INDEX เอกสารแนบที่ 1
รายงานการประชุม ครั้งที่ 13 (4/2553)
เอกสารแนบที่ 2
3.1 รายงานผลการประชุมคณะกรรมการระดับภูมิภาค ณ ประเทศศรีลังกา/working paper#8 และ 9 3.2 รายงานการดําเนินงานโครงการขนาดเล็ก /สาสนสัมพันธ/รายงานความกาวหนา
เอกสารแนบที่ 3
3.3.1 รายงานการดําเนินงานโครงการการจัดการสภาวะแวดลอมเชิงบูรณาการเพื่อความ ยั่งยืนของวิถีชมุ ชนในอาวบานดอน จังหวัดสุราษฎร เอกสารแนบที่ 5 3.3.2 รายงานการดําเนินงานโครงการการจัดการทรัพยากรชายฝง แบบบูรณาการโดยผาน กระบวนการมีสวนรวมของภาคีที่มีสวนเกีย่ วของทางตอนใตของประเทศไทย เอกสารแนบที่ 6 3.3.3 รายงานการดําเนินงานโครงการประเมินและปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหาร จัดการอุทยานแหงชาติทางทะเลในประเทศไทย /Inception Report เอกสารแนบที่ 7 3.4 โครงการ Strengthening the Community-based Coastal Resources Management Network through Community-based Learning Centers in Six Sub-districts of Trat Province, Thailand เอกสารแนบที่ 8 4.1.1 โครงการเสริมสรางและประสานความรวมมือเพือ่ การบริหารจัดการพื้นที่สงวนชีว มณฑลระนองอยางยั่งยืน เอกสารแนบที่ 9 4.1.2 โครงการเพื่อขอทุนขนาดกลาง (ไมเกิน 3,000,000 บาท) ตอโครงการปาชายเลน เพื่ออนาคต โครงการ Improving Wellbeing in and around the Ranong Biosphere Reserve by Enhancing People’s Capacity to restore and Manage Local Natural Resources เอกสารแนบที่ 10 5.1 กิจกรรมของโครงการปาชายเลนเพื่ออนาคตป 2554 5.1.1 การจัดการการทองเทีย่ วอยางยั่งยืน กรณีศกึ ษา อาวพังงา 5.1.2 สมัชชาปฎิรูประดับชาติ ครั้งที่ 1 24-26 มีนาคม 2554 5.1.3 การเตรียมงานสัมมนาระดับชาติในป 2554 เอกสารแนบที่ 11 5.2.1 การสัมมนาเรื่องรับมือภัยพิบัติ ลดการกัดเซาะชายฝง ทะเลไทย เอกสารแนบที่ 4
5.2.3 โครงการความรวมมือเรื่องการปรับตัวตอสภาพภูมิอากาศ ‘Building Resilience to climate change impacts coastal South-East Asia’ เอกสารแนบที่ 12 5.4 ความกาวหนาโครงการความรวมมือกับภาคธุรกิจ
ระเบียบวาระการประชุม คณะกรรมการประสานความรวมมือระดับชาติดานนิเวศปาชายเลนเพื่ออนาคต (Mangroves For the Future THAILAND) ครั้งที่ 14 (1/2554) วันจันทรที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 9.30 -12.30 น. ณ หองลําแพน ชั้น 9 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝง ศูนยราชการเฉลิมพระเกียรติ ตึกB แจงวัฒนะ กรุงเทพฯ ------------------------------------ระเบียบวาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจงใหที่ประชุมทราบ ระเบียบวาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ครั้งที่ 13 (4/2553) (เอกสารแนบที่ 1) ระเบียบวาระที่ 3 เรื่องเพื่อทราบ 3.1 รายงานผลการประชุมคณะกรรมการระดับภูมิภาค ณ ประเทศศรีลังการะหวางวันที่ 1-5 พฤศจิกายน 2553 โดยนางสาวศิริพร ศรีอราม ผูประสานงานโครงการปาชายเลนเพื่อ อนาคต (เอกสารแนบที่ 2) 3.2 รายงานการดําเนินงานโครงการขนาดเล็ก โดยนางสาวสุวิมล เสรีเผาวงษ ผูชวยผู ประสานงานโครงการขนาดเล็ก จาก UNDP (เอกสารแนบที่ 3) 3.3 รายงานการดําเนินงานโครงการขนาดใหญ 3 โครงการ 3.3.1 โครงการการจัดการสภาวะแวดลอมเชิงบูรณาการเพื่อความยั่งยืนของวิถีชุมชน ในอาวบานดอน จังหวัดสุราษฎร โดยนายประทีป มีคติธรรม องคการพื้นที่ชุม น้ํานานาชาติ สํานักงานประเทศไทย (เอกสารแนบที่ 4) 3.3.2 โครงการการจัดการทรัพยากรชายฝงแบบบูรณาการโดยผานกระบวนการมีสวน รวมของภาคีที่มีสวนเกี่ยวของทางตอนใตของประเทศไทย โดยนางเรวดี ประเสริฐเจริฐสุข มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน(เอกสารแนบที่ 5) 3.3.3 โครงการประเมินและปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการอุทยานแหงชาติ ทางทะเลในประเทศไทย โดยนางพีรนุช ดุลกุล แคพเพลา กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปาและพันธุพืช และดร.นาโอมิ ดาก IUCN (เอกสารแนบที่ 6) 3.4 โครงการ Strengthening the Community-based Coastal Resources Management Network through Community-based Learning Centers in Six Sub-districts of Trat Province, Thailand โดย RECOFTC (เอกสารแนบที่ 7)
ระเบียบวาระที่ 4 เรื่องเพื่อพิจารณา 4.1 การเสนอโครงการความรวมมือในพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนอง (MFF NCB Flagship Project) 4.1.1 โครงการเสริมสรางและประสานความรวมมือเพื่อการบริหารจัดการพื้นที่สงวนชีวมณฑล ระนองอยางยั่งยืนนําเสนอโดยนายสมศักดิ์ สุนทรนวภัIUCN ทร (เอกสารแนบที8)่ 4.1.2 โครงการเพื่อขอทุนขนาดกลาง (ไมเกิน 3,000,000 บาท) ตอโครงการปาชายเลนเพื่อ อนาคต โครงการ Improving Wellbeing in and around the Ranong Biosphere Reserve by Enhancing People’s Capacity to restore and Manage Local Natural Resources เสนอโดย ดร.วิจารณ มีผล กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝงรวมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร (เอกสารแนบที่ 9) 4.2 การพิจารณาการใหการสนับสนุนโครงการขนาดเล็กในระยะที่ 2 (ลําดับความสําคัญและ กรอบงบประมาณ) ระเบียบวาระที่ 5 เรื่องอื่นๆ 5.1 กิจกรรมของโครงการปาชายเลนเพื่ออนาคตป 2554 (เอกสารแนบที่ 10) 5.1.1 การจัดการการทองเที่ยวอยางยั่งยืน กรณีศึกษา อาวพังงา 5.1.2 สมัชชาปฎิรูประดับชาติ ครั้งที่ 1 24-26 มีนาคม 2554 5.1.3 การเตรียมงานสัมมนาระดับชาติในป 2554 5.1.4 การจัดตั้งศูนยประสานงานโครงการปาชายเลนเพื่ออนาคตและการจัดทําฐานขอมูล 5.2 กิจกรรมและโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวของกับทะเลและชายฝง (เอกสารแนบที่ 11) 5.2.1 การสัมมนาเรื่องรับมือภัยพิบัติ ลดการกัดเซาะชายฝงทะเลไทยวันที่ 26 มีนาคม 2554 เวลา 09.00 – 12.00 น. หองประชุม CC-404 อาคารศูนยประชุมอุทยานวิทยาศาสตร ประเทศไทย (CC) 5.2.2 การประชุมวิชาการนานาชาติเรื่องการกัดเซาะชายฝง ในเดือนเมษายน 2554 จัด โดย UNEP COBSEA รวมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝง 5.2.3 โครงการความรวมมือเรื่องการปรับตัวตอสภาพภูมิอากาศ ‘Building Resilience to climate change impacts coastal South-East Asia’ 5.4 ความกาวหนาโครงการความรวมมือกับภาคธุรกิจ (เอกสารแนบที่ 12)
รายงานการประชุม คณะกรรมการประสานความรวมมือระดับชาติดานนิเวศปาชายเลนเพื่ออนาคต (Mangroves For the Future THAILAND) ครั้งที่ 13 (4/2553) วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 14.00 – 17.00 น. ณ หองลําแพน ชั้น9 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝง ศูนยราชการเฉลิมพระเกียรติ ตึBก แจงวัฒนะ กรุงเทพฯ ------------------------------------รายชื่อผูมาประชุม 1
นายนิทัศน
2
น.ส. จรียวิชญา
3
น.ส.สมหญิง
4
นางสุมณฑา
5
นายศิริชัย
6 7
นางวรุณการณ นางพีรนุช
8 9 10 11
นายนพรัตน น.ส. ปยะฉัตร นายจิระพงศ นางอัจฉราภรณ
12 น.ส. สายสุนีย 13 น.ส. รัฎดา 14 นางเรวดี 15 นายชาญยุทธ
ภูวัฒนกุล
รองอธิบดี กรมทรัพยากรทางทะเลและ ชายฝง แทนอธิบดี กรมทรัพยากรทางทะเล และชายฝง ฮะทะโชติ สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ สุนทรวงษ ศูนยฝกวนศาสตรชุมชนแหงภูมิภาคเอเชีย แปซิฟก รุงเรือง สํานักนโยบายและแผน สํานักงานปลัด กระทรวงมหาดไทย เรืองฤทธิ์ ผูแทน สํานักนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ฐิติธรรมาภรณ กรมพัฒนาการทองเที่ยว ดุลกุล แคพเพลา ผูแทน กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และ พันธุพืช บํารุงรักษ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร ประดับราช องคกรพัฒนาแหงสหประชาชาติ จีวรงคกุล องคการพื้นที่ชุมน้ํานานาชาติ ประเทศไทย ดวงแกว ศูนยเครือขายศึกษาการเปลี่ยนแปลงของ โลกแหงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต จักษุอินทร องคการกองทุนสัตวปาโลกสากล ลาภหนุน องคการระหวางประเทศเพื่อการอนุรักษ ธรรมชาติ ประเสริฐเจริญสุข มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เทพา มูลนิธิรักษไทย
ประธาน
กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ
กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ กรรมการ 1
16 นายสมศักดิ์
พิริยะโยธา
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝง
17 นายจิระศักดิ์
ชูความดี
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝง
กรรมการและ เลขานุการ กรรมการและ ผูชวยเลขานุการ
รายชื่อผูเขารวมประชุม 1 2 3 4 5 6 7
น.ส.นาโอมิ น.ส. ศิริพร น.ส. สุวิมล นายพูนสิน น.ส. เกศินี น.ส. ชโลธร นายจิระพงศ
ดาก ศรีอราม เสรีเผาวงษ ศรีสังคม แกวนเจริญ รักษาทรัพย จีวรงคกุล
องคการระหวางประเทศเพื่อการอนุรักษธรรมชาติ โครงการปาชายเลนเพื่ออนาคต องคกรพัฒนาแหงสหประชาชาติ องคกรพัฒนาแหงสหประชาชาติ มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน องคกรพื้นที่ชุมน้ํานานาชาติ สํานักงานประเทศไทย
รายชื่อผูไมไดเขารวมประชุม 1 ผูเชี่ยวชาญเฉพาะดานจัดการทรัพยากรทางทะเล 2 ผูแทนกรมควมคุมมลพิษ 3 ผูแทนองคกรสิ่งแวดลอมแหงสหประชาชาติ (UNEP) 4 ผูแทนองคการอาหารและเกษตรแหงประเทศไทย (FAO) 5 ผูแทนสถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดลอม 6 ผูแทนสถาบันสิ่งแวดลอมไทย 7 นางอภิวันท กําลังเอก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร 8 นายพิสิษฐ ชาญเสนาะ มูลนิธิหยาดฝน เริ่มประชุมเวลา 14.00 น. ระเบียบวาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจงใหที่ประชุมทราบ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝง (นายนิทัศน ภูวัฒนกุล) ไดรับมอบหมายจากอธิบดีกรม ทรัพยากรทางทะเลและชายฝง ทําหนาที่เปนประธาน แจงใหที่ประชุมทราบวา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝง แตงตั้ง คณะทํางานรางแผนยุทธศาสตรความรวมมือระดับชาติดานนิเวศปาชายเลนเพื่ออนาคต โดยมี ดร.สนใจ หะวานนท เปน ประธานโดยมีอํานาจหนาที่ 1. ประสานงานกับหนวยงานที่เกี่ยวของเพื่อขอขอมูล สนับสนุนการจัดทําแผนยุทธศาสตรใหมี ประสิทธิภาพ 2
2. จัดทํารางแผนยุทธศาสตร และเพื่อยกรางแผนยุทธศาสตรปาชายเลนเพื่ออนาคตสําหรับการ ดําเนินโครงการในระยะที่สอง (ป 2553 -2556) ใหสอดคลองกับกรอบนโยบาย และวัตถุประสงค ภายใตโครงการ MFF 3. นําเสนอรางแผนยุทธศาสตร ความรวมมือระดับชาติดานนิเวศปาชายเลนเพื่ออนาคต ตอคณะกรรมการ ประสานความรวมมือระดับชาติดานนิเวศปาชายเลนเพื่ออนาคต โดยคณะทํางานไดมีจัดประชุม “เหลียวหลังแล หนาโครงการปาชายเลนเพื่อนาคต” เมื่อวันที่ 26 -28 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เพื่อทบทวนผลการดําเนินงานที่ผานมาและปรับปรุงแผนยุทธศาสตรใหเหมาะสมเพื่อมานําเสนอ คณะกรรมการ NCB ในครั้งนี้พิจารณาและรับรองเพื่อเสนอใหคณะกรรมการระดับภูมิภาคในการประชุมที่จะมีขึ้นในเดือน พฤศจิกายนตอไป มติที่ประชุม รับทราบ ระเบียบวาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ที่ประชุมใหรวมกันพิจารณารายงานการประชุมครั้งที่ 12/2553 เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2553 มีการแกไข รายงานการประชุม ดังนี้ หนาที่ 1
หนาที่ 2
หนาที่ 3
หนาที่ 4
เพิ่มรายชื่อผูมาประชุม ประเสริฐเจริญ 1. นางเรวดี 2. นางสาววรุณการณ ฐิติธรรมาภรณ เพิ่มรายชื่อผูเขารวมประชุม 1. นางสาวเกศินี แกวนเจริญ บรรทัดที่ 18 9 เมษายนที่ผานมา บรรทัดที่ 20 29 เมษายน นี้ บรรทัดที่ 27 ที่ประชุมรับทราบ บรรทัดที่ 6 จังหวัดสุราษฎร บรรทัดที่ 13 มติที่ประชุมทราบ บรรทัดที่ 19 ทะเลอันดามัน บรรทัดที่ 20 กรมอุทยานฯ บรรทัดที่ 20 บรรทัดที่ 9 บรรทัดที่ 16 บรรทัดที่ 22
มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน กรรมการ กรมพัฒนาการทองเที่ยว กรรมการ มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน แกไขเปน แกไขเปน แกไขเปน แกไขเปน แกไขเปน แกไขเปน แกไขเปน
แกไขเปน ทางเลขาฯ แกไขเปน โดยทางประเทศไทยเอง แกไขเปน มอบใหฝายเลขานุการ แกไขเปน MoA
9 เมษายน 2553 29 เมษายน 2553 มติที่ประชุม รับทราบ จังหวัดสุราษฎรธานี มติที่ประชุมรับทราบ ทะเลอันดามัน กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช Memorandum of Agreement
ฝายเลขานุการ โดยประเทศไทย มอบใหฝายเลขานุการ 3
หนาที่ 5
บรรทัดที่ 4
ดร. จําเนียร วรรัตนชัย พันธ ยังไดกลาววา อยากเห็น
แกไขเปน
ดร. จําเนียร วรรัตนชัยพันธ ไดเสนอวาควรใหมี
มติที่ประชุม รับรองรายงานการประชุมครั้งที่ 12/2553 ระเบียบวาระที่ 3 เรื่องเพื่อทราบ 3.1 รายงานความกาวหนาโครงการขนาดเล็ก นางสาวสุวิมล เสรีเผาวงษ ผูชวยผูประสานโครงการขนาดเล็ก (MFF SGF) รายงานความกาวหนาการ ดําเนินงาน โครงการขนาดเล็กที่ไดรับทุนทั้งหมด 15 โครงการ ขณะนี้ ไดดําเนินการมา ประมาณ 90 % แลว โดยโครงการ จะ ดําเนินการเสร็จประมาณเดือนพฤศจิกายน 2553 ทั้ง 15 โครงการนี้จะตองสงรายงานปดโครงการและรายงานการใชเงินกอนที่ จะไดเงินงวดสุดทาย โดยทางเครือขายยังไดเขารวมการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรูรวมกับ โครงการ "การใชหลักนิเวศวิทยาและ ดานเศรษฐกิจสังคม ในการฟนฟูระบบนิเวศชายฝงและการอนุรักษพื้นที่ประสบภัยสึนามิของประเทศในมหาสมุทร อินเดีย" (โครงการ BMZ) ในเดือนธันวาคม 2552 เขารวมประชุม “เหลียวหลัง แลหนาโครงการปาชายเลนเพื่ออนาคต” เมื่อ เดือนสิงหาคม 2553 นอกจากนี้ นายพูนสิน ศรีสังคม ผูประสานงานโครงการขนาดเล็กไดเขารวมการประชุมคณะกรรมการ ระดับภูมิภาค (RSC) ที่ศรีลังกาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553 ในเดือนธันวาคม 2553 จะมีการจัดการประชุมสรุปบทเรียนจากทั้ง 15 โครงการเพื่อทําการขยายเครือขาย และหาแนวทางการดําเนินงานสําหรับระยะที่ 2 ตอไป โครงการตางๆ ที่ไดรับการสนับสนุนจากโครงการกองทุนขนาดเล็กมี ดังตอไปนี้ 1. โครงการอนุรักษพื้นที่ชุมน้ําแนวชายฝงทะเลอันดามัน จ.ระนอง เปนการสนับสนุนการเก็บกลาไมในปาชาย เลน เพาะกลาไมและขยายพันธุแจก จาย กิจกรรมปลูกจากในพื้นที่ปาชายเลนเสื่อมโทรม เพื่อฟนฟูปา สงเสริม เศรษฐกิจชุมชน และ กําจัดวัชพืชปาชายเลน เชนตนกระเพาะปลา เหงือกปลาหมอ เปนตน 2. โครงการเครือขายอาวบานดอนรวมฟนฟู อนุรักษปาชายเลน จ.สุราษฎรธานี สนับสนุนให มีกิจกรรม การ กําหนดแนวเขตพื้นที่อนุรักษของตําบลคลองฉนาก อําเภอเมืองฯ ตําบลลีเล็ด อําเภอพุนพิน ตําบลเขาถาน อําเภอทา ฉาง ตําบลพุมเรียง อําเภอไชยา มีกิจกรรมการ ปกกันแนวเขตอนุรักษพิเศษ มีกิจกรรมเวทีสัมมนาเครือขายผูหญิง ประมงพื้นบาน และการจัดเก็บขอมูลเศรษฐกิจชุมชน นําเสนอขอมูล ผูวาราชการจังหวัดสุราษฎรธานี เพื่อเสนอรูป แผนที่แนวเขตอนุรักษ ที่จัดทําโดยองคกรชุมชน 3. โครงการปลูกเตยปาหนันเปนแนวเขตปาชายเลน จ.กระบี่ เปนโครงการสนับสนุนการ ปลูกเตยปาหนันเปน แนวเขตปาชายเลน ในพื้นที่ลอแหลมตอการบุกรุก พื้นที่ตําบลคลองยาง มีภาคีตาง ๆ เขามามีสวนรวม และมีการ สาธิตการทําผลิตภัณฑจากเตยปาหนันโดยกลุมแมบานที่เชี่ยวชาญและสงเสริมการจัดจําหนายผลิตภัณฑ 4. โครงการสรางพื้นที่ปาชายเลนใหนากทะเล จ.ภูเก็ต เปนการสนับสนุน การจัดทําแนวเขตอนุรักษนากทะเล และปาชายเลน “แหขวัญนากกลับทะเล” 4
5. โครงการพัฒนาเครือขายองคกรชุมชนกับการจัดการปาชายเลนและทรัพยากรชายฝงอยางยั่งยืน จ.ภูเก็ต มีการประชุมจัดทําแผนของเครือขายชุมชนชายฝงอาวพังงาและจัดตั้งกองทุนชุมชนในการจัดการทรัพยากรชายฝง อยางยั่งยืน จัดกิจกรรมสรางความเขาใจกับองคกรทองถิ่นและภาครัฐ (อบต./อําเภอ/จังหวัด) 6. โครงการอาหารทองถิ่นรักษาปาชายเลน จ.พังงา มีกิจกรรมสํารวจฐาน ขอมูล อาหารจากปาชายเลน ทดลอง ทําอาหารทองถิ่น ฟนครัวชุมชน รวบรวมสูตรอาหารโดยกลุมเยาวชนและกลุมผูหญิง และการจัดทําพื้นที่อนุรักษ หอยแครง 7. โครงการฟนฟูอนุรักษปาชายเลนและเพาะเลี้ยงหอยแครงชุมชน จ.ชุมพร เปนโครงการสงเสริมกิจกรรมปลูก กลาไมปาชายเลนรอบอาว 9,000-10,000 ตน มีการวางทุนแสดงแนวเขต อนุรักษ หญาทะเล และมีการอนุรักษแนว หินเปแหลงหอยนางรมตามธรรมชาติ 8. โครงการอนุรักษและฟนฟูสรางแหลงถิ่นที่อยูอาศัยสัตวน้ําวัยออนโดยประชาชนมีสวนรวม ต.แมนางขาว จ. พังงา สงเสริมเยาวชนและโรงเรียน ใหมีสวนรวมในกิจกรรมอนุรักษ สรางหลักสูตรการศึกษาในโรงเรียนเกี่ยวกับ การอนุรักษปาชายเลนและการจัดการทรัพยากรชายฝง มีการปลูกซอม บํารุง ปาชายเลนในพื้นที่ ที่เสื่อมโทรม มีการ กําหนดเขตอนุรักษและอนุบาลสัตวน้ําวัยออนและสรางทางเดินเพื่อการศึกษาธรรมชาติ 9. โครงการเสริมสรางความเขมแข็งของชุมชนในการจัดการทรัพยากรชายฝง ต.ตลิ่งชัน อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ สงเสริม กิจกรรมฟนฟูนากุงราง โดยการปลูกโกงกาง มีพื้นที่ที่จัดการปาชายเลนเปนระบบเศรษฐกิจชุมชน มีการ ปลูกตนจากเพื่อจําหนายและสรางศูนยสงเสริมอาชีพเพาะเห็ดแครง การจัดการพื้นที่ปาชายเลนที่ทับซอนระหวาง นายทุน นักธุรกิจกับชาวบานในชุมชน มีการยกระดับสภากาแฟเปนสภาผูนํา(กลไกระดับชุมชน) 10. โครงการเสริมสรางการอนุรักษปาชายเลน ทรัพยากรทางทะเลและชายฝงอาวทองตม จ.ชุมพร มี การจัด กิจกรรมบวชทะเลเพื่อกําหนดพื้นที่อนุรักษและชวงเวลาอนุบาลสัตวน้ํา การทําซั้งปลาเพื่อชวยสงเสริมความ สมบูรณของทรัพยากรสัตวน้ํา วางแผนอนุรักษสัตวน้ําชุมชนและการปลูกปาชายเลนรอบอาวทองตม 11. โครงการฟนฟูปาชายเลนและปาชายหาด ต.คลองประสงค จ.กระบี่ จัดให มีกิจกรรมอนุรักษ ปาชายหาดเพื่อ ปองกันการกัดเซาะชายฝง พื้นที่ประมาณ 10 ไร และปลูกปาชายเลนในพื้นที่บอกุงราง พื้นที่รวม 25 ไร ประกอบดวยพันธุไม 4 ชนิด ไดแก โกงกางใบเล็ก , ไมโปรง, ถั่วขาว และ ถั่วดํา มีการฝกอบรมใหความรูพื้นที่ชุม น้ํา นกในปาชายเลน การจัดการขยะ ปาชายเลน ปาชายหาด วิธีการฟนฟูปาชายเลนและการจัดการขยะชุมชน 12. โครงการเสริมสรางศักยภาพเครือขายชุมชนเพื่อการจัดการทรัพยากรชายฝง จ.ภูเก็ต จัดใหมี กิจกรรมปลอย พันธุสัตวน้ํา อาวปาคลอก ตําบลปาคลอก จัดทําปาชายเลนชุมชนพรอมปกปายแนวเขต จัดทําแผนที่แนวเขต อนุรักษหญาทะเล ปาชายเลน อาวปากคลอก 13. โครงการเสริมสรางจิตสํานึกและสงเสริมภูมิปญญาการจัดการนิเวศชายฝงทะเลโดยการมีสวนรวมของ ชุมชนอาวพังงา จ.พังงา มีกิจกรรมคายเยาวชน เวทีสัมมนาแลกเปลี่ยนความรูภูมิปญญาชุมชน จัดทําบอรด นิทรรศการชุมชนพื้นที่บานทาไร บานใต ตําบลบางเตย บานเกาะไมไผ ตําบลเกาะปนหยี บานในหงบ – ควนคา ตําบลตากแดด อําเภอเมือง และบานทาสนุก ตําบลมะรุย อําเภอทับปุด จังหวัดพังงา สํารวจฐานทรัพยากรและ การใชประโยชนจากทรัพยากรชายฝงของชุมชน 4 สายคลอง มีแผนที่ฐานทรัพยากรของ 4 สายคลองเพื่อตอยอด การพัฒนาชุมชนและการจัดการทรัพยากร 5
14. โครงการปาชายเลนเพื่ออนาคต จ. ภูเก็ต จัดกิจกรรมศึกษาดูงานการจัดการน้ําเสียพื้นที่ชุมชนบางปรอก ปทุมธานี ศึกษาดูงานการจัดการขยะพื้นที่ชุมชนบางโพธิ์ใน จ. ปทุมธานี ศึกษาดูงานการจัดการระบบนิเวศน ชายฝงการปองกันการกัดเซาะชายฝงพื้นที่ชุมชนบานโคกมะขาม จ. สมุทรสาคร ทั้งนี้ ชุมชนปูดํา จ. ภูเก็ต เปนชุมชนนํารองดานการจัดการน้ําเสีย ไดดําเนินการสรางบอบําบัดน้ําเสียจํานวน 3 จุด ไดพัฒนาระบบบําบัดน้ํา เสียของชุมชน ใหมีประสิทธิภาพมากขึ้น 15. โครงการเสริมสรางวิถีชีวิตและการทองเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อความมั่นคงตอสิ่งแวดลอมและทรัพยากรชายฝง จ. ภูเก็ต สงเสริมความ รูเรื่องของระบบนิเวศตอการประกอบกิจกรรมการทองเที่ยวไดอยางยั่งยืน มีกิจกรรมรวมคืน กัลปงหาสูทองทะเลภูเก็ต และกิจกรรมการคัดแยกขยะ กําหนดหลักเกณฑการจัดการและใชประโยชน ทรัพยากรธรรมชาติอยางเปนรูปธรรมและการจัดตั้งกลุมชมรมทองเที่ยวบานบางคณฑี สรางความเขมแข็งในการ เฝาระวังและการจัดการ การใชประโยชนทรัพยากรธรรมชาติของทองถิ่นใหมีประสิทธิภาพ มีการรณรงคลดการใช พลาสติกสําหรับอาหารใหบริการนักทองเที่ยว และใชเครื่องมือจับสัตวน้ําที่ถูกตอง ไมทําลายสัตวน้ําขนาดเล็ก นอกจากนี้ นางสาวสุวิมล รายงานวาชุมชนมีแผนการดําเนินงานของชุมชน บางโครงการหนุนเสริมใหเกิด กลุมอาชีพ เกิดกลุมสงเสริมการทองเที่ยว นางสาวสายสุนีย จักษุอินทร องคการกองทุนสัตวปาโลกสากล แจงใหที่ประชุมทราบวาไดมีการนําความรูที่ ไดจากโครงการปลูกเตยปาหนันไปตอยอดกับเครือขายของอาวพังงาดวย นางเรวดี ประเสริฐเจริญสุข ผูอํานวยการมูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเสริมวาควรมีการยกระดับผลงานของ โครงการและเครือขายใหเกิดการขับเคลื่อนเชิงนโยบาย ควรมีการสงเสริมความเขมแข็งชุมชนในการจัดการกับประเด็นตางๆ และจัดการปญหาได เชน การรับรองสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากร ซึ่งทางกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝง ควรจะชวย ใหเปนรูปธรรมได นางสาวสมหญิง สุนทรวงษ จากศูนยฝกวนศาสตรชุมชนแหงภูมิภาคเอเชียแปซิฟก (RECOFTC) ไดแจงให ที่ประชุมทราบวาการสนับสนุนชุมชนผานโครงการขนาดเล็กเกิดขึ้นในสองระดับ คือโครงการเริ่มแรกและโครงการที่เกิดจาก การยกระดับแลว โดย NCB ควรหาวิธีที่จะใหชุมชนมีศักยภาพพอเพียงเกิดกระบวนการเรียนรูและขยายเครือขายตอไป และควร ใหเจาหนาที่รับทราบและนําองคความรูไปใช นางสาววรุณการณ ฐิติธรรมาภรณ กรมพัฒนาการทองเที่ยว แจง วาทางกรม พัฒนาการทองเที่ยว เนน ความสําคัญ กรมฯ มีโครงการสงเสริม ทองเที่ยวโดยชุมชน มีการประชุมสรางเครือขายการทองเที่ยว และเห็นวา ในรวมมือกัน ในการทํางานกับเครือขายของ MFF เชนการจัดการอบรมรวมกันมีความเหมาะสมเนื่องจากกลุมเปาหมายเปนกลุมเดียวกัน นายชาญยุทธ เทพา จากมูลนิธิรักษไทย กลาววากลไกทองถิ่นเปนกลไกที่มีความสําคัญมากและขาดไมไดใน การสงเสริมการมีสวนรวมของชุมชน มติที่ประชุม รับทราบ 3.2 รายงานความกาวหนาโครงการขนาดใหญ 3 โครงการ 6
3.2.1 โครงการการจัดการสภาวะแวดลอมเชิงบูรณาการเพื่อความยั่งยืนของวิถีชุมชนในอาวบานดอน จังหวัดสุราษฎร โดยองคการพื้นที่ชุมน้ํานานาชาติ สํานักงานประเทศไทย นายจีระพงษ จีวรงคกุล ผูจัดการโครงการฯ รายงานผลการดําเนินการตอคณะกรรมการ NCB วาโครงการได ดําเนินการมา ยังมีความลาชาไมเปนไปตามแผนงาน มีความจําเปนที่จะขอขยายเวลาในการดําเนินโครงการเพิ่มอีก 6 เดือน เนื่องจากเกิดความลาชาในชวงเริ่มโครงการมีปจจัยหลายๆ ดานทั้งการเปลี่ยนแปลงระบบบริหารจัดการภายในองคกร และการ เปลี่ยนแปลงผูวาราชการจังหวัดผูเปนประธานคณะกรรมการกํากับการดําเนินงานโครงการ (Project Advisory Committee) โครงการ Bio-Right สงเสริมกิจกรรมดานความเปนอยูที่ดีขึ้นของชุมชนควบคูกับกิจกรรมดานการอนุรักษ จํานวน 7 โครงการด นําเสนอสูคณะกรรมการระดับจังหวัดแลว เพื่อใหการดําเนินการโครงการสําเร็จตามเปาประสงค จึงขยายระยะเวลาการ ดําเนินงานโครงการเพิ่มอีก 6 เดือนโดยไมมีการเพิ่มงบประมาณ มติที่ประชุม รับทราบ 3.2.2
โครงการการจัดการทรัพยากรชายฝงแบบบูรณาการโดยผานกระบวนการมีสวนรวมของภาคี ที่มีสวนเกี่ยวของทางตอนใตของประเทศไทย โดยมูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
นางเรวดี ประเสริฐเจริญสุข ผูจัดการโครงการฯ กลาวรายงานความกาวหนาของโครงการนี้วา โครงการนี้ สรางนวัตกรรมการจัดการทรัพยากรโดยอาศัยฐานระบบนิเวศ โดยรัฐมีบทบาทจากการบริหารเปนผูประสานงาน และได ยกระดับใหภาคสวนที่ไมเคยมีสวนรวมเขามามีสวนรวมในการจัดการ การดําเนินงานโครงการมีมิติของการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศ กฎหมาย การเสริมสรางความเขมแข็งของชุมชน แบงออกไดเปน 4 หมวดคือ การประสานกลไกและกระบวนการ ทํางาน การจัดการการทํางานรวมกันภายใตก ฏกติการเดียวกัน การสงเสริมความเขมแข็งใหกับทุกภาคสวนโดยจะนําไปสูการ สะทอนรูปธรรมการใชระบบการจัดการโดยฐานระบบนิเวศ การเชื่อมโยงบทเรียนจากแตละพื้นที่ การทํางานนั้นมีภาคีในทองที่ รวมดําเนินการไดแก มูลนิธิอันดามัน (จังหวัดตรัง) สมาคมดับบานดับเมือง (จังหวัดนครศรีธรรมราช) ทําใหการดําเนินการ เปนไปไดดวยดีตามแผนงาน ที่ผานมารูปธรรมการดําเนินงานคือ ความรวมมือจากทางภาครัฐ ทั้งจาก กรมทรัพยากรทางทะเล และชายฝง กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปาและพันธุพืช สวนเรื่องประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นก็ไดนําไปใชในเชิง พื้นที่ เชน การออกแบบบานในชุมชนมดตะนอย จังหวัดตรัง และไดมีการสรางเสริมศักยภาพในกลุมผูหญิงใหมีโอกาสทําอาชีพ ทางเลือกดวย โดยในพื้นที่โครงการในจังหวัดนครศรีธรรมราชนั้นจะมีประเด็นในการจัดการพื้นที่ชายหาด โดยมีคนมาจับจอง แสดงความเปนเจาของในพื้นจที่ที่มีดินงอกออกมา ความยั่งยืนของโครงการคือการกระจายอํานาจอยางเปนรูปธรรม ทําอยางไร ชุมชนถึงจะสามารถเขาถึงงบประมาณของสวนทองถิ่นได มติที่ประชุม รับทราบ 3.2.3
โครงการประเมินและปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการอุทยานแหงชาติทางทะเลใน ประเทศไทย โดยกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปาและพันธุพืช
นางพีรนุช ดุลกุล จากกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปาและพันธุพืช รายงานวาโครงการนี้จะทําการประเมินและ ปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการอุทยานแหงชาติทางทะเล 21 แหง โดยจะคัดเลือกพื้นที่นํารอง 3 แหงเพื่อดูเรื่องการ จัดการการทองเที่ยว การมีสวนรวมของชุมชน และการติดตามการเรื่องทรัพยากร โดยโครงการเพิ่งไดเริ่มดําเนินการเนื่องการ ความลาชาในการทําบันทึกความเขา (Memorandum of Agreement) เพราะไดรับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อเดือน สิงหาคม 2553 ไดมีการประชุมวางแผนโครงการ Inception Workshop โดยมี ดร. นาโอมิ ดาก จากองคการระหวางประเทศเพื่อ 7
การอนุรักษธรรมชาติ สวนพื้นที่คุมครองระดับภูมิภาค (IUCN Regional Protected Areas Programme) เปนผูประสานงาน โครงการ โดยโครงการการประเมินหรือ MEE นี้ ยังรวมมือ กับโครงการอื่นๆ ดวย คือโครงการ WWF and DNP through the Strengthening Andaman Marine Protected Areas Network project (SAMPAN) โดยทางโครงการจะพรอมใหทีมติดตามและ ประเมินผลจากโครงการ MFF ตรวจเยี่ยมในตนป 2554 มติที่ประชุม รับทราบ ระเบียบวาระที่ 4 เรื่องเพื่อพิจารณา 4.1 แผนยุทธศาสตร ระยะที่ 2 นางสาวศิริพร ศรีอราม ผูประสานงานโครงการปาชายเลนเพื่ออนาคต รายงานรางแผนยุทธศาสตรโครงการ ปาชายเลนเพื่ออนาคต ป 2554-2556 ที่ประชุมไดรวมกันพิจารณาโดยให เพิ่มเติมเรื่องการจัดการทรัพยากรโดยหลักการจัดการ จากภูเขาสูทะเล ยุทธศาสตรที่ 2 กลยุทธสงเสริมบทบาทสตรีและเยาวชนใหรวมกลุมคนที่ถูกละเลยและดอยโอกาสเพิ่มเติม ยุทธศาสตรที่ 3 แผนปฏิบัติการที่ 3.5 เรื่องพัฒนาเครื่องมือ/กลไกการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ( SEA/EIA/HIA) คณะกรรมการเห็นวา ไมนํามาพิจารณา สําหรับโครงการขนาดเล็ก และเพิ่มประเด็นการปรับตัวกับการปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศเพื่อเตรียมความพรอมรับมือภัยพิบัติ มติที่ประชุม เห็นชอบรับรองแผนยุทธศาสตรโดยใหแกไขและเพิ่มเติมตามความเห็นที่ประชุม 4.2 การพิจารณาการใหการสนับสนุนโครงการขนาดใหญในระยะที่ 2 นางสาวศิริพร ศรีอราม แจงใหที่ประชุมทราบวาการ สนับสนุนโครงการขนาดใหญที่อยูใน pipeline จากการ เสนอโครงการในป 2553 คือโครงการ Strengthening the Community-based Coastal Resources Management Network through Community-based Learning Centers in Six Sub-districts of Trat Province, Thailand เสนอโดย RECOFTC ไดมีการจัดสรร งบประมาณออกเปนสองระยะ ภายใตเกณฑโครงการขนาดใหญในแตระยะไมมากกวา 150,000 เหรียญสหรัฐ ระยะเวลาในการ ดําเนินการแตละ ระยะ 12-24 เดือน โครงการใหมที่จะนําเสนอรับทุนในระยะที่สองจะเปนโครงการความรวมมือการจัดการ อยางมีสวนรวมในพื้นที่สงวนชีวมณฑลโดยมีองคกรหลักคือ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร มีภาคีรวมคือสถาบันสิ่งแวดลอมไทย มูลนิธิรักษไทย องคกรพื้นที่ชุมน้ํา โครงการขนาดเล็ก IUCN และเครือขายโครงการที่มี สวนเกี่ยวของในพื้นที่ ได มีการปรับปรุง โครงการนํารองผานคณะทํางานจากองคกรตางๆ ที่เกี่ยวของ ทั้งนี้ มีการจัดทําแผน ยุทธศาสตรเพื่อระดมทุนเพิ่มเติมนอกเหนือจากงบประมาณที่จะไดจากโครงการปาชายเลนเพื่ออนาคตดวย สําหรับการรับเงิน สนับสนุนจากภาคธุรกิจนั้นตองอยูภายใตเงื่อนไขและขอกําหนดที่คณะกรรมการจะตั้งขึ้น ที่ประชุมเสนอใหมีหลักเกณฑการรับ เงินสนับสนุน มติที่ประชุม เห็นชอบ ระเบียบวาระที่ 5 เรื่องอื่นๆ นายจิระศักดิ์ ชูความดี ขอเชิญคณะกรรมการ จากโครงการ MFF แสนอผลงานและรวม งานประชุมวิชาการ ปาชายเลนซึ่งวางแผนจะจัดขึ้นประมาณเดือนสิงหาคม 2554 ประธานแจงใหที่ประชุมวา ทางกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝงมีแผนที่จะจัดงานสัมมนา นานาชาติเรื่อง การกัดเซาะชายฝงในป 2554 แตยังไมไดระบุวันและเวลา โดยจะแจงรายละเอียดใหคณะกรรมการทราบตอไป 8
ปดประชุมเวลา 17.30 น. ศิริพร ศรีอราม ผูจดบันทึกการประชุม
9
Mangroves for the Future (MFF) initiative Seventh Meeting of the Regional Steering Committee (RSC-7) 01-04 November 2010, The Blue Water, Wadduwa, Sri Lanka
Welcome, introductions and agenda setting Ms. Leela Padmini Batuwitage, Additional Secretary, Ministry of Environment and RSC Co-Chair representing the host country Sri Lanka, warmly welcomed everyone to Wadduwa on behalf of the MFF Sri Lanka National Steering Committee. Mr. Kent Jingfors, Regional Programme Coordinator, IUCN and acting IUCN Co-Chair, first conveyed an apology for the unavoidable absence of the IUCN Asia Regional Director, Ms Aban Marker Kabraji. He then initiated a round of introductions by all participants at the meeting. Mr. Joseph D’Cruz, Regional Environmental Advisor, UNDP RCB and acting UNDP Co-Chair, noted with regret that Mr. Nicholas Rosellini, Deputy Regional Director, UNDP Regional Centre in Bangkok was also unable to attend due to other UN obligations. He then moved to adopt the agenda of RSC-7, which was accepted without amendment. The RSC-7 Agenda and list of participants are provided in Appendices 2 and 3, respectively.
SESSION I: MFF INITIATIVE – PROGRAMME PROGRESS SINCE RSC-6 MFF Phase 2 Priorities and Preparations/Initial Actions Undertaken Don Macintosh, MFF Coordinator SUMMARY OF PRESENTATION The presentation began with the observation that this was a new and exciting time for MFF. As the initiative enters Phase 2 (2010-13), he noted that great opportunities lie ahead and this meeting will make important decisions to guide MFF in the new phase. The Coordinator then outlined the actions taken by the MFF Regional Secretariat in response to the decisions made at RSC-6 in January 2010. He highlighted the following decisions and actions: • The two new member countries, Pakistan and Viet Nam, were fully represented at RSC-7. • Efforts to widen civil society representation in MFF were on-going and it was encouraging to see non-governmental NCB members at RSC-7 from India, Maldives and Seychelles. • The MFF Secretariat had developed a draft private sector partnership strategy and guidelines for private sector engagement in Phase 2, which can be adapted to meet national priorities via the NSAPs.
1
• •
• •
An RSC-directed working group had reviewed and made recommendations to improve the modalities and processes of the SGF and LGF project facilities in Phase 2. Four more countries have been identified to begin the process to participate in MFF during Phase 2, starting with Bangladesh and Cambodia, which had each sent invited observers to RSC-7. It was also noted that countries in east Africa and the Pacific region are being encouraged to adopt the MFF model. The MFF Secretariat is developing a Knowledge Management Strategy, by building it around the existing Communications Strategy. The current MLE framework is being expanded and applied at the program level. MLE procedures are now in place and five MLE project visits have been conducted to date, with the participation of NCB members as standard practice. The MLE approach will also be used to assess progress of the MFF program at regional level over the first six months of Phase 2 (April to October, 2010).
Regarding the time-line for Phase 2, the Coordinator explained that the Phase 2 proposal was submitted to Sida on 30 March 2010. Sida approved the proposal, now referred to as the MFF Program Document, in June after requesting some minor additions. The Grant Agreement to fund MFF Phase 2 was not signed between Sida and IUCN until 6th July, but the agreement is back-dated to 01 April 2010, so that expenditure can be charged from the end of Phase 1 (31 March 2010). He then explained that the MFF vision had been amended for Phase 2 and was now: “Healthy coastal ecosystems for a more prosperous and secure future for coastal communities”, i.e. reference to the Indian Ocean region had been removed to accommodate the new countries joining the initiative. Phase 2 also includes a goal statement: “Conservation, restoration and sustainable management of coastal ecosystems as key natural infrastructure which supports human well-being and security.” The phrase “natural infrastructure” – encapsulates the idea that MFF is trying to manage complex ecosystems, thereby emphasizing that MFF is adopting a fully ecosystem-based approach. MFF’s other guiding principles, to be policy relevant, people centered, partnership based and investment orientated, remain the same. The Monitoring, Learning and Evaluation (MLE) framework is a strength of MFF going forward into Phase 2, because it guarantees that project results will reach the national level and also be shared regionally. Thus, all member countries and the Secretariat will be working hard to continue and develop the MLE approach in Phase 2. MFF National Coordinating Bodies (NCBs) are a priority for capacity development in Phase 2, including provision of support to NCBs to help them apply the MFF project guidelines, procedures and routines. Other priorities include providing support to individual NCBs to help them to develop and apply an appropriate communication strategy, develop networks, facilitate dialogue between stakeholders and disseminate lessons learned from field activities. In anticipation of Phase 2, initial preparations in 2010 have focused on strengthening the Regional Secretariat, which was noted to be under-capacity by the MFF Mid-Term Review (December, 2009). A new position of MFF Program Manager was created, with responsibility particularly for the Large Projects and MLE. MFF’s Communications and Knowledge Management needs were separated by creating two new positions, which were filled in September 2010. MFF Secretariat has been further strengthened with a UNEP seconded consultant for climate change adaptation and DRR.
2
At the regional level MFF has been working closely with: • UNEP, and the UNEP seconded consultant; most notably this collaboration has resulted in publication of Climate Proof, a tool and reference guide to integrating climate change into MFF projects and the work of coastal managers. • BOBLME, two joint BOBLME-MFF training courses were conducted in Maldives and Tamil Nadu, India, in July and October, 2010, respectively. As well as being more cost-effective through cost-sharing, MFF has benefited from the participation of BOBLME member countries, including Bangladesh, Malaysia and Myanmar. SUMMARY OF DISCUSSION The RSC accepted the priorities and initial actions taken since RSC-6. UNDP raised a question about the decisions made on funding Outreach country activities. The Secretariat responded that, although capacity building for the MFF member countries is the priority for Phase 2, Sida has given separate funds to support outreach activities to new countries. It was also noted that a strategy for the outreach process needs to be developed, particularly using the Thailand NCB as a model to help start the process for Myanmar. The FAO ROAP representative kindly offered to also assist MFF in relation to Myanmar. The Secretariat also remarked that the presence of Bangladesh and Cambodia at RSC-7 was important, not only to help introduce MFF to these new countries, but also to learn from Bangladesh’s and Cambodia’s experiences and achievements in coastal resources management. UNEP asked about the emerging concept of blue carbon sequestration and if Phase 2 has taken this into consideration? The Coordinator responded that he recognized that emerging issues like blue carbon were very challenging, so MFF should not try to take them on alone; it is better to partner with other platforms and initiatives such as the Climate Change Adaptation Platform. MFF will address the blue carbon concept in its regional studies and initiatives, but will look to its partners to play a lead role. Bangladesh asked how MFF involves the NCBs in coordinating country-specific issues. The Secretariat responded that each NCB is responsible for coordinating national issues, especially those that address MFF objectives, but that the Regional Secretariat was always available to give advice. The NCB Sri Lanka Chair asked how MFF manages feedback, particularly information which aims to “upscale” knowledge. The Secretariat replied that national committees should have the capacity to do this, and if each country identifies a need to build its knowledge management skills (such as creating a feedback system from its national projects), MFF would support capacity development for this purpose. DECISIONS AND OTHER ISSUES The MFF Secretariat was advised to develop a strategy for dealing with the outreach countries. Regarding Myanmar, specifically, the Secretariat should initiate an MFF development process there with assistance from NCB Thailand and FAO ROAP.
Communications, Knowledge Management and Outreach Michael Dougherty SUMMARY OF PRESENTATION Communications is recognized as an essential tool to support program delivery and in Phase 1 it was recognized that most of the work involved had related to establishing MFF’s identity and to supporting the NCBs. Now that the MFF brand is well established and well known, the emphasis should change to reaching out, and communicating MFF activities and results, to both internal and external audiences. In
3
Phase 2 the Secretariat is creating a Knowledge Platform, which will link knowledge management, communications, outreach, capacity development and MLE. To achieve this objective, the focus will be on: • Developing knowledge products - reviews, guidelines, best practices, tool-kits - related to PoWs, the Small Grant Facility (SGF) and Large Projects. • Website - interactive features, news items, multimedia and content management systems for countries to contribute content. • Participation in major events, advocacy, media relations. • Support to countries to develop and realize national communication plans. The knowledge platform will support capacity development activities by facilitating the application of knowledge in various ways, e.g. via training courses, use of ‘tool-kits’, guidelines, and internet-based learning. In addition, country to country exchange visits for NCB members and project managers will be arranged. Regional learning events such as symposia, conferences and training courses have been scheduled regularly throughout Phase 2. Outreach activities will be supported by packaging the knowledge and learning already developed by MFF into products which best meet the information needs of the new countries. Finally, the MLE approach is integral to MFF’s communications and knowledge management needs. It is crucial to be able to take knowledge generated from MLE visits and package it in a way that it can be shared effectively around the region. The communications and knowledge management system can support the MLE approach to ensure that lessons learned, best practices, innovative tools and approaches from MFF’s many projects are well documented, disseminated and promoted. SUMMARY OF DISCUSSION Clarification was sought on the process of “upscaling” lessons learned from the Small Grants Facility (SGF) and about the development of indicators of success, quality of projects, and best practices. The Secretariat responded that the MLE and communications will operate closely together to achieve this, and that MLE-based indicators will inform communications and development plans through Phase 2.
Recommendations for an MFF Private Sector Engagement Strategy Don Macintosh SUMMARY OF PRESENTATION A draft strategy for Private Sector engagement was presented. The document was prepared by Ms. Simone Frick, an IUCN intern who worked on a six months research project with MFF (March to August 2010). In line with PoW 15, to encourage ‘environmentally sustainable business practices in coastal areas’, the long-term aim of this work is to support the development of an MFF private sector engagement strategy. However, the first step has been to recommend priority sectors that each MFF member country can focus on during the initial stages of private sector engagement. The priority sectors chosen are Tourism, Fisheries and Aquaculture, Ports and Harbors, Oil and Gas, and Mining and Quarrying. An analysis was undertaken of the five identified key sectors, including their economic and environmental impact (internally and externally); the CSR activities and other interests of companies in the sector; and perceptions by sector representatives of their environmental responsibility within the
4
MFF countries. The project was based on this research, plus country consultations and use of indicators for each sector, e.g. the contribution to GDP, level of employment provided and environmental impact, were ranked for each MFF country. The degree of private versus public involvement in each sector, and the expected development trend in terms of their future expansion (or contraction) and impact, were also taken into account. The analysis was then used to identify the two most important sectors in each country, so that the strategy has a strong enough focus. The principal objective of MFF’s private sector engagement is to create partnerships, leading to an active private sector involvement in coastal governance at regional to national level and private sector financing or co-financing of MFF projects at local level. With the help of a senior consultant, a five-step approach to engagement has been devised: 1) target (the company or sector); 2) research; 3) contact and building trust; 4) engagement; 5) follow-up and feedback. The MFF Secretariat will work on internal procedures to make this approach operational, including reviewing the processes used by other organizations and adapting them to meet MFF’s needs. The NCBs will then be asked to provide a list of organizations they would like to engage with, leading to a decision on who will take the responsibility to initiate the five step engagement process in each case. Finally, it was cautioned that MFF needs to have a clear position (i.e. what MFF can offer to the partnership) before the private sector can be expected to respond positively. SUMMARY OF DISCUSSION Norad affirmed the importance of involving the private sector. While the development assistance to MFF from the Government of Norway has been around USD 6 million, the potential support from the private sector is far greater. It was also suggested for the RSC should “think out of the box” and take seriously the opportunities to access funds from the private sector. FAO agreed that the private sector is important because it has “a lot of impact” on coastal areas; and that learning how to influence private sector behavior can mean addressing environmental concerns on a larger scale. FAO asked the RSC to engage with the private sector through strategies that also meet corporations’ “bottom lines, the business drive for profit, and corporate social responsibility (CSR) programs”. FAO also commented that MFF should be confident about speaking with large corporations regarding environmental concerns, and should seriously consider securing the help of people who can engage the business community effectively in MFF concerns. The SENSA representative affirmed FAO’s sentiment and advised that these businesses have a genuine desire “to do good, not just to look good”. The Secretariat acknowledged these views and said that MFF is exploring private sector engagement with AIT’s CSR Asia centre. MFF will also seek advice from other CSR professionals to help access business sector support. UNDP advised that, beyond the CSR perspective, MFF has to think of strategies to make business contributions more significant and suggested partnering with NGOs that specialize in building networks with the business community. UNDP mentioned, for example, the NGO Wild Asia, which rewards companies that exhibit best practice in sustainable tourism, and noted that MFF may be able to learn from NGO activities like this. The Maldives reported that it has been working continuously with the private sector through its UNDP country office. CSR professionals are working with the tourism industry in Maldives to build good networks with the business community.
5
DECISIONS AND OTHER ISSUES The RSC members decided that more discussion about the process of private sector engagement would be desirable and decided to convene a side meeting among interested RSC members on Day 2.
Additional comments on private sector engagement The following observations were provided by Dr. Anders Granlund (SENSA/Sida) on Day 2 of RSC-7. Dr. Granlund explained that Sida has only relatively recently begun to engage with the private sector; and it has not been easy, as Sida has run into some policy issues, but valuable lessons have been learned. Sida has developed projects over recent years following the principle that the private sector should be a true partner, which requires having a common interest shared by both parties. Currently, the main interest of the private sector is corporate social responsibility. From an investment viewpoint, Sida has found that partnership with larger companies has been easier and more beneficial than with smaller ones. Larger companies can appreciate that Sida can help to open up new markets for them, and it becomes a win-win situation, with more opportunities being created for both parties. Sida undertakes such partnerships with the vision that the private sector should ultimately take over and run these projects independently. Within the Asia region, one group that works closely with the private sector is CRC Asia, located at AIT. Dr Granlund strongly recommended that MFF explore opportunities to benefit from CSR Asia’s knowledge of the corporate sector, as he believed that there could be strong synergy between MFF and CSR Asia.
Regional Learning and Related Activities Oliver Abrenilla The presentation began by outlining the five central and strategic areas identified for capacity development in MFF Phase 2: 1. Regional and national thematic training courses. 2. Developing in-country Project Management Cycle skills. 3. Building ICM capacity for up-scaling project results to policy level. 4. Conducting and commissioning research into emerging issues. 5. Using/Applying research outcomes in policy and practice. Regarding thematic training courses, a regional course on Effective Communications to support Integrated Coastal Management was conducted in the Maldives, 20-30 July, in partnership with BOBLME. It was designed to better equip participants with the skills needed to communicate work at a non-technical level, both clearly and confidently, to a wide range of audiences. MFF and BOBLME also conducted a joint regional training course on Project Cycle Management, 4-10 October, in Tamil Nadu, India, hosted by the Ministry of Environment and Forests, MSSRF and IUCN/MFF India. This was the first training course to include all the MFF cross-cutting guidelines, especially the MFF Climate Proof Guide.
6
As a contribution to the emerging issue of mangroves and carbon sequestration, a regional Workshop on Coastal Management, Mangroves and Carbon Sequestration was held 25-27 June 2010, in Viet Nam as part of the XVII Southeast Asia Katoomba Conference. This was a joint initiative by MFF, Forest Trends (FT), Ministry of Agriculture and Rural Development (MARD) and Ministry of Natural Resources and Environment (MONRE). The workshop participants discussed mangrove forest ecosystems and the opportunities and mechanisms to include mangroves in carbon marketing and PES projects, both in Viet Nam and regionally. The launch in October of the MFF Climate Proof Guide and Reference Tool was an important UNEP contribution to MFF produced in collaboration with UNDP and IUCN. This joint launch by UNEP and MFF was held at the UNCC during the Asia Pacific Adaptation Network in Bangkok; more than 550 participants from 14 countries in the Asia Pacific region attended the event. The presentation concluded by encouraging the RSC participants to replicate MFF’s products and toolkits at national level, supported by in-country training sessions to teach people how to apply the various tools and techniques now available. SUMMARY OF DISCUSSION The Secretariat acknowledged that replicating tool-kits and training courses on the national scale will be a major challenge, and asked if the NCBs wanted MFF to adopt a “training of trainers” approach for faster replication? The RSC members generally supported this approach. The NCB Sri Lanka Chair remarked that a capacity needs assessment would be required before conducting a training of trainers program. She also reminded the Secretariat that MFF’s training program should still have regional and local perspectives, and that guidelines for conducting its training courses will be an important requirement. UNEP remarked that Climate Proof must be approved collectively by the RSC as a publication before training courses based on it are conducted. The Secretariat advised that the Climate Change helpdesk will be available during the RSC-7 Learning Event, and that any further comments would be welcomed. The Secretariat also clarified that Climate Proof is a coastal management tool based on existing MFF practices. Viet Nam affirmed its appreciation of the regional training course conducted in India, and hoped that such courses will continue as Viet Nam is in the process of learning from the experiences of other countries. After further discussion it was agreed that the Secretariat would help the MFF countries to consider their training needs prior to developing a training of trainers program. DECISIONS AND OTHER ISSUES The Regional Steering Committee decided that a training of trainers approach should be adopted for capacity development.
Update on MFF Financial Position Kent Jingfors SUMMARY OF PRESENTATION It was noted that MFF needs to recognize that the financial reporting requirements to the donors are strong and elaborate. Sida’s interest is primarily to support MFF’s governance structures and for
7
regional initiatives. The budget presented includes budget lines specifically for audit requirements as a result of a new direction for Sida, which remains open to MFF being flexible, provided that expenditure stays within the budget and achieves the program objectives. Sida is providing the main source of funding for MFF over the next two years, and this continued financial support is much appreciated. It is therefore very important that MFF works closely in partnership with Sida. With regard to the Norad funding, this is still being provided as a contribution to Phase 1, because Norad has given MFF a no cost extension to its grant until September 2011. Norad has invited MFF to submit a workplan and budget for 2011 and is aware that on-going projects in 2011 will require funding beyond this date and into 2012. As part of the effort to diversify MFF’s financial support beyond just Norad and Sida, the Coordinator has been invited to make a presentation on MFF to Danida in December. While the MFF Secretariat will continue to look for new opportunities like this, MFF as a whole should not rely only on the MFF Secretariat, but should look across the region for sources of funding to leverage what MFF is currently doing. SUMMARY OF DISCUSSION The representative for Norway mentioned that the Norad funds balance of USD 1 million might be enough to cover the needs for 2011, but MFF is welcome to submit a financial proposal to Norad for 2012. UNEP asked for a more comprehensive budget presentation in future, one that shows all contributions and expenses by activity. For guidance, UNDP suggested that UNEP and FAO share their budget presentation templates with IUCN/MFF. Maldives also sought clarification on the financial tables presented. The Secretariat explained that they show the status of expenditure under the Norad and Sida agreements. DECISIONS AND OTHER ISSUES It was decided that NCBs will be responsible for securing other sources of funds for MFF projects and activities. Future budget presentations at the RSC meetings will show the total comprehensive budget of MFF with all sources of income, including in-kind support and other contributions from partners. It was agreed that FAO and UNEP will provide IUCN/MFF with examples of how to present comprehensive project expenditure budgets. Ms Padmini Batuwitage then closed Session 1 of the meeting and invited the participants to join the Inauguration ceremony for RSC-7 and its Learning Events. Details of the inauguration ceremony can be found in Annex I
8
SESSION II: COUNTRY REPORTS MEMBER COUNTRIES India Presented by Dr V Selvam, MSSRF and NCB India member SUMMARY OF PRESENTATION The National Coordinating Body (NCB) of MFF India was formed in October 2007 and its members include government agencies, national and international non-governmental agencies, research institutions and the private sector. It is important to note that NCB members feel strongly that there is a unique opportunity for two-way communication between government and MFF, and to use the NCB to feed information into the national decision-making process. The NCB began work on the NSAP in February 2008 and it was finalized between October and November that year. The priorities identified include specific focus of the MFF activities in five mangrove-rich states and an emphasis on targeted research projects to generate data and information to fill knowledge gaps. The first Small Grant Facility (SGF) project began in December 2008 in the form of a national brainstorming workshop on current status, threats and conservation measures of coral reefs in India (in conjunction with the International Year of Reef 2008), with 28 research papers presented. The proceedings are being published as a knowledge product by the Ministry of Environment and Forests and MFF. A review of the SGF projects and their achievements was then presented. SGF grants have ranged between USD 8,000 - 25,000, with a total value of USD 139,500. These grants have covered projects on research, links to policy, the corporate sector and work on livelihood security. A large project proposed in the Sundarbans, West Bengal, has been revised and finalized with the contract formalities currently in progress. The project’s focus is livelihood security, mangrove research and mapping, and disaster risk mitigation; it has equal co-financing from MFF from the State Forest Department (USD 300,000 from each). In Phase 2 the priority is to redraft the MFF India National Strategy and Action Plan (NSAP) through a National consultation process with greater emphasis on climate change and adaptations issues, gender, MLE and communications. Future MFF projects in India will also have a greater focus on generating knowledge products. SUMMARY OF DISCUSSION The Maldives asked if there is a recommended number of members for the NCB? The Secretariat replied that each NCB has freedom to decide on this, as the NCB should reflect the diversity of society and range of tasks in each country. However, the Secretariat also suggested keeping the membership to a manageable size to ensure effective working. Sri Lanka raised the importance of organizing communities towards an awareness of resource property rights. The Secretariat acknowledged this and reported that property rights are one of Sida’s key interests, which will be considered carefully during Phase 2. UNDP suggested that MFF conduct regional studies that involve documenting lessons from projects dealing with water and tenure issues.
9
IUCN asked about country experiences in putting together the NSAP. India replied that its experience and details of all projects have been put together in a folder and the same would be distributed during the RSC-7 Knowledge Event. Maldives reported that they have tried to make their NSAP concise and with reference to completed projects in the country. Thailand explained that the NCB had decided to translate the NSAP into Thai during Phase 2, and the NCB will also draft more strategic mechanisms to address the MFF PoWs, as it is committed to giving long-term support to the empowerment of coastal communities. Sida noted with appreciation the gender and empowerment efforts made by MFF Thailand. Seychelles informed that their NSAP focuses on country-specific priority areas and a monitoring section has been drafted by the NCB.
Indonesia Presented by Mr. Tommy Hermawan SUMMARY OF PRESENTATION Since RSC-6 in January 2010, four SGF projects have been implemented and work is on-going to finalize a grant agreement for the large project awarded to Indonesia. A National Mangrove Dialogue was held in September to identify threats and barriers, and to recommend actions, for better mangrove management; this event also facilitated the creation of an Indonesian mangrove distribution map. MFF Indonesia has just recruited a new national coordinator, who was introduced to the RSC members. In Phase 2, Indonesia plans to focus on action projects with clear and measurable outputs, supported by reliable data; for example: techniques for mangrove rehabilitation in degraded areas. However the main constraint identified was the absence of a ‘grant agreement’ between MFF and Governemnt of Indonesia. The NCB is facing difficulties without a formal grant agreement as it is unable to formalize the status of NCB Indonesia. In order to move forward, the recommendation proposed by MFF Indonesia was to legalize the MFF Indonesia Program through a signed agreement, otherwise if no action was taken before the end of December 2010 regarding this issue, NCB Indonesia felt that it would need to review its participation in the MFF Regional Partnership Phase 2. MFF Indonesia also requested the MFF Secretariat to simplify the country budget allocation and, if possible, delegate financial authority to the UNDP country office (to shorten the financial process, which currently operates through the UNDP Regional Centre Bangkok). SUMMARY OF DISCUSSION Norad acknowledged the challenges in managing MFF Indonesia and asked if UNDP could act on the recommendation to shorten the financial process? UNEP followed up by asking what support Indonesia needs from the RSC, or UNDP, to help resolve the situation? Indonesia responded that although there is a Memorandum of Agreement with UNDP, an MFF grant agreement is still needed. The Secretariat affirmed that the MFF Coordinator and the UNDP RCB Environmental Adviser would travel to Jakarta in December 2010 to seek solutions to this and the other issues raised by MFF Indonesia. DECISIONS AND OTHER ISSUES To support NCB formalization and the grant agreement for the MFF Large Project Demak, the MFF Coordinator and UNDP Environmental Adviser will schedule a joint visit to Indonesia to assist in
10
resolving the issue of NCB finalization and, if still necessary, also facilitate the signing of the large project grant agreement/contract.
Maldives Presented by Ms Fathimath Shafeeqa SUMMARY OF PRESENTATION The NCB has held two meetings to discuss the overall MFF Programme and the progress of MFF Maldives. The Maldives NCB will also review the NSAP for Phase 2; priorities include the Maldives carbon neutral and HCFC free targets (by 2020); poverty reduction; and climate change adaptation. Four small grant projects have been completed, with a fifth project still ongoing; waste management initiatives have been their main focus. Implementation of the MFF large project is also on track. Several constraints were identified, including the lack of mainstreaming of MFF into the Maldives’ sectoral programs and plans; the poor capacity of local NGO’s and CBO's; and the slow institutionalization of the NCB. Actions for the NCB to address these constraints include reviewing MFF governance at national level and introducing any necessary changes; establishing a better communications network among its NCB members and better relationships with local NGOs and CBO's; and capacity building for NGO’s and CBO’s. SUMMARY OF DISCUSSION The Secretariat asked if the Maldives NCB will make the revisions to the NSAP, or if external consultants will be involved? The presenter replied that would be better to address this question to the NCB Maldives chair who would be attending RSC-7 later in the week.
Pakistan Presented by Mr. Rafiul Haq SUMMARY OF PRESENTATION The Pakistan NCB was established in September 2009. This NCB is quite unique as the NCB Chair’s office is 1100km away from the coast (in Islamabad); however this has not impeded the NCB’s development. A sub committee was formed with technical assistance from IUCN to develop the NSAP for MFF Pakistan. The second NCB meeting was held in Karachi in January 2010 at which the draft NSAP was reviewed. Scoping visits followed to explore possibilities of collaboration with existing projects like BPSD (Balochistan Partnership for Sustainable Development) and SCCDP (Sindh Coastal Community Development Project). In October 2010 a field orientation visit for the NCB was arranged to highlight Pakistan’s coastal issues. MFF Pakistan is in the fortunate situation of having a broad range of sectoral representation among the major stakeholders on the NCB, including the national navy. At the third NCB meeting in October, the offer by IUCN to host the MFF-Pakistan secretariat was appreciated and unanimously endorsed. Pakistan explained that the NCB would request to receive more support from the Regional Secretariat
11
regarding the availability of training for disaster management, as there are many areas of the country exposed to different natural disasters. The Regional Secretariat was also requested to provide training support on writing proposals to apply for small grants; i.e. for those who will be directly involved in small grant projects and large projects. An outcome of the third NCB meeting recently held in Karachi was that a sub-committee of nine members was formed to define the technical parameters of the SGF in Pakistan. NCB Pakistan expressed its desire to gain recognition for MFF as a serious conservation initiative in the country. This was a goal highlighted at the recent NCB meetings. The need for a communications strategy to support the effective implementation of small grant projects was also recognized. SUMMARY OF DISCUSSION UNDP commended Pakistan’s active involvement in MFF since joining recently as a full member. IUCN asked about Pakistan’s private sector and management strategy, with specific reference to targeting the oil and gas sector’s support for fisheries. Pakistan replied that a representative from the oil sector is an NCB member. MFF Pakistan also recognized the CSR-sourced funds from the oil and gas sector, and reported that this sector decided to put these resources into the fisheries sector. FAO asked if these funds are intended to purchase fishing boats, or to enhance local ecosystem services? Pakistan replied that at present the funds are not meant for infrastructure support; however, this can be taken up for discussion in future NCB meetings. Pakistan also affirmed the benefit of generating financial support and participation from the oil and mining sectors, and explained that communication with UNDP and other partners is also helpful. Pakistan’s NCB has also formed subcommittees that take ownership of MFF-led initiatives; this helps share the load with partners and other MFF contacts. UNDP recognized the broad membership of the Pakistan NCB, noting particularly representation from the oil and gas sector. An example was then given of the positive partnership made by UNDP with Mauritania’s oil and gas sector, where a power company has established an MPA downstream from plant operations. The EPA-standard environmental monitoring system established by the sector helped in making the case for good business, while also caring for the environment. UNDP will share a copy of the monitoring report findings with MFF Pakistan. DECISIONS AND OTHER ISSUES The Pakistan UNDP office will assist MFF Pakistan by sending information about an ongoing UNDP private sector (oil and gas) initiative for conservation and rehabilitation of a marine sanctuary and income generation activities to fisher folk. The Monitoring and Evaluation system set-up under this initiative can also serve as a learning opportunity for MFF.
Seychelles Presented by Lyndy Bastienne SUMMARY OF PRESENTATION The Seychelles NCB has reconfirmed the commitment of its NCB members, following a review of its membership. One of Seychelles’ two representatives at RSC-7 is an NGO member of the NCB. In order to maintain good progress, the NCB has begun a revision of the NSAP without waiting for the Government’s revision of the national environment management plan (EMPS).
12
Seychelles emphasized that the capacity needs of the local stakeholders must be clearly identified where MFF is involved in long term capacity development for ICM practitioners. Also the NCB felt that there needs to be an increase in their representation at national level, as they are not getting sufficient attention from the Government. In particular it is important that NCB Seychelles can strengthen its communication with the government level. Three of the SGF projects will end in December 2010, while one has been extended until February 2011; all have been active on site, with very good outcomes. The second batch of SGF projects was started in September/October 2010 and their implementation will be on-going until the end of 2011. The success of the SGF in Seychelles has been through working with local NGOs and building knowledge with everyone, from top government levels to local people, learning about coastal issues. The government-NGO partnership is growing and becoming stronger, and where there used to be fighting for resources, there is now more of a coming together and sharing of resources. The SGF projects provide a lot of visibility to the MFF program and to the implementing agencies. They are receiving a lot of media attention and understanding and support from the local community, which is now coming to the MFF to receive advice and guidance. Many people at the local level know about MFF; they can explain what MFF is and what it is doing and, in addition, some businesses are interested in becoming involved. There is also increased public and other partner support as a result of involving them at various stages of project implementation. This interest includes a willingness among coastal businesses to co-fund SGF initiative in cash or through in-kind donations. The MFF Seychelles Coordinator supports public awareness activities by going out into the community to speak to people and tell them about MFF and what it is doing in the Seychelles. Effective communication activities, including those from SGF projects, have included using art work to communicate messages to the public, such as murals on walls and on the side of trucks that travel around Mahe’. Some concerns identified by the Seychelles include poor communication and delays with procedures by IUCN resulting in implementation delays. The NCB feels isolated with respect to its location in the MFF region and would like to address this issue with the Secretariat. It is also felt that the National Coordinator’s office is not properly equipped for full running of the MFF Programme. SUMMARY OF DISCUSSION Thailand inquired about the problems Seychelles had regarding information-sharing with NGOs. Seychelles replied that some NGOs will not share information regarding e.g. turtle nesting. The Seychelles NCB has discussed this issue and the government has assigned a task force to help improve cooperation from the target groups. The Secretariat asked the National Coordinator, Lyndy Bastienne to elaborate more on the businesses that have come forward to express interest in MFF Seychelles. She replied that positive responses have come from tourism businesses and resort owners, but some issues have surfaced as well, such as conflicts between resort owners and community residents. She reported that one member of NCB Seychelles was assigned by the resort to “bridge the gap”, and consequently, the resort management committed financial support for office equipment and co-financing to the local SGF project. MFF Seychelles has also started talks with the fish processing sector, and has received a good response from the sector about addressing sustainability issues. The Government also has a policy to encourage businesses in sensitive areas and also to co-manage in such areas.
13
MFF Maldives contributed its experience of encouraging resorts to adopt rivers and wetlands. They shared how MFF Maldives received sponsorship for MFF activities from local resorts during the celebration of International Wetlands Day. Sri Lanka suggested two modes for private sector engagement: firstly, to consider the interests of the private sector; and secondly, to combine this with the interest of local people and ecosystem considerations (i.e. nature-based development planning). DECISIONS AND OTHER ISSUES Regarding current administrative constraints in project management, the MFF Secretariat should look into ways to improve communications with the Seychelles and help NCB Seychelles gain knowledge and adapt good practices (in terms of management and administrative arrangements) from those being followed by other NCBs Regarding the Seychelles representatives’ concern that they feel “isolated”, the Secretariat gave assurance that they are not alone. IUCN and UNDP both committed support to Seychelles for capacity building, particularly for project cycle management.
Sri Lanka Presented by Dr. Ranjith Mahindapala SUMMARY OF PRESENTATION The Sri Lankan NCB, referred to as the National Steering Committee (NSC), was established in June 2007. Its composition then was dictated by the work relating to the aftermath of the tsunami in 2004. However, it is now felt that the start of MFF Phase 2 is an appropriate time to review the composition of the committee and ensure it has the most relevant representation to meet present needs. The NSC has held five meetings since RSC-6 in January 2010. Importantly, it has overseen the publication of its NSAP. Sinhala and Tamil versions of an expanded summary of the NSAP have also been published. It was noted, however, that now the NSAP is finalized, it needs to be put into action. The NSC has also provided oversight to other coastal zone management initiatives, has examined the MFF Mid-Term Review and Phase 2 Programme Document, and provided valuable comments. It has also provided oversight to other MFF work, including the Small Grants Programme. The experience in Sri Lanka with the Small Grant Facility projects was that with USD 5,000 a substantial amount of work could be done at the local level and therefore SGF projects were capped at USD 5,000 each. In addition, USD 100,000 from the MFF Secretariat was supplemented with USD 40,000 by leveraging from other donors. There were 41 eligible applications for SGF projects; although some applications had short-comings, IUCN provided guidance to the applicants to improve their proposals in terms of relevance, project management aspects, etc. One of the main lessons from this process was that capacity building of CBOs was found to improve project performance. Towards the end of the program, learning workshops were held to share lessons from the different projects. Clearly, the workshops were an opportunity for networking among the grantees, as well as for sharing of experiences and resources. Some grantees have succeeded in leveraging additional funds to expand their activities. To showcase results, 10 posters illustrating project outputs have been produced for display at outreach events.
14
Sustainability of the SGF was paramount and this was emphasized at every opportunity. A number of project activities, particularly those relating to livelihoods, are continuing after ending the projects. The results of the SGF projects and the lessons learned have been documented in the booklet: For the People, by the People. Two Large Projects are being implemented satisfactorily: 1) Promoting community participation in coastal ecosystem management - implemented by the Sri Lanka Nature Forum (SLNF); and 2) Increasing the resilience of coastal and riverine communities to climate change and other threats, by conserving the ecosystems of the Maha Oya and associated coastal wetlands in Sri Lanka implemented by Environmental Foundation Ltd. (EFL). Sri Lanka gained media coverage of MFF by taking a media team to a SGF project site in Puttalam on 7 May, 2010. Some other projects were highlighted in the national newspapers. Also the NSC has facilitated several capacity building opportunities for both Government and non-government sectors. SUMMARY OF DISCUSSION India was interested in how Sri Lanka conducted sustainable dolphin and whale watching, so that the good practices reported on can be replicated in India. Sri Lanka explained that the Large Project had created an opportunity for MFF Sri Lanka to bring in a network of partners for project implementation, and provide training to small-scale organizations (such as “Code of Conduct” training for boat operators). Sri Lanka also noted the challenges that they have encountered in managing the Bar Reef Marine Protected Area. There are still some boat operators who chase dolphins when tourists are on the boat (for larger tips). MFF Sri Lanka said that they are working closely with a large grant program to introduce rules and regulations on sustainable tourism practices. Viet Nam was interested in mechanisms for co-financing, and would be interested to learn from Sri Lanka how to access other sources of funds for MFF activities. Cambodia asked about Sri Lanka’s “key learning” on ensuring that all MFF activities are sustainable. Sri Lanka replied that “it is important to bear in mind that some projects are meant to continue and some are not”. Sri Lanka cited the successful cases of communities which had planted mangrove trees and produced reed bags. When Pakistan asked about project budgets and the amount of time for project completion, Sri Lanka said that 50% of the SGF projects were completed in twelve months.
Thailand Presented by Mr. Nitat Poovatanakul SUMMARY OF PRESENTATION In June 2010 a meeting was held to review the NSAP version 2009, in order to revise it for MFF Phase 2. The priorities for the Thailand NCB are: 1) to promote access to knowledge management processes to increase the value of mangrove/coastal conservation; 2) to strengthen community based conservation and fair access to natural resources for sustainable use; and 3) to enhance governance. Several recommendations have been identified from the SGF projects and Large Projects in Phase 1; for example, the next round of projects should be more strategic in terms of e.g. location and the issues
15
to be addressed. Also, the timeframe for Large Projects, with a maximum duration of 24 months, gives insufficient time for the project needs. An update was then provided on the three current large projects being implemented through the partner agencies Wetlands International Thailand, the Sustainable Development Foundation (SDF) and the Nature Park, Wildlife and Plant Conservation Department (DNP). Almost 90% of SGF project implementation will be completed by November 2010. A workshop is planned for December 2010 to summarize the lessons learned, expand the SGF network and explain the way forward. MFF Thailand has initiated private sector engagement with a participatory integrated waste management initiative for the conservation of coral reefs around Koh Tao, Suratthani. This partnership involves collaboration between IUCN-MFF-Chevron via a one year project, starting from 31st August 2010, with a USD 30,000 contribution from Chevron. It was noted that, while the NCB is working well under the direction given by different working groups, frequent changes in human resources (NCB Chair and Secretary) have had a negative impact on the effectiveness of implementing the NSAP (especially its governance aspects). The NCB also feels that MFF should have more flexibility regarding the SGF and Large Projects for both the budget ceiling and project time duration - two years being considered too short to implement the large projects adequately. It was also suggested that the decision-making process for the Large Project grants should be done by the NCB. SUMMARY OF DISCUSSION Sida asked about the flexibility for Large Projects and about the NCB’s role in setting guidelines for project implementation. Thailand recommends flexibility in terms of the length of time needed for some types of project (e.g. mangrove restoration needs three years). India concurred with this view, stating that two years was insufficient time to implement Large Projects Thailand also mentioned the need to draft project proposals in Thai to facilitate government processes. The Secretariat affirmed this, but remarked that a translation of the proposal in English is still required.
