ANIMALPARADE
welcome to new issue 01 sep - oct 2013 100 bath
เรนเดี ย ร์ กวางของซันต้า
ชนเผ่าซามิ วิถีชีวิต และฝูงกวางนับพัน
Reindeer got Talent
Suggest Idol Best Friend Diary เรื่องหมาๆ และ Inspire TAMA Station เมื่อแมวเป็นนายสถานี
EDITOR'S TALK Animal Parade นิตยสารชีวิตสัตว์ แนวใหม่ที่น�ำเสนอเนื้อหาน่าสนใจ เพิ่มความทันสมัยอ่านสนุกตื่นเต้นและ ผ่อนคลาย ในที่สุดก็ออกจากเตาพร้อม เสิร์ฟให้คุณผู้อ่านถึงมือแล้วค่า (ระวังร้อนๆ) ต้องขอบคุณภาพสวยๆ จากตากล้องมากฝีมือและเนื้อหา สุดประทับใจจากหลายๆท้องที่อย่าง สุดซึ้งAnimalParadeขอฝากเนื้อฝาก ตัวด้วยนะคะ บรรณาธิการ จิตรอนงค์ เพ็ชรมีศรี (พิมพ์) B.F.A. (Visual Communication Arts) Burapha University
Animal Parade 7
CONTENT 72
Cover Story 12 เล่าเรื่องจากปก REINDEER / Talent / กวางของซันต้าและ Sami The People Who Walk Reindeer
20
Best Friend 56 เพื่อนร่วมโลก เรื่องหมาๆแต่ไม่หมาของ Hachiko
Suggest 66 แขกรับเชิญ
68
5 Idol 5 Style พบกับ Zebra / Lion / Puffin / Caiman / Whale
Inspire 98 บันดาลใจ เมื่อแมวเป็นนายสถานีรถไฟ 8 Animal Parade
90
98
ANIMAL PARADE issue 01 sep - oct 2013
Editorial จิตรอนงค์ เพ็ชรมีศรี Editorial director นสินี หนุนภักดี Editorial secretary กัญญาพัชร์ ศริพันธุ์ Art director กมลชนก วนาธรัตน์ Proofreader ยศนคร โสธรวงษ์ Editorial staff
Marketing & Advertising พิชญา สันติเมธี General Manager สิตานัน อ่อนนิ่ม Marketing Consultant
ธิติพร ภูฆัง Deputy editor ปัทมนันท์ อัมพวัน Coordinator ศิริลักษณ์ สุธรรมโชติ Graphic designer ปรัศนภรณ์ ลาสอน Graphic designer อิทธิมนต์ ใบบัว Photographer กนกพร ระไวสมาน Account Manager ปาณิศา ริมมากุลทรัพย์ Marketing Manager
Advisor
คุณขนิษฐา กระจ่างแจ่ม, คุณเอกราช หว่านพืช, คุณสุริยะ เปี้ยอุดร, คุณทัสพร เวียงสิมา, คุณรชตพล สุขสงวน, คุณภาคภูมิ แดงใส
Publish’ s name and Address
Best Friend / ยอดสุนัขผู้ซื้อสัตย์ _ หน้า 56
บริษัท ลีน พับบิชชิ่ง จ�ำกัด มหาชน 7/77 อาคารราชพฤกษ์ ชั้น G ถ.ลาดพร้าว ซ.ลาดพร้าว 71 แขวงจัตุจักร กรุงเทพฯ 10900 Lynn Publishing co.,ltd 7/77 Ratchphruek Building, G Fl. Ladprao Rd. Ladprao 71, Chatujak, Bangkok 10900 Tel : + 66 2512 1317 Email : lynn@gmail.com Website : www.lynn.com
Press’s name and Address
ตัวเบาติดปีก / หมู่บ้านพัฟฟิน _ หน้า 78
ชีวิตติดติน / เคแมนทวงบัลลังก์ _ หน้า 86
บริษัท พาริม จ�ำกัด (มหาชน) 5/924 ถ.วิภาวดี-รังสิต ซ.วิภาวดีรังสิต 15 แขวงจัตุจักร กรุงเทพฯ 10900 Parim Printing co.,ltd 5/924 Vipavadee Rangsit Rd. Vipavadee Rangsit 15, Chatujak, Bangkok 10900 Tel : +66 2151 0286 Fax : + 66 4429 9404 Email : pm@gmail.com Website : www.fongnum.com
Animal Parade 9
The Story of
REIN
DEER กวางเรนเดียร์ นักเดินทางจากเมืองหนาว
Cover Story เรื่องเล่าจากปก
REINDEER มีค�ำตอบเชิงวิชาการ โดย ศ.ดร.สุทัศน์ ยกส้าน ภาคีสมาชิก ส�ำนักวิทยาศาสตร์ เขียนไว้ว่าเรามักพบ กวางเรนเดียร์ (reindeer) ในประเทศรายรอบมหาสมุทร อาร์กติก เช่น นอร์เวย์, แคนาดา, ไซบีเรีย, สวีเดน, ฟินแลนด์, กรีนแลนด์ และรัฐอะแลสกาสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้เพราะภูมิประเทศแถบนั้นหรือที่เรียกว่า ทุนดรา (tundra) เมื่อถึงหน้าหนาวจะมีหิมะตกนาน 9 เดือน ใน 1 ปี น�้ำในทะเลสาบและแม่น�้ำจะกลายเป็นน�้ำแข็ง ขณะทีฤ่ ดูรอ้ นมีระยะเวลา 2-3 เดือนซึง่ สัน้ มาก ท�ำให้ ไม่ขึ้นต้นไม้ขนาดใหญ่จะีก็แต่ต้นไม้ขนาดเล็กและ หญ้ามอสส์เท่านั้นที่ขึ้นได้และเมื่อถึงหน้าร้อนที่หิมะ ละลายหมดไปดอกไม้ก็จะเริ่มบาน แมลงจะออกบิน ดวงอาทิตย์ขนึ้ สูงเวลาตอนกลางวันจะนานขึน้ เรือ่ ยๆ จนในที่สุดดวงอาทิตย์จะยังปรากฎให้เห็นแม้จะเป็น เวลาเที่ยงคืน หลังจากนั้นฤดูหนาวก็หวนกลับมาอีก กลางวันจะสั้นลงๆจนในที่สุดไม่มีกลางวันเลย นี้คือสภาพภูมิประเทศที่กวางเรนเดียร์อาศัยอยู่ แต่กวางชนิดนี้เมื่อถึงหน้านาวจะพากันอพยพลงใต้ มันจะเดินเป็นขบวนอย่างรูจ้ ดุ หมาย โดยให้ตวั เมียน�ำ ไปก่อนอีก 2-3 ตัวต่อมาตัวผู้จะเดินตาม และขณะที่ อพยพศัตรูของมันซึง่ ได้แก่ สุนขั ป่าก็อาจเฝ้าดูอยูใ่ กล้ๆ เพื่อจับกินกวางที่อ่อนแอหรือพลัดฝูงมาเป็นอาหาร เวลาอพยพเหล่ากวางจะเดินตามกันอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดเดินแม้เห็นรถไฟก�ำลังมารถไฟจึงต้องหยุดให้ ฝูงกวางข้ามทางรถไฟไปจนหมด เพราะถ้าไม่หยุด พวกมันจะเดินพุ่งชนรถไฟเรื่อยๆ
14 Animal Parade
เมื่อฝูงกวางเดินทางถึงจุดหมายปลายทางซึ่งเป็น สถานที่ที่อากาศอบอุ่นและมีอาหารอุดมสมบูรณ์ มัน จะเริ่มผสมพันธุ์เพื่อให้ลูกกวางเกิดทันฤดูใบไม้ผลิ เรนเดียร์ตัวเมียมีน�้ำหนักประมาณ 60-70 กิโลกรัม ล�ำตัวสูงประมาณ 1 เมตร โดยตัวผูม้ ขี นาดใหญ่กว่า น�้ำหนักประมาณ 100-318 กิโลกรัม และสูงประมาณ 1-2 เมตร ส่วนกวางคาริบู (caribou) ซึ่งเป็นเรนเดียร์ อีกพันธุ์หนึ่ง มีล�ำตัวสูงกว่าคือประมาณ 1.3 เมตร เรนเดียร์ทุกตัวมีคอหนา ล�ำตัวยาว เท้ามี 2 กีบ เหมือนเท้าวัวเวลายืนบนหิมะกีบทั้งสองจะแยกออก เพื่อรับน�้ำหนักตัวไม่ให้จมลงในหิมะและกวางมักใช้ กีบที่คมนี้คุ้ยเขี่ยหาอาหารที่ฝังอยู่ใต้หิมะ เวลาเดิน กระดูกตรงข้อเท้า และเส้นเอ็นจะท�ำให้เกิดเสียง สันนิษฐานว่า มีไว้เพื่อติดต่อระหว่างฝูงยามที่อยู่ใน ที่ๆภาวะวิสัยมองเห็นไม่ชัด เช่น ตอนหิมะตกหนัก ตามปกติแล้วกวางจะอ้วนท้วนสมบูรณ์ในหน้าร้อนซึง่ เป็นเวลาทีอ่ าหารอุดมสมบูรณ์ และเมือ่ ถึงหน้าหนาวซึง่ เป็นเวลาที่อาหารขาดแคลนกวางก็จะผอม การผสมพันธุ์ของเรนเดียร์เกิดขึ้นจากปลายเดือน กันยายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายนโดยการต่อสูก้ นั ของ ตัวผู้เพื่อแย่งสิทธิ์ในการผสมพันธ์ุจะล็อคเขากวาง เข้าด้วยกันและพยายามจะผลักดันกันไปมาซึ่งกวาง ตัวที่เด่นที่สุด จะสามารถรอบครองตัวเมียได้มากถึง 15-20 ตัว ลูกกวางที่เกิดมาสามารถกินหญ้าและ อาหารได้แต่ยังคงดูดนมแม่ของมันต่อไปจนถึงฤดู ใบไม้ร่วงและกลายเป็นอิสระ
ขนปกติ มีสีน�้ำตาล พอเข้าสู่ฤดูหนาว จะเปลี่ยนเป็น สีอ่อนหรือสีขาว กวางเรนเดียร์ตามปกติเปลี่ยนสีขนในหน้าร้อน ขนที่ขึ้นดกตามตัวจะมีสีน�้ำตาล ขนคอและขนท้องมี สีขาว แต่เมื่อถึงหน้าหนาวขนตัวจะเปลี่ยนเป็นสีเทา เพื่อให้เข้ากับสีของหิมะที่ก�ำลังจะตก ชาวเอสกิโม และชาวแลปป์มกั ใช้ขนของกวางทอเป็นเสือ้ กันหนาว เป็นผ้าห่ม ส่วนหนังกวางนิยมใช้ท�ำเต๊นท์ที่มีลักษณะ เหมือนกระโจมอินเดียนแดงเพราะหนังกวางทนต่อ พายุหิมะที่พัดไม่รุนแรงนักได้ นอกจากนี้นมกวาง ก็สามารถดื่มได้ด้วย ชาวแลปป์เลี้ยงกวางเรนเดียร์ เป็นสัตว์เลี้ยงและเชื่อกันว่า จ�ำนวนกวางคือดัชนีชี้วัด บอกฐานะของเจ้าของ เช่น ใครมีกวางน้อยกว่า 25 ตัว คนนัน้ ยากจน เขาจึงอาจต้องน�ำกวางไปฝากเลีย้ งกับ คนที่ร�่ำรวยกว่าแล้วรับจ้างเป็นผู้ดูแลกวางทั้งฝูงแทน และเพื่อให้รู้ว่ากวางตัวใดเป็นของตนก็จะใช้วิธีท�ำ เครื่องหมายที่หูของกวางตัวนั้น หน้าที่หลักหนึ่งของ กวางเรนเดียร์คือลากเลื่อนเพราะความแข็งแรงและ ทนกับสภาพอากาศ โดยหากเป็นการเดินทางระยะสัน้ ความเร็วในการเดินอาจอยู่ที่ประมาณ 40 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง แต่ถ้าเป็นการเดินทางไกลกวางอาจเดิน ได้ไกลถึง 160 กิโลเมตรในหนึ่งวัน เรือ่ งโดย ศ. ดร.สุทศั น์ ยกส้าน (www.royin.go.th) และวิกพิ เี ดีย (th.wikipedia.org) รูปภาพจากอินเทอร์เน็ต Animal Parade 15
Suggest Cover Story
Deer Story เรื่ อ งของเขา
โดย ความรู ้ ร อบตั ว รู ป ภาพ อิ น เทอร์ เ น็ ต
do you know about (yet)
เชิญ เรืแขกรั ่องเล่าบจากปก
16 Animal Parade
สวมเขา
