Hayao miyazaki

Page 1

วอลต์ดสิ นียแ์ ห่งญี่ปุ่ น ฮายาโอะ มิยาซากิ (HAYAO MIYAZAKI)

“ วัยเด็กของ ฮายาโอะ มิยาซากิ แทบไม่ต่า งไปจากเด็กญี่ปุ่นอีกนับล้าน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ต้องยอมจ้ายอมเผชิญหน้ากับความรุนแรง เลือด และน้​้าตา อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เขาโชคดีอยู่บ้างที่ ใช้ชีวิตอยู่อย่างสบาย เพราะเป็นลูกชายคนกลางของครอบครัวเศรษฐีที่หากินอยู่กับการสร้างชิ้นส่วนปีก ของเครื่องบินรบ zero ที่ใช้ในสงคราม ความสุขสบายที่มิยาซากิได้รั บ ไม่เคยสร้างความกระอักกระอ่วนใจให้กับเขามาก่อน จนกระทั่ง ค.ศ. 1945 มิยาซากิในวัย 4 ขวบ ถูกหอบหิ้วขึ้นรถบรรทุกที่หามาด้วยอิทธิพลของลุง เพื่อหนีภัยสงคราม ไปพร้อมครอบครัว ในระหวางทาง พวกเขาขับรถผ่านผู้หญิงคนหนึ่งที่มิยาซากิคุ้นหน้าคุ้นตาในละแวกบ้าน ในอ้อมกอดของเธอมีลูกน้อยแนบอก เธออ้อนวอนขอขึ้นรถไปด้วย แต่ลุงกับพ่อของเขา... ไม่แม้แต่จะ ชะลอความเร็ว กลับเลือกที่จะมุ่งหน้าเอาตัวรอดไปอย่างไม่แยแส “ผมเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก...แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่กล้าเปิดปากถามท่าน ว่าท้าไมไม่หยุดรถรับผู้หญิงคน นั้นมาด้วย เพราะอย่างนี้ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ผมจึงบอกตัวเองว่า ผมจะท้าการ์ตูนให้เด็กๆดู แล้ว กล้าเอ่ยปากพูดในนาทีคับขันว่า พ่อแม่จ๋า กรุณาหยุดรถรับเด็กคนนั้นขึ้นมาด้วยเถอะจ้ะ เพื่อจะได้ไม่ ต้อง เสียใจไปชั่วชีวิตเหมือนผม “ฮายาโอะ มิยาซากิ อ้างถึงใน ธิดา ผลิตผลการพิมพ์,2540 : 30 ” ” ฮายาโอะ มิยาซากิ เกิดในปี 1941 ที่กรุงโตเกียว ทันทีที่ส้าเร็จการศึกษาในสาขารัฐศาสตร์และ เศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยกาคูชูอินในปี 1963 มิยาซากิก็เข้าท้างานที่บริษัทโทเอแอนิเมชั่น โดยเป็น เสมือนลูกศิษย์ของ อิซาโอะ ทากาฮาตะ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นสายอาชีพที่ผิดแผกไปจากความรู้ที่เล่าเรียนมา


โดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม มิยาซากิสนใจวรรณกรรมเยาวชนและอ่านหนังสือที่เขียนขึ้นเพื่อเด็กๆ จากทั่ว ทุกมุมโลกตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ที่ส้าคัญ เขายังช่้าชองการวาดลายเส้นเป็นอย่างมาก ช่วงที่ ท้างานเป็นนักวาดแอนิเมชั่น มิยาซากิได้เข้าไปมีส่วนร่วมสร้างสรรค์ซีรี่ส์ทางโทรทัศน์และภาพยนตร์ หลายๆ เรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะร่วมกันท้ากับทากาฮาตะ ส่วนผลงานทางด้านก้ากับก็เช่น ซีรี่ส์ทางโทรทัศน์ The Future Boy Conan ในปี 1978 และภาพยนตร์เรื่อง The Castle of Cagliostro ในปี 1979 กระทั่ง ช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 มิยาซากิจึงออกเดินทางไปหาศึกษาแอนิชั่นเพิ่มเติมที่ลอสแองเจลิสกับแอนิเมชั่น เรื่องดัง Nine Old Men ของ วอลท์ ดิสนีย์ สตูดิโอส์ จนได้รู้จักสนิทสนมกับเพื่อนที่ร่วมศึกษาด้วยกันครั้ง นั้น คือ จอห์น เลสเซเตอร์ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมสร้างสรรค์ของ พิกซาร์ แอนิเมชั่ น สตูดิโอส์ รวมทั้งเป็นผู้ ก้ากับแอนิเมชั่นเรื่องดังในสังกัดอย่าง Toy Story, A Bug’s Life และ Toy Story 2 ส่วนมิยาซากิในช่วง นั้นก็เขียนและวาดภาพประกอบมหากาพย์นิยายภาพเรื่องดัง NAUSICAÄ OF THE VALLEY OF THE WIND (มหาสงครามหุบเขาแห่งสายลม)

มิยาซากิร่วมก่อตั้งสตูดิโอจิบลิกับทากาฮากะในปี 1985 และจากวันนั้นจนถึงวันนี้มีผลงานก้ากับ ภาพยนตร์รวมทั้งสิ้น 8 เรื่อง หนังที่สร้างชื่อให้มิยาซากิที่สุดอย่าง Spirited Away ทุบสถิติบ็อกซ์ออฟฟิศ ของญี่ปุ่น และมีรายชื่อรางวัลต่างๆ ที่ได้รับยาวเป็นหางว่าว อย่างเช่ น รางวัล Golden Bear จากเทศกาล ภาพยนตร์ น านาชาติ ก รุง เบอร์ ลิ น ปี 2002 และรางวั ล ออสการ์ ส าขาแอนิ เ มชั่ น ยอดเยี่ ย มในปี 2003 นอกจากนี้ มิยาซากิยังมีชื่อเสียงโด่งดังเกี่ยวกับการสร้างภาพยนตร์เจาะกลุ่มผู้ชมที่เป็นเด็กๆ ภาพยนตร์ ของเขาเรื่อง Howl’s Moving Castle (ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์) ซึ่งสร้างจากวรรณกรรมของนักเขียน ชาวอังกฤษ ไดแอน วินน์ โจนส์ ได้รับรางวัล Osella จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเวนิสปี 2004 กระทั่ ง ในปี 2005 มิ ย าซากิ จึ ง ได้ รับ รางวั ล สิ ง โตทองค้ า สาขา Lifetime Achievement จากเทศกาล ภาพยนตร์ที่กรุงเวนิสอีกครั้ง ส่วนภาพยนตร์เรื่องล่าสุด PONYO ON THE CLIFF BY THE SEA เข้าฉาย ในญี่ปุ่นไปแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2008


