HAMBURGER MAGAZINE ISSUE 89

Page 1

89

j u n 21 - 2 7, 2 01 7


HAM EDITOR’s TALK ปีที่ 2 ฉบับที่ 89 วันที่ 21-27 มิ.ย. 2560

GOOD TO BE BORN AS A GUY อย่าแปลกใจไปว่าผู้หญิงหรือเกย์สมัยนี้เวลารู้สึกคลั่งไคล้ผู้ชายแต่ละที ท�ำไมถึงแสดงอาการกันแบบออกหน้าออกตา อาจเป็นด้วยว่าสังคมเรามีหมวดหมู่ ‘สามีแห่งชาติ’ ที่แข็งแรง และพร้อมจะมีการจัดอันดับรับเข้าโผชนิดไม่อั้น ด้วยคุณสมบัติ นานาประการ ตั้งแต่หล่อ ล�่ำ น่ารัก งานดี ขี้อ้อน เซ็กซี่ หรือแสนดี ‘กรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา’ ผู้ชายบนปก HAMBURGER ฉบับนี้ ก็มีชื่อในลิสต์ ‘สามีแห่งชาติ’ (แบบไม่ต้องเปลืองตัว) กับเขา เหมือนกัน ก่อนหน้านี้เขาเคยมีผลงานละครและ MV มาแล้ว แต่กลับติดโผแบบชั่วข้ามคืนและแจ้งเกิดแบบจริงจังกับบทผู้ชายดี๊ดี คู่ขาของกะเทยในซีรีส์ ‘ไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์ เดอะ ซีรีส์ ซีซั่น 2’ p.18 เพิ่มคุณสมบัติพิเศษให้กับ ข้อบัญญัติ ‘เกิดเป็นชายสบายกว่า ตั้งเยอะ’ ไปอีก หรือถ้าจะสังเกตในแวดวงอื่น นอกเหนือจากการแสดง อย่างตามเวที ประกวดนักร้องมากมายหลายรายการ ก็ยังพบว่าผู้ประกวดเพศชายได้เปรียบ กว่าเพศหญิง ถึงจะจับไมค์ไม่คล่อง ร้องเพี้ยน หรืออะไรก็ตาม แต่ถ้ามี คุณสมบัติที่ว่ามาข้างต้นแล้วละก็ มีโอกาสเข้ารอบลึก และถึงจะพลาด ต�ำแหน่งแชมป์ แต่ก็สามารถครองใจ ผู้ชมไปหมดทั้งดวง การแสดงความเป็นเจ้าของ ‘นี่สามีฉัน’ อย่างหน้าตาเฉยในโลก ออนไลน์ จึงเป็นการแสดงออกแบบ สามัญธรรมดาของยุค ด้วยเพราะว่า เขาคนนั้นคือ ‘สามีแห่งชาติ’ นั่นเอง ว่าแต่จะชอบใคร รักใคร กรี๊ดใคร หรือ จะแสดงออกอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ส่วนตัว ของแต่ละคน แค่จัดระเบียบสิทธิ์นั้น ให้มนั พอดีพองาม เหมือนเวลาข้ามถนน ต้องดูซ้ายดูขวานั่นละ จะได้ไม่ก่ออุบัติเหตุขึ้นในสังคม

p.26

p.16

HAMBURGER TEAM

THE MAKING OF • ธิดา ผลิตผลการพิมพ์ คลุกคลี อยู่กับหนังมาตั้งแต่วัยเด็ก จาก งานเขียนวิจารณ์หนัง มาเป็น เจ้าของนิตยสารเกี่ยวกับหนัง เธอคงความนอกกระแสมาจนถึง งานใหม่ที่ Documentary Club คราวนี้ไปรู้จักเธอกันมากขึ้น อีกหน่อย Interview p.6 • สวยกันแต่เช้า กับหลาย ผลิตภัณฑ์ และหลากวิธีการ ปรนนิบัติผิวหน้า ความงาม ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ Beauty p.14

เสื้อยืดคอกลมสีแดงเลือดหมู จาก John Varvatos ทับด้วย แจ็กเก็ตหนัง จาก Diesel และ กางเกงยีนส์ขายาว จาก Topman

website issuu.com/hamburgermagazine

E-MAIL hamburgermag@gmail.com

Facebook hamburgermagazine

InstaGram hamburgermagazine

t wit ter hamburger_mag

ทีป ่ รึกษา สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย, ปิยะ ปิยะสมบัตก ิ ล ุ , พรรณภิลาศ พลธนะวสิทธิ์ บรรณาธิการผูพ ้ ม ิ พ์โฆษณา สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย บรรณาธิการทีป ่ รึกษา บุญโชค พานิชศิลป์ ผูช ้ ว ่ ยบรรณาธิการแฟชัน ่ ชนิตตนัณท์ ณรงค์ฤทธิธ์ ำ� รง บรรณาธิการความงาม นิอร สุขวัจน์ กองบรรณาธิการ ภูมิ ชื่นบุญ พิสูจน์อักษร วาริณี วรวิทยานนท์ หัวหน้าช่างภาพ คเชนทร์ วงศ์แหลมทอง ช่างภาพ ณัฐพล วุฒิเพ็ชร์, สลัก แก้วเชื้อ บรรณาธิการศิลปกรรม สุรวี พีรพงศ์พรรณ ศิลปกรรม Unit-R ธุรการ ณัฐรดา ตระกูลสม ผู้จัดการฝ่ายโฆษณา ภักดิ์คนางค์ บุญสม คาชิโนกิ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายโฆษณา ณัฐชัญญาภัค เนื่องจ�ำนงค์, ธัญญ์ฐิตา ปุณยศิรอนันต์ ฝ่ายโฆษณาอาวุโส นรัชพร แสงสุวรรณ, สุภาวดี ศิวานนท์ ผู้จัดการฝ่ายผลิต สุกัญญา ทศวงศ์ชาย ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ สาวิตรี เหล่ารอด ผู้จัดการฝ่ายดิจิทัลมีเดีย ธนาคาร จันทิมา บรรณาธิการข้อมูลดิจิทัล เสาวภัคย์ อัยสานนท์ ผู้ประสานงานฝ่ายดิจิทัลมีเดีย สิรินารถ อินทะพันธ์ เจ้ า ของ บริ ษั ท เดย์ โพเอทส์ จ� ำ กั ด เลขที่ 33 ซอยศู น ย์ วิ จั ย 4 แขวงบางกะปิ เขตห้ ว ยขวาง กทม. 10310 โทร. 0-2716-6900-4 แฟกซ์ 0-2716-6900-4 ต่ อ 506 เว็ บ ไซต์ www.hamburger-magazine.com แยกสี บริ ษั ท คลาสิ ค สแกน จ� ำ กั ด โทร. 0-2291-7575 พิ ม พ์ คอมฟอร์ ม โทร. 0-2368-2942-7 สงวนลิขสิทธิ์ การน�ำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของนิตยสารไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย Owner Day poets Co.,Ltd 33 Soonvijai 4, Bangkapi, Huai Kwang, Bangkok, 10310 Tel. 0-2716-6900-4 Fax 0-2716-6900-4 ext.506 More Information www.daypoets.com Color Separating Classic Scan Co.,Ltd. Tel. 0-2291-7575 Printing Comform Tel. 0-2368-2942-7 All rights reseved. Reproduction in whole or in part without written permission is strictly prohibited. ติดต่อโฆษณา ภักดิ์คนางค์ บุญสม คาชิโนกิ 08-6626-1462 • ณัฐชัญญาภัค เนื่องจ�ำนงค์ 09-3542-4626 • ธัญญ์ฐิตา ปุณยศิรอนันต์ 08-8895-6414 • นรัชพร แสงสุวรรณ 08-4928-3445 • สุภาวดี ศิวานนท์ 08-8176-0798 ติดต่อกองบรรณาธิการ 0-2716-6900-4 ต่อ 506


Die and Comeback

ออพติมัส ไพร์ม เคยตายแล้ว ฟื้นอย่างน้อยๆ ก็น่าจะเกิน 10 ครั้งแน่ๆ เพราะเอาแค่ เวอร์ชั่นภาพยนตร์ของไมเคิล เบย์ ก็ตายไปแล้ว 3 รอบ ใน Revenge of the Fallen (2009), Dark of the Moon (2011) และ Age of Extinction (2014)

W h at ’ s go i n g on

HAM HARD DISK

Last Transformers’ Film

ไมเคิล เบย์ ยืนยันกับนิตยสาร Rolling Stone หลังจาก เปลี่ยนใจกลับมารับงานภาค 4 ว่า The Last Knight จะเป็น Transformers ล�ำดับที่ 5 และ เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะก�ำกับ Transformers อย่างแท้จริง

New History

• บริตนีย์ สเปียร์ส เป็นหนึ่งใน

Transformers ภาค 5 เป็น การเขียนประวัติศาสตร์ของ Transformers ขึ้นใหม่ทั้งหมด เห็นได้จากตัวอย่างว่าเหล่า หุ่นยนต์ต่างดาว มีส่วนร่วม ในประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ ยุคคิงอาร์เธอร์

Box Office of Bay

Super Fan Boy

The Last Knight

5 อันดับภาพยนตร์รายได้สงู สุด ของไมเคิล เบย์ 1. Transformers: Dark of the Moon (2011) - $1.12 B 2. Transformers: Age of Extinction (2014) - $1.10 B 3. Transformers: Revenge of the Fallen (2009) - $836 M 4.Transformers (2007) $709.7 M 5. Armageddon (1998) $553.7 M

U n to ld S to ry: Britney Spears

ความจริงภาพยนตร์อภิมหาแฟรนไชส์อย่าง Transformers สามารถจบลงแบบบริบูรณ์ได้ ตัง ้ แต่ Transformers: Dark of the Moon (ภาค 3) แล้วด้วยซ้ำ�ไป แต่ด้วยความที่เป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ บล็อกบัสเตอร์ทไ่ี ล่กวาดเงินจากกระเป๋าคนดูทว่ั โลก ได้แบบไม่ต้องคิดอะไรมากมาหลายภาค มันก็เป็น เรื่องธรรมดาที่ค่าย Paramount จะเปิดไฟเขียว ตลอดกาลให้แฟรนไชส์ Transformers จนกว่าจะ เบื่อจนเจ๊งกันไปข้างหนึ่งเลย

quote of the WEEK เวลาช่วยเยียวยาความเจ็บปวดได้ ในไม่ชา้ ก็เร็ว และชีวต ิ ต้องดำ�เนินต่อไป ไม่อย่างนัน ้ เราก็ตอ ้ งพยายาม ทิง ้ ความเจ็บปวดนีไ้ ปให้ได้ เพือ ่ ก้าวไปสูบ ่ ทใหม่ๆ ของชีวต ิ ไมเคิล ฟาสส์เบนเดอร์

หนึ่งในแฟนเดนตายของหนัง Transformers คือ ไทรีส กิ๊บสัน เขาคลั่งไคล้หุ่นยนต์แปลงร่าง จนถึงขั้นไปสักสัญลักษณ์ Autobot (โลโก้ฝั่งพระเอก) ไว้ บนท้องแขนข้างขวาเลยทีเดียว

แก๊ง The Mickey Mouse Club ปี 1992 ร่วมกับ คริสติน่า อากีเลร่า, จัสติน ทิมเบอร์เลก, ไรอัน กอสลิ่ง และเครี รัสเซลล์

• ก่อนโด่งดังในฐานะศิลปิน

ป๊อปแดนซ์ตัวท็อป บริตนีย์เคย เป็นสมาชิกของวงเกิร์ลกรุ๊ป ชื่อว่า Innosense แต่ก็อยู่ได้ ประเดี๋ยวเดียว ชนิดที่ว่า ยังไม่ทน ั ได้ผลิตผลงาน เธอ ก็ตัดสินใจออกไปบินเดี่ยว เสียก่อน

• บริตนีย์มีผลงาน 9 อัลบั้ม

Next Knight

ส�ำหรับ Transformers ภาค สปินออฟ ผู้ก�ำกับฯ ที่ได้ทราวิส ไนท์ ซึ่งฝากฝีมือให้เห็นกันแล้ว จาก Kubo and the Two Strings (2016) มาเป็นผูก้ ำ� กับฯ ที่เล่าเรื่องราวเฉพาะของ บัมเบิลบีล้วนๆ

ซึ่งยอดขายก็ตกลงทุกอัลบั้ม เช่น Baby One More Time ขายได้ 25 ล้านก๊อปปี้ Oops!... I Did It Again ขายได้ 20 ล้าน ก๊อปปี้ Britney ขายได้ 15 ล้าน ก๊อปปี้ และ In the Zone ขายได้ 10 ล้านก๊อปปี้ เป็นต้น

• ชีวต ิ ของบริตนียถ ์ ก ู น�ำมาสร้าง เป็นภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ เรื่อง Britney Ever After ได้ตัว นาตาชา บาสเซ็ตต์ มารับบทน�ำ ออกอากาศทางช่อง Lifetime เมือ ่ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ทผ ี่ า่ นมา

Hold Up!

ปัญหาเล็กๆ แอบใหญ่ของละครไทยที่มักมีให้เห็น อยู่เรื่อยๆ คือ ช่องดองละคร หรือไม่ก็เลิกฉายไป ซะอย่างนั้น ซึ่งบางเรื่อง HAMBURGER มองว่า น่าเสียดายจริงๆ ที่ไม่ได้ดู

• ผยอง (ช่อง 3) รีเมกมาแล้ว 3 รอบ แม้มขี า่ วจะได้ออกอากาศ แน่ๆ ปี 2552 แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ดูกันเลย • บ้านก้านมะยม (ช่อง 3) จริงๆ เราควรจะได้เห็นญาญ่า อุรสั ยา เปิดตัวจากละครนี้ในปี 2551 แต่ละครดันโดนดองยาว • ตาดูดาว เท้าติดดิน (ช่อง 7) ด้วยเนือ้ เรือ่ งทีเ่ ล่าประวัตทิ กั ษิณ ชินวัตร เลยท�ำให้อดฉายจนถึงวันนี้ • บัวแล้งน�้ำ (ช่อง 3) มีคิวฉายปี 2551 แต่สุดท้ายก็โดนดอง


A A


interview HAM

รางวัลของคนรักหนัง เรื่อง: บุญโชค พานิชศิลป์ ภาพ: สลัก แก้วเชื้อ

บัณฑิตจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้อยู่ ห่างจากเส้นทางอาชีพสายที่ร่ำ�เรียนมา ทว่ากลับนำ�ความชื่นชอบส่วนตัวมา ประยุกต์ใช้เป็นเครื่องมือประกอบสัมมาชีพ เธอคือหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งนิตยสาร Bioscope สื่อรวมเรื่องราวนอกกระแส ของโลกภาพยนตร์ ก้าวผ่านวงจรของการทำ�งานมาอีกขั้น เมื่อค่อยๆ ถอนตัว ออกจากสือ ่ สิง ่ พิมพ์ทเ่ี ธอและคูช ่ วี ต ิ ปัน ้ มากับมือ มาก่อตัง ้ Documentary Club ค่ายจัดจำ�หน่ายหนังสารคดี ที่คล้ายเป็นทั้งสิ่งใหม่และของยาก เช่นเดียวกับอีกงานในหน้าที่ความเป็น ‘แม่’ ลูก 2 ซึ่งเธอต้องใช้ทั้งความรัก และความเข้มแข็ง เพือ ่ พิสจ ู น์ความสำ�เร็จ HAMBURGER มีโอกาสสนทนากับเธอ ‘ธิดา ผลิตผลการพิมพ์’ ในบางแง่มุมที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้จัก

AS GOOD A S I T G E TS


ธิดาเริ่มดูหนังตั้งแต่อายุเท่าไหร่

“การมีลูกนี่มันหักความเคยชิน ทุกอย่างเลยว่า ชีวิตนี้มันอยู่เหนือ การควบคุม แล้วเราถูกควบคุมโดย สิ่งนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะทิ้งไม่ได้ อีกต่างหาก มันไม่เหมือนเรารับจ๊อบ แล้วเราเบื่อ ช่างแม่ง...ไม่ท�ำแล้ว มันไม่ได้ เราต้องรับผิดชอบ”

