ประวัติศำสตร์ชุมชนในเขตเมืองเก่ำ :
ชุมชนเลื่อนฤทธิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหำนคร
อิทธิพร ขำประเสริฐ : 2554
คํานํา กระแสการหวนกลั บ มาให ค วามสํ า คั ญ กั บ “ชุ ม ชนท อ งถิ่ น ”ของสั ง คมไทยในป จ จุ บั น เริ่มแผขยายมากขึ้นทุกขณะ โดยปรากฏใหเห็นไดจากแนวนโยบายการพัฒนา ของหนวยงานตางๆใน ทุกระดับ ตัวอยางของนโยบายเหลานี้เชน การยกยองในภูมิปญญา ศิลปวัฒนธรรมทองถิ่น ปราชญ ชาวบาน อัตลักษณชุมชน การสืบคนรากเหงา ประวัติความเปนมาของแตละพื้นที่ โดยมีความเชื่อวา สิ่งดังกลาวนี้จะเปนพลังขับเคลื่อนการเรียนรู การตระหนัก การรักษาหวงแหน และความภาคภูมิใน ชุมชนทองถิ่นของผูคนซึ่งจะนําไปสูการพัฒนาสังคมไดอยางยั่งยืนในอนาคต “ประวั ติ ศ าสตร ชุ ม ชนในเขตเมื อ งเก า :ชุ ม ชนเลื่ อ นฤทธิ์ เขตสั ม พั น ธวงศ กรุ ง เทพ มหานคร” ถือไดวาเปนงานที่อยูในกระแสตื่นตัวเรื่องชุมชนทองถิ่นดังกลาว อันเปนงานศึกษาที่ผูเขียน นําเสนอภาพความเปนมาของชุมชนเมืองในยานการคาใจกลางเมืองที่มีความสําคัญตั้งแต ยุคตนกรุง รัตนโกสินทร แสดงพัฒนาการจากอดีตจวบจนถึงปจจุบันในมิติทางประวัติศาสตร เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม โดยงานชื้นนี้เ ปนสวนหนึ่งที่นํามาจากวิท ยานิพนธของผูเขียนเรื่อง“กระบวนการสราง “ภาพแสดงแทน”เพื่ อ สิ ท ธิ เ ชิ ง พื้ น ที่ ”วิ ท ยานิ พ นธ สั ง คมวิ ท ยาและมานุ ษ ยวิ ท ยามหาบั ณ ฑิ ต คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร พ.ศ.2550 ผูเขียนขอขอบพระคุณชาวชุมชนเลื่อนฤทธิ์ทุกทานที่ใหความอนุเคราะห สัมภาษณ สอบถาม เรื่องราวความเปนมาของชุมชน รวมทั้งขอขอบคุณหนวยงานตางๆ ซึ่งเปนแหลงสืบคนขอมูล อันไดแก สํานัก หอจดหมายเหตุแหงชาติ หอสมุดปรีดีพ นมยงค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร หอ งสมุดคณะ สถาปตยกรรมศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร ผูเขียนปรารถนาเปนอยางยิ่ง ว า งานชิ้ น นี้ จ ะเป น ส ว นช ว ยเติ ม เต็ ม ของการศึ ก ษาประวั ติ ศ าสตร ชุ ม ชนเมื อ งให กั บ ผู ที่ ส นใจ ไดอีกแงมุมหนึ่ง อิทธิพร ขําประเสริฐ
สารบาญ คํานํา สารบาญ สารบาญภาพ สารบาญตาราง
ก ข ค จ
ความนํา ที่มาของคําวา “เลื่อนฤทธิ”์ ประวัติความเปนมาของชุมชนเลื่อนฤทธิ์ : พัฒนาการจากอดีตสูปจจุบัน ชวงที่ 1 ยุคการถือครองพื้นที่ของกลุมขุนนาง ขาราชการ (พ.ศ.2412 - 2451) ชวงที่ 2 ยุคตึกแถวสําหรับอยูอาศัย ประกอบการคาขนาดยอมและอุตสาหกรรม ในครัวเรือน (พ.ศ.2452 - 2499) ชวงที่ 3 ยุคขยับขยายและการเขามาแทนที่ของธุรกิจคาผา (พ.ศ.2500 - ปจจุบัน) ลักษณะทางกายภาพของชุมชนในปจจุบัน กิจกรรมในพื้นที่ชุมชน ผูคนที่เขามาแวะเวียนเกี่ยวของกับชุมชน กลุมและปฏิสัมพันธของคนในชุมชน เอกลักษณทางวัฒนธรรมของชุมชน ยานคาสงผาทอ-ผามวน ชุมชนหลากหลายชาติพันธุ มรดกทางสถาปตยกรรม บทสรุป ภาคผนวก ประวัติคุณหญิงเลื่อนฤทธิ์ รายชื่อรานคาภายในชุมชน บรรณานุกรม
1 2 3 4
ข
14 19 26 30 34 39 45 45 46 47 52 55 55 64 69
สารบาญภาพ ภาพที่ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24
หนา หลวงฤทธิ์นายเวร คุณหญิงเลื่อน แผนที่แสดงตําแหนงที่ตั้งบานคุณหญิงเลื่อนฤทธิ์กอนตัดถนนเยาวราช แผนที่แสดงการถือครองที่ดินชุมชนเลื่อนฤทธิ์ในอดีต แผนผังบริเวณตําบลถนนจักรกระวัติ แผนผังตําแหนงทีด่ ินที่คุณหญิงเลื่อนนํามาจํานํากับกรมพระคลังขางที่ ประกาศของกรมพระคลังขางที่ แผนที่แสดงตําแหนงชุมชนเลื่อนฤทธิ์และเขตสัมพันธวงศ แผนที่แสดงอาณาบริเวณติดตอของชุมชน มุมสูงเวิ้งทานเลื่อนฤทธิ์ บรรยากาศการคาสงในชุมชน การขนถายสินคาดวยรถจักรยานยนต รูปแบบของอาคารภายในชุมชน มุมสูงบริเวณซอยเลื่อนฤทธิ์ 1 มุมสูงดานหนาพื้นที่ชุมชนติดถนนเยาวราช มุมสูงดานถนนเยาวราชจนถึงแยกวัดตึก ภายในซอยเลื่อนฤทธิ์ 1 หนาชุมชนดานถนนเยาวราช บรรยากาศในซอยเลื่อนฤทธิ์ 3 บรรยากาศในซอยเลื่อนฤทธิ์ 3 ความแออัดของรถยนตในซอยกลาง กลุมอาคารดานหลังติดกับตลาดสําเพ็ง กลุมอาคารดานถนนมหาจักร บรรยากาศในซอยเลื่อนฤทธิ์ 2
ค
2 2 5 6 7 8 15 27 28 33 46 46 48 49 49 49 49 49 50 50 50 50 50 50
สารบาญภาพ (ตอ) ภาพที่ 25 26 27 28 29 30
หนา บรรยากาศในซอยเลื่อนฤทธิ์ 1 ความสวยงามของอาคารในพื้นที่ บรรยากาศในซอยเลื่อนฤทธิ์ 3 รานคาดานหนาพื้นที่ถนนเยาวราช บริเวณปากซอยเลื่อนฤทธิ์ 1 บริเวณปากซอยเลื่อนฤทธิ์ 3
51 51 51 51 51 51
ง
สารบาญตาราง ตารางที่ 1 2
หนา แสดงรูปแบบการใชสอยอาคารในชุมชน..................................................... แสดงการประกอบกิจกรรมการคาและบริการในชุมชน...............................
จ
31 32
ความนํา ชุม ชนเลื ่อ นฤทธิ ์ห รือ ที ่ผู ค นมัก จะเรีย กกัน วา เวิ ้ง ทา นเลื ่อ นฤทธิ ์เ ปน พื ้น ที ่ซึ ่ง มี ขนาดใหญไมมากนัก ขอบเขตโดยรอบติดตอกับยานการคาหลายแหง โดยเฉพาะการที่ชุม ชน แหง นี้มีที่ตั้ง ติด กับ ตลาดการคาสํา เพ็ง อัน เปน บริเ วณซึ่ง ถือ ไดวา สรา งความเปลี่ย นแปลงที่ สํา คัญ ใหก ับ พื้น ที่ข องชุม ชนและการขยายตัว ทางเศรษฐกิจ ของกรุง เทพฯ ตั้ง แตส มัย ตน รัตนโกสินทรเปนตนมา ชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์ถือ เปนชุม ชนที่มีลัก ษณะความเปนยานการคาเกาแกที่มีพัฒ นาการ ควบคูมากับตลาดสําเพ็ง และยานตางๆที่อยูใกลเ คียง ภายในชุม ชนสามารถที่จ ะพบเห็นภาพ บรรยากาศทางการคาของกลุมคนไทยเชื้อสายจีนและอินเดีย ซึ่ง มีทั้ง ระบบคาสง และคาปลีก การจา งงานที่ย ัง คงดํ า รงอยู ม าอยา งตอ เนื ่อ งภาพของผู ค นกลุ ม ตา งๆที่ห มุน เวีย นเขา มา ปฏิสัม พันธกับ พื้นที่อ ยางสม่ําเสมอ นอกจากนี้ในชุม ชนยัง มีก ลุม อาคารพาณิชยใ นยุค แรกๆ ของไทยอันเปนรูปแบบทางสถาปตยกรรมจีนผสมยุโรป ซึ่งสรางขึ้นมาเพื่อรองรับ การขยายตัว ทางเศรษฐกิจ และการเติบ โตของกรุง เทพฯ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จ พระจุล จอมเกลา เจาอยูหัว รัชกาลที่ 5 ยังคงความสวยงามปรากฏใหเห็นอยู ชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์จ ึง เต็ม ไปดวยเสนหและเรื่อ งราวที่นา สนใจ ดัง ปรากฏในขอ คนพบ จากผลการศึกษาของยงธนิศร พิมลเสถียร เมื่อป พ.ศ. 2547 ที่กลาวไววา ชุม ชนแหง นี้ยัง คงมี ความสํา คัญ ในดา นการเปน มรดกทางวัฒ นธรรม (Cultural heritage) ทั้ง ทางดานความ ตอเนื่องในการรักษารูปแบบของการตั้ง ถิ่นฐาน (Continuity of settlement pattern) และ การรักษาลักษณะเฉพาะของอาคาร (Building character) พื้นที่ของชุม ชนยัง มีคุณคาทั้ง ทาง เศรษฐกิจ และสัง คมรว มสมัย (Contemporary socio-economic value) อีก ทั้ง ยัง มี แนวโนมที่จะกลายเปนแหลงทองเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในรูป แบบของถนนคนเดิน (Pedestrian Area) ไดอีกแหงหนึ่ง เชนเดียวกับ ทางสํานัก ผัง เมือ ง กรุง เทพมหานคร ที่ไดเ ลือ กใหชุม ชนนี้ เปน โครงการนํ า รอ งในการบูร ณะและอนุร ัก ษใ หเ ปน ยา นประวัต ิศ าสตรใ นเมือ งตาม แผนพัฒนาชุมชนเขตสัมพันธวงศ เมื่อป พ.ศ.2545 ที่ผานมาดวย
1
ที่มาของคําวา “เลื่อนฤทธิ์”
หลวงฤทธิ์นายเวร
คุณหญิงเลื่อน
คําวา“เลื่อนฤทธิ์”มาจากชื่อ ของคุณหญิง เลื่อ น เทพหัส ดิน ณ อยุธยา1 แตก ารเรียก ทานวา“เลื่อ นฤทธิ์”สันนิษฐานไดวานาจะเกิด ขึ้นจากความคุนเคยของผูคนในสมัยนั้นที่รูจ ัก ทานในนาม “เลื่อน ภรรยาหลวงฤทธิ์” นายเวร (พุด) เทพหัส ดิน ณ อยุธยา ดัง นั้นจึง เกิดการ ผนวกชื่อยอของคุณหญิง“เลื่อน”และคําวา“ฤทธิ์”เขาไวดวยกันซึ่ง ไดนํามาใชเ ปนชื่อ เรียกจน ติด ปากคุน หูก ัน ปรากฏในชื่อ ตา งๆ ทั้ง ตัว คุณ หญิง เลื่อ นฤทธิ์ เวิ้ง ทา นเลื่อ นฤทธิ์ และถูก นํามาใชเปนชื่อ ซอย และชุม ชนที่จัดตั้ง ขึ้นในปจ จุบัน ในทางภาษาจีนพื้นที่บ ริเ วณยานเลื่อ น ฤทธิ์นี้เ รียกกันวา“เซี่ยง ฮู ไหล”แปลเปนภาษาไทยไดวา ภายในคฤหาสนของเสนาบดี หรือ ภายในคฤหาสนแหงความอนุเคราะหชวยเหลือ อันมีความหมายไดสองนัย คือ ประการแรก หมายถึง พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ พระจุล จอมเกลาเจา อยูหัว รัชกาลที่ 5 ที่มีตอพสนิกร กลาวคือ การที่พระองคไดทรงรับซื้อ ที่ดินจากคุณหญิง เลื่อ น และนํา มาพัฒ นาใหเ ปน ที่อ าศัยและทํา การคา ของเอกชนรายยอ ย ไดทํา ใหป ระชาชนไดมี โอกาสดําเนินกิจการคาตอเนื่องมาอยางผาสุกตั้งแตแรกจวบจนกระทั่งปจจุบันภายใตก ารดูแล ของกรมพระคลังขางที่และสํานักงานทรัพยสินสวนพระมหากษัตริยตามลําดับ 1
โปรดดูประวัติคุณหญิงเลื่อนฤทธิ์ โดยละเอียดไดที่ภาคผนวก ก. 2
ประการที่สอง หมายถึง พระเมตตาอนุเคราะหของพระบาทสมเด็จ พระจุล จอมเกลา เจาอยูหัว ที่มีตอคุณหญิงเลื่อนฤทธิ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยาและครอบครัว ซึ่งมิไดมีเ ฉพาะการที่ พระองคท รงรับ ซื้อ ที่ดินเพื่อ ใหคุณ หญิง นํา เงินที่ไดจ ากการขายไปจุน เจือ ครอบครัวเทา นั้น ยัง มีเ รื่อ งอื่น ๆอีก หลายเรื่อ ง 2 ที่คุณหญิง ขอรับ พระราชทานพระเมตตาจากพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว จนกระทั่งพระองคทรงออกพระโอษฐวานาจะตอสรอยชื่อ คุณหญิง เปน “ทา นเลื ่อ นฤทธิ ์น านาเนกนิต ยอิน สิเ ดนต”ทั ้ง นี้เ พราะเกิด เรื่อ งเดือ ดเนื้อ รอ นใจทีไ ร คุณ หญิง ก็เ ปน เขา ไปเฝา ฯกราบทูล ใหท รงทราบความทุก ขร อ น ดว ยรูวา พระองคท รงพระ กรุณาไมถือโทษ (กรมพระยาดํารงราชานุภาพ 2527:267)
ประวัติความเปนมาของชุมชนเลื่อนฤทธิ์ : พัฒนาการจากอดีตสูปจจุบัน ขอ มูล พัฒ นาการของชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์ม าจากแหลง คน ควา ที่สํา คัญ 2 แหลง คือ การสํารวจเอกสาร งานเขียน งานวิจัย โดยเฉพาะเอกสารชั้นตนทางประวัติศาสตรจ ากสํานัก หอจดหมายเหตุแหงชาติ ซึ่งปรากฏหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับ พื้นที่ของชุม ชนนี้ตั้ง แตในรัชสมัย ของพระบาทสมเด็จ พระจุล จอมเกลา เจา อยูห ัว รัช กาลที่ 5 เปน ตน มา และอีก สว น คือ การสัม ภาษณผูคนที่อ าศัยอยูในพื้นที่ ในแงมุม ตางๆ เชน ครอบครัว การดําเนินชีวิต ธุร กิจ การคา การใชพื้นที่ ความเปลี่ยนแปลงของผูคนที่เ ขามาเกี่ยวขอ งกับ พื้นที่ โดยขอ มูล ดัง กลาว ทั้งหมดจะนํามาจะปะติดปะตอเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพื่อ ใหเ ห็นพัฒ นาการของพื้นที่โ ดยภาพรวม ซึ่งสามารถแบงออกไดเปน 3 ชวงระยะเวลาที่สําคัญ กลาวคือ
2
พระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 5 ที่มีตอครอบครัวของหลวงฤทธิ์นายเวร และคุณหญิงเลื่อน มิไดมีเฉพาะการนี้เทานั้น พระองคยังทรงมีความอนุเคราะหในเรื่องอื่นๆอีกหลายครั้ง เชน ใน ป พ.ศ.2434 คุณหญิงเลื่อนขอพระราชทานเงินคาอากรที่หลวงฤทธิ์คางจายคาตลาดจากกระทรวงพระคลังมา เปนคาทําศพหลวงฤทธิ์ และขอเก็บเงินคาเชาที่ตลาดที่หลวงฤทธิ์นายเวรเคยไดรับ รวมทั้งการขอพระราชทานที่ ฉางหลวงทําเปนตลาดเพิ่มเติมขึ้นอีกหลังจากถูกถนนเยาวราชตัดผาน (หจช.กร5ค/10 รศ.110) ในป พ.ศ. 2444 กรณีที่กิจการโรงละครของคุณหญิ งประสบกับ การขาดทุนเกิดการฟ องรองเปนขอพิพาทขึ้น (หจช.กร5บ/20) หรือในป พ.ศ.2448 คุณหญิงเลื่อน กูเงินพระคลังขางที่ 20,000 บาท เพื่อนําไปจุนเจือครอบครัวและลงทุนหา ประโยชนใ นที่ ดินผื นอื่ นๆ (หจช.กร5ค/30 รศ.124)นอกจากนี้ หลั งจากที่หลวงฤทธิ์ นายเวรถึ งแกกรรมแล ว พระองคยังทรงอนุเคราะหสงเสียบุตรชายทั้ง 2 คน คือ พลเอก พระยาเทพหัสดิน (ผาด) และ พลตรี พระยาอนุ ภาพไตรภพ (จํารัส) ไปศึกษาตอยังตางประเทศดวย 3
ชวงที่ 1 ยุคการถือครองพื้นที่ข องกลุมขุนนาง ขาราชการ (พ.ศ.2412 - 2451) หากพิจารณาจากแผนที่เกาที่นํามาเสนอ (ภาพที่ 3 และ 4) จะพบวาพื้นที่ของชุม ชน เลื่อ นฤทธิ์เ ปน บริเ วณซึ่ง ตั้ง อยูใ กลก ับ ตัว แนวกํา แพงเมือ งทิศ ตะวันออกเฉีย งใตไ มม ากนัก โดยบริเ วณนี้เ ปน ที่ตอ เนื่อ งใกลเ คีย งกับ ตลาดหรือ ยา นการคา ที่สํา คัญ หลายแหง ทั้ง ตลาด สําเพ็ง3ตลาดสะพาหัน อันมีคลองโองอาง(คลองสะพานหัน)และคลองวัดสามปลื้มเปนเสนทาง คมนาคมของผูคนที่ม าซื้อ ขายแลกเปลี่ยนสินคากันในยานนี้ การถือ ครองที่ดินในพื้นที่ชุม ชน เลื่อ นฤทธิ์อ ยูใ นกรรมสิท ธิ์ข องพระยาไชยสุร ินทร (เจียม เทพหัส ดิน ) บิด าของหลวงฤทธิ์ นายเวร (พุด) และพระยาจาแสนบดี (เดช คฤเดช) บิดาของคุณหญิง เลื่อ น ซึ่ง ในเวลาตอ มา เมื่อหลวงฤทธิ์นายเวรไดถึง แกก รรมลง ที่ดินทั้ง หมดจึง ไดตกเปนมรดกมาอยูในการถือ ครอง ของคุณหญิงเลื่อนแตเพียงผูเดียว บริเ วณแวดลอ มโดยรอบพื้น ที ่ชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์ส ว นใหญจ ะเปน ที่ด ิน ซึ่ง อยู ใ นการ ครอบครองของกลุมขุนนาง ขาราชการหลายทาน เชน บานหลวงคีรีร าชบุรุษ บานเจาพระยา อภัย รณฤทธิ์ ที่ข องเจา พระยาบดินทรเ ดชา ที่ดิน ของหลวงรายวิว าท ที่เ จา พระยานนท ที่ดินของวัดตึกหรือวัดชัยชนะสงคราม อีกทั้งยังมีบานพักขาราชการและราษฎร รวมไปถึง ยัง มี ตึกแถวใหเชาดวย (หจช.กร5ค/30)
3
พื้นที่สําเพ็งเปนบริเวณที่พัฒนามาพรอมกับการสรางกรุงรัตนโกสินทร โดยกอนที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอด ฟาจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 จะทรงสรางพระบรมมหาราชวัง ในป พ.ศ.2325 ณ ฝงพระนครปจจุบัน ไดทรง โปรดเกลาฯ ใหกลุมชาวจีนซึ่งอาศัยอยูแตเดิมบริเวณนี้ ( ระหวางวัดสลัก หรือ วัดมหาธาตุฯ และวัดโพธิ์ หรือวัด พระเชตุพนฯ) ยายไปตั้งถิ่นฐานใหม โดยใหอยูนอกกําแพงเมืองทางทิศตะวันออกเฉียงใต คือ อาณาบริเวณตั้งแต คลองวัดสามปลื้มไปจนถึงคลองวัดสามเพ็ง ขนานยาวไปกับฝงตะวันออกของแมน้ําเจาพระยา ซึ่งในเวลาตอมาได มี ผู ค นย า ยเข ามาอยู ใ นบริ เ วณนี้ อย างต อเนื่ อ ง และพั ฒ นาพื้ นที่ นี้ก ลายเป นตลาดการค า ที่ สํ าคั ญ ของกรุ ง รัตนโกสินทรในนาม “ตลาดสําเพ็ง” โดยเฉพาะกลุมชาวจีนนับวามีบทบาทสําคัญในฐานะพอคาซึ่งไดทําใหระบบ ตลาดสําเพ็งมีลักษณะพิเศษ กลาวคือ มีลักษณะของการเปนชุมชนชาวจีน และตลาดไปดวยในตัว โดยเปนตลาด บกขนาดใหญที่สุดเทาที่เคยมีมา มีสินคาทุกอยางที่ผลิตหรือรวบรวมมาจากแหลงผลิตตางๆของอาณาจักรและ สินคาที่นําเขาจากจีน และจากพอคายุโรป มีทั้งการคาสงและการคาปลีก บรรดาพอคาตางชาติสามารถที่จะหา ซื้ อสิ นค า ที่ ต นเองต องการได จ ากที่ สํ า เพ็ ง หมอบรั ด เลย ถึ ง กั บ เรี ย กสํ าเพ็ ง ในระยะนั้ นว าเป นเมื อ งการค า (a trading town) มากกวาเปนตลาดการคา (D.B.Bradley 1863:87-94 อางในอดิศร หมวกพิมาย 2538 : 31 – 32) 4
5
ภาพที่ 3 แผนที่แสดงตําแหนงที่ตั้งบานคุณหญิงเลื่อน และตลาดสําเพ็ง กอนตัดถนนเยาวราช สมัยรัชกาลที่ 5 ที่มา : ปรับจากสุภางค จันทวานิช (2549 : ไมปรากฏเลขหนา)
ภาพที่ 4
ที่มา :
แผนที่แสดงการถือ ครองที่ดินชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์ในอดีต ซึ่ง อยูในกรรมสิท ธิ์ของ พระยาไชยสุรินทร (เจียม เทพหัส ดิน) บิดาของหลวงฤทธิ์นายเวร (พุด) และ พระยาจาแสนบดี (เดช คฤเดช) บิดาของคุณหญิง เลื่อ น และการถือ ครอง ที่ดินบริเวณใกลเคียง (ถนนตัดใหม คือ ถนนเยาวราช) หจช ก.ร.5ค/10
6
7
ภาพที่ 5 แผนผังบริเวณตําบลถนนจักรกระวัติ ถนนเยาวราช และบริเวณใกลเคียง พ.ศ.2441 (รศ.117) และแสดงตําแหนงที่ดินซึ่งคุณหญิงเลื่อนนํามาจํานํากับกรมพระคลังขางที่ ที่มา : หจช ผจ.ร5ค.90
ภาพที่ 6 แผนผังตําแหนงที่ดินซึ่งคุณหญิงเลื่อนฤทธิ์นํามาจํานํากับกรมพระคลังขางที่ บริเวณถนนเยาวราชตัดผาน ที่มา : หจช.ก.ร.5ค/34 8
ที ่ด ิน บริเ วณดัง กลา วนี ้น ับ ไดว า รับ การพัฒ นาอยา งตอ เนื ่อ งจากรัฐ ในสมัย ของ พระบาทสมเด็จ พระจุล จอมเกลาเจาอยูหัว ทั้ง นี้เ ปนผลมาจากการขยายตัวทางดานการคา ของตลาดสําเพ็ง4 ทําใหรัฐมีการลงทุนตัดถนนหลายสายพาดผานพื้นที่เพื่อบรรเทาความแออัด และปองกันปญหาการเกิดไฟไหม เชน ถนนสําเพ็ง ถนนเยาวราช ถนนจัก รวรรดิ ซึ่ง ตัดผาน โดยรอบที่ดินของคุณหญิงเลื่อ น รวมทั้ง มีก ารปลูก ตึก แถวเพื่อ รองรับ การขยายตัวทางการคา การลงทุน รายยอ ย โดยหนว ยงานที ่ม ีบ ทบาทสํ า คัญ ในการลงทุน สรา งตึก แถวใหม คือ กรมพระคลังขางที่ที่มีความสนใจอีกทั้งยังมีศักยภาพดานการลงทุนมาก ทั้งนี้เปนเพราะวาการ สรางตึก แถวสามารถที่จ ะเก็บ คาเชาไดดอกเบี้ยมากกวาการนําเงินไปฝากธนาคาร กลาวคือ ธนาคารจะใหอัตราดอกเบี้ยเพียงรอ ยละ 2 บาท ในขณะที่ก ารลงทุนสรางตึก แถวจะเก็บ คา เชาไดดอกเบี้ยรอยละ 5 บาทตอป (สุภางค จันทวานิช 2549:10) กรมพระคลัง ขางที่จึง ปลูก ตึก แถวใหเ ชา ทุก คราวที่ม ีก ารตัดถนน นัยของการพัฒ นาพื้น ที่ใ นลัก ษณะนี้จ ึง สง ผลตอ การ
4
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 5 พื้นที่บริเวณสําเพ็งนั้นเปนยานที่มีชาวจีน อยูกันอยางหนาแนน แออัด เต็มไปดวยโรงเรือน รานคาปลูกกันอยางเบียดเสียด ซึ่งสวนใหญปลูกดวยไมและ จาก จึงทําใหเกิดเหตุการณไฟไหมอยูหลายครั้ง แตละครั้งที่เกิดเหตุการณก็ไดมีการตัดถนนผานที่เพลิงไหม รัฐ ไดลงทุนตัดถนนบริเวณสําเพ็งถึง 18 สาย เชน ถนนสามเพ็ง(ถนนวานิช1) ที่ตั้งตนแตสะพานหันตอกับถนนพาหุ รัดเกือบขนานกับถนนเยาวราชผานถนนจักรวรรดิที่ตําบลหัวเม็ด ผานถนนราชวงศ ขามถนนราชวงศไปทางใต ผานตําบลสัมพันธวงศ ออกถนนทรงวาดตรงไปผานวัดปทุมคงคา มีการตัดถนนเยาวราช(ยุวราช)เพื่อเปนการ ขยับขยายพื้นที่คาขายจากตลาดสําเพ็ง โดยเปนถนนที่เริ่มตนจากถนนมหาชัยหนาวังบูรพาภิรมยขนานกับถนน เจริญกรุงผานถนนจักรวรรดิหรือสี่แยกวัดตึกจนบรรจบกับถนนเจริญกรุงที่บริเวณตําบลสามแยก รวมทั้งมีการ ตั ด ถนนอื่ น ๆอี ก หลายสาย เช น ราชวงศ จั กรวรรดิ อนุ วงศ วรจั กร แปลงนาม พลั บ พลาไชย ทรงวาด สัมพันธวงศ พาดสาย ปทุมคงคา ตลาดนอย เปนตน นอกจากการตัดถนนแลว รัชกาลที่ 5 ก็โปรดเกลาฯใหมี การสรางตึกแถวตามแนวริม 2 ฝงถนนเพื่อรองรับการขยายตัวทางการคาที่เติบโตขึ้นในยานนี้ โดยดําเนินการ ผานกรมพระคลังขางที่ซึ่งจะพิจารณาวาควรสรางตึกแถวแบบใด เชน ในบริเวณสําเพ็ง เยาวราช และราชวงศจะ สรางเปนตึกแถว 2 ชั้น สําหรับใหเชาอยูอาศัยและประกอบการคาริมถนนอนุวงศ ราชวงศ ตรอกพระยาไกร สรางเปนตึกแถวชั้นเดียวสําหรับใหเชาเปนโกดังเก็บสินคาตามความสะดวกตอการขนถายสินคาทั้งทางบกและ ทางน้ํา อยางไรก็ดี ผลจากการตัดถนนสายใหมๆนี้ ยังไดทําใหที่ดินริมถนนมีราคาสูงขึ้นและเกิดการเก็งกําไรที่ดิน ดวย อยางเชนในป พ.ศ. 2447 ที่ดินริมถนนเยาวราช ราคาตารางวาละ 200 บาท ใน พ.ศ.2450 ที่ดินริมถนนสํา เพ็ง ราคาตารางวาละ 400 บาท ซึ่ง ทําใหทางการมี รายไดจากคาธรรมเนีย มที่ ดินเพิ่มขึ้ น ประกอบกับการมี ตึกแถวและหองแถวริมถนนจํานวนมาก รายไดของทางการในการเก็บภาษีโรงเรือนก็มีมากขึ้น โดยเฉพาะในยาน สําเพ็ง ทางการสามารถเก็บภาษีโรงรานไดถึงปละ 335,142 บาท (สุภางค จันทวานิช 2549:6,10 )
