ISSUE 07 MAY 2013
News Update ............................................ 6 Suzuki Let's Premium ...........................12
สดใหม่ สไตล์สปอร์ต พรีเมี่ยม
Yamaha Thailand Racing Team ...........16
โชว์ฟอร์มเทพ!! ขย่มนักแข่งญี่ปุ่นคว้าแชมป์อีกครั้ง
Hot Pick Of Month ................................20 2013 Kawasaki Ninja 250 “The Lil’ Screamer” Hot Pick Of Month Double ..................26
Message From EDITOR
16
ช่วงนี้วิถีชีวิตของผมต้องเดินทางออกต่างจังหวัดอยู่เป็นประจ�า ด้วย ภารกิจที่ต้องเดินสายร่วมท�ากิจกรรมกับยามาฮ่าอย่างกิจกรรม “ท้า ประหยัด...ขั้นเทพ กับ สปาร์ค 115 หัวฉีดใหม่” ซึ่งก็ท�าให้ได้พบเจอกับ พฤติกรรมการขับและขี่ การใช้รถใช้ถนนแบบหลากหลายสไตล์กันเลยทีเดียว... บอกได้เลยว่าผู้ขับขี่ “ส่วนใหญ่” ไม่น่าจะมีความรู้หรือไม่ก็อาจจะไม่ใส่ใจเกี่ยวกับ กฎจราจรและมารยาทในการขับขี่มากเท่าที่ควร เพราะส่วนใหญ่จะใช้รถใช้ถนนกันแบบ “เอาสะดวก” และถือกฎ “ตามใจ ฉัน” กันเป็นหลัก เนื่องจากหลายๆ ครั้งที่ผู้ขับหรือผู้ขี่จะออกอาการการขับขี่ รถกันในลักษณะ “กินลมชมวิว” ไปเรื่อยๆ นึกอยากจะเลี้ยวก็เลี้ยวแบบไม่ให้ รถคันหลังได้ทันตั้งตัว หรืออยากจะจอดบางทีก็จอดซะเฉยๆ โดยไม่สนว่าการ จราจรด้านหลังจะติดขัดกันอย่างไรหรือไม่ หรือจะเป็นการที่แซงออกมาโดยไม่ ดูรถที่มาจากด้านหลัง เป็นต้น ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้แหละที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบน ถนนอยู่เป็นประจ�า และที่พบเจออยู่เป็นประจ�าๆ ก็คือ “ขับช้าวิ่งขวา” โดยที่ไม่แยแสว่า “รถ เร็ว” ที่ไล่หลังมานั้นเค้าจะผ่านไปได้อย่างไร เพราะว่าด้านซ้ายก็ติดรถช้าซึ่ง ปฏิบัติตามกฎ ท�าให้บางครั้งช่องทางการจราจรต้องติดขัดหรือชะลอตัวเป็น ระยะทางยาว เพียงเพราะรถช้าวิ่งขวาที่เห็นแก่ตัวหรือไร้จิตส�านึกเพียงแค่คัน เดียวเท่านั้น... เรื่องเหล่านี้เป็นปัญหาที่จะว่าแก้ไขยากก็ไม่เชิง แต่มันเป็นเรื่องของ “จิตส�านึก” และ “ความรับผิดชอบ” ในการใช้รถใช้ถนนของแต่ละบุคคลเป็น หลัก ซึ่งถ้าผู้ขับขี่ทุกคนรู้จักที่จะเรียนรู้เรื่องกฎจราจรและมีมารยาทในการขับขี่ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดแล้ว...เชื่อเหลือเกินว่าปัญหาเหล่านี้ก็จะลดน้อยลง อย่างแน่นอนครับ!!!
นพดล แผงเพชร
บรรณาธิการบริหาร nnaiae@gmail.com
Honda MSX125 “The Boy Toy”
The Journey ............................................32
Lost and Found in Taiwan!
Around The World .................................36
ไปให้สูงสุดในสวิสเซอร์แลนด์
TechKnow................................................. 40
CE มันคือ...?
MotoGP Report #1 ................................. 44
History Time : Losial International Circuit – Doha, Qatar
MotoGP Report #2................................ 47
Track Drill : COTA: Circuit of The Americas
Crazy Gadgets ......................................50
มีแต่ของเจ็บๆ โดนๆ
Gear Hunter ...........................................52
กระชากความร้อนด้วยเสื้อเย็นจาก Rev’IT
Recommended Product ...................... 54
YAMALUBE CHAIN LUBE
26
52 facebook.com/FRMfans
e-mail : forridemagazine@gmail.com
CONTENT
20
FRM TEAM
Executive Editor : Editorial : Special Guest : Graphic Design : Photographer :
12
Nopdon Phaengphet นพดล แผงเพชร Kampol Gaensuwan กัมพล แก่นสุวรรณ์ Komz Giggs Mr. Black
Nicky PH & Franco Angeloni VEDETT /////
Komkrit Sakulvilailerd คมกริช สกุลวิไลเลิศ FRM Team
บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา : นพดล แผงเพชร โรงพิมพ์/เพลท : เอส.ออฟเซ็ทกราฟฟิคดีไซน์ จัดจ�าหน่าย : บริษัท ส�านักพิมพ์ นุชนารถ จ�ากัด ส�านักงาน ฟอร์ไรด์แมกกาซีน : 12/76 ซอยนาคนิวาส 59 ถนนนาคนิวาส แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230 โทร. 0-2932-8716, 08-9499-1927
อัพดีไซน์ใหม่ ให้ทุกสัมผัสเร้าใจ และ พรีเมี่ยม ยิ่งขึ้น โฉมใหม่ ซูซูกิ เล็ทส์ ที่พร้อมให้คุณสัมผัส อัพดีกรีเร้าใจกว่าเดิม การันตีสวยทุกมุมมอง หรูทุกอณู และที่ส�าคัญด้วยแนวคิดพรีเมี่ยมดีไซน์ ที่ตอบโจทย์ได้โดนใจมากขึ้น
สัมผัส ซูซูกิ เล็ทส์ ใหม่...สัมผัสทุกความพรีเมี่ยม!! อัพหัวใจคุณให้เต้นเร็วและรัวยิ่งขึ้น สัมผัสความเหนือระดับกับ กราฟฟิกโมโนแกรม สุด หรูรายรอบตัวรถคันนี้ !! นี่คือที่สุดของการออกแบบและดีไซน์ ทีมออกแบบของซูซูกิพัฒนา แนวคิดไปอีกขั้น กับลวดลายกราฟฟิกเรียบหรู ดูดี ที่ให้คุณ Cool กว่า !! และสะดุดตาตั้งแต่ แรกพบ ประทับใจเมื่อได้เป็นเจ้าของ พัฒนาไปอีกระดับ อัพความหรู ด้วยดีไซน์ระดับมาตรฐานรถสกู๊ตเตอร์ระดับโลก ซูซูกิ พร้อมอัพทุกดีกรีความร้อนแรงไปกับ สไตล์ทูโทน เท่ด้วยล้อแม็ก 3 ก้าน ให้คุณเท่กว่าใคร เติม เต็มทุกความไฮ ด้วย เล็ทส์ พรีเมี่ยม โลโก้ 3D ที่ให้คุณสะดุดตาตั้งแต่แรกเจอ ขี่ซูซูกิ เล็ทส์ พรี เมี่ยม คันเก่งคู่ใจคันนี้ไปไหนต่อไหน ไม่ต้องอายใคร คนน�าเทรนด์อย่างเรา จะซ่าส์ทั้งที วันนี้.. ต้องซ่าส์คู่กับ ซูซูกิ เล็ทส์ ใหม่ ที่ต้องตาต้องใจกับความพรีเมี่ยม ใครเห็นก็กรี๊ด…ซูซูกิ เล็ทส์ ใหม่ คันนี้อย่างแน่นอน !!
ที่สุด...ของการดีไซน์ ที่ผสานความหรูหราและเรียบง่าย สะท้อนไลฟ์สไตล์ของตัวคุณเอง ซูซูกิ เล็ทส์ ใหม่ การันตี 360 องศา หรูหราทุกมุมมอง ด้วยการผสมผสานกลิ่นไอความโมเดิร์นด้วย กราฟฟิกแนวโมโนแกรม ใหม่ ที่ไม่ซ�้าใครให้คุณโดดเด่น กว่าใคร เชื่อสิ !! For Ride Magazine May 2013 13
New Launch
พรีเมี่ยมไปกับ LEaP Technology (ลีพ เทคโนโลยี) ที่ให้คุณประหยัดพร้อมๆ กับกำรขับขี่ที่สบำยยิ่งกว่ำ… แนวคิดใหม่ของรถจักรยานยนต์ออโตเมติกสุดยอดประหยัด ด้วย LEaP Technology พร้อมหัวฉีด Fi ใหม่ ประหยัดน�้ามันเชื้อเพลิงถึง 56 กม./ลิตร ขนาดกะทัดรัด น�้าหนักเบา แต่แข็งแรง ดีไซน์เบาะต�่าขับสนุก ขับขี่ง่าย ได้ใจคนรักอีโค่ พร้อมราคาเบาๆ ที่ใครๆ ก็เป็น เจ้าของได้อย่างสบายๆ ซูซูกิ ยังคงสานต่อแนวคิดรักษ์โลก ด้วยการน�าเสนออีกระดับของเทคโนโลยี เพื่อ คุณ เพื่อเรา เพื่อโลกวันนี้ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กับ LEaP Technology ซึ่ง LEaP Technology มาจาก (Light Efffiificient and Powerful)
สุดยอด LEaP Technology Light : เครื่องยนต์ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีขนาดกะทัดรัดและน�้าหนัก เบาเพื่อลดการสูญเสียพลังงานเชิงกลและลดแรงเสียดทานแต่ยังคงความ แข็งแรง ทนทานตลอดการใช้งาน Efffiificient : ดีไซน์ระบบส่งก�าลังขับเคลื่อนอัตโนมัติ CVT (Continuously Variable Transmission) ใหม่ พร้อมติดตั้งต�าแหน่ง หัวฉีดใหม่ให้ใกล้ห้องเผาไหม้มากขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการท�างานของ เครื่องยนต์ และประหยัดเชื้อเพลิงได้ดีเยี่ยม and Powerful : เครื่องยนต์ขนาด 112.7 ซีซี ที่ได้รับการออกแบบ ใหม่ให้ก�าลังและแรงบิดที่ดีเยี่ยม ตอบสนองทุกอัตราเร่งได้อย่างมี ประสิทธิภาพ
แรงบิดทรงพลัง LEaP Technology ให้ก�ำลังและแรงบิดที่ตอบสนอง ทุกสภาพการขับขี่ได้ดั่งใจในทุกอัตราเร่ง แม้ในรอบ ความเร็วต�่า เครื่องยนต์ก็ยังคงท�างานอย่างมีประสิทธิภาพ และยังคงให้แรงบิดเพียงพออย่างต่อเนื่องในรอบความเร็ว สูง ช่วยให้ผู้ขับขี่ได้รับความเพลิดเพลินและสนุกสนานไป กับการขับขี่รถจักรยานยนต์ ซูซูกิ เล็ทส์ พรีเมี่ยม ใหม่ ได้ อย่างมั่นใจ นี่แหละมอเตอร์ไซค์ของคนอีโค่ !! 14 For Ride Magazine May 2013
Suzuki Let’s Premium ซูซูกิ เล็ทส์ พรีเมี่ยม พร้อมยึดครองหัวใจคนไทยทั่วประเทศ ซูซูกิ มุ่งมั่น ทุกรายละเอียดต้อง พรีเมี่ยม !! เพียบพร้อม ด้วยมาตรฐานระดับโลกของ ซูซูกิ เสริม ทัพ ทุกความเท่ครบเครื่องดังนี้...
หรูหรำกับแผงหน้ำปัดขนำดใหญ่
ครบครันด้วยมาตรวัดและไฟสัญญาณเตือน Fi ชัดเจน อ่านง่าย
ระบบกุญแจนิรภัยแบบ 2 ชัน้ ล็อคสะดวก มั่นใจทุกครั้งที่จอด ด้วยระบบล็อค 2 ชั้นแบบแม่เหล็ก สนิท แน่น เอาอยู่ !!
โคมไฟหน้ำสปอร์ตสุดหรู
ขนาดใหญ่ ด้วยไฟหน้าแบบ มัลติรีเฟลกเตอร์ ในสไตล์ซูซูกิบิ๊กไบค์ พร้อมไฟหรี่สุดเดิ้นสว่างชัดแม้ในยามค�่าคืน...
ล้อแม็กใหม่ ลุคสปอร์ต เข้มดุดัน
อัพความเท่แบบครบเครื่อง กับล้อแม็กสุดเท่ สีด�า(ดุ) พร้อมลุยทุกเส้นทาง!!
พรีเมี่ยมอีกขั้น งานนี้จะเหลียว ซ้ายแลขวา มั่นใจ ชัดเจน ชัดจริง !!
ดีไซน์ใหม่ ขนาดใหญ่ หยิบง่ายใส่สะดวก ใช้งานสนุก อยากใส่อะไรก็ใส่ได้ ครบครัน
ซูซูกิ พร้อมแล้ว ที่จะให้คุณได้สัมผัสกับ 2 สไตล์ล่าสุด ที่พร้อมมัด ใจคุณตั้งแต่แรกพบ ชอบหล่อใหญ่ จัดไป สีขาว-น�้าตาล (KFC) และ รัก หล่อเล็ก สีด�า-น�้าตาล (AJR) ที่เชื่อมั่นว่า..คุณจะต้องหลงเสน่ห์ตั้งแต่ ครั้งแรก งานนี้ รับรองว่า จะตัดสินใจคบใคร เป็นคู่ใจคันใหม่ คุณต้อง เลือกยากแน่นอน !! ใหม่ ! ซูซูกิ เล็ทส์ พรีเมี่ยม พร้อมราคาเปิดตัวแบบ พรีเมี่ยมๆ เพียง 43,500 บาท Suzuki Let’s Premium ที่สุด...ของการดีไซน์ ที่ผสานความหรูหรา และเรียบง่าย สัมผัส ซูซูกิ เล็ทส์ ใหม่...สัมผัสทุกความพรีเมี่ยม !! หรูๆ โดนๆ...ไปลองของใหม่กันดีกว่า !! For Ride Magazine May 2013 15
Suzuki Let’s Premium
กระจกข้ำงโครเมีย่ มสุดหรู
ช่องเก็บของด้ำนหน้ำสุดฮิป
นักแข่งทีม
“ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรชซิ่ง ทีม”
โชว์ฟอร์มเทพขย่มนักแข่งญี่ปุ่นคว้าแชมป์อีกครั้ง!!!
ศึก “MFJ Superbike All Japan Road Race Championship 2013” สนามที่ 1 ศึกชิงความเป็นจ้าวแห่งความเร็วที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่น รายการ “MFJ Superbike All Japan Road Race Championship 2013” เปิดฤดูกาลขึ้นแล้ว อย่างเป็นทางการ โดยในปีนี้ทีม “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรชซิ่ง ทีม” ซึ่งเป็น 1 เดียวของ ทีมนักแข่งจากประเทศไทย ยังคงเข้าร่วมการแข่งขันแบบเต็มฤดูกาลอีกครั้ง หลังจากที่ สามารถฝ่าด่านนักแข่งญี่ปุ่นผงาดขึ้นเป็น “แชมป์ All Japan” ได้ส�าเร็จอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อปีที่แล้ว...
โดยในปี 2013 นี้ ทีม “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรชซิ่ง ทีม” ยังคงสานต่อความส�าเร็จพร้อมทั้งเดินหน้าก้าวทะยาน สู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ด้วยการส่ง 2 นักแข่งไทยลง ท�าการแข่งขันพร้อมกันถึง 2 รุ่น คือ รุ่น ST600 ที่มาเพื่อ “ป้องกันแชมป์” ให้อยู่กับนักแข่งไทยอีกครั้ง และรุ่น J-GP2 ที่ถือว่าเป็นอีกก้าวที่ยิ่งใหญ่ของนักแข่งไทยเพื่อเป็นบันไดสู่ การแข่งขันระดับโลกต่อไป โดยนักแข่งที่ลงแข่งในรุ่น ST600 ก็คือ “เบียร์ - เฉลิมพล ผลไม้” ซึ่งคว้าอันดับ 4 ในรุ่นนี้ เมื่อปีที่แล้ว ส่วนรุ่น J-GP2 นั้น “ตั้น – เดชา ไกรศาสตร์” ขยับขึ้นมารับศึกหนักและความท้าทายใหม่เพื่อลุ้นสร้าง ประวัติศาสตร์ให้กับนักแข่งไทยอีกครั้ง หลังจากเมื่อปีที่แล้ว ก้าวขึ้นเป็นนักแข่งไทยและเอเชียคนแรกที่สามารถเป็น “แชมป์ All Japan” ได้ส�าเร็จ ส�าหรับการแข่งขัน “MFJ Superbike All Japan Road Race Championship 2013” สนาม แรกนั้น จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29-31 มีนาคม 2556 ที่สนาม Twin Ring Motegi โดย 2 นักแข่งไทยทีม “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรชซิ่ง ทีม” ต้องลงท�าการชิงชัยท่ามกลาง สภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดและฝนตก ซึ่งเป็นสิ่งที่นักแข่งไทย ไม่คุ้นเคยเท่าไหร่นัก แต่คู่หูนักแข่งไทยก็โชว์ฟอร์มได้ดีในรอบ
เฉลิมพล ผลไม้ ยืนโพเดี้ยมแชมป์เหนือนักแข่งญี่ปุ่น พร้อมผู้จัดการ ทีม นายธีรพงษ์ แสงทอง ควอลิฟายเพื่อหาต�าแหน่งในการออกสตาร์ท โดยในรุ่น ST600 “เจ้าเบียร์” ที่ขี่รถแข่ง Yamaha YZFR6 หมายเลข 65 ท�าเวลาได้ 1’55.852 นาที รั้งต�าแหน่งสตาร์ทในกริดที่ 4 และในรุ่น J-GP2 นั้น “เจ้าตั้น” นักแข่งหมายเลข 30 ที่มาพร้อมกับรถแข่ง Yamaha YZF-R6 ที่ได้รับการโมดิฟายมากขึ้นนั้น ท�าเวลาได้ 1’54.895 นาที ส่งผลให้ได้ออกสตาร์ทในกริดสตาร์ทที่ 2 เลยทีเดียว... ประเดิมความมันส์ของนักแข่งไทยกันด้วยรุ่น ST600 ที่ท�าการแข่งขันกันถึง 16 รอบสนาม โดยสนาม Twin Ring Motegi นั้นมีความยาวต่อรอบรวมทั้งสิ้น 4,801 เมตร ซึ่ง “เฉลิมพล ผลไม้” ต้องลง แข่งขันท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นอุณหภูมิต�่ากว่า 5 องศาเซลเซียสและมีฝนตกลงมาตลอดเวลา แต่ทันทีที่ สัญญาณการแข่งขันเริ่มขึ้นนักแข่งไทยหมายเลข 65 ก็โชว์ฟอร์มเทพพุ่งทะยานขึ้นเป็นผู้น�าได้ตั้งแต่โค้งแรกของ การแข่งขันเลยทีเดียว โดยมี Izutsu (77) และ Seishi Osaki (12) ไล่บี้ตามติดอยู่ด้านหลัง แต่ด้วยดีกรีแชมป์ของ สนามนี้จากปีที่แล้ว ท�าให้ “เฉลิมพล ผลไม้” สามารถปิดไลน์ไม่ให้นักแข่งญี่ปุ่นมีโอกาสแซงผ่านขึ้นหน้าได้ ท�าให้กอง เชียร์ของทีม “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรชซิ่ง ทีม” ที่มีทั้งทีมแมคคานิคของไทยและกองเชียร์ชาวญี่ปุ่นที่ต่างประทับใจกับ นักแข่งไทยได้ลุ้นกันอย่างสนุก
“เจ้าเบียร์” โชว์ฟอร์มเทพทะยานเป็นผู้น�าอยู่ถึง 10 รอบ เจ้าถิ่น Izutsu (77) ก็สบโอกาสเสียบแซงนักแข่งไทยขึ้นมาเป็นผู้น�า ได้บ้างในรอบที่ 11 ซึ่งก็ไม่ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับนักแข่ง ไทยแม้แต่น้อย เพราะ “เจ้าเบียร์” ก็ไล่บี้กดดันอยู่ด้านหลังแบบเกาะ ติดท้ายจนเจ้าถิ่นออกอาการรนและพลาดไปเอง ท�าให้นักแข่งไทย ทะยานขึ้นมาเป็นผู้น�าได้อีกครั้งในรอบที่ 13 โดยมี Seishi Osaki (12) ขยับขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงแทน Izutsu (77) ที่พลาดท่าไปแล้ว ซึ่ง ผู้ไล่ตามคนใหม่นี้ก็ไล่บี้นักแข่งไทยแบบไม่ลดละเช่นกัน แถมขยับเข้า ใกล้ผู้น�ามากกว่าที่เคยอีกด้วย ท�าให้กองเชียร์ของทีม “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรชซิ่ง ทีม” ต้องยืนลุ้นกันทุกโค้งทุกรอบกันเลยที เดียว... หลังจากนักแข่งไทยกลับขึ้นมาอีกครั้ง ก็ไม่เปิดโอกาสให้นัก แข่งเจ้าถิ่นได้ขยับขึ้นมาแซงได้อีกกลับการแข่งขันที่เหลือเพียง 3 รอบสนาม เพราะ “เฉลิมพล ผลไม้” อาศัยความเก๋าและคุ้นเคย กับสนามแห่งนี้ปิดไลน์ผู้ตามได้สนิทจนยากที่จะเสียบแซงได้ และใน ที่สุด นักแข่งไทยจากทีม “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรชซิ่ง ทีม” ก็ สามารถพุ่งทะยานเข้าเส้นชัยผ่านธงตราหมากรุกได้เป็นคันแรกคว้า “แชมป์” เป็นปีที่ 2 แบบติดต่อกันที่สนาม Twin Ring Motegi ได้ ส�าเร็จ ด้วยเวลา 33.22.207 นาที โดยมี Seishi Osaki (12) ที่ แม้จะพยายามอย่างเต็มที่แล้วก็ไม่สามารถเอาชนะนักแข่งไทยได้เข้า เส้นชัยมาเป็นอันดับที่ 2 แบบสุดมันส์!!