ถ้าดูจริงจังก็น่าจะตอนอยู่ ม.ปลาย ดูตามพี่ชาย เพราะ พีช่ ายเป็นพวกบ้าหนัง ชอบสะสมวิดโี อและแมกกาซีนหนังเก่าๆ พอดีเราสนิทกับพี่ชาย ก็เริ่มรู้จักและเสาะหาหนังดูตามเขา แต่จริงๆ แล้วน่าจะย้อนไปไกลกว่าตอนอยู่ ม.ปลาย ด้วยซ้�ำ ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่ชอบดูหนัง แล้วก็จะมีกิจกรรม ครอบครัวที่เรายังจดจำ�แม่นในความทรงจำ� ช่วงวันหยุดอย่าง เย็นวันศุกร์ หรือเสาร์-อาทิตย์ พ่อแม่จะพาครอบครัวไปดูหนัง ทีโ่ รงหนังคิง ควีน แกรนด์ หรืออะไรสมัยก่อนทีจ่ ะมีหนังอินเดีย หรือหนังจีนไต้หวันเข้าฉาย จำ�ได้ว่าครั้งหนึ่งเราไปกันเยอะมาก ทั้งพ่อ แม่ น้า ซึ่งเรา จะรู้สึกว่าเป็นมหกรรมพิเศษมาก ตอนนั้นน่าจะเรียนอยู่ชั้น ประถมฯ นี่แหละ เราไปดูหนังกันที่สยามฯ เรื่อง ‘The Last Emperor’ หนังยาวประมาณ 3 ชั่วโมง เราหลับแล้วหลับอีก แต่เราก็จะตืน่ ตาตืน่ ใจ อยูใ่ นความทรงจำ� ตอนแรกยังไม่เข้าใจ ว่าทำ�ไมคนทั้งครอบครัวพากันไปดู ตอนหลังถึงมาเข้าใจว่า เออ...ก็เราครอบครัวคนจีน พอมีเรือ่ งกษัตริยจ์ นี หรือประเทศจีน ที่บ้านก็จะแห่กันไปดู นั่นเป็นภาพแรกในความทรงจำ�เกี่ยวกับการดูหนัง เพราะ เวลาเราย้อนนึกถึงการดูหนังในวัยเด็ก ภาพจำ�ของเราก็คือ เหตุการณ์ที่ไปดู ‘The Last Emperor’ ด้วยกันทั้งครอบครัว แล้วเราก็มคี วามรูส้ กึ ฝังใจกับหนังว่า โปรดักชัน่ หนังมันใหญ่โต เรื่องราวมันดูพิเศษ เราไม่เคยดูหนังเรื่องไหนที่มันยาว และ เป็นเรื่องมหากาพย์ขนาดนี้ มันจุดประกายให้เรารู้สึกว่าหนัง เป็นสื่อบันเทิงที่ไม่ธรรมดา ตอนไหนที่เริ่มรู้สึกว่าอยากมาทำ�งานเกี่ยวกับหนัง

อย่างที่บอกว่าช่วง ม.ปลาย เราเริ่มอ่านแมกกาซีนหนังที่ เป็นแนวจริงจัง ซึ่งตอนนั้นก็จะมี ‘หนังและวิดีโอ’ แนะนำ�หนัง ที่ซีเรียส นอกกระแสมากๆ แล้วเราก็อ่านจริงจังมาก และมี ความรู้สึกว่าโลกของหนังช่างกว้างไกล เราอ่านเรื่องหนังจาก ประเทศแปลกๆ ทัง้ ๆ ทีเ่ ราก็ไม่รวู้ า่ เขาไปดูกนั ทีไ่ หน เราอ่านแล้ว ไม่เคยไปตามหาดูด้วย เพราะว่าเราก็ยังเด็กอยู่ แต่อ่านแล้ว เหมือนได้รู้จักไปด้วย และรู้สึกตื่นเต้นเวลาได้เจอหนังที่เรา ไม่รู้จัก มันเหมือนเป็นความชอบอยู่ในใจมาเรื่อยๆ พอมาอยู่ มหาวิทยาลัยก็ทำ�กิจกรรมที่เกี่ยวกับหนังบ้าง พอเรียนจบ คณะสถาปัตย์ ออกแบบอุตสาหกรรม ซึ่งจริงๆ งานสายตรง คือทำ�เอเจนซีโฆษณา หรือทำ�กราฟิกดีไซน์ จบออกมาแล้วเรา หางานเอเจนซีไม่ได้ คือพอร์ตโฟลิโอเราก็ไม่ได้ดีมากมาย สมัยเรียน (หัวเราะ) วงการโฆษณาก็ไม่ใช่เข้ากันง่ายๆ ตอนนัน้ พอมีความรู้สึกว่าต้องหางานอะไรบางอย่างทำ� เราก็นึกถึง สิ่งที่...ถ้าพ้นจากสายที่เรียนมา แล้วอะไรเป็นสิ่งที่เราพอจะ มีความรู้บ้าง เราก็นึกถึงหนังเป็นอย่างแรกเลย พอดีว่าเราไปเปิดแมกกาซีนหนัง ถ้าจำ�ไม่ผิดน่าจะเป็น ‘Starpics’ นั่นแหละเล่มแรกที่เปิด แล้วเห็นว่าเขาประกาศ รับสมัครนักวิจารณ์ฟลิ ม์ ฟรีแลนซ์พอดี เราก็รสู้ กึ ว่าเราน่าจะทำ�ได้ เพราะว่าเราชอบหนังและชอบเขียนหนังสือด้วย มันดูเป็นอะไร ที่พอดีกัน ก็เลยจะสมัครเป็นนักเขียน แต่ก็บังเอิญอีกว่า เพือ่ น ที่เรียนสถาปัตย์มาด้วยกัน พี่สาวของเขาคือ คุณประไพพรรณ ชัยวิสุทธิ์ เขาเป็นผู้ก่อตั้งนิตยสาร ‘เอนเตอร์เทน’ และตอนนั้น เขาออกมาตั้งนิตยสารของตัวเองพอดี ชื่อ ‘Cinemag’ เป็น นิตยสารเกี่ยวกับหนังล้วนๆ เราเลยไปสมัครทำ�กับเขา และทำ� ตั้งแต่นั้นเรื่อยมาไม่เคยเปลี่ยนอาชีพอีกเลย (หัวเราะ) นิตยสาร Bioscope เริ่มตอนไหน

Bioscope เรามาทำ�เองทีหลัง หลังจากที่ทำ� Cinemag มา 6 ปีกไ็ ปทำ�เว็บไซต์ทแ่ี กรมมี่ ซึง่ ก็เป็นเว็บไซต์เกีย่ วกับหนังอีก ช่วงทีท่ �ำ เว็บไซต์กย็ งั นึกถึงวิสยั การทำ�งานในเว็บไซต์กบั นิตยสาร มันต่างกัน กลุม่ เป้าหมายทีเ่ ราสือ่ สารด้วยหรือลักษณะการเขียน คอนเทนต์ไม่เหมือนกัน พอเราไปทำ�อยู่ 1-2 ปี เราก็คิดถึงสมัย ทีย่ งั ทำ�แมกกาซีน เรายังมีความผูกพันกับการเขียน การหาข้อมูล มากกว่า

พอดีว่ารู้จักกับพี่หมู (สุภาพ หริมเทพาธิป-สามี) ก็ชวนกัน ไปทำ�หนังสือ ตอนนั้นเป็นช่วงที่มันไม่มีนิตยสารหนังที่ซีเรียส จริงจัง พูดถึงหนังนอกกระแสกว้างๆ เราก็เลยทำ� Bioscope กันออกมา ใช้ทุนเอง

ใช่ค่ะ แต่ตอนแรกหน้าตามันเป็นแบบหนังสือทำ�มือ (หัวเราะ) เป็นหนังสือเย็บแม็กซ์ แต่เข้าโรงพิมพ์นะ พิมพ์แค่ สีเดียว สองสี เล่มขนาด A5 ขายตามร้านอินดี้ และฝากขาย กับสำ�นักพิมพ์ Alternative Writers จนทำ�ได้ปีกว่าๆ ถึงเริ่ม ทำ�เป็นแมกกาซีนเต็มรูปแบบ ตอนนั้นพออยู่ได้ไหม

เล่มเล็กขนาดนั้น ถ้าทำ�เป็นอาชีพเราอยู่ไม่ได้หรอก คือ มันอยู่ได้ด้วยตัวของมัน แต่ไม่สามารถเลี้ยงเราได้ มาร์จิ้นมัน แสนจุ๋มจิ๋ม (หัวเราะ) พอทำ�ไปปีกว่า เรารู้สึกว่ากลุ่มคนอ่าน ก็รู้จักเราพอสมควร แล้วหนังสือก็เป็นที่รู้จักในหมู่คนทำ�หนัง ด้วย อาจจะด้วยคอนเทนต์ของมัน เราต้องออกไปสัมภาษณ์ คนทำ�หนัง ก็เป็นที่สนใจของวงการหนังพอสมควร อีกอย่าง เราเบือ่ งานประจำ�พอดี ก็เลยรูส้ กึ ว่าเราน่าจะออกมาทำ�เต็มตัว เพราะถ้าเรายังทำ�แบบนั้นต่อ พอถึงจุดหนึ่งเราก็คงจะเลิก เพราะมันเหมือนงานอดิเรก ทำ�แก้เซ็งเฉยๆ ถ้าเราไม่จริงจัง กับมันอีกไม่นานเราก็คงจะเลิก ช่วงนั้นหาหนังนอกกระแสที่ไหนมาดู

ตอนนั้นเหรอ ตอนนั้นยังไม่มีบิตให้โหลดเลย (หัวเราะ) ก็ต้องพึ่งร้านคุณแว่นหรืออะไรแบบนั้น ความจริงพวกที ่ ทำ�แมกกาซีนหนังและวิดีโอเขาก็มีแหล่งอื่นละ ส่วนใหญ่ ผิดกฎหมาย (หัวเราะ) แต่ก็จะมีอีกแหล่งที่ถูกต้องและมี หนังนอกกระแสคือตามสถานทูต หรือสถาบันวัฒนธรรม ที่เกี่ยวข้องกับสถานทูต อย่าง AUA, Alliance Français, Japan Foundation, Goethe คือรุ่นพี่หมูจะมีคิวของเขาเลย ว่า วันจันทร์ดทู ไ่ี หน อังคารดูทไ่ี หน... เขาจะมีแหล่งหมุนเวียน และเป็นทีท่ ม่ี หี นังนอกกระแส อีกทัง้ ยังได้ไปเจอกลุม่ คนทีเ่ ป็น คนดูหนังประเภทเดียวกัน ซึง่ ตอนนีก้ ย็ งั คบกัน เป็นคอนเน็กชัน่ คนในวงการด้วยกัน ธิดาทำ� Bioscope นานแค่ไหน

ทุกวันนี้ Bioscope ยังมีอยู่ เราก็ทำ�อยู่ แต่เพิ่งถอนตัว ออกมาเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ตอนนี้ Bioscope เข้าปีที่ 15 แล้ว Mono ซื้อไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่เราก็ตามเข้าไปทำ�ด้วยแหละ พอช่วงที่ทำ�อยู่นั้นเราก็ออกมาทำ� Documentary Club ของ ตัวเอง ซึ่งก็มีเส้นทางอีกแบบของมัน และเริ่มใช้เวลาของเรา หนักขึ้นๆ จนกลับไปจุดที่คล้ายๆ กับตอนที่เราต้องเลือก ระหว่างทำ�แกรมมีก่ บั หนังสือ Bioscope ของเรา เป็นความรูส้ กึ เดียวกันเลย มันถึงจุดที่เราต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ทุกวันนี้เรายังเป็นที่ปรึกษาให้ Bioscope แต่จริงๆ ทีมกองบรรณาธิการที่นั่นค่อนข้างแข็งแรง ตอนนี้เขาทำ�กัน 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว พอจะรู้แนวทางของตัวเอง เราแค่ช่วยเขา เขียนเฉยๆ อีกจุดหนึ่งเราก็รู้สึกว่า ถ้าเรายังครอบอยู่เขาก็ ไม่ได้ไปไหน เพราะในความเป็นจริงเราก็คงทนไม่ได้อีกแหละ (หัวเราะ) ต้องอย่างนั้นต้องอย่างนี้ ขนาดเขาทำ�งานกับเรามา ตั้งหลายปีแล้ว เขาควรจะโตได้แล้ว เรามีอย่างอื่นก็ควรไปทำ� ตรงนั้นก็ให้เขาทำ�ไปเถอะ Documentary Club เริ่มต้นอย่างไร

มันเริ่มมาจากที่เราก็ชอบดูหนังสารคดี และสิ่งที่ทำ�ตอน อยู่ Bioscope มาเรื่อยๆ ก็คือ พยายามทำ�ให้หนังสารคดีมี ที่ทางแบบอย่างน้อยที่สุดอยู่ในการรับรู้ของคนดูหนังว่ามันยัง มีหนังแบบนีอ้ ยูใ่ นโลก เราก็คดิ มาเรือ่ ยๆ ว่าจะมีหนทางทำ�ยังไง ที่เราจะเป็นดิสทิบิวเตอร์เอาหนังสารคดีมาฉาย แต่เวลาเราคุย ขึ้นมาก็จะไม่มีใครนึกภาพออกว่ามันจะรอดยังไง โรงหนังจะ ยินดีให้ฉายหรือเปล่า หรือหนังสารคดีจะอยู่ในตลาดได้ยังไง


09


TO BE IN A PRIVATE LIFE

“เราว่า Netflix เป็นโมเดลที่น่าสนใจ แม้ว่า Netflix ใน ตะวันตกจะเป็นทีเ่ กลียดชังและต่อต้านของสมาคมโรงภาพยนตร์ เพราะเขามองว่ามันเป็นแพลตฟอร์มที่ขึ้นเป็นศัตรูกับโรงหนัง คือถ้าทุกคนแห่กันดูหนังที่บ้าน โรงก็จะเจ๊ง แต่ความจริงเราก็ สนุกกับการติดตามการเกิดขึ้นของ Netflix นะ “เจ้าของ Netflix เคยท�ำ Redbox บริษัทให้เช่าวิดีโอ น่าสนใจตรงที่ว่าเขาท�ำธุรกิจแล้วพยายามสร้างทางเลือกใหม่ ทีต่ า่ งจากทางเลือกปกติ เขาเกิดมาในยุคทีต่ ลาดวิดโี อก�ำลังบูม คนนิยมไปร้านวิดีโอเพื่อจะเช่า แต่ว่า Redbox เปิดให้เช่าทาง ไปรษณีย์แล้วส่งหนังไปให้ที่บ้าน เขาพยายามหาวิธีตอบ พฤติกรรมสร้างความสะดวกให้กับคน พอเขากระโดดเข้ามา ท�ำ Netflix ก็พยายามเอาชนะโรงอีก ให้คนดูอยู่ที่บ้าน ไม่ต้อง ไปโรงหนัง มันก็เติบโตขึ้นมาได้ แต่ถูกโรงหนังมองเป็นศัตรู “แต่การทีเ่ ขาไม่แคร์ และการทีเ่ ขาพิสจู น์วา่ สิง่ ทีเ่ ขาพยายาม ท�ำนี้มันสนองสิ่งที่คนดูต้องการ เป็นการสร้างพฤติกรรมใหม่ ขึ้นมา ไม่เช่นนั้นเขาไม่สามารถเติบโตขึ้นเป็นธุรกิจระดับโลก ในเวลาไม่นานได้ ดังนัน้ พอถึงจุดหนึง่ มันก็กลายเป็นพฤติกรรม การดูหนังแบบใหม่ที่ปฏิเสธไม่ได้ โรงหนังจะมาบอกว่า คนดู ที่บ้านถึงยังไงก็ไม่มีความสุขเท่าดูในโรงหรอก ซึ่งที่พูดน่ะถูก แต่ไม่ได้แปลว่า Netflix จะเจ๊ง แล้วโรงหนังจะยังอยู่ มัน หมายความว่าพฤติกรรมคนเปลี่ยน ฉะนั้นโรงหนังต้องปรับตัว โรงหนังยังอยู่ได้ แต่มันจะอยู่ขนานไปกับพฤติกรรมใหม่ยังไง ไม่ใช่ต้องฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่ง “อันนั้นคือข้อดีของ Netflix ส่วนข้อไม่ดีส�ำหรับเราก็คือ เราจะพบงานทีเ่ ราท�ำไปโผล่ใน Netflix เพิม่ มากขึน้ เรือ่ ยๆ ท�ำไม Netflix มีหนังสารคดีเยอะอย่างนี้ แถมยังมีซับฯ ไทยอีกด้วย (หัวเราะ) แต่ก็เช่นเดียวกัน เราต้องหาวิธีท�ำงานแบบนี้ให้ได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่คนดูเขาเลือก “Netflix ซื้อลิขสิทธิ์ออนไลน์อย่างเดียว สมมติมีหนัง เรื่องหนึ่งออกมา แล้วเขาซื้อเฉพาะสิทธิ์ออนไลน์ บางครั้ง หนังที่ถูก Netflix ซื้อไปแล้ว ถ้าคนอื่นอยากซื้อก็จะเหลือสิทธิ์ แค่ฉายโรง ออกดีวีดี ส่วนพวกออนไลน์ก็ต้องรอจนกระทั่งหนัง หมดสัญญากับ Netflix ก่อนถึงจะใช้สิทธิ์ได้ รวมทั้งการฉาย ทางทีวีก็ไม่ได้ ถ้า Netflix เรียกร้องมากๆ “และความที่ Netflix โตขึน้ เรือ่ ยๆ และทุนเขาเยอะ หนังอินดี้ จ�ำนวนมากก็ไม่สามารถอยูใ่ นระบบปกติได้อยูแ่ ล้ว พอ Netflix ไปซื้อ ทุกคนก็แห่กันขาย ก็ต้องยอมเงื่อนไขนี้ ส่วนเราซึ่งไปซื้อ ทีหลัง Netflix เอาไปหมดแล้ว เราก็จะเหลือแค่ติ่งๆ อย่างอื่น และเป็นปัญหาที่เราเจออยู่ตอนนี้”


