Port

Page 1


PORTFOLIO


MY PORTFOLIO

SAKONLAWAT SEALEE

Language for printed media creation Mahasarakham University Thailand E-mail : moosegong@yahoo.com Tel : 082 301 9592

PORTFOLIO


SAKONLAWAT SEALEE

PHO TO GRAPHER

Black & White PORTFOLIO


PORTFOLIO


PORTFOLIO


PORTFOLIO


KYO TO OSAKA SAKONLAWAT SEALEE

PORTFOLIO


PORTFOLIO


PORTFOLIO


PHET CHA BUN SAKONLAWAT SEALEE

PORTFOLIO


PORTFOLIO


PORTFOLIO


PORTFOLIO


PORTFOLIO


PORTFOLIO


MAHA SA RAKHAM SAKONLAWAT SEALEE

PORTFOLIO


PORTFOLIO


PORTFOLIO


PORTFOLIO


PORTFOLIO


PORTFOLIO


PORTFOLIO


W R I T I N G

SHORT STORY

PORTFOLIO


คน ข้าง นอก บรรยากาศในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ความ หนาวเย็นเริ่มเข้ามาทักทาย ราวกับว่าคนคุ้นเคยที่ไม่ได้พบ เจอกันนานกลับพลันผ่านมาแวะเวียน แดดอ่อนยามเช้า สาดส่องลงพื้นสนามหญ้าแห้งๆหน้าเสาธงของโรงเรียน เห็น ละอองฝุ่นฟุ้งกระจาย ักเรียนในโรงเรียนวิ่งเล่นกันอย่าง สนุกสนานในระหว่างรอเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติในอีกไม่ ช้านี้ นักเรียนทุกคนในโรงเรียนล้วนแต่ใส่เสื้อกันหนาว พร้อมหน้าพร้อมตา หลากสีสัน นั่นคือภาพที่ผมจำ�ได้เมื่อ นานมาแล้ว ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 คือชั้นเรียนที่ผมเรียนอยู่ นขณะนั้น สภาพอาคารไม้หลังเก่าลักษณะคล้ายผ่านเวลา มาเนิ่นนานแสนนาน มีหยากไย่ติดตามส่วนต่างๆ ของห้อง คล้ายถูกทำ�ความสะอาดด้วยความไม่ใส่ใจนัก แผ่นไม้ฝาที่ ปิดไม่สนิท เป็นรู โกา่งตัวเกิดการบิดงอ มีแสงส่องผ่านเข้า มาระหว่างช่องว่างนั่น คงเป็นเพราะผ่านแดดลมฝนหนาวมา เป็นเวลายาวนาน พัดลมเพดานหมุนช้าๆ ด้วยความเหนื่อย ล้าอย่างไม่มีที่ท่าว่าจะได้หยุด มีเสียงเสียดสีกันภายในตัว มันเอง เกิดความรู้สึกเหมือนมันกำ�ลังร้องขอความเห็นใจให้ ฉันหยุดพักผ่อนบ้างจะเป็นไรหรืเปล่า นี่แหละคือห้องเรียน ประจำ�ชั่วคราวของนักเรียนชั้น ป. 5/9 ของโรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งตัวผมเองก็เรียนอยู่ห้องเรียนนี้ด้วย ใบหน้าบูดบึ้ง แววตามีประกาย ผิวขาวกระจ่าง ผม สั้นเท่าติ่งหู สอดส่องสายตาไปทั่วทิศต่างๆ เพื่อนผมคนนี้ คือปานเขานั่งอยู่บนม้านั่งใต้ต้นขี้เหล็กข้างสนามฟุตบอล ในโรงเรียน จริงๆแล้วใบหน้าที่บูดบึ้งของเด็กนักเรียนหญิง เพื่อนร่วมชั้นเรียนของผมคนนี้ เขาไม่ได้มีความทุกข์หรือมี เรื่องไม่สบายใจอย่างที่หลายคนคิด เพียงแต่ใบหน้าของเธอ เป็นแบบนี้อยู่แล้ว จริงๆแล้วเขาอาจจะอารมณ์ดี แจ่มใสอยู่ ภายในก็ได้ “มองหน้ามีอะไร ไอ้ลิง” ปานส่งเสียงเอ่ยขึ้นพร้อม กับยิ้มด้วยใบหน้าที่บูดบึ้งเหมือนดป็นการทักทายที่เขาทำ� กัน

“ลิง” คือชื่อที่เพื่อนๆใช้เรียกเพื่อนนักเรียนชายของ ผมอีกคหนึ่ง จนทำ�ให้เด็กนักเรียนหลายๆคนติดปากและจำ� ชื่อเล่นของเขาจริงๆไม่ได้ว่าเขาชื่ออะไรกันแน่ รวมถึงตัวผม เอง ก็จำ�ชือเล่นเขาไม่ได้ ผมรู้เพียงแต่ว่า เขาชื่อ กิติบรรจง และเพื่อนๆชอบเรียกเขาว่าลิง สาเหตุที่เพื่อนๆ เรียกเขาเช่น นี้ ผมคิดว่าคงเป็นเ้พราะ เขามีนิสัยซุกซนกว่าเด็กคนอื่น ปีน ต้นไม้เป็นอีกอย่างที่เขาชอบทำ� ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะปีนมัน เพื่ออะไร อาจจะเป็นเพราะความชอบเพียงเท่านั้นแหละมั้ง รองเท้าผ้าใบสีน้ำ�ตาลจืดชืดสองข้างของเขา เต็มไปด้วยรอย ขาดที่คงจะมาจากความซนของเด็กในวัยนี้และโดยเฉพาะ เด็กที่ซุกซนเป็นพิเศษอย่างลิง เสื้อนักเรียนที่ดูสกปรก มี คราบจากดิน หรือเปลื่อนของกินบ้าง ชายเสื้อไม่เคยอยู่ใน กางเกงในสภาพเรียบร้อย ลิงตอบปานไปด้วยการแสดงท่าทางกวนๆ ที่ผมเห็น แล้วยังอดขำ�ไม่ได้ เขาทำ�ท่าทางโยกตัวไปมาเหมือนหลอก ล่อพร้อมกับทำ�หน้าทำ�ตาบิดๆเบี้ยวๆ ล้อเลียนเพื่อนของเขา กลับไปแทนการตอบคำ�ถาม แล้วลิงก็เดินผ่านปานไป ลิง เดินเตร่ไปเรื่อยๆ รอบโรงเรียนโดยไม่สนใจที่จะ เล่นกับเพื่อน แต่ที่ผมรู้ เขาเป็นเด็กที่มีไหวพริบ สติปัญญา ดี ผมสังเกตุจากการตอบคำ�ถามเพื่อนๆของเขา เขาเดินมา เรื่อยๆ จนถึงข้างรั่วของโรงเรียนฝั่งทิศตะวันตก “น้าจ้าม เอาน้�ำ ลำ�ใยแก้วนึง” ลิงร้องบอกหน้าจ้าม หญิงที่ขายของกินหลากหลายและเครื่องดื่มอยู่ข้างรั่วของ โรงเรียน หญิงขายน้ำ�หักกลับมามองพร้อมพยักหน้า แล้วหัน ไปตักน้ำ�ลำ�ใยในโหล มีผึ้งบินรอบๆ จากนั้นก็ยื่นแก้วน้ำ�ให้ลิง “นี่ ไปทำ�อะไรมา ทำ�ไมมอมแมมเสื้อผ้าเปลื่อนข นาดนี้” ลิงทำ�หน้าตาสงสัยด้วยท่าทีกวนๆ “ก็ไม่เห็นมันจะเปลื่อนอะไรขนาดนั้นเลยหนิ นี่ น้า ตังค่าน้ำ�” พร้อมกับยื่นเงินเหรียญห้าบาทให้หน้าจ้าม แล้ว เดินต่อไปทางอาคารเรียนไม้หลังเก่าที่เป็นห้องเรียนของเรา

PORTFOLIO


ก่อนหน้านี้ อาคารเดี่ยวไม้ชั้นเดียวหลังนี้ เคยเป็น อาคารเก็บของของโรงเรียนแห่งนี้ ช่วงเวลานั้นโรงเรียนของ ผมกำ�ลังก่อสร้างอาคารหลังใหม่และทุบอาคารเดิมที่มีอยู่ ทำ�ให้ระหว่างการก่อสร้างอาคารใหม่ มีห้องเรียนไม่เพียง พอ แต่สำ�หรับผมถือว่าเป็นความโชคดี ที่ห้องเรียนของเรา ได้มาอยู่ที่นี่ เพราะได้แยกออกจากเพื่อนร่วมชั้นห้องต่างๆ และอาคารไม้หลังนี้อยู่ติดกับรั้วโรงเรียนทางประตูทิศตะวัน ตกของโรงเรี​ียน และข้างรั่วก็มีร้านขายของกิน ขนมและน้ำ� ชนิดต่างๆ ผมคิดว่าโรงเรียนของใครหลายๆคนก็คงเป็นเช่นนี้ ด้วยสาเหตุนี้ ผมและพวกเพื่อนๆ จึงถูกกำ�ชับนักหนาจากครู หลายๆท่านว่า “นักเรียน ป. 5/9 อย่าไปซื้อของที่อยู่นอกรั้ว โรงเรียนนะ” ตามกฎของโรงเรียนที่ผมคิดว่าคงจะมีกันทุก โรงเรียน และแน่นอนว่า เด็กๆอย่างเราก็ไม่ค่อยจะทำ�ตาม สักเท่าไหร่นัก และทุกเช้าเข้าแถวหน้าเสาธงเสร็จ เราก็จะ ได้ยินประโยคเดิมๆ จากคุณครูที่ขึ้นพูดบนเวทีหน้าเสาธงว่า “อย่าซื้อของกินนอกรั้วโรงเรียน” ซ้ำ�ๆอยู่แบบนั้นทุกๆ วัน หรือบางวันก็เกือบตลอดเวลาที่ครูแต่ละท่านมาสอนในวิชา เรียนต่างๆของเรา “ลองชิมน้ำ�อย่างอื่นมั้ย” น้าจ้ามเอ่ยขึ้นหลังจากสิ้น เสียงของลิง เขาสั่งน้ำ�ลำ�ใยที่เคยกินประจำ�อย่างหอมหวาน และได้ลิ้มรสเนื้อของผลลำ�ใย ที่น้าจ้ามปรุงขึ้นมาเอง และน้ำ� น้ำ�รสอื่นๆ ก็ด้วย “ไม่ดีกว่าน้า วันนี้ผมต้องรีบไป เดี๋ยวมีใครมาเห็น เข้า ผมจะโดนทำ�โทษ” ใครคนที่ลิงพูดถึง คงหมายถึงคุณครู หรือไม่ก็พวกเด็กนักเรียนรุ่นพี่ที่ทำ�หน้าที่เป็นสารวัตของ โรงเรียนแหละมั้ง แล้วลิงก็รับแก้วน้ำ�จากน้าจ้ามพร้อมจ่าย เงินแล้วรีบเดินจาก ห่างจากรั้วของโรงเรียน บรรยากาศในห้องเรียนเงียบเชียบ เสียงพัดลม เพดานตัวเดิมยังดังอยู่ ผมรู้สึกถึงบรรยากาศข้างนอก โรงเรียน จากการได้ยิน มีรถผ่านไปมาและผู้คนมากมายที่มา รอรับเด็กๆ นักเรียนอย่างเรากลับบ้าน และแล้ว... เสียงครู เพ็ญประภา ครูประจำ�ชั้น ป. 5/9 ก็ดังขึ้น “เอาหละ นักเรียนทุกคนลืมตาขึ้นได้” เริ่มมีเสียงถอนหายใจดังขึ้น พร้อมกับเสียงเจี๊ยวจ๊าว ของนักเรียนในห้อง และเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่เรานั่ง สมาธิอยู่ราว 5 นาทีเห็นจะได้ ผมลืมตาขึ้นพร้อมภาพลางๆ เคล้าน้ำ�ตาจากการหลับตามาสักพัก แสงเวลาบ่ายแก่ ที่ส่อง

