เที่ยวเมืองน่าน โดย ป้าตุ๊ก
คาขวัญ จ.น่าน
ข้อมูลและประวัติอย่างย่อ น่านมีพื้นที่ ๑๑ , ๔๗๒ . ๐๗๒ ตารางกิโลเมตร หรือ ประมาณ ๗ ล้านไร่เศษ อยู่ ห่างจากกรุงเทพฯ ๖๖๘ กิโลเมตร เป็นเมืองชายแดนแห่งล้านนาตะวันออกอัน อุดมไปด้วยวัฒนธรรมที่หลอมรวมจากเทือกเขาสูงถึงพื้นราบ มีความเก่าแก่รุ่น เดียวกับกรุงสุโขทัย มีเจ้าผู้ครองนครสืบต่อกันมา รวมทั้งสิ้น ๖๔ พระองค์ น่าน เดิมมีชื่อว่า “ นันทบุรี ” หรือ “ วรนคร ” สร้างขึ้นโดยพระยาภคา ราวพุทธ ศตวรรษที่ ๑๘ บริเวณที่ราบตาบลศิลา-เพชร หรือ อาเภอปัวในปัจจุบัน ใน พ.ศ. ๑๙๐๒ พระยาการเมืองได้รับพระบรมสารีรกิ ธาตุจากกรุงสุโขทัย ทรงเลือกดอยภู เพียงแช่แห้ง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุพร้อมกับย้ายเมืองมา สร้างใหม่บริเวณเชิงดอย ต่อมาประมาณ พ.ศ. ๑๙๑๑ แม่น้าน่านได้เปลี่ยน ทิศทาง พระยาผากองราชบุตรพระยาการเมือง ได้ย้ายเมืองอีกครั้งมาตั้งที่บ้าน ห้วยไค้ ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้าน่าน ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองน่านปัจจุบัน
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่าน ตั้งอยู่ภายในบริเวณคุ้มของอดีตเจ้าผู้ครอง นครน่าน ที่เรียกว่า "หอคา" โดยเจ้าสุริยพงศ์ ผริตเดช เจ้าเมืองน่าน สร้างขึ้นเป็นที่ประทับ เมื่อ พ.ศ. 2446 กรมศิลปากรได้รับมอบ อาคารหอคาเพื่อใช้เป็นพิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติจังหวัดน่าน เมื่อปี พ.ศ. 2517 และ ได้นาโบราณวัตถุ ตลอดจนสิ่งที่น่าสนใจ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ศิลปะ โบราณคดี และ ชาติพันธุ์วิทยาประจาท้องถิ่น มาจัดแสดง
“งาช้างดา” ปูชนียวัตถุคู่เมืองน่าน ตามประวัติกล่าวไว้ว่า ได้มาจากเมืองเชียงตุง ตั้งแต่ครั้งโบราณ เมื่อเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้า ผู้ครองนครน่านองค์สุดท้ายถึงแก่พริ าลัย เจ้านาย บุตรหลานจึงมอบให้เป็นสมบัติของแผ่นดินพร้อม หอคอย
ลักษณะของงาช้างดานี้เป็นงาปลีเปลือกสีน้าตาลเข้า ขนาดความยาว 97 เซนติเมตร วัดโดยรอบ 47 เซนติเมตร มีน้าหนักประมาณ 18 กิโลกรัม ส่วนปลายมนมีจารึกอักษรธรรมล้านนา ภาษาไทยกากับไว้ว่า "กิ่งนี้หนักหนึ่งหมื่นห้าพัน" หรือประมาณ 18 กิโลกรัม
วัดภูมินทร์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2319 โดยเจ้าเจตบุตร พรหมมินทร์ พระอุโบสถและพระวิหารสร้าง เป็นอาคารหลังเดียวกัน เป็นทรงจตุรมุข (กรม ศิลปากรได้สันนิษฐานว่าเป็นอุโบสถจตุรมุข หลังแรกของประเทศไทย) ประตูไม้ทั้งสี่ทิศ แกะสลักลวดลายงดงาม ภายในวิหารมี จิตรกรรมฝาผนังมากมายแสดงถึงวิถีชีวิตและ ความเป็นอยู่ของชาวน่านในสมัยอดีตที่ควร อนุรักษ์ไว้อย่างยิ่ง
พระบรมธาตุแช่แห้ง จากพงศาวดารเมืองน่านกล่าวว่า พระยาการเมือง เจ้านครน่านได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจาก กรุง สุโขทัย มาประดิษฐานไว้ที่ดอยภูเพียงแช่แห้ง และ ตามตานานกล่าวว่า พระพุทธเจ้าได้เพสด็จมาประทับ สรงน้าที่ริมฝั่ง แม่น้าน่านทางทิศตะวันออก ที่บ้าน ห้วยไค้ และเสวยผลสมอแห้ง ซึ่งพระยามลราชนามา ถวาย แต่ผลสมอนั้นแห้งมาก พระพุทธเจ้าจึงทรงนา ผลสมอนั้นไปแช่น้าก่อนเสวย และทรงพยากรณ์ว่า ต่อไปที่นี่จะมีผู้นาพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐาน จึงเรียกพระสถูปที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุแห่ง นี้ว่า พระธาตุแช่แห้ง
