การดูแลสัตวปวยในตู ICU รวมกับเครื่องผลิตออกซิเจน ควรตองทําอยางไรบาง
คุณสมบัติของตูดูแลสัตวปวย Pet pavilion คือ 1. ตูสามารถตั้งอุณหภูมิความอบอุนไดตั้งแต อุณหภูมิหองขณะนั้น ขึ้นไปจนถึง 38 องศาเซลเซียส เพื่อชวยทําใหลูกสัตว และ สัตวปวย ไดรับความอบอุน หรือ ไม เกิดอาการช็อกเนื่องมาจากการหนาวสั่นได (หากตั้งต่ํากวาอุณหภูมิหอง เครื่อง จะไมปรับอุณหภูมิลงตามที่ตั้ง เพราะไมมีเครื่องทําความเย็น) 2. สามารถตั้งความชื้นไดตั้งแต ความชื้นหองขณะนั้น จนถึง 60 เปอรเซ็นต และ โดยเติมน้ําเขาไปในชองบรรจุน้ํา 3. มีชองระบายอากาศ และ ทําใหอากาศในตูมีการหมุนเวียน ดวยพัดลม 4. มีชองสํ าหรับ ตอ ออกซิเจน เพื่อเพิ่ม ออกซิเจน โดยใชเครื่องผลิตออกซิเจน หรือทอออกซิเจนอัดความดันใหกับสัตวที่ตองการโดยเฉพาะ สามารถพนน้ํายา เปนละอองควันน้ําละเอียดเพื่อการรักษาทางระบบหายใจรวมดวย 5. ภายในตูพื้นเรียบ โคงมนทําใหทําความสะอาดไดงาย หมดจดไมมีซอกมุม เก็บ กลิ่นตกคางของอุจจาระหรือปสสาวะของสัตวปวย จากข อ มู ล และคุ ณ สมบั ติ ข องตู ดั ง กล า วนี้ ผู ใ ช จ ะต อ งพิ จ ารณา ปรั บ อุ ณ หภู มิ ความชื้น และการพ นละอองน้ํา ยา ให เ หมาะกั บ สภาพของสั ต ว ป ว ยแต ล ะตั ว และเป น กรณี ๆ ไป การหมั่ น มาดู แ ลเอาใจใส อ าการของสั ต ว ป ว ยหนั ก บ อ ย ๆ เช น ทุ ก ครึ่ ง ชั่ ว โมง และมี ก ารให ย าหรื อ ให ก ารรั ก ษาอื่ น ๆ ประกอบด ว ย เป น สิ่ ง จํ า เป น ซึ่ ง ไม ส ามารถ ทดแทนไดดวย การปรับอุณหภูมิหรือ การใหออกซิเจนเพียงอยางเดียว ภายในตู เปน เพี ย งการปรั บ สภาพสิ่ ง แวดล อ มให สั ต ว ป ว ยได อ ยู ส บายมากขึ้ น เท า นั้ น ไม ส ามารถ ทดแทนการรักษา และการเอาใจใสดูแลประกอบรวมกันได ทั้งนี้การปรับอุณหภูมิใหเหมาะสม ขึ้นอยูกับดุลยพิจารณาของสัตวแพทย และ อาการของสัตวที่ตอบสนอง จึงจะไดผลดี ห า มปล อ ยให สั ต ว อ ยู ต ามลํ า พั ง ในตู น านๆ โดยเด็ ด ขาด ต อ งมาสั ง เกตอาการ อย า ง ใ ก ล ชิ ด เพ ร า ะ ว า สั ต ว ป ว ย วิ ก ฤ ต อ า จ จะ ต อ ง ก า ร ก า ร ป รั บ อุ ณ ห ภู มิ แ ล ะ สภาพแวดลอมเปลี่ยนไปบอย ๆ ขึ้นอยูกับอาการที่สัตวตอบสนองดวย เชน แรก ๆ สัตวที่ หนาวสั่นอาจจะตองการอุณหภูมิอบอุนสูง และเมื่อมีอาการดีขึ้น อาจตองการอุณหภูมิที่ อบอุนสูงนอยลง เปนตน