Viet Nam Presented by Dr Nguyen Chu Hoi SUMMARY OF PRESENTATION As the second recently joined member country to MFF, Viet Nam felt that it can contribute to, as well as benefit from MFF, as many of its coastal conservation and management projects can be valuable as models to other countries. In June 2008, MONRE Vice-Minister Nguyen Van Duc wrote to IUCN’s Asia Regional Office in Bangkok requesting that Viet Nam could join MFF and appointing MONRE’s Viet Nam Administration of Seas and Islands (VASI) as the National Focal Point. In July 2008, the MFF Co-Chairs approved Viet Nam’s proposal to become an MFF dialogue member, with the aim to become a full member from Phase 2. The interim National Coordinating Body (NCB) was established in early 2009 with responsibility to prepare the necessary conditions for Viet Nam’s full membership of MFF. The interim NCB held its first meeting on 10 June 2009 and has had three additional meetings, on14 December 2009 and 28 May 2010 in Hanoi, and on 25 June 2010 at the Xuan Thuy RAMSAR site. In 16
January 2010, MFF RSC-6 officially endorsed Viet Nam is a full member of the MFF. The formal NCB has been established based on a restructuring of the above mentioned interim NCB. As a full member, Viet Nam can maximize the benefits from, and its contributions to MFF by incorporating national large programs/projects into the MFF framework; for example, there is a national plan to replant or rehabilitate about 300,000 ha of mangroves over the next five years. A concept note has been sent to the multi-donor Trust Fund for Forests (TFF) to secure co-funding for the SGF. The TFF board of directors will meet later in November 2010 to consider this proposal. Steps will also be taken to increase NCB representation from southern Viet Nam and to expand the focus from mangroves to include corals, sea grasses, and other vulnerable coastal ecosystems in Viet Nam The Viet Nam NCB engaged with the private sector in July 2010 by contacting a senior official of VINACOMIN, the giant coal and minerals state-owned corporation, to assess his perceptions of corporate environmental responsibility. SUMMARY OF DISCUSSION FAO asked how Viet Nam planned to create synergies, and suggested that the country consider FAO membership or partnership in projects. Viet Nam agreed to recommend this to the NCB, and FAO offered to send information on the FAO Regional Fisheries Project to the MFF Secretariat for distribution to Viet Nam. Viet Nam reported that Viet Nam’s NCB will have a yearly review of its membership to assess its members’ accountability and contributions. Thailand suggested including local community members in the NCB. The Secretariat expressed appreciation for Pakistan and Viet Nam’s accelerated efforts to undertake MFF activities, suggesting that Cambodia and Bangladesh could also learn from the early experiences of these new member countries. DECISIONS AND OTHER ISSUES Viet Nam NCB will explore partnership opportunities with FAO regarding its on-going initiative on regional fisheries livelihoods, which can complement MFF’s work in Viet Nam. FAO-BOBLME will send a copy of the project document of the Regional Fisheries Livelihoods Project to the MFF Coordinator. Cambodia and Bangladesh NCBs should take the opportunity to learn from the good practices undertaken by Pakistan and Viet Nam to date, especially in terms of the formalization of their respective NCB’s, preparing an NSAP, and their approach to securing co-financing with other partners The RSC also reminded the MFF countries again of the ongoing need to review their NCB membership regularly, to ensure that NCBs are continuously evolving as a dynamic and relevant mechanism that is responsive to emerging needs and opportunities in coastal resources management. SUMMARY OF GENERAL DISCUSSION Maldives asked if there is a recommended number of members for NCBs? The Secretariat replied that the NCBs have the freedom to decide on this, as the NCB reflects the diversity of tasks in each country. The Secretariat suggested choosing a number that is manageable enough to allow members to work effectively on MFF matters. Sri Lanka raised the importance of organizing communities towards an awareness of resource property rights. The Secretariat acknowledged this, and reported that property rights, one of Sida’s key interests, 17
will be considered during MFF Phase 2. UNDP suggested that MFF conduct regional studies that would involve documenting lessons from projects dealing with water and tenure issues. IUCN asked about country experience in putting together the NSAP. India replied that a folder elaborating the Indian MFF experience would be available during the RSC-7 Knowledge Event. Maldives reported that they had tried to make the NSAP document smaller and more practical, by connecting it with completed projects in the country. Seychelles reported that their NSAP focuses on country-specific priority areas and a monitoring section has been drafted by the NCB. Thailand explained that the NCB had decided to translate the NSAP into Thai during Phase 2 of MFF. NCB Thailand will also draft more strategic guidelines to address the MFF PoWs, as the NCB is committed to giving long-term support to the empowerment of coastal communities. Sida noted with appreciation the gender and empowerment efforts made by MFF Thailand.
OUTREACH COUNTRIES Bangladesh Presented by Dr. Istiak Sobhan SUMMARY OF PRESENTATION As an introduction, an outline of the natural and man-made mangrove forests in Bangladesh was provided; it was also explained that Bangladesh has considerable experience in coastal afforestation. The main objective for Bangladesh is to progress from being an MFF outreach country is to becoming a full member country, and Bangladesh has already begun the process to achieve this. In September 2010, an internal agreement was signed between the IUCN Bangladesh Country Office and IUCN Asia Regional Office. The four main priority areas for MFF in Bangladesh during the initial set up phase: 1. An assessment of national priorities and governance structures for coastal management, capacity building and training needs. 2. Participation in MFF regional events (training and knowledge sharing). 3. Formation of a National Coordinating Body (NCB) for Bangladesh. 4. The development of MFF National Strategy and Action Plan (NSAP). The role of the Government of Bangladesh was identified as important to the MFF partnership, in particular partnership that would enable national participation at the various regional platforms of MFF, as well as facilitating the process for Bangladesh to become a member country. SUMMARY OF DISCUSSION Bangladesh was congratulated for its clear objective and strategy to develop towards becoming an MFF member country.
18
Cambodia Presented by Mr. Kim Nong SUMMARY OF PRESENTATION An overview of Cambodia’s coastal ecosystems was presented to introduce the context for MFF in Cambodia. The presentation focused on mangrove, coral reef and sea grass habitats. A flow-chart of the institutional management system was explained; this diagram illustrated the information flow between the national, provincial and community levels. A list of partnerships for coastal environmental management over the past 15 years was also presented. The areas considered to be of greatest challenge in Cambodia are social pressure, economic development, the environment, the management system between institutions, and the policy and legal frameworks. SUMMARY OF DISCUSSION The Secretariat asked about the challenge of managing the overlapping jurisdiction between the ministries of the environment and fisheries in Cambodia, and if the National State Committee (NSC) will be willing to take up the MFF Initiative? Mr. Kim Nong replied that there are mechanisms to overcome this, and the NSC is working to resolve the issue. He also said that a representative from the NSC will most likely sit on the NCB when MFF begins in Cambodia.
SESSION III: MFF PHASE 2: SMALL GRANTS FACILITY (SGF) Update on the MFF Small Grant Facility Hanying Li SUMMARY OF PRESENTATION The MFF Small Grant Facility (SGF) started in June 2008 with each of the six original focal countries receiving an initial allocation of USD 100,000 for SGF projects; then in 2009, India, Seychelles, Sri Lanka and Thailand were each granted an additional USD 50,000. In summary, a total of 142 proposals were submitted, of these 86 projects were approved and 81 implemented. Most of the applicants were NGOs (46%) and Community based NGOs (36%). An analysis of all 86 approved projects revealed that more than 70% of the projects addressed one of the following three PoWs: PoW2: Ecosystem Rehabilitation: 24% PoW6: Promoting awareness and participation in decision-making: 18% PoW8: Supporting sustainable livelihoods: 21% The majority of completed projects to date have contributed to poverty alleviation and community empowerment through sustainable livelihood development. The SGF projects have also supported activities that have helped to change people’s behaviour, particularly through the reduction of illegal fishing practices, which has lead to reduced pressure on natural resources, while providing additional sources of income. Some projects have contributed to improved governance by supporting integrated coastal management and influencing national policies. For example, a project in Gujarat has led to two new mangrove species being recorded in the area; and as a result the state government will declare part of the project area as a biodiversity heritage site.
19
Capacity development for SGF project grantees has been conducted in the Maldives, Sri Lanka and Thailand. The workshops have provided assistance to proponents in proposal development and project management. Feedback from participants attending the workshops indicated that they found this assistance very useful in drafting and/or fine-tuning their proposals. Guidelines were also developed for Monitoring, Learning and Evaluation (MLE) that are comparable with those for Large Projects. Currently a total of 13 SGF projects in four countries have benefited from MLE visits. Preliminary assessments indicate that community based projects are a good mechanism to achieve results within a short time frame when compared to larger projects with more complex outputs. However SGF projects that are managed remotely have had more administrative challenges than those with in-country management. In general, timely reporting has been a common challenge for the SGF during Phase 1. The way forward for the SGF reflects the overall MFF development plan for Phase 2, in particular the need to enhance the learning elements of SGF; collate learning among the countries; develop capacity and procedures for in-country MLE; integrate in-country and regional MLE approaches; and ultimately to foster linkages with other regional coastal grant programs.
Secretariat Review of SGF Implementation Janaka de Silva SUMMARY OF PRESENTATION This review, by a Secretariat Working Group, was based on the results of a questionnaire on the SGF process circulated to the six countries of Phase 1, plus consultation with the SGF managers in Sri Lanka and Thailand. Key factors contributing to the success of the SGF have been: A transparent process in calling for SGF proposals, and in the review and approval system, guided by an NCB mandated working group, leading to endorsement by the full NCB. Mentoring of the prospective grantees in writing proposals, conforming to the NSAP, and focusing on results-based approach. Providing reporting formats for both the narrative and financial elements of the proposal, and highlighting the key elements that should be considered by the proponents. Encouraging partnerships between civil society and government agencies, which were beneficial for follow-up work, replication of project achievements, and influencing state policies. To further enhance transparency in NCB decision-making, it is recommended that the SGF process should be decided by the full NCB, but guidelines and procedures can be assigned to a Working Group provided the WG is selected by the NCB and it remains representative of the NCB overall (i.e. that it includes societal representatives). Each NCB should also decide on the eligibility of past grantees to apply for a second project, and the conditions the NCB should use to judge them (e.g. past performance and evidence of value in terms of the quality and content of the new proposal). As a general recommendation, more attention needs to be paid to integrating gender into future small grants and reporting on gender-specific results. Further recommendations on SGF funding in Phase 2 by the Working Group include: • A new tranche of USD100,000 be allocated per country to those countries which have completed and fully reported on the first tranche of funds received in Phase 1.
20
•
• •
•
As a condition for releasing these funds on a country-by-country basis, the Secretariat will confirm with each NCB its agreement to follow the SGF process for phase 2, as set out in Section 4.1 of the Working Paper. A tranche of USD 100,000 per country be allocated to the new member countries, Pakistan and Viet Nam, once they have set up their SGF management systems and procedures. A further tranche of USD 400,000 should be held as a reserve to provide additional SGF funding to those countries which demonstrate a need for more funding, and which perform well, based on project monitoring and other assessments guided by the Regional Secretariat. (This recommendation is subject to funding availability.) The Regional Secretariat should develop transparent SGF performance criteria and inform the RSC accordingly in preparation for RSC decisions on releasing this further tranche.
It was noted that there is still a need to build capacity for managing small grants in some the original member countries, as well as Pakistan and Viet Nam. Because experience from previous small grant programs has been very helpful for SGF implementation, and to applying the MLE approach, it was recommended that in-situ capacity building using the available SGF expertise within MFF should be used to assist those countries where management capacity is still weak. Requests for such assistance should come from the NCBs to the Regional Secretariat. Finally, the role of private sector participation in SGF (as applicants for funds, even when significant cofinancing is being offered) still needs to be clarified. The implications of conforming to the institutional requirements of the grant management body (i.e. of IUCN and UNDP) for private sector engagement with MFF also needs to be taken into account. SUMMARY OF DISCUSSION FAO noted the widespread interest in SGF projects because they are easy to manage, but then asked about the long-term transaction (management) costs, and if MFF is keeping track of the associated monitoring costs? The Secretariat acknowledged the high transaction costs related to the SGF, and reminded the NCBs to study the eligibility criteria for awarding SGF projects to grantees. UNEP asked if there is an SGF report giving the list of projects, brief project information and a description on the MFF website. The Secretariat explained that the MFF Website contains a master list of projects in the RSC-7 documents section. It was also advised that there are MFF country websites that provide more details about individual SGF projects. Pakistan requested guidance points for implementing MFF small grant projects and large projects. Sri Lanka explained the importance of community ownership during project implementation. Encouraging the community to write proposals will strengthen community ownership and, consequently, this will be beneficial to the project concerned.
Update on MFF Large Projects Janaka de Silva SUMMARY OF PRESENTATION The first large projects were endorsed at RSC-4 (January 2009); since then nineteen projects have been appraised, from which nine projects in six countries have been approved, with a total committed budget of USD 2,315,515. Seven of these projects are under implementation, with the amount of funds dispersed to date ranging from as low as 22% to as high as 72% of the project budget provided by MFF; in general, smaller projects seem to be more efficient in fund utilization.
21
The overall finding from the Monitoring, Learning and Evaluation (MLE) visits to these Large Projects is that their progress ranges from satisfactory to very good. The MLE process provides a mechanism for more information to move from the field to the national/ government level. Including NCB in process serves as a link to filter knowledge from field to National levels and develops national MLE capacity. It also enabled the identification and capturing of the key learning principles and opportunities early on in the project life cycle. To continue into Phase 2, it was recommended that reporting and feedback to grantees needs to be made more efficient and the integration of learning into knowledge management and communication needs to be institutionalized at different levels. It was also noted that the RSC will have to decide on whether to grant project no-cost extensions, as there is clear evidence that some projects will not have achieved all their intended results within the contracted time period. SUMMARY OF DISCUSSION Sri Lanka asked about the duration of Large Projects and if the project procedures give indicators for output-based results? It was suggested that MFF integrate science-based knowledge and learning into project implementation and policy development. The Secretariat replied that sustainability indicators will focus on institutional aspects of implementation at different levels. UNEP cautioned about combining monitoring and evaluation with learning, advising that monitoring and evaluation are tools distinct from information management, or knowledge-building, and that a more traditional approach to project management might be beneficial. The Secretariat replied that MLE is not a substitute for conventional project monitoring and evaluation. MLE operates at a higher level to ensure that the NCB’s have a greater involvement in knowledgesharing throughout project implementation. Pakistan affirmed this objective, and added that its NCB members would appreciate “seeing what is on the ground and learning first hand” through crosscountry learning, including country to country visits. Seychelles asked if a training course for Monitoring and Evaluation or MLE will be sponsored by the MFF Secretariat. The Coordinator replied that this is a priority, and that the Secretariat must be ready to respond to the needs of all eight member countries. The Secretariat will address Seychelles’ request for capacity strengthening as soon as training courses and other support can be planned. The Secretariat also suggested that all member countries include capacity development needs in their workplans and that they look for organizations that may be able help address the needs of the respective NCBs in their local settings. Seychelles then asked about the internal monitoring mechanisms for large projects in each MFF country, such as having mission-like monitoring visits involving NCB members every three months. Thailand explained that its NCB coordinates closely with its MFF partners to obtain feedback on the Large Projects. Sri Lanka noted that its project monitoring and evaluation is done locally, while Maldives mentioned that the NCB has given more focus on the SGF projects to date.
22
RSC Working Group on MFF Large Projects and New Regional Initiatives\Studies Presented by Mr. Joseph D’Cruz SUMMARY OF PRESENTATION At RSC-6 (January 2010) a decision was made to convene a working group and meetings were held in Bangkok and Colombo. From its overall assessment of the Large Project facility, the working group found that the whole process of evaluating, approving and contracting projects has taken much longer than expected, often over one year to get projects started. Moreover, for projects with a budget from MFF of USD 300,000, the implementation period of two years is too short because, as indicated in the preceding presentation, the dispersal rate of project funds has been low. In addition, it has proved difficult and time-consuming to build capacity for project implementation. The grant from Norad is still available to fund the large projects remaining from Phase 1, but the funds are only available until September 2011. However, the most optimistic scenario is that any project started now would only end by mid 2012 to 2013 and, consequently, there is simply not enough time to start up new Large Projects. The key recommendations of this working group were to (a) streamline the Large Project modality; and (b) target regional studies addressing key issues. The Working Group also recommended a stronger focus on capacity development for NCBs to take on more project-related responsibilities and set up a national coordinating unit within each NCB, which would receive training and resources to process the Large Project appraisals. This would free the Secretariat to focus more on more capacity, training and development opportunities. With regard to the existing Large Project proposals that were approved, but not funded in Phase 1, there is now insufficient time to implement them under the existing time frame of the Norad grant. Therefore it was recommended that those proposals still regarded as a priority by the NCBs be revised to fit within the new project guidelines and remaining budget. Where necessary, a proposal could be split into two phases (or sub-projects); the first phase to be completed in 2011 using Norad’s Phase 1 funding; and the second project phase to start from 2012, subject to the availability of new funding. The Working Group recommended that MFF regional initiatives/studies should each have a budget of up to USD 200,000 (but usually less) and at least three MFF countries should be involved directly in each initiative/study. Proposals will not be on a competitive basis, but will be prepared by a strong lead partner chosen by the RSC from within the core institutional partners of MFF. The importance of the role of the lead partner was strongly emphasized. The lead partners would first prepare a concept note for comment by the RSC and Secretariat, followed by a full project description. The Working Group had examined nine proposed topics for regional initiatives based on recommendations of the MFF Mid-term Review and priorities identified at previous RSC meetings. Of the nine topics, one on environmentally sustainable business practices was made available to the RSC members as a concept note, while two of the others were still only ideas which needed further consideration by the RSC. All nine topics were then presented to the RSC for comment and discussion. Arising from this, the RSC added two further topics to this list (see Table 1.). SUMMARY OF DISCUSSION The Secretariat requested the NCB representatives to indicate which regional initiatives/studies they would most like their countries to participate in. A survey form was used to record their choices in order to determine the priority topics in an objective manner (majority decision), which could then be
23
endorsed as a decision of RSC-7. The RSC institutional members were asked to reconfirm their interest in playing a lead role in one or more of the prioritized topics. The Secretariat suggested that three key changes to the Large Project facility be decided on: that future Large Projects would be (1) smaller in budget; (2) shorter in duration; and (3) more country-led. The advice of Norad and Sida regarding MFF project implementation was also requested. Sida remarked that Norad and Sida has suggested that MFF explore the potential of submitting proposals to development banks (such as ADB and the WB) particularly for large projects. It was also suggested that the private sector be tapped for co-financing. UNDP affirmed Sida’s statement, and added that seeking leveraged funds from development banks is a good opportunity for NCBs to highlight country-specific focal areas in future MFF project proposals. Norad welcomed MFF’s intention to submit a financial proposal for 2011 and agreed to review the proposal as soon as it is received. The Secretariat affirmed that MFF will submit this proposal in December 2010, as MFF cannot use the balance from Phase 1 Norad funds to fund new Large Projects. The MFF countries were also advised to consider the recommended new appraisal approach (mentioned in Working Paper 9) for Large Projects in the pipeline, which NCBs still consider to be a priority. The Secretariat mentioned that even if the NCB has primary responsibility in screening large project proposals, the Regional Secretariat reserves the right to appoint an international expert to review approved Large Projects for quality assurance.
Table 1: The proposed regional initiatives\studies discussed at RSC-7. Proposed topics (the four highlighted topics were selected by RSC-7 as priorities) 1. Scaling up environmentally sustainable business practices and CSR at regional level 2. Climate change considerations and responses in coastal areas e.g. building resilience and adaptive capacity at the community level by strengthening linkage between DRR and climate change in the coastal zones 3. The role of mangroves in carbon sequestration and the potential for mangrove carbon marketing 4. Regional assessment of coral reef dependent communities and climate change risks 5. Developing sound payment for environmental services systems to support sustainable development planning and local livelihoods 6. Regional assessment of additional/alternative livelihood opportunities for natural resource dependent coastal communities 7. Documenting best practices and sharing lessons learned from region-wide issues e.g. land/water tenure and access issues, land and water based pollution issues; to include strategies to assist communities to address these issues 8. Mangrove replanting best-practices, including critical review of experience, knowledge and gaps 9. Successes in community level involvement in participatory monitoring, approaches 10. Mapping of coastal resource governance in small island communities 11. Small scale fishery impact/importance on national economy
24
The Secretariat then asked about the proposed new modalities for large projects in Phase 2. Thailand requested to have a new modality for assigning amounts to large projects. Seychelles suggested assigning fixed allocations for each country, and India asked about the new ceiling amount for large projects. The Regional Steering Committee decided that for 2011, only “medium scale” projects shall be implemented. The “ceiling” or project amounts shall be decided by NCBs. The Secretariat opened the subject of conducting MFF regional initiatives\studies (Working Paper 10). Some discussion revolved around the implementation of SGFs, Large Projects, and Regional Initiatives\studies. The RSC then decided that MFF shall have three modalities: (1) small grants; (2) medium-scale national projects; and (3) larger regional initiatives\studies. For Regional Initiatives\studies, FAO announced that it is willing to provide leadership in Topics 3, 6, and 9. FAO would also like to see a working group established for each of these topics. UNEP suggested that a concept paper describing the topics should be distributed to all countries and that each country should choose the topics it is most interested in. Sri Lanka expressed interest in topics 3 and 5. Indonesia preferred to defer direct involvement in regional studies until 2013, because there are still current MFF projects under implementation. Pakistan suggested that MFF should take up the 2011 theme of the International Year of the Forest, and focus on mangroves as coastal forests, while conducting a regional study on climate change and carbon sequestration. It was also considered that regional initiatives\studies should have a national, regional, and global appreciation. Pakistan expressed interest in topics 1 and 6. Thailand elected for topic 4, because of the NCB’s keen interest in the ridge to reef approach. Viet Nam expressed interest in topics 7 and 8. Maldives and Seychelles proposed a new topic, that of mapping coastal resources of small islands and island communities because their governments are interested in this. FAO suggested adding a further topic focusing on resource governance, small scale fisheries, and economic valuation of artisanal fisheries (in relation to national productivity). The Secretariat acknowledged all the suggestions and agreed to engage the help of key partner institutions to draft the concept paper for each regional initiative\study topic. It was affirmed that MFF must emphasize its identity as a regional body, and must continue to support regional activities for Phase 2, with a focus on conducting regional initiatives\studies, starting with one or two topics in 2011. DECISIONS AND OTHER ISSUES RSC-7 endorsed the recommendations of the RSC Large Project Working Group to replace the Large Project facility from Phase 1 with medium-sized projects of shorter duration that are country led. The above decision led to the endorsement of three project modalities for MFF Phase 2: the small grant facility (SGF); medium-scale national projects; and regional initiatives\studies.
25
RSC-7 decided that, subject to funding availability, each member country should be allocated between USD 200,000 to 300,000 from 2011, for medium projects to be decided by the NCBs. The new budget range for medium projects will be USD 50,000-100,000, but certain exceptions may be made, whereby well-appraised Large Projects from Phase 1, still held in the project pipe-line and regarded as a top priority by the NCB, can receive funding of up to USD 150,000. However these pipeline projects should still be reviewed and where necessary revised to better fit with the new project modality, and in order to benefit fully from the most recent MFF cross-cutting guidelines. For new medium projects, the RSC decided that NCBs should call for expressions of interest/concept note only, and then select a competent organization to prepare the full proposal. The proposal must be independently appraised, following the guidelines established in Phase 1. National appraisers can be nominated by the NCB, but at least one international appraisal expert will be selected by the Secretariat and his/her appraisal report made available to the NCB to aid final decision-making regarding the proposal. To emphasize the strength of MFF as a regional initiative, the Regional Steering Committee recognized the value of implementing regional studies in consultation with member countries and core partner organizations. RSC-7 decided to prioritize four of the proposed regional initiatives\studies and advised the Secretariat to develop a process which will enable the RSC to further prioritize these, leading to the selection of two or three of them for funding from early 2011. The potential core partners who will lead these initiatives were also decided, as follows: 1. The role of mangroves in carbon sequestration and potential for carbon marketing (FAO, IUCN and UNEP). 2. Climate change considerations and responses in coastal areas e.g. building resilience and adaptive capacity at the community level by strengthening linkages between DRR and Climate Change in the coastal zone. (UNEP). 3. Regional assessment of additional/alternative livelihood opportunities for natural resourcedependent coastal communities. (CARE). 4. Mapping of coastal resource governance in small island communities (UNDP Maldives, UNEP, and IUCN Sri Lanka). The indicative ceiling for each initiative\study will be USD 200,000. Each of the above topics will be developed into a Concept Note by a lead agency. The purpose of each study should be made clear, together with a strategy to ensure that the results will be disseminated and utilized. The Secretariat will make the necessary arrangements and circulate the concept notes and other relevant details to the Regional Steering Committee by mid-December. RSC-7 also decided that the list of potential regional initiatives\studies should remain open, so that additional topics can be included.
26
MFF Regional Workplan, 2011 Janaka de Silva SUMMARY OF PRESENTATION A draft work plan covering the period November 2010 to November 2011 was presented (Appendix 1). The work plan covers regional activities, plus national activities common to all member countries, that address the following main elements: Regional Governance; National Governance; Project Facilities; Knowledge Management and Outreach; Monitoring Learning and Evaluation; Communications; and General Secretariat Operations. The main activities to be focused on during the first quarter of 2011 will be to revise national governance mechanisms and establish revised project modalities for the small grant facilities and new medium projects. The work plan also specifies finalization of the MFF regional communications and knowledge management plan during the first quarter of 2011, and for the NCB’ to use this plan to guide the development of their own national plans. Secretariat operations to support the NCBs and MFF projects will continue throughout the year. On average, one project MLE visit per month has to be scheduled during 2011 to meet the project monitoring requirements at regional level (each Large Project to be visited every six months). The main regional learning and training events in 2011 will take place from August onwards. The next RSC meeting (RSC-8) is planned for late October, in the Maldives (dates and venue to be confirmed by the Maldives NCB Chair).
27
SUMMARY OF RSC-7 DECISIONS Patrick Durst The draft decisions from RSC-7 were presented by Mr. Patrick Durst, the RSC representative from FAO ROAP, on behalf of the RSC members; each decision was discussed and finalized as follows: MFF Phase 2 priorities and preparations/initial actions undertaken
The MFF Secretariat will develop a strategy on how to initiate an MFF development process in Myanmar, with assistance from the Thai NCB and FAO.
Regional Learning and related activities
The Regional Steering Committee decided that a training of trainers should be one of the approaches that should be taken to provide capacity development.
Update on MFF financial position
Future budget presentations at the RSC meetings will show the total comprehensive budget of MFF with all sources of income, including in-kind support, contributions from partners.
FAO and UNEP will provide IUCN/MFF with examples of how to present comprehensive project expenditure budgets.
NCBs will be responsible for securing other sources of funds for projects and activities.
MFF Countries
Indonesia: To support NCB formalization and the grant agreement for the MFF Large Project Demak, the MFF Coordinator and UNDP Environmental Adviser will schedule a visit to Indonesia (in December 2010) to assist in resolving the issue of NCB finalization and, if still necessary, also facilitate the signing of the grant agreement/contract.
Pakistan: UNDP will assist Pakistan by sending information about an ongoing UNDP private sector (oil and gas) initiative for conservation and rehabilitation of a marine sanctuary and income generation activities to fisher folk. (The M&E system was set-up under this initiative can also serve as a learning opportunity for Pakistan.)
Seychelles: Regarding current administrative constraints in project management, the Secretariat should look into ways to improve communications with Seychelles and help NCB Seychelles gain knowledge and adapt good practices in terms of management and administrative arrangements being followed by other NCBs.
Viet Nam: The NCB will explore partnership with FAO regarding its on-going initiative on regional fisheries livelihoods which can complement the MFF work in Viet Nam. FAO-BOBLME will send a copy of the project information of the Regional Fisheries Livelihoods Project to the MFF Coordinator.
Cambodia and Bangladesh: Cambodia and Bangladesh NCBs should take the opportunity to learn from good practice/s undertaken by Pakistan and Viet Nam to date, especially in terms of the 28
formalization of their respective NCB’s, preparing NSAPs, and their approach to securing cofinancing mechanisms with other partners.
All countries: The Regional Steering Committee advised the MFF countries of the ongoing need to review their NCB membership regularly, to ensure that NCBs are continuously evolving as a dynamic and relevant mechanism that is responsive to emerging needs and opportunities in coastal resources management.
SGF Funding in MFF Phase 2
A tranche of USD 100,000 per country has been allocated to those countries which have completed and fully reported on projects completed from the first tranche of funds received in Phase 1, and Pakistan and Viet Nam, as already directed by the Co-Chairs on behalf of the Regional Steering Committee.
As a condition for release of the new tranche, and on a country-by-country basis, the Secretariat will confirm with each NCB its agreement to follow the SGF process for Phase 2 (as explained by the Secretariat and recorded in WP 8).
Subject to available funding, a further tranche of USD 400,000 should be held as a reserve to provide additional SGF funding to those countries which demonstrate a need for more funds, and which have performed well, based on criteria to be developed by the Secretariat, e.g. timeliness of progress reporting, good project monitoring procedures, value of outputs achieved. MFF Secretariat will circulate the proposed criteria to be used for assessment to the RSC members. These will be finalized based on feedback received from the RSC members and NCBs; a date will then be set for making the assessment, so that the results can be presented at RSC-8.
Capacity Development for MFF Phase 2
In response to the agreed importance of capacity development, the Secretariat should continue to provide in-country mentoring (e.g. in project proposal writing) for SGF grantees, either directly by the Secretariat or through appropriate in-country partners in collaboration with the NCB.
Private Sector Engagement in MFF Phase 2
The Regional Steering Committee recognizes the value of involving the private sector in our regional partnership and encourages the NCBs to strengthen the involvement of the private sector wherever possible. However recognizing the constraints in providing donor development assistance to private sector entities, the Regional Steering Committee requests the Secretariat to draft clear policy guidelines in collaboration with CSR Asia on private sector involvement.
RSC-7 Learning Event
The Regional Steering Committee recognizes the RSC-7 Learning Event is an example of regional cooperation, which provides an opportunity for SGF managers, NCB and RSC members to share experiences and identify actions for improving project management and for Knowledge Sharing.
RSC members will provide insight and further guidance on the RSC Learning Event using a Feedback Form that the Secretariat will provide before the RSC Learning Event closes.
29
LP Funding and Regional Initiatives\studies
The Regional Steering Committee endorsed the importance of adopting three project modalities within the MFF Phase 2: the small grant facility (SGF); medium-scale national projects; and regional initiatives\studies.
The Regional Steering Committee endorsed the recommendations of the RSC Large Project Working Group (WG) to introduce a new modality for medium-sized projects to replace the Large Project facility, including smaller projects of shorter duration that are country led.
The Regional Steering Committee decided that each member country should be allocated between USD 200,000 to 300,000, subject to funds available, for medium projects, which will be identified and approved by the NCBs. Each medium project will be up to USD 100,000, but certain exceptions may be made, whereby well-appraised Large Projects from Phase 1, still held in the project pipe-line and regarded as a top priority by the NCB, merit funding of up to USD150,000. However these pipeline projects should still be reviewed and where necessary revised to better fit with the new project modality and in order to benefit fully from the MFF cross-cutting guidelines.
For new medium projects, NCBs should call for expressions of interest/concept note and then select a competent organization to prepare the proposal. This will be independently appraised, following the guidelines established in Phase 1. National appraisers can be nominated by the NCB, but at least one international appraisal expert will be selected by the Secretariat and his/her appraisal report made to the NCB to aid final decision-making regarding the proposal.
To emphasize the strength of MFF as a regional initiative, the Regional Steering Committee recognized the value of implementing regional initiatives in consultation with member countries and core partner organizations.
For 2011, the Regional Steering Committee prioritized 4 topics for further development under a regional approach. The indicative ceiling for each initiative will be up to USD 200,000. Four potential topics were selected by the Regional Steering Committee (with lead agencies identified): 1. The role of mangroves in carbon sequestration and the potential for mangrove carbon marketing (FAO, IUCN, and UNEP). 2. Climate change considerations and responses in coastal areas e.g. building resilience and adaptive capacity at the community level by strengthening linkages between DRR and Climate Change in the coastal zone (UNEP). 3. Regional assessment of additional/alternative livelihood opportunities for natural resourcedependent coastal communities (CARE and FAO). 4. Mapping of coastal resource governance in small island communities (UNDP Maldives, UNEP and IUCN).
Each initiative\study will be developed into a Concept Note by a lead agency. The purpose of each initiative\study should be made clear, together with a strategy to ensure the results are disseminated and utilized. The Secretariat will make the necessary arrangements and circulate the concept notes and other relevant details to the RSC by mid-December.
The Regional Steering Committee also decided that the list of potential regional initiatives\studies should remain open, so that additional topics can be considered.
30
RSC Co-Chair arrangement
In appreciation of the co-chairing at RSC-7, the meeting decided that IUCN and UNDP should identify at least two senior representatives in their organizations who could take on the role as MFF Co-Chairs and advise the secretariat accordingly.
To commend the system of co-chairing introduced at RSC-7, and that the practice of having the host country NCB Chair included as a Co-Chair be adopted at all future RSC meetings.
Communication and Knowledge Management
RSC-7 reaffirmed the importance of effective Communications and Knowledge Management at all levels and the effective linkage of MLE and Knowledge Management. The Regional Steering Committee encouraged the Secretariat and all partners to continue strengthening communication and outreach activities.
Closing remarks The Co-Chairs thanked the RSC members and other participants for their very active participation in what had been a very productive meeting. Presentations were then made to the Co-Chairs, the MFF Coordinator, and to Mr. Patrick Durst for presenting the RSC Decisions so comprehensively. Maldives reconfirmed its kind offer to host RSC-8 in October 2011, with the exact dates and venue to be communicated to the Secretariat. The RSC members commended the Regional and local secretariats for arranging RSC-7 so efficiently. The meeting was then adjourned.
31
ANNEX I INAUGURATION CEREMONY After participants were seated lighting of the traditional oil lamp took place. Ms. Padmini Batuwitage, Additional Secretary, Ministry of Environment, Sri Lanka, and Chair, MFF Sri Lanka National Steering Committee, introduced the panel, welcomed everyone and introduced the panel of speakers: Mr. Kent Jingfors, Regional Program Coordinator, IUCN Asia (on behalf of the IUCN Asia Regional Director and Co-Chair, MFF Regional Steering Committee). Mr. Joseph D’Cruz, Regional Environmental Advisor, UNDP Regional Centre, Bangkok (on behalf of Deputy Regional Director, UNDP and Co-Chair, MFF Regional Steering Committee). Mr. Douglas Keh, Country Director, UNDP Sri Lanka. Mr. KVP Ranjith De Silva, Secretary, Ministry of Ports and Aviation. Keynote address: Dr. Jayampathy Samarakoon, Member Sri Lanka MFF National Steering Committee. The Hon. Fraiszer Musthapha, MP, Deputy Minister of Environment. Dr. Don Macintosh, Coordinator, Mangroves for the Future. Ms. Batuwitage then handed over to Dr. Ranjith Mahindapala, MFF Sri Lanka Coordinator and IUCN Country Representative as Master of Ceremony. Dr. Mahindapala introduced Mr. Jingfors, who expressed gratitude to the Ministry of Environment and the MFF Sri Lanka national committee for hosting the event. Mr. Jingfors also highlighted the success of MFF in Sri Lanka, where over 40 small grant facilities and two large projects have been implemented. A key success of Sri Lanka MFF has been the ability to adapt MFF principles to implementation at national level. He further noted that the Open Learning day would provide everyone with the opportunity to learn more from MFF Sri Lanka. Mr. Jingfors also showed an image from the first RSC meeting held in Bangkok in 2007, to illustrate how quickly MFF has expanded. into a strong regional partnership. Mr. D’Cruz then welcomed all participants and extended his thanks to the Government of Sri Lanka and the MFF Sri Lanka national steering committee. He also sent apologies from the UNDP Deputy Regional Director, who was unable to attend due to another commitment. Mr. D’Cruz reflected on the first phase of achievements of MFF, including the growth of relationships at regional level and success of the work completed at national level. This serves as a reminder that MFF is a unique mechanism bringing together various groups and is developing new ways of conserving coastal ecosystems. He believed that there has been much achieved so far, and goals and aspirations are aimed high for Phase 2 for the benefit of integrated coastal management; he also offered thanks to the donors. Mr. D’Cruz looked forward to see new partnerships formed and new countries joining the MFF initiative. Mr. Keh welcomed the dignitaries and participants and provided an insight into UNDP priorities in Sri Lanka – primarily the Energy and Environment portfolios, which also align closely to the Government’s priorities. Mr. Keh explained that Sri Lanka is likely to achieve all the millennium goals and that the country has hopes for a high level of tourism development. The key aspect of the MFF meeting, Mr. Keh believed, was the bringing together of individual national practitioners to participate at a regional
32
event. He also emphasized the need to combine upstream and downstream efforts, to extract lessons learned from the local level but also listen to global concerns and initiatives. Mr. De Silva began by noting that the 2004 tsunami had the effect of bringing the degradation of coastal areas in Sri Lanka sharply into focus. He emphasized the growing importance of mangroves in Sri Lanka and an improved understanding of coastal zone management. Mr. De Silva thanked MFF for preparing and implementing the national strategy and for emphasizing the importance of climate change in the program, as South Asia is vulnerable to the impact of climate change, which is now being addressed through MFF projects. Mr. De Silva concluded by thanking MFF for the selection of Sri Lanka as the venue for RSC-7 and invited participants to enjoy the local hospitality.
Keynote address Dr. Jayampathy Samarakoon “Integrated Coastal Management: Consciousness, Power, Diversity and Pitfalls of Generalization: MFF, Leadership and Sustainable Models!” Dr. Samarakoon began by acknowledging that MFF is now in a position to provide leadership and develop sustainable models and best practices to support coastal management. He highlighted the nature of building integrated coastal management models for replication around the region; the importance of bringing together some of the best lessons that consider poverty in the approach; and the need to minimize unintended consequences of implementation activities, especially minimizing clashes of power between communities and governments. In defining the challenges of Integrated Coastal Management, Dr. Samarakoon identified the significance of coastal aquaculture in Sri Lanka is one of the major activities in coastal areas, particularly shrimp farming, which is likely to increase and become extremely important in the near future; however it will require an integrated management approach to avoid repeating the mistakes of other countries in the region concerning conflicts between communities, private sector, and government. The MFF vision puts people at the centre and economic growth is essential to reducing poverty, but how that happens is very important. For example in the Maldives fisheries expanded through the strengths of the indigenous fishermen, now fishing offshore with increased production, whereas other countries are struggling with their coastal fishing industries. Dr. Samarakoon viewed the role of MFF during Phase 2 as that of a mediator - in mediating the clash of power and mainstream empowerment for justice; he then highlighted several issues: The challenge now is to achieve environmental security, i.e. being able to safeguard ecosystem services, and MFF Phase 2 can begin this process. In concluding his keynote address, Dr. Samarakoon acknowledged that, despite the major challenges emerging, MFF Phase 2 must bring together the most valuable lessons and experiences in the ASEAN region, and: • Focus on site specific interventions, based on consultations and planning. • Beware of generalizations: always ground it in context, and consider diversity. • Beware of unplanned consequences of activities and interventions. • Invest in legal empowerment of the poor, so they can use the systems of government administration to build their own security. • Use models that can be evaluated and produce lessons that can be tested. • Ensure these tested models can be replicated to increasingly larger scales. 33
Hon Musthapha MP, Deputy Minister of Environment, began his address by outlining the mission of the Ministry of Environment and was pleased to acknowledge that MFF aligned well with the national agenda and the priorities of the Sri Lankan government. He also recognized the importance of MFF’s ability to connect with many counties and assist them to work together. This is extremely valuable when working towards strategies that reflect the connectivity of impacts like climate change at the regional level, where regional cooperation is required to support national achievements. What is needed now, he added, is to transfer the MFF vision into long-term sustainability of coastal management. The Deputy Minister concluded by wishing all participants successful deliberations at RSC-7 and beyond. Don Macintosh thanked the Ministry of Environment of Sri Lanka and the MFF National Steering Committee for hosting RSC-7 in Sri Lanka, and for all their cooperation and support for this event. He explained that in 2008, MFF came to Ahungala in Sri Lanka for a regional forum which made it possible to consolidate the regional approach of MFF and set the scene for Phase 1. In holding RSC-7 in Sri Lanka he expressed his confidence that this meeting would, in turn, set the scene for Phase 2. He also noted that RSC-7 was particularly significant because it included a major learning event for the first time. The choice of location in Sri Lanka had made it very easy to plan a learning day and to make it possible to fully interact with civil society and showcase lessons learned from the many successful projects in Sri Lanka. Finally, he thanked the international participants from the 10 countries represented at the meeting; the Programme of Inauguration was then concluded with a presentation of MFF pens to the chief guests.
34
ANNEX 2 SUMMARY OF RSC-7 FIELD TRIP TO MADUGANGA Highlights At least 50 RSC participants joined the field trip to the Maduganga estuary in Balipitiya, Sri Lanka. The group was welcomed by Mr. Anil Premaratne, the Director General of the Coast Conservation Department (CCD), and by Mr. Gunadasa de Silva, Founder and Vice President of the Maduganga Development Foundation. The participants viewed a film that narrated the history, cultural significance, and economic importance of Maduganga’s resources (particularly its mangroves), followed by an active discussion between the CCD Director General and the participants. The discussion focused on how the community benefits from the Ma Duwa multipurpose visitor center and from the livelihood opportunities sponsored by the Maduganga Development Foundation (MDF). Mr. Premaratne described how all the proceeds from visitor fees go to the community. He also mentioned that the locals have a very high appreciation of the importance of the Maduganga estuary. Mr. de Silva explained how the MDF has raised environmental awareness through its MFF small grant project. MDF produces a monthly environmental magazine that features activities promoting environmental and coastal resource awareness. The RSC participants visited another MFF small grant project that featured the farming of sea bass (Lates calcarifer) and tilapia (Oreochromis spp.), managed by the local community organization Ampe Mithuru Freshwater Fisheries Cooperative Society Ltd. and the NGO Sewalanka Foundation. The fish cage culture project aims to increase local community incomes and to introduce sustainable management practices. The first harvest of 428 kg sea bass in October 2009 fetched LKR 107,000, which translated to an income of LKR 26,750 (approximately USD 240) per fisherman per cycle (5.5 months); while the first harvest of tilapia (682 kg) fetched LKR 136,400, providing LKR 34,100 (approximately USD 305) to each fisherman per cycle (4 months). The highly successful results from this project prompted the Sri Lankan government to provide 100 cages to the Ampe Mithuru Freshwater Cooperative Society representing leveraged funds for the continuity and expansion of the MFF SGF. The RSC members also had an opportunity to see Kothduwa island where the Bo tree (Ficus religiosa) was planted from one of the 32 sacred buds of Jaya Sri Maha Bodhi in honor of the Lord Buddha in Anuradhapura. The island also has a Buddhist temple that once sheltered the sacred relic tooth of the Buddha. The participants appreciated that Kothduwa demonstrats how the ecological importance of the Maduganga estuary is closely linked to the cultural and religious significance of local estuarine resources. General description of the area visited The Maduganga estuary and its islands are a complex coastal wetland ecosystem located in Balapitiya, southern Sri Lanka. Maduganga, a 915-hectare estuary consisting of 770 ha open water and 145 ha of land spread over 15 islands, was declared a RAMSAR site in 2003. Its dense growth of mangrove vegetation harbours a high biodiversity. The estuarine area comprises several wetland vegetation types including mangroves, mangrove scrub, and bank scrubs. The vegetation types contribute to a rich biodiversity, with 303 plant species 35
belonging to 95 families. Mangroves have the highest number of flora species followed by mixed mangrove swamps. The presence of a very rare and threatened mangrove species, Lumnitzera littorea (which was found in full bloom during the field trip), gives Maduganga more special significance. The mixed vegetation in the estuary provides an ideal environment for birds, fishes, and terrestrial animals. Records show a total of 248 vertebrate species, including 111 bird species (13 winter migrants), 70 species of fish, 31 species of reptiles, 24 species of mammals, and 12 species of amphibians. Invertebrates are also abundant, with 50 species of butterflies and 25 species of molluscs (14 terrestrial and 11 brackish water species) having been recorded. Threats to the Maduganga include mangrove clearing, garbage accumulation, fuel discharge from boats, agro-chemical runoff, invasive species and riverbank erosion. The mangrove areas are often exploited for firewood and through land reclamation for tourism or agriculture (conversion to cinnamon and coconut cultivation).
36
ANNEX 3 SUMMARY OF THE RSC-7 LEARNING EVENT AND OPEN LEARNING DAY At the previous RSC meeting (January 2010), it was decided that future RSC meetings would be combined with a learning event to provide a valuable opportunity to share knowledge products and learning outcomes many of the projects across the region being supported by MFF and its partners. This year for the first time, MFF focal countries were able to showcase their communication and learning materials to highlight their achievements during MFF Phase 1. The theme of the learning event was: “Building environmental and livelihood resilience in coastal and other vulnerable communities�. In a mini-expo style, the two-days of Open Learning were aimed at the RSC and NCB Sri Lanka members, MFF project holders, other invited organizations, and the media. Each country had a table and display area to arrange all of their knowledge products. These products included videos, audio recordings, brochures, posters, books, and tool-kits. Participants were able to view all of the knowledge products available, speak to NCB members from around the region and exchange ideas and communication materials, as well as request meetings with members of the MFF Regional Secretariat for advice on Large Projects, Monitoring, Learning and Evaluation, and Knowledge Management and Communication. In addition, participants joined focus sessions to share their experiences of implementing MFF projects across the region. I. RSC-7 Learning Event (4 November) More than 45 RSC participants took part in the RSC Learning Event. The MFF Coordinator opened the seminar by encouraging a convivial exchange of information and ideas among grantees, NCB members, and institutional partners. In a session that focused on lessons learned from MFF Small Grant Projects 2008-2010, Sri Lanka presented case studies and a short film that showcased the process and results made at country level. Thailand also presented an overview of the processes and learning gained from project implementation. . Each National Coordinator was then called upon to share their experiences from the implementation of MFF small grant projects in their country. For India it was explained that a significant amount of science-based research from MFF projects has informed and influenced local and national policies. In the case of both Maldives and Seychelles, it was emphasized that local knowledge was important in project implementation, while for Sri Lanka and Thailand the importance of dialogue with different partners involved in implementing projects was highlighted. In synthesizing the key points from the session, the MFF Programme Manager noted that the Small Grant facilities have used a number of different approaches, including supporting empowerment of communities and community based organizations and generating knowledge to influence policy. It was also noted that coastal rehabilitation was a common theme among the projects. On knowledge management, it was noted that two different approaches to exchange knowledge were evident: 1) a top end approach which had successfully identified knowledge gaps in the National Strategy, which were then addressed through project grants, resulting in learning that was integrated into existing institutional systems; 2) an alternative mechanism for knowledge transfer whereby knowledge generated by projects was transferred through peer to peer information-sharing.
37
It was further noted that for coastal rehabilitation to be effective, a number of factors had to be addressed: 1) the need to ensure strong linkages between government and local communities; 2) that longer time periods are required for rehabilitation (projects had generally been too short for their full benefit to be realized); 3) technical inputs are required to support implementation; these can be obtained from professional sources (the scientific and technical sectors), or from sources of local knowledge; 4) there is a need to promote greater exchange and integration between local and scientific knowledge to help ensure that best practices are compatible with both. The second session focused on building partnerships and on recognizing the role they play in achieving healthy ecosystems. CARE Sri Lanka and IUCN’s ELG-2 shared their experiences and lessons learned from working together in partnership. Insights from the Sri Lankan government (Coastal Conservation Department) and the private sector (Tata Chemicals) were also presented at the event. II. Open Learning Day (November 5) Alongside the expo-style booths showcasing publications, posters and videos from each country, a series of seminars provided further insight on the Learning Day’s theme of resilience building from various national stakeholders. Over 80 people attended the full day event. CARE Sri Lanka and IUCN ELG-2 provided an overview of the collaborative project of promoting sustainable livelihoods in post-tsunami Sri Lanka. Members of the Sri Lankan tourism industry presented various perspectives on the strategy and plans of the development of Sri Lanka, with a special focus on tourism in the coastal zone. This session was followed by a seminar focused on building capacity for coastal managers in Integrated Coastal-zone Management (ICM) in the region. The objectives of the session were to how MFF interventions can support effective capacity building of Coastal Managers. IUCN provided a synthesis of how different MFF knowledge and skills can help support capacity of coastal managers. Maldives shared that local context is highly complex and soliciting feedback from stakeholders is important. Sri Lanka indicated that the evolution of ICM at a national level focused on developing second generation coastal managers and much of the lessons from that experience are helping them implement ICM. The Sri Lankan large project grantee Maha Oya Environmental Foundation Ltd. advised that project time frames are important; while The Sri Lanka Nature Forum reported that coordination with all project stakeholders contributed to the positive implementation of their MFF Large Project. A speaker from the Sustainable Development Foundation (SDF) in Thailand acknowledged that context-based communication was the most important tool SDF used in dealing with different coastal managers. She also emphasized that SDF provided a space for the community and created forums for communication with the local people, and that teamwork was very important, especially working towards a common goal. SDF uses local lessons to inspire and make changes in communities. The MFF Coordinator affirmed the importance of replicating this model of the learning event at the level of communities to encourage “a richer exchange among community members”. Maldives agreed, indicating that staff or representatives who attend events such as these should take the learning back to their respective organizations.
38
The MFF Program Manager synthesized the session, explaining that capacity development needs to occur at multiple levels, ranging from local stakeholders to national managers; it must also take the local context into account. He noted that there was consensus from the participants that MFF should focus on national level capacity development, through mechanisms such as peer-to-peer learning and organized training activities that were developed collaboratively with partners. Overall, the Open Learning Days were widely acknowledged as a great success and a highly valuable opportunity for country-to-country sharing of knowledge products and communication activities.
39
APPENDIX 1: MFF 2010- 2011 REGIONAL WORK PLAN Objective
Activity
2010 Nov
2011
Dec
Jan
Feb
Mar
Apr
May
Jun
Jul
Aug
Sep
Oct
Nov
Regional Governance RSC Meetings and associated Conferences/ Symposium
X
X X
RSC Sub�committee meetings and Working Groups
X
X
X
National Governance NCB Membership review and procedures
X
X
X
Revision of NSAPs and National Processes for Phase 2
X
X
X
X
X
New agreements for support to NCBs in 2011 Revision of NCB arrangements for new/revised projects Dissemination of results & lessons learned from SGF projects in Phase 1 Project Facilities Small Grant Facilities New Medium Projects and Revised Phase 1 Large Projects
X
X
X
X
A new round of SGF projects X
Identification and Approval
X
X
X
X
Contracting of Large Projects
X
Identification and Endorsement of Regional Studies by RSC
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
Implementation of Large Projects Regional Studies (2yrs)
X
X
X
Contracting of Regional Studies
X X
Implementation of Studies
X X
Communication, Knowledge Management and Outreach Study tours
40
Objective
Activity
2010 Nov
2011
Dec
Jan
Feb
Mar
Apr
May
Jun
Jul
Aug
Training Courses (August- Potential Training)
X
ICM Training (Proposed)
X
E-Newsletter
X
Regional learning events (Associated with RSC events)
X
Update Regional Knowledge Management & Communication Strategies
X
X
X
X X
Update National Communication Strategies & Action Plans Knowledge Management activities
X
X
X
X
Capacity Needs Assessment for NCBs
X
X
X
X
Sep
X
Oct
Nov
X
X
X
Key International and Regional Events
X
Monitoring Learning & Evaluation Review of Logical Framework and MFF-S Monitoring Update MLE (field visits - planned number of visits)
X 2
2
X 1
2
1
1
1
1
2
1
General Secretariat Operations Project Facilities
Review of SGF Project and Reporting
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
Project Facilities
LGF projects Phase 1 Reporting Review and extensions
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
MFF-S Operations
Support National Coordinators and NCB's
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
National Governance
NCB Meetings
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
41
APPENDIX 2: RSC-7 AGENDA
Mangroves for the Future (MFF) initiative Seventh Meeting of the Regional Steering Committee (RSC-7) 01‐ 04 November, 2010, The Blue Water, Wadduwa, Sri Lanka Date
Agenda Item / Activity
01 November Monday
a.m. Arrival Colombo Airport Transfer by road to The Blue Water, Wadduwa (travel time 1 hr 15 mins approx.) (Register for RSC-7 on arrival; RSC folders will be given out at the hotel)
12.30 -13.30
Lunch
14.00 -14.15
Welcome, introductions and agenda setting (Co-Chairs)
Session I
MFF Initiative – program progress since RSC-6 (January 2010)
14.15 – 16.45
MFF Phase 2 agreement with Sida (2010-14), priorities in Phase 2 and Secretariat preparations/initial actions undertaken to date (MFF Coordinator)
Developments at regional level: MFF Knowledge Management & Communications strategy, draft strategy for Private Sector engagement, regional learning events, etc. (MFF/IUCN)
Update on financial position (IUCN)
Clarification and Questions will be invited at the end of each presentation. (Tea/coffee break will be announced in session) 17.00 – 19.00 approx.
Inauguration Ceremony for RSC-7 and MFF Learning Events, followed by dinner hosted by Ministry of Environment and Natural Resources, Sri Lanka.
(details of the Inauguration Ceremony will be provided separately)
42
02 November Tuesday
RSC-7 DAY 2
Session II
Country Reports
09.00-13.00
Country by country reporting on progress and constraints since RSC-6, and priorities identified/recommended for 2011, followed by detailed discussion. (Note: a country reporting template will be provided by the Secretariat). (Tea/coffee break will be announced in session)
13.00 – 14.00
Lunch
Session III
MFF Phase 2: MFF Small Grants Facility (SGF)
14.00 – 14.30
Brief update on MFF Small Grant Facility (SGF) projects (Hanying)
14.30 – 16.30
Presentation of Working Group Report on SGF, with recommendations to RSC, followed by discussion.
16.30 – 17.00
Final discussion leading to RSC decisions. (Tea/coffee break will be announced in session)
18.30 onwards
Dinner hosted by MFF (arrangements to be advised)
03 November Wednesday
RSC-7 DAY 3
Session IV
MFF Phase 2: Large Projects and Regional Initiatives
09.00 – 09.45
Brief update on MFF Large Grant facility (LGF) projects (Janaka)
09.45 – 11.45
Presentation of Working Group Report on Large Projects and Regional Studies, with recommendations to RSC, followed by discussion.
11.45 – 12.30
Final discussion leading to RSC decisions (Tea/coffee break will be announced in session)
13.00 – 14.00
Lunch
Session V
MFF Regional Work Plan 2011 and endorsement of RSC decisions
14.30 – 15.30
Presentation of 20011 Summary Work Plan (Secretariat), followed by discussion
15.30 – 15.45
------------------------Tea/coffee break----------------------------------------
15.45 - 17.00
Finalisation and endorsement of RSC-7 decisions
43
17.00 – 17.30
Final Remarks and closing (Co-Chairs), followed by briefing on RSC Learning Day
18.30 onwards
Dinner (arrangements to be advised)
04 November Thursday
RSC-7 Learning Day
07.00-12.30
Field visit for RSC members to Madu Ganga lagoon and MFF project sites
13.00 - 14.00
Lunch
14.30 – 18.30
Learning Event for RSC members on the theme: “Building environmental and livelihood resilience in coastal and other vulnerable communities” This RSC learning event will be led by CARE and IUCN, but involving invited contributions from all MFF member countries and organizations.
18.30 onwards
Check out of hotel, dinner and departure for Colombo according to flight schedules (for those leaving on 4th November).
05 November Friday
Open Learning Day in association with RSC-7 “Building environmental and livelihood resilience in coastal and other vulnerable communities” A day open to RSC and NCB Sri Lanka members, MFF project holders, other invited organizations and the Press, featuring exhibits, films, presentations, roundtables, an MFF help desk, etc.