นายกรธัช แก่นจันทร์ดา (ขวามือเจ้าเบียร์) บอสใหญ่ให้ก�าลังนัก แข่งไทยถึงกริดสตาร์ท
โดย “เฉลิมพล ผลไม้” ได้กล่าวหลังจบการแข่งขันว่า “รู้สึกดีใจมากๆ ที่ได้แชมป์ในสนามนี้ เพราะไม่เคยขับขี่ได้ดีเท่านี้มากก่อนในสภาพสนาม ที่มีฝนตก แต่เพราะตั้งแต่การซ้อมวันแรกได้เรียนรู้และดูวิธีขับ ของนักแข่งเจ้าถิ่นคนอื่นมาปรับใช้ท�าให้ช่วงซ้อมก่อนแข่ง มั่นใจมากขึ้น ซึ่งตลอดการแข่งขันก็คิดวางแผนตลอดเวลา และเมื่อ Izutsu (77) แซงขึ้นมาก็พยายามตามให้ติดเพื่อ รอโอกาสและเขาก็พลาดไปเอง และหลังจากคว้าแชมป์สนาม นี้ ก็ยังคงไม่คิดถึงการคว้าแชมป์ปีนี้ แต่อยากจะท�าให้ดีเต็มที่ทุก สนาม ขณะเดียวกันก็จะรักษาสภาพร่างกายให้พร้อมเสมอ และ ปรับจูนเครื่องยนต์อีกเล็กน้อยให้เข้าที่มากกว่านี้ เพื่อให้การแข่งขันใน สนามต่อๆ ไป มีความพร้อมสมบูรณ์มากที่สุด” ส�าหรับการแข่งขันอีกหนึ่งรุ่นของนักแข่งไทยคือ รุ่น J-GP2 ซึ่ง “เดชา ไกรศาสตร์” ลงสนามชิงชัยเป็นครั้งแรกนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งงานหนักที่มีความ ท้าทายเป็นอย่างมาก จากต�าแหน่งควอลิฟายที่รั้งต�าแหน่งที่ 2 ในกริดสตาร์ท นั้น “เจ้าตั้น” ก็ชิงจังหวะทะยานขึ้นมาน�าตั้งแต่โค้งแรก สร้างเสียงเฮได้ดังสนั่น พิทแข่งของไทยกันเลยทีเดียว แต่ก็ต้องมาเสียจังหวะโดนนักแข่งเจ้าบ้าน สวนขึ้น ไปถึง 3 คัน ท�าให้ต้องเกาะติดรอจังหวะเสียบตามโค้งและแซงทางตรง
ด้วยสภาพอากาศที่เย็นและมีสายฝนโปรยปรายตลอดท�าให้พื้นแทร็ค เปียกและลื่น ส่งผลให้นักแข่งเจ้าถิ่นหลายๆ คน เสียหลักสไลด์ล้มไปหลายคัน ยิ่งเพิ่มความกดดันให้กับนักแข่งทั้งสนาม แต่นักแข่งไทยหมายเลข 30 ก็ยัง คงไล่เบียดไล่บี้นักแข่งเจ้าถิ่นจนขยับขึ้นมาเรื่อยๆ ก่อนที่จะทะยานกลับขึ้นมา เป็นผู้น�าได้ความส�าเร็จในรอบที่ 10 ท�าให้กองเชียร์ทีม “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรชซิ่ง ทีม” ได้เริงร่ากันอีกครั้ง... เกมการแข่งขันยิ่งมันส์ขึ้นอย่างต่อเนื่อง และด้วยความมั่นใจของนัก แข่งไทย ท�าให้ “เจ้าตั้น” เดินคันเร่งยืดระยะทิ้งห่างเจ้าถิ่นออกไปพอสมควร แต่แล้วสภาพสนามที่เปียกและลื่นก็เล่นงานนักแข่งไทยจนได้เมื่อปลายรอบที่ 11 “เจ้าตั้น” ก็เดินคันเร่งออกจากโค้งมากเกินไป ท�าให้ล้อหลังสไลด์เกิด อาการรถสะบัดและล้มไปจนต้องออกจากการแข่งขัน ท�าให้พลาดโอกาสคว้า แชมป์ไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งบอสใหญ่ของทีมอย่าง คุณกรธัช แก่นจันทร์ดา ก็กล่าวหลังจบ การแข่งขันในสนามนี้ว่า “ตั้น รู้สึกเสียดาย เพราะจังหวะดังกล่าวก�าลัง มั่นใจ แต่ยางชุดนี้เพิ่งเปลี่ยนใหม่ท�าให้ไม่ค่อยคุ้น ยิ่งพื้นสนามที่ลื่น
จึงควบคุมได้ยาก และส่วนตัวคิดว่าเดชาท�าได้ดีแล้วแต่มั่นใจเกินไปจึง ท�าให้เกิดความผิดพลาด ซึ่งอีก 6 สนามเดชาต้องพยายามเก็บแต้มให้ ได้ โดยเฉพาะสนามต่อไป วันที่ 30 มิ.ย. ที่สนามสึคูบะ เมืองอิบารากิ ส่วนเฉลิมพลต้องรักษาผลงานให้ดีแบบนี้ โดยหลังจากนี้ทีมจะประชุม วางแผนระยะยาว และแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ต่อไป” และจากการโชว์ฟอร์มระดับเทพของ 2 นักแข่งไทยของทีม “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรชซิ่ง ทีม” ในการแข่งขันศึก “MFJ Superbike All Japan Road Race Championship 2013” สนามแรกนี้ เชื่อว่าปีนี้กองเชียร์ชาว ไทยคงได้ลุ้นการแข่งขันกันอย่างสนุกตลอดทั้งปีแน่ๆ...ซึ่งโอกาส ที่นักแข่งไทยจะสร้างประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ในเวทีการ แข่งขันความเร็วระดับสากลอีกครั้งนั้น อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม อย่างแน่นอน อย่าลืมติดตามเป็นก�าลังใจให้กับ 2 นัก แข่งไทยของทีม “ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรชซิ่ง ทีม” กันนะครับ!!
สื่อมวลชนและชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจกับพิทของทีม "ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรชซิ่ง ทีม" เป็นอย่างมาก
Hot Pick of Month
20 For Ride Magazine May 2013
2013 Kawasaki
Ninja 250
“The Lil’ Screamer” รถสปอร์ตไลท์เวทที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 250 ซีซี. จากค่ายสีเขียวกับฉายา “Ninja” เป็นอะไรที่วัยรุ่นทุกคนคงต้องรู้จัก หรือใฝ่ฝันอยากได้มาครอบครองอย่างแน่นอน โชคดีที่เวลาและสถานที่ลงล็อคกันพอดีท�าให้ในที่สุด FRM ก็ได้ลองลิ้มชิมความ มันส์ในแบบ 2 สูบของเจ้า 2013 Kawasaki Ninja 250 กันซะที สถานที่ทดสอบคราวนี้ไม่ธรรมดา มันคือถนนเส้น “สะเมิง” ต่อด้วยเส้น “แม่ริม” ถนนที่ทั้งสวยและโหดของจังหวัดเชียงใหม่…มาดูกันว่าท�าไมเราถึงเรียกมันว่า The Lil’ Screamer
Good start means everything. เริม ่ ต้นได้ด.ี ..ทุกอย่างก็ดี
ไม่ต้องขี่จากกรุงเทพฯ ไปจนถึงเชียงใหม่ให้เมื่อยหลัง...เพราะเราได้รับความร่วมมือจาก “บริษัท แสงชัยธุรกิจยานยนต์ จ�ากัด” ดีลเลอร์รายใหญ่ของจังหวัดเชียงใหม่ที่ใจดีให้ยืมรถทดสอบ โมเดลที่เราเลือกมาหวดก็คือ Kawasaki Ninja 250 ปี 2013 ที่มาพร้อมโฉมใหม่-เฟรมใหม่-บอดี้ใหม่ ส่วนอารมณ์ความรู้สึกในการขับขี่จะเป็นยังไงนั้น…วันนี้แหละได้รู้กัน เส้นทางที่เลือกใช้ทดสอบ เริ่มต้นจากหน้าโชว์รูมแสงชัยธุรกิจยานยนต์ไปจนถึงทางขึ้นอ�าเภอสะเมิง ในโซนสะเมิงต้องเจอกับโค้งนับสิบที่มีตั้งแต่ทางโค้งธรรมดาไป จนถึงโค้งหักศอก เสริมความโหดอีกขั้นด้วยการแยกขึ้นไปทางอ�าเภอแม่ริม อยากจะชมวิวสวยๆ ก็ต้องดวลโค้งกันก่อน!
New Devil Exhaust Pipe + Hyperpro Steering Damper แม้รถที่เราทดสอบส่วนใหญ่จะเป็นรถ Standard (รถเดิมๆ จากโรงงาน) แต่เนื่องจาก “เฮียตี๋” เจ้าของโชว์รูม อยากให้เราได้ สัมผัสซุ้มเสียงที่แปลกแตกต่างจากท่อนุ่มๆ ใบเดิมจึงจับเอารถที่ไม่ได้ถูกโมดิฟายเครื่องยนต์มาเปลี่ยนปลายท่อเป็น Devil Racing และ ติดตั้งกันสะบัด Hyperpro เพิ่มเติมเข้ามาในการทดสอบครั้งนี้...แม้จะใส่ท่อแต่งแต่โชคดีที่ FRM เคยทดสอบ Ninja 250 ไปแล้วในงาน Bike of The Year 2013 เพราะงั้นเราจึงสามารถบอกได้ว่าท่อแต่ง Devil นั้นมีผลต่อการขับขี่อย่างไรบ้าง....เมื่อรถพร้อมและนัก ทดสอบที่พร้อมเต็มที่ในชุดหนัง Speed-R ลายกัปตันอเมริกา...FRM ก็มุ่งหน้าสู่ อ.สะเมิง ทันที For Ride Magazine May 2013 21
Comfort like a tamed pony นัง่ สบายราวกับลูกม้าเชือ่ งๆ
ถนนช่วงแรกเป็นการวิ่งบนทางเรียบปกติ วอร์มอัพร่างกายพร้อมปรับตัวให้เข้ากับรูปทรง แล้วท่านั่งขับขี่แบบสปอร์ตไปกับการจราจรติดขัด (เชียงใหม่ก็รถติดเหมือนกันครับ) ส�าหรับ Handling (การควบคุมรถ) Ninja คันนี้ท�าได้ดีเพราะแฮนด์แบบ จับโช้คที่ยกสูงขึ้นมาแทนที่จะหมอบเตี้ยแป้ดเหมือนรถ สปอร์ตจ๋าทั่วไป มุมองศาการบิดของแฮนด์ไม่เป็น อุปสรรคต่อการขี่แบบ “ซอกแซก” แม้จะต้องเจอ ช่วงรถติดสุดๆ จนแทบไม่สามารถมุดได้ แฮนด์ท�า มุมพอดีไม่เบียดมือจนติดกับตัวถัง เรียกได้ว่าแฮนด์ เดิมๆ สามารถบังคับหน้ารถจนสุดอย่างเช่นในจังหวะ ที่ต้องมุดออกจากช่องว่างระหว่างหน้ารถและท้ายรถ เบาะที่นั่งสูงจากพื้น 785 มม. ไม่เป็นปัญหาส�าหรับ นักทดสอบสูง 189 ซม. พักเท้าคนขี่ท�ามุมกับเบาะที่ นั่งได้อย่างลงตัว แม้ขานักทดสอบจะยาวไปหน่อยแต่ก็ สามารถปรับท่าทางการวางเท้าให้เข่าทั้ง 2 ข้างล็อค เข้ากับตัวถังน�้ามันได้อย่างพอดี เบาะที่นั่งคนขี่มีพื้นที่ นั่งกว้างพอสมควร สามารถขยับตัวสไลด์ไปด้าน หนังจนชนกับเบาะคนซ้อนที่ยกสูงขึ้นอีกชั้นได้ในจังหวะ หมอบท�าความเร็ว อาจเป็นเพราะ Ninja 250 เหมาะ กับมือใหม่หรือคนที่ไม่คุ้นเคยกับการขี่รถแบบสปอร์ต จึงท�าให้ท่านั่งขี่ค่อนข้าง “ชิลล์” กว่าตระกูลรถ สปอร์ตจ๋าทั่วไป เมื่อทิ้งน�้าหนักตัวผ่านก้นลงบนเบาะ ที่นั่งจากนั้นทิ้งน�้าหนักของช่วงขาไว้บนพักเท้า...ส่วน ที่เหลือของร่างกายช่วงบนก็แค่ปล่อยสบายๆ ก้มลง เล็กน้อยพร้อมยืดแขนไปด้านหน้าเพื่อควบคุมแฮนด์ และคันเร่ง แม้ท่านั่งจะดูเตรียมพร้อมซิ่ง...แต่กลับรู้สึก สบายเมื่อได้นั่งขับขี่ ใครที่เตรียมหารถสปอร์ตไปขี่ แบบทัวร์ริ่ง Ninja 250 คันนี้แหละเหมาะเลย
Be patience….the horses are sleeping จงอดใจรอ...ฝูงม้าก�าลังหลับอยู่
หลังจากท�าความคุ้นเคยกับท่านั่งเป็นที่เรียบร้อย...ก็ถึงเวลาทดสอบความเร็วทางตรงบนกัน บ้าง ระยะทางราว 1.5 กม. นักทดสอบสูง 189 ซม. หนัก 85 กก. กับรถสปอร์ต 2 สูบ 250 ซีซี....ตัวแปรเหล่านี้สร้างผลลัพธ์ความเร็วได้ที่ 150 กม./ชม. ที่ 12,000 รอบ (ท่านักปกติ) เครื่องยนต์ยังคงเดินนิ่งและไม่ออกอาการสะดุดจนกระทั่งเราต้องผ่อนคันเร่งซะก่อน (เจอกับไฟ แดง) คาดว่าความเร็วสูงสุดคงจะพุ่งทะลุ 160 กม./ชม. โดยเฉพาะถ้าคนขี่ตัวเล็กและน�้าหนักเบากว่า นี้ ก�าลังแรงบิดที่แท้จริงของ Ninja 250 คันนี้จะโผล่ออกมาก็ต่อเมื่อเลย 6,000 รอบ/นาทีไปแล้ว นั่นท�าให้ในช่วงแรกของการเดินคันเร่งรู้สึกเหมือนกับมันก�าลัง “รอเวลา” ระเบิดความแรงออกมา อยู่ รอบเครื่องที่ขี่สนุกและบิดติดมืออยู่ที่ 8,000 ไปจนถึงเรดไลน์ เอกลักษณ์ของเครื่องยนต์ที่เน้น ที่รอบกลาง-ปลายมาเจอกับปลายท่อ Devil ที่ให้ซุ้มเสียงเร้าใจ...มันท�าให้บางครั้งเราขี่จนสุดเรดไลน์ โดยไม่รู้ตัว สรุปว่าท่อแต่งดีๆ ซักใบจะช่วยเพิ่มอัตราเร่งและความไหลลื่นของก�าลังเครื่องยนต์ในรอบ ปลายอยากเห็นผลได้จริง ในส่วนของก�าลังแรงบิดของ Ninja 250 ค่อนข้าง “ชิลล์” ในรอบต้น และเริ่มบิดติดมือในรอบกลางพร้อมรีดเร้นสมรรถนะที่แท้จริงในรอบสูง 22 For Ride Magazine May 2013
Quicker flick but in control พลิกได้เร็วภายใต้การควบคุม ในที่สุดเราก็เข้าสู่เขตของ “สะเมิงเซอร์กิต” (เป็นชื่อเรียกที่บอสของเราตั้งให้เนื่องจากมีนักบิดหลายคนชอบมา ทดสอบฝีมือกันที่นี่) แค่ช่วงเริ่มต้นก็ได้เจอกับโค้งแบบ “พับ” ซะแล้ว...เมื่อยางที่ไม่เคยถูกใช้งานหนักมาเจอกับฝีมือของ นักทดสอบบวกกับอากาศที่เย็นท�าให้เนื้อยางยังท�างานได้ไม่เต็มที่ส่งผลให้ออกอาการ “ลื่น” ในช่วงแรก ค�าว่าลื่นในที่นี้ มาจากการเข้าโค้งด้วยเกียร์ 3 ที่ความเร็ว 60-80 กม./ชม. เมื่อยางเริ่มร้อนได้ที่มันก็พาเราเข้าโค้งได้ดีขึ้นอีกระดับ...แต่ เมื่อพยายาม "อัดให้สุดขอบ" ปรากฏว่าช่วง 0.5 ซม. สุดท้ายของขอบยางนั้นยังคงลื่นอยู่ เมื่อลองจอดรถแล้วเช็คปีที่ ผลิตยางก็พบว่าเป็นยางเก่าตั้งแต่ต้นปี 2012...ถ้าเป็นยางใหม่ๆ คงขี่สนุกกว่านี้เป็นแน่ ช่วงขึ้นเขาก�าลังของเครื่องยนต์ 2 สูบสามารถพาน�้าหนักตัวรถ 172 กก. บวกกับยีราฟบนหลังขึ้นเขาได้อย่างสบาย เราสามารถเลือกได้ว่าจะขี่มันส์ๆ กระแทก-พุ่งกับเกียร์ 2 หรือจะขี่ชิลล์ๆ ไหลเรื่อยๆ ไปกับเกียร์ 3...ลักษณะโค้งของถนนสายสะเมิงเป็นโค้ง S ต่อด้วยโค้ง กว้างๆ สลับกับโค้งแบบปิด เนื่องจากโค้งส่วนใหญ่เป็นโค้งที่มีต้นไม้ใบหญ้าออกมาบังสายตาแทบตลอดทางรวมถึงโค้งต่อ เนื่องบางโค้งเป็นการวิ่งขึ้นเขาท�าให้ต้องพลิกรถให้เร็วเพื่อเตรียมรับมือกับโค้งต่อไป ส�าหรับ Ninja 250 ปี 2013 ที่ถูก ออกแบบรูปทรงรวมไปจนถึงท่านั่งใหม่ช่วยให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น การ Flick หรือพลิกรถจากซ้ายไปขวาท�าได้เร็วและมั่นคง มากขึ้น เพียงแค่ล็อคเข่าไว้กับตัวถังน�้ามันแล้วสัมผัสที่แฮนด์เบาๆ บวกกับเดินคันเร่งเข้าหาโค้ง...จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของ Engine Brake หรือ “เบรกเครื่องยนต์” ที่จะท�าหน้าที่ “หน่วง” รอบเครื่องเพื่อเตรียมตัวเข้าโค้ง เพียงแค่ลดคันเร่งลง 50% จากนั้นก็เทเข้าโค้งพร้อมเอ็นจอยไปกับธรรมชาติ 2 ข้างทาง Ninja 250 พร้อมพิชิตทุกโค้งโดยแทบไม่ต้องใช้ก�าลัง ร่างกายในการบังคับรถ...เรียกได้ว่ามัน “พร้อมแบนโค้ง” ด้วยตัวมันเอง ดูเหมือนว่าพักเท้าของ Ninja ถูกออกแบบมา ให้นั่งสบายก�าลังดี แต่ส�าหรับคนตัวยาว-ขายาวจะรู้สึกว่าต�าแหน่งของหัวเข่านั้นเกยตัวถังน�้ามันอยู่เล็กน้อย...การเปลี่ยนใส่ เกียร์โยงจึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีส�าหรับคนตัวใหญ่ที่รักการขับขี่แบบสปอร์ต
Sport bike at fit many roads รถสปอร์ตทีข่ บ ั ขีไ่ ด้หลากหลายเส้นทาง
For Ride Magazine May 2013 23
Hot Pick of Month