ตัวผู้ที่มีอายุมากจะผลิเขาในเดือน ธันวาคม ตัวผู้ที่อายุน้อยจะผลิเขาในฤดูใบไม้ผลิ ส่วนตัวเมียจะผลิเขาในฤดูร้อน เขาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ เขาที่อยู่สูงกว่าและเขาที่อยู่ต�่ำกว่า เขากวาง เรนเดียร์ตัวผู้มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ2รองจากกวาง มูสคือ กว้างประมาณ 100 เซนติเมตร ยาวประมาณ 135 เซนติเมตร
หาเช้ากินค�่ำ
กวางเรนเดียร์จะขุดหิมะ ด้ ว ยเท้ า กี บ ที่ มี ข นาดกว้ า งเพื่ อ ค้ น หาไลเคนที่ อ ยู ่ ข ้ า งใต้ แ ล้ ว แทะเล็ ม ด้ ว ยฟั น เล็ ก ๆไลเคนเจริ ญ เติ บ โต ได้ ช ้ า และอาจถู ก กิ น มากเกิน ไปแต่ เรนเดี ย ร์ ก็ จ ะเดิ น ทางต่ อ ไปและ ไลเคนก็จะงอกขึ้นมาใหม่ได้อีก การโกรธท� ำ ร้ า ยละต่ อ สู ้ กวางจะกัดฟันเสียงดังกรอดๆ ร่อง ใต้ตาทั้งสองข้างเบิกลึกกว้าง พร้อม กับเดินส่ายหัวเข้าหาศัตรูอย่างช้าๆ ก้ ม หั ว ลงเพื่ อ ให้ ปลายเขาหน้ า ชี้ เ ข้ า หาศั ต รู พ ร้ อ มที่ จ ะใช้ ป ลายเขาชน หรือพุ่งกระโจนเข้าทิ่มแทง การแทง มีทั้งการพุ่งตรงหรือสะบัดไปทั้งซ้าย และขวา
Cover Story เรื่องเล่าจากปก
กวางเรนเดีย ร์จ ะเดินทางเป็ น ฝู ง ผ่ า น จากตอนเหนื อ สุ ด ของเขตเอเชี ย อเมริ ก าเหนื อ กรี น แลนด์ แ ละยุ โ รปการอพยพเกิ ด ขึ้ น ทุ ก ปี ใ น ช่ ว งฤดู ร ้ อ นและฤดู ห นาวโดยเดิ น ทางเป็ น ระยะ ทางหลายพันกิโลเมตรเพื่อเสาะหาอาหารในช่วง นี้กวางตัวเมียจะสลัดเขาแล้วให้ก�ำเนิดลูกและเลี้ยง ดูลูกอ่อนขณะที่กวางตัวผู้ก็เริ่มมีเขางอกขึ้นมาใหม่ ทดแทนเขาที่สลัดทิ้งในช่วงสืบพันธ์ุในฤดูใบไม้ร่วง
กวางเรนเดี ย ร์ แ สวงหา อาหารได้มากขึ้นในฤดูร้อน รวมทั้ง ใบวิลโลว์และใบเบิรช์ ผลเชอรี่ หญ้า และเห็ด ซึ่งให้พลังงานและช่วยใน การเจริญเติบโต
ขมิ้นกับปูน
กวางเรนเดี ย ร์ ไ ม่ ช อบต่ อ สู ้ กั บ สั ต ว์ อื่ น แต่ ช อบต่ อ สู ้ กั น เองแย่ ง ตั ว เมี ย กวางตัวผู้ที่มี เขาสวยจะขวิดจะชนกันจนตัวหนึ่งชนะแล้วมันก็ จะสร้างฝูงที่มีตัวเมียหลายตัวเป็นสมาชิกแต่ถ้า การต่ อ สู ้ ไ ม่ ยุ ติ มั น ก็ จ ะสู ้ กั น โดยไม่ ห ยุ ด กิ น อาหารจนบางครั้งเขากวางพันกันแยกจากกันไม่ ได้ในที่สุดมันจะอดอาหารตายทั้งคู่
Animal Parade 17
REINDEER GOT TALENT
เรื่ อ ง ASTV ผู ้ จั ด การออนไลน์ รู ป ภาพ อิ น เทอร์ เ น็ ต
นั ก ท่ อ งโลก ในแต่ละปีกวางเรนเดียร์เดิน ทางไกลเกือบ 5,000 กิโลเมตร ซึ่งเป็นการเดินทางที่ไกลที่สุด ของสัตว์เลีย้ งลูกด้วยนมบนบก เป็นรองก็แต่วาฬหลังค่อมซึง่ ท�ำ สถิติเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ ท่องโลกไกลทีส่ ดุ โดยว่ายน�ำ้ เพือ่ ไปแหล่งผสมพันธุ์ไกลถึง 8,000 กิโลเมตร
กวางของซานตาคลอส
ส่ ง เสี ย งอยู ่ ใ นล� ำ คอ
กวางของซานต้า (น่าจะ) เป็นตัวเมียทัง้ หมด กวางตัวผูจ้ ะผลัดเขา ในช่วงสิ้นสุดฤดูผสมพันธุ์ช่วงต้นเดือนธันวาคม ส่วนตัวเมียจะ เก็บเขาไว้ตลอดฤดูหนาว ถ้าต�ำนานของซานตาคลอสมีจริง กวางของซานต้าทุกตัวมีเขา ดังนัน้ กวางของเขาน่าจะเป็นตัวเมีย ทั้งหมด นอกจากนี้เมื่อถึงชวงคริสต์มาสเรนเดียร์ตัวผู้จะเหลือ ไขมัน 5% เนื่องจากใช้ไปเยอะระหว่างฤดูผสมพันธุ์ ขณะที่ กวางเรนเดียร์ตัวเมียจะตุนไขมันไว้ในร่างกาย 50% ซึ่งเป็นชั้น ไขมันที่หนาได้ถึง 2-3 นิ้วรอบสะโพก ซึ่งช่วยให้เรนเดียร์ทน หนาวได้ถึง -43 องศาเซลเซียส
กวางเรนเดียร์ส่งเสียงค่อนข้างเบาอยู่ในล�ำคอ โดยตัวเมียเริ่ม สื่ อ สารในช่ ว งเดื อ นแรกหลั ง การเกิ ด ของลู ก น้ อ ยในฤดู ร ้ อ น ส่วนตัวผูจ้ ะส่งเสียงเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้รว่ ง ระหว่างฤดูผสมพันธุ์ ส่วนฤดูอื่นๆ นักวิทยาศาสตร์พบว่า กวางตัวผู้จะใช้ถุงลมขนาด ใหญ่ในล�ำคอส่งเสียงค�ำรามรัวๆ ซึ่งเสียงในล�ำคอนี้ช่วยกีดกัน ตัวผู้คู่แข่งระหว่างดึงดูดคู่ผสมพันธุ์ได้ ส่วนตัวเมียจะใช้ถุง อากาศคล้ายๆกัน เพื่อให้แม่สามารถสื่อสารกับลูกของตัวเอง
18 Animal Parade
Cover Story เรื่องเล่าจากปก
ขนแบบพิ เ ศษ กวางเหล่ า นี้ อ าศั ย อยู ่ ใ นอลาสกา แคนาดา สแกนดิ เ นเวีย และรัสเซีย โดยเล็มกินหญ้าในที่ราบทุนดราและ แทนที่ จ ะมี ข นนุ ่ ม ๆปกคลุ ม ล� ำ ตั ว แต่ กวางเรนเดียร์กลับมีขนที่เป็นโพรงดัก อากาศซึ่งท�ำหน้าที่เป็นฉนวนป้องกัน อุณหภูมิอันหนาวเหน็บจากภายนอก และระบบไหลเวียนของเลือดให้เลือด ที่มีอุณหภูมิเย็นกว่าบริเวณตามขาของ เรนเดียร์ให้ดึงความร้อนจากเลือดอุ่นๆ ของร่างกายส่วนอื่นๆ มาใช้ได้
เจ้ า ลมกรด เห็นเดินช้าๆ เชื่องๆ แต่กวางเรนเดียร์ วิ่งได้เร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อ ได้สัญญาณของผู้ล่ามันจะวิ่งเหยาะๆ ยกหัวสูงขนานกับพื้นและหางที่ปกติจะ ห้อยลงก็จะตั้งขึ้นเมื่อถูกไล่ล่าก็จะวิ่ง ควบอย่างว่องไวและด้วยพฤติกรรมนี้ จึงมีประเพณีแข่งกวางเรนเดียร์ที่ได้จัด ขึ้นทางภาคเหนือของรัสเซีย
Animal Parade 19
Reindeer Racing Contest
Cover Story เรื่องเล่าจากปก
Runner Reindeer Cup Championship Drives ใน Inari, Lapland ทางตอนเหนือของฟินแลนด์ กวางเรนเดียร์ 20 ตัวจากทั้งหมด 51 ตัวถูกคัดเลือกมาเพื่อลงสนามวิ่งแข่ง การประชันจัด ขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงมาถึง กวางเรนเดียร์บางส่วนจะถูกส่งไปที่โรงฆ่าสัตว์ บางส่วนแยกไว้ ส�ำหรับการเพาะพันธุ์ ส่วนหนึ่งได้มีการฝึกฝนให้เป็นนักวิ่งส�ำหรับการแข่งขันแทนที่จะใช้ลาก เลื่อนหรือขนของเพียงอย่างเดียว ทางการสหกรณ์พ่อพันธุ์แม่พันธุ์กวางเรนเดียร์ในประเทศจึง จัดการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาผู้ที่เป็นเจ้าของเรนเดียร์ที่เร็วที่สุดและแข็งแกร่งที่สุด การแข่งขันวิ่ง กวางเรนเดียร์ถือว่าเป็นที่นิยมกันมากในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย 22 Animal Parade
Cover Story เรื่องเล่าจากปก
Reindeer Cup Championship Drives ชายคนหนึ่งในชุดขนสุนัขจิ้งจอกยืนโพสท่าอยู่ริมสนามในระหว่างการแข่งขันReindeerCupChampionshipDrives ซึ่ง การแข่งขันกวางเรนเดียร์ ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอีสเตอร์ที่ก�ำลังเข้าสู่ฤดูของดวงอาทิตย์เที่ยงคืนนักแข่งยืนบนสกีและถือเชือกยึดกวางเรนเดียร์เพื่อให้มันดึงนักเล่นสกีแล่นไป ด้วยความเร็วถึง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Animal Parade 23
24 Animal Parade
Animal Parade 25
Cover Story เรื่องเล่าจากปก
SANTA'S REINDEER
ทีมกวางลากเลื่อนกับภาระกิจวันคริสต์มาส เรื่องเล่าของ Rudolph The Red Nosed Reindeer ซานตาคลอสหรือนักบุญนิโคลัส เป็นบุคคลที่สร้างขึ้นมาจาก จินตนาการของชาวคริสต์โดยมีแรงบันดาลใจมาจากเซนต์นิโคลัส ซานตาคลอสในความคิดของคนทั่วไปเป็นชายแก่รูปร่างอ้วนและ ดูใจดีเขามักใส่เสื้อโคทที่ท�ำจากขนสัตว์สีแดงสดมีคลิบสีขาวที่เอว คาดเข็มขัดหนังและรองเท้าบูทสีด�ำ โดยซานตาคลอสอาศัยอยู่ที่ ขั้วโลกเหนือและมีเอลฟ์ซึ่งเป็นมนุษย์ตัวเล็กช่วยผลิตของเล่น
ให้เขาน�ำไปแจกเด็กที่เป็นเด็กดีในคืนวันคริสต์มาสโดยซานตาคลอสมี พาหนะเป็นเลื่อนหิมะที่ลากโดยกวางเรนเดียร์ซึ่งสามารถบินได้เวลา กลางดึกวันคริสต์ มาสซานตาคลอสจะแอบเข้าไปในบ้านที่มีเด็กดีทาง ปล่องไฟ เพื่อน�ำของขวัญไปใส่ในถุงเท้าที่แขวนรอไว้หน้าเตาผิง
Animal Parade 29
Cover Story เรื่องเล่าจากปก
30 Animal Parade
Cover Story เรื่องเล่าจากปก
TALE OF TALES TELL ABOUT TALE เรื่องเล่า
ทุ ก ปี ใ นช่ ว งเทศกาลคริ ส ต์ ม าสหลายคนจะนึ ก ถึ ง ลุงซานตาคลอสที่ใส่โคทสีแดงมีเครายาวสีขาวนั่งมา บนเลื่อนที่ลากโดยกวางเรนเดียร์ ซึ่งเป็นทีมกวางที่ ช่วยลากเลื่อนพาซานต้าไปแจกของขวัญให้แก่เด็กๆ โดยชื่อของเหล่ากวางนักลากเลื่อนมีปรากฏอยู่ใน เพลงคริสต์มาสและบทกวี "A Visit from St.Nicholas " โดยมีกวางทั้งหมด 9 ตัว ชื่อ แดสเชอร์, แดนเซอร์, แพรนเซอร์, วิกเซ่น, โคเม็ต, คิวปิด, ดันเดอร์, และ บลิก เซ่ม ภายหลังมีการเปลี่ยนชื่อดันเดอร์เป็นดอนเดอร์ และเป็นดอนเนอร์ส่วนบลิกเซ่มเปลี่ยนเป็นบลิตเซ่น
