ุ๖๐ พรรณไม้มีค่าจากป่าชุมชน เล่ม ๒

Page 1

â ¤ Ã § ¡ Ò Ã Í ¹ Ø Ã Ñ ¡ É  ¾ Ñ ¹ ¸ Ø ¡ Ã Ã Á ¾ × ª Í Ñ ¹ à ¹ × è Í § Á Ò̈Ò ¡ ¾ Ã Ð Ã Ò ª ´ Ó Ã Ô Ê Á à́ç̈ ¾ Ã Ð à · ¾ Ã Ñ µ ¹ Ã Ò ª Ê Ǿ Ò ÏÊ Â Ò Á º Ã Á Ã Ò ª ¡ Ø Á Ò Ã Õ Ê ¹ Í § ¾ Ã Ð Ã Ò ª ´ Ó Ã Ô ấÂ

Ê Ó ¹ ¡ Ñ ¨ Ñ́ ¡ Ò Ã » Ò † ª Á Ø ª ¹¡ à Á » Ò † ä Á Œ

ö ñ¶ ¹ ¹ ¾ Ë Å â  ¸ ¹á Ô ¢ Ç § Å Ò́Â Ò Çà ¢ µ ¨ µ Ø̈ ¡ Ñ Ã¡ à § Ø à · ¾ Ïñ ð ù ð ð

ö ð¾ à à ³ ä Á Œ Á Õ ¤ Ø ³ ¤ ‹ Ò̈Ò ¡ » † Ò ª Ø Á ª ¹à © Å Ô Á ¾ Ã Ð à ¡ Õ Â Ã µ Ô Ê Á à́ç̈ ¾ Ã Ð à · ¾ Ã Ñ µ ¹ Ã Ò ª Ê Ǿ Ò ÏÊ Â Ò Á º à Á Ã Ò ª ¡ Ø Á Ò Ã Õà Å ‹ Áñ

“ ¡ Ò Ã Ã ¡ Ñ · à ¾ Ñ Â Ò ¡ ä Í¡ × Ò Ã Ã ¡ Ñ ª Ò µ Ô Ã ¡ Ñ á ¼ ¹ ‹ ´ ¹ Ô ”

à Å ‹ Áò



ค�ำน�ำ กรมป่าไม้ ร่วมกับ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรโี ฮลดิ้ง จ�ำกัด (มหาชน) จัดท�ำโครงการ ๖๐ ป่าชุมชน อนุรักษ์พันธุกรรมพืชตามแนวพระราชด�ำริ เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จ พระเทพรั ต นราชสุ ด าฯ สยามบรมราชกุ ม ารี เนื่ อ งในโอกาส พระราชพิ ธี ม หามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๖๐ พรรษา ๒ เมษายน ๒๕๕๘ มีก�ำหนดระยะเวลาด�ำเนินโครงการฯ ๒ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘) ในพืน้ ทีป่ ่าชุมชนเป้าหมาย ๖๐ แห่งทัว่ ประเทศ ครอบคลุมพืน้ ที่ ๕๐ จังหวัด โครงการ ๖๐ ป่าชุมชน อนุรักษ์พันธุกรรมพืชตามแนวพระราชด�ำริ เป็นโครงการที่ ด�ำเนินการส�ำรวจและเก็บรวบรวมพันธุกรรมพืชที่มีคุณค่า หายาก ใกล้สูญพันธุ์ หรือเป็น พันธุ์ไม้เฉพาะถิน่ ทีช่ มุ ชนมีความต้องการอนุรกั ษ์และใช้ประโยชน์ ซึง่ ในปี ๒๕๕๗ กรมป่าไม้ และบริษทั ผลิตไฟฟ้าราชบุรโี ฮลดิง้ จ�ำกัด (มหาชน) ได้รว่ มกันจัดพิมพ์ หนังสือ ๖๐ พรรณไม้ มีคณ ุ ค่าจากป่าชุมชน (เล่ม ๑) ไปแล้ว และในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้ดำ� เนินการส�ำรวจเก็บรวบรวม พันธุกรรมพืชฯ เพิ่มเติมอีก จ�ำนวน ๖๐ ชนิด ส�ำหรับจัดพิมพ์ลงใน หนังสือ ๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน (เล่ม ๒) นอกจากนี้ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ส�ำนักงานปลัดส�ำนักนายก รั ฐ มนตรี ไ ด้ พิ จ ารณาคั ด เลื อ ก โครงการ ๖๐ ป่ า ชุ ม ชน อนุ รั ก ษ์ พั น ธุ ก รรมพื ช ตามแนว พระราชด�ำริเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม กรมป่าไม้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือ ๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน (เล่ม ๒) ฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์สามารถให้ความรู้เกี่ยวกับพืชพรรณไม้ แก่หน่วยงาน องค์กร ชุมชน และเยาวชน รวมทัง้ ท�ำให้ผ้อู ่านได้เกิดความรัก และความต้องการทีจ่ ะมีส่วนร่วมในการดูแล รักษาฐานทรัพยากรทีส่ ำ� คัญของประเทศ เพือ่ ประโยชน์ ของส่วนรวมต่อไป ดังพระราโชวาท ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ณ ศาลาดุสดิ าลัย สวนจิตรลดา ว่า “การรักทรัพยากร คือ การรักชาติ รักแผ่นดิน”

( นายชลธิศ สุรัสวดี ) อธิบดีกรมป่าไม้


สารบัญ ค�ำอธิบายสัญลักษณ์ ค�ำแนะน�ำการใช้หนังสือ พรรณไม้ประเภท ไม้ต้น

๔ ๕

๖ ก� ำจัดต้น ๘ คอแลน ๑๐ จ� ำปาดะ ่นก ๑๒ ชมพู ้ำ ๑๔ ตะคร� อ ๑๖ ตาเสื ๑๘ ท� ำมัง ๒๐ เทพทาโร ง ๒๒ พะยู า ๒๔ มะกอกป่ ำไก่ ๒๖ มะค� ๒๘ มะนาวผี าวไฟ ๓๐ มะพร้ วงป่ า ๓๒ มะม่ ๓๔ มะหาด ๓๖ โมกราชิ น ี ๓๘ ยางนา ๔๐ ลาน ๔๒ ล� ำบิดดง งู ๔๔ สมอดี ๔๖ ส� ำโรง ๔๘ สมอไทย

พรรณไม้ประเภท ไม้ต้นขนาดเล็ก

กรวยป่ า กุ ๊ก โกงกางเขา ค� ำมอกหลวง แคหางค่ าง ไฟเดื อนห้ า มะตู ม รั งแร้ง หนามแท่ ง หมั นดง

๕๐ ๕๒ ๕๔ ๕๖ ๕๘ ๖๐ ๖๒ ๖๔ ๖๖ ๖๘

พรรณไม้ประเภท ไม้เถา

กลอย ขาเปี ย ข้ าวเย็นใต้ เครื อหมากยาง เงาะพวงผลกลม ผั กสาบ เมื ่อยดูก รางแดง หนอนตายอยาก

๗๐ ๗๒ ๗๔ ๗๖ ๗๘ ๘๐ ๘๒ ๘๔ ๘๖


พรรณไม้ประเภท ไม้ล้มลุก

พรรณไม้ประเภท ไม้พุ่ม

กลึงกล่อ ม ก�ำลังช้า งเผือก คัดเค้า ช้างน้าว ชิงชี่ ตองแตก ตะขบป่า ปรงป่า ปรู มะคังแดง สังกรณี ฮ่อม

๘๘ ๙๐ ๙๒ ๙๔ ๙๖ ๙๘ ๑๐๐ ๑๐๒ ๑๐๔ ๑๐๖ ๑๐๘ ๑๑๐

พรรณไม้ประเภท หมากหรือ ปาล์ม

กะพ้อ หลาวชะโอนทุ ่ง หลุมพี หวายน�ำ้ หวายนั่ง

๑๑๒ ๑๑๔ ๑๑๖ ๑๑๘ ๑๒๐

โด่ไม่รู้ล้ม ว่านสาวหลง

บรรณานุกรม ดัชนีชื่อไทย ดัชนีชื่อวิทยาศาสตร์ ค�ำขอบคุณ คณะผู้จัดท�ำ

๑๒๒ ๑๒๔

๑๒๖ ๑๓๐ ๑๓๔ ๑๓๘ ๑๓๙


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

อธิบบายสั ญลักญ ษณ์ลักษณ์ ค�ำคําอธิ ายสั

ลักษณะวิสยั

ขยายพันธุ์

ความสูง (height)

เพาะเมล็ด (seed)

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี (tree, umbrella shape)

ปักชํากิ่งหรือเถา (cutting)

ไม้ต้นทรงพุ่มกลม (tree, round shape)

ตอนกิ่ง (air layering)

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

โน้มกิ่ง (layering)

ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม (tree, spike shape)

ติดตา (budding)

ไม้พุ่ม (shrub)

เสียบยอด (shoot grafting)

ไม้พุ่มรอเลื้อย (scandent)

ทาบกิ่ง (grafting)

ไม้เลื้อย (climber)

แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล (sucker, stolon)

ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

คุณค่าในการอนุรักษ์

4

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ค�ำแนะน�ำการใช้หนังสือ ส� ำ หรั บ หนั ง สื อ ๖๐ พรรณไม้ มีคณ ุ ค่าจากป่าชุมชน เล่ม ๒ ได้รวบรวมพรรณไม้ มีคา่ ทีส่ ำ� คัญจากป่าชุมชน ๓๐ แห่ง ทัว่ ประเทศ จ�ำนวน ๖๐ ชนิด โดยกล่าวถึงลักษณะทั่วไป ฤดูออกดอก ฤดูออกผล การขยายพันธุ์ การใช้ ประโยชน์

เรี ย งล� ำ ดั บ ตามชื่ อ เรี ย กภาษาไทยตาม ด้วยชื่อวิทยาศาสตร์ ชื่อวงศ์ และชื่ออื่นๆ พร้ อ มกั บ สั ญ ลั ก ษณ์ แ สดงลั ก ษณะการ เจริ ญ เติ บ โตและการขยายพั น ธุ ์ ตาม ค�ำอธิบายสัญลักษณ์ในหน้า ดังตัวอย่าง

• ต้นสูง ๒๐-๓๐ เมตร • ไม้ต้นทรงพุ่มกลม • เพาะเมล็ด • เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ • เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ • เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น • เป็นพรรณไม้หายาก • เป็นพรรณไม้มีค่า • เป็นพรรณไม้ทชี่ มุ ชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

5


ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

คุณค่าในการอนุรักษ์

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

คําอธิบายสัญลักเป็ษณ์ คําอธิบายสัเป็นญ ลักทษณ์ นพรรณไม้หายาก พรรณไม้ ี่ขยายพันธุ์ยาก

กำ�จัดต้น

ลักษณะวิสยั

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

ความสูง (height) เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี (tree, umbrella shape)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Zanthoxylum rhetsa (Roxb.) DC. ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ชื่อวงศ์ : RUTACEAE (tree, round shape) ชื่ออื่น : มะข่วง มะแขว่น (ภาคเหนือ) ลูกระมาศ (ภาคกลาง) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้ยืนต้น ขนาดกลาง ผลัดใบ สูงได้ถึง ๒๐ เมตร เนือ้ ไม้มแี ก่น ล�ำต้นส่วนยอดมีหนาม แหลมคม เปลือกต้นสีน�้ำตาลอมเหลือง ใบ : ใบดกหนาสีเขียวสด ใบเป็นใบประกอบ แบบขนนกปลายคีห่ รือคู่ ก้านใบสีแดง ใบย่อย รูปไข่หรือรูปรี ปลายแหลม โคนแหลมและ เบี้ยว ขอบใบเรียบหรือหยักห่างๆ ใบอ่อนและ ใบแก่สีนำ�้ ตาลแดง

(tree, conical shape) ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม

ลักษณะวิขยายพั สยั นธุ์ 20 m

ความสูง เพาะเมล็ด (height) (seed) เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีคว

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโย

ไม้ต้นแผ่เป็นรัปัศกมีชํากิ่งหรือเถา (cutting) (tree, umbrella shape) ตอนกิ่ง

ไม้ต้นทรงพุ่มกลม (air layering) (tree, round shape) โน้มกิ่ง

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ํา (layering) (tree, conical shape) ติดตา

ดอก(tree, : ดอกออกเป็ อด ไม้ต้นทรงพุ่มย(budding) กรวยแหลม spike shape) นช่อตามซอกใบใกล้ (tree, spike shape) ช่อดอกออกแยกแขนง สีนวลหรือขาวอมเขี ว ไม้พุ่ม เสีย ยบยอด (shrub) (shoot รูปรีหรือรูปไข่ ออกดอกราวเดือนธัไม้นพุ่มวาคมถึง grafting) (shrub) ทาบกิ่ง ไม้พุ่มรอเลื้อย มกราคม (scandent) ไม้พุ่มรอเลื้อย(grafting) ผล :ไม้ผลเป็ อนข้แยกหน่ าง อ หัว ลํา หรือไหล เลื้อย นผลกลุ่มออกเป็นช่อ ผลค่ (scandent) (sucker, stolon) กลม(climber) ผิวขรุขระ สีเขียว มีกลิ่นหอม ไม้เลื้อย ผลแก่ ไม้หัว หรือมีเหง้า เปลือ(bulb, กหุ้มrhizome) เมล็ดสีแดง แก่จัดสีด�ำ (climber) แตกอ้าเพาะเลี เห็น ้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture) หัว หรือ๖-๗ มีเหง้า เมล็ดในสีด�ำเล็กๆ เส้นผ่าศูนย์กไม้ลาง คุณค่าในการอนุรักษ์ (bulb, rhizome) มิลลิเมตร เมล็ดทรงกลมขนาดเล็ก สีด�ำเป็น พรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก มันติดเป็นผลราวเดื อนมกราคมถึคุณงมีค่านในการอนุ าคม รเป็ักนษ์พรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้เป็ ที่ขนยายพั นธุ์ยาก พรรณไม้ มีค่า

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้เป็ ใกล้นพรรณไม้ สูญพันธุ์ ที่ชุมชนมีความต้องก อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

6

เป็นพรรณไม้มีค่า


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านวังหงส์ จังหวัดแพร่ นิเวศวิทยา : พบตามป่าเบญจพรรณทั่วไป การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ต�ำรายาไทย ใช้ผลแก่ ของก� ำ จั ด ต้ น ทุ บ ห่ อ ผ้ า ประคบแผลพุ พ อง ห รื อ ต� ำ ช ง น�้ ำ ร ้ อ น ดื่ ม แ ก ้ ท ้ อ ง อื ด เ ฟ ้ อ แก้ น�้ ำ กั ด เท้ า เมล็ ด รสเผ็ ด สุ ขุ ม กลิ่ น หอม แก้ ล มมวิงเวียน บ�ำรุงโลหิต บ�ำรุงหัวใจ ขับลม ในล�ำไส้ ขับปัสสาวะ บ�ำรุงธาตุ ถอนพิษฟกบวม แก้หนองใน ใบรสเผ็ด แก้รำ� มะนาด แก้ปวดฟัน รากและเนื้ อ ไม้ รสร้ อ นขื่ น ขั บ ลมในล� ำ ไส้ แก้ลมเบือ้ งบน หน้ามืด ตาลาย วิงเวียน ขับระดู เปลือกต้นใช้ขูดอุดฟันเป็นยาแก้ปวดฟัน หรือ บางต�ำราน�ำมาอมเป็นยาแก้ปวดฟัน ซึ่งจะมี ฤทธิ์เหมือนยาชา (เปลือกต้น) บางต�ำราใช้

เมล็ ด ก� ำ จั ด ต้ น น� ำ มาต� ำ ต้ ม หรือ ตุ ๋ น กั บ ไก่ ใช้ดื่มแต่น�้ำ เป็นยาแก้สุกใส นอกจากจะมี สรรพคุ ณ ทางยาแล้ ว ยั ง สามารถน� ำ มาเป็ น ส่วนประกอบในการท�ำอาหารเพื่อช่วยเพิ่ม รสชาติให้อาหารได้อีกด้วย โดยน�ำเมล็ดไป ตากแห้ง ใช้ใส่ลาบ หรือแกง ท�ำให้มกี ลิ่นหอม ผลตากแห้งแล้วน�ำไปประกอบอาหาร เช่น ใส่แกง หรือน�ำไปคั่ว แล้วต�ำใส่น�้ำพริกลาบ แต่เปลือกผลมีกลิ่นหอมกว่า จึงคัดเอาเมล็ด ออกใช้แต่ เปลือกผลก็ได้ เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

7


(sucker, stolon) ่ง (scandent) คําอธิบายสัญลักตอนกิษณ์ เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

(climber) ไม้ต้นทรงพุ่มกลม (tree, round shape)ไม้หัว หรื อมีเหง้า (bulb, rhizome) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา ลักษณะวิสยั (tree, conical คุณค่shape) าในการอนุรักษ์ ความสูง ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม เป็ น พรรณไม้ ท ี ข ่ ยายพั นธุ์ยาก (height) (tree, spike shape)

คําอธิบายสัญลักษณ์คําอธิบายสัญลักษณ์

คอแลน

(air layering) ไม้เลื้อย

ลักษณะวิสยั ความสูง (height)

ไม้พุ่ม (shrub) ไม้พุ่มรอเลื้อย (scandent)

(tissue culture) โน้มกิ่ง (climber) ขยายพันธ (layering) ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome) เพา ติดตา เป็นพรรณไม้หายาก (see (budding)

คุณค่าในการอนุรักษ์

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี เสียบยอด ลักเป็ษณะวิ สใยั กล้สูญขยายพั ขยายพั นธุม์ ีค่า นธุ์ shape) เป็นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ นพรรณไม้ พันธุ์ umbrella (tree, (shoot grafting) ที่ขยายพันธุ์ยาก 10-20 m

ไม้ต้นแผ่เป็นรัไม้ศเมีลื้อย

ด ่ง ความสูง ไม้ต้นทรงพุ่มเพาะเมล็ กลม ทาบกิ

ปัก (cut

เพาะเมล็ด ตอน

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความ (air อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน ปักชํากิํา่งแยกหน่ หรือเถาอ หัว ลํา หรือไหล ปักชํากิ่งหรือโน้เถาม ไม้ต้นแผ่เป็ไม้นรัตศ้นมีทรงกรวยคว่ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น (cutting) (tree, conical shape) (sucker, stolon) (tree, umbrella shape) (cutting) (lay

เป็นพรรณไม้ เฉพาะถิ่น (height)

นธุ์ (tree, round(seed) shape)(grafting)เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพั(seed)

(tree, umbrella shape) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Nephelium hypoleucum Kurz(climber) หัว หรือมีเหง้า ้นทรงพุ่มตอนกิ กรวยแหลม ไม้ต้นทรงพุ่มไม้ กลม ่ง เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ชื่อวงศ์ : SAPINDACEAE ไม้ต้นทรงพุไม้่มตกลม ตอนกิ่ง ติดต (bulb, rhizome) (tissue culture) (tree, spike(air shape) (bu (tree, round shape) (tree, round shape) นlayering) ชือ่ อืน่ : มะแงว (ภาคเหนือ) มะแงะ (ภาคกลาง ภาคตะวันออก) ขาวลาง (ภาคตะวั ออกเฉียงเหนือ) (air layering)

ค่าในการอนุ ไม้ตคุ้นณ ทรงกรวยคว่ ํา รักษ์ (tree, conical shape)

ไม้พุ่ม

โน้มกิ่ง

เสีย

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ํา (shrub) (layering) (tree, conical shape) เป็นพรรณไม้หายาก

โน้มกิ่ง (sho (layering)

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้หา

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้มีค

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ช อนุรักษ์เพื่อการ

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ไม้พุ่มรอเลื้อติยดตา ทาบ ่มกรวยแหลม ดอก : ดอกช่อแยกแขนง ขนาดใหญ่ ยาว ต้น : ไม้ยนื ต้นขนาดกลาง ผลัดใบ สูง ๑๐-๒๐ไม้ต้นทรงพุ ไม้ ต ้ น ทรงพุ ่ ม กรวยแหลม ติ ด ตา (scandent) (gra (tree, spike shape) (budding) เป็ น พรรณไม้ ม ี ค ่ า (tree, spike shape) (budding) เป็ น พรรณไม้ ใ กล้ ส ญ ู พั น ธุ ์ ประมาณ ๑๒ เซนติ เ มตร ออกที ่ ป ลายกิ ่ ง เมตร ล�ำต้นเปลา โคนต้นอาจมีพูพอนบ้าไม้งพุ่ม ไม้เลื้อย เสียบยอด แยก (climber)ก (shoot ไม้พุ่มขนาดเล็ เสียบยอด (suc อยจ�ำนวนมากมี สีขาวอมเขี grafting) ยว เปลือกสีน�้ำตาลคล�้ำ เรียบ เรือนยอดเป็นพุ(shrub) ่ม ดอกย่ องการgrafting) เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น (shrub) ไม้หัว หรือมีเหง้า เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้(shoot เพา อนุ ร ก ั ษ์ เ พื อ ่ การใช้ ป ระโยชน์ ออกรวมกั น เป็ น ช่ อ ใหญ่ ตามปลายกิ ง ่ ทุ ก ส่ ว น ไม้ พ ่ ุ ม รอเลื ้ อ ย ทาบกิ ง ่ ค่อนข้างทึบ (bulb, rhizome) ไม้พุ่มรอเลื้อย ทาบกิ่ง (tiss (scandent) (grafting) ของช่ อ มี ข นสี เ ทาทั ่ ว ไป โคนกลี บ รองดอกติ ด ใบ : ใบเดี่ยว เรียงสลับ ใบย่อยรูปขอบขนาน (grafting) คุ(scandent) ณค่าในการอนุแยกหน่ รักษ์ อ หัว ลํา หรือไหล ไม้เลื้อย กั น เป็ น รู ป ถ้ ว ยปากกว้ า ง ปลายแยกเป็ น ๕ แฉก แกมรูปไข่กลับ เรียงตรงข้าม ๑-๓ คู่ กว้า(climber) ง (sucker, stolon) ไม้เลื้อย แยกหน่อ หัว ลํา เป็น เป็ นลี พรรณไม้ ที่ขยายพั นธุ์ยาก (climber) (sucker, stolon) มี ข นนุ ่ ม ทั ้ ง สองด้ า น ไม่ ม ี ก บ ดอก เกสรเพศ ๓-๘ เซนติเมตร ยาว ๒๐-๒๐ เซนติเมตรไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ culture) ไม้หัวมีหรืขอมีนปกคลุ เหง้า (tissue เพาะเลี้ยงเนื้อเย ผู ้ มี ๕ อัน รังไข่กลม ม ออกดอก โคนใบมนและเบี้ ย ว ปลายใบสอบแหลม(bulb, rhizome) เป็น เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ (bulb, rhizome) (tissue culture) คุ ณ ค่ า ในการอนุ ร ก ั ษ์ ราวเดื อ นธั น วาคมถึ ง มกราคม ขอบใบเรียบ เนื้อใบหนา หลังใบเกลี้ยงเป็นมัน เป็น คุณค่าในการอนุเป็รนักพรรณไม้ ษ์ เฉพาะถิ่น ท้องใบสีจาง เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก อนุร เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

8

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านจันทิ จังหวัดตราด ผล : ผลสด รูปวงรี หรือค่อนข้างกลม ออกลูกดก เป็นพวงคล้ายลิน้ จี่ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางผล ๑.๕-๒ เซนติเมตร ยาว ๒.๕-๓ เซนติเมตร ผิวขรุขระเป็นปมเล็ก ๆ กระจายทัว่ ไป ผลอ่อน สีเขียว พอแก่จัดออกสีแดงเข้ม แต่ละผลมี เมล็ดเดียว สีด�ำ มีเนื้อเยื่อใสๆและฉ�่ำน�้ำหุ้ม เมล็ ด ผลสุ ก ประมาณเดื อ นเมษายนถึ ง พฤษภาคม นิ เ วศวิ ท ยา : พบขึ้ น ตามป่ า เบญจพรรณ ตามที่ใ กล้ แ หล่ ง น�้ำ ที่ค วามสู ง จากระดั บ น�้ำ ทะเล ๑๐๐-๘๐๐ เมตร การขยายพันธุ์ : ใช้เมล็ดและทาบกิ่ง

การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ผลรับประทานได้มี รสหวานอมเปรี้ยวถึงเปรี้ยวมาก ช่วยท�ำให้ ชุม่ คอช่วยกระตุน้ การสร้างภูมคิ มุ้ กัน ช่วยต่อต้าน อนุ มู ล อิ ส ระ และเพิ่ ม พลั ง งานช่ ว ยควบคุ ม ระดั บ น�้ ำ ตาลในเลื อ ดจึ ง เหมาะอย่ า งมาก ส�ำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานช่วยในการย่อย อาหาร และใช้เป็นยาระบายช่วยป้องกันเชือ้ หวัด และไวรัสไข้หวัดใหญ่ผลสุกใช้รับประทานเป็น ผลไม้ได้ เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์และเป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

9


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

จ�ำปาดะ

ไม้ต้นทรงพุ่มกลม (tree, round shape) ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา ค่าในการอนุรักษ์ (tree, conicalคุณ shape)

ตอนกิ่ง ไม้หัว หรือเพาะเลี มีเหง้า ้ยงเนื้อเยื่อ (air layering) (tissue culture) (bulb, rhizome) โน้มกิ่ง คุณ(layering) ค่าในการอนุรักษ์

คํ าอธิบายสัญไม้ตลั้นทรงพุ กษณ์ ่มกรวยแหลม คําอธิบายสัญลักติดษณ์ ตา เป็นทพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ ี่ขยายพันหธุายาก ์ยาก

(tree, spike shape)

ลักษณะวิสยั

ไม้พุ่ม (shrub)

ลักษณะวิ ั นธุ์ นธุ์ เป็นพรรณไม้ ใกล้สขยายพั ูญสพัย

ไม้พุ่มรอเลื้อย (scandent)

7-10 m เป็นพรรณไม้ เฉพาะถิ ่น (height)

ความสูง (height)

ไม้ต้นแผ่เป็นรัไม้ศเมีลื้อย (tree, umbrella shape) (climber)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Artocarpus integer (Thunb.) Merr. หัว หรือมีเหง้า ไม้ต้นทรงพุ่มไม้ กลม ชื่อวงศ์ : MORACEAE (bulb, (tree, round shape)rhizome) ชื่ออื่น : จ�ำปาเดาะ (ภาคใต้) จ�ำปา (สุราษฎร์ ธานี)

(budding)

เสียบยอด เป็นใกล้ พรรณไม้ เป็นพรรณไม้ สูญขยายพั พันมธุีค์ ่า นธุ์ (shoot grafting)

ด ่ง ความสูง เพาะเมล็ทาบกิ เพาะเ เป็เนฉพาะถิ พรรณไม้ วามต เป็นพรรณไม้ ่น ที่ชุมชนมีค(seed (seed) (grafting) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

หรือเถาอ หัว ลํา หรือไหล ไม้ต้นแผ่เป็นปัรัศกมีชํากิ่งแยกหน่ (cutting) (sucker, stolon) (tree, umbrella shape)

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ไม้ต้นทรงพุ่มตอนกิ กลม ่ง (tissue culture) layering) (tree, round(air shape) ค่าในการอนุ ไม้ตคุ้นณ ทรงกรวยคว่ ํา รักษ์ โน้มกิ่ง ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ํา (tree, conical shape) (layering) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (tree, conical shape) เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ่มกรวยแหลม ติดตา ดอก : ดอกตัวผู้คล้ายทรงกระบอกมี ต้น : ไม้ยืนต้นสกุลเดียวกับขนุน สูง ๗-๑๐ไม้ต้นทรงพุ ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลมขนาด (tree, spike shape) (budding) พรรณไม้มีค่า (tree,เspike shape)ก้เป็านนยาว เป็นพรรณไม้ใกล้ สูญพันธุ์ ๓-๓.๕ เซนติ มตร เมตร แตกกิ่งก้านเป็นทรงพุ่ม เปลือกล�ำต้น ประมาณ ไม้พุ่ม เสียบยอด ไม้พุ่ม ดอกมีสีขาวหรือ ๓-๖ เซนติเมตร สีนำ�้ ตาลปนเทา มียางสีขาวขุ่น โดยผลจะออก(shrub)ประมาณ (shoot grafting) เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น (shrub) สี เ หลื ตามล�ำต้นและตามกิ่ง ไม้พุ่มรอเลื ้อย อ ง ส่ ว นดอกตั ว เมี ย มี ข นาดประมาณ ทาบกิ่ง อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ ไม้ พ ่ ุ ม รอเลื ้ อ ย (grafting) ๑.๕ เซนติเมตร และเกสรตั ว เมี ใบ : ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ปลายใบ(scandent) (scandent) ยจะมีขนาด ไม้เลื้อย แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล แหลม โคนมน ผิวใบสากมือ คล้ายใบขนุน(climber)๓-๖ เซนติเมตร ไม้เลื้อย (sucker, stolon) (climber) ปทรงกระบอก หรื อรูปเพาะเลี ทรงกลมยาว เนือ้ ใบค่อนข้างหนา สีเขียวสด ใบยาวประมาณไม้หัว หรืผลอมีเหง้: ผลรู า ้ยงเนื้อเยื่อ ไม้ ห ว ั หรื อ มี เ หง้ า ผิวผลมีหนามทั้งผลคล้ายผลขนุ(tissue น แต่culture) ผลของ ๕-๑๒ เซนติเมตร กว้างประมาณ ๒.๕-๑๒(bulb, rhizome) (bulb, rhizome)

เซนติเมตร

จ�ำปาดะจะมี ขนาดเล็กกว่าขนาดตัง้ แต่ ๒๐-๓๕ คุณค่าในการอนุ รักษ์ คุณค่าในการอนุ ษ์ เมตร เซนติเมตร กว้างประมาณ ๑๕รักเซนติ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

10

ตอนก (air la

โน้มก (layer

ติดตา (budd

เสียบ (shoo

ทาบก (graft

แยกห (suck

เพาะเ (tissu

เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

ปักชํา (cuttin

เป็นพ

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ รักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เป็นพรรณไม้อนุ เฉพาะถิ ่น

เป็นพ

เป็นพ อนุรัก


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านนาปริก จังหวัดสตูล ผลอ่อนสีน�้ำตาลปนเหลือง เปลือกจะแข็งมี ยางมาก ส่วนผลสุกเปลือกจะนิ่มและมียาง น้อยลง เนือ้ มีกลิน่ หอมแรงและมีรสชาติหวาน นิเวศวิทยา : ปลูกตามบ้านเรือนและป่าชุมชน ในภาคใต้ การขยายพันธุ์ : เพาะเมล็ดหรือทาบกิ่ง การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ผลอ่อนน�ำไปใช้ปรุง เป็นอาหาร เนือ้ ผลสุก รับประทานสดๆ เป็นผลไม้ ช่วยบ�ำรุงร่างกาย มีวิตามินเอสูง จึงช่วยบ�ำรุง และรักษาสายตา เป็นยาระบายอ่อนๆ หรือจะ น�ำไปชุบแป้งทอด ทานเป็นของว่าง เมล็ดสามารถ น�ำไปต้มหรือเผาไฟรับประทานได้ หรือ ใช้ท�ำ เป็นอาหารคาว เช่น ใส่แกงไตปลา แกงกะทิไก่ สรรพคุณทางสมุนไพร เนือ้ ผลสุกมีวติ ามินเอสูง ช่วยบ�ำรุงร่างกาย บ�ำรุงสายตา เส้นใยของ

จ�ำปาดะสามารถช่วยขับไขมันและสารพิษออก จากร่างกาย เป็นยาระบายอ่อนๆ เนือ้ ผลอ่อน มีสรรพคุณช่วยแก้อาการท้องเสีย เมล็ดจ�ำปาดะ ช่วยขับน�้ำนมในสตรีหลังคลอดและช่วยบ�ำรุง ร่างกายได้ เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : จ�ำปาดะเป็นผลไม้ทนี่ ยิ มปลูก กันมากทางภาคใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัด สตูลปลูกแล้วได้ผลผลิตทีม่ คี ณ ุ ภาพดี จึงกลาย เป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสตูล ซึ่งจะ ออกผลให้รับประทานเพียงปีละครั้ง ชุมชนจึง อยากอนุ รั ก ษ์ ไ ว้ เ ป็ น ผลไม้ พื้ น บ้ า นที่ เ ป็ น เอกลั ก ษณ์ ประจ� ำ ถิ่ น และชุ ม ชนมี ค วาม ต้องการอนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

11


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

คําอธิบายสัญลักษณ์ คํ าอธิบายสัญลักษณ์

ชมพู่นก

ลักษณะวิสยั ความสูง (height) ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี

(tree, umbrella shape) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Syzygium formosum (Wall.) Masam. ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ชื่อวงศ์ : MYRTACEAE (tree, round shape) ชื่ออื่น : คุ้งชี้ (กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน) มี่ตาฆ้อง (กะเหรี่ยง กาญจนบุรี)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้ต้น สูง ๒๐ เมตร เปลือกต้นสีส้มอ่อน หลุดลอกเล็กน้อย ใบ : ใบขนาด ๒๓-๔๖ เซนติเมตร เรียงวงละ ๓ ใบ เส้นใบข้าง ๑๐-๑๓ คู่ จรดกันแต่ไม่มี เส้นใบที่ขอบใบ

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

ลักษณะวิขยายพั สยั นธุ์ 20 m

ความสูง เพาะเมล็ด (height) (seed) ไม้ต้นแผ่เป็นปัรัศกมีชํากิ่งหรือเถา (cutting) (tree, umbrella shape) ตอนกิ่ง

ไม้ต้นทรงพุ่มกลม (air layering) (tree, round shape) โน้มกิ่ง

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ํา (layering) (tree, conical shape)

ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ดตา ดอก : ดอกออกเป็ นกระจุก ดอกสีชมพูไม้เตข้​้นทรงพุ ม ่มติ(budding) กรวยแหลม (tree, spike shape) (tree, spike เสี shape) สีขาวหรือสีขไม้าวอมชมพู กลีบเลีย้ ง ขนาด ๑๕-๒๐ พุ่ม ยบยอด (shrub) (shoot grafting) พุ่ม มิลลิเมตร มีวงแหวนหนาด้านใน กลีบไม้ดอก (shrub) ทาบกิ่ง ไม้พุ่มรอเลื้อย ขนาด ๙-๑๒ มิ ล ลิ เ มตร เกสรตั ว ผู ้ ว งนอก (scandent) ไม้พุ่มรอเลื้อ(grafting) ย ยาว ๑๙-๒๐ มิ ล ลิ เ มตร ก้ า นเกสรตั ว เมี ย ไม้เลื้อย (scandent) แยกหน่อ หัว ลํา หรือไห (climber)มิลลิเมตร (sucker, stolon) ขนาด ๓๕-๓๘ ไม้เลื้อย ไม้หัว หรื๓-๔ อมีเหง้า เซนติเมตร (climber) เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ผล : ผล ขนาด (bulb, rhizome)

คุณค่าในการอนุรักษ์ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

(tissue culture)

ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

คุณค่าในการอนุรเป็ักนษ์พรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้เป็ ที่ขนยายพั นธุ์ยาก พรรณไม้ มีค่า

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้เป็ใกล้ สูญพันธุ์ ที่ชุมชนมีค

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโย

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

12


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านทาชมภู จังหวัดลำ�พูน นิเวศวิทยา : พบทั่วไปทางภาคเหนือ การขยายพันธุ์ :โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ประดับ ให้รม่ เงา ได้ดี ดอกมีสสี นั สวยงาม ผลรสชาติจดื ชาวบ้านใช้รับประทานเป็นผักจิ้มกับน�้ำพริก หรือกินกับแกงเผ็ด เนื้อไม้สีเทาแข็งแรง ใช้ท�ำ เครื่องมือเครื่องใช้เล็กๆ น้อยๆ ได้

เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพื ช : เป็ น พรรณไม้ ที่ เ กี่ ย วกั บ ประวัตคิ วามเป็นมาของหมูบ่ า้ น "บ้านทาชมภู" (ชาวบ้านเรียกชมพู่นกว่า "ต้นจุมปูหรือต้น ชมภู" ขึ้นเป็นจ�ำนวนมากตามล�ำห้วยซึ่งเป็น แหล่งน�้ำหลักส�ำหรับน�้ำใช้อุปโภคบริโภคของ หมูบ่ า้ น จึงเรียกห้วยนีว้ า่ "ห้วยชมภู" และได้กลาย มาเป็นชื่อหมู่บ้านว่า "บ้านทาชมภู")

13


(sucker, stolon) คํ า อธิ บ ายสั ญ ลั ก ษณ์ ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (climber)

(bulb, rhizome)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

คุณค่าในการอนุรักษ์

ขยาย

คํ ความสู าอธิง บายสัญลักเป็ษณ์ คํ าอธิบายสัญ ลั ก ษณ์ นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก(height)

ตะคร�้ำ

(tissue culture)

ลักษณะวิสยั

ลักษณะวิสยั

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี

ขยายพั กษณะวิ สยั นธุ์ เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ ลั(tree, umbrella shape)

ความสูง (height) เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้มีค่า

ความสู ไม้ต้นทรงพุ ่มกลมง เพาะเมล็ด เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีควา (height) (tree, round shape) (seed)

10-20 m

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี (tree, umbrella shape)

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ไม้ต้นแผ่เป็ํา นปัรัศกมีชํากิ่งหรือเถา (cutting) (tree, conical (tree,shape) umbrella shape)

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

ไม้พุ่ม โน้มกิ่ง ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ํา (shrub) (layering)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Garuga pinnata Roxb. ไม้ต้นทรงพุ ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ชื่อวงศ์ : BURSERACEAE ไม้่มตกรวยแหลม ้นทรงพุ่มตอนกิ กลม ่ง (tree, spike shape) (air layering) (tree, round shape) shape) ชื่ออื่น : หวีด กะตีบ แขกเต้า ค�้ำ (ภาคเหนือ) มะกอกกาน (ภาคกลาง) อ้อยน�้ำ(tree,(จัround นทบุ ร)ี ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง ๑๐-๒๐ เมตร ผลั ด ใบ เรื อ นยอดเป็ น พุ ่ ม กลมหรื อ ทรง กระบอกล�ำต้นเปลาตรง โคนต้นเป็นพูพอน กิง่ อ่อนและก้านช่อดอกมีขนสีเทา เปลือกนอก สีน�้ำตาลปนเทาแตกเป็นสะเก็ดหรือหลุมตื้นๆ เปลือกในนวลมีทางสีชมพูสลับ ใบ : ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ออกเรียง เวียนสลับเป็นกระจุกบริเวณปลายกิ่ง ใบย่อย ประมาณ ๗-๑๓ ใบ ออกเรียงตรงข้ามหรือ ทแยงกันเล็กน้อย ยาวประมาณ ๑๐-๑๒ นิ้ว ใบเป็ น รู ป มนรี ห รื อ รู ป วงรี แ กมขอบขนาน

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

14

(tree, conical shape)

ไม้พุ่มรอเลื้อย ติดตา กรวยแหลม (scandent)ไม้ต้นทรงพุ่ม(budding)

ปลายใบสอบหรือหยักเป็นติ่งแหลม โคนใบ (tree, spike shape) แหลมหรือมนเบี้ยว ขอบใบหยัไม้กเลืเป็ ้อย นฟันเลื่อย ไม้พุ่ม เสียบยอด (climber) ไม้พุ่ม ใบมีขนาดกว้ (shrub) างประมาณ ๒-๔ เซนติเมตร และ (shoot grafting) ไม้หัว หรือ(shrub) มีเหง้า ยาวประมาณ เซนติเมตร แผ่ นใบเป็นสีเขีทาบกิ ยว ่ง ไม้พุ่มรอเลื้อ๓-๑๐ ย (bulb, rhizome) ไม้พุ่มรอเลื้อ(grafting) ย (scandent) ดอก : ออกดอกเป็นช่อใหญ่บริเวณปลายกิ ่ง (scandent) คุณค่าในการอนุ รักษ์ แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล ไม้เลื้อย หรือส่(climber) วนยอดของต้น ช่อดอกยาวประมาณ ไม้เลื้อย (sucker, stolon) เป็นพรรณไม้ ที่ขยายพันธุ์ยาก ๖ นิ้ว ไม้ดอกย่ อยมีจ�ำนวนมาก เป็น(climber) ดอกแบบ หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ไม้ ห ว ั หรื อ มี เหง้า culture) สมบูร(bulb, ณ์ ดอกเป็ rhizome) นรูประฆัง กลีบรองกลีบดอก (tissue เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ ่ ค่ามติ ดกันเป็รนักรูษ์ปถ้วย ปลายแยกเป็(bulb, น ๕rhizome) แฉก คุเชื ณอ ในการอนุ คุ ณ ค่ า ในการอนุ ร่นักษ์ เป็นพรรณไม้ กลีบรองกลีบดอกเป็นรูปสามเหลี ่ยมเฉพาะถิ ขนาด เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ประมาณ ๑.๕-๒.๕ มิลลิเมตร ส่วนกลี บ ดอก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม (tree, spike shape)

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้อง อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านเขาใหญ่ จังหวัดนครสวรรค์ เป็นสีครีม สีเหลือง สีเหลืองอ่อน หรือสีชมพู มี ๕ กลีบ ออกเรียงสลับกับกลีบเลีย้ ง ลักษณะ เป็นรูปขอบขนานแกมรูปหอก ยาวประมาณ ๒.๕-๓.๕ มิลลิเมตร มีขน ดอกมีกลิ่นหอม อ่ อ น ๆ มี เ กสรเพศผู ้ ๑๐ อั น เกสรเพศเมี ย ๑ อัน ยาวประมาณ ๕-๗ มิลลิเมตร ผล : ผลสดรูปทรงกลม อวบน�ำ้ มีขนาดเส้น ผ่ า นศู น ย์ ก ลางประมาณ ๑-๒ เซนติเ มตร มีเมล็ดอยู่ภายใน สีเขียวอมเหลือง เมื่อแก่จัด จะเปลี่ยนเป็นสีด�ำ ผลมีเนื้อนุ่มแต่ภายในมี ผิวแข็งหุ้ม จะเป็นผลในช่วงประมาณเดือน กุมภาพันธ์ถงึ เดือนมีนาคม นิเวศวิทยา : ขึน้ ตามทีร่ าบตามป่าโปร่ง ป่าผลัดใบ ป่าดิบแล้งในที่ค่อนข้างราบและใกล้ลำ� ห้วย

ทั่วไป ป่าดิบเขา และตามป่าเบญจพรรณชื้น ที่ความสูงจากระดับน�้ำทะเลประมาณ ๕๐๘๐๐ เมตร การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ผลสุก รับประทานได้ เปลือกต้น ขูดใส่ลาบหรือใช้ฝนใส่น�้ำร่วมกับ เปลือกต้นมะกอกและตะคร้อ ดื่มแก้อาการ ปวดท้อง หรือน�ำไปแช่น�้ำ ให้เด็กทารกอาบ ป้องกันไม่ให้ผิวหนังมีผื่นหรือตุ่มขึ้น เนื้อไม้ ใช้สร้างบ้าน และเครื่องเรือนต่างๆ เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

15


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

(climber)

(sucker, stolon)

ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

คุณค่าในการอนุรักษ์

คํ าอธิบายสัญลักเป็ษณ์ คําอธิบายสัญ ลั ก ษณ์ นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

ตาเสือ

ลักษณะวิสยั ความสูง (height)

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี (tree, umbrella shape)

ลักษณะวิขยายพั สยั นธุ์ 25 m

เป็นพรรณไม้มีค่า

ความสูง เพาะเมล็ด (height) (seed) เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีควา

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน

ไม้ต้นแผ่เป็นปัรัศกมีชํากิ่งหรือเถา (cutting) (tree, umbrella shape)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aphanamixis polystachya (Wall.) R. Parker ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ชื่อวงศ์ : MELIACEAE ไม้ต้นทรงพุ่มตอนกิ กลม ่ง (tree, round shape) (air layering) (tree, round shape) ชื่ออื่น : ขมิ้นดง (ล�ำปาง) ตาปู่ (ปราจีนบุรี) ตุ้มดง (กระบี่) มะอ้า มะฮังก่าน (ภาคเหนื อ) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้ยืนต้น มีความสูงได้ถึง ๒๕ เมตร เปลือกต้นหนาแตกเป็นสะเก็ดหลุดล่อนออก ตามกิ่งอ่อนและยอดอ่อนมีขนสีเหลือง ใบ : ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกปลายใบคี่ ออกเรียงสลับ มีใบย่อยประมาณ ๓-๗ คู่ ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปรีแกมขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบกลมเบี้ยว ส่วนขอบใบ เรียบเป็นคลื่น ๆ ใบมีขนาดกว้างประมาณ ๓-๗ เซนติเมตร และยาวประมาณ ๖-๑๘

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

โน้มกิ่ง

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (layering) (tree, conical shape)

ต้นทรงพุ ดตา เซนติเไม้มตร แผ่​่มกรวยแหลม นใบเรียบเกลี้ยงสีเขียไม้วเข้ ม ่มติกรวยแหลม ต้นทรงพุ (tree, spike shape) (budding) (tree, spike shape) ดอก : ดอกเป็นช่อแยกแขนงยาว โดยจะออก ไม้พุ่ม เสียบยอด ไม้พุ่ม ตามซอกใบใกล้ ปลายกิง่ ดอกเป็นแบบแยกเพศ (shrub) (shoot grafting) (shrub) มีทงั้ ช่อไม้ดอกเพศผู พุ่มรอเลื้อย ้ ช่อดอกเพศเมีย และช่อดอก ทาบกิ่ง ไม้ พ ่ ุ ม รอเลื ้ อ ยอน (scandent) ที่มีทั้งสองเพศ ดอกมีขนาดเล็กสีเหลืองอ่(grafting) (scandent) ไม้เลื้อย นรูปทรงกลม กลีบเลี้ยงดอกเชืแยกหน่ ลักษณะเป็ ่อม อ หัว ลํา หรือไหล (climber) ไม้เลื้อย (sucker, stolon) ติดกันปลายแยกออกเป็น ๓ แฉก สี(climber) เขียวและ ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ มีขน ส่(bulb, วนกลี บดอกมี ๓ กลีบ สีเหลืไม้อหัวงหรืเกสร rhizome) อมีเ(tissue หง้า culture)

คุณค่าในการอนุรักษ์ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

(bulb, rhizome)

คุณค่าในการอนุรักษ์

เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้อง อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

16


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านห้วยใหญ่ จังหวัดชุมพร เพศผู้เชื่อมติดกัน รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ ผล :ผลมีลกั ษณะกลม ขนาดประมาณ ๓.๕-๕ เซนติเมตร เมื่อแก่จะแตกออกเป็น ๒-๓ ซีก ภายในผลมี เ มล็ ด สี น�้ ำ ตาลด� ำ และมี เ ยื้ อ หุ ้ ม เมล็ดสีแดง นิเวศวิทยา : พบตามป่าเบญจพรรณ การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ไม้ตาเสือสามารถ เอามาท�ำเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้ดี เพราะเนื้อไม้มี ความแข็ง เหนียว มีความแข็งแรงทนทานดี ด้านสมุนไพรเนื้อไม้มีรสฝาด มีสรรพคุณเป็น ยาแก้ธาตุพกิ าร เปลือกต้นมีรสฝาดเมา มีสรรพคุณ

เป็นยาปิดธาตุ กล่อมเสมหะ แก้เสมหะ แก่นใช้ ท�ำเป็นยาสมานท้องไส้ได้ดี เนือ้ ไม้ใช้เป็นยาแก้ ท้องเสีย เปลือกต้นใช้เป็นยาแก้บิดมูกเลือด ข้ อ ควรระวั ง ทุ ก ส่ ว นของต้ น ตาเสื อ เป็ น พิ ษ กินมากอาจท�ำให้ตายได้ และเห็ดที่เกิดจาก ขอนไม้ตาเสือเมือ่ กินเข้าไปจะท�ำให้เกิดอาการ เมาอาเจียนถึงตายได้เช่นกัน เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

17


ายสัสญยั ลักษณ์ ลัอบ กษณะวิ คํ าอธิบายสัญคํ ไม้ลัาหกอธิ ษณ์ ัว หรื มีเหง้า

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ท�ำมัง

(bulb, rhizome)

ลักษณะวิรสักยั ษ์ ลักษณะวิสคุยั ณค่าในการอนุ

ความสูง (height)

(climber)

ขยายพันธุ์

ไม้หัว หรือมีเพาะเลี เหง้า ้ยงเนื้อเยื่อ (tissue (bulb, rhizome) culture) เพาะ

นธุ์ ขยายพั นธุค่์ าในการอนุขยายพั คุณ รักษ์

(seed

ต้นแผ่เป็นรัศมี เพาะเมล็ด ความสู เพาะเมล็ดปักชํา อธิเป็บนายสั ญที่ขยายพั ลัง กไม้นษณ์ คําอธิบายสัญความสู ลัคํ กางษณ์ พรรณไม้ พรรณไม้ ธุ์ยumbrella าก (tree, shape) เป็นพรรณไม้เป็ทนี่ขยายพั นธุ(seed) ์ยหากายาก (cutti (height)

(height)

ลักษณะวิสยั

ตอนก ไม้ต้นแผ่เป็ไม้นตรั้นศทรงพุ มี ่มกลม ปักชํากิ่งหรือเถา ปักชํากิ่งหรื อเถ ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี ลักษณะวินสพรรณไม้ ยั (tree, ขยายพันธุน์ พรรณไม้ ขยายพั นธุ์ ใกล้umbrella สูญ(tree, พันธุ์ round สูญพัน(cutting) ธุ์มีค่า (air la shape)shape) (cutting)เป็นพรรณไม้เป็ใกล้ (tree, umbrellaเป็shape)

(seed)

ความสูง (height)

เพาะเมล็ ด ่ง ความสูง ไม้ต้นทรงพุ เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง โน้มก ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ไม้่มตกลม ้นทรงกรวยคว่ ํา ตอนกิ 10-15 m เป็เฉพาะถิ นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้(seed) ่น ที่ชุมชนมีควา เป็(height) นพรรณไม้เฉพาะถิ่น (seed) (tree, round shape) (air layering) (tree, conical shape) (laye (tree, round shape) (air layering) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยช ่ง ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมีไม้ต้นทรงกรวยคว่ กชํากิ่งโน้ หรืมอกิเถา ไม้ต้นทรงพุ ํา ่มปักรวยแหลม ไม้ตํา ้นแผ่เป็ไม้นรัตศ้นมีทรงกรวยคว่ ปักชํากิ่งหรือโน้เถามกิ่ง ติดตา (tree, conical shape) (layering) (tree, umbrella shape) (tree,shape) spike (cutting) shape) (tree, conical (layering)(budd

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Litsea elliptica Blume (tree, umbrella shape) ไม้ ต ้ น ทรงพุ ่ ม กรวยแหลม ไม้่มพกรวยแหลม ุ่ม ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ตอนกิ่ง ติดตา ้นทรงพุ ชื่อวงศ์ : LAURACEAE ไม้ต้นทรงพุไม้่มตกลม (tree, spike shape) (budding) (shrub) (tree, spike shape) (air layering) (tree, round shape) (tree, round shape) ชื่ออื่น : ไม้พุ่ม เสียบยอด ย มกิ่ง ไม้พุ่ม ไม้พุ่มรอเลื้อโน้

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ํา (shrub) (tree, conical shape)

(cutting)

ตอนกิ่ง ติดตา เสียบ (budding)(shoo (air layering)

เสียบยอดทาบก

(shoot grafting) โน้มกิ่ง ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (scandent) (graft (shrub) (shoot grafting (layering) (layering) ไม้พุ่มรอเลื้อย (tree, conical shape) ทาบกิ่ง

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้พุ่มรอเลืไม้​้อเยลื้อย ติดตา (grafting) ่ง แยกห ่มกรวยแหลม ต้ น : ไม้ ต ้ น ขนาดกลางถึ ง ขนาดใหญ่ สูไม้งต้นทรงพุเหนี ย(scandent) วและย่นไม้เป็ นลอน สี(climber) เขียวสดเป็นมัน ผิวใบ ติดตา ทาบกิ ต ้ น ทรงพุ ่ ม กรวยแหลม (suck (scandent) (grafting) (tree, spike shape) (budding) ไม้เลื้อย แยกหน่อ หัว ลํา หรื(budding) อไหล (tree, spike shape) ๑๐-๑๕ เมตร ขนาดทรงพุ ่ ม ๔-๖ เมตร ด้ า นล่ า งสี เ ขี ย วนวล ๐.๕-๑ ไม้า หัวนใบยาว หรือมีเสี เหง้ยบยอด า (sucker, ไม้เลื้อย ก้ แยกหน่อ เพาะ หัว ล (climber) stolon) ไม้พุ่ม (bulb,อมชมพู rhizome) (tissu (climber) (sucker, stolon ไม้พอ ุ่ม นสี เสี ย บยอด ไม่ผลัดใบ ทรงพุ่มรูปกรวยกว้างหรือรูป(shrub) ไข่ เซนติไม้เหมตร ใบอ่ น ำ ้ � ตาล มี ข นสี เ ทา (shoot grafting) ัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (shrub) ไม้หัว หรือมีเหง้า (shoot grafting) เพาะเลี้ยงเนื้อเ (bulb, rhizome) เปลือกต้นสีน�้ำตาลอมเทาหรือสีน�้ำตาลอ่อไม้นพุ่มรอเลืละเอี คุ ณ ค่ า ในการอนุ ร ก ั ษ์ ย ดปกคลุ ม ทั ง ้ สองด้ า น ้อย ทาบกิ่ง (tissue culture) (bulb, rhizome) ทาบกิ่ง (tissue culture (scandent) (grafting) คุณดอก ค่าในการอนุ รักไม้ ษ์ พุ่มเรอเลื ค่อนข้างเรียบหรือแตกเป็นสะเก็ดเล็กบางๆ : ดอกสี หลื้อยอ งอมเขี ย ว มี ก ลิ ่ น หอม เป็นพ เป็นรพรรณไม้ ที่ขยายพันธุ์ยาก (grafting) คุ(scandent) ณค่าในการอนุ ักษ์ แยกหน่ ไม้เลื้อย อ หัว ลํา หรือไหล และมีรอยด่างสีขาวกระจายทั่วไป ออกเป็ น ช่ อ แบบช่ อ กระจุ ก ขนาดเล็ ก ที ่ ก ่ ิ ง แก่ เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก (climber) (sucker, stolon) ไม้เลื้อย แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล เป็นหพ เป็นพรรณไม้ ใบ : ใบเดี่ ย ว เรี ย งสลั บ รู ป รี กว้ า ง ๖-๑๐ กระจุกละ ๖-๘ เป็ น พรรณไม้ ใ กล้ ส ญ ู นธุ์ บรวม (sucker, stolon) เป็นดอกตู พรรณไม้ทมี่ขยายพั นธุ์ยาก พักลี ดอก ทรงกลม (climber) ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยเป็งเนื ้ อ เยื อ ่ ธุ์ เซนติเมตร ยาว ๘-๑๒ เซนติเมตร ปลายใบ เรียงเป็น๒พรรณไม้ ชั้นใกล้ไม้สชัหูญ้ัวนพัหรืนละ บสีculture) เนขีพรรณไม้ ยวรูมปีค่า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (bulb, rhizome) (tissue อมีเหง้๓า กลี บ กลี เป็นมพ เป็นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ ใกล้สูญพัเนฉพาะถิ ธุ์ ่น (bulb, rhizome) (tissue culture) เรียวแหลมเป็นติ่ง โคนใบสอบเรียบคุณขอบใบ ช้อรนสั ๆ เฉพาะถิ เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมี ความต้ องการ อนุรัก พรรณไม้ ่น ค่าในการอนุ ักเป็ษ์น้น อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เรียบเป็นคลืน่ เล็กน้อย แผ่นใบบางแต่คอ่ นข้าง เป็นพรรณไม้ท คุณค่าในการอนุเป็รนพรรณไม้ ักษ์ เฉพาะถิ่น เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

18

เป็นพรรณไม้มีค่า

อนุรักษ์เพื่อกา

เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านป่าพงศ์ จังหวัดพัทลุง ผล : ผลสดแบบมีเนื้อเมล็ดเดียว ทรงกลมรี หรือรูปไข่ กว้าง ๐.๕-๐.๘ เซนติเมตร ยาว ๑-๑.๕ เซนติเมตร สีเขียวเข้ม เมือ่ สุกสีนำ�้ เงินเข้ม มี ค ราบสี ข าวฐานรองรั บ ผลเป็ น รู ป ถ้ ว ย ปลายแยกเป็น ๖ แฉก เมล็ดรูปไข่ สีน�้ำตาล ติดผลเดือน เมษายน-มิถุนายน นิเวศวิทยา : ป่าในภาคใต้ ชอบขึน้ อยูต่ ามทีช่ นื้ ในหุบเขา ริมล�ำธาร ในป่าดงดิบจนถึงป่าพรุ แต่ไม่ค่อยพบในป่าบนภูเขา การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ดและการ ตอนกิ่ง

การน�ำไปใช้ประโยชน์ : เป็นพรรณไม้ทมี่ กี ลิ่น เหมือนแมงดา จึงสามารถน�ำมาท�ำอาหารเพือ่ ให้กลิน่ แทนแมงดาได้ น�ำใบเปลือกต้นและผลแก่ ใช้ตำ� น�ำ้ พริก ใบใส่แกงเผ็ด ใบอ่อนและดอกอ่อน เป็นผักเหนาะ ยอดอ่อน ลวกจิม้ กินกับน�้ำพริก เปลือกมีสรรพคุณ ขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ และจุกเสียด เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เนือ่ งจากเป็นพรรณไม้เฉพาะถิน่ และเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

19


คําลัไม้อธิ บายสัญลักษณ์ คํ าอธิบายสัไม้เญ กษณ์ ลื ้อย หัว หรือมีเหง้า (climber) (scandent)

คําอธิบายสัญลักษณ์ ลักษณะวิสยั

(climber)(bulb, rhizome)

