ความกตัญญูของพระพุทธเจ้า

Page 1

1

ตอน

ความกตัญญูของพระพุทธเจ้า

พิมพ์ครั้งที่ 1 เมษายน 2559 5,000 เล่ม ผู้สนใจโปรดติดต่อ

มูลนิธิมายา โคตมี

เลขที่ 3 ซอยกรุงเทพกรีฑา 20 แยก 7 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ 10250 โทร. 02-368-3991 แฟ็กซ์. 02-368-3573 E-mail: mayagotami@gmail.com


2

คำ�นำ�

หนั ง สื อ เล่ ม นี้ อ าตมาเขี ย นขึ้ น มาด้ ว ยจิ ต สำ � นึ ก ระลึกถึง พระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้า พร้อมทั้งพระธรรมพระสงฆ์ และบุพการี ผู้มี อุปการคุณทั้งหลาย ด้วยหวังว่าหนังสือเล่มนี้ จะเป็นประโยชน์เป็นแนวทางเพื่อการสร้างความ กตัญญู ให้เต็มเปี่ยมอยู่ในหัวใจซึ่งจะนำ�ไปสู่การ ทำ�ความดีต่อกัน ทั้งทางกายวาจาใจ ของคนใน สังคมและครอบครัว ด้วยการเอาความกตัญญู เป็นสายใยผูกพันกันไว้


3

พ่อแม่ก็จงพยายามทำ�หน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ ลูกก็จงพยายามทำ�หน้าที่ของลูกให้สมบูรณ์ด้วย ความกตัญญู โลกมนุษย์คือขุมทรัพย์อันยิ่งใหญ่ ทั้งทางโลกและทางธรรม ทรัพย์สมบัติใดๆ ก็หา เอาสะสมเอาในโลกนี้ ความดีทั้งหลายก็ทำ�เอา สะสมเอาในโลกนี้ โลกมนุษย์จึงเป็นที่เกิดของคน มีบุญ การเกิดมาของเราและการมีชีวิตอยู่ของ เรา ต้องอาศัยพ่อแม่ครูอาจารย์ญาติพี่น้องและ เพื่อนบ้าน ตลอดทั้งเพื่อนร่วมงานเพื่อนร่วมโลก เป็นอยู ่ การตอบแทนคุ ณ ต่ อ ผู ้ ม ี พ ระคุ ณย่ อ ม เป็นประโยชน์และเป็นคุณกันทั้งสองฝ่าย ผลบุญ จะย้ อ นกลั บ มาทำ � ให้ ชี วิ ต ของเราพบแต่ สิ่ ง ที่ ดี ๆ ได้รับความเมตตาได้รับการช่วยเหลือ ได้รับการไว้ วางใจ ได้รับการดูแลจากลูกหลานและญาติมิตร เพราะผลของความกตัญญู พระพุ ท ธเจ้ า ทรง ตรัสไว้ว่ามนุษย์ที่เกิดมาในโลกนี้ที่ไม่เคยเป็นพ่อ เป็ น แม่ เ ป็ น พี่ น้ อ งเป็ น ญาติ กั น มาก่ อ นหายาก เพราะฉะนั้นจงเคารพและกตัญญูต่อคนทั้งโลก เพื่อประโยชน์ของสังคมและตัวท่านเอง พระอาจารย์ หนูพรม สุชาโต


4

ความกตัญญู ของ

พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าซึ่งเป็นศาสดาเอกของโลกได้บำ�เพ็ญ บารมีคือการสะสมความดีมานับภพนับชาติไม่ถ้วน พระโพธิสัตว์ในอดีตก่อนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ได้ ท รงบำ � เพ็ ญ บารมี ม าอย่ า งอุ ก ฤษฏ์ ท นทุ ก ข์ ลำ � บากสร้ า งบารมี ใ ห้ เ ต็ ม เพื ่ อ การตรั ส รู ้ เ ป็ น พระพุทธเจ้า เพื่อโปรดเวไนยสัตว์ ด้วยการเสีย สละความสุขส่วนตน ในภพชาติต่างๆ ตามวิสัย ของชาวโลกที่ควรจะได้รับตามบุญบารมีของตน ด้วยบุญบารมีที่สะสมมาเต็มเปี่ยม จึงทำ�ให้พระองค์ มีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวและจริงจัง กล้าเสียสละตำ�แหน่ง


5

ในฐานะลู ก กษั ต ริ ย ์ ท ี ่ พ ึ ง จะได้ ร ั บ ยอมเสี ย สละ ครอบครัวมีนางพิมพาและราหุล ในตำ�รากล่าวไว้ว่า เพิ่งคลอดออกมาวันนั้นอันเป็นดังแก้วตาดวงใจ แต่ต้องตัดใจ จากไปด้วยความอาลัยรัก เพื่อการ ตรัสรู้และเพื่อเวไนยสัตว์ ในสมัยที่เสวยพระชาติ เป็นพระเวสสันดรพระองค์ทรงบำ�เพ็ญทานบารมี ทรงเสียสละพระนางมัทรี ภรรยาอันเป็นที่รัก และกัณหาชาลีลูกอันเป็นที่รักก็เพื่อความเป็น พระพุทธเจ้า ที่ต้องแลกมาด้วยการเสียสละอันยิ่งใหญ่ ถ้าพระเวสสันดรเห็นแก่ความสุขส่วนตน ไม่กล้าให้ภรรยาและลูกเป็นทาน การที่จะสำ�เร็จ เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตก็สิ้นหวังหมดโอกาส ที่จะช่วยเหลือเวไนยสัตว์ ที่จมอยู่บนกองทุกข์ การกระทำ�ของพระพุทธเจ้า จึงไม่ใช่การเห็นแก่ตัว ตามที ่ ห ลายคนเข้ า ใจ แต่ เ พื ่ อ การตรั ส รู ้ เ ป็ น พระพุทธเจ้าแล้วนำ�ธรรมะนั้นมาโปรดเวไนยสัตว์ ให้ พ้ น จากกองทุ ก ข์ เ รี ย กว่ า เป็ น การเสี ย สละที่ คนธรรมดาทั ่ ว ไปทำ � ไม่ ไ ด้ อ ย่ า งพระองค์


6

แม้ ช าติ ส ุ ด ท้ า ยก่ อ นออกบวชพระองค์ ก ็ ไ ด้ ส ละ ราชสมบัติ สละความเป็นอยู่ที่สุขสบาย ตัดสินใจ จากพระนางพิมพา ราหุล กล่าวกันว่าเป็นการเสด็จ ออกบวชโดยไม่ได้ขออนุญาตหรือบอกลาเพราะ พระองค์พิจารณาแล้วได้เหตุผลว่าพระเจ้าสุทโธทนะ พระนางพิมพาและบรรดาพระประยูรญาติคงจะ ไม่ยินยอมเป็นแน่แท้ จึงเสด็จออกบวชโดยไม่ได้ บอกลา แต่พระองค์ได้ตั้งพระทัยเอาไว้ว่าเมื่อได้ ตรัสรู้เป็นพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว จะกลับมาเพื่อให้ธรรมะอันเป็นสมบัติอันล้ำ�ค่า แก่พระบิดา พระนางพิมพา และราหุล พระองค์ เสด็จออกบวช ด้วยอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ ไม่มี ใครในโลกนี้ที่จะทำ�ได้อย่างพระองค์ จึงไม่ใช่การ เสด็จออกบวชเพราะการเห็นแก่ตัว หรือเป็นการ ตัดช่องน้อยแต่พอตัวตามที่บางคนเข้าใจ ความ รับผิดชอบของพระองค์สูงส่ง ไม่อยู่ในวิสัยของ คนธรรมดาจะคิดตามพระองค์ได้ แม้การเสด็จ ออกบวชของพระองค์จะทำ�ให้พระบิดา พระน้านางมหาปชาบดีโคตมี พระนางพิมพา เศร้าโศก


7

เสียใจในเบื้องต้น ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเป็น เช่ น นั ้ น หากมองตามวิ ส ั ย ของโลกรั บ รองว่ า ไม่มีใ ครยิ น ยอมให้ พ ระองค์ อ อกบวชเป็ น แน่ แ ท้ จึงจำ�เป็นจากไปโดยไม่ยอมบอกลา บางคนก็มี ความคิดเห็นว่า พระองค์ทำ�ให้พระบิดาเสียใจเช่นนี้ จะไม่เป็นการไม่กตัญญูหรือ เปล่าเลยตรงกันข้าม พระองค์ทรงเป็นลูกที่กตัญญูที่ไม่มีใครเทียบได้ ในโลกนี้


8

เคยมี ส ามี ภ รรยาคู ่ ห นึ ่ ง ได้ น ำ � ลู ก ชายมาฝากไว้ เพื่อบวช อาตมาก็รับไว้ให้อยู่ศึกษาข้อวัตรปฏิบัติ เมื่อปฏิบัติตามข้อวัตรกฎกติกาของทางวัดได้แล้ว ก็ ก ำ � หนดวั น บวชให้ วั น บวชพ่ อ แม่ เ กิ ด ปี ต ิ ด ี ใ จ มีความสุขใจ ที่ลูกชายได้บวชเป็นพระ แต่เมื่อ ครบกำ�หนดถึงวันจะลาสิกขาพระลูกชายบอกว่า ยังไม่อยากสึกขออยู่ต่อไปอีกสักระยะหนึ่งก่อน พ่อแม่เมื่อได้ฟังพระลูกชายพูดเช่นนั้นก็ไม่ว่าอะไร ถ้า พระลู ก ชายอยากอยู ่ ต ่ อ อี ก คิ ด ว่ า คงไม่ น าน อาจจะแค่หนึ่งอาทิตย์หรือหนึ่งเดือนแล้วค่อยสึกก็ได้ แต่เมื่อครบหนึ่งเดือนพ่อแม่มาขอร้องให้สึก พระลู ก ชายกลั บ บอกพ่ อ แม่ ว่ า จะไม่ สึ ก ออกไปอยู่ทางโลกจะบวชไปโดยไม่มีกำ�หนด พ่อแม่เมื่อ ได้รับคำ�ตอบเช่นนั้นจากพระลูกชาย ทั้งที่น่าจะดีใจ อนุโมทนากับพระลูกชาย กลับแสดงอาการเสียใจ เพราะลูกชายตนเอง เรียนจบปริญญาโท ปริญญาเอก ได้การงานดีมีตำ�แหน่งดีเงินเดือนหลายแสนบาท กลับมาใช้ชีวิตเป็นนักบวชไปตลอด เงินเดือนก็ไม่ได้ ลูกเมียก็ไม่มีถ้าหากเจ็บไข้ไม่สบายแล้วใครจะดูแล


9

นี้คือความปรารถนาดีของผู้เป็นพ่อเป็นแม่เพียงแค่ ลูกบอกว่าไม่สึกจิตก็ปรุงแต่งไปข้างหน้าอีกหลายปี กลัวลูกจะทุกข์จะลำ�บาก กลัวจะไม่มีใครดูแล ยามแก่เฒ่า ไม่แน่ว่าถ้าผู้เป็นพ่อเป็นแม่หรือแม้แต่ ลูกเกิดตายวันนี้พรุ่งนี้จะทำ�อะไรได้ไม่เคยคิด คิดแต่ว่า ลูกของเราต้องมีอนาคตไกล มันจะไกลแค่ไหน ก็ไม่เลยความตายไปได้หรอก เลยมีคำ�ถามว่าพ่อแม่ อยากให้ลูกสึก แต่ลูกไม่ยอมสึกเป็นบาปไหม ตอบว่ า ไม่ บ าป หากเจตนาของลู ก มุ ่ ง หวั ง ต่ อ พระนิพพานด้วยศรัทธา การที่พ่อแม่ทุกข์ใจเสียใจ มันเป็นเรื่องอารมณ์ของคนที่ไม่สมปรารถนา ที่ลูกไม่เดินตามเส้นทางที่ตนเองอยากให้เดินตาม วิถีการคิดแบบปุถุชน ถ้าลูกไม่สึกตามใจพ่อแม่ แล้วเป็นบาป การที่พระพุทธเจ้าออกบวชโดย ไม่ได้ขออนุญาตจากพระบิดาและพระนางพิมพา พระพุทธเจ้าจะไม่บาปมากกว่าหรือ เพราะพระบิดา คงจะเสียใจทุกข์ใจ ยิ่งพระนางพิมพาถึงขั้นตรอมใจ ทุกข์เศร้าโศกเสียใจ ไปตลอด 7 ปี อย่างไรก็ตาม เมื่อพระโพธิสัตว์คือเจ้าชายสิทธัตถะได้ตรัสรู้


10

เป็นพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ก็ได้ ประกาศพระศาสนา ไปตามหมู่บ้านหัวเมืองต่างๆ จนมีผู้ออกบวชตามพระองค์เป็นจำ�นวนมากหลังจาก พระองค์ตรัสรู้ได้ 1 พรรษา ก็ดำ�ริจะเสด็จกลับ พระนครกบิลพัสดุ์เพื่อโปรดพระเจ้าสุทโธทนะ พระน้านางมหาปชาบดีโคตมี และพระนางพิมพา ราหุล พร้อมทั้งพระประยูรญาติ เพื่อตอบแทน คุณพระบิดาและผู้มีคุณทั้งหลาย เมื่อถึงกาลเวลา ที่เหมาะสมก็เป็นเหตุให้พระเจ้าสุทโธทนะ ร้อนใจ เกิดความรู้สึกอยากเห็นพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นลูกชายของตน ที่จากบ้านเมืองไปกว่า 7 ปี มีความอาลัยรัก อยากพบเจอในเร็ววันจึงได้แต่งตั้งเสนาอำ�มาตย์ พร้อมกองทัพทหารออกเดินทางไปยังเมือง ราชคฤห์ ทีพ่ ระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ เพื่อทูลเชิญกลับ พระราชวังเมืองกบิลพัสดุ์ เสนาอำ�มาตย์พร้อมทั้ง ทหารที่ส่งไปแต่ละครั้งเมื่อได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า แล้วเกิดศรัทธาเลื่อมใส จึงทูลขออุปสมบทเป็นพระภิกษุ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุผลใดจึงทำ�ให้เสนาอำ�มาตย์และ ทหารที่ส่งไปตั้งหลายครั้ง ต่างลืมกราบทูลเชิญ


11

เสด็จกลับเมืองกบิลพัสดุ์ ตามคำ�ทูลเชิญของ พระเจ้าสุทโธทนะเป็นเหตุให้พระเจ้าสุทโธทนะ ได้จัดส่งเสนาอำ�มาตย์ไปอีกกองทัพหนึ่งโดยมี กาฬุทายีอำ�มาตย์เป็นหัวหน้าทัพ แต่เมื่อกาฬุทายี พร้อมทั้งทหารได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ได้ขออุปสมบทเช่นกัน เมื่อกาฬุทายีอำ�มาตย์ ได้บวชแล้ว เมื่อได้เวลาอันควรก็ได้เข้าไปกราบทูล เชิญให้เสด็จกลับเมืองกบิลพัสดุ์ตามคำ�เชิญของ พระเจ้าสุทโธทนะ พระพุทธเจ้าพิจารณาแล้วว่า ถึงเวลาที่จะเสด็จกลับเมืองกบิลพัสดุ์ เพื่อโปรด พระประยูรญาติ อันมีพระเจ้าสุทโธทนะ พระน้านางปชาบดีโคตมี พระนางพิมพาและพระราหุลพร้อมทั้ง ชาวเมืองกบิลพัสดุ์ พระองค์ทรงแสดงความกตัญญู ด้วยการแสดงธรรมโปรดพระเจ้าสุทโธทนะจนได้ สำ�เร็ จ เป็ น พระอรหั น ต์ ์ พร้ อ มทั ้ ง พระน้ า นางมหาปชาบดีโคตมีพร้อมทั้งพระนางพิมพา พระราหุล พระอานนท์ พระอนุ ร ุ ท ธะ เป็ น ต้ น ก็ ไ ด้ สำ � เร็ จ มรรคผล นิพพาน ซึ่งเป็นการเสด็จมาเพื่อตอบแทน คุณที่ไม่มีผู้ใดในโลกที่ทำ�ได้อย่างพระองค์ และ


12

ชาวเมื อ งกบิ ล พั ส ดุ ์ ใ ห้ ไ ด้ ด วงตาเห็ น ธรรมตาม กำ � ลั ง วาสนาบารมี ข องตนเองอย่ า งมากมาย แม้แต่พระนางสิริมหามายา พระองค์ก็ทรงเสด็จ ไปแสดงธรรมโปรดถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อยู่ ร่วมจำ�พรรษาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นเวลา 3 เดือน ซึง่ ไม่มีผู้นำ�ศาสดาใดๆ ในโลกจะทำ�ได้อย่างพระองค์ พระพุทธเจ้าทรงเป็น บุพการีที่เลิศ เป็นบุพการีที่ ประเสริฐ คือเป็นผู้ที่มีอุปการคุณแก่โลกอย่าง หาประมาณมิได้ และเป็นผู้ที่มีความกตัญญูเป็นเลิศ คือได้ตอบแทนคุณ พระบิดา พระมารดา และ พระประยูรญาติ ให้ได้สำ�เร็จมรรคผลนิพพาน พ้นจากทุกข์ทั้งปวงพระองค์ทรงมีความกตัญญู ต่อโลก ด้วยการสอนให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่าง สงบสุข


13

ตลอด 45 พรรษาพระองค์ทรงเสด็จไปยังเมืองต่างๆ ด้ว ยพระบาทเปล่ า เพื่ อ แสดงธรรมอั น นำ � ไปสู่ ความพ้นทุกข์ แก่ชาวโลกโดยไม่เห็นแก่ความสุข ส่วนพระองค์ เพื่อทำ�หน้าที่ความเป็นพระพุทธเจ้า ให้สมบูรณ์ ทรงปกครองหมู่สงฆ์และแสดงธรรม เพื่อสงเคราะห์พุทธบริษัท ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสกอุบาสิกาเป็นต้น ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ พระปัญญาธิคุณ หรือแม้แต่ การเกิดขึ้นของภิกษุณี ก็อาศัยความกตัญญูของ พระพุทธเจ้าที่มีต่อพระน้านางมหาปชาบดีโคตมี ในสมัยนั้นที่พระพุทธเจ้าเสด็จกลับเมืองกบิลพัสดุ์ พร้อมด้วยสงฆ์หมู่ใหญ่และได้แสดงธรรมโปรด พระประยูรญาติพร้อมทั้งชาวเมืองกบิลพัสดุ์ พระน้านางมหาปชาบดีโคตมีเกิดความเลื่อมใส ศรัทธาจึงเข้าไปทูลขออุปสมบทกับพระพุทธเจ้า เบื้องต้นพระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาตแต่พระนาง ก็ไม่ยอมย่อท้อทูลอ้อนวอนอยู่หลายครั้ง ในที่สุด พระองค์ก็ทรงอนุญาตด้วยระลึกถึงคุณของ พระน้านางมหาปชาบดีโคตมีที่ทรงเลี้ยงดูพระองค์


14

ในสมัยเป็นเจ้าชายสิทธัตถะราชกุมาร การปฏิเสธ ของพระพุทธเจ้า หลายครั้งนั้นบ่งบอกว่าพระองค์ ไม่ต้องการให้เกิดมีภิกษุณีในพระพุทธศาสนา แต่ด้วยจิตที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาธิคุณพระมหากรุณาธิคุณ และความกตัญญูของพระองค์จึงทรง รับสั่งอนุญาต มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสชื่นชมเพื่อ แสดงความกตัญญูต่อพระฉันนะในท่ามกลางสงฆ์ ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลายฉันนะเป็นผู้มีคุณแก่เรา สมัยเราออกบวชเราได้รับการช่วยเหลือจากฉันนะ ตามเสด็จมาส่งเราถึงแม่น้ำ�อโนมานที ภิกษุ ทั้ ง หลายพึ ง ระลึ ก ถึ ง คุ ณ ของฉั น นะเถิ ด ความกตัญญูจึงเป็นคุณธรรมประจำ�ใจของ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์​์ พระอริยเจ้า ได้ถือ ปฏิ บั ติ กั น มาเป็ น อริ ย ประเพณี น่ า เลื่ อ มใสและ อุบาสกอุบาสิกาผู้ทำ�หน้าที่อุปัฏฐาก ภิกษุ สามเณรที่อาศัยปฏิบัติภาวนาอยู่ในวัด ด้วยการ ถวายปัจจัย 4 มีเครื่องนุ่งห่ม อาหาร ที่อยู่อาศัย


