ประสบการณ์การปฏิบัติธรรมอาจารย์สถาพร มงคลวัจน์

Page 1







ประสบการณ์ การปฏิบตั ธิ รรม ของ

อาจารย์ สถาพร มงคลวัจน์ ศูนย์ ปฏิบตั ธิ รรมพุทธปฐม

อาจารยสถาพร มงคลวัจน


ประสบการณ์ การปฏิบตั ธิ รรม ของ อาจารย์ สถาพร มงคลวัจน์ พิมพ์ แจกเป็ นธรรมทาน

สงวนลิขสิทธิ� ห้ ามคัดลอก ตัดตอน หรื อนําไปพิมพ์เพื�อจําหน่าย พิมพ์ครัง� ที� ๑ : ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ จํานวน ๕,๐๐๐ เล่ม พิมพ์ที�

: บริ ษัท นันทพันธ์พริ น� ติ �ง จํากัด 33/4-5 หมู่ 6 ถ.เชียงใหม่-หางดง ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100 โทร. 053-804908-9 แฟกซ์ 053-804958 www.nuntapun.com

ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ถ้ อยแถลง หนังสือประสบการณ์ในการปฏิบตั ธิ รรมของข้ าพเจ้ าเล่มนี � ได้ เกิดขึ �นเนื�องจากเล่มเก่า คือเล่มที� ๑ และเล่มที� ๒ ได้ หมดแล้ ว เพราะมีคนขอไปอ่านกันมาก อีกทังมี � เสียงบ่นว่าหนังสือเล่มเก่านี � ตัวหนังสือค่อนข้ างเล็กอ่านยาก และอยากให้ มีเรื� องประสบการณ์ มากกว่านี � อ่านแล้ วเพลินแทบไม่อยากจะวางเลย นอกจากนี � ผู้เขียนเองได้ ประเมินแล้ วคาดว่าหนังสือนี �ให้ ประโยชน์แก่ผ้ อู ่าน โดยเฉพาะฆราวาส มากกว่าโทษที�อาจจะมีอยูบ่ ้ าง ประโยชน์นนั � ได้ แก่ อ่านแล้ วทําให้ ขยันนั� งสมาธิ มากขึน� อ่านแล้ วทําให้ นั� งสมาธิ ไ ด้ ดี ขึ น� จิ ต สงบเร็ ว อ่ า นแล้ ว รู้ มากขึ น� บางสิ� ง บางอย่ างไม่ เคยรู้ กไ็ ด้ ร้ ู จากหนังสือนี � เป็ นต้ น ซึง� ผู้เขียนถือว่า เป็ นประโยชน์ แต่อย่างไรก็ควรอยูใ่ นวงจํากัดหรื อเฉพาะกลุม่ เนื� อ งจากเรื� อ งราวเหล่า นี เ� ป็ นประสบการณ์ แต่ล ะคน ก็ยอ่ มมีเท่าทีจ� ะมี หมดแล้ วก็หมดไป อีกทังต้ � องเป็ นจริง เกิดขึ �นจริง ส่วนภาษา สํานวน ถ้ อยคํา โวหารต่างๆ ที�เป็ นสิง� ดึงดูดผู้อา่ นนัน� ผู้เขียนยอมรับว่าไม่ชํานาญในเรื� องนี � ก็คงเขียนขึ �นมาแบบทื�อๆ ตามความเป็ นจริ งเท่านัน� อย่างไรก็ ตาม ท่านใดที� เคยได้ อ่านเล่มเก่ามาบ้ างแล้ ว ลองนําเอาเล่มใหม่คือฉบับนีไ� ปอ่านอีกสักรอบ เล่มนีไ� ด้ มีเรื� อง ประสบการณ์ใหม่ๆ เพิ�มขึ �นมาอีกหลายเรื� อง รวมทังเรื � � องเก่าคือ เกิดขึ �นมานานแล้ วแต่ตกค้ างอยู่ ก็ได้ ถูกนําเอามาเขียน ดังนัน� อาจารยสถาพร มงคลวัจน


ผู้เ ขี ย นคิดว่าเรื� อ งเหล่า นี จ� ะเป็ นประโยชน์ ต่อการปฏิ บัติธรรม ของท่าน และแน่นอนว่ารูปเล่มหนังสือต้ องมีขนาดใหญ่ ดังนันจึ � ง ถือโอกาสนี �ขออภัยที�ได้ ตดั รายชื�อผู้ร่วมทําบุญออกจากหนังสือนี � แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนก็ได้ อนุโมทนาบุญและอธิษฐานจิตให้ แล้ ว กับทุกท่านที�ได้ มีสว่ นร่วม จึงขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านมา ณ โอกาสนี �ด้ วย อาจารย์สถาพร มงคลวัจน์ ศูนย์ปฏิบตั ิธรรมพุทธปฐม ต.บ้ านเนิน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์

ประสบการณการปฏิบัติธรรม


สารบัญ

ชื�อเรื� อง ๑. ประสบการณ์ ในการปฏิบตั กิ รรมฐาน ๑. ผีอําที�บ้าน ๒. ประสบการณ์ที�วดั ถํ �าสหาย ๓. ภุมเทวดาขอร่วมถวายอาหารพระที�เขาค้ อ ๔. อํานาจแห่งกรรม ๕. ประสบการณ์ที�ได้ สมั ผัสกับหลวงปู่ ชอบ ๖. ความกลัวสามารถช่วยให้ จิตเป็ นสมาธิได้ ๗. หลวงพ่อให้ กําลังใจ ๘. แม่ในอดีตชาติมาหาที�บ้าน ๙. ไปพบกับคนรู้จกั ที�ยมโลก ๑๐. ความอัศจรรย์ในการปฏิบตั ธิ รรมที�ป่านํ �าหนาว ๑๑. สัมผัสหลวงปู่ เทพโลกอุดร ๑๒. ผีที�โรงเรี ยนมาปรากฏให้ เห็น ๑๓. ทอดกฐิ นที�วดั ผานํ �าเที�ยง อําเภอนํ �าหนาว ๑๔. พาคณะไปธุดงค์ที�ป่านํ �าหนาว ๑๕. เปรตร้ องกลางดึกที�วดั ท่าซุง ๑๖. พาคณะไปกราบครูบาอาจารย์แถบอุบลราชธานี ๑๗. ข้ าวทิพย์ที�วดั โป่ งชี ๑๘. เสียงเปรตร้ องที�วดั โป่ งชี ๑๙. บรรพบุรุษในอดีตขึ �นมาร่วมทําบุญ

หน้ า ๘ ๑๐ ๒๑ ๒๔ ๓๒ ๓๖ ๓๗ ๔๒ ๔๖ ๔๙ ๕๗ ๖๑ ๖๔ ๖๙ ๗๓ ๗๕ ๘๒ ๘๔ ๘๗

อาจารยสถาพร มงคลวัจน


สารบัญ (ต่ อ)

ชื�อเรื� อง ๒๐. สอนกรรมฐานนักศึกษา มช. ที�วดั โขงขาว ๒๑. พบชายประหลาดมาปรากฏที�วดั ป่ าซําแคน ๒๒. ดอกไม้ ทิพย์ปรากฏขึ �นในรถ ๒๓. พาคณะไปบูชาสถานที�ศกั ดิ�สทิ ธิ�ทางภาคเหนือ ๒๔. ครูบาอาจารย์ปลุกให้ ถอนสมาธิเพื�อแผ่เมตตา ๒๕. พญานาคให้ สงิ� ศักดิ�สทิ ธิ� ๒๖. เสียงประหลาดกลางดึกที�หน้ าถํ �าใหญ่นํ �าหนาว ๒๗. พระบรมสารี ริกธาตุเสด็จ ๒๘. เดินทางไปสักการบูชาสิง� ศักดิ�สทิ ธิ�ทางภาคเหนือ ๒๙. พระบรมสารี ริกธาตุสมเด็จองค์ปฐมเสด็จ ๓๐. ผีบ้านนํ �าก้ อ ๓๑. พลังจิต ๓๒. สมเด็จองค์ปฐมและหลวงพ่อให้ ประสบการณ์ ๓๓. ฉัพพรรณรังสีปรากฏบนท้ องฟ้า ๓๔. ดวงแก้ วขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า ๓๕. สอนวิปัสสนากลางดึก ๓๖. หลวงปู่ เทพโลกอุดรมาเยี�ยม ๓๗. ความฝั นคืนวันที� ๓ มกราคม ๒๕๕๕ ๓๘. พญานาคร้ องกลางดึกที�บ้าน ๓๙. ยิ�งกว่าความตาย ๖

ประสบการณการปฏิบัติธรรม

หน้ า ๙๐ ๙๘ ๑๐๒ ๑๐๕ ๑๐๘ ๑๐๙ ๑๑๓ ๑๑๖ ๑๑๘ ๑๒๗ ๑๒๙ ๑๓๓ ๑๓๕ ๑๔๓ ๑๔๔ ๑๔๗ ๑๔๘ ๑๕๑ ๑๕๕ ๑๕๗


สารบัญ (ต่ อ)

ชื�อเรื� อง ๒. ข้ อธรรมที�ควรรู้ ๑. ทุกข์พื �นฐานที�ต้องตระหนักรู้ให้ ถงึ จิต ๒. อุบายในการทําสมาธิให้ เกิดผลสําหรับฆราวาส ๓. การแผ่เมตตาและความสําคัญในการแผ่เมตตา ๔. ทําไมถึงต้ องปฏิบตั สิ มาธิและวิปัสสนา ๕. บทเรี ยนเรื� องความหลงเข้ าไปยึดมัน� ถือมัน� ๖. แบบฝึ กจิตที�เยี�ยมยอด ๗. คิริมานนทสูตร (เรี ยบเรี ยง) ๘. ข้ อธรรมสําคัญต่างๆ ๓. ประวัตโิ ดยย่ อ ประสบการณ์จากการบวช * ก่อนที�จะคิดบวช * ก่อนบวช * ความอัศจรรย์ของหลวงปู่ * จิตรวมครัง� แรก * เปลี�ยนที�จําพรรษา * จําพรรษาที�วดั ถํ �าผาบิ �ง * สติ-สมาธิ ไล่สญ ั ญา * ธรรมะตามธรรมชาติได้ เกิดขึ �น * จิตสงบลึก

หน้ า ๑๘๐ ๑๘๙ ๑๙๗ ๒๐๑ ๒๐๓ ๒๐๙ ๒๑๓ ๒๑๖ ๒๒๒ ๒๒๒ ๒๒๔ ๒๒๕ ๒๒๗ ๒๒๘ ๒๒๘ ๒๒๙ ๒๓๐ ๒๓๓

อาจารยสถาพร มงคลวัจน


ประสบการณ์ ในการปฏิบตั กิ รรมฐาน ๑. ผีอาํ ที�บ้าน ๒๕๒๗

หลังจากทีไ� ด้ ลาสิกขาบทจากการลาราชการบวชเข้ าพรรษา ๓ เดื อ นในปี ๒๕๒๖ ข้ า พเจ้ า ก็ ยัง ไม่ ไ ด้ ลื ม การปฏิ บัติ ส มาธิ วิปัสสนา ยังคงเพียรปฏิบตั ิเรื� อยมาเช่นเดิม ในคืนวันหนึง� ที�บ้าน ข้ าพเจ้ าได้ ทําสมาธิจนถึงเวลาอันควรแล้ วแผ่เมตตา เสร็ จแล้ วจึง ล้ มตัวลงนอน ก่อนหลับก็เอาจิตจับลมหายใจจนหลับไป กลางดึก คาดว่าคงเป็ นเวลาประมาณตีหนึง� ข้ าพเจ้ ามีความรู้สกึ ตื�นขึ �นมา แต่ไม่ได้ ลืมตา แถมยังมีความรู้ สึกขึ �นที�จิตเหมือนมีใครบอกว่า ระวังนะ… ผีกําลังจะมาหา ข้ าพเจ้ ายังไม่ได้ ทนั จะทําอะไรในการ ป้ องกัน ตัว ก็ มี เ งาดํ า ร่ า งสูง แต่ ไ ม่ เ ห็ น ว่ า หน้ า ตาเป็ นอย่ า งไร เดินผ่านประตูซึ�งก่อนนอนได้ ล็อคไว้ แล้ ว เดินผ่านเข้ ามาโดย ไม่เปิ ดประตู กระโดดทับข้ าพเจ้ าทันทีเพราะเตียงทีข� ้ าพเจ้ านอนติด ริ มหน้ าต่างตรงกับประตูห้อง สติและจิตของข้ าพเจ้ าดีมาก ไม่มีความหวัน� ไหว ไม่กลัว ทุกสิ�งทุกอย่างรู้ ได้ อย่างชัดเจนแจ่มใสมาก คงเป็ นผลดีจากการ ฝึ กจิ ต ฝึ กสติ แ ละฝึ กวิ ปั สสนาตามคํ า สั� ง สอนขององค์

ประสบการณการปฏิบัติธรรม


สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ านัน� เอง ขณะที�เผชิญเหตุการณ์ อยู่ ขณะนัน� จิตของข้ าพเจ้ าก็คิดไตร่ ตรองอีกว่า นี�ที�คนเขาเรี ยกว่า.. ผีอาํ ..ใช่หรื อเปล่าหนอ หรื อว่าเราฝั นไป ไม่ได้ ต้องพิสจู น์ดู ข้ าพเจ้ า ได้ พยายามยกขาซ้ าย จิตก็กําหนดรู้อย่างชัดเจนว่านีค� อื ขาซ้ าย แต่ ไม่สามารถยกได้ ข้ าพเจ้ าทดสอบทังขาและแขนทุ � กข้ าง ผลก็คือ ยกไม่ขึ �นเหมือนกัน สุดท้ ายกําหนดไปตา ข้ าพเจ้ าต้ องลืมตาให้ ได้ จะได้ ร้ ูกระจ่างว่าสิง� นี �เป็ นจริ งหรื อไม่ พยายามลืมตาดู ปรากฏว่า เปลือกตาหนักมากแต่ลืมได้ เล็กน้ อย ข้ าพเจ้ ากวาดสายตาไป มองเห็นผ้ าม่านที�รวบไว้ เห็นแสงจันทร์ ทอแสงเข้ ามาในห้ อง สิง� นี � เองที�ข้าพเจ้ าคาดว่าคงเป็ นเวลาประมาณตีหนึง� มองไล่ไปอีกเห็น โต๊ ะทํางานอยู่มมุ ห้ องด้ านปลายเตียง แต่ขณะที�จะสํารวจต่อไป ข้ าพเจ้ ามีความรู้ สึกว่าจู่ๆ สภาพบรรยากาศภายในห้ องก็เกิ ด ความหนาวเย็นขึ �นมาทังๆ � ที�ไม่ใช่หน้ าหนาว ความหนาวได้ แทรก เข้ าไปถึงหัวใจ ทําให้ ร้ ูสกึ เกิดความกลัวขึ �นมา แต่ทนั ใดนันก็ � มีความรู้สกึ ในจิตอย่างแจ่มชัดว่า กลัวหรื อ ขนาดความตายที�น่ากลัวที�สดุ แล้ ว เรายังเคยพิจารณา ไม่กลัว จะกลัวอะไรกับของแค่นี � เท่านันเอง � สภาพความกลัว ความหนาว ก็หายไปทันที ข้ าพเจ้ ามัน� ใจแน่วา่ ผีอาํ แน่นอน จึงรีบกําหนดสมาธิ ทันที นึกถึง พุทโธ คําแรกเท่านันเอง � อาการทุกอย่างก็หายไป ข้ าพเจ้ ารี บลุกขึ �นมานัง� พิจารณาลําดับเหตุการณ์อยู่ ต้ องเป็ นผีอํา แน่นอน ช่วงตอนแรกขณะที�ข้าพเจ้ ากําลังพิสจู น์อยู่ ทําไมจิตมัน ไม่นึกกลัวเลย และทําไมผีถึงพยายามสร้ างความกลัวให้ เกิดขึ �น กับเราและได้ ทราบในภายหลังว่า ถ้ าจิตเรากลัวขึน� มา สภาพของ อาจารยสถาพร มงคลวัจน


จิตจะอ่ อน จิตไม่ ดี รวมทังจิ � ตตกอยูภ่ ายใต้ ความโลภ ความโกรธ และความหลง หรื อความรื� นเริ งใจทางโลก สภาพจิ ต ก็ไม่ดีเช่นเดียวกัน ต้ องอุ เบกขาด้ วยจิตที�มีภูมิธรรมขั น� สู ง เท่ านัน� จากประสบการณ์ นี � ทํ า ให้ ข้ าพเจ้ าเชื� อ เรื� อ งผี อํ า มี ประสบการณ์มากขึ �นในเรื� องของจิตและมีความมัน� ใจในการฝึ ก สมาธิ ฝึ กสติ ฝึ กวิปัสสนา ตามคําสัง� สอนขององค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้ าผู้เป็ นครู บาอาจารย์ และเป็ นที�พึ�งอันสูงสุด (ต่อมา ภายหลังจึงได้ ร้ ูวา่ สิง� ที�นกึ ว่าผีนนั � ความจริ งแล้ วเป็ นเทวดาผู้เป็ น ครูบาอาจารย์ทา่ นมาให้ แบบฝึ กหัด)

๒. ประสบการณ์ ท� วี ัดถํา� สหาย ขอน้ อมจิตกราบครู บาอาจารย์ ผ้ ูเป็ นที�เคารพบูชา อย่ างสูงสุด ขออนุญาตเขียนบันทึกฉบับนี � ซึ�งมีเรื� องราวของท่ านเกี�ยวข้ องอยู่ด้วย……………สาธุ * ไปวัดถํา� สหายครั ง� แรก ( ปี ๒๕๒๙ ) ในช่วงปี ๒๕๒๙ ข้ าพเจ้ าได้ มีโอกาสพาท่านพระอาจารย์ ชํ า นาญ ซึ� ง เป็ นพระเจ้ าอาวาสวัด ป่ าศิ ริ รุ่ ง เรื อ ง บ้ า นโป่ งชี อํ า เภอด่ า นซ้ าย จั ง หวั ด เลย ไปทํ า ธุ ร ะที� วั ด หนองบั ว บาน อําเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ข้ าพเจ้ าได้ ขบั รถยนต์โตโยต้ า ๑๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


สปอร์ ต ที�เพิ�งซื �อมาได้ ไม่นานเป็ นพาหนะในการเดินทางครัง� นี � หลังจากเสร็จธุระทีว� ดั หนองบัวบานแล้ ว ท่านพระอาจารย์ชํานาญ ได้ ชวนข้ าพเจ้ าไปกราบพระอาจารย์จนั เรี ยน วัดถํ �าสหายและจะ พักค้ างคืนทีน� นั� ด้ วย ข้ าพเจ้ ายังไม่เคยไปกราบท่านพระอาจารย์จนั เรี ยนมาก่อน เคยได้ ยินแต่คํารํ� าลือเกี�ยวกับท่านในด้ านอภิญญา ถนนเข้ าวัดในสมัยนัน� ค่อนข้ างลําบากมาก ถ้ าฝนตกก็อาจจะ เข้ า วัด ไม่ ไ ด้ เมื� อ ไปถึ ง วัด ในช่ ว งคํ� า ท่ า นพระอาจารย์ ไ ม่ อ ยู่ เนื�องจากเข้ าไปทําธุระในเมืองอุดร คงจะกลับถึงวัดช่วง ๒ ทุ่ม พระที�วดั ได้ มาจัดที�พกั ให้ ข้ าพเจ้ าพักอยู่ที�เพิงหินบริ เวณหน้ าผา ใกล้ กั บ กุ ฏิ ท�ี พัก ของท่ า นพระอาจารย์ ชํ า นาญ เป็ นครั ง� แรก ที�ข้าพเจ้ าได้ มาที�วดั ป่ าแห่งนี �สภาพของวัดเป็ นป่ าดงมีต้นไม้ ใหญ่ ขึ �นหนาทึบ มีถํ �า และก้ อนหินใหญ่คลุมไปด้ วยเถาวัลย์ ที�แห่งนี � เคยเป็ นที� ห ลบซ่ อ นของผู้ ก่ อ การร้ ายซึ� ง เคยได้ ใ ช้ ถํ า� ที� นี� เ ป็ น โรงพยาบาล ในครั ง� แรกที� ท่ า นพระอาจารย์ ไ ด้ ม าสํ า รวจที� นี� พบกระดูกคนตายตามซอกหินในถํ �าเต็มไปหมด เก็บได้ หลายปี� บ ปั จจุบัน…. ท่านได้ เก็ บกระดูกเหล่านี ฝ� ั งไว้ ใต้ ทางเดินจงกรม ของท่าน ข้ าพเจ้ ารู้ สึกว่าในเวลากลางคื นที� วัดแห่งนี ค� ่อนข้ าง น่ากลัว เสียงลมพัดต้ นไม้ มีเสียงหวีดหวิวอยูต่ ลอดเวลา ใกล้ สว่าง ถึงสงบ ในสมัยนันที � ว� ดั ยังไม่มไี ฟฟ้าต้ องจุดเทียนจุดตะเกียง ในช่วง หั ว คํ� า ยั ง ไม่ มื ด มาก ข้ าพเจ้ าได้ ไปเดิ น จงกรมบนลานหิ น ด้ านหน้ าที�พกั อาศัยแสงสลัวๆ พอมองเห็นทางเดิน เดินได้ สกั พัก ก็ได้ ยินเสียงรถเข้ ามาในวัด คงเป็ นท่านพระอาจารย์เพิ�งกลับมา อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๑


จากอุดร ท่านพระอาจารย์ชํานาญซึง� พักอยูท่ ี�กฏุ ิใกล้ กนั ได้ มาชวน ข้ าพเจ้ าไปกราบท่านพระอาจารย์จนั เรี ยนที�กฏุ ิพกั ของท่าน ซึง� อยู่ บนก้ อนหินหน้ าผาสูงมีบนั ไดไต่ขึ �นไป ข้ าพเจ้ าได้ ไปกราบแล้ วท่าน ก็ ส อนธรรมะ ตอบปั ญ หาในใจของข้ า พเจ้ า ทุก ปั ญ หา โดยที� ข้ าพเจ้ านัง� ฟั งเฉยๆ ไม่ต้องถามท่านเลย นับได้ วา่ เป็ นความอัศจรรย์ อย่างหนึ�งที�ข้าพเจ้ าได้ ประสบเกี� ยวกับท่านมา ท่านได้ เมตตา สอนธรรมะจนถึง ๔ ทุ่ม ข้ าพเจ้ าและพระอาจารย์ชํานาญต้ อง กราบลาท่าน เพราะท่านยังไม่ได้ สรงนํ �า ท่านยังมีเมตตาจะสอน ต่ออีก ท่านว่า…. อาบนํ �าเมือ� ไหร่กไ็ ด้ ข้ าพเจ้ าได้ กลับมาเดินจงกรม ต่อจนถึงเวลาอันควร จึงได้ เข้ าที�พกั ไปนัง� สมาธิ และต่อจากนัน� ก็ เข้ าพักผ่อนหลับนอน เวลาผ่านไปจนเกื อบตี ๔ ข้ าพเจ้ าได้ สะดุ้งตืน� ขึ �นมาอย่างแรง เพราะมีเสียงดังกริ�งๆ เหมือนนาฬกิ าปลุก ดังออกมาจากใจของข้ าพเจ้ า พร้ อมกับมี กระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ช๊ อตกระตุกที�หวั ใจ ไม่ลกุ ขึ �นไม่ได้ นับว่าเป็ นความอัศจรรย์มาก อีกอย่างหนึง� สําหรับข้ าพเจ้ า ข้ าพเจ้ าต้ องรี บลุกขึ �นทําสมาธิ ทําไป จนกระทัง� สว่าง หลังจากถวายอาหารพระ กินอาหารเช้ าเสร็ จ ข้ าพเจ้ าก็ ไ ด้ เข้ าถํ า� ไปปฏิ บั ติ ส มาธิ ที� นั� น ทั ง� วั น จนถึ ง เวลา บ่า ย ๓ โมงเศษ จึง ได้ อ อกมากวาดลานวัด และดื� ม นํ า� ปานะ ในช่วงเวลานี �ได้ มีโอกาสพูดคุยกับท่านพระอาจารย์จนั เรี ยนอีก ท่านนั�งอยู่รูปเดียว ท่านได้ ถามข้ าพเจ้ าว่า…….รถยนต์เพิ�งซื �อ มาใหม่หรื อราคาเท่าไร จากตรงที�ทา่ นนัง� สามารถมองเห็นรถยนต์ ของข้ าพเจ้ าจอดอยู่ ข้ าพเจ้ าได้ ปฏิบตั ิธรรมมาแล้ วพอสมควร ๑๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ในเวลานันข้ � าพเจ้ าค่อนข้ างชินกับการระวังจิตในการนึกคิดมาก โดยเฉพาะอยูท่ ี�วดั นี �เพราะกลัวครูบาอาจารย์จะจับได้ แต่อย่างไร ก็ตาม การปฏิบตั ิมนั ก็ยงั ไม่ชํานาญและดีพอ ดังนันจากคํ � าถาม ของท่านพระอาจารย์ จิตของข้ าพเจ้ ารู้ สึกหงุดหงิดขึน� มานิดๆ แต่กไ็ ด้ หายไปอย่างรวดเร็วด้ วยสติควบคุมให้ ระวังอยู่ ข้ าพเจ้ าก็ได้ ตอบคําถามท่านไป ความหงุดหงิดนี �เกิดเนื�องมาจากจิตที�ได้ ฝึก กรรมฐานมาบ้ างแล้ วเกิดเป็ นปั ญญา ไม่ให้ หลงเห่อในวัตถุ หรื อ หลงไปยึดเกาะวัตถุที�มีประกอบกับขันธ์ ๕ นี � เพียงแต่มีแต่ใช้ ไป ตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม มันก็ยงั ไม่ดีพอที�จะมีความสามารถ ควบคุมตัวโกรธ ตัวหงุดหงิดที�ไม่ได้ ดงั� ใจ ไม่เป็ นอย่างใจตัวเอง กิเลสตัวนี �เลยกระเพื�อมขึ �นมาให้ เห็น แต่ไม่รุนแรงถึงขันปรามาส � ท่านพระอาจารย์ หลังจากที�ได้ คุยกับท่านเสร็ จ ในเย็นวันนัน� ข้ าพเจ้ าก็ได้ ไปทํากิจส่วนตัว แล้ วปฏิบตั ธิ รรม เดินจงกรม นัง� สมาธิ เป็ นกิจประจําวันอย่างเคย เช้ าวันรุ่งขึ �น หลังจากถวายอาหารพระ กินอาหารเช้ าเสร็ จแล้ ว ก็ได้ กราบลาท่านพระอาจารย์กลับบ้ าน ท่านพระอาจารย์ ก็ยังมีเมตตาสอนธรรมะอีก และอยากให้ อยู่ ปฏิบตั ธิ รรมที�วดั ต่อ ก่อนที�ข้าพเจ้ าจะขึ �นรถ ก็ได้ เดินดูรอบๆ รถว่า จะถอยอย่างไรเพราะมีพื �นที�จํากัด ข้ าพเจ้ าเห็นกองทรายเตี �ยๆ อยู่ด้านซ้ ายข้ างหน้ ารถไม่พบสิ�งอื�น จึงถอยตีวงไปทางด้ านซ้ าย ซึง� ล้ อหน้ าข้ างซ้ ายจะเหยียบทรายนิดหน่อย แต่ทไี� หนได้ มีก้อนหิน ก้ อนใหญ่พอควรโผล่ขึ �นมาจากกองทราย ดังนันกั � นชนส่วนที�ใกล้ ล้ อหน้ าด้ านซ้ าย ได้ เบียดกับก้ อนหิน ทําให้ เป็ นรอยเล็กน้ อยและ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๓


น๊ อตหลุดไป ๑ ตัว จิตของข้ าพเจ้ าค่อนข้ างวางเฉย และหวนนึกถึง เมื�อเย็นวานนี � ข้ าพเจ้ ารี บพิจารณาซํ �าลงไปอีกว่า วัตถุธาตุทัง� หลายที�มี ขึ น� เพื� อ ประกอบขั น ธ์ ๕ อั น ได้ แ ก่ ร ถยนต์ ข อง ข้ าพเจ้ านี � สภาพตามความจริงของมัน มันต้ องเสื�อม ผุกร่ อน ทรุ ดโทรม และสุดท้ ายก็ต้องพังสลายไปในที�สุด อีกทังตั � วของ เรานี � ตราบใดที�ต้องเกิดอีก แน่นอน วิบากกรรมทัง� หลายที�ได้ กระทําไว้ ไม่ว่าในอดีต หลายภพ หลายชาติ หรื อปั จจุบนั กรรม เหล่านี �ย่อมตามมาให้ ผล เราได้ ระมัดระวัง ไม่ประมาท และตรวจ สอบอย่างดีแล้ ว สิง� ที�มนั เกิดขึ �น เกินความสามารถของเรา กรรม นีห� นอ…ช่ างมีอํานาจมาก…เรายอมใช้ หนี � ข้ าพเจ้ าได้ สอน วิปัสสนาเข้ าไปในจิต จิตมันก็ยอมรับทันที แล้ วปล่อยวางลงได้ หนักแน่นขึ �น ดีแล้ ว ให้ มนั สมเกียรตินกั ปฏิบตั ิธรรม ที�จิตมันได้ แสดงออกอวดโชว์ทา่ นพระอาจารย์เมือ� วานนี �ว่า “ไม่ ร้ ู…ถามอะไร น่ าเบื�อ ราคง ราคา ซือ� มาแล้ วก็แล้ วกันไป จะไปจําแล้ วเอา ไปอวดโชว์ กั น อยู่ ทํา ไม” ข้ า พเจ้ า คิ ด ว่า …น่ า จะแปลความ หงุดหงิ ดออกมาได้ ในลักษณะอย่างนี � ดีเหมื อนกันที� มีเหตุมา ลองใจอย่างนี � ลองดูว่าจะไม่ยึดติดกับวัตถุต่างๆ ที�ประกอบกับ ขันธ์ ๕ นี �จริงหรื อเปล่า ขณะทีเ� กิดเหตุการณ์ ท่านพระอาจารย์ก็ยงั ได้ ตะโกนถามข้ าพเจ้ าว่า “มองไม่เห็นก้ อนหินรึ” แล้ วยืนยิ �มๆ อยู่ ออกจากวัดไปถึงตัวเมืองจังหวัดเลย ได้ ไปแวะให้ ช่างใส่น๊อตก็ เรี ยบร้ อยดี ไม่มีอะไรเสียหายมาก สติ เป็ นสิ�งที�สําคัญที�เราทังหลายจะต้ � องฝึ กหัด พยายาม ๑๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ให้ มนั ตามจิตให้ ทันแล้ วมุ่งไปควบคุมจิต คอยเตือน คอยสอน ให้ มันรู้ ความจริ ง สัจธรรมของสิ�งต่างๆ แล้ วปล่อยวางไปตาม ความจริ งนัน� และสิง� ที�สําคัญที�สดุ ก็คือ เราต้ องฝึ กอบรม ปั ดเป่ า ความเศร้ าหมองของจิตให้ มนั ดียิ�งๆ ขึ �นไป จนหมดเชื �อที�จะทําให้ มี ก ารเวี ย นว่ า ยตายเกิ ด อี ก อี ก สิ� ง หนึ� ง ที� ข้ า พเจ้ า ขอเพิ� ม เติ ม ซึ�งในสมัยที�เกิดเหตุการณ์ นี � ข้ าพเจ้ ายังไม่มีปัญญารู้ พอว่า…. เรื� องทั ง� หลายที� เ ล่ า ให้ ฟั งนี � ส่ ว นใหญ่ อ่ า นดู แ ล้ วจะเน้ น ความอัศ จรรย์ เน้ น อภิ ญ ญาด้ ว ย ดัง นัน� ความจริ ง อี ก อย่ า ง ทีข� ้ าพเจ้ าอยากให้ ทา่ นรู้และพิจารณาก็คอื สิง� ๒ สิง� ระหว่าง กรรม กับ ความวิเศษ ความอัศจรรย์ จะต้ องแยกออกจากกัน ต่ างสิ�ง ต่ างมีอาํ นาจ โดยทั�วไปแล้ วมันจะไม่ หักล้ างกัน องค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ า พระองค์ทรงสอนไว้ ทงั � ๒ อย่าง แต่ในที� กล่าวไปบ้ างแล้ ว ถ้ าอยูใ่ นสภาพขันธ์ ๕ ย่อมยกให้ กรรมเป็ นใหญ่ ให้ เชื�อกรรม ให้ กลัวบาปกรรม อย่าไปสร้ างกรรม วางจิตให้ เป็ น อุเบกขา ปล่อยวาง ถ้ าถึงที�สดุ กรรมที�ไม่อาจหลีกเลี�ยงได้ อะไร จะเกิ ดก็ ย่อมเกิ ด ต้ องวางจิ ตยอมรั บมัน ส่วนความศักดิ�สิทธิ� อิ ท ธิ ฤ ทธิ� ความอั ศ จรรย์ นั น� ขอให้ เอามาใช้ เป็ นเครื� อ งมื อ โดยเฉพาะในด้ านทําให้ ร้ ูจริงในด้ านต่างๆ ทีเ� ป็ นนาม หรือเป็ นทิพย์ เอามาช่วยในการวิปัสสนา ตัดกิเลส ตัณหา อุปาทาน และเอามา ช่วยให้ เกิดความเพียร เกิดศรัทธา ไม่ลงั เลสงสัยในธรรมะของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า ในส่วนที�เป็ นภาคนาม ตาเปล่า มองไม่เห็น และที�สําคัญที�สดุ ก็คือ ผู้ใดเคยได้ สร้ างบารมีทางนี � อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๕


ก็ย่อมมีจริต มีความเกี�ยวข้ อง มีการสัมผัสกับสิ�งนี � ซึ�งก็เป็ น ไปตามกรรมนั�นเอง…… บางท่านอาจจะสับสนกับ ๒ สิง� นี �พอไปเจอกับวิบากกรรม บางอย่างทีม� นั จะต้ องเกิด เลีย� งไม่ได้ ท่านเหล่านันอาจจะโศกเศร้ � า เสียใจตัดพ้ อต่อว่าบุญ ต่อว่าสิง� ศักดิส� ทิ ธิ� หรือน้ อยอกน้ อยใจ ลังเล สับสนว่าสิ�งศักดิ�สิทธิ� อิทธิฤทธิ� ปาฏิหาริ ย์ ทําไมไม่ช่วย ทําไม ไม่เสกไม่เป่ าให้ มนั หายจากกรรม ดังนัน� ขอให้ ทา่ นทังหลายศึ � กษา พิ จ ารณาให้ ร้ ู จริ ง ดัง ที� ก ล่า วไว้ เพื� อ ผลสุด ท้ า ยในเบื อ� งสูง คื อ จิตวางอุเบกขา วางเฉยไปตามสัจธรรมความจริงของมัน… * ภาวนาที�โป่ งหลังวัดถํา� สหาย ( ปี ๒๕๓๐ ) ช่ ว งปิ ดเทอมปลายเดื อ นเมษายน ๒๕๓๐ ข้ าพเจ้ า ได้ มโี อกาสไปปฏิบตั ธิ รรมทีว� ดั ถํ �าสหายอีก คราวนี �ขับรถไปคนเดียว วางแผนไว้ วา่ จะพักอยู่ ๕ วัน เมือ� ไปถึงวัด เป็ นช่วงทีท� า่ นพระอาจารย์ จันเรียนและพระในวัดกําลังฉันนํ �าปานะกันอยู่ ข้ าพเจ้ าได้ ไปกราบ ท่านพระอาจารย์ และดื�มนํ �าปานะด้ วย รอให้ ท่านพระอาจารย์ กําหนดที�พกั ว่าให้ ข้าพเจ้ าพักที�ไหน บังเอิญได้ มีพระอาวุโสพูดถึง เรื� องโป่ งที�ป่าดงดิบหลังวัดว่า มีพระไปพักภาวนาตอนกลางคืน ช่วงนี �มีสตั ว์ลงมาที�โป่ ง ยังไม่ร้ ูวา่ เป็ นตัวอะไร อาจเป็ นหมูป่า หรื อ เสือ หรื อว่าหมี ท่านพระอาจารย์จึงเอ่ยขึ �นว่า ถ้ าข้ าพเจ้ าไปพัก ภาวนาที� นั�น จะไม่ มี ค นไปรบกวน ดี ทัง� กลางคื น และกลางวัน เพี ยงแต่ดูน่ากลัวหน่อยเท่านัน� พระรู ปอื� นท่านก็ ห้ามข้ าพเจ้ า ๑๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ว่ากลัวจะไม่ไหว ไม่อยากให้ ไปเพราะช่วงนีม� ีสตั ว์ลงมากินโป่ ง ส่วนท่านพระอาจารย์ก็ไม่ว่าอย่างไร ข้ าพเจ้ าเลยตัดสินใจบอก ท่านพระอาจารย์ ขอไปภาวนาที�โป่ ง พระอาวุโสรู ปอื�นๆ ได้ ยิน อย่ า งนั น� ก็ เ ลยให้ ข้ าพเจ้ าลองไปดู สั ก คื น หนึ� ง ถ้ ายั ง ไง ค่ อ ยเปลี� ย นใหม่ เพราะข้ าพเจ้ าเองก็ ยั ง ไม่ เ คยเห็ น สภาพ ของโป่ งเลย เมื�ออาบนํ �าทํากิจส่วนตัวเสร็ จ ก็ได้ มีพระพาข้ าพเจ้ า ไปส่ง ที� นั�น สภาพโป่ งเป็ นป่ าดงดิ บ เต็ม ไปด้ ว ยต้ น ไม้ สูง และ ไม้ คลุมดิน มีหนองนํ �าเป็ นโป่ งไม่ใหญ่เท่าใดนัก แต่มีป่าคลุมอยู่ ไม่มีทงุ่ หญ้ า ห่างจากโป่ งไม่มาก มีห้างที�พกั เล็กๆ มุงด้ วยหญ้ าคา ยกพื �นสูงจากพื �นดินประมาณ ๔๕ เซนติเมตร ปูด้วยฟากไม้ ไผ่สบั เปิ ดโล่ง ไม่มี ฝ ากัน� และใกล้ ๆ กับ ห้ า งพัก เป็ นทางเดิ น จงกรม ข้ าพเจ้ าเห็นสภาพโป่ งแล้ ว กึง� กล้ ากึง� กลัว ใกล้ จะคํ�าแล้ ว รี บไปจัด กางกลดที�ห้างพัก แล้ วรี บไปเดินจงกรมก่อนที�จะมืด เดินจงกรม ไปได้ เกือบชัว� โมง เพิง� มองเห็นว่าข้ างทางเดินจงกรม มีงเู ขียวอยูบ่ น ต้ นไม้ เตี �ยๆ ๒-๓ ตัว นิง� จ้ องมองข้ าพเจ้ าอยู่ พอคํา� ลง ท้ องฟ้ามืดมิด ป่ าที�คลุมอยู่ก็มืดมิดไปหมด สงสัยจะเป็ นข้ างแรม มืดจนฝ่ ามือ ตัวเองยกขึ �นก็มองไม่เห็น ข้ าพเจ้ าได้ เข้ ากลดที�พกั นัง� สมาธิทนั ที พยายามประคองสมาธิไม่สนใจอะไรทังสิ � �น วางจิตคลุมอยูท่ ี�กาย จิตก็นิ�งเป็ นสมาธิตามควร แต่อย่างไรถ้ าจิตยังไม่เข้ าสมาธิดบั ดิ�ง ลึกลงไปมากๆ จิตมันก็ยงั มีสว่ นรับรู้สงิ� ภายนอกอยูบ่ ้ าง โดยเฉพาะ เสียง เช่น เสียงดังของสัตว์เดิน เสียงร้ องของสัตว์ และเสียงดังมาก คือเสียงสัตว์ลยุ นํ �าลงโป่ ง ข้ าพเจ้ าพยายามประคองจิต มันออกไป อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๗


รั บรู้ ก็ มีสติตามรู้ แล้ วก็ ประคองกลับคืนมาทํ างานเหมื อนเดิม นั�งมากปวดเมื�อยก็เปลี�ยนเป็ นอิริยาบถนอน นอนภาวนาบ้ าง นอนหลับบ้ าง หลับๆ ตื�นๆ สติคอยระวังอยู่ ข้ าพเจ้ าพักที�โป่ ง ตลอดทัง� ๕ วัน กินข้ าวเสร็ จ ทํากิจส่วนตัวเสร็ จก็เข้ าโป่ งเลย ตั ด การดื� ม นํ า� ปานะออก ข้ าพเจ้ าสั ง เกตดู ว่ า การภาวนา ช่วงกลางคืน แม้ ข้าพเจ้ าหลับไปบ้ างก็หลับได้ ดี แต่ภาคกลางวัน นันน่ � าอัศจรรย์ ยามใดที�ข้าพเจ้ าเผลอหลับ ไม่วา่ จะนัง� ภาวนาหรื อ นอนภาวนาก็ ต าม จะมี สิ� ง มาปลุก ทุก ครั ง� เป็ นเสี ย งดัง มาก เหมือนมีอะไรหล่นลงมาจากฟากฟ้าใกล้ ๆ กับห้ างที�พัก เสียง ดังตุ๊บ แผ่นดินแทบสะเทือน จนข้ าพเจ้ าสะดุ้งตื�นทุกครัง� ซึ�งใน แต่ละวันเกิดขึ �นหลายครัง� เป็ นสิ�งอัศจรรย์อีกอย่างหนึง� ข้ าพเจ้ า ค่อนข้ างจะชิน และไม่กลัว แต่ก็นกึ ขอบคุณสิง� นันที � �เมตตา ช่วยให้ ข้ าพเจ้ าได้ มีโอกาสปฏิบตั สิ มาธิได้ มากขึ �น และมีประสบการณ์ใน สิง� ต่างๆ เพื�อที�จะได้ ฝึกฝนจิตใจให้ เกิดความชํานาญมากขึ �น * ความเมตตาของท่ านพระอาจารย์ ข้ า พเจ้ าได้ ไ ปกราบท่ า นพระอาจารย์ จัน เรี ย นรวมทัง� ไปปฏิ บัติ ธ รรมที� วัด ถํ า� สหายหลายครั ง� และทุก ครั ง� ท่ า นก็ ใ ห้ ความเมตตาต่ อ ข้ าพเจ้ า ซึ� ง สิ� ง นี อ� าจเป็ นเหตุ ก่ อ ให้ เกิ ด ความอัศจรรย์... มีครัง� หนึ�ง คาดว่าจะเป็ นปี ๒๕๓๘ ข้ าพเจ้ าได้ พาคณะ ๖-๗ คน ตังใจจะไปพั � กปฏิบตั ธิ รรมทีว� ดั ถํ �าสหายสัก ๑ คืน แล้ วค่อย ๑๘ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ไปต่อที�อําเภอสว่างแดนดิน ระหว่างทางข้ าพเจ้ าได้ พาคณะแวะที� ถํ �ากลองเพล วัดหลวงปู่ ขาว เนื�องจากบางคนในคณะยังไม่เคยไป ที�วดั นี �มาก่อน........ ขณะนันเป็ � นเวลาเกือบบ่าย ๓ โมง ข้ าพเจ้ า และคณะได้ แวะที�ถํา� กลองเพล ได้ เที�ยวชมสถานที�ต่างๆ ในวัด ยังไม่หมด ปรากฏว่าได้ เกิ ดพายุฝนลมแรงขึน� อย่างกะทันหัน ทังๆ � ที�ไม่มีเค้ าว่าฝนจะตก ข้ าพเจ้ าและคณะจึงได้ รีบไปขึน� รถ เดินทางต่อไปจนถึงวัดถํ �าสหายเป็ นเวลาเกือบ ๔ โมงเย็น ขณะนัน� ท่านพระอาจารย์และพระในวัดกําลังฉันนํ �าปานะกันอยู่ ข้ าพเจ้ า และคณะเข้ าไปกราบท่าน ท่านห่มผ้ าเรี ยบร้ อยพร้ อมที�จะเดินทาง ท่านได้ พดู ว่า.......กําลังคอยอยู่ เดีย� วจะไปขอนแก่น ตอนนี �รถและ คนขับรถกําลังรออยู่ เหตุการณ์ นี �ก็เป็ นประสบการณ์ ที�อศั จรรย์ อีกเหตุการณ์หนึง� ..... *มี อี ก ครั ง� หนึ�ง ในอี ก หลายๆ ครั ง� ที� เ ป็ นความอัศ จรรย์ แสดงให้ เห็นว่า ท่านได้ ให้ ความเมตตาต่อข้ าพเจ้ าเป็ นอย่างยิ�ง เยี�ยงพ่อ-ลูกกันทีเดียว ไม่ว่าข้ าพเจ้ าได้ คิดได้ ทําอะไรอยู่ที�บ้าน เหมื อ นท่ า นรู้ หมด ทุ ก อย่ า งอยู่ ใ นข่ า ยญาณของท่ า น ก่ อ น เข้ าพรรษา ข้ าพเจ้ าและคณะได้ วางแผนจะไปถวายเทียนพรรษา และผ้ าอาบนํ �าฝนแก่ครูบาอาจารย์แถวอุดรธานี หนองคาย ซึง� มี วัดอยูใ่ กล้ กนั หลายวัด ตอนกลางคืนก่อนวันทีจ� ะไป จิตของข้ าพเจ้ า ก็ได้ คิดขึ �นมาว่า...ช่วงที�ผ่านมาเราทําสมาธิ โดยใช้ กสิณ พรุ่ งนี � จะไปกราบท่านพระอาจารย์ ท่านจะว่าเราหรื อเปล่าหนอ....ที�เรา ปฏิ บัติ ต่ า งจากครู บ าอาจารย์ จิ ต มัน คิ ด แล้ ว ก็ ห ยุด ลงแค่ นัน� อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๙


วัน รุ่ ง ขึน� เมื� อ ไปกราบท่า น หลัง จากที� ข้ า พเจ้ า และคณะถวาย เครื� องทานเสร็ จแล้ ว ท่านพูดขึ �นว่า...สมัยที�เราบวชใหม่ ช่วงแรก หลวงปู่ อ่ อ นท่ า นยั ง ไม่ ไ ด้ สอนกรรมฐานใดๆ เลย คื น แรก เรานอนไม่หลับ สมาธิก็ยงั ทําไม่เป็ น ทํายังไงก็ไม่หลับ หรื อว่า มันแปลกที� ไม่ร้ ู จะทําอย่างไร เลยนอนลืมตาดูกุฏิอยู่อย่างนัน� ดูไปสักพักเหมือนว่า จะมีนํา� ตาคลอที�เบ้ าตาทัง� ๒ ข้ าง และ ดูเหมือนจะไหลมาทีแ� ก้ ม แต่เอามือมาจับดูกไ็ ม่มนี ํ �าตา เป็ นอย่างนี � อยูห่ ลายครัง� เราก็ปล่อยไว้ อย่างนัน� มันอยากไหลก็ให้ มนั ไหลไป สังเกตดูมนั อยู่อย่างนัน� ไม่นานก็เกิดแสงสว่างพุง่ ออกมาจากตา มองเห็นทะลุปรุ โปร่ งผ่านฝากุฏิ ต้ นไม้ ใบหญ้ าเห็นหมด เราพึ�ง มารู้ ตอนหลังว่านัน� มันคือ สมาธิ สมาธิที�เกิดจากนํ �าตานัน� เอง ไม่วา่ มันจะเป็ นสมาธิอะไร แบบไหน มันดีหมด ขอให้ เอามันไปใช้ ให้ เป็ นประโยชน์ ก็แล้ วกัน คณะปฏิบตั ิธรรมที�อยู่ในสถานที�นนั � อาจจะไม่ร้ ูวา่ ท่านพระอาจารย์พดู เรื� องนี �มีนยั ว่าอะไร แต่สําหรับ ข้ าพเจ้ าแล้ ว ท่านเมตตาตอบข้ อความที�เกิดขึ �นในจิตของข้ าพเจ้ า เมือ� คืนนี �สาธุ....พ่ อ แม่ ครูบาอาจารย์ ช่ างประเสริฐเหลือเกิน ประเสริฐในญาณ ประเสริฐในความเมตตา..... อีกครัง� หนึง� ทีข� ้ าพเจ้ าได้ พาคณะไปทอดกฐินทีว� ดั สวนกล้ วย จังหวัดเลย ซึง� เป็ นวัดสาขาของท่าน ท่านเคยอยู่ที�นี�มาก่อน ปี ที� ข้ า พเจ้ าไปทอดกฐิ นนัน� พระท่า นเจ้ า อาวาสเป็ นลูกศิษ ย์ ของ หลวงปู่ แหวน ในวันทอดกฐิ น พระอาจารย์จนั เรี ยนท่านเมตตา มาเป็ นประธานกฐิ น ให้ ท่ า นพร้ อมคณะออกเดิ น ทางจาก วัดถํ �าสหายตังแต่ � เช้ ามืด แวะบิณฑบาตที�เมืองเลย ในงานนี �มีพระ ๒๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


มาร่วมงานหลายรูป รวมทังพระลู � กศิษย์ของหลวงปู่ ชอบ ทีข� ้ าพเจ้ า และคณะได้ เคยไปช่วยงานท่านเป็ นประจํามาก่อน และเคยมี คนๆ หนึง� ทีต� อ่ ต้ านแนวปฏิบตั ขิ องข้ าพเจ้ าในด้ านอภิญญา แล้ วไป วิจารณ์ ให้ พระท่านฟั งในทางลบ ทํ าให้ พระท่านสงสัยไปด้ วย ในงานกฐิ น หลัง จากถวายอาหารเสร็ จ ก่ อ นที� พ ระท่า นจะฉัน ท่ า นพระอาจารย์ จัน เรี ย นได้ เ มตตาข้ า พเจ้ า แบ่ ง อาหารดี ๆ หลายอย่างในบาตรของท่านใส่ในฝาบาตร แล้ วเรี ยกข้ าพเจ้ าดังๆ ให้ ม ารั บ เอาอาหารไปกิ น ท่า นแสดงเหมื อ นพ่อ แม่เ มตตาลูก สงเคราะห์ลกู เอาอาหารให้ ลกู เหมือนท่านจงใจแสดงให้ พระ ทุกรูปในที�นนเห็ ั � นว่า.... ท่านรับรองข้ าพเจ้ าและรับรองการปฏิบตั ิ ของข้ าพเจ้ าด้ วยเหตุที�ว่า..... พระกรรมฐานในสายหลวงปู่ มั�น ส่วนใหญ่จะให้ ความเคารพท่าน และรํ� าลือในด้ านการปฏิบตั ิดี ปฏิบตั ชิ อบของท่าน......

๓. ภุมเทวดาขอร่ วมถวายอาหารพระที�เขาค้ อ ๑๒–๑๖ ตุลาคม ๒๕๓๑

โรงเรี ยนปิ ดเทอมช่วงเดือนตุลาคม ข้ าพเจ้ าได้ มีโอกาส จั ด การปฏิ บั ติ วิ ปั สสนากรรมฐานให้ แก่ ค รู ช ายและหญิ ง ของโรงเรี ยนหล่มเก่าพิทยาคม จํานวนร่ วม ๒๐ ท่าน ที�วดั ป่ า ไชยชุมพล อําเภอเขาค้ อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึง� มีทา่ นพระอาจารย์ จี ร ะวัฒ น์ ลูก ศิ ษ ย์ ห ลวงปู่ ฝั น� เป็ นเจ้ า อาวาส พวกเราได้ จัด อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๑


ปฏิบตั ธิ รรม ๕ วัน กิจกรรมก็มีการรักษาศีล ๘ และปฏิบตั สิ มาธิ ภาวนา ภาคเช้ าตรู่ มีการสวดมนต์ทําสมาธิ แผ่เมตตา ทําอาหาร ถวายพระ ฟั งธรรม จากนันก็ � แยกกันไปปฏิบตั ิส่วนตัว ภาคคํ�า และกลางคื น มี ก ารสวดมนต์ ทํ า สมาธิ และฟั ง ธรรมจนถึ ง เวลา ๔ ทุ่มครึ� ง ก็แยกกันกลับที�พกั ปฏิบตั ิส่วนตัว และพักผ่อน นอนหลับ พวกเราทุกๆ คนต่างก็ได้ ตงใจปฏิ ั� บตั กิ นั อย่างดี คืนแรกหลังจากสวดมนต์ไหว้ พระ ทําสมาธิ และฟั งธรรม เสร็ จแล้ ว แต่ละคนก็แยกกันกลับที�พกั ข้ าพเจ้ ากับอาจารย์ชาย ท่านหนึง� ได้ พกั อยูท่ ี�กฏุ ิข้างต้ นตะเคียนคู่ เมื�อข้ าพเจ้ ากลับถึงที�พกั ก็ ได้ ไปปฏิ บัติธรรมต่อ นั�งทํ าได้ สักระยะหนึ�ง ก็ ได้ นอนห่มผ้ า ทํ าสมาธิ ต่อ เนื� อ งจากอากาศหนาว เวลานัน� คาดว่าคงราวๆ ๕ ทุ่มเศษ อาจารย์ที�พกั กับข้ าพเจ้ าเข้ าใจว่าคงจะหลับไปแล้ ว ข้ าพเจ้ านอนจับลมหายใจเข้ า-ออกอยูพ่ กั หนึง� จิตก็ละเอียดลงไป ขณะนันปรากฏว่ � าได้ มีหญิงคนหนึง� อายุราวๆ ๒๗-๒๘ ปี นุง่ ผ้ าถุง สี ดํ า สวมเสื อ� คอกลมสี ข าว หน้ า ตาท่ า ทางเรี ย บร้ อยหมดจด เดินเข้ ามาหาข้ าพเจ้ า แล้ วนัง� ลงเบื �องหน้ า พูดขึ �นมาว่าขออนุญาต ร่วมถวายอาหารพระในตอนเช้ าด้ วย ข้ าพเจ้ าก็ได้ ทราบว่า ท่านคือ ภุมเทวดา ที�รักษาพื �นที�วดั แห่งนี � มีชื�อว่า ท่ านสุทธิณี วันต่อมา ข้ าพเจ้ าได้ นําเอาเรื� องนี �มากราบเรี ยนให้ ท่านพระอาจารย์ทราบ ดังนัน� เมื�อถวายอาหารพระภาคเช้ า พระสงฆ์ ท่านก็ให้ พรเป็ น บทพิเศษเฉพาะเทวดา เพื�อเป็ นการอนุโมทนาแก่ท่านที�มีเจตนา ถวายทานแด่พระสงฆ์ แต่ก็เสียดายที�ข้าพเจ้ าลืมสังเกตอาหาร ๒๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ที� ถ วายพระ ว่า มี อ าหารพิ เ ศษดัง กล่า วหรื อ ไม่ เพราะอาหาร มีหลายอย่าง หรื ออาจจะเป็ นในลักษณะอาหารทิพย์ก็ไม่ทราบ เหตุการณ์ นีเ� ป็ นที�น่าสังเกตว่ า ในจักรวาลนี �ไม่มีเฉพาะ ภพภูมิของมนุษย์และสัตว์เดรัจฉานเท่าที�มองเห็นกันด้ วยสายตา เท่ า นัน� พวกเราทัง� หลายยัง มี เ พื� อ นร่ ว มจัก รวาลอี ก มากมาย ตามพระธรรมคําสัง� สอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า คือ ได้ แก่ อสูรกาย เปรต สัตว์นรก เทวดา พรหม และสัมภเวสี ภูตผี ต่างๆ เขาเหล่านี �ล้ วนแล้ วแต่เป็ นเพื�อนร่วมจักรวาล ร่วมวัฏสงสาร เวียน ว่าย ตาย เกิด เช่นเดียวกับพวกเรา และพวกเขาทังหลาย � ก็ไปจากพวกมนุษย์เรานี�เอง เขาเหล่านีย� งั ต้ องการบุญกุศลอีก เพื�อไปสู่เป้าหมายแห่งความพ้ นทุกข์เหมือนกัน ดังนันพวกเรา � ทังหลาย � ซึง� เป็ นผู้มีขนั ธ์ ๕ มีความสะดวกในการสร้ างบุญบารมี ควรรี บเร่งฉวยโอกาสนี � สร้ างคุณความดีเหล่านี �ให้ ยิ�งขึ �นไป และ พร้ อมกันนี � ควรสร้ างพรหมวิหาร ๔ แผ่เมตตา อุทิศสงเคราะห์ ให้ แก่กนั และกัน รวมทังเพื � �อนร่วมจักรวาลทังหลาย � เกาะเกี�ยวกัน ไปสูม่ รรคผล นิพพานเถิด.... หมายเหตุ สวรรค์ ชัน� ที� ๑ จาตุมหาราชิกา จะมีเทวดาอยู่ ๓ กลุม่ คือ อากาศเทวดา มีวิมานอยูบ่ นอากาศ รุ กขเทวดา มีวิมานติดอยูบ่ นต้ นไม้ ภุมเทวดา เป็ นเทวดาบนดิน เช่น เจ้ าพ่อ เจ้ าแม่ หรื อ ศาลหลักเมือง เป็ นต้ น

อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๓


๔. อํานาจแห่ งกรรม กรรม คือ การกระทํ าที� เป็ นทัง� กาย วาจา และใจ มี ๓ ประเภท ได้ แก่ ๑. กรรมดี เป็ นการกระทําสิง� ที�ดีแล้ วเป็ นบุญเป็ นบารมี ๒. กรรมชั�ว เป็ นการกระทําสิง� ที�ไม่ดีแล้ วเป็ นบาป ๓. กรรมแบบกลางๆ ไม่ดี ไม่ชวั� ไม่เป็ นบุญและเป็ นบาป แต่ อ าจจะเป็ นทางอ้ อม นํ า เข้ าไปสู่ บุ ญ และบาปก็ ไ ด้ เช่ น กรรมต่างๆ ทางโลกซึง� อาจจะเป็ นสิง� ที�ดีแต่ไม่ได้ เป็ นบุญ เป็ นต้ น กรรม เป็ นสิ� ง ที� ศัก ดิ� สิ ท ธิ� ที� สุด มี อํ า นาจเหนื อ สิ� ง ใด เหนืออภิญญาใดๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า พระพุทธองค์ ทรงได้ กํ า หนดศี ล ห้ ามไว้ ไม่ ใ ห้ กระทํ า กรรมชั� ว ทรงสอน วิธีหนีกรรม ทังหนี � ชวั� คราวและหนีตลอดกาลไว้ กรรม นอกจาก จะเป็ นตัว กํ า หนดให้ ส รรพสัต ว์ ทัง� หลายที� เ วี ย นว่ า ยตายเกิ ด ในวัฏสงสารแห่งนี �แล้ ว ยังเป็ นตัวติดตามให้ ผ้ ทู มี� ีขนั ธ์ ๕ คือมนุษย์ นัน� เอง ไม่วา่ จะเป็ นใคร ผู้หญิง ผู้ชาย พระ เณร เถร ชี คนจน คนรวย เจ้ าฟ้ า พระมหากษั ต ริ ย์ ล้ ว นอยู่ ภ ายใต้ ก รรม และมี ก รรม เป็ นของตนเองทังสิ � �น กรรม ที�ตามให้ ผลแก่มนุษย์ผ้ มู ีขนั ธ์ ๕ ไม่วา่ จะเป็ นกรรมดี หรื อกรรมชัว� ก็ตาม มีอยู่ ๒ ลักษณะคือ ๑. กระแสกรรม (อาการกรรม) เป็ นอาการหรื อกริ ยาที�เรา ได้ เคยทําไว้ ๒๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๒. กรรมที�มดี วงจิต เป็ นเจ้ ากรรมนายเวรที�มีดวงจิตอยูใ่ น สภาพต่างๆ กันเช่น เปรต อสุรกาย สัตว์ เดรั จฉาน มนุษย์ ผี เทวดา ฯลฯ ตัวอย่างของกรรมทัง� ๒ ลักษณะนี � เช่น เราตีหมา ด้ ว ยไม้ อาการที� เ จ็ บ ปวดทรมานจะกลายเป็ นกระแสกรรม อาการที�เจ็บปวดทรมานนี �จะต้ องตามมาสนองเรา กระแสกรรมนี � ยากที� จ ะคลี� ค ลายแก้ ไข องค์ ส มเด็ จ พระสัม มาสัม พุ ท ธเจ้ า จึ ง ห้ า มเราไม่ ใ ห้ ส ร้ างกรรม ให้ เ ร่ ง สร้ างกรรมดี เ พื� อ หนี ก รรม บุ ญ กั บ บาปมั น จะไม่ ล บล้ า งกั น แต่มันก็ มีอํานาจที� อาจจะ เบียดกันได้ คอื แย่งกันให้ ผล ทําให้ จากหนักเป็ นเบา หรื อผ่อนชําระ ใช้ ห นี � หรื อ เสี ย ของอย่า งอื� น ทดแทน กรรมแต่ล ะอย่า งถ้ า เรา ได้ ใ ช้ หนี ห� มดไปแล้ ว กรรมในส่ ว นนัน� ก็ ห มดสิ น� ไป แต่ ก รรม มั น มี ม ากเหลื อ เกิ น เพราะเราทั ง� หลายเกิ ด มาหลายภพ หลายชาติ แ ล้ ว กรรมชั�ว ที� ท่ า นได้ ทํ า มา อาจจะเจตนาหรื อ ไม่ไ ด้ เ จตนา รู้ หรื อ ไม่ร้ ู ก็ ตาม มันมี ผ ลต่อเราผู้กระทํ าทัง� หมด ตราบใดที� ต้ อ งเกิ ด มาเป็ นคน หรื อ ผู้มี ขัน ธ์ ๕ ก็ ต้ อ งรั บ กรรม ทีจ� ะตามมาสนองทุกๆ ชาติไป ไม่วา่ จะอยูใ่ นรูปของอุบตั เิ หตุตา่ งๆ โรคภัยไข้ เจ็บร้ ายแรง หรื อความสูญเสียทุกข์ร้อนต่างๆ มากมาย ท่านทังหลายลองสั � งเกต คิด พิจารณาดูสงิ� ดังกล่าวนี �มันได้ เกิดกับ ตัวของท่านเอง หรื อเกิดกับคนอื�นที�เป็ นตัวอย่างให้ ดไู ด้ จากตัวอย่างทีเ� ราได้ ตหี มาแล้ วหมาตาย จิตของหมาทีม� อี ยู่ ก็จะเกิดดับเปลี�ยนภพ เปลี�ยนภูมิไปตามกระบวนธรรมของมัน บังเอิญได้ เสวยภพภูมิเป็ นสัมภเวสี เปรต อสุรกาย หรื อภพภูมิใดๆ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๕


ก็ ต าม ที� เ วี ย นว่ า ยตายเกิ ด มาตรงกับ เรา สิ� ง เหล่ า นี เ� ขาจะมี ธรรมชาติ หรื อจะเดิ น ไปด้ วยอํ า นาจกรรม ทํ า ให้ เขารู้ แล้ วกระทบกระทั�งหักล้ างกัน ถ้ าเป็ นคนก็เกิ ดความเกลียดชัง มี เ รื� อ งมี ร าวกระทบกระทั�ง กัน เจ้ า กรรมนายเวรที� มี ด วงจิ ต นี � โดยเฉพาะสิ�งที�เป็ นทิพย์ เราสามารถที�จะสร้ างบุญกุศล แล้ ว แผ่ เ มตตาอุ ทิ ศ ชดเชยใช้ หนี ท� ดแทนให้ เขาเหล่ า นั น� ได้ บ้ าง ถ้ าบุญกุศลได้ เกิดแก่เขาพอเหมาะพอควร เขาเหล่านันก็ � อาจจะ พอใจแล้ วถอยไปก็ได้ การเชื�อเรื� องกรรม เป็ นสิ�งสําคัญในพุทธศาสนา ที�เรา ทังหลายควรจะศึ � กษาให้ ร้ ูให้ เกิดผล ซึง� ปกติมนั ก็เกิดขึ �นชนหูชนตา เราอยู่ สามารถที�จะสังเกตได้ บ้างอยู่แล้ ว องค์สมเด็จพระสัมมา สัม พุ ท ธเจ้ า พระพุ ท ธองค์ ท รงได้ ส อนให้ พ วกเรา กลัว บาป กลั ว กรรม ให้ รั ก ษาศี ล รั ก ษาจิ ต อบรมบ่ ม นิ สั ย ปั ดเป่ า ความเศร้ าหมองของจิ ต จนกระทั� ง มั น ไม่ มี เ ชื อ� ที� จ ะทํ า ให้ เกิดเป็ นคนผู้มขี นั ธ์ ๕ นี �อีก กรรมทังหลายที � ม� มี ากมายก็ต้องรอคอย การเกิ ด ของเรา และก็ ต้ อ งคอยไปชั�ว กัล ปาวสาน กลายเป็ น กรรมโมฆะ ก็หมายความว่า จบสิน� กรรมไป นับว่าองค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ า พระพุทธองค์ทรงฉลาดมากที�ได้ สอนเรา ให้ หนีกรรมด้ วยวิธีนี � ๒๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


* กรรมในอดีต ในปี ๒๕๓๒ ข้ าพเจ้ าได้ รู้ จากการปฏิ บั ติ ธ รรมว่ า ในช่วงปี นี �จะมีวิบากกรรมหนักทางด้ านปาณาติบาตมาให้ ผล จะต้ องได้ รับกรรม อุบตั ิเหตุถึงปางตาย จิตของข้ าพเจ้ าไม่ค่อย หวัน� ไหวเท่าใด อันเป็ นผลเนื�องมาจากการฝึ กหัดจิตให้ มนั รู้ ใน กฎไตรลักษณ์ กรรม มรณานุสติ และข้ อธรรมอื�นๆ ถ้ าถึงเวลาที�มนั จะต้ องตายก็ต้องยอมรับ ไม่มีใครอยู่เหนือกฎไตรลักษณ์ ไปได้ ข้ าพเจ้ ามุ่งทําบุญกุศล มุ่งปฏิบตั ิสมาธิ วิปัสสนาและแผ่เมตตา อยู่ตลอด เวลาผ่านไปจนถึงช่วงกลางปี มีญาติคนหนึง� มาขอยืม รถยนต์เป็ นรถแวนนัง� ได้ หลายคน ไปธุระส่งลูกสาวและเพื�อนๆ หลายคนขึ �นรถทัวร์ ที�หล่มสักเพื�อกลับกรุงเทพฯ ในเวลากลางคืน ขับรถไปได้ คอ่ นทางก็เกิดอุบตั เิ หตุ มีคนเมาขับรถกระบะพุง่ เข้ ามา ชนอย่างจัง ในเหตุการณ์ นีไ� ม่มีคนตาย มีแต่บาดเจ็บเล็กน้ อย ยกเว้ น คนเมาที� เ จ็ บ หนัก ข้ า พเจ้ า จํ า เป็ นต้ อ งซื อ� รถแวนใหม่ ส่วนรถคันเก่าซ่อมแล้ วก็ขายไป เหตุการณ์ นีเ� ป็ นที�สงั เกตได้ ว่า ช่วงเวลาตลอดปี ข้ าพเจ้ าจะเจ็บไข้ ได้ ป่วย เป็ นหวัด ไอ และถึงขัน� ไข้ หวัดใหญ่ ต่างกับปี ที�ผ่านมาซึ�งไม่ได้ เจ็บไข้ ได้ ป่วยอะไรเลย แม้ แต่ไข้ หวัด อานุ ภาพของกรรมนี ห� นอ……. ช่างมีอํานาจ เหลือเกิน อีกทังอานุ � ภาพฝ่ ายบุญกุศล การปฏิบตั ธิ รรม ทาน ศีล ภาวนา ก็ มี อํ า นาจเบี ย ดวิ บ ากกรรม ทํ า ให้ ข้ า พเจ้ า พ้ น จาก วิบากกรรมหนักและอุบตั เิ หตุปางตายได้ เช่นเดียวกัน อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๗


* เจ้ ากรรมนายเวรในอดีต ในปี ๒๕๓๔ ช่วงวันหยุดปลายสัปดาห์ ข้ าพเจ้ าและญาติ มัก จะเดิ น ทางไปแถวอี ส าน อุด ร-หนองคาย-สกลนครบ่อ ยๆ ได้ โอกาสทังไปทํ � าบุญ พักค้ างคืนที�วดั ป่ า และได้ ซื �อของพื �นเมือง อี ก ด้ วย ข้ าพเจ้ าได้ วางแผนที� จ ะไปทํ า บุ ญ ที� วั ด ถํ า� สหาย กราบพระอาจารย์จนั เรี ยน วัดผาแดง กราบหลวงปู่ ลี วัดถํ �าเกีย ก ร า บ ห ล ว ง ปู่ เ ก้ า แ ล ะ จ ะ ไ ป พั ก ค้ า ง คื น ที� วั ด ธ า ตุ ฝุ่ น กราบพระอาจารย์ เ ลื� อ น วั น รุ่ ง ขึ น� จะแวะกราบหลวงปู่ ที� อําเภอชัยวาลย์ แวะบ้ านเชียงซื �อของ และจะไปต่อที�หนองคาย เป็ นรายการสุดท้ าย แผนการเดินทางครัง� นี �ได้ ถกู เลื�อนไปสัปดาห์ ต่ อ สัป ดาห์ ถึ ง ๕ สัป ดาห์ ข้ า พเจ้ า ก็ เ ลยได้ ตัด สิ น ใจที� จ ะไป อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ข้ าพเจ้ ามีความมัน� ใจในบุญกุศลที�ตน ได้ บําเพ็ญมาพอสมควร เดินทางไปด้ วยกัน ๖ คนโดยรถแวน ของข้ าพเจ้ า และได้ แ วะไปตามแผนที� ว างไว้ แวะไปกราบ ครู บาอาจารย์ ท่านก็ไม่ได้ ทกั อะไร มีแต่อนุโมทนาในบุญกุศล ที�ได้ พากันกระทํา ในเช้ าวันอาทิตย์ได้ ออกจากวัดธาตุฝนุ่ แวะไป กราบหลวงปู่ ทีอ� าํ เภอชัยวาลย์ แล้ วไปบ้ านเชียงเพือ� ซื �อของพื �นเมือง ขณะอยู่บ นรถ ข้ า พเจ้ า สัม ผัส ได้ ด้ ว ยสมาธิ มี เ ทวดามาบอก ไม่ให้ ไปหนองคาย ให้ กลับบ้ านโดยใช้ เส้ นทางอุดร-เมืองเลยหล่มเก่า แวะเมืองเลยซือ� เครื� องกฐิ น ข้ าพเจ้ าได้ ปรึ กษาคณะ คณะบอกว่าอย่าเปลี�ยนแผนเลย เพราะมีคนฝากซื �อเครื� องเงิน ที� ห นองคายหลายคน ข้ า พเจ้ า เลยไม่ เ ปลี� ย นแผน เสร็ จ ธุ ร ะ ๒๘ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


จากหนองคาย ก็เป็ นเวลาบ่าย ๓ โมงเย็นแล้ วถึงวังสะพุงเกือบ ๖ โมงเย็น เลยวังสะพุงไปในเส้ นทางภูหลวง-หล่มเก่า ไปได้ สกั ๑๐ กิโลเมตรเศษก่อนจะเข้ าตัวหมูบ่ ้ านแห่งหนึง� ซึง� ข้ าพเจ้ าจําชื�อ ไม่ได้ แล้ ว ถนนเส้ นนี �ปกติแล้ วจะว่างไม่คอ่ ยมีรถวิ�ง เพราะเป็ นป่ า เป็ นเขา ข้ าพเจ้ านัง� เบาะหน้ าคูก่ บั คนขับรถ ช่วงเวลานันข้ � าพเจ้ า นึ ก อยากฟั ง เทปธรรมะ ก็ เ ลยเปิ ดฟั ง ขณะที� เ ปิ ดเทปฟั ง จิ ต ของข้ าพเจ้ าก็สงบเป็ นสมาธิทนั ที ไม่ค่อยสนใจเรื� องอื�น รถยนต์ วิ�งไม่เร็วเท่าไหร่ เพราะจะเข้ าหมูบ่ ้ าน คงประมาณ ๖๐ กิโลเมตร ต่อชัว� โมง ทันใดนัน…. � หูของข้ าพเจ้ าก็ได้ ยินเสียงดังเชี�ยด….. เหมือนดังแว่วอยูไ่ กลๆ และได้ ยนิ เสียงคนที�นงั� อยูเ่ บาะหลังร้ องขึ �น คนขับก็ได้ จอดรถดู ปรากฏว่าที�ด้านซ้ ายของรถยนต์กอ่ นทีร� ถยนต์ จะแล่ น เข้ า หมู่บ้ า น มี ร ถมอเตอร์ ไ ซค์ พุ่ ง ขึ น� มาจากข้ า งทาง เพราะถนนสูง พุง่ ชนรถยนต์ตรงประตูฝั�งทีข� ้ าพเจ้ านัง� ทําให้ กระจก ด้ านข้ างร้ าวและข้ างรถเป็ นรอยขูด ส่วนรถมอเตอร์ ไซค์กระเด็น ไปตกข้ างทางพร้ อมคนขับ ซึง� เป็ นเด็กหนุ่มวัยรุ่นชาวบ้ านเพิ�งหัด ขับรถ และก็เคยได้ รับอุบตั ิเหตุมาหลายครัง� แล้ ว รถมอเตอร์ ไซค์ ไม่ได้ เสียหายอะไรมาก ส่วนเด็กหนุ่มได้ มีสามล้ อเครื� องผ่านมา เลยรับพาไปส่งโรงพยาบาลทําแผล เสียค่ายานิดหน่อย และหมอ ก็ ใ ห้ ก ลับ บ้ า น ตามข้ อ ตกลงที� ไ ด้ คุย กัน ข้ า พเจ้ า ได้ จ่ า ยเงิ น เป็ นค่าทําแผล และล้ างแผล ๒,๕๐๐ บาท เพราะเด็กหนุ่มคนนี � คงยังไปทํางานที�ไร่ไม่ได้ ร่วมสัปดาห์ ครอบครัวก็ยากจน พ่อแม่ ก็ พอใจและขอร้ องข้ าพเจ้ าอย่าโกรธที� ถูกเรี ยกเงินเลย เห็นใจ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๙


คนยากคนจนเถอะ ข้ าพเจ้ ายิ น ดี ย อมรั บวิ บ ากกรรม เพราะตรวจสอบดูแล้ วก็ทราบได้ วา่ ถอยกลับไปโดยนับจากชาติ ที�แล้ ว นับไปชาติที� ๕ สมัยนันข้ � าพเจ้ าได้ เกิดเป็ นชายชาวบ้ าน แห่ ง หนึ� ง ได้ พ าพวกล่า หมูป่ า และได้ ช่ ว ยกัน ยิ ง ด้ ว ยหน้ า ไม้ จนหมูป่าตัวนันตาย � จิตของเขาได้ โกรธ อาฆาต พยาบาท ข้ ามภพ ข้ ามชาติ แต่ละภพภูมทิ ผี� า่ นมาก็ได้ คลาดแคล้ วกันไป ไม่สบโอกาส ที�จะเจอกันจนได้ มาถึงชาตินี � ดูอาการกรรมแล้ ว เหมือนกับเขา จงใจพุ่งขึน� มาขวิดทําร้ ายข้ าพเจ้ าที�นั�งอยู่ ด้ วยความเมตตาที� ท่านพ่อในอดีตชาติ ท่านท้ าวสหัมบดีพรหม ซึง� ตอนนันท่ � านอยูท่ ี� พรหมโลกชันสุ � ทธาวาส ท่านลงมานัง� ขวางกันระหว่ � างตัวข้ าพเจ้ า กั บ ประตู ร ถที� ถู ก ชน ใช้ บารมี ท่ า นสงเคราะห์ ข้ าพเจ้ าอยู่ ส่วนมอเตอร์ ไซค์และคนเจ็บที�พุ่งมาชนแล้ วกระเด็นออกไปนัน� มีเทวดาชันจาตุ � มหาราชิกา ๔ องค์ ซึง� ปกติดแู ลรถยนต์ของข้ าพเจ้ า อยูแ่ ล้ ว ได้ ชว่ ยคุ้มกันไม่ให้ เป็ นอะไรมาก เป็ นแค่กรรมของเขาเอง ข้ าพเจ้ ายินดีที�จะเสียเงินเพื�อสงเคราะห์ และทดแทนกรรมไปโดย ไม่เสียดาย ถ้ าพิจารณาตามเหตุการณ์ในอดีตแล้ ว ชีวิตของเขา ทังชี � วิตที�ข้าพเจ้ าได้ พรากมา กับการเสียเงินชดเชยแค่นี � ดูช่าง ไม่เหมาะสมกันเลย กรรมที�ตามมาให้ ผลครัง� นี �ซึง� มีทงดวงจิ ั� ตและ กระแสกรรม ก็ได้ จบสิ �นลงไปด้ วยความยินยอมพอใจทังสองฝ่ � าย โดยเฉพาะตัวเจ้ ากรรมนายเวรผู้มีแรงอาฆาต ดังนันท่ � านทังหลาย � ทีเ� กิดมาเป็ นมนุษย์ผ้ มู ขี นั ธ์ ๕ ควรอย่างยิง� ทีจ� ะต้ องตระหนักให้ ร้ ูถงึ ความเป็ นจริ งว่า สภาพที�เกิดมาเป็ นอยู่นี � เป็ นสภาพที�ต้อง ๓๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


เสวยกรรม ไม่ ว่ากรรมในอดีตหรื อปั จจุบัน ฉะนัน� ผลของ วิบากกรรมทัง� หลายที� เล่นงานท่านให้ ทุกข์ ระสํ�าระสายอยู่นัน� แน่นอนเป็ นผลมาจากตัวท่ านเองที�เป็ นผู้ก่อทังสิ � �น ไม่ว่าท่าน จะรั บ รู้ หรื อ ไม่ รั บ รู้ ก็ ต าม ไม่ ใ ช่ เ ป็ นฝี มื อ ของผู้ อื� น ผู้ ใดมา กลัน� แกล้ งท่าน เผลอๆ ท่านอาจจะทําเขามากกว่านี �ก็ได้ ดังเรื� องที� ข้ าพเจ้ าเล่ามานี � ลองคิดพิจารณาดูเถิดว่า ถนนที�เกิดเหตุว่าง ไม่มีรถวิ�ง มีแต่รถของข้ าพเจ้ า ทําไมรถมอเตอร์ ไซค์จะต้ องวิ�ง ออกมาตอนนัน� ถ้ าเลือ� นเวลาออกไปสัก ๑ นาที โอกาสที�รถทังสอง � จะปะทะกันย่อมไม่มีเลย สภาพการณ์ตา่ งๆ ที�เกิดขึ �นนี � เกินวิสยั เกินอํานาจของเราทีจ� ะแก้ ไขได้ ดังนัน� เมือ� วิบากกรรมเหล่านี �ได้ เกิด กับท่าน ขอให้ ท่านพิจารณาแล้ วทําใจยอมรั บเถิด ยอมรั บ ความจริงเหล่ านี � ตังสติ � แก้ ไขปั ญหาเหล่านี �ให้ ลลุ ว่ งไป อย่าเอา ไปใส่จติ ให้ มนั ทุกข์ระสํา� ระสายอีก ทุกข์กายภายนอกก็พอแรงแล้ ว อย่าให้ ไปทุกข์ที�จิตอีกเลย จงยอมรับ รักษาจิต ประคับประคองจิต ตามคําสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ าเทอญ….

อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๓๑


๕. ประสบการณ์ ท�ไี ด้ สมั ผัสกับหลวงปู่ ชอบ ๒๕๓๒

ขอตั ง� จิ ต กราบบู ช าคารวะหลวงปู่ ชอบ ฐานสโม อันเป็ นที�เคารพบูชาของลูกหลาน กราบขออนุญาตในการ เขียนบันทึกที�มีความเกี�ยวข้ องกับองค์ หลวงปู่ ท่ าน หลวงปู่ ชอบเป็ นครูบาอาจารย์รูปหนึง� ทีข� ้ าพเจ้ าได้ มีโอกาส ทํ า บุ ญ กับ ท่ า น ไม่ ว่ า จะเป็ นการถวายทานต่ า งๆ ทอดกฐิ น เปิ ดโรงทาน พร้ อมทัง� รั กษาศีลและภาวนาในวัดท่านครั ง� สมัย ท่านยังมีชีวิตอยู่ และได้ มีประสบการณ์พิเศษบางอย่างเกี�ยวกับ ท่าน ประสบการณ์ครัง� หนึง� ทีข� ้ าพเจ้ าได้ ประสบด้ วยตนเอง ครัง� แรก ที� เ กิ ด ขึ น� เข้ าใจว่ า คงประมาณปี ๒๕๓๒ หลวงปู่ ชอบปกติ ท่ า นจะอยู่ ป ระจํ า ที� วัด โคกมน อํ า เภอวัง สะพุ ง จัง หวัด เลย แต่ตามวิสยั ของหลวงปู่ เองแล้ ว ถึงแม้ ทา่ นจะเป็ นอัมพาตเดินไม่ได้ ต้ องให้ ลกู ศิษย์อ้ มุ หรื อนัง� รถเข็นก็ตาม แต่หลวงปู่ มีเมตตามาก ชอบเดินทางไปโปรดลูกศิษย์ในที�ตา่ งๆ และวัดในสาขาของท่าน ครั ง� นี ก� ็ เ ช่ น เดี ย วกัน หลวงปู่ ได้ แ วะเยี� ย มลูก ศิ ษ ย์ ข องท่ า นที� วั ด สั น ติ วั ฒ นา ซึ� ง อยู่ ใ นเขตระหว่ า งอํ า เภอหล่ ม เก่ า และ อําเภอหล่มสัก ท่านได้ แวะมาตังแต่ � เมื�อวันก่อน ก่อนที�จะขึ �นไปพัก ค้ างคืนที�รีสอร์ ทบนเขาค้ อ ท่านฉันอาหารเช้ าแล้ วก็ออกเดินทาง มาแวะฉัน อาหารเพลที� วัดสันติวัฒนา ก่ อนที� จะเดินทางกลับ จังหวัดเลย ข้ าพเจ้ าและคณะรวม ๓ คน ก็ได้ ไปกราบท่าน เมือ� ไปถึง ๓๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


หลวงปู่ กํ าลังฉันอาหารอยู่ที�กุฏิเล็กๆ ทําด้ วยไม้ ไผ่สบั มุงหญ้ า ยกพื �นสูงประมาณ ๑.๒๐ เมตร ข้ าพเจ้ าและคณะได้ เอาเสื�อปู บนพื �นดินตรงเงาร่มไม้ ห่างจากกุฏปิ ระมาณ ๓๐ เมตร ซึง� สามารถ มองเห็นหลวงปู่ กําลังฉันอยู่ ข้ าพเจ้ าและคณะได้ นงั� บนเสื�อ มองดู หลวงปู่ ฉั น อาหารเพลอยู่ ข้ าพเจ้ านั� ง พั บ เพี ย บวางจิ ต นิ� ง ๆ อยู่กับกาย จิตนิ�งทรงอยู่อย่างนัน� เมื� อหลวงปู่ ฉันอาหารเสร็ จ ลูกศิษย์บนกุฏิก็ได้ ยกกระบอกนํ �าที�เปิ ดฝายื�นไปยังท่านเพื�อขอให้ ท่านเสกทํานํ �ามนต์ให้ หลวงปู่ นัง� พิงหมอนหันหน้ ามาทางข้ าพเจ้ า ท่านมองไปยังกระบอกนํ �าซึง� ชี �ตรงมายังตําแหน่งที�ข้าพเจ้ านัง� อยู่ แล้ วเป่ าลงไป เมื� อ หลวงปู่ เป่ าเพี ย� งลงไปก็ ไ ด้ เกิ ด อั ศ จรรย์ แก่ตวั ข้ าพเจ้ า มีพลังบางอย่างเหมือนกระแสไฟฟ้าช็อตที�หวั ใจ ของข้ าพเจ้ า ข้ าพเจ้ าสะดุ้งแต่ก็คงทําจิตนิ�งเหมือนเดิมไม่บอกใคร จนหลวงปู่ เดินทางกลับไปแล้ ว ข้ าพเจ้ าได้ ลองสอบถามคณะ ทีไ� ปด้ วยในเรื�องนี ก็� ปรากฏว่าไม่มใี ครมีอาการอะไรยกเว้ นข้ าพเจ้ า คนเดียว ซึง� ข้ าพเจ้ าได้ ประสบอย่างชัดเจนว่า พลังจิตของหลวงปู่ ท่านมีพลังมีอํานาจเหลือเกิน เพียงแค่หลวงปู่ เป่ าครัง� เดียวเท่านัน� ทํ า ให้ เห็ น ได้ ว่ า จิ ต ที� ไ ด้ ถู ก ฝึ กหั ด ที� ไ ด้ ถู ก อบรมอย่ า งดี แ ล้ ว ช่างมีความอัศจรรย์เหลือเกิน ประสบการณ์อกี ครัง� หนึง� ก็คอื ราวปี ๒๕๓๔ ได้ มงี านทําบุญ ฉลองศาลาวัด วัดป่ าซํ า ทอง อํ า เภอนาแห้ ว ซึ�งเป็ นวัดสาขา อีกแห่งหนึ�งของหลวงปู่ ท่านก็ได้ มาเป็ นประธานในงานครั ง� นี � ซึง� ได้ จดั ให้ มีพิธีพทุ ธาภิเษกอีกด้ วย ข้ าพเจ้ าและคณะก็ได้ ไปร่วม อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๓๓


ทําบุญในงานครัง� นี � โดยไปนอนค้ างคืนที�วดั เวลาประมาณ ๑ ทุม่ ได้ เริ� มทําพิธีสวดมนต์เพื�อเริ� มพิธีพทุ ธาภิเษก โดยเจ้ าหน้ าที�ได้ จดั พื �นที�ส่วนหนึ�งให้ ฆราวาสนัง� เพื�อสวดอิติปิโส ข้ าพเจ้ าก็ได้ เข้ าไป ร่วมพิธีนี �ด้ วย ตอนเริ� มพิธี หลวงปู่ ยังมาไม่ถงึ บริ เวณซึง� ได้ เตรี ยม เตียงอาสนะไว้ ให้ ท่าน เมื�อข้ าพเจ้ าได้ สวดอิติปิโสเสร็ จ ก็ได้ ทํา สมาธิจิตโดยการจับอาโลกกสินลึกลงไปนานพอสมควร ข้ าพเจ้ า มีความรู้สกึ ว่าตัวเองหลุดออกจากกายทีน� งั� สมาธิ ได้ ออกไปอยูข่ ้ าง หน้ าเตียงอาสนะของหลวงปู่ และเห็นหลวงปู่ ท่านนัง� สมาธิ ยิ �มและ มองดูข้าพเจ้ าอยู่ ที�แปลกก็คือไม่เห็นว่าท่านเป็ นอัมพาตแต่อย่าง ใด ข้ าพเจ้ านัง� คุกเข่าแล้ วกราบท่าน ๓ ครัง� ไม่ร้ ูจะพูดอะไรก็เลย พูดออกไปว่า ขอให้ หลวงปู่ อยู่เป็ นที�พงึ� ของลูกหลานนานๆ ด้ วย เทอญ หลวงปู่ ยิ �มแล้ วพูดเป็ นภาษาอีสานว่าอีก ๕ ปี จากนันจิ � ต ของข้ าพเจ้ าก็กลับคืน เมื�อข้ าพเจ้ าลืมตาออกจากสมาธิก็เห็นคน อื�นๆ ยังคงทําสมาธิกนั เงียบอยู่ บนเตียงอาสนะของหลวงปู่ ก็วา่ ง เปล่า หลวงปู่ ท่านยังไม่มาจากกุฏิ สิง� นี �ก็เป็ นประสบการณ์อกี อย่าง หนึ� ง ที� ค งเกิ ด จากความเมตตาบารมี ข องหลวงปู่ ที� มี ต่ อ ศิ ษ ย์ ทังหลายที � �ให้ มีประสบการณ์ในการปฏิบตั ธิ รรม.....

๓๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ภาพแสงอัศจรรย์ จากเบือ� งบนพุ่งลงมาที�หลวงปู่ ชอบ ในพิธีหล่ อพระประธาน อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๓๕


๖. ความกลัวสามารถช่ วยให้ จติ เป็ นสมาธิได้ ครัง� หนึง� ในปี พ.ศ. ๒๕๓๒ ข้ าพเจ้ าพร้ อมด้ วยคณะซึง� มีพระ ๑ รูป ฆราวาสผู้ชายรวมอีก ๓ คน ได้ มีโอกาสไปปฏิบตั ิสมาธิ ภาวนาที� วัด โป่ งเดื อ ด จัง หวัด เชี ย งใหม่ ๒-๓ วัน ขณะนัน� ท่านพระอาจารย์ประสงค์ พระสายหลวงปู่ มัน� ได้ มาพักอยู่ที�นนั� คืนหนึ�งท่านได้ พาคณะของข้ าพเจ้ าไปปฏิบตั ิสมาธิ ในป่ าใกล้ ๆ โป่ งเดือด อําเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เริ� มปฏิบตั ติ งแต่ ั � หวั คํ�า จนถึงประมาณตีหนึง� หรื อตีสองจึงกลับไปนอนที�วดั ในการปฏิบตั ิ พระอาจารย์ ประสงค์เป็ นผู้กําหนดสถานที�ให้ แต่ละคนแยกอยู่ ห่างๆ กัน บริ เวณที�ทา่ นพระอาจารย์เลือกให้ ข้าพเจ้ านัน� ต้ องอยู่ ไกลจากคณะ ข้ าพเจ้ าได้ ใช้ ผ้าปูใต้ โคนต้ นไม้ ต้นหนึง� มองไปรอบๆ เห็นเป็ นป่ าทึบ เงียบสงัด รู้สกึ น่ากลัว อีกทังคื � นนี �เป็ นคืนเดือนมืด จากหั ว คํ� า ถึ ง กลางดึ ก ข้ าพเจ้ าได้ ยิ น เสี ย งสั ต ว์ ร้ องก้ องป่ า ไม่ทราบว่าเป็ นสัตว์อะไรบ้ าง บางครัง� มีเสียงจากพุม่ ไม้ คล้ ายกับ ถูกสัตว์วิ�งชนหรื อเหยียบ ดังเป็ นระยะๆ อยูเ่ รื� อยๆ ซึง� ดูเหมือนว่า เสียงนันมั � นอยูใ่ กล้ ๆ นี �เอง ข้ าพเจ้ านัง� หลับตา เกิดความกลัวขึ �นมา แม้ ว่าจะเคยผ่านการนั�งสมาธิ ในที�น่ากลัวต่างๆ มาแล้ วก็ตาม ข้ าพเจ้ าจึงกําหนดจิตมาไว้ ที�กายไม่ยอมส่งออกไปไหน ซึง� ก็ได้ ผล ในการเผชิ ญ กั บ ความกลั ว สติ มั น คอยกั น จิ ต ให้ อยู่ กั บ ตั ว ไม่ ค่อ ยยอมส่ง ออกไปไหน เพราะโดยธรรมชาติ แ ล้ ว มัน กลัว จะไปเผชิญกับสิง� อันน่ากลัวต่างๆ มันเปรี ยบเหมือนกับเอาผ้ าห่ม ๓๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


คลุมหัวเมื� อเกิ ดการกลัวผี จิตมันทรงอยู่กับตัวเป็ นเวลานาน เสี ย งดัง ข้ างนอกก็ สัก แต่ ไ ด้ ยิ น ไม่ ไ ด้ เอาใจใส่ เวลาผ่ า นไป อย่างรวดเร็ วจนถึงช่วงหนึ�ง ไม่ทราบว่าเป็ นเสียงอะไรหล่นจาก ฟากฟ้ามาตกอยู่ใกล้ ๆ ที�ข้าพเจ้ านั�งอยู่ เสียงดังตุ๊บอย่างแรง คล้ ายๆ กิ�งไม้ ใหญ่ๆ ตกลงมา ตัวข้ าพเจ้ าสะดุ้งโหยงตามหน้ าที� สมองสัง� ให้ ประสาทและกล้ ามเนื �อ ทํางานตามธรรมชาติของมัน ส่วนจิตนัน� ไม่ได้ ตื�นเต้ นตกใจอะไร แต่กลับทําท่าจะรวมเป็ น สมาธิสงู ขึ �น มันค่อยๆ ไหลและตกลงไป ทําให้ กายทังกายแทบจะ � หายไป นี� ห นอประโยชน์ จ ากการฝึ กจิ ต ฝึ กสติ ให้ เ ผชิ ญ กับ ความกลัว ซึ� ง แทนที� จ ะกลัว จนสติ แ ตก แต่ มั น กลับ นํ า เอา ความกลัวนันมาช่ � วยให้ สมาธิรวมได้ ดี ดังในเหตุการณ์นี �

๗. หลวงพ่ อให้ กาํ ลังใจ ไปวัดท่ าซุงครั ง� แรก ข้ าพเจ้ าได้ ปฏิบตั ิธรรมมาตังแต่ � ปี ๒๕๒๖ เริ� มในสายของ หลวงปู่ มัน� จุดสําคัญก็คือทําสมาธิแล้ วก็ทําวิปัสสนา ข้ าพเจ้ าก็ได้ ปฏิ บั ติ สื บ เนื� อ งมาตลอด จนถึ ง ปี ๒๕๓๑ ได้ ฝึ กสายของ หลวงพ่อสดวัดปากนํ �าภาษี เจริ ญ ในแนววิชาธรรมกาย ปฏิบตั ไิ ป จนถึงขัน� เกิดพระแก้ วจักรพรรดิขึ �นในดวงแก้ วใสที�ศนู ย์กลางกาย ต่อมาก็ได้ นําเอาแนวปฏิบัติบางอย่างจากหลวงพ่อฤๅษี ลิงดํา วัดท่าซุง เช่น นําเอาข้ อธรรมที�ใช้ ในวิปัสสนา ได้ แก่ สังโยชน์ ๑๐

อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๓๗


ไตรลักษณ์ ขันธ์ ๕ ฯลฯ มาวิปัสสนาเองหลังจากปฏิบตั สิ มาธิ ก็ได้ ผลดี ข้ าพเจ้ าในสมัยที�ยงั ไม่ร้ ูจกั หลวงพ่อฤๅษี ลงิ ดํา เคยได้ ยินแต่ บางคนวิพากษ์ วิจารณ์เกี�ยวกับท่านและวิชามโนมยิทธิ ข้ าพเจ้ าก็ รับฟั งแต่ไม่เคยตําหนิติเตียนท่านเพราะข้ าพเจ้ ายังไม่ร้ ู จกั ยังไม่ เคยเห็นท่าน และยังไม่เคยไปวัดท่านเลย สิ�งเหล่านี �กลับทําให้ ข้ าพเจ้ าอยากที�จะไปวัดท่าน ไปศึกษา ไปพิสจู น์ให้ ร้ ู ความจริ ง มากขึ �น ในปี ๒๕๓๓ ข้ าพเจ้ าได้ ชวนคณะปฏิบตั ธิ รรมที�ได้ ร่วมกัน ปฏิบตั สิ มาธิทกุ คืนวันศุกร์ทบี� ้ านของสมาชิกคนหนึง� ตังเป็ � นกลุม่ ขึ �น ใช้ ชื�อว่า กลุ่มปฏิบัติธรรมหล่มเก่า ข้ าพเจ้ าจึงได้ ชวนสมาชิ ก และได้ มีผ้ ชู าย ๕ คน พร้ อมที�จะไปวัดท่าซุงเป็ นครัง� แรกด้ วยกัน

๓๘ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


หลวงพ่ อได้ มาบอกให้ ครู สอนมโนฯ ดูแลข้ าพเจ้ า หลัง จากที� ข้ า พเจ้ า และคณะได้ ไ ปชมสถานที� ต่ า งๆ ที� วัดท่าซุงครบหมดแล้ วก็ ได้ มาที� วิหาร ๑๐๐ เมตรในช่วงเวลา ใกล้ ๑๑ โมงเช้ า วันนีค� นที�มาถวายสังฆทานที�วิหารมีจํานวน ไม่มาก เจ้ าหน้ าทีไ� ด้ ประกาศให้ ผ้ ทู จี� ะฝึ กมโนมยิทธิเข้ าประจําห้ อง ข้ าพเจ้ าได้ ชวนคณะให้ ลองฝึ กวิชามโนมยิทธิ ทุกคนก็เห็นด้ วย ดังนัน� ทัง� ห้ าคนได้ เดินไปยังห้ องฝึ ก ข้ าพเจ้ าเดินไปเลือกห้ อง หมายเลข ๒ เมื�อถึงเวลาปฏิบตั ิข้าพเจ้ าก็ได้ ไหว้ พระ อาราธนา ศีล ๕ แล้ วทําสมาธิตามที�เสียงตามสายบอกให้ ทํา สักครู่ ก็ได้ มี ครู ผ้ ูสอนซึ�งเป็ นฆราวาสผู้หญิ งได้ เข้ ามาสอน บอกให้ ข้าพเจ้ า ยกจิตตาม ข้ าพเจ้ าก็ได้ นกึ ตามไปเรื�อยๆ จนจบแบบฝึ กหัด ข้ าพเจ้ า ได้ รั บ คํ า ชมอย่า งมากจากครู ผ้ ูส อน ครู ท่า นนัน� ได้ มี ค วามลับ อย่างหนึ�งที�จะบอกกับข้ าพเจ้ าว่า ในตอนแรกก่อนที�จะถึงเวลา ปฏิ บั ติ หลวงพ่ อ ได้ มาบอกฉั น ว่ า ฝากดู แ ลน้ องหน่ อ ยนะ ความหมายก็คือว่าวันนันหลวงพ่ � อไม่ได้ อยู่วดั เป็ นวันต้ นเดือน ท่านไปรับสังฆทานที�ซอยสายลม กรุ งเทพฯ และครู ที�สอนมโน คนนี �เคยเกิดเป็ นลูกหลวงพ่อมาก่อนในชาติใดชาติหนึง� ในสมัยที� หลวงพ่อเป็ นฆราวาส และฝากดูแลน้ องหน่อย ความหมายก็คือ ข้ าพเจ้ าได้ เ คยเกิ ดเป็ นลูกท่า นมาก่ อนเช่นเดี ยวกัน ครู ผ้ ูสอน เขาบอกว่าผู้ชายที�มาด้ วยกันมีตงั � ๕ คน แล้ วคนไหนล่ะที�เป็ น น้ องเขา เขาก็เลยตังจิ � ตอธิษฐานว่าถ้ าคนใดที�เคยเกิดเป็ นน้ องเขา หรื อเคยเกิดเป็ นลูกหลวงพ่อ ขอให้ เลือกห้ องหมายเลข ๒ และ ข้ าพเจ้ าเองที�เป็ นผู้ที�ได้ เลือกห้ องหมายเลข ๒ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๓๙


หลังจากที�จบการปฏิบตั มิ โนมยิทธิที�วิหาร ๑๐๐ เมตรแล้ ว ข้ าพเจ้ าและคณะก็ได้ เดินทางกลับบ้ าน ระหว่างทาง ข้ าพเจ้ าก็ได้ ฝึ กใช้ ญ าณตามที� ไ ด้ ฝึ กยกจิ ต มาแล้ ว อยากรู้ อะไรก็ ส ามารถ ทราบได้ เช่น ต้ นไม้ ที�อยูร่ ิ มทางต้ นนี �มีอะไรแฝงอยูห่ รื อไม่ ก็จะรู้ได้ เห็นได้ อย่างชัดเจนและฉับไว มีเหตุการณ์หนึง� คือ ในช่วงเดินทาง กลับบ้ านก่อนที�จะถึงอําเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ได้ มีหมา ตัวใหญ่ตวั หนึ�งวิ�งตัดหน้ ารถ รถเบรกไม่ทนั จึงได้ ชนกระเด็นไป ข้ า งทาง ข้ า พเจ้ า รี บ แผ่เ มตตาให้ ห มาตัว นี ท� ัน ที เมื� อ แผ่เ สร็ จ ข้ าพเจ้ าก็ได้ เห็นร่างของหมาโปร่งใส ลอยขึ �นจากพื �นถนนประมาณ เมตรเศษๆ จากนันก็ � เปลีย� นเป็ นเทพธิดาลอยเข้ าไปทีต� ้ นไม้ ข้างทาง จิ ต ก็ บ อกว่ า วิ ญ ญาณของหมาตัว นี ไ� ด้ เ กี� ย วข้ องกั บ ข้ าพเจ้ า ในชาติปางก่อน เมื�อหมดอายุขยั จากสัตว์เดรัจฉานก็ได้ จุติเป็ น ภูมเิ ทวดา นอกจากนี จิ� ตยังว่องไว ฝึ กรู้ ฝึ กเห็นสิง� ต่างๆ อีกมากมาย เช่น หมากําลังเดินอยู่บนถนน จิตก็ระลึกรู้ เข้ าไปว่าหมาตัวนี �ใน ชาติ ป างก่ อ นเป็ นอะไรมา ทํ า กรรมอะไรไว้ ถึ ง ได้ ม าเป็ นหมา ในชาตินี � เห็นต้ นไม้ อยู่ตรงหน้ า จิตก็จะรู้ และเห็นว่าต้ นไม้ ต้นนี � มีอะไรแฝงอยู่ อีกทังยกจิ � ตไปยังที�ตา่ งๆ เช่น ยมโลก นรก สวรรค์ เป็ นต้ น เมือ� ได้ ไปรู้ไปเห็นสิง� ทังหลายเหล่ � านี วิ� ปัสสนาในหัวข้ อธรรม ที�เกี�ยวกับความไม่เที�ยงก็เกิดขึ �นมา ตังอยู � ่ แล้ วก็ดบั ไป และอื�นๆ ซึง� มันมีอยูใ่ นจิต เนื�องจากได้ ฝึกหัดมาแล้ ว ก็ถกู นํามาใช้ การที�จะ เข้ าไปยึดภพภูมิและญาณทังหลายเหล่ � านี � ก็เกิดการปล่อยวาง บางสิง� บางอย่างที�ข้าพเจ้ าได้ ไปเที�ยว ไปชม ไปศึกษาเรี ยนรู้เพียง ๔๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ครั ง� สองครั ง� ก็ เบื�อที�จะไป ใจยิ�งเบา ใจยิ�งวาง ถ้ าไปส่วนมาก ก็ไปทําธุระเท่านัน� บางคนบางท่านกลัวว่าถ้ ามีสิ�งเหล่านี �เกิดขึ �น แล้ ว กลัว จะทํ า ให้ ห ลงเข้ า ไปยึ ด ติ ด อยู่ มัว แต่ ไ ปเที� ย วไปชม จนลืมกิ จที� สําคัญ คือ มรรคผล นิ พพาน และมักจะใช้ คํากับ แนวทางนี �ว่า ปฏิบตั ผิ ิดทาง เป็ นต้ น ในปี ๒๕๓๓ ข้ าพเจ้ าพร้ อมคณะ ๖ – ๗ คน ได้ ไปทําบุญที� วัดท่าซุงและได้ ไปแวะกราบหลวงพ่อที�ตึกรับแขก ขณะที�คณะ ของข้ าพเจ้ าไปถึง หลวงพ่อได้ มานั�งรอญาติโยมอยู่แล้ ว วันนี � แขกมี ไม่มาก ข้ าพเจ้ าและคณะก็ ได้ กราบหลวงพ่อ หลวงพ่อ ถามเสียงดังว่า “คณะนี ม� าจากไหนกัน” ข้ าพเจ้ าตะโกนตอบ “มาจากเพชรบูรณ์ ครั บ” หลวงพ่อพูดต่ออี กว่า “จะถามอะไร หลวงพ่อไหม” ข้ าพเจ้ าได้ ตะโกนตอบ “ขอบารมีหลวงพ่อ ขอให้ ลกู ปฏิบตั ธิ รรมก้ าวหน้ า” หลวงพ่อก้ มหน้ าลงแล้ วเงียบไปชัว� ครู่ แล้ ว ตอบข้ าพเจ้ าว่า “อือ ดีมาก” ความหมายก็คือว่า การปฏิบตั ิของ ข้ าพเจ้ า ดีมาก สิง� นี �นับได้ วา่ หลวงพ่อได้ ให้ กําลังใจแก่ข้าพเจ้ าเป็ น อย่ า งยิ� ง และหลวงพ่ อ ยั ง พู ด ต่ อ ไปอี ก ว่ า “ขอบารมี พ ระ นี�ต้องบวชนะ” ข้ าพเจ้ าก็ได้ รับไว้ ไม่ได้ พดู อะไร

อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๔๑


๘. แม่ ในอดีตชาติมาหาที�บ้าน ๒๕ กันยายน ๒๕๓๓

คื น วัน อัง คารที� ๒๕ กัน ยายน ๒๕๓๓ เวลาประมาณ เกื อ บ ๒ ทุ่ม ข้ า พเจ้ า ทานอาหารเย็ น อาบนํ า� เรี ย บร้ อยแล้ ว ซึ� ง ค่ อ นข้ า งจะเร็ ว กว่ า ทุ ก ๆ วัน เนื� อ งจากเพิ� ง หายป่ วยจาก ไข้ หวัดใหญ่ ข้ าพเจ้ าได้ นอนอ่านหนังสือธรรมะ นอนสบายๆ ใจก็สบาย จิตก็วา่ งๆ คงเนื�องมาจากลาโรงเรี ยน นอนพักไข้ มาถึง ๒ วัน อ่านหนังสือในหน้ าแรกๆ ไม่ได้ ตงใจอ่ ั � านมาก เพราะต้ องการ พัก ผ่ อ นจากไข้ อ่า นได้ นิ ด หน่ อ ยก็ ห ยุด พัก หลับ ตา ทัน ใดนัน� ข้ า พเจ้ า ก็ ไ ด้ เ ห็ น ภาพใบหน้ า ของผู้ห ญิ ง อายุแ ก่ ร ะดับ คุณ ป้ า คนหนึ�ง หน้ าตาเศร้ าหมอง ภาพใบหน้ าที�ปรากฏมีขนาดใหญ่ เต็มการเล็งเห็นของข้ าพเจ้ า ภาพนิ�งอยู่อย่างนัน� ข้ าพเจ้ าลืมตา จิตก็เห็นภาพ หลับตาลงก็เห็นภาพในลักษณะนันอี � ก รู้สกึ ผิดปกติ นี� ค งไม่ ใ ช่ จิ ต ปรุ ง แต่ง เสี ย แล้ ว จึง กํ า หนดจิ ต ไปยัง ภาพนัน� ว่า เป็ นอะไร ข้ าพเจ้ าได้ เห็นภาพผู้หญิ งแก่คนหนึ�ง รู ปร่ างผอมๆ อายุ ค งราวๆ ๖๐ ปี ตัด ผมสัน� นุ่ ง ผ้ าถุ ง สี นํ า� ตาลเข้ มเก่ า ๆ เสือ� คอกระเช้ าสีขาว ซึ�งดูแล้ วไม่ใช่สีขาวเพราะเปื �อนและเก่า ยื น หน้ า เศร้ าพูด กับ ข้ า พเจ้ า ว่ า “ฉั น ทุ ก ข์ ยากเหลื อ เกิ น ... ช่ วยฉันด้ วยเถอะ” (คําพูดสรุป) ข้ าพเจ้ าตอบว่า “ไม่ แน่ ใจว่ าจะ ช่ วยได้ มากน้ อยแค่ ไหนสําหรั บการแผ่ เมตตาของข้ าพเจ้ า” แต่ก็ยินดีอย่างยิ�งที�จะช่วย ลองดูก็แล้ วกันว่าจะได้ ผลอย่างไร ๔๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ข้ าพเจ้ าตังจิ � ตอธิษฐานบุญกุศลใดๆ ได้ กระทํามาแล้ วในอดีตชาติ กี�อสงไขย กี�ชาติก็ตามจนถึงปั จจุบนั นี � และที�จะกระทําต่อไปจน ตราบเท่าเข้ าสูพ่ ระนิพพานก็ตาม รวมทังผลทั � งหมดของข้ � าพเจ้ าที� ได้ รับจากการปฏิบตั กิ รรมฐาน ขอจงไปมีผลแก่บคุ คลท่านนี �เทอญ ภ า พ ข อ ง คุ ณ ป้ า ที� ข้ า พ เ จ้ า ไ ด้ เ ห็ น ใ น ข ณ ะ ที� แผ่ เ มตตานั น� แกสงบนิ� ง จากนั น� ค่ อ ยๆ ก้ ม ตั ว ลงช้ า ๆ ภาพของแกเริ� มสั�นและเลือนหายไป จิตของข้ าพเจ้ าบอกว่า เธอลอยขึน� สู่เ บื อ� งบน ข้ า พเจ้ า กํ า หนดจิ ต ตามขึน� ไปเบื อ� งบน เพื�อติดตามผลจากการที�ข้าพเจ้ าได้ กระทําไปแล้ วว่าเป็ นอย่างไร พอจิ ต ลอยขึน� ไปก็ พ บท่า นท้ า วมหาราชทัง� ๔ หัว หน้ า เทวดา ชันจาตุ � มหาราชิกาสวรรค์ชนที ั � � ๑ ท่านทังสี � �นงั� บนแท่นเรี ยงกันอยู่ ในวิมานแห่งเดียวกัน ข้ าพเจ้ าก้ มลงกราบ แล้ วเรี ยนท่านในสิ�งที� ข้ า พเจ้ า ได้ ก ระทํ า มา พร้ อมทัง� ถามท่า นว่า เห็ น คุณ ป้ าคนนัน� ผ่านมาแถวนี �บ้ างหรือไม่ ท่าน... (จิตบอกว่าเป็ นท่านท้ าวเวสสุวรรณ) ชี �ไปทางทิศใต้ ..บอกว่า...บ้ านเขาอยูแ่ ถวสุดโน้ น ข้ าพเจ้ ากราบลา ท่ า นทัง� สี� แล้ ว ไปตามที� ท่ า นบอกทัน ที และก็ เ จอวิ ม านเล็ ก ๆ หลังหนึง� มีระเบียงและห้ องที�ปิดประตูไว้ ห้องหนึง� หลังคาทรงไทย จตุรมุขสูง มีลวดลายไทยเป็ นสีเงินสลับทอง ข้ าพเจ้ าได้ เจอคุณป้า คนนัน� หน้ าตาแบบเดิม นั�งคอยข้ าพเจ้ าอยู่ด้วยอาการตื�นเต้ น และปี ติ แกใส่ชุด เสื อ� ผ้ า เหมื อ นนางรํ า ในละคร ผ้ า ถุง สี เ ขี ย ว มีลายในตัวมันวาววับ จากนัน� ข้ าพเจ้ าก็ถามข้ อสงสัยทันทีว่า ข้ าพเจ้ าได้ เคยสร้ างบุญกุศลผลกรรมอะไรเกี�ยวข้ องกับท่านมา อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๔๓


หรื อเปล่า การแผ่อทุ ิศส่วนกุศลถึงได้ มีผลขนาดนี � ท่านทําท่าใน ลักษณะนอนทําปากจู๋ อาการคล้ ายปลา จากนันท่ � านก็ทําภาพ ให้ ข้าพเจ้ าเห็น เป็ นภาพที�ข้าพเจ้ านอนหงายหน้ า มีกระแสนํ �าไหล มาท่วมข้ าพเจ้ า นํ า� ใสเย็นและกระเพื� อม ข้ าพเจ้ าไม่ทราบว่า นอนอยูใ่ นนํ �าอย่างสบายๆ ได้ อย่างไรแถมมีความสุขด้ วย จากนัน� ก็ ไ ด้ เ ห็ น ปลาตะเพี ย นตัว ใหญ่ ว่ า ยมาพร้ อมกับ ลูก ๆ ตัว เล็ ก ๆ เป็ นฝูงว่ายตามกันมา ท่านก็บอกว่า..ชาติหนึง� นัน� ท่านเคยเป็ นแม่ ของข้ าพเจ้ า เคยร่วมเสวยกรรมเกิดเป็ นปลาตะเพียนแม่ลกู ด้ วยกัน จากนันภาพก็ � หายไป กลับมาที�วิมานตามเดิม ตอนนี �รู ปร่ างของ คุณป้าในชุดนางรํ าสีเขียวสวยงามสว่างแพรวพราวนัน� ได้ หายไป กลับเปลี�ยนร่ างเป็ นหญิ งอายุราวๆ เกือบ ๓๐ ปี ใบหน้ ารู ปไข่ ผิวขาวสูงโปร่ง สวยมาก ใส่เสื �อผ้ าเหมือนเดิมทุกอย่าง สิง� นี �ทําให้ ข้ าพเจ้ าได้ ทราบว่า เทวดาไม่ มีคนแก่ ใครที�มีบญ ุ พอที�จะเป็ น เทวดา เมื�อมาจุติหน้ าตารู ปร่ างก็จะเปลี�ยนไปหมด ท่านบอก ข้ าพเจ้ าว่า ท่านชื�อ จันทาเทวี ด้ วยผลกรรมที�เกี�ยวเนื�องกันมา ในชาติก่อนๆ เป็ นผลให้ เราได้ มาพบกันและช่วยเหลือเกือ� หนุน กันอีก ข้ าพเจ้ าเตือนท่านจันทาเทวี ในเรื� องการประคับประคองจิต ให้ อ ยู่ภ ายใต้ ก ฎไตรลัก ษณ์ อนิ จ จั ง – ทุ ก ขั ง – อนั ต ตา ต้ องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ให้ เพิ�มพูนกุศลในฝ่ ายธรรม เพื�อเป็ น อุปนิสยั เป็ นปั จจัยหลังจากที�สิ �นบุญวาสนาจากเทวดาในชันจาตุ � มหาราชิกาแล้ ว จากนันเราก็ � ได้ ลาจากกัน ๔๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


จากประสบการณ์ในครัง� นี ข้� าพเจ้ าน้ อมนําเอาเหตุผลต่างๆ มาพิ จ ารณา ทํ า ให้ เ กิ ด การเรี ย นรู้ หลายอย่ า งด้ ว ยกัน ในที� นี � จะขอพูดสัก ๒ ข้ อดังนี � :๑. ทุกคนนันต่ � างก็เคยเกิดมาแล้ ว กีภ� พ กีช� าติแล้ วก็ไม่ทราบ เคยเป็ นอะไรก็ เ ป็ นมาแล้ ว สัต ว์ เ ดรั จ ฉาน คน เทวดา เปรต สัตว์นรก ฯลฯ สุขบ้ าง ทุกข์เวทนาบ้ าง ไม่จบไม่สิ �น ในวัฏสงสาร แห่งนี � ตามบุพกรรมที�จําแนกมาให้ เกิด ตัวท่ านยังไม่ เบื�อหน่ าย วัฏฏะแห่ งนีอ� ีกหรื อ? ๒. การแผ่เมตตานันมี � ผลจริ ง ผู้รับที�อยูใ่ นฐานะหรื อสภาพ ที�จะรับได้ เขารับได้ จริ ง ไม่ใช่เรื� องเหลวไหล บุญกุศลที�จะแผ่ไป ให้ แก่บคุ คลอื�นๆ จะต้ องสร้ างให้ เกิดในตัวเอง ซึง� สามารถทําได้ หลายทาง ยากดีมีจนสามารถทําได้ หมด บางอย่างไม่ต้องลงทุน ด้ วยทรัพย์ซํ �าไป ขอให้ มอี ทิ ธิบาท ๔ อันได้ แก่ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมงั สา ก็จะสัมฤทธิ�ผล ทางทีจ� ะสร้ างบุญก็คอื บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ หรื อพูดง่ายๆ ก็คือ ทาน ศีล ภาวนา โดยเฉพาะการ ภาวนา เพื�อลดกิเลส มุ่งไปสู่ อริ ยะ ผลบุญจากสิ�งนี �จะมีอานุภาพมาก ส่วนผลทีไ� ด้ รับ ทีจ� ะเกิดขึ �นในการให้ และรับนัน� ก็ต้องขึ �นอยูก่ บั เหตุ และปั จจัยว่าบุคคลสองฝ่ ายนัน� มีบพุ กรรมเกีย� วเนือ� งกันมาอย่างไร

อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๔๕


๙. ไปพบกับคนรู้ จกั ที�ยมโลก ๑๑ ตุลาคม ๒๕๓๓

วันนี เ� กิ ดความรู้ สึกคิดถึงอดีตผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาหล่มเก่า ซึง� ได้ มีความคุ้นเคยกับข้ าพเจ้ ามาบ้ างพอสมควร ในสมัย ที� แ กยัง มี ชี วิ ต อยู่ แกเสี ย ชี วิ ต จากอุ บัติ เ หตุร ถชนกั น ในช่วงสงกรานต์ ปี ๒๕๓๒ เหตุเกิดที�จงั หวัดพิษณุโลก ซึง� ขณะนัน� เป็ นผู้จดั การอยูส่ าขาวังทอง สมัยที�ค้ นุ เคยกับข้ าพเจ้ า (ตามความคิดของข้ าพเจ้ าข้ อมูล ผิ ด หรื อ ถูก ประการใดไม่ ท ราบ) ผู้จัด การตามสภาพศี ล ธรรม โดยทัว� ไปเป็ นคนดีคนหนึง� ซึง� จริ งจังในเรื� องงาน เป็ นคนเข้ มงวด ในระเบียบ เป็ นคนที�ไม่คอ่ ยยอมใครง่ายๆ จิตใจเข้ มแข็ง ชอบกีฬา ชอบสังคมชันสู � ง ชอบสมาคมกับบุคคลที�มีชื�อเสียงต่างๆ ยึดถือ ในเรื� องเกียรติยศชื�อเสียงมาก มีจิตใจเมตตาปราณีพอสมควร รัก ห่วง และกังวลมากเกี�ยวกับลูก เชื�อในเรื� องบุญกุศลอยู่บ้าง บริ จาคทําบุญ ทําทานบ้ าง แต่สว่ นใหญ่จะเกี�ยวข้ องในด้ านสังคม และชื�อเสียงของตนเอง ภาพที� ไ ด้ พบ : เมื� อ ข้ าพเจ้ าได้ บอกจุ ด ประสงค์ แ ละ ขออนุญาตแก่ท่านท้ าวยมราชเรี ยบร้ อยแล้ ว ภาพของผู้จดั การ ก็ปรากฏขึน� ทันที แกใส่เสื �อผ้ าค่อนข้ างหรู ทีเดียว นุ่งกระโปรง สีกรมท่า เสื �อสีขาวเหมือนชุดทํางาน และสวมเสื �อสูทสีกรมท่า ทับ อี ก ครั ง� แกมานั�ง คุก เข่ า ยกมื อ ไหว้ ท่ า นท้ า วยมราช และ ๔๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


เรี ยกข้ าพเจ้ าว่า อาจารย์ ด้ วยความดีใจที�ได้ พบข้ าพเจ้ า ก่อนอื�น แกขอขอบคุณข้ าพเจ้ าที�ได้ ทําบุญถวายอาหารพระอุทิศส่วนกุศล ไปให้ จากนัน� ก็ รํ า พัน ถึ ง ความตาย ที� แ กด่ ว นตายจากทุก สิ� ง ทุก อย่า งที� ไ ด้ ก ระทํ า ไว้ ได้ ส ร้ างไว้ ใ นโลกมนุษ ย์ มาโดยมิ ทัน ได้ ตัง� ตัว โดยเฉพาะความห่วงใยในครอบครั วที� ต้องแตกแยก โดยเฉพาะลูกๆ อันเป็ นสุดทีร� กั ต้ องขาดแม่ แกรําพันไปเช็ดนํ �าตาไป พร้ อมทังบ่ � นตําหนิตนเอง ในสมัยที�ยงั มีชีวิตอยู่ ที�หลงกระทําไป ตามโลกด้ วยความไม่ร้ ู เรื� องบุญทานที�ได้ กระทําไป ด้ วยความ ไม่เอาใจใส่ ด้ วยการมองข้ าม หลงอยู่กับเกี ยรติยศสรรเสริ ญ จนเกินไป กระทําหลายๆ สิ�งหลายๆ อย่างโดยคํานึงถึงชื�อเสียง เป็ นส่ ว นใหญ่ และยุ่ง อยู่กับ ลูก ๆ จนเกิ น เหตุ จนไม่ ค่ อ ยได้ เอาใจใส่ในเรื� องบางเรื� องที�ตนเองประจักษ์ แก่ใจแล้ วในขณะนี � ว่าเป็ นประโยชน์เป็ นโทษแก่ตนเองอย่างไร ข้ าพเจ้ าตัดบท ถามถึง ความเป็ นอยู่ว่าเป็ นอย่างไร แกลุกขึน� ยืนพาข้ าพเจ้ ามาที�บ้าน สภาพบ้ านที�อยู่ หลังคาเพิงหมาแหงน เป็ นบ้ านไม้ เก่าๆ มุงสังกะสี ใต้ ถนุ สูง มีชานกว้ างเหมือนมีไว้ ตากอะไรสักอย่าง เป็ นห้ องแถว ๓ ห้ องติดกัน แกอยูห่ ้ องแรก อีก ๒ ห้ องเป็ นบ้ านคนอื�นๆ ข้ าพเจ้ า สัง เกตเห็ น ว่ า สภาพบ้ า นกับ การแต่ ง ตัว ของแกต่ า งกัน มาก คงเพราะผลบุญ กุศ ลผลกรรมที� ไ ด้ ก ระทํ า ในครั ง� ยัง มี ชี วิ ต อยู่ เกือ� หนุนแสดงผล ซึ�งถ้ าจะพูดคงต้ องแจกแจงกันยาว ข้ าพเจ้ า จะไม่ขอพูดในที�นี � เมื�อชมที�อยู่อาศัยกันเรี ยบร้ อยแล้ ว ข้ าพเจ้ า ถามว่าจะฝากบอกอะไรไปยังคนรู้จกั ทางโน้ นบ้ างหรื อเปล่า แกยืน อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๔๗


พูด กับ ข้ า พเจ้ า ด้ ว ยใบหน้ า เศร้ าๆ บนชานหน้ า บ้ า นห้ อ งแถว ฝากไปยังทุกๆ คนทางโน้ น โดยเฉพาะผู้จดั การคนปั จจุบนั ด้ วยว่า... อย่าหลงแบบพีน� ะ มัวหลงเรื�องสังคมจนเกินไปไม่ร้ ูวา่ ตัวเองจะตาย เร็ วอย่างนี � จนลืมที� จะใส่ใจในเรื� องบุญกุศล จนต้ องมารั บผล อย่ า งที� เ ห็ น ในขณะนี � เพื� อ รอวัน เวลาที� จ ะมาเกิ ด ซึ�ง ก็ ไ ม่ ร้ ู ว่า จะนานเท่ า ไร ขออย่ า ลื ม เรื� อ งนี � และขอให้ มี ค วามศรั ท ธา ในการกระทํ า จะได้ รั บ ผลที� ดี ก ว่า พี� . .. ซึ�ง เป็ นคํ า ฝากของแก จากนัน...เราก็ � ได้ ลาจากกัน..... หมายเหตุ จากบันทึกนี � ทําให้ ข้าพเจ้ าหวนนึกถึงธรรมะบท เรื� องหนึง� ซึง� มีสาระดังนี �.ปฐมวัย – มัชฌิมวัย – และปั จฉิมวัย ใน ๓ วัยนี �ท่าน กระทําบางสิ�งบางอย่างเพื�อตัวท่านเองแล้ วหรื อยัง ถ้ าพ้ น ๓ วัย นี �แล้ วก็คงไม่ต้องอธิบายผล....และถ้ าท่านรอเวลาในวัยใดวัยหนึง� ก็หมายความว่า... ท่านประมาท........ความตายไม่ทราบว่าจะมา ถึงท่านเมื�อใด.. บันทึกนี �ข้ าพเจ้ าไม่มีเจตนาร้ ายใดๆ แก่ใคร เพียงบันทึก ไปตามความสามารถ ซึง� จะถูกหรื อผิดอย่างไรไม่ทราบ มุง่ หวังว่า จะเป็ นประโยชน์แก่บคุ คลต่างๆทังที � �เสียชีวิตไปแล้ วและมีชีวิตอยู่ ที�จะคิดน้ อมนําเอามาพิจารณาสอนตัวเองเท่านัน� ๔๘ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๑๐. ความอัศจรรย์ ในการปฏิบตั ธิ รรม ที�ป่านํา� หนาว ๒๙ ธันวาคม ๒๕๓๓

ช่วงปลายปี พ.ศ.๒๕๓๓ ข้ าพเจ้ าและคณะมีความสนใจ ในองค์ ห ลวงปู่ เทพโลกอุด ร มี ค วามศรั ท ธาอยากสัม ผัส และ อยากจะรู้ ในเรื� องของหลวงปู่ มากขึน� จึงได้ มีโครงการธุดงค์ ที� ป่ านํ า� หนาว บัง เอิ ญ ข้ าพเจ้ าได้ รู้ จั ก พี� ดํ า ซึ� ง เป็ นคนมาจาก จังหวัดสุรินทร์ ได้ มาอยูใ่ นเขตนํ �าหนาวนี �นานแล้ ว พีด� าํ เป็ นผู้ทรี� ้ ูจกั ป่ าเขาและถํ า� ในเขตพื น� ที� ป่านํ า� หนาวนี ด� ี พระธุดงค์ ส่วนมาก จะอาศัยแกเป็ นผู้นาํ ทาง ปั จจุบนั แกมีทดี� นิ หลายร้ อยไร่อยูน่ อกเขต อุทยาน พื �นที�สว่ นหนึง� ยังคงเป็ นป่ าที�มีสภาพดี มีลําธาร โขดหิน เหมาะแก่การปั กกลดอยูธ่ ดุ งค์ ข้ าพเจ้ าจึงมีโครงการที�จะพาคณะ มาปฏิบัติธรรมที�นี� เพราะสะดวกในการฝากรถยนต์ ได้ อาศัย โรงครัวทําอาหาร และห้ องนํ �าห้ องส้ วม ถึงแม้ วา่ จะต้ องเดินจากป่ า มายังกระต๊ อบที�พกั ซึง� อยูไ่ กลร่วมเกือบ ๒ กิโลเมตรก็ตาม ในวันที� ๒๙-๓๐ ธันวาคม ๒๕๓๓ เป็ นช่วงสิ �นปี เป็ นโอกาสดีสําหรั บ ข้ าพเจ้ าและคณะรวม ๕ คนที�จะไปธุดงค์ในเขตพื �นที�ของหลวงปู่ เทพโลกอุดร เราคาดว่าทุกอย่างคงจะสะดวกทัง� หมด เผลอๆ อาจจะได้ สมั ผัสกับหลวงปู่ อีกด้ วย อากาศก็ดีเพราะเป็ นฤดูหนาว ป่ าเขาก็สวยงาม อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๔๙


เมื�อข้ าพเจ้ าและคณะได้ เดินทางมาถึงป่ าแห่งนี �ก็เป็ นเวลา เกือบ ๙.๐๐ นาฬิกา บรรยากาศโดยเฉพาะเขตพื �นที�นี �กลับครึม� ไปด้ วยเมฆฝน ไม่มีแสงอาทิตย์ อากาศหนาวมากขึ �น ข้ าพเจ้ า และคณะรั บ ประทานอาหารเช้ าที� ก ระต๊ อบที� พั ก พวกเรา รับประทานอาหารเพียงมื �อเช้ ามื �อเดียว เสร็จธุระส่วนตัว พวกเรา ก็ เ ข้ าป่ าจั ด กลดที� พั ก ข้ าพเจ้ าเลื อ กพื น� ที� ปั กกลดเป็ นพื น� ที� กลางเกาะ มีลําธารแยกเป็ น ๒ สายล้ อมรอบ ด้ านบนของเกาะ จะเป็ นเนินสูงแล้ วลาดตํ�าลงไป ๒ ฝั� งลําธาร เต็มไปด้ วยป่ า ดูสงบ วังเวง ข้ า พเจ้ า จัด กลดให้ ผ้ ูห ญิ ง ๓ คนอยู่ส่ ว นบนของเกาะ มีต้นมะนาวสูงเต็มไปหมด จัดกลดเป็ นระยะห่างกันพอสมควร ส่วนกลดของผู้ชาย ๒ คนรวมทังตั � วข้ าพเจ้ าด้ วย เลือกจัดเอาไว้ ที� ด้ านล่างของเกาะ ห่างจากคณะของผู้หญิงพอสมควร พวกเรา เข้ ากลดปฏิบตั ิกรรมฐานจนถึงช่วงบ่าย ฝนก็ตกลงมาเป็ นระยะๆ อากาศหนาวเย็ น มื ด ครึ ม� หมอกหนาทึ บ ข้ าพเจ้ าทํ า สมาธิ ทังหลั � บตาและลืมตาสลับกัน รวมทังพิ � จารณาธรรมต่างๆ โดย ยกขันธ์ ๕ เป็ นหลัก จนเวลาล่วงเลยไปถึง ๔ โมงเย็น ข้ าพเจ้ าจึง ออกจากกลดไปเยี�ยมคณะผู้หญิง ฝนตกเป็ นระลอกๆ ทําให้ กลด เปี ยกหมด กลดของข้ าพเจ้ ายังไม่เปี ยกเพราะข้ าพเจ้ ายังไม่ใช้ ม้ งุ เก็บมุ้งไว้ เพือ� ไม่ให้ เปี ยก รวบเสือ� และพลาสติกรองพื �นขึ �น นํ �าฝนจึง ไม่ไหลเข้ าไป ทําให้ สมั ภาระไม่เปี ยก ส่วนกลดของผู้หญิงทังสามคน � เปี ยกหมดเพราะไม่ร้ ูวิธี เป็ นประสบการณ์ครัง� แรกของพวกเขา ๕๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ขณะที�ข้าพเจ้ าขึ �นไปเยี�ยม ก็ได้ เห็นพวกเขาทังสาม � ไปนัง� สมาธิ หลบฝนรวมอยู่ที� ก ลดเดี ย วกัน และห่า งจากที� ต รงนัน� ออกไป ประมาณเกือบ ๒๐ เมตร เป็ นก้ อนหินซึง� มีผ้าเต็นท์พลาสติกหนา เป็ นลายเส้ น ยาวสี ฟ้ านํ า� เงิ น สลับ กัน พับ อยู่ใ นถุง พลาสติ ก ใส เป็ นของใหม่ที�ยังไม่ได้ ใช้ มีรหัสราคาเขียนไว้ ด้วย ราคาคงจะ ประมาณ ๒๐๐ - ๓๐๐ บาท ข้ าพเจ้ าเห็นแล้ วจึงเดินไปหยิบ ขึ �นมาแล้ วถามทุกคนว่า.... มีใครเอามาให้ เราหรือ ซึง� สงสัยว่าคงจะ เป็ นเจ้ าของไร่ ไม่มีใครทราบว่าใครเป็ นคนเอามาและมาเมื�อใด ข้ าพเจ้ าก็ให้ ทกุ คนปฏิบตั ิสมาธิตอ่ เพราะมีเวลาอีกมากกว่าจะคํ�า ข้ าพเจ้ ากลับมาทํ าสมาธิ ในกลดต่อ นั�งลืมตาจับอาโลกกสิณ สลับกับพิจารณาขันธ์ ๕ จิตสงบ จิตมีกําลังทรงอยูน่ าน และแล้ ว ในช่วงหนึง� ซึง� หนุนด้ วยกําลังสมาธิ จิตมันพิจารณาขึ �นว่า เรานี �หนอ เกิดมาหลายภพหลายชาติแล้ ว ก็ยงั อยู่ด้วยความไม่ร้ ู มีอวิชชา หลงเข้ าไปยึดมัน� ถือมัน� ในกาย ยึดเป็ นตัวเป็ นตนหลงทุม่ เทแต่กาย ลืมจิต ลืมอบรมบ่มนิสยั จิต ลืมขุดก่นปั ดเป่ าความเศร้ าหมองในจิต ลุม่ หลงกายทังๆ � ทีร� ้ ูวา่ มันสกปรก มีแต่สง�ิ ปฏิกลู มีแต่ทกุ ข์เป็ นภาระ เรานี �หนอช่างไม่มีหู ไม่มีตา ไม่มีปัญญา หลงตัวเองชื�นชมตัวเอง ว่าสวยว่างาม ดีเลิศประเสริฐศรี หลงตัวเองยังไม่พอ ยังไปหลงผู้อนื� เรานี �หนอช่างโง่เขลาเบาปั ญญาเสียจริ งๆ ทังๆ � ที�ความจริ ง สิ�ง เหล่านี �ก็ล้วนชนหูชนตาเราอยูท่ กุ วี�ทกุ วัน จิตของข้ าพเจ้ าสลดลงอย่างแรง นํ �าหูนํ �าตาไหล ตื �นตันใจ เหมือนจะร้ องไห้ พอแล้ วกายเบื�อแล้ วกาย ขอให้ มันจบสิ �นกัน อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๕๑


เพียงเท่านี �เถอะความโง่เขลาทังหลาย � ในขณะที�จิตของข้ าพเจ้ า สลดอยู่นนั � ข้ าพเจ้ ามีความรู้ สกึ ว่า..แผ่นดินใต้ กลดของข้ าพเจ้ า สัน� สะเทือนอยู่ประมาณ ๒ – ๓ นาที จิตของข้ าพเจ้ านิ�งทรงตัว รับรู้ ปรากฏการณ์ที�กําลังเกิดขึ �นนี �โดยไม่ได้ ตื�นเต้ นอะไร ฝนก็ตก ปรอยๆ มาเป็ นระยะๆ ข้ าพเจ้ านั� ง สมาธิ ลื ม ตาอยู่ สั ก พั ก ก็ปรากฏว่า..เบือ� งหน้ าของข้ าพเจ้ า ซึ�งเป็ นเนินไม่สูงเท่าไรนัก มีคนตัวสูงใหญ่มาก ศีรษะโต หน้ ากลมใหญ่ ผมหยิก ผิวคลํ �า ไม่ ใ ส่ เ สื อ� ยื น โผล่ ขึ น� มามองเห็ น แค่ ค รึ� ง ตัว เนื� อ งจากเนิ น เขา และต้ นไม้ บั ง ส่ ว นล่ า งไว้ เสี ย งของเขาพู ด ดั ง ชั ด เจนในจิ ต ของข้ าพเจ้ าว่า..เรามีชื�อว่า...นิลละกะ..เป็ นผู้ดแู ลเขตป่ านํ �าหนาว แห่งนี ท่� านหัวหน้ าคือ..ท่ านท้ าวมหาราชทัง� ๔ ให้ เรามาคอยดูแล ท่ า นและคณะ ขอให้ ท่ า นไม่ ต้ อ งกลัว อะไรทัง� สิ น� ข้ า พเจ้ า ได้ กําหนดจิตพูดกับท่านท้ าวนิลละกะว่าท่านช่วยทําให้ ฝนหยุดตก หน่ อ ยสิ พวกข้ า พเจ้ า ได้ รั บ ความลํ า บากมาก ท่ า นนิ ล ละกะ ตอบว่า..... เราทํ าให้ ไม่ได้ เพราะเกิ นอํ านาจของเราแล้ วท่าน ก็หายไป ช่วงคํ�า ข้ าพเจ้ าและคณะก็ได้ ช่วยกันคิดวางแผนแก้ ไข สถานการณ์ ว่า... คืนนี �พวกเราจะหลบฝนหลบความหนาวเย็น จับใจนี �ได้ อย่างไร พวกเราเลยขอยืมใช้ ผ้าเต็นท์พเิ ศษผืนนันมากาง � เป็ นที�พกั กลดเปี ยกหมดใช้ ไม่ได้ ยกเว้ นของข้ าพเจ้ าซึ�งพอจะ ใช้ ได้ อยู่ ข้ าพเจ้ าตัง� สัจจะไว้ ว่า...ข้ าพเจ้ าจะอดทนนั�งภาวนา ในกลดให้ ถึงเที�ยงคืนให้ ได้ ถึงแม้ ว่าจะต้ องนัง� ด้ วยความทรมาน ๕๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


เพี ย งใดก็ ต าม เพื� อ ชํ า ระชดใช้ ห นี ก� รรมที� จ ะเข้ า มาขัด ขวาง การประพฤติ ก ารปฏิ บัติ ธ รรมของข้ า พเจ้ า คณะของข้ า พเจ้ า ได้ เข้ ามานัง� ทําสมาธิ รวมกันอยู่ในเต๊ นท์ อากาศหนาวเย็นมาก ฝนก็ ตกลงมาเป็ นระยะๆ ทุกคนไม่ค่อยได้ หลับ นั�งผิ งไฟจาก เตาแก๊ สเล็กที�เราได้ เตรี ยมไป ทําสมาธิสลับกับการสนทนาธรรม รอให้ สว่าง รุ่ งเช้ าฝนตกปรอยๆ เป็ นช่ ว งๆ หมอกหนามาก แทบมองไม่เห็นกัน อากาศยังคงหนาวเหน็บถึงใจ พวกเรายังคง นัง� สมาธิกนั อยูภ่ ายในเต๊ นท์ ขณะนันด้ � านหลังและด้ านข้ างเต๊ นท์ ได้ มีเสียงคนคุยกันเซ็งแซ่ อีกทังยั � งมีเสียงหัวเราะอยูเ่ ป็ นเวลานาน พอสมควร พวกเราทุกคนได้ ยินเสียงชัดเจนเพราะมีเพียงผ้ าเต๊ นท์ เท่านัน� ที� กัน� อยู่ แต่พวกเราไม่สามารถจับข้ อความที� พูดกันได้ ข้ าพเจ้ ากําหนดจิตก็ร้ ู ได้ ทนั ทีว่า...เสียงเหล่ านัน� เป็ นเสียงของ พรหม ของเทพ ที�ลงมารอนมัสการหลวงปู่ เทพโลกอุดร ซึง� หลวงปู่ ท่านจะลงมารับเครื�องสังฆทานของพวกเราทีจ� ดั ไว้ ในเต๊ นท์ เพื�อถวายบูชาสักการะท่าน เหตุการณ์ นีท� ํ าให้ ข้าพเจ้ าได้ ข้อคิดที� ว่า...เทวดาก็ ตาม พรหมก็ ต าม ท่ า นเหล่ า นี ท� ํ า ไมอยู่ส บายกว่ า พวกเรา ฝนตก ท่ า นก็ ไ ม่ เ ปี ยก อากาศหนาวท่ า นก็ ไ ม่ ห นาว ท่ า นไม่ เ มื� อ ย ท่านไม่เหนื�อย ท่านไปไหนมาไหนได้ รวดเร็วสบาย ท่านมีกายทิพย์ เสวยบุ ญ กุ ศ ลแต่ ฝ่ ายเดี ย ว ไม่ เ หมื อ นพวกเรานี ห� นอ.. ช่างยากลําบากเหลือเกิน มีภาระแบกขันธ์ ๕ อยูด่ ้ วยความทุกข์ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๕๓


สภาพกายก็ยังมีความเสื�อม มีตวั ตนจึงมีสิ�งมากระทบต่อกาย มี ค วามร้ อน ความหนาว ความเปี ยก ความชื น� อิ จ ฉาริ ษ ยา ดุด่ า ว่ า กล่ า ว มี ค วามเมื� อ ยความเหนื� อ ย การเจ็ บ ไข้ ไ ด้ ป่ วย ความมีโรคภัยไข้ เจ็บ มีวิบากกรรม อุบตั ิเหตุ ความสูญเสียต่างๆ ความทุกข์ที�จิตใจที�อยูด่ ้ วยความไม่ร้ ู อยูด่ ้ วยความโลภ โกรธ หลง ทุกข์ที�ต้องรับภาระกายที�มนั ต้ องกิน ต้ องขับถ่าย ต้ องมีบ้านเรื อน ทีอ� ยูอ่ าศัยปั จจัย ๔ ทังหลายทั � งปวงเหล่ � านี การมาเกิ � ดแล้ วมีขนั ธ์ ๕ นี �หนอช่างไม่ดีเสียเลย ทําไมเมื�อก่อนนี � เราจึงพอใจ ชอบใจ สุขใจ กับขันธ์ ๕ กับการเวียนว่ายตายเกิดภพแล้ วภพเล่าอย่างนี � ทําไม ไม่มีปัญญา ทังๆ � ที�สงิ� เหล่านี �มันก็เกิดขึ �นชนหูชนตาเราอยู่ พอแล้ ว ไม่เอาแล้ ว เบื�อแล้ วขันธ์ ๕ ไม่ลงั เลสงสัยในองค์สมเด็จพระสัมมา สั ม พุ ท ธเจ้ าอี ก แล้ ว ขอประพฤติ ป ฏิ บั ติ ต ามคํ า สอนของ พระองค์ทา่ น ไม่ละเมิดศีล มีเป้าหมายอยูท่ ี�นิพพานอย่างเด่นชัด การจุตเิ ป็ นเทพ เป็ นพรหม ท่านไม่มีขนั ธ์ ๕ ท่านสบายกว่าเรามาก แต่ อ ย่ า งไรท่ า นทัง� หลายเหล่ า นัน� โดยส่ ว นใหญ่ ท่ า นก็ ยัง มี วิบากกรรมรออยู่ มีอายุขยั ทีจ� ะต้ องเวียนว่ายตายเกิด ยังไม่พ้นทุกข์ อยู่ดี สู้ไ ปนิ พ พานตามคํ า สั�ง สอนขององค์ ส มเด็ จ พระสัม มา สัมพุทธเจ้ าดีกว่า เสียงคุยกันอยูอ่ ย่างเซ็งแซ่มีอยูป่ ระมาณ ๑๐ นาทีก็เงียบ มีพลังบางอย่างกระทบจิตของข้ าพเจ้ า ข้ าพเจ้ าทราบได้ ทนั ทีวา่ ... หลวงปู่ เทพโลกอุดรมาแล้ ว ข้ าพเจ้ าพาคณะน้ อมถวายเครื� องทาน แด่ท่าน หลวงปู่ ท่านมาด้ วยกายทิพย์เพราะยังไม่ถึงเวลาที�ท่าน ๕๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


จะมาโปรดพวกเราด้ วยกายเนื �อจริ งๆ พวกเราถวายเครื� องทาน แด่ทา่ น ขอบารมีทา่ น และแผ่เมตตาสักพักหนึง� แล้ วท่านก็ไป พวกเราช่วยกันเก็บของสัมภาระที�พอจะเอาไปได้ ข้ าวของ ค่อนข้ างเยอะ ตังใจว่ � าจะกลับมาขนอีกรอบ แต่ปรากฏว่าพวกเรา ขนของไปรอบแรกก็ แ ทบแย่ ทางขึ น� เขาลื� น และชัน ผ่ า นป่ า ต้ อ งเกาะต้ น ไม้ ด้ ว ยความทุลัก ทุเ ล กว่ า จะผ่ า นป่ าเขาไปได้ ก็แทบแย่ อากาศก็หนาวจนตัวสัน� หมอกก็ครึ ม� ไปหมด ขนของ มาถึงที�จอดรถข้ างกระต๊ อบที�พกั ของเจ้ าของไร่ พวกเราตัดสินใจ ขนของเพียงรอบเดียว ขนอีกรอบไม่ไหวแล้ ว พี�ดําและลูกน้ อง ไม่ได้ อยูท่ บี� ้ าน ไม่ทราบว่าไปทีไ� หน ข้ าพเจ้ าจึงไม่มโี อกาสสอบถาม เกี� ยวกับเรื� องผ้ าเต็นท์ พิเศษผืนนัน� ข้ าพเจ้ ามีเรื� องรบกวนพี�ดํา ที�จะฝากภาระช่วยเก็บของที�ทิ �งไว้ ในป่ าบริ เวณปั กกลด กลดก็ยงั แขวนตากฝนอยู่ เสื� อ ผ้ าพลาสติ ก ปู ร องเสื� อ ข้ าพเจ้ า ได้ เขียนจดหมายฝากเก็บของเป็ นรายการๆ แล้ วข้ าพเจ้ าจะกลับ มารับของคืนในสัปดาห์ถดั ไป จากนันคณะของข้ � าพเจ้ าก็ได้ กลับบ้ าน พกเอาความสงสัย อัศจรรย์ ไปสืบหาค้ นคว้ าต่อไป ต่อมาข้ าพเจ้ าก็ได้ คําตอบของ ปั ญหาเหล่านี �ว่า... ผ้ าเต็นท์พิเศษผืนนัน� เป็ นผ้ าเต็นท์พิเศษจริ งๆ มาจากสวรรค์ เพือ� มาให้ พวกเราได้ อาศัยบรรเทาทุกข์จากธรรมชาติ ทีส� บื เนือ� งมาจากวิบากกรรมทีไ� ด้ กระทํามาในอดีตชาติ สิง� อัศจรรย์ ทัง� หลายที� เกิ ดขึน� นี ค� งเกิ ดขึน� เฉพาะบุคคล ข้ าพเจ้ าจึงปกปิ ด เรื�องนี �ไว้ ไม่ให้ พดี� าํ เจ้ าของไร่ทราบ และเมือ� ถึงเวลาทีข� ้ าพเจ้ าไปรับ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๕๕


เอาสัม ภาระที� ฝ ากให้ เ ก็ บ ไว้ ข้ า พเจ้ า จึง ได้ ส อบถามเกี� ย วกับ ผ้ าเต็น ท์ ผืน ใหญ่ พิเศษผื นนัน� พี� ดํา ไม่ทราบไม่ร้ ู เรื� องผ้ าเต็นท์ ตอนไปเก็ บ ของก็ ไ ม่ มี ผ้ าเต็ น ท์ ผื น ใหญ่ มี แ ต่ สัม ภาระอื� น ๆ ตามหัวข้ อที�แจ้ งไว้ ในรายการเท่านัน� ดั ง นั น� ...เป็ นที� แ น่ น อนว่ า “ผ้ าเต็ น ท์ พิ เ ศษผื น นั น� ” เป็ นผ้ าเต็ น ท์ ที� ม าจากสวรรค์ จ ริ งๆ นั บ เป็ นบุ ญ กุ ศ ลของ พวกเราทั ง� หลายที� มี โ อกาสได้ ใช้ ผ้ าที� ม าจากสวรรค์ ทั ง� คื น สําหรั บข้ าพเจ้ าแล้ ว ประสบการณ์ เหล่านีน� ับว่าเป็ นประโยชน์ อย่างยิ�ง เป็ นการเรี ยนรู้ในทางการปฏิบตั ิ ทําให้ เกิดความฝั งแน่น ในศรั ท ธา มี ความมั�นใจในองค์ ส มเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า ในคําสอนของพระพุทธองค์ ทําให้ เกิดความวิริยะ อุตสาหะและ ความเพี ย รในการปฏิ บัติ มี เ ป้ าหมายคื อ มรรคผล นิ พ พาน อย่างมัน� คง อย่างไรก็ ตามสําหรั บตัวข้ าพเจ้ าเองนัน� คงไม่ได้ ดีเลิศ ประเสริฐศรี ไปกว่าใครๆ คงเป็ นเพียงแค่บคุ คลคนหนึง� ซึง� ได้ ปฏิบตั ิ มาแล้ วและเป็ นตัวอย่าง เป็ นการรับรองแก่ท่านทังหลายที � �กําลัง ประพฤติปฏิบตั ิ หรื อกําลังจะเริ� มประพฤติปฏิบตั ิ สิง� ใดๆ ที�เกิดขึ �น ได้ กบั ข้ าพเจ้ า สิง� เหล่านันก็ � ยอ่ มเกิดขึ �นได้ กบั ทุกๆ ท่านเช่นเดียวกัน ขอเพี ย งให้ มี ค วามเพี ย รปฏิ บั ติ ใ ห้ จิ ต ถึ ง ซึ� ง พุ ท ธานุ ส ติ มีเป้าหมาย มรรคผล นิพพาน เป็ นทีไ� ปก็แล้ วกัน......

๕๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๑๑. สัมผัสหลวงปู่ เทพโลกอุดร ที�วัดผาแดง ในเขตป่ านํา� หนาว ๑๙ เมษายน ๒๕๓๔

อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๕๗


วัดผาแดงเป็ นวัดเล็กๆ อยูใ่ นหุบเขาใกล้ ผาแดง อยูห่ า่ งจาก ถนนหลวงสายหล่ม สัก -ขอนแก่ น ต้ อ งเดิ น ตามทางเท้ า ลงไป ในหุบเขาประมาณ ๒ กิโลเมตร มีหมูบ่ ้ านเล็กๆ ไม่กี�หลังคาเรื อน อยู่ทางใต้ ของวัด ห่างจากวัดประมาณ ๑ กิโลเมตร ช่วงวันที� ๑๙ เมษายน ๒๕๓๔ ข้ าพเจ้ าและคณะ รวม ๕ คน ได้ มีความตังใจ � ที�จะมาปฏิบตั ิกรรมฐานที�วดั แห่งนี �สัก ๒ - ๓ วัน โดยมีเจตนา ที�จะมีโอกาสได้ สมั ผัสกับหลวงปู่ เทพโลกอุดร ปรารถนาให้ ท่าน เมตตาอบรมสัง� สอนคณะพวกเรา เพราะเขตพื �นที�แห่งนี �อยูใ่ นเขต ป่ านํ �าหนาว เป็ นเขตของหลวงปู่ ใหญ่ทา่ น พวกข้ า พเจ้ า ขนของสัม ภาระเดิ น ลงไปยัง วัด โดยจ้ า ง ชาวบ้ านช่วยขนไปด้ วย รถยนต์ ต้องจอดฝากไว้ ที�ป้อมตํารวจ ริ มถนนไม่ไกลจากทางเข้ าวัดเท่าไรนัก ทางเดินเข้ าวัดค่อนข้ าง ลําบาก เป็ นเขาสูงชัน ยิ�งแบกของไปด้ วยยิ�งลําบาก พวกเรา พยายามด้ วยความทุลกั ทุเลไปจนถึงวัด เจ้ าอาวาสวัดผาแดง แห่งนี �คือ ท่านพระอาจารย์ชยั วัฒน์ ทราบว่าท่านเคยเป็ นลูกศิษย์ หลวงพ่อวัดปากนํา� และครู บาอาจารย์อีกหลายองค์ ในช่วงนัน� ท่านไม่อยู่วดั ไปธุระที�กรุ งเทพฯ ไม่มีใครอยู่ที�วดั เลย ข้ าพเจ้ า เลยเข้ าไปในหมู่บ้าน ตามโยมผู้ชายซึ�งเป็ นผู้อปุ ั ฏฐากวัดแห่งนี � เพื�อขออนุญาตปฏิบตั ธิ รรมที�วดั และพวกเราก็ได้ รับความสะดวก ทุกประการ สภาพของวัดเป็ นป่ าโปร่ง เต็มไปด้ วยก้ อนหิน ลานหิน มีลําธารเล็กๆ ไหลผ่าน วัดมีกฏุ ิ ๒ – ๓ หลัง มีโรงครัว ศาลาและ หอระฆัง ๕๘ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ช่ ว งกลางวัน ในเดื อ นเมษายนอากาศร้ อนมาก เพราะ ความร้ อนจากแสงแดดสะท้ อนจากลานหิน ถึงขนาดทีพ� วกเราต้ อง หลบไปปูเสือ� นัง� กรรมฐานทีใ� ต้ ถนุ ศาลาเตี �ยๆ ตอนกลางคืนพวกเรา ได้ ปฏิบตั กิ รรมฐานรวมกันที�ศาลาก่อน แล้ วแยกกันไปปฏิบตั แิ ละ พักผ่อนนอนกันคนละที� สองคนให้ กางกลดอยู่ในศาลา อีกคน ไปอยู่ที�โรงครัว และอีกคนไปอยู่ที�หอระฆัง ส่วนข้ าพเจ้ าอยู่ที� ศาลาไทยเล็กๆ กลางสระนํ �า มีสะพานไม้ แคบๆ เชื�อมเป็ นทางเดิน ศาลาโปร่ ง รอบด้ า นไม่ มี ฝ ากัน� ข้ า พเจ้ า นั�ง สมาธิ จ นถึ ง เวลา อันสมควรก็นอนทําสมาธิเหยียดเท้ าไปทางสะพาน ตอนหัวคํ�า อากาศยังร้ อนอบอ้ าว แต่กลางคืนอากาศหนาวจนต้ องห่มผ้ า ข้ าพเจ้ าใช้ ม้ ุงกลดแทนผ้ าห่ม ช่วงนี เ� ป็ นคืนเดือนมื ด มื ดมาก แทบมองไม่เห็นอะไร ข้ าพเจ้ านอนทําสมาธิจนหลับไป รู้สกึ ตัวกลางดึกได้ ยนิ เสียง ไก่ ขัน มาจากหมู่บ้ า น คิ ด ว่า คงเป็ นเวลาตี ๓ กว่า ๆ ข้ า พเจ้ า นอนห่มผ้ ามุ้งกลดทําสมาธิจบั อาโลกกสิณควบกับลมหายใจอยู่ จิตสบาย ลมหายใจละเอียดลึกลงไป ขณะนันข้ � าพเจ้ าได้ ยินเสียง คนเดินกระทืบเท้ าบนสะพานไม้ เข้ ามาหาข้ าพเจ้ า เสียงดังเข้ าหู อย่างชัดเจน และจับปลายเท้ าทังสองของข้ � าพเจ้ าเหวี�ยงไปมา อย่างแรงเหมือนจะปลุกข้ าพเจ้ า ข้ าพเจ้ าตกใจเหวี�ยงตัวลุกขึ �นนัง� ขัดสมาธิ ก็เห็นหลวงปู่ เทพโลกอุดรนั�งอยู่เบือ� งหน้ าข้ าพเจ้ า ท่ า นมาในลั ก ษณะเป็ นพระแขกหนวดเคราสี ข าวยาว ศี ร ษะห่ อ พัน ไว้ ด้ ว ยผ้ า เหลื อ ง ไม่ทราบว่าข้ าพเจ้ าเห็นท่าน อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๕๙


ได้ อย่างไร ข้ าพเจ้ าลืมตาเห็นทัง� ๆ ที� บรรยากาศมื ดสนิ ทมาก เมื� อ เห็ น ข้ าพเจ้ าก็ ร้ ู ได้ ทัน ที ว่ า ..เป็ นหลวงปู่ ใหญ่ ข้ าพเจ้ า ก้ มลงกราบท่าน ๓ ครัง� พอกราบเสร็ จท่านก็พดู ขึ �นอย่างชัดเจน ว่า.... “อะไรๆ องค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ าก็สอนเธอ มาแล้ ว ให้ เราสอนมันก็เหมือนกัน” พอพูดเสร็ จท่านก็ลกุ ขึ �น หันกลับเดินหายไป ข้ าพเจ้ านอนทําสมาธิตอ่ จนฟ้าสว่าง ตอนเช้ า หมู่คณะของข้ าพเจ้ าต่างก็มาเล่าประสบการณ์ เกี�ยวกับเมื�อคืน สูก่ นั ฟั ง บางคนก็เล่าว่าไม่ได้ หลับไม่ได้ นอน เมื�อคืนมีคนมาเดิน อยู่รอบกลด บางครัง� ก็เขย่ามุ้งกลด ต้ องนัง� สมาธิกนั อย่างหนัก บางคนก็ว่ามีกลิ�นหอมของดอกไม้ ตลอดทังคื � น มีผลทําให้ มีสติ ตื�นตลอดอยู่กับสมาธิ มีประสบการณ์ ให้ เผชิญกับความกลัว มีความหนักแน่นและศรัทธาในคําสอนขององค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้ ามากขึ �น กระตุ้นให้ เกิดความเพียรในการปฏิบตั มิ ากขึ �น โดยเฉพาะเรื�องราวเกี�ยวกับ...หลวงปู่ ใหญ่ หลวงปู่ เทพโลกอุดร นั � น ข้ าพเจ้ าได้ คลายความสงสั ย ในองค์ ท่ านแล้ ว มีความเชื�อมั�นหนั กแน่ นขึน� ในพระพุทธ พระธรรม และ พระสงฆ์ ที�มีมรรคผล นิพพาน เป็ นเป้าหมาย....