รูดอล์ฟ (Rudolph) นอกจากนี้ ยังมีเรนเดียร์จมูกแดงซึ่งมีชื่อว่า รูดอล์ฟ เป็นลูกชายของ ดอนเนอร์ ผู้เกิดมาพร้อมจมูกสีแดง เป็นตัวที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงที่สุดเพราะมีจมูกที่ ส่องแสงสว่างสีแดงแต่ก�ำเนิด ตอนแรกใครๆก็พากัน หัวเราะเยาะในความแปลกประหลาด จนมันรู้สึกว่า เป็นปมด้อย แต่จมูกอันนี้กลับมีค่าส�ำหรับซานต้า ในค�่ำคืนก่อนวันคริสต์มาสครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าหมอก ลงจัดเกินไปจนซานต้าเดินทางไปแจกของขวัญให้แก่ เด็กๆทั่วโลกไม่ได้และเกือบจะยกเลิกการเดินทาง อยู่แล้ว ตอนนั้นเองที่ซานต้าสังเกตเห็นจมูกสีแดงๆ ของรูดอล์ฟเข้า เลยคิดว่าอาจจะใช้เป็นไฟส่องทาง ส�ำหรับการเดินทางได้ด้วยรถเลื่อน ก็จัดแจงชักชวน รูดอล์ฟมาเทียมเลือ่ นโดยให้เป็นตัวหน้าสุด ตัง้ แต่นนั้ มา ซานต้าเดินทางฝ่าหมอก ฝน หิมะ ลูกเห็บ ได้อย่าง
ปลอดภัยไร้กงั วลและรูดอล์ฟก็ได้กลายเป็นสมาชิกโดย ถาวรของทีมและก็คอยน�ำทางทุกครั้งที่มีการเดินทาง นั่นเอง อย่างไรก็ตามเรื่องของ "รูดอล์ฟ" เพิ่งถูกผูก ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2482/1939 โดย โรเบิร์ต เมย์ จากการ ได้รับมอบหมายให้ท�ำหนังสือแจกลูกค้าส�ำหรับช่วง เทศกาลคริสต์มาสเขาจึงแต่งเรือ่ งกวางน้อยจมูกแดง ด้วยเค้าโครงเรื่องแบบ "ลูกเป็ดขี้เหร่" ขึ้นซึ่งก็ได้รับ ความนิยมอย่างมากมาจนปัจจุบันโดยที่ต่อมาก็ได้ เกิ ดเพลงคริ ส ต์ ม าสเพลงหนึ่ ง ขึ้ น ซึ่ ง มี ชื่ อ เพลงว่ า "Rudolph the Red-Nosed Reindeer "
Animal Parade 31
Cover Story เรื่องเล่าจากปก
กวางลากเลื่อน
เล่าเรื่อง
คนที่ ส นใจเรื่ อ งกวางเรนเดี ย ร์ ข องซานต้ า มั ก จะ สงสัยกันว่า ทีมกวางลากเลื่อนนี้เป็นตัวผู้หรือตัวเมีย ดร.อลิ ซ บลู แม็ ก เลนดอน ผู้เ ชี่ย วชาญทางด้าน สัตว์ป่าโดยเฉพาะกวาง จากมหาวิทยาลัยเท็กซัส เอแอนด์เอ็มสหรัฐอเมริกา มีความเห็นว่า กวาง เรนเดียร์ของซานตาคลอสทุกตัวเป็นตัวเมียเพราะว่า กวางตัวผู้จะสลัดเขาในช่วงคริสต์มาส แต่ตัวเมียจะ เก็บเขาไว้จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม แต่ ดร.เกร็ก ฟินสตัด หัวหน้าโครงการศึกษาเรนเดียร์ จากมหาวิทยาลัยอลาสกา แฟร์แบงก์ สหรัฐอเมริกา ค้านว่า เรนเดียร์ของซานตาคลอสอาจจะเป็นตัวผู้ ที่เป็นหมันหรือเรียกว่า "สเตียร์" ที่จะคงเขาไว้จนถึง ช่วงเวลาเดียวกับตัวเมีย
ทั้งหมดนี้กลายเป็นความเชื่อของเด็กทั่วโลกซะแล้ว ที่เมื่อวันคริสต์มาสมาถึงหากพวกเขาเป็นเด็กดี จะ ได้รับของขวัญจากซานต้าคลอสผู้ใจดี เอาเข้าจริง คนที่เอาของขวัญมาใส่ให้ก็คือซานต้าที่อยู่ในบ้าน เด็กๆนั่นแหละจะพ่อ แม่ พี่ ลุง หรือใครก็ตาม ในครอบครัว กับภารกิจย่องเบาแอบเข้ามาในห้อง นอนอันมืดมิด เอาของขวัญสอดเข้าไปในถุงเท้า แล้วออกมาจากห้องโดยที่ไม่ให้เด็กๆซึ่งก�ำลังนอน ฝันหวานอยู่ตื่นขึ้นมา เมื่อตื่นเช้ามานอกจากเด็กๆ จะดีใจที่ได้ของขวัญวันคริสต์มาสแล้วพวกเขายัง ดีใจอีกที่เมื่อคืนนี้ซานต้าครอสผู้ใจดีได้นั่งรถเลื่อน ที่มีกวางเรนเดียร์บินได้ลากเหาะข้ามท้องฟ้าจากขั้ว โลกเหนือมาแวะบนหลังคาบ้าน จากนั้นลุงซานต้าผู้ ใจดีก็จะหย่อนตัวลงมาในปล่องไฟเพื่อน�ำของขวัญ มาใส่ในถุงเท้าบนหัวเตียงของพวกเขาและเด็กๆก็ จะยังคงเชื่อในซานตาคลอสต่อไป
32 Animal Parade
ค�ำถามที่หลายคนอยากรู้คือ ถ้าเป็นอย่างนั้น ซานตาคลอสตัวเป็นๆมีจริงหรือเปล่า อาศัยอยู่ที่ ขั้วโลกเหนือใช่ไหม เวลาแจกของขวัญไปยังไง แล้ว กวางเรนเดียร์บินได้หรือไม่และอีกมากมาหากลอง ศึกษาตามต�ำนานจริงๆแล้ว ซานตาคลอสผู้ซึ่งเป็น สัญลักษณ์ของวันคริสต์มาส แท้ที่จริงในอดีตไม่ได้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับวันก�ำเนิดของพระเยซูแม้แต่น้อย ความจริงแล้วซานตาคลอสมาจาก นักบุญนิโคลาส นักบุญที่ชาวฮอลแลนด์นับถือในความเป็นผู้มีนํ้าใจ ชอบแอบช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน จากความดีงามในครั้งนั้นลังจากสิ้นนักบุญนิโคลาส ชาวยุโรปจึงยึดแนวทางของนักบุญนิโคลาส ในการ มอบของขวัญเพื่อส่งความสุขให้แก่กัน โดยยึดเอา วันมรณภาพนักบุญนิโคลาส คือที่ 6 ธันวาคม ของ ทุกปี เป็นวันร�ำลึกถึงนักบุญโดยการให้คนแต่งตัว คล้ายกับท่าน ทั้งการไว้หนวดยาวสีขาว สวมชุดสี แดงท่าทางใจดีหอบถุงมาแจกของขวัญแก่เด็กๆ
Cover Story เรื่องเล่าจากปก
Anywhere, We will be together,
Santa Claus.
Animal Parade 33
Cover Story เรื่องเล่าจากปก
34 Animal Parade
Cover Story เรื่องเล่าจากปก
ว่ากันว่า ลักษณะภายนอกของซานตาคลอสที่ถูก สมมุติขึ้นมาเหมือนกับจะลอกเลียนแบบมาจาก Thor ซึ่งเป็นเทพเจ้าในนิยายโบราณของชาวเยอรมัน ซึ่งใน เยอรมันยังมีเทศกาลอีสเตอร์ (คนแก่ใจดีแจกขนม) แยกออกจากเทศกาลคริสต์มาส ทว่านานวันเข้าวัน ร�ำลึกถึงเซนต์นิโคลาสก็ค่อยๆขยับเข้ามาและรวม กับวันคริสต์มาสซึ่งเป็นวันประสูติของพระเยซู ท�ำให้ วันคริสต์มาสมีสีสันขึ้น ด้วยเหตุนี้แล้วซานตาคลอส ที่คอยแจกของขวัญให้กับเด็กทั่วโลกก็เป็นเพียงแค่ เรื่องเล่าที่แต่งเติมเสริมต่อกันขึ้นมาเท่านั้นแล้วท�ำไม ยังคนจ�ำนวนมากในโลกนี้ยังคงเชื่อในเรื่องของชาย แก่ที่หัวเราะเสียงดัง โฮะ โฮะ โฮ่ คนนี้อยู่ ในประเทศฟินแลนด์มีบ้านซานตาคลอสอยู่จริง ทุกๆปีจะมีเด็กๆจากทั่วโลกส่งจดหมายมาที่นี่หลาย ล้านฉบับที่ยุโรปเองก็มีสภาฯของซานตาคลอสจาก ประเทศต่างๆทั่วโลก โดยจะมีการประชุมกันทุกสิ้นปี ก่อนวันคริสต์มาสมาถึง นั้นคือวิธียืนยันการมีตัวตน และการด�ำรงอยู่ของลุงซานต้าที่มนุษย์ธรรมดาอย่าง เราๆพอจะท�ำได้ บางคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่สลักส�ำคัญอะไรอาจ เป็นการมองเพียงด้านเดียว ทีแ่ คบเกินไป ดังนั้นการเชื่อว่ามีชายแก่ใจดีจะมา มอบรอยยิ้มให้เด็กๆในทุกๆปีไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ เสียหาย ในเมื่อแนวคิดของซานตาคลอสก็คือการ สอนให้คนเชื่อในการท�ำความดีและเชื่อในผลแห่ง การท�ำดี
เรือ่ งโดย น้าชาติ ประชาชืน่ คอลัมน์ รูไ้ ปโม้ด (www.khaosod.co.th) MooBo (blog.eduzones.com) Supawan (talk.mthai.com) และรูปภาพจากอินเทอร์เน็ต
Animal Parade 35
Homeland 200
ไมล์ทางตอนเหนือของอาร์กติกเซอร์เคิลไปยัง ประเทศนอร์เวย์ดินแดนที่ไม่เคยหลับไหลและพบกับ ดวงอาทิตย์เทีย่ งคืน ทีส่ อ่ งแสงในช่วงฤดูรอ้ นท่ามกลาง ทุ่งหิมะสีขาวโพลน ปรากฏการณ์อายันซึ่งท�ำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลได้เกิดขึ้นและสิ้นสุดไป แต่ทว่าชนเผ่าซามิก็ก�ำลังง่วนอยู่กับการต้อนกวาง เรนเดียร์มากกว่าที่จะให้ความสนใจกับปราฎการณ์ ตามธรรมชาติ " ในเวลานี้เรามักจะยุ่งอยู่กับการท�ำ เครื่องหมายให้กับลูกกวางเรนเดียร์ " Ingrid Gaup กล่าวถึงพิธีกรรมประจ�ำปี ที่ครอบครัวจะแกะสลัก เครื่องหมายโบราณบนหูลูกกวางเรนเดียร์ที่เกิดใหม่ ถิน่ ฐานของชาวซามิมกี ระจายอยูท่ วั่ ไปทางภาคเหนือ ของนอร์เวย์, สวีเดน, ฟินแลนด์และรัสเซีย การอพยพ เคลื่อนที่ของกวางเรนเดียร์นั้น เชื่อกันว่ามีความ สัมพันธ์กันกับวัฏจักรของดวงอาทิตย์ ชาวซามิเรียกการเลี้ยงกวางเรนเดียร์ที่เป็นงาน ของพวกเขาว่า boazovázzi ซึ่งมีความหมายว่า " reindeer walker " และนั่นเป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงกวาง ได้ท�ำต่อๆกันมา คือการติดตามฝูงกวางที่เดินอย่าง รวดเร็ว ด้วยการเดินเท้าหรือใช้สกีในระยะทางกว่า หลายร้อยไมล์ ขณะเดียวกันพวกเขาก็ออกค้นหาทุ่ง ที่ดีที่สุดส�ำหรับการท�ำปศุสัตว์บนภูมิประเทศแห่งนี้ กาลเวลาเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ชาวซามิต่างก็ได้ รับมอบหมาย ให้สืบทอดวัฒนธรรมการเลี้ยงกวาง เรนเดียร์แบบดั้งเดิมให้คงอยู่ต่อไป เหตุเพราะผู้คน ต่างก็ต้องการยานพาหนะราคาสูงช่วยทุ่นแรงเพื่อ ท�ำปศุสัตว์ เช่น รถ ATV หรือ Snowmobile มาใช้ เดินทางติดตามเรนเดียร์ทหี่ าแหล่งอาหารและเพือ่ ให้ สอดคล้องกับระเบียบมาตรการการใช้ทดี่ นิ ถึงแม้วา่ พวกเขาจะยังคงถกเถียงกันเรื่องสัญชาตญาณของ กวางเรนเดียร์ก็ตาม
42 Animal Parade
