ถอดเทป 3.4

Page 1

ตกพูด : วัฒนธรรมการแบ่ งปั นของคนลุ่มนา้ โขง วันศุกร์ ท่ ี ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ ณ ร้ านริมขอบฟ้า โดย อ.ศรี ศกั ร วัลลิโภดม, วีรพงศ์ มีสถาน, สุดารา สุจฉายา สุดารา สุจฉายา วันนีเ้ ป็ นวันศุกร์ ที่ถือว่าเป็ นครัง้ สุดท้ ายในการเสวนาและพู ดคุย สนทนาเกี่ ยวกับเรื่ อง “สันติธรรมในสังคมไทย” ซึ่งเป็ นหัวข้ อที่จัดขึน้ เนื่องในวาระวัน เล็ก-ประไพ ครัง้ ที่ ๓ เมื่อครัง้ แรกนันเราพู ้ ดถึงเรื่ องของ “ซะกาต” ซึ่งเป็ นเรื่ องของการทําทานของชาวมุสลิม แล้ วก็ครัง้ ที่สองที่ ผ่านไปเราพูดถึงเรื่ อง “การทิ ้งกระจาด” ซึง่ เป็ นประเพณีของคนจีน แล้ ว ก็ครัง้ ที่สามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ วนันเราพู ้ ดถึงเรื่ อง “เหมืองฝาย” เป็ นเรื่ องที่ ไม่เกี่ยวกับประเพณี พิธีกรรมทางศาสนา แต่เป็ นเรื่ องของการเอือ้ เฟื ้อ ระหว่างคนต้ นนํา้ และคนปลายนํา้ ซึ่งไม่เพียงเอือ้ เฟื ้อเท่ านัน้ แต่ยัง มี โครงสร้ างสังคม ในหลายๆ เรื่ องที่ทําให้ สงั คมนัน้ มีการอุดหนุ นจุนเจือ ช่วยเหลือระหว่างกัน ครัง้ สุดท้ ายวันนีเ้ ราจะพูดถึงเรื่ องของ “ตกพูด” วัฒนธรรมการแบ่งปั นของคนลุ่มนํา้ โขง หลายคนบอกว่าไม่เข้ าใจเลย คําว่า “ตกพูด” คืออะไร มันเป็ นอย่างไร หน้ าตาลักษณะมันเป็ นแบบ


ไหน เดี๋ย วเรามาฟั ง อาจารย์ วีรพงศ์ มี สถาน ซึ่ง เป็ นอาจารย์ ประจํ า สถาบันวิจยั ทางด้ านประชากรศาสตร์ ภาษาและประชากรศาสตร์ ของ มหาวิ ท ยาลัย มหิ ดล อาจารย์ ก็ ไ ปเก็ บ เรื่ อ งราวมากมาย โดยเฉพาะ ทางด้ านอีสาน หนังสือเรื่ อง “ ท้ าวฮุ่ง ท้ าวเจือง” อาจารย์บอกว่ามันมี วัฒนธรรมของการตกพูดเยอะแยะเลยปรากฏอยู่ในนัน้ แต่เราไม่ค่อยได้ ไปสัมผัส ไม่ร้ ู แต่ถ้าถามคนอีสานคนเก่าๆ นัน่ เขารู้ทงนั ั ้ น้ ว่าตกพูดมัน เป็ นอย่างไร วันนี ้อาจารย์วีรพงศ์ จะมาพูดคุยให้ ฟัง โดยที่จะมีอาจารย์ ศรี ศัก ร วัล ลิ โ ภดม ซึ่ ง เป็ นที่ ป รึ ก ษาของมู ล นิ ธิ เ ล็ ก -ประไพ จะให้ ความหมายบางอย่าง และทําไมการตกพูดถึงเป็ นวัฒนธรรมของการ แบ่ง ปั น แล้ ว ตลอดทัง้ เรื่ อ งที่ เ ราพูด คุย กัน ในเรื่ อ งของสัน ติ ธ รรมใน สังคมไทยนัน้ มันมีกลไกโครงสร้ างที่เป็ นการอุดหนุนจุนเจือระหว่างคน ในสังคมด้ วยกันอย่างไร อาจารย์ ศรี ศกั รจะสรุ ป ที่เราได้ พูดมาตลอดสี่ สัปดาห์ เดี๋ยวเรามาฟั งเรื่ องของการ “ตกพูด” แล้ วก็ต่อไปนี ้ก็คงจะเป็ น หน้ าที่ของอาจารย์ศรี ศกั รและอาจารย์วีรพงศ์ ศรีศักร วัลลิโภดม ขอบคุณครับ วันนี ้ทําหน้ าที่เป็ นโมเดอเรเตอร์ ที่อยากจะเรี ยนยํา้ ว่า การจัดการเสวนาวันนี ้เป็ นผลเนื่องมาจากวันที่ระลึก เล็ก - ประไพ วิริยะพันธุ์ เพราะคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ ท่านมีเจตนารมณ์ ในการที่จะให้ มี การค้ นคว้ ารวบรวมข้ อมูลสิ่งที่เป็ น Basic ให้ เป็ นพืน้ ฐานทางสังคม วัฒนธรรมไทยมาตีแผ่ เวลาท่านออกไปในชนบทกับผม ท่านบอกว่า


ความรู้ที่เป็ นพื ้นฐานที่คนอยู่มาตังนมนานมั ้ นหายไป แล้ วเมืองไทยเวลา พัฒนานี ้ลืม Basic อันนี ้หมดเลย ซึง่ น่าประหลาดมากที่ประเทศเพื่อน บ้ านเขาทํา ฉะนัน้ จึงเป็ นที่มาของการรวบรวมข้ อมูลของวารสารเมือง โบราณ หรื อจัดพิมพ์ ฉะนันเมื ้ ่อมีการระลึกถึงท่านเราก็หวนกลับมาตรง นี ้ เราจะนําเอาสิ่งที่เป็ น Basic ในสังคมไทยมารื อ้ ฟื น้ แต่รือ้ ฟื น้ ไม่ได้ หมายความว่าเพื่อที่จะกลับไปแบบเดิม รื อ้ ฟื น้ เพื่อให้ เข้ าใจว่า แต่ก่อน นี ้เรามีฐานเป็ นมาอย่างไรอย่างราบรื่ น แล้ วหนึ่งใน Basic อันนีก้ ็ คือ เรื่ องเศรษฐกิจอย่างพอเพียงที่อาจารย์วีรพงศ์ จะพูด เป็ นส่วนหนึ่งของ เศรษฐกิ จ แบบพอเพี ย งในพระราชดํ า รั ส ของพระบาทสมเด็ จ พระ เจ้ าอยู่หวั เพราะต้ องกลับไปเพราะเป็ นเศรษฐกิจที่ยงั่ ยืน เรื่ องการตกพูด คือการแบ่งปั นในสังคมไม่ใช่ค นไทยอย่างเดียวทัว่ ทัง้ โลกเลยกลุ่มชาติ พันธุ์ยัง มี เวลามีงานเลีย้ งทีเขาก็จะมา ให้ คนกลุ่มอื่นเข้ ามาร่ วมด้ วย ปั จจุบนั นี ้ก็ยงั มี ถ้ าจะเอามามีเยอะเลย Basic แถวนี ้มีเยอะ อย่างกลุ่ม ของพวกชาวเล เป็ นต้ น ที่อยู่ในเขตอันดามัน เวลามีงานชิงเปรตของ พวกไทยพุทธพวกชาวเลก็จะไปแห่กนั คือ เป็ นวันที่เขา express ว่าเขา จะได้ อาหารกิน เขาจะไปรับบริ จาค แต่ไม่ได้ ไปในฐานะเป็ นขอทาน แต่ ไปในฐานะที่ไปเอาบุญ ถ้ าแกจัดนะถ้ าฉันไม่ไปนะงานแกก็ไม่ Perfect อันนีค้ ือเป็ นปั ญหา เพราะฉะนัน้ ไอ้ สิ่งที่เกิดขึน้ ในสังคมแบบนีม้ นั ไม่มี ความเหลื่อมลํ ้า เพราะสิง่ ที่เรามาพูดนี ้เป็ นตัวอย่างหนึ่งที่เกิดขึ ้นในกลุ่ม ของคนในท้ องถิ่นหนึ่ง เราจะเห็นความหลากหลายของวัฒนธรรมตรงนี ้ สิ่งที่เป็ นการแบ่งปั น มีอยู่ในหลายกลุ่มเหล่า แต่เราได้ หลงลืม มันไปนะ


ครับ รวมทังในชนบทเองในสั ้ งคมหมู่บ้านเขาก็มี ทีนี ้ผ่านมา อย่างเรื่ อง ซะกาตก็เป็ นส่วนหนึ่ง เขาทําโดยสังคมไม่ใช่ปัจเจก ไม่ใช่มาจากข้ าง นอก เป็ นกติกาเลยนะครับ ฉะนัน้ ผมจะไม่ให้ เสียเวลาของท่าน เรี ยน ท่านอาจารย์วีรพงศ์ บรรยายถึงเรื่ องตกพูด ครับ ขอบคุณครับ เชิญ วีรพงศ์ มีสถาน ครับ สวัสดีครับคุณผู้ฟังทุกท่าน ตอนแรกไม่คิดว่าจะมีคนสนใจ เพราะว่าได้ บทความเรื่ องตกพูด วัฒนธรรมเพื่อการแบ่งปั นของคนลุ่ม นํ ้าโขง ไปลงที่ศิลปวัฒนธรรมครับ จริ งๆ งานเหล่านีผ้ มก็เก็บประเด็น เล็กประเด็นน้ อยจากการออกภาคสนามต่างๆ แล้ วเอามาเรี ยบเรี ยงเป็ น ข้ อความง่ายๆ แล้ วก็เอามานําเสนอ เพราะว่าโอกาสที่ชาวบ้ านเขาจะ มานําเสนออะไรบางอย่างมันไม่ค่อยมี เพราะฉะนัน้ ผมคิดว่าผมเป็ น ตัวแทนของพ่อใหญ่ แม่ใหญ่ ในหมู่บ้ านครับ เอามาเล่าสู่กันฟั งในมุม ของเกร็ดความรู้อะไรประมาณนัน้ ก็คิดว่าจะทําหน้ าที่ของลูกหลานของ พ่อใหญ่ แม่ใหญ่ที่อีสานต่อไป ประเด็นของเรื่ องนี ้ก็คือว่า “ตกพูด” มัน ไม่ใช่มีแค่ที่ผมไปเจอ จริ ง ๆ แล้ วในสังคมลุ่มนํา้ โขงที่ว่า น่าเชื่อ ได้ ว่า ตังแต่ ้ คนเขาเริ่ มรู้จกั การอยู่กนั เป็ น คอมมูนแล้ ว เป็ นกลุ่มชนแล้ ว เขา ก็คงจะมีมานานแล้ ว แต่เราไม่มีหลักฐาน ทีนีผ้ ม ต้ องเรี ยนแต่ต้นๆ ว่า ผมเป็ นคนบ้ านนอก แล้ วก็โตที่บ้านนอกด้ วย บ้ านนอกในความรู้สกึ ของ ผมติดบวกนะ ไม่ ได้ ติดลบ เป็ นคนบ้ านนอก เพราะฉะนัน้ การรู้ เห็ นสิ่ง ต่างๆ ก็จะเป็ นอะไรที่เป็ นบ้ านนอกๆ มากๆ เลย มีอยู่วนั หนึ่ งคุณจิตต์ที่


เป็ นที่เคารพของผมครับ คุณพี่สจุ ิตต์ วงษ์ เทศ ก็บอกว่า นายไปปริ วรรต พระฮุ่งมาให้ หน่อย เวลานันมั ้ นสี่ปีที่ผ่านมา ผมก็ต้อง ด้ วยความเคารพ เลย ผมก็ ต้องไปปริ วรรตพระฮุ่ง ซึ่ง เป็ นวรรณกรรมของคนลุ่มนํา้ โขง ต้ นฉบับแท้ มนั เป็ นอักษรลาว เป็ นอักษรไทยน้ อย ที่เราใช้ เรี ยกไทยน้ อย ก็คืออักษรลาว แล้ วก็มนั เป็ นใบลานถูกเก็บไว้ ที่หอสมุดแห่งชาติของไทย มหาสิลา วีระวงส์ ซึ่งท่านเป็ นคนเกิดในที่บ้านหนองหมื่นถ่าน อําเภอ อาจสามารถ จังหวัดร้ อยเอ็ด ได้ ผนั ตัวเองไปอยู่ที่เวียงจันทน์แล้ วมีอยู่ ช่วงหนึง่ ท่านได้ กลับมาอยู่ประเทศไทย แล้ วได้ ทํางานเป็ นเจ้ าหน้ าที่ของ หอสมุดแห่งชาติครับ ก็ได้ ไปเห็นต้ นฉบับ ก็คดั ลอกมา ภาษาลาว เรี ยก ไปไต่มา ไปไต่มาโดยใช้ เวลาเป็ นปี ครั บ ผมยัง นึกอัศจรรย์ อ ยู่เลยว่ า ขณะที่ผมทําคอมพิวเตอร์ ผมเก็บข้ อมูลทางคอมพิวเตอร์ ผมใช้ เวลาสี่ปี ในการที่จะถอดความ แต่ผมอัศจรรย์ใจมหาสิลา วีระวงส์ ซึง่ แกใช้ เวลา เอาการทีเดียวแหละในการที่จะคัดลอกอักษรที่มนั ไม่อ่านได้ ง่ายๆ เลย แล้ วก็ลอกออกมา แล้ วก็เพื่อจะเก็บ มันเป็ นความยิ่งใหญ่ของคนๆ หนึ่ง ที่ลงทุนทําอย่างนัน้ ประเด็นนีท้ ี่ผมอยากจะบอกเป็ นเรื่ อง พระฮุ่ง มีคํา ว่าตกพูดอยู่ด้วยครับ ตกพูดก็ดีหรื อสองพี่น้องเท่าที่ผมไปค้ น ข้ อมูลตรง นีผ้ มใส่ไว้ ในคอมพิวเตอร์ ทัง้ หมด ในบทที่ ๑๙๙ บอกว่า “แล้ วจึงแก่ พวกปิ ้ง ป่ าเมิง้ ขึน้ ไป” “แล้ วหงาวๆ ผู้คนหมดเผิ่ น หาไว้ ท้ องฟ้ าเมือ ง หมอก เจ้ าจึง จ่ อยทํ าลาบดีพ้ อ งขึน้ มา” อัน นี เ้ ป็ นโคลงบทหนึ่ง อยู่ใ น พระฮุ่งครับ ตอนนี ้เขากล่าวถึงตอนที่พระฮุ่ง พาพวกพ้ องออกไปโห่เนื ้อ หรื อล่าเนื ้อ มีหมาไปด้ วย มีอาวุธพวกแหลนหลาวไปด้ วย ไปล่าเนื ้อ แล้ ว


ก็เวลาได้ แล้ ว เขาก็ต้องแบ่งให้ พวกพ้ องที่ไป ซึง่ มันสอดคล้ องกับตาของ ผมซึง่ เป็ นคนอีสานเหมือนกัน ตานันเป็ ้ นพราน เป็ นหมอยา ได้ รับคําสัง่ ว่าเวลาออกไปยิงสัตว์ยิงเก้ งในป่ า เวลาได้ กวางมา มันมาไม่ทนั เพราะ กว่าจะเดินออกจากเขามาต้ องใช้ เวลากว่าสองอาทิตย์หรื อยี่สิบวัน เขา ต้ องทําต้ มเก้ ง ต้ มเก้ งก็คือว่า นึกถึงต้ มหมูครับ นึกถึงแหนมไหมครั บ คน อีสานเขาเรี ยกต้ มหมู คนลาวเรี ยกต้ มหมู ถ้ าทํากวางก็คือต้ มกวาง ถ้ า เป็ นเก้ งก็คือต้ มเก้ ง เขาต้ องห่อมา แต่ทกุ คนจะได้ รับการแบ่งปั นเท่ากัน คือ จะเป็ นเนื ้อขาหรื อ เนื ้ออะไรก็จะได้ รับการแบ่งปั น กัน อีกที่หนึ่งครับ ในโคลงพระฮุ่งมีที่กล่าวถึงตกพูดอีกที่หนึ่ง ก็คือโคลงที่บทที่ ๒๔๐ ครับ “ได้ แล้ วตกผู้ไท...เอาความเฮ็ดปาทิ ้งไป...บ่ไหว้ ของกินได้ เฮือน.........” ตรงนี ้ก็จะบอกว่าโคลงบทนี ้ ในตอนที่ท้าวฮุ่งพาพรรคพวกไปทํานา แล้ ว การทํานา ไถนา คราดนาของคนอีสานมันจะมีปลาขีท้ าก ปลาขีท้ าก เวลาเขาไถหรื อคราดมันจะมีปลาที่มนั ตกคลัก่ อะไรพวกนี ้อยู่ เขาเข้ าไป ตักเอา เวลาตักได้ เขาก็จะแบ่งปั นให้ ทกุ คนที่ไปร่ วมชุมนุมกันไปตักปลา ครับ ฉะนัน้ การตกพูด มีมาเป็ นธรรมเนียมนิยมของคนท้ องถิ่นนัน้ แล้ ว ครั บ แล้ ว ก็ พ อดี ผ มไปเก็ บ งานภาคสนามที่ อํ า เภอกุด บาท จัง หวัด สกลนคร ไปเจอเขากํ าลัง เฉื อ นเนื อ้ กัน อยู่ ซึ่ง มัน ก็ อ๋ อ เรานึก ได้ เลย เพราะว่าทางโน้ นมันเป็ นของธรรมดา แต่ว่าโอกาสที่ค นจะไปเจอมันก็ น้ อยไง เพราะคนในเมืองไป เมื่อไหร่ จะเห็นตกพูดเสียทีหนึ่ง แล้ วเขาก็ ไม่ได้ บอกว่า ถึงตกพูดแล้ วนะ แล้ วโทรศัพท์ไปบอกอย่างนี ้ เขาไม่บอก หรอก เพราะฉะนันการไปเก็ ้ บข้ อมูล จะต้ องติดตะแกงตาฝรั่ง มองอะไร


