สึกมั่นใจกับรถคันนี้มากกว่าเดิม ช่วง แฮนด์ที่สั้นก�าลังดีไม่ยืดยาวถูกใจนักทดสอบเป็นพิเศษ ในด้านก�าลังแรง เบรกเข้าขั้นมาตรฐาน จะมีก็แค่เบรกหน้าที่ให้ก�าลังแรงเบรกดีตามแบบ ฉบับยามาฮ่า (ใครเคยขี่รถยามาฮ่าคงรู้ว่าเบรกหน้า “จิก” ดีมาก) ใน ส่วนของโช้คซึ่งเราก็ถูกใจพอสมควรเมื่อลองกดเข้าโค้งที่ความเร็วสูง ดู...มันเอาอยู่และไม่ออกอาการสั่นหรือส่าย คุณผู้ใช้ตัวใหญ่สบายใจได้ เลยครับเมื่ออยู่บนหลังเจ้า Spark 115 หัวฉีดใหม่ คันนี้ สรุปในส่วน ของการคอนโทรลรถนับว่ายอดเยี่ยม แม้จะเป็นรถสไตล์แม่บ้านแต่กลับ ให้ความรู้สึกมันส์ในแบบสปอร์ตด้วยบาลานซ์ตัวรถที่ดี
Engine & Acceleration เครื่องยนต์บล็อกใหม่ล่าสุด 4 จังหวะ 115 ซีซี. ตัวนี้ไม่ได้ใช้กระบอกสูบ DiASil แต่ก็ใช้เทคโนโลยีใหม่ใน การท�ากระบอกสูบ นั่นก็คือกระบอกสูบแบบ “หนาม” ที่ส่งผลให้กระบอกสูบยึดตัวแน่นกับเสื้อสูบท�าให้ส่ง ก�าลังได้เต็มที่ มาพร้อมหัวฉีดรุ่นใหม่ YEC_FI หัวฉีดที่ สามารถ “ตั้งรอบเดินเบา” ได้!! ที่ส�าคัญแม้ว่าแบตเตอรี่ รถจะหมดก็ยังสามารถสตาร์ทเท้าใช้งานต่อได้ เป็น เรื่องแปลกส�าหรับหรับรถหัวฉีดที่ต้องการก�าลังไฟไป เลี้ยงกล่อง ECU ที่ควบคุมหลายชิ้นส่วนส�าคัญทั่วรถ พักเรื่องในห้องเรียนไว้แค่นี้แล้วมาดูสมรรถนะกันดีกว่า ก�าลังแรงบิดออกตัวที่เกียร์ 1 ค่อนข้างแรงแต่อยู่บน พื้นฐานความนุ่มนวล สับเกียร์เปลี่ยนไปมาไม่พบอาการ กระตุกหรือสะดุดของเครื่องยนต์ (คลัทช์คงตั้งมาดี) บิดคันเร่งส่งต่อแรงในช่วงเกียร์ 2–3 รู้สึกต่อเนื่องและ ไหลลื่นสัมพันธ์กับความเร็ว เครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้ ระบบหัวฉีดท�าให้เสียงการท�างานที่เงียบลื่นหูกว่าเก่า ที่เครื่องยนต์มีตัวกันเท้าโดนความร้อนจากเครื่องทั้ง 2 ฝั่งเอาใจคุณแม่บ้านที่กลัวเท้าพองเวลาขี่จ่ายตลาด ลงหวดในสนาม 3-4 รอบได้ใช้จนหมดตั้งแต่เกียร์ 1–4 ที่ใช้มากสุดคือเกียร์ 3 และ 4 ส�าหรับเตรียมตัวเข้าโค้ง และเชนจ์เกียร์ออกจากโค้ง เมื่อเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะ ดีขนาดนี้รวมกับคอนโทรลลิ่งรถที่ดียิ่งท�าให้ขี่สนุกจนไม่ อยากเปลี่ยนรถเลยทีเดียว 26 For Ride Magazine Febuary 2013
Final Result หน้าตาภายนอกดู “ซิ่ง” และเพรียวลมขึ้นแต่ก็มี ช่องส�าหรับติดตั้งตระกร้าและตะแกรงท้ายยืนยันความ เป็นรถครอบครัวส�าหรับใช้งาน แต่ขุมพลังที่ซ่อนอยู่ก็ พร้อมแบกน�้าหนักเดินหน้าไม่ว่าจะเป็นการขนส่งหรือการ ขี่จ่ายตลาดหรือจะขี่เที่ยววันหยุดก็ลงตัวทั้งนั้น ยามาฮ่า ออกแบบมา “เผื่อ” ครอบคลุมการใช้งานในทุกๆ ด้านโดย เน้นที่ความทนทานและความประหยัดควบคู่กันไป รถเกียร์ ทรงเพรียวสมรรถนะเยี่ยมแถมประหยัดคันนี้จะเป็นที่จับตา มองของตลาดรถครอบครัวปีนี้แน่ๆ
Yamaha Spark 115
หัวฉีดใหม่ Braking :
Normal Use
Hardcore Use
10/10
10/10
Handling :
10/10
10/10
Suspension :
10/10
10/10
Engine :
10/10
10/10
Acceleration :
10/10
10/10
For Ride Magazine Febuary 2013 27
อาวุธลับทีเด็ดของซูซูกิกับขุนพล จอมดาบที่มาพร้อมความเฉียบคมทั้ง ดีไซน์และเครื่องยนต์ จุดเด่นของ Suzuki Shogun Axel R 125 อยู่ที่ดิสก์เบรก หลังและบอดี้ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก รุ่นใหญ่ของซูซูกิ มาดูกันว่า “โชกัน แอ๊คเซโล่ อาร์” ตัวนี้จะวิ่งได้โหดเหมือน หน้าตามันหรือไม่
28 For Ride Magazine Febuary 2013
Handling & Braking เริ่มต้นการวิเคราะห์จากล้อแม็กลายกังหันลม 5 ก้าน (ตั้งชื่อให้เอง) สีด�าดุดันพร้อมยางขนาดใหญ่ หน้ากลมดูราวกับว่ามันพร้อมจะลุยทันทีที่เราพร้อม สี ที่เราได้ทดสอบเป็นสีขาว-ฟ้าเอกลักษณ์แบบฉบับซูซูกิ ซึ่งถ้าใครเคยเห็นรุ่นใหญ่อย่าง GSXR 1000 คงรู้ ว่า Axelo ถอดอารมณ์ความสปอร์ตมาใส่ไว้รอบคัน เบาะที่นั่งของซูซูกิค่อนข้างหนึบทั้งตัววัสดุที่หุ้มและเนื้อ โฟมด้านใน เรียกได้ว่านั่งสบายก�าลังดี เมื่อลองขึ้นนั่ง บนหลัง Axelo แล้วลองจับแฮนด์ก็จะพบว่าได้มุมก�าลัง ดี แต่รู้สึกว่าพักเท้านิ่มไปนิดนึง ผู้ผลิตคงเผื่อคุณ ผู้หญิงแต่มันก็อาจท�าให้รู้สึกไม่มั่นใจส�าหรับคุณผู้ชาย ขาสาดโค้ง (รู้สึกเหมือนพักเท้ามันขยับได้ แต่ที่จริงเป็น เพราะยางพักเท้านิ่ม) แฮนด์และปลอกแฮนด์ของ Axelo จับแล้วรู้สึกนุ่มมือที่ส�าคัญมี “กันล้มปลายแฮนด์” มา ให้ด้วยท�าให้คนตัวใหญ่-มือใหญ่จะรู้สึกสบายและไม่รู้สึก น้อยใจที่ตัวเองมือใหญ่อีกต่อไป...ควงเจ้า Axelo ผ่าน ช่วงสลาลอมไปได้ด้วยดี หน้ายางกว้าง-ใหญ่ช่วยให้ได้ เปรียบและคล่องตัว ข้อสังเกตของ Axelo ที่เราพบ ก็คือ “ท้องรถเตี้ย” ท�าให้พักเท้าครูดกับพื้นเมื่อเข้า โค้งแรงๆ แต่ยางที่เกาะถนนและโช้คที่เซ็ตมาอย่างลงตัว ก็ช่วยให้ผ่านโค้งไปได้อย่างปลอดภัย...ดูเหมือนรถคัน นี้พยายามบอกกับเราว่า “อยากเอนลงไปมากกว่านี้ อีกนะ คนขี่น่ะกล้ารึเปล่า?”
Braking :
Suzuki
Shogun
Axelo R125 Engine & Acceleration
Normal Use
Hardcore Use
10/10
9/10
Handling :
9/10
9/10
Suspension :
9/10
9/10
Engine :
10/10
10/10
Acceleration :
8/10
7/10
เครื่องยนต์ 124 ซีซี. SOHC ระบายความร้อนด้วยอากาศ จุดเด่นของเครื่องยนต์ Suzuki Shogun Axelo R คือกระบอกสูบ SCEM เสริมทัพความแรงด้วยระบบหัวฉีด Fi เติมเต็มเทคโนโลยีใน เครื่องด้วยบาลานเซอร์ที่คอยท�าหน้าที่กระจายบานลานซ์ให้เครื่องยนต์ ช่วยให้ท�างานนิ่งเงียบไม่มีอาการสั่นให้ร�าคาญใจ อ้อลืมบอกไป ว่า Suzuki มีจุดเด่นเหมือนกันทุกรุ่นก็คือ กรองน�้ามันเครื่อง ข้อดี ของกรองน�้ามันเครื่องก็คือช่วยให้น�้ามันเครื่องถูกกรองเอาแต่ส่วน ที่สะอาดเข้าไปหล่อเลี้ยงทั่วเครื่องยนต์ แต่มันก็มีข้อเสียคือ...คุณแม่ บ้านบางคนขี้เกียจเปลี่ยนอาจท�าให้กรองตันได้เมื่อใช้เป็นเวลานาน แต่ นั่นมันหน้าที่ของผู้ใช้ ส่วนของเราคือหวดเจ้า Axelo ลงสนามแบบ ไม่ปราณี ก�าลังแรงบิดของ Axelo ในช่วงต้น-กลางถือว่าธรรมดา ส�าหรับคนตัวใหญ่น�้าหนักเยอะอาจบ่นว่าอืด แต่เมื่อไล่เกียร์ดีๆ ไป จนถึงเกียร์ 3-4 จะพบว่ารอบเริ่มมาเครื่องเริ่มวิ่งรถเริ่มไหล ที่เป็น แบบนี้ก็เพราะ “ซูซูกิเน้นแรงปลาย” ท�าให้ Axelo เป็นรถครอบครัว อีกหนึ่งคันที่เหมาะจะใช้วิ่งทางไกล เกียร์ 4 เกียร์ถูกเตะสลับสับเปลี่ยน ไปเรื่อยๆ เพื่อหาข้อผิดพลาด ซึ่งเราก็ไม่พบอาการกระตุกหรือสะดุด แต่อย่างใด เครื่องยนต์ท�างานลื่นไหลดีอาจจะเป็นเพราะกระบอกสูบ SCEM ก็เป็นได้ (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง SCEM ได้ใน FRM ฉบับที่ 2 ครับ) น่าเสียดายที่ไม่มีตัวกันความร้อนที่เครื่อง แต่เมื่อลองสัมผัส ด้วยมือดูก็พบว่าร้อนไม่มากคงเป็นเพราะการระบายอากาศที่ดี สรุป ไปเลยว่าเครื่องยนต์ Suzuki Shogun Axelo ยังคงคอนเซ็ปต์เน้นที่ แรงปลายครับ
Final Result เป็นที่น่าพอใจส�าหรับรถรุ่นใหม่จากซูซูกิ หน้าตาสีสันและดีไซน์ดู โฉบเฉี่ยวดี ที่ปรับปรุงเข้ามาจากรุ่นก่อนก็คือระบบหัวฉีดซึ่งตอนแรก รู้สึกแปลกใจกับก�าลังในรอบต้น-กลางที่ “คาดหวัง” จะจี๊ดกว่านี้ แต่ สรุปรวมจากการทดสอบในสนามว่า “รอบเครื่องนุ่ม ปลายไหล ยางใหญ่สะใจ” สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น...Suzuki Shogun Axelo R คันนี้ต้องลองด้วยตัวเอง มันอาจเหมาะกับคุณ! For Ride Magazine Febuary 2013 29
หลังจากเปิดตัวไปเมื่อหลายปีก่อนพร้อมปลุกกระแสรถ Bigbike ให้บูมขึ้นเมื่อ Kawasaki ส่ง Ninja 250 ลงลุยตลาดรถ 2 ล้อและในที่สุดก็ได้รับความนิยม จนยอดสั่งจองยาวเหยียด กว่าจะได้รถต้องรอนานถึง 3 เดือนเลยทีเดียว มาปีนี้ Ninja ได้ถูกอัพเกรดใหม่ทั้งรูปโฉม ตัวเฟรมและเครื่องยนต์ ว่าแต่ว่ายกเครื่องมาใหม่ จะไฉไลกว่าเก่ารึเปล่าล่ะ ?