9
เปลี่ย นแปลงการตั้ง ถิ่นฐานของชุม ชนเมือ งจากชุม ชนน้ํามาเปน ชุม ชนบก และการเขา มา แทนที่ของการคมนาคมทางบกมากขึ้นดวย ที่ดินบริเวณชุมชนเลื่อนฤทธิ์ซึ่ง อยูในการถือ ครองของครอบครัวคุณหญิง เลื่อ นฤทธิ์ก็ ไดรับการพัฒนาจากกรมพระคลังขางที่เชนเดียวกันกับพื้นที่อื่นๆ เนื่อ งจากคุณหญิง เลื่อ นฤทธิ์ ไดนําที่ดินผืนนี้มาจํานํากับ กรมพระคลัง ขางที่ ซึ่ง พระบาทสมเด็จ พระจุล จอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 5 ไดทรงรับซื้อจากคุณหญิงเลื่อนฤทธิ์ไวโ ดยที่ดินสวนแรก คือ บริเ วณสวนทางเหนือ ที่ติดกับ วัดชัย ชนะสงคราม(วัดตึก ) ซึ่ง เวลานั้น ถูก ถนนใหมคือ ถนนเยาวราชตัด ผาน ในราว พ.ศ.2441 (รศ.117) เรื่องราวการจํานําที่ดินผืนดัง กลาวปรากฏในจดหมายที่คุณหญิง ฟก ทอง (มารดา)ภรรยาพระยาจาแสนบดี(เดช)(บิดา)และคุณหญิง เลื่อ นเขีย นถวายพระบาทสมเด็จ พระจุล จอมเกลาเจาอยูหัว ลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2438 มีใจความตอนหนึ่ง วา (หจช.กร.5 ค/34 รศ.114) “...ดวยขาพระพุทธเจามีความขัดสนยากจนนัก ดวยไมมีที่จ ะทํามาหา รับ พระราชทาน ใหพ อกับ การใชส อยที ่จ ะเลี ้ย งชีว ิต ตนไปเลย มาบัดนี้ถนนเยาวราชผานบานแตกเปนสองฟากจากกันแลวเลื่อ นจึง ทูล ขอพระดําริห พระเจานอ งยาเธอ เจาฟากรมขุนนริศรานุวัติวงษ ก็ไดทรงแนะนําใหทําแผนที่แลทรงติเตียนเปลี่ยนแปลงเพื่อ ใหเ ปนทาง เจริญ ทั้ง หมดบา น เพราะที่ร ายนี้เ ปนเกาะอยู กลางขางนา บานออก ถนนสามเพ็ง หลังบานถูกถนนเยาวราชตัดผานมา จึงทรงพระดําริหให ตัดถนนในบานอีก สองทาง ตั้ง แตถนนเยาวราชโอนตามเนื้อ ที่ม ารวม ทางทลุถนนสามเพ็ง... ...แตความคิดที่จะทําการครั้งนี้ เปนการใหญ ยังเปนที่ขัดขวางอยางยิ่ง ดว ยทุน จะทํ า ไมม ี ขา พระพุท ธเจา ขอรับ พระราชทานตีที ่ๆ ถนน เยาวราชผานดานทิศตะวันออกดานหนึ่งนั้นจํานําหลวงตามราคาชั้นต่ํา ในจังหวัดนี้...” ที่ดิน ซึ่ง คุณ หญิง เลื่อ นนํา ไปจํา นํา ในคราวนี้ม ีเ นื้อ ที ่ร ิม ถนนเยาวราช ยาว 44 วา ดานหลัง ติดกับ คูน้ํา 44 วา ดานตะวันออกติดคลองสามเพ็ง 7 วา สวนดานตะวันตกติดกับ บานพระเสนาพิพิธ (เสม) 11 วา เนื้อ ที่ร วมทั้ง หมด 396 วา โดยคุณหญิง ขอพระราชทาน ตารางวาละ 60 บาท รวมทั้งหมดเปนเงิน 297 ชั่ง สําหรับ เงินที่ไดจ ากการจํานํานี้คุณหญิง ได นําไปเปนทุนในการปลูก บานแหง อื่นๆ ที่ดินผืนนี้ในเวลาตอ มาไดตกเปนกรรมสิท ธิ์ของกรม 10
พระคลังขางที่ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว ทรงพระกรุณาพระราชทานที่ดิน ผืนนี้แกพระเจาลูกยาเธอ พระองคเจาอุรุพงษรัชสมโภช (หจช.มร.5รลพ.ศ./14) โดยไดท รงให กรมพระคลังขางที่ดําเนินการปลูกสรางตึกแถวใหเชาไปแลวบางสวน ในเวลาตอ มา คือ ป พ.ศ.2448 (รศ.124) คุณหญิง เลื่อ นฤทธิ์ คิดที่จ ะจัดการแบง มรดกจากบิดาของทานใหเ สร็จ เพื่อ นําทรัพ ยสินดัง กลาวมาสรางบานใหมและนํามาจัดการ แตงงานใหกับบุตรชาย รวมทั้งแบงใหกับบุตรคนอื่นๆ แตจํานวนเงินที่มีไมเพียงพอ จึง ไดถวาย ขายที่ดินอีกสวนหนึ่ง บริเ วณถนนสําเพ็ง และเยาวราช โดยเรื่อ งดัง กลาวปรากฏในจดหมายที่ คุณหญิงเลื่อนฤทธิ์เขียนถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว ลงวันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2448 มีใจความวา (หจช.กร.5ค/35 รศ.124) “ดวยขาพระพุทธเจาอยากจะจัดการมรฎกในพินัยกรรมของทานบิดา ซึ่งไดทราบใตฝาลอองธุลีพระบาทแตเดิมนั้น มาบัดนี้บุตร ชาย หญิง ของขาพระพุท ธเจาก็เ ปนหนุม สาวสมควร จะตกแตง ปลูก ฝง ใหเ ขา ทั้ง เวลานี้ขาพระพุท ธเจาก็ไ ดก ลา วขอบุต รี พระยานรฤทธิร าชหัชใหกับ นายรอ ยโทผาดไดแลวแตนายรอ ยโทผาด ตอ งไปราชการจึ่ง ตอ งงดการวิว าหมงคลไวก อ น แตบัด นี้น ายรอ ยโท ผาดก็เ สร็จ ราชการแลว จะมาถึง กรุง เทพ ราววัน ที่ ๑๕ หรือ ที่๑ ๖ พฤษภาคมนี้แลว ขาพระพุทธเจาก็จะคิดตกแตง ใหเ ขาในคราวนี้ ถาไม มีเงินจะตกแตงกับเขาก็เปนที่อัประหยด จึ่งคิดดวยเกลาวาจะจัดการในพินัยกรรมของทานบิดาเสียใหเ สร็จ แตตัวเงินไมมีพอที่จะแจกจาย จึ่ง เหนดวยเกลาวาที่บานถนนสามเพ็ง หรือถนนเยาวราชทั้งเกาะนี้เปนพื้นที่ซึ่งมีราคามาก ซึ่ง ขาพระพุท ธเจา อยูในที่ซึ่งมีร าคาเชนนี้ก็ไมสูมีป ระโยชน ครั้นจะคิดขยับ ขยายไปอยูที่ อื่นแลวจัดการปลูก สรางทําผลประโยชนล งใหเ ต็ม พื้นที่ดัง นี้เ ลา ทุนที่ จะทําแลที่จะไปก็ไมพอ ก็เปนการไมมีประโยชนซึ่งจะสงวนที่รายนี้ไว เพราะฉะนั้นขาพระพุทธเจาอยากจะถวายขายที่บานรายนี้ไวในใต ฝา ลองธุล ีพ ระบาท ดว ยเปนที่ดีม ีค วามอาไลยมากไมอ ยากจะใหต ก ไปเปน ของผูอื่น แตร าคาที่พื้นนั้นในเวลานี้แพงทั่วไปกวาเวลาที่ท รง ซื้อ ครั้ง กอ นเสียแลว เพราะความเจริญ ของถนนเยาวราชผิด กวา แต กอ นมาก มิใชขา พระพุท ธเจาจะแกลง กง ราคาใหเ กิน กวาชาวบานที่
11
เขาซื้อขายกันนั้นก็หามิได ตองขึ้นไปตามความเจริญของบานเมือ งโดย สมควร... …ถาโปรดเกลา ทรงซื้อ ไวแลว เงินที่ถวายขายที่ไดนั้นขาพระพุท ธเจา จะรับพระราชทานไปแตเ ฉพาะธุร ะ เหลือ เทาใดก็จ ะขอพระราชทาน ฝากไวในทองพระคลัง กอ น เพราะขาพระพุท ธเจาจะออกจากบานไป ในทัน ทีไ มไ ด ขา พระพุท ธเจา จะตอ งทํ า บา นใหน ายรอ ยโทผาดกับ มารดาอยูที่ตําบลวัวลําพอง คือ รื้อของเกาไปทําเปลี่ยนแบบใหม.... ...อนึ่ง เมื่อ ไดก ราบบัง คมทูล มาในครั้ง นี้แลวขาพระพุท ธเจา ก็จ ะ พระราชทานกราบบังคมทูลชี้แจงถึงระเบียบการซึ่ง ขาพระพุท ธเจาจะ ไดจ ัดสํา หรับ บุตรใหท ราบใตฝ าละอองธุล ีพ ระบาทใหต ลอดดวย คือ แบง บันในคราวนี้ นายรอ ยโทผาดจะไดรับ สว นแบง ๑๐๐๐ ชั่ง นอ ง สามคนจะไดรับ สว นแบง คนละ ๒๐๐ ชั่ง ตามความเจตนาของทา น เจาของทรัพยแตเดิมมา...” ที่ดินที่คุณหญิงถวายขายในสวนที่ 2 นี้คุณหญิง ขอพระราชทานขายตารางวาละ 160 บาท แตตอมากรมพระคลังขางที่ไดมีการตอรองเหลือในราคาตารางวาละ 80 บาท โดยมีเ นื้อ ที่ทั้งหมด 2000 ตารางวา คิดเปนเงิน 165,295 บาท นอกจากนี้คุณหญิง ยัง ไดเ สนอถวายขาย โรงแถวที่สรางอยูบนที่ดินซึ่งมีทั้งชั้นเดียวและสองชั้นจํานวนหนึ่ง ดวย โดยกรมพระคลัง ขางที่ ไดรับซื้อไว ดังที่กรมพระสมมตอมรพันธุ อธิบดีกรมพระคลังขางที่ไดระบุไวในหนัง สือ ของกรม พระคลังขางที่ เลขที่ 15/1724 ลงวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ.2451 มีใจความวา (หจช.กร.5ค/35 รศ.127) “...ที่บ านเลื่อ นภรรยาหลวงฤทธิ์นายเวร(พุด )ซึ่ง กราบบัง คมทูล พระ กรุณ าขอพระราชทานถวายขาย เดิม ตั ้ง ราคาวาละ ๑๖๐ บาท ขาพระพุทธเจาเห็นดวยเกลาฯวาควรซื้อ ไดเ พียงราคาวาละ ๘๐ บาท โปรดเกลาฯใหวากลาวไดรับพระราชทานวากันตอ มาในที่สุดก็เ ปนอัน ตกลงยอมรับตามราคาวาละ ๘๐ บาท แตเกี่ยงใหรับ ซื้อ โรงแถวที่ป ลูก อยูใ นที ่นั้น ดว ย ไดร ับ พระราชทานพิจ ารณาดูโ รงแถวที่ป ลูก อยูนั ้น เปนโรงแถวชนิดกํามลอเปนพื้นแลโดยมากหอ งที่อ ยูในใจกลางบานซึ่ง มีถนนลอมรอบ เมื่อซื้อแลวกะแปลนกอ สรางอันใดลงคงจะตอ งลงมือ ในหมูนั้นกอน โรงแถวนั้นๆก็จ ะตอ งรื้อ ทิ้ง ไมทันเก็บ ผลประโยชนชวย 12
ทุนได แตมีบางแถวที่คิดดวยเกลาฯวาถาไดร าคาเยาก็ส มควรรับ ซื้อ ไว เก็บ คาเชาไปพลางกอ นได คือ โรงแถวที่ป ลูก อยูขอบนอกของถนนซึ่ง ขาดหลังโรงแถวก็สุดเขตรที่ เพราะวาโรงแถวนี้ก ารกอ สรางที่จ ะทําลง ตามแปลนซึ่ง จะคิดใหมจ ะตอ งรื้อ ก็คงอยูในตอนที่สุด ชา กวาที่ห มูใ จ กลางบานคงจะเก็บคาเชาไดคุมทุนฤามีกําไร ไดรับ พระราชทานใหเ จา พนักงานกะราคาที่ควรจะรับ ซื้อ แลวากลาวกับ เลื่อ นในสวนโรงแถวที่ เห็นควรซื้อ คือ (๑) โรงแถว 2 ชั้นหลัง คามุง กระเบื้อ ง ๑๐ หอ งเก็บ คาเชาไดอยูหอ งละ ๗ บาท ๔๐ อัฐ ตอ เดือ น เจาพนัก งานกะราคาจะ ซื้อไดหอ งละ ๒๐๐ บาท เลื่อ นจะขอหอ งละ ๒๔๐ บาท (๒) โรงแถว ชั้น เดีย วหลัง คามุง สัง กะสี ๒๑ หอ งเก็บ คา เชา ไดอ ยูห อ งละ ๕ บาท ๒๘ อัฐ เจาพนักงานกะซื้อหองละ ๘๐ บาท เลื่อนจะขอหอ งละ ๑๖๐ บาท (๓) โรงแถวชั้นเดียวหลังคามุงสังกะสีอีกแถวหนึ่ง ๕ หอ ง เก็บ คา เชา ไดอ ยูห อ งละ ๕ บาท เจา พนัก งานกะจะซื้อ หอ งละ ๑๐๐ บาท เจาของขอหองละ ๑๖๐ บาท รวมโรงแถว ๓ แถว ๓๖ หอ งคาเชาเดือ นละ ๒๑๕ บาท ๒๘ อัฐ เจา พนัก งานกะจะซื้อ แต ๔,๑๘๐ บาท เลื่อ นขอราคา ๖,๕๖๐ บาท ขาพระพุท ธเจา เห็น ดวยเกลา ฯวา ราคาที่เ จาพนัก งานกะลงนั้น ก็เ ปน การสมควรแลว…” พัฒ นาการของพื้น ที ่ช ุม ชนเลื ่อ นฤทธิ ์ใ นยุค นี ้ สรุป ไดว า พื ้น ที ่ซึ ่ง แตเ ดิม ไดอ ยู ใ น กรรมสิท ธิ์ก ารถือ ครองของคุณหญิง เลื่อ นฤทธิ์ ไดเ ปลี่ยนมาอยูในการถือ ครองของกรมพระ คลัง ขางที่ โดยเปนผลมาจากปจ จัย สว นตัว ของคุณหญิง ที่มีภ าระหนัก ในการทําหนา ที่ดูแ ล ครอบครัว จึงไดนําที่ดินมาขายใหห ลวง ประจวบเหมาะกับ นโยบายการพัฒ นาพื้นที่บ ริเ วณนี้ ของรัฐ ที่มีอ ยูแลว อันมีส าเหตุม าจากอิท ธิพ ลของตลาดสํา เพ็ง ที่ขยายตัวเพิ่ม มากขึ้นทุก ขณะ จึงทําใหพื้นที่บริเวณนี้ไดรับการพัฒนาอยางตอเนื่อง
13
ชวงที่ 2 ยุคตึกแถวสํา หรับ อยูอาศัย ประกอบการคา ขนาดยอมและอุตสาหกรรม ในครัวเรือน (พ.ศ.2452 - 2499) หลังจากที่กรมพระคลังขางที่ไดรับ ซื้อ ที่ดินจากคุณหญิง เลื่อ นฤทธิ์ทั้ง สองสวนไปแลว พระบาทสมเด็จ พระจุล จอมเกลา เจา อยู ห ัว ก็ท รงโปรดเกลา ฯใหก รมพระคลัง ขา งที ่ไ ด ดําเนินการจัดสรางตึก แถวขึ้นจํานวนหลายหอ ง ซึ่ง รวมไปถึง การสรางตึก ตอ เนื่อ งไปในพื้นที่ ของพระเจาลูกยาเธอ พระองคเจาอุรุพงษรัชสมโภชซึ่งพระองคไดเ คยพระราชทานที่ดินไปให กอนหนานี้ ดังที่กรมพระสมมตอมรพันธุ อธิบ ดีก รมพระคลัง ขางที่ เขียนถวายรายงานใน หนัง สือ กรมพระคลัง ขางที่ เลขที่ 33/422 ลงวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2452 ใจความวา (หจช. กร.5ค/35 รศ.128) “...ไดร ับ พระราชทานพิจ ารณาดูเ ห็น ดว ยเกลา ฯวา จะตอ งคิด ทํ า ตอ เนื่อ งออกไปตลอดถึง ที่ริม ถนนเยาวราชซึ่ง ปลูก โรงแถวใหเ ชา อยู เวลานี้อ ัน ไดพ ระราชทานพระเจาลูก ยาเธอ พระองคเ จา อุรุพ งษร ัช สมโภชเปนสวนไปแลว รวมจัดทําไปในคราวเดียวกัน เพราะเปนตนวา ถนนซอยในบา นของเดิม มีที่อ ยูเ ปนถนนขนาดยอ ม ทํ า ใหมคิด ดว ย เกลาฯ วาควรจะขยายใหกวางออกไป ที่ดานริมถนนเยาวราชของพระ เจาลูกยาเธอ พระองคเ จาอุรุพ งษรัชสมโภชซึ่ง เปนโรงแถวอยูบัดนี้ ก็ จํา จะตอ งตัด มารวมในถนนที่จ ะขยายออกไปในตอนปากชอ งเชื่อ ม ถนนเยาวราชนั้นบางทั้ง ๒ ชองฤา ๒ ทาง จํ า นวนหอ งตึก ที ่ก ะจะทํ า เต็ม ตามแปลนนั ้น แถว ๒ ฝ ง ถนน เยาวราชกะทําเปนตึก ขนาดลึก แลกวางกวาแถวขางใน มีจํานวนหอ ง ตึกในที่ของพระเจาลูกยาเธอ พระองคเจาอุรุพงษรัชสมโภช ๒ ฝง ถนน รวม ๗๑ หอ ง ของพระคลัง ขา งที่ชัว มุม เชื่อ มถนนจัก รวรรดิกับ ถนน เยาวราช ๖ หอ ง แถวขางในๆที่ของพระคลัง ขางที่ คือ ที่บานเลื่อ นที่ ซื้อใหม ๑๖๘ หอง ในที่ของพระเจาลูก ยาเธอ พระองคเ จาอุรุพ งษรัช สมโภชดานหลังตึกแถวริม ถนนเยาวราชซึ่ง มีที่เ หลือ อยูพ อทําไดนาตึก หันมาลงตรอกเล็กแยกจากที่เลื่อนมาถนนจักรวรรดิตามที่ๆมีเ ลี้ยวเปน ชายธงอยู ๑๐ หอง…”5 5
จดหมายที่ กรมพระสมมตอมรพั นธุ อธิ บดีกรมพระคลัง ขางที่ เขี ยนถวายรายงานฉบับ นี้ใ นเนื้ อหาอี กส วน ไดระบุวามีการแนบแบบกอสรางตึกแถวมาดวย แตเปนที่นาเสียดายวาเอกสารดังกลาวไดสูญหายไป 14
เมื่อกรมพระคลังขางที่จัดสรางตึกแถวเสร็จเรียบรอยแลว ก็มีบ รรดากลุม คนมากมาย ที่ไดเขามาเชาตึกแถวโดยสวนใหญม าเชาเพื่อ การอยูอ าศัย และบางสวนประกอบการคาขาย เล็กๆนอ ยๆไปในตัวดวย มีทั้ง กลุม คนไทย และโดยเฉพาะกลุม คนจีนที่พ อมีเ งินเก็บ เล็ก ผสม นอ ยซึ่ง หวัง จะมาตั้ง ตัวในพื้นที่เ พื่อ สรางฐานะใหแ กตนเอง เขามาเชาอยูและทําการคาขาย นอกจากนี้ยังสันนิษฐานไดวานาจะมีชาวตะวันตกอีกสวนหนึ่งดวย เพราะสัง เกตเห็นไดชัดเจน จากประกาศของกรมพระคลังขางที่อันเกี่ยวขอ งกับ หลัก ฐานการจายคาเชา ซึ่ง มีก ารจารึก ไว บนผนังอาคารถึง 3 ภาษา คือ ภาษาไทย จีน และอัง กฤษ เพื่อ ใชสื่อ สารตอ ผูเ ชาที่มีอ ยูห ลาย กลุ ม ถือ เปน หลัก ฐานทางโบราณคดีที ่สํ า คัญ ชิ ้น หนึ ่ง ซึ ่ง มัก จะไมค อ ยพบในพื ้น ที ่ท าง ประวัติศ าสตรอื่น ๆ จารึก บนผนัง อาคารนี ้ยัง คงมีส ภาพคอ นขา งสมบูร ณ โดยอยูบ ริเ วณ กึ่งกลางอาคารตรงหัวมุมเสาทางเดินเขา-ออกซอยเลื่อนฤทธิ์ 3 และถนนมหาจักร
ภาพที่ 7 ประกาศของกรมพระคลังขางที่ ที่มา : กรมศิลปากร (2546) การดําเนินชีวิตประจําวันของผูเชาในยุคนี้สามารถที่จ ะแยกออกไดเ ปนสองลัก ษณะที่ สําคัญ คือ สวนแรกเปนกลุมคนที่ไปทํางานนอกบาน ทั้ง ในตัวตลาดสําเพ็ง โดยไปคาขายหรือ รับจางซึ่งสวนใหญเปนกลุมของคนจีนที่มีความสามารถในการประกอบธุร กิจ การคา หรือ การ 15
ไปทํางานเปนลูก จางในหนวยงานราชการตามทอ งที่ตางๆของพระนคร และสวนที่ส อง คือ กลุมคนที่ใชพื้นที่เพื่อการอยูอาศัยและประกอบการคาขายไปในตัวโดยเฉพาะในกลุมคนจีน พื้น ที่บ ริเ วณที่อ ยูด า นนอกของชุม ชนติด ริม ถนนเยาวราชมีร า นคา จํา หนา ยสิน คา ประเภทตา งๆมากมาย เชน รานอาหาร กาแฟ สินคา จําพวกขนม เชน ขนมเปย ะ จัน อับ น้ําตาลกรวด มีเครื่องเคลือบ ภาชนะ ของเบ็ดเตล็ดตางๆ อาทิ พัด หมวก รม หมึก จีน ลูก คิด ยาสมุนไพรทั้งไทยและจีน ฯ สินคาสวนใหญลวนแลวมาจากตลาดสําเพ็ง ซึ่ง จะนําเขามาจาก ประเทศจีนโดยเรือสําเภาแทบทั้งสิ้นบางรายมีการนําวัตถุดิบมาจากประเทศจีนแลวนํามาแปร รูป เพื่อ จําหนา ยใหม ดัง กรณีตัวอยา งของรานขายผา แพรแหง หนึ่ง ของลุง ฮวด อายุ 60 ป ซึ่งอยูในพื้นที่เปนรุนที่ 3 คือ ตั้งแต รุนปู รุนพอ เลาใหฟงวา “สินคาแรกๆจริง มาจากเมือ งจีน อยาง“ปง ลิ้ม ”(กางเกงแพรที่มี เชือกผูก) เวลาโยนขึ้นไปบนตนไมแลวไหลลงมา6ตอนนั้นขายแบบเนี่ย เอาแพรมาจากเมืองจีน เอามะเกลือ มาทุบ ใสครกใหญๆ แลวตําคั้นเอา น้ํามันมายอมผา จากสีขาวกลายเปนสีดํา ชุบกี่ครั้ง เอาไปตากแดดเอา ไปยอมชุบกี่ครั้ง มีก ารขัดเอามาลงแว็ก ทํายัง ไงใหมันเงา”(สัม ภาษณ 9 พฤศจิกายน 2549) สวนพื้นที่บ ริเ วณตอนในชุม ชนการประกอบอาชีพ ของผูเ ชา สวนใหญจ ะเปนการตัด เย็บเสื้อผาสําเร็จรูปเพื่อจําหนายแบบคาสง เนื่องจากในชวงเวลานี้เสื้อผาสําเร็จ รูป กําลัง ไดรับ ความนิยมจากผูคน โดยจะมีก ารดํา เนินกิจ กรรมการคาเปน ไปในลัก ษณะของอุตสาหกรรม แบบครัวเรือ นที่ใชแรงงานจากสมาชิก ในครอบครัวและญาติๆ คนในละแวกบานรวมกันผลิต เมื่อ ผลิตเสร็จ แลว จะมีพ อ คา ตามตา งจัง หวัด มารับ ซื้อ สิน คา ถึง ที่ สํา หรับ วัต ถุดิบ ที่ใ ชคือ ผา ประเภทตางๆก็จะมาจากตลาดสําเพ็ง โดยผูที่เ ปนเจาของกิจ การคาผาในสําเพ็ง สวนใหญจ ะ อยูใ นกลุม คนสิก ข และตอ มามีก ารขยายตัว มาสูใ นกลุม ชาวจีน ดัง ที่ไ ดม ีก ารบัน ทึก ไวใ น บทความเรื่อง “ตลาดการคาในประเทศไทย”ของ รอยตรีนอม เพ็ญกุล (2516:89)ไววา “ขาพเจา จําไดวา ผาและแพรชนิด ตางๆในสมัย กอ นสงครามโลก ครั้ง ที่ 2 แขก Sikh (สิก ข) เปนผูขายอยูที่พ าหุรัดและในตลาดสําเพ็ง ครั้นหลังจากสงครามเลิกแลว ชาวจีนไดเขารวมมือคาขายสินคาชนิดนี้ กับแขก Sikh ดวย” 6
เปนการเปรียบเทียบเพื่อใหเห็นลักษณะของเนื้อผาแพรที่มีความเงามัน ถึงแมจะนําไปไวบนตนไมที่มีกิ่งกาน มากมาย ก็สามารถที่จะเลื่อนไหลลงมาได 16
ลัก ษณะการคาผาของชาวสิก ขจ ะอาศัยการนําเขาและสง ออกสินคาผาและเสนดาย มากกวาการลงทุนในการผลิตซึ่ง จะตางจากนายทุนชาวจีนที่ในชวงหลัง สงครามโลกครั้ง ที่ 2 นายทุนชาวจีนซึ่ง ทําการคาขายผา หลายกลุม เริ่ม ขยายฐานไปสูก ารผลิตและรวมลงทุน กับ บริษัท จากญี ่ปุน จึง ทํา ใหช าวจีน เติบ โตขึ ้น ในฐานะผู ผ ลิต สิน คา สิ ่ง ทอที ่สํา คัญ ของไทยใน ระยะเวลาดังกลาว (อินทิรา ซาฮีร 2534:156) สําหรับอุตสาหกรรมครัวเรือนตัดเย็บ เสื้อ ผาใน พื้นที่ชุมชนเลื่อนฤทธิ์ในชวงนี้ ปาเกียว ซึ่งอยูในพื้นที่มานาน 70 กวาป และปจ จุบันยัง สานตอ กิจการตัดเย็บเสื้อผาจากรุนพอ เลาบรรยากาศในสมัยเด็กๆใหฟงวา “เตี่ยฉันมาจากกวางตุง สมัยกอ นมาเปนคนงานใหกับ ญาติอ ยูที่นี่ ตั้งแตเปดราน เกิดมาฉันก็เห็นวาทําเสื้อ แบบนี้แลว แถวนี้มีแตคนแคะ กับ คนกวางตุง สมัยกอ นแถวนี้เ ขาทําเสื้อ เย็บ ผากันอยางเดียว 3 – 4 ซอยแทบจะเกือ บทุก บานนะ เดียวเนี่ยเหลือ 3 รานได สมัยโนนไมมี ผา สํา เร็จ เหมือ นสมัยนี้ ผาที่เ ย็บ ก็ม าจากแขกที่ขายในสําเพ็ง ...เย็บ เสื้อผาสําเร็จรูปทั้งนั้น นั่ง เย็บ กันเองตัดเองขายเอง ก็ทําในบานใชมือ ไมใชเ ครื่อ งจัก ร ใชก รรไกรตัด บางคนเกง หนอ ยใชมีด เลื่อ ย ขายสง อยางเดียว คนที่มาจากตางจังหวัดตองลงมาซื้อเอง หลัง จากนั้นสัก พัก ก็เริ่มมีเซลออกไป บางที่เย็บเองโดยไมขายก็มี อยางบานนั้นเปนคนตัด คนอยูอ าศัยเขาก็เ อางานไปเย็บ บา นเขาแลวมาสง เรา เขาไมขายเย็บ เสร็จก็สงใหเรา บางคนเย็บเล็กๆนอยๆก็เ อาไปขายสง เอง”(สัม ภาษณ 6 ธันวาคม 2549) อิทธิพลของตลาดสําเพ็งยังนับวามีผลตอพื้นที่ชุมชนเลื่อ นฤทธิ์ม าก ในชวงรัชกาลที่ 7 - 8 มีก ลุม ผูคนมากมายที่เ ดินทางมาจากตางจัง หวัดโดยเฉพาะกลุม พอ คาทั้ง หลายที่ม าซื้อ สินคา ในตัว ตลาดสําเพ็ง เพื่อ นํากลับ ไปจําหนายในตางจัง หวัด และไดม าแวะพัก คางคืนที่ใ น พื้นที่ เพราะจากการสัมภาษณคนเฒาคนแกที่อยูในพื้นที่ปจจุบันเลาใหฟงวา ในอดีตพื้นที่แหง นี้มีโรงแรมใหเชาสําหรับผูที่เดินทางไกลมาจากตางจังหวัดและไมสามารถเดินทางกลับ บานได ภายในวันเดียวเนื่องจากการคมนาคมในสมัยนั้นไมส ะดวก ดัง นั้นจึง มาแวะพัก คางคืนและนํา สินคามาพักไวกอน และวันรุงขึ้นจึงเดินทางกลับ ซึ่งมีผูคนมาใชบริการกันมากพอควร อยางไร ก็ดีเมื่อความเจริญทางดานคมนาคมที่แพรขยายออกไปสูแถบชานเมืองและตางจัง หวัดมากขึ้น ผูค นเดิน ทางไปมาสะดวกมิจําเปน ตอ งแวะพัก ในพื้น ที่ โรงแรมดัง กลา วก็ไ ดร ับ ความนิย ม