ใครที่เคยมาลองขี่บนสะเมิงเซอร์กิตคงรู้ดีว่าพื้นผิวถนนมีทั้ง ที่เรียบและไม่เรียบ มีร่องรอยการปะการแต่งเติมบ้าง และนี่ก็เป็นอีก จุดทดสอบที่ดีส�าหรับ Suspension หรือระบบช่วงล่างของ Ninja 250 ส่วนมากพื้นผิวที่ไม่เรียบมักจะอยู่ตามโค้ง ซึ่งเราก็ไม่ลังเลที่ จะลุยทางขรุขระเพื่อเช็คระบบช่วงล่าง ส�าหรับโช้คหน้า...การดูดซับ แรงกระแทกท�าได้ดีจนแทบไม่รู้สึกถึงอาการสะเทือนเมื่อเจอกับหลุม และพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ ส่วนโช้คหลัง...แม้ว่าตัวคนขี่จะหนักถึง 85 กก. เมื่อรวมน�้าหนักของชุดหนัง, หมวกกันน็อค, ถุงมือและรองเท้า เข้าไปแล้วก็น่าจะอยู่ที่ราวๆ 95 กก. แต่โช้คหลังก็ยังสามารถรองรับ การ “อัดโค้ง” ได้ดี ในส่วนของดูดซับแรงกระแทกจะรู้สึกกระด้าง นิดๆ สาเหตุเกินจากระยะ SAG มาก (SAG คือระยะยุบของโช้คเมื่อ มีน�้าหนักของผู้ขี่กดลงไป) โดยรวมแล้วระบบช่วงล่างของ Ninja 250 ให้ความหนึบในระดับกลางไปจนถึงมาก แต่ก็ต้องแลกมาด้วย ความกระด้างเล็กน้อยเมื่อเจอกับทางขรุขระ ถึงแม้จะเป็นรถสปอร์ต แต่ก็ออกแบบมาให้ขี่ได้บนหลากหลายพื้นผิวจริงๆ…ว่าแล้วก็มาดูระยะ SAG กันดีกว่า
ข้อมูลทางเทคนิค เครื่องยนต์ : กระบอกสูบ x ช่วงชัก : อัตราส่วนการอัด : ระบบเกียร์ : ระบบเชื้อเพลิง : เฟรม : มุมเคสเตอร์/ระยะเทรล : ยางหน้า : ยางหลัง : โช้คหน้า : โช้คหลัง : เบรกหน้า : เบรกหลัง : ยาวx กว้างxสูง : ระยะห่างฐานล้อ : ความสูงเบาะ : น�้าหนักตัวรถ : ความจุถังน�้ามัน :
4 จังหวะ 2 สูบเรียง 249 ซีซี. DOHC ระบายความร้อนด้วยน�้า 62.0 x 41.2 มม. 11.3:1 6 สปีด หัวฉีด เรือนลิ้นเร่ง 28 มม.แบบคู่ เหล็กแบบไดมอนด์ 27°/ 93 มม. 110/70 ขอบ 17 140/70 ขอบ 17 เทเลสโคปิค 37 มม. โช้คเดี่ยวแบบยูนิแทรค ปรับสปริง 5 ระดับ ดิสก์เบรก 290 มม. ปั๊มเบรกคาลิปเปอร์ลูกสูบคู่ ดิสก์เบรก 220 มม. ปั๊มเบรกคาลิปเปอร์ลูกสูบคู่ 2,010 x 715 x 1,110 มม. 1,400 มม. 785 มม. 172 กก. 17 ลิตร
จากการวัดหาระยะ SAG ของทีมทดสอบพบว่า.... - นักทดสอบหนัก 85 กก. + อุปกรณ์ = 95 กก. ระยะ SAG : โช้คหน้า 24% โช้คหลัง 30% - หัวหน้านักทดสอบหนัก 72 กก. ระยะ SAG : โช้คหน้า 20% โช้คหลัง 25% - กราฟฟิกดีไซน์เนอร์ หนัก 104 กก. ระยะ SAG : โช้คหน้า 30.4% โช้คหลัง 35% *เนื่องจากโช้คหลังปรับสปริงพรีโหลดได้ 5 ระดับ แต่เราใช้ค่าสปริง ที่ระดับ 1 ซึ่งก็คือนุ่มสุด ท�าให้ได้ค่า SAG ดังกล่าว นั่นหมายความ ว่าถ้าคนตัวใหญ่อย่างกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ที่หนักถึง 104 กก. ก็ สามารถเลือกปรับระดับสปริงขึ้นได้อีก 4 ระดับเพื่อรองรับกับน�้า หนักตัวนั่นเอง
New body design = New riding experience ดีไซน์ใหม่เผยประสบการณ์ใหม่ ใครที่เป็นแฟน Ninja มาตั้งแต่เริ่มแรกคงจะรู้ดีว่าหน้าตาของมัน เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง โหดขึ้น-ดุขึ้น-สปอร์ตขึ้น นอกจากหน้าตาที่ เปลี่ยนไปจะ “เซ็กซี่” โดนใจแล้วมันยังถูกค�านวนหลักแอโร่ไดนามิกใหม่ให้ซิ่ง ฝ่าลมได้ดีขึ้นนิ่งขึ้น บริเวณหม้อน�้าถูกออกแบบให้ลมร้อนวิ่งลงด้านล่าง ผ่านใต้เครื่องยนต์ออกไปด้านหลังแทนที่จะคายลมร้อนมาถูกตัวคนขี่ ไฟ หน้าถูกแยกออกเป็น 2 ดวงดูดุไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง “Ninja 636” ZX-6R ข้อ สังเกตของ Ninja 250 คือวินด์ชีลด์ด้านหน้าที่เล็กจนแทบจะไม่ช่วยต้านลม แม้แต่น้อย มันจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อเราหมอบจนคางติดถังน�้ามัน แต่ข้อดีก็ คือมีของแต่งออกมาวางขายเกลื่อนตลาดให้คุณได้เลือกช็อป ส่วนเรือนไมล์ วางต�าแหน่งเยื้องไปด้านหน้าตัวรถอยู่ในระดับสายตา สามารถเช็คความเร็ว และรอบเครื่องได้โดยไม่ต้องก้มลงมอง กระจกมองข้างซ้าย-ขวาท�าออกมา ได้ดีมีอาการสั่นน้อยมากที่ความเร็ว 150 กม./ชม. ชิ้นแฟริ่งต่างๆ ไม่มี เสียงดังหรือสั่นเมื่อเจอกับรอบสูง เนื่องจากเฟรมของ Ninja 250 ปี 2013 ถูกออกแบบใหม่ให้มียางรองรับแท่นเครื่องช่วยลดอาการสั่นของ เครื่องยนต์ ไม่ว่าจะอัดกระแทกคันเร่งจนถึงเรดไลน์ก็ยังแทบไม่รู้สึกถึงอาการ สะท้านให้ร�าคาญใจ...เราใช้เวลากับ Ninja 250 คันนี้เกือบครึ่งวันกับการ 24 For Ride Magazine May 2013
พิชิตเส้นทางสะเมิง-แม่ริม ตลอดการเดินทาง Ninja แสดงสมรรถนะที่ยอด เยี่ยมทั้งในด้านเครื่องยนต์และคอนโทรลลิ่ง ระบบเบรกแม้จะไม่ใช่ ABS แต่ก็มี ระยะเบรกที่สั้นโดยเฉพาะเบรกหน้าที่ “จิก” ดีจนน่าใจหาย (อย่าเผลอก�าเบรก แรงๆ เชียว) เบรกหลังถูกเรียกใช้บ้างเป็นบางครั้งแต่ก็ให้ก�าลังแรงเบรกใน ระดับที่น่าพอใจ Ninja 250 ปี 2013 นับว่าเป็นรถที่มีจุดเด่นในรอบเครื่อง กลาง-สูง อัตราเร่งจะบิดติดมือเมื่อรอบเครื่องยนต์ผ่าน 6,000 รอบ/ นาที ขึ้นไป จังหวะแซงหรือต้องการบิดกระชากท�าความเร็วจะมีแรงม้าออก มารองรับที่ 9,000 รอบ/นาที นี่แหละคือที่มาของชื่อ The Lil’ Screamer หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า “ไอ้หนูตัวแสบแอบกรีดร้อง” ไม่ว่าจะเป็นทางตรง หรือในโค้ง...นักทดสอบก็สนุกไปกับการเล่มกับรอบสูงของเจ้า Ninja 250 คันนี้...สรุปแล้ว Kawasaki Ninja 250 ปี 2013 เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ ดีส�าหรับคนที่อยากเริ่มต้นขี่รถบิ๊กไบค์สไตล์สปอร์ต ไม่ว่าจะเป็นท่าทางการ ขับขี่ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้มือใหม่ไปจนถึงมือเก๋า หรือจะเป็นรอบเครื่องยนต์ที่แม้ ไม่กระโชกโฮกฮากในรอบต้นแต่กลับมีแรงบิดพร้อมลุยในรอบกลาง-ปลาย... ใครที่ก�าลังมองหารถสปอร์ตซักคันเราขอแนะน�าให้ลองสัมผัสเจ้าหนูตัวแสบ 250 ซีซี. คันนี้ดูครับ แล้วคุณอาจจะหลงไหลไปกับเสียงกรีดร้องของมัน!
Hot Pick of Month
Rider’s Comment
Oatto สูง 189 ซม. หนัก 85 กก. สกิลระดับปานกลาง “ผมชอบฟังเสียงร้องโหยหวนของเครื่องยนต์ ที่รอบสูงนะครับ จะว่าซาดิสม์ก็ได้ แต่ Ninja 250 เป็น รถสปอร์ต 2 สูบ 250 ซีซี. ที่ขี่สนุกจริงๆ แม้รอบ ต้นจะไม่พุ่งปรี๊ดแต่มันก็มีก�าลังพอจะพาผมขึ้นเขา ชันๆ ได้ด้วยเกียร์ 2 หรือ 3 ก็ยังไหว การตบเกียร์ลง ก่อนเข้าโค้งเพื่อให้รถดึงตัวเองลงสู่รอบสูงเป็นอะไรที่ เพลิดเพลินและช่วยให้เราสนุกไปกับโค้งครับ”
FRM Score Engine Acceleration Handling Suspension Braking Price Design
10/10 นิ่งไม่มีสั่น รีดรอบได้จนสุด เส้นแดง 9/10 ไหลเรื่อยๆ ในรอบต้น แต่พุ่งใน รอบกลาง-ปลาย 9/10 ขี่สนุกพร้อมลุยโค้งโดยไม่ต้องใช้ ก�าลังบังคับรถ 10/10 ยืนยันความหนึบของช่วงล่าง ด้วยคอมเมนต์และระยะ SAG 10/10 แม้ไม่มี ABS แต่ก�าลังแรง เบรกก็เพียงพอครับ 10/10 ราคากลางอยู่ที่ 162,500 บาท นับว่าเข้าท่าส�าหรับเริ่มต้นเล่น รถสปอร์ต 11/10 (+1 ให้กับความสวยเซ็กซี่ บาดใจของไฟหน้าและบั้นท้าย) For Ride Magazine May 2013 25
Honda
MSX125
“The Boy Toy” หลังจากนั่งดูโฆษณาที่มีเด็กแนวขี่รถไซส์เล็กสไตล์ “มินิโมตาร์ด” ขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกดินบนยอด ตึกพร้อมกับสโลแกนเก๋ๆ ว่า “Clutching Adrenaline” ก็ท�าให้เราแทบรอไม่ไหวที่จะได้ทดสอบเจ้า 2013 Honda MSX125 เนื่องจากเดือนนี้เราย้ายออฟฟิศไปอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ชั่วคราว...ท�าให้เรามีโอกาสได้ จับ MSX125 ทดสอบสมรรถนะกับ “ดอยสุเทพ” บนถนนสุดคดเคี้ยวเลาะเลี้ยวไปตามภูเขา ว่าแล้วก็อย่า มัวรอช้าอยู่เลยได้เวลาปล่อยมันส์ออกมาแล้ว!!
Borrowing the black bomber ยืมไอ้แสบไปลองซักตัง้
เนื่องจาก FRM ไม่ได้เตรียมรถพับใส่กระเป๋าเดินทางไปด้วย....เราจึงจ�าเป็นต้องขอความช่วยเหลือ จาก “นิยมพานิช” ห้างสรรพสินค้าที่มีขายทุกอย่างตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าไปจนถึงมอเตอร์ไซค์ และ เนื่องจากนิยมพานิชเชียงใหม่เป็นดีลเลอร์ฮอนด้ารายใหญ่ของภูมิภาคนี้ เราจึงติดต่อขอยืมรถทดสอบซึ่ง ก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ส�าหรับรถที่ทดสอบเป็น Honda MSX125 สีด�าสภาพเดิมๆ แถมมีเคย สัมผัสพื้นถนนไปแค่ 700 กว่ากิโลเมตรเท่านั้น...คราวนี้ก็แค่เตรียมตัวรับมือกับ “Clutching Adrenaline”
26 For Ride Magazine May 2013
Hot Pick of Month For Ride Magazine May 2013 27
Clutching your soul
Hot Pick of Month
สับสลับความแรงแทรกแซงวิญญาณ เริ่มสตาร์ทการทดสอบจากหน้าโชว์รูม นิยมพานิชแบบเหงาๆ...ไม่มีสาวกางร่ม ไม่มี คนตีธงปล่อยตัว ที่มีก็แค่ความอยากรู้อยาก เห็นในตัวเจ้ารถสไตล์มินิโมตาร์ด 4 เกียร์ 125 ซีซี. ที่มีจุดเด่นคือ “คลัทช์มือ” ทันทีที่จิ้มปุ่ม สตาร์ทเครื่องยนต์ 124.9 ซีซี. แบบสูบเดียว 4 จังหวะ SOHC (แคมเดี่ยว) ระบายความร้อน ด้วยอากาศก็เริ่มท�างาน ระบบหัวฉีด PGM-FI เริ่มสูบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงทันทีที่สตาร์ท แตกต่าง จากรถคาบูเรเตอร์ที่ต้องบิดคันเร่งช่วย แต่ PGM-FI กลับค�านวนสภาพอากาศโดยรอบ รวมถึงความร้อนจากนั้นก็สั่งการจ่ายน�้ามันให้ พอดีกับความต้องการของเครื่องยนต์ ที่รอบ เดินเบา 1,500 รอบ/นาที ไม่พบเสียงดังหรือ อาการสั่นของเครื่องยนต์...ในที่สุดนาทีที่เรา รอคอยก็มาถึง นักทดสอบเริ่มก�าคลัทช์ – ตบ
28 For Ride Magazine May 2013
เกียร์ แล้วค่อยๆ เดินคันเร่งออกตัว...คลัทช์ ของ MSX125 นุ่มอย่างเหลือเชื่อ เมื่อผสม ผสานกับรอบเกียร์ที่นุ่มนวลไม่กระชากจนเกิน ไปเข้ากับคลัทช์ที่นุ่มมือและมีระยะการ “ดึง” ที่ พอเหมาะ ทั้งหมดนี้ท�าให้ช่วงแรกของการได้ ขี่ MSX125 เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น จากนั้นการ ทดสอบหาจุดบกพร่องของระบบคลัทช์และ เกียร์ก็เริ่มต้นขึ้น เริ่มด้วยการไล่เกียร์ 1-4 ที่ 5,000 รอบ/นาที พบว่าคลัทช์ตัดการท�างาน ของเครื่องยนต์ได้ดีสามารถสับเปลี่ยนเกียร์ได้ โดยไม่รู้สึกว่าเกียร์แข็งหรือไม่เข้าล็อค ส่วนการ เล่นกับ “รอบสูง” โดยการสะบัดคันเร่งจนตัว วัดรอบพุ่งถึง 7,000 รอบ/นาที จากนั้นก็สับ เปลี่ยนเกียร์อย่างรวดเร็ว (ประมาณว่าขี่จนสุด รอบก่อนจะเปลี่ยนเกียร์ต่อไป) ปรากฏว่าระบบ คลัทช์และเกียร์ยังคง “เข้าขากันดี” อย่างไม่
น่าเชื่อ...นอกเหนือจากระบบคลัทช์มือที่เป็นจุด เด่นแล้วเรายังลองทดสอบ “Short Shift” หรือ การ “สับสั้น” เป็นเทคนิคการเปลี่ยนเกียร์โดย ไม่ต้องใช้คลัทช์ช่วย ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังคงน่า พอใจ เพราะการสับเกียร์ขึ้นที่รอบกลางโดยไม่ ใช้คลัทช์นั้นก็นุ่มนวลไม่แพ้กัน ในกรณีต้องลด ความเร็วอย่างฉุกเฉิน...การตบเกียร์ลง 2 เกียร์ ในครั้งเดียวก็สามารถท�าได้แบบ “ไร้รอยต่อ” ดู เหมือนระบบคลัทช์ Manual หรือคลัทช์มือที่เป็น จุดเด่นของ MSX125 จะเหมาะกับวัยมันส์ที่ชอบ การขับขี่แบบมันส์ๆ ก�าคลัทช์พุ่งออกตัวหรือ จะดริฟท์รถแบบในโฆษณาก็ดูสนุกดี แต่ผลลัพธ์ ที่ตามมาจากการมีคลัทช์มือก็คือ...เราต้อง คอยก�าคลัทช์และสับเปลี่ยนเกียร์ตลอดเวลาที่เจอ กับช่วงรถติด…
Clutching & Cornering Doi Suthep สับคลัทช์ลย ุ โค้งดอยสุเทพ
