109
N O V 8 -1 4 , 2 0 1 7
REBELLIOUS
HAM EDITOR’S TALK ปีที่ 2 ฉบับที่ 109 วันที่ 8-14 พ.ย. 2560
We may have lost the battle but not the war ผมนั่งดูซีรีส์ Project S The Series | SOS skate ซึม ซ่าส์ ซึ่งมีเนื้อหา เกี่ยวกับผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า น�ำแสดงโดย เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ นักแสดงหนุ่มที่ได้รับค�ำชมอย่างล้นหลามในการเข้าถึงบทบาทผู้ป่วย โรคซึมเศร้าในซีรีส์นี้ ไม่เพียงแค่เจมส์ที่ต้องการจะเข้าถึงบทบาทและถ่ายทอดสภาวะของ ผูป้ ว่ ยโรคซึมเศร้า ผูผ้ ลิตซีรสี น์ เี้ องก็ตอ้ งการให้คนดูได้เข้าถึงและเข้าใจผูป้ ว่ ย โรคซึมเศร้าเช่นเดียวกัน แม้จะเป็นการน�ำเสนอในอีกรูปแบบหนึ่งก็ตาม ชื่อของโรคซึมเศร้าเพิ่งจะปรากฏอย่างแพร่หลายในช่วงปีเศษที่ผ่านมา ก่อให้เกิดทั้งองค์ความรู้ใหม่ๆ ในการเรียนรู้และท�ำความเข้าใจต่อโรคและ ผู้ป่วยโรคนี้ รวมไปถึงวิวาทะต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นจนกลายเป็นดราม่า ในโลกโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง จนดูเหมือนว่าโรคซึมเศร้านั้นมีมิติที่ต้อง ท�ำความเข้าใจมากไปกว่าเพียงด้านการแพทย์ และเป็นมิติที่เกี่ยวกันทั้งผู้ที่ เป็นโรคและผู้ที่ไม่เป็นโรค แต่ต้องติดต่อมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นโรค ทีแรกผมก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องโรคซึมเศร้าเท่าไหร่ จนเมื่อต้องสูญเสีย เพื่อนสนิทจากการฆ่าตัวตาย โดยมารู้ทีหลังว่าเธอเป็นโรคซึมเศร้า เราเป็นเพือ่ นกันตัง้ แต่เรียนมหาวิทยาลัย แม้วา่ จะอยูต่ า่ งคณะ ค�ำอธิบาย ถึงบุคลิกลักษณะของเธอสั้นๆ ที่ทุกคนเห็นตรงกันก็คือ เธอเป็นคนไฮเปอร์ ร่าเริงสดใส ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พูดจาเร็ว คล่องแคล่ว ชอบความ โลดโผน มักมีกิจกรรมท�ำตลอดเวลา และเป็นที่รักของเพื่อนทุกคน ในวิชาเรียนภาษาอังกฤษ เธอคือบัดดี้ของผมในการพรีเซนต์งาน จ�ำได้ ว่าในขณะที่คนอื่นเตรียมหัวข้อเพื่อพรีเซนต์หน้าห้องเรียนได้อย่างน่าเชื่อถือ ดูมีภูมิรู้ ท�ำการบ้าน และตระเตรียมมาอย่างดี เราสองคนที่มักจะโดดเรียน ไปเที่ยวเล่นเป็นส่วนใหญ่ จึงเลือกพรีเซนต์งานในชั่วโมงเรียนภาษาอังกฤษ ด้วยการร้องเพลงคู่ Cruisin’ ของ Huey Lewis และ Gwyneth Paltrow จาก ภาพยนตร์เรือ่ ง Duets และเอาตัวรอดผ่านมาได้ดว้ ยเสียงปรบมือของเพือ่ นๆ ในชั้นเรียน จวบจนเรียนจบ แยกย้ายชีวิตไปท�ำงาน เธอไปท�ำงานเป็นพนักงาน ต้อนรับในสายการบินตะวันออกกลาง เมื่ออิ่มตัวจึงลาออกมาดูแลรีสอร์ต และสวนผักปลอดสารพิษของตัวเองที่วังน�้ำเขียว เรายังเจอกันเหมือนเดิม แม้จะนานๆ ทีก็ตาม เช่นเดียวกันกับก่อนที่เธอจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย เรา และเพื่อนทั้งกลุ่มเดินทางไปพักผ่อนด้วยกันที่พัทยา เช่าบ้านอยู่ด้วยกัน คืนวันแห่งความสนุกสนานเหมือนเมื่อครั้งยังเรียนมหาวิทยาลัยกลับมา อีกครั้ง เธอก็ยังเป็นเธอคนเดิม ที่สดใสร่าเริงและไฮเปอร์ ถึงแม้ดีกรีความ ไฮเปอร์จะลดลงไปบ้าง เพราะโรคภัยไข้เจ็บทางกายที่เพิ่งผ่าตัดมา ที่เล่ามาทั้งหมดนั้นเพื่อจะบอกว่า ผมและเพื่อนทุกคน ไม่เคยเห็นวี่แวว ของโรคซึมเศร้าที่ซ่อนอยู่ในตัวเธอเลยแม้แต่น้อย หลังที่เธอจากลาไป เพื่อนทุกคนคุยกันเงียบๆ ถึงสาเหตุการตัดสินใจ ฆ่าตัวตายของเธอ และไม่เคยพูดถึงอีกเลย ในงานศพเราต่างยิม้ แย้มแจ่มใส
P.14
P.22
และพูดถึงแต่คืนวันดีๆ ที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเรา แต่มีสิ่งหนึ่งในใจที่ผม รู้สึกและคิดว่าเพื่อนๆ ทุกคนก็คงรู้สึก แต่ไม่พูดออกมาก็คือ เราล้วนต่าง ตั้งค�ำถามกับตัวเอว่า “ถ้าเพียงแต่เราได้รู้ก่อน มันอาจจะ....” ไม่มีใครให้ค�ำตอบนี้ได้ แม้กระทั่งตัวละคร ‘บู’ ใน Project S The Series | SOS skate ซึม ซ่าส์ คาแร็กเตอร์ของบู ก็ไม่เหมือนคาแร็กเตอร์ เพื่อนของผม แม้ทั้งคู่จะเป็นโรคเดียวกันก็ตาม มีการถกเถียงมากมายจากหลายฝ่าย ทั้งตัวผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้า ผู้ที่ ดูแลใกล้ชิดผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ผู้ที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์ที่ได้รับการเรียกร้อง ในการปฏิบัติตัวต่อผู้ป่วยโรคซึมเศร้า จนบางครั้งการถกเถียงเหล่านั้น ก็ลุกลามใหญ่โตไปสู่ดราม่าแห่งความ ‘ไม่เข้าใจกัน’ ต่างฝ่ายต่างเรียกร้อง ความเข้าใจ ทั้งผู้ป่วยและผู้ที่ไม่ป่วยแต่ต้องปฏิสัมพันธ์กับผู้ป่วย การถกเถียงเป็นสิ่งที่ดี แม้ว่ามันจะน�ำไปสู่ดราม่า แต่ก็ยังเห็นว่ามี ความพยายามที่จะสร้างความเข้าใจระหว่างกัน อย่างน้อยมันก็ดีกว่า ความเพิกเฉยที่ไม่พยายามจะเข้าใจกันเลย เพราะสิ่งที่น่าเศร้าที่สุดส�ำหรับผม มันคือการสูญเสีย โดยที่เรายังไม่รู้ หรือเริ่มจะท�ำความเข้าใจว่ามันคืออะไร และเราสามารถจะท�ำอะไรได้บ้าง เพื่อเยียวยาอาการดังกล่าว เพราะค�ำถามที่ว่า “ถ้าเพียงแต่เราได้รู้ก่อน...” ในวันเวลาที่สายเกิน จนไม่อาจจะหาค�ำตอบได้ว่า ผลลัพธ์ลงเอยจะเปลี่ยนไปไหม...มันเป็นเรื่อง เจ็บปวด
สันติชัย อาภรณ์ศรี บรรณาธิการบริหาร
website issuu.com/hamburgermagazine
E-MAIL hamburgermag@gmail.com
Facebook hamburgermagazine
P.25
P.26
THE MAKING OF • สำ�หรับคอกาแฟต้องไม่พลาด กับการพาไปชิมกาแฟจากทั่วโลก ณ D’ark by Phillip Di Bella ร้านใหม่สุดฮิปในซอยสุขุมวิท 49 P28 • คุยกับผู้กำ�กับซีรีส์ Project S The Series | SOS skate ซึม ซ่าส์ ถึงแรงบันดาลใจและความ ยากลำ�บากกว่าจะออกมาเป็น ซีรีส์เรื่องนี้ P30 InstaGram hamburgermagazine
t wit ter hamburger_mag
ทีป ่ รึกษา สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย, ปิยะ ปิยะสมบัตก ิ ล ุ , พรรณภิลาศ พลธนะวสิทธิ์ บรรณาธิการผูพ ้ ม ิ พ์โฆษณา สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย บรรณาธิการทีป ่ รึกษา นิภา เผ่าศรีเจริญ บรรณาธิการบริหาร สันติชยั อาภรณ์ศรี สไตลิสต์ ชนิตตนัณท์ ณรงค์ฤทธิธ์ ำ� รง บรรณาธิการความงาม นิอร สุขวัจน์ กองบรรณาธิการ ภูมิ ชืน ่ บุญ, เสาวภัคย์ อัยสานนท์ พิสจ ู น์อก ั ษร ดวงใจ ตัง้ สายัณห์ บรรณาธิการภาพ คเชนทร์ วงศ์แหลมทอง ช่างภาพ ณัฐพล วุฒเิ พ็ชร์, สรรพัชญ์ วัฒนสิงห์ บรรณาธิการศิลปกรรม ญาณ์สินี เนื่องจ�ำนงค์ ช่างภาพวิดีโอและตัดต่อ ฐิติ กลิ่นสมร ธุรการ ณัฐรดา ตระกูลสม ผู้จัดการฝ่ายโฆษณา ภักดิ์คนางค์ บุญสม คาชิโนกิ ผูช ้ ว ่ ยผูจ ้ ด ั การฝ่ายโฆษณา ณัฐชัญญาภัค เนือ ่ งจ�ำนงค์, ธัญญ์ฐต ิ า ปุณยศิรอนันต์ ฝ่ายโฆษณาอาวุโส นรัชพร แสงสุวรรณ, สุภาวดี ศิวานนท์ ผูจ ้ ด ั การฝ่ายผลิต สุกญ ั ญา ทศวงศ์ชาย ผูจ ้ ด ั การฝ่ายประชาสัมพันธ์ สาวิตรี เหล่ารอด ผูจ ้ ด ั การฝ่ายดิจท ิ ล ั มีเดีย ธนาคาร จันทิมา ผู้ประสานงานฝ่ายดิจิทัลมีเดีย สิรินารถ อินทะพันธ์ ผู้ช�ำนาญการฝ่ายดิจิทัลมีเดีย กะรัตเพชร บุญลักษณ์ศิริ เจ้ า ของ บริ ษั ท เดย์ โพเอทส์ จ� ำ กั ด เลขที่ 33 ซอยศู น ย์ วิ จั ย 4 แขวงบางกะปิ เขตห้ ว ยขวาง กทม. 10310 โทร. 0-2716-6900-4 แฟกซ์ 0-2716-6900-4 ต่ อ 506 เว็ บ ไซต์ www.hamburger-magazine.com แยกสี บริ ษั ท คลาสิ ค สแกน จ� ำ กั ด โทร. 0-2291-7575 พิ ม พ์ คอมฟอร์ ม โทร. 0-2368-2942-7 สงวนลิขสิทธิ์ การน�ำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของนิตยสารไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย Owner Day poets Co.,Ltd 33 Soonvijai 4, Bangkapi, Huai Kwang, Bangkok, 10310 Tel. 0-2716-6900-4 Fax 0-2716-6900-4 ext.506 More Information www.daypoets.com Color Separating Classic Scan Co.,Ltd. Tel. 0-2291-7575 Printing Comform Tel. 0-2368-2942-7 All rights reseved. Reproduction in whole or in part without written permission is strictly prohibited. ติดต่อโฆษณา ภักดิ์คนางค์ บุญสม คาชิโนกิ 08-6626-1462 • ณัฐชัญญาภัค เนื่องจ�ำนงค์ 09-3542-4626 • ธัญญ์ฐิตา ปุณยศิรอนันต์ 08-8895-6414 • นรัชพร แสงสุวรรณ 08-4928-3445 • สุภาวดี ศิวานนท์ 08-8176-0798 ติดต่อกองบรรณาธิการ 0-2716-6900-4 ต่อ 506
HAM HARD DISK
EMELIE
ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่ ซาราห์ โบลเกอร์ แสดงคือ Emelie (ไมเคิล เธอลิน, 2015) รับบท เป็น เอมิลี พี่เลี้ยงเด็กที่เป็น โรคจิตแฝง ผู้สร้างความ หวาดหวั่นให้เด็กน้อยในความ ดูแลของเธอ ก่อนจะหันไป เอาดีดา้ นการแสดงซีรสี โ์ ทรทัศน์ อย่าง Into the Badlands, Agent Carter และ Mayans MC
WHAT’S GO I N G ON
CARNAGE FROM BABYSITTER
Adventures in Babysitting (คริส โคลัมบัส, 1987) ถือเป็น ภาพยนตร์เกี่ยวกับพี่เลี้ยงเด็กที่ ประสบความส�ำเร็จมากเรือ่ งหนึง่ ด้วยการท�ำเงินได้ถงึ 34.3 ล้าน ปอนด์ จากทุนสร้าง 7 ล้านปอนด์ พร้อมส่งให้ คริส โคลัมบัส เป็น ผูก้ ำ� กับชือ่ ดัง ส่วนภาพยนตร์ เรือ่ งนีก้ ถ็ กู รีเมกเป็นภาพยนตร์ โทรทัศน์ในปี 2016 ทางช่อง ดีสนียโ์ ดย จอห์น ชูลท์ซ