แล้วเผอิญว่าช่วงปี 2556-2557 ด้วยความที่เนื้อหาของ Bioscope ค่อนข้างนอกกระแส และหลายๆ ครั้งมันไปแตะ เรื่องสังคม ก็เลยทำ�ให้เราได้มีโอกาสไปเจอเพื่อนๆ ที่ทำ�งาน องค์กรด้านสังคม ซึ่งก็ได้ร่วมงานกันในหลายๆ แบบ ในการ ใช้หนังไปสื่อประเด็นทางสังคม เช่น การประกวดหนังสั้น การจัดกิจกรรมฉายหนัง แล้วเราก็หาหนังเพื่อให้เขาทำ�งาน ในประเด็นของเขา ช่วงหลังๆ หนังสารคดีเลยกลายเป็นอันหนึง่ ที่เรานำ�เสนอแล้วมีบทบาทเพิ่มขึ้นมาตรงนั้น แต่ส่วนใหญ่ เป็นการจัดฉายฟรีเพื่อให้เขาเสวนาหรืออะไรกัน แต่พอไปทำ�หลายๆ ครั้งเข้า เราก็พบว่า นอกจากเรา หาหนังแล้วเรายังทำ�หน้าที่ในการโปรโมตด้วย พบว่าหนัง หลายเรื่องที่เราโปรโมตไปมันไม่ใช่ของที่คนกลัว แต่คนกลับ กรี๊ดอยากดู คนรู้สึกว่า เฮ้ย...มีเรื่องอย่างนี้อยู่ในโลกด้วยเหรอ แล้วตอนฉายคนก็มาดูกันเยอะ อันนั้นก็เป็นอันหนึ่งที่ทำ�ให้ เรารู้สึกว่า มันก็เหมือนมีที่ทางชัดขึ้นเรื่อยๆ หนังสารคดีไม่ใช่ สิ่งที่โยนไปตรงไหนแล้วคนวิ่งหนี ยังมีคนที่เหมือนรอคอย อยู่เหมือนกัน กิจกรรมของ Documentary Club มีอะไรบ้าง

ลักษณะของ Doc Club คือค่ายจัดจำ�หน่ายหนัง เอาหนัง สารคดีเข้ามาโดยการซือ้ สิทธิ์ เหมือนค่ายจัดจำ�หน่ายหนังปกติ เลยค่ะ เพียงแต่โฟกัสเฉพาะหนังสารคดีอย่างเดียว เราซื้อสิทธิ์ เข้ามา แล้วหาที่ฉาย คือใช้ประโยชน์จากสิทธิ์ตรงนั้นโดยฉาย ในรูปแบบยังไงก็ว่ากันไป โรงหนังที่ฉายหนังสารคดีหายากไหม

ในช่วงต้นก็กึ่งง่ายกึ่งยากนะ คือมันไม่ยากในแง่ที่ว่า เราไปคุยกับโรง SF ซึ่งเขาเป็นเครือโรงหนังที่ค่อนข้างจะเปิด พื้นที่ให้สำ�หรับหนังนอกกระแส เขามองว่าโรงสาขาอย่างที่ เซ็นทรัลเวิลด์เป็นแหล่งเหมาะกับหนังเหล่านี้ และเขาก็มีงาน ประเภทนี้อยู่เรื่อยๆ พอเราไปคุย เราก็พยายามเซ็ตโปรเจ็กต์ให้มันดู ‘ไม่เป็น ภาระ’ แก่เขามาก (หัวเราะ) ให้เขาไม่หนักใจนักที่จะช่วย พอไปเสนอ เขาก็โอเค เอาไปลงที่สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ดังนั้น ตามโปรเจ็กต์ที่วางไว้ หนังก็จะฉายสาขาเดียว และฉายแค่ ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ในแง่นี้มันก็ไม่ยาก ส่วนความยากคือ เมือ่ เราหวังว่ามันจะมีพน้ื ที่ หรือเวลาฉาย มากกว่านั้น อันนี้เป็นเรื่องยากละ (หัวเราะ) เพราะว่าพอมัน เลยเส้นจากคอมฟอร์ตโซนของเขา เริม่ แตะรอบฉายอืน่ ๆ ทีเ่ ขา ไม่มีความมั่นใจ อันนี้เริ่มต้องคุยกันแล้ว เริ่มต้องพิสูจน์ตัวเอง หลายครั้ง มีปัญหาขัดแย้งกันบ้าง ซึ่งไอ้ภาวะแบบนี้ทุกวันนี ้ ก็ยังเป็นอยู่ เรากับเขาทำ�งานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่มันก็จะมีจุด บางจุดที่เหมือนกับ...เราอยากไปไกลกว่านี้ เขาก็จะมีเส้นที่ว่า เราไปไม่ได้อยู่ ต้องคุยตกลงกันเรื่องต่อเรื่องใช่ไหม เช่น เรื่องไหนมี แนวโน้มว่าน่าจะเป็นหนังทำ�เงิน ได้ฉายยาวหน่อย

ใช่คะ่ แต่ขอ้ ดีกค็ อื อย่างน้อยทีส่ ดุ เขาก็มพี น้ื ทีใ่ ห้เราสำ�หรับ โปรเจ็กต์ระยะยาว อันนี้เราต้องขอบคุณ เพราะทุกเดือนเขาจะ รับรู้ว่าเรามีหนังจาก Doc Club มา เขาไม่เคยถามว่าเรื่องนี ้ จะดีเหรอ เรือ่ งนีไ้ ม่เอาได้มย้ั เดือนนีเ้ ว้นไปเถอะ อย่างนีจ้ ะไม่มี คือคุณอยากจะฉายเรื่องอะไรบอกมา เรามีที่ไว้ให้ เพียงแต่ ถ้าคุณจะเอามากกว่านั้น ไหนลองมาดูสิหนังอะไร (หัวเราะ) ธิดาใช้อะไรเป็นเกณฑ์ตัดสินใจในการเลือกหนังเข้ามาฉาย

เบื้องต้นคือสามัญสำ�นึกล้วนๆ ความชอบส่วนตัว

ใช่ คือความชอบส่วนตัวในที่นี้หมายถึงว่า เราต้องพิสูจน์ ตัวเองมาแล้วประมาณหนึง่ เราต้องมีความเชือ่ มัน่ ประมาณหนึง่ ว่าความชอบส่วนตัวของเราไม่นีช (niche-เฉพาะกลุ่มแคบ) มากเสียจนคนอื่นไม่เข้าใจ (หัวเราะ) ไม่ใช่ความชอบส่วนตัว ที่คนอื่นไม่เอาด้วย เราคิดว่าสิ่งที่เราชอบนั้นพอจะมีคนที่ชอบ

คล้ายๆ กัน เราไม่ได้สวิงมาก พฤติกรรมการดูหนังก็ไม่ใช่ลงลึก มากนัก คิดว่าเราชอบอะไรที่เป็นกลางๆ พอสมควร อย่างที่สองเราต้องดูตลาดด้วยว่า รสนิยม เนื้อหา หรือ แนวทางหนังประมาณไหนคนจะรับได้มากหรือน้อย แต่สดุ ท้าย เราก็เลือกโดยที่ผ่านการประเมินความเป็นไปได้ทางธุรกิจ สมมติเราชอบเรื่องนี้ หรือมันมีเหตุผลที่เราคิดว่ามันควร ต้องเอามาฉาย แต่เราต้องประเมินให้ออกว่ามันจะมีความ เป็นไปได้เรื่องรายได้แค่ไหน ดังนั้นมันต้องย้อนกลับมาว่า ทุนที่แท้จริงมันควรแค่ไหน เราต้องเวิร์กไปให้ได้ในแต่ละเรื่อง ไม่ถึงขนาดว่าทุกเรื่องต้องได้เท่านี้หมด Documentary Club นอกจากจัดจำ�หน่ายหนังแล้ว ยังมี บทบาทหรือแผนการอะไรต่อไปในอนาคตไหม

ตอนนี้สิ่งที่ Doc Club ทำ�จะมีอยู่ 2-3 ไลน์ หนึ่งคือ ไลน์จัดจำ�หน่ายตามปกติ คือเอาหนังเข้ามาแล้วฉายใน โรงมัลติเพล็กซ์ นอกนั้นจะมีไลน์ที่ทำ�เสริมขึ้นมาอีก สำ�หรับ หนังบางเรือ่ งซึง่ มันเหมาะกับการขยายประเด็นให้มนั เข้มข้นขึน้ เราก็ทำ�กิจกรรมเสริมขึ้นมาตามที่ต่างๆ อย่างเช่นกิจกรรมที่ ตอนนีเ้ ราทำ�เป็นประจำ�คือ Doc Talk ซึง่ จัดทีห่ อศิลป์กรุงเทพฯ อันนี้ก็จะฉายหนังเดือนเว้นเดือน และทุกครั้งจะมีเสวนาอย่าง จริงจัง อันนี้ทำ�มาครึ่งปีแล้ว และจะมียาวไปจนถึงสิ้นปีนี้ และมีอื่นๆ ที่เราพยายามทำ� เช่น การพยายามขยายพื้นที่ ให้หนังไปถึงคนดู เพราะเราคิดว่าระบบการเข้าฉายโรงของ หนังเล็กๆ ในบ้านเรายังมีข้อจำ�กัดก็คือ มันถูกบล็อกไว้ว่าฉาย แค่ที่นี่ และจะมีคนแค่บางกลุ่มที่ได้ดู โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ส่วนคนอื่นๆ หมดสิทธิ์ ก็พยายามขยายพื้นที่ไปยังที่อื่นด้วย ซึ่งก็มีทั้งพื้นที่ที่เป็นรูปธรรม อย่างฉายในร้านหนังสือ ไปฉาย ที่อาร์ตแกลเลอรี่ ไปฉายที่มหาวิทยาลัย ก็พยายามสร้าง พันธมิตรแบบนี้ขึ้นมา กับอีกช่องทางหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องใหม่ เราจะเปิดพื้นที่ใหม่ นั่นคือฉายออนไลน์ ซึ่งเป็น Video on Demand หมายถึง จ่ายเงินซื้อ แล้วดูที่บ้าน ไม่ต้องเข้าโรง เดือนนี้จะเริ่มเรื่องแรก แล้วก็จะทดลองทำ�แพลตฟอร์มแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะเรา เชื่อว่ามันจะเป็นตลาดในอนาคต ก็ต้องทดลองทำ�จนกว่า มันจะเกิด เหมือนการมาของ Netflix เป็นการบอกอย่างหนึง่ ว่า พฤติกรรมมันเกิดได้ เพียงแต่อาจต้องใช้เวลาสำ�หรับบางตลาด โดยเฉพาะตลาดในบ้านเรา ซึ่งคนอาจจะยังไม่คุ้นกับการดู ออนไลน์แล้วเสียเงิน (หัวเราะ) ก็ต้องใช้เวลา ลิขสิทธิห ์ นังสำ�หรับฉายในโรงกับลงแพลตฟอร์มเหมือนกัน หรือเปล่า

ไม่เหมือนกันค่ะ แต่เวลาเราซื้อหนังแต่ละครั้งเราจะซื้อ ทุกสิทธิ์สำ�หรับการจัดฉายในหลายๆ แบบ หมายถึงครอบคลุมทุกกรณี

ใช่ค่ะ ส่วนใหญ่แทบทุกเรื่องจะครอบคลุม ระยะเวลาของสิทธิ์การจัดฉายแต่ละเรื่องนานแค่ไหน

แล้วแต่...แต่ละเรื่องไม่เท่ากัน มีตั้งแต่ 5 ถึง 10 ปี เพราะ เขาถือว่าเราลงทุนซื้อละนะ ควรมีโอกาสได้ใช้งานจนกว่า จะคุ้ม (ยิ้ม) ราคาลิขสิทธิ์แพงขนาดต้องเสี่ยงหรือเปล่า

มันก็ไม่ได้แพงขนาดนัน้ นะ โดยเฉพาะหนังสารคดี มันไม่ใช่ ตลาดแมสส์ ราคาไม่สูงมาก แต่ก็มีบางเรื่องเหมือนกันที่ราคา สูงเด้งขึ้นมา แต่ไม่ถึงขนาดซื้อมาแล้วจะหมดตัวล้มละลาย (หัวเราะ) ก็อยู่ที่เราจะบริหารให้รายได้กลับมาพอคุ้มทุน แต่ถ้าเป็นหนังฟิกชั่นใหญ่ๆ จะแพงมาก เรื่องหนึ่งแค่ค่าสิทธิ์ อย่างเดียวหลายล้านบาท แล้วบางทีเข้าโรงฉายได้เงินมาแค่ 6 ล้าน ยังไม่คุ้มค่าสิทธิ์ที่ซื้อมาเลย งานวิจารณ์หนังที่เคยเขียน ธิดาลงลึกกับมันขนาดไหน

ความจริงตอนเขียนวิจารณ์นี่เป็นงานแรกๆ ที่ทำ� พอเมื่อ

มาทำ�แมกกาซีนของตัวเองแล้ว งานของเราก็โฟกัสไปทีอ่ น่ื แล้ว ไม่ได้อยู่ที่การวิจารณ์ งานวิจารณ์ช่วงที่เราเริ่มเขียนเราก็คิด ของเราเองนะ คือเราคิดว่างานวิจารณ์ของบ้านเรามันถึงจุด อิ่มตัวประมาณหนึ่ง ทั้งในแง่ความนิยมในหมู่คนอ่าน หรือ ในแง่ขอบเขตของคนเขียนที่จะข้ามพ้นกรอบตรงนี้แล้วไปแตะ เส้นที่มันสูงกว่านี้ เรารู้สึกว่ามันไม่ไปไหน จะมีก็แค่บางคนที่ สามารถก้าวข้ามไปแตะ แต่เรารู้สึกว่างานวิจารณ์โดยรวม มันไม่น่าคึกคักสำ�หรับเรา และเราเองไม่ได้มีความรู้โดยตรง เพราะเราไม่ได้เรียนภาพยนตร์หรือเรียนเชิงวิจารณ์มาโดยตรง พอเราเขียนไปสักพักหนึ่งก็เริ่มรู้สึกว่าความสนใจเราไปโฟกัส ตรงอื่นมากกว่า ฉะนัน้ งานเขียนใน Bioscope ช่วงหลังๆ จะไม่ใช่วจิ ารณ์แล้ว เราไปสนใจเรือ่ งความเคลือ่ นไหวของวงการหนังในโลกนีใ้ นเชิง กลไกหรือโครงสร้างว่า เขามีความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าด้านภาษาภาพยนตร์หรือในเชิงการจัดการนโยบายอะไร มากกว่า เราจะสนใจการเปลี่ยนแปลงภาพใหญ่แบบนี้ จริงๆ แล้วเห็นความเปลี่ยนแปลงในโลกภาพยนตร์บ้าง หรือเปล่า

ของโลกใช่มั้ย (นิ่งคิด) เราว่าจริงๆ แล้วในหลายประเทศ ทั่วโลกเราจะเห็นภาพยนตร์ในแง่ความสำ�คัญของมันใน หลายมิติกว่าที่บ้านเราเห็นไปหลายเท่า อย่างเช่น ประเทศที่ มีความเป็นแมสส์สูงอย่างสหรัฐอเมริกาหรือจีน เราว่าเขา เห็นว่าหนังคือสินค้าทางวัฒนธรรม เหมือนเกาหลีใต้ที่ทุกคน มักจะพูดถึงน่ะ คือเขาเห็นมันเป็นวัฒนธรรมที่ขายได้ ดังนั้น ประเทศพวกนี้จึงใช้หนังเป็นหนึ่งในด่านหน้าที่จะทำ�รายได้ ทั่วโลก และพยายามผลิตให้มันเป็นสินค้าในเชิงวัฒนธรรม จะเห็นได้วา่ ฮอลลีวดู ถึงมีหนังมาร์เวล หนังแฟรนไชส์ มันถึงได้ มี Fast (and Furious) 8-9-10 (หัวเราะ) เพราะว่ามันคือสินค้า ที่ทำ�รายได้มหาศาลทั่วโลก เขามองในเชิงพาณิชย์ ซึ่งเขาก็มี วิสัยทัศน์ในแบบของเขา ประเทศที่มองว่าภาพยนตร์เป็นวัฒนธรรมในเชิงจรรโลง สังคม ความเป็นศิลปะ หรือคุณภาพชีวิตก็มีความคิดอีกแบบ ประเทศในแถบยุโรป อย่างฝรั่งเศส ก็มีนโยบายทางภาพยนตร์ ในระดับรัฐบาลที่เป็นวิสัยทัศน์ยาวๆ 10-20 ปี แล้วเขาก็ ดำ�เนินการตามนั้น และมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เพือ่ ให้บรรลุเป้านัน้ ทัง้ สองด้านนีใ้ นโลกมีการเคลือ่ นไหวตลอด ทั้งในเชิงสินค้าและสินค้าวัฒนธรรม แต่ทั้งสองด้านนี้ใน ประเทศไทยกลับไม่แตะอะไรสักอย่าง ไม่เคยมีการบริหาร ภาพยนตร์ด้วยวิสัยทัศน์ที่มองเห็นว่าภาพยนตร์มันคืออะไร มุมนี้ไม่เคยปรากฏในบ้านเรา