15

ยารักษาโรคเป็นต้น พระองค์ก็ทรงเมตตา แสดง ธรรมโปรดเพื่อให้พุทธบริษัทได้เข้าถึงธรรมอันจะ นำ�ไปสู่การบำ�เพ็ญบุญในทางพระพุทธศาสนามี การให้ทาน รักษาศีล ภาวนาเพื่อเป็นอริยทรัพย์ ติดตัวไปทุกภพทุกชาติ

มูลเหตุแห่งการถวายสังฆทานครั้งแรกก็อาศัย ความกตัญญูของพระพุทธเจ้าที่ทรงมีต่อพระน้า นางมหาประชาบดีโคตมีเพื่อให้พระน้านางได้บุญใหญ่ และเพื่อเป็นการให้ความสำ�คัญกับหมู่สงฆ์ที่จะทำ� หน้าที่สืบทอดพระศาสนาและเพื่อให้เป็นรูปแบบ ในการถวายทานโดยไม่ยึดติดตัวบุคคล เป็นการ ให้ทานที่ไม่จำ�เพาะเจาะจงภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ถือ ได้ว่าเป็นการให้ทานโดยเอาองค์รวมของพระพุทธศาสนาเป็นหลักโดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน จึ ง กลายเป็ น รู ป แบบของการถวายสั ง ฆทาน มาจนถึงปัจจุบัน


16

พระองค์ทรงเป็นเนื้อนาบุญของโลก ทรงปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบเพื่อเป็นแบบอย่างของภิกษุสงฆ์และ อุบาสก อุบาสิกา แม้ผู้ใดได้ทำ�บุญกับพระองค์ ย่อมเหมือนหนึ่งชาวนาหว่านเมล็ดข้าวลงในนาที่ อุดมสมบูรณ์ด้วยปุ๋ยย่อมเจริญงอกงามฉันนั้น ในอดีตหลายชาติก่อนพระองค์ได้บำ�เพ็ญบารมี ด้วยกตัญญูกตเวทิตาธรรมมาหลายภพหลายชาติ ในชาติหนึ่งพระองค์ได้เกิดเป็นนกแขกเต้าโพธิสัตว์ เรื่องมีอยู่ว่า มีเศรษฐีคนหนึ่ง เมื่อถึงฤดูทำ�นา ได้ให้คนงานไปไถหว่านกล้าปักดำ�และอยู่นอน เฝ้านาข้าว วันเวลาผ่านไปหลายเดือน ต้นข้าว ได้เจริญงอกงามขึ้น จนออกรวงมีเมล็ดเหลือง อร่ามไปทั่วทุ่งนา ห่างจากนาข้าวเศรษฐีไป ไม่ไกลนักมีนกแขกเต้าครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่ บนต้นไม้ในบริเวณป่าแห่งนั้นเวลานั้น นกแขกเต้า สองผัวเมียได้ให้กำ�เนิดลูกน้อยสามสี่ตัวเป็น หน้าที่ของนกแขกเต้าตัวผู้ เป็นสามีที่ต้อง บินออกไปหาอาหารมาเลี้ยงดูลูกน้อยพร้อมทั้ง ภรรยาที่ยังไม่แข็งแรงพอจะบินออกไปช่วยหา-


17

อาหารมาเลี้ยงลูกน้อยได้ เมื่อได้เวลาออกหากิน นกแขกเต้าโพธิสัตว์ พร้อมทั้งพ่อแม่และบริวาร ก็ได้โบยบินไปยังทุ่งนาเพื่อหาอาหารกินที่นาข้าว ของเศรษฐีซึ่งเต็มไปด้วยรวงข้าวสุกเหลืองอร่าม น่ากิน นกแขกเต้าโพธิสัตว์พร้อมทั้งบริวาร ได้บินลงกินข้าวที่นาข้าวเศรษฐีจนอิ่มแล้วต่างก็ พากันบินกลับบ้านคือรังนอนที่ต้นไม้ ส่วนนกแขกเต้าโพธิสัตว์เมื่อกินอิ่มแล้วไม่ได้บินกลับตัวเปล่า ได้คาบเอารวงข้าวไปอีกหลายรวง เพื่อเอาไป เลี้ยงดูลูกน้อยที่ยังเล็กอยู่พร้อมทั้งเอาไปฝาก เพื่อนบ้านที่ป่วยไข้ไม่สบาย อยู่มาวันหนึ่งนกแขกเต้า ได้สังเกตเห็นนกแขกเต้าสองตายาย ซึ่งก็คือพ่อแม่ของนกแขกเต้าโพธิสัตว์นั้นเอง นกแขกเต้า สองตายายแก่เฒ่าแล้วหูตาฝ้าฟาง แรงก็ไม่ค่อยมี เวลาออกหากินก็บินชนกิ่งไม้บ้างใบไม้บ้างนกแขกเต้า สังเกตเห็นเช่นนั้น จึงบอกกับพ่อแม่ว่านับแต่นี้ ไปพ่อ กั บ แม่ ไ ม่ ต้ อ งบิ น ออกไปหาอาหารกิ น เอง ลูกจะทำ�หน้าที่เลี้ยงดูพ่อแม่เอง พ่อแม่นกแขกเต้า จึงพูดว่าอย่าเลยลูกพ่อแม่พอบินไหว ลูกเอง


18

ต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกน้อยหลายตัวพ่อแม่ไม่อยาก ให้ลูกต้องลำ�บากมากไปกว่านี้ แต่นกแขกเต้าโพธิสัตว์ไม่ยอมโดยให้เหตุผลว่า ขอให้ลูกได้ตอบแทน คุณพ่อแม่ ได้เลี้ยงดูพ่อแม่ยามแก่เฒ่าด้วยเทอญ อย่าให้ลูกกลายเป็นลูกอกตัญญูเลย นกแขกเต้า สองตายายจึงยินยอม หลังจากวันนั้นเมื่อได้เวลา ออกหากิน นกแขกเต้าพร้อมทั้งบริวารก็พากันบิน ออกไปหากินที่นาข้าวของเศรษฐีเช่นเคย ชาวนา ผู้ดูแลนาข้ าว ได้ น ำ � เรื ่ อ งนกแขกเต้ า มากิ น ข้ า ว ที่นาข้าวให้ฟัง เศรษฐีบอกว่าไม่เป็นไรให้นกเหล่านั้น กินกันให้อิ่มคงไม่พอจะสิ้นเปลืองมากหรอก เพราะนาข้าวเราเยอะ อยู่มาวันหนึ่งคนงาน ที่เฝ้านาข้าวได้สังเกตเห็นนกแขกเต้าตัวหนึ่งที่มี รูปร่างสวยงามมีขนเป็นสีสวยงามกว่านกแขกเต้า ตัวอื่นๆ และได้สังเกตเห็นนกแขกเต้าตัวนี้ เมื่อ กินอิ่มแล้วไม่ได้บินไปตัวเปล่าเหมือนนกตัวอื่นๆ ได้คาบเอารวงข้าวไปตั้งหลายรวงจึงได้นำ�เรื่องนี้ ไปเล่าให้เศรษฐีฟัง เมื่อเศรษฐีได้ฟังดังนั้น ก็คิดว่า นกแขกเต้าตัวนี้ละโมบโลภมากจึงสั่งให้คนงาน


19

ทำ�ตาข่าย เพื่อดักจับนกแขกเต้าตัวนี้ไห้ได้ แล้ว นำ�มาให้เศรษฐี เช้าวันนั้นนกแขกเต้าโพธิสัตว์ พร้อมทั้งบริวารก็ได้บินมาที่ทุ่งนาข้าวของเศรษฐี แล้วพากันจิกกินเมล็ดข้าวจนอิ่ม เมื่อได้จังหวะ คนงานผู้รักษานาข้าวก็ตวาดไล่นกแขกเต้าฯ ตกใจ ต่างพากันบินหนี แต่นกแขกเต้าโพธิสัตว์บินหนี ไปชนตาข่ายและถูกจับได้ คนงานจึงได้นำ�นกแขกเต้า ตัวนั้นไปมอบให้เศรษฐี นกแขกเต้าซึ่งสามารถ พูดภาษามนุษย์ได้จึงได้พูดกับเศรษฐีว่า จับเรา มาทำ�ไมเราทำ�ผิดอะไร เศรษฐีจึงพูดกับนกแขกเต้า ว่าเจ้าเป็นนกโลภมาก เราอุตส่าห์เมตตาให้กินข้าว ในนาได้ แต่เจ้าเมื่อกินอิ่มแล้วยังไม่พอยังคาบ เอารวงข้าวของเราไปอีกตั้งหลายรวง นกแขกเต้า จึงพูดว่า เราไม่ได้ทำ�อย่างนั้นเพราะความโลภ แต่เป็นเพราะเรามีลูกน้อยที่ยังบินไม่ได้ และยัง มีพ่อแม่ที่แก่เฒ่าที่ต้องดูแลพร้อมทั้งเพื่อนบ้าน ที่ เ จ็ บ ป่ ว ยไข้ ไ ม่ ส บายไม่ ส ามารถบิ น ออกมาหา อาหารกินเองได้ เราถึงได้ทำ�เช่นนี้ เราได้ทำ�หน้าที่ เป็นสามีที่ดีของภรรยา ทำ�หน้าที่เป็นพ่อที่ดีของ-


20

ลูกๆ และทำ�หน้าที่เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ ด้วยการ ดูแลท่านยามแก่เฒ่าพร้อมทั้งทำ�หน้าที่ดูแลเพื่อนๆ ที่เจ็บไข้ไม่สบาย เราเองไม่กลัวตายแต่ยังเป็น ห่วงลูกน้อยพร้อมทั้งพ่อแม่ที่แก่เฒ่า ถ้าหากว่า เราตายไปคงไม่มีใครดูแลเมื่อเศรษฐีได้ฟังเหตุผล ของนกแขกเต้าเช่นนั้นก็ซาบซึ้งประทับใจ ในความ กตัญญูของนกแขกเต้ า โพธิ สั ต ว์ ทำ � ให้ เ ศรษฐี นึกถึงพ่อแม่ของตนที่แก่เฒ่าแล้วซึ่งตนเองไม่เคย คิดที่จะไปเยี่ยมดูแลเลยเราช่างเป็นลูกอกตัญญูนัก เมื่อเศรษฐีคิดได้เช่นนั้น จึงไปรับพ่อแม่มาอยู่ด้วย พร้อมทั้งดูแลท่านเป็นอย่างดี และอนุญาตให้ นกแขกเต้าพาบริวารมากินข้าวที่นาข้าวได้ตาม สบาย พร้อมทั้งถือเอานกแขกเต้าเป็นครูเป็นอาจารย์ ที่ทำ�ให้ตนระลึกถึงคุณของพ่อแม่ขึ้นมาได้ ไม่เช่นนั้นเราคงกลายเป็นลูกอกตัญญูไปตลอดชีวิต นี้คือความกตัญญูของนกแขกเต้าโพธิสัตว์ เราซึ่ง เป็นมนุษย์ หากไม่รู้จักกตัญญูต่อพ่อแม่และผู้มี อุปการคุณชีวิตของเราความเป็นอยู่ของเราก็คง ไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉานสู้นกแขกเต้าโพธิสัตว์ก็ ไม่ได้น่าอายจริงๆ


21

...

.

..


22

หลายปีมาแล้วอาตมาพร้อมทั้งหมู่คณะ ได้มี โอกาสเดินทางไปกราบครูบาอาจารย์ทางภาคอีสาน และได้แวะเยี่ยมญาติของพระที่ไปด้วยกันซึ่งเป็น อัมพฤกษ์อัมพาตช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่โชคดี ที่ภรรยาไม่ทิ้งไป ยังทำ�หน้าที่ดูแลสามีเป็นอย่างดี แต่ก็น่าสงสารภรรยาเขาไหนจะดูแลสามีที่เป็น อัมพฤกษ์อัมพาตและลูกอีกสองสามคนที่ยังเล็กอยู่ โอ้หนอชีวิต ช่างไม่มีอะไรแน่นอนสักอย่างเมื่อได้เห็น ครอบครัวนี้แล้ว อาตมาก็นึกสงสารและสลดใจ ในชะตากรรมของเขา ซึ่งก็เกิดจากการกระทำ�ของเขา นั้นเอง สามีเขาที่เป็นอัมพฤกษ์อัมพาต ดูแล้วอายุ ก็คงไม่เกินประมาณ 40 ปี ภายหลังซึ่งพระญาติ ผู้ป่วยได้เล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนชายคนนี้เป็นคน ชอบเที่ยวกินเหล้าเมายาเป็นคนพาลชอบทำ�แต่ บาปกรรม ชอบด่าว่าและทุบตีพ่อแม่บางครั้งใช้ เท้าเตะพ่อแม่ ชอบอาละวาดเวลาเมา ซึ่งเขาได้ ทำ�ตัวเช่นนี้มาตลอดหลายสิบปี อยู่มาวันหนึ่ง คงเป็นเพราะกรรมชั่วที่ได้สะสมมาหลายปีมีกำ�ลัง มากพอที่จะให้ผล วันนั้นเขาได้ขับรถมอเตอร์ไซค์


23

ไปทำ�ธุระที่อีกหมู่บ้านหนึ่ง เมื่อเขาขับรถพ้นเขต หมู่บ้าน ไปด้วยความเร็วไม่รู้เป็นเพราะอะไร จึง เป็นเหตุให้รถเขาเสียหลัก พุ่งลงข้างทาง รถล้มไถล ไปตามริมถนนตัวเขาได้รับบาดเจ็บ แต่ที่สังเกตดู ตัวเขาก็ดูปกติดี แขนขาก็ไม่หักแต่ทำ�ไมจึงกลาย เป็นอัมพฤกษ์อัมพาต นี้คงเป็นผลของกรรมที่ เขาได้ล่วงเกินพ่อแม่ครั้งแล้วครั้งเล่าตามมาให้ผล ลูกหลานทั้งหลายจงอย่าได้ประมาทมีสติ ระวัง การกระทำ � ของตนให้ ด ี อย่ า ได้ ล ่ ว งเกิ น พ่ อ แม่ ไม่ว่ากรณีใดๆ เพราะการทำ�กรรมไม่ดีกับพ่อแม่ เป็นการสร้างกรรมไม่ดีให้กับตนเอง เช่นเดียวกัน การทำ�ดีกับพ่อแม่เป็นบุญใหญ่ให้ผลใหญ่ ลูกหลาน ผู้หวังความเจริญจงใช้สติปัญญาพิจารณาให้ดี ดีและชั่วอยู่ที่จิตผู้มีปัญญา จงระวังให้ดีความ กตัญญูอยู่ที่จิตความอกตัญญูก็อยู่ที่จิต จงเฝ้า ระวังให้ดีอย่าให้ความ โลภ โกรธ หลง มาทำ�ลาย ความกตัญญูที่มีอยู่ในจิตของเราเพราะบางครั้ง เราอาจคล้ อยตามอารมณ์ กั บ คำ � พู ด คำ � ยุ ย ง


24

หว่านล้อมจากคนไม่หวังดีจนเกิดความเห็นผิด แล้วทำ�ตามคำ�พูดของคนบางคนด้วยอำ�นาจของ ความหลง ดั่งที่อาตมาจะขอยกตัวอย่างมาเล่าให้ฟัง เรื่องมีอยู่ว่ามีสามีภรรยาคู่หนึ่งใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน พร้อมกั บลู กชายอี ก หนึ ่ ง คน และพ่ อ ของสามี ซึ่งก็แก่ชรามากแล้ว แรกๆ ภรรยาก็ได้ทำ�หน้าที่ ภรรยาที่ดีของสามี พร้อมทั้งทำ�หน้าที่เป็นลูกสะใภ้ ทีด่ ีต่อพ่อของสามีด้วยการปรนนิบัติรับใช้ แต่โลกนี้ ไม่มีอะไรแน่นอนเสียจริงๆ โดยเฉพาะใจของปุถุชน ย่อมหวั่นไหวไปตามอารมณ์ได้ง่ายบวกกับสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้น ในชีวิตประจำ�วันจนน่าเบื่อ แรกๆ ก็ดูแลพ่อของสามีเป็นอย่างดีเพราะความรักใน ตัวสามีส่งผ่านไปถึงพ่อของสามี แต่เมื่อดูแลไป หลายเดือนหรือเป็นปีๆ พ่อของสามีไม่มีทีท่าว่า จะหายง่ า ยๆ ไหนจะงานบ้ า นไหนจะลู ก ตั ว เอง ไหนจะต้ อ งซั ก ผ้ า ป้ อ นข้ า วป้ อ นน้ำ � เช็ ด ตั ว เช็ ด อุจจาระปัสสาวะให้กับพ่อของสามีที่ช่วยเหลือ ตัวเองไม่ได้ นางคงเต็มไปด้วยความทุกข์ความเหน็ดเหนื่อยและเบื่อหน่ายเต็มทน เพราะหัวใจ


25

ที่หมดความเมตตาต่อพ่อของสามี วันหนึ่งเมื่อ ได้โอกาส นางจึงไปพูดหว่านล้อมสามีให้เห็นใจ ตนเองในภาระที่ต้องรับผิดชอบแทบไม่มีเวลาพักผ่อน อีกอย่างพ่อของสามีก็แก่มากแล้วขืนเลี้ยงดูต่อ ไปก็สิ้นเปลืองเปล่าๆ แล้วท่านก็อยู่อย่างทรมาน น้องว่าเราเอาพ่อไปทิ้งลงน้ำ�ดีกว่าท่านจะได้หมดทุกข์ ด้ ว ยความรั ก ความสงสารความหลงในคำ � พู ด ของภรรยา เขาจึงตัดสินใจทำ�ตามคำ�แนะนำ� ของภรรยา ชายคนนั้นได้สานเข่งขึ้นมาอันหนึ่ง พอที่พ่อจะนอนได้เสร็จแล้วก็หามพ่อลงมานอน ในเข่งแล้วสองสามีภรรยาก็ช่วยกันยกลงเรือแล้ว พายเรื อ ไปกั บ ลู ก ชายส่ ว นภรรยาอยู ่ เ ฝ้ า บ้ า น พอพายเรื อ ไปถึ ง กลางแม่ น ้ ำ � ลู ก ถามว่ า พ่ อ จะเอาปู่ไปไหน พ่อก็ตอบแก้รำ�คาญว่าเอาไปปล่อย เมื่อถึงกลางแม่น้ำ�เขาก็พยายามดันเข่งให้ตกลง ไปในแม่น้ำ� แต่ลูกได้ทักขึ้นมาก่อนว่าพ่อๆ เอาเข่งไว้ ดีกว่าเสียดาย พ่อก็ถามว่าทำ�ไมล่ะลูก ลูกก็ตอบว่า ลูกจะเอาไว้ใส่พ่อมาทิ้งยามพ่อแก่เฒ่าเหมือนกับ ที ่ พ ่ อ ทำ � กั บ ปู ่ ไ ง เท่ า นั ้ น แหละพ่ อ ได้ ส ติ ข ึ ้ น มา


26

พาพ่ อ ตั ว เองกลั บ บ้ า นแล้ ว ทำ � หน้ า ที่ เ ลี้ ย งดู พ่ อ เป็นอย่างดีเพื่อให้ลูกเห็นเอาเป็นแบบอย่างว่าลูก ทุกคนต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ยามแก่เฒ่า ความจริงแล้ว พ่อแม่เลี้ยงเรามาจะว่าท่านไม่หวังอะไรจากลูกๆ ก็ไม่ใช่ ท่านก็หวังให้เราเลี้ยงดูท่านยามแก่เฒ่า หวังฝากชีวิตบั้นปลายไว้กับลูกหลาน แต่มันเป็น ความหวั งที่ ไ ม่ คิ ด จะทวงบุ ญ คุ ณ สุ ด แท้ แ ต่ ลู ก ๆ จะระลึกได้ เราต้องเข้าใจว่าจิตของปุถุชนชอบ หวั่นไหวไปตามอารมณ์ที่มากระทบ มีทั้งความรู้สึกดีใจ เสียใจ คิดดี คิดชั่ว ปะปนกันไปโดยอาศัย สภาพแวดล้อมเป็นสิ่งมากระตุ้นแล้วนำ�ไปสู่การกระทำ� เพราะฉะนั้นการคิดการพูดการกระทำ�ต้องประกอบด้วย สติสัมปชัญญะและปัญญา เพื่อป้องกันบาปไม่ไห้ เกิดขึ้นจากการกระทำ�ของตนเอง อาตมาขอยกตัวอย่างที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ มาเป็น กรณีศึกษา เรื่องอานุภาพของความรักความหลง ที่ครอบงำ�จิตของคนๆ นั้นให้ฟัง มีหนุ่มสาวคู่หนึ่ง รักชอบเป็นแฟนกันต่างก็มีความรู้มีการศึกษา-


