สถานะของสตรี ในอิสลาม ] ไทย – Thai – [ تايلدندي
ดร.อะมีน บิน อับดุลลอฮฺ อัช-ชะกอวีย์
แปลโดย : อับดุศศอมัด อัดนาน ตรวจทานโดย : ยูซุฟ อบูบักรฺ ที่มา : หนังสือ อัด-ดุร็อรฺ อัล-มุนตะกอฮฺ มิน อัล-กะลีมาต อัล-มุลกอฮฺ
2013 - 1434
مكادنة المرأة في الإسل م » باللغة التايلدندية «
د .أمين بن عبدا الشقاوي
ترجمة :عبدالصمد عددنان مراجعة :يوسف أبوبكر المصدر :كتاب الدرر المنتقاة من الكلمات الملقاة
2013 - 1434
ด้ วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานีย่ งิ เสมอ เรื่องที่ 115 สถานะของสตรีในอิสลาม การสรรเสริ ญทังมวลเป็ ้ นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ความเมตตา จำาเริญและความศานติจงมีแด่ท่านเราะสูลลุ ลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้ าอื่น ใดที่ควรได้ รับการภักดีนอกจากอัลลอฮฺเพียงผู้เดียว โดยไม่มี ภาคีห้ นุ ส่วนอันใดสำาหรับพระองค์ และฉันขอปฏิญาณว่าท่าน นบีมหุ มั มัดคือบ่าวของอัลลอฮฺและเป็ นศาสนทูตของพระองค์ ... เรื่ องราวที่เราจะทำาความเข้ าใจและให้ ความกระจ่างชัด กันในวันนี ้ คือ เรื่ องของสตรี และเราจะคุยกันในประเด็นต่อไป นี ้ 1. สถานภาพของสตรีในยุคก่อนอิสลาม 2. การให้ เกียรติตอ่ สตรีตามทัศนะอิสลาม 3. ข้ อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิของสตรี 4. หน้ าที่ของผู้ศรัทธาที่มีตอ่ สตรี 3
1. สถานภาพของสตรีในยุคก่ อนอิสลาม สังคมอาหรับในยุคอนารยชนอันงมงายได้ ปฏิบตั ิตอ่ สตรีเพศอย่างไร้ ศีลธรรม สตรีโดนรังแก ถูกเอารัดเอาเปรี ยบ พวกเขาเกลียดชังต่อบุตรสาว ไม่มีความรู้สกึ ปลื ้มปี ติยินดีเมื่อ ภรรยาคลอดบุตรสาว และในบางสังคมถึงกับนำาบุตรสาวไปฝั ง ทังเป็ ้ น เนื่องจากกลัวว่าพวกเธอจะสร้ างความอับอายขายหน้ า ในขณะที่บางสังคมปล่อยให้ พวกเธอมีชีวิตอย่างต่าำ ต้ อยไร้ เกียรติ อัลลอฮฺได้ ตรัสเกี่ยวกับสภาพเช่นนี ้ว่า ٥٨ ظيم ِٞٞ ٞٞهَو َك ُ ل َوجُۡهُهۥ ُمسَۡو ّٗدا َو ّ ظ َ ى ٰ هم ِبٱلدنۡ َُث ُ شَر أ َحَُد ّ ﴿ َوإ َِذا ُب ٰعَلى َ كُهۥ ُ س ِ ۡأ َُيم شِّهَر ٓۚۦ ء َما ُب ِب ِ سو ٓ ُ ِمن ِ ۡن ٱلَۡقو م َ ى ِم ٰ َيَتَٰوَر ﴾ ]النحل٥٩ ن َ مو ُ ك ُ ۡءٓ َما َيح َ سا َ بۗ أ ََل ِ سُهۥ ِفي ٱلّتَرا ّ هونٍ أ َ مۡ َيُد ُ [59-58 :