อุทยานแห่งชาติดอยภูคา อยู่ห่างจากจังหวัดน่าน ประมาณ 85 กม. ตามทาง หลวงหมายเลข 1080 สายน่าน-ปัว ระยะทาง ประมาณ 60 กม. อยู่สูงจากระดับน้าทะเล 1,980 เมตร หรือประมาณ 5,300 ฟุต ลักษณะพื้นที่เป็น ภูเขาสูงชัน สลับซับซ้อนสวยงามมาก มีสภาพป่าดิบ เขา ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าสน ป่าเต็งรัง ป่าเบญจ พรรณป่าปาล์มดงดิบ อันอุดมสมบูรณ์ มีถ้า น้าตก และทิวทัศน์ สิ่งที่น่าสนใจในอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ที่สาคัญ คือ ต้นชมพูภูคา ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ที่หายากที่สุด พันธุ์หนึ่ง
อ.บ่อเกลือ อาเภอบ่อเกลือตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ จังหวัดน่านเป็นพื้นที่บนยอดเขาสูงเสียดเมฆเป็น แหล่งเกลือขนาดใหญ่ ส่งเป็นสินค้าออกในภาคเหนือ และแลกเปลี่ยนกับสินค้าที่ชุมชนผลิตไม่ได้ ในอดีต ท้าวพญาในเค้าสนามหลวงได้รับส่วนแบ่งจากส่วย เกลือ นอกจากค่าธรรมเนียม และค่าปรับอื่น ๆ ปัจจุบันชาวบ้านยังคงต้มเกลือด้วยวิธีแบบดั้งเดิม โดย ตักน้าเกลือจากบ่อส่งผ่านมาตามลาไม้ไผ่สู่บ่อพัก ก่อน จะนาน้าเกลือมาต้มในกะทะใบบัวขนาดใหญ่เคี่ยวจน น้างวดแห้ง ใส่ถุงวางขายกันหน้าบ้าน เกลือเมืองน่าน ไม่มีไอโอดีนเหมือนเกลือทะเลจึงต้องมีการเติมสาร ไอโอดีน
อนุสรณ์สถาน ยุทธภูมิบ้านห้วยโก๋นเก่า เดิมเคยเป็นฐานปฏิบัติการของกองพันทหารราบที่ ๓ ในบริเวณฐานปฏิบัติการยังคงรักษาสภาพเดิมไว้มีสนามเพลาะ แนว กับระเบิด คลังอาวุธ และจุดที่ทหารไทยเสียชีวิตเป็นสมรภูมิการสู้รบ ในอดีต เมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๑๘ ผกค. ได้เข้าโจมตี ฝ่ายทหารใน สังกัดทหารราบที่ ๒๑ รักษาพระองค์ ที่ปฏิบัติหน้าที่ ณ ฐานแห่งนี้ สามารถรักษาฐานปฏิบัติการแห่งนี้ไว้ได้ ปัจจุบันได้ปรับปรุงเป็น สถานที่ท่องเที่ยว มีตลาดชายแดนบ้านห้วยโก๋น อยู่บริเวณด่านผ่าน แดนบ้านห้วยโก๋น ด่านตรงข้ามคือเมืองน้าเงิน แขวงไชยะบุรี สปป. ลาว
ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จฯทรงเยี่ยมราษฏร และพื้นที่ตาบลภูฟ้า อ.บ่อเกลือ จ.น่าน เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2542 พระองค์ทรงเล็งเห็นถึงความจาเป็น อย่างยิ่งที่จะต้องอนุรักษ์และฟื้นฟูที่ป่าอย่างเป็นระบบ โดยให้หน่วยงานทาการศึกษาทดลองก่อน เมื่อได้ผล แล้วจึงถ่ายทอดให้ราษฏรนาไปใช้ อีกประการหนึ่งที่ พระองค์ทรงต้องการให้มมี แหล่งเรียนรู้ ศึกษา สาหรับ เด็กและเยาวชนเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมในสภาพที่เป็นจริง จึงโปรดเกล้าให้จัดตั้ง "ศูนย์ศึกษาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภูฟ้า" หรือ "ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา"
แหล่งที่มา http://www.rd.go.th/nan http://www.oceansmile.com
http://www.forest.go.th