แม ว า ตู จ ะสามารถ ปรั บ อุ ณ หภู มิ ได จากอุ ณ หภู มิ ห อ งขณะนั้ น ขึ้ น ไปถึ ง 38 องศาเซลเซียสตามคุณสมบัติ ก็จริง แตในการใชงานจริง สตวแตละตัวที่ปวย และมีไข สูงซึ่งอาจไมเหมือนกัน หรือ มีสภาพรางกาย ที่แข็งแรงออนแอไมเทากัน อาจมีความ ตองการอุณหภูมิที่เหมาะสมแตกตางกัน ดังนั้น ในการใชงานตู ICU จึงตองอยูภายใต การดู แ ลของสั ต วแพทย ซึ่ ง จะต อ งค อ ย ๆ ปรั บ อุ ณ หภู มิ ภ ายในตู จ ากอุ ณ หภู มิ ห อ ง ขณะนั้น ขึ้นทีละนอย ๆ เชน เพิ่มขึ้นทีละ 1 – 2 องศาเซลเซียส แลวรอดูอาการ สังเกต การตอบสนองของสัตวดวย เชน หากสัตวยังมีไข และ มีอาการหนาวสั่นอยู พอนําเขาตู ก็ลองปรับอุณหภูมิขึ้นจากอุณหภูมิหองครั้งละ 1 องศาเซลเซียส รอดูอาการอยาง ใกลชิด จนเห็นวา สัตวสบายดีในอุณหภูมิใดก็ใหหยุดคงอุณหภูมิ นั้นไว สิ่งสําคัญคือ ตองอยูในการดูแลของสัตวแพทยอยางใกลชิดดวยตลอดเวลา เพราะเวลาที่เปลี่ยนไป อาจตองมีการปรับเพิ่มหรือลดอุณหภูมิเพิ่มหรือลดอีกตามความเหมาะสมของอาการของ สัตว การตั้ งอุ ณ หภู มินั้น ห า มตั้ งอุ ณ หภูมิ สู งสุ ดที เดีย ว หรื อ จุ ดเดี ย ว เช น ตั้ งที่ 37 องศาเซลเซียสใหสูงเลย โดยคิดเอาวาสัตวมีไข ก็ปรับอุณหภูมิสูงมากไปที่ 37 องศา เซลเซียส เลย แลวปลอยใหสัตวอยูลําพัง โดยไมรอดูอาการหรือเวียนมาดูอาการบอย ๆ เปนการไมถูกตอง สัตวอาจจะไมไดรับอุณหภูมิที่ถูกตองเหมาะสม ซึ่งจะมีผลตออาการ ตอบสนอง ตอการรักษา หรือ การรอดชีวิตของสัตวได ผูใชตองรูจักหลักการทํางานของ ตูนี้ และตองอยูในความดูแลอาการที่เปลี่ยนไปของสัตวแพทยประกอบดวยเสมอ สวนใหญแลวสัตวที่มีอาการปวยหนัก เรามักนิยมนํามาใสไวในตูนี้ เพื่อใหไดรับ ออกซิ เ จน และความอบอุ น (หรื อ ยาพ น เป น ละอองไอน้ํ า ร ว มด ว ย)เพื่ อ ได รั บ สภาพ อากาศแวดลอมรอบตัวที่เหมาะสม ดังนั้น ในการใชตู ICU จึงขอใหพิจารณาการใชตู ICU ใหถูกตอง เหมาะสม และอธิ บ ายให เ จ า ของไข ฟ ง ว า การนํ า สั ต ว ป ว ยวิ ก ฤติ เ ข า ในตู นี้ เป น การช ว ยปรั บ สภาพแวดลอม ที่ ป กติไมเหมาะสม ทั้ งอุณ หภูมิ และปริมาณออกซิเจนในอากาศ ให มี ความเหมาะสมมากขึ้น
การใหออกซิเจนที่มีความเขมขน หรือ ยาพน (Nebulizer) ก็เชนกัน เราตองเริ่ม ใหที่ อัตราไหลของกาซ ที่ 5 ลิตรตอนาทีหรือทีละนอยกอน และหากสัตวยังมีผิวเยื่อบุ ซีด เนื่องจากการขาดออกซิเจน ก็คอยๆ ปรับ เพิ่มขึ้น (หากวัดดวย Pulse Oximeter จะ รูเปอรเซ็นตออกซิเจนในกระแสโลหิตที่แนนอน และเพื่อรับทราบวาสัตวไดรับออกซิเจน เพียงพอแลวหรือไม) การเลือกวิธีการใหออกซิเจนที่เหมาะสม 1. การใหออกซิเจนแกสัตวปวยโดยใชเครื่องกําเนิดออกซิเจน (อัตรา Flow rate สูงสุด 5 ลิตร ตอ นาที