27

กันทั้งคู่ เป็นคนดีมีงานทำ�ช่วยเหลือครอบครัว ช่วยงานพ่อแม่ เป็นต้น หนุ่มสาวสองคนเมื่อคบกัน ไปนานก็อยากจะแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกัน แต่ พ่อแม่ของฝ่ายหญิงไม่ชอบฝ่ายชาย จึงถูกห้าม ไม่ไห้คบกันพร้อมทั้งมองหาชายหนุ่มที่ตนเอง คิดว่า เหมาะสมกั บ ลู ก สาวตน ด้ ว ยความหวั ง ดี ของพ่อกับแม่แต่กลับกลายเป็นผลร้ายต่อจิตใจ ลูกสาวตน เพราะลูกสาวมีคนรักอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ กระมังจึงเป็นที่มาของเพลง รักพี่จึงต้องหนีพ่อ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบพ่อแม่ของฝ่ายหญิง จึงไม่ชอบฝ่ายชายอาจจะเป็นเพราะฐานะความรู้ หน้าที่การงานและรูปร่างหน้าตาที่ไม่เหมาะสมกัน หรือเป็นเพราะชายผู้นั้นไม่ใช่ว่าที่ลูกเขยในอุดมคติ ที่ตนเองต้ องการ ด้ ว ยความห่ ว งใยของพ่ อ แม่ กลัวชีวิตลูกจะไม่มีความสุข หรือคงเป็นเพราะ เหตุผ ลส่ ว นตั ว ของแต่ ล ะคนอั น เกิ ด จากตั ณหา ของคนทั้งสองฝ่ายจึงไม่ขอพูดถึง เมื่อหนุ่มสาวคู่นี้ ไม่สมปรารถนาก็เป็นทุกข์ความคิดเหมือนยืนอยู่ ทางสองแพร่ง ทางหนึ่งพ่อแม่ครอบครัวอีกทางหนึ่ง


28

ก็คนรัก ฝ่ายหญิงก็รักฝ่ายชาย ฝ่ายชายก็รัก ฝ่ายหญิงเช่นกัน ด้วยอำ�นาจของความรัก เมื่อปรึกษากัน ผลออกมาก็คือเราต้องหนี หนีไปด้วยกัน ด้วยแรงปรารถนาของหัวใจ พลังของความรักแบบชายหนุ่ม หญิงสาวได้มาผลักดันความกตัญญูออกไปจากหัวใจ ของหนุ่มสาวคู่นี้พ่อแม่ที่อยู่กับเรามาเลี้ยงเราตั้ง 20 ปี 30 ปี สู้หญิงสาวหรือชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จักกัน เพียงไม่นานก็ไม่ได้ นี่แหละโบราณว่าไว้ ความรักทำ�ให้คนตาบอด มีคนตั้งคำ�ถามเล่นๆ ว่าทำ�ไม ความรักจึงทำ�ให้คนตาบอด (เพราะคนมีความรัก ชอบเดินจูงมือกันเหมือนคนตาบอดเป็นการจูงด้วย คำ�พูดหวานๆ ด้วยการกระทำ�ที่ดีๆ ด้วยการเอาใจ ทุกอย่าง) ภายหลังพ่อแม่รู้ว่าลูกสาวตัวเองหนี ตามผู้ ช ายไปก็ เ ป็ น ทุ ก ข์ เ ศร้ า โศกเสี ย ใจอั บ อาย เพื่อนบ้าน กลายเป็นมลทินทางใจยากจะลบลืม ที่จริงผู้หญิงไม่ได้หนีตามผู้ชายเสมอไปดอก ผู้ชายอาจจะหนีตามผู้หญิงไปก็ได้ใครจะไปรู้ แต่ความจริงแล้ว เรียกว่า เขาพร้อมใจหนีไปด้วยกัน หน้าที่ของพ่อแม่ คือให้อภัยหน้าที่ของลูกคือสำ�นึกผิดแล้วกลับตัวกลับใจ


29

จงให้อภัยกันเป็นการดีเพราะในโลกนี้ไม่มีใครเลย ที่ไม่เคยทำ�ผิดและคิดเสียว่าคงเป็นเพราะกรรมลิขิต ให้เป็นไปอย่าได้โทษใครเลย กตัญญูรู้คุณพระธรรม เคารพพระธรรม เชื่อฟังพระธรรม ปฏิบัติตามพระธรรม ย่อมนำ�ความสำ�เร็จสูงสุดมาสู่ตนคือพ้นทุกข์ อกตัญญูพระธรรม ไม่เคารพพระธรรม ไม่เชื่อฟังพระธรรม ไม่ปฏิบัติตามพระธรรม ชีวิตจะประสบพบแต่ความล้มเหลว และไม่พ้นทุกข์ พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์เคารพพระธรรม เพราะพระธรรม ทำ�ให้พระโพธิสัตว์ กลายเป็นพระพุทธเจ้า


30


31

เป็นคุณธรรมที่ช่วยหล่อหลอมจิตใจของคน ที่ใช้ ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นสังคม ให้เกิดการดูแลพึ่งพาอาศัย ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่ทอดทิ้งกันเป็นคุณธรรม ทีช่ ่วยส่งเสริมการทำ�ความดียิ่งๆขึ้นไป อันจะเป็นเหตุ ให้ครอบครัวนั้นสังคมนั้น ใช้ชีวิตร่วมกันอย่าง มีความสุข เป็นคุณธรรมที่ทำ�ให้มนุษย์มีความเป็นอยู่ อย่างมีคุณค่า และเป็นจุดเริ่มต้น ของการสร้างความดีสะสมความดีให้มีนิสัยเป็นคนรักดี ส่วนสัตว์เดรัจฉาน แม้จะได้รับการเลี้ยงดูจากผู้เป็นพ่อ เป็นแม่อย่างดี แต่เมื่อเติบโตขึ้นมาแล้วต่างแยกย้ายกันไปหาอยู่หากินดำ�เนินชีวิตไปตามสัญชาตญาณสัตว์ โดยไม่มีความรักความผูกพันความกตัญญู เป็นองค์ ประกอบในการดำ � เนิ น ชี วิ ต เพราะเหตุ ว่ า เป็ น อาภั พ สัตว์เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมอย่างเดียว จึงไม่มีจิตสำ�นึก ตอบแทนบุญคุณอย่างเช่นสุนัข ไก่ ออกลูกมาเป็นโหลๆ แม่สุนัขแม่ไก่เลี้ยงลูกได้เป็นโหลๆ แต่เมื่อลูกเจริญเติบโต ขึ้นมาต่ า งก็ แ ยกย้ า ยกั น ไปหาอยู่ ห ากิ น ตามลำ � พั ง ไม่เคยมีลูกสุนัขตัวไหนลูกไก่ตัวไหนเลี้ยงดูพ่อแม่


32

นี่คือวิถีชีวิตสัตว์เดรัจฉาน มนุษย์เราไม่ควรทำ�ตัวเหมือนสัตว์ ไม่เช่นนั้นเราจะกลายเป็นสัตว์ในร่างของมนุษย์ แต่สัตว์บางจำ�พวกที่คนเรานำ�มาเลี้ยงเช่น ช้างวัวควายสุนัข เมื่อสัตว์เหล่านี้ได้รับการเลี้ยงดูจากเรา เหมือนหนึ่ง เขามีความรักและกตัญญูต่อคนที่เลี้ยงดู ด้วยการแสดง พฤติกรรมบางอย่างออกมาให้เราเห็นเช่นสุนัขเขาได้ ทำ�หน้าที่ตอบแทนด้วยการช่วยเฝ้าบ้าน เห่าและกัด โจรขโมยแสดงความรักความดีใจด้วยการร้องทักเวลา เจ้านายกลับจากทำ�งานเป็นต้น หากคนเราไม่มีความ กตัญญูก็สู้สุนัขไม่ได้นะ แม้แต่ต้นไม้ที่เราปลูกแล้ว ทำ�การดูแลรักษา มีรดน้ำ�พรวนดินใส่ปุ๋ย ป้องกันศัตรูพืช เมื่อต้นไม้ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีย่อมเจริญ เติบโตขึ้น ต้นไม้ก็ได้แสดงความกตัญญู แสดงความ ขอบคุณด้วยการให้ร่มเงา ให้ดอกให้ผล นี่คือความ กตัญญูของต้นไม้ หากคนเราไม่มีความกตัญญูก็น่าอาย ต้นไม้เหมือนกัน ความกตัญญูเป็นคุณธรรมที่ดีงามเป็นคุณธรรมที่ควรมี อยู่ทุกๆสังคมเพื่อสร้างความรู้สึกที่ดีต่อกัน เพื่อความ


33

ผูกพันที่ดีต่อกันในสังคมนั้นๆ กตัญญูต่อชาติด้วยการเป็น ข้าราชการผู้บริหารบ้านเมืองที่ดีมีหัวใจเสียสละไม่ทำ� ตามอารมณ์ โลภ โกรธ หลง อันจะนำ�ไปสู่การทำ�ผิดศีล จงเป็นพลเมืองที่ดีไม่ทำ�ผิดต่อชาติบ้านเมือง มีจิตสำ�นึก ที่ดีตอบแทนคุณแผ่นดินด้วยการทำ�ความดี เพราะ ทรัพย์สินต่างๆเกิดจากแผ่นดินมนุษย์ได้รับประโยชน์ อย่างมากมายจากแผ่นดิน ทั้งที่อยู่ที่อาศัยวัตถุสิ่งของ ต่างๆ ก็เอามาจากแผ่นดิน แผ่นดินจึงมีคุณกับเรา ไม่ทุจริตคดโกงเพราะการทุจริตเป็นการทำ�ผิดต่อหน้าที่ ทรยศต่อตนเองต่อครอบครัวต่อประชาชนเป็นการทำ�บาป กับคนทั้งประเทศ ข้าราชการและประชาชนจงมีหัวใจ รักชาติรักความถูกต้อง เคารพกฎหมายบ้านเมือง เพื่อความสงบสุขของสังคม อยู่เพื่อชาติทำ�เพื่อชาติ เป็นการสร้างบุญบารมีร่วมกัน กตัญญูต่อศาสนา ด้วยการปฏิบัติตามคำ�สอนของศาสนาที่ตนเองนับถือ อย่างจริงจัง แผ่นดินไม่มีน้ำ�สิ่งมีชีวิตจะอยู่ได้อย่างไร คนไม่ มี ศี ล ธรรมประเทศชาติ จ ะสงบสุ ข ได้ อ ย่ า งไร กตัญญูต่อพระมหากษัตริย์ ด้วยความจงรักภักดี กตัญญูต่อครอบครัว ด้วยการไม่ละเมิดศีลธรรม


34

มีความรักความซื่อสัตย์ต่อกัน ในสังคมของพนักงาน ลูกจ้ า งที่ ดี ต้ อ งมี ค วามกตั ญ ญูต่ อ นายจ้ า งที่ เ มตตา รับเข้าทำ�งานให้งานทำ� ให้เงินเดือนแก่เราๆ จึงมีเงิน ไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำ�วัน เพราะได้รับความเมตตา จากนายจ้าง แม้นายจ้างเองก็เช่นกันต้องกตัญญู ต่อลู ก จ้ า งที่ ช่ ว ยทำ � งานเพราะลำ � พั ง เราคนเดี ย วไม่ สามารถทำ�ให้บริษัทใหญ่โตหรือเจริญก้าวหน้าไปได้ ถ้าไม่มีลูกจ้าง แม้พ่อค้าแม่ค้าเองก็เช่นกันต้องกตัญญู ต่อลูกค้าที่มาอุดหนุนซื้อสินค้าของเราๆ จึงร่ำ�รวยเป็น เศรษฐีขึ้นมาได้ ก็เพราะอาศัยกำ�ลังซื้อของประชาชน ผู้ซื้อเองก็ต้องกตัญญูรู้คุณต่อผู้ผลิตสินค้าต่างๆ ออกมา ให้เราได้ซื้อไปใช้ในชีวิตประจำ�วัน จนได้รับความสะดวก สบาย คนที่อาศัยอยู่ในเมืองก็ต้องกตัญญูรู้คุณชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ชาวประมง ที่ส่งสินค้าเข้ามาขายในเมืองทำ�ให้คนที่อยู่ในเมืองมีอยู่มีกินมีใช้โดยไม่ต้อง ลำ�บากไปตากแดดตากฝนทำ�งานหนักถึงแม้ว่าจะแลก มาด้วยเงินก็ตามเพราะถ้าเรามีแต่เงินแต่ไม่มีผู้ขาย แล้วเราจะกินอะไร เราไม่สามารถกินธนบัตรแทนข้าวได้ แม้ชาวไร่ชาวนาชาวประมง ก็ต้องกตัญญูรู้คุณต่อผู้ชื้อ


35

ที่ทำ�ให้ตนเองได้ขายสินค้าได้นำ�เงินนั้นมาใช้จ่ายใน ชีวิตเลี้ยงดูครอบครัว ผู้ขายและผู้ชื้อต่างก็เกื้อกูลซึ่งกัน และกัน พึ่งพาอาศัยกัน ด้วยการแลกเปลี่ยนผ่านการ ค้าการขาย อำ�นาจของความกตัญญู ช่วยให้ใจของเรา ไม่มีความรู้สึกรังเกียจ หรือดูถูกเหยียดหยามอาฆาตพยาบาทปองร้ายต่อผู้มีพระคุณของเรา แม้ในบางครั้ง เราจะมีความรู้สึกไม่พอใจในความคิดที่ต่างกัน หรือ ผิดหวังที่ถูกปฏิเสธจากเพื่อนร่วมงาน ก็ขอให้เข้าใจว่า เป็นเรื่องธรรมดาในการทำ�งานร่วมกันใช้ชีวิตร่วมกัน นี่คือผลดีของความกตัญญูที่มีอยู่ในตัวเราๆต้องระลึก อยู่เสมอว่าชีวิตที่เกิดมาย่อมต้องพึ่งพาอาศัยกันไม่มาก ก็น้อย ความเป็นอยู่ของสังคมต้องอาศัยองค์ประกอบ หลายอย่างจึงจะมีชีวิตอยู่ได้ เพราะฉะนั้นเราไม่ควรด่าว่า นินทาให้ร้ายเกลียดชังแสดงอาการไม่พอใจคนอื่น ไม่ แน่ว่าวันหนึ่งข้างหน้าเราอาจจะได้พึ่งเขาคนนั้นก็เป็นได้ เสาต้นเดียวเป็นบ้านไม่ได้ ไม้ต้นเดียวเป็นป่าไม่ได้ คนๆ เดียวเป็นผู้นำ�ไม่ได้ เป็นบริษัทไม่ได้ เป็นครอบครัว ไม่ได้เป็นหมู่บ้านไม่ได้เป็นเมืองไม่ได้ พระรูปเดียวเป็น คณะสงฆ์ไม่ได้ คนขาเดียวแขนเดียวนิ้วเดียวอยู่ลำ�บาก


36

ขาสองแขนสองนิ้วมือสิบต่างทำ�หน้าที่ช่วยเหลือกันและกันจึงพอได้รับความสะดวก คนแต่ละคนมีประโยชน์ นิ้วแต่ละนิ้วมีค่า คนมีนิ้วเดียวก็ได้แต่ชี้หยิบของก็ไม่ได้ กำ�มือก็ไม่ได้ ห้านิ้วสิบนิ้วห้าคนสิบคนทุกอย่างจึงพอ เป็นไปได้ การพึ่งพาอาศัยกันเป็นเหตุผลที่เราต้องรู้จัก กตัญญูต่อกัน อยู่ร่วมกันด้วยความกตัญญู ผลคือ ความรักความเคารพความซื่อสัตย์ ความหวังดี ความ จริงใจ อยู่ร่วมกันเพื่อเงิน ผลคือความเห็นแก่ตัว เอารัดเอาเปรียบ ทำ�ทุกอย่างเพื่อเงิน ระวังชีวิตจะล่มจม ทำ�ทุกอย่างเพื่อความดีชีวิตจะรุ่งเรืองและก้าวหน้า เพราะฉะนั้นเราจึงมักกล่าวคำ�ขอบคุณกันในโอกาส ต่างๆ แต่อย่าได้กล่าวคำ�ขอบคุณออกมาจากปากเพียง อย่างเดียวขอให้คำ�ขอบคุณออกมาจากหัวใจที่มีความ กตัญญูจริงๆ จึงจะเป็นผลดีต่อใจเรา เป็นนักเรียนนักศึกษาที่ดี ต้องกตัญญูรู้คุณ ครูอาจารย์ ผู้สอนวิชาความรู้ให้แก่เราถ้าหากมีแต่นักเรียนไม่มีครู หรือมีแต่ครูไม่มีนักเรียนการเรียนการสอนจะเกิดขึ้น ได้อย่างไร เราจะมีวิชาความรู้ได้อย่างไรครูและนักเรียน


37

จำ�เป็นต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน จงทำ�ความรู้สึก เหมือนหนึ่งว่าครูอาจารย์เป็นพ่อแม่คนที่สองของเรา ในอดีตสัตว์เลี้ยงบางชนิด เช่น ช้างม้าวัว ควาย ถือได้ว่า เป็นสัตว์มีคุณมีส่วนร่วมในการช่วยทำ�ไร่ไถนา ช่วยเป็น ยานพาหนะในการเดินทางและขนสินค้าไปขายตาม หัวเมืองต่างๆสัตว์เลี้ยงกับคนจึงมีความผูกพันกัน เหมือนว่าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวและเป็นสัตว์ ที่มีคุณต่อคนทั้งชาติก็เห็นจะไม่ผิด แต่เมื่อยุคสมัย เปลี่ยนไป คงเหลือไว้แต่เพียงประวัติศาสตร์ให้เราได้ศึกษา เรียนรู้เรื่องราวในอดีตของสัตว์เหล่านี้ หากมนุษย์เรา ไม่รู้จักคุณบิดามารดาครูอาจารย์ ชีวิตก็จะไม่ต่างจาก สัตว์เดรัจฉาน การกตัญญูต่อตนเอง ด้วยการรู้คุณค่าชีวิตของตนเอง ว่าร่างกายนี้เป็นของมีค่าเป็นสิ่งที่ได้มาโดยยาก สัตว์ที่ เกิดมาในโลกนี้มีเพียงมนุษย์ที่ถูกยกย่องว่าเป็นสัตว์ ประเสริฐ ชีวิตเรานี้เกิดขึ้นมาได้ก็ด้วยอาศัย มารดา บิดา เป็นผู้ให้กำ�เนิดเมื่อคลอดออกมาแล้วก็ได้รับการเลี้ยงดู เป็นอย่างดี จนเจริญเติบโตด้วยความรักความเมตตา


38

ความปรารถนาดีไม่มีประมาณ แม้จะทุกข์ลำ�บากเพียงใด พ่อแม่ก็ยอมทำ�ทุกอย่างเพื่อลูก แม้ที่สุดหากตายแทน ลูกได้ก็ยินดี พ่อแม่เหนื่อยยากลำ�บากเพียงใดผู้ที่มีลูก คงรู้ซึ้งอยู่แก่ใจ ทุกข์ต่อการทำ�งานหาเงินมาเลี้ยงดู และส่งเสียให้ได้รับการศึกษาเล่าเรียน หาสามีภรรยา ที่เหมาะสมให้ ทุกข์ต่อการทำ�งานสะสมเงินทองเพื่อ เอาไว้เป็นมรดกให้ลูกหลาน เพื่อให้ลูกมีชีวิตความเป็น อยู่ที่สุขสบาย เรียกว่าชีวิตของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ทำ� ทุกอย่างเพื่อลูก เพราะฉะนั้นเมื่อเราได้ร่างกายนี้มา เราควรแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ และกตัญญูต่อ ตนเอง ด้วยการทะนุถนอมดูแลร่างกายของตนเองให้ดี นำ�เอาแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต ไม่เอาสิ่งไม่ดีเข้ามาในชีวิต เช่นสิ่งเสพติดของมึนเมาชนิดต่างๆ อันเป็นโทษต่อ ร่างกาย ผู้มีความหวังดีต่อตนเองเมื่อนึกถึงคุณงาม ความดีที่พ่อแม่ได้เลี้ยงเรามาเป็นอย่างดี แม้แต่ยุง ก็ไม่ยอมให้กัด เพราะฉะนั้นการเอาสิ่งที่ไม่ดีไม่มีประโยชน์ ต่อร่างกาย เข้ามาในร่างกายของตนเอง จึงกลายเป็น คนอกตัญญูต่อพ่อแม่และอกตัญญูต่อตัวเอง เพราะ มันเป็นการประทุษร้ายร่างกายของตนเอง เป็นการ