44
APPENDIX 3: LIST OF RSC-7 PARTICIPANTS Country/Org INDIA
Name Dr. V. Selvam
Mr. Satish H. Trivedi
INDONESIA
MALDIVES
Address
Tel/Fax
Director – Coastal Systems Research M.S. Swaminathan Research Foundation III Cross Strweet, Taramani Institutional Area Taramani, Chennai 600113 Senior Officer- Community Development, Tata Chemicals Limited, Mithapur – 361345, Dist Jamnagar, Gujarat, India
Vselvam45@hotmail.com
Tel: +91 2892 665316 +91 9824169937
satishtrivedi@tatachemicals.com
T: +91112625 7742 M:+91 98 4098 1971
Nm.ishwar@iucn.org
MFF India Coordinator IUCN India Office No. 20. Anand Lok, New Delhi – 110 049
Mr. Tommy Hermawan
Deputy Director of Marine and Fisheries, National development Planning Agency, Indonesia
Mr. Agus Sapari
Ministry of Marine Affairs and Fisheries Directorate General of Marine, Coastal and Small Islands Affairs Directorate of Coastal and Ocean
Tel: +62 21 3522059 Fax: +62 21 3522059 M: +62 817 003 5692
stefagsa@yahoo.com
Mrs. Wiene Andriyana
MFF Indonesia Coordinator
Tel: + 62 21 390 7937 M:+6281383281978
wiene_andriyana@yahoo.com
Mr. Mohamed Zuhair
Chair, NCB Maldives Director General, Environmental Protection Agency Jamaaludheen Complex, Nikagas Magu, Male’ Maldives MFF Maldives NCB member Country Director, Live and Learn Maldives
Tel: +960 333 5949
mohamed.zuhair@epa.gov.mv
Mr. Adam Shareef MFF Maldives Coordinator Programme Officer, Energy and Environment, UNDP Maldives
tommy_hermawan_1999@yahoo.com
fathimath.shafeeqa@livelearn.org
Tel: +960 3343261 Fax:+960 332 4504
adam.shareef@undp.org
Mr. Nimhan Senaratne
Seychelles NCB member M:+248 723222 Director, Environmental Engineering and Wetlands Section (EES) Department of Environment, Seychelles
n.senaratne@env.gov.sc
Mr. Herve Barois
Seychelles NCB member Project Coordinator (& Office Bearer) NGO - Sustainability For Seychelles, S4S Address: PO Box 900 – Victoria, Mahe Seychelles MFF Seychelles Coordinator UNDP Office: 3rd Floor Les Palmes Building, P.O Box 310 - Victoria - Seychelles Chair, Sri Lanka NCB, Civil Engineer / Additional Secretary Ministry of Environment and Natural Resources, 82, "Sampathpaya", Rajamalwatte Road, Battaramulla, Sri Lanka
Tel: +248 717833
info@s4s.sc
Tel: +248 225 914 M: 248 527 865
lyndy.sesel@gmail.com
Tel: + 94 11 2875327 Fax:+ 94 112879834
padmini@menr.lk
SEYCHELLES Ms. Lyndy Bastienne
SRI LANKA
Tel: 044-22542698; 22542699
Dr. N M Ishwar
Ms. Fathimath Shafeeqa
SEYCHELLES
Ms. Leela Padmini Batuwitage
45
Country/Org
Name Mr. Anil Premaratna
Dr. Ranjith Mahindapala
THAILAND
Tel: +94112472623 Fax: +94112438 005mailto:wrms @menr.lk
apremaratne@fisheries.gov.lk, premaratnaanil@yahoo.commailto:
wrms@menr.lk ranjith.Mahindapala@iucn.org
Ms. Siriporn Sriaram
MFF Thailand Coordinator IUCN Asia Regional Office, 63 Soi 39 Sukhumvit Road, Wattana, Bangkok 10110, Thailand
Tel: +66 83 849 7346 Fax: +66 2 662 4387
vithegrt1@gmail.com
Mr. Muhammad Javed Malik
Secretary Ministry of Environment Local Government Rural Development Complex, Near State Bank, G- 5/2, Islamabad PAKISTAN Deputy Inspector General - Forests Ministry of Environment, Government of Pakistan Enercon Building, Sector G-5/2, Islamabad Pakistan MFF Pakistan Coordinator IUCN Pakistan Country Office, 1, Bath Island Road, Karachi-75530 Pakistan
Tel: 92 51-9224579, 9212391 Fax: 92 51-9204126
secretary@moenv.gov.pk
Tel: 92-51-9245585, 9259031 Fax: 92-051-9245598
amqaimkhani@yahoo.com
Mr. Nitat Poovatanakul
Mr. Rafiul Haq
BANGLADESH
Additional Director on Coast Conservation, Coast Conservation Department, 4th Floor, New Secretariat, Malagawatte, Colombo 10, Sri Lanka
Tel : +94 11 2694094 Fax: +94 11268 2470
Mr. Abdul Munaf QaimKhani
VIETNAM
Tel/Fax
MFF Sri Lanka Coordinator Country Representative IUCN Sri Lanka Office 53, Horton Place Colombo 7, Sri Lanka Deputy Director General of DMCR, Department of Marine and Coastal Resources The Government Complex, 5th Floor, Building B, Chaengwattana 7 Road, Tung Song Hong, Lak Si, Bangkok 10210 THAILAND Director of Office of Mangrove Conservation
Mr. Chakraee Rodfai
PAKISTAN
Address
Deputy Administrator of VASI Vietnam Administration for Seas and Islands (VASI), Viet Nam Mr. Nguyen Nghia Director of Planning and Financial Bien Department Directorate of Forestry Ministry of Agriculture and Rural Development (MARD) 2 Ngoc Ha, Ba Dinh, Hanoi, Vietnam Ms. Bui Thi Thu MFF Vietnam Coordinator Hien Marine and Coastal Resources Programme Manager IUCN Viet Nam Office IPO Box 60, Villa No 4/44 Van Bao Street, Ba Dinh Dist. Ha Noi - Viet Nam Mr. Ishtiaq Uddin Chief Conservator of Forest Ahmad Forest Department, Government of Bangladesh
Tel: +92213586154043 rafi.haq@iucn.org ext. 244 Fax: ++92 21 35835760/ 35861448
Dr. Nguyen Chu Hoi
46
nchoi52@yahoo.com
Tel: (+84 4) - 7261575 / mailto:hien@iucn.org.vnhien. 7261576 (Ext. 123) buithithu@iucn.org Fax: (+84 4) - 7261561 M: 0903217960
Tel: +880-171-208-5988
Iuahmad55@gmail.com
Country/Org
Name
CAMBODIA
Mr. Kim Nong
UNDP
Mr. Joseph D'Cruz
COBSEA/UNEP
Dr. Ellik Adler
FAO
Mr. Patrick Durst
CARE
Address
Tel/Fax
Deputy Director General, General Department of Administration for Nature Conservation and Protection, Ministry of Environment #48, Preah Sihanouk Blvd, Camcarmon, Phnom Penh, Cambodia MFF Focal Point at UNDP Regional Technical Advisor UNDP Regional Centre in Bangkok United Nations Service Building, 3rd Floor, Rajdamnern Nok Avenue, Bangkok 10200 Thailand Coordinator COBSEA - Coordinating Body on the Seas of East Asia United Nations Environment Programme U.N Building 2nd Floor, Rajdamnern Nok Avenue, Bangkok, 10200, Thailand
Tel: +855-23214108 Fax: +855-23214108 M: + 855 12 717223
kimnongmoe@yahoo.com pmmr@online.com.kh
Tel: +66 22882726 Fax: +662 280 0556
joseph.dcruz@undp.org
Tel:+6622881905 Fax:+6622812428
ellik.adler@unep.org
MFF Focal Point at FAO Senior Forestry Officer , FAO Regional Office for Asia and Pacific 39 Phra Atit Road, Bangkok 10200, Thailand
Tel: +66 2 940 5700
Patrick.Durst@fao.org
Dr. Susil H.Liyanarachchi
Director Programs CARE International Sri Lanka (MFF Sri Lanka NCB member) No.7, Gregory's Road Colombo 7 Sri Lanka
susil@care.lk
IUCN
Mr. Kent Jingfors
SENSA
Dr. Anders Granlund
MFF Focal Point at IUCN Regional Programme Coordinator IUCN Asia Regional Office 63 Soi 39 Sukhumvit Road, Wattana, Bangkok 10110, Thailand Swedish Environmental Secretariat for Asia (SENSA), 17th Floor, Unit 1706, One Pacific Place, 140 Sukhumvit Road, Bangkok 10110 Thailand National Programme Officer, Swedish Environmental Secretariat for Asia (SENSA), 17th Floor, Unit 1103, One Pacific Place, 140 Sukhumvit Road, Bangkok 10110 Thailand Senior Programm Officer Development Cooperation Royal Norwegian Embassy, Bangkok 18th Floor, UBC II Building, 591 Sukhumvit Road, Soi 33, Bangkok 10110 Thailand
Tel: + 94-115346878/9 011-5346857 General + 94-11-5399170 Direct M :+ 94 77-3179189 Fax :+94-11-2693168 Tel: +662 662 4391 Fax: +662 662 4388
Ms Voralak Kosakul
NORWEGIAN EMBASSY
Mr. Chatri Moonstan
UNDP Maldives
Mohamed Inaz
Assistant Resident Representative (P) Environment and Energy UNDP Maldives UN Building, Buruzu Magu MalĂŠ, Maldives
47
kent.jingfors@iucn.org
anders.granlund@foreign.ministry.se
Tel: +662 2637251 Fax: +662 2637255
voralak.kosakul@foreign.ministry.se
Tel: +662 204 6523
Chatri.Moonstan@mfa.no Chatri.moonstan@hotmail.com
Tel.: +960 3324501 Ext. 237 Tel (direct): +960 3343237 Mobile: + 960 76 56 516 Fax: +960 332450
mohamed.inaz@undp.org
Country/Org
Name
UNDP INDONESIA
Mr. Iwan Kurniawan
UNDP SRI LANKA
Dr.Ananda Mallawatantri
BOBLME
Dr. Rudolf Hermes
IUCN ARO
Dr. T.P. Singh
IUCN BANGLADESH
Dr. Istiak Sobhan
IUCN PAKISTAN
Mr. Mahmood Akhtar Cheema
IUCN ELG-2
Maeve Nightingale
SRI LANKA
Dr J I Samarakoon
THAILAND
Address
Tel/Fax
Assi Programme Officer, Environment Unit UNDP Indonesia , Menara Thamrin Bldg. Fl 8 & 9, Jl. MH Thamrin No.3, Jakarta, Indonesia Assistant Resident Representative, Environment, Energy and Disaster Management Programmes, UNDP Sri Lanka SRI LANKA Chief Technical Advisor Bay of Bengal Large Marine Ecosystem Project, FAO Regional Office for Asia and Pacific, 39 Phra Atit Road, Bangkok 10200, Thailand Regional Group Head Ecosystems and Livelihoods Group 1, IUCN Asia Regional Office, 63 Sukhumvit Soi 39 Wattana, Bangkok 10110 Thailand Programme Coordinator IUCN Bangladesh Country Office House 11, Road 138, Gulshan 1, Dhaka 1212 Bangladesh Manager, IUCN Islamabad Office House # 9 Street # 64 F 8/4 Islamabad
Iwan.Kurniawan@undp.org
Tel: +662 697 4238 Tel: +662 6977 4445
Rudolf.hermes@fao.org
Tel: +662 662 4029 ext 104 Fax: +662 662 4388
TP.singh@iucn.org
Tel: +880 2 9890395, 9890423, 8852743 Ext 122 Fax: +880 2 9892854 M:+8801914554 789 Tel:+92512850250 M: +923452004242
istiak.sobhan@iucn.org
NCB member, MOE
Mr Ravi de Silva
Consultant - Hotel Owners’ Association of Sri Lanka
Mr Ajith Tennakoon
Sewalanka
Mr Ananda Wijesooriya
DG-DWLC
Mr Arkom Yuttana Senior Professional Level, Forestry Technical Officer Office of mangrove Resource Conservation 7th floor Department of Marine and Coastal Resources The Government Complex, 5th Floor, Building B, Chaengwattana 7 Road, Tung Song Hong, Lak Si, Bangkok 10210 THAILAND
48
Mahmood.Cheema@iucn.org
Maeve.Nightingale@iucn.org
Coordinator Regional Coastal & Marine Programme IUCN Asia Ecosystem Livelihoods Group 4/1 Adams Avenue Colombo 04 Sri Lanka Consultant
Mr Ajit Silva
Tel: +66 81 963 8569
Arkom.y@hotmail.com
Country/Org
Name Mr Chamnong Thanaphan
Mr Maitree Saengariyanan
Mr. Trithip Promthong
Mr. Wichai Somroop
IUCN Headquarters
Mr. Rodney Abson
MFF
Dr. Don Macintosh
Dr. Janaka deSilva
Ms. Hanying Li
Ms. Janalezza Morvenna A. Esteban
Address
Tel/Fax
Professional Level, Forestry Technical Officer Department of Marine and Coastal Resources The Government Complex, 5th Floor, Building B, Chaengwattana 7 Road, Tung Song Hong, Lak Si, Bangkok 10210, THAILAND Department of Marine and Coastal Resources The Government Complex, 5th Floor, Building B, Chaengwattana 7 Road, Tung Song Hong, Lak Si, Bangkok 10210 THAILAND Professional Level, Forestry Technical Officer Office of mangrove Resource Conservation 7th floor Department of Marine and Coastal Resources The Government Complex, 5th Floor, Building B, Chaengwattana 7 Road,, Tung Song Hong, Lak Si, Bangkok 10210, THAILAND Professional Level, Forestry Technical Officer Office of mangrove Resource Conservation 7th floor Department of Marine and Coastal Resources The Government Complex, 5th Floor, Building B, Chaengwattana 7 Road, Tung Song Hong, Lak Si, Bangkok 10210,THAILAND Science and Learning Officer Science and Learning IUCN (International Union for Conservation of Nature) 28 rue Mauverney, CH-1196 Gland, Switzerland MFF Coordinator Mangroves for the Future Secretariat, IUCN Asia Regional Office, 63 Soi 39 Sukhumvit Road, Wattana, Bangkok 10110, Thailand Programme Manager Mangroves for the Future Secretariat, IUCN Asia Regional Office, 63 Sukhumvit Soi 39 Wattana, Bangkok 10110 Thailand Senior Programme Officer Mangroves for the Future Secretariat, IUCN Asia Regional Office, 63 Sukhumvit Soi 39 Wattana, Bangkok 10110 Thailand MFF Regional Knowledge Management Officer, Asia 63, Sukhumvit Soi 39 Sukhumvit Road, Wattana, Bangkok, 10110 THAILAND
49
Tel: 66 81 898 9120
JUMNONG.38@hotmail.com
Tel: +66 81 897 0025
Maitree_48@hotmail.com
Tel: +66 81 963 7620
TRITHIP_48@Windowslive.com
Tel: +66 81 797 2271
Wichai_50@hotmail.com
Tel. +41 22 999 0282 Fax +41 22 999 0002
Rodney.Abson@iucn.org
Tel: +662 662 4061 ext. donald.macintosh@iucn.org 144 Fax: +662 662 4388
Tel: +662 662 4029 ext Janaka.desilva@iucn.org 151 Fax: +662 662 4388
Tel: +662 662 4029 ext hanying.li@iucn.org 145 Fax: +662 662 4388
Tel: +66 2 662 4029 Ext. 108 Fax: +66 2 662 4388
Janalezza.MORVENNAESTEBAN@iucn.org
Country/Org
Name Mr. Oliver D. Abrenilla
IUCN ARO
Mr. Michael Dougherty
Ms. Edwina Hollander
UNDP THAILAND
Mr. Poonsin Sreesangkom
WI-THAILAND
Mr. Jirapong Jeewerongkakul
SDF, THAILAND Ms. Ravadee Prasertcharoensu k
EFL, SRI LANKA
Ms. Chamila Weerathunghe
SLNF, SRI LANKA
Mr Sajeewa Chamikara
Address
Tel/Fax
UNEP Consultant (CCA/DRR)Mangroves for the Future Project MFF Secretariat, IUCN Asia Regional Office 63 Sukhumvit Soi 39 Wattana, Bangkok,10110 Thailand Regional Communications Coordinator, IUCN Asia Regional Office, 63 Sukhumvit Soi 39 Wattana, Bangkok 10110 Thailand Regional Communication Officer Asia Regional Office 63 Sukhumvit Soi 39 Sukhumvit Road, Wattana Bangkok 10110 Thailand MFF SGF Manager UNDP Thailand 12th Floor, UN Building, Rajdamnern Nok Avenue, Bangkok, THAILAND Project Manager , Wetland International – Thailand Office
Tel: +66 2 662 4029 Fax: +66 2 662 4388
oliver.abrenilla@rrcap.unep.org
Tel: +662 662 4029 ext 142 Fax: +662 662 4388
michael.dougherty@iucn.org
Tel + 66 2 662 4029 (ext. 157) Fax +66 2 662 4389
edwina.hollander@iucn.org
Director, Sustainable Development Foundation 86, adpraw110,Sutthiwattana2 Wangthonglang, Ladpraw Road Bangkok 10310, Thailand Project Manager Environmental Foundation Limited No.146/34, Havelock Rd, Colombo 05, Sri Lanka SLNF
Tel: 02-9353560 Fax: 02-9352721
IUCN Sri Lanka Mr Shamen Vidanage
Programme Coordinator, IUCN Sri Lanka Office
Mrs Kumudini Ekaratne
Senior Programme Officer IUCN Sri Lanka Office
Ms Angela Fernando
Executive Secretary
50
poonsin.sreesangkom@undp.org
jirapong_j@hotmail.com
ravadee.prasertcharoensuk@gmail.co m
eflchamila@sltnet.lk
sajeewa_chamikara@yahoo.com
1
สรุปประเด็นจาก MFF Mid-Course Evaluation Workshop 21 มกราคม 2554 ณ ศูนยชวี วิทยาทางทะเลภูเก็ต
โครงการที่เขารวมประชุมและนําเสนอผลงาน - การอนุรกั ษพน ื้ ที่ชุมน้ําแนวชายฝงทะเลอันดามัน จ.ระนอง - เครือขายอาวบานดอนรวมฟน ฟูอนุรักษปาชายเลน จ. สุราษฎธานี - ปลูกเตยปาหนันเปนแนวเขตปาชายเลน จ.กระบี่ - สรางพื้นที่ปาชายเลนใหนากทะเล จ.ภูเก็ต - พัฒนาเครือขายองคกรชุมชนกับการจัดการปาชายเลนและทรัพยากรชายฝงอยางยั่งยืน จ.ภูเก็ต - อาหารทองถิ่นรักษาปาชายเลน จ.ภูเก็ต - เสริมสรางการอนุรักษปาชายเลนทรัพยากรทางทะเลและชายฝงอาวทองตม จ.ชุมพร - ฟนฟูปาชายเลนและปาชายหาด ต.คลองประสงค จ.กระบี่ - เสริมสรางศักยภาพเครือขายชุมชนเพื่อการจัดการทรัพยากรชายฝง จ.ภูเก็ต - เสริมสรางจิตสํานึกและสงเสริมภูมิปญ ญาการจัดการนิเวศนชายฝงทะเลโดยการมีสวนรวมของชุมชน อาวพังงา จ.พังงา - ปาชายเลนเพื่ออนาคต จ.ภูเก็ต - เสริมสรางวิถชี ีวิตและการทองเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อความมัน ่ คงตอสิ่งแวดลอมและทรัพยากรชายฝง จ. ภูเก็ต
2
ความสําเร็จที่ได 1. โครงการไดดําเนินกิจกรรมตามแผนที่ไดวางไว โดยไดรับความรวมมือในการดําเนินโครงการเปนอยางดีจาก สมาชิกและชุมชน โดยมีผลงานอยางเปนรูปธรรม ผลที่ไดจากการทําโครงการสงผลใหชุมชน มีการจัดการและ เฝาระวังรักษาทรัพยากรชายฝงและปาชายเลน ในทางที่ดขี ึ้น เกิดภาวะความตระหนักและจิตสาธารณะขึ้นใน ชุมชน 2. เปนศูนยเรียนรูแ ละเปนสถานที่สาธิต ดูงานในลักษณะ best practice - โครงการปาชายเลนเพื่ออนาคต จ.ภูเก็ต ในพื้นที่ชุมชนปูดํา เปนพืน ้ ที่สาธิตและเรียนรูเรื่องการบําบัดน้ํา เสียของชุมชนกอนปลอย - โครงการปลูกเตยปาหนันฯ เพื่อศึกษาการรักษาปาชายเลนโดยใชมวลชนและสรางมูลคาใหแกพืช ทองถิ่น ซึ่งนอกจากจะปลูกเตยปาหนันเพือ่ กั้นเขตพื้นทีป่ าชายเลน ไมใหถูกรุกล้ําจากกลุม นายทุนปลูก ปาลม แลวยังพัฒนาตอยอดสรางผลิตภัณฑจักสานจากเตยปาหนัน โดยสงเสริมใหกลุมสตรีและเยาวชน เขามามีสวนรวมในการจัดการ - โครงการฟนฟูปาชายเลนและปาชายหาด จ.กระบี่ อนุรักษพื้นที่ปาชายเลนชุมชนจนมีความอุดม สมบูรณของสิง่ มีชีวิตสูงและมีนกนานาชนิด จึงมีหลายหนวยงานเชน UNESCO, Wetland International เปนตน เขาไปศึกษาเรื่องนกและความหลากหลายทางชีวภาพในปาชายเลน ต.คลองประสงค 3. การมีสว นรวมของกลุมตางๆ ในการดําเนินงาน เชน กลุมเยาวชน กลุม สตรี เครือขายอาสาสมัครพิทักษ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม หมูบาน (ทสม.) กลุม ราษฎรอาสาสมัครพิทักษปา (รสทป.) และหนวยงาน ราชการ เชน สถานีพัฒนาปาชายเลน สถาบันวิจยั และพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝงทะเล และปาชายเลน เปนตน - ทุกโครงการไดปลูกฝงและชักนําใหเยาวชนมีสวนรวมในการอนุรักษและการจัดการทรัพยากรชายฝงและ ปาชายเลน และพยายามผลักดันและสงเสริมใหมีในหลักสูตรเรียน - การสรางเครือขายเยาวชน เชน กลุม ทสม. นอย ในโครงการเสริมสรางวิถีชวี ิตและการทองเทีย่ วเชิงนิเวศฯ - การมีสวนรวมของกลุมสตรีในงานอนุรักษฯ สรางแกนนําเปนกลุมสตรี ในโครงการพัฒนาเครือขายองคกร ชุมชนฯ โครงการอาหารทองถิ่นรักษาปาชายเลนฯ เครือขายอาวบานดอนฯ - การสงเสริมอาชีพใหกลุมสตรี โดยมีขายการทํางานรวมกับโครงการเพื่อความแข็งแรงของเครือขาย เชน โครงการเตยปาหนัน สรางกลุมจักสานเตยปาหนัน / โครงการเสริมสรางศักยภาพเครือขายชุมชนเพือ่ การจัดการ
3
ทรัพยากรชายฝงจ.ภูเก็ต สงเสริมกลุมสตรีจักสานและกลุมน้ําพริกทาหลา / โครงการเสริมสรางจิตสํานึกและ สงเสริมภูมิปญ ญาการจัดการนิเวศนชายฝง ทะเลฯ จ.พังงา สงเสริมกลุม ผลิตภัณฑน้ํามันมะพราว 4. นําภูมิปญ ญาทองถิน่ มาประยุกตใช มีการจัดการความรูและเผยแพรองคความรู - โครงการเตยปาหนัน อนุรกั ษและฟนฟูเรื่องการจักสานเตยปาหนันแบบพื้นบาน โดยใหความสําคัญ ทั้งทรัพยากรบุคคลและองคความรู โดยการผลักดันใหเปนหลักสูตรในโรงเรียนและมีผูเชี่ยวชาญในโครงการมา เผยแพรความรู - โครงการอนุรักษพื้นที่ชุมน้าํ แนวชายฝงทะเลอันดามัน จ.ระนอง ใชภมู ิปญญาทองถิน่ โดยการปลูกตน จากในพื้นที่ปา ชายเลน เพื่อปองกันการรุกรานจากกระเพาะปลา (วัชพืช) ปองกันการเสื่อมโทรมของปา และเปน ที่อยูอาศัยของปูดํา นอกจากนี้ ใบจาก ยังสามารถนําไปจําหนายได - โครงการฟน ฟูปาชายเลนและปาชายหาดฯ จ.กระบี่ มีการปลูกตนโกงกางในพืน้ ที่นากุงราง (นากุง เสื่อมโทรม) เพื่อฟนฟูสภาพดินในบอกุง นอกจากนี้ เมือ่ ตนโกงกางมีสภาพสมบูรณ ชาวบานก็จะเลี้ยงปูดําในบอ นั้นตอไป โครงการนี้ ไดรวบรวมองคความรูและเผยแพรเปนหนังสือในชุด “คูมือการอนุรักษทรัพยากรชายฝง โดยกลุมรักษสิ่งแวดลอมบานเกาะกลาง” - โครงการเสริมสรางศักยภาพเครือขายชุมชนเพื่อการจัดการทรัพยากรชายฝง จ.ภูเก็ต และโครงการ เสริมสรางจิตสํานึกและสงเสริมภูมิปญ ญาการจัดการนิเวศนชายฝงทะเลฯ จ.พังงา ผลิตสื่อวิดีโอเพื่อถายทอด กรณีศึกษาการอนุรักษและการจัดการทรัพยากรชายฝงและปาชายเลน โดยชุมชน - โครงการเสริมสรางการอนุรักษปาชายเลนทรัพยากรทางทะเลและชายฝงอาวทองตม จ.ชุมพร ทําการ บวชปลาเพื่อกําหนดฤดูกาลจับปลาและเปนการอนุบาลสัตวน้ําวัยออน นอกจากนี้ ยังทําซั้ง (ปะกะรังเทียม) เพื่อ เปนแหลงที่อยูอ าศัยของสัตวน้ําในอาวตอนใน - โครงการอาหารทองถิ่นรักษาปาชายเลน จ.ภูเก็ต ฟน ฟูตํารับอาหารพื้นบานที่มวี ัตถุดิบมาจากปาชาย เลน โดยมีกลุม สตรีเปนแกนนําในการสาธิตปรุงอาหาร และจะรวบรวมออกมาเปนตําราอาหารเพื่อเผยแพร 5. การนําทรัพยากรทองถิน่ ทีห่ ายากหรือมีความสําคัญตอชุมชน เปนเครื่องมือในการทํางานอนุรักษฯ เห็นไดจาก การใชนากทะเลและตนพังกาหัวสุมดอกขาว ซึ่งเปนสัตวและพืชทองถิน่ ที่ใกลสูญพันธุ มาเปนแรงจูงใจให ชุมชนรวมกันอนุรักษปาชายเลน และประกาศพื้นที่ปาชายเลนชุมชนเปนเขตอนุรักษปาชายเลนและทรัพยากร ชายฝง นอกจากนี้ โครงการอาหารทองถิ่นรักษาปาชายเลน จ.ภูเก็ต ยังชูธงเรื่องการนําวัตถุดิบทั้งพืชและสัตวที่ รับประทานไดจากปาชายเลน มาใชในการทําอาหาร ทําใหเห็นความสําคัญของความมั่นคงทางดานอาหาร คุณคาอันหนึ่งของปาชายเลนและทรัพยากรชายฝง นอกจากนี้ ยังไดฟนฟูวถิ ีชีวิตและอาหารพื้นบานที่หายาก
4
เชนเดียวกันกับโครงการที่อาวทองตม และโครงการทองเที่ยวเชิงนิเวศ จ. ภูเก็ต เนื่องจากมีศักยภาพใน ดานการทําทองเที่ยวเชิงนิเวศ เพราะมีทรัพยากรทะเลและชายฝง ที่สวย มีปะการังและทิวทัศนที่งดงาม เปนจุด ขายที่ดีตอนักทองเที่ยว ดังนัน้ โครงการทั้งสองจึงทําการอนุรักษทรัพยากรตรงนี้ โดยการสรางความตระหนัก และมีสวนรวมใหแกชุมชนใหเห็นคุณคาของทรัพยากรและรวมมือกันอนุรกั ษ หลีกเลีย่ งการทําทองเที่ยวกระแส หลัก เพื่อการใชประโยชนอยางยั่งยืน 6. การผลักดันผลสําเร็จสูเครือขาย สูนโยบายและแผนทองถิ่น นอกจากจะดํ าเนิน การภายในชุ ม ชน หลายๆ โครงการได เชื่ อ มและสรา งเครื อข ายออกไปยั งพื้น ที่ ใกลเคียง และจังหวัดใกลเคียง เพื่อเสริมศักยภาพการทํางาน เชน โครงการพัฒนาเครือขายองคกรชุมชนกับการ จัดการปาชายเลนฯ ไดสรางเครือขายอาวพังงา โดยสรางกิจกรรมเพื่อเชื่อมโยงชุมชนในพื้นที่ 2 จังหวัด คือ ภูเก็ตและพังงา เขาดวยกัน เพื่อสรางความเขมแข็งของเครือขายและศักยภาพงานอนุรักษปาชายเลน นอกจากนี้ โครงการเสริมสรางศักยภาพเครือขายชุมชนเพื่อการจัดการทรัพยากรชายฝง จ.ภูเก็ต และ โครงการเสริมสรางจิตสํานึกและสงเสริมภูมิปญญาการจัดการนิเวศนชายฝงทะเลโดยการมีสวนรวมของชุมชน อาวพังงา จ.พังงา นอกจากจะรวมมือกันทํางานในระดับโครงการ ยังไดทํางานรวมกับเครือขายอาวพังงาที่จับมือ กันระหวาง ภูเก็ต พังงาและกระบี่ ไปจนถึงเครือขายอันดามัน 6. การตอรอง การปรับตัว และการพัฒนาตอยอด หลายๆ โครงการ ตองรับกระแสของการทองเที่ยวกระแสหลักและการขยายตัวของเมืองที่รุกล้ําพื้นที่ปา ชายเลนและชายฝง ดังนั้น การปรับตัวในวิถีทางที่ไมสรางผลกระทบทางลบตอทั้งสองฝายจึงเปนกลยุทธที่ สําคัญ ดังเชน โครงการทองเที่ยวเชิงนิเวศของ จ.ภูเก็ต ตองใชการปรับตัวและตอรองกับโรงแรมที่เขามาสรางใน พื้นที่ชายฝงชุมชน โดยสงเสริมการทองเที่ยวเชิงนิเวศใหแกชุมชนและตอรองใหโรงแรมมีการสนับสนุนการ ทํางานควบคูกันไป สรางความเขาใจในงานอนุรักษแกชุมชนและโรงแรม การตอรองกับชุมชนในการอนุรักษและอนุบาลสัตวน้ําในเขต zoning ของโครงการที่ทองตมใหญ โดย ตอรองขอใหชุมชนไมจับสัตวน้ําในพื้นที่อนุรกั ษ และวางแผนรวมกันในการจับสัตวน้ํา การตอรองกับเจาของนากุงราง ที่จะขอปลูกตนโกงกางเพื่อฟนฟูดิน ของโครงการ ฟนฟูปาชายเลนและ ปาชายหาด ต.คลองประสงค จ.กระบี่ การสรางความเขาใจกับชุมชนและตอรองกับคอกหอย ในการปกเขตพื้นที่อนุรักษปาชายเลนของอาว บานดอน การพัฒนาตอยอดของหลายๆ โครงการในการทํากลุมสัจจะออมทรัพย การทําธนาคารปูดําเพื่อจัดการ ไขนอกกระดองและธนาคารตนจากของโครงการการอนุรักษพื้นที่ชุมน้ําแนวชายฝงทะเลอันดามัน จ.ระนอง อัน
5
เปนผลิตผลจากการทําโครงการ นอกจากนี้ กลุมเตยปาหนัน ก็จะพัฒนาผลิตภัฒฑจากเตยปาหนันใหกลุมสตรี ขยายกิจการมากยิ่งขึ้น และสงเสริมใหชุมชนมาชวยกันปลูก ปญหา
เชิงเทคนิคและฤดูกาล การปลูกพืชปาชายเลนที่เหมาะสมกับสภาพพืน้ ที่และสภาพอากาศ การรุกล้ําพืน้ ที่ปาชายเลนของกลุมนายทุน การทับซอนของกรรมสิทธิที่ดิน การทองเทีย่ วกระแสหลักและการขยายตัวของเมืองและบานจัดสรร ในบางพื้นที่ ขาดการสงเสริมและสนับสนุนจากหนวยงานทองถิ่น
ขอเสนอแนะและประเด็นพิจารณา 1. การจัดการความรู ผานหนังสือ คูมือและสื่อตางๆ และถายทอดความรูจากรุน สูรนุ 2. ความยั่งยืนของงาน 3. การเชื่อมตอเครือขาย ประเด็นและสถานการณปญ หาที่จะเชื่อมตอ การสรางพรรคพวก การประสานงานกับ หนวยงานอืน่ ๆ และกับโครงการอืน่ ๆ รวมทั้งประสานแผนกับแผนทองถิ่น (อปท.) 4. การสรางโมเดลการทํางาน การขึ้นทะเบียนและทําใหเปนเรื่องถูกกฎหมาย 5. การรวมกลุม ทํากลุมสัจจะออมทรัพย สหกรณตางๆ 6. ธนาคารเครือขาย กองทุนตอสูคดีและกองทุนสวัสดิการตางๆ 7. การจัดการความขัดแยง ตั้งแตระดับนโยบาย 8. การสรางกลยุทธการตลาด เพื่อเพิ่มมูลคาของสินคาและผลิตภัณฑ 9. การตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดลอม เชน น้าํ เสีย เก็บตัวอยางและตรวจนับเพื่อเปนขอมูลเชิงปริมาณ 10. การตอยอดการทํางาน โดยศึกษาขอเสนอแนะจาก MFF ใน “โครงการที่สําคัญ (Flagship Projects) เพื่อ รองรับยุทธศาสตร” การกําหนดโครงการที่สําคัญเพื่อรองรับยุทธศาสตรการดําเนินงานของโครงการ MFF ในระยะ ที่ 2 (พ.ศ.2553-2556) ไดแบงกลุมของโครงการที่สําคัญออกเปน 2 กลุมหลักคือ 1) กลุมโครงการที่ทางโครงการ MFF ตองสนับสนุนในระยะเรงดวนและมีความสําคัญสูง เนื่องจากเปนโครงการที่มีความจําเปนเรงดวนที่ทางโครงการ MFF ตองใหความสําคัญและให การสนับสนุนโครงการโดยเรงดวน เพื่อเปนการปองกัน แกไข หรือพื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศ
6
ชายฝง อีกทั้งเปนโครงการที่มีความสอดคลองกับเจตนารมณของแผนยุทธศาสตรการดําเนินงานของโครงการ MFF ที่เนนการสงเสริมการเขาถึงความรูและคุณคาของปาชายเลนและระบบนิเวศชายฝงใหกับชุมชนทองถิ่น เพื่อเปนการปองกัน/บรรเทาความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งประกอบดวยโครงการที่ สําคัญดังนี้ 1.1) โครงการเสริมสรางขีดความสามารถชุมชนชายฝงเพื่อปรับตัวกับความเสี่ยงดานเสภาพ ภูมิอากาศและภัยธรรมชาติ (การสรางกลไกการปรับตัวของชุมชน/การสรางความมั่นคงทางอาหาร) 1.2)
โครงการบูรณาการความรวมมือในการอนุรักษและฟนฟูระบบนิเวศปากแมน้ําและ
ทรัพยากรทางชีวภาพที่มีคุณคา (การคุมครองระบบนิเวศเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ) 1.3) โครงการพัฒนาดัชนีชี้วัดสถานภาพและความหลากหลายทางชีวภาพของในพื้นที่ปาชาย เลนและระบบนิเวศชายฝง (การจัดทําดัชนีชี้วัดอยางงายโดยชุมชนมีสวนรวม) 1.4) โครงการสงเสริมศักยภาพองคกรชุมชนและภาคีเครือขายในการจัดทําแผนยุทธศาสตร ทองถิ่นเพื่อการจัดการปาชายเลนและระบบนิเวศชายฝงแบบมีสวนรวม (การพัฒนากลไกดานแผนยุทธศาสตร ในระดับทองถิ่นรวมกับองคกรปกครองสวนทองถิ่น) 1.5) โครงการสงเสริมการวิจัยเชิงปฎิบัติการโดยชุมชนมีสวนรวมในการจัดการปาชายเลนและ ระบบนิเวศชายฝงอยางยั่งยืน (การวิจัยโดยใชปญหาในชุมชนเปนประเด็นวิจัย) 1.6)
โครงการจัด ทําหลักสู ตรการเรียนรูดา นปาชายเลนและระบบนิเวศชายฝงสําหรั บ
สถานศึกษาในทองถิ่น (หลักสูตรทองถิ่น) 1.7) โครงการการจัดการทรัพยากรโดยอาศัยหลักการจากภูเขาสูทะเล (Reef to Ridge) 2) กลุมโครงการที่ทางโครงการ MFF ตองสนับสนุนในระยะยาว/ตอเนื่อง เนื่ อ งจากเป น โครงการที่ มี ค วามเมหมาะสมสํ า หรั บ การสนั บ สนุ นการดํ า เนิน งาน แต อาจ จําเปนตองอาศัยความรวมมือของหลายฝายในการดําเนินงานในระยะยาว และสามารถสรางความยั่งยืนใหกับ ระบบนิเวศชายฝงได และโครงการที่จัดทําขึ้นนั้น อาจกําหนดหวงเวลาของการดําเนินงานออกเปนระยะๆ ได
7
เชน ระยะแรกเปนการริเริ่ม/รวบรวม/จัดทํา สวนระยะที่สอง เปนการนําไปใช/การวางแผน/การตัดสินใจ ซึ่ง ประกอบดวยโครงการที่สําคัญดังนี้ 2.1) โครงการสํารวจติดตามการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศชายฝงโดยฐานชุมชน (การสงเสริม บาทของชุมชนในการเขาถึงคุณคาของระบบนิเวศชายฝง) 2.2) โครงการพัฒนากลไกการเขาถึงการใชประโยชนจากทรัพยากรเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ชุมชนจากฐานชีวภาพ (การยกระดับการใชทรัพยากรชีวภาพเชิงเศรษฐกิจดวยภูมิปญญาทองถิ่น) 2.3) โครงการฝกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพองคกรชุมชนและภาคีเครือขายในไกลเกลี่ยขอ พิพาทดานทรัพยากรชายฝงและปาชายเลน (กลไกการแกไขความขัดแยงดานทรัพยากรธรรมชาติ) 2.4) โครงการเตรียมความพรอมสําหรับการเปนชุมชนแหงการปฏิบัติจริง (CoP’s) ดานการ จัดการปาชายเลนและระบบนิเวศชายฝง (การสรางศักยภาพของชุมชนใหเขมแข็ง) 2.5) โครงการสงเสริมบทบาทของผูหญิง เยาวชน และผูเสียโอกาสในสังคมเพื่อการเขาถึงสิทธิ ในการจัดการและใชประโยชนทรัพยากรชีวภาพในระบบนิเวศชายฝงเพื่อความมั่นคงของวิถีชีวิตชุมชนและ ทรัพยากรธรรมชาติ (สงเสริมบทบาทชาย-หญิงและผูเสียโอกาสดานทรัพยากรธรรมชาติ) 11.การสรุปองคความรูของรุนในรูปแบบของหนังสือ โดยทุกโครงการประสานงานกันทํา
สาส์นสัมพันธ์
มกราคม-กุมภาพันธ์ 2554
สาส์นสัมพันธ์ฉบับแรกของปี 2554 ขอกล่าวสวัสดีปีใหม่ และ ต้อนรับสมาชิกทุกท่านเข้าสู่ข่าวสาร และเนื้อหาสาระของการพัฒนาสิ่งแวดล้อมโลก หวังว่าทุกท่านคงได้สัมผัสกับลมหนาว และ ลมร้อน สลับกัน ไปแบบผิดธรรมชาติ ท่านผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน หลายท่าน ให้ความเห็นว่าการผิดธรรมชาตินั้นมาจากการที่โลก ร้อนขึ้นกว่าเดิม แล้วทาให้เกิดการแปรปรวนของสภาวะภูมิอากาศที่ยุ่งยากต่อการพยากรณ์และปรับตัวมากขึ้น ปีที่แล้วหลายท่านคงได้ทราบข่าวแล้วว่ามีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นหลายแห่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปเอเชีย ของเรา ที่หนักๆ ก็คือน้าท่วมในปากีสถาน และประเทศไทย ดินถล่มในประเทศจีน และไฟป่าในไซบีเรีย สื่อมวลชนได้มีการพูดถึงสถานการณ์เหล่านี้เป็นเวลาหลายเดือน พอย่างเข้าเดือนมกราคมของปีใหม่ 2554 ภัยธรรมชาติก็กระจายไปสู่ทวีปอื่นอย่างทั่วหน้า แบบที่เรียกว่า ไม่มีทวีปใดได้เปรียบเสียเปรียบ ขอเริ่มจาก เหตุการณ์พายุหิมะปกคลุม 50 มลรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกาใน ทวีปอเมริกาเหนือทาให้การจราจรทางอากาศเป็นอัมพาตอยู่หลายวันเพราะมีการยกเลิกเที่ยวบินหลายพัน เที่ยวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภัยต่อมาเกิดที่ทวีปออสเตรเลียคือเกิดน้าท่วมแบบไม่เคยมีมาก่อนทาให้รัฐบาล ต้องประกาศรัฐควีนสแลนด์เป็นพื้นที่ประสพภัยพิบัติจากน้าท่วม แต่ก่อนนี้รัฐนี้เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นรัฐที่แห้งแล้ง ซ้าซาก พอฝนหนักต่อเนื่องมาครั้งเดียว หลายเมืองในรัฐนี้ก็ถูกน้าท่วมหนักต้องอพยพผู้คนในทันที ถัดไป พระแม่ธรณีก็ทรงแสดงอานาจในทวีปอเมริกาใต้ ฝนตกต่อเนื่องในบราซิลประมาณหนึ่งเดือนทาให้เกิดดินถล่ม ทาให้บ้านเรือนเกิดความเสียหายแบบไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 700 คน และไร้ที่ อยู่อาศัยอีกหลายพัน เรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับภัยธรรมชาติยังไม่ทันจะจางหาย เรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับการเมืองการปกครองก็เข้ามา เป็นข่าวหน้าหนึ่งแทน เริ่มต้นจากประเทศตูนีเซีย ต่อไปยังอียิปต์ เยเมน บาห์เรน อิหร่าน ฯลฯ ประเทศ เหล่านี้มีผู้นาที่อยู่ในอานาจมานานมากกว่า 20 ปี และส่วนใหญ่เป็นประเทศกาลังพัฒนาและเป็นสมาชิกของ แผนสนับสนุนโครงการขนาดเล็กของกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก GEF SGP ทั้งนั้น ผู้ประสานงานในประเทศ เหล่านี้ต่างก็มีอายุอานามแก่เฒ่า พอๆกับผู้ประสานงานในประเทศไทย และชอบพอกันมาเป็นเวลากว่า 10 ปี สาส์นสัมพัน์ก็ได้แต่หวังว่าเหตุการณ์ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวงคงจะกลับเข้าสู่ภาวะปรกติในเร็ววัน ขอเสนอข่าวเกี่ยวกับโครงการบ้าง วันที่ 19-20 มกราคม คณะจากส่วนกลางได้ไปเยี่ยมเชียร์โครงการป่า ชายเลนเพื่ออนาคต 4 โครงการที่ภูเก็ต และ ในวันที่ 21 ก็ได้จัดเวทีเสนอผลงานของ 15 โครงการที่ได้รับ การสนับสนุนจาก MFF SGF ทัง้ 2 รุ่น ตัวแทนโครงการจาก 15 โครงการได้เสนอผลงาน และนาผลผลิตของ โครงการอย่างน่าประทับใจ รวมทั้งได้วางแนวทางของความร่วมมือต่อไปในอนาคตว่า จะต่อยอดและขยาย ผลต่อไปอย่างไร สิ่งหนึ่งที่น่ารอคอยก็คือทั้ง 15 โครงการได้ตกลงกันเขียนประสบการณ์การทางานด้าน สิ่งแวดล้อมเพื่อทาเป็น pocket book ให้ทุกภาคส่วนอ่านได้โดยไม่เครียด เช่นเดียวกับที่ รุ่น 8/1 ของ GEF SGP ได้ปฏิบัติมาแล้ว สาส์นสัมพันธ์เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า งานนี้คงมีนักเขียนดาวรุ่งดวงใหม่เกิดขึ้นหลายดวง หรือที่รุ่งอยู่แล้วคงจรัสแสงมากขึ้นกว่าเดิม นะเจ้าคะ สาส์นสัมพันธ์ได้รับข่าวจากคุณนิธิมา GEF SGP รุ่น 9 ที่ทาโครงการรักษาป่าแถวทุ่งกุลาร้องไห้ จังหวัด ร้อยเอ็ด บอกว่าไปเที่ยวเกาะสีชังมา ระหว่างรอเรือข้ามเกาะเห็นว่ามีคอนโดปูไข่ที่ได้รับการสนับสนุนจาก GEF SGP แต่ไม่ทราบว่ายังมีกิจกรรมอยู่หรือไม่ เห็นผูกไว้อยู่กับเสาอาคารที่เกาะลอย อ.ศรีราชา (สาส์นสัมพันธ์ ขอตอบแทนว่ากิจกรรมยังอยู่ขอรับ) ส่วนโครงการ ที่ทุ่งกุลาร้องไห้ที่ปิดโครงการแล้ว ก็มีกิจกรรมต่อเนื่องไป เรื่อยๆคือ วันที่ 11 ม.ค.นี้จะมีครูและ NGO จากอ.แม่จัน จ.เชียงราย จานวน 50 คน มาดูงานการจัดการศึกษา และหลักสูตรท้องถิ่นเรื่องการอนุรักษ์ป่าและทรัพยากรธรรมชาติโดยชาวบ้าน และเมื่อสิ้นปีที่แล้วมีชาวบ้านที่ สนใจจะดาเนินกิจกรรมอนุรักษ์ป่าชุมชนในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ดที่แสดงตัวอยากเข้าร่วมเครือข่ายอีก 10 ป่า และ ใน 10 ป่า มีอีก 3 ป่าที่ได้มีการประชาคมหมู่บ้าน และจัดตั้งคณะกรรมการฯ เรียบร้อยแล้ว แต่โดยความ คาดหวังของชาวบ้านนั้นเขาต้องการให้มีคนสนับสนุนเงินในการดาเนินงาน ........” ระหว่างวันที่ 26 -27 มกราคม 2554 ผู้ประสานงานฯ พูนสิน และ กรรมการฯ ฉลอง ดิษสี ได้เดินทาง ไปเยี่ยม โครงการรุ่น 11/1 คือโครงการไฟฟ้าพลังน้าของ บ้านห้วยบะบ้า ต.แจ่มหลวง อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่แต่พื้นที่อยู่ใกล้ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน มากกว่าเชียงใหม่ ก่อนเดินทางไปเชียงใหม่ ผู้ประสานงาน ฯ มีอาการ หวัดลงคอ เจ็บคอ พูดไม่มีเสียง แต่ปรากฏว่า เมื่อไปถึงบ้านแม่ละอุป ได้ยาสมุนไพรชงน้าร้อน ของชาวปกาเกอะญอ จากพ่อหลวงวิจิตร พนาเกรียงไกร แห่งบ้านแม่ละอุปดื่ม ปรากฏว่าอาการดีขึ้น ต่อม น้าลาย และเส้นเสียง ทางานเป็นปกติภายใน 10 นาที (จริงๆ) ยาสมุนไพรดังกล่าว มีชื่อว่า นาปาจอ ไม่ทราบ ว่าสะกดคาผิดหรือไม่ ขอเวลาค้นหารายละเอียด แล้วจะนามาเล่าสู่ให้ทราบในโอกาสต่อไปนะครับ วันที่ 10-12 กุมภาพันธ์ 2554 ตัวแทนโครงการรุ่น 11/1 จานวน 10 โครงการ ได้ไปพบปะแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ในการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อประเมินโครงการกลางปี ที่ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ทั้ง 10 โครงการนี้เคยพบปะกันมาก่อนหน้านี้แล้วหนึ่งครั้งที่ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ในการประชุมเพื่อพัฒนา โครงการ ดังนั้นบรรยากาศของการพบปะกันครั้งที่ 2 นี้ จึงทาให้มิตรภาพงอกงามขึ้นกว่าเดิม และเนื่องจาก โครงการเกือบทั้งหมดเน้นประเด็นเรื่องการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนเพื่อลดสภาวะโลกร้อน และการ เปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้จึงมีรสชาติเหลือหลาย มีการนาผลผลิตของโครงการมา สาธิต ไม่ว่าจะเป็นเตาแกลบ เตาชีวมวล ตะบันน้า และเอกสารเผยแพร่ เพื่อให้ความรู้ เป็นที่น่าสังเกตว่า มี สุภาพสตรี เพียง 4 ท่านเท่านั้นที่เข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยน 2 ใน 4 เป็นกรรมการฯ แต่ก็ไม่แปลก เพราะ กิจกรรมในโครงการส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการสร้างสิ่งของหนักๆทั้งนั้น และทักษะเฉพาะทางของสุภาพบุรุษ แต่พอถึงการใช้ประโยชน์ สุภาพสตรีจะเป็นผู้บงการเจ้าค่ะ ............สาส์นสัมพันธ์ขอเชิญทุกท่านเที่ยวชม โครงการในหน้าต่อไป
4 ภาพในกลุ่มนี้แสดงผลงานในพื้นที่ของ 4 โครงการป่าชาย เลนเพื่ออนาคตที่ภูเก็ต-พังงา ภาพแรกเป็นภาพของต้นเหงือก ปลาหมอซึ่งเป็นพืชพันธุ์ป่าชายเลนที่มีคุณสมบัติเป็นยา ซึ่งถ้า ไม่มีโครงการป่าชายเลยเพื่ออนาคตภูเก็ต พื้นที่ตรงนี้ก็คง กลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวไปแล้ว ภาพที่ 2 เป็นภาพพื้นที่ป่าชาย เลนที่โครงการเสริมสร้างศักยภาพเครือข่ายชุมชนเพื่อการ จัดการทรัพยากรชายฝั่งจังหวัดภูเก็ตขอคืนมาได้จากผู้บุกรุก ภาพที่ 3 เป็นภาพของชุมชนเป้าหมายของโครงการเสริมสร้าง วิถีชีวิตชุมชนและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อความยั่งยืนของ สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรชายฝั่ง ซึ่งชาวบ้านกลุ่มนี้พยายาม รักษาพื้นที่ชายหาดเพื่อการประมงชายฝั่งที่ยั่งยืน ภาพสุดท้าย เป็นภาพป่ายเลนของชุมชนที่ฟื้นตัวจากเหมืองแร่ในโครงการ เสริมสร้างจิตสานึกและส่งเสริมภูมิปัญญาการจัดการนิเวศ ชายฝั่งโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนอ่าวพังงา
โครงการไฟฟ้าพลังน้าของบ้านห้วยบะบ้า GEF SGP รุ่น 11/1 อาเภอกัลยานิวัฒนา เชียงใหม่ กาลังดาเนินการก่อสร้างอย่าง เข้มข้นต่อเนื่อง เสาไฟฟ้าในหมู่บ้านปักเรียบร้อยแล้ว ยังคง เหลือการติดตั้งแครื่องจักรแล้วปล่อยไฟให้ชาวบ้านกว่า 50 ครอบครัวได้ใช้ นอกจากหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากการใช้ไฟฟ้าสายส่งแล้ว ชาวบ้านยังมีการใช้เตา ประสิทธิภาพสูงเพื่อให้มีการประหยัดไม้ฟืน ภาพสุดท้ายคือ โรงสีข้าวพลังน้าของบ้านแม่ละอุป รุ่น 6 ซึ่งปิดโครงการไป แล้วตั้งแต่ปี 2549 โรงสีข้าวตั้งอยู่ใกล้ๆบ้านห้วยบะบ้า ยังใช้ได้ ตามปรกติ ข้างโรงสีมีข้อความว่าโรงสีแห่งนี้สามารถหลีกเลี่ยง การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ได้ในอัตราเท่าใด ผู้ประสานงานบังเอิญผ่านไป ก็เลยเก็บภาพมาฝาก
10-12 ก.พ. ผู้แทนจาก 10 โครงการรุ่น 11/1 ได้ไปร่วมประชุม เชิงปฏิบัติการเพื่อประเมินโครงการกลางเทอม ที่ อ. นครไทย พิษณุโลก มีการนาเอาผลผลิตโครงการไม่ว่าจะเป็นเตาชีว มวล เตาประหยัดพลังงาน ตะบันน้า เอกสารเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ และ ของที่กินได้ดื่มได้ไปแลกเปลี่ยนกัน ทาให้ รู้ว่าของบางอย่างที่เคยพูดกันว่าชาวบ้านผลิตไม่ได้ บัดนี้ ชาวบ้านสามารถผลิตได้แล้ว และ มีความมั่นใจในผลผลิตของ ตัว ทั้งสิบโครงการได้ดาเนินกิจกรรมมากว่า 12 เดือน แล้ว สาส์นสัมพันธ์เห็นว่า ทั้งสิบโครงการสามารถดาเนินโครงการได้ ตามแผน จะมีช้าบ้างในบางกิจกรรมที่เนื่องมาจากเหตุสุดวิสัย แต่ก็คาดว่า จะสามารถปิดโครงการได้ภายในสิ้นปีนี้ หรือ ต้นปี หน้า เป็นอย่างช้า ภาพสุดท้ายของกลุ่มนี้ คือการจุดเตาโชว์ ระหว่างเตาแกลบจากอุดรธานี และเตาชีวมวลจากพิจิตร ส่วนผู้ ที่นั่งชมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้านั้นมาจากบุรีรัมย์-สุรินทร์ เจ้าค่ะ 22 ก.พ. สมาคมจัดการทรัพยากรน้า ร่วมกับการประปานคร หลวง การประปาภูมิภาค กรมทรัพยากรน้า ฯ และอีกหลาย องค์กรได้จัดสัมมนาในประเด็นปัญหา เรื่องการจัดการน้าใน ระดับลุ่มน้า โดยได้เชิญตัวแทนจากกรรมการลุ่มน้าทั้ง 25 ลุ่ม น้าทั่วประเทศเข้าร่วม งานนี้มีสมาชิกเครือข่ายของแผน สนับสนุนโครงการขนาดเล็กของชุมชน กองทุนสิ่งแวดล้อม โลก GEF SGP หลายรุ่นหลายโครงการเข้าร่วม ในภาพเป็นการ แลกเปลี่ยนการปรับคุณภาพน้าเสียก่อนปล่อยทิ้งจากบ้านเรือน ของโครงการรุ่น 10/1 ของคุณฉลวย กระเหว่านาค จาก ปทุมธานี และรุ่น 1 ของดร.วสันต์ จอมภักดี จากเชียงใหม่ ดร. วสันต์ สนใจที่จะนาเอาเทคโนโลยีชาวบ้านตัวนี้ไปใช้ปรับ คุณภาพน้าทางเหนือ การสัมมนาได้นาคนต้นน้าและท้ายน้า มาพบกัน ทาให้เกิดเครือข่ายขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และด้วย หัวใจของความร่วมมือเพื่อสิ่งแวดล้อมโลก
หน้า 3 ฉบับนี้ ขอพูดคุยต่อถึงผลกระทบ-ผลต่อเนื่องของโลกร้อนซึ่งทาให้น้าแข็งขั้วโลกละลายกลายเป็นน้า คน ส่วนใหญ่คิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเร่งด่วน เป็นปัญหาที่นักวิทยาศาสตร์ และ นักสิ่งแวดล้อมวาดภาพเอาเอง แต่ ณ ปัจจุบัน ปัญหานี้ได้เริ่มส่งผลในทางลบแล้ว เนื่องจากมีผู้คนในพื้นที่หลายแห่งทั่วโลกได้รับผลกระทบนี้อย่าง ชัดเจน ผลกระทบมีความรุนแรงถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเป็นวิกฤติ ซึ่งจาแนกได้เป็น 3 เรื่องคือ วิกฤติแผ่นดินทรุดหรือ เคลื่อนตัว วิกฤติน้าจืดเหือดแห้ง และ วิกฤติน้าจืดล้นตลิ่ง แผนที่โลกข้างล่างนี้แสดงตาแหน่งของพื้นที่ 8 แห่งที่ กาลังประสบกับวิกฤติดังกล่าว
1 2
3
6 7 8 5 4
วิกฤตชั้นดินเคลื่อนตัว: วิกฤตินี้เกิดขึ้นจะจะ ณ แผ่นดินรอบๆ มหาสมุทรอาร์คติกซึ่งอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ เราท่าน ต่างทราบดีว่าขั้วโลกนั้นเย็นจัดเป็นน้าแข็ง ชั้นดินเหล่านี้ทรงตัวอยู่ได้เพราะน้าแข็งถาวรที่แทรกตัวอยู่ตามชั้นดิน และชั้นดินที่แข็งตัว ชั้นดินแต่ละชั้นมีความหนาต่างกันตั้งแต่ 2-3 เมตร ถึงหนึ่งกิโลเมตร ชั้นดินที่แข็งตัวจะเก็บ ความชื้นไว้ใกล้ๆกับพื้นผิว ทาให้เกิดเป็นทะเลสาบ และ แม่น้าเป็นที่อยู่ของสิงสาราสัตว์ แต่เนื่องจากอุณหภูมิ ณ บริเวณนี้สูงขึ้นเกือบ 2 เท่าของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก น้าแข็งถาวรเหล่านี้ และทะเลน้าแข็งได้เริ่มละลาย กลายเป็นน้า ทาให้เกิดการทรุดตัวทั้งของดินและทะเลน้าแข็ง อย่ากระนั้นเลยผู้คนในหมู่บ้านอินูเปียตซึ่งเป็นเกาะ ในมลรัฐอลาสก้า (1) จึงวางแผนย้ายหมู่บ้านหนี เพราะไม่มีทะเลน้าแข็งทาหน้าที่ป้องกันพายุให้ชาวบ้านได้ดังใน อดีต และพื้นดินที่พวกเขาอาศัยอยู่ก็จะถูกกัดเซาะอย่างแน่นอน ส่วนผู้คนที่อยู่ในเมืองนอร์ริส และยากุสค์ที่อยู่ถัด ลงมา (2) ต่างก็หวาดหวั่นว่าตึกสูงจะพังครืนลงมา เพราะจากการสารวจและวิจัยได้พบว่าอุณหภูมิสูงขึ้น 3 องศา เซลเซียส ทาให้ความแข็งแรงของดินที่รองรับอาคารสูงลดลง 70 % มีตึกมากกว่า 500 แห่งเกิดรอยร้าว และ ถูก ทาลาย ส่วนถนนก็มีรอยแตก ทาให้มลรัฐอลาสก้าต้องใช้งบประมาณ กว่าพันล้านบาทต่อปีเพื่อซ่อมแซมทั้งถนน และตึก ส่วนพี่น้องชาวเนเนทส์ในไซบีเรีย ซึ่งเป็นคนดั้งเดิมและอพยพเคลื่อนที่โดยวัฒนธรรม และยังคงเลี้ยง กวางเรนเดียร์เป็นอาชีพ (3) ได้ประสบกับปัญหาการเปลี่ยนแปลง ตัดขาดของเส้นทาง และ ช่วงเวลาของการ อพยพ และการเปลี่ยนแปลงของพฤกษชาติซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของกวาง และ สิงสาราสัตว์อื่นๆ วิกฤติน้าจืดเหือดแห้ง : วิกฤตินี้เกี่ยวข้องกับแผ่นหิมะหรือแผ่นน้าแข็งละลายในภูเขาสูง แผ่นหิมะเหล่านี้เคย ละลายเป็นน้าตามธรรมชาติและฤดูกาลไหลลงด้านล่าง ทาให้มีน้าจืดให้ผู้คนได้ใช้ แม่น้าโขงของพวกเราก็มีน้า ส่วนหนึ่งที่มาจากการละลายของแผ่นหิมะบนเทือกเขาหิมาลัย แผ่นน้าแข็งที่มีชื่อว่า เควลคาย่า บนเทือกเขาแอน ดีส ในประเทศเปรู (4) มีขนาดใหญ่สุดในบรรดาที่อยู่ในเขตร้อน กาลังละลายด้วยอัตราเร่งจนมีการคานวณว่า ภายใน 90 ปีนี้ แผ่นน้าแข็งแผ่นนี้ก็จะอันตรธานหายไป ณ ปัจจุบัน เกษตรกรในเมือง ปูคารูมิ ที่อยู่ ณ ตีนเขาต้อง ปลูกมันฝรั่งในพื้นที่ที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะในที่สูงจะยังคงพอมีน้าไหลใช้เพราะปลูกได้ แต่ในที่สูงพื้นที่มีค่อนข้าง จากัดและดินก็ไม่ค่อยดี จึงต้องใช้สารเคมีอย่างเข้มข้น แล้วแกะที่เป็นสัตว์เลี้ยงคู่ใจของพวกเขาก็ให้ขนน้อยลง กว่าเดิม เพราะทุ่งหญ้าหญ้าไม่อุดมสมบูรณ์เหมือนเดิม ส่วนชุมชนที่อยู่ท้ายน้าของเทือกเขาคีลีมันจาโร ในทานซา เนีย (5) กาลังประสบกับการร่อยหรอของน้าในแม่น้าและบ่อ ชุมชนเริ่มมีการแย่งชิงน้าจืด และพื้นที่การเกษตร และปศุสัตว์ที่อุดมสมบูรณ์ วิกฤติน้าจืดล้นตลิ่ง : เมื่อแผ่นหิมะบนภูเขาสูงละลาย ก็จะมีน้าไหลบ่าไหลซึม ทาให้เกิดแอ่งน้าหรือทะเลสาบ น้าแข็ง เมื่อโลกร้อนขึ้น การละลายจึงมีอัตราสูงขึ้น การไหลบ่าไหลซึมมีมากขึ้น ทาให้แอ่งน้าไม่สามารถเก็บน้าไว้ ได้ ทาให้ตลิ่งพังทะลายเกิดน้าท่วมฉับพลัน ว่ากันว่าแผ่นหิมะบนเทือกเขาหิมาลัย กาลังละลายในอัตราเร่งสูงกว่า ที่ใดๆในโลก โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ได้เปิดเผยว่า แอ่งน้าหรือทะเลสาบน้าแข็งจานวน กว่า 50 แห่งในเนปาล และ ภูฏานกาลัง เสี่ยงต่อการไหลบ่าไหลซึม ส่วนที่อยู่ในปากีสถาน อินเดีย และจีนนั้น คาดว่าจะตกอยู่สภาพเดียวกันในไม่ช้า ในปี 2550 ได้เกิดน้าท่วมฉับพลัน 4 ครั้งในหมู่บ้านชัท กูฏ ซึ่งอยู่ระหว่าง พรมแดนจีนกับปากีสถาน (6) ทะเลสาบน้าแข็งทโช โรลปาในเนปาล (7) ได้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นจาก 0.23 ตาราง กิโลเมตร เป็น 1.4 ตารางกิโลเมตร ทาให้ชาวบ้านที่อยู่ท้ายน้าเริ่มหวาดระแวงว่าเมื่อไหร่จะโดนน้าท่วม ส่วน ทะเลสาบน้าแข็งในภูฏาน 25 แห่ง (8) อยู่ในสภาพบวมปูด และอาจปล่อยพลังน้าลงสู่ด้านล่างได้ในอนาคต แล้วสมาชิกของสาส์นสัมพันธ์ มีประสบการณ์ใดบ้างเกี่ยวกับผลกระทบโลกร้อน และการเปลี่ยนแปลง สภาวะภูมิอากาศ น่าจะจดบันทึก น้ามาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นวิทยาทาน และการเตรียมพร้อมปรับตัวบ้างนะ เจ้าคะ ....สวัสดี
สาส์นสัมพันธ์เป็นจดหมายข่าวรายุ 2ุเดือนของแผนสนับสนุนโครงการขนาดเล็กของกองทุนสิ่งแวดล้อมโลกุ (GEF Small Grants Programme)ุและป่าชายเลนเพื่ออนาคตุ (MFF SGF) มีจุดมุ่งหมายเพื่อแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นและประสบการณ์ในการดาเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อมุและเพื่อให้เกิดการริเริ่มประสานความ ร่วมมือจากผู้คนทุกฝ่ายในสังคมุซึ่งจะนาไปสู่การจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องุ
บอกแจ้งแถลงข่าว : เมื่อสัปดาห์ก่อน สาส์นสัมพันธ์เห็นชุดตัวเลขชุดหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ณ ปัจจุบัน
15% ของ พลังงานไฟฟ้าที่ผู้คนทั่วโลกใช้อยู่ผลิตมาจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ถ้าจะใช้พลังงานจากน้ามัน ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ เพื่อผลิตไฟฟ้าจานวนนี้ ก็จะทาให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์จานวน 2 พันล้านตันออกสู่บรรยากาศ และจะ ทาให้โลกร้อนขึ้น ฤา พลังงานนิวเคลียร์ จะเป็นทางออกในการแก้ปัญหาโลกร้อน และการเปลี่ยนแปลงสภาวะ ภูมิอากาศ แต่ถ้าไม่ใช่แล้วทางออกจะเป็นอะไร สาส์นสัมพันธ์มิบังอาจฟันธง แต่ก็คงพูดคาเดิมคือ ต้องเข้าใจคาว่า พอเพียงด้วยความสัตย์จริง ประหยัดพลังงานให้มากขึ้นกว่านี้อีกหลายเท่า และใช้พลังงานทดแทนให้มากกว่านี้อีก หลายเท่า และที่สาคัญ ยอมเจ็บปวด และ ทาใจให้เข้มแข็งกว่านี้อีกหลายเท่า แหม ! อีตาคนนี้พูดง่ายฟังยากอีกแล้ว
สะกิดข่าว: สาหรับโครงการรุ่น 10/1 ที่ต้องส่งรายงานปิดโครงการนั้นประกอบไปด้วย โครงการจากสมุทรสงคราม
2 โครงการ ปัตตานี 1 โครงการ พิษณุโลก 2 โครงการ อยุธยา 1 โครงการ หนองจอก 1 โครงการ พิจิตร 1 โครงการ นี่ก็ล่วงเลยเวลาพาพอสมควรแล้ว ทางส่วนกลางขอให้มีการจัดทารายงาน และ ส่งให้ผู้ประสานงานภายใน เดือนมีนาคม 2554 นี้ด้วย จะเป็นพระคุณอย่างสูง ในกรณีกิจกรรมเสร็จ แต่ทุนยังไม่หมดก็สามารถคืนเงินให้กับ กองทุนได้ โทรศัพท์ หรือ อีเมล์ มาคุยกันบ้างนะเจ้าคะ
สาส์นสัมพันธ์: แผนสนับสนุุนโครงการขนาดเล็ก กองทุนสิ่งแวดล้อมโลก ( GEF Small Grants Programme) และโครงการ ป่าชายเลนเพื่ออนาคตุุ (MFF SGF) ตึกองค์การสหประชาชาติุชั้นุ 12 ถนนราชดาเนินนอกุุกรุงเทพฯุ 10200 โทร:02-288-2613,02-288-2131, 02-2881820 โทรสารุ02-280-1414 E-mail: thadthana.luengthada@undp.org, suwimol.sereepaowong@undp.org, หรือุ poonsin.sreesangkom@undp.org หมายเหตุ : สาหรับผู้ใช้อินเตอร์เน็ต หากสนใจในการร่วมงานเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ โปรดเข้าดูรายละเอียดได้ทh ี่ ttp://www.undp.or.th/focusareas/documents/GEFSGPConceptApplication.doc
Thailand Mangroves for the Future Small Grants Facility -MFF SGFProgress Report of Thailand MFF Small Grants Facility for August 2010-January 2011
1. Status of the 15 projects At the final period of implementation, 13 projects are in the process of wrap-up. Two projects; 1) Collective Rehabilitation and Conservation of Mangrove in Ao (gulf) Baan Don, Suratthani province and 2) Rehabilitation of Mangrove and Beach Forest of Tambol Klong Prasong, Krabi province have completely closed and their completion reports are in the following Annex I. 2. Project monitoring visits During the period, 4 projects in Phang Nga and Phuket province were visited by the MFF SGF team, NCB members and Thailand MFF Coordinator. Please see the reports that follow as Annex II. 3. Workshop and Sharing Implementation of MFF SGF Thailand 3.1 MFF Thailand Strategic and Action Plan for Phase II Collaboratively, MFF SGF team has been participating in NCB group discussion and meetings on developing strategic and action plan for phase II. In a more strategic and systematical approach , however, MFF Thailand organized a workshop during 26-28 August 2010, where NCB members , representatives of 3 MFF big projects and 15 projects of MFF SGF participated to share lesson learned, experiences on implementation including part of monitoring and evaluation and initiate networking amongst various projects and relevant governmental agencies. The result of the workshop was integrated further in developing the MFF Phase II strategic and action plan. Please find Annex III for the findings of workshop on SGF’s view. 3.2 Seventh Meeting of the Regional Steering Committee (RSC-7) During 4-6 November 2010 towards the RSC-7 meeting in Sri Lanka, Thailand MFF SGF Coordinator participated in MFF SGF experience-sharing event to share his fruitful experience and aspect in managing small grants fund. 3.3 National Recognition on SGF Project On 13-14 December 2010,at the launching of INCA- Increasing Coastal Community Capacity for Climate Change Adaptation, a collaborative project of UNDP and Thai Red Cross Society, there was an initiation of competition for “the best community adaptation to impact of climate change. One MFF SGF grantee from Chumphorn province that implemented the project “Strengthening the conservation for Mangrove, Marine and Coastal Resources of Ao (Gulf) Thong Toam Yai” won the prize as the national best practice. This project is led by Mr. Watchrin Sawangkarn, as the project leader that was being the project representative for the event.
1
Thailand Mangroves for the Future Small Grants Facility -MFF SGF3.4 MFF SGF Mid-Course Evaluation Workshop On 21 January 2011, all 15 SGF projects participated in the Mid-Course Evaluation and pre-completion Workshop in Phuket province. Apart from SGF grantees, those participants were from SGF team, NCB members and MFF Thailand Coordinator. The workshop was aim to evaluate achievements and lessons learned from implementing projects in Phase I and seek opportunity for forging environment network. Besides, there were some project media and products to showcase over the event such as pamphlet, CD, posters, T-shirts and Pandanus handicraft products.
3.5 Workshop of National Research Plan on Mangrove and Coastal Resources During 14-15 February 2011 in Ayudthaya province, the workshop was organized by Department of Marine and Coastal Resources (DMCR) to brainstorm and discuss for developing the national research plan on mangrove and coastal resources. Invited by DMCR, leaders of 4 MFF SGF projects participatee in the course of workshop to share experience and lessons learnt based on collective local knowledge. The 4 leaders are 1) Mr. Noppadol Wangsalae; Planting Pandanus for protection of Mangrove project, Krabi 2) Mr. Nont Meelam; Rehabilitaiton of Mangrove and Beach Forest of Tambol Klong Prasong project, Krabi 3) Mr. Pichet Pandam; Building Community Network for Management of Mangrove and Coastal Resources project, Phuket 4) Mr. Watcharin Sawaengkarn, Strengthening the conservation for Mangrove, Marine and Coastal Resources of Ao (Gulf) Thong Toam Yai project, Chumporn.
2
Thailand Mangroves for the Future Small Grants Facility -MFF SGF-
Annex I: Completion Report 1. Project No: THA/MFFSGF/08/02 Project Title: Collective Rehabilitation and Conservation of Mangrove in Ao(Gulf) Baan Don Implementing NGO/CBO: Ao Baan Don Conservation Network. The network was established as a conservation group about three decades ago by community members in Ao (Gulf) Baan Don of Suratthani Province who experience degradation of natural resources in the locality and wish to collectively launch conservation activities. Conservation activities were mainly financed by donations of members in communities. The group has been cooperating with NGOs and other development projects. In 2008, the group summarizes its experiences and institutionalize the group with clearer operational structure. Location of project: An integrated marine and coastal ecosystems of the Gulf of Thailand/South China Sea in Ao (Gulf) Baan Don of Surathani Province with 120 km.long, the area once was rated as one of the richest spot in the Gulf of Thailand with various types of habitats such as mangrove, sea grass, and coral reefs. Now the area was degraded through aqua culture, destructive fishing (push and drag net by big entrepreneurs), land based pollution , conflict in resources use , and lack of persistent sectoral cooperation. The location was proclaimed as a wetland with international importance in August 1, 2000. Target Population: 1,445 out of 2,890 households around the gulf with majority earning their living through small-scale fishery and depending upon provisions of coastal resources for livelihood activities. Long-term objectives to support national coastal resources policy: The project aims to contribute to rehabilitating and protecting local coastal resources with at least 20 % increase in mangrove , in integrated manner and at village, Tambol, District and provincial level. MFF SGF approved budget: Baht: 339,500 (งบจากกองทุนปาชายเลนเพื่ออนาคต) Non-MFF resources (งบสมทบจากแหลงอื่น): Baht: 862,500 from major stakeholders as follows: From (งบจาก): CBOs in project location Local Administrative Organizations Provincial Public Health Office Total Date of Participatory Evaluation Number of Beneficiaries/ Participating personnel Number of persons trained/ attending seminars, joining study tours
Expense
In cash (เงินสด) 36,000 378,000 414,000
In kind (แรงงาน สิ่งของ เครื่องใช ที่ดิน ฯลฯ) 439,500 9,000 448,500
30 November 2010 Women: 1,560 Men: 1,250 Children: 850 Women: 180 Men: 120 Children: 150 Amount received from MFF SGF (2 disbursements):THB: 305,550 Total amount spent out of MFF SGF budget: THB: 341,586 Balance: THB : (-36,036) Amount authorized for the final payment: THB: 33,950 Amount of co-financing as follows: Sources: In cash, THB In kind, THB CBOs in project location 36,000 441,586 Local Administrative 9,000 Organization
3
Thailand Mangroves for the Future Small Grants Facility -MFF SGFProvincial Public Health Office Total
Activities carried out 1. Building capacity of target population and networks for updated status & situation on an areawide basis (กิจกรรม 1) 2. Demarcating conservation area for natural rehabilitation against illegal fishing boats(กิจกรรม 2) 3. Building capacity of target population on local resources inventory (กิจกรรม 3 และ 4) 4. Producing one set of disseminating material (กิจกรรม 5)
378,000
-
414,000
450,586
Results and Indicators 1. Increased capacity , both institutionally and technically, of CBOs and their leaders, witnessed by public recognition of community members through local elections (some leaders being elected CEOs of Tambol Administrative Organizations), and of local administrative organizations through more co-financing budget to support project activities 2. Clear demarcation of conservation zone in Tambol Khaothan and Thachang of 18-km long along the coast – being collective management with communities 3. Updated data & information on socio-economy for reference of use among local administrative organizations and households in project location 4. At least 20 core leaders being able to transfer knowledge to others 5. Compiled 500 books on threatened species, both plants and animals, in project location
Project Communication: The project had produced posters for mobile exhibition to make the project/network more visible. Plans and Activities for Sustainability: The Surathani Provincial Fishery Office had solicited a proposal from the network aiming to launch activities among network leaders, CBOs, and women and youth groups in project location. With the proposed budget of THB: 4,900,000, the activities would upscale activities on demarcation of conservation zones, centre of coastal surveillance and livelihood of coastal communities. In this regard, the office would be the project implementer, with the network as advisor.The project would be launched in the year 2011. With the coastal and marine ecosystems better protected and more productive, the network would establish a rotating fund for livelihood of network members, a saving group of the network to assist members with 0.5 % /month interest rate. The two funds would be managed by network members and expected to be self-sufficient in the future. Currently, the network was reaching out to younger generations so that their collective collaboration and activities would result in a more harmonious and smooth picture of conservation, rather than hot and too aggressive producing more conflicts. Experience, Lessons Learnt, Problems and Issues: The problems/issues outlined by the project were as follows: 1. There was a delay in financial management of the network, due to competition for budget among various groups. This was solved by setting up a committee to investigate the situations and strict auditing. 2. Demarcation of conservation in Tambol Khlong Chanark was very difficult, due to conflict of land use between communities and private lucrative business. In coping with this issue, the network coordinated with responsible government agencies, local administrative organizations, and NGOs in project location to come up with a proper approach. I was still difficult. 4
Thailand Mangroves for the Future Small Grants Facility -MFF SGF2. Project No: THA/MFFSGF/09/03 Project Title: Rehabilitation of Mangrove and Beach Forest of Tambol Klong Prasong Implementing NGO/CBO: Environmental Conservation Group of Baan Koh Klang Under an advice from Bank for Agriculture and Agricultural Cooperatives, Krabi Branch, the group was established on 28 September 2001 aiming to reduce community conflict, especially, on tourist business competition. Location of project: Four villages under Tambol Klong Prasong with an area of about 26 sq.km, included in Krabi Estuary (Ramsar Site), Muang District, Krabi Province. Target Population: 5,373 persons form 903 families 98 % of which are Muslim with per capita income of THB: 25,000. Direct project participants are from 100 families earning living through integrated patterns of agricultural practices and small-scale fishery. 120 out of 829 households who earn their living through fishery and depend upon provisions of mangrove for livelihood activities. Long-term objectives to support national coastal resources policy: To maintain coastal biological diversity, build knowledge and conservation awareness which would result in sustainable use of coastal resource in Krabi Estuary, contributing to stabilizing global warming and preventing coastal erosion. MFF SGF approved budget: Baht 346,000 : US$ 10,155.56 (งบจากกองทุนปาชายเลนเพื่ออนาคต) Non-MFF resources (งบสมทบจากแหลงอื่น): Baht 170,000 from major stakeholders as follows: From (งบจาก): Environmental Conservation Group of Baan Koh Klang Total (Baht)
In cash (เงินสด) 85,000
Date of Participatory Evaluation Number of Beneficiaries/ Participating personnel Number of persons trained/ attending seminars, joining study tours
Expense
In kind (แรงงาน สิ่งของเครื่องใช ที่ดิน ฯลฯ) 85,000
85,000
85,000
6 December 2010 Women: 130 Men: 60 Children: 140 Women: 110 Men: 55 Children: 40 Amount received from MFF SGF (2 disbursements):THB: 311,400 Total amount spent out of MFF SGF budget: THB: 346,000 Balance: THB : (-34,600) Amount authorized for the final payment: THB: 34,600 Amount of co-financing as follows: Sources: In cash, THB In kind, THB Community & grantee 85,000 Mangrove Development Station 26 67,000 ( Krabi) Total
152,000
5
Thailand Mangroves for the Future Small Grants Facility -MFF SGFActivities carried out 1. Building community capacity on both technical and institutional issues through community forum and training 2. Rehabilitating coastal resources and ecosystem : planting mangrove forest and beach forest (กิจกรรมที่3) 3. Raising community awareness, monitoring and evaluating the results (กิจกรรมที่ 4 และ 5)
Results and Indicators 1. Evinced increased capacity of target population in local conservation of marine and coastal resources witnessed through ability to formulate strategy , to collaborate with other major stakeholders and produced 500 booklets of conservation awareness for youth and community groups in Koh Klang Community 2. About 700 seedlings of mangroves being reforested and maintained continuously along Khlong Talu, Khlong Prasong 3. Over 13,000 seedlings of mangroves being reforested in deserted shrimp farms with an area of about four ha
Project Communication: The project has been made more visible through signboards, mobile forum, and handbooks. Plans and Activities for Sustainability: According to the formulated strategy, the project had four approaches for sustainability: 1. Keeping on activities on reforestation, nursery , garbage bank and aqua species release 2. Keeping on capacity building on conservation , migratory birds, garbage bank management 3. Promoting eco-tourism 4. Promoting environmentally-friendly ( bio-fertilizer and IPM) to improve quality of water and soil Experience , Lessons Learnt , Problems and Issues: 1. During high season ( November-February), community members were fairly busy thus limited full participation 2. Dry weather resulted in limit reproduction and reforestation of mangrove species 3. Continuous rains ( during September-November 2010) and storms had damaged reforested seedlings These issues were addressed by re-scheduling of planned activities and re-select areas that appeared more suitable. In general, community participation was sufficient, technical and institutional supports from local administrative organization well received.
6
Thailand Mangroves for the Future Small Grants Facility -MFF SGF-
Annex II: Project monitoring visits 1. THA-MFFSGF-09-04/ Strengthening Capacity of Community Network for Phuket Coastal Resource
Country: Project No. / Title: Date of Visit: Location: Visitors:
Project Contact:
Thailand THA-MFFSGF-09-04/ Strengthening Capacity of Community Network for Phuket Coastal Resource Wednesday, January 19, 2011 Muang and Thalarng District , Phuket Province 1. Mr. Poonsin Sreesangkom, National Coordinator 2.Ms. Anongnart Chuachanart, NSC member 3.Assistant Professor Nukul Rattanadakul, NSC member 4.Ms. Suwimol Sereepaowaong, Programme Assistant Mr.Phitaya Yadarm, Project Leader, Phuket Fisher-Folk Network, the grantee
1) BACKGROUND OF THE PROJECT / PURPOSE OF VISIT This MFF SGF project proposed to contribute to underpinning MFF strategy on building and encouraging the application of knowledge as well as promoting environmental governance in coastal area. Proposed activities consisted of strengthening capacities of communities based organizations and their network and promoting participatory natural resource management. Awarded THB:375,000 from MFF SG, the activities were launched nearly to the completion of its 12-month duration. Submitting the progress report, the visit aimed to witness result of activities and interact with target community and other stakeholders. 2) FINDINGS AND OBSERVATIONS At Baan (village) Tha La, Thalarng District, one of several coastal target communities, the visiting team interact with project leaders who gave a brief on environment and livelihood situation of the communities. It was found that the village had been under supports of several agencies, one of which was CHARM. The supports had resulted in a synergy of occupation groups in the village such as small scale fishermen, weavers’ group, food processing group and tourist group, and marine community protected zone in front of the village. In term of mangrove restoration, the project managed to maintain as community forest, approximately 60-ha mangrove which the Phuket Mangrove Research Station was the main agency providing technical support. Another target village visited was Baan Kuku in Muang District where the visiting team was briefed about the will and effectiveness of target communities to reclaim mangrove areas back from inappropriate land ownership of individual/private sector. It was confirmed that about 120-ha mangrove was under community management while about 10-ha being reclaimed successfully through legal procedure. There were still some concerns and imminent threats for the two villages visited, even though existing/increased capacity of project leaders was notable. For Baan Tha La, the concerns were infrastructure development in project location. These were less well plan public tourist programme, construction of sea port and private small airfield. For Baan Kuku, which was nearly to the Phuket Provincial town, it was more on land use conflict and related legal issues. Both villages, however, were encountering with urbanization and community waste.
7
Thailand Mangroves for the Future Small Grants Facility -MFF SGFIn order to sustain these favourable project outcomes, and ensure enhanced environmental governance, strengthening activities of the network had to be kept on persistently. The project could highlight the outcomes and set a good example for environmental governance in coastal areas.
Baan (village) Tha La, one of target communities, is a coastal community in the northeastern of Phuket, a flatland with mangrove, beach, sea-grass and coral reefs. Public development programmes during the past decades prompted an encroachment to the coastal and marine systems. Recent promotion of environmental governance in this area, however, gave a check to the development to a certain extent.
A closer look at Baan Tha La, the community-managed mangrove area can be seen while the richest spot of sea-grass in Phuket stretches along the coast somewhere on the right. Under community coastal surveillance, five dugongs, a threatened species, were spotted in the sea-grass area.
The community was successful in checking the expansion of coconut plantation (left) into this mangrove area of about 60 ha (right). Thriving mangrove and nipa are seen along the canal asserting the right of community on this mangrove. The community had initiated a construction of mangrove study trail inside.
8
Thailand Mangroves for the Future Small Grants Facility -MFF SGF-
Resource inventory, Baan Tha La Community version, contains plant and animal species and how themangrove are being used. The project was successful in compiling the inventory for three target communities so far.
Since Baan Kuku, another target community is closer to the provincial town of Phuket, land use conflict and encroachment is more intensive. The mangrove with signboard on the right was reclaimed by the community through legal process.
This mangrove area in Baan Kuku is under threat of encroachment by private sector. With existing experience and capacity, the community is trying to check such encroachment by planting mangrove as a sign of community right and as the primary counter measure.
Report Prepared by: Poonsin Sreesangkom
Dated:
23 January 2011
9
Thailand Mangroves for the Future Small Grants Facility -MFF SGF2. THA-MFFSGF-09-05/ Raising Awareness and Promoting Local Knowledge in Coastal Resource Management with People's Participation Country: Project No. / Title: Date of Visit: Location: Visitors:
Project Contact:
Thailand THA-MFFSGF-09-05/ Raising Awareness and Promoting Local Knowledge in Coastal Resource Management with People's Participation Thursday, January 20, 2011 Muang District , Phannga Province 1. Mr. Poonsin Sreesangkom, National Coordinator 2.Ms. Anongnart Chuachanart, NSC member 3.Assistant Professor Nukul Rattanadakul, NSC member 4. Dr. Piyachatr Pradubraj, NSC member 5.Ms. Suwimol Sereepaowaong, Programme Assistant Mr. Thanu Nabnian, Project Leaders, Andaman Project for Participatory Restoration of Natural Resources, the grantee
1) BACKGROUND OF THE PROJECT / PURPOSE OF VISIT This MFF SGF project proposed to contribute to underpinning MFF strategy on building and encouraging the application of knowledge as well as promoting environmental governance in coastal area. Proposed activities consisted of building capacities of communities by enhancing community learning and knowledge management of mangrove and coastal resources as well as strengthening participatory coastal resources management. Awarded THB: 377,000 from MFF SGF, the activities were launched nearly to the completion of its 12-month duration. Submitting the progress report, the visit aimed to witness result of activities and interact with target community and other stakeholders. 2) FINDINGS AND OBSERVATIONS At Baan (village) Koh Khiam, one of five target communities surrounded by land forest of coconut, para-rubber, etc, on one side, and coastal ecosystems of mangrove on the other, the visiting team interacted with about 20 project leaders representing project members from other target villages. The leader comprised both man and woman. One youth member was seen attentive and active in the discussion. Four project leaders took turn to explain environment development backgrounds and progress of activities in their own location. It was found that nearly all location were rated as fairly successful, after a few years under CHARM and under this MFF intervention. Undertaken activities included setting up a volunteer group to conserve coastal resources, checking the expansion of shrimp farms, declaring seven plots of mangrove as community forests, establishing mangrove learning centres, etc. One community was awarded “ Forest Protection Flag” from Her Majesty the Queen. In the briefing, every leaders displayed capacity to use maps and charts in an orderly manner. The project had successfully involved women’s group in conservation activities. During the interaction, woman leader and member of youth group displayed some result of their work on making use of local natural resources to reduce their daily expense. While mangroves of total area more than 200 ha in one village had been recognized by the authority as community forest, the ones in other four villages were still awaiting such recognition. The project had reached out to other networks in Phuket, Phangnga and Krabi Province and would plan to cover as far as Ranong Province.
10
Thailand Mangroves for the Future Small Grants Facility -MFF SGF-
Baan (village) Koh Khiam is a Muslim village between mangrove and landed forest. Looming in the background is one plot of community forest.
One of community elders who experience ecosystems degradation during the past decades related the development history of the his villages using the map and chart as shown. His village currently takes car of about 200 ha of mangrove.
Representatives of women’s group in each participating village proudly presented their product made from natural resources of their protection. Sets of photos on the wall depict undertaken activities and respective results of each project location.
11
Thailand Mangroves for the Future Small Grants Facility -MFF SGF-
One woman leader and a member of youth group explain her product made from a species in mangrove. The product is used as shampoo.
Mangroves at both sides of the canal in Baan Koh Khiam are established as community forest. The conservation effort bear its fruits. Biological diversity is rehabilitated making aqua culture of community more fruitful.
Report Prepared by: Poonsin Sreesangkom
Dated:
24 January 2011
12
Thailand Mangroves for the Future Small Grants Facility -MFF SGF3. THA-MFFSGF-09-06/ Mangrove for the Future Country: Project No. / Title: Date of Visit: Location: Visitors:
Project Contact:
Thailand THA-MFFSGF-09-06/ Mangrove for the Future Wednesday, January 19, 2011 Muang and Thalarng District , Phuket Province 1. Mr. Poonsin Sreesangkom, National Coordinator 2.Ms. Anongnart Chuachanart, NSC member 3.Assistant Professor Nukul Rattanadakul, NSC member 4.Ms. Suwimol Sereepaowaong, Programme Assistant Mr.Chokedee Somprom, Project Leader, Phuket Livable Community and City Action Project, the grantee
1) BACKGROUND OF THE PROJECT / PURPOSE OF VISIT This MFF SGF project proposed to contribute to underpinning MFF strategy on building and encouraging the application of knowledge as well as promoting environmental governance in coastal area. Proposed activities consisted of launching capacity building for target population on community waste management, coastal resource management then putting into practice and demarcating mangrove areas for reforestation and conservation. Awarded THB:370,000 from MFF SGF, the activities were launched nearly to the completion of its 12-month duration. Submitting the progress report, the visit aimed to witness result of activities and interact with target community and other stakeholders. 2) FINDINGS AND OBSERVATIONS The visiting team met with about 10 project leaders at Kingkaew Soi 1 Community, one of the two target communities, in eastern side of Phuket Provincial Town. A semi-urban community, it comprised about 385 households of various careers ranging from providing general and professional services, small business and fishery. As a new community of diversified backgrounds, it still lacked appropriate infrastructure. Interacting with the leaders and scanning a prepared document at a premises allocated for garbage bank activities, more information about the community development history were shared. Under supports from the Community Organization Development Institute, a public organization, and the Mangrove Development Station 23 in Phuket, for one, the community had initiated a networking with over 30 other communities of similar contexts around Phuket island to rehabilitate mangrove since 2007. The initiative led to other projects such as the current Mangrove For the Future where about 48-ha mangrove was being managed out of the total 290-ha or so of current mangrove in the province, and the community saving project. Walking through and around the community, a mixed modes of livelihood activities between urban and rural were witnessed. It was estimated that about 40 % of the population still depended upon mangrove for fishery and other daily needs. Mangrove area as community forest was officially demarcated with plan for management. The second target community visited was in the northern area of Phuket, called Pu Darm (Black Crab) Community, where nine families settled next to a mangrove and depended upon its provisions for livelihood activities. The main activity witnessed in progress was a completed system for reducing excessive nutrient runoff from the households. Being trained by an ex-GEF SGP project (THA/SGP/OP4/CORE/Y1/2008/05), community members were successful in building the systems to reduce nutrient run-off into mangrove, let alone the mangrove area of about 100 ha being overseen by them. In addition, they were able to retrain other communities who heard the success of the system and paid visit to the project.
13
Thailand Mangroves for the Future Small Grants Facility -MFF SGFThe visiting team had witnessed both institutionally and technically capacity of the two communities. The garbage bank was scheduled to function in February while the waste treatment facilities were completed and functioning quite satisfactorily. The team had recommended the first community to further set up co-operative or community shop to ensure community financial viability. As for the second community with no-grid connection, the visiting team recommended renewable energy as the first option.
King Kaew Soi 1 Community, a target community, is situated next to a degraded mangrove (right). Urbanization becomes one major threat to the ecosystems. An area of about 48 ha of mangrove is overseen by the community. Small canals connecting land and sea serve as fishing routes for those who depend upon fishery to make a living.
Like other semi-urban communities, life styles result in a waste like this. These bags of plastic bottles are ready to be sent to the project garbage bank in the community, instead of sending them to far-away buyers.
The garbage almost completed in construction serves as a temporary meeting place during the project site visit. The development history and undertaken activities are being disseminated on these posters.
14
Thailand Mangroves for the Future Small Grants Facility -MFF SGF-
40 % of the community is small scale fishermen. They would sail along the canal through the mangrove casting their nets or laying their traps to get coastal and marine species one of which is the ‘black crabs”.
In order to stop further mangrove encroachment, official demarcation was established. The canal is used as one line between housing area and mangrove. The grown-up mangrove is said to be one result of the 3- year effort, while the young mangrove a result of the current project. One major project stakeholder, Community Organization Development Institute committed to provide a watching tower for community to oversee the mangrove.
One of the project by-product is this plot of “sea holly” (Acanthus ebracteatus Vahl), a species with medicinal quality. It was said that without the project, the plot would have been turned into a private property with housing or even shrimp farms.
At Pu Darm (black crab) community in northern portion of Phuket Island, all nine households are equipped with filter pits of various designs to suit the terrain. Waste water coming out from these systems are confirmed to be environmentally-friendly. Behind the community member is a mangrove area of about 100 ha overseen by this community. Report Prepared by: Poonsin Sreesangkom Dated: 23 January 2011 15
Thailand Mangroves for the Future Small Grants Facility -MFF SGF4. THA-MFFSGF-09-07 / Strengthening Local Livelihood and Ecological Tourism for Sustainable Environment and Coastal Resources
Country: Project No. / Title: Date of Visit: Location: Visitors:
Project Contact:
Thailand THA-MFFSGF-09-07/ Strengthening Local Livelihood and Ecological Tourism for Sustainable Environment and Coastal Resources Thursday, January 20, 2011 Muang District , Phuket Province 1. Mr. Poonsin Sreesangkom, National Coordinator 2.Ms. Anongnart Chuachanart, NSC member 3.Assistant Professor Nukul Rattanadakul, NSC member 4. Dr. Piyachatr Pradubraj, NSC member 5.Ms. Suwimol Sereepaowaong, Programme Assistant Ms. Kanyarat Kosavisutte, Chairperson,Green Fins Association, the grantee
1) BACKGROUND OF THE PROJECT / PURPOSE OF VISIT This MFF SGF project proposed to contribute to underpinning MFF strategy on building and encouraging the application of knowledge as well as promoting environmental governance in coastal area. Proposed activities consisted of building capacities of communities to ensure secured local livelihoods and promoting alternative professional career to ensure secured coastal and marine environment and ecosystems. Awarded THB:377,000 from MFF SG, the activities were launched nearly to the completion of its 12-month duration. Submitting the progress report, the visit aimed to witness result of activities and interact with target community and other stakeholders. 2) FINDINGS AND OBSERVATIONS Baan (village) Bangkhonthi of Tambol Rawai, home of one target group is a coastal village situated along the southern beach of Phuket. Once a fishing village, it now finds itself amid growing urbanization with hotels, resorts and housing of upper-middle class. Majority of community earned their livings through small-scale fishing and providing services for tourism. At the office of Ao(gulf) Chalong Coastal Community Network in the village next to a big hotel, the visiting team interacted with two project leaders who were available during this high season. The leaders gave a brief on progress of activities and their results. In addition to proposed results, a youth group called “ young volunteer” was established to participate in project activities such as promoting ecotourism with accepted standard by building appropriate touring equipment and producing manuals. One interesting activity was said to be the establishment of garbage bank in communities and along the beach under a support of the municipality. Other confirmed activities were planting palm trees and mangrove in tourist spots in the gulfs. More over, the group collaborated with Phuket Mangrove Research Station to breed a species called Sea Fan to attach more tourist. Increased capacity and awareness of communities were witnessed by ability to negotiate with expanding hotel business and its financiers which resulted in participatory use of the beach area and a kind of “symbiosis”. For example, the hotel management would recommend its customers to use boat services of the network for touring the islands, keep the beach clean and be aware of waste water disposal into the sea. Notwithstanding this harmony, the network still felt threatened by land encroachment and unregulated urbanization from foreign investors – the current trends happening in all beach areas of Phuket Island.
16
Thailand Mangroves for the Future Small Grants Facility -MFF SGF-
The beach in front of Baan (village) Bangkhonthi, one target location, gradually become urbanized full of modern houses and concrete blocks. Local fishermen have to make their way through small lanes to get to their fishing boats. As the frontal sea produces comparatively less marine species, in conjunction with some fishing ground declared as a protected area, local fishermen, the boats should be used for other kinds of services.
Only about 100 meters in lands are homes of local fishermen. Many of them still practice small gardening containing native edible and medicinal species.
The office of the network is situated at the beach next to a big hotel. Network members managed to negotiate with the hotel manager to be supportive of local fishermen and more environmentally-friendly. The hotel donated a plot to build this office and the centre of the network.
17
Thailand Mangroves for the Future Small Grants Facility -MFF SGF-
At the office or centre of the network, fishing gears of members would be seen here and there, in addition to other diving and life saving equipments required in ecotourism process.
One of the many locally specific eco-tourist products of the project made from waste materials.