ความว่า “เมื่อใครคนหนึง่ จากพวกเขารู้ว่าภรรยาคลอดบุตรสาว ใบหน้ าของเขากลายเป็ นหมองคล้ำ าและเศร้ าสลด เขาจะหลบ หน้ าจากกลุม่ ชน เนื่องจากความอับอายอันเนื่องจากข่าวที่ได้ รับ เขาจะเก็บเอาไว้ ด้วยความอัปยศหรือไม่ก็ฝังลงในดิน พึงทราบ เถิดว่าสิ่งที่พวกเขาตัดสินนันมั ้ นช่างชัว่ ช้ าอย่างแท้ จริ ง ” (อัลนะห์ลฺ : 58-59 ) 4
[9-8 : ﴾ ]التكوير٩ ۡدنب ُقِتَلت ٞۢٞٞي َذ ّ ِبَأ٨ ۡسِئَلت ُ ُ ءۥَد ة ُ ۡمو َ ۡ﴿ َوإ َِذا ٱل
ความว่า “และเมื่อทารกหญิงที่ถกู ฝั งทังเป็ ้ นถูกถามว่า ด้ วย ความผิดอันใดเล่าที่เธอถูกฆ่าตาย” (อัต-ตักวีร : 8-9 ) คำาว่า ٱلَۡموُۡءۥَدُةหมายถึง บุตรสาวที่ถกู ฝั งทังเป็ ้ นจนกระทัง่ เสียชีวิต อนึง่ สตรี ในยุคญาฮิลียะฮฺจะไม่มีสิทธิ์ได้ รับมรดกแต่ อย่างใด ไม่วา่ นางจะยากจนแร้ นแค้ นเพียงใดก็ตาม เนื่องจาก กฎเกณฑ์ของพวกเขาได้ วางเอาไว้ วา่ บุรุษเพศเท่านันที ้ ่มีสิทธิ์ใน กองมรดก แค่นนยั ั ้ งไม่พอสังคมสมัยนันยั ้ งกำาหนดให้ นางเป็ น ส่วนหนึง่ จากกองมรดกที่ได้ รับการสืบทอดต่อไปยังผู้อื่น อีกอย่างที่สตรีไม่ได้ รับความยุติธรรม คือการที่สตรี หลายๆ คนตกเป็ นภรรยาของบุรุษคนเดียวโดยไม่ได้ จำากัด จำานวน เขาจะแต่งงานกับใครกี่คนก็ได้ โดยที่เหล่าสามีไม่สนใจ ว่าพวกนางจะตกอยูใ่ นภาวะที่ลำาบากหรือไม่ได้ รับความ ยุติธรรมก็ตาม มีรายงานจากท่านอุมรั เราะฎิยลั ลอฮุอนั ฮุ ท่านเคย กล่าวว่า 5
ُل الّله َ حّتى أ َك ْدنَز َ ،اًرا،ء أ َك ْم ِ سا َ عّد ِللّن ُ هِلّيِة َما َدن ِ جا َ ن ُكّنا ِفى اك ْل ْ َوالّلِه إ ِ ك ]مسلم برقم.م َ س َ ن َما َق ّ م َلُه َ س َ َوَق،ل َ ن َما أ َك ْدنَز ّ عاَلى ِفيِه َ َت [1479
ความว่า “ ขอสาบานต่ออัลลอฮฺวา่ ในสมัยญาอฮิลียะฮฺพวกเรา จะไม่ให้ ความสำาคัญกับสตรีเลยแม้ แต่น้อย จนกระทัง่ อัลลอฮฺได้ ประทานโองการและได้ จดั สรรสิทธิตา่ งๆ ที่เกี่ยวกับพวกนาง” (บันทึกโดยมุสลิม : 1479 ) 2. การให้ เกียรติของอิสลามต่ อสตรีเพศ อิสลามได้ ยกเลิกการเอารัดเอาเปรียบต่อบรรดาสตรี เพศในทุกมิติ พร้ อมกับคืนสิทธิที่พวกนางควรจะได้ รับอย่างครบ ถ้ วน พร้ อมทังยั ้ งกำาหนดให้ พวกนางได้ รับผลตอบแทนและสิทธิ ต่างๆ อย่างเท่าเทียมกันกับบุรุษเพศ ยกเว้ นในกรณีที่เป็ นเรื่ อง เฉพาะของสตรี ซึง่ บุรุษจะไม่มีสว่ นเกี่ยวข้ องด้ วย อัลลอฮฺตรัสว่า من َفَلُنحِيَۡيّنُهۥ ِٞٞٞ ۡٞؤٞهَو ُم ُ ى َو ٰ لحا ّمن َذَكٍر أ َوۡ ُأدنَث ٗ ِ َٰل ص َ م ِ ع َ ۡ﴿ َمن ن َما َكاُدنوك ْا ِ س َ ۡهم ِبَأح ُ َوَلَنجِۡزَيّنُهمۡ أ َجَۡر ٗۖة وة ّيَبٰٞ ط َٞحَي َٗ ٞ [97 : ﴾ ]النحل٩٧ َمُلون َ َۡيع
ความว่า “ผู้ใดก็ตามที่ได้ ประกอบคุณงามความดีไม่วา่ ผู้ชาย หรือผู้หญิง โดยที่เขาเป็ นผู้ศรัทธา แน่นอนว่าเราจะให้ เขามีชีวิต 6
ที่ดี และเราจะให้ ผลตอบแทนจากการปฏิบตั ิของพวกเขาที่ดียิ่ง กว่า” (อัล-นะห์ลฺ : 97 ) และอัลลอฮฺยงั ได้ ตรัสอีกว่า كم ّمن َذَكٍر ُ مل ّمن ٞٞ ِ ٞع َٰ ٞ ل َ م َ ع َ ع ُ ضي ِ ُ لٓ أَٞ ب َلُهمۡ َرّبُهمۡ أ َّدني َ جا َ ۡ﴿ َفٱسَت : ﴾ ]آل عمران١٩٥ ... ۖ ضٞۡعٞٞكم ّمنۢ َب ُ ض ُ ۡىۖ َبع ٰ أ َوۡ ُأدنَث [195
ความว่า “ดังนันอั ้ ลลอฮฺจงึ ตอบรับพวกเขาว่า แท้ จริ งฉันจะไม่ ทำาให้ การงานของคนใดคนหนึง่ สูญหาย ไม่วา่ เขาจะเป็ นผู้ชาย หรือผู้หญิงก็ตาม” (อาล อิมรอน : 195) มีหะดีษรายงานจากอุมมุ อุมาเราะฮฺเล่าว่า นางได้ มา หาท่านนบี แล้ วกล่าวกับท่านว่า ฉันเห็นว่าในอัลกุรอานมีแต่ เรื่องราวของบรรดาบุรุษเพศไม่เห็นมีเรื่องราวของสตรี เพศบ้ าง เลย อัลลอฮฺจงึ ได้ ประทานโองการลงมาว่า ِ مؤِۡمَٰن ت ُ ۡن َوٱل َ مؤِۡمِني ُ ۡت َوٱل ِ َٰن َوٱلۡمُسِلۡم َ مي ِ ۡمسِل ُ ۡ ن ٱل ّ ِ﴿ إ ِصِبَٰرت َّ ن َوٱل َ صِبِري َّ ت َوٱل ِ صِدَٰق َّ ن َوٱل َ صِدِقي َّ ت َوٱل ِ ن َوٱلَٰۡقِنَٰت َ َوٱلَٰۡقِنِتي َ مي ن ِ ٓصِئ َّ ت َوٱل ِ صّدَٰق َ مَت ُ ۡن َوٱل َ صّدِقي َ ت َوٱلۡمَُت ِ ع َٰ ش ِ خ َٰ ۡن َوٱل َ عي ِ ش ِ خ َٰ َۡوٱل ثيرا ٗ ِ ن ٱلّلَه َك َ ت َوٱلَّذِكِري ِ ظ َٰ حِف َٰ ۡجُهمۡ َوٱل َ ن ُفُرو َ ظي ِ ت َوٱلۡحَِٰف ِ م َٰ ص ِٓئ َّ َوٱل : ﴾ ]الحزاب٣٥ ظيما ٗ ِ ع َ اًرا،ۡرة َوأ َج َٞ ٞغِۡف ٞٞعّد ٱلّلُه َلُهم ّٗم َ َت أ ِ َوٱلَّذِكَٰر [3211 [ ]رواه الترمذي برقم35 7
