.

Page 1

THE SUN STILL SHINES

|

คำ�นำ�สำ�นักพิมพ์

|

ในแต่ละเดือนมีผู้คนส่งต้นฉบับแนวการเดินทางท่องเที่ยวมา ให้เราพิจารณาตีพิมพ์เป็นจำ�นวนมาก และเนื้อหานั้นมักคล้ายคลึงกัน คือเป็นลักษะการเดินทางตามหาแรงบันดาลใจ เดินทางเพื่อตามหาตัว ตน เดินทางเพื่อเยียวยาจิตใจ หรือเดินทางเพื่อความรื่นเริงบันเทิงใจ ของตัวเอง ที่ว่าคล้ายก็คือคล้ายตรงที่ส่วนใหญ่นั้นเกี่ยวกับตัวเองและ เป็นไปเพื่อตัวเองซึ่งไม่ใช่จะไม่ดีแต่นื่องจากรูปแบบการเขียนเช่นนี้มี อยู่มากจึงทำ�ให้งานเขียนประหนี้ยากที่จะโดดเด่นออกมาในท้องตลาด หนังสือเล่มนี้ก็มาจากหนึ่งในต้นฉบับการเดินทางเหล่านั้นหน้า แรกเขียนชื่อหนังสือว่า In Europe ดิฉันทึ่งในความซื่อ เมื่อเปิดอ่าน ผ่านๆ ก็พบเรื่องราวของหลายเมืองในยุโรปตะวันออก สไตล์การเขียน ออกแนววิชาการ ใช้ภาษาไม่หวือหวาสไตล์วัยรุ่นเหมือนต้นฉบับส่วน ใหญ่ที่ส่งมาอ่านตอนง่วงก็อาจหลับปุ๋ยได้ในเวลาไม่นานแต่เมื่ออ่านตอน ไม่ง่วงดิฉันอ่านจบในคืนเดียวและในคืนนั้นดิฉันได้เดินทางไกลหลาก หลายแห่ง ไม่ใช่แค่ในแง่สถานที่ แต่ยังได้เดินทางย้อนเวลาสู่อดีตกลับ ไปสู่ช่วงที่ยุโรปเต็มไปด้วยเขม่าควันจากไฟสงครามเสียงปืนและเสียง ร้องไห้ของผู้คนขนลุกขนพอง กับโศกนาฏกรรมที่ประชาคมยุโรปใน อดีตต้องเผชิญ และอดไม่ได้ที่จะสำ�นึกในความโชคดีของประเทศตัว เอง จริงอยู่ บ้านเราก็มีเหตุการณ์น่าเศร้าอยู่มากในประวัติศาสตร์ คน

1


THE SUN STILL SHINES

ไทยเคยเข่นฆ่ากันเอง แต่ชนชาติเรายังไม่เคยถูกกวาดโกยไปกำ�จัดทิ้ง เหมือนฝุน่ ผงในเวลาไม่ถงึ ห้าปี บางเผ่าชนหายเกลีย้ งเกือบ หมดประเทศ บางภาษาไม่เหลือคนทีจ่ ะพูดมันอีกแล้ว และบางวัฒนธรรมได้สญ ู หายไป ตลอดกาล...นี่ไม่ใช่ต้นฉบับแนวเดินทางท่องเที่ยวทั่วไป ไหนพลิกดูชื่อคนเขียนอีกทีสิ-พีรพัฒน์ ตัณฑวณิช ดิฉนั เขียนอีเมลกลับไป สือ่ สารกันจนรูว้ า่ เขาเป็นนักวิชาการทีเ่ บส อยูใ่ นประเทศแคนาดากำ�ลังศึกษาปริญญาเอกเป็นคอลัมนิสต์ให้สอื่ หลาย สำ�นักและเป็นนักเดินทางเจ้าของรูปสวยๆ ที่ขายอยู่ใน Getty Images “เราสนใจจะตีพิมพ์ต้นฉบับของคุณ แต่เราต้องตั้งชื่อ หนังสือใหม่ค่ะ” พีรพัฒน์ตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะว่าIn Europe เป็นแค่ชื่อ โฟลเดอร์ภาพที่ขาตั้งไว้ให้ตัวเองจำ�ได้แค่นั้น ทีมงานอะบุ๊กจึงช่วยกันคิด ชื่อใหม่กลายมาเป็นยุโรปมืดในมือคุณเล่มนี้ และความมืดสนิทของยุโรป ในช่วงเวลานั้นไม่เกี่ยวกับท้องฟ้า แต่เป็นความมืดในจิตใจของผู้คน ใจที่ อับแสงแห่ง ความหวัง อับจนในศรัทธา แต่ทว่า... “The sun still shines...” เด็กสาวคนหนึ่งกล่าวประโยคนี้เป็น ประโยคสุดท้ายในชีวิต ก่อนจะถูกกิโยตีนบั่นคอเราจำ�ต้องเชื่อเธอ ชมพูนุท ดีประวัติ บรรณาธิการเล่ม

2


THE SUN STILL SHINES

3


THE SUN STILL SHINES

Sun The

S t i l l

S h i n e s

4


THE SUN STILL SHINES

|

บทนำ�

|

From Stettin in the Baltic to Trieste in the Adriatic, an iron curtin has descended across the continent. Winston Churchill

เรามาลงรายละเอียดชีวิตคุณกัน หน่อย ตอนคุณอายุย่างเข้า 30 ปี คุณอาจจะกลายเป็นประชาชน ผู้รักชาติอย่างสุดหัวใจและพร้อม จะสนับสนุนผู้นำ�เผด็จการ เพื่อ ให้ ป ระเทศคุ ณ มี อำ � นาจในการ ฟื้ น ฟู เ กี ย รติ ภู มิ ใ ห้ กั บ ชาติ พั น ธุ์ ของตน แต่ ถ้ า หากคุ ณ โชคร้ า ย (ไม่ ) หน่ อ ยเกิ ด เป็ น ชาวยิ ว คุ ณ ต้ อ งหลบหนี ลี้ ภั ย จากแผ่ น ดิ น เกิด อาจต้องลงเอยในค่ายกักกัน หากคุ ณ รอดสงครามครั้ ง แรก แล้วมีบุตรโอกาสที่เขาจะมาจาก ไปในสงครามครั้งถัดมามีสูงมาก

สมมติว่าคุณเกิดที่ยุโรป 100กว่าปีก่อนถ้าคุณเกิดในยุโรป ตะวั น ออกคุ ณ จะเป็ น ราษฎรใน ปกครองของอาณาจักรที่เกรียงไก รสุดๆ อย่างอาณาจักรออสเตรียฮังการี อาณาจักรปรัสเซียหรือ อาณาจั ก รรั ส ซี ย เมื่ อ ก้ า วเข้ า สู่ วัยรุ่นคุณจะต้องถูกเกณฑ์ไปเป็น ทหารในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งที่ คร่าชีวิตคนไปกว่า 40 ล้านคน ถ้าคุณอยู่รอดจนสงครามสิ้นสุด คุ ณ จะได้ เ ห็ น การล่ ม สลายของ อาณาจักรและราชวงศ์ผู้ทรงศักดิ์ ทั้งหลาย 5