17
นอยลงและไดถูกปรับเปลี่ยนสภาพมาเปนหอนางโลมชื่อ กอ งของยานนี้ ดัง ที่ขุนวิจิตรมาตรา ไดกลาวไวในบันทึกของคนรวมสมัย “กรุงเทพเมื่อวานนี้” วา (2545:248) “สวนทางขวามือลงสะพานภาณุพันธุไปเปนโรงยี่เ กหลวงสันทนา การกิจ ตอไปเปนตึกแถวถึงสี่แยกวัดตึกขามถนนไปก็เ ปนตึก แถวจนถึง เวิ้ง หนึ่ง เรียกวา เวิ้ง ทานเลื่อ นฤทธิ์ ในเวิ้ง นี้เ ปนเวิ้ง ขายน้ํา ชา ถาเดิน เขาไปก็จะได ยินเสียง เจี๊ยแตจอของแมสาวจีนเรื่อ ยไป คนจีนหรือ คน ไทยแวะเขา ไปก็ไ ดห กสลึง เทา นั ้น เอง (แตแ พงสํ า หรับ สมัย นั ้น หนอยนะ)” สอดคลองกับลุงฮวด ที่เลาใหฟงวา “บางคนนั่ง เรือ มาลงที ่ท า น้ํา ราชวงศ มาจากสุพ รรณ อยุธ ยา นครไชยศรี ก็ม าเชาเปนที่พัก ชั่วคราว ประมาณ 3 – 4 หอ งเพราะ ตอนนั้น ไปกลับ วัน เดีย วมัน ลํา บาก พอตอนหลัง กลายเปน โรงแรม จิ้งหรีดตอนแรกๆคนตางจัง หวัดมาคางแรม ตอนหลัง เจริญ ขึ้นไมตอ ง มาเรือ การคมนาคมก็ดี ก็ก ลายเปนโรงแรมจิ้ง หรีดไป มาตอนหลัง ก็ กลายเปนหองเชา ”(สัมภาษณ 9 พฤศจิกายน 2549) นอกจากนี้บ ริเ วณแวดลอ มของพื้นที่ชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์ในชวงนี้ก็มีบ รรยากาศที่คึก คัก มาก โดยเฉพาะในดานถนนเยาวราชที่ติดกับ ตัวชุม ชนดานทิศเหนือ และพื้นที่ตอ เนื่อ งตลอด แนวไปจนถึงสี่แยกราชวงศ มีหาง รานคาตางๆที่มีเจาของเปนทั้ง ของคนไทย คนจีน และหาง ฝรั่งเกิดขึ้นหลายแหลง ดังที่ขุนวิจิตรมาตราไดบรรยายไววา (2545:247-248) “...ถนนเยาวราช ตั้ง ตนจากสะพานภาณุพ ันธ คลองโอง อา งตรง ไปสุดที่ตํา บลสามแยก(ตน ประดู)ที่ถ นนเจริญ กรุง นี้เ ปนจีน เสีย แทบ ทั้ง ถนน จากซา ยมือ ลงสะพานไปเปน ตลาดเรีย กวา ตลาดปร ะกา เปนทางเขาในเวิ้ง สะพานเหล็ก ตอ ไปถึง สี่แยกวัดตึก ตรงมุม หนึ่ง เคย เปน หา งฮกจวนขายหมวกสัก หลาดมีชื่อ มาก และเปนรา นชื่อ ศึก ษา นุมิตร ขายพวกเครื่องเรียน ขามถนนเปนตึก แถวตลอดไปจนถึง สี่แยก ราชวงศ ที่ห ัว มุม เคยเปน หา งใตฟา ขา มถนนไปเปนตึก แถวไมชา ถึง 18
ปากตรอกเตา มีรานชื่อ ปก จันเหลา ขายอาหารตางๆอยางดี แถวนี้มี ตึก สูง เจ็ดชั้นมีอ าหาร มีม หรสพ ขาพเจาเคยขึ้นไปถึง ชั้น ๗ มองเห็น ถนนเยาวราชตลอด...” การเกิดขึ้นของหางรานคาหลายแหลง ในบริเ วณพื้นที่ใกลเ คียงกับ ชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์นี้ สะทอนใหเห็นถึงบรรยากาศของพื้นที่ในตอนถนนเยาวราชของยุคนี้วาเต็ม ไปดวยความคึก คัก พลุพ ลาน ของผูค นที่ม าจากทั่วทุก สารทิศ ซึ่ง มาจับ จายใชส อย และบริก ารของกลุม นายทุน นอยที่กําลังจะขยับขยายฐานะของตนผานการเสนอขายสินคา และบริก ารนานาชนิดที่แปลก ใหมใหกับคนเมืองนับวาพื้นที่บริเวณนี้จึงเปนจุดที่สรางสีสันใหกับพระนครในระยะดัง กลาวได ไมนอย พัฒนาการของพื้นที่ชุมชนเลื่อ นฤทธิ์ในยุคนี้ สรุป ไดวาหลัง จากที่ก รมพระคลัง ขางที่ ไดส รางตึก แถวใหเ ชาเสร็จ แลว พื้น ที่เ ลื่อ นฤทธิ์ไดก ลายเปนหมูบานพัก อยูอ าศัยและทําการ คา ขายเล็ก ๆนอ ยๆของคนหลากหลายกลุม ทั้ง คนไทย คนตา งชาติ โดยเฉพาะกลุม คนจีน พื้นที่นี้ยัง คงมีป ฏิสัม พันธอ ยางตอ เนื่อ งกับ ตัวตลาดสําเพ็ง เนื่อ งจากสําเพ็ง แหลง คาขายผาที่ เปน แหลง วัต ถุดิบ นํา มาตัดเย็บ เสื้อ ผาสํา เร็จ รูป ซึ่ง เปน กิจ กรรมการคา หลัก ของคนในพื้น ที่ รวมไปถึง พื้น ที่ดา นหนาของยา นที่ติด กับ ถนนเยาวราชยัง เปน เสน ทางการสัญ จรทางบกที่ สําคัญซึ่งสามารถเชื่อมโยงไปยังยานการคาอื่นๆในละแวกเดียวกัน
ชว งที่ 3 ยุค ขยับ ขยายและการเขา มาแทนที ่ข องธุร กิจ คา ผา (พ.ศ.2500 ปจจุบัน) ในป พ.ศ.2500 การถือ ครองที่ดินในพื้นที่ชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์ของกรมพระคลัง ขางที่ได เปลี่ยนมาอยูในการถือ ครองของสํานัก งานทรัพ ยสินสวนพระมหากษัตริย เนื่อ งจากไดมีก าร จัด ระเบีย บเกี่ย วกับ ทรัพ ยส ิน สว นพระมหากษัต ริยใ หม ตามพระราชบัญ ญัต ิจ ัด ระเบีย บ ทรัพยสินฝายพระมหากษัตริย ตั้ง แตป พ.ศ. 2479 แกไขเพิ่ม เติม พ.ศ.2484 และ พ.ศ.2491 ซึ่งที่ดินบริเวณชุมชนเลื่อนฤทธิ์สํานักงานทรัพยสินฯไดรับโอนมาจากสํานัก งานพระคลัง ขางที่ เมื่อ วันที่ 14 สิง หาคม 2500 จํานวน 1 แปลง คือ โฉนดที่ดินเลข 3312 และรับ โอนมาจาก กระทรวงการคลัง เมื่อ วันที่ 21 เมษายน 2501 จํานวน 7 แปลง และมีโ ฉนดตกคางอีก 1 แปลง ซึ่งมีการออกในป 2546 ที่ผานมา (สํานักงานทรัพยสินสวนพระมหากษัตริย ม.ป.ป.:2)
19
ตั้งแตทศวรรษที่ 2500 เปนตนมา รัฐสวนกลางเริ่มมีแนวนโยบายการพัฒ นาประเทศ ที่ชัด เจน โดยปรากฏจากการเริ ่ม ใชแ ผนพัฒ นาเศรษฐกิจ และสัง คมแหง ชาติ ในป 2504 ผลจากแผนดัง กลาวไดทําใหเ กิดการเปลี่ยนแปลงตอ สัง คมไทยในหลายประการ อยางเชน การใหความสําคัญกับการลงทุนพัฒนาภาคอุตสาหกรรมอยางเขม ขนมากขึ้นเกิดการขยายตัว ของเมือ งโดยเฉพาะพื้นที่ก รุง เทพมหานครไดก ลายเปนพื้นที่แหง ความหวัง เปนแหลง ดึง ดูด ผูค นกลุม ตา งๆเพื่อ ที่จ ะเขามาแสวงหารายไดแ ละเริ่ม ตน ชีวิต ใหม ในชว งนี้เ องพื้น ที่ชุม ชน เลื่อนฤทธิ์ ก็ไดมีผูคนกลุมใหมๆ เขามาอาศัยอยูในพื้นที่อยางตอเนื่องเปนเพราะวาผูเ ชาเดิม ได ทยอยยายกันออกไปหาแหลงที่อยูใหมโดยเฉพาะในกลุม ของผูที่ป ระกอบกิจ กรรมการตัดเย็บ เสื ้อ ผา สํ า เร็จ รูป ที ่ม ีก ารยา ยออกไปอยู ต ามแหลง การคา เสื ้อ ผา ในยา นอื ่น ที ่เ กิด ขึ ้น ใหม ผนวกกับ ความกาวหนา ในเทคโนโลยีที่ใชในอุตสาหกรรมการตัด เย็บ เสื้อ ผา ดัง นั้น จึง ทําให ผูประกอบการหลายรายในพื้นที่ ซึ่งมีทุนหรือเงินเก็บเพียงพอ ก็คิดที่จ ะยายออกไปเพื่อ ขยาย กิจการโดยหาที่อยูใหมในแหลงอื่นๆ สําหรับกลุม คนที่เ ขามาอยูใหมนี้ ไดแก กลุม คนจีนที่ม า ขยับขยายตัวมาจากตลาดสําเพ็ง กลุมชาวอินเดียบางสวนที่มาจากพื้นที่ใกลเ คียง เชน พาหุรัด หรือ ที่ม าจากตางประเทศ กลุม คนที่ม าจากตา งจัง หวัด การเขา มาของกลุม คนเหลา นี้เ กือ บ ทั้งหมดจะเขามาคาขายสินคาสงจําพวกผามวนผาพับตางๆซึ่งกําลังเปนที่ตองการของตลาดใน ระยะเวลาดังกลาว เนื่องจากอุตสาหกรรมสิ่งทอไดรับการสนับสนุนจากรัฐ หลัง จากที่รัฐ บาล ไดออกพระราชบัญญัติสงเสริมอุตสาหกรรมในป พ.ศ. 2505 ปจจัยดัง กลาวจึง สง ผลใหสินคา ผาทอ ผามวนประเภทตางๆที่จําหนายอยูในตลาดสําเพ็ง ตลอดแนวสองฝง ถนนวานิช 1 และ ในพื้น ที่ชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์ล วนเปนวัต ถุดิบ ที่นํา ไปแปรรูป เปน เสื้อ ผา สํา เร็จ รูป และสิน คา ที่มี สวนประกอบจากผาประเภทตางๆซึ่งเปนทั้งสินคาสงออกและใชภายในประเทศที่มีป ริม าณสูง มากในชว งทศวรรษ 2510 เปน ตน มา (วารสารเศรษฐกิจ และสัง คม 2531:4-13) เจาของ กิจการคาผาในฐานะพอ คาคนกลางเหลานี้ลวนแลวแตมีป ระสบการณเ ปนทุนเดิม อยูแลวใน การคาขาย อยางเชนในกลุมของคนจีนที่สวนใหญเคยเปนลูกจางเข็นผามากอนในตลาดสําเพ็ง และพัฒนาตัวเองมาเปนเจาของกิจการ กลุมคนอินเดียที่มีความสามารถทางดานการคาอีก ทั้ง ยัง มีแ หลง ที่ม าหรือ ตนตอของประเทศซึ่ง มีวัตถุดิบ คือ ฝายในการผลิตผา อยูเ ปนจํานวนมาก และมีเ ครือ ขา ยทางการคา ในกลุม ชาติพ ัน ธุเ ดีย วกัน แตอ ยา งไรก็ต ามไดม ีผูค นบางสว นที่ จําหนา ยสินคาประเภทอื่น ๆในพื้น ที่ดวย เชน สิน คา จํา พวกยา อุป กรณ ชิ้นสว น ฮารด แวร ประกอบเครื่อ งจัก รนานาชนิด ซึ่ง จะทําการคาขายอยูในตึก แถวแถบที่ติด กับ ถนนเยาวราช ในขณะที่ผูคาสงสินคาผาสวนใหญจะอยูถัดเขามาทางตอนในของพื้นที่ซึ่ง ติดตอ กับ ถนนวานิช 1 และดานถนนมหาจักร สถานการณดังกลาวสะทอ นออกมาจากคําบอกเลาของผูคนที่อ ยูใน พื้นที่มาเปนเวลานาน เชน 20
ลุงกี อายุ 65 ป เลาใหฟงวา “คนที่ขายผาอยูในสําเพ็ง มันเต็มตรงนี้มันอยูใกล เขาก็ม าจับ จอง ถาใครออกอีกคนหนึ่งก็เชา พูดตอ ๆกันไป ตั้ง แตหัวเม็ดไปถึง วัดเกาะ เปนผาทั้ง นั้น อยางลุง เคยเปนลูก จา งเข็น ผามากอ นแลว ก็เ ขา มาอยู ประมาณ 40 ปแ ลว ตอนนั้นถนนยัง เปนดินอยูเ ลย”(สัม ภาษณ 20 ธันวาคม 2549) ลุงฮวด เลาใหฟงวา “แตก อ นที ่เ นี ้ย ก็อ ยู อ าศัย และคา ขายนิด ๆหนอ ยๆ พอคนใน ครอบครัวเยอะ แตง งาน มีลูก ที่ก็ไมพ อใหอ ยู ก็ยายออกไป คนจาก สํ า เพ็ง ที ่อื ่น บา งก็เ ขา มา บางคนก็ไ ปคา ขายที ่อื ่น ที ่อ ยู ม ัน เล็ก ไปแลว”(สัมภาษณ 9 พฤศจิกายน 2549) หรือ กรณีของเจเอ็ง อายุ 45 ป เลาวา “แตกอนอยูขางหลัง ยายเขามาป 17 ที่บานคนมันเยอะยี่สิบ กวา คนได ตอนนี้แ ยกออกไปแลว ตอนอยูสํา เพ็ง ขายของชํา รุน ปู อากง มาจากเมืองจีน ที่บานขายสงโชหวย พวกเครื่องสําอาง ยาทาเล็บ ขาย สง พอคนในครอบครัวมากก็ยายไปทําอยางอื่นที่นี่มันใกลสําเพ็ง ก็เ ลย มาอยู” (สัมภาษณ 6 กุมภาพันธ 2550) การเริ่มเขามาอยูในพื้นที่ของผูคนกลุมใหมที่เขามาประกอบการคาขายผากับ ผูเ ชาที่มี อยูเ ดิม เปนจํานวนมากไดทําใหบ รรยากาศของพื้นที่ในชวงนี้จึง คึก คัก เปนพิเ ศษ ทั้ง ทางดา น การคา ที่พื้น ที่ชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์ไ ดก ลายเปน พื้น ที่คา สง ผา ที่สํา คัญ ของกรุง เทพฯแหง หนึ่ง ที่ ตอเนื่องกับตลาด สําเพ็ง และดานความสัมพันธทางสังคม เชน การที่ผูคนในชุม ชนรูจัก มัก คุน สนิทสนมกันเปนอยางดี ดังคําบอกเลาของ ลุงโต อายุ 62 ป เลาใหฟงวา “สมัยกอนอยูแบบชาวบาน กลางคืนจะมีคนมาขายของกันอยูห นา บาน เปนบรรยากาศแบบโบราณ รูจัก กัน หมด แตส นิท กันก็อีก เรื่อ ง คนสว นใหญที ่อ าศัย อยู ใ นละแวกนี ้ ก็จ ะรู จ ัก กัน วา คนนี ้อ ยู บ า นนี้ บานนั้น บางคนคุยกัน ถูก คอ ตกเย็นเขาก็ไมมีอ ะไรทํา ก็จ ะมานั่ง กิน น้ําชา โขกหมากรุกจีนกัน”(สัมภาษณ 8 พฤศจิกายน 2549) 21
ปาเกียว เลาวา “...แตกอนในเนี่ยมีทั้ง ทําผม โรงพิม พ คลีนิก ทําคลอดยัง มีเ ลยอยู ปากซอย มีพ วกนัก ดนตรี คนกวา งตุง ฝก ซอ มไปเลนที่เ หลาขางนอก แถววัด ตึก ก็ขายยา ขา งในไมคอ ยมีร ถเขามาหรอก ขางนอกก็มีห า ง ใตฟา ตอนนี้ก็เ ปนแกรนไชนา มีภัตตาคารกง จี่เ หลาตรง ธ.ทหารไทย เปนโรงหนัง เลยไปก็เปนหาง...กวาจะนอนนั่ง คุยกัน สมัยกอ นโนนนะ กวา จะปดงานจริง ๆก็ 2 ทุม ออกมานั่ง ตากลมเกาะกลุม คุย กัน ไมมี ขโมย ขโจรหรอก มีข องเข็น มาขาย สมัย โนน ทีว ีก ็ไ มม ี สมัย กอ น บรรยากาศมันดีกวาเยอะ”(สัมภาษณ 6 กุมภาพันธ 2550) เชนเดียวกัน พี่เหลียง อายุ 56 เลาวา “สมัยกอนผมกลับมาจากเรียนหนังสือมันก็จ ะมีรานขายกวยเตี๋ยว ขายกาแฟ เปน เพื่อ นกัน อยา งเราขายผา เขาขายกาแฟ อีก คนขาย กวยเตี่ยวราดหนา กวยเตี๋ยวน้ํา ตกกลางคืนก็มีคนมาตั้ง โตะ หนาบาน เรา ขายกว ยเตี ๋ย วหลอด มีก ะทั ่ง คนพับ กระดาษโกงเต็ก ยัง มีเ ลย มีของหลากหลาย” (สัมภาษณ 8 พฤศจิกายน 2549) สําหรับ บรรยากาศทางดานการคาของพื้นที่แหง นี้ซึ่ง เปนแหลง คาสง ผาทอตอ เนื่อ ง จากตลาดสํา เพ็ง ที่สํา คัญ ก็ม ีล ูก คา ติด ตอ ซื้อ ขายกัน อยา งไมข าดสายทั้ง ลูก คา ที่อ ยูใ นพื้น ที่ กรุง เทพฯและจากตา งหวัด และในโรงงานอุต สาหกรรมตัดเย็บ เสื้อ ผาสําเร็จ รูป ตามแหลง ตางๆ สินคาผาที่มีจํา หนายอยูในพื้นที่มีอ ยูดวยกันหลากหลายชนิด ตั้ง แตอ ดีตถึง ปจ จุบันที่มี การคิด คนขึ้น มา เชน ผาแพร ผามุง ผา ตาขา ย ผาสโรง ผาเทป ผา กํามะหยี ผาฝาย ผายืด ผาไนลอน ผาหางกระรอก ผาลูกไม ผาดิบ ผาทีซี ผาพิม พ ผาเรยอ น ผาโพลีเ อสเตอร ผาคอ ตตอน ผาทีฮาร ผาซีวีซี ผาฟลลาเมนท ผาเท็กซเจอร ผาสําลี ผาซาติน ผาโซลอ น ผาชีฟ รอง ผา รม ฯ เปน ตน ผา นานาชนิด เหลา นี้จ ะถูก ซื้อ มาจากโรงงานทั้ง ภายในและตา งประเทศ โดยเฉพาะโรงงานตางประเทศ เชนญี่ปุน เกาหลีใตที่เ ขามาตั้ง โรงงานในไทย รวมทั้ง บริษัท ผูแทนจําหนายตางๆ โดยพอ คาคนกลางในพื้นที่จ ะซื้อ ตอ มาแลวนําไปจําหนายตอ แกโ รงงาน แปรรูปหรือผูคารายยอยอื่นๆอีกทอดหนึ่งซึ่งจะนําไปทําเปนผลิตภัณฑนานาชนิดที่จําเปนตอ ง ใชผาเปนสวนประกอบหลัก เชน เสื้อผาสําเร็จรูป กางเกง เสื้อเชิ้ต ผามาน ผาปูที่นอน หมอน มุง ถุง มือ รองเทา ชุดชั้น ใน ผาหม ผา เย็น ผาออ ม รม ฯ เปนตน นอกจากนี้บ รรดาลูก จา ง 22
ของรา นคา ภายในพื้น ที่ก็เ ปลี่ยนมาเปน ผูคนที่ม าจากภาคอีส านเปนสวนใหญซึ่ง เขา มาขาย แรงงานในเมือง แตกตางจากยุคกอนหนานี้ที่กลุมลูกจางเปนคนจีนทั้ง หมด เจาของกิจ การคา สงผาทอหลายคนเลาถึงลักษณะของการจําหนายผาในอดีตถึงปจจุบันใหฟงวา ลุงจง เจาของรานขายผา อายุ 61 ป เลาวา “แตก อ น มีแ ตค น จีน ทั ้ง นั ้น ใน เ นี ้ย พวกแ ข กเ ขา ม า ทีห ลัง พวกพอ คา จะเขา มาสั่ง ของดว ยตัว เอง เอารถมาขนของ บางทีเ ราก็ สงไปใหทางรถ พอตอนหลัง ใหเ ซลออกไปขายสั่ง มาทางโทรศัพ ท แต บางคนเขาก็มาเองโดยตรง”(สัมภาษณ 20 ธันวาคม 2549) ลุงกี เลาวา “สําเพ็งมันเต็มแลวก็ขยายออกมา...ผาก็สั่ง จากตางประเทศ พวก ญี่ปุน เกาหลีที่มาตั้งโรงงาน เราก็ซื้อ เขามาขาย เขาผลิตแลวมาเสนอ ขายเราที่นี้ เราก็ข ายตอ ลูก คา จะอยูภ ายในตามตา งจัง หวัด...อยา ง เสื้อ ผาที่เ ปนโหลๆ ที่ล ดราคาขายเปนกะบะขึ้นหา งก็ม าจากผาพวก เนี้ยจะเอาผาไปทําอะไรตัดอะไรในเนี่ยมีหมด”(สัมภาษณ 20 ธันวาคม 2549) ลุงโอ อายุ 59 ป เลาวา “ทุนสมัยกอ นก็ม าจากพวกยี่ปว เราสั่ง แลวก็ม าขาย เขาก็จ ะไป รับผามาจากโรงงานอีกทีจะมีสัญญาตอเดือน/ปเทาไหร สมัยกอ นยี่ปว ก็ข ายใหซ าปว ซาปวขายปลีก ยอ ยทั่วไป แตส มัยนี้ยี่ปวสามารถขาย ปลีกไดทุกอยางไมมีการแบง เกรด คือ สมัยกอ นพวกยี่ปวขายสง อยาง เดียวขายปลีกก็มีแคซาปว”(สัมภาษณ 6 กุมภาพันธ 2550) พี่เหลี่ยง เลาวา “สมัยกอ นมีห ลากหลาย ผาสั่ง มาจากนอกเขามา เพราะสมัยนั้น คนไทยไมมีความสามารถจนกระทั่ง สั่ง ผาจากญี่ปุน ผาคอนตอ นจาก อียิป ต ผา บูม าจากสวิต อัง กฤษ พอตอนหลัง ญี่ปุน มาทํา โรงงานใน เมืองไทย มากลายเปนของทําภายในประเทศมาก อยางญี่ปุนยัง มี QC อยูม ันก็มีห ลายโรงงาน ในที่นี้มีทั้ง รา นขายผา ทําเสื้อ ผา ทํากางเกง หลายชนิด” (สัมภาษณ 8 พฤศจิกายน 2549)
23
เมื่อ เวลาการใชชีวิต ของกลุม ผูค นกลุม ใหมนี้ดํา เนินไปไดสัก ระยะหนึ่ง ก็เ ริ่ม ที่จ ะมี จํานวนสมาชิกในครอบครัวเพิ่มขึ้นทําใหพื้นที่อยูอาศัยคับ แคบลงไมเ พียงพอตอ ความตอ งการ คาขายและอยูอาศัย ในชวงนี้บานหลายหลังจึง ไดทําการตอ เติม อาคารใหมีความสูง ขึ้นไปเพื่อ เพิ่มพื้นที่การใชสอยอีก 1–2 ชั้นจากที่มีอ ยูเ ดิม 2 ชั้น อยางไรก็ดีก ารขยับ ขยายพื้นที่ดัง กลาว นี้ ถึงแมวาจะเพียงพอตอ การใชส อยของบางครอบครัว แตบ างครอบครัวก็ไมพ อใชจึง ทําให สมาชิกในรุนลูก รุนหลานของหลายครอบครัวไดไปหาที่อ ยูใหมในแถบชานเมือ ง บุตร หลาน บางสวนที่สืบทอดกิจการตอจากคนรุนพอ ก็เขามาทํางานในพื้นที่ชวงเชา พอตกเย็นก็ก ลับ ไป พักนอกพื้นที่ จึงทําใหเกิดการแบงแยกกันระหวางที่อ ยูอ าศัยและสถานที่ทํางานขึ้น ในขณะที่ สมาชิก บางสว นไปประกอบอาชีพ อื่นๆ ก็แยกครอบครัว ตนเองออกไปอยูนอกพื้นที่เ ชนกัน การอยูพักอาศัยอยูในพื้นที่จึงยังอยูเฉพาะกลุม คนรุนพอ รุนแม ที่ยัง คงมีความผูก พันตอ พื้นที่ ขณะที่บ างครอบครัวธุร กิจ ถึง จุดอิ่ม ตัว ไมมีผูส านกิจ การตอ บุตรหลาน ไปทํางานดานอื่น ก็ อพยพยายออกไปอยูขางนอกทั้งหมด สวนหองเชาก็มีก ารใหผูที่ส นใจโดยเฉพาะบริษัท คาผา ทอรายใหมๆที่เขามาอยางตอเนื่อง มาเชาเซงพื้นที่ของตนเพื่อ หารายไดจ ากคาเชาที่อีก ทีห นึ่ง ดังที่ลุงโอ เลาใหฟงวา “ลูก คนจีน ตอนนี้พ อโตขึ ้น มาเรีย นสูง การปะติด ปะตอ การคา ระหวางพอลูกก็ไมมี เขาสนใจทําอยางอื่นคนขายก็ห ายไปหมด...คนที่ ไตเตาจากเซลมาเปนเฒาแกก็มี เซลบางคนที่ซื่อ สัตย ขยัน อยูกันนาน มีป ระสบการณ นายจางบางคนก็ส นับ สนุน ใหท ุนออกเงินใหก อ น ก็ เปดสาขา ”(สัมภาษณ 6 กุมภาพันธ 2550) พี่เหลี่ยง กลาววา “สมัยกอ นอยางที่บานคุณพอ แตง งานมีลูก 2 คน 3 คน บานมี 2 ชั้นคาขายไปดวยก็อยูได สมัยนี้ลูกโตมาจะแตง งาน หอ งนอนมี 2 หอ ง ก็น อนไมไ ดแ ลวไง คนที่เ ขามีโ อกาสมีป ญ ญาเขาก็ขยับ ขยายออกไป แตก ็ย ัง มาทํ า งานที ่นี ่...บางคนทํ า จนกระทั ่ง อิ ่ม ตัว จนยา ยไปอยู ขางนอก บางคนก็เ ปลี่ยนกิจ การไปเลย คนที่เ จ็ง ไปก็มี คือ ประมาณ วาคนในอยากออกคนนอกก็อ ยากเขามา” (สัม ภาษณ 8 พฤศจิก ายน 2549)
24
เชนเดียวกับพี่จั๊ว อายุ 41 ป กลาววา “การคา ขยายตัว คนจีน สมัย กอ นใชบ า นเปน ทั้ง ที่อ ยูอ าศัย กิน นอน โกดังเก็บ สินคา เปนที่คาขายดวย พอครอบครัวขยาย มีลูก มาก โตขึ้น การใชป ระโยชนจ ากพื้นที่ คนรุนลูก หลานก็ขยับ ขยายออกไป อยูที่อื่น คนที่อยูอาศัยจริงมีจํานวนนอ ยมาก แตวาคนเฒาคนแกก็จ ะ อยู เขาจะผูก พันไมไปไหน อยางพอ ผมเขาก็จ ะอยูที่นี้” (สัม ภาษณ 8 ตุลาคม 2549) ชุมชนเลื่อนฤทธิ์ในระยะหลังนี้จึง ดูที่จ ะคึก คัก มากในชวงกลางวันขณะที่ชวงกลางคืน เต็มไปดวยความเงียบเหงาบรรยากาศไมเหมือนแตกอนขณะเดียวกันความสัม พันธท างสัง คมก็ แตกตางจากในชวงตนของระยะนี้ม าก เนื่อ งจากตางคนตางตอ งยุง อยูกับ ธุร กิจ ของตน และ การเดิน ทางไปมาระหวา งพื ้น ที ่ใ นแตล ะวัน ซึ ่ง ตอ งใชเ วลานาน ปา เกีย ว เปรีย บเทีย บ บรรยากาศใน อดีตและปจจุบันใหฟงวา “สมัยกอ นคนมาอยูมันมีลูก มีเ ตามาก เด็ก เปนรอ ยเลยนะในเนี้ย มัน เลน กัน เองก็จ ะรู จ ัก กัน หมด พอ แมก ็รู จ ัก คนนี้ชื ่อ อะไรลูก ใคร สมัย นี้ต อนเย็นๆ เขามีบา นขางนอกก็ป ดกันหมด ...บรรยากาศตอน ตรุษจีน ตื่นเตน สนุก มากมากเลย เสียงเปด ไก เนี้ยรอ งกันระงมเลย เขาเชือดกันเองคึกครึ้น เดี่ยวเนี้ยตรุษจีนปดประตูกันเงียบ”(สัม ภาษณ 6 กุมภาพันธ 2550) พี่จั๊ว กลาววา “คนอยูเดิมก็เปนเพื่อนบานกัน แตวาความสนิทก็ตางกันไมเ หมือ น คนแกคนเฒา ทุกวันนี้ตื่นเชาเปดรานมาก็จัดรานขายของพอตกเย็นก็ ปดบานไปอยู ขางนอก แต 50 – 60 ปกอ นคนแกคนเฒาเขาจะมีก าร ม า นั ่ง พ ูด คุย ก ัน ม ีก า ร เ จี ๊ย ะ เ ต ม ีเ ท ศ ก า ล ไ ห วต อ น ต รุษ จ ีน ไหวพระจันทร” (สัมภาษณ 8 ตุลาคม 2549) สถานการณในพื้นที่ตั้ง แตท ศวรรษ 2540 เปนตนมา มีเ หตุก ารณสําคัญ ที่เ กิดขึ้นใน พื้น ที่ห ลายอยา ง ในป พ.ศ. 2540 พื้น ที่เ ลื่อ นฤทธิ์ไ ดถูก จดทะเบียนเปน ชุม ชนอยา งเปน ทางการจากสํานัก งานเขต เมื่อ วันที่ 13 มิถุนายน จากสํานัก งานเขตสัม พันธวงศ ตอ มาในป 2544 มีก ารเลือ กพื ้น ที่ข องชุม ชนใหเ ปน พื้น ที่ป รับ ปรุง ตัว อยา งในฐานะพื ้น ที่สํา คัญ ทาง ประวัติศาสตรจ ากสํานัก ผัง เมือ ง กรุง เทพมหานคร โดยในป 2545 ไดมีก ารปรับ ปรุง ทาสี 25