เหตุผลที่มันเป็นอย่างนั้นเพราะว่ามันไม่มีอยู่ในนโยบาย ของรัฐบาลไง บางคนอาจชอบพูดว่า เฮ้ย...รัฐบาลไม่ต้องมา ยุ่งเรื่องหนังน่ะดีแล้ว แต่ว่าประเทศที่เป็นอย่างนั้นมันต้อง อยู่ในนโยบายการบริหารของประเทศน่ะ อย่างอเมริกาเอง แม้ว่าทุกอย่างมันจะถูกจัดการในสตูดิโอของฮอลลีวูด แต่นั่น หมายความว่านโยบายการส่งเสริมมันมาจากรัฐ สามารถ ถ่ายหนังในรัฐนั้นรัฐนี้ได้ลดภาษี ได้ส่วนต่างหรืออะไรต่างๆ ล้วนเป็นนโยบายที่รัฐส่งเสริมให้เอกชนทำ�งานภาพยนตร์ได้ หรือประเทศที่ทำ�ให้ภาพยนตร์มีคุณค่าทางวัฒนธรรมจริงๆ แบบเกาหลีใต้หรือฝรั่งเศส มันก็มาจากการทำ�งานร่วมกัน ระหว่างรัฐกับเอกชน แต่ของไทยมันเหมือนกับว่า ภาครัฐยัง เข้ามาสู่จุดที่เห็นว่าจริงๆ แล้ว เป้าหมายของงานพวกนี้มัน มีประโยชน์อะไรในเชิงเศรษฐกิจ เลยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ เอกชน ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาว่าบริษัทต่างๆ ก็ทำ�มาค้าขาย ด้วยตัวเองอยู่แล้ว ถ้าไม่มีอะไรเป็นเส้นนำ� แล้วความเคลื่อนไหวโดยรวมของกลุ่มอาเซียนตอนนี้ล่ะ

เราว่าตอนนี้หลายชาติในอาเซียนเริ่มรุกเรื่องหนังแบบ เห็นชัด เคยได้ยนิ เขาพูดกันว่าเมือ่ ก่อนนีใ้ นโซนอาเซียนหนังไทย เคยมียุคที่ถูกมองว่าเป็นศูนย์กลาง เรามีคนทำ�หนังที่ได้รางวัล ระดับโลกหลายคน ก่อนคุณเจ้ย (อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล)


ก็มีพี่ต้อม (ยุทธเลิศ สิปปภาค) หรือคุณวิศิษฏ์ (ศาสนเที่ยง) ซึ่งปูทางไว้ ประเทศไทยก็เคยมองตัวเองว่าจะเป็นฮับทางด้านภาพยนตร์ แต่เราคิดว่าความทีม่ นั ไม่มแี ผนอะไรยาวๆ ว่ากำ�ลังทำ�อะไรอยู่ มันก็ถูกพูดขึ้นมาในช่วงที่แล้วแต่ใครจะขึ้นมาบริหารจัดการ แล้วมันก็เงียบไป ขณะที่ประเทศอื่นเส้นนี้มันชัดกว่า อย่าง ประเทศที่วงการหนังแรงกลับขึ้นมาอีกครั้งคือ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม พวกนี้กำ�ลังกลับขึ้นมาอีก แล้วลาว ก็เริ่มทำ�หนังจริงจัง ทำ�ให้เราคิดว่า เออ...สุดท้ายประเทศไทย ก็จะอยู่อย่างนี้ แล้วคนอื่นก็ค่อยๆ แซงหน้า (ยิ้ม)

พอมองออกไหมว่าลูกๆ จะไปทิศทางไหน

ตัวพ่อกับแม่เองล่ะ อยากให้ลูกไปทิศทางไหน โตขึ้น อยากให้พวกเขาทำ�งานอะไร

อะไรก็ได้ค่ะ ที่สามารถดูแลตัวเองได้ อย่าเป็นภาระของ สังคม (หัวเราะ) ก็โอเค ถ้าเขาทำ�อะไรที่เป็นประโยชน์ได้ก็ดี

โชคดีที่เขาช่วยเยอะ เขาแทบจะลงมาเลี้ยงลูกด้วยกัน เลยแหละ เขาเป็นคนผ่อนคลายกว่าเราเยอะด้วย ปรับตัวได้ และการที่เขามาช่วยนั้นทำ�ให้เรามีช่วงเวลาปรับตัว แล้ว เหมือนมีอีกคนที่เป็นข้อเปรียบเทียบว่าทำ�ไมเขาทำ�ได้ ความ ไม่ผ่อนคลายมันคือเราเองหรือเปล่า ทำ�ให้เราผ่านช่วงเวลา สักปี-สองปีแรกมาได้

ล่าสุดมีเทศกาลหนังอาเซียน มีโอกาสได้ไปดูบ้างไหม

เข้มงวดอะไรกับลูกๆ บ้าง

ตอนนี้ยังอยากมีลูกอีกไหม

ไม่ได้ไปดูเลยค่ะ ตั้งแต่มีลูกนี่ไม่ค่อยได้ออกมาสู่โลก ภายนอก (หัวเราะ)

ยังไม่รู้เลยค่ะ เพราะว่าที่โรงเรียนเขาก็ยังไม่ได้เข้าสู่หมวด วิชาการแบบชัดเจน ทีจ่ ะทำ�ให้เราเห็นว่าลูกๆ เราถนัดในด้านไหน ส่วนการเล่นที่บ้านเขาก็เล่นของเขาไปเรื่อย เราไม่ได้เห็นชัดว่า ดูมีพรสวรรค์ทางใดทางหนึ่ง

ฮึ (ส่ายหน้า พลางหัวเราะ) มีแค่ว่าจะให้เขาเรียนโรงเรียน ทางเลือก เหมือนกับเรารู้สึกว่าอันนั้นเป็นการตัดสินใจของเรา ครั้งเดียวพอแล้ว เราเชื่อเรื่องการศึกษาประมาณนี้ วิถีชีวิต ประมาณนี้ อุดมคติบางอย่างประมาณนี้ อยากให้เขาอยู่บน ทางนี้ แค่นี้ก็พอแล้ว คอนเซ็ปต์ของโรงเรียนคือ ต้องให้เด็กโตตามธรรมชาติ วัยของเด็ก ดังนัน้ เขาจะสนับสนุนให้เด็กเล่นอะไรตามธรรมชาติ ไม่ใช่เล่นโทรศัพท์หรือเกม เล่นอะไรก๊อกแก๊กๆ ปีนต้นไม้ วิง่ เล่น ทำ�โน่นทำ�นี่ ให้ใช้เวลาไปกับการเล่นในสิง่ ทีม่ นั เป็นสัญชาตญาณ ตามธรรมชาติของเด็ก

ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ...เออ...ถามเรื่องนี้ก็ดี เหมือนกัน เมือ่ เร็วๆ นีเ้ พิง่ สังเกตตัวเองว่า เอ๊ะ...ทำ�ไมเราซีเรียส กับเรื่องนี้เป็นพิเศษ คือเรามีความรู้สึกว่า เราจะโมโหเวลาเห็น ลูกทำ�อะไรที่มันแบบ เฮ้ย...ทำ�ไมไม่คิดถึงคนอื่นอยู่ในการ ตัดสินใจนั้นๆ เลย แต่เราก็เข้าใจว่าบางทีเด็กมันก็ไปทีละ สเต็ปนะ เพียงแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราอยากจะให้เขานึกถึง มันบ่อยๆ ยกตัวอย่างเล็กๆ เช่น สมมติว่าออกไปต่างจังหวัดกันมา แล้วเหนื่อยมาก พ่อกับแม่ก็บอกให้ลูกอาบน้ำ�ก่อน เร็วๆ นะ อย่าช้า เพราะแม่รออาบ อันนี้ยกตัวอย่างสมมตินะคะ แล้วลูก ก็เอือ่ ยเฉือ่ ยเรือ่ ยเปือ่ ย เราก็โอเค ถ้ายังอยากเล่นอยูเ่ ดีย๋ วแม่จะ อาบก่อน เขาก็...ไม่ได้ หนูจะอาบก่อน คราวนีจ้ ะเร่งขึน้ มาเชียว แต่พอจะเข้าห้องน้ำ�เขาก็จะเรื่อยเปื่อยอีก เราก็เลยมีความรู้สึก ว่า เฮ้ย...นี่มันคิดถึงคนอื่นน้อยไปแล้ว อันนี้เราอยากเข้มงวด แต่เราก็ไม่รู้ เอ๊ะ...สมัยเด็กๆ เราทำ�แบบนีด้ ว้ ยหรือเปล่าวะ (หัวเราะ) เราจะคาดหวังอะไรมากไปหรือเปล่า แต่กจ็ ะ concern เรื่องพวกนี้มากหน่อย เรื่องประเภททำ�อะไรแล้วให้คิดถึง คนอื่นๆ บ้าง อย่างที่สองคือเรื่องเวลามอบหมายให้ทำ�อะไรแล้ว ให้มี ความรับผิดชอบทำ�ให้มนั สำ�เร็จ หมายถึงเรือ่ งง่ายๆ เช่น กินข้าว แล้วเช็ดโต๊ะ มันก็จะต้องมีประเภทเช็ดแบบลวกๆ เราก็ต้อง เข้มงวดว่าไม่ได้ มันต้องเช็ดจนเรียบร้อยแล้วค่อยไป คือเรา ก็แค่รู้สึกว่าเขาควรมีเซนส์ของความรับผิดชอบ

ลูกๆ ติดทีวี ติดหนัง หรือติดละครไหม

ตอนมีลูกคนแรก ธิดาเป็นแม่ตามตำ�ราหรือเปล่า

มีลูก 2 คนใช่ไหม

ใช่ค่ะ ตอนนี้ลูกเริ่มโตแล้ว ลูกสาวคนโต 9 ขวบกับลูกชาย คนเล็ก 7 ขวบ สามารถให้เขานั่งเงียบๆ อย่ายุ่งได้ (หัวเราะ) ธิดาเลี้ยงลูกอย่างไร

เราทำ�งานอยูท่ บ่ี า้ น เราก็คลุกคลีกนั อยูต่ ลอด ใช้วธิ พี ดู คุยกัน พอเขาโตก็จะพูดคุยกันรูเ้ รือ่ งมากขึน้ เป็นเหมือนทัง้ แม่ทง้ั เพือ่ น ในเวลาเดียวกัน มีแผนการไว้ว่าจะให้ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า

ไม่ค่ะ ที่บ้านไม่ดูทีวี (หัวเราะ) นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำ�ให้ เราไม่ค่อยได้ดูหนังด้วย นอกจากจะเลี้ยงลูกแล้ว ยังเลี้ยงลูก แบบไม่ดูสื่อด้วย ดังนั้นพฤติกรรมประเภทมื้อเย็นเปิดหนังดู พร้อมกันก็ต้องเอาออกไป เราก็จะมีเวลาดูได้ต่อเมื่อลูกๆ ไปโรงเรียนหรือลูกหลับแล้ว นั่นก็ยิ่งทำ�ให้โอกาสในการดูหนัง ของเราลดน้อยลงไปอีก เหตุผลที่ไม่ดูทีวีเพราะลูกอย่างเดียวเลยหรือ

เพราะลูกค่ะ แต่จริงๆ แล้วเราไม่คอ่ ยชอบดูทวี ปี กติอยูแ่ ล้ว เราไม่ค่อยอะไรกับการดูทีวีสักเท่าไหร่ มันเป็นความไม่ชอบ ของเราอยู่แล้วดั้งเดิม ดังนั้นการที่จะเอามันออกไปจากชีวิต ก็ไม่มีปัญหาอะไร (ยิ้ม) แล้วลูกๆ อยากรู้อยากเห็นบ้างไหม อย่างเห็นพ่อกับแม่ ก็ใช้โทรศัพท์มือถือ

ไม่ค่ะ (หัวเราะ) มันก็คงเหมือนอยู่ในชีวิตเขานะ คือเราก็ ไม่ได้บอกว่ามันเป็นความเลวร้าย อีกอย่างคิดว่าเขาคงจะเก็ต ไปเองว่า ของพวกนี้ไม่ใช่ว่าเป็นของเลว ห้ามจับ เพียงแต่ เดี๋ยวโตแล้วค่อยเล่น ตอนเราเด็กๆ เราก็ไม่มีอะไรแบบนี้ แล้ว เดี๋ยวพอถึงเวลาอะไรที่ดูได้ก็ได้ดู เดี๋ยวถึงอายุเท่านี้ก็ดูหนัง ด้วยกัน หนังเรื่องนี้เดี๋ยวเก็บไว้ให้ คือเขาก็เก็ตเองว่ามันไม่ใช่ แบบว่าแม่ทำ�ได้ ลูกห้ามทำ� ไม่ใช่อย่างนั้น เพียงแต่ว่าเดี๋ยว มันจะไปทีละสเต็ปของมัน

เป็นแม่แบบมัว่ ๆ ค่ะ (หัวเราะ) คือก็พยายามจะอ่านตำ�รานะ แต่ว่าเราก็ทำ�อะไรแบบผิดๆ ถูกๆ บ้าๆ บอๆ ส่วนใหญ่เราจะ สนใจเรื่องสภาพความคิดมากกว่า ว่าเด็กไปถึง 3 ขวบเป็นช่วง เลียนแบบนะ วัย 3 ถึง 7 เป็นช่วงที่เขาเริ่มลงมือปฏิบัติ คือเรา สนใจพัฒนาการทีม่ นั เป็นก้อนใหญ่ๆ มากกว่า เพราะเรารูส้ กึ ว่า หลักการแบบนี้จะทำ�ให้เราไกด์ถูกว่าเราเองควรจะดูอะไร ควรจะทำ�ยังไง และการเติบโตของเขาจะไปสูเ่ ส้นทางแบบไหน ไม่ค่อยสนใจดูรายละเอียดแบบการปฏิบัติหรือ 7 เดือนต้อง มีฟัน (หัวเราะ) ตอนมีลูกคนแรกรู้สึกตื่นเต้นไหม

ไม่ตื่นเต้นเลย เครียดมาก (หัวเราะ) เพราะว่าเราอาจจะ เคยชินกับวิถีชีวิตแบบทำ�งานจนดึกดื่น และเป็นคนบ้าทำ�งาน อย่างรุนแรง สามารถนัง่ ทำ�งานได้ทง้ั วันไม่ไปไหนเลย ซึง่ แย่มาก (หัวเราะ) ดังนั้นพอการมีลูกมันเปลี่ยนไปเลย เราทำ�แบบเดิม ไม่ได้ และสิ่งที่ทำ�ให้เรารู้สึกเครียดและใช้เวลานานกว่าเรา จะรับได้คือ ก่อนหน้านี้เราคล่องตัว ทำ�อะไรชอบทำ�คนเดียว นึกอยากจะทำ�อะไร-ทำ� ดังนั้นการมีลูกนี่มันหักความเคยชิน ทุกอย่างเลยว่า ชีวติ นีม้ นั อยูเ่ หนือการควบคุม แล้วเราถูกควบคุม โดยสิ่งอื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะทิ้งไม่ได้อีกต่างหาก มันไม่เหมือน เรารับจ๊อบ แล้วเราเบือ่ ช่างแม่ง...ไม่ท�ำ แล้ว (หัวเราะ) มันไม่ได้ เราต้องรับผิดชอบ อันนี้ทำ�ให้เราต้องเปลี่ยนชีวิต จากที่เราเคย รู้สึกว่าทุกอย่างคุมได้ กลายเป็นทุกอย่างคุมอะไรไม่ได้เลย

อันนี้เป็นส่วนที่ทำ�ให้เราช็อกพอสมควรตอนมีลูกครั้งแรก และ เครียดกับภาวะอย่างนี้ค่อนข้างเยอะ สามีช่วยอะไรบ้างหรือเปล่า

ไม่แล้วค่ะ (หัวเราะ) สองคนเอาให้รอดก่อน เหนื่อย... เหนื่อยมาก รู้สึกห่วงอนาคตของลูกไหม จากสภาพสังคมปัจจุบันที่ ดูเลวร้ายลงเรื่อยๆ