ต�ำแหน่งพี่เลี้ยงเด็กที่แข็งแกร่ง ที่สุดในโลกภาพยนตร์ คงไม่มี ใครเหมาะสมเท่ากับ เชน วูล์ฟ (วิน ดีเซล) จากภาพยนตร์ The Pacifier (อดัม แชงก์แมน, 2005) เพราะเขามีดีกรีเป็นถึง นาวิกโยธินมือดีของสหรัฐฯ ที่จับพลัดจับผลูมารับงาน พี่เลี้ยงเด็กอย่างเสียไม่ได้
Nanny & Babysitter
HIGHEST GROSSING FILM
หนึ่งในงานพาร์ตไทม์ที่เห็นบ่อยๆ ในภาพยนตร์ ฮอลลีวูดคือ ‘พี่เลี้ยงเด็ก’ ที่มักถูกเรียกใช้เมื่อ คุณพ่อคุณแม่ต้องออกไปปาร์ตี้ค่ำ�ๆ หรือ ไม่อยู่บ้านหลายวัน เพราะไม่อยากปล่อยลูกให้ อยู่คนเดียวเหงาๆ แบบไม่มีคนดูแล แต่การเรียกใช้ พี่เลี้ยงเด็กเกือบทุกเรื่องในภาพยนตร์ มักทำ�ให้ ปัญหาและความวุ่นวายตามมามากมาย
QU OTE OF THE W EE K “คำ�ว่า ‘รัก’ ของแต่ละคน แตกต่างกัน คนเราก็เช่นกัน... เมือ ่ ทำ�ดีทส ่ี ด ุ แล้วก็ตอ ้ งรับรู้ เข้าใจ และปล่อยวาง” คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ
04
หลัง เชียร์ลีย์ ไลเนอร์ (แคท เธอรีน วอเตอร์สัน) พี่เลี้ยงเด็ก และตัวละครหลักจาก The Babysitters (เดวิด รอสส์, 2007) ได้เสียกับนายจ้างและได้ค่า เสียเวลาเพิ่มอีกเท่าตัว เธอก็ ตัดสินใจผันตัวจาก babysitter มาเป็น call girl หรือสาว ไซด์ไลน์ พร้อมชวนเพื่อนใน ไฮสคูลมาท�ำกันเป็นขบวนการ
THE STRONGEST BABYSITTER
ถ้าได้ดู The Babysitter (แม็คจี, 2017) ของ Netflix แล้วจะพบ ว่าเอมิลี จาก Emelie เป็น พี่เลี้ยงเด็กที่น่ารักไปเลย บี (ซามารา วีวิง) พี่เลี้ยงเด็กและ ผองเพื่อนของเธอโหดกว่า หลายขุม เพราะพวกเธอฆ่าคน แบบไม่เลือกหน้าเพือ่ ความสนุก และพิธีกรรมแปลกๆ ที่ไม่ควร เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเด็ดขาด
ADVENTURES IN BABYSITTING
BABYSITTER TRANS TO CALL GIRL
The Sound of Music (โรเบิร์ต ไวส์, 1965) เป็นภาพยนตร์ที่ เกี่ยวข้องกับชีวิตของพี่เลี้ยงเด็ก คนหนึ่ง ที่ท�ำเงินได้มากถึง 286.2 ล้านเหรียญฯ จากทุนสร้าง แค่ 8.2 ล้านเหรียญฯ แต่ถ้า ปรับค่าเงินตามอัตราเงินเฟ้อ จะได้เท่ากับ 2,366 ล้านเหรียญฯ และจะกลายเป็นภาพยนตร์ ท�ำเงินสูงสุดอันดับ 5 ในประวัติศาสตร์ไปทันที
THE BEST OF A N N E H AT H AWAY
• The Princess Diaries (แกร์รี มาร์แชลล์, 2001): ภาพยนตร์เรื่อง แรกในชีวิตของแอนน์ แฮทธาเวย์ ในบท มีอา เธอร์โมโปลิส เจ้าหญิง มือใหม่ ทีส ่ ง ่ ให้เธอกลายเป็นนักแสดง ชือ ่ ดังและขวัญใจของคนทัง ้ โลก
• Rachel Getting Married (โจนาธาน เดมเม, 2008): ภาพยนตร์เรื่องแรกที่มีชื่อของ แอนน์ แฮทธาเวย์ ได้เข้าชิงออสการ์ และลูกโลกทองค�ำ แต่สุดท้ายก็แพ้ ให้กับเคต วินสเลต ทั้ง 2 รางวัล
• Love & Other Drugs (เอ็ดเวิร์ด ซวิก, 2010): แอนน์ แฮทธาเวย์ รับบท แม็คกี เมอร์ด็อก ศิลปิน สาวสวยผู้ไม่ยอมมีสัมพันธ์แบบ ผูกมัด ได้เข้าชิงรางวัลลูกโลก ทองค�ำเป็นครั้งที่ 2 แต่ก็แพ้ให้กับ แอนเนตต์ เบนนิ่ง ในท้ายที่สุด
• Les Misérables (ทอม ฮูเปอร์, 2012): ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ส่งให้ แอนน์ แฮทธาเวย์ ได้รับรางวัล ออสการ์ ลูกโลกทองค�ำ และ บาฟต้าเป็นครั้งแรกในชีวิต จากบท ฟองตีน กรรมกรสาวชาวปารีส ผู้ที่มีชีวิตอาภัพ
Noel Gallagher & Paul Weller
เพลง Holy Mountain ซิงเกิลแรกใน อัลบั้ม Who Built the Moon? อัลบั้ม ใหม่ของวง Noel Gallagher’s High Flying Birds นับเป็นการร่วมงานกันครั้งที่ 4 ระหว่าง โนล กัลลาเกอร์ และพอล เวลเลอร์ นักร้องและมือกีตาร์ระดับต�ำนานชาวอังกฤษ ต่อจากเพลง I Walk on Gilded Splinters (อัลบั้ม Stanley Road ของพอล เวลเลอร์) One X One (อัลบั้ม Illumination ของพอล เวลเลอร์) และ Echoes Round the Sun (อัลบั้ม 22 Dreams ของพอล เวลเลอร์) ทว่า สิ่งที่พอลท�ำให้เพลงนี้ไม่ใช่การเล่นกีตาร์ แต่เป็นการเป่าออร์แกน
ช่างภาพ: สรรพัชญ์ วัฒนสิงห์ สไตลิสต์: กีกี้
แว่นตา จาก EVERYDAY KARMAKAMET เสื้อ จาก GREYHOUND กางเกง จาก CARBON
จัมป์สูท จาก EVERYDAY KARMAKAMET
แจ็กเก็ต จาก LEISURE PROJECT เสื้อเชิ้ต จาก EVERYDAY KARMAKAMET กางเกงยีนส์ จาก LEISURE PROJECT
เสื้อเชิ้ต จาก TAKARA WONG
สูท จาก LEISURE PROJECT เสื้อ จาก LEISURE PROJECT กางเกง จาก LEISURE PROJECT
แว่นตา จาก EVERYDAY KARMAKAMET เสื้อ จาก GREYHOUND กางเกง จาก CARBON
จัมป์สูท จาก EVERYDAY KARMAKAMET
นายแบบ: ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ แต่งหน้า/ทำ�ผม: พัทธ์ธีรา ปารย์นิราวาทย์ ผู้ช่วยช่างภาพ: โชติธัช เจนเกียรติฟู ผู้ช่วยสไตลิสต์: ณัฐวรา เตย
DELVE INTO
เรื่อง: ภูมิ ชื่นบุญ ภาพ: สรรพัชญ์ วัฒนสิงห์ สไตล์: กีกี้
CHARACTE
ER:
HAM INTERVIEW
ดำ�ดิ่งสู่โลกตัวละคร
ทีค ่ าดหัว จาก EVERYDAY KARMAKARMET เสือ ้ เชิต ้ จาก TAKARA WONG แจ็กเก็ตและกางเกง จาก LEISURE PROJECT
HAM INTERVIEW
ที่คาดหัว จาก EVERYDAY KARMAKARMET เสื้อเชิ้ต จาก TAKARA WONG แจ็กเก็ตและกางเกง จาก LEISURE PROJECT
อาจเป็นเพราะบทบาทการแสดงแทบทุกเรื่องที่ เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ ได้รับ นับตั้งแต่เดบิวต์ จากซีรีส์ Hormones วัยว้าวุ่น เมื่อ 3 ปีก่อน จนถึง ภาพยนตร์ ฉลาดเกมส์โกง ในปีน้ี วนเวียนอยูก ่ บ ั ภาพจำ� ของหนุม ่ เท่ บ้านรวย เพลย์บอย เหมือนเล่นเป็นตัวเอง ตลอดเวลา เราจึงเห็นพัฒนาการด้านการแสดงของ เขาไม่ค่อยชัดสักเท่าไร ทั้งที่ความจริงฝีมือของเขา ดีขึ้นเรื่อยๆ ก็ตาม จนเมื่อเขาตัดสินใจคว้าบท ‘บู’ ตัวละครที่ป่วยเป็น โรคซึมเศร้าในซีรีส์ ‘SOS skate ซึม ซ่าส์’ ซึ่งมีบุคลิก การแสดงออกต่างไปจากตัวละครก่อนหน้านี้ รวมไป ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาอย่างสิ้นเชิง ทำ�ให้เขา สามารถระเบิดฝีมือที่มีออกมาให้เห็นกันเต็มๆ ทำ�เอา ใครหลายคนต้องลุกขึ้นปรบมือ standing ovation ให้กบ ั การแสดงของเจมส์ ทีป ่ ระทับภาพจำ�ใหม่ให้ตว ั เอง จนไม่เหลือเค้าเดิมของเขาในเรื่องอื่นๆ เลย แน่นอนว่าเราก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ให้ปรบกับการ แสดงของบู ไม่ใช่สิ เจมส์ ในเรื่องนี้อย่างแท้จริง
ตอนนี้เราก�ำลังนั่งคุยกับเจมส์หรือบูอยู่เหรอ
ท�ำไมถามแบบนั้นเหรอครับ ผมเจมส์ไงครับ (หัวเราะ)
รู้สึกว่าเจมส์ต่างไปจากเมื่อก่อน ตอนนี้เหมือนโดนบูเข้าสิงอยู่เลย ท่าทางและบรรยากาศรอบตัวมีความเป็นบูสูงมากกว่าความเป็น เจมส์อีก
พูดจริงดิครับ เชื่อไหมครับว่ามีคนพูดกับผมแบบนี้หลายคนมาก ล่าสุด ไปเข้าเวิร์กช็อปแคสต์การแสดง ก็โดนคอมเมนต์ว่ายังมีความเป็นบูอยู่บ้าง แต่ผมคิดว่าตอนนี้ไม่น่าเหลือความเป็นบูอยู่แล้วนะ ยังมีความเป็นบูอยู่จริงๆ นะ
ตายแล้ว ท�ำไงดีเนี่ย แต่ผมว่าไม่หรอกมั้งครับ (หันไปส่องกระจก) ผม ว่าอาจเป็นเพราะช่วงนี้ภูมิแพ้ก�ำเริบแน่ๆ เลยท�ำให้ใต้ตาผมดูช�้ำๆ ดูดิครับ นีถ่ า้ ไม่ได้แต่งหน้าเห็นชัดกว่านีอ้ กี ผมเป็นภูมแิ พ้มาตัง้ แต่เด็กๆ แล้ว ประมาณ ว่าแพ้อากาศ แล้วอาการก็ผีเข้าผีออกขึ้นอยู่กับอารมณ์เลย วันไหนอยากมา ก็มาซะงั้น อย่างช่วงนี้อากาศไม่ค่อยดี เปลี่ยนแปลงบ่อยมาก เป็นที่รู้กันเลย ว่าประมาณ 5 ทุ่มเนี่ย ภูมิแพ้มาแล้ว ทั้งจาม ทั้งน�้ำมูกไหล คือมาหมดเลย แต่อาการของผมเป็นแค่ตอนกลางคืนนะ ตื่นเช้ามาก็หาย แต่พอกลางคืนก็ เป็นใหม่อีกแล้ว งงมาก แล้วยิ่งช่วงไหนร่างกายอ่อนแอหรือเพิ่งหายป่วยนะ เตรียมรอภูมิแพ้ได้เลย โอ๊ย...เซ็ง (หันไปส่องกระจกอีกที) แล้วนี่ด้วยครับ (เอามือจับผม) ถ้าเปลี่ยนทรงผมอีกหน่อยและหายเป็นภูมิแพ้แล้ว คนก็คง ไม่มาทักกันว่าเป็นบูแล้วแน่ๆ ตัดผมใหม่หรือว่ายังไม่ยาว
ตัดไปรอบนึงตอนถ่ายเอ็มวีครับ แต่นั่นก็เดือนกว่าๆ เกือบสองเดือน แล้วนะ ยาวช้ามากเลยเนอะ โคตรเซ็งเลย พูดตรงๆ เลยว่าอยากหลุดพ้น จากผมทรงนี้แล้ว เคยหลุดเอาคาแร็กเตอร์บูมาใช้ในชีวิตประจ�ำวันบ้างไหม
ตอนที่ยังถ่ายท�ำซีรีส์อยู่ก็มีช่วงที่ซึมๆ รู้สึกดาวน์อย่างไม่มีสาเหตุ เหมือนกันนะ อย่างครั้งหนึ่งนั่งกินข้าวอยู่กับพี่โทนี่ (รากแก่น) อยู่ๆ ก็รู้สึก ว่าไม่อยากท�ำอะไรเลย ชีวิตโคตรน่าเบื่อ แต่ไม่ได้ป่วยนะครับ แค่เป็นภาวะ ที่ตัวเรายังติดอยู่กับคาแร็กเตอร์นั้นมากกว่า พอถ่ายจบก็หลุดออกมาจาก ภาวะนั้นแล้ว อยากรู้เลยว่าเจมส์สร้างตัวละครบูขึ้นมายังไงถึงได้ลงลึกได้ขนาดนั้น