ให้ เป็ นสิ่งที่แตกต่างกันหมดเลย แล้ วเราจะเห็นอะไรที่มนั แปลกๆ มาก เลย คือ ถ้ าเราคิดว่าเราเห็นแล้ ว ไม่ต้องถ่ายรูปหรอก ไม่ต้องตกใจ มันก็ คื อ ไม่ เ ห็ น อะไรแปลก นึ ก ถึ ง ฝรั่ ง ที่ เ ขาข้ ามนํ า้ ข้ ามทะเลเข้ ามาอยู่ เมืองไทย เขาจะเห็นอะไรที่มันแปลกๆ หมดเลย เพราะฉะนัน้ เวลาไป เก็บข้ อมูลผมก็จะติดตะแกงเป็ นตาฝรั่ง แต่ก็เป็ นตาไทยอยู่ ก็คือเก็บไว้ แล้ วก็ไปถ่ายรูปมาครับ แล้ วก็เอามาฝากกันครับ รู ปเหตุการณ์ อนั นันก็ ้ ผมทําเป็ นคลิปวี.ดี.โอ ไว้ ครับ คือ การตกพูดนี ้ “พูด” ถ้ าเป็ นความชํานาญก็คือว่า กองหรื อพวง หรื อท่อหรื ออะไรก็ได้ ซึง่ เกิดจากการแบ่ง แบ่งเท่าๆ กัน อันนี ้สําคัญครับ ไม่ ใ ช่ แ ค่ก ลวงหรื อ ไม่ใ ช่ แค่ ท่ อ หรื อ กองเท่ า นัน้ แต่เ ป็ นส่ว นที่ ถูกแบ่ง มาแล้ วจากการที่คนในสมาชิกในกลุม่ นันได้ ้ แบ่งกันขึ ้นมา เรี ยกว่า ”พูด” ครับ ถ้ าคุณไปจับปลาได้ เยอะๆ ก็มาแบ่งพูดกัน แต่ว่าการจับปลานัน้ มันต้ องมีลกั ษณะที่เป็ นร่ วมกัน ไม่ใช่สะพายแหกันมาคนละหลังแล้ วไป ทอดแห อันนัน้ ไม่ใช่ตกพูด แต่ว่าถ้ าตกพูด จะต้ องไปมีกิจกรรมร่ วมกัน ไม่ใช่ไปทีหลังครับ จะเห็นว่าเขาจะเจาะเนือ้ ใส่ถุง เมื่อก่อนนีท้ ี่วางเป็ น ใบตอง แต่ปัจจุบนั ในปี พ.ศ.๒๕๔๘ ปี นี ้ครับ ประมาณเดือนมีนาที่ผมไป เก็บภาพ เขาเอาตาข่ายที่เป็ นพลาสติ ก พลาสติกที่เป็ นมุ้งเอามารอง อย่างที่เคยเอาใบตองมารองก็เอาอันนี ้มารอง เขามีตาชัง่ แต่เขาไม่ชงั่ ว่า นํ า้ หนัก เท่ า ไหร่ แต่ เ ขาเป็ นธรรมเนี ย มเป็ นขนบไปเลยว่ า ถ้ า ตกพูด จะต้ องแบ่งเนือ้ ขาลาย ซึ่งถือว่าเป็ นเนือ้ สุดยอดของสัตว์กีบ ก็จะต้ อง แบ่งเท่ากัน สมมุติว่า ตอนที่ผมไปเจอมี ๓๘ คน ก็ต้องเฉือนเนือ้ ให้ ทุก


ส่วนเป็ น ๓๘ ชิ ้น แล้ วก็ถ้าเป็ นเนือ้ หน้ าอก เนือ้ ขา เนือ้ ที่ไหนๆ ก็ตามก็ ต้ องแบ่งให้ เป็ น ๓๘ ชิ ้น แม้ กระทัง่ ขี ้เพีย้ ขี ้เพีย้ คือ นํา้ ย่อยลําไส้ เล็ก ก็ ต้ องแบ่งเพราะว่าคนทางอีสานเขาจะทําลาบหรื อทําอาหารต้ องปรุงรสก็ ต้ องมีนํ ้าขี ้เพี ้ยไปด้ วย ถ้ าถามผม ผมไม่ชอบเลยเพราะมันจะมีรสขม คือ ขมเข้ าที่ ขมได้ ระดับ แล้ วก็มีเลือดด้ วย เลือดเขาก็ต้องแบ่ง เขาจะมีซอง เหมื อ นกับ ซองใส่ ถุง นํ า้ ปลาเล็ ก ๆ เขาก็ ม าแบ่ ง กัน ก็ ดูส นุก สนานดี ประเด็นที่สําคัญก็ คือว่า ธรรมเนียมของการแบ่งพูด ผู้นําหรื อผู้ที่เป็ น ตัวแทนในการทําแบ่งพูด จะเป็ นคนได้ ลําดับสุดท้ าย ไม่ใช่ว่าคุณเป็ นคน ไปนั่งเฉื อนได้ ชิน้ เนือ้ ก้ อนใหญ่ ๆ แล้ วมากองไว้ นี่ของฉัน แล้ วอีกหนึ่ง กองเขี่ยๆ ไป ไม่ใช่อย่างนันใครจะเก็ ้ บไปก่อนก็ได้ แต่คนที่เป็ นหัวหน้ า จะได้ ทีหลัง มันลบข้ อครหาที่ว่า เอ็งไปตัดชิน้ ใหญ่ จองมาเป็ นส่วนตัว ไม่ได้ เ ลย นี่ เป็ นมารยาท ขอโทษครั บ ข้ อ ความอัน นีจ้ ะหาอ่ านที่ ไหน ไม่ได้ เลยเพราะมันเป็ นธรรมเนี ยมที่ เขาปฏิ บัติกัน มา แต่ไม่ มีใ นลาย ลักษณ์อกั ษรครับ แล้ วก็สิ่งที่เป็ นโบนัสสําหรับผู้เป็ นหัวหน้ า คือเขาจะได้ เขาได้ ขา เป็ นต้ น เขาถือว่าเป็ น ยิ่งถ้ าไปยิงสัตว์ป่าในป่ า เขาก็จะได้ หวั ถ้ าเป็ นกวางก็จะได้ หวั กวาง เป็ นต้ น อันนี ้เป็ นสิ่งที่สมาชิกก็ยอมรับกันใน หมู่ ผ้ ู ไปทํ า มาหากิ น ในป่ าด้ วยกั น อั น นี ก้ ็ คื อ เรื่ องราวของตกพู ด เพราะฉะนัน้ พูด ก็คือ สรุปก็คือ พูดก็คือ ส่วนที่แบ่งเฉพาะกันเอง แล้ วก็ มีอะไรที่เป็ นตกพูดนี ้บ้ าง ก็มีหลายอย่างที่เป็ นการไปทํากิจกรรมร่ วมกัน จะมาแบ่งกัน ยกตัวอย่าง ถ้ าไปภาคเหนือหาปลา หรื อไปเลี ้ยงกํ่า กํ่าก็ คือ เอาไม้ ระแนงไม้ ไผ่ กิ่งไม้ ต่างๆ ไปสุมกองไว้ ในห้ วยหรื อสะพาน แล้ ว


ก็ปล่อยไว้ สกั สองสามเดือน ซึ่ง ปลามันจะอาศัยอยู่ตรงนัน้ แล้ วเวลาไป จับปลา เขาต้ องเอาตาข่ายไปล้ อม ไปล้ อมฝั่ งตรงนัน้ พอล้ อมเสร็ จก็จะ ค่อยๆ ทุกคนชาวบ้ านก็จะประมาณ แล้ วแต่ครับสัก ๗-๘ คน หรื อ ๑๐ คนก็แล้ วแต่ ไปรื อ้ เอาไม้ ออกจากวงล้ อมที่ล้อมตาข่ายไว้ ทีนี ้ปลาก็ออก ไม่ได้ เพราะปลามันถูกล้ อมไว้ แล้ ว เขาก็จะระดมกันเอาแหไปทอด แล้ วก็ งมปลา แล้ วก็เอามารวมกันไว้ พอถึงเย็น เขาจะกลับบ้ าน กลับบ้ าน เขา จะมาแบ่งกัน คนที่มาแบ่งก็แบ่งกันไป สมมุติว่ามี ๗ คนก็จะดูประมาณ ตัวปลา ตัวนี ้ก็ให้ เอ็งไปอะไรต่างๆ แล้ วก็มาวนถึงตัวเอง มันเกิดความ ยอมรับ เพราะเกิดว่าบางคนงอแงบอกว่า วิธีนี ้ไม่ได้ ฉะนันต่ ้ อไปเขาจะ ไม่เชิญมาอีก ชาวบ้ านก็จะบอกเอ็งเรื่ องมากไม่ควรไป ฉะนัน้ คนก็จะ สํารวจทําไมหลายครัง้ ทําไมฉันไม่ถูกเชิญไปทอดแหอีก ก็แสดงว่าคุณ ถูกลงโทษทางสังคมแล้ ว เพราะว่าคุณมีพฤติกรรมที่เรื่ องมากก็จะไม่ถกู เชิญไป อันนี ้เป็ นต้ นครับ สิ่งบางอย่างไม่สามารถจะบอกได้ ว่าเมื่อไหร่ จะเกิ ด ต้ องไปอยู่กับชาวบ้ าน อยู่กับ ชาวบ้ า นแล้ วเข้ าไปคลุก คลีกั บ ชาวบ้ านแล้ วจะเห็น ผมว่าหลายท่านฟั งๆ อาจจะนึกภาพออกว่าผมพูด เรื่ องที่เป็ นชาวบ้ าน มีอีกเรื่ องหนึ่งจะให้ ดู มันเป็ นตกพูดโดยตรงครับ แต่ ว่าเป็ นเรื่ องของการแบ่งปั น ก่อนจะดูวีดีโอคลิปอีก อาจารย์ มีอะไรจะ เสริ มไหมครับ ศรีศักร วัลลิโภดม


ที่อาจารย์พดู มามันเป็ นพฤติกรรมที่มีมาแล้ วในอดีตในสมัยสังคม ล่าสัตว์ โดยเฉพาะเรื่ องที่พูดกันเป็ นเศรษฐกิจแบบแสวงหา ไม่ใช่การ ผลิต แล้ วการล่าสัตว์ การเก็บรากไม้ เป็ นชนิดหนึ่ง แล้ วเวลาล่าสัตว์มา ได้ มีกติกา เพราะการที่ล่าสัตว์มามันต้ องมีคนเก่งที่ล่าได้ สมมุติว่าผม เป็ นคนที่แข็งแรง ผมล่าได้ สัตว์ที่ได้ มาไม่ได้ เป็ นของผมหรอก ก็เป็ นของ ทุกชุมชนเลย เพราะเป็ นกลุ่มเครื อญาติ ก็เป็ นกลุ่มของชุมชนก็มาแบ่ง กัน แล้ วคุณรู้ ไหมใครที่ ได้ สงู สุด ก็คือคนแก่ๆ อย่างผม ที่หมดเขีย้ วเล็บ แล้ ว ผมจะได้ ส่วนดีที่สุดเลย ส่วนอาจารย์ ได้ ตับไตไส้ พุงเท่านัน้ เป็ น กติกาเลยครับ แล้ วอันนี ้ได้ บนั ทึกอยู่ในนักมานุษยวิทยาอยู่หลายคนที่ ทํ า งานเกี่ ย วกับ ทางด้ า นชาติ พัน ธุ์ใ นแผ่ น ดิ น ใหญ่ ใ นเอเชี ย อาคเนย์ โดยเฉพาะศาสตราจารย์ เซอร์ เอ็ดมัน ได้ บนั ทึกอันนี ้ไว้ ในกลุ่มพวกตะ ขิ่นในพม่า แล้ วทุกแห่งเป็ นอย่างนี ้ทังสิ ้ ้น มันเป็ นพฤติกรรมที่คนในฐานะ เป็ นสัตว์สงั คม จะต้ องอยู่รวมกัน จะต้ องเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน แต่ว่าเรา ไม่เ ข้ าใจ เพราะปั จจุบันนี เ้ ราไม่ ใ ช่ สัตว์ สัง คม เราเป็ นสัต ว์ เ ดียรฉาน เพราะว่าสัตว์เดียรฉานมันเป็ นสัตว์ที่ปัจเจกมันผิดมนุษย์ เวลานีส้ งั คม ปั จจุบนั มันสอนให้ คนเป็ นสัตว์เดียรฉาน แย่งชิงอะไรกัน สมัยก่อนนี ้เขา สอนให้ คนเป็ นสัตว์สงั คม ถ้ าไม่อยู่รวมกันเป็ นกลุ่มมันไม่อยู่รอด ถึงได้ มี กติกาอันนี ้ แล้ วก็มันก็ให้ โอกาสของคนที่แก่เฒ่ าที่หมดเขีย้ วเล็บอย่าง ผมแล้ ว จะได้ เ สวยสุข แต่ ปั จจุบัน นี ค้ นแก่ ๆ เป็ นขอทานไปเลย นี่ คื อ กติกา เพราะฉะนัน้ การเป็ นสัตว์ สัง คม หัวใจของสัตว์ สัง คม มี กติกา กติกานันก็ ้ คือ มันไม่ใช่สตั ว์ มันเป็ น Morality เป็ นสัตว์ทางศีลธรรม แต่


ปั จจุบนั เศรษฐกิจแบบทุนนิยม เสรี นิยมแพร่ หลายทัว่ โลก มันทําให้ คน เป็ นเดียรฉาน บ้ านเมืองฉิบหายเพราะเป็ นเดียรฉาน เพราะขาด Basic ของความเป็ นมนุษย์ แล้ วอย่างนีม้ ันมีทั่วไป ก็เช่นเดียวกัน แต่ว่ามัน ปรับเปลี่ยนเข้ าสูส่ งั คมชาวนา สังคมชนบท มันยังรักษาสิ่งเหล่านันไว้ ้ ได้ เวลาแบ่ ง ปั นกั น เห็ น ไหมครั บ มั น ทั่ ว ถึ ง แล้ วมี ก ติ ก า คื อ มั น มี กระบวนการหลายอัน แต่ว่าทุกอย่าง Base on ความเสมอภาค และ อายุครับ ผมเสริ มแค่นี ้ครับ เชิญอาจารย์ วีรพงศ์ มีสถาน ความเสมอภาคของชาวบ้ านไม่ได้ วดั ที่ตวั เลขแล้ วบอกว่ากี่ขีดๆ แล้ วจะเท่ากัน คือ ความเสมอภาค คือ ความยอมรับในผู้นําว่า ผู้นํามี ความยุติธรรมในการแบ่งปั น เขาก็เคารพนับถื อกัน แต่ถ้าผู้นําคนนัน้ แสดงอากัปกิริยาหรื อพฤติกรรมหรื ออะไรต่างๆ ซํ ้าแล้ วซํ ้าอีก ซึ่ งเห็นว่า มันเป็ นการเอาเปรี ยบ ผู้นําก็จะไม่ได้ รับการชื่นชมก็จะถูกปฏิเสธไป ก็ อาจจะมีผ้ นู ําคนใหม่ขึ ้นมาแทนหรื อว่าเขาเชิญไปยิงเก้ งยิงกวางที่ไหนก็ ไม่มีคนตามไปด้ วย อันนี ้เป็ นต้ น ก็เป็ นการปฏิเสธทางสังคมเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจะต้ องจํากัดอยู่ที่ผ้ นู ํา เพียงอย่างเดียว ชาวบ้ านก็จํากัดผู้นําได้ เหมือนกัน จะทําให้ เกิดการ มีการอยู่ร่วมกันได้ อย่างสมบูรณ์ กนั อันนี ้ก็ เป็ นวิธีการแบ่งปั นของชาวบ้ านที่เอามาฝากเพราะว่าโอกาสที่ชาวบ้ าน จะมาเล่าให้ ฟังนัน้ ก็ไม่ค่อยมี มีอีกอันหนึ่งครับแต่ไม่ใช่เป็ นการตกพูด โดยตรง ถ้ าคุณผู้ฟังอยากจะทราบว่า จริ งๆ แล้ วแท้ หรื อเปล่า เราพูด


เล่นๆ หรื อเปล่า ท่านนัง่ แท็กซี่ไป แล้ วถามบ้ านเกิดอยู่ที่ไหน อย่าถามว่า บ้ านอยู่ที่ไหน ถามว่าบ้ านเกิดอยู่ที่ไหน แล้ วลองถามว่ารู้จกั แบ่ง พูดหรื อ เปล่า เขาก็จะตอบ เป็ นล็อดๆ เลยว่า อย่างนัน้ อย่างนี ้ แต่ว่าโดยทัว่ ไป แบ่งพูดปั จจุบนั นี ้เนื่องจากมันไม่ได้ มีเก้ งกวางให้ ยิงเหมือนเมื่อก่อน เขา ก็เอาวัวมา ถ้ าสมมุติวา่ ใครอยากจะล้ มวัว อยากจะแบ่งกับพวกพ้ อง เขา ก็จะไปถาม สมมุติว่าวัวตัวหนึ่งราคา ๘,๐๐๐ มีคนอยากจะซื ้อใช่ไหม แล้ วถ้ าแบ่งก็รวมคนได้ ๑๒ คน เขาก็จะไปเฉือนให้ ๑๒ ชิ ้นก็เป็ นแบ่งพูด ปั จจุบนั นี ้แบ่งพูดอาจจะแคบลงแค่การฆ่าวัวสักตัวหนึ่ง แต่เมื่อก่อนมัน กินความได้ เยอะทังปลาทั ้ งผั ้ กทังเห็ ้ ดครับ วีดีโอชุดที่สองผมไปเก็บข้ อมูลไปตามเช็คข้ อมูล พอดีเป็ นช่วงออก พรรษาแล้ วฝนตกมากเลย ฝนตกหนักมากที่อําเภอกุดบาท ที่กดุ บาทเรา มีเขื่อนนํ ้าอูน ฝนตกมาก ชาวบ้ านบางครัวเรื อนไปออกไปจับปลาตังแต่ ้ ตีสองตีสาม ขับรถปิ คอัพไปที่ตีนเขื่อน แล้ วก็ไปจับปลา ทุกเช้ าผมก็ไป กับเขาด้ วย เพื่อได้ เก็บบรรยากาศของภาพ ผมไม่มีเครื่ องมือไปจับ แต่ ว่าผมได้ เกือบ ๒ กิโล โดยจับมือเปล่า ปลายตีนเขื่อน อันนี ้มันธรรมดา ถ้ าฝนตกเมื่อไหร่ อาจารย์ มันก็ จะเป็ นแค่ แค่ที่และเล็มหญ้ าของวัว ควายเท่านันเอง ้ แต่ถ้าฝนตกมากแล้ วนํ ้ามันเอ่อมาที่ตีนเขื่อน เพียงแค่ ท่วมหลังเท้ าเท่านันเอง ้ แต่ว่าตรงที่เขายกยอ มันเป็ นร่ องนํ ้านิดหน่อย เขาก็เอายอมายก คิดดูครับ งานวัน นัน้ เหมือนกับมีมหกรรมยกยอกัน เลย เยอะมาก ประมาณ มองด้ วยสายตาเป็ นร้ อย แล้ วคนที่ไปตังแต่ ้ ตี ๒ พอประมาณสัก ๑๐ โมงเช้ า มันเริ่ มจะบูดแล้ ว มันเริ่ มจะเน่าแล้ ว ต้ อง