๖๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๑๒. ผีท�โี รงเรียนมาปรากฏให้ เห็น ๒๕๓๔

พื น� ที� ข องโรงเรี ย นหล่ม เก่ า พิ ท ยาคม ก่ อ นที� จ ะมาเป็ น โรงเรี ย นในปั จ จุบัน นี � เคยเป็ นป่ าช้ า ฝั ง ศพหรื อ เผาผี ม าก่ อ น หลายคน ไม่ว่าครู นักเรี ยน หรื อ ภารโรง ได้ ประสบเหตุการณ์ ที�เกี�ยวกับผีที�นี�มาก่อน นักเรี ยนทังชายและหญิ � งมักจะโดนผีสิง อยูบ่ อ่ ย แม้ วา่ จะเป็ นขณะที�นงั� เรี ยนหนังสืออยูก่ ็ตาม อาการที�เกิด ก็มกั จะมีอาการคล้ ายๆ กันคือ เป็ นลมหมดสติไม่ร้ ูตวั แสดงอาการ กิริยาที�ไม่ใช่เป็ นตัวของตัวเอง มักแสดงอาการเป็ นผู้ชาย แถมยัง บอกชื�อว่า... ขุนรักษ์ และการมาสิงก็อ้างเหตุผลหลายๆ อย่าง เช่น มันไม่ไหว้ กู หรือแบบไม่คอ่ ยมีเหตุผล เช่น กูอยากกินเหล้ า บางครัง� ก็ยังเคยสิงเด็กนักเรี ยนอยู่ตลอด ๒-๓ วัน ต่อมาในช่วงหลังๆ ตัง� แต่ที� ข้ า พเจ้ า ได้ บ วชเข้ า พรรษาและฝึ กปฏิ บัติ ธ รรมมาแล้ ว ข้ าพเจ้ าได้ ตงกลุ ั � ่มปฏิบตั ิธรรมขึ �นในโรงเรี ยน มีกิจกรรมหลายๆ อย่าง เช่น กิจกรรมปฏิบตั ธิ รรม ทําบุญโรงเรี ยน เป็ นต้ น เหตุการณ์ ที� ไ ม่ ดี เ หล่า นี จ� ึ ง ค่ อ ยเงี ย บหายไปจากโรงเรี ย น แต่ มัก ไปเกิ ด นอกโรงเรี ยน เช่น นักเรี ยนตายจากอุบตั เิ หตุระหว่างทางกลับบ้ าน หรือแถวๆหน้ าโรงเรียน ข้ าพเจ้ าเคยตรวจสอบด้ วยการปฏิบตั สิ มาธิ ก็ทราบได้ ว่าส่วนใหญ่เป็ นฝี มือของแก๊ งผีกลุม่ นี � ช่างไม่กลัวบาป กลัวกรรมกันหรื ออย่างไร ต่อมาในช่วงต้ นปี ๒๕๓๔ ปรากฏการณ์ ต่างๆ ของผีกลุม่ นี �ก็หมดไป ทราบด้ วยการปฏิบตั สิ มาธิวา่ ถึงเวลา อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๖๑


ที�ผีรายนี �จะต้ องตกนรกเสวยผลกรรมของเขาแล้ ว ก็ช่างเป็ นสิ�งที� น่าเวทนาที�ผีรายนี �ได้ สร้ างวิบากกรรมขึ �นในจิต ให้ จิตตนเองตกตํา� น่าจะใช้ ญาณหรื อสิ�งที�เป็ นธรรมชาติของตนเองให้ เกิดประโยชน์ เพราะบาป บุญ คุณ โทษ ทิพย์สมบัติ ก็ได้ สมั ผัสตนเองอยู่ ซึง� ก็ เป็ นไปตามพระธรรมคํ า สั�ง สอนขององค์ ส มเด็ จ พระสัม มา สัมพุทธเจ้ า อย่างไม่ต้องลังเลสงสัยเลย............ ในปี เดี ย วกัน นี � มี เ หตุก ารณ์ เ กิ ด ขึ น� กับ ข้ า พเจ้ า อี ก คื อ ในเวลาบ่ายของวันเสาร์ ข้ าพเจ้ าได้ ไปที�โรงเรี ยนเพื�อไปเอาของ ที� ลืม ไว้ ที� ห้ องพักครู หน้ า ต่า งห้ อ งก็ ปิ ดหมด ห้ องค่อนข้ างมื ด ข้ าพเจ้ าเปิ ดกุญแจและเปิ ดประตูเดินเข้ าไป พอเดินเข้ าไปได้ ๔-๕ ก้ าว ก็มเี สียงดังอย่างแรงทีม� มุ ประตูด้านในห้ อง เหมือนมีของ อะไรซักอย่างหล่นลงมา ข้ าพเจ้ าจึงหยุดเดินทันทีแล้ วหันกลับมาดู เห็นด้ วยจิตอย่างชัดเจนมากทังๆ � ที�ลืมตาอยู่ ข้ าพเจ้ าเห็นชาย คนหนึ�ง อายุคงราวๆ ๖๐ ปี รู ปร่ างไม่สงู และไม่ตํ�า ประมาณ ๑๖๒ เซนติเมตร ผิวเนื �อดําแดง หน้ าตาคมสัน สวมเสื �อเชิ �ตชายตรง สีเทาอ่อน กางเกงสีกากี ยืนอยู่มมุ ห้ องด้ านในข้ างๆ ประตู เขา บอกว่ า ชื� อ นายสุ ธ รรม เป็ นสั ม ภเวสี อ ยู่ ที� โ รงเรี ย นแห่ ง นี � ได้ เคยเกี�ยวข้ องกับข้ าพเจ้ าในอดีตชาติ ต้ องการการสงเคราะห์ ข้ าพเจ้ าทราบดังนันจึ � งได้ ยืนเข้ าสมาธิ ขอบารมีจากองค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ า ขอให้ การแผ่เมตตาของลูกนี �เกิดผล บุญกุศล ทังหลายที � �ข้าพเจ้ าได้ สร้ างมาทุกภพทุกชาติ รวมทังการขอบารมี � จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ าและเบื �องบนทังหลาย � ขอให้ ๖๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


เป็ นผลส่งให้ ทา่ นนี �ได้ ไปผุดไปเกิด หรื อเปลี�ยนภพเปลี�ยนภูมิ หรื อ มีทพิ ย์สมบัตเิ พิม� พูนทวีคณ ู ขึ �น ขอให้ มีดวงตาเห็นธรรมด้ วยเทอญ เขาได้ น้อมรับแล้ วก็หายไป ปั จจุบนั ข้ าพเจ้ าก็ยงั แผ่เมตตาให้ อยู่ เป็ นประจํา.... ต่อมาในปี เดียวกันนี �ในชัว� โมงเรี ยนของนักเรี ยนชัน� ม.๕/๓ ซึ�งข้ าพเจ้ าได้ เป็ นครู ที�ปรึ กษา ก่อนหน้ านี �ได้ มีอาจารย์ท่านหนึ�ง มาฟ้องว่า.... มีนกั เรี ยนหญิงกลุม่ หนึง� ทําสิ�งที�ไม่ควร ซึง� ข้ าพเจ้ า รู้ดวี า่ เป็ นใคร นักเรียนห้ องนี �มีนกั เรียนชายน้ อยมีนกั เรียนหญิงมาก และมีนักเรี ยนหญิ งกลุ่มหนึ�งซึ�งค่อนข้ างดื �อ ข้ าพเจ้ าได้ ทําการ อบรมสัง� สอน เน้ นเรื� องบุญเรื� องบาป แต่ดๆู สภาพหลังจากอบรม แล้ ว คงได้ ผลไม่มากนักสําหรับเด็กกลุม่ นี � ก็คงจบกันไปในคราวนี � โอกาสหน้ าก็ยงั คงมีอยูอ่ กี ต้ องอดทน อย่าให้ ความเมตตามาทําให้ ใจเศร้ าหมอง เมื� อ ผลที� เ กิ ด ไม่ ส มดั� ง ใจ ในช่ ว งที� พั ก เที� ย ง นัก เรี ย นหญิ ง กลุ่ม นี ป� ระมาณ ๕-๖ คน ที� เ ป็ นปั ญ หาในห้ อ ง หลังจากที�เธอได้ รับประทานอาหารกลางวันเสร็ จแล้ ว ได้ ชวนกัน ไปเล่นปิ งปองที�หอประชุมใหญ่ และชวนกันไปเล่นที�โต๊ ะสุดท้ าย ติดกับห้ องเก็บของ ห้ องเก็บของนี �กุญแจลูกบิดชํารุดถูกถอดออก ปล่อยให้ เป็ นรู กลมอยู่ และใช้ สายยูคล้ องกุญแจแทน ขณะที� นักเรี ยนหญิงรอคิวเล่นปิ งปองอยูน่ นั � จะเป็ นเพราะเหตุใดไม่ทราบ ได้ มี เ ด็ ก หญิ ง คนหนึ� ง อยากรู้ อยากเห็ น ว่ า ในห้ องนี ม� ี อ ะไร เหมือนมีสิ�งมาดลใจ เธอเลยก้ มตัวลงมองผ่านช่องกลมลูกบิด ประตู ข้ างในห้ องเก็บของไม่มืดเพราะห้ องไม่ได้ สงู จรดเพดาน อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๖๓


จึงมีแสงส่องเข้ าในห้ องได้ นักเรี ยนหญิงคนแรกได้ เห็นชายคนหนึง� ยืนอยู่ เห็นชายเสื �อตรงสีขาว กางเกงสีกากี เห็นไม่หมดทังตั � ว และ ชายคนนี �มีอาการเคลื�อนไหวด้ วย ตอนแรกนึกว่าเป็ นนักเรี ยนชาย แอบเข้ าไปอยู่ในนัน� นักเรี ยนหญิ งคนนีจ� ึงได้ รีบไปกระซิบบอก เพื�อนให้ ไปดู ทุกคนต่างก็ได้ ไปส่องดู ต่างก็เห็นเหมือนกันหมด ยกเว้ นคนสุดท้ ายทีไ� ด้ ไปส่องดู ซึง� เธอคงส่องดูด้วยมุมทีส� งู ไปหน่อย จึงได้ สบตากับชายผู้อยูใ่ นห้ อง ชายคนนันได้ � สบตาเธอแล้ วก็ยิ �ม ให้ เล็กน้ อย ปรากฏว่าเธอกรี ดร้ องนําเพือ� น จากนันต่ � างคนต่างก็วงิ� ตัว ใครตัว มัน ออกจากหอประชุม มาหาข้ า พเจ้ า ข้ า พเจ้ า เลย ได้ โอกาสสัง� สอนเพิ�มเติมอีก ให้ กลัวบาป กลัวกรรม ผีสางเทวดา เป็ นสิง� ที�มีจริ ง เหตุการณ์นี � ผีชื�อนายสุธรรมอยากให้ นกั เรี ยนหญิง เหล่านี � ได้ เชื� อฟั งครู บาอาจารย์ บ้าง เพื�อที�จะได้ สร้ างคุณงาม ความดีให้ เกิดขึ �น เพื�อเป็ นประโยชน์แก่ตวั เธอนัน� เอง....

๑๓.ทอดกฐินทีว� ดั ผานําเที � ย� ง อําเภอนําหนาว � หลวงปู่ เทพโลกอุดร หลวงปู่ ปาน และ หลวงพ่ อพร้ อมเทวดามาร่ วมทอดกฐิน ตุลาคม ๒๕๓๕

ช่วงออกพรรษาเดือนตุลาคม ๒๕๓๕ ข้ าพเจ้ าและคณะ ได้ เป็ นเจ้ าภาพทอดกฐิ น ที� วั ด ผานํ า� เที� ย ง อํ า เภอนํ า� หนาว ๖๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


จัง หวัด เพชรบู ร ณ์ วัด แห่ ง นี เ� ป็ นวัด ใหม่ ศาลาก็ ยัง มี ส ภาพ ตามมีตามเกิด ใช้ ผ้าเหลืองของพระกันเป็ � นฝาแทนไม้ พื �นปูด้วย ไม้ ไผ่สบั ในพรรษาที�ผ่านมานี �มีพระจําพรรษาอยู่จํานวน ๕ รู ป รู้ สกึ ว่าพระท่านเจ้ าอาวาสจะจบปริ ญญาโท ท่านมาบวชแล้ วไม่ สึก อายุท่านคงราวๆ สัก ๓๗ ปี ข้ าพเจ้ าและคณะส่วนหนึ�ง ได้ ไปนอนค้ างที�วดั ก่อน เพื�อสะดวกในการเตรี ยมกฐิ นและอาหาร ถวายพระ ในช่วงนี �เป็ นต้ นฤดูหนาวอากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะ ตอนกลางคืน พวกเราได้ ตื�นแต่เช้ า จัดการเรื� องอาหารถวายพระ และเลี �ยงคนที�มาร่วมทอดกฐิ น หลังจากที�พระกลับจากบิณฑบาต แล้ ว พวกเราก็ถวายอาหาร พอพระเริ� มฉัน อาหารที�เหลือจากพระ รับแล้ วก็ได้ นํามาเลี �ยงญาติโยม หลังจากที�ญาติโยมกินอาหาร เรี ยบร้ อยแล้ ว พวกเราก็จดั เตรี ยมเครื� องกฐิ นเพื�อรอเวลาทําพิธี พระท่านก็ล้างบาตรและพักผ่อนคอยเวลาเช่นกัน ในช่วงเวลานี �ได้ มีรถกระบะโตโยต้ าสีนํ �าเงินวิง� เข้ ามาในวัด ผ่านด้ านหลังศาลาเข้ าไปจอดต่อรถยนต์คนั อื�นๆ บนรถมีพระสงฆ์ ๓ รู ป นั�งกระบะหลังรวมกับญาติโยมจํานวนหนึ�ง พระ ๓ รู ป มี ห ลวงปู่ องค์ ห นึ� งอายุ ร าวๆ ๘๐ ปี เศษถือไม้ เท้ า ห่ มผ้ า เรียบร้ อย พาดผ้ าสังฆาฏิมีผ้าลงยันต์ ทบั อยู่ ลงมาจากรถ และ อีก ๒ รู ปดูเหมือนสนิทสนมเป็ นศิษย์อาจารย์กนั รู ปที�ดเู หมือน อาจารย์อายุราวๆ ๕๐ ปี เศษ มีหนวดค่อนข้ างยาวกว่าปกติ อีกรูป ดูเหมือนเป็ นศิษย์อายุราวๆ เกือบ ๓๐ ปี ถือย่ามคอยเดินตาม อาจารย์อยู่ ข้ าพเจ้ านิมนต์ท่านขึ �นศาลาอีกหลังหนึ�งติดโรงครัว อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๖๕


เพื�อฉันอาหาร คณะข้ าพเจ้ าได้ จดั อาหารไว้ ๒ ชุด ชุดแรกหลวงปู่ ท่ า นฉั น รู ป เดี ย ว อี ก ชุด พระ ๒ รู ป ท่ า นฉั น ด้ ว ยกัน ข้ า พเจ้ า ถวายอาหารและปั จ จัย ท่า น ข้ า พเจ้ า ก็ ไ ด้ นั�ง เฝ้ าท่า นจนท่า น ฉันเสร็จ ท่านทังสามก็ � ได้ ให้ พร ข้ าพเจ้ าได้ เกิดความรู้สกึ ขึ �นมาว่า พระทัง� ๓ รูป ไม่ใช่พระธรรมดา เป็ นพระพิเศษ และข้ าพเจ้ าก็ได้ กระซิบให้ หมู่คณะบางคนรู้ เกี� ยวกับเรื� องนี � เมื� อได้ เวลาทํ าพิ ธี ข้ าพเจ้ าได้ นิมนต์พระพิเศษทัง� ๓ รูป เข้ าร่วมรับกฐิ น หลวงปู่ ท่าน ขึ �นศาลาไปนัง� เป็ นองค์แรกเป็ นประธานรับกฐินให้ พระรูปทีม� หี นวด ไปนั�งลําดับเป็ นองค์ที� ๕ พระพิเศษอีกรู ปหนึ�งไม่ทราบว่าท่าน หายไปไหน ไม่ได้ มาร่ วมพิธี แม้ กระทั�งเสร็ จพิธีหมดแล้ วก็ ยัง ไม่เจอท่าน ส่วนญาติโยมพิเศษทีม� ากับรถกระบะโตโยต้ าไม่กนิ ข้ าว บอกว่ากินมาแล้ ว มีประมาณ ๖ – ๗ คน ได้ เข้ าศาลาร่ วมพิธี ทอดกฐิ นเลย นัง� รวมกันเป็ นกลุม่ ทังหญิ � ง-ชาย ได้ ร่วมถวายปั จจัย ด้ ว ยกัน ได้ ป ระมาณ ๒,๖๘๐ บาท ไม่มี ใ ครรู้ จัก และเคยเห็ น พระพิเศษ ๓ รูปและคณะญาติโยม ๖ – ๗ คนนี �แม้ กระทัง� ชาวบ้ าน แถบนัน� ยกเว้ นท่านเจ้ าอาวาสรูปเดียวที�บอกว่าเคยพบกับหลวงปู่ รูปนี �ที�บนภูกระดึงเมื�อ ๒ ปี ที�แล้ ว แต่ไม่ได้ คยุ อะไรกันมาก ท่านยัง นึกชมหลวงปู่ อยูเ่ ลยว่าหลวงปู่ แก่มากแล้ ว ขึ �นมาธุดงค์บนภูกระดึง ได้ อย่างไร หลังจากทําพิธีทอดกฐิ นเสร็ จแล้ ว ญาติโยมต่างก็กราบลา พระแยกย้ ายกันออกมา ปรากฏว่ารถกระบะโตโยต้ าสีนํา� เงิน หายไปไหนไม่มีใครทราบ ถ้ าออกจากวัดในช่วงทําพิธีกฐิ น ทุกคน ๖๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ต้ องทราบ เพราะรถจะต้ องผ่านด้ านหลังศาลาไปและคงจะออก ไม่ ไ ด้ เนื� อ งจากมี ร ถหลายคัน ที� เ ข้ า มาวัด ที ห ลัง มาจอดขวาง ด้ านหลังอยู่ ข้ าพเจ้ าและคณะได้ พดู คุยกับหลวงปู่ ท่านก็คยุ ด้ วย แต่คําตอบของท่านเป็ นนัยๆ เช่น มีชาวคณะได้ ถามว่า หลวงปู่ อยู่แถวไหน มาจากไหน ท่านก็ตอบว่า อยู่แถวๆ นี �ไม่ไกลหรอก พวกเราเกิดปี ติยินดีกนั มากในการทอดกฐิ นครัง� นี � ครู บาอาจารย์ ทังหลายท่ � านช่างมีพระคุณเหนือเกล้ าเหนือกระหม่อม มีเมตตา อัน สูง ส่ง ต่ อ ข้ า พเจ้ า และหมู่ค ณะเหลื อ เกิ น ที� ไ ด้ ม าร่ ว มกฐิ น อนุ โ มทนาบุ ญ กฐิ น ลู ก ขอกราบบู ช าที� เบื อ� งพระบาท ท่ า นผู้ มี พ ระคุ ณ ทั ง� หลาย นั บ ตั ง� แต่ อ งค์ ส มเด็ จ พระสั ม มา สัมพุทธเจ้ าเป็ นต้ น ขอบารมีท่านทังหลายได้ � โปรดสงเคราะห์ลกู และหมูค่ ณะให้ ก้าวหน้ าในการปฏิบตั ธิ รรม พ้ นทุกข์ในภพนี �ชาตินี � ด้ วยเทอญ หลังจากทอดกฐิ นเสร็ จราวๆ ๑๑ โมงเช้ า ข้ าพเจ้ า และคณะจําต้ องเดินทางออกจากวัดก่อนที�หลวงปู่ และพระพิเศษ อี ก รู ป หนึ� ง จะไป เพราะต้ องไปเตรี ย มทอดกฐิ น อี ก วั ด หนึ� ง เลยไม่มีโอกาสได้ สง่ ท่านออกจากวัด...

อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๖๗


๖๘ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๑๔. พาคณะไปธุดงค์ ท� ปี ่ านํา� หนาว

เมษายน ๒๕๓๖ งูใหญ่ โผล่ ขนึ � กลางลําธาร ช่วงฤดูร้อนเดือนเมษายน โรงเรี ยนปิ ดเทอม ข้ าพเจ้ าได้ พา คณะ ๖ คน ไปปฏิบตั ิธรรมในเขตป่ านํ �าหนาว ซึง� สถานที�แห่งนี � ข้ าพเจ้ าได้ เคยไปปั กกลดมาแล้ ว ถือได้ ว่าเป็ นแหล่งที�มีภพภูมิดี แห่งหนึ�ง บ้ านพักของเจ้ าของที�ดินอยู่ริมถนน ซึ�งคณะของเรา ได้ อาศัยทํ าครั ว ฝากรถยนต์ และอาศัยใช้ ห้องนํ า� ห้ องส้ วมที� นี� ระยะทางจากบ้ า นพัก ถึ ง บริ เ วณป่ าที� ใ ช้ ป ฏิ บัติ ธ รรมต้ อ งเดิ น ประมาณ ๑ กิโลเมตร ป่ าแห่งนี �ยังมีสภาพที�ดีมีลําธารไหลผ่าน พื �นที�ทงหมดประมาณ ั� ๑๐๐ ไร่เศษ เมื�อไปถึงเราก็ได้ หาที�ปักกลด อยู่ข้ า งๆ ลํ า ธาร จากนัน� แต่ล ะคนก็ แ ยกกัน ภาวนาอยู่ที� ก ลด ของตนเอง ข้ าพเจ้ านัง� สมาธิสลับกับการหยุดพักโดยทําจิตให้ วา่ ง สลับกันเป็ นระยะๆ และบางช่วงก็พิจารณาตัดขันธ์ ๕ ภาคบ่ายของวันแรก ข้ าพเจ้ านัง� สมาธิลมื ตาหันหน้ าไปตาม ลําธาร จิตของข้ าพเจ้ านิ�ง ละเอียดและสบายอยู่ ทันใดนันก็ � ได้ มีงู ใหญ่ตวั ดํา มันวาว เหลือบเขียว มีหงอนสีแดงอยูบ่ นหัวและใต้ คาง โผล่ขึ �นมาจากกลางลําธารอย่างช้ าๆ โผล่ขึ �นมาสูงมากเกือบเท่า โขดหินทีข� ้ าพเจ้ านัง� อยู่ ระยะห่างจากข้ าพเจ้ าประมาณ ๔ – ๕ เมตร หัน หน้ า มาทางข้ า พเจ้ า และจ้ อ งข้ า พเจ้ า อยู่ ข้ า พเจ้ า ลื ม ตา ก็เห็นภาพนี �หลับตาก็เห็นภาพนี �แต่จิตของข้ าพเจ้ าได้ ทรงอุเบกขา เฉยๆ คงเป็ นเพราะข้ าพเจ้ าชินกับประสบการณ์เหล่านี �มาพอควร อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๖๙


ดังนันประสบการณ์ � ทงหลาย ั� ถ้ าเราน้ อมมาใช้ ให้ เป็ นประโยชน์ มันก็จะเกิดประโยชน์แก่จติ ข้ าพเจ้ าได้ สงั เกตสิง� นี �อยูน่ งิ� ๆ เป็ นเวลา ประมาณ ๑๐ นาที สิ�งนี �จึงค่อยๆ ลดตัวลงแล้ วหายไป ข้ าพเจ้ า ไม่ลืม ที� จ ะขอบารมี เบื อ� งบนแล้ ว อุทิ ศบุญกุศลน้ อมถวายท่าน ข้ าพเจ้ าได้ เคยสัมผัสกับท่านพญานาคตนนี ม� าก่อนแล้ วตัง� แต่ ธุดงค์ที�นี�ในคราวแรก ท่านเคยมาอารักขาและแสดงสิ�งอัศจรรย์ หลายอย่าง ทําให้ ข้าพเจ้ าได้ มีความรู้ และประสบการณ์ในเรื� อง ทิพย์มากขึ �น แขกพิเศษมาร่ วมฟั งการสนทนาธรรม ในช่วงเย็นหลังจากดืม� นํ �าปานะและทํากิจส่วนตัวเรียบร้ อยแล้ว พวกเราทังหมดก็ � ได้ นงั� สนทนาธรรมกันบนลานหินกลางลําธาร ธรรมะส่วนใหญ่ ที�ข้าพเจ้ าได้ พูดให้ คณะฟั งก็เป็ นการวิปัสสนา ตัดขันธ์ ๕ และการละสังโยชน์ ๑๐ หลังจากที�พวกเราได้ สนทนา กันไปสักครู่ ก้ อนหินใหญ่ที�อยู่ข้างๆ ข้ าพเจ้ าก็เกิดมีเสียงดังตึงๆ เหมือนว่ามีใครจับยกขึ �นแล้ วกระแทกลง คณะของข้ าพเจ้ าทุกคน เงียบแล้ วหันไปมองตามเสียงนัน� ข้ าพเจ้ าได้ กําหนดจิตตรวจสอบ ทันที ก็ ได้ ทราบว่า ท่านพญานาคตนนัน� ก็ ได้ มาฟั งธรรมที�เรา ได้ ส นทนากัน อยู่ด้ ว ย พวกเราทุก คนก็ เ ลยได้ โ มทนาสาธุ ก าร กับความใฝ่ ในธรรมของท่าน บุญกุศลใดๆ ธรรมใดๆ ที�ข้าพเจ้ า ได้ มีอยูแ่ ละจะสามารถเกื �อกูลสงเคราะห์ทา่ นได้ ข้ าพเจ้ าก็ขอน้ อม อุ ทิ ศ ถวายท่ า น เกาะเกี� ย วซึ� ง กั น และกั น สู่ เ ป้ าหมายแห่ ง ความพ้ นทุกข์ในภพนี � ชาตินี �ด้ วยเทอญ......... สาธุ ๗๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


พญานาคแสดงดวงไฟบอกตําแหน่ งถํา� ในช่วง ๖ โมงเย็น พวกเราได้ นงั� สมาธิรวมกันอยูบ่ นลานหิน ใหญ่กลางลําธาร คืนนี �เป็ นคืนข้ างแรมท้ องฟ้าไม่มีดาว สภาพป่ า มืดสนิทมองอะไรไม่เห็น ข้ าพเจ้ าได้ นงั� สมาธิลืมตาหันหน้ าเฉียงๆ เข้ าฝั�งลําธาร เวลาได้ผา่ นไปประมาณชัว� โมงครึ�ง ทุกคนยังนัง� กันเงียบ ทันใดนันเองที � �ริมตลิ�งเบื �องหน้ าของข้ าพเจ้ าก็ได้ มีแสงสว่างเป็ น ดวงเล็กๆ สว่างวาบขึ �นเหมือนแสงหิง� ห้ อย แต่สกั พักหนึง� แสงสว่าง ดวงนี �ก็มีขนาดโตขึ �นๆ จนมีขนาดเท่าผลส้ ม แล้ วค่อยๆ เคลื�อนที� ไปจากจุดเดิมห่างออกไปประมาณ ๒ เมตรก็หยุดนิ�งอยู่พกั หนึ�ง แล้ วก็หายเข้ าไปในตลิง� หลังจากที�ได้ พาคณะออกจากสมาธิแล้ ว ปรากฏว่ามีหลายคนก็ได้ เห็นดวงไฟสว่างนันเช่ � นเดียวกับข้ าพเจ้ า เพราะเป็ นจังหวะที�ลืมตาขึ �นมาพอดี จากเหตุการณ์ นี � ข้ าพเจ้ า ทราบได้ ทนั ทีวา่ ทําไมถึงมีเหตุการณ์อย่างนี �เกิดขึ �น เหตุก็คือว่าใน ช่วงภาคบ่ายได้ มีลกู ศิษย์คนหนึง� ในคณะได้ ถามข้ าพเจ้ าว่า ที�นี�มี ถํ �าพญานาคหรื อไม่ เนื�องจากเธอได้ เห็นป้ายๆ หนึ�งที�ติดอยู่บน ต้ นไม้ ริมทางเดิน มีข้อความว่า “สํานักปฏิบตั ธิ รรมถํา� พญานาค” ข้ าพเจ้ าจึงได้ ตอบไปว่า ถํ �าทีเ� ปิ ดซึง� คนสามารถเข้ าไปได้ นนที ั � น� ไี� ม่มี คงมี แ ต่ ถํ า� ปิ ดซึ� ง อยู่ ใ ต้ ดิ น คนเข้ าไปไม่ ไ ด้ ด้ วยเหตุ นี เ� อง ท่านพญานาคซึง� มีชื�อว่า “ท่ านนาคะฤทธิ�” จึงได้ แสดงให้ เห็นว่า ถํ �าของท่านอยูต่ รงไหน โดยแสดงให้ เห็นเป็ นดวงไฟสว่างปรากฏขึ �น ดังกล่าว ทําให้ คณะของข้ าพเจ้ าเกิดความซาบซึง� ตระหนักใน ความเมตตาและความเป็ นกั น เองของท่ า นที� มี ต่ อ พวกเรา อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๗๑


เป็ นอย่างยิ�ง และอย่างเคย พวกเราทุกคนก็ไม่ลืมที�จะน้ อมจิต แผ่สว่ นบุญ ส่วนกุศลน้ อมถวายผู้ซงึ� เป็ นเพือ� นร่วมทุกข์ในวัฏสงสาร แห่งนี � เช่นเดียวกับเรา.....

๗๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๑๕. เปรตร้ องกลางดึกที�วัดท่ าซุง ตุลาคม ๒๕๓๖

ช่วงฤดูทอดกฐิ นเดือนตุลาคม ๒๕๓๖ ข้ าพเจ้ าและคณะ ได้ ไปถวายผ้ ากฐิ นที�วดั ท่าซุง จังหวัดอุทยั ธานี เมื�อถวายผ้ ากฐิ น ผ้ าไตรและปั จจัยเรี ยบร้ อยในวันเสาร์ แล้ ว ข้ าพเจ้ าและคณะได้ พกั ค้ างคืนอยู่ที�วดั พักที�ศาลา ๒๕ ไร่ คณะของเราจองห้ องพักได้ ๒ ห้ อง ข้ าพเจ้ าได้ นอนอยู่อีกห้ องหนึ�ง ปฏิบตั ิสมาธิจนถึงเวลา อันสมควรแล้ ว ข้ าพเจ้ าจึงนอนทําสมาธิจบั ลมหายใจ จิตสบาย จิตละเอียดจนหลับไป ตกดึกคาดว่าราวๆ ตี ๑ ข้ าพเจ้ าสะดุ้งตื�น เพราะมีเสียงดังปลุกให้ ตื�น เป็ นเสียงเหมือนนกตัวใหญ่หวีดร้ อง ด้ วยความเจ็บปวดเหมือนใกล้ จะตาย เสียงดังมาจากอากาศ ด้ านหน้ าตึกที� พัก เสียงร้ องดังเข้ าไปในหูของข้ าพเจ้ า ได้ ยิน อย่างชัดเจน โดยอัตโนมัติข้าพเจ้ ากําหนดจิตขึ �นข้ างบน ขอบารมี องค์ ส มเด็ จ พระสั ม มาสั ม พุ ท ธเจ้ าน้ อมจิ ต แผ่ เ มตตาไปยั ง เสียงประหลาดนัน� ขอให้ บญ ุ กุศลทังหมดที � ข� ้ าพเจ้ าได้ สร้ างมาแล้ ว ทุกภพทุกชาติ ตังแต่ � ต้น จงเป็ นผลให้ ท่านที�สง่ เสียงนี �ด้ วยเทอญ พอแผ่เมตตาจบ เสียงนันก็ � เงียบทันที ข้ าพเจ้ ากําหนดจิตตามไปดู ก็ทราบได้ วา่ เสียงนันเป็ � นเสียงของเปรต ซึง� ในอดีตชาติใดชาติหนึง� เคยเป็ นพ่อของข้ าพเจ้ า และได้ เข้ ามาอยู่ในเขตวัดท่าซุงเพื�อรอ อนุโมทนากับผู้ใจบุญทังหลาย � และรอคอยข้ าพเจ้ ามาสงเคราะห์ จิตดวงนัน� ได้ ไปจุติ ณ สวรรค์ ชัน� จาตุมหาราชิกาเป็ นลูกน้ อง ท่ านท้ าวมหาราชทัง� สี� อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๗๓


เหตุ ก ารณ์ นี � ทํ า ให้ ข้ าพเจ้ าได้ คิ ด พิ จ ารณาเห็ น ถึ ง คุณงามความดี บารมี บุญกุศลทัง� หลาย ที� ตนเองได้ สร้ างมา แต่ละภพแต่ละชาติ นอกจากจะสร้ างเพือ� ตนเอง เพือ� ความหลุดพ้ น ของตนเองแล้ ว ยัง สามารถสงเคราะห์ เ กื อ� กูล ผู้อื� น ได้ อี ก ด้ ว ย พระธรรมคําสัง� สอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ านี �หนอ ช่ า งประเสริ ฐ เลอเลิ ศ กว่ า สิ� ง ใดๆ พระคุณ ของพระพุท ธองค์ ช่างยิ�งใหญ่เหลือเกินสุดจะเปรี ยบประมาณได้ ลูกนีข� อน้ อมจิต ก ร า บ ที� เ บื �อ ง พ ร ะ บ า ท ข อ ม อ บ ก า ย ถ ว า ย ชี วิ ต แ ด่ พระองค์ ท่ าน......สมเด็ จ พระสั ม มาสั ม พุ ท ธเจ้ าทุ ก ๆ พระองค์ ......สาธุ............ หมายเหตุ มูลเหตุที�ทําให้ มนุษย์ รวมทัง� จิตวิญญาณจุติไปสู่ภพภูมิ ของเปรต เหตุที�สําคัญยิ�งก็คือ การประพฤติผิดศีล ๕ เป็ นประจํา และการคดโกงสินทรัพย์ของสงฆ์ รวมทัง� การเป็ นหนีส� งฆ์ด้วย ภพภูมิของเปรตแบ่งเป็ น ๑๒ จําพวก เปรต ๑๑ จําพวกแรก ถูกกักบริ เวณไว้ ที�ขอบนรก ซึ�งเป็ นมิติที�ทบั ซ้ อนกับบริ เวณพื �นที� แถบเทือกเขาหิมาลัยของโลกมนุษย์ จะพบเปรต ๑๑ จําพวกนี � ยืนสะพรั�งไปหมด มีดนิ แดนสุดลูกหูลกู ตา ไม่มโี อกาสได้ รับโมทนา การอุทิศส่วนกุศลที�บรรดาญาติหรื อนักปฏิบตั ิธรรมบําเพ็ญกุศล แล้ วอุทิศให้ มีเพียงเปรตพวกที� ๑๒ ที�เรี ยกว่า ปรทัตตูปชีวีเปรต ที�สามารถโมทนารับบุญกุศลได้ ผู้ที�เคยพบเห็นเปรตจําพวกนี �ก็วา่ ๗๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


มีรูปร่างผอมสูง บ้ างก็วา่ สูงเท่าต้ นตาลหรื อเสาไฟฟ้า แขนขายาว มื อ เท้ า ใหญ่ แต่ ป ากเล็ ก เท่ า รู เ ข็ ม ไม่ ส ามารถกิ น อาหารได้ ต้ องเดินหิว ส่วนใหญ่อาศัยอยูต่ ามวัดร้ างและปลายนา รอการอุทศิ ส่ ว นบุ ญ ส่ ว นกุ ศ ลจากญาติ ห รื อ นั ก ปฏิ บัติ ธ รรม หากได้ รั บ แล้ วก็จะเกิดความสบาย หรื อเปลี�ยนภพภูมิไปอยูใ่ นสุขภูมิ

๑๖. พาคณะไปกราบครู บาอาจารย์ แถบอุบลราชธานี ๒๒ – ๒๖ เมษายน ๒๕๓๗

วันที� ๒๒ – ๒๖ เมษายน ๒๕๓๗ ได้ พาคณะรวม ๗ คนไป กราบครู บ าอาจารย์ ภ าคอี ส านแถบจั ง หวั ด อุ บ ลราชธานี ซึง� บริเวณนี �ยังไม่เคยไปมาก่อน จุดหมายหลักของข้ าพเจ้ าซึง� ตังใจ � ไว้ น านแล้ ว ก็ คื อ วัด บ้ า นเศรษฐี อํ า เภอม่ ว งสามสิ บ จัง หวัด อุบลราชธานี ได้ ใช้ เส้ นทางหล่มสัก – ขอนแก่น – มุกดาหาร เมื�อถึง มุกดาหารได้ แวะทําบุญกับท่านพระอาจารย์เฮียง และหลวงปู่ หล้ า ที� ภู จ้ อก้ อ ค้ างคื น ที� วั ด บ้ านเหล่ า สาขาของวั ด หลวงปู่ หล้ า ได้ สอบถามทางไปจนถึงวัดบ้ านเศรษฐี ซึง� เป็ นวัดของหลวงปู่ คํา และหลวงปู่ กองเคยอยู่ แต่ ท่ า นได้ มรณภาพไปนานแล้ ว หลวงปู่ คําเป็ นพระรุ่นพี�ของหลวงปู่ กองในสายหลวงปู่ มัน� ข้ าพเจ้ า ไม่ เ คยรู้ จั ก ท่ า นมาก่ อ น สอบถามครู บ าอาจารย์ ส่ ว นใหญ่ ท่านไม่คอ่ ยรู้ประวัตทิ า่ นทังสองมากเท่ � าไร รู้เพียงแต่เป็ นศิษย์ของ

อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๗๕


หลวงปู่ มัน� ข้ าพเจ้ าได้ สมั ผัสท่านทางสมาธิขณะปฏิบตั กิ รรมฐาน ในคืนหนึ�ง ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ตอนนันข้ � าพเจ้ ากําลังสวดมนต์ ก้ มลงกราบเห็นเท้ าของท่านและชายผ้ าเหลืองสีแก่นขนุน ข้ าพเจ้ า กําหนดจิตก็ทราบได้ วา่ ท่านคือ หลวงปู่ คําและหลวงปู่ กอง เคยเป็ น พ่อมาชาติใดชาติหนึ�งในอดีต ท่านทัง� สองมาคุมกรรมฐานให้ เป็ นประจํา ข้ าพเจ้ าตังใจไว้ � วา่ เมื�อมีโอกาสจะไปทําบุญที�วดั ท่าน สอบถามทางจนไปถึงวัด วัดท่านเป็ นวัดเล็กๆ ร่มรื� นน่าอยู่ เป็ นวัด เก่าแก่ติดอยู่กบั ชายหมู่บ้านเศรษฐี เจ้ าอาวาสองค์ปัจจุบนั เป็ น ลูกศิษย์ทา่ น ขณะนันมี � พระสงฆ์อยูร่ ่วม ๑๐ กว่ารูป ทางวัดได้ สร้ าง วิหารเล็กๆ ประดิษฐานรูปหล่อของท่านทังสอง � เป็ นวิหาร ๒ หลัง อยู่ คู่ กั น อั ฐิ ของท่ า นก็ เ ก็ บ ไว้ ที� ฐ านรู ป หล่ อ โบกปู น ทั บ ไว้ ท่ า นเจ้ า อาวาสมี ค วามคิ ด ที� ว่ า ไม่ ค วรจะนํ า อัฐิ ธ าตุข องท่ า น ออกมาแสดงเปิ ดเผยให้ ญ าติ โ ยมเห็ น เพราะกลัว จะเข้ า ข่า ย ในลัก ษณะของการขายครู บ าอาจารย์ กิ น ความหมายก็ คื อ สร้ างไว้ มีเจตนาดึงดูดคนให้ เข้ ามาเพื�อบริ จาคเงิน ข้ าพเจ้ าได้ คยุ แสดงความคิดเห็นในเรื� องนี �ให้ กบั ท่าน ควรจะเปิ ดเผยให้ ญาติโยม ได้ สัก การบูช า ทํ า บุญ บูช าระลึก ถึ ง คุณ งามความดี ข องท่ า น ซึง� ประโยชน์จะมีมากกว่า ปั จจุบนั หลวงปู่ ครูบาอาจารย์ของท่าน ที� ม รณภาพแล้ ว ลูก ศิ ษ ย์ ไ ด้ พ ากัน สร้ างพิ พิ ธ ภัณ ฑ์ ไ ว้ ใ ห้ เ ชิ ด ชู คุณ ธรรมของท่ า น ดูเ หมื อ นว่ า เจ้ า อาวาสท่ า นจะมี ค วามคิ ด คล้ อยตามด้ วย ข้ าพเจ้ าและคณะได้ พกั ค้ างคืนที�วดั ท่าน ๑ คืน ตอนกลางคื น มี ก ารทํ า วั ต รสวดมนต์ แ ละปฏิ บั ติ ก รรมฐาน ๗๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


มีชาวบ้ านมาปฏิบตั ิหลายคน ตอนเช้ าได้ ถวายอาหารปั จจัยและ สัง ฆทานแก่ ค ณะสงฆ์ รั บ ประทานอาหาร แล้ ว กราบลาท่า น เดินทางต่อไปยังจังหวัดอุบลราชธานีมงุ่ ไปสูว่ ดั หลวงปู่ ชา ไปกราบ รู ปเหมือนหลวงปู่ มีความประทับใจหลายอย่างในวัดท่าน ซึ�ง อย่างหนึง� ก็คอื ป่ าในวัดท่านสมกับเป็ นวัดป่ าจริงๆ จากนันไปกราบ � และถวายสังฆทานหลวงปู่ กิ ซึง� ท่านเป็ นพระอาวุโสในศิษย์สาย หลวงปู่ มัน� ท่านมีเมตตาต่อพวกเรามาก พักค้ างคืนทีว� ดั ท่าน ๑ คืน วันรุ่งขึ �นออกเดินทางไปยังวัดลูกศิษย์หลวงปู่ คํา ซึง� ครูบาอาจารย์ หลายท่านแนะนําอยากให้ ไปกราบ ท่านเป็ นพระหนุม่ มีบารมีมาก เทศน์เก่ง วัดท่านอยูใ่ นเขตอําเภอนาจะหลวย วันนี เ� รามี เวลามากจึงได้ วางแผนที� จะขึน� เขาพระวิหาร ซึง� อยูบ่ นเทือกเขาบรรทัดในเขตจังหวัดศรี สะเกษ ก่อนที�จะเข้ าวัด ซึ� ง อยู่ห่ า งไม่ ม ากเท่ า ไร ขณะที� ร ถของเรากํ า ลัง มุ่ง ไปยัง เขา พระวิหาร ได้ มีความอัศจรรย์อย่างหนึง� เกิดขึ �น คือขณะที�เรากําลัง จะขึ �นเชิงเขาบรรทัด ได้ มีพลังอย่างหนึง� ซึง� เหมือนกับกระแสไฟฟ้า อ่อนๆ กระตุกที�จิตของข้ าพเจ้ า ข้ าพเจ้ ากําหนดจิตก็ร้ ูวา่ นอกรถ ออกไปเต็ ม ไปด้ ว ยโอปาติ ก ะมากมาย ท่ า นที� ม ากระตุ ก จิ ต ของข้ าพเจ้ าเพื�อสะกิดให้ ทราบนัน� เป็ นเทวดาผู้มีพระคุณสื�อให้ ร้ ู ในกิ จ ที� ค วรจะทํ า ข้ าพเจ้ ากํ า หนดจิ ต ขอบารมี อ งค์ ส มเด็ จ พระสัม มาสัม พุ ท ธเจ้ าทุ ก ๆ พระองค์ แ ละเบื อ� งบนทัง� หลาย ขอให้ การแผ่เมตตาของข้ าพเจ้ าเกิดผล น้ อมจิตแผ่บญ ุ กุศลทังหมด � ทุกภพทุกชาติ......จงเกิดเป็ นผลแก่ทา่ นทังหลายเหล่ � านี �......ขอให้ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๗๗


ไปผุดไปเกิดเปลี�ยนภพเปลี�ยนภูมิ มีทิพย์สมบัตเิ พิ�มพูนทวีคณ ู ขึ �น มีดวงตาเห็นธรรม มีทุกข์ ขอให้ พ้นทุกข์ มีสุขขอให้ สุขยิ�งๆ ขึน� ข้ า พเจ้ า แผ่ห ลายๆ ครั ง� ซํ า� แล้ ว ซํ า� อี ก จนขึน� ถึ ง เขาพระวิ ห าร กลุม่ เก่าออกไปกลุม่ ใหม่ก็เข้ ามาแทน มีความแปลกใจทําไมหนอ ภูมิพื �นที�บริ เวณนี �ถึงเป็ นอย่างนี � โอปาติกะมากมายและหิวโหย คงมีผ้ คู นล้ มตายทับทวีกนั มากในอดีต จิตวิญญาณจึงวนเวียนอยู่ แถวนี แ� ละยั ง ไม่ ไ ปผุ ด ไปเกิ ด พื น� ที� แ ห่ ง นี ค� งจะไม่ ค่ อ ยมี ครูบาอาจารย์ผ้ ปู ฏิบตั ธิ รรมมาสงเคราะห์เท่าใดนัก ช่างน่าเวทนา ท่ านทัง� หลายเหล่ านี � ในอดีตคงลื ม คิดถึงความตายที�จะ มาเยื อ น มั ว ประมาทยุ่ งอยู่ กั บ ภาระทางกายแต่ เพี ย ง อย่ า งเดี ย วจนลื ม จิ ต ลื ม ทํา นุ บํา รุ ง จิ ต ลื ม สะสมเสบี ย ง ให้ แ ก่ จิ ต ลื ม สร้ างความดี ใ ห้ แ ก่ จิ ต ช่ างน่ าปี ติ ยิ น ดี ท� ี การปฏิบัตธิ รรม นอกจากจะเป็ นประโยชน์ แก่ ตนเองให้ ถงึ ซึ�งความพ้ นทุกข์ แล้ ว ก็ยงั มีประโยชน์ สามารถช่ วยสงเคราะห์ ผู้อ� นื ผู้ร่วมทุกข์ ในวัฏสงสารแห่ งนีอ� กี ด้ วย ข้ าพเจ้ าภูมใิ จ มัน� ใจ มี กํ า ลัง ใจที� จ ะประพฤติ ป ฏิ บัติ ส ร้ างบารมี ใ ห้ เ กิ ด ขึน� แก่ ตัว เอง ถ้ าเกินตัวก็เพื�อผู้อื�น พิจารณาไปสลับกับการเจริ ญพรหมวิหาร ๔ ขณะที�เดิน ทัศ นาปราสาทหิ น อัน เก่ า แก่ สภาพปราสาทมี ทัง� ดี แ ละชํ า รุ ด วัตถุธาตุทัง� หลายในโลกนีห� นอที�เกิดมีขึน� และถูกสร้ างขึน� เพื� อ ประกอบขั น ธ์ ๕ ของมนุ ษ ย์ ในอดี ต คงจะยิ� ง ใหญ่ เลอเลิศอลังการ ผู้สร้ างทัง� หลายที�ถอื ว่ ามีฝีมือยอดเยี�ยมก็ได้ ๗๘ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ล้ มหายตายจากไปนานแล้ วได้ มีบุญกุศลติดจิตไปมากน้ อย เท่ าใดหนอ สิ�งก่ อสร้ างที�สร้ างไว้ ไม่ นานก็มสี ภาพเสื�อมโทรม ไปเรื� อยๆ และก็ได้ พงั สลายไปในที�สุด อนิจจังและอนัตตา เกิดขึน� มา ตัง� อยู่แล้ วก็ดบั ไป ทุกอย่ างตกอยู่ในสัจธรรม กฎ ไตรลักษณ์ ทงั � สิน� พิจารณาไปสลดใจไป กลิน� เหม็นอะไรไม่ทราบ เหมือนซากสัตว์ตายได้ กลิ�นเป็ นระยะๆ ลืมชื�นชมความสวยงาม ของปราสาท สุดท้ ายก็อําลาสิง� ก่อสร้ างที�อลังการแห่งนี � และรวม ทังเทื � อกเขาบรรทัดพร้ อมทังแผ่ � เมตตาส่งท้ ายอีก เดินทางต่อมุง่ ไป ยังวัดท่านพระอาจารย์ศิษย์หลวงปู่ คํา พักค้ างคืนที�วดั เช้ าถวาย อาหาร ปั จจัยและเครื� องสังฆทาน พระอาจารย์ทา่ นคุยเก่ง ท่านมี เมตตามาก คุยกับท่านอยู่พักหนึ�งจึงกราบลาท่าน ท่านให้ พร ข้ าพเจ้ าก็รับพรและแผ่เมตตา มีความแปลกอย่างหนึง� เกิดขึ �น ท่าน พระอาจารย์ให้ พรผิดๆ ถูกๆ อยูห่ ลายครัง� จนท่านบ่นว่าอะไรเรา ใช้ อ ยู่ทุก วัน มี อ ะไรผิ ด ปกติ ห นอ และสิ� ง นี ก� ็ ยัง เป็ นปริ ศ นาแก่ ข้ าพเจ้ าอยู่ ออกจากวัดเดินทางกลับด้ วยความอิ�มในบุญกุศล ทิ �ง ข้ อธรรมะไว้ ให้ คิดพิจารณาก็คือ....วัตถุธาตุทั�งหลายในโลก มนุ ษย์ ได้ สร้ างสรรค์ ป�ั นแต่ งยิ�งใหญ่ วิจิตรอลังการ ใช้ ได้ มี ประโยชน์ มากหรือประโยชน์ น้อยใดๆ ก็ตาม ไม่ นานสิง� เหล่ านี� ก็ผุพังทรุ ดโทรม สุดท้ ายก็พังสลายไปหมด มนุ ษย์ ผ้ ูสร้ าง มนุษย์ ผ้ ูใช้ และมนุษย์ ผ้ ูชม อยู่ไม่ นานก็ล้มหายตายจากหนี ไป อันเป็ นความจริงทีม� ีอยู่ในโลกและในธรรมนี� สิง� ทีส� าํ คัญ ทีส� ุดก็คอื มนุษย์ ผ้ ูเกีย� วข้ องกับวัตถุธาตุเหล่ านี� เมื�อตายแล้ ว อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๗๙


เขาได้ อะไรติดจิตของเขาไปบ้ าง ทีจ� ะส่ งให้ เขาไปสู่ภพภูมทิ ดี� ี ไปสวรรค์ ไปพรหมโลกหรือไปนิพพาน สิง� เหล่ านี�เป็ นหน้ าที� ของศาสนาทีจ� ะให้ เขาได้ เรียนรู้ ศึกษาปฏิบตั ิ ไม่ เพียงแค่ ร้ ูคดิ เฉพาะผลงานทางโลกเพียงอย่ างเดียวเท่ านั� น ผู้มีเงินเป็ น ล้ านก่ อนตายเขาไม่ สามารถเอาเงินนี�ไปซือ� ความเป็ นเทวดา สวรรค์ ชั�นจาตุมหาราชิกาได้ เขาต้ องสร้ างปฏิบัตใิ ห้ จติ ของ เขาถึงซึง� ความเป็ นเทวดาในสวรรค์ ช�ันนี�ต่างหาก....

๘๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


หลวงปู่ กอง วัดบ้ านเศรษฐี อ.ม่ วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๘๑


๑๗. ข้ าวทิพย์ ท� วี ัดโป่ งชี ตุลาคม ๒๕๓๗

ในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๓๗ โรงเรี ยนปิ ดเทอม ข้ าพเจ้ า กับ คณะศิ ษ ย์ จํ า นวนหนึ�ง ซึ�ง เป็ นนัก เรี ย นชัน� มัธ ยมปลายของ โรงเรี ยนหล่ ม เก่ า พิ ท ยาคม ได้ ไปปฏิ บั ติ ธ รรมที� วั ด โป่ งชี อําเภอด่านซ้ าย จังหวัดเลย ซึ�งเป็ นปกติถ้ามีเวลาวันหยุดหรื อ ปิ ดเทอม ข้ าพเจ้ าก็จะหาโอกาสทําเช่นนี �เสมอ การมาปฏิบตั ธิ รรม ในครัง� นี �ทุกคนก็ตงใจปฏิ ั� บตั ิกนั ดี คืนแรกผ่านไป ทุกอย่างก็ปกติ ซึ�งความจริ งคณะของข้ าพเจ้ า โดยเฉพาะข้ าพเจ้ า ได้ เคยชิ น กับสิง� เหล่านี �มามากแล้ ว ในการถือศีล ๘ การทําสมาธิ การวิปัสสนา ตลอดทัง� สภาพความเงี ย บสงบวัง เวงต่า งๆเหล่า นี � คื น ที� ส อง ช่ ว งหัว คํ� า ข้ าพเจ้ าก็ ไ ด้ พาคณะปฏิ บัติ ก รรมฐานอย่ า งเคย โดยปฏิบตั ริ วมกันที�ศาลา ขณะที�ข้าพเจ้ ากําลังปฏิบตั สิ มาธิอยูน่ นั � ความรู้ สึกหิวข้ าวก็เกิดขึน� อย่างฉับพลัน เป็ นความหิวที�เกิดขึน� อย่างมากซึง� ไม่เคยเป็ นมาก่อน อาการนี �ได้ กระทบกับการทําสมาธิ ของข้ าพเจ้ า ถือได้ ว่าเป็ นตัวก่อกวน ข้ าพเจ้ าถามตัวเองว่า.... หิ ว หรื อ ?.... หิ ว ได้ ก็ หิ ว ไป ความหิ ว มัน เกิ ด ขึ น� เป็ นธรรมดา ของร่างกาย ไม่ได้ กนิ ร่างกายมันก็เกิดอาการหิว อันนี �เป็ นความจริง ที� มัน มี อ ยู่ใ นโลก แต่ข ณะนี ห� ิ ว ได้ ก็ หิ ว ไป หิ ว ก็ ไ ม่ มี ป ระโยชน์ เพราะมั น กิ น ไม่ ไ ด้ เกิ น เวลา..ผิ ด ศี ล ไม่ ไ ด้ กิ น แค่ มื อ� เย็ น นี � มัน ไม่ต ายหรอก กํ า หนดจิ ต ปรามมัน แล้ ว ความหิ ว ก็ ส งบลง ๘๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


เพราะจิตมันไม่สนใจกับอาการหิวอีกเพราะมันรู้ และเข้ าใจแล้ ว มันก็มงุ่ ไปทํางานคือทําสมาธิของมันตามปกติ และเมื�อเสร็จจาก การปฏิ บัติ ธ รรมรวมกั น แล้ ว ทุ ก คนก็ แ ยกย้ ายกั น ไปปฏิ บัติ ส่วนตัวอีก ข้ าพเจ้ ากลับที�พกั ไปนัง� สมาธิตอ่ ในห้ องพักจนถึงเวลา อันสมควรจึงได้ นอน การนอนก็ต้องทําสมาธิ ในอิริยาบถนอน นอนจับ ลมหายใจเข้ า -ออกที� บ ริ เ วณรู จ มูก สัก พัก จิ ต ก็ ส บาย จิตละเอียดลงไปคล้ ายๆ จะเคลิ �มหลับ ก็ได้ มผี ้ หู ญิงอายุราวๆ ๖๕ ปี แต่งตัวเรี ยบร้ อย ถือภาชนะถาดยาวรู ปสี�เหลี�ยมผืนผ้ า บนถาด มีห่อข้ าวคล้ ายข้ าวเหนียวมูลห่อด้ วยใบตอง เปิ ดห่อออก มีอยู่ ๔ ห่อวางเรี ยงกัน ข้ าวเหนี ยวในแต่ละห่อมีความแตกต่างกัน บางห่อเป็ นข้ าวเหนียวดํา บางห่อเป็ นข้ าวเหนียวขาว และบางห่อ ก็ เป็ นข้ าวเหนี ยวใบเตย เม็ดข้ าวเหนี ยวยาวเล็กสวยงามมาก คุณป้าถือถาดไว้ เบื �องหน้ าข้ าพเจ้ า บอกข้ าพเจ้ าว่า “คุณลูก... ป้าเอาของมาให้ คุณลูกจะรั บอันไหน” ข้ าพเจ้ าไม่ได้ พดู อะไร เพียงแต่เหลียวมองดูหอ่ ข้ าวทัง� ๔ ห่อนัน� ปรากฏว่ามีสงิ� อัศจรรย์ เกิ ด ขึ น� เพี ย งแค่ ข้ า พเจ้ ามองดูเ ท่ า นัน� ก็ ไ ด้ ก ลิ� น หอมหวาน แบบไม่เคยได้ กลิ�นมาก่อน หอมเข้ าไปในจมูกแล้ วลงไปถึงท้ อง เกิดมีความอิม� สบายและเป็ นสุข ทําให้ จติ ของข้ าพเจ้ าจับอยูท่ กี� าย และสังเกตความอัศจรรย์ ของกลิ�นข้ าวนี � แล้ วทรงตัวอยู่สกั พัก ก็หลับไป ตืน� ตอนเช้ าความรู้สกึ นี �ยังอยูแ่ ละปรากฏอย่างนี �อยูท่ งวั ั� น ข้ าพเจ้ ากําหนดจิตก็ทราบได้ วา่ คือ ข้ าวทิพย์ ซึง� เทวดาได้ นํามา เพื� อ เป็ นประสบการณ์ ใ นการเรี ย นรู้ ของข้ า พเจ้ า และตัว ของ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๘๓


ข้ าพเจ้ าเองก็เพิ�งจะทราบว่า สิง� ที�เป็ นทิพย์นี �แค่ นึกถึงก็สามารถ อิ�มได้ โดยไม่ ต้องกินแบบหยาบ เช่นมนุษย์กระทํา ข้ าพเจ้ า ไม่ลมื ที�จะสร้ างบารมี ทาน ศีล สมาธิ และวิปัสสนา แล้ วแผ่เมตตา น้ อมถวายบุ ญ กุ ศ ลแด่ เ ทวดาทุ ก ท่ า น ผู้ มี พ ระคุ ณ ทัง� หลาย ให้ เ ปลี� ย นภพเปลี� ย นภูมิ หรื อ มี ทิ พ ย์ ส มบัติ เ พิ� ม พูน ทวี คูณ ขึน� มี ดวงตาเห็นธรรม เกาะเกี� ยวกันข้ ามภพข้ ามชาติ พ้ นทุกข์ ไป ด้ วยกันในภพนี � ชาตินี �ด้ วยเทอญ.....

๑๘. เสียงเปรตร้ องที�วัดโป่ งชี ตุลาคม ๒๕๓๘

ช่วงโรงเรี ยนปิ ดเทอมเดือนตุลาคม ๒๕๓๘ ข้ าพเจ้ าได้ พา ลูกศิษย์ชาย ๓ คน หญิง ๒ คน เป็ นนักเรี ยนชัน� ม.๖ ของโรงเรี ยน หล่มเก่าพิทยาคมไปปฏิบัติธรรมที�วัดป่ าศิริรุ่ งเรื อง บ้ านโป่ งชี อํ า เภอด่า นซ้ า ย จัง หวัด เลย วัด ป่ าแห่ ง นี � ข้ า พเจ้ า และคณะ ได้ เคยเป็ นโยมอุ ปั ฏฐากช่ ว ยเหลื อ ทํ า นุ บํ า รุ งวั ด มานาน สภาพของวัด มี ส ภาพเป็ นป่ าที� ส มบูร ณ์ แ ห่ง หนึ�ง มี แ หล่ง นํ า� ที� อุด มสมบูร ณ์ ข้ า พเจ้ า และคณะได้ ป ฏิ บัติ ธ รรมที� วัด แห่ ง นี ม� า เป็ นเวลา ๒ วันแล้ ว วันนี �เป็ นวันที�จะต้ องเดินทางกลับ ตอนเช้ า พวกเราทําอาหารถวายทานแด่พระสงฆ์ ในวัด คณะญาติโยม รั บประทานอาหารเสร็ จ ก็ ช่ ว ยเก็ บ สั ม ภาระถ้ วยจาน ทํ า ความสะอาด เตรี ย มกลับ บ้ า น ช่ว งนัน� เป็ นเวลาประมาณ ๘๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๙.๓๐ น. ข้ าพเจ้ าได้ รอลูกศิษย์ซงึ� บางคนกําลังเก็บถ้ วยจานที�ล้าง แล้ วเข้ าโรงครัวอยู่ เพื�อไม่ให้ เสียเวลา ข้ าพเจ้ าจึงเดินไปยังทาง จงกรมข้ างกุฏิที�พกั ของญาติโยมเพื�อไปเดินจงกรมคอย ทันใดนัน� ก็ได้ ยินเสียงกรี ดร้ องของผู้หญิง เสียงแหลมและดังมาก ข้ าพเจ้ า หยุดเดินและหันไปดูลกู ศิษย์ผ้ หู ญิงว่าเป็ นเสียงของคนใดคนหนึง� ในกลุม่ นี �หรื อไม่ ลูกศิษย์ผ้ หู ญิงสองคนนี �ปกติก็เป็ นคนที�เรี ยบร้ อย สํารวมอยูแ่ ล้ ว สองคนนี �ก็นงั� เฉย ไม่ได้ สง่ เสียงกรี ดร้ องแต่อย่างใด ข้ า พเจ้ า หยุด และกํ า หนดจิ ต เข้ า สมาธิ ขอบารมี อ งค์ ส มเด็ จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ าน้ อมจิตแผ่เมตตา บุญกุศลที�ทํามาทังหมด � ของข้ าพเจ้ าทีไ� ด้ ทาํ มาทุกภพทุกชาติ ขอให้ มผี ลแก่ผ้ ทู สี� ง่ เสียงร้ องนี � ขอให้ มีอํานาจส่งให้ ท่านไปผุดไปเกิด หรื อเปลี�ยนภพเปลี�ยนภูมิ หรื อมีทิพย์ สมบัติเพิ�มพูนทวีคูณขึน� มีดวงตาเห็นธรรม มีทุกข์ ก็ ข อให้ พ้ น ทุก ข์ มี สุข ก็ ข อให้ สุข ยิ� ง ๆ ขึ น� ด้ ว ยเทอญ น้ อ มจิ ต แผ่ออกไป จากนัน� ข้ าพเจ้ าก็ทราบได้ ว่าเสียงนัน� เป็ นเสียงของ เปรตผู้หญิง ซึง� อดีตเคยเป็ นพีส� าวของลูกศิษย์คนหนึง� ของข้ าพเจ้ า ซึ�งเคยมาปฏิบตั ิธรรมที�วดั นีห� ลายครัง� และเคยมีปรากฏการณ์ บางอย่ า งให้ รู้ ว่ า ที� วั ด แห่ ง นี ไ� ด้ มี เ ปรตมาขออาศั ย อยู่ ใ นวั ด เพื�ออนุโมทนาบุญกับกลุม่ ปฏิบตั ธิ รรมของข้ าพเจ้ า โดยเฉพาะกับ น้ องชายของเธอ หลังจากที�เกิดเหตุการณ์นี �ไม่นาน ปรากฏการณ์ ที�เกี�ยวกับเปรตนี �ก็หายไป ในคืนหนึ�งที�ข้าพเจ้ าปฏิบตั ิกรรมฐาน กําลังแผ่เมตตาคลุมไปทุกๆ ที�รวมทังที � �วดั แห่งนี �ด้ วย ปรากฏว่า ข้ าพเจ้ าได้ เห็นผู้หญิงคนหนึ�งแต่งชุดขาวเดินอยู่ในวัดก็ทราบได้ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๘๕


ทันทีวา่ ....ท่ านเป็ นภุมเทวดาเพิ�งเปลี�ยนภพภูมิมาจากเปรต ที�เคยได้ สมั ผัสกับข้ าพเจ้ ามาไม่นานนี � พิจารณาเหตุการณ์นี �แล้ ว ทําให้ ข้าพเจ้ าน้ อมจิตอนุโมทนากับท่าน ท่านเหล่านี �จะสามารถ เปลี�ยนภพเปลี�ยนภูมิได้ อย่างนี � ก็ต้องเป็ นเหตุเป็ นผลอันสมควร โดยเฉพาะสภาพจิตของท่านจะต้ องมีการสํานึกได้ ว่า ในอดีต ตนนันคงหลงอยู � ก่ บั กาย หลงอยูก่ บั โลก เต็มไปด้ วยอวิชชา กิเลส ตัณหา อุปาทาน แต่พอได้ เสวยกรรมได้ รับความทุกข์ทรมานจาก ภพภูมิของเปรตก็มีปัญญาสํานึกได้ บ้าง ได้ เกิดความพยายาม ที� จ ะกระทํ า ความดี มี ก ารอนุ โ มทนาบุ ญ มี ค วามศรั ท ธา ในองค์ ส มเด็ จ พระสั ม มาสั ม พุ ท ธเจ้ า มี สั ม มาทิ ฐิ เกิ ด ขึ น� ช่างน่าอนุโมทนากับท่านเหลือเกิน ในวัฏสงสารแห่งนี � สรรพสัตว์ ทังหลายที � �เวียนว่ายตายเกิด ล้ วนแล้ วแต่อยู่ในความไม่แน่นอน อยู่ด้วยกรรม มีกรรมเป็ นตัวกําหนด มีกรรมเป็ นผู้ให้ ผล มีกรรม เป็ นแดนเกิด และมีกรรมเป็ นผู้ติดตาม พวกเราทังหลายทุ � กคน เคยเกิดมาแล้ วหลายภพหลายชาติ อะไรๆ ก็เคยเกิดเป็ นมาแล้ ว คนจนก็เคยเกิดเป็ นมาแล้ ว คนรวยก็เคยเกิดเป็ นมาแล้ ว เมื�อสัจจะ ความจริ ง ประจั ก ษ์ ให้ รู้ ให้ เห็ น อย่ า งนี แ� ล้ ว ท่ า นทั ง� หลาย จงอย่า พอใจในการเวี ย นว่า ยตายเกิ ด อยู่กับ ความไม่แ น่ น อน ในวัฏฏะแห่งนี �เลย ขอจงอย่าลังเลสงสัยในองค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้ า จงปฏิบตั ติ ามคําสอนของพระพุทธองค์ มีเป้าหมายที� มรรคผล นิพพาน....เทอญ..... ๘๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๑๙. บรรพบุรุษในอดีตขึน� มาร่ วมทําบุญ วัดนฤมลวัฒนาหรื อวัดโป่ งตูม เป็ นวัดฝ่ ายธรรมยุติ มีการ ปฏิ บัติ วิ ปั ส สนากรรมฐาน วัด นี อ� ยู่ที� อํ า เภอหล่ม เก่ า จัง หวัด เพชรบูรณ์ ได้ เริ� มสร้ างโดยหลวงปู่ หลอดซึ�งเป็ นพระรุ่ นเก่าแก่ สายหลวงปู่ มั�น ในช่ ว งปี หลัง ๆ มานี ไ� ด้ มี ก ารสร้ างศาลาใหม่ แทนศาลาเก่าซึง� เก่าแก่มาก แต่กย็ งั คงใช้ งานอยู่ ใช้ เป็ นทีฉ� นั อาหาร และทํ า พิ ธี ต่ า งๆ ในกรณี ที� มี ค นไม่ ม าก ศาลาที� ส ร้ างใหม่ นี � มีขนาดใหญ่ จุคนได้ มาก สะดวกในการประกอบพิธีตา่ งๆ รวมทัง� เรื� องห้ องนํ �าห้ องส้ วมอีกด้ วย ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๓๘ เป็ นต้ นมา ข้ าพเจ้ าได้ พานักเรียนมัธยมปลายของโรงเรียมมัธยมประจําอําเภอ ไปจัด กิ จ กรรมปฏิ บัติ ธ รรมอยู่ธุ ด งควัต ร โดยใช้ ศ าลาเป็ นที� ปฏิบตั ิสมาธิ – วิปัสสนา ส่วนการนอนนัน� ได้ จดั ให้ นอนในกลด กิจกรรมนี �ได้ จดั ทุกปี ติดต่อกันจนนักเรี ยนถือว่าเป็ นกิจประเพณี ใครๆ ที�สนใจในเรื� องนี �ก็จะตังหน้ � าตังตารอคอยให้ � ถงึ มัธยมปลาย จะได้ มีโอกาสเข้ าร่วมกิจกรรมนี �บ้ าง ในช่วงระหว่างปี ที�ศาลาใหม่ ยังก่อสร้ างในส่วนที�เป็ นรายละเอียดอยู่นนั � ทางวัดและญาติโยม ทัง� หลายก็ได้ วางแผนการทําบุญวางศิลาฤกษ์ ฉลองศาลาใหม่ กิจกรรมต่างๆ ในงานนี �ก็ได้ ถกู กําหนดขึ �น มีอยูก่ ิจกรรมหนึง� ก็คือ บวงสรวงเจ้ าที�ของวัดนี � ซึง� ทางวัดก็ได้ ตดิ ต่อมายังข้ าพเจ้ า ขอให้ เป็ นคนทําพิธี ข้ าพเจ้ าก็ได้ รบั ปากตกลง เมือ� ถึงวันเวลาทีเ� ป็ นงานจริง ข้ าพเจ้ าก็ได้ ลงมือบวงสรวงตังแต่ � พระ – พรหม – เทพ และผี อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๘๗


ทังหลาย � โดยเฉพาะที�เกี�ยวข้ องกับวัดแห่งนี �เสร็จแล้ วข้ าพเจ้ าก็ได้ โปรยดอกไม้ ลงในกล่องทีใ� ส่เงินทําบุญ ซึง� ก็ได้ มคี นทําบุญบ้ างแล้ ว ในช่วงเช้ า พิธีและกิจกรรมต่างๆ ก็ได้ เสร็จสิ �นลงไปด้ วยดี ญาติโยม ทังหลายก็ � ได้ ชว่ ยกันเก็บข้ าวของต่างๆ กล่องใส่เงินทําบุญก็ได้ ถกู ยกไปเก็บไว้ ที�ศาลา ในช่วงเย็นก็ได้ มีโยมป้าซึง� เป็ นกรรมการวัด คนหนึง� ได้ มาสํารวจเก็บเงินทําบุญรวมกันไว้ เพราะกลัวเงินจะหาย ดังนัน� เรื� องอัศจรรย์นี �ก็เลยถูกเปิ ดเผยขึ �น เงินทําบุญในกล่องนัน� ได้ มีเงินประหลาดผสมมาด้ วย เป็ นเงินเก่าแก่สมัยโบราณ มีทงั � เงินเหรี ยญที�มีรูกลมและเหรี ยญประเภทอื�นๆ ทุกแบบล้ วนเป็ น เงินปากผีทงสิ ั � �น คุณป้าคนนี �ก็เลยมีความจําเป็ นต้ องมาหาข้ าพเจ้ า ที�บ้านเนื�องจากต้ องการรู้คําตอบในเรื� องนี �ข้ าพเจ้ าก็ได้ ให้ คําตอบ ไปค่อ นข้ า งชัด เจน ก็ คื อ ว่ า จิ ต วิ ญ ญาณดวงไหน โดยเฉพาะ ที�ได้ มาเผามาฝั งที�นี� ท่านพญายมบาลได้ แจ้ งข่าวและอนุญาตให้ ขึ น� มาอนุ โ มทนาในการทํ า บุ ญ สร้ างศาลาใหม่ ใครที� มี ปั จ จัย ก็ อ นุญ าตให้ ม าร่ ว มทํ า บุญ ได้ ดัง นัน� เงิ น โบราณต่ า งๆ ก็ได้ เกิดความอัศจรรย์ปรากฏขึ �นให้ เห็นในเหตุการณ์นี � ท่านพญายมบาลหรื อพญายมราช เป็ นหัวหน้ ายมโลก ชื�อนี �เป็ นชื�อตําแหน่ง สามารถเปลี�ยนเป็ นท่านอื�นได้ ตําแหน่งนี � เทวดาที� จ ะมารั บ หน้ าที� จ ะต้ อ งมี ภู มิ ธ รรมเป็ นพระอนาคามี ท่ า นนายบั ญ ชี ก็ เ ช่ น เดี ย วกั น ส่ ว นนายนิ ริ ยบาลนั น� เป็ น อากาศเทวดาชัน� ที� ๑ (จาตุม หาราชิ ก า) ซึ�ง ได้ ก ระทํ า กรรม ที� เ กี� ย วข้ อ งกับ ยมโลกมาก่ อ น เลยต้ อ งมาทํ า งานในที� นี � เช่ น ๘๘ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


มี ห น้ า ที� ท รมานสัต ว์ น รก เป็ นต้ น ท่า นผู้อ่า นสามารถค้ น คว้ า เพิ�มเติมได้ อีกในพระไตรปิ ฎก, ไตรภูมิ, ๓๑ ภูมิ ฯลฯ ในประสบการณ์นี � ท่านพญายมราชท่านต้ องการสอนให้ ผู้ที�เกี� ยวข้ องได้ มีประสบการณ์ เชื� อในคําสอนขององค์ สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ าในเรื� องการเวียนว่ายตายเกิด นรก ยมโลก บุญกุศลต่างๆ เหล่านี ว� ่ามี จริ งหรื อไม่ ถึงแม้ ว่าจะมี ผ้ ูต่อต้ าน เกิดการปรามาสบ้ างก็ตาม

อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๘๙


๒๐. สอนกรรมฐาน นักศึกษา มช. ที�วัดโขงขาว เกิดอัศจรรย์ หลายอย่ าง มีนาคม ๒๕๓๙

ช่วงปลายเดือนมีนาคม ข้ าพเจ้ าได้ รับเชิญไปเป็ นวิทยากร สอนกรรมฐานแก่นกั ศึกษาชมรมพุทธศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จํานวนร่วม ๓๐ คน เป็ นเวลา ๑๐ วัน ที�วดั โขงขาว อําเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ กิจกรรมของตารางปฏิบตั เิ ริ�มตังแต่ � ตี ๕ สวดมนต์ ไหว้ พระ ทําสมาธิวิปัสสนา จากนันช่ � วยกันทําอาหารถวายพระ ตอนสายก็รับประทานอาหารช่วง ๑๐.๓๐ – ๑๒.๐๐ น. เป็ นการ ปฏิ บัติ ก รรมฐานภาคสาย พัก ผ่ อ นจนถึ ง เวลา ๑๓.๓๐ น. ปฏิบตั กิ รรมฐานภาคบ่ายถึงเวลา ๑๖.๐๐ น. พักผ่อนทํากิจส่วนตัว จนถึงเวลาประมาณ ๑๘.๐๐ น. เริ�มปฏิบตั กิ รรมฐานภาคคํา� จนถึง ๒๓.๐๐ น. จึง พัก ผ่อ นนอนหลับ ทุก อย่า งสะดวกพร้ อมและ สถานที�สปั ปายะมาก อีกทังเจ้ � าอาวาส ท่านพระอาจารย์บญ ุ รัตน์ ก็มีเมตตามาก ให้ ความสะดวกทุกอย่าง ทุกคนสนใจและตังใจ � ในการปฏิ บัติ ก รรมฐานเป็ นอย่า งดี การปฏิ บัติ ธ รรมในครั ง� นี � มีเหตุอศั จรรย์หลายอย่างเกิดขึ �น คือ ... * พระบรมสารี ริกธาตุเสด็จ คืนที� ๓ ของการปฏิบตั ธิ รรม หลังจากที�ข้าพเจ้ าได้ พาคณะ สวดมนต์ไหว้ พระและทําสมาธิวปิ ั สสนาไปแล้ ว กําลังอยูใ่ นช่วงพัก และจะต่อด้ วยการสนทนาธรรม ผู้ปฏิบตั ิคนหนึ�งก็ได้ นํานํา� ดื�ม ๙๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


เป็ นนํ �าสไปรท์มาให้ ข้าพเจ้ า ข้ าพเจ้ ารับแก้ วนํ �านันไว้ � แต่ยงั ไม่ดื�ม นัง� พักสักครู่ จึงยกแก้ วนํ �านันดื � �มก็ปรากฏว่า พระบรมสารี ริกธาตุ ของสมเด็ จ พระสั ม มาสั ม พุ ท ธเจ้ า สมเด็ จ พระสมณโคดม องค์ปัจจุบนั เสด็จมาอยู่ในแก้ วนํา� สไปรท์ของข้ าพเจ้ า เป็ นองค์ ขนาดเท่าเม็ดถัว� แขกขนาดเล็กสีงาช้ าง ๑ องค์ ข้ าพเจ้ าดื�มนํ �าแล้ ว ก็ ไ ด้ เ ชิ ญ ท่ า นออกมา บอกให้ ค ณะทราบความอัศ จรรย์ นี ว� ่ า องค์สมเด็จท่านอนุโมทนาให้ กําลังใจในการปฏิบตั ิธรรมของเรา ขอให้ ทกุ คนจงตังใจปฏิ � บตั ิ เอาใจใส่ในการสร้ างคุณงามความดี ให้ ยิ�งขึ �นไป ข้ าพเจ้ าก็ได้ มอบพระบรมสารี ริกธาตุองค์นี � ให้ เก็บไว้ บูชาที�ชมรมพุทธศิลป์ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ * พระบรมสารี ริกธาตุเสด็จอีกในวันรุ่ งขึน� ในวั น รุ่ ง ขึ น� ช่ ว งปฏิ บั ติ ธ รรมภาคกลางวั น หลั ง จาก ได้ พาคณะปฏิบตั สิ มาธิเสร็จแล้ ว ข้ าพเจ้ าก็ได้ นงั� คุยอยูก่ บั ลูกศิษย์ ซึ�งเป็ นเจ้ าหน้ าที�ป่าไม้ เขตเชียงราย ซึ�งมาร่ วมปฏิบตั ิธรรมด้ วย มี นักศึกษาชายคนหนึ�งได้ เข้ ามาหา แล้ วเอาวัตถุขนาดโตเท่า เม็ดถัว� เขียวแตกเล็กๆ ๒ ชิ �น มีสีขาวขุน่ มาให้ ข้าพเจ้ า และถามว่า นีใ� ช่พระบรมสารีริกธาตุหรือไม่ วัตถุนี �นักศึกษาหญิงคนหนึง� ชือ� เกตุ เป็ นคนเก็บได้ เธอให้ ข้อมูลกับข้ าพเจ้ าแค่นี � ข้ าพเจ้ าได้ กําวัตถุ ๒ ชิ �นนี �ไว้ ในมือซ้ าย แล้ วกําหนดจิตขึ �นข้ างบนไปกราบเรี ยนถาม ครูบาอาจารย์ทา่ น ก็ได้ ทราบว่าวัตถุ ๒ ชิ �นนี �เป็ นพระบรมสารีริกธาตุ ขององค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า สมเด็จพระสมณโคดม ข้ าพเจ้ าทราบแล้ ว แต่ก็ยังอยากพิสูจน์ เรี ยนรู้ ซํา� อี ก จึงตัง� จิ ต อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๙๑


อธิษฐานว่าถ้ าเป็ นพระบรมสารีริกธาตุจริง ขอให้ เกิดความร้ อนและ ความเย็นทีฝ� ่ ามือของลูกนี �ด้ วยเทอญ สักครู่กเ็ กิดความเย็นเหมือน กํ า นํ า� แข็ ง ที� ฝ่ ามื อ ของข้ า พเจ้ า อยู่ชั�ว ขณะหนึ� ง ต่ อ จากนัน� ก็ เกิ ด ความร้ อนขึ น� ที� ฝ่ ามื อ จนเหงื� อ มื อ ผุ ด ออกมาให้ เห็ น ข้ าพเจ้ าทราบแล้ วทราบถึงจิตถึงใจของลูกนี �แล้ ว สาธุ ....... พระพุทธองค์ ท่านทรงมีเมตตา และมีอํานาจเหลือเกิ น ข้ าพเจ้ าให้ คนไปตามนักศึกษาหญิงชื�อเกตุมาหา เพื�อสอบถาม ข้ อมูลบางอย่างเพิ�มเติม * พระบรมสารี ริกธาตุ ๒ องค์ รวมเข้ าด้ วยกัน ขณะที�กําลังรอนักศึกษาหญิ งอยู่ ข้ าพเจ้ าได้ แบมือซึ�งมี พระบรมสารี ริ ก ธาตุ ๒ ชิ น� วางอยู่ ห่ า งกั น ประมาณเกื อ บ ๑ เซนติเมตร และเบื �องหน้ าข้ าพเจ้ าก็มีลกู ศิษย์เจ้ าหน้ าที�ป่าไม้ นัง� ดูอยู่ ทันใดนันก็ � เกิดอัศจรรย์ขึ �น พระบรมสารี ริกธาตุทงั � ๒ องค์ นี �ได้ เคลือ� นเข้ าหากันและต่อติดกันรวมเป็ นองค์เดียว สักครู่ลกู ศิษย์ ชื� อ เกตุ ที� ใ ห้ ค นไปตามก็ ไ ด้ ม าหาข้ า พเจ้ า และได้ เ ล่า ให้ ฟั ง ว่า ขณะทีก� ลุม่ นักศึกษากําลังนัง� พักดืม� นํ �าปานะทีเ� ต็นท์นอกศาลานัน� ลูกศิษย์คนนี �เธอก็เกิดอาการอยากเดินไปที�ซ้ ุมโอ่งนํ �าดื�ม ซึ�งอยู่ ห่างจากเต็นท์ประมาณ ๖ – ๗ เมตร เธอเล่าว่าเหมือนมีอํานาจ อะไรบางอย่างมาบังคับให้ เธอเดินไปทีน� นั� โดยไม่สามารถปฏิเสธได้ เมื�อเดินไปถึงแล้ วก็บงั คับให้ เธอมองดูที�พื �นที�วางโอ่งนํ �า แล้ วเธอ ก็ได้ เห็นวัตถุชิ �นเล็กๆ สีขาวขุ่น ๑ ชิ �นวางอยู่ที�นนั� และยังให้ เธอ หยิ บ ขึ น� มา เธอเล่ า ด้ วยความปี ติ เธอกล่ า วต่ อ ไปอี ก ว่ า ๙๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


จากเหตุการณ์ที�พระบรมสารี ริกธาตุเสด็จมาหาอาจารย์เมื�อคืนนี � นักศึกษาหลายคนก็เกิ ดปี ติในความอัศจรรย์ อยากให้ เกิ ดขึน� กับตนเองบ้ าง แต่เธอเองนึกอธิษฐานไม่อยากให้ เกิดกับตนเอง เพราะกลัวว่าจะหลงอยู่กับอิทธิ ฤทธิ� ปาฏิ หาริ ย์ เธอเล่าต่อว่า หลัง จากที� เ ธอได้ หยิ บ วั ต ถุ ชิ น� สี ข าวนั น� ขึ น� มาแล้ ว เธอก็ ไ ด้ นําไปสอบถามเพื�อนว่า .. นี �คืออะไร ใช่พระธาตุหรื อไม่ ปรากฏว่า นั ก ศึ ก ษาชายคนหนึ� ง ซึ� ง เป็ นคนที� นํ า วั ต ถุ นี ม� าให้ ข้ าพเจ้ า ได้ หยิบไปพิจารณาดูแล้ วลองหัก ปรากฏว่าหักออกเป็ น ๒ ชิ �น จริ งๆ แล้ วมีเพียงชิ �นเดียว เธอเล่าให้ ข้าพเจ้ าและลูกศิษย์ป่าไม้ ฟัง ข้ าพเจ้ าก็ เข้ าใจและทราบถึงเหตุอัศจรรย์ นี � ข้ าพเจ้ าจึงแบมื อ ให้ เธอดูพระบรมสารี ริกธาตุในมื อของข้ าพเจ้ า รั บรองว่าเป็ น พระบรมสารี ริ ก ธาตุ ข ององค์ ส มเด็ จ พระสัม มาสัม พุ ท ธเจ้ า สมเด็จพระสมณโคดมจริ ง แล้ วท่านก็ได้ รวมองค์ เข้ าด้ วยกัน เป็ น ๑ องค์เหมือนเดิมแล้ ว ข้ าพเจ้ าแนะให้ กําลังใจแก่เธอ ก็เพราะ เธอพยายามทําใจให้ เป็ นอุเบกขา ไม่พยายามให้ เกิดความอยาก พระพุทธองค์จึงอยากจะหยิบยื�นให้ ขอให้ ตงใจพยายามปฏิ ั� บตั ิ ศึกษาเรียนรู้ให้ มากยิง� ขึ �น พระพุทธองค์ทรงอนุโมทนาแล้ ว จากนัน� ข้ าพเจ้ าก็ให้ เธอเก็บไว้ แต่เธออยากจะเก็บไว้ บชู ารวมกับองค์แรก ทีช� มรมในมหาวิทยาลัย ข้ าพเจ้ าก็เห็นดีด้วย ต่อมาไม่นานข้ าพเจ้ า ก็ได้ ทราบข่าวว่าพระบรมสารี ริกธาตุองค์นีไ� ด้ เสด็จหายไปแล้ ว เหลือแต่องค์แรกเท่านัน� อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๙๓


* หลวงพ่ อและหลวงปู่ ให้ ลกู แก้ วเป็ นรางวัลแก่ นักศึกษาหญิง หัวหน้ าชมรม ภาคบ่ายในวันต่อมา หลังจากทีป� ฏิบตั กิ รรมฐานในช่วงแรก เสร็ จแล้ ว คณะนักศึกษาก็ได้ ออกจากศาลาไปนัง� พักดื�มนํ �าปานะ กั น อยู่ ที� เ ต็ น ท์ ห น้ าศาลา ส่ ว นข้ าพเจ้ าก็ ไ ด้ พั ก จากการนั� ง มาเดินจงกรมเปลี�ยนอิริยาบถแทน ขณะที�ข้าพเจ้ าเดินจงกรม อยู่บนศาลานัน� ได้ มีพลังอย่างหนึ�งมากระทบจิตของข้ าพเจ้ า เหมือนกับกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ มากระตุกจิตของข้ าพเจ้ า ข้ าพเจ้ า หยุดเดิน นัง� ลง แล้วกําหนดจิตตรวจสอบดูวา่ ..ทําไมจึงเกิดเหตุการณ์ อย่างนี � ก็ได้ เห็นหลวงปู่ ปานและหลวงพ่อฤๅษี ลงิ ดํา ยืนอยูข่ ้ างๆ ข้ า พเจ้ า ข้ า พเจ้ า ไม่ ไ ด้ เ รี ย นถามอะไรจากท่ า น แต่ จิ ต ก็ ร้ ู ว่ า ต้ องมีเหตุอะไรสักอย่างท่านจึงมาหาในเวลานี � เพียงไม่กี�นาที ต่อมาก็มีนักศึกษาหญิ งหัวหน้ าชมรมหน้ าตาตื�นด้ วยความปี ติ พาเพื�อนทัง� หมดเข้ ามาหาข้ าพเจ้ า พร้ อมทัง� ยื�นลูกแก้ วใสกลม ให้ ข้ าพเจ้ าดู พร้ อมกั บ เล่ า ด้ วยความปี ติ ว่ า ...ลู ก แก้ วลู ก นี � หล่น ลงมาจากฟ้ า ตกลงมาบนหลัง คาเต็ น ท์ แล้ ว กลิ ง� ตกลง พืน� คอนกรี ตอีกทีหนึ�ง ทุกคนที�นั�งอยู่ได้ ยินและได้ เห็นกันหมด โดยเฉพาะหัวหน้ าชมรมเธอได้ ยนิ เสียงลูกแก้ วหล่นบนหลังคาเต็นท์ และเสียงกลิ �งบนหลังคาเสียงดังมากเสียงเข้ าไปในหูอย่างชัดเจน แล้ วมีอาํ นาจบางอย่างบังคับให้ เธอต้ องลุกขึ �นไปดูและหยิบลูกแก้ ว บนพื น� ขึน� มา ข้ า พเจ้ า ได้ ฟั ง เรื� อ ง ก็ ท ราบเหตุก ารณ์ ไ ด้ เ ลยว่า หลวงปู่ ปานและหลวงพ่ อ ได้ นํ า เอาลูก แก้ วมาให้ เ ป็ นรางวัล ๙๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


แก่เธอ... “หัวหน้ าชมรม” ในฐานะที�เป็ นผู้นํา ชักชวนหมู่คณะ มาปฏิบตั ิธรรมและทํางานหนักรับผิดชอบกิจกรรมต่างๆ ก่อนที� หลวงปู่ และหลวงพ่อจะได้ ให้ ลกู แก้ วแก่หวั หน้ าชมรม ท่านทังสอง � ก็ ได้ มาบอกข้ าพเจ้ าก่อนแล้ ว ครู บาอาจารย์ ทัง� หลายทุกท่าน นับตังแต่ � องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ าเป็ นที�สดุ พระปั จเจก พระพุทธเจ้ า พระอริ ยสงฆ์ ทัง� หลาย พรหมทัง� หลาย และเทพ ทังหลาย � ท่านมีเมตตา ท่านมีพระคุณต่อลูกและคณะเหลือเกิน ทังคุ � มกรรมฐาน คอยอบรมสัง� สอน ให้ ประสบการณ์ การเรี ยนรู้ และให้ กําลังใจในการปฏิบตั ิ จุดมุง่ หมายก็คือ มรรคผล นิพพาน เป็ นที� ตัง� ลูกและคณะทุก ๆ คน ขอกราบบูชาในพระคุณของ ท่านทังหลาย � ขอยกเทิดไว้ เหนือเศียรเหนือเกล้ า....สาธุ......... * กลิ�นศีลหลวงพ่ อ ในการปฏิบัติธรรมภาคกลางคืนวันสุดท้ าย หลังจากที� ได้ ปฏิบตั ิกรรมฐานกันเสร็ จแล้ ว ก็เป็ นช่วงสนทนาธรรม ข้ าพเจ้ า ได้ พูด ถึ ง เรื� อ งศี ล ว่ า .... ผู้ที� ไ ด้ ป ฏิ บัติ รั ก ษาศี ล อย่ า งเป็ นปกติ จนกระทั� ง ความดี เ หล่ า นี อ� อกจากจิ ต อย่ า งเป็ นธรรมชาติ ผลที�เกิดขึ �นอีกอย่างหนึ�งก็คือ จะมีอานุภาพเป็ นอัศจรรย์ให้ เห็น ในทางทิ พ ย์ ศี ล จะมี ก ลิ� น หอมหวนทวนลม ปิ ดบัง กลิ� น เหม็ น ของขันธ์ ๕ ได้ “กลิ�นศีล” จะมีความแตกต่างกันไปตามบารมี ของนักปฏิบตั ิแต่ละคน ข้ าพเจ้ ายกตัวอย่างประสบการณ์เรื� องนี � ให้ ศิษย์ทงหลายฟั ั� งว่า ครัง� หนึ�งข้ าพเจ้ าเคยอ่านหนังสือ รู้ สกึ ว่า จะเป็ นเรื� องเกี�ยวกับหลวงปู่ หลุยลูกศิษย์ของหลวงปู่ มัน� ที�ท่าน อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๙๕


ได้ พูดถึงเรื� องศีลและกลิ�นศีล ข้ าพเจ้ าก็ได้ คิดและตระหนักใน เรื� องนี �ว่า เป็ นไปได้ หรื อไม่อย่างไร และก็ได้ ทิ �งความคิดไว้ แค่นนั � มาวันหนึ�งราวๆ ๒๐.๐๐ น. ข้ าพเจ้ าได้ นงั� สมาธิรอคณะที�จะมา ปฏิ บัติธรรมที� บ้านของข้ าพเจ้ า ข้ าพเจ้ าได้ จับกสิณแสงสว่าง อยู่ระยะหนึ�ง จิ ตสงบดิ�งลึกลงไปในประกายของอาโลกกสิณ สว่ า งจ้ าแพรวพราวมาก และลึ ก ลงไปจนดวงกสิ ณ หายไป เข้ า ไปสู่อ รู ป ฌานเป็ นสมาบัติ อ ยู่ป ระมาณ ๕ นาที แล้ ว จิ ต ก็ ถ อนหยาบขึ น� มาอยู่ รู ป ฌาน และก็ ท รงอยู่ ขณะนั น� จมู ก ของข้ าพเจ้ าก็ได้ กลิน� หอมชนิดหนึง� คล้ ายนํ �าหอมบางอย่างผสมกัน บอกไม่ถกู กลิ�นโชยหอมลึกเข้ าไปถึงจิตใจของข้ าพเจ้ า ข้ าพเจ้ า ได้ กํ า หนดจิ ต ตรวจสอบดู ก็ ท ราบได้ ว่ า เป็ น....กลิ� น ศี ล ของ ท่ า น ท้ า ว ส หั ม บ ดี พ ร ห ม ซึ� ง ท่ า น ม า ยื น อ ยู่ ข้ า ง ๆ ท่านท้ าวสหัมบดีพรหมท่านเคยเป็ นพ่อของข้ าพเจ้ าในชาติหนึ�ง ในอดีต ขณะนัน� ท่านเป็ นพรหมอยู่ชัน� สุทธาวาส ทรงภูมิธรรม อรหันตมรรค แต่ปัจจุบนั ท่านเข้ านิพพาน เป็ นพระอรหันต์ไปแล้ ว ตังแต่ � ปี ๒๕๓๖ ประสบการณ์ นัน� ทําให้ ข้าพเจ้ าได้ ร้ ู ได้ สมั ผัสกับกลิ�นศีล นับตังแต่ � นนมา ั � ขณะทีข� ้ าพเจ้ ากําลังเล่าประสบการณ์ให้ คณะศิษย์ ฟั ง อยู่ นั น� ก็ ป รากฏว่ า ทุ ก คนซึ� ง นั� ง เป็ นกลุ่ ม รอบๆ ข้ าพเจ้ า ต่างก็ได้ กลิ�นหอมอย่างชัดเจน เป็ นกลิ�นหอมคล้ ายกลิ�นธูปหอม ผสมกั บ นํ า� หอมบางอย่ า งกลิ� น หอมหวนไปทั�ว ทุ ก คนเงี ย บ ข้ าพเจ้ าได้ กําหนดจิ ตดู ก็ ทราบว่าหลวงพ่อกํ าลังยื นอยู่ใกล้ ๆ ๙๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


พวกเรา และแน่ น อนกลิ� น นี ก� ็ คื อ ..กลิ� น ศี ล ของหลวงพ่ อ ครู บาอาจารย์ผ้ ูมีพระคุณอย่างยิ�งนัน� เอง....สาธุ....ลูกขอกราบ ขอบพระคุณในความเมตตาที�มีตอ่ ลูกทุกๆ คน * เทวดาให้ บทเรียนแก่ นักศึกษาที�ย่ งุ กับการถ่ ายรูปจนเกินไป กิ จ กรรมในการปฏิ บัติพระกรรมฐานในครั ง� นี � ข้ าพเจ้ า มีข้อสังเกตอย่างหนึง� ซึง� เรื� องนี �ก็ได้ เตือนนักศึกษาไปแล้ วคือ.... ในช่วงการปฏิบตั เิ กือบทุกๆ ครัง� มีนกั ศึกษาชายตากล้ องของชมรม ได้ ทําการถ่ายภาพอยู่บ่อยๆ ตอนแรกข้ าพเจ้ าก็ไม่ได้ ตําหนิอะไร เพราะทราบว่ากิจกรรมต่างๆ เหล่านี �จําเป็ นต้ องเก็บภาพเอาไว้ เป็ นหลักฐาน แต่ยิ�งสังเกตไปก็ ร้ ู สึกว่านักศึกษาคนนี แ� ละบาง คนที� มี ส่ว นร่ ว มด้ ว ย จะยุ่ง วุ่น วายจนเกิ น ไปกับ การถ่ า ยภาพ จนข้ าพเจ้ าคิดว่า จะมี ผลต่อ การปฏิ บัติธรรมจึงได้ ตักเตื อนว่า “ระวังเรื�องนีม� นั จะไปรบกวนสมาธิ-วิปัสสนาของพวกเธอนะ อย่ าให้ ใจมันติด” ให้ ทําไปตามสภาพอันสมควร แล้ ว กิ จ กรรมต่า งๆ ผ่ า นไปจนวัน สุด ท้ า ย ก็ ป รากฏว่ า กล้ องถ่ายรู ปอันนันได้ � หายไปอย่างปาฏิหาริ ย์ ทุกคนช่วยค้ นหา อย่างไรก็ ไม่พบทัง� ๆ ที� กล้ องจะอยู่ติดกับตัวคนเสมอ ในที� สุด ก็ ไม่เจอ ข้ าพเจ้ าจึงได้ ตรวจดูก็ทราบได้ ว่า... เทวดาเบือ� งบน ท่านให้ บทเรี ยนแก่นกั ศึกษาเหล่านี � บทเรี ยนนี �มีราคาแพงเท่าไร ข้ าพเจ้ าก็ลืมถามราคาของกล้ อง แต่อย่างไรก็ตาม เทวดาท่าน ก็ บ อกว่ า จะคื น ให้ ภายหลัง รอดู ก ารปฏิ บัติ ข องเธอเหล่ า นี � ไปก่อน..... อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๙๗


๒๑.พบชายประหลาดมาปรากฏ ที�วัดป่ าซําแคน ๒๐ – ๒๑ เมษายน ๒๕๓๙

วัดป่ าซําแคน มีธรรมชาติทคี� อ่ นข้ างจะสมบูรณ์ เต็มไปด้ วย ป่ าไม้ บนภูเขาทังลู � ก ด้ านหน้ าของวัดที�อยู่ติดถนนหลวงจะเป็ น พื น� ที� ล าดสู ง ขึ น� ไป ตรงกั น ข้ ามกั บ วั ด เป็ นหน่ ว ยพิ ทั ก ษ์ ป่ า เขตรักษาพันธุ์สตั ว์ป่าภูหลวง ด้ านหลังวัดเป็ นหน้ าผาสูงชันเต็มไป ด้ วยโขดหิน เพิงหินและถํ �า บริ เวณพื �นที�วดั แห่งนี �คงเคยมีชมุ ชน อาศัยอยูม่ าก่อนเพราะมีหลักฐานเครื� องมือเครื� องใช้ โบราณตกทิ �ง และฝั งอยู่จํานวนหนึ�ง ที�ถํ �าด้ านหลังวัดได้ มีผ้ คู ้ นพบพระพุทธรู ป ขนาดหน้ าตัก ๕ นิ �ว ศิลปะลาว เนื �อว่าน ห่อหุ้มด้ วยแผ่นเงินบุลาย จํานวนถึง ๙๙ องค์ วัดป่ าซําแคนตังอยู � ร่ ะหว่างหมูบ่ ้ านห้ วยทอง กับหมูบ่ ้ านผึ �ง ตําบลวังยาว อําเภอด่านซ้ าย จังหวัดเลย ข้ าพเจ้ า และคณะได้ อาศัยวัดแห่งนีเ� ป็ นแหล่งปฏิบตั ิกรรมฐานมาตังแต่ � ปี พ.ศ. ๒๕๓๑ และเป็ นกําลังช่วยพัฒนาวัด รวมทังพาหมู � ค่ ณะ ร่วมทอดกฐิ นที�วดั นี �เป็ นประจําทุกปี ในช่วงวันที� ๒๐–๒๑ เมษายน ๒๕๓๙ ข้ าพเจ้ าและศิ ษ ย์ เ ก่ า คนหนึ� ง ได้ มี ค วามประสงค์ ที� จะไปนอนที�วดั เพื�อปฏิบตั ิกรรมฐานสักวันสองวัน เมื�อไปถึงวัด ก็ ทราบว่า พระอาจารย์ เจ้ าอาวาสซึ�งเป็ นพระสายหลวงปู่ มั�น ไม่ได้ อยู่ที�วดั ท่านเดินทางไปต่างจังหวัด ข้ าพเจ้ าและลูกศิษย์ ก็ ไ ด้ เ ข้ าพัก ตามปกติ ที� เ คยทํ า พัก ที� บ้ า นพัก ญาติ โ ยมซึ� ง อยู่ ๙๘ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ริ มฝายกันนํ � �าภายในวัด ช่วงนี �บรรยากาศที�วดั เต็มไปด้ วยป่ าเขา ช่างเงียบเหงา ไม่มใี ครนอกจากข้ าพเจ้ าและศิษย์ อากาศค่อนข้ างเย็น ไม่ร้อน ลมพัดตลอดวัน กลางคืนก็ต้องห่มผ้ า ข้ าพเจ้ านัง� ปฏิบตั ิ สมาธิ อยู่นาน แล้ วเปลี�ยนอิริยาบถเป็ นท่านอน นอนทําสมาธิ จับลมหายใจ เข้ า-ออก จิตละเอียดลงไป ก็ได้ ยินเสียงเหมือน ใครตีนํ �าดังตูมๆ ดังชัดเจนมากที�หขู องข้ าพเจ้ า ข้ าพเจ้ าออกจากสมาธิลกุ ขึ �นไปดูทรี� ะเบียงกุฏทิ พี� กั ก็ได้ เห็น ชายคนหนึ�งในระยะไม่ห่างจากกุฏิท�ีพกั เท่าไร ใส่กางเกงขายาว สี ดํ า เสื อ� แขนยาวสี ดํ า ชายเสื อ� อยู่ใ นกางเกงอย่ า งเรี ย บร้ อย นั�ง หัน หลัง ขัด สมาธิ บ นห่ ว งยางในของรถยนต์ ข นาดไม่ ใ หญ่ ขยับมือทังสองแกว่ � งเบาๆ อยู่ในนํ �า ขณะที�ข้าพเจ้ ากําลังดูอยู่นี � สภาพจิ ต ของข้ า พเจ้ า ยัง อยู่ใ นกระบวนการสมาธิ ทุก อย่ า ง ที�ข้าพเจ้ าเห็น เห็นได้ อย่างชัดเจนทัง� ตานอกและตาใน ช่วงนี � ความสงสัยในจิตยังไม่มี จิตเป็ นอุเบกขาเฉยๆ ข้ าพเจ้ าได้ เดิน หลบออกมา ปรารถนาเพื�อไม่ให้ ชายคนนันเห็ � นข้ าพเจ้ า และแล้ ว ความสงสัยทุกแง่ทุกมุมก็ผุดขึน� ชายหนุ่มคนนีเ� ป็ นใคร ทําไม แต่งตัวดีอย่างนันลงเล่ � นนํ �า ทําไมห่วงยางทีเ� ขานัง� อยูร่ ับนํ �าหนักตัว เขาได้ ไม่จม ลอยอยู่เหมือนไม่มีนํ �าหนักกดทับ ทําไมเสียงตีนํ �า ถึงดังมากผิดปกติจนข้ าพเจ้ าต้ องออกจากสมาธิลกุ ขึ �นไปดู ดังนัน� ข้ าพเจ้ าจึงตัดสินใจโผล่ออกไปดูที�ระเบียงกุฏิอีกครัง� ชายคนนัน� หายไปแล้ วเพียงแค่ชวั� เวลานิดเดียว เขาหายไปได้ อย่างไร ทําไม รวดเร็ วอย่างนัน� จิตของข้ าพเจ้ าก็ร้ ู ได้ ขึน� ทันทีว่า....ชายคนนัน� อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๙๙


ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาเสียแล้ ว แต่เป็ น “พญานาค” ซึง� อยูท่ ี�วดั แห่งนี � และได้ ค้ ุน เคยกับ ข้ า พเจ้ า มาก่ อ นท่า นมี ชื�อว่า.....อนันตะราช เป็ นเทวดาพระอริ ย เจ้ า คอยดูแ ลรั ก ษาวัด แห่ง นี � คอยปกป้ อง และอนุ โ มทนาบุ ญ แก่ ผ้ ู ปฏิ บั ติ ธ รรม เคยสั ม ผั ส ทางสมาธิ กั บ ข้ าพเจ้ าและผู้ ปฏิ บัติ ธ รรมมาก่ อ น เพิ� ง จะได้ เห็ น ตัว ตน ทีป� ลอมแปลงมาของท่านก็คราวนี �เอง เพือ� ให้ แน่ใจ ในทีส� ดุ ข้ าพเจ้ า ก็เดินลงไปดูทที� า่ นํ �าบริเวณทีท� า่ นมาปรากฏ แต่แล้ วก็ไม่มีร่องรอย อะไรเลย ทุกอย่างปกติ ข้ าพเจ้ ากําหนดจิตแผ่เมตตาน้ อมถวายท่าน ขอบพระคุณที�ท่านเมตตามาสร้ างประสบการณ์ ความรู้ ให้ มีขึ �น ในชีวิตการปฏิบตั ิกรรมฐานของข้ าพเจ้ า เพื�อให้ ร้ ู จริ ง มีศรัทธา ในคํ า สั�ง สอนขององค์ ส มเด็ จ พระสัม มาสัม พุ ท ธเจ้ ามากขึ น� และหนักแน่นขึ �น จากประสบการณ์ นี � ทําให้ ข้าพเจ้ าได้ หวนคิด ขึ �นมาว่า สรรพสัตว์ ทงั � หลายในจักรวาลแห่ งนีม� ใิ ช่ มีเพียงแค่ มนุ ษย์ และสัตว์ เดรั จฉานตามสายตาของมนุ ษย์ ท� ีมองเห็น เท่ านั น� องค์ สมเด็จพระประทีปแก้ วท่ านยังสอนไว้ ว่า.... เรายั ง มี เ พื� อ นร่ วมจั ก รวาลอี ก มากมายอั น ได้ แ ก่ . ..ภพที� ตํ�ากว่ ามนุษย์ กม็ ี สัตว์ เดรัจฉาน อสุรกาย เปรตและสัตว์ นรก ภพภูมทิ � สี ูงกว่ ามนุษย์ ได้ แก่ ...เทวดา พรหม และ นิพพาน ยกเว้ นนิพพานแล้ ว...ท่ านทัง� หลายยังเป็ นเพื�อนเวียนว่ าย ตายเกิดเช่ นเดียวกับพวกเรา ท่ านยังต้ องการการสงเคราะห์ การช่ วยเหลือเกือ� กูลซึ�งกันและกัน ท่ านทัง� หลายที�เสวยสุข ทุ ก ข์ ใ นภพภู มิ ต่ า งๆ ก็ ล้ ว นแต่ ผ่ า นไปจากมนุ ษ ย์ ทั ง� สิ น� ๑๐๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


จะเสวยทุ ก ข์ ใ นอบายภูมิ ห รื อ เสวยสุ ข ในสุ ข ภูมิ ก็ ต้ อ ง สร้ างสม อบรมจิต สร้ างบารมี กรรมดีกรรมชั�วไว้ ทัง� สิน� ซึ�งโดยทั�วไปแล้ วก็มีโอกาสสร้ างมากในภพภูมิท� ีเป็ นมนุษย์ เท่ านั น� สิ�งเหล่ านี ล� ้ วนมาจากคําสั� งสอนขององค์ สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ าทัง� สิน� ฉะนั น� เราทัง� หลายไม่ ควรจะลังเลสงสัยในพระองค์ ท่ าน และคําสั�งสอนของพระองค์ ท่าน ควรอย่ างยิ�งที�จะมี ศรั ทธา ประพฤติปฏิบตั ติ ามคําสั�งสอน ไม่ ละเมิดในศีล และ ผลก็จะเกิดขึน� ตามเหตุตามผลนัน� ไปเรื� อยๆ ให้ เราทัง� หลาย ได้ พิสูจน์ พระธรรมคําสั�งสอนของพระองค์ ท่านจนสิน� ภพ สิน� ชาติ ซึ�งถือว่ า........จบกิจของศาสนา หมายเหตุ * พญานาค * หลังจากทีอ� งค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า เสด็ จ ปริ นิ พ พานแล้ ว ก็ มี ส ภาพภพภู มิ เ ป็ นเทวดา เป็ น อากาศเทวดาชัน� จาตุมหาราชิกา สวรรค์ ชัน� ที� ๑ มีวิมาน อยูท่ ี�ชนนี ั � � เป็ นบริ วาร ท่ านท้ าววิรูปักษ์ หนึง� ในท่านท้ าวมหาราช ทัง� ๔ ( จตุโลกบาลทัง� ๔ ) ซึง� มีภารกิจเกี�ยวข้ องกับมนุษย์.....

อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๐๑


๒๒. ดอกไม้ ทพ ิ ย์ ปรากฏขึน� ในรถ กลางเดือน กรกฎาคม ๒๕๓๙

วัน หนึ�ง ในช่ ว งเดื อ น กรกฎาคม ๒๕๓๙ ข้ า พเจ้ า ได้ มี ประสบการณ์ทนี� า่ อัศจรรย์อย่างหนึง� ในชีวติ การปฏิบตั พิ ระกรรมฐาน ของข้ าพเจ้ า ซึง� สามารถเป็ นสิ�งยืนยันในพระธรรมคําสัง� สอนของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ าได้ ประสบการณ์ก็มีอยู่ว่า..... วันหนึง� ข้ าพเจ้ าได้ ไปโรงเรียนตามปกติ ข้ าพเจ้ าได้ ขบั รถเข้ าไปจอด ไว้ ที�ใต้ ถนุ ตึกอย่างทุกวัน ขณะที�เปิ ดประตูรถ สายตาก็เหลือบเห็น ดอกไม้ ดอกหนึ� งวางไว้ บริ เวณด้ านหน้ ารถใกล้ พวงมาลัย ตรงตําแหน่งที�คนขับรถมองเห็นได้ อย่างชัดเจน ข้ าพเจ้ าแปลกใจ ในลัก ษณะของดอกไม้ ที� ไ ม่ เ คยเห็ น มาก่ อ น มี ลั ก ษณะเป็ น ดอกผอม ยาวประมาณ ๑ นิว� สีเหลือง มีก้านดอกสีเขียวอ่ อน ส่ วนปลายของดอกมีลกั ษณะเป็ นกลีบ ๕ แฉก คล้ ายกลีบบัว มีกลิ�นหอมอ่ อนๆ ดอกไม้ นีว� างบูชาที�หน้ ารถ ข้ าพเจ้ าหยิบ ขึน� มาดูแ ล้ ว วางไว้ ที� เ ดิ ม แปลกใจที� ด อกไม้ นี ม� าวางอยู่ใ นรถ ของข้ าพเจ้ าได้ อย่างไร เพราะล็อครถไว้ ตลอด และข้ าพเจ้ าก็ใช้ รถ คันนี �คนเดียว ข้ าพเจ้ าทิ �งความสงสัยไว้ แค่นนั � รี บออกจากรถแล้ วไปสอน นักเรี ยน เวลาผ่านไปจนถึงโรงเรี ยนเลิก ราวๆ ๔ โมงเย็น ถึงเวลา ที�ข้าพเจ้ ากลับบ้ าน ข้ าพเจ้ าเปิ ดล็อครถ ข้ าพเจ้ าก็เห็นดอกไม้ นี � ยั ง วางอยู่ ท� ี เ ดิ ม มี ส ภาพสดเหมื อ นเมื� อ ตอนเช้ า แทนที� ๑๐๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


จะเหี�ยว ซึง� ทําให้ ข้าพเจ้ าแปลกใจอีก อากาศในรถก็ร้อนอบอ้ าว แต่ทําไมดอกไม้ นี �ยังคงสดอยู่ เมื�อถึงบ้ านข้ าพเจ้ าได้ นําดอกไม้ นี � ไปบูชาไว้ ที�หิง� พระในห้ องพระ วันต่อมาดอกไม้ ดอกนี ถ� ึงเหี�ยว และข้ าพเจ้ าสังเกตว่าดอกไม้ เหี�ยวนี �ได้ หายไป เหตุการณ์นี �นับว่า เป็ นสิ� ง ที� แ ปลกและอั ศ จรรย์ ใ นประสบการณ์ ข องข้ าพเจ้ า อีกเหตุการณ์หนึง� หลังจากเหตุการณ์ ดงั กล่าว ข้ าพเจ้ าได้ ปฏิบตั ิกรรมฐาน และมีโอกาสหาคําตอบในเรื�องนี ก็� ทราบได้จากท่านท้าวสักกะเทวราช ว่า ..ดอกไม้ นีเ� ป็ นดอกไม้ สวรรค์ .. มีอยู่ในชัน� ดาวดึงส์ มีชอื� ว่า ..ดอกทิพย์ เกสร.. เทวดาองค์หนึ�งในชันนี � �ได้ นําเอาไปบูชาไว้ ที� รถยนต์ของข้ าพเจ้ า ความจริ งดอกไม้ ชนิดนี �มีขนาดใหญ่กว่าที� ปรากฏให้ เห็น ดอกนี �ได้ ถกู ย่อขนาดให้ เล็กลง ข้ าพเจ้ าได้ พิ จ ารณาแล้ วก็ น้ อมจิ ต ขอบพระคุ ณ ท่ า น ที�เมตตาได้ สร้ างประสบการณ์ความรู้ให้ เกิดขึ �นในตัวข้ าพเจ้ าและ หมูค่ ณะทีป� ฏิบตั ธิ รรม ข้ าพเจ้ าไม่ลมื ทีจ� ะแผ่เมตตาน้ อมอุทศิ ถวาย ผู้ที� มี พ ระคุณ ทุกๆ ท่า น ความดี ที� ได้ จ ากประสบการณ์ นี ก� ็ คื อ สามารถตอกยํ �าความศรัทธาในพระธรรมคําสัง� สอนในองค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ า หายลังเลสงสัยในเรื�องนี ในเรื � �องทิพย์สมบัติ ต่างๆ ของเทวดาเป็ นต้ น ความไม่ร้ ู (อวิชชา) ซึง� ท่านหมายเอา ความไม่ร้ ูในเรื� องขันธ์ ๕ ความไม่ร้ ูในกฎไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง และ อนัตตา ความไม่ร้ ูในอริ ยสัจ ๔ ทุกข์ สมุทยั นิโรธ มรรค แต่ ในความเป็ นจริ งแล้ ว ขันธ์ ๕ ของมนุษย์ ไม่เพียงแต่แค่กายมนุษย์ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๐๓


เท่านันที � �ควรจะรู้ความเป็ นจริ ง แต่ยงั มีสงิ� ประกอบกับกายมนุษย์ ในโลกนี � ในจักรวาลแห่งนี �อีกมากมาย เช่น เสื �อผ้ า ที�อยู่อาศัย ปั จจัย ๔ ข้ าวของเงินทอง ที�เราควรจะต้ องรู้ความเป็ นจริ ง เพื�อให้ เกิดผลในการทําลายอวิชชา ซึง� เป็ นหนึง� ในสังโยชน์ ๑๐ เป็ นกิเลส เครื� องร้ อยรัดที�ฝังอยูใ่ นจิต เป็ นเชื �อที�ทําให้ ต้องเวียนว่ายตายเกิด ในวัฏสงสารภพแล้ วภพเล่าแห่งนี �...

หมายเหตุ ดอกทิ พ ย์ เ กสร มี ข นาดยาวประมาณ ๑๒ เซนติ เ มตร ด้ านหน้ าดอกเป็ นกลีบซ้ อนกันเหมือนดอกบัว ดอกไม้ ทิพย์ชนิดนี � เป็ นพุ่มสูงประมาณ ๑.๒๐ เมตร ใบค่อนข้ างเล็ก ดอกยกตังขึ � �น ออกจากพุม่ เต็มไปหมด กลิน� หอมอ่อนๆ หอมเป็ นช่วงๆ หากใคร ได้ ดมกลิน� จะสามารถระลึกชาติได้ ..... ๑๐๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๒๓. พาคณะไปบูชาสถานที�ศักดิ�สิทธิ� ทางภาคเหนือ ๑๙ – ๒๒ เมษายน ๒๕๔๐

ช่วงวันที� ๑๙ – ๒๒ เมษายน ๒๕๔๐ ข้ าพเจ้ าได้ มีโอกาส พาคณะปฏิบตั ธิ รรมไปสักการบูชาสถานทีศ� กั ดิส� ทิ ธิ�ทางภาคเหนือ มี สมาชิกที� ไปร่ วม ๒๐ คน จุ ด แรก ที� พวกเราได้ ไปทํ าพิธีคือ พระธาตุจอมกิตติ อําเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย พวกเราได้ จัดเครื� องสักการะทําพิธีบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า ดอยกิตติแห่งนี � องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ าได้ เคยเสด็จมา ประทับ เป็ นสถานที�ศกั ดิส� ทิ ธิ�มาก ส่วนพระธาตุเจดีย์นนสร้ ั � างโดย พระเจ้ าพรหมมหาราช และได้ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ พวกเรา ได้ สวดมนต์ทําสมาธิ น้อมจิตถวายเครื� องสักการะ ถวายผ้ าห่ม องค์ พ ระธาตุ สรงนํ า� พระธาตุ และเวียนเที ยน จากนัน� ได้ นํา เครื� องทานไปถวายหลวงปู่ ครู บาแสงหล้ า ที�อําเภอท่าขี �เหล็ก ลงเรื อล่องแม่นํ �าโขงไปกราบและถวายเครื� องทาน ครู บาบุญชุ่ม ที�ประเทศพม่า กราบหลวงพ่ อ ดาบส ที�เชี ยงราย กราบท่าน พระอาจารย์ ขาล ที�อําเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย จุดที�สอง ทํ า พิ ธี สั ก การบู ช าองค์ สมเด็ จ พระสั ม มาสั ม พุ ท ธเจ้ าที� พระพุทธบาทสี�รอย บนเขารังรุ้ง อําเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ จุดที�สาม ทําพิธีที�พระพุทธบาทเกือกแก้ ว บ้ านผาผึ �ง อําเภอลี � จัง หวัด ลํ า พูน ไปกราบถวายทาน หลวงปู่ ครู บ าชั ย วงษา อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๐๕


วัด พระพุท ธบาทห้ ว ยต้ ม อํ า เภอลี � จัง หวัด ลํ า พูน ไปถวายที� วัด ถํ า� ป่ าไผ่ กลางคื น ในคื น สุด ท้ า ย คณะเราได้ พัก ที� เ รื อ นแพ ทะเลสาบแม่ปิง อําเภอลี ทะเลสาบแม่ � ปิงแห่งนี �เป็ นผืนนํ �าแห่งเดียว กับทะเลสาบเขื�อนภูมิพล ผืนนํ �านี �มีความยาวไปจนถึงดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ คืนนี �เป็ นคืนเดือนมืด รอบๆ แพที�เราพักมืดสนิท แทบมองไม่เห็นอะไรเลย ยกเว้ นแพที�พกั ของเราเพราะมีไฟฟ้าจาก เครื� องปั� นไฟ บริ เวณรอบแพที� เราพักเงี ยบสงบไม่มีสิ�งรบกวน สายลมพัดโชยมาอ่อนๆ ไม่ขาดสาย หลังจากที�ทํากิ จส่วนตัว เสร็ จ แล้ ว ข้ าพเจ้ าออกจากห้ องนอนมานั� ง ข้ างนอกริ ม แพ นั�งตากลมทําสมาธิ แผ่เมตตา จิตสงบสบาย ข้ าพเจ้ านั�งลืมตา ทําจิตว่างๆ สงบสบายทรงตัวอยูอ่ ย่างนัน� จากแพที�ข้าพเจ้ านัง� อยู่ ไม่ ไ กลเท่ า ใดนั ก เป็ นแพที� มี บ้ านพั ก ๑ หลัง มองเห็ น สลัว ๆ อยู่ในความมืด ขณะที�สายตาของข้ าพเจ้ าจับภาพอยู่นนั � ที�แพ ก็ เ กิ ด อัศ จรรย์ มี แ สงสว่า งเหมื อ นแสงจากหลอดนี อ อนสว่า ง ออกมาจากบ้ านบนแพ ค่อยๆ สว่างขึ �นๆ จนสว่างมากเหมือนกับว่า มีสปอตไลท์ ขนาดใหญ่ ส่องมายังแพแห่งนี � ส่องสว่างอยู่ราวๆ ๕ นาที แล้ วค่อยๆ มืดลงๆ ไปจนมืดสนิทแทบไม่เห็นเรื อนแพ แล้ วก็สว่างขึ �นอีก สลับกันอยูอ่ ย่างนี �เป็ นเวลาเกือบชัว� โมง ข้ าพเจ้ า กําหนดจิตก็ทราบได้ ว่า พรหม เทพ และเบื �องบนทังหลายท่ � าน แสดงความอัศจรรย์ให้ เห็น เพื�ออนุโมทนากับข้ าพเจ้ าและคณะ ที�ได้ มาสร้ างบุญใหญ่ บุญแห่งพุทธานุสติครัง� นี � ข้ าพเจ้ าน้ อมจิต แผ่เมตตาถวายแด่ท่านทังหลาย � ท่านผู้มีพระคุณ ท่านผู้มีบารมี และท่านผู้มีความปรารถนาแห่งการพ้ นทุกข์เช่นเดียวกับข้ าพเจ้ า ๑๐๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


เช้ ารุ่ งขึ �นได้ มีโอกาสคุยกับเจ้ าหน้ าที�รักษาแพของอุทยาน แม่ ปิ ง ก็ ท ราบว่ า เรื อ นแพที� เ กิ ด ความอัศ จรรย์ ขึ น� เมื� อ คื น นัน� เป็ นเรือนแพทีพ� กั ของตํารวจนํ �าทีม� หี น้ าทีค� อยควบคุมการระเบิดปลา ในทะเลสาบแห่งนี � เจ้ าหน้ าที�ตํารวจไม่ได้ อยูม่ า ๒ วันแล้ ว ไปทํา กิ จ ในเมื อ ง แพจึ ง ถู ก ปิ ดไว้ ไม่ มี ค นอยู่ แน่ น อนแล้ วว่ า เป็ น ความอัศจรรย์จากพรหม เทพ จริ งๆ ท่านทังหลายเหล่ � านี �ล้ วนไป จากมนุษย์ ท่านทังหลายเหล่ � านี �ล้ วนแต่อยูใ่ นวัฏสงสารเช่นเดียวกับ พวกเรา มีความปรารถนาที�จะสร้ างบารมีเช่นเดียวกับเรา และมี เป้าหมายมรรคผล นิพพานเช่นเดียวกัน ดังนันสิ � �งใดที�เป็ นกิจใน การสงเคราะห์ซงึ� กันและกัน ข้ าพเจ้ าได้ มีเจตนาที�จะกระทําสิง� นัน� ตามความสามารถตามบารมี ข องตนเองให้ ถึง ที� สุด จนสิน� ภพ สิน� ชาติไ ปด้ ว ยกัน ขอให้ ความตัง� ใจอันแน่วแน่ของข้ าพเจ้ านี � สําเร็จผลด้ วยเทอญ.....

อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๐๗


๒๔. ครู บาอาจารย์ ปลุกให้ ถอนสมาธิ เพื�อแผ่ เมตตา มกราคม ๒๕๔๑

คืนวันหนึง� ในช่วงเดือนมกราคมปี ๒๕๔๑ เป็ นเวลาราวๆ ๕ ทุ่ม ข้ า พเจ้ า ได้ นั�ง สมาธิ ต ามปกติ วัน นี ข� ้ า พเจ้ า ได้ เ ปลี� ย น สถานที� นั�ง มานั�ง บนเตี ย งแหย่ ง ช้ า งขนาดใหญ่ ซึ� ง อยู่ชัน� ล่ า ง ของบ้ าน ข้ าพเจ้ าปิ ดไฟนัง� สมาธิกําหนดจิตจับลมหายใจเข้ า-ออก ไปสักระยะหนึง� จิตก็ละเอียดดิ�งลึกลงไป จิตของข้ าพเจ้ าก็ทรงนิ�ง อยูอ่ ย่างนัน� สักพัก ข้ าพเจ้ าก็ได้ ยินเสียงเหมือนใครลูบไม้ ลกู กลึง ที�ประดับอยู่รอบๆ ซึ�งหมุนได้ ของเตียงแหย่งช้ าง เนื�องจากจิต ของข้ าพเจ้ าดิ�งเป็ นสมาธิ ลึก เสียงที�ได้ ยินจึงเป็ นเสียงดังแว่วๆ จิตรับรู้ แล้ วก็กลับไปทรงอยู่อย่างเดิมไม่สนใจสิ�งข้ างนอก สักครู่ เตียงแหย่งช้ างที�ข้าพเจ้ ากําลังนั�งสมาธิ อยู่ได้ ถูกลากเคลื�อนไป ข้ าพเจ้ าจึงถอนจิตออกจากสมาธิที�นิ�งสงบอยู่ ทรงจิตให้ หยาบขึ �น กําหนดจิตขึ �นไปกราบขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า ทุกๆ พระองค์พระปั จเจกพระพุทธเจ้ าทุกๆ พระองค์ พระอริ ยสงฆ์ ทังหลาย � ครูบาอาจารย์ทงหลาย ั� พรหมทังหลายและเทพทั � งหลาย � ขอให้ การแผ่เมตตาของลูกนี �เกิดผลเกิดพรหมวิหาร ๔ แก่ลกู นี � แล้ วน้ อมจิตแผ่เมตตาคลุมลงไป อุทิศส่วนกุศลที�ได้ สร้ างมาแล้ ว ทุกภพทุกชาติจนถึงปั จจุบนั นี � ให้ แก่ท่านทังหลายที � �อยู่บริ เวณนี � ๑๐๘ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


และที� ม าสร้ างเหตุ ก ารณ์ นี พ� ร้ อมทั ง� น้ อมนํ า เอาธรรมะของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ าในเรื� องสังโยชน์ ๑๐ กําหนดจิต แนะนําออกไปจนจบเรื� องแล้ วทําสมาธิตอ่ ไปจนถึงเวลาอันสมควร พรหมวิหาร ๔ เป็ นทังการปฏิ � บตั ิสมถะภาวนาและการ ปฏิบตั วิ ิปัสสนา ซึง� เป็ นสิง� จําเป็ นที�พวกเรานักปฏิบตั ธิ รรมจะต้ อง ทําบ่อยๆ เพื�อผลประโยชน์แก่จิตของเราเอง ให้ เกิดความเมตตา กรุณา มุทติ า และอุเบกขา เกิดการลด ละ เลิกจากความโกรธ อาฆาต พยาบาท ทังหลายที � �มนั ฝั งลึกอยูใ่ นจิตมานานหลายภพ หลายชาติแล้ ว อีกทังบุ � ญกุศลทังหลายที � �เก็บสะสมไว้ แต่ละภพ ละชาติที�เรานึกแผ่ออกไปนี ก� ็ ยังเป็ นผลต่อโอปาติกะทัง� หลาย เกิ ด การสงเคราะห์ ซึ� ง กัน และกัน ขึ น� เป็ นการเพิ� ม บุญ กุศ ลให้ แก่ตวั เราอีกทางหนึง� ด้ วย.....

๒๕. พญานาคให้ ส� งิ ศักดิ�สิทธิ� ๒๕๔๑

ในช่วงปี ๒๕๔๑ ข้ าพเจ้ าได้ มีโอกาสไปแวะกราบหลวงเตี�ย ทีจ� งั หวัดสิงห์บรุ ีเป็ นครัง� แรก ได้ สนทนากับท่านอยูพ่ กั หนึง� เมือ� ท่าน ได้ ทราบว่าข้ าพเจ้ าปฏิบตั ิธรรม ท่านก็ได้ วานให้ ตรวจสอบดูเรื� อง ต่างๆ หลายเรื� อง มีสงิ� หนึง� ที�ทา่ นให้ ดู เป็ นพระพุทธรูปหลายองค์ เข้ า ใจว่ า ทํ า ด้ ว ยทองสํ า ริ ด ท่ า นบอกว่ า ...ได้ ม าจากบาดาล พญานาคเอามาให้ และในช่วงนัน� มีพระพุทธรูป ๓ - ๔ องค์ ได้ เริ�ม

อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๐๙


มีเกล็ดคล้ ายๆ กากเพชร ปรากฏขึน� ที�องค์พระ หลวงเตี�ยท่าน ได้ ว านให้ ข้ า พเจ้ า ตรวจสอบดูอี ก ว่า สิ� ง นัน� คื อ อะไร ข้ า พเจ้ า ได้ ตรวจสอบดู ก็ร้ ูได้ วา่ พระพุทธรูปนันได้ � มาจากเมืองบาดาลจริ ง เป็ นของท่าน ซึ�งท่านได้ สร้ างแล้ วเอาไปเก็บไว้ ที�บาดาลมาก่อน ในสมัยอดีตชาติ เหล่าพญานาคได้ เอาขึ �นมาคืนให้ ทา่ น และยังได้ นําเอาของศักดิ�สิทธิ� ของเหล่านาคา มีชื�อว่า เกล็ดแก้ วนาคา นัน� คือ สิ�งที�คล้ ายกากเพชรที�ปรากฏขึ �นที�องค์พระพุทธรู ปนัน� เอง ข้ าพเจ้ าได้ สนทนากับท่านเป็ นเวลาอันสมควร ก็ได้ กราบลาท่าน ขณะทีข� ้ าพเจ้ าจะขึ �นรถ สายตาก็มองไปเห็นผลึกแก้ วสีเหลืองอ่อนๆ วางอยูบ่ นเบาะนัง� ข้ าพเจ้ าได้ หยิบขึ �นมาตรวจสอบดูก็ได้ ทราบว่า เป็ นเกล็ดแก้ วนาคานัน� เอง เหล่าพญานาคท่านได้ เอาให้ หลวงเตี�ย โดยทําให้ มีลกั ษณะเป็ นเกล็ดเพชรโรยประดับองค์พระพุทธรู ป เพื� อ ความเหมาะสม แล้ ว ก็ ไ ด้ นํ า เอามาให้ ข้ า พเจ้ า บ้ า ง เพื� อ เป็ นประโยชน์ในการสงเคราะห์คน และในฐานะที�ข้าพเจ้ าได้ เคย เกี�ยวข้ องกับพญานาคมาบ้ าง ข้ าพเจ้ าได้ น้อมจิตขอบพระคุณในความเมตตาสงเคราะห์ ซึ�งกันและกัน เพื�อเป้าหมายอันสูงสุดคือ การเกาะเกี� ยวซึ�งกัน และกันเข้ าสูม่ รรคผล นิพพานในภพนี � ชาตินี �..............สาธุ.......

๑๑๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ภาพเกล็ดแก้ วนาคาส่ วนที�เหลือจากการแบ่ งบรรจุ นาคเจ็ดเศียรที�ศูนย์ ฯ กําลังงอกขึน� มาใหม่

อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๑๑


ถํา� ในภาพซึ�งเป็ นถํา� อีกถํา� หนึ�ง ใกล้ ถาํ � ใหญ่ อาจารย์ และคณะได้ เคยแวะไปกราบพระอาจารย์ ทองใบ

๑๑๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๒๖. เสียงประหลาดกลางดึก ที�หน้ าถํา� ใหญ่ นํา� หนาว ๑ เมษายน ๒๕๔๑

วันที� ๑ – ๗ เมษายน ๒๕๔๑ คณะกลุม่ ปฏิบตั ธิ รรมจาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ จดั โปรแกรมที�จะมาปฏิบตั ิกรรมฐาน กับข้ าพเจ้ า ชุดแรกเป็ นหญิง ๔ คน ชาย ๒ คน ส่วนชุดที� ๒ เป็ นชาย ๕ คน หญิง ๑ คน ซึง� จะมาสมทบในช่วงวันที� ๔ เมษายน ข้ าพเจ้ า วางแผนทีจ� ะพาไปปฏิบตั กิ รรมฐานทีว� ดั ป่ าซําแคน อําเภอด่านซ้ าย จังหวัดเลย ชุดแรก ๕ คนทีม� านัน� ข้ าพเจ้ าได้ เพิม� โปรแกรมพิเศษให้ โดยพาไปปฏิบตั ธิ รรมที�ป่านํ �าหนาว ๑ คืน เช้ าของวันที� ๑ เมษายน ๒๕๔๑ ข้ าพเจ้ าและคณะ ๕ คนจัดสัมภาระและอุปกรณ์ต่างๆ ครบถ้ ว น ก็ อ อกเดิ น ทางมุ่ง ไปยัง ป่ านํ า� หนาวบริ เ วณที� เ คยใช้ ปฏิบัติธรรมมาก่อน ก่อนจะไปถึงจุดหมายได้ แวะรั บประทาน อาหารกลางวันที�ร้านค้ า ประมาณ ๓ กิโลเมตรก่อนถึงถํ �าใหญ่ นํ �าหนาว ขณะรับประทานอาหารกลางวันความคิดก็เกิดขึ �นคือ อยากจะพาคณะแวะไปชมถํ �าใหญ่ ก่อนที�จะไปยังสถานที�ธุดงค์ เพราะมี เ วลาเหลื อ อี ก มาก ดัง นัน� คณะของข้ า พเจ้ า จึง ได้ แ วะ ถํ �าใหญ่ก่อน ข้ าพเจ้ าปล่อยให้ หมู่คณะเข้ าไปชมถํ �าใหญ่กนั เอง โดยไม่ ลื ม ให้ นํ า ไฟฉายไปด้ ว ย ส่ ว นข้ า พเจ้ า ขี เ� กี ย จเดิ น และ เคยเข้ าไปหลายครัง� แล้ ว จึงขอนัง� สมาธิรออยูท่ ี�ถํ �าเล็กปากทางเข้ า ถํ �าใหญ่ อากาศในถํ �าเล็กเย็นสบายเหมือนติดแอร์ ขณะนัง� สมาธิ จิตก็มคี วามรู้สกึ เกิดขึ �นว่าควรพักปฏิบตั ธิ รรมทีถ� ํ �าเล็กแห่งนี ไม่ � ควร

อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๑๓


ไปที�ป่าตามที�กําหนดไว้ เพราะฝนจะตกในตอนกลางคืนจะลําบาก พอคณะกลับมา ข้ าพเจ้ าก็เลยชวนให้ พกั ปฏิบตั ธิ รรมที�นี� ข้ าพเจ้ า กําหนดให้ ลกู ศิษย์ ๕ คน ปั กกลดอยู่ภายในถํ �าเล็ก ซึง� มีบริ เวณ ไม่มากนักจึงทําให้ กลดของลูกศิษย์อยู่ไม่ไกลกัน ส่วนข้ าพเจ้ า อาศัยเพิงเล็กๆ นอกถํ �าแต่มีชะง่อนผาบังฝนให้ พวกเราไม่ทาน อาหารเย็น ถือศีล ๘ ในช่วงบ่าย ข้ าพเจ้ าพาศิษย์ทงหมดนั ั� ง� สมาธิ หลบอยู่ ใ นถํ า� เล็ ก ซึ� ง มี อ ากาศเย็ น สบายและมื ด ในช่ ว งนี ม� ี นักท่องเที�ยวที�มาชมถํ �าใหญ่อยู่ ๒ – ๓ คณะ บางกลุม่ ก็มาส่องดู พวกเราปฏิบตั สิ มาธิกนั ในถํ �าเล็กนี �ด้ วย ตกเย็นบริ เวณนี �สงบเงียบ วัง เวงไม่ มี นัก ท่ อ งเที� ย วมารบกวน ด้ า นหน้ า ถํ า� ใหญ่ มี ป่ าไม้ ค่อนข้ างทึบ มีลาํ ธารใสสะอาดไหลลอดออกมาจากใต้ ถํ �า พวกเรา จอดรถยนต์ฝากไว้ ที�ทําการอุทยานซึง� อยู่ไม่ไกลจากถํ �าเท่าใดนัก และยังอาบนํ �าโดยใช้ ห้องนํ �าของที�ทําการด้ วย ซึง� เจ้ าหน้ าที�ก็ให้ บริ การพวกเราอย่างดี ตอนหัวคํ�าและกลางคืนบรรยากาศของ ป่ าเขาและถํ �าดูเยือกเย็นเงียบสงัดวังเวง ได้ ยนิ เสียงสัตว์ออกหากิน อยู่บ้ างซึ�งคงเป็ นสัตว์ เล็ก ข้ า พเจ้ า พาคณะสวดมนต์ ไหว้ พระ นัง� สมาธิ วิปัสสนาและแผ่เมตตา ที�บริ เวณหน้ าถํ �าเล็กประมาณ ๒๐.๐๐ น. ฝนก็ตกลงมาแต่พวกเราไม่เปี ยกเพราะมีชะง่อนผา บังฝนให้ ช่วงที�คณะเราได้ ปฏิบตั ิธรรมกันอยู่ ข้ าพเจ้ าก็ได้ สมั ผัสว่า มีสงิ� เป็ นทิพย์มากมายได้ มาร่วมอนุโมทนากับพวกเรา ปฏิบตั ธิ รรม รวมกันเสร็จ ราวๆ เกือบ ๒๒.๐๐ น. ก็แยกย้ ายไปปฏิบตั ธิ รรมส่วน ตัวในกลด ข้ าพเจ้ านอนที�เพิงไม่ได้ ใช้ กลด นัง� ทําสมาธิต่อจนถึง ๑๑๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


เวลาอันสมควร ก็เปลี�ยนท่าเป็ นนอนสมาธิจบั ลมหายใจสบายๆ ไปเรื� อยๆ ลมหายใจละเอียดทรงตัวแล้ วก็หลับไป ขยับรู้สกึ ตัวก็จบั ลมหายใจอีก สลับกันอยู่อย่างนีค� ืนละหลายๆ หนจนเป็ นนิสยั การนอนของข้ าพเจ้ า ตกกลางคืนคาดว่าราวๆ สักตี ๑ ข้ าพเจ้ ารู้สกึ ตัวตื�นขึน� เพราะมี เสียงกรี ดร้ องดังมากเข้ าไปในหูของข้ าพเจ้ า จนต้ องสะดุ้งตืน� เสียงดังมาจากบริเวณยอดของต้ นไม้ สงู ๆ หน้ าถํ �า เสียงเหมือนสัตว์ขนาดใหญ่ ๒ ตัวกัดกันแล้ วร้ องด้ วยความเจ็บปวด ทรมาน ข้ าพเจ้ ารู้ได้ ทนั ทีและโดยอัตโนมัติ ข้ าพเจ้ ากําหนดจิตและ แผ่เมตตาไปยังเสียงนัน� ขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า ทุกๆ พระองค์และเบื �องบนทังหลาย � ขอให้ การแผ่เมตตาของลูกนี � เกิดผล ขอให้ บญ ุ กุศลทังหมดของข้ � าพเจ้ าจงเกิดเป็ นผลแก่ทา่ นที� ส่งเสียงร้ องนี �ด้ วยเทอญ... เสียงนันก็ � เงียบไปทันที ข้ าพเจ้ ากําหนดจิตก็ทราบว่า.. ได้ มีเปรต ๒ ตน หญิงชาย ซึ�งอดีตหลายภพหลายชาติมาแล้ ว ได้ เคยเกี�ยวข้ องกับข้ าพเจ้ า โดยเป็ นพ่อและแม่มาก่อน และถึงเวลาที�เหมาะสมแล้ วที�จะได้ มี การสงเคราะห์ซงึ� กันและกันกับข้ าพเจ้ า อีกทังบุ � ญกุศลของท่านก็ กําลังจะให้ ผล ท่านทังสองจึ � งมาปรากฏ ผลจึงทําให้ เปลี�ยนภพ เปลีย� นภูมิไปเป็ น เทวดาในสวรรค์ ชัน� จาตุมหาราชิกา ตอนเช้ า ข้ า พเจ้ า สอบถามหมู่ค ณะเกี� ย วกับ เสี ย งประหลาดเมื� อ คื น นี � ทุกคนนอกจากข้ าพเจ้ าแล้ วไม่มีใครได้ ยินเสียงนันเลย � ทังๆ � ที�เป็ น เสียงดังมาก ดังลัน� ป่ าหน้ าถํ �าใหญ่นํ �าหนาวเลยทีเดียว นี�คงเป็ น ความอัศ จรรย์ เ ป็ นปั จ จัต ตัง เฉพาะบุ ค คลตามที� อ งค์ ส มเด็ จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ าท่านกล่าวสอนไว้ ... อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๑๕


๒๗. พระบรมสารี ริกธาตุเสด็จ ขณะพาคณะปฏิบตั ธิ รรม ๒๓ – ๒๔ ตุลาคม ๒๕๔๑

ช่วงปลายเดือนตุลาคม ๒๕๔๑ ก่อนวันทอดกฐิ นสามัคคี ที�วดั ป่ าซําแคน อําเภอด่านซ้ าย จังหวัดเลย ซึ�งคณะเราได้ เป็ น เจ้ าภาพทอดกฐิ นเป็ นประจํา ปี นีพ� วกเราได้ มารวมกันก่อนวัน ทอดกฐิ นที�บ้านพักเขาค้ อเพื�อที�จะได้ มีโอกาสปฏิบตั ิกรรมฐาน ร่ วมกัน ในการปฏิบตั ิกรรมฐานครัง� นี � คณะเราได้ จดั พิธีสกั การะ หลายๆ อย่าง ได้ ปฏิบตั ิกรรมฐานกันทัง� ภาคเช้ าภาคบ่ายและ กลางคืน การปฏิบตั ิธรรมภาคกลางคืนในวันที� ๒๓ ตุลาคมนัน� ข้ าพเจ้ าได้ พาคณะสวดมนต์ไหว้ พระ อาราธนาพระกรรมฐาน และ ปฏิบตั สิ มาธิไปจนถึงเวลาอันสมควร ต่อจากนันก็ � พาคณะวิปัสสนา พิจารณาสังโยชน์ ๑๐ และสุดท้ ายก็แผ่เมตตาเป็ นอันเสร็ จสิ �น การปฏิบัติในคืนนัน� แต่ปรากฏว่าได้ มีสิ�งอัศจรรย์ เกิ ดขึน� ก็คือ มีพระบรมสารี ริกธาตุเสด็จมาอยู่บนพรมที�เรานัง� กันอยู่ คณะเรา เก็บได้ กันคนละหลายองค์ เป็ นพระบรมสารี ริกธาตุของสมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ าองค์ปัจจุบนั มีสณ ั ฐานเป็ นแบบเมล็ดงา มีทงสี ั � ขาวใส สีขาวขุ่น สีงาช้ างและสีนํ �าผึ �ง ความอัศจรรย์ครัง� นี � นับได้ วา่ เป็ นประสบการณ์ครัง� แรกของคณะเราที�ได้ มีบารมีสมั ผัส สิง� ศักดิ�สทิ ธิ�อย่างนี � พวกเราจึงได้ พากันน้ อมจิตกราบสักการบูชา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ าในความเมตตาของพระองค์ทา่ น ๑๑๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


เช้ าวันที� ๒๔ ตุลาคม ก็ ได้ ไปทอดกฐิ นที� วัดป่ าซําแคน ปรากฏว่ า ขณะที� ข้ าพเจ้ าได้ พ าคณะทํ า พิ ธี อ ยู่ นัน� พระบรม สารี ริ ก ธาตุสัณ ฐานเมล็ด งาสี ง าช้ า งได้ เ สด็จ มาอยู่บ นตัก ของ ข้ าพเจ้ าอีก ข้ าพเจ้ าจึงได้ อญ ั เชิญแล้ วนําไปถวายท่านพระอาจารย์ สุพล เจ้ าอาวาสวัดป่ าซําแคนไว้ สกั การบูชา หลังจากเหตุการณ์นนั � ผ่านไป พระบรมสารีริกธาตุกไ็ ด้ เสด็จมาหาข้ าพเจ้ าและคณะบ่อยๆ โดยเฉพาะที�บ้านข้ าพเจ้ า ไม่วา่ จะเป็ นขณะที�นอนทําสมาธิ หรื อ นอนพักผ่อนสบายๆ บนเตียงในห้ องดูทีวีก็ตาม และหลายครัง� ที� ข้ าพเจ้ าได้ อญ ั เชิญไปวางบนฐานพระพุทธรู ปที�หิ �งพระชัว� คราว ก่อนที�จะอัญเชิญไปไว้ ในผอบ หลังจากนันข้ � าพเจ้ าก็ลืมเสียสนิท เวลาผ่านไป ๑ วัน พอกลับไปดูทา่ นก็เสด็จหายไปแล้ ว บางครัง� ก็ เสด็ จ ไปอยู่ ใ นผอบเก็ บ พระบรมสารี ริ ก ธาตุ เ อง ในปั จ จุ บัน ความอัศจรรย์ของพระพุทธองค์กย็ งั คงเกิดขึ �นกับข้ าพเจ้ าและคณะ อยู่ จากประสบการณ์นี �ทําให้ ข้าพเจ้ าและคณะได้ ตระหนักมากขึ �น ในความอัศจรรย์ของอํานาจพระพุทธคุณซึง� ไม่สามารถหาสิ�งใด มาเทียบเปรี ยบประมาณได้ ดังนัน� จึงขอให้ ทุกท่านจงได้ โปรด น้ อมจิต มอบกายถวายชีวิตแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า ทําจิตให้ ถงึ ซึง� พุทธานุสติ มีทาน ศีล ภาวนา วิปัสสนาที�ดีเป็ นฐาน เท่านันก็ � จะเป็ นเหตุเป็ นปั จจัยให้ ทา่ นทังหลายได้ � เข้ าไปสูท่ างแห่ง ความพ้ นทุกข์อย่างแน่นอน.....

อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๑๗


๒๘.เดินทางไปสักการบูชาสิ�งศักดิ�สิทธิ� ทางภาคเหนือ ๕ - ๑๓ ธันวาคม ๒๕๔๑

ช่วงปิ ดเอเชียนเกมส์ ๕ - ๑๓ ธันวาคม ๒๕๔๑ ข้ าพเจ้ า และคณะได้ จดั โปรแกรมไปทําบุญทางภาคเหนือกันอีก เริ� มจาก เช้ าวันที� ๕ พวกเราร่วม ๒๐ คนได้ เดินทางออกจากบ้ านพักเขาค้ อ โดยมุง่ ไปทีจ� งั หวัดเชียงรายเป็ นจุดแรก ไปถึงทีน� นั� เกือบ ๑๖.๐๐ น. พวกเรายังพอมีเวลาก่อนเข้ าที�พกั ของป่ าไม้ ที�อําเภอแม่จนั จึงได้ ไปกราบถวายเครื� องทานแด่หลวงพ่อดาบสและแวะซื �อข้ าวของ บางอย่างเพื�อเตรี ยมพิธีสกั การบูชาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า และสิง� ศักดิส� ทิ ธิ�ทพี� ระธาตุจอมกิตติ อําเภอเชียงแสนในเช้ าตรู่ของ วันรุ่งขึ �น ช่วงกลางคืนก็ได้ ร่วมกันทํากิจปฏิบตั ธิ รรมก่อนเข้ านอน เช้ าตรู่ วั น รุ่ ง ขึ น� ได้ ไปทํ า พิ ธี สั ก การบู ช าองค์ ส มเด็ จ พระสัม มาสัม พุ ท ธเจ้ าและสิ� ง ศัก ดิ� สิ ท ธิ� ที� พ ระธาตุ จ อมกิ ต ติ ถวายผ้ าห่มพระธาตุ และเวียนเทียน จากนันได้ � ข้ามชายแดนเข้ าไป พม่าเพื�อไปกราบและถวายทานแด่หลวงปู่ ครูบาแสงหล้ า จากนัน� แวะขึน� ดอยตุงแล้ วกลับที�พัก วันรุ่ งขึน� ไปกราบหลวงพ่อดาบส อีกครัง� จึงเดินทางต่อไปยังจังหวัดเชียงใหม่ มุง่ ไปที�พระพุทธบาท สี�รอยเพื� อทํ าพิธีสักการบูชาองค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า และสิ�งศักดิ�สิทธิ� ที�นั�นอีก จากนัน� ได้ ไปกราบหลวงปู่ ครู บาน้ อย ครู บาเทื อง ท่านพระอาจารย์ เปลี�ยน และหลวงปู่ ครู บาดวงดี ๑๑๘ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


พั ก ค้ างคื น ที� เ ชี ย งใหม่ วั น รุ่ ง ขึ น� เดิ น ทางมุ่ ง ไปยั ง ถํ า� ลอด อําเภอปางมะผ้ า จังหวัดแม่ฮ่องสอน พักค้ างคืนที�บ้านพักของ ถํ �าลอด ๑ คืน รุ่ งขึ �นเข้ าไปเที�ยวชมถํ �าลอดแล้ วเดินทางต่อไปยัง วนอุทยานถํ �าปลา พักค้ างคืนที�นนั� อีก วันรุ่ งขึ �นเดินทางไปยังตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ไปกราบท่าน เจ้ าคณะจังหวัด ไหว้ พระธาตุดอยกองมู และพักค้ างคืนที�ถํ �าปลา ทีเ� ดิมอีก ๑ คืน เช้ าตรู่พวกเราก็ได้ ขนสัมภาระเดินขึ �นเขาเพือ� ทําพิธี สักการบูชารอยพระหัตถ์ และรอยพระพุทธบาทคู่ ที�ถํา� จักตอก ซึ�งอยู่บนเขาในเขตวนอุทยานถํา� ปลา ซึ�งเป็ นสถานที�ศกั ดิ�สิทธิ� แห่งใหม่ที�ข้าพเจ้ าและคณะได้ มาทําพิธีสกั การบูชาเป็ นครัง� แรก รอยพระหัตถ์และรอยพระพุทธบาทคู่อยู่ในสภาพที�ชดั เจนดีมาก และศัก ดิ� สิ ท ธิ� ม ากเช่ น เดี ย วกับ สถานที� ต่ า งๆ ที� เ ราได้ ทํ า พิ ธี สักการบูชามาแล้ ว จากนันได้ � เดินทางต่อไปยังอําเภอแม่สะเรี ยง ก่ อ นถึ ง แม่ ส ะเรี ย งแวะกราบพระอี ก วัด หนึ�ง ก่ อ นที� จ ะไปไหว้ พระธาตุจอมมอญ ต่อจากนันได้ � เดินทางเข้ าพักค้ างคืนที�บ้านพัก ป่ าไม้ ของสวนรุกขชาติไม้ เมืองหนาวแม่สะนาม ซึง� อยูร่ ิ มเส้ นทาง แม่ ส ะเรี ยง-ฮอด วั น รุ่ งขึ น� ได้ เดิ น ทางต่ อ ไปบนเส้ นทาง ฮอด-ดอยเต่า-ลี �เพื�อสักการบูชาและห่มผ้ ารอยพระพุทธบาทที�วดั พระพุทธบาทตะเมาะ ซึง� เป็ นวัดที�เก่าแก่ มีรอยพระพุทธบาทอยู่ หลายแห่ง นับเป็ นสถานที�ศกั ดิ�สทิ ธิ�อีกแห่งหนึง� ในภาคเหนือ พวกเราออกจากวัดพระพุทธบาทตะเมาะเดินทางต่อไปยัง อําเภอลี � เพื�อไปทําพิธีสกั การบูชารอยพระพุทธบาทเกื อกแก้ ว อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๑๙


ซึง� อยูบ่ นดอยเล็กๆ ในเขตวัดพระพุทธบาทผาผึ �ง ในเส้ นทางแยก จากถนนใหญ่ เ ข้ า สู่อุท ยานแห่ ง ชาติ แ ม่ ปิ ง คณะเราได้ ทํ า พิ ธี สักการบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า เพื�อเป็ นพุทธานุสติ ประกอบในการปฏิบตั ิกรรมฐานของพวกเรา จากนันได้ � ไปกราบ ถวายทานแด่หลวงปู่ ครู บาชัยวงษา วัดพระพุทธบาทห้ วยต้ ม เข้ าพักค้ างคืนที� แพในบริ เวณอุทยานแห่งชาติแม่ปิง มาครั ง� นี � พวกเราไม่ มี โ อกาสพัก แพของอุท ยานฯ เนื� อ งจากแพไม่ ว่ า ง มี ค ณะอื� น จองไปก่ อ น พวกเราจึ ง เช่ า แพของเอกชนโดยให้ เจ้ าของแพจอดแพอยู่ห่างจากแพอื�นๆ ออกไป อากาศในช่วงนี � ค่อนข้ างหนาว บนแพไม่มีฝากันจะโล่ � งเป็ นส่วนใหญ่ พวกเราได้ เ ต รี ย ม ถุ ง น อ น แ ล ะ สั ม ภ า ร ะ บ า ง อ ย่ า ง ใ น ก า ร ป้ อ ง กั น ความหนาวไปด้ วย เลยตัดปั ญหาเรื�องอากาศหนาวไปได้ ก่อนลงแพ ก็ได้ แวะอาบนํ �าและทานอาหารทีส� ถานีควบคุมไฟป่ าซึง� อยูร่ ะหว่าง ทางเข้ าอุ ท ยานฯ โดยหั ว หน้ าสถานี ไ ฟป่ าซึ� ง เป็ นลู ก ศิ ษ ย์ หลวงปู่ ครูบาชัยวงษาได้ บริ การพวกเราเป็ นอย่างดี คื น นี บ� รรยากาศสงบ อากาศค่อ นข้ า งหนาว เดื อ นมื ด ในช่วงหัวคํ�าพวกเราร่ วม ๒๐ คน ได้ จัดที�นอนเรี ยงกันบนแพ เว้ นทางเดินตรงระเบียงของแพไว้ เป็ นทางเดินไปยังห้ องนํ �า ข้ าพเจ้ า ได้ พาคณะปฏิ บัติสมาธิ จนถึงเวลาอันควรจึงได้ พักผ่อน แต่มี บางคนยังไม่ได้ นอน จับกลุม่ คุยกันอยู่ ส่วนข้ าพเจ้ าได้ นอนทําสมาธิ จนหลับไป มารู้สกึ ตัวเมือ� แพถูกเขย่าค่อนข้ างแรงและมีความรู้สกึ ว่า เหมือนมีคนร่วม ๒๐ - ๓๐ คน เดินกระทืบเท้ าสวนทางกันไปมา ๑๒๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


บริ เวณระเบียงทางเดินไปยังห้ องนํ �าของแพ โดยอัตโนมัตขิ ้ าพเจ้ า กําหนดจิตขึ �นข้ างบน ขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า ทุกๆ พระองค์และเบื �องบนทังหลาย � แล้ วน้ อมแผ่เมตตา บุญกุศล ทังหมดไปยั � งพรหมทังหลาย � เทพทังหลาย � โอปาติกะทังหลาย � จากนันก็ � ได้ ลกุ ขึ �นมาดูว่า มีคนยังไม่หลับกันอีกหรื อ ปรากฏว่า ทุกคนบนแพต่างก็หลับกันหมดแล้ ว ไฟฟ้าบนแพซึ�งเป็ นไฟปั� น ยังคงติดอยู่ ดวงจันทร์ คงเริ� มขึ �นจากขอบฟ้ามาได้ ไม่นานเท่าไร ทอแสงสลัวๆ กระทบผิวนํ �าของทะเลสาบเป็ นประกายระยิบระยับ ข้ าพเจ้ าดูนาฬกิ าข้ อมือ ขณะนันเป็ � นเวลา ๐๑.๑๐ น. ดังนัน� ข้ าพเจ้ าจึงได้ เข้ าสมาธิอกี เพือ� ทํากิจทีเ� คยทําเป็ นประจําทันที ยกจิต ขึ �นไปทําสมาธิจบั อาโลกกสิณอยูข่ ้ างบนช่วงเวลาหนึง� แล้ วกราบ ขอบารมี อ งค์ ส มเด็ จ พระสัม มาสัม พุท ธเจ้ า สมเด็ จ องค์ ป ฐม สมเด็ จ พระโกกุสัน โธ สมเด็ จ พระโกนาคม สมเด็ จ พระพุท ธ กัสสะปะมุณี สมเด็จพระสมณโคดม สมเด็จพระศรี อริ ยเมตไตรย สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ าทุกๆ พระองค์ พระปั จเจกพระพุทธเจ้ า ทุกๆ พระองค์ พระโพธิ สตั ว์ทัง� หลาย พระพุทธสาวกทัง� หลาย ครู บาอาจารย์ทงหลาย ั� พรหมทังหลายและเทพทั � งหลาย � ขอให้ การแผ่เมตตาของลูกนี �เกิดผลเกิดพรหมวิหาร ๔ ในจิตของลูกนี � บุญกุศลทัง� หลายที�ลูกได้ สร้ างมาแล้ วทุกภพทุกชาติ ตัง� แต่ต้น ลูก ขอแผ่ ส่ว นบุญ กุศ ลทัง� หมดนี ไ� ปยัง สัต ว์ เ ดรั จ ฉานทัง� หลาย ในจักรวาลนี � เจ้ ากรรมนายเวร ศัตรู คู่อาฆาตทัง� หลายทุกภพ ทุกชาติ พ่อแม่ปยู่่ าตายายญาติพี�น้อง ครูบาอาจารย์ผ้ มู ีพระคุณ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๒๑


ทัง� หลายทุกภพทุกชาติ พรหมทัง� หลายและเทพทัง� หลายทุกๆ ชัน� โอปาติกะ สัมภเวสี ภูตผีปีศาจทังหลาย � อสุรกาย เปรตและ สัตว์นรกทังหลาย � ขอได้ โปรดอนุโมทนารับส่วนบุญกุศลทังหมด � ของลูกนี � ขอให้ บญ ุ กุศลทังหมดของลู � กนี � รวมทังการขอบารมี � จาก องค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ าทุกๆ พระองค์ และเบื อ� งบน ทัง� หลาย ขอให้ มีอํานาจมีพลังส่งให้ ท่านทัง� หลายไปผุดไปเกิด หรื อเปลี�ยนภพเปลี�ยนภูมิ หรื อมีทิพย์ สมบัติเพิ�มพูนทวีคูณขึน� ขอให้ มีดวงตาเห็นธรรม ขอให้ ทา่ นทังหลายได้ � โปรดพิจารณาดูบญ ุ กุศล ทิพย์สมบัติ หรื อ วิ บ ากกรรมทัง� หลายที� ท่ า นได้ เ สวยอยู่ใ นภพภูมิ ข องท่ า น ในขณะนี � ว่ า มี จ ริ ง เป็ นจริ ง เกิ ด ขึ น� จริ ง หรื อ ไม่ ซึ� ง สิ� ง เหล่ า นี � ล้ ว นมาจากพระธรรมคํ า สั�ง สอนขององค์ ส มเด็ จ พระสัม มา สัมพุทธเจ้ าทัง� สิ �น ดังนัน� ขอให้ ท่านทัง� หลายจงอย่าลังเลสงสัย ในพระพุทธองค์ เลย ขอได้ โปรดศรั ทธามอบกายถวายชี วิตให้ พระองค์ท่าน ปฏิบตั ิตามพระธรรมคําสัง� สอนของพระองค์ท่าน อย่าละเมิดในศีล มีมรรคผล นิพพานเป็ นเป้าหมาย พิจารณา ให้ เห็นถึงความจริ งทังหลายในภพภู � มิของท่าน ในภพภูมิต่างๆ พิ จ ารณาดูภ พภูมิ ต่า งๆ พิ จ ารณาดูภ พภูมิ ข องสัต ว์ เ ดรั จ ฉาน อสุรกาย เปรตและสัตว์นรก เขาเหล่านันล้ � วนแต่เสวยวิบากกรรม ทีก� ระทํามาแล้ วในอดีต ซึง� ล้ วนแล้ วแต่กระทํามาด้ วยความมีอวิชชา ความไม่ร้ ใู นพระธรรมคําสัง� สอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พิจารณาดูภพภูมิของเทวดาและพรหม ท่านเหล่านัน� ล้ วนแต่ ๑๒๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


เสวยทิพย์สมบัติ บุญกุศลที�กระทํามา แต่ท่านทังหลายเหล่ � านัน� ก็ยงั คงมีวิบากกรรมรออยู่ มีอายุขยั ซึ�งส่วนใหญ่ต้องเวียนว่าย ตายเกิดในวัฏสงสาร ซึ�งก็ยงั ไม่พ้นทุกข์อยู่ดี พิจารณาดูภพภูมิ ของมนุษย์ผ้ มู ขี นั ธ์ ๕ ซึง� ท่านทังหลายก็ � ล้วนแล้ วแต่ได้ ผา่ นภพภูมนิ ี � มาแล้ วทังสิ � �น ซึง� ท่านอาจจะหลงลืมไม่ร้ ูถงึ ขันธ์ ๕ ว่าขันธ์ ๕ นัน� มีสว่ นประกอบอยู่ ๒ ส่วน คือ จิตกับกาย จิตนันท่ � านมองไม่เห็นไม่ร้ ูวา่ มันสําคัญมากสําคัญกว่ากาย ไม่ ร้ ู ว่าจิตเป็ นนาย กายเป็ นบ่ าว ซึง� ปั จจุบนั ท่านทังหลายทรง � อยูด่ ้ วยจิตทังสิ � �น ทิ �งกายไปหมดแล้ ว เนื�องด้ วยความไม่ร้ ู มีอวิชชา ไม่ร้ ูถงึ ความเป็ นจริ งของขันธ์ ๕ จึงหลงเข้ าไปยึดเกาะในกาย และ สิง� ประกอบกับกาย เช่น ข้ าวของ เงินทอง ที�อยูอ่ าศัย ปั จจัย ๔ และ สิง� ทังหลายทั � งปวงเหล่ � านี �หลงเข้ าไปยึดมัน� ถือมัน� จนเกินขอบเขต เกินความเป็ นจริ งของอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา จนลืมจิตลืม เอาใจใส่ดแู ลอบรมบ่มนิสยั หลงอยูใ่ นภพในชาติทบั ถมทวีคณ ู ขึ �น เรื� อยๆ เป็ นอวิชชาคือความไม่ร้ ู แล้ วยิ�งลังเลสงสัยในองค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ า ยิง� ห่างไกลจากคําสอนของพระองค์ทา่ น ยิง� ละเมิดในศีลก่อให้ เกิดการสร้ างวิบากกรรม หลงทุ่มเทให้ กายจน เกินจริง ยึดเกาะในทุกสิง� ทุกอย่างจนเกินขอบเขตโดยเฉพาะตัวตน ใครมาแตะมาต้ องมาล่วงเกินไม่ได้ ไม่พอใจสะสมก่อให้ เกิดความ หงุดหงิด โกรธ อาฆาต พยาบาทฝั งแน่นอยูใ่ นจิตมาแต่ละภพแต่ละ ชาติ เกิดมาในสภาพของขันธ์ ๕ ความปกติของมันก็ต้องมีกาม ราคะ มีการสืบเชื �อสายเผ่าพันธุ์ แต่แทนที�จะเกิด จะมีของมันไป อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๒๓


ตามสภาพ จบแล้ วก็จบ แต่ด้วยความไม่ร้ ู มีอวิชชา เลยเข้ าไปยึด ไปหลงข้ ามภพข้ ามชาติสะสมในจิตไปเรื� อยๆ ไม่ร้ ู ความจริ งแล้ ว เข้ าไปหลงในรูปร่างของสิง� ต่างๆ จนถึงรูปฌานและสิง� ไม่มรี ูปต่างๆ จนถึงอรูปฌาน มีมานะทิฐิและจิตฟุ้งซ่านไม่เป็ นสมาธิ ซึง� จะทําให้ ไม่เกิดปั ญญา เข้ าใจในธรรมะของพระพุทธองค์ ทังหมดนี � �ล้ วนแต่เป็ นกิเลสเครื� องร้ อยรัด ผูกพันฝั งอยูใ่ นจิต ของท่านเป็ นเชื �อมาแต่ละภพแต่ละชาติ ขอให้ ทา่ นทังหลายได้ � โปรด ใช้ ฌานของท่าน พิจารณาดูจิตของท่านว่ามีเชื �อเหล่านี �อยูห่ รื อไม่ ขอให้ ท่ า นพิ จ ารณาคํ า สั�ง สอนของพระพุท ธองค์ ขอให้ ท่ า น ทังหลายมี � ดวงตาเห็นธรรม มีทกุ ข์ขอให้ พ้นทุกข์ มีสขุ ขอให้ สขุ ยิง� ขึ �น ขอให้ บุญกุศลทัง� หลายเหล่านี � จงเกิดเป็ นผลแก่ลูกให้ พ้นทุกข์ ในภพนี �ชาตินี � สะดวกทุกอย่างในการสร้ างบารมี สะดวกทุกอย่าง ในการปฏิ บัติ ง านเพื� อ สนองคุณ งามความดี ข ององค์ ส มเด็ จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ า ประสบความสําเร็จทังทางโลกและทางธรรม � ตามเหตุผลอันควรด้ วยเทอญ...... ข้ า พเจ้ า ได้ น้ อ มจิ ต แผ่ เ มตตาคลุม ลงมาจากเบื อ� งบน ต่อจากนันก็ � นอนจับลมหายใจจนหลับไป ตอนเช้ าคณะเจ้ าหน้ าที� สถานีควบคุมไฟป่ าได้ เตรี ยมอาหารเช้ าและกลางวันมาให้ ก่อนที� พวกเราจะเตรี ยมตัวลงเรื อล่องทะเลสาบ ไปทําพิธีสกั การบูชา สิง� ศักดิส� ทิ ธิ�ที�พระธาตุแก่งสร้ อย ซึง� เป็ นเจดีย์ที�สร้ างขึ �นมาในสมัย ครู บาศรี วิชยั ต่อมาหลวงปู่ ครู บาชัยวงษาได้ ทํานุบํารุ ง สถานที� แห่งนี �เป็ นสถานที�เก่าแก่อยูค่ มู่ ากับเมืองโบราณ คือ เมืองสร้ อย ๑๒๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ซึ� ง ปั จจุ บั น เป็ นทะเลสาบ นํ า� ท่ ว มหมด พระธาตุ แ ห่ ง นี อ� ยู่ บนยอดดอยเล็ ก ริ ม ทะเลสาบซึ� ง นํ า� ท่ ว มไม่ ถึ ง อยู่ ใ นเขต อําเภอสามเงา จังหวัดตาก คณะเราได้ ทําพิธีสกั การบูชา ทําบุญ บํารุ งวัด แล้ วลงเรื อกลับมายังอุทยานแม่ปิง แล้ วเดินทางกลับ เพชรบูรณ์ เป็ นอันเสร็ จสิ �นการเดินทางสักการบูชาสิ�งศักดิ�สิทธิ� ทางภาคเหนือในครัง� นี �

คณะปฏิบตั ธิ รรมพุทธปฐม ได้ ทาํ พิธีสักการบูชา ณ วัดพระพุทธบาทสี�รอย อ.แม่ ริม จ.เชียงใหม่

อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๒๕


พระบรมสารี ริกธาตุของสมเด็จองค์ ปฐม ซึ�งมีสัณฐานแบบ ขีผ� ึง� ได้ เสด็จมาที�ห้องพระที�บ้าน

พระบรมสารี ริกธาตุของสมเด็จองค์ ปฐม สัณฐานต่ างๆ

๑๒๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๒๙. พระบรมสารี ริกธาตุ สมเด็จองค์ปฐมเสด็จ ๒๕๔๓

ช่วงวันที� ๓ - ๑๑ เดือนเมษายน ๒๕๔๓ คณะปฏิบตั ธิ รรม ซึง� เป็ นนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จํานวน ๖ - ๗ คน ได้ ตดิ ต่อ ขอจองคิวมาปฏิ บัติธรรมโดยใช้ สถานที� ที� วัดป่ าซํ าแคน เพื� อ เป็ นโอกาสได้ รวมกลุม่ นักปฏิบตั ธิ รรมรุ่นเดียวกัน เพราะหลายคน ได้ จบการศึกษาไปแล้ ว และจะได้ ทบทวนการปฏิบตั ใิ ห้ เข้ มข้ นอีก โดยเฉพาะด้ า นการวิ ปั ส สนา นัก ศึ ก ษากลุ่ม นี เ� ป็ นกลุ่ม แรก ที� ข้าพเจ้ าได้ เคยไปสอนธรรมะที� วัดโขงขาว จังหวัดเชี ยงใหม่ เมื�อหลายปี มาแล้ ว เขาเหล่านี �ก็ยงั คงจับกลุม่ ปฏิบตั ิกนั มาเรื� อยๆ โดยเฉพาะปิ ดเทอมก็พากันมาปฏิบตั ิธรรมกับข้ าพเจ้ าไม่ได้ ขาด น่าอนุโมทนาบุญด้ วย และที�สําคัญน่าชื� นชมกับการแบ่งเวลา ของพวกเขาได้ ทงทางโลกและทางธรรม ั� ในการปฏิบตั ธิ รรมครัง� นี � ได้ มีผ้ ูที�สนใจเข้ าร่ วมปฏิบตั ิเพิ�มอีกหลายคน ทุกคนต่างก็ตงใจ ั� ปฏิบตั กิ นั อย่างดี อดทนและพากเพียรแต่ก็ไม่เครี ยด ในช่ ว งวัน สุด ท้ า ยใกล้ วัน เทศกาลสงกรานต์ ข้ า พเจ้ า ได้ พาคณะทําความสะอาดพระพุทธรู ป ขัดและประพรมนํ �าหอม ซึ�งทุกคนมีโอกาสสร้ างบุญกุศลในครั ง� นีโ� ดยทัว� กัน โดยเฉพาะ ขัดพระประธานโลหะทองเหลือง ซึ�งเป็ นพระพุทธรู ปที�ข้าพเจ้ า อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๒๗


ได้ นํามาถวายที�วดั นี �สมัยที�สร้ างศาลาเสร็จใหม่ๆ ข้ าพเจ้ าได้ บรรจุ พระบรมสารีริกธาตุ เป็ นพระอังคารธาตุของสมเด็จพระสมณโคดม จํานวน ๕ พระองค์ โดยใส่ในหลอดพลาสติกใสเล็กๆ แล้ วบรรจุไว้ ในพระเกศ ซึ�งสามารถถอดออกมาได้ พระบรมสารี ริกธาตุที�นี� ได้ แ สดงความอัศ จรรย์ ใ ห้ ค นที� มี ค วามเกี� ย วข้ อ งกับ วัด ได้ เ ห็ น หลายครัง� เช่น แสงสว่าง และฉัพพรรณรังสี ๖ สี ครัง� นี �ก็เช่นเดียวกัน เมือ� คณะเราได้ ขดั พระประธานเสร็จ ก็ได้ ถอดพระเกศของท่านออก เพื� อ ประพรมนํ า� หอมพระบรมสารี ริ ก ธาตุ ปรากฏว่ า ได้ มี ความอัศจรรย์เกิดขึ �น พระบรมสารี ริกธาตุเสด็จออกมาอยู่นอก หลอดพลาสติกใส พระบรมสารี ริกธาตุที�เสด็จมานี ม� ีมากกว่า ๑๐ พระองค์ มี ข นาดและรู ป ทรงต่ า งกั น องค์ ที� ใ หญ่ ที� สุ ด มีลกั ษณะผิวค่อนข้ างขรุ ขระเล็กน้ อย สีม่วง นอกนันก็ � มีสีเหลือง อ่อน สีขาวขุ่น สีม่ว งอ่อ นและสีนิ ล ข้ าพเจ้ าตรวจสอบดูแล้ ว ทังหมดเป็ � นพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จองค์ ปฐม พระพุทธองค์ ทรงมี เ จตนาให้ มาเพื� อ บรรจุ ที� พ ระประธาน วั ด พุ ท ธปฐม ตําบลบ้ านเนิน อําเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึง� กําลังสร้ าง ศาลาปฏิบตั ธิ รรมอยู่ สาธุ........ลูกทังหลายขอมอบกายถวายชี � วติ แด่ อ งค์ ส มเด็ จ พระสั ม มาสั ม พุ ท ธเจ้ า และขอกราบบู ช า ในความเมตตาของพระพุทธองค์ท่านในปรากฏการณ์ที�อศั จรรย์ ในครัง� นี �...... ๑๒๘ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๓๐. ผีบ้านนํา� ก้ อ

สิงหาคม ๒๕๔๔

เรื�องนี �เป็ นเรื�องทีเ� กิดขึ �นกับสมาชิกปฏิบตั ธิ รรมซึง� มีข้าพเจ้ า เกี� ยวข้ องอยู่ด้วย โดยได้ เป็ นผู้แก้ ปัญหาในเรื� องของกรรมและ การช่วยเหลือสงเคราะห์จิตวิญญาณ ซึง� มีเรื� องราวดังต่อไปนี � : ช่วงฤดูฝนในปี ๒๕๔๔ ได้ เกิดอุทกภัยนํ �าท่วม พัดพาเอา โคลนและต้ นไม้ มาถล่มหมู่บ้านนํ า� ก้ อ และพื น� ที� บางส่วนของ หมู่บ้านนํ �าชุน อําเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ อุทกภัยครัง� นี � ได้ มชี าวบ้ านตายกว่าร้ อยศพ ข่าวเหตุการณ์นี �ได้ แพร่ไปทัว� ประเทศ ทางราชการได้ มีคําสัง� ให้ หน่วยงานต่างๆ ที�อยู่ในพื �นที�ใกล้ เคียง ได้ ใ ห้ ค วามช่ ว ยเหลื อ ชาวบ้ า นโดยด่ว น ข้ า พเจ้ า ได้ มี ลูก ศิ ษ ย์ อยู่ในกลุ่มปฏิบตั ิธรรมเป็ นเจ้ าหน้ าที�ทํางานอยู่ที�สถานีทดลอง และวิ จั ย พั น ธุ์ ไ ม้ ทุ่ ง แสลงหลวง หน่ ว ยงานนี ก� ็ ไ ด้ รั บ คํ า สั�ง เช่ น เดี ย วกั น แต่ ใ นช่ ว งนั น� หัว หน้ าหน่ ว ยไม่ อ ยู่ ไปราชการ ที�กรุงเทพฯ เจ้ าหน้ าที�ผ้ หู ญิงคนหนึง� ได้ ทําหน้ าที�แทนหัวหน้ าได้ พา คนงานลูกจ้ างชาย ๗ - ๘ คนไปช่วย โดยได้ ชว่ ยมูลนิธิตา่ งๆ ค้ นหา ศพผู้เสียชีวิตจากกองไม้ กองโคลนและได้ พกั นอนที�วดั ๑ คืน คืนที�ได้ นอนพักค้ างที�วดั ก็ไม่ได้ มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติ ทุกคน หลับด้ วยความอ่อนเพลีย วันรุ่ งขึ �นได้ ทํางานต่อและจากนันก็ � ได้ กลับหน่วย อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๒๙


หลังจากกลับหน่วยแล้ ว เหตุการณ์ประหลาดก็ได้ เกิดขึ �น ทุกคนทีไ� ด้ไปช่วยงานทีบ� ้านนํ �าก้ อเกิดมีอาการอาเจียน ตอนกลางคืน มีภตู ผีปีศาจมาหลอกหลอนในลักษณะต่างๆ เช่น ละเมอ ฝั นร้ าย เห็นผี มี เสียงเรี ยก โดนดึงขา ผี อํา หรื อแม้ กระทั�งกระโดดใส่ เหตุการณ์ตา่ งๆ แบบนี �ได้ เกิดขึ �นติดต่อกันทุกวัน จนกลุม่ คนงาน พากันขยาดกลัว เจ้ าหน้ าที� ที�เป็ นลูกศิษย์ ก็ได้ พยายามติดต่อ ข้ าพเจ้ าทางโทรศัพท์ แต่กม็ เี หตุให้ ตดิ ต่อกันไม่ได้ จนถึงขันตั � ดสินใจ พากันมาหาข้ าพเจ้ าทีบ� ้ านในเวลากลางคืน แต่กม็ เี หตุอกี .... คืนนัน� ข้ าพเจ้ าไม่อยูบ่ ้ าน ไปนอนเวรที�โรงเรี ยน จนเวลาผ่านไป ๕ - ๖ วัน จึงสามารถติดต่อกับข้ าพเจ้ าได้ ข้ าพเจ้ าจึงได้ นดั ให้ มาพบกันทีบ� ้าน ในคืนถัดไป จากเหตุการณ์นี �พวกเขาต่างสงสัยว่า.... น่าจะเป็ น วิญญาณที�ตามมาจากบ้ านนํ �าก้ อ ทําไมต้ องตามมาหลอกหลอน และทําไมเจ้ าหน้ าที�จากมูลนิธิตา่ งๆ จึงไม่โดนแบบนี �บ้ าง ข้ าพเจ้ าตรวจสอบดูแล้ วก็ได้ ทราบว่า กลุ่มคนงานของ สถานีวิจยั ฯ นี � ได้ ปฏิบตั ิธรรมมาบ้ าง และอย่างน้ อยก็สามารถ ติดต่อกับข้ าพเจ้ าได้ และจากเหตุการณ์ นี �จะได้ มีโอกาสทําบุญ สามอย่างคื อ ได้ บุญจากการเก็ บศพผู้เสียชี วิต ซึ�งเหมื อนกับ เจ้ าหน้ าทีม� ลู นิธิตา่ งๆ เป็ นอย่างแรก ส่วนอย่างทีส� องได้ ทาํ บุญอุทศิ ให้ ผ้ ตู าย และที�สําคัญ ผลจากการทําบุญนี � จะเป็ นผลช่วยเบียด วิบากกรรม ที�เจ้ าหน้ าที�พร้ อมคนงานของสถานีวิจยั ฯ กําลังได้ เสวยอยู่ (กําลังมีเคราะห์) ดังนันเพื � อ� ประโยชน์ดงั กล่าว เทวดาและ สิ� ง ศัก ดิ� สิ ท ธิ� ทัง� หลายที� ส ถานี วิ จั ย ฯ จึ ง ได้ อ นุ ญ าตปล่ อ ยให้ จิตวิญญาณของผู้ตายเหล่านี �ตามเข้ าไปในสถานีวิจยั ฯ ได้ ๑๓๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ข้ าพเจ้ าได้ พาคณะคนงานอธิษฐานถวายผ้ าไตรและปั จจัย ร่ วมทอดกฐิ นของกลุ่ม ที� จะได้ ทําการทอดในช่วงปลายเดื อน ตุลาคม แล้ วอธิษฐานแผ่เมตตาอุทศิ บุญกุศล แผ่ไปให้ จติ วิญญาณ ผู้เสียชีวติ ทีไ� ด้ มาแสดงเหตุการณ์ทนี� า่ กลัวเหล่านัน� และขอให้ หยุด การหลอกหลอนทั ง� หมด ข้ าพเจ้ าให้ คนงานทั ง� กลุ่ ม ดื� ม นํ า� พระพุทธมนต์ อาการที�ไม่ดีต่างๆ ก็หายไป จากนันกลุ � ม่ คนงาน ทัง� หมดก็ได้ ออกจากบ้ านของข้ าพเจ้ าเพื�อกลับสถานีวิจัยฯ ซึ�ง เป็ นเวลาร่ ว ม ๔ ทุ่ม แล้ ว ระหว่ า งทางที� จ ะกลับ สถานี วิ จัย ฯ ทุ่งแสลงหลวง เดินทางไปได้ ร่วมค่อนทางแล้ วก็ได้ มีเหตุการณ์ เกิดขึ �นอีกคือ รถยนต์ของสถานีวจิ ยั ฯ ที�กลุม่ คนงานใช้ เป็ นพาหนะ ได้ เกิดเสีย ซ่อมไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจช่วยกันเข็นฝ่ าความมืดไป ตามทางเรื� อยๆ ทุกคนมีจิตใจท้ อแท้ หดหู่ บางคนคิดไปถึงว่า เพิ�งจะทําบุญผ่านมาไม่น่าจะต้ องมาลําบากอย่างนี �เลย เข็นรถ ฝ่ าความมื ด ไปได้ สั ก ระยะหนึ� ง ก็ ห ยุ ด พั ก ขณะนั น� ก็ ไ ด้ มี รถมอเตอร์ ไซค์คนั หนึง� สวนทางมา มีผ้ ชู ายวัยกลางคนเป็ นคนขับ และมี ผ้ ูห ญิ ง ซ้ อ นท้ า ยมาด้ ว ย เดาว่ า คงเป็ นสามี - ภรรยากัน สองคนนี �ได้ จอดรถเพื�อให้ ความช่วยเหลือ ซึง� กลุม่ คนงานแปลกใจ มากที�สองคนนี �กล้ าหยุดรถ และเสนอให้ ความช่วยเหลือ ต่างคน ต่ า งเห็ น กัน ไม่ ชัด ในความมื ด คุณ ป้ าผู้ห ญิ ง ที� ซ้ อ นรถมานัน� ไม่พดู อะไรเลย มีแต่คณ ุ ลุงผู้ชายที�เป็ นคนขับเท่านันที � �พดู คุยใน ลักษณะปลอบใจ และแฝงด้ วยธรรมะ ให้ เห็นถึงเคราะห์กรรม และ บอกว่าคุณลุงเป็ นผู้ใหญ่บ้านนํ �าชุน ซึง� หมูบ่ ้ านนี �เป็ นหมูบ่ ้ านหนึง� อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๓๑


ที�ประสบอุทกภัยอยูต่ ดิ กับบ้ านนํ �าก้ อ คุณลุงพูดคุยกับหมูล่ กู ศิษย์ ในความมื ด อยู่น านพอควร ทิ ง� เวลาให้ ก ลุ่ม คนงานที� เ ข็ น รถ ได้ พัก ผ่ อ น จากนัน� ก็ ไ ด้ เ สนอความช่ ว ยเหลื อ โดยให้ ยื ม รถ มอเตอร์ ไ ซค์ ขี� ไ ปยัง สถานี วิ จัย ฯ เพื� อ ไปนํ า เอารถยนต์ ม าลาก รถที� เ สี ย กลับ สถานี วิ จัย ฯ กลุ่ม คนงานก็ รั บ ความช่ ว ยเหลื อ นี � แล้ วกลับถึงสถานีวิจยั ฯ เป็ นเวลาตีหนึง� ส่วนคุณลุงคุณป้าผู้ใจดี มากเป็ นพิเศษนี � ก็ได้ แยกตัวขี�รถมอเตอร์ ไซค์จากไป ทิ �งปริ ศนา ไว้ เบื �องหลังว่า.. ท่านผู้ใจดี ใจกล้ านี �เป็ นใคร เป็ นมนุษย์ตามที�อ้าง หรือว่าไม่ใช่มนุษย์ และถ้ าไม่ใช่มนุษย์แล้ วกลุม่ คนงานสถานีวจิ ยั ฯ ได้ คยุ กับใครอยูใ่ นความมืดตังนาน �

ภาพบ้ านที�หมู่บ้านนํา� ก้ อ อ.หล่ มสัก หลังจากเกิดอุทกภัย ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ๑๓๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๓๑. พลังจิต

กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

วั น นี เ� ป็ นวั น เผาศพคุ ณ แม่ กิ มหร่ าย มงคลวั จ น์ การจัด พิ ธี ก รรมในงานเป็ นแบบค่ อ นข้ า งเรี ย บง่ า ยไม่ ยุ่ง ยาก เท่าไรนัก คนที�มาร่วมงานก็มีจํานวนมากพอควร ข้ าพเจ้ าสุขภาพ ไม่ค่อยดีเท่าไรแต่ก็ได้ อยู่ในพิธีจนจบงาน ท้ ายสุดก็ได้ ช่วยกัน เก็ บ ของเตรี ย มตัว กลับ บ้ า น ข้ า พเจ้ า ได้ ไ ปนั�ง คอยอยู่ บ นรถ หลังจากนันลู � กสาวของข้ าพเจ้ า ( แพตตี )� ก็ได้ ขึ �นรถตามมา บังเอิญ เธอได้ ยื� น มื อ มาแตะที� แ ขนของข้ าพเจ้ าขณะที� นั� ง อยู่ ใ นรถ ปรากฏว่ า เธอสะดุ้ง และร้ องขึ น� มาว่ า ไฟฟ้ าช๊ อตมื อ เธอพู ด ด้ วยความตกใจและตื�นเต้ นนิดๆ นอกจากข้ าพเจ้ าและแพตตี � แล้ วก็มแี ฟนของลูกสาว ( ตูน ) เป็ นคนขับรถอยูใ่ นเหตุการณ์นี �ด้ วย แพตตีไ� ด้ ลูบมื อตัวเองอยู่พักหนึ�ง แล้ วอาการช๊ อตก็ ได้ หายไป หลังจากนันเธอก็ � ได้ ถามข้ าพเจ้ าถึงสาเหตุของอาการดังกล่าว เหตุการณ์นี �ได้ ผ่านไปประมาณ ๔ – ๕ วันก็ได้ มีลกู ศิษย์ มาคุยด้ วย ข้ าพเจ้ าจําไม่ได้ ว่าพูดถึงเรื� องอะไร จําได้ แต่เพียงว่า เรื� องที�พดู นี � ทําให้ ข้าพเจ้ าจําเป็ นต้ องยกเอาเหตุการณ์ ที�เกิดขึ �น เกี� ย วกับ ไฟฟ้ าช๊ อ ตนี ม� าเล่า ให้ เ ธอทัง� หลายฟั ง รวมกับ ที� เ คย ช๊ อ ตลูก ศิ ษ ย์ ข ณะที� จ้ อ งมองข้ า พเจ้ า อยู่ ซึ� ง สิ� ง นี ก� ็ มี ลัก ษณะ แบบเดียวกันคือพลังจิตนัน� เอง ต่อมาซึง� ห่างกันเพียงไม่กี�วนั ก็ได้ มี เหตุการณ์ แบบนี เ� กิ ดขึน� อีก พอดีช่วงนัน� เป็ นช่วงตรุ ษจี น และ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๓๓


ลูกศิษย์กลุม่ เดิมนี �ได้ มาถามข้ าพเจ้ าว่า มีลกู ศิษย์คนหนึ�งได้ เอา ขนมเทียนใส่จานวางไว้ ให้ ลกู ศิษย์อีกคนหนึง� ลูกศิษย์คนนันก็ � ได้ ยื� น มื อ ไปหยิ บ เอาขนมเที ย น ทั น ใดนั น� ก็ เ กิ ด ไฟฟ้ าช๊ อตมื อ ซึง� มีลกั ษณะคล้ ายเหตุการณ์ที�ข้าพเจ้ าได้ เล่าให้ ฟังมาก่อน คําตอบก็คือลูกศิษย์ ทงั � สองคนเป็ นผู้ปฏิบตั ิธรรม ได้ ฝึก สมาธิ -วิปัสสนามาพอควรจนมีพลังจิตเกิดขึน� และก่อนหน้ านี � ก็ได้ ยินเรื� องเล่าที�ข้าพเจ้ าได้ เล่าให้ ฟัง ครูบาอาจารย์ก็ได้ สง่ เสริ ม ให้ เธอทั ง� สองคนได้ มี ป ระสบการณ์ มี กํ า ลั ง ใจและให้ เกิ ด ความมั� น ใจในความดี ง ามของตนเองที� ไ ด้ ปฏิ บั ติ ด้ วย ความพากเพียรมา พลังจิตได้ ถกู แผ่ออกมาจากจิตของเธอ และ ลงไปยั ง ขนมเที ย นแล้ วช๊ อตมื อ ของอี ก คนเพื� อ ให้ เธอได้ รั บ ประสบการณ์ ต รง ความจริ ง แล้ ว เธอผู้ถูก ช๊ อ ตนัน� ก็ มี พ ลัง จิ ต เช่นเดียวกัน เพียงแต่ผลการปฏิบตั ิยงั ไม่เทียบเท่ากับอีกคนหนึง� อย่ า งไรก็ ต ามก็ ข อให้ เ ร่ ง ความเพี ย รในการปฏิ บัติ ต่อ ไปเถอะ ปฏิบตั ิเพื�อแข่งกับกิเลสของตนเองไม่ได้ เอาไปแข่งกับใคร ดังนัน� ใครก็ตามที�ได้ ลงมือปฏิบตั ิสมาธิและวิปัสสนา ย่อมมีสงิ� นี �เกิดขึ �น อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าท่านจะชอบหรื อไม่ก็ตาม เพียงแต่ว่า มันจะเกิดขึ �นเมื�อใด อย่างไรเท่านัน� ความอัศจรรย์ทงหลายเหล่ ั� านี �สามารถสร้ างความศรัทธา ให้ เกิดขึ �นพร้ อมกับความมัน� ใจว่าเราสามารถทําได้ การปฏิบตั ติ าม คําสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ ามีผลจริ ง ใครปฏิบตั ิ ก็ยอ่ มทําได้ สิง� ที�สําคัญ นักปฏิบตั ิควรจะใช้ สงิ� นันให้ � เป็ น ไม่ควร ๑๓๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


เข้ า ไปยึ ด หลงอยู่กับ สิ� ง นี � ชอบแค่ สิ� ง นี แ� ละเล่ น อยู่เ พี ย งสิ� ง นี � จนดู เ หมื อ นว่ า สิ� ง นี ค� ื อ จุ ด สู ง สุ ด ของการปฏิ บั ติ ธ รรมเพื� อ ความหลุดพ้ น แทนที�จะเอาใจใส่ขจัดกิเลสเครื� องร้ อยรัดที�ผกู จิต ให้ เศร้ าหมองจากความโลภ โกรธ หลง ส่วนพลังจิตนันก็ � เป็ นส่วน ของอภิญญา หรืออิทธิฤทธิ� นักปฏิบตั กิ ส็ ามารถฝึ กหัดได้ ใช้ ได้ โดย อยูใ่ นเหตุผลอันสมควร

๓๒. สมเด็จองค์ ปฐมและหลวงพ่ อ ให้ ประสบการณ์ วิปัสสนาเป็ นส่วนทีส� าํ คัญมากในการปฏิบตั ธิ รรม นักปฏิบตั ิ ต้ องตังใจศึ � กษาให้ เกิดปั ญญาในหัวข้ อธรรมต่างๆ เพื�อตัดกิเลส ตัณหา อุปาทาน และสังโยชน์ ๑๐ ทังหลาย � สมเด็จองค์ปฐม และหลวงพ่อได้ ให้ ประสบการณ์ แก่ข้าพเจ้ าในช่วงที�ได้ เข้ าร่ วม กิ จกรรม วันปริ นิพพานขององค์ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า พระสมณโคดม ซึง� ได้ จดั ขึ �นโดยคณะศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงในกลุม่ ของหลวงพี�ชยั วัฒน์ กิจกรรมนี �ได้ เลือกจัดขึ �นที�วดั พระแท่นดงรัง จั ง หวั ด กาญจนบุ รี เพราะสถานที� นี ม� ี ร่ องรอยเกี� ย วกั บ การปริ นิ พ พานขององค์ ส มเด็ จ พระสัม มาสัม พุ ท ธเจ้ า เช่ น พระแท่นดงรังซึง� เป็ นทีบ� รรทมของท่าน ก่อนปรินพิ พาน และไม่ไกล จากจุด นี ก� ็ มี ส ถานที� เ ผาพระศพ เป็ นสถานที� ศัก ดิ� สิ ท ธิ� คนที� ไปทําบุญได้ พระบรมสารี ริกธาตุที�ปรากฏอยู่ในที�ต่างๆ ในวัดนี �

อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๓๕


กันมากมาย กิจกรรมที�วดั ท่าซุงได้ จดั ขึ �นในทํานองอย่างนี �ไม่คอ่ ย มีบอ่ ยนัก จะมีลกั ษณะคล้ ายการเล่าประวัตทิ างพระพุทธศาสนา ในเรื� องราวเกี�ยวกับพระพุทธเจ้ า ก่อนหน้ าที�ข้าพเจ้ าจะได้ เข้ าร่วม กิจกรรมนี � ข้ าพเจ้ าได้ มีโอกาสได้ ร้ ู จักกับคุณต้ อมและคุณน้ อย ลูกศิษย์วงในของวัดท่าซุง สองท่านนี �เป็ นสามีภรรยากัน คุณน้ อย ทํ า งานธนาคารที� อํ า เภอเมื อ งเพชรบู ร ณ์ ส่ ว นคุ ณ ต้ อมนั น� เป็ นเจ้ าหน้ าทีก� ารเงินของกรมชลประทาน เขือ� นปากห้ วยขอนแก่น ทีอ� าํ เภอหล่มสัก ทังสองได้ � ขา่ วมาว่ามีลกู ศิษย์หลวงพ่อคือข้ าพเจ้ า อยูท่ ี�อําเภอหล่มเก่า จึงได้ ชวนกันมาเยี�ยม และสิง� ที�ลืมไม่ได้ ก็คือ ได้ ชวนข้ าพเจ้ าไปร่ วมกิจกรรมที�วดั พระแท่นดงรังด้ วย ข้ าพเจ้ า ก็ ไม่ได้ ปฏิเสธและตัดสินใจเข้ าร่ วมกิ จกรรมนี � เราทัง� สามก็ ได้ วางแผนนัดแนะกันเป็ นที�เรี ยบร้ อย เมื� อถึงวันตามนัด ข้ า พเจ้ า ได้ ขับรถมาเจอกับคุณต้ อม และคุณน้ อยที�วดั ท่าซุง ค้ างคืนที�วดั ๑ คืน โดยจองห้ องพักไว้ เรี ยบร้ อยแล้ ว ตามแผนนันจะมี � การรวมพลกันที�วดั และตอนสายๆ ก็จะออกเดินทางกันเป็ นขบวนไปยังวัดพระแท่นดงรัง และคาดว่า จะถึงทีน� นั� ประมาณช่วงเทีย� งๆ ส่วนกลางคืนทีว� ดั ท่าซุงก็ได้ ผา่ นพ้ น ไปด้ วยดี ถึงเวลาเช้ าทุกคนตืน� นอน ทํากิจวัตรส่วนตัว แล้ วเก็บของ รวมกันไว้ จะได้ ขนไปใส่รถ ระหว่างนี �ข้ าพเจ้ าได้ ยินคุณต้ อมและ คุณน้ อยคุยกันว่า เสร็ จงานที�วดั พระแท่นดงรังแล้ ว ทังสองจะไป � ทําธุระที�วดั ท่าซุง นอนค้ างที�ห้องเดิมอีก ๑ คืน ได้ ยินแว่วๆ ว่า คุณต้ อมจะยืมหมอนที�เป็ นท่อนสี�เหลี�ยมของภาคอีสานไปใช้ ที� ๑๓๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


วัดพระแท่นด้ วย ขากลับค่อยเอามาส่ง ที�วัดพระแท่น หมอน ไม่พอใช้ แขกมีเยอะ ข้ าพเจ้ าจับข้ อความแล้ วน่าจะเป็ นแบบนี � เมื�อจัดการกับกิจวัตรส่วนตัวแล้ ว ก็ขนของไปใส่รถ ข้ าพเจ้ ามีเพียง กระเป๋ าใบเดี ย ว มื อ อี ก ข้ า งยัง ว่ า งอยู่ เห็ น คุณ ต้ อ มหอบของ พะรุงพะรังก็เลยเดินเข้ าไปเสนอความช่วยเหลือและแบ่งหมอนมา ๒ ใบแล้ วเดินนํามาก่อน ส่วนคุณต้ อมไม่ทราบว่าติดธุระอะไร ช้ ายังไม่ตามมาเลย คุณน้ อยก็หายไปทําธุระอะไรไม่ทราบไม่เห็น ข้ าพเจ้ าได้ เดินตรงไปยังบันไดที�จะลงไปชัน� ล่างใต้ ถุนตึกที�พัก ขณะนันได้ � มีหลวงพี�ทา่ นหนึง� ผอมๆ ผิวขาว หน้ าตาเหมือนคนจีน นัง� อยู่ ท่านได้ มองมายังข้ าพเจ้ าแล้ วตวาดเสียงดังลัน� ว่า “ เฮ้ ยมึง จะขโมยของวัดไปไหน มึงอยากตกนรกรึ ” ข้ าพเจ้ าจําคําได้ เพียง แค่นี � ข้ อความอาจจะตกหล่นไปบ้ าง แต่อารมณ์และความหมาย เป็ นอย่างนีแ� น่นอน ข้ าพเจ้ าหยุดและนิ�งเงียบด้ วยกํ าลังสมาธิ ไม่ เ กิ ด อาการถกเถี ย งอะไรออกมา เพี ย งแต่ ยื� น ของให้ ท่ า น ท่านก็หยิบของคืนเฉพาะหมอนไป ในตอนแรกข้ าพเจ้ าก็ยืนงงอยู่ ไม่ร้ ู เรื� องว่าท่านด่าอะไร หรื อข้ าพเจ้ าขโมยอะไร รอให้ คณ ุ ต้ อม มาแก้ ตวั ให้ ก็ไม่เห็นมาสักที เดี�ยวก็คงออกมาจากห้ องมาแก้ ตวั ให้ ข้าพเจ้ าเอง หลวงพี�ทา่ นเองก็เริ� มเงียบเสียงลงบ้ างแล้ ว จากนัน� ข้ าพเจ้ าก็ได้ เดินลงบันไดลงชันล่ � าง ชันล่ � างในเวลานันก็ � มคี นทํางาน กั น อยู่ พ อประมาณ บางกลุ่ ม ก็ ช่ ว ยกั น เอาของใส่ ร ถ บาง กลุ่มก็คุยกันอยู่ เสียงบ่นของหลวงพี�สกั พักก็เงียบไป คนที�อยู่ ชันล่ � างก็คอ่ นข้ างเงียบ ไม่ทราบว่าได้ ยินเรื� องหลวงพี�ดา่ หรื อเปล่า อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๓๗


จิตของข้ าพเจ้ าในเวลานัน� ทื�อๆ เงียบๆ ไม่อยากพูดอะไรออกมา ยกเว้ น ข้ อ ความที� ใ ช้ วิ ปั ส สนา เช่ น เราไม่ ไ ด้ ผิ ด อะไร หมอน ก็คนื ไปแล้ วและสักพักคุณต้ อมก็คงอธิบายเรื� องนี �ให้ หลวงพี�ฟัง ซึง� คุ ณ ต้ อมก็ ส นิ ท กั บ หลวงพี� ดี ม าก จงรั ก ษาจิ ต ของเราไว้ อย่าให้ เศร้ าหมองด้ วยความโกรธ – ความเกลียด – ความอาฆาต มาดร้ าย – ด้ วยความเสียหน้ า – ความกลัวจะขายหน้ า – แม้ กระทัง� ความอายแก่ผ้ ูคนที�เขากํ าลังมองดูอยู่ ข้ าพเจ้ าได้ ใช้ ข้อความ ในลักษณะอย่างนี �อยู่บ่อยๆ และก็ได้ ผลเนื�องจากมันมีเหตุมีผล ค่อนข้ างชัดแจ้ ง จิตมักจะลง ข้ าพเจ้ าชอบแบบฝึ กลักษณะอย่างนี � มากกว่ายกหัวข้ อธรรมมาใช้ โดยไม่มแี บบฝึ กซึง� จิตมักจะไม่คอ่ ยลง แต่อย่างไรทังสองอย่ � างนี �ก็ต้องใช้ ผสมกัน ให้ มอี ย่างหนึง� อย่างเดียว ก็คงไม่ได้ แต่แบบที�มีแบบฝึ กนัน� หลายคนไม่ค่อยชอบ เพราะ แบบนี �เป็ นการละกิเลสแบบรุนแรง ไม่มีการถนอมกิเลส อาจจะมี ความรู้สกึ เจ็บปวด เมื� อ ถึ ง เวลาเคลื� อ นขบวนเดิ น ทางจากวัด ท่ า ซุ ง ไปยัง วัดพระแท่นดงรังแล้ ว บรรดาลูกศิษย์ทงหลายก็ ั� ลงมือทําหน้ าทีใ� คร หน้ าที� มั น ข้ าพเจ้ าก็ มี โ อกาสช่ ว ยกั น กั บ ท่ า นอื� น ๆ รวมทั ง� ประสานงานกับหลวงพี�องค์นี �ด้ วย ก็ได้ คยุ กันตามปกติ จิตของ ข้ าพเจ้ าก็ได้ ปล่อยวางเหตุการณ์ อนั เป็ นแบบฝึ กที�ผ่านไปแล้ วนี � ได้ อย่างมาก พิจารณาแล้ วก็เห็นว่ามีความปี ติ อ่อนน้ อมถ่อมตน เข้ าใจในสัจธรรมความเป็ นจริ งของเหตุการณ์ที�มนั ได้ เกิดขึ �นและ ได้ เข้ ามาแทนจิตที�ยงั เหลืออยูด่ ้ วยกิเลส ตัณหา อุปาทาน คําสอน ๑๓๘ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ขององค์ ส มเด็ จ พระสัม มาสัม พุท ธเจ้ า นี ห� นอช่ า งมี คุณ วิ เ ศษ มี ผ ลเกิ ด ขึน� จริ ง ลูก ได้ เ ห็ น ประจัก ษ์ จ ริ ง ในใจแล้ ว ลูก ศรั ท ธา ในพระองค์ แ ละคํ า สอนของพระองค์ ส่ว นคู่ฝึ กในเหตุก ารณ์ ทีเ� ป็ นแบบฝึ กนัน� ท่านทังหลายต้ � องลงมือหาข้อดีของเขาเหล่านันก่ � อน แม้ กระทั�งข้ อมูลในลักษณะ “ ช่างเขาเถอะ จริ ตนิสัยของเขา เป็ นอย่างนี �เอง จริ ตมันละไม่ได้ ก็ได้ เพียงแค่ใช้ สมาธิที�เข้ มแข็ง ด้ วยฌานสูงๆ กดไว้ ชวั� คราวเท่านัน� ถ้ าจะชําระให้ หมด ผู้นนก็ ั � ต้อง สร้ างบารมีเป็ นแบบพระพุทธเจ้ าเท่านัน� ” พยายามค้ นหาความดี หรื อข้ อบวกของคนที�เป็ นคู่กรรมกับเราให้ มากที�สุด เพื�อนําไป พิจารณาสลายความทุกข์ กดดันความเกลียด ความโกรธทังหลาย � เหล่านี � ซึง� ข้ อสุดท้ ายมักจะเป็ นด้ วย เขามีความดีตอ่ ท่านมากนะ ถ้ าไม่มีคนนี �แล้ วท่านจะหาคูก่ รรมที�ไหนที�เขาจะมาด่าท่าน กดดัน ให้ ทา่ นต้ องเผยกิเลสออกมา ซึง� อาจจะโกรธตอบ หรื อระลึกรู้เห็น มวลกิเลสที�มนั ซ่อนเร้ นอยู่ในตัวท่าน เผยแสดงออกมาเพื�อจะได้ ชําระให้ หมดสิ �นไปจากจิต ดังนันถ้ � าท่านพิจารณาสองทาง คือ ตัวท่านก่อน แล้ วก็เป็ นฝ่ ายตรงกันข้ าม ถ้ ากิเลสในจิตของท่าน ถูกล้ มลงได้ จิตก็จะอยู่ตรงกลาง เป็ นอุเบกขา เป็ นการวิปัสสนา สองทาง ซึง� จะทําให้ ไม่เสียเวลา และผลที�เกิดมีก็จะสมบูรณ์ เมือ� ขบวนพลได้ เดินทางมาถึงวัดพระแท่นดงรังเรียบร้ อยแล้ ว ช่วงเวลาบ่ายจนถึงกลางคืน บรรดาลูกศิษย์ที�มาถึงแล้ ว ใครที� งานยังไม่เสร็ จก็ ช่วยกันทํ าต่อ งานส่วนใหญ่ ก็รับกันมาตัง� แต่ ๒ – ๓ เดือนมาแล้ ว จ่ายงานให้ ครบกันหมด ดังนันคุ � ณน้ อยก็ยงั อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๓๙


หาหน้ าที�ในขบวนแห่ให้ ข้าพเจ้ ายังไม่ได้ ซึ�งข้ าพเจ้ าไม่ได้ กงั วล ในเรื� องนี � มีโอกาสได้ มาร่วมกิจกรรมก็ถือว่าเป็ นบุญเป็ นกุศลแล้ ว ในคืนนี หน้ � าทีข� องข้าพเจ้าทีค� ณ ุ น้อยได้ขอให้ทาํ ก็คอื ตอบปัญหาธรรม หรื อสนทนาธรรม โดยจัดให้ ผ้ ทู ี�มีปัญหาได้ เข้ ามาคุยกับข้ าพเจ้ า คนละประมาณ ๑๕ นาที กิ จ กรรมนี ก� ็ ไ ด้ ดํ า เนิ น ผ่ า นไปแล้ ว ๓ – ๔ กลุม่ กลุม่ หลังสุดจากกรุงเทพฯ เพิ�งมาถึง เป็ นเฮียกับเจ๊ ทํ า หน้ า ที� ถ่ า ยวิ ดี โ อในกิ จ กรรมต่า งๆ ของวัด อาเฮี ย ขอตัว ไป อาบนํ �าก่อน ยังไม่มีปัญหาธรรมอะไร มีแต่อาเจ๊ ที�มีปัญหาและ ขอสอบถามปั ญหาก่อน เจ๊ ได้ ถามข้ าพเจ้ าด้ วยคําถามที�ดีมาก แกพูดว่าเจ๊ ได้ ฝึกมโนมาแล้ ว ครูสอนก็รับรองว่าผ่าน คือได้ มโนแล้ ว นัน� เอง แต่เจ๊ วา่ เจ๊ ยงั ติดขัดอยู่ มีอย่างหนึง� ทีเ� ห็นชัดก็คอื การตัดกาย หรือ ตัดขันธ์ ๕ เวลาทีค� รูเขาบอกให้ เจ๊ ทาํ เจ๊ กพ็ ยายามนึกไปตามนัน� แต่นึกอย่างไรมันก็ไม่ได้ จิตมันไม่ยอมลง มันก็เห็นเป็ นตัวเรา อยู่ อ ย่ า งนี � ข้ าพเจ้ าก็ เ ลยลงมื อ อธิ บ ายให้ เ จ๊ แกฟั ง ให้ เ ข้ าใจ ว่าการตัดกายนันมั � นหมายถึงอะไร? ทําไมต้ องพูดสันอย่ � างนัน� ขณะที�ข้าพเจ้ าอธิ บายอยู่นัน� ก็สงั เกตเห็นว่าได้ มีวัยรุ่ น ผู้หญิงคนหนึง� ได้ เข้ ามาร่วมวงฟั งข้ าพเจ้ าอธิบายด้ วย สักพักหนึง� วัยรุ่ นคนนีก� ็ได้ พูดตะคอกขึน� มาค่อนข้ างแรง แต่คนอื�นๆ ที�อยู่ รอบข้ างห่างเพียงเล็กน้ อย แปลกใจว่าทําไมไม่ได้ ยินหรื ออย่างไร ทํางานไม่เห็นสนใจกลุ่มข้ าพเจ้ าเลย แปลกอีกอย่างก็คือขณะที� วัยรุ่นคนนันตะคอกใส่ � ข้าพเจ้ า ข้ าพเจ้ าได้ หนั ไปดูก็เห็นหลวงพ่อ ซ้ อนร่างเธออยู่ ข้ อความที�วยั รุ่นตะคอกออกมาก็คือ “ พูดอะไรกัน ๑๔๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ยืดยาว เดี�ยวก็ผิดทางหรอก พูดแค่ตัดกายก็พอแล้ ว ” เมื�อมี เหตุการณ์นี �เกิดขึ �น ข้ าพเจ้ าก็ได้ หยุดพูดแล้ วฟั ง จิตของข้ าพเจ้ า ค่อนข้ างนิ�งอยู่แล้ ว สิ�งหนึ�งที�เป็ นเครื� องช่วยก็คือ ข้ าพเจ้ าได้ ร้ ู ว่า หลวงพ่อให้ แบบฝึ ก เลยทําให้ บททดสอบนี �เบาขึ �นหน่อย อีกสักพัก ก็ได้ ยนิ น้ องวัยรุ่นคนนี �พูดเพ้ อออกมาว่า “ อะไรนี� เราพูดออกมาได้ ยัง ไง ” ข้ า พเจ้ า ก็ ร้ ู สึก สงสารน้ อ งวัย รุ่ น เขา กลัว ว่ า เธอจะมี ความรู้สกึ ผิดในสิง� ทีเ� ธอได้ ทาํ ลงไป ข้ าพเจ้ าก็ได้ พยายามพูดเอาใจ ทุกคน ปรับบรรยากาศให้ มนั ดี สําหรับเจ๊ ดูแล้ วก็ร้ ูสกึ ว่าไม่พอใจ หญิงวัยรุ่นคนนี �บ้ าง ทีเ� สียมารยาทเข้ ามาฟั ง แถมแสดงอาการและ คําพูดอย่างนัน� เมือ� บรรยากาศดีขึ �นบ้ างแล้ ว ข้ าพเจ้ าก็ลากลับทีพ� กั ไปพักผ่อนต่อไป ยามนันจิ � ตของข้ าพเจ้ านิ�งอยู่กบั สมาธิ จิตสงบ ไม่ทกุ ข์ใจอะไร เช้ าวันรุ่ งขึ �น ทุกคนทํากิจวัตรส่วนตัว รับประทานอาหาร เวลาประมาณ ๘ โมงเช้ า บนท้ องฟ้าเกิดความอัศจรรย์ ดวงอาทิตย์ มีร้ ุ งกินนํา� ล้ อมรอบเป็ นวงสองชัน� และทรงอยู่อย่างนัน� จนเกือบ เสร็ จ งาน ส่ว นคุณ น้ อ ยก็ ไ ด้ เ วี ย นมาบอกข้ า พเจ้ า อยู่ว่า ยัง หา ตําแหน่งที�วา่ งในขบวนแห่ยงั ไม่ได้ ตําแหน่งที�จดั ไปแล้ วก็ยงั ไม่มี ใครสละสิ ท ธิ� ข้ า พเจ้ า ก็ ค งตอบคํ า ตอบตามเดิ ม คื อ ไม่ เ ป็ นไร ผมเดินแห่ตามขบวนก็ได้ ได้ บญ ุ มากอยู่แล้ ว แต่สกั ครู่ คณ ุ น้ อย ก็ได้ เวียนกลับมาอีก ครัง� นี �ถือฉัตรมาด้ วยแล้ วบอกว่า “ อาจารย์ สมเด็ จ องค์ ป ฐมคงเมตตาอาจารย์ แ ล้ ว ล่ะ ตํ า แหน่ ง นี ไ� ม่ ร้ ู ว่ า คณะกรรมการเขาลื ม และทํ า ตกหล่น ไปได้ ยัง ไง ลื ม ตํ า แหน่ง อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๔๑


คนถือฉัตรให้ สมเด็จองค์ปฐม อาจารย์คงต้ องมาทําหน้ าทีน� ี �แล้วล่ะ ” ในที�สดุ ข้ าพเจ้ าก็ได้ รับหน้ าที�ถือฉัตรให้ สมเด็จองค์ปฐม ซึ�งเป็ น พระพุทธรูปจําลองมีขนาดเล็กพอควร ขนาดหน้ าตักกี�นิ �วข้ าพเจ้ า ก็จําไม่ได้ แล้ ว ถ้ ามีงานที�ต้องมีขบวนแห่ สมเด็จองค์ปฐมองค์นี � ก็จะได้ รับการอัญเชิญให้ ประทับอยูบ่ นคานหาม โดยมีชาย ๔ คน แบก และชายอีกคนหนึง� เป็ นผู้ถอื ฉัตรบังแดดลมให้ แก่พระพุทธองค์ ซึ�งในครั ง� นี ข� ้ าพเจ้ าเป็ นผู้ทําหน้ าที�นี � และนี� ก็คือประสบการณ์ ที�อศั จรรย์อีกเรื� องหนึง� ที�ได้ เกิดขึ �นกับข้ าพเจ้ า

ภาพเมรุ จาํ ลองในงานถวายพระเพลิง สมเด็จพระสมณโคดมที�คณะลูกศิษย์ วัดท่ าซุงได้ จดั ขึน� ณ วัดพระแท่ นดงรั ง จ.กาญจนบุรี ๑๔๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๓๓. ฉัพพรรณรั งสีปรากฏบนท้ องฟ้า ในช่วงปี ๒๕๕๑ - ๒๕๕๒ กิจวัตรประจําวันของข้ าพเจ้ า ในทุกๆ วันก็คือ ตื�นนอนแต่เช้ า ทํากิจส่วนตัว ปิ ดไฟรอบบ้ าน ที� เ ปิ ดไว้ ต อนกลางคื น เปิ ดประตูรั ว� จัด การให้ ห มาเข้ า กรง และที� สํ า คัญ ก็ คื อ ออกกํ า ลัง กายโดยการวิ� ง และเดิ น จงกรม บริเวณถนนและสนามหญ้ ารอบบ้ าน ใช้ เวลาพอสมควรจึงเข้ าบ้ าน ไปทานอาหารเช้ า เช้ าวันหนึง� ตรงกับวันที� ๒๐ มกราคม ๒๕๕๒ ขณะที� ข้ าพเจ้ าเดิ น ไปข้ างบ้ านก็ มี สิ� ง ทํ า ให้ เกิ ด ความรู้ สึ ก ต้ องแหงนหน้ าขึ �นมองดูท้องฟ้าและช่างน่าอัศจรรย์ บนท้ องฟ้า มี แถบสี ๖ สีเป็ นฉัพพรรณรั งสี มี ความยาวประมาณ ๑ ฟุต โค้ งเล็กน้ อยปรากฏอยูเ่ ป็ นเวลาประมาณ ๒ นาทีกห็ ายไป ข้ าพเจ้ า จึ ง ได้ กํ า หนดจิ ต กราบองค์ ส มเด็ จ พระสั ม มาสั ม พุ ท ธเจ้ า ในความเมตตาที�พระพุทธองค์ทรงโปรดโมทนาให้ ฉพั พรรณรังสี เป็ นกําลังใจ ในความเอาใจใส่ตอ่ การทําความเพียรของข้ าพเจ้ า รวมทังบรรดาลู � กศิษย์ทงหลายทุ ั� กๆ คนด้ วย ไม่ว่าใครจะทํากิจ อะไรก็ตามที�เป็ นบุญกุศลพระพุทธองค์ทรงโมทนาบุญทังสิ � �น ตอนเช้ าของวันในช่วงสัปดาห์ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ เป็ นเวลาติดต่อกันหลายวัน ได้ มีความอัศจรรย์เกิดขึ �นอีก คือได้ มี เสียงนกร้ องแปลกๆ ซึง� ข้ าพเจ้ าไม่เคยได้ ยินมาก่อน ร้ องคล้ ายๆ เป็ นคําพูด ข้ าพเจ้ ากําหนดจิตตรวจสอบดูกท็ ราบได้ วา่ เสียงนันเป็ � น เสียงนกสวรรค์ เป็ นเทวดาชันดาวดึ � งส์ได้ มาโมทนาบุญ ข้ าพเจ้ า อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๔๓


ได้ เคยเรี ยกให้ ลกู สาวมาฟั ง ปรากฏว่าเสียงนัน� ได้ เงียบหายไป ไม่ยอมให้ คนอื�นได้ ยิน จุดประสงค์ของความอัศจรรย์ที�เกิดขึ �นนี � ข้ าพเจ้ าได้ ตรวจสอบแล้ วก็เหตุผลเช่นเดียวกันกับฉัพพรรณรังสี ที�ปรากฏ

๓๔. ดวงแก้ วขององค์ สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ า ๓ พระองค์ แสดงอัศจรรย์ เหตุ ก ารณ์ แ รก ลูกศิษย์ คนหนึ�งจากจังหวัดพิษณุโลก ได้ ม าร่ ว มพิ ธี สัก การบูช ารอยพระพุท ธบาทของพระพุท ธเจ้ า ๓ พระองค์ เธอได้ บชู าดวงแก้ วศักดิ�สิทธิ�ซงึ� ศูนย์ฯ ได้ ทําขึ �นไว้ ให้ ลูกศิษย์บชู าในโอกาสอัญเชิญรอยพระพุทธบาทไปประดิษฐาน ไว้ ในวิหาร จากนันเธอได้ � นําเอาดวงแก้ วไปไว้ ในรถยนต์ทเี� ธอใช้ ขบั ไปรับส่งคนงานตัดอ้ อย ซึง� ถนนเป็ นทางลูกรังมีฝนเยอะ ุ่ ในวันหนึง� เธอได้ ไปรับส่งคนงาน กลับมาถึงบ้ านได้ จอดรถไว้ ใต้ ถนุ ตอนเช้ า เธอจะนํารถไปใช้ ปรากฏว่าทีห� ลังคารถมีรอยพญานาคประทับอยู่ บนฝุ่ นที� เ ปื �อ นหลัง คารถ ดูเ ป็ นรอยใหม่ ค่ อ นข้ า งชัด เจนมาก เธอรู้สกึ อัศจรรย์ใจยิ�งนักจึงได้ ถ่ายภาพเก็บไว้ จากนันได้ � โทรศัพท์ มาถามอาจารย์ อาจารย์ ต รวจสอบแล้ ว ปรากฏว่ า เป็ นรอย พญานาคจริง ทีถ� กู กระทําโดยเทวดาพญานาคทีด� แู ลดวงแก้ วทีเ� ธอ ๑๔๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


เก็บไว้ บชู าในรถยนต์ ท่านมาแสดงตนเพือ� ให้ เธอเกิดความอัศจรรย์ ใจ มีศรัทธามากขึ �นประจักษ์ ในความศักดิส� ทิ ธิ� ตามทีอ� าจารย์บอก ทุกคนที�บชู าดวงแก้ วไปว่า ดวงแก้ วนี �มีเทวดากํากับดูแลอยู่ ขอให้ ทุกท่านจงหมัน� แผ่เมตตาสงเคราะห์ทา่ นด้ วย

รอยพญานาคที�ปรากฏอยู่บนหลังคารถ เป็ นพญานาคที�มาจากดวงแก้ วพระพุทธเจ้ าสามพระองค์ เหตุ ก ารณ์ ที� ๒ ลู ก ศิ ษ ย์ ผ้ ู ชายจากร้ านเบเกอรี� ที� อําเภอหล่มสัก ได้ มาทําบุญถวายผ้ าไตรที�บ้านอาจารย์ เมื�อทําพิธี เสร็ จแล้ วอาจารย์ ได้ อธิ ษฐานดวงแก้ วให้ เป็ นของขวัญ เขารั บ ดวงแก้ ว ไว้ แ ล้ ว ส่ อ งดูป รากฏว่ า เขาเห็ น ข้ า งในดวงแก้ ว นัน� มี พระพุทธรูป ๓ องค์ปรากฏขึ �น ก่อนทีอ� าจารย์จะบอกว่าดวงแก้ วนี � พระพุทธเจ้ า ๓ พระองค์คือ สมเด็จองค์ปฐม สมเด็จพระพุทธ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๔๕


กัสสะปะมุณี และสมเด็จพระสมณโคดม ท่านเมตตาอนุญาตให้ สร้ างขึ �นเพื�อให้ ลกู หลานทังหลายได้ � บชู า และเป็ นอนุสรณ์ในการ สร้ างวิหารประดิษฐานรอยพระพุทธบาททัง� ๓ พระองค์ เหตุการณ์ ท� ี ๓ ลูกศิษย์คนหนึง� ได้ มาทําบุญถวายผ้ าไตร พร้ อมกับ ภรรยาที� บ้ า นและได้ ข อของศัก ดิ� สิ ท ธิ� เ พื� อ ที� จ ะนํ า ไป ห้ อยคอ อาจารย์ จึงได้ เอาดวงแก้ วให้ อธิ ษฐานและยื� นใส่มือ ของเธอ เธอกําไว้ ในมือแล้ วร้ องว่าทําไมดวงแก้ วถึงร้ อนอย่างนี � ทุกคนในทีน� นก็ ั � ได้ ยนิ กันทุกคน อาจารย์จงึ บอกว่าสิง� ศักดิส� ทิ ธิ�ทา่ น ทําให้ เกิดความอัศจรรย์ เพือ� ให้ มศี รัทธา มัน� ใจทีจ� ะนําไปเลีย� มทอง แขวนคอบูชา ความอัศจรรย์ ทัง� หลายเหล่านี ม� ี จริ งเกิ ดขึน� จริ ง ตามที�องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ าสอนไว้ ในเรื� องอิทธิฤทธิ� ปาฏิหาริ ย์ซึ�งนักปฏิบตั ิสามารถฝึ กปฏิบตั ิได้ จริ ง มี อํ า นาจจริ ง แต่ต้องไม่เกินกรรม กรรมเป็ นใหญ่ ไม่ มีใครใหญ่ เกินกรรม

๑๔๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๓๕. สอนวิปัสสนากลางดึก เมื�อหลายปี มาแล้ ว ก่อนที�เฮียจุ้ย (คุณอัฐพล ชมโชคดี) จะเสียชีวติ ด้ วยโรคมะเร็ง ชื�อนี �ลูกศิษย์เก่าหลายคนคงรู้จกั เฮียจุ้ย พักอาศัยอยู่ที�กรุ งเทพฯ ทําธุรกิจค้ าขาย ได้ เข้ าร่ วมปฏิบตั ิธรรม กับคณะอยูป่ ระมาณ ๓ ปี จึงมีอาการป่ วยด้ วยโรคมะเร็ง ช่วงเวลา ที� เ จ็ บ ป่ วยอยู่ นั น� ข้ าพเจ้ าได้ แนะนํ า ให้ เร่ ง วิ ปั สสนาบ่ อ ยๆ เมือ� ข้ าพเจ้ ามีโอกาสไปกรุงเทพฯ ในตอนหัวคํา� ของวันทีเ� ดินทางไป ถึงนันก็ � ได้ สอนวิปัสสนาเกี�ยวกับขันธ์ ๕ ว่ามีกายกับจิต จิตนัน� สําคัญมากกว่ ากาย กายนัน� ไม่ ใช่ ของเรา เรามาอาศัยอยู่ เพียงชั�วคราวชั�วระยะหนึ�ง ไปยึดมั�นถือมั�นไม่ ได้ มันไม่ เที�ยง เราไม่ สามารถควบคุมมันได้ มันต้ องแก่ มันต้ องทุกข์ สารพัดทุกข์ มัน ต้ อ งเจ็ บ ไข้ ไ ด้ ป่ วย ซึ�ง กายนี เ� ปรี ย บเสมื อ นเป็ นรั ง ของโรค โรคภัยไข้ เจ็บก่อเกิดขึ �นตรงนี �อีกทังยั � งต้ องเสวยกรรม ท้ ายสุดแล้ ว ก็ต้องตายไม่สามารถอยูเ่ หนือกฎไตรลักษณ์ไปได้ ให้ ทาํ ใจยอมรับ แล้ วพยายามปล่ อ ยวางขั น ธ์ ๕ หมั� น รั ก ษาจิ ต ให้ จิ ต อยู่ กับลมหายใจเข้ าออก ข้ าพเจ้ าสนทนาธรรมกับเฮียจุ้ยเป็ นเวลา พอสมควรจึงได้ แยกย้ ายกันกลับบ้ าน คืนนันข้ � าพเจ้ าเข้ านอนราว ๔ ทุ่มครึ� ง ได้ ทําสมาธิ และ แผ่เมตตา จากนัน� ก็หลับไปนานเท่าไรไม่ทราบ ได้ ยินเสียงดัง เหมื อ นใครเอาฝ่ ามื อ ทุบ ตู้เ สื อ� ผ้ า ในห้ อ งนอนของหลานชาย ที�ข้าพเจ้ าได้ อาศัยนอน เสียงทุบตู้ ๒ - ๓ ครัง� ได้ ปลุกให้ ข้าพเจ้ า อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๔๗


ตื�นลืมตาและได้ ยินเสียงของข้ าพเจ้ าเองดังลัน� ห้ อง เป็ นข้ อความ วิปัสสนาตัดกายตัดขันธ์ ๕ เหมือนที�ได้ สอนเฮียจุ้ยเมื�อตอนหัวคํ�า ทุกอย่างราวกับบันทึกเสียงไว้ แล้ วนํามาเปิ ดใหม่ และในห้ องนอน ก็สว่างไสวด้ วยแสงของเทวดาแต่ไม่เห็นองค์ทา่ น จากนันข้ � าพเจ้ า ก็กาํ หนดจิตทําสมาธิ ทําไปได้ สกั ระยะหนึง� ก็หลับไป ประสบการณ์นี � ทําให้ ข้าพเจ้ าได้ เรี ยนรู้ เกี�ยวกับกายทิพย์และมีความเชื�อมัน� ใน เรื� องนี �มากยิ�งขึ �น

๓๖. หลวงปู่ เทพโลกอุดรมาเยี�ยม วันที� ๔ – ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ เป็ นวันหยุดยาวต่อเนื�อง ในโอกาสวันอาสาฬหบูชาและวันเข้ าพรรษา ทางศูนย์ปฏิบตั ธิ รรม พุทธปฐม ได้ จดั ให้ มีการปฏิบตั ิธรรมขึน� โดยเริ� มตังแต่ � คืนวันที� ๔ กรกฎาคม เป็ นต้ นไป ในการจัดงานครั ง� นี ม� ี รายการพิเศษ นอกเหนื อ จากการปฏิ บัติ ส มาธิ ภ าวนาก็ คื อ ในช่ ว งสายของ วันจันทร์ ที� ๖ มีพธิ ีบวงสรวงสักการบูชารูปปูนปั น� พระสีวลี พระพุทธ สาวกที�เลิศทางลาภในสมัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า พระสมณโคดม ซึง� ปั น� ในลักษณะยืน ประดิษฐานอยูท่ ี�หน้ าศาลา ส่วนเช้ าวันอังคารที� ๗ มีการจัดตรวจรั กษาโรคเบือ� งต้ นให้ แก่ ชาวบ้ านโดยคณะลูกศิษย์ที�เป็ นแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร และ พยาบาล จากนัน� เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น. มีพิธีสกั การบูชา ๑๔๘ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ าเนื�องในวันอาสาฬหบูชา ต่อด้ วย การเวี ย นเที ย นรอบศาลาปฏิ บัติ ธ รรม และถวายทานต่ า งๆ ถือเป็ นอันเสร็จพิธีที�เป็ นรายการพิเศษ ย้ อนกลับไปในคืนวันที� ๖ ได้ มีสงิ� อัศจรรย์เกิดขึ �นที�ห้องพัก ของข้ าพเจ้ าซึ�งอยู่ด้านหลังพระประธาน ในครัง� นีม� ีคุณต่อและ คุณไข่มาพักอยูด่ ้ วย ราวๆ เกือบตีสาม ข้ าพเจ้ าสะดุ้งตื�นเนื�องจาก มีคนมากระแทกทีป� ระตูห้อง ๓ – ๔ ครังติ � ดต่อกัน เสียงดังชัดเจนมาก ข้ าพเจ้ าลืมตาและได้ เห็นศีรษะที�โผล่ขึ �นมาที�ช่องกระจกหน้ าต่าง เห็ น เฉพาะศี ร ษะโล้ น ผิ ว สี นํ า� ตาล หัน หน้ า มาทางประตูห้ อ ง ที�โดนกระแทก ลักษณะที�เห็นน่าจะเห็นด้ วยจิตซึ�งชัดเจนมาก ในขณะนันคุ � ณต่อก็ได้ ลกุ ขึ �นไปดูที�ประตูและเล่าให้ ฟังภายหลังว่า ช่ ว งกลางดึ ก นัน� ก็ ไ ด้ ยิ น เสี ย งกระแทกประตูอ ย่ า งดัง เช่ น กัน จึงตกใจตืน� และได้ ลกุ ขึ �นไปเปิ ดประตูแต่ไม่เห็นมีใคร จากนันก็ � เกิด ความรู้สกึ กลัวขึ �นมาอย่างแรง จึงรี บกลับไปนอนห่มผ้ า โดยไม่ร้ ูวา่ มี ใ ครในห้ องได้ ยิ น เสี ย งดัง นี ห� รื อ เปล่ า ตอนเช้ าจึ ง ได้ มี ก าร สอบถามกัน ข้ าพเจ้ าตรวจสอบแล้ วก็ทราบว่าเป็ นหลวงปู่ ใหญ่ (หลวงปู่ เทพโลกอุดร) ท่านมาเยี�ยมและทักทาย ความอัศจรรย์ อย่ า งนี ข� ้ า พเจ้ า ได้ เ คยสัม ผัส กับ ท่ า นมาบ้ า งแล้ ว การสัม ผัส เฉพาะตัวของหลวงปู่ จะชัดเจนมาก เหตุการณ์นี �เป็ นความเมตตา ของครูบาอาจารย์ที�ทา่ นมาให้ ประสบการณ์ในสภาวะที�เป็ นทิพย์ และแน่นอนว่าสิ�งนี �เป็ นปั จจัตตัง ก่อให้ เกิดความรู้ ความศรัทธา ขึ �นเองตามธรรมชาติ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๔๙