Norwegianization Nils Peder Gaup สามีของ Ingrid จึงอธิบายให้เรา ฟังว่า " กวางเรนเดียร์ไม่ได้ใช้สายตาของมันแต่ใช้ จมูกและหูของมันในการเดินทางตามทิศทางของลม ซึ่งเป็นสัญชาตญาณของมัน " Nils Peder ก็เหมือนๆ กับชาวซามิรุ่นเดียวกันอีกหลายคนที่ต้องเดินทางไป ศึกษายังโรงเรียนประจ�ำส�ำหรับ การศึกษาภาคบังคับที่รัฐบาลจัด เรนเดียร์เป็นสัตว์ที่ขี้กลัวดังนั้น ขึ้ น เป็ น สถานที่ ๆ ภาษาพื้ น เมื อ ง Nils Peder จึงนัง่ คุกเข่าลงอย่าง ของพวกเขาเป็นสิ่งต้องห้ามเพราะ สงบท่ามกลางฝูงที่ก�ำลังหากิน เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่ชื่อว่า เขาถือเชือกรหัสสี เพื่อแสดงถึง " Norwegianization "นโยบาย อุ ณ หภู ม ในฤดู ก าลที่ จ ะท� ำ งาน ส�ำหรับชาวซามิและชาวแลปป์ที่ ได้ดที สี่ ดุ ในขณะทีเ่ ขาเฝ้ามองสัตว์ อาศัยอยู่ทางเหนือของนอร์เวย์เพื่อ NilsPeder ซึ่งเป็น Yoiking นัก ให้พวกเขาซึมซับการสื่อสารภาษา ร้องเพลงในล�ำคอ ที่เป็นเพลง นอร์เวย์แทนภาษาพื้นเมืองเพราะ ซามิในแบบดั้งเดิมที่ Nils Peder พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของเชื่อชาติ ได้เรียนรู้มาจากปู่ย่าตายายของ และวัฒนธรรมของประชากรชาว เขาและได้สอนต่อให้ลูกๆของเขา นอร์เวย์เช่นกัน ตั้งแต่นั้นมาชาว ทั้งเรื่องกวางเรนเดียร์ และการ ซามิได้รับอิสระมากขึ้น แต่ทว่ามี ร้องเพลงด้วยเช่นกัน ความเสียหายที่แก้ไขไม่ได้คือ การ ท�ำให้ภาษาพื้นเมืองของพวกเขา กลายเป็นชนกลุ่มน้อย Gaup เป็นหนึ่งในไม่กี่ ครอบครัวของชาวซามิ เ กื อ บทั้ ง หมด 70,000 คน ที่ยังคงท�ำปศุสัตว์โดยการเลี้ยงฝูงกวางเรนเดียร์อยู่
tepee ในแต่ละปีของเดือนมิถุนายนหลังจากการเดินทาง ที่ยาวนานผ่านภูเขาทุ่งหญ้าทุนดราทางตอนเหนือ ของนอร์เวย์ครอบครัวของ Gaup รอคอยที่จะปรับ โครงสร้างของ tepee หรือที่เรียกกันว่า lávut ( ที่พักของชาวซามิมีลักษณะคล้ายกระโจมของชาว อินเดียแดง ) พวกเขาจะตั้งแคมป์และนอนที่นี่เพื่อใช้ เวลายามค�่ำคืนท�ำเครื่องหมายก่อนจะย้ายเรนเดียร์ ไปยังทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ในฟยอร์ดช่วงฤดูร้อน
Cover Story เรื่องเล่าจากปก
LIFE หูกวางจะตั้งตรง เมื่อ ATV หลายร้อยคันขับเข้ามา เหมือนเป็นสุนัขป่าที่ก�ำลังจะกระโจนเข้าหามัน ฝูงกวางจะไหลรั่วราวกับกระแสน�้ำบนสันเขา ส่งเสียงดังเหมือนฟ้าร้องภายในรั้วเพียงชั่วคราว เด็กน้อยในชุด Snowsuits ยืนแข็งทื่อเป็นปลาดาว แต่พวกเขากลับเดินเตาะแตะเหมือนเด็กหัดเดิน ไม่สะทกสะท้านกับการหลั่งไหล ของเรนเดียร์รอบๆตัว
เป็นค�ำพูดเปรียบเปรยบทหนึ่งซึ่งเกี่ยวกับฝูงกวาง " ผมสอนการท�ำงานกับกวางเรนเดียร์ทงั้ หมดให้กบั ลูกๆ" Nils Peder พูดในขณะที่เขาแนะน�ำลูกชายที่ก�ำลัง ขมักเขม้นกับการท�ำเครื่องหมายให้เราได้รู้จัก เด็กๆ ดูจะเชี่ยวชาญกับคมมีดเป็นพิเศษจากนั้นเขาก็ส่งลูก กวางคืนแม่ของมัน ท่าทางของลูกกวางดูจะวิงเวียน เล็กน้อยและหลงเหลือไว้แต่เพียงร่องรอยของคราบ เลือดบนหูของมัน " เด็กๆน่าจะสืบทอดวัฒนธรรม " Nils Peder กล่าว " ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยอมรับความ กดดันของอิทธิพลทางวัฒนธรรมทีอ่ ยูภ่ ายนอกก็ตาม " ครอบครัว Gaups ขณะนี้อาศัยอยู่ภายในบ้านที่ดู ทันสมัยมีพร้อมทัง้ โทรทัศน์และอินเทอร์เน็ต พวกเขา ดูเหมือนกับว่าก�ำลังเล่นจับปูใส่กระด้งอยู่กับ Sara น้องสาวคนสุดท้องลูกคนที่ห้า ที่ใช้เวลาส่งข้อความ บนโทรศัพท์มือถือหาเพื่อนของเธอมากกว่าการท�ำ เครื่องหมายให้กับลูกกวางเสียอีก ในขณะที่ผู้เลี้ยงกวางเรนเดียร์ต้องเผชิญหน้ากับ ความท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆจึงเกิดค�ำถามที่ว่าคุณจะ เลือกเดินบนเส้นทางไหน ? ถ้าการเลีย้ งกวางเรนเดียร์ จบสิ้นลง ประเพณีและชาวซามิอาจหายไปด้วย มันก็ไม่ตา่ งอะไรกับภาษาพืน้ เมืองของพวกเขานัน่ เอง สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันที่มีพลังมาก ยิ่งกว่าเงินทอง ตามค�ำกล่าวที่ว่า " herd is eallu " ฝูงคือชีวิต Photographer Erika Larsen has been living with a Sami community in Kautokeino, Norway, since 2008 and documenting the lives of herders in Sweden as well. Read more of her story in The Moment. Jessica Benko has written for Virginia Quarterly Review and Harper's.
Animal Parade 43
Cover Story เรื่องเล่าจากปก
herd is eallu
44 Animal Parade
Cover Story เรื่องเล่าจากปก
Animal Parade 45
Cover Story เรื่องเล่าจากปก
Sven Skaltje ท�ำอาหารจาก ธัญพืชของชาวซามิ ในวันนี้ อาหารของเขาี่มีทั้งเนื้อกวาง เรนเดียร์ อาหารแห้ง ขนมปัง โฮมเมดและกาแฟ ภายในห้อง ครัวของอพาร์ทเม้นที่เขาหุ้น กับห้าพีน่ อ้ งใน Gällivare สวีเดน ซึ่งถนนยังไม่เข้าึง Skaltje จึง ใช้เวลาในฤดูหนาวอยู่กับฝูง กวาง " ผมรู้สึกว่างเปล่าเมื่อ อยู่ห่างจากกวางเรนเดียร์ "
cover Sara Gaup วัย 14 ปี และพ่อของเธอ Nils Peder Gaup สวมเครื่องแต่งกายประจ�ำชนเผ่าซามิที่ Kautokeino ในนอร์เวย์ซงึ่ เป็นบ้านเกิดของพวกเขา รองเท้าท�ำจาก หนังกวางเรนเดียร์มันถูกอกแบบมาเพื่อใช้ร่วมกับสกี และเต็นท์รูปทรงกรวยที่เรียกว่า lávut ให้ที่พักพิง ชั่วคราวส�ำหรับชาวซามิเวลาเลี้ยงกวางเรนเดียร์ 46 Animal Parade
Cover Story เรื่องเล่าจากปก
REindeer Product
FuTURE Ella-Li Spik จาก Jokkmokk สวีเดนเป็นหนึ่งในชาวซามิไม่ กี่เปอร์เซ็นต์ที่เติบโตในครอบ ครัวที่เลี้ยงกวางเรนเดียร์ เธอ เป็นส่วนหนึ่งของคนรุ่นใหม่ ที่ ว างแผนเข้ า ศึ ก ษาต่ อ ใน มหาวิทยาลัย " ฉันอยากจะ ส�ำรวจโลกและฉันก็ตอ้ งการให้ กวางเรนเดียเป็นส่วนหนึง่ ของ ชีวิตฉันเช่นกัน"
กวางเรนเดียร์ที่ถูกฆ่าวางอยู่บนโต๊ะ ภายในห้องครัวที่ดูทันสมัยของ Gaup อวัยวะทุกส่วนของมันสามารถน�ำมา ใช้ประโยชน์ได้ เนือ้ ถูกขายให้กบั โรงฆ่า สัตว์ในเชิงพาณิชย์ หนังสามารถยืดออก แล้วร้อยด้ายท�ำเป็นกลองได้ ชาวซามิ บางคนยังน�ำโครงกระดูกของมันมาท�ำ เครื่องจักสานใช้ในครัวเรือนด้วย
กวางเรนเดียร์สต๊าฟถูกน�ำมาตกแต่ง ในร้านค้ายาน Jokkmokk ในสวีเดน
ซากกวางที่อดอาหารตายจากการต่อ สู้ถูกน�ำเขามาต้มท�ำความสะอาดเก็บ เป็นของทีร่ ะลึก
Johan Kuhmunen และเจ้า Cammu สุนัขของเขาที่อาศัย อยู่ในสวีเดน เขาได้เรียนรู้วิธี การเลีย้ งและต้อนเรนเดียร์จาก ผูเ้ ฒ่าผูแ้ ก่ซงึ่ เป็นประเพณีของ ชาวซามิที่มีความส�ำคัญและ ถูกส่งลงมาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งไม่ สามารถเรียนรู้ได้จากหนังสือ Animal Parade 47
48 Animal Parade
Animal Parade 49
50 Animal Parade
Animal Parade 51
Best Friend เพื่อนร่วมโลก
HACHIKO
Best Friend Diary
ยอดสุนัขผู้ซื่อสัตย์ 56 Animal Parade
Best Friend เพื่อนร่วมโลก
เรือ่ งโดย Eikewsang (www.dhammajak.net) รูปภาพจากอินเทอร์เน็ต
เรื่องของ เจ้าฮาจิโกะ เกิดขึ้นระหว่าง 10 พย.2466 ถึง 8 มีค.2496 ฮาจิโกะ เป็ น สุ นัขสายพันธุ์อคิตะ เกิด ที่เ มือง โอดาเตะ จังหวัดอคิตะ ประเทศญี่ปุ่น ลืมตาขึน้ มาดูโลกเมือ่ เดือนพฤศจิกายน 1923 (2466) ในจังหวัดอากิตะ เมื่ออายุ ได้เพียง 2 เดือน เจ้าฮาจิโกะถูกส่ง ไปอยู่กรุงโตเกียวกับเจ้านายของมัน คือ เอซะบุโร อุเอะโนะ ศาสตราจารย์ คณะเกษตรศาสตร์ แห่งหาวิทยาลัย อิมพีเรียล (มหาวิทยาลัยโตเกียวปัจจุบนั ) ศาสตราจารย์รสู้ กึ ภาคภูมใิ จกับฮาจิโกะ เป็นอย่างมาก มันเป็นสุนัขอากิตะแท้ ซึ่งหาได้ยากในสมัยนั้น วันที่เจ้านายต้องไปท�ำงานจะต้อง ไปขึ้นรถไฟที่ สถานีชิบูยะ เจ้าฮาจิโกะ จะคอยส่งเจ้านายถึงประตูหน้าบ้าน จากนั้นเมื่อถึงเวลา 15.00 น. ซึ่งเป็น เวลาเลิกงานแล้ว มันจะมากระดิกหาง รอพบเจ้านายของมันทีส่ ถานีรถไฟเสมอ เมื่อเสียงรถไฟมาถึงสถานี เจ้าฮาจิโกะ เจ้าชะเง้อหน้ามองหานายของมัน เมื่อ เจ้านายมันเดินออกากประตูสถานี มัน จะวิง่ ไปหาและออดอ้อนศาสตราจารย์ จะก้มลงกอดมันและพากันเดินกลับบ้าน เป็นเช่นนี้ทุกวัน วันแล้ววันเล่า
58 Animal Parade
