หยดธรรม นำชีวิต 2 พระอาจารย์หนูพรม สุชาโต เจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม ภาพประกอบ ธนวัฒ น์ ทร ภาพประกอบ น์ สุสุด ดรสุสุิยน นาภรณ์ ทร ภาพประกอบ กันธนวั ติทัตฒโรจนวิ จัจัด ดรูรูป ปเล่ เล่ม ม ฉัฉัน นทวั ทวัฒ ฒน์ น์ พรหมวิ พรหมวิท ทักักษ์ ษ์,, อรไพลิ อรไพลิญ ญญ์ ญ์ ธนดลโอฬาร ธนดลโอฬาร จัดรูปเล่ม อรไพลิญญ์ ธนดลโอฬาร
ค�ำน�ำ โบราณกล่าวไว้ว่า...น�้ำหยดลงหิน ด้ ว ยเวลาอั น ยาวนาน หิ น มั น ยั ง กร่ อ นได้ ฉันใด หยดแห่งธรรม ที่เราน�ำไปปฏิบัติอยู่ เป็ น ประจ� ำ ย่ อ มท� ำ ให้ บ าปอกุ ศ ลค่ อ ยๆ จางคลายออกไปจากใจเราได้ฉันนั้น หยดน�้ำ ที ล ะหยด ด้ ว ยเวลาอั น ยาวนานย่ อ มท� ำ ให้ หม้อน�ำ้ เต็มได้ฉนั ใด หยดแห่งธรรม คือความดี
ที่เราสะสมมาด้วยเวลาอันยาวนาน วันหนึ่ง ก็ต้องเต็ม ท�ำให้เรากลายเป็นพระอริยบุคคล ขึ้นมาได้เช่นกัน
อาตมาขออนุ โ มทนาบุ ญ กั บ จิ ต และ เจตนาอันเป็นบุญเป็นกุศลของคณะศรัทธา พุทธะอุบาสก พุทธอุบาสิกา ผู้มุ่งหวัง และ มี ความเพี ย รพยายามที่ จ ะหว่ า นเมล็ ด พั น ธ์ุ แห่ ง พุ ท ธะ ให้ เ จริ ญ งอกงามในใจคน เพื่ อ บรรเทาทุ ก ข์ และคลายเครี ย ดทางใจ และ เพื่อสันติสุขของคนในครอบครัว และสังคม อย่างแท้จริง สาธุเจริญพร พระอธิการหนูพรม สุชาโต เจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม
ค�ำน�ำ หนังสือ หยดธรรมน�ำชีวิต เล่ม 1 ได้ รั บ การเผยแพร่ ในช่ ว งงานกฐิ น ของวั ด สุนันทวนาราม เมื่อปีที่แล้ว นับเป็นหนังสือที่มี คุณค่า เพราะคณะผูจ้ ดั ท�ำได้รวบรวมธรรม ที่ พระอาจารย์ ห นู พ รม สุ ช าโต ได้ เ ขี ย นเป็ น คติน�ำใจสั้นๆ และง่ายๆ แต่มีสาระลึกซึ้งกินใจ น�ำไปปฏิบัติได้ ไม่ยาก สมกับเป็นธรรมของ สมเด็ จ พระสั ม มาสั ม พุ ท ธเจ้ า มาอยู ่ ใ น ที่เดียวกัน
มาบัดนี้ ทางคณะผู้จัดท�ำมีด�ำหริ จะจัด พิมพ์หนังสือ หยดธรรมน�ำชีวิต เล่ม 2 ขึ้น มูลนิธิมายา โคตมี จึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ทีพ ่ ทุ ธศาสนิกชน และบุคคลทัว่ ไปจะได้มโี อกาส ศึกษาคติธรรมที่จะน�ำไปใช้ ในการด�ำรงชีวิต อย่ า งมี ค วามสุ ข เพิ่ ม เติ ม จึ ง ขออนุ โ มทนา กั บ คณะผู ้ จั ด ท� ำ และผู ้ อุ ป ถั ม ถ์ ก ารพิ ม พ์ ทุกท่าน มา ณ ที่นี้ สุจิตรา หิรัญพฤกษ์ มูลนิธิมายา โคตมี
โ ล กส ร้ า งเครื่ อ งผู ก ด ้ ว ยอ� ำ นา จของตั ณ หา
ธ ร รม เป็ น เครื่ อ งแก้
ด ้ ว ยอ� ำ นา จของศี ล ธรรม
แก้ความหิว แก้ความขี้เกียจ แก้ความตระหนี่ แก้ความถือตัวตน แก้ความไม่มีสัมมาคารวะ แก้ความอกตัญญู
ด้วยการกิน ด้วยความขยัน ด้วยการให้การแบ่งปัน ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ด้วยความเคารพ ด้วยความกตัญญู
แก้ ที่ ไหน แก้ ที่ ใ จ
โ ล ก แ ห่ ง ก า ร แ ส ว ง ห า แ ล ะ ส ะ ส ม
สะสมความรู้ สะสมการงาน สะสมวัตถุต่างๆ สะสมบาปอกุศล สะสมความโลภ สะสมการให้ทาน สะสมการภาวนา
สะสมประสบการณ์ สะสมเงินทอง สะสมบุญกุศล สะสมกิเลส โกรธ หลง สะสมการรักษาศีล สะสมบุญบารมี
แ ล้ ว คุ ณ ล่ ะ ก�ำ ลั ง ส ะ ส ม อ ะ ไ ร อ ยู่ ?