ถ้าไม่นบั การรีเสิรช์ ก็ใช้เวลาสร้างแบ็กกราวด์ให้บอู ยูป่ ระมาณเดือนหนึง่ ครับ ปกติเวลาผมแสดงเรื่องอะไรก็ตามจะเขียนไทม์ไลน์ให้ตัวละครนั้นว่า ผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง แต่ส�ำหรับตัวบูผมท�ำละเอียดกว่าเดิมประมาณ 10 เท่าได้ ผมสร้างเรือ่ งราวให้เขาตัง้ แต่เกิดเลย ด้วยการเขียนไทม์ไลน์ขนึ้ มา ว่าเขาเติบโตมายังไง ในสภาพครอบครัวแบบไหน ชีวิตไปเจออะไรมาบ้าง เขาเริ่มป่วยเป็นโรคซึมเศร้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ยาวมาจนถึงตอนที่ท�ำเป็นซีรีส์ เลยครับ จากนั้นก็มาหาลักษณะท่าทางของบูว่าควรจะเป็นแบบไหน แล้ว ค่อยสร้างเหตุผลให้ตัวละครว่าท�ำไมถึงมีท่าทางแบบนั้น เรียกว่าทุกการ กระท�ำของบูออกมาจากภายในจริงๆ มีเหตุและผลรองรับทุกอย่าง ความ ละเอียดตรงนี้มั้งครับที่ท�ำให้มีบางช่วงที่ท�ำให้ท่าทางของบูติดมาในชีวิต ประจ�ำวันบ้าง แต่ส�ำหรับตอนนี้ผมคิดว่าน่าจะสลัดทิ้งได้หมดแล้วนะ ใช้ค�ำว่าสลัดทิ้งเลยเหรอ
ใช่ครับ ต้องสลัดทิ้งออกไปเลย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่บูคิดจะเป็น แง่ลบหมดเลย ขนาดมีคนชมก็ยังรู้สึกไปในแง่ลบ คิดว่าชมเพราะตัวเองยัง ดีไม่พอ ต้องพัฒนาให้ได้มากกว่านี้อีก ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาจะถูกดึงเข้าสู่ แง่ลบหมดเลย ซึง่ ถ้าไม่สลัดทิง้ ไปแล้วยังติดมาใช้ในชีวติ อยูน่ พี่ งั เลยนะครับ
ไม่มีมุมไหนของบูที่เก็บมาใช้ได้เลยเหรอ
จริงๆ ก็ไม่ถึงขนาดนั้นนะ ผมเจอบางมุมในตัวบูเหมือนกันที่ไม่คิดว่า ตัวเองจะชอบ ส่วนตัวผมเป็นคน extrovert มากๆ แล้วพอวันหนึ่งต้องมา แสดงเป็นคน introvert สุดๆ แบบบู ท�ำให้ผมรู้สึกชอบและเข้าใจการเป็นคน introvert มากขึน้ อย่างบางทีผมก็รสู้ กึ ว่าไม่เห็นจ�ำเป็นต้องพูดคุยกับใครเลย ไม่จ�ำเป็นต้องท�ำความรู้จัก หรือเฟรนด์ลี่ตลอดเวลาก็ได้ ผมรู้สึกว่าตัวเอง โชคดีที่ได้แสดงเป็นคนสุดโต่งมาแล้วทั้ง 2 ฝั่ง ทั้ง introvert แบบบู และ extrovert แบบพัฒน์ ใน ฉลาดเกมส์โกง เลยท�ำให้เข้าใจคนทัง้ สองฝัง่ ได้ดขี นึ้ และสามารถเลือกใช้ชีวิตทั้งสองแบบให้บาลานซ์กัน โดยที่ไม่ต้องเลือกเป็น แบบใดแบบหนึ่ง อันนี้ไม่เกี่ยวกับคาแร็กเตอร์ แต่เป็นวิธีการท�ำงานกับบทนี้ ท�ำให้ผมมีสมาธิมากขึ้นครับ เพราะการจะแสดงแต่ละฉากใน SOS ผมต้อง ใช้สมาธิเยอะมาก ระหว่างอยู่ในกองเลยต้องหาทางท�ำสมาธิอยู่ตลอดเวลา ซึง่ ท�ำให้ผมรูส้ กึ สงบนิง่ กับการได้สมั ผัสร่างกายและลมหายใจของตัวเอง เพิง่ รู้ ว่าการท�ำสมาธิดีขนาดนี้ก็เพราะบูนี่แหละครับ อยากไปนั่งปฏิบัติธรรมเลย จะมาสายธรรมะแล้วเหรอ
คงไม่ถึงกับเข้าวัด ท�ำบุญ หรือไปนั่งฟังพระเทศน์อะไรขนาดนั้นหรอก ครับ จริงๆ ก็มีไปไหว้บ้างเป็นบางโอกาส ไม่ถึงกับไปบ่อยๆ แต่ที่บอกว่า อยากไปปฏิบตั ธิ รรมก็เพราะอยากไปนัง่ วิปสั สนาเฉยๆ อาจไม่ตอ้ งไปสถานที่ ปฏิบัติธรรมก็ได้ครับ แค่นั่งอยู่กับตัวเองเฉยๆ คอยส�ำรวจร่างกาย ฟังเสียง ของหัวใจในขณะนั้น หรืออาจไปนั่งหายใจทิ้งเล่นๆ ที่ไหนสักแห่งก็ได้ เพื่อ ผ่อนคลายและเป็นการเติมพลังให้ตัวเองในอีกรูปแบบหนึ่ง เหมือนกับการรับบทเป็นบูได้ช่วยเปิดโลกให้เจมส์ได้เยอะมากเลยนะ
ใช่เลยครับ ส�ำหรับผมแล้วตัวละครบูนี่คือโคตรสุดยอดที่ต้องเก็บขึ้นหิ้ง เลย ตอนที่เล่น ฉลาดเกมส์โกง ผมเคยคิดว่าต้องหาบทอะไรสักอย่างมาลบ ภาพลักษณ์เด็กเท่ เพลย์บอย บ้านรวย ของตัวเองออกไปให้ได้ แต่พอมา แสดงเป็นบู ซึ่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เรียกว่าพลิกคาแร็กเตอร์แบบสุดๆ กลายเป็นว่าแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวท�ำเอาคนติดตาภาพบูไปเลย แล้วตอนนี้ ต้องหาบทอื่นมาลบภาพบูออกไปให้เร็วที่สุด (หัวเราะ) อยากรู้ว่าก่อนเข้าวงการเจมส์เป็นคนยังไง ออกแนวซัน (Hormones) พัฒน์ (ฉลาดเกมส์โกง) หรือบู
คงรวมๆ กันมากกว่าครับ เพราะแต่ละตัวละครก็จะมีความเป็นผม ปนอยู่บ้างอยู่แล้ว ไม่เว้นแม้กระทั่งบู แต่เอาจริงๆ แล้วผมคิดว่าตอนนั้น ตัวเองเด็กมาก แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นเด็กใสๆ ขนาดนั้นนะครับ ต้องบอกก่อนว่า ผมเป็นเด็กเนิร์ด เรียนเก่งมาก (เน้นเสียง) ตอนมัธยมฯ อยู่ห้อง Gifted นะ ห้องเด็กฉลาดด้วย เวลามีการแข่งขันทางวิชาการหรือแข่งหมากรุก ผมก็จะ เป็นตัวแทนไปแข่งอยู่บ่อยๆ แต่ผมก็ไม่ใช่เด็กเนิร์ดจ๋าขนาดนั้น เรียกว่าเป็น พวกเด็กเนิร์ดอะแด็ปต์ก็ได้ เนิร์ดอะแด็ปต์นี่คืออะไร
ก็เป็นพวกเด็กเนิร์ดที่มีความเป็นเด็กซ่าด้วยไงครับ ผมเป็นคนที่มีทั้ง สองอย่างอยู่ในตัว ยิ่งช่วงที่ขึ้น ม.ปลาย ซึ่งย้ายมาอยู่โรงเรียนสวนกุหลาบ ผมได้เจอสังคมใหม่ เพื่อนใหม่ อะไรๆ มันก็เริ่มเปลี่ยนไป มีความติดเล่น มากขึ้นกว่าเดิมอีก แต่ตอนนั้นก็ยังอยู่ห้อง Gifted เหมือนเดิมนะครับ แต่ คราวนี้เป็น Gifted สายวิทย์ เน้นวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ ช่วงที่เรียน ม.ปลายแรกๆ ก็ยังตั้งใจอยู่นะครับ แต่พอเรียนไปสักพักรู้สึกว่าสายวิทย์ เรียนยากมาก จนท�ำให้ผมรู้เลยว่าตัวเองเกลียดเคมี-ชีวะมาก ไม่โอเคเลย แล้ววิชาคณิตฯ ที่ผมชอบมากที่สุดก็ไม่ใช่ในแบบที่สายค�ำนวณเรียน เป็นการเรียนตามหลักสูตรที่ค่อนข้างน่าเบื่อ เลยกลายเป็นว่าช่วง ม.ปลาย ไม่ค่อยได้สนใจเรียนนัก ติดเล่น และกลายเป็นเด็กซ่ามากกว่าเดิมอีก
แสดงว่าเกรดก็ต้องหล่นลงสิ
หล่นลงบ้างครับ จากที่เมื่อก่อนตอนเรียน ม.ต้น เคยอยู่อันดับต้นๆ ของห้อง แต่ ม.ปลาย ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว อาจจะเป็นเพราะมาตรฐานโรงเรียนสูงขึ้นด้วย เพิ่งเปลี่ยนโรงเรียนด้วย ติดเล่นด้วย เรื่องวิชาการก็เลยถดถอยลงมาหน่อย แต่เกรดก็ไม่ถึงกับแย่นะ ผมยังเรียนแบบ เอาตัวรอดได้เกรดเฉลี่ย 3 กว่ามาตลอด น้อยสุดก็ 3.2 เลยนะ ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ จะมีสักกี่คนเรียนได้เกรด 4 ตั้งแต่อนุบาล 1 ไปจนจบปริญญา คนเราเกิดมาต่างก็มีความถนัด กันไปคนละด้าน จะให้ถนัดทุกอย่างก็คงเป็นเทพเจ้าแล้ว อย่างถ้าเราให้หมอที่เรียนเก่งๆ มา ถ่ายเบื้องหลังแฟชั่นเซ็ตนี้ เขาก็คงท�ำออกมาได้ไม่ดีเท่าพวกเราหรอก เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาถนัด แต่พูดถึงเรื่องนี้ก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันนะครับว่าเมื่อก่อนตอน ม.ต้น ได้เกรดเฉลี่ย 4 หรือ 3.8 หรือต�่ำสุดไม่เกิน 3.75 ได้ยังไงก็ไม่รู้ โหยยยย คนเดือดมากเลยครับ (หัวเราะ) ที่บอกว่าติดเล่นหมายถึงยังไงเหรอ
พอเราเจอเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ สิ่งที่ต้องท�ำคือการปรับตัวเข้าหาเพื่อน เริ่มมีการไปเที่ยว ด้วยกันบ้าง จากเมือ่ ก่อนทุกวันเสาร์จะต้องไปเรียนพิเศษแล้วกลับบ้าน ก็เปลีย่ นเป็นไปเรียนพิเศษ แล้วก็ไปเที่ยวต่อ กลายเป็นการเข้าสังคมเด็กสยามเต็มตัว เวลาไปสยามก็ไม่ได้ท�ำอะไรนะครับ เหมือนพวกเด็กเห่อทั่วไป คือไปนั่งกินข้าวทั้งวัน โดยไม่ได้ท�ำอะไรมากกว่าการคุยกันไปเรื่อยๆ เข้าร้านเกมบ้าง เตะบอลบ้าง จนถึง 2-3 ทุ่มถึงกลับบ้าน นี่คือชีวิตเด็กห้อง Gifted นะเนี่ย บางที ก็งงเหมือนกันว่าตอนนั้นท�ำไปได้ยังไง เพราะถ้าเป็นตอนนี้ให้ไปสยามแล้วนั่งว่างๆ ครึ่งชั่วโมงก็ เบื่อแล้ว แต่จะว่าไปการไปเที่ยวเล่นแบบนี้ก็เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตเหมือนกันนะ เพราะวันหนึ่งก็ มีโมเดลลิง่ มาชวนไปแคสต์งานแบบไม่ได้เซ็นสัญญา เราก็ลองไปแคสต์ เป็นจุดเริม่ ต้นการท�ำงาน ในวงการของผม ช่วงนัน้ ชอบมาก เพราะเราสามารถเอามาเป็นข้ออ้างในการไว้ผมยาวกว่าคนอืน่ ในโรงเรียนได้ ดูมีอภิสิทธิ์มาก แต่ก็ไม่ได้มีงานอะไรมากมายนะ ขอผมยาวไว้ก่อน (หัวเราะ) เฮ้ย! แล้วโรงเรียนไม่ขอดูเอกสารอะไรเลยเหรอ
ขอดูเหมือนกัน แต่เราก็มีพอร์ต มีโปรไฟล์ว่าเคยไปแคสต์งานไหนมาบ้าง แล้วก็ให้ทาง โมเดลลิ่งช่วยคุยให้ด้วย ก็เลยสามารถไว้ผมยาวได้ แบบนี้ก็ต้องเป็นหนุ่มป๊อบในโรงเรียนเลยสิ
อู้ว ก็ป๊อบมากเลยนะ ไม่ใช่แค่ในโรงเรียน แต่ป๊อบในกลุ่มเด็กสยามด้วย สมัยนั้นอินสตราแกรมยังไม่ฮิตเท่าตอนนี้ แต่ตอนนั้นมีคนฟอลโลว์อยู่ 5 พันกว่าคน ซึ่งเยอะมากเลยนะครับ ไม่ธรรมดาเลย ตอนนั้นรู้สึกพราวด์มาก เดินไปไหนในสยาม ถ้าเป็นเด็กสยามก็จะรู้จักว่าเรา มีอินสตราแกรมอะไรแบบนี้ โคตรป๊อบ (หัวเราะ) ถามจริงว่าช่วงนั้นไปแคสต์แล้วมีได้งานบ้างไหม
ผมก็ไปแคสต์งานอยู่เรื่อยๆ มีได้งานโฆษณาบ้างเหมือนกัน แต่ส่วนมากจะไม่ได้ (หัวเราะ) แล้วเชื่อไหมครับว่าสถานที่แคสต์งานแต่ละที่ไกลจากบ้านผมมาก คือบ้านผมอยู่พุทธมณฑล สาย 2 แต่ต้องไปแคสต์งานที่พระราม 9 หรือไม่ก็ไปลาดพร้าว ซึ่งเคยได้ยินแค่ชื่อ พอไปเอง ก็ต้องนั่ง BTS ต่อ MRT ต่อมอเตอร์ไซค์อีก ช่วงนั้นเหนื่อยมากเลยครับ แต่ก็สนุก ถึงเราไม่มีทาง รู้เลยว่าการเดินทางกว่า 40 กิโลเมตร เพื่อมาแคสต์งานสักชิ้นแล้วจะได้หรือเปล่า แต่ถ้าได้มา สักงานหนึ่งก็จะรู้สึกภูมิใจมาก แต่จุดเปลี่ยนจริงๆ น่าจะเป็นตอนที่ผ่านเข้ารอบโครงการ Hormones The Next Gen แล้วมีผลงานแสดงเรื่องแรกใน Hormones วัยว้าวุ่น ซีซั่น 2 จากเด็กเรียนดีมาก ต้องเปลี่ยนมาเป็นเด็กที่วิ่งแคสต์งานแบบนี้ ทางบ้านว่ายังไงบ้าง