39

ทำ�ลายคุณสมบัติของความเป็นมนุษย์ให้ฉิบหายไป ด้วยการกระทำ�ของตนเอง พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ยากที่จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ การได้เกิดในครรภ์ของมนุษย์นั้นก็ยาก มนุษย์ในที่นี้ หมายถึงบุคคลที่มีศีลห้า ส่วนมากได้เกิดในครรภ์ของคน เมื่อเกิดมาแล้วการที่จะได้ใช้ชีวิตแบบมนุษย์นั้นก็ยาก ส่วนมากชอบใช้ชีวิตแบบคน (ซึ่งแปลว่าก่อกวน) นิสัย ของคนชอบทำ�แต่สิ่งที่จะนำ�ความทุกข์ความเดือดร้อน มาให้ตนเอง ด้วยการทำ�ตามใจตามอารมณ์ มนุษย์เป็น ผู้ประเสริฐ อะไรที่นำ�ความทุกข์ความเดือดร้อนมาให้ตน จะไม่ทำ� จุดเด่นของมนุษย์คือการไม่ทำ�ตามใจตาม อารมณ์ นี่คือความพิเศษของมนุษย์ เพราะฉะนั้นจง พยายามพัฒนาความเป็นมนุษย์ให้เกิดขึ้นในใจตน เพื่อประโยชน์เพื่อความสงบสุขอย่างแท้จริง ร่างกายคือมรดกชิ้นแรกที่พ่อแม่สร้างให้เรา ส่วนมรดก คือทรัพย์สินต่างๆ เป็นมรดกที่กายนี้ไปแสวงหามา พระท่านว่ามนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ


40

ก็อาศัยกายนี้ แม้แต่ ทาน ศีลภาวนา ก็อาศัยกายนี้ สิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยกายมนุษย์เท่านั้น จึงจะทำ�ได้ กายของสัตว์เดรัจฉานทำ�ไม่ได้เพราะเป็นอาภัพสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์ภายนอก ความเจริญของบ้านเมือง ที่อยู่ที่อาศัยอันโอ่อ่าหรูหราสวยงามและสะดวกสบายต่างๆ วัตถุบริโภคมากมายเกิดขึ้นได้เพราะอาศัยกายมนุษย์ แม้แต่ทรัพย์ภายในคืออริยทรัพย์ เช่นคุณงามความดีต่างๆ ก็อาศัยร่างกายนี้เป็นเครื่องมือในการแสวงหา เป็นที่บำ�เพ็ญบารมี ร่างกายนี้จึงเป็นคุณโดยธรรม เป็นโทษโดยธรรม คุณอันสูงสุดคือ พระนิพพาน โทษอันต่ำ�สุดคือ อเวจีมหานรก เพราะฉะนั้นชีวิตของมนุษย์ จึงเป็นสมบัติอันล้ำ�ค่า ที่เราจะต้องหวงแหนรักษาดูแลให้ดีใช้ประโยชน์จากร่างกายนี้ให้คุ้มค่า ด้วยการปฏิบัติ ตามคำ�สอนของพระพุทธเจ้า ดำ�เนินชีวิตไปตามครรลอง คลองธรรมแห่งคุณงามความดีก่อนที่ร่างกายนี้จะตายไป อีกอย่างความตายเป็นสิ่งไม่แน่นอนจงรีบเร่งทำ� คุณงามความดี เหมือนว่าความตายรอเราอยู่เฉพาะหน้า มันอยู่เฉพาะหน้าจริงๆ หายใจเข้าไม่ออกก็ตาย หายใจออก ไม่เข้าก็ตายอยู่แค่ปลายจมูกนี้เอง อย่าไปคิดว่าอยู่โน้น


41

อายุ 80 ปี 100 ปี เราถึงจะตาย อันนี้เรียกว่า เป็น ผู้ประมาทในการใช้ชีวิต เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึง ตรัสว่าการฆ่าตัวตายเป็นบาป บุคคลที่ฆ่าตัวตาย จึงต้องกลับมาเกิดเพื่อฆ่าตัวตายอีก 500 ชาติ เพราะ การฆ่าตัวตายบุคคลที่ทุกข์ใจมากคือพ่อกับแม่ มันเป็น ตราบาปของพ่อแม่ว่าตนเองดูแลลูกไม่ดี เราอย่าพูดว่า ชีวิตเป็นของเราๆ จะทำ�อะไรก็ได้ แท้จริงแล้วพ่อแม่ ต่างหากที่เป็นเจ้าของชีวิตเรา เหมือนสิ่งของต่างๆ ที่เราหามาได้ย่อมเป็นของเราโดยชอบธรรม ชีวิตเรา พ่อแม่เป็นผู้สร้างขึ้นมาเลี้ยงดูเรามาด้วยความทุกข์ ยากลำ�บากจึงเป็นของพ่อกับแม่โดยชอบธรรม เพราะ เหตุที่ร่างกายนี้เป็นสิ่งมีคุณค่าในการบำ�เพ็ญความดี ถ้าไปเกิดเป็นเทวดาหรือพระอินทร์ พระพรหมก็เสวย ผลบุญอย่างเดียว ถ้าไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานหรือ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย ก็เสวยผลบาปเพียงอย่างเดียว ภพภูมิที่สามารถสร้างบารมีได้ก็มีแต่ภพชาติมนุษย์เท่านั้น เพราะมีทั้งสุขทั้งทุกข์มีทั้งดีทั้งชั่ว มีกายกับใจเป็นเครื่องมือ ในการศึกษาและสร้างบารมี มีการให้ทาน รักษาศีล ภาวนา เป็นต้น เพราะฉะนั้นการฆ่าตัวตายจึงเป็นบาป


42

แต่น่าเสียดายที่คนส่วนมากใช้ชีวิตให้หมดไปกับทางโลก เพียงอย่างเดียว ด้วยการทำ�ตามกิเลสตัณหา ตามวิถีชีวิต ชาวบ้านเลยกลายเป็นคนมีพฤติกรรมฝักใฝ่ในธรรม อันเป็นไปเพื่อประกอบทุกข์เป็นไปเพื่อเวียนว่ายตายเกิด อยู่ในวัฏฏะสงสาร เพราะความหลงผิดจึงใช้ร่างกายนี้ สะสมกองกิเลสตัณหาไปตลอดชีวิตน่าเสียดายจริงๆ พระพุทธเจ้าสมัยเป็นพระสิทธัตถะราชกุมารได้ใช้ชีวิต อยู่ทางโลก 29 ปี แล้วเสด็จออกบวชประพฤติ พรหมจรรย์อยู่ 45 พรรษา จนถึงวันปรินิพพานนับว่า เป็นวิถีชีวิตที่พวกเราควรศึกษาเอาเป็นแบบอย่างเพื่อ จะได้ใช้ร่างกายของมนุษย์นี้ให้เกิดคุณเกิดประโยชน์ ด้วยการทำ�ความดีมีการถือศีล ปฏิบัติธรรมบ้างตาม บุญวาสนาบารมีของเรา พระพุทธเจ้าได้ใช้ร่างกายนี้ ที่ได้มาจากพระบิดาและพระมารดาให้เกิดประโยชน์แก่ เวไนยสัตว์ เป็นเนื้อนาบุญของโลก อย่างไม่มีผู้ใดทำ�ได้ เช่นพระองค์ ตลอด 45 พรรษา นับว่าพระองค์ได้ใช้ ร่างกายที่พระบิดาพระมารดาผู้ให้กำ�เนิด เฝ้าถนอม เลี้ยงดูมาด้วยความรักความเมตตาจากพระบิดาและ


43

พระน้านางมหาปชาบดีโคตมีให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ หมู่มวลมนุษย์ แม้พระนางสิริมหามายาเอง ในอดีต หลายชาติก่อนก็ได้ตั้งจิตอธิษฐานขอเกิดเป็นพระมารดา ของพระพุทธเจ้าสักครั้งหนึ่งแม้จะแลกกับการมีชีวิต อยู่กับลูกน้อยเพียง 7 วันก็ยอม เพื่อเป็นพระมารดา ผู้ให้กำ�เนิดพระพุทธเจ้า นับได้ว่าเป็นการเสียสละอัน ยิง่ ใหญ่ เพราะไม่มีแม่คนไหนอยากจากลูกของตนเอง ไปไม่ว่ากรณีใดๆ แต่พระพุทธเจ้าก็แสดงความกตัญญู ด้วยการใช้ร่างกายนี้ประพฤติพรหมจรรย์อยู่ 45 พรรษา และใช้ร่างกายนี้ จาริกไปตามหัวเมืองต่างๆ เพื่อโปรด เวไนยสัตว์ให้ได้ดวงตาเห็นธรรม ได้บรรลุมรรคผล นิพพาน เป็นเนื้อนาบุญของโลกตามแบบอย่างพระองค์ พระพุทธเจ้าได้ทรงใช้ร่างกายที่พระนางสิริมหามายา แลกมาด้วยชีวิตอย่างคุ้มค่า เพราะฉะนั้นเราควร แสดงความกตัญญูรู้คุณของพระนางเพราะว่าถ้าไม่มี พระนางกายเนื้อของพระพุทธเจ้าก็จะเกิดขึ้นมาไม่ได้ เหมือนชีวิตของเราถ้าไม่มีพ่อแม่ก็เกิดขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน การออกบวชประพฤติพรหมจรรย์ จึงเป็นการแสดง ความกตัญญูอย่างสูงสุดต่อพ่อแม่มีน้อยคนนักที่ทำ�ได้


44

รองลงมาคือการใช้ร่างกายนี้สร้างคุณความดี มีการ ให้ทานรักษาศีล ภาวนา เป็นต้นตามรูปแบบของชาวพุทธ รองลงมาอีกคือการใช้ร่างกายนี้สร้างครอบครัวทำ�งาน บำ�รุงร่างกายนี้ให้ได้รับความเป็นอยู่ที่สุขสบาย เพราะฉะนั้น เราควรกตัญญูต่อตนเองกตัญญูต่อพ่อแม่และผู้มีบุญคุณ ต่อตนเอง ด้วยการตอบแทนท่านเหล่านั้นด้วยกาย วาจา ใจ อันประกอบไปด้วยการทำ�ความดีตามหลักธรรมคำ�สอนของพระพุทธเจ้าดังนี้ พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า บุคคลหาได้ยากสองจำ�พวกคือ 1. บุพการี คือบุคคลผู้ทำ�อุปการะก่อน เช่นพ่อแม่ 2. กตัญญูกตเวที คือบุคคลที่รู้อุปการะที่ท่านทำ�แล้ว ตอบแทน เช่นลูกหลาน


45

ทำ�ไมบุคคลสองจำ�พวกนี้จึงหายาก ทั้งคนเป็น พ่อเป็นแม่ก็มีอยู่มากแม้คนที่เกิดมาเป็นลูกก็มีอยู่ มากเช่นกัน ทำ�ไมพระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าบุคคล สองจำ�พวกนี้หายากเหลือเกิน พระองค์คงหมาย เอาคุณธรรมเป็นเครื่องวัด เช่นพ่อแม่ที่เป็นแบบ อย่างที่ดีของลูกต้อง มีศีล มีธรรม เป็นเครื่องมือ ในการดำ�เนินชีวิต ละสิ่งเสพติดทั้งหลาย อบายมุข ทั้งปวงเบื้องต้นให้การเลี้ยงดู ให้การศึกษา หาการงาน ให้ทำ� หาภรรยาที่ดีให้ แบ่งมรดกให้ ด้านจิตใจ อบรมสอนลูกให้เป็นคนดี พาลูกไปทำ�บุญให้ทาน รักษาศีล ภาวนาบ้างให้ลูกได้บวช ประพฤติ พรหมจรรย์ เจริญคุณงามความดียิ่งๆ ขึ้นไป นี้คงเป็นคุณสมบัติ ของบุพการี ที่พระพุทธเจ้า กำ�หนดไว้ ในความหมายนี้ ที่หายากจริงๆ ในยุค ปัจจุบันนี้ สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ความเป็น อยู่ของสังคมที่เปลี่ยนแปลง ความคิดเห็นของ คนผู้เป็นพ่อแม่ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน โดยมีความ เห็นว่าสิ่งสำ�คัญที่สุดสำ�หรับชีวิตลูกคือการศึกษา การงาน การเงิน ขอเพียงลูกๆประสบความสำ�เร็จ


46

ในการดำ�เนินชีวิต มีครอบครัวที่อบอุ่นเท่านี้พ่อแม่ ก็ภาคภูมิใจแล้ว ว่าตนเองประสบความสำ�เร็จใน ชีวิตในการสร้างครอบครัว มันเป็นความเห็นถูก เพียงส่วนเดียว แม้แต่บุคคลที่มีความกตัญญู รู้คุณท่านเหล่านั้นแล้วตอบแทนก็หายาก บางที เราอาจจะค้านว่าหายากที่ไหนกัน ลูกหลายคน ล้วนแต่ตอบแทนคุณพ่อคุณแม่และผูท้ ี่มอี ปุ การคุณ ที่เห็นกันอยู่ในสังคมไทยเรา ใช่ แต่เป็นการตอบแทน บุญคุณเบื้องต้น เช่นท่านเลี้ยงเรามา ก็เลี้ยงท่านตอบ สร้างบ้านให้ท่านอยู่ซื้อเสื้อผ้าให้ท่านใช้ หาอาหาร อร่อยๆ ให้ท่านกิน พาท่านไปเที่ยวดูหนังฟังเพลง เวลาท่านเจ็บไข้พาไปหาหมอ ดูแลรักษาท่าน เมื่อท่าน เสียชีวิตทำ�บุญอุทิศไปให้ อันนี้เป็นการตอบแทน คุณบิดามารดาได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นคือการดูแล ความเป็นอยู่ของท่านให้ท่านอยู่สบาย แต่ตัวเอง ไม่มีเวลาอยู่กับพ่อแม่ แม้เราจะให้ท่านอยู่สบาย ขนาดไหน แต่ถ้าเราไม่ได้อยู่กับท่าน ปล่อยให้ท่าน อยู่ตามลำ�พัง นี่คือความบกพร่องของลูกหลาน พ่อแม่ยามแก่เฒ่าสิ่งหนึ่งที่ต้องการคือความรัก


47

ความอบอุ่นความใกล้ชิดของลูกหลาน ปฏิบัติได้ เช่นนี้เรียกว่าตอบแทนคุณท่านได้เพียงส่วนเดียว ส่ ว นที่ สำ � คั ญ คื อ ด้ า นจิ ต ใจเราจะตอบแทนคุ ณ พ่อแม่ด้านจิตใจได้อย่างไร เบื้องต้นเราต้อง เป็นลูกที่ดีมีความประพฤติเรียบร้อยไม่พูดไม่ทำ� อะไรให้ท่านหนักใจและเสียใจไม่ทำ�ให้พ่อแม่เป็น ทุกข์กังวลใจ เพราะการกระทำ�ของตนเอง เป็นลูก ที่ดีมีคุณธรรมด้วยการไม่ทำ�บาปทั้งปวง มีความ ฉลาดในการดำ�เนินชีวิต ละสิ่งเสพติดทั้งปวงละ อบายมุขทั้งปวง นี่คือการเอาความดีตอบแทน บูชาคุณท่าน เรียกว่าตอบแทนท่านด้วยการทำ�ดี เมื่อพ่อแม่นึกถึงความดีของลูกแล้วมีความสุขใจ สบายใจ เรียกว่าเราได้เลี้ยงใจของท่านให้มีความสุข ด้วยการประพฤติตัวเป็นคนดี และที่สำ�คัญการ ชักชวนพ่อแม่ไปทำ�บุญฟังเทศน์ถือศีลปฏิบัติธรรม ให้พ่อแม่ได้บำ�เพ็ญความดีตามหลักของพระพุทธศาสนา มีการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เป็นต้น เป็นการมอบอริยทรัพย์ให้กับท่าน บวชแทนคุณ พ่ อ แม่ ป ฏิ บั ติ ดี ป ฏิ บั ติ ช อบเพื่ อ บู ช าคุ ณ ท่ า น


48

การบวชของเราเป็นเหตุให้ญาติพี่น้อง ปู่ ย่า ตา ยายได้เข้าวัดทำ�บุญ จึงถือได้ว่าการบวชของเรา เป็นการบวชจูงคนเป็น จูงคนตายเข้าวัดไม่เกิด ประโยชน์อะไรสำ�หรับคนตาย แต่คนตายจูงคน เป็นเข้าวัดเกิดประโยชน์ ต้องขอบคุณคนตายที่ทำ� ให้คนเป็นๆ ได้มีโอกาสไปวัดได้ไหว้พระทำ�บุญบ้าง เพราะชี วิ ต ของคนในยุ ค นี้ มี ภ าระการงานมาก แทบไม่มีเวลาไปทำ�บุญถือศีลปฏิบัติธรรม ด้วยการบวช ของพระลูกชายจึงเป็นเหตุให้ญาติๆ ได้มาร่วมกัน ทำ�บุญ หากพ่อแม่ไม่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทำ�ให้ท่านมีศรัทธา ไม่มีความเลื่อมใสให้มีความเลื่อมใส มีความเห็นผิดให้มีความเห็นถูก ถ้าทำ�ได้ เช่นนี้ชื่อว่าได้ตอบแทนคุณท่านกตัญญูต่อท่าน ตามอุดมการณ์ของพระพุทธเจ้า เราจะสังเกตง่ายๆ พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์​์สาวกพระอริยเจ้า เมื่อออกบวชและได้บรรลุธรรมขั้นนั้นๆ แล้ว แต่ ล ะองค์ แ ต่ ล ะท่ า นต้ อ งกลั บ ไปแสดงธรรม ให้พ่อแม่และเครือญาติฟัง แนะนำ�ให้พ่อแม่ถือศีล ปฏิบัติธรรมที่สุดให้พ่อแม่บวชประพฤติพรหมจรรย์


49

เพื่อไปสู่มรรคผลนิพพานอันเป็นการแสดงความ กตัญญูอย่างสูงสุด จิตของพระอรหันต์​์ท่านมอง ไม่เห็นทรัพย์ใดๆ ในโลกนี้จะเลิศประเสริฐกว่าทรัพย์ ภายใน นอกจากการชักนำ�พ่อแม่ให้มาบวช นี้คือ การตอบแทนบุญคุณอันสูงสุดในวิถีของพระอริยเจ้า ที่พากันดำ�เนินมา แม้พ่อแม่ครูบาอาจารย์ในแต่ละยุค แต่ละสมัยก็พยายามชักชวนพ่อแม่ออกบวช เช่น หลวงปู่มั่น หลวงปู่ชา หลวงตามหาบัวเป็นต้น และอีกหลายๆ องค์แสดงให้เห็นว่า ธรรมะเท่านั้น คือ ทรัพย์อันประเสริฐ จะนำ�พาผู้ปฎิบัติให้พ้นทุกข์ได้ ส่วนทรัพย์ภายนอกไม่สามารถดับทุกข์ทางใจได้เลย ที่สุดแล้วก็ต้องทิ้งทรัพย์เหล่านั้นไว้บนแผ่นดิน เอาติดตัวไปไม่ได้สักอย่าง ด้วยความรักความเมตตา ของพระพุทธเจ้า จึงให้อริยทรัพย์อันประเสริฐ แก่ราหุลด้วยการให้บวชเป็นสามเณร เพราะถ้าแม้ว่า ให้ราหุลครองราชย์แต่ก็ต้องตกเป็นทาสของกิเลส วนเวียนอยู่ในวัฏฏะสงสารไม่มีที่สิ้นสุด นับเป็น เหตุผลที่พระพุทธเจ้าให้อริยทรัพย์แก่ราหุลด้วย การบวช ในโลกนี้จะมีพ่อแม่สักกี่คนที่สามารถ