ปูก ระเบื ้อ งถนนใหมเ พื ่อ เปน การสง เสริม การทอ งเที ่ย วซึ ่ง เปน สว นตอ เนื ่อ งกับ เกาะ รัตนโกสินทร และในป 2546 เจาของพื้นที่ คือ สํา นัก งานทรัพ ยสินฯสวนพระมหากษัตริย มีโ ครงการที่จ ะพัฒ นาพื้น ที่บ ริเ วณนี้ใ หมใ หก ลายเปน ศูนยก ารคา ขนาดใหญซึ่ง ก็ไ ดรับ การ คัดคานจากผูคนที่อยูอาศัย พัฒนาการของพื้นที่ชุมชนเลื่อนฤทธิ์ในระยะนี้ส รุป ไดวา เกิดการเปลี่ยนแปลงใหเ ห็น อยางชัดเจนโดยเฉพาะในดานของการใชพื้นที่จ ากผูคนที่ยายเขามาอยูใหมซึ่ง ไดทําใหพื้นที่นี้ กลายเปนแหลงธุรกิจคาสงผาทอที่ใหญแหงหนึ่งของกรุง เทพฯ เกิดการแบง แยกกันระหวางที่ อยูอาศัยกับสถานที่ทํางานของผูคนในพื้นที่เนื่องจากครอบครัวขยายขึ้นทําใหพื้นที่ที่มีอ ยูอ ยาง จํากัดมีไมเพียงพอกับความตอ งการ จึง ไดสง ผลใหบ รรยากาศความคึก คัก ของชุม ชนมีเ ฉพาะ ในชว งเวลากลางวัน และที่สําคัญ คือ การพัฒ นาพื้นที่ใหเ ปนศูนยก ารคา ตามนโยบายของ เจาของที่ดินซึ่งสรางความกังวลใจไมนอยใหกับผูคนที่อยูอาศัยในพื้นที่ ณ ชวงเวลาปจจุบัน
ลักษณะทางกายภาพของชุมชนในปจจุบัน จากการสํารวจทางกายภาพ และศึกษาแผนที่ พบวา พื้นที่ของชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์ตั้ง อยู ใน แขวงจัก ร วรร ดิ เ ขต สัม พัน ธวง ศ อ ยู ใ น ฝ ง พร ะ นคร ภาย ใตก าร ปก ครอ งขอ ง กรุงเทพมหานคร เปนยานธุรกิจใจกลางเมือง มีขนาดเนื้อที่ประมาณ 6 ไร 3 งาน 95 วา หรือ 2,795 ตารางวา หากพิจ ารณาจากแผนผัง พื้น ที่ข องชุม ชนจะมีล ัก ษณะคอ นขา งเปน รูป สี่เหลี่ยมจัตุรัส โดยมีอาณาเขตติดตอพื้นที่ตางๆ ดังนี้ ดานทิศเหนือ ติดตอ กับ ถนนเยาวราชสว นปลาย ใกลแยกวัดตึก โดยพื้น ที่ ฝงตรงขามคือตลาดคลองถม ดานทิศใต ติดตอกับถนนวานิช1 บริเวณดังกลาวเปนยานการคาสําเพ็ง ดานทิศตะวันออก ติดตอกับถนนมหาจักร (เดิมคือคลองวัดสามปลื้ม ตอมา มีการถมคลองนี้ผูคนโดยทั่วไปจึงเรียกวา คลองถม) และยานการคาสําเพ็ง ดานทิศตะวันตก ติดตอกับถนนจักรวรรดิ โดยพื้นที่ฝงตรงขามคือยานการคา ตลาดสะพานหันและตลาดพาหุรัด
26
27
ภาพที่ 8 แสดงตําแหนงชุมชนเลื่อนฤทธิ์ และเขตสัมพันธวงศ ที่มา : สุภางค จันทวานิช (2549:ไมปรากฏเลขหนา)
28
ภาพที่ 9 แผนที่แสดงอาณาบริเวณติดตอของชุมชน และพื้นที่ใกลเคียง
ดว ยลัก ษณะของสถานที่ซึ่ง ติด ตอ กับ พื้น ที่ ถือ ไดวาชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์แ หง นี้ตั้ง อยูใ น แหลงใจกลางยานธุรกิจที่สําคัญ ซึ่ง แวดลอ มอยูโ ดยรอบ จึง ทําใหเ กิดผลดีแกชุม ชนอยูดวยกัน หลายดาน ประการแรก คือ ทําใหงายตอการเขาถึงพื้นที่ทั้งทางรถยนตและการเดินเทาเพราะวา มีเสนทางคมนาคมโดยเฉพาะการมีถนนเยาวราช ถนนจัก รวรรดิ ถนนมหาจัก ร ซอยวานิช อยูรอบทิศทางของยาน ถนนเหลานี้ยัง เชื่อ มตอ กับ ถนนอื่นๆอีก หลายสายในเขตสัม พันธวงศ โดยเฉพาะถนนเยาวราชที่ถือ เปนเสนทางหลัก สําคัญ ของการเขามาใชบ ริก ารในยานการคา ตางๆของพื้นที่เขตนี้ ประการที่ส อง คือ การเปนตัวสนับ สนุนการคาซึ่ง กันและกัน ระหวางยานใกลเ คีย ง เนื่องจากระยะหางของแตล ะพื้นที่ไมไกลกันมากนัก ทําใหผูคนสามารถที่จ ะเดินทางไปมาใน การจับ จา ยใชส อยสิ่ง ของที่ตอ งการไดห ลายอยางในระยะเวลาอันสั้น ดวยถนนหนทางและ ตรอก ซอกซอยตางๆที่เชื่อมโยงถึงกัน เชน ในทิศเหนือบริเ วณดานหนาของพื้นที่ชุม ชนติดกับ ถนนเยาวราชอันเปนเสน ทางเขาสําหรับ การเดินทางเทาของพื้นที่เ ขตสัม พัน ธวงศและพื้น ที่ ใกลเ คีย งอยา งเชน ตลาดคลองถมขา มไปยัง ถนนเจริญ กรุง บริเ วณเวิ้ง นครเขษมและยา น วรจักร ในดานทิศใตของพื้นที่ที่ติดตอกับถนนวานิช 1 ซึ่ง ภายในพื้นที่มีเ สนทางเดินทะลุเ ชื่อ ม เขาไปในตลาดสําเพ็ง ทิศตะวันออกในดานถนนมหาจัก รสามารถที่จ ะเดินเทาไปบริเ วณยาน ราชวงศ ทรงวาด สวนในดานทิศตะวันตกซึ่ง ติดกับ ถนนจัก รวรรดิก็ส ามารถที่จ ะเดินเทาขาม ไปยังบริเวณตลาดสะพานหัน และยานพาหุรัดได นอกจากนี้ หากไดเ ดินสํา รวจภายในพื้นที่โ ดยรอบ จะพบวาบริเ วณพื้นที่ของชุม ชน นับ เปน พื้น ที่เ ปด สามารถจะเดินเขา มาภายในพื้น ที่ไ ดท ุก ทิศทาง เพราะมีซ อยใหญๆ อยู 3 ซอย คือ ซอยเลื่อนฤทธิ์ 1 2 (ซอยกลาง) และ 3 ซึ่ง เปนถนนที่วางตัวขนานกัน และเชื่อ มตอ กันไดดวยเสนทางที่อยูบริเวณทิศเหนือและทิศใต อีกทั้งยังมีซอยเลื่อนฤทธิ์ดานถนนจัก รวรรดิ ที่เชื่อมตอกับซอยเลื่อนฤทธิ์ 1 รวมไปถึงยังมีชองทางเดินเล็กๆกวางประมาณ 2 เมตรกลางตัว อาคาร คือ อาคารดา นถนนมหาจัก ร และอาคารดา นที ่ต ิด กับ ถนนวานิช ดว ยลัก ษณะ ดังกลาวจึงนับเปนขอดีตอกลุมผูที่อาศัย และกลุมผูเขามาใชบ ริก ารภายในพื้นที่ทําใหส ามารถ ที่จะสัญจรไปมาถึงกันไดอยางสะดวก - การสัญจรในพื้นที่ ดวยลัก ษณะทางกายภาพของพื้นที่ ซึ่ง มีซ อยใหญๆ 3 ซอย และตรอกทางเดินอยู หลายทิศทางที่เชื่อมตอกัน จึงทําใหการการสัญจรภายในพื้นที่ชุมชนเลื่อ นฤทธิ์ มีอ ยูดวยกัน 2 ลัก ษณะ คือ ลัก ษณะการสัญ จรทางรถยนตจ ะเปน ทางเดิน รถทางเดีย ว เขาภายในตัว พื้น ที่ ทางดา นทิศเหนือ คือ ซอยเลื่อ นฤทธิ์ 3 จากถนนเยาวราช เขา มาสูพื้นที่แ ละวนขวาเปน 29
วงรอบเขาหรือ ผานในซอยเลื่อ นฤทธิ์ 3 และ 2 (ซอยกลาง) และไปออกที่ซ อยเลื่อ นฤทธิ์ 1 เพื่อเขาสูถนนเยาวราชเกือบถึงบริเวณแยกวัดตึก และระบบการสัญจรทางเทา โดยจากการสํารวจพบวามีขนาดทางเดินเทาประมาณ กวาง 1 เมตร ตามลัก ษณะของอาคาร ซึ่ง บางสวนถูก รุก ล้ําจากรานคาแผงลอย และการใช พื้นที่เพื่อจอดรถจักรยานยนต วางวัสดุ หีบหอ ผามวน กระถางตนไมของแตล ะบาน จึง ทําให ไมสามารถเดินได จากการเฝาสัง เกตพบวาปริม าณความหนาแนนของการสัญ จรภายในพื้นที่จ ะอยูใ น ชวงเวลาประมาณ 09.00 – 16.30 น. เพราะชวงเวลาดังกลาวจะมีร ถขนสง สินคาทั้ง รถกะบะ 4 ลอ 6 ลอ และรถจักรยานยนต(เวสปา)นําสินคาประเภทผาทอ ผามวนเขามาสง ในปริม าณ มากพอสมควร รวมถึง ในบริเ วณดา นถนนมหาจัก รที ่ม ีป ริม าณรถขนสง คา อยูจํา นวนมาก เชนกันเนื่อ งจากฝง ตรงขามกับ ตัวพื้นที่และลึก เขาไปตอนในของถนนมหาจัก รจะเต็ม ไปดวย รานคาสงผาพับ ผามวนเปนจํานวนมาก นอกจากนี้ยังพบวาลักษณะเสนทางการสัญ จรภายใน พื้นที่ โดยเฉพาะดวยความกวางของถนนในแตละซอยรถขนสงสินคาสามารถวิ่ง สวนทางไปมา ไดอยางสะดวก แตโดยสวนใหญแลวรถขนสง สินคาจะจอดบริเ วณดานฝง ซายหรือ ฝง ขวาของ อาคารเพื่อขนสงสินคา และเหลือพื้นที่อีกดานหนึ่งไวสําหรับการสัญ จร ทั้ง นี้ภายในชุม ชนไดมี การกําหนดขอตกลงในการจอดรถโดยวันที่เปนเลขคูและเลขคี่จะจอดรถไปในทิศทางเดียวกัน ในชวงเวลาเย็นยัง พบวามีก ารนํารถยนตสวนบุคคลเขามาจอดในบริเ วณพื้นที่ทั้ง จากรถยนต ของผูประกอบกิจการและรถเข็นสินคาของผูประกอบการคาแผงลอยที่จอดไวจํานวนหลายคัน โดยในชวงกลางคืนจะมียามรักษาความปลอดภัยดูแลพื้นที่ตลอดทั้งคืน
กิจกรรมในพื้นที่ชุมชน หากพิจารณาถึงกิจกรรมการใชพื้นที่ห ลัก คือ พื้นที่เ ขตสัม พันธวงศ ซึ่ง มีเ นื้อ ที่ทั้ง หมด ประมาณ 1.416 ตารางกิโ ลเมตร หรือ ประมาณ 912.80 ไร รอ ยละ 0.09 ของพื้น ที่ กรุงเทพฯ 1,568.73 ตารางกิโลเมตร (อัจ ฉรา ปุญ ญฤทธิ์ 2533 :17) จะพบวามีกิจ กรรมการ ใชพื้นที่โ ดยรวม คือ เปนแหลง พาณิชยกรรม ซึ่ง มีห ลากหลายประเภททั้ง การคาปลีก คาสง สํานัก งาน และบริก าร ที่พัก อาศัย รวมทั้ง มีก ารใชพื้นที่และอาคารแบบผสม เชน อยูอ าศัย และบริการ หรือ คาปลีก คาสง โกดังเก็บสินคากับอยูอ าศัย (ยงธนิศร พิม ลเสถียร 2544:314,3-15)
30
นอกจากนี้ หากจะเพิ่ม พื้นที่ใชส อยในเขตสัม พันธวงศก็ก ระทําไดคอ นขางยากทั้ง ใน แนวราบที่ไ มส ามารถขยับ ขยายเนื้อ ที่อ อกไปไดอีก เนื่อ งจากบริเ วณนี้เ ปน พื้นที่ที่ตั้ง อยูในใจ กลางเมือ ง ขณะเดีย วกัน การเพิ่ม พื้น ที่ใ นแนวดิ่ง ดว ยการสรา งอาคารสูง ก็ไ มส ามารถที่จ ะ กระทําไดงายนัก เพราะมีก ฎหมายกําหนดควบคุม ความสูง ของอาคารไวทั้ง นี้เ ปนเพราะที่ดิน ของเขตอยูติดกับที่ดินประเภทอนุรักษเพื่อสงเสริม ศิล ปวัฒ นธรรมไทยหรือ เกาะรัตนโกสินทร ชั้นนอก ดวยขอจํากัดดังกลาวจึงทําใหการใชพื้นที่ในเขตสัมพันธวงศเปนไปอยางคุม คาในทุก ๆ กิจกรรม เมื่อหันมาสํารวจถึงลักษณะกิจ กรรมในชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์ ก็จ ะพบลัก ษณะการใชพื้นที่ สอดคลองกับขอมูลขางตน หากจะอธิบายกิจกรรมบนพื้นที่ชุมชนเลื่อนฤทธิ์จากรูปแบบการใช ประโยชนอ าคารของผูเ ชา 7 จะพบวา อาคารสว นใหญใ นพื้น ที่ รอ ยละ 95 เปน การใช ประโยชนจากอาคารเพื่อการพาณิชยกรรมในชั้นลางของอาคาร สวนในชั้นบนเปนการใชพื้นที่ เก็บสินคา โกดังสินคา มีเพียง 5 อาคารเทานั้นที่มีก ารใชพื้นที่ชั้นบนเพื่อ การพัก อาศัย (วิฑูร ย อาสาฬหป ระกิต 2546 :16 ) โดยจากการสํารวจของกรมศิล ปากร (2546) ในดานของ กิจกรรมการใชสอยอาคารสามารถที่จะจําแนกรูปแบบการใชประโยชนดังนี้ ตารางที่ 1 แสดงรูปแบบการใชสอยอาคารในพื้นที่ ลําดับ รูปแบบการใชสอย 1. อาคารพักอาศัย 2. อาคารพาณิชยร วมทั้งสิ้น 134 รานโดยแบงเปน - รานอาหาร (2 ราน) - รานคา,รานขายของปลีก-สง (122 ราน) - รานบริการ (2 ราน) - สํานักงานประกอบวิชาชีพ (8 ราน) 4. โกดังเก็บสินคา 5. บานปด รวมทั้งสิ้น
จํานวน (คูหา) 23 190 (3) (174) (2) (11) 9 3 225
ที่มา : กรมศิลปากร 2546:6 7
ตามสัญญาเชาที่ผูเ ชามีการแจง ตอสํานักงานทรัพ ยสินฯมีจํานวนทั้ง หมด 189 ราย (สํานักงานทรัพ ยสิน สวนพระมหากษัต ริย ม.ป.ป.:4) แตในความเปนจริงแลวจํานวนผูเชา มีมากกวาจํานวนที่แจงไปยังสํานักงาน ทรัพยสินฯ เนื่องจากผูเชาบางรายครอบครองสัญญาเชาหลายฉบับ และนําไปใหผูอื่นเชาชวงตออีกที 31
จากตารางจะเห็นไดวาเมื่อ เปรีย บเทีย บกับ จํา นวนหอ งเชาทั้ง หมดที่ม ี 225 คูห า สัดสวนของการใชสอยอาคารในพื้นที่จ ะเปนไปเพื่อ การพาณิชย โดยมีจํานวนมากสุดถึง 190 คูห า ขณะที่ก ารพัก อาศัยมีอ ยูนอ ยมากเพียง 23 คูห า บทบาทของการอยูอ าศัย ในพื้นที่จ ึง ลดลงจากอดีต อยางไรก็ดีจากการสํารวจของผูเขียน เมื่อป พ.ศ. 2549 ที่ผานมาในดานของประเภท การประกอบกิจ กรรมการคา และบริก ารโดยสํา รวจแจงนับ จากชื่อ รา นคา ภายในพื้น ที่พ บ จํานวน 140 ราน มีกิจ กรรมการคา สง ผา มวนเปนสัดสวนที่ม ากกวา กิจ กรรมประเภทอื่น ๆ ซึ่งสามารถจําแนกไดดังตาราง ตารางที่ 2 แสดงรายละเอียดการประกอบกิจกรรมการคาและบริการภายในพื้นที่ ลําดับ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9.
ประเภทกิจกรรมทางการคาและบริการ8 คาสงผามวน ผาดิบ ผาลูกไม อุปกรณ วัสดุ ประเภทอารดแวร รับตัดเย็บเสื้อโหล อุปกรณผามาน หนาตาง ประตู ดาย ไหมพรม ริบบิ้น โบว เชือก ผาถุงไทย ผาปาเตะ เผาเช็ดหนา ยาแผนปจจุบัน – โบราณ ผานวม ผาหม ปูที่นอน มุง ผาขนหนู อื่นๆ รวม
จํานวน (ราน) 100 7 4 3 3 3 3 3 14 140
รอยละ 71.45 5.00 2.85 2.14 2.14 2.14 2.14 2.14 10.00 100.00
ที่มา : จากการสํารวจภาคสนาม เดือนมีนาคม 2549 จากการเดินสํารวจประเภทของกิจ กรรมทางดานการคา และบริก ารบนพื้น ที่ชุม ชน เลื่อ นฤทธิ์ ดัง ที่ก ลาวมาขา งตน สามารถที่จ ะแบง พื้น ที่ของชุม ชนออกไดเ ปน 2 พื้นที่ยอ ย (Sub areas) ซึ่งมีลักษณะแบงแยก แตกตางกันอยางคอนขางชัดเจน
8
สามารถดูรายชื่อรานคาและลักษณะของประเภทสินคาและบริการภายในพื้นที่ไดในภาคผนวก ข. 32
พื้นที่ยอยบริเวณแรก คือ บริเวณตอนนอกของพื้นที่ริมถนนเยาวราช ตั้ง แตหัวมุม แยก วัดตึกตัดกับถนนจักรวรรดิท อดตัวเปนแนวยาวผานซอยเลื่อ นฤทธิ์ 1 มาจนถึง ซอยเลื่อ นฤทธิ์ 3 ตามแนวอาคาร ลัก ษณะเดนของบริเ วณพื้นที่นี้ คือ จะมีกิจ กรรมทางการคาและบริก ารที่ คอนขางหลากหลาย เชน รานขายยาแผนปจจุบัน รานจําหนายอุป กรณ ฮารดแวร เครื่อ งมือ ชาง คาสงสวนประกอบการทําน้ํายา ครีม แชมพู รานถายรูป ตัดผมสุภาพบุรุษ ออกแบบรับ จัดทําผามานและอุป กรณที่เ ปน สว นประกอบผามาน ประตู หนา ตา ง เบา หลอม เครื่อ งชั่ง ตวงวัด กางเกงแพร ของหลุด จํา นํา ของมือ สอง ทัน ตกรรม รัก ษาพยาบาล ของชํ า ของ เบ็ดเตล็ด รวมทั้งหาบเรแผงลอยขายสินคาประเภทตางๆ พื้นที่บ ริเ วณนี้จ ะมี กลุม ลูก คาที่เ ขา มาใชบ ริก าร ซื้อ สินคา ของแตล ะราน และยัง เปน เสน ทางสัญ จรของผูคนเพื่อ เดิน ผานไปยัง พื้นที่ยานการคาอื่นๆ ที่อยูใกลเคียง รวมทั้งผูคนที่มารอขึ้นรถโดยสารประจําทาง
ภาพที่ 10 มุมสูงบริเวณเวิ้งทานเลื่อนฤทธิ์ ที่มา : สํานักผังเมือง กรุงเทพมหานคร (2549:269) พื้น ที ่ยอ ยบริเ วณที่ส องคือ บริเ วณที ่อ ยูต อนในของพื ้น ที่ถ ัด จากริม ถนนเยาวราช เขามาภายในซอยเลื่อ นฤทธิ์ 1 2 และ 3 รวมไปถึง บริเ วณพื้นที่ดานถนนมหาจัก ร กิจ กรรม การคาและบริก ารที่อ ยูในบริเ วณนี้เ กือ บทั้ง หมดจะเปนรานคาสง ผาทอ ผามวนนานาชนิด มีโกดังเก็บสินคาบางเปนบางจุด ขอดีของการกระจุกตัวของกิจ กรรมคาผาที่เ ปนชนิดเดียวกัน และตางชนิดในบริเ วณเดียวกัน ยอ มทําใหลูก คาที่เ ขามาใชบ ริก ารในพื้นที่มีห ลากหลายกลุม ตามไปดวย ขณะเดียวกันบางรานที่จําหนายชนิดของผาในลักษณะเดียวกัน ยอ มที่จ ะเปนผลดี กับลูกคาอีกทางหนึ่งดวยเนื่องจากสามารถที่จะเปรียบเทียบตัวสินคาทั้ง ในแงร ะดับ ราคาและ 33
คุณภาพในพื้นที่เดียวกันไดสะดวก ตรงกับความตอ งการของลูก คาแตล ะราย อยางไรก็ดีพื้นที่ บริเวณนี้ก็มีกิจกรรมการคาอื่นๆปะปนอยูดวย แตมีอยูเพียงไมกี่ราน เชน รับตัดเสื้อโหล คาสง ผาถุง ไทย ผาปาเตะ ผานวม ผาขนหนู คาสง ดาย ไหมพรม ริบ บิ้น โบว เชือ ก กระเปา มุง ยานัตถุเ ยอรมัน จําหนายตั๋ว เครื่อ งบิน จุด ที่นาสัง เกตในพื้นที่นี้ คือ บริเ วณอาคารดานถนน มหาจัก ร เจาของกิจ การสวนใหญจ ะเปนกลุม คนไทยเชื้อ สายอินเดีย แตกตางจากพื้น ที่สว น อื่นๆของยานที่สวนใหญเปนคนไทยเชื้อสายจีนเกือบทั้งหมด โดยสรุป แลวกิจ กรรมในพื้นที่ชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์มีลัก ษณะโดดเดนที่เ ปนพื้น ที่ของการ ประกอบพาณิชยกรรม นั่นคือ การเปนยานคาสงและปลีกสินคาประเภทผาทอมวนนานาชนิด ที่มีอยูเปนจํานวนมาก ซึ่งไดรับอิทธิพลมาจากการขยายตัวของการคาผาในพื้นที่ตลาดสําเพ็ง ถึง แมวา ในพื้น ที่จ ะยัง มีก ิจ กรรมอื่น ๆปะปนอยูดว ย เชน การคา สง และปลีก สิน คา จํา พวก อุปกรณ ฮารดแวร รับตัดเสื้อโหล ยา บริก ารอื่นๆ แตก็ไมสําคัญ เทากิจ กรรมการคาสง ผาทอ มวนที่ไดกลายเปนเอกลักษณของชุมชนแหงนี้ในสายตาของผูคนภายนอกไปแลว
ผูคนที่เขามาแวะเวียนเกี่ยวของกับพื้นที่ชุมชน จากการสํา รวจกิจ กรรมบนพื้นที่ชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์ในปจ จุบัน ดัง ที่ไดก ลาวมาแลวใน ขางตนพบวาพื้นที่นี้มีสัด สวนของความหลากหลายทางอาชีพ ไมม ากนัก โดยมีก ิจ กรรมของ การคาสง ผามวนเปนจํานวนมากสุดที่สํารวจพบถึง 100 ราน หรือ คิดเปนรอ ยละ 71 ของ กิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่ ตามมาดวยกิจกรรมการคาอื่นๆ ที่มีสัดสวนนอยลงมา ในแตล ะ วัน กิจ กรรมการคา ของแตล ะรา นลว นมีล ูก คา เขา ออก ติด ตอ ซื ้อ ขายสิน คา อยู ต ลอด นอกจากนี้ตําแหนงที่ตั้งของชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์กับ พื้นที่โ ดยรอบที่มียานการคาสําคัญ หลายแหง อาทิ คลองถม สําเพ็ง ทรงวาด ราชวงศ ตลาดเกา ตลาดสะพานหัน สะพานเหล็ก ตลาด พาหุรัด จึงมีผูคนสัญจรผานพื้นที่ไปมาตลอดทั้งวัน เนื่องจากมีถนน ตรอก ซอก ซอยเชื่อ มตอ กันอยางทั่วถึง ดวยเหตุดังกลาวนี้จึงทําใหลักษณะของกลุมผูคนที่เขามาปฏิสัม พันธกับ พื้นที่ใน ชุมชนเลื่อนฤทธิ์นั้นมีความหลากหลายตามไปดวย การศึก ษาในครั้ง นี้ผูเ ขียนไดจัด ลัก ษณะกลุม ผูค นที่เ ขามาเกี่ย วขอ งกับ พื้น ที่บ ริเ วณ ชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์อ อกเปน ประเภทตา งๆ เพื ่อ ใหเ ห็น ภาพชัด เจนมากยิ ่ง ขึ ้น ตามแนวทาง ของ Jirapa Worasiangsok (2005) ซึ่ง ไดจัด หมวดหมูข องกลุม ผูคนในพื้น ที่เ มือ ง โดยมี วัตถุป ระสงคเ พื่อ นําไปประกอบการวางผัง เมือ งและการมีสว นรว มของประชาชน จึง ไดจ ัด หมวดหมูของกลุม ผูคน (Social Categories) ตามความเกี่ยวขอ งกับ พื้นที่ชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์ 34
ออกเปน 4 ประเภท คือ 1) กลุม คนที่อ าศัยอยูในพื้นที่ชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์ 2) กลุม คนที่เ ขามา ประกอบอาชีพ ในพื้น ที่ชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์แ ตอ าศัย อยูที่อื่น 3) กลุม คนที่ใ ชพื้นที่ชุม ชนเปน ทางผานเพื่อเปลี่ยนรูปแบบของการสัญจรและอาจใชบ ริก ารบางตอนเดินผาน และ4)กลุม คน ที่จงใจมาใชบริการในพื้นที่ชุมชนจริงๆ กลุม คนที่อ าศัยอยูในพื้นที่ชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์ เปนกลุม คนที่อ าศัยและประกอบอาชีพ อยูในชุมชน โดยสวนใหญจะเปนคนเกาแกที่อ ยูม านาน ที่มีความผูก พันกับ พื้นที่ ผูคนกลุม นี้ ไดแ ก ผูที่ป ระกอบกิจ กรรมการคา ประเภทตา งๆ เชน คา สง ผา มว น รับ ตัด เสื ้อ โหล วัส ดุ อุป กรณป ระเภทฮารด แวร ฯ ซึ ่ง เชา ที ่ด ิน และอาคารของสํ า นัก งานทรัพ ยส ิน สว น พระมหากษัตริย ผูประกอบการคาเหลานี้จ ะใชอ าคารที่เ ชาเปนทั้ง รานคาสง โกดัง เก็บ สินคา ตลอดจนในการอยูอ าศัยบางสวน ทั้ง ชั้นบนและชั้นลางของอาคารหรือ อาคารที่เ ปนสวนตอ เติมขึ้นใหม กลุมคนที่อยูอาศัยและคาขายในพื้นที่นี้จะมีอยูจํานวนนอ ยมากซึ่ง จะไมส อดคลอ ง กับ ขอ มูล ทะเบียนราษฎรของสํานัก งานสัม พันธวงศ (2543) ที่สํารวจพบวาในพื้นที่มีจํานวน 196 ครอบครัว มีสมาชิก ทั้ง หมด 425 คน โดยแยกเปนเพศชาย 212 คน และเพศหญิง 213 คน เนื่องจากบุคคลที่มีขอมูลอยูทะเบียนราษฎรไมไดอ าศัยอยูจ ริง ในพื้นที่ (โดยจะไดก ลาวใน กลุมคนประเภทตอไป) สําหรับรายไดเฉลี่ยของคนในชุมชนเลื่อนฤทธิ์ซึ่งประเมินจากรายไดใน พื้นที่แขวงจักรวรรดิสูงถึง 146,248 บาท ตอคน/ป (สํานักงานเขตสัมพันธวงศ 2546) กลุมคนที่อาศัยอยูที่อื่นแตเขามาทําการคาขายหรือรับ จางในชุม ชน สามารถแบง ออก ได 4 กลุมหลักๆ คือ 1) กลุมผูที่เคยอาศัยอยูในชุมชนมากอน สวนใหญเปนบุคคลซึ่ง มีขอ มูล อยูในทะเบียน ราษฎรของพื้นที่ แตในปจจุบันไดยายออกไปอยูบริเวณยานชานเมือง เนื่อ งจากพื้นที่ซึ่ง เชาอยู นี้ม ีไ มเ พีย งพอกับ ความตอ งการของสมาชิก ในครอบครัว ที่ข ยายเพิ่ม ขึ้น จึง ไปหาที่อ ยูใ หม การใชพื้นที่ของคนกลุมนี้จึงเปนเพียงรานคาและโกดังเก็บ สินคาเทานั้น ผูคนกลุม นี้ในชวงเชา ประมาณ 08.00 น. จะเดินทางเขามาประกอบอาชีพ ในพื้นที่พ อชวงเย็นประมาณ 16.30 น. ก็จะทยอยกันกลับบานพักในยานชานเมือง โดยมีสัดสวนที่มากกวาผูคนกลุมอื่นๆ 2) กลุม คนที่อ าศัยอยูนอกพื้นที่แ ตเ ขามาประกอบอาชีพ ในชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์โ ดยเชา พื้นที่จากสํานักงานทรัพยสินสวนพระมหากษัตริย,การเชาชวงตอ จากผูที่มีสัญ ญาเชาพื้นที่อีก ทีหนึ่ง หรือการเซงสิทธิจากผูเชาเดิมที่ยายออกไป ซึ่งลักษณะการเชาในสองประเภทหลัง จะมี ราคาคาเชาที่สูงกวาจากการเชาจากสํานักงานทรัพยสินฯโดยตรง ผูคนกลุม นี้สวนใหญจ ะเปน ผูเชาในกลุมคาสงผาทอ ผามวนรายใหมๆ ซึ่งมีจํานวนพอสมควร 35