ขนใส่ปิคอัพกลับมาที่บ้าน มาทําชําแหละทําปลาร้ ากัน แล้ วปลาที่จบั ได้ เป็ นปลาตะเพียน ปลาตัวเล็กๆ ประมาณสัก ๒ นิว้ จับมือเปล่าก็ได้ เพราะว่า ปลามันติดกัน ตัวเล็กกับตัวใหญ่ มันก็จะแถกไปอยู่ที่กอหญ้ า พอเห็นคนมันก็จะนิ่งอยู่เฉยๆ เราก็ไปจับเอา แต่ ผมทําบาปไปเยอะ ที่ เอามาให้ ดู เพราะว่ามันตื ้นตันใจ ตรงที่ว่าผมต้ องเอากล้ องถ่ายรู ปไป ด้ วยทังกล้ ้ องดิจิตอลและกล้ องวีดิโอ ผมก็มวั แต่ถ่ายรูปด้ วย จริ งๆมีเสียง ฟ้าร้ อง แต่ผมตัดเสียงออก ฝนจะตกด้ วย พอเก็บภาพแล้ ว ผมก็ไปเก็บ ปลาตามชายนํ ้า แล้ วก็ใส่ถงุ พลาสติกมา พอผมจะขอลากลับประมาณ สักบ่ายสามโมง ชาวบ้ านก็โหวกเหวกกันบอกว่า เอาปลาที่ในกระชัง ของเขา ในถุงของเขาเอาไปด้ วย เดี๋ยวไม่พอกิน แล้ วพอผมกลับไปถึง บ้ าน แต่ผมไม่ได้ เอา ผมจับได้ เฉพาะตัวนีเ้ กือบสองกิโล ผมไปถึงบ้ าน แม่ที่ผมไปพักอยู่ด้วยเขาบอกว่า ใครให้ ม าละ ไม่เชื่อว่าผมจะจับมาได้ เอง เพราะว่าตามธรรมเนียม ถ้ าเกิ ดคนแปลกหน้ าหรื อคนในเมืองไป แล้ วไม่มีความสามารถ เขาก็จะแบ่งให้ โดยธรรมชาติของชาวบ้ านเลย คือเขาแบ่ง เขาบอกไม่เชื่อหรอก เดี๋ย วจะไปถามคนดูซิว่า อาจารย์ วีร พงศ์ เขาแบ่งปลามาให้ จริ งหรื อเปล่า อะไรอย่างนี ้ วันรุ่งขึ ้นเจอกันเขาก็ ถามว่าได้ ปลาหรื อเปล่า อันนีเ้ ป็ นตาข่ายที่เขาวางไว้ กับพืน้ นํา้ ซึ่งนํา้ ท่วมสูงแค่ประมาณไม่ถึงคืบ ประมาณท่วมฝ่ าเท้ าเท่านันเอง ้ ปลาก็จะ ชอนไปตามนี ้ เห็นแล้ วก็ตื ้นตัน ตืน้ ตันก็เพราะว่ามันเป็ นการแบ่งปั นที่ ชาวบ้ านไม่ต้องมามีคนบังคับ ไม่ต้องมีคนมาคอยกํ ากับว่าจะต้ องให้ หรื อไม่ให้ มันเป็ นวิถีของเขาเลยว่า ถ้ าใครได้ น้อยจะต้ องแบ่งให้ มาก


ชาวบ้ านเวลาไปจับกบจับเขียดก็เหมือนกัน ครับ สมัยก่อนนีช้ วนกันไป สักสามสี่คน ไปสักตอนหัวคํ่า ไปถึง ไปจับแล้ ว พอกลับเข้ าหมู่บ้าน ก็จะ มาส่องดูข้องกันว่ามันหมานหรื อไม่หมาน หมาน คื อ โชคดี ใครจับได้ มากก็มาก มันเป็ นธรรมเนียมอีก ถ้ าเกิดคนหนึ่งได้ มาก ลํ ้าหน้ าเลย ลํ ้า หน้ ากว่าคนอื่นเลย เต็มข้ องเลย หรื อว่าถ้ าเทียบกับคนอื่นแล้ ว คนอื่น มี กบเขียดเต้ นกะหร่ องกะแหร่ งอยู่ไม่กี่ตวั เขาก็จะล้ วงเอาจากข้ องตัวเอง ไปใส่ให้ กบั คนที่ได้ น้อยๆ อันนี ้ผมว่าโอกาสที่เราจะไปเห็นพฤติกรรมอัน นี ้น้ อยมากเลย ต้ องไปขลุกอยู่กบั วิถีชีวิตจริ งของเขาแล้ วจะไปเห็น ตาม พื ้นที่เขาเรี ยกไปสร้ างกบ สร้ างกบก็คือไปจับกบ สร้ างกบสร้ างเขียด อัน นี ้ก็เป็ นวิถีอนั หนึ่งที่ชาวบ้ านเขาก็อยู่กันมา เขาก็อยู่แบบพอเพียงอย่าง ที่ว่าครับ ก็เป็ นรูปแบบอันหนึ่งที่นํามาฝากกัน ครับ ศรีศักร วัลลิโภดม ผมอยากจะเสริ มนิดหนึ่ง ว่า สิ่งที่พูด มันเป็ นพฤติกรรมในชนบท ในสังคมชาวนา ปั จจุบนั นี ้เราไม่เข้ าใจ เพราะเราศึกษาสังคมปั จจุบนั นี ้ สังคมที่มนั เปลี่ยนผ่านเป็ นสังคมอุตสาหกรรม แต่พืน้ ฐานมันคือสังคม ชาวนาที่จะต้ องอยู่รวมกัน แล้ วสังคมชาวนานี ้มันไม่ได้ อยู่ในชุมชนหนึ่ง ชุมชนใด มันอยู่ในพืน้ ที่หนึ่งเรี ยกว่าท้ องถิ่น แล้ วมีหลายชุมชนอยู่ตรง นัน้ กิ จ กรรมต่า งๆ มัน ไม่ ใ ช่ ห มู่บ้ า นเดี ยว มัน เป็ นหลายหมู่บ้ า น อยู่ ละแวกตรงนัน้ ผมว่าเวลาเราศึกษา ผมไม่พอใจคําว่าชุมชน เราไม่ร้ ูว่า คืออะไร พอมองไปพื ้นที่ตรงนี ้มีหลายชุมชน ชุมชนบางอันอาจเป็ นพวก


กะเหรี่ ยง พวกมอญ พวกอะไรต่างๆ แต่เขาสัมพันธ์ กันหมด เพราะอยู่ กันมานาน จึงเกิดสํานึกท้ องถิ่นหรื อแชร์ ทรัพยากรกัน การจั บปลาเป็ น ลักษณะอันหนึ่งในสังคมชาวนาในอาชีพทางพุทธศาสนา เพราะว่าคน ลาวไทยหรื อ ว่าพวกที่นับถื อพุทธ จะไม่ ฆ่าสัตว์ ใหญ่ ฆ่า พิธีกรรมเท่ า นันเอง ้ ที่อาจารย์พดู ถึงว่ามีววั ใช่ไหม อันนี ้ก็ฆ่าในโอกาสใดโอกาสหนึ่ง ไม่ได้ ฆ่าทุกวัน แล้ วฆ่าแล้ วต้ องแบ่งกัน แต่ว่าปลาจับกันเป็ นประจําเลย เพราะว่าปลาถือว่าเป็ นสัตว์เล็กไม่บาป แล้ วทําไมเวลาเราไปดูในชนบท คนแก่ๆที่สานข้ องปลา พวกชาวนา ถามว่าลุงมันทําลําบากไหม เขาไม่ ถือ แล้ วถ้ าไม่สานแล้ วจะเอาอะไรกิน เพราะฉะนันการจั ้ บปลาเป็ นเรื่ อง ธรรมดาเลย แล้ วก็จบั กันเป็ นมหกรรม ผมเคยทํางานเกี่ยวกับกลุ่มสังคม ลาวในภาคกลาง มีอยู่วนั ๆ หนึ่งเขาเรี ยก วันกําฟ้า วันขึน้ สามคํ่าเดือน สาม ถ้ าใครรู้ พวกลาวจะรู้ ว่าวันไหนวันกําฟ้า วันกําฟ้าจะไม่จับเหล็ก เพราะถือว่าถ้ าไปจับเดี๋ยวฟ้าผ่า เขาจะออกไปตามทุ่งนา ตามหนองนํ ้า เป็ นฝูงเลย เป็ นกลุ่มเลย บ้ านใครบ้ านมันเอาของเอาเครื่ องจับไป จับ เสร็ จไม่ได้ ขาย แต่แบ่งกัน แล้ วการจับเป็ น Intermediate cooperation เป็ น Social activity จับได้ มาแบ่งกัน ใครที่ไม่มี อย่างที่คณ ุ ว่า เอาไปให้ กัน แล้ วมีการแบ่งเขตของปลาด้ วย ปลาไหนที่กินสด ปลาไหนที่กินตาก แห้ ง ปลาอันไหนที่จะทําเป็ นปลาร้ า คือ มันเป็ นการถนอมอาหาร เราก็ สามารถกินได้ ตลอดปี ทีนี ้ปั ญหาว่าสิ่งเหล่า นี ้มันหายไปไหน ที่อาจารย์ ไปทํามันเหลือน้ อยอยู่ เพราะว่าชนบทพื ้นที่ฐานะมันหมด พวกหนองนํ ้า นี่หมดเลย ปกติเวลาเขาทํา เขาจะรวมกันไปเลย แต่ว่าหนองนํ ้า สระนํ ้า


ถูกยึดครองหมด เพราะฉะนันปั ้ ญหาว่าคนในชนบทที่เรากลับไปแล้ วอยู่ ไม่ได้ เพราะมันไม่มีฐาน ฐานคือ พื น้ ที่ สาธารณะ เวลานี เ้ ราพูดถึง ป่ า ชุมชน ที่จริ งมันเป็ นหนองนํ ้า ทุ่งนาเหล่านี ้เป็ นพื ้นที่สาธารณะทังสิ ้ ้น ทุก คนเขาใช้ กนั ทังนั ้ นแล้ ้ วเขาแบ่งปั นกันครับ อันนี ้เป็ นลักษณะของการเผื่อ แผ่ เป็ นการเผื่อแผ่ ซึ่ง ปั จจุบนั นีเ้ กือบไม่มี เพราะฉะนัน้ เวลาเราศึกษา ต้ องหวนกลับไปดูพื ้นฐานสังคมไทยเรา มันจะแบ่งปั นกันในลักษณะนี ้ แล้ วอยู่ด้วยกัน แล้ วก็ถ้าวิเคราะห์ต่อไปนี ้ ไอ้ ปลาเล็กๆ ที่ เขาทําปลาร้ า ปลานี ้เก็บกินได้ ตลอดปี แต่ก่ อนนีถ้ ้ าเราวิ่งรถไปตามภาคกลางจะเห็น ว่ามีชาวบ้ าน เอาแหเอาอะไรต่างๆ ไปจับกันที่ริมถนน เขาดูลกั ษณะของ การจับปลาเพื่อแบบนี ้ แต่ปัจจุบนั เปลี่ยน ได้ เปลี่ยนขบวนการจับปลา แล้ วไปทําปลาร้ าขายเยอะมาก นี่ คือการเปลี่ยนสังคมไทย แต่ทางภาค อีสานมันยังคงประเพณีแบบนี ้อยู่ เชิญครับ วีรพงศ์ มีสถาน มันตัวอย่างอีกหลายๆ อัน แต่ผมไม่ร้ ู จะเริ่ มอย่ างไรดี แต่ว่าที่มา เล่าให้ ฟังไม่ใช่ว่ามาชักชวนให้ ไปอยู่อีสานหรื อว่าให้ ถอยวิถีชีวิตไปเป็ น คนทําไร่ทํานาไม่ใช่อย่างนัน้ คือ อยากจะเห็นภาพงามๆ ของวิถีชีวิตของ คนบ้ านนอก พอพูดถึงบ้ านนอกบางทีอาจจะ ความหมายอาจจะติดลบ ไปหลายๆ ส่วน เช่น คนไม่ทนั คน ไม่ทนั สมัย ไม่อะไรต่างๆ แต่ว่าพูดถึง การมี นํ า้ ใจผมว่ า ถ้ าเที ย บคนเมื อ งกั บ บ้ า นนอกอาจจะ บ้ า นนอก เปอร์ เซ็นต์อาจจะสูงกว่าคนอื่น ครับ ก็อยากจะชักชวนให้ มองบ้ านนอก


ว่ามันเป็ นวิถีที่น่าสนใจ เรื่ องนี ้ไม่เกี่ยวกับการแบ่งปั นครับ แต่ผมก็เข้ าไป ตัดหน่อไม้ กบั แม่กับชาวบ้ านครับ เขามุดๆ ไปหาหน่อไม้ ผมก็ไปกับเขา ไปหาปลา หาอะไรผมก็ ไ ปกั บ เขา แล้ วสิ่ ง ที่ ผ มได้ เจออี ก ในงาน ภาคสนาม ผมเดินไปตามกับอดีตผู้ใหญ่บ้านครับ แกก็พาผมไปชมบ้ าน โน้ นบ้ านนี ้ แล้ วก็พอดีมันมีแตง เขาปลูกแตงไว้ ข้างๆ แล้ วก็พอถึงช่วง เย็นๆ ใกล้ จะกินข้ าวเย็นแล้ ว แกก็บอกว่า ขอแตงหน่อยเด้ อ แล้ วแกก็ไป หยิบเอาประมาณสัก ๖-๗ ลูกอาจารย์ คือโหวกเหวกขอไม่ร้ ู เจ้ าของอยู่ ไหน ขอแตงหน่อยเด้ อ แล้ วแกก็ไปหยิบมาแล้ วก็ เออ คือ พูดเองตอบ เอง ผมก็เออสิ่งนี ้เราไม่ค่อยเจอ แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันยังมีปรากฏอยู่ในปี ๒๕๔๘ นี ้ ผมก็อยากจะเก็บมาเล่าให้ ฟังว่ามันเป็ นเรื่ องอย่างนี ้ แต่ว่า ตอนเก็บเขาก็เกรงใจ ไม่ใช่ว่ามันปลอดสายตาแล้ วคุณจะหอบใส่พกใส่ ตะกร้ ามาแบบเยอะ ๆไม่ใช่ ก็เอาแค่กินแค่ ๖ คนเอง เพราะผมนับด้ วยก็ มี ๖ คนก็เอาแตงมา ถ้ าผมจําไม่ผิดก็สกั ประมาณ ๗ ลูก แตงกวาเล็กๆ ก็ แ ค่ นี ้ แล้ ว ถามมั น เกี่ ย วอะไรกั บ การแบ่ ง ปั น ก็ เ ป็ นธรรมเนี ย ม ก็ ชาวบ้ า นเขาไม่ ไ ด้ คิ ด ว่ า ลัก ขโมย ถ้ า เอากฎหมายมาจับ ผิ ด นะ ผิ ด กฎหมายนะอาจารย์ แต่ ช าวบ้ านบอก ฉั น ไม่ ไ ด้ ลั ก ฉั น ขอแล้ ว โหวกเหวกไปเมื่ อ กี แ้ ล้ ว ไง ไม่ ไ ด้ ยิ น เหรอ ก็ เ ป็ นธรรมเนี ย มของการ แบ่งปั นอีกอย่างหนึง่ ครับ แล้ วเราจะปล่อยให้ ความมีนํ ้าใจมันอยู่เฉพาะบ้ านนอกเหรอ ผมก็ สงสัยเหมือนกัน แล้ วเราจะมาใช้ คําบูรณาการ อาจารย์จะเสริ มก่อนก็ได้ ครับ


ศรีศักร วัลลิโภดม ตรงกับที่ในหลวงรับสัง่ ว่า เศรษฐกิจแบบพอเพียง ใช่ไหมครับ คือ มัน ยั่ง ยื น แล้ ว ก็ เ คยมี อย่ า งนี ้ ผมถึ ง บอกว่ า มัน มี ก ติ กาในท้ อ งถิ่ น ใน สังคมชาวนาเขา อย่างที่อาจารย์ว่า ไอ้ พวกรากไม้ ต่างๆ เขาไม่ขดุ แบบ ทําลาย เขาจะเหลือไว้ ให้ มนั เติบโต เวลานี ้เศรษฐกิจแบบใหม่นนมั ั ้ นเป็ น Mass คือเอาไว้ หมดเลย ไม่ให้ เหลือรากแล้ วปลูกใหม่ แต่คนสมัยก่อนนี ้ ไม่นะ ใช้ ของเดิมอยู่ อย่างพวกผีตองเหลือง เวลาเขาจะไปขุดหน่อไม้ เขาไม่ขุดหมด ขุดเสร็ จแล้ วก็ไป อีกปี กลับมามันก็ งอกขึน้ มาใหม่ อันนี ้ เป็ น Parasite in nature คือ หมายถึงว่าเป็ นกาฝากกับ ธรรมชาติ เพราะฉะนันสั ้ งคมที่เป็ น จะรู้เรื่ องธรรมชาติของเหล่านี ้ จะเอาไปแต่จะ เกาะให้ มนั งอกงามขึ ้นมาด้ วยภูมิปัญญาแล้ วมันจะเสมอภาคกัน แบบ เดียวกัน คือไม่ทําลาย เห็นไหมหลายแห่งก็มี ที่ผมไปภาคใต้ แถว ระ โนด เวลาตามรัว้ เขาจะมีขอไม้ เอาขอไม้ ปักไว้ ริมรัว้ ถ้ าคุณขอคุณจะมา เก็บผลไม้ เขากินได้ ก็คือไอ้ ขอเป็ นเครื่ องหมายเป็ นสัญลักษณ์ หรื อว่า คุณจะไปจับปลาในหนองนํ ้า คุณไปแล้ วคุณก็เอาใบไม้ ไปสุม บอกจอง แล้ วนะ ก็ไม่ละเมิดกัน หรื อไม่ก็แบ่งกัน มันก็ยงั มีพวกละเมิดก็มี อย่าง พวกขอของ คือ ถ้ าไปขโมยเขาจะผูกไอ้ กะลาแล้ วเขียนอักขระเขาเรี ยก โจ มลายูทางใต้ ถ้ าไปขโมยกิน ไอ้ ตรงโจ มัน ไอ้ พวกฉวยโอกาสมันมี มี หนังและบ่อนํ ้าทํานองนี ้ พอกินเข้ าไปท้ อ งป่ อง ท้ องพอง คนแช่งขนาด นัน้ ก็มีคนวิปริ ตก็มี แล้ วตอนหลังบางคนไปละเมิด คือ มันก็เด็กโจ ตอน