วันที่ 21 เดือนพฤษภาคม 1925 (2468) ศาสตราจารย์ อุเอะโนะ เกิดอาการเส้น โลหิตในสมองแตกและเสียชีวิตขณะอยู่ที่มหาวิทยาลัย วันนั้นฮาจิโกะยังคงมารอ เจ้านายของมันที่สถานีรถไฟ มันไม่มีทางรู้ได้หรอกว่ามันจะไม่ได้พบกับเจ้านาย ของมันอีกแล้ว หลังจากการเสียชีวิตของที่ศาสตราจารย์อุเอะโนะ ภรรยาของเขา ได้ย้ายบ้านไป โดยน�ำเจ้าฮาจิโกะไปไว้กับญาติของศาสตราจารย์ที่อยู่ห่างจาก บ้านเดิมของมันและสถานีรถไฟซิบูยะหลายกิโลเมตร เจ้าฮาจิโกะไม่ยอมอยู่กับ เจ้านายใหม่ ทันทีที่มันหลุดออกมาได้มันวิ่งตรงไปที่บ้านเก่าและเมื่อไม่เจอใคร มันจึงกลับไปรอที่สถานีรถไฟเหมือนเมื่อครั้งที่เจ้านายของมันยังมีชีวิตอยู่
Best Friend เพื่อนร่วมโลก
คืนหนึ่งเจ้าฮาจิโกะมี ความรู้สึกบางอย่างที่ พิเศษกว่าคืนทีผ ่ า่ นมา มันออกไปรอนาย ของมันที่เดิม มัน...รอ...คอย... หลายชั่วโมง...ผ่านไป แต่มันก็เชื่อว่าวันนี้ มันจะได้พบนายของ มันอย่างแน่นอน หลังจากนั้น ทุกๆ วัน เมื่อถึงเวลา 15.00 น. ผู้คนย่านนั้นจะเห็นเจ้าฮาจิโกะมานั่ง อยู่ที่เดิมจนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดินมันก็จะหายไป มันไปอาศัยหลับนอนอยู่ บริเวณใกล้เคียงกับสถานีรถไฟ นอนอยู่ใกล้ๆบ้านเก่าของมันบ้าง เพื่อเฝ้ามองดู คนในบ้าน เผื่อว่าเจ้านายมันมาปรากฎตัว คิคุซะบุโระ โคบายาชิ อดีตคนสวน ของศาสตราจารย์ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟเป็นคนคอยดูแลเจ้าฮาจิโกะ ในเวลาที่อากาศเย็นลง มันก็จะไปหลบอยู่ใต้ซากรถไฟเก่าเพื่ออาศัยความอบอุ่น มันรอเวลาบ่าย 3 โมง เพื่อที่จะไปรอเหมือนเช่นทุกวัน เมื่อเสียงรถไฟมาถึงสถานี เจ้าฮาจิโกะ ก็จะลุกลี้ลุกลนชะเง้อหน้ามองหานายของมัน คนแล้วคนเล่าเดินผ่าน มันไป.....ไม่มีเจ้านายของมัน จนกระทั่ง คนสุดท้ายเดินผ่านไปมันจึงจะกลับไปที่ อยู่ของมัน วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า ที่มันรอคอย ผู้คนย่านนั้นมองดูมันด้วยความสงสารซึ่งก็ได้ให้ความช่วยเหลือด้วยการให้ อาหารแก่มันเรื่องราวความซื่อสัตย์ของมัน เริ่มเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดย เฉพาะเมื่อเรื่องราวของมันถูกตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นในปี 1932 ท�ำให้ผู้คนทั่วสารทิศเดินทางมาดู มาเล่นกับเจ้าฮาจิโกะ ชาวญี่ปุ่นได้ยกให้เจ้าฮา จิโกะเป็นแบบอย่างที่ดีส�ำหรับเด็กๆอีกด้วย ในเดือนเมษายน 1934 อันโดะ เทะรุ ศิลปินชื่อดังจึงได้ท�ำรูปหล่อทองแดงของเจ้าฮาจิโกะขึ้นมาเพื่อยกย่อง และน�ำไป ตั้งไว้ที่สถานีรถไฟชิบูยะ
Animal Parade 59
Best Friend เพื่อนร่วมโลก
60 Animal Parade
วาระสุดท้ายมา ถึงแล้วลมหายใจ สุดท้าย.....หมดลงไป พร้อมกับการสิ้นสุด แห่งการรอคอย กว่า 10 ปี คืนวันหนึ่งเจ้าฮาจิโกะ เกิดมีความรู้สึกบางอย่างที่ พิเศษกว่าคืนอื่นๆที่ผ่านๆมา มันออกไปรอนายของ มันที่เดิม มัน...รอ...คอย... หลายชั่วโมงผ่านไปมัน รู้สึกเหนื่อยล้าแต่มันก็เชื่อว่าวันนี้แหละมันจะได้พบ นายของมันอย่างแน่นอน ความเหนื่อยล้าท�ำให้มัน ต้องเปลี่ยนจากท่านั่งและล้มตัวลงนอนด้วยจิตใจที่ กระชุ่มกระชวยกว่าทุกๆมันนอนลงด้วยความหวังว่า นายของมันจะกลับมา...ในไม่ชา้ .....มันไม่ได้ลกุ ขึน้ ยืน อีกเลย เจ้าฮาจิโกะ จะได้พบกับเจ้านายของมันหรือ ไม่คงเหนือความหยั่งรู้ วันที่ 8 มีนาคม 1935 (2478) ผู้คนที่เคยผ่าน ไปมาในย่านนั้น หลายคนต้องหลั่งน�้ำตาเจ้าฮาจิโกะ นอนนอนคอยเจ้านายของมันเหมือนทุกๆวัน เหมือน 10 ปี ที่ผ่านมา ต่างกันตรงที่ วันนี้มันไม่มีลมหายใจ คนทีเ่ คยให้อาหารแก่มนั ยังคงเตรียมอาหารมาเหมือน เช่นทุกวันแต่วันนี้ ฮาจิโกะ ไม่ลุกขึ้นมาขออาหารแล้ว ข่าวการตายของฮาจิโกะถูกตีพิมพ์ลงบนหน้า 1 ของ หนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น ร่างของฮาจิโกะได้รับการเชิดชู อย่างสมเกียรติ และมันถูกน�ำไปเก็บรักษาเอาไว้ที่ พิพธิ ภัณฑ์วทิ ยาศาสตร์แห่งชาติ ในกรุงโตเกียว แม้วา่ ฮาจิโกะจะจากไปแล้วแต่เรื่องที่น่าสนใจจากฮาจิโกะ ยังคงไม่จบ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นจ�ำเป็น ต้องใช้เหล็กและโลหะเป็นอย่างมากจนถึงกับต้องเอา รูปหล่อของเจ้าฮาจิโกะมาหลอมเลยทีเดียว กระนั้น ความซื่อสัตย์ของฮาจิโกะยังไม่เคยถูกลืมไปจาก ใจต่อมาได้มีการจัดท�ำรูปหล่อของฮาจิโกะขึ้นมาอีก ครั้งในเดือนสิงหาคม 1947 ศิลปินผู้รับหน้าที่นี้ก็คือ อันโดะ ทะเคะชิ ลูกชายของ อันโดะ เทะรุ ผู้ที่ท�ำ หน้าที่สร้างรูปหล่อฮาจิโกะเมื่อครั้งแรกนั้นเอง
Best Friend เพื่อนร่วมโลก
ปัจจุบันจุดที่รูปหล่อฮาจิโกะตั้งอยู่นั้นได้กลายเป็นจุดนัดพบยอดนิยมของย่านชิบูยะ นอกจากนี้ ยังคงมีรูปปั้นที่เตือนให้ระลึกถึงฮาจิโกะอีกหลายแห่ง เช่น หน้าสถานีรถไฟโอะดะเตะ ในจังหวัด อากิตะ บ้านเกิดของเจ้าฮาจิโกะ ส่วนเรื่องของเจ้าฮาจิโกะยังคงเป็นที่เล่าขานในญี่ปุ่น ถึงขนาด มีการน�ำไปสร้างเป็นละคร ภาพยนตร์ การ์ตูน และอื่นๆอีกมากมาย 62 Animal Parade
SUGGEST
5 Idol 5 Style นิยมผัก/นักซ่อนเงา/ตัวเบาติดปีก/ชีวติ ติดดิน/นักสูป้ อดเหล็ก
66 Animal Parade
Animal Parade 67
Suggest แขกรับเชิญ
นิยมผัก You See the Bars on This Animal?
ZEBRA
ม้าจ�ำพวกหนึ่งที่มีขนาดเล็กกว่าม้าป่า ปลายหางคล้ายลา แผงคอสั้นเหมือนขนแปรง มีลักษณะเด่น คือ มีล�ำตัวเป็น สีขาวสลับด�ำตลอดทั้งตัว ม้าลายมีลายไว้ท�ำไม ที่จริงแล้ว ตัวของมันเป็นสีขาวลายด�ำหรือตัวด�ำลายขาวกันแน่
เรือ่ งโดย พีล่ าเต้ (www.dek-d.com) ข้อมูลเพิม่ เติมจาก วิกพิ เี ดีย และ thaiblogspot รูปภาพจากอินเทอร์เน็ต 68 Animal Parade
Suggest แขกรับเชิญ
ม้าลายแห่งแอฟริกา ม้าลายเป็นสัตว์ที่มีลวดลายสวยงาม
แปลกตาถึงแม้ได้จะได้ชื่อว่า ม้าลาย แต่ลักษณะส่วนใหญ่ดูจะเหมือนลาซะ มากกว่า แต่คงไม่มีใครเรียกมันว่า ลาลาย เราเลยเรียกมันว่า ม้าลาย เคยมีคนเรียกม้าลายว่า เสือม้า หรือ ม้าที่อยู่ในหนังเสือ เนื่องจากรูปร่าง เหมือนม้า แต่มีลายเหมือนเสือ ม้าลายอาศัยอยู่ตามที่ราบโล่งที่เป็นหญ้าชอบอยู่รวม กันเป็นฝูง ฝูงหนึ่งมีหลายร้อยตัวจนถึงเป็นพัน โดย จะเล็มหญ้าหากินร่วมกับสัตว์อื่นในทุ่งกว้าง เช่น ยีราฟ, นกกระจอกเทศ, แอนทีโลปและสัตว์กีบชนิด อื่นๆ ม้าลายมักจะมีนกกินแมลงจับเกาะอยู่บนหลัง เพื่อช่วยระวังภัยและกินพวกแมลงที่มารบกวน มีนก กระจอกเทศและยีราฟคอยช่วยเป็นป้อมยามเตือนภัย และระวังภัยให้เพราะม้าลายสายตาไม่คอ่ ยดี แต่จมูก และหูไวมาก ฟันคม ม้าลายเริ่มผสมพันธุ์ได้เมื่อมี อายุประมาณ 2 ปี ตั้งท้องนานประมาณ 345 -390 วัน ออกลูกครั้งละ 1 ตัวลูกม้าลายแรกเกิดจะมีขนปุกปุย มีแถบสีนำ�้ ตาลสลับขาวและมีอายุยนื ประมาณ 25-30 ปี
ลายม้าลาย
ม้าลายมีลาย
ส่วนเรือ่ งสีหรือลายของม้าลายทีย่ งั คง สงสัยกันนัน้ คนแอฟริกนั ถือว่า ม้าลาย ล�ำตัวสีด�ำมีลายสีขาว ส่วนคนยุโรป เห็นว่าม้าลายเป็นสัตว์สขี าวแต่มลี ายสี ด�ำ แต่ความจริงแล้วม้าลายเป็นสัตว์ที่ มีผวิ สีดำ� และมีลายสีขาวตามความเชือ่ ของคนแอฟริกันนั้นเอง
นักวิทยาศาสตร์พยายามหาสาเหตุว่า ลายขาวสลั บ ด� ำ ของสั ต ว์ ชนิดนี้มีไว้ เพื่ออะไร จากการศึกษาเราพบว่า
ในช่วงกระดูกก�ำลังพัฒนากลุ่มของเซลล์ประสาทจะ เคลือ่ นตัวไปเรียงรายกันทีแ่ กนของตัวอ่อนเพือ่ พัฒนา เป็นกระดูกสันหลังส่วนหนึ่งและเปลี่ยนสภาพไปเป็น เซลล์ผลิตเม็ดสี(ด�ำ) เรียกว่า เมลาโนไซท์ จากนั้น เมลาโนไซท์ จะเคลือ่ นไปด้านข้างของกระดูกสันหลัง ในแนวตัง้ ฉากแล้วเปลี่ยนเป็นผิวหนังที่มีเม็ดสี(ด�ำ)
ม้ า ลายนั้ น มี ล ายของมั น ไว้ เ พื่ อ ป้ อ งกั น แมลง คณะนักวิทยาศาสตร์จากสวีเดนและฮังการีพบว่า ลายบนตัวของม้าลายสามารถลดจ�ำนวนการโจมตี ของแมลงกินเลือด ซึ่งพวดเขาทดสอบโดยการทา น�้ำมันไว้บนตัวม้าลายและนับจ�ำนวนแมลงกินเลือด ที่ติดอยู่ ปรกฎว่าบริเวณที่มีลายถี่ที่สุดจะถูกแมลง โจมตีน้อยที่สุด ลายของม้าลายยังช่วยอ�ำพรางตัว ซึ่งลายของมันจะกลมกลืนกับพืชพันธ์ในทุ่งหญ้า Sananna มันจึงสามารถอ�ำพรางตัวจากนักล่าได้ และสุดท้ายเพื่อหลอกตา เนื่องจากม้าลายเป็นสัตว์ ที่อยู่เป็นฝูงลายของมันท�ำให้นักล่ายากที่จะก�ำหนด เป้าหมายและค�ำนวณจ�ำนวนม้าลายในฝูง ซึ่งลาย ของม้าลายแต่ละตัวจะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป
Animal Parade 69
Suggest
You Hear Their Feet From This Animal?