เปนการกรองออกซิเจนจากอากาศ ไดออกซิเจนบริสุทธิ์ ประมาณ 90-95% เป น วิ ธี ก ารให ที่ ป ระหยั ด ค า ใช จ า ยกว า ใช อ อกซิ เ จนจากท อ อั ด อากาศ) เพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือดใหกลับสูงขึ้น การใหออกซิเจนตอง พิจารณาอาการของสัตว โดยสังเกตวาสัตวอาจมีผิวหนังซีด ลิ้นซีด หรืออาจใชเครื่อง Pulse oximeter ในการตรวจวัดเปอรเซ็นตออกซิเจนอิ่มตัวในกระแสเลือด ถาพบวา % ออกซิเจนในกระแสเลือด ขึ้นจากเดิมที่ต่ํากวาปกติอยูแลว เชน ต่ํากวา 90 % มาอยู สภาวะปกติได (คือ 95% ขึ้นไป) ก็ถือวานาจะใชไดแลว เปนตน ในกรณีที่ สัตวที่ปวยหนัก และ ตองการออกซิเจนเขมขน แลวนํามาไวในตู pet pavilion ปริมาณออกซิเจนเขมขนที่เจือจางกับอากาศในตู นั้น บางครั้งอาจไมเพียงพอ (ใหดูอาการสัตวประกอบ) ดังนั้นกรณีนี้ ควรที่จะใชวิธีตอสายสอดทอออกซิเจนเขาไปใน ชองจมูกโดยตรงแกสัตวเลย หรือ นํา collar มาคลุมและปดทึบดานหนา แลวใหตอสาย ออกซิเจนเขาไปดานในใหสัตวหายใจไดรับ ออกซิเจน% ที่สูงขึ้นโดยตรง
ภาพที่ 1 : การสอดทอเขาไปในโพรงจมูก
ภาพที่ 2: การนํา collar และแผนพลาสติกมาคลุมปดโดยใหสอดทอออกซิเจนเขาไป เพื่อเพิ่มความเขมขนของออกซิเจนในพื้นที่จํากัด หรือ เพื่อใชทดแทนที่ครอบ ปาก จมูก จากนั้นทําการวัดคา % ออกซิเจนในกระแสเลือด ดวยเครื่อง Pulse oximeter กับตัวสัตวอีกครั้ง ถาหากพบวา % ออกซิเจนในกระแสเลือด วัดไดต่ํากวา 90% และไม สามารถกลั บ ขึ้ นมาถึ ง อยู ใ นสภาวะปกติ ไ ด (คื อ 95% ขึ้ นไป) ก็ ถื อ ว า ยั งดี ไม พ อ (แต แนนอนดีกวาไมมีการใหออกซิเจนเลย) ดังนั้น ควรเปลี่ยนวิธีการใหออกซิเจนโดยอาจ
ใชออกซิเจนบริสุทธจากถังออกซิเจนอัดความดัน ซึ่งมีความบริสุทธิ์ และเขมขนมากกวา (ปกติทอออกซิเจนอัดจากออกซิเจนเหลวมีความบริสุทธมากกวา 97 % ขึ้นไป แตการ ใหระยะนานเปนชั่วโมงจะสิ้นเปลืองมาก จึงตองเลือกใชตามความเหมาะสม) 2. การใหออกซิเจนแกสัตวปวยโดยใชออกซิเจนบริสุทธจากถังออกซิเจน จาก ทออัดความดัน ของโรงงาน (ออกซิเจนบริสุทธิ์ประมาณ 97% ขึ้นไป มีคาใชจายที่สูง) หลังใหแลว จากนั้นทําการทดสอบวัดคา % ออกซิเจนในกระแสเลือด ดวยเครื่อง pulse oximeter กั บ ตั ว สั ตว หรื อ สั ง เกตอาการ สี ที่ เ หงื อ ก ดู อี ก ครั้ งหนึ่ ง หากพบว า % ออกซิ เ จนในกระแสเลื อ ด ขึ้ น จากเดิ ม ที่ ต่ํ า กว า ปกติ เ ช น ต่ํ า กว า 90% และหลั ง ให ออกซิเจนแลวสามารถกลับขึ้นมาถึงอยูในสภาวะปกติได (คือ 95% ขึ้นไป) ก็ถือวานาจะ ใชได