หลังมันฝั งไว้ ใต้ ดิน มันฝั งหลักฐาน นี่เป็ นความเชื่อ เพราะฉะนัน้ เขามี การป้องกันอยู่ อย่างที่คณ ุ บอกว่า ขอนะ ไอ้ นนั่ เป็ นประเพณีเลย เขาไม่ ถือกัน แต่ไม่ใช่เก็บเอาไปหมด ไอ้ นี่เป็ นภูมิปัญญาที่รักษาเอาไว้ แล้ ว สมัยก่อนนี ้เวลาเขาจัดการกับสิ่งแวดล้ อมทางธรรมชาติ เขาแบบยัง่ ยืน ไง ตามพระราชดํารัสของพระเจ้ าอยู่หวั คือ ยัง่ ยืนและพอเพียงแบ่งกัน ใช้ แม้ กระทัง่ ทํานาเหมือนกันที่กรมป่ าไม้ จบั ชาวกะเหรี่ ยง ขึ ้นเครื่ องบิน ไปเห็นกะเหรี่ ยงมันทําพื ้นที่นา ก็บอกว่าพืน้ ที่สมั พันธ์ กบั หมู่บ้านตรงนี ้ แล้ วถามว่ากะเหรี่ ยงมันปลูกข้ าวทังหมดของชุ ้ มชนหรื อเปล่า กะเหรี่ ยง มันปลูกข้ าวเพียงอธิษฐานกับพระแม่ธรณีแล้ วครอบครัวจะเอากี่ไร่ พื ้นที่ นันเป็ ้ นนารวม พอพี่ปลอดแกไปทําเข้ าแล้ วไปจัดการกับมัน นี่คือปั ญหา เพราะไม่เข้ าใจไอ้ ฐานของเศรษฐกิจแบบพอเพียงหรื อ Basic ของเขา แล้ วสิ่งเหล่านี ้มันเสริ มให้ มนุษย์เป็ นสัตว์สงั คม มีกติกา มีผีรักษากติกา ถ้ าคุณ ทําผิ ด คุณ ถูกจัดการโดยสิ่ง นอกเหนือ ธรรมชาติ คือ Sanction อย่างหนึ่ง คือ ความเป็ นมนุษย์ ครับ แต่ปัจจุบันนี เ้ ราพัฒนาไปแบบที่ เป็ นเดียรฉานครับ ผมยํ ้าอีกทีหนึง่ ครับ วีรพงศ์ มีสถาน ก็ นี่แหละครับ พอดีพดู ถึงเรื่ องการแบ่งปั นก็นึกถึง เดี๋ยวย้ อนไปสัก ๓๐ กว่าปี ที่แล้ ว ที่บ้านนอก เวลากินข้ าวเย็น ทางบ้ านนอกเขากิน นํ ้าพริ ก กินปลาปิ ง้ กินปลาไม่ได้ ทอด มีปลาปิ ง้ มีแกงอะไรประมาณนี ้ แต่ว่า แม่ก็บอกว่า มันเหลืออยู่นิดเดียว ถ้ าเอาข้ า วเหนียวปั น้ ประมาณ


อีกสัก ๓-๔ คํามันก็จะหมด แต่ว่า แม่บอกว่า มันเหลือก็คือมันเหลือ ไม่ ต้ องทิ ้ง เดี๋ยวจะมีคนพลัดบ้ านหลงเมือ งมา แล้ ววัน เดือน ปี มันก็น้อย เปอร์ เซ็นต์มนั น้ อยถ้ าเทียบกับคนรุ่นใหม่วา่ เพราะกว่าที่คนจะพลัดบ้ าน หลงเมืองมามีกี่วนั ในรอบเดือน มันน้ อยไง แต่ว่า แม่ก็ต้องให้ เกียรติ เขา จนกว่าตอนเช้ านึ่งข้ าวใหม่ ถึงจะล้ างออก เอาจานนัน้ ไปล้ าง มีอยู่ครัง้ หนึ่งก็มีคนไปตามควายเพราะว่าบ้ านนอกควายมันหายใช่ไหม ก็จะมี กํานันคุ้มโน้ นพาพวกพ้ องมาตามควาย พอมาถึงบ้ านก็ต้องมาหาบ้ าน พ่อผมเป็ นผู้ช่วยผู้ใหญ่ บ้าน ก็มาแวะที่บ้านผู้ช่วย สิ่งที่แม่ให้ เหลื อไว้ นํ ้าพริ กเหลือไม่กี่คํานัน้ ได้ ผลจริ ง แต่ว่าดึกแล้ วจะมีใครไปทํากับข้ าว แต่แม่ก็ไปเอาไข่ในเล้ ามาต้ มให้ แขกที่มากิน ก็มีข้าวเหนียว มีอะไร กิน ไปแถมให้ นอนที่บ้านอีก เพราะว่ามันดึกแล้ วไม่ร้ ู จะไปหาอะไรให้ ครับ อาจารย์ สิ่งที่เล่าให้ ฟังนีก้ ็คือว่า ชาวบ้ านเขายังมีแนวคิดอันนีอ้ ยู่ คือ เขาจะไม่เบ็ดเสร็ จว่าอันนี ้ไม่ดี คือไม่ได้ คิดแบบคนเมืองไง คิดแบบว่าถ้ า มันเหลือก็คือเหลือ แล้ วก็ เผื่ อคนอื่น ด้ วย วันที่สว่างแล้ วถึงจะเริ่ มต้ น กับข้ าวมื ้อใหม่ อย่างที่ติดถ้ วยก็ล้างออก แล้ วก็ทํากับข้ าวมื ้อใหม่ แต่ว่า กลางคํ่ากลางคืนนี ้ไม่ให้ ล้าง เป็ นธรรมเนียม แล้ วก็ที่ครอบครัวผมครับ ผมยกตัวอย่างที่ผมเห็นมากับตาแล้ วก็ได้ สมั ผัสมา แต่ว่าคนอื่นเขาก็ทํา เหมือนกัน พฤติกรรมของชาวบ้ านนอกเขาทํา ทํามาอย่างเดียวกัน หรื อ บางครัง้ ที่บ้านก็มีเขาเรี ยกว่า ไทยเด้ อ ก็คือคนไทยโคราชพูดเนิบๆ อะไร อย่างนี ้ ชาวไทยเด้ อที่เขาอพยพมาจากโคราชมาอยู่ที่ใกล้ ๆ บ้ านเขาที่มี ที่ทํานา แต่เขามีภมู ิร้ ูในเรื่ องของการทําเครื่ องปั น้ ดินเผา พวกหม้ อ พวก


อีเนิ ้ง อีเนิ ้งนี ้ไม่ใช่ต่มุ อีเนิ ้งนี ้ คือ กระถางใบใหญ่ๆ ที่ทางภาคกลางเขา เรี ย กกระถางใบบัว กระถางใบใหญ่ ๆ อีเนิง้ ใช้ สําหรั บเป็ นที่ ก็คือ กา ละมังของคนปั จจุบนั คนไทยเด้ อ เขาจะมีภมู ิปัญญาในเรื่ องของการทํา หม้ อ ทําอ่าง ทําอุ ทําไห ทําอีเนิ ้งครับ แล้ วเขาก็เอาไปแลกข้ าว เวลาไป แลกข้ าวมันก็ต้องมีอย่างนี ้ ในช่วงนี ้ประมาณข้ าวเริ่ มเก็บเกี่ยว ชาวไทย เด้ อก็จะหาบ คนนี ้สาวสวยก็อาจจะได้ ข้าวมากหน่อยอะไรอย่างนี ้ แม่ก็ พาลูกสาวหาบของไปแลกข้ าวตามหมู่บ้านคนลาวครับ เวลาผมจะต้ อง เอาข้ าวให้ แม่กําชับตามหลังบอกว่าต้ องตักให้ มนั เต็มๆ อย่าตักให้ มนั โบ๋ๆ เดี๋ยวเกิดชาติหน้ าตาจะโบ๋ ก็ไม่ร้ ูชาติหน้ าซะเมื่อไหร่ แต่ก็เชื่อแม่ ก็ คือต้ องเอาขันใหญ่ๆ แล้ วก็ตกั ให้ มนั พูนๆ เลย ตาจะได้ สวยจะได้ โต จะ ได้ ไม่โบ๋ไปชาติหน้ า แม่ก็มีคําศัพท์ ที่เป็ น อะไรที่มันเป็ นศัพท์ แสงทาง พุทธศาสนา แต่วา่ เขาเชื่อว่ามันเป็ นสิ่งที่เอาเปรี ยบเขาไป ก็เพราะฉะนัน้ เวลาจะให้ ของ แลกของเขานันก็ ้ ต้องเผื่อแผ่เขาด้ วย เพราะที่จริ งข้ าวใน ยุ้งเราก็เยอะแยะเลยก็แบ่งให้ เขาไปกินหน่อยซิ ไม่เห็นจะบกพร่ องอะไร สักหน่อยเลย อย่างนี เ้ ป็ นต้ นครั บ อันนีก้ ็เ ป็ นเรื่ องของวิถีของคนบ้ าน นอก ๓๐ ปี ที่ลว่ งเลยครับ ศรีศักร วัลลิโภดม การพู ด มั น คื อ วิ ธี การผู ก เสี่ ย วและผู ก เกลอ เพราะว่ า ความสัม พั น ธ์ ข องคนท้ อ งถิ่ น ที่ เ ป็ นสัง คมชาวนานัน้ คนในท้ อ งถิ่ น เดียวกันมันพี่น้อง พี่น้องร่ วมบ้ าน พี่น้องร่ วมอะไรต่างๆ เลยไปอีกกลุ่ม


หนึ่ง เป็ นอีกแบบหนึ่งในท้ องถิ่น แต่เขาจะอยู่รวมกันด้ วยการผูกเสี่ยว อย่างเช่นเอาของไปแลกกัน ให้ ทานกัน เพราะว่าไอ้ สิ่งที่จําเป็ นต่อชีวิต มั น ไม่ ไ ด้ ติ ด กั บ ท้ องถิ่ น มั น เป็ นการแลกเปลี่ ย น เพราะฉะนั น้ ความสัมพันธ์ในขณะที่ในท้ องถิ่นเดียวกัน คือ พี่น้อง จะแต่งงานดองกัน อะไร แล้ วก็อีกฝ่ ายหนึง่ บางทีไปผูกเสี่ยวกับพวกเขมรพวกอะไรพวกนีไ้ ป ผูกเสี่ยวแบบนี ้ วิธีแบบนีส้ มัยโบราณมี มีงานของนักมานุษยวิทยาคน หนึ่งชื่อ มาริ น ด๊ อกกี ้ ซึ่งศึกษาเรื่ อง โธเฟล อาดัม บอกว่ามีคนจากอีก เกาะหนึ่ง ไปอี ก เกาะหนึ่ง แต่ ม าช่วยกัน ทํ าพิ ธีกรรมสําคัญ ๆ คล้ ายๆ พิธีกรรม ผ่านการผูกเสี่ยวต้ องซื่อสัตย์ ต่อกัน แลกเปลี่ยนของขวัญกัน แล้ วสิ่งที่ตามมาก็ คือเอาของที่จําเป็ นมาแลกเปลี่ยนกัน คนอีสานใน ภาคใต้ เหมื อ นกั น ถ้ าต่ า งถิ่ น เป็ นผู ก เกลอ ผู ก เกลอโน่ น เกลอนี่ ความสัมพันธ์ เสมอภาคอีกเหมือนกัน แต่ความสัมพันธ์ ที่อยู่ในท้ องถิ่น เดี ย วกั น ในชุ ม ชนเดี ย วกั น เป็ นลัก ษณะพี่ น้ อง มั น ก็ เ สมอภาคอี ก เหมื อ นกัน มัน มี ก ติ ก า แล้ ว กติ ก าอัน นี จ้ ะถู ก คุม ด้ ว ยสิ่ ง นอกเหนื อ ธรรมชาติ ถ้ าคุณ ทํ าผิ ดกติกา อํ านาจนอกเหนื อ ธรรมชาติจะลงโทษ ไม่ใช่เอาตํารวจมาจับ คนในสมัยก่อนนีเ้ ขาอยู่ด้วยความมีการควบคุม ในเรื่ องความเชื่อ อย่าง กระสือ ปอบ อย่างนีเ้ ป็ นกลไกอันหนึ่ง ที่เป็ น Social sanction คือควบคุมอันนี ้ แล้ วการผู้เสี่ยวผูกเกลอก็เช่นเดียวกัน รวมกันไม่ได้ อันนีเ้ ป็ นสิ่ง ที่เป็ น Basic แต่เราสิ่งเหล่านี ม้ ัน ถูกทําลาย หมด เพราะฉะนันที ้ ่อื่นผมคิดว่า เขาก็ฟืน้ ความสัมพันธ์แบบนี ้ขึ ้นมา แต่ เรามี ก ระแสของทุน นิ ย มรุ ม ล้ อ มกัน มากเลย ต้ อ งรั บ เอาไอ้ สิ่ ง ที่ เ ป็ น


Basic มา ผมเสริ มอีกนิดหนึ่ง เวลานี ้อยากจะไปดูริมฝั่ งแม่นํ ้าโขง ผม อยากให้ ไปดูก่อนที่จะฉิบหายไป จากเชียงของไปยังหลวงพระบาง มันมี กลุม่ คนลาวอยู่ตามสองฝั่ งโขง แล้ วกลุม่ ขมุหรื อพวกข่า พวกขมุเป็ นกลุ่ม ที่แปลกมาก คนขมุไม่ใช่เอา......ออกมาทํางานเป็ นลูกจ้ างตามกรุงเทพฯ หรื อ ตามเชี ย งใหม่ เ ยอะ ไม่ อ ยากกลับ ไปบ้ า น แล้ ว หมู่บ้ า นขมุเ ป็ น หมู่บ้านเล็กๆ ฉะนันคนที ้ ่อยู่หมู่บ้านเล็กๆ เขาจะแบ่งปั นกัน สมมุติว่าฆ่า ไก่บ้านหนึง่ ก็เอาไปแจก แล้ วผลัดกัน ไม่ใช้ เงินอะไรก็ได้ เลย เพราะขมุไม่ ตามกระแสโลก กลับไปมีความสัมพันธ์ ที่เสมอภาค ผมไปหมู่บ้านขมุ แล้ ว น่ า สนใจ แล้ ว สิ่ ง ที่ ทํ า ให้ เขาร่ ว มกั น คื อ ดูด เหล้ า ร่ ว มกั น ในไห สมัย ก่ อ นนี ไ้ หโบราณ ไหขอม เป็ นไหเหล้ า แต่ ไ ม่ ใ ช่ เ ป็ นขวด มากิ น ร่ วมกับเขาแล้ วใช้ หลอดไม้ ไผ่ดดู ประเพณีนี ้มันสร้ างความสัมพันธ์ แล้ ว เวลานี ้เราค้ นไปเราจะเข้ าใจว่าการแลกเปลี่ยน มันคุมด้ วยพิธีกรรมทาง ความเชื่ออีกที เดี๋ยวจะพูดต่อไปถึงเรื่ องขุนเจืองอีกที เชิญเลยครับ วีรพงศ์ มีสถาน ผมคงจะเป็ นคนบ้ านนอกจริ ง ๆ ไม่ ใ ช่ คงหรอก จริ ง ๆ นั่น แหละ เพราะฉะนันเวลาผมไปที ้ ่ไหนๆ ผมก็ไม่ร้ ูเหมือนกันว่าทําไมผมก็เจอแต่ สิ่งที่ดีๆ ในเรื่ องของนํ ้าใจ หรื อว่าผมอาจจะเลือกรับฟั งในสิ่งที่ดีๆ ก็ไม่ร้ ู มีอยู่ครัง้ หนึ่งผมมีเหตุที่ต้องไปที่บดู าเปสท์ แล้ วก็ที่หอพัก คนบูดาเปสท์ ผมรู้สกึ ว่าต่อมยิ ้มเขาไม่ทํางานหรื อไง ผมไม่แน่ใจ เวลาจะเข้ าไปหอทีไร ผมไม่สบายใจ เป็ นคนแก่จริ งๆ อายุสกั ประมาณ ๖๐ ปี ประมาณนัน้


ผมก็เลยไม่ร้ ู จะทําอย่างไร ไม่สบายใจจริ งๆ ก็เลยไปตลาด เพราะมัน ต้ องไปตลาดทุกๆ ๒-๓วัน ก็ไปซื ้อกล้ วย กล้ วยแพงครับ ผมไม่เคยที่จะ ซื ้อกล้ วยครึ่ งหวีประมาณแปดสิบบาท ผมไม่เคยคิดจะซือ้ เลย แต่มัน ต้ องซื ้อแล้ วเพราะว่ามันเป็ นอาหารที่กิ นง่ายเพราะว่ามันไม่มีกระดูก ก็ เลยซื อ้ ไป แล้ ว ก็ ซื อ้ มาสองชิ น้ ก็ คื อ ว่ า ชิ น้ หนึ่ ง ไม่ ใ ช่ ห วี น ะ ครึ่ ง หวี ก็ ประมาณสัก ๖-๗ ลูก ก็ซื ้อมาสองอัน ซื ้อให้ ตวั เองอันหนึ่ง แล้ วก็ซื ้อให้ เอาว่ะ คุณป้านันก็ ้ พดู ภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ แล้ วผมก็พดู ภาษาของแก ก็ไม่ได้ ก็เลยทําไง ก็บอกว่าเอามาฝาก ก็สื่อสารกันด้ วยภาษามือก็โอเค. พอรุ่งขึ ้นต่อมานะ เฮ้ ย ต่อมยิ ้มแกทํางาน ก็เลยนึกว่า จริ งๆ แล้ วมันเป็ น Basic ของคนมากเลย ผมคิดว่าสิ่งที่จะให้ มนั สบายกว่าสิ่งที่จะรับ มัน คงจะเป็ นอย่างนันแหละ ้ ตังแต่ ้ นนมาผมรู ั้ ้ สกึ ว่ามันได้ ผลจริ งๆ ไม่ว่าคุณ จะเป็ นชาติ ภาษาอะไรก็ตาม เพราะสิ่งที่เราให้ มันให้ ด้วยสิ่งที่ดีๆ เขาอาจจะมองว่าผมเป็ นคนโง่ ผมไม่ร้ ู ผมยอมเป็ นคนโง่ แต่ว่าผมได้ ให้ กล้ วยเขาไปแล้ ว ตังแต่ ้ นนมา ั ้ ตังแต่ ้ ผมเข้ าๆ ออกๆ จะฝากกุญแจ จะไป ไหนมาไหนก็ได้ รอยยิ ้มเสมอเลย ก็เลยคิดว่าเป็ นเรื่ องที่ดีมากครับ อันนี ้ กลับจากบูดาเปสท์มาถึงบางโพ ที่บางโพ มันจะมีสมาคมเพลงลูกทุ่ง ที่ อยู่ใกล้ บ้านผม วิ่งออกจากบ้ านสักประมาณตีห้า พอตีห้าครึ่ง ประมาณ นัน้ อากาศก็ขมุกขมัวแล้ ว ผมก็บอก เอ๊ ะ มีคนมานัง่ อยู่ ที่สมาคมเพลง ลูกทุ่ง หน้ าประมาณแบบหล่อ ผมคิดว่าผมเป็ นผู้ชายยังมองว่าเขาหล่อ เลย เขามีเคราเหมือนกับริ กกีป้ ระมาณนัน้ มีคนถามว่ามาจากไหน มา ทําอะไร เขาบอกว่ามาจากสุพรรณครับ มาทําอะไรแต่เช้ า เขาบอกว่า