Report Prepared by: Poonsin Sreesangkom
Dated:
24 January 2011
18
Thailand Mangroves for the Future Small Grants Facility -MFF SGF-
Annex III: MFF Phase I Evaluation and Lesson Learned Workshop
Country: Date of Workshop: Participation:
Location:
Thailand August 26 -28, 2010 1. Members of NCB’s Working Group 2. Representatives of 15 SGF grantees 3. Representatives of 3 LGF grantees 4. Resources persons & representatives of concerned agencies Sirinthorn International Environment Park, Cha-am District, Phetchaburi Province
1) BACKGROUND OF THE
MEETING
MFF, an initiative created through cooperation of various sectors, with aims to promote conservation of coastal ecosystems and livelihood security of coastal communities in the Indian Ocean, had seen its completion of phase I in January 2010. During the phase, the NCB had approved 15 SGFs’ and 3 LGFs’ all of which were currently operational. In order to duly plan for Phase II, the NSC in its last meeting suggested that a workshop to “look back then look ahead” be organized to evaluate these projects eliciting experience and lessons learnt for further use. 2) MEETING AT –A- GLANCE A meeting room of Sirinthorn International Environment Park had seen about 50 participants from NCB’s Working Group, representatives of 13 SGFs’ and of 3 LGFs’ gathering together to share experience, after which the chairperson of the WG gave a welcome address saying that the objectives of the meeting were two-folds, i.e. to evaluate the granted projects and to integrate experience and lessons learnt into strategy of MFF phase II and of the Department of Marine and Coastal Resources. Present at the meeting, the Director-General of DMCR shared, at some length, current strategy and action plans of the department. He stated that , to protect and maintain the current country mangrove, there should be more aggressive approaches. Intensive protection and maintenance, probably one staff per one certain area, would be a good one. In order to by-pass or avoid unnecessary bureaucratic processes, committee at local level should be established. This committee with mandate to cover the area of 3-4 provinces would encourage policy dialogues and advocacy. At the end of this session, the DG submitted that the department wanted to learnt from the audiences so that the policy for the year 2012 might be appropriately initiated. The workshop process then proceeded to sharing session. The audiences were divided into five groups and each given one and a half hours. The topics of sharing included (1) characteristics of each projects-activities and locations of projects, (2) who and how participation of project was achieved, (3) successes, (4) limitation/problems/issues, (5) future plans , and (6) mechanism required to move on in the future. At the end of the session, each group gave a presentation telling outputs of the sharing . Questions/answers/comments that followed were quite substantial. That was the first day. Morning session of the second day started with presentations from two remaining groups and summarization of the brainstorming session, followed by 15-minute highlight on the modality of SGF by the national coordinator, in which an implementation flowchart beginning from proposal development stage to approval stage to grantee reporting stage to monitoring visit until project completion.
19
Thailand Mangroves for the Future Small Grants Facility -MFF SGF-
The first session of the afternoon saw a resources person from Thailand Environment Institute sharing experience on working approaches with communities. Before launching any development approach, one should learn and understand about community livelihoods and culture. Project leaders, in particular, should understand political context of communities so that local benefits and management of natural resources would be maximized. The session that followed highlighted a participatory process where the audiences were divided in to five groups. Given relevant questions/issues, such as promoting community participation and access to knowledge, local knowledge and mangrove management, local political contexts, etc, group members were to discuss to come up with solution. That was the second day. The first session of the third day began with a presentation from an expert from DMCR sharing previous research works carried out on mangrove across the coastal area of Thailand. The possibility of integration of action plans was also confirmed. At wrap-up session, the following keywords were put forward for confirmation to ensure integration of plans: -
Promotion of R & D type of projects Scaling up local policy to reach national policy Capacity-building for local leaders, environment governance and participation from local administrative organization Participation with ASEAN, migrant work forces, threats on natural resources Community waste management Community preparedness for natural disaster Protection of local natural resources: endemic species Conflict resolution: government vs. community, community vs. community Access and participation of marginalized groups such as women and foreigners Harmonization of local operational mechanism, budget and timeframe “Returning homelands� of youth and new generation Reduction of emission rate of CO2 and scaling up of local economies Management of special protected areas Incentives to ensure local participation in management of natural resources and the environment, such as Bio Right Local capitalist influence vs. decision to launch policy Environment Justice, civil right and local politics Welfare, morale and incentives for field workers Etc.
Before declaring the workshop close, the chairperson of the Working Group shared his experience as an expert of DMCR, working from the South China Sea in the recent years and now in the Indian Ocean. Finally, he confirmed to make use of the suggestions, data and information the workshop had elicited in order to draft the strategy for phase II in an integrated manner.
20
Thailand Mangroves for the Future Small Grants Facility -MFF SGF-
The Director-General of DMCR is sharing policy and action plans of the department and attending to some questions and comments from the audiences. The sharing atmosphere appeared very friendly and mutually encouraging.
One of the five groups is eliciting essences of the sharing then putting on flip charts for sharing with and soliciting thoughts & ideas from the audiences.
The presentation of sharing result of a group was very detailed but “simple and natural�.
21
Thailand Mangroves for the Future Small Grants Facility -MFF SGF-
Question & answer session substantial and interesting.
appeared
With friendly atmosphere where local communities from various coastal provinces are able to meet each other and with relevant government officers.
Workshop participants include representatives of MFF SGF and MFF LGF as well as representatives from relevant government agencies.
Report prepared by: Poonsin Sreesangkom
Date: 7 September 2010
22
รายงานความกาวหนาโครงการ เสนอตอคณะกรรมการ NCB ครั้งที่ 14 มีนาคม 2554 ชื่อโครงการ : โครงการจัดการสภาวะแวดลอมเชิงบูรณาการเพื่อฟนฟูวิถีชวี ติ ชุมชนพื้นที่อา วบานดอน
จังหวัดสุราษฎรธานี ประเทศ องคกรปฏิบัติการ องคกรภาคี
ไทย องคการพื้นที่ชุมน้ํานานาชาติ-ประจําประเทศไทย 1. เครือขายอนุรักษอาวบานดอน 2. สวนบริหารจัดการทรัพยากรปาชายเลนที่ 4 (สุราษฎรธานี) 3. สถานีพัฒนาทรัพยากรปาชายเลนที่ 13 และ 14 4. สํานักงานประมงจังหวัดสุราษฎรธานี
หมายเลขโครงการ
87005-065-MFF360 ตั้งแตเดือนพฤษภาคม 2552 ถึงเดือน เมษายน 2554 (หมายเหตุ : อยูระหวางการขอขยายเวลาถึง เดือนตุลาคม 2554) 300,000 US$
ระยะเวลาดําเนินการ งบประมาณที่อนุมัติ รายงานความกาวหนา รายละเอียดโครงการ
เดือนสิงหาคม 2553 – เดือนกุมภาพันธ 2554 ในอดีตพื้นที่ชายฝงระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตรเมตรของอาวบานดอน จังหวัดสุราษฎรธานี เคยอุดมสมบูรณไปดวยปาชายเลนและทรัพยากรสัตวน้ําที่มีอยูอยางอุดมสมบูรณ อยางไรก็ตามในชวง ทศวรรษที่ผานมา ผลพวงจากการขยายตัวของการเลี้ยงกุงทะเล แมจะสรางรายไดใหกับจังหวัดสุราษฎร ธานีเปนจํานวนมาก แตก็ทําใหเกิดการบุกรุกทําลายพื้นที่ปาชายเลนเพื่อนําไปเลี้ยงกุงทะเลจํานวนมาก เชนกัน นอกจากนั้นการปลอยขี้เลนและน้ําเนาเสียจากนากุงยังไดสงผลกระทบตอระบบนิเวศแมน้ําลํา คลองและระบบนิเวศชายฝง และสงผลกระทบตอเนื่องตอปริมาณสัตวน้ําที่เปนแหลงประกอบอาชีพและ แหลงรายไดที่สําคัญของชุมชนประมงพื้นบานซึ่งตั้งถิ่นฐานอยูตามพื้นที่ชายฝงใน 7 อําเภอรอบอาวบาน ดอน กระทั่งในชวงป พ.ศ.2545-2547 ธุรกิจการเลี้ยงกุงทะเลไดเกิดภาวะตกต่ํา นากุงจํานวนมากถูก ปลอยทิ้งราง ในขณะที่ชาวบานหลายรายประสบภาวะขาดทุน มีภาระหนี้สิน บางตองสูญเสียที่ดินใหกับ สถาบันการเงิน และแมชุมชนตองการจะกลับมาประกอบอาชีพประมงเชนเดิมก็ประสบความยากลําบาก เนื่ อ งจากระบบนิเวศชายฝ ง ที่เสื่ อ มโทรมได ส งผลกระทบต อ ปริม าณสัตว น้ํา ซึ่ง ลดหายไปจํา นวนมาก อยางไรก็ตามผลจากความเสื่อมโทรมของทรัพยากรชายฝงดังกลาวทําใหชุมชนหลายๆ ชุมชนในพื้นที่อาว บานดอนไดลุกขึ้นมาฟนฟูทรัพยากรชายฝงของอาวบานดอนเพื่อใหความอุดมสมบูรณกลับคืนมาอีกครั้ง โดยมีกิจกรรมตางๆ เชน การฟนฟูปาชายเลน การเฝาระวังการลักลอบตัดไมทําลายปา รวมทั้งเฝาระวัง เรือประมงทําลายลางเชนเรืออวนลาก เรืออวนรุน เปนตน
-1-
องคการพื้นที่ชุมน้ํานานาชาติ-ประจําประเทศไทย จึงไดประสานความรวมมือกับเครือขายอนุรักษ อาวบานดอน สวนบริหารจัดการทรัพยากรปาชายเลนที่ 4 สถานีพัฒนาทรัพยากรปาชายเลนที่ 13 และ 14 และสํานักงานประมงจังหวัดสุราษฎรธานี ในการดําเนินโครงการ “จัดการสภาวะแวดลอมเชิงบูรณาการ เพื่อฟนฟูวิถีชีวิตชุมชนพื้นที่อาวบานดอน จังหวัดสุราษฎรธานี” ภายใตการสนับสนุนจากโครงการปา ชายเลนเพื่ออนาคต (Mangrove for The Future : MFF) โดยแรกเริ่มดําเนินโครงการฯ มีพื้นที่เปาหมายใน การดําเนินงานในพื้นที่ตําบลลีเล็ด อําเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎรธานี เพียงแหงเดียว ตอมาคณะกรรมการ โครงการฯ ไดมีมติใหขยายพื้นที่ดําเนินโครงการใหครอบคลุมพื้นที่อาวบานดอนทั้งสิ้น 7 อําเภอ ไดแก อําเภอทาชนะ อําเภอไชยา อําเภอทาฉาง อําเภอพุนพิน อําเภอเมือง อําเภอกาญจนดิษฐ และอําเภอดอน สัก เปาหมาย ; เพื่ออนุรักษและฟนฟูทรัพยากรชายฝงและทรัพยากรปาชายเลนอยางยั่งยืน ควบคูไปกับการ สงเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนที่อาศัยอยูในพื้นที่ชายฝงทะเลอาวบานดอน โดยการสรางความ มือระหวางภาคสวนตางๆ ในการรวมดําเนินกิจกรรมตางๆ บนพื้นฐานของการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ อยางมีสวนรวม วัตถุประสงค ; 1.) เพื่อการอนุรักษและฟนฟูปาชายเลนในพื้นที่ตางๆ รอบอาวบานดอน 2.) พัฒ นาและใช น วัต กรรมทางการเงิน ในการจั ดการและฟน ฟูปา ชายเลนควบคูไ ปกับ การ พัฒนาทางดานการประกอบอาชีพของชุมชนผูดูแลรักษาทรัพยากร 3.) สงเสริมใหเกิดความรวมมือระหวางหนวยงานภาคสวนตางๆ ทั้งภาครัฐ สถาบันการศึกษา องคกรเอกชน และชุมชนในการจัดการปาชายเลน 4.) เพื่อเสริมสรางความรูความสามารถในการจัดการปาชายเลนและเสริมสรางจิตสํานึกของ บุคคลที่เกี่ยวของทั้งระดับทองถิ่นและระดับชาติใหเห็นคุณคาและความสําคัญของการอนุรักษและใช ประโยชนระนิเวศอยางยั่งยืน
พื้นที่เปาหมาย ; พื้นที่ชายฝงทะเลรอบอาวบานดอน ครอบคลุมพื้นที่ทั้งสิ้น 7 อําเภอ ไดแก อําเภอทาชนะ อําเภอ ไชยา อําเภอทาฉาง อําเภอพุนพิน อําเภอเมือง อําเภอกาญจนดิษฐ และอําเภอดอนสัก
แผนการดําเนินงาน ; เพื่อใหบรรลุวัตถุประสงคและเปาหมายของการดําเนินงาน โครงการฯ ไดวางแผนการ ดําเนินประกอบดวยแผนงานดานตางๆ ดังนี้ แผนงานที่ 1 การฟนฟูและบํารุงรักษาทรัพยากรปาชายเลน ประกอบดวย 1.1) ฝกอบรม เสริมสรางศักยภาพและความรูดานการฟนฟูปาชายเลนใหกับหนวยงานและชุมชน 1.2) การฟนฟู ปาชายเลนในพื้น ที่นากุงร างและพื้ นที่เ สื่อมโทรมโดยมีเ ปาหมายของโครงการฯ รวมทั้งสิ้ น 40
-2-
Hectare (250 ไร) และ 1.3) การฟนฟูปาชายเลนโดยวิธีปลอยใหงอกเองตามธรรมชาติ โดยมี เปาหมายทั้งสิ้น 80 Hectare (500 ไร)
แผนงานที่ 2 การสงเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนชายฝง ประกอบดวย 2.1) การสงเสริม ดานอาชีพโดยนําหลักการไบโอไรท (Biorights) มาประยุกตใชในการดําเนินงาน 2.2) การหนุนเสริม ดานการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการประกอบอาชีพ 2.3) การศึกษาผลกระทบ (Impact) ของ โครงการตอการสงเสริมดานอาชีพและการพัฒนาคุณภาพชีวิต และ 2.4) การเผยแพรและถายทอด ความรู แผนงานที่ 3 การเสริมสรางความรวมมือในการจัดการปาชายเลนและทรัพยากรชายฝง ประกอบดวย 3.1) จัดใหเกิดการประชุม สัมมนาแลกเปลี่ยนเพื่อสรางความรวมมือในการจัดการปา ชายเลน 3.2) การเสริมสรางศักยภาพและความเขมแข็งของภาคีความรวมมือ และ 3.3 การประเมิน และติดตามกระบวนการสรางความรวมมือ แผนงานที่ 4 การณรงค เสริมสรางจิตสํานึกดานการอนุรักษปาชายเลน ประกอบดวย กิจกรรม 4.1) การพัฒนากิจกรรมดานการรณรงคและเผยแพรประชาสัมพันธ 4.2) การรวบรวม ความรูและเผยแพรเอกสารองคความรูดานตางๆ และ4.3) จัดใหมีการสัมมนาเชิงปฏิบัติการใน ระดับภูมิภาค ผลการดําเนินการ
ระหวางเดือนสิงหาคม 2553 – เดือนกุมภาพันธ 2554 โครงการฯ ไดดําเนินกิจกรรมภายใต แผนงานโครงการฯ รวมทั้งกิจกรรมเกี่ยวเนื่องนอกแผนงานตางๆ ดังตอไปนี้ แผนงานที่ 1 การฟนฟูและบํารุงรักษาทรัพยากรปาชายเลน 1.1 อบรมการติดตามประเมินปาชายเลน (การอบรมครั้งที่ 2) โครงการจัด การสภาวะแวดล อ มอย า ง บูรณาการเพื่อความยั่งยืนของวิถีชีวิตชุมชนในอาว บานดอน จังหวัดสุราษฎรธานี รวมกับ สวนบริหาร จัดการปาชายเลนที่ 4 ศูนยสงเสริมการเรียนรูและ พั ฒ นาทรั พ ยากรป า ชายเลนที่ 3 สถานี พั ฒ นา ทรัพยากรปาชายเลนที่ 13 สถานีพัฒนาทรัพยากร ปาชายเลนที่ 14 เครือขายอนุรักษอาวบานดอน และโครงการสรางสุขภาวะทางสังคมและปญญา ดูแลรักษาดินน้ําปาโดยองคกรชุมชนรวมกับองคกรปกครองสวนทองถิ่นในจังหวัดตรังและสุราษฎรธานี โดยการสนับสนุนจากสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสรางเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดอบรมหัวขอ “การ ติดตามประเมินปาชายเลน” ใหกับสมาชิกเครือขายอนุรักษอาวบานดอนและตัวแทนชุมชนที่ไดรับการ สนับสนุนกิจกรรมดานการพัฒนาอาชีพหรือไบโอไรท การอบรมครั้งนี้มีวัตถุประสงคเพื่อพัฒนาศักยภาพ และเสริมสรางความรูความเขาใจดานการติดตามประเมินสภาพปาชายเลนใหแกตัวแทนชุมชน สําหรับนํา วามรูไปใชในการติดตามประเมินสภาพปาชายเลน รวมทั้งติดตามความสําเร็จของการฟนฟูปาชายเลนใน ทองถิ่นของตน ทั้งนี้มีผูเขารวมอบรมรวมทั้งสิ้น 36 คน
-3-
ในการฝกอบรมใชเวลารวมทั้งสิ้น 2 วัน โดยไดรับการสนับสนุนหลักสูตรและกระบวนการ ฝกอบรมจากคุณกฤษฎา สิทธินุน หัวหนาศูนยสงเสริมการเรียนรูและพัฒนาทรัพยากรปาชายเลนที่ 3 และ เจาหนาที่จากสวนบริหารจัดการปาชายเลนที่ 4 ประกอบดวยการอบรมในภาคทฤษฎี ไดแก ความสําคัญ ของการการประเมินสภาพปา เทคนิคการวางแปลงศึกษาองคประกอบของปาชายเลน สําหรับภาคปฏิบัติ เปนการทดลองปฏิบัติจริงในภาคสนามบริเวณปาชายเลนของสวนบริหารจัดการปาชายเลนที่ 4 ผลจาก การฝกอบรมนอกจากเปนการเพิ่มศักยภาพและความรูใหกับชุมชนแลว กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู ระหวางภูมิปญญาทองถิ่นและเทคนิคทางวิชาการ กอใหเกิดความเขาใจและความสัมพันธอันดีระหวาง ตัวแทนชุมชนและเจาหนาที่ปาชายเลนอันจะนําไปสูการประสานความรวมมือเพื่อดําเนินกิจกรรมดานการ อนุรักษและการฟนฟูปาชายเลน รวมทั้งการประยุกตปรับปรุงเทคนิคการติดตามประเมินสภาพปาชายเลน ซึ่งเปนเทคนิควิชาการที่มีเนื้อหายากตอความเขาใจของชุมชน ใหสอดคลองเหมาะสมสําหรับชุมชนและ สามารถนําไปปฏิบัติไดดวยตนเอง 1.2 ขยายผลการฝกอบรม “การติดตามประเมินสภาพปาชายเลน” หลังจากสิ้นสุดการฝกอบรม “การติดตามประเมินสภาพปาชายเลน” ตัวแทนชุมชนที่เขารวม อบรมครั้งนี้ ไดนําความรูจากการฝกอบรมไปถายทอดตอใหกับสมาชิกในกลุมของตน รวมทั้งใชความรูจาก การฝกอบรมรวมกับสมาชิกในกลุมดําเนินการเก็บขอมูล เพื่อประเมินสภาพปาชายเลนบริเวณที่จะดําเนิน กิจ กรรมด า นการฟ น ฟูป า ชายเลน สํ า หรั บ เป น ขอ มูลพื้ น ฐานในการติ ด ตามประเมิ น ความสํ า เร็ จ ของ กระบวนการฟนฟูปาชายเลนตอไปในอนาคต 1.3 จัดกิจกรรมปลูกปาชายเลนในนากุงรางเนื่องในวันพื้นที่ชุมน้ําโลก พื้นที่อําเภอทา ฉาง จังหวัดสุราษฎรธานี วันที่ 7 กุมภาพันธ 2553 องคการพื้นที่ ชุมน้ํานานาชาติ-ประจําประเทศไทย รวมกับสวน บริหารจัดการทรัพยากรปาชายเลนที่ 4 (สุราษฎร ธานี ) สถานี พั ฒ นาทรั พ ยากรป า ชายเลนที่ 13 สถานีพัฒนาทรัพยากรปาชายเลนที่ 14 เครือขาย อ นุ รั ก ษ อ า ว บ า น ด อ น ก ลุ ม อ นุ รั ก ษ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมตําบลทาฉาง สํ า นั ก งานทรั พ ยากรธรรมชาติ แ ละสิ่ ง แวดล อ ม จังหวัดสุราษฎรธานี สํานักงานสิ่งแวดลอมภาค 14 จัดกิจกรรมปลูกปาชายเลนในพื้นที่นากุงราง ในพื้นที่ ตําบลทาฉาง อําเภอทาฉาง จังหวัดสุราษฎรธานี เนื้อที่ประมาณ 20 ไร โดยมีประชาชนและเยาวชนจาก โรงเรียนตางๆ ในพื้นที่เขารมกิจกรรมกวา 400 คน โดยพื้นที่นากุงรางแปลงดังกลาวนี้เปนพื้นที่เปาหมาย ของการฟนฟูภายใตโครงการฯ ซึ่งมีเนื้อที่รวมทั้งสิ้น 200 ไร หลังจากนี้กลุมอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอมตําบลทาฉางซึ่งไดรับการสนับสนุนจากโครงการฯ จะดําเนินการฟนฟูปาชายเลนแปลงดังกลาว นี้ใหครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 200 ไร
-4-
1.4 กิจกรรมการฟนฟูปาชายเลนตําบลลีเล็ด กลุมอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมตําบลลีเล็ด ซึ่งไดรับการสนับสนุนงบประมาณ ดานการประกอบอาชีพ ไดเริ่มดําเนินการฟนฟูปาชายเลนในพื้นที่ปาชายเลนตําบลลีเล็ด โดยเปนการปลูก เสริมตนจาก ซึ่งถือเปนพืชเศรษฐกิจเฉพาะการทําใบจากสําหรับมวนบุหรี่ สามารถสรางรายไดใหกับตําบล ลีเล็ดปละกวา 10 ลานบาท อยางไรก็ตามปริมาณความตองการยอดจากมีคอนขางสูง ทั้งนําไปทําใบจาก นําไปทําหลังคาบานเรือน การนําไปชอนปก (ปอง) ซึ่งเปนเครื่องมือประมงพื้นบานแบบดั้งเดิมอีกประเภท หนึ่งที่ยังหลงเหลืออยู ทําใหคนชุมชนเห็นความสําคัญของการปลูกเสริมตนจากในพื้นที่เสื่อมโทรมของ ชุมชนเพื่อลดการพึ่งพาตนจากจากธรรมชาติ 1.5 ประชุมรวมกับกํานัน ผูใหญบาน ในตําบลลีเล็ดเรื่องการจัดทําแนวเขตอนุรักษของ พื้นที่ตําบลลีเล็ด วันที่ 5 กุมภาพันธ ประชุมรวมกับกํานัน ตําบลลีเล็ด ผูใหญบาน ม. 4 บานหวยทรัพย ม. 7 บานคลองกอ ม. 5 บานบางพลา ม.8 บานบางทึง และม.2 บานคลองราง ซึ่งเปนหมูบานที่ติดกับ ทะเลเพื่อชี้แจงและหารือเกี่ยวกับการจัดทําแนว เขตอนุ รั ก ษ ข องพื้ น ที่ ตํ า บลลี เ ล็ ด เพื่ อ เป น แนว ปองกันกลาไมลําพูใหเติบโตขึ้นเองตามธรรมชาติ จากเครื่องมือประมงทําลายลาง เชน เรืออวนลาก เรืออวนรุน ซึ่งเปนปจจัยสําคัญที่ทําลายกลาไมที่เติบโตขึ้นมาใหม นอกจากนั้นยังแนวปองกันการขยายตัว และเขายึดถือครอบครองทะเลเพื่อเลี้ยงหอยซึ่งสงผลกระทบตอวิถีชีวิต และการประกอบอาชีพของชุมชน ประมงชายฝง โดยที่ประชุมไดมีการซักถามถึงผลกระทบจากการปกแนวเขตดังกลาวตอการประกอบอาชีพ ของประมงพื้นบาน และทางผูใหญบานชุมชนตางๆ จะนําเรื่องดังกลาวไปชี้แจงในการประชุมหมูบานตอไป นอกจากนั้นยังไดกําหนดวันเพื่อสํารวจ จัดทําแผนที่ที่จะทําการปกแนวเขตในวันที่ 8 กุมภาพันธ ซึ่งจะมี ตัวแทนชุมชนเขารวมสํารวจประกอบ กํานันตําบลลีเล็ด ผูใหญบานหมูที่ 8 บานบางทึง และอาสาสมัครเฝา ระวังชายฝงทะเล (MCS) ตําบลลีเล็ด เขารวมการสํารวจดังกลาว 1.6 สํารวจ จับพิกัด GPS เพื่อจัดทําแนวเขตอนุรักษของพื้นที่ตําบลลีเล็ด วันที่ 8 กุมภาพันธ ตัวแทนชุมชนลีเล็ดประกอบดวย กํานันตําบลลีเล็ด ผูใหญบานหมูที่ 8 บาน บางทึง และอาสาสมัครเฝาระวังชายฝงทะเล (MCS) ตําบลลีเล็ด ตัวแทนเครือขายอนุรักษอาวบานดอน ได รวมกันสํารวจพื้นที่อาวบานดอน ในพื้นที่ตําบลลีเล็ดเพื่อวางแนวที่จะทําการจัดทําแนวเขตอนุรักษตําบลลี เล็ด โดยการจับพิกัด GPS และนําไปจัดทําแผนที่เบื้องตน สําหรับการประชุม ชี้แจงรับฟงความคิดเห็นของ ชุมชนตอไป 1.7 ประชุมชี้แจง รับฟงความคิดเห็นของชุมชน และหารือกับองคการบริหารสวนตําบล ลีเล็ดเกี่ยวกับการจัดทําแนวเขต โครงการฯ รวมกับโครงการสรางสุขภาวะทางสังคมและปญญาดูแลรักษาดินน้ําปาโดย
องคกรชุมชนรวมกับองคกรปกครองสวนทองถิ่นฯ ภายใตการสนับสนุนจากกองทุนสนับสนุนการ สรางเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดประชุมรวมกับกํานัน ผูใหญบานในพื้นที่ตําบลลีเล็ด นายกองคการ บริหารสวนตําบลลีเล็ด เพื่อรับฟงความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดทําแนวเขตอนุรักษในพื้นที่ตําบลลีเล็ด -5-
ในที่ประชุมเห็นดวยอยางยิ่งกับการจัดทําแนวเขตดังกลาว ทั้งนี้เพื่อปองกันแนวปาชายเลนงอก ใหม รวมทั้งปองกันการบุกรุกเขามาจับจองพื้นที่ทะเลในพื้นที่ตําบลลีเล็ดของคอกหอย นอกจากนั้นในที่ ประชุมไดมีขอเสนอรวมกันวา แนวเขตดังกลาวควรถูกรับรองใหเปนขอบัญญัติองคกรบริหารสวนตําบล เพื่อใหมีผลในแงของการควบคุมและปฏิบัติงาน โดยในระหวางจัดทําแนวเขต จะเริ่มดําเนินการยกราง ขอบัญญัติองคกรครองสวนทองถิ่น เพื่อกําหนด มาตรการในการอนุ รั ก ษ ต า งๆ โดยเบื้ อ งต น ได แบงเปนเขตตางๆ ไดแก 1.) เขต 3,000 เมตร 2.) เขตอนุรักษปาชายเลนงอกใหม 3.) เขตปาชาย เลน รวมทั้ ง การควบคุ ม ขยะและน้ํ า เสี ย ทั้ ง จาก ชุม ชนและการเพาะเลี้ยง หลั ง จากนั้น จะนํ า รา ง ข อ บั ญ ญั ติ ดั ง กล า วไปทํ า ประชาคมกั บ หมู บ า น ตางๆ เพื่อรับฟงความคิดเห็น และปรับปรุงแกไข หลั ง จากนั้ น จึ ง นํ า เข า สู ก ารประชุ ม ของสภา องคการบริหารสวนตําบลเพื่อรับรองใหเปนขอบัญญัติทองถิ่นและประกาศใชตอไป สําหรับการดําเนินการปกแนวเขต ไดมีการหารือถึงความรวมมือระหวางโครงการฯ องคการ บริหารสวนตําบลลีเล็ด กํานันตําบลลีเล็ด และเครือขายอนุรักษอาวบานดอน ในการทําบันทึกขอตกลง (MOU) รวมกัน เพื่อดําเนินโครงการปกแนวเขตซึ่งคาดวาจะดําเนินการใหแลวเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้ แผนงานที่ 2 การสงเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนชายฝง 2.1 การดําเนินงานดานการพัฒนา คุณภาพชีวิตและสงเสริมอาชีพ คณะกรรมการโครงการจัด การสภาวะ แวดลอมอยางบูรณาการเพื่อความยั่งยืนของวิถี ชีวิตชุมชนในอาวบานดอน จังหวัดสุราษฎรธานี ได พิ จ ารณาอนุ มั ติ โ ครงการขนาดเล็ ก หรื อ โครงการไบโอไรท ในการประชุมครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553 จํานวนทั้งสิ้น 6 โครงการ ครอบคลุมพื้น ที่ 7 อํา เภอรอบอาวบานดอน จังหวัดสุราษฎรธานี เปนจํานวนเงินทั้งสิ้น 910,000 บาท ไดแก 1.) โครงการอนุรักษทรัพยากรสัตวน้ําและฟนฟูทรัพยากรชายฝง อําเภอทาชนะ จังหวัดสุราษฎร ธานี ดําเนินการโดย กลุมอนุรักษทรัพยากรและสัตวน้ําชายฝงตําบลคันธุลี 2.) โครงการเลี้ยงปลาในกระชังเพื่อการอนุรักษและเฝาระวังปาชายเลน อําเภอไชยา จังหวัดสุ ราษฎรธานี ดําเนินการโดย กลุมอนุรักษปาชายเลนคลองพุมเรียง 3.) โครงการเพาะเลี้ยงสัตวน้ําชายฝง อําเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎรธานี ดําเนินการโดย กลุม อนุรักษทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดลอมตําบลลีเล็ด
-6-
4.) โครงการเลี้ยงปลาในบอดินและกระชัง อําเภอเมือง จังหวัดสุราษฎรธานี ดําเนินการโดย กลุมอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดลอม หมู 3 และหมู 8 คลองฉนาก 5.) โครงการสงเสริมการทําอุปกรณทําประมงแกกลุมประมงพื้นบาน อําเภอกาญจนดิษฐ จังหวัดสุราษฎรธานี ดําเนินการโดย เครือขายอนุรักษปาชายเลนตําบลตะเคียนทอง 6.) โครงการผลิตอาหารทะเลรมควัน อําเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎรธานี ดําเนินการโดย กลุม อนุรักษทรัพยากรธรรมชาติอาวบานดอน อําเภอดอนสัก โดยโครงการขนาดเล็กทั้ง 6 โครงการ ที่ไดรับการสนับสนุนจากโครงการจัดการสภาวะแวดลอม เชิงบูรณาการฯ จะตองบริหารจัดการโครงการดานการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการประกอบอาชีพ และ ดําเนินกิจกรรมดานการอนุรักษใหเปนไปตามบันทึกขอตกลงที่ทํารวมกันไว 2.2 การติดตามโครงการขนาดเล็ก ทั้งนี้ในชวงที่ผานมาเจาหนาที่โครงการจัดการสภาวะแวดลอมอยางบูรณาการฯ ไดดําเนินการ ประสานงานเพื่อติดตามประเมินผลการดําเนินงานกลุม ชุมชนตางๆ ที่ไดรับการสนับสนุนดังนี้ 12 พฤศจิกายน 2553 : ลงพื้นที่ติดตามการดําเนินงานของโครงการเลี้ยงปลาในกระชัง ตําบล พุมเรียง อําเภอไชยา ดําเนินการโดยกลุมอนุรักษปาชายเลนคลองพุมเรียง 6 พฤศจิกายน 2553 : ลงพื้นที่ติดตามการดําเนินงานของโครงการสงเสริมการทําเครื่องมือ ประมงพื้นบาน ตําบลตะเคียนทอง อําเภอกาญจนดิษฐ ดําเนินการโดย เครือขายอนุรักษปาชายเลนตําบล ตะเคียนทอง 8 พฤศจิกายน 2553 : ลงพื้นที่ติดตามการดําเนินงานของโครงการเลี้ยงปลาในกระชังและบอดิน ตําบลคลองฉนาก ดําเนินการโดย กลุมอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดลอม หมู 3 และหมู 8 คลอง ฉนาก 17 ธันวาคม 2553 : ประชุมเครือขายอนุรักษอาวบานดอนติดตามผลการดําเนินงานของทั้ง 6 กลุม 2.3 การพัฒนาโครงการดานการสงเสริมอาชีพเพิ่มเติมจํานวน 4 โครงการ นอกจากนั้นโครงการฯ ยังไดเตรียมพัฒนาโครงการดานการสงเสริมอาชีพรวมกับชุมชนเพิ่มเติม อีก 4โครงการ เพื่อขอการพิจารณาอนุมัติจากคณะกรรมการโครงการะดับจังหวัด และใหการสนับสนุน ตอไป
-7-
แผนงานที่ 3 การเสริมสรางความรวมมือในการจัดการปาชายเลนและทรัพยากรชายฝง 3.1 การประชุมเครือขายอนุรักษอาวบานดอน การสนั บ สนุ น ให เ กิ ด การรวมกลุ ม ของ ชุมชนของชุมชนตางๆ ในรูปแบบเครือ ขา ย เปน ยุทธศาสตรสําคัญในการเสริมสรางความเขมแข็ง และการมี ส ว นร ว มของชุ ม ชนในการจั ด การ ทรั พ ยากรทรั พ ยากรป า ชายเลนและทรั พ ยากร ชายฝ ง ในพื้ น ที่ อ า วบ า นดอน เนื่ อ งจากการ รวมกลุ ม ในรู ป แบบเครื อ ข า ยและมี ก ารบริ ห าร จัดการอยางมีประสิทธิภาพ จะสงผลใหชุมชนเกิด พลังอํานาจในการตอรองและผลักดันการแกไขปญหาในทองถิ่นของตนเองมากยิ่งขึ้นโดยกลุมชุมชนประมง พื้นบานในพื้นที่ 7 อําเภอรอบอาวบานดอนไดรวมกลุมกันเพื่อดําเนินกิจกรรมดานการอนุรักษและการ จัดการทรัพยากรชายฝงมาไมต่ํากวา 7 ป ทั้งนี้เครือขายอนุรักษอาวบานดอนจัดใหมีการประชุมปรึกษา กรรมการเครือขายอนุรักษอาวบานทุกวันที่ 17 ของทุกๆ เดือน เพื่อติดตามสถานการณและความคืบหนา ในการดําเนินงานของสมาชิกเครือขายในแตละพื้นที่ รวมทั้งเปนเวทีสําหรับพบปะและแลกเปลี่ยนขอมูล ระหวางชุมชนประมงพื้นบานรอบอาวบานดอนกับสวนตางๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชน 3.2 การประชุมรวมระหวางโครงการฯ เครือขายอนุรักษอาวบานดอน และประมงจังหวัด สุราษฎรธานี ในปงบประมาณ 2554 เครือขายอนุรักษอาวบานดอน ไดรับการสนับสนุนงบประมาณจาก จังหวัดสุราษฎรธานีผานสํานักงานประมงจังหวัดสุราษฎรธานี ในการดําเนินโครงการเสริมสรางศักยภาพ เครือขายอนุรักษอาวบานดอน เปนงบประมาณทั้งสิ้น 4,800,000บาท ประกอบดวยกิจกรรมดังนี้ 1.) การจัดทําแนวเขต 3,000 เมตรและแนวเขตอนุรักษพิเศษ 2.) การจัดตั้งเครือขายสตรี เยาวชน 3.) การฝกอบรมอาสาสมัครเฝาระวัง (จัดอบรม 1 ครั้ง) 4.) อบรมแกนนําสตรี เยาวชน 5.) จัดตั้งศูนยเรียนรูชุมชน 6.) การสงเสริมดานอาชีพ 7.) จัดคายเยาวชน 8.) จัดคายแกนนําสตรี โดยงบประมาณดังกลาวจะชวยสนับสนุนการดําเนินงานของเครือขายอนุรักษอาวบานดอนและ โครงการฯ ใหมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2553 เครือขายอนุรักษอาวบานดอน และ โครงการฯ ไดจัดประชุมรวมกับสํานักงานประมงจังหวัดสุราษฎรธานีโดยเชิญเจาหนาที่จากสํานักงาน ประมงจังหวัดสุราษฎรธานีเขารวมประชุมชี้แจงแนวทางการดําเนินงานและกรอบงบประมาณรวมกัน นอกจากนั้นในการประชุมไดมีการหารือแนวทางในการดําเนินงานใหเกิดความสอดคลองและ บูรณาการรวมกัน โดยเฉพาะอยางยิ่งการจัดทําแนวเขตอนุรักษปองกันเรืออวนลากอวนรุน ซึ่งโครงการฯ ได
-8-
ใหการสนับสนุนการดําเนินงานดังกลาวในพื้นที่ตําบลลีเล็ด ในขณะที่งบประมาณสําหรับการทําแนวเขต ของกรมประมงอาจดําเนินการตอเนื่องจากตําบลลีเล็ดไปในเขตตําบลทาฉางหรือตําบลคลองฉนาก โดย กระบวนการดํา เนินงานอาจจะดําเนินการไปพรอมๆ กัน เชน การสํารวจแนวเขต การประชุมประชา พิจารณและรับฟงความคิดเห็น เปนตน 3.3 เขาพบผูวาราชการจังหวัดสุราษฎรธานีเพื่อหารือแนวทางการแกไขปญหาชายฝง อาวบานดอน วันที่ 17 มกราคม 2554 โครงการฯ และ เครื อ ข า ยอนุ รั ก ษ อ า วบ า นดอนได เ ข า พบผู ว า ราชการจังหวัดสุราษฎรธานี (คนใหม) เพื่อเยี่ยม คารวะเนื่ อ งในโอกาสที่ ไ ด เ ข า รั บ ตํ า แหน ง ผู ว า ราชการจั ง หวั ด สุ ร าษฎร ธ านี ในโอกาสนี้ ท าง โครงการฯ และเครือขายฯ ไดหารือประเด็นปญหา ดานทรัพยากรชายฝง โดยเฉพาะอยางยิ่งกรณีการ ขยายตั ว ของคอกหอยแครงที่ ส ง ผลกระทบต อ ชุ ม ชนประมงพื้ น บ า น การเร ง รั ด โครงการเสริ ม สร า งศั ก ยภาพเครื อ ข า ยชุ ม ชนอ า วบ า นดอนซึ่ ง ได รั บ งบประมาณสนับสนุนจากโครงการไทยเขมแข็ง รวมทั้งหารือถึงแนวทางในการแกไขปญหารวมในระดับ จังหวัด โดยเสนอใหปรับปรุงโครงสรางของคณะกรรมการโครงการจัดการสภาวะแวดลอมเชิงบูรณาการฯ และยกระดับใหเปนคณะกรรมการที่ทําหนาที่ในการดูแลและแกไขปญหาอาวบานดอน โดยเบื้องตนทาง ผูวาราชการจังหวัดสุราษฎรธานีรับที่จะไปดูปญหาที่เกิดขึ้นรวมทั้งหาแนวทางในการแกไขตอไป 3.4 รวมกับโครงการสรางสุขภาวะทางสังคมและปญญาดูแลรักษาดินน้ําปาโดย องคกรชุมชนรวมกับองคกรปกครองสวนทองถิ่นฯ ผลักดันขอบัญญัติทองถิ่นใน 3 ตําบล 1 เทศบาล ในอาวบานดอน โครงการฯ ไดรวมกับโครงการสรา งสุข ภาวะทางสังคมและปญ ญาดูแ ลรัก ษาดิน น้ํา ปา โดยองค ก รชุ ม ชนร ว มกั บ องค ก รปกครองส ว น ทองถิ่นฯ ผลักดันขอบัญญัติทองถิ่นใน 3 ตําบล ไดแก ตําบลตะเคียนทอง ตําบลลีเล็ด ตําบลเขา ถาน และ 1 เทศบาล ไดแก เทศบาลตําบลพุมเรียง เพื่อใหเกิดขอบัญญัติทองถิ่น สําหรับการดูแลและ จั ด การทรั พ ยากรธรรมชาติ แ ละสิ่ ง แวดล อ มใน ทองถิ่นการปกครองขององคกรปกครองสวนทองถิ่นนั้นๆ เพื่อกลไกอีกดานหนึ่ง ในการสรางหลักประกัน ความยั่งยืนของทรัพยากรและระบบนิเวศชายฝง โดยที่ผานมาไดมีการนํานายกองคการบริหารสวนตําบล สมาชิกองคการบริหารสวนตําบล เจาหนาองคการบริหารสวนตําบลในพื้นที่เปาหมาย ไปศึกษาดูการและ เรี ย นรู แ นวทางการการจั ด ทํ า ข อ บั ญ ญั ติ ท อ งถิ่ น ของตํ า บลบ อ หิ น และตํ า บลเกาะลิ บ ง จั ง หวั ด ตรั ง นอกจากนั้นเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ 2554 ยังไดจัดประชุมเพื่อชี้แจงและทําความเขาใจกับผูนําชุมชน กํานัน ผูใหญบาน สมาชิกองคการบริหารสวนตําบลลีเล็ดและองคการบริหารสวนตําบลตะเคียนทอง ใน การหาแนวทางการจัดทําขอบัญญัติทองถิ่นโดยกระบวนการมีสวนรวมตอไป -9-
3.5 ความรวมมือในการดําเนินกิจกรรมในพื้นที่อาวบานดอนกับโครงการสรางสุขภาวะ ทางสังคมและปญญาดูแลรักษาดินน้ําปาโดยองคกรชุมชนรวมกับองคกรปกครองสวนทองถิ่นใน จังหวัดตรังและสุราษฎรธานี
เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2553 โครงการฯ ไดประชุมหารือเกี่ยวกับการสรางความรวมมือ ดําเนินกิจกรรมสนับสนุนชุมชนในดานการอนุรักษและการเสริมสรางศักยภาพของชุมชนรวมกับ โครงการสรางสุขภาวะทางสังคมและปญญาดูแลรักษาดินน้ําปาโดยองคกรชุมชนรวมกับองคกร ปกครองสวนทองถิ่นในจังหวัดตรังและสุราษฎรธานี ซึ่งเปนโครงการที่ไดรับการสนับสนุนจาก สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสรางเสริมสุขภาพ (สสส.) (Thai Health Promotion Foundation) ทั้ ง นี้ มี เ ป า หมายเพื่ อ ให เ กิ ด การบู ร ณาการแผนงานและกิ จ กรรมด า นการอนุ รั ก ษ การพั ฒ นา ศักยภาพชุมชนและองคกรปกครองสวนทองถิ่นในพื้นที่อาวบานดอนรวมกัน โดยโครงการสรางสุข ภาวะทางสังคมและปญญาดูแลรักษาดินน้ําปา จะชวยสนับสนุนงบประมาณดําเนินกิจกรรมตางๆ ในป 2554 ดังนี้ 1.) จัดทําสื่อการเรียนรูทั้ง ๓ ตําบลเปาหมาย และเครือขายอนุรักษอาวบานดอน 2.) จัดเก็บขอมูลพันธุพืชและพันธสัตวในปาชายเลน รอบอาวบานดอน และจัดพิมพเปนคูมือใหแก ชุมชน 3.) จัดเก็บขอมูลครอบครัวที่ทําประมงพื้นบาน และจํานวนเรือประมงพื้นบาน บริเวณอาว บานดอน 4.) จัดทําแผนที่ทรัพยากรในพื้นที่เปาหมายของโครงการฯ และพื้นที่เครือขาย รวม 7 ตําบล แผนงานที่ 4 การณรงค เสริมสรางจิตสํานึกดานการอนุรกั ษปาชายเลน 4.1 จัดพิมพจดหมายขาวรักษอาวบานดอน ฉบับที่ 2 โครงการฯ ไดจัดทําจดหมายขาว “รักษอาวบานดอน” ราย 3 เดือน เพื่อเปนสื่อประชาสัมพันธ และเผยแพรการดําเนินงานของโครงการ รวมทั้งสถานการณดานสิ่งแวดลอมตางๆ ของอาวบานดอน จังหวัดสุราษฎรธานี โดยที่ผานมาใชเผยแพรในการประชุม สัมมนา การฝกอบรมตางๆ การสงเปนเอกสาร ไปยังหนวยงานและบุคคลที่เกี่ยวของ รวมทั้งการเผยแพรผานจดหมายขาวอิเล็กทรอนิกคและเปดใหดาวน โหลดผานเวปไซต ทั้งนี้ไดดําเนินการจัดทําจดหมายขาวไปแลว 2 ฉบับ
เปาหมายของการจัดทําจดหมายขาวฉบับนี้นอกจากเผยแพรกิจกรรมของโครงการแลว ยัง มุ ง เน น การนํ า เสนอข อ มู ล สภาพป ญ หาความเหลื่ อ มล้ํ า และความไม เ ป น ธรรมในการจั ด การ ทรัพยากรชายฝงในพื้นที่อาวบานดอน จังหวัดสุราษฎรธานี เชน การการบุกรุกจับจองทะเลของ กลุมนายทุนเพื่อทําคอกหอยแครง ผลกระทบจากเรืออวนรุนและเรืออวนลาก และปญหาผลกระทบ ตอระบบนิเวศชายฝงที่เกิดจากน้ําการปลอยน้ําเนาเสียจากการเลี้ยงกุง ฯลฯ เพื่อใชเปนเอกสาร เผยแพรขอมูลและผลักดันการแกไขปญหาในการจัดการทรัพยากรชายฝงในพื้นที่อาวบานดอนทั้ง ในระดับพื้นที่และในระดับนโยบายตอไป
- 10 -
4.3 การพัฒนาเวปไซต ปจจุบันการสื่อสารผานระบบอินเตอรเนตไดแก เวปไซต และโซเชียลเนตเวิรค เชน เฟชบุค และ ทวิตเตอรไ ดรับความนิยมแพรหลาย และเปน เครื่องมือ สําคัญในการเผยแพรข อ มูลขาวสารตางๆ ตอ ส า ธ า ร ณ ะ ช น แ ล ะ สั ง ค ม ใ น ว ง ก ว า ง ทั้ ง นี้ โ ค ร ง ก า ร ฯ ไ ด พั ฒ น า แ ล ะ จั ด ทํ า เ ว ป ไ ซ ต http://www.withailand.org/MFF ทั้งภาคภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อเผยแพรขอมูลโครงการ ผลการ ดําเนินงาน เผยแพรขอมูลดานการอนุรักษฟนฟู และสถานการณปญหาดานทรัพยากรชายฝงของพื้นที่อาว บานดอน จังหวัดสุราษฎรธานี นอกจากนั้นยังไดใช Search Engine Optimization (SEO) ซึ่งเปน เครื่องมือสําคัญสําหรับการคนหาขอมูล (Search Engine) ผานทางเวปไซตโดยเฉพาะการคนหาผานทาง เวปไซต Google ซึ่งเปนเวปไซตสืบคนขอมูลยอดนิยมอันดับหนึ่งของโลก รวมทั้งเชื่อมโยงขอมูลของเวป ไซตโครงการผาน Social Network เชน Facebook และ Twitter ทั้งนี้จากการติดตามการใชงานของเวป ไซตพบวามีผูเขาใชงานเฉลี่ย (Visits) 411 ครั้ง/เดือน ประกอบดวยผูเขาเยี่ยมชมเวปไซตจากทั้งในประเทศ ไทยและตางประเทศจําแนกเปนผูใชในประเทศไทย 47% รองลงมาไดแก สหรัฐอเมริกา 14% (ไมทราบ ประเทศ 32%) 4.4 การผลักดันการแกไขปญหาอาวบานดอนในเชิงนโยบาย เมื่ อ วั น ที่ 5 กรกฎาคม 2553 นายกรั ฐ มนตรี ไ ด มี คํ า สั่ ง แต ง ตั้ ง คณะกรรมการ ปฏิรูป โดยมีอํานาจหนาที่1.) กําหนดยุทธศาสตร แนวทาง มาตรการ และกระบวนการต า ง ๆ เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ป ฏิ รู ป 2 . ) จั ด ทํ า ข อ ยุ ติ แ ล ะ ขอ เสนอแนะต า ง ๆ เกี่ ย วกั บ การปฏิรู ป เสนอต อ สาธารณชน และภาครั ฐ เพื่ อ นํ า ไปสูก ารปฏิ บั ติ อยางแทจริง 3.) ประสานงานกับ คณะกรรมการ สมัชชาปฏิรูปในการไดมาซึ่งขอมูล ขอคิดเห็น และขอเสนอแนะของสาธารณชนเกี่ยวกับการปฏิรูป 4.) ประสานงานกั บ คณะกรรมการสมั ช ชาปฏิ รู ป ในการสนั บ สนุ น ติ ด ตาม ผลั ก ดั น การขั บ เคลื่ อ นของ สาธารณชนและภาครัฐตอการปฏิรูปใหเกิดผลอยางเปนรูปธรรม 5.) แตงตั้งคณะกรรมการเฉพาะประเด็น หรือเฉพาะดาน คณะอนุกรรมการหรือคณะทํางาน เพื่อดําเนินการอยางหนึ่งอยางใดตามที่คณะกรรมการ ปฏิรูปมอบหมาย ตอมาคณะกรรมการปฎิรูปไดมีมติแตงตั้งคณะอนุกรรมการปฏิรูป ระบบการจัดการที่ดิน ฐาน ทรัพยากร สิ่งแวดลอมและน้ํา เพื่อศึกษาและจัดทําขอเสนอวาดวยความเหลื่อมล้ําและความไมเปนธรรม ในประเด็นการจัดการทรัพยากรที่ดิน ปาไม น้ํา ทะเลและแรเสนอตอรัฐบาล โดยที่ผานมาโครงการฯ ไดเขา รวมประชุม นําเสนอขอมูลเพื่อผลักดันพื้นที่อาวบานดอน จังหวัดสุราษฎร เปนพื้นที่ศึกษาประเด็นปญหา ดังกลาว ดังนี้
- 11 -
-
วันที่ 25 พฤศจิกายน 2553 เขารวมประชุมสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็นวาดวยการปฏิรูป ประเทศไทย “รวมฝาความไมเปนธรรม นําสังคมสูสุขภาวะ” ณ โรงแรม ปริ้นพาเลซ จัดโดย สมัชชาสุขภาพ โดยในเวทีดังกลาวไดนําเสนอและผลักดันประเด็นความไมเปนธรรมในการ จัดการทรัพยากรในประเด็นทรัพยากรทางทะเลและชายฝง
-
วันที่ 3 ธันวาคม 2553 เขารวมประชุมคณะอนุกรรมการปฏิรูป ระบบการจัดการที่ดิน ฐาน ทรัพยากร สิ่งแวดลอมและน้ํา ภายใตคณะกรรมการปฏิรูป ณ บานพิษณุโลก กรุงเทพฯ
กรณีของอาวบานดอน เปนตัวอยางที่ดีที่สะทอนถึงปญหาความเหลื่อมล้ําและความไมเปนธรรม ในการจัดการทรัพยากรชายฝงเนื่องจากการการศึกษาพบวาปจจุบันมีการปกหลักจับจองอางสิทธิ์ความ เปนเจาของพื้นที่ทะเลอาวบานดอนเพื่อการเพาะเลี้ยงชายฝงอยางกวางขวางอันเปนผลมาจากโครงการ ซีฟูดแบงค (Sea Food Bank) ภายใตนโยบายแปลงสินทรัพยเปนทุนของรัฐบาลในชวงป พ.ศ.2547-2550 ขอมูลจากสํานักงานประมงจังหวัดสุราษฎรธานีระบุวา ในป พ.ศ. 2552 พื้นที่อําเภอดอนสัก อําเภอกาญจนดิษฐ อําเภอเมืองสุราษฎรธานี อําเภอทาฉางและอําเภอไชยา มีพื้นที่เลี้ยงหอยรวมกัน ทั้งสิ้น 80,139.91 ไร ในจํานวนนี้มีพื้นที่ที่ไดรับอนุญาตเพาะเลี้ยงจํานวน 777 แปลง รวมเนื้อที่ทั้งสิ้น 26,932.67 ไร ในขณะที่มีพื้นที่เลี้ยงหอยโดยไมไดรับอนุญาตมีจํานวนถึง 1,083 แปลง รวมเนื้อที่ 53,207 ไร ที่นาสนใจกวานั้นก็คือในจํานวนแปลงที่ไมไดรับอนุญาตมี 3 แปลงใหญ ซึ่งครอบครองทะเลอาวบาน ดอนถึง 28,114.02 ไร นอกจากนั้นยังไมมีขอมูลที่แนชัดวาใบอนุญาตเพาะเลี้ยงรายยอยเหลานี้มีการ กวานซื้อไปโดยนายทุนมากนอยเพียงใด และเหลือพื้นที่เพาะเลี้ยงที่เปนของชาวประมงพื้นบานจริงๆ สักกี่ ราย แตขอมูลในพื้นที่ระบุวาพื้นที่ที่จับจองนี้สวนใหญอยูในครอบครองของนายทุน ทั้งนายทุนคนไทยและ นายทุนตางประเทศ ที่ประชุมของเครือขายอนุรักษอาวบานดอนมีความเห็นพองรวมกันวาปญหาการขยายตัวของ คอกหอยเปนปญหาเรงดวนที่สงผลกระทบตอชุมชนอยางรุนแรง เนื่องจากเมื่อนายทุนทําการจับจองคอก หอยแครงแลว จะใชไมหลักปกทําเปนอาณาเขตและหามชาวประมงพื้นบานเขาไปทําการประมง สงผล กระทบทําใหพื้น ที่ทําการประมงของประมงพื้น บานลดนอยลงเรื่อ ยๆ เมื่อ เขาไปใกลคอกหอยก็มีก าร คุกคามชาวประมงพื้นบาน เชน การยิงปนขู ปจจุบันพบวาชาวประมงพื้นบานตองออกทําการประมงใน พื้นที่ทะเลหางไกลออกไปซึ่งหมายถึงคาใชจาย (เชน คาน้ํามันเรือ) รวมทั้งอันตรายจากพายุคลื่นลมที่เพิ่ม สูงตามไปดวย นอกจากนั้นวิธีการเก็บหอยแครงซึ่งใชเรือคราดจะกวนตะกอนใตทองทะเล ใหฟุงกระจาย สรางความเสียหายใหกับระบบนิเวศและสัตวน้ําชายฝง อีกทั้งยังทําลายกลาไมชายเลนบริเวณหาดเลน ของอาวบานดอน สงผลกระทบตอระบบนิเวศชายฝงไมตางจากเรืออวนลากและเรืออวนรุน ทั้งนี้ในชวงที่ ผานมามีความพยายามในผลักดันใหเกิดการแกไขปญหาดังกลาว แตเนื่องจากผลประโยชนที่สูงมากจาก คอกหอย นายทุนเปนผูมีอิทธิพลและการสนับสนุนจากนักการเมืองทองถิ่นจึงทําใหการแกไขปญหากรณี ดังกลาวในระดับพื้นที่ดําเนินการไดยาก
- 12 -
ตอมาคณะอนุกรรมการปฏิรูป ระบบการจัดการที่ดิน ฐานทรัพยากร สิ่งแวดลอมและน้ํา ไดมีมติ เลือกพื้นที่อาวบานดอนเปนพื้นที่ 1 ใน 4 สําหรับการศึกษาเรื่องความเหลื่อมล้ําและความไมเปนธรรมใน ประเด็นทางทะเลและชายฝง นอกจากนั้นเจาหนาที่ของโครงการยังไดรับการแตงตั้งใหเปนคณะทํางาน (Working Group) เพื่อศึกษา รวบรวมและจัดทําขอเสนอเชิงนโยบายในประเด็นดังกลาวเพื่อเสนอตอ คณะกรรมการปฎิรูปตอไป 4.5 รวมกับองคกรเครือขายจัดเวทีประชุมเครือขายปาชุมชนภาคใต เครื อ ข า ยป า ชุ ม ชนภาคใต ร ว มกั บ ศู น ย ฝ ก อบรมวนศาสตร ชุ ม ชนและองค ก ารพื้ น ที่ ชุ ม น้ํ า นานาชาติ-ประจําประเทศไทย จัดเวทีประชุมเครือขายปาชุมชนภาคใต ระหวางวันที่ 20-21 กันยายน พ.ศ. 2553 ณ ชุมชนลีเล็ด อําเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎรธานี โดยมีวัตถุประสงคเพื่อ 1.) พบปะและแลกเปลี่ยน สถานการณปาชุมชนในแตละพื้นที่ 2.) ทบทวนการขับเคลื่อนเครือขายปาชุมชนภาคใตที่ผานมาและการ ขยับกาวตอไป 3.) เพื่อติดตามความกาวการดําเนินงานของเครือขายปาชุมชนแหงประเทศไทย (สมัชชาปา ชุมชนแหงประเทศไทย) โดยมีผูเขารวมทั้งสิ้นประมาณ 40 คน การจัดเวทีดังกลาวมีประโยชนอยางยิ่ง สําหรับเครือขายอนุรักษอาวบานดอนในดานการนํา ความรูความเขาใจจากเวทีประชุมไปใชในการจัดการปาชายเลนในพื้นที่รอบอาวบานดอน หากชุมชน สามารถเขาไปมีบทบาทในการจัดการปาชายเลนในรูปแบบปาชุมชน โดยตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการ ปาชุมชน วางกฎระเบียบในการจัดการปาชายเลน ก็จะเปนชองทางหนึ่งในการควบคุมดูแลพื้นที่ปาชาย เลนจากการคุกคามตางๆ ไดดีขึ้น 4.6 การประสานงานองคกรภาคีจังหวัดสุราษฎรธานี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2553 องคกรภาคประชาชนและองคกรเอกชนที่ดําเนินงานในจังหวัดสุ ราษฎรธานี ไดแก สภาองคกรชุมชน เครือขายเยาวชนสรางสรรค จังหวัดสุราษฎรธานี ประชาสังคมจังหวัด สุราษฎรธานี สหพันธเกษตรกรภาคใต มูลนิธิปา ทะเลเพื่อ ชีวิต องคการพื้นที่ชุมน้ํานานาชาติ-ประจํา ประเทศไทย ฯลฯ ไดจัดการประชุมเพื่อหารือยุทธศาสตรการดําเนินงานเพื่อผลักดันการแกไขปญหาตางๆ ในจั ง หวั ด สุ ร าษฎร ธ านี เนื่ อ งจากป จ จุ บั น พบว า ผลพวงจากนโยบายต า งๆ เช น แผนพั ฒ นาภาคใต (Southern Sea Board) โครงการผันน้ําแมน้ําตาป-พุมดวง โครงการสัมปทานขุดเจาะน้ํามันในอาวไทย โครงการนิคมอุตสาหกรรมและโรงไฟฟานิวเคลียร รวมทั้งแผนการจัดการน้ําในภาพรวมของจังหวัดสุ ราษฎรธานียังขาดการศึกษาและวางแผนที่ดีอันอาจสงผลกระทบตอชุมชนและระบบนิเวศตั้งแตพื้นที่ตนน้ํา ถึงปลายน้ํา ดังนั้นในภาคประชาสังคมของจังหวัดสุราษฎรธานีควรไดเรงศึกษาทําความเขาใจกับประชาชน รวมทั้งกระตุนใหหนวยงานตางๆ ตระหนักถึงความสําคัญของกระบวนการมีสวนรวมของภาคประชาชนใน การดําเนินโครงการตางๆ ที่อาจสงผลกระทบตอชุมชนเพิ่มมากขึ้น ไดเบื้องตนไดคัดเลือกผูแทนจากองคกร ภาคประชาชนต า งๆ ที่ เ กี่ ย วข อ ง จั ด ตั้ ง การทํ า งานในรู ป แบบคณะทํ า งานติ ด ตามแผนพั ฒ นาภาคใต (จังหวัดสุราษฎรธานี) ตอมาเมื่อวันที่ 9-10 กุมภาพันธ 2554 คณะทํางานติดตามแผนพัฒนาภาคใต (จังหวัดสุราษฎร ธานี) ไดจัดสัมมนาแกนนําชุมชนสุราษฎรธานีในการติดตามและกําหนดแผนพัฒนาจังหวัดและภาคใต โดยมีตัวแทนภาคีตางๆ ในจังหวัดสุราษฎรธานีจํานวนกวา 10 องคกรเขารวมสัมมนา หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ 2554 ไดมีการประชุมคณะทํางานฯ เพื่อวางแผนยุทธศาสตรและยุทธวิธีในการศึกษา - 13 -
รวบรวมผลกระทบและรณรงคสรางความรูความเขาใจตอประชาชนในจังหวัดสุราษฎรธานี ทั้งนี้โครงการตางๆ ที่มีแผนจะนําน้ําจากแมน้ําตาป-พุมดวง ไปใชในพื้นที่ตางๆ เพื่อสนับสนุน แผนพัฒนาภาคใต เชน โครงการผันน้ําจากเขื่อนเชี่ยวหลานไปจังหวัดภูเก็ต โครงการผันน้ําจากแมน้ําตาป ไปนิคมอุตสาหกรรมสิชล-ขนอม จังหวัดสุราษฎรธานี และโครงการผันน้ําแมน้ําตาป-พุมดวง ซึ่งโครงการ หลักทั้ง 3 โครงการ จะเปนการผันน้ําจากลําน้ําตาป-พุมดวงไปใชในโครงการตางๆ รวมแลวทั้งสิ้นกวา 300 ลาน ลบ.ม./ป (ยังไมรวมความตองการน้ําในดานอื่นๆ เชน เพื่อการประปา เพื่อการเกษตรฯลฯ ซึ่งเพิ่มขึ้น อยา งตอ ) อยา งไรก็ ตามปจจุบั น ยัง ไมมีการศึกษาที่ชัดเจนวา การผันน้ํา จากแมน้ํา ตาป-พุมดวงไปใช ดังกลาวโดยไมไดคํานึงถึงความจําเปนของน้ําจืดที่ตองหลอเลี้ยงระบบนิเวศน้ํากรอยจะสงผลกระทบตอ ระบบนิเวศชายฝงของอาวบานดอนซึ่งมีลักษณะเฉพาะอยางไร เชน จะทําใหน้ําทะเลอาวบานดอนมีความ เค็มเพิ่มสูงขึ้นหรือไม จะสงผลกระทบตอระบบนิเวศปาชายเลนและสัตวน้ําชายฝงอยางไร จะทําใหเกิด น้ําเค็มรุกล้ําเขามาในบนฝงและสงผลกระทบตอพื้นที่เกษตรกรรมหรือไม และจะมีปญหาเรื่องน้ําเนาเสีย ชายฝงอยางไร เปนตน 4.7 รวมจัดนิทรรศการเผยแพรโครงการฯ ในงานสัมมนาวิชาการ “Wetlands Ecosystem Survices: Biodiversity, Livelihood and Sustainability” โครงการฯ ไดเขารวมสัมมนาวิชาการ “Wetlands Ecosystem Survices: Biodiversity, Livelihood and Sustainability” และจัดนิทรรศการเพื่อเผยแพรความรูและการดําเนินงานดานการอนุรักษพื้นที่ชายฝงและ ปาชายเลนในพื้นที่อาวบานดอน จังหวัดสุราษฎรธานี ภายใตการสนับสนุนจากโครงการปาชายเลนเพื่ออนาคต ระหวางวันที่ 17-21 พฤศจิกายน 2554 ณ โรงแรมเจริญผล จังหวัดขอนแกน จัดโดยภาควิชาวิทยาศาสตร สิ่งแวดล อม คณะวิทยาศาสตร มหาวิทยาลัยขอนแก น โดยการสัมมนามีนักวิชาการทั้งชาวไทยและชาว ตางประเทศรวมแลกเปลี่ยนถึงประสบการณในการศึกษาวิจัยและการดําเนินงานดานการจัดการพื้นที่ชุมน้ํา อยางยั่งยืน 4.8 รวมจัดนิทรรศการวันที่ชุมน้ําโลก 2 กุมภาพันธ 2554 โครงการได เ ข า ร ว มสั ม มนาเนื่ อ งใน โอกาสวันพื้นที่ชุมน้ําโลก และการเฉลิมฉลอง 40 ป อนุ สั ญ ญาแรมซาร ไ ซต ซึ่ ง จั ด โดย สํ า นั ก งาน นโยบายและแผนทรั พ ยากรธรรมชาติ แ ละ สิ่งแวดลอม (สผ.) เมื่อวันที่ 2-3 กุมภาพันธ 2554 ณ โรงแรมมารวย นอกจากนั้ น โครงการได จั ด นิ ท รรศการเพื่ อ เผยแพร ค วามรู เ กี่ ย วกั บ พื้ น ที่ รวมทั้งการดํา เนิน งานของโครงการในพื้น ที่อา ว บานดอน จังหวัดสุราษฎรธานีไปพรอมกันดวย
- 14 -
4.9 จัดคายเยาวชนเชื่อมความสัมพันธรวมสรางเครือขายเยาวชนในการเรียนรูเฝาระวัง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมรอบอาวบานดอน ณ โรงเรียนวัดบางพลา ร ว มกั บ เครื อ ข า ยอนุ รั ก ษ อ า วบ า นดอน โครงการบูรณาการเพื่อ พัฒนาคุณ ภาพชีวิตเด็ก เยาวชน และครอบครัว จังหวัดสุราษฎรธานี จัด คายเยาวชนเชื่อมความสัมพันธรวมสรางเครือขาย เยาวชนในการเรียนรูเฝาระวังทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอมรอบอาวบานดอน ณ โรงเรียนวัด บางพลา อําเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎรธานี ระหวางวันที่ 18-20 กุมภาพันธ 2554 โดยมี เยาวชนจากโรงเรียนตางๆ เขารวมจํานวน 120 คน เพื่อเปนการรณรงคเสริมสรางจิตสํานึกใหกับเยาวชนใน ดานการอนุรักษปาชายเลนและทรัพยากรชายฝง รวมทั้งเชื่อมความสัมพันธระหวางเยาวชนและผูใหญซึ่ง ดําเนินกิจกรรมดานการอนุรักษ เพื่อใหเยาวชนเหลานี้ไดสืบทอดเจตนารมณตอไป แผนงานที่ 5 อื่นๆ 5.1 Mangrove Action Projects (MAP) เยี่ยมชมพื้นที่โครงการ ระหว า งวั น ที่ 9-10 ธั น วาคม 2554 ทีมงาน Mangrove Action Projects (MAP) ประกอบดวย Alfredo Quarto (MAP Director), Jim Enright (MAP Asia Coordinator) และคณะ ไดเยี่ยมชมพื้นที่ดําเนินกิจกรรมดานการฟนฟูปา ชายเลนของโครงการฯ ในพื้ น ที่ อํ า เภอดอนสั ก อํา เภอกาญจนดิษ ฐแ ละอํา เภอพุน พิน จัง หวัด สุ ราษฎรธานี โดยมีผูแทนชุมชนและกลุมอนุรักษให การตอนรับและรวมพูดคุยแลกเปลี่ยน การเยี่ยมชมพื้นที่ดําเนินโครงการดังกลาวเปนประโยชนอยางยิ่ง สําหรับเจาหนาที่โครงการฯ และตัวแทนชุมชน ในการนําขอเสนอแนะดานเทคนิคและองคความรูการฟนฟู ปาชายเลนดวยระบบ EMR ซึ่งถูกพัฒนาโดย Mangrove Action Project มาประยุกตใชดําเนินกิจกรรม ฟนฟูปาชายเลนในพื้นที่โครงการไดในอนาคต 5.2 MFF/IUCN ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎรธานีเพื่อติดตามการดําเนินงานโครงการ ระหวางวันที่ 29-30 มกราคม 2554 Dr.Janaka De Silva (MFF Program Manager) และ คุณ ศิริพร ศรีอราม (MFF Coordinator) ลงพื้นที่ติดตามความกาวหนาของการดําเนินโครงการจัดการสภาวะ แวดลอมเชิงบูรณาการเพื่อความยั่งยืนของวิถีชีวิตชุมชนอาวบานดอน จังหวัดสุราษฎรธานี ภายใตการ สนั บ สนุ น จากโครงการป า ชายเลนเพื่ อ อนาคต ทั้ ง นี้ น อกจากได ห ารื อ ถึ ง แนวทางการปรั บ แผนการ ดําเนินงานและการขอขยายเวลาดําเนินโครงการจัดการสภาวะแวดลอมเชิงบูรณาการฯ ออกไปอีก 6 เดือน แลว ยังไดลงพื้นที่ติดตามกิจกรรมดานการสงเสริมอาชีพในพื้นที่ตําบลคลองฉนาก อําเภอเมือง และตําบล พุมเรียง อําเภอไชยา จังหวัดสุราษฎรธานี
- 15 -
แผนการดําเนินการ ระยะตอไป (มีนาคม – พฤษภาคม)
แผนงานที่ 1 การฟนฟูและบํารุงรักษาทรัพยากรปาชายเลน 1.1 เรงรัดชุมชน/กลุมชุมชน ดําเนินกิจกรรมฟนฟูปาชายเลนใหเปนไปตามบันทึกขอตกที่ไดทํา กับโครงการฯ 1.2 ดําเนินการนํารองศึกษาแนวทางการเพาะเลี้ยงสัตวน้ําควบคูไปกับการฟนฟูปาชายเลนใน รูปแบบ (Silvofishery) 1.3 จัดทําบันทึกขอตกลงระหวางองคการพื้นที่ชุมน้ํานานาชาติ-ประจําประเทศไทย องคการ บริหารสวนตําบลลีเล็ด กํานัน ผูใหญบานทั้ง 5 หมูบาน เพื่อจัดทําแนวเขตอนุรักษในพื้นที่ตําบลลีเล็ด 1.4 ยกรางขอบัญญัติองคการบริหารสวนตําบลลีเล็ด เรื่อง การจัดการทรัพยากรชายฝงตําบลลี เล็ด เพื่อเปนการรับรองแนวเขตที่จัดทําขึ้น แผนงานที่ 2 การสงเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนชายฝง 1.1 ติดตามประเมินผลการดําเนินงานโครงการสงเสริมดานอาชีพที่อนุมัติใหกับกลุม/ชุมชนตางๆ 1.2 ดําเนินการพิจารณาอนุมัติโครงการดานการสงเสริมอาชีพเพิ่มเติมอีกจํานวน 4 โครงการ 1.3 จัดอบรมพัฒนาศักยภาพดานการบริหารจัดการงบประมาณในระบบกลุม 1.4 รวบรวมข อ มูล องค ค วามรูจ ากกระบวนการทํา งาน และผลสํา เร็จ จากกิจ กรรมดา นการ สงเสริมอาชีพ (ไบโอไรท) แผนงานที่ 3 การเสริมสรางความรวมมือในการจัดการปาชายเลนและทรัพยากรชายฝง 3.1 จัดประชุมคณะกรรมการโครงการจัดการสภาวะแวดลอมเชิงบูรณาการฯ เพื่อหารือยกระดับ เปนคณะกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรชายฝงอาวบานดอน 3.2 จัดประชุมเครือขายอนุรักษอาวบานดอนจํานวน 3 ครั้ง 3.3 รวมกับองคกรภาคีผลักดันขอบัญญัติทองถิ่นเพื่อการจัดการทรัพยากรชายฝง แผนงานที่ 4 การณรงค เสริมสรางจิตสํานึกดานการอนุรักษปาชายเลน 4.1 รวบรวมผลการดําเนินงาน ผลการศึกษา เพื่อเตรียมจัดทําเอกสารเผยแพร (ระบบนิเวศอาว บานดอน, แนวทางการฟนฟูปาชายเลน , กลไกการเงินเพื่อการสงเสริมดานคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดลอม (Bio-right[+] ) 4.2 นําตัวแทนเยาวชน จากสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดสุราษฎรธานีเขารวมโครงการ Wetlands School Network ที่ประเทศมาเลเซีย 4.3เตรียมความพรอมสําหรับการจัดสัมมนาปาชายเลนในเดือนกรกฎาคม 2554 แผนงานที่ 5 อื่นๆ 5.1 ประสานงานคณะกรรมการปฏิรูปจัดเวทีระดับจังหวัดในประเด็นสภาพปญหาและความไม เปนธรรมในการจัดการทรัพยากรชายฝง กรณีอาวบานดอน 5.2 ใชกลไกของอนุกรรมการดานที่ดินและปา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติตรวจสอบ ขอมูลการออกเอกสารสิทธิและการถือครองที่ดินในบริเวณพื้นที่ปาชายเลน เพื่อประเมินความเสี่ยงของการ คุกคามพื้นที่ปาชายเลน 5.3 รับนักศึกษามาชวยศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตอพื้นที่อาวบาน ดอน
- 16 -
ปญหาและอุปสรรค
1. สภาพสังคม ชุมชน คนทํางานและองคกรเอกชนในพื้นที่จังหวัดสุราษฎรธานีคอนขางมี ความสลับซับซอน การดําเนินงานดานการสรางความรวมมือและกิจกรรมตางๆ ของโครงการฯ จําเปนที่ จะตองใชความรอบคอบและความระมัดระวังเปนพิเศษเพื่อปองกันปญหาความขัดแยงที่อาจจะตามมา 2. งานในพื้ น ที่ เ ริ่ ม มี ค วามซั บ ซ อ นและจํ า เป น ต อ งใช เ วลาเพิ่ ม มากกว า ปกติ ใ นขณะที่ ประสบการณ ความรู ความเขาใจในหลายๆ ดาน ที่จําเปนตอกระบวนการทํางานในโครงการฯ เชน วิธีคิด หลักการงานพัฒนา ทฤษฎีการเมือง ประเด็นขอกฎหมาย หลักสิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชน การจัดการกับ ความขัดแยง ฯลฯ ของทีมทํางานยังมีไมเพียงพอ 3. ในชวงเดือนตุลาคม 2553 – มกราคม 2554 เกิดอุทกภัยทําใหเกิดความลาชาในการดําเนิน กิจกรรม ในขณะที่กลุมที่ดําเนินกิจกรรมดานอาชีพไปแลวไดรับความเสียหายจากอุทกภัยดังกลาว 4. พื้นที่ดําเนินโครงการฯ แตละแหงคอนขางหางไกล เปนอุปสรรคตอการเดินทาง 5. ปญหาภายในองคกร เชน ปญหาการบริหารจัดการงบประมาณ
- 17 -
รายงานความกาวหนาโครงการ เสนอตอคณะกรรมการ NCB ครั้งที่ 14 มีนาคม 2554 โครงการการมีสวนรวมและบูรณาการการจัดการทรัพยากรทะเลและชายฝงบนฐานระบบนิเวศ ประเทศ องคกรปฏิบัติการ องคกรภาคี
หมายเลขโครงการ ระยะเวลาดําเนินการ งบประมาณที่อนุมัติ รายงานความกาวหนา รายละเอียดโครงการ
ประเทศไทย มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน - กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝง - ศูนยเครือขายงานวิเคราะห วิจัยและฝกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลก แหงภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต (SEA START) - โครงการพัฒนาแหงสหประชาชาติ (UNDP) 87005-067 MFF362 เดือนกันยายน พ.ศ. 2552 - เดือน 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554 (24 เดือน) US$ 90,000.00 31 มีนาคม ถึง 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553 การนําประเด็นของทรัพยากรชายฝงที่กําลังลดลงและการที่ชุมชนชายฝงที่ถูกคุกคามจากภัย พิบัติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก มานําเสนอภายใตแนวคิดการจัดการบนฐาน ระบบนิเวศที่บูรณาการเขากับการจัดการทรัพยากรชายฝง ตลอดจนสงเสริมการมีสวนรวมอยาง มีความหมายจากภาคีที่หลากหลาย การจัดการองคความรู การพัฒนาศักยภาพของผูที่มีสวน เกี่ยวของและตัวแทนจากภาคสวนตางๆ รวมทั้งการเชื่อมชองวางการตัดสินใจทางนโยบาย ระหว า งท อ งถิ่ น และระดั บ ชาติ ที่ เ กี่ ย วข อ งกั บ ข อ กฎหมายในการจั ด การระบบนิ เ วศและ ทรัพยากรธรรมชาติ นอกจากนี้ไดใหความสําคัญกับการเตรียมความพรอมในการรับมือกับภัย พิบัติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศดวย ระบบนิเวศสองพื้นที่ที่ถูกเลือกเปนพื้นที่เปาหมายในการดําเนินงานครั้งนี้คือ จังหวัดตรัง และ จังหวัดนครศรีธรรมราช เพราะเปนพื้นที่ที่แตกตางกันทั้งระบบนิเวศและวิถีชีวิตของชุมชชายฝง การทํา งานครั้ง นี้เ ปน การทํา งานร วมกับ สถานบั น ระดั บชาติ ซึ่ ง ประกอบดว ย มหาวิ ท ยาลั ย หนวยงานระดับกรม องคกรนานาชาติและองคกรภาคประชาสังคม ที่มาผลักดันใหเกิดการริเริ่ม รับรองและณรงคนโยบายระดับประเทศรวมกัน กระบวนการหนึ่งที่จะนําไปสูความสําคัญในการ จัดการทรัพยากรทะเลและชายฝงคือ กฎหมายจะตองตอบสนองตอความตองการในการดํารงวิถี ชีวิตของชุมชน ความสําเร็จของวัตถุประสงคในการดําเนินโครงการคือ ผูที่เกี่ยวของในระดับ ทองถิ่นและองคกรภาคประชาสังคมเขามารวมกันทํางานบนฐานวิถีชีวิตและการสรางเครือขาย ชุมชน ขณะที่ผูที่เกี่ยวของระดับประเทศไดเตรียมเทคนิคทางวิชาการและมาตรการที่ชัดเจน เพื่อใหเกิดความยั่งยืนในการจัดการระบบนิเวศ มาตรการเหลานี้ไดพิจารณารวมถึงผลกระทบที่ อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความเสี่ยงจากภัยอื่นๆ และคาดวาผลที่จะ -1-
ผลการดําเนินการ
ไดรับจากโครงการนี้จะสอดคลองกับรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรของประเทศไทย ป พ.ศ. 2550 ในดานการจัดการระบบนิเวศอยางมีสวนรวม และการสนับสนุนการกระจายอํานาจของ รัฐบาลในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การดําเนินกิจกรรมของโครงการการมีสวนรวมและบูรณาการการจัดการทรัพยากรทะเลและ ชายฝงบนฐานระบบนิเวศตลอดระยะเวลา 14 เดือน (เดือนกันยายน 2552 ถึงเดือน กุมภาพันธ 2554) พบวา ไดสรางใหเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยสรุปตามผลที่คาดวาจะไดรับดังตอไปนี้ ผลที่คาดวาจะไดรับที่ 1: การจัดทําแผนการจัดการระบบนิเวศนชายฝงโดยชุมชนเปนฐานของ ภาคีตางๆ ที่เกี่ยวของผานกระบวนการเสริมสรางศักยภาพ ปลูกฝงความตระหนัก การจัดการ องคความรูและการสรางเครือขาย ผลการดําเนินงานในระยะเวลา 14 เดือน ในพื้นที่จังหวัดตรัง และจังหวัดนครศรีธรรมราชมีความกาวหนาของงานดังนี้ จังหวัดตรัง : การทํางานเปนไปในรูปแบบของการเรียนรูผานกระบวนการทํางาน รวมกันระหวางภาคีที่หลากหลายในพื้นที่ ทั้งในรูปแบบของการประชุมที่เปนทางการและไมเปน ทางการ การทําวิจัย การศึกษาดูงาน รวมทั้งการสื่อสารประชาสัมพันธ ผลที่เกิดขึ้นไดนําไปสู ความรวมมือระหวางภาคีที่เกี่ยวของตั้งแตละดับจังหวัดจนถึงระดับตําบล โดยปรากฏชัดใน รูปแบบทางการคือการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรทะเลและชายฝง จังหวัดตรัง โดยมีผูวาราชการจังหวัดเปนประธาน ผลที่เกิดขึ้นดังกลาวแมจะยังไมปรากฏชัดในรูปแผนการ จัดการทรัพยากรทะเลและชายฝงอยางมีสวนรวมบนฐานระบบนิเวศนที่เปนระบบซึ่งทุกๆ หนวยงานที่เกี่ยวของไดรับรองและเขามารวมกันดําเนินงาน แตก็ไดมีการลงนามรวมกันใน บันทึกความรวมมือ การคุม ครองหญาทะเล การอนุรักษพะยูน และการบริหารจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดลอมอยางยั่งยืน ณ ทาเทียบเรือบานหาดยาว หมูที่ 6 ตําบลเกาะลิบง อําเภอกันตัง จังหวัดตรัง เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2553 ซึ่งเปรียบเสมือนแนวทางในการจัดการ ทรัพยากรทะเลและชายฝงของจังหวัดตรัง โดยอีกหนึ่งรูปธรรมที่จะตองพัฒนาเกิดขึ้นตาม ขอตกลงดังกลาวคือ การจัดทําขอบัญญัติทองถิ่นในการใชและการจัดการทรัพยากรทะเลและ ชายฝง ซึ่งขณะนี้ไดมีการยกรางและนําไปสูการปรึกษาหารือและของชุมชนตางๆ ที่เกี่ยวของ แลว จังหวัดนครศรีธรรมราช : องคการบริหารสวนตําบลทาศาลารวมกับเครือขายประมง พื้นบานอาวทาศาลา เปนเจาภาพหลักทํางาน วิธีการทํางานเนนการพัฒนาศักยภาพของภาคีที่ เกี่ยวของโดยการศึกษาดูงาน การทําวิจัยและขอมูลแบบมีสวนรวม และการจัดประชุมอยางเปน ทางการและไมเปนทางการ ผลของการดําเนินงานคือไดมีการบูรณาการแนวคิดการทํางานดาน การจัดการทรัพยากรทะเลและชายฝงเขาไปในแผนงานขององคการบริหารสวนตําบลทาศาลา เชน การจัดการปาชายเลนชุมชนซึ่งเปนงานที่ทุกฝายเห็นชอบรวมกัน อยางไรก็ตามแผนการ จัดการระบบนิเวศนชายฝงโดยชุมชนเปนฐานยังไมไดเกิดขึ้น แตวิธีการคิดและแนวทางการ ทํางานไดถูกบูรณาการเขาไปในแผนขององคการบริหารสวนตําบล ซึ่งทางโครงการเห็นวา สามารถสงผลในทางปฏิบัติมากกวาการแยกออกมาเปนแผนเฉพาะของโครงการฯ และที่สําคัญ เปนการสรางกระบวนการคิดที่ยั่งยืนเกี่ยวกับการมีสวนรวมของภาคีในการจัดการทรัพยากรบน ฐานระบบนิเวศ สําหรับการรับมือกับความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติขณะนี้ไดมีการปรึกษาหารือ รวมกับองคการบริหารสวนตําบลและเครือขายประมงพื้นบานอาวทาศาลาจัดทําแผนหรือ แนวทางรับมือกับเรื่องดังกลาว เพราะในชวงเดือนตุลาคม ถึง พฤศจิกายนที่ผานมาทางพื้นที่ทา ศาลาไดประสบกับปญหาอุทกภัยและวาตะภัยเชนกัน แมจะไมรายแรงแตก็ทําใหหลายฝายหัน -2-
มาใหความสําคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น ดังนั้นโครงการจึงถือเปนโอกาสอันดีที่จะยกระดับสูการสราง การเรียนรูในการสรางศักยภาพรอมของชุมชน ในการรับมือกับภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงของ สภาพภูมิอากาศ ผลที่คาดวาจะไดรับที่ 2: แผนการจัดการทรัพยากรทะเลและชายฝงโดยชุมชนเปนฐาน กฎและ ระเบียบไดรับการยอมรับและรับรองในระดับทองถิ่นและจังหวัด และสวนของแผนการจัดการ ทรัพยากรชายฝงบนฐานทรัพยากรชุมชน ไดถูกบูรณาการไปสูแผนทองถิ่นและถูกนําไปสูการ ดําเนินงาน ; ดังที่ไดกลาวไปแลววาแผนการจัดการทรัพยากรทะเลและชายฝงโดยชุมชนเปน ฐานนั้นไมไดปรากฏออกมาในรูปของแผนงาน แตไดถูกบูรณาการเขาไปในแผนงานและแผน กิจกรรมของภาคีในพื้นที่ทั้งภาครัฐ ภาคประชาชนและองคกรพัฒนาเอกชน รูปธรรมที่เกิดขึ้น และเปนความยั่งยืนของโครงการฯ คือ กลไกคณะบุคคล ระบบและวิธีการทํางาน การบริหาร จัดการที่ตั้งอยูบนฐานปญหา ความตองการของชุมชน และฐานระบบนิเวศน ดังเชน จังหวัดตรัง : หนวยงานที่เกี่ยวของในระดับกรม ระดับจังหวัด และระดับทองถิ่นได ทํางานรวมกันภายใตแนวคิดการมีสวนรวมของชุมชน จึงนําไปสูการจัดทําขอบัญญัติและ ระเบียบในทองถิ่น พรอมทั้งไดมีการบูรณาการงานเขาสูแผนของทองถิ่น เกิดการจัดสรร งบประมาณมาเพื่อใชสําหรับการดําเนินงานรวมกับชุมชนอยางตอเนื่องเปนรูปธรรม จังหวัดนครศรีธรรมราช : การทํางานในพื้นที่ไดใหความสําคัญกับการทํางานภายใต ยุทธศาสตรของทองถิ่น ภาคประชาชนและหนวยงานระดับทองถิ่นเปนหลัก ซึ่งเรื่องการจัดการ ปาชายเลนชุมชนเปนประเด็นที่เห็นชอบรวมกันระหวางหนวยงาน ดังนั้นจึงไดมีการวางแผน รวมกันเพื่อดําเนิการในเรื่องนี้กอน ผลที่เกิดขึ้นคือความเปนไปไดในการที่หนวยงานตางๆ จะ นําเอาปญหาและความตองการที่เห็นชอบรวมกันเขาไปจัดทําแผนโครงการ และไดมีการจัดสรร งบประมาณที่เกี่ยวของตามระบบปกติ รวมทั้งมีการเตรียมการจัดสรรลวงหนา ตามภารกิจทั้งใน ระดับประเทศและระดับทองถิ่น การสรางหลักประกันใหแนวหรือแผนการจัดการระบบนิเวศนชายฝงโดยชุมชนเปนฐาน ไดถูกบูรณาการเปนแผนงานและมีการดําเนินงานตอเนื่อง โครงการฯ เห็นความจําเปนที่จะตอง จัดเวทีการสรุปบทเรียน เพื่อถอดองคความรู และนําความรูที่ไดไปขยายผลออกมาในรูปของ เอกสารและสื่อประเภทอื่นๆ ตอไป เพื่อใหเรื่องนี้ไดสงผลในระดับนโยบาย ผลที่คาดวาจะไดรับที่ 3 การจัดการระบบนิเวศทางทะเลและชายฝงโดยชุมชนเปนฐาน ที่ เกิดขึ้นจากการมีสวนรวมของภาคีตางๆ นําไปสูความสําเร็จในการฟนฟู อนุรักษ และปกปอง ระบบนิเวศชายฝง จากการพูดคุยปรึกษาหารือ จัดทําขอมูลรวมกับชุมชนในพื้นที่เปาหมายทําให เกิดผลในทางปฏิบัติ ดังนี้ จังหวัดตรัง : มีความกาวหนาของกิจกรรมการฟนฟู และอนุรักษระบบนิเวศเปนอยาง มากเพราะไดมีการทํางานรวมกับหนวยงานทั้งภาครัฐ ทองถิ่น และชุมชน งานที่ดําเนินการ ไดแก การปลูกปาชายเลน การปลอยพันธสัตวน้ํา การทําบานปลา (ซัง) เปนตน งานดานปองกัน ไดมีการจัดทําแผนและการออกตรวจตราเฝาระวังการใชเครื่องมือประมงที่ผิดกฏหมายและ ทําลายพันธุสัตวน้ํา เชนอวนชัก ในพื้นที่อาวบานมดตะนอย และในพื้นที่แนวเขตอนุรักษพันธ สัตวน้ําวัยออนสี่หมูบาน เปนตน สําหรับการจัดทําแนวเขตอนุรักษและกฎระเบียบ ไดมีการยก รางขอบัญญัติองคการบริหารสวนตําบลเกาะลิบงวาดวยการจัดการทรัพยากรทางทะเลและ ชายฝงอยางยั่งยืน และการทําประชาคมหมูบา นเพื่อกําหนดแนวเขตรักษาพะยูน หอยชักตีน -3-
หญาทะเล และทรัพยากรทะเลและชายฝง ซึ่งเปนอีกวิธีการหนึ่งการพัฒนาระบบรวมสําหรับการ จัดการทรัพยากรทะเลและชายฝง การทํางานสงสริมความมั่นคงดานอาชีพและพูดคุยเรื่องการปรับตัวภายใตการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เริ่มทํางานกับกลุมสตรีเริ่มที่บานมดตะนอย กลาวคือ ไดมีการจัด กระบวนการใหกลุมสตรีไดมีการทํากิจกรรมรวมกัน ไดแก การทบทวนบทบาทของผูหญิงใน ชีวิตประจําวัน การทบทวนเรื่องงานอาชีพและรายไดของครอบครัว การบอกเลาถึงอดีตเกี่ยวกับ สภาพอากาศและภัยพิบัติในชุมชน การวางแนวทางการพัฒนาอาชีพจากทรัพยากรที่มีอยูใน ชุมชน เปนตน นอกจากนี้ไดมีการเสริมสรางจิตสํานึกกับกลุมเยาวชน เครือขายภาคประชาชน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อทําหนาที่ติดตามและประเมินผลการดําเนินกิจกรรมที่ผานมา เชน การติดตามประเมินสถานภาพของทรัพยากรในพื้นที่ปาชายเลนทั้งพืชและสัตว เปนตน ผลที่ เกิดขึ้นจากการทํากิจกรรมทั้งหมดสงผลตอการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารจัดการทรัพยากร ทะเลและชายฝงของจังหวัดตรัง และสงผลตอการปรับเปลี่ยนทัศนคติของภาคีที่มาทํางานรวมกัน ทําใหไดเห็นถึงการทํางานแบบมีสวนรวมที่อยูภายใตเปาหมายเดียวกัน มีการแบงปนขอมูลและ จัดสรรทรัพยากรเพื่อมารวมกันทํางาน จังหวัดนครศรีธรรมราช : กิจกรรมการปองกัน ฟนฟู และอนุรักษทรัพยากรทะเลและ ชายฝงในอําเภอทาศาลา เปนการทํางานรวมกันระหวางภาคประชาชน องคกรปกครองทองถิ่น และหนวยงานของภาครัฐทําหนาที่เปนเสมือนผูสนับสนุนและใหความรูเพิ่มเติม กิจกรรมที่ ดําเนินการ ไดแก การปลูกปาชายเลน การปลอยพันธสัตวน้ํา การทําบานปลา (หมํา) เปนตน และมีการจัดทําปาชายเลนชุมชนนํารองในหมูที่ 7 บานหนาทับ ซึ่งสอดคลองกับนโยบายของ องคการบริหารสวนตําบลทาศาลา และสถานีพัฒนาลุมน้ําปากพนังในการสนับสนุนใหชุมชนไดมี สวนรวมในการจัดการทรัพยากรทะเลและชายฝง และไดมีการจัดทําระเบียบและกติกาการ จัดการพื้นที่สาธารณะประโยชน อาวที่ 4 หมูที่ 5 บานในถุง ขึ้นเพื่อปองกันพื้นที่ไมใหมีการบุก รุกพื้นที่สําหรับใชเปนพื้นที่สวนบุคคล และเพื่อใหมีพื้นที่สําหรับทํากิจกรรมสวนรวมของคนใน ชุมชน และไดมีการนําเสนอเรื่องการจัดการพื้นที่สาธารณะดังกลาวกับทางองคการบริหารสวน ตําบลทาศาลาซึ่งก็ไดเห็นพองกับความตองการของชุมชนและพรอมใหการสนับสนุน การทํางานดานสงเสริมความมั่งดานอาชีพ ทางโครงการไดมีโอกาสทํางานรวมกับกลุม สตรีบานหนาทับและบานในถุง โดยมีการจัดกระบวนการเรียนรูแบบมีสวนรวมใหกับกลุมสตริ เรื่องการจัดการทรัพยากรทะเลและชายฝงและความมั่นคงดานอาหารและอาชีพ ขณะนี้อยูใน ระหวางเรียนรูรวมกัน ซึ่งทางโครงการคนพบวา กลุมสตรีของทั้งสองหมูบานมีความใกลชิดกับ ทรัพพยากรทะเลและชายฝงเปนอยางมากเพราะสวนใหญประกอบอาชีพประมง แตเนื่องดวย ภาระหนาที่ของครอบครัวและฐานะทางเศรษฐกิจทําใหการเขารวมกิจกรรมของชุมชนยังคงนอย อยู ทางโครงการจึงพยายามที่จะเชื่อมโยงใหเห็นถึงความสําคัญของบทบาทสตรีกับการจัดการ ทรัพยากรทะเลและชายฝง พรอมทั้งสงเสริมแนวคิดเรื่องอาชีพทางเลือก หรือกิจกรรมทางเลือก เพื่อสนับสนุนอาชีพเดิมของชุมชน อยางไรก็ตามประเด็นงานที่จะตองเรงดําเนินการกอนที่จะสิ้นสุดโครงการของทั้งสอง พื้นที่ คือ การบรรเทาภัยพิบัติและการปรับตัวภายใตการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ขณะนี้หลาย หนวยงานเริ่มใหความสําคัญมากขึ้นสื่บเนื่องจากเหตุการณอุทกภัยและวาตะภัยที่ผานมา ซึ่งเปน ผลดีตอโครงการที่จะหยิบยกมาเปนประเด็นปรึกษาหารือกับทุกภาคสวนที่เกี่ยวของตอไป
-4-
ผลที่คาดวาจะไดรับที่ 4 นโยบายระดับชาติในเรื่องที่เกี่ยวของกับการจัดการ ระบบนิเวศชายฝงโดยชุมชนเปนฐานไดถูกนําไปบังคับใช ตลอดจนผลการดําเนินงาน และบทเรียนไดถูกเผยแพร ทางโครงการฯ ไดทํางานรวมกับหลายภาคสวนที่เกี่ยวของใน ระดับนโยบายเพื่อผลักดันใหเกิดการยอมรับและการพัฒนางานไปสูการจัดการเชิงระบบนิเวศ เชน การทํางานรวมกับกรมทรัพยากรทะเลและชายฝง และกรมประมงในการปรับปรุงกฏหมาย และนโยบายที่เกี่ยวของ การทํางานรวมกับสภาพัฒนาการเมือง และ สํานักงานปฏิรูป เพื่อนําขอ เสนอของภาคประชาชนดานการจัดการทรัพยากรทะเลและชายฝงเขาสูการเปลี่ยนแปลงเชิง นโยบาย และขอเสนอสวนหนึ่งของการจัดการทรัพยากรทะเลและชายฝงเกิดขึ้นจากกระบวนการ ทํางานภายใตโครงการนี้ การดําเนินโครงการฯ ในปจจุบันนี้เปนการสรางรตนแบบเพื่อพิสูจนสมมติฐานแนวคิด การจัดการระบบนิเวศนทะเลและชายฝงเชิงบูรณาการวาจะสามารถดําเนินการและมีความ เปนไปไดจริงในบริบทของสังคมไทยหรือไม ซึ่งแนวคิดนี้เปนแนวคิดที่ใชกันอยางกวางขวางทั่ว โลกและเปนแนวทางที่ไดรับการยอมรับวาสามารถนํามาสูการจัดการทรัพยากรทะเลและชายฝง ที่ยั่งยืนได จากการทํางานในเบื้องตนพบวาสําหรับบริบทของสังคมไทยแลว การนําแนวคิดนี้มา ดําเนินการพบวามีขอจํากัดในบางประเด็น เชน ระเบียบวิธีและขั้นตอนการทํางานของหนวยงาน ราชการและองคกรทองถิ่น ขอจํากัดดานงบประมาณของราชการและองคกรทองถิ่นที่มีการ อนุมัติเปนรายป ระบบงานของรัฐที่ไมมีมาตรการในการสรางหลักประกันการสงเสริมการมีสวน รวมของชุมชนอยางตอเนื่อง รวมทั้งการทํางานที่ไมไดเอาประเด็นระบบนิเวศนเปนตัวตั้ง ทําให การทํางานระยะยาวเชิงบูรณาการจึงเปนปญหาที่แนวคิดที่กําหนดไวในกรอบการพัฒนา ทรัพยากรทะเลและชายฝงกับรูปธรรมที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ไมไดเปนไปในแนวทางเดียวกัน แผนการดําเนินการระยะตอไป แนวทางการทํางานในระยะเวลาที่เหลือดังตอไปนี้ 1. ประเด็นงานเดิมที่ตองทําเพิ่มเติม : การฟนฟู อนุรักษ และจัดการทรัพยากรทะเลและ ชายฝง รวมทั้งงานอาชีพ กิจกรรมเหลานี้เปนงานสรางความมั่นคงดานอาชีพ อาหาร และ ความสมบูรณของทรัพยากร ทางโครงการฯ จึงตองทําเพิ่มเติมและสืบเนื่อง เพื่อใหเปนการ สรางหลักประกันและความปลอดภัยใหกับชุมชนชายฝง 2. ประเด็นงานที่จะตองใหน้ําหนักเพิ่มมาก เพื่อใหบรรลุผลตามแผนงานคือ (1) การพัฒนาระบบขอมูลและพัฒนาระบบกลไกตางๆ ใหมีการบริหารทั้งระดับพื้นที่ และระดับจังหวัด ที่สามารถดําเนินการไดจริงอยางตอเนื่อง และโครงการจะทํา หนาที่พัฒนาศักยภาพและใหการหนุนเสริมการทํางานของกลไกในระดับทองถิ่น และกลไกระดับจังหวั (2) การตั้งรับปรับตัวจากภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลาวคือ โครงการจะใหความสําคัญกับการเสริมสรางการเรียนรูใหกับทุกฝายที่เกี่ยวของ เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งสามารถมีขอมูลอยางเพียงพอและเชื่อถือไดที่ชี้ใหเห็นกิจรรม ที่มีการจัดการทรัพยากรโดยชุมชนเปนฐาน กับประเด็นการตั้งรับปรับตัวของ ชุมชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน 3. ประเด็นงานสืบเนื่องหลังสิ้นสุดโครงการ : งานที่โครงการฯ จะตองดําเนินการตอเนื่อง ภายหลังสิ้นสุดระยะเวลา 2 ป คือ การพัฒนาระบบงานขอมูลและกลไกตางๆ เพื่อใหเอื้อตอ การจัดการทรัพยากรทะเลและชายฝง พรอมกันนั้นนํารูปธรรมองคความรูที่เกิดขึ้นจากการ ทํางานของโครงการฯ เผยแพร ขยายผลสูพื้นที่อื่นๆ และสุดทายคือการรณรงคเชิงนโยบาย ระดับชาติเพื่อใหแนวทางการจัดการระบบนิเวศชายฝงโดยชุมชนเปนฐานไดถูกนําไปบังคับ -5-
ปญหาและอุปสรรค
ใชและตลอดจนผลการในพื้นที่อื่นตอไป การดําเนินงานที่ผานมามูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนไดรับความรวมมือจากภาคีที่เกี่ยวของได เปนอยางดี โดยเฉพาะชุมชนที่มูลนิธิฯ รวมทํางานดวย แตอยางไรก็ตามในบางพื้นที่มีความ ขัดแยงในชุมชน ทางมูลนิธิฯ ไมไดเขาไปแตะตองในปญหาดังกลาว แตจะเริ่มทํางานจากจุดที่ทุก ฝายเห็นพรอมกันที่จะดําเนินการรวม ดังเชนกรณีการจัดการปาชายเลนในตําบลทาศาลา ซี่ง พบวาในบางหมูบานมีความขัดแยงกันเรื่องพื้นที่ปาชายเลน ดังนั้นการทํางานของมูลนิธิฯ จึงเริ่ม จากบานหนาทับที่มีความพรอมทั้งคนและพื้นที่กอน เปนตน อยางไรก็ตามในชวงเดือนปลายเดือนตุลาคม ถึง พฤศจิกายน 2553 ที่ผานมาพื้นที่ของโครงการ ไดประสบกับปญหาอุทกภัยและวาตะภัย ทําใหการทํางานตองหยุดไปชวงหนึ่งเพราะ สถานการณไมเอื้ออํานวยตอการทํางาน เพราะชุมชนตองเฝาระวังภัยธรรมชาติที่อาจจะสงผล กระทบตอเรือและเครื่องมือประมง ซึ่งเปนปจจัยสําคัญในการประกอบอาชีพของชุมชนชายฝง แตทางมูลนิธิฯ เห็นเปนโอกาสอันดีที่จะเริ่มคุยกับชุมชนและภาคีทีเกี่ยวของในเรื่องการตั้งรับ ปรับตัวกับภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในชวงระยะถัดไปของโครงการ
-6-
PROJECT UPDATE TEMPLATE
Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas Country Implementing Agency
Thailand National Parks, Wildlife and Plant Conservation Department, Ministry of Natural Resources and Environment, Thailand IUCN, International Union for Conservation of Nature and Natural Resources
Partner Agency Project Number/Code Period Budget Total Budget Spent to date About the project/Summary
87005-000 MFF361 2009 - 2011 280,000 USD 18,150 USD Project will undertake an evaluation of the effectiveness of management of 22 Marine and Coastal PAs (MCPAs) in Thailand. It sits under the MFF Initiative and builds on assessing the level of protection of coastal ecosystems. The work is being carried out in the Andaman Sea and Gulf of Thailand. The project utilizes the IUCN/WCPA MEE Framework and builds on work done in other countries including R.O. Korea. The project will undertake a site and system level analysis; raise awareness and capacity and ensure that MEE processes are operationalized with Thailand’s DNP. In addition the work will showcase best practice approaches within 3 MCPAs and be promoted as a model for other MFF countries to adopt. Work is being carried out in partnership with DNP, other agencies and stakeholders in Thailand as well as with WCPA’s MEE Specialist Group.