“หลวงปู่ เทพโลกอุดรท่านเคยสร้ างบารมีทมี� คี วามเกี�ยวข้ อง เป็ นครูบาอาจารย์ของศูนย์ปฏิบตั ิธรรมพุทธปฐมแห่งนี � และท่าน ได้ เมตตามาคุมกรรมฐานให้ เป็ นประจํา นอกจากนี � ทางศูนย์ ปฏิบตั ิธรรมฯ ยังมีโครงการที�จะสร้ างมณฑปประดิษฐานรูปหล่อ ของท่ า นพร้ อมทั ง� ครู บ าอาจารย์ ท่ า นอื� น ๆ ไว้ ให้ ญาติ โ ยม ผู้มีจิตศรัทธาทังหลายได้ � กราบไหว้ บชู าและเจริ ญสังฆานุสติ”

ภาพหลวงปู่ เทพโลกอุดรในลักษณะพระแขก ๑๕๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๓๗ ความฝั นคืนวันที� ๓ มกราคม ๒๕๕๕ หลังจากพิธสี กั การบูชารอยพระพุทธบาท พระพุทธเจ้ า ๓ พระองค์ ในวันที� ๑ มกราคม ๒๕๕๕ เวลาประมาณตีสี� ซึง� ไม่ใช่เวลากลางคืน เป็ นวันใหม่แล้ ว อากาศวันนี �ค่อนข้ างหนาว ข้ าพเจ้ าได้ ตื�น แต่ไม่ได้ ลกุ จากที�นอน นอนทํ า สมาธิ ร อเวลาให้ ฟ้ าสว่ า ง ตี ห้ าครึ� ง แล้ วจะได้ ลุ ก ไปทํากิจวัตรต่างๆ ขณะที�กําลังทําจิตให้ นิ�งสงบ ก่อนที�จะเป็ น สมาธิลกึ นัน� องค์สมเด็จพระสิกขีทศพลที� ๑ (สมเด็จองค์ปฐม) องค์สมเด็จพระพุทธกัสสะปะมุณี และองค์สมเด็จพระสมณโคดม ทังสามพระองค์ � ได้ เสด็จลงมาด้ วยฉัพพรรณรังสีสว่างไสวในห้ อง ที�ข้าพเจ้ านอนอยู่ ทัง� สามพระองค์ได้ ลอยย่อส่วนเป็ นองค์เล็ก อยู่รอบๆ ข้ าพเจ้ า สมเด็จองค์ปฐมได้ ทรงตรัสว่า “ ฉันทังสาม � ได้ อนุญาตตามทีเ� ธอได้ ขอไว้ ” จากนัน� ท่านได้ กล่าวต่อไปอีกว่า : ลักษณะของพระพุทธเจ้ าในการปล่อยวางการยึดมัน� ถือมัน� นัน� จะมีพฤติกรรมอยู่ ๓ ลักษณะ ได้ แก่ ๑. เรื�องหรือเหตุการณ์ทเี� กิดขึ �นนัน� มีกฎเกณฑ์ทเี� ข้ มข้ น หรือ รุ นแรง ตัวอย่างเช่น : - กลุ่มคนกลุ่มหนึ�งได้ มีความศรัทธาใน สมเด็จองค์ปฐม เลยได้ ขออนุญาตท่านตังชื � �อสถานที�ปฏิบตั ธิ รรม นันเป็ � นชื�อสมเด็จองค์ปฐม จะด้ วยการสื�อสารอย่างใดก็แล้ วแต่ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๕๑


ก็ได้ คําตอบว่าสมเด็จฯ ทรงอนุญาต ใครที�ไปเปลี�ยนแปลงหรื อ ลบทิ ง� เราถื อ ว่ า เป็ นบาปเป็ นกรรม เช่ น นี เ� ราไปกล่ า วโทษ พระพุท ธเจ้ า ว่า ท่ า นยึด ติ ด อยู่ใ นชื� อ เปลี� ย นแปลงไม่ ไ ด้ หรื อ ยกอ้ างขึน� ว่าพระพุทธเจ้ าท่านปล่อยวางหมดแล้ ว ท่านไม่ถือ ในสิง� อย่างนี �หรอก ความจริงแล้ วเป็ นคนละเรื� องกัน การปล่อยวาง ก็ปล่อยวาง ส่วนทางโลกก็สกั แต่ว่าใช้ ไปตามสภาพ ไม่ใช่มีจิต ที� ต ายแล้ วไม่ รั บ ทราบอะไรดั ง นี เ� ป็ นต้ น และเมื� อ ถึ ง เวลา พระพุทธองค์ก็ทรงอนุญาต ให้ อภัย ไม่ถือโทษและเลิกกฎเกณฑ์ นันๆ � ๒. เรื� อ งหรื อ เหตุก ารณ์ นัน� มี สิ� ง สนับ สนุน กัน มาด้ ว ย มีกรรมดีหรื อกรรมชั�ว เกาะเกี� ยวกันมาแต่ปางก่อน ซึ�งมนุษย์ อาจจะเรี ย กว่า มี เ ส้ น สาย แต่ท างทิ พ ย์ ท่า นเรี ย กว่า ความดี ตอบแทนความดี พระพุ ท ธเจ้ าท่ า นไม่ ไ ด้ หลงเข้ าไปยึ ด ใน ความเป็ นญาติ ความเกี�ยวข้ องในอดีต เช่น : - ท่านเคยอธิษฐาน ให้ มีรอยพระพุทธบาทบนก้ อนหินใหญ่ในบริ เวณพื �นที�นี � บางท่าน อาจจะไปกล่าวโทษท่านว่าท่านยังยึดติดอยูใ่ นรอยพระพุทธบาท อัน นี � อย่ า งนี ก� ็ ค งไม่ ถูก ต้ อ ง พระพุท ธเจ้ า ท่า นทรงปล่อ ยวาง หมดแล้ ว แต่ ที� ท่ า นได้ ม าเกี� ย วข้ อ ง ก็ เ นื� อ งจากมี เ หตุต้ อ งทํ า เพื� อ ประโยชน์ ข องคนกลุ่ม ใดกลุ่ม หนึ�ง ซึ�ง เคยได้ ส ร้ างความดี ตอบแทนความดีกนั มานัน� เอง ๓. ปล่อยเรื� องหรื อเหตุการณ์ นัน� ไปตามกรรมปล่อยไป ตามเวลา เพียงแค่อาศัยกรรมดีทที� าํ ขึ �นมาใหม่เท่านัน� พระพุทธเจ้ า ๑๕๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


พระองค์ทา่ นจะอโหสิกรรมไม่ให้ มีเวรกรรมต่อกันกับสิง� ที�ลว่ งเกิน กัน มาในอดี ต ก็ ค งเหลื อ แต่ ปั จ จุบัน เท่ า นัน� ที� ผ้ ูมี ก รรมต่ อ กัน แต่ละฝ่ าย อาจจะหลงทําไปด้ วยความไม่ร้ ู เนื�องจากตนเองไม่เชื�อ เรื� องกรรม และอาจจะคาดเอาเองด้ วยปั ญญาของตนว่า มันควร จะเป็ นอย่างนันหรื � ออย่างนี � สิง� ที�ผิดก็ได้ เกิดขึ �นและรอคอยเวลาที� พระพุทธเจ้ าจะอโหสิกรรมอีก ดังนันดู � เหตุการณ์นี �แล้ วก็เหมือนว่า พระพุทธเจ้ าทรงปล่อยวางหมดแล้ ว ท่านไม่ยดึ ติดในสิง� ต่างๆ หรื อ เรื� องต่างๆ ถึงเวลาหมดแล้ วก็หมดไป ขาดนํ �าใจ ขาดพุทธานุสติ มีแต่ความแล้ งนํ �าใจอย่างนี �หรื อ พระพุทธองค์ก็ไม่ทรงเรี ยกร้ อง อะไรอยูแ่ ล้ ว คงเป็ นเราเองต่างหากที�ควรเจริ ญพุทธานุสติ ทําเพื�อ สักการบูชาท่าน สร้ างเพื�อท่าน รักษาสิง� ต่างๆ เหล่านี �ไว้ เพื�อท่าน และตราบใดที�เรารู้ สัจธรรมความเป็ นจริ งของสิ�งต่างๆ เหล่านี � อยู่ตลอด ก็ คงไม่เข้ าไปยึดติดมั�นถื อมั�นแน่นอน ตัวอย่างเช่น รอยพระพุท ธบาท ชื� อ วิ ห ารต่า งๆ รู ป พระพุท ธรู ป ประวัติ พระบรมสารี ริกธาตุ ล้ วนเป็ นสิง� ที�มนุษย์นบั ถือได้ สร้ างสรรค์ขึ �นมา เพื�อสักการบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า เป็ นต้ น ข้ อ ความทัง� ๓ ข้ อ นี ม� ี ค วามหมายค่อ นข้ า งยากสัก นิ ด ข้ า พเจ้ า ได้ ข ยายความออกมาเพื� อ ให้ เ ข้ า ใจง่ า ยขึ น� จากนัน� สมเด็ จ องค์ ป ฐมก็ ไ ด้ ต รั ส ปิ ดท้ า ยว่ า “ ต่ อ ไปนี ส� ิ� ง ใดที� เ ธอขอ เราทั ง� สามก็ จ ะอนุ ญ าต ” ข้ าพเจ้ ากํ า หนดจิ ต กราบท่ า น จิตของข้ าพเจ้ านิ�ง สงบ ไม่ค่อยมีปีติเท่าใด ซึง� ก็อาจเป็ นเพราะ ความคุ้นเคยในการขึ �นไปกราบท่านบ่อยๆ จากนัน� ทังสามพระองค์ � อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๕๓


ก็ เ สด็ จ ขึน� เบื อ� งบน ข้ า พเจ้ า ยกจิ ต ขึน� ข้ า งบนอี ก ขึน� ไปกราบ ครู บาอาจารย์ อันได้ แก่ หลวงปู่ ปาน หลวงพ่อ และหลวงปู่ เทพ โลกอุด ร เพื� อปรึ กษาท่านเกี� ยวกับธุระหลายอย่าง อย่างแรก กราบเรี ย นถามท่ า นในรายละเอี ย ดเกี� ย วกั บ การปล่ อ ยวาง การยึดมัน� ถือมัน� ของพระพุทธเจ้ า ก็ได้ รายละเอียดมามากพอควร นอกจากนี �ท่านยังได้ ให้ ตวั อย่างการยึดมัน� ถือมัน� กับของจริงทีม� อี ยู่ นัน� คือศูนย์ปฏิบตั ธิ รรมพุทธปฐม ชื�อขององค์พระที�ได้ สร้ างขึ �นมา หลายองค์ รู ป ปั น� ครู บ าอาจารย์ ก็ ล้ ว นเป็ นพุท ธานุส ติ เป็ น สังฆานุสติเฉพาะกลุม่ หมายถึงกลุม่ เรา ( ไม่ได้ มีความหมายว่า ยึดมัน� ถือมัน� ในเขา – เรา เพียงใช้ ภาษาไปตามโลก ) เราเคารพ เรากราบไหว้ เ พราะท่ า นเหล่ า นี เ� คยเกี� ย วข้ อ งกับ เรามาก่ อ น แนวการสอน การปฏิบตั ิ เราทังหลายเกี � �ยวข้ องกันมาเราก็ชอบ ก็ ถูกจริ ต ดังนัน� เราได้ ร่วมกันทํ าบุญสร้ างสรรค์ สิ�งเหล่านี ม� า ก็เหมาะสมเฉพาะกลุม่ เรา กลุม่ คนที�ไม่ชอบก็ปฏิเสธ และอาจจะ อ้ างเอาธรรมะของพระพุ ท ธเจ้ าในแง่ ที� ว่ า พระพุ ท ธองค์ ให้ ปล่ อ ยวาง อย่ า ไปยึ ด ติ ด ก็ ถู ก ต้ อง แต่ ใ นแง่ นี พ� ู ด ถึ ง การ เจริญพุทธานุสติ ความศรัทธา ความคุ้นเคยในองค์สมเด็จองค์ปฐม ความมี นํ า� ใจต่ อ พระองค์ ผู้ที� เ ป็ นมหาบูร พาจารย์ ที� ไ ด้ ใ ห้ เ รา ได้ ฝึกฝนปฏิบตั ิจนถึงปั จจุบนั นี �รวมทังองค์ � อื�นๆ อีกด้ วย สถานที� แห่ ง นี จ� ึ ง เป็ นที� เ ฉพาะที� จ ะใช้ ป ระโยชน์ ผู้ ที� ไ ม่ เ คยเกี� ย วข้ อ ง และรู้เท่าไม่ถงึ การณ์ ก็อาจจะตีความไปว่าสถานทีม� นั ก็ทเี� หมือนกัน ซึง� ขาดในรายละเอียดไป ยามใดที�มีโอกาสมาใช้ ด้ วยความไม่ร้ ู ๑๕๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ก็อาจจะเหยียบยํา� ทับถมด้ วยแนวทางของตนเอง ซึง� ก็อาจจะทําให้ ของเดิ ม ที� มี เ รื� อ งราวมาก่ อ นลบเลื อ นไป ทํ า ไมท่ า นเหล่ า นี � ไม่ไ ปเหยี ย บยํ� า ที� อื� น ล่ะ ที� เ ป็ นที� ใ หม่ ที� ๆ ไม่ต้ อ งลบของผู้อื� น จะเหยียบจะยํา� ทําอะไรก็ไม่มใี ครว่า ธรรมะปฏิบตั ขิ องพระพุทธเจ้ า ในรายละเอี ย ดแล้ ว มี ห ลายแนวทาง ใครชอบอย่ า งไรก็ ใ ช้ ไ ป จะไปตัดสินว่าแนวนี ผ� ิดทางก็คงไม่ใช่ ดังนัน� ศูนย์ ปฏิบัติธรรม พุ ท ธปฐมจึ ง เป็ นแหล่ ง ปฏิ บั ติ เ ฉพาะ นํ า โดยฆราวาสและ ถ่ายทอดกันไป ไม่มีพระเป็ นเจ้ าอาวาส มีเฉพาะที�นิมนต์เข้ ามา ทํากิ จบางอย่างเท่านัน� หรื อที�สนใจเข้ ามาอยู่เพื�อปฏิบัติธรรม ในแนวนี � หรื อลูกศิษย์ขอบวชในวัยแก่โดยต้ องมีคณะกรรมการ รับรองว่าทํากิจนี �จริง ข้ าพเจ้ าได้ เนื �อหาที�สาํ คัญจากครูบาอาจารย์ ค่อนข้ างครบถ้ วน ต่อจากนันจึ � งได้ กราบลาท่านลงมา

๓๘. พญานาคร้ องกลางดึกที�บ้าน คืนวันเข้ าพรรษา เดือนกรกฎาคม ปี ๒๕๕๕ ข้ าพเจ้ าได้ นอน ที�ห้องดูทีวี ซึ�งที�นั�นได้ มีการจัดเตียงซึ�งสามารถนอนได้ ๑ คน ไว้ เพื�อสําหรับนอนดูรายการทีวี ข้ าพเจ้ าได้ ตงใจที ั � �จะนอนที�นนั� เพราะช่วงเวลาวันสองวันติดต่อกันมานี � ข้ าพเจ้ ารู้ สกึ ว่าร่ างกาย ไม่ค่อยสบาย ข้ าพเจ้ าได้ หลับไปตังแต่ � หวั คํ�า หลับไปนานเท่าไร ก็ไม่ทราบ ได้ สะดุ้งตื�นกลางดึกเพราะมีเสียงดังมาก เป็ นเสียง แหลมเล็กได้ ปลุกข้ าพเจ้ าตืน� ความนึกคิดอันดับแรกก็คอื สงสัยว่า อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๕๕


จะเป็ นเสียงพัดลมเพดานทีเ� ปิ ดไว้ มนั เสียเลยเกิดเสียงดังแหลมเล็ก ออกมา ข้ าพเจ้ ารีบลุกออกจากเตียงไปปิ ดพัดลม เมือ� ปิ ดพัดลมแล้ ว เสียงนัน� ก็ยงั คงดังอยู่ ดังมาก ดังมาจากพุม่ ไม้ ๔ – ๕ พุม่ ที�ได้ จดั สวนหย่อมไว้ ติดกับบ้ านทางด้ านห้ องดูทีวี ซึง� อยู่ใกล้ มากกับที�ที� ข้ าพเจ้ านอน ข้ าพเจ้ าเกิดความสงสัย หรื อจะเป็ นเสียงงูจงอาง ซึง� ข้ าพเจ้ าเคยได้ ยินมาก่อนที�วดั ป่ าแห่งหนึง� แถวๆ อําเภอคําชะอี จังหวัดมุกดาหาร แต่แน่นอนว่าไม่ใช่งจู งอางเพราะแถวนี �ไม่ได้ มี งูจงอาง ข้ าพเจ้ าได้ เอานิ �วมือเคาะที�ม้ งุ ลวดหน้ าต่าง หมาตัง� ๗ ตัว ที� ไ ด้ ป ล่อ ยเพื� อ เฝ้ าบ้ า น ข้ า พเจ้ า ได้ ไ ปส่อ งดูที� ก ระจกก็ ไ ด้ เ ห็ น หลายตัวนอนหลับเงียบอยู่ระเบียงแถวนันซึ � ง� เป็ นที�แปลกใจมาก หมาฝูงนี �ดูแลบ้ านดี บางตัวจับหนู จับนกก็เก่ง เสียงหวีดหวิวนัน� ก็ดงั มาก แต่ทาํ ไมหมาไม่เห่า พากันนอนหลับเงียบเหมือนถูกสะกด ยังไงยังงัน� ข้ าพเจ้ าเคาะมุ้งลวดอีกครัง� เสียงร้ องก็ยงั คงดังอยู่ ข้ าพเจ้ าเห็นว่าน่าจะเป็ นสิ�งอัศจรรย์ อยู่เบื อ� งหลังเหตุการณ์ นี � จึงปล่อยให้ เสียงดังดํ าเนิ นต่อไปไม่รบกวน จากนัน� ข้ าพเจ้ าก็ ล้ มตั ว ลงนอนต่ อ กํ า หนดจิ ต ฟั งเสี ย งนั น� ต่ อ ไปสั ก พั ก หนึ� ง เสียงก็เงียบไปพร้ อมทังข้ � าพเจ้ าก็ได้ หลับไป เมื�อข้ าพเจ้ าตื�นในเวลาตอนเช้ า ข้ าพเจ้ าก็ได้ ตรวจสอบ ดูสิ� ง ที� ไ ด้ เ กิ ด ขึน� เมื� อ กลางดึก ก็ ไ ด้ ท ราบว่ า เสี ย งร้ องนัน� เป็ น เสียงของเทวดาพญานาคได้ พากันมามากมาย รวมทังหั � วหน้ าใหญ่ ท่านท้ าววิรูปักษ์ ท่านพญานาคเจ็ดเศียร ได้ มาเยี�ยมข้ าพเจ้ า เนื� อ งในวัน เข้ า พรรษา ด้ ว ยเหตุที� ไ ด้ ก ระทํ า ความดี ต อบแทน ๑๕๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ความดีซึ�งกันและกันมา เสียงหวีด เสียงแหลมเล็กเหมื อนดั�ง งูจงอางนัน� ก็คือเสียงพญานาคท่านสวดมนต์เพื�อเป็ นสิริมงคล แก่ ข้ า พเจ้ า ส่ ว นข้ า พเจ้ า แล้ ว ก็ ยิ� ง ไม่ ลื ม ที� จ ะน้ อ มแผ่ เ มตตา ถวายท่ า นทัง� หลายเหล่ า นี � ซึ� ง ก็ เ หมื อ นกับ การสร้ างความดี ตอบแทนความดีตอ่ กันและกันมานัน� เอง

๓๙. ยิ�งกว่ าความตาย ประสบการณ์ ในการปฏิบตั ธิ รรม ของข้ าพเจ้ า ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๕

ข้ าพเจ้ าเคยเป็ นอาจารย์ ส อนวิ ช าภาษาอั ง กฤษที� โรงเรี ยนหล่มเก่าพิทยาคม อําเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ มาหลายปี และได้ ลาออกก่อนเกษียณในปี ๒๕๔๕ ด้ วยความจําเป็ น คือเป็ นโรคพาร์ กินสัน ซึ�งข้ าพเจ้ าคิดว่าน่าจะเป็ นโรคนีต� งแต่ ั � ปี ๒๕๔๑ อาการของโรคก็คือ แขนขาอ่อนแรง พูดเสียงเบา ฯลฯ ข้ าพเจ้ าจึงได้ ลาออกมาพักผ่อนที�บ้านซึ�งได้ สร้ างใหม่แล้ วเสร็ จ ในปี เดียวกันนี � เวลาส่วนใหญ่ ที�ใช้ ไปในแต่ละวันก็ได้ ให้ ไปกับ การปฏิ บัติธรรม ซึ�งข้ าพเจ้ าได้ เริ� มปฏิ บัติธรรมมาตัง� แต่ได้ ลา ราชการไปบวชในช่วงเข้ าพรรษาที�วดั ถํา� ผาบิ �ง อําเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ – ๒๕๒๗ วัดนีเ� ดิมเป็ นวัดของ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๕๗


หลวงปู่ หลุย จันทสาโร สายหลวงปู่ มัน� ในช่วงต้ นของการปฏิบตั ิ ข้ าพเจ้ าทําสมาธิโดยใช้ ลมหายใจแบบยาว (ตามลมหายใจลงไป ถึ ง ท้ อ ง) ซึ�ง ได้ เ รี ย นรู้ มาจากหลวงปู่ คํ า ดี ปภาโส วัด ถํ า� ผาปู่ จัง หวัด เลย และได้ ผ ลดี พ อสมควร ต่ อ มาได้ ไ ปเป็ นลูก ศิ ษ ย์ หลวงพ่ อ สด วัด ปากนํ า� ภาษี เ จริ ญ ข้ า พเจ้ า ได้ ฝึ กหัด ปฏิ บัติ วิชาธรรมกายอยูร่ ะยะหนึง� ได้ เพียรปฏิบตั ิอยู่ ๓ – ๔ ปี โดยจับ อาโลกกสิณ (กสิณ แสงสว่า ง) ไว้ ที� ศูน ย์ ก ลางกาย ปฏิ บัติ ใ น แนววิชานี ไ� ปจนถึงขัน� ศูนย์ กลางกายได้ ปรากฏพระจักรพรรดิ เป็ นแก้ วใสสว่างทรงเครื� อง ทําได้ ถงึ ระดับนี �ต่อมาก็ได้ ปรับเปลีย� น มาตามแบบของหลวงพ่อฤาษี ลงิ ดํา วัดท่าซุง คือจับอาโลกกสิณ ไว้ ที�ไหนก็ได้ ไม่ได้ บงั คับไว้ เฉพาะที�ศนู ย์กลางกายเท่านัน� จากนัน� ก็วิปัสสนาตัดสังโยชน์ ๑๐ คือตัดกิเลส ตัณหา อุปาทาน ไปเลย ข้ าพเจ้ าก็ร้ ูสกึ ว่าเกิดผลดีและเร็ ว ก็เลยได้ ทําในแนวนี �อย่างตังใจ � และเร่งปฏิบตั สิ ืบต่อมาจนถึงปั จจุบนั และเมื�อวันที� ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๕ ความเจ็บไข้ ได้ ป่วย โรคร้ ายแรงก็ได้ เกิดขึ �นกับข้ าพเจ้ า ซึง� ก็เป็ นไปตามคําสัง� สอนของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ าว่า ผู้ที�มีขนั ธ์ ๕ ไม่วา่ ใคร จะเป็ น พระ เณร เถร ชี คนจน คนรวย เจ้ าฟ้าพระมหากษัตริ ย์ ย่อมหนี ไม่พ้น เกิดมาแล้ วย่อมต้ องพบเจอกับอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือ ความไม่เทีย� ง ความแปรเปลีย� น ต้ องเฒ่าต้ องแก่ ต้ องทุกข์จากการ เจ็บไข้ ได้ ป่วยเป็ นโรคเป็ นภัย จากความร้ อน-หนาว-เมื�อย-เหนื�อยอุ บัติ เ หตุ และสุ ด ท้ ายก็ ต้ องตายจากกั น ไป ซึ� ง ต้ องเกิ ด ขึ น� ๑๕๘ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


อย่างแน่นอน ข้ าพเจ้ าได้ ล้มป่ วยลงอย่างกะทันหัน โดยมีอาการ อ่ อ นแรงเตื อ นล่ว งหน้ า มาบ้ า งเล็ ก น้ อ ย จากนัน� ขาข้ า งซ้ า ย ก็ออ่ นแรง เดินไม่ได้ อย่างทันทีทนั ใด แต่ก่อนหน้ าที�จะเป็ นอย่างนี � ในคื น วัน หนึ�ง ขณะที� ข้ า พเจ้ า กํ า ลัง ปฏิ บัติ ส มาธิ องค์ ส มเด็ จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ าทัง� ๓ พระองค์ อันได้ แก่ สมเด็จองค์ปฐม สมเด็ จ พระพุ ท ธกั ส สะปะมุ ณี และสมเด็ จ พระสมณโคดม ทังสามพระองค์ � ได้ เสด็จลงมายังห้ องทีข� ้ าพเจ้ าได้ นอนอยู่ ขณะนัน� ข้ าพเจ้ านอนทําสมาธิอยู่ ท่านทังสามพระองค์ � ทรงแสดงพระองค์ ให้ ข้าพเจ้ าได้ เห็นด้ วยจิตและด้ วยตาเนื �อ ปรากฏเป็ นองค์พระแก้ ว ใสสว่าง ขนาดหน้ าตักประมาณ ๕ นิ �ว ลอยล้ อมตัวข้ าพเจ้ าอยู่ สมเด็จองค์ปฐมได้ ทรงกล่าวว่า “ ต่อไปนี � เธอจะต้ องเผชิญกับเคราะห์ กรรมหนักหลาย เคราะห์ ก รรม แทบเอาชี วิ ต ไม่ ร อด เพื� อ ความไม่ ป ระมาท ฉันมีทางเลือกให้ เธอเลือกอยู่ ๓ ทางด้ วยกัน คือ ๑. หลบเลี�ยงกรรมหนักทังหลาย � กรรมที�เธอจะต้ องเสวย ในอนาคตอันใกล้ นี � เธอสามารถที�จะปล่อยสังขารไปตามกรรม หรื อพูดง่ายๆ คือปล่อยให้ ตายตามกรรมหนักเหล่านี � เราอนุญาต ให้ เธอทําได้ ถงึ แม้ วา่ เธอจะยังไม่หมดอายุขยั ก็ตาม ๒. เธอจะอยู่เพื�อปฏิบตั ิงานสนองคุณงามความดีของเรา เหล่าพระพุทธเจ้ า ตามปณิธานของเธอและเหล่าลูกศิษย์ทงหลาย ั� ของเธอ ในกรณีนีเ� ธอจะต้ องยอมรับกรรมบางส่วนเยี�ยงมนุษย์ ผู้มขี นั ธ์ ๕ ทัว� ไป เพือ� เป็ นเยีย� งอย่างแสดงถึงสัจธรรมความเป็ นจริง อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๕๙


ของไตรลักษณ์ ตามคํ าสอนของเรา เพราะสิ�งเหล่านี อ� ยู่เหนื อ ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็ นอิทธิ ฤทธิ� ปาฏิ หาริ ย์ใดๆ ดังนัน� ในสภาพ ตามข้ อนี � เธอก็ต้องอยูไ่ ปใช้ ไป – อดทนไป – รักษาเยียวยาไป แก้ ไขไปตามสภาพวิบากกรรมของแต่ละกรรม ๓. เธอต้ องอยู่แบบอิทธิ ฤทธิ�ปาฏิหาริ ย์เช่นศิษย์ของเรา บางท่าน หลวงปู่ เทพโลกอุดร เป็ นต้ น อันนี �ขึ �นอยูก่ บั บารมีของเธอ อีกทังจุ � ดประสงค์ที�สําคัญของเธออีกด้ วย สามข้ อนี � เราให้ เวลาแก่เธอตัดสินใจ ๓ วัน ” จากนัน� ข้ าพเจ้ าก็ได้ กราบลาท่าน ซึ�งปกติข้าพเจ้ าก็ได้ ขึ �นไปกราบท่านเป็ นประจําอยู่แล้ ว ข้ าพเจ้ าได้ มาคิดใคร่ ครวญ เรื� องนี �ให้ ชดั เจน ดูวาระกรรมที�จะเกิดแก่ข้าพเจ้ า ซึ�งแน่นอนว่า องค์สมเด็จฯ ได้ ทรงมาเตือนข้ าพเจ้ าแล้ ว กรรมครัง� นี �จะต้ องตาย หรื อเกื อ บปางตายเป็ นที� แ น่ น อน เราจะไหวหรื อกั บ การ ผจญวิ บ ากกรรมครั ง� นี � หรื อ เราจะขอลาตายตามกรรม หรื อ ก่อนวิบากกรรมจะมาถึง ข้ อนี �ก็ไม่เลวทีจ� ะใช้ เพือ� หนีกรรม การตาย เพื� อ ที� จ ะหนี ก รรมนั น� ไม่ ย าก ถ้ าเราได้ เจริ ญมรณานุ ส ติ มาพอควรแล้ ว ยอมรับในกรรมเมือ� กรรมมาถึง ก็เตรียมพร้ อมรับไป แต่แบบที� ๒ นัน� อยู่เพื�อปฏิบัติงานสนองคุณงามความดีของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า วิบากกรรมตัวใดเข้ ามาก็รับไป แก้ ไขไป คลี�คลายไป ประคองขันธ์ ๕ ไป ให้ อยูไ่ ด้ ซ่อมแซมดูแล รักษาไปตามสภาพ ๑๖๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ตอนแรกข้ าพเจ้ าคิ ด ว่ า จะเลื อ กข้ อ ๑ เนื� อ งจาก วิบากกรรมหนัก คงรับไม่ไหว ได้ ถึงขันบอกสมาชิ � กในครอบครัว จัดแจงเรื� องเงินทองบางส่วน พร้ อมที�จะลาตาย พอได้ ยินอย่างนัน� เขาก็ ต กใจและคิ ด ว่ า ทํ า ไมอาจารย์ ถึ ง จะไปเร็ ว ขนาดนั น� แล้ ววันแรกก็ผา่ นไป ต่อมาวันที�สอง ข้ าพเจ้ าได้ คิดทบทวน มองดู ลูก ศิ ษ ย์ มองดูตัว เรา มองดูผ ลงานคํ า สอนของพระพุท ธเจ้ า ดูผ ลดี ผ ลเสี ย ปณิ ธ านของเราที� มี ม า ดูส ภาวะความเป็ นจริ ง ทีค� าดว่าจะมีขึ �นจะเกิดขึ �น ก็เลยทําให้ ข้าพเจ้ าตัดสินใจเลือกข้ อที� ๒ ขออยู่สนองคุณงามความดีของพระพุทธเจ้ า แล้ วเมื�อวันที�สาม มาถึง ข้ าพเจ้ าก็ได้ ขึ �นไปเบื �องบน กราบพระพุทธเจ้ าทังสามพระองค์ � แจ้ งการตัดสินใจของข้ าพเจ้ า ทัง� สามพระองค์ ก็ได้ ให้ กําลังใจ ให้ ศีลให้ พรแก่ข้าพเจ้ า จากนั น� ๓ – ๔ วั น ต่ อ มา ข้ าพเจ้ าก็ ไ ด้ ล้ มป่ วยลง อย่างกะทันหัน ขาข้ างซ้ ายอ่อนแรง เดินไม่ได้ ลูกศิษย์ทงหลาย ั� ก็ ไ ด้ พ ากั น มาเยี� ย ม มาช่ ว ยเหลื อ มาให้ กํ า ลัง ใจ มาเฝ้ าไข้ ซึง� น่าประทับใจมาก จากนันก็ � ได้ พาข้ าพเจ้ าไปตรวจวินิจฉัยโรค ที� โ รงพยาบาลคณะแพทยศาสตร์ มหาวิ ท ยาลั ย นเรศวร จั ง หวั ด พิ ษ ณุ โ ลก ผลการตรวจด้ วยเครื� อ งสร้ างภาพด้ วย สนามแม่เหล็กไฟฟ้า ( เอ็มอาร์ ไอ ) แพทย์พบว่า หมอนรองกระดูก ต้ นคอระหว่างกระดูกคอข้ อที� ๕ และ ๖ เกิ ดการเสื�อมสภาพ ตามอายุ แล้ วเสียรู ป กดทับเส้ นประสาทบางส่วน หากไม่ได้ รับ การรั ก ษาอย่ า งทัน ท่ ว งที แ ล้ ว จะทํ า ให้ ร่ า งกายเป็ นอัม พาต อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๖๑


ตังแต่ � คอลงมาทังร่� างกาย โดยแพทย์อธิบายว่าการรักษาอาการ ดั ง กล่ า วทํ า ได้ โดยการผ่ า ตั ด ติ ด ตั ง� โลหะเสริ มช่ ว ยพยุ ง กระดูกต้ นคอส่วนทีเ� สียหาย และหลังการรักษา ร่างกายจะสามารถ กลับมาเป็ นปกติได้ ข้ าพเจ้ าจึงตัดสินใจเข้ ารับการรักษาโดยการ ผ่าตัดในวันที� ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ การผ่าตัดใช้ เวลา ๕ – ๖ ชัว� โมง เริ� มการผ่าตัดเวลาประมาณ ๑๔.๐๐ น. เสร็ จสิ �นการผ่าตัดเวลา ประมาณ ๒๐.๐๐ น.

๑๖๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ �น สติของข้ าพเจ้ าก็ได้ กลับคืนมา และตังแต่ � เวลานัน� ข้ าพเจ้ าก็ได้ ระลึกรู้ตลอด ทังความจํ � าในอดีต ปั จจุบนั และจนถึงอนาคต ยกเว้ นว่าถูกกล่อมจากปฏิกิริยาของยา บางอย่ า ง การระลึ ก รู้ ของข้ า พเจ้ า ดี ม าก คงเป็ นผลมาจาก การฝึ กหัดสมาธิ และสติอยู่เป็ นประจํา และข้ าพเจ้ าก็ได้ ทํากิจ ตามที� เ คยได้ ฝึ กหัด มา คื อ ฝึ กสมาธิ - สติ - วิ ปั ส สนา ให้ ไ ด้ ตลอดเวลา ยามใดที� มี เ วลาว่ า งเว้ น จากภาระใดภาระหนึ� ง นั�น หมายถึง ขณะที� จิ ต กํ า ลัง ทรงสมาธิ หรื อ ทรงสติ อ ยู่ก็ ทํ า ไป พอว่างจากนี �ก็วิปัสสนาไป หรื อสลับกันก็แล้ วแต่ภาระ โดยเฉพาะ การแผ่ เ มตตา ต้ อ งเอาใจใส่ แ ละทํ า ให้ ดี การแผ่ เ มตตานัน� เป็ นสิ� ง ที� สํ า คัญ ท่ า นทัง� หลายควรปฏิ บัติ เ ป็ นประจํ า ทุก คน ต่างก็ทราบแล้ วว่า ยามใดที�เราได้ รับทุกข์ภยั โดยเฉพาะเจ้ ากรรม นายเวรเขาเล่นงาน ไม่วา่ จะเป็ นความเจ็บไข้ ได้ ป่วย โรคภัย หรื อ แม้ กระทัง� อุบตั ิเหตุตา่ งๆ ไม่วา่ จากกระแสกรรม ( อาการกรรม ) และกรรมที�อยู่ในสภาพเป็ นดวงจิต นัน� ก็หมายความว่าขณะนัน� เรากําลังได้ รับผลของกรรมทีเ� ราได้ เคยไปกระทําไว้ ไม่วา่ จะเจตนา หรื อไม่เจตนาก็ตาม กําลังตามมาสนองเราอยู่ ควรอย่างยิ�งที�เรา จะต้ องแก้ ไข จะด้ วยวิธีใดก็ตาม ที�ควรอย่างยิ�งก็คือ การแผ่เมตตา เจริ ญพรหมวิหาร ๔ เพื�อสร้ างความเมตตา กรุ ณา มุทิตา และ อุเ บกขา ให้ เกิ ดขึน� ในจิ ตของพวกเราทัง� หลายให้ ได้ ข้ าพเจ้ า เร่ ง ทํ า ภารกิ จ นี � โดยพิ จ ารณาดูผ ลที� เ กิ ด ขึ น� ประกอบไปด้ ว ย ในระยะแรกๆ ผลเกิดขึ �นไม่มากเลย สิ�งที�ไม่ควรยึดติดอย่างเช่น อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๖๓


เกี�ยวกับการกิน มันก็ต้องทําให้ คิด เพราะยังกลืนอาหารเองไม่ได้ ต้ องสอดสายอาหาร ( สายเอ็นจี ) ผ่านรูจมูกลงไปที�หลอดอาหาร การสอดสายอาหารเกิดการติดขัด สอดท่อยากมากจนต้ องเกณฑ์ คณะแพทย์และพยาบาลร่ วม ๑๑ คน มาผลัดกันลองพยายาม สอดท่อลงไปให้ ได้ อย่างนี เ� ป็ นต้ น ข้ าพเจ้ ารู้ สึกแปลกใจ รู้ ได้ อย่างถูกต้ องว่าวิบากกรรมและเจ้ ากรรมนายเวรเล่นงานเข้ าแล้ ว สังเกตและเห็นได้ อย่างเด่นชัด ข้ าพเจ้ ารี บแผ่เมตตาอุทิศบุญกุศล ทีด� ๆี มีอานิสงส์มากๆ ตังสมาธิ � ให้ ดแี ล้ วแผ่เมตตาไปให้ แล้ วสังเกต ผลที�เกิ ดขึน� ถ้ าปรากฏว่าผลที�เกิ ดขึน� ยังไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย นั�นแสดงว่าเจ้ ากรรมนายเวรที�มีดวงจิตยังไม่พอใจกับบุญกุศล ที� เ ราได้ อุ ทิ ศ ให้ อาจจะน้ อยไปไม่ ค้ ุ มค่ า ตัว อย่ า งที� เ ห็ น ได้ อย่างชัดเจนก็คือ วันที�ข้าพเจ้ าได้ ออกจากห้ องผ่าตัด คุณหมอ สัง� ให้ ใส่สายอาหาร การใส่สายอาหารโดยทัว� ไปแล้ วเป็ นเรื�องง่ายๆ ที�พยาบาลเป็ นผู้ทําหน้ าที�นี �แต่ในกรณีของข้ าพเจ้ านัน� กลับกลาย เป็ นเรื� อ งยากดัง ที� ไ ด้ ก ล่า วมาแล้ ว สายอาหารไม่ย อมลงไปที� หลอดอาหาร สายกลับงอแล้ วโผล่ออกมาทางปาก ต้ องตาม เจ้ าหน้ าที�ไม่ทราบแผนกไหนมาจัดการ เขาต้ องใช้ แบบบังคับสาย ที�ใส่ลงไปตามแบบ แต่กว่าจะเอาลงไปถึงท้ องได้ ก็ทรมานน่าดู ฟั นข้ าพเจ้ าก็ได้ หกั ไป ๑ ซี� เมื�อพิจารณาดูแล้ ว เรื� องเล็กๆ อย่างนี � ไม่น่าจะเป็ นตัวก่ อ กวนทํ า ให้ เป็ นเรื� อ งใหญ่ ขึน� มาได้ ข้ าพเจ้ า ได้ รวบรวมบุญต่างๆ มากมายทังทาน � ศีล และสมาธิ โดยเฉพาะ การให้ ท าน เช่ น การถวายผ้ า ไตร พระพุท ธรู ป และปั จ จัย ๑๖๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


โดยน้ อมถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า และเบื �องบน ทังหลาย � บุญที�เกิดขึ �นก็กลายเป็ นมหาบุญกุศล แล้ วอุทิศให้ แก่ เจ้ ากรรมนายเวร ซึง� น่าจะเป็ นที�พอใจแก่เขาเหล่านี �เป็ นอย่างมาก แต่ ข้ าพเจ้ ายัง มี ค วามรู้ สึ ก ว่ า เขายัง มี อ ะไรอยู่ ใ นจิ ต ของเขา ยังไม่พอใจ ข้ าพเจ้ าจึงได้ กําหนดจิตขึ �นไปเบื �องบน ไปหาคําตอบ ว่า เขาเหล่านี �ต้ องการอะไรเป็ นทีส� ดุ ข้ าพเจ้ าได้ กาํ หนดจิตถามท่าน ที�เป็ นใหญ่ เป็ นหัวหน้ ากลุม่ เจ้ ากรรมนายเวรของข้ าพเจ้ า ข้ าพเจ้ า ได้ ไปยืนอยู่ ณ สถานที�แห่งหนึง� ซึง� มีมา่ นกัน� ไม่สามารถมองเห็น ผู้ที�อยู่อีกฝั� งหนึง� ได้ แต่ข้าพเจ้ าก็สามารถรู้ ด้วยจิตได้ จิตจะบอก สิ�งที� เราสงสัย หรื ออยากรู้ ทัง� หมด แต่บางอย่างพระพุทธองค์ ทรงห้ าม ไม่อนุญาตให้ ข้าพเจ้ าใช้ คณ ุ วิเศษเหล่านี �ในเวลาที�ต้อง เสวยกรรม ใช้ หนี �กรรม ซึง� ข้ าพเจ้ าควรจะรับกรรมต่างๆ ไปตาม ธรรมชาติที�ต้องเจ็บปวด อดทน อดกลัน� ไปตามปกติที�มนุษย์ เขาเป็ นกัน ไม่โกรธ ไม่ด่า ไม่โวยวาย อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ถ้ ามันเป็ นกรรมและเลี�ยงไม่พ้น วางจิตให้ ทรงอารมณ์ อย่างนี � อยู่บ่อยๆ จิ ตก็ จะเจริ ญขึน� ไปเรื� อยๆ ข้ าพเจ้ ายังคงยํ า� คํ าถาม เดิมที�ข้าพเจ้ าอยากทราบอย่างจริ งจังว่า “ท่านต้ องการอะไร” เขายืนตอบคําถามข้ าพเจ้ าแบบไม่กล้ าสู้หน้ าเท่าไหร่ ข้ าพเจ้ า พูดต่อไปอีกว่า “เราว่าท่านทังหลายคงไม่ � ต้องการเพียงเท่านี �หรอก” ข้ าพเจ้ าได้ พดู โพล่งออกมาตามทีจ� ติ ของข้ าพเจ้ าได้ ร้ ู “ท่านต้ องการ ให้ เราไปสอนเรื� อ งกรรม ไปโฆษณายกให้ กรรมเป็ นใหญ่ และเป็ นที�ร้ ู กนั ให้ มากกว่านี �ว่า กรรมเป็ นผู้ยิ�งใหญ่ ไม่มีใครใหญ่ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๖๕


เกินกรรม แม้ กระทัง� พระพุทธเจ้ าก็ยงั ยกให้ กรรมเป็ นใหญ่ เราตกลง ทํากิจเรื� องนี �ให้ แก่ท่านเหล่ากรรมทังหลาย � ซึง� ตามความเป็ นจริ ง เราก็ทําให้ ท่านอยู่แล้ ว เราสอนเรื� องกรรมเน้ นเรื� องกรรมอยู่แล้ ว” บรรดาเจ้ ากรรมนายเวรทัง� หลายเขาก็พอใจ พอใจไปส่วนหนึ�ง ก็เพราะว่าวิบากกรรมมีมากมายไม่จบไม่สิ �น แต่ละภพแต่ละชาติ จะด้ วยรู้ ก็ตาม ไม่ร้ ู ก็ตาม ข้ าพเจ้ าได้ เคยไปตีไปฆ่า ทําให้ เขา ได้ รับทุกข์ ได้ รับความเจ็บปวดมามากน้ อยเพียงใด ข้ าพเจ้ าก็ต้อง รั บไป และรู้ สึกเจ็บปวดไปตามนัน� กรรมมันถึงจะมีการใช้ หนี � กันหมด ไม่สามารถใช้ อภิญญา ความอัศจรรย์ อิทธิฤทธิ�ปาฏิหาริย์ ต่างๆ เหล่านีแ� ก้ กรรม สลายกรรม เพราะมันไม่สามารถใช้ ได้ ถ้ าเกี�ยวข้ องกับกรรม คุณวิเศษเหล่านี �จะเสื�อมไปหมด เนื�องจาก กรรมเป็ นใหญ่ นักปฏิบตั ทิ งหลาย ั� ท่านควรเข้ าใจในสิง� เหล่านี �ให้ ดี แบ่งแยกให้ ออก ใช้ ให้ ถกู ต้ อง ประโยชน์ของความอัศจรรย์ทงั � หลายเหล่านี �ก็มีมากมายเช่นกัน ตกลงข้ าพเจ้ าก็ ได้ ให้ คํามั�นสัญญากับฝ่ ายรั บบทกรรม ของข้ าพเจ้ า ว่าข้ าพเจ้ าจะสอนเน้ นกรรมให้ มาก ให้ นกั ปฏิบตั ธิ รรม ทังหลายมี � ความกลัวบาปกลัวกรรม เอาใจใส่ในการแผ่เมตตาและ ละเว้ นการสร้ างกรรม จากนันก็ � มีความรู้ สกึ ว่าจิตใจของข้ าพเจ้ า ที� เ คยมี ค วามรู้ สึก ว่ า หนัก ก็ ไ ด้ เ บาลงอย่ า งเห็ น ได้ ชัด แต่ ยัง มี อีกเรื� องหนึง� ที�ต้องเรี ยนรู้ ก็คือเรื� องความตาย ขณะที�นอนป่ วยอยู่ ข้ าพเจ้ าก็ ได้ ตะลุยเรื� องความตาย พิจารณาอยู่บ่อยๆ เคยทํ า อยู่เป็ นประจําเพื�อให้ จิตมันตระหนักรู้ ไม่ประมาทในความตาย ๑๖๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ให้ ร้ ู ว่าเราอยู่ใกล้ ความตายเข้ าไปทุกวัน จะตายเมื�อไรก็ไม่ร้ ู และ สามารถตายได้ ทุกเวลา เราพร้ อมที�จะตายแล้ วหรื อยัง จิตเรา พร้ อมที�จะเข้ าฌานขึ �นลงตามที�ต้องการได้ หรื อไม่ ภูมิธรรมเรา พร้ อมที�จะตายหรื อไม่ คือจะพ้ นทุกข์หรื อไม่ ดังนีเ� ป็ นต้ น มีอยู่ ครัง� หนึง� ข้ าพเจ้ าได้ ทดสอบหรื อตอบคําถามตนเอง โดยข้ าพเจ้ า ได้ ยกจิตของตนเองออกไปจากร่าง ไปให้ หมด พยายามไม่ให้ เหลือ ไว้ ที�ร่าง แล้ วดูวา่ อย่างนี �เขาเรี ยกว่าตายหรื อไม่ ฟั งดูแล้ วน่าจะใช่ ก็ ไ ด้ ทําลองดูหลายครั ง� ก็ ยังมี ความรู้ สึกว่ายังไม่ตาย ตนเอง ยังมีชีวิตอยู่ นัน� มันอาจจะเป็ นเพียงแค่ความรู้ สึกของเรา ที�มนั หมดความรู้สกึ ไปแล้ วว่าตายแล้ ว หรื อคงยังไม่ถงึ เวลา พระท่าน ยังไม่อยากให้ ตาย เพราะยังมีงานรอให้ ทําอีกเยอะ การที�ข้าพเจ้ า ได้ นอนเสวยกรรม เจ็บไข้ ได้ ป่วยเป็ นโรคเป็ นภัยอยูน่ ี � องค์สมเด็จ พระสั ม มาสั ม พุ ท ธเจ้ าทรงปรารถนาให้ ข้ าพเจ้ าปล่ อ ยไป ตามธรรมชาติ เราเคยไปสร้ างกรรมกระทําให้ เขาเจ็บปวดอย่างไร เราก็ควรได้ รับความเจ็บปวดอย่างนันกลั � บคืน พระองค์ทรงห้ ามใช้ สมาธิ ฌานต่างๆ ไปปะทะความเจ็บไข้ ได้ ป่วยเหล่านี � ให้ ยอมรับ แบบชาวบ้ านเดินดิน ยอมตายยอมเจ็บแบบคนข้ างถนน ไม่แสดง ให้ ใครๆ เขารู้ ว่าเราเป็ นเด็กเส้ น เด็กพระพุทธเจ้ า ใช้ อภิญญา จนเคยตัว อะไรทํานองนี � ต้ องทําตัวให้ เป็ นเยี�ยงอย่าง ให้ ชาวบ้ าน ชาวเมื องเขาเห็น โดยเฉพาะลูกศิษย์ ทัง� หลายได้ เห็นว่า เราๆ ทังหลายล้ � วนแต่ปฏิบตั ติ ามคําสัง� สอนของพระพุทธเจ้ า โดยเฉพาะ ในเรื� องขันธ์ ๕ กับกฎไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทัง� ๓ ข้ อ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๖๗


ให้ เห็นว่าเราเองก็ เจ็บก็ ปวด เราเองก็ ทุกข์ ทรมานแบกสังขาร เหมื อ นกั บ คนทั� ว ไป เรายอมหมอบราบคาบแก้ วให้ กั บ กฎไตรลักษณ์ เราไม่ใช่เด็กเส้ น เรายอมรั บในกรรม ยอมรั บ ในความตาย ดัง นัน� ในการยกจิ ต ในเรื� อ งความตาย มัน ยัง ไม่ถงึ เวลาตาย มันจึงไม่ตาย หรื ออาจจะตายแล้ วฟื น� ก็เป็ นไปได้ ตัว อย่ า งของการยอมรั บ นับ ถื อ กฎไตรลัก ษณ์ สภาพ ความเป็ นจริ งของขันธ์ ๕ การเข้ าถึงซึ�งมรณานุสติ และผลที� เกิดจากความรู้เหล่านี �ก็คือ การปล่อยวาง การคลายความยึดมัน� ถือมัน� สักกายทิฐิทงหลาย ั� สักแต่มีสกั แต่ใช้ ไปตามสภาพ ดูจาก ตัวอย่างที�เห็นได้ ชดั ก็คือ ภาพที�อาจารย์สถาพรได้ ไปนอนอยู่บน เตียงคนไข้ ห้อง ไอ ซี ยู มีสายและท่ออะไรก็ไม่ร้ ู ห้ อยระโยงระยาง อยูเ่ ต็มไปหมด ทังขวดนํ � �าเกลือ ขวดยาต่างๆ คนป่ วยก็นอนแน่นิ�ง อยูบ่ นเตียง ดูสภาพแล้ วไม่นา่ จะเป็ นคน ดูแล้ วน่าเวทนา น่าสงสาร หลายคนมาเยี�ยมแล้ วก็อดที�จะร้ องไห้ ไม่ได้ โดยเฉพาะเวลาที� พยาบาลเข้ า มาทํ า การดูด เสมหะ (Suction) คื อ การสอดท่อ ขนาดเล็กลงไปดูดเสมหะหรื อนํ �าลาย และสิ�งที�อาจจะไปอุดตัน ทางเดิ น หายใจออกมา มองดู แ ล้ ว ตัว อาจารย์ ดิ น� ไปดิ น� มา ตามแรงที�พยาบาลสอดท่อลงไปในคอ ดึงท่อขึ �นลง และควานท่อ เพื� อดูดเสมหะ ทํ า หน้ า นิ� ว คิว� ขมวดด้ ว ยความเจ็ บปวดข้ างใน หลายคนดูแล้ วถึงกับนํ �าตาไหลด้ วยความสงสาร บางคนถึงกับ บ่นว่า สงสารอาจารย์ จังเลย คงจะเจ็บน่าดู นี� ขนาดอาจารย์ ทํ า สมาธิ เ ก่ ง และทํ า มานาน ปฏิ บั ติ ม ามากยั ง เป็ นอย่ า งนี � ๑๖๘ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ถ้ าเป็ นเราล่ะ ปฏิบตั ิยงั ไม่ถึงไหนเลย ถ้ าไปเป็ นอย่างนีแ� ล้ วจะ แค่ไหน ไม่ตายไปก่อนแล้ วรึ ก็ถือได้ ว่าเป็ นจุดดีด้านหนึ�งที�จะ กระตุ้น ให้ ผ้ ูที� ไ ปเยี� ย มไข้ ไ ด้ คิ ด พิ จ ารณาให้ เ กิ ด ปั ญ ญาขึ น� ใน สัจธรรมเหล่านี � แต่อีกแง่หนึ�งซึ�งเราไม่สามารถมองเห็นได้ ก็คือ การใช้ กรรมมากๆ สดๆ ก็สามารถหมดเวรหมดกรรม คือใช้ หนี �กรรม ได้ เร็ วขึ �นก็อาจจะเป็ นไปได้ แล้ วผลก็คืออาจจะตายไวเพื�อไปรับ บุญ กุศ ล ในกรณี ที� ผ้ ูป่ วยเบื� อ หน่ า ยขัน ธ์ ๕ คื อ ต้ อ งเจ็ บ ป่ วย ทุกข์ทรมานอยู่ สู้ดีทิ �งกายนี �ไปดีกว่า และอีกทางหนึง� ก็คือโรคภัย ไข้ เจ็บหายไวขึ �น ช่วงเวลานี �มีเรื� องหนึง� ได้ เกิดขึ �นก็คือว่า หลังจากที�ข้าพเจ้ า ได้ ออกจากห้ องผ่าตัดมาแล้ ว ขณะนันเวลาประมาณ � ๒๐.๐๐ น. คุณ หมอให้ ม าพัก ฟื �น อยู่ที� ห้ อ ง ไอ ซี ยู ข้ า พเจ้ า ก็ ไ ด้ ร้ ู สึก ตัว สติก็กลับคืนมาอย่างเต็มที� รู้ตวั ทุกอย่างแต่พดู ไม่ได้ เพราะใส่ทอ่ ต่างๆ อยู่ ข้ าพเจ้ าสื�อสารโดยใช้ วิธีการเขียนเอา ข้ าพเจ้ าได้ คิด พิจารณาทังข้� อธรรมและความเป็ นจริงทีเ� กิดขึ �น ได้ มเี หตุการณ์หนึง� เกิ ดขึน� ข้ าพเจ้ าได้ นอนอยู่บนเตียงในห้ อง ไอ ซี ยู เดินไม่ได้ ชาไปครึ� งซีก สักพักก็ได้ มีเจ้ าหน้ าที�พยาบาลชายได้ มาเข็นเตียง ที� ข้าพเจ้ าได้ นอนอยู่ออกไปยังที� แห่งหนึ�ง ข้ าพเจ้ าได้ ยินเสียง คนเขาคุยกันว่าจะนําไปให้ คณ ุ หมอเจน ( นายแพทย์พีรพงษ์ ) คุณหมอที�ได้ ทําการผ่าตัดกระดูกคอของข้ าพเจ้ า เป็ นสถานที� แห่งหนึง� ที�ข้าพเจ้ าไม่ร้ ูจกั เพราะไม่สามารถยกคอแล้ วเหลียวมอง ดูรอบๆ ข้ างได้ ข้ าพเจ้ ารู้ สึกว่าตนเองได้ นอนอยู่บนเตียงแคบๆ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๖๙


อยูใ่ ต้ ร่มไม้ ใหญ่แห่งหนึง� ได้ ยนิ เสียงคนคุยกัน ทังที � ร� ้ ูจกั และไม่ร้ ูจกั ข้ าพเจ้ าพยายามชําเลืองตามที�สายตาจะมองเห็นได้ ไม่ไกลจากที� ข้ าพเจ้ านอนอยู่ ทางซ้ ายมือห่างประมาณ ๔ – ๕ เมตร เป็ นรัว� ทึบ สูงคล้ ายกําแพง ติดกําแพงมีเก้ าอี � ๗ – ๘ ตัว เรี ยงเป็ นแถวอยู่ มีหลายตัวที�มีคนนั�งอยู่แล้ ว ส่วนมากเป็ นคนที�ข้าพเจ้ าไม่ร้ ู จัก คุณ หมอเจนได้ ม าแล้ ว และได้ ม านั�ง อยู่ ข้ า งเตี ย งที� ข้ า พเจ้ า ได้ นอนอยู่ และได้ ทําการล้ างแผลที�บริ เวณคอของข้ าพเจ้ า รู้สกึ ว่า คุณหมอให้ เกียรติข้าพเจ้ ามาก มาลงมือล้ างแผลเอง ท่านทําไป ก็ เ งี ย บไป ไม่ พูด อะไรซัก คํ า ได้ มี เ สี ย งดัง ลั�น อยู่พัก หนึ� ง แล้ ว ฟั งดูคล้ ายๆ เหมือนเป็ นบทสวดมนต์อะไรซักอย่าง ฟั งไม่ร้ ู เรื� อง เป็ นส่ว นใหญ่ ไม่ ท ราบว่ า เป็ นภาษาอะไร ต่ อ มาได้ มี โ อกาส ถามท่าน ถึงรู้ ว่าท่านใช้ ภาษาของพรหมสุทธาวาส เสียงสวด ดังลัน� อยู่ ข้ าพเจ้ าไม่ได้ ค้ นุ กับเสียงนี � นัน� ก็คงเป็ นบุคคลที�ข้าพเจ้ า ไม่ร้ ูจกั คงเป็ นหมอ หรื อนักปฏิบตั ิธรรมอะไรสักอย่าง คงเป็ นคนที� รู้จกั ข้ าพเจ้ าแต่ไม่มีโอกาสได้ เจอกัน คงได้ ขา่ วว่าข้ าพเจ้ าเจ็บป่ วย จึ ง ได้ มาเยี� ย ม และได้ ทํ า พิ ธี สวดให้ ข้ าพเจ้ าหายจาก ความเจ็บป่ วยนี หรื � อให้ มชี วี ติ อยูต่ อ่ ไม่ตายจากไป ขณะทีท� า่ นหมอ ได้ สวดอยู่ นั น� ท่ า นก็ ไ ด้ เข้ ามาตรงที� ข้ าพเจ้ านอนอยู่ และ คุณหมอเจนก็ยงั คงทําแผลอยู่ ท่านหมอได้ โปรยกระดาษอะไร ไม่ทราบ ลักษณะคล้ ายๆ จะเป็ นตัวยันต์ตวั เล็กๆ ทําด้ วยกระดาษ แล้ ว ตัด เป็ นชิ น� ออกมา ท่ า นได้ โปรยลงมาบนหน้ าข้ าพเจ้ า ข้ าพเจ้ าก็ไม่ได้ วา่ อะไร เพียงแค่คดิ ว่าคุณหมอเจนจะบ่นหรื อเปล่า ๑๗๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ต่อเรื� องนี � แต่คณ ุ หมอก็ไม่ได้ วา่ อะไร เงียบอยูอ่ ย่างนัน� ต่อจากนัน� ท่ า นหมอผู้ส วดมนต์ ก็ ไ ด้ เ ดิ น ไปนั�ง บนเก้ าอี ท� างด้ า นกํ า แพง แล้ วไปสวดต่อทีน� นั� สังเกตลักษณะหมอทีก� ําลังสวดมนต์อยูข่ ณะนี � เป็ นชายอายุประมาณ ๖๕ ปี รูปร่างสูงผอม ใส่กางเกงขาสันสี � มืด คล้ า ยสี ม่ อ ฮ่ อ มของทางจั ง หวัด แพร่ เสื อ� ก็ เ ป็ นเสื อ� ม่ อ ฮ่ อ ม เช่นเดียวกัน ในขณะนัน� เสียงสวดมนต์ได้ ดงั มากขึ �น และสุ้มเสียง คล้ ายกับว่ากําลังจะเข้ าสูพ่ ธิ ีสาํ คัญบางอย่าง ข้ าพเจ้ าก็ตงใจน้ ั � อม จิตรับอยู่ จูๆ่ คุณอ้ วนก็ได้ เดินเข้ ามาที�ข้างเตียงที�ข้าพเจ้ านอนและ ตังใจน้ � อมรับการสวดมนต์อยู่ เธอได้ มายืนอยูใ่ นจุดที�เป็ นตําแหน่ง ปิ ดช่องสายตาทีข� ้ าพเจ้ าได้ ชําเลืองและรับการทําพิธีจากท่านหมอ ที�สวดมนต์อยู่ ข้ าพเจ้ าก็ได้ พยายามเปล่งเสียงบอกให้ เธอออกไป จากตํ า แหน่ ง นัน� สัก ครู่ คุณ อ้ ว นก็ ไ ด้ ห ลี ก ออกไป พอจบพิ ธี ก็ได้ มีเจ้ าหน้ าที�ห้อง ไอ ซี ยู เข็นเตียงกลับมายังห้ องเหมือนเดิม ข้ าพเจ้ าก็ได้ นึกคิดพิจารณาถึงเหตุการณ์ ที�ผ่านมา จิตก็ร้ ู ขึ �นมา ทันทีว่าท่านที�มาสวดมนต์ทําพิธี ก็คือ ท่านท้ าวสหัมบดีพรหม องค์ ก่ อ น ท่ า นเป็ นพรหมองค์ ที� เ คยได้ ทู ล ขอให้ สมเด็ จ พระสมณโคดม ในช่วงที�พระองค์ท่านได้ ตรั สรู้ ใหม่ๆ พระองค์ ทรงใช้ ญาณทัศนะทอดพระเนตรดูสรรพสัตว์ทงหลายที ั� �เวียนว่าย ตายเกิด ซึ�งพระองค์ท่านจะต้ องไปโปรดพาข้ ามฝั� งแห่งวัฏฏะนี � ท่านก็ทรงท้ อพระทัย รํ าพึงกับพระองค์เองว่าจะโปรดได้ หรื อไม่ ขณะนั น� ท่ า นท้ าวสหั ม บดี พ รหม ท่ า นเป็ นหั ว หน้ าพรหม ชันสุ � ทธาวาส ชันพระอนาคามี � ท่านก็ได้ เข้ าเฝ้าพระพุทธเจ้ าอยู่ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๗๑


ท่า นได้ ยิ น ท่า นจึง ทูล ขอพระพุท ธเจ้ า ทรงได้ โ ปรดเวไนยสัต ว์ เหล่านี �ซึง� มีหลายเหล่า พระพุทธเจ้ าจึงทรงเล็งเห็นถึงความตังใจ � ที� จะช่วยงานโปรดสัตว์ ของท่านท้ าวสหัมบดี พรหม จึงได้ ทรง กํ าหนดชื� อของท่านท้ าวสหัมบดีพรหมไว้ ในคําอาราธนาธรรม ดังคํากล่าวว่า “ พรหมาจะโลกา อธิปติ สหัมปติ กัลอัญชลี อธิวะรัง อะยางถะ สันติถะ ฯลฯ ” เป็ นต้ น ปั จจุบนั ท่านท้ าวสหัมบดีพรหม องค์นนท่ ั � านอยูท่ ี�นิพพาน ท่านได้ ไปตังแต่ � ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ท่านก็คง มีชื�อใหม่ คงไม่ใช้ ชื�อสหัมบดีพรหมอีกแล้ ว

๑๗๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


เมื�อข้ าพเจ้ าได้ มาพักฟื น� ที�ห้อง ไอ ซี ยู แล้ ว ในช่วงสาย ของวันรุ่งขึ �น ถึงเวลาเยี�ยมไข้ ก็ได้ มีลกู สาวและลูกเขยเข้ ามาเยี�ยม และกําลังนวดเท้ าให้ ข้าพเจ้ าอยู่ ก็ได้ มีชายหนุม่ คนหนึง� แต่งกาย คล้ ายท่านท้ าวสหัมบดีพรหมเมื�อวานนี � แต่ดูสมัยใหม่กว่า คือ ผ้ าม่ อ ฮ่ อ มมี ล วดลายในตัว ด้ ว ย ท่ า นมายื น อยู่ ข้ างๆ เตี ย ง ไม่ไ กลเท่า ไหร่ มายื น แอบมองดูอ ยู่ ซึ�ง ข้ า พเจ้ า เห็ น ตอนแรก ก็คดิ ว่าเป็ นเจ้ าหน้ าที�ห้อง ไอ ซี ยู แต่จิตของข้ าพเจ้ าก็ได้ แอบบอก ให้ ร้ ู สังเกตว่าลูกสาวและลูกเขยของข้ าพเจ้ ามองไม่เห็นท่านเลย คงเห็นแต่ข้าพเจ้ าคนเดียว ได้ ทราบว่าท่านตามติดข้ าพเจ้ ามา เพื�อช่วยเหลือตามที�ท่านจะสามารถช่วยได้ เพราะวิบากกรรม ครัง� นี �หนักหนาเหลือเกิน “ ลูกเอ๊ ย ” ท่านเคยเป็ นพ่อของข้ าพเจ้ า มาก่อนในชาติใดชาติหนึ�ง นัน� คือ ความดีย่อมตอบแทนความดี เมื�อเราต่างก็ได้ พากันสร้ างความดีมาด้ วยกัน ข้ าพเจ้ าได้ อยู่ในห้ องไอ ซี ยู มาหลายวันอันเป็ นเวลา พอสมควรกับการเจ็บป่ วยของข้ าพเจ้ า ข้ าพเจ้ าได้ อดทนเพื� อ ใช้ ห นี ก� รรมแบบไม่ ไ ด้ โ ต้ แ ย้ ง ยอมรั บ ทุก อย่ า งโดยไม่ ย อมใช้ เครื� องทุ่นแรง คือสมาธิ และฌาน ต่างๆ เหล่านี � ก็มีเพียงแต่สติ ปั ญ ญา และความระลึก รู้ ในสัจ ธรรมทัง� หลายเหล่า นี เ� ท่ า นัน� จนเวลาผ่านพ้ นไป สุขภาพก็ดีวนั ดีคืนขึ �น แผ่เมตตาก็เกิดผลได้ อย่ า งว่ อ งไวขึ น� จนถึ ง เวลาที� ข้ าพเจ้ าได้ ข อย้ ายมาพัก ฟื �น ที� โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ คุณหมอที�พิษณุโลกก็อนุญาต จากนัน� ข้ าพเจ้ าก็ได้ มารักษาต่อในสภาพของการพักฟื น� ทีน� ี� สุขภาพก็ดขี ึ �น อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๗๓


อย่างรวดเร็ว คุณหมอได้ ให้ คาํ ชมข้ าพเจ้ าบ่อยๆ ข้ าพเจ้ าได้ ฝึกเดิน ฝึ กกิน ฝึ กกลืน ซึง� ได้ พฒ ั นาไปในทางที�ดีขึ �นค่อนข้ างเร็ ว

ส่วนสภาพในทางทิพย์ เจ้ ากรรมนายเวรก็อ่อนกําลังลง เขาถอยไปเยอะแล้ ว การแผ่เมตตาก็เกิดผลมากขึน� ตามลําดับ หลังจากที�ได้ ทําการผ่าตัดกระดูกต้ นคอ รักษาอาการปอดติดเชื �อ ที�โรงพยาบาลคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรเป็ นเวลา ๒๒ วัน และพักฟื น� ที�โรงพยาบาลเพชรบูรณ์อีก ๒๒ วัน คุณหมอ ก็ ไ ด้ อนุ ญ าตให้ ข้ าพเจ้ าไปพั ก ฟื � น ต่ อ ที� บ้ านได้ โดยที� ยั ง ใส่สายอาหารอยู่ เพราะการกินและการกลืนอาหารของข้ าพเจ้ า ยั ง ไม่ ส มบู ร ณ์ เ ต็ ม ร้ อย การใช้ ยาและอาหารเสริ ม ยั ง เป็ น ๑๗๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


สิง� จําเป็ นอยู่ ดังนัน� สมาชิกในครอบครัวจึงจําเป็ นที�จะต้ องเรี ยนรู้ และฝึ กการให้ อาหาร ยาและอื�นๆ ทางสายอาหาร ก็ได้ มีสมาชิก ได้ เ ข้ า รั บ การฝึ กหัด ทัก ษะในสิ� ง นี อ� ย่ า งตัง� ใจและสนุก สนาน อาหารเลยกลายเป็ นหัวข้ อที�สําคัญ ที�มีบทบาทต่อชีวิตข้ าพเจ้ า ในระยะนี ท� ี� บ้ า น ข้ า พเจ้ า ได้ ฝึ กหัด วิ ปั ส สนาหัว ข้ อ ธรรมเรื� อ ง อาหาเรปฏิกูล เกี� ยวกับอาหาร ข้ าพเจ้ าจึงได้ โอกาสวิปัสสนา ให้ หนัก ในสถานการณ์ ข องเรื� อ งนี � หาข้ อธรรม มุ่ง ตัด กิ เ ลส เพือ� เข้ าไปรู้ความจริง แล้ วเกิดการปล่อยวางความยึดมัน� ถือมัน� จิต ก็จะอุเบกขา ก็จะอยูไ่ ปใช้ ไปตามสภาพ อย่างนี �เราเรียกว่า ปั ญญา ได้ เ กิ ด การรู้ จริ ง ขึน� ด้ ว ยกํ า ลัง จิ ต ที� เ ป็ นสมาธิ ถึ ง ขัน� ของมัน คื อ ฌานที� ๑ แล้ ววางอารมณ์ ได้ มันจึงเกิดปั ญญาขึ �น จิตมันเลย สามารถฟาดฟั นกิเลสลงไปได้ ความหลงก็ถกู ขจัดไป ดังตัวอย่างเช่น เรานักปฏิบตั ิทงหลายรู ั� ้ วา่ อาหารที�เราทังหลายชอบกิ � น อยากกิน ราคาอาจจะแพง รสชาติเยีย� มยอด เลอเลิศประเสริฐศรีมาก รสชาติ อร่ อ ยสุด ที� จ ะบรรยาย ตายแล้ ว อยากจะกลับ มาเกิ ด เพื� อ มา กิ น อาหารอร่ อ ยๆ อย่ า งนี อ� ี ก แต่ ปั ญญามั น ก็ เ กิ ด ขึ น� หรื อ สถานการณ์ จริ งที�ได้ ประสบก็พบว่า อาหารมันบูดหรื อมีอะไรที� ไม่ ดี ผ สมอยู่ หรื อตามธรรมชาติ ข องอาหารมั น ไม่ เ ที� ย ง มัน แปรเปลี� ย น กิ น เข้ า ไปก็ เ กิ ด ความผิ ด ปกติ ใ นท้ อ งในลํ า ไส้ ทําให้ อาหารมันไม่อร่ อย เห็นถึงรสชาติที�แย่น่าสะอิดสะเอียน นึกไปถึงปุ๋ย อุจจาระ ปั สสาวะในดินที� ต้นพื ชผักดูดกิ นเข้ าไป หล่อเลี �ยงต้ นใบ แล้ วมาเป็ นอาหารให้ เรากิน เนื �อสัตว์ก็มีนํ �าเลือด อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๗๕


นํ �าเหลือง กลิ�นเหม็นคาว เราเห็นสภาพร่ างกายของเราก็เห็นถึง ความสกปรกมาพอแรงแล้ ว ต้ องมากินขันธ์ ๕ ผู้อื�นอีกหรื อ จริ งๆ แล้ วอาหาร ของกินทังหลายเหล่ � านี �มันไม่ได้ วเิ ศษวิโส หรื อเลอเลิศ ประเสริ ฐ ศรี จนพอที� จ ะทํ า ให้ เ ราทัง� หลายเหล่ า นี ต� ้ อ งลงทุน อยากกลับมาเกิดในโลกนี �อีกเพือ� มีจดุ ประสงค์มากินอาหารอร่อยๆ อย่างที�หลงยึดติดในความสะอาด ในความอร่ อย เพียงแค่กินไป อยูไ่ ป อร่อยก็อร่อยอยูเ่ พียงแค่ลิ �น เรากินเข้ าไปเพื�อหล่อเลี �ยงกาย หล่ อ เลี ย� งขั น ธ์ ๕ ไม่ ใ ช่ เ พื� อ กิ เ ลส ตั ณ หา อุ ป าทานใดๆ ตามความเป็ นจริงแล้ วเราทังหลายกิ � นอาหารเข้ าไปผ่านปาก ลําคอ กระเพาะ ลําไส้ เล็ก ลําไส้ ใหญ่ จนอาหารเหล่านัน� แปรสภาพ เป็ นอุจจาระ ก็ไม่ได้ เกิดความสุข สนุกสนาน บันเทิง ชื�นบานอะไร โดยเฉพาะข้ า พเจ้ า ที� มี ปั ญ หาการกลื น ที� ค อ อาการแสบท้ อ ง อาการกรดในกระเพาะ ปาก ฟั นเคี �ยวไม่สะดวก ล้ วนแต่มีปัญหา ทังสิ � �น ข้ าพเจ้ าพอแล้ ว ทุกข์พอแล้ ว เบื�อแล้ ว ไม่อยากกลับมาเกิด เพื� อ มาพบมาประสบกับ สิ� ง เหล่ า นี อ� ี ก แล้ ว จิ ต มัน ก็ แ จ่ ม แจ้ ง ปล่อยวางในสิ�งเหล่านี � สักแต่มี สักแต่กินไปตามสภาพเท่านัน� ความอร่ อย ความสะอาด ความน่ากิน เทคนิคในการปรุ งแต่ง สิ�งทังหลายเหล่ � านีก� ็มีไปทําไปตามประสาโลก โดยเฉพาะท่าน ทีเ� ป็ นพ่อค้ า-แม่ค้าขายอาหาร งานทางโลกเราก็ทาํ ไปเพือ� เลี �ยงกาย แต่ความจริ งที�เป็ นสัจธรรม เราก็ต้องรู้ ต้องมีปัญญาในสิ�งเหล่านี � เพื�อดึงตัวเองให้ รอด ไม่จมลงไปกับความยึดมั�นถือมั�นจนต้ อง เวียนว่ายตายเกิดอยูอ่ ย่างนี � ๑๗๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ขณะทีข� ้ าพเจ้ าได้ นอนป่ วยอยูน่ นั � ทางด้ านการปฏิบตั สิ มาธิ ของข้ าพเจ้ า ข้ าพเจ้ ารู้สกึ ว่าย่อหย่อนมาก เนื�องจากถูกห้ ามไม่ให้ ใช้ กําลังสมาธิ ฌาน ญาณ ต่างๆ เหล่านี �ไปต่อต้ านความเจ็บปวด ต่า งๆ ที� เ กิ ด จากกรรม ข้ า พเจ้ า ก็ ค งใช้ เ ฉพาะที� มัน เลี� ย งไม่ไ ด้ ข้ าพเจ้ าได้ ฝึกมาจนเป็ นปกติเกื อบจะเป็ นแบบธรรมชาติ เช่น ให้ สมาธินงิ� อยูก่ บั ตัว อยูก่ บั มือกับเท้ า นิง� อยูอ่ ย่างนี อยู � ก่ บั ข้ อความ ที� เ ราแผ่ เ มตตาหรื อ อยู่ กั บ การยกจิ ต ขึ น� ไปทํ า กิ จ เบื อ� งบน กราบพระพุท ธเจ้ า อย่า งนี เ� ป็ นต้ น ซึ�ง มัน ก็ เ ป็ นสมาธิ อ ยู่แ ล้ ว บางอย่างก็เป็ นสมาธิมากด้ วย ข้ าพเจ้ าก็ได้ ทําแต่อย่างนี �สําหรับ การทําสมาธิในเวลาเจ็บป่ วย แต่เวลาส่วนใหญ่แล้ วจะพิจารณา หรื อวิปัสสนา ซึง� มันก็ไม่ต้องพิจารณาอะไรมาก เพราะข้ อธรรม ที� ช นหูช นตาเราอยู่นัน� ก็ คื อ ข้ อ ธรรมทัง� หลายที� อ ยู่กับ ตัว เรา หรื อ เกี� ย วข้ องกั บ ตัว เรา สํ า คัญ แต่ ว่ า เมื� อ เราพิ จ ารณาแล้ ว จิตมันยอมรับ หรื อรู้ อย่างจริ งจังหรื อไม่เท่านัน� ซึ�งสถานการณ์ ที� เ จ็ บ ป่ วย แทบจะตายอยู่แ ล้ ว นี� แ หละ ที� เ ป็ นสิ� ง ที� ทํ า ให้ เ รา วางอารมณ์ได้ อย่างจริ งจัง ดังนันท่ � านทังหลายทุ � กคนที�ได้ เกิดมา เป็ นขันธ์ ๕ เหมือนกันนี �ย่อมมีสภาพความเสือ� ม คือแก่เฒ่า มีทกุ ข์ คือเจ็บไข้ ได้ ป่วย สุดท้ ายก็ต้องตายจากกันไป ทุกๆ คนก็ล้วนมี ประสบการณ์เหมือนกันหรื อคล้ ายกันอย่างนี � ดังนันจึ � งขอให้ ทา่ น ทําแบบฝึ กหัด อย่าเมินเฉย หรือทําผิดคิดไปในเรื�องอืน� ทีเ� กิดสิง� ร้ าย ใส่ตนเองแทนที�จะเป็ นประโยชน์ เช่น ไปเห็นคนป่ วย หรื อไปเยี�ยม คนป่ วย ก็นกึ สมเพช เวทนา ตําหนิ บ่นด่า สาปแช่ง อย่างนี �มันก็ผดิ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๗๗


