หนวยที่ 14 ชื่อเรื่อง กรรมวิธีการตกแตงผิวชิ้นงาน (Metallic coating) หัวขอเรื่องยอย 14.1 การชุบดวยไฟฟา 14.2 วิธีอะโนไดซ (Anodizing) 14.3 วิธีพารคเคอรไรซ (Parkerizing) 14.4 การทําใหผิวแข็ง 14.5 การเคลือบชิ้นงานดวยน้ํายาแกว 14.6 การรมดํา 14.7 การเคลือบผิวดวยพลาสติก 14.8 การขัด 14.9 การอาบน้ํามัน 14.10 การทาสี จุดประสงคเชิงพฤติกรรม 1. อธิบายกรรมวิธีการตกแตงผิวชิ้นงานได 2. อธิบายการชุบดวยไฟฟาได 3. อธิบายวิธีอะโนไดซ (Anodizing) และวิธีพารคเคอรไรซ (Parkerizing) ได 4. อธิบายการทําใหผิวแข็งการเคลือบชิ้นงานดวยน้ํายาแกวได 5. อธิบายการรมดําและการเคลือบผิวดวยพลาสติกได 6. อธิบายการขัดและการอาบน้ํามันได 7. อธิบายการทาสีได 8. นักเรียนสามารถทํางานกลุมได
238
กิจกรรมหลัก 1. ครูนําเขาสูบทเรียน 2. นักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน 3. นักเรียนศึกษาเนื้อหาจากเอกสารประกอบการสอน - แบงกลุมนักเรียนกลุมละ 4-5 คน - ศึกษาเนื้อหาสาระการเรียน - อภิปรายหนาชั้นเรียน - ใบสั่งานที่ 8 - ครูสรุปเนื้อหาสาระการเรียนประจําหนวย 4. นักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน 5. ครูและนักเรียนตรวจแบบทดสอบ
239
กรรมวิธีการตกแตงผิวของชิ้นงาน (Metallic coating) กรรมวิธีการตกแตงผิวของชิ้นงาน เปนสิ่งจําเปนและยอมรับในวงการอุตสาหกรรมปจจุบัน เปนอยางยิ่ง ซึง่ มีประโยชนคือเพื่อความสวยงามของชิ้นงานเพิ่มคุณคาใหกบั ชิ้นงาน นอกจากนั้น ยังชวยในการปองกันการกัดกรอน ทําใหชิ้นงานมีความทนทานตอสภาพการใชงานยาวนานยิ่งขึ้น กรรมวิธีการตกแตงผิวของชิ้นงานนั้นมีหลายวิธีการดวยกัน ดังตัวอยางตอไปนี้ 14.1 การชุบดวยไฟฟา (Electroplating) กรรมวิธีนี้เปนการเคลือบผิวชิ้นงานดวยโลหะอื่น เชน โครเมียม นิกเกิล ทองแดง เงิน สังกะสี ทอง ดีบุก เปนตน โดยการใชกระบวนการทางไฟฟาเพื่อทําใหผิวชิ้นงานสวยงามทนตอการ กัดกรอนและมีความแข็งแรงตามชนิดของโลหะที่นํามาเคลือบผิว วิธีการทําลําดับแรกนําชิ้นงานที่ตองการชุบทําความสะอาดใหเรียบรอย แขวนลงในถังชุบที่มี น้ํายาอิเล็กโทรไลท (Electrolyte) โดยใหอยูในขั้วลบ (Cathode) จากนั้นนําแทงโลหะบริสุทธิ์ ที่ตองการใหเคลือบผิวชิ้นงานแขวนอยูในขั้วบวก (Anode) แลวเปดกระแสไฟฟาตรง (DC Current) ขนาด 6-24 โวลท แทงโลหะบริสุทธิ์จากขั้วบวกก็จะละลายในรูปของอะตอมที่มีประจุไฟฟาวิ่งไป เกาะผิวชิ้นงาน ความหนาของผิวเคลือบจะหนามากหรือนอยขึ้นอยูกับความเขมของกระแสไฟฟา อุณหภูมิของน้ํายาอิเล็กโทรไลท ความสะอาดของชิ้นงานและคุณสมบัติของชิ้นงานเปนสําคัญ
ตัวลอ
ชิ้นงาน
อิออนบวก
อิออนบวก
อิออนลบ
อิออนลบ
ตัวลอหรือโลหะบริสุทธิ์ น้ํายาอิเล็กโทรไลท
