HPMD DL60 013 โรคหืด

Page 1

าร

โรคหืดคืออะไร โรคหืดเป็นโรคของหลอดลมที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นผิดปกติ เมื่อเจอสิ่งกระตุ้นหลอดลมจะหดเกร็ง ทาให้หลอดลมเล็กลง ผู้ป่วยจะมีอาการไอ หายใจลาบาก และหายใจมีเสียงวี้ด โรคหืดไม่ใช่ โรคติดต่อ แต่อาจจะถ่ายทอด ทางกรรมพันธุ์จากพ่อแม่ไปสู่ ลูกหลานได้

โรคหืดเกิดขึน้ ได้อย่างไร สาเหตุที่ทาให้เกิดโรคหืดยังไม่ทราบแน่ชัด แต่พบว่า การอักเสบของหลอดลมทาให้หลอดลมคนไข้โรคหืดไวต่อการ กระตุ้นผิดปกติ การอักเสบนี้อาจจะเกิดได้จากการสัมผัสกับ สารภูมิแพ้ เช่น ขนสุนัข ขนแมว ไรฝุ่น หลอดลมจะหดตัว ทา ให้คนไข้เกิดอาการไอ หายใจลาบาก มีเสียงวี้ด เป็นๆ หายๆ ได้

จะรูไ้ ด้อย่างไรว่าเป็นโรคหืด จะสงสัยว่าเป็นโรคหืดเมื่อ 1. มีอาการไอ หอบ หายใจมีเสียงวี้ด เป็นๆ หายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีไอตอนกลางคืน 2. มีอาการไอเรื้อรังโยเฉพาะถ้าไอเวลากลางคืน ก็ต้อง สงสัยว่าอาจจะเป็นโรคหืดได้ 3. มีอาการอเรื้อรังหลังจากการเป็นไข้หวัด

การวินจิ ฉัยว่าเป็นโรคหืดสามารถทาได้โดย

การรักษาโรคหืด

การตรวจสมรรถภาพปอด การตรวจสมรรถภาพปอด ก็ทาได้ไม่ยากไม่เจ็บตัว โดยการเป่าลมแรงๆเข้าไปในเครื่องตรวจ สมรรถภาพจะบอกได้ว่าผู้ป่วยมีหลอดลมตีบมากน้อยเพียงใด ถ้าหลอดลมตีบก็จะเป่าลมได้น้อย คนไข้โรคหืดควรได้รับการ ตรวจสมรรถภาพปอดทุกคน เพื่อวินิจฉัยว่าเป็นโรคหืดจริงหรือไม่

แต่ก่อนเราจะเข้าว่าโรคหืดเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ เนื่องจากเรา ไม่เข้าใจสาเหตุการเกิดโรค ปัจจุบันความรู้เกี่ยวกบโรคหืดพัฒนา ไปมาก ทาให้เรามีวิธีการรักษาโรคหืดที่ได้ผลจนทาให้คนไข้โรค หืดมีชีวิตเหมือนคนปกติธรรมดาได้โดยไม่ยาก หลักการรักษาโรคหืดเราต้องเข้าใจว่าสาเหตุของโรคหืดคือ มีหลอดลมอักเสบทาให้ไวต่อสิ่งกระตุ้นดังนั้นเวลาเจอสิ่งกระตุ้น หลอดลมจะตีบทาให้เกิดการหอบ และหายใจวี้ดเรียกว่าจับหืด เมื่อรักษาหลอดลมอักเสบให้ดีขึ้นหลอดลมก็จะไวต่อสิ่งกระตุ้น พอเจอสิ่งกระตุ้นก็จะไม่หอบคนไข้โรคหืดก็จะกลับมาเป็น คนปกติได้ ในปัจจุบันเราทราบว่าการอักเสบเป็นสาเหตุของหลอดลมไว ดังนั้นเราจะให้ยาไปลดการอักเสบของหลอดลม เมื่อหลอดลม อักเสบลดลงหรือหายไป หลอดลมก็ไม่ไวต่อสิ่งกระตุ้น และเวลา เจอสิ่งกระตุ้นก็จะไม่หอบ ดังนั้น เมื่อเราใช้ยาลดการอักเสบ เป็นเวลานาน โรคหืดสามารถรักษาให้สงบลงได้ และสามารถ หยุดยาได้