ผมจะมาสมัครร้ องเพลง มันยังไม่เปิ ดเลย ออฟฟิ ศเขาจะเปิ ดประมาณ สิบโมง ก็ผมมาแล้ ว ผมมาแล้ ว แล้ วทําไงล่ะ เขาก็นั่ง อยู่ที่หน้ าประตู ของออฟฟิ ศเขา ผมถามเขาแล้ ว ผมจะขับรถออกมา มันก็กระไรอยู่ ก็ เลยกลับเข้ าไปบ้ านใหม่ก็เอาขวดนํ ้าเย็นขวดละห้ าบาทที่เขาขายที่บ้าน เขาแช่ไว้ ก็เลยเอามา มันคงจะสาย เดี๋ยวไปนัง่ รอที่ป้ายรถเมล์ก็ได้ ไม่ ไกลหรอก แกบอก ไม่เป็ นไรครับ ผมนัง่ รอตรงนี ้แหละ ผมก็เลยให้ นํ ้าเขา ไปขวดหนึ่ง ผมไม่ร้ ูว่าคนๆ นันเป็ ้ นนักร้ องหรื อยัง แต่ผมรู้สกึ ว่าผมได้ ทํา หน้ าที่ของคนบ้ านนอกนัน้ ก็คือว่าเอานํา้ ไปให้ กิน บางทีเขาอาจจะมา จากสุพรรณ อาจจะมารถดึก มาถึงที่นี่มนั ก็มืดอยู่ ก็เลยให้ นํ ้าเขาไป ไม่ เกี่ยวกับตกพูดเลยที่เล่าให้ ฟัง แต่มนั เป็ นเรื่ องของคนบ้ านนอก คนบ้ าน นอกที่ มี วิ ถี ข องการตกพู ด อยู่ ใ นห้ วงสํ า นึ ก ก็ เ ลยเอามาเล่ า ให้ ฟั ง อาจารย์มีเรื่ องตกพูดอื่นๆ ไหมครับ ศรีศักร วัลลิโภดม เรื่ องการให้ นํ ้าให้ ท่าเป็ นเรื่ องธรรมดา เพราะว่าเมื่อก่อนนี ห้ มู่บ้าน คนไทยมีให้ เห็น มีนํ ้าอยู่หน้ าบ้ านอย่างนี ้ เดี๋ยวนีไ้ ม่กล้ ากินเพราะกลัว สกปรก บางที่เขาขายนํ ้าเลย แล้ วก็การให้ ของที่เป็ นสําคัญ มีทุกสังคม ผมจะเล่าให้ ฟัง ผมไปภาคใต้ ในคราวที่แล้ วไปกับกรรมการ กอส. แล้ ว ไปดูว่าความรุ นแรงที่มนั เกิดขึน้ แล้ วจุดที่มีความรุ นแรง คือ อําเภอมา ยอ อําเภอยะรังเรื่ อยจนถึงยะลา พืน้ ที่ตรงนัน้ ฆ่ากันบ่อยเลย แล้ วถาม ว่ า พื น้ ที่ ต รงนัน้ มั น เดื อ ดร้ อนกั น ไหม ไม่ เ ดื อ ดร้ อนครั บ เป็ นสัง คม


ชาวสวนที่ perfect ที่สดุ เลย แล้ วทีนีบ้ ริ เวณเอเชียอาคเนย์ เพราะว่า หมู่บ้านสลับกับสวนทัง้ นัน้ นานาชนิด สมัยก่อนนี ้ ก่อนจะถึงบ้ านจะมี ศาลา ศาลาคนพักร้ อน แล้ วก็ทํารู ปแบบ แบบศาลาสูง สวยมาก แล้ ว ใกล้ ๆ ศาลาจะมีบอ่ นํ ้า เป็ นหย่อมๆ เลย เขาก็ปล่อยให้ คนเดินทางไปพัก ทังกิ ้ น ทังอาบ ้ พักผ่อน นี่เป็ นของคนมุสลิม ปั จจุบนั นี ้ พวกเหล่านีห้ าย พืน้ ที่ถูกจัดเปลี่ยนเป็ นร้ านค้ า เป็ นอะไรต่างๆ นี่คือสิ่งที่มันหายไปใน สังคม แล้ วแต่ก่อนนี ้คนที่เข้ ามาผ่านเข้ าไปไม่จําเป็ นต้ องเป็ นคนมุสลิม หรอก คนพุทธ คนอะไรก็อยู่ด้วยกันได้ นี่เป็ น Basic ที่เกิดขึน้ มา แต่ ปั จ จุบัน นี ไ้ ม่ มี อะไรมัน เกิ ด ขึน้ กับ สัง คมไทย แล้ ว เวลาพัฒ นา เราก็ พัฒนาแต่สิ่งที่มนั เกิน พอเปลี่ยนเป็ นสังคมอุตสาหกรรมแล้ ว พอลงไป ภาคใต้ มนั เหมือนกับคนไปเข้ าโรงงาน ทําโน่น ทํานี่ ทําให้ มนั ปรับไม่ทนั แต่ขณะนีท้ ี่ อันตรายอยู่ ที่ เล่าให้ ฟั งว่ ามัน มีอ ะไรกันมา เพราะมัน ลืม Basic อย่างเช่น คนมุสลิมกับคนพุทธแต่ก่อนนีอ้ ยู่ภาคใต้ งานอันหนึ่ง ของอาชีพอย่างหนึ่งคือการทํานํ ้าตาลโตนด ทําร่ วมหมู่บ้านใครหมู่บ้าน มัน แต่ปัจจุบนั นี ้ตาลโตนดไม่ทําแล้ วเพราะเข้ าโรงงานหมด คนไทย คน เด็กคนไทยปรับตัวได้ เพราะมี โอกาสมาก แต่เด็กมุสลิมไม่มี ครับ แล้ วก็ กลับไปทํานํ ้าตาลโตนดก็ไ ม่มีคนเอา นาเราก็ยงั ร้ างอยู่เลยครับ เกิดนา ร้ างมากในภาคใต้ คุณมุ่งไปทางอุตสาหกรรม เพราะฉะนัน้ คนมุสลิม ปรั บไม่ทันเกิดความเคว้ ง แล้ วคนรุ่ นใหม่มันกู่ไม่กลับแล้ วก็รุนแรงท่า เดียว ฉะนันเวลาพั ้ ฒนาไม่เข้ าใจ แล้ ว Basic อันนี ้มันเชื่อมโยงจนถึงอัน นีแ้ ล้ ว แต่ว่าสังคมที่ เป็ นทุนนิยมเท่านัน้ มันทําลายฐาน ผมถึงว่าพืน้ ที่


สาธารณะ ใช่ไหมครั บ พืน้ ที่ที่เคยใช้ ทรัพยากรร่ วมกันถูกแย่งชิงหมด อันนี ้คือตัวอย่าง เวลานี ้พูดง่ายๆ ที่อนั ดามันมันกําหนดแบบนี ้หมดเลย แต่ก่อนนีอ้ ย่างที่บอกว่าชาวเลเขา Express ว่า ถึงเวลาที่คนไทยชิง เปรตเขาจะแห่กันไปเอาอาหาร คือ ถ้ าหากว่าไม่ไปถือว่างานอันนันไม่ ้ Perfect เป็ นบุญคุณกันไป อันนี ้คือการแบ่งปั น คนมุสลิมเองถึงเวลาที่ ไปที่วดั พรหมประสิทธิ์ เข้ าไป ถ้ าเป็ นคนมุสลิมมีงาน คนไทยไปกิน แต่ คนไทยมีงานคนมุสลิมไม่ค่อยมา แต่จะมาช่วยอย่างอื่ น แต่ถ้าหาพ่อ ครั ว คื อ ทํ า อาหารไม่ เ ป็ น ก็ จ ะมา แต่ ทัง้ คู่ ไ ม่ เ ข้ าวัด ซึ่ ง กั น และกั น เพราะฉะนันเวลาผมไป ้ observe ในวัดต่างๆ ศาลาโถงกลางวัด คน มุสลิมมาทังนั ้ น้ มานัง่ กิน มานัง่ ทําอะไรต่างๆ สัมพันธ์กนั ไปหมดแหละ ครับ แต่วา่ หลังจากนันไม่ ้ ร้ ูมนั เกิดอะไรขึ ้นมา นี่คือปั ญหา มันก็คือระบบ แบบเดิมที่แบ่งกันอะไรกัน แล้ วทําลายฐานของความอยู่รอดของความ เสมอภาคไปหมด แต่สงั เกตไหมว่าที่อาจารย์พดู มามัน Base on ความ เสมอภาคเท่ากัน และอาจจะอ่อนแก่ตามอาวุโส แต่ความเหลื่อมลํ ้าไม่มี วีรพงศ์ มีสถาน เริ่ ม ต้ น ก็ ขึ น้ จากท้ า วฮุ่ง ไงครั บ ตอนนี ก้ ็ ค งจะมาถึ ง ราชดํ า เนิ น เพราะว่าเราจะปรับอย่างไรกับแนวคิดว่าการแบ่งปั นมันมีเฉพาะแต่ใน อีสานหรื อเฉพาะบ้ านนอก ผมจะเปิ ดรูปให้ แต่มนั ไม่เกี่ยวกับตกพูด อัน นี ้เป็ นชาวบ้ านครับ เขาไปร่ วมพิธีเหยาที่แถวบ้ านท่าศาลา อําเภอพรหม สวรรค์ จังหวัดสกลนคร ก็ไปถ่ายรูปเขามา ที่จริ งแล้ วการแบ่งปั นนัน่ มัน


มีได้ ทกุ กรณี เพียงแต่ว่าเราจะทําไปได้ แค่ไหน ที่จริ งผมก็ อย่างเวลาขับ รถออกจากบ้ าน เคยตังใจ ้ ตังใจอยู ้ ่บ่อยๆเลยว่า อย่างน้ อยก็จะให้ ทาน อย่างน้ อยสองคน ตัง้ ใจไว้ เลย แต่ผมทําใจไม่ได้ คือ มีคนมาขึน้ ที่คอ สะพานตั ง้ ยี่ สิ บ คน อยู่ ๆ ก็ จ ะมาขอ คื อ ผมจะไม่ ใ ห้ ที่ แ ถวบ้ าน เพราะฉะนันการแบ่ ้ งปั นในสังคมเมืองก็สามารถจะทําได้ ครับ สามารถ จะแบ่งปั นกันได้ หลายๆอย่าง แม้ กระทัง่ ขึ ้นไปบนรถเมล์ก็สามารถจะลุก ให้ เขานัง่ ได้ อย่างนี ้เป็ นต้ น เพราะฉะนันผมคิ ้ ดว่าการแบ่งปั นไม่ควรไป จํ า กัด อยู่ที่ บ้ า นนอกเท่ า นัน้ แต่ ว่ า ควรจะอยู่ใ นเมื อ งด้ ว ย ครั บ คื อ อยากจะฟั งเสียงที่คณ ุ ผู้ฟังร่วมด้ วย ศรีศักร วัลลิโภดม จะเปิ ดโอกาสให้ มี ก ารแลกเปลี่ ย นกัน ผมคิ ด ว่ า ในระบบของ เศรษฐกิ จ แบบพอเพี ย ง มัน มี ทัง้ สิ่ ง ที่ เ รี ย กว่ า Distribution กับ Redistribution การทําตกพูด มันเป็ น Distribution ฐานเสมอภาคโดย ผ่ า นพิ ธี ก รรม อั น นี จ้ ะเห็ น ในช่ ว งเวลาพิ ธี ก รรมจะมี เ หตุ ก ารณ์ Distribution อันนี ้ เพราะฉะนันงานในหมู ้ ่บ้านก็เป็ นส่วนหนึง่ เพราะเป็ น เรื่ องอาหารการกินทังสิ ้ ้น ไม่ช่วยเงินสมัยก่อนนี ้ เอามะพร้ าว เอาข้ าวมา ทํา แล้ วก็เข้ าไปกินร่ วมกัน อย่างผมไปในกลุ่มของไทยใหญ่ เวลาเขา แต่งงานก็สบาย เรี ยบร้ อยเลยทังเขมร ้ ลาว ไปนัง่ กินสบาย เข้ าไปตังโต๊ ้ ะ เลย นี่คือวิธีการกระจายครั บ แล้ วก็เวลาการแต่งงานสมัยก่อนระหว่าง เจ้ าบ่าวกับเจ้ าสาว ต้ องแลกเปลี่ยนสิ่งของกัน พวกนีต้ ่อกัน ไม่ใช่หยุด


แต่งงานแล้ วเลิกกัน มันมีการตอบแทนกันไปมา ตอบแทนของเขาด้ วย การแจกอ าหาร คื อ เรื่ อง ของ การแบ่ ง ปั น กั น อี ก อั น หนึ่ ง คื อ Redistribution อยู่ที่หัวหน้ า สําหรับคนที่อยู่ระดับหนึ่งของคนที่เป็ น สัง คมที่มีหัวหน้ าเผ่า ตัวหัวหน้ าเผ่าจะทําการ Redistribute เมื่ อ สมัยก่อน พวกทรัพยากรหลายๆ อัน จะถูกมากองไว้ ที่บ้านหัวหน้ า เผ่า แล้ วหัวหน้ าเผ่าก็จะแจกจ่ายคนที่ยากไร้ แต่เดี๋ยวนีไ้ ม่ใช่ คนไหนเป็ น หัวหน้ าเก็บเรี ยบเลยครับ แจกแต่พี่น้องตัวเอง แล้ วคนที่เป็ นหัวหน้ าเผ่า หั ว หน้ าหมู่ บ้ าน มั น ต้ องเป็ นคนที่ มี คุ ณ ธรรม ถู ก รั บ เลื อ กมาด้ วย คุณธรรม เดี๋ยวนีไ้ ม่มีครับ พวกกํานัน ผู้ใหญ่ บ้าน หรื อ อบต. ใช้ ไม่ได้ ทังนั ้ น้ สมัยก่อนมันเป็ น Basic อย่างนี ้ แล้ วเราขาดสิ่งเหล่านี ้ครั บ อันนี ้ คือเสริ มตรงนี ้ วีรพงศ์ มีสถาน ไหนๆ อาจารย์ เสริ มไปแล้ ว ผมถามอาจารย์ ต่ อ ไปเลย ผมเห็ น สังคมอีสานครับ รู้สึกว่าจะเป็ นรูปแบบหนึ่งที่ผมคิดว่าเป็ นลักษณะเด่น แต่ไม่ร้ ูว่าดีหรื อเปล่า คือ คนอีสานจะแบ่งปั น อย่างสมมุติว่าใครกลับมา ขับแท็กซี่ ขับแท็กซี่สกั สี่ห้าเดือนแล้ วกัน พอเพื่อนบ้ านเห็น มึงมาจาก กรุงเทพฯ เหรอ เดี๋ยวขอเหล้ ากินแล้ ว ไม่ใช่กินนิดเดียว กินก็บางทีมาไม่ พร้ อมกัน บางทีก็มาเป็ นเหมือนว่ามาเยี่ยมเยียน แต่ว่ามีอะไรวะ พอ หรื อ เปล่า มี อ ะไรบางอย่ า งที่ มัก จะถาม สรุ ป ก็ คื อ อยากจะกิ น เหล้ า ฉะนัน้ บางคนขัดไม่ได้ ก็ต้องซือ้ เหล้ าให้ กิน บางคนผมเคยได้ ฟังเพื่อน


คนขับแท๊ กซี่เล่าให้ ฟังว่าเขาเคยไปทํา งานที่เกาหลีมาได้ เงินมาสี่แสน ครั บ เขาต้ องเลี ้ยงพวกพ้ องเพื่อนบ้ านที่มาเยี่ยมเยือนกันหมดไปสอง แสน เพราะมันล้ มหมูไง ล้ มหมู คนนี ้ไม่พอก็ต้องล้ มหมูอีกตัวหนึ่ง อะไร อย่างนี ้ ปรากฏว่านับไปนับมาหมดไปสองแสน เขาเล่าให้ ฟัง ศรีศักร วัลลิโภดม เรื่ องธรรมดาเลย เพราะสมมุติว่ามีการบวชนาคก็เป็ นตัวแบ่งสรร เพราะว่าทํางานใหญ่ๆ ต้ องล้ มหมูล้มควาย แล้ วก็เงิน ไหว้ เจ้ า ไหว้ เป็ น พิธีกรรม นอกนันแจกกั ้ น มันก็เป็ นวิธีที่อยู่ได้ โดยที่ไม่ต้องใช้ เงิน วีรพงศ์ มีสถาน ผมว่าสิ่งที่มนั เป็ น ไม่ร้ ู ว่าเขาเป็ นปั ญหาหรื อเปล่า แต่ผมฟั งแล้ ว มันเป็ นปั ญหาก็คือว่า คนนันเขาไปทํ ้ างานได้ เงินมาสี่แสนแทนที่เขาจะ ได้ ม าบริ ห ารจัด การ เนื่ องจากเขาอยู่ใ นสัง คมอี ส านซึ่ง จะต้ อ งมี การ แบ่งปั นอย่างที่ว่า เขาปฏิเสธไม่ได้ เขาจะปฏิเสธที่ มึงอย่าไปกินเลย พูด ไม่ได้ เลยคํานี ้พูดไม่ออก ศรีศักร วัลลิโภดม มันถ่ายทอดกันมา วีรพงศ์ มีสถาน