LION
แขกรับเชิญ
การฆ่าของสิงโตมีหลายวิธีขึ้นอยู่กับ ขนาดและชนิดของเหยื่อ สัตว์เล็กเช่น ลูกแอนติโลป กาเซลล์ทอมบ์สัน หรือ กระต่ายป่าจะตบแล้วตะครุบด้วยสอง ตีน ตามด้วยเข้ากัดทีค่ อด้านหน้าหรือ ด้ า นหลั ง เหยื่ อ ขนาดตั ว เท่ า ม้ า ลาย หรือวีลเดอบีสต์ สิงโตจะโถมเข้าใส่แล้ว ดึงหรือลากให้ล้มลง แล้วกัดที่คอหรือ จมูกเหยือ่ ทีถ่ กู กัดคอจะตายเพราะเลือด ไม่ไหลเวียน เหยือ่ ทีถ ่ ก ู กัดจมูกจะตาย เพราะหายใจไม่ออก
นักซ่อนเงา
72 Animal Parade
Suggest แขกรับเชิญ
สิงโตแห่งเซเรงเกติ สิงโตเป็นสัตว์ตระกูลแมวที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เรา สามารถพบได้ในทวีปแอฟริกาที่ระดับน�้ำทะเลจนถึง ระดับสูง 3,000 เมตร ตามปกติสิงโตไม่อาศัยในป่าทึบ ทะเลทรายหรือที่ชื้น แต่ในอดีตที่นานมากแล้ว สิงโต เคยอาศัยอยู่ในทวีปยุโรปเพราะมีการพบ fossil ของ สิงโตในถ�้ำของประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี หลายแห่ง สิงโตแตกต่างจากสัตว์จ�ำพวกแมวอื่นๆ ตรงที่ชอบอยู่เป็นฝูงตั้งแต่ 2-30 ตัว มีขนสีน�้ำตาล มีลีลาเดินที่สง่าผ่าเผย ชอบย่องยามล่าเหยื่อ และ ชอบนอนพักผ่อนเวลาขี้เกียจ ฟันที่แข็งแรงของมัน มีส�ำหรับทึ้ง กัดและฉีก เนื้อเป็นชิ้นๆมีขากรรไกร ที่แข็งแรงพอขบศีรษะเหยื่อจนแตกได้ สายตาทีแ่ หลมคมท�ำให้มนั สามารถเห็น เหยือ่ ทีอ่ ยูไ่ กลๆได้ในเวลาโพล้เพล้ ตาม ปกติ สิ ง โตชอบออกล่ า เหยื่ อ ในเวลา กลางคืนหรือเวลามีพายุ ส่วนในเวลา กลางวันมันชอบนอนหลับพักผ่อนอยู่ ใต้ต้นไม้หรือกลางทุ่งหญ้า ขณะพักมันจะใช้ตาจับดูมา้ ลายเล็มหญ้าโดยไม่ทำ� ร้าย แต่เมื่อถึงเวลาเย็นที่อากาศในบริเวณนั้นมีอุณหภูมิ ลดลง บรรดาเหยื่อของสิงโตจะรู้ว่าชีวิตของมันเริ่ม ไม่ปลอดภัย เพราะสิงโตจะย่องเข้าใกล้ และกระโดด ตะปบด้วยความเร็ว 60 - 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง แล้ว กัดคอจนเหยื่อขาดใจตาย แต่ถ้าเหยื่อสามารถวิ่งหนี ได้ไกลและนาน สิงโตก็จะหยุดไล่ตาม และซุ่มคอย เหยื่อชิ้นใหม่ต่อไป
Animal Parade 73
อ�ำพรางตัว สิงโตมีความสามารถในการซ่อนและพรางตัวไม่ให้ เหยื่อเห็นได้ดีมาก แต่กลิ่นตัวของมันมักท�ำให้สัตว์ อื่นรู้ตัวก่อน ดังนั้นเวลามันล่าเหยื่อ มันจะหมอบอยู่ ใต้ลม ให้ลมพัดเข้าหามัน การท�ำเช่นนี้ท�ำให้มันได้ กลิ่นสัตว์อื่นแต่สัตว์อื่นไม่ได้กลิ่นมันและเวลาออกล่า เหยื่อมันจะไปกันเป็นฝูง ทันทีที่เห็นม้าลายสิงโตทุก ตัวจะย่องคลานเข้าหา พอเข้าใกล้เหยื่อสิงโตตัวหนึ่ง จะเดินแยกตัวออกทางข้าง สิงโตที่เหลือจะหมอบลง ตัวทีย่ อ่ งจะเดินจนถึงต�ำแหน่งทีข่ วางทางลม ซึง่ ท�ำให้ เหยื่อได้กลิ่นมัน เหยื่อจึงตกใจวิ่งหนีเข้าหาหมู่สิงโต ทีห่ มอบอยูใ่ ห้สงิ โตเลือกตะปบกิน โดยสิงโตจะกระโดด วิ่งอย่างรวดเร็วพร้อมส่งเสียงค�ำราม สิงโตชอบล่า เหยื่อกลางทุ่งกว้างและในป่าโปร่ง จะไม่ล่าในป่าทึบ เพราะสัตว์ที่อาศัยในป่าทึบจะปีนป่ายต้นไม้เก่ง
ไฮยีน่ากับแจ็คเกิล โดยทั่วไปสัตว์แทบทุกชนิดเวลาเห็นสิงโตมักวิ่งหนีแต่มีสัตว์สองชนิดที่เดินตามสิงโตอย่างติดๆและสัตว์ที่ ว่านั้นคือ ตัวไฮยีน่ากับแจ็คเกิล โดยเฉพาะไฮยีน่านั้นมีรูปร่างเหมือนหมาดุที่ชอบกินเนื้อสัตว์ที่ตายแล้ว แต่สิงโตไม่ชอบกินเนื้อไฮยีน่า ด้วยเหตุนี้ไฮยีน่าจึงปลอดภัยและสามารถเดินตามสิงโตไปทุกที่เพื่อขอแบ่ง เนื้อที่สิงโตล่ามากินโดยมันจะยืนดูสิงโตจากที่ไกลๆ พอสิงโตกินเหยื่อไม่หมดมันก็จะเดินเข้าไปกินต่อจนหมด ส่วนแจ็คเกิลนั้นก็มีนิสัยแบบเดียวกับไฮยีน่าแต่ฉลาดกว่าและวิ่งเร็วกว่า
74 Animal Parade
Suggest แขกรับเชิญ
แผงคอและอ�ำนาจ สิงโตตัวผู้เริ่มมีแผงขนขึ้นรอบๆหน้าและคอ เมื่ออายุ ได้ประมาณ 2 ปี คือเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่แผงขนรอบหน้า และคอของสิงโตตัวผู้มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น บ่งบอกเพศและอายุสิ่งนี้เองที่เป็นตัวบ่งชี้ให้สิงโต เพศเมียรู้ว่า " มันโตเป็นหนุ่มเต็มตัวและเข้าสู่วัย เจริญพันธุ์ " อีกทั้งยังใช้ข่มคู่ต่อสู้เพราะแผงขนที่ ฟูฟอ่ งของมันท�ำให้มนั ดูตวั ใหญ่ขนึ้ และจัดวางอ�ำนาจ และต�ำแหน่งในฝูงให้ตวั อืน่ ๆย�ำเกรงมัน สิงโตสามารถ ส่งเสียงค�ำรามได้แต่ครางแบบแมวไม่ได้ สิงโตไม่ เหมือนแมวทีก่ ระดูกล�ำคอของพวกมันไม่ได้ยดึ ติดกัน อย่างแน่นหนาทว่าจะเชื่อมกันด้วยเอ็นที่ยืดหยุ่น ซึ่ง ช่วยให้กล่องเสียงสามารถขยายตัวและสั่นสะเทือน ได้สิงโตค�ำรามเพื่อสื่อสารระหว่างกันไม่ใช่ขู่เหยื่อ
แอ่งน�้ำเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มันชอบคอยเหยื่อ เพราะเมื่อถึงหน้าแล้งสัตว์ต่างๆมักมาที่แหล่ง น�้ำเพื่อดื่มน�้ำ ดังนั้นสิงโตจะมาซุ่มคอยเหยื่อใน เวลาเช้าหรือเย็นสิงโตว่ายน�้ำได้ดีและสามารถ ว่ายข้ามแม่น�้ำกว้างๆได้อย่างสบายๆ
เรือ่ งโดย สุทศั น์ ยกส้าน ผูเ้ ชีย่ วชาญพิเศษ สสวท (www.myfirstbrain.com) และ Mr.jackass (bicycle2011.com) รูปภาพจากอินเทอร์เน็ต
Animal Parade 75
Do You Have Freedom? the Little Bird Has a Beautiful Life Indeed.