Progress to date (from previous reporting period)
Work is proceeding against the revised timelines as submitted with the previous report with some delays. A number of these have been beyond the control of the project. Delays have continued in regards to a number of activities. The capacity building workshops had to be postponed due to flooding in Brisbane which directly impacted the Primary International Consultant. There have also been delays with a number of requested meetings between the project implementing agencies and work on all aspects of the project has subsequently been affected. This also applies in terms of staff changes and official notification of these from both DNP to IUCN and from IUCN to DNP. Discussions are currently underway to address these and acknowledge the required changes. A PSC meeting was requested at the end of 2010 but is yet to be convened along with numerous requests for meetings with the Project contacts at DNP. The PSC is now set for the 14th of March in the afternoon. The Progress report (including financial reports) was provided to DNP in accordance with the MoA but is yet to be commented on or approved and so
has not been submitted to MFF. The Inception workshop was held in September and enabled the development of the site and system level tools in readiness for the Capacity Building Workshops. The report on the workshop is awaiting comment and approval from DNP and the PSC. Members of the External Review Team (ERT) have been contracted and attended the Inception workshop. Discussions are proceeding with DNP in regards to the logistics and planning of the capacity building workshops. However, staff changes within IUCN are expected to affect this process and the current project officer will be concluding employment with IUCN prior to the workshops. Responsibility for the project is expected to be moved to the IUCN Thailand Country Programme pending official approval from IUCN / DNP and the NCB. Negotiations are proceeding with the Strengthening Andaman Marine Protected Areas Network (SAMPAN) Project to secure co funding for the project. Work plan (6 months)
Please refer to the timeline included below for project activities and the work plan for the upcoming 6 months. In particular activities to be focused on in the coming months include -
Any delay/ Constraints
Finalise arrangement of Cap Bldg Workshop and stage.
Secure SAMPAN co funding for project implementation.
Convene and support 2nd PSC meeting.
Monitor and meet reporting obligations under MFF.
Begin to plan activities for the 3 case sites.
There have been considerable delays as mentioned above in regards to meetings with the 2 partners as well as holding the capacity building workshops. These are now being resolved but will affect the timing and delivery of milestones and outcomes for the project. A number of other delays were out of the control of the project in terms of impacts on the primary consultant and technical advisor from the international team from the recent floods in Brisbane.
Challenge and opportunity
Other
One of the main challenges has been in sorting out communications and individuals responsible for activities in both DNP and IUCN. This challenge has provided the opportunity for formal review of the roles and lines of communication and it is hoped can be used in a positive way to address some of the constraints currently experienced. Other activities are continuing as planned with organization of the capacity building workshop in April being the main activity currently being focused on. Some delays in identifying stakeholders have been experienced but these are being worked on by both DNP and IUCN. Preparations for the workshops have also included continued revision and refinement of the site data tools which are being tailored for a marine and coastal protected area perspective. These tools are also being placed into an excel format to ensure ease of use and translation into Thai.
Outcomes
Outputs
Preparatory work, reporting and PSC meetings
Reports will be combined where timing overlaps
key activities
2011
2010 Sept
Oct
Nov
Mid-term review by PSC
1.2: Site & System MEE tools tailored to Thailand
1.2.1 Establish Project Teams, convene initial meetings of PSC and MEE Technical Team 1.2.2 Establish Stakeholder Reference Group (SRG) 1.2.3 Inception workshop 1.2.4 Develop MEE Tools (including review with SRG)
1.3: MEE Report clearly identifying management needs and recommended actions at the MCPA site & system levels
1.3.1 Site & System level survey (joint capacity development/survey completion workshop) 1.3.2 Field Mission (to a sample of sites to review preliminary site & system survey results). Timing has been designed to avoid the monsoon wet season and to have access to preliminary survey results prior to the mission. 1.3.3 Analysis/evaluation of site & system levels surveys
June
PSC meetings
1.1.3 Develop site information and key references translated into English
May
Expenditure Summary
1.1.1 Collect site & system data/information 1.1.2 Identify data/information gaps
Apr
Financial Report
1.1: Summary data on 21 MCPAs & Thai PA system
Mar
(draft to be reviewed at inception workshop -activity 1.2.3) Progress Report
A tailored MEE system is developed and implemented resulting in improved management of Thailand’s MCPAs as a foundation for sustainable development of coastal areas
Feb
Inception Report
1
Jan
Dec
Develop and sign MoU between DNP and IUCN
Outcomes
Outputs
key activities Sept 1.3.4 Draft MEE Report and appendices (including recommendations for MFF showcase sites) 1.3.5 Review of draft report (including by SRG)
2
Capacity is built in DNP on MEE to ensure that adaptive management approaches are fully integrated into Thailand’s routine PA management practices
2.1: Cadre of MEE trained staff to conduct PA site based MEE
2.2: MEE adopted as DNP policy 2.3: Improved community awareness of adaptive management approaches to natural resource management
3
4
MFF Showcase Sites are established in selected MCPAs to demonstrate best practice and inform national approaches to adaptive management
3.1: On ground, best practice management improvement activities implemented and showcased at 3 MFF Showcase Sites
MFF initiative partners learn from the experiences and findings of the Thai MEE project in replicating the approach at different scales across Thailand and the region
4.1 Model MEE methodology adapted and adopted more broadly in Thailand and across MFF Region
1.3.6 Prepare final MEE Report and Annexes, translate, print & distribute 1.3.7 Launch and promotion of MEE findings and commitment to action 2.1.1 Introduce IUCN MEE Framework in Inception Workshop (see 1.2.3) 2.1.2 Undertake site & system level surveys in conjunction with capacity development workshop (see 1.3.1) 2.2.1 DNP commitment to adopt adaptive management policy using MEE 2.3.1 Introduce IUCN MEE Framework in Inception Workshop (see 1.2.3) 2.3.2 Build into DNP performance reporting and public relation strategy 2.3.3 Engage in global MEE community of practice through profiling Thailand’s work regionally and internationally 3.1.1 Validate 3 MFF Showcase Sites (in conjunction with MEE report, activities 1.3.4-1.3.6) 3.1.2 Agree and develop best practice approaches at the MFF Showcase Sites (in conjunction with MEE report, activity 1.3.4-1.3.6) and including publishing case studies and lessons learned
2011
2010 Oct
Nov
Jan
Dec
Feb
Mar
Apr
May
4.1.1 Advocate expanding the network of MFF Showcase Sites in Thailand and beyond through various communication avenues
June
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas 20-22 September 2010 Mu Ko Chumphon National Park, Thailand
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
Table of Content
To Be added when DRAFT accepted with correct page numbers
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
Introduction Thailand’s biodiversity is globally very significant, attributed in part to the country’s unique topography, and the proximity of its coastal and marine areas along the southern, mountainous peninsula: the Andaman Sea to the west and the Gulf of Thailand to the east. These two marine and coastal areas display distinctly different biophysical characteristics. Approximately 12.1% of these two marine and coastal areas are currently protected under national and/or international designations. This level of coverage has been recognised by the MFF MCPA Gap Analysis as relatively ‘good’ against the CBD target which requires that by 2012, MCPA networks cover 10% of marine and coastal areas. Management effectiveness evaluation (MEE) is the assessment of how well protected areas (PAs) are being managed. Specifically, it is the process used to determine how well PAs are protecting their values and how well they are meeting their objectives and goals. Evaluating management effectiveness in PAs is an essential component of responsive and pro-active natural resource management (Hockings et al. 2006) and the results can be used for a number of purposes. For example, to adapt or revise policies, plans and procedures, adjust allocation of resources and affirm good work being undertaken (Hockings et al 2006). Three main themes are reflected within the PA MEE process (Hocking et al 2006):
PA design in relation to both PA systems as a whole and individual sites; Adequacy and appropriateness of management systems and processes; and Delivery of PA objectives including conservation of values.
Improving management effectiveness of Thailand’s PAs is critical to help strengthen Thailand’s efforts to conserve healthy ecosystems as a foundation for sustainable development and livelihood security. In particular, Thailand’s marine and coastal protected areas (MCPAs) are very important assets in terms of biodiversity conservation, economic development and livelihood security. For example, activity generated through tourism in MCPAs contributes significantly to both provincial and national economic development (MFF Thailand NCB, 2008). MCPAs are also important for the livelihoods of many local communities who depend on them for resources such as food and forest products and for employment and business generation. In recognition of the need to improve management effectiveness in MCPAs, the Thailand Government through the Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation (DNP) is seeking to adopt a MEE system and to evaluate, in a comprehensive, systematic and participatory way, the effectiveness of their MCPA system. A well managed, representative MCPA system in Thailand lies at the heart of achieving a balanced and healthy marine and coastal ecosystem. This project therefore aims to strengthen coastal and marine stewardship in Thailand’s marine and coastal protected areas as a foundation for sustainable development. Organized by IUCN’s Regional Protected Areas Program (RPAP) and DNP under the Mangroves for the Future Large Project “Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas the MCPA MEE Inception Workshop was held at Chumporn National Park In Thailand from the 20thh – 22nd of September. This workshop included various presentations and discussions to introduce participants to the project and its objectives while also providing an opportunity for capacity building and an introduction to Management Effectiveness Evaluation. It subsequently provided a platform to exchange ideas and discuss the site and system level tools used in MEE and to assess and tailor these to the needs of Marine and Coastal Protected Areas in general and specifically in Thailand.
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
Workshop Objectives In order to ensure that the MEE process in Thailands AHP the best possible data it is important to ensure that the site and system tools used in the process are tailored to meet the specific needs and address the specific issues of MCPAs and in particular the issues encountered in Thailand. Current PA managers and National Park Superintendants from DNP provide the best source of this information. In order to effectively complete the MEE process PA managers must also have a level of understanding of the purpose and objectives of MEE and the lessons learned from previous evaluations. The scope and approach of the Inception workshop aims to refine the site and system tools used in Thailand, introduce participants to the MEE process and enable local PA managers to have important input into the further development of the tools to be used while finalizing the project governance and outlining the way forward. As such the objectives of the workshop were to: 1. Introduce participants to MEE and adaptive management theory; 2. Increased understanding of current and future management issues for protected areas in Thailand 3. Revision of site & system evaluation tools to ensure they are tailored to Thai situation and issues relevant to Marine and Coastal Protected Areas (MCPAs) 4. Introduce the plan and progress on the MEE project in Thailand
Specific workshop objectives 1) 2) 3) 4) 5) 6) 7)
Introduction to Management Effectiveness Evaluation (MEE) Increase staff & stakeholder awareness of MEE Review international experience on MEE methodologies and case studies Discuss and agree on project methodology including timelines Review of System level tool for Thailand Review of Site level data tool for Thailand Confirm and establish project governance including committees
Workshop Participants Workshop participants were from each of the project partners as well as staff from the Marine and Coastal Protected Areas of Thailand. In addition members of the International MEE team, Thailand MEE team and Stakeholder reference group were also present. A full list of workshop participants including contact details and affiliation is provided in Annex 1.
International MEE team members Thailand MEE team members DNP representatives IUCN Asia Regional Protected Areas Programme representatives Other invited technical and programmatic experts
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
Workshop Structure and Process Please see Annex 2 for the detailed workshop schedule and programme.
Welcome and setting the scene Welcoming Address Presentation from Dr Songtam Suksawang, Director, National Parks Research Division, DNP Brief introduction to the project and the collaboration between DNP / IUCN Including a short project description and history outlining the joint initiative between IUCN and DNP, which was then approved by the cabinet, with MFF providing funding for the project Purpose is to evaluate marine protected areas of Thailand It’s a 2 year project in association with universities DNP opening address Presentation from Mr Opas Peinstaporn, Director, National Parks Office, DNP Apologises from DG Great opportunity for learning and improving management of marine parks It’s also and opportunity to improve IUCN and DNP relationships Introduction to the project Presentation from Dr Naomi Doak, IUCN and Ms Peeranuch Dulkul Kappelle, National Parks Office, DNP Brief overview of project history Overview of MEE purpose Outcomes – need for MEE; ability to self-evaluate how MPAs are managed; apply to other MPAs in Thailand and share experiences with other countries Objectives – create tool for evaluation tool for marine PAs and create 3 sites as case studies Introduction to the project management structure Overview of project activities, process and methodology; including description of 3 best practice study sites Overview of the inception workshop PA Management – challenges and opportunities Presentation from Mr Peter Shadie, member of the International MEE team introducing some of the Global issues for Protected Areas
Asian overview - There has been an increase in the levels of protection globally but SE Asia still behind Asia protected areas – have exhibited growth but majority are ‘paper parks’ Need greater attention on: o Achieving a flexible, balanced and representative system – improving viability of small fragmented PAs, ensuring strategic gaps are filled o Need for laws and policy that enable contemporary best PA practice o Getting the basics right – boundaries clear & communicated – illegal conversion, encroachment Why MEE can help o Opportunity for staff and stakeholders to reflect o Comprehensive reflection – site and system level o Pinpoints management strengths and weaknesses
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
Introduction to MEE and the value of the project to Thailand. Introduction to Management Effectiveness Evaluation Presentation from A/Prof Marc Hockings, member of the International MEE team including time for a Question and Answer session following on from the presentation. ‘…the assessment of how well a protected area is being managed – primarily the extent to which it is protecting values and achieving goals and objectives’ (WCPA PA Guidelines, no 14, 2006) Main points of the presentation included The Definition and considerations of MEE MEE involves an evaluation of the whole process of management and understanding why something may or may not be working. IUCN MEE Framework is not a methodology but should be employed when developing your own methodology (flexibility). MEE framework involves Site level assessments and System level assessments A key consideration is how the results will be used, this should include: o Presentation of results to staff and stakeholders o Availability of data and analyses to staff o Integration with planning, work programming and budgeting systems o Identification of policy and program responses o Preparation of reports o consider audiences and relevant content
Introduction to the MFF Initiative Presentation from Dr. Janaka da Silva
Introduction to MFF Why is MEE important for MFF to achieve its goals
Main points of the presentation included How MEE fits into the broader MFF initiative Addressing long term planning for mangrove and coastal ecosystem Vision, Goal, and objectives: o Goal Conservation, restoration and sustainable management of coastal ecosystems as key natural infrastructure that supports human well-being and security. o Objectives 1.Improve, share and apply knowledge 2.Strengthen ICM Institutions and empower civil society 3.Enhance coastal governance at all levels MEE is the first project in the MFF POW that is marine related. It: o –Builds on the Preparatory Actions conducted by UNEP-WCMC. o –Addresses Protected Areas and the role they play in coastal management o –First Government Project in Region
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
Relevance of the MEE project to MFF: o Capture project results and lessons learned; o Promote best practices and toolkits o Promote country to country knowledge sharing o Link with academic and training institutions o Commission scientific studies o Up scaling to policy level Summary: o Policy relevant – supporting national legal and policy frameworks o People centred – assisting coastal populations of the Indian Ocean o Partnership based – seeking to meet the needs of all partners o Investment orientated – recognising coastal ecosystems as valuable natural infrastructure
PAs in Thailand Presentation from Dr Songtam Suksawang.
General introduction to and history of PAs in Thailand. History of addressing management effectiveness Future trends and issues
Main points of the presentation included Overview of PAs in Thailand Overview of Management Objectives of PAs Overview of threats to PA system Overview of PA designations o Planning to nominate a forest site for WH site o Transboundary PAs – one with Myammar, Laos, Vietnam, Cambodia – negative impact on biodiversity with East-West and North-South corridor
Marine and Coastal PAs in Thailand Presentation from Dr Pinsak Surasawadi, DMCR
Specific introduction and history of MPAs in Thailand Special considerations in the marine environment
Main points of the presentation included Policy challenges in the future o Preserve versus use PA for both tourism and fisheries o 80/20 equilibrium How to deal with coral bleaching as a result of climate change
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
Learning from International experience Case Study from Parks Victoria Presentation from Geoff Vincent Main points of the presentation included Park Victoria’s role Park Victoria’s output Evolution of State of the Parks Reports (2000, 2007, 2012 (in progress))
Main issues from the 2000 State of the Parks Report included o Natural values focus o 90% of parks system o Risk-based framework o First time undertaken nationally o First comparison across network o Inventory, not report on ‘state’ o Objectives, purpose & audience unclear
Main issues from the 2007 State of the Parks Report included o IUCN framework adopted o All output areas evaluated o Condition of sites and system described o Clear objectives and audiences identified o Broader engagement and ownership o Collaboration o Political caution revealing results
Main changes in the 2012 State of the Parks Report will include o Web-based data collection to facilitate use o Collaboration strengthened o Adaptive management focus o Bolder appetite for disclosure o Links to management planning o Integrated with periodic condition assessment
Lessons learned from Parks evaluation from Parks Vic o o o o o o
Leadership Ownership Engagement Integration Application - used in other parts of the Parks Service Collaboration – UQ and NSW Parks Service
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
MEE in Finland’s National Parks Presentation from Rauno Vaisanen Main points of the presentation included Metsähallitus Natural Heritage Services o in charge of all the PAs on State-owned lands and of many private PAs o a matrix organization with 3 regional units and 4 core processes, i.e. nature conservation, tourism & recreation, management planning, and fish and game management First MEE in 1994 – first of its kind in the world, not based on IUCN Framework Conducted second MEE in 2004 and was based on the IUCN Framework State of the Park reporting conducted in 2007 Objectives of Management Effectiveness Evaluation (MEE 2) o to enable the management bodies and authorities to evaluate whether approaches in protected area (PA) management are sound and sustainable resources are used in an appropriate and efficient way to develop cooperation and partnerships with local communities, NGOs and other stakeholders to give guidance on how to further improve the management and monitoring system to provide a platform for testing and developing existing methods and frameworks specific national or local objectives, etc. The Finnish Approach to MEE o The Evaluation Team (ET) reviewed background literature in May 2004 o NHS conducted a RAPPAM self-assessment on 70 protected areas o Drawing on these, the team developed a series of questions in the WCPA framework in June o In July the NHS answered the questions which formed the core of the assessment and subsequent report o The MEE was finalised by a field assessment
Field assessment Sites - included visits to representative PA sites as well as meetings with NHS staff.
Stakeholder meetings (Ministries, NHS Scientific Advisory Board, Regional Environment Centres, NGOs, Sámi, reindeer herders, Municipalities, entrepreneurs)
MEE recommendations included Visitor outcomes Financing Global role Inventory & monitoring State of the Parks reporting
There were numerous management responses including the start of State of the Parks reporting – regular cycle of formal reporting; create a standardized template based on a WCPA framework; continuous collection of information
Lessons learnt 1. MEE proved to be a valuable tool for PA management covering the ”big picture” related to (1) the state of the environment and (2) the socio-economic conditions, but also paying attention to (3) the performance of the PA agency
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
2. The recommendations could be successfully used for many different purposes by the PA agency and the supervising Ministries – it is not only about challenges but also about the strengths! 3. Many recommendations could be easily integrated into the annual system and site level processes of the PA agency, while others could be incorporated into the wider national/system/partner strategies. Recommendations could easily be integrated due to parks stakeholders being involved in the MEE process from the start – sense of ownership that ensured started wanted to see use the results and recommendations 4. MEE provided tools to seek funding for implementing the CBD and other relevant programmes 5. A comprehensive and time framed action plan was helpful when implementing the recommended actions 6. More attention is needed to develop well-structured ways for public participation and involvement of different stakeholders 7. Enabling factors included the scientific support from the universities and research institutes – innovations! 8. In a long run, MEE (and SoP) should be incorporated into the annual and long-term planning and reporting systems 9. Gathering of sufficient baseline data on the PAs and development of efficient data management and online monitoring systems are crucial
MEE in Korea’s National Parks Presentation from Hag-young Heo Main points of the presentation included An overview of the MEE project in Korea – 39 protected areas, 18 months, 300 000 USD, KNPS project manager, WCPA external review team assessed individual protected areas sites and the whole PA system Based on IUCN-WCPA Framework with a suitable evaluation toolkit developed for Korea Assessed individual protected areas sites and the whole PA system. Assessment Method o Self-assessment method (staff) at site-level evaluation o Interview with PA staffs and stakeholders (about 100) o Field mission with external review team members: 5 national parks, other 4 types of PAs o Cross checked data and opinions (HQ staff, site staff) o Others (official documents, corporate database, etc.) To develop a suitable evaluation toolkit in Korea o Internal Workshops with field and HQ staff (2 times) o Finalized the site-level pro-forma with Dr. Marc Hockings To get useful and reliable results its important to consider: o Internal evaluation & External evaluation o Site-level evaluation & System-level evaluation o Field mission & stakeholder interview To increase the quality of the assessment results:
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
o Provide the guideline to effectively fill in the questionnaire o Encourage staff to have a meeting before answering the questionnaire o Cross checked data and opinions (HQ staff, site staff) For an effective and continuous MEE o Sharing the objectives and concepts of MEE o Internal capacity building through an Internal MEE team, Korea’s MEE results highlighted that for a successful MEE its important to consider: o Sharing results and implementing some of the possible responses o reflect the results to update management plan and construct an adaptive management system
MEE in the Great Barrier Reef Marine Park Presentation from Marc Hockings Main points of the presentation included Outlook report o Required by legislation – reports to Parliament every 5 years o Includes assessment of MEE o MEE was the only one of 8 topics to be evaluated independently, assessing the entire management through a high level review of 12 key management topics and using best available scientific knowledge o Reviewed data, workshops were held, stakeholders and agency provided data – site level assessment tool similar to the one to be used in Thailand and the one used in Korea. o Results: table to compile results based on 70 indicators; o as the levels of complexity (social, bio-physical, jurisdictional) increase the management effectiveness decreases; o resulted in 2 dramatic policy and funding, by both QLD and federal gov, changes based on the findings of the MEE o Features of the MEE: o Transparent and clear assessment system – data on the web o Chain of evidence maintained and available – document and available on the web o Looks at management systems and outcome across agencies – all players, not just one agency o Considered complexity and risk – understanding of the context in which management occurs and enviro risks to the reef
Operationalizing MEE within DNP Presentation from Dr Songtam Suksawang – no copy of the presentation provided for additional summary Main points of the presentation included Catalysing sustainability of Thailand’s protected areas - notes
Test Sites – four possible sites in mind o
Inthanon
o
Western Forest complex
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
Q&A / Discussions at the end of day 1:
A previous assessment of Surin National Park was based on MPA objectives and the indicators were based on these – Dr Suwalak sought clarification on the difference between site level and system levels if the indicators are the same- how do you make the distinction in the IUCN Framework? o
Levels of threats at the site and how they are managed will be different to systems level indicators. Tool will be different
o
Its important to have both site and system approaches– the results are related
Thai marine national parks are being set up under the same 3 objectives but there should be specific objectives on for each one – based on the special conservation value of that park. Seeking clarification on how the site and system will differ if the objectives are the same throughout the system.
Day 2 Recap of Day 1 Rauno Vaisanen Welcome and recap
Global study of PA management effectiveness Presentation from A/Prof Marc Hockings which looked at a recent study on a Global Review of Protected Area Management Effectiveness (PAME). The main points from the presentation were;
The 3 key objectives of the study were to summarize o What has been done? – Assess progress towards the PoWPA targets for PAME o Status of parks, key threats, factors influencing effectiveness of management o Integrate management effectiveness information into the WDPA
Global Study analysis o PAME studies undertaken in 128 countries using more then 45 methodologies (most based on IUCN – WCPA PAME Framework) o Rapid progress on MEE work globally – most progress against this target of PoWPA than any others – considered successful o Many methodologies that have been adapted for local use o Data is available from approximately half of the PAME studies
o o o
Performance of indicators – strongest is park gazettal and effectiveness of governance and leadership; least performing appropriate program of community benefit assistance and security reliability of funding. Despite the many management issues the conservation of nominated values-condition ranked fairly high.
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
o
Highest correlation of individual indicators with overall management effectiveness Biodiversity outcomes 1. Skills of staff 2. Resolution of tenure issues 3. Achievement of work program 4. Effectiveness of law enforcement Community outcomes 1. Communication program 2. Program of community benefit 3. Involvement of communities and stakeholders
Explaining the MEE project process for Thailand
Draft Framework of MEE in Thailands MPAs including Plenary discussion
Thailand’s marine and coastal PAs – Peter Shadie and Naomi Doak
Reviewed goal of MEE
The project will: o apply IUCN framework in MFF country for the first time Reviewed process of MEE o MFF MEE process goes beyond the MEE report
Model applicable to other MFF countries Adoption at the DNP level/adaptive management in all Thailand’s MPAs/enhanced MCPA management – commitment and buy in from DNP Best practice/showcase sites – catalyse beyond the life of the project 3 provisional showcase sites – Mu Ko Surin, Mu Ko Chumpon, Mu Ko Similan – adaptive management – suitability of the sites should be reviewed throughout the process - 2 sites are part of the SAMPAN project – leverage for partnerships and integration with similar projects Review of project governance
Thailand Evaluation team and international evaluation team have very different work Project steering committee – DNP focus, but has a good balance of stakeholders Reviewed project steering committee responsibilities, which are high level, troubleshooting etc Stakeholder reference group – larger group, review/sounding board, mostly electronic contact, seeking feedback on representation during this inception workshop – reviewed stakeholder reference group responsibilities Timeline – implementation at show case sites needs a large amount of time and should be reviewed/feedback o o o o
Please note that PowerPoint Presentations given during the workshop are available only on request. Please contact Dr Naomi Doak at naomi.doak@iucn.org to request copies of the files.
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
Q&A/ Discussion:
Stakeholder reference group should be those that influence coastal management – fisheries, coastal agriculture and urban and industrial planning groups
Commercial fisherman’s group
Spiritual leaders
Avoid duplication by involving PA advisory committees in each park
Stakeholders reference group - List includes those across the group/system/project level but at the site level each stakeholder group may be different and more specialised
National park Committee
For the implementation stage the Administrative organisations will be the most influential in success.
Ask for feedback in writing
MEE in Thailand Introduction to Site level data sheets and working groups Naomi Doak
Participants divided into four working groups with each group considering a subset of the questions and worksheets in the site level tool.
Please note that PowerPoint Presentations given during the workshop are available only on request. Please contact Dr Naomi Doak at naomi.doak@iucn.org to request copies of the files.
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
The way forward Site level tool feedback and discussion
Group 1 (Worksheets; Part A, Part B, Part C)
Part A – C (edits and comments in spreadsheet) A–1
Part A – 1a require clarification for number recorded by wdpa or DNP – Marc Hockings suggested putting in both 1d. Redundant 1j. better translation of Thai define neighbouring – how far? Part B: Management plans – cooperate should be translated into agency Change ‘source of information’ Catergorize relationship of stakeholder (e.g. Private, government, NGO etc) In part 2 include any regional plans that influence the MPA Part C – no certified volunteer in Thailand. Factors that affect to Marine National Park Management Effectiveness
1. Natural impacts ( causing capsized and broken coral) ‐ Seasonal Storms and Depressions ‐ Natural Disasters ( Earthquake, Tsunami, Floods, forest Fire) ‐ Change of water temperature ( breaching coral, alien species by the shore) A–2&3
Threat from Man
1. 2. 3. 4. 5.
Chemical pollution from farming and industry Trash and Waste Activities on Commercial and artisanal Fisheries Stealing of aquatic animals Number of tourists who visit National Park ‐ Trash ( plastic bags, foaming box and leftover food) ‐ Inappropriate manner of tourists ( step on corals, a ship’s anchor and feeding fish) ‐ Oil spill from tourist and fishing boats 6. Problem on farming area of villagers in national park 7. Development of tourism business ‐ Hotel, resorts, spa ‐ Polluted /waste water from hotels ‐ Encroach into National Park
Please note that PowerPoint Presentations given during the workshop are available only on request. Please contact Dr Naomi Doak at naomi.doak@iucn.org to request copies of the files.
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
8. Nurturing aquatic animals at shore, polluted water and chemical substance ‐ Sea case farming ‐ Shrimp farming ‐ Oyster 9. Constructions on the facilities in National Park ‐ Road Construction ‐ Accommodation ‐ Electricity expansion A-4
Factors that affect to a policy level 1. 2. 3. 4.
Pier construction by the government Oil/gas pipeline Industrial areas Concession granted by the government ( bird nest)
A – 5 & 6 Other factors 1. Mining 2. Military base Cleaning 1. Service Area ‐ Accommodation ‐ Toilets ‐ Tourist information Center ‐ Parking area ‐ Office ‐ Canteen ‐ Pier 2. Recreation Area ‐ Common areas ( Activities, Watch Fire, tents) ‐ Beach, Sea and Mangrove ‐ Natural Trail 3. Underwater area ‐ Corals ‐ Seagrass
Please note that PowerPoint Presentations given during the workshop are available only on request. Please contact Dr Naomi Doak at naomi.doak@iucn.org to request copies of the files.
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
Group 2 - Part D – Q D9
D. 1: D.2
D-3 D-5 D-6 D-8
D-9
Difficult to understand Impact or human interference disturbance Confusion with the word ‘management’ Activity should include spear fishing Change wording ‘how to solve problem’ D3 – confusion about he word ‘value’ – too broad D5 – restricted area D6. Add ‘no management plan’ D8. Criteria is not enough o Questions about effects of fire o Area should be in square km o Update years D9. Review use of the word threatened; change to endangered - It should categorise level of destruction – whether it is violate any regulations or not - It should add activities that cause from man - Questions should be rewritten to be easier to understand - in part of source of information – the word “ management” should translate/imply to the word “experience” and it should emphasize that it is “the experience of officials”. -the word “company’s information” should change to “ information of DNP” - the word “ methods of problem solving” should change to “ guidelines for problem solving” - the word “value” should be changed (no suggestions for a new word) - value of natural resources in protected area. Meaning of” natural resources” covers both plants and animal, so it is difficult to give a proper answer. It should clearly say either plants or animals - To add more options/choices if there is management plan Fire fight management ‐ Questions and answers must be improved since they are not relevant to Thailand context. ‐ Sometimes, to fight back to the fire, we need to burn down some forests ( buffer zone) ‐ It should measure area with Km2 or rai Alien species ======= Species that are invaded
Please note that PowerPoint Presentations given during the workshop are available only on request. Please contact Dr Naomi Doak at naomi.doak@iucn.org to request copies of the files.
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
Group 3 – Q D10 – Q D19
Naomi’s group – to translate Expanded on the list of impacts and threats Mining and military activities are not that relevant D10 – janitors mostly service toilets, add detail on the ‘cleaning’ service – differs from cleaning for environmental purposes – not part of visitors services C-1 Revise: Impact from mining Add….3. other human activities ‐ Artisanal fishing ( traditional fishing) ‐ Snorkeling ‐ Scuba-diving ‐ Camping ‐ Rock climbing ‐ Bird watching ‐ Bird nest concession 3. Destructive ‐ Coastal Development (inside) ‐ Coastal Developemnt (outside) Part D: 19. Visitor Safety Note: it must be translated into Thai for easy and clear understanding A ====1) To have a tourist safety plan and follow the plan 2) Although there is a tourist safety plan, no one follows 3) There is no such a plan but act following to immediate situations 4) No such a plan or less operation on tourist safety C====1) From experience of the officials Add=== Official documents ( follow the official orders) Part D: 20. Visitor Impact Management a
√
C. Add === Official document 21. Visitor Facilities a. 1. There should have enough facilities for number of visitors and those facilities must be suited properly to a particular national park. a.1 === + management === should have 2+2 b. Add === official documents
Please note that PowerPoint Presentations given during the workshop are available only on request. Please contact Dr Naomi Doak at naomi.doak@iucn.org to request copies of the files.
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
Group 4 Q D20 – Q D32
Part D: cut – pesticide runoff; add illegal fishery; revise impact from mining Suggested additions to the ‘human action’ section D19: Translation issues o Additions to section a o Source of info: add official document D20: add official document D21: change wording – remove the word ‘category’ o A-1: D22: add ‘code of conduct’ into the assessment criteria D23: management plans shouldn’t consider visitor expectations too much if it compromises conservation values D24: D25: a-1: should include a percentage when discussing proportions of the community D26: a-1: should include a percentage when discussing proportion D27: Thailand does not have private tenure in NP – change wording to Thai context – change to ‘occupied’ D28: change wording to community o Source of info: minutes from community Meeting D30: source of info: number of cases D31: source of info: tourist opinions from surveys D32: separate the values – economic, livelihood security, education etc
General comments Staff of NP – families of the staff operate businesses within PA to supplement income
Waste management, this should be evaluated
Ensure that site development planning standard – appropriateness of the visitor facilities are evaluated
Suggested to exercise caution with language translation – capacity-building workshops will ensure further clarification and instruction.
Action: Site tools including comments, adjustments, and updates will be provided before capacity building workshops to allow for further clarification of the tools. Action: System tools will be distributed for comment.
Please note that PowerPoint Presentations given during the workshop are available only on request. Please contact Dr Naomi Doak at naomi.doak@iucn.org to request copies of the files.
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
Next steps, Action Points and Concluding Statements The participants were thanked for their excellent input into the workshop and in particular their thoughtful participation in the site tool review process and contribution to the Inception Workshop discussions. The hard work of Pimolwan Singhawong (Petch) in organizing the logistics of the workshop was also recognized by all the participants.
MEE System Tool – Workshop with WCPA Experts Action: remove ‘Part A’ Action: add ‘evidence/justification’ column in site tool. Used to describe how the information has been applied to justify the rating Action: review system tool to ensure that all the generic issues have been captured with indicators Action: review the use of the word ‘vision’. It refers to a high level strategic plan, which is the National Management Plan in Thailand Action: compile the following documents minimum one month before system level review:
Fisheries management plan DMCR plans Organisation chart, that includes a description of how agencies are linked and via what legislation or NP plans Organisation chart for DNP Bibliography of policy Biodiversity plans Relevant legislation National plans CDB National report Species plans Tourism policies National biodiversity plan
Please note that PowerPoint Presentations given during the workshop are available only on request. Please contact Dr Naomi Doak at naomi.doak@iucn.org to request copies of the files.
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
Action: identify some individuals, with enough technical information, to provide with the system tool and consider holding a day’s workshop to obtain their feedback/answers. For example: DMCR, Forestry, Fisheries, academics, DMP Action: WCPA Expert group to review system tool and provide further feedback that was not obtained during this workshop Action: RPAP to incorporate workshop feedback into site level tool. Action: WCPA Expert group to provide feedback on the site tool. Comments are sought on the need to modify or create a new scale for a-1 on Part D questions Action: Consider more than one WCPA expert to attend the capacity building workshops Action: Field Evaluation to be undertaken from 27 March 2011 to 6 April 2011 Action: Finalise members of the Thailand Evaluation team Action: Modify and finalise Stakeholder reference group. Create a list of contacts and consider meeting some stakeholders during the field evaluation Action: Create an electronic document sharing mechanism Action: Ensure MFF website is updated with a summary of the workshop.
Please note that PowerPoint Presentations given during the workshop are available only on request. Please contact Dr Naomi Doak at naomi.doak@iucn.org to request copies of the files.
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
Annex 1: List of Participants No.
Name
Contacting address
1
Mr. Opas Peinstaporn
2
Dr. Songtam Suksawang
3
Mr. Jeerawat Jaisielthum
4
Ms. Peeranuch Dulkul Kappelle
5
Mr. Chinda Srisupphatphong
6
Mr. Sophon Phengpraphun
Director, National Parks Office, Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation 61 Paholyothin Road Chatuchak, Bangkok Thailand 10900 Director National Park Research Division Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation 61 Pahonyothin Rd., Chatuchak BKK 10900 Email:s_songtam@hotmail.com Technical Forest Official National Park Office, National Park Management Division 61 Paholyothin Road Chatuchak, Bangkok Thailand 10900 Mo: 082 0550796 Jeera58@hotmail.com National Park Office Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation 61 Pahonyothin Rd., Chatuchak BKK 10900 Tel 66 2 561 0777 ext 1722 Mo. 66 81 988 3646 Representative from Ao Phang nga National Park 80, Moo 1, Tombon Koh Panyee Muang District, Phang Nga Province Mo: 087 8882727 Email: wildlife61@gmail.com Head of Mo Koh Surin National Park
7
Mr. Panumas Samseeneam
8
Mr. Pasakorn Thongprasob
Head of Mo Kog Similan National Park 93, Moo 5, Bann Thaplamu Lamkaen Sub-district Thai Muang, Phang nga Province 82210 Tel: 076 453272 Fax: 076 453273 Mo: 0845499969 / 087 6788000 Email: panumas31@hotmail.com Representative from Leam Son National Park Amphur Ka Pue, Ranong Province Mo: 081 6770189
Please note that PowerPoint Presentations given during the workshop are available only on request. Please contact Dr Naomi Doak at naomi.doak@iucn.org to request copies of the files.
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
9
Mr. Surachai Thated
10
Mr. Harischai Rittichuai
11
Mr. Chiayapruk Warawong
12
Mr. Wittaya Phakdivijit
13
Mr. Nopphawong Phuksachart
14
Mr. Dumras Phoprasit
15
Mr. Jumnong Suksawt Mr. Prasobchok Phungpreeda
16
Representative of Mo Koh Petra Moo 4, Tombon Pak Num, La U Satun Province Tel: 074 783074 Mo: 081 7963932 Representative from Mo Koh Lanta National Park 59 Moo 5, Tombon Koh Lanta Ya Lanta District, Krabi 81150 Mo: 081 8966264 Email: harischai@hotmail.com Head of Tarn Boke Koranee National Park Representative from Lam Nam KraburiNational Park Mo: 089 5506885 Email: lumnum_1@hotmail.com Head of Kao Sam Roi Yod National Park Tombon Khao Deang, Kuiburi District, Prachuap Khiri Khan Province Tel: 032 821568 Mo: 0819056987 Head of Mo Koh Auang Thong National Park 145/ 1, Tombon Tarad lang, Muang District Surat Thani Province 84000 Mo: 081 9881009 Head of Had Vanakorn National Park Mo: 081 8939725 Head of Mo Koh Chomphon National Park Âź Moo 5, Tombon Had Sai ree Muang District, Chomphon 86120 Mo: 088 4485757 Email: mokochumporn@hotmail.com Representative from Mo Koh Chang National Park Mo: 087 0560244
17
Mr. Luechai Saisiyard
18
Ms. Pattranit Viriyakul
Representative from Mo Koh Chang National Park
19
Mr. Teerasak Musikjearranun
20
Mr. Ruamsilp Manajongprasert
Representative from Tarutao National Park Moo 2, Tombon Pak Num, La U district Satun Province Tel: 074 783597; Mo: 0897392200 Email: talutaosatun.go@hotmail.com Head of ThalebanNational Park Tel: 086 2863355 Mo: mysilp@yahoo.co.th
Please note that PowerPoint Presentations given during the workshop are available only on request. Please contact Dr Naomi Doak at naomi.doak@iucn.org to request copies of the files.
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
21
Mr. Bung-earn Seesing
DNP Official
22
Mr. Chaiyut Klingklao
23
Mr. Sirichai Prompichai
Marine National Park Research Center Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation 45/3, Moo 7, Tombon Had Sai ree Muang District, Chomphon Email: l3abii_beebee@hotmail.com DNP Official
24
Mr. Chainarong Ruangthong
25
Mr. Ruangyot Preumjai
26
Mr. Jirayut Rattanadilok
27
Mr. Montri Sintusen
28
Ms. Hansa Yooto
29
Ms. Kanita Kantagul
National Park Office Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation 61 Pahonyothin Rd., Chatuchak BKK 10900
30
Ms. Rissarin Ngamwongpaisarn
National Park Office Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation 61 Pahonyothin Rd., Chatuchak BKK 10900
31
Ms. Chamaipron Butjareon
National Park Office Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation 61 Pahonyothin Rd., Chatuchak BKK 10900
Marine National Park Research Center, Chomphon Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation 45/3, Moo 7, Tombon Had Sai ree Muang District, Chomphon Mo: 086 6899215 Email: chai_forestry28@hotmail.com Marine National Park Research Center, Surat Thaini Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation Muang District, Surat Thani Mo: 081 8924967 Mangrove Office No. 4 Kanchanadit District Surat Thani Province Mo: 081 5791016 Representative from Chomphon National Park Moo 5, Tombon Had Sai Ree, Muang District Chomphon Province 86120 Tel: 077 558144; Fax: 077558144; Mo: 0862702778 National Park Office Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation 61 Pahonyothin Rd., Chatuchak BKK 10900
Please note that PowerPoint Presentations given during the workshop are available only on request. Please contact Dr Naomi Doak at naomi.doak@iucn.org to request copies of the files.
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
32
Ms. Pittayaporn Maneetap
Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation 61 Pahonyothin Rd., Chatuchak BKK 10900
33
Mr. Silapachai Phrompichai
34
Dr. Pinsak Suraswadi
35
Ms. Nipavan Bussarawit
36
Dr. Janaka de Silva
37
Ms. Radda Larpnun
38
Dr. James True
39
Dr. Suchai
Marine National Park Research Center Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation 45/3, Moo 7, Tombon Had Sai ree Muang District, Chomphon Mo: 081 7479429 Email: team-tanoi@hotmail.com Director of Marine Conservation and Rehabilitation Division Office of Marine and Coastal Resources Conservation Department of Marine and Coastal Resource Ministry of Natural Resources and Environment The Government Complex (Building B) 36120 Chaenhwattana Rd., Thungsonghong, Laksi, Bangkok 10210 Tel:02 1411297 Mo: 081 8039433 email: pinsak@hotmail.com Director Marine and Coastal Resources Research Center, The Central Gulf of Thailand 9, moo7, Nathung district, Amphur Muang Chomphon province Tel: 075 7505141 Fax: 075 7505141 Mo: 086 9611791 Email: ta_pmbc@yahoo.com or bnipavan@yahoo.com Programme Manager, Mangroves For the Future (MFF), IUCN Asia Regional Office 63 Sukhumvit Soi 39 Wattana, Bangkok 10110 Thailand Tel: +66-(0)2-662.4061 ext 15; Mobile: +66-(0)84-769-7381 Fax: +66-(0)2-662.4387 E-mail: Janaka.deSilva@iucn.org Programme Officer IUCN Thailand 63 Sukhumvit Soi 39, Sukhumvit Road,Wattana Bangkok 10110 Thailand Tel:+66 2 662 4029 (ext.456); Mobile: +66 86 5946710 Email: radda.larpnun@iucn.org Director Centre for Biodiversity of Peninsular Thailand Faculty of Science, Prince of Songkla University Songkla, Thailand Mo: 089 0024490 Email:jaydeetee1@gmail.com Faculty of Fisheries
Please note that PowerPoint Presentations given during the workshop are available only on request. Please contact Dr Naomi Doak at naomi.doak@iucn.org to request copies of the files.
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
Worachananant
40
Ms. Suvaluck Satumanatpan
41
Supranee Kampongsun
42
Kittipan Sabkhoon
43
Marion Fourtune
44
Mr. Peter Shadie
45
Dr. Marc Hockings
46
Dr. Geoff Vincent
47
Dr. Rauno Viasanen
Kasetsart University 50 Phaholyothin, Chatuchak Bangkok 10900, Thailand Tel: # 0-2579-7610 ext. 110 Mo: 089 9247184 Email: suchai.w@ku.ac.th Faculty of Environment and Resource Studies Mahidol University (Salaya Campus) 999 Phuttamonthon Road, Salaya, Phuttamonthon Thailand Mo: 0817007512 Email: ensnt@mahidol.ac.th SAMPAN Project 92/7 Moo 5, Mai Khao Sub District Talang, Phuket 83110 Project Technical Coordinator SAMPAN Project 92/7 Moo 5, Mai Khao Sub District Talang, Phuket 83110 SAMPAN Project 92/7 Moo 5, Mai Khao Sub District Talang, Phuket 83110 Mo: 082 4220225 Email: marion.fourtune@googlemail.com or marion.fourtune@sciences-po.org Odonata House Consulting 107 Craigend Street Leura NSW 2780, Australia Tel: + 61 (0)2 4784 2321 Mobile: + 66 (0)81 373 1020. Email: peter.shadie@iucn.org Associate Professor School of Integrative Systems University of Queensland Email: m.hockings@uq.edu.au Director & Principal, G.W. Vincent and Associates PO Box 10 Cheshunt Vic 3678 Australia Phone: +61 (0)3 572 09199 Mobile: +61 (0)418 179949 Email: geoff_vincent@hotmail.com Director, Natural Heritage Services, Metsähallitus Vernissakatu 4, PO Box 94 Vantaa 01301
Please note that PowerPoint Presentations given during the workshop are available only on request. Please contact Dr Naomi Doak at naomi.doak@iucn.org to request copies of the files.
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
48
Dr. Hag-Young Heo
49
Dr. Naomi Doak
50
Ewa Madon
Finland Phone: ++358 205 64 4386; Fax: ++358 205 64 4350 Email: rauno.vaisanen@metsa.fi Senior Researcher Regional Protected Areas Programme, Asia IUCN - International Union for Conservation of Nature, Asia Regional Office 63, Sukhumvit 39, Wattana Klongton nua, Bangkok 10110 Thailand Tel:+66 2 6624029 ext 150 Email: hag-young.heo@iucn.org Programme Officer Regional Protacted Areas Programme, Asia IUCN - International Union for Conservation of Nature, Asia Regional Office 63, Sukhumvit 39, Wattana Klongton nua, Bangkok 10110 Thailand Tel:+66 2 6624029 Email: naomi.doak@iucn.org rogramme, Asia Programme Officer ( AYAD programme) Regional Protacted Areas Programme, Asia IUCN - International Union for Conservation of Nature, Asia Regional Office 63, Sukhumvit 39, Wattana Klongton nua, Bangkok 10110 Thailand Tel:+66 2 6624029 Email: ewa.madon@iucn.org
Please note that PowerPoint Presentations given during the workshop are available only on request. Please contact Dr Naomi Doak at naomi.doak@iucn.org to request copies of the files.
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
Annex 2. Workshop Schedule / Programme September 20-23, 2010 Mu Ko Chumphon National Park, Thailand 20 September Time
Topic Welcome and setting the scene
08:30 - 09:00
Registration
09:00 - 09:10
Welcoming Address
09:10 - 09:30
Introduction to the project
Participants to register
Brief intro to the project and collaboration between DNP / IUCN
Brief project history Aims of the workshop Participant introductions Housekeeping Global trends in PA management and issues for Asia and Thailand Value of conducting MEE in Thailand Clarifications on the project and workshop
09:30 – 10:00
PA Managementchallenges and opportunities
10:00 – 10:15
Q&A
10:15 – 10:45
DNP / IUCN RPAP DNP Director of National Park Office
Naomi Doak - IUCN RPAP Peeranuch Kapelle – DNP
Peter Shadie – WCPA
Peter Shadie – WCPA
Break – Morning Tea Introduce MEE and the value of the Project to Thailand
10:45 – 11:15
Introduction to MEE
11:15 – 11:30
Q&A
11:30 – 12:00
Introduction to the MFF Initiative
PAs in Thailand
Marc Hockings – WCPA
12:00 – 12:30
What is MEE (purpose, scope, process, result implementation)
Introduction to MFF Why is MEE important for MFF to achieve its goals General introduction to and history of PAs in Thailand. History of addressing management effectiveness Future trends and issues
Janaka da Silva – MFF Secretariat
Songtam Suksawang -DNP Director National Park Research Division
Please note that PowerPoint Presentations given during the workshop are available only on request. Please contact Dr Naomi Doak at naomi.doak@iucn.org to request copies of the files.
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
12:30 – 13:00
MPAs in Thailand
13:00 – 14:00
Specific introduction and history of MPAs in Thailand Special considerations in the marine environment Lunch
DMCR
Learning from international experience 14:00 - -14:20
Case Study incl. Q &A
14:20 – 14:40
Case Study incl. Q &A
14:40 – 15:00
15:00 – 15:20
Case Study incl. Q &A Operationalizing MEE within DNP
15:20 – 16:00
Geoff Vincent - WCPA Rauno Väisänen - WCPA Hag-young Heo – IUCN RPAP Songtam Suksawang -DNP Director National Park Research Division
Break - Afternoon Tea
16:00 – 17:00
State of the Parks, Parks Victoria Lessons learned for Thailand MEE in Finland’s Parks, Metsahallitus Lessons learned for Thailand MEE in Korea’s Parks, Korea National Park Service Lessons learned for Thailand How should DNP integrate the project outcomes into its operations?
Plenary Discussion
Questions and clarifications Value of MEE in Thailand Expectations of the process
Marc Hockings - WCPA
21 September Time 08:30 – 08:50
08:50 – 09:30
09:30 – 10:15
10:15 – 10:45
Topic Explaining the MEE project process for Thailand Summary of Day 1 and focus of Recap on Day 1 Day 2 Outline of MEE process in Thailand including sequence, timing, Draft Framework of MEE in governance, MFF showcase sites Thailand MPAs and outputs Evaluation tools Discuss, refine and validate the project approach Plenary discussion Agree on Stakeholder Reference Group (SRG) composition and function
Geoff Vincent - WCPA Peter Shadie / Naomi Doak – IUCN RPAP / WCPA
Peter Shadie / Naomi Doak – IUCN RPAP / WCPA
Break – Morning Tea
Please note that PowerPoint Presentations given during the workshop are available only on request. Please contact Dr Naomi Doak at naomi.doak@iucn.org to request copies of the files.
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
MEE in Thailand 10:45 – 11:00
Intro to Site Level data sheets and Working Groups
11:00 – 12:30
Working Group discussions and input to Site Level data sheets
12:30 – 13:30 13:30 – 14:10 14:10 – 14:25
14:25 – 15:30
Working Group Report backs – Site Level Tool Introduction to System Level data sheets Working Group discussions and input on System Level sheets
Introduction to site data sheets Example of how the sheets work Overview of data needed to complete sheets To include review and input of some of the issues so more tailored for Thailand and MPAs Review of drop down menus and options, gaps Lunch
(4 x 10 min) reports
How do they work and what data is needed
How can they be modified to best suit Thailand and MPAs Review of options, gaps
15:30 – 15:50
Naomi Doak – IUCN RPAP Facilitators tbd (Marc Hockings; Hag-young Heo; Rauno Vaissanen; Geoff Vincent)? Working Group Spokespersons Naomi Doak – IUCN RPAP Facilitators tbd (Marc Hockings; Hag-young Heo; Rauno Vaissanen; Geoff Vincent)?
Break - Afternoon Tea The way forward
15:50 – 16:30
16:30 – 17:00
Working Group Report backs – System Level Tool Wrap up plenary discussion
(4 x 10 min) reports
Conclusions and next steps Finalize site tools Finalize data collection needs and proposals Stakeholder consultation Thank you to participants
17:00 – 17:15
Closing remarks
Working Group Spokespersons
IUCN/DNP
DG DNP?
22 September Field Visit Site Visit Lunch Continue Site Visit
Please note that PowerPoint Presentations given during the workshop are available only on request. Please contact Dr Naomi Doak at naomi.doak@iucn.org to request copies of the files.
Inception workshop for Evaluating and Improving the Management Effectiveness of Thailand’s Marine and Coastal Protected Areas
Please note that PowerPoint Presentations given during the workshop are available only on request. Please contact Dr Naomi Doak at naomi.doak@iucn.org to request copies of the files.