Handling & Braking แน่นอนว่าอัพเกรดมาใหม่ก็ต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเริ่มจากมิติกันก่อน ตัว รถยาวขึ้นจากเดิม 2,010 มม. เป็น 2,085 มม. แต่ความสูงกลับลดลงเล็กน้อย จาก 1,115 มม. เหลือ 1,110 มม. (น่าจะถูกใจคนร่างเล็ก) น�้าหนักตัวเพิ่มขึ้นจาก 169 กก. เป็น 172 กก. องศาการเลี้ยวของเรคและระยะเทรลเพิ่มขึ้นจาก 26องศา/ 82มม. เป็น 27 องศา/93 มม. ยางหลังขยับขึ้นจาก 130/70 เป็น 140/70 ขอบ 17 ดูจากภายนอกด้วยสายตาพบว่าถังน�้ามันโหนกขึ้นและยาวขึ้นท�าให้เบาะสไลด์ ออกไปข้างหลังอีกเล็กน้อยช่วยให้ท่าการขับขี่ดูสปอร์ตขึ้น-โหดขึ้นอีกระดับ แฟริ่ง รอบคันดูเฉี่ยวขึ้นมีมิติมากขึ้นกว่าเก่าสมกับเป็นรถปี 2013 เมื่อลองนั่งดูพบว่าเบาะ ถูกพัฒนาใหม่ให้นุ่มขึ้นและกว้างขึ้นกว่ารุ่นเก่า ไฮไลท์ทีเด็ดของ Ninja 250 ตัวใหม่ อยู่ที่โคมไฟคู่หน้าที่ดูคมราวกับได้ขี่ตัวใหญ่อย่าง Ninja 636 เลยทีเดียว ปลายท่อ รูปทรงใหม่ล�้าขึ้นเก๋ขึ้นกว่าเก่า เมื่อได้ลองขี่เข้าโซนสลาลอมก็พบว่าเป็นรถสปอร์ต คลาส 250 ซีซี. ที่ค่อนข้างคล่องตัว แฮนด์จับโช้คแม้จะดูเหมือนควบคุมยากแต่กลับ ช่วยให้เข้าโค้งง่ายขึ้นและออกแรงน้อยลง ตัวถังน�้ามันที่โหนกมากขึ้นช่วยให้มีพื้นที่ ส�าหรับพักหน้าอกในจังหวะหมอบท�าความเร็ว ในขณะที่หมอบสามารถมองผ่านวินด์ ชีลด์ได้ด้วย ระยะก้านเบรกและคลัทช์ลงตัวไม่ห่างหรือชิดแฮนด์เกินไป เหนี่ยวได้ทั้ง 2 นิ้วและ 4 นิ้ว พักเท้าวางต�าแหน่งลงตัวท�าให้โดยรวมการหวด Ninja 250 ลงสนาม เป็นอีกหนึ่งความสนุกของการทดสอบ เจ้านินจารุ่นที่เราทดสอบมี “แผ่นปิดโหนก หลัง” พร้อมชิ้นโฟมเล็กๆ เอาไว้พักหลัง หลายคนอาจชอบแต่ส�าหรับคนตัวยาว อย่างเรากลับคิดว่ามันอึดอัด ในส่วนของยางหลังที่ใหญ่ขึ้นช่วยให้สามารถ “แบน” โค้งได้มากขึ้นได้อารมณ์เหมือนขี่รถแข่ง เบรกหน้า-หลัง ยังคงเหมือนเดิมคือเป็นดิสก์ เบรกธรรมดา ไม่มีระบบ ABS มาเป็นออพชั่นให้เลือกใช้ แต่เบรกที่ติดรถมาก็มีก�าลัง เพียงพออยู่แล้วครับ สรุปได้ว่าในส่วนของ Handling Ninja 250 คันนี้ออกแบบ มาอย่างลงตัวสามารถขับขี่ได้คล่องแม้แต่คนที่ไม่เคยขี่รถสปอร์ตมาก่อน
Engine & Acceleration เครื่องยนต์ 2 สูบเรียง 249 ซีซี. DOHC 4 จังหวะระบายความร้อนด้วยน�้า พร้อมเกียร์ 6 สปีดและระบบหัวฉีดอัจฉริยะ ทั้งหมดนี้รวมกันออกมาเป็นก�าลังแรง บิดในสไตล์ 2 สูบทวินซึ่งจัดจ้านในรอบกลาง-ปลาย รอบต้นไม่ว่าจะถูกทอนก�าลังลง ให้ขี่ง่ายหรือเป็นธรรมชาติของ Ninja 250 อยู่แล้วก็ตาม แต่ที่แน่ๆ คือเรารู้สึกว่า ก�าลังเครื่องยนต์ในรอบต้นนั้น “เป็นมิตร” กับผู้ใช้และออกตัวได้ง่ายไม่ค่อยกระชาก คลัทช์นุ่มมือ...เกียร์นุ่มละมุนไม่มีอาการสับหรือโยน คันเร่งตอบสนองได้ดีจนน่า ตกใจ (แรงเกิน 250 ซีซี.) จุดเด่นอีกข้อของ Ninja 250 ที่เราถูกใจก็คือ Engine Brake เครื่องยนต์ 2 สูบของนินจามีเอ็นจิ้นเบรกที่ลงตัวไม่กระชากแม้จะตบเกียร์ลง รวดเดียว 2 เกียร์ก็ตาม ความเร็วสูงสุดที่ท�าได้ (ก่อนจะหมดทางตรง) อยู่ที่ 140 กม./ชม. อาจเป็นเพราะน�้าหนักที่มากและรูปร่างสูงของนักทดสอบจึงท�าให้ไม่สามารถ ท�าความเร็วได้มากกว่านี้ แต่เอาเป็น Ninja 250 ไฉไลกว่าเก่าจริงๆ ใครที่มีงบไม่มาก เจ้านินจา 250 คันนี้แหละตอบโจทย์การใช้งานทั้งในเมืองและขี่เที่ยวต่างจังหวัดในช่วง วันหยุด
Final Result เหมือน Kawasaki จะได้ยินความคิดของผู้ใช้จึงปรับปรุงให้ Ninja 250 ขี่ได้ ง่ายขึ้นและคล่องตัวขึ้นแถมยังดูดุไม่ต่างจากรุ่นใหญ่จนท�าให้หลายๆ คนหลงรัก รถ 250 ซีซี. ราคาแสนกลางๆ นับว่าคุ้มค่ากับการลงทุนเพราะสามารถใช้ขี่ไปท�างานและไป เที่ยวได้ในคันเดียว 30 For Ride Magazine Febuary 2013
Kawasaki Ninja 250
Normal Use
Hardcore Use
Braking :
10/10
9/10
Handling :
10/10
9/10
Suspension :
10/10
10/10
Engine :
10/10
10/10
Acceleration :
9/10
8/10
For Ride Magazine Febuary 2013 31
Honda
CBR 250
ที่สุดของรถสูบเดียว 250 ซีซี. เจ้าแห่งความนิยมในหมู่วัยรุ่น Honda CBR 250 สปอร์ตไซส์เล็กที่ใครก็ใฝ่ฝันถึง เครื่องยนต์สูบเดียว จัดจ้านโดนใจ รูปทรงถอดแบบมาจาก VFR1200 เป๊ะๆ โดยเฉพาะไฟหน้า รูปทรงเพรียวโหนกนูนถูกใจแฟนๆ ค่ายปีกนกหลายคน มาดูสมรรถนะ ของมันกันดีกว่า
Handling & Braking CBR 250 เปิดตัวมาพร้อมกับ CBR 150 ซึ่งดูภายนอก ต่างกันไม่มากแต่ที่แน่ๆ คือ CBR 250 มีออพชั่นให้เลือกเป็น ระบบเบรก ABS ซึ่งนับว่าเป็นข้อเสนอที่ดีมากกับการเพิ่มเงินอีกแค่ราว หนึ่งหมื่นบาท ความรู้สึกแรกที่ได้นั่งคร่อมบนหลัง CBR 250 ก็คือ “รถคันเล็กไปส�ำหรับคนตัวสูง” ถังน�้ามันทรงอ้วนและสั้นบวกกับเบาะ ที่นั่งที่สไลด์ตัวไปด้านหลังได้น้อยท�าให้รู้สึกว่าแขนและขาอยู่ใกล้กันมากเกินไป เมื่อใช้เวลากับ CBR 250 คันนี้ซักพักก็เริ่มรู้สึกคุ้นกับมัน ด้านหน้าแฮนด์ จับโช้คให้ความรู้สึกไวท�าให้การขี่ซิกแซ็กเร็วกว่ารุ่นอื่น ใครที่ไม่ชินอาจรู้สึก ว่าด้านหน้าของรถควบคุมยาก เบรกหน้าและหลังให้ก�าลังแรงเบรกเหมาะ สมกับขนาดของรถ เบรกหน้าค่อนข้างหนึบและเพียงพอส�าหรับการขับขี่ ในชีวิตประจ�าวัน ในส่วนของยางเกาะถนนได้ดีแต่รู้สึกลื่นเมื่อเปิดคันเร่งออก จากโค้ง โช้คหน้าหลังเข้าขากันดีแต่รู้สึกว่าโช้คหลังจะมีอาการยวบบ้างที่ ความเร็วสูง
32 For Ride Magazine Febuary 2013
Engine & Acceleration เครื่องยนต์สูบเดียว 249.6 ซีซี. พร้อม ระบบหัวฉีด PGM-FI DOHC ระบายความ ร้อนด้วยน�้า ขึ้นชื่อว่าสูบเดียวก็ต้องเน้นก�าลังที่ รอบต้นอยู่แล้ว ทันทีที่บิดคันเร่ง CBR 250 ก็ พุ่งออกด้านหน้าอย่างดุดัน ก�าคลัทช์สับเปลี่ยน เกียร์ขึ้นเป็นเกียร์ 2 เพื่อเข้าสู่โซนสลาลอมแล้ว ลองเล่นกับฝูงกรวยดู พบว่าการเดินคันเร่งต่อ เนื่องท�าได้ดีมีอาการกระชากบ้างบางครั้งที่เผลอ เปิดคันเร่งเกินลิมิต (ก็รถมันแรงน่ะนะ) จากนั้น เข้าสู่ทางตรงกับการไล่เกียร์ 6 สปีด อย่างสะใจ ทีละเกียร์ การเดินคันเร่งเปลี่ยนเกียร์ต่อเกียร์ รู้สึกว่ารอบเครื่องยนต์เดินเร็วกกว่ารถ 2 สูบ แต่เมื่อผ่อนคันเร่งกลับรู้สึกถึงแรงดึงจาก Engine Brake ซึ่งท�าให้รู้สึก “แปลกใจ” เล็ก น้อยแต่ก็สามารถเดินคันเร่งพิชิตโค้งต่อไปได้ ช่วงแฮนด์ ท่านั่ง และพักเท้าดูเหมือนจะบังคับให้ เราต้องหมอบเพื่อเข้าสู่ท่าขับขี่แบบสปอร์ตซึ่ง นั่นท�าให้รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถ ความเร็วที่ ท�าได้ก่อนถึงโค้งอยู่ที่ประมาณ 140 กม./ชม. เครื่องยนต์มีเสียงดังบ้างที่รอบสูงแต่ไม่ค่อยสั่น สรุปว่า Honda CBR 250 แรงรอบต้น-กลาง ส่วนปลายไหลลื่น
Final Result เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในคลาส 250 ซีซี. ที่ เข้ามาครองใจวัยรุ่นทั่วประเทศ รอบเครื่องยนต์ จัดจ้านในช่วงต้น-กลางดูเหมือนจะเหมาะกับ การใช้ขับขี่ในเมืองซึ่งต้องเน้นที่ก�าลังรอบต้น เป็นพิเศษ ส�าหรับคนที่ตัวใหญ่อาจรู้สึกไม่ค่อย สบายกับท่านั่ง ซึ่งก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการ สไลด์ตัวมาด้านหลังจนชนเบาะคนซ้อน มุมองศา แฮนด์แคบและหน้ารถไวท�าให้รู้สึก “เหวอ” ได้เมื่อ คนขี่ไม่ชิน แต่เมื่อท�าความรู้จักกันไปซักพักกลับ รู้สึกสนุกไปรอบคันเร่งที่จัดจ้านโดนใจ
Normal Use
Hardcore Use
Braking :
10/10
9/10
Handling :
9/10
8/10
Suspension :
9/10
8/10
Engine :
10/10
10/10
Acceleration :
10/10
9/10
For Ride Magazine Febuary 2013 33
การทดสอบเดินทางมาถึงรุ่นใหญ่สุดของรายการนั่นก็คือรุ่น 650 ซีซี. ที่เราเล็งไว้ว่าต้องจับหวดให้ได้ก็คือ Ninja 650 คันนี้ แม้จะใช้เครื่องยนต์ บล็อกเดียวกันแต่โครงสร้างและชิ้นส่วนภายนอกนั้นแตกต่างกันตามจุด ประสงค์ที่มันถือก�าเนิดขึ้นมา ว่าแต่.... Ninja 650 เกิดมาเพื่ออะไรล่ะ?
Handling & Braking ส�าหรับเรื่องรายละเอียดเกี่ยวชิ้นส่วนต่างๆ คงไม่ต้องพูดเยอะเพราะ ว่า Ninja 650 เป็นรถที่ถูกออกแบบทุกชิ้นส่วนมาอย่างลงตัวไม่ว่าจะ เป็นแฮนด์บาร์ซึ่งเป็นแฮนด์บาร์จริงๆ ไม่ใช่แฮนด์จับโช้คเหมือนรถสปอร์ต ทั่วไป นี่ท�าให้ Ninja 650 จัดอยู่ในประเภทรถกึ่งสปอร์ตกึ่งทั่วริ่ง ท่านั่ง การวางขา และการขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามเส้นทางที่เราเดินทาง เรียก ว่าขี่แบบทางไกลก็ได้ท�าความเร็วก็ดี วินด์ชีลด์ขนาดใหญ่ช่วยบังลมได้ดีทั้ง ในสนามและบนถนน (แต่ดูเหมือนว่าจะมีประโยชน์มากกว่าเวลาออกทริป) ถัง น�้ามันทรงสปอร์ตสามารถวางหน้าอกและแขนได้เมื่อต้องการหมอบท�าความ เร็ว เบาะที่นั่งใหญ่สะใจรองรับการนั่งเป็นเวลานาน ก้านเบรก-ก้านคลัทช์แบบ ปรับระดับได้ช่วยจัดการปัญหาส�าหรับคนมือใหญ่หรือเล็กเกินมาตรฐาน เจ๋ง ที่สุดในส่วนของการคอนโทรลรถก็คือเบรก ABS ไม่ว่าจะเจอกับสภาพถนน แบบไหนหรือต้องเบรกที่ความเร็วเท่าไหร่ เบรก ABS จะคอยช่วยป้องกันไม่ ให้ล้อล็อคและสไลด์อย่างเด็ดขาด ลองเบรกที่ความเร็วแตกต่างกันระบบ ABS ก็ยังคงท�างานได้ยอดเยี่ยม โช้คหน้ามีระยะยุบตัวก�าลังดีและหนึบใช้ได้ส่วนโช้ค หลังสามารถปรับสปริงได้หลายระดับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีส�าหรับคนที่ ชอบออกเที่ยวโดยมีคนซ้อน ออกแบบลงตัวขับขี่คล่องตัวครอบคลุมทั้ง ทัวริ่งและสปอร์ต...