ยิ่งไปกว่านี้ มิยาซากิยังตีพิมพ์ผลงานรวมเล่มกวีนิพนธ์ , ข้อเขียน และลายเส้นอีกหลายต่อหลาย เล่ม รวมทั้งเป็นผู้ออกแบบอาคารรูปทรงแปลกตาซึ่งได้รับเสียงชื่นชมล้นหลามอย่างพิพิธภัณฑ์จิบลิใน สวนสาธารณะอิโนะกาชิระที่เมืองมิตากะ กรุงโตเกียว นอกจากงานอนิเมชั่นแล้ว อ.มิยาซากิก็มีผลงานที่เป็นหนังสือการ์ตูนเหมือนกัน คือ Nausicaa โดย มิยาซากิ ก็ได้แต่งเรื่องนี้ไปพร้อมกับการท้าอนิเมชั่น โดย เริ่มเขียนปี 1982 กว่าจะเสร็จก็ปี1994 ส่วนเรื่อง อื่นๆ Hikoutei Jidai คือเรื่องล่าสุด ซึ่งมาจากอนิเมชั่นเรื่อง Kurenai no buta (1992) จุดเด่นในอนิเมชั่นของมิยาซากิ ก็คือ เป็นเรื่องราวการใช้ชีวิตของเด็กๆรวมถึงต้องมีฉากอ้างอิงถึง ธรรมชาติ สิ่งแว้ดล้อม และมลพิษที่เกิดจากการกระท้าของมนุษย์ หรือ ตัวละครหลักหลุดเข้าไปยังดินแดน มหัศจรรย์ และตัวละครหลัก1ใน2ตัว จะต้องเป็น จอมเวทย์หรือ มีอดีตที่ไม่ดี เป็นต้น

ฮายาโอะ มิยาซากิ (ญี่ปุ่น: 宮崎 駿 Miyazaki Hayao เกิด 5 มกราคม พ.ศ. 2484 ) เป็นนัก วาดมังงะ ผู้ก้ากับ และผู้สร้างอะนิเมะชาวญี่ปุ่น ที่มีผลงานที่มีชื่อเสียงหลายเรื่อง จากการคร่้าหวอดใน วิ ช าชี พ เป็ น เวลาเวลาราวห้ า ทศวรรษ มิ ย าซากิ ไ ด้ รั บ การยอมรั บ ในระดั บ นานาชาติ ว่ า เป็ น ผู้ ส ร้ า ง ภาพยนตร์อะนิเมะ ร่วมกับอิซาโอะ ทาคาฮาตะ ผู้ร่วมก่อตั้งสตูดิโอจิบลิ ความส้าเร็จของภาพยนตร์เหล่านี้ ท้าให้เขาได้รับการเปรียบเทียบกับวอลต์ ดิสนีย์ ซึ่งเป็นผู้สร้างแอนิเมชันชาวอเมริกัน กับ นิค พาร์ค ซึ่งเป็น ผู้สร้างแอนิเมชันชาวอังกฤษ รวมถึง โรเบิร์ต เซเม็กคิส ผู้บุกเบิกการสร้างแอนิเมชัน นิตยสารไทม์ ยกย่อง ว่าเขาเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่ง มิยาซากิเริ่มท้างานที่ โตเอแอนิเมชัน ในต้าแหน่งศิลปินคนกลาง ในการสร้างภาพยนตร์ Gulliver's Travels Beyond the Moon เขาได้เสนอความคิดที่เป็นฉากจบของเรื่องได้ในที่สุด มิยาซากิท้างานใน หลายหน้าที่ในวงการอะนิเมะชันราวสิบปีจนกระทั่งได้มีผลงานก้ากับภาพยนตร์เรื่องแรกคือ จอมโจรลูแปง ที่ 3 ตอนปราสาทของคาริออสโตร ซึ่งเผยแพร่ใน พ.ศ. 2522 หลังจากความส้าเร็จในภาพยนตร์เรื่องที่สอง