PUFFIN
นกตัวน้อยตัวนิด แต่ไม่ว่าจะนกตัวนิดหรือนกใหญ่ก็ดูสวยน่ารัก แตกต่างกันไป ถ้าใครเป็นคนชอบส่องนกคงรู้ว่านกในโลกนี้มี หลายสายพันธุ์ แต่ละตัวมีความงามที่ละเอียดอ่อน วันนี้เป็นนก ตัวกลมๆ ป้อมๆ น่ารักน่าเอ็นดูที่มีชื่อว่า นกพัฟฟิน
ตัวเบาติดปีก 78 Animal Parade
Suggest แขกรับเชิญ
นกตัวเล็กหัวใจโต้โต
ครอบครัวพัฟฟิน
นกพัฟฟินอยูใ่ นแอตแลนด์ตกิ ตอนเหนือหากินโดยการจับปลาไหลทราย มีความสามารถพิเศษในการว่ายน�้ำด�ำน�ำ้ ได้ลึกถึง 61 เมตร สามารถอยู่ใต้น�้ำได้นานถึง 20-30 นาที ปีกของพัฟฟินสามารถขยับได้ถึง 400 ครั้งต่อนาที บินด้วยความเร็ว 88 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความสามารถล้นเหลือแต่ว่าจะวางไข่ได้แค่ครั้งละฟองเท่านั้นตัวผู้ จะออกไปหาอาหารมาให้ตัวเมียขณะที่ก�ำลังวางไข่ ถือว่าพัฟฟินเป็นนกครอบครัวที่น่ารักมากทีเดียว แต่ก็ง่ายต่อการสูญพันธุ์เพราะมีหลายคนที่นิยมกินหัวใจนกพัฟฟินสดๆโดยมีความเชื่อว่าดีต่อสุขภาพ
นกพัฟฟินเป็นหนึ่งใน 3 สปีชีส์เล็กๆของนกทะเล ชนิดหนึ่งในนกจ�ำพวก Fratercula ในวงศ์ Alcidae มีจงอยปากสีสดใสและแข็งแรงสีสดใสของจงอยปาก จะมีสีมากยิ่งขึ้นในช่วงฤดูผสมพันธุ์ อาศัยอยู่ตาม โขดหินริมทะเล เป็นนกผิวน�้ำหาอาหารด้วยการด�ำน�้ำ เป็นหลัก ซึง่ นกพัฟฟินมักจะคาบปลาเล็กปลาน้อยขึน้ มาจากน�้ำด้วย พวกมันสืบสายพันธุ์ในฝูงขนาดใหญ่ บนหน้าผาชายฝั่งทะเลหรือเกาะโดยการท�ำรังในรอย แยกของหมู่หินหรือในโพรงดิน มักส่งเสียงร้องในฝูง เพื่อผสมพันธุ์แต่ก็ไม่ส่งเสียงร้องในทะเลเรื่อยเปื่อย
เรียบเรียงและภาพถ่ายโดย My Freedom (www.facebook.com/FreedomAlbum) และ pichappy (www.facebook.com/pichappy) Animal Parade 79
80 Animal Parade
Animal Parade 81
82 Animal Parade
Animal Parade 83
Suggest แขกรับเชิญ
CAIMAN ชีวิตติดดิน
Rea Eyes in the Shadow and the Danger Live in the Water. ในทะเลสาบน�้ำเค็มชายฝั่งแห่งนี้เพียงแห่งเดียวมีลูก เคแมนเกิดใหม่ซ่อนตัวอยู่นับร้อยๆ หรืออาจจะนับ พันๆ ตัว ในภูมิภาคปันตานัล นอกจากพื้นที่ชุ่มน�้ำ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของบราซิลจะเป็นถิ่นอาศัยของ ประชากรสัตว์จ�ำพวกจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
Animal Parade 87
หวนคืนบัลลังก์ ถ้าลองสังเกตดีๆ ดวงตาเหล่านั้นดูแทบไม่ต่างจาก เมล็ดพืชเล็กจ้อยลอยตามลมมาตกอยู่ตามกอวัชพืช ริมทะเลสาบน�้ำเค็ม ชายฝั่งสักแห่งทางตอนในอัน ห่างไกลของบราซิล ครัน้ ความมืดโรยตัวปกคลุมท่าม กลางเสียงแมลงร้องระงมไปทั่วพื้นที่ชุ่มน�้ำแถบนี้ ดวงตากระจิริดเหล่านั้นจึงเริ่มหายลับไป จุดเล็กๆ นี้ คือดวงตาทีค่ อยระแวดระวังภัยของลูกเคแมนยากาเร สัตว์ในวงศ์จระเข้ ตอนกลางวันพวกมันจะซ่อนตัวอยู่ กลางดงหญ้าน�ำ้ เพือ่ หลบภัยจากนกยาง หรือนกกระสา ที่อาจโฉบลงมากินพวกมันเป็นอาหารว่าง แต่พอตก กลางคืนพวกมันจะออกหาแมลงและหอยกินเป็นอาหาร ก่อนจะค่อยๆหาอาหารชิ้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตามขนาด ร่างกายทีเ่ ติบโตขึน้ ถ้าโชคชะตาเข้าข้างพวกมันอาจ
เติบใหญ่จนมีลำ� ตัวยาวถึงสองเมตรครึง่ และแข็งแกร่ง จนจับคาพีบาราสัตว์ฟันแทะยักษ์ใหญ่ ในพื้นที่แถบนี้ เป็นอาหารได้ แต่ตอนนี้พวกมันแทบจะอยู่ในระดับ ล่างสุดของห่วงโซ่อาหารจึงต้องอยูแ่ บบหลบๆ ซ่อนๆ เพื่อเอาชีวิตรอดไปวันๆ ก่อน ย้อนหลังไป 3 สิบปีก่อน ประชากรเคแมนยากาเร ดูประหนึ่งก�ำลังเดินไปสู่จุดจบเพราะถูกล่าอย่างไม่ ปรานี เพื่อเอาหนังป้อนตลาดหนังสัตว์จ�ำพวกจระเข้ ทีท่ ำ� ก�ำไรงาม เกลเบร์ อายู นักชีววิทยาด้านการอนุรกั ษ์ ที่มหาวิทยาลัยอานันเกรา-ยูนิเดิร์ป ในรัฐมาตูโกรสซู ดูซูลของบราซิล ผู้ท�ำงานภาคสนามอยู่ในภูมิภาค ปันตานัลระหว่างทีก่ ารล่ารุนแรงทีส่ ดุ ในทศวรรษ 1980 “ไม่มีใครทราบแน่ชัดหรอกครับว่า เคแมนยากาเรถูก เรือ่ งโดย NATIONAL GEOGRAPHIC (กรกฎาคม 2556) ภาพถ่าย ลูเซียโน และรูปภาพจากอินเทอร์เน็ต
88 Animal Parade
ฆ่าไปเท่าไรแต่กน็ า่ จะหลายล้านตัวเชียวละ” แก๊งนักล่า พร้อมอาวุธครบมือ มักบุกเข้ามายิงเคแมนยากาเรทีม่ า รวมตัวกันอยู่ตามโพรงน�้ำในช่วงหน้าแล้ง “พวกเขา ถลกหนังกันตรงนั้นเลยครับ แล้วทิ้งซากที่เหลือไว้ให้ แร้งจัดการ” อายูเล่า “งานภาคสนามสมัยนั้นไม่ใช่แค่ น่าหดหู่นะครับ แต่ยังอันตรายด้วยเพราะกูเรรูหรือ พวกนักล่าหนังอาจโหดเหี้ยมเอามากๆ” มาตรการ ปราบปรามการล่าของรัฐบาลบราซิลและการห้ามค้า หนังสัตว์ป่าจ�ำพวกจระเข้ทั่วโลกเมื่อปี 1992 ช่วยลด แรงกดดันต่อประชากรเคแมนยากาเรทีก่ ำ� ลังตกอยูใ่ น ภาวะวิกฤติ จ�ำนวนเคแมนก็เพิ่มขึ้น
แต่ใช่ว่า เคแมนยากาเรจะพ้นจากเคราะห์กรรมเสีย ทีเดียวอายูเตือน“จ�ำนวนประชากรทีเ่ พิม่ ขึน้ ในปันตานัล อาจบดบั ง ปั ญ หาที่ สั ต ว์ ช นิ ด นี้ ก� ำ ลั ง เผชิ ญ อยู ่ ใ น ภูมภิ าคอืน่ ๆของอเมริกาใต้ซงึ่ ยังมีการล่าและประชากร ก�ำลังหดหายไปทุกที” แม้แต่ในภูมิภาคปันตานัลเอง ก็ยังมีภัยต่อเคแมนยากาเรแฝงเร้นอยู่ ไม่ว่าจะเป็น การตัดไม้ท�ำลายป่า การสร้างเขื่อนการท่องเที่ยว การท�ำเหมือง หรือการพัฒนาเมืองท่าทางทะเล
Animal Parade 89
Suggest แขกรับเชิญ
Big Animal in the Deep Water, You Can See in the Ocean Blue.
WHALE 90 Animal Parade
นักสู้ปอดเหล็ก วาฬมิงก์เป็นสัตว์กรองกินซึ่งอาหาร ของมันได้แก่ คริลและสัตว์ตัวเล็กๆ มั น เป็ น สั ต ว์ ที่ ว่ ายน�้ ำ เร็ วและอยากรู้ อยากเห็นท�ำให้เข้าใกล้เรือบ้างในบางครัง้ รักสันโดษ ร่างกายผอมยาว สีเทาเข้ม มีวงขาวบนครีบแต่ละด้าน จมูกรูป สามเหลี่ยม
Suggest แขกรับเชิญ
นักล่าวาฬ ชาวไวกิ้งคนสุดท้าย หมู่เกาะโลโฟเตนไกลขึ้นไปทางเหนือของนอร์เวย์ เป็นโลกที่แปลกแยกเสมอมามีโขดหินขรุขระเรียงต่อ กันเป็นลูกโซ่ดูคล้ายคาบสมุทรที่โผล่พ้นผืนทะเล นอร์วเี จียนเหนือเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล คติชนของชาว นอร์สเล่าไว้วา่ ทิวเขาทีท่ อดยาวของหมูเ่ กาะโลโฟเตน เป็นที่สถิตของโทรลล์ หรืออมนุษย์จ�ำพวกหนึ่งและ ฟยอร์ดของที่นี่ยังเป็นฉากหลังอันตรึงใจของต�ำนาน การผจญภัยอันยิ่งใหญ่ของชาวไวกิ้งอีกด้วย เช้าที่อากาศแจ่มใสในฤดูร้อน กัปตันเรือวัย 69 ปี ยาน บิเยิร์น คริสเตียนเซน แล่นเรือในน่านน�้ำแห่งนี้ มานานกว่า 50 ปีแล้ว และเป็นเวลา 40 ปีที่เขาขับ เรือกร�ำแดดกร�ำฝนล�ำเดียวกันนี้มาตลอด เป็นเรือไม้ ล�ำเล็กๆที่มีชื่อว่า ยาน บิเยิร์น เช่นเดียวกับผู้เป็น กัปตัน ทั้งคนและเรือมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ ทั้งคู่ เป็นนักล่าวาฬมือฉมังทีท่ รหดทัง้ ยังมีรอยแผลเป็นจาก การกร�ำงานหนักในทะเลไม่ต่างกัน ช่วงฤดูล่าวาฬ ในฤดูร้อน คริสเตียนเซน อาจใช้ปืนฉมวกจับวาฬมิงก์ ได้ราว 30-40 ตัวเขาจะช�ำแหละซากวาฬบนดาดฟ้า เรือและขายเนื้อตรงท่าเรือ ทั้งๆที่มีมาตรการห้ามล่า วาฬเชิงพาณิชย์ระดับนานาชาติ แต่ชาวนอร์เวย์ยงั คง ล่าวาฬมิงก์ต่อไปแม้จะท�ำกันในน่านน�้ำของนอร์เวย์ เท่านั้นก็ตาม
Animal Parade 91
Suggest แขกรับเชิญ
Animal Parade 93
ในช่วง 50 ปีที่ยึดอาชีพเป็นนักล่าวาฬ คริสเตียนเซน ผ่านมรสุมมานักต่อนักทัง้ ในทะเลและบนบกผ่านช่วง อันตรายของสงครามสิ่งแวดล้อมซึ่งนักเคลื่อนไหว โจมตีและจมเรือล่าวาฬไปหลายล�ำ และเมื่อสองสาม ปีก่อน เขายังรอดจากอุบัติเหตุร้ายแรงบนเรือเมื่อปืน ฉมวกเกิดตีกลับจนมือซ้ายพิการ แต่เขาก็กลับมาล่า วาฬในฤดูต่อมา ทว่าขณะทีเ่ ขามุง่ หน้าสูส่ ถานีลา่ วาฬ อันเก่าแก่ เขากลับรูส้ กึ ว่าใช่เพียงอาชีพอันยาวนาน ของเขาที่ก�ำลังจะปิดฉากลง แต่ยังรวมถึงวิถีชีวิต ทั้งหมด เรือที่มีชื่อเดียวกับเขาล�ำนี้เป็นหนึ่งในเรือ
เพียง 20 ล�ำที่ออกล่าวาฬในฤดูนี้ ต่างจากจ�ำนวน เกือบ 200 ล�ำ ซึ่งออกล่าวาฬในน่านน�้ำตามแนว ชายฝั่งทางเหนือของนอร์เวย์ ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1950 อย่างลิบลับ ปัจจัยที่ก�ำลังปิดฉากการล่าวาฬ ไม่ใช่จำ� นวนวาฬทีเ่ หลือน้อยหรือการเมืองอันซับซ้อน ของการล่าวาฬแต่เป็นเรือ่ งธรรมดาทีไ่ ม่อาจหลีกเลีย่ ง นั่นคือ เยาวชนนอร์เวย์ไม่ต้องการเป็นนักล่าวาฬอีก ต่อไป ไม่เว้นแม้แต่คนที่เติบโตบนหมู่เกาะโลโฟเตน ซึ่งเป็นที่มั่นของการเดินเรือ คนรุ่นใหม่พอใจกับงาน กินเงินเดือนที่ปลอดภัยกว่าบนผืนแผ่นดินในเมือง
ห่างไกลหรืองานในอุตสาหกรรมน�้ำมันนอกชายฝั่ง พวกเขาจึงพากันละทิง้ ถิน่ ฐานบนเกาะไป แม้แต่กลุม่ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของนอร์เวย์ที่ต่อต้านการล่าวาฬ อย่างแข็งขันก็พอใจรอดูการเสื่อมสลายของวิถีชีวิต ในเมือ่ จ�ำนวนวาฬมิงก์ ที่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ น่าจะมีถึง 130,000 ตัว การล่าวาฬจ�ำนวนไม่มาก ในแต่ละปีของนอร์เวย์ จึงเป็นการใช้ทรัพยากรอย่าง ยั่งยืนนักล่าวาฬต่างหากที่ก�ำลังจะสูญพันธุ์