คือเอาจริงๆ ก็ไม่ได้ห่วงอะไรมาก เราแค่รู้สึกว่า ถ้าทำ�ให้ เขาอยูใ่ นโลกนีไ้ ด้ อืมม์...จริงๆ แล้วคนเราถ้ามันมีความเข้มแข็ง อยู่ภายใน ยังไงมันก็จะผ่านในทุกความเปลี่ยนแปลงไปได้ เพราะคนรุ่นพ่อแม่เราก็คงมองสังคมรุ่นที่เราโตมาว่าแย่ลง ทุกทีเหมือนกัน แต่วา่ ถ้าเขาเลีย้ งเราจนโตมาได้ แปลว่าเราก็มี ความเข้มแข็งพอสมควร เพียงแต่มันก็มีแหละความห่วงยิบย่อยอะไรประเภท อ๊ะ... มีแก๊งรถตู้จับเด็ก (หัวเราะ) อย่ามาจับลูกกูนะ มันก็มีความ วิตกจริตเล็กๆ น้อยๆ ประเภทนี้ ไม่ได้ห่วงในภาพใหญ่ๆ ชีวิตของธิดา ถ้าสามารถย้อนอดีตกลับไปได้ อยากจะ แก้ไขอะไรบ้างไหม

มันก็มีเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องการงาน (หัวเราะ) จะมีเรื่อง พ่อแม่แหละ เพราะพ่อแม่เสียไปหมดแล้ว และเสียเร็ว ใกล้ๆ กัน ก็มีเรื่องนี้ที่เรารู้สึกว่ายังทำ�น้อยไปนะ แต่มันทำ�ให้เราคิดว่า คนเราไม่มใี ครรูอ้ นาคตว่าจะเกิดอะไรขึน้ บางทีเราอยูก่ บั ปัจจุบนั โดยเราก็คิดถึงแต่ตัวเอง เราทำ�อะไรไปไม่ได้นึกว่าอาจจะมี ความสูญเสียเกิดขึ้นในช่วงใกล้ๆ นี้ แล้วพอมันเกิดขึ้น เราก็จะ เป็นแบบนี้ ได้แต่เสียดายว่าเราแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยู่ในใจเราตลอด เพราะเราคิดว่า เวลา เราทำ�งานเราก็จะโฟกัสแต่สิ่งที่เราสนใจ บางทีเราก็จะละเลย คนอื่นไปหมดเลย ซึ่งทุกวันนี้บางทีเราก็ยังเป็น แล้วเวลาเรา นึกถึงมันเราก็จะเออ...เราต้องพยายามแก้ตรงนี้ ไม่เช่นนั้น วันหนึ่งเราก็จะมีโมเมนต์แบบเดียวกับที่เราเคยรู้สึกแบบนี้อีก ว่าวันที่เรายังทำ�อะไรได้เราไม่ค่อยได้ใส่ใจทำ�อะไรให้ใคร เท่าไหร่ ก็จะมีประเด็นนี้แหละที่ฝังใจ ฟังดูก็เป็นคล้ายๆ ลูกของตัวเองนะ

ใช่ (หัวเราะ) เมื่อกี้เราก็พูดว่าจะคาดหวังอะไรจากลูกล่ะ บางทีอาจจะถูกต้องแล้วที่ลูกเป็นแบบนี้ เพราะว่าแก้อะไร ไม่ได้ แม่ก็เป็นคนแบบนี้ (หัวเราะ) จริงๆ เหมือนที่คนเขาพูด กันเลย มันตลกมาก คือบางทีลูกทำ�พฤติกรรมที่เราแบบ... รำ�ค้านรำ�คาญ แต่ถ้ามองจริงๆ นี่มันกูชัดๆ (หัวเราะ) พูดจา เสียงดัง เอ็ดตะโร พูดมาก ตอนเด็กๆ พ่อแม่คงรู้สึกกับเรา แบบนี้แหละ (หัวเราะ) จริงๆ ค่ะ เป็นกระจกสะท้อน โดยเฉพาะด้านที่เรา ไม่ชอบ


TOP 10 DOCUMENTARY CLUB’S BOX OFFICE หนังเรื่อง

1. We Are X 2. Oasis: Supersonic 3. Amy 4. Where to Invade Next 5. Tsukiji Wonderland 6. Citizenfour 7. The New Rijksmuseum 8. Iris 9. The Wolfpack 10. All Things Must Pass - ข้อมูลล่าสุดเดือนพฤษภาคม 2560

ระยะเวลาฉาย (สัปดาห์)

8 6 9 8 9 6 5 4 4 4

รายได้ (ล้านบาท)

2.3 2.1 2.0 (เจ้าของสิทธิ์หนังคือ United) 1.7 1.6 1.5 1.3 1.1 0.8 0.7 (เจ้าของสิทธิ์หนังคือ United)


HAM beauty

1

เรื่อง: นิอร สุขวัจน์

SULWHASOO First Care Activating Mask (กล่องละ 5 แผ่น / 1,800 บาท) มาสก์จากโซลวาซู ทีเ่ ข้มข้นด้วย First Care Activating Serum EX มีส่วนผสมของ 5 สมุนไพร ที่ทรงประสิทธิภาพในการ ฟื้นบำ�รุงผิวอย่างล้ำ�ลึก ให้ผิวกระชับและชุ่มชื้นทันที

Good g n i n r o M World

TIP:

เคล็ดลับฟื้นฟูผิวแบบเข้มข้น เพื่อผิวสวย และช่วยให้ เมกอัพติดทนนานตลอดวัน ที่สาวเกาหลีนิยมน�ำมาปรับใช้ ก่อนแต่งหน้า คือ การใช้ ชีตมาสก์ก่อนแต่งหน้า

2

LANEIGE Fresh Calming Morning Mask (1,050 บาท) มอร์นิ่ง มาสก์ที่อุดมด้วย ส่วนผสมและเทคโนโลยี ทรงประสิทธิภาพในการ ปลุกพลังผิว ในรูปแบบ ลีฟออนมาสก์ ชนิดไม่ต้อง ล้างออก ให้ผิวกลับมาชุ่มชื้น มีชีวิตชีวา แบบเร่งด่วน

ได้เวลาปฏิวัติความงามยามเช้า ด้วยบิวตี้ไอเท็มต่อไปนี้ ที่จะมาแก้ ทุกปัญหากวนใจ พร้อมเมกอัพ ที่จะมาสร้างความสดใสให้สาวๆ ออกไปทักทายโลกด้วยรอยยิ้ม เบิกบานกว่าทุกวัน

4

JILL STUART Kittenish Look Liner (850 บาท) การกรีดอายไลเนอร์ช่วยชีวิต ยามเช้าที่เร่งรีบของสาวๆ ได้เสมอ Jill Stuart แนะนำ� Kittenish Look Liner ลิควิดอายไลเนอร์ สูตรกันน้�ำ เหงือ ่ และน้�ำ ตา หัวแปรง เรียวเล็ก 0.4 มม. จึงกรีดได้เส้น คมชัดตามใจต้องการ และ มีให้เลือกถึง 4 สี มาพร้อม กลิ่น Crystal Floral Bouquet หอมสดชื่น

T IP :

ใช้เป็นขั้นตอนสุดท้าย ของสกินแคร์ ก่อนเข้าสู่ ขั้นตอนเมกอัพ

3

5

KÉRASTASE PARIS Chroma Riche Serum (1,470 บาท) หยุดความหงุดหงิดเพราะ เส้นผมชี้ฟูและแห้งเสียจาก การทำ�สี ด้วยเซรั่มบำ�รุง เส้นผมขณะแห้งให้ผมชุม ่ ชืน ้ นุ่มสลวยและจัดทรงง่ายขึ้น ให้เป็นเช้าที่สดใสและผมสวย เป็นทรงไม่พันกัน

T IP :

ลูบไล้เซรั่มขณะผม แห้งหมาด แล้วจัดแต่ง ทรงผมตามปกติ

6

LA ROCHE-POSAY Anthelios Invisible Fresh Mist Anti-Shine SPF 50 (990 บาท) ปกป้องผิวจากแสงแดดด้วย สเปรย์สำ�หรับผิวหน้า ปราศจาก สารกันเสียพาราเบน จึงอ่อนโยน ใช้ได้กับทุกสภาพผิว แม้ผิว บอบบางแพ้งา่ ย ค่าการปกป้องสูง สูตรแอนตี้-ชายน์ช่วยควบคุม ความมัน และไม่ทิ้งคราบขาว สามารถฉีดซ้ำ�ได้ระหว่างวัน

DAVIDOFF Cool Water Woman Sea Rose Pacific Summer Edition (100 มล. / 3,400 บาท) เพิ่มพลังงานให้เช้าวันใหม่ด้วย กลิ่นหอมอ่อนโยน ด้วยส่วนผสม ของดอกไม้ ตัวแทนของหญิงสาว อารมณ์ดี นำ�โดยส้มแมนดาริน กุหลาบ และกลิ่นไม้

7

8

URBAN DECAY Rehab Makeup Prep Hot Springs Hydrating Gel (1,000 บาท) เติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างมีสมดุล ด้วยเจลบำ�รุงผิวเนื้อบางเบา มีส่วนผสม ของน้ำ�จากบ่อน้ำ�พุร้อนในรูปแบบ Hypotonic ที่อุดมด้วยแร่ธาตุและ บริสุทธิ์มาก จึงแทรกซึมสู่ผิวอย่าง รวดเร็ว พร้อมสู่ขั้นตอนเมกอัพ แบบสบายผิว

IT COSMETICS Your Je Ne Sais QuoiTM Complexion Perfection Face Palette (1,900 บาท) สร้างสีสันและปรับรูปหน้าให้ เรียวสวยมีมิติในพาเลตต์เดียว ที่ประกอบไปด้วย Bye Bye Pore Pressed Powder ปกปิดรูขุมขน ่ ความกระจ่างใส Pores BlushTM เพิม Sunshine in a CompactTM บรอนเซอร์ และ Perfect LightingTM ไฮไลต์สำ�หรับ เติมแต่งความโดดเด่นให้กับหน้า


w her e

HARNN Heritage Spa Krungthep ชั้น 12M ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และชั้น 3 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม

สปาไม่ได้มีประโยชน์เพื่อการ ฆ่าความเมื่อยล้าและผ่อนคลาย เท่านั้น HAMBURGER ฉบับนี้ ชวนทุกคนไปทำ�ความรูจ ้ ก ั กับสปา ที่จะเนรมิตผิวสวยเปล่งปลั่ง และ ผลลัพธ์แห่งความงามมากกว่า ที่คุณคิด

H A R N N Heritage Spa K r u n g t h e p คืนสมดุลให้ร่างกายและจิตใจ พร้อม ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ด้วยคุณค่าจาก ธรรมชาติที่มีใน ‘หาญ’ ผลิตภัณฑ์สปา สัญชาติไทย คุณภาพพรีเมียม โดดเด่นด้วย การผสมผสานความรู้และศาสตร์ต่างๆ จาก พื้นถิ่นของเมืองไทย และประเทศในภูมิภาค เอเชีย ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพร และวัตถุดิบ นานาชนิด ผสานกับศาสตร์ร่วมสมัยต่างๆ ทั้งด้านการแพทย์ การนวดบ�ำบัด อายุรเวท และอโรมาเธอราพี ที่เลือกอย่างพิถีพิถัน

แล้วว่ามีประสิทธิภาพทั้งเพื่อผ่อนคลาย ความเครียด ความเหนื่อย เมื่อย ล้า และ การฟื้นบ�ำรุงผิวพรรณให้สวยเปล่งปลั่งแบบ ผิวสุขภาพดี พบโปรแกรมทรีตเมนต์บ�ำบัดเป็นพิเศษ ถึง 14 ประเภท ให้เลือกตามความต้องการ และปัญหาของทุกคน บริการโดยเธอราพิสต์ ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมคุณค่าการบ�ำรุงจาก ธรรมชาติ อัพเดตโปรแกรมนวดและโปรดักต์ ใหม่ๆ ได้ที่ www.harnn.com

CRABTREE & EVELYN LONDON La Source Exfoliating Body Scrub with Fine Pumice (1,295 บาท) บอดี้สครับผิวกาย อุดมด้วย ส่วนผสมที่ช่วยให้การ ทำ�ความสะอาดผิวล้ำ�ลึกขึ้น ด้วยสารสกัดสาหร่ายทะเล สีเขียวและน้ำ�ตาล Dead Sea Salt ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า พร้อมเผยผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัส รื่นรมย์ด้วยกลิ่นของ เปปเปอร์มินต์และ น้ำ�มันดอกทานตะวัน

C L A R I N S S k i n S p a

ลูบเนื้อครีมเจลสีชมพู ในทิศย้อนขึ้นตามแนวผิว หลังอาบน้ำ� ด้วย Body Lift ที่มาพร้อม ‘สารสกัดจากใบ Quince’ ส่วนผสมใหม่ที่ได้รับ การวิจัยจนค้นพบว่า ช่วย ลดปัญหาผิวเปลือกส้มหรือ เซลลูไลต์ และช่วยให้ผิวแลดู กระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ได้ที่บ้าน เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน ควรออกกำ�ลังกายควบคู่กัน ไปด้วย สร้างบรรยากาศ ผ่อนคลาย และเนรมิตผิวสวย ง่ายๆ ที่บ้าน ด้วยผลิตภัณฑ์ Spa @ Home

หลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองหลวง ไปสัมผัสประสบการณ์สปาเรียบหรู ในรูปแบบ สกิน สปา และพบกับเทคนิคการนวดมือ 100% เอกสิทธิ์เฉพาะตัวของ ‘คลาแรงส์’ ที่ เกิดการจากคิดค้นและพัฒนาด้านสรีรศาสตร์ จากผู้เชี่ยวชาญเป็นเวลายาวนานกว่า 60 ปี ไม่ว่าจะเป็นจังหวะการนวด ความต่อเนื่อง ของท่านวด และน�ำ้ หนักมือ ทีน่ ำ� มาใช้รว่ มกับ ทรีตเมนต์สูตรพิเศษที่คิดค้นโดย Clarins Laboratories นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วย ประสิทธิภาพของการลดเลือนผิวเปลือกส้ม ให้ผิวแลดูกระชับขึ้น และการวิเคราะห์สภาพ ปัญหาผิวและสัดส่วนอย่างละเอียด เพื่อ รับบริการที่ตอบโจทย์กับปัญหาผิวที่เผชิญอยู่ มากที่สุด ติดตามรายละเอียดและสาขาเพิ่มเติม ได้ที่ www.clarins.co.th clarins NEW BODY LIFT (2,850 บาท)

L’OCCITANE EN PROVENCE Milk Concentrate (2,590 บาท) ให้การอาบน้ำ�ทุกวันเหมือนเข้าสปา ด้วย ชาวเวอร์ ออยล์ ที่อุดมด้วยส่วนผสมสำ�คัญ อย่างอัลมอนด์ มีประสิทธิภาพต่อการกำ�เนิด ผิวใหม่ และช่วยกระชับผิวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเนื้อผลิตภัณฑ์จะเปลี่ยนเป็นน้ำ�นม ส่งต่อความชุ่มชื้นให้ผิว ไปพร้อมกับการ ทำ�ความสะอาดและกลิ่นหอมละมุน THE BODY SHOP Spa of the World Tahitian Orchid Massage Oil (1,190 บาท) ลูบไล้ผิวหลังอาบน้ำ�เสร็จใหม่ๆ ด้วยออยล์ที่ผสานคุณค่าการ ฟื้นบำ�รุงผิวอย่างล้ำ�ลึก โดย ส่วนผสมจากออยล์ธรรมชาติ แห่งหมู่เกาะตาฮิติ ที่จะช่วยให้ ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นมากกว่า การใช้มอยส์เจอไรเซอร์ทั่วไป

Do you know? น้ำ�หนักของมือเป็นตัวกำ�หนดผลลัพธ์ของการนวด ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อปรับรูปร่าง กระตุ้นระบบไหลเวียน เลือดและน้ำ�เหลือง การขับของเสียใต้ชั้นผิว เพื่อผิว สดใสเปล่งปลั่ง รวมทั้งให้ความผ่อนคลาย


Altuzarra

Monse

Pre-Fall

Christopher Kane

Givenchy

Stella McCartney Jonathan Simkhai

Mugler

Simplerลายทางที่เป็นคีย์ลุคจาก ที่แล้ว ดรอปความ Stripes ซีฉูซดั่นฉาดลงมาให้ เหลือแค่ Tome

Lanvin

กระโปรงอัดพลีตยิงยาวมาหลายต่อ หลายซีซน่ั ฟอลล์นล้ี องจับคูจ่ บั สูท และบูต ซิตล้ี คุ แบบสาวเมืองใหญ่

ลายเส้นที่เฉียบคม

Pleats Please

Altuzarra

Jonathan Simkhai

Suitsต่อจากลายทางก็มาทีค่ ลาสสิกพีซ Star ทีทีต่ช่ ว่อ้ ยให้งมีตผดิ หู้ ตูญิท้ กุ งคนดูโก้สูขทน้ึ กางเกงเข้าชุด