เข้ามาผ่านประตูห้องเรียนทางทิศตะวันตก ทำ�ให้เราต้องใช้ เวลาในการปรับสภาพ แต่ก็เพียงแค่ชั่วคู่ เดี๋ยวเดียวเท่านั้น “เงียบๆ ก่อนนักเรียนทุกคน” ครูเพ็ญประภากล่าว ขึ้นอีกครั้ง “สำ�หรับการเรียนวันนี้ก็พอแค่นี้ ให้นักเรียนทุกคน ระมัดระวังในการเดินข้ามถนนด้วยนะ ถ้าผู้ ป ก ค ร อ ง ใ ค ร ยังไม่มารับ ก็อย่าเพิ่งออกไปนอกรั้วโรงเรียนนะ อ่อ แล้วก็ สำ�หรับใครที่เป็นเวร ทำ�ความสะอาดวันนี้” เสียงเด็กๆ รีบกล่าวทำ�ความเคารพแบบเร่งรีบ เพราะคงอยากออกจากห้องเรียนไปเล่นกันเพื่อนๆ หรือบาง คนก็จะรีบกลับบ้านแหละมั้ง “นี่ ไอ้ลิง แกจะไปไหน” เสียงปานเอ่ยถามเพื่อน “ฉันจะเดินไปเล่นอีกฝั่งของโรงเรียน” ลิงตอบ คำ�ถามด้วยน้ำ�เสียงร่าเริง พร้อมกับถามกลับไปว่า “ แ ล้ ว แกจะไปหาอะไรกินร้านหน้าจ้ามใช่มั้ย” “ใช่ วันนี้ฉันยังไม่ได้กินของอร่อยๆ ร้านน้าจ้ามสัก อย่างเลย ฉันกลัวโดนจับได้” ปานตอบไปด้วยน้ำ�เสียงที่ไม่ พอใจกับกฎของโรงเรียนสักเท่าไหร่ แล้วทั้งสองก็บอกลากันในวันนี้ แล้วเดินแยกย้างกัน ไป ปะปนกับนักเรียนคนอื่นๆ ในโรงเรียน บรรยากาศยามบ่ายแก่ ของโรงเรียนบริเวณประตู ทางออก เต็มไปด้วยรถหลากหลายชนิดที่มารอรับเด็กอยู่ ข้างนอกรั้วโรงเรียน เด็กนักเรียนเดินเรียงรายเต็มไปเกือบ ทุกหนแห่ง ผู้ปกครองรอคอยเด็กๆ อยู่รอบๆบริเวณประตู แม่ของปานยังไม่มารับ แล้วตอนนี้เขาก็เดินมาถึงร้านค้าของ น้าจ้ามแล้ว “อ้าว เป็นยังไงบ้าง ปาน กินอะไรรึเปล่า น้ำ�เย็นๆ มั้ย เดี๋ยววันนี้น้าเลี้ยงปานเอง” น้าจ้ามกล่าวทักทายอย่าง ปกติเป็นประจำ�เช่นทุกๆ วัน แต่วันนี้เป็นพิเศษกว่าปกติ สำ�หรับปาน เพราะน้าจ้ามบอกว่าจะเลี้ยงน้ำ�เขา ซึ่งนานๆ ที จะเกิดขึ้น “ไม่เป็นไรหรอกน้า หนูมีเงินเหลืออยู่วันนี้ แล้ว ก็ตั้งใจจะมาซื้อน้ำ�ลำ�ใยร้านน้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” เด็ก นักเรียนตอบแม่ค้าขายขนมกลับไป “ตามใจแล้วกัน ไว้วันไหนไม่มีตังเหลือ เดี๋ยวน้าจะ เลี้ยงเราเอง แล้ววันนี้จะกินน้ำ�ลำ�ใยใช่มั้ย” “ใช่จ่ะน้า ฉันอยากกินตั้งแต่ตอนพักกลางวันแล้ว

PORTFOLIO


แต่แอบมาซื้อไม่ได้” “ไม่เป็นไรหรอก ถ้ามาซื้อตอนกลางวันไม่ได้ เลิก เรียนแล้วค่อยมาก็แล้วกัน” “จ่ะน้า” ก่อนหน้านี้ ผมได้ยินเพื่อนๆพูดกันว่า เมื่ออาทิตย์ ก่อน ปานถูกพวกรุ่นพี่สารวัตโรงเรียนจับได้ ว่าซื้อของร้าน น้าจ้าน แล้วพวกเขาพาตัวไปหาครูฝ่ายปกครอง เขาเล่ากัน ว่า ปานโดนครูปกครองกล่าวด่าตักเตือนอย่างนักอยู่นาน สองนานในห้องปกครองสองต่อสองกลับครูคนนั้น จึงทำ�ให้ ปานไม่กล้าซื้อของนอกรั้วในตอนพักกลางวันอีก เธอเลยจึง รอซื้อตอนเลิกเรียน เพราะเมื่อเลิกเรียนแล้ว ทุกคนจะทำ� อะไรก็ จะเล่นอะไร กินอะไร ซื้อของที่ไหนก็ได้ ไม่มีใครคอย มาใส่ใจสนใจพวกเด็กๆ เพราะถือว่าหมดหน้าที่ของดูแลของ ทางโรงเรียนแล้ว ปานบอกลาน้าจ้ามเพื่อกลับบ้านในตอนเย็น “ฉันกลับแล้วนะจ๊ะน้าจ้าม เดี๋ยวแม่ฉันจะมาถึงแล้ว ต้องไปรอแม่อยู่ใกล้ๆประตู นี่จะน้า เงินค้าน้ำ�ลำ�ใยของฉัน” น้าจ้ามรับเงินพร้อมยื่นแก้วน้ำ�สีน้ำ�ตาลอ่อนให้ปาน “ขอบใจจ่ะ ไว้วันหลัง เดี๋ยวน้าเลี้ยงน้ำ�เราสักแก้วแล้วกัน นะ” “ได้จ่ะน้า ฉันไปแล้วนะจ๊ะ” ปานบอกลาแม่ค้าขาย ของคนเดิมอีครั้ง แล้วเดินไปยังประตูโรงเรียนที่อยู่ห่างออก ไปเพียงไม่กี่สิบเมตร เพื่อรอแม่ของเขามารับ เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกๆอย่างดำ�เดินไปปกติอย่าง เช่นเคย เด็กนักเรียนมาโรงเรียนตามปกติ ทุกคนเข้าแถว เคารพธงชาติ แล้วเราก็ฟังคำ�กล่าวของครูเช่นเคยว่า “อย่า ซื้อของกินขอกโรงเรียน” นักเรียนทุกระดับชั้นก็แยกย้ายเข้า ห้องเรียนตามปกติเช่นเคน การเรียนการสอนในตอนเช้าของ โรงเรียนเราดำ�เนินไปตามปกติเช่นเคย ทั้งที่เป็นหน้าหนาวแต่ทำ�ไมบ่ายวันนี้อากาศร้อน นัก อุณหภูมิในห้องเรียนหลังคาสังกะสีของชั้น ป. 5/9 เพิ่ม สูง เสียงพัดลมเสียดสีกัน ครูยืนอยู่หน้าชั้นเรียนกล่าวการ เรียนการสอนในตอนบ่ายอย่างต่อเนื่อง คนงานก่อสร้างส่ง เสียงเพื่อช่วยขับเคลื่อนงานก่อสร้าง ค้อนกระทบตะปู ดัง