ลักษณะวิสยั คุณไม้ค่หาัวในการอนุ หรือมีเหง้า รักษ์

ขยายพันธุ์

(bulb,บrhizome) ๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุคํ มาชนอธิบายสั คํ างอธิ ายสัความสู ญลังกขยายพั ษณ์ นธุ์ ความสู ญลัสกยั ษณ์ ลักษณะวิ

เป็นพรรณไม้ ที่ขยายพันธุ์ยาก (height)

คุ(height) ณ ค่าในการอนุรักษ์

เทพทาโร

ลักษณะวิสยั ความสูง (height)

(grafting)

(sucker, stolon)

้อเยื่อ แยกหน่อ เพาะเลี หัว ลํา ้ยหรืงเนื อไหล (tissue culture) (sucker, stolon)

ขยายพันธุ์

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพาะเมล็ด(tissue culture) เพาะเมล็ด เป็นพรรณไม้ หายาก (seed) (seed)

ความสูง ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี เพาะเมล็ด ปักชํากิ่งหรือเถา ปักชํากิ่งหรือเถ ลักumbrella ษณะวิ สshape) ั นพรรณไม้ ขยายพั นธุเป็์ นหพรรณไม้ ขยายพั มีค่า เป็ย ูญนพัธุน์ธุshape) ์ (seed) (cutting) (height) (tree, เป็นพรรณไม้ ายาก(cutting) เป็นพรรณไม้ ที่ข(tree, ยายพัในกล้ ธุ์ยสาก umbrella

ไม้ต้นแผ่เป็ไม้นรัตศ้นมีทรงพุ่มกลม อเถา ่ง ความสูง ไม้ต้นทรงพุ่มเพาะเมล็ เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง กลม ปัดกชํากิ่งหรืตอนกิ 10-20 m เป็นมพรรณไม้ ที่ชุมชนมีควา เป็นพรรณไม้ ่น เป็นพรรณไม้ ีค่า เป็นshape) พรรณไม้ ใกล้(tree, สูญเพัฉพาะถิ นธุ์ (seed) (tree, shape) round (tree, umbrella (height) round shape) (cutting) (air layering) (seed) (air layering)

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน

้นทรงกรวยคว่ ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมีไม้ต้นทรงพุไม้่มตกลม ปักชํากิํา่งหรื อเถา ตอนกิ ่ง โน้มกิ่ง มกิ่ง ไม้ตํา้นแผ่เฉพาะถิ เป็ไม้นรัตศ้น่นมีทรงกรวยคว่ ปักชําทกิี่ช่งุมหรืชนมี อโน้เถา เป็นพรรณไม้ ความต้องการ เป็นพรรณไม้ (tree, conical shape) (tree, umbrella shape) (tree,shape) conical(cutting) shape)(air layering)(layering) อนุรักษ์(cutting) (layering) (tree, round shape) (tree, umbrella เพื่อการใช้ประโยชน์

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cinnamomun parthenoxylon (Jack) Meisn. ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ไม้ต้นทรงพุ่มกลมไม้ต้นทรงกรวยคว่ ่ง โน้มกิ่ง ติดตา ้นทรงพุ่มตอนกิ กรวยแหลม ํา ไม้ต้นทรงพุไม้่มตกลม ชื่อวงศ์ : LAURACEAE ตอนกิ่ง ติดตา (tree, spike shape) (budding) (tree, spike (air shape) (budding) (tree, round shape) layering) (tree, conical shape) (tree, round (layering) (air layering) ชื่ออื่น : การบูร (หนองคาย) จวง จวงหอม (ภาคกลาง) จะไคต้นshape) จะไคหอม (ภาคเหนื ไม้พุ่ม เสียบยอด อ) ไม้พุ่ม ไม้ต้นทรงกรวยคว่ไม้ําต้นทรงพุ(shrub) โน้มกิ่ง ติดตา (shoot grafting) ่มกรวยแหลม ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา โน้มกิ่ง (shrub) (tree, conical shape) (layering)(budding) (tree, spike shape)

เสียบยอด (shoot grafting)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (layering) ไม้พุ่มรอเลื้อย(tree, conical shape) ทาบกิ่ง ไม้พุ่มรอเลื้อติยดตา เสียบยอด (grafting) ทาบกิ่ง ไม้ ต ้ น ทรงพุ ่ ม กรวยแหลม ไม้ พ ม ่ ุ (scandent) ดอก : ออกเป็ น ช่ อ สี ข าวหรื อ เหลื อ งอ่ อ น ต้น : ไม้ยืนต้น สูง ๑๐-๒๐ เมตร ไม่ผลัดใบ ไม้ ต ้ น ทรงพุ ่ ม กรวยแหลม ติ ด ตา (scandent) (grafting) (tree, spike shape) (budding)(shoot grafting) (shrub) เลื้อย แยกหน่อ หัว ลํา (budding) หรือไหล (tree, spike shape) ่นหอม ออกดอกตามปลายกิ ง ่ เป็ น กระจุ ก เรือนยอดโปร่งถึงเป็นพุ่มกลมทึบ ล�ำต้นเรียบ มีกลิไม้(climber) ไม้เลื้อย เสียบยอด แยกหน่อ หัว ล ไม้พุ่ม ไม้พุ่มรอเลื้อย ทาบกิ่ง (sucker, stolon) (climber) (sucker, stolon) ไม้ พ ม ่ ุ เสี ย บยอด ยาวประมาณ ๒.๕-๗.๕ เซนติ เ มตร ก้ า นช่ อ ดอก ไม่มีพูพอน เปลือกต้นสีเทาอมเขียวหรื อ อม (shrub) (shoot grafting) (scandent)ไม้หัว หรือมีเหง้า (grafting) เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (shrub) (shoot grafting) ไม้หัว หรือมีเหง้๑า ช่อ มี (tissue เพาะเลี้ยงเนื้อเย (bulb, rhizome) culture) น�้ำตาล แตกเป็นร่องยาวตามล�ำต้น ไม้เมืพ่อุ่มรอเลื ถาก้อย ไม้จะเรี ่ง แยกหน่อ หั๑๓-๑๔ เลื้อย ยวยาวและเล็กมากทาบกิ ว ลํา หรือไหล (bulb, rhizome) ทาบกิ่ง (tissue culture) (scandent) (grafting)(sucker, stolon) คุ(climber) ณ ค่าในการอนุรักไม้ษ์พุ่มรอเลื้อย ดอก เปลือกออกจะมีกลิ่นหอม (grafting) คุ(scandent) ณค่าในการอนุรแยกหน่ ักษ์ อเพาะเลี ้อย บ ไม้ผล หัผ่วาลํนศู หรื้อน อเยืไหล หัว หรื:อมีผลมี เหง้า ขนาดเล็ ้ยางเนื ่อ กลาง ก และกลม เส้ น ย์ ใบ : ใบเดี่ยว ออกตรงกันข้ามเรียงเวีไม้ยเลืนสลั เป็ น พรรณไม้ ห ายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก (climber) (sucker, (tissue stolon)culture) ไม้เลื้อย แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล (bulb, rhizome) เป็นพรรณไม้หา มตร เป็กลิ ่นหอม รู ป รี แ กมรู ป ไข่ ห รื อ รู ป ไข่ แ กมรู ป ขอบขนาน ๗-๘ มิลลิเ(climber) นพรรณไม้ ที่ขยายพัผลอ่ นธุ์ยากอ นสี เ ขี ย ว (sucker, stolon) ไม้หัว หรืคุอณมีค่เหง้ า เพาะเลี ้ ย งเนื ้ อ เยื อ ่ เป็นพรรณไม้มีค่า าในการอนุเป็รนักพรรณไม้ ธุ์ ี ษ์ว่ งด�ใกล้ไม้ำหสก้ัวูญหรืาพันนผลเรี วยาวculture) ก้านผลส่ วนบน เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เนื้ อ ใบค่ อ นข้ า งหนา ผิ ว ใบเกลี้ ย งท้(bulb, อ งใบมี rhizome) ผลแก่สม อมีเหง้า ย(tissue เป็นพรรณไม้มีค เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ (bulb, culture) คราบขาว ปลายใบแหลม โคนใบสอบและกลม เป็นพรรณไม้เป็หนายาก นพรรณไม้ ี่ขยายพันเธุฉพาะถิ ์ยาก ่นrhizome) พรรณไม้ที่ชุม(tissue ชนมีความต้ องการ เป็นทพรรณไม้ คุณค่าในการอนุรักษ์เป็พองออก อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ ยาวประมาณ ๗-๒๐ เซนติเมตรใบแก่อายุมาก เป็นพรรณไม้ที่ช คุณค่าในการอนุเป็รนักพรรณไม้ ษ์ เฉพาะถิ่น เป็ น พรรณไม้ ห ายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพั น ธุ ์ ย าก เป็ น พรรณไม้ ม ี ค ่ า เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ อนุรักษ์เพื่อการ มีสีแดง เป็นพรรณไม้ใกล้เป็สนูญพรรณไม้ พันธุ์ เฉพาะถิ่น เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ มีค่า ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็นพรรณไม้

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

20

เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านนิคมพัฒนา จังหวัดสงขลา นิเวศวิทยา : พบทั่วทุกภาคของประเทศ ขึ้น กระจัดกระจายเป็นกลุ่มตั้งแต่ที่ราบเชิงเขา จนถึ ง บนเขาในป่ า ดิ บ ชื้ น สภาพดิ น ร่ ว น ปนทราย น�้ำไม่ท่วมขังพบการกระจายพันธุ์ หนาแน่นในภาคใต้ การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การตอน กิ่งและการปักช�ำ การน�ำไปใช้ประโยชน์ : เนือ้ ไม้และรากใช้ทำ� เครื่องหอม ใช้ในต�ำรับยาเจริญอาหาร ใช้ใน การก่อสร้าง ท�ำเครื่องเรือน ปัจจุบันนิยมใช้ แกะสลักท�ำประดิษฐกรรมต่างๆ เศษไม้และ

ขี้เลื่อยที่เหลือน�ำมากลั่นเป็นน�้ำมันเทพทาโร จ�ำหน่ายได้อีกทาง หรือจะท�ำยาหม่องน�้ำมัน เหลืองน�ำ้ มันนวดก็ได้เช่นเดียวกันรากและเนือ้ ไม้น�ำมาต้มกินน�้ำแก้วิงเวียน เหน็บชา บ�ำรุง เลือดเปลือกเป็นยาบ�ำรุงธาตุอย่างดี ต้มกินน�ำ้ แก้เสียดท้อง ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เนื่องจากเป็นพรรณไม้มีค่า และเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

21


(sucker, stolon) คําอธิบายสัญลัก(grafting) ษณ์(shoot grafting) แยกหน่อ หัทาบกิ ว ลํา่งหรืเพาะเลี อไหล ้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture) (grafting) คําอธิลับกษณะวิ ายสัสญยั ลักษณ์(sucker, stolon) ขยายพันธุ์

(climber) (scandent)(shrub) ไม้​้อหยัว หรื อมีเหง้า ไม้เลื้อย ไม้พุ่มรอเลื (bulb, (climber) (scandent) rhizome)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

แยกหน่ เพาะเลี้ยงเนื ้อเยื่อ อ หัว ลํา หรือไหล (sucker, stolon) (tissue culture) เพาะเ นธุ์ เป็ขยายพั น้อพรรณไม้ เพาะเลี้ยงเนื เยื่อ หายาก (seed

ษณ์ คําอธิบายสัญลัคํกาอธิ ษณ์ ลับกายสั ษณะวิญ สยั ลัก(height) เป็นพรรณไม้ที่ขยายพั นธุ์ยาก

พะยูง

ไม้ า้อยในการอนุ รักษ์ ไม้หัว คุ หรืณ อมีเค่เลื หง้ า (climber) (bulb, rhizome) ความสูง

ไม้หรัวักหรื คุณค่าในการอนุ ษ์ อมีเหง้า

ลักษณะวิสยั ความสูง (height)

(bulb, rhizome) ความสูง

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี

(tissue culture)

เพาะเมล็ ปักดชํา

ขยายพั ์ เป็นพรรณไม้ ลักาษณะวิ สเป็ยั นรพรรณไม้ ขยายพั นธุเป็์ นพรรณไม้(seed) มีค่า (cuttin ูญ พันธุumbrella ์ นธุshape) (height) หายาก ที่ขยายพั นักธุ์ยษ์ าก ใกล้ส(tree, คุเป็ณนค่พรรณไม้ ในการอนุ ความสูง ไม้ต้นแผ่เป็ไม้นตรั้นศทรงพุ มี ่มเพาะเมล็ กลม ด

เพาะเมล็ด

ปักชํากิตอนก ่งหรือ

mนพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นมพรรณไม้ ายาก ที่ชุมชนมีควา เป็ เป็ ่น shape) เป็นพรรณไม้ ีค่า เป็นหพรรณไม้ เป็น15-30 พรรณไม้ ใกล้ สูญนพัพรรณไม้ นธุ(tree, ์ เฉพาะถิ (seed) umbrella (cutting)(air la (height) (seed) (tree, round shape) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี

ปักชําํากิ่งหรือเถา เป็นพรรณไม้ ้นทรงกรวยคว่ ไม้ต้นแผ่เป็ไม้ นรัตศ้นมีทรงพุไม้่มตกลม ปักชํากิม่งีคหรื่า อเถาตอนกิ่งโน้มก

เป็นเพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็นพรรณไม้ ฉพาะถิ่น ใกล้สูญพันธุ์ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dalbergia cochinchinensis Pierre (tree, umbrella shape) (tree, umbrella (tree, conical(cutting) shape)อนุรักษ์เพื่อการใช้(cutting) (layer (tree,shape) round shape) (air layering ประโยชน์ เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีคโน้วามต้ ไม้ต้นทรงพุ กรวยแหลม ดตา ไม้ต้นทรงพุ่มกลม เป็นพรรณไม้ ่ง เฉพาะถิ ชื่อวงศ์ : FABACEAE ไม้ ต้น่ ทรงกรวยคว่ ํา ่มตอนกิ มกิ่งอติงการ ไม้ต้นทรงพุ ่มกลม ตอนกิ่ง อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ (tree,shape) spike (air shape) (budd (tree, round shape) layering) (tree, conical (layering) ชื่ออื่น : ขะยุง (อุบลราชธานี) แดงจีน (ปราจีนบุรี) ประดู(tree,่น�้ำround(จัshape) นทบุร)ี ประดู่ลาย (ชลบุร(air)ี layering)

ไม้พุ่ม โน้มกิ่ง ไม้ต้นทรงพุ ติดตา เสียบ ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ํา ่มกรวยแหลม โน้มกิ่ง (shrub) (shoo (tree, spike shape) (layering) (budding) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (tree, conical shape) (layering) ุ่มรอเลื้อติยดตา ทาบก ไม้ต้นทรงพุ ไม้พคุ่มอ เสียบยอด ต้น : ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ ผลัดใบ เล็่มกกรวยแหลม น้อย แผ่นใบบางแต่ ่ นข้ไม้(scandent) าพงเหนี ยว คล้ายแผ่นหนังติดตา ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม (graft (shrub) (shoot grafti (tree, spike shape) (budding) (tree, spikeเขีshape) (budding) ช่วงสัน้ ๆ ล�ำต้นสูง ๑๕-๓๐ เมตร ทรงพุม่ รูปไข่ แผ่นใบด้านบนสี ยวเข้ไม้มเลื้อแผ่ น ใบด้ า นล่ า งสี ย แยกห ไม้พุ่มรอเลื้อย ทาบกิ่ง ไม้พุ่ม เสียบยอด (climber) (suck ไม้พุ่ม เสียบยอด หรื อ แผ่ ก ว้ า ง โปร่ ง เปลื อ กต้ น สี เ ทาเรี ย(shrub) บ เขียวนวล แกนกลางใบประกอบยาว ๑๐-๑๕ (scandent) (grafting) (shoot grafting) (shrub) (shoot grafting) ไม้หัว า หรืงละ อมีเหง้า ๕-๗ เส้ น เพาะเ แตกไม่เป็นระเบียบ และหลุดร่อนเป็นแผ่ไม้นพุ่มรอเลืเซนติ ไม้เลื้อย แยกหน่อ หัว ้อย เ มตร เส้ น แขนงใบข้ ทาบกิ่ง (bulb, rhizome) (tissu ไม้พุ่มรอเลื(climber) ้อย ทาบกิ่ง (sucker, stol เนื้ อ ไม้ สี น�้ ำ ตาลอ่ อ น แก่ น สี แ ดงอมม่ ว งถึ(scandent) ง ก้านใบย่อยยาว ๓-๖ เซนติเมตร(grafting) (scandent)คุณค่าในการอนุรักษ์ (grafting) ไม้หัวอหรืแยกแขนง อมีเหง้า แยกหน่ เพาะเลี้ยงเน ไม้เลื้อย ดอก : ดอกช่อแบบช่ อ หัว ่ป ลําลาย หรือไหล สีเลือดหมูแก่ มีริ้วด�ำ ออกที ไม้ เ ลื ้ อ ย แยกหน่ อ หั ว ลํ า หรือไหลcultu (bulb, rhizome) (tissue (sucker, stolon) เป็นพ ใบ : ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงสลั(climber) บ ยอดหรือซอกใบใกล้ ปลายยอด อดอกตั เป็นพรรณไม้ทช่ ี่ขยายพั นธุ์ยาก ้งขึ้น(sucker, stolon) (climber) ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี ้ ย งเนื ้ อ เยื อ ่ คุณค่าเซนติ ในการอนุรักษ์ บ เลี้ ย งเชื่ อ ม ใบย่อย ๗-๙ ใบ รูปไข่หรือรูปใบหอก กว้าง ๓-๔ ยาว ๑๐-๒๐ ไม้หัว หรือมีเหง้า เ มตร กลี เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (bulb, rhizome) (tissue culture) เป็นพ เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ rhizome) เซนติเมตร ยาว ๔-๗ เซนติเมตร ปลายใบแหลม ติดกันเป็นรูป(bulb,ระฆั งเป็นขอบหยั ซีฟ่ นนัธุ์ยตืากน้ ๆ ๕ จัก(tissue culture) เป็นพรรณไม พรรณไม้ที่ขก ยายพั

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

คุณค่าในการอนุรักษ์

เป็นติง่ หู โคนใบมนกว้าง ขอบใบเรียบเป็นคลืน่ มีขนสัคุน้ ณกลี บดอกรูรปักดอกถั ว่ สีขเาวนวล ่ ค่าในการอนุ ษ์ เป็นพรรณไม้ ฉพาะถิ่น มีกลิน

เป็นพ

เป็นพรรณไม อนุรัก เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพัเป็นนธุพรรณไม้ ์ หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่นเป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

22

เป็นพรรณไม เป็นพรรณไม้มีคอนุ ่า รักษ์เพื่อก

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านป่าโคกหินลาด จังหวัดมหาสารคาม หอมอ่อนๆ กลีบดอกยาว ๐.๘-๑ เซนติเมตร ดอกบานเต็มทีก่ ว้าง ๕-๘ มิลลิเมตร กลีบดอก ๕ กลีบ เกสรเพศผู้ ๑๐ อัน เชื่อมติดกันเป็น ๒ มัด ดอกร่วงพร้อมกัน ภายใน ๒-๓ วัน ผล : ผลเป็นฝักแห้งไม่แตกออก ฝักจะร่วงหล่น โดยที่เมล็ดยังอยู่ในฝัก ฝักรูปขอบขนาน แบน บาง เกลี้ยง กว้าง ๑-๑.๕ เซนติเมตร ยาว ๔-๕ เซนติเมตร ตรงกลางมีกระเปาะหุม้ เมล็ด เมล็ดรูปไต สีน�้ำตาลเข้ม ๑-๔ เมล็ด ต่อฝัก ผิวเมล็ดค่อนข้างมัน กว้างประมาณ ๔ มิลลิเมตร ยาว ๗ มิลลิเมตร นิเวศวิทยา : ป่าดิบแล้งและป่าเบญจพรรณชืน้ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวัน ออก การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด

การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ต�ำรายาไทย รากใช้ รับประทานแก้พิษไข้เซื่องซึม เปลือก ต้มเอา น�้ำอมแก้ปากเปื่อย ปากแตกระแหง ยางสด ใช้ทาแก้เท้าเปื่อย เนื้อไม้มีสีสันและลวดลาย สวยงาม จนถือได้ว่าเป็นไม้ที่มีราคาแพงที่สุด ชนิด หนึ่ง ในตลาดโลก เนื้อ ไม้ พ ะยู ง มีค วาม ละเอียดเหนียว แข็งทนทานและชักเงาได้ดี มีนำ�้ มันในตัว จึงมักใช้ทำ� เครือ่ งเรือน เครือ่ งใช้ ต่างๆ มีชอื่ เป็นมงคล เชือ่ ว่าปลูกไว้จะช่วยพยุง ให้โชคดีมีชัย เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เนื่องจากเป็นพรรณไม้มีค่า หายากและเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วาม ต้องการอนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

23


(sucker, stolon) (shoot grafting) คํ า อธิ บ ายสั ญ ลั ก ษณ์ ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

(shrub) (climber)

ไม้พุ่มรอเลื้อย (bulb, rhizome) (scandent)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ลักษณะวิสยั

ไม้เค่ลืา้อยในการอนุรักษ์ คุณ

คํ าอธิบายสัความสู ญลังกษณ์ คํ าอธิบายสัญ(climber) ลักเป็ษณ์ นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก(height)

มะกอกป่า

ทาบกิ่ง (grafting)(tissue culture)

ลักษณะวิสยั

ไม้หัว หรือมีเหง้ า (bulb, rhizome)

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี

ลักษณะวิสยั ขยายพันธุ์

แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล (sucker, stolon)

ขยาย

เป็น้อพรรณไม้ เพาะเลี้ยงเนื เยื่อ หายาก (tissue culture)

ขยายพันธุ์

เป็นรพรรณไม้ คุณค่าในการอนุ ักษ์ ใกล้สูญพันธุ์ (tree, umbrella shape) เป็นพรรณไม้มีค่า ความสูง ความสูง ไม้ต้นทรงพุ่มเพาะเมล็ เพาะเมล กลม ด เป็นพรรณไม้ ายาก ที่ชุมชนมีควา เป็นหพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ ที่ข15-25 ยายพัเนm ธุ์ยาก ่น เป็นพรรณไม้ ฉพาะถิ (height) (height) (tree, round(seed) (seed) shape)

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน

ไม้ต้นแผ่เป็นรัเป็ ศมีนพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ ไม้ต้นแผ่เป็ไม้ ปักชํากิํา่งเป็หรืนพรรณไม้ อเถา มีค่า นรัตศ้นมีทรงกรวยคว่ (tree, umbrella shape) (cutting) (tree, conical shape) (tree, umbrella shape)

ปักชํากิ่ง

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Spondias pinnata (L.f.) Kurz (cutting) องการ ต้นทรงพุ่มตอนกิ กรวยแหลม ชื่อวงศ์ : ANACARDIACEAE ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ่ง เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้ตอนกิ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น ไม้ต้นทรงพุไม้ ่มกลม ่ง อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ (tree, spike (air shape) (tree, round shape) layering) (tree, round shape) (air laye ชื่ออื่น : กอกกุก (เชียงราย) กอกเขา (นครศรีธรรมราช) กอกหมอง (เงี้ยว ภาคเหนือ) ไม้พุ่ม ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา โน้มกิ่ง (shrub) (layering) (tree, conical shape) พุ่มรอเลื้อติยดตา ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ฐานใบมนเบี ้ยว ขอบใบเรี บ ไม้(scandent) อนข้างนุ่ม ไม้ต้นยทรงพุ ่มใบค่ กรวยแหลม (tree, spike shape) (budding) spike shape) ใบอ่อนสีนำ�้ ตาลแดง เนือ้ (tree, ใบหนาเป็ น มั น หลังใบ ไม้เลื้อย ไม้พุ่ม เสียบยอด เรี(shrub) ย บเกลี้ ย ง ท้ อ งใบเรีไม้ยพบุ่ม ก้(climber) า นใบร่(shoot ว มยาว grafting) (shrub) ไม้หัว หรือมีเหง้า ๑๒-๑๖ เซนติ เ มตร ไม้พุ่มรอเลื้อย ทาบกิ่ง (bulb, rhizome) ไม้ พ ่ ุ ม รอเลื ้ อ ย (scandent) ดอก : ดอกแยกเพศอยูบ่ นต้นเดียวกัน (grafting) ออกเป็น (scandent) คุ ณ ค่ า ในการอนุ ร ักษ์ อ หัว ลํา หรือไหล ย ช่ไม้อเลื้อแบบแยกแขนงที ่ ป ลายกิ่ ง หรื อแยกหน่ ซอกใบ ไม้เลื้อย (climber) stolon) ดอกย่ อยจ�ำนวนมากขนาดเล็ ก สีขเป็าวครี ม (sucker, กลี บดอก นพรรณไม้ ที่ขยายพั นธุ์ยาก (climber) ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ รู(bulb, ปรี rhizome) ปลายกลีบดอกแหลม ขนาดประมาณ ไม้หัว หรือมีเหง้า (tissue culture) เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ (bulb, rhizome) ๔ มิลลิเมตร กลีบเลีย้ ง และกลี บดอกอย่างละ

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้ยืนต้น ผลัดใบ สูง ๑๕-๒๕ เมตร ล�ำต้นกลม ตั้งตรง เปลือกสีเทา หนา เรียบ เปลือก ใบ และผล มีกลิ่นหอม มีรูอากาศตาม ล�ำต้น เรือนยอดเป็นพุ่มกลม โปร่ง กิ่งอ่อนมี รอยแผลจากการหลุดร่วงของใบ ใบ : ใบประกอบแบบขนนก ปลายคี่ ชั้นเดียว เรียงแบบสลับ ใบย่อย ๔-๖ คู่ ออกเป็นคู่ๆ ตรงข้ามกัน หรือเยื้องกันเล็กน้อย แผ่นใบรูป ขอบขนาน กว้าง ๓-๔ เซนติเมตร ยาว ๗-๑๒ คุณค่าในการอนุรักษ์ เกสรเพศผู ๑๐ ่นอัน เซนติ เ มตร ปลายแหลมหรื อ เป็ น ติ่ ง แหลม ๕ กลีบ กลีบดอกสี คุณขค่าว าในการอนุ ษ์ ้มี เฉพาะถิ เป็รนักพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

ติดตา (budding

เสียบยอ (shoot g

ทาบกิ่ง (grafting

แยกหน่อ (sucker,

เพาะเลี้ย (tissue c

เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

โน้มกิ่ง (layering

เป็นพรร

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรร เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เป็นพรร

อนุรักษ์เ

24


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านเขาน้อย จังหวัดพิษณุโลก กลีบเลี้ยงเป็นรูปถ้วย ปลายแยกเป็น ๕ แฉก ออกดอกราวเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ผล : ผลสด มีเนื้อ ฉ�่ำน�ำ้ รูปไข่ กว้าง ๒.๕-๓ เซนติเมตร ยาว ๓-๕ เซนติเมตร ผลแก่สเี หลือง อมเขียว ถึงสีเหลืองอ่อน ประด้วยจุดสีเหลือง และด�ำ รสเปรีย้ วจัด เมล็ดเดียว ใหญ่และแข็งมาก ผิวเป็นเสี้ยนขรุขระ นิเวศวิทยา :พบขึน้ ตามป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง

การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน� ำ ไปใช้ ป ระโยชน์ : ยอดอ่ อ นรั บ ประทานเป็นผัก ผลรับประทานได้ ผลสุกน�ำมา ใส่ส้มต�ำ น�ำ้ พริก ย�ำ มีรสเปรี้ยว ฝาดเล็กน้อย เนื้อไม้ ใช้ท�ำไม้แบบ เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เนือ่ งจากเป็นพรรณไม้หายาก ในท้องถิ่นและเป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความ ต้องการอนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

25


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

(sucker, stolon) (shoot grafting)

ไม้​้อหยัว หรือมีเหง้า ไม้พุ่มรอเลื (bulb, (scandent) rhizome)

ทาบกิ่ง เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (grafting)(tissue culture)

ไม้เค่ลืา้อยในการอนุรักษ์ คุณ

แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล (sucker, stolon)

คําอธิบายสัญลักษณ์ เป็นพรรณไม้หายาก คําอธิบายสัญลักเป็ษณ์ นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

มะค�ำไก่

(shrub) (climber)

ลักษณะวิสยั

(climber)

ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

ลักษณะวิขยายพั สยั นธุ์

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

เป็นรพรรณไม้ คุณค่าในการอนุ ักษ์ ใกล้สูญพันธุ์

ความสูง (height)

เป็นพรรณไม้ ที่ขยายพัเนฉพาะถิ ธุ์ย10-15 าก ่น m เป็นพรรณไม้

ไม้ต้นแผ่เป็นรัเป็ ศมีนพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ (tree, umbrella shape)

ความสูง (height)

เป็นพรรณไม้มีค่าขยายพ

เพาะเมล็ด ายาก ที่ชุมชนมีควา เป็นหพรรณไม้ (seed) เป็นพรรณไม้

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน

อเถา มีค่า ไม้ต้นแผ่เป็นรัปัศกมีชํากิ่งเป็หรืนพรรณไม้ (cutting) (tree, umbrella shape)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Putranjiva roxburghii Wall. ชื่อวงศ์ : PUTRANJIVACEAE ไม้ต้นทรงพุ่มกลม เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น ไม้ต้นทรงพุ่มตอนกิ กลม ่ง เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ (tree, round shape) (air layering) (tree, round shape) ชื่ออื่น : มะองนก (ภาคเหนือ) มักค้อ (ขอนแก่น) มะค�ำดีไก่ ประค�ำไก่ (ภาคกลาง) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

โน้มกิ่ง ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ํา (layering) (tree, conical shape) ไม้ ต ้ น ทรงพุ ่ ม กรวยแหลม ดตา ดกัน ๓-๖ หยัก เกสรตัวผู้มี ๒-๔ ไม้อัต้นนทรงพุก้่มาติกรวยแหลม นติ (tree, spike shape) (budding) (tree,หรื spikeอshape) เล็กน้อย ดอกตัวเมียออกเดีย่ วๆ ออกเป็น ไม้พุ่ม เสียบยอด คู(shrub) ่ ๆ กลี บ เลี้ ย งเหมือ นดอกตัไม้วพผูุ่ม้ รั ง ไข่ มี ข น (shoot grafting) (shrub) ปกคลุ ม ภายในมี ๒-๓ ห้อง ยอดเกสรตั วเมีย ไม้พุ่มรอเลื้อย ทาบกิ่ง ไม้พุ่มรอเลื้อย(grafting) (scandent) คล้ ายพระจันทร์เสี้ยว (scandent) ไม้เลื้อ:ย ผลรูปไข่หรือกลมรี กว้าง ๑ เซนติ แยกหน่ อ หัว ลํา หรือไหล ผล เมตร ไม้ เ ลื ้ อ ย (climber) (sucker, stolon) ยาว ๑.๕ เซนติเมตร หัวท้ายแหลม มีขนละเอี ยด (climber) ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ปกคลุ ม เปลือกแข็ง สีขาวอมเทาไม้มีหรัวอยย่ นหง้เล็า กน้culture) อย หรือมีเ(tissue (bulb, rhizome) ภายในมีเมล็ดกลม สีดำ� แข็ง ๑(bulb, เมล็rhizome) ด ขนาดเท่า

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น :ไม้ต้น สูง ๑๐-๑๕ เมตร ตามต้นและ กิ่งก้านมีสีขาวนวล ยอดอ่อนมีขน ใบ :ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับกัน ห้อยลง รูปรี หรือรูปรีแกมรูปขอบขนาน โคนใบเบีย้ ว ขอบใบ หยักตืน้ ๆ ปลายใบแหลมหรือมน ใบสีเขียวเข้ม เป็นมัน กว้าง ๒.๕-๔ เซนติเมตร ยาว ๕-๑๐.๕ เซนติเมตร ก้านใบยาว ๓-๕ มิลลิเมตร ดอก : ดอกตัวผู้และดอกตัวเมียอยู่ต่างต้นกัน ดอกตัวผูอ้ อกเป็นช่อหรือเป็นกระจุกตามซอกใบ คุณค่าในการอนุรักษ์ ขนาดเล็ก สีขาวนวล ก้านดอกสั้น กลีบเลี้ยงมี เม็ดล�ำไย

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

คุณค่าในการอนุรักษ์

เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

26

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ รักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เป็นพรรณไม้เอนุ ฉพาะถิ ่น


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านร่องปอ จังหวัดพะเยา นิเวศวิทยา : ในประเทศไทยพบขึน้ ในป่าเบญจพรรณ ทัว่ ไป ทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ตอนบน การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน� ำ ไปใช้ ป ระโยชน์ : ด้ า นสมุ น ไพรมี สรรพคุณทางยามากมายโดยสามารถใช้ทกุ ส่วน ของต้น น�ำมาปรุงเป็นยาสมุนไพรต่างๆ อาทิ เช่น ส่วนของใบ จะน�ำมารมแก้ปวดขา น�ำมา ต�ำพอกฝี และน�ำมาปรุงเป็นยาถ่ายพิษฝี ล�ำต้น น�ำมาเข้าเครือ่ งยา ใช้เป็นยาเย็น เป็นยาระบาย ใบและผลอ่ อ น ใช้ เ ป็ น ยาลดไข้ เป็ น ยาขั บ

ปัสสาวะ รากและเปลือกรากเป็นยาแก้กระษัย แก้เส้นเอ็นหย่อน เมล็ดของมะค�ำไก่มลี กั ษณะ กลม สีด�ำ แข็ง ขนาดเท่าเม็ดล�ำไย ใช้ร้อยท�ำ ประค�ำได้ เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เนือ่ งจากเป็นพรรณไม้หายาก และเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

27


คําอธิบายสัญลักษณ์ เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture) คํ าอธิบายสัญลักษณ์ ลักษณะวิสยั ขยายพ

ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

คุณค่าในการอนุรักษ์

คํ าอธิบายสัความสู ญลังกขยายพั ษณ์ นธุ์ คําอธิบายสั ญลัสกยั เป็ษณ์ ลักษณะวิ นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

มะนาวผี

ลักษณะวิสยั ความสูง (height)

(height)

เป็นพรรณไม้หายาก

ความสูง ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี เพาะเมล็ด ขยายพั นธุ์ (seed) เป็นพรรณไม้ ลักษณะวิ ั นธุ์ (tree, ขยายพัมีคน่าธุ์ เป็นพรรณไม้ ใกล้สูญสพัย (height) umbrella shape)

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี ความสูง ไม้ต้นทรงพุ่มเพาะเมล็ เพาะเมล็ด กลม ปัดกชํากิ่งหรือเถา 5-8 m เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีคว เป็ น พรรณไม้ เ ฉพาะถิ น ่ (tree, umbrella shape) (height) (tree, round(seed) (seed) shape) (cutting)

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยช

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมีไม้ต้นทรงพุ่มกลม ไม้ต้นแผ่เป็ไม้ ปักชํากิํา ่งหรื อเถา ตอนกิ ่ง นรัตศ้นมีทรงกรวยคว่ (L.) (tree,shape) conical(cutting) shape) (air layering) (tree,DC. umbrella shape) (tree, round shape) (tree, umbrella

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Atalantia monophylla ต้นทรงพุ่มตอนกิ กรวยแหลม ไม้ต้นทรงพุ่มกลมไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา ไม้ต้นทรงพุไม้่มกลม ่ง โน้มกิ่ง ชื่อวงศ์ : RUTACEAE spike (air shape) (tree, conical shape) (tree, round(tree, (layering) (tree, round shape) layering) ชื่ออื่น : ขี้ติ้ว จ๊าลิว (ภาคเหนือ) นางกาน (ขอนแก่น) กรูดผี (สุราษฎร์ธานีshape) ) มะลิว (เชี ยงใหม่)

ปักชํากิ่งห (cutting)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้พุ่มรอเลื้อย ุ่ม เสียบยอด ต้นทรงพุ ติดตา เมตร ต้น : ไม้ตน้ ขนาดเล็ก สูง ๕-๘ เมตร ไม่ผลัดใบ ไม้ละเอี ย่มดกรวยแหลม ก้ไม้าพนดอก ยาวไม้๐.๘-๑.๕ เซนติ ต้นทรงพุ(scandent) ่มกรวยแหลม (shrub) spike shape) (budding)(shoot grafting) เรือนยอดรูปไข่แตกกิ่งต�่ำโคนต้นเป็นพูพอน (tree, ใบประดั บย่อย รูปใบหอก(tree,ร่วspike งง่ไม้าshape) เย ลื้อยยาวประมาณ ไม้พุ่มรอเลื้อย พุ่ม บยอดทาบกิ่ง (climber) พุ่ม บเลี เปลือกนอกเรียบสีเทาอมเขียวมีหนามแหลม ไม้(shrub) ๑.๕ มิลลิ(scandent) เมตร มีขน ไม้กลี ้ยงไม่เสี(shoot สยมมาตร (grafting) grafting) (shrub) ไม้หัว หรือมีเหง้า ปกคลุมทั่วไป เปลือกในสีขาว เปลือกและใบมี ไม้แยกออกถึ งฐานเพียงหนึ่งด้าน มักมีทาบกิ๒่ง แฉก แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล พุ่มรอเลื้อย ไม้เลื้อย ไม้พุ่มรอเลื(bulb, ้อย rhizome) (sucker, stolon) (climber) กลิ่นเหมือนใบมะนาว ยาวประมาณ ๒ มิลลิเมตร ดอกมีก(grafting) ลิ่นหอม (scandent) (scandent) คุ ณ ค่ า ในการอนุ ร ก ั ษ์ หรือมีมีเหง้๔ า หรือ ๕ กลีบ แยกจากกั ่อ ใบ : ใบเดี่ ย ว เรี ย งสลั บ ใบรู ป ไข่ ห รือ รู ป รี ไม้กลี เลื้อบ ย ดอกสีไม้ขหัวาว แยกหน่อเพาะเลี หัวนลํ้ยางเนื หรื้ออเยืไหล ไม้เลื้อย (bulb, rhizome) (tissue culture) (sucker, stolon) ที่ขยายพั นธุ์ยาก ปลายใบมน หยั ก เว้ า เล็ ก น้ อ ย โคนใบสอบ (climber) เป็นอิสระ รูปขอบขนานแกมรู ปรี ยาว ๖-๘ (climber) เป็นพรรณไม้ าในการอนุ รักษ์ มีค่เหง้ า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ขอบใบเรียบ แผ่นใบหนาและเหนียว หลังใบสีเข้ม ไม้มิหลัว ลิหรืคุเอณมตร เกสรเพศผู ้ ๘ไม้หัวหรื น ยาวไม่ หรืออมีเหง้๑๐ า อั(tissue (bulb, rhizome) เป็นพรรณไม้ใกล้สูญculture) พันธุ์ กว่าท้องใบ มีต่อมน�้ำมันใสๆ ทั่วไป เท่ากัน สลัเป็บนกัพรรณไม้ นระหว่ างนธุ(bulb, สั์ยากน้ กัrhizome) บยาว โคนเชือ่ มกั น หายาก เป็นพรรณไม้ ที่ขยายพั คุณค่าในการอนุรักษ์ ดอก : ช่อดอก แบบช่อซี่ร่ม ออกตามซอกใบ เป็นหลอด คุณค่าในการอนุเป็รนักพรรณไม้ ษ์ เฉพาะถิ่น เป็นพรรณไม้มีค่า เป็ น พรรณไม้ ใ กล้ ส ญ ู พั น ธุ ์ ก้ า นช่ อ ดอกและก้ า นดอกเกลี้ ย ง ถึ ง มี ข น เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้หายาก

โน้มกิ่ง (layering)

ไม้พุ่ม ติดตา ไม้ต้นทรงกรวยคว่ไม้ําต้นทรงพุ่มกรวยแหลมไม้ต้นทรงกรวยคว่ ํา โน้มกิ่ง (shrub) (layering)(budding) (tree, spike shape) (tree, conical shape) (tree, conical shape)

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

28

ตอนกิ่ง (air layerin

ติดตา (budding)

เสียบยอด (shoot gra ทาบกิ่ง (grafting)

แยกหน่อ (sucker, s

เพาะเลี้ยง (tissue cul

เป็นพรรณ

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็นพรรณไม้มีค่า อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณ

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เป็นพรรณ อนุรักษ์เพ


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านเขาใหญ่ จังหวัดนครสวรรค์ ผล : กลมหรือรี เป็นผลขนาดเล็ก ผิวผลเรียบ สีเขียวอ่อนหรือเทา มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ประมาณ ๒-๔ เซนติเมตร ผิวผลหนาคล้ายหนัง และมีตอ่ มน�ำ้ มันเป็นจุดหนาแน่น ทีป่ ลายผลมี ก้านเกสรเพศเมีย ติดทน ผลภายในเป็นกลีบ คล้ า ยผลส้ ม ภายในมี เ มล็ ด จ� ำ นวนน้ อ ย ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปรีสีขาว นิเวศวิทยา :ในประเทศไทยสามารถพบได้ ทุกภาค จะพบได้ตามป่าชายหาด ป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง บนเขาหิน ที่ระดับความสูงตั้งแต่ ใกล้ระดับน�ำ้ ทะเลจนถึงประมาณ ๘๐๐ เมตร การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ดและวิธี การปักช�ำกิ่ง

การน�ำไปใช้ประโยชน์ : เนือ้ ไม้ใช้ทำ� เครือ่ งมือ การเกษตรเครื่องมือใช้สอยภายในบ้าน และ เฟอร์นเิ จอร์ได้ ใบและผลมะนาวผี มีสรรพคุณ ช่วยแก้โรคทางเดินหายใจ น�ำ้ มันจากเปลือกผล มะนาวผีใช้ทาภายนอก เป็นยาแก้โรคไขข้อ อักเสบ เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

29


(climber) (grafting) (shoot grafting) (climber) (shrub) (scandent)(sucker, stolon) ไม้หัว หรือแยกหน่ มีเหง้า อ หัทาบกิ ไม้หอไหล ัว หรือไม้มีพเหง้ า ไม้​้อเยลื้อย เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ว ลํา่งหรื ุ่มรอเลื (bulb, rhizome) (bulb, rhizome) (scandent) (sucker, stolon) (grafting) (climber) (tissue culture)

(scandent) (shrub) ไม้เลื้อย ไม้พุ่มรอเลื้อย (climber)(scandent) ไม้หัว หรืไม้ อมีเลืเหง้ ้อยา (climber) (bulb, rhizome)

ความสูง (height)

(bulb, rhizome)

คุณค่าในการอนุรักษ์

(tissue culture) (bulb, rhizome)

ลักษณะวิขยายพั สยั นเป็นธุพรรณไม้ ขยายพั นธุธุ์​์ เป็นทพรรณไม้ ์ เป็นใพรรณไม้ กล้สูญพันหธุายาก ์ เป็นพรรณไม้ ใกล้สูญ เป็พันนพรรณไม้ ี่ขยายพันมธุีค์ย่าาก คุณค่าในการอนุรักษ์

เป็นค่พรรณไม้ ที่ขยายพัรนักธุษ์ ์ยาก คุณ าในการอนุ

ความสูง เพาะเมล็ด

20-30m เป็นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ ใกล้สูญพัทนี่ขธุยายพั ์ นธุ์ยาก(height)

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี

เป็นเพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ ฉพาะถิ่นใกล้สูญพันธุ์ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cocos nucifera (tree, umbrellaL. shape) ชื่อวงศ์ : ARECACEAE ไม้ต้นทรงพุ่มกลม เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น ชื่ออื่น : เขียวหัวแดง (สตูล(tree, ) round shape)

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ่มกรวยแหลม ต้น : ไม้ตน้ สูง 20-30 เมตร ล�ไม้ำตต้​้นทรงพุ นกลม ตัง้ ตรง (tree, spike shape) ไม่แตกกิ่งก้าน เปลือกต้นแข็ง สีเทา ขรุขระ ไม้พุ่ม มีรอยแผล (shrub) ใบ : ใบติดกับล�ำต้นแบบเวีไม้ยพนสลั ุ่มรอเลื้อบ ย ใบเป็ น (scandent) ใบประกอบขนาดใหญ่และยาว ประกอบด้วย ไม้ เ ลื ้ อ ก้านทาง และมีใบย่อยจ�ำนวนมากย ใบย่อยยาว (climber) แคบ หนา เหนียว สีเขียว ขอบใบเรียบมีใบย่อย ไม้หัว หรือมีเหง้า บนก้านทางประมาณ 200 –(bulb, 250rhizome) ใบ ดอก : ออกเป็นช่อแขนงตามซอกใบ คุณค่าในการอนุรมีักท ษ์ งั้ ดอก ตัวผูแ้ ละดอกตัวเมียอยูใ่ นช่อเดียวกัน กลีบดอก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ทีล่ ดรูปมี 4-6 อัน สีเหลืองนวลไม่ มกี า้ นดอกย่อย เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

30

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพัเพาะเลี นธุ์ยากเป็ นพรรณไม้ ยายพั ธุ์ยาาก อมีเนหง้ ้ยงเนื ้อเยื่อไม้หทัวี่ขหรื

ไม้หรัวักหรื คุณค่าในการอนุ ษ์อมีเหง้า

ลักษณะวิสยั

มะพร้าวไฟ

งเนื ่อ อ หัว ลํา ไม้ แยกหน่ หรืรเลือัก้อไหล คุณค่าในการอนุเพาะเลี รักษ์คุ้ยณ ค่้อเยืาในการอนุ ษ์ย ไม้หัว หรือมีเหง้า

(sucker, stolon) (climber) (bulb, rhizome) คําอธิบายสัญลัก(tissue ษณ์culture) เป็นพรรณไม้หายาก

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่คําาจากป่ ชน ญลักษณ์ อธิาบชุมายสั

เพาะเมล็ด

เป็ หายาก เป็นนใธุกล้ พรรณไม้ เป็นเฉพาะถิ พรรณไม้ ทพรรณไม้ ี่ขยายพั ์ยาก เป็(seed) นพรรณไม้ ่น นมพรรณไม้ เป็นเฉพาะถิ พรรณไม้ ีค่าเป็นพรรณไม้ เป็่นน(seed) สูญพันทธุี่ช์ ุมชนมีความต อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

อเถาเป็นพรรณไม้มีค่า ไม้ต้นแผ่เป็นปัรัศกมีชํากิ่งเป็หรืนพรรณไม้ ปัใกล้ กชํสากิูญ่งพัหรื เป็อนงการ พรรณไม้ ธุอ์ เถา ่น ที่ชุมชนมีความต้ เป็นพรรณไม้ เนฉพาะถิ (cutting) (tree, umbrella shape) (cutting) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เป็นพรรณไม้ที่ชุมเป็ชนมี ความต้เอฉพาะถิ งการ ่น นพรรณไม้ ไม้ต้นทรงพุ่มตอนกิ กลม ่ง ตอนกิ ่ง (air layering) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ (tree, round shape) (air layering)

โน้มกิ่ง

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (layering) (tree, conical shape)

โน้มกิ่ง (layering)

ติดตา้อยู่ปลายช่อ ดอกเพศเมีย ดอกเล็ก ไม้ดอกเพศผู ต้นทรงพุ่ม(budding) กรวยแหลม ติดตา (tree, spikeอshape) (budding) อยู่บริเวณโคนช่ ดอก ไม่มกี ้านดอก เสียบยอด พุ่ม ผล : ผลมีขไม้นาดใหญ่ เปลือก 3 ชัน้ ประกอบด้วเสียยบยอด (shootมีgrafting) (shrub) เปลือกชั้นนอก เป็ทาบกิ นเส้่ง นใยเหนียวแข็ง ผลอ่อ(shoot น grafting) ยเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและเทา ทาบกิ่ง มีสีเขียว ไม้เมืพุ่ม่อรอเลื แก่้อ(grafting) (scandent) (grafting) อ หัน ว ลํใย า หรืเปลื อไหล อกชั้นในเป็น เปลือกชั้นกลาง แยกหน่ เป็นเส้ ไม้เลื้อย (sucker, stolon) แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล กะลามะพร้ าว เมล็ดคือเนื้อมะพร้าว ภายใน (climber) (sucker, stolon) เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ จะมีนำ�้ อยูไม้่เหต็ัวมหรือเมืมีเ(tissue อ่ าผลแก่ นำ�้ จะแห้งไปบางส่วเพาะเลี น ้ยงเนื้อเยื่อ culture) หง้ (bulb, เปลื rhizome)อ กที่ ขั้ ว จะมี สี แ ดงหรือ ชมพู (tissue culture) มะพร้าวไฟ ซึ่งจะแตกต่ างจากมะพร้ าวธรรมดา คุณค่าในการอนุ รักษ์ เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องก อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านนาปริก จังหวัดสตูล นิเวศวิทยา : ภาคใต้ การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน� ำ ไปใช้ ป ระโยชน์ : มะพร้ า วไฟมี ประโยชน์และสรรพคุณมากมายเหมือนกับ มะพร้าวทั่วๆไป เช่นช่วยสร้างคอลลาเจนและ อิลาสติน ซึ่งท�ำให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับ ล้างพิษ ขับพิษของเสียออกจากร่างกาย หรือ ช่วยดีทอ็ กซ์ ช่วยบ�ำรุงโลหิต ช่วยแก้อาการบวมน�ำ้ ช่วยป้องกันหรือชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ รักษาโรคเบาหวาน โรคคอตีบ ช่วยแก้อาการตาอักเสบ รักษาคนไข้ ที่มีภาวะความเป็นกรดในเลือดสูง เป็นยาแก้ อาการเจ็บปาก เจ็บคอ แก้อาการอาเจียน

เป็ น เลื อ ด แต่ เ ชื่ อ กั น ว่ า น�้ำ มะพร้ า วไฟจะมี สรรพคุ ณ ทางสมุ น ไพรที่ ม ากกว่ า มะพร้ า ว ทัว่ ไป ในชุมชนบ้านนาปริกจะน�ำน�ำ้ มะพร้าวไฟ มากินแก้ไข้ และน�ำเนือ้ ทีย่ งั เป็นวุน้ ใสๆ มาผสม กับน�้ำผึ้งรวง กินแก้ช�้ำใน แก้เลือดคั่งในสมอง เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เนือ่ งจากเป็นพรรณไม้ทมี่ คี ่า หายาก เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น เป็นพรรณไม้ ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ ในชุมชนมีตน้ มะพร้าวไฟเหลืออยูเ่ พียง 2- 3 ต้น และเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

31


ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

คุณค่าในการอนุรักษ์

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

คําอธิบายสัญลักษณ์ คําอธิบายสัเป็นญพรรณไม้ ลักทษณ์ เป็นพรรณไม้หายาก ี่ขยายพันธุ์ยาก

มะม่วงป่า

ลักษณะวิสยั

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

ความสูง (height) เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี

ลักษณะวิขยายพั สยั นธุ์ 20-25 m

เป็นพรรณไม้มีค่า

ความสูง (height)

เพาะเมล็ด (seed) เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีคว อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโย ไม้ต้นแผ่เป็นรัปัศกมีชํากิ่งหรือเถา (cutting) (tree, umbrella shape)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mangifera caloneura Kurz (tree, umbrella shape) ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ตอนกิ่ง ชื่อวงศ์ : ANACARDIACEAE ไม้ต้นทรงพุ่มกลม (tree, round shape) (air layering) (tree, round shape)ร)ี ชื่ออื่น : ม่วงเทียน (ประจวบคีรีขันธ์) มะม่วงกะล่อน (ภาคกลาง) มะม่วงเทพรส (ราชบุ ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

โน้มกิ่ง

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ํา (layering) (tree, conical shape)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ่มกรวยแหลม ติดตา ต้น : ไม้ตน้ ไม่ผลัดใบ ขนาดกลาง สูง 20 - 25 เมตร ดอกไม้(tree, :ต้นช่ทรงพุ อดอกแบบแยกแขนง ช่อไม้ดอกตั งกรวยแหลม ขึ้น ต้นทรงพุ่ม้(budding) spike shape) spike shape) เรื อ นยอดเป็ น พุ ่ ม ทรงสู ง ถึ ง แผ่ ก ว้ า งล� ำ ต้ น คล้ายช่ไม้อพุ่มฉัตร ออกตามปลายกิง่ ดอกย่(tree, อยขนาดเล็ ก เสียบยอด ุ่ม า(shoot เปลาตรง เปลือกนอกสีนำ�้ ตาลปนเทา แตกเป็นร่อง สีเหลื(shrub) องอ่อน มีกลีบดอกและกลีบเลีไม้ย้ พงอย่ งละ grafting) (shrub) ทาบกิ่ง แตกแบบสี่เหลี่ยม เปลือกในสีเหลืองปล่อยทิ้ง 5 กลีไม้บพุ่มรอเลื มีท้อั้งยดอกสมบูรณ์เพศและดอกไม่ มี (scandent) (grafting) ไม้ พ ่ ุ ม รอเลื ้ อ ย ไว้จะเป็นสีน�้ำตาลด�ำ สมบูรไม้ณ์เลื้อเพศ (เกสรฝ่อ) เกสรเพศผูท้ ี่สมบูรแยกหน่ ณ์มี อ หัว ลํา หรือไหล ย (scandent) ใบ : ใบเดี่ยว เรียงแบบสลับหรือเวียนสลับ 5 อัน(climber) ดอกมีกลิน่ หอม ออกดอกเดือนธันวาคม (sucker, stolon) ไม้เลื้อย ใบรูปหอกขอบขนาน ฐานมนหรือแหลม ขอบใบเรียบ ถึงเดืไม้อหนกุ ัว หรืมอภาพั มีเหง้า นธ์ (climber) เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ rhizome) (tissue culture) ปลายใบแหลม กว้าง 3.5 - 8 เซนติเมตร ผล :(bulb, ผลแบบเมล็ ดเดียวแข็ง มีเไม้นืห้อัว หรืผลมาก อมีเหง้า ค่าในการอนุ ยาว 4.5 - 22 เซนติเมตร ผิวใบเกลีย้ ง ใบอ่อน คุณผลดิ บมีสีเขียรวักษ์และมีสีเหลืองเมื่อสุ(bulb, ก rhizome) สีม่วงแดง คุณค่าในการอนุรเป็ักนษ์พรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้ทเป็ี่ขนยายพั นธุ์ยากมีค่า พรรณไม้

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้เป็ ใกล้นสพรรณไม้ ูญพันธุ์ ที่ชุมชนมีความต้องก อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

32


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านแม่ฮู่ จังหวัดสุโขทัย นิเวศวิทยา : ในประเทศไทยสามารถพบได้ ตามป่าเต็งรัง ป่าผสมผลัดใบ และป่าดิบแล้ง การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : เนื้อไม้ ใช้ทำ� ฟืน ท�ำโครงสร้างส่วนต่างๆ ของบ้าน เช่น ฝาบ้าน เปลือกด้านในใช้เป็นสียอ้ มผ้า ใบอ่อนรับประทาน เป็นผักสดได้ ผลดิบและผลสุก สามารถน�ำมา รับประทานได้

เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

33


คํอมีาเหง้อธิ ไม้หลั​ัว ก หรืษณ์ า บายสัญลักษณ์ เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ คํ าอธิบายสัไม้ญ เลื้อย แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล (scandent)

(grafting)

(bulb, rhizome)

(tissue culture)

(climber)

ลักษณะวิสยั ลักษณะวิคุสณยั ค่าไม้ในการอนุ หัว หรือมีเหง้ารักษ์

ขยายพันธุ์

rhizome) (bulb, ๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน คํ าอธิบายสัญความสู ญลังกษณ์ ง คําอธิบายสัความสู ลักษณ์

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพั นธุ์ยาก (height)

คุ(height) ณค่าในการอนุ รักษ์

มะหาด

ลักษณะวิสยั

(sucker, stolon)

ขยายพันธุ์

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture) เพาะเม เพาะเมล็ด เป็นพรรณไม้หายาก (seed) (seed)

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี ปักชํากิ่งหรือเถา ปักชําก ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี ลัพรรณไม้ กนshape) ษณะวิ สใกล้ ยั นสธุูญ์ย(tree, ขยายพั นธุ์ มีค่า(cutting เป็หนายาก พรรณไม้ ขยายพั นธุ์ shape)(cutting) เป็นพรรณไม้ พรรณไม้ พันธุ์ umbrella เป็นเป็ ที่ขยายพั าก (tree, umbrella

ความสูง ไม้ต้นทรงพุ่มเพาะเมล็ เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง ด ่ง ไม้ต้นทรงพุ่มกลม กลม ตอนกิ 15-25 m เป็มนีคพรรณไม้ ชนมีคว นพรรณไม้ ่น round(seed) เป็นพรรณไม้ ่า(seed) ที่ชุม(air เป็นเป็shape) พรรณไม้ ใกล้ สเฉพาะถิ ูญพันธุ์ (tree, (tree, round (height) shape) (air layering) lay อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโย โน้มอกิเถา ่ง ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมีไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา ไม้ต้นแผ่เป็ไม้ ปักชํากิํา ่งหรื นรัตศ้นมีทรงกรวยคว่ ปักชํากิ่งหรือโน้ เถามกิ่ง เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็ น พรรณไม้ เ ฉพาะถิ น ่ (tree, conical shape) (layering) (tree, umbrella shape) (cutting) (tree, conical shape) (layerin (tree, umbrella shape) อนุรักษ์เพื่อการใช้(cutting) ประโยชน์ ติ ด ตา ไม้ต้นทรงพุ่มกลมไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ตอนกิ ง ่ ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ตอนกิ่ง ติดตา (tree, spike shape) ไม้ต้นทรงพุ่มกลม (air layering) (budding) (tree, round shape) ความสูง (height)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Artocarpus lacucha Roxb. ex Buch.-Ham. ชื่อวงศ์ : MORACEAE (tree, spike shape) (tree, round shape) ชื่ออื่น : หาด (ทั่วไป) มะหาดใบใหญ่ (ตรัง) ม่วงกวาง ไม้พุ่ม (ยะลา)

(buddin

(air layering)

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (shrub) (tree, conical shape)

โน้มกิ่ง เสียบยอด ไม้พุ่ม ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (layering)(shoot grafting)

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันเป็ธุ์นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ

เสียบย

โน้มกิ่ง (shoot (layering)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (tree, conical shape) ไม้พุ่มรอเลื้อย ทาบกิ่ง ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ไม้พุ่มรอเลื้อติยดตา (grafting) ่ง (scandent) ต้น : ไม้ยนื ต้นขนาดใหญ่ สูง 15 -25 เมตร ไม่ผลัด(tree, ใบ spikeดอก : ดอกเป็นช่ไม้อต้นกลมแน่ นสี(budding) เหลืองหม่นถึง ติดตา ทาบกิ ทรงพุ(scandent) ่มกรวยแหลม shape) (graftin ไม้เลื้อย แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล (budding) spikeกshape) เรือนยอดเป็นพุม่ กลมทึบ เปลือกต้นสีนำ�้ ตาลปนด� อ่อนแบบช่อ(tree, กระจุ ดอกแยกเพศร่ วมต้น ไม้พำุ่ม ชมพู(climber) ไม้เลื้อย เสียบยอด(sucker, stolon) แยกหน (shoot grafting) ไม้พออกเป็ ุ่ม (climber) เสียบยอด (sucker ต้นแก่ผวิ จะหยาบและแตกเป็นสะเก็ดเล็กๆ ยอดอ่(shrub) อน ช่อดอกตั ว ผู ้ ก ลม น ช่ อ เดี ่ ย วที ่ ซ อกใบ ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (shrub) ไม้หัว หรือมีทาบกิ ไม้ พ ่ ุ ม รอเลื ้ อ ย ง ่ เ หง้ า (bulb, rhizome) มีขนสีนำ�้ ตาลออกแดงหนาแน่น มีน�้ำยางสีขาว ช่อดอกตัวเมียรูปไข่ หรือรูปขอบขนาน สีเ(tissue หลือculture) งอ่อน (shoot grafting)เพาะเล (scandent) (grafting) ไม้พุ่มรอเลื(bulb, ้อย rhizome) ทาบกิ่ง (tissue ค่าในการอนุรักษ์บช่วงบน ใบ : ใบเดีย่ วเรียงแบบสลับระนาบเดียว รูปไข่หไม้รืเอลื้อยคุณออกตามกลี ปลายกลี บ ดอกหยั ก (grafting) คุ(scandent) ณค่าในการอนุรแยกหน่ ักษ์ อ หัว ลํา หรือไหล รูปขอบขนาน กว้างประมาณ 15 -20 เซนติเมตร ผลสดมี เ นื อ ้ เป็ น ผลรวมรู ป ร่ า งบิ ด เบี ย ้ ว (climber) ผล เป็:นพรรณไม้ (sucker, stolon) เป็ น พรรณไม้ ห ายาก ที่ขยายพันธุ์ยาก ไม้เลื้อย แยกหน่อ หัว ลํา หร เป็นพร ยาวประมาณ 25 -30 เซนติเมตร ปลายใบมน ่ ตะป�ำ่ เส้นผ่า(climber) นศูนย์กเป็ลาง 2.5 -8้ยงเนื เซนติ ไม้หัว หรือตะปุ มีเหง้าม เพาะเลี เยื่อเมตร นพรรณไม้ ที่ขยายพั นธุ์ย้อาก (sucker, stolon) (bulb, rhizome) เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ (tissue culture) เป็นพรรณไม้มีค่า ฐานใบมน ขอบใบเรียบหรือมีซจี่ กั เล็กน้อย ใบแก่ สีเหลืองอ่อน หรือไม้ส้หมัว หรืผลแก่ ้ ตาล เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ อมีเหง้า สเี หลืองปนน�ำ เป็นพร เป็ น พรรณไม้ ใ กล้ ส ญ ู พั น ธุ ์ คุณ ค่าในการอนุผิรวักนอกมี ษ์ ขนนุม culture) สีเขียวเข้ม เหนียวคล้ายหนัง ด้านบนมี ขนหยาบ ่ คล้(bulb, ายก�rhizome) ำมะหยี่ เนือ้ ในสีเป็เหลื องเข้ที่ชมุมชนมีความต้(tissue นพรรณไม้ องการ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เล็กน้อย ด้านล่างสีเขียวอมเทา มีขนหยาบสี ถึงที่ขสียายพั ชมพู เมล็ รูปขอบขนาน อเกื นพรรณไม้ ายาก คุณค่ดาในการอนุ ษ์ เป็เหรื เป็นพร เป็นพรรณไม้ นธุ์ยาก เป็รนักพรรณไม้ ฉพาะถิ ่น อหบกลม อนุรักษ เหลืองเล็กน้อย มีหูใบเล็กบาง รูปหอกซึง่ หลุด สี น�้ ำ ตาลเทา จ�ำนวนมาก เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันเป็ ธุ์ยนากพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้ ใกล้สูญพันธุ์ ร่วงเร็วและมีขนปกคลุมหนาแน่น (shrub)

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

34

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชน อนุรักษ์เพื่อการใช้ปร


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านห้วยเจริญ จังหวัดอุตรดิตถ์ นิเวศวิทยา : มักพบขึ้นทั่วไปในที่กึ่งโล่งแจ้ง ตามป่าดงดิบ ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าคืนสภาพ ป่าหินปูน ทีค่ วามสูงจากระดับน�ำ้ ทะเลประมาณ 100-1,800 เมตร ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ภาคตะวั น ตกเฉี ย งใต้ และทางภาคใต้ ข อง ประเทศไทย การขยายพันธุ์ :โดยการเพาะเมล็ดหรือวิธี การตอนกิ่ง การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ด้านสมุนไพรน�ำแก่นไม้ มะหาดมาสั บ แล้ ว น� ำ ไปต้ ม เคี่ ย วกั บ น�้ ำ ผ่านกรรมวิธี จะได้“ผงปวกหาด” มีรสร้อนเมา น�ำมาชงกับน�ำ้ เย็นรับประทาน เป็นยาขับพยาธิ ตัวตืดและพยาธิไส้เดือน หรือใช้ละลายน�้ ำ ทาแก้ผนื่ คัน แก่น รสร้อน แก้ลม แก้ทอ้ งอืดเฟ้อ แก้กษัย เปลือกต้นแห้ง รสฝาด ใช้เคีย้ วกับหมาก

แทนสี เ สี ย ด เปลื อ กต้ น สดเป็ น ยาขั บ พยาธิ ต้มกินแก้ไข้ ผลสุก รับประทานได้ รสหวานอมเปรีย้ ว เนื้ อ ไม้ แ ข็ ง มี ค วามเหนี ย วและทนทานมาก สามารถเลื่อยกบไสตบแต่งได้ง่าย ปลวกและ มอดไม่ชอบท�ำลาย นิยมใช้ทำ� เครือ่ งดนตรี เช่น โปงลาง เสา สร้างบ้าน ท�ำสะพาน ท�ำหมอน รองรางรถไฟ ด้ามเครื่องมือทางการเกษตร เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เนื่องจากเป็นพรรณไม้มีค่า และเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

35


(shrub)

(climber) (shoot grafting) (scandent)

ไม้พุ่มรอเลื้อย (scandent)

ไม้หัว หรือมีทาบกิ เหง้า ่ง ไม้เลื้อย (bulb, rhizome) (grafting)(climber)

ไม้เลื้อย

คําอธิบายสัญลักษณ์

ลําอหรื อไหล มีเหง้ า คุณค่าในการอนุรแยกหน่ ักษ์ อไม้หัหวั หรื

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมคํชนาอธิบายสัญลักษณ์ (climber) คํ าอธิบายสัญลักษณ์

ลักษณะวิสยั

โมกราชินี

ลักษณะวิสยั ความสูง (height)

ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

ขยายพันธุ์

ความสูง ลักษณะวิขยายพั สยั นธุ์ (height) คุณค่าในการอนุรักษ์

(sucker,(bulb, stolon)rhizome)

เป็นพรรณไม้เพาะเลี ที่ขยายพั นธุ้อ์ยเยื าก่อ ้ยงเนื คุณค่าในการอนุ รักษ์ (tissue culture) เพาะเมล็ด

ธุ์ นทธุี่ข์ ยายพันธุ์ยาก (seed) เป็นพรรณไม้ใกล้สูญขยายพั เป็พันนพรรณไม้

ความสูง เพาะเมล็ปัดกชํากิ่งหรือเถา เพาะเมล็ด ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี 4-6 mที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้หายากใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้ (tree, umbrella shape) (height) (seed) (cutting)เป็นพรรณไม้เฉพาะถิเป็่นนพรรณไม้(seed)

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมีไม้ต้นทรงพุ่มกลม

หรือเถา ่ง ไม้ต้นแผ่เป็นรัปัศกมีชํากิ่งตอนกิ

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Wrightia sirikitiae D.J. Middleton (tree, umbrella shape) (cutting) (tree, round shape) & Santisuk (tree, umbrella shape)(air layering) ไม้ต้นทรงพุ่มกลมไม้ต้นทรงกรวยคว่เป็ํานพรรณไม้เฉพาะถิ ชื่อวงศ์ : APOCYNACEAE ไม้ต่น้นทรงพุ่มตอนกิ กลม ่ง โน้มกิ่ง (tree, round shape) (air layering) (tree, conical shape) (tree, round shape) (layering) ชื่ออื่น : -

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ไม้ําต้นทรงพุ่มกรวยแหลม (tree, conical shape) (tree, spike shape)

ชํากิ่งหรื อเถา เป็นพรรณไม้ มีค่า ปัเกฉพาะถิ เป็นพรรณไม้ ่น (cutting)

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ ตอนกิ่ง อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

โน้มกิ่ง

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา ติดตา (layering)(budding) (tree, conical shape)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ้นทรงพุ่มกรวยแหลม ดเป็ ตา นเสีมัยด ไม้ พุ่ม บยอด ต้น : ไม้ยนื ต้นผลัดใบ สูงประมาณ 4- ไม้6ตเมตร ปลายมน เกสรตัวผูไม้​้ ต5้นทรงพุ อัน่มติกรวยแหลม ยอดแหลม (tree, spike shape) (budding)(shoot grafting) (shrub) เรือนยอดแผ่ไม่เป็นระเบียบ ล�ำต้นสีขาวเทา อยูก่ ลางดอก เกสรตั(tree, วผู้spike ทีเ่ ป็shape) นหมันมีจำ� นวนมาก ไม้พุ่ม เสียบยอดทาบกิ่ง ไม้พุ่มรอเลื้อย ไม้พุ่ม มีปุ่มกระจายทั่วล�ำต้น แตกเป็นวงรัศมีรอบฐานดอก (shrub) (shoot grafting) (scandent) (grafting) (shrub) ใบ : ใบเดีย่ ว เรียงตรงข้ามเป็นคู่ รูปรีหรืไม้อพรูุ่มรอเลื ปไข่้อย ไม้ผล างตอนปลาย ทาบกิ่ง แยกหน่ เลื้อย: เป็นฝักคู่ กางออกรูปกระสวยกว้ อ หัว ลํา หรือไหล ไม้ พ ่ ุ ม รอเลื ้ อ ย (scandent) (grafting) (climber) (sucker, มีขน กว้าง 1.7 – 3.9 เซนติเมตร ยาว 2.6 – 8.3 และโค้งเล็กน้อย กว้าง 1 – 1.5 เซนติเstolon) มตร ยาว (scandent) ไม้ เ ลื ้ อ ย แยกหน่ อ หั ว ลํ า อมีเหง้เซนติ า ้ยงเนืหรื้ออเยืไหล เซนติเมตร ปลายใบเป็นติง่ แหลม โคนใบรูปลิม่ ไม้8หัว–หรื15 เมตร มีช่องอากาศเพาะเลีผลแห้ ง่อ แตก (climber) stolon)culture) ไม้เลื้อย (sucker, (tissue (bulb, rhizome) มนหรือเว้า ออกเมล็ดคล้ายเมล็ ดข้าว มีขนเป็นกระจุก (climber) ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ คุณมีค่าในการอนุ รักษ์ ดอก : สีขาว ออกเป็นช่อจากปลายยอด ยาวประมาณ 3 เซนติ เ มตร (bulb, rhizome) ไม้หัว หรือมีเ(tissue หง้า culture) (bulb, rhizome) เขาหิ 2-8 ดอก ขนาดบานเต็ ม ที่ กคุณว้ าค่างในการอนุ 4-5.5รักษ์เป็นินเพรรณไม้ วศวิทที่ขยายพั ยานธุ:์ยากชอบขึ ้นตามภู นปูนหายาก ท้องที่ เป็นพรรณไม้ เซนติเมตร กลีบดอก 5 กลีบ รูปขอบขนาน จังหวัดสระบุคุรณี ลพบุ รีหายาก ค่าในการอนุ รักษ์ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพั นธุ์ยากใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ใกล้เป็สนูญพรรณไม้ พันธุ์ เฉพาะถิ่น เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

36

(air layering)

โน้มกิ่ง (layering) ติดตา (budding) เสียบยอด (shoot grafting) ทาบกิ่ง (grafting) แยกหน่อ หัว ลํา (sucker, stolon)

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

เป็นพรรณไม้ หายากมีค่า เป็นพรรณไม้

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้ มีค่า ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็นพรรณไม้

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพรรณไม้หาย

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ชุม อนุรักษ์เพื่อการใ

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านซับขาม จังหวัดสระบุรี การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด หรือการ ปักช�ำ การน�ำไปใช้ประโยชน์ : เนือ่ งจากเป็นพันธุไ์ ม้ ที่มีชื่อเป็นมงคลโดยได้รับพระราชานุญาตให้ ใช้ชื่อตามพระนามของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และดอกสวย กลิ่นหอม จึงเหมาะส�ำหรับปลูกประดับบริเวณบ้าน

เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เนือ่ งจากเป็นพรรณไม้เฉพาะถิน่ เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ใกล้สญ ู พันธุ์ ค้นพบโดยคนไทย คือ ศาสตราจารย์ ดร.ธวัชชัย สันติสุข

37


stolon) คําอธิบายสัญลัก(grafting) ษณ์(sucker, เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

(climber) (scandent) ไม้เลื้อยไม้หัว หรือมีเหง้า (climber)(bulb, rhizome)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ลักษณะวิสยั

คุณไม้ค่หาัวในการอนุ หรือมีเหง้า รักษ์

คํ าอธิบายสัความสู ญลังกษณ์ คํ าอธิบายสัญ(bulb,ลักrhizome) ษณ์ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก(height)

ยางนา

แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล (tissue culture) (sucker, stolon)

คุณค่าในการอนุรัก ษ์

ลักษณะวิสยั ความสูง (height)

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี

ขยายพั นธุ์ เป็นพรรณไม้ ลักษณะวิูญสพัยันธุ์ (tree, ขยายพั เป็นหพรรณไม้ มีค่า นธุ์ เป็นพรรณไม้ ายาก เป็นพรรณไม้ ที่ขยายพัในกล้ธุ์ยสาก umbrella shape)

ความสูง ไม้ต้นทรงพุ่มเพาะเมล็ เพาะเมล กลม ด เป็นมพรรณไม้ ที่ชุมชนมีควา เป็นพรรณไม้ ีค่า (seed) (tree, round(seed) shape)

m เป็นพรรณไม้ ่น เป็นพรรณไม้ ใกล้40-50 สูญเพัฉพาะถิ นธุ์ (height)

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น (tree, umbrella shape)

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน

ปักชํากิํา ่งหรือเถา ไม้ต้นแผ่เป็ไม้นรัตศ้นมีทรงกรวยคว่ ชํากิ่ง เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้ปัอกงการ (cutting) (tree, conical shape) (tree, umbrella shape) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ (cutting

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dipterocarpus alatus Roxb. ex G. Don ้นทรงพุ่มตอนกิ กรวยแหลม ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ่ง ชื่อวงศ์ : DIPTEROCARPACEAE ไม้ต้นทรงพุไม้่มตกลม (tree, spike (air shape) (tree, round shape) layering) ชื่ออื่น : ยางควาย (หนองคาย) ยางเนิน (จันทบุรี) ราลอย (ส่วยสุรนิ (tree, ทร์round ) shape)

ไม้พุ่ม โน้มกิ่ง ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (shrub) (layering) (tree, conical shape) ไม้พุ่มรอเลื้อติยดตา ไม้ ต ้ น ทรงพุ ่ ม กรวยแหลม 6-14 เซนติเมตร และยาวประมาณ 12.5-25 ไม้ต้นทรงพุ(scandent) ่มกรวยแหลม (tree, spike shape) (budding) (tree, spikeยshape) เซนติเมตร เนือ้ ใบหนาและเหนี ว ย่ น เป็ นลอน ไม้เลื้อย ไม้พุ่ม เสียบยอด แผ่ นใบมีขนขึ้นปกคลุม ด้ไม้าพุ่มนท้อ(climber) งใบมีข(shoot นสั้นgrafting) ๆ (shrub) (shrub) ไม้หัว หรือมีเหง้า รูไม้ปพดาว ง มี่ง ขน ุ่มรอเลื้อยใบแก่ เ กลี้ ย งหรื อ เกื อ บเกลี้ ย ทาบกิ (bulb, rhizome) ไม้ พ ่ ุ ม รอเลื ้ อ ย (scandent) (grafting) ประปราย (scandent) คุณค่าในการอนุรแยกหน่ ักษ์ อ หัว ลํา หรือไหล ไม้เลื้อย : ดอกออกเป็นช่อสัน ดอก ้ ๆ ไม่แตกแขนงตาม ไม้เลื้อย stolon) ง่(climber) ามใบตอนปลายกิ่ง แต่(climber) ละช่อเป็มีนพรรณไม้ 3 -(sucker, ดอก ท8 ี่ขยายพั นธุ์ยาก ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ สี(bulb, ขาวอมชมพู ออกดอก ระหว่ มีนาคม ไม้หัว หรือามีงเดื เหง้า อน(tissue rhizome) culture) เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ (bulb, rhizome) - พฤษภาคม

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้ต้นขนาดใหญ่ สูงถึง 40 - 50 เมตร ล�ำต้นเปลาตรง เปลือกหนาเรียบ สีเทาหรือเทา ปนขาว โคนต้ น มั ก เป็ น พู สู ง ขึ้ น มาเล็ ก น้ อ ย ขนาดเส้นรอบวงเพียงอกของต้นที่มีอายุมาก ระหว่าง 4 - 7 เมตร หรือมากกว่า ยอดและ กิง่ อ่อนมีขนทัว่ ไป และมีรอยแผลใบปรากฏชัด ตามกิ่ง เรือนยอดเป็นพุ่มกลมแน่นทึบ ใบ : ใบเป็นใบเดีย่ ว ออกเรียงเวียนสลับ ใบเป็น รูปไข่แกมรูปขอบขนาน ปลายใบสอบทู่ โคนใบกว้าง คุณค่าในการอนุรักษ์ ขอบใบเป็นคลื่นเล็กน้อย ใบกว้างประมาณ

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

โน้มกิ่ง (layerin

ติดตา (buddin

เสียบยอ (shoot g

ทาบกิ่ง (grafting

แยกหน (sucker,

เพาะเลี้ย (tissue c

เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

ตอนกิ่ง (air laye

คุณค่าในการอนุเป็รนักพรรณไม้ ษ์ เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

38

ขยาย

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture) เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรร

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรร เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เป็นพรร เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น อนุรักษ


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านห้วยใหญ่ จังหวัดชุมพร ผล : ผล เป็นแบบผลแห้ง ตัวผลกลมหรือรูปไข่ ยาว 2.5 - 3.5 เซนติเมตร มีครีบยาว 5 ครีบ ด้านบนมีปกี 2 ปีก ปลายมน มีเส้นตามยาว 3 เส้น ปีกอีก 3 ปีก มีลักษณะสั้นมากคล้ายหูหนู ผลแก่ ระหว่างเดือน พฤษภาคม – มิถุนายน นิเวศวิทยา : มักขึ้นในป่าดิบ ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าดิบชืน้ ตามทีต่ ำ�่ ชุ่มชืน้ ใกล้แม่น�้ำ ล�ำธารทั่วไป และตามหุบเขาทั่วทุกภาคของ ประเทศ ทีค่ วามสูงจากระดับน�ำ้ ทะเลประมาณ 50-400 เมตร การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ต้นยางนามีสรรพคุณ ทางด้านสมุนไพร คือ มีนำ�้ มันยาง ท�ำน�ำ้ มันใส่แผล แก้โรคเรื้อน น�้ำต้มเปลือกกินแก้ตับอั ก เสบ บ� ำ รุ ง ร่ า งกาย ฟอกเลื อ ด และใช้ ท าถูนวด (ขณะร้อน) แก้ปวดตามข้อ น�้ำมันยางเมือ่ ใช้

ผสมกับผงชัน ใช้ยาเรือ หรือเครือ่ งจักสานที่ท�ำ ด้วยไม้ไผ่ ให้กลายเป็นภาชนะทีก่ กั เก็บหรือตักน�ำ้ ได้ เ ป็ น อย่ า งดี อนึ่ ง กากน�้ ำ มั น ซึ่งเป็น ตะกอนเหนี ย วนั้ น น� ำ มาคลุ ก กั บ ไม้ ผุ หรื อ เปลือกไม้ท�ำเป็นไต้ ใช้เป็นคบเพลิงเดินทางใน เวลาค�่ำคืน หรือใช้ก่อไฟในที่ยังต้องใช้ฟืนและ ถ่านอยู่ ไม้ยางนิยมน�ำมาใช้ในการก่อสร้าง ท�ำไม้แปรรูป ใช้ท�ำฝาบ้านเรือน เครื่องเรือน เรือขุดและเรือขนาดย่อม แจว พาย กรรเชียง ใช้ท�ำไม้อัด เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เนื่องจากเป็นพรรณไม้มีค่า และเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

39


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

(climber)

(sucker, stolon)

ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

คุณค่าในการอนุรักษ์

คํ าอธิบายสัญลักเป็ษณ์ คําอธิบายสัญ ลั ก ษณ์ นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

ลาน

ลักษณะวิสยั ความสูง (height)

สยั นธุ์ เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ ลักษณะวิขยายพั เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี (tree, umbrella shape)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Corypha umbraculifera L. ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ชื่อวงศ์ : ARECACEAE (tree, round shape) ชื่ออื่น : ลางหมึ่งเทิง (ภาคเหนือ) ลานวัด (ภาคกลาง) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้ยนื ต้นขนาดกลาง มีลำ� ต้นตรงและแข็ง เป็นไม้ต้นเดี่ยวไม่แตกหน่อหรือกอ ล�ำต้นจะมี ความสูงถึง 25 เมตร ส่วนเนื้อไม้เป็นเส้นใย ไม่มีกิ่ง ล�ำต้นมีกาบใบติดคงทนเรียงเวียนอยู่ โดยรอบ ล� ำ ต้ น มี ข นาดเส้ น ผ่ า นศู น ย์ ก ลาง ประมาณ 80 เซนติเมตร ต้นลานเมื่อแก่แล้ว หรื อ มี อ ายุ ร าว 20-80 ปี ในช่ ว งเดื อ น พฤษภาคมถึงเดือนมิถนุ ายน ต้นลานจะออกดอก และผล ซึ่งนั่นหมายถึงชีวิตช่วงสุดท้ายของ ต้นลาน

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

25 m

เป็นพรรณไม้มีค่า

ความสูง เพาะเมล็ด (height) (seed) เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีควา

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน

ไม้ต้นแผ่เป็นรัปัศกมีชํากิ่งหรือเถา (cutting) (tree, umbrella shape) ไม้ต้นทรงพุ่มตอนกิ กลม ่ง (air layering) (tree, round shape) โน้มกิ่ง

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (layering) (tree, conical shape)

ต้นทรงพุ ่มกรวยแหลม ลักษณะคล้ายรูปฝ่าติมืดอ ตา ใบ : ไม้ใบมี ขนาดใหญ่ ไม้ต้นทรงพุ่ม(budding) กรวยแหลม (tree, spike shape) (tree,ใบสี spikeเขีshape) หรือรูปพัด ค่อนข้างกลมคล้ายกับใบตาล ยว ไม้พุ่ม เสียบยอด อมเทา(shrub) แผ่นใบมีขนาดประมาณ 2.5 -3ไม้พxุ่ม 2.5(shoot -3 grafting) (shrub) เมตร ไม้ส่พุ่มวรอเลื นก้​้อยา นใบออกสี เ ขี ย วอ้ ว นสั้ น ยาว ทาบกิ่ง ไม้ พ ่ ุ ม รอเลื ้ อ ย (scandent) (grafting) ประมาณ 2.5 -3 เมตร และขอบก้านใบมี (scandent) ไม้เลื้อยน เป็ น ฟั น คมสี ด� ำ ยาวประมาณแยกหน่ หนามแน่ 1 อ หัว ลํา หรือไหล (climber) ไม้เลื้อย (sucker, stolon) เซนติเมตร และมีเส้นโค้งกลางใบยาวประมาณ (climber) เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ไม้หัว หรือมีเหง้า 1 เมตร(bulb,แผ่rhizome) นใบหยักเป็นคลื่น มีร่อไม้งแฉกแยก หัว หรือมีเ(tissue หง้า culture) (bulb, rhizome) 110 แฉก คุแผ่ ณค่นาใบ ในการอนุ รักษ์ แต่ละแฉกมีขนาดประมาณ 75 -150 X 4.6 -5 เซนติเมตรคุณ(เป็ พันธุไ์ ม้รทักษ์ี่มี ค่านในการอนุ เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ใบใหญ่ที่สุดในโลก) เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้อง อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

40


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านห้วยลาน (เขาล้านลื้อ) จังหวัดเพชรบูรณ์ ดอก : ออกดอกเป็นช่อใหญ่คล้ายรูปพีระมิด ตรงส่วนยอดของล�ำต้น มีความยาวประมาณ 6 เมตร ก้านชูชอ่ ดอกสัน้ หรือไม่มี ส่วนแกนช่อดอก ยาวประมาณ 6 เมตร ในช่อดอกหนึง่ จะมีดอกลาน อยู่เป็นจ�ำนวนมากเป็นล้าน ๆ ดอก โดยดอก จะมีสีเหลืองอ่อนและมีกลิ่นหอม ผล : ผลมีลกั ษณะกลมรี สีเขียว มีขนาดเส้นผ่าน ศูนย์กลางประมาณ 3.5 -4.5 เซนติเมตร หนึง่ ผล มีหนึ่งเมล็ด เมล็ดมีลักษณะกลมสีด�ำ นิเวศวิทยา :ส�ำหรับในประเทศไทยจะไม่พบ ตามธรรมชาติ แต่มักมีการน�ำมาเพาะปลูก การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ด้านสมุนไพร น�ำราก ของต้นลานมาฝน รับประทานช่วยรักษาไข้หวัด แก้รอ้ นใน และช่วยขับเหงือ่ ลูกลาน ใช้รบั ประทาน เป็นยารักษาโรคกระเพาะ ช่วยฆ่าเชื้อในล�ำไส้

และช่วยระบาย เปลือกของผลสามารถรับประทาน เป็นยาระบายได้ดี ใบลานน�ำมาเผาไฟสามารถ ใช้เป็นยาเพื่อช่วยดับพิษอักเสบ แก้อาการ ฟกช�ำ้ บวมต่างๆ ได้ ด้านการใช้ประโยชน์ ใบลาน สามารถน�ำมาท�ำเครือ่ งมือเครือ่ งใช้ได้หลายอย่าง สมัยโบราณใช้ในการบันทึกข้อมูลและเรือ่ งราว ต่ า งๆ นิ ย มใช้ เ ป็ น ที่ เ ขี ย นจารึ ก ตั ว อั ก ษรใน หนังสือพระธรรมค�ำสอนของพระพุทธศาสนา โดยเราจะเรียกหนังสือจากใบลานนีว้ า่ “คัมภีร์ ใบลาน” ส่วนใบแก่ก็น�ำมาใช้มุงหลังคา น�ำมา จักสานเป็นเครื่องใช้ต่างๆได้ เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

41


ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

คุณค่าในการอนุรักษ์

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

คําอธิบายสัญลักเป็ษณ์ คําอธิบายสัเป็ญนพรรณไม้ ลักษณ์ นพรรณไม้หายาก ที่ขยายพันธุ์ยาก

ล�ำบิดดง

ลักษณะวิสยั

สยั นธุ์ เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ ลักษณะวิขยายพั

ความสูง (height) เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี (tree, umbrella shape)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Diospyros filipendula Pierre ex Lecomte ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ชื่อวงศ์ : EBENACEAE (tree, round shape) ชื่ออื่น : จังนัง (สุรนิ ทร์) ด�ำบิดดง (ระนอง) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้ยืนต้น ไม่ผลัดใบ สูงได้ถึง 12 เมตร เปลือกสีเทาปนน�ำ้ ตาล ใบ : ใบเดีย่ ว เรียงสลับ รูปไข่ รูปวงรีถงึ รูปขอบขนาน กว้าง 2-3.5 เซนติเมตร ยาว 4-6 เซนติเมตร ปลายใบแหลมหรือมน โคนใบแหลม มน หรือ รู ป หั ว ใจ แผ่ น ใบบางมี ข นสั้ น หนานุ ่ ม มี ข น ตลอดเส้ น กลางใบ ก้ า นใบยาว 0.1-0.3 เซนติเมตร ดอก : ดอกแยกเพศ อยู่คนละต้น กลีบดอก และกลีบเลี้ยงอย่างละ 4 กลีบ ดอกตัวผู้ออก เป็ น กระจุ ก ที่ ซ อกใบ ดอกย่ อ ย 2-3 ดอก

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

12 m

ความสูง (height)

เป็นพรรณไม้มีค่า

เพาะเมล็ด (seed) เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีควา

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยช

ไม้ต้นแผ่เป็นรัปัศกมีชํากิ่งหรือเถา (cutting) (tree, umbrella shape) ตอนกิ่ง

ไม้ต้นทรงพุ่มกลม (air layering) (tree, round shape) โน้มกิ่ง

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ํา (layering) (tree, conical shape)

ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ติดตา ก้านดอกยาว 1-2 เซนติเมตร กลีบเลีไม้ย้ ตงรู ประฆั ง ้นทรงพุ ่ม(budding) กรวยแหลม (tree, spike shape) spike shape) ยาว 0.2-0.4 เซนติเมตร กลีบแฉกลึ(tree, กประมาณ ไม้พุ่ม เสียบยอด (shrub) (shoot grafting) ไม้พุ่ม านนอก กึ่งหนึ่งของความยาวกลีบ มีขนสากด้ ุ่มรอเลื ย ทาบกิ่ง ติดทนไม้พกลี บ้อดอกสี ขาว รูปดอกเข็ม(shrub) ยาว 1.2(scandent) ไม้พุ่มรอเลื้อย(grafting) 1.6 เซนติ เ มตร กลี บ แยกประมาณกึ ง่ หนึง่ มีขน ไม้เลื้อย (scandent) แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล ด้านนอก เกสรเพศผู้ 12-16 อัน เกลีย้ ง ดอกตัว(sucker, เมีย stolon) (climber) ไม้เลื้อย เป็นดอกเดี ่ อมีวเหง้ลัากษณะคล้ายดอกตัว(climber) ผูแ้ ต่ขนาด ไม้หัว หรืย เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture) ใหญ่ก(bulb, ว่า rhizome) ก้านดอกยาว 2-4 เซนติไม้เมตร งไข่ หัว หรือมีรัเหง้ า คุณ ค่ า ในการอนุ ร ก ั ษ์ มีขนยาวที่โคน มี 4 ช่อง แต่ละช่(bulb, องมีrhizome) ออวุล 1 เม็ดเป็นก้พรรณไม้ านเกสรเพศเมี ้ คุงณไม่ มเี กสรเพศผู ้ หายาก ค่าในการอนุ รเป็ักนษ์พรรณไม้ ที่ขยายพันธุ์ยากยเกลีย ที่เป็นหมัน เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้เป็ ที่ขนยายพั นธุ์ยาก พรรณไม้ มีค่า

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้เป็ ใกล้นสพรรณไม้ ูญพันธุ์ ที่ชุมชนมีความต้องก อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

42


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านป่าใต้ (ดอนทราย) จังหวัดจันทบุรี ผล : ผลสดแบบมีเนือ้ รูปทรงกลม ยาว 2-2.5 เซนติ เ มตร กลี บ เลี้ ย งแยกเกื อ บจรดโคน มีขนด้านนอก ก้านผลยาว 2-4 เซนติเมตร ผลอ่ อ นมี ข นนุ ่ ม ผลแก่ เ กลี้ ย งมี น วลสี ข าว รับประทานได้ มีหลายเมล็ด นิเวศวิทยา : พบตามป่าดิบแล้งและป่าดิบชืน้ ที่ระดับความสูง 50-400 เมตร การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ยาพื้นบ้านอีสานใช้ ราก แช่น�้ำดื่ม และอาบแก้ซางเด็ก (โรคของ เด็กเล็ก มีอาการส�ำคัญคือ เบื่ออาหาร ซึม มีเม็ดขึน้ ในปาก และคอ ลิน้ เป็นฝ้า) หรือเข้ายา

แก้ประดง ผล รับประทานได้ ใบอ่อนรับประทาน เป็ น ผั ก สด มี ร สฝาดหวานต� ำ รายาจั ง หวั ด อ�ำนาจเจริญ ใช้เป็นยาสมุนไพรแก้ปวดท้อง แก้บิด ราก น�ำมาต้มรวมกับยาอื่น ดื่มแก้ไ ข้ ใช้เป็นยาเย็น น�ำมาแช่น�้ำอาบ และดื่มในสตรี หลังคลอดที่อยู่ไฟไม่ได้ เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

43


(shrub) (scandent) ไม้พุ่มรอเลืไม้ ้อยเลื้อย (scandent)(climber)

(climber) (shoot grafting) (grafting)

ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

ในการอนุ รักษ์ ไม้เลื้อย ไม้หคุัวณ หรืค่ อมีาเหง้ า (climber) (bulb, rhizome)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมคํ ชนาอธิบายสัญลักษณ์

สมอดีงู

แยกหน่ หัค่วาลํในการอนุ า้ยหรื คุอณเพาะเลี งเนือ้อไหล เยื่อ รักษ์

(sucker, stolon) (tissue culture) คํเป็นาพรรณไม้ อธิบที่ขายสั ญ ลั ก ษณ์ ยายพันธุ์ยาก

อมีเหง้า รักษ์ คุไม้ณหัวค่หรื าในการอนุ

(bulb, rhizome)

ลันกพรรณไม้ ษณะวิ สยั สูญพันนธุธุ์ ์ ลักษณะวิสคุยั ณค่าในการอนุเป็รนักพรรณไม้ ใกล้ นธุ์ยากขยายพั ษ์ ที่ขเป็ยายพั ความสูง (height)

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

มีเอหง้ไหล า ทาบกิ่ง แยกหน่ไม้ อ หหัวัว ลํหรืาอหรื (tissue culture) (bulb, rhizome) (grafting)(sucker, stolon)

พรรณไม้ นธุ์ยหากายาก เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเป็นพรรณไม้เป็ทนี่ขยายพั (tissue culture) เป็ใกล้ นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ สูญพัน นธุธุ์ม์ ีค่า เป็นพรรณไม้ หายากขยายพั

ความสูง เพาะเมล็ด

เพาะเมล็ด

20-30 หายาก นพรรณไม้ ที่ชุมชนมีควา เป็นพรรณไม้ ี่ขยายพันใธุกล้ ์ยาก เป็นพรรณไม้ เฉพาะถิ ่น (seed) เป็ นสูญ พรรณไม้ เฉพาะถิ่น (seed) เป็นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ มีค่า เป็ เป็นทพรรณไม้ พันmธุ์ (height)

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยช

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ (tree, umbrella shape)เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Terminalia citrina (Gaertn.) Roxb.ex ไม้ต้นทรงพุ่มเป็ กลม นพรรณไม้เฉพาะถิ่น ชื่อวงศ์ : COMBRETACEAE (tree, round shape) ชื่ออื่น : สมอหมึก (พัทลุง)สมอเหลี่ยไม้มต้นทรงกรวยคว่ (ชุมพร)ํา (tree, conical shape)

อเถา ไม้ต้นแผ่เป็นปัรัศกมีชํากิ่งเป็หรืนพรรณไม้ กชํากิ่งหรือเถา มีค่า ที่ชุมชนมีความต้อปังการ เป็นพรรณไม้ (cutting) Fleming (tree, umbrella shape) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ (cutting) ตอนกิ่ง

ไม้ต้นทรงพุ่มกลม เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ ตอนกิ่ง (air layering) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ (tree, round shape) (air layering) โน้มกิ่ง

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ํา (layering) (tree, conical shape)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ติดตา ต้น : ไม้ยนื ต้นขนาดกลางถึงใหญ่ แตกกิ(tree, ง่ ก้spike าน shape) ดอก : ออกดอกเป็นไม้ช่ตอ้นทรงพุ ตามง่ ามใบและบริเวณ ่ม(budding) กรวยแหลม shape) สาขาที่เรือนยอดแผ่ออกกว้าง สูงได้ประมาณ ส่วนยอดของล�ำต้น(tree,ช่อspike ดอกยาวได้ ไม้พุ่ม เสียบยอด ประมาณ (shrub) ก 2-6 เซนติ เ มตร ไม้ (shoot grafting) 20-30 เมตร โคนต้นเป็นพูพอนขนาดเล็ ส่พวุ่ม นดอกย่ อ ยไม่ มี ก ้ า น (shrub) ทาบกิ่ง บรองดอกจะ เปลือกต้นเรียบสีน�้ำตาลแกมเทา ไม้พุ่มรอเลื้อย ลักษณะของดอกย่อยที่โคนกลี (scandent) (grafting) ไม้พุ่มรอเลื้อย ใบ : ใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ๆ ลัไม้กเษณะ เชื อ ่ มติ ด กั น เป็ น หลอด ส่ ว นปลายแยกออกเป็ น ลื้อย (scandent) แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล ของใบเป็ น รู ป มนรี ห รื อ รู ป รี แ กมขอบขนาน รูปถ้วยตืน้ ๆ กลีบเป็นรูปสามเหลี ย่ ม มี 5 กลีบ (climber) (sucker, stolon) ไม้เลื้อย หัว หรือมีเหง้าด้านนอกเกลีย เพาะเลี ปลายใบแหลม โคนใบสอบหรือมน ส่วไม้นขอบ ้ ง ส่วนด้ านในมี ขน้ยงเนื ไม่้อมเยืกี ่อ ลีบดอก (climber) (bulb, rhizome) (tissue culture) ใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2-6 เซนติเมตร ดอกมีเกสร 10 อัน ไม้หัว หรือมีเหง้า ณค่าในการอนุ และยาวประมาณ 3-14 เซนติคุเมตร แผ่นใบรักษ์ผล : ผลเป็นรูปมนรี(bulb, หรือrhizome) เป็นรูปกระสวย ผิวผล ค่อนข้างหนา ผิวใบเกลีย้ งเป็นสีเขียว ก้านใบยาว เกลีนย้ ธุง์ยากแต่จะมีคุณสนั ค่าตืในการอนุ น้ ๆ อยู่ ร5เป็ักนสัษ์พรรณไม้ น หัวหท้ายาก ายแหลม เป็นพรรณไม้ที่ขยายพั ได้ประมาณ 0.5-2.5 เซนติเมตร มีตอ่ ม 1-2 คู่ ผลสดเป็นสีเขียวหรือแดงเข้ม เมื่อสุกสีม่วง ที่ขนยายพั นธุ์ยาก เป็ พรรณไม้ มีค่า เป็นพรรณไม้ใกล้แกมเขี สูญพันธุ์ ยว เมือ ใกล้โคนใบ ่ แห้งสีดเป็ำ� นมีพรรณไม้ รสขมฝาด ขนาดเล็ กเรียว เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

44

โน้มกิ่ง (layering) ติดตา (budding)

เสียบยอด (shoot grafting) ทาบกิ่ง (grafting)

แยกหน่อ หัว ลํา (sucker, stolon)

เพาะเลี้ยงเนื้อเย (tissue culture)

เป็นพรรณไม้หา

นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้เป็ใกล้ สูญพันธุ์ ที่ชุมชนมีความต้องการ

เป็นพรรณไม้มีค

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ช อนุรักษ์เพื่อการ

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านครน จังหวัดชุมพร ผลมีขนาดกว้างประมาณ 1-2 เซนติเมตร และ ยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร ภายในผลมี เมล็ดเป็นรูปรี ผิวเมล็ดขรุขระมีอยู่ 5 สัน เช่นกัน นิ เ วศวิ ท ยา :พบขึ้ น ทั่ ว ไปในประเทศตาม ชายป่า ส่วนมากจะขึน้ อยูต่ ามชายฝัง่ ทะเลทาง ภาคใต้ของไทย การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ผลมีรสฝาด มีสรรพคุณ เป็นยาแก้โลหิตเป็นพิษ ใช้เป็นยาแก้ไข้ช่วยแก้ อาการไอ แก้เจ็บคอ เป็นยาแก้ลม ผลพบสาร ในกลุ่มแทนนินมาก เป็นยาฝาดสมาน ใช้เป็น ยารักษาโรคเกีย่ วกับช่องท้อง รักษาโรคท้องร่วง อย่างแรง ด้วยการใช้ผลดิบประมาณ 5-10 ผล

น�ำมาทุบให้พอแตกต้มกับน�้ำสะอาด 500 ซีซี ประมาณ 10 นาที แล้ ว กรองเอาแต่น้�ำดื่ม ครัง้ ละ 1 แก้ว นอกจากนีย้ งั ใช้สมอดีงูร่วมกับ สมุนไพรชนิดอื่นๆโดยเป็นต�ำรับยารักษากลุ่ม อาการทางระบบทางเดินอาหาร ซึง่ มีสรรพคุณ เป็นยาแก้อาการท้องผูก โดยมักใช้ในกรณีทใี่ ช้ ยาอื่นแล้วไม่ได้ผล เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เนื่องจากเป็นพรรณไม้มีค่า หายากเป็นพรรณไม้เฉพาะถิน่ และเป็นพรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

45


(climber)

ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

คุณค่าในการอนุรักษ์

(tissue culture)

ลักษณะวิสยั

าอธิบายสัความสู ญลังกษณ์เป็นพรรณไม้หายาก คําอธิบายสัญเป็ลันพรรณไม้ กษณ์ทคํี่ข ยายพั นธุ์ยาก (height)

ส�ำโรง

stolon) คําอธิบายสัญลั(sucker, ก ษณ์ เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

ลักษณะวิสยั ความสูง (height)

ลักสูญษณะวิ ั เป็นพรรณไม้ใกล้ พันธุ์ สย 15-30 m เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ ่น

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี (tree, umbrella shape)

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี ขยายพันธุ์ เป็นพรรณไม้มีค่า (tree, umbrella shape)

ขยาย

ความสูง ไม้ต้นทรงพุ่มเพาะเมล็ กลม ด เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต (height) (tree, round(seed) shape) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ปักชํากิํา่งหรือเถา ไม้ต้นแผ่เป็ไม้นรัตศ้นมีทรงกรวยคว่ (tree, conical shape) (tree, umbrella shape)(cutting)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Sterculia foetida L. ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ่ง ้นทรงพุ่มตอนกิ กรวยแหลม ชื่อวงศ์ : MALVACEAE ไม้ต้นทรงพุไม้่มตกลม (tree, spike(air shape) (tree, round shape) layering) ชื่ออื่น : จ�ำมะโฮง (เชียงใหม่) มะโรง มะโหรง (ปัตตานี) โหมโรง (ภาคใต้)(tree, round shape) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้ยนื ต้นขนาดใหญ่ ผลัดใบ สูงประมาณ 15-20 เมตร และอาจสู ง ได้ ถึ ง 30 เมตร ล�ำต้นเปลาตรงและสูงชะลูด เรือนยอดเป็นรูปไข่ ถึงทรงกระบอก ทรงพุ่มโปร่งไม่ทึบ กิ่งก้าน แตกแขนงในลักษณะตั้งฉากกับล�ำต้นและแผ่ กว้างออกไปรอบๆ ต้น เปลือกล�ำต้นค่อนข้างเรียบ และค่อนข้างหนาเป็นสีเทาหรือสีนำ�้ ตาลปนเทา ใบ : ใบเป็นใบประกอบแบบฝ่ามือ กางแผ่ออก จากจุดเดียวกัน ออกเรียงเวียนสลับ มีใบย่อย ประมาณ 7-8 ใบ ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปรี หรือรูปรีแกมรูปขอบขนาน ปลายใบเรียวแหลม หรือมีติ่งแหลม โคนใบแหลมหรือเป็นรูปลิ่ม

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

ไม้พุ่ม

ไม้พุ่มรอเลื้อติยดตา ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ส่วนขอบใบเรี ยบ ใบมีขนาดกว้ าทรงพุ งประมาณ ไม้ ต ้ น ่มกรวยแหลม (scandent) (tree, spike shape) (budding) (tree, spike shape) 3.5-6ไม้เซนติ เ มตร และยาวประมาณ 10-30 ไม้เลื้อย เสียบยอด พุ่ม ไม้พุ่ม (climber)3-5 เซนติเ(shrub) มตร ก้านใบย่อยยาวประมาณ (shoot grafting) (shrub) ไม้หัว หรือมีเหง้า มิลลิเมตร แผ่้อนยใบหนาเกลีย้ ง หลังใบเรียบ และ ไม้พุ่มรอเลื ทาบกิ่ง (bulb, rhizome) ไม้ พ ่ ุ ม รอเลื ้ อ ย (scandent) (grafting) ท้องใบเรี ยบแต่มีสีอ่อนกว่า ก้(scandent) านใบร่วมยาว คุณค่าในการอนุแยกหน่ รักษ์ อ หัว ลํา หรือไหล ไม้เลื้อย ประมาณ 13-20 เซนติ เ มตร (climber) (sucker, stolon) ไม้เลื้อย เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ดอก :ไม้ดอกเป็ น ช่ อ แบบแยกแขนง โดยจะออก (climber) หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ตามปลายกิ ่ ง หรื อ ตามซอกใบใกล้ ก ั บ ปลายกิ ่ง culture) (bulb, rhizome) ไม้หัว หรือมีเหง้า (tissue เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ อยเป็นรสีักแษ์ดงเข้ม ไม่มีก(bulb, ลีบrhizome) ดอก มีแต่ คุดอกย่ ณค่าในการอนุ กลีบเลี้ยงดอกมี 5 กลีบคุณโคนกลี บติเป็ดรนักพรรณไม้ กัษ์นเป็เฉพาะถิ น ่น ค่าในการอนุ เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก รู ป ถ้ ว ยสี แ สด ส่ ว นปลายแยกเป็ น 5 กลี บ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ปลายกลี บม้วนออก และมีขนละเอี ยดปกคลุเป็มนพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

46

โน้มกิ่ง

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (shrub) (layering) (tree, conical shape)

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้อ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านป่าใต้ (ดอนทราย) จังหวัดจันทบุรี เมื่อดอกบานเต็มที่จะงอลงด้านล่าง และมี ขนาดกว้างประมาณ 2-2.5 เซนติเมตร ดอก มีกลิ่นเหม็นมาก ผล : ขัว้ ผลติดกันเป็นกระจุก 4-5 ผล ลักษณะ ของผลเป็นรูปทรงรีหรือรูปไต ปลายผลมีติ่ง แหลมออกเป็นพวงห้อยย้อยลงมา ผิวผลเรียบ แข็ง ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยน เป็นสีส้ม สีแดง หรือสีแดงปนน�้ำตาล มีขนาด กว้ า งประมาณ 6-9 เซนติ เ มตร และยาว ประมาณ 8-10 เซนติเมตร พอแห้งแล้วจะแตก อ้าออกเป็น 2 ซีกตามร่องประสาน มีเมล็ด ลักษณะกลมรีสีด�ำ นิเวศวิทยา : กระจายพันธุอ์ ยูต่ ามป่าเบญจพรรณ

ป่าดิบแล้ง และตามป่าโปร่งทั่วไป ที่ระดับ ความสูงจากระดับน�้ำทะเลตั้งแต่ 100-600 เมตร การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : เนือ้ ไม้ใช้ทำ� กระดาน เครือ่ งเรือน เปลือกใช้ทำ� เชือกหยาบ น�ำ้ มันจาก เนื้อในเมล็ดใช้ปรุงอาหารและใช้จุดไฟ ใบเป็น ยาระบาย ผลเป็นยาสมานท้องและแก้โรคไต เมล็ดอบแล้วกินได้ เปลือกและใบใช้ไล่แมลง เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

47


(shoot grafting) คําอธิบายสัญลักเพาะเลี ษณ์้ย(grafting) งเนื้อเยื่อ

(shrub) (scandent) ไม้หัว หรือมีเหง้า ้อย ไม้เลื้อย ไม้พุ่มรอเลื (bulb, rhizome) (scandent) (climber)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ลักษณะวิสยั

คุณค่าในการอนุรไม้ักหษ์ัว หรืไม้อมีเลืเหง้ ้อยา

rhizome) (climber) (bulb,คํ า อธิบายสัความสู ญลังกษณ์ คํ าอธิบายสัเป็ญนพรรณไม้ ลักษณ์ ที่ขยายพันธุ์ยาก ไม้หัว หรือมีเหง้า คุณค่าในการอนุ รักษ์

สมอไทย

ลักษณะวิสยั

(bulb, rhizome)

(height)

แยกหน่อ ทาบกิ หัว ลํา่ง หรือไหล (tissue culture) (grafting) (sucker, stolon)

ขยายพันธุ์

แยกหน่ เพาะเลี้ยงเนื ้อเยื่ออ หัว ลํา หรือไหล (sucker, stolon) (tissue culture) เพาะ เป็นพรรณไม้หายาก เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (see (tissue culture)

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี

ขยายพั นธุ์ เป็นพรรณไม้ สยั นธุ์ยาก(tree, นธุ์ มีคขยายพั ่า หายาก เป็นพรรณไม้เป็ใกล้ สลัูญกพัษณะวิ นธุท์ ี่ขยายพั เป็นพรรณไม้ นพรรณไม้ umbrella shape)

ปักช (cutt

คุณค่าในการอนุรักษ์ ความสูง ความสูง ไม้ต้นทรงพุ่มเพาะเมล็ เพาะเมล็ด ตอน กลม ด 20-30 เป็นมพรรณไม้ ายาก เป็ นธุ์ยาก (seed) เป็นพรรณไม้ ที่ชุมชนมี คี วามต้ อหงการ เป็นพรรณไม้ ่า (seed) ่น นmพรรณไม้ นพรรณไม้ ใกล้(height) สูญพัทนี่ขธุยายพั ์ (tree, (height) เป็นพรรณไม้เเป็ฉพาะถิ round shape) (air อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี ปักชํากิํา่งหรือเถา โน้ ไม้ต้นแผ่เป็ไม้ นรัตศ้นมีทรงกรวยคว่ ปักชํคมาวามต้ เถาม เป็นทพรรณไม้ ีคกิ่า่งหรือองการ เป็นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ ี่ชุมชนมี เป็นพรรณไม้ เฉพาะถิ่นใกล้สูญพันธุ์ chebula (tree, Retz.var.chebula (tree, conical shape) (laye umbrella shape) (cutting) (tree, umbrella shape) อนุรักษ์เพื่อการใช้ป(cutting) ระโยชน์

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Terminalia ต้นทรงพุ่มตอนกิ กรวยแหลม เป็นพรรณไม้ ชื่อวงศ์ : COMBRETACEAE ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ่ง ไม้ต้นเฉพาะถิ ทรงพุไม้่ม่นกลม (tree, spike (air shape) (tree, round shape) layering) (tree, round ชื่ออื่น : มะนะ (ภาคเหนือ) สมออัพยา (ภาคกลาง) ม่าแน่ (กะเหรี ่ยง shape) เชียงใหม่) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

ไม้พุ่ม ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ํา โน้มกิ่ง (shrub) (layering)

เป็นพรรณไม้ ที่ช่งุมชนมีติคดวาต ตอนกิ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน (bud

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (tree, conical shape) ไม้พุ่มรอเลื้อย ไม้ ต ้ น ทรงพุ ่ ม กรวยแหลม ต้น : ไม้ยนื ต้น ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ผลัดใบ คล้ายแผ่นหนัง ผิวด้าไม้นบนเป็ เงามัตินดมีตาขนเล็กน้อย ต้นทรงพุ(scandent) ่มน กรวยแหลม (budding) spike shape)ง ขนสั้ น หนานุ ่ ม สูง 20-30 เมตร เรือนยอดกลมกว้าง เปลือ(tree, ก spike ผิวด้shape) านล่างมีขนคล้(tree,ายไหมถึ ไม้เลื้อย ยบยอด ต้นขรุขระ สีเทาอมด�ำ เปลือกในสีเหลืองอ่อไม้(shrub) นพุ่ม เมื่อแก่เกือบเกลี้ยไม้งพมีุ่ม ต่อ(climber) ม 1 คูเสี(shoot ่ ใกล้ โคนใบ grafting) (shrub) ไม้หัว หรือมีเหง้า เปลือกชั้นในมีน�้ำยางสีแดง กิ่งอ่อนสีเหลือไม้งพุ่มรอเลื ดอก : ออกเป็นช่อคล้ายช่อเชิงลดหรืทาบกิ อช่อ่ง แยกแขนง ้อย ไม้พุ่มรอเลื(bulb, ้อย rhizome) หรื อ สี เ หลื อ งแกมน�้ ำ ตาล มี ข นคล้ า ยไหม มี 3-5 ช่อ สีขาวอมเหลือง มีกลิ่น(grafting) หอมอ่ อ นๆ (scandent) คุ(scandent) ณค่าในการอนุรักษ์ เปลือกแตกเป็นสะเก็ดห่างๆ ยอดอ่อนมีขไม้นเลื้อยออกทีซ่ อกใบหรือปลายกิง่ ยาว 5-8.5 แยกหน่เซนติ อ หัว ลํเามตร หรือไหล ไม้เลื้อย (climber) (sucker, stolon) สีนำ�้ ตาลหนาแน่น ไม่มกี า้ นช่อดอก หรื(climber) อก้านช่เป็นอพรรณไม้ ดอกสัที่ขน้ ยายพั แกนกลาง นธุ์ยาก หง้า เพาะเลี้ยงเนื ้อเยืเ่อพศ ใบ : ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม หรือเกือบตรงข้าไม้มหัว หรืสัอ้นมีเและเปราะ มีขนสั รณ์ ไม้หัว้นหรืนุอมี่มเหง้ดอกสมบู า (tissue culture) (bulb, rhizome) เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ rhizome) รูปไข่ถึงรูปไข่แกมรูปใบหอก หรือรูปรีกว้าง ขนาดเล็ก 0.3-0.4(bulb,เซนติ เมตร ไม่มีกลีบดอก คุณค่าในการอนุรักษ์ กว้าง 5-10 เซนติเมตร ยาว 11-18 เซนติเมตร ส่ ว นบนเป็ นคุรูณปค่าถ้ในการอนุ ว ยตื้ นเป็มีรนักพรรณไม้ ขษ์นคลุเฉพาะถิ ม ด้่นา นนอก ปลายใบมนหรือเป็นติง่ แหลม โคนกลมหรือกึง่ ตัเป็ดนพรรณไม้ ใบประดั บรูนปธุ์ยแถบ ปลายแหลม เป็นพรรณไม้ หายาก ที่ขยายพั าก ยาว 3.5-4 มิลลิเมตร เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก หรือบางครั้งเบี้ยว ขอบเรียบ แผ่นใบเหนียว มีขนสัน้ นุม่ ทัง้ สองด้าน กลีบเลีย้ ง 5 กลีบ สีขาว

48

(air layering)

เสียบ

โน้มกิ่ง (sho (layering)

ทาบ

ติดตา (gra (budding)

แยก

เสียบยอด (suc (shoot grafting) เพาะ

ทาบกิ่ง (tiss (grafting)

แยกหน่อ หัว ลํา เป็น (sucker, stolon)

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เป็น (tissue culture)

เป็น อนุร

เป็นพรรณไม้หาย

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เป็นพรรณไม้ที่ชุม อนุรักษ์เพื่อการใช

เป็นพรรณไม้มีค่า


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านดอนกอย จังหวัดสกลนคร อมเหลือง โคนเชือ่ มติดกันเป็นรูปถ้วย ปลายแยก เป็นแฉก เกลีย้ ง รูปคล้ายสามเหลีย่ ม หมอนรอง ดอกมีพูและขนหนาแน่น ผล : แบบผลผนังชัน้ ในแข็ง รูปรีหรือเกือบกลม กว้ า ง 2-2.5 เซนติ เ มตร ยาว 2.5-3.5 เซนติเมตร ผิวเกลี้ยง หรือมีสันตื้น ๆ ตามยาว 5 สัน เมื่อแก่สีเขียวอมเหลือง หรือสีเขียวปน น�้ำตาลแดง เมล็ดแข็ง มี 1 เมล็ด รูปยาวรี นิเวศวิทยา : พบตามป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง หรือพบตามทุง่ หญ้า ทีส่ งู ตัง้ แต่ใกล้ ระดับน�ำ้ ทะเลจนถึง ประมาณ 1,000 เมตร การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ผลอ่อนมีฤทธิ์เป็น ยาระบาย และสมานล�ำไส้ ผลแก่มฤี ทธิฝ์ าดสมาน

นอกจากนีย้ งั ใช้อมกลัว้ คอแก้เจ็บคอ ออกฤทธิ์ ต่อปอด กระเพาะ และล�ำไส้ ใช้เป็นยาสมาน ล�ำไส้ ห้ามเลือดทัง้ ภายในและภายนอก เป็นยา ละลายเสมหะ ขับเสมหะ ท�ำให้ปอดชุ่มชื่น แก้ หลอดลมอักเสบ คออักเสบ เสียงแหบ แก้ไอ ลิน้ ไก่อกั เสบ แก้ลำ� ไส้อกั เสบเรือ้ รัง แก้ทอ้ งผูก โรคท้องมาน แก้ท้องร่วงเรื้อรัง ถ่ายเป็นเลือด ริดสีดวงทวาร เลือดออก เป็นยาระบาย แก้ปวดท้อง เป็นยาบ�ำรุง เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เนื่องจากเป็นพรรณไม้มีค่า หายาก และเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วาม ต้องการอนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