มหาสงครามหุบเขาแห่งสายลม เขาจึงร่วมก่อตั้งสตูดิโอจิบลิ ซึ่งก็ได้ผลิตผลงานภาพยนตร์ของเขาออกมา อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งถึงเรื่องโมะโนะโนะเกะฮิเมะ (Princess Mononoke) มิยาซากิจึงเกษียณอายุงาน ตัวเองไปชั่วคราว หลังจากการพักช่วงสั้นๆ มิยาซากิก็กลับมาก้ากับภาพยนตร์เรื่องเซ็น โทะ ชิฮิโระ โนะ คะมิกะกุชิ (Spirited Away) และผลิตภาพยนตร์ออกมาอีกอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาพยนตร์ของมิยะซะกิประสบความส้าเร็จในเชิงพาณิชย์และได้รับค้าชื่นชมจากนักวิจารณ์ ในญี่ปุ่นเป็นเวลายาวนาน เขาไม่เป็นที่รู้จักมากนักในโลกตะวันตกจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2540 มิราแมกซ์ได้ เผยแพร่ภาพยนตร์เรื่องโมะโนะโนะเกะฮิเมะของเขาออกไป โมะโนะโนะเกะฮิเมะเคยเป็นภาพยนตร์ที่ท้า รายได้สูงที่สุดในญี่ปุ่นแห่ง พ.ศ. 2540 จนกระทั่งไททานิคมาท้าลายสถิติลง โมะโนะโนะเกะฮิเมะยังเป็น ภาพยนตร์อะนิเมะเรื่องแรกที่ได้รับรางวัล Picture of the Year จาก เจแปนีส-อคาเดมีอะวอร์ด Spirited Away ภาพยนตร์เรื่องถัดไปของเขาท้าลายสถิติรายได้ของไททานิคในญี่ปุ่นลง และกวาดรางวัล พิกเจอร์ ออฟเดอะเยียร์ จาก เจแปนีส -อคาเดมี่อะวอร์ด และเป็นภาพยนตร์อะนิเมะเรื่องแรกที่ได้รับรางวัลออ สการ์ มิยาซากิยังมีผลงานภาพยนตร์อีกหลายเรื่องที่ได้รับการเสนอชื่อและได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย ภาพยนตร์ของมิยาซากิมักจะมีแก่นเรื่ องที่คล้า ยคลึงกัน เช่น ความสัมพัน ธ์ระหว่า งมนุษย์กั บ ธรรมชาติและเทคโนโลยี หรือ ความยากล้าบากในการด้ารงไว้ซึ่งจริยธรรมสันตินิยม ตัวละครเอกของเรื่อง มักจะเป็นเด็กหญิงที่ห้าวหาญและเป็นอิสระ สะท้อนถึงความคิดสตรีนิยมของมิยะซะกิ แนวคิดสังคมนิยม ของมิยะซะกิยังสะท้อนออกมาในภาพยนตร์ของเขาด้วย โดยเฉพาะภาพยนตร์เรื่องแรกๆ มิยาซากิเป็นคน ที่วิพ ากษ์ ทุนนิ ยมและโลกาภิวัต น์ อ ย่างเปิด เผยซึ่งอาจสั งเกตได้ จากงานภาพยนตร์ข องเขาเช่นกั น[3] ในขณะที่ภาพยนตร์สองเรื่องของเขา จอมโจรลูแปงที่ 3 ตอนปราสาทของคาริออสโตร และ ลาพิวต้า พลิก ต้านานเหนือเวหา น้าเสนอตัวร้ายตามแบบฉบับทั่วไป ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขา เช่น มหาสงครามหุบ เขาแห่ งสายลม หรือ Princess Mononoke มิ ได้น้าเสนอตั วร้ายที่เลวร้ายอย่ างชัด แจ้ง หากแต่มีข้อ ดี ข้อเสียที่หักล้างกันไป ภาพยนตร์ ผลงานส่วนใหญ่ของเขาประสบความส้าเร็จทั้งในด้านรายได้และค้าชื่นชมมาโดยตลอด ภาพยนตร์ ของมิยาซากิมักเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ท่ามกลางภาพที่ยิ่งใหญ่และงดงามของธรรมชาติ รวมถึง การมองโลกที่เต็มไปด้วยเรื่องเลวร้ายด้วยสายตาที่ดีที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะท้าได้ มิยาซากิเริ่มท้างาน กับสตูดิโอโตเอะ ในค.ศ. 1965 ซึ่งที่นี่เขาได้พบกับอิซาโอะ ทาคาฮาตะ (Isao Takahata) ซึ่งน้าไปสู่การ ก่อตั้งสตูดิโอจิบลิในช่วงต่อมา ภาพยนตร์เรื่องแรกที่เขาก้ากับคือ จอมโจรลูแปงที่ 3 ตอนปราสาทของคาริ ออสโตร (The Castle of Cagliostro) (1979) ผลงานชิ้นถัดมาท้าให้เขากลายเป็นที่รู้จักในวงการก็คือ เนาซิก้าแห่งหุบผาสายลม (Nausicaä of the Valley of Wind) ซึ่งสร้างมาจากนิยายภาพที่เขาเป็นผู้แต่ง ขึ้นเอง ความส้าเร็จและการได้รับการตอบรับของเนาซิก้า ท้าให้เขากับทาคาฮาตะได้ก่อตั้งสตูดิโอจิบลิ ขึ้นมาภายใต้การสนับสนุนด้านการเงินของกลุ่มสิ่งพิมพ์โทคุมะ ผลงานเรื่องต่อมาของมิยาซากิซึ่งถือเป็นเรื่องแรกกับสตูดิโอจิบลิอย่างเป็นทางการคือ ลาพิวตา: คาสเซิ ล อิ น เดอะสกาย (Laputa: Castle in the Sky) (1986) เป็ น เรื่ อ งราวเกี่ ย วกั บ การผจญภั ย ของ


เด็กชายหญิงคู่หนึ่งเพื่อตามหาปราสาทลอยฟ้าในต้านานลาพิวตา ได้รับการตอบรับจากผู้ชมไม่แพ้เนาซิก้า ความเปลี่ย นแปลงครั้ง ใหญ่ในแนวภาพยนตร์ข องมิ ยาซากิเกิด ขึ้น ใน โทนาริ โน โต๊ ะโตะโระ ( 1988) เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเด็กหญิงสองคนพี่น้องกับตัวโต๊ะโตะโระ ไม่มีการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นที่ผู้ชม คาดหวังไว้เหมือนภาพยนตร์สองเรื่องก่อนหน้า โดยเน้นถึงการผจญภัยของเด็กสองคน ในโลกแห่งใหม่ เน้นที่ความเรียบง่ายและน่าประทับใจของเรื่องราว ท้าให้เมื่อออกฉายครั้งแรกจึงไม่ประสบความส้าเร็จ เรื่องรายได้มากนัก แต่กลับได้รับค้าชมอย่างมากมายโดยเฉพาะจาก คุโรซะวะ อะกิระปรมาจารย์แห่ง วงการภาพยนตร์ญี่ปุ่นถึงกับยกย่องให้เป็น 1 ใน 100 ภาพยนตร์ที่เขาชื่นชอบ แต่อย่างไรก็ตามมิยาซากิก็ กลับมาประสบความส้าเร็จในแง่การตอบรับจากผู้ชมอีกครั้งด้วยภาพยนตร์ กิกิส์ดีลิเวอรีเซอร์วิส (Kiki's Delivery Service) เรื่องราวในช่วงเปลี่ยนผ่านจากเด็กหญิงสู่วัยรุ่นของแม่มดน้อยฝึกหัด ที่ต้องจากบ้าน มาเพื่อเรียนรู้ที่จะอยู่ในโลกกว้างด้วยตัวของเธอเอง ภาพยนตร์เรื่องถัดมาของมิยาซากิคือ พอร์โค รอสโซ (Porco Rosso) เรื่องราวของนักบินในยุค สงครามในยุโรป หลังจากที่ถูกสาปให้เป็นหมู พอร์โคได้กลายมาเป็นนักล่าโจรสลัด เนื้อเรื่องค่อนข้า งต่าง ออกไปจากภาพยนตร์เรื่องอื่นๆของเขา กล่าวคือ มิยาซากิยอมรับว่า พอร์โค รอสโซ คือ "หนังส่วนตัว" ของเขา ซึ่งสะท้อนถึง 2 สิ่งในความเป็นตัวมิยาซากิเองนั่นคือ ความหลงใหลในเครื่องบินโบราณ กับ หมู (มิยาซากิชอบวาดภาพล้อตนเองเป็นหมูเหมือนตัวเอกของหนัง พอร์โค รอสโซ) ความแตกต่างของเรื่องนี้ จากเรื่องอื่นๆก็คือตัวละครเอกไม่ได้เป็นเด็กผู้หญิงรวมถึงตัวหนังเองไม่น่าจะจัดประเภทให้เป็นภาพยนตร์ ส้าหรับเด็กได้ เมื่อ พอร์โค รอสโซออกฉายประสบความส้าเร็จเหนือความคาดหมายของตัวเขาเองด้วย ต่อมาปี ค.ศ. 1997 มิยาซากิก้ากับเรื่อง เจ้าหญิงโมะโนะโนะเกะ (Princess Mononoke) ภาพยนตร์ย้อน ยุคที่ฉีกแนวไปใช้ ในยุคมุโระมะจิ ยุคญี่ปุ่นโบราณ เป็นฉากหลังซึ่งต่างไปจากภาพยนตร์แอนิเมชันญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ที่นิยมให้ท้องเรื่องอยู่ในโลกอนาคต เจ้าหญิงโมะโนะโนะเกะประสบความส้าเร็จอย่างมากทั้งค้า ชมเชยและรายได้ รวมถึ ง กลายเป็ น ภาพยนตร์ ที่ ท้า รายได้ สู ง ที่ สุ ด ในประวั ติ ศ าสตร์ ญี่ ปุ่ น ในขณะนั้ น (ภายหลัง ไททานิค ได้ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งแทน) และส่งผลให้ชื่อของมิยาซากิกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นใน นานาประเทศ มิยาซากิเคยประกาศจะหยุดก้ากับภาพยนตร์ ก่อนจะเปลี่ยนใจมาก้ากับเรื่อง สปิริตเต็ดอเวย์ อัน เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่พลัดหลงเข้าไปในดินแดนประหลาดของ เทพเจ้า ภาพยนตร์เรื่อง นี้ ส ามารถท้ า ลายสถิ ติ รายได้ สู ง สุ ด ถึ ง 30.4 ล้ า ยเยน น้ า ไททานิ ค ได้ และได้ รั บ รางวั ล ออสการ์ ส าขา ภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยมในปี ค.ศ. 2002 ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาคือ ฮาวล์สมูฟวิงแคสเสิล จากบทประพันธ์ของ ไดแอนา ไวนน์ โจนส์ เป็นเรื่องของเด็กสาวคนหนึ่งที่ถูกสาปให้เป็นหญิงชราแล้วต้องออกเดินทางหาพ่อมดผู้เป็นเจ้าของปราสาท เดิน ได้ เพื่ อถอนค้าสาปให้ต น ฮาวล์ สมู ฟวิ งแคสเสิล ออกฉายในญี่ปุ่ นปลายปี ค.ศ. 2004 ซึ่ งก็ ประสบ ความส้าเร็จตามความคาดหมาย และจะน้าเข้าไปฉายในสหรัฐโดยดิสนีย์ในปี ค.ศ. 2005 หลังมิยาซากิ หยุดพักการท้างานแอนิเมชันอีกครั้ง เขาก็กลับมาสร้างผลงานชิ้นล่าสุด โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย ซึ่งท้า ให้สตูดิโอจิบลิกลับมาประสบความส้าเร็จอีกครั้ง หลังกระแสตอบรับที่ไม่ดีนักกับภาพยนตร์อะนิเมะที่ ก้ากับโดยบุตรชาย