เป็นจังหวะไม่เข้ากันตลอดเวลา รถที่สัญจรผ่านไปมาและ เพื่อนนักเรียนในห้องส่งเสียงรุมเร้า เหมือนจะเพิ่มความคลั้ง ให้กับประสาทเรา ทุกอย่างทำ�หน้าที่ของมันไปอยู่อย่างนั้น ผมเริ่มเห็นอาการผิดปกติของปาน เพื่อนร่วมห้อง ที่ เคยอยู่ด้วยกันมาแล้วหลายชั้นเรียน ปานเริ่มมีอาการดูเคลีย ดๆ ร่างกายเธอมีลักษณะเริ่มเกร็ง สีหน้าที่ผมมองเห็นได้จาก มุมข้างๆ เพียงนิดหน่อย ก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของตัว เธอแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้ใสใจอะไรนัก ผมนั่งอยู่หลังห้องมอง ไปเห็นเพื่อนเกือบทุกคนที่อยู่ด้านหน้าผม ครูบรรยายสอน เราไปอย่างไม่หยุดหย่อน เสียงรบกวนรอบข้างกระหน่ำ�เข้า มา ประกอบกับความร้อนภายในห้องเรียนของเรา ทำ�เอา นักเรียนหลายคนเคลียด ไม่มีสมาธิในการเรียน ครูยังคงสอนเราต่อไป ความร้อนในตอนบ่ายเพิ่ม ขึ้นมากทุกที พัดลมเพดานตัวเก่าเหล่านั้น ช่วยบรรเทาความ ร้อนให้แก่เราไม่ได้เลยแม่แต่น้อย ความเคลียดเพิ่มมากพูน ขึ้นอย่างต่อเนื่องในห้องเรียนนั้น ทันใดนั้น ปานก็เกิดอาการ ชัก ร่างกายร่วงผ่านโต๊ะแทรกเก้าอีกลงไปอยู่กับพื้นห้อง ร่างกายของเธอเกร็งไปทุกสัดส่วน มือหงิก เท้างอ ตาค้าง น้ำ�ลายสีขาวมีฟองฟูมเต็มปาก ท่ามกลางความตื่น ตกใจของ เพื่อนในห้องเรียนและครูที่กำ�ลังสอนอยู่ ลิง ส่งเสียงร้องออก มาอย่างสุดเสียง “ลมบ้าหมู...” นั่นคือโรงประจำ�ตัวของปาน ตามด้วยเสียงตะโกนร้องตามของเพื่อนๆ อีกหลาย คน “ทำ�ยังไงดีๆ” เสียงครูทส่ี อนอยูเ่ อ่ยขึน้ อย่างไร้สติ ตืน่ ตระหนก หาหนทางออกไม่ได้ ปาน นอนชักอยูท่ พ่ี น้ื วินาทีนน้ั เพือ่ นๆในห้องเรียนรีบเข้า มาช่วยกันจับร่างของเธอไว้ แล้วค่อยๆปลดกระดุมคอเสือ้ ที่ รัดแน่น และเข็มขัดของเธอแล้วก็ตามด้วยร้องเท้า เพือ่ ไม่ให้ เธอรูส้ กึ อึดอัด เพียงไม่กอ่ี ดึ ใจ น้าจ้าม แม่คา้ ขายของนอกรัว้ โรงเรียนรีบวิง่ เข้ามาในห้องเรียนนี้ พร้อมกับช้อนสัน้ เขาใช้ ช้อนในมืองัดเข้าไปในปากของปาน ค้างไว้อย่างนัน้ เพือ่ ไม่ให้ เธอกัดลิน้ ของตัวเอง หลังจากนัน้ อาการของปานก็คอ่ ยๆ ดีขน้ึ

PORTFOLIO


เพียงลำ�พัง ของผู้ติดตาม ก่อนหน้านีผ้ มเคยมีตวั ตน ใช่ ผมจำ�ได้ ถึงมันจะเลือลางจนแทบจะไม่เหลืออะไรเลย แต่ผมก็ยงั จำ�ได้วา่ เคยมีตวั ตน ใช่ เรามีตวั ตน... ผมเป็นเพียงผูต้ ดิ ตามคนหนึง่ คอยติดตามคนคนนัน้ ไปทุกเวลาทุกๆ ทีท่ เ่ี ขาไป ตัวผมเองไม่เคยเข้าใจ ว่าทำ�ไมเราต้องมาอยู่ แบบนี้ คงเป็นเพราะการกระทำ�ของผมทีเ่ คยทำ�ไว้ ผมจึงต้องมาติดอยูใ่ นสภาพของผูต้ ดิ ตามเช่นนี้ ผมผ่านการติดตาม เคยพบเจอผูต้ ดิ ตามหลากหลายรูปแบบ มีทง้ั ผูต้ ดิ ตามทีค่ อยขัดขวางการกระทำ�ของผูน้ �ำ ทีเ่ ขาตาม ทัง้ คอยจ้องจะทำ�ร้ายผูต้ ดิ ตามในเวลาทีเ่ ขาพลาดและเผลอ มีหลากหลายรูปแบบทีผ่ มเจอ แต่ผมคิดว่ามันคงไม่ได้มเี พียงเท่านี้ ผูต้ ดิ ตาม ต้องมีหลายแบบกว่าทีผ่ มเคยเจอมาแน่ ผมเชือ่ อย่างนัน้ ทุกวันสำ�หรับผมเป็นเพียงวันธรรมดา ผมไม่รสู้ กึ ถึงสัมผัสอืน่ ใด ทีค่ นปกติรบั รู้ ไอแดดร้อนแรงลอยขึน้ จากกลางถนนในกลาง วันของหน้าร้อน ค่�ำ คืนเหน็บหนาวทีห่ มอกลอยต่�ำ หนาจัดท่ามกลางแสงเดือนและน้�ำ ค้างบนใบหญ้า กองไฟถูกก่อขึน้ เพือ่ บรรเทา ความหนาว ตะเกียงน้�ำ มันไฟ ส่องประกายกลับไร้กลิน่ เมฆครึม้ ฝนโปรยปราย กลิน่ ไอดินคงลอยล่อง ทุงสิง่ เหล่านีท้ ผ่ี มพบเจอระหว่าง การติดตาม ผมเห็นและได้ยนิ แต่กบั ไร้ซง่ึ ความรูส้ กึ และไร้อารมณ์ตอ่ มัน มีเพียงความว่างเปล่า เราช่างไร้คา้ คือสิง่ ทีผ่ มคิดกับตัวเองเสมอ มีเพียงแค่ความเหน็บหนาวเพียงเบาบาง และกลิน่ ทีจ่ างๆ ของความรัก ทีต่ ดิ ตัวผม มาตัง้ แต่ผมกลายเป็นผูต้ ดิ ตาม มีเพียงเท่านี้ เท่านีจ้ ริงๆหรือ ทีผ่ มสัมผัสได้ ใช่แล้วหล่ะ มันมีเพียงเท่านี.้ .. ผมยังคงให้ความเป็นส่วนตัวแก่เธอ ผูท้ ผ่ี มติดตาม ถึงแม้ถา้ ผมไม่มใี ห้ เธอก็ไม่รบั รู้ แต่กระนัน้ แล้วผมก็ยงั อยากเว้นช่องว่างนี้ ให้แก่เธอ เพราะถ้าผมเป็นเขาแล้ว ผมก็ตอ้ งการมันเช่นกัน ทุกเช้าเธอจะตืน่ จากการหลับไหลแต่เช้า ผูท้ ผ่ี มติดตามอยู่ เธอเป็นหญิงแก่ หน้าตาเบิกบาน มีรอยย่นบนใบหน้าบริเวณหางตา หน้าผากและข้างๆปากของเธอ เธอจะต้องใส่บาตรในยามเช้าของวันใหม่ เปรียบเสมือนมันเป็นหน้าทีข่ องเธอ แต่จริงๆแล้ว เธอไม่จ�ำ เป็นต้องทำ�มันอย่างที่ ใครคนอืน่ ๆ เค้าไม่ท�ำ ก็ได้ ทว่าเธอลับเลือกทำ�มันเช่นเดียวกับทีผ่ มเว้นช่องว่างความเป็นส่วนตัวให้กบั เธอ ถึงแม้ผมไม่ท� ำ เธอก็คงไม่รู้ เธอเป็นคนดี ใช่ ต้องใช่แน่ๆ เธอต้องเป็นคนดี เรือ่ งนีผ้ มกลับรับรูไ้ ด้อย่างนัน้ ผมเห็นแสงสีขาวเปล่งประกาย อ่อนๆ เปล่ง ออกมารอบตัวของเธอ มันเพิม่ ขึน้ ทุกวัน แต่รอบตัวผมมีเพียงความคลุง้ ของละอองสีเทาบางๆ เพียงเจือจางเท่าเดิมเรือ่ ยมา บ่อยครัง้ ทีผ่ มต้องติดตามเธอไปในสถานทีท่ ผ่ี มได้ยนิ เธอพูดกับคนอืน่ ว่า วัด เป็นสถานทีอ่ นั เต็มไปด้วย ผูม้ แี สงส่องประกายเช่นเธอ บ้างก็นอ้ ย บ้างก็มากกว่าเธอบ้าง บางคนมีผตู้ ดิ ตามหลายคน ผูต้ ดิ ตามของบางคนมีทา่ ทางน่าเกรงขาม มีหมอกดำ�ลอยล่องอยูข่ า้ งกายผูต้ ดิ ตาม ผูต้ ดิ ตามบ้างคนเสือ้ ขาดหลุดลุย่ บางคนมีเลือดติดตามล่างกาย บางคนไม่สมประกอบ ไร้แขนขาบ้าง แววตาช่างแตกต่างกัน เราเป็น เหมือนกันคือเราเป็นผูต้ ดิ ตาม แต่กลับแตกต่างกัน ไม่มใี ครเหมือนใครเลยสักคนในกลุม่ ผูต้ ดิ ตามอย่างพวกเรา ผมว่าเราเห็นกัน ใช่ เราต้องเห็นกัน แต่กลับไม่มใี ครยุง่ เกีย่ วกันหรือไม่แม้แต่สบตาซึง่ กัน หรือเราไม่สามารถคุยกันได้ คงเป็น เพราะเราเป็นผูต้ ดิ ตาม เราจึงทักทายกันไม่ได้ แต่ผมก็ไม่สนใจกลับไร้ความรูส้ กึ ต่อเรือ่ งนีอ้ กี เสียด้วย แล้วผมก็ตระหนักได้วา่ มีเพียงความคิดทีเ่ ราสามารถทำ�ได้ เราพูดไม่ได้