THE SUN STILL SHINES

ในวัย 50 ปี คุณจะได้ เห็นบ้านเมืองที่ใช้เวลาสร้างมา นับร้อยปีหลงเหลือแต่เพียงเถ้า ถ่านเพราะไฟสงคราม ชีวิตของ คุณในครึ่งหลังของศตวษจะเป็น เช่นไรก็อยู่ที่ว่าคุณเกิดบนฝั่งใด ของพรมแดนสมมติ ทีข่ ดี เส้นโดย สองมหาอำ � นาจต่ า งอุ ด มการณ์ หากชีวิตคุณอยู่ฝั่งตะวันตกนอก ม่านเหล็ก’คุณจะกลายเป็นหนึ่ง ในกลุ่ ม คนที่ ร่ำ � รวยและมี ชี วิ ต ความเป็ น อยู่ ที่ ดี ที่ สุ ด ในโลกแต่ ในทางตรงกันข้ามหากคุณอยู่ฝั่ง ตะวั น ออกของม่ า นเหล็ ก คุ ณ ก็ จะอยู่อย่างยกลำ�บากเพราะแม้ อุดมคติของคอมมิวนิสต์ต้องการ สร้างความเท่าเทียมกัน แต่สิ่งที่ ระบอบได้ลิดรอนออกไปคือสิทธิ และเสรี ภ าพซึ่ ง เป็ น สิ่ ง ที่ มี ค่ า ที่ สุดสำ�หรับมนุษย์ อย่ า งไรก็ ต าม ช่ ว งบั้ น ปลายของศตวรรษที่ 20 คุณก็จะ ได้เห็นความล่มสลายของระบอบ คอมมิวนิสต์อยูด่ ี และเมือ่ ถึงกาล 6


THE SUN STILL SHINES

เปลี่ย นสหั ส วรรษ คุ ณจะจากนี้ โลกไปในฐานะพลเมืองยุโรปที่ได้ เห็นดินแดนบ้านเกิดซึ่งเคยเต็มไป ด้วยคราบเลือดกลายเป็นภูมิภาค ที่มีความสามัคคีและร่วมมือกัน มากที่ สุ ด ในโลกพรมแดนสมมติ ถู ก ทุ บ ทำ � ลายจนแทบไม่ เ หลื อ ประชาชนจากอดีตประเทศคู่ขัด แย้งสามารถไปมาหาสู่กันได้โดย ไม่มีสิ่งใดกั้นขวางอีกต่อไป ด้ ว ย ค ว า ม ส น ใ จ ท า ง ประวั ติ ศ าสตร์ ใ นช่ ว งศตวรรษ ที่ 20 เส้ น ทางยุ โ รปของผม จึ ง ข้ า มผ่ า นอู่ อ ารยธรรมเก่ า แก่ อย่ า งอิ ต าลี กรี ซ หรื อ แม้ แ ต่ เมืองหลวงของนักท่องเที่ยวอย่าง ปารีสหากเลือกมุ่งหน้าสู่ดินแดน ที่ ป ระวั ติ ศ าสตร์ ใ นช่ ว งศตวรรษ ที่ผ่านมาอัดแน่นไปด้วยเรื่องราว ของวีรบุรุษทรราชรอยเลือดและ คราบน้ำ � ตาทั้ ง มหาสงครามที่ โหดร้ า ยที่ สุ ด ในประวั ติ ศ าสตร์ มนุษยชาติถึงสองครั้ง 7


THE SUN STILL SHINES

ภู มิ ภ าคที่ เ ราเรีย กกัน ติด ปากว่า ยุโรปตะวั นออก เป็ นการ เรี ย กขานตามชาวอเมริ กั น หากแต่ สำ � หรั บ ชาวยุ โ รปแล้ ว ยุ โ รป ตะวั น ออกจะหมายถึ ง ประเทศที่ อ ยู่ เ ลยจากประเทศโปแลนด์ ไ ป แล้ว อย่างรัสเซีย ยูเครน หรือเบลารุส ส่วนโซนที่เราเรียกกันว่า ยุโรปตะวันออกอย่างฮังการี โรมาเนีย โปแลนด์ ชาวยุโรปเรียกกัน 8


THE SUN STILL SHINES

ว่า “ยุโรปกลาง” บางครั้งเวลา เข้ า ร้ า นหนั ง สื อ ที่ มี ทั้ ง หนั ง สื อ ภ า ษ า อั ง ก ฤ ษ แ ล ะ ภ า ษ า อื่ น ต้องบอกว่าการเดินทางของผม ส่ ว นใหญ่ ก็ อ ยู่ ใ นดิ น แดนที่ เ ป็ น คอมมิ ว นิ ส ต์ เ ก่ า นั่ น แหละ ผม ใช้ เ วลาเดิ น ทางประมาณหนึ่ ง เดื อ นกั บ หกประเทศเริ่ ม ต้ น ที่ กรุงเวี ยนนาของออสเตรี ยก่ อ น ขึ้นเหนือสู่สาธารณรัฐเช็ก และ ต่ อ เนื่ อ งไปยั ง ภาคตะวั น ออก ของเยอรมนี โดยมีกรุงเบอร์ลิน เป็นจุดหมายสำ�คัญจากนั้นเดิน ทางสู่ตะวันออกสู่โปแลนด์ โดย เดินทางจากเหนือลงใต้เช่นเดียว กับกองทัพ นาซีเมื่อ 80 กว่า ปีก่อนจากนั้นเข้าสู่สโลวาเกียที่ เมืองเล็กๆ อย่างโคชิเซ ต่อด้วย กรุงบูดาเปสต์แห่งฮังการี ก่อน เดินทางย้อนกลับเข้าสู่ออสเตรีย โดยนั่ ง รถไฟข้ า มไปเมื อ งทาง ตะวั น ตกอย่ า งชาลบรั ก ก่ อ น ไปสิ้ น สุ ด ที่ มิ ว นิ ก เมื อ งใหญ่ แห่ ง แคว้ น บาวาเรี ย ในเยอรมนี

We travel, some of u forever, to seek other states, other lives, other souls. Anaïs Nin

9


THE SUN STILL SHINES

ระหว่ า งที่ ผ มกำ � ลั ง เดิ น อยู่ ใ นกรุ ง เบอร์ ลิ น ร่ ว มกั บ ทั ว ร์ ตามรอยอาณาจั ก รไรซ์ ที่ 3 ที่ พู ด ถึ ง การขึ้ น สู่ อำ � นาจของฮิ ต เลอ ร์ เรื่ อ งเล่ า ผ่ า นเหตุ ก ารณ์ แ ละสถานที่ ทำ � ให้ ผ มเริ่ ม เข้ า ใจบริ บ ท และสถานการณ์ ที่ ผลักให้ช าวเยอรมัน ผู้ช าญฉลาดยอมยก อำ � นาจ แบบเบ็ ด เสร็ จ เด็ ด ขาดให้ กั บ จอมเผด็ จ การอย่ า งฮิ ต เลอร์ จนนำ � ไป สู่โศกนาฎกรรมกั บผู้ค นนับล้านๆในขณะที่บ้านเราเอง ก็ เ คยมี วาท กรรม ฮิตเลอร์มาจากการเลือกตั้ง เพื่อใช้โจมตี ‘เผด็จการรัฐสภา’ จนสุ ด ท้ า ยประเทศไทยจึ ง เข้ า สู่ เ ผด็ จ การทั้ ง ในและนอกรั ฐ สภา หลายบทเรียนที่ผมได้เรียนรู้เรื่องการสู้เพื่ออิสรภาพของชาว เชโกสโลวะเกียและโปแลนด์ สู่รอยเลือดของคนฮังการีและคนยิวความ รุ่งโรจน์และล่มสลายของเขตแดนและลัทธิความเชื่อเป็นแรงบันดาล ใจให้ผมอยากถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ออกมาสู่ผู้อ่านในวงกว้างโดย เฉพาะเรือ่ งราวเกีย่ วกับการจัดการความทรงจำ�ในอดีตของพวกเขา เพือ่ จะถ่ายทอดบทเรียนที่ผิดพลาดของคนรุ่นก่อนสู่คนรุ่นต่อไป ในขณะที่ ประเทศของเราดู เ หมื อ นจะจั ด การความทรงจำ � ทำ � นองนี้ ด้ ว ย การบั ง คั บ ให้ ลื ม เสี ย มากกว่ า หนั ง สื อ เล่ ม นี้ เ ป็ น สารคดี บั น ทึ ก การเดิ น ทางลำ � ดั บ ของเรื่ อ งเล่ า จึ ง สอดคล้ อ งไปกั บ เส้ น ทางของ ผมไม่ ไ ด้ เ ป็ น ไปตามลำ � ดั บ เวลาแบบหนั ง สื อ ประวั ติ ศ าสตร์ ส่ ว น ใหญ่ ยั ง ไม่ นั บ ว่ า ผมได้ พ าคุ ณ ผู้ อ่ า นออกนอกเส้ น ทางอยู่ บ่ อ ยครั้ ง 10