ก่อนจะขึ้นทดสอบทางโค้ง โค้ง S โค้งขึ้นเขาและโค้งลงเขาของ ดอยสุเทพ...เราก็จับ MSX หวดทางตรงยาวๆ เพื่อหา Top Speed (ความเร็วสูงสุด) กันก่อน....ระยะทางราว 1 กม. เริ่มออกตัวด้วยคันเร่ง 50% ก่อนจะสับเกียร์ตั้งแต่เกียร์ไล่ตั้งเกียร์ 1 ถึงเกียร์ 4 ชนิดที่ว่าลากจน เกือบสุดรอบทุกเกียร์...ความเร็วสูงสุดของ MSX ที่นักทดสอบสูง 189 ซม. (ไม่มีการหมอบช่วย) หนัก 85 กก. ท�าได้อยู่ที่ 100-102 กม./ชม. ซึ่งความเร็วระดับนี้ก็นับว่าเพียงพอส�าหรับการขับขี่ใช้งานในเมืองหรือใช้ ในชีวิตประจ�าวัน โดยเฉพาะในเมืองที่ความเร็วสูงสุดคงท�าได้ไม่เกิน 100 กม./ชม. เมื่อแลกกับความเท่และระบบคลัทช์มือแล้วก็นับว่าคุ้มค่า ไม่นาน เราก็มาถึงตีนดอยสุเทพ...ความมันส์ของจริงก�าลังจะบังเกิดขึ้น เมื่อเกียร์ 1 ถูกตบลงพร้อมเปิดคันเร่งจนสุดรอบเครื่องต่อด้วยเกียร์ 2 เพื่อสู้กับ ความชันของดอยสุเทพ ดูเหมือนอัตราทดเสตอร์ของ MSX125 จะถูก ออกแบบมาเน้นรอบต้นท�าให้เกียร์ 2 หมดเร็วกว่าปกติจนต้องเปลี่ยนเป็น เกียร์ 3 แต่ดูเหมือนเกียร์ 3 จะให้แรงบิดไม่มากพอที่จะสนองความโหดของ มือนักทดสอบ...ในทางกลับกันส�าหรับขับขี่แบบทั่วไป เกียร์ 3 นั้นก็เพียง พอจะพาน�้าหนัก 85 กก. ของคนขี่ขึ้นเขาได้แบบชิลล์ๆ โค้งของดอยสุ เทพค่อยๆ ถูกเราพิชิตทีละโค้งอย่างมั่นใจ ระบบโช้คของ MSX125 ถูก ทดสอบอย่างไร้ความปราณี ซึ่งโช้คหน้าแบบ Upside-Down หรือแบบหัว กลับนั้นก็มีประสิทธิภาพการดูดซับแรงกระแทกได้ดีรวมถึงความสามารถ ในการเกาะโค้งเป็นที่น่าพอใจ....แต่จุดสังเกตุของ MSX125 อยู่ที่โช้คหลัง เรารู้สึกถึงอาการ “สับ” ได้ทันทีที่พยายาม “โหน” รถลงไปเพื่อเข้าโค้ง เพื่อให้แน่ใจเราจึงลองอัดโค้งแรงๆ อยู่พักใหญ่ จากนั้นเราก็เช็คระยะ SAG เพื่อความชัวร์...ในที่สุดเราก็สรุปได้ว่าโช้ค Standard ของ MSX125 ค่อนข้าง “ย้วย” ระยะ SAG ของมันอยู่ที่ราวๆ 50% เมื่อถูกน�้าหนักตัว 85 กก. ของนักทดสอบกดลงไปโช้คจึงมีพื้นที่ยุบตัวได้อีกเพียงเล็กน้อย เท่านั้น ในขณะที่โช้คหน้ามีระยะ SAG อยู่ที่ราวๆ 35% ความแตกต่างนี้เอง ที่ส่งผลให้โช้คท�างานไม่สัมพันธ์กันเกิดเป็นอาการ “สับ” โดยเฉพาะกับโช้ค หลังเมื่ออยู่ในโค้ง....แต่ส�าหรับการขับขี่ใช้งานทั่วไป *ไม่ขี่โหดบ้าคลั่งเหมือน ที่เราท�า ระบบช่วงล่างของ MSX125 ก็นับว่าพอใช้ได้ ค�าแนะน�าจากนัด ทดสอบส�าหรับนักบิดฮาร์ดคอร์ก็คือ หาโช้คแต่งดีๆ ซักตัวมาเปลี่ยนก็ จะช่วยยกระดับความมันส์ขึ้นอีกขั้น ในส่วนของยาง Vee Rubber ที่ติด มากับรถให้การยึดเกาะที่ดีและมีหน้ายางขนาดใหญ่รองรับการเข้าโค้งโหดๆ ได้อารมณ์เรซซิ่ง...MSX125 ได้แสดงตัวตันที่แท้จริงออกมาเมื่อเจอกับ เส้นทางโหดๆ ซึ่งเราคิดว่ามันเหมาะกับวัยรุ่นและนักบิดมือใหม่เป็นอย่าง ยิ่ง มันสามารถมอบประสบการณ์ใหม่ผ่านระบบคลัทช์คลัทช์มือเข้าสู่การ เปลี่ยนเกียร์และเพลิดเพลินไปกับหน้ายางขนาดใหญ่ แต่ส�าหรับนักขี่มาก ประสบการณ์...การปรับแต่งระบบช่วงล่างเป็นอะไรที่เราแนะน�าครับ For Ride Magazine May 2013 29
Unleash your adrenaline and let go your fear ปลดปล่อยอดรีนาลีนปลดล็อคความกลัว หลังจากสนุกกับสารพัดเมนูโค้งและ อุปสรรคของดอยสุเทพไม่ว่าจะเป็น ผัดเผ็ด โค้ง S, ต้มย�าสองแถว(สีแดง), ย�าแซ่บรถเจ้า ถิ่น, คั่ว(แต่ไม่)กลิ้ง โค้ง Double Apex...ใน ที่สุด Honda MSX125 ก็มาถึงจุดสิ้นสุดของ การทดสอบ มาดูบทสรุปของเจ้ามินิโมตาร์ดคัน นี้กันดีกว่า...ส�าหรับดีไซน์และรูปลักษณ์ภายนอก MSX125 นับว่ามีหน้าตาที่ดึงดูดความสนใจ เป็นอย่างมาก เริ่มจากไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์และ เรือนไมล์ดิจิตอลที่ได้อารมณ์เหมือนขี่รถบิ๊กไบค์ ยังไงยังงั้น โช้คหน้าแบบหัวกลับให้ความรู้สึก มั่นใจพร้อมลุยทุกพื้นผิวถนน เบาะที่นั่งขนาด ใหญ่ (อันนี้ถูกใจนักทดสอบเพราะก้นใหญ่) พัก
เท้าท�าออกมาได้ดี เราสามารถวางเท้าได้หลาย แบบตั้งแต่นั่งขับขี่สบายๆ หรือจะเป็นวางเท้าจิก ส้นเท้าหนีบกับพักเท้าช่วงบน (ที่ติดกับเฟรม) ก็ ยังได้ แฮนด์บาร์ทรงกว้าง ก้านเบรกและคลัทช์ วางต�าแหน่งและองศาได้อย่างลงตัว ถังน�้ามัน และปีกที่ยื่นออกมารองรับการใช้เข่าและขาหนีบ ตัวรถเพื่อรักษาสมดุลระหว่างเข้าโค้งได้ดี ปลาย ท่อแบบยกสูงพุ่งออกด้านท้ายได้อารมณ์เรซ ซิ่ง สวิงอาร์มและล้อแม็กหน้า-หลังผสมผสาน กันอย่างลงตัว จุดเด่นที่สังเกตได้ชัดเจนของ MSX125 คือหน้ายางขนาดใหญ่สะใจวัยโจ๋ ระบบเบรกแบบดิสก์หน้า-หลังให้ก�าลังแรงเบรก ค่อนข้างดี (ฮอนด้ามีชื่อเสียงเรื่องระบบเบรก
อยู่แล้ว) เนื่องจาก MSX125 ไม่มีคันสตาร์ท... วัยรุ่นที่ชอบถอดนู่นตัดนี่จึงอาจชอบใจในจุด ในนี้ แต่เราคิดว่ามันก็ไม่น่ามีปัญหาในกรณีแบต หมด เพราะไซส์รถที่เล็กจนสามารถเข็นสตาร์ทได้ อย่างง่ายดาย โดยรวมแล้ว Honda MSX125 เป็นรถไซส์ 12 นิ้วที่มาพร้อมระบบคลัทช์ที่เสริม ความมันส์ให้กับการขับขี่ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่ง ประสบการณ์ที่เปิดโอกาสให้ผู้ขี่ได้ “เล่น” กับ รอบเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการดริฟท์หรือยก ล้อ ซึ่งจุดนี้น่าจะโดนใจวัยรุ่นไปเต็มๆ...วันนี้เราได้ ลองปลดปล่อย “ความมันส์” ออกมาแล้ว แล้ว คุณล่ะเคยลอง “Clutching Adrenaline” รึ ยัง?
ข้อมูลทางเทคนิค เครื่องยนต์ : กระบอกสูบ x ช่วงชัก : อัตราส่วนการอัด : ระบบเกียร์ : ระบบเชื้อเพลิง : เฟรม : มุมเคสเตอร์/ระยะเทรล : ยางหน้า : ยางหลัง : โช้คหน้า : โช้คหลัง : เบรกหน้า : เบรกหลัง : ยาวx กว้างxสูง : ระยะห่างฐานล้อ : ความสูงเบาะ : น�้าหนักตัวรถ : ความจุถังน�้ามัน :
30 For Ride Magazine May 2013
4 จังหวะ 1 SOHC 124.9 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยอากาศ 52.4 x 57.9 มม. 9.3:1 4 สปีด หัวฉีด PGM-FI เหล็กแบบแบ็คโบน 25°/ 81 มม. 120/70 ขอบ 12 Tubeless 130/70 ขอบ 12 Tubeless หัวกลับ 31 มม. โช้คเดี่ยว สวิงอาร์ม ดิสก์เบรก 220 มม. ปั๊มเบรกลูกสูบคู่ ดิสก์เบรก 190 มม. ปั๊มเบรกลูกสูบเดี่ยว 1,764 x 738 x 1,140 มม. 1,204 มม. 754 มม. 101 กก. 5.5 ลิตร
Rider’s Comment “อืมมมม.....นานมาแล้วที่ไม่ได้รู้สึก สนุกกับการเหนี่ยวคลัทช์แล้วปล่อยแรงๆ ให้ เครื่องยนต์กระชากพุ่งออกไปข้างหน้า ยิ่งได้ สนุกกับล้อ 12 นิ้วแถมหน้ายางใหญ่ขนาดนี้ ยิ่งรู้สึกมันส์อย่างบอกไม่ถูก โดยรวมรถถูก สร้างออกมาได้ดีและน่าจะเป็นที่ชื่นชอบของวัย รุ่นอย่างแน่นอน...ส�าหรับขาโหดที่ชอบขี่แบบ ฮาร์ดคอร์ การเปลี่ยนโช้คหลังเจ๋งๆ ซักตัว คงจะช่วยให้ขี่มันส์กว่านี้”
FRM Score
Hot Pick of Month
Engine Acceleration Handling Suspension Braking Price Design
9/10 เครื่องยนต์ดีแถมมีคลัทช์มือ แต่ มีอาการสั่นบ้างที่รอบสูง แต่อยู่ใน ระดับที่รับได้ 9/10 รอบต�่าเร่งจี๊ดบิดติดมือ ส่วน รอบกลาง-สูง มีอัตราเร่งพอๆ กัน เหมาะส�าหรับใช้งานในเมือง 8/10 ขนาดตัวรถเหมาะกับวัยรุ่น ส�าหรับคนตัวใหญ่อาจรู้สึกไม่คล่อง ตัวเล็กน้อย 6/10 โช้คหน้า USD ท�างานได้ดี ส่วน โช้คหลังควรปรับปรุง 10/10 เบรกไซส์เล็กกะทัดรัดแต่ให้แรง เบรกที่สมดุล เริ่มต้น 66,000 นับว่าสมเหตุผลเมื่ือ เทียบกับออฟชั่นและความมันส์ที่ได้จาก MSX125 คันนี้! 11/10 (+คะแนนให้กับหน้าตาที่ดูล�้า สมัยและมีออฟชั่นเจ๋งๆ อย่างเรือนไมล์ ดิจิตอล)
For Ride Magazine May 2013 31
The Journey in Taiwan
Lost and
Foui nd n
Taiwan
หลังจากน�าเสนอภาพบรรยากาศและเนื้อหา
เกี่ยวกับรถหลากรุ่นใน Bangkok International Motorshow ครั้งที่ 34...ล่าสุดเรามีโอกาสได้ไป เปลี่ยนบรรยากาศเยี่ยมชมงานมอเตอร์โชว์ของ ไต้หวันกันบ้าง แน่นอนว่าเราไม่ได้แค่เดินดูรถและ สาวเพียงอย่างเดียว...เรายังแอบเดินเที่ยวเล่นใน ไต้หวันแบบงงๆ หลงๆ แถมเก็บเรื่องราวมาเล่าให้ แฟนๆ FRM ได้เดินทางท่องเที่ยวไปกับเรา...พร้อม ไปชมความงามของประเทศไต้หวันกันรึยังครับ? 32 For Ride Magazine May 2013
:: Lost and Found in Taiwan
ßß เตรียมตัวให้พร้อมßเช็คสภาพอากาศก่อนไป ประเทศไต้หวันนับเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนโดยใช้ชื่อว่า ROC หรือ Republic Of China ซึ่งถือเป็นเขตการปกครองพิเศษอย่างหนึ่ง แม้จะเป็น ส่วนหนึ่งของประเทศจีน แต่ไต้หวันก็มีภาษาเป็นของตัวเองและมีเอกลักษณ์ที่ โดดเด่นแตกต่างจากประเทศจีน เมื่อครั้งกาลละโน้น...เมื่อนักเดินเรือชาวโปรตุเกส ผ่านเกาะไต้หวันมา...เค้าอุทานว่า Ilhan Formosa ซึ่งแปลว่า "เกาะที่สวยงาม" ต่อมาก็ได้ถูกตั้งชื่อว่า Taiwan หรือไต้หวัน แต่เอาเป็นว่าพักเรื่องประวัติ ประเทศไว้ก่อนแล้วมาต่อที่การเตรียมตัว...มาดูในด้านการท่องเที่ยวกันบ้าง ไต้หวันเพิ่งเริ่มสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมความงดงามของศิลปะ และวัฒนธรรมของไต้หวันเมื่อไม่นานมานี้ เพราะเพื่อนของเราที่ไต้หวันบอกกับ เราว่า "เนี่ยดูสิ ป้ายบอกทางหรือป้ายบอกสถานียังไม่ค่อยจะมีภาษาอังกฤษ เลย...เพราะทางรัฐบาลยังสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบไม่เต็มตัว พูดง่ายๆ ก็คือ ไต้หวันไม่ค่อยเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวเท่าไหร่"....แน่นอนว่าใครที่ไปพร้อมทัวร์ ก็คงไม่ต้องห่วงอะไรมาก แต่การมาเที่ยวแบบ Back Pack เพื่อซึมซับความ เป็นไต้หวันนั้นต้องพึ่งพาอาศัยแผนที่และสังเกตุป้ายต่างๆ ตลอดการเดินทาง เพราะฉะนั้นเรามาเริ่มที่การเตรียมตัวกันก่อนดีกว่า
The Journey
ßß Passportß&ßVisa เรื่องที่ส�าคัญที่สุดในการเดินทางไปต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศที่เข้าย๊ากยากอย่างไต้หวัน สิ่งแรกที่ต้องเตรียมให้พร้อมคือพาสปอร์ตและวีซ่า ในส่วนของพาสปอร์ตนั้นจัดการได้ไม่ยาก ที่ ยากก็คือวีซ่าและการกรอกแบบฟอร์มซึ่งต้องเป็นภาษาอังกฤษ จุดนี้จะใช้ตัวช่วยอย่างคนรับท�า วีซ่าหรือจะลุยเองก็แล้วแต่ความถนัดเลยครับ แต่ส่วนใหญ่แล้วถ้าคุณเคยมีประวัติการเดินทางไป ต่างประเทศอยู่แล้วการขอวีซ่าก็ไม่น่าจะยากและมีโอกาสได้โควต้าการท่องเที่ยวหลายวัน ส่วนใหญ่ การขอวีซ่าแบบท่องเที่ยวจะได้ตั้งแต่ 7 วัน - 30 วันขึ้นไป เมื่อเอกสารผ่านก็ไปด่านต่อไป... For Ride Magazine May 2013 33
ßß WhichßAirlineßyoußwillßfly?ßแล้วคุณบินสายการบินไหนß? การเลือกจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าเป็นอะไรที่ควรท�าเป็นอย่างยิ่ง (ถ้าท�าได้นะครับ) เพราะราคาค่าตั๋วจะ ถูกกว่ามาก แต่ส�าหรับใครที่ไม่สามารถก�าหนดวันเดินทางล่วงหน้าได้...การเลือกบินไฟท์รอบดึกเป็นไอเดียที่ดี แถมท�าให้ราคาตั๋วเครื่องบินถูกลงอย่างเห็นได้ชัด หรือถ้าใครอินดี้หน่อยจะเลือกบินสายการบินที่ต้องมีการ "ต่อเครื่องบิน" ที่ประเทศอื่น อย่างเช่นบินจากไทยไปแวะฮ่องกง ก่อนจะต่อเครื่องมาไต้หวัน...ค่าตั๋วก็จะถูกมาก ถึงมากที่สุด แต่คุณก็ต้องเสียเวลาขึ้นๆ ลงๆ เครื่อง ซึ่งรวมเวลาแล้วก็น่าจะอยู่ที่ราวๆ 6 ชม. ในขณะที่ถ้า บินแบบปกติจะเวลาราวๆ 3 ชม. เท่านั้น เอาหละ...ไม่ว่าจะเลือกบินแบบไหนก็ตาม อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องค�านึงถึง ก็คือ "น�้าหนัก" เพราะแต่ละสายการบิน-แต่ละเที่ยวจะมีโควต้าน�้าหนักกระเป๋าเดินทางที่แตกต่างกัน...ถ้าไม่คิดจะใช้ เวลาอยู่ในไต้หวันหลายวัน หรือไม่คิดจะหอบของฝากมาฝากเพื่อนๆ ก็ไม่หมดห่วงเรื่องน�้าหนัก ส่วนสายการ บินที่เราใช้บริการครั้งนี้คือ EVA Air สายการบินของไต้หวันที่มีการบริการอยู่ในระดับที่ดี แถมห้องโดยสาร ของคนเงินเดือนน้อยอย่างเราก็กว้างพอส�าหรับการนั่งชิลล์ๆ เป็นเวลา 3 ชั่วโมงโดยไม่รู้สึกเมื่อย นอกจาก เบาะที่นั่งแล้วทีวีและอาหารที่บริการส�าหรับชั้น Economy ก็เจ๋งไม่แพ้กัน....เรียกว่าไม่น้อยหน้าพวกชั้นธุรกิจ เลยหละ เมื่อได้สายการบินที่ถูกใจแล้ว ต่อไปก็เป็นการจัดกระเป๋า
ßß CarefullyßPackß-ßßแพ็คดีๆßระวังกระเป๋าระเบิด หลายคนที่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินคงรู้ซึ้งดีถึงความปราณีตในการ "โยนกระเป๋า" ของพนักงานล�าเลียงกระเป๋า ที่โยนกระเป๋าอย่างไร้ความปราณี แต่ จะโทษพวกพี่ๆ เค้าก็ไม่ได้หรอกครับ เพราะใน 1 วันพี่เค้าต้องล�าเลียงกระเป๋าเป็น พันๆ ใบ เพราะฉะนั้นมันก็เป็นความรับผิดชอบของเราที่จะแพ็คกระเป๋าให้ดีๆ ก่อน ออกเดินทาง 34 For Ride Magazine May 2013
ßß วิธีเลือกกระเป๋า ถ้าเดินทางหลายวันและมีเสื้อผ้าเยอะก็ควรเลือกใช้กระเป๋าเดินทาง ที่ท�าจากผ้า แต่ถ้ามีของที่อาจแตกหักหรืออาจเกิดความเสียหายจาก การขนส่งกระเป๋าก็ให้เน้นเป็นกระเป๋าพลาสติก ที่ส�าคัญคือ...เลือกซื้อ กระเป๋าที่ได้คุณภาพ อย่าซื้อกระเป๋าที่โล๊ะขายถูกๆ เพราะมันอาจระเบิด และท�าให้กางเกงในสุดรักของคุณกระจายออกมาเกิดเป็นภาพอนาจาร ที่สนามบินได้ (แค่นึกภาพก็อายแล้วหละ)
:: Lost and Found in Taiwan
ßß การจัดกระเป๋า การจัดกระเป๋าไม่มีหลักการอะไรมาก...แค่จับเอาสบู่แชมพูและของเหลวทั้งหลายใส่ไว้ในกระเป๋าที่ จะโหลดลงใต้เครื่อง พยายมหลีกเลี่ยงการพกของมีคมอย่างเช่นกรรไกรหรือมีดโกนไปด้วย เพราะ ถ้าหน้าตาของคุณเข้าข่ายผู้ก่อการร้าย ท่านก็จะถูกตรวจค้นอย่างโหดเหี้ยม ทางที่ดีควรทิ้งมันไว้ที่ บ้าน แล้วไปซื้อเอาตาม 7-11 ที่ไต้หวันก็ได้ครับ ส่วนเสื้อผ้าไม่ว่าจะม้วน จะพับจะยัดหรือจะใส่ลงไป ยังไงก็ขอให้มันหยิบออกมาใช้ได้ก็พอครับ ยกตัวอย่างการจัดกระเป๋าของเรา...เราจะเรียงเสื้อสลับ กับกางเกงในสลับกับถุงเท้าเป็นชั้นๆ ส�าหรับใช้ในแต่ละวัน ข้อห้าม* อย่าพยายามแอบพกหมูหรือ เนื้อหรืออะไรก็ตามที่เค้าห้ามน�าเข้าประเทศไปเด็ดขาด ไม่งั้นอาจจะต้องเคลียร์กับตม. (ตรวจคนเข้า เมือง) กันยาว พยายามเปิดใจกว้างๆ แล้วลองไปหาอะไรแปลกๆ ทานดูครับ