ความว่า “แท้ จริ งบรรดาผู้นอบน้ อมชายและหญิง บรรดาผู้ ศรัทธาชายและหญิง บรรดาผู้ภกั ดีชายและหญิง บรรดาผู้สตั ย์ จริงชายและหญิง บรรดาผู้อดทนชายและหญิง บรรดาผู้ถ่อมตน ชายและหญิง บรรดาผู้บริจาคทานชายและหญิง บรรดาผู้ถือศีล อดชายและหญิง บรรดาผู้รักษาอวัยวะเพศของพวกเขาทังชาย ้ และหญิง บรรดาผู้รำาลึกถึงอัลลอฮฺอย่างมากทังชายและหญิ ้ ง นัน้ อัลลอฮฺได้ เตรี ยมการให้ อภัยโทษและรางวัลอันยิ่งใหญ่แก่ พวกเขาแล้ ว” (อัล-อะหฺซาบ : 35 ) (บันทึกโดยอัต-ติรมิซีย์ หมายเลข : 3211 ) ท่านหญิงอาอิชะฮฺเล่าว่า ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะ สัลลัม กล่าวว่า [1479 ل« ]أحمد برقم ِ جا َ ق الّر ُ شَقاِئ َ ء ُ سا َ ما الّن َ »إ ِّدن
ความว่า “แท้ จริ งเหล่าสตรีเพศเป็ นส่วนหนึง่ ของเหล่าบุรุษเพศ” ( บันทึกโดยอะห์มดั : 1479 ) อิสลามไม่ยอมรับกับการที่สตรีต้องตกไปเป็ นมรดก สืบทอดต่อไป ดังที่เป็ นประเพณีปฏิบตั ิของกลุม่ ชนในยุค อนารยชนอันงมงาย อัลลอฮฺตรัสว่า 8
... ۖٗرها ۡ ء َك َ سا ٓ َ كمۡ َأن َتِرُثوك ْا ٱلّن ُ ل َل ّ ح ِ ءاَمُنوك ْا َل َي َ ن َ ٱّلِذي
﴿َٰي َٓأّيَها
[19 : ﴾ ]النساء١٩
ความว่า “โอ้ บรรดาผู้ศรัทธาทังหลายไม่ ้ อนุมตั ิแก่พวกเจ้ าที่จะ เอาบรรดาสตรี เพศเป็ นมรดกด้ วยการบังคับ” (อัน-นิสาอ์ : 19) อัลลอฮฺได้ ประกันตัวโดยให้ พวกนางได้ รับอิสรภาพ และ ได้ กำาหนดสิทธิในส่วนที่จะได้ รับจากมรดกแก่พวกนาง แทนที่ จากพวกนางเคยเป็ นส่วนหนึง่ ของทรัพย์มรดก อัลลอฮฺตรัสว่า ِ سا ء ٓ َ ن َوِللّن َ ن َوٱلۡقََۡرُبو ِ ك ٱلَٰۡوِلَدا َ ما َتَر ّ صيب ّم ِٞٞ ٞٞل َدن ِ جا َ ﴿ ِللّر صيبا ٗ ِ ل ِمنُۡه أ َوۡ َكُثَرۚ َدن ّ ما َق ّ ن ِم َ ن َوٱلۡقََۡرُبو ِ ما َتَركَ ٱلَٰۡوِلَدا ّ صيب ّم ِٞٞ َٞٞدن [7 : ﴾ ]النساء٧ روضا ٗ ُ ّۡمف
ความว่า “สำาหรับเพศชายมีสว่ นได้ รับจากสิ่งที่ผ้ บู งั เกิดเกล้ าทัง้ สองและบรรดาญาติใกล้ ชิดได้ ทิ ้งไว้ และสำาหรับเพศหญิงก็มี ส่วนได้ รับจากสิ่งที่ผ้ บู งั เกิดเกล้ าทังสองและบรรดาญาติ ้ ใกล้ ชิด ได้ ทิ ้งไว้ ไม่วา่ จะมากหรือน้ อยก็ตาม เป็ นส่วนแบ่งที่ได้ มีการ กำาหนดอัตราส่วนไว้ แล้ ว ” (อัน-นิสาอ์ : 7 ) ท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยลั ลอฮุอนั ฮุ เล่าว่า ท่าน เราะสูลศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมได้ กล่าวว่า ومسلم،5186 اًرا« ]رواه البخاري برقم،خك ْي َ ء ِ سا َ صوا ِبالّن ُ سَتك ْو ْ »ا ك [1468 برقم 9