ชีวิตมีค่า ไม่ควรปล่อยใจ
ใ ห้ ต กเป็ น ท า สของตั ณ หา คุณค่าของชีวิต อยู่ที่การท�ำคุณงามความดี
ที่สุดของน�้ำร้อนจะไม่ร้อน ที่สุดของความโกรธ จ ะ ไ ม่ โ ก ร ธ ที่สุดของความทุกข์ จ ะ ไ ม่ ทุ ก ข์ เพราะมันสุดๆ แล้ว
ความเห็นผิดของผู้ปฏิบัติโดยเข้าใจว่า สมถะได้แต่ความสงบ วิปัสสนาเท่านั้น ที่ท�ำให้เกิดปัญญา มีพระถามหลวงปู่ชาว่า... สมถะและวิปัสสนาต่างกันอย่างไร หลวงปู่ชาตอบว่า... คุณจะเข้าใจว่าอย่างไร ถ้าผมจะตอบว่า
อ า ห า ร กั บ อุ จ จ า ร ะ เ ป็ น อั น เ ดี ย ว กั น
เอโกธั ม โม ธรรมเป็นอันเดียวแต่เปลี่ยนอาการ ซึ่งเกิดจากการปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา ก็อันเดียวกัน หลวงปู่ชาเปรียบเทียบให้ฟังว่า
ศี ล ส ม า ธิ ปั ญ ญา เปรียบเสมือนมีดเล่มหนึ่ง เมื่อเรายกมีดขึ้นมา มันก็ขึ้นมาทั้งสัน คม และด้าม แยกออกจากกันไม่ได้
โลกวางแผนชีวิต เพื่อสนองตัณหา
ธ ร ร ม วา งแผ นชี วิ ต เพื่อสนองความดี
ธ ร ร มในต� ำ รา เป็นการเรียบเรียงจัดเป็นหมวดหมู่ จากท่านผู้รู้เพื่อการศึกษาเล่าเรียนธรรม ที่เกิดขึ้นในใจ ไม่ได้ ไหลออกมาเป็นข้อๆ ตามต�ำรา กิเลสก็เช่นกัน ทุกข์เป็นหินลับให้เกิดปัญญา ทุกข์ ไม่มี ไม่เห็นทุกข์
ปั ญ ญ า ไ ม่ เ กิ ด
โลกสร้างเครื่องผูก
ธ ร ร ม เ ป็ น เ ค รื่ อ ง แ ก้ ผูกที่จิต แก้ที่จิต แก้ความโลภด้วยการให้ทาน แก้ความโกรธด้วยเมตตา แก้ความหลงด้วยปัญญา แก้ความขี้เกียจด้วยความ ข ยั น แก้ ค ว า ม โ ง่ ด้วยความฉลาด แก้ความอ่อนแอด้วย คว า มอดทน
แ ก้ ค ว า ม เ ห็ น ผิ ด ด้ ว ย ค ว า ม เ ห็ น ถู ก
พ ร ะ พุ ท ธ เ จ้ า... ตรัสรู้ในปัจจุบันเมื่อ 2,500 ปีก่อน จิตของพระพุทธเจ้า จิตของพระอรหันต์ จิตของสัตว์โลก อาศัยอยู่กับปัจจุบัน การคิดเรื่องอดีต เรื่องอนาคต เป็นอาการของจิต
ปั จ จุ บั น - ณ - ธ ร ร ม เป็นที่เกิดของธรรม การตามดูจิต ด้วยสติปัญญา ก็ตามดูจิตใน ขณะปัจจุบัน เพราะธรรมเกิดขึ้นมา ให้รู้ ให้เห็น ให้คิด ให้พูด ให้ท�ำ ในขณะปัจจุบัน ณ จิต