ßß CheckingßTheßWeatherß-ßBookingßTheßHotel การเช็คพยากรณ์อากาศของแต่ละประเทศก่อนออกเดินทางเป็นอะไรที่ส�าคัญไม่แพ้ การจองโรงแรม เพราะประเทศไต้หวันมีอากาศที่ค่อนข้างหนาวเย็น และบางเมืองอาจมีฝน ตกอย่างเช่นไทเป เมื่อเราทราบสภาพอากาศที่ไต้หวันแล้ว...ที่เหลือก็แค่เตรียมเสื้อกันหนาว ให้พร้อม (เพราะช่วงที่เราไปนั้น...หนาวมากกก) ต่อไปคือส่วนของโรงแรม...ไม่ว่าจะจอง ผ่านอินเตอร์เนตหรือ "ไปตายเอาดาบหน้า" ก็แล้วแต่ความอินดี้ของแต่ละคนเลยครับ ส่วนเราโชคดีที่มีเพื่อนเป็นคนไต้หวันจึงหมดห่วงเรื่องที่พัก
เมื่อทุกอย่างพร้อมก็ได้เวลาออกเดินทาง...จากสนามบินสุวรรณภูมิไปจนถึงสนามบิน “เถาหยวน” ที่ไต้หวัน เครื่องบินก�าลังขึ้นและเราต้องนั่งดูหนังแก้เบื่อบนสายการบิน EVA ไป อีก 3 ชั่วโมง...น่าเสียดายที่พื้นที่หมดแค่นี้ เพราะฉะนั้นเราจะกลับมาต่อกันอีกครั้งในฉบับหน้า ลง เครื่องแล้วจะเป็นยังไงต่อไป...โปรดติดตามชมกันนะครับ For Ride Magazine May 2013 35
The Journey
ßß ToßBeßContinued
AR
UND The World
เรื่อง : NICKY PH ภาพ : VEDETT® ///// MOTOTOURS & IMAGINATIVE ENTERPRISES
Switzerland Gotthard Pass จุดสูงสุดของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ 2,160 เมตร
ากคราวที่เข้ามาจากปลายประเทศรองเท้าบู้ท อย่าง ดินแดนแห่ง สปาเก็ตตี้ อย่างอิตาลี เราก็ข้ามมายังประเทศ แห่งความเที่ยงตรง คือ สวิตเซอร์แลนด์ ที่ต้องเรียกว่าประเทศแห่งความเที่ยงตรง เพราะ ประเทศ สวิต เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อด้านการผลิตนาฬิกา หลากหลายยี่ห้อ และ ยี่ห้อที่โด่ง ดังที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้น โรเล็กซ์ ถึงแม้ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ใช่ประเทศแรกที่ท�า นาฬิกา ประเทศที่เป็นผู้บุกเบิกตัวจริงนั้นคืออิตาลี เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ และ เนเธอร์แลนด์ ประเทศเหล่านี้ต่างผลิตนาฬิกาเพื่อเป็นเครื่องประดับสูงค่า ส�าหรับ ชนชั้นเจ้านายและราชวงศ์ รวมทั้งผู้ดีมีเงิน หรือไม่ก็เพื่อเป็นเครื่องมือที่ใช้ในทาง วิทยาศาสตร์ เนื่องจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ไม่มีราชวงศ์ และเจ้าขุนมูลนายก็เลย ไม่เคยสนใจในเรื่องการท�านาฬิกามาแต่ไหนแต่ไร แต่นาฬิกาที่ขึ้นชื่อ คือ Rolex เป็น นาฬิกาเรือนแรกที่กันน�้าได้ ในช่วง ค.ศ. 1920 นาฬิกาสวิสนอกจากคุณภาพ แล้ว ยังมีรูปแบบให้เลือกอย่างหลากหลาย ทั้งเทคโนโลยีการผลิตที่ล�้าหน้า และ รูปลักษณ์ที่สวยงาม นาฬิกาสวิส 90 % นั้นเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ และมีแบบไข ลานเหลืออยู่ประมาณ 10 % ตรารับประกันคุณภาพที่เขียนว่า "Swiss made" นั้นเป็นสิ่งที่ผู้ผลิตหวงแหนเป็นอย่างยิ่ง นาฬิกา ที่นอกเหนือจาก Rolex แล้วก็ มี Omega, Patek Philippe, Tag Heuer, Cartier และอื่นๆ อีกมากมาก ซึ่ง นาฬิกาก็เป็นสิ่งส�าคัญส�าหรับเรานักเดินทาง และเชื่อว่า หนุ่มๆ หลายๆ คนคง มองหานาฬิกาดีๆ สักเรือน นอกเหนือจากมอเตอร์ไซค์คู่กายเป็นแน่ 36 For Ride Magazine May 2013
นอกจาก จะมีนาฬิกาแล้วยังเป็นนักประดิษฐ์ฝีมือดีที่ใครๆ ก็ยอมรับ คือ มีด พับสวิส เป็นมีดพับแบบพกพาที่รวมเครื่องมือหลายอย่างไว้ด้วยกัน เช่น ไขควง กรรไกร ที่เปิดขวด ที่เปิดกระป๋อง เป็นต้น เครื่องมือเหล่านั้นรวมกันอยู่ภายในด้าม จับด้วยกลไกของจุดหมุนตามจุดต่างๆ ที่สามารถเปิดออกและพับเก็บได้ ด้ามจับ มีลักษณะเป็นสีแดงมีตราโล่และกากบาทที่คล้ายธงชาติของสวิสเซอร์แลนด์ ค�าว่า Swiss Army หรือ ยี่ห้อ Victorinox A.G มีดพับชนิดนี้มีการผลิตเพื่อให้กองทัพ สวิตเซอร์แลนด์ใช้งานมาเป็นระยะเวลายาวนานตั้งแต่ ค.ศ. 1897 ปัจจุบันแม้มีผู้ผลิตหลายรายในต่างประเทศที่พยายามรวบรวมเครื่องมือ ต่างๆ เข้าไปใส่ในมีดพับ แต่มีดพับนั้นก็ยังเรียกกันโดยทั่วไปว่า มีดพับสวิสต้นเหตุมา จากทหารของสหรัฐอเมริกาเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่สอง พวกเขาไม่สามารถอ่าน ออกเสียงชื่อ Offiziersmesser ซึ่งเป็นชื่อดั้งเดิมของมีดพับสวิสได้ พวกเขาจึงเรียก มีดพับที่มีเครื่องมือหลายอย่างอยู่ภายในว่า Swiss Army knife ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แหมนับว่าเป็นอุปกรณ์อีกอย่างที่เหมาะกับนักเดินทางอย่างเราจริงๆ และที่จะขาดไม่ได้อีกอย่างคือ ช็อคโกเล็ตสวิส ถึงแม้ว่า สวิตเซอร์แลนด์ไม่ได้ ปลูกโกโก้ และถึงไม่ได้ผลิตช็อคโกแลตเป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่ใครก็รู้ว่าถ้าเอ่ย ถึง Swiss chocolate นั่นหมายถึงช็อคโกแลตชั้นเยี่ยม รสชาติดี สวิตเซอร์แลนด์ ได้ผลิตช็อคโกแลตออกสู่ตลาดโลกอย่างที่เรารู้จักกันดีเช่น ช็อคโกแลตสามเหลี่ยม Toblerone, Nestle, Lindt & Sprungli, Wernli และ Frey เป็นต้น โรงงาน Lindt and Sprungli - เข้าชมฟรีแต่เค้าจัดเป็น museum เล็กๆไม่ใช่ทัวร์โรงงาน ข้อดีคือเข้า ฟรีและได้ชิมช็อคโกแลตด้วย และ Lindt เองมีชื่อเสียงมา กว่า 160 ปีที่ผ่านมา และขาย มากกว่า 80 ประเทศ
For Ride Magazine May 2013 37
>> Around The World....
และล่าสุดประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ยังครองแชมป์ดินแดนที่น่าไปเกิด ปี 2013 อีก ด้วย เนื่องจากภูมิประเทศที่สวยงาม สลับซับซ้อน เป็นที่ราบลุ่มสลับกับภูเขา ที่มองเป็นแล้ว เป็น 4 มิติตลอดเส้นทางในการเดินทาง ภูเขาสีเขียว สลับกับ สีขาวที่มีหิมะปกคลุมประปราย หรือ เป็นก้อนหิน เป็นลักษณะภูเขาที่หลากหลายมาก บางแห่งที่เป็นที่ราบลุ่ม หรือ บน สันดอนของภูเขา น้อยใหญ่ จะเห็นฝูงวัว ฝูงแกะ กินหญ้า ตามริมล�าธาร เป็นบรรยายกาศ ที่ ธรรมชาติ และเหมือนเราเข้าไปอยู่กับธรรมชาติจริงๆ บนม้าเหล็กของเรา เมื่อขึ้น ไประดับ ที่สูงขึ้นมองลงมา จะเห็นเทือกเขาสลับกันไปมา กับเส้นทาง ของถนน สลับคดเคี้ยว เหมือน ก�าลังขึ้นไปอยู่บนชั้นวิมานอะไรสักอย่าง บางช่วง สลับกับทางถนนที่ท�าเป็นช่อง หน้าต่าง ยาวตลอด เป็นเหมือนอุโมงค์ช่องลม และ เป็นช่วงที่มีบ้านไม้ อยู่บนหุบเขา ตอนที่เดินทาง ไปฟ้าเริ่มสลัวๆ เพราะ ฝนท�าท่าจะตก แต่ได้บรรยากาศที่ เย็นสบาย ยิ่งสูงยิ่งหนาว เพราะ อุณหภูมิเริ่มต�่า ลง มีธงชาติสวิส ปลิว ไสวอยู่เป็นบางจุดท�าให้ หลายคน อาจจะมีค�าถามที่ ว่า ท�าไม ท�าไมธงชาติสวิสถึงต้องเป็นเครื่องหมาย บวกเหมือน สภากาชาด อย่างไร อย่าง นั้น จริงแล้วๆ ธงชาติสวิตเซอร์แลนด์ มีลักษณะเป็นธงสี่เหลี่ยมจัตุรัสพื้นสีแดง กลางธงมี รูปกากบาทสีขาว โดยความยาวของกากบาทแต่ละด้านนั้นเท่ากัน นับได้ว่าเป็นธงชาติของ 1 ใน 2 ประเทศที่ใช้ธงรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส (อีกธงหนึ่งคือธงชาตินครรัฐวาติกัน) ธงนี้เป็นธง ที่ใช้ทั่วไปบนบก ส่วนธงเรือของสวิตเซอร์แลนด์นั้น ใช้ธงลักษณะอย่างเดียวกัน แต่เปลี่ยน สัดส่วนธงเป็นกว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน
AR
UND The World
ธงชาติสวิตเซอร์แลนด์นี้ยังเป็นต้นแบบของธงองค์การกาชาด สากล ซึ่งก�าหนดขึ้นตามข้อตกลงเจนีวาในปี พ.ศ. 2407 ลักษณะ ของธงนี้จะกลับกันกับธงชาติสวิตเซอร์แลนด์ คือ พื้นเป็นสีขาว กากบาทกลางธงเป็นสีแดง เหตุที่ก�าหนดลักษณะธงอย่างนี้ขึ้น ก็เพื่อ เป็นเกียรติแก่นายอังรี ดูนังต์ผู้ให้ก�าเนิดกิจการกาชาดสากล ซึ่งเป็น ชาวสวิตเซอร์แลนด์ รู้อย่างนี้แล้วก็ถึงบางอ้อ ว่าท�าไมเจ้ากากบาท จึงเป็นเครื่องหมายของกาชาดนั่นเอง และถนนอังรีดูนังต์ ก็อยู่ตรง เส้นทางสภากาชาดพอดี ละจากการปลิวสะบัดของธง เราก็มาสะบัด ล้อของเรา ไต่ขึ้นไปบนยอดสูงของ Gotthard Pass ที่เป็นทางผ่าน เพื่อที่จะเข้าไปในในกลางของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ การวิ่งขึ้นไป ก็จะ มีทั้งรถยนต์ และรถมอเตอร์ไซค์ เส้นทางบางแห่งเป็นก้อนแผ่นน�้าแข็ง ติดอยู่บนพื้น หรือ บนทางภูเขา เป็นก้อนน�้าแข็งจริงๆ ที่ ยังไม่ละลาย บางที่ก็ละลายแล้ว เป็นภาพที่ แปลกตาพอควร อุณหภูมิประมาณ 0 ถึงติดลบแน่นอน แต่ แน่นอน เราไม่รู้สึกหนาวเพราะ เหมือนเราก�าลัง จะไต่ขึ้นๆ ไปเรื่อยๆ จนมาถึงจุดที่ เราไม่จอดรถไม่ได้ที่เดียวเพราะ ตื่นตาตื่นใจมาก ว่าเรา ขี่ขึ้นทางเคี้ยวคดลดเลี้ยวไปได้แบบ สุดยอด จริงๆ เมื่อจอดรถและลง เดิน ถอดหมวกกันน๊อคออกมาสัมผัสกับ อากาศด้านนอก และมองลงไป สุดลูกหูลูกตาจริงๆ นี่ขนาดยังไม่ถึง จุดสุดยอดของ ภูเขาเลย ถนนเรียงรายด้านล่างคดเคี้ยว ใจกลาง ภูเขาสีเขียว ที่สลับกันไปมาเหมือนงูกินหาง และมียอดบางยอดที่เป็น หิมะ ปกคลุม บางจุด มีน�้าตกไหลเรื่อยริน เห็นสายน�้าสีขาวๆ สลับ กับสีขาวสะท้อนของหิมะสะท้อนกับแดดเป็นประกาย ลมหายใจเกือบ หยุด เพราะความสวย บรรยากาศ อารมณ์ ความรู้สึก ณ ตรงนั้น ลงตัวอย่างน่าทึ่ง จริงๆ แวะตรงนี้ พอสมควร และ เดินไปดูหิมะที่ แข็งจนเป็นก้อนน�้าแข็งติด อยู่ที่ บนเนินเขา และ ปลายของพื้นเนินเขา ลักษณะคล้ายๆ กับตู้เย็นที่ประตูเดียว ที่ไม่ใช่ no freeze ที่เวลาน�้าแข็ง เต็มช่องแช่เย็น และเราท�าการละลายน�้าแข็ง จะเป็นก้อนน�้าแข็งแผ่นๆ ติด อยู่กับช่องท�าความเย็น ลักษณะคล้ายๆ กัน ลมแรงมาก อากาศ เย็นมากระทบ จนเริ่มหนาว จากนั้นเราก็เดินทางต่อไป มาอีกจุดหนึ่ง เป็นที่ราบ มีฝูงวัว กินหญ้าและ กินน�้าอยู่ในล�าธารยาวเป็นแนวทาง สวยงาม จอดแวะเก็บภาพ พร้อม ทั้ง พลขี่ พยายามออกก�าลังกาย ยืดเส้นยืดสายที่เมื่อยล้า ด้วยการท�าโยคะ ท่า ศีรษะอาสนะ ไม่แนะน�า ให้เลียนแบบ ถ้า ไม่มีประสบการณ์และการเรียนรู้มาก่อน เลยได้ภาพที่ สวยไปอีกแบบ ส�าหรับท่าออกก�าลังกาย จากนั้น ก็ขี่ขึ้นไปอีกเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ถึงบนยอด ของ Gotthard Pass ที่มีความสูงถึง 2,160 เมตร แม่เจ้าใน ที่สุด เราก็ขึ้นมาถึงจนได้ ความรู้สึกอาจจะไม่ต่างจากคนปีน เขา แต่แน่นอนการปีนเขามันสมบุกสมบันกว่าเยอะ แต่เราก็ท�าได้ บรรยากาศข้างบน ก็จะไม่เหมือนจุดชมวิวที่เราเห็นถนน คด เคี้ยว เป็นทางเรียบยาวและมีป้ายปักไว้ว่า Gotthard Pass และ บอกถึงระดับความสูงถึง 2,160 เมตร สูงกว่าระดับน�้าทะเล มี รถจอดพัก ถ่ายภาพกันมากมาย บางคนก็ถึงกับ ผิงไฟ ก่อ ถ่าน เพื่อให้ความอบอุ่น คาดว่า คงมาปิกนิค พักระหว่างทาง ก่อนลงเข้าไปในตัวเมืองของประเทศสวิสแน่นอน เพราะเห็นถ่าน ที่ดับไปแล้ว ในบางสถานที่ ระหว่างทางที่อยู่ใกล้บริเวณน�้าตก ก็มีคนนั่ง ปิคนิคกัน อย่างเป็นเรื่องเป็นราว มีเสื้อผ้า ตากอยู่ และ ไม่ได้ใส่เสื้อ คนจะลงว่ายน�้าตกแน่ๆ อากาศหนาวขนาดนี้ คนที่เคยชิน สามารถจริงๆ เป็นเราคงแข็งเป็น อนุสาวรีย์อยู่คู่ Gotthard Pass แน่ๆ 38 For Ride Magazine May 2013
:: Switzerland Gotthard Pass
เมื่ออิ่มเอมกับระดับความสูงแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะลงมุ่งหน้า ไปยังเมือง ZUG ที่เลียบทะเลเข้าไปยังที่พัก ก่อนที่จะมุ่งหน้าข้ามไปอีกประเทศต่อไป ตอน ที่ลงไปยังเมือง เป็นเวลาประมาณ 4 โมงเย็นซึ่งฝนก�าลังลงเม็ดๆ ปรอยๆ แต่ เนื่องจากสภาพอากาศเราว่า ต้องตกหนักแน่ๆ จึง รีบมุ่งหน้าไปยัง ที่พักซึ่งเป็น บ้านพักของเพื่อน ที่รู้จักกัน แต่เขาไม่อยู่บ้านเลยปล่อยให้เราพักผ่อนอย่างสบาย และเมื่อถึงที่พักแล้ว ฝนก็ตกลงมา อย่างหนัก จึงกะรอฝนหยุดเล็กน้อย และ จึง เริ่มออก ไปหาซื้ออาหารด้านนอก เพราะว่าท้องเริ่มร้อง ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะเป็น เวลาเพียงแค่ 5 โมงกว่าๆ ตอนเย็น ปรากฏว่า แม่เจ้า ร้านซุปเปอร์ปิด ทุกแห่ง จากความเป็นไทยที่ ซุปเปอร์มาเกตเปิดจนถึงดึก และทางอิตาลีก็เปิดจนถึง สอง ทุ่มกว่า แต่ที่สวิสปิดแล้ว จะแต่งกายขี่รถไป หาอาหาร ร้านอาหาร ก็คงไม่ไหว แน่ๆ เพราะ รู้สึกอยากพักสบายๆ ท�าอาหารง่ายๆ ที่บ้าน อาหารเช้าพรุ่งนี้ว่าจะ ซื้อก็ไม่มี จึงโทรไปถามได้ความจากเพื่อนๆ ว่า คนสวิส เขาต้องพักผ่อน ร้าน รวงจะปิดช่วง 5 โมงเย็น และ วันเสาร์ปิด บ่าย 2 ส่วนวันอาทิตย์ วันหยุด แต่ก็มี ร้านที่ขายของเปิดค�่าหน่อย แต่อยู่ในปั๊มน�้ามันที่ต้องเดินทางออกไปไกลหน่อยเลย ไม่อยากไป เออ ในที่สุดก็ต้องกลับมาที่พัก และหาของที่พอประทังท้องได้ ที่ครัว ของเพื่อน ก็พอได้ ข้าว และ ก็กับข้าว พอประทังได้ จนเช้า จึงไปหาซื้อของเพิ่ม
For Ride Magazine May 2013 39
>> Around The World....