ความจริงที่บ้านก็ไม่ได้เคี่ยวเรื่องการเรียนมากเท่าไหร่ อาจจะมีความกดดันอยู่บ้างตรงที่ พี่ๆ ท�ำเอาไว้ดีหมดเลย คนแรกเป็นหมอ คนที่สองเป็นวิศวกร แต่ในเมื่อเราเรียนแบบเอาตัวรอด มาได้ แถมเกรดก็ไม่ได้แย่มาก ก็เลยไม่เคยมีปญ ั หาอะไรกับทีบ่ า้ นในเรือ่ งนีค้ รับ แต่สมัยนั้นเวลา ได้งานมาสักชิ้นหนึ่ง ก็จะพาพ่อกับแม่ไปเลี้ยงข้าว เพื่อให้เห็นว่าเราโตและเอาตัวรอดได้แล้วนะ อีกอย่างครอบครัวผมไม่เคยกดดันว่าต้องได้คะแนนเท่านั้นเท่านี้ แต่เหมือนกับผมอยู่ใน สภาพแวดล้อมทีค่ นรอบตัวหัวดีหมดเลย เราก็เป็นคนหัวดี เฮ้ย เหมือนหลงตัวเองเลย ดังนัน้ เรื่อง การกดดันให้เรียนเก่งๆ ไม่เคยมีให้เห็นมาก่อน อีกอย่างเขาไม่ต้องการให้ผมมาพิสูจน์ตัวเอง เลยว่าจะไปรอดไหม เพราะสุดท้ายแล้วส�ำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ ไม่ว่าลูกจะอยากเป็นอะไร เขาต้องโอเคและยอมรับอยู่แล้ว มีแค่ผมนี่แหละที่กดดันตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าจะท�ำได้ไหม ชีวิตนักแสดงเต็มตัวเป็นยังไงบ้าง
มัน proud โคตรๆ โดยเฉพาะกับครอบครัว ผมเป็นลูกชายที่พ่อกับแม่ห่วงมากที่สุดในบ้าน เพราะพีๆ่ รอดกันไปหมดแล้ว ผมเลยเป็นคนทีโ่ ดนจ�ำ้ จีจ้ ำ�้ ไชเป็นพิเศษ แต่พอเรามาเป็นนักแสดง เต็มตัว ก็เหมือนว่าทางบ้านจะเปิดรับมากขึน้ อย่างเรือ่ งเรียนต่อมหาวิทยาลัย หลังจากเข้าวงการ แล้วผมก็คิดว่าน่าจะเลือกเรียนทางนี้ดีกว่า เพราะรู้ตัวแล้วว่าชอบงานด้านนี้จริงๆ คงไม่เลือก เรียนต่อสายวิทย์แล้วแน่ๆ เลยขอพ่อเรียนวารสารศาสตร์ฯ ซึ่งเขาก็โอเค มีแค่ถามนิดหน่อยว่า คิดดีแล้วเหรอ ถ้าคิดดีแล้วก็เรียนไปเลย
เสื้อเชิ้ต จาก EVERYDAY KARMAKARMET กางเกง จาก TAKARA WONG
b
l
l i
o
u
s
HAM INTERVIEW
แต่เจมส์บอกว่าชอบค�ำนวณไม่ใช่เหรอ เรียนวารสารศาสตร์ฯ ไม่มีอะไรให้ค�ำนวณนะ
ตอนแรกก็ไม่ได้คิดเรื่องนี้ครับ แต่พอเรียนไปแล้ว รู้สึกคิดถึงการค�ำนวณมาก เพราะเรา เป็นเด็กชอบคิดเลข แต่เรียนวารสารศาสตร์ฯ ไม่มีให้คิดอะไรแนวนี้เลย ดังนั้นเวลาเจอวิชา stat หรือ econ ผมจะชอบมาก มีเท่าไหร่เอามาให้หมดเลย สบายมาก ผมสามารถคิดทุกอย่างได้ในหัว โดยไม่ตอ้ งใช้เครือ่ งคิดเลข แต่ถา้ ให้ยอ้ นกลับไปผมก็ยงั เลือกเรียนวารสารศาสตร์ฯ อยูด่ นี ะ เพราะ ถ้าเรียนหมอหรือวิศวะไปพร้อมกับการท�ำงานในวงการก็คงไม่ไหว หลายคนบอกว่าทัง้ สองอย่าง สามารถไปพร้อมกันได้กจ็ ริง แต่สำ� หรับตัวผมให้ความส�ำคัญกับงานมากกว่า งานก็เป็นการเรียนรู้ อย่างหนึ่งเหมือนกัน อีกอย่างการเรียนไม่ว่าจะจบ 4 ปี 5 ปี หรือ 6 ปี ก็จบเหมือนกัน แต่กับเรื่อง งาน ถ้าสมมติมงี านทีด่ มี ากเข้ามา แล้วเราพลาดหรือท�ำออกมาไม่ดี สิง่ นัน้ ก็จะติดตัวเราไปตลอด ไม่มีโอกาสย้อนกลับไปแก้ตัวใหม่อีกแล้ว ผมเลยเลือกให้ความส�ำคัญกับงานมากกว่าในตอนนี้ รู้ตัวว่าชอบการแสดงตั้งแต่ตอนไหน
ผมชอบและทุม่ เทให้กบั การแสดงเต็มร้อยจริงๆ ก็ตอนเล่นเรือ่ ง ฉลาดเกมส์โกง ไม่ใช่เรือ่ งอืน่ ไม่เต็มร้อยนะครับ เรือ่ งอืน่ ก็เต็มร้อย แค่ไม่ได้อยูใ่ นโมเมนต์ทเี่ ข้าใจตัวเองว่าเราชอบอาชีพนีจ้ ริงๆ ความคิดผมเริ่มมาตกตะกอน และรู้สึกโตขึ้นไปอีกขั้นกับอาชีพนี้ก็ตอนเล่นเรื่อง SOS ช่วงนั้นผม มีโอกาสได้คุยกับพี่ย้ง (ทรงยศ สุขมากอนันต์) กับพี่ต่อ (ธนภพ ลีรัตนขจร) เรื่องทัศนคติในการ ใช้ชีวิตกับการเป็นนักแสดง ผมก็กลับมาถามตัวเองว่าเราเอาจริงกับอาชีพนี้แค่ไหน อาชีพนี้ ไม่ใช่แค่การเป็นนักแสดง แต่หมายถึงการเป็นศิลปินที่แท้จริง ต้องท�ำผลงานออกมาให้ดียิ่งขึ้น ไปอีก จริงมากขึ้นไปอีก ต้องมีความรับผิดชอบให้มากกว่านี้อีก ไม่มีค�ำว่าดีที่สุด มีแต่ต้องดีขึ้น ไปเรื่อยๆ เท่านั้น จะเอาแค่สนุกไปวันๆ เหมือนเป็นเด็กๆ ไม่ได้แล้ว กดดันตัวเองมากเกินไปไหม
ไม่หรอกครับ ผมเคยอยูใ่ นจุดทีก่ ดดันตัวเองหนักมากตอนแสดงเรือ่ ง ฉลาดเกมส์โกง แต่วา ่ ปัจจุบนั ผมหลุดจากตรงนัน้ ได้แล้ว ไม่ใช่วา่ แสดงเก่งแล้วนะครับ แต่หมายถึงการท�ำงานในเรือ่ งนัน้ ท�ำให้ผมเข้าใจว่าการกดดันตัวเองมากเกินไปไม่ใช่เรือ่ งดี ต้องผ่อนคลายลงบ้าง งานถึงจะออกมา ดีกว่าการบอกตัวเองว่าต้องท�ำให้ได้เท่านั้นเท่านี้ แต่ผมว่าที่ส�ำคัญที่สุดของงานแสดงคือการ ท�ำการบ้านและทัศนคติ เพื่อแลกกับงานที่ดี คิดว่าตอนนี้เจมส์อยู่ในจุดไหนของการแสดงแล้ว
ก�ำลังพัฒนามั้งครับ และผมคิดว่าน่าจะอยู่ในช่วงนี้ต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีก�ำหนดด้วยครับ เพราะเมือ่ ไหร่ทคี่ ดิ ว่าเราเป็นคนทีพ่ ฒ ั นาแล้ว สุดท้ายเราจะหยุดพัฒนาและก็ได้ดอี ยูแ่ ค่นนั้ ตอนนี้ ผมเป็นคนที่ก�ำลังพัฒนา และในอนาคตก็จะพยายามพัฒนาต่อไปให้ดียิ่งขึ้นกว่านี้อีก ถามแบบนี้ก็ต้องบอกว่าชอบทุกบทอยู่แล้วสิครับ (หัวเราะ) จริงๆ บทที่ชอบที่สุดคือ พัฒน์ ใน ฉลาดเกมส์โกง ครับ ผมรู้สึกว่าบทเป็นอะไรที่มันมาก เป็นบทที่สนุกที่สุดเท่าที่เคยเล่นมา เพราะตัวละครพัฒน์เป็นคนที่มีความบ้าและใช้ชีวิตสุดโต่งมาก แต่จุดที่ท�ำให้ผมมีความสุขมาก ที่ได้ไปกองถ่ายนี้คือ เวลาแสดงแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองเป็น สตีฟ จ๊อบส์ (ไมเคิล ฟาสส์เบนเดอร์) ในเรื่อง Steve Jobs ผสมกับ จอร์แดน เบลฟอร์ด (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ) ในเรื่อง The Wolf of Wall Street และเหมือนในเรื่อง The Big Short ตอนที่ต้องออกไปพูดต่อหน้าคนอื่นเพื่อสร้าง แรงจูงใจให้คนคล้อยตาม และเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับเงินและการโกง โอ้โห! ปริ่มมากกับการได้ แสดงเป็นอะไรแบบนี้ แสดงว่าชอบดูภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับการเงินและการโกง
ชุดสีแดง จาก TAKARA WONG
ส่วนตัวชอบบทบาทไหนของตัวเองมากที่สุด
ชอบมากเลยครับ ผมชอบดูหนังแนวๆ นี้ โดยเฉพาะ The Wolf of Wall Street และ The Big Short ดูแล้วอินสุดๆ ยิง่ พอได้มาเล่นภาพยนตร์ทมี่ คี าแร็กเตอร์คล้ายๆ กับตัวละครในเรือ่ งทีช่ อบก็ ช่วยให้การเข้ากองถ่ายของผมมีความสุขเกินบรรยาย วันๆ ไปกองถ่ายเหมือนเราไปโปรยเงิน อะไร แบบนี้ แฮปปีม้ าก นีแ่ หละคือบททีช่ อบมากทีส่ ดุ แม้คาแร็กเตอร์พฒ ั น์จะชัว่ มากก็เถอะ (หัวเราะ)
ไม่ยอมปล่อยผ่านถ้ามันยังไม่ดี ครั้งนั้นจ�ำได้ว่าผมพูดไม่ชัด เพราะอากาศหนาวมาก ปากสั่น เลยโดนคอมเมนต์แรงๆ ขนาดไล่กลับไปเรียนการแสดงที่ไทยมาใหม่เลย แต่ก็ดีกว่าเจอผู้ก�ำกับ แบบโอ๋นะ เพราะแบบนี้สร้างแรงกระตุ้นให้พัฒนาฝีมือได้มากกว่า จะได้ไม่เป็นตัวถ่วงของกอง
การสวมบทบาท ซัน ใน Hormones วัยว้าวุน ่ จนถึง บู ใน SOS ท�ำให้เจมส์เติบโตขึน ้ แค่ไหน
ผมรู้สึกว่าการแสดงที่ผ่านมา ท�ำให้ตัวเองมีวิธีแก้ปัญหาในชีวิตดีขึ้น ทุกวันนี้เวลามีปัญหา อะไรก็ตามเข้ามา ผมจะไม่เอาตัวเองเข้าไปนัง่ อยูต่ รงกลางเหมือนเมือ่ ก่อนแล้ว แต่จะใช้วธิ สี มมติ ว่าเราเป็นคาแร็กเตอร์หนึ่งที่ก�ำลังเจอปัญหาในละครชีวิตเรื่องนั้น แล้วก็ยืนมองอยู่ด้านนอก เหมือนตัวเองเป็นคนดูหรือบุคคลที่ 3 ที่ก�ำลังนั่งอ่านบทอยู่ ไม่ใช่ว่ามองเหมือนเป็นปัญหาของ คนอื่นนะครับ แต่การเอาตัวเองออกมาจะท�ำให้เราเห็นวิธีแก้ปัญหาได้ชัดและกว้างกว่า เพราะ เราดึงอารมณ์ของตัวเองออกมาจากตรงนั้นแล้ว ผมคงบอกไม่ได้ว่าตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้นนะ แต่ เหมือนเราจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ดีขึ้นหลังเข้ามาอยู่ในวงการ
เยอะมากเลยครับ แต่หลักๆ คงเป็นเรื่องการตกตะกอนความคิดกับตัวเองและคนอื่นครับ การรับบทบาทในแต่ละเรื่อง โอเคว่าบางเรื่องคาแร็กเตอร์อาจไม่ได้หนีกันมาก แต่แบ็กกราวด์ ของตัวละครไม่เหมือนกันเลย แถมตัวละครที่ต้องสื่อสารหรือปฏิสัมพันธ์กันก็ต่างกัน นั่นท�ำให้ เราเห็นมุมมองหลากหลายและเข้าใจคนแต่ละแบบมากขึ้น เอาจริงๆ บทที่สร้างภูมิคุ้มกันด้านการแสดงให้ผมมากที่สุดน่าจะเป็น เจ๋ง ในเรื่อง Stay ซากะ..ฉันจะคิดถึงเธอ ตอนนั้นไปถ่ายกับพี่ย้งที่ญี่ปุ่น ซึ่งก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าพี่ย้งเป็นสายโหด
เรียนรู้อะไรบ้างจากการแสดง
ที่คาดหัว จาก EVERYDAY KARMAKARMET เสื้อเชิ้ต จาก TAKARA WONG แจ็กเก็ตและกางเกง จาก LEISURE PROJECT แต่งหน้า/ทำ�ผม: พัทธ์ธีรา ปารย์นิราวาทย์ ผู้ช่วยช่างภาพ: โชติธัช เจนเกียรติฟู ผู้ช่วยสไตลิสต์: ณัฐวรา เตย
21
CARMEN MARCH F/W 2017
BALENCIAGA F/W 2017
เรื่อง: ชนิตตนัณท์ ณรงค์ฤทธิ์ธำ�รง
กำ�ไลข้อมือสีดำ�ทอง จาก SALVATORE FERRAGAMO (สอบถามราคาที่ร้าน)
CALVIN KLEIN 205W39NYC F/W 2017
เบลเซอร์แขนยาว ลายตารางสีเทา กระดุมสี่แถว จาก ZARA (2,290 บาท)
ต่างหูโลหะสีทองดำ� จาก DVF (9,000 บาท)
TIBI F/W 2017
ISABEL MARANT F/W 2017
STELLA MCCARTNEY F/W 2017
เบลเซอร์แขนยาว ลายตารางสีเทา เสริมไหล่ จาก ZARA (2,290 บาท)
กระโปรงสั้นสีเทาลาย ตาราง จาก TOPSHOP (2,450 บาท)
กางเกงขายาวสีเทาเข้ม จาก VICKTEERUT (6,900 บาท)
กระเป๋าหนังสีขาวดำ�ตัดต่อ ลายกราฟิก จาก FURLA (สอบถามราคาที่ร้าน)
NILI LOTAN F/W 2017
แจ็กเก็ตเดรสลายตาราง สีเทา จาก ZARA (4,990 บาท)