รูปที่ 14.1 การชุบดวยไฟฟา
240
ตัวอยางการชุบเคลือบผิว ซึ่งมีหลักการเชนเดียวกับการชุบดวยไฟฟา เชน การชุบดวยสังกะสี (Galvanizing) เปนวิธีการที่ใชสําหรับชุบเหล็กแผนคารบอนต่ํา เชน แผนเหล็กสังกะสี เสาหอสูง แผนปายจราจร เปนตน การชุบดวยดีบุก (Tin coating) เปนวิธีการที่ใชสําหรับชุบเหล็กแผนบางเพื่อนํามาทํากระปอง บรรจุอาหารและเครื่องดื่ม การชุบโครเมียม (Chrome plating) เปนวิธกี ารชุบผิวโลหะเพื่อประโยชนของชิ้นงานทําให ผิวชิ้นงานทนตอการกัดกรอน ทนตอการขีดขวน เพราะโครเมียมมีคุณสมบัติแข็งแรงและทนตอ การกัดกรอนไดดี และการชุบเคลือบผิวชิ้นงานใหมีความหนาเพียงแค 0.05 มม. ก็เหมาะสมกับการ ใชงานไดแลว 14.2 วิธีอะโนไดช (Anodizing) เปนวิธีการชุบเคลือบผิวอะลูมิเนียม โดยการนําชิ้นงานอะลูมิเนียมมาแขวนที่ขั้วบวกและใช แทงตะกั่วเปนขั้วลบ สําหรับน้ํายาอิเล็กโทรไลทจะเปนกรดกํามะถันเจือจาง กรดออกชะลิก (Oxalic) หรือกรดโครมิก แลวปลอยกระแสไฟฟาเขาไประยะเวลาหนึ่งก็จะทําใหผิวชิ้นงานเปลี่ยนเปน อลูมิเนียมออกไซดคือเปนแผนฟลมบางๆ ปกคลุมและมีรูพรุนเล็กๆ จากนั้นทําใหชิ้นงานแหงและ นําไปพนสีหรือยอมสี สําหรับรูพรุนเล็กๆ จะทําใหสีติดแนนมากขึ้น วิธีการนี้ทําใหชิ้นงานอลูมิเนียมออกไซดทนตอการกัดกรอน มีความแข็งกวาเนื้ออะลูมิเนียม ที่อยูภายในและเปนตัวนําไฟฟา สําหรับการปองกันการกัดกรอนของโลหะที่ใชงานในความรอนสูงๆ เชน เตาเผา เตากลั่น น้ํามันและอุปกรณเตาเผาโลหะ ก็จะใชฟลมของอะลูมิเนียมออกไซดปกคลุมผิวโลหะซึ่งวิธีการนี้ เรียกวา เคโลไลช (Calorizing) แทงตะกั่ว (ขั้วลบ)
หมอแปลงไฟฟา น้ํายาอิเล็กโทรไลท
ชิ้นงานอะลูมิเนียม (ขั้วบวก)
รูปที่ 14.2 แสดงวิธีอะโนไดช
241
ปนโต
ชิ้นสวนเครื่องกล
รูปที่ 14.3 ตัวอยางชิ้นงานดวยวิธีอะโนไดช 14.3 วิธีพารคเคอรไรซ (Parkerizing) เปนวิธีการชุบเคลือบผิวโลหะดวยน้ํายาฟอสเฟต (Phosphate coating) วิธีการทําโดยการนํา ชิ้นงานจุมลงในน้ํายาฟอสเฟตที่มีสวนผสมของกรดฟอสเฟต แมงกานีส หรือฟอสเฟต ที่ความรอน อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียสทิ้งไวนานประมาณ 45 นาที ก็จะทําใหเกิดปฏิกิริยาทีผ่ ิวโลหะและโลหะ จะเปลี่ยนเปนฟลมสีเทาดํา และมีรูพรุนเล็กๆสามารถปองกันการกัดกรอนไดในระยะเวลาสั้นๆ ดังนั้นเวลานําชิ้นงานไปใชงาน จึงจําเปนจะตองทาสีเพิ่มเติม เพื่อประโยชนตอการใชงานได ยาวนานขึ้น เชน ฝาตูเย็น ตูโลหะตางๆ เปนตน น้ํายาฟอสเฟต(ทีอ่ ุณหภูมิ 90 องศาเชลเซียส) ชิ้นงาน(ทิ้งไว45นาที)
รูปที่ 14.4 ภาพแสดงวิธีพารคเคอรไรซ (Parkerizing)
ฝาตูเย็น
ตูโลหะ
รูปที่14.5 ตัวอยางชิ้นงานดวยวิธีพารคเคอรไรช