มังงะ ชื่อของมิยาซากิมักถูกอ้างถึงในฐานะผู้ก้ากับภาพยนตร์แอนิเมชัน ทั้งที่จริงๆแล้วตัวเขาเองก็มี ผลงานนิยายภาพที่เป็นที่รู้จักไม่แพ้ภาพยนตร์ นั่นคือมังงะหรือนิ ยายภาพเรื่อง เนาซิก้าแห่งหุบผาสายลม มิยาซากิเขียนเรื่องนี้เป็นมังงะก่อน ขณะที่เขาไม่มีงานทางทีวีและภาพยนตร์ เมื่อ เนาซิก้าแห่งหุบผาสาย ลมตีพิมพ์ไปได้ประมาณ 1 ปีก็เริ่มเป็นที่นิยม ทางนิตยสารอะนิเมจ (Animage) จึงขอให้มิยาซากิน้ามาท้า เป็ น ภาพยนตร์ (ทั้ ง ๆที่ ก่ อ นหน้ านี้ เคยขอไว้ว่ า อย่ า ท้ าเรื่ องนี้ เป็น ภาพยนตร์ ) เมื่ อ ภาพยนตร์ อ อกฉาย (เนื้อหาอ้างอิงประมาณ เล่มที่ 1 และ 2 ของการ์ตูน) และประสบความส้าเร็จ จึงเป็นที่มาของการก่อตั้ง สตูดิโอจิบลิในเวลาต่อมา ระหว่างที่เขาก้ากับภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ มิยาซากิก็ยังเขียนเนาซิก้าอย่างต่อเนื่อง ใช้เวลาเกือบ 13 ปี กว่าที่เขาจะตัดสินใจจบการ์ตูนชุดนี้ลง ทั้งนั้นทั้งนี้เนื้อหาของเนาซิก้า ในฉบับการ์ตูน จะแตกต่างไปจากฉบับภาพยนตร์มาก ทั้งในแง่ความซับซ้อนของเรื่องและความคิดของผู้ประพันธ์เอง ถือ ได้ว่าเนาซิก้า ฉบับนิยายภาพ (7 เล่ม) เป็นงานที่มีสะท้อนตัวตนและความคิดของมิยาซากิได้มากที่สุด ขณะที่ผลงานมังงะเรื่องอื่นๆ (หรือจริงๆแล้วควรเรียกว่า "บทความภาพ" อาจเหมาะสมกว่า) ของ มิ ย าซากิ ก็ มี People of the Desert, Journey of Shuna(เป็ น ต้ น แบบของ Princess Momonoke), Daydream Data Note (การ์ตูนสั้นๆเกี่ยวกับเครื่องบิน, เรือรบ, รถถัง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเรื่อง "The Age of Seaplane" ที่เป็นต้นฉบับของ Porco Rosso), Tiger in the Mud, Returns of Huns, To My Sister (การ์ตูนสั้น 8 หน้าจบ) รวมถึงการเขียนภาพหน้าปกให้กับหนังสือวรรณกรรมต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีผลงานรวมเล่มภาพสตอรี่บอร์ดที่มิยาซากิเขียนไว้ตั้งแต่สมัยท้างานทีวีอยู่ด้วย