บ้านที่พักเป็น บ้านเหมือน อพาร์ทเมนท์ ที่มีมาตั้งแต่ครั้ง สงครามโลกครั้งที่สอง เขาจัดสรรระบบได้ดีมาก ด้านใต้ห้องพัก ลง ไปชั้นใต้ดินจะเป็นหลุมหลบภัยหนีสงคราม ซึ่งในปัจจุบันปรับเปลี่ยน เป็นห้องเก็บของ แบ่งเป็นโซนและมีห้องซักล้าง ตาก อบผ้า เป็นอย่าง ดี โดยใช้คีย์การ์ดเพื่อ การท�างานของเครื่องซักผ้า และเครื่องอบ ส่วนห้องเก็บของที่เป็นหลุมหลบภัยสมัยก่อน มีทางเชื่อมถึงกันได้ ตลอดทั่วตึก ขนาดสมัยก่อนยังสามารถป้องกันได้ขนาดนี้ สุดยอด จริงๆ เวลาลงไปซักผ้า คิดเหมือนว่าตัวเอง อยู่ในหลุมหลบภัย แต่ เป็นบรรยากาศที่ไม่น่ากลัว แต่รู้สึกเหมือนเราอยู่ในหนัง อย่างไง อย่างงั้นเลย ไหนๆ พูดถึง การซักล้าง เรามาพูดถึงห้องน�้า สักนิด นึง ห้องน�้าที่นี้ จะเป็นห้องน�้าแยก เพราะ จะมีห้องถ่ายหนักเบา แยก จากห้อง อาบน�้า ตอนแรกเปิดห้องน�้าไป คือ ห้องอาบน�้า หาส้วมท�า ธุระมองไม่เห็นเลยในห้อง เราก็แอบคิดไปว่า จะท�าหนักเบา ได้อย่างไร กันเนี่ย อ๋อที่แท้ มันแยกห้อง คือ ต้องเปิดประตูไปอีกห้องนึงซึ่งแยก ออกเป็นสัดส่วน ส�าหรับท�าสมาธิ ในการท�ากิจหนักเบานั่นเอง มากล่าวกันต่อเรื่อง การไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ต วันรุ่ง ขึ้นก็ไปท�าการ ช๊อปอาหารมาท�าทานที่บ้าน เพราะอยากพักสบายๆ ท�างาน จะได้ไม่ต้องวิ่งออกไปไหน มาไหนอีก ที่ซุปเปอร์มีอาหาร หลายหลายเหมือนซุปเปอร์ทั่วไป แต่ ที่เห็นคือ เขาจะขายของเป็นแพค ใหญ่มากๆ ไม่มีแยกเป็นแพคย่อย คือ หาน้อยมากจะซื้อเนื้อมารับ ประทานคนเดียวเพราะจะเห็นเป็นแพคแบบทานกันหลายคน หรือ อันนั้น อาจจะเป็นแพคทานคนเดียว แต่คนที่นี้ทานกันเยอะหรือเปล่าก็ไม่ทราบ เพราะ ไปแค่ซุปเปอร์เดียว แต่ที่ผ่านๆ มาๆ จากแวะเข้าซุปเปอร์ ในแต่ละ ประเทศ ที่สวิสขายแพคใหญ่มาก แต่ในที่สุด มื้อนี้ก็ได้ทานอาหารที่เรา เลือกเองอย่างอิ่มท้อง ก่อนที่จะเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น ตกลงเราก็พักค้างที่สวิสเป็นเวลา 2 คืน จากนั้นก็เดินทางต่อ ไปยังประเทศหน้า คือประเทศแห่ง กระเป๋าหลุยส์ และอาหารฟิวชั่น คือ ฝรั่งเศส นั่นเอง
• อะไรคือ CE? สัญลักษณ์ CE ที่เห็นตามข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ รวมถึงสิ่งของที่คนในวงการ 2 ล้ออย่างเราๆ เห็นอยู่ เป็นประจ�าอย่างเสื้อแจ็คเก็ต, รองเท้า, การ์ดหลัง, การ์ดเข่า, การ์ดศอก และอีกมากมาย...คุณเคยสงสัยมั้ยล่ะว่า มันคืออะไร? ห้ามตอบว่า “เอ๊าก็มาตรฐานการผลิตเหมือน มอก. บ้านเราไง” หรือ “CE แปลว่าซื้อแล้วไม่รับคืน” หรือ “เฮ้ยมีด้วยหรอ CE ไหนฟะไม่เคยสังเกตเลย!”….เอาหละได้เวลา FRM ออกโรงไขข้อข้องใจเรื่องโลโก้ CE ที่ อยู่ใกล้ตัวเราม๊ากมากแต่กลับมีคนรู้เรื่องของมันน้อยมากกันแล้ว...
TECHKNOW 40 For Ride Magazine May 2013
• CE = Conformité Européenne = European Conformity ค�าว่า CE หรือบางทีก็เรียก EC มีที่มาจากค�า ศัพท์แบบยุโรปๆ ว่า Conformité Européenne (คอน ฟอร์มิตี้ ยูโรเปี้ยน) ซึ่งก็มีความหมายว่า “การ ยอมรับในยุโรป” แปลเป็นไทยอีกทีว่า “มาตรฐาน ยุโรป” ซึ่งก็ไม่ได้หมายความถึงมาตรฐานความ ปลอดภัย...แต่จุดประสงค์ของมันคือ ส�าหรับขาย กันเองในทวีปยุโรปโดยไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม (เหมือน เพื่อนขายของให้เพื่อนว่างั้นเถอะ!) โลโก้ CE จะใช้กับ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ผลิตและจ�าหน่ายในประเทศโซน เศรษฐกิจยุโรปตั้งแต่ปี 1993 (EEA) ยกตัวอย่าง ง่ายๆ อย่างเช่น โทรศัพท์มือถือที่ขายกันระหว่าง ประเทศที่อยู่ในข่ายเศรษฐกิจของยุโรปก็จะต้อง ผ่าน CE ในด้านของกระแสไฟ แต่ก็ไม่ใช่ว่าสินค้าทุก ประเภทจะต้องมีโลโก้ CE จะมีแค่สินค้าอุตสาหกรรม, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, ของเล่น, หลอดไฟ ฯลฯ... แม้จะมีความหมายคล้ายค�าว่า “มาตรฐาน” แต่ CE ไม่ได้บ่งบอกว่าสินค้านั้นจะปลอดภัยกับผู้ใช้ หรอกนะ! นอกจากได้รับ CE แล้ว สินค้านั้นๆ ยัง ต้องผ่านการทดสอบตามประเภทการใช้งานด้วย อย่างเช่น เสื้อแจ็คเก็ตที่มีการ์ดป้องกัน...การ์ดเหล่า
นั้นก็ต้องผ่านการทดสอบเฉพาะทาง จากนั้นจึงจะได้ โลโก้อีกชนิดที่เรียกว่า EN 1621-1:1997 และ EN 1621-2:2003 เนื่องจากมีสินค้าหลายประเภทที่จะ ได้ CE หรือต้องมี CE ซึ่งอุปกรณ์ป้องกันส�าหรับ ขับขี่มอเตอร์ไซค์ก็รวมอยู่ในนั้นด้วย โดยมีชื่อว่า “Personal Protective Equipment” แปลว่า เครื่อง ป้องกันส�าหรับสวมใส่เฉพาะบุคคล นั่นท�าให้พวกไร ดิ้งเกียร์ต่างๆ ที่เราใช้กันอยู่รวมถึงการ์ดป้องกันจึง มีสัญลักษณ์ CE โชว์อยู่ กฏของโลโก้ CE ที่ผู้ผลิตต้องค�านึงถึงก็มี... ต้องใส่โลโก้ CE ในจุดที่สามารถมองเห็นโดยขึ้นอยู่ กับการยินยอมหรือข้อตกลงของสินค้านั้นๆ ขนาด ของ CE จะต้องไม่ต�่ากว่า 5 มม. หรือถ้าจะขยาย ก็ต้องเป็นไปตามอัตราส่วน ถ้าเป็นเครื่องแต่งกาย หรือสินค้าที่ไม่สามารถมีโลโก้ CE ได้จริงๆ (อย่าง เช่น ตุ๊กตาหมีมีขนนุ่มนิ่มหรือคอนแทคเลนส์) ก็ให้โชว์ โลโก้ CE ไว้ที่บรรจุภัณฑ์หรือในคู่มือ โลโก้ CE จะใช้ แค่ตัวพิมพ์ไม่ได้ต้องปรับเปลี่ยนเป็นลักษณะของโลโก้ ส�าหรับยานพาหนะต้องใช้โลโก้ E แทน CE
• จีนก็มี CE? โอ้วมายก้อด! จีนก็มี CE หรือนี่! ใช่แล้วหละครับ ประเทศจีนเค้าก็มี CE แต่ย่อมาจาก “Chinese Export” ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมาตรฐานยุโรปแต่อย่างใด จะว่าไปแล้ว โลโก้ CE ของยุโรปเค้ามีมาตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งสมัยนั้น เค้าก็เช็คแล้วว่าไม่มีใครใช้โลโก้ CE นี้เลย หลายคนจึงอาจ เข้าใจผิดว่า CE ใช้กันทั่วโลกและหลงซื้อสินค้าลอกเลียน แบบจากจีน เพราะคิดว่าเป็นสินค้าจากยุโรปแต่ไปผลิตที่ ประเทศจีน ล่าสุดกลุ่มประเทศยุโรปก�าลังเจรจากับจีนใน เรื่องโลโก้ CE นี้อยู่ครับ วิธีดูโลโก้ว่าเป็น CE จีนหรือ ยุโรปนั้นค่อนข้างยาก แต่ดั้งเดิมนั้น CE ของยุโรปจะ เป็นการตัดครึ่งวงกลมออกมาเป็นตัว C และ E นั่นท�าให้ CE อ้วนกว่าของจีนครับ... For Ride Magazine May 2013 41
• แล้ว CE เกี่ยวอะไรกับชำว 2 ล้ออย่ำงเรำ ? เป็นค�าถามที่ดีครับ...แต่มันเกี่ยวอย่างมากโดยเฉพาะคนที่ซื้อสินค้าอย่าง Riding Gear หรืออุปกรณ์ขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่ใช้กันอยู่ทุกวัน เนื่องจาก สินค้าส่วนใหญ่นั้นมาจากยุโรป ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ Rev’It, Clover, Held, BMW Riding Gears, Alpinestars ซึ่งในแต่ละแบรนด์ก็มีสินค้าอีก หลากหลายประเภท เช่นเสื้อ ถุงมือ หมวก รองเท้า...เมื่อย้อนกลับไปดูประเภท ของสินค้าที่จะได้รับ CE แล้วจะพบว่ามันจะต้องเป็น “Personal Protective Equipment” นั่นหมายความว่าตัวเสื้อแจ็คเก็ตจะไม่มี CE แต่การ์ดป้องกัน ที่อยู่ด้านในนั้นแหละที่จะได้ CE แต่บางครั้งบางแบรนด์อาจไม่ได้ผลิตการ์ด ป้องกันเอง บางครั้งเราจึงเห็นการ์ดป้องกันยี่ห้อไม่เหมือนกับตัวเสื้อ เช่น Rev’It ที่ใช้การ์ดของ KNOX และ SAS-TEC แจ็คเก็ตของ Furygan ที่ใช้ การ์ดของ D3O เสื้อทุกรุ่นของ BMW ใช้การ์ดของ NP แต่เสื้อบางยี่ห้อ อย่าง Clover ก็สามารถผลิตและใช้การ์ดของตัวเองได้เช่นกัน…แต่อย่างที่ บอกว่า CE ไม่ได้เป็นตัววัดว่า “การ์ดชิ้นนี้ผ่านการทดสอบ” เพราะตัวที่จะ บอกว่าการ์ดชิ้นนี้ผ่านการทดสอบแบบไหน รองรับการกระแทกได้เท่าไหร่คือ EN 1621-1:1997 และ EN 1621-2:2003
• EN 1621-1:1997
• EN 1621-2:2003
ตัวเลขชุดนี้เป็นตัวการันตีความสามารถในการรับแรง กระแทกของชิ้นการ์ดที่เอาไว้ใช้ป้องกันหัวไหล่, ข้อศอก, หัว เข่า, หน้าแข้ง, เอว และร่ายกายช่วงล่าง EN 1621-1:1997 นั้นใช้วิธีทดสอบด้วยวัดแรงกระแทกที่ได้รับผ่านอีกด้านของ การ์ดป้องกัน ถ้าอธิบายเป็นตัวเลขอาจท�าให้งงได้...ขออนุญาต อธิบายคร่าวๆ แล้วกันนะครับ เค้าจะทดสอบด้วยการปล่อย เหล็กทรงมนที่มีขนาดและน�้าหนักตามที่ก�าหนดปล่อยลงมาจาก ความสูงและความเร็วที่ล็อคไว้ สมมุติว่าแรงกระแทกที่ผิวสัมผัส อยู่ที่ 100 kN (กิโลนิวตั้น) การ์ดป้องกันนั้นๆ อาจจะทอน แรงกระแทกลงเหลือ 50 kN เมื่อวัดจากอีกด้านของการ์ด... มาตรฐานของ EN 1621-1:1997 จะหาค่าเฉลี่ยจากการ ทดสอบ 9 ครั้งซึ่งค่าที่ได้จะต้องน้อยกว่า 35 kN และห้ามมี ครั้งไหนเกินกว่า 50 kN
มาตรฐานระดับนี้จะเน้นส�าหรับ “การ์ดหลัง” เพราะกระดูกสันหลังของคนเรา นั้นส�าคัญและเป็นส่วนที่บอบบางที่สุด ท�าให้การป้องกันต้อง “เข้มข้น” มากกว่าแบบ แรก การทดสอบนั้นจึงแตกต่างกันเล็กน้อย โดยวัตถุที่จะตกลงมากระแทกเป็นรูปทรง สามเหลี่ยม ส่วนฐานที่รับการกระแทกเป็นรูปทรงกระบอกปลายมน การทดสอบนั้นยัง คงใช้การทดสอบ 9 ครั้งเช่นเดิม แต่ทว่าการ์ด EN 1621-2:2003 จะแบ่งออกเป็น 2 เลเวลด้วยกัน
42 For Ride Magazine May 2013
EN 1621-2:2003 Level 1 แรงกระแทกเฉลี่ยต้องต�่ากว่า 18 kN และต้องไม่มีครั้งไหนจาก 9 ครั้งที่แรง กระแทกสูงกกว่า 24 kN
EN 1621-2:2003 Level 2 แรงกระแทกเฉลี่ยมต้องต�่ากว่า 9 kN และต้องไม่มีครั้งไหนจาก 9 ครั้งที่กระแทก แรงเกินกว่า 12 kN
TECHKNOW
• ท�ำควำมรู้จักรหัสและโค้ด เนื่องจากการการ์ดป้องกันแต่ละประเภทจะมีรหัสที่แตกต่างกัน เราจึงเจาะ ลึกให้รู้กันไปว่ารหัสแต่ละตัวหมายถึงอะไร
EN 1621-1:1997 - กำร์ดป้องกันกำรกระแทกทั่วไป รูปแบบการป้องกัน ( บอกประเภทเป็น Type ) S – Shoulder ไหล่ E - Elbow ข้อศอก H – Hip เอว K – Knee หัวเข่า K+L – Knee+Leg เข่าและหน้าแข้ง L – Front of Leg หน้าแข้ง นอกจากนี้จะมีรหัสพิเศษบอกว่าการ์ดชิ้นนั้น “ครอบคลุม” แค่ไหน A – ลดขนาดการ์ดให้กะทัดรัด B – ครอบคลุมมาตรฐาน
EN 1621-2:2003 กำร์ดพิเศษส�ำหรับเน้นกำรป้องกันที่ แผ่นหลังและกระดูกสันหลัง สังเกตุได้จากรูปคนขี่มอเตอร์ไซค์ โดยมีรหัสดังนี้ B – Full Back ป้องกันทั้งแผ่นหลัง L – Lumbar ป้องกันเฉพาะกระดูกสันหลังช่วงล่างไปจนถึงก้นกบ ส�าหรับการ์ดหลังจะมีเลเวลเพิ่มเข้ามา 1 – Level 1 ป้องกันได้ดี 2 – Level 2 ป้องกันได้ดีมากกว่า
สาเหตุหลักที่การ์ดป้องกันของชุดขี่มอเตอร์ไซค์ในประเทศยุโรป ต้องผ่านมาตรฐาน EN 1621-1:1997 และ EN 1621-2:2003 ก็เพราะว่า...จากการเก็บข้อมูลและรีเสิร์ชของยุโรปพบว่าอาการบาด เจ็บส่วนมากของสิงห์มอเตอร์ไซค์เกิดจากการล้มและมีถึง 13% ที่ นักบิดได้อาการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง แต่ไม่ว่าจะมีอุปกรณ์ป้องกัน ดีแค่ไหน...ความไม่ประมาทคือตัวช่วยที่ดีที่สุดครับ สุดท้ายนี้ FRM ได้แต่หวังว่าคอลลัมน์ Techknow นี้จะเป็น ประโยชน์กับเหล่าไรเดอร์ทั้งหลายที่ก�าลังจะเลือกซื้อไรดิ้งเกียร์ โดยเฉพาะเสื้อแจ็คเก็ตซักตัวแต่ก็ยังงงกับ CE และเลเวลของการ ป้องกัน... ** ขอบคุณร้าน Panda Rider ส�าหรับการ์ดป้องกันและ อุปกรณ์ขับขี่มอเตอร์ไซค์ตัวจริงเสียงจริงในการถ่ายภาพ และเป็นตัวอย่างที่ดีในคอลลัมน์นี้ครับ ติดต่อสอบถามเพิ่ม เติมติดต่อ 02-940-4477 หรือ www.pandarider.com
For Ride Magazine May 2013 43
MotoGP Report
History Time
Losial International Circuit – Doha, Qatar
ก่อนจะ เริม่ ลุน้ ระทกึ ไปกบั ศึกความ ์ไซค์ทาง มันส์ในการแข่งขันมอเตอร ย่าง MotoGP .... เรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอ รูจ้ กั กับประวัติ าทา� ความ FRM ขออาสาพาทุกท่านม แตล่ ะสนามทใี่ ช้ในการแขง่ ขัน ความเป็นมาของสนามแข่ง น่ ามันมีทมี่ าทไี่ ปรวมถึงจุดเด MotoGP ฤดกู าล 2013 ว่ ม รว ทศ ง้ ลักษณะภมู ปิ ระเ ต่างๆ ไมว่ า่ จะเปน็ ลักษณะโค เอาไปคุยเกทบั เรือ่ ง ดทีว่ า่ ถึงรายละเอยี ดยบิ ย่อยชนิ (แหมอนั นีก้ เ็ ว่อร์ไป) ดี เ ที ราวของเพอื่ นไดเ้ ลย ยว แหง่ ประเทศ เรามาเริม่ กันทีส่ นาม “Losial” ก กาตาร์กันก่อนเลยดี ว่า
• From sand to grand stand สนาม Losial (อ่าน โล-เซล) International Circuit เป็นสนามที่ได้รับความนิยม และเริ่มเป็นที่รู้จักมาตั้งแต่ปี 2008 เมื่อการแข่งขัน MotoGP บินมาท�าการแข่งขันที่ นี่และที่ส�าคัญเป็นการแข่งแบบ “Night Race” หรือการแข่งขันในช่วงเวลากลางคืน เป็นครั้งแรก (จริงๆ แล้วเค้าเพิ่มไฟส�าหรับแข่งกลางคืนเข้าไปตั้งแต่ปี 2007 แล้วครับ) สนามโลเซลใช้แรงงานคนมากถึง 1,000 คนท�างานตลอดทั้งวันโดยสับเปลี่ยนกะกัน เพื่อให้ทันการแข่งขัน Marlboro Grand Prix of Qatar ในปี 2004 จากนั้นสนาม โลเซลก็เป็นที่นิยมและมีการแข่งขันทั้ง 2 ล้อและ 4 ล้อมาใช้บริการกันให้เพียบ
• Grass is green ถ้าใครที่เคยชมการแข่งขันที่สนามโลเซลนี้คงจะสังเกตุเห็นว่ารอบๆ สนาม โดย เฉพาะบริเวณข้างแทร็คจะมี “หญ้าเทียม” รายล้อมอยู่โดยรอบ สาเหตุของการมี หญ้าเทียมนอกจากช่วยให้ดูสบายตาแล้วหน้าที่หลักของมันคือ “ป้องกันทราย” ที่ มักถูกลมพัดพามาจากทะเลทรายแถบนั้น เนื่องจากภูมิประเทศของประเทศกาตาร์นั้น ประกอบด้วยทราย แล้วเจ้าทรายนี้แหละที่เป็นอุปสรรคส�าคัญในการแข่งขันส�าหรับรถ 2 ล้อ
• Why night race? ท�าไมต้องล�าบากแข่งกันตอนกลางคืน? ค�าตอบนั้นง่ายมากครับ เพราะอุณ ภูมิของพื้นผิวสนามในช่วงกลางวันนั้นร้อนมากจนแทบจะท�าให้ยางรถแข่งละลายติด สนามได้ทันที เนื่องจากความร้อนนั้นเป็นอุปสรรคอย่างมากในการแข่งขันทางผู้จัด จึงเกิดไอเดียการแข่งในช่วงเวลากลางคืนขึ้น เพราะอุณหภูมิสนามในช่วงกลางวัน และกลางคืนนั้นแตกต่างกันเกือบเท่าตัว นี่แหละคือที่มาของการแข่งขันแบบไนท์เรซที่ ประเทศกาตาร์ 44 For Ride Magazine May 2013
• Light is on
• How hard the track is?