242 14.4 การทําใหผิวแข็ง (Hard surfacing) เปนการชุบแข็งเฉพาะบริเวณผิวหนาชิ้นงานเทานั้น สวนเนื้อโลหะภายในใตผิวชิ้นงานจนถึง ใจกลางยังคงสภาพเดิม เพื่อประโยชนทําใหผิวชิ้นงานทนตอการกัดกรอน ทนแรงบิด หรือ กระแทกอยางรุนแรงไดโดยไมแตกหรือหัก เชน ขอเหวี่ยง เพลา เฟอง รางเลื่อนของเครื่องจักรกล หรือเครื่องมือวัดและตรวจสอบ การทําให ผิวชิ้นงานแข็งสามารถทําไดหลายวิธี ดังนี้ 14.4.1 การชุบโลหะ (Heat treatment) มีวิธีตางๆ ดังนี้ 1) วิธีเหนี่ยวนําไฟฟา (Induction hardening) วิธีการนีเ้ ปนการใหความรอนกับชิ้นงาน ดวยไฟฟา จากนั้นก็นําชิ้นงานจุมลงในสารตัวกลางอยางรวดเร็ว ชิ้นงาน ขดลวดไฟฟา กระแสไฟ ความถี่สูง ฝกบัว
น้ํา
รูปที่ 14.6 การชุบแข็งดวยวิธีเหนี่ยวนําไฟฟา 2) การชุบดวยเปลวไฟ (Flame hardening) วิธีการนี้เปนการใหความรอนกับชิ้นงานดวย เปลวไฟจากนั้นก็นําชิ้นงานจุมลงในสารตัวกลางอยางรวดเร็ว ออกชิเจน แกสเชื้อเพลิง
น้ําเขา
เปลวไฟ ฝกบัว งาน
รูปที่ 14.7 การชุบแข็งดวยเปลวไฟ ที่มา:ประเวศ,กรรมวิธีการผลิต,หนา 218
243
3) วิธีทําผิวแข็งพิเศษ (Special case-hardening) วิธีการนี้เปนการใหความรอนกับชิ้นงาน ที่ใสไวภายในกลองเหล็กที่บรรจุของเหลวหรือแกสไนโตรเจนหรือคารบอน 4) วิธีเติมคารบอน (Carburizing) วิธีการนี้เปนการใหความรอนกับชิ้นงานที่ใสไวภายใน กลองเหล็กที่บรรจุธาตุคารบอนที่เปนของแข็ง ของเหลวหรือแกส 14.4.2 การเคลือบโลหะดวยไฟฟา (Metal plating) วิธีการนี้เปนการชุบดวยไฟฟา เพื่อ ตองการเคลือบผิวชิ้นงานใหมีความแข็งมากขึ้น เชน การเคลือบโครเมียมหรือวัสดุที่มีความแข็งกวา 14.4.3 การพนโลหะ (Metal spray) วิธีการนี้เปนการใชหัวยิงโลหะที่หลอมละลายใหไปติด บนชิ้นงาน 14.4.4 กระบวนการเชื่อม (Welding process) วิธีการนี้เปนการเพิ่มความหนาใหกับชิ้นงาน ที่ตองการทําใหผิวแข็งดวยการใชลวดเชื่อมที่แข็งกวาเชื่อมทับลงไปบนชิ้นงาน เชน เหล็กคารบอน สูง หรือโลหะผสมจะเชื่อมแบบทับกันดวยวัสดุที่แข็งกวา เชน โครเมียม หรือแมงกานีส เปนตน แตถาเปนโลหะทีไ่ มใชเหล็กจะใชวัสดุโคบอลต แมงกานีส หรือ ทังสเตน 14.5 การเคลือบชิ้นงานดวยน้ํายาแกว (Glass enameling) วิธีการทําเริ่มตนดวยการทําความสะอาดผิวชิ้นงานใหปราศจากไขมัน ดวยวิธีการใชเปลวไฟ หรืออบไลความชื้นและไขมัน จากนั้นนําชิ้นงานจุมลงในกรดเพื่อกัดผิวชิ้นงานใหสะอาดแลวปลอย ใหชิ้นงานแหง แลวนําชิ้นงานไปจุม พน หรือ ทาดวยน้ํายาแกว แลวนําชิ้นงานไปอบดวยความรอน ประมาณ 600-900 องศาเซลเซียส น้ํายาแกวจะแข็งตัวเคลือบติดชิ้นงาน การเคลือบชิ้นงานดวยน้ํายาแกว สวนมากนิยมใชเคลือบภาชนะตางๆ เชน ถวย อาง ปนโต ที่ทําจากแผนเหล็ก ภาชนะที่เคลือบน้ํายาแกวแลวจะมีความใสเหมือนแกว มีคุณสมบัติทนตอความ รอนและทนตอปฏิกิริยาเคมีตางๆไดดี แตก็มีขอเสีย คือ เปราะ