PORTFOLIO


โลกทีผ่ มเห็นในปัจจุบนั ทีผ่ มติดตามเธออยูต่ อนนี้ คนทุกคนทีไ่ ม่ใช่นกั ติดตามอย่างผม เขาจะต้องมีบางอย่างทีเ่ ป็นสีเ่ หลีย่ ม เล็กๆ ติดตัวตลอด เอาไว้กดบ้าง หยิบมันขึน้ มาเพือ่ พูดกับมันบ้าง ใช่ ทุกคนต้องมีมนั ผมเห็นอย่างนัน้ ว่าทุกคนมีมนั ผมไม่รวู้ า่ มันคือ อะไร ทำ�ไมทุกคนถึงต้องมีและทำ�กับมันอย่างนัน้ แต่เหมือนผมจะรูว้ า่ มันคืออะไร คลับคล้ายคลับคลาว่ารูจ้ กั และเหมือนเคยใช้มนั แต่ เอาเข้าจริงๆ ผมกลับนึกมันไม่ออก แปลก ใช่ มัน้ แปลกมากจริงๆ บางครัง้ ผมได้ยนิ เสียงคนทีผ่ มไม่รจู้ กั เขาก็คงไม่รจู้ กั ผมและเขาไม่ได้คยุ กับผมแน่ มีเสียงคนคุย กันลอยมาในอากาศ หลายพันคน สลับกันไปมาอยูเ่ กือบทุกเวลา ผมสับสนผมไม่เข้าใจ แต่เสียงเหล่านัน้ มันทำ�ให้ผมรูว้ า่ โลก... ทีผ่ ม เห็น... แต่ไม่ได้อยู่ มันมีทง้ั เรือ่ งดีและไม่ดมี ากมายเหลือเกิน ทีส่ �ำ คัญไปกว่านัน้ ผมตระหนักได้วา่ มันโหดร้ายมาเพียงใด ใช่ มันโหดร้าย ใช่ มันยังแปลกอีกอยูด่ ี ทัง้ ทีพ่ วกผูต้ ดิ ตามอย่างผม เรามองเห็นทุกอย่าง แต่ท�ำ ไมพวกคนทีเ่ ราติดตามเขากลับไม่สามารถมอง เห็นได้ทกุ สิง่ เฉกเช่นทีผ่ มเห็น ไม่เห็นแม้กระทัง่ เส้นแสง ทีพ่ งุ่ ออกมาจากบางอย่างทีอ่ ยูใ่ นมือของพวกเขา ทีพ่ วกเขาเอามันมาไว้กดบ้าง หยิบขึน้ มาพูดกับมันบ้าง แต่กลับกัน พวกผูต้ ดิ ตามอย่างเรา กลับต้องคอยหลบเส้นแสงนี้ เพราะเราไม่สามารถผ่านมันไปได้ บางครัง้ ผมเห็นรูปภาพ ตัวหนังสือ ข้อความหรือแม้กระทัง่ ภาพเคลือ่ นไหว สิง่ เหล้านีว้ ง่ิ ไปมาผ่านระหว่างเส้นแสงแล้วไปหยุดอยูใ่ นสิง่ ทีอ่ ยูบ่ น มือของใครคนนัน้ ทีต่ า่ งก็ถอื มันอยู่ ใช่ มันแปลกจริงๆ ผมอยูอ่ ย่างนีม้ านานแค่ไหนแล้วผมก็จ�ำ ไม่ได้ เท่าทีจ่ �ำ ได้ ตัง้ แต่ผมเริม่ เป็นผูต้ ดิ ตาม ผมก็ไม่เคยพูดกับใครเลย หรือเราจะพูดไม่ ได้มาตัง้ แต่กอ่ นจะมาเป็นผูต้ ดิ ตาม ตัวผมก็ไม่รเู้ พราะจำ�อะไรไม่ได้เลย ทุกอย่างเลือนลาง พยายามจะนึกให้ออกทีไร ทุกๆอย่างทีเ่ ลือน ลางนัน้ จะหายไปหมด ทำ�ไมเราต้องเป็นแบบนี้ ทำ�ไม ไม่เข้าใจจริงๆ ผมยังคงทำ�หน้าทีต่ ดิ ตามเธออยู่ และดูเหมือนกับว่า หน้าทีน่ ้ี ไม่รมู้ นั จะจบลงเมือ่ ไหร่ และเมือ่ ไหร่เราจะได้เลิกเป็นผูต้ ดิ ตาม เมือ่ ไหร่กนั แน่ ทีเ่ ราจะมีผตู้ ดิ ตามบ้าง ทว่าเราเลิกเป็นได้จริงๆหรือ มันคงไม่ส�ำ คัญหรอก ในตอนนีผ้ มก็ยงั คงตามเธออยู่ เธอใช้ชวี ติ เป็นกิจวัตร ซ้�ำ ๆ เดิมๆ ไม่เปลีย่ นแปลงมากเท่าไหร่ ผมเกิดความสงสัย ทำ�ไมเธอจึงต้องทำ�ดีกบั คนอืน่ ด้วย ซึง่ ผมก็เพิง่ รูไ้ ด้ไม่นานว่า ทำ�ดีหรือคำ�ว่า “ดี” มันหมายถึงอะไร เพราะผมก็ได้ยนิ จากเธอนัน่ แหละ ผมเรียนรูห้ ลายอย่างจากเธอ หรือแทบจะทุกอย่างเลยก็วา่ ได้ เพราะว่าสิง่ ทีต่ ดิ ตัวผมมาทุกอย่าง มันช่างลางเลือนมากเหลือเกินรวมถึงตัวผมด้วย ผมจึงต้องเรียนรูจ้ ากเธอ จากการติดตาม เพือ่ ให้มนั ชัดเจน แต่กเ็ พียงบางอย่างบางเรือ่ งเท่านัน้ ทีช่ ดั เจนขึน้ มาได้ และหลายๆเรือ่ งมันยังคงลางเลือนอยู่ รวมถึงร่างของผมด้วยเช่นกัน ลางเลือนจนผมสามารถพาร่างผมผ่านไปได้ทกุ ที่ ยกเว้นเส้นแสง มีเพียงผูท้ ไ่ี ม่ได้เป็นผูต้ ดิ ตามเท่านัน้ ทีส่ ามารถผ่านเส้นแสงนัน้ ไปได้ แต่พวกเขาไม่สามารถพาร่างของพวกเขาผ่านวัตถุอน่ื ได้ ผูต้ ดิ ตามคนอืน่ ๆ ก็เป็นเหมือนผมเช่นกัน แบบนีห้ รือทีเ่ ธอทำ� ทีเ่ ขาเรียกกันว่า “ความดี” เธอทำ�กับคนอืน่ แบบนีห้ รือ แล้วทำ�ไมเวลาทีเ่ ธอทำ�แบบนีท้ กุ ๆครัง้ กับคนอืน่ เธอดูมคี วามสุขหน้าตาเธอเอิบอิม่ ทุกครัง้ ไป ผมก็ไม่เข้าใจ ว่าเพราะอะไร มันคงเป็นเรือ่ งทีท่ กุ คนควรทำ�หละมัง้ แล้วทำ�ไม่พวกผูท้ ไ่ี ม่ใช่ ผูต้ ดิ ตามเช่นเธอคนอืน่ ๆ เขาไม่ได้ท�ำ กันทุกคน มันเป็นเรือ่ งทีกุ่ คนควรทำ�ไม่ใช่หรือ แต่กลับมีทง้ั คนทีท่ �ำ และไม่ท� ำ ยังมีพวกทีท่ �ำ บ้าง เป็นครัง้ คราว ทำ�ไมกันหละหรือทีเ่ ราเรียนรูแ้ ละเข้าใจมาตลอดว่ามันเป็นเรือ่ งทีค่ วรทำ� แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่ ช่างแปลกเหลือเกิน มันนานมากแล้ว ทีผ่ มติดตามเธอ ไอแดดร้อนแรงลอยขึน้ กลางถนนในหน้าร้อน คืนเหน็บหนาว หมอกหนาจัดแสงเดือนและ น้�ำ ค้างบนใบหญ้า กองไฟทีบ่ รรเทาความหนาว ตะเกียงน้�ำ มันไฟส่องประกาย เมฆครึม้ ฝนโปรยปราย สิง่ เหล่านี้ ผมเห็นและผ่านพบ เจอมัน วนเวียนอยูอ่ ย่างนีม้ าแล้วไม่รกู้ ท่ี กี ค่ี รัง้ แล้ว แต่เธอก็ยงั คงทำ� “ดี” อยู่ ไม่เคยเปลีย่ น แปลงตากกาลเวลา ถึงแม้วา่ ใบหน้าและ ร่างกายของเธอจะเปลีย่ นไปตามวัยและกาลเวลา ริว้ รอย ความเหีย่ วย้น หยาบกร้าย ของผิวบนใบหน้าและทัว่ ร่างกายเธอ สายตาที่ ฝ่าฟางเพิม่ พูนขึน้ ทุกวันเวลา สิง่ เหล่านีม้ นั คงไม่ใช่เหตุผลทีเ่ ธอต้องเลิกทำ�ความดี เธอยังคงทำ�มันอยู่ ทัง้ ต่อผูอ้ น่ื ต่อตนเองและในจิตใจ ของเธอตลอดมา คล้ายกับว่าเธอเป็นส่วนหนึง่ ของความดีไปแล้ว และไม่มที ที า่ ว่าเธอจะหยุดทำ�มัน หรืออาจจนกว่าชีวติ และร่างของ เธอจะดับสูญ