THE SUN STILL SHINES

ถ้ า สร้ า งความสั บ สนให้ บ้ า งก็ ข ออภั ย อย่ า งไรก็ ต ามผมได้ แนบรายชื่ อ หนั ง สื อ ที่ ผ มใช้ ป ระกอบการเขี ย นหนั ง สื อ เล่ ม นี้ หรื อ หนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้อง เผื่อท่านผู้สนใจก็สามารถไปหามาอ่าน เพิ่ ม เติ ม ได้ เช่ น เดี ย วกั น หนั ง สื อ เล่ ม นี้ ไ ม่ ใ ช่ ไ กด์ บุ๊ ก ที่ จ ะสามารถ เป็ น คู่ มื อ ท่ อ งเที่ ย ว ไม่ มี ก ารแนะนำ � โรงแรม ไม่ มี ก ารรี วิ ว ร้ า น อาหารไม่ มี เ วลาเปิ ด -ปิ ด สถานที่ ท่ อ งเที่ ย ว ไม่ มี แ ผนที่ ไ ม่ มี ต าราง รถบั ส รถไฟ ไม่ มี อ ะไรที่ จ ะทำ � ให้ ก ารท่ อ งเที่ ย วของคุ ณ ง่ า ยขึ้ น เลย ห นั ง สื อ เ ล่ ม นี้ มี แ ต่ เ รื่ อ ง ร า ว ข อ ง เ ศ ษ ซ า ก อ นุ ส า ว รี ย์ ที่ จ ะทำ � ให้ เ รารู้ ซึ้ ง ถึ ง ความไม่ แ น่ น อนของโลกเรื่ อ งราวชี วิ ต หลั ง รั้ ว ลวดหนามที่ จ ะทำ � ให้ เ ราเห็ น คุ ณ ค่ า ของชี วิ ต ที่ ไ ด้ อ ยู่ ข้ า งนอก และแน่นอน ชั้นหนังสืออันว่างเปล่ากับเปลวไฟจากหนังสือที่ถูกเผาจะ ทำ�ให้เราเห็นความสำ�คัญของความรู้และการส่งต่อมันแก่คนรุ่นต่อไป

11


THE SUN STILL SHINES

Vienna

Su Firts The

ฮั บ ส์ บ ู ร ์ ก ยศล่ ม แล้ ว

12


THE SUN STILL SHINES

|

ฮับส์บูร์กยศล่มแล้ว

จุ ด เริ่ ม ต้ น ของการเดิ น ทางของผมอยู่ ที่ ก รุ ง เวี ย นนา เมื อ งหลวงของออสเตรี ย หรื อ อาณาจั ก รออสเตรี ย -ฮั ง การี ใ น อดีต เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อ วร่ำ � รวยศิ ล ปวั ฒ นธรรมที่ สุ ด แห่ ง หนึ่ ง ของโลกความเจริ ญ หลั่งไหลมาสู่เมืองริมฝั่งน้ำ�ดานู บแห่ ง นี้ ใ นยามที่ ร าชวงศ์ ฮั บ สบู ร์ ก (Habsburg) ยั ง เป็ น หนึ่ ง ในราชวงศ์ ที่ มี อิ ท ธิ พ ลมาก ที่ สุ ด ในยุ โ รปบริ เ วณที่ ผ มชอบ ที่ สุ ด ของโซนเมื อ งเก่ า เรี ย กว่ า ลานมาเรีย เทเรซ่า (Maria Theresa Platz) ซึ่งตั้งอยู่ถัดออกไป

|

จากพระราชวังฤดูหนาวประมาณ 500 เมตร เป็นสวนเล็กๆที่ราย ล้ อ มด้ ว ยพิ พิ ธ ภั ณ ฑ์ สำ � คั ญ สาม แห่ ง สองด้ า นเป็ น พิ พิ ธ ภั ณ ฑ์ ขนาดใหญ่ ที่ ถู ก สร้ า งขึ้ น พร้ อ ม กัน ฝั่งหนึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ (Kunsthistorisches Museum) ที่มีงานศิลปะชิ้นสำ�คัญฯซึ่งสะสม มาตั้ ง แต่ ส มั ย ราชวงศ์ ฮั บ สบู ร์ ก ยั ง รุ่ ง เรื อ งเช่ น Madonna of the Meadow ของราฟาเอลนั่น เอง(Raphael) และ ต่อมาก็คือ Tower of Babel ของปีเตอร์ เบรอเคิล(Pieter Bruegel)

13


THE SUN STILL SHINES

ในขณะที่อีกฝั่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ มีของสะสมทั้งหินและอัญมณี ชนิดต่างๆนับพันชิ้นสัตว์สตัฟฟ์จำ�นวนมากไม่แพ้พิพิธภัณฑ์ทางธรรม ชาติดังๆ อย่างสถาบันสมิธโซเนียนของสหรัฐอเมริกาแม้แต่น้อยของ สะสมเหล่านีส้ ว่ นใหญ่เก็บรวบรวมโดยเหล่าราชวงศ์ฮบั สบูร์กตัง้ แต่กอ่ น ประเทศจะเปลี่ยนเป็นระบอบสาธารณรัฐ อีกด้านหนึ่งของถนนเป็นที่ตั้งของมูเซียมส์ควอเทียร์ Museumsquartier ที่เรียกได้ว่าเป็นแหล่งรวมฮิปสเตอร์ของกรุงเวียนนา นอกจากจะเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ศิลปะอย่างพิพิธภัณฑ์ลีโอโพลด์ (Leopod Museum) และพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ (Museum of Modern Art) แล้วยังมีการจัดสรรพื้นที่กว่า 60,000 ตารางเมตร เพื่อจัดกิจกรรมต่างๆ สำ�หรับวัยรุ่นชาวเวียนนาซึ่งในช่วงที่ผมไปมีงาน สำ�หรับเหล่าฟู้ดทรัก(Food Truck) และมีเวทีคอนเสิร์ตขนาดย่อมสอง สามเวที แน่นอนว่าศูนย์กลางของลานมาเรียเทเรซ่าแห่งนี้คืออนุสารีย์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อสถานที่อนุสาวรีย์ของจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซ่า (Maria Theresa) สตรีที่มีบทบาทมากที่สุดในประวัติศาสตร์ออสเตรีย จุ ด เปลี่ ย นสำ � คั ญ ของกรุ ง เวี ย นนา ซึ่ ง เป็ น จุ ด เปลี่ ย นสำ � คั ญ ของประวัติศาสตร์ยุโรปและประวัติศาสตร์โลกด้วยคือเหตุการณ์เมื่อ ปี 1683 ที่เรียกกันว่าสมรภูมิแห่งเวียนนา(Battle of Vienna) หลัง จากที่สงครามระหว่างชาวคริสต์และมุสลิมดำ�เนินมาอย่างต่อเนื่องร่วม 700 ปี ในช่วงปีท้ายๆอาณาจักรออตโตมันสามารถปักธงพระจันทร์ เสี้ยวและดวงดาวลงได้ตลอดแนวคาบสมุทรบอลข่าน ทรานซิลเวเนีย จนถึงอาณาจักรฮังการี ยึดครองตลอดลำ�น้ำ�ดานูบตั้งแต่เบลเกรด เรื่อย 14