3) กลุมลูกจางที่เขามาทํางานตามรานคาตางๆภายในชุม ชน สามารถแบง ตามอาชีพ ได 2 ลัก ษณะ คือ กลุม แรกจะเปนพนัก งานสํานัก งานที่เ ขามาทํางานในพื้นที่ โดยเฉพาะใน กิจ กรรมการคา สง ผา ทอ ผา มว น จะทํ า หนา ที ่เ ปน เสมีย น การทํ า รายการรับ สง สิน คา ตรวจสินคา บัญชีบริษัท เบิกสินคา สั่งสินคา อีกกลุมหนึ่งคือแรงงานที่ทําหนาที่ในการขนถายสินคาพบมากในกิจกรรมการคาสง ผา เชนเดียวกัน เนื่องลักษณะของจากการซื้อขายสินคาจะมีการติดตอจากผูซื้อภายนอกพื้นที่โ ดย สวนใหญมัก จะติด ตอ ผานทางโทรศัพ ทห รือ การใหผูแ ทนของราน(เซล)นําออกไปเสนอขาย นอกพื้นที่ ดัง นั้น นายจา งแตล ะรา นจึง ตอ งมีล ูก จางประเภทนี้ชว ยนําสิน คา ไปสง ยัง ลูก คา ภายนอก สว นสิน คา ผา ที ่เ ขา มาสง ในพื ้น ที ่แ ตล ะวัน มีเ ปน จํ า นวนพอสมควร ทํ า ให ผูประกอบการจําเปนตองจางแรงงานเหลานี้เพื่อ มาชวยขนถายสินคามากตามไปดวย รานคา สง ผาแหง หนึ่ง ๆจะมีจํา นวนแรงงานที่แตกตางกัน ออกไป ขึ้นอยูกับ ขนาดของกิจ การแตล ะ บริษัท แรงงานเหลา นี้เ กือ บทั ้ง หมดเปน กลุม ชาวอีส าน โดยจะเริ่ม ทยอยกัน มาทํา งานใน ชวงเวลาประมาณ 8.00 น. จนกระทั่ง เวลาประมาณ 17.00 น. จึง แยกยายกันกลับ บา น โดยจากการสํารวจสอบถามจากเจาของกิจ การในพื้นที่ กลาววารานคาสง ผาแหง หนึ่ง ๆจะมี ลูก จางไมต่ํากวา 5 คน จึง คาดวานาจะมีก ารจางงานในบริเ วณยานแหง นี้ไมต่ํากวา 500 คน เพราะบริเ วณพื้นที่นี้ถือ เปน จุด เชื่อ มโยงและการกระจายสิน คา ใหก ับ โรงงานผลิต สิ่ง ทอที่ สําคัญของประเทศแหงหนึ่ง 4) กลุม หาบเร แผงลอย หากพิจ ารณาในเชิง เศรษฐศาสตรผูคนกลุม นี้ทําอาชีพ ที่มี ลัก ษณะเปน เศรษฐกิจ แบบไมเ ปนทางการ (Informal Economy /Petty Commodity) มีลัก ษณะสําคัญ คือ ไมตอ งเสียภาษี ลงทุน นอ ยติดตั้ง และเคลื่อ นยา ยกิจ การไดงาย จากการ สํารวจพบวาแผงลอยเหลานี้สวนหนึ่ง ซึ่ง ตั้ง อยูป ระจําภายในบริเ วณพื้นที่ (Static hawker Unit) สามารถแบง ได 2 กลุม หลัก ๆ ตามลัก ษณะสินคาและบริก ารที่จําหนาย คือ กลุม แรก คือ กลุมรานคาแผงลอยประเภทจําหนายอาหารและเครื่อ งดื่ม ลัก ษณะของการตั้ง รานคาจะ ตั้งอยูบนบาทวิถี ซึ่งจาการเดินสํารวจพบประมาณ18 ราน เชน รานอาหารตามสั่ง กวยเตี่ยว ราดหนา ขา วตม เลือ ดหมู ขา วขาหมู ผัด ไทย สม ตํ า ขา วเหนีย ว ไกยา ง เกาลัด น้ํา ออ ย กาแฟสด น้ําจับ เลี้ยง เก็ก ฮวย น้ําอัดลมและเครื่อ งดื่ม ประเภทตางๆ กิจ กรรมการคาเหลานี้ ไดรับการใชบริการจากกลุมผูคนภายในและบริเวณพื้นที่ขางเคียงจํานวนมาก โดยเฉพาะกลุม พนักงานและกลุมแรงงานที่จะมารับประทานอาหารในชวงกลางวันและชวงบาย รานคาแผง ลอยโดยสว นใหญ หลัง จากเก็บ รา นแลว โดยเฉพาะรา นที่ตั้ง อยูท างตอนในของพื้น ที่จ ะตั้ง รถเข็น โตะ ขาวของอยูตรงพื้นที่นั้นมิไดมีการเคลื่อนยายไปไหน หรือ บางรานมีก ารฝากไวกับ รา นคา ที ่ม ีพื้น ที่วา งบางรา น ที ่ตั้ง ของรา นคา เหลา นี ้จ ะกระจายตัว อยู ม ากในบริเ วณซอย 36
เลื่อ นฤทธิ์ดานถนนจัก รวรรดิ ซอยเลื่อ นฤทธิ์ 1 และ 3 สว นกลุม ที่ส อง คือ กลุม รา นคา แผงลอยประเภทจําหนายสินคาและบริการตางๆ ที่สํารวจพบมีประมาณ 10 ราน สวนใหญจ ะ อยูบ ริเ วณปากซอยเลื่อ นฤทธิ์ดา นที่ติด กับ ถนนจัก รวรรดิร ิม บาทวิถีและบริเ วณจุด จอดรถ โดยสารประจําทางดานหนาของพื้นที่ริมถนนเยาวราช กิจกรรมการคาและบริก ารเหลานี้ เชน การจํ า หนา ยล็อ ตเตอรี ่ ลูก อม ชุด นอนสตรี รับ ซอ มเสื ้อ ผา อุป กรณช า งในครัว เรือ น การจําหนายเข็ม ขัด แวนตา และยาหรือ สารเคมีสําหรับ กําจัดหนู แมลงสาป มดภายในบาน กลุมรานคาเหลานี้จะเริ่มตั้งแผงเวลา 8.30 น.จนเวลา 17.30 น. ถึงเลิกบริการ กลุมคนที่ใชพื้นที่บริเวณชุมชนเลื่อนฤทธิ์เปนทางผานหรือเพื่อเปลี่ยนรูป แบบของการ สัญจรและอาจใชบริการบางขณะเดินผาน ดวยตําแหนงที่ตั้งของชุม ชนที่ติดตอ กับ ยานการคาสําคัญ หลายแหง อีก ทั้ง ยัง มีร ะบบ สัญจรทั้งทางเดินเทาและทางรถที่เ ชื่อ มตอ กันอยางทั่วถึง จึง ทําใหมีผูคนมากหนาหลายตาใช พื้นที่ของชุมชนเปนเสนทางผานอยูหลายกลุม ซึ่งประกอบไปดวย 1) กลุมของผูคนที่ม าจับ จายซื้อ ของในยานตางๆโดยรอบพื้นที่ อาทิ สําเพ็ง ราชวงศ ทรงวาด คลองถม พาหุรัด เวิ้ง นครเขษม วรจัก ร ที่ตอ งการซื้อ สินคาในยานเหลานี้อ าจเดิน ผานพื้นที่ หยุดซื้อ ของรับ ประทานจากรา นคา แผงลอยในพื้น ที่ หรือ เมื่อ ซื้อ สินคา เสร็จ แลว จากยา นตา งๆ เดินมาขึ้น รถประจําทางกลับ บา นในบริเ วณดา นหนา พื้น ที่ติด ถนนเยาวราช ซึ่งจากการสํารวจพบวามีรถโดยสารประจําทางเกือบ 20 สายสัญจรผานหนาพื้นที่ 2) กลุมคนทํางาน นักเรียน นักศึก ษา เนื่อ งจากบริเ วณใกลเ คียงกับ พื้นที่ของชุม ชนมี หนวยงานทางธุรกิจหลายแหงไมวาจะเปนสถาบันการเงินบริเ วณแยกราชวงศเ รื่อ ยลงมา เชน ธนาคารกสิก รไทย กรุง ไทย ธนชาต ทหารไทย โรงแรมแกรนดไชนา บริษัท หางรานตางๆ รวมทั้งสถาบันการศึกษา เชน โรงเรียนวัดชัยชนะสงคราม โรงเรียนวัดจักรวรรดิ มหาวิท ยาลัย เทคโนโลยีร าชมงคลรัต นโกสิน ทร วิท ยาเขตบพิต รพิม ุข กลุม ผูค นเหลา นี้บ างสว นจะใช เสนทางของชุมชนเลื่อนฤทธิ์เปนทางผานโดยเฉพาะจากการเดินทางมาดวยรถโดยสารประจํา ทางในถนนเยาวราชมาลงที่จุดจอดรถโดยสารบริเ วณหนาพื้นที่และเดินไปยัง สถานที่ทํางาน หรือโรงเรียนซึ่งจะเห็นภาพไดชัดเจนในชวงเชาและชวงเย็นของทุกวัน 3) กลุมพอคาแมคาที่เขามาประกอบอาชีพในบริเวณพื้นที่แตจะเปนไปในลัก ษณะของ การคาชั่วคราวโดยใชพื้นที่ข องยานเปน เสน ทางผา น คือ กลุม ของรถเข็น และคานหาบที่มี ลักษณะของการคาที่มีการเคลื่อนที่เพื่อ ทําการคาตลอดเวลา(Mobile hawker Unit) ไมห ยุด จํา หนา ยอยู ก ับ ที ่ โดยจะอาศัย พาหนะ เชน รถเข็น จัก รยาน รถซาเลง ไวเ คลื่อ นที ่บ น ทองถนน การถือหรือแขวนสินคาไวกับตัว และอีกสวนหนึ่งคือลัก ษณะการคาที่มีก ารเคลื่อ นที่ 37
เปน บางเวลา (Semistatic hawker unit) โดยจะไมห ยุด จํา หนา ยสิน คา อยู ก ับ ที่เ ปน เวลานานๆ แตจ ะหยุด จํา หนา ยสิน คา กับ ที่ชั ่ว คราวเปน เวลาสั ้น ๆ แลว จะเคลื่อ นยา ยไป จําหนายในสถานที่อื่นๆตอไป หาบเรแผงลอยเหลานี้อาจจะจงใจหรือ ใชบ ริเ วณนี้เ ปนเสนทาง ผาน สําหรับสินคาที่จําหนาย เชน พืชผัก ผลไม ขนมหวาน สม ตํา ไอศกรีม อุป กรณทําความ สะอาดบาน ของใชเบ็ดเตล็ดประเภทตางๆ เปนตน 4) กลุม ของนัก ทอ งเที่ย วที่นิย มเดิน ชมบรรยากาศยานการคาในพื้นที่สัม พัน ธวงศ โดยเฉพาะในดานของถนนเยาวราชที่เ ริ่ม ตน จากวงเวีย นโอเดียนเรื่อ ยมา ซึ่ง จะมีกิจ กรรม การคาหลากหลายรูปแบบ อีกทั้งยังมีศาสนสถานทั้งวัดไทย วัดจีน รวมไปถึง อาคารบานเรือ น ที่มีความสวยงามทางสถาปตยกรรมตามตรอก ซอก ซอยตางๆที่ยังปรากฏใหเห็นอยู กลุมคนที่จงใจเขามาใชบริการในชุมชน คือ กลุมคนที่เดินทางมาจากที่ตางๆโดยจงใจ มาใชบริการเฉพาะอยางในพื้นที่จริงๆ ซึ่งประกอบไปดวยประชากร 4 กลุมหลักๆ คือ 1) กลุมพอคาสงผาที่เขามาสั่งซื้อ สินคาโดยตรงภายในพื้นที่ และตัวแทนรานคาจาก ภายนอก(เซล) ซึ่ง เขามานําเสนอสินคาใหกับ รานคาผาภายในพื้นที่ หรือ สง สินคาใหกับ ทาง รานคา ภายในพื้นที่ซึ่ง ไดมีก ารสั่ง ซื้อ กันทางโทรศัพ ทม ากอ นแลว ถือ เปนกลุม คนที่ม ีสัดสว น มากที่ส ุดในการจงใจเขามายัง พื้นที่ ชวงเวลาที่เ ขา มาจะเริ่ม ตั้ง แตชวงเชาไปจนถึง ชวงเย็น โดยการใชร ถบรรทุก ขนถายสิน คาในลัก ษณะของรถกะบะ 4 ลอ และที่นิย มมากที่สุด คือ รถจักรยานยนต (เวสปา) เปนสวนใหญ เนื่อ งจากบริเ วณพื้นที่นี้มีขอ กําหนดจากทางราชการ ในการหามนํารถขนสง สินคาขนาดใหญเ ขา มาผนวกกับ ปญ หาทางดานการจราจรของถนน เยาวราชและใกลเคียงที่คับคั่งอยูตลอดเวลา 2) กลุม ลูก คาที่เ ขามาใชบ ริก ารรานคารอบบริเ วณพื้นที่ยอ ยแรก ดานที่ติดกับ ถนน เยาวราชและถนนจักรวรรดิซึ่งจะมีกิจกรรมการคาที่หลากหลายแตกตางจากตอนในของพื้นที่ ที่มีแตการคาผามวนเปนสวนใหญ จากการสังเกตพบบรรยากาศความคึกคักของการจับ จายใช สอยอยา งตอ เนื่อ งของกิจ กรรมทางการคาที่สํา คัญ ใน 2 จุด คือ ซอยเลื่อ นฤทธิ์ดา นถนน จักรวรรดิ บริเวณหัวมุมตรงแยกวัดตึก โดยเฉพาะบริษัทศรีสําอาง จํากัด ที่คาสงสวนประกอบ วัตถุดิบของอุป กรณก ารทําแชมพู ครีม น้ํามัน น้ํายาชนิดตางๆ และอีก จุดคือ บริเ วณตรงจุด ปายจอดรถประจํา ทางหนาหางหุนสวนจํากัด ล.เลียกเส็ง รา นทรงศิล ป หา งหุนสว นจํากัด ตั้งเซงฮวด จํากัด ที่จําหนายอะไหล วัสดุ อุปกรณประเภทฮารดแวร จากการสอบถามเจาของ กิจการสวนใหญลูก คาของแตล ะรานนั้นจะเปนลูก คาเกาแกที่รูจัก และมีก ารติดตอ คาขายกัน มานานและอีก สว นเปน ลูก คา ขาจรทั ่ว ไป นอกจากนี ้ย ัง รวมไปถึง กลุ ม ผู ป ว ยที ่เ ขา มา
38
รักษาพยาบาลในคลินิก ไพโรจนก ารแพทยซึ่ง คิดคารัก ษาในราคา 30 บาท ในชวงเวลาเย็นๆ ของทุกวัน 3) กลุมของพนักงานและลูกจางรอบๆพื้นที่ที่จ งใจเขามาใชบ ริก ารหาบเรแผงลอยซึ่ง ตั้ง กระจายอยูภายในตัว พื้น ที่ ทั้ง 3 ซอย และซอยเลื่อ นฤทธิ์ดานที่ติด กับ ถนนจัก รวรรดิ โดยเฉพาะการเขามาพักรับประทานอาหารในชวงกลางวัน 4) กลุม ของพอ คา แมคา ที่เ ขา มาทํา การคา ขายสิน คา ในบริเ วณพื้น ที่ดา นริม ถนน มหาจักร ซึ่งบริเวณนี้จะมีตลาดนัดจําหนายสินคาประเภทของกิฟ ชอ ฟ เสื้อ ผา เครื่อ งประดับ กระเปา สินคาที่ร ะลึก ตางๆ ในชวงเวลาประมาณ 02.00 น. – 08.00 น. ของทุก วัน (ยกเวน วันจันทร) โดยมีการปดถนนหามรถสัญจรตั้งแตริมปากทางเขาถนนมหาจัก รผานตัวพื้นที่และ เลี้ยวขวาเขาไปออกที่ซอยวานิช 1 ตรงตรอกหัวเม็ดดานถนนจัก รวรรดิ พอ คาแมคาสวนหนึ่ง ไดอาศัยพื้นที่ริม ฟุตบาต ตลอดจนประตูห นารานในกลุม อาคารดานถนนมหาจัก ร เปนที่วาง แขวนสิน คา จํ า หนา ยและบางสว นไดนํ า รถยนตส ว นบุค คลเขา มาจอดในพื้น ที ่ซึ่ง ไดม ีก าร จัดเก็บคาจอดรถเพื่อนํามาเปนคาดูแลรักษาพื้นที่ กลุม คนประเภทที่สี่นี้นับ มีความสํา คัญ ตอ กลุม ผูป ระกอบการในพื้น ที่เ ปนอยา งยิ่ง โดยเฉพาะกลุมของพอคาหรือตัวแทน(เซล)คาสง ผา ซึ่ง เปนการใหนัยถึง การดํารงอยูของการ เปนยานการคาสงผาในบริเวณนี้ โดยสรุป แลวลัก ษณะของกลุม ผูคนที่เ ขามาปฏิสัม พันธกับ พื้นที่ชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์นั้นมี ความหลากหลายอยูมากถึงแมวารูปแบบกิจ กรรมตางๆของพื้นที่จ ะโดดเดนอยูที่ก ารคาสง ผา เปนหลัก ทั้งนี้เปนผลมาจากองคประกอบหลายดาน เชน ลัก ษณะทางกายภาพ ยานการคาที่ สําคัญซึ่งตั้งอยูโ ดยรอบพื้นที่ ระบบการคมนาคม กลาวคือ การมีถนน ตรอก ซอก ซอยตางๆ ที่เอื้อ ตอ การสัญ จรไปมาของผูคน ปจ จัยดัง กลาวจึง เปนสวนผลัก ดันใหชุม ชนแหง นี้เ ปนยาน สําคัญทางเศรษฐกิจไมนอยไปกวาพื้นที่อื่นๆในเขตสัมพันธวงศ
กลุมและปฏิสัมพันธทางสังคมของคนในชุมชน จากการสัม ภาษณแ ละการสัง เกตการใชชีวิต ของผูคนในชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์แหง นี้พ บ รูปแบบของกลุมทางสังคมใน 3 ลักษณะที่สําคัญ คือ 1) กลุม เพื่อ นบาน (neighborhood) อันเปนรูป แบบของกลุม คนในพื้นที่ห รือ ชุม ชน เล็กๆที่มีลัก ษณะเปนบริเ วณที่ไมก วางใหญนัก และผูคนมีความสัม พันธกันอยางใกลชิดแบบ พบเห็นหนากันอยูเสมอ มีวิถีชีวิตและลักษณะทางสังคมที่คลายกัน โดยกลุมคนในพื้นที่เ กิดขึ้น 39
จากการสัง สรรคอ ยา งไมเ ปน ทางการหรือ อยา งเปน กัน เองของบุค คลที ่อ ยูบ า นใกลเ รือ น เคียงกัน (ราชบัณฑิตยสถาน 2549 :175) อยา งไรก็ตาม เนื่อ งจากพื้นที่ตรงนี้มีพัฒ นาการ มาอยางยาวนาน มีการหมุนเวียนของผูคนที่เ ขา-และออกมากมายในแตล ะชวงเวลา ทั้ง ในแง ของกลุม คนดั้ง เดิม ที่อ าศัย มาตั้ง แตรุน เขามาบุก เบิก พื้นที่ซึ่ง ในปจ จุบันเหลือ อยูเ ปนจํา นวน นอ ยมาก (จากการสัม ภาษณก ลาวกันวาเหลือ ไมถึง 10 เปอรเ ซ็นต) การเขามาอยูใหมของ กลุมคนที่มาจากทางตอนในของตลาดสําเพ็ง ในชวงที่ตลาดการคาผามวนขยายตัว กลุม คนที่ ยา ยมาจากตา งจัง หวัด และกลุม คนเขา มาอยูใ นพื้น ที่แ บบไมป ระจํา อยา ง เชน พนัก งาน ลูกจางตามรานคาตางๆ และกลุม คนไทยเชื้อ สายอินเดียที่ขยับ ขยายการคามาจากพื้นที่ยาน พาหุรัด กลุม ของคนไทยแท ซึ่ง คนแตล ะกลุม ตางก็มีรูป แบบการใชชีวิตบนพื้นที่ชุม ชนแหง นี้ ตางกันออกไป บางคนอยูอาศัยในพื้นที่ตลอด บางคนเขามาใชพื้นที่เฉพาะในชวงเวลาทํางาน ดัง นั ้น ดว ยความหลากหลายของวิถ ีช ีว ิต ผู ค นในพื ้น ที ่แ หง นี ้จ ึง ทํ า ใหร ูป แบบ ความสัม พันธท างสัง คมในฐานะที่เ ปนเพื่อ นบานกันของแตล ะบานหรือ ครอบครัวหนึ่ง ๆจึง มี ลักษณะที่แตกตางหลากหลายกันออกไปดวย อาทิ - ความสัมพันธแบบสนิทสนม เปนความสัมพันธที่พบมากในกลุมของคนที่เขามาอยูในพื้นที่รุนเดียวกัน ตัวอยางเชน ในกลุมคนจีนที่อพยพเขามาตั้งกิจการคาขายเล็ก ๆนอ ยๆและคอ ยๆขยับ ขยายเติบ โตขึ้น หรือ บางคนพัฒนาตนเองจากลูกจางรับเข็นผาในตลาดสําเพ็งและเขามาตั้งกิจการในพื้นที่พรอ มกับ เพื่อนรุนราวคราวเดียวกัน ซึ่ง จะมีก ารติดตอ ไปมาหาสูกันอยูเ สมอ มีก ารทํากิจ กรรมรวมกัน นอกเวลางาน เชน การไปทองเที่ยวดวยกัน การไปงานที่บานอื่นจัด การซื้อ ของฝากระหวาง กันและสามารถสัง เกตเห็นไดชัดเจนจากการมีส ภาน้ําชา คือ การนั่ง รับ ประทานน้ําชาหรือ ที่ เรีย กกันทางภาษาจีนวา “เจี๊ย ะเต” ที่จ ะปรากฏขึ้น เปนประจําทุก วัน ในบริเ วณซอยกลาง ในชว งบา ยๆเปน ลัก ษณะของการนั่ง จับ กลุม พูด คุย สนทนากัน ถึง เรื ่อ งราวทั้ง สถานการณ เศรษฐกิจ การเมือง สถานการณก ารคาตางๆ ของแตล ะคน คําที่มัก จะไดยินการทัก ทายอยู เสมอ เชน “จอๆ เจี๊ยะเต”“เซ็งลี้ฮอหมอ” (นั่งๆกอน กินน้ําชากัน,คาขายดีไหม) เชนเดียวกับ กลุ ม คนอิน เดีย ซึ ่ง มีค วามสนิท สนมคุ น เคยกัน เปน อยา งดี เนื ่อ งจากการสัม ภาษณพ บวา การเขามาประกอบกิจ กรรมการคาของคนอินเดียในพื้นที่สวนใหญ จะเขามาในลัก ษณะของ การที่คนใดคนหนึ่งเขามาอยูกอ น พอเมื่อ มีหอ งวางหรือ การยายออกก็จ ะมีก ารติดตอ ชัก ชวน พรรคพวกในกลุม คนอิน เดีย ที่คาขายผาดวยกันเขา มาเชา หรือ เซง พื้นที่ โดยปรากฏใหเ ห็น อยางชัดเจนจากการเกาะกลุม ครอบครองพื้นที่คา ขายภายในบริเ วณอาคารดานติดกับ ถนน
40
มหาจักรซึ่งเกือบทั้งหมดจะเปนคนอินเดียจึงถือเปนความสัมพันธในรูป แบบของกลุม ชาติพันธุ เดียวกันที่ปรากฏขึ้นอีกกลุมหนึ่งดวย นอกจากนี้ เพื่อ สรางบรรยากาศของความสนิท สนมกลมเกลียวกันภายในชุม ชนทาง คณะกรรมการชุมชนยังไดมีการจัดใหมีพิธีไหวเจาประจําปของชุม ชนขึ้นซึ่ง ถือ ไดวาเปนปจ จัย ที ่ช ว ยกอ ใหเ กิด ความสัม พัน ธอ ัน ดีร ะหวา งกัน ของคนในพื ้น ที ่ โดยงานนี ้จ ะจัด ในชว ง กลางเดือ นธัน วาคมของทุก ป ในทางภาษาจีน จะเรีย กวา การไหว “ไป เพ็ง อัง ”หรือ “เสี่ย ซิ้ง”เปนการไหวขอบคุณพระเจากอนขึ้นปใหมในหมูคนจีน ในอดีตนั้นเคยจัดงานนี้อ ยาง ยิ่ง ใหญเ ปนประจําทุก ป โดยเฉพาะในชวงกลางคืนคึก คัก มาก คนที่อ ยูในพื้นที่แหง นี้ม านาน ทา นหนึ่ง เลา วา แตกอ นนี่แ ตล ะซอยภายในพื้นที่จ ะมีม หรสพตั้ง แสดงอยูทุก ซอย คือ มีทั้ง คณะงิ้ว ลิเก และหนัง มีอาหาร ขนม ของกินขายกันอยางสนุก คนที่อ ยูในแถบเยาวราชนี้จ ะ มาเที่ยวที่นี่กัน มาก โดยเฉพาะในบริเ วณเลื่อ นฤทธิ์ก ับ เวิ้ง นครเขษมจะจัดงานใหญคูกัน มา ตลอด อยา งไรก็ดีก ารจัด งานดัง กลาวไดมีก ารขาดหายไปในบางชวงเนื่อ งจากไมมีผูส านตอ ในระยะไมกี่ปที่ผานมาจึง ไดม ีก ารรื้อ ฟนการจัดงานนี้ขึ้นมาใหมโ ดยคณะกรรมการชุม ชนชุด ปจ จุบ ัน แตไ ดล ดทอนกิจ กรรมบางอยา งลงเพื่อ ความสะดวกในการคา ขายของแตล ะรา น ภายในงานนี้จ ะจัด ใหมีพ ิธีไหวเ จา การทํา บุญ เลี้ยงพระ ตลอดจนมีก ารออกบัตรจัด โตะ จีน เลี้ย ง รับ ประทานอาหารรวมกันในชว งกลางวัน บริเ วณซอยกลาง การเขารวมงานนี้ม ิไดมี เฉพาะในกลุมชาวจีนเทานั้น หากแตชาวอินเดียสวนหนึ่ง ที่ศรัท ธาและเชื่อ ก็เ ขามารวมงานใน ครั้งนี้ดวย - ความสัมพันธแบบผิวเผิน เนื่องจากในบริเวณพื้นที่มีผูคนมากหนาหลายตาและมีการหมุนเวียนเขาออกของผูคน อยางตอ เนื่อ ง และในขณะเดียวกันกิจ กรรมการคา ของแตล ะคนที่มีก ารติดตอ คาขายตลอด ทั้งวัน จึงทําใหผูคนบางสวนมิไดมีก ารไปมาหาสูกัน เชน จากการสัม ภาษณบ างรานกลาวถึง บรรยากาศของการใชชีวิตในแตล ะวันวา ชวงประมาณ 8 – 9 โมงก็จ ะตื่นขึ้นมาเปดรานพอ ตกเย็นประมาณ 5 โมง ก็ปดรานขึ้นชั้นสองนอน เปนกิจ วัตร หรือ บางคนที่อ าศัยอยูภายนอก พื้น ที่ก ็เ ขา มาเปด รา นทํ า งานในชว งเชา พอถึง ตอนเย็น ก็ป ด รา นเสร็จ ก็อ อกไปอยู ใ นแถบ ชานเมือ ง ปฏิสัม พันธท างสัง คมระหวางบางบานจึง มีนอ ยมาก แตก ็มิไดห มายความวาผูค น เหลานี้จะไมไดรูจักซึ่งกันและกัน ดังเชนกรณีของ ลุงฮวด กลาววา
41