PORTFOLIO


วันนีใ้ บหน้าของเธอเศร้าหมอง เหมือนเรือ่ งราวอดีตก่อตัวขึน้ ในใจ เธอทีผ่ มติดตามกำ�ลังครุน่ คิดถึงเรือ่ งราวในอดีตทีผ่ า่ นมา แต่ผมคงไม่รหู้ รอกว่าอดีตนัน้ มันนานมากเพียงใด เธอหยิบอัลบัม้ ภาพถ่ายเก่าๆ ในลิน้ ชักขึน้ มาก บรรจงเปิดมันด้วยความทะนุถนอม อ่อนโยนนุม่ นวล ราวกับว่ามันมีความหมายมากเหลือเกิน เธอนัง่ ลงบนเก้าอีไ้ ม้ ทีส่ อดอยูใ่ ต้โต๊ะไม้เก่า บนโต๊ะปูดว้ ยผืนผ้าสีขาวถักลาย เป็นตาข่ายตัง้ อยูก่ ลางห้องรับแขงในบ้านหลังเล็กของเธอหลังนี้ ลมพัดบางเบาตีสบัดผ้าม่านผืนยาวสีครีมเปรอะเปลือ่ นคาบฝุน่ เล็ก น้อย สะบัดเบาๆ ไปมา มองผ่านหน้าต่างออกไปเต็มไปด้วยสีเขียวใบไม้ออ่ นแก่จากต้นไม้ประดับทีป่ ลูกอยูใ่ นกระถางใหญ่นอกบ้าน แสงนอกหน้าต่างรอดเขามาส่องวับวาวเคลือ่ นทีไ่ ม่อยูน่ ง่ิ เธอเปิดดูหลายต่อหลายภาพถ่ายในอัลบัม้ ภาพถ่ายบนมือเธอ กลับมาหยุดอยูท่ ภ่ี าพของคนสองคน เธอมองมันด้วยแววตา เปล่งประกายโศกเศร้าปนร้อยยิม้ บนใบหน้าเล็กน้อย ราวกับว่าเธออยากให้อดีตแห่งความสุข ทีเ่ คยมีอยูม่ ากมายนัน้ หวนคืนกลับมา อีกครัง้ ทว่ามันคงเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว ภาพถ่ายในมือเธอคงซีดลงไปบ้างเพียงเล็กน้อยจากกาลเวลา มีหนุม่ น้อยร้อยยิม้ สดใสอยูข่ า้ ง หญิงสาวทีด่ มู คี วามสุขอยูห่ น้าบ้านหลังหนึง่ ใช่หญิงคนนัน้ คงต้องเป็นเธอแน่ และบ้านหลังนัน้ ทีอ่ ยูใ่ นรูปถ่ายใบนัน่ คงเป็นทีน่ แ่ี น่ๆ แล้วหนุม่ น้อยคนนัน้ หละ เขาคือใครกันแน่ ความรูส้ กึ แบบเดิมอีกแล้ว มันเกิดขึน้ กับผมอีกแล้ว เหมือนผมจะรูจ้ กั เขา มีภาพความทรง จำ�ลางๆ มันเลือนลางมากจนมองไม่ออก แต่พยายามจะนึกให้ดที ่ี ทุกอย่างกลับหายไปหมด มันเป็นเช่นนีท้ กุ ครัง้ ไป... เธอคงเหนือ่ ยล้ามามากแล้วในวันนี้ ทัง้ ๆทีเ่ ธอยังไม่ได้ท�ำ อะไรมากมายหรือมีเรือ่ งราวทีต่ อ้ งเหน็บเหนือ่ ย ในชีวติ ประจำ�วัน ของเธอเช่นวันนี้ คงเพราะวัยและร่างกายของเธอ มันร่วงโรยไปตามกาลเวลา จึงทำ�ให้เธอเหน็บเหนือ่ ย เพราะกาลเวลาไม่มคี วาม ปราณีตอ่ เธอหรือต่อใครทัง้ สิน้ รวมถึงตัวผม กาลเวลาไม่สามารถทำ�ให้รา่ งของผมเปลีย่ นไปได้ ความรูส้ กึ และจิตใจผมก็เช่นกัน ผมต้อง ติดอยูก่ บั ความรูส้ กึ เหน็บหนาวทีม่ เี พียงบางเบา และกลิน่ เจือจางของความรักทีต่ ดิ ตัวผมมาตัง้ แต่ผมกลายเป็นผูต้ ดิ ตามอยูเ่ รือ่ ยมา ผม ไม่สามารถหาคำ�ตอบของความรูส้ กึ เหล่านีท้ ม่ี นั เกิดขึน้ มาได้วา่ เพราะอะไร มันจะทำ�ให้ผมรูส้ กึ ต้องทนทุกข์ทรมานอยูเ่ ช่นนีต้ ลอดไป อย่างนัน้ หรือ กาลเวลา... ไม่ปราณีผใู้ ดเลยจริงๆหรือ อาทิตย์ก�ำ ลังลับขอบฟ้าเวลาการพักผ่อนของเธอกำ�ลังจะมาถึง เธอนัง่ มองแสงทองในช่วงสุดท้ายของกลางวันอยูบ่ นเก้าอี้ ไม้มพี นักพิงหลังตัวใหญ่ ในสวนหลังบ้านก่อนท้องฟ้าจะมืดลง เธอลุกจากเก้าอีต้ วั นัน้ อย่างช้าๆ ราวกับว่าชีวติ เธอ ไม่มอี ะไรทีต่ อ้ งเร่ง รีบ ใช้ชวี ติ เพียงลำ�พัง ไม่ตอ้ งคอยเป็นห่วงใคร และเช่นกัน ไม่มใี ครค่อยเป็นห่วงเธอ เธอช่างโดดเดีย่ วยิงนัก การเป็นผูต้ ดิ ตามของผม ไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้ เพราะเธอรับรูไ้ ม่ได้ถงึ ตัวผม มีเพียงผมทีเ่ ห็นการ กระทำ�ต่างๆของเธอและรับรูเ้ รือ่ งราวนัน้ ได้ ใช่ ผมรู้ เธอ กำ�ลังเศร้า ความเศร้าช่วยเพิม่ ความเปล่งประกายของแสงสีขาวรอบตัวเธองัน้ หรือ เพราะอะไร มันใช่เพราะความเศร้าจริงหรือเปล่า แต่ มันก็เพิม่ มากขึน้ อย่างเห็นได้ชดั จากสายตาอันเลือนลางของผม ในห้องนอนสีขาวของเธอ ถึงเวลาแล้วทีเ่ ธอต้องหลับพักผ่อนในวันนี้ ทุกด้านของผนังอิฐทีก่ อ่ ขึน้ ด้วยความปราณีตพร้อมทาสี ขาวประกายเงางามจากช่างฝีมอื คงเมือ่ ตอนทีเ่ ธอสร้างบ้านนี้ เวลาผ่านไปยาวนาน แต่ทกุ อย่างยังคงแข็งแรงคงทนอยูเ่ ช่นเดิม ราวกับ ว่ามันเพิง่ ถูกประกอบร่าง สร้างมันขึน้ เมือ่ วานนีเ้ อง คงมีเพียงแต่รา่ งกายเธอ ทีค่ งทนต่อไปได้อกี ไม่นาน เธอเอนตัวลงนอนบนเตียงทีแ่ สนนุม่ ในห้องนัน้ เพียงชัว่ ครูเ่ ดีย๋ วเดียวเท่านัน้ เธอก็เผลอหลับไปโดยไม่รตู้ วั อย่างมีความสุขใน ค่�ำ คืนทีเ่ งียบสงบ ไร้ซง่ึ เสียงทักทายจากธรรมชาติหรือสิง่ อืน่ ใด ต่าง ช่างแตกต่างกับทุกคืน ผมอยูอ่ ย่างวังเวงเพียงลำ�พังอีกแล้ว เช่นทุก คืน ใช่ มันแปลกกว่าทุกคืน แปลกตรงทีม่ นั เงียบสนิทเกินกว่าคืนไหนๆ เวลาผ่านไปหลายชัว่ โมง แต่เธอก็ยงั คนหลับอย่างสุขสบายไม่

PORTFOLIO


ขยับตัวแม้แต่นอย ร่างเธอเริม่ ส่องประกายเพิม่ มากขึน้ แสงขาวพุง่ ออกมาจากรอบๆตัวเธอ มันแรงและจ้ามากขึน้ เวลาใกล้รงุ่ สางแล้ว ดวงดาวต่างพากันเริม่ อ่อนแรงไปบ้างแล้ว แต่กย็ งั ส่องแสงประกายสว่างไสวชัดเจนอยูเ่ ต็มท้องฟ้า ร่าง ของเธอลอยขึน้ จากเตียงช้าๆ เธอค่อ่ ยๆลืมตาขึน้ ร่างของเธอเริม่ หมุนเอียงขึน้ ตัง้ ฉากขนานกับพืน้ อย่างช้าๆ เปล่งประกายแสงระยิบ ระยับเจิดจ้าทัว่ ร่างกายสว่างไปทัว่ ห้องสีขาว เธอลอยขึน้ สูงผ่านส่วนต่างๆ และหลังคาของบ้าน ผมยังคงติดตามเธออยู่ เธอยิม้ ให้ผม หน้าตาเอิบอิม่ แจ่มใส ราวกับว่า กาลเวลาหวนคือย้อนไปและคืนร่างกายและจิตใจของความเยาว์ให้เธออีกครัง้ “นีเ่ ธอเห็นผมแล้วหรือ นี”่ ผมนึกขึน้ ในใจพร้อมความดีใจทีเ่ ราทัง้ สองเห็นกัน เธอเริม่ มีปกี งอกออกมาจากแผ่นหลังทีล่ ะนิด มันมีสขี าวนวลสวยงามราวกับบกของนกใหญ่บนท้องฟ้า มันแทงผ่านเนือ้ ผ้า สีขาวออกมาจนเต็มที่ มันใหญ่โตกว่าปีกของสัตว์ใดๆทีม่ บี นโลก มันแข็งแรงสวยสง่างาม เธอเปล่งประกาย ผมจ้องมองด้วยความ ประหลาดใจ ผมไม่เคยเห็นผูท้ เ่ี ป็นเหมือนเธอแบบนีม้ าก่อน ทัง้ ผูท้ เ่ี ราติดตามและผูต้ ดิ ตามแบบผม ไม่เคยเห็นใครมีรปู ร่างแบบนีแ้ ละ สง่างามเช่น “ลาก่อน” เธอพูดกับผม ใช่ เธอพูดกับผม ด้วยน้�ำ เสียงอ่อนนุม่ อย่างมีพลัง พร้อมๆกับลอยขึน้ ไปบนท้องฟ้าสูงขึน้ เรือ่ ยๆ “เดีย๋ ว... เดีย๋ วก่อน คุณจะไปไหน...” ผมตะโกนสุดเสียง เพือ่ จะถามเธอถึงสิง่ ทีเ่ ลือนลางของตัวผม แต่เธอก็หายไปเสียแล้ว เธอหายไปบนฟ้ายามรุง่ สางในตอนทีด่ วงดาวกำ�ลังจะอ่อนแรงลง ราวกับเธอขึน้ ไปเป็นเพียงส่วนหนึง่ บนนัน้ เหลือเพียงความสงสัยที่ เกิดขึน้ ในความคิดผม กับรอยยิม้ ทีแ่ สนมีความสุขและร่างกายทีส่ อ่ งประกายแวววาวเป็นภาพสุดท้าย ผมกลายเป็นอะไร ผมไม่ใช่ผตู้ ดิ ตามแล้ว ใช่ ทว่าผมยังเป็นผูต้ ดิ ตามอยู่ แล้วใครกันหละทีผ่ มติดตาม จากทีเ่ ธอเคยรูส้ กึ ว่าง เปล่าทีอ่ ยูเ่ พียงลำ�พัง ตอนนีผ้ มกลับรูส้ กึ ว่า มันว่างเปล่ากว่าเธอมากมายนัก ต้องอยูก่ บั บ้านหลังนีท้ เ่ี ธอทิง้ ไว้เพียงเท่านัน้ หรอ ผมไป ไหนได้หรือเปล่า เราไม่เคยกล่าวทักทายกัน เมือ่ เราพบกันเพียงครัง้ แรก เธอบอกลาผมและเป็นการพบกันครัง้ สุดท้าย เราไม่มบี ท สนทนา มีเพียงประโยคบอกลาและเหลือทิง้ ไหวเพียงความว่างเปล่าเลือนลางและความสงสัย ทีย่ งั คงอยูเ่ ป็นผูต้ ดิ ตามตัวผม... ใช่ ผม ไม่ได้เป็นผูต้ ดิ ตามแล้ว