THE SUN STILL SHINES

มาจนถึงกรุงบูดา เวียนนาจึงเปรียบเสมือนประตูเมืองของทวีปยุโรปทั้ง ทางบกและทางน้ำ�ในปี 1529 กองทัพออตโตมันเคยยกทัพมาประชิด กรุงเวียนนามาแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็ล้มเหลวกลับไป จนอีกร้อยกว่าปีต่อมาในปี 1683 กองทัพออตโตมันจึงได้ระดม กำ�ลังทัพครั้งใหญ่อีกครั้งเพื่อจะทำ�สงครามเผด็จศึกกับชาวคริสต์ เริ่ม ต้นด้วยการบุกเข้ายุโรปผ่านเวียนนาเป็น เมืองแรกในสงครามระหว่าง มุสลิมและคริสต์หลายศตวรรษ ที่ผ่านมา กองทัพฝั่งออตโตมันมักเป็น ฝ่ายได้เปรียบกองทัพชาวคริสต์จากยุโรปเสมอเพราะอาณาจักรยุโรป ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ต่างจากอาณาจักรออตโตมันที่สถาปนา อำ�นาจเหนือภูมิภาคของเอเชียไมเนอร์แต่เพียงหนึ่งเดียวในการศึกครั้ง นี้ทางยุโรปตระหนักดีว่าหากอาณาจักรออสเตรียพ่ายแพ้ให้แก่ออตโต มัน หมายถึงการพ่ายแพ้ของชาวคริสต์ทั้งทวีปจึงเกิดการจัดตั้งกอง กำ�ลังพันธมิตรที่นำ�โดยกองทัพจากฮับสบูร์ก จากอาณาจักรโรมันอัน ศักดิ์สิทธิ์ (Holy Roman Empire) รวมถึงจากโปแลนด์และลิทัวเนีย เช่นเดียวกับทางฝรั่งเศสและอาณาจักรอื่นๆที่ส่งกำ�ลังข้าสนับสนุนใน ช่วงหลัง แม้ว่ากองทัพออตโตมันสามารถยึดกรุงเวียนนาได้ ในระยะ แรกแต่กองทัพของชาวยุโรปก็สามารถรบเอาชนะได้ ในสมรภูมิสำ�คัญ ที่ภูเขาคาเลนแบร์ก (Kahlenberg) ทำ�ให้กองทัพออตโตมันต้องล่า ถอยไปและหลังจากนั้นไม่นานก็เสียอำ�นาจในการปกครองในดินแดน ฮังการีรวมถึงบางส่วนของบอลข่าน ให้กับอาณาจักรฮับสบูร์กความ พ่ายแพ้ในสงครามครั้งนี้ของอาณาจักรออตโตมันถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น ของความเสื่อมถอยของหนึ่งในอาณาจักรที่เกรียงไกรที่สุดในโลก ก่อน จะล่มสลายลงไปหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง 15


THE SUN STILL SHINES

16


THE SUN STILL SHINES

17


THE SUN STILL SHINES

กลยุทธ์สง่ ออกพระราชธิดา พระนางมาเรีย เทเรซ่า จึงเป็นแม่ทกุ สถาบัน

เมื่อหมดความหวาดระแวงจากภัยคุกคาม กอปรกับศิลปวิทยา การที่ได้รับการฟื้นฟูสั่งสมมาแล้วจากยุคฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม (Renaissance) อาณาจักรต่างๆ ในยุโรปจึงพัฒนาตนเองขึ้นจนกลาย เป็นมหาอำ�นาจของโลกในช่วงหลายศตวรรษต่อมา ราชวงศ์ฮับส์บรัก เองได้ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำ�นาจของภาคพื้นยุโรป โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งในยุคของจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซ่า ที่ครองราชย์ยาวนานถึง 40 ปี ตั้งแต่ปี 1740 - 1780 พระนางถือเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพล ในศตวรรษที่ 18 เพราะนอกจากจะเป็นจักรพรรดินีแห่งอาณาจักร ออสเตรีย ซึ่งขณะนั้นครอบคลุมทั้งดินแดนฮังการี คาบสมุทรบอลข่าน รวมถึงเนเธอร์แลนด์ พระนางยังได้อภิเษกสมรสกับไกชอร์ฟรานซิสที่1 แห่งอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีอำ�นาจเหนือดินแดนเยอรมนี สาธารณรัฐเซ็ก สวิตเซอร์แลนด์ และภาคตะวันตกของออสเตรียใน ปัจจุบัน นอกจากนีพ้ ระนางยังได้สง่ ราชธิดาไปแต่งงานกับผูป้ กครองของ ดินแดนต่างๆ ทั้งอาร์ชดยุกแห่งปาร์ม่าที่มีอิทธิพลทางตอนเหนือของ อิตาลี และพระราชาเฟอร์ดินานด์ที่4แห่งเนเปิลส์ที่มีอำ�นาจครอบคลุม อิตาลีตอนใต้ตลอดจนเกาะซิซิส รวมถึงพระธิดาที่มีชื่อเสียงที่สุดใน ฐานะราชินี องค์สุดท้ายแห่งฝรั่งเศสที่ชื่อมารีอ็องตัวแน็ต (Mars Antoinete) 18


THE SUN STILL SHINES

ช่วงเวลาดังกล่าวจึงนับเป็นช่วงที่ราชวงศ์ฮับสบูร์กมีอิทธิพล สู ง ที่ สุ ด นอกจากการขยายอำ � นาจจนครอบคลุ ม พื้ น ที่ ส่ ว นใหญ่ ข อง ยุโรปแล้ว ในรัชสมัยของจักรพรรดินีมาเรียเทเรซ่า ยังได้มีการปฏิรูป ทั้งโครงสร้างรัฐบาล การเก็บภาษีสิ่งก่อสร้าง พัฒนาระบบสาธารณสุข รวมถึ ง กฎหมายห้ า มการล่ า แม่ ม ดอย่ า งไรก็ ต ามพระนางยั ง โดนนั ก ประวัติศาสตร์วิพากษ์วิจารณ์เรื่องจำ�กัดการนับถือศาสนาของราษฎร ทำ � ให้ ก ลุ่ ม โปรเตสแตนต์ ถู ก ลิ ด รอนสิ ท ธิ ต่ า งๆ ตลอดรั ช สมั ย และ ยังมีพระบรมราชโองการให้ชาวยิวกว่า 20,000 คนย้ายออกจาก ปรากในปี 1744 อย่างไรก็ดีช่วงเวลาดังกล่าวกรุงเวียนนาได้กลาย เป็นศูนย์กลางความเจริญทั้งด้านเศรษฐกิจ ศิลปวิทยการโดยหนึ่งใน คนที่เข้ามาแสวงหาความสำ�เร็จในยุคนั้นคือดีตกวีจากซาลบูร์กที่ชื่อ โวล์ฟกัง อะมาเดอส โมชาร์ท(Wolfgang Amadeus Mozart) ความเจริญในยุคสมัยนั้นทำ�ให้ชื่อของจักรพรรดินีมาเรีย เทเร ซ่าโดดเด่นขึ้นมาในประวัติศาสตร์ชายเป็นใหญ่ของยุโรป อีกประจักษ์ หลักฐานสำ�คัญของความรุ่งเรืองแห่งราชวงศ์ฮับสบูร์กได้แก่พระรา ชวังเชินบรุนน์ (Schonbrun) ทีใหญ่โต ประกอบด้วยห้องถึง 1444 ห้อง โดยพระราชวงศ์จะเสด็จฯ ไปประทับในช่วงหน้าร้อน เมื่อเปรียบ เทียบกับพระราชวังต่างๆ ในยุโรปแล้ว มีเพียงพระราชวังแวร์ชายใน ปารีสเท่านั้นที่จะสามารถทียบเคียงได้ พระราชวังเชินบรุนนสร้างขึ้น ตั้งแต่ปี 1569 แต่ตัวอาคารหลักรวมถึงสวนรอบๆที่เราเห็นอยู่ในทุก วันนี้สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดินีมาเรียเทเรซ่า นั่นเอง