“เวลาเราออกไปขางนอก เราเจอก็รูวาคนอยูใ นนี้ แตก็ไดแคยิ้ม ทัก กัน ไมไ ดพ ูด คุย กัน ม า ก ตา ง คน ตา ง มีธ ุร ะ ”(สัม ภา ษณ 9 พฤศจิกายน 2549) ปาเกียว กลาววา “รูจักบางบางทีซื้อผากับ เขา ไอที่เ ห็นหนาตาก็มีคุย ก็รูวาอยูซ อย เดียวกับเรา แตชื่อจริงๆชื่อเต็มก็ไมรู”(สัมภาษณ 6 กุมภาพันธ 2550) - ความสัมพันธแบบขัดแยง การที่คนมาอยูรวมกันมากๆยอ มจะมีปญ หาเกิดขึ้นเปนธรรมดา เชนเดียวกันภายใน พื้นที่ยอมจะมีความขัดแยงระหวางเพื่อนบานเสมอ แตอยางไรก็ตามความขัดแยง นี้มิไดพัฒ นา หรือ มีร ะดับ ที่รุนแรงจนนําไปสูความแตกแยก ความขัดแยง ที่ป รากฏสวนใหญจ ะเปนเรื่อ ง ปญ หาในทางกายภาพเล็ก ๆนอ ยๆ โดยทั่วไปอันเนื่อ งมาจากพื้นที่คับ แคบ เชน ปญ หาความ ขัดแยงเรื่องการจอดรถยนตภายในพื้นที่ เชน รถบางคันจอดเลยเขตบาน รถบางคันจอดแลว ทําใหคันอื่นไมส ามารถออกได จอดขวางทาง ปญ หาเรื่อ งขยะมูล ฝอยที่เ ปน วัส ดุหีบ หอ เศษ กระดาษ อาหารที่บางบานมิไดจัดเก็บใหเปนระเบียบปลอยใหมาเลอะอีกบาน เปนตน ปญ หา ความขัดแยงนี้จะแสดงออกมาในรูปของการบน หรือการพูดจา สนทนาใหเพื่อ นบานที่รูจัก กัน ไดท ราบ เพื่อ หวัง ในทางออ มที่จ ะชวยใหเ พื่อ นบานคนนั้นๆชวยแกไขปญ หาที่เ กิดขึ้นใหดว ย การไปบอกกับผูกอปญหา หรือบางรายมีการไปพูดกันตรงๆเพื่อทําความเขาใจและแกปญ หาที่ เกิดขึ้น ดังกรณีของปาเกียว กลาววา “จอดรถแบบวันคูวันคี่ จอดคนละฝง สลับ กัน ถาเราโกรธกับ เขาก็ มีปญ หา ตางคนก็มีร ถของตัวเอง ที่มัน ไมพ อ คือ มัน ไมมีใ ครยอมให จอดฝง เดีย ว ก็ไมม ีใครยอมทํา ตามกฎ” (สัม ภาษณ 6 กุม ภาพัน ธ 2550) ปากิม อายุ 58 ป เจาของรานขายผา กลาววา “พวกคนงานพอเลิก งานเสร็จ ปด รา น มัน ก็ซื ้อ ของมานั ่ง กิน กินเสร็จ ก็ทิ้ง ไวห นาบาน เอามาทิ้ง หนาบา นเรา เราก็ไ ปบอกเจาของ รา น เ ขา วา อยา ทํ า แ บ บ นี ้ มัน ส ก ป ร ก ไป หม ด ”(สัม ภา ษณ 9 พฤศจิกายน 2549) 42
- เพื่อนบานที่ไมรูจักมักคุนกัน จากการผูคนในพื้นที่ชุมชนที่มีการหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงเขาออกอยูตลอดเวลาอีก ทั้ง การที่บางบานอยูยุงกับกิจกรรมการคาของตนเองจนไมมีเวลาที่จะปฏิสัมพันธกับ เพื่อ นบานจึง ทํา ใหค นในพื ้น ที่บ างสว นไมรูจ ัก กัน เปน ธรรมดา ทั ้ง ในกลุม ของคนรุน เกา ที ่อ ยูม านานไม คุนหนาคุนตากับคนที่ยายเขามาอยูใหม คนที่เขามาอยูใหมที่ไมมีก ารผูก สัม พันธกับ เพื่อ นบาน ที่อยูมากอน ดังเชนกรณีของลุงเทียน อายุ 72 ป เจาของรานขายอุปกรณฮารดแวร กลาววา “ผมอยูม านานเกือ บจะ 50 ป ในแถบริม ถนนนี้ก็จ ริง แตถาเดิน เขาไปขางในบา งใครจะรูจ ัก คนมันเขา ออกตลอด อยางวัน ๆเอาแต ขายของในบานเชาเย็นไมไดสนใจกัน”(สัมภาษณ 16 มกราคม 2550) ปาจู กลาววา “แตจะรูจักจริงๆก็หมายความวา คือ อยูนานแลวก็รูจัก ปจ จุบัน เปลี่ย นไปเปลี่ยนมา เราก็ไมรู บางคนก็รูจัก หนาแตไมรูจ ัก ชื่อ ตั้ง แต เปลี่ย นมาขายผาไมรูเ ลย พวกแขกบางทีก็ไ มรู ซอยเรามีตั้ง สองรอ ย กวาหอ ง ขายผาก็เ ขาไปรอ ยกวารานแลว” (สัม ภาษณ 6 กุม ภาพันธ 2550) ปาเกียว กลาววา “สมัยกอ นรูจัก หมด สมัยนั้นเด็ก ๆ รูจัก กันหมด ซอย 1 2 3 คน นั้น คนนี้ชื่ออะไร สมัยปจจุบันไมรูเพราะวาไมคอ ยไดสัง สรรค บางทีมี คนมาถามหารานเรายังไมรูเ ลย ไปหาเองเถอะ มันขายผาหมด บางที ยี่หอมันเยอะเรายังขี้เกียจดูเลย” (สัมภาษณ 6 กุมภาพันธ 2550) 2) กลุมธุรกิจการคาผาทอ เนื่องจากพื้นที่ในบริเวณชุมชนเลื่อ นฤทธิ์ ตอ เนื่อ งไปยัง ตัว ตลาดสําเพ็งและลึกเขาไปทางตอนในของถนนมหาจัก รเปนแหลง ศูนยร วมของกิจ การผามวน ทอที่ใหญแหงหนึ่งของกรุงเทพฯ ดังนั้นกลุมผูคาเหลานี้ยอ มจะมีเ ครือ ขายของผูผ ลิตหรือ ผูคา ติดตอกัน เห็นไดชัดเจนจากการจัดตั้งสมาคมผูคาสิ่งทอที่เปนองคการอยางเปนทางการในการ ชวยใหคําแนะนําตางๆเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการคาผาทอในยานนี้ โดยในตัวพื้นที่เ องที่มีก าร กระจุก ตัว ของการคา ผา มว นทางตอนในของพื้น ที่เ ปน จํา นวนมาก รา นคา สว นหนึ่ง ก็เ ปน สมาชิก สมาคมนี้ดว ย จึง มีแ จง ถึง สถานการณท างตลาดมายัง แตล ะรา นวามีท ิศทางการคา อยางไรการติดตอในลักษณะดังกลาวถือไดวาเปนความสัมพันธทางธุรกิจ ระหวางพื้นที่ และใน
43
ขณะเดีย วกัน ภายในพื ้น ที ่ก ลุ ม รา นคา กัน เองก็ม ีค วามสัม พัน ธท างการคา ทั ้ง ในทางที ่เ อื ้อ ประโยชนตอกันและแขงขันกันในทางการคา โดยปรากฏใหเห็นไดจากหลายกรณี กรณีที่เ อื้อ ประโยชนตอ กัน อาทิ การไถถามถึง กิจ กรรมการคา ของแตล ะรานมีก าร บอกถึงความนาเชื่อถือของลูกคาแตละราย ดังเชน ลุงจง กลาววา “อยางรานที่ขายเหมือ นกันตางคนตางถามเขาก็บ อก เชน ลูก คา คนนี้ดีไ มดี เช็คเดง ไมเ ดง ก็จ ะชวยกัน บอก ประวัติดีไหม ลูก คานี่ คน นั ้น เปน ยัง ไง ชอ บตอ ร า คา ห รือ จา ย ชา จา ย เ ร็ว อ ะ ไร อยา ง เนี่ย”(สัมภาษณ 20 ธันวาคม 2549) หรือ ในกรณีขายสินคาผาที่เปนประเภทเดียวกัน ดังเชน ลุงกี กลาววา “เขาขายไดเ ลย ผมขายอีก ไดไ หม เขาขายผมก็ข ายอะไร อยา งเนี ่ย ”“ราคาสิน คา ชว งไหนดี ราคาขึ ้น -ลง เปน ยัง ไงบา ง” (สัมภาษณ 20 ธันวาคม 2549) บางกรณีที่มีการยืมหรือขอซื้อสินคาจากรานอื่นมากอนในกรณีที่สินคาที่ตนเองมีอ ยูมี จํานวนไมเพียงพอตอความตองการของลูกคา เชน ลุงโอ กลาววา “โปวไปโปวมา ผมไมมีสีนี้ก็ไปโปวสี เราขาดตัวนี้ ผาชนิดเดียวกัน ก็ไ ปโปว สีเ ขา อาจจะใหกํ า ไรเขานิด หนอ ย เราก็ส ง ลูก คา ได” (สัมภาษณ 6 กุมภาพันธ 2550) และกรณีที่รานคาผาสง เปนแหลง วัตถุดิบ ใหกับ คนที่ขายสินคาประเภทอื่นๆในพื้นที่ ดวยกันเอง เชน รานตัดเสื้อ โหล กางเกง ซึ่ง มีก ารซื้อ ผามวนจากรานคาที่มีใหเ ลือ กมากมาย อีกทั้งยังมีความสนิทสนมและรูจักกันสําหรับคูคาที่ซื้อขายกันมาประจําเปนอยางดี ในกรณีที่มีการแขงขันกันระหวางราน เชน ลุงโอ กลาววา “มีขัดแยง แขง กันเรื่อ งราคาตอ ราคากัน ถาเขาคุม กับ ตนทุนของ เขาเปลา ก็ขายไป บางทีแยง กัน ก็มี อันนี้มัน อยูที่ชั้นเชิง ของเราของ เขาดวย” (สัมภาษณ 6 กุมภาพันธ 2550)
44
ลุงเทียน เลาวา “อันนี้ก็อยูที่แตละราน เขามีเพื่อนฝูงที่คาขายกันอยู เขาก็บ อกกัน วา รา นไหนเปน อยา งไร ราคา แพง ไมแพง คุณ ภาพ บริก ารเปน อยางไร ลูกคาก็จะรู” (สัมภาษณ 16 มกราคม 2550) 3) กลุม ของพนัก งาน ลูก จางของแตล ะราน กลุม นี้ถือ ไดวาเปนอีก กลุม ที่สําคัญ และ เปนเอกลัก ษณข องยานนี้ร วมทั้ง พื้น ที่ต ลาดสํา เพ็ง และยา นการคา ตางๆในเขตสัม พัน ธวงศ ทั้ง หมดอีก กลุม หนึ่ง ดว ย โดยเกือ บทั้ง หมดจะเปน กลุม คนอีส านที่ยา ยถิ่น เขา มาทํา งานใน กรุง เทพฯ จากการสอบถามลูก จา งสวนใหญจ ะอยูใ นหมูบ าน หรือ เปนเพื่อ นบานสนิท ใกล เคีย งกัน จัง หวัดเดีย วกันชัก ชวนกัน มาทํา งานในพื้นที่ สัญ ลัก ษณป ระจํา กลุม ที่เ ห็นไดอ ยา ง ชัด เจนคือ การสื่อ สารดว ยภาษาทอ งถิ่น และวัฒ นธรรมการรับ ประทานอาหารโดยเฉพาะ สม ตํา ขา วเหนีย ว ไกย า ง ซึ ่ง ก็ม ีร า นคา จํา หนา ยอาหารประเภทนี้ที่ตั ้ง อยูภ ายในตัว พื้น ที่ บริเ วณซอยเลื่อ นฤทธิ์ 3 และมีร ถเข็นเขามาขายในพื้นที่ สามารถที่จ ะเห็น บรรยากาศของ การจับกลุมยอยๆพูดคุยกันตามความสัมพันธของคนกลุมนี้ไดในเวลาพัก กลางวันและชวงหลัง เลิกงาน
เอกลักษณทางวัฒนธรรมของชุมชน ยานคาสงผาทอ – ผามวน พื้น ที ่ช ุม ชนเลื ่อ นฤทธิ ์เ ปน ยา นการคา ที ่ม ีค วามสํ า คัญ มาตั้ง แตอ ดีต โดยเปน สว น เชื่อ มตอ กับ ยานการคาเยาวราชและตลาดสําเพ็ง ในปจ จุบ ันถือ เปนแหลง คาปลีก และคาสง โดยเฉพาะสินคาประเภทผาทอ ผามวน ผูประกอบการคาในพื้นที่มีทั้ง กลุม คนไทยเชื้อ สายจีน และอินเดียที่ขยับขยายตัวเองออกมาจากสําเพ็ง พาหุรัด บางรายมาจากตางจังหวัด สินคาผาทอ-ผามวนที่มีจําหนายอยูในพื้นที่มีอ ยูห ลายชนิด เปนแหลง วัตถุดิบ ที่สําคัญ ในการนําไปทําเปนสิน คาประเภทตางๆ เชน เสื้อ ผา สําเร็จ รูป ผาหม ผา ปูที่นอนฯ รูป แบบ การคาในพื้นที่ถือไดวามีการใชพื้นที่นอยมาก หางรานแตละแหงจะเปนทั้งสํานัก งานและโกดัง เก็บ สินคา ไปในตัว มีก ารจา งงานที่ใ ชแ รงงานคนขนถา ยสินคา เปน หลัก ระบบการซื้อ ขาย สินคาที่มีการใชผูแทนออกไปจําหนาย มีเครือขายความสัมพันธกับลูกคา สิ่งเหลานี้จึง แสดงให เห็น ถึง คุณ ลัก ษณะการคา ที ่ม ีเ อกลัก ษณ ทํ า ใหภ าคธุร กิจ ในชุม ชนซึ ่ง รวมไปถึง ใน 45
เขตสัมพันธวงศยังคงดํารงอยูได ถึงแมวารูปแบบการคาสมัยใหมไดเ คยเกิดขึ้นมาแลวบนถนน เยาวราชและหางขนาดใหญในยานพาหุรัดก็พ บวา หางดัง กลาวไมป ระสบความสําเร็จ ในการ ดําเนินการ ทั้ง นี้เ นื่อ งจากพฤติก รรม ผูม าซื้อ สินคาแตกตางจากผูซื้อ ในยานการคาสมัยใหม การดําเนินธุรกิจในรูปแบบดังกลาวจะประสบความสําเร็จและมีความเสี่ยงนอยกวา
ภาพที่ 11 บรรยากาศการคาสง ในชุม ชน ที่มา : สํานักงานทรัพยสินสวนพระมหากษัตริย
ภาพที่ 12 การขนถ ายสินคาผาด วยรถจั กรยานยนต ที่มา : สํานักงานทรัพยสินสวนพระมหากษัตริย
ชุมชนหลากหลายชาติพันธุ ที่ตั้งของชุมชนเลื่อนฤทธิ์ถือเปนสวนหนึ่งของอาณาบริเวณยานการคาเยาวราชในชวง ปลาย (โคนหางมังกร) ดังนั้น ภาพความเขาใจของผูคนสวนใหญที่มีตอ ผูอ าศัยในแถบนี้จึง มัก มองวามีแตกลุมคนไทยเชื้อ สายจีนอาศัยอยูเ ทานั้น แตสําหรับ ชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์แหง นี้ ถาหาก ไดเดินสํารวจดูแลวจะพบวากลุมคนที่อาศัยและใชชีวิตอยูในพื้นที่ชุม ชนจะประกอบไปดวยคน ไทยอีกกลุมหนึ่งคือ คนไทยเชื้อสายอินเดีย ดังนั้น หากจะพิจารณากลุม คนที่อ าศัยอยูในพื้นที่ ตามลัก ษณะทางชาติพันธุในชุม ชนแหง นี้จึง ไปประกอบไปดวยคน 2 กลุม หลัก ๆ คือ คนไทย เชื้อ สายจีน ที่เ ปน กลุม ชนซึ่ง มีก ารอพยพเขา มาจํา นวนมากตั้ง แตส มัยรัต นโกสิน ทรต อนตน เรื่อ ยมา และคนไทยเชื ้อ สายอิน เดีย ที ่เ ปน กลุ ม ชนซึ ่ง อพยพเขา มามากในชว งปลายสมัย รัชกาลที่ 5 และหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยจํานวนของคนไทยเชื้อ สายจีนจะอยูในสัดสวนที่ มากกวา กลุมคนเหลานี้บางครอบครัวไดเชาตึกแถวเพื่อ ประกอบการคา อยูอ าศัยมานานกวา 3 ชั ่ว อายุค น เกิด เปน ความผูก พัน ทางจิต ใจระหวา งผู เ ชา กับ สํา นัก งานทรัพ ยส ิน สว น พระมหากษัตริยในฐานะเจาของพื้นที่ สะทอนภาพใหเ ห็นวาพื้นที่แหง นี้ เปนเสมือ นบานที่ทํา กิน รวมทั้ง ที่เ กิด และที่ตายของหลายครอบครัว และยัง นับ เปน ชุม ชนแหง หนึ่ง ที่อ ยูรว มกัน ดวยสันติสุขและความมีดุลยภาพทามกลางความหลากหลายทางวัฒนธรรม 46
คุณลัก ษณะนิสัย ซึ่ง เปนเอกลัก ษณข องคนทั้ง สองกลุม นี้ คือ การมีความสามารถใน การประกอบธุร กิจ การคาและความขยันขันแข็ง อดทน จึง มีสวนทําใหกิจ การของแตล ะราน มั่น คง สรา งผลกํา ไร และมีก ารสืบ ทอดอาชีพ จนสูค นในรุน ลูก รุน หลาน หากไดเ ดินสํารวจ ภายในบริเ วณพื้นที่ส ามารถที่จ ะพบเห็น ความชัดเจนของกิจ กรรมการคาของกลุม คนใน 2 ชาติพันธุนี้ไดจากชื่อรานคาแตละรานที่มีเอกลัก ษณท างภาษาของกลุม ชาติพันธุ เชน กลุม คน ไทยเชื้อสายจีน อาทิ จิ้นเฮง เปงซุนเชียง บูเ ซง จึง ตึ่ง กี่ ตั้ง เกียเส็ง โควฮั้วหลี เลาฮัวเซง หวองสินไท วานฝอลี้ ยงเซงหลี โควจือฮง จือฮวด และอื่นๆ กลุม คนไทยเชื้อ สายอินเดีย อาทิ ซิง หพ านิชเอ็นเตอรไพรส โมฮันอิม เปก ส ปากหวานพรประสิท ธิ์ กฤษณาเท็ก ซไทลส รายารามแอนดซ ัน ส (ราชเต็ก สไ ตลล) ใจกวา งพานิช กุม ารเ ท็ก ซไ ทล ศรีท ัก ราล เอ็นเตอรไพรส เปนตน
มรดกทางสถาปตยกรรม
ในพื ้น ที ่ช ุม ชนเลื ่อ นฤทธิ ์ม ีสิ ่ง ปลูก สรา งที่ป ระกอบไปดว ยอาคารโบราณซึ่ง กรม พระคลังขางที่ไดจัดสรางขึ้นในปลายสมัยรัชกาลที่ 5 โดยแบง เปนหมูอ าคารได 6 กลุม มีหอ ง เชาทั้ง หมดจํานวน 225 คูห า (ตามการสํารวจของกรมศิล ปากร) อาคารตึก แถวในพื้นที่สวน ใหญมีระดับความสูง 2 – 4 ชั้น ในสวนที่มีร ะดับ ความสูง 2 ชั้น เปนสถาปตยกรรมแบบชิโ นโปรตุก ิส (Sino-Portuguese) มีลัก ษณะคลายคลึง กับ ตึก แถวในปนัง สิง คโปร และบริเ วณ แพรง ภูธร แพรง นรา หนา กวางของแตล ะคูห ากวางเพียง 3.20 เมตร โดยมีอ ยู 2 รูป แบบ ใหญๆ แบบแรก คือ มีห ลัง คามุง กระเบื ้อ งวา ว ชั ้น ลา งเดิม เปน ประตูบ านเพี ้ย ม 6 บาน มีลวดลายปูนปนตามซุมประตู หนาตางชั้นบนสวนใหญเปนรูป สี่เ หลี่ยมมีส องชอ ง แตล ะ ชองมีบานเปดสองบาน มีกันสาดและชวงลมเหนือหนาตาง แบบที่ส อง คือ หลัง คาเปนเฉลียง มีลูกกรงระเบียงปูน สวนรายละเอียดหนาตางและประตูคลายคลึง กับ รูป แบบแรก (ยงธนิศร พิม ลเสถียร 2544:4-28) ลัก ษณะของการกอ สรางตึก แถวนี้จ ะไมมีก ารปก เสาเข็ม เปนแกน หลักเหมือนกับการสรางตึก ในสมัยปจ จุบัน แตจ ะมีทอ นซุง เปนจํานวนมากที่วางอยูใตผืนดิน เพื่อรับน้ําหนัก อาคาร มีโ ครงสรางระบบเสา-คานผสมกับ ผนัง รับ น้ําหนัก พื้นที่ชั้น 2 จะเปน โครงสรางไม ระบบคาน-ตง ปูพื้นไม โครงสรางหลัง คาเปนไม ผนัง กั้นระหวางคูห าจะกอ อิฐ ฉาบปูน สูง ขึ้นไปถึง หลัง คา ทําเปนผนัง กั้นไฟ ชวงละ 2-3 คูห า ซึ่ง เปนผนัง กันไฟที่ส รางขึ้น ภายหลังมีพระราชบัญญัติปองกันอัคคีภัย (กรมศิลปากร 2546:3)
47
ภาพที่ 13 รูปแบบของอาคารภายในชุมชน ที่มา : วิฑูรย อาสาฬหประกิต (2546 :20) ตึกแถวในชุมชนเลื่อนฤทธิ์ถือไดวามีลักษณะเฉพาะที่เ ปนตัวแทนของการพัฒ นาเมือ ง สะทอนถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ พระจุล จอมเกลาเจาอยูหัว ที่โ ปรดเกลาฯ ใหนํารูป แบบการกอ สรางอาคารมาจากตา งประเทศซึ่ง เปนสวนสําคัญ ของยุท ธศาสตรก าร พัฒ นาเมือ งที่ทําใหป ระเทศชาติร อดพนจากการลาอาณานิคมของชาวตะวันตก ซึ่ง ในหลาย ประเทศที่เคยเปนอาณานิคมไดทําลายอาคารเหลานี้ไปมากเนื่อ งจากเปนหลัก ฐานที่แสดงถึง ความสูญเสียเอกราช ซึ่งในกรณีของไทยมิไดเปนเชนนั้น และดวยการที่เ ปนที่ดินในความดูแล ของสํา นัก งานทรัพ ยส ิน สว นพระมหากษัต ริย ทํา ใหก ารเปลี่ย นแปลงที่เ กิด ขึ้น มีนอ ยมาก ลัก ษณะบูร ณภาพหรือ ความสมบูร ณข องการเปน หลัก ฐานทางประวัติศ าสตร (Historical Integrity)ที่สําคัญของชาติจึงยังมีอยูครบถวน (ยงธนิศร พิม ลเสถียร 2547:69)โดยในปจ จุบัน อาคารตึกแถวทั้งหมดไดรับการบูรณะจากคนในชุม ชน กรุง เทพมหานคร สํานัก งานทรัพ ยสิน สวนพระมหากษัตริย และกําลัง อยูในระหวางขึ้นทะเบียนเปนโบราณสถานของชาติจ ากกรม ศิลปากร
48
บรรยากาศภายในชุมชน
ภาพที่ 14 ภาพมุมสูงบริเวณซอยเลื่อนฤทธิ์ 1 ที่มา : กรมศิลปากร (2546)
ภาพที่ 15 บริเวณดานหนาพื้นที่ติดถนนเยาวราช ที่มา : กรมศิลปากร (2546)
ภาพที่ 16 มุมสูงบริเวณถนนเยาวราชเกือบถึงแยกวัดตึก ที่มา : กรมศิลปากร (2546)
ภาพที่ 17 ภายในซอยเลื่อนฤทธิ์ 1 ที่มา : www.bangkok.com
ภาพที่ 18 บริเวณหนาชุมชนดานถนนเยาวราช ที่มา : www.bangkok.com 49
บรรยากาศภายในชุมชน
ภาพที่ 19 บรรยากาศในซอยเลื่อนฤทธิ์ 3 ที่มา : กรมศิลปากร (2546)
ภาพที่ 20 บรรยากาศภายในซอยเลื่อนฤทธิ์ 3 ที่มา : กรมศิลปากร (2546)
ภาพที่ 21 ความแออัดของรถยนตในซอยกลาง ที่มา : กรมศิลปากร (2546)
ภาพที่ 22 กลุมอาคารดานหลังติดกับตลาดสําเพ็ง ที่มา : กรมศิลปากร (2546)
ภาพที่ 23 กลุมอาคารดานถนนมหาจักร ที่มา : กรมศิลปากร (2546)
ภาพที่ 24 บรรยากาศในซอยเลื่อนฤทธิ์ 2 ที่มา : กรมศิลปากร (2546)
50
บรรยากาศภายในชุมชน
ภาพที่ 25 บรรยากาศในซอยเลื่อนฤทธิ์ 1 ที่มา : กรมศิลปากร (2546)
ภาพที่ 26 ความสวยงามของอาคารในพื้นที่ ที่มา : กรมศิลปากร (2546)
ภาพที่ 27 บรรยากาศในซอยเลื่อนฤทธิ์ 3 ที่มา : กรมศิลปากร (2546)
ภาพที่ 28 รานคาดานหนาพื้นที่ ถนนเยาวราช ที่มา : กรมศิลปากร (2546)
ภาพที่ 29 บรรยากาศบริเวณปากซอยเลื่อนฤทธิ์ 1 ที่มา : กรมศิลปากร (2546)
ภาพที่ 30 บรรยากาศบริเวณปากซอยเลื่อนฤทธิ์ 3 ที่มา : กรมศิลปากร (2546)
51
บทสรุป พื้นที่เลื่อนฤทธิ์มีพัฒนาการเปนชุมชนเมืองมาตั้ง แตส มัยรัตนโกสินทรตอนตนปรากฏ หลัก ฐานใหเ ห็นอยางชัด เจนในสมัยพระบาทสมเด็จ พระจุล จอมเกลาเจา อยูหัว รัชกาลที่ 5 เปนตนมา โดยพื้นที่บริเวณนี้ แตเดิมเปนที่อยูของกลุมขุนนาง ขาราชการ กรรมสิท ธิ์ที่ดินอยู ในการครอบครองของคุณ หญิง เลื่อ น ภรรยาหลวงฤทธิ์น ายเวร พุด เทพหัส ดิน ณ อยุธ ยา แตเ นื ่อ งจากปจ จัย สว นตัว ของคุณ หญิง เลื ่อ นที ่จ ะตอ งรับ ภาระหนัก ในการดูแ ลจุน เจือ ครอบครัว จึงไดนําที่ดินบริเวณดังกลาวมาขายใหกับกรมพระคลังขางที่ ที่ดินบริเ วณนี้นับ วาไดรับ การพัฒ นาจากรัฐ ในหลายดาน ทั้ง นี้เ ปนเพราะวาที่ตั้ง ของ ที่ดินติดอยูกับตลาดสําเพ็ง อันเปนตลาดการคาที่สําคัญ ของกรุง เทพฯในสมัยตนรัตนโกสินทร ซึ่งมีสภาพแออัดมาก และเพื่อ เปนการรองรับ การขยายตัวของตลาด รัฐ จึง ไดทําการตัดถนน หลายสายพาดผานในบริเวณพื้นที่ โดยที่ดินนี้ที่คุณหญิงเลื่อน นํามาขาย มีถนน 3 สายตัดผาน โดยรอบ คือ ถนนสําเพ็ง ถนนเยาวราช ถนนจักรวรรดิ และที่สําคัญ ไดมีก ารปลูก สรางตึก แถว สําหรับใหเชาอยูอาศัยและประกอบอาชีพคาขายของผูคน ผลจากการสรา งตึก แถวใหเ ชา ของกรมพระคลัง ขา งที ่ จึง ทํา ใหม ีบ รรดากลุ ม คน มากมายเขามาอยูอาศัยทําการคาขาย ชวงแรกๆ คือ ประมาณ หลัง พ.ศ.2452 เปนตนมา ใน พื้นที่มีก ารทํามาคา ขายเล็ก ๆนอ ยๆของผูเ ชา รายยอ ย พื้นที่ของชุม ชนยัง เปนจุดแวะพัก คา ง แรมของผูที่มาซื้อสินคาในตลาดสําเพ็ง มีธุร กิจ หอนางโลม และมีอุตสาหกรรมครัวเรือ นการ ตัดเย็บเสื้อผาของชาวจีน ซึ่งเปนอาชีพหลักของคนในพื้นที่เกิดขึ้น ในเวลาตอ มา หลัง พ.ศ.2500 ไดม ีก ารทยอยยา ยออกของผูเ ชา ที ่อ าศัย อยู เ ดิม โดยเฉพาะในกลุ ม ของผู ที ่ป ระกอบอาชีพ การตัด เย็บ เสื ้อ ผา เนื ่อ งปจ จัย หลายดา น เชน การเกิด ขึ้นของแหลง การคาเสื้อ ผาในยานอื่น ๆ ความกาวหนาทางเทคโนโลยีก ารผลิต และ การขยายกิจ การของแตล ะราน ขณะเดียวกัน ก็มีผูค นกลุม ใหมๆ ไดเ ขามาอยูอ าศัย โดยเปน กลุม พอ คา คนกลางชาวไทยเชื้อ สายจีน และอิน เดีย ที่มีค วามสามารถในการประกอบธุร กิจ การคา ผา ซึ่ง ขยับ ขยายตัว มาจากพื้น ที่ต อนในของตลาดสําเพ็ง พาหุรัด และที่อื่น ๆ เขา มา อยางตอเนื่อง ชุม ชนเลื่อ นฤทธิ์ใ นปจ จุบ ัน จึง เปนจุด ที่ค นในพื้นที่ป ระกอบกิจ กรรมทางเศรษฐกิจ ประเภทเดียวกัน นั่นคือ การเปนแหลง คาสง และคาปลีก ผาทอซึ่ง ตอ เนื่อ งกับ ตัวตลาดสําเพ็ง อันเปนตลาดคาสงที่สําคัญแหงหนึ่งของกรุงเทพฯ ทําใหพื้นที่เ ปนบริเ วณที่มีเ อกลัก ษณเ ฉพาะ (Homogeneous) หากจะวิเ คราะหลัก ษณะภาพรวมที่สําคัญ ของชุม ชนแหง นี้ สามารถแบง ออกเปน 4 ประเด็น สําคัญไดดังนี้ 52