Kawasaki
Ninja 650 34 For Ride Magazine Febuary 2013
Engine & Acceleration เครื่องยนต์ 2 สูบ 649 ซีซี. 4 จังหวะระบายความร้อนด้วย น�้า DOHC 8 วาล์ว เนื่องจากเป็นรถ 2 สูบจังหวะออกตัวจึงนุ่มไม่ ออกอาการกระชาก ซุ่มเสียงเครื่องยนต์จากปลายท่อที่ให้เสียงโทนทุ้ม นุ่มลึก รถไซส์ใหญ่แบบนี้แต่กลับมีการตอบสนองของคันเร่งที่นุ่มกว่า ที่คิดไว้ ขอแค่เปิดคันเร่งช้าๆ เนียนในจังหวะออกตัว Ninja 650 ก็ พร้อมต้อนรับคุณเข้าสู่เส้นทางความมันส์อย่างสุภาพ แต่ใช่ว่ามันจะไร้ ซึ่งพิษภัย...สัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ภายใต้เครื่องยนต์ 645 ซีซี. พร้อมพุ่ง ออกมาทันทีที่เรียกหา คันเร่ง รอบเครื่อง สุ้มเสียงเปลี่ยนไปจากเดิม เมื่อเดินคันเร่ง เสียงเครื่องยนต์ 2 สูบค�ารามออกมาอย่างชัดเจนเมื่อ กระแทกคันเร่งเข้าหาโค้ง ก�าลัง Engine Brake ของ Ninja 650 มาก พอจะปรับลดความเร็วส�าหรับการเปลี่ยนเกียร์ก่อนเข้าโค้งที่ความเร็วสูง ส�าหรับการเดินคันเร่งออกจากโค้งก็นุ่มนวลและเป็นมิตรกับคนขี่ ความเร็ว สูงสุดก่อนหมดทางตรงท�าได้ที่ราวๆ 160 กม./ชม. แถมคันเร่งยัง เหลืออีกพอสมควร (เท่าที่เคยทดสอบไว้...Ninja650 ท�าความเร็วได้ ถึง 220 กม./ชม.) สรุปแล้ว Ninja 650 เป็นรถที่รอบเครื่องเดินนุ่มใน ช่วงออกตัวแต่ก็พร้อมพุ่งทยานทันทีที่เดินคันเร่ง เรียกว่า “แรงสั่งได้” ดีกว่า....
Final Result บทสรุปของ Kawasaki Ninja 650 คงยังไม่จบแค่นี้เพราะเรามีโอกาสทดสอบแค่ 4 รอบสนามเท่านั้น แต่ด้วยเวลาสั้นๆ ที่ได้อยู่กับมันเราบอกได้เลยว่าดีไซน์ลงตัว บอดี้ยอดเยี่ยม เครื่องยนต์ทรงพลังแรงสั่งได้ ท่วงท่าการขับขี่ผ่อนคลายก็ได้จะซิ่งก็พร้อม ที่ส�าคัญมา พร้อมเบรก ABS ทุกคัน (เพื่อนๆ ชาวมาเลเซียของเราอิจฉาคนไทยที่ได้ใช้รถตระกูล 650 ที่มาพร้อม ABS)...งานนี้ต้องมีทดสอบกันอีกรอบแน่ๆ กับ Ninja 650
Normal Use
Hardcore Use
Braking :
11/10
11/10
Handling :
10/10
10/10
Suspension :
10/10
10/10
Engine :
10/10
10/10
Acceleration :
10/10
10/10
For Ride Magazine Febuary 2013 35
น้องใหม่ล่าสุดของวงการ Bigbike กับ Honda CBR500R ถอดแบบความแรงรับถ่ายทอดความแกร่งจากตัว แข่งระดับโลก เพียงแค่ถูกย่อลงมาจาก 4 สูบเป็น 2 สูบเพื่อ ให้เข้ากับความต้องการตลาด หลังจากที่มีกระแสเรียกร้อง จากแฟนๆฮอนด้ามานานถึงตัว 500 ซีซี. ที่ว่านี้...ในที่สุดก็ ถึงเวลาทดสอบสมรรถนะซะที
Normal Use
Hardcore Use
Braking :
10/10
10/10
Handling :
10/10
9/10
Suspension :
9/10
9/10
Engine :
10/10
10/10
Acceleration :
10/10
10/10
36 For Ride Magazine Febuary 2013
Handling & Braking CBR500R เป็นความรู้สึกที่แตกต่างกันคนละเรื่องกับ CBR250 ช่วงตัวที่ใหญ่ขึ้น ยาวขึ้น “ห้องโดยสาร” หรือพื้นที่นั่งกว้างมากขึ้นรองรับกันคนตัวใหญ่ ด้านหน้าเป็นไฟ คู่คล้าย CBR1000RR ได้อารมณ์ใกล้เคียงตัวแข่งที่สุด ท้ายรถเพรียวแต่มองบางมุมอาจ ดูไม่แตกต่างจาก CBR150 หรือ CBR250 ที่ต่างกันก็คงเป็นเครื่องยนต์และยาง ยางเดิม ติดรถจัดมาเต็มเหนี่ยวด้านหน้า 120/70 ชอบ 17 และหลัง 160/60 ขอบ 17 เรียก ว่าพร้อมลุยทุกโค้งพร้อมลงทุกสนาม เจตนาในการผลิตของ CBR500R คงท�าออก มารองรับคนรัก Honda Bigbike ที่อยากได้รถใช้ขี่ไปท�างานในวันธรรมดาและสามารถลง หวดในสนามกับเพื่อนในช่วงวันหยุดได้ เราว่า Honda เริ่มมาถูกทางแล้วกับรูปร่างหน้าตา และชิ้นส่วนเพื่อความปลอดภัยทั้งหลาย แน่นอนว่ารถใหญ่ขนาดนี้ต้องมาพร้อมเบรก ABS ซึ่งน่าเสียดายที่ด้านหน้าไม่ใช่ดิสก์เบรกคู่ เมื่อลองนั่งคร่อมรถและลองขยับปรับท่าทางดูก็ พบว่าสามารถขยับตัวไปมาได้ง่าย พักเท้าค่อนข้างนิ่มท�าให้รู้สึกไม่มั่นคงแต่เมื่อหาต�าแหน่ง วางเท้าได้ก็มั่นใจอีกครั้ง แฮนด์จับโช้คค่อนข้างมีมุมการการจับที่แคบแต่ก็ได้อารมณ์แบบ รถสปอร์ต ส�าหรับการคอนโทรลรถนับว่าอยู่ในระดับมาตรฐานไม่หวือหวาแต่ก็ไม่น่ากลัว ส�าหรับมือใหม่ เสียดายที่ก้านเบรกและคลัทช์ไม่สามารถปรับระดับได้ แต่ก็มีของแต่งออก มารอให้เป็นเจ้าของอยู่ ในด้านของก�าลังแรงเบรก ABS ช่วยกระจายแรงเบรกได้ดีและไม่มี อาการล็อคของล้อให้เห็น สรุปโดยรวมถ้าให้คะแนนเต็ม 10 การควบคุมรถได้ไป 8 ครับ
Engine and Acceleration เครื่องยนต์ 471 ซีซี. 2 สูบทวิน DOHC ระบายความร้อนด้วยน�้า นาทีแรกที่ได้ลอง สตาร์ทเครื่องยนต์พบว่าเสียงนิ่มเงียบ โดยเฉพาะเสียงจากปลายท่อที่เงียบจบแทบไม่ได้ยิน เสียงจนกระทั่งบิดคันเร่ง จังหวะออกตัวอยู่ในระดับมาตรฐานไม่ดีดเกินไป เครื่องยนต์เดิน เรียบกว่า CBR250 ที่เป็นรถสูบเดียว อัตราเร่งของ CBR500 ครอบคลุมรอบต้น-กลาง และปลาย เกียร์ 6 เกียร์ส่งก�าลัง สู่ปลายทางสุดท้ายแห่งความแรงได้เป็นอย่างดี เกียร์ 6 สปีดสามารถเตะขึ้นหรือตบลงได้อย่างอิสระไม่มีอาการติดขัด เกียร์แต่ละเกียร์ลงล็อค เป็นอย่างดี เครื่องยนต์ไร้อาการสั่นที่รอบสูงแถมยังคงเงียบตลอดการทดสอบ แม้พิกัด เครื่องยนต์จะอยู่ที่ 471 ซีซี. แต่แรงบิดที่ได้ค่อนข้างน่าพอใจและช่วยให้ขี่สนุกแม้ว่าสนาม จะกว้างและขี่ยากก็ตาม คงต้องให้เวลากับเจ้า CBR500R มากกว่าจ�านวนรอบ 4 รอบใน สนามเราถึงจะบอกอย่างละเอียดได้ว่าจุดไหนเด่นจุดไหนด้อย...แต่ส�าหรับการทดสอบวันนี้ ถือว่าน่าพอใจมากครับ รถใหม่เทคโนโลยีใหม่แถมราคาเบาๆ จับต้องได้แบบนี้น่าจะถูกใจวัยรุ่น หลายคนครับ
Final Result น้องใหม่มาแรง CBR500R เป็นรถ 2 สูบรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคา หน้าตาและสมรรถนะที่ตอบโจทย์หลายๆ ด้านของผู้ใช้ นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของรถ Bigbike ที่ จะออกมาโลดกันบนถนนและจ�าเป็นจุดเริ่มต้นการออกเดินทางของใครหลายๆ คน
Honda
CBR 500R For Ride Magazine Febuary 2013 37
Suzuki Let’s
โดนๆ มันส์ๆ...ไปลองขี่กันดีกว่า ซู
ซูกิ...เดินหน้าตอกย�้ากระแส อีโค่ เทรนด์ ครั้งใหม่ประเดิมปี 2013 ด้วย การเปิดตัว “Suzuki Let’s” รถจักรยานยนต์ออโตเมติกรุ่นใหม่ล่าสุด ที่พร้อมจะให้คุณสนุกไปกับวิถีชีวิตในแบบ “อีโค่” ที่สุดแห่งนวัตกรรมเพื่อโลก ยิ้มได้อีกครั้ง กับการตอกย�้า “แนวคิดรักษ์โลก” ให้คนที่รักความประหยัด และรักษ์โลกทุกคน ร่วมอัพเทรนด์ไปกับ “ปฏิบัติการ Suzuki Let’s Goes Green” เส้นทางสีเขียว เส้นทางที่ซูซูกิและชาวสองล้อ ร่วมสร้างเทรนด์ใหม่ๆ ในการขับขี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างที่ไม่เคยมีมอเตอร์ไซค์คันไหนค่าย ไหนตระหนักถึงมากเช่นนี้ และมุ่งให้ความส�าคัญกับ “โลกใบนี้” มากเท่าเรา
38 For Ride Magazine Febuary 2013
New Launch…
ส�าหรับงานแถลงข่าวเปิดตัวรถจักรยานยนต์ “ซูซูกิ เล็ทส์” นี้ ได้จัดขึ้น อย่างยิ่งใหญ่สุดอลังการ เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2556 ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี โดยได้รับเกียรติจากผู้แทนจ�าหน่าย รถจักรยานยนต์ซูซูกิทั่วประเทศและสื่อมวลชนจ�านวนมากเข้าร่วมงานเปิดตัว อีโค่ มอเตอร์ไซค์ รุ่นนี้อย่างคับคั่ง โดยภายในบริเวณงาน ซูซูกิ ได้จัดดิสเพลย์ หลาก หลายมุมภายใต้คอนเซ็ปต์ “Let’s Rock” ที่พร้อมจะพาผู้เข้าร่วมงานเปิดตัวครั้ง นี้สนุกและมันส์ไปกับดนตรีร็อค โดยมีสาวสวยมาดเข้มและพระเอกในงานอย่าง “ซูซูกิ เล็ทส์” ที่มาในมาดสุดเท่ เร้าใจ อวดโฉบกันอย่างมากมาย นอกจาก “ซูซูกิ เล็ทส์” แล้ว ทางซูซูกิ ยังได้เผยโฉม อีโค่ มอเตอร์ไซค์ รุ่นพี่อย่าง “ซูซูกิ เน็กซ์” ซึ่งมาพร้อมกับลุคใหม่ พัฒนาสีสันไปอีกขั้น อัพสไตล์เหนือกว่าอีกระดับ ในงานนี้อีกด้วย ปิดท้ายด้วยงานเลี้ยงที่ทาง ซูซูกิ ได้น�าดารานักแสดง อาทิ เกรท วรินทร, มารี เบิร์นเนอร์, มิ้น ชาลิตา, ซี ฉัตรปวีณ์, ณัฐ เทพหัสดิน ณ อยุธยา, จิ๊บ วสุ และ หรั่ง ร็อคเคสตร้า มาสร้างความบันเทิงให้กับแขกที่มา ร่วมงานได้เพลิดเพลินกันอย่างเต็มที่ในบรรยากาศแบบ “Let’s Rock”
Let’s Concept : Sporty Scooter ด้วยแนวคิดการออกแบบ “ซูซูกิ เล็ทส์” เพื่อให้เป็นที่สุดแห่งรถ จักรยานยนต์สปอร์ตออโตเมติกที่มีความโดดเด่น ในด้านการดีไซน์ รูป ลักษณ์ที่สวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยทีมวิศวกร มีความมุ่งมั่น ในการคิดค้น ออกแบบพร้อมผสมผสานจิตวิญญาณทั้งหมดที่มีลงไป ในการพัฒนา “ซูซูกิ เล็ทส์” เพื่อให้เป็นรถจักรยานยนต์ออโตเมติกที่มี รูปทรงสปอร์ตยอดนิยมได้อย่างลงตัว ตลอดจนยังคงความเป็น อีโค่ มอเตอร์ไซค์ ตามแบบฉบับ มอเตอร์ไซค์อีโค่ ต้อง ซูซูกิ “ซูซูกิ เล็ทส์” จึงได้ถูกคิดค้น พัฒนาและดีไซน์ทุกสัดส่วนให้มีความ สนุกสนานในทุกการขับขี่ ด้วยการน�าองค์ประกอบที่ส�าคัญต่างๆ ตลอด จนทุกความต้องการของผู้บริโภคมารวมเข้าไว้เป็นหนึ่งเดียว จนพัฒนา กลายเป็นสุดยอดรถจักรยานยนต์ที่ผสมผสานกับ “เทคโนโลยี” อย่าง “LEaP” (ลีพ) เทคโนโลยี พร้อมหัวฉีดอัจฉริยะ Fi ให้ก�าลังและแรงบิดเป็น เยี่ยม เปี่ยมประสิทธิภาพ มีอัตราการประหยัดน�้ามันเชื้อเพลิงสูงสุด น�้า หนักเบา ขนาดกะทัดรัด และที่ส�าคัญขับขี่ง่าย เหมาะกับสรีระของคนไทย ทุกคน
For Ride Magazine Febuary 2013 39