และเปนทางเลือกที่ดีกวา ขอสงสัย และคําถาม จากผูใชงานตูดูแลสัตวปวย Pet pavilion 1. ก า ร นํ า สั ต ว ป ว ย เ ข า ไ ป ใ น ตู เ มื่ อ สั ต ว ห า ย ใ จ อ อ ก ม า จ ะ นํ า ก า ซ คาร บ อนไดออกไซด อ อกมา ในตู ผู ใ ช ง านจะมั่ น ใจได อ ย า งไร ว า ตู จ ะ สามารถระบายกาซคารบอนไดออกไซดออกมาไดดี ตอบ การนําสัตวปวยเขาไปในตู ซึ่งเมื่อสัตวหายใจออกมา การระบายอากาศจะระบาย ไดดีหรือไม ขึ้นอยูกับปริมาณ กาซ คารบอนไดออกไซด ที่สัตวหายใจออกมา วามีมาก น อ ยเพี ย งใด หากมี ม ากว า ปริ ม าณออกซิ เ จนที่ เ ติ ม เข า ไปในตู สั ต ว ก็ อ าจจะรู สึ ก ไม สบาย ระบบตูมีพัดลมทําใหอากาศหมุนเวียนโดยนําอากาศจากภายนอก และหากมีการ ตอออกซิเจนเขาไปทดแทนอากาศภายในตัวตูดวย และเวลาสัตวหายใจออกมาสวนหนึ่ง ก็ จ ะถู ก ขั บ ออกมาข า งนอก (ตามช อ ง) การใช ตู ใ นกรณี สั ต ว ป ว ย หรื อ มี ไ ข สู ง ควรให ออกซิเจนดวย การต อ ออกซิ เ จนเข า ในตู ซึ่ ง ให ใ นอั ต ราไหลที่ 5 ลิ ต ร ต อ นาที แล ว ลองนํ า เครื่องวัดปริมาณออกซิเจนไปวัดในตูดูวา จะพบวามี % ออกซิเจนภายในสูงกวา 21 % (ปกติในอากาศจะมี % ออกซิเจน ประมาณ 21%) ปกติขนาดปอดของสัตว พอที่จะวัด และคาดคะเนจากขนาดของสัตว ไดคราวๆ เชน สุนัขเล็ก หนัก 5 กิโลกรัม ดูจากชองอก ขนาดปอดใหญประมาณ ไมเกิน 0.15 ลิตร นั บ การหายใจ ประมาณ 12 ครั้ ง ต อ นาที หรื อ สมมติ ว า อากาศทั้ ง หมดที่ สั ต ว ห ายใจ ออกมาเปนคารบอนไดออกไซดทั้งหมด ไดอยางมากเต็มที่เทากับ 0.15x12 = 1.8 ลิตร ตอนาทีเทานั้น แตเครื่องผลิตออกซิเจน สามารถตั้งใหปลอยกาชออกซิเจนไหลเขาไป ในตูไดถึง 5 ลิตร ตอนาที มากกวากาชคารบอนไดออกไซดที่หายใจออกมา สัตวนาจะ หายใจไดพอสบาย หากสุนัขตัวไมใหญ จนคับตูเกินไป อยางไรก็ตาม ขณะใหออกซิเจน การสังเกตอาการของสัตวประกอบดวย 2. ความชื้นกับอุณหภูมิทํางานควบคูกันใชหรือไม ตอบ ไมใช เพราะ ความชื้ น และอุณ หภู มิ ในตู ส ามารถแยกตั้ งได เ อง ตามคู มื อ เช น ขณะอุณหภูมิหองอยูที่ 28 องศา เมื่อทดลองตั้งอุณหภูมิที่ 35 องศาเซลเซียส และตั้ง ความชื้นที่ 50 % เมื่ออุณหภูมิคอย ๆ เพิ่มสูงถึง 35 องศาเซลเซียสอุณหภูมิก็จะหยุดอยู แค นั้ น แต ถ า หากเราตั้ ง อุ ณ หภู มิ ล งมาที่ 20 องศา ขณะอุ ณ หภู มิ ห อ งอยู ที่ 28 องศา จอภาพจะไม แ สดงแสดงอุ ณ หภู มิ 20 องศาตามที่ ตั้ ง แต จ ะแสดง 28 องศา เท า กั บ อุณหภูมิหอง เพราะเราไมสามารถบังคับตั้งอุณหภูมิในตูไดต่ํากวาอุณหภูมิจริงของหอง เพราะภายในตู ไ ม มี ร ะบบทํ า ความเย็ น ความชื้นก็ เชน เดี ย วกั น หากเราตั้ งที่ ต่ํ า กว า %