เรือ่ งโดย รอฟฟ์ สมิท ภาพถ่าย มาร์คสั บลีสเดล จาก NATIONAL GEOGRAPHIC (กรกฎาคม 2556) และรูปภาพจากอินเทอร์เน็ต 94 Animal Parade
ท่ า มกลางแสงสลั ว ของพระอาทิตย์ เที่ยงคืนวาฬมิงก์ถูกช�ำแหละบนดาด ฟ้าเรือ ยาน บิเยิรน์ เรือล่าวาฬหนึง่ ใน ไม่กี่ล�ำที่ยังออกล่าวาฬในน่านน�้ำนอก ชายฝั่งหมู่เกาะโลโฟเตนของประเทศ นอร์เวย์
ไรย์มอนด์ นิลเซนกับไอเลิร์ตผู้เป็นพ่อ ช�ำแหละวาฬมิงก์ตวั หนึง่ บนดาดฟ้าเรือ นูรด์ ฟังกสต์ ชือ่ ภาษานอร์เวย์ทแี่ ปลว่า ผลิตผลทางเหนือ ช่วงล่าวาฬในฤดูรอ้ น พวกเขาล่าวาฬมิงก์ได้ราว 20-30 ตัว ส่วนในฤดูหนาวจะจับปลาค้อดแทน
Animal Parade 95
You can find inspiration in everything ... and if you can't , look it again. SUPER STATION MASTER
TAMA
98 Animal Parade
ผู้โดยสารส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ เพียงเพื่ออยากมาดูนายสถานี ที่เป็นแมวตัวแรกของโลก เมื่อผู้คนมากขึ้นจึงท�ำให้เศรษฐกิจ เมืองนี้ดีขึ้น การรถไฟของเมืองก็กลับ มาเป็นยุคทองอีกครั้ง ญี่ปุ่นเป็นต้นก�ำเนิดแมวกวัก ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ที่ ส�ำคัญของการท�ำมาหากินเกือบทุกร้านค้าในญี่ปุ่น ต้องมีการวางแมวกวักไว้ท่ีร้านเพราะความเชื่อว่า “การค้าขายจะได้รงุ่ เรือง”ซึง่ ความเชือ่ แบบนีน้ อกจาก จะฮิตในญี่ปุ่นแล้วยังลามมาถึงบางประเทศ รวมถึง เมืองไทยอย่างเราๆด้วย หรือแม้กระทั่งของเล่น อุปกรณ์ของใช้ต่างๆ ก็มีแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับแมว ยกตัวอย่างเช่น คิตตี้ที่ท�ำให้คนญี่ปุ่นชื่นชมชื่นชอบ รวมไปถึงคนอีกหลายๆประเทศที่มีคิตตี้วางขายจะ
ท�ำอะไรออกมาขายก็ซื้อกันหมด เรียกว่า เจ้าของ รวยมหาศาลแบบไม่รเู้ รือ่ งเพียงแค่มสี ญั ลักษณ์เจ้าแมว คิตตี้ หรือแม้แต่กระทั่งการ์ตูนสุดฮิตที่ดังระเบิด ไปทั่วโลก รวมถึงบ้านเรา เด็กๆ ร้องเพลงกันได้แทบ ทุกคน นั่นก็คือ โดราเอมอน ได้ฟังเหตุผลเพียงเท่า นี้ จะเห็นได้ว่า แมวจะไม่มีความส�ำคัญ และบทบาท ต่อคนญี่ปุ่นได้อย่างไร นี่คือตัวอย่างเล็กน้อยที่ยืนยัน ว่า แมวมีอิทธิพลและทรงคุณค่าสร้างความนิยมให้ กับสิ่งต่างๆได้อย่างมากมาย ไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาสเดินทางไปที่ เมืองวากายาม่า ประเทศญีป่ นุ่ เพราะเมืองๆนีใ้ นอดีต เป็นเมืองชนบทที่เงียบเหงา มีสถานีรถไฟที่เล็กมาก และแทบจะไม่มีผู้คนโดยสารรถไฟมายังสถานีนี้เลย เพราะด้วยเหตุผลที่ว่า เมืองก็เล็ก คนก็น้อย ความ จ�ำเป็นในการใช้รถไฟก็ไม่มี เพราะถนนหนทาง รถยนต์นั้นอาจจะสะดวกกว่า ด้วยความทรุดโทรม ของสถานีรถไฟและกิจการรถไฟของเมืองนี้ถ้าปล่อย ให้ด�ำเนินการต่อไป คงปิดได้ในเร็ววัน
แต่ น ายสถานี หั ว ใสฉุ ก คิ ด ขึ้ น มาได้ ว ่ า ตัวเค้านั้นได้มีแมวสุดที่รักชื่อว่า เจ้าทามะ ซึ่งเดิน ตามเค้ามาท�ำงานทุกวัน กิจวัตรประจ�ำวันของเจ้า ทามะคือการมานั่งเฝ้าเจ้าของ หลับบ้าง ตื่นบ้าง ก็เท่านั้นเอง แต่นานวันขึ้นเจ้าแมวตัวนี้ชักเริ่มรู้ภาษา มากขึ้ น บางครั้ ง บางคราวก็ เ ดิ น เล่ น บริเวณสถานี นานๆทีจะได้เจอผู้โดยสาร ก็ปล่อยให้เข้ามาลูบเล่น คลอเคลีย ถ่ายรูป บางทีก็นั่งตามชานชาลาสถานี รถไฟเพื่อรอขบวนรถวิ่งเข้ามา เปรียบเสมือนเป็น พนักงานต้อนรับ ดังนั้นนายสถานีรถไฟหัวใสจึงใช้ วิกฤติให้เป็นโอกาส ซึ่งคราวนีค้ นทีเ่ ดินทางมาทีน่ ี่ ไม่ใช่ผโู้ ดยสารปกติซะแล้ว เพราะผู้โดยสารส่วนใหญ่ ทีม่ าทีน่ เี่ พียงเพือ่ อยากมาดูนายสถานีทเี่ ป็นแมวตัวแรก ของโลกซึง่ เป็นข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศ และมากกว่า นั้นยังเป็นข่าวไปทั่วโลกด้วย เพราะอย่างน้อยๆแมว ทามะตัวนี้ก็ได้ออกข่าว CNN มาแล้วเมื่อผู้คนมาก ขึ้นจึงท�ำให้เศรษฐกิจเมืองนี้ดีขึ้น การรถไฟของเมือง นี้ก็ลับมาเป็นยุคทองอีกครั้ง
คนญี่ปุ่นเป็นคนที่มีความผูกพันกับสัตว์เลี้ยงหลายประเภทซึ่งก็มีผลต่อความเชื่อ และความศรัทธาของคนญี่ปุ่น แต่มีสัตว์เลี้ยงชนิดหนึ่งที่เรียกว่าได้รับความนิยม อย่างล้นหลามต่อคนญีป่ นุ่ นัน่ ก็คอื แมว
Animal Parade 99
Inspire บันดาลใจ
เมื่อถึงคราวคับขันคนญี่ปุ่นมีความเชื่อกันว่าต้องขอพรจากแมวและชาวเมือง ก็ได้รับพรจาก "ทามะ" แมวเพศเมียวัย 9 ปีจริงๆ จากการที่ทามะเข้าท�ำงานใน ต�ำแหน่งนายสถานีรถไฟหญิงประจ�ำสถานีคิชิ เป็นแมวสีกระดองกระ ถือก�ำเนิด และเติบโตอยู่ที่สถานีรถไฟคิชิซึ่งอยู่ในเส้นทางรถไฟสายคิชิกาวา อันมีสถานีอยู่ 10 สถานีตลอดระยะทาง 14.3 กิโลเมตร ทุกวันทามะจะสวมหมวกเครื่องแบบของ วากายามา อิเล็กทริก เรลเวย์ แล้วมาคอยยืนต้อนรับบรรดาผู้โดยสารที่เดินทาง ไปมาด้วยท่าทีสงบนิ่ง สถานีไม่ต้องจ่ายเงินเดือนให้กับทามะแต่ให้อาหารมัน เป็นการตอบแทน "ทามะเป็นนายสถานีเพียงคนเดียวที่มีอยู่ตอนนี้ เพราะเราต้อง ลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรลง คุณบอกว่าคุณขอพรจากแมวได้แต่ที่นี่แมวก�ำลังให้ โชคเราจริงๆ" เคอิโกะ ยามากิ โฆษกหญิงของวากายามา อิเล็กทริก เรลเวย์บอก ทามะเป็นแมวจรจัดที่พนักงานท�ำความสะอาดคนหนึ่งของสถานีเป็นผู้น�ำมา 100 Animal Parade
โดยมีโตชิโกะ โกยามา เจ้าของร้านขายของช�ำใกล้กับสถานี เลี้ยงดูจนเติบใหญ่ ส่วนสถานีคิชินั้นต้องไร้นายสถานีคอยดูแลมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2006 หลังจาก ที่เส้นทางรถไฟสายนี้ประสบขาดทุน ทามะเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้วเมื่อมัน ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายสถานีอย่างเป็นทางการ และส่งผลตอบรับทางบวกใน ทันที โดยเห็นได้จากการที่ในเดือนมกราคมปีนี้มีผู้โดยสารในเส้นทางสายนี้เพิ่ม ขึ้นจากช่วงหนึ่งปีก่อนหน้าถึง 17 เปอร์เซ็นต์ และหากนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่ แล้วจนถึงมีนาคมปีนี้ ก็มีจ�ำนวนผู้โดยสารในเส้นทางนี้เพิ่มขึ้นเป็น 2.1 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์
Inspire บันดาลใจ
บรรยากาศภายในพิพทิ ธภัณฑ์ของ ทามะ ที่สถานีคิชิ มีทั้งร้านกาแฟ จุดแสดงสินค้าต่างๆ รวมถึงประวัติ เล็กๆน้อยๆของนายสถานีของเรา ที่จัดให้นักท่องเที่ยว และผู้โดยสาร เข้ามาพักผ่อนเลือกซื้อของที่ระลึก ได้ตามใจชอบ
Animal Parade 101
รถไฟขบวนพิเศษทีม่ กี ารตกแต่งลวดลาย ของเจ้าแมว ทามะ ไว้อย่างสวยงาม สร้างความประหลาดใจและเป็นการ โปรโมทสถานีรถไฟคิชิให้แก่ผู้พบเห็น ไปในตัว
102 Animal Parade
เบาะ ทีน่ งั่ ภายในตัวรถและสินค้าอืน่ ๆ อีกมากมายก็ยังน�ำเอาเอกลักษณ์ของ ทามะ มาช่วยในเรือ่ งของการออกแบบ ดูมีลูกเล่นและยังน่ารักมากทีเดียว Animal Parade 103
Inspire บันดาลใจ
104 Animal Parade
จากผลงานอันโดดเด่น บริษัทจึงยกย่องทามะ เป็น "ซูเปอร์นายสถานี" เมื่อต้นปีนี้ และทามะเป็น "ผู้หญิงเพียงรายเดียวที่อยู่ในต�ำแหน่งระดับบริหาร" ในหมู่พนักงานที่เข้มแข็งทั้งหมด 36 คน "และเป็น ต�ำแหน่งสูงสุดของบริษัทในล�ำดับที่ 5 เสียด้วย" ยามากิเล่าติดตลก รางวัลตอบแทนต�ำแหน่งใหม่ของ ทามะก็คอื ห้องท�ำงานของนายสถานี ซึง่ ปรับปรุงจาก ช่องขายตัว๋ เก่าอีกทัง้ ยังมีงานเปิดตัวเมือ่ เดือนเมษายน ที่ผ่านมา โดยมีนายกเทศมนตรีของเมืองคิโนกาวา และกรรมการผูจ้ ดั การใหญ่ของวากายามา อิเล็กทริก ให้เกียรติมาร่วมงานด้วย ตอนนี้ทามะท�ำงานสัปดาห์ละ 6 วัน ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น หยุดพักผ่อนวันอาทิตย์โดยใน วันท�ำงานนัน้ เจ้าของร้านช�ำทีเ่ ลีย้ งดูทามะมาแต่เล็ก จะเป็นผูน้ ำ� ทามะมาทีส่ ถานี โดยบอกมันเพียงประโยค เดียวว่า "คุณนายสถานีคะ ถึงเวลาท�ำงานแล้วค่ะ" แล้วทามะก็จะเดินตามเธอไปที่สถานีอย่างว่าง่าย
นอกจากนัน้ ยังมีการจัดท�ำขบวนรถไฟทีเ่ ป็นรูปลักษณ์ เหมือนแมวเป็นขบวนพิเศษอีกหนึง่ ขบวนมีการตกแต่ง อุปกรณ์ต่างๆในรถไฟ เป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับแมว ทัง้ สิน้ รวมถึงมีหนังสือความรูค้ ล้ายๆห้องสมุดเคลือ่ นที่ บนรถไฟที่มีหนังสือเรื่องราวที่เกี่ยวกับแมว เอาเป็นว่าไม่ว่าผู้โดยสารท่านไหนที่ได้ไปที่นี่ก็ ต้องรีบตีตวั๋ กระโดดขึน้ รถไฟขบวนนีแ้ ทบไม่ทนั เพราะ ความสวยงามของขบวนรถไฟพิเศษกับความชาญฉลาด ของเจ้านายสถานีที่ชื่อ ทามะ เจ้าแมวแสนรู้ที่ถูก แต่งตั้งยศอย่างเป็นทางการ เทียบชั้นนายสถานีที่ เป็นคน ถ้าอย่างนี้ ค�ำโบราณที่ว่า “แมวน�ำโชค” ก็ คงถูกต้องใช่มั้ยครับ ถ้ามีโอกาสก็ลองแวะไปทักทายเจ้าทามะกันนะครับ ในปัจจุบันมีทามะตัวใหม่แล้ว ก็คนเรายังมีเกษียณ ราชการ แล้วทามะตัวเก่าจะไม่เกษียณได้อย่างไรแต่ ความสดใสและความน่าสนใจของสถานีทใี่ ช้แมวเป็น แรงจูงใจก็ยังคงคับคั่งไปด้วยผู้คนในทุกๆวัน
ขอบคุณสาระดีๆจากไทยรัฐออนไลน์โดย ณวัฒน์ อิสรไกรศีล หนังสือพิมพ์ผู้จัดการและรูปถาพจากอินเทอร์เน็ต Animal Parade 105