49


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

กรวยป่า

(climber)

(sucker, stolon)

ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

คุณค่าในการอนุรักษ์

คํ าอธิบายสัญลักษณ์ คํ าอธิบายสัญลักเป็ษณ์ นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ ์ยาก

ลักษณะวิสยั

สยั นธุ์ เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุลั์ กษณะวิขยายพั

ความสูง (height)

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี (tree, umbrella shape)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Casearia grewiifolia Vent. ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ชื่อวงศ์ : SALICACEAE ชื่ออื่น : ค้อแลน (ชัยภูม)ิ ก้วย (ภาคเหนือ) ตานเสี้ย(tree, น round (พิษshape) ณุโลก)

20 m

เป็นพรรณไม้มีค่า

ความสูง เพาะเมล็ด (height) (seed) เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ไม้ต้นแผ่เป็นรัปัศกมีชํากิ่งหรือเถา (cutting) (tree, umbrella shape) ไม้ต้นทรงพุ่มตอนกิ กลม ่ง (air layering) (tree, round shape)

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

โน้มกิํา่ง ไม้ต้นทรงกรวยคว่ (tree, conical(layering) shape) ต้นทรงพุ ่มกรวยแหลมอเกือบตัด แผ่นใบหนา ติดตา อีกด้าไม้นกว้ างกลมหรื ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม (tree, spike shape) (budding) (tree, spike shape) ขอบใบจั กซี่ฟันตื้นๆ พุ่ม เสียบยอด พุ่ม อเป็น ดอก :ไม้(shrub) ดอกสี เขียวอ่อน ออกเดี่ยวๆไม้หรื (shoot grafting) (shrub) กระจุกไม้หลายดอกตามซอกใบ ใบประดั บ มี ห ลายใบ พุ่มรอเลื้อย ทาบกิ่ง ไม้พุ่มรอเลื้อย เกือบกลม กลีบเลี้ยงส่วนมากมี 5 กลี บ เรี(grafting) ยง (scandent) (scandent) ซ้อนเหลื น อ หัว ลํา หรือไหล ไม้เลื่อ ้อยมที่โคน กลีบรูปไข่ ด้านนอกมีข แยกหน่ ไม้เลื้อย (climber) (sucker, stolon) กลีบยาว 2 -3 มิลลิเมตร ไม่มกี ลีบดอก (climber) ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ผล : ผลแบบแคปซูล ทรงรี ยาว ไม้2.5 หัว หรื-3.5 อมีเ(tissue หง้า culture) (bulb, rhizome) rhizome)น เซนติ เ มตร เนื้ อ หนา สุ ก สี เ หลื อ ง (bulb, แตกเป็

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้ต้นขนาดเล็ก สูงได้ประมาณ 20 เมตร ล�ำต้นเปลาตรง เปลือกล�ำต้นค่อนข้างเรียบ สีเทา สีนำ�้ ตาลอ่อนถึงเข้ม แตกเป็นเกล็ดเล็ก ๆ มีขนสีนำ�้ ตาลแดงทัว่ ไป กิง่ อ่อนมีขนสัน้ หนานุม่ สีนำ�้ ตาลแดง มีนำ�้ ยางสีขาวใส ส่วนเนือ้ ไม้เป็น สีนำ�้ ตาลอ่อนเกือบขาว ต้นทีม่ อี ายุมากโคนต้น มักมีพูพอนมีขนสั้นนุ่มตามเส้นกลางใบ ใบ : ใบเดี่ ย ว เรี ย งสลั บ ในระนาบเดี ย วกั น รู ป ขอบขนานหรื อ แกมรู ป ไข่ ยาว 8 -16 ักษ์ เซนติเมตร ปลายใบแหลม แหลมยาว หรือ คุ3ณซีค่กาในการอนุ เมล็ดมีหรลายเมล็ ด มีเยือ่ คุหุณม้ ค่าสีในการอนุ สม้ อมแดง รักษ์ ปลายมน โคนใบเบีย้ ว รูปลิม่ หรือมนด้านเดียว จักเป็นเป็ครุ ย ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้หายาก นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

50

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้อ รักษ์่นเพื่อการใช้ประโยชน์ เป็นพรรณไม้เอนุ ฉพาะถิ


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านหนองทราย จังหวัดกำ�แพงเพชร นิเวศวิทยา : ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ และ ป่าดิบทั่วทุกภาค การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ด้านสมุนไพร ใบรส เมาเบือ่ แก้ไข้พษิ ไข้กาฬ แก้โรคผิวหนังผืน่ คัน แก้รดิ สีดวงจมูก แก้บาดแผลดอก รสเมา แก้ไข้พษิ ไข้กาฬ เมล็ด รสเมาเบือ่ แก้รดิ สีดวง ใช้เบือ่ ปลา ราก รสเมาขืน่ แก้ทอ้ งร่วง แก้ตบั พิการ แก้พษิ กาฬ แก้ผื่นคัน แก้ริดสีดวงต่างๆ บ�ำรุงธาตุ บ�ำรุง ก�ำลัง วิธกี ารคือน�ำใบ ดอก ราก ของต้นกรวยป่า

มาล้างน�้ำให้สะอาด แล้วใส่น�้ำ 3 ลิตร ต้มใน น�้ำเดือด แล้วน�ำน�้ำมาดื่มสามารถแก้เมาเบื่อ แก้ ไ ข้ พิ ษ ไข้ ก าฬ แก้ โ รคผิ ว หนั ง ผื่ น คั น แก้ริดสีดวงจมูก แก้บาดแผลได้ เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

51


(climber)

(sucker, stolon)

(bulb, rhizome)

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

คํ าอธิบายสัไม้ญหัวลัหรืกอมีษณ์ เหง้า

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

กุ๊ก

ลักษณะวิคุสณยั ค่าในการอนุรักษ์

ขยายพันธุ์

คําอธิบายสัญลักเพาะเมล็ ษณ์ดเป็นพรรณไม้หายาก คําอธิบายสัญความสู ลักงษณ์ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

(height)

ลักษณะวิสยั

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี ลักษณะวิขยายพั สยั นธุ์ เป็นพรรณไม้ (tree, umbrella shape) ใกล้สูญพันธุ์

ความสูง (height)

(seed)

ความสูง ไม้ต้นทรงพุ่มกลม 15 m พรรณไม้เฉพาะถิ ่น (height) (tree, roundเป็นshape)

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมีไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, umbrella (tree, shape)conical shape)

ปักชํากิ่งหรือเถา (cutting) เป็นพรรณไม้มีค่า

ขยายพ

เพาะเมล็ตอนกิ ด ่ง เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต (seed) (air layering) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

่ง ไม้ต้นแผ่เป็นปัรัศกมีชํากิ่งโน้หรืมอกิเถา (layering) (cutting) (tree, umbrella shape)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Lannea coromandelica (Houtt.) Merr. ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ติดตา ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ชื่อวงศ์ : ANACARDIACEAE ไม้ต้นทรงพุ่มตอนกิ กลม ่ง (budding) (tree, spike shape) (tree, round shape) (tree,ดround ชื่ออื่น : กอกกั๋น (อุบลราชธานี) ช้างโน้ม (ตราด) อ้อยช้ไม้พาุ่มง (ภาคเหนือ) หวี (เชี(airshape) ยlayering) งใหม่ ) เสียบยอด ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ํา (shrub) (tree, conical shape)

โน้มกิ่ง (shoot grafting) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ํา (layering) (tree, conical shape) ทาบกิ่ง ไม้พุ่มรอเลื้อย (scandent) (grafting) ไม้ ต ้ น ทรงพุ ่ ม กรวยแหลม ติดตา5-10 ขนรูปดาวปกคลุม เส้นแขนงใบข้ างละ ไม้ต้นทรงพุ ่มกรวยแหลม (tree, spike shape) (budding) ไม้เลื้อย แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล เส้น ก้านใบย่ อยใบข้างยาว (tree, 1-5spikeมิลshape) ลิเมตร (climber) ไม้พุ่ม เสียบยอด(sucker, stolon) ไม้เพมตรใบย่ ุ่ม ใบปลายยาวได้ เ กื อ บ 2เซนติ ยที่ (shrub) (shootอgrafting) ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (shrub) (bulb, rhizome) ปลายจะมี ง แผ่​่ง น(tissue ใบ culture) ไม้พุ่มรอเลื้อย ขนาดใหญ่กว่าใบย่อยด้านข้าทาบกิ ไม้พุ่มรอเลื้อ(grafting) ย คุณาค่งหนา าในการอนุรักษ์ ค่(scandent) อนข้ (scandent) ไม้เลื้อย : ช่อดอกแบบคล้ายช่อเชิงลดแยกแขนง แยกหน่อเป็หันวพรรณไม้ ลํา หรืหอายาก ไหล ดอก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ไม้ เ ลื ้ อ ย (climber) (sucker, stolon) ออกที ่ปลายกิ่งก่อนผลิใบ ช่อ(climber) ดอกเพศผู ้ยาว ไม้หัว หรือมีเหง้เป็ า นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เพาะเลี้ยเป็งเนื ้อเยื่อ มีค่า นพรรณไม้ 15-30 เซนติ เ มตร ช่ อ ดอกเพศเมี ย สั ้ น กว่ า ไม้ ห ว ั หรื อ มี เ หง้ า (bulb, rhizome) (tissue culture) (bulb, rhizome) มีใบประดับขนาดเล็ก ยาว 1-2 มิลลิเมตร เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้ต้นขนาดเล็กถึงกลาง สูงได้ประมาณ 15 เมตร กิ่งอ่อนมีขนรูปดาวหนาแน่น กิ่งแก่ มีชอ่ งอากาศ เรือนยอดเป็นพุม่ โปร่ง เปลือกต้น เรียบหรือแตกเป็นสะเก็ด สีเทาอมเขียว เปลือกใน เป็นสีชมพู มียางเหนียวใส ใบ : เป็นใบประกอบแบบขนนก ปลายคี่ ออก เป็นช่อตรงปลายกิง่ เรียงเวียนสลับกันมีใบย่อย 3-7 คู่ ยาว 10-30 เซนติเมตร ใบย่อยรูป ไข่ ห รื อ แกมรู ป ขอบขนาน ยาว 2.5-10 คุณค่าในการอนุรักเป็ษ์นพรรณไม้เฉพาะถิ่น อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เซนติเมตร ปลายใบแหลมยาว โคนใบแหลม ดอกสีเหลือง มักมีแต้มสีคุมณว่ ค่งอมแดง าในการอนุกลี รักษ์บเลีย้ ง เป็นพรรณไม้ พรรณไม้ ี่ขยายพันมิ ธุ์ยลากลิเมตร ขอบมีขนครุย กลี หรือกลม เบีย้ ว แผ่นใบด้านล่างมีขนสัน้ นุม่ และ รูเป็ปนไข่ ยาวท1.5-2 บดอกหายาก ที่ขยายพันธุ์ยาก รู ป ขอบขนานแกมรู ป ไข่ ยาวเป็นพรรณไม้ 2-2.5 เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

52

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ รักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เป็นพรรณไม้อนุ เฉพาะถิ ่น


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านลานคา จังหวัดราชบุรี มิลลิเมตร ปลายมน พับงอกลับ เกสรเพศผู้ 8 อัน รังไข่เกลี้ยง ยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร ไม่เจริญในดอกเพศเมีย ผล :ผลรูปไข่แกมรูปขอบขนาน ยาว 0.8-1 เซนติเมตร ผลแก่สมี ่วงอมแดง เมล็ดส่วนมาก เจริญเพียงเมล็ดเดียว นิเวศวิทยา :พบกระจายทั่วไปในป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ และป่าดิบแล้ง บางครัง้ พบตาม เขาหินปูน ระดับความสูงจนถึงประมาณ 1,100 เมตร การขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้ เมล็ดและวิธกี ารตอนกิ่ง

การน�ำไปใช้ประโยชน์ : เปลือกเป็นยาสมานแผล แก้ปวดฟัน แก้ธาตุพิการและอ่อนเพลีย แก้ฝี โรคเรือ้ น โรคผิวหนังและแก้เจ็บตา แก่นมีรสหวาน แก้เสมหะ บรรเทาอาการกระหายน�้ำ ชุ่มคอ ใบใช้แก้ผิวหนังพุพอง เน่าเปื่อย รากใช้เข้า ต� ำ รั บ ยาเพื่อ ชู ร สยา (แต่ ง รสยาให้ ร สดีขึ้น ) ในต�ำรับนัน้ ๆ รากมีนำ�้ มากสามารถขุดมาเคีย้ วได้ (น�ำ้ จากรากใช้แก้กระหายเวลาเดินป่าในพืน้ ที)่ เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

53


(climber)

(sucker, stolon)

ไม้ต้นทรงพุ่มกลม

คํ าอธิบายสัไม้ญหัวลัหรืกอมีษณ์ เหง้(tree, า round shape)

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

คําอธิบายสัญลักษณ์

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

โกงกางเขา

ตอนก (air la

(bulb, rhizome)ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา

ลักษณะวิคุสณยั ค่าในการอนุรัก(tree, ษ์ conical shape)ขยายพันธุ์

โน้มก (layer

ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ความสูง ขยายพันธุ์ เป็ น พรรณไม้ ท ี ข ่ ยายพัspike นธุ์ยากshape) (tree, (height)

(budd

ลักษณะวิสยั

คํ าอธิบายสัญลักเพาะเมล็ ษณ์ดเป็นพรรณไม้หายาก ติดตา

ความสูง ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี ุ่ม ลัไม้(shrub) กสพษณะวิ ั เป็นพรรณไม้ ูญพันธุ์ สย (height) (tree, umbrella shape) ใกล้

(seed)

เพาะเมล็ด ปักชํากิ่งหรือเถา (seed) (cutting) เป็นพรรณไม้มีค่า

เสียบ ขยายพ (shoo

ไม้ต้นแผ่เป็ไม้นรัตศ้นมีทรงพุ่มกลม อเถา ่ง ไม้พุ่มรอเลืความสู ้อย ง ปักชํากิ่งหรืตอนกิ ทาบก 3-15 m เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต พรรณไม้เฉพาะถิ ่น (height) (cutting) (air layering) (tree, shape) roundเป็นshape) (tree, umbrella (scandent) (graft ้นทรงกรวยคว่ํา ไม้ต้นทรงพุไม้่มตกลม (tree, conical shape) (tree, round shape)

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ ไม้เลื้อย ไม้ต้นแผ่เป็นตอนกิ แยกห รัศมี่ง โน้มกิ่ง (layering) (climber) (tree, umbrella (sucke (air layering) shape)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Fagraea ceilanica Thunb. ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ไม้หัว หรือมีเหง้า ติดตา ชื่อวงศ์ : GENTIANACEAE ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา มกิ่ง ไม้ต้นทรงพุโน้่มกลม (tree, spike shape) (budding) (bulb, rhizome) conical shape) (tree,) round(layering) shape) ชื่ออื่น : ตังติดนก (หนองคาย) ฝ่ามือผี (เงี้ยว แม่ฮ(tree,่องสอน) โพดา (ปั ต ตานี ไม้พุ่ม เสียบยอด ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้ต้นขนาดเล็กหรือไม้พุ่มที่เกาะอาศัย อยูบ่ นต้นไม้ ไม่ผลัดใบ สูง ๓-๑๕ เมตร มักเกาะ อาศัยบนต้นไม้อื่น มีรากอากาศคล้ายต้นไทร เปลือกต้นสีเทา ขาว และเรียบ เปลือกชั้นใน สีขาว ใบ : ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามรูปวงรีถึงรูปขอบ ขนาน กว้าง ๒ – ๙ เซนติเมตร ยาว ๕- ๒๓ เซนติเมตร เนือ้ ใบหนาและเหนียว ขอบใบเรียบ ใบแก่หนาอุ้มน�้ำ เรียบเกลี้ยง เส้นใบข้างเลือน รางมาก ก้านใบยาว ๑ – ๓.๕ เซนติเมตร มีหใู บ หนาเชื่อมเป็นวงแหวน หนา ๑ – ๒ มิลลิเมตร

ษ์ ติดตา (shoot grafting) ไม้ต้นทรงพุ(shrub) ่มกรวยแหลมคุณค่าในการอนุไม้รตัก้นทรงกรวยคว่ ํา (tree, spike shape) (budding) ไม้พุ่มรอเลื้อย

(tree, conical shape) เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ทาบกิ่ง เสียบยอด (grafting)

เป็นพ

ดอก : ช่อเชิงลาด ออกเป็นช่อไม้สัต้น้นทรงพุ ๆ ่มทีกรวยแหลม ่ซอกใบ (shoot grafting) แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล เป็นพ (tree, shape) พรรณไม้ กล้spike สูญพักลี นธุ์ บดอก หรือปลายกิ(climber) ง่ ขนาด ๔ – ๘เป็นเซนติ เใมตร ไม้พุ่มรอเลื้อย ทาบกิ่ง (sucker, stolon) ไม้ พ ม ่ ุ สี ข าวหรื อ เหลื อ งอ่ อ น เชื ่ อ มติ ด กั น เป็ นเพาะเลี รู ป ้ยงเนื้อเยื่อ (scandent)ไม้หัว หรือมีเหง้า (grafting) เป็นพ เป็นพรรณไม้ เ ฉพาะถิ น ่ (shrub) (bulb, rhizome) (tissue culture) ปากแตร า นหลั อนุรัก ไม้เลื้อย ปลายแยก ๕ พู โค้ ง ไปด้ แยกหน่ อ หัว ลํางหรือไหล ไม้ พ ่ ุ ม รอเลื ้ อ ย (climber) (sucker, stolon) คุ ณ ค่ า ในการอนุ ร ก ั ษ์ บางครั้งปลายกลีบแตกเป็นฝอย มีกลิ่นหอม (scandent) ไม้หัว หรือมีเหง้งา ๘ เซนติเมตร เกสรตัว เพาะเลี ่อ ช่อดอกยาวถึ ผู้ ๕้ยงเนืเป็อั้อนเยืนพรรณไม้ หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ไม้เลื้อย (tissue culture) (bulb, rhizome) ติดกับคอหลอดกลีบ ไม่โผล่พน้ ออกมา ้ กลีบเลีย้ ง (climber)ชัน เป็นพรรณไม้มีค่า คุณ ค่าในการอนุ รนักพรรณไม้ ษ์ เมตร ใกล้สูญพันธุ์ ๐.๘ – ๒.๗เป็เซนติ แยกเป็นพูปไม้า้ หนๆ า ัว หรือลึมีก เหง้มากกว่ า (bulb, rhizome) ครึ่งหนึ ่งของชั น้ นเธุฉพาะถิ เป็นพรรณไม้เป็หนายาก เป็นพรรณไม้ ี่ขยายพั ์ยาก ่น พรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็นทพรรณไม้ ไม้พุ่ม (scandent) (shrub) ไม้เลื้อย

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

คุณค่าในการอนุรักษ์

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

54

เพาะเ (tissue


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านห้วยไร่บูรพา จังหวัดอุดรธานี ผล : ผลสด รู ป วงรี ห รื อ รู ป ทรงกลม ขนาด ๒.๕ – ๔.๕ เซนติเมตร สีขาวหม่นแกมเขียว เป็นมันเหนียว ปลายแหลม มีชนั้ กลีบเลีย้ งติดอยู่ เมื่อสุกมีสีม่วงเข้ม ถึงด�ำ เกลี้ยง เนื้อผลนิ่ม ฉ�่ำน�ำ้ มีเมล็ดมาก เมล็ดขนาด ๓ มิลลิเมตร นิ เ วศวิ ท ยา : ป่ า ดิ บ ชื้ น ป่ า ดิ บ แล้ ง และ ป่าดิบเขา การขยายพันธุ์ :ปักช�ำและตอนกิ่ง การน� ำ ไปใช้ ป ระโยชน์ : เนื่อ งจากว่ า ต้ น โกงกางเขามีดอกสวยมีกลิ่นหอม และมีใบที่ ดู ส วยงาม จึ ง สามารถน� ำ มาใช้ ป ลู ก เป็ น ไม้ ดอกไม้ประดับได้ตามต�ำรายาพื้นบ้านอีสาน

จะใช้รากต้นโกงกางเขาน�ำมาต้มน�้ำดื่มเป็นยา บ�ำรุงโลหิต กิง่ เปลือกต้น หรือราก น�ำมาต้มน�ำ้ อาบแก้อาการผดผื่นคันจากยางของต้นรัก ช่วยแก้ลมพิษได้ เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

55


(climber) ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

คุณค่าในการอนุรักษ์

stolon) คําอธิบายสัญลั(sucker, กษณ์

ลักษณะวิสยั

คํ าอธิบายสัญเป็นลัพรรณไม้ กษณ์ ที่ขยายพันธุ์ยาก

ความสูง (height)

ลักษณะวิสยั

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

ขยายพั นธุ์ เป็นพรรณไม้มีค่า (tree, umbrella shape)

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

ไม้ต้นทรงพุเพาะเมล็ ่มกลม ด เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต (seed) (tree, round shape)

ค�ำมอกหลวง

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

ความสูง (height)

เป็นพรรณไม้หายาก

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี (tree, umbrella shape)

ปักชํากิํา่งหรือเถา ไม้ต้นทรงกรวยคว่ (cutting) (tree, conical shape)

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

ไม้พุ่ม (shrub)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Gardenia sootepensis Hutch. ไม้ต้นทรงพุตอนกิ ่มกรวยแหลม ชื่อวงศ์ : RUBIACEAE ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ่ง (tree, spike(air shape) (tree, round shape) layering) ชื่ออื่น : ไข่เน่า (นครพนม) ค�ำมอกช้าง (ภาคเหนือ) ยางมอกใหญ่ (นครราชสีมา) หอมไก๋ (ล�ำปาง) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้ต้นขนาดเล็ก ผลัดใบ เรือนยอดทรง กลมแผ่กว้าง ล�ำต้นบิดงอ เปลือกสีครีมอ่อน หรื อ เทา ค่ อ นข้ า งเรี ย บหรื อ หลุ ด ลอกเป็ น แผ่นบาง ๆ ใบ : ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรีหรือรูปขอบ ขนาน กว้าง ๔ - ๑๕ เซนติเมตร ยาว ๙ – ๒๘ เซนติเมตร ปลายแหลม หรือมน โคนใบมนหรือ สอบ หู ใ บอยู ่ ร ะหว่ า งก้ า นใบ ลั ก ษณะเป็ น ปลอกทีบ่ ริเวณรอบกิง่ แผ่นใบเหนียวและสาก

56

โน้มกิ่ง (layering)

ไม้พุ่มรอเลื้อติยดตา ต้นทรงพุ่มกรวยแหลมๆ จะมีสีขาวอมเหลื ดอก : ไม้ดอกออกใหม่ อง (scandent) (tree, spike shape) (budding) อ่อนและค่อยๆเหลืองขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั ้งมี ไม้เลื้อย ไม้พุ่ม เสียบยอด (climber) สีเหลืองเข้ ม กลิ น ่ หอม ออกเป็ น ดอกเดี ย ่ วตาม (shrub) (shoot grafting) ไม้หัว หรือมีเหง้า ซอกใบไม้กลี บ เลี ้ ย งเป็ น หลอด รู ป กรวยยาว พุ่มรอเลื้อย ทาบกิ่ง (bulb, rhizome) ๑.๒ – ๒(scandent) เซนติเมตร ปลายเป็นพูดา้ นหนึง่ แยกลึ(grafting) ก คุณค่าในการอนุรักษ์ ไม้เลืข ้อยนละเอียดเหนียว โคนเชื่อมติดกั แยกหน่ ด้านนอกมี น อ หัว ลํา หรือไหล (climber) (sucker, stolon) เป็นรูปกรวยปลายแยกเป็ น ๕ แฉก เป็กลีนพรรณไม้ บดอก ที่ขยายพันธุ์ยาก ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ หนา ขอบกลี บม้วนและบิด ดอกบานเต็ม(tissue ที่ culture) (bulb, rhizome) เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ กว้าง ๘–๑๐ เซนติเมตร

คุณค่าในการอนุรักษ์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องก อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านห้วยไร่บูรพา จังหวัดอุดรธานี ผล : ผลแห้ ง ไม่ แ ตก รู ป ทรงรี ห รื อ ไข่ ก ว้ า ง ๑.๘ – ๒.๕ เซนติเมตร ยาว ๒ – ๒.๔ เซนติเมตร มีสนั ตืน้ ๕ – ๖ เส้น ผลแก่สนี ำ�้ ตาลเข้ม เปลือก หุ้มเมล็ดแข็ง เมล็ดกลมถึงแบน มีจ�ำนวนมาก นิเวศวิทยา : ขึ้นตามป่าเบญจพรรณ ป่าผสม ผลัดใบ และตามป่าเต็งรัง ทีค่ วามสูงจากระดับ น�้ำทะเลประมาณ 200-400 เมตร การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ต้นค�ำมอกหลวง เป็น ไม้ทนแล้ง เหมาะที่จะปลูกเพื่อให้ร่มเงา ดอก มีสีสันสวยงาม กลิ่นหอม ออกดอกพร้อมกัน ทั้งต้น และส่งกลิ่นหอมยาวนาน ๒ – ๓ วัน

สามารถเจริญเติบโตได้ดเี นือ่ งจากเป็นพันธุไ์ ม้ปา่ จึงมีความแข็งแรง ไม่มีโรคและแมลงรบกวน ยางเหนียวจากยอด ขยี้เป็นก้อน ใส่ในร่อง ระหว่างโคนมีดกับด้าม จะช่วยให้มดี แน่น ติดกับ ด้ามมีดมากขึ้น เนื้อไม้สามารถน�ำมาก่อสร้าง และงานแกะสลักได้ดี ด้านยาสมุนไพร ใช้เนือ้ ไม้ เข้ายากับโมกเตีย้ สามฝันเตีย้ ต้มน�ำ้ ดืม่ แก้บดิ ถ่ายเป็นมูกเลือดเมล็ดต้มน�ำ้ ผสมเป็นยาสระผม ฆ่าเหา เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

57


(shrub) (scandent)

(climber)

(sucker, stolon) (grafting) (shoot grafting) เพาะเลี แยกหน่อ ทาบกิ หัว ลํา่ง หรื อไหล้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture) (grafting) (sucker, stolon)

ย หัว หรือมีเหง้า ไม้เลื้อย ไม้พุ่มรอเลื้อไม้ (bulb, rhizome) (climber)(scandent)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

แยกหน่ เพาะเลี้ยงเนื ้อเยื่ออ หัว ลํา หรือไหล

(sucker, stolon) คําอธิบายสัญลัก(tissue ษณ์culture) คําอธิบายสัญลักษณ์ เป็นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้หายาก ที่ขยายพันธุ์ยาก

แคหางค่าง

้อยค่า าในการอนุรักษ์ ไม้หัว หรืไม้อคุมีเลืณ เหง้ (climber) (bulb, rhizome)

ไม้หรัวักหรื คุณค่าในการอนุ ษ์อมีเหง้า

ลักษณะวิสยั

(bulb, rhizome)

ลักษณะวิขยายพั สยั นธุ์

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

ขยายพันธุ์

เป็นพรรณไม้มีค่า พรรณไม้ เป็นพรรณไม้หายาก เป็นค่พรรณไม้ ที่ขยายพัรเป็นักนธุษ์ ์ยาก ใกล้สูญพันธุ์ คุณ าในการอนุ ความสูง ความสูง เพาะเมล็ด เพาะเ เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ ์ยาก ่น วามต เป็นพรรณไม้ ใกล้สูญเป็พัทนี่ขพรรณไม้ ธุยายพั ์ 5-20นธุmเฉพาะถิ (height) (height) (seed) เป็นพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีค(seed อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี อเถาเป็นพรรณไม้มีค่า ไม้ต้นแผ่เป็นปัรัศกมีชํากิ่งเป็หรืนพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ ที่ชุมชนมีความต้องการ ปักชํา เป็นพรรณไม้ เฉพาะถิ่นใกล้สูญพันธุ์ (tree, umbrella shape) (cutting) (tree, umbrella shape) (cuttin อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Fernandoa adenophylla (Wall. ex G. Don) Steenis เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ ไม้ต้นทรงพุ่มกลม เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น ชื่อวงศ์ : BIGNONIACEAE ไม้ต้นทรงพุ่มตอนกิ กลม ่ง ตอนก อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ (tree, round shape) (air layering) (tree, round shape) ชื่ออื่น : แคบิด แคขน (ภาคเหนือ) แคพอง (สุราษฎร์ธานี) แคลาว (เลย) แคหัวหมู (นครราชสีมา) (air la ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

โน้มกิ่ง ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ํา (layering) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (tree, conical shape) ่ ม กรวยแหลม ติดอ ตาน ดอกจะ ต้น : ไม้ยนื ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ผลัดใบไม้ต้นทรงพุ ดอก : ดอกมีขนาดใหญ่สไม้ีเหลื องอ่ ต้นทรงพุ ่มกรวยแหลม (tree, spike shape) (budding) (tree,บspike shape) ในช่วงสัน้ สูงประมาณ 5-20 เมตร ล�ำต้นมัก ออกรวมกั น เป็ น ช่ อ ใหญ่ ริ เ วณปลายกิ ่ง ไม้พุ่ม เสียบยอด ไม้พุ่มถง คดงอ มีเรือนยอดไม่เป็นระเบียบ เปลือกต้นสีเทา(shrub)โดยช่อดอกจะตัง้ ชีข้ นึ้ ยาวได้ ึ 40 เซนติเมตร (shoot grafting) (shrub) ค่อนข้างเรียบ ส่วนเปลือกด้านในสีขาว ตามกิไม้ง่ พุ่มรอเลื โคนกลี บรองกลีบดอกติดกันเป็นรูปทาบกิ ถ้ว่งย มีขนาด ้อย ไม้ พ ่ ุ ม รอเลื ้ อ ย (grafting) อ่อนมีขนสีนำ�้ ตาล และมีชอ่ งระบายอากาศอยู(scandent) ่ กว้ า งประมาณ 1-3 เซนติ เ มตร และยาว (scandent) ไม้เลื้อยประมาณ 2.5-4.5 เซนติ เ มตรแยกหน่ อ หัว ลํา หรือไหล ทั่วไป ปลายแยก ไม้เลื้อย (sucker, stolon) (climber) ใบ : ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงสลับ ออกเป็น 5 แฉก มีขนาดไม่(climber) เท่ากัน ด้านนอกมี ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ใบย่อย 2-4 คู่ เรียงตรงข้าม ใบรูปไข่กลับถึ(bulb, ง ขนสี น ำ ้ � ตาลแดง ขึ น ้ หนาแน่ น กลี บ ของดอกเป็น ไม้ ห ว ั หรื อ มี เ หง้า culture) rhizome) (tissue รูปขอบขนาน กว้าง 6-29 เซนติเมตร ยาว รูปแตรงอน มีขนสีน�้ำตาลขึ อยู่หนาแน่นทาง (bulb,้นrhizome)

คุณค่าในการอนุรักษ์

10-38 เซนติเมตร ปลายใบแหลม ฐานใบเว้าเข้า ด้านนอก ส่วนด้านในเกลี ้ยง หลอดกลี คุณค่าในการอนุ รักษ์ บดอก หรือมน เส้นแขนงใบข้างละ 6-10 เส้นใบมีเป็นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้หายาก ในช่วทงล่ างเป็ หลอดแคบ ส่วนช่วงบนจะขยายใหญ่ ี่ขยายพั นธุน ์ยาก เป็นพรรณไม้ ที่ขยายพั ขนาดใหญ่ท่สี ุดในกลุ่มแค กว้างจนถึงปากหลอด ดอกมี เกสรตั วผูนอ้ ธุ์ยยูาก่ 2 คู่ เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

58

โน้มก (layer

ติดตา (budd

เสียบ (shoo

ทาบก (graft

แยกห (sucke

เพาะเ (tissu

เป็นพ

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ รักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เป็นพรรณไม้อนุ เฉพาะถิ ่น

เป็นพ

เป็นพ อนุรัก


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านห้วยสะพานสามัคคี จังหวัดกาญจนบุรี แบ่งเป็นยาว 1 คู่และสั้น 1 คู่ ดอกแคหางค่าง จะออกดอกในช่วงเดือนสิงหาคมไปจนถึงเดือน กันยายน ผล : เป็นฝักรูปทรงกระบอกกว้าง 1.5-2.5 เซนติเมตร ยาว 35-70 เซนติเมตร บิดเป็นสัน ตามยาว มีขนสีน�้ำตาลแน่น เมื่อแก่แห้งแตก เมล็ดมีปีก นิเวศวิทยา : พบได้มากตามป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าหญ้า ทางภาคเหนือ ภาคตะวันออก เฉี ย งเหนือ ภาคใต้ แ ละทางภาคตะวั น ออก เฉียงใต้ ที่ระดับความสูงจากระดับน�้ ำทะเล ประมาณ 100-800 เมตร การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ดอกและฝักอ่อน สามารถน�ำมาใช้เป็นผักจิม้ กินกับน�ำ้ พริกได้ แต่ ต้องท�ำให้สุกเสียก่อน โดยจะมีรสขมเล็กน้อย

หรื อ จะใช้ ด อกน� ำ มาคั่ ว หรื อ ย่ า งไฟกิ น กั บ น�ำ้ พริก สรรพคุณด้านสมุนไพรเมล็ด ใช้เป็นยา บ�ำรุงโลหิต ช่วยขับเสมหะ เปลือกต้นใช้ตม้ กับ น�้ำดื่ม ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อหรือน�ำ มาต้มกับน�ำ้ อาบ ช่วยบรรเทาอาการปวดเมือ่ ย ตามร่างกายได้ ใบใช้ตำ� พอกรักษาแผล แผลสด แผลถลอก แผลไฟไหม้น�้ำร้อนลวก และช่วย ห้ามเลือด หรือใช้ตำ� พอกแก้โรคผิวหนัง ผดผืน่ คัน และหูด ด้านการใช้ประโยชน์ เนือ้ ไม้แคหางค่าง สามารถน�ำมาใช้ท�ำสิ่งก่อสร้าง ท�ำเสาต่างๆ ท�ำด้ามเครื่องมือ ด้ามปืน ฯลฯ เหตุผล ในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เป็นพรรณไม้มคี า่ หายาก เป็น พรรณไม้เดิมที่มีอยู่ในป่าชุมชน เป็นพรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์และต้องการอนุรกั ษ์ไว้ให้อยู่ค่กู บั ป่า ชุมชน

59


(shrub)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

(sucker, stolon) (shoot grafting)

ไม้พุ่มรอเลื้อไม้ ย หัว หรือมีเหง้า (scandent) (bulb, rhizome)

ทาบกิ่ง เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (grafting)(tissue culture)

ไม้คุเลืณ ้อยค่าในการอนุรักษ์ (climber)

แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล (sucker, stolon)

คําอธิบายสัญลักษณ์เป็นพรรณไม้หายาก คําอธิบายสัญลักษณ์ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

ไฟเดือนห้า

(climber)

ลักษณะวิสยั

ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

ลักษณะวิขยายพั สยั นธุ์

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

คุณค่าในการอนุรเป็ักนษ์พรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

ความสูง (height)

เป็นพรรณไม้เป็ทนี่ขพรรณไม้ ยายพันธุเฉพาะถิ ์ยาก5-10่นm

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ (tree, umbrella shape)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Excoecaria oppositifolia Griff. ไม้ต้นทรงพุ่มเป็กลม นพรรณไม้เฉพาะถิ่น ชื่อวงศ์ : EUPHORBIACEAE (tree, round shape) ชื่ออื่น : ตาตุ่มป่า ตังตาบอด (ภาคเหนือ) ยางร้อน (ล�ำปาง) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : เป็นไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 4 -10 เมตร เปลือกค่อนข้างเรียบ สีน�้ำตาลเข้ม ทุกส่วนมี น�้ำยางสีขาว ใบ : ใบเดีย่ ว รูปไข่ ปลายแหลม โคนมน ขอบจัก ฟันเลื่อยตื้นๆ ออกตรงข้ามเป็นคู่ๆ หูใบขอบ เป็นชายครุย กว้างประมาณ 4 มิลลิเมตร ยาว ประมาณ 5 มิลลิเมตร ก้านใบ ยาว 1.3 -2.5 เซนติเมตร

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

ขยาย

ความสูง เพาะเมล็ด เป็นพรรณไม้ หายาก ที่ชุมชนมีความต เป็นพรรณไม้ (height) (seed) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

อเถา มีค่า ไม้ต้นแผ่เป็นปัรัศกมีชํากิ่งเป็หรืนพรรณไม้ (cutting) (tree, umbrella shape)

ไม้ต้นทรงพุ่มตอนกิ กลม ่งเป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องกา อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ (air layering) (tree, round shape) โน้มกิ่ง

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (layering) (tree, conical shape)

ไม้ต้นทรงพุ ่มกรวยแหลมนดอกเดี่ยวขนาดเล็กติดสีตาเขียว ดอก : ดอกเป็ ไม้ต้นทรงพุ่ม(budding) กรวยแหลม (tree, spike shape) (tree, spike shape) อ่ไม้อพนุ่ม ออกรวมกันเป็นช่อแบบหางกระรอกตาม เสียบยอด ไม้ พ ม ่ ุ ปลายกิ ่ ง และง่ า มใบใกล้ ป ลายกิ ่ ง ดอกเพศผู ้ (shrub) (shoot grafting) (shrub) และเพศเมี บ เลี่ง ้ ย ง ไม้พุ่มรอเลื้อย ย อยู ่ ต ่ า งดอกกั น มี ก ลีทาบกิ ไม้ พ ่ ุ ม รอเลื ้ อ ย 3(scandent) กลีบ ไม่มีกลีบดอก ออกดอกติ ด(grafting) ผลช่วง (scandent) ไม้เลื้อย แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล เดือนกรกฎาคม –สิงหาคม (climber) ไม้เลื้อย (sucker, stolon) ผล : ผลกลมรี มี 3 พู แต่ ล ะพูยาวเพาะเลี 4 ้ย-5 (climber) ไม้หัว หรือมีเหง้า งเนื้อเยื่อ เซนติ เ มตร ปลายเป็ น ติ ง ่ แหลม (bulb, rhizome) ไม้หัว หรือมี(tissue เหง้า culture)

คุณค่าในการอนุรักษ์ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

(bulb, rhizome)

คุณค่าในการอนุรักษ์

เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

60

เป็นพรรณไม้มีค่า


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านนาปริก จังหวัดสตูล นิเวศวิทยา : พบตามป่าดิบ การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ไฟเดือนห้า เป็น สมุนไพรทีม่ สี รรพคุณในการขับเลือด สามารถ ใช้เป็นส่วนผสมในการปรุงยาหลายชนิด แต่จะ ต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพราะน�ำ้ ยางของไฟเดือนห้า จะมี พิ ษ มาก หากถู ก ผิ ว หนั ง ท� ำ ให้ ผิ ว หนั ง อักเสบบวมแดง ถ้าเข้าตาก็ท�ำให้ตาบอดได้ สามารถน� ำ ไปปรุ ง เป็ น ยาโดยใช้ ร ่ ว มกั น กั บ สมุนไพรตัวอื่นๆ อีกหลายชนิด เช่น สูตรยา บ�ำรุงรักษาเลือดลม ตัวยาประกอบด้วย ไฟเดือนห้า, ไฟสามกอง, หู ห มี , ชิ ง ดอกเดี ย ว, สมแก่, จวง, ไหมปาดัง, ไอ้แหวง, ฝนแสนห่า, เอ็นแดง และไพ วิธีปรุง น�ำสมุนไพรทั้งหมดมาล้างน�้ำ

ให้ ส ะอาดตากลมให้ แ ห้ ง สั บ เป็ น ชิ้ น ๆ ใน อัตราส่วนทีเ่ ท่ากัน ใส่ลงในหม้อเติมน�ำ้ ให้ท่วม ต้มจนน�ำ้ เดือด รินดืม่ ครัง้ ละครึง่ แก้ว วันละ 2 ครัง้ หลังอาหารเช้า – เย็น (หลังอาหารครึ่งชั่วโมง) ช่วยท�ำให้เลือดลมดี โดยเฉพาะสุภาพสตรี จะท� ำ ให้ ป ระจ� ำ เดื อ นมาเป็ น ปกติ ค� ำ เตื อ น ไฟเดือนห้า ฝนแสนห่า และชิงดอกเดียว มีสรรพคุณ เป็นยาร้อน สตรีมคี รรภ์และคนทีม่ อี าการช�ำ้ ใน ห้ามรับประทาน เพราะจะขับถ่ายเลือดออกมา มากเกิน เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เนือ่ งจากเป็นพรรณไม้หายาก และเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

61


คําอธิบายสัญลัก(grafting) ษณ์เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

(scandent) ไม้หัว หรือมีเหง้า ไม้เลื้อย (bulb, rhizome) (climber)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

คุณค่ไม้าหในการอนุ ัว หรือมีเหง้า รักษ์

ลักษณะวิสยั

บายสัความสู ญลังกษณ์ คําอธิบายสัญ(bulb,ลัเป็กrhizome) ษณ์คํ าทอธิ นพรรณไม้ ี่ขยายพันธุ์ยาก (height)

มะตูม

แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล (tissue culture) (sucker, stolon)

คุณค่าในการอนุรักษ์

ลักษณะวิสยั ความสูง (height)

ลักใษณะวิ สยั เป็นพรรณไม้ กล้ เป็นพรรณไม้ ที่ขยายพั นธุส์ยูญ ากพันธุ์

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี ขยายพั เป็นหพรรณไม้ มีค่า นธุ์ ขยายพั นธุ์ shape) เป็นพรรณไม้ ายาก (tree, umbrella

ความสูง ไม้ต้นทรงพุ่มเพาะเมล็ กลม ด

เพาะเม

10-15 m เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีคว เป็นพรรณไม้ เฉพาะถิ ่น เป็นพรรณไม้ ใกล้สูญ พันธุ์ (height) (seed) (tree, round(seed) shape)เป็นพรรณไม้มีค่า อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยช

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น (tree, umbrella shape)

ปักชํากิํา่งหรือเถา ไม้ต้นแผ่เป็ไม้นรัตศ้นมีทรงกรวยคว่ กชําก เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้ปัองการ (cutting) (tree, conical shape) (tree, umbrella shape) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ (cutting

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aegle marmelos (L.) Corrêa ex Roxb. ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ่ง ้นทรงพุ่มตอนกิ กรวยแหลม ชื่อวงศ์ : RUTACEAE ไม้ต้นทรงพุไม้่มตกลม (tree, round shape) (air layering) (tree, spike shape) (tree, round shape) ชื่ออื่น : ตูม (ปัตตานี) มะปิน (ภาคเหนือ) มะปีส่า (กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

ไม้พุ่ม

โน้มกิ่ง

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (layering) (shrub) (tree, conical shape)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ไม้พุ่มรอเลื้อติยดตา ต้น : ไม้ยนื ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ผลัดใบ หรื อสีชมพู มีขนละเอียด ไม้ใบแก่ ขียวเข้(budding) ม เรียบ ต้นทรงพุส ่มเี กรวยแหลม (tree, spike shape) (scandent) (tree, spike shape)นทีเสี่ขยบยอด สูง 10-15 เมตร เรือนยอดรูปไข่ เปลือกต้นสี เกลี อบใบ ไม้พุ่ม้ยง เส้นใบข้าง 4-12 คู่ จรดกั ไม้เลื้อย grafting) (climber) (shoot พุ่ม ่ปลายยาว เทาเรี ย บหรื อ แตกเป็ น ร่ อ งตื้ น ๆตามยาว นู(shrub) นขึน้ ด้านบน ก้านใบย่อไม้ยที 0.5-3 (shrub) ไม้หัว หรือมีทาบกิ ไม้พุ่มรอเลื ้อย เหง้า ่ง เนื้อไม้แข็ง สีขาวแกมเหลือง และมีกลิ่นหอม เซนติ เมตร (scandent) (grafting) (bulb, rhizome) ไม้พุ่มรอเลื้อย โคนต้ น และกิ่ ง ก้ า นมี ห นามแหลมยาวแข็ ง ดอก : ออกเป็ น ช่ อ ตามซอกใบและปลายกิ ่ง ไม้เลื้อย คุ(scandent) ณค่าในการอนุรแยกหน่ ักษ์ อ หัว ลํา หรือไหล ออกเดี่ยวหรือเป็นคู่ตามกิ่ง ออกรวมกั นเป็นช่อสัน้ ๆ ดอกสีขาวอมเขี(sucker, ยวหรืstolon) อ (climber) ไม้เลื้อย ใบ : ใบประกอบแบบมีใบย่อย 3 ใบ ออกเรียงสลับ สีไม้เหลื อองอ่ อาน ขนาด 1.5-2(climber) เซนติ มตร เพาะเลี หัว หรื มีเหง้ ้ยงเนื เยื่อ เป็นเพรรณไม้ ทดอกมั ี่ขยายพั นก ธุ้อ์ยาก (bulb, rhizome) (tissue culture) ใบรูปไข่ กว้าง 1-7 เซนติเมตร ยาว 4-13 ออกพร้ อมกับใบอ่อน มีกไม้หลิัว่นหรืหอม อมีเหง้า กลีบดอกมี พรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ คุณค่าในการอนุ รักบษ์ดอกขนาด 6-8 (bulb,มิrhizome) เซนติเมตร สองใบล่างมีขนาดเล็กและติดตรง 5 กลีบ กลี ลลิเป็เนมตร รูปไข่กลับ ข้ามกัน ใบปลายมีขนาดใหญ่ ปลายใบสอบ โคนติ ดกันที่ขยายพั ดอกสมบู รค่ณ์าเในการอนุ พศ กลีเป็รนบักพรรณไม้ ฐานดอกกาง นพรรณไม้ ษ์ เป็เฉพาะถิ เป็นพรรณไม้ นธุ์ยากคุณ ่น หายาก โคนใบแหลม ขอบใบเรี ย บหรื อ มี ห ยั ก มนๆ แผ่เป็นรูปดาวมี 4-5 แฉกแหลมๆ กลีบเลี้ยง เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันเป็ธุ์ยนาก เป็นพรรณไม้4-5 ใกล้สูญพูพันธุก้ ์ านดอกมี แผ่นใบเรียบเกลี้ยงเป็นมัน ใบอ่อนสีเขียวอ่อน แบนมี ขนอ่อนปกคลุพรรณไม้ ม มีค่า เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

ตอนกิ่ง (air lay

โน้มกิ่ง (layerin

ติดตา (buddin

เสียบยอ (shoot g

ทาบกิ่ง (graftin

แยกหน (sucker

เพาะเล (tissue

เป็นพรร

เป็นพรร เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพัเป็ นธุน์ พรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

62

ขยา

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture) เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรร อนุรักษ


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านห้วยลาน (เขาล้านลื้อ) จังหวัดเพชรบูรณ์ ผล : รูปรีกลมหรือรียาว ขนาดกว้าง 8-10 เซนติเมตร ยาวประมาณ 12-18 เซนติเมตร ผิวเรียบเกลี้ยง เปลือกหนา แข็งมาก ไม่แตก ผลอ่อนสีเขียวพอสุกมีสเี หลือง เนือ้ ผลมีสเี หลือง นิม่ มีกลิน่ หอม และมีเนือ้ เยือ่ สีสม้ ทีม่ ยี างเหนียวๆ ภายในมี 8-15 ช่อง เมล็ดสีนำ�้ ตาลอ่อน จ�ำนวนมาก มียางใสเหนียวหุ้มเมล็ดอยู่ เมล็ดรูปรีๆ และ แบน มีเส้นขนหนาแน่นปกคลุม นิเวศวิทยา : พบขึน้ ทัว่ ไปตามป่าเบญจพรรณ และป่ า แล้ ง ทั่ ว ไป ที่ สู ง จากระดั บ น�้ ำ ทะเล 50-700 เมตร การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ต�ำรายาไทย ผลรสฝาด หวานชุม่ เป็นยาเย็น ออกฤทธิต์ อ่ กระเพาะและ ล�ำไส้ ใช้เป็นยาแก้ทอ้ งเดิน ท้องเสียเรือ้ รัง แก้บดิ มูกเลือด บิดเรื้อรัง บ�ำรุงธาตุ เจริญอาหาร

แก้เจ็บคอ คออักเสบ ร้อนใน ปากเปือ่ ย ขับเสมหะ ขับลม ผลมะตูมยังมีสรรพคุณพิเศษ คือ มีฤทธิ์ ลดความก�ำหนัด คลายกังวล และช่วยให้สมาธิ ดีขนึ้ ชาวพุทธจึงนิยมใช้ทำ� เป็น น�ำ้ ปานะ ถวาย พระสงฆ์ ผลดิบแห้ ง ชงน�้ ำ ดื่ ม แก้ ท ้ อ งเสี ย แก้ บิ ด ผลสุ ก รสหวานเย็น เป็นยาระบาย ช่วยย่อยอาหาร บ�ำรุงไฟธาตุ แก้ลมในท้อง แก้มกู เลือด ยางจากผล ใช้ตดิ กระดาษแทนกาว เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เนื่องจากเป็นพรรณไม้มีค่า และเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

63


grafting) (scandent) คําอธิบายสัญลั(shoot กษณ์

(shrub)

ไม้พุ่มรอเลื้อย (scandent)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ลักษณะวิสยั

ไม้เลื้อย (climber)

แยกหน่ไม้ อ หหั​ัวว หรื ลําอหรื อไหล มีเหง้ า (sucker,(bulb, stolon) rhizome)

ญลัง กษณ์ คํ าอธิบายสัญลักษณ์คํ าอธิบายสัความสู (height)

รังแร้ง

ทาบกิ่งไม้เลื้อย (grafting) (climber)

ลักษณะวิสยั

ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

้ยงเนื้อเยื่อ คุณเพาะเลี ค่าในการอนุ รักษ์

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี

(tissue culture)

นธุ์ ลักษณะวิสยั ขยายพั (tree, umbrella shape)

คุณค่าในการอนุรักษ์

ความสูง (height)

ขยา

ขยายพันธุ์

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

ความสูง ไม้ต้นทรงพุเพาะเมล็ เพาะเ ่มกลม ด เป็นพรรณไม้ หายากใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้ (height) (tree, round(seed) (seed shape)

8-22นธุ m์ยาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพั

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี ปักชํากิ่งหรือเถา มีค่า ปักชํา เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ ไม้ต้นแผ่เป็ไม้นรัตศ้นมีทรงกรวยคว่ําเป็นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น (tree, umbrella shape) (cutting) (tree, conical shape) (tree, umbrella shape) (cuttin

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Heterophragma sulfureum Kurz องกา ้นทรงพุตอนกิ ่มกรวยแหลม ไม้ต้นทรงพุ่มเป็กลม ่งเป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้ตอนก นพรรณไม้เฉพาะถิ่น ชื่อวงศ์ : BIGNONIACEAE ไม้ต้นทรงพุไม้่มตกลม อนุ ร ก ั ษ์ เ พื อ ่ การใช้ ป ระโยชน์ (tree, spike shape) round shape) (tree, round shape) (air layering) (air la ชื่ออื่น : แครกฟ้า (สุโขทัย อุตรดิตถ์) แคตุ้ย (ล�(tree, ำปาง) แคทุ่ง (ก�ำแพงเพชร) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้ต้นขนาดเล็ก สูง ๘-๒๒ เมตร ผลัดใบ เรือนยอดรูปไข่แคบทรงสูง แตกกิ่งก้านน้อย ล�ำต้นเปลาตรง เปลือกสีเทาปนน�้ำตาลอ่อน แตกเป็นร่องลึกตามยาว ใบ : ใบประกอบแบบขนนกชัน้ เดียว ออกเป็นวง วงละ 3 ใบ ใบย่อย 3-4 คู่ เรียงตรงข้ามรูปไข่ กว้างหรือค่อนข้างกลม แผ่นใบกระด้าง ด้านบน สีเขียวเข้ม ด้านล่างมีขนนุ่ม สีน�้ำตาลอมเทา หนาแน่น

ไม้พุ่ม

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา โน้มกิ่ง (shrub) (layering) (tree, conical shape) ้อติยดตา ไม้ต้นทรงพุ ดอก : สี่มกรวยแหลม ขาวปนเหลืองอ่ไม้อตนมี กไม้(scandent) ลิ่มพกรวยแหลม ่นุ่มรอเลื หอม ออก ้นทรงพุ (tree, spike shape) (budding) spike shape) เป็นช่อ แบบช่อกระจะยาว(tree, ๑๐-๒๔ ไม้เลื้อยเซนติเมตร ไม้พุ่ม เสียบยอด (climber) พุ่ม บเลี ตามซอกใบและปลายกิ ่ง ไม้กลี ้ยง โคนเชื ่อม (shrub) (shoot grafting) (shrub) ไม้หัว หรือมีเหง้า ติไม้ดพกัุ่มนรอเลื เป็้อนย รูปหลอดปลายแยกเป็นแฉกตื น้ หรื ทาบกิ ่ง อ (bulb, rhizome) ไม้ พ ่ ุ ม รอเลื ้ อ ย (grafting) ไม่(scandent) มี กลีบดอกโคนเชือ่ มติดกั(scandent) นรูปแจกันปลายแยก คุณค่าในการอนุรักษ์ อ หัว ลํา หรือไหล ไม้เลื้อยแฉก มีขนด้านนอก ดอกบานเต็มแยกหน่ ๔-๕ ที่กว้าง ไม้เลื้อย (climber) (sucker, stolon) นพรรณไม้ที่ขยายพัถึนงธุ์ยาก ๕-๗ เซนติเมตร ออกดอกเดื (climber)อเป็นมกราคม ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ กุ(bulb, มภาพั นธ์ ไม้หัว หรือมีเหง้า (tissue culture) rhizome) เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ (bulb, rhizome)

คุณค่าในการอนุรักษ์

เสียบย (shoo

ทาบก (graft

แยกห (sucke

เพาะเ (tissue

เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

ติดตา (budd

คุณค่าในการอนุเป็รนักพรรณไม้ ษ์ เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

โน้มก (layer

เป็นพ

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพ เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็นพ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่นอนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

อนุรัก

64


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านหินลาด จังหวัดชัยภูมิ ผล : ผลทรงกระบอกยาว ปลายแหลม กว้าง ๕-๘ เซนติเ มตร ยาว ๓๐-๕๕ เซนติเ มตร ผิวมีขนสีนำ�้ ตาลเหลืองหนาแน่น เมล็ดจ�ำนวนมาก มีปีกบาง ฝักสดมีน�้ำหนักมากถึง ๕๐๐ กรัม ผลแก่เดือน เมษายน - พฤษภาคม นิเวศวิทยา : ขึน้ ตามป่าเต็งรัง ป่าละเมาะและ ที่แห้งแล้ง และตามคันนา ที่ระดับความสูง 50-350 เมตร

การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : เนื้อไม้ใช้ในการ ก่อสร้าง ดอกสวยงามและมีกลิ่นหอม เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เนือ่ งจากเป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

65


(climber) ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

คุณค่าในการอนุรักษ์

ไม้ต้นทรงพุ่มกลม (tree, round shape)

(sucker, stolon) เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

ทรงกรวยคว่ บายสัํา ญลักเป็นษณ์ คําอธิบายสัญเป็ลันพรรณไม้ กษณ์ที่ขยายพันธุคํ์ย ไม้ากาต้นอธิ พรรณไม้หายาก

(tree, conical shape)

หนามแท่ง

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี (tree, umbrella shape)

ลักษณะวิสยั ความสูง (height)

ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม

ขยายพั กษณะวิ สยั นธุ์ เป็นพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุลั ์ (tree, spike shape) เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

ไม้พุ่ม ความสูง เพาะเมล็ด เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต (shrub) (height) (seed)

4-10 m

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี (tree, umbrella shape)

ไม้พุ่มรอเลืไม้​้อยต้นแผ่เป็นปัรัศกมีชํากิ่งหรือเถา (cutting) (scandent)(tree, umbrella shape)

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

ไม้หัว หรือมีเหง้า โน้มกิ่ง ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (bulb, rhizome) (layering)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Catunaregam tomentosa (Blume ex DC.) Tirveng. ไม้เลื้อย ไม้ต้นทรงพุ่มตอนกิ ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ชื่อวงศ์ : RUBIACEAE กลม ่ง (climber) (tree, round shape) (air layering) (tree, round shape) ชื่ออื่น : มะเค็ด ระเวียงใหญ่ (ตะวันออก) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้ น : ไม้ พุ ่ ม หรื อ ไม้ ต ้ น ขนาดเล็ ก สู ง 4-10 เมตร ล�ำต้นและกิง่ ก้านทรงกระบอก เปลือกสี น�ำ้ ตาล กิง่ ก้านมีหนามแข็ง แหลม ยาว 1-2 นิว้ ออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน กิง่ แตกออกเกือบขนาน กับพืน้ เมือ่ ต้นสูงราว 2 เมตร จะมีลกั ษณะยอด บิดคดไปมา คล้ายไม้บอนไซ พุม่ ยอดรูปปลายตัด ใบ : ใบเดีย่ ว เรียงตรงข้าม รูปไข่กว้าง หรือรูป ไข่แกมวงรี กว้าง 3-5 เซนติเมตร ยาว 5-7 เซนติเมตร ใบมักเรียงชิดติดกันเป็นกระจุกตาม กิง่ ใหญ่ ฐานใบสอบเรียว ปลายใบกลมหรือมน มีติ่งหนาม ขอบใบเรียบ มักม้วนลงเล็กน้อย แผ่นใบมีขนหนานุม่ แผ่นใบกึง่ หนาคล้ายแผ่นหนัง