ผลงาน ผู้กากับภาพยนตร์, นักเขียนบทภาพยนตร์ และสตอรี่บอร์ด - Lupin III Part I อะนิเมะซีรีส์ 1971-1972 (with อิซาโอะ ทาคาฮาตะ) - Yuki's Sun ค.ศ. 1972 (Pilot film for a never-realized anime series) - Future Boy Conan อะนิเมะซีรีส์ ค.ศ. 1978 - The Castle of Cagliostro ภาพยนตร์ ค.ศ. 1979 - Lupin III Part II อะนิ เ มะซี รี ส์ 1980 (2 episodes in season 4 under the pseudonym Tsutomu Teruki) - Sherlock Hound อะนิเมะซีรีส์ 1984 ภาพยนตร์ในสังกัดสตูดิโอจิบลิ - Nausicaä of the Valley of the Wind ภาพยนตร์ ค.ศ. 1984 - ลาพิวต้า พลิกต้านานเหนือเวหา ภาพยนตร์ ค.ศ. 1986 - โทโทโร่เพื่อนรัก ภาพยนตร์ ค.ศ. 1988 - แม่มดน้อยกิกิ ภาพยนตร์ ค.ศ. 1989 - พอร์โค รอสโซ สลัดอากาศประจัญบาน ภาพยนตร์ ค.ศ. 1992 - Princess Mononoke ภาพยนตร์ ค.ศ. 1997 - Spirited Away ภาพยนตร์ ค.ศ. 2001 (ชนะรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม ค.ศ. 2002) - ฮะอุ รุ โนะ ยุ โ งะกุ ชิ โระ ภาพยนตร์ ค.ศ. 2004 (ได้ รั บ การเสนอเข้ า ชิ งรางวัล ออสการ์ สาขา ภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม ค.ศ. 2005) - โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย ภาพยนตร์ ค.ศ. 2008 ภาพยนตร์สั้น - "On Your Mark", 1995 music video for Chage and Aska - "The Whale Hunt", 2001 (Short film exclusive to the พิพิธภัณฑ์จิบลิ) - "Koro's Big Day Out", 2001 (Short film exclusive to the Ghibli Museum) - "Mei and the Kittenbus", 2002 (Short film exclusive to the Ghibli Museum) - "Imaginary Flying Machines", 2002 (Short film exclusive to the Ghibli Museum as a part of the exhibited material)


- "Ornithopter Story: Fly! Hiyodori Tengu Go!", 2002 (Short film exclusive to the Ghibli Museum as a part of the exhibited material) - "Monmon the Water Spider", 2006 (Short film exclusive to the Ghibli Museum) - "House-hunting", 2006 (Short film exclusive to the Ghibli Museum) - "The Day I Harvested A Planet", 2006 (Short film exclusive to the Ghibli Museum) - "Film Guruguru", (Short film exclusive to the Ghibli Museum as a part of the exhibited material) ผลงานอื่น - Hols: Prince of the Sun, 1968 film: Key animation, storyboards, scene design - Puss 'n Boots, 1969 film: Key animation, storyboards, design - Flying Phantom Ship, 1969 film: Key animation, storyboards, design - ( Animal Treasure Island どうぶつ宝島 Dōbutsu Takarajima) , 1 9 7 1 : Story consultant, key animation, storyboards, scene design - (Ali Baba and the Forty Thieves アリババと40匹の盗賊 Aribaba to Yonjūbiki no Tozuku ?) , 1971 film: Organizer, key animation, storyboards - Panda! Go, Panda!, 1972 short film: Concept, screenplay, storyboards, scene design, key animation - ( Panda! Go, Panda! and the Rainy-Day Circus パンダコパンダ 雨降りサ ーカスの巻 Panda Kopanda: Amefuri Sākasu no Maki ?) , 1 9 7 3 short film: Screenplay, storyboards, scene design, art design, key animation - Heidi, Girl of the Alps, 1974 anime series: Scene design, layout - 3000 Leagues in Search of Mother, 1976 anime series: Scene design, layout - Anne of Green Gables, Episodes 1-15, 1979 anime series: Scene design, layout - Pom Poko , Executive Producer, Story concept - Whisper of the Heart, 1 9 9 5 film: Screenwriter, storyboards, executive producer, sequence director - The Cat Returns, 2002 film: Executive Producer, Project Concept Designer - The Borrower Arrietty, 2 0 1 0 film: Executive Producer, screenwriter, animation planning supervisor - Kokurikozaka Kara, 2011 film: Planning, screenwriter


“หากภาพยนตร์เรื่องใดท้าให้คุณได้หัวเราะสักสองสามนาที ภาพยนตร์เรื่องนั้นย่อมมีความหมายกับคุณแล้ว…” (Hayao Miyasaki, 1995 cited in Toyama, 1996) “ผมสร้าง Spirited Away ส้าหรับทุกคนที่ก้าลัง 10 ขวบ… และส้าหรับทุกคนที่ เคย 10 ขวบ” (Miyasaki, Film “Spirited Away”) “แอนิเมชั่นขโมยหัวใจผมไปหมดแล้ว” (Hayao Miyasaki, 1999 cited in Ebert, 1999) เนื้อเรื่องย่อ ภาพยนตร์เรื่องยาวของ ฮายาโอะ มิยาซากิ

Lupin III : The Castle of Cagliostro (1979) ลูแปงที่ 3 จอมโจรชื่อดัง เขากับเพื่อน มือปืนจิเก็น และ นักดาบโกเอมอน ร่วมมือกันตามหาสมบัติทั่วโลก ลูแปงที่ 3 เป็น การ์ตูนที่โด่งดังในญี่ปุ่นดัดแปลงจากหนังสือการ์ตูนของ มังกี้พันช์ สร้างเป็นหนังทีวี 3 ชุด หนังโรง 5 เรื่อง มิยาซากิกับ ทากาฮาตะร่วมกันก้ากับการ์ ตูนทีวีชุดแรกในปี 1979 จากนั้นมิยาซากิก็ฉาย เดี่ยวโดยการเขียนบทและก้ากับภาพยนตร์ การ์ตูนเรื่องแรกในชีวิต Lupin III:The Castle of Cagliostro ซึ่งถูกยกย่องว่า เป็นการ์ตูนลูแปงที่ยอดเยี่ยมที่สุด ได้รับการโหวตให้เป็น อนิเมชั่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยผู้อ่านนิตยสาร Animage (อยู่ในต้าแหน่งนี้จนกระทั่ง Nausicaa ออกฉาย) ตัวละครหญิง"คลาริส"ก็ ได้รับการโหวตเป็น"The favorite heroine"(ซึ่งก็ถูกโค่นโดยเนาซิก้า อีกเช่นกัน)