ความว่า “ท่านทังหลายจงดู ้ แลบรรดาสตรีเพศให้ เป็ นอย่างดี เถิด” ( บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ : 5186 และมุสลิม : 1468) ท่านอิบนุ อับบาส เราะฎิยลั ลอฮุอนั ฮุมา เล่าว่า ท่าน นบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า ي« ]رواه ابن ماجه ْ هِل ك ْ كم ِل َ ك ْ ُ خك ْيُر َ َوأ ََدنا، هِلِه ْ م ِل َ ك ْ خك ْيُرُك ك َ م ْ خك ْيُرُك ك َ » [1977 برقم
ความว่า “บุคคลที่ดีในกลุม่ พวกท่านคือผู้ที่ปฏิบตั ิตนที่ดีตอ่ ภรรยาของเขา และฉันเป็ นผู้ที่ดียิ่งในกลุม่ พวกท่านที่ปฏิบตั ิดีตอ่ ภรรยาของฉัน” (บันทึกโดยอิบนุ มาญะฮฺ : 1977 ) 3. การตอบโต้ ต่อคำาครหาอิสลามเกี่ยวกับสตรีเพศ ผู้ที่มีอคติตอ่ ศาสนาอิสลามได้ กล่าวโทษให้ ร้ายต่อ อิสลามผ่านสื่อตามช่องทางต่างๆ ว่าอิสลามเป็ นศาสนาที่เอารัด เอาเปรี ยบต่อเหล่าสตรี บังคับให้ นางอยูแ่ ต่ในบ้ าน และกีดกัน อิสรภาพของพวกนาง นำากฏเกณฑ์ตา่ งๆ มาควบคุมพวกนาง พวกนางเปรี ยบได้ ดงั อวัยวะที่ไร้ คา่ เหมือนกับเป็ นอัมพฤกษ์ และ ที่นา่ เศร้ าไปกว่านันก็ ้ มีบรรดาสตรีมสุ ลิมเองก็เห็นพ้ องด้ วยกับ คำาครหานี ้ด้ วยความเต็มใจ 10
เราสามารถตอบโต้ คำาครหาข้ างต้ นได้ ดงั นี ้ คำาครหาที่วา่ “คำาสอนของอิสลามเอารัดเอาเปรี ยบ สตรี ” นัน้ เราได้ พดู ถึงไปแล้ วตอนแรกในประเด็นสถานะของ สตรีในอิสลาม ซึง่ ศาสนาอิสลามได้ นำาพวกนางออกมาจาก ความอธรรมในสมัยญาฮิลียะฮฺ มิใช่วา่ การอยูใ่ นบ้ านของนาง ทำาให้ นางเป็ นเหมือนอวัยวะที่เป็ นอัมพฤกษ์ ทว่าการที่พวกนาง ไม่ต้องออกไปทำางานนอกบ้ านและการทำาหน้ าที่อบรมเลี ้ยงดู บุตรนับเป็ นภารกิจอันสูงส่งที่นางได้ รับความไว้ วางใจและนาง จะได้ รับผลตอบแทนอย่างมหาศาล ซึง่ เป็ นการผลิตทรัพยากร มนุษย์ระดับปั จเจกบุคคลสูส่ งั คมมุสลิม มีรายงานจากท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า ، جَها َ ت َفك ْر ْ صَن ك َ ح َ َو، ها َ شك ْهَر َ ت ْ صاَم ك َ َو، سَها َ م ْ خ ك َ ة ُ َ مرْأ َ ت اك ْل ْ »إ َِذا صَّل ك ت« ]رواه ابن ْ ء ك َ شا َ جّنِة َ ب اك ْل ِ ي أ َك ْبَوا ّ َن أ ْ ت ِم ك ْ خَل ك َ َد، عَلَها ْ ت َب ك ْ ع ك َ طا َ َ َوأ [4163 حبان برقم