ล ม ห า ย ใ จ เ ข้ า ลมหายใจออก คือปัจจุบัน กรรมที่ท�ำ กรรมที่ให้ผล กรรมที่จะติดตามตัวไปทุกภพชาติ เกิดจากกรรมที่ท�ำในปัจจุบัน
ก า ร ส ะ ส ม ก ร ร ม ใ น อ ดี ต เกิดจากการท�ำกรรมในปัจจุบันของกาลนั้นๆ
การกระท�ำในปัจจุบัน คือตัวกรรมที่จะ
ก�ำ ห น ด ช ะ ต า ชี วิ ต ข อ ง เ ร า เ อ ง สัจธรรมคือความจริง ย่อมให้ผลอยู่ในตัวของมันเอง
อดีต อนาคต เป็นธรรมเมา
ปั จ จุ บั น เ ป็ น ธ ร ร ม จ ริ ง ท�ำดี ท�ำชั่ว ท�ำได้ในปัจจุบัน มีใครบ้างถอยหลังไปท�ำความดีที่อดีต แล้วเดินก้าวไปท�ำความชั่วที่อนาคตไม่มี เพราะฉะนั้น... ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้ในปัจจุบัน
ปั จ จุ บั น จึ ง เ ป็ น เ ว ล า ที่ ส�ำ คั ญ ที่ สุ ด
ฉลองปีใหม่ด้วย
ก า ร ท�ำ ค ว า ม ดี เป็นการกระท�ำของคนดี ย่อมน�ำความสุขมาสู่ตน และสังคม ฉลองปีใหม่ด้วย
อ บ า ย มุ ข ข อ ง มึ น เ ม า เป็นการกระท�ำของคนพาล น�ำความทุกข์มาสู่ตน และสังคม
แก้ทุกข์ ไม่ถูกจุด เกาไม่ถูกที่คัน จะคลายทุกข์ ได้อย่างไร
คั น ที่ ใ จ แ ต่ ไ ป เ ก า ที่ ข ว ด เ ห ล้ า จะแก้ปัญหาชีวิตได้อย่างไร (ทุกข์เกิดที่ใจ จะดับทุกข์ต้องดับที่ใจ)
ผู้ ที่ ใ ห้ อ ภั ย ค น อื่ น ไ ด้ ย่อมได้รับผลจากการให้อภัย คือ ความสบายใจ
ผู้ ที่ ไ ม่ ย อ ม ใ ห้ อ ภั ย ค น อื่ น ย่อมได้รับผลจากการไม่ให้อภัย คือ ความไม่สบายใจ การไม่ให้อภัยเป็นการผูกเชือก คือความอาฆาตพยาบาท เป็นเชือกกรรม เชือกเวร ท�ำลายความสุข ความดีของตนเอง การให้อภัยทาน มีแต่ผลดีไม่มีผลเสีย
ก า ร ใ ห้ ธ ร ร ม ะ จ า ก ใ จ เป็นของขวัญปีใหม่ แก่กันและกัน น�ำมาซึ่งความสุขตลอดไป เช่น ให้ความซื่อสัตย์ จริงใจ ให้ความเคารพ ความอ่อนน้อมถ่อมตน ให้ความกตัญญู ให้ความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดี ให้ความคิดความรู้สึกดีๆ ค�ำพูดดีๆ การกระท�ำดีๆ ต่อกันและกัน ความสุขความสงบ ก็จะเป็นรางวัลของเราทุกคน