Nausicaa of the Valley of Wind (1984) เรื่องของเจ้าหญิงจากประเทศเล็กๆหลังสงครามที่เรียกว่า"ไฟล้างโลกใน 7 วัน"ท่ามกลางโลกที่เต็ม ไปด้วยมลภาวะ เธอพยายามยับยั้งสงครามระหว่างเผ่าต่างๆ รวมทั้งการท้าลายป่าพิษที่เชื่อกันว่าก้าลังกัด กินโลกอย่างช้าๆ ผลงานก้ากับ,เขียนบท และ สตอรี่บอร์ดของมิยาซากิ สร้างจากการ์ตูน comic ของมิยา ซากิเอง(ลงเป็นตอนๆในนิตยสาร Animageตั้งแต่ปี1982เขียนติดต่อกันนาน 13 ปีภายหลังรวมเป็นเล่มได้ 7 เล่ม-ภาพยนตร์สร้างจากเนื้อหา ในเล่ม 1 และ 2)เป็นภาพยนตร์การ์ตูนที่ประสบความส้าเร็จทั้งรายได้ และค้าวิจารณ์ ในระหว่างนั้นมิยาซากิกับทากาฮาตะ ไม่ได้สังกัดที่ใด ทั้งคู่ตัดสินใจสร้างการ์ตูนเรื่องนี้กับ บริษัท Topcraft ซึ่งเจ้าของคือ โทรุ ฮาร่า เพื่อนของทั้งคู่(ภายหลังเป็นประธานคนแรกของสตูดิโอ Ghibli) ทีมงานของเรื่องนี้ต่อมามีบทบาทส้าคัญในวงการอนิเมชั่นญี่ปุ่นทั้งสิ้นในช่วงกลางยุค 80 นิวเวิลด์ พิคเจอร์ (US) เคยท้าเวอร์ชั่นที่พากษ์เสียงทับออกมาในชื่อ"Warriors of the Wind" รวมทั้งตัดต่อใหม่โดยไม่ได้รับ อนุญาติ พวกเขามองว่าหนังยาวไปส้าหรับเด็ก จึงตัดหนั งออกถึง 1 ใน 4!!!(พวกเขาตัด ส่วนที่คิดว่า"ช้า เกินไป"ออก)และเรียบเรียงช่วงเวลาในเรื่องใหม่ ชื่อ Nausicaa ถูกเปลี่ยนเป็น Zandra ดาราที่มาพากษ์ เสียงทับต่างบอกกันในภายหลังว่า พวกเขาไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร หลังจากที่มิยาซากิได้ดูเวอร์ชั่น นี้เขาบอกกับทุกคนว่ามันเป็นสิ่งที่เลวร้ายมากที่มีคนท้าต่อหนังเขาแบบนี้ และบอกให้ทุกคนลืมเวอร์ชั่นนี้ เสีย


Laputa : The Castle in the Sky (1986) พาสุ เด็กหนุ่มในเมืองเหมืองแร่ได้พบกับ ชีต้า เด็กสาวลึกลับที่ตกมาจากฟ้า พวกเขาหนีการตามล่า จากทั้งโจรสลัดและรัฐบาล ที่เชื่อว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับ ลาพิวต้า ปราสาทลอยฟ้าที่สาบสูญ มิยาซากิ ก้ากับ,เขียนบท และเขียนสตอรี่บอร์ดผลงานเรื่องนี้ที่ถือเป็นการเปิดตัว Studio Ghibli อย่างเป็นทางการ สร้าง จากเรื่องของมิยาซากิเอง โดยชื่อ ลาพิวต้านั้นน้ามาจากนิยายของ โจนาธาน สวิฟต์" Gullivers Travels"เริ่มแรกมิยาซากิ ตั้งใจจะท้าเรื่อง"เกาะลอยฟ้ามหาสมบัติ -Flying Treasure Island"และยืมชื่อ ลาพิวต้ามาจากหนังสือของ สวิฟต์ แต่ในที่สุดก็ใช้แค่ชื่อเท่านั้น (โครงเรื่องของ ลาพิวต้า ดัดแปลงจากโปร เจ็ค์ Nadia และ Conan) อนึ่งค้าว่า"Laputa"ในภาษาสเปนมีความหมายในทางที่ไม่ดีแปลว่า แพศยา หรือ หญิงแห่งนครโสเภณี เป็นที่รู้กันว่า สวิฟต์นั้นรู้ความหมายนี้อยู่แล้วตอนเขาตั้งชื่อนี้ แต่ไม่แน่ใจว่ามิยาซากิ นั้นรู้รึเปล่า อย่างไรก็ตามเขาสามารถเลี่ยงไปใช้ ชื่อ"Raputa"ได้ถ้าจ้าเป็น(เสียง L และ R ในภาษาญี่ปุ่นไม่ แตกต่างกัน)

My Neighbor Totoro (1988) เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเด็กหญิงพี่น้อง 2 คนกับวิญญาณผู้คุ้มครองป่า( โทโทโร่)ในชนบท ของญี่ปุ่น แม่ของพวกเธอ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนที่น้องสาวรู้ว่าแม่ของเธออาการไม่ดี จึงแอบหนี ไปเยี่ยม เมื่อทุกคนรู้ว่าเธอหายตัวไป ก็มี เพียงเหล่า โทโทโร่ เท่านั้นที่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน มิยาซากิ ก้ากับ ,เขียนบท และเขียนสตอรี่บอร์ดติดต่อกันเป็นเรื่องที่ 3 แต่เป็นเรื่องที่ 2 ของสตูดิโอ ออกฉายพร้อมกับเรื่อง Grave of the Fireflies (สุสานหิ่งห้อย) ของทากาฮาตะ


Kiki's Delivery Service (1989) ในวันเกิดครบ 13 ปี แม่มดน้อย กีกิ ต้องออกเดินทางเพื่อหาประสบการณ์ด้วยการไปใช้ชีวิตใน เมืองที่ไม่มีแม่มดอยู่ เป็นเวลา 1 ปี เธอและ จีจิ แมวสีด้าคู่หูต้องปรับตัวเข้ากับชีวิตและผู้คนที่แตกต่าง ออกไป ผลงานก้ า กั บ และเขี ย นบทโดยมิ ย าซากิ ดั ด แปลงจากหนั ง สื อ ส้ า หรั บ เด็ ก เรื่ อ ง" Majo no Takkyuubin"โดย คาโดโน เออิโกะ ประสบความส้าเร็จ อย่างสู งเมื่อครั้งออกฉายในญี่ ปุ่น เป็ นเรื่องที่ คาแรคเตอร์โดดเด่นกว่าเนื้อเรื่อง เน้นที่ความ เติบโตของแม่มดน้อยกีกิ ในเมืองสไตล์ยุโรปที่รวมเอา นาโป ลี,ลิสบอน,สต๊อกโฮล์ม,ปารีส และซานฟรานซิสโกไว้ด้วยกัน โดยช่วงเวลาในเรื่องคือยุค 50 และเป็นยุโรปที่ ไม่เคยเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2!