ทํ า ให้ เ กิ ด โทษภัย ใส่ ต นเอง เพิ� ม พูน กิ เ ลส ตัณ หา อุป าทาน ต้ องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะภพแล้ วภพเล่าอยู่อย่างนี � ก็ขอให้ ท่านทังหลายได้ � ศกึ ษาหาความรู้ สมาธิและวิปัสสนาว่ามีวิธีการ และสภาพการณ์ดีอย่างไร เพื�อมรรคผล นิพพาน ที�อาจจะเกิดขึ �น กับท่านก็เป็ นได้ ข้ าพเจ้ าได้ มี ป ระสบการณ์ ที� ดี หรื อ ยํ� า แย่ ก็ ไ ม่ ท ราบ สามารถเป็ นไปได้ ทงั � ๒ อย่างกระมัง แต่สาํ หรับข้ าพเจ้ าแล้ ว ไม่วา่ จะดี ห รื อ จะร้ าย ข้ าพเจ้ าก็ ต้ องรั บ เอาไว้ อยู่ แ ล้ ว หนี ไ ม่ พ้ น รั บ เอาแล้ วก็ ต้ องทํ า จิ ต ให้ เฉยๆ นิ� ง ๆ เห็ น เป็ นสิ� ง ธรรมดา ไม่เดือดร้ อน ไม่โวยวาย วางจิตให้ นิ�ง นั�นคือในช่วงที�ข้าพเจ้ า ได้ พกั ฟื น� จากการเจ็บไข้ ได้ ป่วย ซึง� มันก็ต้องประกอบไปด้ วยการ กินยา การออกกําลังกายเพื�อกายภาพบําบัด การนอน และอื�นๆ โดยเฉพาะการกิ น โรคหมอนรองกระดูก กดทับ เส้ น ประสาท ที�ข้าพเจ้ าเป็ นนันเกี � �ยวข้ องกับการกินเป็ นสําคัญ ข้ าพเจ้ าได้ ฝึกหัด และทดสอบเกี� ย วกับ การกิ น ตามที� คุณ หมอได้ ฝึ กหัด มา และ ด้ วยสิ�งนี � มันเลยได้ เป็ นกรรมหนักและยิ�งใหญ่ ที�ทําให้ ข้าพเจ้ า ได้ เกิดอาการตาย หรื อเหมือนตาย ทุกอย่างเป็ นไปถึง 3 ครัง� ในวัน เวลาไล่เลี�ยกันด้ วยอาการอาหารติดคอ กลืนไม่ลง คายไม่ออก ทํ า ให้ หายใจไม่ ไ ด้ ตายไปพั ก หนึ� ง ข้ าพเจ้ าได้ กํ า หนดจิ ต กําหนดสมาธิโดยธรรมชาติให้ อยู่กบั ตัว ไม่กลัวจนลนลาน หรื อ ส่ ง จิ ต ออกไปไหน ก่ อ นกิ น ทุก ครั ง� ข้ า พเจ้ า ได้ นึ ก ถวายทาน แด่พระพุทธเจ้ าและเบื �องบนทังหลาย � น้ อมแผ่ส่วนบุญที�เกิดขึ �น จากการถวายทานครัง� นี �และทุกครัง� ให้ แก่เจ้ ากรรมนายเวรทุกภพ ๑๗๘ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ทุก ชาติ โดยเฉพาะที� ทํ า ให้ เ กิ ด ทุก ข์ ใ นปั จ จุบัน นี � ขอให้ ท่ า น มารับเอาไป เมื�อได้ รับแล้ วก็ขอให้ ได้ ไปผุดไปเกิด หรื อเปลี�ยนภพ เปลี�ยนภูมิ หรื อมี ทิพย์ สมบัติเพิ� มพูนทวี คูณขึน� และมี ดวงตา เห็นธรรม ข้ าพเจ้ าได้ แผ่สว่ นบุญอย่างนี �เป็ นประจํา ขณะทีข� ้ าพเจ้ า ได้ มีอาการอาหารติดคอเกิดขึ �น ข้ าพเจ้ าหยุดหายใจและเหมือน วูบหลับไป ไม่ร้ ู สึกตัว ทัง� ๆ ที� จิตก็ ยังคงอยู่กับตัว สักพักหนึ�ง ก็ ร้ ู สึก ตัว เหมื อ นตื� น นอน ข้ า พเจ้ า มั�น ใจว่า นั�น คื อ อาการตาย แต่เป็ นการตายครู่เดียว หลังจากนัน� ข้ าพเจ้ าได้ ขึ �นไปถามเบื �องบน ได้ คําตอบว่าข้ าพเจ้ าได้ เสวยกรรมหนัก ต้ องใช้ หนี �กรรมถึงชีวิต เหตุ ก ารณ์ ที� ไ ด้ เ กิ ด ขึ น� นี � ก็ ถื อ ว่ า เป็ นการใช้ หนี อ� ี ก แบบหนึ� ง กระแสกรรมมั น จะได้ ยุ ติ กั น ไป นั� น ก็ เ พราะข้ าพเจ้ าได้ รั บ กระแสกรรมจนตายจากไปแล้ ว ส่ว นการฟื �น ของข้ า พเจ้ า นัน� ก็เนือ� งจากกรรมดีของข้ าพเจ้ านัน� เอง ทีไ� ด้ เกื �อหนุนให้ ฟืน� ขึ �นมาเพือ� สร้ างคุณงามความดีต่อไป อาการอย่างนีไ� ด้ เกิดกับข้ าพเจ้ าถึง ๓ ครัง� โดยมีเหตุที�เลี�ยงไม่ได้ เลย ต้ องเป็ น ต้ องเกิด จนจิตของ ข้ าพเจ้ ารู้สกึ เบื�อการกินอาหารขึ �นมา ต้ องกําหนดสติ ระมัดระวัง ไม่ป ระมาท รู้ จัก กิ น สัก แต่กิ น สัก แต่ใ ช้ ไม่ไ ด้ เ ห็ น ว่า การกิ น เป็ นสิง� เลอเลิศประเสริฐศรี อะไร กินเพื�อหล่อเลี �ยงขันธ์ ๕ ไม่ได้ เพื�อ กิเลส ตัณหา อุปาทานอะไร ถอดถอนความเข้ าไปยึดติดในอาหาร การกิน จนไม่ร้ ู สึกว่าอยากจะกลับมาเกิดอีกเพื�อที�จะได้ มากิน อาหารอร่ อยๆ อย่างนี � ส่วนชีวิตประจําวันก็คงทําไปตามสภาพ กิ นไปอยู่ไป หวานก็ หวาน อร่ อยก็ อร่ อยไปตามสภาพขันธ์ ๕ แต่ใจมันก็ร้ ูแล้ ว มันพอแล้ ว โลกเอ๋ย ....... ขออนุโมทนา อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๗๙


ข้ อธรรมที�ควรรู้

๑. ทุกข์ พนื � ฐานที�ต้องตระหนักรู้ ให้ ถงึ จิต มนุษ ย์ ทุก คนที� เ กิ ด มามี ส ภาพที� เ รี ย กว่ า ขัน ธ์ ๕ หรื อ ประกอบด้ วยกายและจิต ไม่วา่ ใคร ผู้หญิง ผู้ชาย พระ เณร เถร ชี คนจน คนรวย เจ้ าฟ้า พระมหากษัตริ ย์ ล้ วนมีสภาพที�เหมือนกัน คือ ต้ องตกอยูภ่ ายใต้ กฎไตรลักษณ์อนั ได้ แก่ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ด้ วยกันทังสิ � �น ซึ�งเราทุกคนจําเป็ นต้ องรู้ และตระหนักถึง เพื�อให้ ความรู้นนฝั ั � งเข้ าไปในจิต เนื�องจากกายเราไม่ช้าก็ต้องเสื�อมโทรม สลายตัวไปในที�สดุ แต่จิตยังต้ องดําเนินต่อไปตามผลกรรมที�ตน ได้ ก ระทํ า ไว้ มัน จึ ง เป็ นสิ� ง สํ า คัญ อย่ า งยิ� ง ที� เ กี� ย วข้ อ งกับ เรา เราทุ ก คนจะต้ องเผชิ ญ กั บ มั น ซึ� ง ไม่ ส ามารถหลบเลี� ย งได้ กฎเหล่านี �ล้ วนก่อให้ เกิดทุกข์ในชีวิตประจําวันของเรา ตังแต่ � เกิด จนกระทัง� ตาย ถือได้ ว่าเป็ นความทุกข์พื �นฐานของทุกคน ซึ�งมี รายละเอียดดังนี � : ๑. ทุ ก ข์ ที� เกิ ด จากกฎอนิ จ จั ง คื อ ความไม่ เ ที� ย ง ความเสื�อมโทรม ความผุพัง เริ� มตัง� แต่ตัวเรา อวัยวะต่างๆ ที� ๑๘๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ประกอบกันขึน� เป็ นร่ างกายล้ วนมีความเปลี�ยนแปลง ไม่เที�ยง มีความเสื�อมโทรมไปตามสภาพกาลเวลา เมื�อเป็ นหนุ่มเป็ นสาว ผิวหนังยังเต่งตึง จึงดูน่ารั กน่าทะนุถนอม แต่เมื�ออายุมากขึน� ผิวหนังเหี�ยวย่น ผมหงอกขาว หูตามืดมัว ตับ ไต ไส้ พุง ปอด อวัยวะต่างๆ ล้ วนเสื�อมสภาพในการทํางานลงไปเรื� อยๆ อีกทัง� วัต ถุธ าตุทัง� หลายที� ป ระกอบในการดํ า เนิ น ชี วิ ต ไม่ ว่ า เสื อ� ผ้ า เครื� องนุง่ ห่ม บ้ าน รถยนต์ ปั จจัย ๔ ทังหลายเหล่ � านี � ล้ วนมีสภาพ แบบเดียวกันทังสิ � �น คือเสื�อมโทรม ผุพงั ไป สิ�งเหล่านี �มันจะต้ อง เกิ ดขึน� เมื� อมันเกิ ดขึน� แล้ ว ไม่ว่า เราจะเสียใจ ร้ องห่มร้ องไห้ หรื อ ดี อ กดี ใ จ หรื อ อยู่เ ฉยๆ ไม่ ยิ น ดี ยิ น ร้ าย มัน ก็ ต้ อ งเกิ ด ขึน� เป็ นของมันอยู่อย่างนี � ท่านทัง� หลายลองคิดพิจารณาดูให้ มันรู้ มันตระหนักถึงจิตถึงใจว่ามันเป็ นจริงอย่างนี �หรือไม่ เมือ� มันเป็ นจริง เป็ นสัจธรรมอย่างนี � สมควรแล้ วหรื อที�เราทังหลายจะต้ � องนําเอา ทุกข์เหล่านีม� าใส่ในจิตให้ มนั ทุกข์ระสํ�าระสายอีก เช่น บางคน เมื�อมีผิวหนังเหี�ยวย่น ด่างเป็ นริ ว� รอยเนื�องจากอายุมากขึ �น ก็มี อาการเสียอกเสียใจ หรื ออาจจะหงุดหงิด โกรธแค้ น หรื ออิจฉา ริ ษยาผู้อื�น หรื อบางคนที�บ้านของตนเองผุพังไปตามกาลเวลา ซึง� จะต้ องซ่อมแซม แล้ วเกิดเสียอกเสียใจ ทุกข์ใจก็คงไม่ถกู ต้ อง ของมันก็ต้องเสียไปตามสัจธรรมของมันอยู่แล้ ว ทําไมจะต้ อง นํามาให้ ใจเสียอีก ควรทําจิตให้ วางเฉยไปตามความเป็ นจริ งนัน� แล้ วคิดซ่อมแซมดัดแปลงแก้ ไขตกแต่งไปตามโลก ตามสังคม ไปตามบทบาท ก็ต้องให้ ใจมันตระหนักรู้ สักแต่มีสกั แต่ใช้ ไปตาม อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๘๑


สภาพดังกล่าว อย่าให้ ใจหลงไปเสียไป พวกเราทังหลายโดยเฉพาะ � นักปฏิบตั ธิ รรมควรอย่างยิ�งที�จะต้ องฝึ กจิตโดยใช้ สติ ให้ พิจารณา ทํ า แบบฝึ กหั ด บ่ อ ยๆ น้ อมจิ ต ดู ว่ า มี อ ะไร เริ� ม ตั ง� แต่ ตั ว เรา อวัย วะร่ า งกายเรา กายผู้ อื� น โดยเฉพาะผู้ ที� เ ป็ นที� รั ก และ วัตถุธาตุทงหลาย ั� ทีม� คี วามเกี�ยวข้ องกับตัวเรานี �รวมไปถึงลาภ ยศ สรรเสริ ญ สุข การติฉินนินทา ดุด่าว่ากล่าว คิดพิจารณาดูว่า สิ� ง ใ ด บ้ า ง ที� มั น มี อํ า น า จ ต่ อ จิ ต เ ร า ทํ า ใ ห้ เ กิ ด ทุ ก ข์ ความเศร้ าหมองบ้ าง เราต้ องพิ จารณาชี ใ� ห้ จิตมันรู้ ความจริ ง คอยตอกยํ า� ความจริ ง ลงไปอี ก เมื� อ จิ ต มัน รู้ มัน ตระหนัก ใน ความจริงดังกล่าวแล้ ว มันจะค่อยๆ วางเฉยไปเอง หรื อไม่อย่างนัน� ทุกท่านก็ต้องทําตนให้ มีปัญญารู้ในธรรมเหล่านี �และเตรี ยมพร้ อม เมื� อ มัน เกิ ด ทุก ข์ ขึน� ในจิ ต หรื อ กํ า ลัง จะเกิ ด ด้ ว ยเหตุทัง� หลาย เหล่านีใ� นชีวิตประจําวันของท่าน จะได้ รีบนําเอาธรรมะเหล่านี � มาปฏิบตั ิใช้ เตรี ยมให้ พร้ อม ใช้ ให้ มากจนสติมันถูกฝึ กให้ เกิด ความพร้ อมอยูเ่ สมอ ๒. ทุ ก ข์ ท� ีเ กิด จากกฎทุ ก ขั ง คือ ความทุกข์ ที�เกิ ดมา พร้ อมกับสรี ระร่ างกาย ได้ แก่ ความหิว ความร้ อน ความหนาว ต้ อ งกิ น ต้ อ งขับ ถ่ า ย การเล่ า เรี ย น การทํ า งานหาเงิ น ทอง มาเลี �ยงร่ างกาย ต้ องเมื�อย ต้ องเหนื�อย แก่งแย่งกันทํามาหากิน กว่าจะได้ เงินมาแต่ละบาทแต่ละสตางค์ ล้ วนทุกข์ยากลําบาก แค่นี �ยังไม่พอ ต้ องมีเสื �อผ้ า ที�อยูอ่ าศัย ปั จจัย ๔ ทังหลายทั � งปวง � จะนอนกลางดินกินกลางทรายก็ไม่ได้ ต้ องมีบ้านอยู่ มีรถยนต์ ๑๘๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ก็ สะดวกในการใช้ เดินทาง นอกจากนี ย� ังต้ องร้ อน ต้ องหนาว ต้ องเปี ยก ต้ องชื �น ต้ องกระทบกระทัง� อิจฉาริ ษยา ดุดา่ ว่ากล่าว ก่อให้ เกิดทุกข์ ต้ องเจ็บไข้ ได้ ป่วย เป็ นหวัด ไอ เปรี ยบเสมือนว่า ร่ างกายนีเ� ป็ นรั งของโรค โรคภัยไข้ เจ็บก่อเกิดขึน� ตรงนี � ตัวเรา เองก็เป็ น ตัวของผู้อื�นก็เป็ น ไม่มีใครหนีพ้น ล้ วนมีสภาพไม่ตา่ งกัน พิจารณาให้ จิตมันตระหนักรู้ ตามความเป็ นจริ ง เพราะสิ�งเหล่านี � มันเกิดขึ �นชนหูชนตาเราอยูท่ กุ วีว� นั เมือ� จิตมันยอมรับความเป็ นจริ ง เหล่ า นี ม� ากขึ น� แน่ ว แน่ มั�น คงขึ น� มัน ก็ ป ล่ อ ยวางได้ ทนได้ ทุกข์เหล่านี �มันก็ไม่เกิดเข้ าไปถึงจิต มันก็สกั แต่ทกุ ข์อยูเ่ พียงแค่กาย เท่านัน� ๓. ทุกข์ ท� ีเกิดจากอนั ตตา คือการสลายตัวไปในที�สดุ ความตายถื อ เป็ นสิ� ง สุ ด ท้ ายของชี วิ ต ทุ ก คนก็ ต้ องตาย เหมือนกันหมด วัตถุธาตุทงหลายที ั� �อยูป่ ระกอบกับขันธ์ ๕ สุดท้ าย ก็ต้องพังไปทังหมดไม่ � มอี ะไรเหลือ เพียงแต่จะพังเร็วหรือช้ าเท่านัน� ๔. ทุกข์ ท� ีเกิดจากผลกรรม กรรมที�ทกุ คนได้ กระทําไว้ ไม่ ว่ า ในชาติ ใ ด จะเจตนาหรื อ ไม่ เ จตนา จะรู้ หรื อ ไม่ ร้ ู ก็ ต าม แต่ล ะคนจะต้ อ งได้ รั บ ผลของกรรมนัน� กรรมเป็ นแดนเกิ ด กรรมเป็ นผู้ให้ อาศัย และกรรมเป็ นผู้ติดตาม ท่านทังหลาย � ลองพิจารณาเหตุการณ์ตา่ งๆ ทีไ� ด้ ผา่ นเข้ ามาให้ ทกุ ข์เกิดขึ �นในชีวติ ของท่าน หรื อชีวติ ของผู้อื�นที�เป็ นตัวอย่างให้ ทา่ นเห็นอย่างแจ่มชัด มัน เข้ ามาอย่ า งยากที� ท่ า นจะหาสาเหตุไ ด้ หรื อ เป็ นเหตุผ ล ที�ไม่เหมาะสม ซึง� เกินความสามารถที�จะป้องกันได้ เรื� องของกรรม อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๘๓


เป็ นเรื�องทีล� ะเอียดอ่อน ค่อนข้ างยากทีจ� ะเข้ าใจได้ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ าปฏิบตั ิตามคําสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ าแล้ ว ก็จะพิสูจน์ ได้ เอง เพราะพระธรรมคําสัง� สอนของพระพุทธองค์ เป็ นเรื� อ งของเหตุผ ล สามารถพิ สูจ น์ ไ ด้ ผู้พิ สูจ น์ ต้ อ งเรี ย นรู้ ทางทฤษฎี แล้ วนํามาปฏิบตั ิ ผลจึงจะเกิด พยายามฝึ กหัดน้ อมเอา ความรู้ ตามความเป็ นจริ ง ในเรื� อ งของกรรมนี ม� าใช้ มาฝึ ก ให้ เกิดปั ญญา เพื�อนําไปใช้ คลีค� ลายทุกข์ที�มนั เกิดจากวิบากกรรม ที�ตามมายํ�ายี และพิจารณาให้ เกิดปั ญญามากขึ �นที�จะหนีกรรม เบื�อหน่ายในกรรม เบื�อหน่ายในการเวียนว่ายตายเกิดที�จะต้ องมา รับกรรม ๕. ทุ ก ข์ ท� ี เ กิ ด จากความไม่ ร้ ู จริ ง ในกฎไตรลั ก ษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และเรื�องของกรรมดังกล่าวมาแล้ วในข้ อต้ นๆ อีกทังไม่ � ตระหนักรู้ ให้ ถึงจิต เมื�อขาดธรรมะเหล่านีแ� ล้ ว รวมทัง� การที�จิตมีความคุ้นเคยในความหลงเข้ าไปยึดเกาะในตัวตน และ สิง� ทังหลายที � ป� ระกอบตัวตนนี โดยแยกกั � นไม่ออก ทําให้ หลายท่าน นําเอาผลทีเ� กิดไปใส่จติ ทําจิตให้ เกิดทุกข์ เศร้ าหมองด้ วยความกลัว ความโกรธ ความเกลี ย ด อาฆาต พยาบาท ความเสี ย ใจ ความน้ อยเนื �อตํ�าใจ ความอิจฉาริ ษยา ความมีมานะทิฐิ หรื ออื�นๆ ที�ทําให้ เกิดความระสํ�าระสายเพิ�มขึ �นไปอีก ทังๆ � ที�ทกุ ข์พื �นฐาน มั น ต้ องเกิ ด กั บ กายอยู่ แ ล้ ว ยกตั ว อย่ า งบางท่ า นเกิ ด ทุ ก ข์ จากการเสี ย ของรั ก อั น เนื� อ งมาจากกรรมที� ต นได้ กระทํ า ไว้ แต่เนื�องด้ วยความไม่ร้ ู ก็ได้ เอาความทุกข์จากการเสียดายของนี � ๑๘๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ไปใส่ใจให้ ใจเกิดทุกข์ ระสํ�าระสายไปอีกอย่างนีเ� ป็ นต้ น ดังนัน� ขอให้ ทกุ ๆ ท่านได้ เรี ยนรู้ฝึกหัดในเรื� องสําคัญอย่างนี �เถิด เพื�อกาย เพื�อจิต เพื�อชีวิตที�เกิดมาในชาตินี �อย่างมีประโยชน์ กายของท่าน ท่านยังทุม่ เทบํารุงบําเรอมันได้ อย่างสุดชีวิต ทังๆ � ที�ความจริ งแล้ ว มันยังสําคัญน้ อยกว่าจิต อาศัยมันได้ เพียงชัว� คราว ชัว� ระยะหนึง� เท่านัน� ทุกข์ ท� เี กิดขึน� ในชีวติ คือ แบบฝึ กหัดจิตในภาคสนาม การที�ทา่ นทังหลายได้ � เกิดมาเป็ นมนุษย์ ไม่วา่ จะเป็ นหญิง ชาย พระ เณร เถร ชี คนจน คนรวย เจ้ าฟ้า พระมหากษัตริ ย์ก็ตาม ถือได้ ว่าเป็ นผู้มีบญ ุ กุศลสามารถมาเกิดในดินแดนที�เป็ น สุขภูมิ ทุกคนต้ องมีความดี จะต่างกันก็ตรงที�มีมากหรื อน้ อยเท่านันเอง � แต่สิ�งที�เหมือนกันที�ต้องเกิ ดกับทุกคนก็คือ ความทุกข์ พืน� ฐาน ดังนัน� ถ้ าคิดในแง่นี �แล้ ว การที�ได้ เกิดมาเป็ นมนุษย์นี �ไม่ได้ เลอเลิศ ประเสริ ฐ ศรี อ ะไรเลย โดยเฉพาะยิ� ง เกิ ด มาแล้ ว ไม่ร้ ู สัจ ธรรม ความเป็ นจริงของกายและจิต แล้ วไปหลงเกาะยึดมัน� ถือมัน� ในกาย แล้ วไปทําร้ ายจิต ข้ ามภพข้ ามชาติ ก็เลยทําให้ ต้องมีเชือ� กิเลส ตัณ หา อุป าทาน สัง โยชน์ ๑๐ ต้ อ งเวี ย นว่า ยตายเกิ ด อยู่ใ น วัฏสงสารแห่งนี � ดัง นัน� ทุก ท่ า นควรจะศึ ก ษาให้ ร้ ู ในเรื� อ งนี � ให้ ร้ ู สภาพ ความเป็ นจริ งว่าเกิ ดมาเพื� ออะไรในแก่ นของพระพุทธศาสนา นั�น คื อ การทํ า ความดี การเว้ น จากความชั�ว และการทํ า จิ ต ให้ ผ่องแผ้ ว ทุกคนทุกท่านที�เกิดมา แต่ละคนล้ วนต้ องรับภาระ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๘๕


ทัง� กายและจิต ไม่ใช่มีเพียงแต่กายอย่างเดียวเท่านัน� ที�จะต้ อง ทุม่ เทให้ ทุม่ เทไปมากเท่าใดก็ตาม สุดท้ ายก็ต้องพังสลาย ล้ มตาย โมฆะไปทังหมด � อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็ นไปตามความทุกข์ พื �นฐานของมัน มีแต่จิต เหลือเพียงแต่จิตเท่านันที � �มนั เกิดดับไป ตามกระบวนธรรมของมัน เวียนว่ายตายเกิดไปไม่จบสิ �น สิ�งใด ที�ได้ กระทําแล้ วปลูกฝั งลงในจิตก็จะติดจิตไปตลอด ไม่วา่ จะเป็ น บาป บุญ คุณ โทษ จริ ต นิสยั พรสวรรค์ หรื อกรรมทัง� หลาย เหล่านัน� ดังนัน� องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า พระพุทธองค์ ทรงสอนให้ เราทังหลายมุ � ง่ เอาใจใส่จิต ฝึ กอบรม บ่มนิสยั ปั ดเป่ า ความเศร้ าหมองของจิต ความหงุดหงิด ความน้ อยอกน้ อยใจ ความโกรธ ความเกลียดชัง ความอาฆาตพยาบาท ความเศร้ าซึม ความอิจฉาริ ษยา ความโลภ ความหลง ฯลฯ สิง� เหล่านี �ล้ วนทําให้ จิตเศร้ าหมองทังสิ � �น วิธีท� จี ะฝึ กฝนอบรมจิตนัน� สามารถปฏิบตั ไิ ด้ ดงั นี � :๑. ปฏิบตั สิ มาธิ ให้ จิตนิ�ง จิตสงบ จิตมีกําลัง โดยสามารถ ปฏิบตั ิได้ หลายวิธี สําหรับฆราวาสควรจะเข้ าใจในวิธีการ และ หาอุบายที�จะปฏิบตั ิให้ เกิดผล ซึง� อาจจะแตกต่างกับการปฏิบตั ิ ของพระภิกษุ เนื�องจากการดําเนินชีวิตประจําวันแตกต่างกัน ๒. ปฏิ บั ติ วิ ปั สสนา การวิ ปั ส สนา คื อ การพิ จ ารณา ในข้ อธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า ดังได้ กล่าวไปแล้ ว ในเบื �องต้ น ผู้ปฏิบตั จิ ะต้ องรู้ในเรื�องความทุกข์พื �นฐานทีจ� ะต้ องเกิด กับคนทุกคน รู้กฎไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ฝึ กหัด ๑๘๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ให้ ถงึ จิต ให้ จติ ตระหนักยอมรับเหตุผลตามความเป็ นจริง พิจารณา ให้ เห็น ความสําคัญของจิตมากกว่ าความสําคัญของกาย ฝึ กให้ ชินกับการหมั�นดูจิตของตนว่า ขณะนัน� มีอาการอย่างไร ปรุงแต่งอะไร แส่สา่ ย ฟุ้งซ่าน หรื ออยูใ่ นอาการโกรธ ดีใจ เสียใจ เมื�อฝึ กตนเองให้ รับรู้ อยู่กับอาการของจิต ก็จะเป็ นประโยชน์ อย่างยิ�งที�จะได้ ควบคุม และอบรมสัง� สอนจิตด้ วยข้ อธรรมะของ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า ฝึ กหัดให้ ร้ ู และยอมรับในสิ�งที� เป็ นความจริ ง เป็ นสัจธรรมที�มันมีอยู่ในชีวิตประจําวันของเรา ให้ มาก สิ�งใดมันเกินความเป็ นจริ งที�เราได้ ใช้ มันผิดๆ มาก่อน ไม่ว่า จะมาจากการสมมุติ ข องโลก หรื อ มาจากกิ เ ลส ตัณ หา อุป าทาน จิ ต มัน จะค่ อ ยๆ แยกออก แบ่ ง โลกแบ่ ง ธรรมออก แล้ วอุ เ บกขาวางเฉยไปตามความจริ ง นั น� จิ ต มั น จะค่ อ ยๆ คลายออกจากความหวัน� ไหว ร้ อนรน หรือทุกข์ร้อนเกินความเป็ นจริง เพราะว่าจิตมันได้ ร้ ูมาแล้ ว จะร้ องห่มร้ องไห้ ตีอกชกตน หรื อดีอก ดีใจอะไรก็ตาม จิตมันก็ร้ ูแล้ วว่า สิง� เหล่านันมั � นก็ต้องเกิดต้ องมีไป ตามความเป็ นจริ งของมันอย่างนัน� พิจารณาบ่อยๆ แล้ วจิตมันก็ จะค่อ ยๆ ชิ น แล้ ว เปลี� ย นไปเป็ นอุเ บกขาในที� สุด ความทุก ข์ ที�จะเกิดในจิตมันจะลดน้ อยลงไป แล้ วจิตมันก็จะทนได้ รับได้ จากนัน� เมื�อจิตมันรู้ ในทุกข์ แล้ ว มันก็จะเกิดปั ญญาอีกขัน� หนึ�ง ที�ทําให้ เรานักปฏิบตั ิทงหลายเบื ั� �อหน่ายในทุกข์ เบื�อหน่ายในการ เวียนว่ายตายเกิด เกิดปั ญญาให้ เห็นถึงความไม่เที�ยงของสิง� ต่างๆ ในโลกนี � เกิ ดปั ญญาให้ มองหาหนทางที� จะไปให้ พ้นจากทุกข์ ในการเวียนว่ายตายเกิดเหล่านี � มุ่งศึกษาปฏิบตั ิตามพระธรรม อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๘๗


คําสัง� สอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า ปฏิบตั ิทาน ศีล ภาวนา วิปัสสนา มีวิริยะ อุตสาหะ อดทน มีเป้าหมายในชีวิต กําหนดการปฏิบตั ิข้อธรรมเหล่านี � เป็ นภาระในชีวิต ปฏิบตั ิภาระ ทางโลกเพือ� เลี �ยงกายไปตามสมมุติ ไปตามบทบาท และมุง่ รักษาจิต อบรมจิ ต ปั ดเป่ าความเศร้ าหมองของจิ ตควบคู่กันไป ดังนัน� ความทุกข์อย่างที�เกิดขึ �นมาแล้ วนี �และที�ยงั ไม่เกิด ไม่วา่ จะเกิดกับ ตัวเรา หรือผู้อนื� เป็ นตัวอย่างให้ เห็น ล้ วนเป็ นแบบฝึ กหัดภาคสนาม ให้ เรานักปฏิบตั ทิ งหลาย ั� ได้ ฝึกหัดได้ ลิ �มชิมรส ได้ เกิดความตระหนักรู้ แล้ วนําไปใช้ ในการอบรมจิต เป็ นข้ อทดสอบจิต นักปฏิบตั คิ วรหมัน� นําเอาเหตุการณ์ทกี� อ่ ให้ เกิดความทุกข์นี มาพิ � จารณาแล้ วสรุปด้ วย ข้ อธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ าหลายๆ ครัง� จนให้ รสชาติ มัน จื ด ชื ด ก่ อ น ถึ ง ค่ อ ยปล่ อ ยมัน ทิ ง� ไป และเมื� อ ใดที� แบบฝึ กหัดเหล่านี �หวนกลับมาอีก จะด้ วยวิธีใดก็ตาม ก็ควรจะ พิจารณามันซํา� อีก พิจารณาแยกให้ เห็นถึงความทุกข์ พืน� ฐาน ที� มากับกาย ที� เป็ นขันธ์ ๕ นี � ความทุกข์ ที�มาจากวิบากกรรม ที�ได้ กระทําไว้ ในอดีตและชีวิตปั จจุบนั ซึ�งในเรื� องนีค� ่อนข้ างจะ ดูยากสักหน่อย แต่อย่างไรก็พอที�จะรู้ได้ และความทุกข์ที�เกิดจาก กิเลส ตัณหา อุปาทาน ความไม่ร้ ูของตัวเราเอง สุ ด ท้ ายหมั� น นึ ก แผ่ เ มตตา เจริ ญพรหมวิ ห าร ๔ สร้ างความเมตตา กรุ ณา มุทิตา และอุเบกขาขึ �นในจิต ให้ จิตที� มันแข็งกร้ าวด้ วยความเกลียด ความโกรธ ความมีทิฐิ ความอิจฉา ริ ษยา และอื�นๆ ค่อยๆ คลายหมดไป ๑๘๘ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๒. อุบายในการทําสมาธิให้ เกิดผล สําหรั บฆราวาส การทําสมาธิ คือ การทําให้ จติ เป็ นหนึง� ซึง� ในภาคปฏิบตั แิ ล้ว ก็มกั จะเอาจิตไปเกาะไว้ กบั สิง� ใดสิง� หนึง� ทีเ� ป็ นหลักของวิธีทาํ สมาธิ ในกองนันๆ � เช่น เอาจิตเกาะไว้ กบั ลมหายใจเข้ า - ออก เอาจิต เกาะไว้ กบั คําบริ กรรม พุทโธ หรื อสัมมาอะระหัง เอาจิตเกาะไว้ กบั ภาพองค์พระ หรื ออื�นๆ ซึง� พระพุทธเจ้ าได้ ทรงสอนไว้ มี ๔๐ วิธี ด้ ว ยกัน ดัง นัน� วิ ธี ทํ า สมาธิ ที� มี ใ นโลกนี � ไม่ว่า กลุ่ม ใด สายใด ศาสนาใด ล้ ว นแล้ ว แต่ถูก ต้ อ งทัง� สิน� เป้ าหมายคื อ ทํ า ให้ จิ ต เป็ นหนึง� จากข้ อความดังกล่าว ถ้ ายามใดขณะใดที�ทา่ นได้ กําหนด เพื� อ ทํ า ให้ จิ ต เป็ นหนึ� ง จะทํ า ได้ น านหรื อ ไม่ น าน ก็ ถื อ ว่ า เรา ได้ พยายามทําสมาธิและฝึ กสติแล้ ว ส่วนท่าทางร่างกายนันไม่ � เกีย� ว เป็ นส่วนประกอบเท่านัน� ไม่ได้ หมายความว่าการนั�งเท้ าขวา ทับเท้ าซ้ าย มือขวาทับมือซ้ าย วางกายให้ ตรง หลับตาเบาๆ เท่านัน� ที� จ ะเรี ยกว่ า การทํ า สมาธิ แต่ นี� เ ป็ นเพี ย งการทํ า สมาธิ ในท่ามาตรฐานเท่านัน� เพื�อเป็ นอุบายในการทําสมาธิ ให้ ได้ ผล โดยเฉพาะฆราวาส ซึ�ง ในชี วิ ต ประจํ า วัน มี อุป สรรคมาก จึ ง ขอแนะนําดังต่อไปนี � :๑. ประโยชน์ ของการทําสมาธิ ตังแต่ � ประโยชน์เบื �องต้ น จนถึงประโยชน์สงู สุดของการทําสมาธินนั � มีประโยชน์ทงทางโลก ั� และทางธรรม เป็ นบุญกุศลอย่างหนึง� เป็ นการทําให้ จิตสงบ ทําให้ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๘๙


จิตมีกําลังเพือ� ทีจ� ะนําไปใช้ งานทางโลกและทางธรรม การทําสมาธิ ช่วยให้ ผ้ ูทําสามารถเป็ นเทวดา เป็ นพรหม และสิ�งที�สําคัญคือ เพื� อเป็ นฐานในการวิ ปั ส สนาตัดกิ เลส ตัณหา อุปาทาน เป็ น พระโสดาบัน พระสกิ ทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ พ้ น ทุก ข์ ใ นการเวี ย นว่า ยตายเกิ ด จากวัฏ สงสารนี � นอกจากนี � ประโยชน์ในการทําสมาธิยงั มีในรายละเอียดอีกมากมาย ขอให้ ผู้ทกี� าํ ลังจะฝึ กมีความพอใจอยากจะทดลอง ไม่มจี ติ ต่อต้ านเท่านัน� ๒. มีความรู้บ้างเกี�ยวกับการทําสมาธิ หรื ออาจจะทําไป เรี ย นรู้ ไปก็ ไ ด้ เพื� อ เป็ นแนวทางการปฏิ บัติ เช่น รู้ เกี� ยวกับขัน� ของสมาธิ ปี ติ เป็ นต้ น เพราะสิง� เหล่านี �จะต้ องเกิดกับตัวท่านเอง จะได้ ร้ ูและปฏิบตั ถิ กู ๓. รู้ นิวรณ์ ๕ ซึง� เป็ นตัวคอยขัดขวางจิตไม่ให้ เป็ นสมาธิ ได้ แก่ ๓.๑ ความลังเลสงสัย ความไม่พอใจในการทําสมาธิ นิวรณ์ ตัวนี � ท่านสามารถแก้ ไขด้ วยการเรี ยนรู้ ประโยชน์ของการทําสมาธิ แล้ วสร้ างความพอใจ ให้ เกิดขึ �น แม้ วา่ จะมีแค่เพียงว่า อยากจะลองฝึ กดู หรื อ อยากจะลองทํ า เพื� อ ประโยชน์ ใ นด้ า นใด ด้ านหนึง� ก็ตาม แต่จะดีมากขึ �น ถ้ ามีความศรัทธา มีความเคารพนบนอบในองค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้ า พระธรรม และพระอริ ยสงฆ์ ๑๙๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๓.๒ ความหงุดหงิด ความโกรธ อาฆาต พยาบาท การแก้ นวิ รณ์ตวั นี �ก็เพียงแค่พยายามกันอย่าให้ มี ความหงุดหงิด โกรธ อาฆาต พยาบาทเข้ ามายุง่ ในขณะทําสมาธิเท่านัน� ๓.๓ ความหลงในกามคุณ รูป รส กลิน� เสียง สัมผัส เช่นเดี ยวกัน ในการแก้ นิวรณ์ ตัวนี � ก็ เพี ยงแค่ ขณะทําสมาธิ อย่าให้ อารมณ์เหล่านี �เข้ ามากวน เช่น นึกอยากกินอาหารอร่อยๆ ในขณะทําสมาธิ ๓.๔ ความง่ ว งเหงาหาวนอน วิ ธี แ ก้ นิ ว รณ์ ตัว นี � ก็เพียงแต่ อย่าให้ งว่ งนอนขณะทําสมาธิ อาจจะ เลือกเวลาทําให้ เหมาะสม ถ้ ายังง่วงอยูก่ ็อาจจะ จ้ องดูแสงไฟสว่างๆ สักครู่ หรื อล้ างหน้ า หรื อ ออกไปเดิ น จงกรม หรื อ ถ้ า ไม่ ไ หวจริ ง ๆ ด้ ว ย สภาพร่ า งกาย ก็ น อนหลับ ให้ อิ� ม แล้ ว ค่อ ยตื� น ขึ �นมาทําใหม่ ๓.๕ ความฟุ้งซ่ าน การแก้ นิวรณ์ตวั นี �ก็คือ พยายาม ให้ จิตอยูก่ บั กองสมาธิที�ทา่ นทําอยู่ มีสติเตือนให้ จิ ต ทํ า งานของมัน อยู่อ ย่ า งนัน� ให้ เ วลาแก่ จิ ต มีความอดทน ค่อยเป็ นค่อยไปอย่าพึง� ท้ อเลิกทํา ไปเสียก่อน เมื�อทราบว่านิวรณ์ ๕ ดังกล่าวมานี � เป็ นสิ�งกัน� ขวางจิต ไม่ใ ห้ เ ป็ นสมาธิ ผู้ป ฏิ บัติ ก็ ค วรพยายามให้ ร้ ู ทัน มัน พยายาม ประคับประคองจิต อย่าให้ สงิ� เหล่านี �เข้ ามายุง่ กับจิตขณะทําสมาธิ

อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๙๑


เมื�อมันแทรกเข้ ามาก็พยายามผลักดันมันออกไป หรื อหาอุบาย ขจัดออกไป ทําไปฝึ กไปบ่อยๆ ก็จะเกิดความเคยชินเป็ นนิสยั สามารถควบคุมได้ เอง ๔. รู้ อทิ ธิบาท ๔ ซึง� เป็ นธรรมะที�ชว่ ยให้ การทํางานสําเร็จ มีดงั นี � :๔.๑ ความพึงพอใจในการทําสมาธิ-วิปัสสนา สามารถ ส ร้ า ง ขึ น� โ ด ย ก า ร เ ล็ ง เ ห็ น ป ร ะ โ ย ช น์ ข อ ง การทําสมาธิ-วิปัสสนา ความต้ องการที�จะเรี ยนรู้ ฝึ กหัดเป็ นต้ น ๔.๒ มีความขยันหมัน� เพียรในการทําสมาธิ-วิปัสสนา ผู้ปฏิบตั คิ วรหาวิธีที�จะทําให้ ขยันในการปฏิบตั ิ ๔.๓ มีความจดจ่อเอาใจใส่ในเรื� องสมาธิ-วิปัสสนา ๔.๔ มีการทดสอบ วัดผล ประเมินผลเพื�อปรั บปรุ ง แก้ ไข หรื อส่งเสริ มในการปฏิบตั ิ ๕. ใช้ อนุ สติ เข้ าช่วยโดยเฉพาะ พุทธานุ สติ หมายถึง การหมัน� ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า เช่น ก่อนการ ปฏิบตั สิ มาธิ-วิปัสสนา ก่อนแผ่เมตตา หรือก่อนการถวายทานต่างๆ ตั ว อย่ า งเช่ น ขอบารมี อ งค์ ส มเด็ จ พระสั ม มาสั ม พุ ท ธเจ้ า ทุกๆ พระองค์และพระอริ ยสงฆ์ทงหลาย ั� ขอได้ โปรดอนุโมทนา ให้ เกิดเป็ นบุญกุศลในการทําทานของลูกในครัง� นี �ด้ วยเทอญ ฯลฯ ๖. หาอุบาย ต่างๆ ที�จะเป็ นการเตือนสติให้ กําหนดจิต ทําสมาธิบอ่ ยๆ ๑๙๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๖.๑ จัดการทําสมาธิเข้ าไว้ ในตารางชีวิต ให้ เป็ นภาระ ที� จ ะต้ องบํ า รุ งจิ ต อบรมบ่ ม นิ สั ย ปั ดเป่ า ความเศร้ าหมองของจิต ไม่ใช่บํารุ งแต่ร่างกาย อย่างเดียว ภาระของขันธ์ ๕ ทีเ� กิดมานี �มี ๒ อย่าง คือ กาย กับ จิ ต กายนัน� ทุกคนต้ องเอาใจใส่ อยูแ่ ล้ ว ไม่ได้ กินมันก็หิว กายมันเรี ยกร้ องอยูแ่ ล้ ว ตืน� นอนก็ต้องล้ างหน้ าแปรงฟั น เสื �อผ้ า ทีอ� ยูอ่ าศัย ปั จจัย ๔ ทุกอย่างล้ วนทุม่ เทให้ แก่กาย ซึง� สุดท้ าย ก็ ต้ องตายทิ ง� ไป ทุ ก อย่ า งก็ โ มฆะไปหมด เหลื อ แต่ จิ ต ที� เ กิ ด -ดั บ แปรเปลี� ย นไปตาม กระบวนธรรมของมัน เก็บเอาบาป บุญ คุณ โทษ จริ ต นิ สั ย ความเศร้ าหมอง ความผ่ อ งใส ผสมผสานกันไปแต่ละภพแต่ละชาติ ๖.๒ แผ่ เ มตตาเป็ นประจํ า และบ่ อ ยๆ เพราะ ผลประโยชน์ ที�ได้ จากการแผ่เมตตามีมากมาย ตามที�กล่าวไว้ ในเรื� องนีโ� ดยตรง แต่อุบายข้ อนี � การแผ่เมตตาบ่อยๆ ก็ต้องทําสมาธิบอ่ ยๆ เป็ นการ บังคับไปในตัว ๖.๓ ใช้ อนุสติบอ่ ยๆ เช่น ก่อนจะทํากิจใดๆ ที�เกี�ยวกับ สมาธิ-วิปัสสนาก็อธิษฐานขอบารมีกอ่ น เป็ นการ ให้ จิ ต จดจ่ อ อยู่ กั บ พุ ท ธานุ ส ติ ธรรมานุ ส ติ สังฆานุสติ หรื อเทวตานุสติ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๙๓


๖.๔ ตัง� สัจจะเพื�อบังคับสติ ตัวอย่างเช่น ขอบารมี ครู บ าอาจารย์ ทัง� หลาย ขอให้ ลูก นี ส� ามารถ ระลึกรู้ได้ วา่ ในช่วงเวลากลางวันตังแต่ � ไปทํางาน และจนถึงเวลากลับบ้ านจะต้ องกําหนดทําสมาธิ ให้ ไ ด้ ไ ม่ ตํ� า กว่ า ๑๐ ครั ง� เริ� ม ตัง� แต่ เ ดิ น ทาง ไปทํางาน ก็ให้ ระลึกรู้กาํ หนดจิตทําสมาธิ จะทําได้ นานหรื อสันอย่ � างไรก็ตามก็สามารถนับได้ ๑ ครัง� และพยายามทําให้ ครบ เพราะอาศัยการตังสั � จจะ มาบังคับเตือนสติ ทําอย่างนี �ทุกๆ วัน หรื อบางวัน อาจจะทํ า ได้ มากกว่ า นี � ปฏิ บั ติ เ ช่ น นี ไ� ปสั ก ๑ สัปดาห์ก็จะเคยชิน และต่อไปอาจจะไม่จําเป็ น ต้ องตังสั � จจะ (ตังสั � จจะแล้ วต้ องทําให้ ได้ มิฉะนัน� จะมีผลเสีย) ๖.๕ จับกลุม่ คุยแลกเปลีย� นความรู้ในการปฏิบตั ธิ รรม ในแต่ละวัน แม้ จะอยูใ่ นทีท� าํ งาน ใช้ เวลาว่างเล็กๆ น้ อยๆ ตามความเหมาะสมสนทนาธรรมกันบ้ าง เพื� อ เป็ นการกระตุ้น จิ ต ให้ ใ ส่ ใ จในการปฏิ บัติ อีกทังยั � งเป็ นกําลังใจให้ แก่กนั และกัน ๖.๖ ผู้ปฏิบตั ิที�ได้ ปฏิบตั ิมาแล้ ว ควรทําความเข้ าใจ กับการทําสมาธิดงั นี � ๖.๖.๑ การทํ า สมาธิ ใ นช่ ว งแรก เป็ นการ พยายามทํ า สมาธิ เ พื� อ ล่ อ จิ ต ให้ ส งบ ๑๙๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ให้ รวมให้ เป็ นสมาธิ เช่น อยู่ในที�สงัด จั ด ความพร้ อมของสภาพร่ า งกาย สถานที�นงั� สบาย หรื อหาวิธีการอื�นๆ ๖.๖.๒ การทํ า สมาธิ ใ นช่ ว งที� ๒ เป็ นช่ ว งที� ทํ า สมาธิ เ พื� อ ให้ เกิ ด ความชํ า นาญ การปฏิบตั ิในช่วงนี �มักจะมีตวั แปรหรื อ อุปสรรคต่างๆ เข้ ามาก่อกวนจิต เช่น มี เ รื� อ ง ร า ว ต่ า ง ๆ ม า ร บ ก ว น จิ ต สภาพร่ างกายเจ็บป่ วย เสียงดัง หรื อ อื� น ๆ การทํ า สมาธิ ใ นช่ ว งนี � สมาธิ จะทําได้ ไม่ดีเหมือนช่วงแรก ผู้ปฏิบตั ิ ต้ องมีความเข้ าใจและอดทน ทําสมาธิ ต่ อ ต้ านสิ� ง ที� เ ป็ นอุ ป สรรคเหล่ า นี � โดยพยายามหาอุ บ ายเฉพาะตัว มา แก้ ปั ญหาให้ จิ ต เป็ นสมาธิ ม ากที� สุ ด ข้ อสําคัญคือ ต้ องอดทนทําสมาธิตอ่ ไป อย่าหยุดทํา ต้ องให้ เวลาแก่จติ ทําต่อไป จิตก็จะชินกับสภาพอุปสรรคและก็จะ สามารถทํ าสมาธิ ได้ ดี ผู้ปฏิบัติสมาธิ ก็จะเกิดความชํานาญในการทําสมาธิ มากขึ �น อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๙๕


๗. ควรฝึ กสติ โดยตรงเพื�อช่วยสมาธิ มีวิธีดงั นี � ๗.๑ ฝึ กเดินจงกรม โดยกํ าหนดสติระลึกรู้ ให้ อยู่กับ อาการเคลื� อ นไหว โดยเฉพาะก้ าวเท้ าซ้ าย ก้ าวเท้ าขวา อาการหยุด อาการหมุนตัว กลับหลัง ฯลฯ ๗.๒ กําหนดรู้ตามอาการเคลือ� นไหวต่างๆ ให้ มากทีส� ดุ เช่น ขณะกินอาหาร ขณะทํางาน ๗.๓ กํ า หนดรู้ ตามจิ ต เช่ น ขณะนี จ� ิ ต มัน คิ ด อะไร มันแส่สา่ ยไปไหน มันปรุงแต่งอะไร การฝึ กสติ ควรหมัน� ทําอย่าเพิง� ย่อท้ อ ผลจะเกิดขึ �นไปเรื�อยๆ ผู้ปฏิบตั ิจะสามารถทราบได้ ขอให้ มีความเพียรอย่างเพียงพอ อย่างไรก็ตาม การทําสมาธิแบบสันๆ � แต่บอ่ ยๆ ในภาคกลางวัน จะช่วยในการทําสมาธิ ให้ เกิ ดผลดีสําหรั บฆราวาส จะช่วยแก้ ปั ญหาในข้ ออ้ างที�วา่ ไม่มีเวลาทําสมาธิ ตลอดเวลาจิตไม่วา่ งเลย หรื อไม่มีเวลาที�จะทําให้ นิ�ง ทําให้ สงบ ทําให้ เป็ นหนึง� เลยย่อมเป็ น ไปไม่ได้ อีกทังการเสี � ยเวลาไปให้ แก่จิตในการปรุ งแต่งแส่สา่ ยใน เรื� องที�เป็ นโทษ ไม่เป็ นประโยชน์ ก็เสียเวลาไปกับสิ�งเหล่านี �มา มากมายแล้ ว ดังนันควรจะหาสิ � ง� ที�เป็ นประโยชน์ให้ แก่จิตจะดีกว่า

๑๙๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๓. การแผ่ เมตตา และความสําคัญในการแผ่ เมตตา การแผ่เมตตา คือ การน้ อมนึกแผ่บุญกุศลต่างๆ ที�เรา ได้ กระทํามาแล้ ว อาจจะเป็ นครัง� ใดครัง� หนึ�ง หรื อบุญกุศลจาก ทุกภพทุกชาติ ซึง� แล้ วแต่เจตนาของผู้แผ่ ให้ ไปยังเจ้ ากรรมนายเวร หรื อภูตผีปีศาจทัง� หลาย หรื อญาติที�ล่วงลับไปแล้ ว หรื อสิ�งใด สิ� ง หนึ� ง ที� อ ยู่ ใ นสภาพที� จ ะรั บ บุ ญ จากเราได้ การแผ่ เ มตตา มีจดุ ประสงค์เหมือนกับการกรวดนํ �า แต่นกั ปฏิบตั ิจะนิยมใช้ การ แผ่เมตตามากกว่า ประโยชน์ที�ได้ จากการแผ่เมตตามีดงั นี � :๑. เพื� อ เป็ นการฝึ กหัด จิ ต ให้ ค ลายความแข็ ง กร้ าวจาก ความเกลียด โกรธ อาฆาต พยาบาท อิจฉาริ ษยา มานะทิฐิ ความโลภ และตระหนี�ถี�เหนียว ให้ คอ่ ยๆ เกิดความเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา เข้ ามาแทน การแผ่เมตตาเป็ นการเจริ ญ พรหมวิหาร ๔ เป็ นทังสมาธิ � และวิปัสสนาได้ ดี ก็สามารถแผ่เมตตา ให้ เกิดผลได้ ดีด้วย ๒. เพื�อเป็ นการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ไม่วา่ บุญกุศลที�ได้ จะเกิดจากการทําทาน รักษาศีลและสมาธิ วิปัสสนา ที�ได้ กระทํา มาแล้ ว แผ่ ไ ปยัง โอปาติ ก ะ หรื อ สิ� ง ที� เ ป็ นทิ พ ย์ ทัง� หลาย เพื� อ สงเคราะห์ เกื อ� กูลกัน หรื อเพื�อทดแทนสํานึกผิด เป็ นเจ้ ากรรม นายเวรกันมา สิ�งเหล่านีม� องด้ วยตาเนือ� ไม่เห็น แต่องค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ าทรงกล่าวไว้ อย่างชัดเจน ให้ มีการอุทิศ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๙๗


ส่ว นกุศ ลเพราะเพื� อ นร่ ว มโลกของเราไม่ ใ ช่ มี แ ต่สิ� ง ที� ม องเห็ น ด้ วยตาเนื �อ คือ มนุษย์และสัตว์เดรัจฉานเท่านัน� ยังมีพรหม เทวดา อสุรกาย เปรตและสัตว์นรกอีกด้ วย ที�ได้ ร่วมทุกข์ในการเวียนว่าย ตายเกิ ด ในวัฏ สงสารแห่ ง นี ด� ้ ว ยกั น ยิ� ง เรามี ก ารสงเคราะห์ มากเท่าไร บุญกุศลก็เกิดขึ �นกับเรามากขึ �นเท่านัน� ส่วนผลที�จะ เกิ ดขึน� แก่สิ�งทัง� หลายเหล่านี � มากน้ อยเพี ยงไร ขึน� อยู่กับเหตุ และผลอันควร สิง� เหล่านี �ไม่ได้ เป็ นสิง� ที�งมงายไร้ สาระ แต่เป็ นสิง� ที� เป็ นจริ ง ผู้ปฏิบตั จิ ริ งย่อมรู้เองเห็นเอง การแผ่ เมตตามี ๒ สภาพ ได้ แก่ ... ๑. แผ่ เมตตาแบบครอบจักรวาล เป็ นการแผ่คลุมทัว� ไป ไม่เฉพาะเจาะจงไปให้ ใครคนใดคนหนึง� เป็ นการเจริญพรหมวิหาร ๔ ให้ เกิดขึ �นต่อเพือ� นร่วมจักรวาลทุกๆ ภพภูมิ ส่วนมากแล้ วนักปฏิบตั ิ จะทําการแผ่เมตตาหลังจากการทําสมาธิ วิปัสสนา การแผ่เมตตา จะใช้ ภาษาบาลีหรื อภาษาไทยก็ได้ แต่โดยทัว� ไปแล้ วถ้ าใช้ ภาษา ไทย ผู้แผ่จะมีความเข้ าใจ และมีจิตตระหนักในข้ อความมากกว่า ตัวอย่างข้ อความการแผ่เมตตาที�กลุม่ ปฏิบตั ธิ รรมใช้ มีดงั นี � :สาธุ . .. ขอบารมี อ งค์ ส มเด็ จ พระสั ม มาสั ม พุ ท ธเจ้ า ทุกๆ พระองค์และเบื �องบนทังหลาย � ขอได้ โปรดให้ การแผ่เมตตา ของลูกนี �เกิดผล... บุญกุศลทังหลายที � �ข้าพเจ้ าได้ สร้ างมาทุกภพ ทุกชาติ รวมทัง� ที� ได้ ก ระทํ า ในครั ง� นี � (ระบุการทํ าบุญที� ได้ ทํา) ข้ า พเจ้ า ขออุทิ ศ ส่ ว นบุญ กุศ ลทัง� หมดนี ไ� ปยัง สัต ว์ เ ดรั จ ฉาน ๑๙๘ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ทังหลาย � มนุษย์ทงหลายในภพนี ั� � จักรวาลแห่งนี � เจ้ ากรรมนายเวร ทังหลายทุ � กภพทุกชาติ พ่อแม่ ปู่ ย่า ตายายทังหลายทุ � กภพทุกชาติ (สามารถระบุชื�อได้ ) พรหมทังหลายทุ � กๆ ชัน� เทพ เทวดาทังหลาย � ทุกๆ ชัน� โอปาติกะ สัมภเวสี ภูตผีปีศาจทังหลาย � อสุรกายทังหลาย � เปรตทังหลายและสั � ตว์นรกทังหลายทุ � กๆ ขุม ขอได้ โปรดอนุโมทนา รับบุญกุศลของข้ าพเจ้ านี � ขอให้ บุญกุศลทังหมดนี � � รวมทังการ � ขอบารมี จ ากองค์ ส มเด็ จ พระสัม มาสัม พุท ธเจ้ า และเบื อ� งบน ทังหลาย � ขอให้ เกิดเป็ นผลแก่ทา่ นทังหลาย � ขอให้ ไปผุดไปเกิด หรือ เปลี�ยนภพเปลี�ยนภูมิ หรื อมีทิพย์สมบัติเพิ�มพูนทวีคณ ู ขึ �น ขอให้ มี ด วงตาเห็ น ธรรม ขอให้ บุ ญ กุ ศ ลทัง� หมดนี � จงเกิ ด เป็ นผล แก่ข้าพเจ้ าให้ มีดวงตาเห็นธรรม (อธิษฐานต่อเองในสิง� ที�เป็ นเหตุ เป็ นผล) น้ อมจิตนึกว่าในใจและจากนันออกจากสมาธิ � ๒. แผ่ เมตตาเฉพาะเจาะจง เป็ นการแผ่เมตตาเฉพาะกาล เช่น ไปในสถานที�แปลกที� เราควรจะแผ่เมตตาให้ เจ้ าที�เจ้ าทาง แผ่เมตตาเฉพาะเจ้ ากรรมนายเวร ที�ทําให้ ได้ รับทุกข์อยู่ในขณะนี � เดินทางผ่านบริ เวณที�มีศาลตังอยู � ่ หรื อบริ เวณที�อาจจะมีคนตาย ไปงานศพ ไปเยี�ยมคนป่ วยที�โรงพยาบาล หรื ออาจจะมีความรู้สกึ สัมผัสบางอย่าง ผู้ปฏิบตั ิอาจจะต้ องแผ่เมตตาหลายๆ ครัง� และ ก่อนแผ่เมตตา ถ้ าพอมีเวลาก็ควรจะเจริญพุทธานุสติ ขอบารมีจาก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ าและเบื �องบนทังหลายก่ � อน อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๑๙๙


การแผ่เมตตาจะมีผลมากน้ อยเพียงใด ขึ �นอยูก่ บั เหตุ-ปั จจัย หลายอย่าง ได้ แก่ ๑. ผู้ทแี� ผ่เมตตา เป็ นบุคคลทีม� ศี รัทธาในการแผ่เมตตา มากน้ อยแค่ไหน มีกําลังจิตซึง� เกิดจากการทําสมาธิ มากน้ อยแค่ไหน มีศลี และมีจติ ใจทีล� ะกิเลส ตัณหา อุ ป าทาน หรื อ มี ภู มิ ธ รรมแค่ ไ หน สิ� ง เหล่ า นี � จะช่วยเหลือซึง� กันและกัน ๒. ผู้รั บ มี ข้ อ จํ า กัด ในการรั บ บุญ กุศ ลหรื อ ไม่ เช่ น เป็ นสัตว์นรก เปรต ฯลฯ เป็ นเจ้ ากรรมนายเวร หรื อ เคยเกี� ย วข้ อง เคยสงเคราะห์ กั น มาหรื อไม่ เป็ นสัมมาทิฐิ หรื อมิจฉาทิฐิหรื อไม่ และมีมากน้ อย เพียงใด อย่างไรก็ตาม ถ้ านักปฏิบตั หิ มัน� เจริญเมตตาบ่อยๆ แน่นอน สิ� ง ที� ดี ๆ ย่ อ มค่ อ ยๆ เกิ ด ขึ น� ในจิ ต มากขึ น� ๆ และบุ ค คลที� ทํ า ย่อมเป็ นที�รักของสัตว์ มนุษย์ และโอปาติกะ ความเมตตาเป็ นสิง� ที�คํ �าจุนโลก ให้ ความร่มเย็น ลบความก้ าวร้ าว อาฆาต พยาบาท มีความเข้ าใจกัน และให้ อภัยซึง� กันและกัน สิง� เหล่านี �ล้ วนแต่เป็ น คุณงามความดีที�องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ าทรงสอนไว้ ให้ พวกเราทังหลายได้ � พงึ กระทํา

๒๐๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๔. ทําไมถึงต้ องปฏิบตั สิ มาธิ และวิปัสสนา คนที�ได้ เกิดมาในโลกนี � องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า ทรงเรี ยกว่าขันธ์ ๕ ซึง� มีสว่ นประกอบอยู่ ๒ ส่วน คือ รูปกับนาม หรื อ กายกับจิต กายนันสามารถมองเห็ � นด้ วยตาเนื �อและสามารถ จับต้ องได้ ส่วนนี �ท่านผู้เป็ นเจ้ าของต้ องรับภาระอยูแ่ ล้ ว มันต้ องกิน มันต้ องขับต้ องถ่าย ต้ องเรี ยนหนังสือ ต้ องมีงานทํา ต้ องหาเงิน หาทอง มีบ้านเรื อนที�อยูอ่ าศัย ปั จจัย ๔ ข้ าวของเงินทอง มีรถยนต์ ก็ ส ะดวก แต่ อี ก ส่ ว นที� เ ป็ นจิ ต จิ ต นี ส� ํ า คัญ มากยิ� ง กว่ า กาย จิ ต เป็ นนายกายเป็ นบ่ า ว จิ ต เป็ นผู้ วางแผน เป็ นผู้ ควบคุ ม เป็ นผู้บงการ จิ ตนี ม� ันมี มาแล้ วหลายภพหลายชาติ แต่ละภพ ละชาติก็เก็บเอาบาปบุญคุณโทษ จริ ต นิสยั ความเศร้ าหมอง ความผ่องใส ความสามารถ พรสวรรค์ ติดจิตฝั งอยูใ่ นจิตข้ ามภพ ข้ ามชาติ ปั จจุบนั ก็ได้ เข้ ามาครองอาศัยอยูใ่ นกายนี การรั � บภาระจิต ที�ดีที�สดุ นัน� ก็คือการขจัดความเศร้ าหมองของจิต จิตหลง จิตโกรธ จิ ต โลภ จิ ต คลุก คลี อ ยู่กับ กิ เ ลส ตัณ หา อุป าทาน จิ ต ก็ เ กิ ด ความเศร้ าหมอง มีเชือ� ทําให้ ต้องเวียนว่ายตายเกิ ดอยู่อย่างนี � ดัง นัน� จิ ต เป็ นภาระที� สํ า คัญ ที� เ ราผู้เ ป็ นเจ้ า ของต้ อ งเอาใจใส่ ฝึ กอบรมบ่ ม นิ สัย ปั ด เป่ าความเศร้ าหมองของจิ ต แต่ ล ะวัน ท่านตืน� นอนมา ท่านต้ องล้ างหน้ าแปรงฟั น ท่านทําให้ กายได้ แต่จติ ของท่านละ ท่านทําอะไรให้ แก่จติ บ้ างแล้ วหรือยัง ท่านได้ ทาํ สมาธิ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๐๑


ท่านได้ แผ่เมตตา ท่านได้ วิปัสสนาเพื�อฝึ กจิต เพื�ออบรมจิต ดังนัน� ท่านทังหลายควรทํ � าภาระกายและภาระจิตควบคู่กันไป โดยที� ไม่ต้องรอให้ แก่เฒ่าหรือปลดเกษียณเสียก่อนแล้ วถึงค่อยทํา ช้ าไป ไม่ทนั การ ความตายจะมาเยือนท่านเมือ� ไรก็ไม่ทราบ อย่าประมาท อี ก ทัง� แก่ เ ฒ่า แล้ ว สติ ปั ญ ญาในการละกิ เ ลสอาจจะไม่เ ท่า ทัน ละไม่ ห มด เหลื อ เชื อ� ที� ต้ อ งเวี ย นว่ า ยตายเกิ ด ภพแล้ ว ภพเล่า อยู่อย่างนี �อีก ท่านทังหลายควรวางแผนการปฏิ � บตั ิเพื�อเป็ นการ รับภาระจิต เริ�มด้ วยการปฏิบตั สิ มาธิภาวนา ทําให้ ถงึ สมาธิขนที ั� � ๒ คื อ อุป จารสมาธิ ฝึ กทรงฌานให้ ถึ ง ฌานที� ๑ ทํ า ให้ ชํ า นาญ เมื�อชํานาญแล้ วก็ลงมือปฏิบตั วิ ปิ ั สสนาได้ เมื�อสมาธิมีกําลังสูงถึง ฌานที� ๑ ก็จะทําให้ สมาธิมีกําลังพอที�จะวางอารมณ์และสามารถ ตัดกิเลสได้ เมื�อท่านนําไปวิปัสสนา ดังนันท่ � านนักปฏิบตั ิทงหลาย ั� จําเป็ นต้ องวางแผนการปฏิบตั ิเพื�อชําระความเศร้ าหมองของจิต ในชีวิตที�ได้ เกิดมาในชาตินีท� ัง� สมาธิ และวิปัสสนาว่า แต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปี ท่านจะปฏิบตั อิ ะไรมากน้ อยแค่ไหน อย่างไร นักปฏิบตั ทิ มี� คี รอบครัวก็สามารถชวนกันพากันปฏิบตั ิ การปฏิบตั สิ มาธิ ต้ องทําให้ ตอ่ เนื�อง หาวิธีการให้ มีโอกาสปฏิบตั ใิ ห้ มากที�สดุ การปฏิบตั สิ มาธิและวิปัสสนาจะเป็ นสิง� ทีท� าํ ให้ จติ ของท่าน ผ่องใส เป็ นไปตามหัวใจของพระพุทธศาสนาซึง� มี ๓ ข้ อ ได้ แก่ ๑. ละเว้ นการทําความชัว� ๒. กระทําความดี ๓. ทําจิตใจให้ ผอ่ งแผ้ ว นัก ปฏิ บัติ ทัง� หลายควรทํ า ให้ ค รบทัง� ๓ ข้ อ โดยเฉพาะข้ อ ๓ นับได้ ว่ามีความสําคัญอย่างยิ�งที�ทําให้ จิตผ่องแผ้ วจนหมดเชือ� ทีจ� ะต้ องมาเวียนว่ายตายเกิดอีก ส่วนการทีจ� ะทําให้ จติ หมดเชื �อนัน� ก็คอื การทําให้ จติ หมดจากกิเลสเครื�องร้ อยรัดสังโยชน์ ๑๐ นัน� เอง ๒๐๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๕. บทเรี ยนเรื� องความหลงเข้ าไป ยึดมั�นถือมั�น (สักกายทิฐิ) ความหลง เป็ นกิเลสตัวสําคัญที�สามารถแตกออกไปเป็ น กิเลสตัวอื�นๆ ได้ อีกมากมาย ความหมายของความหลงก็คือ การเข้ าไปยึดมัน� ถือมัน� ในสิง� ใดสิง� หนึง� จนเกินขอบเกินเขต แทนที� จะสัก แต่ มี สัก แต่ ใ ช้ ไ ปตามโลก ถ้ า อยู่ ใ นขอบเขตก็ ถื อ ว่ า ใช้ โลกเป็ น แต่ ถ้าเกินขอบเขตก็ถือว่ าหลงโลก สิ�งทังหลาย � ที�เรามักจะเข้ าไปหลงติดนันได้ � แก่ :หลงในตัวเรา ตัวเราหรื อเรี ยกว่าขันธ์ ๕ ซึง� มีกายกับจิต หลงในตัวผู้อ� นื ได้ แก่ พ่อ แม่ พี� น้ อง สามี ภรรยา ลูกหลาน ฯลฯ หลงในวัตถุ เช่น สิง� ของ เงินทอง ที�อยูอ่ าศัย ปั จจัย ๔ รถยนต์ ชื� อ เสี ย ง ยศถาบรรดาศัก ดิ� ภาษา วัฒ นธรรม หรื อ สิง� ต่างๆ ที�มีในโลกนี �ที�เกี�ยวข้ องกับเรา วิธีละความหลง (การตัดกายหรื อตัดขันธ์ ๕) หมั�น พิ จ ารณาข้ อ ความต่อ ไปนี บ� ่อ ยๆ เช่น ไตรลัก ษณ์ กายคตานุสติ อสุภกรรมฐาน อาหาเรปฏิกลู กรรม โลกธรรมทัง� ๘ และข้ อธรรมอืน� ๆ ทีเ� ป็ นตัวบอกสัจธรรมหรือข้ อเท็จจริงของสิง� ต่างๆ โดยเฉพาะขันธ์ ๕ เพื�อให้ คลายความหลง เช่น อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๐๓


๑.ไตรลักษณ์ ได้ แ ก่ อนิ จ จัง (ความไม่ เ ที� ย ง) ทุ ก ขัง (ความทุกข์) และอนัตตา (ความตาย) อนิ จจัง เช่น ความไม่เที�ยงของขันธ์ ๕ หมั�นพิจารณา ให้ เห็นว่ามันเป็ นจริงหรื อไม่ ทีร� ่างกายเราเมือ� มีอายุมากขึ �นผิวกาย มันจะเหี�ยวย่น สายตาฝ้ามัว ฟั นโยกฟั นคลอน ผมหงอกผมขาว อวัยวะต่างๆ เสือ� มถอย ร่างกายผู้อนื� ก็เช่นเดียวกัน รวมทังวั � ตถุธาตุ ทังหลายก็ � จะเก่า ชํารุ ดทรุ ดโทรม ผุพงั ตัวเราเองผู้เป็ นเจ้ าของ ก็ไม่สามารถควบคุมสิ�งเหล่านี �ได้ มันต้ องมี มันต้ องเกิด ดังนัน� ต้ องทําใจยอมรับ ทุ ก ขั ง หมั�น พิ จ ารณาให้ เ ห็ น ถึง ความทุก ข์ ทัง� หลายว่า เป็ นจริ ง หรื อ ไม่ พอเกิ ด มามัน ก็ หิ ว ต้ อ งกิ น ไม่ ไ ด้ กิ น ก็ ทุ ก ข์ กว่ า จะได้ ม ากิ น ก็ ต้ อ งทํ า มาหากิ น หาเงิ น หาทอง กว่ า จะได้ แต่ละบาทแต่ละสตางค์ก็ทกุ ข์ยากลําบาก ต้ องเมื�อยต้ องเหนื�อย กินเข้ าไปแล้ วก็ต้องขับถ่าย ต้ องร้ อนต้ องหนาว ต้ องเปี ยกต้ องชื �น ต้ องเจ็บไข้ ได้ ป่วย เปรี ยบดังว่าร่ างกายนี �เป็ นรังของโรค โรคภัย ไข้ เจ็บก่อเกิดขึน� ตรงนี � ตราบใดที�มีร่างกายนีก� ็จะต้ องได้ รับผล วิบากกรรมที�ทําไว้ ในอดีต เช่น เกิดอุบตั ิเหตุ เป็ นโรคภัยต่างๆ ไฟไหม้ สูญเสียทรัพย์สนิ เงินทอง โดนฉ้ อโกง เกิดเรื� องราวฟ้องร้ อง และอื�นๆ ส่วนสิง� ที�เป็ นวัตถุธาตุทงหลายเนื ั� �องจากไม่มีจิตก็จะไม่มี ทุกขัง อนัตตา สุดท้ ายคนทุกคนก็ต้องตายจากกันไปทังหมด � ไม่ว่าจะรักกันหรื อเกลียดกัน ทิ �งทุกสิ�งทุกอย่างที�ได้ มีที�ได้ สร้ าง เอาไว้ แม้ กระทัง� สรี ระร่ างกายก็ต้องถูกเผาไปฝั งไป เหลือแต่จิต ๒๐๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


เท่านันที � �ต้องจุตเิ วียนว่ายตายเกิด เก็บเอาบาป เอาบุญ จริ ตนิสยั ความสามารถ พรสวรรค์ และสิ�งต่างๆที�ปลูกฝั งลงในจิตข้ ามภพ ข้ ามชาติเวียนว่ายตายเกิดต่อไป ๒. กายคตานุ ส ติ หมั�น พิ จ ารณากาย เพื� อ ถอดถอน ความหลงในกายว่าสวยว่างาม น่าทะนุถนอม ดีเลิศประเสริ ฐศรี จนอยากที�จะมาเวียนว่ายตายเกิดมาเป็ นคนหรื อมนุษย์ผ้ มู ีขนั ธ์ ๕ นี อ� ี ก ซึ�ง ความจริ ง แล้ ว ทุก คนก็ ร้ ู ก็ เ ห็ น อย่ า งชัด เจนอยู่แ ล้ ว ว่า กายเรานี �ล้ วนแต่สกปรกทังสิ � �น ต้ องอาบนํ �าชําระร่ างกาย ไม่ทํา ก็ ส กปรกมี ก ลิ�น เหม็ น เหม็ น เหงื� อ ไคล ต้ อ งล้ า งหน้ า แปรงฟั น ถ้ าลอกเนือ� ลอกหนังออกก็จะเห็นนํา� เลือดนํา� เหลือง เนือ� เอ็น กระดูก ตับ ไต ไส้ พุง อุจจาระ ปั สสาวะ อาหารใหม่ อาหารเก่า ซึง� ก็ไม่ต่างกับวัวควายที�ถกู ชําแหละในตลาดสด กลิ�นเหม็นคาว ไม่ได้ สวยสดงดงามตามที�หลงเลย หลงตนเองไม่พอ ยังไปหลง ผู้อื�นอีก เป็ นอย่างนี �มาแล้ วหลายภพหลายชาติ ๓. อสุ ภกรรมฐาน หมั�นพิจารณาซากศพ จากกายที� สมมุตวิ า่ เสียชีวติ แล้ ว ได้ ทาํ การแยกอวัยวะออกแล้ วทิ �งไว้ ๔ – ๕ วัน ธาตุดนิ นํ �า ลม ไฟ ทีร� วมตัวกันเป็ นรูปกายนันก็ � จะแยกออกจากกัน นํ �าเลือด นํ �าเหลือง เนื �อ หนัง เอ็น ตับ ไต ไส้ พุง ก็จะเน่าเฟะ ส่งกลิ�นเหม็น สีเดิมก็จะเปลี�ยนไปเป็ นสีคลํ �า สีดํา หนอนเจาะ หนอนไช ใครใครก็รังเกียจ แม้ กระทัง� ตัวเราเองก็ขยะแขยงรังเกียจ สุดท้ ายก็ฝังไปเผาไป เรื�องราวต่างๆ ของผู้ตายก็อาจจะอยูใ่ นความ ทรงจําของผู้ที�อยูร่ อบข้ าง ไม่นานเขาเหล่านันก็ � อาจจะลืมเลือนไป และไม่นานผู้ที�อยูร่ อบข้ างก็ต้องตายไปเช่นเดียวกัน ทุกอย่างที�ได้ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๐๕