19


THE SUN STILL SHINES

แม้ราชวงศ์ยับสบูร์กจะสร้าง ฐานอำ�นาจในภาคพื้นยุโรปและสั่งสม ความมั่ ง คั่ ง ทางวั ฒ นธรรมต่ า งๆ มากมาย แตราชสำ�นักแห่งอื่นๆตล อดศตวรษที่17-19ได้พากันหันหน้า ออกทะเลเพื่ อ แสวงหาเส้ น ทางการ ค้ากับโลกตะวันออกรวมถึงการเข้า ยึดครองเป็นอาณานิคมเหนือดินแดน โพ้นทะเลเหล่ า นั้ น อำ�นาจทางทะเล นำ � มาซึ่ ง ความมั่ ง คั่ ง ของอาณาจั ก ร ในทางกลับกันอาณาจักรออสเตรียที่ เคยรุ่งเรืองในยุคจักรพรรดินีมาเรียเท เรซ่าก็กลับค่อยๆ เสื่อมถอยอำ�นาจ ลง อาณาจั ก รภายใต้ ก ารปกครอง เริ่ ม เรี ย กร้ อ งอำ � นาจการปกครอง ตนเอง ภายใต้ ส ถนะที่ อ่ อ นแอลง ของราชวงศ์ฮับสบูร์กในปี 1848ราช บัลลังก็ของอาณาจักรออสเตรียก็ได้ เปลี่ ย นผ่ า นไปสู่ พ ระราชโอรสองค์ โต ฟรันซ์ โยเซฟ (Fanz Josep) จักรพรรดิหนุ่มวัยเพียง 18 ปี 20


THE SUN STILL SHINES

พระราชวังเบลเวอร์เดียร์ (Belvedere Palace) ถูกสร้างขึน้ ตัง้ แต่ปี 1663 เพือ่ ใช้เป็นทีป่ ระทับ ส่วนพระองค์ของเจ้าชายยูจนี ผูท้ ม่ี คี วามปราดเปรือ่ งในการต่อสู้ จนได้ขน้ึ เป็นแม่ทพั ของราชวงศ์ฮอฟ บวร์ก และนอกจากจะเก่งเรื่องการต่อสู้ พระองค์ทรงชื่นชอบในงานศิลปะเป็นอย่างมากอีกด้วย จึงทำ�ให้พระราชวังแห่งนีไ้ ด้รบั การสร้างและตกแต่งได้อย่างวิจติ รตระการตา ทัง้ ภายนอกและภายใน 21


THE SUN STILL SHINES

Prague

The

Second ชาวปรากสองด้ า น นั ก ท่ อ งเที ่ ย วเจ็ ด ล้ า น 22


THE SUN STILL SHINES

|

ชาวปรากสองด้าน นักท่องเที่ยวเจ็ดล้าน |

บุรุษคนหนึ่งที่ชื่อมาร์ตินลูเทอร์ (Martin Luther ผู้นำ�ไปสู่การ ปฏิรูปศาสนาอันเป็นต้นกำ�เนิดของนิกายโปรเตสแตนต์และยังเป็นจุด เริ่มต้นของยุโรปในการก้าวออกจากยุคมืดเข้าสู่ยุคฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม ในกาลต่อมา ทุกวันนี้อนุสาวรีย์ของยัน ฮุส ยังยืนโดดเด่นอยู่ ณจัตุรัส หัน หน้าเข้าท้าทายวิหารไทน์ อันเป็นที่มั่นสำ�คัญของกลุ่มฮุสไซต์ รูปปั้นยัง ประกอบด้วยเหล่าสาวกทีอ่ ยูร่ ายล้อมทีน่ า่ สนใจคือสาวกเหล่านีไ้ ม่ได้ถอื อาวุธใดๆ ในการต่อสู้กับศาสนจักร แสดงให้เห็นถึงการลุกขึ้นสู้ของกลุ่ม ปัญญาชนมีคนหนึง่ ทีถ่ อื แก้วไวน์อนั เป็นสัญลักษณ์ถงึ เสรีภาพ เนือ่ งจาก ในช่วงเวลาดังกล่าวการดื่มไวน์ถูกสงวนสิทธิ์ไว้เพียงหมู่นักบวช เท่านั้น เช้ า วั น รุ่ ง ขึ้ น ผมตั ด สิ น ใจตื่ น ตั้ ง แต่ เ ช้ า ตรู่ เ พื่ อ ไปยั ง สะพาน ชาร์ลสอีกครั้งยามที่ยังไม่มีนักท่องเที่ยวอัดแน่นผมมาถึงสะพานราว เจ็ดโมงเช้า บรรยากาศแตกต่างจาก เมื่อวานโดยสิ้นชิง ศิลปินวนิพก ยังหลับใหล แผงขายของที่วางตลอดแนวสะพานยังไม่เปิดทำ�การแดด อ่อนๆ เริ่มทำ�ให้ผมมองเห็นความสวยงามของสะพานแห่งนี้ ระหว่าง ที่ผมเดินเล่นถ่ายรูปอยู่นั้นก็มองเห็นคู่รักชาวจีนพร้อมตากล้องมาถ่าย รูปแต่งงานกัน ณ สะพานแห่งนี้หลายคู่ 23