คือ ความจําเป็ นที่เขาต้ องอยู่ในสภาพเช่นนัน้ ศรีศักร วัลลิโภดม เปล่า มันคือ คือปั ญหาอันนี ้ คือ โลกมันเปลี่ยนไปแล้ ว แต่ยงั คงรูป เดิมอยู่ คือ มันจนเท่านัน้ คือ มันปรับไม่เป็ นไง ว่ามันควรจะสร้ างกติกา ใหม่ จะเลี ้ยงคนหมดเท่าไหร่ แต่ไม่ใช่ทะลักถึงสี่แสนหมดเลย สมัยก่อน นี ้มันมีกาลเทศะอยู่ คืองานนี ้มันงานอะไร เวลานี ้เราติดอยู่กบั พอได้ มา ต้ อ งมาเลี ย้ งฉลองกัน สมัย ก่ อ นไม่ ไ ด้ มัน มี ป ระเพณี เ ขาอยู่ วัน เกิ ด แต่งงาน หรื อโกนจุก หรื อประเพณี สิบสองเดือน เขามีอยู่ในโอกาสอัน นัน้ แล้ วประเพณีบางอัน มันมีกติกากําชับเรื่ องความเชื่อ ไม่ใช่ซี ้ซัวครั ้ บ ตอนหลังมันมาพวกประเภทติดเหล้ า แล้ วก็อ้างอันนีข้ ึน้ มา แล้ ว พวกนี ้ เข้ าใจว่าบางทีมนั ไม่ได้ มี Function ตลอดไป ฉะนันเวลาเราทบทวนสิ ้ ่ง เหล่านี ้ต้ องดูว่ามันเหมาะกับกาลเทศะหรื อเปล่า วีรพงศ์ มีสถาน คือ เขาทนไม่ได้ ที่จะบอกว่าเป็ นคนตระหนี่ เป็ นคนขี ้เหนียว เขาทน ไม่ได้ เพราะฉะนัน้ เขาก็เออออห่อหมกไป บางทีเดินผ่านหน้ าบ้ าน ไม่ แวะทักเลยนะ กลัวให้ เลี ย้ งเหล้ า หรื อ ไง อ้ า ว มี คําเหน็ บ ๆ เขามาอี ก เดี๋ยวก็ต้องเลี ้ยงอีก ศรีศักร วัลลิโภดม


คือ แบบนี ้มันเป็ นเรื่ องของสังคมที่มนั เปลี่ยน แล้ วก็คนสมัยก่อนที่ กรุ งเทพฯ เลี ้ยงเหล้ าอยู่ทุกวัน ถ้ าไม่เลี ย้ งก็แสดงว่าคนไม่เผื่อแผ่ ไม่ให้ กินเหล้ าก็ไม่เอา แล้ วก็อยู่ไม่ได้ บางทีข้าราชการในท้ องถิ่น อย่างพ่อผม ไม่ยอมกินเหล้ ากับเขา มันหาเรื่ องให้ ติดคุก สมัยก่อนนี อ้ ยู่ต่างจังหวัด หาเรื่ องเลย นี่คือการใช้ ความสัมพันธ์ แบบเดิมขึน้ มาเรี ยกร้ อง มันมีการ เปลี่ ย น เพราะฉะนัน้ เวลาเราศึก ษาพวกนี ้ เราต้ อ งดูบ ริ บ ทของเขา เหมือนกันว่าเราอยู่ในบริ บทของท้ องถิ่นหรื อชุมชน แต่ถ้าเอาไปใช้ มันก็ เกิดปั ญหาขึ ้นมา ฉะนันเวลาเราศึ ้ กษาเรื่ องนี ้ต้ องระวัง เมื่อกี ้เห็นภาพอัน นี ้เป็ นศาลเจ้ าใช่ไหมครับ วีรพงศ์ มีสถาน เป็ นบ้ าน เป็ นศาลในประจําครัวเรื อน อันนี ้เขาไปเจาะเอานํ ้ายาง ต้ นยาง ต้ นยางนาครับเอามาทําครุ ครุ คือ ว่าตะกร้ าสานแล้ วเขาก็เอา ชัน ขี ้กีมาผสมกับนํ ้ามันยาง แล้ วก็มาคลุก คลุกแล้ วก็มาทาตะกร้ า จาก ตะกร้ ามาเป็ นครุ ซึง่ ตะกร้ าใส่นํ ้าไม่ได้ ก็จะกลายเป็ นครุ บางทีทางชุมชน เขาห้ ามไม่ให้ มีการทํา เพราะว่าคนก็จะไปวิสาสะทาแล้ วก็ไปเผาเอานํ ้า ยางหมด เขาก็เลยห้ าม ผมก็ไปถ่ายรูปมา อันนี ้ก็คือ ต้ นโดง ต้ นโดงก็คือ ในท้ องทุ่งก็มี ท้ าวฮุ่งมีกล่าวถึงต้ นโดง คือพ่อของท้ าวฮุ่งตาย ฉะนันเขา ้ ทํางานศพ เขาเอายางโดงมาทําไล้ ฝาโลง ทายาโลงเพื่อไม่ให้ นํ ้าเหลือง มันซึมออก ขัน้ ตอนก็คือเขาต้ องเอาไปผสมกับขีว้ วั แห้ งเอาผสมกับนํา้ ยางโดง แล้ วเขามีวิธีการที่จะจัดการกับงานศพอย่างไร ในท้ าวฮุ่งมีก


ล่าวไว้ ผมก็ไปตามหายางโดง เพื่อจะรู้ว่าไอ้ โดงมันคืออะไร โดงมีทงสอง ั้ อย่าง คือ โดงแดงกับโดงขาวอีกต่างหาก แล้ วพวกนี ้คนบ้ านนอกเขาเอา ไปทําธูปด้ วย เปลือกโดงเอาไปทําธูปแล้ วก็ใส่....... แล้ วก็มีพวกกํายาน ผสมด้ วย พูดไปพูดมามันจะออกนอกเรื่ องตกพูดอาจารย์ ศรีศักร วัลลิโภดม อันนี ้เรื่ องเกี่ยวกับ ....... มันเคยปรากฏในตํานานเรื่ องพระร่ วง...... มีชะลอมตักนํา้ ไว้ คือ ครุ ถามว่าทําไม มันเป็ นการเจอคนสองถิ่น ถิ่น ทางอีสาน หนึง่ พันครุ ท้ องถิ่นแถวชัยภูมิ ตักนํ ้าแล้ วก็นนั่ ได้ แต่ทางเขมร อาจจะใช้ พวกเครื่ องปั น้ ดินเผา เพราะฉะนันเรื ้ ่ องในตํานาน มันเป็ นสิ่งที่ อยู่ในเรื่ องราวชาติพนั ธุ์ แล้ วสิ่งที่ค้นพบ มันไปอยู่ในเรื่ องของชาติพนั ธุ์ ทังสิ ้ ้น แต่เราไม่พยายามจะศึกษาเท่านันเอง ้ เพราะฉะนันอย่ ้ างเรื่ องของ ท้ าวฮุ่งมันก็เป็ นภูมิปัญญาที่มนั อยู่ในนัน้ แต่เราไปดูแต่เนือ้ เรื่ อง ไปรบ ใคร ฟั นใคร บันทึกไว้ หมดเลย วีรพงศ์ มีสถาน ดูเรื่ องพระร่วง แล้ วมีเกร็ดพูดถึงนกกู้หกุ นกกู้หกุ ชาวบ้ านนอกก็จะ มีตํานานมาประกอบว่านกกู้หุก ที่ จริ งมันคือนกเค้ าแมวหรื อนกฮูก นก แสก เวลามันร้ องคนที่ เขาเชื่ อ ถื อ เขาจะหนาวสะท้ านเลย หนาวเลย แหละ หนาวจนเขากลัวว่าจะต้ องเอาวิญญาณไป นกเค้ าหุกก็มีอยู่ในนี ้ ครับ มีเรื่ องของนกเป็ ดต่องอย่างนี ้ครับ คือถ้ าเอาศัพท์สตั ว์ มาเรี ยงกันนี ้


ค้ นเยอะมากเลยในเรื่ องท้ าวฮุ่งครับ ต้ องคราวหน้ าจะเขียนแบบบ้ าน นอกๆ ให้ ฟังต่อ ข้ างล่างมีอะไรเสริ มไหมครับ ศรีศักร วัลลิโภดม มี ประเพณี เก่ าๆ หลายอย่ าง มัน อยู่ใ นวรรณกรรมเก่ าๆ แต่เรา ไม่ได้ ไปดูความพออย่างเดียว เราต้ องไปดูว่ามันมีสาระอะไรต่อจากนัน้ แล้ ว คํ า เก่ า ๆ มั น มี อ ยู่ต รงนัน้ อย่ า งเรื่ อ งของท้ า วฮุ่ง หรื อ เจื อ ง เป็ น วรรณกรรมที่เก่าที่สดุ เลย ผมคิดว่าประมาณถึงศตวรรษที่ ๑๙ หรื อ ๒๐ หรื อน่าจะให้ เป็ น ๒๑ ภาษาเก่ามาก ศตวรรษที่ ๒๑ มาถึงเรื่ องภาษาใน ทวาทศมาส กําศรวลสมุทร นิราศหริ ภญ ุ ชัย แต่ท้าวฮุ่ง ก่อนหน้ านันแล้ ้ ว ใช้ คําที่แปลก เพราะเรื่ องท้ าวฮุ่งและเจือง มันไม่เรื่ องของคนเผ่าเดียว มันเป็ นการรวมของคนหลายกลุ่มในลุ่มแม่ นํา้ โขง เพราะฉะนัน้ เวลา อาจารย์ พูดถึง ตกพูด มันก็อยู่ในกลุ่มคนที่ล่าสัตว์ ทํานาก็มี อะไรก็มี เพราะฉะนันมั ้ นจะทําความเข้ าใจได้ หลายอย่าง แล้ วตัวมันเองเป็ นรหัส ซึง่ บางคนจะไม่เข้ าใจ ฉะนันเรื ้ ่ องของท้ าวฮุ่งหรื อเจือง เป็ นความสัมพันธ์ ของคนลุ่มแม่นํ ้าโขง ทีนี ้มีตํานานอยู่สองอันที่จะต้ องทําความเข้ าใจคือ หนึ่ง ท้ าวฮุ่งหรื อเจืองกับตํานานขุนบรม มันจะชนกัน ถัดไปคือ คติเรื่ อง พญานาค แล้ วเป็ นตัวแม่นํ ้าโขงที่เชื่อมกันไป เชื่อมแม่นํ ้าโขงสัมพันธ์กนั มาก ทัง้ เขตลาว ทัง้ เขตเวียดนาม แล้ วตัวลํานํ า้ โขงเป็ นตอน คือ ตัว พญานาคเลย ....... คือ ตัวลําตัวของพญาศรี สจั นาค เรื่ องนาคมันทําให้ เชื่อมโยงคน ทําให้ เป็ นบูรณาการ ทําให้ คนหลายกลุ่ม เป็ นคนลุ่มนํ ้าโขง


เหมือนกัน อันนี ้มันมีความหมาย มันก็จะเข้ าใจถึงอดีต มันต้ องค่อยๆ ศึกษาไป วีรพงศ์ มีสถาน คิ ด ว่ า เรื่ อ งของแบ่ ง ปั น มัน จะมาใช้ ในกรุ ง เทพฯ ได้ ห รื อ เปล่ า อาจารย์ หรื อจะต้ องรอให้ เป็ นเฉพาะคนบ้ านนอกคอกนาเท่านัน้ เชิญ ครับ ศรีศักร วัลลิโภดม การจะใช้ ในกรุ งเทพฯ ยาก เพราะกรุ งเทพฯ เป็ นของคนที่ไม่มีหวั นอนปลายตีน คนในกลุ่มมัน ไม่ มี ฉะนัน้ มัน จะใช้ ทีละกลุ่ม ๆ เท่ านัน้ เพราะนัน้ เวลาเราจะใช้ ต้องอยู่ใ นบริ บททางสังคม ต้ องอยู่ในภายใน Social context คือ บริ บททางสังคม ถึงจะรู้ว่ามันมีความหมายอย่างไร เพราะฉะนันเวลาดึ ้ งเขามาใช้ เราต้ องรู้ว่าจะดึงมาใช้ ในโอกาสอะไร วีรพงศ์ มีสถาน จริ งๆ ก็อยากจะสนับสนุนให้ คนกรุงเทพฯใจลูกทุ่งอะไรประมาณนี ้ จะทําอย่างไรให้ สงั คมนี ้มัน ถ้ าเราคิดว่าการมีนํ ้าใจมันเป็ นเรื่ องดี ผม ว่ามันน่าจะมีวิธีการในเรื่ องอื่นๆ ที่ผลักดันสนับสนุนให้ มีการแบ่งปั นให้ มากขึ ้นครับ


ศรีศักร วัลลิโภดม ที่เรามาคุยกันวันนี ้ เพื่อให้ เรี ยนรู้ ว่าคนในกลุ่มเหล่าในสังคม เขา อยู่กนั ดํารงกันอย่างไรอย่างยัง่ ยืน มีแบ่งปั นกัน แล้ วสิ่งที่เราได้ เรี ยนรู้ เรา อาจจะนํ า มาใช้ ใ นการทบทวนหรื อ ทํ า อะไรใหม่ ๆ เพราะว่ า สิ่ ง ที่ มัน เกิดขึ ้นใหม่ๆ ขณะนี เ้ ราผิดความเป็ นมนุษย์ไปแล้ ว ที่ผมบอกว่าเวลานี ้ กําลังสร้ างสัตว์เดียรฉาน เพราะฉะนัน้ สัตว์ที่ เป็ นกลุ่มมันมีกติกา แล้ ว กติกาก็ คือความเชื่ อ ที่ จรรโลงศี ลธรรม มี สิ่ง ศักดิ์ สิท ธิ์ ที่ คอยครอบงํ า ทัง้ สิน้ แล้ วถ้ าทํ า ผิ ดกติกา คุณ จะต้ อ งได้ รับความวิ บัติ เพราะฉะนัน้ ทําไมเขาจึงจําเป็ นต้ องทํา แล้ วถ้ าคุณไม่ทํา คุณไม่ใช่พวกเขาแล้ วคุณ ผิด ยังมีประเพณีที่เป็ นขึด คราวหน้ าจะเอาเรื่ องขึดขึ ้นมาพูด ขึดหรื อขะ ลํา คือ ขะลํา จะเข้ าไปถึงแกนกลางของการควบคุมสังคมโดยตรง แม้ แต่ กระสือ หรื อปอบ ก็เป็ นหนึ่งของการควบคุมพฤติกรรมในสังคม ฉะนัน้ ก่ อนนีค้ นในท้ องถิ่ นมี โดยอธิ บายไม่ ได้ คนนัน้ เป็ นปอบ ถ้ าคน อีสานมอง ถ้ าคนภาคกลางเป็ นกระสือ แต่ภาคเหนือเป็ น ....... แล้ วก็ เอาเรื่ องในทางมานุษยวิทยาเรื่ อง วิสคาฟ เป็ นการกล่าวหาคนที่ทําอะไร ผิ ด ปกติ ถ้ า ทํ า ไอ้ ค นที่ มี ค วามชั่ว ร้ ายต้ อ งขับ เลย รวมทัง้ ประเพณี บางอย่า ง เวลานี ้ อย่ างมั่วกัน เรื่ อ งทางเพศ พ่ อ ข่ ม ขื น ลูกอะไรต่า งๆ สมัยก่อนนี ้ถูกเนรเทศออกจากชุมชนเลย เพราะถือว่าเอาไว้ เป็ นความ วิบตั ิของสังคม เพราะอะไรทุกอย่างที่เกิดขึ ้นจะต้ องพูดถึงความฉิบหาย ของสังคมเป็ นส่วนมาก เป็ นส่วนใหญ่ เลย แต่ปัจจุบัน นีไ้ ม่ ใ ช่ เพราะ กฎหมายสมัยนี เ้ ป็ นกฎหมายมาจากสาธารณ์ สมัย ก่ อ นนี ม้ าจากสิ่ง


ศักดิ์สิทธิ์ เพราะความเป็ นเดียรฉาน มัน สร้ างอะไรที่ม าจากสิ่งที่เ ป็ น สาธารณ์ มันถึงได้ เกิดละเมิดกฎหมาย ยื่นกฎหมาย โดยเฉพาะผู้ใหญ่ ทางการเมืองขณะนี ้ บ้ านเมืองจะวุน่ วายเพราะไอ้ ระยําอย่างนี ้ วีรพงศ์ มีสถาน ครั บ มี ไมค์ ข้างหลัง ครั บ เผื่ อ จะร่ วมคุยอะไร แลกเปลี่ยนแสดง พฤติกรรมของคนบ้ านนอกมาบ้ างครับ ผมจะได้ มีเพื่อนอยู่บ้านนอกบ้ าง เชิญครับ มีไหมครับ ไม่มี มีแต่คณ ุ ผู้ฟัง ไม่มีคณ ุ ผู้พดู ผู้ร่วมฟั งการสนทนา อย่างมาโฮมกันครับ มาโฮมกัน อันนี ้คล้ ายๆๆกันหรื อไหมครับ วีรพงศ์ มีสถาน โฮม แปลว่า รวม ชุมนุมเท่านันเอง ้ มาโฮมกัน มาชุมนุมกัน ซึ่งมา โฮมบุญ ก็คือว่า ไปร่ วมชุมนุมกันในกิจกรรมอันเป็ นงานบุญ ก็เรี ยกว่า มาโฮม ไม่ใช่ภาษาอังกฤษครับ ภาษาลาว ใครเคยเห็นดอกคัดเค้ าบ้ าง ครับ ผมไปมุดในป่ า แม่บอกว่านี ้ ดอกคัดเค้ า หอมมาก ขนาดของดอกก็ ประมาณดอกแก้ ว โตกว่านิดหน่อย ศรีศักร วัลลิโภดม ดอกคัดเค้ านี ้บานเช้ าหรื อบานเย็น