Rodebjer

ChloÉ

Public School

Apiece Apart

คอลเล็กชั่นก่อนฤดูใบไม้ร่วงมาถึงแล้ว ซีซั่นนี้เราอาจจะไม่ได้เห็นความหลากหลายจากดีไซเนอร์ เท่าที่ควร เพราะเทรนด์ Pre-Fall ประจำ�ปี 2017 ดีไซเนอร์ ทุกคนพร้อมใจกันเกาะกลุ่มอย่างเหนียวแน่น ชนิดที่ เรียกได้ว่าคนเดียวหัวหาย หลายคนรอดตาย ยังไงยังงั้น บนความไม่แตกต่างที่ว่า HAMBURGER ก็ยังสามารถ แยกย่อยคีย์เทรนด์ประจำ�ซีซั่น และนี่คือ 6 เทรนด์ที่ดีที่สุด จาก Pre-Collection คอลเล็กชั่นนางรอง ที่ทุกวันนี้ขายดี แซงหน้าคอลเล็กชั่นหลักไปเป็นที่เรียบร้อย

Dior

เรื่อง: ไพลิน มุ่งสันติ

Fendi

HAM STYLE

Erdem

Bottega Veneta

Nina Ricci

Norma Kamali

Chanel

Sally LaPointe

2017 16

Sequins & Sparkle จะกี่ปีเราก็คงดูได้ไม่มีเบื่อ เลื่อม และคริสตัล คือแมตทีเรียลเด่น สำ�หรับทุกๆ คอลเล็กชั่น

Stella McCartney

Neutral Accent

นูด้ น้�ำ ตาล และเบจ สามแม่ทพั ทีเ่ ป็นโทนสีหลัก ประจำ�ฤดู จะมีอะไร ดีไปกว่าการสวมโค้ตสีเบจ นั่งจิบกาแฟท่ามกลาง แดดอุน่ ๆ ในฤดูใบไม้ผลิ

Classic Hoodie

ฮู้ดและกางเกงวอร์ม ตัวหนา ไม่ได้มีไว้แค่ใส่ ไปยิมเท่านั้น ซีซั่นนี้ถูกนำ� มารีฟอร์มใหม่ เปลี่ยนเชป และคัตติ้ง ชนิดที่ว่าใส่เดิน ลงเครื่องบินเจ็ตก็ยังได้



ภาพ:

คเชน

ทร์ ว

ลมท งศ์แห

อง ส

ไตล์:

ัณท นิตตน

์ ณรง

ค์ฤทธ

ิ์ธำ�รง


(ซ้าย) เสื้อยืดสีส้มสกรีนลาย จาก Champion @Siwilai กางเกงยีนส์ขายาวสีขาว จาก John Varvatos (ขวา) เสื้อยืดคอกลมสีขาว จาก Topman ทับด้วย ไบเกอร์แจ็กเก็ตหนังสีดำ� จาก Diesel และกางเกงยีนส์ ขายาว จาก MMM



(ซ้าย) เสื้อยืดคอกลมสีขาว จาก Topman ทับด้วย ไบเกอร์แจ็กเก็ตหนังสีดำ� จาก Diesel และกางเกงยีนส์ ขายาว จาก MMM (ขวา) เสื้อโปโลสีฟ้าขาว จาก Diesel กางเกงยีนส์ สีดำ� จาก Topman และรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อสีขาว จาก Converse



(ซ้าย) เสื้อไหมพรม แขนยาวจาก H&M ทับด้วยแจ็กเก็ตหนังสีดำ� จาก John Varvatos และกางเกงขายาวสีดำ� จาก Kenzo (ขวา) เสื้อยืดสีขาวพิมพ์ลาย จาก Kenzo กางเกงยีนส์ ขายาว จาก Topman นายแบบ: กรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา แต่งหน้า-ทำ�ผม: ภคณัฏฐ์ พูลสวัสดิ์ ผู้ช่วยช่างภาพ: คุมพล เตชถาวรกุล ผู้ช่วยสไตลิสต์: ทศวัฒน์ สุขแสง where to shop > Siwilai ชั้น 5 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี • John Varvatos ชั้น 1 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี • Diesel ชั้น M ดิ เอ็มควอเทียร์ • Topman ชั้น 2 เซ็นทรัลเวิลด์ • MMM ชั้น 1 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี • Converse ชั้น 1 ดิ เอ็มควอเทียร์ • H&M ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์ • Kenzo ชั้น 1 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี


HAM IN REVIEW

enterta inment Music / Movie / Show / Book

movie

Transformers: The Last Knight

Series Glow

พูดกันตรงๆ เลยว่า ความส�ำคัญของแฟรนไชส์ หนัง Transformers ไม่ได้อยู่ที่เนื้อเรื่อง ต่อให้ ไมเคิล เบย์ พาหนังออกทะเลทะลุจักรวาล ข้ามกาแล็กซีไ่ ปไกลแค่ไหน จะให้ออพติมสั ไพร์ม กับเมกะตรอนตายแล้วฟื้นสักกี่ครั้ง เราก็ไม่ได้ รู้สึกว่ามันท�ำลายความเป็น Transformers ลงไปเลย เพราะคนแทบทั้งหมดที่เข้าไปชมหนัง เรื่องนี้ก็เพราะความโคตรมันของฉากแอ็กชั่น ที่ยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ ตามการพัฒนาของเทคโนโลยีซีจี ยิ่งภาคนี้อัพสเกลให้ใหญ่ขึ้น สร้างประวัติศาสตร์ ออโต้บอตให้ลึกขึ้น ก็ยิ่งมั่นใจได้ว่าจะได้ชม ฉากแอ็กชั่นจนเหนื่อยกันไปข้างแน่นอน

ซีรีส์ใหม่แกะกล่องจาก Netflix เรื่องนี้ เล่า เรื่องราวของรูธ ไวล์เดอร์ หญิงสาวผู้พยายาม อย่างหนัก เพือ่ ให้ตวั เองได้เป็นนักแสดงอาชีพ สักครั้ง แต่ไม่ว่าจะไปแคสต์สักกี่ที่ก็ไม่มีทีท่า ว่าจะผ่าน จนวันหนึ่งดันเข้าใจผิดไปสมัคร โปรเจ็กต์ของ GLOW ซึง่ ย่อมาจาก Gorgeous Ladies of Wresting หรือสมาคมมวยปล�้ำ อาชีพของผู้หญิง ก็ตัดสินใจเลยตามเลย ลงฝึกซ้อมเป็นนักมวยปล�้ำอาชีพมันดูสักตั้ง เพื่อวันหนึ่งอาจจะดังเป็นพลุแตกขึ้นมาก็ได้ ใครจะรู้

ก�ำกับ: ไมเคิล เบย์ นักแสดง: มาร์ค วอห์ลเบิร์ก, สแตนลีย์ ทุชชี่, อิซาเบลา โมเนอร์, จอช เดอเมล เข้าฉาย: 22 มิถุนายน 2560

นักแสดง: เอลิสัน บรี, เบ็ตตี กิลพิน, มาร์ก มารอน ออกอากาศ: 23 มิถุนายน 2560 ช่อง: Netflix

Exhibition Pod Art

Music Harry Styles

ตั้งแต่ตอนที่ แฮร์รี่ สไตล์ส หนึ่งในสมาชิกวง One Direction ปล่อย Sign of the Times ซิงเกิลแรกจากอัลบั้มโซโล่เดี่ยวครั้งแรก ของเขาออกมาให้ฟังกันเมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ก็เรียกได้ว่าสร้างเซอร์ไพรส์ให้ แฟนเพลงอยู่พอสมควร ตรงที่พาสไตล์เพลง ฉีกออกมาจากความเป็นบอยแบนด์อย่าง ชัดเจน ด้วยการมาแนวซอฟต์ร็อกยุค 70-80 ฟังง่ายๆ สบายๆ ได้เพลินๆ โดยเฉพาะเพลง Sweet Creature และ Woman ที่อยาก แนะน�ำเป็นการส่วนตัว เพราะทั้งเนื้อหา น�้ำเสียง และดนตรี ท�ำออกมาได้อย่างลงตัว เหมาะกับสภาพอากาศแบบนี้เป็นไหนๆ ศิลปิน: แฮร์รี่ สไตล์ส อัลบั้ม: Harry Styles สังกัด: Erskine, Columbia

ในแง่มุมทางดนตรี ป๊อด-ธนชัย อุชชิน นักร้องน�ำแห่งวงโมเดิร์นด็อก นับเป็นอีกหนึ่ง สุดยอดของวงการ ที่มีผลงานเพลงมากมาย เป็นเครือ่ งการันตีความสามารถ ส่วนในพาร์ต ของศิลปะประเภทขีดเขียนละเลงสี แม้เรา จะไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นฝีมือของเขามากนัก แต่กป็ ฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ ว่าป๊อด โมเดิรน์ ด็อก เป็นศิลปินที่เขียนภาพได้น่าสนใจอีกคนหนึ่ง ของวงการ หากไม่เชื่อแนะน�ำให้ลองแวะ ไปดูนิทรรศการภาพของเขาได้ที่ Woof Pack Space สถานที:่ Woof Pack Space ศาลาแดงซอย 1 กรุงเทพฯ จัดแสดง: วันนี้ถึง 26 มิถุนายน 2560

Concert Book Submergence

ตอนนี้ Submergence นิยายของ เจ. เอ็ม. เล็ดการ์ด ก�ำลังอยู่ในช่วงดัดแปลงและสร้าง ในรูปแบบภาพยนตร์ น�ำแสดงโดยนักแสดง ฝีมือดีอย่าง อลิเซีย วิแคนเดอร์ กับเจมส์ แม็คอะวอย ที่ยังไม่รู้ว่าจะเข้าฉายเมื่อไหร่ และเข้าฉายในไทยหรือเปล่า เล่าเรือ่ งราวของ สายลับที่โดนจับตัวไปขังขณะปฏิบัติภารกิจ ที่นั่นท�ำให้เขาหวนนึกถึงเรื่องราวในชีวิตของ ตัวเองก่อนโดนขัง แน่นอนว่าส่วนส�ำคัญคือ ความรักฝังลึกที่มีให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง ก่อนหนังจะสร้างเสร็จก็มาอ่านเวอร์ชั่นนิยาย ออริจินัลซ้อมไปพลางๆ ก่อนก็แล้วกัน ผู้เขียน: เจ. เอ็ม. เล็ดการ์ด ผู้แปล: นรา สุภัคโรจน์ ส�ำนักพิมพ์: เลเจนด์ บุ๊คส์

Britney Spears Live in Bangkok

ส�ำหรับคนยุค 90 และยุคมิลเลเนียม บริตนีย์ สเปียร์ส คือนักร้องไอดอลสาวที่จัดว่าเป็น สุดยอดแห่งยุคจริงๆ เพราะไม่ว่าจะเป็น เสียงร้องหรือท่าทางการเต้นของเธอ สามารถ สะกดผูค้ นและจ�ำแน่นฝังหูได้อย่างรวดเร็ว ต่อให้เป็นผู้ชายสายแมนขนาดไหน ถ้าเป็น คนยุค 90 และยุคมิลเลเนียม ก็ต้องร้องคลอ ตามเพลง Baby One More Time ไม่ก็ I’m Not a Girl, Not Yet a Woman ได้สักท่อน สองท่อนแน่ๆ แล้วในเมื่อ Britney Spears Live in Bangkok เป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกของ คุณแม่บริตนีย์ในเมืองไทย ก็ยิ่งไม่อยากให้ พลาดชมตัวเป็นๆ ของเธอด้วยประการทัง้ ปวง วันแสดง: 23 และ 24 มิถุนายน 2017 สถานที่: อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี บัตรราคา: 3,500 - 12,000 บาท


X-films

ภาพยนตร์แฟนตาซี (และเกือบ แฟนตาซี) ที่ คชา-นนทนันท์ อัญชุลีประดิษฐ์ ตกหลุมรัก ทันทีที่ดูจบ TV Addict

รายการ ‘ไม่ตอบโจทย์’ The Lord of the Rings 1-3 (ปีเตอร์ แจ็กสัน, 2001-2003)

“ผมชอบความแฟนตาซีและฉากสงคราม ของ The Lord of the Rings ทั้ง 3 ภาค เลยครับ ดูแล้วโอ้โห...มีมนุษย์สู้กับออร์ค สู้กับเอลฟ์ แล้วระหว่างนั้นเราต้องมาลุ้น อีกว่าโฟรโด้จะท�ำลายแหวนได้มยั้ รูส้ กึ ว่า เมื่อก่อนผมดูภาค 1 กับภาค 2 ทุกวัน หลังเลิกเรียน เรียกว่าบ้าหนังชุดนี้มากๆ ดูจนท่องไดอะล็อกได้เลยนะ ผมรู้สึกว่า ตัวละครมีเสน่ห์ ดูยงั ไงก็ไม่เบือ่ ถึงขนาดว่า ตามไปหาหนังสือมาอ่านต่อเลยนะครับ”

The Hobbit 1-3

(ปีเตอร์ แจ็กสัน, 2012-2014)

“ที่ชอบ The Hobbit มันก็เหมือนกับเป็น การต่อยอดจากความชอบ The Lord of the Rings เพราะถ้าชอบสงครามชิงแหวน แล้วไม่ดูเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่ แต่ถึงอย่างนั้น ตอนดูก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก เพราะ ด้วยความเป็นแฟนพันธุแ์ ท้ เขาจะท�ำอะไร ออกมาเราก็ดอู ยูด่ ี ซึง่ การดูเรือ่ งนีม้ นั ท�ำให้ เรารู้ที่มาที่ไปของตัวละครใน The Lord of the Rings”

The Legend of 1900 (จูเซปเป้ ทอร์นาโตเร, 1998)

“เรื่องนี้กึ่งแฟนตาซี กึ่งดราม่า ผมดูแล้ว สงสารตัวเอกของเรื่องมาก คือเป็นเรื่อง ของผู้ชายคนหนึ่งที่เกิดและโตบนเรือ เขาแทบไม่เคยลงจากเรือไปไหนเลย แต่เขามีความสามารถอย่างหนึ่งคือเป็น มือเปียโนที่เทพมาก จนมีคนมาท้าแข่ง เปียโนถึงบนเรืออยูต่ ลอด พอชนะไปเรือ่ ยๆ เขาก็ได้โอกาสท�ำแผ่นเสียง แล้วสิ่งต่างๆ ก็ท�ำให้เขาได้เจอกับความรัก แต่สุดท้าย มันจะมีซีนหนึ่งที่เศร้ามากเกี่ยวกับตรงนี้ ครับ สะเทือนใจสุดๆ”

รายการ ‘ไม่ตอบโจทย์’ ไม่ใช่ชื่อรายการ ไม่ได้กะจะมาเลียนแบบ รายการ ‘ตอบโจทย์’ แบบที่เคยดูเมื่อหลายปีก่อน แบบนั้นที่ไปแล้ว ไปลับไม่กลับมาได้หลายปีแล้ว แต่นเี่ ป็นประโยคบอกเล่า มาบอกเล่าว่า รายการต่างๆ ในทีวีไม่ตอบโจทย์…แล้วแหละ! เขาท�ำอะไรให้เราดู แล้วยังมากะเกณฑ์ให้เราดูตอนนั้นตอนนี้? ถามจริงๆ ทุกวันนี้เขาท�ำรายการอะไรให้เราดู เขารู้ตัวกัน บ้างไหม? เวลาถาม จะท�ำรายการอะไร? คนเขาก็อยากรู้เนื้อหาเป็นอย่าง ที่หนึ่ง ว่าจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร ซึ่งส่วนมากชื่อรายการมักจะสื่อสาร กับผู้ชมได้ดีนะคะ ของฝากนักกอล์ฟ เราจะได้ดูอะไรที่เกี่ยวกับกีฬากอล์ฟ ทีวี ไดเร็ค โชว์เคส เราจะได้ช้อปปิ้งของที่ทีวี ไดเร็ค เอามาขาย ลิเกรวมดาวดารา เราจะได้ดูยี่เกเฮฮา มีดารายี่เกมารวมตัวกัน แสดงให้เราดู ข่าวภาคค�่ำ ข่าวกีฬาภาคค�่ำ ข่าวผู้เยาว์ เราก็จะได้ดูข่าวตอนค�่ำ ข่าวกีฬาที่ออกอากาศตอนค�่ำ ข่าวที่มีผู้เยาว์มาน�ำเสนอตามล�ำดับ บางรายการเราต้องคิดนิดหนึ่งว่าหมายถึงอะไร อย่างรายการ ‘พาไปแหลก’ กับ ‘ตลกแหลก’ สองรายการนี้ถ้าเรารู้จักค�ำว่า ‘แดก’ ที่พูดให้เพี้ยนๆ เดาว่าเพื่อให้ไม่ฟังหยาบคายว่า ‘แหลก’ ถ้าเป็นตอนนี้ ก็จะมี แดรก หรือ แด๊ก กับส�ำนวน ตลกแดก อันหมายถึง ท�ำตลกเพื่อ ให้ได้กนิ อาหารฟรี รายการ ‘พาไปแหลก’ นี้ คุณปัง๋ -ประกาศิต โบสุวรรณ รายการ ‘ตลกแหลก’ มีคุณนุ้ย เชิญยิ้ม และคุณตั๊ก ศิริพร ต่อมามี คุณบอล เชิญยิ้ม กับคุณค่อม ชวนชื่น อันนี้มาข�ำๆ ดูชื่อรายการก็รู้ว่า ผู้ชมไม่ต้องหวังอะไรมาก เดาได้ว่าเขามาโชว์กิน เดาว่ากินฟรี และ จะมีพูดจาข�ำขันชวนหัวในการถ่ายท�ำรายการ บางรายการดูชอื่ แล้วไม่รอู้ ะไรเลย แบบรายการ ‘เก้งกวางบ่างชะนี’ ‘เซย์ไฮ!’ ‘ชิงร้อยชิงล้าน’ อย่างสองรายการหลัง ความที่รายการเขาอยู่ มานาน คนก็รู้จักแล้ว ชื่อติดหูแล้ว จะเปลี่ยนเนื้อหาไปทางไหน คนก็ ไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่แล้ว แต่ทกุ วันนี้ ขอเชิญชวนให้ลองส�ำรวจตัวเรากันดีๆ ทีห่ น้าจอโทรทัศน์ ของเรา มีรายการที่เราได้ดูมากมายแค่ไหนกันเชียว! เพราะโจทย์ส�ำคัญต่อไป คือ ออกอากาศเมื่อไหร่? นี่สิเรื่องใหญ่ มันไม่ส�ำคัญกับเราแล้วใช่ไหม ว่าจะออกอากาศ เมื่อไหร่ การต้องรอคอยมานานแสนนาน เพื่อดูละครหลังข่าว ส�ำหรับ คุณผู้ชมทางบ้านมันสิ้นสุดลงแล้ว จริงๆ มันสิ้นสุดลงกลายๆ ตั้งแต่ พวกเรามีเครื่องอัดวิดีโอใช้ ฮั่นแน่! เครื่องอัดวิดีโอแบบวีเอชเอสไงคะ ยังจ�ำได้ไหม? จ�ำได้ หรือเปล่า? เคยผ่านตากันไหม? หน้าตาคล้ายเทปคาสเซ็ตต์ แต่ขนาด ใหญ่กว่ามาก มีแถบด�ำๆ ม้วนๆ อยู่ในกลักพลาสติก ยัดเข้าไปในเครื่อง ที่เชื่อมต่อกับระบบจูนเนอร์โทรทัศน์ไว้แล้ว ตั้งเวลาอัดได้ อัดรายการ โทรทัศน์ได้ความยาว 60 นาทีบ้าง 120 นาทีบ้าง และ 180 นาทีบ้าง เดี๋ยวนี้เรามีที่อัดแบบ PVR (Personal VDO Recorder) ที่เคเบิล ช่องหนึ่งเขามีบริการ ให้เราได้กดอัดรายการกันมันหยดติ๋ง มือเป็นระวิง