THE SUN STILL SHINES

จากสะพานชาร์ลสผมเดินข้ามไปยังฝั่งปราสาทปรากซึ่งตาม ที่หนังสือนำ�เที่ยวแนะนำ�คือให้รีบไปในช่วงเช้าเพื่อหลีกเลี่ยงกรุปทัว จำ�นวนมากในช่วงบ่าย ซึง่ ข้อมูลนีไ้ ด้รบั การยืนยันจากเพือ่ นร่วมโรงแรม ที่ไปปราสาทปรากช่วงเย็นแล้วพบกองทัพนักท่องเที่ยวยึดกุมทุกพื้นที่ ของปราสาทไว้หมดสิ้น จากสะพาน ผมเดินผ่านโซนที่เรียกกันว่า Little Quarter ซึ่งในอดีตเป็นโซนที่พักอาศัยของข้าราชบริพารหรือคนที่ทำ�งานรับใช้ ราชสำ � นั ก บนปราสาทผมแวะกิ น อาหารเช้ า ที่ ร้ า นแฮงก์ ค อฟฟี่ ค าเฟ (Hanged Coffee Cafe) ร้านกาแฟเล็กๆ ที่อัดแน่นด้วยศิลปะแบบอาร์ ตนูโว และที่เรียกกันว่าแฮงก์ดอฟพี่นั้นเพราะเราสามารถสั่งกาแฟได้ ครั้งละสองแก้วโดยเรากินเองหนึ่งแก้วและอีกแก้วให้แขวนไว้สำ�หรับ คนอื่นแก้วที่แขวนไว้คือสัญลักษณ์บอกเป็นนัยว่าตอนนี้มีกาแฟฟรีเหลือ อยู่ที่แก้ว คนที่แวะมาดื่มกแฟแขวนนี้ก็มีทั้งคนจรจัดคนรายได้น้อยรวม ถึงนักศึกษานอกจากกาแฟแล้วร้านแห่งยังเสิร์ฟอาหารเช็กท้องถิ่นยอด นิยมอาทิแกงกลาชกับขนมปังไรน์ ซึ่งขนมปังชนิดนี้เป็นที่นิยมในสาธาร รัฐเซ็กและสโลวาเกียมากกว่าขนมปังแบบทัว่ ไป แม้แต่ฮอตคอกข้างทาง ก็จะได้ไส้กรอกวางมาบนขนมปังไรน์ พร้อมกับแตงกวาดอง ผมออกเดินขึน้ เนินต่อหลังจากกินแกงกลาช ขนมปังและดับเบิล เอสเปรสโซแล้วอีกไม่ไกลก็ถึงปราสาทปรากซึ่งตั้งอยู่บนเนินทางทิศ ตะวันตกของแม่น้ำ�วัลตาวา จากทางบนปราสาทสามารถมองเห็นเมือง เก่าและสะพานชาร์ลสได้อย่างชัดเจนบริเวณด้านในปราสาทเปิดตอน เก้าโมงเช้า แต่สามารถเดินเล่นถ่ายรูปอยู่บริเวณโดยรอบได้นักท่อง เที่ยวยังบางตาหลังจากเดินถ่ายรูปอยู่สักพักก็เจอทัวร์ไทยกลุ่มใหญ่ 24


THE SUN STILL SHINES

ตอนแรกผมยังนึกชมไกด์ในใจว่าวางแผนดีที่มาเวลาเช้าเพื่อให้ลูกทัวร์ ไม่ต้องเบียดเสียดกับคนกลุ่มใหญ่ ผมได้มีโอกาสพูดคุยเล็กน้อยเมื่อ พวกเขามาขอให้ช่วยถ่ายรูป ผมจึงได้รู้ว่า นักท่องเที่ยวไทยกลุ่มนี้จะ ไม่เข้าไปดูภายในบริเวณปราสาทแค่แวะมาถ่ายรูปรอบๆ ด้านนอกแล้ว จะไปเที่ยวที่อื่นต่อโดยไกด์ได้ให้ข้อมูลลูกทัวร์ไว้ว่าด้านในไม่มีอะไร คำ�ว่า ไม่มีอะไร นั้นรวมถึงวิหารเซนต์วิตส (St.VitusCathedral) มหาวิหารที่ใหญ่สุดในสาธารณรัฐเช็กด้วย วิหารเซนต์วิตุสสร้างขึ้นครั้งแรกปี 930 มีการต่อเติมซ่อมแชม หลายครัง้ แต่ครัง้ ทีส่ �ำ คัญคือในช่วงศตวรรษที่ 14ทีก่ ลายเป็นศูนย์กลาง ความเจริญของอนุภูมิภาคโบฮีเมียนรวมถึงอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ วิหารแห่งนี้จึงถูกต่อเติมสร้างใหมในสตล์กอริกที่มีหลังคาโค้งหน้าต่าง สูงใหญ่รวมถึงหอคอยสูงเช่นเดียวกับวิหารอื่นร่วมสมัยเดียวกัน อาทิ วิหารแห่งเมืองโคโลญ (Cologne Cathedra) ประเทศเยอรมนี และ วิหารน็อกร์-คาม (Notre Dame) ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส นอกจากขนาดที่ใหญ่โตกว่าวิหารอื่นในเมืองปรากแล้วภายใน วิหารเซนต์วิตสยังตกแต่งประดับไปด้วยผลงานของศิลปินชั้นนำ�ของ ศตวรรษที่ 19 และ 20 บานที่น่าสนใจมากก็คือหน้าต่างกระจกสีทาง ทิศเหนือที่ได้อัลโฟนส์ มูคา (AfonsMucha : 1880- 1989) ศิลปี นแนวอาร์ตนูโวชื่อดังเจ้าของภาพวาดชุดมหากาพย์ชาวสลาฟ (Sav Epic) มาเป็ น คนออกแบบจึ ง ทำ � ให้ รู ป แบบของหน้ า ต่ า งดั ง กล่ า วมี ลักษณะแตกต่างไปจากด้านอื่น ความใหญ่โตของตัววิหารรวมถึงการ ตกแต่ ง ภายในที่ ส วยงามผสมผสานลงตั ว ทำ � ให้ วิ ห ารเซนต์ วิ ต สเป็ น ไฮไลต์ของปราสาทที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ยอมพลาด ยกเว้นก็แต่ นักท่องเที่ยวชาวไทยกลุ่มนั้น 25


THE SUN STILL SHINES

26


THE SUN STILL SHINES

มหาวิหารเซนต์วิตุส (St.Vitus Cathedral) เป็นวิหารที่ใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐเชก และมีความสำ�คัญ ตั้งอยู่ในพื้นที่บริเวณปราสาทปราก ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็น 27 องนาร์บอนน์ทางใต้ของฝรั่งเศส ศิลปะแบบโกธิคโดยได้รับอิทธิพลจากเมื


THE SUN STILL SHINES

ถ้าพูดถึงปราสาทในกรุงปราก มีอยู่สองแห่งที่โด่งดังระดับโลก แห่งแรกคือ ปราสาทปรากและวิหารเซนต์วิตุสที่ผมกำ�ลังขืนชมอยู่ใน ขณะนี้ ส่วนปราสาทอีกแห่งนั้นกระจัดกระจายอยู่ทั่วเมือง จะว่าไปแล้ว อาจจะโด่งดังกว่าปราสาทใหญ่โตแห่งกรุงปรากด้วย ปราสาทนี้สร้าง โดยคนเพียงคนเดียว แม้จะยังสร้างไม่เสร็จ แต่ก็กลายเป็นปราสาทที่ มีผู้คนพูดถึงศึกษาและทำ�ความเข้าใจกันอยู่จนถึงปัจจุบันผมหมายถึง The Castle อันเป็นชื่อของนวนิยายเรื่องสุดท้ายของฟรานซ์คาฟคา (FranzKafka) บุตรแห่งปรากผู้เคยทิ้งท้ายไว้บนถนนสายสั้นๆ ที่เรียก กันว่า ตรอกทองคำ�

|

ปรากตื่นแล้ว และจะไม่หลับอีกต่อไป

|

ทันใดทีป่ ระตูของเสรีภาพถูกเปิดออก สือ่ ต่างๆ ทัง้ วิทยุโทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ก็ตื่นจากการหลับใหลยาวนานกว่าสิบปี ข้อเขียนเกี่ยว กับสถานการณ์บ้านเมืองหลั่งไหลออกสู่สาธารณะท่ามกลางความหวังที่ จะเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบอบการปกครองที่ดีขึ้น แน่นอนว่ารัฐบาลรัสเซีย โดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงโดยปัญญาชนชาวเช็กและชาวสโล วัก เหตุการณ์ดังกล่าวเรียกว่าการตื่นขึ้นของกรุงปราก Prague Sping อันเป็นการลุกขึ้นสู้เพื่อลัมระบอบคอมมิวนิสต์เป็นครั้งแรกของโลกและ เป็นการตื่นขึ้นอย่างไม่มีวันหลับอีกต่อไปของชาวเชโกสโลวะเกีย 28