LEaP Technology : (Light Efficient and Powerful) Light : เครื่องยนต์ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีขนาดกะทัดรัดและน�้าหนักเบา เพื่อลดการ รสูญเสียพลังงานเชิงกลและลดแรงเสียดทานแต่ยังคงความแข็งแรง ทนทานตลอดการใช้งาน Efficient : ดีไซน์ระบบส่งก�าลังขับเคลื่อนอัตโนมัติ CVT (Continuously Variable Transmission) ใหม่ พร้อมติดตั้งต�าแหน่งหัวฉีดใหม่ให้ใกล้ห้องเผาไหม้มากขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การท�างานเครื่องยนต์ และประหยัดเชื้อเพลิงได้ดีเยี่ยม and Powerful : เครื่องยนต์ขนาด 112.7 ซีซี ที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้ก�าลังและแรงบิด ที่ดีเยี่ยมตอบสนองทุกอัตราเร่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วย LEaP Technology (ลีพ เทคโนโลยี) พร้อมหัวฉีด Fi ใหม่ ช่วยประหยัดน�้ามันเชื้อ เพลิงถึง 56 กม./ลิตร* *ผ่านมาตรฐานการทดสอบ ECE-40MODE โดยวิศวกร ซูซูกิ
ฝาครอบท่อไอเสีย ออกแบบดีไซน์ให้เข้ากับตัวรถได้ลงตัว และสวยงาม ช่วยป้องกันผู้โดยสารจากความ ร้อนท่อไอเสียอีกด้วย นั่งซ้อนทีไร หายห่วง จากความร้อน
40 For Ride Magazine Febuary 2013
New Launch…
“ซูซกู ิ เล็ทส์” มาตรฐานใหม่ของรถจักรยานยนต์ออโตเมติก Let’s ECO Design ใหม่กว่า ล�า้ หน้ากว่า ด้วยการออกแบบและดีไซน์ “ซูซูกิ เล็ทส์” ที่สุดแห่งมอเตอร์ไซค์ อีโค่ คันนี้ ได้รับการออกแบบให้มีน�้าหนัก เบา ขนาดกะทัดรัด เพื่อการขับขี่ที่คล่อง ตัว ควบคุมรถได้ง่าย ที่ส�าคัญ “ซูซูกิ เล็ทส์” ออกแบบมาเพื่อสรีระของคนไทย ทุกคน พร้อมชุดฝาครอบตัวถัง น�้าหนัก เบาแต่ทว่าแข็งแรง ทนทาน พร้อมจะพา คุณโฉบเฉี่ยวในทุกเส้นทางของความเร้าใจ การันตีทุกความ “ฮิป” อินเทรนด์ !!
Let’s Rock Series Let’s สีสนั ความมันส์ แสบ แซ่บ ครัง้ ใหม่ ทีใ่ ห้คณ ุ จีด๊ กว่า...มันส์กว่า!! หากคุณชอบอะไรที่แตกต่างกว่า นี่แหละทางเลือกใหม่ ที่ใช่กว่าส�าหรับ คุณ เพราะครั้งนี้ ซูซูกิ พร้อมน�าเสนอความมันส์ครั้งใหม่ที่เฉี่ยวกว่า เปรี้ยวกว่า กับทางเลือกใหม่ที่ตรงใจกว่า ด้วยสีสันพันธุ์ร็อค ที่คุณจะ ต้องประทับใจ “ซูซูกิ เล็ทส์” ความเท่ ความมันส์ ที่สวยสะท้านใจ จน คุณอยากชวนก๊วนซ่าสส์ ออกไปซี๊ดซ๊าดด้วยกัน “ซูซูกิ เล็ทส์” สายพันธุ์ความแรง ที่ออกตัวพร้อมกันเป็นแก็งค์ ให้ คุณแรงงงง มันส์ ได้สะใจยิ่งกว่า กับ 5 สีสันที่บิดมันส์สนั่นเมือง ไม่ว่า จะเฉดสีไหน ก็ร้อนแรง พร้อมโจนทะยานในแบบที่คุณต้องว้าววววส…..นี่ แหละมอเตอร์ไซค์ในฝันที่ตั้งตารอคอย
Let’s Show Time เวลามันส์ เวลา Let’s ถ้าคุณพร้อม ก็ได้เวลาโลดแล่นไปกับ Let’s Rock ส�าหรับคนที่กล้าฉีก มั่นใจสุดๆ ก็สนุกมันส์ในแบบ สีชมพู-ด�า (GUS) ซ่าสสสเปรี้ยวนี่เลย สีน�้าเงิน-ขาว (HWA) ซ่าสสสมันส์ไม่หวั่นใครโลดแล่นไปกับ สีเขียวขาว (JSJ) และจัดมาเป็นพิเศษส�าหรับคนเข้มเต็มสูบ ให้ แซ่บบกว่า ฮิปกว่ามันส์กว่ากับสองคู่แรง สีแดง-ด�า (JTU) และ สีแดง-เทา (AJQ) ในราคาเปิดตัวที่ไม่แรงเกิน คุณจับจอง แค่เพียง 41,900 บาท ซื้อวันนี้!! รับ หมวกกันน็อค ซูซูกิ เล็ทส์ พิเศษเฉพาะ 5,000 คัน แรกเท่านั้น ตั้งแต่ 1 ก.พ. - 31 มี.ค. 2556 หรือ จนกว่าสินค้าจะหมด ซูซูกิ เล็ทส์ พร้อมจัดเต็ม พบ ความมันส์ พบ Let’s ที่โชว์รูมซูซูกิ วันนี้!! For Ride Magazine Febuary 2013 41
YEC_FI & Engine Technology
inside Spark 115i
ต้
อนรับปีใหม่กับเทคโนโลยีใหม่ในวงการมอเตอร์ไซค์ ของเรา จะมีซักกี่คนที่รู้ว่า Yamaha ได้ใส่เทคโนโลยี รุ่นล่าสุดให้กับรถครอบครัวรุ่นใหม่อย่าง “Yamaha Spark 115 หัวฉีดใหม่” ซึ่งนอกจากจะมีระบบหัวฉีด รุ่นใหม่แล้ว ก็ยังมีเทคโนโลยีใหม่เจ๋งๆ ในเครื่องยนต์ ซ่อนอยู่ชนิดที่ถ้าไม่เปิดออกมาดูคงไม่ได้รู้กันแน่ๆ แล้ว มันก็เป็นหน้าที่ของ FRM ที่จะตีแผ่ความจริงพร้อมเปิด เผยความลับที่ซ่อนอยู่ภายใน “Yamaha Spark 115 หัวฉีดใหม่” คันนี้!
] YEC_FI หัวฉีดใหม่ จ่ายไว เข้าใจง่าย ดูแลง่าย ชาวบ้านก็ท�าได้!! ยามาฮ่าพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยอาศัยต้นแบบหัวฉีดรถเกียร์จากรุ่นพี่อย่าง Spark 135i แต่การปรับเปลี่ยนแค่เล็กๆ น้อยๆ คงไม่ใช่วิถีของยามาฮ่า ทีมวิศวกร จึงออกแบบหัวฉีดใหม่หมดจดพร้อมกับชื่อใหม่ว่า “YEC_FI” ที่ย่อมาจาก “Yamaha Ecology Fuel Injection” แปลสั้นๆ ว่าหัวฉีดเพื่อความประหยัด แต่ก่อนจะไปเจาะลึก หัวฉีด YEC_FI เรามาดูความเปลี่ยนแปลงในระบบจ่ายเชื้อเพลิงกันก่อนดีกว่า - ท่อไอดีที่ต่อกับเรือนลิ้นเร่งและหัวฉีดสั้นลงจนเรียกได้ว่า “หัวฉีดรุ่นใหม่เสียบ อยู่กับฝาวาล์ว” เลยก็ว่าได้ นั่นท�าให้ช่วยลดระยะเวลาการเดินทางของเชื้อเพลิง ส่งผล ให้จ่ายเชื้อเพลิงได้เร็วขึ้นและแม่นย�ามากขึ้นหลายเท่า - จากเดิมที่คอท่อไอดีคดงอเพื่อหลบกรองอากาศเนื่องจากระบบคาร์บูเรเตอร์ ต้องการพื้นที่มาก...แต่ YEC_FI และเรือนลิ้นเร่งซึ่งมีขนาดเล็กจนท�าให้สามารถต่อท่อ “ตรง” ดิ่งเข้าไปที่หน้าวาล์วไอดีได้เลย ช่วยลดอัตราการสูญเสียและไม่คงที่ของเชื้อ เพลิง แถมคอท่อไอดีถูกรีดให้เล็กลงเพื่อช่วยบีบมวลอากาศและเชื้อเพลิงให้แน่นขึ้นก่อน เข้าสู่ขบวนการจุดระเบิด 42 For Ride Magazine Febuary 2013
TECHKNOW
- เซ็นเซอร์หลายชิ้นถูกติดตั้งเข้าไปรอบคันรถ เพื่อวัดหา ค่าไอเสียอย่างเช่นที่คอท่อไอเสีย, เซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิ เครื่องยนต์, เซ็นเซอร์ที่เรือนลิ้นเร่งที่ตรวจได้ทั้งอุณหภูมิขาเข้า ต�าแหน่งเรือนลิ้นเร่ง และแรงดันอากาศขาเข้า และภายในเครื่องยนต์ ยังมีเซ็นเซอร์ตรวจจับเพลาข้อเหวี่ยงคอยช่วยส่งข้อมูลกลับไปที่ กล่อง ECU เพื่อประมวลผลแบบรอบต่อรอบ จากที่กล่าวไปข้างต้นเป็นเพียงแค่ “ความเปลี่ยนแปลง” ในส่วน ของระบบน�าเชื้อเพลิงเท่านั้น ในส่วนของการท�างานของ YEC_FI หัวฉีดรุ่นใหม่นั้นมีดังต่อไปนี้ - YEC_FI ใช้หัวฉีดแบบ 4 รูเนื่องจากเป็นระบบที่แรงดันน�้ามัน สูงมาก ข้อดีของหัวฉีด 4 รู ก็คือ ช่วยกระจายเชื้อเพลิงให้เป็น ละอองละเอียดยิบ - เรือนลิ้นเร่งใช้สายคันเร่งแบบดึงกลับ 2 สายช่วยลดภาระ การท�างานของสายคันเร่งแบบเส้นเดียว แถมช่วยยืดอายุการใช้งาน อีกด้วย
- จุดเด่นที่ถือเป็นไฮไลท์ของ YEC_FI ของ “Yamaha Spark 115 หัวฉีดใหม่” คือ “ตั้งรอบเดินเบาได้” เนื่องจากทีมค้นคว้าข้อมูล ของยามาฮ่าลงพื้นที่ท�าการส�ารวจพฤติกรรมของผู้บริโภคแล้วพบว่า ผู้ใช้รถต่างจังหวัดไม่ค่อยเข้าศูนย์บริการตามก�าหนด นั่นหมายความว่า หัวฉีดมีสิทธิ “ตัน” ได้ เมื่อหัวฉีดตันจะท�าให้เครื่องยนต์เดินไม่เรียบและ ส่งผลต่อการขับขี่ได้ ส�าหรับบางพื้นที่ที่มีฝุ่นมากหรืออากาศไม่สะอาด... อีกหนึ่งจุดที่จะเกิดปัญหาก็คือ “เซ็นเซอร์เดินเบา” เมื่อมีฝุ่นเข้าไปเกาะที่ เรือนลิ้นเร่งมากๆ อาจท�าให้เซ็นเซอร์ตัวนี้ที่มีหน้าที่คอยปรับรอบเดิน เบารถท�างานบกพร่องได้....วิศวกรของยามาฮ่าจึงปรับปรุงให้ YEC_FI สามารถตั้งรอบเดินเบาได้ด้วยการสกรูเพียง 1 ตัว (เหมือนการตั้งรอบ คาร์บูเรเตอร์) ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้รถแบบไหนก็สามารถปรับรอบเดิน เบาให้ถูกใจและเข้ากับพื้นที่ที่ใช้งานได้ - ส่วนเสริมที่ช่วยให้ YEC_FI ท�างานได้ทุกสภาพอากาศและทุก สถานการณ์ก็คือ “ตัวส�ารองไฟ” หลายคนคงเคยเจอกับปัญหาแบต เสื่อม, แบตหมด สตาร์ทไม่ได้ เพราะระบบหัวฉีดต้องใช้กระแสไฟฟ้าเข้าไป เลี้ยงกล่อง ECU… แต่ส�าหรับ “Yamaha Spark 115 หัวฉีดใหม่” และ ระบบหัวฉีด YEC_FI นั่นยังสามารถท�างานต่อได้แม้แบตจะหมด ขอแค่ สตาร์ทเท้าติดก็สามารถวิ่งต่อได้เหมือนเดิม เรียกว่ายังไงก็กลับบ้านได้ แน่ๆ แม้แบตจะหมด (แต่ถ้าน�้ามันหมดเนี่ยตัวใครตัวมัน) ในส่วนของหัวฉีดรุ่นใหม่ YEC_FI คงมีรายละเอียดเพียงเท่านี้ ส่วนด้านอัตราการกินน�้ามันและค�าถามที่ว่า “หัวฉีดรุ่นใหม่จะประหยัดแค่ ไหน” งานนี้ต้องให้คุณพิสูจน์เองครับ เพราะโครงการเดินสายกิจกรรม “ท้าประหยัด...ขั้นเทพ กับสปาร์ค 115 หัวฉีดใหม่” ที่ท�าการแข่งขี่ ประหยัดน�้ามันไปทั่วประเทศนั้น นับว่าได้ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ เพราะ ชาวบ้านทั่วไปก็ยังสามารถขี่ประหยัดน�้ามันได้มากกว่าค่ามาตรฐานที่ โรงงานก�าหนด...ช่วงต่อไปเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ซ่อนอยู่ภายในเครื่องยนต์ “Yamaha Spark 115 หัวฉีดใหม่” ครับ
For Ride Magazine Febuary 2013 43
] กระบอกสูบแบบหนาม – กรองน�้ามันอัจฉริยะ – คันสตาร์ทจอมพลัง เริ่มต้นด้วย “กระบอกสูบแบบหนาม” หลายคนได้ยินค�านี้ แล้วก็ตอบกลับมาว่า “ลูกสูบก็เป็นรอยสิพี่”…จริงๆ แล้วไอ้เจ้า หนามที่ว่าเนี่ยอยู่ภายนอกกระบอกสูบครับ เค้าผลิตกระบอกสูบ ขึ้นมาก่อนโดยตั้งใจท�าให้ผิวภายนอกเป็นหนามคล้ายๆ หนามเตย ถี่ยิบ แล้วจากนั้นเค้าก็น�ากระบอกสูบไปประกอบเข้ากับเสื้อสูบ เมื่อ เสร็จสิ้นกระบวนการก็จะได้กระบอกสูบแบบหนามที่ “ล็อค” ติดกับ เสื้อสูบ นอกจากช่วยให้กระบอกสูบคงที่ไม่เคลื่อนไหวเมื่อเจอกับ ความร้อนแล้ว ยังช่วยระบายความร้อนผ่านหนามกระจายออกสู่ ครีบระบายอากาศได้ดีอีกด้วย...มีคนถามอีกว่า “อ้าวพี่แบบนี้มัน ก็ตีปลอกไม่นะสิ”….ทีมวิศวกรตอบค�าถามนี้ให้แล้วครับว่า “เรา มีลูกสูบให้อีก 2 ไซส์” นั่นแปลว่าเราสามารถคว้านกระบอกสูบ หนามนี้ได้ 2 ครั้ง 2 ไซส์ครับ....ทีเด็ดของการคว้านอีก 2 ไซส์ อยู่ที่ YEC_FI ยังสามารถปรับปริมาณเชื้อเพลิงตามการขยาย ของกระบอกสูบได้ด้วย เจ๋งมั้ยล่ะ?