ความชื้นจริงของหอง จอภาพก็จะแสดงความชื้นที่แทจริงขณะนั้นของหอง ไมใชแสดง ตามที่เราตั้งไวต่ํากวา % ความชื้นของหอง สรุปคือ เราสามารถตั้งความชื้น และอุณหภูมิใหอยูคงที่ ไดตั้งแตอุณหภูมิ และ ความชื้นของหอง ขณะนั้นเพิ่มขึ้นไป (ไมสามารถตั้งลดลงต่ํากวาอุณหภูมิ และความชื้น ภายในห อ ง) เนื่ อ งจากความชื้ น ในบ า นเรามี ค วามชื้ น สู ง มากอาจถึ ง 70 % แม เ ราตั้ ง ความชื้นไดสูงสุดได 60 % จอภาพก็จะไมแสดงความชื้นที่ 60 % แตแสดงคาความชื้น ตามความเปนจริง 3. ทําไมตูทําความเย็นไมได ถาตูทําความเย็นได สัตวนาจะสบายกวาไหม ตอบ “สัตวที่ตองการมาอยูในตูนี้ปกติแลวตองการความเย็นจริงหรือ” เพราะ สัตวที่มี อาการปวย เปนไข ไมสบาย หนาวสั่น มักตองการความอบอุนของรางกายเพิ่มขึ้น จาก สภาพแวดลอมในหอง ไมใชเย็นลง อยางที่เราคิด แตหากตองการใหอากาศในตูเย็นลง เพื่อสัตวปกติที่ไมปวยไดอยูเย็นสบายเหมือนเราอยูในหองแอรก็ตองนําตูนี้ไปไวในหอง แอรเชนกัน 4. ผูใชงานจะทราบไดอยางไรวาสัตวไดรับออกซิเจนที่ใหอยูเพียงพอ หรือไม ตอบ 1. สังเกตจากอาการของสัตวเปนอันดับแรกโดยดูจากเหงือก ลิ้น ที่เดิมซีดวามี สีชมพูเพิ่มขึน ้ หรือไม 2. หลังจากสัตวไดรับออกซิเจนแลว สังเกตวาสัตวมีอาการสดชื่นขึ้นไหม 3. ใชเครื่อง Pulse oximeter วัด % ออกซิเจนในกระแสโลหิตดูวาเพิ่มขึ้นถึง ปกติหรือยัง (95-100 %) 4. ตองเลือกวิธีการใหออกซิเจนในสัตวปวยอยางเหมาะสม เชน ถาหากสัตว ตองการออกซิเจนไมมาก เชน สัตวปวยซึม มีไข หรือ พึ่งฟนจากการผาตัด หรือพึ่ งคลอดออกมาใหม การให ออกซิเจนแก สัตวในตูที่ 5 ลิตร/นาทีอาจ เพี ย งพอแล ว แต ต อ งสั ง เกตอาการ และการตอบสนองประกอบด ว ย ซึ่ ง สามารถตรวจสอบได จ าก 3 ข อ ด า นบนที่ ก ล า วมา บางกรณี แ ม เ ราให ออกซิเจนแกสัตว ในตูที่ 5 ลิ ตร/นาที แล วแตก็ อาจจะยังไมเพี ย งพอ โดย สั ง เกตจากอาการของสั ต ว เช น ลิ้ น และเหงื อ กยั ง ซี ด อยู ไ ม ดี ขึ้ น หรื อ % ออกซิเจนในกระแสโลหิต ที่วัดไดของเครื่อง Pulse oximeter ยังต่ํา กวา ปกติ มาก ก็ตองเปลี่ย นวิ ธีการให มาเปนใชที่ครอบจมู ก หรือต อทอโดยตรง เขาสูชองจมูก จากนั้นก็ทําการวัดดวยเครื่อง Pulse oximeter ดังวิธีที่กลาว มาด า นบน เพื่ อ เป น การทดสอบอี ก ครั้ ง หนึ่ ง ทุ ก อย า งต อ งขึ้ น อยู กั บ ดุ ล ย พิจารณาของสัตวแพทย น.สพ.สมพล ศิริอุดมเศรษฐ ผูเรียบเรียงขอมูล