THE SUN STILL SHINES

แน่ น อนว่ า รั ฐ บาลรั ส เชี ย รวมถึ ง ผู้ นำ � อื่ น ๆ ของค่ า ย คอมมิ ว นิ ส ต์ ย่ อ มกั ง วลใจต่ อ สถานการณ์ ใ นเชโกสโลวะเกี ย แต่ดูบเชกยังคงยืนคราในจุดยืน ของเขาเดื อ นสิ ง หาคม 1968 กองทั พ กว่ า 5 แสนนายที่ นำ � โดยรั ส เซี ย และประเทศอื่ น ภาย ใต้ ส นธิ สั ญ ญาวอร์ ซ อจึ ง ได้ บุ ก เข้ายึดครองประเทศเชโกสโลวะ เกียด้วยข้ออ้างเพื่อป้องกันการ

ปฏิ วั ติ แ ละป้ อ งกั น การล้ ม ล้ า ง ระบอบคอมมิ ว นิ ส ต์ แ ม้ ว่ า การ เข้ายึดครองดังกล่าวจะไม่ได้รับ การต่อต้านจากกองทัพชโกสโล วะเกียแต่ประชาชนที่เพิ่งได้ ลิ้ม ลองรสชาติของเสรีภาพก็พากัน ออกมาเดิ นขบวนประท้ วง กั น ตามท้ อ งถนนในกรุ ง ปรากและ เมืองใหญ่ๆ ก่อนจะนำ�มา สู่การ ปราบปรามและการนองเลือด นำ� มาซึ่งการเสียชีวิตของประชาชน 29


THE SUN STILL SHINES

กว่า 100 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 500 คน หลังจากนั้นไม่นานนาย คูบเชคอ ก็ต้องออกจากตำ�แหน่งด้วยแรงกดดันจากรัสเซีย เพื่อให้ผู้นำ� คนใหม่ได้ดำ�เนินนโยบายที่รัสเซียเรียกว่ากระบวนการกลับคืนสู่สภาพ ปกติ(Normalization) วรรณกรรมที่บรรยายสถานการณ์ของเชโกสโลวะเกียในช่วง เวลาดังกล่าวได้ดีที่สุดคือ The Unbearable Lightinessof Being ผล งานชิ้นสำ�คัญของมิลาน คุนเดอรา (MilanKundera) นักเขียนเช็กผู้ มีบทบาทในกลุ่มนักเขียนผู้เป็นแกนนำ�การเคลื่อนไหวช่วงการตื่นขึ้น ของกรุงปราก ก่อนที่จะลี้ภัยการเมืองไปที่ฝรั่งเศสนับตั้งแต่ปี 1975 จนกระทั่งปัจจุบัน ข้อสังเกตส่วนตัวของผมจากการใช้เวลาตามร้าน หนังสือในกรุงปราก โดยเฉพาะในโซนท่องเที่ยว ซึ่งด้านหน้าจะเป็น ชั้นวางผลงานของนักเขียนชาวช็กที่มีชื่อเสียงทั้งที่เป็นภาษาเซ็กและ เยอรมันจริงๆผมก็แยกไม่ออกว่าอันไหนภาษาอะไรแต่ผมแทบจะไม่เห็น หนังสือของคุนเดอราถูกจัดวางอยู่ด้านหน้าเลย เมื่อเทียบกับชื่อเสียงที่ โด่งดังในระดับสากลของเขา ในขณะเดียวกันผมมีโอกาสคุยกับนักอ่าน ชาวเช็กสองคนที่ตอบเหมือนกันว่าไม่ชอบงานของคุนเดอรา และบอก ว่าคนเช็กไม่ค่อยชอบงานของเขา ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะคุนเดอรา เปลี่ยนไปใช้สัญชาติฝรั่งเศส และงานที่เขียนมาในช่วงหลังปี 1995 ก็ เขียนเป็นภาษาฝรั่งเศส ไม่ได้เขียนเป็นภาษาเช็ก และไม่ได้รับการแปล เป็นภาษาเช็ก แม้การตื่นขึ้นของกรุงปรากจะจบลงด้วยรอยเลือดและคราบ น้ำ�ตา แต่ประชาชนภายในประเทศก็ได้ตื่นขึ้นแล้วและมิอาจหลับใหล ในระบอบคอมมิวนิสต์ได้อีกต่อไปการเคลื่อนไหวใต้ดินของกลุ่มต่างๆ มีมากขึ้น 30


THE SUN STILL SHINES

ในขณะที่อีกฝากฝั่งหนึ่งของโลก ขบวนการบุปผาชนต่อต้าน สงครามเวียดนามกำ�ลังเบ่งบานที่สหรัฐอเมริกาข่าวคราวนี้เล็ดลอด ผ่านม่านเหล็กเข้ามา และได้กลายเป็นแรงกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่เริ่มเรียก ร้องเสรีภาพเช่นเดียวกันวงดนตรีที่มีบทบาทสำ�คัญต่อประวัติศาสตร์ เชโกสโลวะเกียที่สุดมีชื่อว่า The Plastic People of the Universe (PPU)ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี 1969 ท่ามกลางความคึกคักของวัฒนธรรม ใต้ดิน วงดนตรีดังกล่าวซึ่งนำ�โดยมิลาน ฮลาฟซา (MilanHlavsa โดด เด่นขึ้นมาในฐานะวงร็อกที่เอ่ยถึงเสรีภาพบ่อยครั้ง ในคอนเสิร์ตของ วงที่กรุงปรากเมื่อปี 1974 มีผู้เข้าชมถึงหมื่นคนซึ่งถือว่าสูงมากในยุค นั้นและหลายๆ ครั้งที่คอนเสิร็ตของวง PPU มีกวีขึ้นไปอ่านบทกวีเพื่อ ปลุกประโลมใจชาวเช็กให้มีความหวังต่อเสรีภาพในยุคที่รัฐบาลต้องการ ควบคุมทุกอย่าง การแสดงดนตรีต่อสาธารณะจำ�เป็นต้องได้รับอนุญาต จากรัฐบาลเสียก่อน ซึ่งวง PPU ยังไม่ได้แม้แต่ใบอนุญาตในการแสดง ดนตรีด้วยซ้ำ�ความนิยมในตัวพวกเขาทำ�ให้พวกเขากลายเป็นศัตรูของ รัฐบาล คอมมิสนิสต์ในปี 1976 รัฐบาลจับกุมตัวสมาชิกวง PPU ใน ข้อหาเป็นภัยต่อความสงบสุขของรัฐและถูกตัดสินจำ�คุก เป็นการสร้าง ความตื่นตระหนกให้กับนักเคลื่อนไหวจำ�นวนมากในเชโกสโลวะเกียและ เป็นเสมือน ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำ�ให้เหล่านักต่อสู้กล้าเปิดเผยตัวมากขึ้น ในเดือนมกราคม1977 เอกสารที่เรียกว่า Charter 77 ถูก ลงชื่อโดยกลุ่มนักเขียน นักดนตรี และนักเคลื่อนไหวเพื่อเสรีภาพมี เนื้อหาโจมตีรัฐบาลเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนซึ่งนำ�โดยวาชลาฟ ฮาเวล นอกจากการเผยแพร่ภายในประเทศแล้ว Chartr 77 ยังถูก แปลเป็นภาษาอื่นแล้วแอบส่งออกไปตีพิมพ์ยังสื่อสิ่งพิมพ์ชั้นนำ�ในต่าง ประเทศอีกด้วย 31