Porco Rosso (1992) เรื่องของนักบินขับไล่ชาวอิตาลี ที่ออกจากราชการมาเป็นนักล่าเงินรางวัล เพราะไม่พอใจลัทธิ ฟาสซิสต์ที่ก้าลังรุ่งเรือง ทั้งหมดนี้ลืมบอกไปว่าเขาคือ...หมู...แถมยังพูดได้ มิยาซากิก้ากับและเขียนบทจาก หนังสือการ์ตูนของเขาเองที่ชื่อ"Hikoutei Jidai"แรกเริ่มนั้นโปรเจ็คนี้เป็นการ์ตูน ยาว 30-45 นาทีที่สร้าง ให้กับ Japan Airlines ในคอนเซปต์"หนังส้าหรับนักธุรกิจที่เหนื่อยอ่อนจากการบินข้ามประเทศ สามารถ สนุกได้แม้ในขณะก้าลังมึนจากการขาดออกซิ เจน!"แต่ในขั้นตอนการสร้าง สิ่งที่มิยาซากิเพิ่มเข้ามาจากใน หนังสือ ท้าให้สตูดิโอตัดสินใจสร้างเป็นภาพยนตร์การ์ตูนเต็มรูปแบบ(อย่างไรก็ตามหนังก็มีฉายบนสายการ บิน JAL ด้วยท้าให้ข้อความที่ขึ้นในฉากเปิดเรื่องมีหลายภาษาพร้อมๆกัน) เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงปลายยุค 20 ในอิตาลีแถบทะเล อาเดรียติค ระหว่างอิตาลีและยูโกสลาเวีย(ในสมัยนั้น)เกาะที่ ปอร์โก้ อาศัยอยู่ เป็น เกาะแถบชายฝั่งโครเอเชีย(ปัจจุบัน)แรกเริ่มมิยาซากิอยากให้เรื่องเกิดที่เมือง Dovrok ในแคว้น โครเอเชีย แต่ก็เกิดสงครามกลางเมืองในยูโกสลาเวียขึ้นมาเสียก่อน เขาจึงต้องย้ ายเรื่องไปที่อิตาลีแทน(แต่ผลจาก สงคราม ก็ส่งให้เรื่องมีเนื้อหาจริงจังขึ้นมากกว่าจะเป็นแค่"การ์ตูนสนุกๆส้าหรับนักธุรกิจวัยกลางคนที่สมอง กลายเป็นเต้าหู้จากการท้างานหนัก!"ในความคิดแรก)


Princess Mononoke (1997) เรื่องราวการต่อสู้ระหว่างสัตว์เทพเจ้าแห่งป่าเขาและมนุษย์ในญี่ปุ่นยุคโบราณ,ระหว่างหญิงสาวที่ เติบโตจากการเลี้ยงดูของ หมาป่าที่ต่อสู้เคียงข้างสัตว์เทพเจ้า กับผู้น้าอาณาจักรผลิตเหล็กที่ต้องการ ท้าลายป่า เรื่องราวที่ตึงเครียดขึ้น รุนแรงขึ้น และ ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด มิยาซากิ ก้ากับและเขียนบท จากเรื่องของเขาเอง เป็นเรื่องที่ประสบความส้าเร็จสูงสุดในครั้งที่ออกฉายในญี่ปุ่น ท้าลายสถิติ รายได้ ตลอดกาลของญี่ปุ่นที่ E.T. เคยท้าไว้มานานกว่า 15 ปีลงได้(ต่อมาถูกท้าลายโดย Titanic และถูกท้าลาย ลงอีกครั้ง โดย Spirited Away การ์ตูนเรื่องล่าสุดของมิยาซากิ) - เป็นเรื่องแรกที่ออกฉายวงกว้างทั่วโลกโดยการจัดจ้าหน่าย ของดิสนีย์ และนี่คือสถิติอื่นๆที่การ์ตูน เรื่องนี้สร้างไว้ในช่วงเวลานั้น - เป็นอนิเมชั่นที่ใช้ทุนสร้างสูงสุดคือ 2.4 พันล้านเยน(ประมาณ 20 ล้านเหรียญ)อันดับรองลงมาคือ Akira ใช้ไป 1 พันล้านเยน ในเวลา 133 นาทีของหนังใช้แผ่นเซล (แผ่นใสที่ใช้ในการสร้างภาพอนิ เมชั่น)ไปทั้งสิ้น 144,000 แผ่น - ท้ารายได้มากกว่า 18.65 พันล้านเยนในญี่ปุ่น มีผู้ชมมากกว่า 13 ล้านคน - ท้ายอดขายวิดิโอสูงสุดตลอดกาลของญี่ปุ่นกว่า 4 ล้านชุด (เจ้าของสถิติเก่าคือ Aladdin)


Spirited Away (2001) เรื่องของ จิฮิโร่ เด็กหญิงวัย 10 ขวบที่หลงเข้าไปในโลกของเทพ โดยพ่อแม่ของเธอถูกค้าสาปให้ กลายเป็นหมู!เนื่องจากไปกินอาหารของเทพเข้า เธอเองก็สูญเสียชื่อ(หรือตัวตน)ให้กับแม่มดแห่งโรง อาบน้​้าเทพเจ้า การต่อสู้เพื่อตัวเธอเองและครอบครัวเพื่อที่จะกลับสู่โลกปกติจึงเริ่มขึ้น เป็นภาพยนตร์ การ์ตูนเรื่องที่ประสบความส้าเร็จสูงสุดของสตูดิโอ Ghibli ทั้งในญี่ปุ่นและระดับโลก คว้ารางวัลสูงสุดจาก เทศกาลหนังเบอร์ลิน 2001 และได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนต์การ์ตูนยอดเยี่ยมในปี 2003 ซึ่งถือ เป็น เหตุการณ์พลิกล๊อกครั้งหนึ่งในเวทีนี้เลยทีเดียว ส้าหรับผู้ที่ยังไม่ได้ดูในตอนนั้น ก้ากับและเขียนบทจากเรื่องของมิยาซากิเอง (แต่ไม่ได้เขียนสตอรีบอร์ดเหมือนเรื่องก่อนๆแล้ว) ปัจจุบันครองต้าแหน่ง หนังท้าเงินสูงสุดตลอดกาลของญี่ปุ่น (แชมป์เก่าคือ Titanic)

Howl's Moving Castle (2004) เป็นเรื่องราวของ โซฟี เด็กสาวที่ถูกแม่มดสาปให้กลายเป็นหญิงชรา เพราะไปท้าให้แม่มดโกรธ โซฟีเลยต้องออกจากบ้าน และได้ไปเป็นแม่บ้านในปราสาทเคลื่อนที่ของพ่อมดฮาวล์ ผู้ซึ่งถูกร่้าลือว่าชอบ สะสมหัวใจของเด็กผู้หญิง แต่หารู้ไม่ว่า พ่อมดฮาวล์เป็นคนดีชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่ก็เป็นคนเจ้าชู้ และ ชอบปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับตัวเองในแง่ลบ เพื่อความเป็นส่วนตัวของตัวเองโดยป้องกันไม่ให้ผู้คนมาให้ความ สนใจมากนัก ในขณะเดียวกัน โซฟีก็ต้องพยายามหาหนทางที่จะท้าให้เธอกลับไปเป็นร่างเดิม