ถวย
กระปุกแกว
รูปที่ 14.8 ตัวอยางชิ้นงานการเคลือบชิ้นงานดวยน้ํายาแกว
244
14.6 การรมดํา (Metal blackening) วิธีการทํารมดําเริ่มตนดวยการทําความสะอาดชิ้นงาน ดวยวิธีการขัดผิว หรือการพนทราย จากนั้นนําชิ้นงานจุมลงในสารละลายของโซเดียมไฮดรอกไซด (โซดาไฟ) หรือโซเดียมคารบอน เนต (โซดาแอช) แลวนําชิ้นงานมาตมในน้ําเดือดและลางในน้ําสะอาดและทําใหแหง วิธีการนี้นิยมใชกับชิ้นงานที่มีราคาแพงและมีคุณคา เชน เหรียญที่ระลึก อาวุธปน ชิ้นงาน ที่ผานการรมดําแลวจะมีสีดําคล้ําเพราะเกิดเปนฟลมดําบางๆ ปกคลุมผิวชิ้นงานไว เพื่อเปนการ ปองกันผิวเหล็กมิใหถูกการกัดกรอนไดงาย
อาวุธปน
เหรียญพระ
รูปที่ 14.9 ตัวอยางชิ้นงานรมดํา 14.7 การเคลือบผิวดวยพลาสติก (Plastic coating) วิธีการทําเริ่มตนดวยการทําความสะอาดชิ้นงานใหปราศจากไขมันหรือสนิม จากนั้นก็นํา ชิ้นงานไปอบที่อุณหภูมิ 400 องศาเซลเซียส แลวนําชิ้นงานเขาถังเคลือบพลาสติกที่มีเม็ดพลาสติก อยูแลวใชลมเปาเม็ดพลาสติก เพื่อใหเม็ดพลาสติกติดผิวชิ้นงานพรอมกับกําหนดเวลาในการแช ชิ้นงานในถังเคลือบ เพื่อใหไดความหนาพลาสติกตามที่ตองการ ความหนาของพลาสติกที่ พอเหมาะจะอยูประมาณ 0.8-1.2 มม. จากนั้นนําชิ้นงานออกจากถังเคลือบและนําไปอบที่อุณหภูมิ 300 องศาเซลเซียส เพื่อทําใหพลาสติกเคลือบผิวเปนไปอยางสม่ําเสมอตลอดชิ้นงาน
245
ชิ้นงาน
ใหความรอนชิ้นงาน
ชุบชิ้นงานถังพลาสติก
อบชิ้นงาน
รูปที่ 14.10 แสดงขั้นตอนการเคลือบผิวดวยพลาสติก วิธีการนี้ปจจุบันนิยมทํากันมาก เชน ไมแขวนเสื้อ ชั้นวางของตะแกรงในตูเย็น นอกจากให ความสวยงามแลวยังสามารถปองกันสนิมไดอีกดวย พลาสติกที่ใชในการเคลือบจะเปนพลาสติก แบบเทอรโมพลาสติกหรือพลาสติกออนที่เปนเม็ดหรือผงผสมแมสีและสารประกอบอื่นๆ
ไมแขวนเสื้อ
ชั้นวางของตะแกรงในตูเย็น
รูปที่ 14.11 ตัวอยางงานการเคลือบผิวดวยพลาสติก
246 14.8 การขัด (Brushing) กรรมวิธีนี้เปนการทําใหผิวงานเรียบรอยสวยงาม กอนที่จะนําชิ้นงานไปชุบเคลือบหรือทาสี หรือนําชิ้นงานออกจําหนาย การขัดสามารถทําไดหลายวิธี เชน การขัดดวยกระดาษทราย สําหรับ ผิวงานที่ผานการปาดหนาดวยเครื่องจักรมาแลว หรือการขัดดวยแปรงลวดสําหรับผิวงาน ที่เปนผิว ดิบหรือผิวหลอ แตสําหรับในงานอุตสาหกรรมนิยมใช เครื่องพนทรายถังหมุน
ตัวประคอง
ผาทราย ตัวปรับ
ตัวประคองงาน
รูปที่ 14.12 การขัดดวยกระดาษทรายดวยเครื่องเลื่อยสายพาน 14.9 การอาบน้ํามัน วิธีการนี้เริ่มตนดวยการทําความสะอาดชิ้นงานใหปราศจากไขมัน จากนั้นชโลมผิวชิ้นงานดวย น้ํามันเครื่อง ไขพาราฟน วาสลีน น้ํามันกันสนิม ใหทั่วผิวเพื่อปองกันผิวชิ้นงานไมใหเกิด การกัด กรอนไมเปนสนิม ตัวอยางชิ้นงานที่ตองทําการชโลมน้ํามันทุกครั้งหลังจากการใชงาน เชน เครื่องมือวัดและตรวจสอบ สลักเกลียว และชิ้นสวนเครื่องมือกล เปนตน