THE SUN STILL SHINES

u TS hird The

ย้ อ นรอยสงครามโลกครั ้ ง ที ่ ส อง

Berlin 32


THE SUN STILL SHINES

|

ชาวปรากสองด้าน นักท่องเที่ยวเจ็ดล้าน |

เวลาพูดถึงคนเยอรมันใน ประวั ติ ศ าสตร์ ค นในยุ ค ปั จ จุ บั น จำ � นวนมากก็ ต้ อ งนึ ก ถึ ง ภาพอ ดอล์ ฟ ฮิ ต เลอร์ กำ � ลั ง พู ด จา ฉะฉาน เกรี้ยวกราด ต่อหน้ากอง กำ�ลังทหารที่ยิ่งใหญ่ และฝูงชนที่ ใหร้องพร้อมกับยกแขนขวาไปข้าง หน้า อันเป็นอากัปกิริยาต้องห้าม ในปั จ จุ บั น ชายมี ห นวดผู้ ก ลาย เป็ น สั ญ ลั ก ษณ์ ข องปี ศ าจแห่ ง ศตวรษที่ 20 และผู้ที่นำ�ประเทศ เยอรมนีเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ สองกลายเป็นชาวเยอรมันที่โลก รู้จักมากที่สุด ชาวเยอรมันบอก ว่ า นี่ เ ป็ น ความอั บ อายของพวก เขาชาวเยอรมันที่ยิ่งใหญ่นั่นมีอยู่ มากมายในประวัติศาสตร์ ทั้งผู้ที่

ขึ้นชื่อว่าฉลาดที่สุดในหมู่มนุษย์ อย่ า งอั ล เบิ ร์ ต ไอน์ ส ไตน์ ( Abert Einstein) นักวิทยาศาสตร์ ชั้นนำ�เช่นอเล็กซานเดอร์ ฟอน ฮุ ม โบลด์ ท (Alexander von Humboldt) หรื อ มั ก ซ์ พ ลั ง ค์ (Max Planck) นักปรัชญาชื่อดัง อย่างฟรีดริช นีกเชอ(Friedrich Nietzsche) หรือฟรีดริช เฮเกล (Friedrich Hegel) ล้ ว นเป็ น ชาวเยอรมัน ทางด้านศิลปะ นัก ประพันธ์ดนตรียุคโรแมนติกอย่าง ริชาร์ด วากเนอร์ กวีชื่อดังโยฮันน์ วอล์ฟกังฟอน เกอเทอ (Johann Wolfgang von Goethe) หรือนัก เขียนรางวัลในเบลอย่างแฮร์มันน์ เฮสเซอ (Hermann Hesse) 33


THE SUN STILL SHINES

ต่างก็เป็นชาวเยอรมันศาสตร์ทุกสาขาวิชาล้วนมีชาวเยอรมันเข้าไปมี ส่วนร่วมในการคิดดันพัฒนาต่อยอดทั้งสิ้นมันจึงเป็นทั้งเรื่องน่าอับอาย และเป็นตลกขมขื่นเมื่อคนทั่วโลกกลับไปนึกถึงแต่ชายผู้เคยนำ�ความ วินาศมาสู่ประเทศเยอรมนีและทวีปยุโรป และที่ตลกร้ายยิ่งกว่าคือ แท้จริงแล้วฮิตเลอร์เป็นคนออสเตรีย! จากเดรสเดนผมนั่งรถไฟต่อมายังกรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงแห่ง สมาพันธรัฐเยอรมัน วันแรกผมตั้งใจจะไปทัวร์ตามรอยการขึ้นสู่อำ�นาจ ของอาณาจักรไรซ์ที่3โดยทัวร์ดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปยังสถานที่สำ�คัญที่ เกี่ยวข้องกับการขึ้นสู่อำ�นาจของฮิตเลอร์จนถึงจุดสิ้นสุดของพรรคนาชี

|

ทำ�ไมฮิตเลอร์ถึงได้ ‘ฮิต’

|

ทัวร์นี้เริ่มตันขึ้นที่รัฐสภาของเยอรมนี ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มตัน ของการขึ้นสู่อำ�นาจแบบเบ็ดเสร็จของฮิตเลอร์ตึกใหญ่ไตที่เห็นอยู่เบื้อง หน้าเคยถูกวางเพลิงเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 1933 และเหตุการณ์ดัง กล่าวกลายเป็นแรงสนับสนุนสำ�คัญให้มีการออกกฎหมาย Enabling Act of1933 ในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง กฎหมายนี้เองที่เปิดช่องให้มีการ แก้ไขรัฐธรมนูญของสาธารณรัฐไวมาร์เพื่อให้อำ�นาจแบบเบ็ดเสร็จแก่ นายกรัฐมนตรี (Chancellor) ซึ่งก็คือ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ให้สามารถ จัดการ”ภัยของชาติ’ที่กำ�ลังจะเกิดขึ้นได้อย่างเต็มที่ว่าแต่อะไรคือ ภัย ของชาติ ถ้ามองจากคนยุคปัจจุบัน ก็น่าจะเป็นฮิตเลอร์และพรรคนาซี นั่นแหละที่เป็นภัยของชาติและของมนุษยชาติ 34


THE SUN STILL SHINES

หากแต่ ไ ม่ ใ ช่ สิ่ ง ที่ อ ยู่ ภ ายในจิ ต ใจของประชาชนไวมาร์ ใ นยุ ค นั้นภัยของชาติสำ�หรับชาวเยอรมันยุคนั้นเป็นเรื่องอื่นที่จำ�เป็นต้องใช้ อำ�นาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเพื่อจัดการนักประวัติศาสตร์อธิบายว่า สงครามโลกครัง้ ทีห่ นึง่ และครัง้ ทีส่ องไม่สามารถแยกออกจากกันได้จริงๆ แล้วอาจถือเป็นมหาสงครามเดียวกัน เพียงแต่มีการเว้นช่วงหยุดรบไป ช่วงหนึ่ง ดังนั้น หากจะพูดถึงการมาของฮิตเลอร์และสงครามโลกครั้ง ที่สอง ก็ต้องย้อนไปถึงพูดถึงการพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซึ่ง เป็นการพ่ายแพ้โดยยังไม่มีศัตรูก้าวเท้าเข้ามาสู่ดินแดนของเยอรมนี เลยแม้แต่คนเดียว ด้วยเหตุนี้ประชาชนเยอรมันจำ�นวนมากจึงมองว่าการยอมแพ้ ไม่ใช่ทางเลือกเดียว และมิใช่สิ่งที่พึงกระทำ� กองทัพรวมถึงกลุ่มขวาจัด จึงโจมตีพวกนักการเมืองและนักการทูตว่าตัดสินใจยอมแพ้โดยพลการ และขี้ ข ลาดเกิ ด เป็ น ความขั ด แย้ ง ของรั ฐ สภาไวมาร์ กั บ กองทั พ และ ประชาชนแน่นอนว่าเมื่อกลายเป็นประเทศแพ้สงคราม เยอรมนีก็ต้อง จ่ายปฏิกรรมสงครามตามสนธิสัญญาแวร์ซาย (Treatyof Versailles) เป็นจำ�นวนมหาศาลซึ่งรัฐบาลไวมาร์ได้พยายาม เร่งรัดการจ่ายเงินดัง กล่าวโดยการพิมพ์เงินเพิ่มขึ้นมากมายจนนำ�มาสู่บทเรียนคลาสสิกของ วิชาเศรษฐศาสตร์มหภาคนั่นคือภาวะเงินเฟ้อในระดับสูงหรือที่เรียกว่า Hyerinfation

35


THE SUN STILL SHINES

Berlin

The

Fourth ความฝั น ใฝ่ ใ นใจฮิ ต เลอร์

36


THE SUN STILL SHINES

37


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.