วีรพงศ์ มีสถาน ผมไปตอนสายมันก็บานอยู่ครับ ศรีศักร วัลลิโภดม โสนบานเช้ า ดอกคัดเค้ าบานเย็น วีรพงศ์ มีสถาน ผมถ่ายรูปตอน 11.00 น ครับ ศรีศักร วัลลิโภดม ทีนี ้เวลาบอกบานเย็น มันต้ องมีรหัสอะไรสักอย่างหนึง่ ที่ถึงได้ เขียน ออกมาอย่างนัน้ ผู้เข้ าร่ วมฟั งการสนทนา เขาบอกว่าอย่างนี ้ค่ะ มันเป็ นชื่ อดอกไม้ ทงั ้ หมดค่ะ โสน บานเช้ า คัดเค้ า บานเย็น สี่ชนิดค่ะ สี่ดอกไม้ ค่ะ ไม่ใช่ว่าบานตอนเช้ าตอนเย็น เป็ นชื่อดอกไม้ ค่ะทังสี ้ ่ชนิด ศรีศักร วัลลิโภดม


แล้ วทํ าไมเขาเรี ยกดอกไม้ สี่ช นิ ด มาเป็ นกลุ่ม มัน มี ความหมาย อย่ า งไร มัน ต้ อ งมี ค วามหมายแต่ ล ะอย่ า ง มัน ถึ ง ได้ เ อามาเป็ นกลุ่ ม ทํ า ไมอย่ า งอื่ น ไม่ เ อาล่ะ เพราะว่ า สัง คมชนบทมัน มี ค วามสัม ผัส กับ ธรรมชาติมากเลยครับ ในการคัดสรรชื่อต้ นไม้ ชื่อดอกไม้ มันมีความ เป็ น Concept อยู่ของสวน ป่ ากับสวนต่างกัน ป่ าหมายถึงว่ามันไปตาม ธรรมชาติของมัน แต่สวนคือการปรุงแต่ง ฉะนันชื ้ ่อหนึ่งมันถึงรวมกลุ่ม กันเข้ าไป แล้ วบางทีเขาจะเลือก ทําไมเขาจึงเลือกตรงนัน้ เวลานี ้ดอกไม้ ชนิดหนึง่ ที่เป็ นท็อปฮิตอยู่คือ ลัน่ ทมมาเป็ นลีลาวดี จะบ้ าตายแล้ ว คุณรู้ ไหม ดอกลั่นทมมันมี ความหมายอย่างไร ดอกลั่น ทมทั่วไปเขาเรี ย ก จําปากะ จําปาสี่ต้น ไม่ใช่ดอกจําปาสีเหลือง จําปาก็คือลัน่ ทมนัน่ เอง แล้ วพันธุ์ลนั่ ทมมันไม่ได้ เกิดขึ ้นในนี ้มันมาจากที่อื่น แต่มนั มา มันมาแล้ ว แล้ วตอนนี ้มีที่เม็กซิโก มันมีทงนั ั ้ น้ แต่เขาจะปลูกในเขตที่เป็ นสถานที่ฝัง ศพ พวกราชวัง แต่ว่าบ้ านธรรมดาจะไม่ปลูก พวกคนไทยแต่เดิมเขาถือ เขาจะไม่ปลูก บางคนเข้ าเรี ยกลั่นทม แล้ วก็มาเปลี่ยน แล้ วคุณรู้ ไหม ดอกลัน่ ทมหรื อดอกจําปากะ เป็ นดอกไม้ สวรรค์ ถ้ าคุณไปดูที่ศรี ลงั กาที่ ภาพอัปสราที่ ติดสุริยะ ถื อดอกลั่นทม แล้ วไปดูถือ ดอกลั่น ทมใช่ไหม แล้ ว ดอกลั่น ทมเป็ นดอกไม้ ศัก ดิ์ สิ ท ธิ์ กลิ่ น มัน ได้ ก ลิ่ น กลัว ผี ขนลุก สมัยก่อนนีผ้ มเข้ าไปขนลุก ไปเจอพัดลมวิ่งกัน คือปั ญหาที่มันมี กลิ่น ของมันแปลก แล้ วเวลาเขามาทัดดอกไม้ อย่างในละครชาตรี เป็ นพวง อุบะตรงปลายดอกลัน่ ทม ลาวก็เอามาเป็ นดวงจําปา แต่คนไทยเรี ยก ลัน่ ทม แล้ วเอามาปลูกในหมู่บ้านได้ เลย เรี ยก ลีลาวดี


วีรพงศ์ มีสถาน ภาพที่ เห็น เป็ นไปแหย่ไข่มดแดงมาครั บ กลับมาจากแหย่ไข่ม ด แดง เวลาไปเก็บข้ อมูลตามต่างจังหวัดสนุกมาก ครับก็คงจะมีเรื่ องเล่า ให้ ฟังแค่นี ้ครับ เพราะว่าหมดภูมิแล้ ว ครับ อาจารย์จะสรุปอะไรไหมครับ ศรีศักร วัลลิโภดม ครับ ทางมูลนิธิฯ ก็จะพยายามเอาสิ่งที่แปลกๆ ที่เป็ นเรื่ องราวที่ เรามี ที่เป็ นความหมายกับการดํารงอยู่รวมกัน เข้ ามา มาทบทวนกัน อย่างเช่น ขึดหรื อขะลําอะไรต่างๆ ที่จริ งแล้ ว ขึดหรื อขะลําหรื อข้ อห้ ามนี ้ ภาษาอัง กฤษเรี ยก Taboo คุณ ได้ กลิ่ น นํ า้ หอมตาบู คือ ข้ อ ห้ าม คื อ Taboo มันภาษาของชาวโพลีนีเชียน แล้ วนักมานุษยวิทยาพยายามไป ศึกษา มนุษย์ทกุ ชาติ ทุกภาษาในเชิงเปรี ยบเทียบ แต่ก็พบว่าสิ่งหนึ่ งที่ มนุษย์ ร่วมกัน เป็ นสถาบันอันหนึ่งคือ เรื่ อ งของข้ อห้ าม โดยจึงเอาชื่อ ของ Taboo ซึง่ เป็ นภาษาพวกโพลีนีเชียนมาใช้ พอเรามาเทียบ ของเรา อี ส านเรี ย ก ขะลํ า ทางภาคเหนื อ เรี ย ก ขึ ด แล้ ว ยัง มี ภ าคกลางใน กฎหมายโบราณ เรี ยก ขนาด คือ ข้ อ ห้ ามขนาด อย่างปั ญ หาว่า การ สร้ างบ้ านสมัยก่อนนี ้ อย่าไปลํ ้าที่ของกันและกัน เรี ยกว่า ขนาด ถ้ าไปลํ ้า ที่จะเจ็บป่ วย ทีนีไ้ ปดูกฎหมายมาตราเบ็ดเสร็ จ คําว่า ขนาด จะพบใน เขตสุโขทัย ถ้ าคนปลูกข้ าวเจ้ าล้ อมข้ าวเหนียวล้ อมข้ าวเจ้ านันเป็ ้ นขนาด เกิดเจ็บไข้ ได้ ป่วยเลย หรื อว่าสร้ างบ้ านทับชายคาซึ่งกันและกันอันนีก้ ็


เป็ นขนาด เดี๋ยวนี ้เรี ยบร้ อยเลยบ้ านจัดสรร แชร์ กนั เลย แล้ วก็ทะเลาะกัน มันไม่มีใครพูดต่างๆ นานา ความสบายทางจิตใจมันไม่มี เพราะฉะนัน้ เราศึกษาขนาด คือ การจัดพื ้นที่ในการตังถิ ้ ่นฐานนี ้มันจะมีกติกาของมัน แต่ปัจจุบนั นีม้ นั ถูกทําลายหมดเลย สิ่งเหล่านีม้ ันเป็ นพืน้ ฐานที่ เคยอยู่ รวมกันมาอะไรมา เราไม่ไปขุดความหมาย รวมทังประเพณี ้ ที่สําคัญใน ชนบทอย่ างเช่ น ประเพณี บุญ พระเวส ซึ่ง ไม่ เ คยทํ า ความเข้ าใจ มัน กลายเป็ นเรื่ องโชว์ไป แต่เราไม่เคยค้ นความหมายของมันเท่านัน้ วีรพงศ์ มีสถาน บุญพระเวส ผมมีประสบการณ์ ตลอดช่วงวัยเด็กครั บ เพราะว่า เวลาถึงช่วงเดือนสี่ เขาจะทําพิธีเชิญบุญพระเวส แล้ วเขาจะทําข้ าวต้ ม ขนมเกินที่สมาชิกในครอบครัวจะกินหมด เพราะว่ามันจะมี เพื่อนบ้ าน สมมุติว่าบ้ านไหนที่มีลกู สาวก็จะมีหนุ่มหลายคุ้มมาจีบ บ้ านไหนที่มีลกู สาวสวยหลายคนก็ต้องทําข้ าวต้ ม ขนมไว้ เยอะมากเลย เพื่อที่จะสํารอง ไว้ สําหรับคนที่จะมาจีบลูกสาวด้ วย แล้ วกระบวนการทําขนมจีน เขา ต้ องแช่ข้าวสารให้ มนั ไน่เสียก่อน ไน่ ก็คือมันเปื่ อย ยิ่งถ้ าเอาใบมะละกอ คลุมไว้ ใบมะละกอมันจะมีสารช่วยให้ มันยุ่ ยได้ ง่ายขึน้ ครับ แล้ วเขาก็ เอานํ ้ามาวาด วาดก็คือว่าเอามาพรมให้ มนั ชื ้นๆ อยู่เสมอเลยแล้ วเขาก็ เอาไปตํา ตําก็มนั มากเลย ตําด้ วยครกกระเดื่องอย่างนี ้ พูดไปพูดมามัน ออกนอกตกพูดอีกแล้ ว


ศรีศักร วัลลิโภดม มันอยู่ด้วยกัน มันแบ่งปั นอาหารกัน ก็เป็ นประเพณีสิบสองเดือน แล้ วเดือนต่างๆ นีก้ ็มีอาหารตามฤดูกาล อย่างเช่น บุญข้ าวหลาม วัน มาฆบูชา จะพบแถวปราจีนบุรี วันนันทั ้ งชุ ้ มชนเผาข้ าวหลาม แล้ วเด็กก็ รอกินกัน แล้ วก็ไปทําบุญที่วดั เพราะฉะนันที ้ ่วดั กองพะเนินเทินทึกด้ วย ข้ าวหลาม แล้ วเขาจะมีวิทยุอีกทีหนึ่งให้ คนที่นนั่ เพราะฉะนันที ้ ่วดั เป็ น ศูนย์ กลางทัง้ นัน้ แล้ วพอมาถึงประเพณี สารทเหมือนกันอันนีก้ ็อาหาร หลายชนิด ข้ าวเกรี ยบว่าวก็มี อะไรก็มี เพราะสังคมไทยมันผสมผสาน แหลกเลย มันกินกันตลอดทังปี ้ ยิ่งตามฤดูกาล เขาอนุญาตให้ กินได้ เลย แล้ วไม่ต้องซื ้อกัน วีรพงศ์ มีสถาน ใช่ครับ เวลาคนขึ ้นมา เขาก็เรี ยกขึ ้นบนเรื อนเลย หาสํารับไว้ ให้ กิน เลย ไม่ต้องถามว่า กินแล้ ว อิ่มแล้ ว ก็ต้องคะยันคะยอให้ ้ กิน ศรีศักร วัลลิโภดม มันก็ไปกินฟรี ไม่ต้องไปซื ้อ แล้ วกินสมัยก่อนนี ้ถูกสุขลักษณะด้ วย อันนี ้เป็ นสิ่งหนึ่งที่ที่อื่นไม่มี เมืองไทยเรื่ องอาหารการกิน กินอย่างไม่มี กาลเทศะ กิ นได้ ทุกแห่งเลย ผมถึง บอกว่าถ้ าทบทวน ฐานของการมี อาหาร คือ หลากหลายชีวภาพ แทบทุกแห่งท้ องถิ่นในประเทศไทย มี อาหารประจํ า ถิ่ น คุม ด้ ว ยการท่ อ งเที่ ย วยั่ง ยื น ไม่ ใ ช่ บ้ า ๆ บอๆ แบบ


OTOP ฉะนันเวลานี ้ ้ท้ องถิ่ นไหนมีอาหารแบบนี ้คุณก็ไปกินซิ ให้ เขาจัด หรื อไปซือ้ เขาก็ได้ ถึงเวลาหมด หมดนะ ไปกิ นถิ่ นอื่น มันถึงรั กษาสิ่ง เหล่านี ้ยาก แล้ วอย่าไปบ้ าอุตสาหกรรม แล้ ว ทําให้ เมืองไทยเป็ นแหล่ง ท่องเที่ยวที่สําคัญของโลก เวลานี ้ ททท. ก็บ้าบอจัด มหกรรมแสงเสียง ทุเรศหมดเลย ประเพณี ที่ มีความหมายถูกทํ ายับเยิ น หมด ประเพณี ท้ องถิ่นหมดเลย ถ้ าจับเรื่ องมหกรรม เรื่ องอาหาร เรื่ องของแต่ละท้ องถิ่น มีอะไรแล้ วให้ คนลงไปกิน แล้ วก็เอร็ ดอร่ อย แล้ วก็รักษาสภาพแวดล้ อม นําชีวิตของชาวบ้ านกลับฟื น้ มา คือการใช้ ภมู ิปัญญาที่ถกู ต้ อง แล้ วเขาก็ ค้ นคว้ าหาความหมายอันนี ้ต่อไป เพราะว่าแน่นอนที่สดุ ครับ ในอนาคต อันใกล้ นี ้เราจะพบความวิบตั ิขนาดใหญ่ แต่ถ้าเราไม่สร้ างความรู้ความ เข้ าใจเราฟื ้นไม่ได้ ที่ผมพูด ผมไม่จําเป็ นต้ องไปทําอะไรร่ วมต้ านทาน เรามองในเรื่ อ งความสร้ างภูมิปัญญาให้ กั บคนในสังคม ทีนีเ้ วลาปรั บ แล้ ว เราจะปรับอย่างไร นัน่ เป็ นเรื่ องสําคัญ คือหนี ไม่พ้นความฉิบหาย อย่างขนาดใหญ่ ไม่พ้นเร็ วๆ นีห้ รอกครับท่าน เผลอๆ ถูกจับ ขอบคุณ ครับอาจารย์ วีรพงศ์ มีสถาน ก็ ถ้ าอย่างไร ถ้ ามีเหตุว่าจะต้ องกลับบ้ านด้ วยแท็กซี่ ลําดับต่อไปนี ้ อย่าลืมถามคนขับแท็กซี่ว่า เกิดอยู่ที่ไหน แล้ วรู้จกั ตกพูดหรื อเปล่า แล้ ว เขาจะเล่ามาเป็ นฉากเลยครั บ ถ้ าคนนัน้ เป็ นคนอี สานครั บ เพราะว่า


ประมาณร้ อยละเก้ าสิ บของคนขับรถแท็กซี่ในกรุ งเทพฯ เป็ นคนอีสาน อาจารย์มีอะไรเพิ่มเติมไหม ผู้เข้ าร่ วมฟั งการสนทนา แล้ วทําอย่างไรที่จะให้ คนเข้ าใจในสิ่งเหล่านี ้นับแต่เด็กรุ่นหลัง วีรพงศ์ มีสถาน ขออนุญาตพูดครับ ผมได้ ฟังคุณสมชาย เข็มกลัด พระเอกของเรา เขาเคยมาออกรายการที.วี.อยู่ครัง้ หนึ่ง เขาพูดถึงว่าเขาอยู่กับยาย ใช่ ไหม แล้ วยายเขา มีผ้ หู ญิงกับผู้ชายเขามาขอผ้ าถุง หรื ออะไรผมจํา ไม่ได้ ผมเคยดูกลางๆ เรื่ อง แต่ว่าขมวดความได้ ว่า เขาอยู่กับยาย แล้ วเขาก็ ยายก็ให้ เขามาพักที่บ้าน มาหานํา้ หาท่าให้ กิน แล้ วแถมเจียวไข่ให้ กิน อะไรอีก หลายปี ต่อมามีผ้ หู ญิงผู้ชายคู่หนึ่ง เอาเงาะใส่ปิคอัพมาทังคั ้ น รถมาให้ บอกยายจําได้ ไหม เคยให้ ผ้าถุงฉันไป คือ ที่เล่าให้ ฟัง คือว่า ถ้ า สังคมที่ แวดล้ อมมันมีสิ่งที่เป็ นตัวอย่างที่ดีๆ ผมว่าไม่ต้องไปสอน ไม่ ต้ องทําโปรแกรม ไม่ต้องไปทําโปรเจ็ค อะไรที่มนั จะต้ องมาเทรนคน ผม ว่าถ้ าผู้ใหญ่ทําให้ เด็กๆ เห็น จะข้ ามถนนก็ถ้ามีสะพานลอยก็พากันข้ าม ถ้ าไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆ มันก็จะต้ องจูงแขนข้ ามเลยลอดใต้ สะพานอย่างนี ้ ผมว่ า เป็ นสิ่ ง ที่ ไ ม่ ดี เด็ ก เล็ก ๆ มัน ยัง ไม่ ร้ ู จะข้ า มถนนอย่ า งไร แทนที่ ผู้ใ หญ่ จะพาข้ ามสะพานลอยก็ พ าข้ า มถนนอย่ างนี ้ เหมื อ นกัน อย่า ง หลายๆ เหตุการณ์ ครับ การแบ่งปั น ถ้ าเราพูดถึงเรื่ องที่มนั เกิดขึน้ มามัน