ลบบาปในอดีต ลบบาปในอนาคต ด้ ว ย ย า ง ล บ ใ น ปั จ จุ บั น คือ ไ ม่ ท�ำ อดีต ปัจจุบัน อนาคต กรรมในอดีต กรรมในอนาคต
ขึ้ น อ ยู่ กั บ ก ร ร ม ใ น ปั จ จุ บั น ท�ำดีในอดีต ท�ำดีในอนาคต
ด้ ว ย ก า ร ก ร ะ ท�ำ ใ น ปั จ จุ บั น
ความเจริญของโลก กลายเป็นเครื่องมือของตัณหา
ผู้ บ ริ โ ภ ค ต้ อ ง ใ ช้ ส ติ ปั ญ ญ า ในการเกี่ยวข้องกับโลก เพื่อไม่ให้เกิดโทษแก่ตนเอง
ความเห็นของโลก
เ มื่ อ ค น อื่ น ท�ำ ไ ม่ ดี พู ด ไ ม่ ดี สมควรแล้วที่จะโกรธที่จะด่า นี้เป็นความเห็นผิด จึงกลายเป็น การเอาทุกข์เอาบาปใส่ตัว ทั้งๆ ที่ตนเองไม่ได้ท�ำ เพราะขาดสติปัญญา
โลกนี้มีทั้ง
ค น ดี ค น ชั่ ว เ ป็ น ธ ร ร ม ด า เขาท�ำไม่ดี พูดไม่ดี เป็นเรื่องของเขา กรรมของเขา การที่เราไปโกรธเขา ไปด่าเขา ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ท�ำอะไรเราเลย นี้เรียกว่าจิตของเราชอบหาทุกข์ใส่ตัว ทั้งๆ ที่ตนเองไม่ได้เป็นคนพูดคนท�ำ
มีค�ำพูดว่า...
“ เ กิ ด ม า ตั ว เ ป ล่ า ต า ย ไ ป ตั ว เ ป ล่ า ไ ม่ เ ห็ น มี ใ ค ร ไ ด้ อ ะ ไ ร ติ ด ตั ว ไ ป ”
นี้เป็นคติธรรม เพื่อลดแรงดันของตัณหา แท้จริงแล้วตัวเรา คือ จิตไม่ได้มาเปล่าๆ มาพร้อมกับกิเลส ตัณหา บุญ และบาป ติดตามมาให้ผลกับชีวิตเรา แม้ตายไปแล้ว ก็ ไม่ได้ ไปตัวเปล่าเช่นกัน ย่อมมีกิเลสตัณหาบุญ และบาปติดตามดวงจิตไป เพื่อให้ผลในชาติต่อๆ ไป อย่างแน่นอน
ปริญญาบัตร เกิดจากการศึกษา ปริญญาเจ็บ เกิดจากกิเลสตัณหา ปริญญาจิต เกิดจากการภาวนา
ป ริ ญ ญ า ใ จ ข อ ง ศิ ริ พ ร คื อ เ สี ย ง เ พ ล ง ก ล่ อ ม ใ จ
ธรรมะ ดี ชั่ว บุญ บาป มรรค ผล นิพพาน ท�ำให้มาก
เกิดขึ้นเพราะการกระท�ำ เกิดขึ้นเพราะการกระท�ำ เกิดขึ้นเพราะการกระท�ำ เจริญให้มาก
แ ล้ ว ผ ล ง า น ข อ ง ธ ร ร ม จ ะ เ กิ ด ขึ้ น ใ น ใ จ เ ร า
ชีวิตนี้มีโรคอยู่สองอย่าง คือ
โ ร ค ท า ง ก า ย แ ล ะ โ ร ค ท า ง ใ จ ยาแก้โรคทางกาย ธรรมะแก้โรคทางใจ (กิเลส)
โบราณว่า...