Grayscale รองเท้าบู๊ตหนังแก้วสีดำ� จาก MASSIMO DUTTI (7,550 บาท)
การไล่เรียงความสมดุลของสีสัน สร้างจุดเด่นจุดรอง ของลุคให้ดูน่าชวนมอง เป็นเรื่องที่ใครๆ สามารถท�ำได้ ถ้ายังไม่มั่นใจกับการแทรกสีสันสดใสให้เริ่มจากการใช้ โทนสีกลางๆ อย่างเช่น สีเทา โดยทั้งนี้ทั้งนั้นจะเลือกให้ ท่อนบนเข้ม อ่อน หรือสีใกล้เคียงกับสีของท่อนล่าง ก็ได้ไม่ว่ากัน อาจเพิ่มเติมเครื่องประดับอย่างก�ำไล ต่างหู กระเป๋าไปในโทนเดียวกัน แต่มีสีเข้มที่สุดนั่นคือ สีด�ำ ถือเป็นตัวช่วยเบนความสนใจไม่ให้ลุคของคุณ ดูจืดจนเกินไปได้เป็นอย่างดี Where to shop : ZARA ชัน ้ 2 เซ็นทรัลเวิลด์ • FURLA ชัน ้ 1 เซ็นทรัลเวิลด์ • GIORGIO ARMANI ชัน ้ M สยามพารากอน • SALVATORE
FERRAGAMO ชัน ้ M สยามพารากอน • DVF ชัน ้ 1 สยามพารากอน • VICKTEERUT ชัน ้ 1 สยามพารากอน • ASAVA ชัน ้ 1 สยามพารากอน • ASV ชัน ้ 1 สยามพารากอน • TOPSHOP ชัน ้ 1 เซ็นทรัลเวิลด์ • MASSIMO DUTTI ชัน ้ 1 เซ็นทรัลเวิลด์
.เสื้อแขนสั้นสีขาวลายจุด จับจีบที่คอ จาก ASV (5,290 บาท) รองเท้าหนังสีดำ�ตัดต่อขนสัตว์ ลายกราฟิก จาก GIORGIO ARMANI (45,000 บาท)
กางเกงขายาว สีเทาอ่อน จาก ASAVA (7,900 บาท)
MIX&MATCH
NOW AN D FO R EVER
เสื้อแขนกุดคอเต่าผ้านิตตัดต่อสีด�ำขาว จาก Jonathan Simkhai @Mcurated (17,500 บาท)
1
การที่เรามีเสื้อคู่ใจสักหนึ่งตัวถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง ทั้งคัตติ้ง หรือลูกเล่นต่างๆ รวมไปถึงเนื้อผ้า ที่นอกจากสวมใส่สบายแล้ว ยังแฝงไปด้วยดีเทล แห่งการตัดต่ออันแสนเก๋ ก่อเกิดเป็นเส้นกราฟิก ที่สามารถเข้ากับชุดที่ดูเป็นทางการได้อย่างไม่ยากนัก หรือจะเสริมด้วยแจ็กเก็ตที่ดูสตรีทจัดๆก็ยังดูโก้หรู ได้อย่างมีชั้นเชิง
2 3
1
• บอมเบอร์แจ็กเก็ตผ้าไหมสีดำ� ประดับมุก จาก 3.1 PHILLIP LIM (39,900 บาท) • กางเกงขายาวสีดำ�ประดับโลหะ จาก MAJE (13,900 บาท) • แว่นตากันแดด จาก KAREN WALKER (สอบถามราคาได้ทร่ี า้ น)
2
• กางเกงขายาวสีดำ�ตัดต่อ ผ้าโปร่ง จาก VICKTEERUT (สอบถามราคาได้ที่ร้าน) • กระเป๋าสะพายหนังเมทัลลิก ตัดต่อสีเงินทอง จาก JIMMY CHOO (สอบถามราคาได้ที่ร้าน) • แว่นตากันแดด จาก TAVAT (สอบถามราคาได้ที่ร้าน)
3
• แจ็กเก็ตสูทแขนยาวสีครีมประดับ โบว์ จาก DELPOZO @SIWILAI (78,500 บาท) •กระโปรงทรงเอประดับโลหะ จาก ALEXANDER WANG (33,500 บาท) •หมวกแก๊ปสาน จาก INVERNI @MCURATED (8,500 บาท)
ช่างภาพ: ณัฐพล วุฒิเพ็ชร์ สไตลิสต์: ชนิตตนัณท์ ณรงค์ฤทธิ์ธำ�รง แต่งหน้า: ชัยดิษฐ์ สมทรง ทำ�ผม: เบญจพร คำ�พับ นางแบบ: Polina @Sumon ผู้ช่วยช่างภาพ: ปกรณ์ คุ้มเรือน, ธนกฤต มีเจริญ ผู้ช่วยสไตลิสต์: ทศวัฒน์ สุขแสง, ธันวา เทียมเมฆ WHERE TO SHOP>MCURATED ชั้น G ดิ เอ็มโพเรียม • 3.1 PHILLIP LIM ชั้น M ดิ เอ็มควอเทียร์ • MAJE ชั้น 2 เซ็นทรัลเอ็มบาสซี • KAREN WALKER ชั้น M สยามพารากอน • VICKTEERUT ชั้น 1 สยามพารากอน • JIMMY CHOO ชั้น M ดิ เอ็มควอเทียร์ • TAVAT ชั้น M ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ • SIWILAI ชั้น 5 เซ็นทรัลเอ็มบาสซี • ALEXANDER WANG ชั้น M ดิ เอ็มควอเทียร์
20
#ผิวแห้ง
เรื่อง: นิอร สุขวัจน์
SKINCARE
ผิวแห้ง เกิดจากชั้นผิวที่ขาดน้ำ� นอกจากการดื่มน้ำ�ที่ไม่เพียงพอ ในแต่ละวันแล้ว การอาบน้ำ�ด้วยน้ำ� ที่ร้อนจนเกินไปก็ยังเป็นสาเหตุที่ ทำ�ให้ผิวแห้งเช่นกัน คุณควรเลือก ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มมอยส์เจอไรเซอร์ ทั้งหลาย เพื่อเป็นการเติมน้ำ� และความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
FOR HIM นิยามแห่งการดูแลตัวเอง สำ�หรับผูช ้ าย ได้เปลีย ่ นไป แล้ว ผูช ้ ายยุคใหม่ควรใส่ใจ ดูแลผิวหน้ามากขึน ้ เพราะ คุณรายล้อมด้วยสิง ่ แวดล้อม ทีเ่ ปลีย ่ นแปลง และมลภาวะ มากมายทีค ่ อยทำ�ลายผิว HAMBURGER เลือกไอเท็ม ดูแลผิวพรรณสำ�หรับ คุณผูช ้ ายมาให้โดยเฉพาะ
THE TRUTH
#ผิวมัน
ผู้ชายส่วนใหญ่มีรูขุมขนกว้าง และเผชิญ กับปัญหาผิวมันก็จริง แต่การละเลยการ บำ�รุงผิว ไม่ใช่ทางออกที่ดีเท่าไรนัก เพราะการไม่บำ�รุงผิวอย่างถูกวิธีจะทำ�ให้ ผิวขาดน้ำ� ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาผิวอื่นๆ ตามมา คุณควรเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิว สำ�หรับผิวมัน โดยเฉพาะกลุ่มที่โดดเด่น เรือ ่ งประสิทธิภาพในการควบคุมความมัน เพื่อการดูแลผิวอย่างตรงจุด
NIVEA MEN Oil Clear Liquid Foam (89 บาท) หากคุณคิดว่าการไม่แต่งหน้า แล้วล้างหน้าด้วยน้ำ�เปล่าก็เพียงพอ... เปลี่ยนความคิดได้แล้ว เพราะการทำ�ความสะอาดด้วยน้ำ�เปล่า ไม่เพียงพอสำ�หรับมลภาวะที่คุณต้องเผชิญในแต่ละวัน เราเลือก โฟมล้างหน้าสูตรน้ำ�สำ�หรับหนุ่มผิวมัน เนื้อบางเบา ให้โฟมละเอียด เนียนนุ่ม ไม่ทำ�ร้ายผิวขณะทำ�ความสะอาด ตรงเข้าทำ�ความสะอาด ล้ำ�ลึกถึงรูขุมขน ล้างออกง่าย อ่อนโยน เพราะปราศจากแอลกอฮอล์ ไม่ทำ�ให้ผิวระคายเคืองและแห้งตึงหลังล้างหน้า และยังมีส่วนผสม ของคาร์นิทีน ช่วยควบคุมความมันยาวนาน 8 ชั่วโมง SK-II MEN Facial Treatment Essence (4,830 บาท) จากนั้นจึงเลือกเอสเซนส์เนื้อบางเบา ซึมซับง่าย เพื่อการฟื้นบำ�รุงผิว ด้วยประสิทธิภาพของ PiteraTM ส่วนผสมอันทรงประสิทธิภาพในการดูแล ผิวหนึ่งเดียวจาก SK-II ช่วยให้ผิวของคุณกระจ่างใส แลดูสุขภาพดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยปกป้องผิวจากความแห้งกร้าน ลดเลือนริ้วรอย ช่วยยกกระชับ และปรับสีผิวให้สม่ำ�เสมอเมื่อใช้เป็นประจำ�ทุกวัน
ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษจึง ทำ�ให้คุณต้องแข็งแกร่ง แต่ คุณอาจไม่รู้มาก่อนว่าผิว ของหนุ่มๆ ที่ดูหนาและหยาบ กระด้างกว่าสาวๆ นั้น แท้จริงแล้ว บอบบางและถูก กระตุ้นง่ายกว่าที่คิด ทำ�ให้ ง่ายต่อการเกิดปัญหาผิว มากมาย ไม่ว่าจะเป็นผิว มันเยิ้ม ผิวแห้งกร้าน เป็นต้น ดังนั้นการดูแลผิวหน้าจึง เป็นสิ่งสำ�คัญที่คุณไม่ควร ละเลยอีกต่อไป สำ�หรับ คุณผู้ชายหลายคนไม่รู้จะ เริ่มต้นเลือกผลิตภัณฑ์ให้ ตัวเองอย่างไร คำ�แนะนำ� สำ�หรับมือใหม่หัดดูแลผิว คือการเลือกผลิตภัณฑ์ ที่เหมาะกับสภาพผิวของ ตัวเองให้มากที่สุดนั่นเอง
SULWHASOO MEN Inner Charging Serum (สอบถามราคาที่เคาน์เตอร์ทุกสาขา) เพราะฮอร์โมนและอายุที่เปลี่ยนไป คือตัวการสำ�คัญที่ทำ�ให้ผิวของคุณผู้ชายขาดความ ชุ่มชื้น และกระบวนการผลัดเซลล์ผิวเกิดช้าลง ทำ�ให้ผิวแห้งกร้านและหมองคล้ำ� บำ�รุง ผิวอย่างอ่อนโยนด้วยเซรั่มเนื้อสัมผัสกึ่งเจลที่เบาสบายผิว อุดมด้วยส่วนผสมจาก ธรรมชาติ คุณค่าโสม ผสานด้วย Dwarf Lilyturf จากประเทศเกาหลี ตรงเข้าฟื้นบำ�รุง และกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ เพื่อความกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ALLIWANT TOKYO Superstar Black Moisture (1,690 บาท) เซรั่มจากประเทศญี่ปุ่น เข้มข้นด้วยประสิทธิภาพในการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำ�ลึก แต่ทว่าเนื้อครีมบางเบาซึมซับง่าย และยังอ่อนโยนด้วยส่วนผสมหลักจากธรรมชาติ 2 ชนิด ได้แก่ไฮยารูลอน และอิลาสติน ที่ทำ�งานร่วมกัน ตรงเข้าฟื้นบำ�รุง ช่วยเพิ่ม ความยืดหยุ่นให้ผิวกลับมาเรียบเนียน ชุ่มชื้นแลดูสุขภาพดีอีกครั้ง
THREE FOR MEN #ผิวบอบบางแพ้ง่าย The Definitive Foam หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ผิวระคายเคืองง่าย (1,700 บาท) โดยเฉพาะเวลาที่อยู่ในสภาพแวดล้อม โฟมล้างหน้าที่มีส่วนผสม ใหม่ๆ อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย รวมทั้ง ของธรรมชาติสูงถึง ในเมืองที่ต้องเผชิญทั้งแสงแดด ฝุ่น 96% โดดเด่นด้วย ควัน และมลภาวะ คุณยิ่งต้องใส่ใจ ประสิทธิภาพในการยับยั้ง บำ�รุงผิว และควรเลือกผลิตภัณฑ์ และต่อต้านเชื้อแบคทีเรียที่ สำ�หรับผิวบอบบางแพ้ง่าย ทำ�ให้เกิดสิว เนื้อโฟมละเอียด หนานุ่ม ทำ�ความสะอาดล้ำ�ลึก ยิ่งขึ้นด้วย 2 ส่วนผสมหลัก ได้แก่ ฟอสซิล คอรัล และโลเซกิ สโตน ผงอณู ขนาดเล็กพิเศษจากธรรมชาติที่มีรูพรุนจะช่วยดูดซับ ความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกอุดตันได้หมดจดอย่าง อ่อนโยน พร้อมสร้างความสมดุลให้แก่ผิว และยังมี กลิ่นหอมจากธรรมชาติ ช่วยปลุกความสดชื่นทุกครั้ง หลังล้างหน้า L’ORÉAL MEN EXPERT Hydra Sensitive Cream (359 บาท) ครีมบำ�รุงผิวหน้าจากพลังธรรมชาติ 100% ด้วย ส่วนผสมหลักจากสารสกัดนอร์ธเทิร์น เบิร์ช แซฟ ต้นไม้ ที่มีความต้านทานสูง สามารถอยู่รอดในสภาพแวดล้อม ที่เลวร้ายได้อย่างดี ช่วยปกป้องผิวจากภายนอก คงความชุ่มชื้นให้ผิว ลดเลือนความหมองคล้ำ� สร้าง เกราะป้องกันมลภาวะรอบตัวให้ผิวแข็งแรงจากภายใน นอกจากนี้ยังเป็นสูตร 0% พาราเบน แอลกอฮอล์ และสี จึงเหมาะกับทุกสภาพผิว รวมทั้งผิวบอบบาง
Tip: สิ่งที่คุณ