แน่นอนว่าสิ่งที่จ�าเป็นที่สุดส�าหรับการแข่งขันใขช่วงเวลากลางคืนคือ “ไฟ” สนามโลเซลใช้บริการระบบไฟให้แสงสว่างจาก Musco Ligthing ผู้ อยู่เบื้องหลังการจัดไฟให้การแข่งขัน Super Bowl และโอลิมปิคมาแล้ว หัวใจหลักของการติดตั้งไฟเข้าไปส่องสว่างให้สนามไม่ใช่แค่การปักเสาแล้ว ยัดหลอดไฟเข้าไป...สิ่งแรกที่ต้องจัดการให้ได้ก็คือ “เงา” แม้จะเป็นหลอด ไฟแต่มันก็ต้องให้แสงสว่างได้จากรอบด้านซึ่งนั่นจะท�าให้เงาหายไปจากพื้น สนาม ต่อมาคือความเร็วของรถ ผู้ผลิตและติดตั้งระบบไฟต้องค�านึงถึง ความเร็วรถและมุมการเข้าโค้งของรถ...ที่ความเร็วกว่า 300กม./ชม. นัก แข่งต้องสามารถของเห็นทางข้างหน้าได้อย่างชัดเจน ชุดไฟที่ส่องสว่างพื้นผิวสนามแข่งประกอบด้วยแผงไฟกว่า 3,600 ดวง บน “ป่า” เสาไฟ 1,000 ต้นที่เรียงรายส่องแสงขี้น�าทางให้กับเหล่า นักแข่ง หลอดไฟขนาด 2,000 วัตต์ถูกเชื่อมเข้ากับสายไฟความยาวราว 496 กม. โดยมีเครื่องปั่นไฟขนาด 13 เมกะวัตต์จ�านวน 14 เครื่องคอย ป้อนกระแสไฟอยู่ตลอดเวลา....แค่ระบบไฟก็ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ไหนในโลกแล้ว ครับ!!
แล้วความโหดของสนามแข่งล่ะอยู่ระดับไหน ? ถ้าถามเรา...เราก็คงบอกว่า มันโหดน่าดูเลยทีเดียวหละ ไม่ว่าจะเป็นกระแสลมแรงที่มาจากพื้นที่รกล้างไม่มีสิ่ง ก่อสร้าง แถมลมยังพัดพาเอาทรายมาช่วยให้สนามแข่งอันตรายขึ้นอีกขั้น ใน ด้านของอุณหภูมิพื้นสนามที่บางครั้งก็อุ่นก�าลังดีและบางครั้งก็เย็นเกินไปจน ท�าให้ยางที่แต่ละทีมเลือกใช้นั้นอาจจะไม่สามารถท�างานได้เต็มที่ มาดูในส่วนของ ลักษณะโค้งที่สนามโลเซลนี้กันดีกว่า - โค้งขวา 10 โค้งมีไฮไลท์อยู่ที่โค้งหักศอก (Tight Turn) และมีอีกโค้งที่ กว้างสะใจนั่นก็คือโค้ง 2 มุม (Double Apex Turn) - โค้งซ้าย 6 โค้งมีไฮไลท์เป็นโค้งหักศอก 3 โค้งด้วยกัน เนื่องจากสนามโลเซลมีโค้งโหดๆ หลายโค้งท�าให้นักแข่งต้องวางแผนและ ตัดสินใจให้ดีก่อนจะแซง ทั้งนี้ยังต้องคอยเล็งทรายที่อยู่บนผิวสนามที่มักจะ เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ ตามแรงดูดของลมที่เกิดจากตัวรถแข่งเอง สรุปแล้ว Losial Internation Circuit ประเทศกาต้าร์เป็นอีกหนึ่งสนาม ที่น่าจับตามองทั้งแนวโน้มและความน่าจะเป็นของการแข่งขันปีนี้....คุณหมอ วาเลนติโน่ รอสซี่ จะกลับมาทวงฟอร์มคืนได้หรือไม่ ฮอร์เฮ่ ลอเรนโซ่ จะป้อง แชมป์โลกไว้ได้อีกสมัยหรือเปล่า หรือ มาร์ค มาเคซ ไอ้หนูตัวแสบจาก Moto 2 ที่ขยับขึ้นมาลุยกับรุ่นพี่ในศึก MotoGP 2013 ปีนี้จะกวาดพวกรุ่นพี่ออก จากหัวตารางได้หรือไม่!
Lorenzo แรงหยุดไม่อยู่ ได้ฤกษ์เปิดฤดูกาลส�าหรับการแข่งขัน มอเตอร์ไซค์ที่โลกรอคอย MotoGP 2013 ระเบิดความมันส์กับสนามแรก Losial International Circuit ณ กรุงโดฮา ประเทศกาต้าร์ ไม่ ต้องแปลกใจว่าท�าไมถึงแข่งเวลากลางคืน เพราะ ความร้อนในตอนกลางวันนั้นท�าลายทั้งยางและ ตัวนักแข่ง มาดูกริดสตาร์ทกันดีกว่า...ต�าแหน่ง Pole Position (โพล โพสิชั่น) หรือต�าแหน่ง หัวแถวตกเป็นของ Jorge Lorenzo (ฮอ-เฮ่ ลอ-เรน-โซ่) ตามด้วยที่สอง Cal Clutchlow (คาล คลัท-โลว) ส่วนที่สามเป็นของ Dani Pedrosa (ดา-นี่ เพ-โดร-ซ่า) มาดูแถวที่สอง กันบ้าง...หัวแถวได้แก่ Andrea Dovizioso (อัง-เดร โด-วิ-สิ-โอ-โซ่) ต่อมาคือ Stefan Bradl (สะ-เต-ฟาน แบ้รด-ด้อล) และ Marc Marques (ม๊าค มา-เคซ) ส่วนตัวเก๋าๆ อย่าง วาเลนติโน่ รอสซี่ ออกสตาร์ทจากต�าแหน่งที่ 7 ส่วน นิกกี้ เฮย์เด้น สตาร์ทจากที่ 11 ใน ขณะที่ เบ็น สปีส์ คู่หูเก่าของลอเรนโซ่สตาร์ท จากที่ 13...เมื่อไฟแดงดับลง ลอเรนโซ่ก็พุ่ง ออกน�าไปก่อนตามมาด้วยเพโดรซ่าและโดวิสิโอ โซ่ที่ไล่ตามมาจากด้านหลัง โค้งแรกที่ทุกคนต่าง ลุ้นว่าจะมีใครหลุดโค้งหรือไม่ก็ผ่านไปด้วยดี แต่
Maquez เปิดตัวยอดเยี่ยม
Rossi หวนคืนบัลลังก์ใน Qatar
ในรอบต่อมาคาเรล อับบราฮัมกลับพลาดหลุด โค้งไปอย่างน่าเสียดาย ด้านหน้าผู้น�าอย่างลอเรน โซ่ค่อยๆ ทิ้งห่างเพื่อนออกไปเรื่อยๆ มีตัวละคร ใหม่เพิ่มเข้ามาคือคาล ครัทช์โลวที่ได้ไล่ตามบี้เพโดร ซ่าเพิ่มความกดดันให้การแข่งขัน ถัดไปด้านหลัง มีมาเคซที่ไล่บี้โดวิสิโอโซ่อีกที ส่วนรอสซี่ที่พลาด บานโค้งก็กู้เกมกลับมาได้และค่อยๆ แซงกลับขึ้นมา ไฮไลท์ของเกมนี้อยู่ที่คู่ของรอสซี่และแบรดดอลที่ ไล่บี้กันแบบไม่มีใครยอมใคร ในขณะที่ลอเรนโซ่ยัง คงน�าทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ เด็กใหม่อย่างมาเคซก็ For Ride Magazine May 2013 45
MotoGP Report เฉือนแซงรุ่นพี่ทีมเดียวกันอย่างเพโดรซ่าอย่างสวยงาม ช่วงท้ายการ แข่งขันรอสซี่ไล่แซงครัทช์โลวส�าเร็จซึ่งการแซงนี้เองที่เกือบท�าให้ครัทช์โล วออกไปกลิ้งกินกรวด เป้าหมายต่อมาของรอสซี่คือเพโดรซ่าและในที่สุด เค้าก็แซงนักแข่งทีมฮอนด้าได้ส�าเร็จ เกมส์เริ่มดุเดือดขึ้นในช่วง 2 รอบ สุดท้ายเมื่อมาเคซและรอสซี่ไล่บี้ชิงที่ 2 กันแบบแลกหมัดต่อหมัด แต่ใน ที่สุดด้วยความเก๋าของรอสซี่ที่แซงมาเคซในช่วงสุดท้ายก่อนจะเข้าเส้นชัย ตามหลังเพื่อนร่วมทีมลอเรนโซ่ตามด้วยมาร์ค มาเคซ Result MotoGP Round 1: Qatar 1. ฮอร์เฮ่ ลอเรนโซ่ ทีม Yamaha Factory Racing 25 คะแนน 2. วาเลนติโน่ รอสซี่ ทีม Yamaha Factory Racing 20 คะแนน 3. มาร์ค มาเคซ ทีม Repsol Honda 16 คะแนน 4. ดานี่ เพโดรซ่า ทีม Repsol Honda 13 คะแนน 5. คาล ครัทช์โลว ทีม Monster Yamaha Tech 3 11 คะแนน
> ฮอร์เฮ่ ลอเรนโซ่ ทีม Yamaha Factory Racing “ผมเครียดมากโดยเฉพาะช่วงแรกของการแข่ง เริ่มตั้งแต่ ออกสตาร์ทเลยหละ ผมต้องตั้งสติและผ่อนคลายไปในเวลา เดียวกัน ผมสลัดเพโดรซ่าไม่ได้จริงๆ ในรอบแรกๆ เพราะเค้า เร็วมาก แต่ในที่สุดผมก็ค่อยๆ ทิ้งห่างส�าเร็จ ผมรู้สึกดีใจและ ขอบคุณทีมยามาฮ่า ที่ส�าคัญผมดีใจกับรอสซี่ด้วยครับที่กลับ มาคืนฟอร์มหลังจากปีที่แล้วที่เลวร้ายของเค้า ผมพอใจกับ สนามนี้มากครับ” > ดานี่ เพโดรซ่า ทีม Repsol Honda “ผมมีปัญหากับการเกาะติดลอเรนโซ่ เพราะโค้ง โหดและผมหาจุดที่ลงตัวไม่ได้ ผมบู๊กับมาเคซและรอสซี่ แต่พวกเค้าเร็วกว่า สนามนี้ยอมรับเลยว่าผมมีปัญหา เล็กน้อย แต่สนามหน้าเราเอาใหม่รับรองต้องดีขึ้นกว่า เดิมแน่นอน”. > มาร์ค มาเคซ ทีม Repsol Honda “แหมก็วันนี้ผมกะจะขี่ให้เต็มสูบแล้วผมก็ลุยเต็มที่ อันที่จริงก่อนแข่งผมค่อนข้างกลัวนิดๆ นะกับการแข่ง MotoGP ครั้งแรกในชีวิต แต่เมื่อสตาร์ทผมก็รู้สึกว่า ผมสามารถแซงพวกเค้าได้ โดยเฉพาะเมื่อเจอกับเพโดร ซ่าผมรู้สึกว่าเค้าเร็วและผมต้องคอยหาจังหวะดีๆ ส่วน รอสซี่พี่เค้ามากประสบการณ์แต่ผมก็รู้สึกสนุกที่ได้ขี่กับ เค้า ยังไงซะผมก็ดีใจกับโพเดี้ยมวันนี้ครับ”
46 For Ride Magazine May 2013
How was
the race?
> วาเลนติโน่ รอสซี่ ทีม Yamaha Factory Racing “ผมดีใจกับโพเดี้ยมวันนี้ เพราะมันเป็นอะไรที่ผมคาด หวังไว้แต่แรก ผมรู้สึกว่าผมขี่ได้ดีและสามารถแซงคนอื่น ได้ แต่นับตั้งแต่นาทีที่ผมพยายามแซงโดวิสิโอโซ่ซึ่งผมท�าให้ เค้าบานออกไปผมก็เริ่มระวังมากขึ้น อย่างแบรดดอลที่แซง ยากมากจนท�าให้ผมเสียเวลาไปเพียบเลย มันเหมือนกับโพ เดี้ยมไกลความจริงเข้าไปทุกที แต่ผมก็พยายามขยับขึ้นทีละ นิดจนสุดท้ายได้ดวลกัน 3 คนโดยเฉพาะกับมาร์คที่เราต่าง เร็วกันทั้งคู่ ยังไงซะผมก็รู้สึกยินดีกับทีมและลอเรนโซ่ที่ชนะ วันนี้ครับ” > คาล ครัทช์โลว ทีม Monster Yamaha Tech 3 “ผมพลาดในจุดของการเบรก ส่วนรอสซี่ก็ขี่ได้ เยี่ยมเค้าพยายามไล่บี้ผมและเพโดรซ่า เป็นการขี่ที่ดีที่สุดที่ ผมเคยเห็นมา ที่พลาดก็คือผมพยายามดูดท้ายรอสซี่และ เบรกในโค้งมากเกินไปจนผมต้องบานออกไปนอกโค้ง ผม ว่ารถยามาฮ่าจะขี่ได้ดีต้องไม่มีฮอนด้าอยู่ข้างหน้า เพราะ ถ้ามีทีมฮอนด้าอยู่ด้านหน้าผมจะขี่ยากกว่าเดิม ช่วงท้าย การแข่งขันผมพยายามแซงทีมฮอนด้าแล้วนะแต่ก็ไม่ส�าเร็จ บวกกับน�้ามันผมใกล้หมดซึ่งท�าให้ขี่ยากเข้าไปอีก ถึงแม้ จะขี่พลาดไปบ้างแต่ยังไงซะเราก็ขึ้นมาอยู่ที่ 5”
Track Drill
COTA: Circuit of The Americas
สนามที่ 2 ที่ ี่ ศึก MotoGP ระเบิดขึน้ อยทู่ ่ ื อ ม้ ชี เรียก ประเทศสหรฐั อเมริกา สนามนี อื แบบเตม็ ยศว่า สัน้ ๆว่ า COTA (โคต้า) หร (เซอร์กิต ออฟ ดิ Circuit of The Americas ที่เพิ่งสร้างเสร็จ อเมริกาส์) สนามใหม่ป้ายแดง น็ มายังไง วามเป เมือ่ เร็วๆ นีจ้ ะมีรายละเอียดค ...FRM ขอ โหดแคไ่ หน และผสู้ ร้างคอื ใคร บ อาสาพาทุกท่านทา� ความรูจ้ กั กั ! ั น ้ ี ก สนามใหมน่
• Background จากพื้นที่ว่างเปล่า 3.6 ตารางกิโลเมตร โดยนายทุนยักษ์ใหญ่อย่าง เรด แมคคอมส์ เศรษฐี พันล้านแห่งรัฐเท็กซัสที่อยากจะให้สนามนี้เกิดขึ้นและมีชื่อว่า “Speed City” หรือเมืองแห่ง ความเร็ว แต่เป็นเพราะเจ้าของโปรเจ็คตั้งราคาการตั้งชื่อสนามไว้ที่ 7 ล้านเหรียญเพื่อน�าเงินไป บ�ารุงสนาม จึงไม่มีใครสนใจอยากลงทุนเพื่อให้ใช้ชื่อที่ตนเองคิดขึ้นมา สุดท้ายชื่อของสนามก็ถูก แถลงผ่านสื่อโดยใช้ชื่อว่า Circuit of The Americas ก่อนที่จะลงมือสร้างสนาม... แบบแปลนได้ถูกส่งไปให้ FIA ในกรุงเจนิวาตรวจก่อนที่จะส่งงานต่อไปให้บริษัท HKS และ Tilke Engineers & Architects ออกแบบโดยมีบริษัท Austin Commercial คุมสัญญาทั้งหมด อีกที การก่อสร้างเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 31 ธันวาคมปี 2010 และมีก�าหนดแล้วเสร็จเดือนมิถุนายน ปี 2012 ขั้นตอนการก่อสร้างเริ่มที่การล้อมรั้วก่อนจะตรวจสอบลักษณะของดินแล้วก็ก�าจัด ต้นไม้บนหน้าดิน จากนั้นก็มีการค�านวนเรื่องพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการถูกน�้าท่วมและการเตรียมงบ ส�าหรับอัพเกรดหน้าดินให้พ้นจากความเสี่ยงดังกล่าว ถนนทางเข้าสนามที่เล็กเกินไปและไม่สามารถ รองรับการใช้งานหนักก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงท้ายของการสร้างสนาม ในที่สุด 13 มิถุนายน 2012 ทีมงานผู้จัดแข่ง F1 ก็รู้สึกพอใจกับสนามและเตรียมจัดการแข่งขันใน 60 วัน ถัดมา ขั้นตอนสุดท้ายของการสร้างสนามคือ การลาดยางซึ่งผิวสนามชั้นแรกสุดเทเสร็จวันที่ 3 สิงหาคม 2012 และผิวสนามแข่งชั้นสุดท้ายเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2012 ในที่สุดสนาม ก็เปิดให้แข่งขันอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม วันเปิดสนามมีแชมป์ในต�านานอย่าง มาริโอ้ แอนเดรตติ เจ้าของต�าแหน่งแชมป์ F1, IndyCar, Nascar ลงขี่เปิดสนามด้วยรถ Lotus 79 ซึ่ง เป็นรถคันเดียวกับที่เค้าคว้าแชมป์ World Driver’s Championship ปี 1978
• รูปแบบของสนาม COTA หลังจากผ่านการวางแผนและออกแบบมาเป็นสิบรอบโดยเจ้าของโปรเจ็ค ทาโว่ เฮลมุนด์, เควิน ชว๊านซ์ และนักออกแบบสนามแข่งชาวเยอรมันอย่าง เฮอร์แมน ทิลค์ ผู้อยู่เบื้องหลัง สนามแข่งระดับโลกอย่าง เซปัง, เซี่ยงไฮ้, ยาส มารีน่า, อีสตั้นบูล, บาเรน สนาม COTA ถูก ออกแบบมาให้เป็นสนามแข่งที่ท้าทายนักแข่งอย่างแท้จริง เพราะรูปแบบการวิ่งที่ “ทวนเข็ม นาฬิกา” นักออกแบบให้เหตุผลว่า...ร่างกายคนเรานั้นชินกับรูปแบบของการวิ่งตามเข็มนาฬิกา นั่นท�าให้การเข้าโค้งขวาง่ายกว่าโค้งซ้าย เพราะงั้นเค้าจึงได้สร้างให้สนาม COTA มีโค้งซ้าย มากกว่าโค้งขวาแถมวิ่งทวนเข็มนาฬิกา ที่โหดร้ายกว่านั้นคือ สนามแข่งท�าให้มีระดับสูงต�่าต่าง กันแบบไล่ระดับขึ้นไปถึง 41 เมตรซึ่งจุดสูงสุดคือโค้ง 1 ซึ่งคูณความยากเข้าไปอีกด้วยความ เป็นโค้งหักศอก นอกจากแข่งกับคนอื่นแล้ว นักแข่งยังต้องแข่งกับตัวเองอีกด้วย! For Ride Magazine May 2013 47
MotoGP Report
• จุดเด่นของสนาม : Observation Tower (COTA Tower) – หอสังเกตการณ์
หอคอยสูงตระหง่านเป็นจุดเด่นที่ใครก็ต้องอยากขึ้นไปดูวิวจากด้านบนออกแบบ โดย บริษัท ไมโร ริเวร่า ซึ่งเราสามารถมองเห็นสนามแข่งและวิวรอบๆ ได้แบบ 360 องศา ตัวหอคอยนี้สูง 77 เมตร มีลิฟท์คอยอ�านวยความสะดวกหรือใครจะอินดี้เดิน ขึ้นบันได 419 ขั้นก็ได้ แม้หอคอยจะเปิดใครประชาชนทั่วไปขึ้นได้แต่ก็ต้องเสียค่าบริการ และพื้นที่ด้านบนสามารถรองรับคนได้ทีละ 70 ท่านเท่านั้น ด้านข้างของหอคอยจะเห็น ท่อเหล็กสีแดงๆ จ�านวน 18 เส้นลากจากบนลงมาล่าง...ผู้สร้างต้องการจะสื่อถึง ความพริ้วไหวของรถแข่งในสนามและสีแดงหมายถึงไฟท้ายที่เคลื่อนไหวเร็วกว่าสายตา มนุษย์
: Austin360 Amphitheater
ด้านล่างของหอคอย COTA Tower เป็นลานส�าหรับ คอนเสิร์ต Austin360 Amphitheater (ออสติน ทรีฮันเรดซิก ตี้ แอมฟิเธียร์เตอร์) ที่รองรับผู้ชมได้มากถึง 14,000 คนและมี เก้าอี้มากถึง 5,240 ตัว งานนี้ได้ชมทั้งวงร็อคดังๆ และการแข่ง MotoGP ไปพร้อมๆ กันเลยทีเดียว เมื่อท�าความรู้จักสนามนี้กันไปแล้ว...ที่เหลือก็ต้องรอลุ้นกัน ว่าเหล่านักแข่ง MotoGP จะว่ายังไงกันบ้างกับสนามใหม่สดซิง สนามนี้!