PORTFOLIO


FEATURE

PORTFOLIO


งดงามด้านศิลปะ ล้ำ�ค่าทางศาสนา ศาลาแก้วกู่ อุทยานเทวาลัยจังหวัดหนองคาย พืน้ ผิวปูนทีด่ �ำ ด่างของรูปปัน้ พระราหูกนิ จันร์ขนาดใหญ่ ทีน่ อนกัน้ ขวางทางสายตาอยูเ่ บือ่ งหน้าหลังจากทีเ่ ดินผ่านประตู เข้ามาแล้ว บอกถึงการผ่านกาลเวลามาแล้วหลายปี ถัดไปอีกไม่ไกลนัก แหงนมองขึน้ ไปเหนือปายยอดไม้ พระนาคปกทีส่ งู ใหญ่ กว่าตัง้ สง่าสะดุดตาในยามบ่าย มองแล้วมีความรูส้ กึ สะพรึงกลัวอย่างไม่รสู้ าเหตุ มองกับไปทางศาลา พระฑินเนศวรขนาดเทียบเท่า ความสูงชัน้ สามของตัวอาคาร ตระหง่านตาข้างศาลาฝัง่ ซ้าย ตลอดทัง้ เส้นทางเดินทัว่ พืน้ ที่ มีรปู ปัน้ หลากหลายขนาดและเรือ่ งราว มากมายให้ผคู้ นได้ชม เรามีเวลามากพอทีจ่ ะเดินสำ�รวจไปรอบๆ ในเวลาบ่าย แสงแดดสาดส่องลูบไล้ไปทัว่ เนือ้ ผ้า ทีห่ อ่ หุม่ เรือน ร่างของเราอย่าง ร้อนแรง จนเรารูส้ กึ ถึงความร้อนได้ ความร้อนระอุของอุณหภูมใิ นมวลอากาศ ทีล่ อยอยูร่ อบๆทัว่ กายของเรา ไม่สามารถทำ�ให้เรา หยุดมอง และก้าวเดินต่อไปได้ ผูค้ นไม่มากมายนัก อยูก่ ระจัดกระจายห่างกันพอสมควร ต่างเดินชมไปมาตามความต้องการของ ตน ในขณะทีธ่ รรมชาติของแสงแดด ยังทำ�หน้าทีข่ บั เคลือ่ นอุณหภูมอิ ย่างต่อเนือ่ ง โดยไม่มที ที า่ ว่าจะจบลงง่ายๆ แต่กระนัน้ แล้ว ก็ ยังไม่สามารถหยุดผูค้ นทีม่ าเยีย่ มชมความยิง่ ใหญ่ของศาลาแก้วกู่ ให้หยุดเดินและพักเหนือ่ ยในวันหยุดสุดสัปดาห์ได้ วัดแขก ศาลากูแ่ ก้วหรืออุทยานเทวาลัย ตัง้ อยูช่ มุ ชนสามัคคี อำ�เภอเมือง จังหวัดหนองคาย ห่างจากตัวเมืองหนองคาย ประมาณ 3 กิโลเมตร ไปทางอำ�เภอโพนพิสยั จากการเดินทางโดยรถประจำ�ทางทีแ่ สนยาวนานและหลายต่อ กว่าจะมาถึงทีน่ ่ี จังหวัดหนองคาย เวลาก็ลว่ งเลยไปถึงบ่า ยกว่าๆแล้ว เราเร่งรีบพอประมาณบวกกับความร้อนของบ่ายวันนี้ รีบทำ�ธุระส่วนตัวให้เสร็จ และจ้างรถรับจ้างสามล้อ ทีเ่ ราคุน้ เคย กันดีในหมูค่ นอีสาน เราเอ่ยถามชายขับสามล้อวัยกลางคน จึงทำ�ให้รวู้ า่ หนองคาย เป็นจังหวัดทีย่ งั คงมีความเป็นเอกลักษณ์ของ เมืองท่องเทีย่ วในตัวเองอยู่ เพราะไม่มรี ถประจำ�ทางให้โดยสาร มีแต่รถสามล้อนีแ่ หละทีจ่ ะไปส่งนักเดินทาง ทีต่ ามหาแหล่งเทีย่ ว ชมอย่างเช่นเราๆทัง้ หลาย หลังจากทีต่ กลงราคาค่าโดยสารกันแล้ว เราก็ไม่รอช้าทีจ่ ะไปยังจุดหมายปลายทางทีต่ ง้ั ใจไว้ รถสามล้อวิง่ เร่งเครือ่ ง เสียง กังวานออกมาไม่คอ่ ยเพราะหูนกั เพราะด้วยรถทีเ่ ก่า เสียงเครือ่ งยนต์ทบ่ี ง่ บอกถึงการทำ�งานมาเป็นเวลายาวนาน และคงจะจบลง ในเวลาอีกไม่นานนี้ ทำ�ให้รถวิง่ ได้ไม่เร็วมากนัก กลับเป็นส่วนหนึง่ ทีท่ �ำ ให้เรามีเวลามากพอทีจ่ ะสังเกตุตามสองข้างทางทีร่ ถวิง่ ผ่าน ถึงจะไม่มอี ะไรให้ชมมากนัก แต่เราก็อยากมองและจดจำ�สิง่ ต่างๆ ทีผ่ า่ นเข้ามายังม่านตาของเราเอาไว้ เราใช้เวลาอยูบ่ นรถสามล้อทีแ่ ล่นออกไปทางอำ�เภอโพนพิสยั ประมาณ 15 นาทีได้ ความยาวของเส้นทางคงประมาณ 3 กิโลเมตรเห็นจะได้ จากการทีส่ งั เกตุปา้ ยและหลักกิโลเมตร แล้วรถก็เลีย้ วยูเทิรน์ และเลีย้ วซ้าย เข้ามายังเขตชุมชนเล็กๆ ชือ่ ชุมชนสามัคคี ตัง้ อยูใ่ นเขตอำ�เภอเมือง จังหวัดหนองคาย และค่อยๆแล่นเข้าไปในซอยเขตชุมชนอย่างช้าๆ รูปปัน้ ขนาดใหญ่ทต่ี ง้ั ตระหง่านเหนือยอดไม้ใหญ่มองเห็นแต่ไกล ทำ�ให้เกิดความรูส้ กึ ฉงน และนึกคิดถึงทีม่ าของความใหญ่โตของสิง่ นัน้ เพียงระยะทาง ไม่กร่ี อ้ ยเมตรเราก็มาถึง ศาลาแก้วกู่ หรือทีช่ าวบ้านละแวกนีเ้ รียกกันว่า วัดแขก ตามทีเ่ ราตกลงกับชายขับสามล้อไว้วา่ จะรอจนเราเยีย่ มชมสถานทีเ่ สร็จแล้วจะไปส่งเราในตัวเมืองอีกที สองคน ในราคา 200 บาท เมือ่ เรามาถึงด้านหน้าของวัดแขก ชายวัยกลางคนกล่าวกับเราว่า “ เดียวผมจะรอตรงนีแ้ หละครับ เข้าไปเทีย่ วถ่ายรูป ตามสบายเลยนะครับ แล้วออกมาเจอผมตรงนีแ้ หละครับ ” เมือ่ เขาพูดเสร็จ ผมก็ตอบกลับไปว่า “ ครับ ” และยิม้ ให้เขา แล้วเราก็ เดินเข้าไปยังทางเข้าของวัด ระหว่างทางเข้าของวัดแขกระยะทางเพียงไม่กส่ี บิ เมตร ก็มรี า้ นขายของเล็กๆน้อยๆทัง้ สองฝัง่ เป็นของ ทีร่ ะรึกบ้าง เสือ้ ผ้า แว่นตากันแดดทีม่ รี าคาไม่แพง และเครือ่ งดืม่ เย็นๆทีม่ ไี ว้เพือ่ บริการนักท่องเทีย่ วทีม่ าเทีย่ วชม แล้วเราก็เดินเข้า มาถึงจุดจำ�หน่ายบัตร สำ�หรับผูท้ จ่ี ะเข้าไปชมศาลาแก้วกู่ ราคาบัตรเพียง 10 บาทต่อคเท่านัน้ เพือ่ เป็นค่าใช้จา่ ยในการบำ�รุงรักษา สถานทีข่ องศาลาแก้วกรู เมือ่ ได้บตั รแล้วเราก็ไม่รรี อทีจ่ ะเข้าไปข้างใน