50

ให้อริยทรัพย์แก่ลูกได้ เพราะใจของตนเองก็ไม่มี อริ ย ทรั พ ย์ ค ื อ มรรคผล นิ พ พาน มี แ ต่ ท รั พ ย์ ภายนอกจึงมองเห็นแต่ทรัพย์ภายนอกว่าเป็นของมีค่า มีความสำ�คัญต่อการดำ�เนินชีวิตของลูก เราจึง ได้แบ่งมรดกให้กับลูกหลานของเราเพื่อให้พวกเขา มีชีวิตที่สุขสบายไปตลอดชาติ ตามวิถีชีวิตที่เราได้ ดำ�เนินมาโดยลืมไปว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน เพราะ ความจริงไม่ได้ขึ้นตรงต่อความคิดของใคร ที่สุดแล้ว มรดกที่พ่อแม่มอบให้เพียงแต่ทำ�ให้ลูกมีความเป็นอยู่ ที่สุขสบายเท่านั้นเอง เรียกว่าพ่อแม่ได้ทำ�หน้าที่ ปลดทุกข์ทางกายให้กับลูก แต่ไม่สามารถปลดทุกข์ ทางใจให้กับลูกได้ ทุกข์ทางใจอันเกิดจากกิเลสตัณหา อุปาทาน ต้องอาศัยธรรมะเท่านั้นจึงจะทำ�ให้ทุกข์ ทางใจของลูกบรรเทาลงไปได้บ้าง (อาหารช่วย ปลดทุกข์ทางกายได้ธรรมะก็ช่วยปลดทุกข์ทางใจ ได้เช่นกัน) เพราะฉะนั้นหากใครอยากเป็นพ่อแม่ ที่สมบูรณ์ ควรให้ทั้งทรัพย์ภายนอกและทรัพย์ ภายในแก่ลูกของตน เพื่อเป็นมรดกในการเดินทาง ข้ า มภพข้ า มชาติ จ นกว่ า จะถึ ง ซึ่ ง พระนิ พ พาน


51

การตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ อย่างสูงสุดคือ การออกบวช ใช้ร่างกายนี้บำ�เพ็ญบารมี มีความเป็น อยู่ที่ปราศจากโทษภัยเวร ลดการสร้างกรรม ควบคุมกิเลสให้อยู่ในขอบเขตของศีลธรรม เป็น ทางลัดเพื่อไปสู่พระนิพพาน เมื่อบวชเป็นพระ สิ่งที่ต้องเคารพบูชาคือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ หมั่นศึกษา พากเพียร ปฏิบัติภาวนา ทำ�ตามที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาต และไม่ทำ�สิ่งที่พระพุทธเจ้าห้าม สมาทานศึกษา ซึ่งสิกขาบทคือ ศีล สมาธิ ปัญญา ด้วยความเคารพ กตัญญูต่อพระพุทธเจ้า การปฏิบัติบูชาเป็นสุดยอด ของความกตัญญู เบื้องต้นที่เราเกิดมา บิดามารดา เป็นผู้ให้กำ�เนิด และเป็นผู้ที่เลี้ยงเรามาจนเติบใหญ่ แต่เมื่อออกบวชเรามีญาติโยมเป็นผู้ให้ชีวิตด้วย การถวายปัจจัยสี่ อุบาสก อุบาสิกา ในภาษาอีสาน เรียกว่า พ่อออก แม่ออก คือท่านเหล่านั้นเป็นพ่อแม่ โดยธรรม ด้วยการอุปถัมภ์อุปัฏฐาก สร้างวัด สร้างเสนาสนะ ให้อยู่อาศัยถวายอาหาร เครื่องนุ่งห่ม เสนาสนะและยารักษาโรค และของใช้ต่างๆ


52

อั น ควรแก่ ส มณะบริ โ ภคนั บ ได้ ว่ า ท่ า นเหล่ า นั้ น เป็นผู้มีพระคุณ ต่อพระศาสนาและหมู่พระสงฆ์ เพราะชีวิตของพระจำ�เป็นต้องอาศัยผู้อื่นเป็นอยู่ จึงจะมีชีวิตอยู่ได้ การออกบวชคือการออกจากเรือน ออกจากชีวิตทางโลกมุ่งสู่ทางธรรม สละครอบครัว สละการงาน สละทุกสิ่งทุกอย่างทางโลกเป็นการ ใช้ชีวิตไปเพียงลำ�พัง อาศัยบิณฑบาตจากชาวบ้าน เลี้ยงชีวิตไปวันๆ พระพุทธเจ้าจึงสอนให้พระภิกษุ เป็นผู้เลี้ยงง่ายเพราะเราอาศัยผู้อื่นเลี้ยงชีพ อุบาสก อุบาสิกา ที่ทำ�บุญใส่บาตร และถวายปัจจัย 4 จึง เป็นผู้มีส่วนในการสืบต่ออายุพระศาสนานับว่าเป็น ภาระอันยิ่งใหญ่ ที่กลับกลายเป็นบุญบารมี ของ อุบาสก อุบาสิกาเอง เพราะฉะนั้นพระสงฆ์ที่ได้ รับถวายปัจจัย 4 จากชาวบ้าน ควรสำ�นึกในบุญคุณ ด้วยการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ หลวงปู่ชาพูดไว้ว่า การปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนั่นแหละ เป็นการประกาศ พระศาสนา อย่างแท้จริง สิ่งที่พระสงฆ์พอจะตอบแทน คุณของญาติโยมได้อีกอย่าง คือการให้ธรรมะ แก่ญาติโยมสอนให้ละชั่วทำ�ดีแนะนำ�ไห้รู้จักทำ�บุญ


53

ให้ทาน รักษาศีล ภาวนา เพื่อเป็นการสะสมบุญ บารมี ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เมื่อเราได้รับการสงเคราะห์ จากญาติโยม จงตั้งจิตเอาไว้ว่า เราจะตั้งใจปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เราจะเป็นเนื้อนาบุญของโลก ทรัพย์สมบัติใดๆ ในโลกญาติโยมก็มีพอสมควรแล้ว หรือ บางคนอาจมีมากจนเหลือกินเหลือใช้ เราจะทำ�หน้าที่ ตอบแทนคุณญาติโยมด้วยการให้อริยทรัพย์คือ ทรัพย์ภายใน อันจะเป็นเสบียงติดตัวไปทุกภพทุกชาติ ในสมัยพุทธกาลพระสารีบุตรซึ่งเป็นอัครสาวกเบื้องขวา ของพระพุ ท ธเจ้ า ก่ อ นบวชท่ า นเป็ น มานพ ชื่ออุปติสสะ ท่านได้ฟังธรรมจากพระอัสสชิว่า ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้า ทรงแสดง เหตุและความดับไปแห่งธรรมนั้น พระสารีบุตร ได้ ฟั ง ธรรมเพี ย งเท่ า นี้ ก็ ไ ด้ ด วงตาเห็ น ธรรม อันเป็นเหตุให้ท่านได้ออกบวช ในพระพุทธ ศาสนา และได้สำ�เร็จเป็นพระอรหันต์​์ เมื่อพระสารีบุตร เดินทางไปตามหมู่บ้านต่างๆ ท่านจะสอบถาม ภิกษุในที่นั้นว่า พระอัสสชิ อาจารย์ของเราอยู่


54

ทางทิศไหน เมื่อท่านทราบว่าพระอัสสชิพักอยู่ ทางทิศไหนท่านจะนอนเอาศีรษะของท่านไปทางทิศนั้น เพื่อแสดงความกตัญญูต่อ พระอัสสชิผู้เป็นอาจารย์ สมัยหนึ่งมี ราธะพราหมณ์เฒ่าคนหนึ่ง เมื่อได้ฟัง ธรรมจากพระพุทธเจ้า แล้วเกิดความเลื่อมใส อยากบวชในพระพุทธศาสนา จึงเข้าไปกราบทูล ขอบรรพชาอุปสมบทกับพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้า ทรงไม่อนุญาตเพราะเห็นว่า ราธะพราหมณ์ เฒ่า ชรามากแล้วจึงไม่เหมาะที่จะใช้ชีวิตเป็นนักบวช ควรจะอยู่กับลูกกับหลานจะดีกว่า อีกกรณีหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ศาสนาถูกมองว่าเป็นเรื่องของ คนแก่หรืออีกความหมายหนึ่งพระองค์ทรงแสดง อุ บ ายธรรมเพื่ อ ให้ พ ระสารี บุ ต รได้ แ สดงความ กตัญญูต่อที่ประชุมสงฆ์ ราธะพราหมณ์เฒ่าทูล ขออนุญาตอยู่หลายครั้ง พระพุทธเจ้าจึงตรัสขึ้น ท่ามกลางสงฆ์ว่า ใครระลึกถึงคุณของ ราธะพราหมณ์ เฒ่าคนนี้ได้บ้าง พระสารีบุตร ซึ่งนั่งอยู่ในที่ประชุมสงฆ์ จึงกราบทูลว่าข้าพระพุทธเจ้าระลึกได้พระเจ้าข้า


55

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ราธะพราหมณ์ผู้นี้ ได้ใส่บาตรให้ข้าพระพุทธเจ้าหนึ่งทัพพีพระเจ้าข้า พระพุทธเจ้า จึ ง ตรั ส ยกย่ อ งพระสารี บุ ต รว่ า ดี แ ล้ ว สารี บุ ต ร เช่นนั้นเธอจงบวชให้ราธะพรหมณ์เฒ่าคนนี้เถิด นี้คือความกตัญญูของพระสารีบุตร แม้แต่ข้าว ทัพพีเดียวท่านก็ไม่ลืม

พ่อแม่ คือผู้เสียสละ ที่ยิ่งใหญ่

“พ่อแม่คือผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่ พ่อแม่คือเพื่อน ที่ดีที่สุดของลูก พ่อแม่คือเนื้อนาบุญของลูก พ่อแม่คือพระอรหันต์​์ของลูก”


56

ความเคารพและความกตัญญูเป็นผลดีอย่างไร ความไม่ เ คารพไม่ ก ตั ญ ญู เ ป็ น ผลเสี ย อย่ า งไร บุคคลที่มีความกตัญญูย่อมมีจิตใจที่ดีงาม มีความเคารพมีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีสัมมาคารวะ สำ�รวมกายวาจาใจอยู่เสมอ เมื่อใดได้รับคำ�สอนสั่ง หรือว่ากล่าวตักเตือนจากครูอาจารย์ จิตย่อมน้อมรับ ด้วยความเคารพ อาการของจิตไม่พอใจเป็นอกุศล จะไม่มีเลย มีแต่ดวงจิตที่สำ�นึกผิดแล้วพยายาม แก้ไขตนเอง เพราะมองเห็นความเมตตาความ ปรารถนาดีของครูอาจารย์ เหมือนหนึ่งท่านชี้ขุมทรัพย์ให้ เพราะความเคารพและความกตัญญู ย่อมเกิดคุณเกิดประโยชน์แก่ผู้มีความกตัญญูอยู่ ในหัวใจแม้ความคิดจะด่าว่านินทาก็ไม่มี ความโกรธ เกลียดชิงชังพยาบาทปองร้ายก็ไม่มีนี่คืออำ�นาจ ของความเคารพกตัญญู มาช่วยป้องกันบาปอกุศล ทางกายวาจาใจได้เป็นอย่างดี ความกตัญญูจะช่วย ปลูกฝังจิตสำ�นึกที่ดีให้เกิดขึ้นในใจเรา อันจะนำ�ไป สู่พฤติกรรมที่ดีงามไม่ว่าจะเป็นกับบุคคลสัตว์สิ่งของ ที่ มี คุ ณ และทำ � ประโยชน์ ใ ห้ แ ก่ เ ราหรื อ ไม่ ก็ ต าม


57

ส่วนใจที่ไร้ซึ่งความเคารพและความกตัญญู ย่อมนำ� ไปสู่พฤติกรรมที่ไม่ดีมีปกติชอบล่วงเกินทางกาย วาจาใจ มีการลบหลู่ดูหมิ่นด่าว่านินทาให้ร้าย เป็นต้น กตั ญ ญู ต่ อ พระพุ ท ธต่ อ พระธรรมต่ อ พระสงฆ์ เป็นที่มาของความดีทั้งหลายทั้งปวง ความเลวร้าย ของชีวิตเกิดจากความโลภโกรธหลง อกตัญญู ต่อความโลภโกรธหลงเพื่อชีวิตที่ปลอดภัย สามี กตัญญูต่อภรรยาๆ กตัญญูต่อสามีลูกกตัญญูต่อ พ่อแม่เพื่อความสุขของครอบครัว ผู้ให้ผู้ช่วยเหลือ เป็นผู้มีบุญคุณแก่ผู้รับฉันใด ผู้รับผู้ถูกช่วยเหลือ ก็ เ ป็ น ผู้ มี บุ ญ คุ ณ แก่ ผู้ ใ ห้ ค วามช่ ว ยเหลื อ ฉั น นั้ น เพราะถ้าหากไม่มีผู้รับไม่มีผู้ถูกช่วยเหลือแล้วเรา จะสร้างบารมีได้อย่างไร เพราะฉะนั้นผู้ให้และผู้รับ จึงมีบุญคุณต่อกัน บุญและคุณเป็นพลังทำ�ให้เกิด การช่ ว ยเหลื อ เกื้ อ กู ล กั น และกั น ทั้ ง สองฝ่ า ยไป ทุกภพทุกชาติ เพราะฉะนั้นจงอย่าได้ละเลยการให้ การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน กุลบุตรลูกหลานจง อย่าให้อำ�นาจของกิเลสตัณหาใดๆ มามีอำ�นาจ เหนือกว่าความกตัญญู ความกตัญญูจะช่วยเราได้


58

ในยามคับขันโดยเฉพาะในยามสับสนทางอารมณ์ หากเกิดสถานการณ์ที่ต้องเลือกอย่าให้ความรัก ความใคร่มีอำ�นาจเหนือความกตัญญู จงมีสติ รู้จักระงับอารมณ์หักห้ามใจตนเองไม่นอกใจพ่อแม่ ไม่ทอดทิ้งพ่อแม่ หมั่นระลึกนึกถึงคุณของท่าน อยู่บ่อยๆ เอาใจใส่ดูแลท่าน เมื่อยามท่านแก่เฒ่า ให้ลูกๆ คิดว่าเป็นโอกาสทองที่เราจะได้ทำ�บุญใหญ่ กับพระอรหันต์​์ในบ้าน ด้วยการปรนนิบัติรับใช้ เลี้ยงดูพ่อแม่ ให้ได้รับความสุขสบายทั้งกายใจ แม้บางครั้งจิตของเราจะมีความรู้สึกท้อแท้และ เหนื่อยหน่าย กับภาระความรับผิดชอบที่ทำ�อยู่ จงอดทนและต่อสู้เพราะนี่คือบุญบารมี จงภูมิใจ ที่เราได้ทำ�หน้าที่ของลูกที่ดี มีลูกๆ หลายคน ไม่ ม ี โ อกาสเช่ น เรา ลู ก ๆ จงทำ � ความเข้ า ใจว่า การกตัญญูต่อพ่อแม่มันเป็นมรดกทางจิตวิญญาณ ที่จะส่งต่อไปถึงลูกหลาน ในเมื่อยามเราแก่เฒ่า ความกตัญญูที่เราได้ทำ�ไว้กับพ่อแม่ จะดลบันดาล ให้ลูกหลานตอบแทนคุณเราซึ่งเป็นผลดีต่อตัวเรา ต่ อ ลู ก หลานของเราจะได้ ป ฏิ บั ติ สื บ ทอดกั น ไป


59

ธรรมทั้งหลายได้มารวมอยู่ที่จิตและแสดงออกไป จากจิตดวงเดียวเพราะฉะนั้นคุณธรรมของพระอริยเจ้า กับของปุถุชนย่อมแตกต่างกัน เพราะจิตของ พระอริยเจ้าเข้าไปสู่กระแสพระนิพพาน เป็นจิต ที่ไม่เสื่อมไม่ไหลย้อนกลับเป็นจิตที่ตั้งมั่นอยู่ในศีล ในความดี ไม่ว่ากิเลสตัณหาหรืออารมณ์อันเป็นบาป อกุศ ลใดๆ ก็ ไ ม่ ส ามารถชั ก นำ � จิ ต พระอริ ย เจ้ า ไปทำ�กรรมอันเป็นบาปได้ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม หากชีวิตตกอยู่ในอันตรายท่านย่อมเลือกที่ จะสละชีวิตเพื่อรักษาธรรม และท่านก็มีความเห็นว่า กายนี้ เ กิ ด มาเพื่ อ ตายไม่ ใ ช่ เ กิ ด มาเพื่ อ ไม่ ต าย แล้วจะไปป้องกันชีวิตตนเองด้วยการทำ�ลายชีวิต คนอื่นให้เป็นบาปทำ�ไม ส่วนความกตัญญู​ูของ ปุถุชนนั้นยังไม่มีความมั่นคงเพียงพอในบางครั้ง อาจทนต่อแรงเหวี่ยงของตัณหาไม่ได้ เราจึงมัก ได้ยินข่าวว่าลูกทำ�ร้ายพ่อแม่จนเสียชีวิตก็มีเพราะ ความโลภ โกรธ หลงที่แทรกเข้ามาในจิต ไปปิดบัง คุณธรรมต่างๆ เอาไว้ จึงทำ�ให้ขาดสติทำ�กรรมหนัก ให้กับตนเอง ยกตัวอย่างเช่นพระเทวทัตแม้จะมี-


60

อิทธิฤทธิ์มากแต่ฤทธิ์คือ ความโลภ โกรธ หลง ก็ มี ม ากจนเป็ น เหตุ ใ ห้ พ ระเทวทั ต ทำ � กรรมหนั ก โดยพยายามปลงพระชนม์พระพุทธเจ้า ซึ่งมีศักดิ์ เป็นพี่น้องกันและพระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ทรงเอ็นดูพระเทวทัตดุจเอ็นดูราหุล คราวหนึ่ง มีพระกลุ่มหนึ่งได้สนทนาพูดคุยกันถึงเรื่องการ วางแผนปลงพระชนม์พระพุทธเจ้าของพระเทวทัต ตั้ ง หลายครั้ ง แต่ ไ ม่ สำ � เร็ จ ด้ ว ยความไม่ พ อใจใน การกระทำ�ของพระเทวทัตพระองค์ทรงตรัสว่าดู ก่อนภิกษุทั้งหลายเรารักเอ็นดูราหุลเช่นใดเราก็รัก และเอ็นดูเทวทัตเช่นกัน นี้คือพระเมตตาของพระองค์ ความโกรธแม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่มีแก่พระเทวทัต เพราะฉะนั้นแม้เราจะมั่นใจว่าตนเองเป็นคนดีมี ความกตัญญู​ูอยู่ก็ตาม ก็จงอย่าได้ประมาทจง ทำ�ความดีให้ยิ่งๆขึ้นไป เผื่อเอาไว้เป็นกำ�ลังผลักดัน อารมณ์อันเป็นบาปในบางครั้งที่อาจเกิดขึ้นได้ใน ใจเรา แล้วเราก็สามารถที่จะรักษาความดีเอาไว้ได้ ตลอดไป


61

เรื่องตากับตีนไม่กตัญญูต่อกัน

เรื่องมีอยู่ว่าตากับตีนใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาอย่างมีความสุข อยู่มาวันหนึ่ง ตากับตีนได้นั่งสนทนา พูดคุยกัน ช่วงหนึ่ง ตาพูดขึ้นมาว่าเจ้าตีนเอ๋ย โลกนี้ช่างสวยงามเหลือเกิน มีภูเขาทะเลป่าไม้ ดอกไม้นานาพรรณสวยงามไปหมด บ้านเมือง ก็ ส ะอาดสวยงามเหลื อ เกิ น น่ า ดู น่ า ชมมากเลย น่าสงสารตีนที่มองไม่เห็นเหมือนเรา ตีนได้ยินดังนั้น ก็ไม่พอใจจึงพูดกับตาว่า เจ้าตาเอ๋ยที่เจ้าได้ไปเห็น สถานที่ต่างๆ ก็เพราะอาศัยตีนพาไปดอกหากตีน ไม่พาไปตาก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เห็นตาควรขอบคุณ เราถึงจะถูก ตาได้ยินตีนพูดเช่นนั้นก็ไม่พอใจจึง พูดขึ ้ น มาว่ า แม้ ไ อ้ เ จ้ า ตี น ช่ า งอวดดี น ั ก ที ่ เ จ้ า