PROPOSAL
Strenghtening the Community-based Coastal Resources Management Network through Community-based Learning Centers in Six Sub-districts of Trat Province, Thailand Submitted by: Regional Community Forestry Training Center for Asia and the Pacific (RECOFTC) Implementing partners: • • • • • •
DMCR Mangrove Forest Development Center 4 (Nam Chieo) Center for Applied Economics Research, Faculty of Economic, Kasetsart University Community-based Coastal Resources Management Network in six sub-districts of Trat province Ban Pred Nai Mangrove Forest Conservation and Development Group Tambon Administrative Organizations (TAOs) in six sub-districts Thai Fund Foundation (TFF)
February 2011
Contents ACRONYMS AND ABBREVIATIONS ................................................................................................ I PROPOSAL SUMMARY SHEET..........................................................................................................1 1
INTRODUCTION .......................................................................................................................5 1.1 1.2 1.3 1.4
2
BACKGROUND ..........................................................................................................................5 PROJECT CONTEXT...................................................................................................................9 RELATED PROJECTS/OTHER RELEVANT ACTIVITIES ..............................................................13 IDENTIFICATION AND PREPARATION ACTIVITIES ...................................................................15 PROJECT DESCRIPTION......................................................................................................16
2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 3
MAIN OBJECTIVE AND ITS RELATIONSHIP TO THE MFF POWS ..............................................16 IMMEDIATE OBJECTIVES ........................................................................................................17 OUTPUTS (IN RELATION TO MFF POWS) AND EXPECTED OUTCOMES ....................................17 ACTIONS/ACTIVITIES TO SUPPORT THE OUTPUTS ..................................................................19 STRATEGIES TO ADDRESS CROSS-CUTTING ISSUES ...............................................................21 INPUTS REQUIRED (PHYSICAL RESOURCES, MANPOWER, FINANCIAL SUMMARY).................22 ASSUMPTIONS AND RISKS..................................................................................................23
3.1 3.2 3.3 3.4 3.5 4
COMMITMENT OF STAKEHOLDERS .........................................................................................23 INSTITUTIONAL SUPPORT .......................................................................................................23 ACCOUNTABILITY ..................................................................................................................24 CLIMATE CHANGE ADAPTATION CONSIDERATIONS ...............................................................24 SUSTAINABILITY AND REPLICABILITY ...................................................................................25 PROJECT MANAGEMENT AND ORGANIZATION.........................................................25
4.1 4.2 4.3 5
PROCEDURES FOR IMPLEMENTATION .....................................................................................29 MECHANISMS FOR REVISION/ADJUSTMENT ...........................................................................29 FINANCIAL MANAGEMENT AND PROCUREMENT ....................................................................29 MONITORING..........................................................................................................................30
5.1 5.2 5.3
MONITORING SYSTEM ............................................................................................................30 INDICATORS AND MEANS OF VERIFICATION ..........................................................................30 REPORTING SYSTEM ..............................................................................................................30
ANNEXES...............................................................................................................................................32 ANNEX 1: ANNEX 2: ANNEX 3: ANNEX 4: ANNEX 5: ANNEX 6: ANNEX 7: ANNEX 8:
LOGICAL FRAMEWORK ANALYSIS.............................................................................33 PROJECT BUDGET PLAN ............................................................................................41 PROJECT WORK PLAN ...............................................................................................45 PROJECT ACTION PLAN YEAR 1 (2011) .....................................................................53 PROJECT SITE DESCRIPTION ......................................................................................63 BACKGROUND OF IMPLEMENTING ORGANIZATIONS..................................................69 TERMS OF REFERENCE FOR PROJECT PERSONNEL .....................................................75 CVS OF RECOFTC THAILAND PROGRAM STAFF ......................................................79
Acronyms and Abbreviations BRT CAER CbLC CDM CF CFM CODI CSR DANIDA DMCR GEF GO GSEI MFF MMF MFDC NGO NGO-COD NRM PMCG PoW RECOFTC REDD SSNC TAO TCP TEI TFF ThCCSP ToT TRF UNDP UNEP
Biodiversity Research and Training (program) Center for Applied Economics Research (Faculty of Economics, Kasetsart University) Community-based Learning Center Clean Development Mechanism Community Forest(ry) Community Forest Management Community Organizations Development Institute corporate social responsibility Danish International Development Agency Department of Marine and Coastal Resources (Thailand) Global Environmental Facility Governmental Organization Good Governance for Social Development and the Environment Institute Mangroves for the Future Mangrove Management Fund (Pred Nai) Mangrove Forest Development Center (DMCR) Non-Governmental Organization NGO Coordination for Development natural resource management Pred Nai Mangrove Forest Conservation and Development Group Programme of Work (MFF) Regional Community Forestry Training Center for Asia and the Pacific Reducing Emissions from Deforestation and Forest Degradation Six Sub-districts Network for Community-based Coastal Resource Management Committee tambon (sub-district) administrative organization Thailand Country Program (RECOFTC) Thailand Environment Institute Thai Fund Foundation Thailand Collaborative Country Support Program (RECOFTC) training of trainers Thailand Research Fund United Nations Development Programme United Nations Environment Programme
i
MFF Large Project Proposal
Proposal Summary Sheet 1. Date of Proposal Submission: Original submission – 30 April 2009 First revised submission – 30 September 2009 Current revised submission – 22 February 2011 2. Project Title: Strengthening the Community-based Coastal Resources Management Network through Community-based Learning Centers in Six Sub-districts of Trat Province, Thailand 3. Project Site: Nineteen villages in the six sub-districts of Muang and Laem Ngob districts, Trat province 4. Project Scale: National 5. Implementation Agency: Regional Community Forestry Training Center for Asia and the Pacific (RECOFTC) 6. Authorized Representative from Implementing Agency: Ms. Somying Soontornwong, Thailand Program Coordinator – RECOFTC 7. Project Partners: 1. DMCR Mangrove Forest Development Center 4 (Nam Chieo) 2. Center for Applied Economics Research, Faculty of Economics, Kasetsart University 3. The Community-based Coastal Resources Management Network in six subdistricts of Trat province 4. Ban Pred Nai Mangrove Forest Conservation and Development Group 5. Sub-district Administrative Organizations in six sub-districts a. Huang Namkhao Sub-district, Muang District : Moo 1 Ban Laem Po, Moo 2 Ban Pred Nai, Moo 3 Ban Klong Lod, Moo 4 Ban Huang Namkhao, Moo 5 Ban Kanna. b. Nong Sa-nhow Sub-district, Muang District : Moo 3 Ban Phrong Lam Bid c. Nong Samet Sub-district, Muang District : Moo 2 Ban Thatapao d. Nam Chieo Sub-district, Leam Ngob District : Moo 3 Ban Nam Chieo
1
e. Nong Kansong Sub-district, Muang District : Moo 1 Ban Leam Hin, Moo 2 Ban Tha Ra-nea, Moo 3 Ban Nong Kansong Lang, Moo 4 Ban Nong Kansong Bon, Moo 5, Ban Leam Sam Rong Pong Thep f. Aow Yai Sub-district, Muang District : Moo 1 Ban Aow Yai, Moo 2 Ban Aow Chaoh, Moo 3 Ban Laem Ya, Moo 4 Ban Laem Phro, Moo 5 Ban Aow Kham, Moo 6 Ban Laem Sok. 8. Project Objective: Overall goal To empower existing community-based coastal resource management networks, in terms of knowledge transmission and improved management practices, to ensure the sustainable management of coastal ecosystem and the livelihoods of local communities in the coastal areas are protected and improved. Objectives 1. Establish a community-based coastal resource management learning center at Pred Nai as an effective best practice model in sustainable coastal resource management and to respond to climate change. 2. Scale up pilot communities in the six target sub-districts to become community-based learning centers through increasing the knowledge management capacities, skills and practices of community leaders, resource users, TAO members, and youths. 3. Enhance effective collaboration among communities, local administrative organizations, GOs, NGOs and academic institutions working on sustainable coastal resource management in Trat province. 4. Develop a network of community-based learning centers by sharing development experiences from the project with other existing best practice models and networks in the country. 9. Project Start Date: May 2011 10. Project Duration: 24 months 11. Total Project Cost: USD 325,245 - From RECOFTC: USD 36,000 (resource person, office equipment and inkind support) - From community partners: CbLC buildings and local materials - From MFF secretariat: USD 289,245 12. Amount Requested from MFF Secretariat: USD 289,245
2
13. Co-financing: - RECOFTC shares USD 36,000 of total cost through contributing technical knowhow, office equipment and materials in the Bangkok office, and staff time. - Mangrove Forest Development Center (#4; Nam Chieo) for the Royal Thai Government’s Department of Marine and Coastal Resources (DMCR), Trat, shares technical know-how - Kasetsart University shares technical know-how - Thai Fund Foundation shares technical know-how - Local partners share materials, labor, CbLC office, time, etc. 14. Brief Project description: This project is designed to strengthen the newly-established community-based coastal resource management network in six sub-districts of Trat province using best practices that have been developed in several communities, especially Pred Nai. It will specifically address the most pressing challenges confronting the network as well as support implementation of its three-year management plan. It will work towards these aims through the establishment of a Community-based Learning Center (CbLC) in Pred Nai, which would serve as a mechanism to expand on the knowledge and lessons learned from model communities in the network to enhance sustainable coastal resource management processes within the network and selected communities. The Community-based Learning Center (CbLC) is an approach that RECOFTC’s Thailand Program has developed and used in its field-based activities to strengthen local community forestry (CF) networks. The principle behind this approach is that local communities can more effectively learn and transform their knowledge among themselves, and that this knowledge transformation would be more practical and applicable because it is derived from their direct experiences. CbLCs are more ‘living’ and ‘lively’ than learning centers in the traditional sense. The focus here is not on the enhancing the center’s ‘hardware’ (i.e. infrastructure, media outputs, etc), but on building up its ‘software.’ It emphasizes strengthening the knowledge and skills of local people so they themselves may become effective facilitators and trainers and develop local learning experiences that are meaningful and output-oriented. In developing CbLCs, RECOFTC and external organizations would provide backstopping support and coaching. The CbLC also provides another tool with which to strengthen local networks. It would build the capacity of key persons and mobilize internal human resources, enhancing the learning network’s outreach for sharing and learning and its role as a mechanism for constantly improving practices at the community level. However, a CbLC in itself will not sustain the network, and local facilitators alone are insufficient. External facilitators are still needed; however they would provide mentoring to local facilitators as well as support coordination of local networks. The previous collaborations of project partners at the site—RECOFTC under its Thailand Collaborative Country Support Program (ThCCSP) and the Center for Applied Economics Research, Kasetsart University, through local offices and the South China Sea Project under the United Nations Environment Program’s Global Environment Facility (UNEP GEF) —have encouraged the formation of the
3
network and sense of ownership for community representatives from the six subdistricts. A three-year Mangrove and Coastal Resources Management Plan, developed in mid-2008 through a series of workshops and consultations, helped to identify the previous experiences, key constraints and challenges of the communities in this area. A set of key strategies was also identified and prioritized in the Management Plan. Although the communities are able to implement some activities by themselves, the overall implementation of the plan has been slow, due to limited financial support and coordination. From consultation with leaders from the network committee, the community sees the need for establishing a long-term network mechanism which would enhance the coordination, learning and adaptation of sustainable coastal management practices. The CbLC approach fits the context and would be an effective tool for empowering the network.
4
MFF Large Project Proposal Project Title: Strengthening the Community-based Coastal Resources Management Network through Community-based Learning Centers in Six Sub-districts of Trat Province, THAILAND
1
Introduction
1.1
Background
Thailand’s so-called “Eastern Seaboard” spans 544 kilometers, covering the five provinces of Chonburi, Chachoengsao, Rayong, Chanthaburi, and Trat. The coastline’s ecosystem has experienced rapid degradation since the advent of economic development and industrialization in the 1960s and tourism expansion in the 1980s. Mangrove forests have been among the ecosystems most hard-hit, with the total mangrove area in the region decreasing dramatically during this period, dropping from a reported 30,000 ha in 1961 to a low of 12,658 ha in 1996. The primary drivers for such unprecedented degradation were the expansion of commercial aquacultures (shrimp farming and fish ponds) and the over-exploitation of mangrove timber for charcoal production undertaken by companies and community groups under forest concessions. The growth of commercial sea and coastal fishing – marked by the use of bigger boats, illegal fishing gears, and tracking and baiting devices – has also contributed to coastal ecosystem degradation. It has led to a drastic decline in fishing productivity and coastal erosion in the Gulf of Thailand. Coral reefs and seagrass beds have also deteriorated from laxly-regulated commercial fishing practices as well as wastewater discharge and industrial pollution from urban zones and shrimp farms. Such unchecked development on the Eastern Seaboard has had profound implications for the long-term integrity of coastal ecosystems, creating considerable environmental damage and threatening livelihood resources for rural communities. Several reports state that mangrove areas along the Eastern Seaboard have degraded more rapidly in comparison to those along the Andaman coast. Surveys demonstrate that remaining mangrove ecosystems in the East also have lower biodiversity values, lower tree density, and continue to have a high annual deforestation rate. These factors make the sustainability of local livelihoods and coastal resources along the Eastern Seaboard critical issues that require urgent attention. Trat, due to its location as the easternmost coastal province, is an important transboundary waterway between Thailand and Cambodia. The province has experienced a dramatic decline in mangrove and marine resources due to intensive shrimp farming, over-harvesting of mangrove products and over-fishing in coastal zones and sea waters. In 1961 there were 14,506 ha of mangrove forest in Trat; by 1996 that area had reduced to 7,534 ha. However, that number climbed back up to 9,067ha in 2007, primarily due to the re-plantation efforts of government and other agencies.
5
Community-based Conservation and Coastal Resource Management in Pred Nai and Surrounding Communities Community-based coastal resource management has been increasingly recognized as an alternative to addressing complex ecological issues in coastal areas. In Trat, Pred Nai community is home to one of the best-known local initiatives in mangrove and coastal resource conservation on the Eastern Seaboard. From 1982 to 1985, village leaders organized local groups to successfully protest against the destruction of mangroves brought on by commercial logging and shrimp farm conversion by outside concessionaires. In 1998, the community established the Ban Pred Nai Mangrove Forest Conservation and Development Group as a focal body to coordinate local mangrove rehabilitation campaigns in approximately 1,920 ha of community mangrove forest. This mangrove area is part of the Thatapao-Nam Chieo Forest Reserve, accounting for 21% of Trat’s mangrove area. With over 20 years of experience, the community of Pred Nai has become a successful model in mangrove and coastal resources restoration and management. With strong local leadership and institutions and a sense of cohesion and ownership among the villagers, Pred Nai’s experiences in community-based coastal resource management have yielded outstanding outcomes in ecosystem management, biodiversity conservation, sustainable livelihoods, and income generation, especially for poor households. During this period, outside organizations from both government and civil society have also funded and provided technical support to Pred Nai. The outcomes of local mangrove management initiatives have been monitored by the community themselves as well as researched by many agencies. One major achievement has been the successful increase of the mud crab (Scylla serra) population, an animal that is rarely found on Thailand’s eastern seacoast due to diminishing mangrove forests. Villagers have also reported increases in fish and shellfish stocks. Water birds including the painted stork, purple heron, grey heron, and the Brahminy kite as well as macaque monkeys have returned to the forests. On the economic side, poorer community members have seen income gains. For instance, harvests of the grapsoid crab (Metopographus spp.) have almost doubled, from approximately 8 kg per day per harvester in 1998 to 15 kg per day per harvester in 2004. Approximately 40% of villagers in at least twenty adjacent communities, many of whom are poor and landless, also depend upon these mangrove and marine resources for their livelihood and income. These stakeholders primarily earn their living through coastal fishing and the collection and sale of mud crabs and grapsoid crabs. Because of its successes in mangrove ecosystem management, Pred Nai has recently become a ‘living’ learning center where other communities, interested individuals, and organizations can visit and learn about the community’s experiences. The community has earned national and international recognition through awards such as Green Globe Award in 1999, and in 2004 it was recognized as a finalist of the Equator Prize under the United Nations Development Programme (UNDP). It was also the site of a Clean Development Mechanism (CDM) feasibility study undertaken by Kasetsart University in 2008.
6
The community has encouraged the involvement of women and youth in local mangrove management activities. Women and youths take an active role in many community groups involved with the Pred Nai Mangrove Conservation and Development Group, particularly in the community forest management (CFM) fund committee, the so-called ‘savings group’ and the ‘housewife group’, and the youth group. Women are also in charge of running community eco-tourism activities and the homestay program that coordinates study group visits to Pred Nai. Pred Nai’s successful experiences have encouraged other communities surrounding the Thatapao-Nam Chieo Forest Reserve to establish their own conservation groups and set up community rules for mangrove resource management and utilization. The communities have also begun collaborating with several organizations in mangrove rehabilitation and the increase of aquatic species. One initiative of note has been the ‘don’t catch a hundred today, wait to catch millions’ campaign by local communities and external organizations to raise awareness not to overharvest during the crab spawning season. Crab collectors and traders in the area have adhered to the initiative and seen benefits in terms of increased yields. These and other management mechanisms are now well established in the six target sub-districts: Nam Chieo, Nong Sa-nhow, Nong Samet, Huang Namkhao, Nong Kansong and Aow Yai.
Mangrove and Coastal Resource Management Networking Activities by Communities Beginning in 2000, communities adjacent to Pred Nai began forming their own mangrove conservation groups, developing management agreements, and initiating replantation activities with support from the government, private companies, and local authorities. In 2003, Pred Nai, in collaboration with organizations (RECOFTC, the UNDP’s Small Grants Programme, and Rajabhat University) working with projects onsite, established a ‘Mangrove Conservation Network’ with neighboring communities and within the province. The network was formed because Pred Nai and leaders from neighboring communities found it necessary to work closely together for a number of reasons: (i) to protect the local coastal ecosystem from several ongoing challenges, particularly overfishing and coastal erosion from the activities of commercial fishing boats; (ii) to establish long-term collaborative agreements among communities, government agencies and local administrative organizations; and (iii) to improve and diversify local livelihoods through community-based coastal resources management. The Mangrove Conservation Network is still in its initial stages of development and its expansion has slowed down after outside partners completed their on-site projects. At this stage, it is still heavily dependent on external support and coordination and does not have the institutional capacity to be an effective action-oriented network. Stakeholder conflicts have also hindered efforts to develop collaborative agreements, impeded coordination of mangrove rehabilitation in some areas, and contributed to the noncompliance of forest-use regulations across village borders. These conflicts have arisen as mangrove areas along the coastline are in different ecological states and surrounding communities have varying levels of economic dependency on the resources.
7
In early 2008, a new network, the ‘Mangrove and Coastal Resources Management Network’, was established encompassing six local tambons (sub-districts). It was established with support from the UNEP/GEF South China Sea Project*, with technical support provided by RECOFTC’s Thailand Program and experts from the Faculty of Economics at Kasetsart University. This network was established to improve mangrove management links between Pred Nai and other communities adjacent to the ThatapaoNam Chieo Forest Reserve. It includes 19 communities from the six sub-districts in Muang and Laem Ngob districts, located along the coastline of the so-called ‘Rong Chang Bay.’ A three-year Mangrove and Coastal Resources Management Plan was developed, with the aim of improving the livelihoods of communities in the six sub-districts that share the same resource base while also expecting long-term ecological outcomes across this wider landscape. The Management Plan lists 9 expected results, which include: (i) the drafting of collaborative agreements on the use of resources among the communities developed; (ii) the development and recognition of rules and regulations by tambon (sub-district) administrative organizations (TAOs); (iii) the establishment of collaborative mechanisms between communities, relevant government organizations (GOs), and private agencies; and (iv) an emphasis on economic value addition from the sustainable management of mangrove resources. A Business Plan for sustainable coastal resources management was also developed to serve as another mechanism to conserve local coastal resources and to create incomeearning opportunities for local stakeholders in the network. It identified potential shortterm and long-term projects to increase income and secure sustainable livelihoods, as well as estimated financial inputs and the delegation of responsibilities. During 2009–2010, the six sub-districts network has received funding support from the UNDP’s Global Environment Facility Small Grants Programme, to strengthen the network towards its planned activities. Implemented activities followed the network’s management plan and included participatory surveys of local mangrove forests, sea grass beds, and shellfish species. Restoration activities were also implemented and included Nipa palm propagation, restoration of local shellfish mudflats to reduce the coastline erosion, and the establishment of a crab bank. In addition, youth camps, study tours and regular meetings of the network committee were organized. The results from this project have further strengthened the management practices of communities in those sub-districts, and provided a platform for community leaders to share and discuss their issues and concerns related to mangrove and coastal resources management, creating trust and understanding among themselves. However, stronger institutional mechanisms still need to be identified and implemented to improve coordination and collaboration among the six target sub-districts, in order to develop more effective, long-term natural resource management practices that are recognized by the overall community at the sub-district level, rather than a learning mechanism implemented by local conservation groups.
*
The full project title was “Reversing Environmental Degradation Trend in the South China Sea and the
Gulf of Thailand.” The project was headed in Thailand by the Department of Marine and Coastal Resources between 2005 and 2008.
8
The proposed MFF project would provide key support to further developing the Mangrove and Coastal Resources Management Network, sustaining its momentum to ensure ongoing efforts continue contributing to long-term ecological and sustainable development outcomes of this important coastal landscape in eastern Thailand.
1.2
Project Context
During the previous decades, community-based coastal resource management has become increasingly recognized as an effective means to address the complex issues driving the degradation of mangrove and coastal resources. Pred Nai is home to one of the best-known local initiatives along the Eastern Seaboard, and is nationally and internationally renowned as a model for best practices due to its 20 years of experience in sustainable mangrove and coastal resource management and its successes in achieving ecological, social and economic outcomes. Experiences and lessons learned from Pred Nai have been exchanged both formally and informally with nearby communities for years. One example of such efforts has been the aforementioned ‘don’t catch a hundred today, wait to catch millions’ campaign, which has been used by the government and local authorities to raise the awareness of local people in the sustainable harvesting of aquatic resources along the Trat coastline. In 2005, the Thatapao-Nam Chieo Forest Reserve was selected by the UNEP/GEF South China Sea Project as a project demonstration site that involved Pred Nai and 7 adjacent villages. One objective of this project was to develop a management database to aid the development of a comprehensive coastal resource management plan. The project conducted studies on socio-economic and mangrove resources in 2007 and March 2008, and worked with RECOFTC’s Thailand Program to facilitate several workshops that enhanced collaboration between targeted communities, supported the management plan development process, and initiated the formation of the Communitybased Coastal Resources Management Network. This newly-formed ecological/landscape network is envisioned to sustain successful long-term environmental impacts for not only Trat province but also significant for the Gulf of Thailand. Furthermore, the network covers two forest reserve areas, Thatapoa-Nam Chieo Forest Reserve (approximately 3,950 ha of mangrove forest) and Pak Klong Bangpra-Koh Chao-Koh Loy Forest Reserve (approximately 1,200 ha of mangrove forest). The Network’s Business Plan was developed in late 2008, with technical assistance from Kasetsart University’s Faculty of Economics, to serve as a tool in income generation and sustainable livelihoods development. The network committee, composed of 24 members, serves as a coordination body in bringing the management plan into action. Although some planned activities have been undertaken by the communities, overall plan implementation has been slow due to limited coordination and financial support. Based on recent consultations with leaders from Pred Nai community and the network committee, the communities see the need for establishing a long-term network mechanism which would enhance the coordination, learning and adaptation of sustainable coastal management practices. Additional priorities include awareness raising and improving management practices at the village level. It is particularly important that these issues are addressed before collaborative agreements across sub-districts (one of the key strategies of the network) are developed. Previous network-building efforts were impeded due to the fact that learning only
9
contributed at the group level, not for the entire community. The local area possesses a wide range of ecological conditions and the socio-economic characteristics of local communities are equally diverse, also presenting the potential for conflict to arise between different groups of stakeholders. The project is designed to strengthen this newly-established community-based coastal resource management network in Trat, through building upon the best practices that have been developed in several communities, especially Pred Nai. It will work towards these aims through the establishment of a Community-based Learning Center in Pred Nai, which would start by facilitating model communities in each sub-district to develop mangrove and coastal resource management plan, and then scale up these model communities to also become community-based learning centers for sustainable mangrove ecosystem and coastal resources management. These learning centers would be staffed with trained local facilitators, and provide training curriculums and training materials (designed together with local facilitators) to serve individuals and key stakeholders in the network and from other areas. Knowledge generated would be channeled to increase awareness and build capacity on sustainable coastal resource management processes within the network and selected communities.
The Community-based Learning Center Approach The Community-based Learning Center (CbLC) is an approach that RECOFTC’s Thailand Program has developed and used in its field-based activities to strengthen local community forestry (CF) networks. The principle behind this approach is that local communities can more effectively learn and transform their knowledge among themselves, and that this knowledge transformation would be more practical and applicable because it is derived from their direct experiences. CbLCs are more ‘living’ and ‘lively’ than learning centers in the traditional sense. The focus here is not on the enhancing the center’s ‘hardware’ (i.e. infrastructure, media outputs, etc), but on building up its ‘software.’ It emphasizes strengthening the knowledge and skills of local people so they themselves may become effective facilitators and trainers and develop local learning experiences that are meaningful and outputoriented. In developing CbLCs, RECOFTC and external organizations would provide backstopping support and coaching. The CbLC also provides another tool with which to strengthen local networks. It would build the capacity of key persons and mobilize internal human resources, enhancing the learning network’s outreach for sharing and learning and its role as a mechanism for constantly improving practices at the community level. However, a CbLC in itself will not sustain the network, and local facilitators alone are insufficient. External facilitators are still needed; however they would provide mentoring to local facilitators as well as support coordination of local networks.
10
Local Communities Involved in the Community-based Coastal Resources Management Network The following is a list of communities that are current members of the Communitybased Coastal Resources Management Network in the six sub-districts of Trat: 1. Huang Namkhao Sub-district, Muang District : Moo 1 Ban Laem Po, Moo 2 Ban Pred Nai, Moo 3 Ban Klong Lod, Moo 4 Ban Huang Namkhao, Moo 5 Ban Kanna. 2. Nong Sa-nhow Sub-district, Muang District : Moo 3 Ban Phrong Lam Bid 3. Nong Samet Sub-district, Muang District : Moo 2 Ban Thatapao 4. Nam Chieo Sub-district, Leam Ngob District : Moo 3 Ban Nam Chieo 5. Nong Kansong Sub-district, Muang District : Moo 1 Ban Leam Hin, Moo 2 Ban Tha Ra-nea, Moo 3 Ban Nong Kansong Lang, Moo 4 Ban Nong Kansong Bon, Moo 5, Ban Leam Sam Rong Pong Thep 6. Aow Yai Sub-district, Muang District : Moo 1 Ban Aow Yai, Moo 2 Ban Aow Chaoh, Moo 3 Ban Laem Ya, Moo 4 Ban Laem Phro, Moo 5 Ban Aow Kham, Moo 6 Ban Laem Sok. Most communities in the network have already established certain levels of mangrove and coastal resource management institutions and practices. Community management/conservation groups and committees have set up rules and regulations, and initiated management activities such as mangrove re-plantations, awareness raising and community patrols. Many have received technical support and funding from outside agencies. However, each community group is in a different stage of development and may face different challenges within their local contexts.
CbLCs for the Future One project component would focus on developing CbLCs in the model community selected for each sub-district, following the initial CbLC established in Pred Nai. It is envisioned that these CbLCs would become demonstration sites teaching the CbLC development process to groups from other areas or networks in the country that have the potential to become future CbLCs. Potential CbLCs would be communities that already have some recognition as a site for best practices or already function as an existing community learning center in sustainable coastal resources management. It is necessary that such communities contain some concrete experiences and lessons learned, as well as have strong local organizations and leaders that are ready to scale up local skills and knowledge to become a more effective learning center. RECOFTC has identified a number of potential expansion sites of CbLC development process in five of the six target sub-districts: Selected communities in the six sub-district network: 1. Ban Aow Krood, Huang Namkhao Sub-district 2. Ban Phrong Lam Bid, Nong Sa-nhow Sub-district 3. Ban Thatapao, Nong Samet Sub-district 4. Ban Thai Khao, Nam Chieo Sub-district 5. Ban Tha Ra-nea, Nong Kansong Sub-district
11
To be identified: CbLC site in Aow Yai Sub-district List of potential networks in Thailand with which to collaborate: 1. Prasea Watershed Management Network, Rayong 2. Klong Tum Hru Watershed Management Network, Chonburi 3. Veru Watershed Management Network, Chanthaburi 4. Community-based Coastal Resources Management Network in Pang Nga Bay, Pang Nga
Project Implementation The Regional Community Forestry Training Center for Asia and the Pacific (RECOFTC), through its Thailand Program, would serve as the primary project implementing agency. RECOFTC has a longstanding 10-year relationship with Pred Nai, building the capacity of community organizations in sustainable natural resource management (NRM) through various action-research projects. The project will be implemented in collaboration with national and local partners. The national partner is the Center for Applied Economics Research at Faculty of Economics, Kasetsart University. The Center has previous experience working with communities in the network, providing technical support for business plan development in the UNEP/GEF South China Sea project. The Center’s expertise in economic valuation for natural resources make it a well-suited partner for the project, matching well with community needs for enhancing coastal resources management process. The key local partners are the Mangrove and Coastal Resources Management Network committee, the Ban Pred Nai Mangrove Forest Conservation and Development Group, and TAOs from the six sub-districts, who would serve as committed organizations in implementation and revision of action plan and to be involved as a community-based learning center committee to guide the development and overall direction of the learning center. The previous experiences and relationships between the national and local partners of this project are seen as key strengths contributing to project implementation. The project is designed to address the real needs of local groups and to continue momentum for ongoing efforts to conserve and restore this important coastal landscape along Thailand’s Eastern Seaboard. The expected result from the project is the establishment of learning centers at Pred Nai and other model communities that operate effectively and become mechanisms to improve the network’s learning and natural resource management practices. Best practices and knowledge generated would go towards improving management practices at other villages in the area. The CbLCs developed would also become demonstration sites for CbLC development processes which groups from other areas or networks around the country could learn from. The expected overall economic outcome is the securing of local livelihoods, especially those of poor and landless households who are most dependent on coastal resources and the long-term integrity of coastal ecosystem.
12
1.3
Related Projects/Other Relevant Activities
Previous RECOFTC Activities in the Target Area RECOFTC’s first project in Pred Nai, undertaken in 1999 through funding from the Biodiversity Research and Training (BRT) Program, focused on gathering information and developing a database system relevant to sustainable management of local mangrove resources. The second action-research project, funded by the Toyota Foundation between 2000 and 2004, identified key processes that further strengthened Pred Nai’s community forest management practices in both ecological and livelihoods aspects. Pred Nai’s first Mangrove and Coastal Resources Management Plan was also developed during this project. RECOFTC’s second project with Pred Nai was undertaken between 2003 and 2008, with funding from DANIDA. Here, RECOFTC worked closely with Pred Nai villagers to develop a monitoring system to assess impacts from its mangrove forest management. Work during this period also supported local implementation of the national decentralization policy, through increasing the capacity and involvement of the Huang Namkhao TAO in mangrove ecosystem management. Over the course of the project, the executive board of the TAO established a working group on NRM and a NRM coordination center within the TAO Office to provide long-term support for local communities and NRM-related organizations in the sub-district. Between 2006 and 2008, RECOFTC also facilitated the establishment of Trat’s ‘People’s Network for Natural Resources and Environmental Conservation’, which has become an effective experience-sharing platform for communities that manage mangrove and terrestrial forest areas within Trat. Though RECOFTC project support has ended, the network has sustained funding support from the Community Organizations Development Institute (CODI). Finally, during RECOFTC’s previous project a community forest management (CFM) fund was introduced at Pred Nai and tested to ensure the long-term impacts of local CF initiatives. The CFM fund is now well-aligned with local saving groups and managing a 400,000 Baht revolving fund, which contributes significantly to mangrove management and local youth group activities. The most recent project undertaken at Pred Nai was a short-term research project on local forest management and climate change, funded by the Thailand Research Fund (TRF). This project studied local climate change impacts, local people’s adaptation to those changes, and appropriate model for local people to receive benefits from schemes such as the Reducing Emissions from Deforestation and Forest Degradation (REDD/REDD+) mechanism. The project has raised awareness among local people and organizations in assessing and planning for future climate change impacts to natural resources and their livelihoods. It also measured the capacity of local CFM processes and their contributions to climate change adaptation.
13
Related Organizations/Activities in the Target Area As various communities in the network, such as Pred Nai, have increasingly become renowned for having strong local leadership and institutions, it has gained technical assistance and funding support from many donors and external organizations over the last 20 years. Organizations that have provided funding support to Pred Nai include the Social Investment Fund, the UNDP GEF’s Small Grant Programme, CODI, the UNEP/GEF South China Sea Project, and the Department of Marine and Coastal Resources (DMCR). Organizations other than RECOFTC that have provided capacity building and technical assistance to local communities are the Thailand Research Fund (TRF) and Rambhai Barni Rajabhat University. Most of these organizations also assisted in local networking efforts, using local experiences or linking with local leaders as key personnel to enhance and expand the network. Research institutes like TRF and Rambhai Barni Rajabhat University have also developed locally-led research projects in local communities as well. The DMCR, through its mangrove rehabilitation policy and local offices, established several mangrove restoration plots in the Pred Nai’s managed mangrove forest as well as supported and participated in the patrolling efforts of mangrove conservation groups from Pred Nai and surrounding villages. The DMCR was also the primary Thailandbased implementing partner for the UNEP GEF-funded South China Sea project, which sought to establish a demonstration site for good practices in participatory mangrove conservation in Trat Province that could serve as a model for wider application nationally and in other countries participating in the UNEP GEF South China Sea projects. Local DMCR activities in coastal ecosystem management have also been guided by Thailand’s 10th National Social and Economic Plan (2007–2011), which explicitly emphasizes that mangrove rehabilitation through integrated coastal and marine resource management should involve the increased participation of local communities, good public administration and management, and multiple extended roles for local government organizations. The DMCR’s experiences in participatory natural resource management at the Trat demonstration site has great potential to be shared and duplicated elsewhere through the department’s future work. The Mangrove and Coastal Resources Management Plan has become an effective tool for the network to communicate their internal strengths, expected targets and strategies, and the external support they require. Recent external support to the area includes budget funding from local administrative organizations at sub-district and provincial levels, and external organizations (such as Good Governance for Social Development and the Environment Institute [GSEI] and the Thailand Environment Institute [TEI]) who have come to document and disseminate lessons learned to other areas. Finally, Pred Nai and some existing learning models in the six sub-districts have been used as corporate social responsibility (CSR) sites for several private sector companies and NGOs (e.g. the Thai Fund Foundation), who have taken staff volunteers to participate in mangrove re-plantation and/or conservation activities.
14
RECOFTC’s Experiences with CbLC Development RECOFTC’s Thailand Program first began its work in developing Community-based Learning Centers in 2002, when it successfully completed several action-research projects in different parts of the country. Adaptive CFM processes were tested with communities and proven to consistently raise community awareness, understanding and skills in different stages of participatory CF management. Such adaptive CFM processes include CF-related data collection and CFM planning. RECOFTC was requested to provide more training to communities on those processes and as the needs for networking at the target sites also increased, RECOFTC personnel began gaining experiences and skills in network development and management. RECOFTC soon realized that a lot of effective knowledge transferred did only not originate from external technical facilitators but from taking the direct knowledge and experiences of the communities themselves and transferring it locally. The RECOFTC Thai team took the initiative to develop training curriculums with two CF communities one in the North (Mae Tha, Chiang Mai province) and one in the South (Kalo, Yala province). The communities used the drafted curriculums to train community leaders in their own networks. Since 2003, RECOFTC has taken further steps to integrate the CbLC process as an approach to empower local CF networks, working with its partners and 4 existing local networks in Chiang Mai, Chainat, Suphanburi and Chachoengsao provinces. Lessons learned from this period were good enough for RECOFTC staff to identify the success factors, pre-conditions and challenges in CbLC development processes. Results also indicated that the sharing of CFM best practices took place not only at the network level, but at the village level. In 2008, RECOFTC produced some guidelines and reports on CbLCs to be disseminated and used by interested individuals and organizations.
1.4
Identification and Preparation Activities
The development of the management and business plans undertaken during the UNDP/GEF South China Sea project during 2008 provide a solid foundation from which to build up sustainable practices of coastal ecosystem management in the six target sub-districts. Participants in the management plan development workshop were targeted representatives of existing local organizations involved in mangrove and coastal resource management, as well as community leaders from the villages in the six sub-districts and some TAO representatives. Also attending were representatives of government agencies involved, including the DMCR’s Mangrove Forest Development Center (#4; Nam Chieo) which is the direct government agency responsible for the respective mangrove coastline area, and the Provincial Office for the Ministry of Natural Resources and Environment. The draft management plan was circulated to all workshop participants and special letters were written to the heads of local government agencies and the Chief Executives of the six TAOs to request their views and additional considerations for the plan. The UNEP GEF South China Sea project and RECOFTC also organized a number of consultative meetings with local stakeholders – in late 2008 and in March 2009 – to
15
identify current resource management needs and issues, as well as mechanisms needed to implement the management plan and to discuss the immediate needs that the MFF project would address. These meetings were attended by representatives from surrounding TAOs and mangrove stakeholders (including the mangrove user groups, the housewife group and village youth leaders) from neighboring communities. The main concerns voiced included strengthening ongoing network activities and encouraging long-term participation from different groups of mangrove stakeholders (particularly youth and women). In these discussions, the CbLC was recognized as an appropriate tool with which to address these issues and build up the sustainability and robustness of local CBNRM institutions. RECOFTC also held several meetings with implementation partners from Kasetsart University to develop the project framework and detail project objectives, outputs, and management roles and responsibilities.
2
Project Description
2.1
Main Objective and Its Relationship to the MFF PoWs
The development objective of the project is to empower existing community-based coastal resource management networks, in terms of knowledge transmission and improved management practices, to ensure the sustainable management of coastal ecosystem and the livelihoods of local communities in the coastal areas are protected and improved. The overall approach that would be used in the project is that of a ‘Community-based Learning Center’ (CbLC). This approach would primarily build upon local experiences through a series of activities that would incorporate knowledge gained from local best practices and lessons learned, and model and package these to be used in different learning/educational settings and processes. Local leaders would be the key actors directing learning processes, with technical backstopping and coaching provided as needed by external facilitators. A CbLC would be developed in Pred Nai and each of the six target sub-districts to strengthen the newly-established community-based coastal resource management network. It is envisioned that once established, the CbLCs would also serve as demonstration sites for CbLC development from which other regional and national best practice models/networks could come and learn. Two types of knowledge would be documented, disseminated and applied through CbLC operations. The first type concerns knowledge and skills already identified and practiced locally which have demonstrated successful results. Existing knowledge includes: -
mangrove ecosystem rehabilitation development processes for rules and regulations on community resource utilization participatory management planning participatory monitoring of mangrove and aquatic resources propagation of plant resources and increasing of local aquatic resources
16
-
restoration of canals and coast line community forest management fund community-based eco-tourism
The second type of knowledge would be knowledge newly developed under this project, New knowledge areas were identified during network management and business plan development, and it is envisioned that this new knowledge would further enhance the community-based coastal management processes in Pred Nai and other villages in the network. One type of new knowledge generation which is of interest to many local people is climate change adaptation and carbon accounting. Action research would be undertaken the target area and the results would be used to develop a climate change adaptation plan for the network. New knowledge would also be developed through technical partners such as Kasetsart University’s Center for Applied Economics Research, who would provide training for local people to collect relevant information and develop strategic plans on potential livelihood options and the community fund.
2.2
Immediate Objectives 1. Establish a community-based coastal resource management learning center at Pred Nai as an effective best practice model in sustainable coastal resource management and to respond to climate change. 2. Scale up pilot communities in the six target sub-districts to become communitybased learning centers through increasing the knowledge management capacities, skills and practices of community leaders, resource users, TAO members, and youths. 3. Enhance effective collaboration among communities, local administrative organizations, GOs, NGOs and academic institutions working on sustainable coastal resource management in Trat province. 4. Develop a network of community-based learning centers by sharing development experiences from the project with other existing best practice models and networks in the country.
2.3
Outputs (in relation to MFF PoWs) and Expected Outcomes
Outcome 1 An effective community-based coastal resource management learning center is established in Pred Nai, and operational as a best practice model for the existing six sub-district network. Output 1.1 Existing knowledge, experiences, and lessons learned on sustainable mangrove and coastal resources management are identified and documented. Output 1.2 The capacity of community organizations is increased through action research that will further develop new learning and knowledge to enhance the process of sustainable coastal resource management (economic value and livelihoods development, climate change adaptation strategies, etc). Output 1.3 Training and knowledge transformation components are developed and functioning (trained local facilitators, training curriculums and materials).
17
Output 1.4 The Pred Nai Mangrove Management Fund (MMF) committee is active in fund mobilization and management to support activities within the mangrove coastal management plan and CbLC plan. Outcome 2 The capacity and practices of selected pilot communities in sustainable coastal resource management is enhanced and scaled up as community-based learning centers through the improved knowledge management and skills of key personnel. Output 2.1 Existing experiences, knowledge and management practices are reviewed and improved through management planning. Output 2.2 New knowledge and tools developed through action research (economic value and livelihoods development, climate change adaptation strategies, etc). Output 2.3 Key lessons and experiences are selected and packaged as training curriculums and materials. Outcome 3 The collaboration of communities and organizations in sustainable coastal resource management is increased through a strengthened network. Output 3.1 Collaboration among communities in the network is enhanced through capacity building of key personnel and development of a strategic plan. Output 3.2 The strategic plan is integrated into sub-district and provincial environmental policies and plans. Outcome 4 The CbLC approach is expanded and a local and regional CbLC network is established. Output 4.1 The pilot CbLC network in target communities is enhanced and expanded to neighboring communities in Trat. Output 4.2 A local and regional CbLC network is developed to provide a forum for sharing knowledge and lessons learned on the CbLC development process. This overall goal, objectives, outcomes and outputs of this project will contribute to the following MFF Programmes of Work (PoWs): • • • • •
PoW2: Designing ecologically and socio-economically sound coastal ecosystem rehabilitation. (Output 2.3) PoW4: Integrating coastal economic values into development planning and appraisal. (Outputs 4.1, 4.2, 4.3) PoW6: Promoting civil society awareness and participation in coastal decisionmaking. (Outputs 6.1, 6.2, 6.4, 6.6) PoW7: Building the capacity of professional coastal managers for integrated coastal management. (Outputs 7.2, 7.4) PoW8: Supporting environmentally sustainable livelihoods among coastal communities (Outputs 8.4, 8.5)
18
• •
2.4
PoW9: Improving community resilience to natural disasters. (Output 9.3) PoW10: Identifying sustainable financing mechanisms for coastal ecosystem conservation. (Output 10.1, 10.2, 10.5)
Actions/Activities to Support the Outputs
Output 1.1 Existing knowledge, experiences, and lessons learned on sustainable mangrove and coastal resources management are identified and documented. 1.1.1
Design a process to capture existing experiences and lessons learned in sustainable coastal resource management, and enlist resource persons, through workshop 1.1.2 Document community profile, and identify knowledge and lessons learned. 1.1.3 Produce and disseminate documented knowledge in different forms of locally friendly media e.g. posters, manuals, booklets, and website. Output 1.2 The capacity of community organizations is increased through action research that will further develop new learning and knowledge to enhance the process of sustainable coastal resource management (economic value and livelihoods development, climate change adaptation strategies, etc). 1.2.1 Meetings with communities to develop action-research work plan. 1.2.2 Implement action research activities to learn and test new tools and develop new knowledge. 1.2.2.1 Action research on economic valuation of coastal production and alternative income generation development activities. 1.2.2.2 Action research on climate change impacts, ecosystems modeling for adaptation, and carbon accounting in Pred Nai mangrove and coastal areas 1.2.3 Produce and disseminate manuals/guidelines containing new knowledge. Output 1.3 Training and knowledge transformation components are developed and functioning (trained local facilitators, training curriculums and materials). 1.3.1 1.3.2
Develop guidelines for local facilitators and organize training of trainers (ToT) course. Develop training packages for different target groups e.g. resource users, youths, etc.
Output 1.4 The Pred Nai Mangrove Management Fund (MMF) committee is active in fund mobilization and management to support activities within the mangrove coastal management plan and CbLC plan. 1.4.1 1.4.2
Design Pred Nai MMF fundraising strategy and internal fund contribution management. Enhance Pred Nai MMF committee through capacity building and learning, and quarterly monitoring meetings.
1.4.3 Renovate Pred Nai CbLC office and facilities (computer, LCD, etc).
19
Output 2.1 Existing experiences, knowledge and management practices are reviewed and improved through management planning. 2.1.1 2.1.2
Compile information and document community profiles of pilot communities. Organize trainings, led by trained local facilitators, in participatory coastal resource management planning and related issues for community leaders, resource users, youths, and TAO members in pilot communities. 2.1.3 Facilitate processes in pilot communities to develop management plans. 2.1.4 Establish an initiative fund for sustainable livelihoods and coastal resource management in each pilot community to implement management plans. Output 2.2 New knowledge and tools developed through action research (economic value and livelihoods development, climate change adaptation strategies, etc). 2.2.1 2.2.2
Initiate action research activities to learn and test new tools and develop new knowledge. Produce and disseminate manuals/guidelines containing new knowledge.
Output 2.3 Key lessons and experiences are selected and packaged as training curriculums and materials. 2.3.1 2.3.2
Meetings with pilot communities to identify key lessons and experiences. Documentation of key lessons and experiences.
Output 3.1 Collaboration among communities in the network is enhanced through capacity building of key personnel and development of a strategic plan. 3.1.1
Organize quarterly workshops for the network committee to exchange information and discuss the situation and progress of the network. 3.1.2 Organize a study tour on organizational development for the network committee and representatives from Pred Nai and pilot communities. 3.1.3 Organize workshops to develop the network strategic plan (landscape level) on livelihoods development, climate change adaptation, etc. Output 3.2 The strategic plan is integrated into sub-district and provincial environmental policies and plans. 3.2.1
Organize workshop with TAOs, GOs, NGOs and academic institutions to identify possible collaborations based on the strategic plan. 3.2.2 Implement co-organized activities based on agreed collaboration mechanisms. Output 4.1 The pilot CbLC network in target communities is enhanced and expanded to neighboring communities in Trat. 4.1.1
Lessons learned in CbLC development are documented with local facilitators.
20
Output 4.2 A local and regional CbLC network is developed to provide a forum for sharing knowledge and lessons learned on the CbLC development process. 4.2.1
Organize a national workshop on learning and experience sharing in coastal and mangrove management for community learning centers and/or networks.
2.5
Strategies to Address Cross-Cutting Issues
The project will address several cross-cutting issues:
Livelihood Security The project is aimed at improving mangrove and coastal resource management practices at a landscape level (covering six sub-districts along the coastline of Trat province). The primary means to achieving this aim are knowledge transfer and adaptation through the aforementioned CbLC approach. ‘Knowledge’ in this project refers to both the existing and new forms of knowledge. Community-based management, as clearly demonstrated in Pred Nai and elsewhere, has proven to have improved the safety net of poor households in the community, both in terms of subsistence livelihoods and increased income. The project aims to enhance the awareness and skills of local communities, particularly on wise resource use and participatory decision-making and management mechanisms. The project’s knowledge transfer process and adaptation processes will guarantee that coastal areas conserved and restored by local communities will expand over time.
Climate Change Mitigation and Adaptation Current RECOFTC research on local forest management and REDD/REDD+ has brought new insights and perspectives to local people in Pred Nai, as well as helped the community identify some mechanisms to mitigate the climate change impacts. As a result, new knowledge and tools identified for developing and testing under this project includes economic valuation of natural resource utilization, carbon accounting, and climate change adaptation measures. Additionally, a landscape-level strategic plan for livelihoods development and an adaptation plan for climate change will be developed during the second year of the project. This strategic plan will enhance the network’s long-term capacity in combating impacts from climate change while encouraging continuous support from external and/or funding organizations that would align with the local situation and real needs.
Local Forest Governance The project will address governance and decision making at the village, sub-district and network levels. Local government administrative organizations will be involved right from project inception, playing key roles in the Project Advisory Group, and have also pledged to provide funding and in-kind support to the project.
21
The project mechanism will also enhance collaboration among the six TAOs. In particular, experiences and lessons learned from Huang Namkhao TAO (the TAO who collaborated in previous RECOFTC activities aimed at strengthening TAO mechanisms in CBNRM) will be shared throughout this formal process. Additionally, TAO members and personnel are one of the key target groups of the project, and representatives from the six TAOs will be trained to increase their understanding of community-based coastal resource management processes and the roles of local administrative organizations to support and strengthen those processes over the long term under existing decentralization laws. Finally, the project will not only address formal governance systems but also governance issues at local and network levels. The project’s participatory process will enhance the skills and knowledge base of local leaders and resource users (men, women and youths) to ensure the effective participation of these key groups in decision-making processes.
Gender and Youth Gender and youth issues in local coastal resource management will be considered in all of project components. Consultations undertaken with the local community during project development identified a number of needs and issues particularly important to local women, such as the roles of women of in CFM fund management and the harvesting and processing of mangrove products. Further knowledge gaps and lessons learned that are of salience for disadvantaged stakeholders will be identified and addressed during the process of developing new knowledge and tools. Women and youth will also be strongly encouraged to participate in local facilitator training courses under the project. At the network level, all committees established for network administration or implementation would ensure the fair and strong participation of women and youth representatives from each sub-district.
Adaptive Learning and Management The CbLC approach encourages aspects of adaptive learning that continuously build upon the direct experiences of individuals and organizations. CbLC development will build up an adaptive learning culture within the local groups and organizations involved in the project.
2.6
Inputs Required (Physical Resources, Manpower, Financial Summary)
The project requires a total of USD 289,245 of funding support from MFF. (Please see the details in the budget breakdown, attached as an annex).
22
Co-financing The national partners and local stakeholders have agreed in principle to lend cofinancing support to the project if approved. RECOFTC and Kasetsart University’s Center for Applied Economics Research would provide access to vehicles, technical documentation and training materials, and additional project equipment as needed. Community groups and TAOs would provide access to local meeting and training venues, and funding and in-kind support to some activities under the network management plan.
3
Assumptions and Risks
3.1
Commitment of Stakeholders
The project has received the commitment of local stakeholders. The key strategic documents guiding project activities – the network’s mangrove and coastal resources management plan and business plan for the six sub-districts – are in place, having been developed through a series of workshops and an extensive consultation process. Community leaders from all the sub-districts were involved in the management plan development process and serve as members of the network committee. The TAO Chief Executives from each of the six sub-districts sit in the network committee. Some TAOs have also pledged to co-organize workshops or trainings, and are willing to support project activities both in cash or in kind. After the first quarter, the project will review the commitment and capacities of all partners and stakeholders, and revise project roles and responsibilities accordingly.
3.2
Institutional Support
All six TAOs are familiar with the Community-based Coastal Resources Management Network, having been involved in varying degrees in the development of the management plan. All TAOs and related government agencies at the provincial level possess a copy of the network management plan. The UNEP/GEF South China Sea project made the plan available as a brochure in both English and Thai so that it may easily be disseminated to communities and interested people. As mentioned in the previous section, some TAOs have pledged to contribute both cash and in-kind support to project activities directed towards plan implementation. As the proposed center of CbLC development, Pred Nai villagers were consulted prior to the development of this project. They found the CbLC approach aligns well with their strategies in expanding the community’s experiences and lessons learned and in establishing a landscape-level network. The network committee, as a key actor in developing the management plan, has demonstrated strong commitment and will towards implementing the plan through the project. The DMCR central office was the primary implementing agency in the UNEP GEF South China Sea Project, and it plans to use experiences gained from this project to other areas in the country to improve local participation coastal resource management.
23
In the implementation of this project, the local DMCR Mangrove Forest Development Center (#4; Nam Chieo) has collaborated in activities with Pred Nai community and RECOFTC for many years. It also collaborated in the development of the network management plan. It is envisioned that activities undertaken in this project will lead to creating a long-term platform for multi-stakeholder collaborations in the area between project stakeholders.
3.3
Accountability
RECOFTC holds a unique and important place in the world of forestry. It is the only international not-for-profit organization that specializes in capacity building for community forestry and devolved forest management. RECOFTC engages in strategic networks and effective partnerships with governments, nongovernment organizations, civil society, the private sector, local people, and research and educational institutes throughout the Asia–Pacific region and beyond. With over 20 years of international experience and a dynamic approach to capacity building – involving research and analysis, demonstration sites, and training products – RECOFTC delivers innovative solutions for forests and people. RECOFTC operates under a clear mandate guided by its five-year strategic plan (20082013), and the expansion of lessons learned and developing new approaches in CBNRM have been part of its core functions. RECOFTC has since its beginnings worked in Thailand and the country remains one of the organization’s focal countries. It has a 10year relationship with Pred Nai, having worked with the community on a number of projects (please see Section 1.3 ‘Related Projects/Other Relevant Activities’, for a summary of RECOFTC activities in Pred Nai). RECOFTC has implemented many projects of varying sizes in Thailand funded by national and international donors. Many of its recent in-country activities were coordinated through a six-year project funded by DANIDA. All of RECOFTC’s projects are externally audited on an annual basis as part of the organization’s financial administration. The Center for Applied Economics Research at Kasetsart University, the national project partner, has extensive experience in conducting applied economic research. One of its objectives is to provide services on conservation and development of natural resources and environment. The Center has recent experiences at the target site through services provided for the UNEP GEF South China Sea project, concerning research on business planning and financial mechanisms for the project’s targeted communities.
3.4
Climate Change Adaptation Considerations
Through the project implementation, approximately 5,150 ha of mangrove forest will be restored and conserved as a carbon sink. Degraded coastal ecosystem resources such as sea grasses and sand dunes as well as neighboring mangrove areas will be restored and enriched through improved management practices of the communities. These envisioned project outcomes would contribute to building up a ‘green belt’ along the
24
coast that would contribute towards increasing carbon stocks and mitigating the impacts of climate change. The CbLC approach will enhance adaptive learning and management processes and culture within local organizations at the project site. The project would increase community resilience and adaptation for finding the most appropriate means to address evolving ecological problems, including those directly related to climate change. Previous community decision-making processes and initiatives taken to mitigate and adapt to climate change, such as those addressing local coastal erosion problems, will be documented and disseminated. RECOFTC’s Thailand Program is currently starting an action-research project on Reducing Emissions from Deforestation and Forest Degradation (REDD) in Thailand, and Pred Nai will be one of the project sites. The CbLC would have opportunities to link with the REDD project activities. Research results from the REDD project would also contribute to the lessons learned documented at the CbLC, allowing local organizations and leaders in Pred Nai to develop and learn new tools and processes that would directly respond to climate change in local contexts.
3.5
Sustainability and Replicability
The project’s objective is for the CbLC to be a community-run organization. Pred Nai is already recognized as best practices model both nationally and internationally, and there is increasing demand from individuals and organizations to visit and learn from the community’s experiences in community-based coastal resource management. If the CbLC is fully established and functional, these learning processes would be greater enhanced and more effective. Local practices and experiences will be documented, stored and packaged in different formats over the project. This media will serve as a basis for continuous learning beyond the project lifespan, and it would also be easily accessible by the local communities and interested outsiders. RECOFTC’s previous project supported the establishment of a ‘community forest management fund’ (CFM Fund) at Pred Nai. This CFM Fund will contribute to the financial sustainability of the CbLC and other mangrove management activities. Project implementation will also contribute to the enhancement and sustainability of the Community-based Coastal Resources Management Network. The structure and functions of the network’s committee and its member groups will be clearly defined and implemented over project duration.
4
Project Management and Organization
RECOFTC’s Thailand Country Program (TCP) will be the lead partner directing project management, implementation and coordination at the national level, and will be responsible for communicating with the MFF Board. RECOFTC’s TCP personnel have worked for the organization’s previous community forestry projects at Pred Nai and
25
other sites in the eastern region, and have a longstanding relationship with local stakeholders in the community and local government administrations as well as with KU the other national partner for the project. They will support the Project Coordinator in day-to-day project management and coordination at the national level. They would also serve as the primary backstop agents supporting the Project Coordinator and local facilitators in building capacity in CbLC development and in strengthening other aspects of community-based coastal resource management on site. A Project Advisory Group, composed of key persons from national and local partners, will also be established. This group would conduct a review workshop with Project staff and the CbLC Committee every six months to monitor project progress and advise in project implementation. While day-to-day project management and finances will be coordinated by project personnel at the local level and the RECOFTC Thailand Program at the national level, the Project Advisory Group will be the primary mechanism for overall guidance and decision making regarding project implementation. Kasetsart University’s Center for Applied Economics Research is the secondary national partner in the project. It will support project management through the Project Advisory Group. Center personnel would also serve as key resource persons and provide the lead in project activities that involve partners from the academic sector. Project roles and responsibilities will be detailed in signed agreements between RECOFTC and each party at the outset of the project. For local-level project activities and implementation, technical specialists and advisors from the Center would work on a sub-contractual basis. Key persons from the CbLC Committee, community groups, local administrative organizations and the local coastal resource management network will also serve in the Project Advisory Group. They would voice the views of stakeholders from the local level. Project personnel include one Project Coordinator, one Project Officer and one Administrative Officer. They will be the lead actors coordinating project management, implementation, and finances at the local level. Under the guidance of the RECOFTC Thailand Country Program, the Project Coordinator will work under supervision and report to RECOFTC-TCP Coordinator and would direct on-the-ground project activities and manage project finances for local activities. S/he would also support some project activities run by local partners themselves, and would also be the key link coordinating communication between project stakeholders at the local level and national-level partners. The Pred Nai Mangrove Forest Conservation and Development Group (also referred to as PMCG) would be the existing key local partner in CbLC development within Pred Nai. The group would collaborate closely with project staff to establish the CbLC and coordinate the project activities in Pred Nai. They would also keep local organizations informed of the project’s overall progress through working closely with the Project Coordinator and other project staff. Leaders of the PMCG and the community groups would serve as local facilitators in the CbLC operation. Other Pred Nai villagers would provide support to project trainings and workshops, such as running the facilities and providing transport.
26
The six sub-districts’ Community-based Coastal Resources Management Network committee (also referred to as SSNC or network committee) would coordinate project activities directly concerned with the Network’s management plan, and serve in a monitoring role to ensure the overall project direction is consistent with this plan. They would also take part in coordinating some activities within their respective villages or sub-districts. Some members of the network committee would also serve as local facilitators. A CbLC Committee would be established, composed of key local persons to guide and monitor the development of the CbLC at the local level. The Committee would include key representatives from local community groups, TAOs, the Trat provincial government, and the Trat Savings Group. The Committee would hold a quarterly meeting with the Project Coordinator to assess CbLC progress and adjust project work accordingly. The Committee would also working closely with Project Coordinator, the PMCG, and the network committee, to oversee development of the three key aspects of the CbLC: (i) knowledge management, (ii) capacity building, and (iii) network development. Some TAOs have pledged to support project activities that accord with the network management plan both in cash and in kind. TAOs will also be asked to serve as coorganizers in trainings and workshops as well as contribute to these through the provision of budget or facilities.
27
Project Organogram RECOFTC Thailand Program
Project of Strengthening Community-based Coastal Resource Management Network through CbLC
KU Center for Applied Economics
Pred Nai Mangrove Forest Conservation and Development Group
6 sub-districts CbCL Network Committee
Community-based Coastal Resource Management Network
Pred Nai
Huang Namkhao sub-district
TAOs
Project Advisory Group
- KU - RECOFTC - MFF - DMCR - Provincial Governor - PAO - CbLC reps
PAO
DMCR’s Mangrove Forest Management Center 4
Nong Sa-nhow sub-district
Knowledge Management
Nong Samet sub-district
Capacity building
Nam Chieo sub-district
Nong Kansong sub-district
Network Development
Communications Strategy The focal point for project communications between local and national levels will be the Project Coordinator. S/he and project staff will be responsible for coordinating project activities and meetings between project partners and stakeholders, as well as producing and disseminating the outputs from these. Project personnel will also coordinate the production of training materials. They would also be responsible for the production of quarterly progress and monthly financial reports, which will be reviewed by RECOFTC headquarters and the CbLC Committee before distribution to donors and the MFF National Coordinating Body. RECOFTC headquarters will provide guidance and support in the production of progress reports, financial reports, and the publication of training materials. It will also provide support in the project’s external communications. The RECOFTC website would host a project webpage on which to post official project documentation and
28
Aow Yai sub-district
training materials. RECOFTC communications personnel may also collaborate in select project activities, author news stories for the RECOFTC website and monthly enewsletter (Community Forestry E-News), and facilitate networking and communications on project activities with MFF parners and other interested conservation and development organizations, donor agencies, and national and international media.
4.1
Procedures for Implementation
The project will commence implementation following the detailed project work plan. Upon funding approval and disbursement, full-time project personnel will be hired and an office will be set up at the project site in Pred Nai. The initial three-month period would focus on developing an inception report and setting up project infrastructure. Initial meetings will be held with the network committee and other local partners to review partner roles and responsibilities as well as to develop specific work plans. Both the Project Advisory Committee and the CbLC Committee will also be set up at project outset. A meeting involving community leaders and resource users from local communities will be organized in Pred Nai to develop detailed project work plans and to define roles. This meeting would also allow local stakeholders to review and revise the general project plan in response to current needs. At the end of the initial quarter, an inception report will be produced. This report will document knowledge and decisions made from initial meetings that will help guide activities and the budget for the duration of the project. A mini-review undertaken midway through the project will also serve as a mechanism for project reflection and help guide revisions in project activities and implementation.
4.2
Mechanisms for Revision/Adjustment
An inception report, produced at the end of the initial quarter of project implementation, would allow project personnel and stakeholders to reflect on the overall framework and refine project strategy if necessary. The mini-review undertaken midway through the project would also serve the same purpose at a later project stage. Specific revisions of project activities and budgets would also be taken into consideration during meetings between the CbLC Committee and the Project Coordinator and during Project Advisory Group meetings with the consultation of key stakeholders and partners.
4.3
Financial Management and Procurement
Management of project finances will be undertaken by the Project Coordinator and Administrative Officer, and would be in accordance with MFF guidelines. Financial reports would be prepared every month, while a summary financial report will be produced every six months. Financial staff at RECOFTC headquarters would play an advisory and support role in financial management as needed.
29
5
Monitoring
5.1
Monitoring System
Project activities would be refined in meetings and workshops held during the inception period. Meetings and workshops undertaken throughout project duration would serve as a means to constantly monitor project progress. The RECOFTC Thailand Program, the Project Advisory Group and the CbLC Committee would play key roles at national and local levels in reviewing progress and giving feedback on project implementation. The Project Coordinator would be responsible for coordinating project monitoring and evaluation, and for communicating project progress through regular monitoring and financial reports. Specific mechanisms to monitor project progress through indicators and outputs are detailed as follows in the Logical Framework Analysis (Annex I). Socio-economic and resource assessments of the area were conducted during RECOFTC’s previous project and the UNEP GEF South China Sea project through participatory processes with community members such as community leaders, resource users and youths. The results of these studies were communicated widely and used in the decision-making processes for management plan development at the village level (Pred Nai village and Aow Krood village) and at the network level. The project will review and use the results of these previous studies as initial references for the monitoring of ecological impacts. The techniques and lessons learned of participatory resource monitoring at Pred Nai will be an existing knowledge source documented and packaged as a topic of training in the CbLC. There is great potential for active participation from local actors and beneficiaries in monitoring and assessing project outputs and impacts. All training processes will be decided using adult learning concepts. The processes will then be evaluated at the end of the training and impacts will be monitored through follow-up activities.
5.2
Indicators and Means of Verification
Please see the Logical Framework Analysis in Annex I.
5.3
Reporting System
The Project staff, under supervision of the Project Coordinator, will be responsible for reporting project progress to direct project stakeholders at the both the national and local levels. RECOFTC headquarters will be responsible for reporting project progress to the donors and the MFF National Coordinating Body. All project reports and documents will be posted on a project webpage hosted on the RECOFTC website to ensure transparency and ease of communication. An inception report will be produced at the end of the first quarter, and will serve as a strategy document to guide activities for the duration of the project. A financial report will be submitted to RECOFTC headquarters on a monthly basis. The minutes from the quarterly meetings between the CbLC Committee and the Project Coordinator and the
30
six-monthly Project Advisory Group meetings would also be documented and disseminated in timely fashion. Quarterly progress reports will be produced every three months, and a six-monthly financial summary will be produced twice a year. A mini-review will be undertaken midway through the project, and a project completion report will be submitted to project donors and the MFF National Coordinating Body within three months of project close.
31
ANNEXES Annex 1
Logical Framework Analysis
Annex 2
Project Budget Plan
Annex 3
Project Work Plan
Annex 4
Project Work Plan Year 1
Annex 5
Project Site Description
Annex 6
Background of Implementing Organizations
Annex 7
Terms of Reference for Project Personnel
Annex 8
CVs of RECOFTC Thai Program Staff
32
ANNEX 1: Logical Framework Analysis Development Objective: To empower existing community-based coastal resource management networks, in terms of knowledge transmission and improved management practices, to ensure the sustainable management of coastal ecosystem and the livelihoods of local communities in the coastal areas are protected and improved. Immediate Objectives: 1. Establish a community-based coastal resource management learning center at Pred Nai as an effective best practice model in sustainable coastal resource management and to respond to climate change. 2. Scale up pilot communities in the six target sub-districts to become community-based learning centers through increasing the knowledge management capacities, skills and practices of community leaders, resource users, TAO members, and youths. 3. Enhance effective collaboration among communities, local administrative organizations, GOs, NGOs and academic institutions working on sustainable coastal resource management in Trat province. 4. Develop a network of community-based learning centers by sharing development experiences from the project with other existing best practice models and networks in the country.
NARRATIVE
Outcome 1: An effective community-based coastal resource management learning center is established in Pred Nai, and operational as a best practice model for the existing six sub-district network.
INDICATOR / TARGET
MEANS OF VERIFICATION
ASSUMPTIONS
- A list of trainings and workshops led by local facilitators at network and village levels during the two years of project implementation. - Approximately 50% of trained local facilitators are able to facilitate community-based coastal resource management meetings/workshops at the village level by the end of project implementation. - Pred Nai CbLC committee established and institutionalized in the 2nd year
- Training and workshop reports - Interview of the trainees
- Pred Nai remains a model for best practices in sustainable coastal resource management. - Network still exists. - Local leaders and organizations in Pred Nai and other communities are willing to share their knowledge and experiences.
33
NARRATIVE
INDICATOR / TARGET
Output 1.1 Existing knowledge, experiences, and lessons learned on sustainable mangrove and coastal resources management are identified and documented.
- At least five existing topics of knowledge and lessons learned in sustainable coastal resource management are documented in two years. - Two types of media are developed for knowledge dissemination.
1.1.1 Design a process to capture existing experiences and lessons learned in sustainable coastal resource management, and enlist resource persons, through workshop. 1.1.2 Document community profile, and identify knowledge and lessons learned.
A list of identified lessons learned/knowledge and a list of resource persons in sustainable coastal resource management are produced in the first year of project implementation. - Pred Nai community profile was produced in the first year. - At least five existing topics of knowledge and lessons learned are documented during the first year of project implementation. - Two types of media are developed for knowledge dissemination.
1.1.3 Produce and disseminate documented knowledge in different forms of locally friendly media e.g. posters, manuals, booklets, and website. Output 1.2 The capacity of community organizations is increased through action research that will further develop new learning and knowledge to enhance the process of sustainable coastal resource management (economic value and livelihoods development, climate change adaptation strategies, etc).
- New knowledge/tools tested and documented through action research in Pred Nai. - Produce economic valuation of coastal production survey report and income development management plan. - Pred Nai ecosystem model scenario for climate change adaptation strategies completed and implemented
34
MEANS OF VERIFICATION
- Publications of knowledge and lessons learned - Media that stores documented knowledge and lessons learned Meeting report
- Publications of knowledge and lessons learned.
- Media that contains the knowledge and lessons learned. Printed guidelines/manuals
ASSUMPTIONS
NARRATIVE
1.2.1 Meetings with communities to develop action-research work plan. 1.2.2 Implement action-research activities to learn and test new tools and develop new knowledge. 1.2.2.1 Action research on economic valuation of coastal production and alternative income generation development activities. 1.2.2.2 Action research on climate change impacts, ecosystems modeling for adaptation, and carbon accounting in Pred Nai mangrove and coastal areas 1.2.3 Produce and disseminate manuals/guidelines containing new knowledge. Output 1.3 Training and knowledge transformation components are developed and functioning (trained local facilitators, training curriculums and materials). 1.3.1 Develop guidelines for local facilitators and organize training of trainers (ToT) course. 1.3.2 Develop training packages for different target groups e.g. resource users, youths, etc.
INDICATOR / TARGET
MEANS OF VERIFICATION
- Work plan on learning and testing new tools identified by the second quarter of project implementation. - New tools tested and new knowledge documented. - Report of action research on a coastal production economic value shared and used for income development plan - Report of climate change impacts and alternative climate change adaptation strategy shared and used for climate change adaptation activity plan
Work plan and meeting report
- Two guidelines/manuals containing new knowledge are produced and disseminated.
Printed guidelines/manuals
- At least 30 local leaders from a variety of local groups are trained to be local facilitators. - Approximately 15–20 local facilitators are able to transform knowledge and facilitate the community meetings and trainings. - Two ToT courses organized. - List of identified local facilitators systematized - Four curriculums and materials are developed for a variety of target groups during the two years of project implementation. - At least two training packages for local facilitators are produced and disseminated during the two years of project implementation.
- Training report - Trainee interviews
35
Action research reports
- ToT training reports - Database Draft curriculum and materials Printed training packages
ASSUMPTIONS
NARRATIVE
INDICATOR / TARGET
Output 1.4 The Pred Nai Mangrove Management Fund (MMF) committee is active in fund mobilization and management to support activities within the mangrove coastal management plan and CbLC plan.
- Pred Nai MMF is increased and effectively managed by the responsible committee (financial records, reports,etc). - 2–3 activities were managed and supported by MMF - MMF has fundraising strategy and plan for financial sustainably - - MMF has fundraising strategy and plan for financial sustainably - Study trip and experience sharing with other experienced communities was organized - Pred Nai MMF was increased and effective management - Documents, materials, and training tools would be kept and saved
- Quarterly CbLC committee and MMF committee meeting reports
- Pilot communities develop their management plan during the first year of project implementation. - Two action research are implemented in the pilot communities.
- Published management plan - Action research reports and guidelines.
- Community Profile and management plan for each pilot community developed.
Published community profiles and management plans. Community profiles
1.4.1 Design Pred Nai MMF fundraising strategy and internal fund contribution management. 1.4.2 Enhance Pred Nai MMF committee through capacity building and learning, and quarterly monitoring meetings. 1.4.3 Renovate Pred Nai CbLC office and facilities (Computer, LCD, etc). Outcome 2 The capacity and practices of selected pilot communities in sustainable coastal resource management is enhanced and scaled up as community-based learning centers through the improved knowledge management and skills of key personnel. Output 2.1 Existing experiences, knowledge and management practices are reviewed and improved through management planning. 2.1.1 Compile information and document community profiles of pilot communities.
Six community profiles documented and published
36
MEANS OF VERIFICATION
ASSUMPTIONS
- Network still exists and is functional. - Communities are willing to improve management practices.
NARRATIVE
2.1.2 Organize trainings, led by trained local facilitators, in participatory coastal resource management planning and related issues for community leaders, resource users, youths, and TAO members in pilot communities. 2.1.3 Facilitate processes in pilot communities to develop management plans. 2.1.4 Establish an initiative fund for sustainable livelihoods and coastal resource management in each pilot community to implement management plans.
Output 2.2 New knowledge and tools developed through action research (economic value and livelihoods development, climate change adaptation strategies, etc). 2.2.1 Initiate action research activities to learn and test new tools and develop new knowledge.
2.2.2 Produce and disseminate manuals/guidelines containing new knowledge. Output 2.3 Key lessons and experiences are selected and packaged as training curriculums and materials.
INDICATOR / TARGET
MEANS OF VERIFICATION
Two trainings are organized and at least 10 participants from each pilot community attend the trainings.
Training reports
Management plans developed in all pilot communities. - Six initiative funds are established and revolved in each pilot community during the two years of project implementation. - Fund management committee established as management mechanism and continues fund management. Two action research implemented in at least three pilot communities.
Published management plans Meeting report and financial reports
- Work plan on learning and testing new tools identified by the second quarter of project implementation. - New tools tested and new knowledge documented. - Two guidelines/manuals of new knowledge are produced and disseminated.
Work plan and meeting report Action research reports
- At least one key lesson and experience in coastal resource management is documented in each pilot community and used to develop training curriculum and training materials.
37
Action research report and guidelines
Printed guidelines/manuals
ASSUMPTIONS
NARRATIVE
INDICATOR / TARGET
MEANS OF VERIFICATION
2.3.1 Meetings with pilot communities to identify key lessons and experiences.
A list of key lessons and experiences in each pilot community.
Meeting reports
2.3.2 Documentation of key lessons and experiences.
-At least one key lesson and experience documented in each pilot community. - Key lessons and experiences are used to develop training materials. - Collaborative coastal and mangrove management plan is integrated to provincial strategic plan - Collaborative coastal and mangrove management working group supports CbLC networks.
Published documents and training materials
- Local collaborative group is initiated and regular meetings continued
Meeting reports
-Network committee meeting is organized every three months with representatives from all six subdistricts, with venues are rotated to different subdistricts. - Study tour organized once a year.
Meeting reports
-Strategic plan developed in the second year of project implementation and covers two key plans: 1) sustainable livelihood development and 2) climate change adaptation
Published strategic plan
Outcome 3 The collaboration of communities and organizations in sustainable coastal resource management is increased through a strengthened network. Output 3.1 Collaboration among communities in the network is enhanced through capacity building of key personnel and development of a strategic plan. 3.1.1 Organize quarterly workshops for the network committee to exchange information and discuss the situation and progress of the network. 3.1.2 Organize a study tour on organizational development for the network committee and representatives from Pred Nai and pilot communities. 3.1.3 Organize workshops to develop the network strategic plan (landscape level) on livelihoods development, climate change adaptation, etc.
38
ASSUMPTIONS
- A good level of collaboration exists between the communities and other organizations e.g. TAOs, GOs, NGOs.
Study tour reports
NARRATIVE
INDICATOR / TARGET
MEANS OF VERIFICATION
Output 3.2 The strategic plan is integrated into sub-district and provincial environmental policies and plans. 3.2.1 Organize workshop with TAOs, GOs, NGOs and academic institutions to identify possible collaborations based on the strategic plan. 3.2.2 Implement co-organized activities based on agreed collaboration mechanisms.
- Landscape ecosystem management plan is integrated with provincial strategic plan - List of possible collaborations of each organization to implement the plan. - Draft agreements regarding sustainable coastal resource management are developed. - One third of the activities in the strategic plan are supported by GOs or TAOs through their budgets.
Workshop report
Outcome 4 The CbLC approach is expanded and a local and regional CbLC network is established.
- A national workshop for learning and sharing among community learning centers and/or networks is organized in the second year. - Some community-based learning centers and/or networks are able to apply the lessons learned and knowledge from Pred Nai CbLC in their activities.
- Workshop report - Monitoring reports
Output 4.1 The pilot CbLC network in target communities is enhanced and expanded to neighboring communities in Trat. 4.1.1 Lessons learned in CbLC development is documented with local facilitators.
- Key pilot CbLC communities share and rotate their meetings among the networks. - Numbers of network members are increased. -Documented lessons learned.
List of participants and networks
Output 4.2 A local and regional CbLC network is developed to provide a forum for sharing knowledge and lessons learned on the CbLC development process.
- List of CbLCs in region is documented - At least one regional CBLC network meeting is held in the first year
39
ASSUMPTIONS
Project report
Documented lessons learned - List of CbLCs - Meeting reports
- Pred Nai remains a model for best practices in sustainable coastal resource management. - Local leaders and local organizations in Pred Nai and other communities are willing to share their knowledge and experiences.
NARRATIVE
4.2.1 Organize a national workshop on learning and experience sharing in coastal and mangrove management for community learning centers and/or networks.
INDICATOR / TARGET
- At least four community learning centers and/or networks from the Gulf of Thailand coastline and the southern coast visit Pred Nai and establish links among themselves.
40
MEANS OF VERIFICATION
- Study tour report and monitoring report
ASSUMPTIONS
ANNEX 2: Project Budget Plan Budget/year (USD) Project/output-based Description
Cost/Unit Year 1
Year 2
Total request from MFF
Co-financing from RECOFTC and partners
Output 1.1 Existing knowledge, experiences, and lessons learned on sustainable mangrove and coastal resources management are identified and documented. 1.1.1 Design a process to capture existing experiences and lessons learned in sustainable coastal resource management, and enlist resource persons, through workshop 1.1.2 Document community profile, and identify knowledge and lessons learned.
1.1.3 Produce and disseminate documented knowledge in different forms of locally friendly media e.g. posters, manuals, booklets, and website.
Output 1.2 The capacity of community organizations is increased through action research that will further develop new learning and knowledge to enhance the process of sustainable coastal resource management (economic value and livelihoods development, climate change adaptation strategies, etc). 1.2.1 Meetings with communities to develop action-research work plan. 1.2.2 Implement action research activities to learn and test new tools and develop new knowledge. 1.2.2.1 Action research on economic valuation of coastal production and alternative income generation development activities. 1.2.2.2 Action research on climate change impacts, ecosystems modeling for adaptation, and carbon accounting in Pred Nai mangrove and coastal areas 1.2.3 Produce and disseminate manuals/guidelines containing new knowledge.