ความว่า “ หญิงใดที่ได้ รักษาละหมาด 5 เวลา ถือศีลอดในเดือน เราะมะฎอน ไม่ผิดประเวณี และเชื่อฟั งสามี นางจะเลือกเข้ า 11
สวรรค์ทางประตูบานใดก็ได้ ตามต้ องการ” (บันทึกโดยอิบนุ หิบ บาน : 4163) และเมื่อพี่น้องได้ มองย้ อนไปยังสังคมโลกตะวันตก จะ พบว่าสตรี ต้องออกไปทำางานนอกบ้ านร่วมกับเหล่าบุรุษ ขณะ เดียวกันได้ ปล่อยให้ ลกู ๆ ใช้ ชีวิตอยูก่ บั คนรับใช้ ตงแต่ ั ้ วยั เยาว์ พี่ น้ องจะได้ เห็นถึงความเสื่อมโทรมทางด้ านคุณธรรมและศีลธรรม ที่พวกเขากำาลังประสบอยู่ ปั ญหาต่างๆ ประดาเข้ ามาหาอย่าง ต่อเนื่อง ปั ญหาเด็กนอกสมรส ปั ญหาครอบครัวแตกแยก ปั ญหายาเสพติด และปั ญหาอื่นๆ มากมาย หากพี่น้องเห็น ปั ญหาเหล่านันแล้ ้ วพี่น้องก็จะรู้ซึ ้งถึงคำาสอนอันประเสริ ฐของ อิสลาม อัลลอฮฺตรัสว่า ﴾ ٣٣... ى ٰ لو َُل ۡ جِهِلّيةِ ٱ َٰ ۡج ٱل َ ن َتَبّر َ ۡن َوَل َتَبّرج ّ ك ُ ن ِفي ُبُيوِت َ ۡ﴿ َوَقر [33 :]الحزاب
ความว่า “และจงอยูใ่ นบ้ านเรือนของพวกเธอ และอย่าได้ อวด ความงามเช่นเดียวกับที่สตรีในสมัยอนารยชนต่างได้ อวดกัน ” (อัล-อะหฺซาบ: 33) สำาหรับคำาครหาที่หาว่า“อิสลามกีดกันอิสรภาพของ สตรี ”นัน้ แท้ จริ งแล้ วอิสลามได้ กำาหนดให้ เพศชายเป็ นผู้คอย 12
ดูแล ปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของสตรีตา่ งหากเล่า อัลลอฮฺ ตรัสว่า ٰ عَل ى َ ۡضُهم َ ۡل ٱلّلُه َبع َ ض ّ ما َف َ ء ِب ِ سا ٓ َ عَلى ٱلّن َ ن َ ل َقَّوُمو ُ جا َ ﴿ ٱلّر [34 : ﴾ ]النساء٣٤ ... ۚۡما َأدنَفُقوك ْا ِمنۡ أ َمَٰۡوِلِهم َ ِٞٞبٞعض َٓو ٞٞ ۡ َٞٞب
ความว่า “บรรดาชายคือผู้ที่ทำาหน้ าที่ปกครองเลี ้ยงดูเหล่าสตรี ( ภรรยา ) อันเนื่องจากการที่อลั ลอฮฺได้ ให้ บางคนเหนือกว่าอีก บางคน (ทางด้ านพละกำาลัง ความกล้ าหาญ เป็ นต้ น) และด้ วย การที่พวกเขาได้ จา่ ยทรัพย์สินของพวกเขา ( ในการเลี ้ยงดู )” (อัน-นิสาอ์ : 34 ) ท่านอิบนุ กะษีรฺได้ อรรถาธิบายว่า “ผู้ชายเหนือกว่าผู้ หญิง หมายถึง ในด้ านการเป็ นผู้นำา เป็ นผู้ใหญ่ เป็ นผู้ตดั สินเมื่อ เห็นไม่ตรงกัน เป็ นผู้ที่คอยอบรมบ่มนิสยั และแนะนำาเมื่อนาง เบี่ยงเบนออกจากแนวทางที่ถกู ต้ อง” ท่านอิบนุอบั บาสกล่าวว่า “หมายถึงบุรุษเพศเป็ นผู้ ปกครองดูแลเหล่าสตรี จึงเป็ นหน้ าที่ของสตรีที่ต้องเชื่อฟั งปฏิบตั ิ ตามเขา เพื่อสนองต่อคำาสัง่ ใช้ ของอัลลอฮฺ และส่วนหนึง่ จากการ เชื่อฟั งสามี คือการทำาดีตอ่ บุคคลในครอบครัวของสามีและการ รักษาทรัพย์สนิ ของเขา” (ตัฟซีรอิบนุกะษีร เล่ม : 1 หน้ า : 491) 13