มาต่อกันที่ “คันสตาร์ทจอมพลัง”…คุณเคยมั้ยกับการสตาร์ทเท้าไปนานๆ แล้วเกิดอาการ “คันสตาร์ทรูด” เมื่อมันรูดแล้วคุณท�ายังไงครับ?.... “เชื่อมสิครับ พี่” “ซื้อใหม่สิน้อง” “เข็นสตาร์ทเอา” “ผ่าเครื่องเลย”....ต่อไปนี้ไม่ต้องกังวล อีกต่อไป เพราะยามาฮ่าแก้ปัญหานี้ให้คุณแล้วด้วย “คันสตาร์ทจอมพลัง!” ไม่มี ไม่ต้องกังวลกับการขันน็อตเบอร์ 10 ให้แน่นอีกต่อไป นี่คือคันสตาร์ทรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มีใน “Yamaha Spark 115 หัวฉีดใหม่”...ไม่มีรูให้ใส่น็อตยึด แค่เสียบคันสตาร์ท เข้าไปที่แกนสตาร์ทแล้วขันโบลท์ (น็อต) ล็อคเพียงตัวเดียวก็เป็นอันจบ...เพราะว่ารู คันสตาร์ทมีขนาดพอดีกับแกนสตาร์ทท�าให้ไม่มีพื้นที่ว่างและหมดโอกาสรูดเมื่อใช้ไป นานๆ เป็นการยืดอายุการใช้งานและง่ายต่อการถอดบ�ารุงรักษาครับ
44 For Ride Magazine Febuary 2013
TECHKNOW
“กรองน�้ามันเครื่องอัจฉริยะ”...เป็นเพราะคอนเซ็ปต์ของยามาฮ่า “Yamaha Spark 115 หัวฉีดใหม่” ตัวใหม่ที่ว่า “แรงดี ประหยัดจริง ขั้นเทพ” ท�าให้กรองน�้ามัน เครื่องเป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน รถครอบครัวรุ่นนี้ ที่มาของมันก็มาจากการท�าการส�ารวจ อีกนั่นแหละ เพราะว่ากลุ่มผู้ใช้งานที่เป็นเป้าหมายของผู้ผลิตเป็นคนที่ "ใช้งานจริง" เพราะฉะนั้นเมื่อ รถจะต้องถูกใช้งานจริงใช้งานหนัก มันก็ต้องทนต่อสภาวะเหล่านี้ให้ได้ เมื่อน�้ามันเครื่องสะอาดอยู่ เสมอเครื่องยนต์ก็จะท�างานได้ดีและทนทานกว่ารถที่ไม่มีกรองตัวนี้....แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือมันเป็น “กรองอัจฉริยะ” เนื่องจากการส�ารวจพบว่า บางทีผู้ใช้บางคนก็ “ลืม” เปลี่ยนกรองน�้ามันเครื่องเพราะ ใช้บริการร้านช่างทั่วไป เมื่อกรองน�้ามันเครื่องตันจึงท�าให้เครื่องยนต์เกิดการสึกหรอเร็ว...วิศวกรของ ยามาฮ่าจึงออกแบบกรองชนิดพิเศษที่มี “วาล์วเปิด-ปิด” ซ่อนอยู่ที่ก้นกรอง....ในกรณีที่ผู้ใช้เปลี่ยนกรอง ตามก�าหนดระยะก็คงไม่เกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อผู้ใช้ลืมเปลี่ยนกรองและเมื่อกรองน�้ามันเครื่องตัน...แรงดันน�้ามัน จะเปิดวาล์วที่ก้นกรองท�าให้น�้ามันเครื่องยังคงไหลไปเลี้ยงฝาวาล์วและลูกสูบต่อไปได้...แม้จะเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ แต่ก็ถูกคิดถูกพัฒนามาอย่างดีเพื่อผู้ใช้ นอกจากชิ้นส่วนหลักที่กล่าวไปแล้วก็ยังมีฝาวาล์วรุ่นใหม่ที่เปิดได้ง่ายมากแถมเพิ่มพื้นที่การเซอร์วิส ให้กว้างขึ้นจนช่างสามารถใช้ 2 มือท�างานซ่อมได้อย่างสบาย มีการเพิ่มเติมลูกปืนเข้าไปที่แคมชาฟท์เพื่อเพิ่ม บาลานซ์และลดเสียงดังจากการท�างานของเครื่องยนต์...สรุปแล้ว “Yamaha Spark 115 หัวฉีดใหม่” เป็นรถรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองเพราะเต็มไปด้วยเทคโนโลยีเจ๋งๆ เต็มคันรถ เอาไว้เราได้ลองเจ้า “Yamaha Spark 115 หัวฉีดใหม่” แบบเต็มไม้เต็มมือเมื่อไหร่จะมาบอกเล่าผลการทดสอบให้ฟังกันครับ… *ขอบคุณทีมช่างเทคนิคและวิศวกรจาก บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จ�ากัด ที่ให้ความรู้แล้วรายละเอียดในการท�าคอลลัมน์ครับ For Ride Magazine Febuary 2013 45
y e n r u o J e h T s Tour 5 Mountain เปิดประตูสู่มาเลเซียPart 4
Discovering The Cameron Highland
ต้
อนรับเดือนแห่งควำมรักกับ เนื้อเรื่องกำรผจญภัยที่ยังคง ด�ำเนินต่อไปกับ The 5 Mountains Tour ครำวก่อนเรำทิ้งทุกท่ำนไว้ที่ ร้ำนอำหำรบนยอดเขำ Fraser Hills พร้อมแนะแนววิธีกำรสั่งอำหำรไป แล้ว...วันนี้เรำจะออกเดินทำงกันต่อลง จำกภูเขำเฟรเซอร์ลูกนี้เพื่อไปยังภูเขำ ลูกที่ 3 นั่นก็คือ Cameron Highland ที่รำบสูงที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยว และที่ส�ำคัญเหมำะกับคู่รักที่ต้องกำร เก็บเกี่ยวช่วงเวลำดีๆ กับบรรยำกำศ ไร่ชำกว้ำงสุดลูกหูลูกตำที่นี่!...กระโดด ขึ้นท้ำย Versys ไปกับเรำกันต่อเลย!