62

เดินไปไหนมาไหนได้สะดวก ก็เพราะอาศัยตาดูทาง ให้ดอก ตีนต่างหากที่ต้องขอบคุณตา ตาก็ไม่ยอม ตีนๆ ก็ไม่ยอมตา จึงเกิดการทะเลาะกันเพราะต่าง ต้องการเอาชนะกัน จนตีนเกิดโมโหจึงพูดออกมาว่า ไอ้ตา เจ้าอย่าได้อวดเก่งนักข้าจะวิ่งไปดูซิว่าเจ้าจะ ทำ�อย่างไง ว่าแล้วตีนก็วิ่งไป พอใกล้จะถึงหน้าผา ตาจึงร้องบอกให้ตีนหยุดแต่ตีนไม่ยอมหยุดเพราะ ไม่ต้องการทำ�ตามคำ�สั่งของตา พอไปถึงหน้าผา ตากลัวจึงหลับตาลง ตีนและตาจึงตกเหวตายกัน ทั้งคู่ นี่เป็นเพราะตาไม่รู้จักสรรเสริญคุณของตีนๆ ก็ไม่รู้จักสรรเสริญคุณของตา ไม่มีความรักและ กตัญญูต่อกันจึงทำ�ให้ชีวิตตากับตีนต้องมาจบลง เช่นนี้ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าทำ�ตัวเป็นคน อวดเก่งอวดดี ต้องยกย่องให้เกียรติกันรู้จักกล่าว คำ�ว่า ขอบคุณ


63

ความกตัญญูเป็นอริยประเพณี ของพระอริยเจ้า ความกตัญญูเป็นอริยประเพณีของพระอริยเจ้า ที่ถือปฏิบัติกันมา พร้อมทั้งแนะนำ�พร่ำ�สอนให้ ชาวพุ ท ธถื อ เอาเป็ น หลั ก ปฏิ บั ติ สื บ ทอดกั น ไป เพื่อให้วิถีชีวิตของมนุษย์มีความเป็นอยู่อย่างมีคุณค่า ต่างจากวิถีชีวิตของสัตว์เดรัจฉาน พระฝรั่งพูดว่า คนไทยโชคดีที่มีพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว ทางจิตใจ มีหลักคำ�สอนเรื่องความกตัญญู ชาวตะวันตก ไม่มีคำ�สอนลักษณะเช่นนี้ ถึงแม้ชีวิตจะดูมีความสุข


64

แต่ไม่มีความอบอุ่น เพราะการสอนให้พึ่งตนเอง โดยสุดโต่ง หรือเป็นเพราะรักชีวิตอิสระไม่ต้องการ ให้ใครมากำ�กับชีวิตตน โดยสอนลูกว่าเมื่อโตแล้ว ต้องรู้จักพึ่งตนเองหาการหางานทำ�สร้างฐานะ สร้างครอบครัวเอาเอง จะให้พ่อแม่เลี้ยงดูเหมือนตอนเป็นเด็กไม่ได้ ส่วนพ่อแม่เองก็เลี้ยงดูตนเองได้ ไม่จำ�เป็นให้ลูกๆ ต้องมาดูแล นี่เรียกว่าพึ่งตัวเอง โดยสุดโต่ง โดยหลักธรรมชาติสรรพสิ่งต้องพึ่งพา อาศัยกันเหมือนหนึ่งว่าเราเป็นแผลอยู่ด้านหลัง เราไม่ ส ามารถทำ � แผลเองได้ ต้ อ งอาศั ย คนอื่ น ทำ�แผลให้ฉันนั้น ปลาอาศัยน้ำ� นกอาศัยท้องฟ้า สัตว์อาศัยป่า เหาอาศัยผม มนุษย์พึ่งพาอาศัยกัน โดยหลักธรรมชาติคนเราเกิดมาต้อง แก่ เจ็บ ตาย สุดท้ายแม้ตายก็ต้องอาศัยคนอื่นเผาให้ เด็กต้อง อาศัยพ่อแม่ พ่อแม่เมื่อแก่เฒ่าก็ต้องอาศัยลูกหลาน เป็นกฎธรรมดา ถ้าปฏิบัติตามหลักคำ�สอนของพระพุทธเจ้าหมู่บ้านคนชราจะไม่เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด ไม่ว่ากรณีใดๆ การละทิ้งครอบครัวเป็นการกระทำ� ของคนไม่มีความรับผิดชอบ ทั้งๆ ที่ตนเองสมัครใจ


65

สร้างขึ้นมากับมือ พ่อแม่ไม่เอาใจใส่ลูกๆ ไม่เอาใจใส่ พ่อแม่นี่คือความล้มเหลวระบบครอบครัว (พ่อแม่ เลี้ยงลูกมาย่อมเป็นผู้มีบุญคุณต่อลูกโดยธรรมชาติ ลูกกตัญญูต่อพ่อแม่ย่อมเป็นคุณต่อลูกโดยธรรมชาติ ลู ก อกตั ญ ญู ต่ อ พ่ อ แม่ ย่ อ มเป็ น โทษต่ อ ลู ก โดย ธรรมชาติ เ ช่ น กั น ) ด้ ว ยเหตุ น ี ้ พ ระพุ ท ธเจ้ า จึ ง ได้นำ�หลักธรรมว่าด้วยเรื่องบุพการีคือบุคคลผู้ทำ� อุปการะก่อน และกตัญญูกตเวทีบุคคลผู้รู้อุปการะ ที่ท่านทำ�แล้วตอบแทนมาสอน เพื่อเป็นแนวทาง ของการดำ�เนินชีวิตที่ถูกธรรม คนไทยเราโชคดี ที่ บ รรพบุ รุ ษ ได้ นำ � เอาหลั ก ธรรมคำ � สอนของ พระพุทธเจ้ามาประยุคใช้ในชีวิตครอบครัว ถึงแม้ว่า ลูกหลานจะแต่งงานแยกเรือนออกไปแต่ในจิตสำ�นึก ของลูกหลานยังระลึกถึงคุณพ่อแม่อยู่ หาโอกาส ไปเยี่ยมท่านหากมีบุญวาสนาก็รับท่านไปอยู่ด้วย แต่ส่วนมากพ่อแม่ชอบที่จะอยู่บ้านตนเองกับลูก คนใดคนหนึ่ง นี่คือวิถีชีวิตที่ดีงามที่ถือสืบทอดกันมา เป็นอริยประเพณีที่เกิดขึ้นจากสติปัญญาของผู้มี จิตบริสุทธิ์ ขอให้ลูกหลานชาวไทยเราจงหวงแหน


66

และภู มิ ใ จในอริ ย ประเพณี ที่ พ่ อ แม่ ค รู อ าจารย์ พาดำ � เนิ น มาเมื่ อ เราปฏิ บั ติ ต ามย่ อ มกลายเป็ น บุญบารมีของเรา ต่างจากประเพณีทางโลกหรือ ประเพณี ช าวตะวั น ตกซึ่ ง เกิ ด จากจิ ต ของปุ ถุ ช น ที่เจือด้วยตัณหาเมื่อปฏิบัติตามจึงกลายเป็นการ สะสมความโง่ ส ะสมกองกิ เ ลสและบาปอกุ ศ ล ให้กับตนเอง อย่างที่พระฝรั่งท่านว่าคนไทยโชคดี มีบุญมากที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนาเราอย่าทำ�ตัว เหมือนไก่ได้พลอย จะพลอยกลายเป็นคนสิ้นหวัง คือหมดหวังใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ ซึ่งแปลว่า ผู้มีใจสูง คือมีความกตัญญูมีคุณธรรมเป็นเครื่องดำ�เนินชีวิต มีโยมเคยถามอาตมาว่า ตนเองมีความรู้มีการงานดี มีการเงินดีในแต่ละเดือน เคยส่งเงินไปให้พ่อใช้ ภายหลังรู้ว่าพ่อเอาไปซื้อเหล้ากิน หลังจากนั้น จึ ง หยุ ด การส่ ง เงิ น ไปให้ พ่ อ ใช้ เ พราะไม่ ต้ อ งการ ส่งเสริมให้พ่อกินเหล้า จะผิดไหม ตอบ เป็นการกระทำ� ที่ผิดและอกตัญญู ถ้าเจตนาเราบริสุทธิ์ไม่ควร คำ�นึงถึงพฤติกรรมของท่านเมื่อเราให้ไปแล้วก็ เป็นบุญ ของเรา ส่ ว นพ่ อ ท่ า นจะเอาไปซื ้ อ อะไร


67

เอาไปทำ�บุญหรือทำ�บาปไม่ใช่หน้าที่ของเราหาก ทุ ก คนคิ ด เช่ น นี้ ค งหมดโอกาสทำ � บุ ญ ทุ ก กรณี เหมือนคนจะให้ ท านหากมั ว แต่ คิ ด หาเหตุ ผ ลว่ า สมควรหรือไม่สมควรจนจริงหรือว่าขี้เกียจนี่คือ ความคิดที่มาในรูปแบบของเทวบุตรมารเพื่อปิดกั้น การทำ�ความดีของเรา (จงเข้าใจว่าไม่มีเหตุผลใดๆ ไม่มีข้ออ้างใดๆ ในการที่เราจะไม่ทำ�ความดี และ ก็ไม่มีเหตุผลใดๆ ไม่มีข้ออ้างใดๆ ที่เราจะทำ�ความชั่ว เช่นกัน) ในกรณีของพ่อเราการกินเหล้าถือเป็น เรื่องปกติทั่วไปของชาวบ้านถ้าเราสามารถทำ�ให้ ท่านเลิกเหล้าได้ก็เป็นการดี ถ้าท่านเลิกไม่ได้ก็ปลงใจ เสียว่าเป็นกรรมของท่านและมองย้อนกลับไปถึง ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก มันเป็นความรัก ที่อยู่เหนือข้อแม้ใดๆ ไม่มีพ่อแม่คนไหนคิดว่า ลูกคนนี้ อย่าเลี้ยงมันเลยมันเป็นคนไม่ดีเป็นโจรเป็นขโมย ขี้เหล้าขี้ยาขี้โรคไล่มันออกจากบ้านไปเสีย หรือ ปล่อยให้มันตายๆ ไปเสีย ตรงกันข้ามมีแต่ความรัก ความห่วงใย คอยบอกคอยสอนคอยเตือนคอย ปกป้อง ความรังเกียจต่อพฤติกรรมไม่ดีของลูก


68

แม้เพียงน้อยนิดก็ไม่มี พ่อแม่ยอมรับผิดยอมรับโทษ ยอมตายแทนลูกได้ เราคงเคยได้เห็นลูกกลายเป็นโจร เป็นผู้ร้ายฆ่าคนตาย พ่อแม่ก็ยังรักยังห่วงเป็นทุกข์ เป็นกังวล คอยให้ความช่วยเหลือแม้รับโทษแทนลูกได้ พ่อแม่ก็ยินดี นี่คือความรักอันประเสริฐอันยิ่งใหญ่ ยิ่งกว่าท้องฟ้ามหาสมุทร จึงไม่มีเหตุผลใดๆ ที่เรา จะไม่ดูแลพ่อแม่ การคิดไม่ดีการตำ�หนิด่าว่านินทาพ่อแม่เป็นการสะสมนิสัยที่ไม่ดีเป็นอกุศลกรรม ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อตัวเราจงอย่าได้กระทำ� จงเข้าใจว่า พ่ อ แม่ ข องเราก็ คื อ ปุ ถุ ช นคนธรรมดาคนหนึ่ ง ต่อให้ท่านกลายเป็นโจรเป็นขโมยหรือเป็นฆาตกร เราก็ต้องเคารพกตัญญูบูชาคุณท่านเพราะนี่คือ หัวใจของความกตัญญู พ่อแม่ให้กำ�เนิดเรามา เลี้ยงดูเรามาทำ�งานหาเงินส่งเสียให้เราได้เล่าเรียน จนจบปริญญาได้เป็นครูเป็นอาจารย์มีตำ�แหน่ง การงานดี ก็เพราะความรักความเมตตาความเสียสละ ของพ่อแม่ที่มีต่อลูก ผู้มีปัญญาจงพิจารณาให้ดี อย่ า เอาการกระทำ � ไม่ ดี ข องพ่ อ แม่ ม าเป็ น เหตุ ให้ใจเศร้าหมองคิดอกุศลกับท่านเลย จงเคารพ


69

เทิดทูนบูชาคุณท่านไว้เหนือหัว แล้วความเป็นมงคล อันสูงสุดก็จะมีแก่เรา

“กตัญญูต่อพ่อแม่ เป็นศิริมงคลของชีวิต”


70

อาตมาเคยได้ฟังเรื่องของหนุ่มบ้านนอกคนหนึ่ง ซึ่งเกิดมาเป็นลูกชาวนา พ่อแม่ได้เห็นความลำ�บาก ของชีวิตชาวนาไม่อยากให้ลูกต้องมาลำ�บากเหมือนตน ด้วยความรักความเมตตาจึงได้พยายามทำ�งานเก็บเงิน ส่งลูกเรียน จะได้มีวิชาความรู้สูงๆ ได้เป็นเจ้าคนนายคน มียศมีตำ�แหน่งหน้าที่การงานดี ไม่ต้องมาทุกข์ ลำ�บากทำ�งานตากแดดตากฝนเหมือนพ่อกับแม่ วันเวลาผ่านไปเขาเรียนจบมัธยมต้น เพื่อเรียนต่อมัธยมปลายและเข้ามหาวิทยาลัย เขาจึงจำ�เป็น ต้ อ งย้ า ยเข้ า ไปอยู่ ใ นเมื อ งหลวงเพื่ อ เรี ย นต่ อ เมื่อลูกชายเข้าไปเรียนในเมืองหลวงก็ได้สังคมใหม่ มีเพื่อนๆ เป็นคนในเมือง โดยมีพ่อกับแม่ส่งเงินไปให้ ผ่านไปปีกว่าพ่อแม่คิดถึงลูกจึงชวนกันขึ้นไปเยี่ยมลูก ที่เมืองหลวงพร้อมกับของฝากที่ลูกชอบซึ่งตรงกับ วันเกิดลูกชาย พอดีพ่อแม่ไปถึงก็ดีใจแต่ลูกกับอาย พูดต่อว่าพ่อแม่ว่ามาทำ�ไม พ่อแม่จึงกลับบ้านไป พร้อมกับความเสียใจ เมื่อเขาเรียนจบมีการงานทำ� มีตำ�แหน่งหน้าที่การงานดี เขารู้สึกอายเมื่อมีคนถาม ถึงภูมิหลังของเขาๆ ไม่อยากให้ใครๆ รู้ว่าตนเอง


71

เป็นลูกชาวนา สมัยก่อนในวัยเด็กเขาใช้ชีวิตอยู่บ้านนอกกับพ่อแม่อย่างมีความสุขและไม่รู้สึกอาย แต่พอเขาโตขึ้นได้เข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในเมืองมีความรู้ มีการศึกษาความคิดเขาก็เปลี่ยนไป นี่คืออัตตา ตัวตนที่เขาสร้างมันขึ้นมา เพราะความหลงในความรู้ ตำ�แหน่งการงาน และมองว่าอาชีพชาวนาเป็นงานต่ำ�ต้อยแต่ที่เขาเรียนจบมาได้ก็อาศัยเงินที่ได้มาจาก การทำ�นาของพ่อแม่ เขาได้สร้างความรู้สึกลบหลู่ ดูหมิ่นคุณมารดาบิดาขึ้นมาในใจ ความจริงแล้ว เขาควรจะดีใจและภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกของพ่อแม่ ที่เ ปี ่ ย มไปด้ ว ยเมตตา มั น ไม่ ใ ช่ เ รื ่ อ งธรรมดา แต่มันเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ ที่พ่อแม่มีฐานะยากจน เป็นชาวไร่ชาวนาแต่สามารถส่งลูกเรียนจบปริญญา มีการงานที่ดีทำ�นี่คือพลังความรักความเมตตา ที่มอบให้กับลูกๆ เพราะอยากให้ลูกมีชีวิตที่สุขสบาย ไม่มีความรักใดในโลกนี้ที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่าความรัก ของพ่อแม่ที่มีต่อลูกอีกแล้ว โดยหลักของความจริง แล้วอาชีพเกษตรกรเป็นอาชีพที่มีคุณต่อประเทศ และต่อโลก ทำ�ให้คนทั้งประเทศทั้งโลกมีชีวิตอยู่ได้


72

เป็นอาชีพผลิตอาหารเลี้ยงคนทั้งประเทศหรือทั้งโลก นับตั้งแต่พระราชามหากษัตริย์ เศรษฐีข้าราชการ คนงานบริษัทกรรมกรแบกหาม ก็ล้วนแต่อาศัย ผลผลิตจากเกษตรกรทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเราจึง ไม่ควรดูถูกอาชีพของตน ผู้บริโภคเองก็ไม่ควร ดูถูกเกษตรกร เพราะเราไม่สามารถกินกระดาษ แทนอาหารได้ แม้หากว่าชะตากรรมของเรานำ� เรามาเกิดเป็นลูกคนเก็บขยะ และพ่อแม่ก็นำ�เงินที่ได้มา จากการเก็บขยะขาย ส่งลูกเรียนจนจบปริญญา มีงานที่ดีทำ�เราควรภูมิใจในตัวของพ่อแม่ ถึงแม้ว่า จะเป็นงานสกปรกแต่ก็เป็นงานสุจริต แล้วคุณจะ ไม่อายที่มีพ่อแม่เป็นคนเก็บขยะและท่านเป็นคนดี มีคนหลายคนทำ�งานสะอาดแต่ไม่สุจริต บางคน มีอาชีพอันเป็นบาป เช่นผลิตค้าขายสุรายาเสพติด ค้าขายอาวุธ ค้าขายและทำ�งานที่ผิดต่อหลักของ ศีลธรรม บางคนมีหน้าที่การงานดี แต่งตัวภูมิฐาน แต่ทุจริตในหน้าที่ เขามีความเป็นอยู่ที่เลวทราม สู้คนเก็บขยะขายก็ไม่ได้ มองดูภายนอกดูเขาเหล่านั้น มีความเป็นอยู่ดี แต่ความจริงแล้วเขามีความเป็นอยู่


73

ที่สกปรก ของกินของใช้ทุกอย่างเป็นของบูดของ เน่าไม่สะอาด เพราะได้มาโดยไม่ชอบธรรม ไม่ ว่าเราจะทำ�งานอะไรมีอาชีพอะไร สิ่งสำ�คัญขอ ให้เป็นงานที่สุจริต แม้งานจะหนักเงินเดือนจะ น้อย แต่เราก็ไม่ได้สะสมบาปจากผลของงานที่ เราทำ� งานบางอย่างถึงแม้จะสบายเงินเดือนสูง แต่เป็นงานที่สะสมบาปไปในตัว เป็นการสะสม พลั ง งานของความทุ ก ข์ ค วามเดื อ ดร้ อ นให้ กั บ ตนเอง ชีวิตของคนเราไม่ยืนยาวเลย อย่าเห็นแก่ ความสบายแล้วแสวงหาเงินในทางที่ผิดๆ เพื่อ แลกเอาความสุขระยะสั้นๆ แต่ต้องรับโทษทุกข์ อีกยาวนานในกาลเบื ้ อ งหน้ า ไม่ ค ุ ้ ม จริ ง ๆ จงมี ศรัทธามีความเลื่อมใสมีความเชื่อมั่น ในคำ�สอน ของพระพุทธเจ้าเพื่อเส้นทางเดินชีวิตของเราจะ ปลอดภัยจากบาปทั้งปวง ประเพณีอย่างหนึ่งที่คนไทยเราถือปฏิบัติกันมา คื อ การบวชจู ง พ่ อ แม่ ปู่ ย่ า ตายายที่ เ สี ย ชี วิ ต ไป คงเป็ น อุ บ ายของผู้ ใ หญ่ ที่ ต้ อ งการให้ ลู ก หลาน