จะดูซ�้ำดูซาก ดูแบบรีไวด์หรือกรอกลับไปกลับมา ไปข้างหน้าอย่างเร็ว หรือฟาสต์ฟอร์เวิร์ดก็ท�ำได้สบายใจ แต่มีที่สะดวกไปกว่านั้น คือ YouTube รายการต่างๆ ที่ออกอากาศ ทางโทรทัศน์ต่างน�ำรายการของตนทยอยมา ‘แปะ’ ไว้ที่ยูทูบ ให้ผู้ชม ได้ชมกันตามสะดวก เราไม่ต้องสนใจเวลาออกอากาศกันอีกต่อไปแล้ว เราจัดผังรายการ ของเราเองได้ ฉันเคยอยากดูละครไทยอยูว่ นั หนึง่ แต่เวลามันมาตรงกัน ฉันบริหาร จัดการได้ดังนี้ ฉันดูละครหลังข่าวที่ออกอากาศช่อง 3 จากยูทูบตอน 5 ทุ่ม เพราะ ช่วงหัวค�่ำฉันต้องดูซีรีส์อังกฤษอเมริกันที่ออกอากาศในช่องเคเบิล (ที่เก็บค่าสมาชิกแพงแสนแพง แต่ตอนฝนตกไม่มีสัญญาณส่งมาให้ ก็ปล่อยฉันให้เสียค่าสมาชิกชั่วโมงนั้นไปเปล่าๆ ปลี้ๆ แล้วก็ไม่ได้ รับผิดชอบอะไรเจ้านั้นนั่นแหละ) พอเช้าวันต่อไป ฉันตื่นตี 5 ตาม ปกติวิสัย ได้ดูละครช่องวัน และช่อง 7 ที่ใช้ PVR อัดไว้ เพราะช่องวัน ‘อัพโหลด’ ไม่ไวว่องเท่าช่อง 3 กลับมาดูตอนเย็นหลังเลิกงาน แม้ช่อง 7 ฉันไม่ได้อาศัยเว็บ Bugaboo ที่อยากร้อง อู๊ยยยยย (ลากเสียงยาวด้วย ความเหนื่อยหน่าย) เพราะภาพมันกระตุกเอากระตุกเอา ไม่เอื้อต่อ ความอภิรมย์ในการชมเอาเสียเลย ท�ำไมช่อง 7 ถึงอยากให้เราใช้เว็บนี้ ฝึกให้เรารู้จักอดทนรอคอย หรือกลัวเราสนุก! ฉันออกจะปลื้มใจกับตัวเอง ที่แต่ละวันได้ดูละครสามช่องแบบ ไวว่องคล่องแคล่วในเวลาที่ฉันจัดสรรเอง ฉันค้นพบว่า เวลาเราไม่ต้อง ดูโฆษณาคั่นรายการ ไม่ต้องดูฉากตบกัน ไม่ต้องดูฉากคนใช้เม้าท์ เจ้านาย ไม่ต้องดูฉากอะไรๆ ที่ไม่จ�ำเป็นในละคร ฉันสามารถดูละคร เสร็จสิ้นภายในเวลาอันสั้นได้ง่ายๆ เลย และสนุกมาก แต่ฉันว่าไม่ช้าไม่นาน ฉันคงเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองแล้วแหละ ดูละครทุกวันชักเริ่มร�ำคาญ เรียกว่าไม่อยากดูแล้วดีกว่า ท�ำไมผู้หญิง คนหนึ่งต้องลุกขึ้นมาจะฆ่าผู้หญิงอีกคน เพื่อให้ได้ผู้ชายที่หมายปองมา ครอบครอง ท�ำไมท�ำละครมีพระเอกนางเอก ปูเรื่องให้สุดท้ายได้รักกัน ครองคู่ตุนาหงันจวบจนนิรันดร แต่ไหงในระหว่างนั้น เขียนบทให้ใช้ ความรุนแรง ตบตี มีฆ่ากัน ยังกับหนังอาชญากรรมก็ไม่ปาน ทั้งๆ ที่ ชีวติ เราทุกคนพบ ‘คนใจร้าย’ ได้ทกุ แหล่งแห่งที่ ทีใ่ ดๆ ไหนๆ คนใจร้าย ไม่หยิบมีดหยิบปืนหรือขวาน แต่มันห�้ำหั่นให้การงานของเราล้มเหลว ให้ชีวิตเราล่มจมได้ แบบไม่เสียเลือดสักหยดหยาด แต่ฉันว่าไม่ช้าไม่นาน ฉันคงเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองอีกแล้วแหละ Netflix เป็นความรักครั้งใหม่ของฉัน มีนานาซีรีส์ ไม่มีโฆษณา เปิดดู ตอนไหนเมื่อไหร่ก็ได้ตามใจปรารถนา จนฉันร�่ำๆ ว่าจะบอกเลิกสมาชิก เคเบิล หันมาดูเน็ตฟลิกซ์เพียงอย่างเดียว ก็นา่ จะหมดวันไปได้งา่ ยๆ แล้ว แต่ก็นั่นแหละ ช่วงแรกรักน�้ำต้มผักก็ว่าหวาน เลยจะคบหาดูใจกัน ไปอีกสักพักใหญ่ๆ ก่อน แบบที่เหล่าดาราเขาชอบว่าไว้ - พรพิมล ลิ่มเจริญ


HAM HANG OUTS เรื่อง: เสาวภัคย์ อัยสานนท์ ภาพ: พบเจอ

A GOOD TIME IN MALAYSIA ‘มาเลเซีย’ นึกถึงประเทศนี้ทีไร ภาพของตึกแฝดปิโตรนาส ก็ลอยขึ้นมาในหัวทุกที แต่ถ้า คิดว่าแลนมาร์กแห่งนี้เป็น จุดหมายปลายทางเพียง แห่งเดียวของนักท่องเที่ยว ที่มาเยือนที่นี่ วันนี้คงต้อง คิดใหม่ เพราะสถานทีส ่ องแห่ง ที่เราก�ำลังจะพูดถึงอยู่นี้ ควรค่าแก่การแพ็กกระเป๋า หยิบกล้องตัวโปรดคู่ใจ แล้ว ออกเดินทางไปสัมผัส-ไม่แพ้กน ั

P U T R A J AYA

CAMERON HIGHLANDS

26

เรามีโอกาสได้รู้จักคาเมรอนไฮแลนด์ ครั้งแรกผ่านค�ำบอกเล่าของเพื่อนคนหนึ่ง เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นที่ราบสูงลาดเอียงอัน สวยงามโอบล้อมไปด้วยภูเขาสูงตระหง่าน แห่งนี้ นอกจากจะตัง้ อยูบ่ นพืน้ ทีเ่ ขากว้างใหญ่ ทีส่ ดุ ของประเทศ โดยมีขนาดพืน้ ทีเ่ ทียบเท่ากับ ประเทศสิงคโปร์แล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งผลิตชา ที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย ขอแนะน�ำให้หาที่นั่งจิบชา พร้อมดื่มด�่ำ วิวทิวทัศน์ของไร่ชาเขียวชอุ่มที่ทอดยาว สูดโอโซนกันให้เต็มปอด หรือจะไปเดินเล่น ในย่านดาวน์ทาวน์ของเมือง ที่มีกลิ่นอาย สไตล์ยุโรปและบ้านสไตล์ทิวดอร์ (Tudor) ทีเ่ ป็นงานสถาปัตยกรรมคลาสสิกจากเมืองผูด้ ี ก็จะได้สมั ผัสบรรยากาศและความผ่อนคลาย ไปอีกแบบ ส�ำหรับการเดินทางไปยังคาเมรอนไฮแลนด์ สามารถไปซื้อตั๋วหน้าเคาน์เตอร์ และขึ้นรถโดยสารจากสถานี TBS หรือ Terminal Bersepadu Selatan ในกัวลาลัมเปอร์ ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงก็ถึงจุดหมาย ปลายทาง หรือเข้าไปจองตั๋วรถโดยสาร ล่วงหน้าที่ www.busonlineticket.com

ใช้เวลาไม่ถงึ ครึง่ ชัว่ โมงจากกัวลาลัมเปอร์ เราก็เดินทางมาถึงเมืองใหม่ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ เป็นศูนย์ราชการส�ำคัญของประเทศมาเลเซีย ได้ยนิ ค�ำว่า ‘ราชการ’ อย่างนัน้ อย่าเพิง่ รูส้ กึ เบือ่ ไปเสียก่อน เพราะบอกเลยว่าหากได้มาเยือน แล้วอาจต้องมนตร์เสน่ห์ของ ‘ปุตราจายา’ แบบไม่รู้ตัว เมืองทันสมัยที่ถูกรายล้อมไปด้วย ธรรมชาติแห่งนี้ เขามีพิกัดให้ตามเก็บภาพ อยู่หลายแห่ง แต่ไฮไลต์น่าชมของเมือง เห็นจะเป็นโดมใหญ่สีชมพู ตั้งโดดเด่นอยู่บน ริมฝั่งทะเลสาบอย่าง มัสยิดปุตรา (Putra Mosque) ที่สร้างขึ้นจากหินแกรนิตสีชมพู กุหลาบ อันได้รับอิทธิพลมาจากมัสยิดชีค โอมาร์ (Sheikh Omar Mosque) ในกรุง แบกแดด ลองเดินเข้าไปชมภายในจะยิง่ เห็น ความละเอียดลออของหินที่สลักลวดลาย อันวิจิตรตระการตา วิธีง่ายที่สุดในการเดินทางมายังเมือง ปุตราจายา คือ ขึ้นรถไฟฟ้า KLIA Transit จากสถานี KL Sentral ไปยังสถานี Putrajaya ค่าโดยสาร 9.5 RM หรือจะเลือกเดินทางด้วย บริการ Uber หรือ Grab ก็สะดวก NOTE 1. ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชม 2. การเข้าชมมัสยิด นักท่องเที่ยวต้อง แต่งกายสุภาพ ผู้ชายสวมเสื้อแขนยาว และกางเกงขายาว ส่วนผู้หญิงจะมีเสื้อคลุม ให้สวมทับ 3. เปิดทุกวัน แต่สามารถเข้าชมได้เป็นรอบๆ วันเสาร์-วันพฤหัสบดี เวลา 09:00-12:30 น. / 14:00-16:00 น. / 17:30-18:00 น. วันศุกร์ เวลา 15:00-16:00 น. / 17:30-18:00 น.


FLASH! HAM H BO A SIA HBO เอเชีย เปิดตัว 6 ศิลปินนักแสดง พากย์เสียงซีรีส์ Game of Thrones ด้วยเสียง พากย์ภาษาไทยครั้งแรกในเอเชีย ได้แก่ นันทิดา แก้วบัวสาย, น้ำ�ทิพย์ จงรัชตวิบูลย์, มาริโอ้ เมาเร่อ, ปรีติ บารมีอนันต์, พลอยชมพู ญานนีน ไวเกิล และชนม์ทิดา อัศวเหม สำ�หรับผู้ชมชาวไทยสามารถเลือกรับชม Game of Thrones ซีซั่น 7 ได้ในวันที่ 17 กรกฎาคม 2560 นี้

I N D EX L IVI NG MALL AI S ซีพีเอ็น จับมือ เอไอเอส เอาใจนักชิมกับ แคมเปญที่มีชื่อว่า ‘อิ่มอร่อยร้านดังกับ เอไอเอส @ ซีพีเอ็น’ นำ�ร้านอาหารชั้นนำ�กว่า 400 ร้าน มามอบสิทธิพิเศษแด่ผู้ใช้บริการ โทรศัพท์เครือข่ายเอไอเอส ให้ได้รับส่วนลด ร้านอาหารและสิทธิพิเศษมากมาย งานนี้ คับคั่งไปด้วยหนุ่มสาว ผู้บริหาร และ เซเลบริตี้นักชิมมากหน้าหลายตา

L EVI ’S ลีวายส์ จัดงาน 501® Day Celebration เฉลิมฉลองครบรอบ 144 ปีที่กางเกงยีนส์ ลีวายส์ตัวแรกของโลกถือก�ำเนิดขึ้น เนรมิต โกดัง Warehouse 30 ให้กลายเป็น เดนิม สตรีท เอาใจแฟนพันธุ์แท้เดนิม และ เหล่าคนรักยีนส์ ที่มารวมตัวกันแสดงตัวตน ในหลากหลายสไตล์ พร้อมเปิดตัว ออนไลน์สโตร์ของลีวายส์ เข้าไปตามดูกัน ได้ที่ www.levis.co.th

เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้วส�ำหรับ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ สาขาพระราม 2 สโตร์โมเดลล่าสุด ภายใต้แนวคิด Urban Stylish แลนด์มาร์กแห่งเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ จุดหมายใหม่ของคนเมือง ที่ครบครันไปด้วย เฟอร์นเิ จอร์ ของตกแต่ง และของใช้ภายในบ้าน พร้อมโซนร้านอาหาร ตอบโจทย์ทุกรูปแบบ การใช้ชีวิตคนเมือง

item Ti pc o Wa ve ‘ทิปโก้ เวฟ’ เครือ ่ งดืม ่ สปอร์ตดริงก์ระดับพรีเมียม ด้วยแร่ธาตุธรรมชาติ BluBio™ Ocean Mineral (บลูไบโอ) ลิขสิทธิเ์ ฉพาะ ของทิปโก้จากมหาสมุทรแปซิฟก ิ ประเทศนิวซีแลนด์ เหมาะส�ำหรับผูท ้ ช ี่ น ื่ ชอบวิถธ ี รรมชาติและรักการออกก�ำลังกาย อร่อย ดืม ่ ง่าย แคลอรีต ่ ำ�่ มีให้เลือก 2 รสชาติ คือ รส Original และรส Orange หาซือ ้ ได้แล้ววันนีต ้ ามร้านสะดวกซือ ้ (7-Eleven) หรือ จุดขายตามสถานทีอ ่ อกก�ำลังกายทัว ่ ไป


know more

HAM Business talk

• เมนูของ FABLAB CAFÉ ถูกออกแบบให้อยู่ในรูปแบบ ของนิตยสาร มีนางแบบ โพสต์แนะน�ำอาหารบางจาน และทีส ่ ำ� คัญคือ พวกเขามีแผน เปลี่ยนปกกับเมนูอาหารใหม่ ทุกๆ 3 - 4 เดือน

เรื่อง: ภูมิ ชื่นบุญ ภาพ: สลัก แก้วเชื้อ

• ภาชนะเครื่องดื่มในร้าน FABLAB CAFÉ ถอดความ จากค�ำว่า LAB ในชื่อร้าน ด้วยการใช้บิกเกอร์และ หลอดทดลองใส่เครื่องดื่ม แทนแก้วปกติในบางเมนู • ก่อนท�ำ FABLAB CAFÉ โก้ วศิน เคยหุ้นกับเพื่อนเปิด บาร์ชื่อ Myst อยู่ในละแวก ใกล้เคียงกัน ซึ่งเขายอมรับ ว่าการท�ำบาร์ง่ายกว่า ร้านอาหารเยอะเลย เพราะ ไม่ต้องลงดีเทลเรื่อง เมนูอาหารมากมายนัก

FABL AB CAFÉ

2 ปีก่อน HAMBURGER เคยรู้จักกับ FABLAB ในฐานะ Multi-Brand Store ที่น�ำสินค้าแฟชั่นชั้นน�ำจาก 35 ร้านค้าในโลกออนไลน์ ออกมา วางขายให้ลองหยิบจับได้ก่อนซื้อในโลกออฟไลน์ แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2017 ได้ไม่นาน เราก็ต้องท�ำความรู้จักกับแบรนด์ FABLAP ใหม่อีกครั้ง เพราะหลังประสบความส�ำเร็จกับการเป็นแหล่งรวมสินค้าแฟชั่นแล้ว Multi-Brand Store แห่งนี้ก็ขยับตัวไปอีกก้าว โดยรวมเพื่อนฝูงมา ร่วมหุน ้ กันสร้าง FABLAB CAFÉ แบรนด์ทเี่ ป็นส่วนผสมของร้านอาหาร เครือ ่ งดืม ่ และสินค้าแฟชัน ่ ตามความถนัดของตัวเอง ซึง ่ หนึง ่ ในหุน ้ ส่วน ของ FABLAB CAFÉ คือ โก้-วศิน อัศวนฤนาท แห่งวง Rooftop ทีเ่ มือ ่ พูดถึงเมนูอาหารในร้านทีไร เป็นต้องท�ำตาเป็นประกายและพรีเซนต์ ความอร่อยออกมาเป็นฉากเกือบทุกเมนู

• FABLAB CAFÉ ตั้งอยู่ ระหว่างเอกมัย ซอย 12 กับ 14 ตรงข้ามกับร้านนั่งเล่น พอดิบพอดี ร้านเปิดเวลา 10.00 - 22.00 น.