ควรที่จะเอื ้อปั นผล น้ องเขาไม่มีแบ่งให้ เขาหน่อยซิลกู อะไรต่างๆ เหล่านี ้ ผมว่าคําพูดประเภทนี ้มันจะช่วยทําให้ เด็กที่ อยู่ในแวดล้ อมของเราได้ รับ อานิสงส์ตรงนี ้ด้ วยครับ เชิญอาจารย์ครับ ศรีศักร วัลลิโภดม คือที่เราทําสิ่งนีค้ รั บ เป็ นการฟื ้นภูมิปัญญาของเรา ถึงแม้ ว่าจะ เป็ นเรื่ องของกลุ่มเล็กๆ ก็ตาม ดีกว่าไม่ได้ ทํา เลย ผมถึงว่าเวลานีส้ งั คม เรานี เ้ ตลิ ด จนลื ม ตัว เอง ทํ า ไมในวัน มูล นิ ธิ เ ล็ก -ประไพ เพื่ อ ที่ จ ะเอา ตัว อย่ า งที่ ดี ข องการอยู่ร วมกัน ของคนในสัง คมหลายๆ ภาคมาทํ า อย่างเช่น ภาคใต้ มีเรื่ องซะกาต ที่พดู ไปแล้ วว่า ประเพณีซะกาต คือ คน ต้ องเสียภาษี ให้ แก่สงั คม ไม่ใช่เสียภาษี ให้ แก่รัฐบาล คนมีเงินต้ องเสีย ภาษี แล้ วภาษี อันนัน้ ก็ จะมีชุม ชนที่ จะจัดการแจกจ่ายให้ คนที่ยากไร้ เพราะฉะนันสั ้ งคมสมัยก่อนมันไม่มีคนจน ไม่มีคนจนจากที่เป็ นปั จเจก ต้ องขึ ้นทะเบียน ทีนี ้การจัดการอย่างเรื่ องของชลประทานราษฎร์ ในเขต ภาคเหนือที่เป็ นระบบเหมืองฝาย มันก็ชุมชนในท้ องถิ่ นจัดการกันเอง แต่ฉิบหายก็เพราะชลประทานหลวงเข้ าไป แล้ วก็มาถึงเรื่ องของแบ่งสรร อาหาร แต่ละภาคมันจะมีสิ่งที่เป็ น Basic ที่อยู่ร่วมกันอย่างความเป็ น มนุษย์ แล้ วความรู้ อันนีม้ ันจะนํา มา เพราะว่าแต่ละแห่งก็มีกลไกของ ตั ว เองในรู ป แบบที่ ต่ า งกั น ไป แต่ มั น เหมื อ นกั น ในการจั ด กา ร เพราะฉะนันการที ้ ่จะอยู่รอดในสังคมปั จจุบนั นี ค้ ือต้ องเรี ยนรู้ซึ่งกันและ กัน เห็นว่าสิ่งไหนนี ้ดีเอามาปรุ งแต่งมาใช้ เพราะฉะนัน้ วัฒนธรรมต้ อง


พัฒนาครับ มาจัดใหม่ เมื่อเช้ านีผ้ มไปพูดที่คณะเภสัชจุฬาฯ พูดถึงว่า น่าประหลาดในการทําความเข้ าใจในการเป็ นมนุษย์ของสังคมตะวันตก กั บ เราต่ า งกั น ตัว ผมไปที่ อ เมริ ก าครั ง้ หนึ่ ง ไปเป็ นเพื่ อ นลูก สาว ที่ มหาวิ ท ยาลัย เอ็ ม .ไอ.ยู. ผมเบื่ อ อเมริ ก า พอตอนเย็ น ๆ ผมก็ ไ ปเดิ น Campus ก็พบอนุสาวรี ย์อันหนึ่งของเขา เขาบอกว่า We wish for universal morality เวลาวิธีที่ฝรั่งมอง เขาพูดถึงศีลธรรมที่เป็ นสากล แต่มนั คืออะไร มันคือนามธรรม แต่ถ้าหากว่าเราเป็ นคนในตะวันออกจะ สร้ าง Universal morality ให้ เป็ นเทพเจ้ าทันทีเลย ให้ มีอํานาจศักดิ์สิทธิ์ ที่จะคุมพฤติกรรมของคน แล้ วเวลาการบูชาพระกวนอิม กวนอูหรื อเทพ ต่างๆ ก็ขึน้ มองตรงนัน้ แล้ วทุกคนก็มีศรัทธา แต่ฝรั่งทําไม่ได้ ฝรั่งเขา ต้ องเป็ น Logic แต่คนไทยไม่ใช่ คนไทยตะวันออกเป็ นอย่างนี ้ แล้ วมัน ถูกควบคุมในสิ่งที่สร้ างขึน้ มา เพื่อจรรโลงศีลธรรมในสิ่งที่มีมหิทธานุ ภาพ เพราะฉะนันถ้ ้ าเวลาไปดูในชนบท สิ่งใดก็ตามที่ในโลกนี ้ถูกคุมโดย ผีทงสิ ั ้ ้น สําหรับพุทธนี ้เอาไว้ โลกหน้ า มันมีทางเลี่ยง แล้ วในการทังโลกนี ้ ้ และโลกหน้ า ทํ า ให้ สัง คมไทยไม่ เน้ น ความรุ น แรง มิ ฉ ะนัน้ ท่ า นลอง พิจารณาสังคมไทย หลังจากสิบสี่ตลุ าฯ หลังจากสิบหกตุลาฯ ความรู้สกึ ของคนเปลี่ยนหาความรุนแรง ฆ่ากันแหลกเลย แต่ก่อนนี ้ไม่มีครับ เมื่อ เปรี ยบเทียบกับที่อื่นทัว่ โลก เพราะอะไร เพราะเรามีกลไกต่างๆ เหล่ านี ้ อยู่ แต่ ปั จจุ บั น นี ไ้ ปดู ซิ ค รั บ ขณะนี ท้ ี่ อั น ตรายเรากํ า ลั ง เปลี่ ย นสู่ Generation ใหม่ คนใหม่ พันธุ์ใหม่ซึ่งเป็ นเดรัจฉานทังนั ้ น้ โดยเฉพาะ คนรุ่ น ใหม่ มัน ไม่ มี ค วามเข้ าใจแบบเก่ า เลย คนเหล่ า นี ม้ ัน จะเอา


พฤติกรรมที่เรี ยกพวกก้ าวร้ าวรุ นแรง ซึ่ง หลายแห่งในโลกนี ้เป็ น อย่างที่ ผมพยายามยกตัวอย่าง อย่างเช่น พฤติกรรมเยาวชนขณะนี ้มี แนวโน้ ม ไปคล้ ายๆ พวกโอมชิ วริ เที ย ว คือ พวกญี่ ปุ่นที่รุน แรง พวกนี ต้ ้ อ งการ สร้ างสังคมใหม่แบบทําลายสังคมเก่า ต้ องฆ่ากันก่อน สังคมที่เป็ นแบบ ฮิปปี ใ้ นยุคของฮิปปี ้ ธรรมกาย สันติอโศกเป็ นฮิปปี ท้ งนั ั ้ น้ คือ ไม่พอใจกู ไปสร้ างสังคมใหม่แต่ไม่ทําลายสังคมเก่า แต่ว่าพวกที่เกิดขึ ้นในภาคใต้ หรื อที่อื่นกําลังจะเกิดขึ ้นเป็ นโอมชิวริ เทียว อันตราย คนเหล่านี ้ห่างจาก Basic ดังเดิ ้ ม แล้ วคุมไม่อยู่ ภาคใต้ ขณะนี ้ที่รุนแรงก็คือคนพันธุ์ใหม่เกิด ขึ ้นมา แล้ วก็ไม่เข้ าใจ อย่าลืม คนมุสลิมก็เอาไม่อยู่ ถึงถูกฆ่ารายวัน แต่ พูดว่าแบ่งดินแดนภาคใต้ แล้ วคนพุทธถูกฆ่า เปอร์ เซนต์ของคนพุทธที่ ถูก ฆ่ า น้ อ ยกว่ า มุส ลิ ม อี ก มัน สื่ อ หมดเลย แล้ ว อะไรเกิ ด ขึ น้ ในโลก สมัยใหม่นี ้ วีรพงศ์ มีสถาน พู ด ถึ ง การจะทํ า อย่ า งไรให้ สัง คมมี ก ารแบ่ ง ปั น ผมว่ า สัง คม แวดล้ อมมีส่วนหล่อหลอมให้ คนเรา ผมว่าจริ งๆ จิตคนเรามันรับได้ การ แบ่งปั น ตัวอย่างคําพูดของท่านหนึ่งเขาบอกว่า พ่อแม่ขับรถไปส่งลูก แล้ วก็มีลกู ตัวเล็กนัง่ อยู่ เห็นคนคุ้ยขณะอยู่ข้างทาง เพราะติดไฟแดงอยู่ พ่อแม่ก็คยุ กับลูกว่า ลูกต้ องเรี ยนให้ เก่ง ไม่อย่างนันเดี ้ ๋ยวต้ องมาเป็ นคน เก็บขยะ อีกครอบครัวหนึ่งเห็นเหมือนกัน บอกลูกว่าลูกต้ องเรี ยนให้ ดี เพื่อที่จะมาช่วยเขา ไม่ให้ มีคนเก็บขยะแบบนี ้ ถามว่าเหตุการณ์เดียวกัน


คําที่พ่อแม่สอนมันต่างกัน ต่างกันที่ว่าสอนเพื่อให้ เห็นแก่ตวั เพื่อหลีก หนีแล้ วก็ทิง้ ห่างเพื่อนพ้ องที่เป็ นมนุษย์ ด้วยกัน กับอีกรถคันหนึ่ง เขา สอนให้ ลกู เป็ นคนที่เอื ้อเฟื อ้ จะทําอย่างไร แต่ว่าถ้ าลูกได้ รับการสัง่ สอน ที่ดีในมุมของพ่อแม่ที่มีจิตใจเมตตา แล้ วก็แบ่งปั นให้ กนั ผมคิดว่าสังคม แบบนีเ้ ราอยากได้ เด็กอีสานเมื่อก่อนนีเ้ วลากระเตงไปเที่ยวเล่นบ้ าน โน้ นบ้ านนี ้ ก็อาจจะมีปัน้ ข้ าวจี่ คนผู้ใหญ่เขาเคยมาหยอกมาล้ อ บอก เออ น้ องมึง น้ องเอ็งอะไรนี่ มาถาม แล้ วเขาก็บอกนี่นะ ไหน แม่ใ หญ่ขอ กินหน่อยซิ ถ้ าเด็กร้ องไม่ให้ กิน เขาบอกว่า ไม่เป็ นคนน่ารักเลย แต่ถ้ า เมื่อไหร่ บอกเด็กมันยื่นให้ เขาก็จะชม เขาลูบหัวบอกเป็ นคนดี คือมันใช้ จิตวิทยาในเรื่ องของการให้ รางวัลและลงโทษเหมื อนกับจิตวิทยาการ เรี ยนการสอน การที่เด็กได้ รับการโอ๋ว่าเป็ นคนดีเป็ นคนน่ารักอะไรต่างๆ เหล่านี ้ มันก็เป็ นการหล่อหลอมตังแต่ ้ เล็กๆ แล้ ว อันนีก้ ็เป็ นส่วนหนึ่งที่ คิดว่า เราน่าจะทํากับเด็กๆ ไม่ว่าจะมีโอกาสหรื อไม่ ถ้ ามีโอกาสก็น่าจะ ลองทําดู คิดว่า ก็เป็ นอีกรูปแบบหนึง่ ที่จะทําได้ ศรีศักร วัลลิโภดม คือ ทําได้ ในภาคประชาชน อย่าไปหวังรัฐบาล แต่รัฐมนตรี อบรม ให้ ครูพกปื น อันนี ้เป็ นสนับสนุนความรุนแรง คือระบบการศึกษาเราพัง เราพังมาตลอดเลย โดยเฉพาะกระทรวงศึกษา แล้ วผู้นํากระทรวงศึกษา แต่ละครัง้ ทําความฉิบหายมาก รุ่ นนีม้ ากเลย สิ่งที่เราพูดอยู่มนั ควรจะ บรรจุอยู่ในหลักสูตรท้ องถิ่น แต่ท้องถิ่นไม่ใช่เป็ นแบบว่าคุณจะต้ องไป


ตกพูดทุกแห่ง ที่อื่นเขาก็มีของเขา ต้ องให้ ร้ ู ตรงนี ้ เพราะว่ามันไม่ร้ ู มนั ก็ ไปเรี ยนวิชาสามัญ คือ ความพินาศของกระทรวงศึกษาอยู่ตรงนี ้ พอเริ่ ม ขึน้ มาเน้ นวิชาสามัญเพื่อ ที่จะทําลายขบวนการ Socialization ของ ท้ องถิ่ น ทุกวันนีใ้ นท้ องถิ่ นมีทัง้ ศาสนา จริ ยธรรม อย่างนีท้ ัง้ หมดเลย เด็ ก ได้ รั บ การอบรม แต่ พ อกระทรวงศึ ก ษาไป ตัด ออก เราเรี ย กว่ า Secularization ของการศึกษา แล้ วมันชัดหนักก็คือที่มสุ ลิม มุสลิมนัน้ ฐานการศึกษาของเขาศาสนาเป็ น Way of life เป็ นทังหมด ้ เพราะฉะนัน้ เด็กจะต้ องผ่านปอเนาะ ต้ องผ่านโรงเรี ยนเป็ นพื ้นฐานของเขา พอสามัญ เข้ าไปเรี ย บร้ อยเลยตัด ออก มัน ถึ ง ได้ เ ผาโรงเรี ย นกั น คื อ ปั ญหา เพราะว่ า ไปทํ า ลายฐานจริ ย ธรรมของเขา แต่ ว่ า เมื่ อ ทํ า ไม่ ดี ทํ า ทั่ ว ราชอาณาจักรเลย พวกรัฐมนตรี อะไรต่างๆ อธิบดี มนั มีการศึกษาแบบ ฝรั่ง ไม่เห็นคน รวมทังสภาพั ้ ฒน์ พัฒนาก็เป็ นเรื่ อง Secularization คือ ตัดเรื่ องมิติทางความเชื่อซึ่งจรรโลงศีลธรรมออก แล้ วมิติของสภาพัฒน์ ไม่มีวัดไม่มีศาสนาเลย แล้ ววัดก็กลายเป็ นสถาบันขุนนางพระอีกฉิ บ หายไปกันใหญ่ เป็ นปั ญหาที่น่ากลัวมากเลย มันสับสนวุ่นวายไป แล้ ว อย่ า หวัง พึ่ง รั ฐ ต้ อ งพึ่ง ตัว เองในท้ อ งถิ่ น สร้ างความสัม พัน ธ์ เอาภูมิ ปั ญ ญาบางแห่ง มาทํ าความเข้ าใจกัน ไม่ มีวัฒ นธรรมของท้ อ งถิ่ น ใด ท้ องถิ่นหนึ่งจะดีกว่ากัน แต่วฒ ั นธรรมแต่ละท้ องถิ่นจะมีความหมายแก่ การดํารงอยู่ของเขาทังสิ ้ ้น ถ้ าเราเข้ าใจพื ้นฐานตรงนี ้ก็จะทําให้ เกิดความ มั่น คงขึน้ ได้ คื อ สิ่ ง ที่ เ ราต้ อ งการมาพูด กั น วัน นี ้ แต่ ท่ า นต้ อ งยอมรั บ กระแสมันหลีกเลี่ยงไม่พ้นกัน ใกล้ เข้ ามาทุกทีแล้ วครับ ขอบคุณครับ


ผู้ร่วมฟั งการสนทนา ในความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในแง่ของการศึกษาในปั จจุบนั มันกลายเป็ นเรื่ องงมงาย ศรีศักร วัลลิโภดม คือ ความเชื่อที่เกิ ดขึ ้นในขณะนี ้เป็ นความเชื่อทางไสยศาสตร์ เรา จะแบ่ ง ความเชื่ อ เป็ นสองอย่ า งด้ ว ยกัน ความเชื่ อ ซึ่ ง เป็ นหลัก ของ ศีลธรรม คือ ความเชื่อทางศาสนา เพราะศาสนาคือสิ่งที่ผ้ ูคนสยบต่อ อํานาจนอกเหนือธรรมชาติ คุณต้ องอยู่ในศีลธรรมและกติกา แต่ถ้าไสย ศาสตร์ คือ สิ่งที่คนพยายามจะใช้ อํา นาจนอกเหนือธรรมชาติให้ เป็ น ประโยชน์แก่ตวั เอง เป็ นเรื่ องปั จเจกครับ อันหนึ่งเป็ นเรื่ องของกลุ่ม สิ่งที่ เชื่อกันอยู่ในขณะนี ้ อย่างรัฐมนตรี ย้ายเข้ าไปแต่ละแห่ง ต้ องไปไหว้ พระ ภูมิ ต้ องไปสะเดาะเคราะห์ เป็ นไสยศาสตร์ ครับ ฉะนันในโลกของสั ้ งคม สมัยใหม่ที่เป็ นทุนนิยม ผีเต็มบ้ านเต็มเมือง ผีมาในรูปไสยศาสตร์ ทงนั ั ้ น้ แล้ วที่เฮงซวยที่สดุ คือ พวกวัตถุมงคล แม้ กระทัง่ ให้ คนอยากตายซื ้อบุญ ซื ้ออะไร สิ่งทังหลายมั ้ นอยู่ในกติกาครับ เพราะมันเป็ นการควบคุมอันนี ้ อยู่ครับ เพราะฉะนันต้ ้ องเข้ าใจตรงนี ้ ในสมัยนี ค้ นไหนรํ่ ารวยลงทุนมาก เขาไม่มีความมั่นคงในชี วิตแล้ ว เพราะเขาเสี่ยง ทีนี แ้ ก้ เกมคือสะเดาะ เคราะห์ หาเครื่ องรางของขลัง ฉะนัน้ เงินที่มี ๔ ส่วนประมาณ ๑ ส่วน หรื อ ๒ ส่วนที่เอาไปใช้ ในทางสะเดาเคราะห์ไสยศาสตร์ ทงสิ ั ้ ้น แล้ วถาม


ว่าวัดต่างๆ ที่ เกิ ดขึน้ มานี่ วัด ต่างๆ เหล่านีไ้ ม่ใ ช่วัดที่ มนุษ ย์ อยู่ พวก เศรษฐี อยู่ทงนั ั ้ น้ สมัยก่อนนี ้วัดเป็ นศูนย์กลางของคนท้ องถิ่นช่วยกันดูแล เวลาผมไปดูวัดผมจะไม่ไปวัดใหญ่ ๆ เพราะมันเห็นคนครั บ แต่ถ้าวัด เล็กๆ ไม่เห็นคน หรื อคุณไปดูแห่เทียนเข้ าพรรษา เทียนบ้ าอะไรไปโชว์ นักท่องเที่ยวที่ทุ่งศรี เมือง เขาก็ทําควัน่ เทียนใช่ไหมครับ ไปไหว้ พระกัน เราเห็นคนเห็นความชุ่มชื่นต่างๆ เดี๋ยวนีไ้ ม่เห็น เห็นแต่การท่องเที่ยว บ้ านเมืองฉิบหายวายป่ วงหมดเลย ที่เอาของเก่าๆ ที่มีคณ ุ ค่ามาแปลง เป็ นสินค้ า พูดไปก็คงจะใกล้ ตะราง เอาแต่นี ้ก่อน วีรพงศ์ มีสถาน ขอบคุณ อาจารย์ ครั บ ขอบคุณ ทุกๆ ท่านครั บที่ มาร่ วมงานครั บ อย่าลืมครับ อย่าลืมถามว่าเกิดที่อีสานหรื อเปล่า มีแบ่งพูดหรื อเปล่า ไป ถามแท็กซีด่ ้ วย ขอบพระคุณมากครับ


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.