ปลาหมอตายเพราะปาก คนห่างศีล ห่างธรรม ย่อมขาดสติปัญญา ขาดการใคร่ครวญพิจารณาให้ดีก่อน แล้วจึงพูดจึงท�ำ ค�ำพูดเปรียบเสมือนอาวุธ
ใ ห้ ทั้ ง คุ ณ แ ล ะ โ ท ษ หากไม่รู้จักใช้ ก็จะเป็นภัยแก่ตนเอง และคนอื่นในภายหลัง การส�ำนึกผิด การให้อภัยเป็นหัวใจของคนดี เพราะในโลกนี้ไม่มีใครไม่เคยคิดผิด พูดผิด ท�ำผิดมาก่อน
ทุ ก ข์ บี บ คั้ น ก า ย ท ร ม า น ก า ย ทุ ก ข์ บี บ คั้ น จิ ต ใ จ ท ร ม า น ใ จ
ทุ ก ข์ ส มุ ทั ย เ ป็ น ธ ร ร ม ส่วนบาป อกุศล ท�ำหน้าที่ผลิตทุกข์ ผลิตกรรม ด้วยอ�ำนาจของตัณหา
นิ โ ร ธ ม ร ร ค เป็นธรรมส่วนบุญกุศล ผลิตศีล สมาธิ ปัญญา เจริญมรรคให้เกิด น�ำจิตสู่
ม ร ร ค ผ ล นิ พ พ า น
บ�ำรุงต้นไม้ด้วยปุ๋ย และน�้ำ บ�ำรุงคนด้วยกาม
บ�ำ รุ ง ม นุ ษ ย์ ด้ ว ย ศี ล ด้ ว ย ค ว า ม ดี บ�ำรุงพระด้วยข้อวัตรปฏิบัติ มีพระธรรมวินัย
คน เกิดจากท้อง มนุษย เกิดจากศีล พระ เกิดจากธรรมวินัย
กาย วาจา ใจ เป็นที่เกิดของบุญ และบาป กาย วาจา ใจ เป็นที่เกิดของกิเลส ตัณหา กาย วาจา ใจ เป็นที่เกิดของมรรค ผล นิพพาน
ก า ร รั ก ษ า ก า ย ว า จ า ใ จ ให้อยู่ในขอบเขตของศีลธรรม ด้วยสติ ปัญญา
เ ป็ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ธ ร ร ม
จงมองคนทุกคน เป็นครูเป็นอาจารย์ คนท�ำผิด ก็เอาเป็นครูสอนตน ว่าเราจะไม่ท�ำ คนท�ำดีก็เอาเป็นครู ว่าเราจะพยายามท�ำตาม
จ ง อ ย่ า ม อ ง ค น อื่ น ด้ ว ย ตั ณ ห า เ พ ร า ะ จ ะ เ กิ ด ก ร ร ม ไ ม่ ดี ต า ม ม า
การท�ำผิดศีล... น�ำไปสู่การฆ่า ฆ่ามิตร สร้างศัตรู การไม่ท�ำผิดศีล... น�ำไปสู่การฆ่า ฆ่าศัตรู สร้างมิตร การท�ำผิดศีล... เป็นการประทับตราบาปไว้ในหัวใจด้วยมือตนเอง
ผ ล ข อ ง ก า ร ผิ ด ศี ล 5 ท�ำให้ผิดใจกัน โกรธแค้นเกลียดชัง อาฆาต พยาบาท ผูกเวรกรรม น�ำไปสู่การฆ่า
การท�ำผิดศีล เบียดเบียนชีวิตคนอื่น เบียดเบียนทรัพย์สินคนอื่น ล่วงเกิน สามี ภรรยา พูดจาโกหกหลอกลวง ดื่มสุราเมรัย
น�ำไปสู่การฆ่า น�ำไปสู่การฆ่า น�ำไปสู่การฆ่า ลูก หลาน คนอืน่ น�ำไปสูก่ ารฆ่า น�ำไปสู่การฆ่า น�ำไปสู่การฆ่า
เ ป็ น ว ง จ ร ข อ ง บ า ป อ กุ ศ ล
รู้ ธ ร ร ม รั ก ธ ร ร ม สามัคคีธรรม น�ำสุขมาให้
ไ ม่ รู้ ธ ร ร ม ไ ม่ รั ก ธ ร ร ม ไม่สามัคคีธรรม น�ำทุกข์มาให้
กิเลส ตัณหา มีบุญ และบาปเป็นเครื่องปรุง
จึ ง ท�ำ ใ ห้ ค น เ ร า ท�ำ ก ร ร ม ต่ า ง กั น ความคิดเห็นต่างกัน ชอบไม่เหมือนกัน นิสัยต่างกัน
ธ ร ร ม า ธิ ป ไ ต ย คือระบบปกครองของอริยชน โดยยึดหลัก ของศีลธรรม และกฎหมายปกครองบ้านเมือง
ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย คือระบบปกครองของปุถุชน โดยยึดหลัก กฎหมายปกครองบ้านเมืองเป็นหลัก
พระพุทธเจ้าสอนธรรม เพื่อท�ำกาย วาจา ใจ ให้เป็นศีล เป็นธรรม ด้วยการกระท�ำ
ธ ร ร ม เ ป็ น เ ค รื่ อ ง แ ก้ กิ เ ล ส กิเลสเกิดขึ้นที่จิต แก้กิเลสต้องแก้ที่จิต
โ ท ษ ข อ ง กิ เ ล ส เ ห็ น ย า ก โทษของคนอื่นเห็นง่าย บอกคนอื่น สอนคนอื่น เตือนคนอื่น นั้นง่าย บอก สอน เตือน ตนเองนั้นยาก เพราะกิเลสมันไม่ยอมรับว่ามันผิด
บุ ญ แ ล ะ บ า ป คือ เ ส้ น ท า ง เ ดิ น ข อ ง ชี วิ ต อันเกิดจากการกระท�ำของเราเอง ผู้มีปัญญาย่อม เลือกท�ำแต่กรรมดี
จ ง เ อ า ศี ล เ อ า ธ ร ร ม เ ป็ น ค รู เ ป็ น อ า จ า ร ย์ แล้วชีวิตจะพบแต่ความสุขความเจริญ อย่าเอาตัณหาเป็นครู เป็นอาจารย์ ชีวิตจะล่มจมหาความสงบสุขไม่ได้
อาชญากรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับสังคม
เ กิ ด จ า ก กิ เ ล ส ตั ณ ห า โ ล ภ โ ก ร ธ ห ล ง ที่มีอ�ำนาจเหนือจิตใจ ระงับความโลภ โกรธ หลงได้ ตัวเอง และสังคมย่อมอยู่เป็นสุข อ�ำนาจของความโลภ โกรธ หลง ท�ำให้คนดีๆ กลายเป็นฆาตกร
เผากิเลส
เ ป็ น ม ร ร ค เ ป็ น ผ ล เ ป็ น พ ร ะ นิ พ พ า น กิเลสเผา เป็นทุกข์ เป็นกรรม เป็นเวร ไม่มีที่สิ้นสุด
โลกคือโรงงานผลิตกรรม ได้แก่บุญ และบาป
ผ่ า น ก า ร คิ ด ก า ร พู ด ก า ร ก ร ะ ท�ำ แล้วผลิตผลออกมาเป็นสุข เป็นทุกข์ ท�ำให้สัตว์โลกมีชีวิต ความเป็นอยู่ต่างกัน นิสัยต่างกัน
ด้ ว ย อ�ำ น า จ ข อ ง ก ร ร ม ที่ ส ะ ส ม ม า ท�ำหน้าที่ออกดอกออกผล
นั ก พู ด มี ม า ก นั ก ป ฏิ บั ติ มี น้ อ ย พระนักพูดมีมาก พระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบมีน้อย
ค ว า ม ดี ไ ม่ มี วั น ต า ย ติดตามตัวไปทุกภพ ทุกชาติ
เ ร า ค ว ร ท�ำ ค ว า ม ดี ด้วยหัวใจที่เป็นธรรม
ตั ณ ห า ป รุ ง แ ต่ ง จิ ต ใ ห้ ห ล ง ก า ย ร่างกายเป็นของเน่า เกิด แก่ เจ็บตาย หลงไปเพื่อประโยชน์อะไร
เบื่ออะไรเบื่อได้ ท้ออะไรท้อได้
แ ต่ อ ย่ า เ บื่ อ อ ย่ า ท้ อ กั บ ก า ร ส ร้ า ง บุ ญ บ า ร มี ท�ำ ค ว า ม ดี ให้พากันขยันท�ำความดี เพราะความดีมีก�ำลังมาก ย่อมให้ผลเป็นความสุข
จุ ด เ ด่ น ข อ ง ค น มี ดี มี ศี ล ธ ร ร ม จะไม่สนใจสิ่งเสพติด และอบายมุข จุดเด่นของคนไม่ดี ไม่มีศีลธรรม ชอบสนใจในสิ่งเสพติด และอบายมุข
เ ห มื อ น ห น อ น ช อ บ อ า จ ม
แท้จริงแล้วทุกอย่างที่อยู่บนโลกใบนี้ เป็นเพียงภาพลวงตา (ใจ) ความจริงของสิ่งนั้นๆ หามีอยู่จริงไม่ มีแต่สภาวธรรมที่ไหลเลื่อนไป ต า ม ก ฎ แ ห่ ง สั จ จ ธ ร ร ม คือ