ไอเดียตั้งต้นของ FABLAB CAFÉ

เมนูอร่อยส่วนตัว

เสียงตอบรับจากลูกค้า 1-2 เดือนแรก

ความยืดหยุ่นของแนวทางการท�ำ ธุรกิจ

“การเริ่มต้นท�ำธุรกิจของผมกับเพื่อน เกิดจากการออกไปแฮงก์เอาต์กันบ่อยๆ จนถึงจุดนึงแล้วรู้สึกอยากลองท�ำร้านกันเอง บ้าง ก็หาความรู้สะสมกันมาเรื่อยๆ ส่วนร้าน FABLAB เป็นร้านของเพื่อนผมที่เปิดมาก่อน อยู่แล้ว เป็นร้านขายสินค้าแฟชั่นจากร้านค้า ออนไลน์ที่มีอยู่ 2-3 สาขา แล้วบังเอิญว่าเรา ได้ที่ตรงนี้ (ในซอยทองหล่อ) พอดี เลยมานั่ง คิดกันว่าควรจะท�ำอะไรกันดี จนสุดท้ายเรา ตกลงกันว่าจะเอาร้าน FABLAB ที่มีฐาน ค่อนข้างแข็งแรงอยู่แล้ว มาต่อยอดท�ำเป็น คาเฟ่ที่มีทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนชั้น 2 ก็ยังเป็นคอนเซ็ปต์เดิมของร้าน FABLAB ที่ขายสินค้าแฟชั่น” “ภาพกว้างๆ เรายังบอกไม่ได้วา่ FABLAB CAFÉ จะเป็นยังไง แต่ในช่วง 1-2 เดือนแรก เราก็พยายามถามลูกค้าทุกคนที่เข้ามาว่า เป็นยังไงบ้าง ชอบตรงไหน มีส่วนไหนที่ ต้องการติบ้าง ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ตอบรับดี โดยเฉพาะอาหารที่ลูกค้าแทบทุกคนพูดเป็น เสียงเดียวกันว่าอร่อยมาก” เมนูเด่นประจ�ำร้าน

28

“เราจ้าง Food Stylist มาช่วยคิดเมนู ขึน้ ใหม่เพือ่ FABLAB CAFÉ โดยเฉพาะ มีอยู่ สิบกว่าเมนูเลยทีเดียว ขนาดเมนูคลาสสิกที่ ร้านอาหารทั่วไปมีขาย เราก็จับใส่กิมมิกใหม่ ที่น่าสนใจลงไปเพิ่มให้รู้สึกพิเศษกว่าการไป ทานที่อื่น อย่างข้าวเหนียวมะม่วง ก็ไม่ได้มี แค่ข้าวเหนียวกับมะม่วงเท่านั้น แต่เราใส่ เท็กซ์เจอร์ด้วยการเพิ่มมูสลงไป แล้วราด ด้วยแมงโก้ซอส ไม่ได้ราดด้วยกะทิแบบร้าน ทั่วๆ ไป”

“ความจริงผมยังทานไม่ครบทุกเมนูหรอก นะครับ มีลองชิมบ้างแค่ตอนเทสต์กอ่ นเปิดร้าน เท่านั้นเอง แต่เมนูที่ชอบมากเป็นการส่วนตัว ตอนนีค้ อื ข้าวหมูทอดไข่ขน้ กะเพรา ผมรูส้ กึ ว่า มันเป็นส่วนผสมของอาหารไทยกับอาหาร ญี่ปุ่น ที่มีทั้งหมูคุโรบุตะและซอสกะเพรา คล้ายๆ ผัดกะเพรา อีกเมนูที่ชอบมากๆ คือ ซิกเก้นออนเซ็นด้ง ที่เป็นส่วนผสมของอาหาร หลายๆ ชาติ ท�ำให้กนิ แล้วรูส้ กึ เหมือนไปเทีย่ ว ญี่ปุ่น จากนั้นต่อเครื่องไปยุโรป แล้วค่อย วกกลับมาเมืองไทยอีกที เป็นอาหารที่เมื่อ ทุกอย่างมาใส่รวมกันแล้วมันอร่อยมากจริงๆ ต้องมาลองกันครับ”

“ผมรู้สึกว่าเราไม่จ�ำเป็นต้องมีแนวทาง การท�ำธุรกิจที่ชัดเจนหรอก เพราะบางครั้งเรา ก็จ�ำเป็นต้องนอกกรอบกันบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ ผมเชื่อคือไม่ว่าจะท�ำอะไรก็ตาม ถ้ามันเริ่ม จากสิ่งที่ท�ำแล้วเราอิน เราซื่อสัตย์กับสิ่งที่ ก�ำลังท�ำอยู่ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว เพราะถ้า เราท�ำในสิ่งที่ไม่อิน มันก็เหมือนกับเราก�ำลัง หลอกลูกค้า เวลามีคนถามอะไรเราจะกล้า บอกได้เต็มปากเหรอว่ามันดีจริงๆ ในเมื่อเรา ยังไม่อินกับมันเลย” ความสุขจาก FABLAB CAFÉ

“มันอยู่ตรงที่ได้เห็นลูกค้ามีความสุขกับ สิ่งที่เราตั้งใจมอบให้นั่นแหละครับ เพราะ กว่าเราจะปั้นสิ่งดีๆ ออกมาได้แต่ละจานหรือ แต่ละแก้ว เราต้องผ่านการลองผิดลองถูก มาเยอะมาก เวลาได้เห็นลูกค้าชอบอาหาร ที่เสิร์ฟให้บนโต๊ะ มันท�ำให้รู้สึกทั้งสนุกและ มีความสุขในเวลาเดียวกันเลย”


HAM CAMERA ROLL เรื่องและภาพ: กิดาการ ฉัตรแก้วมณี

A Story of Th e F o r e s t L o r d เจ้าสิงโตตัวใหญ่ที่ถูกเข้าใจผิด

ซุง-กิดาการ ฉัตรแก้วมณี ศิลปิน / นักแสดง

วางมือจากกีตาร์แล้วมาจับปากกา ให้เราได้อ่านเรื่องเล่าจากจินตนาการ ของซุงแบบที่หาอ่านที่ไหนไม่ได้ (แน่นอน) และจะดียิ่งขึ้น หากอ่าน พร้อมกับฟัง ‘ความรัก’ ซิงเกิลล่าสุด จากวง ‘Mattnimare’ ว่าด้วยความรัก ที่ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถ ออกจากความเศร้าได้ และทุกตัวอักษร ยังได้ซุงเป็นผู้ถ่ายทอดเช่นเคย

คุณจ�ำครั้งแรกที่คุณไปสวนสัตว์ได้ไหม? เมื่อผมถามคุณ คุณอาจต้องใช้เวลานานสักหน่อยในการร�ำลึกความทรงจ�ำ วัยเด็ก แต่สำ� หรับผมแล้วมันเด่นชัดอยูใ่ นใจเสมอมา มันเกิดขึน้ ในตอนที่ผมยังเด็กมากๆ เด็กจนไม่สามารถจดจ�ำอายุของ ตัวเองได้ แต่ยังสามารถจ�ำได้ว่า ผมก�ำลังเดินหลงทางอยู่ใน สวนสัตว์เก่าแก่แห่งหนึ่ง “เจ้าหลงทางหรือ เจ้าเด็กน้อย” คล้ายเสียงของชายชราดังแว่วมาจากกรงขังสิงโต ด้านหลัง ผมหันไปหาต้นเสียงกลับไม่พบใครเลย จึงพยายาม มองหารอบตัว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของต้นก�ำเนิดเสียงนั้น “น่าอิจฉายิ่งนัก อย่างน้อยเจ้ายังมีอิสระ และเส้นทาง ให้หลงดู ข้าสิไม่มีแม้แต่ทางเลือกใดๆ เลย” ผมสะดุ้งโหยง! สิงโตตัวใหญ่ก�ำลังพูดกับผมอยู่ ผมลอง คุยกับมันเพื่อให้แน่ใจว่าผมไม่ได้คิดไปเอง “ใช่ ผมหลงทาง เอ่อ...แล้วท่านเข้าไปอยู่ในกรงได้ยังไง? ท่านเกิดในนี้หรือ?” “ข้าไม่ได้เกิดในนีห้ รอก ป่าคือบ้านของข้า ข้าถูกจับมาโดย มนุษย์ มนุษย์คล้ายๆ เจ้านัน่ แหละ แต่ตวั ใหญ่กว่า” สิงโตตอบ “เอ่อ...ก็ผมยังเป็นเด็กน่ะ เลยตัวเล็กกว่า แต่ท�ำไมมนุษย์ ต้องจับท่านมาขังด้วย?” ผมถามเพราะต้องการชวนคุย ความเจ็บปวดฉายแววขึ้นมาในดวงตาของเจ้าสิงโตทันที มันเดินช้าๆ ตรงมาที่ผม นั่งลงใกล้ๆ ขอบรั้วไฟฟ้า พลางมอง ไปที่ผู้คนที่เดินไปตามทางอย่างไม่ได้สนใจ “คงเพราะว่าข้า แตกต่าง ข้าเป็นสัตว์ป่า มนุษย์อยากเห็นตัวข้ากับตาของเขา แต่ก็กลัวที่จะสัมผัสข้า มนุษย์อยากรู้จักป่า แต่ไม่อยากเข้าป่า มนุษย์อยากรู้จักข้า แต่ไม่อยากเข้าใจข้า พวกเขาเลยจับข้ามา เพื่อดู แต่ไม่เคยคิดจะคุยกับข้าสักค�ำ” สิงโตตอบด้วยน�้ำเสียง ตัดพ้อ ผมพยายามท�ำความเข้าใจความรูส้ กึ ของสิงโต แต่ดเู หมือน ว่าตอนนั้นผมยังเด็กเกินไป ผมมองไปรอบๆ และเห็นรั้วไฟฟ้า ที่ขังเจ้าสิงโตอยู่ “รั้วไฟฟ้านั้นท�ำให้ท่านเจ็บไหม? ท�ำไมต้องใช้ รั้วไฟฟ้าด้วย? ท่านไม่เคยคิดจะหนีหรือ?” ผมถามต่อ “ข้าไม่รู้หรอกว่ามันท�ำให้ข้าเจ็บไหม ข้าไม่เคยไปโดนมัน ข้าไม่เคยคิดจะหนี” สิงโตตอบพลางส่ายหัวไปมา “แล้วเขาใช้รั้วไฟฟ้ากับท่านท�ำไม?” ผมถามต่อ “คงเพราะเขาคิดว่าข้าดุร้าย ข้าเป็นสัตว์กินเนื้อ ข้าล่าสัตว์ เป็นอาหาร” สิงโตตอบ ผมเริ่มกลัวเมื่อนึกภาพสิงโตตัวนั้นวิ่งไล่กัดผม “ท่านฆ่า สัตว์อื่นหรือ? ฟังดูน่ากลัวจัง” ผมถามกลับ สายตาเบิ่งโต

“เจ้าก็ฆ่าสัตว์อื่นเหมือนกันไม่ใช่หรือ? การที่เจ้าไม่ได้ ลงมือไม่ได้หมายความว่าเจ้าไม่ได้ท�ำ เจ้าเพียงยืมมือคนอื่น ให้กระท�ำแทนเจ้าเท่านั้นเอง เพราะเจ้ายังกินสัตว์อยู่ทุกวัน และการที่ข้าเป็นสัตว์กินเนื้อก็ไม่ได้หมายความว่าข้าต้อง ดุร้าย” สิงโตตอบด้วยความฉุนเฉียว ความรู้สึกผิดคืบคลานเข้ามาในจิตใจผมอย่างน่าขนลุก ผมพูดอะไรไม่ออกจึงเริ่มเปลี่ยนเรื่องคุย “ท�ำไมท่านถึงคุย กับผม” “ข้าเคยลองคุยกับมนุษย์คนอื่นแล้ว แต่เขาไม่กล้าคุย กับข้า อาจเพราะเขาแก่เกินไป เขาตัดสินข้าจากอัตลักษณ์ ของข้า และเรื่องราวที่เล่าต่อกันมา แต่เจ้า...เจ้ายังเด็ก เจ้ายัง ไม่ตัดสินสิ่งใด เจ้ายังไม่ถูกสังคมปลูกฝังว่าสิงโตเป็นสัตว์ที่ น่ากลัว นิสัยไม่ดี ความบริสุทธิ์ของเจ้าพิสูจน์ว่ามนุษย์ยังมี ความเที่ยงตรง พิสูจน์ว่ามนุษย์ยังเป็นเพื่อนที่ดีของสิงโตได้ ข้าเห็นตัวตนของข้าในแววตาของเจ้า” “ท่านเคยมีเพื่อนไหม? เพื่อนๆ สิงโตของท่านในป่าถูกจับ มาเหมือนกันหรือเปล่า?” ผมถามต่อ “ข้าโดนจับมาตัวเดียว ข้าเป็นจ่าฝูง ข้าแข็งแกร่งและ สง่างามที่สุด และเพราะเหตุนั้นมนุษย์เลือกที่จะข่มเหงสิงโต ตัวที่แข็งแกร่งที่สุด เพียงเพื่อท�ำให้เขารู้สึกว่าเขาเหนือกว่า เผ่าพันธุข์ า ้ มนุษย์เลือกทีจ่ ะกดให้ผอู้ นื่ อยูใ่ นสถานะทีต่ ำ�่ กว่าตน เพียงเพื่อจะปิดบังความอ่อนแอ และเติมเต็มความเว้าแหว่ง ในจิตใจ” สิงโตตอบ ทันใดนั้นเสียงจากเครื่องกระจายเสียงในสวนสัตว์ก็ดังขึ้น “เรียนผู้มีอุปการคุณทุกท่าน ขณะนี้สวนสัตว์ก�ำลังจะปิด ให้บริการในอีก 30 นาที ขอบคุณที่ใช้บริการค่ะ” ผมตกใจที่เวลาผ่านไปเร็วจนผมลืมไปแล้วว่าผมพลัดหลง จากพ่อแม่ “ท่านสิงโต ผมต้องรีบไปแล้ว ไว้เจอกันใหม่นะ” “ได้เลยเจ้าเด็กน้อย โชคดีกบั อิสระของเจ้า” เจ้าสิงโตอ�ำลา ผมหันหลังเดินออกมาช้าๆ ในใจคิดถึงค�ำพูดของเจ้าป่า รู้สึกว่าสิงโตตัวนี้น่าจะเป็นเพื่อนที่ดีได้ และวันหนึ่งผมอาจ กลับมาคุยกับเขาอีก ทันใดนั้นผมรีบวิ่งกลับไปที่กรง “ท่านมีชอื่ ไหม? สักวันหนึง่ ผมอาจกลับมานัง่ คุยกับท่านอีก” ผมถามค�ำถามสุดท้าย “ข้าชื่อซุง” “แปลกจัง...เราชื่อเดียวกันเลย”


Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.