PORTFOLIO


ศาลาแก้วกูเ่ กิดจากแรงบันดาลใจของหลวงปูบ่ ญ ุ เหลือ สุรรี ตั น์ ทีต่ อ้ งการสร้างพระพุทธรูปและเทวรูปตามความเชือ่ ว่า หลักคำ�สอนข ผสานกันได้ และได้สร้างศาลาแก้วกูข่ น้ึ ในราวปี พ.ศ. 2521 จากคำ�บอกกล่าวของคุณตาธเนศร์ ไวยพัฒน์ อายุ 78 ปี ซึง่ เป็นลูกศิษย์ของหลว “ ก่อนหน้านีใ้ นปี พ.ศ. 2516 - 2517 ท่านได้ไปสร้างอยูท่ ป่ี ระเทศลาว แล้วจึงยายมาสร้างอยูป่ ระเทศไทย ในจังหวัดหนองคาย เดิมทีพน้ื ทีข่ โดยมีการเสีย่ งทาย ด้วยการยิงบัง้ ไฟติดร่ม และอธิฐานต่อสิง่ ศักดิส์ ทิ ธ์วา่ ถ้าจะให้มาสร้างอยูท่ น่ี เ่ี ป็นการถาวรก็ขอให้รม่ ขึน้ ไปในแนวตรง พ แย้งกันเก็บก็พงุ่ ขึน้ ไปอีกแล้วก็หายลับไปในขอบฟ้า จากนัน้ จึงได้มาสร้างอยูท่ น่ี ่ี ” ศาลาแก้วกูต่ ง้ั อยูบ่ นเนือ้ ที่ 42 ไร่ และในปัจจุบนั ศาลาแก้วก สมาคม จังหวัดหนองคาย เมือ่ เดินผ่านประตูเข้ามา สิง่ แรกทีส่ ะดุดตาเรา และมีขนาดใหญ่ลกั ษณะนอนขวาง และมีขอ้ ความเขียนสลักใส่เนือ้ ปูนตรงฐานตัง้ ด้า จะเทียบกับแสงดาวทีพ่ ราวระยับ หมูแ่ สงดาวทีพ่ ราวระยับอยูบ่ นฟ้า หรือจะเทียบแสงเดือนทีน่ วลใยในนภา แสงเดือนสีนวลสดใสในท้องฟ้า แสงสุรยิ าทีว่ า่ ร้อนแดดแผดเผาทัว่ โลกา ยังมีทา้ วพระยาราหู ทีด่ บั แสงแดด เผาให้เยือกเย็นมัวมืดลงได้ อย่าคิดว่าเราจะดีกว่าคนทัง้ โลก ดัง่ สม โลก ” นัน่ ก็คอื เทวาลัยพระราหูกนิ จันทร์และสูรย์คราส รายละเอียดทีช่ ดั เจนกลับทำ�ให้มองเห็นยากจากคราบสีคล้�ำ ๆ ทีเ่ กิดจากการผ่านกาล กินจันทร์และสูรย์คราส มีความกว้างราวเกือบ 10 เมตร สูง 4 - 5 เมตร มีลกั ษณะเป็น รูปปัน้ ใบหน้ายักษ์ขนาดใหญ่ อ้าปากอมดวงจันทร์เข้า กลืนดวงจันทร์เข้าไป และลำ�ตัวนอนทอดยาวขนานไปกับพืน้ อีกหลายเมตร เราเดินชมไปเรือ่ ยๆ ตามทางเดินพืน้ ปูนของเขตวัดที่ ทีเ่ ชือ่ มโยงกันได้เกือบทุกทาง ตลอดทางเดินเต็มไปด้วยรูปปัน้ และเรือ่ งราวมากม เจอกับพระนาคปรก อยูส่ ว่ นซ้ายจากตัวศาลาในพืน้ ทีข่ องเขตวัด ทีม่ ขี นาดสูงราว 20 ว่าเมตรได้ ส่วนฐานลักษณะเป็นลำ�ตัวงูพนั ล้อมรอบขึน้ ไป อ้าเปิดกว้าง เห็นฟันแหลมคมและแลบลิน้ ออกมา ทัง้ หมด 7 หัว ปกคลุมพระพุทธรูปอยู ่ หันหลังกลับมาตรงจุดกลางของพืน้ ทีเ่ ขตวัด ตรงกับ ปราง “ ตลอดมายุกาลศาสนาของพระองค์พระสรรพพัญญูโคตมพุทธเจ้าตรัสรูแ้ ล้ว ” มีขนาดหน้าตักกว้าง 14 เมตร สูง 24 เมตร เวลาก็ลว่ งเลยไปหายนาทีในการเดินชมเทวรูปในเขตวัด เราเริม่ อ่อนแรงเป็นผลมาจากสภาพอากาศ แสงแดด และความร้อนทีจ่ ากพน ตรงไปทีต่ วั ศาลา เพือ่ ทีจ่ ะพักหลบแสงแดดและความเย็นของตัวศาลาอาจจะช่วยเราพัก พอมีแรงและเดิมชมอีกรอบหนึง่ เราเดินผ่าแสงแดดมาเรือ่ ยๆจนถึงด้านหน้าของศาลา และเทวารูปทีอ่ ยูท่ ง้ั สองข้างใกล้ตวั ศาลา เป็นของศาสนาพราหมณ์และฮินดู ของ พระขันธะกุมารและพระฑินเนศวร ส่วนด้านขวาเป็นเทวารูปของ พระศิวะและพระอุมาเทวี ขนาดของเทวาลัยทัง้ 4 ปาง สูงเท่าๆกับค ส่วนด้านหน้าของศาลา เป็นส่วนของศาสนาพุทธ เป็นเทวรูปปาง พระบรมโพธิสตั ว์ วิมลเกียริคฤหบดีและพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปางประทานพ เมือ่ เรามาถึงตัวศาลา ในส่วนของชัน้ ล่างสุดเมือ่ เข้ามา จะพบพระพุทธรูปทองเหลืองทัง้ ปางนัง่ และยืน ภาพ ถ่ายและภาพวาดของปูเห

PORTFOLIO


ของทุกศาสนาสามารถนำ�มาผสม วงปูบ่ ญ ุ เหลือ บอกกับเราว่า ของศาลาแก้วกูเ่ ป็นพืน้ ทีว่ า่ งเปล่า พอบัง้ ไฟจะตกถึงพืน้ ดิน เด็กจะมา กูอ่ ยูใ่ นความดูแลของพุทธมามกะ

านล่างไว้วา่ “ แสงหิง่ ห้อยหรือ ไหนจะเทียบแสงสุรยิ าอาทิตย์ได้ มญานามว่า คนดีไม่มคี นเดียวใน ลเวลามาหลายปี เทวลัยพระราหู าไปครึง่ ดวงอยู่ คล้ายจะพยายาม

มายทางพุทธศาสนา แล้วเราก็มา ป ส่วนบนเป็นหัวงูแผ่แม่เบีย้ ปาก บตัวศาลา เป็นพระมหาเทวลัยชือ่

พืน้ ปูน ทะลุผา่ นร้องเท้า เราจริงมุง่

ปางทีต่ ง้ั อยูด่ า้ นซ้ายเป็นเทวรูป ความสูงชัน้ สามของตัวศาลาแก้วกู่ พุธโธวาท หลือและพระพุทธเจ้า ถูกตกแต่ง

ไว้อย่างสวยงาม เพือ่ ให้นกั ท่องเทีย่ วทีม่ าเทีย่ วชม กราบไหว้บชู าเพือ่ ความเป็นศิรมิ งคลแก่ตนเอง และ เราก็ไม่รรี อทีจ่ ะเข้าไปกราบไหว้พระ หลังจากนัน้ เราเดินกันต่อขึน้ ไปบนชัน้ สองของศาลา ในตัวศาลา แก้วกูม่ บี นั ไดสองข้าง คือซ้ายกับขวาให้ขน้ึ ลงได้ทง้ั สองข้าง ในช่วงพักบันไดตัง้ แต่ชน้ั หนึง่ ถึงชัน้ สาม จะมีฆอ้ ง ขนาดเล็กใหญ่ ให้ตอี ยูท่ กุ ช่วง ในส่วนตัวอาคารชัน้ สองของศาลาแก้วกูจ่ ะเป็นสถนาทีเ่ ก็บ วัตถุโบราณและพระพุทธรูปโบราณ จำ�นวนไม่นอ้ ย หลังจากทีเ่ ดินชมชัน้ สองเสร็จ เราก็น้ึ ไปทีช่ น้ั สาม แล้วเราก็ได้ยนิ เสียงจากชายชราท่านหนึง่ ทีน่ ง่ั นิง่ อยูบ่ นเก้าอีแ้ ละมีโต๊ะไม้สเ่ี หลีย่ มตัง้ อยูด่ า้ นหน้าเป็นภาษาอีสานว่า “ ไหว้พระเอาบุญเป็ศริ ิ มงคลเด้อ ” แสงทีส่ อ่ งเข้ามาทางหน้าต่างด้านหลังชายชรา ทำ�ให้เรามองไม่เห็นใบหน้าของเขา จาก นัน้ เราก็ท�ำ ตามคำ�แนะนำ�ของชายผูน้ น้ั และเดินเข้าไปชมทัว่ ทัง้ ชัน้ สาม เมือ่ เราเข้ามาถึงส่วนทีล่ กึ ทีส่ ดุ ไปทางด้านหลังของตัวอาคาร เราก็จะพบกับ ร่างของปูเ่ หลือ ทีอ่ ยูใ่ นผอบแก้ว และยังคงมีความ สมบูรณ์ของร่างกายอยู่ โดยไม่เน่าเปือย ในส่วนผนังรอบๆ บริเวณชัน้ สามก็จะมีภาพของปูเ่ หลือจำ� นานมาก ติดตามผนังเป็นแนวเรียงยาว ในส่วนของทางเดิน ก็มพี ระพุทธรูปอีกจำ�นวนหนึง่ ตลอดทาง เดิน หลังจากเราเดินชมและกราบไหว้เสร็จ เรากลับออกมาในส่วนด้านหน้าของตัวศาลาในชัน้ สาม และมาพบกับชายชราทีเ่ ราเจอเมือ่ ตอนขึน้ มาถึงชัน้ สาม ด้วยความนิง่ ของเขา ทีน่ ง่ั หลังตรง ใบหน้าตัง้ ฉากกับพืน้ และสายตามองตรง อย่างไม่ขยับ ทัง้ ๆทีเ่ ราเดินวกไปวนมา จนรูส้ กึ เกิดความ สงสัยว่า ชายชราผูน้ น้ั ตาบอดหรือไม่ เราปรึกษากันด้วยเสียงพึมพำ� ว่าชายคนนัน้ ตาบอดหรือไม่ แล้ว เราก็ตดั สินใจเดินเข้าไปหาชายชราผูน้ น้ั และแล้วก็ไม่ใช่อย่างทีเ่ ราคิด ชายชราหันหน้ามาหาเรา หลังจากนัน้ เราก็ท�ำ การทักทาย สวัสดีตามมารยาทของคนไทย ระหว่างผูน้ อ้ ยกับผูใ้ หญ่ แล้วก็ได้ทราบชือ่ ของชายชรา คือคุณตา ธเนศร์ ไวยพัฒน์ อายุ 78 ปี ซึง่ เป็นลูกศิษย์ของปูเหลือ เดิมทีเ่ ป็นชาวจังหวัดอุบลราชธานี มาอยูก่ บั ปูเหลือตัง้ แต่ตอนทีป่ เู หลืออยูป่ ระเทศลาว และคุณตาธเนศร์ ได้เล่าถึงประวัตขิ องปูเหลือให้เราฟังว่า “ หลวงปูบ่ ญ ุ เหลือชือ่ จริงว่า บุญเหลือสุรรี ตั น์ ญาติฝง่ั มารดาของท่านคือตระกูร ณ หนองคาย ปูบ่ ญ ุ เหลือเป็นคนโสด ไม่เคยมีลกู มีเมีย นุง่ ขาวห่มขาวมาตลอดชีวติ ท่านไม่เคยบวชเป็นพระ ท่านเคยไป อยูก่ บั อาจารย์ทา่ นทีเ่ ป็นฤษี 12 ปี ท่านจึงได้รบั ความรูท้ างศาสนาฮินดู มาจากอาจารย์ฤาษีของท่าน ” เราร่วมพูดคุยกันอยูร่ าวเกือบ 20 นาที คุณตาธเนศร์ บอกกับเราว่า “ ทุกเทวาลัยทีส่ ร้างขึน้ นัน้ ก็ มีความหมายทางด้านปรัชญาทัง้ นัน้ คือสอนให้คนเข้าใจในปรัชญาของชีวติ หรือว่าการดำ�เนิน ชีวติ คนทีด่ �ำ เนินชีวติ ไป โดยไม่มเี หตุไม่มผี ล ไม่ถงึ ปลายทางก็ลม่ แล้ว ถ้าจะไปถึงฝัง่ ได้ ต้องมีองค์ความ รู้ มีปรัชญาชีวติ ประเทศใหญ่ๆเขาก็สอนลูกหลานของเขาให้มคี วามกตัญญู อย่างเช่นประเทศจีน เขา ก็สอนลูกหลานเขาให้มคี วามกตัญญูเหมือนกัน โดยประโยคทีว่ า่ ผูท้ ด่ี ม่ื น้�ำ บ่อย่อมนึกถึงคนทีข่ ดุ บ่อ เอาไว้ เพือ่ ให้มคี วามเคารพแก่คนทีส่ ร้างเอาไว้ ” “ คนดีแท้ จะลำ�บากยังไงก็ไม่ท�ำ ความชัว่ เพราะอะไรนัน้ หรือ เพราะดีแท้ เป็นอย่างนัน้ คนดี แท้ คนทีด่ ไี ม่แท้ ลำ�บากนิดหน่อยก็อา้ งเอาความลำ�บากมาทำ�ความชัว่ ลงต่�ำ ไปตลอดชีวติ คนดีแท้ จะ ลำ�บากยังไงก็ไม่ท�ำ ความชัว่ ไม่วา่ จะไปอยูท่ ไ่ี หน เทพยาดา แม้แต่ภตู ผีปศิ าจก็ให้การคุม้ ครองนะ คนดี แท้เป็นอย่างนัน้ ” ด้วยแรงศรัทธา ความเชือ่ และความมุง่ มัน่ ของปูเ่ หลือที่ ทีเ่ ชือ่ ว่าศาสนาทุกศาสนาสองให้คน เป็นคนดี จึงจัดสร้างศาลาแก้วกู่ อุทยานเทวาลัยขึน้ เพือ่ เป็นสมบัตขิ องแผ่นดิน ให้พทุ ธศาสนามีความ ยัง่ ยืน จึงกลายมาเป็นสถานทีท่ อ่ งเทีย่ วทีมคี วามยิง่ ใหญ่ทางด้านศาสนา และยังมีรายละเอียดทีเ่ ขียน