ดอก : ดอกเดี่ยว ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม (budding) (tree, spike shape) ดอกมีขนาดเล็ก มี 2-6 ดอก เป็กลี บ ดอกสี นพรรณไม้ที่ขยายพัขนาว ธุ์ยาก ไม้พุ่ม เสียบยอด พุ่ม บดอก เมือ่ แก่(shrub) เปลีย่ นเป็นสีเหลือง กลิน่ หอม ไม้กลี (shoot grafting) (shrub) เป็ น พรรณไม้ ใ กล้ ส ญ ู พั นธุ์ โคนเชืไม้่อพมติ ด้อกัยน ปลายแยกเป็น 8-10 แฉก ุ่มรอเลื ทาบกิ่ง ไม้พุ่มรอเลื้อ(grafting) ย (scandent) บแกมรูปไข่ กว้าง 4-6 มิ รูปใบหอกกลั ล ลิ เ มตร เป็นพรรณไม้ เฉพาะถิ่น (scandent) ไม้เลื้อย เซนติเมตร ปลายแหลม บิดเป็ แยกหน่ ยาว 1-1.5 น อ หัว ลํา หรือไหล ไม้ เ ลื ้ อ ย (sucker, stolon) กังหันเล็(climber) กน้อย เกสรเพศผูต้ ดิ ระหว่างแฉกกลี บดอก (climber) ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ มีจ�ำนวนเท่ า กั บ แฉกกลี บ ดอก ไม้ ห ว ั หรื อ มี เหง้า culture) (bulb, rhizome) (tissue ผล : ผลสดรู ป ไข่ ค่ อ นข้ า งกลม (bulb, เส้ นrhizome) ผ่ า น คุณค่าในการอนุรักษ์ ศูนย์กลาง 2-4 เซนติเมตร มีเคุนืณ้อค่ามีในการอนุ ขนเหมือรักนษ์ เป็นพรรณไม้หายาก เป็นส ที่ขยายพันธุ์ยมากนุม ก�ำมะหยี ่ พรรณไม้ นี ำ�้ ตาลปกคลุ ่ เมือ่ แห้งแล้ว ไม่แตก เมล็ดมีขนาดเล็ก จ�ำนวนมาก รูปรี เป็หรืนพรรณไม้ อรูปทไข่ี่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

66

(tree, conical shape)

คุณค่าในการอนุ ษ์ ติด่งตา หรือออกกระจุ กทีร่ปักลายกิ

ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม (tree, spike shape)

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้อ รักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เป็นพรรณไม้อนุ เฉพาะถิ ่น


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านป่าใต้ (ดอนทราย) จังหวัดจันทบุรี แกมรูปรี ปลายผลมีกลีบเลีย้ งติดทนเห็นหลอด และแฉกเด่นชัด นิเวศวิทยา : พบตามป่าเต็งรัง ป่าดิบ ป่าดิบแล้ง ป่าละเมาะ ทีร่ กร้าง ป่าชายหาด หรือทุง่ หญ้า พืน้ ทีโ่ ล่ง พบทีค่ วามสูงตัง้ แต่ใกล้ระดับน�ำ้ ทะเล จนถึงประมาณ 300 เมตร การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ต�ำรายาไทย ใช้ทงั้ ต้น รสเฝื่อนเล็กน้อย ปรุงยารักษาโรคเบาหวาน แก้โรคมะเร็งต่างๆ เช่น มะเร็งตับ มะเร็งใน กระดูก แก้วัณโรค ผลแก่ ใช้ตีกับน�้ำ เป็นยา

สระผม ซักผ้า เบื่อปลา ประเทศแถบอินโดจีน ใช้ ใบ แก้ไข้ ขับปัสสาวะ เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

67


คําอธิบายสัญลักษณ์ คํ าอธิบายสัไม้ญหัวลัหรืกอมีษณ์ เ หง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

หมันดง

(climber)

(sucker, stolon)

(bulb, rhizome)

(tissue culture)

ลักษณะวิคุสณยั ค่าในการอนุรลั​ักกษ์ษณะวิสยั ขยายพันธุ์

ญลังกษณ์ เพาะเมล็ด คํ าอธิบายสัญความสู ลักษณ์ ง คําอธิบายสัความสู

ขยาย

าก (height) เป็ นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ย(height)

ลักษณะวิสยั

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี ปักชํากิ่งหรือเถา ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี ขยายพั นธุ์ กshape) ษณะวิ ัูญพันธุ(tree, ขยายพันธุ์ เป็ลันพรรณไม้ ใกล้สสย ์ umbrella shape) (tree, umbrella (cutting) เป็นพรรณไม้มีค่า

(seed) เป็นพรรณไม้หายาก

ความสูง (height)

ด ่ง ความสูง ไม้ต้นทรงพุ่มเพาะเมล็ เพาะเมล ไม้ต้นทรงพุ่มกลม กลม ตอนกิ 10-15 m เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมี ความต นพรรณไม้เฉพาะถิ (tree, roundเป็shape) (air layering) (height)่น (tree, round(seed) (seed) shape) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ โน้มอกิเถา ่ง ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมีไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา ไม้ต้นแผ่เป็ไม้นรัตศ้นมีทรงกรวยคว่ ปักชํากิํา ่งหรื ปักชํากิ่ง (tree, conical shape) (layering) (tree, umbrella shape) (tree, conical(cutting) shape)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cordia dichotoma G.Forst. (tree, umbrella shape) ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ติดตา ไม้ต้นทรงพุ่มตอนกิ กรวยแหลม ชื่อวงศ์ : BORAGINACEAE ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ่ง (tree, spike shape) ไม้ต้นทรงพุ่มกลม (budding) (tree, spike (air shape) shape) layering) (tree, round shape) ชื่ออื่น : หมันดง (นครราชสีมา) ผักหม่อง (เงี(tree, ้ยว round ภาคเหนื อ ) มั น หมู (ล� ำ ปาง) ไม้พุ่ม เสียบยอด

(cutting)

ตอนกิ่ง (air layer

ไม้พุ่ม ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา โน้มกิ่ง (shoot grafting) โน้มกิ่ง (shrub) (layering) (tree, conical shape) (layering ไม้พุ่มรอเลื้อย ทาบกิ่ง ไม้พุ่มรอเลื้อย (scandent) (grafting) ไม้ ต ้ น ทรงพุ ่ ม กรวยแหลม ติ ด ตา ดอก : ออกเป็นช่อแบบช่อไม้แยกแขนงตามซอกใบ ต้นทรงพุ(scandent) ่มกรวยแหลม ติดตา (tree, spike shape) (budding)แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล ไม้เลื้อย (tree, spike shape) (budding ตามกิ ่ ง และปลายกิ ่ ง ช่ อ ดอกยาว 10-25 ไม้เลื้อย (climber) ไม้พุ่ม เสียบยอด(sucker, stolon) ไม้พุ่มอ เสียบยอด เซนติ เมตรไม้กลี บดอกโคนเชื ่ มติ(climber) ดกันเป็(shoot นหลอด หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (shrub) grafting) (shrub) (shoot gr ไม้ขหาว ัว หรือเกสรเพศผู มีเหง้า (tissue้ culture) (bulb,นrhizome) ปลายแยกเป็ 4-5 แฉก มี ข นสี ไม้พุ่มรอเลื้อย ทาบกิ่ง (bulb, rhizome) ทาบกิ่ง 5(scandent) อันคุณค่าในการอนุรักษ์ ไม้พุ่มรอเลื้อย (grafting) (grafting คุ(scandent) ณค่าในการอนุรักษ์ ผล เ นื ้ อ เมล็ ด เดี ่ ย ว ทรงกลม ไม้เลื้อย: ผลสดแบบมี แยกหน่ อ หั ว ลํ า หรื อ ไหล เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุไม้ ์ยากเลื้อย แยกหน่อ (climber) (sucker, stolon) กลี บเลี้ยงรูปถ้วยปลายเว้ า ตื ้ น ผลสุ ก สี ช นธุ์ยาก (climber) เป็นพรรณไม้ที่ขยายพัมพู (sucker, เป็ นพรรณไม้ มีค่า เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ ไม้ ห ว ั หรื อ มี เ หง้ า เพาะเลี ้ ย งเนื ้ อ เยื อ ่ อมส้ม เนือ้ ผลเป็นยางเหนี อ่อน ไม้หัวยหรืวใสสี อมีเหง้าชมพู เพาะเลี้ย (bulb, rhizome) เป็นพรรณไม้(tissue ใกล้สูญculture) พันธุ์ (bulb, rhizome) (tissue c เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ํา (shrub) (tree, conical shape)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง 10-15 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดเป็นพุม่ กลม กิง่ ก้านห้อยย้อยลงมา เปลือกนอกสีน�้ำตาลเทา แตกเป็นร่องถี่ ตื้น ตามยาวล�ำต้น เปลือกใน สีขาว ใบ : ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่หรือรูปไข่กลับ กว้าง 5-10 เซนติเมตร ยาว 8-16 เซนติเมตร ปลายใบมนหรือแหลมทู่ โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ หลังใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ท้องใบสาก เส้นแขนงใบ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น คุณค่าในการอนุรักษ์ ข้างละ 5-6 เส้น คุณค่าในการอนุเป็รนักพรรณไม้ ษ์ เฉพาะถิ่นอนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

68

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณ

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณ

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เป็นพรรณ อนุรักษ์เพ


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านเขาใหญ่ จังหวัดนครสวรรค์ นิเวศวิทยา : ป่าเบญจพรรณ การขยายพันธุ์ : เพาะกล้าจากเมล็ด และ ตอนกิ่ง การน�ำไปใช้ประโยชน์ : เปลือกแก้ปวดท้อง แก้หวัด แก้ปวดศีรษะ รักษาแผลในปาก แก้บดิ แก้ไข้ เปลือกใช้ทำ� เชือกส�ำหรับสวนตะพาย วัว ควาย มีความเหนียวคงทนและช่วยสมานแผล ผลดับพิษร้อน ขับเสมหะ เป็นยาระบาย เนือ้ ในเมล็ด แก้กลากเกลื้อน

เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

69


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

กลอย

(climber) (sucker, stolon) ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ติดตา ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา โน้มกิ่ง ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา โน้ ม กิ ง ่ (tree, spike shape) (buddi ไม้หัว หรือมีเหง้า (tree, conical เพาะเลี ้ ย งเนื ้ อ เยื อ ่ shape) (layering) (tree, conical shape) (layering) (bulb, rhizome) (tissue culture) ไม้พุ่ม ติดตา เสียบย ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ติดตา (shrub) คุณ(tree, ค่าในการอนุ (budding) (shoot spike shape) รักษ์(tree, spike shape) (budding)

คําอธิบายสัญไม้ลัพุ่มกเป็ษณ์ ไม้พุ่ม ไม้พุ่มรอเลื้อย นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

(shrub) (scandent)

(shrub)

ลักษณะวิสยั

ไม้พุ่มรอเลืไม้ขยายพั ้อเยลื้อย นธุ์ ไม้พุ่มรอเลื้อย เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ (climber) (scandent) (scandent)

ความสูง (height)

เสียบยอด ทาบกิ่ง เสียบยอด เป็นพรรณไม้หายาก (graftin (shoot grafting) (shoot grafting)

ทาบกิ่ง แยกหน ทาบกิ่ง เป็นพรรณไม้มีค่า (grafting) (sucke (grafting)

เพาะเมล็ด ไม้เลื้อย ไม้เลื้อย ไม้หัว หรือมีเหง้า แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล แยกหน่อ หัเพาะเล ว ลํา เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น (bulb, rhizome) (seed) (tissue (climber) (sucker, stolon) (climber) (sucker, stolon) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ ไม้ต้นแผ่เป็นรัศไม้มีหัว หรือมีเหง้า ชํากิ่งเพาะเลี หรือเถา ้ยงเนื้อเยื่อ อมีเหง้า รปั​ักกษ์ เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ คุไม้ณหค่ัว าหรืในการอนุ rhizome) (tree, umbrella(bulb, shape) (cutting)(tissue culture) (bulb, rhizome) (tissue culture)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dioscorea hispida Dennst. เป็นพร ที่ขยายพั ณค่​่มากลม ในการอนุรักคุษ์ณค่าในการอนุเป็รนักพรรณไม้ ไม้ต้นคุทรงพุ ่ง นธุ์ยาก ชื่อวงศ์ : DIOSCOREACEAE ษ์ ตอนกิ (tree, round shape) ชือ่ อืน่ : กลอยข้าวเหนียว กลอยหัวเหนียว (นครราชสี า) กลอยนก อ)(airมั์ยนากlayering) กลอย (ภาคกลาง) หายาก เป็นมพรรณไม้ ที่ขยายพันธุ์ยเป็ ากน(ภาคเหนื เป็นหพร เป็นพรรณไม้ าย เป็นทพรรณไม้ สูญเป็พันนพรรณไม้ ธุ์ พรรณไม้ ี่ขยายพันใธุกล้ ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

โน้มกิ่ง (layering)

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ นพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ ีค่า เป็นมพร กล้สูญพัเนฉพาะถิ ธุ์ เป็ เป็นใพรรณไม้ ่น ไม้ ต ้ น ทรงพุ ่ ม กรวยแหลม ติ ด ตา อนุ ร ักษ ต้น : ไม้เถาล้มลุก ไม่มีมือเกาะ มีหัวใต้ดิน ยาว 8-25 เซนติ เ มตร ปลายเรี ย วแหลม (tree, spike shape) (budding) เป็ น พรรณไม้ ท ี ่ ช ม ุ ชนมี ค วามต้ อ งการ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น ลึกประมาณ 10-15 เซนติเมตร ล�ำต้นกลม โคนแหลม ขอบใบเรี ย บ เส้ น ใบนู นอนุรใบย่ อ ยประโยชน์ เป็นพรรณไม้ที่ชุม ักษ์เพื่อการใช้ อนุรักษ์เพื่อการใช ไม้พุ่ม เสียบยอด มีหนามเล็กๆกระจายทัว่ ไป และมีขนนุม่ ๆ สีข(shrub) าว 2 ใบ แผ่นใบรูปไข่ รูปไข่กลับ ขนาดสั น ้ กว่ า ใบกลาง (shoot grafting) ปกคลุม มีรากเจริญเป็นหัวสะสมอาหารอยู แต่ เส้นใบ ไม้พุ่่มรอเลื ้อย ก ว้ า งกว่ า ปลายแหลม โคนกลม ทาบกิ่ง (grafting) 10-15 ใต้ดิน หัวใต้ดินส่วนมากกลมรี บางทีเป็น(scandent) พู ออกจากจุ ด เดี ย วกั น ก้ า นใบยาว แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล มีรากเล็กๆกระจายทั่วทัง้ หัว มี 3-5 หัวต่อต้ไม้นเลื้อย เซนติเมตร (climber) (sucker, stolon) เปลือกหัวบางสีนำ�้ ตาลออกเหลือง เนือ้ ในหัวมี ดอก : ดอกช่อแบบแยกแขนง แยกเพศอยู่ ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ 2 ชนิดคือ สีขาว (กลอยหัวเหนียว) และสีครี(bulb, ม rhizome) คนละต้น ดอกย่อยมีขนาดเล็ก จ�(tissue ำนวน 30-50 culture) (กลอยไข่ กลอยเหลือง) ดอก คุณค่าในการอนุ รักษ์ สี เ ขี ย ว ออกตามซอกใบ ห้ อ ยลง ใบ : ใบประกอบ เรียงตัวแบบเกลียว ผิวใบสากมือ ดอกเพศผู ้ อ อกเป็ น ช่ อ แยกแขนง 2-3 ชั้ น เป็นพรรณไม้หายาก ที่ขยายพันธุ์ยาก มีขนปกคลุม มีใบย่อย 3 ใบ ใบกลางแผ่นเป็ใบนพรรณไม้ ดอกตั ง้ ขึน้ ยาวได้ถงึ 40 เซนติเมตร เกสรเพศผู้ รูปรีแกมขอบขนาน กว้าง 6-15 เซนติเมตร จ�ำนวน 6 อัน ดอกเพศเมียออกเป็ นช่อชัน้ เดียว เป็นพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

70


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านดอนกอย จังหวัดสกลนคร ดอกชี้ลงดิน กลีบเลี้ยงและกลีบดอกอย่างละ 6 กลีบ เรียงเป็น 2 วง ออกดอกช่วงเดือน เมษายนถึงมิถุนายน ผล :ผลแก่แตกได้ สีนำ�้ ผึง้ มีครีบ 3 ครีบ กว้าง ประมาณ 2 เซนติเมตร ยาว 5.5 เซนติเมตร แต่ละครีบมี 1 เมล็ด ผิวเกลี้ยง เมล็ดกลมแบน มีปีกบางใสรอบเมล็ด นิเวศวิทยา : พบตามที่ลุ่มต�่ำ ที่รกร้างทั่วไป ป่าเต็งรัง ป่าผสม และป่าดงดิบ การขยายพันธุ์ :ขยายพันธุ์โดยใช้หัว และ เมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ด้านสมุนไพร หัวตากแห้ง ปรุ ง เป็ น ยาแก้ น�้ ำ เหลื อ งเสี ย ขั บ ปั ส สาวะ แก้ปวดตามข้อ ฝีมะม่วง โรคซิฟลิ สิ หรือน�ำหัว ใต้ดิน หั่นเป็นแผ่นบางๆปิดบริเวณที่มีอาการ

บวมอักเสบ หรือน�ำมาท�ำเป็นยาแก้แผลสด น�ำหัวสด ต�ำผสมน�ำ้ มะนาว หรือขมิ้น ส�ำหรับ ปิดแผลต่างๆ องค์ประกอบทางเคมีของกลอย เหง้ามีแป้งมาก พบสาร dioscin เป็นสารตัง้ ต้น ในการสังเคราะห์สเตียรอยด์ ฮอร์โมนหลายชนิด น�้ ำ ยางจากเหง้ า มี ส ารพิ ษ แอลคาลอยด์ dioscorine เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

71


(shrub) ไม้พุ่มรอเลื้อย (scandent)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ไม้เลื้อย

คํ าอธิบายสัญ(climber) ลักษณ์

ขาเปีย

ลักษณะวิสยั

ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

คุณค่าในการอนุรักษ์

ความสูง (height)

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี

(scandent) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (shoot grafting) (tree, conical shape)ทาบกิ่ง ไม้เลื้อย (grafting) ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม (climber)

ลําอหรื อไหล (tree, spike shape) แยกหน่อไม้หัหวั หรื มีเหง้ า (sucker,(bulb, stolon)rhizome) ไม้พุ่ม ้ยงเนื้อเยื่อ รักษ์ (shrub) คุณเพาะเลี ค่าในการอนุ (tissue culture) ไม้ พุ่มรอเลื้อนย ธุ์ ขยายพั เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก (scandent)

เพาะเมล็ด

ไม้เลื้อย เป็นพรรณไม้ หายากใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้ (climber) (seed) ไม้หัว หรือมีเปัหง้กชํา ากิ่งหรือเถา

เป็นพรรณไม้ มีค่า เฉพาะถิ่น เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้ (bulb, rhizome) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hymenopyramis brachiata(tree,Wall. Griff. umbrellaex shape) (cutting) ักษ์ ่ง เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ ไม้ต้นทรงพุ่มเป็ กลม ชื่อวงศ์ : LAMIACEAE นพรรณไม้เฉพาะถิ่น คุณค่าในการอนุรตอนกิ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ (tree, round shape) (air layering) ชื่ออื่น : กระดูกกบ กระดูกแตก กระพัดแม่ม่าย (ภาคกลาง) ควายแก่ร้องไห้ (นครราชสีมา) เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

โน้มกิ่ง (layering)

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ ไม้ ต ้ น ทรงพุ ่ ม กรวยแหลม ติดตา ต้น : ไม้เถารอเลือ้ ย โคนต้นมีหนามแข็ง กิง่ ตัง้ ฉาก ดอก : ช่อแบบแยกแขนง ออกตามซอกใบและ (tree, spike shape) พรรณไม้(budding) ่น กั บ ล� ำ ต้ น กิ่ ง อ่ อ นเป็ น สี่ เ หลี่ ย ม มี ข นสั้ น ๆ ปลายกิ ่ง ยาว 15-35 เซนติเป็เนมตร ช่เฉพาะถิ อดอก ุ่ม ยบยอด สีน�้ำตาลอ่อนหนาแน่น ย่ไม้(shrub) อพยตั ้งฉากกับแกนช่อดอก ดอกเล็กเสี(shoot สีขgrafting) าว ใบ : ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ใบรูป กลี บเลี้ยงสั้นมากยาวไม่เกิน 1 มิลลิเมตร โคน ไม้พุ่มรอเลื้อย ทาบกิ่ง รีรปู ไข่หรือรูปไข่แกมรูปขอบขนาน ขนาด 2.5-8 x เชื(scandent) อ่ มติดกันเป็นรูปถ้วยขนาดเล็ก มีขนสี(grafting) นำ�้ ตาล 5-12 เซนติเมตร ปลายใบแหลม ฐานใบสอบ ปลายเป็ กมาก ไม้เลื้อย น 4 แฉก กลี บ ดอกขนาดเล็ แยกหน่ อ หัว ลํา หรือไหล (climber) (sucker, หรือมน ขอบเรียบ แผ่นใบบางคล้ายกระดาษ ยาวประมาณ 3 มิลลิเมตร โคนเชือ่ มติดกันเป็stolon) น ัว หรือมีเหง้ า เพาะเลี ้ยงเนืน้อเยื่อ ผิวด้านบนเกลี้ยง หรือมีขนเล็กน้อย ตามเส้น รูไม้ปหกรวย ปลายแยกเป็ น 4 แฉก ขนาดเท่ าๆกั (bulb, rhizome) (tissue culture) กลางใบ ด้ า นล่ า งมี ข นสั้ น ๆ สี น�้ ำ ตาลอ่ อ น เกสรเพศผู้ 4 อัน ติดที่โคนกลีบดอก รังไข่อยู่ รักษ์ หนาแน่ น เส้ น แขนงใบข้ า งละ 6-12 เส้คุณนค่าในการอนุ เหนือวงกลี บ ขนาดเล็กมีขน มี 2 ช่อง แต่ละช่อง เป็นร่องทางด้านบน มีเป็อนพรรณไม้ อวุล ท1ี่ขยายพั เม็ดนธุ์ยก้ากานเกสรเพศเมียเรีเป็ยนพรรณไม้ วเล็กหายาก

72


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านหินลาด จังหวัดชัยภูมิ ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็น 2 แฉก ออกดอก เดือนมีนาคมถึงกันยายน ผล : ผลแบบแห้งแตก ค่อนข้างกลม แข็ง เส้นผ่านศูนย์กลาง 3-4 มิลลิเมตร มีขน มีกลีบเลีย้ ง ที่ขยายใหญ่เชื่อมติดกันเป็นถุงสี่เหลี่ยม กว้าง 1-1.8 เซนติ เ มตร ยาว 1.5-2 เซนติเมตร หุม้ อยู่ สีเขียวขาว มีสชี มพูแซมทีโ่ คนผลแก่เดือน กรกฎาคมถึงพฤศจิกายน นิเวศวิทยา : พบตามป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และป่ า ดิ บ แล้ ง ในภาคกลาง ภาคเหนื อ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันตก เฉียงใต้ มีการกระจายพันธุ์ในอินเดีย ศรีลงั กา พม่า ไทย และภูมภิ าคอินโดจีน

การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ตามความเชื่อสูตร ยาโบราณพื้นบ้านอีสานบอกว่า เป็นยาบ�ำรุง ก�ำหนัด ท�ำให้มกี ำ� ลังวังชา โดยเอาชิน้ ไม้ไปย่าง ไฟ ท�ำให้เนือ้ ไม้หอม น�ำไปต้มดืม่ กินต่างน�้ำ ให้ ผู้ชายกิน จะมีก�ำลังมากขึ้น บางต�ำรายังบอก ว่าน�ำเนือ้ ไม้หรือแก่นมาต้มน�้ำแก้โรคไตพิการ เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เป็นพรรณไม้หายากและใกล้ จะสูญพันธุ์

73


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ข้าวเย็นใต้

(climber) (sucker, stolon) (scandent) ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ติด (scandent) (grafting) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ําโน้มกิ่ง โน้มกิ่ง ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, spike shape)เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (bu ไม้หัว หรื (tree, conical shape) (layering) ไม้อเลืมี้อเหง้ ยา แยกหน่ไม้ อ หัเลืว้อลํยา หรือไหล (tree, conical shape) (layering) (bulb, rhizome) (tissue culture) (climber) (sucker,(climber) stolon) ไม้่มพกรวยแหลม ุ่ม ไม้ต้นทรงพุ ติดตา เส ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ติดตา (shrub) (sh คุณค่spike าในการอนุ หัว้อหรื า หรืษ์อมีเหง้า (tree, spike shape)(budding) เพาะเลี้ยไม้งเนื เยื่ออมีเหง้(budding) (tree, shape)ไม้หัวรัก (bulb, rhizome) (bulb, rhizome) (tissue culture) ไม้พุ่ม ไม้พุ่มรอเลืเสี้อยยบยอด เสียบยอด ทา ไม้พุ่ม เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก (scandent) (shrub) คุณค่าในการอนุรักษ์ (shrub) (shoot grafting) คุณค่าในการอนุรัก(shoot ษ์ grafti(gr

ไม้พุ่มรอเลืไม้​้อเยลื้อย ทาบกิ่ง ทาบกิ่ง แย ไม้พุ่มรอเลื้อย เป็นพรรณไม้ ีค่าเป็นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ ใกล้สูญทพัี่ขนยายพั ธุ์ นธุ์ยาก(climber) เป็นมพรรณไม้ หายากที่ข(grafting) ยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ (su (scandent) (scandent) (grafting)

มีเหง้าอ หัว ลํา หรือไหล ไม้เลื้อย ไม้เลื้อย ไม้หัว หรือแยกหน่ แยกหน่อ หัเพว ี่ชุมชนมี คมวามต้ เป็นพรรณไม้ เฉพาะถิ่นใกล้สูญพันธุ์ (bulb, rhizome) เป็นพรรณไม้ เป็นทพรรณไม้ ีค่า องการ เป็นพรรณไม้ ใกล้สูญพันธุ์ (tis เป็นพรรณไม้ (climber) (sucker, stolon) (climber) (sucker, stol อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ ไม้หัว หรือมีเหง้า อมีเหง้า เพาะเลี เพาะเลี้ยงเน คุไม้ณหค่ัว าหรืในการอนุ รักษ์้ยงเนื้อเยื่อ เป็นพรรณไม้ ที่ชุมชนมี ความต้่น องการ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น เป็นพรรณไม้ เฉพาะถิ (bulb, rhizome) (bulb, rhizome) (tissue culture) (tissue cultur อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Smilax glabra Roxb. เป็นรพรรณไม้ คุณค่าในการอนุรักษ์ คุณค่าในการอนุ ักษ์ ที่ขยายพันธุ์ยาก ชื่อวงศ์ : SMILACACEAE ชื่ออื่น : ยาหัว(เลย นครพนม) เป็นนใพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ ี่ขยายพั ธุกล้ ์ยาก เป็นทพรรณไม้ สูญพัหนายาก ธุ์ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้เถาเลื้อยพาดพันกับต้นไม้อื่น เถาและ ล�ำต้นเป็นสีนำ�้ ตาลเข้ม มีเหง้าหรือหัวอยูใ่ ต้ดนิ เหง้ า มี ลั ก ษณะกลมหรื อ แบนหรื อ เป็ น ก้ อ น มีรูปร่างที่ไม่แน่นอน ผิวไม่เรียบ พบก้อนแข็ง นูนขึน้ เสมือนแยกเป็นแขนงสัน้ ๆ เหง้ามีความกว้าง ประมาณ 2-5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5-22 เซนติเมตร ผิวเป็นสีน�้ำตาลเหลืองหรือ เป็นสีเทาน�ำ้ ตาล เนื้อเหง้าเป็นสีขาวอมเหลือง ใบ : ใบเดีย่ วออกเรียงสลับ ปลายใบแหลมและบาง โคนใบมน ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2.5-5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5-14 เซนติเมตร ผิ ว ใบมั น หน้ า ใบมี เ ส้ น ตามยาวประมาณ

74

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

พรรณไม้ เป็นพรรณไม้ ใกล้สูญเป็พันเนฉพาะถิ ธุ์ ่นมีค่า เป็นพรรณไม้

3 เส้น มองเห็นได้ชัดเจน ส่วนหลังใบมีผง เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ เฉพาะถิ ่น เหมื อ นแป้ ง สี ข าว ก้เป็นาพรรณไม้ นใบมี ข นาดสั น ยาว อนุรักษ์เพื่อ้การใช้ ประโยชน์ ประมาณ 9-14 มิลลิเมตร ดอก : ออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบ ในแต่ละช่อ จะมีดอกประมาณ 10-20 ดอก ดอกมีขนาดเล็ก สีเหลืองอมเขียว กลีบดอกมี 6 กลีบ กลีบดอก ยาวประมาณ 2.5-3 มิลลิเมตร ก้านดอกยาว ประมาณ 4-15 มิลลิเมตร ผล : ผลข้าวเย็นใต้ ผลมีลกั ษณะเป็นรูปทรงกลม มี ข นาดเส้ น ผ่ า นศู น ย์ ก ลางประมาณ 6-7 มิลลิเมตร ผลเป็นสีเขียว เมื่อแก่จะกลายเป็น สีแดงด�ำ

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป

เป็นพรรณไม เป

เป็นพรรณไม เป อน

เป็นพรรณไม อนุรักษ์เพื่อก


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านหินลาด จังหวัดชัยภูมิ นิ เ วศวิ ท ยา : ขึ้ น ตามป่ า โปร่ ง ป่ า ดิ บ เขา ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง การขยายพันธุ์ : ใช้เหง้า การน�ำไปใช้ประโยชน์ : หัวมีรสกร่อย เป็นยาเย็น ออกฤทธิ์ ต ่ อ กระเพาะ ล� ำ ไส้ ตั บ และไต ช่วยขับพิษร้อน ถอนพิษไข้ หัวช่วยแก้นำ�้ มูกไหล ต�ำรับยาแก้ไข้ทับระดูและระดูทับไข้ มีอยู่ 2 ต�ำรับ มีตัวยาในต�ำรับ 4 อย่าง และ 6 อย่าง โดยใช้หัวข้าวเย็นใต้ หัวข้าวเย็นเหนือ ผสมกับ ตัวยาอืน่ ๆ ในต�ำรับ แล้วน�ำมาต้มเอาแต่นำ�้ ดืม่ หัวมีสรรพคุณช่วยแก้ประดง ใช้แก้ไอ ให้ใช้ หัวข้าวเย็นใต้ 5 บาท และหัวข้าวเย็นเหนือ 5 บาท น�ำมาต้มในหม้อดิน เติมเกลือทะเลเล็กน้อย ใช้ดื่มเป็นยาวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็นช่วยแก้

อาการร้อนในกระหายน�้ำ ช่วยแก้อาการบวม ของต่ อ มน�้ ำ เหลื อ งที่ บ ริ เ วณล� ำ คอ ช่ ว ยขั บ ปัสสาวะ ช่วยแก้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ช่วยแก้ปสั สาวะพิการ ผลมีรสขืน่ จัด สรรพคุณ เป็นยาแก้ลมริดสีดวง เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์ เป็นพรรณไม้มคี ณ ุ ค่าและใกล้สญ ู พันธุ์

75


(climber) (grafting)(sucker, stolon) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา ไม้หัว หรือมีเหง้า (tree, conical shape) ้ยงเนื้อเยื่อ ไม้หัว หรือมีแยกหน่ เหง้า อเพาะเลี ไม้เลื้อย หัว ลํา หรือไหล (bulb, rhizome) (tissue culture) (bulb, rhizome) (climber) ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม (sucker, stolon) (scandent)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

(climber)

ติดต คุหณัว ค่หรืาอในการอนุ (bud คุณshape) ค่าในการอนุเพาะเลี รักษ์ ้ยงเนื้อเยื่อ ไม้ มีเหง้า รักษ์(tree, spike (bulb, rhizome) (tissue culture) ไม้พุ่ม เสียบ เป็นธุพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพั นธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพั ์ยาก หายาก (sho (shrub) คุณค่าในการอนุรักษ์

คํ าอธิบายสัญลักษณ์

ลักษณะวิสยั

เครือหมากยาง

ไม้ พุ่มรอเลื้อย ขยายพั ูญพันธุ์ นธุ์ เป็นพรรณไม้ สูญเป็พันนพรรณไม้ ธุห์ ายาก มีค่า เป็ในกล้ พรรณไม้ เป็นพรรณไม้เป็ทนี่ขพรรณไม้ ยายพันธุใกล้ ์ยากส(scandent)

ทาบ (graf

ความสูง (height)

ไม้เลื้อย เพาะเมล็ด แยก เป็่นนพรรณไม้ เป็ น พรรณไม้ เ ฉพาะถิ ่น นพรรณไม้ มีค่า ที่ชุมชนมีความต เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ (climber) (seed)เป็นพรรณไม้เป็เฉพาะถิ (suck อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี กชําากิ่งหรือเถา ไม้หัว หรือมีเปัหง้ เพาะ เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น (bulb, rhizome) (tissu (tree, umbrella shape) (cutting) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Willughbeia edulis Roxb. คุณค่าในการอนุรตอนกิ ักษ์ ่ง ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ชื่อวงศ์ : APOCYNACEAE (tree, round shape) (air layering) ชื่ออื่น : คุย (ภาคกลาง) กะตังกะติ้ว (ภาคกลาง) คุยหนัง (ระยอง) หมากยาง (ศรีนธุส์ยากะเกษ) เป็นพรรณไม้ที่ขยายพั ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

โน้มกิ่ง (layering)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ ่ ม กรวยแหลม ติดตา ต้น : ไม้เถา เป็นไม้รอเลือ้ ยขนาดใหญ่ มีมอื เกาะไม้ต้นทรงพุ ดอก : ดอกช่อ แบบช่อกระจุก ดอกขนาดเล็ ก (tree, spike shape) (budding) เป็ น พรรณไม้ เ ฉพาะถิ น ่ เลื้อยได้ไกล ๑๐-๑๕ เมตร สามารถเลื้อยได้ สีขาวอมเหลือง ออกที่ซอกใบและปลายใบ มี พุ่ม เสียบยอด สูงตามความสูงของต้นไม้ที่เกาะอยู่ แตกกิ่งไม้(shrub) ก้านช่อดอก มีดอกย่อย ๕-๖ ดอก ดอกมีใบ (shoot grafting) จ�ำนวนมาก เปลือกสีน�้ำตาล ทุกส่วนของต้นมีไม้พุ่มรอเลื ประดั บ ๑ อั น รองรั บ ดอกหรืทาบกิ อ ช่ อ่ง ดอกรู ป ้อย น�้ำยางสีขาวขุ่น สามเหลี่ยมหรือรูปไข่ กลีบเลี้ยงเชื ่อมติดกัน (scandent) (grafting) ใบ : ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรี รูปไข่ หรือรูปไม้เลื้อปลายแยกเป็ น ๕ แฉก โคนกลีบแยกหน่ รูปถ้อวหัยสั ย ว ลํา้นหรืๆอไหล (climber) (sucker, stolon) ขอบขนาน กว้าง ๕-๗ เซนติเมตร ยาว ๑๐- ปลายแฉกมนเป็นรูปไข่ กลีบดอกเชื่อมติดกัน หง้า เพาะเลีรู้ยป งเนืขนาน ้อเยื่อ ๑๔ เซนติเมตร โคนใบรูปลิม่ ถึงมน ปลายใบมนไม้หัว หรืเป็อนมีเหลอด ปลายแยกเป็น ๕ แฉก (tissue culture) ขอบใบเรี ย บเป็ น คลื่น เล็ ก น้ อ ย ก้ า นใบยาว(bulb, มีrhizome) สขี าวปนเหลือง เรียงบิดเวียนแบบขวาทับซ้าย ค่าในการอนุ รักษ์ ้มี ๕ อัน ติดอยู่ด้านหลังก้านชูอับ ๑-๒ เซนติ เ มตร ก้ า นใบมี ร ่ อ งอยู ่ ดคุณ ้ า นบน เกสรเพศผู เนือ้ ใบหนา ผิวใบด้านบนเกลีย้ งเป็นมัน ด้านล่าเป็ง นพรรณไม้ เรณูทสัี่ขยายพั น้ เกลี ย้ ง สีเหลือง เกสรเพศเมี ย สีเหลื อง เป็นพรรณไม้ หายาก นธุ์ยาก มีขนนุ่มเล็กน้อย มีขนเล็กน้อย ออกดอกช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถงึ เป็นพรรณไม้มีค่า เดือนมิ เป็นพรรณไม้ ใกล้สถูญุน พันายน ธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

76

โน้มก (laye

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพ

เป็นพ

เป็นพ อนุร


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านศรีสมบูรณ์ จังหวัดยโสธร ผล : ผลเดีย่ ว ทรงกลม หรือรูปไข่ ขนาด ๕.๘๗.๒ เซนติ เ มตร ผลมี จุ ก ด้ า นที่ ติ ด กั บ ขั้ ว เปลือกค่อนข้างหนา ผลอ่อนสีเขียวผิวเกลี้ยง มีลายตามแนวยาว ผลสุกสีเหลืองถึงสีสม้ เนือ้ ผล สีเดียวกันกับเปลือก เนื้อผลลื่นติดกับเมล็ด เปลือกหุม้ ผลมีนำ�้ ยางมาก น�ำ้ ยางเหนียวสีขาว ผลมีเมล็ด ๑-๓ เมล็ด รูปไข่ ผลสุกรับประทานได้ มีรสเปรี้ยวอมหวาน นิเวศวิทยา : พบได้ตามป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าโปร่ง และป่าเบญจพรรณ การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ภูมิปัญญาท้องถิ่น ล� ำ ต้ น ใช้ ผ สมกั บ ม้ า กระทืบ โรงต้ ม ดื่ม บ� ำ รุ ง ร่างกาย เป็นยาอายุวัฒนะ ใช้เป็นเชือกมัด สิ่งของ เปลือก ใช้รักษาอาการปวดศีรษะ ราก ต้มกินรักษาโรคบิด น�้ำยาง ใช้ท�ำกาวดักจับ

แมลง และผลสุกใช้รบั ประทาน มีรสเปรีย้ วอม หวาน หล่อลื่นล�ำไส้ช่วยให้ขับถ่ายได้สะดวก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใช้ลำ� ต้น(เถา) ต้มน�ำ้ ดื่มแก้อัมพฤกษ์ อัมพาต ภาคกลาง ใช้ล�ำต้น ผสมกั บ สมุ น ไพรอื่น ต้ ม น�้ำ ดื่ม แก้ ล มคั่ ง ข้ อ ภาคใต้ ใช้ล�ำต้นต้มน�้ำดื่มแก้น�้ำเหลืองเสีย รักษาโรคคุดทะราด แก้ลมขับในข้อกระดูก แก้มือเท้าอ่อนเพลีย แก้ตับพิการ เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น เป็น พรรณไม้ดั้งเดิม เป็นพรรณไม้มีค่า เพราะ สามารถน�ำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ชุมชน มีความต้องการอนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ และให้คงอยู่ตลอดไป

77


(shrub)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

เงาะพวงผลกลม

(climber)

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา ไม้พุ่มรอเลื้อไม้ ย หัว หรือมีเหง้า(tree, conical shape) (scandent) (bulb, rhizome) ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ไม้คุเลืณ ้อยค่าในการอนุรักษ์(tree, spike shape) (climber) ไม้พุ่ม นพรรณไม้ ที่ข ยายพันธุ์ยาก ไม้หัว หรือมีเป็ เหง้ า (shrub) (bulb, rhizome) ไม้พุ่มรอเลืขยายพั ้อยั ลักษณะวิสยั นธุ์ พรรณไม้ใกล้ลัสกูญษณะวิ พันธุ์ สย คุณค่าในการอนุรเป็ักนษ์ (scandent)

(sucker, stolon) (shoot grafting) ทาบกิ่ง เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (grafting)(tissue culture) แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล (sucker, stolon)

คําอธิบายสัญลักษณ์ คําอธิบายสัญลักษณ์เป็นพรรณไม้หายาก ความสูง (height)

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

เป็นพรรณไม้มีค่า

โน้มก (laye

ติดต (budd

เสียบ (shoo

ทาบก ขยาย

(graf

เพาะเมล็ด ไม้เลื้อmย ความสูง แยกห 10-20 หายาก ที่ชุมชนมีความต เป็นพรรณไม้เป็ทนี่ขพรรณไม้ ยายพันธุเฉพาะถิ ์ยาก เป็นพรรณไม้ ่น (height) (seed) เป็นพรรณไม้ (climber) (suck

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เพาะ (tissu

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี อเถา า เป็นปัรัศกมีชํากิ่งเป็หรื ้นแผ่ นพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ ไม้หัว หรือไม้มีเตหง้ (tree, umbrella shape) (cutting) (bulb, rhizome) (tree, umbrella shape)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Uvaria fauveliana (Finet&Gagnep.) Pierre ex Ast ไม้ต้นทรงพุ่มเป็ กลม นพรรณไม้เฉพาะถิ คุณ่นค่าในการอนุไม้รตัก้นทรงพุ ษ์ ่มตอนกิ ชื่อวงศ์ : ANNONACEAE กลม ่ง เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องกา อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ (tree, round shape) (air layering) (tree, round shape) ชื่ออื่น : คายค่าว (อุบลราชธานี) เป็นพ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

โน้มกิ่ง

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (layering) (tree, เป็นพรรณไม้ ใกล้conical สูญพันshape) ธุ์

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ่มกรวยแหลม ติดตา ต้น : ไม้เถาเนื้อแข็ง เลื้อยพันต้นไม้อื่นยาวได้ กว้ไม้ตา้นงทรงพุ๑.๒ เซนติเมตร ยาว ๑.๕ เซนติ เมตร ไม้ ต ้ น ทรงพุ ่ ม กรวยแหลม (tree, spike shape) (budding) เป็ น พรรณไม้ เ ฉพาะถิ น ่ shape) ๑๐-๒๐ เมตร กิง่ อ่อนมีขนยาวรูปดาว สีนำ�้ ตาล รูไม้ปพขอบขนาน เรียงเป็น ๒ ชั้น(tree, ก้าspike นดอกยาว ุ่ม เสียบยอด พุ่ม อนข้(shoot ขึ้นหนาแน่น เปลือกล�ำต้นสีด�ำ แตกเป็นร่อง ๕(shrub) มิลลิเมตร ใบประดับ ๒ ใบ รูปร่ไม้างค่ างกลม grafting) (shrub) ใบ : ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปขอบขนาน รูปวงรี ขนาด ๘้อมิย ลลิเมตร กลีบเลีย้ งสีเขียว กว้ทาบกิ างและ ไม้พุ่มรอเลื ่ง ไม้ พ ่ ุ ม รอเลื ้ อ ย (scandent) (grafting) น แกมขอบขนานหรือรูปใบหอกกลับ กว้าง ๓-๗ ยาว ๑ เซนติเมตร มีขนด้านนอกหนาแน่ (scandent) แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล เซนติเมตร ยาว ๑๐-๒๐ เซนติเมตร โคนใบกลม เส้ไม้นเลืผ่้อยานศูนย์กลางดอก ๒-๒.๕ เซนติ เมตร (climber) ไม้เลื้อย (sucker, stolon) หยักเว้าและเบีย้ วเล็กน้อย ปลายใบเรียวแหลม ออกดอกราวเดื อนพฤษภาคมถึ(climber) งมิถุนายน ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ใบอ่อนหลังใบมีขน ท้องใบมีขนหยาบและแข็ง ผล : ผลกลุ ่ ม ผลย่ อ ยรู ป ทรงกลมแกมรี (bulb, rhizome) culture) ไม้หัว หรือมี(tissue เหง้า ๑๐(bulb, rhizome) รูปดาวสีนำ�้ ตาลหนาแน่น มีมากที่เส้นกลางใบ ผล รผลขนาดกว้ าง ๒.๕ เซนติ เมตร ยาว คุณค่า๓๐ ในการอนุ ักษ์ และขอบใบ เส้นแขนงใบ ๑๒-๑๕ คู่ ก้านใบยาว ๒-๓ เซนติเมตร ก้านช่อคุผลยาว ๑ เซนติ ณค่าในการอนุ รักษ์เมตร พรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ๕ มิลลิเมตร มีกา้ นผลยาว ๒-๓ เซนติเมตร เปลือกมีเป็ขนนยาว เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ดอก : ดอกเดีย่ ว ออกทีซ่ อกใบ กลีบดอกสีแดง เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพ อนุรัก

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

78

เป็นพ


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนป่าดงหนองอีเฒ่า จังหวัดอุบลราชธานี ๐.๕-๑ เซนติเมตร ขนแข็ง คล้ายหนาม เหมือน ผลเงาะ ผลอ่อนสีเขียวเมือ่ สุกสีแดงส้ม มีเนือ้ ใส ฉ�ำ่ น�ำ้ หุม้ เมล็ด รับประทานได้ มีรสเปรีย้ วอมหวาน เมล็ดแบนสีด�ำ ผลสุกราวเดือนกรกฎาคมถึง สิงหาคม นิเวศวิทยา : พบตามป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ผลสุกรสหวาน รับประทานได้ ต�ำรายาพื้นบ้านอีสานใช้ เปลือกต้น ต้มน�ำ้ ดื่ม แก้กระษัยเส้น แก้ปวดเมือ่ ย แก่นหรือเปลือกต้น แช่น�้ำดื่ม บ�ำรุงโลหิต ล�ำต้น เป็นยาเย็น เข้ายา บ�ำรุงก�ำลัง

เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เป็นพรรณไม้หายากเป็น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เพื่อการใช้ประโยชน์

79


(climber)

ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

คุณค่าในการอนุรักษ์

คําอธิบายสัญลักษณ์ ๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม (tree, spike shape)

คํ าอธิบลัายสั ญสลัยั กษณ์ ไม้พุ่ม กษณะวิ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

ผักสาบ

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

(shrub)

ลักษณะวิสยั

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Adenia viridiflora Craib ชื่อวงศ์ : PASSIFLORACEAE ชื่ออื่น : อะนูน อีนูน(ภาคกลาง)

ความสูง (height)

ขยายพันธุ์

ความสูง ไม้พุ่มรอเลื้อย (height) เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ ขยายพันธุ์ (scandent)

(sucker, stolon) เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

เป็นพรรณไม้หายาก

เพาะเมล็ด (seed) เป็นพรรณไม้มีค่า

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี ไม้เลื้อย เพาะเมล็ดปักชํากิ่งหรือเถา เป็นพรรณไม้ (tree, umbrella shape)เฉพาะถิ่น (climber) (seed) (cutting) เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต

ไม้ต้นแผ่เป็นรัไม้ศมีต้นทรงพุ่มกลม (tree, umbrella shape) (tree, round shape)

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ อเถา่ง ตอนกิ ไม้หัว หรือมีปัเกหง้ชํากิ่งหรื (bulb, rhizome) (cutting) (air layering)

ไม้ต้นทรงพุ่มกลม รักษ์่ง โน้มกิ่ง ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา คุณค่าในการอนุตอนกิ (tree, round shape) (air layering) (tree, conical shape) (layering) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ไม้ต้นําทรงพุ่มกรวยแหลม (tree, conical(tree, shape)spike shape)

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

โน้มกิ่ง ติดตา (layering)(budding)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ ไม้ พ ม ่ ุ ไม้ ต ้ น ทรงพุ ่ ม กรวยแหลม ดตา เสียบยอด ต้น : เป็นไม้เถา อวบน�ำ้ เถามีมือเกาะพาดพัน ดอก : ออกเป็นช่อตามง่ามใบ ก้านช่อติดอกยาว (shrub) (shoot grafting) (tree, spike shape) (budding) เป็นพรรณไม้ เฉพาะถิ ไปตามต้นไม้อนื่ เถาเล็กกลมสีเขียว เมือ่ แก่จะ 10-20 เซนติเมตร ดอกมีขนาดเล็ กเกิ ดเป็่น น ไม้พุ่มรอเลื้อย ไม้พุ่ม เสียบยอดทาบกิ่ง เปลี่ยนเป็นสีน�้ำตาล ผิวขรุขระเล็กน้อย กระจุ กบริเ(scandent) วณปลายช่อดอกสีขาวปนเหลื อง (grafting) (shrub) (shoot grafting) ใบ : ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ มีลักษณะ ดอกออกช่ วเงเดื ลื้อย อนพฤษภาคม-มิถุนายน ไม้พุ่มรอเลื้อยไม้ ทาบกิ่ง แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล (climber) (scandent) (grafting)(sucker, คล้ายใบโพธิ์ โคนใบหยักเว้าและมีติ่งเล็กๆ ผล : ค่อนข้างกลมมีพูตื้นๆ 3 พูรอบๆ ผล stolon) มีเหง้าน ย์ ก ลางประมาณ งเนือ้อไหล เยื่อ ไม้เลื้อย นไม้หผ่ัว หรื แยกหน่อ เพาะเลี หั10 ว ลํา้ยหรื ลักษณะคล้ายหูเล็กๆ ยืน่ ออกมา ปลายใบเป็น ขนาดเส้ าอนศู (bulb, rhizome) (tissue culture) (climber) stolon) รูปติ่งแหลมๆ ขอบใบหยักเป็นรูปคลื่นตื้นๆ เซนติ เมตร ผลอ่อนสีเขียว ผลสุกสีแดง(sucker, เมือ่ แห้ ง ไม้หคุัวณหรืค่อามีในการอนุ เหง้า เพาะเลี ้ ย งเนื ้ อ เยื่อ รซีักกษ์ เมล็ดแก่สด แผ่นใบหนา แต่มองเห็นเส้นใบชัดเจน ใบขนาด จะแตกออกเป็ น 3 ี ำ � รู ป รี จ ะติ ด ผล (bulb, rhizome) (tissue culture) กว้าง 10 เซนติเมตร ยาว 15 เซนติเมตร ก้านใบ เดือนกรกฎาคม เป็นพรรณไม้หายาก คุณค่าในการอนุรเป็ักนษ์พรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ยาว 5 เซนติเมตร

80

พรรณไม้ กล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้ทเป็ี่ขนยายพั นธุ์ยใาก

เป็นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ หายาก มีค่า

นพรรณไม้ ่น เป็นพรรณไม้เป็ใกล้ สูญพันธุเฉพาะถิ ์

เป็นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ มีค่า ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านพร้าว จังหวัดสระแก้ว นิ เ วศวิ ท ยา : พบขึ้ น ในปาเต็ ่ ง รั ง ปา ่ เบญจพรรณ และตามชายป่า การขยายพันธุ์ :โดยการเพาะเมล็ดและการ ปักช�ำ การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ใบอ่อนและยอดต้ม จิม้ น�ำ้ พริก ผลอ่อน ใช้รบั ประทานได้ ยอดอ่อน น� ำ มาปรุ ง เป็ น แกงคั่ ว แกงเลี ย ง แกงส้ ม ช่อดอกและผลอ่อน นิยมน�ำมาดองรับประทาน เป็นผักจิ้มน�ำ้ พริก

เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

81


(shrub) (scandent)

(shoot grafting) (grafting) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา โน้มกิ่ง ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ไม้พุ่มรอเลืไม้ ้อยเลื้อย (tree, conical shape)ทาบกิ่ง แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล (layeri (bulb, rhizome) (tissue culture) (scandent)(climber) (grafting)(sucker, stolon) ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ติดตา ไม้เลืคุ้อยณค่ หัว ลํา้ยหรื ไม้าหในการอนุ ัว หรือมีเหง้า รักษ์ (tree, spike shape) แยกหน่อเพาะเลี งเนือ้อไหล เยื่อ (buddi (climber) (bulb, rhizome) (sucker, stolon) (tissue culture) ไม้พุ่ม เสียบย นธุ์ยาก ไม้หัว หรือมีเหง้เป็ า นพรรณไม้ที่ขยายพั เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เป็นพรรณไม้หายาก(shoot (shrub) คุณค่าในการอนุรักษ์

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน คํ าอธิบายสัญลักษณ์

เมื่อยดูก

(bulb, rhizome)

ไม้พุ่มรอเลื้อย ลักษณะวิสคุยั ณค่าในการอนุเป็รนักพรรณไม้ นธุ์ ใกล้ พัขยายพั นธุ์ ที่ขยายพั นธุส์ยูญ าก ษ์เป็นพรรณไม้ (scandent)

ความสูง (height)

ไม้เลื้อย เป็นพรรณไม้ ี่ขเป็ ยายพั นใธุกล้ ์ยาก นพรรณไม้ เฉพาะถิ ่น เป็นทพรรณไม้ สูญ พันธุ์ (climber)

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ (tree, umbrella shape)เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Gnetum macrostachyum Hook.f. ไม้ต้นทรงพุ่มเป็ กลม นพรรณไม้เฉพาะถิ่น ชื่อวงศ์ : GNETACEAE (tree, round shape) ชื่ออื่น : เมื่อยม่วย (นครราชสีมา) เมื่อยเลื อด (หนองคาย) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา

(tissue culture)

ทาบก เป็นหพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ ายาก มีค่า (grafti

เพาะเมล็ด แยกห หายากเป็นมพรรณไม้ ที่ชุมชนมีควา เป็นพรรณไม้ ีค่า (seed) เป็นพรรณไม้ (sucke

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยช อเถา ไม้หัว หรือมีเปัหง้กาชํากิ่งเป็หรืนพรรณไม้ มีค่า ที่ชุมชนมีความต้อเพาะเล เป็นพรรณไม้ งการ (cutting) (bulb, rhizome) (tissue อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

คุณค่าในการอนุรตอนกิ ักษ์ ่ง เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ (air layering) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพรรณไม้โน้ ที่ขมยายพั กิ่ง นธุ์ยาก

(tree, conical shape) (layering) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ ่มกรวยแหลม ติดตา ต้น : พืชเมล็ดเปลือยไม้เถาเนื้อแข็ง เนื้อไม้ไม้(tree, มตี ้นทรงพุ ดอก ออกที่ซอกใบ spike shape): ดอกช่อแบบช่อเชิงลด (budding) เป็ น พรรณไม้ เ ฉพาะถิ่น วงปีสแี ดงเข้ม เปลือกเถาแก่สนี ำ�้ ตาล แตกร่อไม้นพุ่ม หรือตามล�ำต้น สร้างโคนหรือสตรอบิ เสียบยอดลัสเดี่ยว (shrub) ออกเป็ น ช่ อ แกนรู ป ทรงกระบอก (shootมีgrafting) มีรูอากาศมาก ลักษณะ ่ง ใบ : ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปขอบขนานถึไม้งพุ่มรอเลื เป็้อนยกลุม่ เรียงเป็นชัน้ สีชมพูแดงทาบกิ ดอกแยกเพศ (scandent) (grafting) รู ป ขอบขนานแกมรู ป ใบหอก กว้ า ง ๔-๕ กว้างประมาณ ๐.๗ เซนติเมตรแยกหน่ ยาวประมาณ ไม้เลื้อย อ หัว ลํา หรือไหล เซนติเมตร ยาว ๑๔-๑๖ เซนติเมตร เนื้อใบ นชัstolon) ้น ชั้นละ (climber)๕-๗ เซนติเมตร ดอกย่อยเรียงเป็ (sucker, หนาและเหนียวคล้ายแผ่นหนัง ปลายใบเป็นติไม้ง่ หัว หรืประมาณ ๑๐ ดอก มีขนสีน�้ำตาลล้ อมรอบ อมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื ้อเยื่อ (bulb, rhizome) (tissue culture) แหลมโคนใบแหลมถึงมน ก้านใบยาวประมาณ แต่ละชัน้ ขนยาว ๓ มิลลิเมตร ปกคลุ มหนาแน่น คุณค่าในการอนุ ักษ์ ๑ เซนติเมตร ก้ารนของโคนยาว ๐.๕-๑ เซนติเมตร

82

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพร

เป็นพร

เป็นพร อนุรักษ


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนป่าดงหนองอีเฒ่า จังหวัดอุบลราชธานี ผล : เมล็ดเปลือย ทรงรี ขนาดกว้างประมาณ 0.5-0.7 เซนติ เ มตร ยาวประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร ออกเป็นช่อ หนึ่งช่อมีประมาณ 20-25 เมล็ ด ช่ อ ยาว 4-5 เซนติ เ มตร ก้านช่อสั้น ยาวประมาณ 0.5-0.7 เซนติเมตร ทีโ่ คนแต่ละเมล็ดมีขนนุม่ สัน้ สีนำ�้ ตาลจ�ำนวนมาก ปกคลุม ขนขนาดยาวประมาณ 0.3 เซนติเมตร เมล็ดไม่มผี ลห่อหุม้ จะมีกลีบนุม่ คล้ายหนังหุม้ อยู่ เมื่ อ ยั ง อ่ อ นสี เ ขี ย วเมื่ อ แก่ สี ช มพู แ กมส้ ม ส่วนปลายมีหนามแหลมขนาดเล็กมากหนึง่ อัน ยื่นออกมาเล็กน้อย นิเวศวิทยา :พบตามป่าเต็งรัง และป่าดิบแล้ง การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด

การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ล�ำต้น ใช้ดองเหล้า ดื่มแก้ปวดเมื่อย หรือผสมแก่นกัดลิ้น ล�ำต้น ขมิ้นเครือและล�ำต้นพรมคต ต้มน�้ำดื่ม แก้ อัมพฤกษ์ อัมพาต ราก ผสมรากพลับเขา รากเมือ่ ย และรากปอแดง ต้มน�้ำหรือฝนดื่ม แก้ไข้ เมล็ด เผาให้ สุ ก รั บ ประทานได้ ย าพื้ น บ้ า นภาคใต้ ใช้ลำ� ต้น ผสมล�ำต้นตีนเป็ดน�ำ้ หรือรากหมากหมก ล�ำต้นเถาเอ็นอ่อน และแก่นกันเกรา ต้มน�ำ้ ดืม่ บ�ำรุงเส้นเอ็น ผสมสมุนไพรอื่น แช่เหล้าดื่ม บ�ำรุงก�ำลัง เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เนือ่ งจากเป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้มีค่า และเป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมี ความต้องการอนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