สรรหาเอาไว้ กเ็ อาไปไม่ได้ นอกจากบาป บุญ คุณ โทษและสิง� ต่างๆ ที�ได้ ปลูกฝั งลงในจิตเท่านัน� ที�ติดจิตไป แล้ วเวียนว่ายตายเกิ ด ภพใหม่ชาติใหม่ในวัฏสงสารแห่งนี � ข้ อธรรม ๓ ข้ อนี �เป็ นตัวอย่างที�สามารถนํามาใช้ วิปัสสนา ชําระกิเลส เช่น ความหลงและอื�นๆ ได้ แต่ยงั มีอีกหลายหัวข้ อ ขอให้ นกั ปฏิบตั ธิ รรมค้ นคว้ ามาเพิ�มเติม แบบฝึ กหัดเรื� องการตัดความหลง ให้ นั ก ปฏิ บั ติ ธ รรมพิ จ ารณาความหลงต่ อ ไปนี � แล้ ว หาข้ อธรรมหรือข้ ออธิบายต่างๆ ทีค� ดิ ว่าจะสามารถชําระความหลง หรื อ บรรเทาความหลงต่ อ ไปนี ไ� ด้ โดยทํ า รายการเป็ นข้ อๆ ให้ มากที�สดุ ตัวอย่ างโจทย์ ติดและหลงในความสวยหรือความหล่อของตนเอง และผู้อื�น คําตอบ ใช้ การพิจารณาดังนี � ๑) ความสวยหรื อความหล่อนี �ไม่ยงั� ยืน ไม่นานก็เปลี�ยนแปลง ไปเมื�ออายุมากขึ �น ๒) เมื�อตายแล้ วก็เป็ นซากศพ น่าเกลียดน่ากลัว รักไม่ลง ๓) ความสวยหรื อหล่อเป็ นสิ�งสมมุติ ขึน� อยู่กับทัศนคติของ ผู้มอง ๔) ถ้ ายึดติดในเรื� องนี �ก็จะทําให้ เวียนว่ายตายเกิดไม่พ้นทุกข์ ๕) ความหลงเข้ าไปยึดมัน� ถือมัน� จะทําให้ จิตเศร้ าหมอง ๒๐๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


โจทย์ ข้อที� ๑ ติดและหลงในยศถาบรรดาศักดิ� คําตอบ โจทย์ ข้อที� ๒ ติดและหลงในความรํ� ารวยที�ตนมี คําตอบ โจทย์ ข้อที� ๓ ติดและหลงในการเล่นเกมส์ คําตอบ โจทย์ ข้อที� ๔ ติดและหลงในเพชรพลอยและเครื� องประดับ คําตอบ โจทย์ ข้อที� ๕ ติดและหลงในกาย ทนไม่ได้ ที�ใครมาว่าโง่ คําตอบ โจทย์ ข้อที� ๖ ติ ด และหลงในกายและสิ� ง ที� ป ระกอบกับ กาย ทนไม่ได้ กบั ฝุ่ นละอองหรือความไม่เรียบร้ อยทีเ� กิดขึ �นในบ้ าน ทําให้ ต้ องบ่น หงุดหงิดและอารมณ์เสีย คําตอบ

อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๐๗


โจทย์ ข้อที� ๗ ติดและหลงในกาย ทนไม่ได้ ทคี� ณ ุ พ่อคุณแม่ชอบบ่น เลยต้ องเถียง คําตอบ โจทย์ ข้อที� ๘ ติดและหลงในกาย ทําให้ อารมณ์ เสียเวลาสอน การบ้ านลูก คําตอบ โจทย์ ข้อที� ๙ ติ ด และหลงในกาย ทนไม่ ไ ด้ เ มื� อ มี ข่ า วว่ า สามี แอบมีหญิงอื�น คําตอบ โจทย์ ข้อที� ๑๐ ติดและหลงในกาย จึงทําให้ ลืมรักษาจิตปล่อยให้ เศร้ าหมอง ด้ วยความโกรธ หลง หรื อกิเลสอื�นๆ คําตอบ

๒๐๘ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๖. แบบฝึ กจิตที�เยี�ยมยอด เรื� อ งต่ า งๆ ที� ไ ด้ เ กิ ด ขึ น� ในชี วิ ต ของนัก ปฏิ บัติ ธ รรมผู้ที� วางแผนชีวิตไว้ เพื�อมรรคผล นิพพาน ควรอย่างยิ�งที�จะนําเอาเรื� อง ทังหลายเหล่ � านี �มาพิจารณา (วิปัสสนา) ดูเหตุดผู ลเพื�อขจัดกิเลส ความโลภ โกรธ หลง ที�ทําให้ จิตเศร้ าหมอง เป็ นเชื �อที�จะทําให้ ต้อง เวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารแห่งนี � เรื� องราวที�เกิดขึ �นนี �ส่วนมาก จะกระทบจิตใจจนต้ องปล่อย โดยเฉพาะความหลง ความโกรธ ความไม่พอใจหรื อมานะทิฐิออกมา โดยทัว� ไปแล้ วผู้ที�อยูร่ อบข้ าง จะสามารถมองเห็ น อาการเหล่า นี ไ� ด้ อ ย่า งชัด เจน แต่ผ้ ูที� เ ป็ น ตัว แสดงนัน� อาจจะไม่ร้ ู ตัว เพราะมัว แต่โ กรธ มัว แต่ห ลง หรื อ โดนวิ บ ากกรรมปิ ดบัง อยู่ ด้ ว ยเหตุดัง กล่า วนี น� ัก ปฏิ บัติ ธ รรม ทังหลาย � ท่านสามารถเรียนรู้ทาํ ตามขันตอนต่ � อไปนี �เพือ� ชําระกิเลส ในจิตที�ทา่ นไม่ร้ ูเท่าทัน เลยไม่ได้ ชําระ หรื อเรี ยนรู้วิธีการเหล่านี �ไว้ เพื�อเตรี ยมพร้ อมที�จะชําระเมื�อมีเรื� องราวเกิดขึ �น ๑. นัก ปฏิ บัติ ธ รรมควรจะเน้ น เรื� อ งธรรมก่ อ นเรื� อ งอื� น โดยถือว่าเรื� องที�เกิดขึ �นนี �เป็ นแบบฝึ กหัดภาคสนามที�จะใช้ ฝึกจิต แล้ ว ค่อ ยพิ จ ารณาแก้ ไ ขทางโลกต่อ ไปซึ�ง อาจจะทํ า ให้ ง่า ยขึน� กว่าเดิมเพราะกิเลส เช่น ความโกรธหรื อมานะทิฐิมนั จะถูกทําให้ อ่ อ นตั ว ลงไปด้ วยข้ อธรรมซึ� ง เป็ นผลทํ า ให้ เกิ ด การยอมรั บ ความคิดเห็นของกันและกัน หรือคลายความโกรธได้ มากขึ �น อีกทัง� ถ้ านักปฏิบตั ธิ รรมทังหลายยกเอาทางธรรมขึ � �นมาก่อน คําพูดต่างๆ เช่น ใครผิดใครถูก – ใครเข้ าข้ างใคร – อาจารย์ควรต้ องมีเมตตา อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๐๙


ให้ เท่ากันทังสองฝ่ � าย – อาจารย์ไม่เห็นค่อยพูดอะไรเลยเห็นเฉยๆ อยู่ เป็ นต้ น สิง� เหล่านี �ก็จะไม่เกิดขึ �น อีกทังเรื � � องราวก็อาจจะไม่ยืดยาว อย่างไม่มีวนั จบ ทางธรรมนันเรื � � องต่างๆ โดยทัว� ไปแล้ วไม่มีใครถูก ใครผิ ด มี แ ต่ ว่ า คนนี ป� ล่ อ ยความโกรธออกมามากเท่ า ไร ปล่อยมานะทิฐิออกมามากเท่าไร ต้ องวิปัสสนาแก้ ไขอย่างไร และเวลาผ่านไประยะหนึ�งแล้ ว เขาชํ า ระกิ เลสลงหรื อไม่ หรื อ ชําระลงมากน้ อยเพียงใด กี�เปอร์ เซ็นต์ เป็ นต้ น ทุกเรื�องราวสามารถ ปรับปรุงแก้ ไขได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า ครูบาอาจารย์ ทัง� หลาย อภัย ให้ ลูก ศิ ษ ย์ ทุก คน ไม่มี ก ารทํ า ผิ ด แล้ ว ตัด ทิ ง� ไป ให้ โอกาสในการชํ าระกิ เลสเสมอ ดังนัน� นักปฏิบัติธรรมทุกคน ควรจะเป็ นกําลังใจให้ กนั เอาใจช่วยให้ เกิดมีสติปัญญาสามารถ พิจารณาล้ มกิเลสลงได้ สําเร็ จ หรื อถ้ าไม่สําเร็ จก็อาจจะล้ มลงได้ ร้ อยละ ๑๐ ๒๐ หรื อ ๕๐ ขอเพียงแต่ให้ พิจารณาชําระเถอะ แบบฝึ กจิตเหล่านี ล� ้ วนเป็ นประโยชน์ แก่ผ้ ูฝึกทัง� สิน� อย่างน้ อย ก็ได้ ร้ ู ได้ สมั ผัสทุกข์ ส่วนนักปฏิบตั ิธรรมที�อยู่รอบข้ าง นอกจาก จะคอยให้ กําลังใจแก่ผ้ แู สดงแล้ ว ตนเองก็ต้องพิจารณาให้ ร้ ูกิเลส ดูเหตุดผู ลที�มนั เกิดขึ �น วิธีที�จะชําระ แล้ วน้ อมนํามาสอนตนเอง เพื�อเป็ นการเตรี ยมพร้ อมไว้ ก็ถือได้ วา่ เป็ นประโยชน์เช่นเดียวกัน ๒. พิจารณาดูวา่ เหตุที�เกิดขึ �นนี �เกิดจากวิบากกรรมเป็ นตัว ยุแยงตะแคงรั�วให้ ผิดใจกัน หรื อเข้ าใจกันไปคนละอย่าง อาการ อย่างนีน� กั ปฏิบตั ิธรรมสามารถสังเกตได้ หรื อสอบถามจากผู้ที� สามารถตรวจสอบได้ นักปฏิบตั ิธรรมควรศึกษาเกี�ยวกับกรรม เพื�อให้ เกิดความเชื�อในเรื� องกรรม กรรมเป็ นใหญ่ ไม่มีใครใหญ่ ๒๑๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


เกินกรรม ถ้ าท่านเชื�อในเรื� องกรรมแล้ ว ความโกรธ ความหลง ความมี ม านะทิ ฐิ ที� มี ต่ อ ในเรื� อ งนี ก� ็ จ ะเบาบางลงไปกว่ า เดิ ม เพราะเหตุ มั น เกิ ด จากกรรม กรรมเป็ นผู้ กระทํ า ให้ มั น เกิ ด ต้ อ งยอมรั บ แล้ ว แก้ ไ ขไปตามสภาวะ เมื� อ ถึ ง เวลา กรรมนัน� ก็หมดไปเอง อย่างไรก็ตามถึงแม้ ว่าเหตุที�ทําให้ เกิดมาจากกรรม นักปฏิบตั ิธรรมก็ยงั คงต้ องชําระกิเลสอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็ นตัวใหญ่ หรื อ ตัว เล็ ก (อนุสัย ) ก็ ต าม ก็ ต้ อ งทํ า การชํ า ระไปจนชั�ว ชี วิ ต นอกจากนี ค� รู บ าอาจารย์ ยัง สามารถทํ า ให้ เ กิ ด เรื� อ งเพื� อ เป็ น แบบฝึ กจิตได้ อีกด้ วย ๓. นักปฏิบตั ิธรรมควรยกหัวข้ อธรรมขึ �นมาพิจารณาเพื�อ ล้ มกิเลสความหลงยึดมัน� ถือมัน� ความโกรธหรื อมานะทิฐิลงให้ ได้ ตัวอย่างเช่น ความโกรธ ท่านก็ต้องเจาะไปที�สาเหตุที�ทําให้ โกรธ เช่น โกรธเนื�องจากอีกฝ่ ายพูดไม่ดี นั�นหมายความว่าท่านนัน� ได้ เอาจิ ตไปยึดมั�นถื อมั�นในคํ าพูดดี และคําพูดไม่ดีจนฝั งแน่น ในจิตมาแล้ วหลายภพหลายชาติ คําพูดดีชอบ คําพูดไม่ดีเกลียด แทนที�จะเห็นว่ามันเป็ นเพียงแค่ภาษาเท่านัน� ไม่ควรที�จะเอาจิต ไปผูกพันกับมันให้ มากเกินไปกว่าการใช้ โลกให้ เป็ น สิ�งที�สําคัญ กว่า สิ� ง ใดๆ ก็ คื อ จิ ต ของท่ า นต่า งหากที� ค วรจะรั ก ษา อย่ า ให้ เศร้ าหมองด้ วยความโกรธ อีกอย่างคนที�พดู นี �เขาก็พดู จาอย่างนี � เป็ นเพราะจริ ตของเขา จริ ตละไม่ได้ ยกเว้ นผู้ที�สร้ างบารมีมาเป็ น พระพุท ธเจ้ า คื อ ๔ อสงไขย กับ แสนมหากัป ถ้ า เขาพูด ไม่ ดี สิ�งที�ไม่ดีก็เกิดแก่ตวั เขา ก็เป็ นเรื� องของเขา ทําไมเราต้ องเอาจิต ของเราไปทําให้ เกิดความเศร้ าหมองกับเหตุอย่างนี � เรามีเมตตา อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๑๑


อยากสอนผู้อื�นให้ เป็ นคนดีมีวาจาไพเราะนันสอนได้ � แต่ที�สําคัญ อย่าให้ ใจของเราเสีย ๔. นักปฏิบตั ธิ รรมควรเข้ าใจธรรมชาติของการทําสมาธิและ วิปัสสนาซึง� เป็ นสิ�งที�สําคัญ ขณะที�จิตของท่านกําลังคุกรุ่นอยู่กบั ความโกรธและมานะทิฐินัน� การปฏิบตั ิที�ทําให้ ได้ ผลมากก็คือ ควรวิปัสสนา (พิจารณา) สู้อยูก่ บั มัน อย่าหนีมนั เลือกหัวข้ อธรรม ให้ มัน ตรงประเด็ น สลับ กับ ทํ า สมาธิ ใ ห้ จิ ต มี กํ า ลัง อย่ า งน้ อ ย เป็ นฌานที� ๑ ไม่ควรไปเร่งเอาแต่สมาธิเพราะสภาพจิตในขณะนี � มันไม่สามารถสงบเป็ นสมาธิในขันลึ � กละเอียดได้ ซึง� มันก็ไม่จาํ เป็ น บางท่านอาจจะเข้ าใจว่าควรเร่ งสมาธิให้ มากเพื�อดับความคุกรุ่ น ในจิ ต ก็ เ ลยไปเร่ ง เอาแต่ ค วามเพี ย รเพี ย งอย่ า งเดี ย ว ซึ�ง มัน อาจจะดับลงได้ แต่นา่ เสียดายทีท� า่ นได้ พลาดโอกาสทิ �งแบบฝึ กหัด ที�ดีเยี�ยมนี �ไป ต้ องรอให้ มนั เกิดใหม่ซงึ� ก็ไม่ร้ ูวา่ จะเกิดขึ �นอีกเมื�อไร แต่ที�แน่ๆ ก็คือท่านยังเก็บเอากิเลสตัวนี �ไว้ กบั ตัวท่าน การพิจารณาข้ อธรรมเพื�อชําระกิเลสโดยเฉพาะเพื�อดับ ความโกรธ ความมีมานะทิฐินนั � นักปฏิบตั ิธรรมย่อมเกิดอาการ ทุกข์ทรมานเจ็บปวด ถ้ ามองอย่างทางโลก แต่ถ้าทางธรรมแล้ ว ถือว่าเป็ นการทรมานกิเลสซึ�งไม่จําเป็ นต้ องทะนุถนอมมัน และ ตัวทุกข์นนั� แหละจะเป็ นตัวช่วยให้ จติ ของท่านสะอาด เปรียบเหมือน กับท่านซักผ้ าขี �ริว� ยิง� ขยี �มากเท่าไรก็ยงิ� สะอาดมากขึ �นเท่านัน� ดังนัน� นัก ปฏิ บัติ ธ รรมทัง� หลาย ท่า นอย่า กลัว ความทุก ข์ อย่า ถื อ ว่า มาปฏิ บัติ ธ รรมแล้ ว ต้ อ งมี แ ต่ ด วงดี โชคดี มี ค วามสุข เท่ า นัน� ความจริ งแล้ วความทุกข์นี�แหละที�มนั มาคูก่ บั ความพ้ นทุกข์ ๒๑๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


๗. คิริมานนทสูตร (เรี ยบเรี ยง)

หลักคําสอนที� ๑ (รวบรวมโดย อ. สถาพร มงคลวัจน์ ) ละรู ปนามเพราะเป็ นของนอกกายและคุมไม่ ได้ หลังจากพระผู้มีพระภาคเจ้ าได้ เสด็จดับขันธ์ ปริ นิพพาน ไปแล้ ว ได้ มี ก ารจัด การปฐมสัง คายนาพระไตรปิ ฎก โดยมี พระมหาเถรเจ้ าทังหลาย � ๕๐๐ องค์ หย่อนโอกาสไว้ ให้ พระอานนท์ องค์ ห นึ� ง ในที� ป ระชุม ได้ ค อยพระอานนท์ อ งค์ เ ดี ย วซึ� ง กํ า ลัง เจริ ญสมถวิปัสสนาอยู่ ยังไม่ได้ สําเร็ จเป็ นพระอรหันต์ ครัน� เมื�อ พระอานนท์ เ ถรเจ้ าได้ สํ า เร็ จ เป็ นพระอรหั น ต์ แ ล้ ว ก็ ไ ด้ เข้ า จตุตถฌาน หรื อ ฌาน ๔ กําหนดปฐวีกสิณ (กสิณดิน) เป็ นอารมณ์ ไปปรากฏบนอาสนะท่ามกลางสงฆ์ให้ พระสงฆ์สิ �นความสงสัย ในอรหัน ตคุณ ที� ถํ า� สัต ตบัณ ณคูห า พระมหาเถรเจ้ า ทัง� หลาย มีพระมหากัสสปะเป็ นประธาน ได้ อาราธนาเชื �อเชิญให้ พระอานนท์ ขึ �นนัง� เหนือธรรมาสน์ แสดงพระสุตตันตปิ ฎก ยกคิริมานนทสูตร นี ข� ึน� พระมหากัส สปเถรเจ้ า ได้ ถ ามพระอานนท์ ว่ า พระสูต ร อัน ชื� อ ว่า คิ ริ ม านนทสูต รนัน� พระพุท ธเจ้ า แสดงแก่ บุค คลผู้ใ ด ตรัสเทศนา ณ ทีไ� หน อะไรเป็ นเหตุจงึ ได้ ตรัสเทศนา มีความพิสดาร อย่างไร ขอให้ พระอานนท์เถรเจ้ าจงแสดงในกาลบัดนี � ลําดับนัน� พระอานนท์เถรเจ้ าได้ วสิ ชั นาตอบคําถามความว่า สมั ย กาลครั ง� หนึ� ง พระผู้ มี พ ระภาคเจ้ าได้ เสด็ จ สํ า ราญ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๑๓


พระอิ ริ ย าบถอยู่ ณ พระเชตวั น วิ ห าร อั น เป็ นอารามของ อนาถบิณฑิกเศรษฐี สร้ างถวายใกล้ กรุ งสาวัตถี ในกาลครัง� นัน� พระผู้เป็ นเจ้ าชื�อว่า คิริมานนทเถระ เกิดอาพาธหนักเหลือกําลัง ที�จะอดกลัน� พระผู้เป็ นเจ้ าจึงให้ เชิญข้ าพเจ้ าผู้มีชื�อว่า อานนท์ เข้ าไปยังสํานักแห่งตนแล้ วจึงกล่าวว่า ข้ าพเจ้ าผู้มชี ื�อว่าคิริมานนท์ นี � บังเกิดอาพาธหนักเหลือกําลังที�จะพึงอดกลัน� ไม่สามารถจะไป เฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้ าได้ ขอนิมนต์ท่านอานนท์ นําเอาอาการ อาพาธอัน ร้ ายแรงแห่ ง ข้ า พเจ้ า ไปกราบทูล ให้ ส มเด็จ พระผู้มี พระภาคเจ้ าทรงทราบ เพือ� ทรงมหากรุณาสงเคราะห์ให้ ทกุ ขเวทนา เจ็บปวดซึ�งเบียดเบียนในร่ างกายของข้ าพเจ้ านี �ระงับอันตรธาน หายเถิด พระอานนท์รบั เถรวาทีแล้ วก็เข้ าไปเฝ้าพระผู้มพี ระภาคเจ้ า กราบทูลอาการแห่งอาพาธและทุกขเวทนาของพระคิริมานนท์ ให้ ท รงทราบทุก ประการ สมเด็ จ พระผู้มี พ ระภาคเจ้ า เมื� อ ได้ ทรงทราบอาการของพระผู้เป็ นเจ้ าคิริมานนท์ดงั นี �แล้ ว จึงตรัสว่า เธอจงกลับไปสูส่ ํานักของท่านคิริมานนท์โดยเร็ ว ท่านจงไปบอก สัญญาสองประการ คือ รูปสัญญา ๑ และนามสัญญา ๑ คือว่า รูปร่างกาย ตัวตน ทังสิ � �นก็ดี คือ นามได้ แก่จิต เจตสิกทังหลายก็ � ดี ให้ ปลงธุระเสีย อย่าถือว่า เป็ นตัวตน และอย่าเข้ าใจว่า เป็ นของ ของตน ทุกสิ�งทุกอย่างความจริ งแล้ วเป็ นของภายนอกทัง� สิน� ถ้ าหากว่ารูปร่างกายเป็ นตัวตนของเราแท้ เมือ� เขาแก่เฒ่าชราตามัว หูหนวก เนื อ� หนังเหี�ยวย่น ฟั นโยกฟั นคลอน เราก็จะบังคับได้ ตามประสงค์ว่า อย่าเป็ นอย่างนัน� อย่าเป็ นอย่างนี � นี�เราบังคับ ๒๑๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ไม่ได้ ตามประสงค์ เขาจะเจ็บ จะไข้ จะแก่ จะตาย เขาก็เป็ นไปตาม หน้ า ที� ข องเขา เราหมดอํ า นาจที� จ ะบัง คับ บัญ ชาได้ เมื� อ ตาย เราก็จะหยิบเอาไปสักสิ�งสักอันก็ไม่ได้ ถ้ าเป็ นตัวตนของเราแล้ ว เราก็ ค งจะหยิ บ ฉวยไปได้ ตามความปรารถนา ถึ ง จิ ต เจตสิกเป็ นของเรา ก็ไม่ใช่ตวั ตน ไม่ใช่ของของตน หากว่าจิตเจตสิก เป็ นเรา หรื อเป็ นของเรา ก็จะบังคับได้ ตามประสงค์วา่ จิตของเรา จงเป็ นอย่างนี � จงเป็ นอย่างนัน� จงสุขสําราญทุกเมื�อ อย่าทุกข์ อย่ า ร้ อนเลยดัง นี � นี� ห าเป็ นเช่ น นี ไ� ม่ เขาจะคิ ด อะไรก็ คิ ด ไป เขาจะอยู่จ ะไปก็ ต ามเรื� อ งของเขา เพราะเหตุร่ า งกายจิ ต ใจ เป็ นอนัต ตา ไม่ ใ ช่ ตัว ตน ไม่ ใ ช่ ข องของตน ให้ ป ลงธุ ร ะเสี ย อย่าเข้ าใจถือเอาว่าเป็ นตัวตนและของของตนเถิด พระอานนท์ เถรเจ้ าได้ นํ า เอาสัญ ญาทัง� สองประการ คื อ รู ป และนามนี � เป็ นอนัตตา ไม่ใช่ตวั ตนและไม่ใช่ของของตน ให้ พระคิริมานนท์ แจ้ งทุกประการ เมือ� พระคิริมานนท์ได้ กําหนดตามพระธรรมเทศนา ก็ได้ บรรลุพระอรหัตผล ในขณะที�วางธุระในรูปและในนาม โรคภัย ของท่านที�เจ็บปวด เวทนา ก็อนั ตรธานหายไปในขณะนัน� ข้ าแต่ พระมหากัสสปะผู้มีอายุ เพราะอาศัยพระผู้เป็ นเจ้ าคิริมานนท์เป็ น นิมิต พระสูตรนี �จึงได้ ชื�อว่า คิริมานนทสูตร มีเนื �อความดังแสดง มานี �แล

อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๑๕


๘. ข้ อธรรมสําคัญต่ างๆ ข้ อธรรม ๑ “ ข้ าพเจ้ าได้ มี โ อกาสเดิ น ชมปราสาทพระวิ ห าร เมื�อหลายปี ก่อน ขณะเดินชม ธรรมะข้ อนี �ก็ปรากฏขึ �น ” วัตถุธาตุทงหลายในโลก ั� มนุษย์ได้ สร้ างสรรค์ปัน� แต่งขึ �นมา มีทงยิ ั � ง� ใหญ่วจิ ติ รอลังการ ใช้ ประโยชน์ได้ มาก ใช้ ประโยชน์ได้ น้อย ใดๆ ก็ ตาม ไม่นานสิ�งเหล่า นี ก� ็ ผุพัง ทรุ ดโทรมลงไป สุดท้ าย ก็พงั สลายไปหมด มนุษย์ผ้ สู ร้ าง มนุษย์ผ้ ใู ช้ และมนุษย์ผ้ ชู มเหล่านี � อยู่ไ ม่ น านก็ ต้ อ งล้ ม หายตายจากหนี ไ ป อัน เป็ นความจริ ง ที� มี อยูใ่ นโลกและในธรรมนี �สิง� ที�สาํ คัญที�สดุ ก็คอื ว่า มนุษย์ผ้ เู กี�ยวข้ อง กับวัตถุธาตุทงหลายเหล่ ั� านี �เมือ� ตายแล้ วเขาได้ อะไรติดจิตของเขา ไปบ้ าง ที�พอจะส่งพวกเขาไปสูภ่ พภูมิที�ดี ไปสวรรค์ ไปพรหมโลก หรื อไปนิพพาน สิ�งเหล่านี เ� ป็ นหน้ าที�ของศาสนาที�จะต้ องสอน ให้ เขาได้ เรียนรู้ ศึกษาปฏิบตั ิ ไม่เพียงแค่ร้ ูคดิ เฉพาะผลงานทางโลก เพียงอย่างเดียวเท่านัน� ผู้ท�ีมีเงินล้ าน ก่อนตายเขาไม่สามารถ เอาเงินนี �ไปซื �อความเป็ นเทวดาชันจาตุ � มหาราชิกาได้ เขาต้ องสร้ าง ต้ อ งปฏิ บัติ ใ ห้ จิ ต ใจของเขาเข้ า ไปให้ ถึ ง ซึ� ง ความเป็ นเทวดา ในสวรรค์ชนนี ั � �ต่างหาก ดังนันท่ � านทังหลายจงมองให้ � เห็นธรรม ในข้ อธรรมนี �เถิด ๒๑๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ข้ อธรรม ๒ วิธีที�จะไปนิพพานก็ต้องมีอารมณ์ที�จะปล่อยร่ างกาย คือ ไม่ใช่ปล่อยให้ ตายไป คือต้ องปล่อยร่างกายที�เรี ยกว่า สักกายทิฐิ หมายถึงให้ มคี วามรู้สกึ ตามความเป็ นจริงว่า ร่างกายนี �ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา มันเป็ นสิง� สมมุติ เช่น ชื�อเสียง เรี ยงนามทังหลาย � ร่างกายเป็ นแต่เพียงธาตุ ๔ คือ ธาตุนํ �า ดิน ลม ไฟ มันก่อขึ �นมาเป็ นรูปร่างว่าเป็ นหญิง เป็ นชาย พระ เณร เถร ชี คนจน คนรวย ล้ วนแต่เป็ นสิง� สมมุติ คือมีสภาพเหมือนกันทังสิ � �น มีแก่เฒ่า เกิดมาแล้ วต้ องทนทุกข์ สารพัดทุกข์ ต้ องร้ อน ต้ องหนาว ต้ องเมือ� ย ต้ องเหนื�อย ต้ องเจ็บไข้ ได้ ป่วย สูญเสียต่างๆ และสุดท้ าย ก็ต้องตายจากกันไปหมดทังสิ � �น สภาพอย่างนี �เรี ยกว่ามนุษย์ หรื อ ผู้ มี ขั น ธ์ ๕ ซึ� ง ล้ ว นแต่ มี ส ภาพที� ไ ม่ ดี เราไม่ ต้ องการมั น อี ก ขึ �นชื�อว่าการเกิดเป็ นมนุษย์ ชาตินี �ขอให้ เป็ นชาติสดุ ท้ าย ไม่มีการ เกิ ด ต่ อ ไปอี ก จากนั น� เราทั ง� หลายเจริ ญ พุ ท ธานุ ส ติ นึ ก ถึ ง พระพุทธเจ้ าไว้ เป็ นอารมณ์ แล้ วภาวนาพุทโธ พุทโธ ตายจาก ชาตินี �แล้ ว เราขอไปนิพพาน คิดไว้ อย่างนี �ทุกวันเถิด ข้ อธรรม ๓ มนุษ ย์ เ ป็ นอัน มาก เมื� อ เกิ ด มี ภัย คุก คามแล้ ว ก็ ถื อ เอา ภูเ ขาบ้ า ง ป่ าไม้ บ้ า ง อาราม และรุ ก ขเจดี ย์ บ้ า ง เป็ นสรณะ นัน� มิใช่สรณะอันเกษมเลย นัน� มิใช่สรณะอันสูงสุด เขาอาศัยสรณะ นัน� แล้ ว ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ทงปวงได้ ั� อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๑๗


ส่วนผู้ใดถือเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็ นสรณะแล้ ว เห็นอริ ยสัจคือความจริ งอันประเสริ ฐสี� ด้ วยปั ญญาอันชอบ คือ เห็นความทุกข์ เหตุให้ เกิดทุกข์ ความก้ าวล่วงทุกข์เสียได้ และ หนทางมีองค์แปดอันประเสริฐ เครื� องถึงความระงับทุกข์ นัน� แหละ เป็ นสรณะอันเกษม เป็ นสรณะอันสูงสุด เขาอาศัยสรณะนัน� แล้ ว ย่อมพ้ นจากทุกข์ทงปวงได้ ั� ( เขมาเขมสรณทีปิกคาถา หนังสือสวดมนต์ ) ข้ อธรรม ๔ ดูก่อนภิ กษุ ทัง� หลาย บัดนี � เราขอเตือนท่านว่า สังขาร ทั ง� หลาย มี ค วามเสื� อ มไปเป็ นธรรมดา ท่ า นทั ง� หลาย จงทําความไม่ประมาทให้ ถงึ พร้ อมเถิด ( ปั จฉิมพุทโธวาทปาฐะ หนังสือสวดมนต์ ) ข้ อธรรม ๕ สังขารคือร่างกาย จิตใจ และรูปธรรม นามธรรม ทังหมด � ทังสิ � �น มันไม่เทีย� ง มันเกิดขึ �นแล้ วดับไป มีแล้ วก็หายไป มันเป็ นทุกข์ ทนยาก เพราะเกิดขึ �นแล้ ว มันต้ องแก่ เจ็บ แล้ วตายไป มันไม่ใช่ตวั ไม่ใช่ตน ไม่ควรถือมันเป็ นเรา ดังนี � ( บทพิจารณาสังขาร ๑ หนังสือสวดมนต์ ) ๒๑๘ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ข้ อธรรม ๖ ชีวิตเป็ นของไม่ยงั� ยืน ความตายเป็ นของยัง� ยืน อันเราจะ พึงตายแน่แท้ ชีวติ ของเรามีความตายเป็ นทีส� ดุ ภพ ชีวติ ของเราเป็ น ของไม่เ ที� ย ง ความตายของเราเป็ นของเที� ยง ควรที� จะสังเวช ร่ างกายนี � มิได้ ตัง� อยู่นาน ครั น� ปราศจากวิญญาณ อันเขาทิง� เสียแล้ ว จักนอนทับ ซึ�งแผ่นดิน ประดุจว่าท่อนไม้ และท่อนฟื น หาประโยชน์มิได้ ( บทพิจารณาสังขาร ๒ หนังสือสวดมนต์ ) ข้ อธรรม ๗ เรามีความแก่เป็ นธรรมดา จะล่วงพ้ นความแก่ไปไม่ได้ เรามีความเจ็บไข้ เป็ นธรรมดา จะล่วงพ้ นความเจ็บไข้ ไปไม่ได้ เรามีความตายเป็ นธรรมดา จะล่วงพ้ นความตายไปไม่ได้ เราจะ ละเว้ นจากความพลัดพรากจากของรักของชอบใจทังหลายทั � งปวง � ไม่ ไ ด้ เรามี ก รรมเป็ นของของตน เราเป็ นผู้ รั บ ผลของกรรม เรามีกรรมเป็ นผู้ให้ กําเนิด เรามีกรรมเป็ นเผ่าพันธุ์ เรามีกรรม เป็ นที�พึ�งที�อาศัย เราจักทํากรรมอันใดไว้ เป็ นบุญหรื อเป็ นบาป ดีหรื อชัว� ก็ตาม เราทังหลายพึ � งพิจารณาอย่างนี �ทุกวันๆ เทอญ ( อภิณหปั จจะเวก หนังสือสวดมนต์ ) อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๑๙


ข้ อธรรม ๘ เมื�อใด บุคคลเห็นด้ วยปั ญญาว่า สังขารทัง� ปวงไม่ เที�ยง เมื�อนัน� ย่อมเหนื�อยหน่ายในสิ�งที�เป็ นทุกข์ ที�ตนหลง นั�นแหละ เป็ นทางแห่งพระนิพพาน อันเป็ นธรรมหมดจด เมื�อใด บุคคลเห็นด้ วยปั ญญาว่า สังขารทัง� ปวงเป็ นทุกข์ เมื�อนัน� ย่อมเหนื�อยหน่ายในสิ�งที�เป็ นทุกข์ ที�ตนหลง นั�นแหละ เป็ นทางแห่งพระนิพพาน อันเป็ นธรรมหมดจด เมือ� ใด บุคคลเห็นด้ วยปั ญญาว่า ธรรมทัง� ปวงเป็ นอนัตตา เมื�อนัน� ย่อมเหนื�อยหน่ายในสิ�งที�เป็ นทุกข์ ที�ตนหลง นั�นแหละ เป็ นทางแห่งพระนิพพาน อันเป็ นธรรมหมดจด (ติลกั ขณาทิคาถา หนังสือสวดมนต์ ) ข้ อธรรม ๙ บุคคลไม่ควรติดตามคิดถึงสิ�งที� ล่วงไปแล้ ว ด้ วยอาลัย และไม่พะวงถึงสิ�งที�ไม่มาถึง สิ�งที�เป็ นอดีตก็ละไปแล้ ว สิ�งที�เป็ น อนาคตก็ยงั ไม่มา ผู้ใดเห็นธรรมอันเกิดขึ �นเฉพาะหน้ าในที�นนๆ ั� อย่างแจ่มแจ้ ง ไม่ง่อนแง่นคลอนแคลน เขาควรพอกพูนอาการ เช่นนัน� ไว้ ความเพียรเป็ นกิจที�ต้องทําวันนี � ใครจะรู้ ความตาย แม้ พรุ่งนี � เพราะการผิดเพี �ยนต่อมัจจุราชซึง� มีเสนามาก ย่อมไม่มี สําหรับเรา มุนีผ้ ูสงบ ย่อมกล่าวเรี ยกผู้มีความเพียรอยู่เช่นนัน� ไม่เกียจคร้ านทังกลางวั � นกลางคืนว่า “ ผู้เป็ นอยูแ่ ม้ เพียงราตรีเดียว ก็นา่ ชม ” ( ความเพียร = การปฏิบตั ิสมาธิและวิปัสสนา ) (ภัทเทกรัตตคาถา หนังสือสวดมนต์ ) ๒๒๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ข้ อธรรม ๑๐ กรรม คือการกระทํา มี ๓ อย่างคือ กรรมดี กรรมชัว� และ กรรมแบบกลางๆ คือ ไม่ดีและไม่ชวั� แต่โดยทัว� ไปแล้ วผู้พดู มักจะ หมายถึง กรรมชัว� หรื อกรรมไม่ดีที�ได้ กระทําไว้ ก่อน อาการของกรรมไม่ ดี จะส่งผล ๒ ลักษณะ คือ ๑) กรรมที�มีดวงจิต ( เจ้ ากรรมนายเวร ) เช่น เราตีหมา แล้ วหมาตาย กรรมดั ง กล่ า วส่ ง ผลทํ า ให้ ดวงจิ ต ที� ถู ก ตี เกิดความอาฆาตพยาบาท แล้ วรอเอาคืนเมื�อวาระกรรมมาถึง ๒) กรรมที�ไม่มีดวงจิต ( กระแสกรรม ) เกิดจากอาการ ของกรรมที�ได้ สร้ างขึ �นในอดีต เช่น เอาไม้ ตีหมา แล้ วเกิดอาการ เจ็บปวดกับผู้ตีในภายหลัง โดยไม่มีดวงจิตมาเกี�ยวข้ อง กรรมจะแสดงผลได้ เต็มที�ในสภาพภพภูมิท�ีมีขนั ธ์ ๕ คือ มนุ ษ ย์ แ ละสั ต ว์ เ ดรั จ ฉาน ให้ ผลแก่ ม นุ ษ ย์ เช่ น อุ บั ติ เ หตุ ความสูญเสียต่างๆ ความเจ็บไข้ ได้ ป่วย เป็ นโรคภัยต่างๆ กรรมเป็ นผู้ยิ�งใหญ่ มี อํานาจมาก ไม่มีอํานาจใดที� จะ ศักดิ�สทิ ธิ�เท่ากรรมในยามที�กรรมกําลังให้ ผล ดังนัน� อย่าทํากรรม อย่าสร้ างกรรมชัว� ควรยึดมัน� ในศีล แต่กรรมใดที�ท่านได้ กระทํา มาแล้ ว จะรู้ก็ตามไม่ร้ ูก็ตาม ท่านต้ องรับผลกรรมอันนัน� ( เรื� องกรรม )

อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๒๑


ประวัตโิ ดยย่ อ

อาจารย์ สถาพร มงคลวัจน์ เป็ นฆราวาสปฏิ บัติธรรม ได้ เคยลาราชการไปบวชในช่วงอายุ ๒๙ ปี บวชเข้ าพรรษาเป็ นเวลา ๓ เดือนในสายหลวงปู่ มัน� หลังจากครบกําหนดลาราชการแล้ ว ก็ ได้ ลาสิกขาบทกลับมาเป็ นอาจารย์ สอนวิชาภาษาอังกฤษที� โรงเรี ยนมัธยมเหมือนเดิม ครัง� นี �ได้ เป็ นอาจารย์อบรมศีลธรรม – จริ ยธรรม สอนสมาธิ – วิปัสสนา จัดตังชุ � มนุมพุทธศาสน์ อีกทัง� จัดตังกลุ � ม่ ปฏิบตั ธิ รรมพาคณะปฏิบตั ธิ รรม โดยจัดการอบรมสมาธิ – วิ ปั ส สนาขึ น� บ่ อ ยๆ ณ ศูน ย์ ป ฏิ บัติ ธ รรมพุท ธปฐม บ.เนิ น ต.หล่ ม เก่ า อ.หล่ ม เก่ า จ.เพชรบูร ณ์ และทุก คื น วัน อาทิ ต ย์ ทีบ� ้ านเลขที� ๑ หมู่ ๖ บ.กุดช้ าง ต.หล่มเก่า อ. หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ๖๗๑๒๐ (หมายเลขโทรศัพท์บ้าน ๐๕๖ – ๗๐๙๑๑๔)

ประสบการณ์ จากการบวช (ปี ๒๕๒๖)

* ก่ อนที�จะคิดบวช ข้ าพเจ้ าได้ มโี อกาสบวชตามประเพณีเมือ� อายุ ๒๙ ปี ซึง� อายุ ค่อนข้ างจะมากไปหน่อย สาเหตุคงสืบเนือ� งมาจากความไม่ศรัทธา ๒๒๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ในพระสงฆ์ที�ไม่ได้ ปฏิบตั ิเพื�อความเป็ นพระอย่างแท้ จริ ง อีกทัง� อาจจะมีประสบการณ์ ที�ไม่ดีเกี�ยวกับพระ ซึ�งในช่วงนันข้ � าพเจ้ า คิ ด ว่ า พระที� ไ ด้ เ ห็ น มานี � ยัง ไม่ เ ห็ น มี ค วามดี แ ตกต่า งไปจาก คนธรรมดาทั�วๆ ไปเท่าไหร่ เลยทํ าให้ ไม่อยากบวช และยังมี ความคิดอีกอย่างหนึ�งว่า..ถ้ าเราบวช เราจะตัง� ใจบวช ปฏิบตั ิ รั ก ษาศี ล ให้ ดี ที� สุด ซึ� ง สิ� ง นี น� ับ ว่ า เป็ นความดี ต ามธรรมชาติ ของข้ าพเจ้ า สมั ย นั น� สมาธิ วิ ปั สสนาก็ ไ ม่ ร้ ู จั ก พระอรหัน ต์ พระพุทธเจ้ า ยังไม่มีอยู่ในจิ ตในใจเลย ปฏิ บัติตัวไปตามโลก ไหลไปตามโลก แถมยัง เป็ นคนที� ห งุด หงิ ด ง่า ย พูด มาก และ เอาแต่ใจตัวเอง ในปี ๒๕๒๕ พี�ชายคนโตของข้ าพเจ้ าได้ เสียชีวิตเนื�องจาก เป็ นโรคไข้ สมองอักเสบ ทําให้ ข้าพเจ้ ามีความคิดว่า…..โลกนี � ช่างไม่แน่นอนเลย คนยังไม่แก่เป็ นหนุ่มก็ยงั ตายได้ เขายังสร้ าง ยังหาวัตถุสมบัติทงหลายทางโลกได้ ั� ยงั ไม่มากพอ และยังไม่เป็ น ที�พอใจเลย ไม่คิดว่าจะตายเร็ วอย่างนี � ทรัพย์สมบัติที�ทมุ่ เทหาไว้ ก็ ต้ อ งปล่อ ยทิ ง� ให้ ค นเบื อ� งหลัง ขนหอบเอาไปด้ ว ยไม่ ไ ด้ เ ลย ความคิดเหล่านี �มีผลให้ จิตใจของข้ าพเจ้ าในช่วงนันสลดลงไปบ้ � าง และใจก็ อ ยากบวช เผื� อ ว่ า จะเป็ นการอุทิ ศ บุญ กุศ ลให้ พี� ช าย แต่ก็เป็ นเพียงความคิดยังไม่มีการตัดสินใจ ต่อมาไม่นาน ข้ าพเจ้ า บังเอิญได้ มีโอกาสไปยังวัดถํ �าผาปู่ กับญาติคนหนึ�ง เป็ นครัง� แรก ที� ข้ า พเจ้ า ได้ เ ข้ า ไปรู้ จัก กับ วัด นี � ข้ า พเจ้ า ประทับ ใจในสภาพ ของวัดนี �มาก โดยเฉพาะ ได้ ไปกราบหลวงปู่ คําดี ปภาโส เลยเกิด อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๒๓


ความคิดขึ �นมาว่า…ที�จริ งแล้ ววัดดีๆ พระดีๆ ที�บวชเพื�อความดี ในเมืองไทยยังมีอยู่ การตัดสินใจทีจ� ะบวชก็ได้ เกิดขึ �นและอยากจะ บวชที�วดั นี � จึงวางแผนว่าจะบวชในช่วงเดือนเมษายนนี � เป็ นเวลา ๑ เดื อน ซึ�งเป็ นช่วงโรงเรี ยนปิ ดเทอม ส่วนช่วงเดื อนมี นาคม ข้ าพเจ้ าต้ องฝึ กรักษาศีล ปฏิบตั ิกิจวัตร และฝึ กท่องคําบวชนาค โดยมี พ ระอาจารย์ ศ รี ท นเป็ นพระอุ ปั ชฌาย์ เมื� อ โรงเรี ย น ปิ ดเทอมแล้ ว กลางเดือนมีนาคม ข้ าพเจ้ าจึงเข้ าไปอยูท่ ี�วดั ถํ �าผาปู่ เพื�อเตรี ยมบวชทันที * ก่ อนบวช ในตอนสายของวันแรกที� อยู่วัด หลังจากที� พระท่านฉัน เรี ยบร้ อยแล้ ว พระพี�เลี �ยง (พระที�มีหน้ าที�คอยสอนข้ อวัตรปฏิบตั ิ และคําท่องบวชนาค) ได้ พาข้ าพเจ้ าไปที�ถํ �าแห่งหนึง� ซึง� อยูอ่ ีกด้ าน ของถํ �าใหญ่ เป็ นถํ �าเล็ก สงบ ไม่มีใครรบกวน ท่านบอกว่าท่าน ใช้ ถํ �านี �เป็ นสถานที�สวดมนต์ และภาวนาอยูบ่ อ่ ยๆ ท่านได้ สนทนา กับข้ าพเจ้ าในเรื� องชีวติ ครอบครัวและการงานเป็ นเวลาชัว� โมงเศษ ท่านจึงให้ ข้าพเจ้ ากลับกุฏิ เพื�อฝึ กท่องคําบวชนาค สภาพกุฏิพระ ของวัดถํ �าผาปู่ แต่ละหลังอยูค่ อ่ นข้ างห่างกัน กุฏิที�พกั ของข้ าพเจ้ า ก็ อ ยู่ ใ นป่ า เงี ย บสงั ด น่ า กลัว โดยเฉพาะกลางคื น ข้ าพเจ้ า นอนไม่ห ลับ ไม่มี อ ะไรจะทํ า ทํ า ให้ ค วามรู้ สึก กลัว ผี ก็ เ กิ ด ขึน� เพราะความมืด อากาศช่วงเดือนมีนาคมก็ร้อน จึงได้ ถอดเสื �อแล้ ว ลองทําสมาธิ เพราะอาจจะช่วยลดความกลัวลงไปได้ บ้าง ข้ าพเจ้ า กําหนดลมหายใจเข้ า - ออกที�บริ เวณจมูก บริ กรรมพุทโธ พุทเข้ า ๒๒๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


- โธออก ตามที�พระพี�เลี �ยงบอก ไม่มีรายละเอียดมากไปกว่านี � ตัง� ใจควบคุม ลมหายใจจนหลงไปใช้ ก ล้ า มเนื อ� ประสาท คื อ เอาร่ างกายเข้ ามาเร่ งจิต แทนที�จะใช้ จิตแต่อย่างเดียว ทําสมาธิ มากเข้ าและนานเข้ าจนทําให้ ปวดศีรษะและขอบตา แต่ก็ด้วย ความพยายามเพื�อต้ องการที�จะดูผลว่าจะมีอะไรเกิดขึน� ถ้ าจิต เป็ นสมาธิ อี ก ทัง� หลบหลี ก ความกลัว ผี จนถึ ง เวลาประมาณ เกือบเที�ยงคืนก็ได้ เกิดสิ�งประหลาดขึ �นคือ ได้ เกิดความเย็นเฉียบ ทีบ� ริเวณหน้ าอกทังๆ � ทีอ� ากาศร้ อน ข้ าพเจ้ าก็พยายามทําสมาธิตอ่ เพราะไม่ร้ ู ว่า เป็ นผลมาจากการทํ า สมาธิ หรื อไม่ ทนทํ าไปสัก พักก็ทนไม่ไหว จึงลุกขึ �นเอาผ้ าเช็ดตัวมาพันทีห� น้ าอกไว้ เพือ� ให้ เกิด ความอบอุ่นแล้ วพยายามทําต่อ แต่อาการนีก� ็ไม่หาย ข้ าพเจ้ า จึงลุกยืนขึ �นทําสมาธิอาการนี �จึงหายไป ข้ าพเจ้ ายืนทําสมาธิสกั พัก แล้ วก็เข้ านอน ข้ าพเจ้ ายังข้ องใจกับอาการนี ตอนแรกคิ � ดว่าจะถาม พระพี� เ ลี ย� งในวัน รุ่ ง ขึ น� แต่ อี ก ใจหนึ� ง ก็ บ อกว่ า อย่ า ถามเลย เอาไว้ ให้ เราฝึ กต่อไปอีกวันสองวันก่อนค่อยถาม คงเพราะเรา ทําไม่ถกู ต้ องเอง * ความอัศจรรย์ ของหลวงปู่ เช้ าวัน รุ่ ง ขึ น� ก็ ไ ด้ ทํ า กิ จ วัต รเหมื อ นเดิ ม วัน นี ข� ้ าพเจ้ า ได้ มี โ อกาสเข้ า ไปกราบหลวงปู่ คํ า ดี ใ นช่ ว งเวลา ๕ โมงเย็ น ท่านสรงนํ �าเสร็จท่านก็ออกมานัง� พักผ่อนอยูท่ หี� ้ องรับแขก ข้ าพเจ้ า ก็ ไ ด้ แค่ นั� ง เฝ้ า ไม่ ก ล้ าถามอะไรท่ า น เพราะหู ห ลวงปู่ ท่ า น ไม่ค่อยได้ ยิน ต้ องตะโกนถาม ข้ าพเจ้ านัง� อยู่สกั พัก ท่านก็ถาม อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๒๕


ข้ า พเจ้ า ว่ า จะมาบวชเข้ า พรรษารึ ข้ า พเจ้ า ตอบท่ า นว่ า …. ไม่หรอกครับ กระผมจะมาบวชเดือนเมษายนเดือนเดียว หลวงปู่ ก็ไม่ได้ ว่าอะไร แล้ วท่านก็พดู ต่อด้ วยนํ �าเสียงที�มีเมตตาว่า……. ผู้ที�จะมาบวชในวัดหลวงปู่ นี � สมัยหลวงปู่ แข็งแรง หลวงปู่ และ พระทังหมดจะปฏิ � บตั ิกนั อย่างเคร่งครัด ไม่คอ่ ยพูดจากัน ยกเว้ น แต่จะปรึกษาข้ อธรรมะ แต่กไ็ ม่เกิน ๑๕ นาที ไม่ใช่วา่ จะขนเอาเรื�อง การเรื� องงาน เรื� องครอบครัว มานัง� คุยกันเป็ นชัว� โมงๆ มันจะทําให้ ภาวนาไม่ดี จิตฟุ้งซ่าน ข้ าพเจ้ ารู้สกึ สะกิดใจขึ �นมาทันทีวา่ …… หลวงปู่ บ่นให้ เราที�เราได้ คยุ กับพระพี�เลี �ยงในถํ �าหรื อเปล่าหนอ..... ท่านรู้ ได้ อย่างไร หลวงปู่ ได้ พดู ต่อว่า การทําสมาธินะ ต้ องให้ จิต กําหนดลมหายใจเข้ าให้ ลกึ ๆ เข้ าไปจนสุดลมหายใจ อย่าอยู่แค่ รูจมูก ข้ อความนี �สะกิดใจข้ าพเจ้ าอีก เหตุการณ์เมื�อคืนที�ผา่ นมานี � คงเป็ นความเมตตาของหลวงปู่ ท่านคงไปสอนเรา ท่านคงเมตตา ชี �จุดลมหายใจให้ เรารู้ แต่เราไม่มีหตู าไวพอที�จะรู้ ได้ ต่อจากนัน� หลวงปู่ ท่านก็ได้ พดู สอนข้ าพเจ้ าอีก ๒ - ๓ หัวข้ อ ซึง� เป็ นปั ญหา คาใจทัง� หมด ข้ าพเจ้ าออกมาจากกุฏิหลวงปู่ เกือบ ๖ โมงเย็น บั ง เอิ ญ เจอกั บ พระพี� เ ลี ย� ง ท่ า นได้ ชวนข้ าพเจ้ าไปดู ค่ า งที� หน้ าถํา� ใหญ่ หลังจากดูค่างสิบกว่าตัวที�ลงมากินผลไม้ หน้ าถํา� เสร็ จแล้ ว พระพี�เลี �ยงชวนข้ าพเจ้ าไปนั�งสมาธิ ในถํ า� ต่อ เพราะ ช่วงนี �ไม่มีนกั ท่องเที�ยวมารบกวน ข้ าพเจ้ าและพระพี�เลี �ยงก็ได้ หา ลานหินเพื�อนัง� สมาธิกนั คนละมุม อากาศในถํ �าเย็นเหมือนติดแอร์ ๒๒๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


* จิตรวมครั ง� แรก ข้ าพเจ้ าได้ ลงมือทําสมาธิตามแบบที�หลวงปู่ แนะนําทันที อากาศก็ เ ย็ น สบาย จิ ต ก็ พ ร้ อม เพราะพึ� ง เกิ ด ศรั ท ธาในการ ตอบปั ญหาของหลวงปู่ อีกทังวิ � ธีการทําสมาธิที�เหมาะสม (เฉพาะ ข้ า พเจ้ า ในเวลานัน� ) เวลาผ่ า นไปไม่ น าน กายของข้ า พเจ้ า ก็เกิดอาการเบาสบาย จิตกําหนดลมหายใจอยู่กบั ที� ตรงบริ เวณ สุด ลมหายใจ หยุด เคลื� อ นเข้ า ออกไปกับ ลมหายใจ เพี ย งแต่ กําหนดรู้ไปกับลมเพียงเบาๆ เท่านัน� ทันใดนันข้ � าพเจ้ ารู้สกึ เหมือน มีนํ �ามูกทีเ� ย็นเฉียบค่อยๆ ไหลผ่านจมูกลงไปทีค� อแล้ วผ่านไปเรื�อยๆ จนถึงสุดลมหายใจ ข้ าพเจ้ าเกิดอาการขนลุกขนพอง จิตแน่นิ�ง นํ า� หู นํ า� ตาไหล มี ค วามสุ ข ตัง� แต่ เ กิ ด มาไม่ เ คยมี ค วามสุ ข เหมื อนครั ง� นี � และเหมื อนมี อะไรจุกท้ อง ทํ าให้ ร้ ู สึกอิ�มทัง� ๆ ที� กินอาหารเช้ าเวลาเดียว ตังแต่ � นนมาข้ ั � าพเจ้ าได้ ขยันทําสมาธิ และ เดินจงกรมมากขึ �น จนเวลาผ่านไปครบกําหนดในการฝึ กเกือบ ๑๐ วัน จากนันข้ � าพเจ้ าได้ เตรี ยมอุปกรณ์ตา่ งๆ ให้ พร้ อมก่อนบวช แต่แล้ วเมื� อใกล้ ถึงเวลาที�กําหนด ได้ มีเหตุหลายๆ อย่าง เช่น หลวงปู่ ป่ วยต้ องเข้ าไปรักษาที�กรุงเทพฯ หรื อพระอุปัชฌาย์ไม่อยู่ ต้ องเข้ าไปเฝ้าหลวงปู่ มีเหตุการณ์อย่างนี �เกิดขึ �น กินเวลาช่วงที� จะบวชในเดือนเมษายน ทําให้ ข้าพเจ้ าจําเป็ นต้ องวางแผนใหม่ คือ ขอลาราชการเพื�อบวชในช่วงเข้ าพรรษา ๓ เดือน เป็ นไปตามที� หลวงปู่ คําดีถามข้ าพเจ้ าจริ งๆ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๒๗


* เปลี�ยนที�จาํ พรรษา ก่อนที�จะถึงวันเข้ าพรรษา ข้ าพเจ้ าได้ รับคําแนะนําจาก พระพี�เลี �ยงว่า โยมอาจารย์บวชที�นี �แล้ วไปจําพรรษาที�อื�นก็ได้ นะ ไม่จําเป็ นต้ องจําพรรษาที�นี� ที�นี�เป็ นวัดใหญ่มีพระจําพรรษาร่ วม ๘๐ - ๑๐๐ รู ป ครู บาอาจารย์ดแู ลไม่ค่อยทัว� ถึง อีกทังคนมาก � ไม่ค่อยสงบ ดังนัน� เวลาผ่านไปประมาณ ๑ สัปดาห์ ก่อนจะ เข้ า พรรษา ข้ า พเจ้ า ได้ มี โ อกาสไปที� วัด ถํ า� ผาบิ ง� ซึ�ง เป็ นวัด ที� หลวงปู่ หลุยลูกศิษย์หลวงปู่ มัน� ได้ สร้ างและได้ อยู่มาก่อน แต่มา ช่วงหลังๆ หลวงปู่ มักจะไปจําพรรษาที�อื�น โดยเฉพาะที�กรุงเทพฯ ดังนัน� วัดถํา� ผาบิ �งจึงมีพระลูกศิษย์ของท่านเป็ นเจ้ าอาวาสแทน เมื�อข้ าพเจ้ าได้ ไปกราบท่านอาจารย์เจ้ าอาวาส ก็เกิดความพอใจ ในสภาพของวัดที�มีป่า มีถํ �า และจํานวนพระก็มีไม่มาก ข้ าพเจ้ า ได้ ขออนุญาตที�จะมาจําพรรษาที�นี� ท่านพระอาจารย์เจ้ าอาวาส ได้ ตอบรั บทันที แต่ท่านบอกว่าวัดนี ป� กติไม่อยากรั บพระที� ลา ราชการมาบวช เพราะเคยรับมาก่อนแล้ วมีปัญหา ส่วนมากจะมี ทิฐิมาก ถือตัวถือตนเลยมีปัญหาในการปกครองในระบบอาวุโส ในพรรษานัน� มีพระจํ านวนทัง� สิน� ๑๐ รู ป ข้ าพเจ้ าอาวุโสเป็ น อันดับ ๙ และไม่มีสามเณร * จําพรรษาที�วัดถํา� ผาบิง� ท่ า นพระอาจารย์ มี เ มตตาต่ อ ข้ าพเจ้ า ท่ า นจั ด กุ ฏิ หน้ าถํ �าใหญ่ เน้ นให้ ข้าพเจ้ าเร่งภาวนาให้ มาก ไม่เน้ นคําสวดมนต์ เพราะถ้ าลาสิกขาไปแล้ วไม่ได้ ใช้ ก็คงลืม ไม่เหมือนการปฏิบตั ิ ๒๒๘ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


สมาธิภาวนา เรื� องงานต่างๆ ในวัดก็ให้ ทําเฉพาะกิจวัตรเท่านัน� และเมื�อมีงานนิมนต์ หรื อมีโอกาสไปกราบครู บาอาจารย์ ท่านก็ มักจะให้ ข้าพเจ้ าติดตามไปด้ วยเพื�อเป็ นประสบการณ์ อีกทังทุ � กๆ ๗ วัน ท่านมักจะถามเรื� องการปฏิบตั สิ มาธิวา่ มีปัญหาอะไรหรื อไม่ ข้ าพเจ้ าบวชก่อนวันเข้ าพรรษา ๒ วัน ด้ วยพิธีที�เรี ยบง่าย โกนหัว ทําพิธีบวชและทําบุญเท่านัน� ในชีวิตการบวชเป็ นพระ ข้ าพเจ้ า ตังใจรั � กษาศีล ขยันทําสมาธิและเดินจงกรม ซึง� ก็มีพื �นฐานมาจาก ถํ �าผาปู่ แล้ ว นอกจากนี �ข้ าพเจ้ าตังใจปฏิ � บตั ิตามกฎของวัด ได้ แก่ ห้ ามนอนกลางวัน ห้ ามนอนก่อน ๕ ทุ่ม ต้ องตื�นนอนก่อนตี ๔ ทํากิจส่วนตัวแล้ วทําสมาธิถึงตี ๕ ทํากิจวัตร กวาดถูศาลา ฯลฯ แล้ วเตรี ยมออกบิณฑบาตที�หมูบ่ ้ านซึง� ไกลจากวัด ๑.๕ กิโลเมตร ดูจากระเบียบของวัดดังกล่าว รวมกับประสบการณ์ทไี� ด้ ปฏิบตั จิ ริง อี ก ทัง� ศี ล วิ นัย แค่ นี ก� ็ เ ป็ นเรื� อ งหนัก ดัง นัน� การบวชเป็ นพระ ไม่ได้ สบายเลย เพราะเป็ นการบวชเพื�อความดี บวชเพื�อพ้ นทุกข์ ก็คงไม่หนักสําหรับท่าน ข้ าพเจ้ าได้ จําพรรษาที�วดั นี �โดยไม่ได้ ร้ ูจกั และศึกษาจริ ตของท่านพระอาจารย์ เจ้ าอาวาสมาก่อน คิดว่า พระปฏิบตั คิ งเหมือนๆ กันทัว� ไป ดังนัน� ด้ วยประสบการณ์ที�มีน้อย และจิตยังไม่ได้ ชําระกิเลส ในช่วงแรกๆ ตังแต่ � เข้ าพรรษาสิ �นเดือน ไปจนถึ ง วั น ที� ๑๖ ดู เ หมื อ นข้ าพเจ้ าจะได้ รั บ ทุ ก ข์ ท รมาน ทางด้ านจิตใจมาก ตามความคิดของข้ าพเจ้ าในช่วงนัน� * สติ - สมาธิไล่ สัญญา ห้ าคืนแรกข้ าพเจ้ าหลับไม่สนิท พอถึงเวลานอนหลัง ๕ ทุม่ อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๒๙


ไปถึ ง ตี ส ามครึ� ง เกื อ บตี สี� ข้ าพเจ้ านอนฝั นตลอดติ ด ต่ อ กั น จับเรื� องราวไม่ถกู ไม่มีเวลาพักเลย เหตุนี �ทําให้ ข้าพเจ้ าอ่อนเพลีย เหมือนคนอดนอน กลางวันก็นอนไม่ได้ มีกฎห้ าม ข้ าพเจ้ าเป็ น คนขยันทําสมาธิและเดินจงกรมมาก มีเวลาก็จะทําทันที รวมทัง� ทํ า งาน ทํ า กิ จ วัต รก็ จ ะฝึ กสติ ฝึ กสมาธิ ไ ปด้ ว ย อาการฝั น นี � เป็ นติดต่อกัน ๕ วันก็หยุดฝั น สามารถนอนหลับได้ อย่างสนิท กว่าเดิมมาก ต่อมาข้ าพเจ้ าถึงได้ ร้ ู ว่า ถ้ าเร่ งทําความเพียร คือ ทําสมาธิ และเดินจงกรมให้ มาก ความรู้ ที�ได้ ยิน ได้ ฟัง ได้ เห็น ที�เรี ยกว่า สัญญา ที�มนั ฝั งลงไปในจิตหรื อผ่านจิตเหล่านี � จะไม่มี โอกาสปรุงแต่ง เพราะการปฏิบตั ิสมาธิ และฝึ กสติควบคุมมันอยู่ สิ�งเหล่านี �เลยไปแสดงออกในเวลานอนหลับ เพราะช่วงเวลานัน� ไม่ มี ส ติ แ ละสมาธิ ไ ปควบคุม จนในที� สุด ….ถ้ า เร่ ง การปฏิ บัติ อย่างต่อเนื�อง สิง� หยาบๆ เหล่านี �ก็จะสงบเงียบไปจากจิต…… * ธรรมะตามธรรมชาติได้ เกิดขึน� พื �นฐานกิเลสที�เห็นได้ ชดั ที�เป็ นตัวสร้ างความเศร้ าหมอง ให้ แก่จิตของข้ าพเจ้ า คือการเอาแต่ใจตนเอง โกรธง่าย เนื�องจาก ข้ าพเจ้ าไม่ร้ ูจริตของท่านพระอาจารย์มาก่อน จึงเกิดอาการต่อต้ าน ในใจสะสมเข้ าไปเรื� อยๆ โดยเฉพาะคําพูด คําสอน ท่านจะด่า จะว่าไปหมด ไม่วา่ จะเป็ นพระหรื อเป็ นชาวบ้ าน หรื อเป็ นเรื� องใดๆ ที�ท่านพูดถึง ( ตามความคิดของข้ าพเจ้ าในเวลานัน� ) ข้ าพเจ้ า ไม่ชอบจริตอย่างนี �อยูแ่ ล้ ว อีกทังเคยมี � ประสบการณ์กบั หลวงปู่ คําดี ชอบจริ ตท่านมาก มีความเมตตา พูดจาอ่อนหวาน ไม่เคยเห็น ๒๓๐ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


ท่านโกรธพูดจาว่าใคร ทําให้ ข้าพเจ้ าเอาสิง� เหล่านี �มาเปรี ยบเทียบ เป็ นเหตุให้ ข้าพเจ้ าเก็ บเอาทุกเรื� องที� เข้ าใจว่าพระอาจารย์ ด่า เข้ าไปเก็บไว้ ในใจตัวเอง แล้ วโกรธแทนเขาเหล่านัน� โกรธมากแม้ กระทั� ง นึ ก ในใจว่ า เราคงอยู่ ที� นี� ไ ม่ ไ หว คงจะต้ องลาสิ ก ขา กลางพรรษา ซึง� ตามประเพณีแล้ วไม่มีใครทํา เพราะถือว่าไม่เป็ น สิริมงคล ต้ องวิบตั ิ แต่ข้าพเจ้ าจะทําให้ ดเู ป็ นคนแรกของโลก ดูแล้ ว เก่งกล้ ามาก กล้ าในสิง� ที�ไม่ดี ที�เป็ นกิเลส ตัณหา อุปาทาน แทนที� จะเอาความเก่งกล้ าเหล่านี �ไปฟาดฟั นกับกิเลส ดังนัน� ความโกรธจากสาเหตุทัง� หลายเหล่านี � มักจะไป ก่อกวนความสงบในสมาธิของข้ าพเจ้ า ขณะที�ข้าพเจ้ านัง� สมาธิ หรื อเดินจงกรมอยู่ แต่อย่างไรข้ าพเจ้ าก็ไม่ได้ ทิ �งการปฏิบตั ิ ยังทํา เป็ นกิ จประจํ าและไม่เคยแสดงออกให้ ใครรู้ เพราะความเป็ น พระที�ต้องรักษาศีลและมีความเคารพต่อครูบาอาจารย์ เวลาผ่าน ไปถึงวันที� ๑๖ ของการบวช วันนันเป็ � นเวลาประมาณบ่ายโมง ข้ าพเจ้ ากํ าลังเดินจงกรมอยู่ จู่ๆ ในจิตมันก็ผุดขึน� มาว่า ที�เรา ระสํา� ระสายกับความโกรธ มันทุกข์มนั ร้ อนทรมานอยูน่ ี� เราเป็ นบ้ า และโง่เขลาไปหรื อเปล่า ภาพที�จิตใจรวมทังอาการที � �มนั แสดงออก ในแต่ล ะวันด้ วยไฟโกรธ ได้ ป รากฏให้ เห็นขึน� มาอย่างเด่นชัด ให้ เห็ น ถึ ง ผลที� ไ ฟโกรธมัน เผาผลาญจิ ต จากนัน� จิ ต มัน ก็ ไ ป หาเหตุผลอื�นมายืนยันสาเหตุที�ทําให้ เราโกรธท่านพระอาจารย์นนั � มันมีเหตุผลพอเพียงทีเ� ราจะโกรธหรือเปล่า จิตมันไล่ไปทีละอย่างๆ อันแรกคือ ท่านพระอาจารย์ดา่ เราหรื อเปล่า เปล่าเลย ท่านไม่เคย อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๓๑


ด่าเราสักครัง� เดียว ท่านมีแต่ให้ ความเมตตาแก่เรา ตังแต่ � รับเรา เข้ ามาจําพรรษาทีน� ี� จัดเลือกกุฏใิ ห้ ให้ คาํ ปรึกษาสําหรับการปฏิบตั ิ สมาธิและอื�นๆ จนถึงข้ อสุดท้ าย จิตมันเสนอขึ �นมาว่า แล้ วทําไม ท่านชอบด่า ชอบว่า คําตอบก็จากจิตเช่นเดียวกันก็ตอบว่า….. นัน� มันจริ ตนิสยั ท่าน ก็ช่างท่านซิ คนไม่เหมือนกัน จะให้ ทกุ คน เป็ นอย่างเราได้ อย่างไร แค่นี �จิตมันก็ยอมรับเหตุผล ข้ าพเจ้ ารู้สกึ ตื น� ตัน ใจ นึ ก รั ก และเคารพพระอาจารย์ ขึ น� มา จิ ต เบาและ ปลอดโปร่ง ต่อจากนันปั � ญญาก็เกิดขึ �นมาอีกว่า นีห� รือทีเ� ขาเรียกว่า หนามยอกเอาหนามบ่ ง จะชนะความโกรธที� มัน ฝั ง ตัว ลึก อยูข่ ้ างในนัน� ก็ต้องเตรี ยมเครื� องมือคือ ธรรมะของพระพุทธเจ้ า ไว้ ให้ พร้ อม จากนันก็ � ยคุ วามโกรธให้ มนั ลอยตัวฟูขึ �นมาให้ เห็น อย่างเด่นชัด แล้ วใช้ เครื� องมือคือ ปั ญญานีช� ้ อนทิง� ไป แทนที�จะ เก็บบ่มฝั งไว้ ข้างในแล้ วเคลือบด้ วยความหวาน ความไพเราะ ที�เราชอบ ถ้ าเราไม่มีสนามฝึ กอย่างนี �แล้ ว เราคงล้ มกิเลสตัวใหญ่ ตัวนี �ไม่ได้ เลย ตังแต่ � นนมา ั � สิง� ที�คอยกวนจิตข้ าพเจ้ าแทบไม่มีเลย การปฏิบตั ิสมาธิ ก็ทําได้ ดี ปลอดโปร่ งมาก และที�สําคัญ นิสยั ของข้ าพเจ้ าเปลีย� นแปลงไปมาก นี�คือผลจากพระธรรมคําสัง� สอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า ช่างมีพระคุณจริ งให้ ผลจริ ง ตลอดช่วงเวลาเข้ าพรรษา ๓ เดือนที�ข้าพเจ้ าได้ บวชอยูใ่ น วัดแห่งนี � ได้ มีสิ�งอัศจรรย์หลายอย่างที�ทําให้ ประหลาดใจ เช่น มีเสียงดังปลุกให้ ตนื� ช่วงเวลากลางคืนที�ข้าพเจ้ าทําสมาธิอยูใ่ นกุฏิ แล้ วเกิดหลับในเนื�องจากอดนอน หรื อเหตุผลใดๆ ก็ตาม ทุกครัง� ๒๓๒ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


จะมีเสียงดัง เหมือนมีนกตัวใหญ่ๆ บินมาชนกุฏิ ทําให้ ข้าพเจ้ า สะดุ้งตื�นจากการหลับในแล้ วทําสมาธิตอ่ และยังมีอีกครัง� หนึง� ซึง� เป็ นเวลาประมาณ ๖ โมงเย็น หลังจากที�ข้าพเจ้ าได้ ทํากิจส่วนตัว เสร็ จแล้ ว ได้ นงั� ทําสมาธิอยูห่ น้ าถํ �า พอจิตเป็ นสมาธิดีพอควรแล้ ว ปรากฏว่าได้ มเี หตุการณ์เหมือนแผ่นดินไหวอยูป่ ระมาณ ๒ - ๓ นาที ข้ าพเจ้ าได้ แต่กําหนดจิตรับรู้เหตุการณ์เฉยๆ ไม่ออกจากสมาธิ * จิตสงบลึก อี ก ครั ง� หนึ�ง เกิ ด ขึน� ในเวลากลางวัน ข้ า พเจ้ า ได้ เ ข้ า ไป ทําสมาธิ ในถํา� ซึ�งอยู่คนละด้ านกับถํา� ใหญ่ข้างกุฏิของข้ าพเจ้ า ถํ �านี �มืดมาก อากาศเย็นและค้ างคาวเยอะ ข้ าพเจ้ าไม่กล้ าที�จะ เข้ าไปตอนกลางคืน ครัง� นี �ถือว่าเป็ นครัง� แรกทีข� ้ าพเจ้ าได้ ลองเข้ าไป ทําสมาธิ ข้ าพเจ้ าได้ นงั� สมาธิบนแคร่ที�อยูใ่ นนัน� ซึง� กว่าจะมองเห็น ก็ต้องรอให้ สายตาชินกับความมืดอยู่นาน อากาศในถํ �าเย็นมาก เสี ย งค้ างคาวดัง เป็ นระยะๆ ข้ าพเจ้ ามี ค วามรู้ สึ ก กลัว นิ ด ๆ เพราะแปลกที� จึงมีสติคอยระวังอยูต่ งแต่ ั � เวลาเกือบเที�ยง ข้ าพเจ้ า ทําสมาธิไปไม่นาน จิตสงบลงไปลึก จนกายทุกส่วนหายไปหมด ไม่มีตวั ตน มีแต่ตวั ผู้ร้ ู และสติกํากับรู้เด่นอยูอ่ ย่างนัน� เวลาผ่านไป ระยะหนึ�ง มี ค วามรู้ สึก ว่า ไม่ น าน อาจจะประมาณ ๑๕ นาที จึงค่อยๆ รู้ สึกทีละนิดว่าขาอยู่ตรงไหน แขนอยู่ตรงไหน แต่จิต ก็ยงั คงเป็ นสมาธิ ผ่านไปอีกสักพักค่อยๆ มีความรู้ สกึ ว่าปวดขา ต้ องเปลี�ยนท่านัง� สภาพจิตอิ�มสบายเหมือนเพิ�งได้ พกั ผ่อน กินอิ�ม และหลับสบายมาใหม่ๆ ข้ าพเจ้ าออกจากถํ �า ดูนาฬิกาเป็ นเวลา อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๓๓


บ่าย ๓ โมง จิตสงบอยูร่ ่วม ๓ ชัว� โมง แต่ร้ ูสกึ เหมือนไม่นาน จิตนี � ช่ า งอัศ จรรย์ เ หลื อ เกิ น ลึก ลับ ซับ ซ้ อ น องค์ ส มเด็ จ พระสัม มา สัมพุทธเจ้ า พระองค์ทรงสอนให้ เราทังหลายปฏิ � บตั สิ มาธิ วิปัสสนา เพื�ออบรมฝึ กหัดและพิสจู น์ว่า…. จิตที�มองไม่เห็นนี �มีจริ งหรื อไม่ เป็ นไปตามคําสอนของพระองค์ ในเรื� องขันธ์ ๕ จริ งหรื อไม่ว่า ขันธ์ ๕ ประกอบด้ วยกายและจิต หมดภพหมดชาตินี �แล้ วจะไปดี เป็ นมนุษย์ เป็ นเทวดา เป็ นพรหม เป็ นพระอรหันต์ หรื อจะตกตํ�า เป็ นสัตว์เดรัจฉาน อสุรกาย เปรต และสัตว์นรก ก็ขึ �นอยู่กบั จิต การฝึ กจิต การอบรมบ่มนิสยั จิต การสร้ างความดีให้ แก่จิต แทนที� จะทุม่ เทให้ แก่กายอย่างเดียว หลงเข้ าไปเกาะยึดมัน� ถือมัน� กับกาย ที�มนั มองเห็น ที�มนั เรี ยกร้ องให้ ทําสิง� ต่างๆ ให้ แก่มนั จนลืมจิต หรื อ อาจจะปฏิเสธจิตที�มนั มองไม่เห็น แต่มนั ยิง� ใหญ่เหลือเกิน ยิง� ใหญ่ เกินกาย ดังนันความไม่ � ร้ ูแล้ วทําให้ หลงนี �จึงทําให้ จิตมีเชื �อ มีกิเลส ตัณหา อุปาทาน สังโยชน์ ๑๐ เป็ นสิง� ร้ อยรัด เป็ นเชื �อให้ เวียนว่าย ตายเกิดอยูอ่ ย่างนี �

๒๓๔ ประสบการณการปฏิบัติธรรม


อาจารย์และคณะ ขณะปฏิบตั ธิ รรมที�ภวู วั จ.บึงกาฬ กิจกรรมครัง� นี � ท่านพระอาจารย์ประสิทธิ� ได้ เมตตารับนิมนต์มาร่วมปฏิบตั ธิ รรมด้ วย

อาจารยสถาพร มงคลวัจน ๒๓๕


อาจารย์สถาพร ขณะปฏิบตั ธิ รรมทีภ� วู วั จ.บึงกาฬ ๒๓๖ ประสบการณการปฏิบัติธรรม




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.