ไล่ตามแสงสุดท้ายก่อนจะหายไปในความมืด ...ออกตัวจากยอดเขาเฟรเซอร์เกือบๆ บ่าย 3 โมง ดูเหมือนเราจะ ต้องท�าเวลาให้ทันกับระยะทางอีกร้อยกิโลเมตรที่รอเราอยู่...แน่นอนว่าทาง ลงจากเขาเฟรเซอร์ก็ยังคงโหดไม่แพ้ขาขึ้น (อยากรู้ว่าโหดยังไง...ตามอ่าน ในเล่มที่แล้วครับ) อุปสรรคของการขี่ลงจากเทือกเขาเฟรเซอร์ที่นอกจาก ความลื่นของพื้นและอากาศที่เริ่มเย็นลงแล้ว...ความอิ่มยังเป็นอีกปัญหา ที่ท�าให้ขยับตัวได้ล�าบาก โชคดีที่เราเลือกใช้เสื้อแจ็คเก็ต Clover Air Jet 2 ที่ค่อนข้างให้ตัวได้แม้ว่าพุงจะขยายออกก็ตาม เพราะเรารู้ว่าอากาศจะ ต้องเย็นลงอีกเราจึงหยิบเอา “ชั้นกันหนาว” ของกางเกง Clover GTS ออกมาใส่ ซึ่งมันก็ช่วยให้ขาอุ่นตลอดการเดินทางช่วงเย็น หลังจากลุย กับโค้งขวา 350 โค้ง และโค้งซ้ายอีก 550 โค้ง (มันไม่ได้เยอะขนาดนั้น หรอกครับ แค่อยากสื่อให้เห็นว่าโค้งมันเยอะมากกก!) ไม่นานเราก็หลุดพ้น จากโค้งภูเขามาวิ่งบนพื้นราบอีกครั้ง เราแวะเติมน�้ามันที่เขต Raub (ราอุ๊บ) ใครที่จะเดินทางต่อไปยังคาเมรอน แนะน�าให้แวะเติมไว้ก่อนเลยครับ เพราะปั๊ม จะเริ่มหายากแล้ว! Sham (แชม) หัวหน้าขบวนบอกว่า “เดี๋ยวเราจะต้องเจอกับความ มืดแล้วหละ ข้างหน้าเป็นสวนปาล์มขนาดใหญ่ นอกจากรถมอเตอร์ไซค์ ของชาวบ้านแล้ว อีกสิ่งที่ต้องระวังก็คือ “เสือ” เนื่องจากพื้นที่
46 For Ride Magazine February 2013
แถวนี้สมบูรณ์มาก เลยอาจมีสัตว์ป่าออกมาจ๊ะเอ๋เราได้ เมื่อ 2 เดือนก่อนผม กับเพื่อนเจอเสือบนถนนเส้นนี้...หนีกันแทบไม่ทัน”…ตายแล้ว!! (เสียงสูง) พูดจา ปลอบใจกันแบบนี้! นอกจากความมืดที่จะเป็นอุปสรรคแล้วยังมีเสืออีกเหรอเนี่ย!... เอาน่ะ หวดกันเร็วขนาดนี้หวังว่าเสือคงตามไม่ทัน แสงเริ่มน้อยชักเริ่มมองทาง ล�าบาก...แต่โชคดีที่เราเตรียมชีลด์ใสมาเปลี่ยนให้กับหมวก Real Kevlar ซึ่งใช้เวลา ถอดเปลี่ยนไม่ถึง 1 นาที...ระหว่างที่ก�าลังบอกลาแสงอาทิตย์อยู่นั้น “ฝูงแมลง” ก็ออกมาต้อนรับเราแทน ใครใส่หมวกวิบากหรือเปิดชีลด์ทิ้งไว้เมื่อวิ่งผ่านป่า หรือสวนปาล์มให้ปิดชีลด์หรือหาผ้ามาอุดรูลมเลยครับ เพราะความเร็วที่เราใช้ อยู่ที่ 140 กม./ชม. ท�าให้สารพัดแมลงละลายติดหน้าชีลด์ทันทีที่ปะทะ ถึงจุดนี้ ใครใช้ถุงมือกึ่งผ้าคงได้เปรียบกว่าเพราะสามารถเช็ดแมลงออกจากชีลด์ได้ง่าย... ดูนาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลา 18.30 นาฬิกา...พระอาทิตย์ก�าลังจะพาแสงสุดท้าย ลาลับขอบฟ้าไปแล้วสินะ! ต้องมีสมาธิมากกว่านี้ในการขับขี่ช่วงต่อไป
THE JOURNEY
คล�าทางในความมืด ดื่มด�าท้องฟ้าและแสงดาว “ในค�่ำคืนที่ฟ้ำนั้นไม่มีดำวอยู่ตรงนี้ ฉันยังคงก้ำวไป”…ท้องฟ้าเปลี่ยน จากสีส้มเป็นสีแสดก่อนจะเป็นสีทองแล้วก็กลายเป็นความมืดสนิท...ตอนนี้เราบอกได้ แค่ว่าเราอยู่ “ตรงไหนสักแห่ง” ระหว่างทางไปยัง Cameron Highland เพราะถนน ที่เราใช้ไม่มีไฟซักดวง...แต่เราก็สามารถมเดินทางต่อได้เพราะเค้าฝัง “ตัวสะท้อนแสง” ส�าหรับแบ่งเลนไว้ในถนน นอกจากนี้ยังมีป้ายบอกลักษณะโค้งและป้ายเตือนแบบ สะท้อนแสงไว้คอยช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางกลางคืนด้วย...เดินทางใน ความมืดได้ไม่นานเราก็เริ่มเห็นแสงไฟพร้อมป้ายต้อนรับบอกว่า “ขอต้อนรับเข้าสู่เขต Cameron” สัญชาติญาณนักบิดบอกให้เตรียมตัวเจอกับโค้งซึ่งเป็นของคู่กับภูเขา “คำเมรอน” แตกต่างจากภูเขาลูกอื่นตรงที่ ถนนเลนกว้างท�าให้เข้าโค้งได้ง่าย และปลอดภัยกว่าที่เก็นติ้งและเฟรเซอร์ ดูเหมือนการเดินทางกลางคืนในมาเลเซียจะ ไม่น่ากลัวเหมือนที่บ้านเรา เพราะมีตัวสะท้อนแสงช่วยบอกทางตลอดเวลา แถมมีไฟ เป็นระยะในเขตชุมชน...ความรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกเกิดขึ้นทันทีที่ขี่ฝ่ามวลอากาศ เย็น นั่นแปลว่า “เราใกล้ถึงแล้ว!?” ลักษณะการขับขี่ของเราในช่วงนี้จะเป็นการขี่ตาม กันเป็นขบวนโดยเว้นช่วงห่างประมาณ 3 เมตร โชคดีที่รถ Versys ของ Izan ติดไฟ ส่องทางและขี่รั้งท้ายเพื่อช่วยส่องสว่างเพิ่มความปลอดภัยให้กับทริป แม้ทางจะมืด แต่ด้วยคุณภาพที่ดีของถนนพร้อมอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยท�าให้เราสามารถ ท�าความเร็วได้ที่ 120 กม/ชม. หลังจากกวาดตาพยายามหาแสงแห่งความเจริญ ตลอด 2 ข้างทาง...ในที่สุดเราก็เห็นแสงสีเหลืองเป็นกลุ่ม...นั่นต้องเป็นหมู่บ้าน หรือโรงแรมหรืออะไรซักอย่างแน่ๆ เมื่อใกล้ขึ้นเราก็ได้รู้ว่าที่แท้มันคือ “แปลงดอกไม้ อนามัย” เนื่องจากอากาศที่นี่ค่อนข้างเย็นคล้ายภาคเหนือบ้านเราท�าให้ชาวเขาที่นี่ สามารถปลูกดอกไม้ได้ดี ที่แปลกก็คือเค้าปลูกในเรือนเพาะช�าที่เป็นพลาสติกอย่างดี และชาวบ้านที่นี่ท�าสวนดอกไม้กันอย่างเป็นระเบียบ เรียกได้ว่าถ้ามองไกลๆ จะเห็นภูเขา แถบนี้เป็นกลุ่มแสงสีเหลือคล้ายมองเมืองเชียงใหม่จากดอยสุเทพ ยิ่งเข้าใกล้แหล่งชุมชนยิ่งได้เห็นอะไรที่แปลกตาออกไป ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิตของ ชาวเขาและคนงานที่ออกเดินช้อปปิ้งจับจ่ายใน “ตลาดนัด” ที่ดูคล้ายกับของบ้าน เรา ชาวบ้านที่นี่หน้าตาออกไปทางคนจีน มีชาวอินเดียและมาเลย์น้อยมาก เรายัง คงมุ่งหน้าต่อไปยังที่หมายของเรานั่นก็คือโรงแรม “The Strawberry Park” ชื่อ น่ารักแต่อยู่ที่ไหนไม่รู้ แต่ที่รู้ก็คือเราเจอจุดแวะพักทานมื้อเย็น (มื้อดึก) กันแล้ว ที่นี่ เรียกว่า Thana Rata (ธนารัฐ) ซึ่งแปลว่าที่ราบเรียบ ที่นี่เป็นจุดท่องเที่ยวลักษณะ คล้าย Night Market เพราะเต็มไปด้วยร้านอาหารและของกุ๊กกิ๊กน่ารัก แม้จะเป็นช่วง เวลา 3 ทุ่มก็ยังมีคนนั่งทานอาหารกันจนแน่นทุกร้าน แล้วเราก็ได้ร้านในที่สุด...มื้อดึก ของเราคือ Chicken Chop จานใหญ่....จากตรงนี้เหลืออีกแค่ 10 กม. ก็จะถึงที่ พักแล้ว!
หนาวเย็นแบบไม่ต้องมีแอร์-น�้าเย็นจนแทบอยากจากวิ่งผ่าน ขับชิลล์ๆ กันได้ซักพักก็มาถึงที่พัก นั่นก็คือ The Strawberry Park…ว่าแต่ท�าไมมันถึง ชื่อเหมือนสวนสตรอเบอรี่ล่ะ ? เอาไว้หาค�าตอบกันพรุ่งนี้ดีกว่า วันนี้เช็คอินเข้าห้องนอนก่อน... ทันทีที่เข้าห้องนอนได้ก็รีบหารีโมทแอร์ แล้วเราก็ได้พบกับความจริงที่ว่า “ที่นี่ไม่มีแอร์” อากาศเย็น จากข้างนอกที่แทรกซึมเข้ามาทางช่องประตูและหน้าต่างล้วนแล้วแต่มาจาก “ธรรมชาติ” ล้วนๆ ที่นี่ไม่มีทั้งแอร์และเครื่องท�าความอุ่น...ใครกลัวหนาวให้พา “แฟน” มาด้วยจะดีที่สุดครับ ห้องนอน หรูหราอลังการกับคิงเบด (King Bed) ขนาดใหญ่นอนได้ 6 คน ห้องน�้าแยกส่วนอย่างดีแถม มีน�้าอุ่น (ที่ไม่ค่อยจะอุ่น) ให้ใช้ด้วย สอบถามราคาค่าห้องพบว่าอยู่ที่ 2000-6000 บาท/คืน นับว่าคุ้มส�าหรับความเย็นและบรรยากาศ (ที่เราเห็นแต่ความมืด) ถอดไรดิ้งเกียร์ออกปุ๊ปก็สั่นปั๊ป รองเท้าแตะในห้องพอช่วยบรรเทาความเย็นจากเท้าได้ ส�าหรับน�้าอุ่นต้องเปิดทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาทีมันถึงจะเริ่มอุ่น *ข้อควรระวัง* ใครที่ไม่คุ้นกับความเย็นขนาด 8-10 องศาแนะน�าให้เอาน�้าร้อนมาราด “ฝารองชักโครก” ก่อนนั่ง ไม่งั้นล่ะก็....ฮึฮึฮึ....บ๊ายบายค�่าคืนอันหนาวเหน็บ...พรุ่งนี้เราจะออก ส�ารวจ Cameron Highland กัน!! For Ride Magazine February 2013 47
DISCOVERING THE CAMERON HIGHLAND
ไร่ชา ฟาร์มสตรอเบอรี่ อุโมงค์กาลเวลาและป่าฝน! ตื่นเช้าแบบหนาวๆ ใต้ผ้าห่มหนา 3 ชั้นพร้อมกับความคิดที่ว่า “รู้งี้ใส่ชุดขี่ มอเตอร์ไซค์นอนไปเลยดีกว่า” เพราะอากาศเย็นมาก เราเลยขออนุญาต “ไม่อาบน�้า” แล้วกัน! โปรแกรมของเราวันนี้ไม่มีการขี่โหดๆ เหมือนเมื่อ 2 วันก่อน ที่เราต้องท�า ก็คือ “ออกส�ารวจ” Cameron Highland (คาเมรอน ไฮแลนด์) หรือที่ราบสูง คาเมรอนนั่นแหละ โชคดีที่วันนี้เราขี่เที่ยวกันแบบตัวเปล่าไม่ต้องมีสัมภาระเกะกะท้ายรถ แต่โชคร้ายของผมก็คือ “ผมโดนหลอก” เรื่องของเรื่องก็คือ หัวหน้าทริป Izan บอกว่า “วันนี้ไม่ต้องขี่โหดๆ แต่งตัวชิลล์ๆ ไปก็ได้ แต่ถ้ากลัวหนาวใส่ชุดไรดิ้งเกียร์ ไปก็ดี แต่รองเท้าเอาที่มันเดินสบายๆ นะ”….ด้วยความกลัวหนาวก็เลยต้องใส่ชุด ไรดิ้งเกียร์ แต่ข้างล่างเป็นรองเท้าแตะ...ก็เค้าบอกว่าใส่สบายๆ นี่นา! อุ่นทั้งตัวแต่ สุดท้ายก็มาหนาวที่เท้า...บรื๋ออ ก้าวแรกที่เดินออกจากห้องก็ต้องขนลุก...แต่ไม่ใช่เพราะความหนาว เป็น เพราะบรรยากาศที่นี่ สีเขียวชะอุ่มที่ห้อมล้อมรอบตัวเราประกอบไปด้วยต้นสน หลากหสายพันธุ์ที่พบเห็นได้เฉพาะในเขตหนาว ต้นไม้แปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นในเมืองไทย ไอหมอกที่สังเกตได้ชัดแถมมีไอความร้อนออกจากปากเวลาพูด แสงแดดถูกทอน ความร้อนและความแรงด้วยหมอกที่ปกคลุมพื้นที่ ความรู้สึกตอนนี้มีแค่ความตื่นเต้น จนลืมความหนาวไปเลยทีเดียว...จัดการมื้อเช้าที่โรงแรมเสร็จก็ได้เวลาออกเดินทาง ส�ารวจคาเมรอนกันซะที จุดหมายแรกของวันนี้คือ BOH Teh Plantation
BOH Teh plantation จากโรงแรมที่พักขี่กันแบบเรื่อยๆ ผ่านตลาดสตรอเบอรี่ที่มองไปทางไหนก็ เห็นแต่สตรอเบอรี่เต็มไปหมด...ผ่านไป 30 นาที (เพราะรถติด) ก็มาถึงแยกที่เลี้ยว ซ้ายเพื่อขึ้นเขาไปดูไร่ชากัน ถนนที่เคยลาดยางกลายเป็นทางขรุขระผสมกับทางปูน และทางลาดยางเป็นบางช่วง จังหวะเลี้ยวมุมเขาต้องคอยบีบแตรบอกว่า “เราก�าลัง จะมา”…แต่ถ้ามีเสียงบอกกลับมาว่า “เราก็ก�าลังจะไป” ก็ให้หยุดชิดด้านในเขาเพื่อให้ รถวิ่งสวนทางไปก่อน *ห้ามขี่แบบเรซซิ่งเข่าเช็ดพื้นหรือขี่เบียดเขาแบบใน TT Isle of Man เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจะได้ลงไปดูยอดชาเขียวแบบใกล้ชิด! ไม่นานเราก็ถูกรอบ ล้อมด้วยไร่ชาขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะมองขึ้นไปหรือมองลงมาก็จะเห็นแต่ไร่ชาไกลสุด ลูกหูลูกตา... ว่าแต่ท�าไมไร่ชาบางไร่ ต้นชาบางต้นมันเป็นพุ่มๆ สีน�้าตาลล่ะ?...ไปหาค�าตอบ กัน ใช้เวลาขี่บนเขาประมาณ 15 นาทีเราก็มาถึง BOH Teh Plantation ไร่ชาชื่อ ดังของที่นี่ นอกจากศูนย์การเรียนรู้และประวัติความเป็นมาของชายี่ห้อ BOH แล้ว ยังมีร้านชาของของตัวเอง ทีเด็ดมันอยู่ที่ร้านชาของ BOH สร้างยื่นออกไปจาก ภูเขาอีกที ฟิลคล้ายยืนอยู่บนภูชี้ฟ้าที่มองลงไปด้านล่างจะเห็นเป็นไรชา...เรียกได้ว่า เห็นวิวแบบ 360 องศากันไปเลย มาถึงไร่ชาก็ต้องลองชิมชารสชาติขึ้นชื่อดู...ที่ เราลองทดสอบเป็น BOH Gold Blend วิธีชงชาที่นี่คือ...ใส่ชาลงไปในกาน�้าร้อน จากนั้นเมื่อต้องการดื่มก็ใช้ “กระชอน” ที่ปากถ้วยชาแล้วรินน�้าชาออกจากกา จาก นั้นเติมน�้าตาลหรือนมหรือไม่ใส่อะไรเลยก็ได้แล้วจิบดู ยิ่งถ้าจิบคู่กับชีสเค้กหรือ พายร้อนๆ แล้วล่ะก็รับรองว่าไม่อยากลุกไปไหนเลยทีเดียว....เช้าๆ แบบนี้ชาหอมๆ ร้อนๆ ไล่ความหนาวและความหิวเป็นที่เรียบร้อยก็ถึงเวลาออกทัวร์ที่หมายต่อไป…. ป่ามอส สวนผีเสื้อ ไร่สตรอเบอรี่และอุโมงค์กาลเวลา 48 For Ride Magazine February 2013
THE JOURNEY
Mossy Forest กับหมอกเวทมนตร์ตลอดทั้งปี เคลื่อนพลจากไร่ชามาที่ Mossy Forest (ป่ามอส) ซึ่งอยู่เหนือไร่ชาขึ้นมา ไม่ไกลนัก แม้ Mossy Forest จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่เมื่อได้ลอง เดินไต่ตามบันใดไม้ขึ้นไปจะพบกับ “พรมมอส” และทะเลหมอกและไอเย็นที่ถูกพัดมาจาก พื้นที่ว่างเปล่าสีขาว (มองไม่เห็นจริงๆ ว่ามันคืออะไร) พื้นทางเดินที่ชื้นแฉะ กิ่งไม้ขนาด ใหญ่พาดขวางระหว่างทางให้เราเลือกระหว่างการปีนข้ามหรือลอดไป มอสรูปทรง แปลกๆ ที่ไม่เคยพบเห็นที่บ้านเรา...นี่ยังส�ารวจไม่ทันทั่ว Cameron เลย แค่นี้ก็รู้สึกว่า คุ้มค่าซะแล้ว! สูดอากาศเย็นบริสุทธิ์เข้าปอดให้เต็มที่ ต่อไปเป็นอุโมงค์กาลเวลา !?