74

ได้บวชแทนคุณ ในชีวิตประจำ�วันเมื่อเรารู้ว่าพ่อแม่ อยู่สุขสบายความกตัญญูก็ถูกเก็บไว้ในกล่องหัวใจ แต่เมื่อพ่อแม่ปู่ย่าตายายป่วยไม่สบายความกตัญญู ก็ถูกเปิดออกพร้อมกับปลุกให้ตื่น นี่คือความประมาท มีความบกพร่องในหน้าที่ของลูก เห็นท่านอยู่สบาย เลยไม่คิดอะไร ไม่ทำ�อะไรเผื่อท่านบ้าง อยู่ด้วยกัน ไปธรรมดาความจริงแล้ว แม้ท่านจะอยู่สบาย เราก็ต้องคิด คิดว่าเราจะหาวิธีตอบแทนคุณท่าน ได้อย่างไรบ้าง เพราะถ้าท่านเสียชีวิตเราก็หมดโอกาส ที่จะตอบแทนคุณท่านให้ยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อให้ท่าน มีความสุขและความพอใจ เช่น ซื้อเสื้อผ้าของใช้ ดีๆ อาหารอร่อยๆ ที่ท่านชอบให้ท่านกิน หรือพาท่าน ไปเที่ยวไปไหว้พระทำ�บุญตามวัดต่างๆ แต่คนเรา ความรู้สึกช้า ความรู้สึกไม่เร็วเหมือนกับคนรัก ที่ชักใยด้วยอำ�นาจของตัณหา ชอบนึกถึงท่าน ในเวลาท่านป่วยไม่สบาย ผลไม้ของกินของใช้มา เพียบเอามาฝากพ่อแม่ พ่อแม่ก็ได้ความปลื้มใจ ได้แต่มอง แต่ไม่ได้กินเพราะคนป่วยไม่ค่อยอยากกินอะไร ก็ เ ป็ น ลาภปากของคนเฝ้ า ไข้ เ ท่ า นั ้ น เอง


75

บางคนความรู้สึกกตัญญูมาช้ายิ่งกว่านี้ โน้นท่านตายไปแล้วถึงนึกได้ พ่อแม่ชอบอะไรอยากกินอะไร ก็ พ ยายามไปหาซื้ อ มาทั้ ง เสื้ อ ผ้ า และอาหารดี ๆ จัดใส่สำ�รับอย่างสวยงาม ยกไปวางไว้ข้างโลงแล้วเอามื อ เคาะฝาโลงพร้ อ มกั บ เรี ย กว่ า พ่ อ ๆ แม่ ๆ กินข้าวได้แล้ว พอจะเอาไปเผาที่ป่าช้าก็นึกขึ้นมาได้ว่า ต้ อ งแสดงความกตั ญ ญู ใ ห้ ป รากฏด้ ว ยการ เอาลูกหลานมาบวชเพื่อจูงพ่อแม่ขึ้นสวรรค์ นี่คือ ความกตัญญูที่เจือด้วยความโง่เขลาเบาปัญญา การบวชจูงที่แท้จริงคือการบวชเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ เพราะการบวชของเราเบื้องต้น เราเป็นเหตุให้พ่อแม่ได้เข้าวัดได้ทำ�บุญทำ�ทานถวายอาหารของใช้ต่างๆ เป็นต้น ทำ�ให้พ่อแม่ได้สะสมบุญเพราะการบวชของเรา เป็ น เหตุ ใ ห้ ใ จของท่ า นน้ อ มมาทางพุ ท ธศาสนา หากบุญวาสนาบารมีท่านมากพอย่อมมีความสนใจ ในการปฏิบัติธรรมเจริญศีล สมาธิ ปัญญาเพื่อ การชำ�ระจิตใจให้สะอาดขาวรอบ เมื่อถึงกาลเวลา ที่ต้องจากลูกหลานไปด้วยกฎแห่งความเป็นธรรมดา มีความพลัดพรากและความตาย จิตของท่านก็ไม่กลัว


76

ไม่หวั่นไหวเพราะจิตที่ฝึกฝนอบรมมาดีแล้วจิตย่อม ผ่องใส น้อมไปสู่สุคติ นี่คือการบวชจูงเพื่อตอบแทน คุณพ่อแม่ปู่ย่าตายายอย่างถูกต้องและ เมื่อท่าน จากไปก็ทำ�บุญอุทิศไปให้

ฝากครรภ์ไว้กับพระธรรม เมื่อชายหนุ่มและหญิงสาวคิดจะแต่งงานมีครอบครัว การมองหาหญิงสาวหรือชายหนุ่มที่ตนเองคิดว่า เป็ น คนที่ ดี มี คุ ณ สมบั ติ ต ามที่ ต นเองต้ อ งการ เพื ่ อ ฝากชี ว ิ ต ไว้ ด ู แ ลกั น เวลาเกิ ด ปั ญ หา และ


77

ยามแก่เฒ่า เมื่อคนสองคนตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน การวางแผนชี วิ ต ครอบครั ว เหมื อ นหนึ่ ง ว่ า เป็ น หลักสูตรการศึกษาวิชาทางโลก ด้วยการวางแผน เป็นขั้นๆ ไปตั้งแต่เรื่องการศึกษาการงานการเงิน ที่อยู่อาศัย เมื่อพร้อมที่จะมีลูกก็ปรึกษากันคิดวางแผน ชีวิตให้กับลูกตั้งแต่อยู่ในท้อง เช่น เราจะฝากครรภ์ ที ่ โ รงพยาบาลไหนดี เมื ่ อ ลู ก โตแล้ ว จะให้ เ รี ย นทีโ่ รงเรียนไหนดี เข้ามหาวิทยาลัยไหนดี เรียนคณะอะไรดี ทำ�งานอะไรดี แต่งงานกับใครดี และอีกหลายอย่างมากมาย ถึงแม้นว่าเราจะวางแผนชีวิตไว้ เป็ น อย่ า งดี แต่ ค วามเป็ น จริ ง หลั ก สู ต รของชีวิต ไม่ได้อยู่ในตำ�ราเสมอไป แต่อยู่ที่กฎแห่งกรรม อย่าคาดหวังอะไรมากเพราะชีวิตไม่แน่นอน การฝากครรภ์ทางโลกต่างรู้กันอยู่แล้ว แต่ที่จะพูดถึง คือการฝากครรภ์ไว้กับพระธรรม ฝากลูกไว้กับ พระพุทธศาสนา ฝากลูกไว้กับบุญฝากลูกไว้กับความดี ซึ่งในยุคปัจจุบันแทบไม่มีอยู่ในความคิด ของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ในยุคดิจิตอลเลย แทบไม่มีอยู่ ในโครงสร้างครอบครัวเลย โครงสร้างครอบครัว


78

และโครงสร้างประเทศไทยต้องเดินหน้าไปพร้อมกัน ฉันใด การฝากครรภ์ไว้กับหมอและการฝากครรภ์ ไว้กับพระธรรมก็สำ�คัญฉันนั้น ยุคโบราณคลอดลูก ที ่ บ ้ า น อาศั ย หมอตำ � แยมาช่ ว ยทำ � คลอดให้ ไม่ต้องเสียเงินเพียงแต่เลี้ยงอาหารและของฝาก เป็นสินน้ำ�ใจตอบแทนคุณเท่านั้น แต่การฝากครรภ์ไว้ กั บ โรงพยาบาลจนถึ ง วั น คลอดอาจหมดเงิ น ไป หลายหมื่นหลายแสน เรียกได้ว่าเป็นยุคที่ต้อง ใช้ เ งิ น เป็ น หลั ก ในการเลี้ ย งชี วิ ต ครอบครั ว ก็ ค ง เป็นคำ�ตอบที่ไม่ผิด ความเจริญของโลกได้สร้าง ภาระให้ ก ั บ สั ง คม มั น เป็ น ภาระที ่ ด ู ด ี ม ี ร ะดั บ จึงทำ�ให้คนยินดีพอใจในการดิ้นรนแสวงหา ยิ่ง เป็นโรงพยาบาลเอกชนซึ่งมีค่าใช้จ่ายแพงพ่อแม่ ก็ยอมเพราะต้องการให้ลูกที่อยู่ในท้องได้รับการดูแล อย่างถูกวิธี เพื่อให้ลูกมีสุขภาพที่แข็งแรงและ สมบูรณ์ผู้เป็นแม่ก็พร้อมที่จะทำ�ตามคำ�สั่งของหมอ นี่เป็นความรักของแม่ที่มีต่อลูกแต่เป็นความรัก ครึ่งเดียว ครึ่งเดียวที่ว่าคือสุขภาพกายอีกครึ่งหนึ่ง คือสุขภาพใจจึงเป็นการฝากครรภ์ที่ไม่สมบูรณ์แบบ


79

เพราะไม่ได้ฝากครรภ์ไว้กับพระธรรมด้วย อย่างหลังนี้ สำ�คัญเพราะชีวิตแต่ละวันเป็นอยู่ด้วยสองสิ่ง คือ อาหารและพฤติ ก รรมอั น จะเป็ น กรรมติ ด ตั ว ไป ทุกภพชาติ ร่างกายเจริญเติบโตด้วยน้ำ�และอาหารฉันใด จิตใจย่อมเจริญด้วยบุญและบาปฉันนั้น บุญเจริญในใจย่อมนำ�สุขมาให้ บาปเจริญในใจ ย่อมนำ�ทุกข์มาให้ คนโบราณเป็นคนฉลาดฝากครรภ์ ไว้กับหมอตำ�แยพร้อมกับฝากครรภ์ไว้กับพระธรรมด้วย การฝากครรภ์ฝากลูกไว้กับพระธรรมควรปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ เมื่อสองสามีภรรยาวางแผนจะมีลูกด้วยกัน เบื้ อ งต้ น ขอให้ ตั้ ง จิ ต บู ช าคุ ณ พระรั ต นตรั ย เอาพระพุ ท ธพระธรรมพระสงฆ์ เ ป็ น ที่ พึ่ ง ที่ ร ะลึ ก อันสูงสุดแล้วตั้งใจตั้งเจตนารักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์ พาลูกที่อยู่ในท้องไปทำ�บุญให้ทานไหว้พระสวดมนต์ ฟั ง เทศน์ ฟ ั ง ธรรมบ้ า งตามโอกาส หากมี เ วลา ก็ไปถือศีลอุโบสถในวันพระถวายสังฆทานกับพระสงฆ์ ทั้งวัดเป็นการสร้างบุญใหญ่ หรือหาเวลาพาลูก ที่อยู่ในท้องไปปฏิบัติธรรมที่วัดสักห้าหรือเจ็ดวัน แม่และลูกที่อยู่ในท้องจะได้บำ�เพ็ญทานศีลภาวนา-


80

ด้วยกันอย่างสมบูรณ์ จงพยายามรักษาสุขภาพกาย สุขภาพใจให้ดี อบายมุขสิ่งเสพติดทั้งปวงก็ต้องเลิก โดยเด็ ด ขาด หมั ่ น ทำ � บุ ญ ทำ � ความดี ใ ห้ ม ากๆ ปฏิบัติเช่นนี้จนครบเก้าเดือนหรือปฏิบัติไปเรื่อยๆ ไม่มีกำ�หนดก็ เ ป็ น บุ ญ บารมี ข องเรา ลองทำ � ดู ไม่ มี อ ะไรเสี ย หายมี แ ต่ ไ ด้ คื อ ได้ ทำ � บุ ญ พิ เ ศษอยู่ ตั้งเก้าเดือน คนเราชอบทดลองมิใช่หรือๆ ชอบ ทดลองแต่ เ รื่ อ งไม่ เ ป็ น เรื่ อ งทุ่ ม เททำ � งานหนั ก เพื่อครอบครัวเพื่อลูกได้ แต่กลับไม่สนใจทุ่มเท ทำ�ความดีเพื่อครอบครัวเพื่อลูก (อาจเป็นเพราะ ว่าการทำ�ความดีไปขัดคอกิเลส) ซึ่งเป็นส่วนสำ�คัญ ที่จะทำ�ไห้ชีวิตครอบครัวมีความมั่นคงไม่แตกแยก และมั่งมีอันจะนำ�มาซึ่งความสงบสุขอย่างแท้จริง ทดลองสูตรของพระพุทธเจ้าลองดู แล้วประเมิน ผลดูว่าสุขภาพร่างกายลูกสมบูรณ์แข็งแรงดีไหม เป็ น คนขี ้ โ รคไหม และคอยสั ง เกตดู พ ฤติ ก รรม นิสัยเป็นไปในทางที่ดีไหม ความคิดความอ่านสติ ปัญญาเป็นอย่างไร แล้วคอยสังเกตดูครอบครัว ที่ใช้ชีวิตตามปกติธรรมดา หรือใช้ชีวิตไปในทาง-


81

ทำ � ความชั ่ ว ทำ � ผิ ด ศี ล ผิ ด ธรรม เหล้ า อบายมุ ข สิ่ง เสพติ ด ต่ างก็ ไ ม่ ล ะในระหว่ า งตั ้ ง ครรภ์ ชี ว ิ ต ความเป็นอยู่เป็นเช่นใด คลอดออกมาแล้วจะเป็น เช่นใด เมื่อลูกโตขึ้นมานิสัยความประพฤติเป็น อย่างไร ด้านความเป็นอยู่ชีวิตสงบสุขราบรื่นดีไหม หรือมีแต่เรื่องเดือดร้อนวุ่นวายมีแต่เหตุการณ์ไม่ดี เกิดขึ้นกับชีวิตและครอบครัว เพื่อเป็นการประเมินผล ไปในตัวแล้วพอจะสรุปได้ไหมว่า ฝากครรภ์ไว้กับ พระธรรม กับฝากครรภ์ไว้กับโรงพยาบาลอย่างเดียว ผลต่างกันมากน้อยเพียงใด ฝากชีวิตไว้กับกิเลสตัณหา ผลคือความทุกข์เดือดร้อน ฝากชีวิตไว้กับพระพุทธศาสนาผลคือความสงบสุข เทพเทวดาฝากชีวิต ไว้ ก ั บ บุ ญ มนุ ษ ย์ ฝ ากชี ว ิ ต ไว้ ก ั บ บุ ญ และบาป สั ต ว์ เ ดรั จ ฉานสั ต ว์ น รกฝากชี วิ ต ไว้ กั บ บาป มนุษ ย์ ฝ ากครรภ์ ไ ว้ ก ั บ พระธรรม และกั บ หมอ การเลี้ยงดูลูกหลังคลอดเป็นสิ่งสำ�คัญ เด็กหลังคลอด ก็เหมือนต้นไม้อ่อน เจ้าของต้นไม้ต้องคอยดูแล เอาใจใส่เป็นอย่างดี พอต้นไม้โตขึ้นภาระในการดูแล ก็น้อยลง ต่างจากคนพอเริ่มโตขึ้นภาระก็เพิ่มมากขึ้น


82

เป็นเงาตามตัว เหมือนทิ้งขอนไม้เล็กแล้วไปแบก เอาขอนไม้ใหญ่หนักมากกว่าเก่าเพราะคนมีจิตแต่ ต้นไม้ไม่มีจิตจึงดูแลง่ายยากต่างกัน พ่อแม่ต้อง อดทนทุ่มเททั้งกำ�ลังกายกำ�ลังใจกำ�ลังสติปัญญา ให้ กั บ การเลี้ ย งดู ใ ห้ ก ารศึ ก ษาอบรมสั่ ง สอนให้ เป็ น คนดี พ่ อ แม่ ต ้ อ งทำ � ตั ว เป็ น แบบอย่ า งที ่ ดี ของลูกอันนี้สำ�คัญ ไม่ว่าจะเป็นการพูดการกระทำ� ต้องปฏิบัติตามหลักของศีลธรรม ตามหลักธรรม คำ�สอนของพระพุทธเจ้า เพื่อเรียนรู้การกำ�กับ กิเลสตัณหาที่มีอยู่ในหัวใจให้อยู่ในขอบเขตของ ศีลธรรม อีกอย่างหนึ่งไม่ควรใช้เงินใช้เทคโนโลยี เพียงอย่างเดียวเลี้ยงลูกสอนลูก เพราะถ้าทำ�เช่นนั้น คุณอาจได้ลูกที่ทำ�อะไรด้วยตัวเองไม่เป็น มีชีวิต อยู่ได้ด้วยระบบใช้เงินซื้อและจ้างทำ�ทุกอย่างให้ตน อาศัยเทคโนโลยีเป็นเพื่อนเพลิดเพลินอยู่กับการเล่น หลงอยู่ในโลกออนไลน์ กลายเป็นคนมีจิตใจที่แข็ง กระด้างเหมือนหุ่นยนต์ ทุกวันนี้เงินและเทคโนโลยี มีบทบาทในการดำ�เนินชีวิตเป็นอย่างมาก เหมือน หนึ่งว่าเงินคือพระเจ้าเทคโนโลยี คือสิ่งที่พระเจ้า


83

ประทานมาให้ มี เ งิ น เหมื อ นมี แ ก้ ว สารพั ด นึก อยู่ในมือ อิทธิพลของเงินทำ�ให้คนสามารถทำ� ทุกอย่างได้เพื่อเงิน แล้วเงินก็กลับกลายมาเป็น เครื่องมือของตัณหาอีกทีหนึ่ง อยากให้ลูกอยู่สบาย ก็ ใ ช้ เ งิ น นั ้ น แหละเลี ้ ย งลู ก ที ่ ป ระเทศญี ่ ป ุ ่ น เขามีหลักสูตรจริยธรรมเบื้องต้นที่เยาวชนต้องฝึก และปฏิบัติตามจนกลายเป็นนิสัย เขาจึงได้บุคลากร ที่มีระเบี ย บวิ นั ย เคารพกฎหมายบ้ า นเมื อ งออก สู่ส ังคม ก็ เ พราะความรั บ ผิ ด ชอบเอาใจใส่ ข อง พ่อแม่ครูอาจารย์ และผู้บริหารบ้านเมืองที่มีต่อ เยาวชนของเขา เคยพิจารณากันบ้างไหม ครอบครัว และสังคมที่เพียบพร้อมทุกอย่าง แต่กลับไม่ค่อย มีความสุข หรือมีก็มีแต่สุกแบบดิบๆ เพราะอยู่ แบบไม่ได้ทำ�ความดี ชีวิตจึงมีแต่ปัญหามีแต่เรื่อง วุ่นวายเข้ามาในชีวิต เพราะขาดอยู่อย่างหนึ่ง คือ หลักของศีลธรรม เพื่อลูกเพื่อครอบครัวที่มั่นคง อย่าลืม ฝากชีวิตฝากครรภ์ฝากลูกฝากครอบครัว ไว้กับพระพุทธศาสนาไปทุกภพชาติ ตราบเข้าสู่ พระนิพพาน


84

“อย่าเลี้ยงลูกสอนลูกด้วยอารมณ์ จงเลี้ยงลูกสอนลูกด้วยจิตเมตตาด้วย สติปัญญานี่คือ คุณธรรมของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ที่ดี”


85

ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดาเอกของโลก เป็นผู้ไกล จากกิเลส เป็นผู้ตรัสรู้ชอบเอง เป็นผู้ถึงพร้อม ด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นครูของ เทวดาและมนุษย์ เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน พระองค์ ทรงกระทำ�คุณความดีต่อโลกอย่างหาประมาณมิได้ ทรงเต็ ม เปี่ ย มไปด้ ว ยพระมหากรุ ณ าธิ คุ ณ พระปัญญาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ ทรงเมตตา สั่ ง สอนเวไนยสั ต ว์ เ พื่ อ ให้ อ อกจากกองทุ ก ข์ ไ ด้ โดยสิ้นเชิง ทรงเป็นเนื้อนาบุญอันยิ่งของโลก การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า คือปฐมเหตุแห่งการ อุบัติขึ้นของพระสาวกทั้งหลาย ทั้งพระอรหันต์​์ พระอริยเจ้าระดับต่างๆ และพ่อแม่ครูอาจารย์ ท่านเหล่านั้นก็ล้วนเป็นเนื้อนาบุญ ที่ได้ทำ�คุณประโยชน์ต่อโลกอย่างไม่มีประมาณ ด้วยการอาศัย พระธรรมคำ�สอนของพระองค์เป็นเครื่องชี้ทาง