83


(climber) (grafting) (shoot grafting) (sucker, stolon) (shrub) (scandent) โน้มกิ่ง ไม้หัว หรือมีไม้ เหง้หัวา หรือมีเหง้า เพาะเลี ้ ย งเนื้อเยื้ย่องเนื้อเยื่อ เพาะเลี ไม้พอไหล ุ่มรอเลืไม้​้อเยลื้อย (layering) แยกหน่อ ทาบกิ หัว ลํา่งหรื (bulb, rhizome) (tissue culture) (bulb, rhizome) (tissue culture) (grafting)(scandent)(climber) (climber)(scandent) (sucker, stolon) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา โน้มกิ่ง ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ติดตา กษณะวิสยั นธุค่์ าในการอนุ conicalลัshape) คุณขยายพั ค่าในการอนุ รักษ์ (budding) ไม้ ้อยา (layering) แยกหน่ หรืหอัวไหล (tree, คุณ รักษ์ ้ยงเนื หรือมีเหง้า หัว หรืshape) อมีเลืเหง้ เพาะเลี ้อเยื่ออไม้หัเลืว้อลํยา ไม้ (tree,ไม้spike (climber) (climber) (sucker, stolon) (bulb, rhizome) (bulb, rhizome) (tissue culture) เพาะเมล็ด ไม้ตลั้นกทรงพุ ่มกรวยแหลม ติดตา นธุ์ เสียบยอด ษณะวิ สยั ความสูง ไม้พุ่ม ขยายพั เป็นพรรณไม้ หายาก หายา เป็นพรรณไม้ ทนี่ขพรรณไม้ ยายพันธุท์ยี่ขาก เป็นพรรณไม้ เป็ ยายพั น ธุ ์ ย าก ไม้ ห ว ั หรื อ มี เ หง้ า ไม้ ห ว ั หรื อ มี เ หง้ า เพาะเลี ้ ย งเนื ้ อ เยื อ ่ (height) (seed) (tree, spike shape) (shoot grafting) คุณค่าในการอนุรักษ์ คุณค่(shrub) าในการอนุรักษ์(budding) (bulb, rhizome) (bulb, rhizome) เพาะเมล็ด (tissue culture) ความสูง ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี ปักชํากิ่งหรือเถา ทาบกิ่ง ไม้พุ่ม เสียบยอด ไม้พุ่มรอเลื้อย พรรณไม้ ขยายพั นธุ์ ที่ขยายพัรนักธุษ์​์ยาก(seed) เป็นพรรณไม้ เป็นนธุพรรณไม้ สูญพัเป็ นใธุนกล้ ์ พรรณไม้ เป็ใกล้ นพรรณไม้ สคุูญณ พันค่ธุหา์ ายาก (height) (tree, umbrella(scandent) เป็นค่พรรณไม้ ์ยมากีค่า มีค่า shape) คุณ าในการอนุ ในการอนุเป็รนพรรณไม้ ักษ์ เป็ทนี่ขยายพั (grafting) (shrub) (shoot grafting) (cutting) (shrub) (scandent)

ํา ตอนกิ่ง คําอธิบายสัญไม้(tree, ลัต้นกไม้ทรงกรวยคว่ ษณ์ (air้อยlayering) พุ่มรอเลื conical เลื้อย ไม้shape)

ไม้ต้นทรงพุ่ม กลม (tree, round shape)

คําอธิบายสัญลักษณ์

๖๐ พรรณไม้ คํ าอธิ บายสัมีญคุณลัค่กาจากป่ ษณ์าชุมชน

ลักษณะวิสยั

รางแดง

ด ่ง ปักชํากิ่งหรืตอนกิ อเถา ่ง ไม้เลื้อย เพาะเมล็ทาบกิ แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล ไม้พุ่มรอเลื้อยไม้ต้นแผ่เป็ไม้นรัตศ้นมีทรงพุ่มกลม หายาก ที่ชคุมวาช เป็ นพรรณไม้ นธุ์ยเป็ากนพรรณไม้ น์ยพรรณไม้ ี่ขยายพัเป็ นใธุกล้ าก เป็เฉพาะถิ นพรรณไม้ ่นเป็นมพรรณไม้ นพรรณไม้ ีค่าเป็นพรรณไม้ ่น เป็เฉพาะถิ เป็นพรรณไม้ ใกล้สูญพัทนี่ขธุยายพั ์ (cutting) เป็นทพรรณไม้ สูญเป็ พันนธุพรรณไม้ ์ ที่ชุมชนมี (seed) (tree, round shape) (air layering) (tree, umbrella shape) (climber) (sucker, stolon) (scandent) (grafting) ักษ์เพื่อปการใช้ อนุรักษ์เอนุ พื่อรการใช้ ระโยชป ้นทรงกรวยคว่ มกิ่ง ไม้ต้นแผ่เป็นรัไม้ศมีเลื้อย หรือเถาอ หัตอนกิ ไม้หําัว หรือมีเปัหง้กาชํากิ่งแยกหน่ เพาะเลี้ยงเนื ่อ ไม้ต้นทรงพุไม้่มตกลม ว ลํา่ง หรือโน้ไหล เป็้อนทเยื พรรณไม้ ีค่าเป็นอพรรณไม้ เป็นเพรรณไม้ นพรรณไม้ ใงการ กล้สูญพัเนฉพาะถิ ธุ์ ่น เป็นพรรณไม้ ี่ชุมเป็ ชนมี คมวามต้ เป็นพรรณไม้ ฉพาะถิ่นใกล้สูญพันธุ์ (layering) (tree, conical shape) (tree, umbrella shape) (tree, round shape) (bulb, rhizome) (cutting)(sucker, stolon) (tissue culture) (climber) (air layering) ความสูง (height)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ventilago denticulata Willd. อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ตอนกิ่ง เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ติดตา ไม้ ต ้ น ทรงพุ ่ ม กลม ไม้ ห ว ั หรื อ มี เ หง้ า เป็นพรรณไม้ ที่ชุมชนมี ความต้ คุณําค่าในการอนุรเป็ักนษ์พรรณไม้เฉพาะถิโน้่นมกิ่ง ชื่อวงศ์ : RHAMNACEAEไม้ต้นทรงกรวยคว่ เป็นพรรณไม้ เฉพาะถิ ่น องการ (tree, spike shape) (budding) (tree, round shape) (air layering) (bulb, rhizome) (tissue culture) อนุ ร ก ั ษ์ เ พื อ ่ การใช้ ป ระโยชน์ (tree, conical shape) (layering) ชื่ออื่น : แสงอาทิ ต ย์ (ประจวบคี ก้ อ งแกบ (ภาคเหนื อย)บยอดเถาวัลเป็ย์นเพรรณไม้ หล็กหายาก (ภาคกลาง) ไม้พุ่ม รีขันเป็ธ์น)พรรณไม้ เสี ท ี ข ่ ยายพั น ธุ ์ ย าก ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา โน้มกิ่ง คุณค่าในการอนุรักไม้ษ์ต้นทรงพุ(shrub) ่มกรวยแหลม

(tree, conical shape)

(layering)

ติดตา (shoot grafting) (budding)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ทาบกิ่ง เป็นพรรณไม้มีค่า สูญพันธุ์ นพรรณไม้ที่ขยายพันไม้ ธุ์ยพากุ่มรอเลื้อย เป็นพรรณไม้ติใกล้ ไม้ต้นทรงพุ่มเป็ กรวยแหลม ดตา เป็นพรรณไม้หายาก ไม้ พ ม ่ ุ เสี ย บยอด (scandent) (grafting) ดอก : ดอกรางแดง ออกดอกเป็ นช่อตามซอกใบ ต้น : เป็น(tree, ไม้เspike ถามัshape) กเลื้อยตามต้นไม้และกิ่งไม้ (budding) (shrub) ไม้เลื้อย (shoot grafting) ว ลํา หรืเป็อนไหล พรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ นพรรณไม้ ่นเป็นพรรณไม้มีค่า แยกหน่อ หัดอกย่ พรรณไม้ำใกล้ พันธุอ ์ เถาเป็เป็น อ ยมี จ� ำ นวนมาก อืน่ เถาเป็นไม้สีพเุ่มทา ผิเป็วนของล� ต้สนูญหรื รอย เเสีฉพาะถิ ยใกล้ บยอด กั บ ปลายยอด (climber) (sucker, stolon) อนุ ร ักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ ไม้พุ่มรอเลื้อย ทาบกิ่ง (shrub)นร่องสีแดงสลับ ท�ำให้เกิดเป็น (shoot กลีgrafting) บดอกเป็ นสีเขีย้ยงเนืวแกมเหลื องหรือสีเขียว แตกระแหงเป็ (scandent) (grafting) ้อเยื่อ เป็นพรรณไม้ ที่ชุมชนมีเพาะเลี ความต้องการ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น ไม้หัว หรือมีเหง้า ุ่มรอเลื้อย ทาบกิ ่ง (bulb, rhizome) (tissue culture) อมขาว ลวดลายทีไม้่สพวยงาม อนุรักษ์เพื่อแยกหน่ การใช้อปหัระโยชน์ ไม้เลื้อย ว ลํา หรือไหล (scandent) (grafting) (climber) (sucker, stolon) คุ ณ ค่ า ในการอนุ ร ก ั ษ์ ผลอ หั:ว ผลเป็ นผลแห้งไม่แตก ผลมีรูปร่างกลม ใบ : ใบเป็นไม้ใบเดี ย่ ว แผ่นใบเป็นสีเขียว ใบคล้าย แยกหน่ เลื้อย ลํา หรือไหล หรือมีเหง้า ออกเรียง (sucker, ป็่อ นครีหายาก บคล้ายปีกแข็ง ภายใน กับใบเล็บมื(climber) อนางหรือกระดัไม้หงัวงาไทย stolon) เพาะเลี้ยงเนืเป็้อนเยืเพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ด้านปลายผลแผ่ (bulb, rhizome) (tissue culture) มีเมล็ 1 -2 เมล็ด ไม้หัว หรือมีเหง้า นรูปไข่ยาว รูปไข่แกม เพาะเลี ้ยงเนืด ้อเยืประมาณ ่อ สลับ ลักษณะของใบเป็ (bulb, rhizome) คุณค่าในการอนุเป็รนักพรรณไม้ (tissue culture) มีค่า ษ์ ใกล้สูญพันธุ์ นิ เ วศวิ ท ยา : เป็มันกพรรณไม้ ขึ้นตามป่ าโปร่งและในป่า ขอบขนาน หรือรูปวงรีแกมขอบขนาน ปลายใบแหลม คุณค่าในการอนุ รักษ์ขนาดกว้างประมาณ 4 -6 ดิบแล้ง ขอบใบเป็ นจักตืน้ ใบมี เป็นพรรณไม้เป็หนายาก เป็นพรรณไม้ ี่ขยายพันเธุฉพาะถิ ์ยาก ่น พรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็นทพรรณไม้ อนุ ร ักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เซนติเมตรเป็และยาวประมาณ นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก 8 -14 เซนติเมตร เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ ส่วนก้านใบสัน้ (tree, spike shape)

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

84

เป็นพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ รักคษ์วามต้ เพื่อการใช้ ประโยชน์ เป็นพรรณไม้ที่ชุมอนุ ชนมี องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนดอนเจ้าปู่ จังหวัดขอนแก่น การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การทาบเถา กิ่งช�ำ กิ่งตอน การน� ำ ไปใช้ ป ระโยชน์ : ต้ น รางแดง มี สรรพคุณทางยาหลายอย่าง ใบมีรสเย็นน�ำมา คั่วหรือปิ้งไฟให้กรอบแห้ง แล้วชงผสมน�ำ้ อุ่น ดืม่ เป็นน�ำ้ ชา เรียกว่า 'ชารางแดง' นอกจากจะ ช่ ว ยให้ ชุ ่ ม คอแล้ ว ยั ง มี ฤ ทธิ์ ส� ำ คั ญ ช่ ว ยลด ความดันโลหิต ลดคอเรสเตอรอล และน�ำ้ ตาล ในเลือด ด้วยเหตุนบี้ างคนจึงนิยมดืม่ ชารางแดง เพื่อลดน�้ำหนัก เพราะช่วยเผาผลาญไขมันให้ ออกมาในรูปเหงือ่ และปัสสาวะ นอกจากนีย้ งั ช่วย คลายความเมือ่ ยล้าจากอาการตึงของเส้นเอ็น อีกด้วย บางความเชือ่ ก็เชือ่ ว่าการดืม่ ชารางแดง บ่อยๆเพื่อช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้

เถา รสจืดเย็น น�ำมาหัน่ เป็นท่อน ตากแดดแล้ว น�ำไปต้มน�ำ้ ดืม่ หรือดองเหล้าขาว จะมีฤทธิเ์ ป็น ยาบ�ำรุงร่างกาย รักษาและแก้โรคกษัยเส้น คลายความปวดเมื่อย ช่วยขับปัสสาวะและ เหงื่ อ ส� ำ หรั บ ผู ้ ที่ ผ อมแห้ ง และรั บ ประทาน อาหารได้น้อย จะช่วยบ�ำรุงร่างกายให้เจริญ อาหารมากขึ้น เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เนือ่ งจากเป็นพรรณไม้เฉพาะถิน่ เป็นพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้หายาก เป็น พรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ใกล้ สูญพันธุ์ และเป็นพรรณไม้ที่ชุมชนต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

85


(climber)(scandent) ไม้หัว หรืไม้อมีเลืเหง้ ้อยา (bulb, rhizome) (climber)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ุ่ม ไม้ต้นทรงพุไม้่มพกรวยแหลม (shrub) (tree, spike shape) ไม้หรัวักหรื คุณค่าในการอนุ ษ์อมีเหง้า

(bulb, rhizome) ไม้พุ่ม คํ าอธิบายสัญเป็ลันกพรรณไม้ ษณ์ ที่ขยายพันธุ์ยาก

ไม้พุ่มรอเลื้อย คุณค่าในการอนุรักษ์(shrub) (scandent)

หนอนตายหยาก

(sucker, stolon) ไม้ต้นทรงพุ ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ํา ่มกรวยแหลม โน้มกิ่ง (grafting) (tree,shape) spike shape) เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tree, conical (layeri แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล

ลักษณะวิสยั ความสูง (height)

ไม้พุ่มรอเลืไม้​้อเยลื้อย ขยายพันธุ์ เป็นพรรณไม้ ใกล้สูญพัทนี่ขธุยายพั ์ นธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ (climber) (scandent)

(tissue culture) (sucker, stolon)

ติดตา เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (buddi

(tissue culture) เป็นพรรณไม้หายาก

เสียบย (shoot

เป็นพรรณไม้ ีค่า เป็นมพรรณไม้ หายาก

ทาบกิ่ง (graftin

หง้า ด ไม้เลื้อย ไม้หัว หรือมีเเพาะเมล็ แยกหน เป็นพรรณไม้ ี่ชุมชนมีความต้ เป็นพรรณไม้ เฉพาะถิ่นใกล้สูญพันธุ์ (bulb, rhizome) เป็นทพรรณไม้ มีค่า องการ เป็นพรรณไม้ (seed) (climber) (sucke อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี

ชํากิ่งหรือเถา อมีเหง้า รปั​ักกษ์ คุไม้ณหค่ัว าหรืในการอนุ

เพาะเล

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความ ่น ชื่อวิทยาศาสตร์ : Stemona collinsiae Craib (tree, umbrella shape)เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ (cutting) (bulb, rhizome) (tissue อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ชื่อวงศ์ : STEMONACEAE คุณค่าในการอนุรักษ์ ตอนกิ่ง (tree, round shape) (air layering) ชื่ออื่น : ปงช้าง (ภาคเหนือ) เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพร

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้เถาล้มลุกอายุหลายปี ล�ำต้นตั้งตรง สูง 20 -40 เซนติเมตร รากแบบรากกลุ่มอยู่ กันเป็นพวง คล้ายนิว้ มือ สีเหลืองอ่อน อวบน�ำ้ มี ร ากใต้ ดิ น จ� ำ นวนมาก ยาว 10 -30 เซนติเมตร ใบ : ใบเดียว เรียงสลับรูปหัวใจ ยาว 9 -15 เซนติเมตร กว้าง 6 -10 เซนติเมตร ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ โคนใบรูปหัวใจ ผิวใบเกลี้ยง

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันโน้ ธุ์ยมาก กิ่ง

(layering)

เป็นใพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ กล้สูญพัเนฉพาะถิ ธุ์ ่น

ไม้ต้นทรงพุ กรวยแหลม ติดตาบ รู ป ดอก : ่มดอกช่ อออกที่ซอกใบ ใบประดั (tree, spike shape) (budding) ขอบขนาน ปลายมน กลีบเป็รวมมี กลีบ่น สีเหลือง นพรรณไม้4เฉพาะถิ ไม้พุ่ม เสียบยอด แกมชมพู ขนาดไม่เท่ากัน เรียง 2 ชัน้ (shoot grafting) (shrub) ผล ผลค่ ก ่ง ไม้พุ่ม:รอเลื ้อย อนข้างแข็งสีน�้ำตาลขนาดเล็ทาบกิ (scandent)

(grafting)

ไม้เลื้อย (climber)

แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล (sucker, stolon)

ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

เป็นพร

เป็นพร อนุรักษ

คุณค่าในการอนุรักษ์

86

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านดงห้วยเย็น จังหวัดลำ�พูน นิเวศวิทยา : พบตามป่าดิบแล้ง การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : น�ำรากผสมกับหญ้า หวายนาและชะอม ต้มน�ำ้ ดื่ม ถ่ายพยาธิตัวจี๊ด คั้นน�้ำพอก แก้หิด เหา ต�ำรายาไทย ใช้ราก ซึง่ มีรสเมาเบือ่ ปรุงยารับประทาน แก้โรคผิวหนัง ผืน่ คัน น�ำ้ เหลืองเสีย รมหัวริดสีดวงให้ฝอ่ แห้งไป พอกทาแก้โรคผิวหนัง ฆ่าหิดเหา ฆ่าเชือ้ พยาธิ ภายใน มะเร็งตับ น�ำรากมาดองเหล้าขาว แล้ว ละลายน�ำ้ ฉีดฆ่าแมลงศัตรูพชื น�ำรากมาโขลก

บีบเอาน�้ำหยอดแผลวัวควาย ซึ่งมีหนอนไช หนอนจะตายหมด รากมีพิษ หากรับประทาน มากเกินไปท�ำให้มนึ เมา ถึงตายได้ เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เนื่องจากเป็นพรรณไม้มีค่า และเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

87


stolon) (grafting)(cutting) คําอธิบายสัญลั(sucker, ก ษณ์ เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

(climber) (scandent) (tree, umbrella shape) ไม้หัว หรืไม้อเมีลืเ้อหง้ย า ไม้ต้นทรงพุ่มกลม (bulb, rhizome) (climber)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

(tree, round ลักshape) ษณะวิสยั

คุณค่าในการอนุ ไม้หรัว ักหรืษ์อมีเหง้า

รักษ์ คุณค่าในการอนุ

ลักษณะวิสยั

(air layering)ขยา

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ โน้มกิ่ง (tissue culture) เป็นพรรณไม้หายาก(layering)

ไม้า ต้นอธิ ทรงกรวยคว่ ํา ความสู คํ rhizome) บ ายสั ญลังกษณ์ คํ าอธิบายสัญเป็นพรรณไม้ ลัก(bulb,ษณ์ ที่ข(tree, ยายพัconical นธุ์ยาก shape) (height)

กลึงกล่อม

แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล ตอนกิ่ง (tissue culture) (sucker, stolon)

ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี

ติดตา

ขยายพั นธุ์ เป็นพรรณไม้ ลั(tree, กสษณะวิ สนยั ธุ์ยาก(tree, ีค่า ขยายพั เป็นพรรณไม้ ใกล้ ูญทพัspike ธุ์ shape) เป็นมพรรณไม้ หายากนธุ์ เป็นพรรณไม้ ี่ขนยายพั (budding) umbrella shape)

ความสูง ่มกลม ด ไม้2-8 พุ่มm ความสูง ไม้ต้นทรงพุเพาะเมล็ เสียบยอด เพาะเม เป็นพรรณไม้ ี่ชุมชนมีความต้ เฉพาะถิ ่นใกล้สูญพันธุ์ เป็นทพรรณไม้ มีค่า องการ เป็นพรรณไม้ (height) เป็นพรรณไม้ (seed) (height) (seed) (tree, round shape) (shrub) (shoot grafting) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี ปักชํากิ่งําหรือเถา นรัตศ้นมีทรงกรวยคว่ ปักคชํวาม าก ไม้พุ่มรอเลืไม้ ้อยต้นแผ่เป็ไม้ ทาบกิ เป็นพรรณไม้ ที่ช่งุมชนมี เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น (tree, umbrella shape) (scandent)(tree, umbrella (cutting) (tree,shape) conical shape) (cuttin อนุรักษ์เพื(grafting) ่อการใช้ประโยชน

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Polyalthia suberosa (Roxb.) Thwaites ต้นทรงพุตอนกิ ่มกรวยแหลม ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ่ง ชื่อวงศ์ : ANNONACEAE ไม้เลื้อย ไม้ต้นทรงพุไม้่มกลม (tree, spike shape) (tree, round shape) (air layering) shape) อ) ชื่ออื่น : กระทุ่มกลอง กระทุ่มคลอง (ราชบุร)ี ไคร้น�้ำ (อุตรดิตถ์(climber) ) มะจ�(tree,้ำ round (ภาคเหนื ไม้พุ่ม ไม้หัว หรือไม้ มีเหง้ ต้นาทรงกรวยคว่ํา โน้มกิ่ง (shrub) (layering) (bulb, rhizome) (tree, conical shape) ไม้พุ่มรอเลืติ้อดยตา ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม คุณค่าในการอนุไม้รตัก้นษ์ทรงพุ(scandent) ่มกรวยแหลม (tree, spike shape) (budding)

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

แยกหน่อ หัตอนกิ ว ลํา ่ง (sucker, stolon) (air lay

เพาะเลี้ยงเนืโน้​้อมเยืกิ่ง่อ (tissue culture) (layeri

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 2 - 8 เป็นติ่งแหลมสั้น ขอบเรียบเป็นมันแต่มักย่น ติดตา (buddi เมตร ไม่ผลัดใบ แตกกิง่ ต�ำ่ หนาแน่น เรือนยอด เป็นคลื่นหรือม้วนงอขึ้นเล็(tree,กน้spikeอไม้ยshape) หลั ง ใบและ เลื้อย เป็นพรรณไม้หาย เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เสียบยอด ไม้พุ่ม เสียบย เป็ น พุ ่ ม กลม กิ่ง อ่ อ นมีข นประปราย กิ่ง แก่ ท้องใบเรี ยบเป็นมัน ไม้พุ่ม (climber) (shoot grafting) (shrub) (shrub) ไม้หัว หรือมีเหง้า (shoot เกลี้ยง มีช่องอากาศเป็นตุ่ม สีเทาอมชมพูอยู่ ดอกไม้พ:ุ่มออกดอกเดี ลิ่น่งหอม เป็นพรรณไม้มีค่า เป็่ยนวตามกิ พรรณไม้ใกล้่งสูญดอกมี พันธุ์ กทาบกิ รอเลื้อย (bulb, rhizome) ทาบกิ่ง ทัว่ ไปตามล�ำต้นและกิง่ แก่มเี ปลือกไม้ทหี่ นาย่น สีเหลื(scandent) อง ห้อยลง กลีบเลีไม้พ้ยุ่มรอเลื งรูป้อยไข่มี (grafting) 3 กลีบ (scandent) (graftin รักษ์อ หัว ลํา หรือไหล เป็นพรรณไม้ ที่ชุม ่นน เลื้อย 6 กลีบ เป็ เป็นสันนูน กลีบไม้ดอกมี เรีนยพรรณไม้ งเป็คุนณเฉพาะถิ 2ค่าชัในการอนุ ้ ชัน้ ละแยกหน่ 3 กลีบ อนุ ร ก ั ษ์ เ พื อ ่ การใช ไม้ เ ลื ้ อ ย แยกหน stolon) ใบ : ใบเดีย่ ว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบรูป กลีบ(climber) ชั้นในรูปขอบขนาน (climber) กว้างเป็น4พรรณไม้ มิล(sucker, มตร ทลิี่ขเยายพั นธุ์ยาก (sucke ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ขอบขนาน รูปรียาว หรือรูปใบหอกแกมรูปขอบ ยาว(bulb, 1 เซนติ เมตร กลีบชัน้ ไม้นอกมี นาดแคบและ หัว หรือมีขเหง้ า (tissue culture) เพาะเล rhizome) เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ (tissue ขนานกว้าง 2 – 4 เซนติเมตร ยาว 5 – 11 เซนติเมตร สัน้ กว่าเล็กน้อย ดอกบานเต็(bulb, มทีrhizome) เ่ ส้นผ่านศูนย์กลาง คุณค่าในการอนุรักษ์ โคนใบสอบเบีย้ วเล็กน้อย ปลายใบแหลม หรือ 1 เซนติเมตร คุณค่าในการอนุเป็รนักพรรณไม้ ษ์ เฉพาะถิ่น เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพร

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพร เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็นพร เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่นอนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

อนุรักษ

88


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านซับขาม จังหวัดสระบุรี ผล : เป็นผลกลุม่ มี 25 – 35 ผล แต่ละผลกลม ขนาด 5 มิลลิเมตร ผิวเรียบ สีเขียว เมื่อแก่สี แดงอมด�ำ มี 1 เมล็ด ต่อ 1 ผล ออกดอกและ ติดผลเกือบตลอดปี นิเวศวิทยา : พบขึ้นในที่โล่งบริเวณดินร่วน มีการระบายน�้ำดี ริมคลองหรือพื้นที่ราบลุ่ม ที่นำ�้ ท่วมเป็นครั้งคราว การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ปลูกเป็นไม้ให้รม่ เงา บังแดดตอนบ่ายให้กับห้องทางด้านใต้หรือ ตะวันตก ลดค่าใช้จ่ายเรื่องเครื่องปรับอากาศ

ได้มาก ผลสวยน่ารักและเป็นอาหารนกได้ ด้านสมุนไพร รากและเนื้อไม้แก้ไข้ แก้ร้อนใน ขับพิษ ใบและกิ่ง มีฤทธิ์ต้านเชื้อโรคเอดส์ใน หลอดทดลอง เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เป็นพรรณไม้ท่ชี ุมชนมีความ ต้องการอนุรกั ษ์ไว้เพือ่ การใช้ประโยชน์ เป็นพืช สมุนไพร เป็นพรรณไม้มคี ่า

89


(shrub)

(scandent) (shoot grafting) (cutting)

(tree, umbrella shape) คํ าอธิบายสัญลัไม้กพุ่มษณ์ รอเลื้อย

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ลักษณะวิสยั

ไม้เลื้อย (climber) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา

ไม้เลื้อย ทาบกิ่ง ตอนกิ่ง (climber) (grafting)

(air layering)

ไม้หัว หรือมีแยกหน่ เหง้า อ หัว ลํา หรือไหล (sucker, stolon) โน้มกิ่ง (bulb, rhizome) เพาะเมล็ด

บายสัญลักษณ์ ความสู คํ าอธิบายสัญ ลังกษณ์ คํ(tree,าอธิ conical shape) (height)

ก�ำลังช้างเผือก

ไม้ต้นทรงพุ่มกลม (tree, round shape) ขยายพันธุ์

(scandent)

ลักษณะวิสยั

ไม้หัว หรื อมีเหง้า (bulb, rhizome)

ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี ขยายพั ลั กรษณะวิ สยั นธุ์ (tree, คุ umbrella shape) (tree, ณค่าในการอนุ ักspike ษ์ shape)

(layering)

(seed) คุณ ค่าในการอนุเพาะเลี รักษ์ ้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

ติดตา ปักชํากิ่งหรือเถา ขยายพั นธุ์ นธุ์ยาก (cutting)เป็นพรรณไม้ที่ขยายพั(budding)

ความสูง ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ไม้5พmุ่ม ความสูง เพาะเมล็ดตอนกิ่ง เสียบยอด เพาะเม เป็ในกล้ พรรณไม้ เป็นพรรณไม้ ที่ขยายพันธุ์ยาก (seed) (air layering) เป็นพรรณไม้ สูญพันธุห์ ายาก(seed) (height) (tree, round shape) (height) (shrub) (shoot grafting)

กิ่ง ไม้ต้นแผ่เป็นไม้รัศตมี้นทรงกรวยคว่เป็ํา นพรรณไม้ ปักชํากิ่งหรืโน้อมเถา ไม้ ไม้พุ่มใกล้ รอเลื ้อพัยตน้นธุแผ่ ทาบกิ่ง ปักชําก นพรรณไม้ สูญ ์ เป็นรัศมี เป็นพรรณไม้เป็เฉพาะถิ ่น มีค่า (tree, conical shape) (layering) (tree, umbrella shape) (cutting) (scandent)(tree, umbrella shape) (grafting) (cuttin

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hiptage benghalensis (L.) Kurz ssp. candicans (Hook. f.) Sirirugsa ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ติดตา เป็นพรรณไม้ ที่ชุมอชนมี ไม้ต้นทรงพุ่มกลม เป็นพรรณไม้ ชื่อวงศ์ : MALPIGHIACEAE ไม้เลืเ้อฉพาะถิ ย ไม้่นต้นทรงพุตอนกิ แยกหน่ หัตอนก วคลํวาา ่มกลม่ง (budding) (tree, spike shape) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน (tree, round shape) layering) (climber) (tree, round(airshape) (sucker, stolon) (air la ชื่ออื่น : พญาช้างเผือก (กาญจนบุร)ี กาซองวาเซอะ ไม้พุ่ม (กะเหรี่ยง กาญจนบุร)ี เสียบยอด ไม้ต้นทรงกรวยคว่ (shrub)ํา (tree, conical shape)

โน้มกิ่ง (shoot grafting) ไม้หัว หรือไม้ มีเหง้ ต้นาทรงกรวยคว่ ํา (layering) (bulb, rhizome) (tree, conical shape)

เพาะเลี้ยงเนืโน้​้อมเยืกิ่ง่อ (tissue culture) (layeri

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้พุ่มรอเลื้อย ทาบกิ่ง (scandent) ไม้ ต ้ น ทรงพุ ่ ม กรวยแหลม ติ ด ตา ต้น : ไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก สูงได้ถึง 5 ดอก : ดอกสีคุขณาวอมชมพู อชมพู แต้(grafting) มเหลือง ค่าในการอนุไม้หรื รตัก้นษ์ทรงพุ ่มกรวยแหลม ติดตา (tree, spike ไม้shape) (budding) เลื้อย แยกหน่ อ หัว ลํา หรือไหล (tree, spike shape)ดอกย่ (budd เมตร ผลัดใบ ล�ำต้นเป็นไม้เนื้อแข็งเปลือกต้น ช่อดอกยาว 50 เซนติ เ มตร และมี อ ย เป็นพรรณไม้หาย เป็นพรรณไม้ที่ขยายพัเสี นธุย์ยบยอด าก (sucker, stolon) ไม้พุ่ม (climber) พุ่ม เสียบย แตกเป็นแผ่นตามยาว กิ่งยาวห้อยลู่ลง จ�ำนวนมาก ออกที่เหนือไม้รอยแผลใบตามกิ ่ง (shrub) (shoot grafting) ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (shrub) (shoot (bulb, rhizome) (tissue culture) ใบ : ใบเดีย่ วเรียงตรงกันข้าม เป็นคู่ แผ่นใบรูปรี ไม้พกลี บ้อดอกมี 5 กลีบ เป็สีนขพรรณไม้ าว ขนาดไม่ เป็นพรรณไม้มีค่า ใกล้สูญพัทาบกิ นธุ์ เ่งท่ากัน เมื่อ ุ่มรอเลื ย ไม้พุ่มรอเลื้อ(grafting) ทาบก คุณ ค่าในการอนุรเส้ ักษ์นผ่านศูนย์ก ขอบขนาน หรื อ รู ป ใบหอกถึ ง รู ป ไข่ ก ลั บ (scandent) ดอกบานมี ลาง 2ย เซนติเมตร (scandent) (grafti เป็นพรรณไม้ที่ชุม เป็นพรรณไม้ เฉพาะถิ ่นง ไม้เเกสรเพศผู ลื้อย แยกหน่ อ เป็หัวนพรรณไม้ ลํา หรือไหล ปลายใบทู่ ใบอ่อนมีขนหนาแน่น แ ้ ละเพศเมี ย มี ส เ ี หลื อ ดอกจะบาน ห ายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก อนุรักษ์เพื่อแยกห การใ ไม้เลื้อย (sucker, stolon) (climber) เดือนมกราคม ดอกย่อยจะทยอยบาน ดอกบาน (climber) (sucke ไม้หัว หรือมีเป็เหง้นพรรณไม้ า เพาะเลี้ยงเนื เยื่อ มีค่า เป็น้อพรรณไม้ ใกล้สูญพันธุ์ วั น เดี ย วโรย ส่ ง กลิ น ่ หอมอ่ อ นๆ ในช่ ว งกลางวั น ไม้ ห ว ั หรื อ มี เ หง้ า เพาะเล (bulb, rhizome) (tissue culture) และหอมแรงในช่ วงใกล้ค(bulb, �่ำ rhizome) เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ (tissue เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น คุณค่าในการอนุรักษ์

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

คุณค่าในการอนุรักษ์

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

90

เป็นพร

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ รักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เป็นพรรณไม้อนุเฉพาะถิ ่น

เป็นพร

เป็นพร อนุรัก


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านหินลาด จังหวัดชัยภูมิ ผล : ผลเป็นฝักยาว เมื่อแก่จะแตก เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา นิเวศวิทยา : จะขึน้ ตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบเขา พั น ธุ ก รรมพื ช : เป็ น พรรณไม้ ห ายากใกล้ และป่าชายหาด จะสูญพันธ์ การขยายพันธุ์ : ใช้เมล็ด หรือตอนกิ่ง การน�ำไปใช้ประโยชน์ : การใช้จะน�ำล�ำต้น มาต้มกินบ�ำรุงก�ำลัง แก้ออ่ นเพลีย และอาจจะ ต้มรวมกับสมุนไพรบ�ำรุงก�ำลังตัวอื่นๆ

91


(climber) ไม้ต้นทรงพุ่มกลม

คําอธิบายสัญลักษณ์

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

(bulb,ไม้rhizome) ต้นทรงกรวยคว่ํา ลักษณะวิคุสณยั ค่าในการอนุ (tree, conical รักษ์ shape)

ขยายพันธุ์

เพาะเลี้ยงเนื(air ้อเยื่อlayering) (tissue culture) โน้มกิ่ง

(layering)

ายสัขยายพั ญลักนธุษณ์ ไม้า ต้นอธิ ทรงพุบ่มกรวยแหลม ตา คําอธิบลัายสั ญสลัยั กความสู ษณ์ง เป็นคํพรรณไม้ กษณะวิ ์ เพาะเมล็ดเป็นพรรณไม้ติหดายาก ที่ขยายพันธุ์ยาก

(height)

คัดเค้า

(sucker, stolon) ตอนกิ่ง

คํ าอธิบายสัไม้ญหัว(tree, ลัหรืกอมีround ษณ์ เหง้า shape)

ลักษณะวิสยั ความสูง (height)

(tree, spike shape)

ความสูง ไม้ต้นแผ่เป็นรัศไม้ มี พุ่ม กษณะวิขยายพั สยั นธุ์ เป็นลั พรรณไม้ (height) (tree, umbrella shape) ใกล้สูญพันธุ์ (shrub)

(budding)

(seed)

เพาะเมล็ด ปักชํากิ่งหรือเถา เสียบยอด ขยายพั นธุ์ มีค่า grafting (seed) (cutting) เป็นพรรณไม้ (shoot

ไม้ต้นแผ่เป็ไม้นตรัศ้นมีทรงพุ่มกลม อเถา ่ง ไม้3-6 พุ่มmรอเลืความสู ้อย ง เพาะเมล็ดปักชํากิ่งหรืตอนกิ ทาบกิ่ง เพาะเม เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต พรรณไม้ เฉพาะถิ ่น (seed) (cutting) (air layering) (tree, shape) roundเป็นshape) (tree, umbrella (height) (scandent) (grafting)(seed)

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ แยกหน่อปักหัชํวากล (sucker,(cutting stolon

้นทรงกรวยคว่ ไม้ต้นแผ่เป็นรัไม้ศตมี้นทรงพุไม้่มตกลม อเถา่ง โน้มกิ่ง ไม้เําลื้อย ไม้ต้นแผ่เป็นปัรักศชํมีากิ่งหรื ตอนกิ (tree, conical shape) (tree, umbrella (cutting) (tree,shape) round shape) (climber) (tree, umbrella (air layering)(layering) shape)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Oxyceros horridus Lour. ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม า ตอนกิ่ง โน้มกิ่ง ติดตา เพาะเลี้ยงเนื้อเ ไม้ต้นทรงพุ่มไม้กลม ชื่อวงศ์ : RUBIACEAE ต้นทรงกรวยคว่ํา ไม้หัว หรือไม้มีเตหง้​้นทรงพุ ่มกลม ตอนกิ่ง (tree, spike shape) (budding) (bulb, rhizome) (tissue culture (tree, round (tree, shape)conical shape) (airshape) layering) (layering) (tree, round ชือ่ อืน่ : คัดเค้าเครือ (นครราชสีมา) คัดเค้าหนาม (ชัยภูม)ิ พญาเท้ (ล�ำปาง) (air lay ไม้พุ่ม าเอว (กาญจนบุร)ี หนามเล็บแมว เสียบยอด

คุณค่าในการอนุรักษ์ โน้มกิ่ง ติดตา (shoot grafting) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ํา (shrub) ไม้ต้นทรงพุ ่มกรวยแหลม ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา โน้มกิ่ง (tree, conical(tree, shape) (layering)(budding) spike shape) (tree, conical shape) (layerin ไม้พุ่มรอเลื้อย เป็นพรรณไม้ ทาบกิ่ง เป็นพรรณไม้ ห ที่ขยายพันธุ์ยาก ไม้ต้นทรงพุ่มไม้กรวยแหลม ติดตา เสียบยอด (grafting) พุ่ม (scandent) ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ติดตา (shrub) ไม้เลื้อย (tree, spike shape) (budding)(shoot grafting) แยกหน่อ หัว ลํา หรือเป็ไหล (tree, (buddin นพรรณไม้ ม เป็นพรรณไม้ ใกล้spike สูญพัshape) นธุ์ ไม้พุ่มรอเลื(climber) ้อย ไม้พุ่ม เสียบยอดทาบกิ่ง (sucker, stolon) ไม้พุ่ม เสียบย (grafting) เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (shrub) (scandent)ไม้หัว หรือมีเหง้า (shoot grafting) เป็นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ เฉพาะถิ่น (shrub) (shootท (bulb, rhizome) (tissue culture) ไม้พุ่มรอเลื้อยไม้เลื้อย ทาบกิ่ง แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล อนุรักษ์เพื่อกา ไม้พุ่มรอเลื้อ(grafting) ย ทาบกิ่ง (sucker, stolon) ณค่าในการอนุรักษ์ (scandent) คุ(climber) (scandent) (graftin งเนือ้อไหล เยื่อ ไม้เลื้อย ไม้หัว หรือมีเหง้า แยกหน่อ เพาะเลี หัว ลํา้ยหรื เป็ น พรรณไม้ ห ายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ไม้เลื้อย (sucker, stolon) แยกหน (tissue culture) (climber) (bulb, rhizome) (climber) (sucker ไม้คุหัวณหรืค่อามีในการอนุ เหง้า เป็รนักพรรณไม้ เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เป็นพรรณไม้มีค่า ษ์ ใกล้สูญพันธุ์ ไม้หัว หรือมี(tissue เหง้า culture) เพาะเล (bulb, rhizome) (bulb, rhizome) เป็นพรรณไม้เป็หนายาก (tissue เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก พรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้พุ่มที่เลื้อยทอดล�ำต้นเกาะเกี่ยวขึ้นไป 6-12 เซนติเมตร หลังใบเรียบสีเขียวเข้มและ กับต้นไม้อ่ืน สูงประมาณ 3-6 เมตร เปลือก เป็นมัน ท้องใบเรียบลื่นและมีสีอ่อนกว่า ล�ำต้นเรียบเป็นสีนำ�้ ตาล ล�ำต้นคดและยาวพัน ดอก : ออกดอกเป็นช่อกระจุกตามซอกใบ เลือ้ ยไปตามต้นไม้และกิง่ ไม้ หากไม่มที เี่ ลือ้ ยพัน ดอกเป็นช่อใหญ่ แต่ละดอกจะมีขนาดตั้งแต่ ก็จะเป็นไม้กึ่งเลื้อยกึ่งยืนต้นคล้ายกับนมแมว 4-10 เซนติเมตร ดอกย่อยมีขนาดเล็กสีขาว ตามล�ำต้นมีขอ้ ซึง่ จะมีใบงอกออกเป็นคู่ ๆ และ และมีกลิน่ หอม ลักษณะคล้ายดอกเข็ม ดอกมี จะมี ห นามแหลมโค้ ง งองุ ้ ม ออกจากโคนใบ กลีบดอก 5 กลีบ เมื่อดอกที่เริ่มบานจะเป็น มีลกั ษณะคล้ายกับเขาควาย ข้อละหนึง่ คู่ ซึง่ เป็น สีขาวนวลแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองนวลใน เอกลักษณ์ของไม้ชนิดนี้ วันต่อมา ดอกจะส่งกลิน่ หอมแรงมากในช่วงเย็น คุณค่าในการอนุรักษ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ ใบ : ใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกัน ใบเป็นรูปรี หรือช่วงกลางคืน คุณค่าในการอนุรักษ์ เป็นหพรรณไม้ พรรณไม้ เป็นพรรณไม้ ายาก มีค่า นธุ์ยใกล้ ากสูญพันธุ์ ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ใบมีขนาดกว้าง เป็นพรรณไม้เป็ที่ขนยายพั เป็นพร เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ประมาณ 4-5 เซนติเมตร และยาวประมาณ นพรรณไม้ ่น เป็นพรรณไม้เป็ใกล้ สูญพันธุเฉพาะถิ ์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

92

เป็นมพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ ีค่า ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพร

เป็นพร อนุรักษ


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านซับขาม จังหวัดสระบุรี ผล : ออกเป็นพวงหรือออกเป็นกลุ่ม เป็นรูป ทรงกลมหรือกลมรี ผิวเรียบและเป็นมัน ปลายแหลม สีเขียวเข้ม เมือ่ สุกจะเป็นสีดำ� เมล็ดมีขนาดเล็ก อัดกันแน่นเป็นจ�ำนวนมาก ขนาดเท่าหัวไม้ขดี ไฟ โดยจะติดผลในช่วงเดือนเมษายน นิเวศวิทยา : ขึน้ ทัว่ ไปตามธรรมชาติในป่าเบญจพรรณ ตามภาคต่างๆ หรือตามสวน หรือตามทีร่ กร้าง ว่างเปล่า การขยายพันธุ์ : การเพาะเมล็ด ปักช�ำ และ ตอนกิ่ง

การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ยอดอ่อนปรุงอาหาร รับประทานได้ ผลอ่อนรับประทานเป็นผัก นิยม ปลูกเป็นแถวเป็นไม้เลื้อยตามซุ้มหรือตามรั้ว ปลู ก เป็ น ไม้ ป ระดั บ ออกดอกสวยงามมาก ดอกมีกลิ่นหอมแรง และออกดอกพร้อมกัน เกือบทั้งต้น เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพื ช : เพราะเป็ น พรรณไม้ ใ น วรรณคดี มีดอกหอม เป็นพรรณไม้ที่ชุมชน ต้องการอนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ ใช้ปลูก ริมรั้ว มีดอกสวยงาม

93


(climber) ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

คุณค่าในการอนุรักษ์

ไม้ต้นทรงพุ่มกลม (tree, round shape)

(sucker, stolon) เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

ทรงกรวยคว่ คํ ไม้(tree,าต้นอธิ บายสัํา ญลัเป็กนษณ์ คําอธิบายสัญ ลั ก ษณ์ พรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก conical shape)

ช้างน้าว

(tree, umbrella shape)

ลักษณะวิสยั

ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม

ขยายพั กษณะวิ สยั นธุ์ เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ลั(tree, spike shape)

เป็นพรรณไม้มีค่า

ความสูง ไม้1-8 พุ่มm ความสูง เพาะเมล็ด (height) เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น (shrub) (height) (seed) เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี (tree, umbrella shape)

ไม้พุ่มรอเลืไม้ ้อยต้นแผ่เป็นปัรักศชํมีากิ่งหรือเถา (cutting) (scandent)(tree, umbrella shape)

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

โน้มกิ่ง ไม้หัว หรือไม้ มีเตหง้​้นาทรงกรวยคว่ ํา (layering) (bulb, rhizome) (tree, conical shape)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ochna integerrima (Lour.) Merr. ชื่อวงศ์ : OCHNACEAE ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ไม้เลื้อย ไม้ต้นทรงพุตอนกิ ่มกลม่ง (tree, round shape) (air ชื่ออื่น : กระแจะ (ระนอง) ก�ำลังช้างสาร (ภาคกลาง) ขมิ้นพระต้น (จันทบุ(climber) ร)ี แง่(tree,ง round (บุรshape) รี layering) ัมย์) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้ น : เป็ น ไม้ พุ ่ ม หรื อ ไม้ ต ้ น ขนาดเล็ ก สู ง ประมาณ 1-8 เมตร ล�ำต้นมักคดงอ มีกงิ่ ก้านต�ำ่ ใบ : ใบเดี่ยวเรียงสลับ แผ่นใบรูปขอบขนาน แกมรูปไข่กลับหรือรูปหอก กว้าง 4-7 เซนติเมตร ยาว 8-20 เซนติเมตร ปลายเรียวแหลมหรือ มน โคนใบมน ขอบใบหยักคล้ายซี่เลื่อย ดอก : ดอกสีเหลืองขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 3-4 เซนติเมตร ออกเป็นช่อกระจุกสั้นๆ ตาม ปลายกิ่ ง และซอกใบใกล้ ย อด กลี บ เลี้ ย ง 5 กลีบ กลีบดอก 5-10 กลีบ หลุดร่วงง่าย

ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ติดตา ผล : เป็นไม้ผลสด แบบผลผนั งชั้นในแข็ ผลมี คุณค่าในการอนุ ไม้รตัก้นงษ์ทรงพุ ่มกรวยแหลม (tree, spike shape) (budding) (tree, spike shape) ลักษณะค่อนข้างกลม มีขนาดกว้างประมาณ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพัเสี นธุย์ยบยอด าก ไม้พุ่ม ไม้พุ่ม1-1.2 8-9 มิ ล(shrub) ลิ เ มตร และยาวประมาณ (shoot grafting) (shrub) เซนติเมตรไม้พผลเป็ นสีเขียว เมือ่ แก่เป็นแพรรณไม้ ล้วจะเปลี ย่ นธุน์ ่ง ใกล้สูญพัทาบกิ ุ่มรอเลื้อย ไม้พุ่มรอเลือ้อ(grafting) ย ่ (scandent) สีดำ� ผิวผลมั น ผลมีกา้ นเกสรเพศเมียคงเหลื อยู (scandent) ่นแยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล และยั ง มีไม้กเลีลื้อบย เลี้ ย งสี แ ดงสดทีเป็น่ เพรรณไม้ จริ ญเฉพาะถิ ตามมา ไม้ เ ลื ้ อ ย (climber) รองรับ ภายในผลมี เมล็ด 1 เมล็ด บ้างว่(climber) ามีเมล็(sucker, ด stolon) ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ 1-3 เมล็ด(bulb, ชัน้ หุrhizome) ม้ เมล็ดแข็งและมีขนาดใหญ่ ้ า culture) ไม้หัว หรืมีอเมีนื เหง้อ (tissue (bulb, rhizome) บางหุม้ อยู่ โดยจะออกผลในช่วงเดือนมกราคม คุณค่าในการอนุรักษ์ ถึงเดือนมิถุนายน คุณค่าในการอนุรักษ์ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

94

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องกา รักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เป็นพรรณไม้อนุเฉพาะถิ ่น


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านพร้าว จังหวัดสระแก้ว นิเวศวิทยา : พบได้ตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่ า เต็ ง รั ง ป่ า สน และป่ า ชายหาด ที่ ร ะดั บ ความสู ง ใกล้ ร ะดั บ น�้ ำ ทะเลจนถึ ง ประมาณ 1,200 เมตร การขยายพันธุ์ : โดยใช้เมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : แก่น ใช้เป็นเครือ่ งยา สมุนไพร ผลมีรสมัน สรรพคุณเป็นยาบ�ำรุง ร่างกาย ส่วนต�ำรายาไทย ใช้ต้นน�ำมาต้มกับ น�้ำดื่ม และต�ำรายาสมุนไพรพื้นบ้านจังหวัด

อุบลราชธานีจะใช้ทั้งต้นน�ำมาต้มดื่มเป็นยา บ�ำรุงร่างกาย รากมีสรรพคุณช่วยฟอกน�ำ้ เหลือง แก้โรคน�้ำเหลืองเสีย หรือสภาวะที่ภูมิคุ้มกัน ไม่ดี รากใช้ต้มกับน�้ำดื่มเป็นยาแก้เบาหวาน เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

95


(tree, round shape) ไม้เลื้อย ไม้หัว หรือมีเหง้า ไม้rhizome) ต้นทรงพุ่มกลม (bulb, (climber) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา

เยื่อ แยกหน่อเพาะเลี หัว ลํา้ยงเนื หรือ้อไหล ตอนกิ่ง (tissue culture) (sucker, stolon)

คุหณัว ค่หรืาอในการอนุ ไม้ มีเหง้า รักษ์ ํา ่มกรวยแหลม (bulb, rhizome) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ไม้ต้นทรงพุ

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture) โน้มกิ่ง ติดต (layering) เป็นพรรณไม้ หายาก (bud

(tree, round(tree, shape) conical shape)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

คําอธิบายสัญลักษณ์ คําอธิบายสัญลักษณ์ (tree, conical เป็นพรรณไม้ ที่ขยายพัshape) นธุ์ยาก

คุณค่าในการอนุรักษ์

ลักษณะวิสยั

ชิงชี่

ความสูง (height)

(tree, spike shape)

ไม้ต้นทรงพุไม้่มพกรวยแหลม ุ่ม

ลักษณะวิขยายพั สยั นธุ์

สูญ พันธุ์ เป็นพรรณไม้เป็ทนี่ขพรรณไม้ ยายพั ธุใกล้ ์ยาก (tree,นspike shape) (shrub)

(air

โน้ม

(air layering)(lay

ติดตา

เสีย

เป็นพรรณไม้ มีค่า ขยาย เป็นพรรณไม้ หายาก(budding) (sho

้อย ง เพาะเมล็ด ไม้พุ่ม ไม้พุ่มรอเลืความสู เสียบยอด ทาบ เป็นพรรณไม้ มีค่า ที่ชุมชนมีความต (seed) เป็นพรรณไม้ (gra (shrub) (shoot grafting)

1-6 m เป็นใกล้ พรรณไม้ ่น เป็นพรรณไม้ สูญพันเฉพาะถิ ธุ์ (scandent) (height)

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

แยก ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี อเถา ไม้พุ่มรอเลืไม้ ้อยเลื้อย ไม้ต้นแผ่เป็นปัรัศกมีชํากิ่งเป็หรื ทาบกิ ่ง องการ นพรรณไม้ที่ชุมชนมี ความต้ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น (climber) (suc (tree, umbrella shape) (cutting) (scandent) (tree, umbrella shape) อนุรักษ์เพื่อการใช้ป(grafting) ระโยชน์

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Capparis micracantha DC. า ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ไม้เลื้อย ไม้หัว หรือไม้มีตเหง้ ้นทรงพุ่มตอนกิ กลม ่ง (bulb, rhizome) ชื่อวงศ์ : CAPPARACEAE (tree, round shape) layering) (climber) (tree, round(air shape) คุไม้รณห)ี ัวค่หนวดแมวแดง าในการอนุ ษ์ โน้(เชี ชือ่ อืน่ : กระดาดขาว กระโรกใหญ่ (ภาคกลาง)ไม้ค้ตอ้นทรงกรวยคว่ นฆ้อง (สระบุ ํา มกิ่งยงใหม่) หรื อมีเหง้า ไม้รตัก ้นทรงกรวยคว่ ํา

แยกหน่อ หัวเพา ลํา (tiss (sucker, stolon)

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (layering) (tissue culture) (tree, conical shape) เป็น เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ดตา คุณค่าในการอนุรักษ์ ไม้ต้นทรงพุ่มติกรวยแหลม (tree, spike shape) (budding) เป็น (tree, เป็นพรรณไม้ ใกล้spike สูญพัshape) นธุ์ เป็นพรรณไม้หาย เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เสียบยอด ไม้พุ่ม ไม้พุ่ม (shrub) (shoot grafting) เป็น เป็นพรรณไม้ เฉพาะถิ่น (shrub) อนุ เป็ น พรรณไม้ มีคร เป็ น พรรณไม้ ใ กล้ ส ญ ู พั น ธุ ์ ไม้พุ่มรอเลื้อย ทาบกิ่ง ไม้ พ ่ ุ ม รอเลื ้ อ ย (scandent) (grafting) (scandent) เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น ไม้เลื้อย แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหลเป็นพรรณไม้ที่ชุม อนุรักษ์เพื่อการใ ไม้ เ ลื ้ อ ย (climber) (sucker, stolon) (climber) ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ไม้หัว หรือมี(tissue เหง้า culture) (bulb, rhizome) (bulb, rhizome)

(tree, conical shape)

(bulb, rhizome)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : เป็นไม้พ่มุ หรือกึง่ เลือ้ ย หรือเป็นไม้พ่มุ กึง่ กลีบดอกเป็นสีขาวหลุดร่วงได้ง่าย มี 2 กลีบ ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ความสูงของต้นประมาณ ด้านนอกสีขาวแต้มเหลืองและจะเปลี่ยนเป็น 1-6 เมตร กิ่งก้านใบสีเขียว ผิวเรียบเกลี้ยง แต้มสีมว่ งอมน�ำ้ ตาล มีตอ่ มน�ำ้ หวานทีโ่ คนก้านดอก กิ่ง คดไปมา มีห นาม ตรงหรือ โค้ ง เล็ ก น้ อ ย ผล : ผลสดค่อนข้างกลมหรือรี มี ๔ ร่อง ล�ำต้นสีเทา ผิวเปลือกต้นเป็นกระสีขาวๆ ตามยาว ขนาดกว้างประมาณ 3-6.5 เซนติเมตร ใบ : ใบเป็นใบเดีย่ วเรียงสลับ รูปขอบขนาน รูปรี ผิวเรียบกลม แข็งเป็นมัน สีเขียวน�ำ้ ตาล เมือ่ สุก หรือรูปไข่ ปลายใบมนหรือแหลม เนื้อใบค่อน สี เ หลื อ ง หรื อ แดง หรื อ ด� ำ เมล็ ด เป็ น รู ป ไต ข้างหนามัน เกลีย้ ง หลังใบเป็นมัน ท้องใบเรียบ สีแดงหรือด�ำ เป็นมัน อัดแน่นอยูเ่ ป็นจ�ำนวนมาก คุณค่าในการอนุรักษ์ ดอก : ดอกเดีย่ ว ออกเรียงเป็นแถว ๑-๗ ดอก คุณค่าในการอนุรักษ์ ออกตามซอกใบบริเวณปลายกิ่ง ออกเรียงอยู่ เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เหนือง่ามใบ กลีบดอกรูปขอบขนาน หรือรูปหอก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

96

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ รักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เป็นพรรณไม้อนุ เฉพาะถิ ่น


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านซับขาม จังหวัดสระบุรี นิเวศวิทยา : ขึน้ ได้ตามสภาพดินแห้ง เขาหินปูน ที่แห้งแล้ง ภูเขา หินปูนใกล้กับทะเล ทุ่งหญ้า ป่าละเมาะ ป่าดิบชืน้ ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าโปร่งทัว่ ไป พบได้ทกุ ภาคในประเทศไทย ที่มีระดับความสูงจากระดับน�้ำทะเลต�่ำกว่า 500 เมตร การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ผลสุกมีรสหวาน รับประทานได้ ใช้พนื้ ทีป่ ลูกแคบ ตัดแต่งได้งา่ ย

ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ปลูกเป็นไม้ประดับได้ รากใช้เป็นยาขับลม รักษามะเร็ง ต้น ต�ำพอก แก้ฟกบวม ใบเข้ายาอาบและกิน รักษาโรค ผิวหนัง ผื่นคัน เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เนื่องจากเป็นพรรณไม้มีค่า และเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

97


(climber)

(sucker, stolon)

(tree, umbrella shape)

ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)ไม้ต้นทรงพุ่มกลม

คํ าอธิบายสัญลักษณ์ (tree, round shape)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

คุณค่าในการอนุรักษ์

ทรงกรวยคว่ ํา ญลักษณ์ คํ าอธิบายสั ญลัสยักษณ์ คํ ไม้(tree,าต้นอธิ บ ายสั ลักษณะวิ conical shape)ขยายพันธุ์

ตองแตก

ลักษณะวิสยั ความสูง (height)

ความสูง ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ลั(tree, กสูญษณะวิ สยั นธุ์ (height) เป็นพรรณไม้ใกล้ พัspike นธุ์ ขยายพั shape)

เพาะเมล็ด ติดตา (seed) เป็นพรรณไม้มีค่า ขยาย (buddin

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี ไม้1-2พุ่มm ความสูง เพาะเมล็ปัดกชํากิ่งหรือเถา เสียบยอ เป็นพรรณไม้ ่น (height) (seed) (cutting) เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต (tree, umbrella shape)เฉพาะถิ (shrub) (shoot g อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ตอนกิ ่ง ไม้ต้นแผ่เป็นรัศไม้ มี ต้นทรงพุ่มกลม อเถา ไม้พุ่มรอเลืไม้​้อยต้นแผ่เป็นปัรักศชํมีากิ่งหรื solanifolium(tree,(Burm.) Suresh round shape) (scandent)(tree, umbrella (air layering) umbrella(tree, shape) (cutting) shape)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Baliospermum ชื่อวงศ์ : EUPHORBIACEAE ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา ไม้เลื้อย ไม้ต้นทรงพุ่มตอนกิ ไม้ต้นทรงพุ่มกลม กลม ่ง โน้มกิ่ง (tree, conical shape) (layering) (climber) (tree, roundรshape) layering) (tree, round(air shape) ชือ่ อืน่ : นองป้อม ลองปอม (เลย) ตองแต่ (ประจวบคี ขี นั ธ์) ทนดี ถ่อนดี (ภาคกลาง ตรั ง)