ทะลุมิติย้อนเวลากับ Time Tunnel จากยอดเขากลับลงมาที่ระดับที่ราบสูงอีกครั้ง ขาลงเรา แวะดูต้นไม้แปลกๆ และผีเสื้อที่สวนผีเสื้อ จากนั้นก็ขี่ย้อนกลับมา ทางเก่า ไม่นานนักเราก็มาถึง Time Tunnel (อุโมงค์กาลเวลา) สถานที่ท่องเที่ยวที่บางคนก็ขับรถผ่านไปโดยไม่รู้ว่ามันคืออะไร หน้าตา ภายนอกดูเหมือนเพิงไม้ที่แฝงตัวอยู่กับที่พักรถและร้านอาหาร แต่เมื่อ ได้เข้าไปด้านในก็จะรู้ว่ามันคือ “พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์” ดีๆ นี่เอง อารมณ์ที่ได้รับคล้ายกับการเข้าไปดู Ripley’s Believe it or Not ที่ พัทยา แต่เนื่องจากเค้ารวบรวมเอาสิ่งของจากยุคเก่าตั้งแต่เริ่มสร้าง ประเทศมาเลเซียมาจนถึงปัจจุบันเอาไว้ มีทั้งของเก่าที่ยังสภาพดี อย่างกระป๋องไมโลอายุ 60 ปี ถ่านไฟฉายรุ่นแรก และความเป็นมาว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เข้ามามีบทบาทในมาเลเซียได้ยังไง เราใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงเพื่อเดินชมของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ยังคงสภาพเหมือนใหม่... ที่ส�าคัญการจัดวางของโชว์ของที่นี่ค่อนข้างใกล้ชิดกับผู้ชมจน สามารถสัมผัสได้ มีก็แค่ของชิ้นเล็กที่มีมูลค่ามากที่ต้องเก็บไว้ในตู้ กระจก ที่ถูกใจเพื่อนร่วมทริปชาวนิวซีแลนด์ที่สุดคงจะเป็นแผ่นเสียง วงโปรดจากวันวานที่เคยฟัง การที่ได้เห็นแผ่นเสียงเพลงร็อครุ่นคุณ พ่ออีกครั้ง
Time Tunnel Café กาแฟสตรอเบอรี่รสดีกับขนมปังไข่ลวก หัวหน้าแก๊งค์พาเดินออกจากถ�้ากาลเวลาแล้วเลี้ยวซ้ายไปยัง Time Tunnel Café ดูเหมือนเมนู เด็ดของที่นี่จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากสตรอเบอรี่ เมื่อบวกเอานิสัยการดื่มชาและกาแฟของคนมาเลเซีย เข้ากันผลิตผลของพื้นที่นี้จึงท�าให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมานั่นก็คือ “กาแฟสดสตรอเบอรี่” กลิ่นหอม ของกาแฟกับขนมปังกระเทียมคู่ซุปเห็ดและขนมปังที่ราดหน้าด้วยไข่ลวกช่างเป็นอะไรที่ชื่นใจที่สุด จุดเด่น ของร้านกาแฟ Time Nunnel Café อยู่ที่วิวของไร่สตรอเบอรี่ที่สามารถมองผ่านหน้าต่างลงไปเห็นคน งานก�าลังดูแลและเก็บสตรอเบอรี่กันแบบสดๆ มองดูนาฬิกาก็พบว่าเวลาล่วงเลยมาถึงเกือบ 4 โมงเย็น ได้เวลาพักผ่อนเก็บเกี่ยวบรรยากาศพระอาทิตย์ตกที่โรงแรมซะที วันนี้เป็นวันสุดท้ายก่อนจะโบกมือลา ที่ราบสูงคาเมรอนในเช้าวันพรุ่งนี้… ในที่สุด FRM ก็สามารถพิชิตภูเขาลูกที่ 3 ได้ส�าเร็จแถมเก็บภาพบรรยากาศสวยๆ มาฝากคุณ ผู้อ่านให้รู้สึกเหมือนได้ไปอยู่ที่นั่นกับเราเลยทีเดียว เล่มหน้าเราจะออกเดินทางไปต่อยังภูเขาลูกที่ 4 Titiwangsa กับป่าฝนเขตร้อน !? For Ride Magazine February 2013 49
: E A R d e e p S
orld! w e h t e v a s n a c When you ปีใหม่ก็ต้องมีอะไรใหม่เข้ามาให้ดูกันบ้าง งานนี้บริษัทผู้ผลิตชุดหนัง ชื่อดังจากไต้หวันเข้ามาจับมือกับ FRM ส่งชุดแข่งตัวเก่งมาให้เราได้ทดสอบ กัน โชคดีที่ได้เข้าร่วมงานทดสอบรถสุดยิ่งใหญ่แห่งปี “Bike of The Year 2013” ท�าให้เรามีโอกาสได้ใส่ชุดหนังตัวนี้ลงทดสอบในสนามไปด้วยในตัว... ลองอ่านบททดสอบนี้ดูแล้วจะรู้ว่า “ของไต้หวันก็มีดี”
ประวัติความเป็นมาของ Speed-R บริษัทผู้ผลิตชุดหนังงและชุดขับขี่มอเตอร์ไซค์ Speed-R อยู่ในวงการนี้มากว่า 30 ปีแล้วครับ ที่ส�าคัญเป็นแบรนด์ที่มี ต้นก�าเนิดในประเทศไต้หวัน เรียกว่าผลิตเองแล้วก็ขายให้คนใน ประเทศได้ใช้กันเอง จนเริ่มได้รับความนิยมและเริ่มแพร่หลายใน หลายประเทศรวมถึงประเทศไทยด้วย สาเหตุที่ Speed-R ได้รับ ความนิยมก็เพราะราคาค่าตัวที่ไม่แรงมากบวกกับคุณภาพชิ้นงาน ที่ “เซฟ” ได้มาตรฐาน เชื่อว่าไม่มีใครอยากขี่รถแล้วล้มหรอก ครับ แต่ถ้ามีชุดขี่มอเตอร์ไซค์ดีๆ ซักชุดก็คงช่วยผ่อนหนักเป็น เบา ลดอาการบาดเจ็บจากการล้มทั้งในสนามและบนถนนจริง เรามาดูกันว่าชุดหนังราคา “หมื่นกลางๆ” จะมีคุณภาพเป็นยัง ไงกันบ้าง?
Speed-R AE The limited American Flag Edition โดยมากเวลาดูงานแข่งตามสนามต่างๆ เราก็เห็นแต่ชุดหนัง สีด�า-ขาว แดง ฟ้า ขาว แต่ครั้งแรกที่ได้เห็นชุด Speed-R AE นี้ใน แคตตาล็อกเราก็รู้สึกปิ๊งขึ้นมาทันที แล้ว Speed-R ที่ไต้หวันก็อนุมัติ จัดชุดไซส์ 56 มาให้ทดสอบ ครั้งแรกที่แกะกล่องออกรู้สึกได้ว่า “กลิ่นชุดหนังใหม่” มันช่างหอมซะจริง ชุดที่ส่งมามีพลาสติกหุ้มอย่าง ดีโดยเฉพาะในส่วนของการ์ดไททาเนี่ยม ส�ารวจดูรอบๆ ชุดพบว่างาน เนื้อหนังและสีค่อนข้างเนียม ลองดึงและพับชุดหนังพบว่าไม่มีอาการ “แตก” ของสี ชุดหนังตัวนี้มาพร้อมการ์ดอ่อนที่ศอก การ์ดอ่อนที่ไหล่ และ การ์ดแข็งที่เข่า บริเวณกลางหลังเป็นการ์ดอ่อน ลองสวมใส่ดูพบว่า ไซส์ 56 พอดีกับส่วนสูง 189 ซม. ทั้งไหล่ศอกและเข่าเข้าล็อคลงตัว ลองขยับซ้ายขวาพร้อมเปลี่ยนท่าเป็นนั่งหมอบก็พบว่าคล่องตัว ที่เรา ชอบก็คงจะเป็นโหนกหลังที่ใหญ่แต่นุ่ม เมื่อลองสวมหมวกกันน็อคแล้ว ท�าท่าเสมือนขี่รถสปอร์ตก็พบว่าโหนกหลังเว้าเป็นร่องเข้ากับหมวก กันน็อคได้พอดีไม่มีการติดขัด มีจุดสังเกตเล็กน้อยตรงข้อมือที่รู้สึก ว่าข้อมือค่อนข้างกว้าง (เค้าอาจออกแบบมาส�าหรับคนตัวใหญ่แขน ใหญ่)...โดยรวมส�าหรับการลองสวมใส่เป็นเวลา 15 นาทีนับว่าโอเค แต่ใส่ชุดหนังทั้งทีก็ต้องลองใส่ขี่ในสนามแข่งดู! 50 For Ride Magazine February 2013
Speed-R AE Track Test ช่วงแรกที่สวมชุด Speed-R อยู่กับที่ก็รู้สึกได้ถึงความร้อน แต่เมื่อ ลมพัดผ่านก็รู้สึกถึงความเย็นที่ผ่านรูเล็กๆ ของชุดหนังเข้ามากระทบกับตัว นักทดสอบ เมื่อได้ลองขี่รถวนรอบสนามความร้อนที่มีก็หายไปสายลมและ ความเร็วของรถ เรียกได้ว่าชุด Speed-R มีการระบายความร้อนผ่านรูเล็กๆ และจุดระบายความร้อนที่ไหล่และข้อศอกได้ดี ใช้เวลาอยู่ในสนามเป็นชั่วโมงก็ ยังคงรู้สึกสบายไม่ร้อนจนละลายอยู่ในชุด เริ่มจากการทดสอบขี่รถออโตเม ติก...ชุดหนังตัวนี้สามารถให้ตัวได้สามารถนั่งท่าขี่รถออโตเมติกทั่วไปได้สะดวก แม้ว่ารถบางรุ่นจะเล็กจนท�าให้เข่าต้องมากเป็นพิเศษ แต่บริเวณหัวเข่าและก้นกบ มีส่วนที่สามารถยืดได้ท�าให้สามารถปรับท่านั่งให้เข้ากับรถได้อย่างลงตัว เมื่อ เปลี่ยนมาขี่รถที่ใหญ่ขึ้นอย่าง CBR 250 ก็พบว่าทุกจุกหมุนของร่างกายไม่ ว่าจะเป็นศอก เข่า หรือ ไหล่ก็สามารถขยับได้อย่างอิสระ แม้จะถูกจ�ากัดด้วย การ์ดตามจุดต่างๆ แต่ร่างกายสามารถขยับได้ตามมุมที่ควรจะเป็น ไม่ฝืน และไม่หลวมเกินไป Speed-R เมื่อโดนเหงื่อก็เริ่มฟิตกระชับเข้ากับร่างกายแต่ ด้วยไซส์ 56 ซึ่งพอดีกับตัวนักทดสอบเป๊ะกลับไม่ท�าให้รู้สึกอึดอัดจนกระทั่ง จบการทดสอบ...เมื่อลองหมอบบนรถสปอร์ตก็รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัว รถ ทั้งโหนกหลังที่แนบไปกับหมวกกันน็อคแถมยังมีพื้นที่ให้ขยับหัวได้เล็กน้อย ข้อศอกและเข่าสามารถล็อคกับตัวรถได้พอดี มีจุดสังเกตนิดเดียวคือบริเวณ เป้ากางเกงที่ต�่าท�าให้ขยับตัวได้ล�าบาก (อารมณ์เหมือนใส่กางเกงหลุดก้น) แต่คาดว่าปัญหาน่าจะมาจากต้นขาที่ใหญ่เกินไปของนักทดสอบเอง...ส�าหรับ ชุดหนังราคาหมื่นกลางๆ ที่ตัดออกมาเป็นค่ามาตรฐานส�าหรับรองรับกับ คนไซส์อย่างเราสามารถรองรับการขับขี่หลายชั่วโมงในสนามได้ขนาดนี้ก็นับ ว่ายอดเยี่ยมแล้วครับ อาจมีบางคนบอกว่า...ชุดหนังที่ดีต้องสั่งตัดให้พอดี กับตัว...แต่ถ้างบประมาณมีไม่มากบวกกับเป็นห่วงในความปลอดภัยของตัว เอง...Speed-R เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีครับ ส�าหรับคนที่มีค�าถามว่า “มา จากไต้หวันแบบนี้แล้วมีขายในไทยมั้ย?” มีครับที่ร้าน ProShop Paddock ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมที่ 02-692-7000 ว่าแล้วก็มาดูคะแนนกันดีกว่า
FRM Score : Design : Material : Fitness : Performance : Price :
10/10 9/10 9/10 9/10 10/10
ลายกัปตันอเมริกาพร้อมโหนกลายธงชาติถูกใจที่สุด ช่วงชิ้นส่วนที่เป็นผ้าควรจะเป็นผ้าที่ยืดและให้ตัวได้มากกว่านี้ แต่บวกคะแนนให้กับการ์ดไททาเนี่ยม มีช่วงข้อมือที่ใหญ่ไปหน่อยและช่วงขาที่เล็กไปนิด...แต่คงต้องโทษตัวเองก่อนที่อ้วนเอง ระบายความร้อนดีใส่กระชับเคลื่อนไหวคล่องตัว (ยังไม่เคยลองล้มดูว่ามันช่วยป้องกันได้ดีแค่ไหน) สมราคา! ราคาขายในประเทศไต้หวันอยู่ที่ 16,800 บาท (ที่ร้าน Paddock ขายอยู่ที่ 14,500 บาท)
For Ride Magazine February 2013 51
Forma Ice AB17 Karel Abraham Edition: Color 'n Cool รองเท้า Forma เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ไรดิ้งเกียร์จากอิตาลี่ที่น่าจับตามอง...ท�าไม ต้อง Forma ? เพราะดีไซน์สวยถูกใจและที่ส�าคัญ “ไม่ซ�้าใคร” ส่วนที่มาของการเลือกสี รองเท้า “เตะตา” ขนาดนี้ก็เพื่อให้เข้ากับชุด Speed-R ซึ่งมีโทนสีน�้าเงิน-ขาว-แดงนั่นเอง เรามาเริ่มกันที่ “ที่มา” ของรุ่นพิเศษนี้กันดีกว่า
The AB17 AB 17 เป็นชื่อย่อจากนักแข่ง MotoGP ลูกชายเจ้าของสนาม Brno แห่งตระกูล Abraham เค้าคือ Karel Abraham (คาเรล อับบราฮัม) ซึ่งเลขประจ�าตัวของเค้าคือเบอร์ 17 ปีที่แล้ว Karel เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับรองเท้า Forma ซึ่งเป็นธรรมเนียมของผู้ผลิตอุปกรณ์ขับขี่ มอเตอร์ไซค์ทุกค่ายที่จะท�าชุดแข่งหรือรองเท้าเป็น “ลายพิเศษ” เพื่อบ่งบอกว่านักแข่งคนนี้แหละ ใส่อุปกรณ์ของเค้า ในที่สุด Forma ก็มีรองเท้าลายพิเศษสีเดียวกับรถและชุดแข่งของ Karel นั่น ก็คือสีขาว ฟ้า แดง เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัว...บริเวณหน้าเท้าจะมีลวดลายเบอร์ 17 พร้อมด้วยธงชาติของสาธารณรัฐเชคบ้านเกิดของเค้า...สวยภายนอก แล้วภายในล่ะใส่เป็นยังไง?