ควรใส่ใจเป็นพิเศษ คือการหลีกเลี่ยง ส่วนผสมที่ ปราศจากสารเคมี และสารก่อการ ระคายเคือง ตัวการทำ�ลายผิว
HAM BEAUTY REVIEW เรื่อง: นิอร สุขวัจน์
BENEFIT
Foolproof Brow Powder สี Deep (1,050 บาท)
เสกคิ้วสวยดั่งใจไม่ยาก มือใหม่ก็ทำ�ได้ ด้วยชุดแต่งคิ้วเนื้อฝุ่นนุ่มลื่นเกลี่ยง่าย ให้สส ี วยเติมเต็มทุกช่องว่างระหว่างคิว้ ได้แนบสนิท 2 เฉดสีในพาเลตต์ที่ ไกด์ไลน์ให้สาวๆ ระบายตามจากสีอ่อน ไปเข้มตามรูปคิ้วตัวเอง เพื่อผลลัพธ์ ธรรมชาติ
GIRL WHO STOLEN THE NIGHT
BURBERRY
The Festival Collection Fresh Glow Luminous Fluid Base (1,850 บาท)
หากจะมีหญิงสาวที่เซ็กซี่และเย้ายวนเป็นพิเศษในยามค่ำ�คืน ชื่อของ Bella Hadid คู่ควรที่สุดกับตำ�แหน่ง Queen of the Night แบบไม่สามารถปฏิเสธได้ หญิงสาว เจ้าของดวงตาคู่สวยทรงพลังดุจอสรพิษ แต่ทว่าก็ชวนมองจนไม่สามารถละสายตาได้ HAMBURGER แนะนำ�ไอเท็มดุจยาเสน่ห์ที่จะทำ�ให้คุณพร่างพราวที่สุดในราตรีกาล
หลังเตรียมผิวด้วยรองพื้น เกลี่ยทับด้วย Fresh Glow Luminous Fluid Base หรือ เกลี่ยเฉพาะส่วนที่ต้องการเพิ่ม มิติให้ใบหน้า และคงความ ชุ่มชื้นในผิวด้วยส่วนผสม Water-Infuse Primer 55% พร้อมผลลัพธ์ผิวโกลว์ เปล่งประกายสวย
BULGARI
Goldea The Roman Night (75 มล. 5,700 บาท)
URBAN DECAY
Vice Lipstick สี Backseat (850 บาท)
น้ำ�หอมที่ได้แรงบันดาลใจจากเทพธิดาแห่งโรมันยามค่ำ�คืน ผู้สูงศักดิ์ โดดเด่นด้วย Base Note กลิ่นของ Vetiver หรือ แฝกหอม ผสานด้วย Patchuouli Heart และ Black Musk เอกลักษณ์หนึ่งเดียวจากบุลการี ความหอมเย้ายวน ลึกลับ น่าค้นหา และยังเพิ่มความเซ็กซี่จนใครๆ ต้องเคลิบเคลิ้ม และเป็นแบบเดียวกับที่มีในตัวของ Bella Hadid
ริมฝีปากนู้ด คือตัวแทนความ เปลือยเปล่าที่จับคู่กับดวงตา ซอฟต์สโมกกี้อายแล้วเซ็กซี่ เย้ายวนใจที่สุด และทั้ง 2 สี จาก UD เนรมิตสีนู้ดสวย ไม่ป่วย เม็ดสีแน่นชัดไม่ตกร่อง พร้อมความชุ่มชื้น ให้ปากอวบอิ่ม
MUST HAVE!
ดีไซน์ขวดหรูหราลึกลับด้วยรอบคอขวด ที่พิเศษมากขึ้นด้วยลวดลายงูสีดำ�-ทอง สัญลักษณ์อันแข็งแกร่งของราชินี แห่งอาณาจักรโรมัน
Vice Liquid Lipstick สี Kinky (800 บาท)
CAN’T TAKE MY EYES OFF YOU!
หนึ่งใน sex appeal ที่ช่วยเติมเต็มเสน่ห์ ของหญิงสาว คือการได้ประสานดวงตา กันและกันกับคูส ่ นทนา การแต่งเปลือกตา ให้สวยตามสไตล์ของตนเอง จะยิ่งทำ�ให้ สาวๆ มั่นใจทุกครั้งที่สบตา
L’ORÉAL PARIS La Palette Gold (649 บาท)
พาเลตต์อายแชโดว์เนื้อฝุ่น 10 เฉดสี ชิมเมอร์เนื้อบางเบา เนรมิตดวงตาเซ็กซี่ เป็นประกายแวววาว เม็ดสีแน่นติดทน เกลี่ยง่าย เราแนะนำ�คู่สีน้ำ�ตาล-ทอง อันสวยหรูเย้ายวน
HAM SPECIAL FEATURE • เจสสิกา ถูกแมวมองค่าย S.M. Entertainment ชวนมา เป็นศิลปินฝึกหัดขณะเดินเล่น ในห้างที่เกาหลีใต้ ส่วน ซูยอง และ ฮโยยอน เข้ามาเป็นศิลปิน ฝึกหัดจากการออดิชั่น ในโครงการ S.M. Open Audition
สาวๆ Girls’ Generation เพิ่งจัดปาร์ตี้ฉลอง 10 ปีการเดบิวต์ไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางความคาดหวังของบรรดาโซวอนว่า พวกเธอจะยังรวมตัวกันท�ำงานเพลงในชื่อ Girls’ Generation ต่อไปเรื่อยๆ แต่กลายเป็นว่า ซูยอง ซอฮยอน และทิฟฟานี ไม่ต่อสัญญากับ S.M. Entertainment ท�ำให้ปัจจุบัน Girls’ Generation เหลือแค่ แทยอน ยุนอา ฮโยยอน ยูริ และ ซันนี แต่ปัจจุบันพวกเธอยังยืนยันจะท�ำงานเพลงในฐานะ Girls’ Generation ต่อไป แต่จะนานแค่ไหนนั้นคือ อีกเรือ ่ งหนึง ่
2001
2000
• ยูริ เป็นศิลปินฝึกหัดของ S.M. Entertainment หลังได้ อันดับ 2 ของการประกวด S.M. Youth Best Dancer
2002
• ยุนอา เป็นเด็กฝึกหัดของ S.M. Entertainment จากโครงการ S.M. Saturday Open Casting Audition ด้วยการร้องและเต้นเพลงของศิลปิน ในดวงใจอย่าง BoA และ บริตนีย์ สเปียร์ ส่วน ซูยอง เปิดตัวในฐานะเกิร์ลกรุ๊ปญี่ปุ่น
2003
กับวง Route Ø แต่ไม่ประสบความส�ำเร็จ
• ซอฮยอน สมาชิกที่เด็กสุด ของวงถูกแมวมองของ S.M. Entertainment ชวนมาออดิชั่น เป็นศิลปินฝึกหัดระหว่างเดินอยู่ ในสถานีรถไฟใต้ดิน
2004
2010
• แทยอน กลายเป็นศิลปินฝึกหัดของค่าย S.M. Entertainment หลังได้อันดับ 1 จากเวที S.M. Youth Singing Competition ส่วน ทิฟฟานี ผ่านการออดิชั่น ในโครงการ S.M.’S Starlight Casting System
2007
ที่ลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา
• ซันนี ได้รบ ั ค�ำแนะน�ำจาก อายุมิ ลี นักร้องและนักแสดงชือ ่ ดัง ให้มาออดิชน ั่ กับ S.M. Entertainment และกลายเป็น สมาชิกคนสุดท้ายของวงโซยอนชิแด หรือ Girls’ Generation ต่อจาก เจสสิกา้ ซูยอง ฮโยยอน ยูริ ยุนอา ซอฮยอน แทยอน และ ทิฟฟานี พร้อมปล่อยซิงเกิลแรก Into the New World และอัลบัม ้ เต็มอัลบัม ้ แรกทีใ่ ช้ ชือ ่ ว่า Girls’ Generation ซึง ่ ท�ำยอดขาย ได้มากถึง 56,804 อัลบัม ้ เป็นอันดับ 12 ของเกาหลีใต้ปน ี น ั้ • ยุนอา เปิดตัวงานแสดงครัง ้ แรกจาก บทนักแสดงสมทบในซีรส ี โ์ ทรทัศน์เรือ ่ ง Two Outs in the Ninth Inning
2008
• อัลบั้ม Girls’ Generation ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Baby Baby • ยุนอา ได้รับบทน�ำในซีรีส์ โทรทัศน์เป็นครั้งแรกจากเรื่อง You Are My Destiny • ซูยอง แสดงภาพยนตร์ ครั้งแรกเรื่อง Hello, Schoolgirl และแสดงซีรีส์ โทรทัศน์ครั้งแรกเรื่อง Unstoppable Marriage ร่วมกับสมาชิก Girls’ Generation 6 คนอย่าง แทยอน เจสสิกา ซันนี ทิฟฟานี ฮโยฮยอน ยุนอา และ ซอฮยอน
• Girls’ Generation ปล่อย E.P. อัลบั้ม Gee ออกมา และอัลบัม ้ นีไ้ ด้สง ่ ให้พวกเธอทัง ้ 9 โด่งดัง มาจนถึงปัจจุบัน โดยเพลงที่ป๊อบที่สุดในอัลบั้ม คือ Gee เป็นเพลงที่ขายดีที่สุดในประเทศ เกาหลีใต้ปีนั้น ตามมาด้วยอีกหนึ่ง E.P. อัลบั้ม อย่าง Tell Me Your Wish (Genie) ที่ท�ำสถิติ ยอดขาย 50,000 อัลบั้มได้ตั้งแต่สัปดาห์แรก และในปีเดียวกันก็มีการประกาศทัวร์คอนเสิร์ต ครั้งแรกในชื่อ Into the New World ซึ่งบัตร
ในบทเจ้าหญิงทั้ง 7
ได้มากที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว
ในเกาหลีใต้ขายหมดภายใน 3 นาที UNTOLD STORY: ระหว่างปี 2009-2011 สาวๆ วง Girls’ Generation ท�ำเงินได้ราว 62 ล้านเหรียญ สหรัฐฯ ช่วยท�ำก�ำไรให้ S.M. Entertainment ถึง 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นับเป็นวงดนตรีที่ท�ำก�ำไรให้บริษัท
• Girls’ Generation ปล่อยสตูดิโออัลบั้มที่ 2 ในชื่อ Oh! ก่อนจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Run Devil Run ในภายหลัง โดยซิงเกิล Oh! กลายเป็น ซิงเกิลขายดีอันดับ 2 แห่งปี 2010 ในเกาหลีใต้ ด้วยยอดขาย 3.3 ล้านก๊อบปี้ และในปีเดียวกัน พวกเธอได้เซ็นสัญญากับ Nayutawave Records (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น EMI Records Japan) เพื่อตีตลาดเพลงในประเทศญี่ปุ่น และอัลบั้มภาษาญี่ปุ่นอัลบั้มแรกมีชื่อว่า New Beginning of Girls’ Generation ส่วนซิงเกิล เปิดตัวคือ Genie เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น จากนั้น ได้ปล่อย E.P. อัลบั้มที่ประเทศเกาหลีในชื่อ Hoot ก่อนได้รับรางวัลศิลปินยอดเยี่ยมแห่งปีจากเวที Seoul Music Awards • ในปีเดียวกัน เจสสิกา ปล่อยเพลง Sweet Delight ซึ่งเป็นซิงเกิลเดี่ยวของตัวเองออกมา ให้ฟังกันเป็นครั้งแรก UNTOLD STORY: ซิงเกิล Gee เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น ในอัลบั้ม New Beginning of Girls’ Generation เป็น เพลงแรกนับตั้งแต่ปี 1980 ที่ไม่ได้ร้องโดยคนญี่ปุ่น แต่ ติด Top 3 ของ Oricon Chart และกลายเป็นซิงเกิลของ Girls’ Generation ที่ประสบความส�ำเร็จสูงสุดในญี่ปุ่น ด้วยยอดขาย 207,000 ก๊อบปี้
2011
• Girls’ Generation ปล่อยสตูดิโอ อัลบั้มภาษาญี่ปุ่นทั้งอัลบั้มเป็น ครั้งแรกในชื่อ Girls’ Generation ก่อนจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น The Boys ในภายหลัง ที่มีทั้งเพลงเก่าและ เพลงใหม่ผสมกัน สามารถท�ำยอดขาย 500,000 ก๊อบปี้ในเวลาแค่เดือนเดียว และในปีเดียวกันพวกเธอได้ปล่อย สตูดิโออัลบั้มที่ 3 ในเกาหลีใต้ชื่อ The Boys ซึ่งอัลบั้มนี้ถูกจัดจ�ำหน่าย ในสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ โดย Interscope Records UNTOLD STORY: Girls’ Generation เป็นศิลปินหญิงกลุ่มแรกที่ได้รับรางวัล ศิลปินยอดเยี่ยมแห่งปีจากเวที Seoul Music Awards 2010 และ 2011
STORY