1. ทําความสะอาด
2. ชโลมน้ํามัน
รูปที่ 14.13 แสดงการชโลมน้ํามัน
247 14.10 การทาสี (Spraying) วิธีการนี้เปนการทาสีเพื่อปองกันผิวโลหะไมใหเกิดการกัดกรอนและเพิ่มความสวยงาม โดยมีขั้นตอนการทําดังนี้ 1) ทําความสะอาดชิ้นงานใหปราศจากไขมัน สนิม หรือรอยขีดขวนตางๆ โดยการขัดผิว ใหเรียบ การลางไขออกดวยสารละลายหรือน้ํามันละลายหรือไตรคอลโรเอดทีลีน จากนั้นอบชิ้นงาน ใหแหงก็จะไดชิ้นงานที่พรอมจะทาสีได ขอหามสําคัญอยาใหมือสัมผัสกับผิวชิ้นงาน 2) ทาสีพื้นหรือเรียกวาสีปองกันสนิม สีพื้นจะมีองคประกอบ คือ สังกะสีโครเมต เหล็ก ออกไซด และน้ํามันซักแหง เชน น้ํามันลินสีด ทําใหติดผิวชิ้นงานไดเหนียวแนนและปองกันไมให ชิน้ งานเปนสนิมไดดีแลวปลอยใหสีพื้นแหง 3) ทาสีสําเร็จ ซึ่งควรจะทาใหหมดและตองเปนสีน้ํามันลินสีดเชนเดียวกัน มิฉะนั้น สีจะลอกได ผิวชิ้นงานที่ตองการจะลงสีแล็กเกอร เพื่อทําใหผิวชิ้นงานมีความสวยงาม ผิวเรียบรอย จึงจําเปนอยางยิ่งทีจ่ ะตองขัดผิวชิ้นงานใหเรียบจริงๆ ซึ่งการขัดขั้นสุดทายตองขัดดวย กระดาษทรายน้ํา การลงสีแล็กเกอรอาจจะใชวิธี การพน ทา จุม หรืออาบก็ได จากนั้นก็นําไปอบ ที่อุณหภูมิ 120-400 องศาเซลเซียส สีจะแหงสนิทใชเวลาประมาณ 50-60 นาที แตถาปลอยใหสีแหง ในอากาศปกติจะตองใชเวลานานถึง 5-6 ชั่วโมง
1.ทําความสะอาด
2.ทาสีพื้น
รูปที่ 14.14 ขั้นตอนการทาสี
3.ทาสีสําเร็จ
252
แบบทดสอบกอนเรียน-หลังเรียน ประจําหนวยที่ 14 เรื่อง กรรมวิธีการตกแตงผิวชิ้นงาน ตอนที่ 1 จงทําเครื่องหมาย √ ลงในคําตอบที่ถูกที่สุดเพียงคําตอบเดียว 1.หลักการสําคัญประการแรกของกรรมวิธีการตกแตงผิวชิ้นงานคืออะไร ก. การทําความสะอาดชิ้นงาน ข. การใหความรอนกับชิ้นงาน ค. การเพิ่มแรธาตุตางๆ ง. การอบใหแหง 2. วัสดุอะไรที่มคี ุณสมบัติแข็งแรงและทนตอการกัดกรอนไดดี จึงนิยมนําโลหะมาชุบเคลือบดวย วัสดุดังกลาว ก. นิเกิล ข. โครเมียม ค. แคดเมียม ง. สังกะสี 3. การชุบดวยไฟฟา ชิ้นงานที่ตองการชุบใสลงในถังชุบซึ่งมีน้ํายาอะไร ก. น้ํามันกาด ข. น้ํายาหลอเย็น ค. น้ํายาอิเล็กโทรไลท ง. น้ํายารีชีสแตนท 4. กระปองบรรจุอาหารและเครื่องดื่มใชวัสดุขอใดในการชุบผิว ก. โครเมียม ข. อะลูมิเนียม ค. นิเกิล ง. ดีบุก 5. วิธีทําใหเกิดออกไซดที่หนาผิวอะลูมิเนียม เพื่อปองกันการกัดกรอนและมีความแข็งมากขึน้ คือ วิธีการผลิตตรงกับขอใด ก. วิธชี ุบดวยไฟฟา ข. วิธีพารคเคอรไรซ ค. วิธีอะโนไดช ง. วิธีทําใหผิวแข็ง 6. วิธีการเติมคารบอนลงในเนื้อโลหะจะทําใหโลหะมีคุณสมบัติอยางไร ก. เหนียว ข. เปราะ ค. ยืดหยุน ง. แข็ง 7. ผลิตภัณฑ ถวย อาง ปนโตที่ทําจากเหล็กแผนจะใชวิธีการเคลือบชิ้นงานดวยน้ํายาอะไร ก. น้ํายาอิเล็กโทรไลท ข. กรดกํามะกันเจือจาง ค. น้ํายาแกว ง. น้ํายาชุบแข็ง