The Performance Boots เนื่องจากนักทดสอบทั้ง 2 คนของ FRM ต่างก็เป็นแฟนของ Forma และเลือก ใช้ Forma ในการทดสอบรถหรือเดินทางไกลอยู่แล้ว เราจึงสามารถบอกเล่าความรู้สึกและ ประสิทธิภาพของเจ้า Forma Ice ได้ดีเหมือนรีวิวเท้าตัวเองยังไงยังงั้น เริ่มจากนาทีแรก ที่ได้ลองใส่ Forma Ice ก่อนเลย...รูปซิปทรงเฉียงด้านในเท้าลงไปจนสุด ปลดทุกอย่างที่ ล็อคให้หมดแล้วลองสวมดู...เบอร์รองเท้าที่เราใช้คือ 45 แล้ว Forma คู่นี้ก็เข้ากับเท้าเรา พอดีเป๊ะไม่ขาดไม่เกิน จากนั้นรูดซิปขึ้นพร้อมล็อคสายคาดที่หลังเท้า จากนั้นล็อคเบลท์ ด้านหลังน่องให้พอกระชับ ในช่วงแรกบอกได้ว่าการสวมใส่หรือถอดรองเท้าคู่นี้ท�าได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก แค่ปลด 2 ล็อคแล้วรูปซิป เช่นเดียวกันกับตอนใส่....ข้อแตกต่างระหว่าง Forma Ice ธรรมดากับ Forma Ice AB17 คือ แผ่นผ้าปลายซิปเป็นผ้าไม่ใช่หนัง จุดนี้ไม่น่ามีผล กับการปกป้องเท้า ขยับต่อมาที่สายรัด...รุ่น AB17 จะมีสายรัดที่ยาวกว่า Ice ธรรมดา เหมาะกับคนน่องใหญ่ ส่วนคนที่ขาเล็กเกินไปก็สามารถขยับเลื่อนสายรัดขึ้นอีก 1 ล็อคได้ เช่นกัน เมื่อลองยืนขึ้นจะรู้สึกถึงความต่างระดับเล็กน้อยของพื้น...จุดนี้แหละที่ท�าให้รู้สึก สบายเมื่อต้องขี่รถเป็นเวลานาน โดยเฉพาะรถสปอร์ตที่สามารถใช้ช่วงยกระดับใต้เท้าล็อค ไว้กับพักเท้า จุดเด่นอีกจุดของ Forma Ice คือ “ช่องระบายอากาศเปิด-ปิดได้” บริเวณ ข้างเท้าด้านนอกจะเห็นช่องเปิด-ปิดแบบสไลด์ นั่นแหละช่องระบายความร้อนและดักลมเย็น เข้าไปเวลาขี่รถ เพราะ Forma รุ่นนี้ใส่แล้วรู้สึกเย็นจึงได้ชื่อรุ่นว่า Ice 52 For Ride Magazine February 2013
Road Tested – Track nailed ส�าหรับการทดสอบลงสนาม Forma Ice ให้ความรู้สึกมั่นใจช่วย ให้การขับขี่สนุกขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เมื่อไม่มีเรื่องให้กังวลก็สามารถเดิน คันเร่งได้อย่างมั่นใจ ชิ้นส่วนเสริมอย่าง Sensor ปลายเท้าท�าจากโลหะ ผสมประเภทอลูมิเนียมอย่างดีแถมหนาพอสมควร จากการลองขี่จน เซ็นเซอร์ครูดกับพื้นพบว่าต้องใช้เวลาพอสมควรชั้นโลหะจึงสึกเข้าไป จนถึงชั้นพลาสติกสุดท้าย ส�าหรับการขับขี่บนถนนแบบทัวริ่ง Forma Ice ก็ยังคงให้ความรู้สึกมั่นใจ กระชับตลอดการเดินทาง จุดเด่นที่รู ระบายอากาศช่วยให้ความร้อนไม่เป็นอุปสรรคในการใส่รองเท้าบูทอีก ต่อไป จุดหมุด Axial ตรงข้อเท้าที่เชื่อมชิ้นพลาสติก Chin Guard และข้อเท้าไว้ด้วยกัน แม้มันจะจ�ากัดองศาการขยับเท้าแต่ก็ยังสามารถ ปรับเปลี่ยนท่านั่งขับขี่ได้อย่างคล่องตัว ในทางกลับกันตัวบล็อกเข้า เท้ากับช่วยให้ไม่เมื่อยเมื่อต้องอยู่บนหลังรถคู่ใจเป็นเวลานาน ตอกย�้า ความเป็น “Ice” ด้วยลวดลายตรงบริเวณ “Gear Shifter” หรือตรง ต�าแหน่งที่เท้าจะต้องสัมผัสกับคันเกียร์ นอกจากช่วยให้ไม่ลื่นและรู้สึก นุ่มเท้าเวลาเข้าเกียร์แล้วมันยังดู “เท่” มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองอีก ด้วย สรุปว่า Forma Ice เป็นรองเท้าบูทอีก 1 รุ่นที่น่าสนใจ ทั้งวัสดุ การออกแบบ เทคโนโลยีและชิ้นส่วนป้องกันเท้าสุดรัก ตอนนี้โอกาสเป็น ของคนที่ไม่อยากซ�้าใครแล้วครับกับ Forma Ice Karel Abraham AB17 Limited Edition
ซื้อได้ที่ไหน ? ไปที่ตัวแทนจ�าหน่ายอย่างเป็นทางการ เลยครับ ที่ ProShop Paddock เค้ามี Forma ทุกรุ่นทุกสีทุกลายให้เลือก ส�าหรับ Forma Ice AB17 ที่เราใส่มีราคาค่าตัว อยู่ที่ 8,950 บาท....ส่วน Forma Ice ธรรมดามีค่าตัวอยู่ที่ 7,950 บาท ติดต่อ สอบถามเพิ่มเติมที่ 02-692-7000 หรือเข้าไปชมสีอื่นๆของ Forma ได้ที่ http://www.paddock.co.th
FRM Score : Design : Color : Protection : Comfortable : Price :
10/10 10/10 9/10 9/10 11/10
ไม่ใหญ่เกินไป ไม่เล็กเกินไป สีเจ็บเตะตาโดนใจ ถ้วยตรงส้นเท้าน่าจะท�าจากโลหะเพื่อการป้องกันสูงสุด แต่ส่วนอื่นพร้อมปกป้องดีเยี่ยม รู้สึกบีบตรงนิ้วก้อยเล็กน้อยเมื่อต้องลงเดิน แต่เมื่อขี่รถกับไม่รู้สึกอะไร ถูกมากกกกก 8,950 เท่านั้น ส�าหรับลายพิเศษ!!
ขอบคุณการสนับสนุนรองเท้าตัวจริงเสียงจริงจาก ProShop Paddock ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ For Ride Magazine February 2013 53
INTER NEWS Karel เบื่อ Ducati GP 12 เปลี่ยนมาขี่ Aprilia ART ลุยศึก MotoGP ปีนี้
นี่ก็คู่ใหม่รถใหม่ลายใหม่ Ducati Desmosedici GP12 มีการสลับขยับย้ายตัวนักแข่งกันเป็นว่าเล่นในฤดูกาลแข่งขัน 2013 ที่จะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่เดือนนี้ เช่นเดียวกันทีม Ducati ที่ได้นัก แข่งคนใหม่ Andrea Dovizioso (อังเดร โดวิสิโอโซ่) กับหมายเลข 04 เคียงคู่กับ Nicky Hayden (นิกกี้ เฮย์เด้น) แม้ทีม Ducati จะ เสียรอสซี่ไปแต่ก็ได้ตัวแรงมาทดแทนเช่นกัน คอยดูกันต่อไปกับผล งานปีนี้ของทีม Ducati
เผยโฉมตัวแข่งทีม Repsol Honda กับนักบิดคนใหม่ Marc Marquez
หลังจากมีข่าวออกมาเมื่อปลายฤดูกาลแข่งขัน MotoGP ปีที่แล้วว่า Karel Abraham จะเปลี่ยนรถที่ขี่จาก Ducati GP12 ไปเป็นรุ่นอื่น เหตุผลก็เพราะความ รู้สึกผิดหวังกับผลงานการแข่งในปีก่อน ล่าสุด Karel ได้เปิดตัวรถใหม่ล่าสุดของ ทีม Cardion AB Motoracing ปีนี้ทั้งปี Karel จะควบ ART ซึ่งเป็นรถซัพพอร์ท ส�าหรับทีม CRT เป็นรถของ Apriliia เนื่องจาก Karel ติดใจเจ้า ART คันนี้จาก สนามวาเลเซียประเทศสเปนปีก่อน แม้ทาง MotoGP จะมีกล่อง ECU ให้กับทีม CRT แต่ Karel บอกกับนักข่าวว่าเค้าและทีมจะเลือกใช้กล่อง ECU ของ Aprilia…แค่เปิดตัว รถออกมาก็มันแล้ว!! ปีนี้ในศึก MotoGP 2013 มีอะไรสนุกๆ ให้ดูแน่นอน
ถึงจะเป็นงานเปิดตัวลายรถใหม่ของทีม Repsol Honda ในศึก MotoGP 2013 แต่ไฮไลท์ของงานกลับไปอยู่ที่เจ้าหนู มาร์ค มาเกส เพราะถูกใครต่อใครเล็งว่าเป็นตัวจี๊ดของปีนี้ ปีก่อนเค้าคว้าแชมป์รุ่น Moto2 ปีนี้ขยับขึ้นมาลุยกับรุ่นใหญ่ใน MotoGP…ถ้ายังจ�าลีลาการ ขับขี่ของเค้าได้ ปีนี้จับตาดูไอ้หนูคนนี้ให้ดี เบอร์ 93 มาร์ค มาเกส
หมวกใหม่ของ Lorenzo HJC Rpha-10 จะออกมาโลดแล่นในสนามปีนี้!! หลังจากโบกมืออ�าลาหมวกแบรนด์อิตาลี่ X-Lite แล้วหันมาลองกินกิมจิกับ หมวกของเกาหลี HJC รุ่น Rpha-10 ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด และแล้วลวดลาย ใหม่ก็ออกมาให้ชาวโลกยลโฉมกัน ลวดลายไม่แตกต่างจากตอนที่เป็น X-Lite มากนัก จะมีก็แค่โลโก้ Rockstar Energy Drink หายไปแล้วแทนที่ด้วย Monster Energy Drink แทน ดูแต่ภาพนิ่งมันไม่ได้อารมณ์...ต้องรอดูแอ็คชั่นจริงๆ ในสนาม! 54 For Ride Magazine Febuary 2013