• Girls’ Generation ปล่อยสตูดิโออัลบั้มล�ำดับที่ 6 ชื่อว่า Holiday Night ซึ่งน่าจะเป็นอัลบั้มสุดท้ายที่มีสมาชิก 8 คน เนื่องจาก ทิฟฟานี ซูยอง และ ซอฮยอน ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับ S.M. Entertainment เพราะต้องการไปทุ่มเทให้กับงานแสดง • เจสสิกา ปล่อย E.P. อัลบั้มที่ 3 อย่าง My Decade ออกมาให้ฟัง เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และในปีนี้เธอยังมีภาพยนตร์อีก 2 เรื่องคือ Two Bellmen Three และ My Other Home • ซอฮยอน ปล่อย E.P. อัลบั้มเดี่ยวครั้งแรกของตัวเองออกมา ในชื่อ Don’t Say No ก่อนจะตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับ S.M. Entertainment และหันไปเอาดีด้านการแสดงแทน และปีนี้ก็เป็น ครั้งแรกที่เธอได้รับบทน�ำในซีรีส์เรื่อง Ruby Ruby Love ต่อด้วย Bad Thief, Good Thief ก็เป็นบทน�ำด้วยเช่นกัน • ยุนอา แสดงภาพยนตร์เต็มตัวเรื่องแรกใน Confidential Assignment ซึ่งเป็นบทนักแสดงสมทบเท่านั้น แต่ในซีรีส์ The King in Love เธอก็ยังคง ได้รับบทน�ำเหมือนเดิม • แทยอน ปล่อยสตูดิโออัลบั้มเดี่ยวครั้งแรก ออกมาในชื่อ My Voice
X-FILMS
4 หนังแฝงข้อคิด ให้กับชีวิตของ ศิตา ชุติภาวรกานต์
UNTOLD STORY: ตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา Girls’ Generation มีผลงานมาแล้วทั้งหมด 9 สตูดิโออัลบั้ม, 2 ไลฟ์อัลบั้ม, 2 อัลบั้มพิเศษ, 12 วิดีโออัลบั้ม, 43 มิวสิกวิดีโอ, 4 E.P. อัลบั้ม และ 28 ซิงเกิล
2016
• ซูยอง เขียนเพลง Sailing ขึ้นมาเพื่อฉลอง ครบรอบเดบิวต์ 9 ปีของ Girls’ Generation ส่วน I Love That Crazy Little Thing ภาพยนตร์ เรื่องแรกของ เจสสิกา ก็เข้าฉายในปีนี้เช่นเดียวกัน • เจสสิกา ปล่อยเพลง Fly ซิงเกิลเปิดตัวในฐานะ ศิลปินเดี่ยวเต็มตัว หลังออกจากการเป็นสมาชิก วง Girls’ Generation เพลงนี้รวมอยู่ใน E.P. อัลบั้ม With Love, J หลังจากนั้นอีกพักใหญ่ ก็ปล่อย E.P. อัลบั้มที่ 2 อย่าง Wonderland ออกมาให้ฟังอย่างต่อเนื่อง • ยุนอา ปล่อย E.P. อัลบั้มเดี่ยวครั้งแรก ของตัวเองเป็นภาษาจีนในชื่อ Blossom • ทิฟฟานี ปล่อย E.P. อัลบั้มเดี่ยวครั้งแรก ของตัวเองในชื่อ I Just Wanna Dance • แทยอน ปล่อย E.P. อัลบั้มเดี่ยวล�ำดับที่ 2 ของตัวเองออกมาในชื่อ Why
• Girls’ Generation ปล่อยซิงเกิล Catch Me If You Can ซึ่งเป็นซิงเกิลแรกที่เหลือ 8 คน ก่อน ประกาศปล่อยสตูดิโออัลบั้มล�ำดับที่ 5 อย่าง Lion Heart ออกมาในภายหลัง ในปีเดียวกันนี้ที่วงย่อย TTS ได้ปล่อย E.P. อัลบั้มล�ำดับที่ 2 อย่าง Dear Santa ออกมาให้ฟังกัน • แทยอน ปล่อย E.P. อัลบั้มเดี่ยวครั้งแรกของตัวเอง ออกมาในชื่อ I
2012
• Girls’ Generation ได้รับรางวัลอัลบั้มแห่งปี บนเวที MTV Video Music Awards Japan จากอัลบั้ม Girls’ Generation เวอร์ชั่นญี่ปุ่น และปล่อยอัลบั้ม ภาษาญี่ปุ่นอัลบั้มที่ 2 ออกมาในชื่อ Girl & Peace โดยมี Paparazzi เป็นซิงเกิลเปิดตัว อีกทั้งยังเปิดตัว วงย่อยของ Girls’ Generation ชื่อ TTS หรือที่เรียก กันว่า แททิซอ ประกอบไปด้วยสมาชิก 3 คนอย่าง แทยอน ทิฟฟานี และ ซอฮยอน ปล่อย E.P. อัลบั้มแรก ในชื่อ Twinkle • ซูยอง รับบทน�ำในซีรีส์โทรทัศน์ครั้งแรกในเรื่อง The 3rd Hospital • ยูริ รับบทน�ำในซีรีส์โทรทัศน์ครั้งแรกในเรื่อง Fashion King • Girls’ Generation ท�ำยอดขายในปีนี้ได้ถึง 4.4 ล้าน อัลบั้ม และ 30 ล้านดิจิทัลซิงเกิล UNTOLD STORY: เจสสิกา รับงานแสดงเต็มตัวครั้งแรก จากซีรีส์ Wild Romance แต่ ก่อนหน้านี้ในปี 2010 เธอเคยเป็น นักแสดงรับเชิญในซีรีส์ Oh! My Lady มาก่อนแล้ว
2013
• สตูดิโออัลบั้มล�ำดับที่ 4 อย่าง I Got a Boy ถูกปล่อย ออกมาในวันปีใหม่ โดยมี Dancing Queen เป็นซิงเกิล เปิดตัว (เพลงปล่อยออกมาตัง ้ แต่ปี 2012 แล้ว) ในขณะที่ มิวสิกวิดีโอเพลง I Got a Boy ได้รับรางวัลมิวสิกวิดีโอ แห่งปี และในปีนี้ Girls’ Generation ได้ประกาศเวิลด์ทว ั ร์ ครั้งแรกในชื่อ Girls’ Generation World Tour Girls & Peace อีกทั้งยังปล่อยอัลบั้มภาษาญี่ปุ่นล�ำดับ 3 อย่าง Love & Peace ออกมาอีกด้วย • ซอฮยอน รับงานแสดงเต็มตัวครั้งแรกในซีรีส์โทรทัศน์ เรื่อง Passionate Love • ยูริ แสดงภาพยนตร์และได้รับบทน�ำเป็นครั้งแรก ในเรื่อง No Breathing UNTOLD STORY: CNN ยกให้ Girls’ Generation เป็น Spice Girls เวอร์ชั่นเอเชีย
UNTOLD STORY: Girls’ Generation กลายเป็นเกิร์ลกรุ๊ปวงแรกที่ มิวสิกวิดีโอมียอดวิวในยูทูป ทะลุ 100 ล้านได้ถึง 5 เพลง คือ Gee, I Got a Boy, The Boy, Mr. Taxi และ Oh!
2014
• Girls’ Generation ปล่อย E.P. อัลบั้มออกมาในชื่อ Mr.Mr และในปีนี้เองที่เจสสิก้า ประกาศแยกทางกับวง Girls’ Generation และค่าย S.M. Entertainment เนือ ่ งจากไม่สามารถหาข้อตกลงเรือ ่ งการแบ่งเวลางานได้ ท�ำให้เกิร์ลกรุ๊ปวงนี้เหลือสมาชิก 8 คนเท่านั้น และในปีนี้ วงย่อย TTS ได้ปล่อย E.P. อัลบั้ม Holler
Gattaca (1997) - แอนดรูว์ นิคโคล
“หนังวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการตัดต่อ พันธุกรรมของมนุษย์ เป็นหนังท้าทายของ คนทีไ่ ม่ได้เพอร์เฟ็กต์ แต่อยากจะเพอร์เฟ็กต์ ซึ่งพระเอกของเรื่อง เขาไม่เคยยอมแพ้ ต่อสิ่งที่เขาถูกก�ำหนดมาให้เป็น จนสุดท้ายเขาก็ท�ำได้ส�ำเร็จ”
Harry Potter and the Sorcerer’s Stone (2001) - คริส โคลัมบัส
“ภาคนี้เป็นภาคที่เราชอบดูมากที่สุด ตัวละครอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์ เขาไม่เคย รู้เลยว่า วันหนึ่งตัวเองจะกลายเป็นคน ส�ำคัญขึ้นมา ซึ่งพอได้มาเป็นแล้ว เขาก็ยัง คงเป็นคนเดิมไม่เปลี่ยนไป”
Pleasantville (1998) - แกร์รี่ โรส
“หนังสีขาวด�ำที่มีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในโลกที่ มีสีสัน แต่แล้ววันหนึ่งเขาต้องหลุดเข้าไป อยู่อีกโลกที่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสีขาวด�ำ เรื่องนี้ท�ำให้เราคิดได้ว่า บางทีเราอยู่ใน โลกที่เราคิดว่าพัฒนาแล้ว แต่พอได้กลับ ไปในโลกที่ทุกอย่างเป็นขาวด�ำ มันก็ท�ำให้ เราได้เห็นมุมมองที่แตกต่างจากเดิม”
The Truman Show (1998) - ปีเตอร์ เวียร์
“เป็นหนังที่ตอนจบเซอร์ไพรส์คนดูมาก เราสงสารชีวิตของตัวละครที่ไม่เคยรู้เลยว่า ตั้งแต่เกิดมาตัวเองอยู่ในโลกสมมติ มาโดยตลอด ซึ่งกลับกันบางครั้งเราอยู่ใน โลกแห่งความจริง แต่เราก็อยากให้เรื่อง บางเรื่องกลายเป็นเรื่องสมมติไปซะดีกว่า”
HAM HANG OUT เรื่อง: เสาวภัคย์ อัยสานนท์ ภาพ: สรรพัชญ์ วัฒนสิงห์
CROP TO CUP
หากวันนี้เป็นหนึ่งใน วันที่อากาศร้อนจัดหรือ ใจหม่นหมอง ‘ดาร์ก บาย ฟิลลิป ดิ เบลล่า’ คงไม่ได้ เป็นเพียงคาเฟ่ที่เราอยาก เชิญชวนมานั่งหลบหนี จากแสงแดด หรือท�ำใจ ให้ผ่อนคลายภายใต้แสงไฟ สลัว เพราะที่นี่ยังโดดเด่น ด้วยเมล็ดกาแฟชั้นดี รอคอยให้คอกาแฟเข้ามา คัดเลือก สัมผัสเมล็ดด้วย จมูกและปากของตัวเอง สังเกตรอบร้านจะเห็นใบกาแฟและผลงาน ศิลปะซ่อนตัวอยูต ่ ามมุมต่างๆ ใครทีก ่ ำ� ลัง ค้นหามุมถ่ายรูปสวยๆ ลองเดินขึน ้ ไปบน ชัน ้ สองแล้วมองลงมาทีช ่ น ั้ ล่าง จะเห็นโต๊ะ สีขาวสะอาดตาตัวยาวทีม ่ โี คมไฟห้อย ลงมาจากเพดาน
28
‘ดาร์ก บาย ฟิลลิป ดิ เบลล่า’ (D’ark by Phillip Di Bella) ซ่อนตัวอยูใ่ นโครงการพิมาน 49 ซอยสุขมุ วิท 49 ทีซ่ งึ่ เต็มไปด้วย ร้านอาหารคอนเซ็ปต์เก๋โดดเด่น เข้าไปในร้านจะเจอกับกล่อง ใส่เมล็ดกาแฟนานาชนิดที่สรรหามาจากทั่วทุกมุมโลก ปล่อย ให้คนมือซนอย่างเราหยิบจับแต่ละเมล็ดขึน้ มาสูดดมกลิน่ พร้อม บอกเล่าเรื่องราวและที่มาของกาแฟ ตั้งแต่แหล่งในการปลูก ขัน้ ตอนการปลูกเมล็ดกาแฟ จนกลายมาเป็นกาแฟถ้วยทีเ่ ราดืม่ หนึ่ง - เปิดเมนูของร้าน เลือกเมนูกาแฟ ไม่ว่าจะเป็น คาปูชโิ น่, มอคค่า, ลาเต้ หรือแฟลท ไวท์ สอง - กาแฟดีอาจต้องดืม่ ให้เพียวทีส่ ดุ เท่าทีท่ ำ� ได้ แต่ถา้ อดใจไม่ไหวจริงๆ จะลองสัง่ เพิม่ นมสด น�ำ้ ตาล หรือซอสซอลต์ คาราเมลลงไป ก็ชว่ ยเพิม่ รสชาติความอร่อยได้เหมือนกัน สาม - พูดคุยกับบาริสต้าถึงกาแฟเมล็ดโปรด ต่อด้วยการ เบลนด์เมล็ดกาแฟจากทีต่ า่ งๆ ตามความพอใจ 3 ข้อที่กล่าวมาข้างต้นคือค�ำแนะน�ำส�ำหรับคอกาแฟที่ อยากลิม้ รสกาแฟตามแบบฉบับของตัวเอง แต่ถา้ จะสัง่ แบบ ไม่ตอ้ งคิดมาก Single & Tonic (230 บาท) กาแฟรสเปรีย้ ว ชุม่ คอกลิน่ หอมมะนาว คือเมนูเติมความสดชืน่ ทีไ่ ด้ใจเรา และ ส�ำหรับใครทีไ่ ม่อยากดืม่ กาแฟ อยากเปลีย่ นเป็นชา ลองสัง่ Iced Earl Grey & Tonic (240 บาท) ก็สดชืน่ ไม่แพ้กนั นีเ่ ป็นแค่เศษเสีย้ วของเมนูเครือ่ งดืม่ ภายในร้านเท่านัน้ แค่นงั่ เลือกดูอาหารในแผ่นเมนูของร้านก็เพลินแล้ว เพราะ หลากหลายไปด้วยเมนูอาหารคาวและของหวานนานาชนิด จนเลือกไม่ถกู เราแนะน�ำของหวานทานเล่นอย่างชุด Danish Coffee Set (290 บาท) ชุดขนมปัง 3 อย่าง ประกอบด้วยครัวซองต์เนยสด, ครัวซองต์ชอ็ กโกแลต พร้อมแยมผลไม้ เลือกทานคูก่ บั กาแฟ ทีส่ ามารถเลือกได้ตามใจชอบ และ Original Pancakes (260 บาท) แพนเค้กสูตรโฮมเมดราดด้วยซอสเมเปิลไซรัปและผลไม้ ทีเ่ ปลีย่ นไปตามฤดูกาล
WHERE: ตัง้ อยูโ่ ครงการพิมาน 49 ซอยสุขม ุ วิท 49 OPEN: เปิดให้บริการทุกวัน 08.00-22.00 น. TEL: 0-2662-7900 FACEBOOK: D’ark by Phillip Di Bella IG: @darkbangkok WEBSITE: www.darkcoffee.com
Crazy Shakes!