500 x 1 meeting
500
500
800 for Com. profile 600 for lessons learned 1,200 x 3 booklets, 800 for posters and other media
1,400
1,400
500 for document
4,400
1,000 document
500 x 1
500
5,000/3 action research activities
10,000
5,000
15,000
5,000 coresearch (in kind and material)
1,500 x 3 topics
1,500
3,000
4,500
2,000 applied tools
41
2,900
1,500
500
Budget/year (USD) Project/output-based Description
Cost/Unit Year 2
Year 1
Output 1.3 Training and knowledge transformation components are developed and functioning (trained local facilitators, training curriculums and materials). 1.3.1 Develop guidelines for local facilitators and organize training of trainers (ToT) course.
Total request from MFF
Co-financing from RECOFTC and partners
1,400 x2 training
1,000
1,800
2,800
1,500 (guideline)
1.3.2 Develop training packages for different target groups e.g. resource users, youths, etc. Output 1.4 The Pred Nai Mangrove Management Fund (MMF) committee is active in fund mobilization and management to support activities within the mangrove coastal management plan and CbLC plan. 1.4.1 Design Pred Nai MMF fundraising strategy and internal fund contribution management.
1,500 x 2 Training
2,000
1,000
3,000
Second source data
600 x1
600
-
600
1.4.2 Enhance Pred Nai MMF committee through capacity building and learning, and quarterly monitoring meetings. 1.4.3 Renovate Pred Nai CbLC office and facilities (computer, LCD,etc). Output 2.1 Existing experiences, knowledge and management practices are reviewed and improved through management planning. 2.1.1 Compile information and document community profiles of pilot communities.
400 x 8
1,600
1,600
3,200
3,000
3,000
1,000 (New project proposal development) 1,000 (RECOFTC facilitator) 1,000 (in kind)
1,300 x 6 com file& Document 1,000 x 3 com(in&ou t community training 1,000 x 6
3,900
3,900
7,800
1,000
2,000
3,000
3,000 ( part of trainer fee)
3,000
3,000
6,000
3,000 (part of trainer fee)
1,500 x 6
4,500
4,500
9,000
5,000 x 6 com.
15,000
15,000
30,000
2.1.2 Organize trainings, led by trained local facilitators, in participatory coastal resource management planning and related issues for community leaders, resource users, youths, and TAO members in pilot communities. 2.1.3 Facilitate processes in pilot communities to develop management plans. 2.1.4 Establish an initiative fund for sustainable livelihoods and coastal resource management in each pilot community to implement management plans. Output 2.2 New knowledge and tools developed through action research (economic value and livelihoods development, climate change adaptation strategies, etc). 2.2.1 Initiate action research activities to learn and test new tools and develop new knowledge.
42
3,000
10,000 (Coresearchers)
Budget/year (USD) Project/output-based Description
Cost/Unit Year 1
2.2.2 Produce and disseminate manuals/guidelines containing new knowledge. Output 2.3 Key lessons and experiences are selected and packaged as training curriculums and materials. 2.3.1 Meetings with pilot communities to identify key lessons and experiences. 2.3.2 Documentation of key lessons and experiences. Output 3.1 Collaboration among communities in the network is enhanced through capacity building of key personnel and development of a strategic plan. 3.1.1 Organize quarterly workshops for the network committee to exchange information and discuss the situation and progress of the network. 3.1.2 Organize a study tour on organizational development for the network committee and representatives from Pred Nai and pilot communities. 3.1.3 Organize workshops to develop the network strategic plan (landscape level) on livelihoods development, climate change adaptation, etc. Output 3.2 The strategic plan is integrated into sub-district and provincial environmental policies and plans. 3.2.1 Organize workshop with TAOs, GOs, NGOs and academic institutions to identify possible collaborations based on the strategic plan. 3.2.2 Implement co-organized activities based on agreed collaboration mechanisms.
Output 4.1 The pilot CbLC network in target communities is enhanced and expanded to neighboring communities in Trat. 4.1.1 Lessons learned in CbLC development is documented with local facilitators.
Year 2
Total request from MFF
1,000 x 6 com.
2,000
4,000
6,000
500 x 6
1,500
1,500
3,000
1,000 x 6
3,000
3,000
6,000
Co-financing from RECOFTC and partners
1,000 (initiative discussion and meeting) 600 x 8
2,400
2,400
4,800
2,000 x 3
2,000
4,000
6,000
800 x 4 meeting
1,600
1,600
3,200
1,000 x2
1,000
1,000
2,000
8,000
3,000
5,000
8,000
4,000
4,000
4,000
Output 4.2 A local and regional CbLC network is developed to provide a forum for sharing knowledge and lessons learned on the CbLC development process.
43
2,000 (Training manual and material)
Budget/year (USD) Project/output-based Description
Cost/Unit Year 1
4.2.1 Organize a national workshop on learning and experience sharing in coastal and mangrove management for community learning centers and/or networks. 5. Communications (publication, website, media, camera, etc) 6. Project monitoring and evaluation (project visiting, meeting and guiding for effective project implementation by RECOFTC) 7. Project office and facilities (office, 2 sets of computers and other items)
Co-financing from RECOFTC and partners
1,600
4,000
5,600
3,000 (national seminar)
1,500
1,500
3,000
RECOFC website
6,000
6,000
12,000
5,500
3,000
8,500
12,000
12,000
24,000
Sub-total 1
95,500
95,300
190,800
9. Staff Costs (1 coordinator, 1 staff and 1 administration support) Sub-total 2
35,100
37,050
72,150
130,600
132,350
262,950
Overhead 10%
13,060
13,235
26,295
Grant total
143,660
145,585
289,245
8. Coordination, transportation, gasoline and project operation
800 x 2 and 4,000(Nati onal seminar) 1,000 (camera) 500 x 24
Year 2
Total request from MFF
250 x 24 months 2,500 (computer and other items) 1,000 x 24 months
44
1,000 /in the first state of collaboration 36,000 (in kind/ research/ manpower, facilities)
36,000
ANNEX 3: Project Work Plan Year 1 NARRATIVE
INDICATOR / TARGET
Q1
- A list of trainings and workshops led by local facilitators at network and village levels during the two years of project implementation. - Approximately 50% of trained local facilitators are able to facilitate communitybased coastal resource management meetings/workshops at the village level by the end of project implementation. - Pred Nai CbLC committee established and institutionalized in the 2nd year Output 1.1 Existing knowledge, - At least five existing topics of knowledge experiences, and lessons learned on and lessons learned in sustainable coastal sustainable mangrove and coastal resource management are documented in resources management are identified two years. and documented. - Two types of media are developed for knowledge dissemination. 1.1.1 Design a process to capture A list of identified lessons existing experiences and lessons learned/knowledge and a list of resource learned in sustainable coastal persons in sustainable coastal resource resource management, and enlist management are produced in the first year resource persons, through workshop. of project implementation. 1.1.2 Document community profile, - Pred Nai community profile was produced and identify knowledge and lessons in the first year. learned. - At least five existing topics of knowledge and lessons learned are documented during the first year of project implementation.
Q2
Q3
Year 2
Q4
Q1
Q2
Q3
Q4
Estimated Budget (USD)
People Involved
Outcome 1: An effective community-based coastal resource management learning center is established in Pred Nai, and operational as a best practice model for the existing six sub-district network.
45
500
PMCG RECOFTC
1,400
PMCG RECOFTC Out source
Year 1 NARRATIVE
1.1.3 Produce and disseminate documented knowledge in different forms of locally friendly media e.g. posters, manuals, booklets, and website. Output 1.2 The capacity of community organizations is increased through action research that will further develop new learning and knowledge to enhance the process of sustainable coastal resource management (economic value and livelihoods development, climate change adaptation strategies, etc). 1.2.1 Meetings with communities to develop action-research work plan. 1.2.2 Implement action-research activities to learn and test new tools and develop new knowledge. 1.2.2.1 Action research on economic valuation of coastal production and alternative income generation development activities. 1.2.2.2 Action research on climate change impacts, ecosystems modeling for adaptation, and carbon accounting in Pred Nai mangrove and coastal areas
INDICATOR / TARGET
Q1
- Two types of media are developed for knowledge dissemination.
Q2
Q3
Year 2
Q4
Q1
Q2
Q3
Q4
Estimated Budget (USD)
4,400
People Involved
PMCG RECOFTC Out source
- New knowledge/tools tested and documented through action research in Pred Nai. - Produce economic valuation of coastal production survey report and income development management plan. - Pred Nai ecosystem model scenario for climate change adaptation strategies completed and implemented - Work plan on learning and testing new tools identified by the second quarter of project implementation. - New tools tested and new knowledge documented. - Report of action research on a coastal production economic value shared and used for income development plan - Report of climate change impacts and alternative climate change adaptation strategy shared and used for climate change adaptation activity plan
46
500
PMCG RECOFTC
15,000
PMCG RECOFTC
CAER MFDC TFF
Year 1 NARRATIVE
1.2.3 Produce and disseminate manuals/guidelines containing new knowledge. Output 1.3 Training and knowledge transformation components are developed and functioning (trained local facilitators, training curriculums and materials).
INDICATOR / TARGET
Q1
- Two guidelines/manuals containing new knowledge are produced and disseminated.
- At least 30 local leaders from a variety of local groups are trained to be local facilitators. - Approximately 15–20 local facilitators are able to transform knowledge and facilitate the community meetings and trainings. 1.3.1 Develop guidelines for local - Two ToT courses organized. facilitators and organize training of - List of identified local facilitators trainers (ToT) course. systematized 1.3.2 Develop training packages for - Four curriculums and materials are different target groups e.g. resource developed for a variety of target groups users, youths, etc. during the two years of project implementation. - At least two training packages for local facilitators are produced and disseminated during the two years of project implementation. Output 1.4 The Pred Nai Mangrove - Pred Nai MMF is increased and effectively managed by the responsible Management Fund (MMF) committee (financial records, reports,etc). committee is active in fund - 2–3 activities were managed and mobilization and management to supported by MMF support activities within the - MMF has fundraising strategy and plan for mangrove coastal management plan financial sustainably and CbLC plan. 1.4.1 Design Pred Nai MMF - - MMF has fundraising strategy and plan fundraising strategy and internal fund for financial sustainably contribution management.
47
Q2
Q3
Year 2
Q4
Q1
Q2
Q3
Q4
Estimated Budget (USD)
4,500
2,800
People Involved RECOFTC
PMCG RECOFTC
3,000
PMCG RECOFTC TFF
600
RECOFTC TFF
Year 1 NARRATIVE
INDICATOR / TARGET
Q1
- Study trip and experience sharing with other experienced communities was organized - Pred Nai MMF was increased and effective management 1.4.3 Renovate Pred Nai CbLC - Documents, materials, and training tools office and facilities (Computer, LCD, would be kept and saved etc). - Pilot communities develop their Outcome 2 The capacity and management plan during the first year of practices of selected pilot project implementation. communities in sustainable coastal - Two action research are implemented in resource management is enhanced the pilot communities. and scaled up as community-based learning centers through the improved knowledge management and skills of key personnel. - Community Profile and management plan Output 2.1 Existing experiences, for each pilot community developed. knowledge and management practices are reviewed and improved through management planning. 2.1.1 Compile information and Six community profiles documented and document community profiles of published pilot communities. Two trainings are organized and at least 10 2.1.2 Organize trainings, led by participants from each pilot community trained local facilitators, in attend the trainings. participatory coastal resource management planning and related issues for community leaders, resource users, youths, and TAO members in pilot communities. 1.4.2 Enhance Pred Nai MMF committee through capacity building and learning, and quarterly monitoring meetings.
48
Q2
Q3
Year 2
Q4
Q1
Q2
Q3
Q4
Estimated Budget (USD)
3,200
3,000
People Involved RECOFTC TFF
PMCG RECOFTC
7,800
3,000
SSEC RECOFTC TAOs SSEC RECOFTC TAOs
Year 1 NARRATIVE
2.1.3 Facilitate processes in pilot communities to develop management plans. 2.1.4 Establish an initiative fund for sustainable livelihoods and coastal resource management in each pilot community to implement management plans. Output 2.2 New knowledge and tools developed through action research (economic value and livelihoods development, climate change adaptation strategies, etc). 2.2.1 Initiate action research activities to learn and test new tools and develop new knowledge.
2.2.2 Produce and disseminate manuals/guidelines containing new knowledge. Output 2.3 Key lessons and experiences are selected and packaged as training curriculums and materials. 2.3.1 Meetings with pilot communities to identify key lessons and experiences.
INDICATOR / TARGET
Q1
Q2
Q3
Year 2
Q4
Q1
Q2
Q3
Q4
Estimated Budget (USD)
People Involved
Management plans developed in all pilot communities.
6,000
- Six initiative funds are established and revolved in each pilot community during the two years of project implementation. - Fund management committee established as management mechanism and continues fund management. Two action research implemented in at least three pilot communities.
9,000
- Work plan on learning and testing new tools identified by the second quarter of project implementation. - New tools tested and new knowledge documented. - Two guidelines/manuals of new knowledge are produced and disseminated.
30,000
SSEC RECOFTC CAER Out source
6,000
RECOFTC
3,000
SSEC RECOFTC TFF
- At least one key lesson and experience in coastal resource management is documented in each pilot community and used to develop training curriculum and training materials. A list of key lessons and experiences in each pilot community.
49
RECOFTC SSEC TFF SSEC RECOFTC
Year 1 NARRATIVE
2.3.2 Documentation of key lessons and experiences.
Outcome 3 The collaboration of communities and organizations in sustainable coastal resource management is increased through a strengthened network. Output 3.1 Collaboration among communities in the network is enhanced through capacity building of key personnel and development of a strategic plan. 3.1.1 Organize quarterly workshops for the network committee to exchange information and discuss the situation and progress of the network. 3.1.2 Organize a study tour on organizational development for the network committee and representatives from Pred Nai and pilot communities. 3.1.3 Organize workshops to develop the network strategic plan (landscape level) on livelihoods development, climate change adaptation, etc.
INDICATOR / TARGET
Q1
Q2
Q3
Year 2
Q4
Q1
Q2
Q3
Q4
Estimated Budget (USD)
People Involved
-At least one key lesson and experience documented in each pilot community. - Key lessons and experiences are used to develop training materials. - Collaborative coastal and mangrove management plan is integrated to provincial strategic plan - Collaborative coastal and mangrove management working group supports CbLC networks. - Local collaborative group is initiated and regular meetings continued
6,000
SSEC RECOFTC TFF
-Network committee meeting is organized every three months with representatives from all six sub-districts, with venues are rotated to different sub-districts.
4,800
SSEC RECOFTC
- Study tour organized once a year.
6,000
SSEC RECOFTC TFF
-Strategic plan developed in the second year of project implementation and covers two key plans: 1) sustainable livelihood development and 2) climate change adaptation
3,200
SSEC RECOFTC Out source
50
Year 1 NARRATIVE
INDICATOR / TARGET
Output 3.2 The strategic plan is integrated into sub-district and provincial environmental policies and plans. 3.2.1 Organize workshop with TAOs, GOs, NGOs and academic institutions to identify possible collaborations based on the strategic plan. 3.2.2 Implement co-organized activities based on agreed collaboration mechanisms.
- Landscape ecosystem management plan is integrated with provincial strategic plan
Outcome 4 The CbLC approach is expanded and a local and regional CbLC network is established.
- A national workshop for learning and sharing among community learning centers and/or networks is organized in the second year. - Some community-based learning centers and/or networks are able to apply the lessons learned and knowledge from Pred Nai CbLC in their activities. - Key pilot CbLC communities share and rotate their meetings among the networks. - Numbers of network members are increased. -Documented lessons learned.
Output 4.1 The pilot CbLC network in target communities is enhanced and expanded to neighboring communities in Trat. 4.1.1 Lessons learned in CbLC development is documented with local facilitators.
Q1
- List of possible collaborations of each organization to implement the plan. - Draft agreements regarding sustainable coastal resource management are developed. - One third of the activities in the strategic plan are supported by GOs or TAOs through their budgets.
51
Q2
Q3
Year 2
Q4
Q1
Q2
Q3
Q4
Estimated Budget (USD)
People Involved
2,000
SSEC RECOFTC MFDC TAOs
8,000
SSEC RECOFTC MFDC Working group
4,000
RECOFTC
Year 1 NARRATIVE
Output 4.2 A local and regional CbLC network is developed to provide a forum for sharing knowledge and lessons learned on the CbLC development process. 4.2.1 Organize a national workshop on learning and experience sharing in coastal and mangrove management for community learning centers and/or networks. 5. Communications (publication, website, media and etc) 6.Project monitoring and evaluation (project visits, meetings and guidance for effective project implementation by RECOFTC) 7. Coordination with local partners, Provincial Gov, PAO, TAOs and provincial Gov sectors 8. Project Management
INDICATOR / TARGET
Q1
Q2
Q3
Year 2
Q4
Q1
Q2
Q3
Q4
Estimated Budget (USD)
People Involved
- List of CbLCs in region is documented - At least one regional CBLC network meeting is held in the first year
- At least four community learning centers and/or networks from the Gulf of Thailand coastline and the southern coast visit Pred Nai and establish links among themselves.
5,600
RECOFTC SSEC MFDC
- Knowledge of CbLC experiences are shared with stakeholders and the public - Monitor and re-adjust activities for better implementation and effectiveness in delivery of activities toward project objectives - Effective implementation and collaboration among stakeholders and local partners
3,000
RECOFTC
12,000
RECOFTC and partners
24,000
RECOFTC
RECOFTC
8.1 Inception report approved 8.2 Project office set up
8,500
8.3 Project staff recruitment (3 staffs) - Effectively deliver project objectives
72,150
NOTES: RECOFTC – Regional Community Forestry Training Center for Asia and the Pacific CAER – Center for Applied Economic Research, Faculty of Economics KU PMCG – Pred Nai Mangrove Forest Conservation Group MFDC – Mangrove Forest Development Center (#4; Nam Chieo), DMCR, Trat SSNC – Six Sub-districts Network in Community-based Coastal Resource Management Committee TAOs – Tambon Administrative Organizations from the six sub-districts TFF - Thai Fund Foundation
52
ANNEX 4: Project Action Plan Year 1 (2011) Year 1/month NARRATIVE
INDICATOR / TARGET 1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
Estimated Budget (USD)
People Involved
Outcome 1: An effective community-based coastal resource management learning center is established in Pred Nai, and operational as a best practice model for the existing six sub-district network. Output 1.1 Existing - At least three existing topics knowledge, experiences, and of knowledge and lessons lessons learned on learned in sustainable coastal sustainable mangrove and resource management are coastal resources documented in two years. management are identified - Two types of media are and documented. developed for knowledge dissemination. A list of identified lessons 1.1.1 Design a process to 500 PMCG capture existing experiences learned/knowledge and a list of RECOFTC resource persons in sustainable and lessons learned in coastal resource management sustainable coastal resource are produced in the first year of management, and enlist project implementation. resource persons, through workshop. 1.1.2 Document community - Pred Nai community profile is 1,400 RECOFTC profile, and identify produced in the first year. knowledge and lessons - At least three existing topics learned. of knowledge and lessons learned are documented during the first year of project implementation.
53
Year 1/month NARRATIVE
INDICATOR / TARGET 1
1.1.3 Produce and disseminate documented knowledge in different forms of locally friendly media e.g. posters, manuals, booklets, and website. Output 1.2 The capacity of community organizations is increased through action research that will further develop new learning and knowledge to enhance the process of sustainable coastal resource management (economic value and livelihoods development, climate change adaptation strategies, etc). 1.2.1 Meetings with communities to develop action-research work plan.
2
3
- Two types of media are developed for knowledge dissemination.
4
5
6
7
8
9
10
11
12
Estimated Budget (USD)
People Involved
2,900
RECOFTC
500
RECOFTC
- New knowledge/tools tested and documented through action research in Pred Nai. - Produce economic valuation of coastal production survey report and income development management plan. - Pred Nai ecosystem model scenario for climate change adaptation strategies completed and implemented - Work plan on learning and testing new tools identified by the second quarter of project implementation.
54
Year 1/month NARRATIVE
INDICATOR / TARGET 1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
Estimated Budget (USD)
People Involved
1.2.2 Implement actionresearch activities to learn and test new tools and develop new knowledge. 1.2.2.1 Action research on economic valuation of coastal production and alternative income generation development activities. 1.2.2.2 Action research on climate change impacts, ecosystems modeling for adaptation, and carbon accounting in Pred Nai mangrove and coastal areas 1.2.3 Produce and disseminate manuals/guidelines containing new knowledge.
- New tools tested and new knowledge documented. - Report of action research on a coastal production economic value shared and used for income development plan - Report of climate change impacts and alternative climate change adaptation strategy is shared and used for climate change adaptation activity plan in 2–3 communities
10,000
RECOFTC CAER TFF MFDC
- At least one set of guidelines/manuals containing new knowledge are produced and disseminated.
1,500
RECOFTC TFF
Output 1.3 Training and knowledge transformation components are developed and functioning (trained local facilitators, training curriculums and materials).
- At least 20 local leaders from a variety of local groups are trained to be local facilitators. - Approximately 10 local facilitators are able to transform knowledge and facilitate the community meetings and trainings.
55
Year 1/month NARRATIVE
INDICATOR / TARGET 1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
Estimated Budget (USD)
People Involved
1.3.1 Develop guidelines for local facilitators and organize training of trainers (ToT) course.
- One ToT course organized. - List of identified local facilitators systematized
1,000
1.3.2 Develop training packages for different target groups e.g. resource users, youths, etc.
- Two curriculums and materials are developed for a variety of target groups during the first year of project implementation. - At least one training package for local facilitators are produced and disseminated during the first year of project implementation. - Pred Nai MMF is increased and effectively managed by the responsible committee (financial records, reports,etc). - 2–3 activities are managed and supported by MMF - MMF has fundraising strategy and plan for financial sustainably - MMF has fundraising strategy and plan for financial sustainably
2,000
RECOFTC
600
PMCG
Output 1.4 The Pred Nai Mangrove Management Fund (MMF) committee is active in fund mobilization and management to support activities within the mangrove coastal management plan and CbLC plan. 1.4.1 Design Pred Nai MMF fundraising strategy and internal fund contribution management.
PMCG RECOFTC
CAER MFDC TFF
RECOFTC
56
Year 1/month NARRATIVE
INDICATOR / TARGET 1
1.4.2 Enhance Pred Nai MMF committee through capacity building and learning, and quarterly monitoring meetings. 1.4.3 Renovate Pred Nai CbLC office and facilities (Computer, LCD, etc).
2
3
- Study trip and experience sharing with other experienced communities was organized - Pred Nai MMF was increased and effective management - Documents, materials, and training tools would be kept and saved
4
5
6
7
8
9
10
11
12
Estimated Budget (USD)
1,600
People Involved
PMCG RECOFTC TFF
3,000
Outcome 2 The capacity and practices of selected pilot communities in sustainable coastal resource management is enhanced and scaled up as communitybased learning centers through the improved knowledge management and skills of key personnel. - Community Profile and RECOFTC Output 2.1 Existing TFF experiences, knowledge and management plan for each pilot community developed. management practices are reviewed and improved through management planning. 2.1.1 Compile information Three community profiles 3,900 PMCG and document community documented and published on RECOFTC profiles of pilot the first year communities. 2.1.2 Organize trainings, led One training is organized and at 1,000 least five participants from each by trained local facilitators, RECOFTC pilot community attend the in participatory coastal Out source trainings. resource management planning and related issues for community leaders, resource users, youths, and TAO members in pilot communities.
57
Year 1/month NARRATIVE
INDICATOR / TARGET 1
2.1.3 Facilitate processes in pilot communities to develop management plans. 2.1.4 Establish an initiative fund for sustainable livelihoods and coastal resource management in each pilot community to implement management plans.
Output 2.2 New knowledge and tools developed through action research (economic value and livelihoods development, climate change adaptation strategies, etc). 2.2.1 Initiate action research activities to learn and test new tools and develop new knowledge.
2.2.2 Produce and disseminate manuals/guidelines containing new knowledge.
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
Estimated Budget (USD)
People Involved
Management plans developed in 2–3 pilot communities.
3,000
RECOFTC
- Two initiative funds are established and revolved in each pilot community during the two years of project implementation. - Fund management committee established as management mechanism and continues fund management. Two action research activities implemented in at least three pilot communities.
4,500
SSEC RECOFTC TAOs
- Work plan on learning and testing new tools identified by the second quarter of project implementation. - 1–2 new tools tested and new knowledge documented. - At least one set of guidelines/manuals of new knowledge are produced and disseminated.
15,000
RECOFTC SSEC TFF
2,000
SSEC RECOFTC
SSEC RECOFTC DAER TAOs
58
Year 1/month NARRATIVE
INDICATOR / TARGET 1
Output 2.3 Key lessons and experiences are selected and packaged as training curriculums and materials.
2.3.1 Meetings with pilot communities to identify key lessons and experiences.
2
3
- At least one key lesson and experience in coastal resource management is documented in each pilot community and used to develop training curriculum and training materials. A list of key lessons and experiences in each pilot community.
4
5
6
7
8
9
10
11
12
Estimated Budget (USD)
1,500
2.3.2 Documentation of key lessons and experiences.
People Involved
SSEC RECOFTC CAER MFDC RECOFTC
-At least one key lesson and 3,000 experience documented in each pilot community. Outcome 3 The collaboration of communities and organizations in sustainable coastal resource management is increased through a strengthened network. Output 3.1 Collaboration among communities in the network is enhanced through capacity building of key personnel and development of a strategic plan. 3.1.1 Organize quarterly workshops for the network committee to exchange information and discuss the situation and progress of the network.
- Local collaborative group is initiated and regular meetings continued
-Network committee meeting is organized every three months with representatives from all six sub-districts, with venues are rotated to different sub-districts.
2,400
SSEC
PMCG RECOFTC
59
Year 1/month NARRATIVE
INDICATOR / TARGET 1
2
3
4
5
6
- Study tour organized once a 3.1.2 Organize a study tour year. on organizational development for the network committee and representatives from Pred Nai and pilot communities. 3.1.3 Organize workshops to Research reports used for starting discussion for strategic develop the network plan development during the strategic plan (landscape first year of project level) on livelihoods development, climate change implementation adaptation, etc. Output 3.2 The strategic plan is integrated into subdistrict and provincial environmental policies and plans. - List of possible collaborations 3.2.1 Organize workshop with TAOs, GOs, NGOs and of each organization to implement the plan. academic institutions to - Draft agreements regarding identify possible sustainable coastal resource collaborations based on the management are developed. strategic plan. 3.2.2 Implement co- One third of the activities in organized activities based on the strategic plan are supported agreed collaboration by GOs or TAOs through their mechanisms. budgets. Outcome 4 The CbLC approach is expanded and a local and regional CbLC network is established.
60
7
8
9
10
11
12
Estimated Budget (USD)
2,000
1,600
People Involved
SSEC RECOFTC TFF
PMCG SSEC RECOFTC Working group
1,000
PMCG SSEC RECOFTC TFF
3,000
SSEC RECOFTC Working group
Year 1/month NARRATIVE
INDICATOR / TARGET 1
Output 4.1 The pilot CbLC network in target communities is enhanced and expanded to neighboring communities in Trat. 4.1.1 Lessons learned in CbLC development is documented with local facilitators Output 4.2 A local and regional CbLC network is developed to provide a forum for sharing knowledge and lessons learned on the CbLC development process. 4.2.1 Organize a national workshop on learning and experience sharing in coastal and mangrove management for community learning centers and/or networks. 5. Communications (publication, website, media and etc)
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
Estimated Budget (USD)
- Key pilot CbLC communities share and rotate their meetings among the networks. - Numbers of network members are increased. -Documented lessons learned.
People Involved
Partners RECOFTC
- List of CbLCs in region is documented - At least one regional CBLC network meeting is held in the first year - At least four community learning centers and/or networks from the Gulf of Thailand coastline and the southern coast visit Pred Nai and establish links among themselves. - Knowledge of CbLC experiences are shared with stakeholders and the public
1,600
1,500
61
SSEC MFDC RECOFTC Working group
Year 1/month NARRATIVE
INDICATOR / TARGET 1
6.Project monitoring and evaluation (project visits, meetings and guidance for effective project implementation by RECOFTC) 7. Coordination with local partners, Provincial Gov, PAO, TAOs and provincial Gov sectors 8. Project Management
2
3
- Monitor and re-adjust activities for better implementation and effectiveness in delivery of activities toward project objectives - Effective implementation and collaboration among stakeholders and local partners
5
6
7
8
9
10
11
12
People Involved
6,000
RECOFTC
12,000
RECOFTC
RECOFTC
8.1 Inception report approved 8.2 Project office set up 8.3 Project staff recruitment (3 staffs) 6.1 Project meeting and reports
4
Estimated Budget (USD)
RECOFTC
- Effectively deliver project objectives
62
5,500
RECOFTC
35,100
RECOFTC
ANNEX 5: Project Site Description The project site covers 19 communities from the six sub-districts in Muang and Laem Ngob districts, Trat Province, located along the coastline of the so-called “Rong Chang Bay The area covers two mangrove forest reserve areas, Thatapoa-Nam Chieo Forest Reserve (approximately 3,950ha of mangrove forest) and Pak Klong BangpraKoh Chao-Koh Loy Forest Reserve (approximately 1,200ha of mangrove forest). The following is a list of target communities that have currently joined the ‘Community-based Coastal Resources Management Network’ in the six sub-districts of Trat: 1. Huang Namkhao Sub-district, Muang District : Moo 1 Ban Laem Po, Moo 2 Ban Pred Nai, Moo 3 Ban Klong Lod, Moo 4 Ban Huang Namkhao, Moo 5 Ban Kanna. 2. Nong Sa-nhow Sub-district, Muang District : Moo 3 Ban Phrong Lam Bid 3. Nong Samet Sub-district, Muang District : Moo 2 Ban Thatapao 4. Nam Chieo Sub-district, Leam Ngob District : Moo 3 Ban Nam Chieo 5. Nong Kansong Sub-district, Muang District : Moo 1 Ban Leam Hin, Moo 2 Ban Tha Ra-nea, Moo 3 Ban Nong Kansong Lang, Moo 4 Ban Nong Kansong Bon, Moo 5 Ban Leam Sam Rong Pong Thep 6. Aow Yai Sub-district, Muang District : Moo 1 Ban Aow Yai, Moo 2 Ban Aow Chaoh, Moo 3 Ban Laem Ya, Moo 4 Ban Laem Phro, Moo 5 Ban Aow Kham, Moo 6 Ban Laem Sok.
Pred Nai
63
1. Pred Nai Community Pred Nai village is a coastal community located in Huang Namkhao sub-district, Muang district, Trat province. The population of Pred Nai numbers approximately 591 people, including 169 families. The village area is about 380ha, of which residential area covers 42% and agricultural land 58%. Settlement of the Pred Nai area began in 1850s. The main occupation of the original settlers was rice farming, but villagers also harvested crabs, fish and shellfish. Forest products from the mangrove forest were also used to supplement their livelihood. One of the main forest products was Prong (Ceriops tagal, a tree commonly found in mangrove forests), which was used to make a pole that was used in pepper fields. Currently, the main economic activities have expanded to include harvesting rubber from plantations, growing fruit, cultivating shrimp, and fishing and collecting crabs from the aquatic resources. Many of the poor and landless families are also employed as laborers in Pred Nai. Shrimp aquaculture flourished in the 1980s, and the local economy became quite dependant on it as a source of income. However, the industry collapsed between 1990 and 1996, and falling prices caused a dramatic increase in the debt of local villagers. By this time, the villagers had already noticed that the increased degradation of the mangrove ecosystem and a scarcity of other marine products was primarily due to shrimp farming and mangrove logging for charcoal production. In response to this mangrove destruction and the associated degradation of local fisheries, the Pred Nai Community Forest Group was formed in 1986. Covering a 4800-hectare area, they developed a sustainable system for the management of mangroves and marine resources. They successfully involved diverse actors in the community, including government agents, religious leaders, teachers and community members of all ranks and status.
64
(1) Diagram of Stakeholders related to mangrove management in Ban Pred Nai (Source: Somying Soontornwong, RECOFTC) Thailand Research Fund, Eastern Coordination Center
Trat Saving Group network
Community Organization Development Institute
Thailand Tourism Authority
Pred Nai Mangrove Conservation and Development Group
UNDP/UNEP
Savings group
Community Demonstration Fund
RECOFTC
TAO of Heung Nam Khao, Trat
CF Fund
Agricultural Research Office MOI
Fishery Department
Housewife group Village committee
Royal Forest Department
Youth group Eastern coastal Conservation network in 4 provinces
Mangrove development center 4 (Namchieo) Trat Network of volunteers for NR Conservation and management
(2) Pred Nai relationships from local to international levels (Source: Somying Soontornwong, RECOFTC)
65
2. The Community-based Coastal Resources Management Network for the six sub-districts of Muang and Laem Ngop districts, Trat province The six sub-district community-based coastal resources management network was established in 2008 through local collaboration and a facilitation process under the UNEP GEF South China Sea Project (implemented by DMCR). Diagrams over the next few pages detail the network committee and plan.
66
(3) Management Plan of the Community-based Coastal Resources Management Network Target “Communities in a mangrove area have better livelihood either in economic, social or environmental terms�
Purpose 1. To restore and use the mangrove forest and resources in a sustainable way. 2. To develop the livelihood of the community in both social and economic terms under the idea of sustainable development. 3. To promote strength within the community in sustainable management of mangrove and coastal resources. 4. To develop and manage knowledge that support resource management and sustainable development.
Result 1. A shared agreement and rule of the use of resources in the communities and at Tamboln (sub-district) level. 2. Regulation by Tambon level in mangrove and coastal management. 3. A cooperative mechanism between government authorities and private organizations.
Restoration of forest and coastal resources Plan To restore mollusks prominence. Plantation of mangrove trees. To restore sea fringe. Develop management plan for mangrove forest and coastal regions at community level.
Result 4. An increase in the value of mangrove resource for better livelihood in communities. 5. Restoration of local culture which will bring generosity within communities.
Mechanism development and cooperation in coastal resource management Plan To create a shared rule for 6 Tambons. To have shared agreement. To develop regulation at Tambon level. To organize the joint meeting between demonstration sites and TAOs. To organize the cooperative meeting between government units and another networks
Result 6. Individuals at each of the different levels such as leader, youth and resource user will have the potential in resource and community management in the sustainable way. 7. Continuation of networking and learning between community and Tambon Administrative Organizations (TAO) in 6 Tambons.
Livelihood Plan Product transformation. Promote and develop ecotourism. Restore the kindness ,culture and social welfare in community, such as a saving group, household account
Strong community/ organization Plan Joint meeting between 6 Tambons. Training on interested subject. Study trip. Youth camp and youth network.
Plans/Projects at village, Tambon, Network level
67
Result 8. Use of knowledge based communities in coastal development and management. 9. Distribution of information to the community through local media. information to community and the public.
Local knowledge based management and development Plan Learning center. Local curriculum. Research at local level. Promote local media.
(4) Structure of Network Stakeholder Relationships
Working unit/Working group (Mangrove conversation group, Environmental Development Volunteers; EDV, government unit, TAO): Follow the activity plan of village/Tambon (activity, enforce of the rule/agreement). Request for support. Review and revise plans according to the situation.
Networking committee (director, working group, cooperative unit) which leads to cooperation, follow up of the task/ learning.
-
Consultant team: Government Academy NGO Temple/ religious Administration and authority
Any other supporting units: Central/national networks
Community-based Coastal Resources Management Network (24 members): 1. Chairman: Mr. Amporn Patsart. 2. 6 Directing committees. a. President of TAO Nong Samet or representative. b. President of TAO Nong Sa- nhow or representative. c. President of TAO Huang Namkhao or representative. d. President of TAO Nong Khansong or representative. e. President of TAO Aow Yai or representative. f. President of TAO Nam Chieo or representative. 3. 18 network cooperative members. a. T. Nong Samet: Mr. Prateep Thanomchart/ Mr. Sawee Jaithieng/ Ms. Shaya Artsatit. b. T. Nam Chieo: Mr. Bampen Chauytook/ Mr. Teerasak Sooksri/ Mr. Jarfaiz Thanomwong. c. T. Huang Namkhao: Mr. Amporn Patsart/ Mr. Anan Chauenchobkit/ Mr. Roongano Tienchai. d. T. Nong Kan Song: Mr. Somchai Sornpradit/ Ms. Naunapa Sornpradit/ Mr. Samruey KhanSong. e. T. Nong Sanon: Mr. Vithorn Jantuma/ Mr. Manoon Saeli/ Ms. Napatsorn Baupralhad. f. T. Ao Yai: Capt. Somporn Kaibott/ Mr Wiboonphong Pothikasem/ Mr. Niwet Jann
68
ANNEX 6: Background of Implementing Organizations 1.
Implementing Agency
A. Name of the organization The Regional Community Forestry Training Center for Asia and the Pacific (RECOFTC) B. Address details P.O. Box 1111, Kasetsart University, Pahonyothin Road, Bangkok 10903, THAILAND. C. Telephone, E-mail and Fax Tel: (66-2) 940-5700 Fax: (66-2) 561-4880 E-mail: info@recoftc.org D. Date of Creation and Number of Staff RECOFTC was established in March 1987. It currently employs 31 permanent staff, 17 project-based staff, 2 consultants, and 3 interns. E. Mission and Goals, History, Membership, General Activities, and Successful Experiences, Governance and Organogram RECOFTC holds a unique and important place in the world of forestry. It is the only international not-for-profit organization that specializes in capacity building for community forestry and devolved forest management. It is an autonomous not-for-profit international organization headquartered in Bangkok, Thailand, with in-country projects in Cambodia, Indonesia, and Thailand. The organization is supported with core funding from the Swiss Agency for Development and Cooperation (SDC), the Swedish International Development Cooperation Agency (SIDA), The Royal Thai Government, and the Ministry of Foreign Affairs–Norway. Vision: Local communities in the Asia-Pacific region are actively involved in the equitable and ecologically sustainable management of forest landscapes. Mission: To enhance capacities at all levels to assist people of the Asia-Pacific region in developing community forestry and managing forest resources for optimum social economic, and environmental benefits. History In March 1987, RECOFTC was established in response to the need for a regional institution focused on community forestry training, research, and information exchange. The idea for such a center evolved from discussions at the Jakarta Declaration of the Eighth World Forestry Congress in 1978, and was consolidated during a seminar on forestry extension organized by the Food and
69
Agricultural Organization of the United Nations (FAO) and the Swedish International Development Cooperation Agency (SIDA) in 1982. With support from the Asia-Pacific Regional Office of FAO and funding from the Government of Switzerland (through the Asian Development Bank) and Kasetsart University, RECOFTC was able to take its first steps to operate as a Thai national institute to provide training on community forestry. In 2000, it attained legal international status via endorsement from the Thai Parliament, launching a new phase as an independent organization with a mandate to promote community forestry in the Asia-Pacific region. As outlined in its current strategic plan, RECOFTC’s primary objective is to strengthen the capacities and knowledge of stakeholders and to foster the engagement of local people in forest governance and management in the AsiaPacific region. The organization is guided by a Board of Trustees representing 10 countries in the region. RECOFTC Activities in Thailand RECOFTC is headquartered in Bangkok and has actively promoted community forestry in the country since its establishment in 1987. From 1993 to 2003, the organization coordinated in-country work through its Thailand Outreach Program. In January 2003, the Thailand Collaborative Country Support Program (ThCCSP) was inaugurated with funding from the Danish International Development Agency (DANIDA) to “promote CF practices and policies in Thailand by working closely with local communities and facilitating collaboration among governmental and non-governmental agencies, regional and local networks, community groups, academics, and civil society.” Over its sixyear lifespan, the project built up capacities in good governance and resource mobilization in CBNRM at the level through long-term collaborations with local stakeholders at 6 project sites. The organization also worked to enhance community forestry policies and the legal rights of forest user groups through promoting and strengthening community forestry networks and alliances at the national level. Longstanding in-country partners include Community Forest Assembly of Thailand, the Faculty of Forestry at Kasetsart University, NGO Coordination for Development (NGO-COD), TEI, the Community Forest Management Office of the Royal Forest Department, the Thailand Research Fund, and IUCN-Thailand, among others. F. Describe any relevant projects or activities in the past which will complement the proposed project. For each project, indicate: project title, period of implementation, project leader, budget, donor, contact person within donor agency, and e-mail/fax of this contact person. 1. Thailand Collaborative Country Support Program (ThCCSP) Donor: DANIDA Budget: One million USD Period of implementation: Six years (January 2003 – December 2008) Contact person within donor agency: Voralak Kosakul, Email: vorkos@um.dk
70
G. Contact person and project personnel: Name, professional background, and current function 1. Mr. Rawee Thavorn, Thailand Program Officer / RECOFTC National Program Officer, socio-environmental research & knowledge management 2. Ms. Attjala Roongwong, consultant for the Thailand Program, social forestry & sustainable international development H. Describe the relevant expertise in your organization and partner organization for the proposed project and in project management. RECOFTC has over 20 years of working experience in community forestry in Thailand, and has worked closely with local resource users and managers at Pred Nai, the target site, on a variety of projects for over 10 years. The Center for Applied Economics Research, Kasetsart University, has previously experience worked in Pred Nai, providing technical support for business plan development in the UNEP GEF South China Sea project. The Center’s expertise in economic valuation for natural resources make it a wellsuited partner for the project, matching well with community needs for enhancing coastal resources management process. The Ban Pred Nai Mangrove Forest Conservation and Development Group is the focal community body in coordinating local mangrove management and rehabilitation at the project site. Its has over 10 years of experience working with local stakeholders in CBNRM. The Mangrove and Coastal Resources Management Network committee was established in early 2008 to improve mangrove management links between Pred Nai and other communities adjacent to the Thatapao-Nam Chieo Forest Reserve. It includes 19 communities from the six sub-districts in Muang and Laem Ngob districts, located along the coastline of the so-called ‘Rong Chang Bay.’ It has developed with a three-year Mangrove and Coastal Resources Management Plan, which has the buy-in of key local stakeholders and which the project will help implement through the CbLC. The six TAOs are local government partners that play key coordination roles in the collaborative management of the local mangrove areas. Some TAOs will also support project activities through co-financing, through either in-cash or inkind contributions. Villages in the six sub-districts and some TAO representatives, also attending were representatives of government agencies involved, including the DMCR’s Mangrove Forest Development Center (#4; Nam Chieo) which is the direct government agency responsible to the respective mangrove coastline area, and the Provincial Office for the Ministry of Natural Resources and Environment. The DMCR’s Mangrove Forest Development Center (#4; Nam Chieo) is the direct government agency responsible for the respective mangrove coastline area. It has collaborated in activities with Pred Nai community and RECOFTC
71
for many years, and also collaborated in the development of the network management plan. I. Please indicate here if your organization is actively involved in a network. If so, please specify which network, since when you were a member, and what your role is in the network. o Affiliate of Global Alliance for Community Forestry since 2006 o Member of Thailand Environmental Network since 2005 o Initiator of the Thailand Community Forest Assembly since 2007 o Part of Thailand Climate Change Working Group started 2009 J. Please indicate here any capacity building or training needs deemed relevant or necessary for your organization in the context of this project. o Project Management, monitoring and evaluation o Carbon Stock Accounting in Coastal Areas 2.
National Partner
A.
Name of the organization Center for Applied Economic Research (CAER) Faculty of Economics Kasetsart University
B.
Address details Faculty of Economics, Kasetsart University Phahonyothin Rd. Jatujak, Bangkok Thailand
C. Telephone, Email and Fax Telephone: (66 2) 561 5037, Fax : (66 2) 561 5037 ext. 16 Email : caer@ku.ac.th D. History of CAER: Center for Applied Economics Research (CAER) was initiated under Faculty of Economics and Business Administration in 1974 and has been established from the 6/18th meeting of Kasetsart University Council on July 11th, 1975 under the named of "Center for Applied Economics Research (CAER)." CAER has been included in the research and development plan of Kasetsart University Research and Development Institute (KURDI) since May 30th, 1985 under research coordinating unit. In 1992, the Faculty of Economics introduced CAER as a center unit of faculty with a status equivalent to a department in the seventh national social and economics plan and the rules and structural system of the center has been revised again in 1995. Main activities of CAER under Faculty of Economics are to coordinate and to support all research activities of the faculty. The CAER is headed by an elected director who serves a two years renewable term and operated under CAER board which comes from the collaboration of Department of Economics, Department of Agricultural and Resource Economics and Department of Cooperative Economics.
72
The primary objectives of CAER: - To provide the services in consulting agricultural development and researches, industrial and commercial researches, researches on conservation and development of natural resource and environment, project assessment or project evaluation researches and national economic policies researches - To serve as a database center and disseminate economic knowledge to public sector - To organize meetings, seminars, conferences and trainings for researchers - To serve as administrative and coordinating unit for research activities carried out within and outside the country - To extend and disseminate research findings in order to improve the academic curriculum of the universities and the socio-economic development of the country - To encourage graduate students of this faculty to join in the researches provided by CAER in order to enhance their experiences and abilities in research carriers
E.
Relevant Projects and Activities: - Business Planning for Sustainable Coastal Resources Management: Case of 6 Demonstration Villages of Trat Province - The Conduct of a Regional Training Workshop on the Economic Valuation of the Goods and Services of Coastal Habitats - Assessing the Social and Economic Costs and Benefits of Protected Areas: Promoting Conservation with Social Equity - Payment for Watershed Protection Services and Improved Livelihoods of Rural Poor :A Comparative Study in Critical Upland Watersheds of Vietnam and Thailand - Database Development and Indicators to Assess Community Strength for Community Strengthening Strategies - Development Project of Training course for Environmental Management and Planning of Sub-District Administrative Organization
F. Administrative Structure, Center for Applied Economics Research (CAER)
73
E.
Contact Person: Associate Professor Apiwan Kamlang-ek Telephone: (66 2) 561 3468 Email : fecoawk@ku.ac.th
74
ANNEX 7: Terms of Reference for Project Personnel TERMS OF REFERENCE Project Coordinator
Position Summary: The project coordinator works as a staff member implementing the Mangroves for the Future (MFF) project Strengthening the Community-based Coastal Resources Management Network through Community-based Learning Centers in the Six Sub-districts of Trat Province, THAILAND (CbLC-Trat Project). Under the management of RECOFTC, s/he will hold a key role in providing leadership in developing a programmatic approach to the project. Responsibilities will include the coordination of CbLC management and support activities at the project site such as project planning, strategy development and implementation, and monitoring and evaluation. Responsibilities: Under the direct supervision of RECOFTC’s Thailand Program Coordinator and with guidance from the CbLC–Trat Committee, the incumbent will manage the CbLC-Trat Project and ensure effective and timely planning, development, delivery, and monitoring and evaluation of an integrated and coherent CbLC–Trat Project. The Project Coordinator will also contribute to the overall development and management of the CbLC-Trat project. Duties: 1. Take the lead role in managing, planning, coordinating, monitoring and evaluating activities in the CbLC–Trat project. 2. Manage and provide support to other CbLC-Trat project staff, especially in activity planning, implementation, and technical know-how. 3. Guide the process and take the lead role for the exploration and development of effective support strategies and processes for sharing experiences and addressing issues effectively. 4. Manage the Project’s financial resources with prudence and probity, and be fully accountable for expenditures in accordance with MFF policies and procedures. 5. Coordinate the financial planning aspects of the project, including the preparation of budgets and the monitoring thereafter. 6. Coordinate with the RECOFTC Thailand Program Coordinator and the CbLC–Trat Committee to ensure a periodic analysis of the emerging national trends and support a process to identify urgent, important and significant issues, select new and potential areas of work, and to feed these into the CbLC–Trat project.
75
7. Guide the documentation and dissemination of lessons learned, innovative knowledge, tools, processes and experiences of the CbLC in Pred Nai and other CbLCs in Thailand. 8. Support the coordination of CbLCs and mangrove management network. 9. Coordinate communications with key stakeholders in community-based mangrove and coastal development in Thailand, especially at local and national levels. 10. Ensure timely submission of planning documents, progress reports, products and outputs as required. 11. Take a lead role in the preparation of reports and annual results-based progress reports of the CbLC–Trat Project. Authorities: As Coordinator of CbLC–Trat Project, the incumbent has the authority to manage the annual budget of the Project and any other functional areas allocated to him/her by the RECOFTC Thailand Program Coordinator, subject to the approval of the budgets by competent authorities and in accordance with MFF policies and procedures.
Job Qualifications: -
A bachelor’s degree or higher in coastal resources and/or natural resource management, rural development, and a related field. At least 5 years experience (10 years for bachelor’s degree holder) in the implementation of projects/programs related to CBNRM. Strong commitment to CBNRM and empowerment, decentralization and participatory approaches. Self-motivated and proactive. Possesses collaborative attitude and ability to work in a multicultural environment. Ability to communicate and work with government officials, NGOs and communities. Excellent oral and written communication skills in Thai. Good command of English (both speaking and writing).
76
TERMS OF REFERENCE Project Officer
Position Summary: The Project Officer works as a member of the CbLC-Trat Project team, with a key role in coordinating activities that focus on CbLC networking and training on CBNRM and related issues that support sustainable mangrove management in the community and at the national level.
Responsibilities: Under the direct supervision and guidance of the Project Coordinator, the incumbent will undertake the following: 1. Responsible for organizing and coordinating on-site training courses on selected topics to support the CbLC leaders, TAOs partners and practitioners at the project site. 2. Develop and initiate training curriculum, materials and documents related to CBNRM that are lessons learned and best practices from the Pred Nai. These may include CbLC management, participatory CBNRM, participatory project planning, participatory monitoring and assessment, etc. 3. Take a lead role in monitoring, evaluating, and reporting on the training courses for better training organization. 4. Responsible for contributing to the development and documentation of lessons learned at the project site. 5. Provide technical support on mangrove management and related issues through training at Pred Nai and other sites as requested. 6. Coordinate and recruit resource persons for training courses and provide necessary information. 7. Participate in and support the project in the implementation of planned activities, outputs and results at the project site. 8. Assist in preparing the monthly report, activities reports, progress reports (quarterly and annual reports), monthly plans, and annual plan for capacity building. 9. Other duties as assigned by the Project Coordinator and the CbLC committee. Job Qualifications: 1. A bachelor’s degree or higher in environmental science, rural development, non-formal education, or related fields. 2. At least 5 years of experience in working in the field with local communities and various organizations. 3. At least 3 years experience with an organization that conducts. 4. Experience in conducting research on participatory CBNRM. 5. Good communications skills.
77
TERMS OF REFERENCE Project Administrative Officer Position Summary: The Project Administrative Officer works as a member of the CbLC-Trat Project team, with a key role in providing financial and administrative support to the project.
Responsibilities: Under the direct supervision and guidance of the Coordinator, the incumbent will efficiently provide CbLC-Trat Project staff with financial and administrative support to ensure the smooth running of project activities. • • • • • • • • • • •
Assist staff of CbLC-Trat in financial and administrative arrangements in the planning of program and project activities; Design and maintain a filing system and contact database Monitor and follow up all correspondences and work flow Maintain contacts and communication with project partners Assist in the planning and implementation of workshops, meetings, and training activities, including travel arrangements and related administrative matters Assist in the finalizing, arranging and monitoring of contracts with donors, project staff, consultants and partners Responsible in financial support i.e. monitoring the budgets for each activity, reviewing financial requests from project staff prior to submittal for the Project Coordinator’s approval, etc. Prepare monthly financial reports for the Project. Assist in the reporting and documentation of the CbLC-Trat Project such as monthly report-planning, quarterly and annual report. Provide assistance in disseminating publications upon request Other duties assigned by the Project Coordinator.
Job Qualifications and Experiences: 6. A bachelor’s degree in administration, accounting, or related field. 7. Experience in administration, finance, or secretarial field. 8. Ability to operate PCs using Microsoft Office software. 9. Initiative and creative thinking with positive attitude. 10. Excellent oral and written communication skills in Thai. 11. Ability to communicate in English.
78
ANNEX 8: CVs of RECOFTC Thailand Program Staff 1. SOMYING SOONTORNWONG Nationality: Thai Sex: Female Marital status: Single
Permanent address: 1178/263 Soi Senanikhom 1, Phaholyothin Rd., Chatuchak, Bangkok 10900 THAILAND Tel. 66-02-561-0692
EDUCATION AND SPECIALIZED TRAINING M.A., 1996. Institute of Social Studies (ISS), the Netherlands: Agricultural and Rural Development. Thesis: Role of Local Elites as Broker in Rural Development: Case of NGO’s Rural Development Project in Kong Pisie, Cambodia. M.A., 1989. Thammasat University, Bangkok, Thailand: Anthropology, Thesis: The Patronage System and the Distribution of the Benefits in Rural Development: Case of village in Eastern- seaboard area (Chonburi province), Thailand. B.S., 1977. Chiang Mai University, Chiang Mai, Thailand: Sociology and Anthropology.
EXPERIENCE Thailand Country Program, Coordinator, Regional Community Forestry Training Center for Asia and Pacific (RECOFTC), October 2004 -present - Responsible for the direction, management, implementation, monitoring and planning of the Thailand Country Program in its efforts to promote the recognition and adoption of Community Forestry in Thailand, this includes the following activities; - Oversee the development and continued presence of a financially viable and effective ThCP - Promote RECOFTC involvement in the Community Forestry movement in Thailand; represent RECOFTC at national fora in Thailand, and occasionally at international fora, - Develop strategies for multi-partnerships, networking to share innovations in Community Forestry and strengthening CF networks in Thailand. - Foster communication linkages with other key organizations in community forestry sector in Thailand. - Maintain and facilitate linkages between ThCP and other RECOFTC program elements, - Develop guidelines for project work planning, implementation, monitoring, evaluation and impact assessment, - Monitor new project opportunities, develop project proposals and coordinate proposal submission with relevant funding agencies. Programme Manager, the Asia Foundation –Thailand, 1998 – 2002 - Coordinated, negotiate and made agreement with partners.
79
-
-
Managed, monitored and evaluated projects and activities supported by the Asia Foundation that focus on civil society development, local governance, decentralization, promoting philanthropy and promoting public participation in community activities, natural resource management. Prepared project proposals for NGOs with recommendations for project submission to the Asia Foundation and processed grant support to NGOs. Provided training and technical support in terms of organizational management to civil society organizations and NGOs. Coordinated donors, civil society organizations and operating organizations for strengthening civil society movements through sustainable financial support, human resource and capacity building for NGOs.
Community Development Specialist, project manager of the Rural Community Development project, Redd Barna-Cambodia, Phnom Penh, Cambodia, 1990 to 1995. - Designed, managed, budgeted and supervised 14 project staff of Child-Oriented Community Development project in Kampong Speu province, Cambodia. - Trained project extension workers, community development workers, village leaders and district officers in research methodologies, community development strategies, methodologies, planning and evaluation. - Organized community-based nutrition, child-to-child activities, a community Day Care Center, a rice bank, rural credit schemes, activities of women in development, family food production and the village development committee. - Advised international staff and local staff of Redd Barna- Cambodia on community development processes, approaches, strategies, and project design. - Designed and conducted the project monitoring and evaluation of the ChildOriented Community Development project and other NGO community development projects. Project Manager for Rural Development, Phayao Community Development Project, Redd Barna, Thailand, 1982 to 1986. - Identified, planned, organized and managed rural development projects in 12 villages in the northern provinces of Thailand. Designed projects to promote self reliance with activities (selected by the recipients) including rural credit, rice banks, cow banks, water resources, training, community Day Care Center, women and children's development. Also worked to establish linkages between village leaders and other NGOs. - Organized community leaders to manage their Day Care Centers and other activities. Program Manager for Cambodian Refugees and Program Coordinator, Redd Barna (Norwegian Save the Children), Terre des Hommes, Thailand, 1978-1982. - Organized and managed community development, education and social welfare projects for Cambodian refugees and for displaced Thai villagers at the ThaiCambodia border. - Responsible for Unaccompanied Minor and Education projects in Mairut Cambodian refugee camp in Trad province, Thailand. (1979 - 1980). - Conducted baseline surveys and developed project and activity design for local NGOs supported by Terre des Hommes.
80
-
Designed community development project for local NGOs in Thailand (1977 to 1979) and evaluated projects initiated local NGOs supported by Terre des Hommes.
OTHER PROFESSIONAL EXPERIENCE -
-
-
-
The treasurer of Thai Fund Foundation/ Development Supporting Consortium, focusing on strengthening and Enhancing financial sustainability for civil society organizations, 2004 - present. The treasurer of The Foundation for Disabled Children – Thailand, 2006 present. Case writing on Improving Rural Livelihood Through CBNRM: A case of Selforganization in Community Mangrove Management in Thailand, RECOFTC, 2005. Researcher Coordinator of research program on Farmer’s Right: Learning Process in Agricultural System Development, support by Thai Reasearch Fund, 2001 –2002. Thesis "Patronage System and the Distribution of the Benefits of Rural Development" was named one of the best MA and Ph.D. theses in 1990 by the Association of Social Sciences of Thailand.
LANGUAGES -
Thai (native speaker) English (speaking, reading, writing) Khmer (speaking). Laotian (speaking)
81
2. NAME : DATE OF BIRTH : GENDER : CITIZEN : CONTACT ADDRESS
:
Rawee Thaworn September 16, 1973 Male Thai : 49/93 Non Condotown, Tivanon Rd., Nonthaburi, Thailand 11000 Tel. 662-940-5700 ext 23022 Fax 662-562-0960 rawee@recoftc.org
EDUCATION: 2008
1995
Master of Science (Environmental Science) Kasetsart University, Bangkok, Thailand Bachelor of Science (Forestry), faculty of Forestry, Kasetsart University, Bangkok, Thailand.
WORK EXPERIENCE: 2006 to 2008 Project Coordinator, Thailand Collaborative Country Support Program (ThCCSP), Regional community forestry Training Center for Asia and Pacific (RECOFTC), Bangkok Thailand. - Take a lead role in Unit 1 on knowledge management with included planning, implementing, monitoring and evaluation of project - Coordinate the action research on Community based Natural Resources Management - Organize for generation, cross-fertilization and sharing of innovation knowledge, tools and process taking place of Thailand in Natural Resources Management. Committee of Thailand Environment Network in Thailand Co-Committee for Master Degree Program. Faculty of Natural Resources and Environment, Mahasarakham University. 2006 Project Manager, Preliminary study on Socio-Economic and Relationship between Community and Biodiversity for strategy development in Collaborative Biodiversity Management: Case study of Khao-Nan National Park, Nakhon Si Thammarat. Supported by Biodiversity Research and Training Program in Thailand (BRT). 2004-2005 Project Manager, Forest Ecology and Biodiversity Restoration in Eastern Forest Project, in collaboration with Community Forest Network, supported by UNDP. - Coordinated and developed project strategy and monitoring system. - Implemented project activities. - Coordinate the knowledge and lessons learned sharing. 2003-2005 Project staff, for ThCCSP, RECOFTC
82
-Coordinated the development of Participatory Monitoring and Assessment (PM&A) in Forest and Bio-resources covering eight targeted sites. -Developed manual of Paricipatory Forest and Bio-resources Assesment for management planning. 1999-2001 Research and Training Coordinator for the Eastern region, Thailand Outreach Program, RECOFTC. - Conducted action research on community forest management in Buffer Zone Area of KhaoAngReuNai Wildlife Sanctuary supported by DANCED. - Conducted collaborative research on mangrove Forest Management by local organization and developed appropriate tools and technique for sustainable production of forest and aquatic resources at Trad Province with supporting by Toyota Foundation. 1996-1998 Research Assistant, Thailand Outreach Program, RECOFTC - Conducted participatory action research on Building Local Capacity in Sustainable Forest and Bio-resources Management: database system to support forest and bio-resources management by community. - Conducted field work in potential reinforcement of the community organization in sustainable local resources management in the Buffer Zone Area of the Khao Ang Reu Nai Wildlife Sanctuary. - Used techniques of Participatory Rural Appraisal (PRA) Rapid Rural Appraisal (RRA), Participatory Forest Resources Assessment (PFA) and Participatory Forest Management Planning supported by Biodiversity Research and Training Program in Thailand (BRT).
TRAINING CERTIFICATES: 2006, Integrating Human Rights in Development Program, Copenhagen, Denmark 2005, Effective Organizational Change and Conflict Management, DANIDA, Thailand. 2000, Participatory Rural Appraisal hold in Thailand, organized by Thailand Development Research Institution, Thailand. 1999, Participatory Action Research in hold in Nepal, organized by ICIMOD and RECOFTC 1998, Facilitator in Community Forest networking in Asia Pacific are hold in Nepal organized by FTPP, RECOFTC and FAO. 1998, Conflict Resolution in Forest Management hold in Thailand, organized by RECOFTC 1997, Participatory Process, Tools and Techniques in community Forestry hold in Nepal, organized by RECOFTC 1996, Participatory Mapping using Global Positioning System hold in Thailand, organized by RECOFTC
83
PUBLICATIONS Author 1. Community and Plant Genetic Resources in Thailand 2. Movement of Awareness from Community Network in Buffer Zone at Eastern Forest of Thailand. 3. Participatory Forest Fire Management: case study of Rom Phothong Village in Eastern Forest of Thailand. 4. The Using of lanceolatum talula in Producing of Coconut Sugar Samut Songkham Province, Thailand. 5. Forest Policy Analysis: case study of Eastern Thailand. 6. Ethno-Silviculture in Mangrove Plantation Management at Household level : Case study of Yeesan Village, Samuthsongkram province, Thailand. 7. Non-timber Forest Products Management: indigenous knowledge at Khao Rao Thain Thong Village, Chainat Province, Thailand. 8. Peat Swamp Forest Utilization by Local People: Case Study of Kruan Kreng Peat Swamp Forest, Nakhon Srithammarat Province, Thailand. 9. Buffer Zone management: Case Study of Eastern Thailand.Collaborative with Thailand Environment Institution.(TEI) 10. Village Forest Management Plan at Ban Chiang Lae khok , Palanchai, Savanakhat, Laos. Collaborative with Laos-Swedish Project. 11.Carbon sequestration in woody form for green house effect reduction: Think globally Act Locally. 12.Ethno-silviculture: Indigenous Knowledge of Forest and Bioresources management. 13.Master Plan of Khao Pang Ma (Forest Restoration Project) Nakhon-Rachasima Province Thailand. Collaborative with Wildlife Fund Thailand (WFT). 14. Local Organization Development and Strengthening Process of Community Forest Management. 15. Limestone Mountain Ecology of Doi-Chiang-Dow Editor 1. The Role of Forest Resources in Rural Poverty Alleviation. 2. Forest Restoration: How long till the community can be trusted? 3. Adaptive Collaborative in Forest Resources Management. 4. Participatory Ecosystem monitoring in Thailand. 5. Bare-Foot Silviculture and Local Technology in Forest Management 6. Community forest: Learning process of participatory natural resources in Thai Society 7. Community Forest: Livelihood Security in Times of Change and Global Warming
84
3. NAME DATE OF BIRTH AGE GENDER CONTACT ADDRESS E-MAIL ADDRESS
Attjala Roongwong July 5, 1975 35 Female 5/216 Duliya Place, Nakniwat 37 Nakniwat Rd. Ladprao BKK 10230 attjala@gmail.com
OBJECTIVE: To be a grounded professional and practitioner in community forestry (CF) and collaborative management of forest resource. QUALIFICATIONS: Master of Arts in Sustainable International Development, with 11 years working experience on community forestry and collaborative forest management at different levels in Thailand, including intermediate international knowledge. Accomplished in conducting participatory action research, organizing and facilitating participatory workshops and training courses; with a range of CF related topics for various operational levels, and a wide range of participants such as local villagers, government officers, NGO staffs, etc. Strong and proven skills in facilitation, coordination, and observation. Ability to work well in a multi-cultural environment. AREAS OF EXPERTISE AND INTEREST: • Participatory Protected Areas Management • Collaborative Forest Management • Participatory Bio-resources Monitoring
EDUCATION: 2003 M.A. in Sustainable International Development, Brandeis University, MA, U.S.A Second Year Project’s title: Collaborative Management of Protected Areas experiencefrom some initiatives in Thailand. 1996 B.Sc. in Forestry, Kasetsart University, Bangkok Thailand. Major in: Forest Resources Minor in: Parks and Recreation Training Certificates: 2006 International training on “Conflict Management”, Copenhagen, Denmark 2001 International training on “Community-based Tourism”, by Regional Community Forestry Training Center for Asia and the Pacific (RECOFTC), Bangkok, Thailand 1999 National training on “Participatory Training Curriculum Development”, by RECOFTC, Pathumthani, Thailand 1998 International training on Applied Ethnobotany, (1st session in 1997, 2nd and 3rd session in 1998) by People and Plants/WWF, Sabah Malaysia and Subic Bay, Phillipines. 1997 International training on “Eco-tourism for Nature Conservation and Sustainable Community Development”, by Institute of Forestry, Pokhara, Nepal.
85
1997 International training on “Participatory Protected Area Management”, by RECOFTC, Bangkok, Thailand. 1996 National training on “Participatory Global Positioning System Mapping”, by RECOFTC, Chachoengsao, Thailand.
WORK EXPERIENCE: 2009–2010
National Program Officer, Thailand Program, Regional Community Forestry Center for Asia and the Pacific (RECOFTC), Bangkok, Thailand
2006 – 2008 •
Project Coordinator, Thailand Collaborative Country Support Program (ThCCSP), RECOFTC, Bangkok Thailand Responsible for overall field based activities under the project inplementation.
2003 - 2005 • • •
Project Staff, Thailand Collaborative Country Support Program (ThCCSP), RECOFTC, Bangkok Thailand Coordinated the development of “Community Forestry Learning Center” covering five targeted sites. Coordinated and facilitate field activities in one pilot site of the project, focusing on CF management monitoring and community forestry learning center development. Developed curriculum and facilitated in national training courses organized by ThCCSP such as “Collaborative Management of Protected Areas” in August, 2003, for forest officials and NGO field workers in the project sites.
1999 - 2001 •
• • • •
Research and Training Coordinator (Western Region), Thailand Outreach Program, RECOFTC, Bangkok Thailand Coordinated and facilitated in a two years collaborative training development initiative on “Autodidactic Learning for Sustainable Natural Resources Management”, in collaboration with Center for Development and Environment, University of Bern, Switzerland and Community Development Department, Ministry of Interior, Thailand. Coordinated and facilitated field trips prior to Western Thailand for international training courses organized by RECOFTC, as well as for university students, international NGOs and government officials. Developed curriculums, coordinated and facilitated the field-based, regional and national training courses under the research projects and capacity building component of the Thailand Outreach Program. Conducted and participated in action research on “Revival and Development of Karen Indigenous Knowledge about Weaving: Case Study of Pwo Karen Villages in Western Forest Complex”, Suphanburi Province, Thailand. Other continuum duties as per the position below.
1996 - 1998 •
Research Assistant, Thailand Outreach Program, RECOFTC, Bangkok Thailand Coordinated and facilitated field works in two research sites of an action research on “Building Local Capacity in Sustainable Forest and Bio-resources Management: A Database System to Support Forest and Bio-resources Management by
86
•
•
•
Community”; the project was conducted in 15 pilot sites throughout Thailand, in collaboration with local communities, NGOs and governmental Forest Offices. Assisted in the ethnobotanical research on "Indigenous Knowledge of Karen on Uses of Dye-producing Plants: a Case Study of Five Karen Villages Surrounding Huay Kha Khaeng Wildlife Sanctuary", Suphan Buri and Kanchnaburi Province, Thailand. Coordinated and produced materials and reports in conferences and workshops at Regional and National levels including: Eco-tourism and Roles of Local People, held in Bangkok (1996); Ethnobotany and Sustainable Use of Forest Resource, held in four regions of Thailand (1996 – 1998). Assisted in “Training Material Development for Community Forestry” project. The project produced a training manual package for community forestry practitioners, consisting of comprehensive guidelines and ten community forest case studies from the Northeast and South of Thailand.
PUBLICATIONS: Proceedings and Workshop Reports: 1. RECOFTC. 1996. Ethnobotany and Sustainable Uses of Plant Resources: Eastern Thailand. The 1st ethnobotany workshop report.. 2. RECOFTC. 1996. Ethnobotany and Sustainable Uses of Plant Resources: Western Thailand. The 2nd ethnobotany workshop report. 3. RECOFTC. 1996. Ecotourism and Role of Local People. Seminar Proceeding. 4. RECOFTC. 1997. Ethnobotany and Sustainable Uses of Plant Resources: Far South of Thailand. The 3rd ethnobotany workshop report. 5. RECOFTC. 1997. Ethnobotany and Sustainable Uses of Plant Resources: Northeastern Thailand. The 4th ethnobotany workshop report. 6. RECOFTC. 2000. Autodidactic Learning in Sustainable Resources Management for Key Personnel in Sub-district. Training Report. 7. RECOFTC. 2003. Collabolative Management of Protected Areas. Training Report. Training Materials: 8. RECOFTC. 1998. Training Materials in Community Forestry. 3 vols. 9. Attjala Roongwong. 2000. Community Forest Management Plan Development Process: A Case study from Huay Hin Dam Community Forest, Suphanburi Province, Thailand. 10. CDD. 2000. Autodidactic Learning in Sustainable Resources Management for Key Personnel in Sub-district. Training Manual. 11. Attjala Roongwong. 2001. Participatory Rural Appraisal in Community Forestry Development Process. Training Material. 12. Attjala Roogwong (editor). 2007. Manual in Knowledge Transfering for Local Facilitators. Research Reports: 13. Raweewan Srithong and Attjala Roongwong. 1999. Indigenous Knowledge of Karen on Uses of Dye-producing Plants: a Case Study of 5 Villages Surrounding Huay Kha Khaeng Wildlife Sanctuary. Research report.
87
14. RECOFTC. 2001. Building Local Capacity in Sustainable Forest and Bio-resource Management: a database system to support forest and bio-resource management by communities. Research Report. Others: 15. RECOFTC. 1999. Community Forest: Contents and Issues in Thailand.