4. หน้ าที่ของผู้ศรั ทธาต่ อสตรีเพศ 1. จะต้ องให้ การอบรมบ่มนิสยั ต่อบุตรและภรรยาของ เราด้ วยคำาสอนที่ถกู ต้ อง อัลลอฮฺตรัสว่า ها َ دنارا َوُقوُد ٗ َ ۡك م ُ كمۡ َوأ َه ِۡلي ُ س َ ءاَمُنوك ْا ُقوك ْآ َأدنُف َ ن َ ﴿َٰي َٓأّيَها ٱّلِذي ماَٞٓ ن ٱلّلَه َ صو ُ ۡ ّل َيعٞداد َٞٞٞ ش ِ ٞلظظظظ َٞٞٞٞ غ ِ ٞ كٌة َ عَليَۡها َمَٰل ِٓئ َ ة ُ جاَر َ ح ِ ۡس َوٱل ُ ٱلّنا [6 : ﴾ ]التحريم٦ ن َ ن َما ُيؤَۡمُرو َ عُلو َ ۡهمۡ َوَيف ُ أ ََمَر
ความว่า “โอ้ บรรดาผู้ศรัทธาทังหลาย ้ จงปกป้องตัวของพวกเจ้ า และครอบครัวของพวกเจ้ าให้ รอดพ้ นจากไฟนรกเถิด ซึง่ เชื ้อ เพลิงของมันคือมนุษย์ และก้ อนหิน มีมะลาอิกะฮฺผ้ แู ข็งกร้ าว คอยเฝ้ารักษามันอยู่ พวกเขาจะไม่ฝ่าฝื นคำาสัง่ ของอัลลอฮฺ และ จะน้ อมรับปฏิบตั ิตามที่ได้ รับบัญชาเสมอ” (อัต-ตะหฺรีม : 6) ท่านอะลีย์ เราะฎิยลั ลอฮุอนั ฮุ ได้ อรรถาธิบายว่า “ท่าน ทังหลายจงให้ ้ การอบรมบ่มนิสยั และให้ คำาสอนที่ดีๆ แก่พวก เขา” ท่านอิหม่ามอัล-บุคอรีย์และมุสลิมได้ รายงานจากหะ ดีษของอิบนุ อุมรั เราะฎิยลั ลอฮุอนั ฮุมา เล่าว่า ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า 14
2558 عّيِتِه« ]رواه البخاري برقم ِ ن َر ْ ع ك َ ل ٌ سُؤك ْو ْ ع َوَم ك ٍ م َرك ْا ْ ك ك ُ »ُكّل [1829 ومسلم برقم
ความว่า “ท่านทังหลายมี ้ หน้ าที่ต้องรับผิดชอบ และต้ องถูก สอบสวนต่อความรับผิดชอบของเขา” ( บันทึกโดยอัลบุคอรี ย์ : 2558 และมุสลิม : 1829 ) หากสุภาพบุรุษแต่ละคนทำาหน้ าที่ ดูแลเอาใจใส่ และให้ ความสำาคัญกับครอบครัวของตนเอง พยายามที่จะนำาหลักธรรม คำาสอนจากอัลกุรอานและสุนนะฮฺมาใช้ ในการอบรมขัดเกลา สมาชิกในครอบครัวแล้ วไซร้ แน่นอนว่าสังคมที่เขาอาศัยอยูจ่ ะ เป็ นสังคมที่ดีอย่างแน่นอน 2. แสวงหาวิชาความรู้เป็ นเนืองนิจ อันเนื่องด้ วยกับวิชา ความรู้เป็ นมาตราวัดความถูกต้ อง รู้ความจริง แยกแยะสิ่งถูก ผิดได้ อย่างดีเยี่ยมตรงไปตรงมา ทังสามารถตอบโต้ ้ ความคิดที่ บิดเบือนนอกรี ต และเปิ ดโปงแผนการณ์ของผู้ที่มีอคติตอ่ อิสลามอย่างชัดเจน ปราศจากความคลุมเครือ อัลลอฮฺได้ ตรัส ว่า 15