แม้จะเคยประกาศวางมือเลิกท้าหนังมาแล้ว แต่สุดท้าย "ฮายาโอะ มิยาซากิ" (Hayao Miyazaki) ก็ยังหวนคืนสู่การก้ากับอนิเมชั่นอีกครั้ง อย่างไรก็ตามส้าหรับครั้งล่าสุดต้านานวัย 72 ปี ยืนยันว่าคงจะถึง เวลาของการวางมือจริงๆเสียที ฮายาโอะ มิยาซากิ ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ก้ากับ อนิเมชั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล คนหนึ่งของศิลปะภาพยนตร์แขนงนี้ ได้จัดแถลงเรื่องการวางมืออย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ (6 ก.ย. 2556) ที่ผ่านมา ว่าเขาอยากจะใช้เวลาในชีวิตไปท้าอย่างอื่นเสียที จากที่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการวาดรูป และท้าหนังให้เสร็จตามก้าหนดมาตลอด "ผมทราบว่าเคยพูดว่าจะเกษียณอายุไปหลายครั้ง หลายๆท่านก็คงคิดว่า 'อีกแล้วใช่ไหม' แต่คราว นี้ผมค่อนข้างจะจริงจังครับ" มิยาซากิ กล่าวในช่วงหนึ่งของการแถลงข่าวที่กินเวลาถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งเขาได้มี โอกาสพูดถึงเรื่องราวต่างๆมากมายในชีวิตของตัวเอง ตั้งแต่สงครามไปจนถึงอาหารอิตาลี ส้าหรับผลงานเรื่อ งล่าสุด The Wind Rises มิย าซากิ ได้ มีโอกาสกลั บมาเล่ าถึ งประวั ติศาสตร์ ในช่วงสงครามของญี่ปุ่นอีกครั้ง หลังเคยมีส่วนร่วมใน Grave of the Fireflies ที่เล่าถึงผลกระทบของ สงครามมาแล้ ว The Wind Rises ผลงานเรื่ องที่ 11 ซึ่ งจะถื อ ว่ า เป็ น หนั ง ที่ มิ ย าซากิ ก้ า กั บเองเรื่อ ง สุดท้าย เริ่มเรื่องด้วยภาพบ้านเมืองที่ลุกเป็นไฟ และเต็มไปด้วยซากปรักหักพังที่เกิดจากแผ่นดินไหวใน แถบคันโตเมื่อปี 1926 ก่อนเล่าถึงเหตุการณ์ในสงครามโลก โดยมีเนื้อหาดัดแปลงมาจากชีวิตของนัก ออกแบบเครื่องบินรบญี่ปุ่น ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มิยาซากิ แสดงออกถึงความชื่นชอบส่วนตัวต่อเทคโนโลยีการบินในหนังเรื่องนี้ และน้าเสนอ ภาพของเครื่ องบิ นที่ ถู ก บดขยี้ในสงครามแบบที่ เขาเกลี ยดชั ง เรื่ องราวใน The Wind Rises กล่าวถึ ง ความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจของตัวเอกนาม จิโร โฮริโคชิ ที่ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในสงคราม แต่ก็เป็นการ น้าเสนอที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจตัวละคร โดยเป็นภาพยนตร์ซึ่ง มิยาซากิ สร้างด้วยแรงบันดาลใจ ส่วนหนึ่งจากบิดาของเขาเอง ที่เคยท้าโรงงานสร้างชิ้นส่วนเครื่องบินในช่วงสงคราม แม้จะพยายามใช้ชีวิตแบบเงียบๆ ให้ผลงานพูดแทนตัวเองมาตลอด แต่ มิยาซากิ ก็เคยแสดง ความเห็นต่อประเด็นถกเถียงรุนแรงอยู่บ้าง อย่างเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เขาได้ออกปากต่อต้านความคิดของ นายทหารฝ่ายขวาคนส้าคัญของกองก้าลังป้องกันตนเอง ที่พยายามเคลื่ อนไหวผลักดันให้มีการแก้ไข รัฐธรรมนู ญในส่วนที่เกี่ ยวข้ องกั บบทบาทของกองทัพญี่ปุ่ น ซึ่ ง มิ ยาซากิ ไม่เห็นด้ วยและถึ งขั้น พูดว่ า ความคิดแบบนั้นช่าง "น่าขยะแขยง" จนเขาก็โดนกลุ่มอนุรักษ์นิยมในประเทศวิจารณ์เช่นเดียวกันว่าแสดง ความเห็นแบบ "ไม่มีความเป็นญี่ปุ่น" เลย จุดยืนต่อต้านสงครามของ มิยาซากิ เด่นชัดมาตลอด ร่วมถึงเมื่อ ครั้งที่เขาขอปฏิเสธไม่ไปร่วมงานออสการ์เพื่อรับรางวัลภาพยนตร์อนิเมชั่นยอดเยี่ยมของ Spirited Away ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาคงไม่สามารถร่วมงานเฉลิมฉลองในระหว่างที่เกิดเหตุการณ์อันน่าสลด ณ จุดหนึ่งของ โลกได้ ซึ่งเขาหมายถึงสงครามในอิรักนั่นเอง


REFERENCES  ฮะยะโอะ มิยะซะกิ [cited 2013 Sep. 15] Available from : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AE%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B0%E 0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%B0_%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0 %B8%B0%E0%B8%8B%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B4  ฮายาโอะ มิยาซากิ สุดยอดนักอนิเมเตอร์คนหนึ่งของโลก [cited 2013 Sep. 15] Available from http://www.tpa.or.th/jsociety/content.php?act=view&id=3040  รายละเอียดผลงานแต่ละเรื่องของฮายาโอะ มิยาซากิ และ Studio Ghibli [cited 2013 Sep. 15] Available from : http://www.kartoon-discovery.com/history/miyazaki_story.html  ฮายาโอะ มิยาซากิ นักฝันแห่งตะวันออก [cited 2013 Sep. 15] Available from : http://www.ilookatthesky.com/?p=220  ต้านานปิดฉาก ฮายาโอะ มิยาซากิ (Hayao Miyazaki) ย้​้าชัดคราวนี้วางมือถาวร [cited 2013 Sep. 15] Available from : http://www.blike.net/news/2013-09-09/42782%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0 %B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%89%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AE%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%AD%E 0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0 %B8%81%E0%B8%B4-hayao-miyazaki%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0 %B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9 %89%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%A D%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A3

RESEARCH BY นายธนวัฒน์ โยริยะ 562110042 ANIMATION


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.