3 เมนูมล ิ ก์เชกกลิน ่ หอมละมุน รสชาติ เข้มข้น ทีเ่ ราไม่พลาดกินหมดจนหยด สุดท้าย
• S’more Shake (350 บาท) แก้วนี้
ยกให้คนรักช็อกโกแลต เนือ้ ครีมปัน่ ละเอียดเข้ากับส่วนผสมจากโยเกิรต์ และไอศกรีมวานิลลา ราดด้วย วิปปิงครีม และมาร์ชเมลโลว์ลนไฟ • Blueberry Shake (350 บาท)
มิลก์เชกรสบลูเบอร์รสี่ มี ว่ ง พาสเทลสดใสกลิน่ หอม หวานผลไม้ เคีย้ วกรุบกรอบ ด้วยมาการอง และวาฟเฟิล รสบลูเบอร์รี่
• Strawberry Shake (350 บาท)
สตรอว์เบอร์รเี่ ชกรสชาติเข้มข้นหวานละมุน ตกแต่ง น่ารัก มีสสี นั สะดุดตาด้วยวิปปิง้ ครีม เยลลีส่ ตรอว์เบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รสี่ ด และมาร์ชเมลโลว์
HAM CAMERA ROLL เรื่อง: พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์
S AV E O U R SOULS เราต่างต้องการความช่วยเหลือ
หลังได้รับมอบหมายว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งในซีรีส์ ผมก็วางทุกอย่างลง แล้วโฟกัสไปที่งาน โจทย์ของผมอิสระมาก แต่หากจะน�ำกีฬามาเป็นตัวด�ำเนินเรื่อง ต้องอยู่ในเส้นเรื่องจริงๆ ไม่ใช่ เอามาเป็นแค่แบ็กกราวด์เท่านั้น ผมเริ่มจากการมองหากีฬาที่ชอบ ส่วนตัวผมเล่นสเกตบอร์ด มา 2-3 ปีได้แล้ว ผมว่ามันเป็นกีฬาทีเ่ ล่นคนเดียวได้ มันท้าทาย และต้องต่อสูก้ บั ตัวเองตลอดเวลา เลยเลือก ‘สเกตบอร์ด’ นี่แหละมาเป็นกีฬาที่จะใช้ในซีรีส์ เรามีประสบการณ์ตรง เราอินอยู่แล้ว ล�ำดับต่อมา ผมก็เริ่มหาไอเดียอื่นๆ จากอินเทอร์เน็ต จากเว็บไซต์ต่างๆ เราไม่อยากได้ภาพ ของการเล่นสเกตบอร์ดแบบพวกที่เล่นแล้วแอ็กติ้งเท่ๆ ท�ำตัวซ่า ท�ำตัวเป็นแก๊งสเตอร์ แล้วผมก็ พบภาพทีด่ งึ ดูดมาก เห็นแล้วรูส้ กึ ทันทีวา่ เฮ้ย...แม่งเจ๋งว่ะ! นัน่ คือภาพทีเ่ ด็กสาวคนหนึง่ อายุราวๆ 20 ปี เธอใส่แว่น แต่งตัวเรียบร้อยชนิดที่เรียกได้ว่าน่ารักเลยทีเดียว ในมือของเธอถือสเกตบอร์ต อยู่ในลานสเกตที่ดูรกร้าง สภาพผุพังมากๆ ผมกดเข้าไปดูทันทีแล้วก็ได้รู้ว่าเธอเป็นโรคซึมเศร้า แต่เธออาการดีขึ้นมาได้ด้วยการเล่นสเกตบอร์ด ผมซื้อไอเดียนี้ น�ำไปเสนอผู้ใหญ่ ทุกคนก็ชอบ ค�ำถามต่อมาผมต้องไปท�ำการบ้าน ‘โรคซึมเศร้าคืออะไร?’ ผมเริ่มจากไปหาจิตแพทย์ เพื่อ ศึกษาเรื่องราวของโรคนี้ หาข้อมูลมาประกอบทั้งจากหนังสือ จากอินเทอร์เน็ต ไปคุยกับผู้ที่ หายขาดจากโรคได้ ไปหาผู้ป่วยที่ยังเป็นโรคซึมเศร้า ระหว่างนั้นเองก็เริ่มเขียนบทส่งให้ทีมดู เรื่อยๆ และช่วงเวลานี้เองที่บทถูกตีกลับมาตลอด ไม่ใช่การตีกลับแบบให้แก้ตรงนั้นนิด หรือ ปรับตรงนี้หน่อย แต่มันคือการล้างเรื่องที่เขียนไปทั้งหมด! กลับไปที่ศูนย์อีกครั้ง ซ�้ำแล้วซ�้ำอีก อยู่ประมาณ 3-4 เดือน จนรู้สึกว่า เฮ้ย! ท�ำไมล่ะ จากคนที่มั่นใจในตัวเองมาตลอด ผมเริ่มย้อน ถามตัวเอง ท�ำไมถูกรือ้ ทิง้ ได้ขนาดนี้ ทัง้ ทีเ่ ราทุม่ เททัง้ ชีวติ ไม่รบั งานอะไรเลยนอกจากโปรเจ็กต์นี้ แต่ท�ำไมไม่ผ่านเสียที มันหดหู่มาก จนอยากยอมแพ้ น�้ำหนักลดลงไป 7 กิโลฯ ขณะที่เราให้เจมส์ไปลดน�้ำหนัก ให้ได้ 8 กิโลฯ เพราะต้องมารับบท เป็น ‘บู’ เด็กซึมเศร้า ที่กินอาหารไม่ลง แต่เราเองก็กินไม่ได้ เดีย๋ วก็เศร้า เดีย๋ วก็อยากร้องไห้ ยิง่ ท�ำให้รสู้ กึ ว่าตัวเองเริม่ ซึมเศร้าเองเสียแล้ว ทุกอย่างมืดแปดด้าน จนผูใ้ หญ่ถงึ กับพูดว่า “ไม่คดิ ว่ามึงจะท�ำไม่ได้ขนาดนี”้ จนเหลือเวลาแค่ 3 เดือนสุดท้ายทีจ่ ะต้อง
ถ่ายท�ำแล้ว เรื่องก็ยังไม่ผ่าน หรือจริงๆ เราท�ำไม่ได้วะ ‘Project S The Series’ ตัดเหลือ 3 เรื่อง ได้ไหม ไม่มี SOS ได้หรือเปล่า ผมพยายามสร้างก�ำลังใจ และหาทางออกให้ตัวเอง ค่อยๆ พิจารณาตัวเอง จนรู้ว่าเรายังขาดประสบการณ์อีกมาก และถึงเวลาที่ต้องขอความช่วยเหลือ จากคนอื่นแล้ว เราเริ่มน�ำเอาทีมเขียนบทเข้ามาช่วย ผมเรียนรู้ว่าการท�ำงานที่ดีคือทีมเวิร์ก และเราขอ ความช่วยเหลือได้เสมอ และหนึ่งในความช่วยเหลือที่ผมได้รับคือทีมตัดต่อ ซึ่งผมไม่ค่อยได้ เล่าที่ไหน เราได้ทีมตัดต่อที่เก่งมาก ทีมตัดต่อมีส่วนส�ำคัญมากๆ ในการท�ำหนัง หรือท�ำซีรีส์ พวกเขาท�ำให้ผมทึ่ง #นักตัดต่อ ก็เหมือนพ่อมด พวกเขาเหมือนมีเวทมนตร์ การลดทอนเพียง 2-3 เฟรม บิดฟุตเทจ ตัดแปะนั่นนิดนี่หน่อย ทุกอย่างออกมาเพอร์เฟ็กต์ในพริบตา ที่ส�ำคัญ คนพวกนี้อึดมาก ทีมโปรดักชั่นอาจมีเวลาถ่ายท�ำเช้าจนดึกดื่น แต่ทีมตัดต่อท�ำงานไม่มีหยุด อยูใ่ นห้องตัดต่อ รับงานจากโปรดักชัน่ แล้วตัดวนไป ภาพทีท่ กุ คนเห็นคือบรรยากาศในห้องตัดต่อ มันเหมือนห้องแห่งเวทมนตร์ ทีท่ ำ� ให้หนังเรียงร้อยออกมาได้อย่างใจคนสร้าง ห้องทีท่ กุ คนท�ำงาน นอนสต็อป และเป็นฉากที่ผมชอบที่สุด ฉากห้องอาหารที่บูต้องกินข้าว โดยมีแบ็กกราวด์เป็น วงกลมวนๆ หลากสี วงกลมที่ทีมงานต้องช่วยสร้างให้ผมขึ้นมาใหม่ เพราะความจริงแล้วมัน มาจากพรมในบ้านหลังที่เราไปถ่าย แต่เราไม่สามารถเอาพรมมาขึงอย่างใจผมได้ เราจึงต้อง สร้างขึ้นมา และพรมนี้ไม่ได้มีสัญลักษณ์หรือนัยอะไรเลย มันแค่ท�ำให้ผมรู้สึกว่ากวนตีนดีจัง! มันต้องมีอยู่ในเรื่องนี้ มันต้องอยู่ในห้องอาหาร! ก็เท่านี้แหละครับ ช่วงเวลาหลายเดือนจบลงอย่างหวุดหวิด ช่วงเวลาที่รู้ซึ้งว่า ‘ผู้ป่วยโรค ซึมเศร้า’ คือคนที่อ่อนแอที่สุดคนหนึ่งในโลกใบนี้ มันคือโรค พวกเขาไม่ได้อยากเป็น หลายคน หายขาด แต่หลายคนก็พา่ ยแพ้ไป ในระหว่างทีผ่ มพยายามพัฒนาบท (ทีเ่ กือบจะยอมแพ้เสียเอง) ผมพยายามอย่างยิง่ ทีจ่ ะสร้างให้ตวั ละครอย่าง ‘บู’ คนทีอ่ อ่ นแอทีส่ ดุ คนนี้ ให้มคี วามหวังในชีวติ ขึน้ มาได้ (ด้วยสเกตบอร์ด) เป็นความหวังให้คนรูส้ กึ ว่า กูกจ็ ะมีสทิ ธิด์ ขี นึ้ ได้ กูจะหายได้เหมือนกัน ผมหวังว่าหลายคนจะมีก�ำลังใจและหายขาดได้เช่นกัน
พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ ผู้ก�ำกับ
ครั้งแรกกับการเป็นผู้ก�ำกับเต็มตัวของ ‘พัฒน์’ คนเบื้องหลังเลือดใหม่ไฟแรงแห่ง บ้าน GDH 559 ใน SOS skate ซึมซ่าส์ ตอนหนึ่งของ Project S The Series เรือ ่ งราวของเด็กวัยรุน ่ ผูป ้ ว่ ยเป็นโรคซึมเศร้า ที่เรื่องราวก�ำลังเข้มข้นอยู่ในขณะนี้ แต่กว่า ทุกอย่างจะออกมาได้อย่างที่ทุกคนรับชม พัฒน์ได้เล่าไว้ใน HAMBURGER ฉบับนี้ว่า เขาเองที่เกือบจะกลายเป็นคนซึมเศร้า สมบูรณ์แบบ และเราทุกคนเกือบไม่ได้ชม ซีรีส์ตอนนี้กันแล้ว