ما َ نۗ إ ِّدن َ مو ُ ۡن َل َيعَل َ ن َوٱّلِذي َ مو ُ ۡن َيعَل َ هلۡ َيسَتِۡوي ٱّلِذي َ ۡ﴿ُقل [٩ : ﴾ ]الزمر٩ ب ِ َۡيَتَذّكُر أ ُك ْوُلوك ْا ٱللَٰۡب
ความว่า “จงกล่าวเถิดโอ้ มหุ มั มัดว่าระหว่างบรรดาผู้ที่มีความรู้ กับบรรดาผู้ที่ไม่มีความรู้จะเท่าเทียมกันกระนันหรื ้ อ? แท้ จริ ง บรรดาผู้มีสติปัญญาเท่านันที ้ ่จะใคร่ครวญ” ( อัซซุมรั : 9) 3. เชิญชวนสูอ่ ลั ลอฮฺพร้ อมกับตักเตือนผู้คนให้ หลีกห่าง จากคนชัว่ และผู้ไม่หวังดีตอ่ อิสลามทังหลาย ้ และจากแผนการ ของพวกเขาที่ต้องการทำาลายบรรดามุสลิมะฮฺ ต้ องการนำาพวก นางออกจากคำาสอนอันสูงส่งของอิสลาม ต้ องการทำาลาย ศาสนาออกจากจิตใจของพวกนาง อัลลอฮฺได้ ตรัสไว้ ในสูเราะฮฺ ยูซฟุ ว่า ِ ة أ ََدنا۠ َوَم ن ٍ صيَر ِ ى َب ٰ عَل َ ۚعوك ْآ إ َِلى ٱلّلِه ُ ۡلي أ َد ِٞٞ ٞسِٓبي َ ٞ هۦ ِ هِذ َٰ ۡ﴿ُقل : ﴾ ]يوسف١٠٨ َمشِۡرِكين ُ ۡ ن ٱل َ ما أ ََدنا۠ ِمَٞ ٞن ٱلّلِه َٓو َ ح َٰ ۡسب ُ عِنيۖ َو َ ٱّتَب [١٠٨
ความว่า “จงกล่าวเถิดมุหมั มัดว่า นี่คือแนวทางของฉัน ฉันเรี ยก ร้ องสูอ่ ลั ลอฮฺด้วยความประจักษ์ แจ้ ง ทังตั ้ วฉันและผู้ปฏิบตั ิตาม 16
ฉัน มหาบริ สทุ ธิ์แด่อลั ลอฮฺ ฉันมิได้ อยูใ่ นกลุม่ ของบรรดาผู้ตงั ้ ภาคี” (ยูซฟุ : 108)
และท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า ك َ ن َل َ كو ُ ن َي ْ ن أ َ ك ْ ك ِم ك َ خك ْيٌر َل َ اًدا،ح ِ اًل َوا،ج ُ ك َر َ ي الّلُه ِب َ ن َيك ْهِد ْ »َفَوالّلِه َل َ ك [2406 م« ]رواه مسلم برقم ِ ع َ مُر الّن ْ ح ك ُ
ความว่า “ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ หากอัลลอฮฺได้ ให้ ใครคนหนึง่ ได้ รับทางนำาด้ วยการแนะนำาเชิญชวนของท่าน นัน่ ย่อมดีกว่าการที่ ท่านได้ รับอูฐแดงเสียอีก” ( บันทึกโดยมุสลิม : 2406 ) (อูฐแดง เป็ นทรัพย์สินที่มีคา่ มากที่สดุ ของชาวอาหรับ สมัยนัน้ เป็ นการเปรียบเทียบกับสิ่งที่มีคา่ เพื่อให้ เข้ าใจดียิ่งขึ ้น เช่นเดียวกับที่เราเปรียบเทียบว่า “เวลามีคา่ ยิ่งกว่าทอง” ผู้แปล ) وصلى ا وسلم، والحمد لله رب العالمين . على دنبينا محمد وعلى آله وصحبه أجمعين
17