นอกจากนีก้ ม็ วี ธิ ีการตรวจสรรมถภาพปอดแบบง่ายๆ ที่ผู้ป่วยสามารถทาเองได้ที่บ้านก็โดยการใช้เครื่องวัดความเร็วสูง ของลม หรือพีคโฟว์มิเตอร์ (Peak Flow Meter) ซึ่งมีราคาถูก ประมาณ 800 บาท ซึ่งช่วยผู้ป่วยในการประเมินความรุนแรงของ โรคหืดได้ วิธีการใช้พีคโฟว์มิเตอร์ก็ไม่ยากเพียงแต่ผู้ป่วยสูบลม ให้เต็มปอดแล้วเป่าออกให้แรงที่สุด ค่าที่วัดได้จะเป็นค่าความเร็ว สูงสุดของลมที่เป่าออกได้ หน่วยเป็นลิตร/นาที ถ้าหลอดลมตีบ ค่าที่เป่าจะต่า ถ้าหลอดลมไม่ตีบค่าที่เป่าได้จะได้มาก การวัดความไวของหลอดลมต่อสิง่ กระตุน้ บางครั้งผู้ปว่ ยไม่มี อาการหอบ การตรวจสรรมถภาพปอดอาจจะอยู่ในเกณฑ์ปกติ ทา ให้วินิจฉัยโรคหืดไม่ได้ ในกรณีเช่นนี้เราจะวินิฉัยโรคหืดได้โดยการ วัดความไวของหลอดลมต่อสิ่งกระตุ้น ผู้ปว่ ยโรคหืดจะมีหลอดลมที่ ไวต่อสิ่งกระตุ้นมากว่าคนปกติ วิธีการวัดความไวของหลอดลมก็ทา ได้ไม่ยากโดยการให้ผู้ป่วยวัดสรรถภาพปอดแล้วให้ผู้ปว่ ยสูดดม สารกระตุ้น ซึง่ ในคนปกติจะไม่เกิดหลอดลมตีบ แต่คนไข้โรคหืดจะ มีหลอดลมทีไ่ วต่อสิ่งกระตุ้นดังนั้นจะเกิดหลอดลมตีบ การวัดความ ไวของหลอดลมนอกจากจะช่วยวินิจฉัยโรคหืดแล้วยังช่วยประเมิน คามรุนแรงของโรคหืดและใช้ในการติดตามการักษาได้ด้วย

ดังนัน้ การรักษาโรคหืดมีดงั นี้ หลีกเลีย่ งสิง่ กระตุน้ ทีจ่ ะทาให้หลอดลมอักเสบ สิ่งกระตุ้นสาคัญคือ สารภูมิแพ้ ได้แก่ ไนฝุ่น ขนสัตว์ แมลงสาบ เกสรดอกไม้ เชื้อรา ดังนั้นคนไข้โรคหืด ควรทาความสะอาด บ้านให้สะอาด ปราศจากฝุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้องนอน