1) ลักษณะทางกายภาพ พื้นที่ของชุม ชนมีขนาดใหญไมม ากนัก ที่ตั้ง ของชุม ชนตั้ง อยู ในพื้นที่ทางเศรษฐกิจ ที่สําคัญ ของเมือ งซึ่ง มีม าแตอ ดีต คือ ใกลกับ ตลาดสําเพ็ง สถานที่ติดตอ ของชุม ชนในปจ จุบ ัน เต็ม ไปดว ยยา นการคา หลายแหง อยูโ ดยรอบ เชน สํ า เพ็ง คลองถม พาหุรัด สะพานหัน เวิ้งนครเขษม ราชวงศ ซึ่ง ยานตางๆเหลานี้มีถนน ตรอก ซอก ซอยตางๆ เชื่อมโยงถึงกัน จึงกอใหเกิดผลดีตอพื้นที่อยูดวยกันหลายทาง ดัง เชน ทําใหงายตอ การเขาถึง พื้นที่ทั้งทางเทาและรถยนต การเปนตัวสนับสนุนการคาซึ่ง กันและกัน คือ ทําใหผูคนสามารถ ที่จะจับจายสินคาที่ตองการไดหลากหลายอยางที่อยูใกลเ คียงกันในยานตางๆ โดยเดินทางไป มาไดอยางสะดวก 2) กิจ กรรมในพื้น ที่ พื้น ที่ข องชุม ชนถือ เปน แหลง พาณิช ยกรรมใจกลางเมือ งที่มี เอกลัก ษณ คือ การเปนแหลง การคาสง และคาปลีก สินคาประเภทผาทอ ผามวน นานาชนิด โดยเปน แหลง คาผาที่ตอ เนื่อ งกับ ตลาดสําเพ็ง ถึง แมวาในชุม ชนจะมีกิจ กรรมอื่นๆปะปนอยู ก็ตาม เชน รานคาวัสดุ อุปกรณฮารดแวร ผามาน ยา รับ ตัดเสื้อ โหล แตก ารคาสง ผาก็ถือ เปน กิจ กรรมในพื ้น ที ่ที่โ ดดเดน ของชุม ชนนี้ ขณะที ่บ ทบาทของพื ้น ที่เ พื่อ การอยู อ าศัย กลับ มี บทบาทนอยลง เกิดการแบงแยกกันระหวางที่อยูอาศัยกับที่ทํางาน อันมีส าเหตุม าจากจํานวน สมาชิก ในครอบครัวที่เ พิ่ม มากขึ้น จึง ทําใหขนาดของพื้นที่ที่ม ีอ ยูอ ยางจํากัดมีไมเ พียงพอตอ การอยูอาศัยและประกอบอาชีพ กลุมผูประกอบการรานคาเกือบทั้งหมด จึง ยายออกไปอาศัย อยูในบานพัก แถบชานเมือ ง และเขามาใชพื้นที่ในชวงทํางาน ทําใหบ รรยากาศความคึก คัก ของชุมชนจึงจํากัดอยูเฉพาะในเวลากลางวัน 3) ผูคนที่เขามาเกี่ยวของกับพื้นที่ชุม ชน ดวยปจ จัยในดานตําแหนง ที่ตั้ง ของชุม ชนซึ่ง อยูในใจกลางเมือง และการมีเสนทางการสัญจรที่มีระบบถนน และทางเดินเทาเชื่อ มตอ ถึง กัน รวมทั้ง กิจ กรรมการคาในพื้น ที่ จึง ทํา ใหพื้นที่ของชุม ชนแหง นี้เ ปน กระแสดึง ดูดใหก ลุม ผูค น มากมายที่เขามาแวะเวียนเกี่ยวขอ งกับ พื้นที่ม ากมายหลากหลายกลุม ทั้ง คนที่มีเ ปาหมายตอ พื้น ที่โ ดยตรง เชน กลุม ผูคนที่อ าศัยอยูใ นพื้นที่ และกลุม ผูป ระกอบอาชีพ พอ คา ผา ลูก คา ลูกจาง กลุมที่มิไดมีเปาหมายตอ พื้นที่โ ดยตรง เชน กลุม หาบเรแผงลอย กลุม ผูที่ใชพื้นที่เ ปน เสนทางผาน หรือเปลี่ยนรูปแบบการสัญจร ซึ่งมีอยูพลุกพลานตลอดทั้งวัน 4) กลุมและปฏิสัมพันธของคนในพื้นที่ ในชุมชนแหงนี้ปรากฏใหเห็นกลุม ทางสัง คมได ใน 3 ลักษณะ คือ กลุม แรกเปนกลุม เพื่อ นบาน (neighborhood) ซึ่ง พบวามีอ ยูห ลากหลาย รูป แบบความสัม พัน ธ เชน ความสัม พันธแ บบสนิม สนม โดยจะอยูในกลุม คนที่มีอ ายุรุนราว คราวเดียวกัน คนเฒาคนแก ที่เขามาอยูในพื้นที่พ รอ มๆกัน ,ความสัม พันธแบบผิวเผิน ซึ่ง เกิด จากการที่คนในพื้นที่มีมากหนาหลายตาและการยุง อยูกับ กิจ กรรมการคาของแตล ะคนจึง ทํา ใหผูคนมิไดมีการไปมาหาสูกันมากนัก แตก็มิไดหมายความวาจะไมรูจัก กัน,ความสัม พันธแบบ 53
ขัด แยง ซึ่ง เปน ปญ หาที ่เ กิด จากความขัด แยง ในการใชพื้น ที่ท างกายภาพ คือ ปญ หาการ จอดรถ และการทิ้ง ขยะ ,เพื่อ นบานที่ไมรูจัก กัน ซึ่ง จะอยูในกลุม คนรุนเกา ที่อ ยูม านานและ กลุมคนที่เขามาอยูใหมที่มิไดมีก ารผูก สัม พันธติดตอ กันยุง อยูกับ การคาของตนแตเ พียงอยาง เดียว กลุมที่สองคือ กลุมพอคาผาที่มีความสัมพันธในเชิงเอื้อประโยชนท างการคาและแขง ขัน กัน และกลุมสุดทายคือ กลุม ลูก จางชาวอีส าน ซึ่ง กลุม คนทั้ง หมดนี้ตางใชพื้นที่ของชุม ชนเพื่อ การดํารงชีวิตทางสังคมและเศรษฐกิจมาอยางตอเนื่อง จากการวิเคราะหใน 4 ประเด็นหลักของชุมชนดังกลาวมานี้แตละประเด็นตางมีความ เชื ่อ มโยงตอ กัน ทํ า ใหเ ห็น ถึง นัย สํา คัญ ของพื้น ที่ซึ ่ง มีค วามหมายตอ ผูค นที ่ใ ชพื ้น ที ่แ หง นี้ โดยเฉพาะประเด็นทางดานกายภาพ คือในเรื่อ งของตําแหนง ที่ตั้ง ของชุม ชนซึ่ง อยูในทําเลที่มี ศัก ยภาพทางธุร กิจ เปนแหลง การคาใจกลางเมือ ง (Center Business District) ที่ไดเ ปรียบ ในการแขงขันเชิงเศรษฐกิจมากที่สุดแหงหนึ่ง ซึ่งไดทําใหพื้นที่มีคุณลักษณะที่สําคัญ คือ ระดับ ราคาที่ดินที่สูง กิจกรรมที่ตั้งอยูใชพื้นที่นอยแตจะไดรับ คาตอบแทนที่สูง ผนวกกับ การมีร ะบบ สาธารณูป การอยา งถนนระบบขนสง ที่เ ชื่อ มโยงถึง กัน ทํา ใหง า ยตอ การเขา ถึง พื้น ที่ ปจ จัย เหลานี้จึงดึงดูดใหผูคนกลุมอื่นๆ หวังจะเขามาใชประโยชนจากพื้นที่แหงนี้อยางตอเนื่อง
54
ภาคผนวก ก
ประวัติคุณหญิงเลื่อนฤทธิ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา
ประวัติคุณหญิงเลื่อนฤทธิ์ที่นํามาเสนอในที่นี้ เปนพระนิพนธของ สมเด็จ พระเจาบรม วงศเธอกรมพระยาดํารงราชานุภาพอันมีที่มาจากหนัง สือ คนดีที่ขา พเจา รูจัก เลม 2 (2405– 2486 ) พิมพโดยสํานักพิมพรวมสาสน.หนา 262 – 269.
55
คุณหญิงเลื่อนฤทธิ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา โดย สมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ คุณหญิง เลื่อ นฤทธิ์ ต.จ. เปนเชื้อ สายราชินิกุล ในสมเด็จ พระเทพศิรินทราบรมราชินี พันปหลวงแหงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว เกิดในรัชกาลที่ 4 เมื่อ วันอาทิตยที่ 6 กันยายน ปกุน เบญจศก พ.ศ.2406 พระยาจาแสนยบ ดี (เดช คฤหเดช)เปนบิดา คุณหญิง ฟกทอง ธิดาพระยาราชสุภาวดี (ปาล สุรคุปต) ราชินิกุล เปนมารดา เมื่อคุณหญิงเลื่อนฤทธิ์ยังเยาว ในเวลาตอนปลายรัชกาลที่ 4 และตอนตนรัชกาลที่ 5 นั้น การศึก ษาอัก ขรสมัยตามวิธีปจ จุบันนี้ พึ่ง เริ่ม จัดแตสําหรับ เด็ก ผูชาย สวนเด็ก ผูห ญิง ใน สมัยนั้น นอกจากเจานายในพระราชสกุล ผูป กครองมัก ยัง ไมเ ห็นกันอยูวาจําจะตอ งเลาเรียน แตเ ผอิญ คุณหญิง เลื่อ นฤทธิ์อ ยูในฐานะผิดกับ เด็ก หญิง คนอื่นดวยเหตุ 2 อยาง อยางหนึ่ง คือ เปนลูก รัก ของบิดาและทํา นองจะติดบิด า ไปไหนบิด าจึง ยอ มพาไปดวยเสมอ แมจ นถึง เมือ ง เขมรก็ไ ดเ คยไปกับ บิด าตั ้ง แตย ัง เล็ก อีก อยา งหนึ ่ง นั ้น บิด ามีตํ า แหนง รับ ราชการอยู ใ น กระทรวงมหาดไทย ไดเปนเจาหนาที่ในการทําหนังสือ เชน รางทอ งตรากระทรวง หรือ เขียน ใบบอกของตนในเวลาไปราชการเปนตน มาตั้ง แตยัง เปน หลวงศรีเ สนา คุณ หญิง เลื่อ นฤทธิ์ ตามติดตัวบิดาอยูเสมอ ก็ไดโอกาสประกอบกับ อุป นิสัยซึ่ง ชอบเรียนหนัง สือ เพียรศึก ษาอัก ข รสมัยตอ พวกนายเวรและเสมียนบาง ติดบิดาบาง จนไดรับ ความรูห นัง สือ ไทยคลายกับ เปน เด็กผูชาย เพราะฉะนั้น เมื่อภายหลัง มาจึง สามารถจนถึง แตง หนัง สือ ได เชน แตง ประวัติของ คุณหญิง ฟก ทองผูม ารดา อันปรากฏอยูขางตนหนัง สือ ประชุม พงศาวดารภาคที่ 2 ซึ่ง สมเด็จ พระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถฯทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯใหพิม พพ ระราชทานในงานศพ คุณหญิงฟกทองนั้นเปนตน ชื่อเสียงของคุณหญิงเลื่อนฤทธิ์เริ่ม ปรากฏแพรห ลายแตเ มื่อ แรกรุนสาว ดวยเลื่อ งลือ กันวาเปนหญิง สวยอยางยิ่ง ในสมัยนั้นคนหนึ่ง แตเ ปนบุญ ตัวมิตอ งรับ ความเดือ ดรอ นเพราะ เหตุนั ้น ดว ยเปน ผู ด ีม ีศ ัก ดิ ์แ ละจรรยา ทั ้ง บิด ามารดาก็ป กครองโดยทางที ่ช อบ มาถึง พ.ศ.2419 ไดทําการมงคลแตงงานกับนายพุด เทพหัสดิน ณ อยุธยา อันเปนราชนิกุล และเปน บุตรชายสืบ สกุล ของพระยาชัยสุริน ทร (เจีย ม)ซึ่ง เคยเปนที่พ ระพี่เ ลี้ย งแลว ไดเ ลื่อ นขึ้น เปน เจากรมในพระบาทสมเด็จเจาพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว เมื่อ กอ นเสด็จ เถลิง ถวัล ยราชสมบัติ คุณ หญิง เลื่อ นฤทธิ์อ ยูก ิน กับ สามีม าดว ยความสโมสรสมบูร ณพ ูน สุข ดว ยกัน ฝา ยสามีเ ปน ขา หลวงเดิม ไดร ับ ราชการสนองพระเดชพระคุณ ตั้ง แตเ ปนมหาดเล็ก วิเ ศษแลว ไดเ ลื่อ นยศ บรรดาศัก ดิ์ขึ้นโดยลําดับ ดวยมีความสามารถ จนไดเ ปนที่ห ลวงฤทธิ์นายเวรมหาดเล็ก และ 56
ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯใหมียศทหารเปนราชองครัก ษป ระจําพระองค และไดเ ปนนายพัน เอกที่ปลัดทัพบกในกรมยุทธนาธิการ ฝายภรรยาอํานวยการบานเรือน และชวยตอ นรับ เลี้ยงดู มิต รสหายของสามีในเวลาเมื่อ มาเยี่ยมเยือ นถึง ที่อ ยูก ็ม ีผูคุน เคยชอบพอมากขึ้น โดยลํา ดับ ตัวขาพเจาผูแตงเรื่องประวัตินี้ไดคุนเคยกับ หลวงฤทธิ์นายเวรอยูกอ นแลว ครั้นเมื่อ เปนผูชวย บัญชาการทหารบก หลวงฤทธิ์นายเวรไดเ ปนตําแหนง ของขาพเจาก็เ ลยชอบพอกันสนิก สนม ไดไปหาหลวงฤทธิ์นายเวรถึง บานเรือ นเนื่อ งๆ จึง ไดเ ริ่ม คุนเคยชอบพอกับ คุณหญิง เลื่อ นฤทธิ์ แตนั้น มาจนตลอดอายุ หลวงฤทธิ์นายเวรกับคุณหญิงเลื่อนฤทธิ์มีบุตรธิดาดวยกัน 9 คน มีตัวอยูในเวลานี้แต 4 คน คือ 1. นายพลโท พระยาเทพหัสดิน (ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) 2. นางสาวละมาย เทพหัสดิน ณ อยุธยา 3. นายพลตรี พระยาอานุภาพไตรภพ (จํารัส เทพหัสดิน ณ อยุธยา) 4. คุณหญิงเพ็ญตรี อรรถกลยวทาวัติ คําโบราณที่กลาววาความสุขเปนคูกับความทุกข คํานี้ประจัก ษจ ริง ในเรื่อ งประวัติของ คุณหญิงเลื่อนฤทธิ์ ดวยตั้ง แตแตง งานมาไดมีความสุขทุก สถานอันสตรีจ ะพึง หวัง แตไดครอง ความสุขนั้นอยูเพียง 14 ป ก็อันตรธานไปโดยพลัน ดวยเมื่อ พ.ศ.2433 หลวงฤทธิ์นายเวรเกิด มีอาการปวยอยูไมกี่วันถึงแกกรรม ทั้งความทุกขและความลําบากจูมาถึงตัวคุณหญิง เลื่อ นฤทธิ์ โดยทันที ราวกับวาน้ําไหลหลากทวมมารอบขางดวยผูเ ปนชั้นบุพ การีที่ไดเ คยปกครองตนมา แตกอน เหลืออยูแตม ารดาก็ทุพ พลภาพ คุณหญิง เลื่อ นฤทธิ์ตอ งดูแลปฏิบัติอ ยูแลว ไหนบุตร และธิดาซึ่งไดมีขึ้นก็ลวนแตยอ มเยาวยัง จะตอ งเลี้ยงดูอ ยูในอกอีก ชานาน คุณหญิง เลื่อ นฤทธิ์ ไดป ระสบความทุก ขข องแมเ จา เรือ นสัก เพีย งไรในครั ้ง นั้น ไดแ ตส ัน นิษ ฐานโดยความที่ พรรณนา ที ่ม ีห วัง อยูแ ตไ มข าดแคลนทรัพ ยส มบัต ิก ับ พระบารมีใ นพระบาทสมเด็จ พระ จุล จอมเกลา เจา อยูห ัว กับ ทั้ง สมเด็จ พระอนุช าเปน ที่พึ่ง ก็ไ ดพ ระบารมีป กเกลา ฯสมหวัง เปน ตน วา การศึก ษาของบุต ร สมเด็จ พระพุท ธเจา หลวงก็ท รงพระกรุณาโปรดฯใหส ง เปน นักเรียนหลวงไปเลาเรียนในยุโรปทั้ง 2 คน และเมื่อคุณหญิงเลื่อนฤทธิ์มีความทุกขมากลําบาก อยางไร ก็โ ปรดฯพระราชทานพระบรมราชานุญ าตใหเ ขาเฝาแหนเพ็ดทูล ไดเ ปนนิจ สมเด็จ พระอนุชาก็ทรงพระกรุณาทํานองเดียวกัน แมมิตรสหายของสามี โดยมากก็มีไมตรีจิตเต็ม ใจ ชว ยเหลือ เมื่อ คุณ หญิง เลื ่อ นฤทธิ์วา วานหรือ ปรึก ษาหารือ ในเวลามีก ิจ ธุร ะหามีผู ใ ดที่จ ะ รังเกียจไม อาศัยฐานะเปนดังกลาวมา ประกอบกับความสังวรจรรยามารยาทมั่นคงเปนเครื่อ ง คุมครองตน คุณหญิงเลื่อนฤทธิ์จึงตั้งตัวมาได
57
อีกประการหนึ่ง คุณหญิงเลื่อนฤทธิ์นั้นแมเมื่อสิ้นสามีแลว กิจ ภารอันใดซึ่ง สามีไดเ คย รับ เปน ธุร ะมา เปน ตน วา ดูแ ลจัด การเลา เรีย นของนอ งๆในสกุล เทพหัส ดิน ซึ ่ง ยัง ยอ มเยา คุณหญิงก็เอาเปนธุร ะจัดการทํานุบํารุง เหมือ นอยางที่ส ามีไดเ คยทํามา อีก ประการ 1 หนาที่ อยางใดของผูเปนภรรยาขาทูลละอองธุลีพระบาทจะพึง กระทําก็ยัง คงกระทําตอ มาไมท อดทิ้ง ใหบ กพรอ ง ยกตัว อยา งดัง เมื่อ ครั้ง ตั้ง สภาอุณ าโลมแดง (อันเรียกวา “สภากาชาด” บัดนี้) ก็สมัครเขาเปนสมาชิกแตชั้นแรก และเพราะเหตุที่ไดเลาเรียนอักขรสมัยมีความรูม ากดัง กลาว มาแลว ใน ไมช า ก็ไ ดเ ลื ่อ นเ ปน ตํ า แห นง เ ลขา นุก า ร แ ละตอ มา ไดร ับ พร ะรา ชทา น เครื่องราชอิสริยาภรณจ ตุตถจุล จอมเกลาฝายใน แลวไดเ ลื่อ นขั้นถึง ชั้นตติยจุล จอมเกลาเปน เกีย รติพ ิเ ศษ อัน ภรรยาขา ราชการซึ่ง สามีม ิไ ดร ับ พานทอง นอ ยตัว จะไดร ับ พระราชทาน เหมือนคุณหญิงเลื่อนฤทธิ์ เรื่องประวัติของคุณหญิงเลื่อนฤทธิ์ตอนเมื่อตั้งตัวไดแลวไปคิดการประมาณพลาดเสีย คราวหนึ่ง ดวยเมื่อเจาพระยามหินทรศักดิ์ธํารงยัง มีชีวิตอยู ทานคิดตั้ง โรงละครเก็บ เงินคนดู อยางเลนกันในยุโรปมีคนชอบดูกันมาก ครั้นละครโรงปรินสทิเ อเตอนั้นเลิก เมื่อ เจาพระยามหิ นทรฯถึงอสัญกรรม คุณหญิงเลื่อนฤทธิ์สําคัญ วาการเลนละครเชนนั้นจะหากําไรเลี้ยงตัวได ก็ คิดฝกหัดละครขึ้นโรงเหนึ่ง เรียกชื่อ วา “ละครผสมสามัคคี” แตก ารนั้นกลับ เปนทางขาดทุน และเปนเหตุใหไดรับ ความเดือ ดรอ นตางๆ แมจ นถูก หมิ่นประมาทถึง ตอ งรอ งฟอ งในโรงศาล เพื่อ รัก ษาชื่อ เสีย ง และยัง มีค วามรํา คาญดว ยประการอยา งอื่น เกือ บเนือ งนิจ จนสมเด็จ พระพุทธเจาหลวงออกพระโอษฐวานาตอสรอยชื่อวา“ทานเลื่อนฤทธิ์นานาเนกนิตอินสิเ ดนต” ดังนี้ เพราะเกิดเหตุเดือดรอ นทีไร คุณหญิง เลื่อ นฤทธิ์ก็เ ปนเขาไปเฝาฯกราบทูล ใหท รงทราบ ความทุกขรอนตามเคยมา ดวยรูวาทรงพระกรุณาไมถือโทษ แตครั้ง นั้นเปนบุญ ที่ยัง ไมทันทรุด โทรมเสียหายมากมาย พอพระยาเทพหัสดินบุตรคนใหญซึ่งออกไปยุโ รปสําเร็จ การศึก ษากลับ มาถึง คุณ หญิง เลื่อ นฤทธิ์ก็ม อบกิจ ธุร ะใหบ ุตรคิด จัดการแกไข และไดอ าศัย พระบรมราชา นุเคราะหของสมเด็จพระพุทธเจาหลวง ทรงรับซื้อบานที่เกาแกอันอยูริมวัดจักรวรรดิราชาวาส ใหเปนทุน จึง พนความลําบากแลวไปตั้ง บานเรือ นอยูใหมที่ริม คลองสามเสนตอ กับ ถนนพิชัย ไดอยูที่นั้นตอมาโดยความผาสุกจนตลอดอายุ แมเ มื่อ คุณ หญิง เลื่อ นฤทธิ์ม อบกิจ การอยา งอื่นแกบ ุต รแลว หนา ที่อ ัน ใดซึ่ง ภรรยา ขาราชการจะพึงสนองพระเดชพระคุณในพระราชสํานัก ก็ดี จะพึง กระทําเพื่อ ความเคารพตอ ทานผูมีพระคุณแกสามีและตัวเองมาแตกอนก็ดี คุณหญิงเลื่อ นฤทธิ์ยัง คงปฏิบัติอ ยูเ ปนนิจ มิได ละเลยทอดทิ้ง เพราะฉะนั้น จึง อยูในผูซึ่ง ทรงพระกรุณาโปรดฯยกยอ ง ตอ มาในรัชกาลที่ 6 ดัง เชนเมื่อ สมเด็จ พระศรีพ ัชรินทราบรมราชินีนาถฯ ทรงฉลองพระชนมายุครบ 50 ป เมื่อ พ.ศ.2456 ก็ท รงพระกรุณาโปรดเกลา ฯใหนับ คุณหญิง เลื่อ นฤทธิ์ใ นหมูผูเ ปนสหชาติชั้นสูง 58
อันโปรดฯใหเชิญเขาประชุมนั่งรวมโตะเสวย และพระราชทานของขวัญ เปนที่ร ะลึก ในงานนั้น ดวย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัวก็ท รงพระกรุณาโปรดเกลาฯพระราชทานเข็ม ขาหลวงเดิม กับ เข็ม พระปรมาภิไธยชั้นที่ 2 (ลงยาประดับ เพชร) แลวพระราชทานเลื่อ นขึ้น เปนชั้นที่ 1 (ประดับ เพชรลวน) เปนของขวัญ เมื่อ คุณหญิง เลื่อ นฤทธิ์ฉลองอายุครบ 60 ป เพราะไดรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณถึงชั้นสูงสุดอันสมควรแกฐานะมาแตในรัชกาล กอนแลว เรื่องประวัติของคุณหญิงเลื่อนฤทธิ์ ในตอนเมื่ออายุลวงเขาปจ ฉิม วัยดูเ หมือ นจะกลาว ไดวาพนเขตทุก ขรอ นมีแตความสุขฝายเดียว ดวยบุตรทั้ง 2 คน ก็ไดรับ ราชการมียศศัก ดิ์สูง ดวยความชอบความดี ธิดาที่ออกเรือนก็ไดเ ปนคุณหญิง ธิดาที่ยัง อยูดวยก็อุตสาหป ฏิบัติใหได ความสุขสําราญ เปนอันปลดเปลื้อ งความวิตกในการบานเรือ น ตลอดจนการที่จ ะรัก ษาวงศ สกุล ใหถ าวรสืบ ไปภายหนา เปน อัน สิ ้น หว งใย เพราะวางใจในบุต รธิด าไดป ระการหนึ ่ง อีกประการหนึ่งวาโดยสวนผูอื่นนับตั้งแตเจานายขาราชการ ทั้งฝายหนาและฝายใน ตลอดจน บุคคลชั้นอื่น บรรดาที่ไดรูจักคุนเคยกันมาก็ดูเหมือ นจะมีแตผูชอบพอ ผิดกันแตชอบมากและ นอยตามความคุนเคย ทั้งนี้ก็เปนธรรมดา เพราะคุณหญิงเลื่อ นฤทธิ์รัก ษาวัตรปฏิบัติส ม่ําเสมอ เปนตนวาเคยสนองพระเดชพระคุณในพระบาทสมเด็จ พระเจาอยูหัวและเจานายมาแตกอ น อยางไร และเคยนบนอบนับถือหรือชอบพอทานผูอื่นมากอยางไร ก็คงประพฤติเ ชนนั้นตอ มา แมใ นเวลาเมื่อ สูง อายุแ ลวตามโอกาสและกําลัง ซึ่ง สามารถทําได มิใ หบ กพรอ งหรือ แปลก เปลี่ย นเปน อยา งอื่น จึง ชื่อ วาไดค วามสุข จากกัล ยาณมิต รดว ยอีก สถานหนึ่ง จนตลอดอายุ ประวัต ิข องคุณ หญิง เลื่อ นฤทธิ์ถา จะรวมกลา วแตโ ดยยอ ก็ด ูเ หมือ นจะสมกับ คํา อุป มาใน พระพุท ธศาสนา วาเปนผูม าดว ยความสวางไสว เมื่อ สิ้น อายุก็ล ะโลกไปดวยสวา ง มีค วามดี ปรากฏประจําอยูเปนที่สรรเสริญของสาธุชนดวยประการฉะนี้ คุณหญิง เลื่อ นฤทธิ์ปวยถึง แกก รรมเมื่อ วันที่ 22 เมษายน ปเ ถาะ พ.ศ.2470 คํานวณ อายุได 63 ป สิ้นเรื่องประวัติของคุณหญิงเลื่อนฤทธิ์
59
ทรงพระกรุณาแตงตั้งหลวงฤทธิ์นายเวร คัดจากราชกิจจานุเบกษา เลม ๗ หนา ๑๕๒-๑๕๓ ร.ศ.๑๐๙ (พ.ศ.๒๔๓๓) หลวงฤทธิ์นายเวร (พุด) บุตรพระยาไชยสุรินทร (มล.เจียม) ในรัชกาลปจจุบันนี้ไดรับ ราชการเปนมหาดเล็กหลวงเวรสวัสดิ์ ไดรับพระราชทานเบี้ยหวัดปละ ๘ ตําลึง แลวทรงพระกรุณา โปรดเกลาฯใหเปนนายรองไชยยรรค ไดรับพระราชทานเบี้ยหวัดปละ ๑๕ ตําลึง ภายหลังโปรด เลื่อนใหเปนนายสนิท หุมแพร ไดรับ พระราชทานเบี้ยหวัดปละชั่ง ๑๐ ตําลึง แลวไดเลื่อ นเปน นายกวด หุม แพร ตนเชือก ตอ มาทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯใหเปนหลวงฤทธิ์นายเวร ไดรับ พระราชทานเบี้ยหวัดปละ ๓ ชั่ง และไดเปนราชองครักษและนายพันโทรองผูชวยผูบัญ ชาการ ทหารบกดวย โปรดพระราชทานเงินเดือนๆละ ๒ ชั่ง ๑๐ ตําลึง เบี้ยเลี้ยงเดือนละ ๓๐ บาท ไดรับ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณตติยจุลจอมเกลา ๑ และมงกุฎสยามชั้นที่ ๕ วิจิตราภรณ ๑ วันที่ ๒๑ มิถุนายน รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ เวลาย่ําค่ําเศษ ปวยเปนลม ใหแนนเสียด หาหมอจุย เชลยศักดิ์รักษา หมอประกอบยาใหรับประทาน อาคารคอยทุเลาลง แลวโรคแปรเปนอุจจาระธาตุ ผิดปกติ หาหมอประสิทธิ์วิทยารักษาไดประกอบยาแกอาการทรงอยู แลวไดนําอาการขึ้นกราบ บังคมทูลพระกรุณาโปรดเกลาฯ พระราชทานพระยาประเสริฐสารทธํารง หลวงศรีศักดิ์ หมอหลวง มารักษาดวยอีก วันที่ ๑๑ กรกฎาคม อาการทรุดหนักลงใหออนเปลี้ยและเพอไมไดสติ วันที่ ๑๔ เวลา ๗ ทุม ใหหอบ เวลา ๑๐ ทุมเศษ หลวงฤทธิ์นายเวร(พุด)ถึงแกกรรม อายุได ๓๑ ป พระราชทานน้ํา ชําระศพ หีบสลักกานแยงเปนเกียรติยศเลื่อนภรรยาเปนผูจัดการศพ พระราชทานเพลิงศพหลวงฤทธิ์นายเวร คัดจากราชกิจจานุเบกษา เลม ๗ หนา ๔๑๓ ร.ศ.๑๐๙ (พ.ศ.๒๔๓๓) วันที่ ๓๑ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๐๙ เวลาค่ํา ยกหีบ ศพ หลวงฤทธิ์นายเวร(พุด) กรมมหาดเล็ก ขึ้นวอประเทียบ มีก ลองมลายูของหลวง เขากระบวแหไปโรงทึม วัดจัก รวรรดิ ราชาวาส วันที่ ๒ กุมภาพันธ เวลาบายพระราชทานเพลิง พระราชทานผาขาว ๒ พับ เงิน ๑๔๐ เฟอง เครื่องพระราชทานเพลิงพรอม
60
ผูดีแปดสายแรก ผูดีแปดสาแหรก โดย จุลลดา ภักดีภูมินทร