PORTFOLIO


ไว้ตรงส่วนฐานของเทวาลัยทุกรูป ทีต่ รงกับพระไตรปิฏก เพือ่ ให้ผทู้ ม่ี าเทีย่ วชม ถ้าใครสนใจอ่าน ก็จะได้ความรูแ้ ละเป็นการปลูกฝัง ให้ท�ำ ความดีตามคำ�สอนของศาสนาสืบทอดต่อไป จากการพูดคุยสนทนากับคุณตาธเนศร์ ไวยพัฒน์ ก็ท�ำ ให้เราได้ความรูแ้ นวคิดในการดำ�เนินชีวติ หลายๆอย่างๆ และท่าน ดูเป็นผูท้ ม่ี คี วามรอบรูห้ ลายๆด้าน เป็นผูม้ จี ติ ใจดี ถือศิล นักท่องเทีย่ วทีผ่ า่ นไปผ่ามมา ถ้าไม่เข้าไปพูดคุยด้วยก็จะไม่ทราบเรือ่ งราว ต่างๆเกีย่ วกับสถานที่ และคงคิดว่าคุณตาก็คงเป็นเหมือนชายชราคนอืน่ ๆท่วั ไป เราเดินกลับลงมาจากชัน้ บนของศาลา ตลอดทางเดินและพืน้ ทีท่ กุ ชัน้ ของตัวศาลา เต็มไปด้วยเทวรูปขนาดสูงประมาณ 1 เมตร อยูท่ กุ ตารางเมตรของพืน้ ทีต่ วั อาคารเลยก็วา่ ได้ เมือ่ เราลงมาถึงข้างล่าง ในส่วนพืน้ ทีท่ างด้านขวาจากตัวศาลา มีบอ่ น้�ำ ขนาด ประมาณครึง่ สนามฟุตบอลได้ และมีทางไปยังศาลาขนาดย่อมทีอ่ ยูก่ ลางสระ และมีปา้ ยบอกก่อนถึงทางเดินว่า ให้อาหารปลาใหญ่ และมีนกั ท่องเทีย่ วเป็นกลุม่ เล็กๆทีก่ �ำ ลังให้อาหารปลาอยูท่ น่ี น่ั เราสังเกตุสายตาไปทัว่ ทุกพืน้ ที่ บริเวณรอบๆของสระน้� ำ เต็มไปด้วย ต้นไม้ใหญ่ทใ่ี ห้รม่ เงากับนักท่องเทีย่ ว และใต้ตน้ ไม้ยงั มีมา้ นัง่ หินอ่อนอยูเ่ ป็นระยะๆ ห่างกันพอประมาณเพือ่ ให้ผทู้ ม่ี าเทีย่ วชม ได้นง่ั พักเอาแรง หลบแสงแดดทีร่ อ้ นระอุของช่วงเวลายามบ่าย เราพักเหนือ่ ยด้วยการหยุดเดินได้ไม่นานนัก เพราะนึกขึน้ ได้วา่ ยังมีคนทีร่ อเราอยู่ นัน่ ก็คอื ชายขับสามล้อทีพ่ าเรามาทีน่ ้ี เพราะถ้าเราไม่เขารอ เราก็อาจไม่มรี ถกลับไปยังตัวเมืองเพือ่ หาทีพ่ กั ได้ หรือถ้ามีกค็ งหายากพอสมควร เพราะอย่างทีก่ ล่าวเอาไว้ แล้วว่า จังหวัดหนองคายเป็นจังหวัดทีไ่ ม่มรี ถโดยสารทีว่ ง่ิ ประจำ�ทางในตัวจังหวัด เวลาก็ลว่ งเลยมาถึงยามบ่ายแก่ๆ ทีแ่ สงแดดอ่อนแรงลงไม่ตา่ งจากเรานัก เรายังคงเดินชมไปเรือ่ ยๆ ด้วยจำ�นวนทีม่ าก และ พืน้ ทีก่ ว่าทำ�ให้เราใช้เวลาค่อนข้างนานได้การเดินชม และเราเพิง่ นึกขึน้ ได้วา่ มีคนทีร่ อเราอยู่ เราเดินออกมาจากเขตอุทยาน เพือ่ มา ขึน้ สามล้อ และพบกับใบหน้าทีย่ ม้ิ นิดๆ สีหน้าบ่งบอกความไม่พอใจทีร่ อเราอยูน่ าน และเราก็ขน้ึ รถสามล้อขันเดิม มุง่ หน้าเข้าไปใน ตัวเมืองเพือ่ หาทีพ่ กั ใช้เวลาไม่นานนักเราก็ถงึ ตัวเมืองของจังหวัด ชายหนุม่ วัยกลางคนจอดสามล้อส่งเราลงตรงริมฝัง่ แม่น�ำ้ โขง เราก็ไม่รรี อทีจ่ ะ รีบเดินหาทีพ่ กั ค้างคืน ในช่วงเวลาเย็น บรรยากาศเป็นเหมือนความรูส้ กึ ของฤดูรอ้ นยามพลบค่� ำ เราเดินอยูบ่ นพืน้ ปูนทีค่ วามร้อน เริม่ ปลดปล่อยตนเองออกมาเพือ่ พบเจอกับเราและคนอืน่ ๆ ระหว่างทางริมฝัง่ โขงทีเ่ ราเดินหาทีพ่ กั ก็เต็มไปด้วยผูค้ นทีน่ �ำ สินค้ามา ขาย มีทง้ั ของกิน ข้าวของเครือ่ งใช้ เครือ่ งประดับ ต่างๆมากมาย และยังมีกลุม่ คนทีร่ วมตัวกันทำ�กิจกรรมต่างๆ ไม่วา่ จะเป็น วัยรุน่ จับกลุม่ กันเล่นดนตรีบา้ ง เต้นบีบอยบ้าง ส่วนผูใ้ หญ่กม็ กี ารออกกำ�ลังกาย เต้นแอโรบิคบ้าง บางคนก็ออกมาวิง่ ออกกำ�ลังกายทีท่ าง เดินเท้าริมแม่น�ำ้ โขง เราเดินสอบถามทีพ่ กั มาแล้วสองสามที่ แต่กไ็ ม่คอ่ ยรูส้ กึ พอใจกับราคาเท่าไหร่ เพราะว่าเราต้องสำ�รองเงินไว้เผือ่ ค่าใช้จา่ ย อย่างอืน่ ด้วย แล้วเราก็มาเจอบ้านพักแบบโฮมสเตย์ จากการสอบถามกับคนแถวนัน้ ทำ�ให้เราทราบว่า โฮมสเตย์แห่งนี้ มีเจ้าของ กิจการเป็นชาวต่างชาติ เมือ่ เดินเข้าไปเราก็เจอบ้านไม้สองชัน้ จำ�นวนหลายหลัง และมีตน้ ไม้อยูม่ าก รูส้ กึ ร่มรืน่ ผ่อนคลายมีอากาศที่ บริสทุ ธิพอสมควร เราก็เข้าไปติดต่อเพือ่ สอบถามรายละเอียดต่างๆ และตกลงทีต่ ะเลือกพักทีน่ ่ี เพราะมีราคาทีถ่ กู และบรรยากาศ ดีอกี ด้วย

PORTFOLIO


PORTFOLIO


THANK YOU


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.