ไม้ตํา้นทรงพุ่มกรวยแหลม ไม้หัว หรือไม้ มีเตหง้​้นาทรงกรวยคว่ ไม้ต้นทรงกรวยคว่ โน้มกิ่งํา ติดตา (tree, spike shape) (budding) (bulb, rhizome) (tree, conical shape) (tree, conical(layering) shape)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้พุ่มนซี่ฟคุันณห่ค่าางกั เสียบยอด ต้น : ไม้พมุ่ ขนาดเล็ก สูงได้ประมาณ 1-2 เมตร ขอบใบจั เป็ นไม่สไม้รตม�ัก้นษ์่ำทรงพุ เสมอ ในการอนุ ไม้ต้นทรงพุ่มกกรวยแหลม ดตา ใบมี ่มติกรวยแหลม (shrub) (shoot grafting) (tree, spikeาshape) spike (budding) shape) แตกแขนงจากโคนต้น ส่วนล�ำต้นเป็นสีเขียว ขนาดกว้ งประมาณ 7-8 เซนติ(tree, เมตร และยาว เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ทาบกิ่ง ไม้พุ่มรอเลื้อย ไม้พุ่ม เสียบยอดอน ไม้พุ่ม ยอดอ่ มีขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร หรืออาจเล็กกว่านี้ ประมาณ 5-18 ้ ใบบาง (scandent)เซนติเมตร เนือ (grafting) (shrub) (shrub) (shoot grafting) เปลือกล�ำต้นเรียบเป็นสีนำ�้ ตาล ยอดอ่อนมีขน มีขน เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล ไม้เลื้อย ไม้พุ่มรอเลื้อย ไม้พุ่มรอเลื้อทาบกิ ย ่ง (sucker, stolon) (climber) สีขาว ดอก : ดอกมีขนาดเล็กสีขาวเหลื อง ออกดอก (scandent) (grafting) (scandent) เป็นพรรณไม้ ฉพาะถิ่น กเรีเพาะเลี ไม้หัว หรือมีเหง้าช่อดอกมี ใบ : ใบเดีย่ ว ออกเรียงสลับ ใบมีขนาดและรูปร่าง เป็ไม้นเลืช่้ออย ตามซอกใบ ลกั เษณะเล็ ยหัววลํ้ยางเนืหรื้ออเยืไหล่อ ไม้เลื้อย แยกหน่อ(tissue (bulb, rhizome) culture) (climber) (sucker, stolon) ต่างกัน ใบที่อยู่ส่วนยอดจะมีลักษณะเป็นรูปรี ยาวประมาณ 3.5-12 เซนติเ(climber) มตร ดอกเป็ น คุณค่าในการอนุ่ใรนช่ ักษ์อเดียวกัน โดยดอกเพศผู หรือรูปใบหอก มีขนาดกว้างประมาณ 3-4 แบบแยกเพศอยู ไม้หัว หรือมีเหง้า ไม้หัว หรือมีเพาะเลี เหง้า ้ยงเนื้อเยื้ ่อ (bulb, rhizome) (tissue culture) (bulb, rhizome) เซนติเมตร และยาวประมาณ 6-7 เซนติเมตร จะอยู ่ตอนบนของช่ อและมี ดอกมี เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพั นธุ์ยาก จ�ำนวนมาก คุณค่ารูในการอนุ รักษ์ มี ข นาดเส้ ส่วนใบทีอ่ ยูโ่ คนต้นขอบใบจะหยักเว้าเป็น 3-5 แฉก ป ร่ า งกลม า นศู นรย์ักษ์ก ลาง คุณนค่าผ่ในการอนุ เป็นม พรรณไม้ เป็นพรรณไม้ พันธุ์ ไม่มีกลีบดอก แต่ ลักษณะของใบจะเป็นรูปไข่แกมขอบขนานหรือ ประมาณ 1-2 มิลใกล้ลิสเูญมตร ีายากมีค่า เป็ น พรรณไม้ ห เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ที่ขยายพันธุ์ยาก เกือบกลม ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ตาม กลีบเลี้ยง 4-5 กลีบ ฐานดอกมีเป็นตพรรณไม้ ่อมประมาณ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

98

(air laye

โน้มกิ่ง เป็นพรรณไม้หายาก (layerin

เป็นพรรณไม้ท ี่ขยายพันธุ์ยาก

(cutting

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture) ตอนกิ่ง

ทาบกิ่ง (graftin

แยกหน (sucker

เพาะเล (tissue

เป็นพรร

เป็นพรร

เป็นพรร อนุรักษ

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักมษ์ีคเพื่า ่อการใช้ประโยชน์ เป็นพรรณไม้

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านวังหงส์ จังหวัดแพร่ 4-6 ต่อม ก้านดอกย่อยมีลักษณะเล็กเรียว คล้ายเส้นด้าย ส่วนดอกเพศเมียจะอยู่โคนช่อ ของดอก ไม่มกี ลีบดอกเช่นกัน มีกลีบเลีย้ งเป็น รูปไข่ปลายแหลม ขอบจัก ฐานดอกเป็นรูปถ้วย สั้น ๆ ผล : ผลมีลกั ษณะเป็นพู 3 พู ปลายผลเว้าหรือ บุม๋ มีกา้ นเกสรเพศเมียติดอยู่ 2 อัน โคนผลกลม มีกลีบเลีย้ งติดอยูท่ ขี่ วั้ ผล ผลเป็นสีเขียว ส่วนโคน ของผลจะมีสเี ข้มกว่าตอนปลาย เมือ่ แก่แล้วจะ แตกออกตามยาวที่กลางพู แต่ละพูจะมีเมล็ด 1 เมล็ด ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปขอบขนาน

นิ เ วศวิ ท ยา : ขึ้ น ทั่ ว ไปตามปาดิ ่ บ แล้ ง ป่าเบญจพรรณ ป่าไผ่ และตามทีร่ กร้าง จนถึง ระดับความสูง 700 เมตร การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ดและปักช�ำ การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ใช้ยางสดๆใส่แผล ช่วยให้หายเร็ว ใบต้มกินน�ำ้ ช่วยขับเหงือ่ ตากแห้ง น�ำมาชงเหมือนชา แก้อาการง่วง เป็นยาถ่าย รักษาโรคหืด ทั้งต้นต้มน�ำ้ อาบ ส�ำหรับผู้ห ญิ ง หลังคลอดช่วงอยู่ไฟ รากเป็นยาถ่าย ขับลม ขับเสมหะ แก้บวมน�ำ้ แก้ดซี ่าน แก้ม้ามอักเสบ และรักษาโรคโลหิตจาง เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

99


(climber) ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ตะขบป่า

คุณค่าในการอนุรักษ์

(tree, umbrella shape) ไม้ต้นทรงพุ่มกลม (tree, round shape)

(sucker, stolon) เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

ทรงกรวยคว่ ํา ญลักษณ์ คํ าอธิบายสัญลักษณ์ คํ ไม้(tree,าต้นอธิ บ ายสั conical shape)

เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ย าก

ลักษณะวิสยั

ขยายพั สยั นธุ์ เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุลั ์ กษณะวิ (tree, spike shape)

ความสูง (height)

ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี Merr. (tree, umbrella shape)

เป็นพรรณไม้มีค่า

ไม้15พุ่มm ความสูง เพาะเมล็ด เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต (shrub) (height) (seed) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ไม้พุ่มรอเลื้อไม้ยต้นแผ่เป็นปัรัศกมีชํากิ่งหรือเถา (cutting) (scandent) (tree, umbrella shape)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Flacourtia indica (Burm. f.) ชื่อวงศ์ : SALICACEAE ไม้เลื้อย ไม้ต้นทรงพุ่มตอนกิ ไม้ต้นทรงพุ่มกลม กลม ่ง (climber) shape) layering) ชื่ออื่น : ตานเสี้ยน มะเกว๋นนก มะเกว๋นป่า (ภาคเหนื(tree, อ) round หมากเบน (หนองคาย)(tree, round(airshape) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้พุ่มหรือไม้ต้นผลัดใบขนาดเล็ก สูงได้ ถึง 15 เมตร ล�ำต้นและกิง่ มีหนาม เปลือกสีเทา กิ่งอ่อนเกลี้ยงหรือมีขนสั้นนุ่ม มีช่องอากาศ ใบ : ใบเดีย่ ว เรียงเวียน มักเรียงชิดกันเป็นกระจุก ที่ปลายกิ่ง ใบรูปไข่กลับ รูปรี หรือรูปหัวใจ ปลายแหลมหรือมน โคนสอบหรือมน ขอบใบหยักมน แผ่นใบบางคล้ายกระดาษถึงหนาคล้ายแผ่นหนัง เกลี้ยงถึงมีขนสัน้ หนานุ่มทั้งสองด้าน ดอก : ออกดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะ โดยจะ ออกเป็นช่อสั้น ๆ ตามซอกใบและปลายกิ่ง ดอกมีขนาดเล็กสีขาว เป็นดอกแบบแยกเพศ อยูก่ นั คนละต้น ทีโ่ คนช่อมีใบประดับ บางทีมหี นาม

100

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

ไม้หัว หรือมีไม้เหง้ โน้มกิ่งํา ต้นาทรงกรวยคว่ (bulb, rhizome) (tree, conical(layering) shape)

ก้านดอกมี น ่มยาวประมาณ 3-5 เซนติ เมตร ไม้ต้นขทรงพุ กรวยแหลม คุณค่าในการอนุ ดตา ไม้รัก ต้นษ์ทรงพุ ่มติกรวยแหลม (tree, spike shape) (budding) spike shape) กลีบดอกมีประมาณ 5-6 กลีบ ลัก(tree, ษณะของ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ไม้พุ่ม นรูปไข่ ปลายมน ยาวประมาณ เสียบยอด ไม้พุ่ม 1.5 กลีบดอกเป็ (shrub) (shrub) (shoot grafting) มิลลิเมตร ดอกเพศผู้ จานฐานดอกจะแยกเป็ เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุน ์ ไม้พุ่มรอเลื้อย ไม้พุ่มรอเลื้อทาบกิ ย ่ง แฉกเล็ก(scandent) น้อยหรือหยักมน มีเกสรเพศผูจ้ ำ� นวนมาก (scandent) (grafting) เป็ น พรรณไม้ ส่วนดอกเพศเมี ย จานฐานดอกจะเรียเฉพาะถิ บ รั่นงไข่ ไม้เลื้อย ไม้เลื้อย แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล อยู่เหนือ(climber) วงกลีบ รังไข่กลม ปลายสอบแคบ (climber) (sucker, stolon) กลีบเลี้ยไม้งมี ประมาณ 5-6 กลีบ ลักไม้ษณะเป็ หัว หรื อมีเหง้า หัว หรือมีเพาะเลี เหง้นา ้ยงเนื้อเยื่อ (bulb, rhizome) (tissue culture) รูปไข่ ปลายมน มีขนาดกว้างประมาณ 1(bulb, มิลลิrhizome) เมตร คุณค่าในการอนุรักษ์1.5 มิลลิเมตร และยาวประมาณ ด้านในและ คุณผิค่วาในการอนุ รักษ์ ขอบมี ข นขึ้ น หนาแน่น ส่วนด้านนอกเกลี้ยงเป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้อง เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านพร้าว จังหวัดสระแก้ว ผล : ผลเดี่ยว หรือออกเป็นพวงเล็กๆ ตามกิ่ง ลักษณะของผลเป็นรูปกลมหรือรี มีขนาดเส้นผ่าน ศูนย์กลางประมาณ 0.8-1 เซนติเมตร ผลอ่อน สีเขียว เมือ่ สุกจะเปลีย่ นเป็นสีแดงคล�ำ้ ลักษณะ ชุ่มน�ำ้ ภายในผลมีเมล็ดประมาณ 5-8 เมล็ด มีก้านเกสรเพศเมียติดอยู่ทปี่ ลายผล ผลจะสุก ในช่ ว งประมาณเดื อ นกรกฎาคมถึ ง เดื อ น สิงหาคม นิเวศวิทยา : ขึน้ ตามป่าเต็งรัง ป่าโปร่ง ป่าดิบแล้ง ป่าผสมผลัดใบ ป่าเบญจพรรณ และตามป่าชายหาด ตลอดจนตามริมแม่น�้ำ ชอบพื้นที่กลางแจ้ง ทนแล้งและน�้ำท่วมขังได้ดี การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ผลสุกรับประทานได้

ใบแห้งน�ำมาต้มกับน�้ำกินเป็นยาบ�ำรุงร่างกาย ผลใช้กินเป็นยาแก้อ่อนเพลีย แก่นหรือรากใช้ กินเป็นยาแก้ตานขโมย ต�ำรายาไทย ใช้แก่นรส ฝาดขืน่ ต้มน�ำ้ ดืม่ แก้ทอ้ งร่วง บิดมูกเลือด ขับเหงือ่ ขับพยาธิไส้เดือน แก้ตานขโมย แก้โรคผิวหนัง ประดง ผื่นคัน ราก รสหวานฝาดร้อน กินแก้ ไตอักเสบ แก้ตานขโมย ขับพยาธิไส้เดือน บ�ำรุง น�้ำนม แก้โรคปอดบวม เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

101


(climber)

(tree, umbrella shape)

ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

คุณค่าในการอนุรักษ์

เพาะเลี้ยไม้งเนืพ้อุ่มเยื ่อ ้อย รอเลื (tissue culture) (scandent) ไม้เลื้อย (climber)

าอธิบายสัญลักเป็นษณ์ คําอธิบายสัญเป็ลันพรรณไม้ กษณ์ที่ขยายพันธุคํ์ย(tree, พรรณไม้หายาก าก conical shape)

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา

ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

ปรงป่า

ไม้ต้นทรงพุ่มกลม (tree, round shape)

(sucker,(shrub) stolon)

ลักษณะวิสยั ความสูง (height)

ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม

กษณะวิ สยั นธุ์ คุณเป็ค่นพรรณไม้ ขยายพั มีค่า รักษ์ เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุลั ์ (tree, spike shape) าในการอนุ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

(cuttin

ตอนก (air la

โน้มกิ่ง (layer

ติดตา

ขยาย (budd

ไม้3พmุ่ม ความสูง เพาะเมล็ด เสียบย เป็นพรรณไม้ ที่ชุมชนมีทคี่ขวามต้ เป็นพรรณไม้ ยายพัอนงการ ธุ์ยาก (shrub) (height) (seed) (shoot อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี (tree, umbrella shape)

ไม้พุ่มรอเลืไม้​้อยต้นแผ่เป็นปัรัศกมีชํากิ่งหรือเถา เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันทาบก ธุ์ (cutting) (scandent)(tree, umbrella (grafti shape)

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

โน้มกิ่ง ไม้หัว หรือไม้ มีเตหง้​้นาทรงกรวยคว่ ํา (layering) (bulb, rhizome) (tree, conical shape)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cycas siamensis Miq. ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ชื่อวงศ์ : CYCADACEAE ไม้เลื้อย ไม้ต้นทรงพุ่มตอนกิ กลม ่ง เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น แยกห (tree, round shape) (air layering) (sucke round shape)อ) ชื่ออื่น : ปรงเหลี่ยม (ตราด) ตาลปัตรฤาษี (ตะวันออกเฉียงใต้) ผักกู(climber) ดบก (tree, (ภาคเหนื ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้ต้นทรงพุ ่มกรวยแหลม ติดตา น ต้น :ไม้พมุ่ มีความสูงได้ประมาณ 3 เมตร ล�ำต้น ดอก : ดอกเป็ นแบบแยกเพศอยู ันคนละต้ คุณค่าในการอนุไม้รตัก่ก้นษ์ทรงพุ ่ ม กรวยแหลม (tree, spike shape) (budding) spike shape)นรูป มีลกั ษณะเป็นข้อสัน้ ๆ สีเทาด�ำ รูปทรงกระบอก ดอกเพศผู้จะออกเป็นช่อแน่น ลั(tree, กษณะเป็ ไม้พุ่ม บยอด เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันเสีธุ์ยยาก ไม้ พ ม ่ ุ ตรงโคนต้นจะป่องเล็กน้อย มีหวั ใต้ดนิ แบนแผ่ออก โคนยาวแกมขอบขนาน มี ข นาดยาวประมาณ (shrub) (shoot grafting) (shrub) ใบ : ใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงเวียนแน่น 30ไม้พเซนติ นแข็งใกล้รูปสูญขอบขนาน ุ่มรอเลืเ้อมตร ย กาบดอกเป็นเป็แผ่ นพรรณไม้ พัทาบกิ นธุ์ ่ง ไม้ พ ่ ุ ม รอเลื ้ อ ย (scandent) (grafting) ที่ปลายยอด ใบสีเขียวเป็นมัน ยาวประมาณ ยาวประมาณ 17 เซนติเมตร ด้านนอกเป็ นรูป (scandent) ไม้เลื้อย แยกหน่ อ หัว ลํา หรือไหล เป็นพรรณไม้ เฉพาะถิ้ง่นขึ้น ส่ว 60-90 เซนติเมตร ใบย่อยยาวมีลักษณะเป็น สามเหลี่ยม มีรยางค์แหลมที ่ปลายตั น (climber) ไม้เลื้อย (sucker, stolon) รูปขอบขนานแคบ มีจ�ำนวน 50-70 คู่ ใบย่อย ดอกเพศเมี ยแผ่เป็นแผ่นคล้ายกาบ ขอบจั กลึก (climber) ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ มีขนาดกว้างประมาณ 6 มิลลิเมตร และยาว คล้(bulb,ายหนาม rhizome) มีขนาดยาวประมาณ ไม้หัว หรือ10-10.5 มี(tissue เหง้า culture) ประมาณ 7.5-20 เซนติเมตร ปลายใบแข็งเป็นหนาม เมตร านศูrhizome) นย์กลาง คุณค่าเซนติ ในการอนุ รักษ์และมี ข นาดเส้ น ผ่(bulb, เส้นกลางใบนูนเห็นชัดเจนทัง้ สองด้าน ก้านใบ ประมาณ 2-2.5 เซนติเมตร ขนสีนำ�้ รตาลอม คุณค่ามีในการอนุ ักษ์ เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร มีหนามที่สัน เหลืองขึน้ ปกคลุมอยูห่ นาแน่น ตอนล่างมีไข่ออ่ น เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ติเป็ดนอยู ่ 1 คู่ ข้างละ 1 ใบ เป็นพรรณไม้มีค่า พรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพ

เป็นพ

เป็นพ อนุรัก

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

102

เพาะเ (tissue


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านคลองห้วยหวาย จังหวัดนครสวรรค์ ผล : ลักษณะของผลเป็นรูปไข่แกมขอบขนาน สีเขียวเมือ่ สุกสีนำ�้ ตาล ผิวผลเกลีย้ ง มีขนาดยาว ประมาณ 4 เซนติเมตร นิเ วศวิท ยา :ในประเทศไทยพบได้ทุกภาค ยกเว้นทางภาคใต้ พบขึน้ หนาแน่นในป่าเบญจพรรณ แล้งและป่าเต็งรังทั่วไปที่มีไฟไหม้เป็นประจ�ำ ที่ความสูงประมาณ 20-1,000 เมตร จาก ระดับน�ำ้ ทะเล การขยายพันธุ์ :โดยวิธีการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ผลแก่สกุ น�ำมาท�ำให้สกุ ท�ำเป็นแป้งใช้ปรุงเป็นยาแก้ไขข้อเสื่อม เป็นยา

บ�ำรุงไขข้อได้ หรือน�ำแป้งมาท�ำขนมได้ รากมี ปมเป็นกิ่งแผ่ฝอยจึงช่วยจับไนโตรเจนในดิน ได้ดี นิยมน�ำมาปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไป เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช :เนื่องจากเป็นพรรณไม้มีค่าที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์และเป็นพรรณไม้ท่ขี ยายพันธุ์ยาก

103


(scandent)

(tree, umbrella shape)

ไม้หัว หรือมีเหง้า ไม้เลื้อย ต้นทรงพุ่มกลม (bulb,ไม้rhizome) (climber)

(tree, round shape)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

(air layering)

คุหณัวค่หรืาอในการอนุ ไม้ มีเหง้า รักษ์ คุณค่าในการอนุรเพาะเลี ักษ์ ้ยงเนื้อเยื่อ (bulb, rhizome) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tissue culture) โน้มกิ่ง หายาก เป็นพรรณไม้ ที่ขยายพัshape) นธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพัเป็นนธุพรรณไม้ ์ยาก (layering) (tree, conical

คําอธิบายสัญลักษณ์ คําอธิบายสัญลักษณ์

คุณค่าในการอนุรักษ์

ปรู

(climber) (grafting) (cutting) ้ยงเนื้อเยื่อ ไม้หัว หรือมีแยกหน่ เหง้า อเพาะเลี หัว ลํา หรือไหล ตอนกิ่ง (tissue culture) (bulb, rhizome) (sucker, stolon)

ลักษณะวิสยั ความสูง (height)

ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม

ลักษณะวิขยายพั สยั นธุ์

พันธุ์ เป็นพรรณไม้เป็ทนี่ขพรรณไม้ ยายพั ธุใกล้ ์ยากสูญ (tree,นspike shape)

ติดตา

ขยายพั มีค่า นธุ์ เป็นพรรณไม้เป็ใกล้ สูญเป็ พันนธุพรรณไม้ นพรรณไม้ ห์ ายาก (budding)

ไม้พุ่ม ความสูง เพาะเมล็ด เสียบยอด เพาะเม เป็ นพรรณไม้ มีค่า ที่ชุมชนมีความต ่น นพรรณไม้ (seed)เป็นพรรณไม้เป็เฉพาะถิ (seed) (shrub) อนุรักษ์เพื่อ(shoot การใช้ปgrafting) ระโยชน์

5-15 mเฉพาะถิ่น เป็นใกล้ พรรณไม้ เป็นพรรณไม้ สูญพันธุ์ (height)

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี กชําก ไม้พุ่ม่นรอเลืไม้​้อยต้นแผ่เป็นปัรัศกมีชํากิ่งหรือเถา เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมี ทาบกิ ่ง ปัองการ ความต้ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ (tree, umbrella shape) (cutting) (scandent)(tree, umbrella (grafting) shape) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ (cuttin

ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Alangium salviifolium (L.f.) Wangerin subsp. hexapetalum (Lam.) Wangerin ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ชื่อวงศ์ : CORNACEAE ไม้เลื้อย ไม้ต้นทรงพุ่มตอนกิ กลม ่ง (tree, round shape) layering) (climber) (tree, round(air shape) ชื่ออื่น : มะตาปู๋ (เชียงใหม่) มะเกลือกา (ปราจีนบุรี) ผลู (ภาคกลาง) ปรู๋ (ภาคเหนื อ) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

โน้มกิ่ง ไม้หัว หรือไม้ มีเตหง้​้นาทรงกรวยคว่ ํา (layering) (bulb, rhizome) (tree, conical shape)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ่มกรวยแหลม ต้น : ไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 5-15ไม้ต้นทรงพุ ดอก : ดอกช่ ขาวนวล กลิ่มติกรวยแหลม ่นดตาหอมอ่อนๆ คุณอค่าสีในการอนุ รตัก้นษ์ทรงพุ ไม้ (tree, spike shape) (budding) spike shape) กลีบดอก เมตร เปลือกสีน�้ำตาลเทา เรียบหรือแตกเป็น ออกเป็นกระจุกตามกิง่ เหนือ(tree, รอยแผลใบ ไม้พุ่ม บยอด เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันเสีธุ์ยยาก พุ่ม กลี สะเก็ด แก่นสีน�้ำตาล กระพี้สีค่อนข้างเหลือ(shrub) ง โคนเชือ่ มติดกันปลายแยกไม้5-7 บ บเลีย้ ง (shoot กลี grafting) (shrub) กิ่งอ่อนและใบอ่อนมีขน ส่ว้อนโคนกลี บจะเชืเป็่อนมติ ดกัใกล้นสเป็ ไม้พุ่มรอเลื ย ทาบกิ พรรณไม้ ูญพัน นธุท่ ์ อ่ง รูปกรวย ไม้ พ ่ ุ ม รอเลื ้ อ ย (grafting) ใบ : ใบเดี่ยว เรียงสลับ แผ่นใบรูปไข่กลับรู(scandent) ป ส่วนปลายกลีบจะแยกออกเป็นแฉก ขนาดยาว (scandent) ไม้เลื้อย แยกหน่ อ หัว ลํา หรือไหล พรรณไม้เเฉพาะถิ ขอบขนาน หรือ รูปหอกกลับ กว้าง 2.5-7 ประมาณ 0.2-0.5เป็นเซนติ มตร่น ดอกมี ขนขึ้น (climber) ไม้เลื้อย (sucker, stolon) เซนติเมตร ยาว 5-15 เซนติเมตร ปลายกว้าไม้งหัว หรืประปราย (climber) เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ อมีเหง้า และเป็นติ่งสั้น โคนสอบเรียว ขอบใบเรีย(bulb, บ rhizome) ผล : รูปกลมรี ออกเป็นกระจุ กอกว้ culture) ไม้หัว หรื มี(tissue เหง้าา งประมาณ (bulb, rhizome) มีเส้นแขนงใบ 3-5 เส้นออกจากโคนใบ เห็คุนณชัดค่มาก 1 เซนติ 1.5 เซนติเมตร าในการอนุ รักษ์ เมตร ยาวประมาณ บริเวณท้องใบ ก้านใบยาว 0.5-1 เซนติเมตร สุกสีด�ำ ปลายผลมีคุกณลีค่บาในการอนุ เลี้ยง และกลางผลจะ รักษ์ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก มีสันแข็งตลอดความยาวของผลเป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

104

แยกหน่อ หัตอนก ว ลํา (sucker, stolon) (air lay

เพาะเลี้ยงเนื โน้​้อมเยืกิ่ง่อ (tissue culture) (layeri

ติดตา (buddi

เป็นพรรณไม้หาย

เสียบย (shoot

เป็นพรรณไม้มีค่า

ทาบก (grafti

เป็นพรรณไม้ที่ชุม อนุรักษ์เพื่อแยกห การใ

(sucke

เพาะเล (tissue

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพร

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพร

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพร อนุรักษ

เป็นพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนดอนเจ้าปู่ จังหวัดขอนแก่น นิเวศวิทยา : ตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบเขา หรือป่าชายเลน การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ด้านสมุนไพรแก่น รสจืดเฝื่อน เป็นยาบ�ำรุงก�ำลัง แก้น�้ำเหลือง และแก้ริดสีดวงทวาร เนื้อไม้ รสฝาดเฝื่อน แก้ริดสีดวงล�ำไส้ และทวารหนัก เปลือกต้น รสฝาด น�ำมาต้ม เอาน�้ำกิน แก้จุกเสียด บ�ำรุง ธาตุไฟ แก้ไอ แก้หอบหืด และแก้ทอ้ งร่วง ปิดธาตุ เปลือกราก น�ำมาต�ำให้ละเอียด เป็นยาพอก หรือคั้นเอาน�้ำล้างแผล แก้โรคผิวหนัง หรือ

รับประทานเป็นยาแก้พิษ ท�ำให้อาเจียนเป็น ยาระบาย และเป็นยาช่วยขับพยาธิ บ�ำบัด อาการไข้ และขับเหงือ่ ผล รสร้อนเบือ่ บ�ำรุงธาตุ ขับพยาธิ แก้จุกเสียด ด้านการใช้ประโยชน์ เนื้อไม้เหนียว นิยมท�ำพานท้ายปืนและด้าม เครื่องมือเกษตร เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพื ช : เป็ น พรรณไม้ เ ฉพาะถิ่ น เป็นพรรณไม้มีค่า และเป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมี ความต้องการอนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

105


(climber) ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

มะคังแดง

คุณค่าในการอนุรักษ์

(tree, umbrella shape) ไม้ต้นทรงพุ่มกลม (tree, round shape)

(sucker, stolon) เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

ทรงกรวยคว่ ํา ญลักษณ์ คํ าอธิบายสัญลักษณ์ คํ ไม้(tree,าต้นอธิ บ ายสั conical shape) เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ย าก

ลักษณะวิสยั

กษณะวิขยายพั สยั นธุ์ เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ลั (tree, spike shape)

ความสูง (height)

ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี (Kurz)(tree,Tirveng. umbrella shape)

เป็นพรรณไม้มีค่า

ไม้6-17 พุ่มm ความสูง เพาะเมล็ด เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต (shrub) (height) (seed) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ไม้พุ่มรอเลื้อไม้ยต้นแผ่เป็นปัรักศชํมีากิ่งหรือเถา (cutting) (scandent) (tree, umbrella shape)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dioecrescis erythroclada ชื่อวงศ์ : RUBIACEAE ไม้เลื้อย ไม้ต้นทรงพุ่มตอนกิ ไม้ต้นทรงพุ่มกลม กลม ่ง (climber) (tree, round shape) layering) (tree,ภาคเหนื round(air shape) ชื่ออื่น : จิ้งก่าขาว ชันยอด (ราชบุร)ี ตุมกาแดง (ภาคกลาง) มะคังป่า (ภาคกลาง อ) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็กมีความสูง ประมาณ ๖ – ๑๗ เมตร ใบดกหนาทึบ ล�ำต้น และกิง่ สีนำ�้ ตาลแดง มีขนนุม่ ๆ เหมือนก�ำมะหยี่ สีน�้ำตาลปกคลุมทั่วไป โคนต้นและกิ่งมีหนาม โดยรอบ หนามขนาดใหญ่ พุ่งตรงออกเป็น ระยะตามกิ่งก้านอ่อน มีสีน�้ำตาลอมแดง ใบ : ใบเดีย่ วเรียงตรงข้าม รูปวงรีหรือรูปไข่กลับ กว้าง ๘ – ๑๕ เซนติเมตร ยาว ๑๕ – ๒๒ เซนติเมตร ผิวใบมีขนทั้งสองด้าน มีหูใบอยู่ในระหว่า ง ก้านใบ หูใบเป็นรูปสามเหลี่ยมหลุดร่วงง่าย โคนใบมน หลังใบเรียบ ท้องใบและก้านใบมีขน สีขาวปกคลุม ขอบใบเรียบ

106

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

ไม้หัว หรือมีไม้เหง้ โน้มกิ่งํา ต้นาทรงกรวยคว่ (bulb, rhizome) (tree, conical(layering) shape)

ดอก : ไม้ออกดอกเป็ นช่อคุสัณน้ ค่าๆในการอนุ ขนาดเล็ ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ดตา ไม้รัก ต้นษ์ก ทรงพุโดย ่มติกรวยแหลม (tree, spike shape) (budding) (tree, spike shape) จะออกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกย่ อยสี เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เสียบยอด ไม้พุ่มบดอก เขียวอ่อไม้นพุ่มกลีบดอกมี 5 กลีบ โคนกลี (shrub) (shrub) (shoot grafting) เชื่อมติดกัน กลีบดอกเป็นรูปกลม ดอกมี เป็นพรรณไม้ ใกล้สเูญกสร พันธุ์ ไม้พุ่มรอเลื้อย ่ง ไม้พุ่มรอเลื้อทาบกิ เพศผู ้ เ ป็(scandent) น เส้ น ติด กั บ กลีบ ดอกวางสั บ หว่(grafting) าย ง (scandent) เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น กลีบดอก ไม้เลื้อย ไม้เลื้อย แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล ผล : ผลสดรู ั นูนจ�ำนวน(climber) ๕ – ๖ สั(sucker, น stolon) (climber)ปกระสวย มีสน ผิวเรียบไม้ปลายผลมี ้ งติดอยูส่ เี ขีไม้ยหวติ หัว หรือมีเหง้า กลีบเลีย เพาะเลี ัว หรืด อมีผล เหง้า ้ยงเนื้อเยื่อ (bulb, rhizome) อนเมษายนถึงเดือนกรกฎาคม (tissue culture) (bulb, rhizome) ในช่วงประมาณเดื คุณค่าในการอนุรักษ์

คุณค่าในการอนุรักษ์

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้อง เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนห้วยไร่บูรพา จังหวัดอุดรธานี นิเวศวิทยา : ขึน้ ตามป่าดิบแล้ง ป่า่ เบญจพรรณ การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ใช้เป็นยาสมุนไพร พืน้ บ้าน เปลือกต้น เข้ายากับมุย่ ขาว ท�ำเป็นยา ลูกกลอน แก้ปวดเส้นเอ็น อัมพฤกษ์ อัมพาต แก้รดิ สีดวงทางทวารแก่น ต้มน�ำ้ ดืม่ แก้ปวดเมือ่ ย แก้ปวดประจ�ำเดือน แก่นผสมกับมุย่ ขาว มุย่ แดง หนามแท่ง เล็บแมว เงี่ยงปลาดุก รักษาโรค กระเพาะอาหาร มะเร็ง ต้นต้มน�ำ้ ดืม่ แก้เลือดลม เดินไม่สะดวก ผสมกับหัวยาข้าวเย็น ต้มดืม่ แก้ ไตพิ ก าร (โรคเกี่ ย วกั บ ทางเดิ น ปั ส สาวะ มี

ปัสสาวะขุ่นข้น เหลืองหรือแดง มักมีอาการ แน่นท้องกินอาหารไม่ได้ แก้ปวดท้อง ขับพิษ โลหิตและน�ำ้ เหลือง) เปลือกต้น ต�ำพอกแผลสด ห้ามเลือด ราก เป็นยาถ่ายพยาธิ ด้านการใช้ ประโยชน์ เนื้อไม้ใช้ท�ำเครื่องมือการเกษตร อุปกรณ์ล่าสัตว์ เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

107


(climber) ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

สังกรณี

คุณค่าในการอนุรักษ์

(tree, umbrella shape) ไม้ต้นทรงพุ่มกลม (tree, round shape)

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ย าก

ลักษณะวิสยั

ขยายพั ลั์ กษณะวิ สยั นธุ์ เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ(tree, spike shape)

ความสูง (height)

ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

เป็นพรรณไม้มีค่า

ไม้60-120 พุ่ม m ความสูง เพาะเมล็ด เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต (shrub) (height) (seed) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ไม้พุ่มรอเลื้อไม้ย ต้นแผ่เป็นปัรักศชํมีากิ่งหรือเถา (cutting) (scandent) (tree, umbrella shape)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Barleria strigosa Willd. ชื่อวงศ์ : ACANTHACEAE ไม้เลื้อย ไม้ต้นทรงพุ่มกลม round แ shape) ชื่ออื่น : ขี้ไฟนกคุ่ม (ปราจีนบุรี) ก�ำแพงใหญ่ (เลย) (tree, กวางหี ฉะ (สุโขทัย(climber) )

108

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

ํา ญลักษณ์ คํ ตา้นทรงกรวยคว่ อธิ บ ายสั คํ าอธิบายสัญลักษณ์ ไม้(tree, conical shape) เป็นพรรณไม้หายาก

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี (tree, umbrella shape)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 60 -120 เซนติเมตร ล�ำต้นไม่มหี นาม แตกกิ่งก้านสาขา รอบ ๆ ต้ น มากมาย ตามกิ่ ง ก้ า นจะมี ข นสี น�้ำตาลปกคลุมอยู่ ใบ : ใบเดีย่ ว ออกเรียงกันเป็นคูๆ่ ไปตามข้อต้น ลักษณะของใบเป็นรูปรีค่อนข้างยาว ปลายใบ แหลมและมีติ่ง ส่วนโคนใบนั้นก็จะแหลมและ ค่อยๆ เรียวแหลมจนถึงก้านใบ ขอบใบมีหนาม พื้นใบเป็นสีเขียว ด้านล่างของใบมีขนยาวตาม เส้นใบ ส่วนด้านบนมีขนบ้างประปราย

(sucker, stolon)

ไม้ต้นทรงพุ่มตอนกิ กลม ่ง layering) (tree, round(air shape)

ไม้หัว หรือมีไม้ เหง้ต้นา ทรงกรวยคว่ โน้มกิ่งํา (bulb, rhizome) (tree, conical(layering) shape)

คุณต าในการอนุ ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ดย ตา ทรงพุ่มติอกรวยแหลม ดอก : ดอกออกเป็ นช่ออยู ่ ค่ามง่ ามใบ มีรไม้ักดตษ์้นอกย่ (tree, spike shape) (budding) (tree, spike shape) ประมาณ 10 ดอก ดอกย่อยเมื ่อบานเต็ มที่จะ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ไม้พุ่ม ไม้พุ่ม เสียบยอด มีขนาดเส้ น ผ่ า นศู น ย์ ก ลางประมาณ 4 เซนติ เมตร (shrub) (shrub) (shoot grafting) พรรณไม้ ูญพันธุ์ กลีบดอกมี ด้วยกัน 5 กลีบ เชื่อเป็นมกั นเป็ใกล้นสหลอด ไม้พุ่มรอเลื้อย ไม้พุ่มรอเลื้อทาบกิ ย ่ง รูปปากเปิ ด สีม่วงอ่อน ลักษณะเป็น(scandent) รูปไข่แกม (scandent) (grafting) ่น รูปรี กว้ไม้าเลืงประมาณ 2 เซนติเป็นเพรรณไม้ มตรไม้เฉพาะถิ และยาว ้อย เลื้อย แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล (climber) (climber) (sucker, ประมาณ 1.5 เซนติเมตร ดอกมีเกสรเพศผู ้ stolon) ไม้หัว หรือมีเหง้ย า 1 อัน รังไข่จะอยูเ่ หนื ไม้หอัววงกลี หรือมีเพาะเลี เหง้บา ้ยงเนื้อเยื่อ 5 อัน เกสรเพศเมี (bulb, rhizome) (tissue culture) (bulb, rhizome) ออกดอกในช่ ว งเดื อ นมิ ถุ น ายนถึ ง เดื อ น คุณค่าในการอนุรักษ์ คุณค่าในการอนุรักษ์ มกราคม เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องก เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านซับขาม จังหวัดสระบุรี ผล : ผลเป็นฝักแบนเกลีย้ ง เมือ่ ผลแห้งแตกได้ ภายในผลมี 4 เมล็ด เมล็ดเป็นรูปกลมแบน นิเวศวิทยา : พบตามป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : สังกรณีใช้เป็นส่วน ประกอบของสมุ น ไพรดองเหล้ า เพื่อ บ� ำ รุ ง ร่างกาย ซึง่ มีสว่ นประกอบส�ำคัญดังนี้ สังกรณี ม้าแม่กำ�่ เถาวัลย์เปรียง โด่ไม่รลู้ ม้ เถาเอ็นอ่อน ทองพันชั่ง ก�ำแพงเจ็ดชั้น อย่างละ ๒ ส่วน ลูกกระชับ ชะเอมป่า อย่างละ ๑ ส่วน ดองกับ เหล้ า ขาวโดยผสมน�้ ำ ผึ้ ง เล็ ก น้ อ ย กิ น ก่ อ น

อาหาร ช่วยบ�ำรุงก�ำลัง แก้ปวดเมื่อย ช่วยให้ รับประทานอาหารได้ ร่างกายแข็งแรง และ ตามต�ำรายาพืน้ บ้านใช้ ทัง้ ต้น ต้มน�ำ้ ดืม่ แก้อาการ ไอเป็นเลือด บ�ำรุงก�ำลัง ส่วนของรากมีรสขม ใช้ปรุงเป็นยาแก้ร้อนในกระหายน�้ำ ดับพิษไข้ ทั้ ง ปวง ถอนพิ ษ ไข้ ก าฬ ลดความร้ อ นใน ร่างกาย แก้ไอ แก้โลหิตก�ำเดา เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

109


(climber)

(climber) (sucker, stolon)

ไม้หัว หรือมีเหง้า ต้นทรงพุ่มกลม (bulb,ไม้rhizome)

ไม้หัว หรือเพาะเลี มีเหง้า ้ยงเนื้อเยื่อ ตอนกิ่ง (tissue culture) (bulb, rhizome)

เป็นพรรณไม้ ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นทพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ ี่ขยายพันหธุายาก ์ยาก

(tree, umbrella shape)

(cutting)

คํ าอธิบายสัญลักษณ์ (tree, round shape) (air layering) คุณค่าในการอนุรักษ์ คุณค่าในการอนุรักษ์ ทรงกรวยคว่ ํา ญลักษณ์ โน้มกิ่ง ๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน คํ าอธิบายสัญลักษณ์ คํ ไม้าต้นอธิ บ ายสั ลักษณะวิสยั ขยายพั น ธุ ์ (tree, conical shape) (layering)

ฮ่อม

ลักษณะวิสยั ความสูง (height)

ความสูง (height)

ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม

ลั(tree, กษณะวิ สูญยัพันธุ์ นธุ์ เป็นพรรณไม้ ใกล้ขยายพั สshape) spike

เพาะเมล็ด ติดตา เป็นใกล้ พรรณไม้ สูญขยายพั พันมธุีค์ ่า นธุ์ (seed) เป็นพรรณไม้ (budding)

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี ไม้1.5 พุ่มm ความสูง เพาะเมล็ปัดกชํากิ่งหรือเถา เสียบยอด เพาะเม พรรณไม้ ความต ่น ที่ชุมชนมี(seed) เป็นพรรณไม้ ่น (seed) (cutting)เป็นพรรณไม้เป็เนฉพาะถิ (height) (tree, umbrella shape) (shrub) เฉพาะถิ (shoot grafting)

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศไม้ มี ต้นทรงพุ่มกลม ไม้พุ่มรอเลืไม้ อเถา ตอนกิ ่ง ้อยต้นแผ่เป็นปัรักศชํมีากิ่งหรื (Nees) Kuntze (tree, round shape) (scandent) (tree, umbrella (air layering) (tree, umbrella shape) (cutting) shape)

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Strobilanthes cusia ชื่อวงศ์ : ACANTHACEAE ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา ไม้เลื้อย ไม้ต้นทรงพุ่มตอนกิ ไม้ต้นทรงพุ่มกลม กลม ่ง โน้มกิ่ง (tree, conical shape) (layering) (climber) round shape) layering) round(air shape) ชื่ออื่น : คราม (ภาคกลาง) ฮ่อมเมือง (น่า(tree, น) ครามหลอย (เงี้ยว แม่ฮ(tree, ่องสอน)

ไม้ตํา้นทรงพุ่มกรวยแหลมไม้หัว หรือมีไม้เหง้ ไม้ต้นทรงกรวยคว่ โน้มกิ่งํา ติดตา ต้นาทรงกรวยคว่ (tree, spike shape) (bulb, rhizome) (tree, conical shape) (tree, conical(layering) shape) (budding)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้: พดอกรู ุ่ม ยบยอด น ต้น : ไม้พมุ่ สูงได้ถงึ 1.5 เมตร ล�ำต้นเป็นเหลีย่ มไม้ต้นทรงพุ ดอก ายระฆั งสี่มติมกรวยแหลม ่วง เสีออกเป็ คุป ณทรงคล้ ค่าในการอนุ ่มกรวยแหลม ดตา ไม้รัก ต้นษ์ทรงพุ (shrub) (shoot grafting) (tree, spike (budding) shape) รูปทรงกระบอก บริเวณข้อโป่งพอง แตกกิ่ง(tree, ช่spike อทีshape) ซ่ อกใบ มีดอกย่อยหลายดอก ดอกย่อยบาน เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก ทาบกิ่ง พุ่มรอเลื้อย ไม้พุ่ม กว้าง ไม้1.5-2 ไม้พุ่ม เสียบยอด 5 แฉก ตามข้อ (scandent) เซนติเมตร กลีบรองดอก (grafting) (shrub) (shrub) (shoot grafting) ใบ : ใบเดี่ยวเรียงตรงข้าม รูปรี กว้าง 2.5-6 กลีบดอกเชื นหลอดโค้ กน้อ หัอว ลํยา หรือไหล นพรรณไม้ ใกล้สูญพันธุง์ งอเล็ ไม้เลื้อย ่ อ มกั นเป็เป็ แยกหน่ ไม้พุ่มรอเลื้อย ทาบกิ ่ง ไม้ พ ่ ุ ม รอเลื ้ อ ย (climber) 5 กลีบ เกสรเพศผู้ 4 อัน (sucker, stolon) เซนติเมตร ยาว 5-16 เซนติเมตร ปลายใบแหลม(scandent) ปลายแยก (scandent) (grafting) เป็ น พรรณไม้ ไม้ ห ว ั หรื อ มี เ หง้ า งเนื้อเยื่อ โคนใบสอบ ขอบใบหยักฟันเลือ่ ยละเอียด ใบสีไม้เลื้อผล : ผล เมื่อแก่แล้วแตกเฉพาะถิ เมล็่นดแบนสีเพาะเลี นำ�้ ้ยตาล ย หัว ลํา หรือไหล ไม้เลื้อย แยกหน่อ(tissue (bulb, rhizome) culture) เขียวมัน เรียงเป็นคูอ่ ยูต่ รงข้ามกัน มีขนาดใหญ่(climber)ขนาดเล็ก (climber) (sucker, stolon) คุณค่าในการอนุรักษ์ เต็มที่ประมาณเท่าฝ่ามือ ไม้หัว หรือมีเหง้า ไม้หัว หรือมีเพาะเลี เหง้า ้ยงเนื้อเยื่อ (bulb, rhizome) เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

คุณค่าในการอนุรักษ์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

110

แยกหน่อ หัตอนกิ ว ลํา ่งห (sucker, stolon) (air lay

เพาะเลี้ยงเนืโน้​้อมเยืกิ่อ่ง (tissue culture) (layerin

ติดตา (buddin

เป็นพรรณไม้หาย

เสียบย (shoot

เป็นพรรณไม้มีค่า

ทาบกิ่ง (graftin

เป็นพรรณไม้ที่ชุม อนุรักษ์เพื่อแยกหน การใช

(tissue culture) (bulb, rhizome) เป็นพรรณไม้หายาก

(sucke

เพาะเล (tissue

คุณค่าในการอนุรักษ์

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

ทาบกิ่ง ปักชําก (grafting) (cutting

เป็นพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพร เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็นพรรณไม้ อนุรักมษ์ีคเ่าพื่อการใช้ประโยชน์ เป็นพร เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพร อนุรักษ


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านวังหงส์ จังหวัดแพร่ นิเวศวิทยา : พบตามพื้นที่ชุ่มชื้นในป่าดงดิบ ทางภาคเหนือ การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ดการปักช�ำ การน�ำไปใช้ประโยชน์ : เป็นยาพื้นบ้านของ ชาวล้านนา ใช้รากและใบต้มน�้ำดื่มแก้ไข้ ปวด ศีรษะเนื่องจากหวัด เจ็บคอหลอดลมอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ เป็นสมุนไพรบ�ำรุงก�ำลัง รักษาแผลสด ห้ามเลือด แก้อกั เสบชาวเขาเผ่า อีก้อ แม้ว มูเซอ จะใช้รากและใบเคี่ยวหรือต้ม น�้ ำ ดื่ ม แก้ ป วดหลั ง อาหารไม่ ย ่ อ ย อาหาร

เป็นพิษ โรคกระเพาะอาหาร แก้ไข้ ปวดศีรษะ ต�ำพอกหรือคัน้ น�ำ้ ทา รักษาแผลสด แผลถลอก ห้ามเลือด แก้อาการอักเสบจากพิษงู ตะขาบ แมงป่อง หรือ แมลงอื่น ด้านการใช้ประโยชน์ ทัง้ ต้นสดสับเป็นท่อนต้มเคีย่ ว เพือ่ ท�ำสียอ้ มผ้า ให้สีน�้ำเงินเข้มเกือบด�ำ เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เนือ่ งจากเป็นพรรณไม้เฉพาะถิน่ และเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

111


(shrub) (scandent) (shoot grafting) (grafting) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ โน้มกิ่ง เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ไม้หัว หรือมีําเหง้า ไม้พุ่มรอเลืไม้ ้อยเลื้อย ทาบกิ่ง แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล (tree, (bulb, conical rhizome) shape) (layering) (tissue culture) (scandent) (grafting)(sucker, stolon) (climber) ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ติดตา คุณค่(tree, าในการอนุ แยกหน่อเพาะเลี หัว ลํา้ยหรื งเนือ้อไหล เยื่อ spike shape)รไม้ักเลืษ์้อย ไม้หัว หรือมีเหง้า (budding) (climber) (bulb, rhizome) (sucker, stolon) (tissue culture) ไม้พุ่ม เสียบยอด เป็นพรรณไม้หายาก ขยายพันธุ์ ลักนษณะวิ สยั เป็นพรรณไม้ ์ยาก หี่ขยายพั ัวค่หรื อมีธุเหง้ า รักษ์ คุไม้ทณ (shrub) (shoot grafting) เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ าในการอนุ (bulb, rhizome) ความสูง (tissue culture) เพาะเมล็ด ไม้พุ่มรอเลื้อย ลักษณะวิสย ทาบกิ่ง ั ขยายพั เป็นพรรณไม้มีค่านเป็ธุน์ พรรณไม้หายาก ขยายพั น ธุ ์ เป็คุนณ พรรณไม้ ใ กล้ ส ญ ู พั น ธุ ์ (height) (seed) เป็ น พรรณไม้ ท ี ข ่ ยายพั น ธุ ์ ย าก (scandent) ค่าในการอนุรักษ์ (grafting)

คําอธิบายสัญลักษณ์

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมคํ ชนาอธิบายสัญลักษณ์คําอธิบายสัญลักษณ์

กะพ้อ

ลักษณะวิสยั

ด อ หัว ลํา หรือไหล เพาะเมล็ด ปักชํากิ่งห ความสูง ไม้ต้นแผ่เป็เพาะเมล็ นรัศมี แยกหน่ ไม้เลื้อย 3-5 เป็นพรรณไม้ หคายาก เป็เฉพาะถิ นmพรรณไม้ ี่ขยายพันใธุกล้ าก เป็นพรรณไม้ ที่ชุมชนมี วามต้อมงการ เป็นพรรณไม้ ีค(cutting) ่า เป็นพรรณไม้ ่นเป็นทพรรณไม้ สูญ(seed) พันธุ์ shape) (tree, ์ยumbrella (height) (seed) (climber) (sucker, stolon) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ ไม้ต้นแผ่เป็นรัศไม้มีหัว หรือมีเหง้า ปักชํากิ่งเพาะเลี หรือเถา ้ยงเนื้อเยื่อ ตอนกิ่ง ไม้เป็ ต้นนแผ่ นูญรัตพัศ้นเนมีฉพาะถิ ปัเป็กนชํพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ มากิีค่ง่าหรือเถา เป็นพรรณไม้ ใพรรณไม้ กล้เป็สไม้ ธุทรงพุ ์ ่น่มกลม ที่ชุมชนมีควา (bulb, rhizome) (tissue culture) (tree, umbrella shape) (cutting) (tree, round shape) (airประโยชน layeri (tree, umbrella shape) (cutting) อนุรักษ์เพื่อการใช้ ความสูง (height)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Licuala spinosa Thunb. ไม้ต้นคุทรงพุ ตอนกิ่งํา ณค่​่มากลม ในการอนุรักษ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้ ่นต้นทรงกรวยคว่ โน้มกิอ่งงกา ชื่อวงศ์ : ARECACEAE ไม้ต้นทรงพุไม้่มกลม ตอนกิ่ง (tree, round shape) (air layering) อนุ ร ก ั ษ์ เ พื อ ่ การใช้ ป ระโยชน์ conical shape) (tree, round(tree, shape) (air layering) (layering) ชื่ออื่น : พ้อ กะพ้อเขียว กะพ้อหนาม (ภาคกลาง) ว า ว าส) เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้กู ที่ขยายพั น(มาเล-นราธิ ธุ์ยาก ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา โน้มกิ่ง

ไม้ต้นทรงพุ ่มกรวยแหลม ติดตา ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ํา (layering) โน้มกิ่ง (tree, spike shape) (budding) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ (tree, conical shape) (layering) ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ติดตา พงุ่มลด ไม่มีก้านแยกแขนง เสียบยอด ต้น : ไม้ปาล์มต้นแตกกอ ขนาดเล็ก สู(tree, ง 3-5 ดอก : ดอกแบบช่ อไม้เชิ่มกรวยแหลม ไม้ต้นทรงพุ ติดตา spike shape) (budding) เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ (shrub) (shoot gra เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น (tree, spike shape) ยบยอด เมตร เรือนยอดเป็นรูปครึ่งวงกลมหรือไม้คล้ ้ักษ์ขึเพืน้ ่อการใช้ โค้งปแล้ ว (budding) อนุรง ระโยชน์ พุ่ม าย ออกตามง่ามใบ 2-3 ช่อ ช่อเสีดอกตั ไม้พุ่มรอเลื้อย ทาบกิ่ง (shrub) อ แผ่ออก แต่ละช่ grafting)่ แต่ละกิง ไม้พอุ่ม แยกแขนง(shoot รูปร่ม ล�ำต้นมีรอยกาบลางๆ มักมีกาบใบหรื ่ เสียบยอด (grafting) (scandent) 7-10 กิง รอเลืน้อย ประกอบด้วยช่อ(shrub) ทาบกิ ่ง ใบแห้งปกคลุม บางครั้งแตกหน่อร่วมกัไม้พนุ่มเป็ ดอกย่ไม้อยเลื้อ3-4 ช่อ ดอกสมบู รณ์เพศ (shoot grafting)แยกหน่อ ย (scandent) (grafting) ไม้พุ่มรอเลื(climber) ้อย ทาบกิ่ง (sucker, s กลุ่มหนาแน่น ขนาดเล็ ก ดอกตู ม รู ป ทรงไข่ ไม่ ม ี ก ้ า น สี ข าว ไม้เลื้อย แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล (scandent) (grafting) หรือมี(sucker, เหง้า กstolon) เพาะเลี้ยง ใบ : ใบประกอบแบบนิ้วมือ ตั้งขึ้นแล้วแผ่ ออก แกมเขียวอ่อน กลีบเลีไม้ย้ หัวงขนาดเล็ กว่ากลีบดอก (climber) ไม้เลื้อย (bulb, rhizome) แยกหน่อ หัว ลํา(tissue หรือไหล cu ไม้หัว หรือมีเหง้าโคนเชือ ้ยงเนื้อเยื่อ นแฉก (sucker, stolon) เรียงเวียนสลับซ้อนกันเป็นกระจุกทีป่ ลายยอด ่ มติดกั(climber) นเป็นหลอด เพาะเลี ปลายแยกเป็ (tree, conical shape)

(bulb, rhizome) culture) ค่าในการอนุ(tissue รงักษ์โคนเชื ช่อใบรูปพัด ใบย่อยจักเว้าลึกถึงแกนกลางและ เล็กๆ 3 แฉกคุไม้ณกลี ่อมติดกัน หัว หรืบอมีดอกแข็ เหง้า คุณค่าในการอนุ (bulb, rhizome) แผ่ออก 15-25 แฉก แฉกกลางขนาดใหญ่ สดุ รักษ์เป็นหลอด ปลายแยกเป็ นแฉก รูปนสามเหลี ่ยม เป็นพรรณไม้ ที่ขยายพั ธุ์ยาก แผ่นแฉกใบพับจีบ รูปขอบขนานหรือเป็รูนพรรณไม้ ปลิ่ม ที่ขยายพั 3 แฉก ้สนั้ รักมีษ์ 6เป็อันนพรรณไม้ โคนเกสรเชื ่อม หายาก ณค่าในการอนุ นธุ์ยากคุเกสรเพศผู ขอบพับลง ปลายแฉกตัดและหยักซิกแซกไม่ ติดกันเป็นหลอดสัน้ เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันเป็ธุ์ยนาก พรรณไม้มีค่า สม�่ำเสมอ ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture) เป็นพรรณ

เป็นพรรณ

เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณ เป็นพรรณไม้มีคอนุ ่า รักษ์เพ เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพัเป็ นธุน์ พรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

112

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีควา อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยช


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านนิคมพัฒนา จังหวัดสงขลา ผล : ผลแบบผลเมล็ดแข็ง รูปทรงกลม ผิวเกลีย้ ง เป็นมัน สีส้มหรือแดง เนื้อผลชุ่มน�้ำ ผนังผล ชั้นในบางและแข็งคล้ายหิน มี 1 เมล็ด นิเวศวิทยา : พบขึ้นทั่วไปตามชายฝั่งริมทะเล ริมแม่นำ�้ ล�ำคลอง ทีร่ าบลุม่ ใกล้รมิ น�ำ้ แนวหลัง ป่าชายเลนทีด่ นิ เป็นเลนแข็ง การกระจายพันธุ์ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหมูเ่ กาะอันดามัน การขยายพันธุ์ : ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด และ แยกหน่อ

การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ใบ ยอดอ่อนใช้ห่อ ข้าวเหนียวต้มจนสุกเป็น “ต้ม” ใช้เป็นขนม เดือนสิบ ก้านใบเอาหนามออกผ่าเป็นตอก ใช้มดั ข้าวกล้าทนทาน การใช้ประโยชน์ดา้ นภูมทิ ศั น์ ปลู ก เป็ น ไม้ ป ระดั บ ในสนามหญ้ า เพื่ อ ให้ แตกกอเป็นพุ่มหรือจะท�ำเป็นสวนหย่อมก็ได้ เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์ และเป็นพรรณไม้ท่มี ีค่าหายาก

113


(climber)

(shrub)

(shoot grafting) ้อเยื่อ ไม้หัว หรือมีเพาะเลี เหง้า ้ยงเนื ทาบกิ่ง (tissue culture) (bulb, rhizome) (grafting)

ไม้หัว หรือมีเหง้า ไม้พุ่มรอเลื้อย (bulb, rhizome) (scandent)

คุณค่าในการอนุรไม้ักเลืษ์้อย

คุณค่าในการอนุรักษ์

แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล (sucker, stolon)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน คํ าอธิบายสัญลักษณ์ คําอธิบายสัญลักษณ์ พรรณไม้ เป็นพรรณไม้ไม้ทหี่ขยายพั ์ยาก เป็นพรรณไม้เป็ ที่ขนยายพั นเพาะเลี ธุ์ยหากายาก ัว หรือนมีธุเหง้ า ้ยงเนื้อเยื่อ (climber)