arquez เขียนต�ำรำหน้ำใหม่ให้กบั วงกำร
M
ด้วยกำรคว้ำแชมป์สนำม COTA
สนามที่ 2 กับการแข่งขัน MotoGP 2013 หลังจากสนามก่อนสองคู่หูทีม Yamaha Factory ร่วมกันกวาดแต้มไปนอนยิ้มฝันดีกัน 1 คืน มาสนามนี้จากดิน แดนทะเลทรายสู่ประเทศสหรัฐอเมริกา ณ รัฐเท็กซัส อุณหภูมิพื้นสนามค่อนข้างร้อน ที่ราวๆ 40 กว่าองศา โชคดีที่อุณหภูมิใกล้เคียงกับรอบซ้อมแต่โชคร้ายคือ นักแข่ง ต้องบริหารหน้ายางให้ดีภายใต้แรงกดดันจากการแข่ง ต�าแหน่งกริดสตาร์ทเริ่มต้น หัวแถวด้วย มาร์ค มาเคซ, ดานี่ เพโดรซ่า และ ฮอร์เฮ่ ลอเรนโซ่ แถวที่ 2 ได้แก่ คาล ครัทช์โลว, สเตฟาน แบรดดอล, อังเดร โดวิสิโอโซ่ แถวที่ 3 ได้แก่ อัลวาโร่ เบาทิสต้า, วาเลนติโน่ รอสซี่, อเล็กซ์ เอสพากาโร่ ท่ามกลางอุณภูมิพื้นผิวสนามที่ร้อนระดุ ฝูง ชาวอเมริกันที่มานั่งตากแดดรอชมการแข่งขัน...
48 For Ride Magazine May 2013
เมื่อสัญญาณไฟดับลงการแข่งขัน MotoGP สนามที่ 2 ก็ได้เริ่มต้นขึ้น รถสีส้ม หมายเลข 26 ของเพโดรซ่าออกตัวน�าไปก่อน ในขณะที่ลอเรนโซ่ออกตัวได้ไม่ดีจนรถเสียหลัก เซไปมา ไอ้หนูจี๊ดมาเคซออกตัวได้ดีไม่แพ้กันจึง เกาะกลุ่มอยู่ในกลุ่มของผู้น�า น้องใหม่ปีที่แล้ว อย่างแบรดดอลที่สตาร์ทจากแถวที่ 2 ขยับขึ้น มาชุลมุนอยู่ในกลุ่มผู้น�าด้วยเช่นกัน สนามนี้ดู เหมือนจะเป็นคราวของทีม Repsol Honda ที่ ทั้งเพโดรซ่าที่ค่อยๆ ทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ และไอ้ หนูมาเคซที่ตามหลังมาติดๆ ไม่นานนักกลุ่มของ ผู้น�าและผู้ตามก็เริ่มชัดเจนขึ้นอาจเป็นผลมาจาก ความยากของสนามนี้ซึ่งมีทั้งโค้งหักศอกและโค้ง ขึ้นเขา เดอะด็อกเตอร์รอสซี่ก็แพ้พิษความโหด ของสนามเช่นกันสังเกตได้จากอาการ “บาน” เกือบหลุดโค้งในช่วงแรก กลุ่มที่รอสซี่ขลุกอยู่
มีครัทช์โลว, เบาทิสต้าและแบรดดอล เสียงเชียร์ ของแฟนๆ เบอร์ 46 ดังขึ้นทุกครั้งที่รอสซี่ พยายามแซงหรือสามารถแซงได้ส�าเร็จ อัพเดทสถานะการณ์หัวแถวที่มีเพโดรซ่า เป็นจ่าฝูงตามด้วยมาเคซและลอเรนโซ่ที่รั้งที่ 3 อยู่ห่างๆ อย่างชิลล์ๆ ดูเหมือนว่าฟอร์มของ ลอเรนโซ่จะไม่จี๊ดเท่าสนามที่แล้ว (ลอเรนโซ่มี ปัญหาตลอดช่วงเวลาการซ้อมและควอลิฟาย) แม้การแข่งขันจะเดินมาเกินครึ่งทางแล้วแต่จุด สนใจก็ยังคงอยู่ที่ 2 Repsol Honda ด้านหน้า โดยเฉพาะมาเคซที่ดูเหมือนจะรอจังหวะ “เสียบ” รุ่นพี่อยู่อย่างใจเย็น และเมื่อเหลืออีก 9 รอบ สนาม...นาทีที่ทุกคนเก็งไว้ก็เกิดขึ้น มาเคซอาศัย จังหวะที่ดีกว่าเพียงเสี้ยววินาทีเฉือนแซงจาก ด้านในโค้ง S แล้วปิดไลน์รุ่นพี่อย่างสวยงาม ดู เหมือนไอ้หนูคนนี้ก�าลังจะเขียนประวัติศาสตร์หน้า
Result MotoGP Round 2: Circuit of The Americas 1. มาร์ค มาเคซ ทีม Repsol Honda 25 คะแนน 2. ดานี่ เพโดรซ่า ทีม Repsol Honda 20 คะแนน 3. ฮอร์เฮ่ ลอเรนโซ่ ทีม Yamaha Factory Racing 16 คะแนน 4. คาล ครัทช์โลว ทีม Monster Yamaha Tech 3 13 คะแนน 5. สเตฟาน แบรดดอล ทีม LCR Honda MotoGP 11 คะแนน
How was the race? > มาร์ค มาเคซ ทีม Repsol Honda “คือแบบ...สนามที่แล้วเข้าที่ 3 ก็เยี่ยมแล้วนะแต่นี่มันเหมือนฝันที่ ชนะสนามนี้ แต่การแข่งวันนี้ไม่หมูเลยครับโดยเฉพาะทางด้านร่างกาย ในช่วงท้ายๆ การแข่งขัน ตอนซ้อมผมมีปัญหาเรื่องยางแต่วันนี้ผม พยายามหวดยัดมันเข้าไป และในที่สุดผมก็ชนะ ขอบคุณทีมงานที่พา ผมมาได้ถึงจุดนี้ครับ” > ดานี่ เพโดรซ่า ทีม Repsol Honda “ฮ่าๆๆ ผมไม่ได้ใช้เทคนิคอะไรเลยครับผมแค่ลงสนาม ไปแล้วก็ขี่ให้ได้เวลาดีที่สุด ผมรู้ว่าผมเสียเวลาในช่วงแรกไป เล็กน้อยและช่วยท้ายผมก็รู้สึกเจ็บแขนท�าให้ผมไม่สามารถ พลิกรถได้ดังต้องการ มีช่วงที่ขี่ดีสลับกับขี่ไม่ดีแต่ยังไงซะ ผมก็ดีใจกับผลงานวันนี้และขอบคุณทีมเช่นกันครับ อ้อ ดีใจกับไอ้หนุ่มมาเคซด้วยกับการเป็นดาวดวงใหม่ของปีนี้ สนามหน้าผมจะยังคงพยายามต่อไปครับ”
ใหม่ให้กับวงการนี้ ผู้บรรยาการแข่งขันถึงกับ อุทานว่า “The New Rossi” หรือ “โอ้ว! นี่มัน รอสซี่รุ่นใหม่นี่นา” ด้วยความตั้งใจในการคว้า ชัยชนะท�าให้มาเคซพุ่งเข้าเส้นชัยสร้างชื่อเสียงให้ กับตัวเองด้วยการเป็น “นักแข่งที่อายุน้อยที่สุด ที่ชนะการแข่งขัน MotoGP” ซึ่งนักแข่งที่อายุ น้อยที่สุดคนแรกคือ เฟรดดี้ สเปนเซอร์ เพโดร ซ่าเข้าเส้นชัยตามมาเป็นที่ 2 ส่วนลอเรนโซ่ปิด ท้ายโพเดี้ยมต�าแหน่งที่ 3 ได้ส�าเร็จ... เป็นสนามที่โหดหินอีกหนึ่งสนามซึ่งทีม Repsol Honda ก็โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมขึ้นยืนโพ เดี้ยมถึง 2 คนด้วยกัน สนามต่อไปต้องรอดูกัน ว่าจะเป็นยังไงกับสนามบ้านเกิดของใครหลายๆ คน สนาม Jerez พบกับรายงานข่าวแข่ง MotoGP ได้ใหม่ใน FRM ฉบับหน้าครับ...
World Standing 1. มาร์ค มาเคซ ทีม Repsol Honda 41 คะแนน 2. ฮอร์เฮ่ ลอเรนโซ่ ทีม Yamaha Factory Racing 41 คะแนน 3. ดานี่ เพโดรซ่า ทีม Repsol Honda 33 คะแนน 4. วาเลนติโน่ รอสซี่ ทีม Yamaha Factory Racing 30 คะแนน 5. คาล ครัทช์โลว ทีม Monster Yamaha Tech 3 24 คะแนน 6. อัลวาโร่ เบาทิสต้า ทีม GO&FUN Honda Gresini 18 คะแนน 7. อังเดร โดวิสิโอโซ่ ทีม Ducati 18 คะแนน 8. นิกกี้ เฮย์เด้น ทีม Ducati 15 คะแนน 9. อังเดร เอียนโนเน่ ทีม Pramac Racing 13 คะแนน 10. สเตฟาน แบรดดอล ทีม LCR Honda MotoGP 11 คะแนน
> ฮอร์เฮ่ ลอเรนโซ่ ทีม Yamaha Factory Racing “ก็นะ...ชัยชนะก็คือชัยชนะ ที่ 3 ก็คือที่ 3 และสนามนี้เป็นเหมือนฝันร้ายของเรา เราลองเซ็ตรถดูแล้วในรอบซ้อมแล้วก็เหมือนจะมีปัญหาที่เกียร์ 2 ซึ่งเราก็ไม่สามารถ เปลี่ยนใช้ชุดเกียร์ที่เหมาะกับสนามนี้ได้ และผมก็ดีใจกับมาเคซด้วยที่เค้าสู้จนสุดทาง” > คาล ครัทช์โลว ทีม Monster Yamaha Tech 3 “ถึงผมเข้าที่ 4 ผมก็ไม่รู้สึกเสียดายที่เฉียดโพเดี้ยมนะครับ เพราะทีมงานท�างาน กันสุดฝีมือแถมทรัพยากรของเราก็มีจ�ากัด ยังไงซะเราก็เข้าเส้นชัยไล่ๆ กับลอเรน โซ่ ซึ่งเราจะสู้ต่อไป” > สเตฟาน แบรดดอล ทีม LCR Honda MotoGP “อืมผมว่ามันเป็นสนามที่ขี่ยากส�าหรับทุกคน แต่ผมก็พอใจในผลงานวันนี้ ช่วงแรกผมใช้ความระมัดระวังมากโดยเฉพาะเมื่อครัทช์โลวแซงผมไปผมยิ่งระวังตัว มากขึ้น ผมจะพยายามคงต�าแหน่งไว้แบบนี้ตลอดช่วงการแข่งที่ยุโรป ถ้าเรายังขี่ได้ ดีแบบนี้เราก็มีสิทธิ์ลุ้นกับทีมอื่นได้เหมือนกัน สนามหน้าเฮเรซแคบกว่านี้สั้นกว่านี้...มี ลุ้นครับ” > วาเลนติโน่ รอสซี่ ทีม Yamaha Factory Racing “ยอบรับเลยว่าเป็นสนามที่ยากและผมก็มีปัญหากับระบบเบรก เหมือนว่าจาน เบรกมันจะเสียไปข้างนึงเลยท�าให้ผมใช้มันได้ไม่เต็มที่ ถึงแม้วันนี้เราจะไม่ขึ้นอยู่บน Top 5 แต่เราก็ท�าผลงานได้ดีซึ่งเราก็คาดหวังว่าจะได้แต้มเพิ่มขึ้นจากสนามหน้า ผมว่า บางทีบางสนามที่มันโหดเราก็ต้องยอมๆ เค้าไปบ้าง แต่สนามไหนที่หมูตู้ส�าหรับเรา... เราเอาคืนแน่นอน” For Ride Magazine May 2013 49
กระชากความร้อนด้วยเสื้อเย็นจาก
Rev’IT ร้อนมาก!! ร้อนเกินไปแล้วครับประเทศไทย...ยิ่งใครที่ต้องออกทริปช่วงนี้ ลอง นึกถึงแดดเปรี้ยงๆ พระอาทิตย์ร้อนฉ่า และไอร้อนที่สะท้อนพื้นถนนขึ้นมาหาตัวเราดูสิ ครับ แค่คิดก็ไม่อยากไปไหนแล้วครับ...แต่ส�าหรับหน้าร้อนนี้เรามีตัวช่วยให้คุณครับ... FRM ขอเสนอ Rev’IT Cooling Vest Liquid 52 For Ride Magazine May 2013
Gear Hunter
• Rev’IT Cooling Vest Liquid สินค้าใหม่ล่าสุดที่เหมือนผู้ผลิตจะรู้ใจไรเดอร์ชาวไทยอย่างเรา เสื้อซับในที่ผลิตจากเทคโนโลยีพิเศษด้วยวัสดุพิเศษของ Rev’IT ที่มีชื่อ ว่า Hyperkewl (ไฮเปอร์คูล) ซึ่งท�าหน้าที่เก็บกักน�้าแล้วค่อยๆ ระบาย ออกมาในรูปแบบของไอน�้า ว่าแต่...มันจะเก็บน�้าจากไหนล่ะ? ง่ายๆ ครับแค่เอาเจ้า Cooling Vest Liquid ตัวนี้ไปจุมในน�้า...ถ้า ได้น�้าเย็นจะดีเยี่ยมเลยครับ จากนั้นทิ้งมันไว้ซักครู่แล้วยกมันขึ้นมาแล้ว บิดน�้าออก แค่นี้มันก็จะมีน�้าหล่อเลี้ยงอยู่ในเซลเล็กๆ ภายในเนื้อผ้า Hyperkewl จากนั้นก็สวมมันเข้ากับตัวตามด้วยแจ็คเก็ตขี่มอเตอร์ไซค์ คู่ใจ เมื่อร่ายกายโดนลมเซลที่กักเก็บน�้าไว้จะค่อยๆ แปลงน�้าที่เก็บไว้ให้ กลายเป็นไอเย็นหล่อเลี้ยงร่ายกายของเรา ทางผู้ผลิตเคลมตัวเลข ความเย็นไว้ที่ 6 ชั่วโมงด้วยกัน! แต่นั่นคงไม่ใช่ส�าหรับอากาศร้อนของ บ้านเรา... ส�าหรับใครที่จะต้องออกทริปในช่วงที่แดดร้อนแรงขนาดนี้...เจ้า Cooling Vest Liquid จาก Rev’IT ก็เป็นอะไรที่น่าลอง ราคาค่าตัวมัน อยู่ที่ 4,000 บาท เมื่อเทียบกับความเย็น (ที่เค้าโฆษณาไว้) แล้วก็น่าจะ คุ้มครับ...เอาเป็นว่าถ้า FRM มีโอกาสได้ทดสอบกับตัวเมื่อไหร่...เราจะ มาอัพเดททันที
• วัสดุที่ใช้ ผิวชั้นนอก : TWR, ผ้ายืดแบบมีลาย ชั้นกลาง : Hyperkewl Technology ส�าหรับกักเก็บน�้า ชั้นใน : ชั้นกันน�้าเพื่อไม่ให้ร่ายกายเปียกน�้า ด้านข้างมีซิปเพื่อช่วยให้ง่ายต่อการสวมใส่ (เสื้อค่อนข้างเข้ารูปจนอาจมีปัญหาส�าหรับคนมีพุง) Where to buy? - Panda Rider Station ตัวแทนจ�าหน่าย Rev’IT อย่างเป็นทางการ Price? - 4,000 ฿
สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ 02-940-4477 / 08-7590-4244 หรือ www.pandarider.com For Ride Magazine May 2013 53
Recommended Product
YAMALUBE CHAIN LUBE
จารบีหล่อลื่นโซ่สเตอร์ “โซ่”
ถือได้ว่ามีความส�าคัญไม่น้อยในรถจักรยานยนต์ที่มีระบบส่งก�าลังแบบ Manual Transmission หรือแบบเกียร์ธรรมดา เพราะโซ่จะเป็นตัวถ่ายทอดก�าลังขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์ ส่งไปยังเพลาล้อหลัง การหล่อลื่นโซ่จึงเป็นสิ่งส�าคัญที่ผู้ใช้รถจักรยานยนต์เกียร์ธรรมดาจะต้อง ดูแลบ�ารุงรักษาอยู่เป็นประจ�าไม่แพ้ชิ้นส่วนอื่นๆ เพราะหากว่าโซ่ไม่สามารถที่จะเคลื่อนตัวได้อย่าง ไหลลื่นแล้ว ก�าลังของเครื่องยนต์ที่ถูกส่งออกมาจะไม่สามารถส่งผ่านไปขับเคลื่อนล้อหลังให้รถ จักรยานยนต์เคลื่อนที่ได้แบบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ YAMALUBE CHAIN LUBE คือ จารบีหล่อลื่นโซ่สเตอร์ ที่ผลิตออกมาเพื่อให้ผู้ใช้รถ จักรยานยนต์เกียร์ธรรมดาสามารถที่จะดูแลรักษาโซ่ได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพ ในการหล่อลื่นให้โซ่สามารถท�างานได้อย่างเต็มที่อีกด้วย โดย YAMALUBE CHAIN LUBE มี คุณสมบัติดังนี้... 1. สามารถแทรกซึมลงในส่วนที่แคบ เช่น สลัก,บูช ได้ดี ป้องกันการหย่อนหรือสึกหรอของ โซ่ 2. มีความหนืดพอเหมาะ ท�าให้เคลือบติดกับโซ่ได้ดี 3. ประกอบด้วยสารหล่อลื่นแบบพิเศษ จึงใช้ได้ทั้งโซ่ความเร็วสูงถึงความเร็วต�่า 4. ไม่ท�าให้เปื้อนเพราะการกระจายตัวของน�้ายา 5. สามารถใช้งานได้ทั้งโซ่ธรรมดา และโซ่ที่มียางโอริงประกอบ 6. ป้องกันการเกิดสนิม YAMALUBE CHAIN LUBE จารบีหล่อลื่นโซ่สเตอร์ ผลิตภัณฑ์หล่อหลื่นที่ยามาฮ่า ค้นคว้าและวิจัยมาเพื่อดูแลใส่ใจรถจักรยานยนต์คู่ใจให้อยู่กับคุณไปอีกนาน โดยสามารถหา ซื้อได้ที่ศูนย์บริการรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ
54 For Ride Magazine May 2013