86

วัดเวฬุวัน คือวัดแรกในพระพุทธศาสนาที่เกิดขึ้น ในโลก เกิดขึ้นด้วยความศรัทธาที่มีต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเป็นมูลเหตุอันสำ�คัญ ที่ก่อให้เกิดประเพณีในการสร้างวัดเพื่อเป็นที่อยู่ อาศั ย ของพระภิ ก ษุ ส งฆ์ อี ก มากมายหลายวั ด สืบมาถึงปัจจุบัน

ระลึกถึงคุณพระธรรม พระธรรมทำ�ให้พระโพธิสัตว์กลายเป็นพระพุทธเจ้า ทำ�ให้บุคคลทั่วไปกลายเป็นพระอรหันต์​์เป็น พระอริยเจ้า เป็นสาธุชนคนดีเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ก็ล้วนอาศัยพระธรรม • พระธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์ เป็นเครื่อง สงบกิเลส และช่วยควบคุมกิเลสให้อยู่ในขอบเขต ของศีลธรรม • พระธรรมช่วยให้ผู้ปฏิบัติตามพ้นจากบาปจาก ทุกข์ทั้งปวง พระธรรมช่วยสร้างสังคมที่สงสุข ให้กับโลก


87

• พระธรรมทำ�ให้ชีวิตของมนุษย์มีความเป็นอยู่ อย่างประเสริฐ • พระธรรมคือสภาวะที่มีอยู่เป็นอยู่ตามธรรมชาติ เป็นสัจธรรมที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ธรรมได้ รักษาความจริงของสิ่งนั้นๆ เอาไว้เป็นกฎตายตัว สุข ทุกข์ ดีชั่ว ผิดถูก มีอยู่ตามเป็นจริง ใครทำ�ลงไปย่อมได้รับผลตามนั้น บุญและบาป ไม่มีอิทธิพลใดๆ ถ้าหากว่าเราไม่ไปสร้างมันขึ้นมา กรรมคืออำ�นาจ ที่ แ ท้ จ ริ ง ที่ เ กิ ด จากการสะสมของตั ว คุ ณ เอง การเลือกเฟ้นธรรม คือ เลือกทำ�แต่กรรมที่ดีๆจึง เป็นสิ่งจำ�เป็นโดยอาศัยคำ�สอนของพระพุทธเจ้า เป็ น หลั ก ธรรมเป็ น ศาลที ่ ย ุ ต ิ ธ รรมที ่ ส ุ ด ที ่ ใ ห้ ความเป็นธรรมแก่สัตว์โลก ตามการกระทำ�นั้นๆ เรียกว่ากฎแห่งกรรม และพระธรรมคือคำ�สอน ของพระพุทธเจ้า อันเป็นหลักที่ทุกคนควรนำ�ไป ปฏิบัติเพื่อให้จิตเข้าถึงความจริงของสิ่งนั้นๆตาม เป็นจริง พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์กตัญญูต่อ พระธรรม เคารพพระธรรม บูชาพระธรรม เราผู้ เป็นพุทธบริษัทของพระองค์จึงควรปฏิบัติตาม


88

ระลึกถึงคุณพระสงฆ์ พระสงฆ์สาวกเกิดขึ้นมาได้ก็ด้วยอาศัยพระธรรม คำ�สอนของพระพุทธเจ้าเป็นแนวทางแห่งการปฏิบัติ จนเป็นที่สรรเสริญว่าเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง เป็นเนื้อนาบุญของโลก ด้วยการปฏิบัติ ตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด จึงทำ�ให้สาวก เหล่ า นั้ น สำ � เร็ จ เป็ น พระอรหั น ต์​์ เ ป็ น ผู้ สื บ ทอด พระพุทธศาสนาอย่างสมบูรณ์ พร้อมทั้งช่วยกัน ประกาศพระศาสนาไปอย่างกว้างขวางเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขของมหาชน จึงเป็นเหตุให้เกิดมีการ สร้างวัดขึ้นมาอย่างมากมาย แม้แต่ในเมืองไทย ของเราก็ได้รับสืบต่อมาเช่นกัน เห็นได้จากพ่อแม่ ครูอาจารย์ทั้งหลาย ซึ่งอุทิศชีวิตให้กับพระพุทธศาสนา ดำ�รงชีวิตอยู่เพื่อหมู่สงฆ์ เพื่อสังคมอย่างไม่เห็นแก่ความลำ�บากและเหน็ดเหนื่อย ท่านทั้งหลาย เหล่านั้นได้สร้างวัดขึ้นมาทั่วเมืองไทย เนื่องด้วย มองเห็นคุณค่าของพระศาสนา สำ�หรับใช้เป็นที่ บำ�เพ็ญบุญ และเพื่อเป็นสถานที่สำ�หรับปฏิบัติธรรม


89

ของเหล่าพระภิกษุสงฆ์ และอุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย สิ ่ ง ต่ า งๆ ที ่ พ ่ อ แม่ ค รู อ าจารย์ ไ ด้ ส ร้ า งไว้ ใ น พระพุทธศาสนาเป็นคุณต่อหมู่สงฆ์ และชาวโลก โดยแท้สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราควรเอาเป็นคติแบบอย่าง เราทั้งหลายเป็นผู้ได้มาพึ่งร่มบุญของพระพุทธเจ้า และพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งหลาย เราต้องสำ�นึกระลึก ถึ ง คุ ณ ของท่ า น เคารพบู ช าคุ ณ ของท่ า นด้ วย ความจริงใจ

พระสงฆ์ เ กิ ด ขึ้ น ในพระศาสนาได้ ก็ เ นื่ อ งด้ ว ย พระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้าในเบื้องต้น และอาศั ย ความเมตตากรุ ณ าของพระอริ ย เจ้ า และพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งหลายช่วยกันสืบทอดศาสนา มาจนถึงปัจจุบัน คนทุกคนล้วนต้องการสิ่งที่เป็น คุณเป็นประโยชน์ต่อตน การระลึกถึงบุญคุณของ พ่อแม่ครูอาจารย์ย่อมทำ�ให้ใจของผู้นั้นมีความสุขใจ สบายใจ ซึ่งเป็นผลดีเป็นคุณประโยชน์ต่อจิตใจ


90

การที่ผู้ใดล่วงเกินพระสงฆ์หรืออุปัชฌาย์อาจารย์ จะด้วยกายด้วยวาจาหรือด้วยใจก็ตาม จึงเป็นสิ่งที่ไม่สมควร แม้ว่าครูอาจารย์หลายท่านจะ ละสังขารไปตามกาลเวลาแต่บางท่านก็มีเหตุให้หยุด วิถีชีวิตนักบวชของตนเองลงไป นั่นก็เป็นเพราะ วิบากของท่าน ไม่อยู่ในวิสัยที่เราจะไปค้นคิดหา เหตุ ผ ลใดๆ และเราไม่ ค วรพู ด ถึ ง ท่ า นในทางที่ ไม่เหมาะไม่ควรหรือตำ�หนิติเตียนท่าน เพราะจะ เป็นกรรมไม่ดีแก่ตัวเราๆ ควรระลึกถึงความดีงาม ของท่านถึงจะถูกต้อง หมายเหตุ (คำ�ว่าพ่อแม่ ครู อ าจารย์ เ ป็ น คำ � เรี ย กขานอุ ปั ช ฌาย์ อ าจารย์ ในวงพระกรรมฐานของลูกศิษย์ด้วยความเคารพ อย่างสูงว่าท่านเป็นทั้ง พ่อ แม่ ครู อาจารย์)


91

ระลึกถึงคุณ ท่านอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก พระพุ ท ธศาสนาเป็ น มู ล เหตุ เ บื้ อ งต้ น ที่ ทำ � ให้ ท่านอาจารย์ได้ออกบวช และมูลเหตุเบื้องต้น ในการสร้างวัดสุนันทวนารามขึ้นมา ก็ด้วยอาศัย ท่านอาจารย์มิตซูโอะ และโยมสุนันท์(ผู้ถวายที่ดิน) หากไม่ มี ส องท่ า นนี้ ก็ ค งไม่ มี วั ด สุ นั น ทวนาราม จึ ง ถื อ ได้ ว่ า ท่ า นทั้ ง สองเป็ น มู ล เหตุ เ บื้ อ งต้ น ให้ ชาวพุทธทั้งหลายได้มีโอกาสในการสร้างบารมี ด้วยการสร้างวัดขึ้นมาโดยมีท่านเป็นผู้นำ�มาโดยตลอด จึงเรียกได้ว่าตลอดระยะเวลา ๓๘ พรรษาของ ท่านอาจารย์นั้น คือ ๓๘ พรรษาแห่งการสร้าง คุณงามความดี ท่านได้สร้างคุณประโยชน์ให้กับ หมู่สงฆ์ และสังคมอย่างมากมาย ตามที่ปรากฏ ให้เห็นมาตลอดจนปัจจุบัน ตลอดระยะเวลา ๑๕ พรรษา ที่อาตมาช่วยงานท่าน ได้รับรู้ถึงความทุ่มเท และความเสียสละของท่าน เพื่อที่จะนำ�ญาติโยมบำ�เพ็ญบุญทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็น


92

การให้ทาน การรักษาศีล และการภาวนา ท่านทำ�ไป โดยไม่เห็นแก่ความลำ�บาก และความเหน็ดเหนื่อย ท่านได้พลิกฟื้นพื้นที่ดินกว่า ๑,๕๐๐ ไร่ ของวัดสุนันทวนาราม จากอดีตที่เคยเป็นไร่อ้อย ไร่มัน ให้กลับกลายเป็นป่าที่ร่มรื่น เป็นบ้านของสัตว์ป่า เป็ น ที ่ บ ำ � เพ็ ญ ภาวนาของผู ้ ท รงศี ล และเป็ น ที่ บำ�เพ็ญบุญของญาติโยม ท่านได้สร้างสถานที่ ปฏิบัติธรรมที่สมบูรณ์ พร้อมกับนำ�พาญาติโยม ทำ�บุญให้ทานรักษาศีลภาวนาตามหลักพระพุทธศาสนา อย่างถูกต้องเสมอมา การสร้างวัดต้องอาศัยความศรัทธาในพระพุทธศาสนา และศรัทธาในปฏิปทาของพระสงฆ์ที่เป็น ผู้นำ�เป็นหลัก ท่านเป็นพระสงฆ์รูปหนึ่งที่เป็นที่พึ่ง ของพวกเราในการทำ�ความดี ด้วยปฏิปทาที่งดงาม ของท่านจนเป็นเหตุให้ชาวพุทธมากมายได้ทำ�บุญ กับพระศาสนาสร้างบารมีให้กับตนเอง และเป็น ผูน้ ำ�ในการช่วยเหลือสังคม มีการมอบทุนการศึกษา แก่เด็กด้อยโอกาสเป็นต้น


93

เรื่องบังเอิญไม่มีในพุทธศาสนา การที่บุคคลหนึ่ง ได้ไปใช้ชีวิตในสถานที่ต่างๆ กัน กับบุคคลต่างกัน ย่อมเป็นไปตามวาระของกรรมที่ได้ทำ�ไว้เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ตลอดระยะเวลา ๓๘ พรรษาแห่งการ สร้างบารมีของท่านอาจารย์ ท่านได้วางรากฐาน ของวัด และของมูลนิธิไว้อย่างมั่นคง นับเป็นมรดก ในทางธรรมที่ทรงคุณค่าที่ท่านมอบไว้ให้กับสังคม แม้ว่าการจากไปของท่านจะไม่เป็นไปตามความ คาดหวังของพวกเรา อันเป็นเหตุให้หลายต่อหลายคน เกิดความรู้สึกผิดหวัง เสียดาย และเสียใจที่ท่าน หยุดวิถีชีวิตนักบวชของท่านลง แต่พวกเราก็จง ทำ�ความภูมิใจในปฏิปทาของท่านอาจารย์ตลอด ระยะเวลา ๓๘ พรรษา ท่านมีแต่ความเมตตา ยอมสละตนอุทิศชีวิตเพื่อพระศาสนา นำ�พาญาติโยม ประพฤติปฏิบัติธรรม อีกทั้งยังได้ทำ�คุณประโยชน์ ต่อสังคมอย่างมหาศาล เราทั้งหลายจึงควรที่จะ ระลึกถึงพระคุณของท่าน อันจะเป็นเหตุให้จิตใจ ของเราชุ่มเย็น และเบิกบาน ผู้มีปัญญาย่อมเปิดรับ เอาแต่สิ่งที่ดีๆ มาสู่จิตใจตน จงอย่าได้ลืมเลือน


94

จงอย่าได้ลืมเลือนคุณความดีของท่านที่ได้ทำ�ไว้ และอย่าได้นำ�การลาสิกขาของท่านมาเป็นเหตุให้ จิตใจเศร้าหมองด้วยประการต่างๆ ท่านผู้เจริญ ทั้งหลาย จงใช้สติปัญญาพิจารณาใคร่ครวญให้ดี อย่าปล่อยให้อารมณ์พอใจไม่พอใจครอบงำ�จิตคิด ไปในทางเป็นบาปเป็นอกุศลต่อท่านอาจารย์เลย เพราะจะเป็นกรรมไม่ดีต่อตัวท่านเอง อาตมาจึงขอ เตือนสติทุกท่านด้วยความปรารถนาดี สมัยหนึ่งพระฝรั่งซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ชา ได้เห็น ปฏิปทาพระไทยรูปหนึ่งแล้วเกิดศรัทธาเลื่อมใส จึงยึดเอาท่านเป็นแบบอย่าง เคารพนับถือท่าน เป็นอาจารย์ คอยอุปัฏฐากรับใช้ท่าน รับการอบรม จากท่าน ต่อมาไม่นานพระอาจารย์รูปนั้นก็ลาสิกขาไป พระฝรั่งรูปนั้นทั้งเสียดาย ทั้งเสียใจกับการลาสิกขาของพระอาจารย์ ร ู ปนั ้ น เมื ่ อ มี โ อกาสไปกราบ หลวงปู่ชา จึงพูดให้หลวงปู่ฟังในทำ�นองต่อว่า ติเตียน หลวงปู่ชาจึงเตือนสติพระฝรั่งรูปนั้นว่า ท่านคิดอย่างนั้นไม่ถูก ความจริงแล้วท่านควร


95

กตัญญูรู้คุณท่าน เพราะในสมัยนั้นท่านก็ได้อาศัย อาจารย์รูปนั้นเป็นครูเป็นอาจารย์ ส่วนเมื่อท่าน ได้สึกไปแล้วท่านจะไปทำ�อะไรมันเป็นเรื่องของท่าน เปรียบเหมือนพ่อแม่แม้จากโลกนี้ไปแล้ว แต่คุณ ความดี ท ี ่ ท ่ า นทำ � ไว้ ก ็ ย ั ง คงอยู ่ ไม่ ว ่ า ที ่ ด ิ น ทรัพย์สินต่างๆ หรือ แม้กระทั่งตัวเราก็เป็นมรดก ตกทอดของพ่อแม่ ความดีที่ท่านทำ�ไว้ไม่ได้จากไป พร้อมกับท่าน แต่น่าเสียดายที่เรามัวไปอาลัยกับ การจากไปจนลืมนึกถึงคุณงามความดีนั้น เพราะ แท้ จ ริ ง แล้ ว เราควรระลึ ก ถึ ง พระคุ ณ ของท่ า น มากกว่าสิ่งอื่นใด ในสมัยพุทธกาลมีชาวพุทธ ตัวอย่างบุคคลหนึ่ง คือนางวิสาขามหาอุบาสิกา ซึ่งเป็นพระโสดาบัน เป็นพระอริยบุคคลเบื้องต้น ผู้มีศรัทธามั่นคงแล้วในพระพุทธศาสนา นางได้ ทำ�บุญกับพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์​์จำ�นวนมาก แม้สมัยนั้นพระพุทธศาสนาจะเต็มไปด้วยพระอริยเจ้า และพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมากมาย แต่ในบางครั้ง นางก็ได้พบเจอกับพระที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม แก่ความเป็นสมณะ นางไม่ได้เอาความประพฤติไม่ดี


96

ของพระเหล่านั้นมาเป็นอารมณ์ให้เสื่อมศรัทธา ทั้งนางยังได้ปกป้องพระพุทธศาสนาอย่างผู้มีปัญญา ด้วยการเข้ากราบทูลต่อพระพุทธเจ้าเพื่อให้ทรง บัญญัติสิกขาบทขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้พระที่ไม่มี ความละอายทำ�ความเสื่อมเสีย เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จ ดับ ขั น ธปริ น ิ พ พานไปแล้ ว นางก็ ย ิ ่ ง เป็ น ห่ ว ง พระพุทธศาสนา เป็นห่วงภิกษุสามเณรที่อยู่ในวัด ว่าภายภาคหน้าจะอยู่กันอย่างไร นางจึงได้คิดว่า พระภิกษุ สามเณรก็คือพุทธบุตร เป็นลูกของ พระพุทธเจ้า เราต้องทำ�การอุปถัมภ์อุปัฏฐาก หมู่สงฆ์เพื่อความยั่งยืนมั่นคงของพระศาสนาต่อไป ความคิดเห็นดังกล่าวมานี้ เมื่อนำ�มาเปรียบเทียบ กับความคิดเห็นของคนบางคนในยุคนี้แล้วต่างกัน ราวฟ้ากับดิน อาตมาได้ยินบ่อยๆ ว่า พระอาจารย์ รูปนั้นละสังขารไปแล้วจะไปวัดนี้อีกทำ�ไม ความคิด เช่นนี้เป็นความคิดที่บั่นทอนความดีของตนเอง ทั้งที่หมู่สงฆ์ที่เป็นศิษย์ของท่านก็ยังอยู่ เราไม่ควร เอาการจากไปของพระหนึ่งรูปมาเป็นเหตุไม่ให้เรา ได้ทำ�บุญกับหมู่สงฆ์ ซึ่งก็คือศิษย์ของครูอาจารย์


97

ท่านนั้นนั่นเอง แต่สิ่งที่เราควรทำ�คือ ใช้ปัญญา พิ จ ารณาถึ ง การจากไปของครู อ าจารย์ ว่ า เป็ น กฎธรรมชาติเป็นวาระของกรรม และมองเห็นว่า การทำ�ความดีเป็นสิ่งสำ�คัญต่อชีวิตของเรา เพราะ ชีวิตเป็นของไม่แน่นอน การลาสิกขาของท่านอาจารย์มิตซูโอะก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน หากเรา ชาวพุทธไม่มัวแต่สลดอาลัย วนคิดอยู่กับความเสียใจ เสียดายในตัวท่านอาจารย์ จนอาจเลยเถิดไปถึง การเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา แล้วเปลี่ยน มุมมองของความคิดเสียใหม่ ด้วยการย้อนนึกถึง คุณความดีที่ท่านอาจารย์ได้เคยกระทำ�มาแทนความคิดที่ทำ�ให้ใจหม่นหมอง นั่นย่อมเป็นการ เปิดโอกาสให้แก่ตนเองได้หลุดพ้นจากความเศร้าโศก ทั้งยังไม่ปิดโอกาสในการสร้างสมความดีของตน ต่อไป ฉะนั้น เราชาวพุทธทั้งหลายจึงไม่ควรนำ� ความคิดที่ไม่ดีมาเป็นมูลเหตุให้เกิดอุปสรรคขัดขวาง ในการกระทำ�ความดี ขอให้ชาวพุทธเรามีจิตใจที่ เข้มแข็งมีสติปัญญาเป็นเลิศ และมีความเข้าใจเข้าถึง หลักความเป็นไปตามธรรมดา หรือที่เรียกอีกอย่างว่า


98

กฎแห่งกรรมแล้วจิตใจย่อมมองเห็นความเป็น ธรรมดาของสรรพสิ่งทั้งหลายอันจะเป็นเหตุให้ เรามีจิตใจที่เป็นปกติ มีความเป็นกลาง เมื่อต้อง ประสบกับเหตุการณ์ หรือสถานการณ์ใดๆ ก็ไม่ หวั่นไหวโยกคลอน เพราะเราเข้าใจในสัจธรรม ความเป็นไปของโลก เราจึงมองทุกสิ่งว่าเป็นสิ่ง ธรรมดาได้นั่นเอง พระอธิการหนูพรม สุชาโต


99


100

พระอธิการหนูพรม สุชาโต

เจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม บ้านท่าเตียน ตำ�บลไทรโยค อำ�เภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.