ลักษณะวิสยั

หลาวชะโอนทุ่ง

ความสูง (height)

(bulb, rhizome)

สยั นธุ์ เป็คุนณ พรรณไม้ ใกล้สลัูญกพัษณะวิ นรธุัก์ ษ์ขยายพั ค่าในการอนุ

(tissue culture)

นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้เป็ใกล้ สูญพันธุ์ มีค่าขยายพันธุ์

ความสูง เพาะเมล็ด

เพาะเมล

25 นพรรณไม้ นธุ์ยาก (seed)เป็นพรรณไม้เป็ นพรรณไม้ ที่ชุมชนมีหคายาก วามต้องกา เฉพาะถิ ่นเป็นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้เป็เฉพาะถิ ่น mที่ขยายพั (height) (seed) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี (tree, umbrella shape)

ปักชํากิ่งหรือเถา (cutting) (tree, umbrella shape)

เป็นพรรณไม้ใกล้สไมู้ญตพั้นนแผ่ ธุ์ เป็นรัศมี

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Oncosperma tigillarium (Jack) Ridl. ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ตอนกิ่ง เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ ชื่อวงศ์ : ARECACEAE ไม้ต่น้นทรงพุ่มกลม (tree, round shape) (air layering) (tree, round shape) ชื่ออื่น : ชะโอน (ภาคใต้) นิบง (มาเล ปัตไม้ตานี ) หลาวชะโอน (ภาคใต้ ) ต้นทรงกรวยคว่ํา โน้มกิ่ง

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีควา ตอนกิ่ง อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา

(tree, conical shape) (layering) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (tree, conical shape) ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ติดตา ต้น : หลาวชะโอนทุ่ง เป็นปาล์มขนาดใหญ่ ดอก : ช่ อ ดอกเป็ น ช่ อ แยกแขนง 2 ชั้น สีขาว ไม้ ต ้ น ทรงพุ ่ ม กรวยแหลม (tree, spike shape) (budding) (tree, spike shape) แตกกอ เส้นผ่านศูนย์กลางล�ำต้นประมาณ ไม้พุ่ม ถึ ง เหลื อ งนวล ช่ อ ดอกมี ข นาดใหญ่ เสียบยอด อ อกใต้ (shrub) คอยอด มี ก าบหุ ้ ม ช่ อ ดอกรู ไม้พุ่ม ป(shoot 10-15 เซนติเมตร สูงได้ถงึ 25 เมตร ขนาดของ เรื อgrafting) ซ้ อ นกั น (shrub) ย ทาบกิ กอมักจะใหญ่กว่าหลาวชะโอนเขา มีหนามสีดไม้ำ� พุ่มรอเลื2 ้อกาบ ดอกแยกเพศอยูใ่ นช่อเดียวกั น่ง ก้านแขนง (scandent) (grafting) ไม้พุ่มรอเลื้อย ปกคลุมทัว่ ล�ำต้น กาบใบ ก้านใบ และก้านช่อดอก ช่ อ ห้ อ ยลง และมี จ ำ � นวนมากกว่ าหลาวชะโอนเขา ไม้เลื้อย (scandent) แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล ใบ : ใบประกอบแบบขนนก ทางใบและใบย่อ(climber) ย ออกดอกประมาณเดือนกรกฎาคม(sucker, - กุstolon) มภาพันธ์ ไม้เลื้อย ไม้หัว หรืผล อมีเหง้:าผลกลม ขนาด 0.7-1 ้อเยื่อ อน อ่อนลูล่ ง คอยอดสีเขียวเข้มเด่นชัด ทางใบยาว เซนติเพาะเลี เมตร้ยงเนืผลอ่ (climber) (bulb, rhizome) (tissue culture) 3.5 - 4 เมตร ใบย่อยรูปรางน�้ำคว�่ำ เรียงตัว สีเขียว ผลสุกสีม่วง มี 1ไม้หเมล็ ต่าอผล ผลติด ัว หรือด มีเหง้ ค่าในการอนุ ษ์ ยนรอบก้านช่อ (bulb, rhizome) สม�่ำเสมอ ใบย่อยขนาด 60 x 3 เซนติคุณเมตร เรียรักงเวี เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

114

ปักชํากิ่ง (cutting

(air laye

โน้มกิ่ง (layerin

ติดตา (buddin

เสียบยอ (shoot g

ทาบกิ่ง (grafting

แยกหน (sucker,

เพาะเลี้ย (tissue c

คุณค่าในการอนุรเป็ักนษ์พรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้เป็ ที่ขนยายพั นธุ์ยาก พรรณไม้ มีค่า

เป็นพรร

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้เป็ใกล้นพรรณไม้ สูญพันธุ์ ที่ชุมชนมีความต้องการ

เป็นพรร

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรร อนุรักษ

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านจันทิ จังหวัดตราด นิเวศวิทยา : พบตามที่ลุ่มใกล้ชายฝั่ง ที่เป็น ดินทราย มีการระบายน�ำ้ ดี และกระจัดกระจาย ในป่าพรุ การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : เนือ้ ไม้ ใช้กอ่ สร้างได้ แข็งแรงทนทาน

เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เนือ่ งจากเป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่นและเป็นพรรณไม้ท่ี ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

115


(climber) (shoot grafting) (shrub) (scandent) (grafting) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา ไม้หัว หรือมีเหง้า โน้มกิ่ง ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ไม้พุ่มรอเลืไม้ ้อยเลื้อย ทาบกิ่ง แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล (tree, conical shape) (layering) (bulb, rhizome) (tissue culture) (bulb, rhizome) (scandent)(climber) (grafting)(sucker, stolon) ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ติดตา ้อยณค่ หัว ลํา้ยหรื ค่าในการอนุแยกหน่ รักษ์ อ เพาะเลี ไม้าหในการอนุ ัว หรือมีเหง้า รักษ์ คุณ งเนือ้อไหล เยื่อ (tree, spike shape)ไม้เลืคุ (budding) (climber) (bulb, rhizome) (sucker, stolon) (tissue culture) ไม้พุ่ม เสียบยอด ที่ขยายพันธุ์ยาก เป็นพรรณไม้เพาะเลี ที่ขยายพั นธุ้อ์ยเยืาก่อ เป็นพรรณไม้หายาก หัวค่หรื อมีเหง้าเป็นพรรณไม้ ้ยงเนื (shrub) (shoot grafting) คุไม้ณ าในการอนุ รักษ์ (bulb, rhizome) (tissue culture) ไม้พุ่มรอเลื้อย ทาบกิ่ง นใกล้นธุธุส์ ์ยูญากพันธุ์ เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพัเป็นนธุพรรณไม้ นพรรณไม้ ์ เป็นหพรรณไม้ ายาก มีค่า ที่ขยายพั คุณค่าในการอนุเป็รนักพรรณไม้ ษ์เป็ขยายพั (scandent) (grafting)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่ ชุมชน คํ าาอธิ บายสัญลักษณ์

หลุมพี

ลักษณะวิสยั ความสูง (height)

ไม้เลื้อย (climber)

เพาะเมล็แยกหน่ ด อ หัว ลํา หรือไหล นพรรณไม้ ายากเป็นมพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ ยายพั นธุใกล้ ์ยาก ที่ชุมชนมีควา นพรรณไม้เป็เฉพาะถิ ่นเป็นหพรรณไม้ ีค่า เป็ นพรรณไม้ เป็ทนี่ขพรรณไม้ สูญเฉพาะถิ พันธุ์ ่น(sucker,เป็stolon) (seed)

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยช

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศไม้ มี หัว หรือมีเหง้า ปักชํากิ่งเพาะเลี หรือเถา ้ยงเนื้อเยื่อ เป็นพรรณไม้ ีค่า ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็นพรรณไม้ กล้สูญพันเฉพาะถิ ธุ์ เป็นมพรรณไม้ เป็นใพรรณไม้ ่น (bulb, rhizome) (tissue culture) (tree, umbrella shape) (cutting)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Eleiodoxa conferta (Griff.) Burret อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ ไม้ ต ้ น ทรงพุ ่ ม กลม ตอนกิ ง ่ คุ ณ ค่ า ในการอนุ ร ก ั ษ์ เป็ น พรรณไม้ ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น ชื่อวงศ์ : ARECACEAE (tree, round shape) (air layering) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ ชื่ออื่น : กระลูบี ลุบี (มาเล นราธิ วาส) เป็ลุนมพรรณไม้ พี (ปั ตตานี เป็นพรรณไม้หายาก ที่ขยายพั นธุ์ยาก นราธิวาส) ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา โน้มกิ่ง (layering) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (tree, conical shape) เป็นพรรณไม้มีค่า เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ติดตา ต้น : พืชพวกปาล์มหรือหมากล�ำต้(tree, นสัspike น้ แต่shape) ชอบ ดอก : ออกเป็นช่อ(budding) ตามซอกใบ มีดอกย่อย เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น ขึ้นตามริมพรุ หรือบึงที่มีน�้ำขัง ล�ไม้ำพุ่มต้นขึ้นเป็น จ�ำนวนมากออกช่อยาว 50-100 อนุรักษ์เพื่อการใช้เซนติ ประโยชน์ เมตร เสียบยอด กอสัน้ คล้ายระก�ำแต่กอใหญ่กว่า(shrub) ชอบขึน้ ทีช่ นื้ เป็นดอกแยกเพศ อยู(shoot ่ต่าgrafting) งต้นคล้ายระก�ำหรือ ไม้พุ่มรอเลื้อต้ย น จะ สละ มีกาบหุ้มช่อหลายกาบ ทาบกิ่ง แฉะที่น�้ำขังถึง เมื่อออกดอกและผล ออกดอกเดือน (scandent) (grafting) ทยอยตาย มิถุนายน-กรกฎาคมแยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล ไม้เลื้อย ใบ : ใบประกอบ แบบขนนก เรียงเวีย(climber) นสลับ ใบยาว ผล : รู ป ไข่ ก ลั บ ปลายตั ด กว้ า งยาว 2.5 (sucker, stolon) ไม้หัวเซนติ หรือมีเหง้ า เพาะเลี ้ยงเนื้อดเยืเล็ ่อ ก ๆ เรีย งเกย 300-700 เซนติเมตร กว้าง 100-200 เมตร เซนติเมตร เปลือกเป็ นเกล็ (bulb, rhizome) (tissue culture) ก้านใบและกาบใบมีหนามยาวแหลมเรียงเป็นแผง ซ้อนกัน ออกผลเดือน พฤศจิกายน-มีนาคม ค่าในการอนุ รักษ์ มีใบย่อยจ�ำนวนมาก ใบย่คุณอยเรี ยวยาวปลาย ตั้งแต่เริ่มออกช่อดอก จนถึงผลสุกใช้ระยะ แหลมเรียงเป็นระเบียบสองข้างก้เป็านนช่ อใบที่ขยายพันธุ์ยเวลา 18-20 เดือน เป็นพรรณไม้หายาก พรรณไม้ าก

116

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านทุ่งสูง จังหวัดกระบี่ นิเวศวิทยา : พบตามที่ลุ่มน�ำ้ ขังและป่าพรุ การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ดและการ แยกหน่อ การน�ำไปใช้ประโยชน์ : เยื่อหุ้มเมล็ด น�ำมา ปรุงอาหาร เช่น แกงเหลือง ผล น�ำมาดองหรือ กินเป็นผลไม้กินเล่นได้ ปัจจุบันน�ำมาท�ำเป็น น�้ำผลไม้ดอง

เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เนื่องจากเป็นพรรณไม้มีค่า หายาก เป็นพรรณไม้เฉพาะถิน่ และเป็นพรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

117


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

(climber)

(sucker, stolon)

ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

คุณค่าในการอนุรักษ์

คําอธิบายสัญเป็นลัพรรณไม้ กษณ์ ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้หายาก

หวายน�้ำ

ลักษณะวิสยั ความสูง (height)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Calamus godefroyi Becc. ชื่อวงศ์ : ARECACEAE ชื่ออื่น : หวายพรวน หวายก�ำพวน (กระบี่) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : พืชวงศ์หมากหรือปาล์มที่ลักษณะเลือ้ ย พันล�ำต้นมีขอ้ ปล้องชัดเจน เป็นมัน สีเขียวออก เหลือง มีกาบใบหุ้มซ้อนกันและมีหนามคม สีนาํ้ ตาลด�ำ ขนาดและความยาวต่างคละกันไป เรียงตัวแน่นทั้งกาบใบ ล�ำต้นใหม่ มักตั้งตรง และล้มพาดไปกับดินหรือต้นไม้อ่นื ใบ : ใบประกอบแบบขนนก ก้านใบยาว 5080 เซนติเมตร มีหนามโค้งทั่วไป ใบย่อยเป็น ทางยาวคล้ายใบมะพร้าว ขอบใบขนาน แผ่นใบ เรียงตาม ยาว 30-50 เซนติเมตร

118

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

ขยายพันธุ์

เป็นพรรณไม้มีค่า

เพาะเมล็ด (seed) เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีควา

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี (tree, umbrella shape)

ปักชํากิ่งหรือเถา (cutting)

ไม้ต้นทรงพุ่มกลม (tree, round shape)

ตอนกิ่ง (air layering)

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

โน้มกิ่ง (layering)

้นทรงพุ่มกรวยแหลม ติดตา ดอก ไม้: ตดอกสี ขาวนวล ดอกเป็นช่อตามซอก (tree, spike shape) (budding) กาบใบบริเวณยอด มีก้านยาว ออก 1 เมตร ไม้พุ่ม เสียบยอด โดยมีด(shrub) อกขนาดเล็ก เรียงตัวแน่นบนก้านดอกใน (shoot grafting) แนวตัไม้​้งฉากกั พุ่มรอเลื้อบ ย ก้านดอกหลัก ทาบกิ่ง ผล : (scandent) ทรงกลมรี เปลือกผลมีรอยแยกคล้(grafting) าย ไม้ เ ลื ้ อ ย แยกหน่ เกล็ดปลา เมื่อสุกมีสีเหลือง เนื้อในสีนํ้าตาลมี อ หัว ลํา หรือไหล (climber) (sucker, stolon) รสฝาด เมล็ด ทรงกลมแป้น ขัว้ และปลายผล ไม้หัว หรือมีเหง้า เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ บุ๋มลึก(bulb,ข้าrhizome) งผลมีร่องฟันเฟืองโดยรอบ เมล็(tissue ดสี culture) คุน�ณ้ำค่ตาลไหม้ าในการอนุรักษ์ เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้อง อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านทุ่งสูง จังหวัดกระบี่ นิเวศวิทยา : พบตามป่าดงดิบ ป่าโปร่ง ดินร่วน ระบายน�ำ้ ดี การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ยอดอ่อน ต้มกะทิ รสมัน การใช้สอยอื่น ล�ำต้น ท�ำเครื่องเรือน เครื่องจักสาน

เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

119


(scandent)

(grafting) เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ แยกหน่อ หัว ลํา หรือไหล (tissue culture) (sucker, stolon)

ไม้หัว หรือมีเหง้า ไม้เลื้อย (bulb, rhizome) (climber)

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

คุหณัว ค่หรืาอในการอนุ ไม้ มีเหง้า รักษ์

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture) เป็นพรรณไม้หายาก

คํ าอธิบายสั(bulb, ญลัrhizome) กษณ์

หวายนั่ง

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

คุณค่าในการอนุรักษ์

ลักษณะวิสยั

เป็นพรรณไม้เป็ทนี่ขพรรณไม้ ยายพันธุใกล้ ์ยากสูญพันธุ์

ความสูง เป็นใกล้ พรรณไม้ สูญพันเฉพาะถิ ธุ์ ่น (height) เป็นพรรณไม้ ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น Becc.(tree, umbrella shape)

ขยายพันธุ์

เป็นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ หายาก มีค่า

เพาะเมล็ด เป็นพรรณไม้ มีค่า ที่ชุมชนมีความต (seed) เป็นพรรณไม้ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ปักชํากิ่งหรือเถา เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ (cutting)อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Daemonorop skunstleri ชื่อวงศ์ : ARECACEAE ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ตอนกิ่ง shape) ธรรมราช) หวายดิ (airนlayering) ชื่ออื่น : ตาเนาะเบอซา (มาเล นราธิวาส) หวายขี(tree, ้เหร่round(นครศรี (นราธิวาส) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : จัดเป็นพืชจ�ำพวกปาล์มขนาดเล็กชนิดหนึง่ ขึ้นเป็นกอ กาบหุ้มล�ำสีเขียวเข้มเมื่อสด และ เปลี่ ย นเป็ น สี น�้ ำ ตาลเมื่ อ แห้ ง มี ห นามรู ป สามเหลีย่ มแบนหลายขนาด ขึน้ กระจายเดีย่ วๆ และเรียงเป็นแถบขวางหรือเฉียงล�ำ กระจาย อย่างสม�ำ่ เสมอ ปากกาบหุม้ ล�ำมีหนามหนาแน่น หนามรูปสามเหลี่ยมแบนสีน�้ำตาลขึ้นที่ขอบ มีหนามรูปสามเหลี่ยมแบนสีด�ำหรือสีน�้ำตาล กระจายใกล้ๆ กันอย่างสม�่ำเสมอ

120

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

โน้มกิ่ง (layering)

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ใบ ไม้: ตใบประกอบแบบขนนก เรียงแบบสลั ้นทรงพุ่มกรวยแหลม ติดตา บ (tree, spike shape) (budding)ยว ใบย่อยเรียงสลับตรงข้าม แผ่นใบย่อยหนาเหนี ุ่ม ยบยอด น ใบรูไม้ปพขอบขนาน ผิวใบเรียบ ขอบใบมีหเสีนามสั ้ (shrub) (shoot grafting) ปลายใบเรียวแหลม โคนใบเรียบ ใบย่อยกว้าง ไม้พุ่มรอเลื้อย ทาบกิ่ง 1-1.5(scandent) เซนติเมตร ยาว 15-18 เซนติเมตร(grafting) เส้นใบ แตกแบบขนาน เส้นกลางใบมีหนามสัน้ แยกหน่ กาบใบ ไม้เลื้อย อ หัว ลํา หรือไหล และก้(climber) านใบมีหนาม ทรงสามเหลีย่ ม สีเหลื(sucker, องหรืstolon) อ น�้ำตาล ไม้หัว หรืยาว อมีเหง้า1-3 เซนติเมตร เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture) ดอก(bulb,:rhizome) ช่ อ ดอกยาว 50-100 เซนติ เ มตร คุณขนาดเล็ ค่าในการอนุ ักษ์ ก รออกตามซอกกาบใบ สีขาว


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านครน จังหวัดชุมพร ผล : ผลกลมแบน สีเหลืองเมือ่ แห้ง เนือ้ ในสีขาว อมเหลือง น�ำ้ ตาลหรือแดง เมล็ดแข็งสีนำ�้ ตาลด�ำ เปลือกผลเหนียว มีลกั ษณะคล้ายเกล็ดขนาดเล็ก เรียงเป็นแถวที่ปลายเป็นจะงอยยาว นิเวศวิทยา : พบได้ในที่ที่มีความชื้น หรือมี แหล่งน�้ำ ชายเขา ป่าดิบ การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ต�ำรับยาพืน้ บ้านจะใช้ รากหวายนั่ ง ผสมกั บ ล� ำ ต้ น เหมื อ ดคนตั ว ผู ้ ล�ำต้นเหมือดคนตัวเมีย ล�ำต้นเฉียงพร้านางแอ แล้วน�ำมาต้มกับน�ำ้ ดืม่ เป็นยาช่วยเจริญอาหาร

โดยอาจผสมรากหวายขม รากกะสูก และรากเขียง เข้าไปด้วยก็ได้ ต�ำรับยาพื้นบ้านล้านนาจะใช้ ยอดอ่อนน�ำมาเคี้ยวกินเป็นยาบรรเทาอาการ ปวดจากพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ถ้ารีบใช้โดย ทันทีจะได้ผลดี และใช้ปลูกเป็นไม้ประดับทัว่ ไปได้ เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พันธุกรรมพืช : เนื่องจากเป็นพรรณไม้มีค่า และเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

121


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

(climber)

(sucker, stolon)

ไม้หัว หรือมีเหง้า (bulb, rhizome)

เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture)

คุณค่าในการอนุรักษ์

คําอธิบายสัญเป็ลันกพรรณไม้ ษณ์ที่ขยายพันธุคํ์ย ากาอธิบายสัญลักเป็นษณ์ พรรณไม้หายาก

โด่ไม่รู้ล้ม

ลักษณะวิสยั ความสูง (height)

ลักษณะวิขยายพั สยั นธุ์

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

ไม้ต้นแผ่เป็นรัศมี (tree, umbrella shape)

10-20 m

เป็นพรรณไม้มีค่า

ความสูง เพาะเมล็ด (height) (seed) เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ไม้ต้นแผ่เป็นปัรัศกมีชํากิ่งหรือเถา (cutting) (tree, umbrella shape)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Elephantopus scaber L.var. scaber ไม้ต้นทรงพุ่มกลม ตอนกิ่ง ชื่อวงศ์ : ASTERACEAE ไม้ต้นทรงพุ่มกลม (tree, round shape) (air layering) (tree, round shape) อ) ชือ่ อืน่ : หนาดผา หญ้าไฟนกคุม้ (ภาคเหนือ) ขีไ้ ฟนกคุม่ (เลย) หญ้าสามสิบสองหาบ (ภาคเหนื ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : ไม้ล้มลุก ล�ำต้นตัง้ ตรงสัน้ อยู่ในระดับพืน้ ผิ ว ดิ น สู ง ได้ ป ระมาณ 10-30 เซนติ เ มตร ตามผิวล�ำต้น และใบมีขนสีขาวตรงละเอียด ใบ : ใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนกันแน่นที่โคนต้น รูปขอบขนาน ปลายใบและโคนใบมน แผ่นใบ มีขนสากมือ ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อย ดอก :ออกดอกเป็นช่อแทงออกมาจากล�ำต้น ช่อดอกเป็นรูปขอบขนาน มีดอกย่อยขนาดเล็ก 4 ดอก ยาวประมาณ 9-10 มิลลิเมตร มีเส้นผ่าน ศูนย์กลางประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ดอกเป็น

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

โน้มกิ่ง

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ ํา (layering) (tree, conical shape)

ไม้ต้นทรงพุ ติดตา รูปหลอดสี ม่ว่มงกรวยแหลม หลอดกลีบดอกยาวประมาณ (tree, spike shape) ไม้ต้นทรงพุ่ม(budding) กรวยแหลม 3-3.5 มิลลิเมตร เกลีย้ ง ดอกมีเกสรตัว(tree, ผูส้ spike เี หลืshape) อง ไม้พุ่ม เสียบยอด แต่ละช่(shrub) อย่อยจะอยู่รวมกันเป็นช่อกระจุ ก กลม (shoot grafting) ไม้พุ่ม ที่ป ลายก้ า นดอก ที่โ คนกระจุ ก ดอกจะมี ใ บ ่ง (shrub) ทาบกิ ไม้พุ่มรอเลื ้อย ประดับ(scandent) แข็งเป็นรูปสามเหลีย่ มแนบอยูไม้ด่ พว้ ุ่มรอเลื ย 3้อ(grafting) ยใบ ไม้ เ ลื ้ อ ย แยกหน่ อ หัว ลํา หรือไหล (scandent) ยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตรและกว้างประมาณ (climber) (sucker, stolon) ไม้เยลื้อวแหลม ย 0.5-1.5ไม้หเซนติ เ มตร ขอบใบเรี ย บปลายเรี ัว หรือมีเหง้า (climber) เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ทีผ่ วิ ใบทั ง ้ สองด้ า นมี ข นตรงสี ข าว ออกที ป่ ลาย (bulb, rhizome) (tissue culture) ไม้ ห ว ั หรื อ มี เ หง้า อแยกแขนง ก้านช่อดอกมีความยาว คุยอดแบบช่ ณค่าในการอนุ รักษ์ (bulb, rhizome) ได้ถึง 8 เซนติเมตรและมีขนสาก ๆ อยู่ทั่วไป เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก

คุณค่าในการอนุรเป็ักนษ์พรรณไม้หายาก

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

พรรณไม้ มีค่า เป็นพรรณไม้เป็ที่ขนยายพั นธุ์ยาก

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้เป็ใกล้นพรรณไม้ สูญพันธุ์ ที่ชุมชนมีความต้อ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

122


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านหนองทราย จังหวัดกำ�แพงเพชร ผล : ผลเป็นผลแห้งและไม่แตก ลักษณะของ ผลเล็กและเรียว เป็นรูปกรวยแคบ ผิวด้านนอก ผลมีขนหนาแน่น ยาวประมาณ 2.5-3 มิลลิเมตร และกว้างประมาณ 0.4-0.5 มิลลิเมตร และ ผลไม่มีสัน นิเวศวิทยา : พบตามป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ด้านสมุนไพร ต้นโด่ ไม่รลู้ ม้ แก้ปสั สาวะขัด และบ�ำรุงความก�ำหนัด มีรสกร่อย จืด ขื่นเล็กน้อย รับประทานท�ำให้

เกิดกษัยแต่มกี ำ� ลัง ทัง้ ต้นต้มรับประทานต่างน�ำ้ แก้ไข้จับสั่นหรือไข้มาลาเรีย ใช้ต้มรับประทาน แก้ไอ ส�ำหรับสตรีทคี่ ลอดบุตรใหม่ๆ บางต�ำรา กล่าวว่า บ�ำรุงก�ำลัง ขับปัสสาวะ แก้ไข้ ขับ ไส้เดือน แก้กามโรค แก้อกั เสบ ห้ามเลือดก�ำเดา แก้ดีซ่าน นิ่ว บิด เหน็บชา ท้องมาน ฝีฝักบัว เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพืช : เนื่อ งจากเป็ น พรรณไม้ ที่ ชุ ม ชนมี ค วามต้ อ งการอนุ รั ก ษ์ เ พื่ อ การใช้ ประโยชน์

123


ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม

๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ว่านสาวหลง

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา โน้มกิ่ง ไม้เลื้อย ไม้หัว หรือมีเหง้า(tree, spike shape) (tree, conical shape) (layering) (climber) (bulb, rhizome) ไม้พุ่ม ไม้ต้นทรงพุ่มกรวยแหลม ติดตา ไม้คุหณัว ค่หรืาอในการอนุ มีเหง้า รักษ์(shrub) (tree, spike shape) (budding) (bulb, rhizome) ไม้ พ ่ ุ ม รอเลื ้อย ไม้พุ่ม เป็นพรรณไม้ที่ขยายพั นธุ์ยากเสียบยอด (scandent) (shrub) คุณค่าในการอนุรักษ์ (shoot grafting)

คําอธิบายสัญลักษณ์ ุ่มรอเลื้อส ยย ลัไม้กพษณะวิ ั (scandent)

ไม้เลื้อย ทาบกิ่ง สูญพันธุ์ ขยายพันธุ์ เป็นพรรณไม้เป็ทนี่ขพรรณไม้ ยายพันธุใกล้ ์ยาก (climber) (grafting)

เยื่อ แยกหน่อเพาะเลี หัว ลํา้ยงเนื หรือ้อไหล (tissue culture) (sucker, stolon)

ติดต (bud

เสียบ (shoo เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (tissue culture) ทาบ เป็นพรรณไม้หายาก (graf

เป็นพรรณไม้ เป็นพรรณไม้ หายาก มีค่า

แยก (suck

ไม้หัว หรือแยกหน่ มีเหง้า อ หัวเพาะเมล็ เพาะ ไม้เลื้อย ความสูง ลํา หรือดไหล เป็นพรรณไม้ วามต เป็ น พรรณไม้ เ ฉพาะถิ น ่ มีค่า ที่ชุมชนมีค(tissu (seed) เป็นพรรณไม้ (climber) (height) เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ (bulb, rhizome) (sucker, stolon)

อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ไม้หัว หรือไม้ มีเตหง้​้นาแผ่เป็นรัศมี เถา คุณค่าในการอนุเพาะเลี รักษ์้ยงเนืปั้อกเยืชํ่อากิ่งเป็หรืนอพรรณไม้ ที่ชุมชนมีความต้องการ เป็นพรรณไม้ (bulb, rhizome) (tissue culture) (tree, umbrella shape)เฉพาะถิ่น (cutting) อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Globba winitii C. H. Wright คุณค่าในการอนุไม้รตัก้นษ์ทรงพุ่มกลม ชื่อวงศ์ : ZINGIBERACEAE (tree, round shape) ชื่ออื่น : กล้วยจะก่าหลวง (ล�ำปาง) กลางคาน (กลาง) เป็นพรรณไม้ ที่ขยายพันธุ์ยาก

ไม้ต้นทรงกรวยคว่ํา (tree, conical shape)

เป็นพรรณไม้ที่ขยายพัตอนกิ นธุ์ยาก่ง

(air layering)

เป็นใกล้ พรรณไม้ เป็นพรรณไม้ สูญพันหธุายาก ์

โน้มกิ่ง เป็นพรรณไม้(layering) มีค่า

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์ เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น ต้น : ไม้ล้มลุกอายุหลายปี มีเหง้าใต้ดนิ ล�ำต้น ออกมาเห็ ชัดเจน ดอกจริงมีสเี หลืองลัติดกตาษณะ ไม้ต้นทรงพุน่มกรวยแหลม ที่ชุมชนมีความต้องการ shape)ยน (budding) เป็นพรรณไม้ สูง 50-70 เซนติเมตร คล้า(tree, ยรูเฉพาะถิ ปspike ตัว่น หงส์ ื ก�ำลังจะเหินบินเป็อนุนรมีพรรณไม้ ลลี าสง่ างาม ักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์ เสียอ บยอด ใบ : ใบเดีย่ วเรียงสลับ ลักษณะเรียวยาว คล้าย ท�ำให้ไม้ชพุ่มอ่ ดอกมีสสี นั สวยงามมากขึน้ ก้ า นช่ ยาว (shrub) (shoot grafting) ใบกระชาย รูปใบหอกแกมรูปขอบขนานยาว ใบประดับรูปไข่กว้าง รูปขอบขนานหรือรูปใบ ไม้พุ่มรอเลื้อย ทาบกิ่ง 15-25 เซนติเมตร โคนใบสอบ ปลายใบเรียวแหลม หอกกลั บ ยาว 1-3 เซนติ เ มตร ปลายมน แหลม (scandent) (grafting) ใบอ่อนมีขน ก้านใบยาว 5-7 เซนติเมตร หรือไม้แหลมยาว แต่ละช่อแขนงมี 2-3 เลื้อย แยกหน่ดอก อ หัว ลํา หรือไหล (climber)บย่อยสีเดียวกับใบประดับ ขนาดเล็ (sucker, ดอก : ช่อดอกแบบช่อกระจะ แยกแขนงสัน้ ๆ ใบประดั กกว่stolon) า หัว ้ย หรืงยาวได้ อมีเหง้า ป ระมาณ 0.5 เซนติ เพาะเลี ้ยงเนื้อเยื่อ ออกทีย่ อด ยาว 8-15 เซนติเมตรมีกลีบประดับ กลีบไม้เลี เ มตร (bulb, rhizome) (tissue culture) ขนาดใหญ่ เ รี ย งตั ว กั น อย่ า งเป็ น ระเบี ย บ ปลายแยกเป็ น 3 แฉก หลอดกลีบดอกยาวประมาณ ค่าในการอนุ ักษ์ กลีบดอกยาวเท่าๆ กัน ยาว สวยงามตามช่อโดยรอบจากโคนถึงปลาย สีของ คุณ1.5 เซนติเรมตร กลีบประดับที่พบมีหลายสีได้แก่ สีขาว สีม่วง ประมาณ 0.5 เซนติเมตร เกสรเพศผู ้ที่เป็น เป็นพรรณไม้หายาก เป็นพรรณไม้ที่ขยายพันธุ์ยาก สีเขียว และสีแดง มีก้านดอกย่อยยาวชูดอก หมันติดบนหลอดกลีบดอก รูปใบหอก ยาว

124

เป็นพรรณไม้ใกล้สูญพันธุ์

เป็นพรรณไม้มีค่า

เป็นพรรณไม้เฉพาะถิ่น

เป็นพรรณไม้ที่ชุมชนมีความต้องการ อนุรักษ์เพื่อการใช้ประโยชน์

เป็นพ

เป็นพ

เป็นพ อนุร


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ป่าชุมชนบ้านคลองห้วยหวาย จังหวัดนครสวรรค์ เท่าๆ หลอดกลีบดอก กลีบปากติดเหนือเกสร เพศผู้ที่เป็นหมันประมาณ 1 เซนติเมตร รูป สามเหลี่ ย มกางออกสองข้ า ง ปลายแหลม เกสรเพศผู้ 1 อัน ก้านเกสรโค้งลง ยาวประมาณ 2 เซนติเมตร หุม้ ก้านเกสรเพศเมีย ปลายเกสร เพศผูแ้ ผ่รปู ดาวข้างละ 2 แฉก ก้านเกสรเพศเมีย รูปเส้นด้าย ยอดเกสรรูปถ้วย ผล : ผลรูปไข่ ยาวประมาณ 0.7 เซนติเมตร มี 3 พู ตืน้ ๆ ผิวด้านนอกขรุขระ เมล็ดมี 6 เมล็ด นิเวศวิทยา : เป็นพืชถิน่ เดียวของไทย ขึน้ กระจาย ห่างๆ ทางภาคเหนือและภาคกลางในป่าเบญจพรรณ และป่าดิบเขา ระดับความสูง จนถึงประมาณ 1,000 เมตร

การขยายพันธุ์ : ท�ำได้ทั้งการแยกเหง้า และ การเพาะเมล็ด แต่วธิ ที สี่ ะดวกรวดเร็ว คือ การ แยกเหง้า โดยการขุดเหง้าในระยะพักตัว คือ ช่วงฤดูแล้ง หลังจากต้นเหนือดินได้ยุบไปแล้ว ไม่เหมาะกับการขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ เพราะหน่อที่แยกมาปลูกจะชะงักการเจริญ เติบโตไม่สามารถแตกกอให้ดอกได้ การน�ำไปใช้ประโยชน์ : ดอกเข้าพรรษาเป็น ไม้กระถาง ใช้ประดับสวน หรือปลูกเป็นแปลง ส่วนใหญ่นยิ มตัดดอกน�ำมาถวายพระ เหตุผลในการคัดเลือกเพื่อการเก็บรักษา พั น ธุ ก รรมพื ช : เป็ น พรรณไม้ มี ค ่ า ที่ ขึ้ น ใน ท้องถิน่ ทีช่ มุ ชนต้องการอนุรกั ษ์ไว้ใช้ประโยชน์ ให้คงอยู่ถึงลูกหลาน

125


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

บรรณานุกรม นางกัญชพร ตันแก้ว. 2558. มะหาด. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.biogang.net/biodiversity_view.php?menu=biodiversity&uid=21339&id=127615. 3 ตุลาคม 2558. หน่วยพฤกษศาสตร์ ฝ่ายวิชาการ อพ.สธ. 2558. สิรินธรวัลลี. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.rspg.or.th/plants_data/hrs_flower/hrs_flowers2.htm. 3 ตุลาคม 2558. สุรพลกิ่มเกลี้ยง. 2558. มะหาด รหัส 7-34190-001-004. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://ict2.warin.ac.th/botany/index.php?topic=13.0. 3 ตุลาคม 2558. ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์. 2558. ฮ่อม. (ออนไลน์). แหล่งทีม่ า : http://www.qsbg.org/Database/ Botanic_Book%20full%20option/search_detail.asp?Botanic_ID=1532. 4 ตุลาคม 2558. อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ. 2558. ฮ่อม. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/ siri/index.php?page=search_detail&medicinal_id=372. 4 ตุลาคม 2558. ผศ.ดร.เภสัชกรหญิง สุดารัตน์ หอมหวน และพลชาติ หอมหวล. 2558. เงาะป่า. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=217. 5 ตุลาคม 2558. ผศ.ดร.เภสัชกรหญิง สุดารัตน์ หอมหวน และพลชาติ หอมหวล. 2558. เมื่อยดูก. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=174. 5 ตุลาคม 2558. ไม่ระบุชื่อผู้แต่ง. 2558.มะม่วงป่า. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.baanmaha.com/community/ threads/47162. 10 ตุลาคม 2558. ส�ำนักงานหอพรรณไม้. 2558. กุ๊ก. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.dnp.go.th/botany/detail.aspx? wordsnamesci=Lannea0coromandelica0(Houtt.)0Merr. 26. พฤศจิกายน 2558. ผศ.ดร.เภสัชกรหญิง สุดารัตน์ หอมหวน และพลชาติ หอมหวล. 2558. กอกกัน. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=201. 26. พฤศจิกายน 2558. กรมป่าไม้. 2558. แคหางค่าง สวย ดี มีประโยชน์. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://chm.forest.go.th/th/?p=2565. 24 ธันวาคม 2558.

126


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

Logos. 2558. ลูกส�ำโรง. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://lanpanya.com/wash/archives/588. 24 ธันวาคม 2558. ณัฐธัญ ปทุมรัตน์. 2558. กรวยป่า รหัส 7-34190-001-488. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://ict2.warin. ac.th/botany/index.php?topic=390.0. 29 ธันวาคม 2558. ไม่ระบุชื่อผู้แต่ง. 2558.พญาช้างเผือก (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.thaitreeflowers.com/view. php?id=20110923131533.3. 10 มกราคม 2559. สถาบันการแพทย์แผนไทยหมอปรียาภา. 2558. ข้าวเย็นใต้. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://www.facebook.com/ permalink.php?story_fbid=287461154766744&id=240445219468338. 12 มกราคม 2559. ฟรินน์.com. 2558. ข้าวเย็นใต้. (ออนไลน์). แหล่งที่มา :http://frynn.com/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8 %B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8 %95%E0%B9%89/. 12 มกราคม 2559. ไม่ระบุชื่อผู้แต่ง. 2558.แคบิด. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://biodiversity.forest.go.th/index.php?option= com_dofplant&id=158&view=showone&Itemid=59. 3 กุมภาพันธ์2559. ส�ำนักงานหอพรรณไม้. 2559.กล้วยจะก่าหลวง. (ออนไลน์). แหล่งที่มา :http://www.dnp.go.th/botany/detail. aspx?wordsLinkno=1300&words. 25 มกราคม 2559 ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์. 2559. ปรู.๋ (ออนไลน์). แหล่งทีม่ า :http://www.qsbg.org/database/ botanic_book%20full%20option/search_detail.asp?botanic_id=1057. 4 กุมภาพันธ์ 2559. blog_guru. 2559. กลอย อาหารประเภทแป้งใช้ทานแทนข้าว. (ออนไลน์). แหล่งที่มา :http://www.oknation.net/ blog/dearntemdoung/2009/12/01/entry-2. 4 กุมภาพันธ์ 2559. ไม่ระบุชอื่ ผูแ้ ต่ง. 2559. ชมพูน่ ก. (ออนไลน์). แหล่งทีม่ า :http://biodiversity.forest.go.th/index.php?option=com_ dofplant&view=showone&id=370. 9 กุมภาพันธ์ 2559. ฟรินน์.com. 2559. โด่ไม่รู้ล้ม. (ออนไลน์). แหล่งที่มา :http://frynn.com/%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B9% 88%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%A 5%E0%B9%89%E0%B8%A1/. 10 กุมภาพันธ์ 2559.

127


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ผศ.ดร.เภสัชกรหญิง สุดารัตน์ หอมหวน และพลชาติ หอมหวล. 2559. โด่ไม่รู้ล้ม. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=143. 10 กุมภาพันธ์ 2559. ฟรินน์.com. 2559. ตาเสือ. (ออนไลน์). แหล่งที่มา :http://frynn.com. 15กุมภาพันธ์ 2559. ผศ.ดร.เภสัชกรหญิง สุดารัตน์ หอมหวน และพลชาติ หอมหวล. 2559. มะกอก. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=87. 17 กุมภาพันธ์ 2559. ผศ.ดร.เภสัชกรหญิง สุดารัตน์ หอมหวน และพลชาติ หอมหวล. 2559. หนามแท่ง. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=124. 17 กุมภาพันธ์ 2559. ฟรินน์.com. 2559. มะกอก. (ออนไลน์). แหล่งที่มา :http://frynn.com. 17 กุมภาพันธ์ 2559. ฟรินน์.com. 2559. ส�ำโรง. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://frynn.com. 19กุมภาพันธ์ 2559. ไม่ระบุชื่อผู้แต่ง. 2559. ก�ำจัดต้น.(ออนไลน์). แหล่งที่มา :http://www.rspg.or.th/plants_data/plantdat/ rutaceae/zrhets_2.htm. 17 กุมภาพันธ์ 2559. ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์. 2559. มะคังแดง. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.qsbg.org/database/botanic_book%20full%20option/search_detail.asp?botanic_ id=2816. 17 กุมภาพันธ์ 2559. ฟรินน์.com. 2559. มะคังแดง. (ออนไลน์). แหล่งที่มา :http://frynn.com. 17 กุมภาพันธ์ 2559. ผศ.ดร.เภสัชกรหญิง สุดารัตน์ หอมหวน และพลชาติ หอมหวล. 2559. มะตูม. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=262. 17 กุมภาพันธ์ 2559. ผศ.ดร.เภสัชกรหญิง สุดารัตน์ หอมหวน และพลชาติ หอมหวล. 2559. สมอไทย. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=286. 19กุมภาพันธ์ 2559. วัลลิร์ กุ ขบุปผชาติตามรอยพระบาทบรมราชกุมารี โครงการอนุรกั ษ์พนั ธุกรรมพืชฯ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ศรีวชิ ยั . 2559. หลาวชะโอน. (ออนไลน์). แหล่งทีม่ า : http://www.thaikasetsart.com. 19 กุมภาพันธ์ 2559.

128


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ผศ.ดร.เภสัชกรหญิง สุดารัตน์ หอมหวน และพลชาติ หอมหวล. 2559. ล�ำบิดดง. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=278. 17 กุมภาพันธ์ 2559. สมุนไพรดอทคอม. 2559. ตังตาบอด. (ออนไลน์). แหล่งทีม่ า :http://www.samunpri.com. 17 กุมภาพันธ์ 2559. ฟรินน์.com. 2559. รางแดง. (ออนไลน์). แหล่งที่มา :http://frynn.com. 17 กุมภาพันธ์ 2559. ปริศนา เสนด�ำ. 2559. หลุมพี. (ออนไลน์). แหล่งที่มา :https://www.l3nr.org/posts/499480. 19 กุมภาพันธ์ 2559. ลุงชัยนรา. 2559. หลุมพี. (ออนไลน์). แหล่งที่มา :http://banplengthai.net/b/index.php?topic=469.0. 19 กุมภาพันธ์ 2559. หม่องวิน มอไซ. 2559. หลุมพี. (ออนไลน์). แหล่งทีม่ า :http://talung.gimyong.com/index.php?topic=19473.0. 19 กุมภาพันธ์ 2559. ดร. ปิยะ เฉลิมกลิ่น. 2558. ลาน. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.rspg.or.th/plants_data/use/palm.htm. 22 ก.ย. 2558. ฟรินน์.คอม. 2558. ลาน สรรพคุณประโยชน์ของต้นลาน 15 ข้อ. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://frynn.com. 22 ก.ย. 2558. ราชันย์ ภู่มา, และสมราน สุดดี , (บรรณาธิการ). (2557).ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย เต็ม สมิตินันทน์ ฉบับแก้ไข เพิม่ เติม พ.ศ. ๒๕๕๗ : พิมพ์ครัง้ ที่ ๒ (ฉบับแก้ไขเพิม่ เติม). โรงพิมพ์สำ� นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ; ส�ำนักงานหอพรรณไม้. ไซมอนด์ การ์ดเนอร์, พินดา สิทธิสุนทรและวิไลวรรณ อนุสารสุนทร. ต้นไม้เมืองเหนือ คู่มือศึกษาพรรณไม้ยืนต้น ในป่าภาคเหนือ ประเทศไทย : ชมพู่นก. พิมพ์ครั้งแรก. กรุงเทพฯ: ๒๕๔๓. หน้า ๑๙๕. ส่วนพฤกษศาสตร์ป่าไม้ ส�ำนักวิชาการป่าไม้ กรมป่าไม้. ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย เต็ม สมิตินันทน์ ฉบับแก้ไข เพิม่ เติม พ.ศ. ๒๕๔๔: ชมพูน่ ก. พิมพ์ครัง้ ที่ ๒ (ฉบับแก้ไขเพิม่ เติม). บริษทั ประชาชน จ�ำกัด; ๒๕๔๔. หน้า ๕๐๙. ปราณี นางงาม. (2551). “พรรณไม้และระบบนิเวศแบบภูเขาหินปูนในอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จังหวัดพิษณุโลก.” รายงานวิจัย มหาวิทยาลัยนเรศวร,2551

129


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

INDEX ดัชนี ดัชนีชื่อไทย ก กรวยป่า 50 กระแจะ 94 กระดาดขาว 96 กระดูกกบ 72 กระดูกแตก 72 กระทุ่มกลอง 88 กระทุ่มคลอง 88 กระพัดแม่ม่าย 72 กระโรกใหญ่ 96 กระลูบี 116 กรูดผี 28 กล้วยจะก่าหลวง 124 กลอย 70 กลอยข้าวเหนียว 70 กลอยนก 70 กลอยหัวเหนียว 70 กลางคาน 124 กลึงกล่อม 88 ก้วย 50 กวางหีแฉะ 108 กอกกั๋น 52

130

กอกกุก 24 กอกเขา 24 กอกหมอง 24 ก้องแกบ 84 กะตังกะติ้ว 76 กะตีบ 14 กะพ้อ 112 กะพ้อเขียว 112 กะพ้อหนาม 112 กาซองวาเซอะ 90 การบูร 20 ก�ำจัดต้น 6 ก�ำแพงใหญ่ 108 ก�ำลังช้างเผือก 90 ก�ำลังช้างสาร 94 กุ๊ก 52 กูวา 112 โกงกางเขา 54 ข ขมิ้นดง 16 ขมิ้นพระต้น 94 ขะยุง 22

ขาเปีย 72 ข้าวเย็นใต้ 74 ขาวลาง 8 ขี้ติ้ว 28 ขี้ไฟนกคุ้ม 108 ขี้ไฟนกคุ่ม 122 เขียวหัวแดง 30 แขกเต้า 14 ไข่เน่า 56 ค คราม 110 ครามหลอย 110 ควายแก่ร้องไห้ 72 ค้อนฆ้อง 96 คอแลน 8 ค้อแลน 50 คัดเค้า 92 คัดเค้าเครือ 92 คัดเค้าหนาม 92 คายค่าว 78 ค�้ำ 14 ค�ำมอกช้าง 56


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ค�ำมอกหลวง 56 คุ้งชี้ 12 คุย 76 คุยหนัง 76 เครือหมากยาง 76 แคขน 58 แคตุ้ย 64 แคทุ่ง 64 แคบิด 58 แคพอง 58 แครกฟ้า 64 แคลาว 58 แคหัวหมู 58 แคหางค่าง 58 ไคร้น�้ำ 88 ง เงาะพวงผลกลม 78 แง่ง 94 จ จวง 20 จวงหอม 20 จะไคต้น 20

จะไคหอม จังนัง จ๊าลิว จ�ำปา จ�ำปาดะ จ�ำปาเดาะ จ�ำมะโฮง จิ้งก่าขาว ช ชมพู่นก ชะโอน ชันยอด ช้างน้าว ช้างโน้ม ชิงชี่ ด ด�ำบิดดง แดงจีน โด่ไม่รู้ล้ม ต ตองแต่ ตองแตก

20 42 28 10 10 10 46 106 12 114 106 94 52 96 42 22 122 98 98

ตะขบป่า 100 ตะคร�้ำ 14 ตังตาบอด 60 ตังติดนก 54 ตาตุ่มป่า 60 ตานเสี้ยน 50 ตานเสี้ยน 100 ตาเนาะเบอซา 120 ตาปู่ 16 ตาลปัตรฤาษี 102 ตาเสือ 16 ตุมกาแดง 106 ตุ้มดง 16 ตูม 62 ถ ถ่อนดี 98 เถาวัลย์เหล็ก 84 ท ทนดี 98 ท�ำมัง 18 เทพทาโร 20

131


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

น นองป้อม นางกาน นิบง ป ปงช้าง ปรงป่า ปรงเหลี่ยม ประค�ำไก่ ประดู่นำ �้ ประดู่ลาย ปรู ปรู๋ ผ ผลู ผักกูดบก ผักสาบ ผักหม่อง ฝ่ามือผี พ พญาช้างเผือก พญาเท้าเอว พ้อ

132

98 28 114 86 102 102 26 22 22 104 104 104 102 80 68 54 90 92 112

พะยูง โพดา ไฟเดือนห้า ม ม่วงกวาง ม่วงเทียน ม่วย มะกอกกาน มะกอกป่า มะเกลือกา มะเกว๋นนก มะเกว๋นป่า มะข่วง มะแขว่น มะคังแดง มะคังป่า มะค�ำไก่ มะค�ำดีไก่ มะเค็ด มะแงว มะแงะ มะจ�้ำ มะตาปู๋

22 54 60 34 32 82 14 24 104 100 100 6 6 106 106 26 26 66 8 8 88 104

มะตูม 62 มะนะ 48 มะนาวผี 28 มะปิน 62 มะปีส่า 62 มะพร้าวไฟ 30 มะม่วงกะล่อน 32 มะม่วงเทพรส 32 มะม่วงป่า 32 มะโรง 46 มะลิว 28 มะหาด 34 มะหาดใบใหญ่ 34 มะโหรง 46 มะองนก 26 มะอ้า 16 มะฮังก่าน 16 มักค้อ 26 มันกลอย 70 มันหมู 68 ม่าแน่ 48 มี่ตาฆ้อง 12 เมื่อย 82


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

เมื่อยดูก เมื่อยเลือด โมกราชิน ี ย ยางควาย ยางนา ยางเนิน ยางมอกใหญ่ ยางร้อน ยาหัว ร ระเวียงใหญ่ รังแร้ง รางแดง ราลอย ล ลองปอม ลางหมึ่งเทิง ลาน ลานวัด ล�ำบิดดง ลุบี ลุมพี

82 82 36 38 38 38 56 60 74 66 64 84 38 98 40 40 40 42 116 116

หลาวชะโอน 114 ลูกระมาศ 6 หลาวชะโอนทุ่ง 114 ว หลุมพี 116 ว่านสาวหลง 124 หวายก�ำพวน 118 ส หวายขี้เหร่ 120 สมอดีงู 44 หวายดิน 120 สมอไทย 48 หวายนั่ง 120 สมอหมึก 44 หวายน�้ำ 118 สมอเหลี่ยม 44 หวายพรวน 118 สมออัพยา 48 หวีด 52 สังกรณี 108 หวีด 14 ส�ำโรง 46 หอมไก๋ 56 แสงอาทิตย์ 84 หาด 34 ห โหมโรง 46 หญ้าไฟนกคุ้ม 122 หญ้าสามสิบสองหาบ 122 อ อ้อยช้าง 52 หนวดแมวแดง 96 อ้อยน�้ำ 14 หนอนตายหยาก 86 อะนูน 80 หนาดผา 122 อีนูน 80 หนามแท่ง 66 ฮ หนามเล็บแมว 92 ฮ่อม 110 หมันดง 68 ฮ่อมเมือง 110 หมากเบน 100 หมากยาง 76

133


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

INDEX ดัชนี ดัชนีชื่อวิทยาศาสตร์ A Adenia viridiflora Craib 80 Aegle marmelos (L.) Corrêa ex Roxb. 62 Alangium salviifolium (L.f.) Wangerin subsp. hexapetalum (Lam.) Wangerin 104 Aphanamixis polystachya (Wall.) R. Parker 16 Artocarpus integer (Thunb.) Merr. 10 Artocarpus lacucha Roxb. ex Buch.-Ham. 34 Atalantia monophylla (L.) DC. 28 Baliospermum solanifolium (Burm.) Suresh 98 Barleria strigosa Willd. 108

134

Calamus godefroyi Becc. Capparis micracantha DC. Casearia grewiifolia Vent. Catunaregam tomentosa (Blume ex DC.) Triveng. Cinnamomun parthenoxylon (Jack) Meisn. Cocos nucifera L. Cordia dichotoma G.Forst. Corypha umbraculifera L. Cycas siamensis Miq. Daemonorops kunstleri Becc.

118 96 50 66 20 30 68 40 102

120


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

Dalbergia cochinchinensis Pierre Dioecrescis erythroclada (Kurz) Tirveng. Dioscorea hispida Dennst. Diospyros filipendula Pierre ex Lecomte Dipterocarpus alatus Roxb. Eleiodoxa conferta (Griff.) Burret Elephantopus scaber L. var. scaber Excoecaria oppositifolia Griff. Fagraea ceilanica Thunb.

22 106 70 42 38

116 122 60

54

Fernandoa adenophylla (Wall. ex G.Don) Steenis Flacourtia indica (Burm. f.) Merr. Gardenia sootepensis Hutch. Garuga pinnata Roxb. Globba winitii C.H. Wright. Gnetum macrostachyum Hook.f.

58 100

56 14 124 82

Heterophragma sulfureum Kurz 64 Hiptage benghalensis (L.) Kurz. ssp. candicans (Hook. f.) Sirirugsa 90 Hymenopyramis brachiata Wall. ex Griff. 72

135


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

Lannea coromandelica (Houtt.) Merr. 52 Licuala spinosa Thunb. 112 Litsea elliptica Blume 18 Mangifera caloneura Kurz Nephelium hypoleucum Kurz Ochna integerrima (Lour.) Merr. Oncosperma tigillarium (Jack) Ridl. Oxyceros horridus Lour.

136

32

8

94 114 92

Polyalthia suberosa (Roxb.) Thwaites Putranjiva roxburghii Wall. Smilax glabra Roxb. Spondias pinnata (L.f.) Kurz Stemona collinsae Craib Sterculia foetida L. Strobilanthes cusia (Nees) Kuntze Syzygium formosum (Wall.) Masam.

88 26

74 24 86 46 110 12


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

Terminalia chebula Retz. var. chebula Terminalia citrina (Gaertn.) Roxb. ex Fleming

48 44

Uvaria fauveliana (Finet & Gagnep.) Pierre ex Ast 78 Ventilago denticulata Willd.

84

Willughbeia edulis Roxb. Wrightia sirikitiae Mid.& Santisuk

36

Zanthoxylum rhetsa (Roxb.) DC.

6

76

137


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

ค�ำขอบคุณ คณะผู ้ จั ด ท� ำ หนั ง สื อ “๖๐ พรรณไม้ มี คุ ณ ค่ า จากป่ า ชุ ม ชน เล่ ม ๒” ขอขอบคุ ณ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ที่ได้อนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์โครงการ อพ.สธ. ส�ำหรับ จัดพิมพ์ลงในหน้าปกหนังสือ ขอขอบคุณ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จ�ำกัด (มหาชน) ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการด�ำเนินงาน “โครงการ ๖๐ ป่าชุมชนอนุรักษ์พันธุกรรมพืช เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘” ขอขอบคุณ คณะกรรมการป่าชุมชน ๓๐ หมู่บ้าน ที่เป็นผู้ให้ข้อมูล และมีส่วนร่วม ในการส�ำรวจ อนุรกั ษ์ และปกปักพันธุกรรมพืช ทีเ่ ป็นพรรณไม้มคี ณ ุ ค่าจากป่าชุมชน เพือ่ น�ำมา เป็นข้อมูลในการเผยแพร่ในหนังสือเล่มนี้ ขอขอบคุณ ส่วนจัดการป่าชุมชน ส�ำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ท่ี ๑-๑๓ ส�ำนักจัดการ ทรัพยากรป่าไม้สาขาทุกสาขา ศูนย์สง่ เสริมวนศาสตร์ชมุ ชนที่ ๑-๑๒ และนายประเสริฐ ทองกุล หัวหน้าโครงการอนุรักษ์พันธุ์ไม้ป่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ที่ให้การสนับสนุนข้อมูล และรูปภาพพรรณไม้ประกอบการจัดท�ำหนังสือ

กองบรรณาธิการ

138


๖๐ พรรณไม้ มีคุณค่าจากป่าชุมชน

คณะผู้จัดท�ำ จัดท�ำโดย ที่ปรึกษา

ส�ำนักจัดการป่าชุมชน กรมป่าไม้ ๖๑ ถนนพหลโยธิน ลาดยาว จตุจักร กรุงเทพ ๑๐๙๐๐ โทร. ๐ ๒๕๖๑ ๔๒๙๒-๓ ต่อ ๕๖๓๙ www.forest.go.th

นายชลธิศ สุรัสวดี นายประลอง ด�ำรงค์ไทย นายพรชัย จุฑามาศ ดร.ปิยรัษฎ์ ปริญญาพงษ์ เจริญทรัพย์ นางบุญทิวา ด่านศมสถิต บรรณาธิการ นางนันทนา บุณยานันต์

อธิบดีกรมป่าไม้ รองอธิบดีกรมป่าไม้ รองผู้อ�ำนวยการ อพ.สธ. รองหัวหน้าส�ำนักงาน อพ.สธ. ฝ่ายวิชาการ เลขานุการคณะกรรมการ อพ.สธ. ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า ราชบุรีโฮลดิ้ง จ�ำกัด (มหาชน) ผู้อ�ำนวยการส�ำนักจัดการป่าชุมชน

กองบรรณาธิการ นายประโยชน์ ก้านจันทร์ ผู้อ�ำนวยการส่วนประสานงานและโครงการพิเศษ นางปริชาติ เจริญกรุง นักวิชาการป่าไม้ช�ำนาญการ นายกิตติพร ดุลนกิจ นักวิชาการป่าไม้ช�ำนาญการ นางสาวอมรรัตน์ สะสีสังข์ นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ นางสาวกุลกานต์ แก้วเก้า นักวิชาการป่าไม้ สนับสนุนข้อมูลโดย ส�ำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ท่ี ๑-๑๓ ส�ำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้สาขาทุกสาขา ศูนย์ส่งเสริมวนศาสตร์ชุมชนที่ ๑-๑๒ ปีที่พิมพ์ พุทธศักราช ๒๕๕๙

139



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.