ผูดีแปดสาแหรก จริงๆ แลว คืออยางไร ฟงคลายๆคําประชดนะ เพิ่ง อานหนัง สือ เลม หนึ่งพบวา รูจักชื่อบรรพบุรุษทางแมขึ้นไปถึง ๗ ชั้น ซึ่งแตละชั้นลวนแตเปนผูดี เปนที่รูจัก ของ คนทั่วๆไป เมื่อแรกทีเดียวไดฟงมาวาไมใชคําประชด เปนคําพูดเมื่อตนรัตนโกสินทรนี้เอง ตามพระนิพ นธข องสมเด็จ พระราชปตุล าบรมพงศาภิมุข เจาฟา ภาณุรัง ษีส วางวงศ กรมพระยาภาณุพัน ธุวงศว รเดช (สมเด็จ พระอนุช าธิร าชรว มพระครรภในพระบาทสมเด็จ พระพุทธเจาหลวง) เรื่อง ราชินิกุล ในรัชกาลที่ ๕ ราชิน ิก ุล นั้น ที ่ใ หค วามหมายกัน วา เปน สกุล ฝา ยราชิน ี ยัง ไมถูก ตอ ง“ราชินิก ุล ” หมายถึงสกุล พระญาติ ฝายสมเด็จ พระบรมราชชนนีพันปห ลวง คือ หากทรงพระอิส ริยยศ พระราชินี ก็ตองเปนสมเด็จพระพันปหลวงในรัชกาลตอไปดวย ทั้งนี้แม “เจาจอมมารดา” ซึ่ง เปน พระสนมเอกในพระเจา แผน ดิน หากมีพ ระราชโอรสเสด็จ ขึ้น ครองราชย ก็ส ถาปนา พระชนนีขึ้นเปน สมเด็จ พระบรมราชนนีพันปห ลวงได แตถาหากมิใชส มเด็จ พระราชินีห รือ พระสนมเอกของพระเจา แผน ดิน ก็จ ะทรงพระอิส ริย ยศ“สมเด็จ พระบรมราชชนนี”ไมมี “พันปหลวง”ทายพระนาม ราชินิกุล จึงเปนสกุลฝายสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปหลวง ดังเชน สกุล ณ บางชาง สกุล ชูโ ต สกุล บุน นาค พระญาติข องสมเด็จ พระอมริน ทราบรมราชินี ในรัช กาลที่ ๑ เปน ราชินิกุลกอนสกุลอื่นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร ซึ่งพอพระบาทสมเด็จ พระพุท ธเลิศหลานภาลัย เสด็จเถลิงถวัลราชสมบัติ สมเด็จ พระอมรินทราฯเสด็จ อยูในที่ส มเด็จ พระบรมราชชนนีพันป หลวง พระญาติของสมเด็จ พระอมรินทราฯก็ขึ้นสูฐ านะเปนราชินิกุล แตนั้นมา คือ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๕๖ กรุงรัตนโกสินทรมีราชินิกุลสายแรกเปนปฐม สมเด็จพระราชปตุลาฯ ทรงพระนิพนธถึง เรื่อ ง“ผูดีแปดสายแรก” ไววา“ผูซึ่ง สืบ สาย มาแตสกุล ซึ่งเปนสกุลผูดีสายแรกๆที่เกิดขึ้นในกรุงรัตนโกสินทร”และซึ่งเปนคําที่ก ลาวโฉมถึง ผูซึ่งสืบสายมาแตผูดีหลายๆสายวาผูดีแปดสายแรก จะเห็นไดวาทานทรงใชคําวา“ผูดีแปดสาย แรก” มิใช “ผูดีแปดสาแหรก” แลว ในพระนิพ นธนั้น ทา นก็ท รงยกตัว อยา งบุต รธิด าของหลวงฤทธิ์น ายเวร (พุด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) กับ คุณหญิง เลื่อ นฤทธิ์ (สกุล เดิม คฤหเดช สายสกุล ราชินีกุล รัชกาลที่ ๕) บุตรธิดาของทานคูนี้ เปนผูดีถึงสิบสายแรก ไมใชเ พียงแคแปดสายแรกทรงแยกสายเอาไว ดังนี้ 61
ทางบิดา (คือทางหลวงฤทธิ์นายเวร) มีเชื้อสายมาแต ๑. สายราชินิกุลกรุงรัตนโกสินทร (คือพระบรมราชจักรีวงศ) ๒. สายราชินิกุล รัชกาลที่ ๒ (คือสกุลบางชาง) ๓. สายราชินิกุล รัชกาลที่ ๔ (คือสกุลเชื้อสายจีนแซตัน) ๔. สายราชินิกุล รัชกาลที่ ๓ (คือสกุลเชื้อสายแขกสุนี) ๕. สายราชินิกุล รัชกาลที่ ๓ (คือสกุลชาวสวนวัดหนัง) ๖. สายราชตระกูลกรุงทวาราวดี (กรุงเกา) (คือสาย ม.ร.ว.ทับ) ทางมารดา (คือทางคุณหญิงเลื่อนฤทธิ์) มีเชื้อสายมาแต ๑. สายราชินิกุล รัชกาลที่ ๕ (คือสกุลหงสทองรามัญ) ๒. สายสกุลพระยาสุราสนาคุม (คือสกุลสุรคุปต)(สกุลสุรคุป ตเ ปนสายเขยของราชิกุล รัชกาลที่ ๕) ๓. สายสกุลเจาลาวกรุงศรีสัตนาคนหุต (คือสกุล ณ เวียงจันทน) ๔. สายสกุล พระยาศรีส หเทพ (เรือ น) (คือ สกุล คฤหเดช) (สกุล คฤหเดชเปนสายเขย ของราชิกุล รัชกาลที่ ๕) จึง รวมเปน ๑๐ สาย นับ วาตอ งกันกับ คําที่ก ลาวโฉมถึง ผูซึ่ง สืบ สายมาแตผูดีห ลายๆ สายวา “ผูดีแปดสายแรก” นั้น แตพวกนี้มีสายแรกถึง ๑๐ สายสัมพันธกันอยู ในพระนิพ นธแสดงวาเมื่อ กอ นโนนคงจะเรีย ก“ผูดีแ ปดสาแหรก”วา “ผูดีแปดสาย แรก” ทวาตอมาอาจเลือนไปจาก“สายแรก”เปน”สาแหรก”เพราะลัก ษณะการโยงสายขึ้นไป หาบรรพบุรุษ ตั้ง แตตัวเองขึ้นไปหาพอ แม ปูยา ตายาย และทวดทางพอ ทวดทางแมนั้น มี ลักษณะเปนสาแหรกเอาขาขึ้น เมื่อยังเด็กๆ เคยไดยืนผูใหญปากจัดบางคนคอนขอดพวกที่ไววางตัววาเปนผูดีวา“แม พวกแปดสาแหรกเกา ไมคาน”บางทีเ ลยทํา ใหเ ห็น วา คํา “ผูดีแปดสาแหรก”เปน คํา ประชด ประชัน เพราะคนพูดตอคําวา“เกาไมคาน”ใหคลองจองกันโดยปราศจากความหมายตามวิสัย ของคนไทยเจาบทเจากลอน ชอบอุทานเสริมบท คําวา “แปดสาแหรก” นี้เ จาจอมหมอ มราชวงศส ดับ เลาไวในหนัง สือ ศรุตานุส รณใน งานพระราชทานเพลิง ศพของทา นเอาไววา พระบาทสมเด็จ พระจุล จอมเกลา เจา อยูห ัว รัช กาลที่ ๕ ทา นเคยทรงพระราชดํา ริเ ลน ทายสายโลหิต ของแตล ะคน มีก ฎอยูวา ใครรูจ ัก ทวดแปด คือ
62
๑. พอของปู ๒. แมของปู ๓. พอของตา ๔. แมของตา
๕. พอของยา ๖. แมของยา ๗. พอของยาย ๘. แมของยาย
รวมเปน แปดสาย หรือ แปดสาแหรก นับ วาผูนั้นเกง จะไดรับ พระราชทานรางวัล ชมเชย สังเกตวามิไดมีคําวา “ผูดี” มีแตคําวา “แปดสาแหรก” เทานั้น ที่มา : สกุลไทย ฉบับ 2459 ปที่ 48/ 4 ธ.ค.44
63
ภาคผนวก ข
รายชื่อ รานคาในชุมชนเลื่อนฤทธิ์ ลําดับ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. 13 14. 15. 16. 17. 18. 19. 20. 21. 22. 23. 24. 25. 26. 27. 28. 29.
ชื่อ บริษัท กิตติเวชภัณฑ จํากัด บริษัท ศรีสําอางค จํากัด หางหุนสวนจํากัด กรุงเทพดีไซนไทยผามาน จํากัด หางหุนสวนสามัญนิติบุคคล งวนฮง แอนโก หางหุนสวนสามัญนิติบุคคล วินเซนท ฮารดแวร หางหุนสวนสามัญนิติบุคคล กวงเตี่ยงดีสเปนซารี่ สหภัณฑ นิยมศิลป จิ้นเฮง บริษัทสหเศรษฐภัณฑไทย(1978) จํากัด (เอส เอส ฮีทเทค) หางซินฮะเส็ง ชั่ง ตวง วัด หางหุนสวนจํากัด เอ อนันต เอ็นเตอรไพรส หางหุนสวนจํากัด บี เค แอนนด ซันส หลี่เซี่ยงพาณิชย หางหุนสวนจํากัด ป. ไทยถาวรคาผา บริษัท วีเจริญ เท็กซไทส จํากัด หางหุน สวนจํากัด เอ็น เอส แฟบริค นิว กลอรี่ หางหุนสวนจํากัด สัญชัย คาผา บริษัท เสริมกิจเท็กซไทล จํากัด บริษัท สงวนชัยอิมปอรตเอ็กซปอรด จํากัด หางหุนสวนจํากัด ศรีสยามเท็กซไทล บริษัท MACANNON TRALING CO.LID. บริษัท K.H.กุยเฮง เท็กซไทล จํากัด กุมาร เท็กซไทล หางหุนสวนจํากัด บูเซง บริษัท เพิ่มกิจ จํากัด บริษัท กิตติชัย เท็กซไทล จํากัด บริษัท ศิลปกิจ เท็กซทล จํากัด
64
ลักษณะสินคาที่จําหนาย/บริการ ยาแผนปจจุบัน คาสงหัวแชมพู น้ํามัน ครีมเครื่องสําอาง ออกแบบ และรับตัดผามาน ลวด ทองแดง อุปกรณเครื่องจักร วัสดุอุปกรณประเภทฮารดแวร ยาแผนปจจุบัน วัสดุอุปกรณประเภทฮารดแวร หองภาพ ถายรูป ตัดผมสุภาพบุรุษ เบาหลอม เครื่องชั่ง ตวง วัด คาสงผา คาสงผา คาสงผาถุง ผาปาเตะ ผาไทย คาสงผาดิบ คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา
ลําดับ 30. 31. 32. 33. 34. 35. 36. 37. 38. 39. 40. 41. 42. 43. 44. 45. 46. 47. 48. 49. 50. 51. 52. 53. 54. 55. 56. 57. 58. 59.
ชื่อ บริษัท ที แอนดที เท็กซไทล จํากัด หางหุนสวนจํากัด ซงเชียง บริษัท เกีย เท็กซไทล จํากัด บริษัท สินทองไทย เท็กซไทล จํากัด หางหุนสวนจํากัด ไทยอุดมคาผา ฮะ เซง หลง (เชียงกี่) หางหุนสวนสามัญนิติบุคคล ศรีไทยนคร หางหุนสวนสามัญนิติบุคคล นิวเบอรมา วัฒนาภรณ บริษัท เสริมทองไทย (1986) จํากัด บริษัท อินเตอรเนท เลซ แอนด เทรดดิ้ง คอรปอเรชั่น จํากัด หาง (ชัย) พรสยาม หางหุนสวนจํากัด กิจเจริญไทย ปกใต จึง ตึ่ง กี่ หางหุนสวนจํากัด ศรีเศรษฐี เอเยนซีส หางหุนสวนจํากัด จําปา เต็กสไตลซ สมบูรณกิจ หางหุนสวนจํากัด กังวานพานิช ตั้งเกีย เส็ง หางหุนสวนสามัญนิติบุคคล ดูวา อิมแปกซ หางหุนสวนสามัญนิติบุคคล มิตรเจริญ หางหุนสวนจํากัด ใจกวางพานิช หางหุนสวนจํากัด รอยัลสยาม เท็กซไทล หางหุนสวนสามัญนิติบุคคล รายารามแอนดซันส (ราช เต็กสไตลล) บริษัทเอ เจ ซิปเปอร หางหุนสวนจํากัด กฤษณา เท็กซไทลส ปากหวานพรประสิทธิ์ หางหุนสวนจํากัด เวิลดสตาร เท็กซไทล บริษัท ชั่งเส็งฮง จํากัด หางหุนสวนสามัญนิติบุคคล เกซาร ซิงห โก
65
ลักษณะสินคาที่จําหนาย/บริการ คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา รับตัดเย็บเสื้อโหล ผาถุง ผาปาเตะ ผาไทย คาสงผา รับตัดเย็บเสื้อโหล คาสงผา ดาย ไหมพรม ริบบิ้น โบว เชือก ผาถุง ผาปาเตะ ผาเช็ดหนา คาสงผา ดาย ไหมพรม ริบบิ้น โบว เชือก คาสงผา คาสงผา ผานวม ผาหม มุง คาสงผา ดาย ไหมพรม ริบบิ้น โบว เชือก คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา กระเปา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผาดิบ คาสงผา
ลําดับ 60. 61. 62. 63. 64. 65. 66. 67. 68. 69. 70. 71. 72. 73. 74. 75. 76. 77. 78. 79. 80. 81. 82. 83. 84. 85. 86. 87. 88. 89. 90.
ชื่อ หางหุนสวนจํากัด ดี.เอส.เท็กซไทล นานา สโตร หางหุนสวนจํากัด กันเดอรรับ ภัทรชัย หางหุนสวนจํากัด เจ.เค.อินเดอรแฟบริค เจตสันติ หางหุนสวนจํากัด เอ็ม.เอส.โครานา บริษัท กานดาเอ็กเพรส เทรเวิล หางหุนสวนจํากัด ล.เลียกเส็ง ทรงศิลป หางหุนสวนจํากัด ตั้งเซงฮวด หางหุนสวนจํากัด ตรงพัฒนา หางหุนสวนจํากัด ตรงสวัสดิ์ เปงซุนเชียงพาณิชย หางหุนสวนจํากัด ยี้ เฮง หลง ลาภเจริญ ฮารดแวร มั่นคง บริษัท ไฮเทค คาผา จํากัด โอวรุงเรืองคาผา บริษัท วิเชียร เท็กซไทล (1992) จํากัด บริษัท พรชัยวิรัช จํากัด บริษัท ไมเคิลเท็กซไทล จํากัด หางหุนสวนจํากัด สงวน บราเดอรส หางหุนสวนจํากัด อมร แฟบริคส คอลเลคชั่นส หางหุนสวนสามัญนิติบุคคล นครสไตร หางหุนสวนจํากัด ศรี ทักราล เอ็นเตอรไพรส โคว ฮั้ว หลี บริษัท ธนสยาม เอ็นเตอรไพรส จํากัด จือฮวด หางหุนสวนจํากัด ศรีสมบัติ บริษัท เอส เอส บี เทรดดิ้ง (2001) จํากัด
66
ลักษณะสินคาที่จําหนาย/บริการ คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา ของชํา ของเบ็ดเตล็ด คาสงผา จําหนายตั๋วเครื่องบิน วัสดุอุปกรณประเภทฮารดแวร วัสดุอุปกรณประเภทฮารดแวร วัสดุอุปกรณประเภทฮารดแวร ตัดผามาน อุปกรณประตูและประดับหนาตาง ตัดผามาน อุปกรณประตูและประดับหนาตาง เสื้อ กางเกงแพร ผาแพร วัสดุอุปกรณประเภทฮารดแวร วัสดุอุปกรณประเภทฮารดแวร ของหลุดจํานํา ของมือสอง (เพชร ทอง พระ) คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผาดิบ คาสงผา คาสงผา
ลําดับ 91. 92. 93. 94. 95. 96. 97. 98. 99 100. 101. 102. 103. 104. 105. 106. 107. 108. 109. 110. 111. 112. 113. 114. 115. 116. 117. 118. 119. 120. 121.
ชื่อ เลาฮัวเซง ทันตแพทย สุดจิตต โกรเวอร เท็กซไทส สยามเทรดเดอร หางหุนสวนจํากัด ศิริไทย อิมเปกส บริษัท ไทยถาวรเท็กซไทล จํากัด หวองสินไท วานฝอลี้ ยงเซงหลี โควจือฮง บริษัท เจริญกมล เท็กซไทล จํากัด ดี เอส ดูวา หางหุนสวนจํากัด เบกิ้มฮง จํากัด หางหุนสวนจํากัด ซวนอิ้ว หางหุนสวนจํากัด โลวชอเฮง หางหุนสวนจํากัด แฟบริค เวิลด เอ็นเตอรไพรส บริษัท เค.เอม.ดาวรุงอิมเปกส จํากัด บริษัท ไชนนิ่ง สตาร เอ็กซปอรต จํากัด หางหุนสวนจํากัด เอ.สยาม หางหุนสวนจํากัด โมฮัน อิมเปกส 119 บานลูกไม หางหุนสวนจํากัด หัวหิน การเมนท เลิศศักดิ์ เท็กซไทล หางหุนสวนจํากัด สหไทยเท็กซไทล บริษัท เฮงเอี๊ยะอัน จํากัด หางหุนสวนจํากัด เจริญถาวรเท็กซไทล บริษัท ชารเตอร เท็กซไทล จํากัด หางหุนสวนจํากัด ซาเสงโมวเอ็ก ชัยเหลียงคาผา ไทยเมอรรี่ เท็กซไทล หางหุนสวนจํากัด แสงเจริญปรีชากิจ
67
ลักษณะสินคาที่จําหนาย/บริการ คาสงผาเกา ทําฟน คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา รับตัดเย็บเสื้อโหล คาสงผา ผานวม ผาปูที่นอน คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผาลูกไม รับตัดเย็บเสื้อโหล คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา
ลําดับ 122. 123. 124. 125. 126. 127. 128. 129. 130. 131. 132. 133. 134. 135. 136. 137. 138. 139. 140.
ชื่อ หางหุนสวนจํากัด หัวหิน เท็กซไทล หางหุนสวนสามัญนิติบุคคล เอที จาวลา บริษัท ทีซีที เอ็นเตอรไพรส จํากัด บริษัท บี.เค. เท็กซไทล จํากัด หางหุน สวนจํากัด กิจทองไทย หางหุนสวนจํากัด เจริญอาภรณ บริษัท ซิงหพานิช เอ็นเตอรไพรส จํากัด บริษัท ทวีกิจ เท็กซไทล จํากัด บริษัท บุญกิจเท็กซไทล จํากัด (เอเชียอิมเปกซ) หางหุนสวนจํากัด ชัยพัฒนาพานิช สุทิน เท็กซไทล บริษัท โชคทวี เท็กซไทล จํากัด บริษัท โชคพงษ เอ็นเตอรไพรส จํากัด บริษัท ไทยฟา (2511) จํากัด ไพโรจนการแพทย เจหลี บริษัท โชคลาภ จํากัด บริษัท แสงทองไทย เท็กซไทล บริษัท ปเอสเค เท็กซไทล บริษัท เอสกาลรา แอนดิโก
ที่มา : จากการสํารวจภาคสนาม เดือนมีนาคม 2549.
68
ลักษณะสินคาที่จําหนาย/บริการ คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผาดิบ คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา คาสงผา ยานัตถุ เยอรมัน คลีนกิ รักษาพยาบาล 30 บาท รานขายกวยเตี๋ยว ผาปูที่นอน คาสงผา คาสงผา
บรรณานุกรม เอกสารชั้นตน หอจดหมายเหตุแหงชาติ เอกสารกรมพระคลังขางที่ รัชกาลที่ 5 กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ก.ร.5ค/35 เรื่อง เลื่อนฤทธิ์จะขายที่บานตําบลถนนเยาวราช (29 เมษายน รศ.124 – 9 มิถุนายน รศ.128) เอกสารกรมพระคลังขางที่ รัชกาลที่ 5 กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ก.ร.5ค/30 เรื่อง เลื่อนฤทธิ์ยืมเงิน (6 – 8 สิงหาคม รศ.124) เอกสารกรมพระคลังขางที่ รัชกาลที่ 5 กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ก.ร.5ค/10 เรื่อง เรื่องราวเลื่อนฤทธิ์ เรื่องที่ตลาด (28 กุมภาพันธ รศ.110) เอกสารกรมพระคลังขางที่ รัชกาลที่ 5 กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ก.ร.5ค/34 เรื่อง ฟกทองกับเลื่อนขอจํานําที่บานถนนเยาวราชลงปลายเปน ชายที่ใหพระคลังขางที่ (9 มีนาคม รศ.115 – 22 พฤษภาคม รศ.117) เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 5 ชุดสมุดพิเศษ ม.ร. 5รล พ.ศ./14 เรื่อง พระราชทานที่ดินริมถนนเยาวราชใหเปนสิทธิแกพระเจาลูกยาเธอ พระองคเจาอุรุพงษรัชสมโภช (รศ.117) เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 5 ชุดเบ็ดเตล็ด ก.ร.5บ/20 เรื่อง เลื่อนฤทธิ์ (18 เมษายน รศ.120 – 16 มิถุนายน รศ.122) แผนที่กรมพระคลังขางที่ รัชกาลที่ 5 กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ผจ.ร5ค.90 แผนผังบริเวณตําบลถนนจักรกระวัติ ถนนเยาวราช และบริเวณ ใกลเคียง พ.ศ.2441 (รศ.117) หนังสือภาษาไทย กาญจนาคพันธ.(นามแฝง) 2545 กรุงเทพฯ เมื่อวานนี้. (พิมพครั้งที่ 4) กรุงเทพฯ : สารคดี. ดํารงราชานุภาพ,สมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ กรมพระยา 2527 คนดีที่ขาพเจารูจัก เลม 2 ( 2405 – 2486 ) .กรุงเทพฯ : รวมสาสน. ทรัพยสินสวนพระมหากษัตริย,สํานักงาน 2546 ทรรศนียาคาร : อาคารอนุรักษของสํานักงานทรัพ ยสินสวนพระมหากษัตริย. กรุงเทพฯ : กองโครงการอนุรักษ ฝายสงเสริมธุรกิจ. 69
นอม เพ็ญกุล 2516 “ตลาดการคาในประเทศไทย” ใน อนุส รณพ ระราชทานเพลิง ศพนายกรรชิง โชติกเสถียร. กรุงเทพฯ : ไทยเขษม. นโยบาย และแผนสิ่งแวดลอม,สํานักงาน 2541 การพัฒนาการอนุรักษสิ่งแวดลอมศิลปกรรม. กรุงเทพฯ:คุมครองมรดกไทย. เนตรเสลา สิงหะ สุเตเธียรกุล (บรรณาธิการ) 2549 จงรักเกียรติยิ่ง ชีวิต พลเอก พระยาเทพหัส ดินฯ. กรุง เทพฯ : อมรินทรพ ริ้น ติ้ง แอนดพับลิชชิ่ง . ผังเมือง,สํานัก 2546 สมุดภาพแหงกรุงเทพมหานคร 220 ป.กรุงเทพฯ:สํานักผังเมือง กรุงเทพมหานคร. ราชบัณฑิตยสถาน 2549 พจนานุก รมศัพ ทส ัง คมวิท ยา อัง กฤษ-ไทย ฉบับ ราชบัณ ฑิต ยสถาน. (พิมพครั้งที่ 3 ฉบับปรับปรุง). กรุงเทพฯ : ไอเดีย สแควร. สุภางค จันทวานิช (บรรณาธิการ) 2549 สําเพ็ง : ประวัติศาสตรชุมชนชาวจีนในกรุงเทพฯ. กรุงเทพฯ : ศูนยจีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย. สงเสริมเอกลักษณแหงชาติ,สํานักงาน 2537 นารีผูมีคุณ เลม 3.กรุงเทพฯ : รุงศิลปการพิมพ. เอกสาร และบทความในวารสาร/หนังสือพิมพ ทรัพยสินสวนพระมหากษัตริย,สํานักงาน ม.ป.ป. รายงานการรวบรวมขอ มูล อาคารพาณิช ย หมู บ า นคุณ หญิง เลื ่อ นฤทธิ์ ถนนเยาวราช แขวงจัก รวรรดิ เขตสัม พัน ธวงศ กรุง เทพมหานคร. กองโครงการอนุรักษ ฝายสงเสริมธุรกิจ (เอกสารอัดสําเนา) ยงธนิศร พิมลเสถียร 2547 “การอนุรัก ษชุม ชนประวัติศ าสตรในเมือ ง กรณีศึก ษาชุม ชนซอยเลื่อ นฤทธิ์ เขตสัมพันธวงศ” ใน อาษา ฉ.02-03 (กุมภาพันธ-มีนาคม) หนา 67 – 69. ปทมาวดี คนธิคามี และอุไร หงสกุล 2531 “ยุคทองสิ่งทอไทย” ใน วารสารเศรษฐกิจและสังคม. สมชาย กรุส วนสมบัติ (บรรณาธิการ) ปที่ 25 ฉ.3 (พฤษภาคม – มิถุนายน) หนา.4-13. 70
ศิลปากร,กรม 2546 รายงานการสํ า รวจตึก แถวชุม ชนเลื ่อ นฤทธิ ์ กลุ ม วิช าการทะเบีย น โบราณสถานและขอมูลโบราณคดี สํานักโบราณคดี.(เอกสารอัดสําเนา). อดิศร หมวกพิมาย 2538 “การใชที่ดิน ในเขตกรุง เทพมหานครและปริม ณฑลกอ นป พ.ศ.2325”ใน วารสารธรรมศาสตร ปที่ 21,ฉ.1(มกราคม – เมษายน) หนา 7 - 45. งานวิจัยและวิทยานิพนธ ไกรอัมพร พงษขจร 2548 “การดํารงอยูของผูคาสง ในพื้นที่ยานทาเตียน : กรณีศึก ษากลุม ผูคาสง ปลา แดดเดีย ว”.วิท ยานิพ นธส ัง คมวิท ยาและมานุษ ยวิท ยามหาบัณ ฑิต (สัง คม วิทยา) คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร. ยงธนิศร พิมลเสถียร และคณะ 2544 “รายงานขั ้น สมบูร ณ โครงการวางผัง เฉพาะแหง ในพื ้น ที ่สํ า คัญ ทาง ประวัติศาสตร พื้นที่บ ริเ วณยานชุม ชนเขตสัม พันธวงศ”. เสนอตอ สํานัก ผัง เมือ ง กรุง เทพมหานคร โดยคณะสถาปต ยกรรมศาสตร สถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกลาเจาคุณทหารลาดกระบัง. วิฑรูย อาสาฬหประกิต 2546 “โครงการออกแบบปรับปรุงชุมชนเลื่อนฤทธิ์ถนนเยาวราชเขตสัมพันธวงศ ”. กรุง เทพฯ : สาขาวิชาการออกแบบชุม ชนเมือ ง คณะสถาปตยกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยศิลปากร. วิมลศรี ลิ้มธนากุล 2537 “ผลกระทบจากระบบเมืองสมัยใหมที่มีตอระบบยานของกรุง เทพมหานคร”. วิท ยานิพ นธส ัง คมวิท ยาและมานุษ ยวิท ยามหาบัณ ฑิต (มานุษ วิท ยา) คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร. อัจฉรา ปุญญฤทธิ์ 2533 “แนวทางการปรับ ปรุง ฟ น ฟู พื ้น ที ่แ ขวงจัก รวรรดิ เขตสัม พัน ธวงศ”. วิท ยานิพ นธ การวางแผนภาคและเมือ งมหาบัณ ฑิต คณะสถาปต ยกรรม ศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย.
71
อินทิรา ซาฮีร 2534 “บทบาทของสมาคมศรีคุรุสิง หส ภาในสัง คมไทย”. วิท ยานิพ นธศิล ปศาสตร มหาบัณฑิต (ประวัติศาสตร) คณะศิลปศาสตร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร. อิทธิพร ขําประเสริฐ 2550 “กระบวนการสราง“ภาพแสดงแทน”เพื่อ สิท ธิเ ชิง พื้นที่” วิท ยานิพ นธสัง คม วิท ยาและมานุษ ยวิท ยามหาบัณฑิต (สัง คมวิท ยา) คณะสัง คมวิท ยาและ มานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร. Worasiangsak,J 2005 “The roles and Perspectives of a Sociologist in Urban Planning Processes : A Case Study of the Planning of ThachangThaprachan an Old Area of Inner Bangkok”,a paper presented at The 9 International Conference on Thai Studies, Northern Illinois Unniversity,3-6 April 2005.
72