อ นิ จ จั ง ทุ ก ข์ ขั ง อ นั ต ต า
ค ว า ม ดี ที่ ส ะ ส ม ม า ใ ห้ ผ ล ท า ง จิ ต ใ จ คือละอายแก่ ใจ ไม่กล้าท�ำชั่ว ท�ำผิดศีลธรรม
คติทางธรรม
ถื อ เ อ า ค ว า ม ทุ ก ข์ เ ป็ น แ ร ง บั น ด า ล ใ จ ใ น ก า ร แ ส ว ง ห า ท า ง พ้ น ทุ ก ข์ จากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
ด้วยการบ�ำเพ็ญเพียรทางจิต เจริญศีล สมาธิ ปัญญา
เ ป็ น ก า ร ดั บ ทุ ก ข์ ที่ ถู ก จุ ด ไ ม่ ต้ อ ง ก ลั บ ม า เ วี ย น ว่ า ย ต า ย เ กิ ด อี ก ให้เป็นทุกข์อยู่ร�่ำไป
บุญท�ำแล้วเป็นของเรา เพราะเราเป็นคนท�ำ บาปท�ำแล้วเป็นของเรา เพราะเราเป็นคนท�ำ บุญท�ำแล้วกลับมาคุ้มครองเราให้อยู่เย็นเป็นสุข
บ า ป ท�ำ แ ล้ ว ก ลั บ ม า ท�ำ ร้ า ย เ ร า ให้ ได้รับความทุกข์ เดือดร้อน
ประวัติโดยย่อ
พ ร ะ อ ธิ ก า ร ห นู พ ร ม สุ ช า โ ต วัดสุนันทวนาราม จ.กาญจนบุรี ก�ำเนิด : บิดาชื่อ : มารดาชื่อ : ภูมิล�ำเนาเดิม : การศึกษา : ปฐมวัย
วันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม 2512 ปีระกา นาย ค�ำ แสงสุข นาง จ�ำปี แสงสุข ต.บ้านเพชร อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนเพชรราษฎร์บ�ำรุง จ.ชัยภูมิ
บ ร ร พ ช า / อุ ป ส ม บ ท บรรพชา เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2541 (เมื่ออายุได้ 29 ปี) อุปสมบทเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2541 (เมื่ออายุได้ 29 ปี) ณ วัดหนองป่าพง ต.โนนผึ้ง อ.วารินช�ำราบ จ.อุบลราชธานี - พระราชภาวนาวิกรม (หลวงพ่อเลี่ยม ฐิตธมฺโม) เป็นพระอุปัชฌาย์ - พระสุริยนต์ จนฺทปญฺโญ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ - พระมหาค�ำทูล กมฺพุทตฺโต เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ปั จ จุ บั น เป็นเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม บ้านท่าเตียน ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ. กาญจนบุรี (สาขาที่ 117 ของวัดหนองป่าพง) การปฏิบัติธรรม และเผยแผ่พระพุทธศาสนา - ส�ำเร็จการศึกษานักธรรมชั้นโท - ได้ศึกษาหาความรู้จากครูบาอาจารย์ต่างๆ และปฏิบัติกรรมฐาน อย่างต่อเนื่อง - สอนวิปัสสนากรรมฐาน ณ วัดสุนันทวนารามและที่อื่นๆ หากมีความประสงค์จะพิมพ์หนังสือ หรือเผยแผ่หนังสือเล่มนี้ เป็นธรรมทาน กรุณาติดต่อ มูลนิธิมายา โคตมี เลขที่ 3 ซ.กรุงเทพกรีฑา 20 แยก 7 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ 10250 โทร. 02-368-3991, 085-662-5490 www.mayagotami.net www.facebook.com/MayaGotamiFoundation