253
8. ขอใดไมใชขั้นตอนกรรมวิธีการรมดํา ก. การอบใหแหง ข. จุมน้ํายารมดํา ค. ตมชิน้ งานในน้ําเดือด ง. ทาและพนสีดํา 9. พลาสติกที่ใชในการเคลือบผิวชิ้นงานจะเปนพลาสติกประเภทอะไร ก. อีพอกซี ข. ยูเรเทน ค. เทอรโมเซตติง ง. เทอรโมพลาสติก 10. ขอใดไมใชน้ํามันที่ใชสําหรับชโลมผิวชิ้นงานเพื่อปองกันไมเปนสนิม ก. น้ํามันแร ข. วาสลีน ค. น้ํามันพืช ง. ไขพาราฟน ตอนที่ 2 จงตอบคําถามตอไปนี้โดยการอธิบายสั้นๆพอเขาใจ 1. วัตถุประสงคของการตกแตงผิวชิ้นงานคืออะไร ........................................................................... ............................................................................................................................................................. 2. จงบอกกรรมวิธีการตกแตงผิวชิ้นงานมา 3 วิธี ............................................................................... ............................................................................................................................................................. 3. การชุบดวยไฟฟา จะใชกระแสไฟฟาประเภทไหน ........................................................................ 4. การใหความรอนกับชิ้นงานดวยเปลวไฟจากแกสแลวจุมลงในสารตัวกลางอยางรวดเร็วเรียก กรรมวิธีนี้วา ........................................................................................................................................ 5. การชุมโครเมียม ชิ้นงานที่ตองการเคลือบจะตองแขวนอยูในขั้วไฟฟาขั้วใด .................................. 6. จงยกตัวอยางชิ้นงานที่ทําการชุบผิวแข็ง มา 2 ตัวอยาง ................................................................... 7. ปน อาวุธ หรือเหรียญที่ระลึก จะใชกรรมวิธีการตกแตงผิวชิ้นงานดวยกรรมวิธีอะไร ................... 8. จงยกตัวอยางชิ้นงานการเคลือบผิวดวยพลาสติกมา 3 ตัวอยาง ....................................................... ............................................................................................................................................................. 9. ประโยชนของการทาสีคืออะไร ...................................................................................................... 10. จงบอกประโยชนของการทาสีมาเปน 2 ขอ ..................................................................................