ใช้ยารักษา ยารักษาโรคหืดแบ่งเป็น 2 ชนิดคือ 2.1 ยารักษาโรค เป็นยาที่ลดการอักเสบของหลอดลมที่สาคัญ ได้แก่ ยาพ่นสเตียรอยด์ ซึ่งจะต้องใช้ยาทุกวันเป็นเวลานาน เพื่อ จะลดการอักเสบของหลอดลม เมื่อหลอดลมอักเสบดีขึ้นหลอดลม จะไม่ไวต่อส่งกระตุ้นอาการหอบก็จะหายไปในที่สุด ยาพ่นสเตรียรอยด์เป็นยาที่ปลอดภัย เพราะขนาดยาที่ใช้ จะต่ามาก ไม่เหมือนกับยากินยาสเตียรอยด์ซึ่งจะมีโทษมาก โทษ ของยาพ่นสเตียรอยด์ที่อาจจะพบได้ เช่น เสียงแหบ และมีฝ้าขาว ในปากจากเชื้อรา ซึ่งป้องกันได้โดยบ้วนปากทุกครั้งหลังพ่นยา 2.2 ยาขยายหลอดลมหรือยาบรรเทาอาการ ที่สาคัญคือ ยาพ่นขยายหลอดลม เบต้าทูอะโกนิส (β2 agonist) จะบรรเทา อาการเวลาหอบ เราจะใช้เฉพาะเวลาที่มีอาการเท่านั้น อาการ ข้างเคียงของยากลุ่มนี้คืออาจจะมีใจสั่น มือสั่น บ้าง ยาที่ใช้ในการรักษาโรคหืดมีทั้ง ยากิน ยาฉีด ยาพ่นเป็น ยาที่ดีเฉพาะเป็นยาที่ใช้เฉพาะที่ จึงได้ผลดีและปริมานยาที่ใช้ จะมีขนาดต่ามาก ทาให้อาการข้างเคียงน้อยกว่ายากิน ดังนั้น ใน ปัจจุบันการักษาโรคหืดจึงนิยมใช้ยาชนิดสูดพ่นเป็นหลัก ในปัจจุบันได้มียาที่รวมเอายารักษา และยาขยายหลอดลม ไว้ในหลอดเดียวกัน ทาให้เกิดความสะดวกในการใช้ และพบว่ายาที่รวมเอายารักษา และยาขยายหลอดลม ไว้ในหลอดเดียวกันได้ผลดีกว่าการใช้การใช้ยาเดี่ยวๆ ติดตามการักษากับแพทย์อย่างสม่าเสมอ เพื่อให้แพทย์ ประเมินความรุนแรงของโรคและปรับเปลี่ยนการรักษาให้ เหมาะสม และดูอาการข้างเคียงต่างๆที่เกิดขึ้นจาการักษา

HPMD DL 61-013

เป้าหมายของการรักษาโรคหืด ผู้ป่วยโรคหืดทุกคนที่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องควรจะควบคุม โรคได้คือ ไม่มีอาการหอบ ไม่ต้องไปพบแพทย์ฉุกเฉินเพราะ อาการหอบ ไม่ต้องใช้ยาขยายหลอดลม มีสรรถภาพปอดที่ปกติ สามารถทากิจกรรมต่างๆได้เหมือนคนปกติและไม่มีอาการ ข้างเคียงจากการใช้ยา

ปัญหาทีพ่ บบ่อยในการรักษาโรคหืด ผู้ป่วยมักจะมารับการรักษาช้าคือ เมื่อมีอาการน้อยๆมักจะไม่ มารับการรักษาเพราะอาการน้อย แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายปีจะ ทาให้หลอดลมเสื่อมถาวรทาให้มีอาการมากขึ้น จึงมารับการ รักษาซึ่งมักจะไม่ค่อยตอบสนองต่อการรักษา หลักการรักษาโรคหืดในปัจจุบันควรเริ่มรักษาให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของหลอดลม ถ้ารักษาเร็วจะทาให้ สามารถรักษาหลอดลมได้กลับมาปกติ แต่ถ้ามารักษาช้าหลอดลม จะเสื่อมสภาพถาวรทาให้ไม่ค่อยตอบสนองต่อการรักษาผู้ป่วย จะมีสมรรถภาพปอดต่ากว่าคนปกติ

โรคหืด

เนื้อหาโดย : หน่วยระบบทางเดินหายใจ งานบริการพยาบาล โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ สอบถามข้อมูล การตรวจรักษา : โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ โทร 043-202130-4 สื่อความรู้สุขภาพ : หน่วยสร้างเสริมสุขภาพ งานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ โทร 043-363077-9 www.srinagarind.md.kku.ac.th

สื่อความรู้ ประชาชน

โรคหืด


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.