LANGUAGE: Mother tongue: Thai Additional languages: English (fluent in speaking, reading), Karen and Lao (basic knowledge)
88
RECOFTC P.O. Box 1111 Kasetsart Post Office Bangkok 10903, Thailand Tel: +66 (0)2 940 5700 Fax: +66 (0)2 561 4880 Email: info@recoftc.org Website: www.recoftc.org
โครงการ “เสริมสรางและประสานความรวมมือ เพื่อการบริหารจัดการพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนองอยางยั่งยืน” 1. หลักการและเหตุผล 1.1
ความเปนมา พื้นที่สงวนชีวมณฑลระนองไดรับการประกาศเมื่อป พศ 2540 เปน 1 ใน 4 ของพื้นที่สงวนชีวมณฑลใน ประเทศไทย มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 303 ตร กม สวนมากคลอบคลุมพื้นทีป ่ าชายเลนที่เปนผืนใหญและมีความอุดม สมบูรณสูงแหงหนึ่งของประเทศไทย และมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง มีรายงานการพบไมปาชายเลน 51 ชนิด พันธุปลา 98 ชนิด แพลงตอนพืช 124 ชนิด สัตวหนาดิน 77 ชนิด และอื่นๆ พื้นที่สงวนชีวมณฑลระนองตัง้ อยูในเขต อําเภอเมืองระนอง ทิศเหนือติดกับคลองระนองและปากน้ําระนอง ทิศใตตด ิ กับคลองทรายขาวและทะเลอันดามัน ทิศ ตะวันออกติดกับอุทยานแหงชาติน้ําตกหงาว และทิศตะวันตกติดกับทะเลอันดามัน พื้นที่สงวนชีวมณฑล (Biosphere Reserve) หมายถึงพื้นทีร่ ะบบนิเวศปาบก ระบบนิเวศปาชายฝง และ ระบบนิเวศทะเล ที่ไดรับการยอมรับในระดับนานาชาติ ภายใตโครงการมนุษยและชีวมณฑล (Man and Biosphere) ขององคการการศึกษา วิทยาศาสตร และวัฒนธรรม แหงสหประชาชาติ (UNESCO) พื้นที่สงวนชีวมณฑลเปนพื้นที่ ศุกษาวิจัยและสาธิตใหเห็นถึงความสัมพันธุระหวางมนุษยกับธรรมชาติ และเปนพื้นที่ตัวอยางในการคนหาแนวทางใน การดํารงชีวต ิ ของมนุษยรวมกับธรรมชาติอยางยั่งยืน ภายใตหลักการจัดการพื้นที่สงวนชีวมณฑลไดแบงพืน ้ ที่ออกเปน 3 สวนคือ เขตแกนกลาง (Core Zone) เปนพื้นที่คุมครองหรืออนุรักษตามกฏหมาย ไมมม ี นุษยอาศัยอยู แตสามารถ ดําเนินกิจกรรมการศึกษาและวิจัยได เขตกันชน (Buffer Zone) เปนพื้นที่กันชนที่อนุญาตใหมีการใชประโยชนไดแต ตองเหมาะสมและกลมกลืนกับสภาพของระบบนิเวศ และมีการจัดการการใชทรัพยากรอยางยั่งยืน และเขตรอบนอก (Transition Zone) เปนพื้นที่ที่อยูรอบนอกทีม ่ ีความเชื่อมโยงและตอเนื่องกับพื้นที่ที่กลาวมา เปนพื้นที่ทม ี่ ีการใช ประโยชน ตั้งถิน ่ ฐานที่อยูอาศัย และทํามาหากินของชุมชน 1.2
สภาพปญหา ตั้งแตมีการประกาศจัดตั้งพื้นทีส ่ งวนชีวมณฑลระนอง ไดประสบกับสภาพปญหาและอุปสรรคในการ บริหารจัดการพืน ้ ที่สงวนชีวมณฑลระนองมีหลายประการ ทั้งในดานงบประมาณและการประสานความรวมมือกับสวน ราชการตางๆ รวมทั้งกับภาคประชาชน จึงทําใหพื้นทีส ่ งวนชีวมณฑลยังไมเปนที่รจ ู ักอยางแพรหลาย ในปจจุบันพื้นที่ ชายฝงของจังหวัดระนองไดมก ี ารประกาศใหเปนพื้นที่ชุมน้ําที่มีความสําคัญในระดับนานาชาติ และรวมทั้งการประกาศ ใหบางพื้นที่เปนอุทยานแหงชาติหมูเกาะระนอง ดังนั้นจึงทําใหเกิดความสับสนและละเอียดออนในการบริหารจัดการ ทรัพยากรในพืน ้ ที่ทม ี่ ีการประกาศทับซอนดังกลาว ประเด็นหลักๆ และสภาพปญหาที่พบ เชน ก. ขาดงบประมาณสนับสนุนการดําเนินงานของเขตสงวนชีวมณฑล ข. ขาดการประสานความรวมมือกับสวนที่เกี่ยวของและประชาชนในพื้นที่ ค. การบริหารจัดการพื้นทีม ่ ีความทับซอนของหลายหนวยงาน ง. ชุมชนยังขาดความรูความเขาใจเกี่ยวกีบพื้นทีส ่ งวนชีวมณฑล จ. ความขัดแยงในการจัดการทรัพยากรและการใชประโยชนในพื้นที่ 1.3 ความตองการ ก. พัฒนาพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนองใหเปนศูนยกลางการเรียนรูและจัดการระบบนิเวศชายฝง และเปน ศูนยกลางการแลกเปลี่ยนเรียนรูและศึกษาวิจย ั ระหวางนักวิชาการทั้งในและตางประเทศ และของ หนวยงานที่เกี่ยวของ และประชาชนในพื้นที่ ข. การประสานความรวมมือในการบริหารจัดการพื้นทีส ่ งวนชีวมณฑลระนอง เพื่อใหบบรลุตาม วัตถุประสงคที่ไดมีการประกาศจัดตั้งไวและเปนไปตามเจตนารมยขององคการ UNESCO ค. พัฒนาเปนตนแบบของโครงการประสานความรวมมือในการบริหารจัดการทรัพยากรชายฝงและ ทรัพยากรทางทะเลในพื้นทีส ่ งวนชีวมณฑล
2. เปาหมาย (Goal) เปาหมายสูงสุดของการบริหารจัดการทรัพยากรชายฝงและทรัพยากรทางทะเล ภายใต “โครงการเสริมสราง และประสานความรวมมือในการบริหารจัดการพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนองอยางยั่งยืน” คือ การสนับสนุนและ เสริมสรางภาคีความรวมมือจากภาคสวนตางๆ ในระดับทองถิ่น ใหมีความเขมแข็งและมีสวนรวมในการ บริหารจัดการพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนอง บนฐานขององคความรูและฐานระบบนิเวศ เพื่อความมัน ่ คงของ ทรัพยากรและเพือ ่ การพัฒนาชีวิตความเปนอยูของชุมชนในพื้นที่เปาหมาย
1
3. วัตถุประสงค 3.1 เพื่อสรางความรวมมือระหวางภาคี ภาคสวนตางๆ เพื่อการบริหารจัดการ อนุรักษและฟนฟูพน ื้ ที่สงวนชีว มณฑลระนองอยางยั่งยืน (ยุทธศาสตรที่ 1, 2, 3, 6, 7) 3.2 เพื่อสรางความเขมแข็งของชุมชนและเครือขายในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอยางมีสวนรวม และเพื่อความเปนอยูทด ี่ ีกวา (ยุทธศาสตรที่ 1, 4, ) 3.3 เพื่อเปนแหลงศึกษาวิจัย (งานวิจัย งานวิจัยไทบาน) และเปนแหลงเรียนรู ที่เปนตนแบบของการบริหาร จัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝงและพืน ้ ที่สงวนชีวมณฑลระนอง (ยุทธศาสตรที่ 2) 3.4 เพื่อผลักดันการบริหารจัดการทรัพยากรเขาสูน โยบายทั้งในระดับทองถิ่น ระดับจังหวัด และในระดับ นโยบาย (ยุทธศาสตรที่ 5)
4. แนวความคิดและวิธีการ การบริหารจัดการทรัพยากรชายฝงและทรัพยากรทางทะเล ภายใตความรวมมือในโครงการ “เสริมสราง และประสานความรวมมือในการบริหารจัดการพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนองอยางยั่งยืน” จะมีการตระหนักและคํานึงถึง ประเด็นรวม (Cross Cutting Issues) ตางๆ ที่มีความจําเปนและเหมาะสม และสามารถที่จะสอดแทรกเขาไปใน การดําเนินงานใหสอดคลองกับสภาการณปจจุบัน ประเด็นรวมเหลานี้ ไดแก 4.1 บทบาทของหญิงและชาย (Gender) เพื่อที่จะเปดโอกาสใหกลุมดอยโอกาสในทางสังคมหรือในชุมชน มามีสวนรวมในการดําเนินงานโครงการในรูปแบบตางๆ เชน บทบาทและหนาที่ความรับผิดชอบ การ ตัดสินใจ การพัฒนาศักยภาพ และการเขารวมกิจกรรมตางๆ 4.2 การมีสวนรวม (Participatory and Co-Management) จากทุกภาคสวนในการบริหารจัดการพื้นทีส ่ งวนชีว มณฑลระนอง เชน หนวยงานรัฐ องคกรปกครองสวนทองถิ่น ภาคธุรกิจ องคกรพัฒนาเอกชน และภาค ประชาชน 4.3 หลักการจัดการบนฐานนิเวศ (Reef to Ridge) ที่ยด ึ เอาความหลากหลายของระบบนิเวศมาเปนแนวคิดใน การอนุรักษและฟนฟู เพราะระบบนิเวศทุกนิเวศมีความพึ่งพาและผูกพันกันอยางเชื่อมโยง 4.4 การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมอ ิ ากาศโลก (Climate Change) ที่ในปจจุบันไดเกิดการเปลี่ยนแปลงและมี ผลกระทบมากมายทั้งตอระบบนิเวศและวิถช ี วี ิตของชุมชน ดังนั้นจําเปนตองคํานึงถึงการแกปญหาและ ปรับตัวใหเขากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศดวย 4.5 การจัดการกับความเสี่ยงตอภัยพิบัติ (Risk Disaster Management) เพื่อที่จะปองกันหรือลดผลกระทบที่ ั ดินถลม สึนามิ และ อาจจะเกิดขึ้นจากความเสีย ่ งจากอุบัติภัยธรรมชาติตางๆ เชน น้ําทวม ภัยแลง พายุภย อื่นๆ
5. พื้นที่เปาหมาย พื้นที่เปาหมายหลักของการดําเนิน “โครงการเสริมสรางและประสานความรวมมือเพื่อการบริหาร จัดการพื้นทีส ่ งวนชีวมณฑลระนองอยางยั่งยืน” ที่ครอลคลุมพื้นที่สงวนชีวมณฑลทั้งหมด 189,432 ไร หรือประมาณ 303 ตร กม ซึ่งมีพื้นที่ในแตละเขตการจัดการดังนี้ 1. พื้นที่เขตแกนกลาง (Core Zone) มีพื้นทีท ่ ั้งหมด 28,588 ไร หรือประมาณ 45 ตร กม 2. พืน ้ ที่เขตกันชน (Buffer Zone) มีพื้นทีท ่ ั้งหมด 121,250 ไร หรือประมาณ 194 ตร กม 3. พืน ้ ที่เขตรอบนอก (Transition Zone) มีพื้นที่ทั้งหมด 39,594 ไร หรือประมาณ 64 ตร กม สวนพื้นที่ชุมชนเปาหมายหลัก มีทั้งหมด 15 ชุมชน ไดแก บาน ตําบล ในเขตพืน ้ ที่อําเภอเมือง จังหวัดระนอง
ซึ่งครอบคลุมพืน ้ ที่ทั้งหมด
2
6. การบริหารจัดการโครงการ เพื่อใหการบริหารจัดการโครงการฯ เปนไปอยางมีประสิทธิภาพและโปรงใส ภายใตโครงการนี้จึงมี ขอเสนอแนะใหมีการบริหารจัดการโครงการอยางมีสว นรวมจากทุกภาคสวน มีการประสานความรวมมือกัน และมีความ รับผิดชอบตอการบริหารจัดการรวมกันในรูปแบบตางๆ ดังรายละเอียดตอไปนี้
3
6.1 จัดตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการเสริมสรางและประสานความรวมมือเพือ ่ การบริหาร จัดการพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนอง (Ranong Biosphere Project Committee (RBC or RBPC)) ผลักดันใหเกิดการจัดตั้งคณะกรรมการฯ ในระดับปฏิบัติที่สามารถปฏิบัติงานไดและมีความคลองตัว ในการบริหารจัดการโครงการ โดยคณะกรรมการจะประกอบไปดวยเครือขายภาคีสมาชิกดังนี้ กรมทรัพยากร ทางทะเลและชายฝง (ทช.) หัวหนาศูนยวิจัยปาชายเลนระนอง หัวหนาสถานีพัฒนาทรัพยากรปาชายเลนที่ 10 (ระนอง) Mangrove Action Project, Wetlands International, IUCN, WWF, มูลนิธิรักษไทย, สถาบัน สิ่ง แวดล อ มไทย, S-NIM, กลุ ม Andaman Soul, RECOFTC, Andaman Discovery, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร, ตัวแทนองคกรปกครองสวนทองถิ่น, ตัวแทนกลุมอนุรักษ, ตัวแทนชุมชน เปาหมาย, สภาพัฒนาการเมือง (ระนอง), และมูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน บทบาทหนาที่ 1.) บริหารจัดการ “โครงการเสริมสรางและประสานความรวมเพื่อการบริหารจัดการพื้นทีส ่ งวนชีว มณฑลระนองอยางยั่งยืน” ใหเปนไปตามเปาหมายและวัตถุประสงคของโครงการที่วางไว 2.) สนับสนุนและผลักดันใหเกิดคณะกรรมการบริหารจัดการพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนองในระดับ จังหวัดและระดับชาติ 3.) สนับสนุนใหเกิดกระบวนการในการวางแผนยุทธศาสตรการบริหารจัดการพืน ้ ที่สงวนชีวมณฑล อยางมีสวนรรวมจากหลากหลายภาคีที่เกี่ยวของ ่ งวนชีวมณฑลทัง้ ใน 4.) สนับสนุนการเสริมสรางความรูค วามเขาใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการพื้นทีส ระดับพื้นที่และระดับนโยบาย เพื่อใหเปนไปตามเจตนารมยขององคการ UNESCO 5.) สนับสนุนจัดหาแหลงทรัพยากร (งบประมาณ, ความรวมมือ) เพื่อการบริหารจัดการพื้นทีส ่ งวนชีว มณฑลในระยะยาว 6.2 จัดตั้งคณะกรรมการทีป ่ รึกษาโครงการเสริมสรางและประสานความรวมมือเพือ ่ การ บริหารจัดการพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนองอยางยั่งยืน คณะกรรมการชุดนี้จะประกอบดวย ผูวาราชการจังหวัดจังหวัดระนอง สํานักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอมจังหวัดระนอง อุทยานแหงชาติหมูเกาะระนอง อุทยานแหงชาติน้ําตกหงาว นายกองคการ บริหารสวนจังหวัดระนอง นายกองคการบริหารสวนตําบล หัวหนาเขตการศึกษาระนอง และตัวแทนภาค ประชาชน บทบาทหนาที่ สนับสนุนและใหคําปรึกษาและขอเสนอแนะตอการดําเนินโครงการ “เสริมสรางและประสานความรวม เพื่อการบริหารจัดการพื้นทีส ่ งวนชีวมณฑลระนองอยางยั่งยืน” 6.3 การบริหารจัดการโครงการ 6.3.1 การบริหารโครงการ RBC จะทําหนาที่กํากับดูแลการบริหารจัดการโครงการ รวมทัง้ รับผิดชอบในการ ดําเนินกิจกรรมโครงการ การจัดการงบประมาณ การติดตามประเมินผล และการ จัดทํารายงาน ศูนยวิจย ั ปาชายเลนจังหวัดระนอง ทําหนาที่เปนกองเลขาของคณะกรรมการ RBC 6.3.2 ความรับผิดชอบขององคกรภาคี ั ปาชายเลนระนอง ทําหนาที่เปนศูนยกลางการประสานงานโครงการ และ ศูนยวิจย รับผิดชอบภารกิจดานการศึกษาวิจัย ในดานตางๆ ในพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนอง และรวมทั้งการพัฒนาใหพื้นทีส ่ งวนชีวมณฑลเปนศูนยเรียนรูและแหลงขอมูลการ จัดการทรัพยากรชายฝง (ใคร-ทําอะไร-ที่ไหน จะอธิบายวา องคกรใหน จะเขารวมรับผิดชอบทําอะไร ที่ใหน? หรือมีบทบาทอยางไร?) 6.3.3 การติดตามประเมินผลและการจัดทํารายงาน จัดใหมีการประชุม RBR ทุก 2 เดือน เพื่อติดตามความกาวหนาของการดําเนิน กิจกรรมโครงการ รวมทั้งการติดตามความกาวหนาของการดําเนินงานในพื้นที่ดวย จัดประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู และถอดบทเรียนการดําเนินงานกิจกรรมโครงการรวมกัน จัดใหมีการเยีย ่ มชมพื้นที่ของคณะกรรมการที่ปรึกษาโครงการและผูเชีย ่ วชาญเพื่อให คําแนะนําและขอเสนอแนะตางๆ ในการดําเนินกิจกรรมโครงการ จัดทํารายงานความกาวหนาของการดําเนินโครงการและรายงานดานการเงินทุก 3 ่ สิ้นสุดโครงการ เดือน 6 เดือน รายงานประจําป และรายงานฉบับสมบูรณเมือ
7. เปาหมายและระยะเวลาการดําเนินงาน
4
ระยะเวลาในการดําเนินงานโครงการ “เสริมสรางและประสานความรวมมือเพื่อการบริหารจัดการพื้นที่ สงวนชีวมณฑลระนองอยางยัง่ ยืน” ไดออกแบบออกเปน 2 ระยะคือระยะที่ 1 เปนเวลา 2 ป (พศ 2554-2556) และ ระยะที่ 2 เปนเวลา 3 ป (พศ 2556-2559) รวมทั้งหมด 5 ป โดยมีการกําหนดเปาหมายหลักของการดําเนินงาน โครงการในแตละระยะมีดังตอไปนี้คือ ระยะที่ 1 (พศ 2554-2556) การจัดตั้งคณะกรรมการ RBC รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพของคณะกรรมการและภาคีเครือขาย การรณรงคสรางจิตสํานึกเพื่อใหเกิดความรูความเขาใจในระดับทองถิ่น (จังหวัด, อปท, และชุมชน) เพื่อใหเกิดการสนับสนุนการมีสวนรวมในการบริหารจัดการพืน ้ ที่สงวนชีวมณฑลระนอง การประสานงานความรวมมือเพื่อใหเกิดการมีสวนรวมของภาคสวนตางๆ เชน หนวยงานรัฐ อปท ภาค ่ งวนชีวมณฑลระนอง ธุรกิจ องคกรพัฒนาเอกชน และภาคประชาชน ในการบริหารจัดการพื้นทีส การสนับสนุนใหเกิดงานวิจัย การรวบรวมองคความรู และการสรางฐานขอมูลในพื้นที่สงวนชีวมณฑล การอนุรักษและฟนฟูระบบนิเวศเพื่อใหเกิดความมั่นคงของฐานทรัพยากร การคัดเลือกพืน ้ ที่นํารองเพื่อดําเนินกิจกรรมดานการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนในพื้นที่เปาหมาย ระยะที่ 2 (พศ 2556-2559) การหาแหลงทรัพยากร (งบประมาณ, ความรวมมือ) เพื่อสนับสนุนใหเกิดการบริหารจัดการพืน ้ ที่สงวน ชีวมณฑลระนองอยางเปนรูปธรรม การพัฒนาพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนองใหเปนศูนยเรียนรู เปนแหลงศึกษาวิจัย และเปนแหลง แลกเปลี่ยนเรียนรู การพัฒนาคุณภาพชีวต ิ ชุมชนในพื้นที่เปาหมาย การพัฒนาพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนองใหเปนตนแบบของการบริหารจัดการพื้นทีช ่ ายฝงในรูปแบบ ของการประสานความรวมมือกัน การผลักดันสูใ นระดับนโยบาย
8. ยุทธศาสตรการดําเนินงาน ในการออกแบบโครงการ “เสริมสรางและประสานความรวมเพื่อการบริหารจัดการพื้นทีส ่ งวนชีว มณฑลระนองอยางยั่งยืน” เพื่อใหบรรลุตามเปาหมายและวัตถุประสงคที่วางไว จึงไดกําหนดไวทั้งสิ้น 7 ยุทธศาสตรหลัก และแตละยุทธศาสตรหลักไดมีการกําหนดใหมีกิจกรรมตางๆ ภายใตยท ุ ธศาสตรนั้นๆ ดัง รายละเอียดตอไปนี้
ยุทธศาสตร 1; การอนุรักษและฟนฟูระบบนิเวศตางๆ เพื่อใหเกิดความมั่นคงของฐาน ทรัพยากรธรรมชาติ กิจกรรมsหลัก 1.) การติดตามการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศตางๆ และความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่สงวนชีว มณฑลระนองอยางมีสว นรวมระหวางชุมชนและภาคีที่เกี่ยวของ 2.) การฟนฟูระบบนิเวศตางๆ (ปาชายเลน ปาชายหาด ปะการัง และอื่นๆ)โดยใชหลักการจัดการบนฐานนิเวศ (Reef to Ridge) 3.) การสนับสนุนและสงเสริมการทําเขตอนุรักษในระดับทองถิน ่ ในพื้นทีท ่ ี่มีความเหมาะสมรวมกับชุมชน (เชน พื้นที่หญาทะเล ถิ่นอาศัยของนก ปาชายเลน และปาบก เปนตน) 4.) การฝกอบรมเพือ ่ เพิ่มศักยภาพ และการสนับสนุนใหมีการจัดตั้งเครือขายอาสาสมัครเฝาระวังชายฝง 5.) การสงเสริมการอนุรักษพันธุสัตวน้ําในรูปแบบตางๆ ที่เหมาะสมกับพื้นที่ เชน ธนาคารสัตวน้ํา, การสราง บานปลา และเขตอนุรักษสต ั วน้ํา เปนตน 6.) การสนับสนุนการอนุรักษแมนา้ํ ลําคลอง เชน การทําวังปลา การอนุรักษพันธุไมน้ําทองถิ่น และการอนุรักษ และฟนฟูพื้นทีต ่ ลิ่งของแมน้ําลําคลอง เปนตน 7.) การสงเสริมและสนับสนุนการทําเกษตรอินทรียในพื้นทีต ่ นน้าํ เพื่อลดการใชสารเคมีและลดผลกระทบตอ พื้นที่ชายฝงและระบบนิเวศทายน้ํา 8.) การสนับสนุนใหเกิดการมีสวนรวมในการจัดการขยะและการบําบัดน้ําเนาเสียจากแหลงตางๆ (เชน จาก โรงงาน ที่อยูอาศัย และบอเลีย ้ งกุง) กับทุกภาคสวนที่เกี่ยวของ
ยุทธศาสตร 2; การจัดการองคความรูเพื่อนําไปสูกระบวนการจัดการทรัพยากรแบบมีสวน รวมและนําไปสูการขยายผล
5
กิจกรรมหลัก 1.) ดําเนินงานการศึกษาวิจัยในดานตางๆ เชน 1.1 ดานระบบนิเวศปาชายเลน 1.2 ดานรูปแบบการฟนฟูปา ชายเลนที่เหมาะสมตอระบบนิเวศ และการเปลีย ่ นแปลงของสภาพภูมิอากาศ 1.3 ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตอระบบนิเวศและการปรับตัวของชุมชน 2.) การสํารวจ ประเมินสถานภาพของฐานทรัพยากรตางๆ (ปาชายเลน นก สัตวน้ํา หญาทะเล ฯลฯ) ในพื้นที่ สงวนชีวมณพลระนอง 3.) จัดทําแปลงสาธิตการฟนฟูและการจัดการปาชายเลนในรูปแบบตางๆ เชน สาธิตการฟนฟูปาชายเลนใน พื้นที่บอเลี้ยงกุง ราง ในพื้นที่เหมืองเกา และในพื้นที่เสื่อมโทรม 4.) จัดทําระบบสารสนเทศทางภูมศ ิ าสตร (GIS) และระบบฐานขอมูลพื้นทีส ่ งวนชีวมณฑลระนอง 5.) ศึกษา รวบรวมภูมิปญญา และองคความรูทองถิ่น รวมทั้งของคนชายขอบ เชน คนมอแกน และคนไทย พลัดถิ่น 6.) พัฒนาพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนองใหเปนศูนยเรียนรูดานปาชายเลนและระบบนิเวศชายฝง รวมทั้งการ พัฒนาเสนทางศึกษาธรรมชาติ 7.) รวมมือกับสถาบันการศึกษาและโรงเรียนเพื่อพัฒนาหลักสูตรทองถิ่นดานปาชายเลนและระบบนิเวศชายฝง 8.) สนับสนุนใหมีการฝกอบรม แลกเปลี่ยน เรียนรู ดูงานของชุมชนในพื้นที่เปาหมาย รวมทั้งภาคีที่เกี่ยวของ เพื่อใหมีความรูแ ละประสบการณในการอนุรักษและจัดการทรัพยากรเพิ่มขึ้น 9.) คัดเลือกชุมชนที่มีศักยภาพและยกระดับพัฒนาใหเปนศูนยเรียนรูระดับชุมชน 10.) อบรมสรางการเรียนรูเกี่ยวกับการปองกันและการจัดการภัยพิบัติแกชุมชนในพื้นที่เปาหมาย 11.) ถอดบทเรียนการดําเนินงานของพื้นที่สงวนชีวมณฑลจังหวัดระนอง
ยุทธศาสตรที่ 3; การสนับสนุนและเสริมสรางความรวมมือในการบริหารจัดการพื้นที่สงวน ชีวมณฑลระนอง กิจกรรมหลัก 1.) จัดตั้ง “คณะกรรมการโครงการเสริมสรางและประสานความรวมมือในการบริหารจัดการพื้นที่สงวนชีว มณฑลระนอง” โดยมีตวั แทนจากภาคสวนตางๆ ที่หลากหลาย และคํานึงถึงบทบาทหญิงชาย 2.) พัฒนาศักยภาพ ขีดความสามารถดานตางๆ ของ “คณะกรรมการโครงการเสริมสรางและประสานความ รวมมือในการบริหารจัดการพื้นที่สงวนชีวมณฑลจังหวัดระนอง” 3.) สรางความเขมแข็งและพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถขององคกรชุมชนและเครือขาย ในพื้นที่ เปาหมาย ่ งวนชีวมณฑล เชน ความรวมมือดานงาน 4.) สรางความรวมมือกับตางประเทศในการบริหารจัดการพื้นทีส ศึกษาวิจัย เพื่อใหการดําเนินงานเปนไปตามเปาหมายและเจตนารมยขององคการ UNESCO 5.) สงเสริมการมีสว นรวมในการบริหารจัดการทรัพยากร ขององคกรปกครองสวนทองถิ่นและหนวยงานที่ เกี่ยวของในระดับจังหวัด 6.) การแกไขปญหาความขัดแยงในดานการจัดการและอนุรักษทรัพยากร และปญหาที่เกิดจากการประกาศ ทับซอนในการบริหารจัดการพืน ้ ที่ในรูปแบบตางๆ
ยุทธศาสตรที่ 4; การเสริมสรางรายไดและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนในพื้นที่ เปาหมาย กิจกรรมหลัก 1.) การประเมินดานเศรษฐกิจและสังคม และความตองการในดานการพัฒนาคุณภาพชีวต ิ ของชุมชน 2.) สงเสริมอาชีพเสริมใหกับกลุมเปราะบางของสังคม เชน กลุมคนจน กลุมผูหญิง และกลุมเยาวชน และ รวมทั้งกลุมคนชายขอบ เชน คนมอแกน และคนไทยพลัดถิน ่ 3.) การพัฒนาการแปรรูปผลิตภัณฑของชุมชนเพือ ่ เพิ่มมูลคา 4.) สงเสริมการเพาะเลี้ยงประมงชายฝงที่ไมกระทบกับสิ่งแวดลอม ่ วโดยชุมชน 5.) การพัฒนากลไกดานการตลาดของผลิตภัณฑชุมชนรวมทั้งดานการตลาดการทองเทีย 6.) สงเสริมและพัฒนาศักยภาพการจัดการทองเที่ยวโดยชุมชน เชน การอบรมมัคคุเทศทองถิ่น การศึกษาดู งาน และแลกเปลี่ยนเรียนรู 7.) สงเสริมและพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการกองทุนหมูบ านแกคระกรรมการบริหารกองทุนหมูบาน และรวมทั้งการพัฒนากิจกรรมตอยอดจากกองทุนตางๆ ในชุมชนทีม ่ ีอยู
ยุทธศาสตรที่ 5; การเชื่อมโยงการจัดการพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนองจากระดับปฏิบัติสู ระดับนโยบาย
6
กิจกรรมหลัก 1.) จัดทําแผนแมบทการบริหารจัดการพื้นทีส ่ งวนชีวมณฑลระนองโดยกระบวนการมีสว นรวม 2.) การสงเสริมหลักธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการทรัพยากร ในระดับจังหวัดและระดับทองถิ่น 3.) จัดเวทีสาธารณะ สัมมนา เพื่อการผลักดันสูร ะดับนโยบาย
ยุทธศาสตรที่ 6; การรณรงค เผยแพร และสรางจิตสํานึกเพื่อใหสาธารณะไดเขาใจการ บริหารจัดการพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนอง และการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติ กิจกรรมหลัก 1.) ฝกอบรม ศึกษาดูงาน และแลกเปลี่ยนเรียนรู ดานการอนุรักษทรัพยากรแกชุมชนและหนวยงานที่ เกี่ยวของ 2.) ผลิตสื่อในรูปแบบตางๆ ที่หลากหลายเพื่อใชในการรณรงคเผยแพร 3.) ดําเนินกิจกรรมรณรงคและอนุรก ั ษ ในวันสําคัญตางๆ เชน วันพอ วันแม วันพื้นที่ชุมน้าํ และวันสิ่งแวดลอม โลก เปนตน 4.) จัดกิจกรรมคายเด็กและเยาวชน ในรูปแบบตางๆ เชน กิจกรรมคาย การสัมนาเยาวชน การแสดง และละคร 5.) การประกวดคําขวัญ ภาพถาย และภาพวาด เพื่อกระตุนใหเยาวชนมีสวนรวมในการอนุรักษ 6.) การเผยแพรขอมูลขาวสารผานสื่อในรูปแบบตางๆ รวมทั้งผานสื่อมวลชนสาขาตางๆ 7.) การจัดกิจกรรมสัมนาเนื่องในวัน “ปสากลปาไม IYOF” ในป 2554
ยุทธศาสตรที่ 7; การติดตาม ประเมินผลโครงการ และการจัดทํารายงานโครงการ กิจกรรมหลัก 1.) การประชุมติดตามความกาวหนาการดําเนินกิจกรรมโครงการโดยคณะกรรมการและผูท ี่เกี่ยวของ 2.) การเยี่ยมเยียนพื้นที่ของคณะกรรมการ เพื่อการติดตามความกาวหนาของโครงการ 3.) การจัดประชุมสัมนาและสรุปบทเรียนจากการดําเนินกิจกรรมโครงการ 4.) การทํางานรายงาน 3 เดือน 6 เดือน 1 ป และเมื่อสิ้นสุดโครงการ
9. ผลที่คาดวาจะไดรับและตัวชี้วัด ผลที่คาดวาจะไดรับที่ 1; ระบบนิเวศตางๆ ในพื้นที่ชายฝง ไดรับการอนุรักษและ ฟนฟูและเกิดความมั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติ ตัวชี้วด ั ที่ 1; มีการประสานใหเกิดการติดตามการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศตางๆ และ ความหลากหลายทางชีวภาพในทองถิ่นโดยชุมชนและภาคีทเี่ กี่ยวของ ตัวชี้วด ั ที่ 2; มีความรวมมือในการฟนฟูระบบนิเวศตางๆ ระหวางหนวยงานรัฐที่เกี่ยวของ และชุมชนเปาหมาย ในพืน ้ ทีป ่ าชายเลน ปาบก และพื้นทีท ่ างทะเล ตัวชี้วด ั ที่ 3; มีกิจกรรมการอนุรักษระบบนิเวศในพื้นทีท ่ ี่มีความเหมาะสมและควรคาแกการ อนุรักษ ทั้งในพื้นที่ตันน้ํา ระบบนิเวศแมน้ําลําคลอง ในพื้นที่ปาชายเลน พืน ้ ที่หญาทะเล และกิจกรรมการอนุรักษสต ั วนา้ํ ตัวชี้วด ั ที่ 4; องคกรชุมชนและเครือขายมีความเขมแข็งและกระตือรือรนในการเฝาระวัง ทรัพยากรในทองถิ่นและการบริหารจัดการการใชประโยชนอยางยั่งยืน ตัวชี้วด ั ที่ 5; เกษตรกรในพื้นที่ตนน้ํามีความตระหนักและมีการทําการเกษตรเชิงอินทรีย เพิ่มมากขึ้นเพื่อลดผลกระทบตอระบบนิเวศชายฝง ตัวชี้วด ั ที่ 6; มีกระบวนการในการแกปญหาการจัดการขยะและการปองกันน้าํ เสียที่เกิดจาก แหลงตางๆ รวมกันระหวาง ชุมชน หนวยงานรัฐที่เกี่ยวของ และภาคเอกชนผูประกอบการ
ผลที่คาดวาจะไดรับที่ 2; มีการจัดการองคความรู และนําไปสูกระบวนการจัดการ ทรัพยากรแบบมีสวนรวมและนําไปสูการขยายผล
7
ตัวชี้วด ั ที่ 1; เกิดการศึกษาวิจัยและมีการทําแปลงสาธิตแบบตางๆ ในพื้นทีส ่ งวนชีวมณฑล โดยศูนยวิจย ั ปาชายเลนระนอง และนักวิชาการที่เกี่ยวของ รวมทั้งการศึกษวิจัยโดยการมี สวนรวมของชุมชน ตัวชี้วด ั ที่ 2; มีการสํารวจและรวบรวมขอมูลระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ของพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนองใหเปนขอมูลปจจุบัน เพื่อทีจ ่ ะไดทราบสถานะและเปน ขอมูลในการเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลง และเพื่อการศึกษา ตัวชี้วด ั ที่ 3; มีการจัดทําระบบฐานขอมูลตางๆ เพื่อการศึกษา และเพื่อการวางแผนอนุรักษ และจัดการ รวมทั้งมีการจัดทําระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร (GIS) ตัวชี้วด ั ที่ 4; มีการสํารวจและรวบรวมภูมิปญญาทองถิ่น ที่เกี่ยวของกับการจัดการและการ ใชทรัพยากรของชุมชนเปาหมาย และของคนชายขอบ เชน มอแกน และคนไทยพลัดถิ่น ตัวชี้วด ั ที่ 5; มีการพัฒนาเสนทางศึกษาธรรมชาติในพื้นทีส ่ งวนชีวมณฑลระนองเพื่อใหเปน เสนทางการศึกษาและเรียนรูธรรมชาติ และมีการพัฒนาศูนยเรียนรูด านปาชายเลนและระบบ นิเวศชายฝงในที่ทาํ การศูนยวจ ิ ัยปาชายเลนระนอง ตัวชี้วด ั ที่ 6; มีการสนับสนุนใหมีการฝกอบรม แลกเปลี่ยน เรียนรู ดูงานของชุมชนในพื้นที่ เปาหมาย และพื้นที่ตอเนื่อง ตัวชี้วด ั ที่ 7; เกิดกระบวนการในการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาทองถิ่นรวมกับ สถาบันการศึกษาในพื้นที่เปาหมาย เพื่อใหเยาวชนไดเกิดการเรียนรูทรัพยากรในทองถิ่น ของตนเอง ตัวชี้วด ั ที่ 8; เกิดกระบวนการในการจัดการและฝกอบรมเพื่อสรางการเรียนรูเกี่ยวกับการ ปองกันและการจัดการภัยพิบต ั แ ิ กชุมชนในพื้นที่เปาหมาย ตัวชี้วด ั ที่ 9; เกิดกระบวนการในการทํางานและมีการถอดบทเรียนการดําเนินกิจกรรม รวมกันเพื่อการพัฒนาและศักยภาพในการดําเนินกิจกรรมโครงการ
ผลที่คาดวาจะไดรับที่ 3; เกิดการสนับสนุนและเสริมสรางความรวมมือในการบริหาร จัดการพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนอง ตัวชี้วด ั ที่ 1; มี “คณะกรรมการโครงการเสริมสรางและประสานความรวมมือในการบริหาร จัดการพื้นทีส ่ งวนชีวมณฑลระนอง” ซึ่งมีตัวแทนจากภาคสวนตางๆ และผูหญิง เขารวมเปน คณะกรรมการ ตัวชี้วด ั ที่ 2; “คณะกรรมการโครงการเสริมสรางและประสานความรวมมือในการบริหาร จัดการพื้นทีส ่ งวนชีวมณฑลจังหวัดระนอง” มีศักยภาพและขีดความสามารถเพียงพอในการ บริหารจัดการโครงการ ตัวชี้วด ั ที่ 3; องคกรชุมชนและเครือขายในพืน ้ ที่เปาหมาย มีความเขมแข็งและมีศักยภาพ ในการบริหารจัดการกลุมและการบริหารจัดการการใชประโยชนทรัพยากรอยางชาญฉลาด ตัวชี้วด ั ที่ 4; องคกรปกครองสวนทองถิ่นและหนวยงานที่เกี่ยวของในระดับจังหวัด ใหการ สนับสนุนและมีบทบาทมากขึ้นในการมีสวนรวมในการบริหารจัดการทรัพยากรในทองถิ่นของ ตนเอง ตัวชี้วด ั ที่ 5; มีการสรางความรวมมือและแลกเปลี่ยนดานการศึกษาวิจัยกับนักวิชาการจาก ตางประเทศ ตัวชี้วด ั ที่ 6; ชุมชนในพื้นที่เปาหมายมีความเขาใจการอนุรักษและบริหารจัดการพื้นที่ใน รูปแบบตางๆ ทีท ่ างรัฐและหนวยงานที่เกี่ยวของไดมีการประกาศใช
8
ผลที่คาดวาจะไดรับที่ 4; ชุมชนในพื้นที่เปาหมายมีการดําเนินกิจกรรมเสริมสราง รายไดและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากบริหารจัดการการใชทรัพยากรอยางชาญ ฉลาด ตัวชี้วด ั ที่ 1; มีการสํารวจและเก็บรวบรวมขอมูลดานเศรษฐกิจและสังคม และมีการศึกษา ความตองการของชุมชนในพื้นที่เปาหมาย ตัวชี้วด ั ที่ 2; มีกิจกรรมการสงเสริมอาชีพเสริมใหกับกลุมเปราะบางของสังคม เชน กลุมคน จน กลุมผูห ญิง และกลุมเยาวชน และรวมทั้งกลุมคนชายขอบ เชน คนมอแกน และคนไทย พลัดถิ่น นพื้นทีเ่ ปาหมาย ตัวชี้วด ั ที่ 3; มีการพัฒนาแปรรูปผลิตภัณฑของชุมชนเพื่อเพิ่มมูลคา และรวมทั้งมีการ พัฒนากลไกดานการตลาดของผลิตภัณฑชม ุ ชน และตลาดการทองเที่ยวโดยชุมชน ตัวชี้วด ั ที่ 4; มีการสงเสริมและพัฒนาศักยภาพการจัดการทองเที่ยวโดยชุมชนในพื้นที่ เปาหมาย ตัวชี้วด ั ที่ 5; มีการสงเสริมกิจกรรมการเพาะเลี้ยงประมงชายฝงที่ไมกระทบกับสิ่งแวดลอม ตัวชี้วด ั ที่ 6; มีการสงเสริมและพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการกองทุนหมูบานแก คณะกรรมการบริหารกองทุนหมูบาน และรวมทั้งการพัฒนากิจกรรมตอยอดจากกองทุนตางๆ ในชุมชนที่มีอยู
ผลที่คาดวาจะไดรับที่ 5; มีการเชื่อมโยงการจัดการพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนองจาก ระดับปฏิบัติสูระดับนโยบาย ตัวชี้วด ั ที่ 1; มีกระบวนการในการจัดทําแผนแมบทการบริหารจัดการพื้นทีส ่ งวนชีวมณฑล ระนองโดยการมีสวนรวมจากทุกภาคสวนที่เกี่ยวของ ตัวชี้วด ั ที่ 2; หนวยงานในระดับองคกรปกครองสวนทองถิน ่ และหนวยงานในระดับจังหวัดมี สวนรวมและมีบทบาทมากขึ้นในการบริหารจัดการทรัพยากร ตัวชี้วด ั ที่ 3; มีการจัดทําเวทีสาธารณะตางๆ เพื่อการแลกเปลี่ยนประสบการณการทํางาน และเสนอแนะการบริหารจัดการทรัพยากรเพื่อการผลักดันสูร ะดับนโยบาย
ผลที่คาดวาจะไดรับที่ 6; มีกิจกรรมการรณรงค เผยแพร และสรางจิตสํานึกใน รูปแบบตางๆ ตัวชี้วด ั ที่ 1; มีการฝกอบรม ศึกษาดูงาน และแลกเปลี่ยนเรียนรู ดานการอนุรักษทรัพยากร แกชุมชนและหนวยงานที่เกี่ยวของ ตัวชี้วด ั ที่ 2; มีการผลิตสื่อในรูปแบบตางๆ ทีห ่ ลากหลาย และมีการเผยแพรขอมูลขาวสาร ผานสื่อในรูปแบบตางๆ รวมทัง้ ผานสื่อมวลชนสาขาตางๆ ตัวชี้วด ั ที่ 3; มีการดําเนินกิจกรรมรณรงคและอนุรักษ ในวันสําคัญตางๆ เชน วันพอ วันแม วันพื้นที่ชม ุ น้ํา และวันสิ่งแวดลอมโลก และกิจกรรมในวัน “ปสากลปาไม IYOF” ในป 2554 เปนตน ตัวชี้วด ั ที่ 4; จัดกิจกรรมคายเด็กและเยาวชน ในรูปแบบตางๆ เชน กิจกรรมคาย การสัมนา เยาวชน การแสดง และละคร และการประกวดคําขวัญ ภาพถาย และภาพวาด เพื่อกระตุนให เยาวชนมีสวนรวมในการอนุรักษ
9
ผลที่คาดวาจะไดรับที่ 7; คณะกรรมการบริหารจัดการโครงการมีประสิทธิภาพใน บริหารจัดการโครงการ การติดตามประเมินผล และการทํารายงาน ตัวชี้วด ั ที่ 1; มีกระบวนการในการติดตามความกาวหนาการดําเนินกิจกรรมโครงการโดย คณะกรรมการและผูท ี่เกี่ยวของ ตัวชี้วด ั ที่ 2; มีการจัดประชุมสัมนาและสรุปบทเรียนจากการดําเนินกิจกรรมโครงการรวมกัน กับผูที่เกี่ยวของกับการดําเนินกิจกรรมโครงการ ตัวชี้วด ั ที่ 3; มีการทํางานรายงาน 3 เดือน 6 เดือน 1 ป และรายงานเมื่อสิ้นสุดโครงการ
10. งบประมาณ งบประมาณที่จะใชในการดําเนินกิจกรรมโครงการ “เสริมสรางความรวมเพื่อการบริหารจัดการพื้นที สงวนชีวมณฑลระนองอยางยัง่ ยืน” ในระยะที่ 1(พศ 2554-2556) ซึ่งคาดหวังวาจะเสนอขอสนับสนุนงบประมาณ จากโครงการปาชายเลนเพื่ออนาคต (MFF) ถาเปนไปได เพื่อที่จะสรางพื้นฐานการทํางานตางๆ ที่เกี่ยวของกับการ บริหารจัดการพืน ้ ที่สงวนชีวมณฑลระนอง สวนในระยะที่ 2 (พศ 2556-2549) จะเนนการขอสนับสนุนงบประมาณ จากแหลงอื่นๆ รวมทั้งงบประมาณและการสนับสนุนจากหนวยงานรัฐที่เกี่ยวของ และหนวยงานในระดับจังหวัด และ รวมทั้งงบประมาณและการสนับสนุนกิจกรรมจากองคกรภาคี เปนหลัก เปนตน งบประมาณเพื่อดําเนินกิจกรรมใน ระยะที่ 1 มีรายละเอียดดังตอไปนี้
ตารางที่ 1; รายละเอียดงบประมาณโครงการ กิจกรรม หมวด 1; การบริหารจัดการโครงการ; เชน คาเชาสํานักงาน วัสดุ อุปกรณสํานักงาน การติดตอสือ ่ สาร ขนสงและเดินทาง คาตอบแทน ตางๆ เบี้ยเลี้ยง และอื่นๆ หมวด 2; สนับสนุนกิจกรรมภายใตยท ุ ธศาสตรที่ 1; การอนุรักษ และฟนฟูระบบนิเวศตางๆ เพื่อใหเกิดความมั่นคงของฐาน ทรัพยากรธรรมชาติ (มีทั้งหมด 8 กิจกรรมหลัก)
งบประมาณ/บาท
หมายเหตุ
ครอบคลุมใน โครงการ MFF Medium Grant โดยกรมทช
หมวด 3; สนับสนุนกิจกรรมภายใตยท ุ ธศาสตร 2; การจัดการองค ความรูเพื่อนําไปสูกระบวนการจัดการทรัพยากรแบบมีสวนรวมและ นําไปสูการขยายผล (มีทั้งหมด 11 กิจกรรมหลัก) หมวด 4; สนับสนุนกิจกรรมภายใตยท ุ ธศาสตรที่ 3; การสนับสนุน และเสริมสรางความรวมมือในการบริหารจัดการพื้นทีส ่ งวนชีวมณฑล ระนอง (มีทั้งหมด 6 กิจกรรมหลัก)
ครอบคลุมใน โครงการ MFF Medium Grant โดยกรมทช
หมวด 5; สนับสนุนกิจกรรมภายใตยท ุ ธศาสตรที่ 4; การเสริมสราง รายไดและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนในพื้นที่เปาหมาย (มี ทั้งหมด 7 กิจกรรมหลัก) หมวด 6; สนับสนุนกิจกรรมภายใตยท ุ ธศาสตรที่ 5; การเชื่อมโยง การจัดการพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนองจากระดับปฏิบต ั ิสรู ะดับนโยบาย (มีทั้งหมด 3 กิจกรรมหลัก) หมวด 7; สนับสนุนกิจกรรมภายใตยท ุ ธศาสตรที่ 6; การรณรงค เผยแพร และสรางจิตสํานึกเพือ ่ ใหสาธารณะไดเขาใจการบริหารจัดการ พื้นที่สงวนชีวมณฑลระนอง และการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติ (มี ทั้งหมด 7 กิจกรรมหลัก) หมวด 8; สนับสนุนกิจกรรมภายใตยท ุ ธศาสตรที่ 7; การติดตาม ประเมินผลโครงการ และการจัดทํารายงานโครงการ (มีทั้งหมด 4 กิจกรรมหลัก)
10
หมวด 9; อื่นๆ หมวด 10; หมวด 11; หมวด 12;
รวมงบประมาณทั้งหมด
Update: 11/02/2554 คุระบุรี
11
A Proposal to Mangroves for the Future
Improving Wellbeing in and around the Ranong Biosphere Reserve by Enhancing People’s Capacity to Restore and Manage Local Natural Resources
Figure 1. Ranong Biosphere Reserve Entrance
Feb, 2011 Prince of Songkla University In partnership with Department of Marine and Coastal Resources,
1
Table of Contents A Figures and Tables ................................................................................................................ 3 1. INTRODUCTION ................................................................................................................. 4 1.05
Project Summary Sheet ........................................................................................... 4
1.1
Background and Rationale .......................................................................................... 5
1.2
Project Context ............................................................................................................ 9
1.3
Related Projects ......................................................................................................... 10
1.4
Identification and Preparation Activities................................................................... 11
2. PROJECT DESCRIPTION .............................................................................................. 12 2.1
Main Objective .......................................................................................................... 12
2.1.1 Specific Objectives and Related Activity ................................................................... 12 2.1.2 Further Project Ideas for Years 2 & 3 if Funding Available...................................... 12 2.2
Specific Objectives and How They Relate to MFF’ PoW ........................................ 13
2.3/2.4
Objectives, Outputs and Key Activities ............................................................. 14
2.5 Policy and Cross Cutting Issues ................................................................................ 14 2.6
Inputs Required – Financial, Manpower, Physical ................................................... 15
3 ASSUMPTIONS AND RISKS ............................................................................................. 17
4
5
3.1
Stakeholder Identification and Commitment ............................................................ 17
3.2
Institutional Support (in kind) ................................................................................... 17
3.3
Accountability ........................................................................................................... 18
3.4
Climate Change Mitigation and Adaptation Considerations..................................... 18
3.5
Sustainability and Replicability ................................................................................ 19
PROJECT MANAGEMENT AND ORGANISATION................................................... 22 4.1
National Level ........................................................................................................... 22
4.2
Local Level ................................................................................................................ 22
4.3
Procedures for Implementation ................................................................................. 23
4.4
Mechanism for Revision / Adjustment...................................................................... 23
4.5
Financial Management and Procurement .................................................................. 23
MONITORING ................................................................................................................ 24 5.1
Monitoring System .................................................................................................... 24
5.2
Indicators and Means of Verification ........................................................................ 25
5.3
Reporting ................................................................................................................... 25
6 REFERENCES ................................................................................................................. 27 ANNEX I
Project Team ..................................................................................................... 28
ANNEX II Job Descriptions for Key Staff and CVs ............................................................ 29 ANNEX III
Additional Site Details ................................................................................... 30
ANNEX IV
Estimated Budget ........................................................................................... 31
2
ANNEX V Logical Framework ............................................................................................ 32 ANNEX VI
Timing Plan .................................................................................................... 33
A Figures and Tables Figure 1. Ranong Biosphere Reserve......................................................................................... 1 Figure 2. Distribution of Mangrove Areas in Thailand, Charuppat & Charuppat (1997) ........ 6 Figure 3. Ranong Province and Biosphere Reserve, from Macintosh, Ashton & Tansakul, 2002............................................................................................................................................ 9
Table 1.
Mangrove Forest Area in Thailand 1961-1993
3
8
1. INTRODUCTION 1.05 Project Summary Sheet Project Summary Sheet 1
Date of Submission
2011
2
Project Title
Enhancing Coastal Ecosystem Management in Ranong Biosphere Reserve, Thailand
3
Project Site
Ranong Biosphere Reserve, Ranong province, Thailand
4
Project Scale
National and Provincial
5
Implementation Organisations
6
Authorised Representatives from Implementing Organisations
Prince of Songkla University (PSU) – Team Leader Department of Marine and Coastal Resources (DMCR)-Implementor
Assoc. Prof. Dr.Prawit Towatana, Director: Marine and Coastal Resource Institute, Prince of Songkla University, Had Yai, Songkla
Dr Wijarn Meepol, Head of RBR , Ranong , DMCR For contact details see Annex I Royal Forestry Department Fisheries Department Ranong Province Administration Organisation and Local, sub-district Government
7
Potential Partners
United Nations Development Programme (UNDP) United Nations Environment Programme (UNEP) Regional Community Forestry Training Centre for Asia and the Pacific (RECOFTC), TEI, Rak Thai, Wetlands International, Mangrove Action Project, SDF etc
8
Project Objective
The wellbeing of the local people in and around the RBR is significantly improved by enhancing their capacity to restore and manage their local environment and natural resource base.
9
Start Date
2011
10
Project Duration
One year with possible follow-up funding for two or three years in total
11
Estimated Total Project Cost
Year One: ฿3,000,000/ $100k (See Annex IV) TBC
12
Amount of funding requested from MFF
Initially ฿3,000,000, (a further ฿600,000 for year two and three if possible)
13
Co-financing, in-kind funding, technical support
DMCR, PSU and various NGOs will offer support and staff for technical input, training in mangrove ecology, and some expenditure in rehabilitation and maintenance of planted mangrove
Brief project description, with outputs
This project will study the RBR’s biodiversity, health of each ecosystem and the wellbeing of the people in and around the site to implement an appropriate programme of restoration of ecosystems (particularly mangrove) and activities that benefit the local inhabitants. The project will be realized by a participative management committee, which will include local people, the governor of Ranong, and other stakeholders. As far as possible the local people will manage and implement the project.
14
4
1.1
Background and Rationale
Thailand has a land mass of 512,820km2 and 2,614km of coastline, about 50% of which is fringed with mangrove forest. The extent of mangrove forest has change greatly in Thailand over the past 30 years. A survey by Charuppat and Charuppat (1997) estimated that the total remaining mangrove forest was approximately 167,582ha. Of this, approximately 80% is found on the Andaman sea (west) coast while the remaining 20% exists along the (east) coastline of the Gulf of Thailand (Figure 2). Mangrove Losses Thailand is experiencing the negative impacts of dwindling resources and degraded habitats along its coastline, as is common in many Southeast Asian nations. In the case of mangroves, there is great loss in terms of area as well as forest product output. Nearly half the Thai mangrove forests were cleared between 1970 and 2000 (see Table 1). This reduction has immediate implications for many other resources and fisheries productivity, and long term implications due to the loss of biodiversity: a very expensive lesson for the Thai people.
5
Figure 2. Distribution of Mangrove Areas in Thailand, Charuppat & Charuppat (1997)
6
Table 1. Mangrove Forest Area in Thailand 1961-1993, (Kamlang-ek, 1996)
Mangrove Forest Area (ha) Year 1961 1975 1986 1991 1993 Total 1961-1993
Total Area 367,900 312,700 196,436 173,600 168,883
Decline in ha
Decline (%)
55,200 116,264 22,836 4,917 199,217
15 37.2 11.6 2.8 54.1
The Government’s Response The Thai government has a special interest in and responsibility for the preservation and rehabilitation of mangrove forest resources as evidenced by numerous plans, policies (see Section 2.5) and regulations at many levels of administration. Much replanting of mangrove forests has been conducted with government financial support, with the cooperation of nongovernment organizations (NGOs) and local communities. The latest survey of mangrove forest coverage, conducted by the Royal Forestry Department (1997), indicated that recently there was a slight increase in area and production from mangroves. However, long term planning and concerted effort is still needed. Causes of Mangrove Loss One of the causes of mangrove loss and degradation has been harvesting for the production of charcoal. Formerly, 90% of Thai mangroves was under concession for charcoal production (Aksornkoae 1993), an activity which occurred between the 1960s until 2001. In 2001 the Thai government introduced new regulations revoking charcoal concessions. Another cause of mangrove loss and degradation is widespread changes in land use. This has had both direct and indirect impacts on mangroves and other related coastal ecosystems, including a reduction in numbers of marine animals, loss of protection from waves, wind and coastal erosion, and increases in the quantities of pollutants and sedimentation in the inshore. This has affected both the quality of life of people in coastal communities and the national economy, and has resulted in the loss of traditional livelihoods of coastal communities. Thus it could be argued that the management of Thailand’s mangrove resource has not reached required standards. Aquaculture One of the most significant land use changes, mentioned above, has been the rapid increase in the production of cultured marine shrimp from large scale conversion (ie destruction) of mangrove to shrimp ponds. Production in many regions has turned out to be unsustainable, due to inappropriate construction methods, poor environmental conditions, inappropriate locations used, overstocking and disease outbreaks. Consequently a significant proportion of these shrimp ponds lies idle. This presents a major challenge for both coastal resource managers and pond owners who will have to address the question of what to do with the disused ponds. Unfortunately the Land Development Dept is encouraging pond owners to plant oil palm in former aquaculture ponds rather than restore the land back to mangrove.
7
Accurate assessment of pond disuse is difficult to obtain. However, unofficial estimates have suggested figures as high as 70%, including 70-80% of ponds ‘abandoned’ in Prachuab Khirikhan province, and similar figures in the provinces of Songkla, Nakhorn Sri Thammarat and Surat Thani (Stevenson, 1997).
Socio-economic and Demographic Factors Affecting Mangrove Rehabilitation Since mangrove rehabilitation is considered to mean planting mangrove seedlings, the Thai government has launched large-scale planting programs for mangrove reforestation. In many provinces these programs were conducted mainly by government agencies, including the Royal Forestry Department, and provincial offices. Often these programs achieved only limited success. However the chances of success increased if the local community-based organisations participated in the decision making and assisted. When community leaders together with local villagers were responsible for replanting, protecting and managing their forests, projects appeared to work better. According to the results of a survey of five mangrove forest communities from both the Gulf of Thailand coast and Andaman coast, conducted by Chulalongkorn and Kasetsart Universities (2000 – 2002), the success of implementing mangrove restoration schemes was due largely to public awareness and participation. Successful programmes worked closely with the existing community-based mangrove management organisations to strengthen them. It was also clear from the survey that awareness and knowledge of the value of mangrove forests was crucial for the success of mangrove forest rehabilitation programmes. Interestingly, socio-economic and demographic factors influence negative or positive attitudes towards mangroves, including age, gender, education attainment, type of occupation and economic status. The Tsunami The devastation caused by the December 2004 tsunami emphasized the strong link between natural coastal ecosystems and human livelihoods. The global reaction to this disaster resulted in an outpouring of contributions to rebuild settlements and restore livelihoods. Despite this extraordinary effort, concern still remains about the long-term coastal ecosystem management in the region. In 2006, with the support of ‘United Nations Office of the Special Envoy for Tsunami Recovery’, the IUCN and UNDP began a consultation process to build a common platform for action. The Mangroves for the Future (MFF) initiative is the direct result of this process.
8
1.2
Project Context
The proposed project is located in Ranong province, southern Thailand and has been declared as a biosphere reserve. Ranong Province Ranong is located 586km south of Bangkok and is the first southern province on the Andaman Sea (see Figure 3). It covers an area of 3,298km2, with a length from north to south of 169km. At the narrowest part Ranong is only 44km across, hence the name ‘Isthmus of the Malaysian Peninsular’. Ranong is renowned for being the wettest province in Thailand. The province’s economy is diverse, including (tin mining in the past) white clay extraction for the production of porcelain, fishing, rubber and cashew nut production.
Figure 3. Ranong Province and Biosphere Reserve, from Macintosh, Ashton & Tansakul, 2002.
Ranong is Thailand's least populous province. The land area coverage is 80% forest and 67% mountainous terrain. Like much of southern Thailand’s west coast, it undergoes a monsoon season from June to October.
The Ranong Biosphere Reserve - Geography and Zoning In 1997, the United Nations Educational, Scientific and Cultural Organisation (UNESCO) and the Thai government established the Ranong Biosphere Reserve (RBR), Thailand’s
9
fourth (see Figure 3). It is managed by the Ranong Mangrove Forest Research Centre (RMFRC) which the Royal Forestry Department established in 1983 in what is now the biosphere. The RBR covers 30,309 ha from south of Ranong town to the north of Kapoe district. It is bound on the east by the Ngao Waterfall National Park and on the west by the Andaman Sea (the only Thai biosphere to include coastline). The RBR incorporates a range of natural and disturbed habitats including mangrove forests, mountain evergreen forests, open sea, seagrass beds, urban areas and agricultural land. (For more on RBR’s biodiversity see Annex III) The Ranong Biosphere Reserve is administered using a hierarchical zoning system comprising of core, buffer and transition zones. Each has different management objectives designed to include people within the general conservation framework. Core Zones are pristine mangroves, old growth and evergreen forests. These zones cover a substantial part of the reserve and are only for research, monitoring or other low impact uses Buffer Zones surround the core zones and comprise of former forest concession, some shrimp farms and old mining areas. Buffer zones protect the cores but allow sustainable use of the forest and fish products Transition Zones are areas where tin mining, agriculture, shrimp farming and urban development are allowed. They are managed to reduce their impact on other parts of the reserve.
The Challenges to the Local People and Natural Resources RBR’s natural resources are of great importance to the local people, many of whom are totally dependent on the forests and marine areas for their livelihoods. The natural resources are also of great importance for protecting the coast and providing a habitat for wildlife. There are areas of human settlement and agricultural land inside the RBR, on the narrow coastal plain between the mangrove forests and the Ngao National Park. 15 villages are located within the reserve boundaries, five being within the mangrove forests. The people who live within the reserve are both Buddhist and Muslim, the exception being on the western side of Lao Island, which is occupied by the animist Chow Lei, or ‘Sea Gypsies’. Villagers residing within the mangroves derive their livelihood from catching mud crabs, shrimp and fish. Some villagers produce shrimp paste and raise fish in submerged cages placed in the mangrove waterways. Further inland, villagers grow fruit, rubber and cashew nut trees. There are also certain social issues that affect the local people, including land rights, gender issues, vulnerabilities, limited capacity to improve their local natural resources and the lack of management control. The establishment of the Ranong Biosphere Reserve presents the Thai government and NGOs with an opportunity to work with the local people to address the problems they and the natural resources (NR) face (though only some of them will be covered in this proposal).
1.3
Related Projects
The Ranong Mangrove Forest Research Centre (RMFRC), which manages the Biosphere for the DMCR, has hosted many international research groups since its opening including:
10
Japanese - Thai collaborative research program in 1981-1982, ‘A Forest Ecological Study [sic]of the Mangrove Ecosystem’ UNDP/UNESCO project ‘Research and Application to Management of the Mangroves of the Asia/ Pacific in 1986-1989’ The European Union project ‘Environmental Assessment of Mangrove Reforestation as a Means of Improving Coastal Protection, Stability and Fisheries Production’ from 1994-1996 The International Tropical Timber Organisation project ‘Development and Dissemination of Reforestation techniques for mangrove forest’ (1993-1996) The Danish SE-Asian Collaboration in Tropical Ecosystems Research and Training. A co-operative program between 1997 and 1999 that studied productivity and mortality of mangrove plantations on degraded shrimp farms and former tin mining areas. They looked at developing nursery techniques for various mangrove species as well as provided training to young Thai researchers. Currently there is on-going research at the RMFRC including phenological studies of selected mangrove species, monitoring of growth and litter production of mangroves, monitoring of growth and survival of reforested areas, and the establishment and monitoring of permanent research plots in each of the reserved research areas. This proposal is being submitted with the knowledge that there will be several concurrent projects running within the RBR, sponsored by MFF. Therefore this project only tries to achieve a limited number of aims. Key is the establishment of a co-ordinating committee, to which all projects should relate to, be co-ordinated by and contribute to.
1.4
Identification and Preparation Activities
The Dept for Marine and Coastal Resources (DMCR) is acutely aware of the work that needs to continue in the biosphere, environmental and social. One of this proposal’s authors is Dr Wijarn, the leader of the RMFRC. This project’s staff consulted local people and stakeholders to canvas opinion and benefitted greatly from an MFF conference held in Ranong with other NGOs, Jan 2011. With the knowledge that there will be several MFF projects running concurrently within the RBR, this project will focus on issues like areas inside and outside the transition zones that with capacities suitably built, can be restored by local people.
11
2.
PROJECT DESCRIPTION
2.1
Main Objective
The wellbeing of the local people in and around the RBR is significantly improved by enhancing their capacity to restore and manage their local environment and natural resource base. It is assumed that the project funding will last only one year.
2.1.1 Specific Objectives and Related Activity Objective 1: A Genuinely Participative RBR Management Committee is Established and Starts to Manage the RBR In consultation with other NGO partners various representatives are invited to join to the management committee. The balance of members ensures that opinions and needs are heard from minority groups including the Chao Lay, women and women’s groups, NR users, as well as local government, NGOs, DMCR and other government departments. Capacities are built and training offered where necessary to facilitate the running of the committee. Subgroups are appointed to handle specific tasks with a workable sized team. The chair is rotated so as the committee is not dominated by one group or individual. The committee successfully co-ordinates the other projects sponsored by MFF and avoids duplication, to the benefit of the local people and natural resources, including livelihood projects, capacity building, supports for rights claims etc.
Objective 2: Immediate Capacity Building and Training is Completed for Mangrove Restoration and Mangrove Livelihoods The committee’s first objective is to organise and execute mangrove restoration training for villagers, particularly those within the Buffer Zone near affected areas, to enable the community restoration of the few remaining areas of degraded mangrove within the Buffer Zone. The capacity building includes training covering mangrove values, ecosystems understanding, hydrological restoration, nursery-based restoration and local climate change implications and adaptation. This training would allow participants to train others in turn (training of trainers). The training would include livelihoods from mangrove products. If possible the training would also cover community NR management, zoning and the establishment of local regulations. The participants are from more vulnerable groups or villages, as judged by the committee.
Objective 3: Empowered and Trained Local People Restore Degraded Areas Using the methods learned in the above training the committee funds and helps the local people to successfully restore the degraded areas identified and studied by both DMCR and local people, during the capacity building. Technical support is offered by Dr Wijarn and PSU as / when needed. As far as possible, the restored areas are documented and annotated, to be used as teaching / demonstration areas for future restoration training.
2.1.2 Further Project Ideas for Years 2 & 3 if Funding Available. The RBR staff have several other projects they would like to run if further funding becomes available. Specifically,
12
The continuation of the management committee, as described above, ensuring a balance remains and local people, women’s groups, Chao Lay and other minorities are well represented If not done by another NGO, a Socio-Economic study of the people in and around the RBR. This would aid prioritisation and targeting of assistance to reduce vulnerabilities and increase capacities. RBR bio-diversity and ecosystem health studies to improve the knowledge of the condition of the biosphere. As far as possible the work would be done by local people. Establishment of a network of conservation groups along the Andaman coast, led by the groups trained by Objective 2, above.
2.2
Specific Objectives and How They Relate to MFF’ PoW
To be completed in a full proposal
13
2.3/2.4
Objectives, Outputs and Key Activities
Ranong Objectives
1. RBR Management Committee established
2. Capacity building and training for mangrove restoration completed
3. Selected Areas of Degraded Mangrove Restored
2.5
Main Outputs
Key Activities
A participative RBR committee including local people, DMCR staff, RBR centre staff, the provincial office amongst others, capable of managing the reserve and making informed decisions Activities and projects by other MFFfunded NGOs are prioritised and coordinated by this committee Various sub-groups established to run tasks like a PR campaign with local media
Engage appropriate staff from various stakeholder groups, local people, minorities etc. Partner NGOs identify representatives from minority groups and women’s groups Run training and capacity building where necessary (eg leadership training) to enable the committee to function effectively The committee starts to co-ordinate and prioritise other NGOs’ activities, actions and resources The committee (subgroup) takes responsibility for communicating the progress of the project, a PR campaign, lessons learned, progress etc with the outside world
Training sessions organised by the committee are run by Dr Wijarn, plus appropriate staff. Trained local people; able to train others in their communities. Mangrove livelihood training sessions. These cover livelihoods from mangrove products, as requested by the recipients and committee, eg products from Nypa sap, Nypa roofing sections, honey collection, mud-crab rearing
Training of local people to improve their ability to carry out environmental work, not limited to mangrove restoration but also other local ecosystems Training covers appropriate M&E techniques as to monitor health of mangroves and success/difficulties of restoration projects, issues covering sustainable use of NRs Training covers favoured livelihoods from mangrove resources. These are sustainable livelihoods, requiring low capital investments, targeted particularly towards women. Experts brought in as appropriate (eg apiarists for bee keeping training) Study tours organised if appropriate to see examples of mangrove restoration and mangrove livelihoods.
Specific areas within the Buffer Zone and key areas within the Transition Zone are restored
Guided by DMCR, local people and with the agreement of the committee, key areas of degraded mangrove are restored. As far as possible appropriate restoration sites are signed and documented to act as teaching sites for later projects Other ecosystems are enhanced as appropriate, eg demarcation of seagrass beds From the training, communities are encouraged and helped to establish their own natural resource regulations and patrol their mangroves. The committee supports the communities’ applications to have local government endorsement of the community NR regulations.
Policy and Cross Cutting Issues
There are many national policies, laws and plans already in place that cover management and improvement of coastal areas. A key policy is the National Plan for Social and Economic Development. This states that the area of mangrove should not decrease from its present total and should be re-established in suitable places. The framework environmental legislation is the Enhancement and Conservation of the Natural Environmental Quality Act of 1992
14
(EQA). The EQA focuses on enhancing the protection of the environment and specifically pollution control (which is its main focus). It encourages environmental protection via a more holistic and coordinated approach by prescribing multi-agency collaboration in environmental decision-making, as well as a clearer division of competences between central and provincial authorities. In relation to the latter, it recognises the pivotal role of provincial governments, and anticipates provincial inaction by providing for a central government response. Natural resource management, on the other hand, is not tackled in detail by EQA1, and it is felt that the Environmental Impact Assessment process is in need of improvement. The latest version of the constitution encourages local participation and management of natural resources. Our working groups, committees and participative sessions will follow this spirit of sharing responsibilities and benefits, and avoiding top-down decrees. Previous development work has demonstrated the need to change the way ecosystem projects are managed and encourage a balanced approach, with community and minority participation, avoiding the old paradigms of ‘top-down’ or ‘bottom-up’. Only consensus between local government, government departments and local people will ensure full support from all stakeholders.
2.5.1 Gender However, when talking about ‘local people’ it is very easy not to get a representative opinion of all people, but just from a few (male) village leaders, well versed in interacting with NGOs. Rarely do women feature in public village meetings, nor are their needs pushed to the top of an agenda. Advice will be sought to ensure the appropriate representation of women within the RBR committee and an understanding of women’s needs. The restoration training, work, and mangrove livelihoods will be firmly focused towards women as often it is they who use the natural resources.
2.5.2 Poverty Alleviation This project does not attempt to run alternative livelihoods training. The need for them should be properly assessed first, and which livelihoods wisely examined. Recipients need to be carefully screened to ensure that people receiving help are the most vulnerable, not the most able to formulate a proposal. However, Objective 2 is concerned with the wise use and protection of mangroves and other natural resources. The training sessions will provide the opportunity to discuss wise use, try to encourage appropriate protection and enhancement of NRs, and if budget allows, invite an expert on mangrove resource use to help local people improve their use and management of the resource. See also Section 5.2. Climate change and carbon sequestration is covered in section 3.4.
2.6
Inputs Required – Financial, Manpower, Physical
Financial Inputs Project Expenses: Budget for Payment for specific experts for mangrove training and livelihood training Field staff, PSU accountant per diems for field staff travelling and trainees travel and accommodation 1
(http://sunsite.nus.edu.sg/apcel/dbase/thailand/report.html)
15
Manpower Inputs Staff from RMFRC, PSU staff and additional staff contracted as and when needed Local people taking part in or taking guidance from committees Trainers in natural resource management and usage for livelihoods Supporting NGOs, experts, community facilitators Local committee meeting facilitators for NR management Material / Physical / Other Inputs Low level scientific equipment from University (eg soil probes) Tools, computers, trucks etc loaned from either institution Maps currently available of the sites Tools for field work, planting, digging, demarcation poles, boats etc (some will have to be bought Possible use of mechanised equipment for ground re-levelling Use of DMCR / PSU vehicles
16
3 ASSUMPTIONS AND RISKS 3.1
Stakeholder Identification and Commitment
Who Are The Stakeholders? The following stakeholders in the project have been identified from a lot of previous experience in the area, site visits and a literature review. Key stakeholders are The Governor’s office of Ranong Province Prince of Songkla University, who will be running the project Ranong Mangrove Forest Research Centre / Department of Marine and Coastal Resources, who are responsible for mangrove conservation in Thailand IUCN/MFF Local government bodies (Tambon Administration Organisations) Local shrimp farmers and resource users Local women’s groups Other community groups within the project areas, eg Chao Lay Key NGOs Peripheral Stakeholders Other NGOs and volunteer groups Royal Forestry Department and Department of National Park, Wildlife and Plant Conservation, who will be involved principally as consultants Conservation organisations operating in Thailand with an interest in mangroves, eg Mangrove Action Project, WI Further stakeholder consultation will take place before project activities start to co-ordinate activities. Activities and plans will be developed with, and amended by the views of stakeholders and tailored to their needs. Where appropriate, different sections of the community (eg women, shrimp farmers) will be consulted privately on sensitive or complex issues rather than at open meetings.
3.2
Institutional Support (in kind)
Other Thai Government Departments Royal Forestry Department, Department of National Parks, Wildlife and Conservation, Department of Fisheries in time Local Government Office of the Governor of Ranong Province Kapor and Muang District (Amphur) authorities Sub-district Administration Organisation (Or Bor Tors) in Kapoe NGOs Wetlands International, Yadfon Association, Mangrove Action Project, Andaman Discoveries
17
3.3
Accountability
Local people and stakeholders will take part in further and on-going discussions about the project’s objectives, activities and funding. The results and accounts will be published and so encourage transparency and act as a benchmark for later activity. The RBR management committee will include local people, adding to the transparency and the ability to discuss the aims and actions of the project with other local people. The project will engage a professional accountant from PSU and accounts published online. As the programmes of work roll out, regular meetings will be held to update stakeholders, the IUCN and local villagers about progress, accounts and results. The project will attempt to raise awareness and educate local people about the values, ecosystem services and vulnerabilities of their local mangroves. This communication activity is expected to generate further media interest and increased openness. Organisational stakeholders and funders will be informed about events and activities through notices and letters of invitation. Or Bor Tors and village chiefs will be asked to help pass on information to members of the public through their networks.
3.4
Climate Change Mitigation and Adaptation Considerations
Thailand’s climate change policy stems from cabinet resolutions (10.9.2002) that state The Government is aware of climate change problems The Government will support projects which will contribute to GHG emission reduction and Each CDM project must be submitted to the Cabinet for final approval The net effects of climate change in tropical countries like Thailand is presently unclear. What is likely to happen is site-specific sea level rise and more severe weather events of a greater average intensity, which will be more damaging (for example, cyclones like Nargis, higher levels of rainfall in shorter periods of time producing floods, sedimentation, landslides).
Mangroves and Greenhouse Gases Mangroves’ absorption of CO2 can help combat global warming. The amounts absorbed can be almost as much as tropical rain forest, but vary due to site-specific differences and species variations. It has been estimated that a hectare of mangrove forest can absorb around 20 tonnes of carbon each year (Kansai Electric 2003). Through photosynthesis, mangroves absorb carbon from the atmosphere and use it just like any terrestrial plant. But unlike terrestrial plants, mangroves store significant amounts of carbon in the sediments as well. Mangrove trees are well known for their massive root structures and enormous growth rates. Within 18 months a mangrove tree can grow up to 6 feet. The project aims to restore a significant amount of degraded mangrove, thus locking up a lot of carbon. Community participation will also ensure that no new mangrove is lost, as clearing land for aquaculture and exposing mangrove sub-soils to air releases huge amounts of stored carbon. Further, organic material that is not stored in sediment is exported to the oceans. Even though mangroves cover only 0.1% of the earth’s surface, they contribute up to 10% of the ocean’s
18
dissolved organic carbon, bound up in large molecules which are highly resistant to decomposition, and therefore likely to be held in the ocean for decades instead of being returned to the atmosphere 2 as CO2. Mangroves and Coastal Protection There is still debate within the scientific community about the effectiveness of mangroves slowing a large set of (tsunami) waves, as so many other factors come into play including coastal shelf profile, land height behind the mangrove and so on. But there is general consensus that mangroves slow more normal waves and wind coming inshore, and river water flowing out. Slowing river flow, especially after a more intense rain event, allows the extra sediment to fall out of suspension before smothering seagrass beds and coral reefs further out. Salt water encourages sediment to flocculate. This mixing of salt water and fresh water happens within a mangrove system. Though mangroves prefer low wave energy habitats, they are able to withstand a certain amount of wave energy, which might otherwise cause damage and salt-water intrusion inland. Rhizophora sp and Avicennia sp are particularly effective as they produce a more fibrous root set than other mangrove species. Nypa palm is also thought to be effective at withstanding erosion. Relating this proposal to MFF’s Climate Change Criteria The most sensible courses of adaptation are to ensure that ecosystems are as robust and healthy as possible, that mangrove areas are protected and that environmental stressors are reduced where possible. Monitoring will be an on-going part this project. Climate change education will be part of the overall interaction with all stakeholders, not just local villagers, and particularly as part of Objective 2 (training and capacity building) as will discussions about NR exploitation levels and encouraging communities to set up NR management regulations.
3.5
Sustainability and Replicability
Sustainability Analysis The Ranong Biosphere Reserve’s conservation and management falls largely under the responsibility of the Department of Marine and Coastal Resources (DMCR). The Department’s responsibility does not end at the conclusion of the project, not least because the RBR’s permanent staff are DMCR employees. This project is only scheduled to last a year. Setting up the committee and facilitating it to function effectively will cover the most important aspect of setting up other activities. Hopefully, working with the stakeholders mentioned in 3.1 to achieve the committee’s goals will demonstrate its effectiveness and encourage support for the committee after this specific project, combined with contributions from other NGOs’ projects and MFF. Objectives 2 and 3 are proposed as by their very nature they provide long term benefits. Once the local people have been trained in restoration techniques and understand the full values of a healthy coastal ecosystem, they can utilise this knowledge whenever the opportunity arises, not just within the duration of the project, and pass it on to others. WI’s project in Bang Lang Da and Mangrove Action Project’s work in Ban Tale Nok demonstrate that mangrove 2
http://www.wbgu.de/wbgu_sn2006_en.pdf
19
restoration does not necessarily need a lot of money; just time, knowledge and the will. Targeted help with their current mangrove-based livelihoods, as requested, will reinforce the value of preserving and protecting mangroves rather than exploiting them unsustainably. The restoration and local management of NR areas will provide further resources to use over the long run. Yadfon’s work in the Palian River, Trang Province demonstrates clearly that by ensuring that the local ecosystems are healthy and well managed – community patrolling to ensure mudflats are not mechanically raked clean of clams, bio-diverse mangroves with associate herbs which can be sold, river water cleaned up to allow oyster cultivation etc – these ecosystems can provide sustainable livelihoods and food security for the very poorest and most vulnerable. Supporting ‘alternative livelihoods’ that don’t relate to local people’s current occupation, or supporting existing livelihood groups in the vague hope that the benefits of support would somehow trickle down to other, poorer members of the community have been rarely to be effective, not least by CHARM.
Risk Analysis and Possible Solutions The most likely risks anticipated for the project are as follows. One year is too short. Though certain activities can be run to a timetable, dealing with local communities, land issues etc can take an unexpected long time, as experienced in a previous MFF project and Green Coast II. Every effort will be taken to keep to schedule, but a year may prove to be an inappropriate time length. The awareness raising campaign fails to translate into a change in behaviour. Wetlands International has considerable experience in this field and will be able to advise on appropriate strategies. Achieving terms of pond surrender is difficult. Land ownership rights relating to shrimp farms in conservation zones is a particularly complex area. The project will aim to rehabilitate such areas through negotiation with farmers rather than a more formal legalistic approach. This will take considerable time, patience, and effort, and might well extend beyond the year limit. The local communities view mangrove reforestation as a governmental responsibility rather than a community issue. Previous attitudinal research revealed that most residents were pessimistic about local mangrove conservation and saw it as the government’s problem. Therefore there is a clear need to mobilise community support for conservation initiatives, perhaps by involving sub-district authorities and local conservation groups. Government sector stakeholders crowd out local community groups. The project management team should be mindful of this risk, with strong representation from NGOs and research institutes. Meetings and training needs to be carefully facilitated. Feedback must be sought from local groups to ensure they remain positively disposed to the PoWs and feel confident about taking part in discussions. Lack of enforcement undermines conservation efforts. Lack of enforcement of environmental law is a serious problem. Support from high profile local figures such as the Provincial Governor may assist in deterring unlawful activity in conservation areas and the relevant government departments will need to make enforcement a priority. Much can be learned from CHARM’s MCS work.
20
Replication The DMCR sees the RBR as an excellent model of mangrove management and therefore wants to strengthen it as far as possible before exporting this model to other parts of the country. The RBR needs to demonstrate how to sustainably incorporate man into various ecosystems into a UNESCO’s ‘Man and Biosphere’ programme, and how to integrate crosscutting issues and local people into the management of a biosphere. The training and capacity building will be in the style of training-of-trainers, to enable recipients to go back to their communities to replicate the training. Their subsequent restoration projects will be annotated and recorded with as much interpretation as funds will allow, for others to learn from. The management committee will be chosen and run for the long term, not just for a year, with an effort to fund it from contributions from all MFF projects within the RBR and source additional sources of funding.
21
4
PROJECT MANAGEMENT AND ORGANISATION
4.1
National Level Organizations
Role
Royal Thai Government Departments Department of Marine and Coastal Resources
Project co-implementer
Royal Forestry Department Department of National Parks, Wildlife, and Plant Conservation Fisheries Department
Consultant Consultant Consultant Consultant
Research Organization
Project co-implementer and Team
Prince of Songkla University
Leader
Local Government Governor of Ranong Kapoe,and Muang District (Amphur) authorities, subdistrict administration organisation (Or Bor Tors) in Kapoe
Project ‘figurehead’ and network coordination Implementation, target for training, communication with local villagers
Local Non-Government Organisations Advice and expertise in establishing a community network
NGO-CORD South
DMCR and PSU have a very positive history of working well together. Previous joint projects include Post-tsunami rehabilitation (PSU’s Faculty of Science and DMCR) South China Seas Project (PSU, Wetlands International – Thailand and DMCR) Pak Phanang Project sponsored by Kansai Electric (Japan) (PSU’s Biology Dept and DMCR) King’s Mangrove Demonstration project in Songkla Lake and Pak Phanang (PSU and DMCR)
4.2
Local Level Target groups for conservation activities, awareness campaigns and income generating activities. Target group for inclusion in stakeholder consultation groups
Villagers living in coastal communities Shrimp farmers, indigenous fisherfolk, women, schoolchildren Conservation Organizations Wetlands International – Thailand Mangrove Action Project (MAP) TEI etc
Advisory role and networking
Advisory and training role for the development of local livelihoods like homestays and ecotourism. To be utilised as appropriate, possibly in other projects working within the RBR
Livelihood Development Organisations Andaman Discoveries REST, MAP
22
4.3
Procedures for Implementation
The project will be directed by a DMCR/ PSU project management team. The co-ordinator will be Assoc. Prof. Prawit Towatana, Director: Marine and Coastal Resource Institute, PSU in close conjunction with Dr Wijarn Meepol (DMCR). PSU will manage and handle the financial side of the project. A project manager and project assistant will be responsible for day-to-day management and co-ordinating project activities and will work from the local Mangrove Management Unit offices of the DMCR or within the RBR centre. They will be supported by an accountant from PSU. The management committee will be established as soon as possible to oversee all work. The project team will report to the management committee bi-monthly, though the management committee might establish a working sub-committee that meets more regularly. The project staff will pull in other NGOs and experts as and when required to help with specific topics, training and activity. The wider network of organizations involved in the project will be linked by partnerships, workshops, seminars, field work, training courses as well as occasional open project forum meetings, to which all stakeholders will be invited. Formalised progress reporting to the donor is expected to take place after six months and the end of the project. Interim meetings would take place on a more informal basis, subject to MFF Secretariat agreement. This is flexible and would benefit from discussions and mutual agreement with the donor and project teams at inception.
4.4
Mechanism for Revision / Adjustment
Feedback from the meetings with the donor, stakeholders, management committee and progress of the various activities will be monitored by the project team. DMCR and PSU will be the agencies responsible for the execution and revision of the project where necessary. Problems arising will be highlighted and possible adjustments suggested. More significant amendments will be discussed and agreed with MFF before changes occur. The budget implication of any change will be discussed at the same time.
4.5
Financial Management and Procurement
It has been agreed between DMCR and PSU that the Prince of Songkla team should take the lead with regard to budget control. Budget from MFF should go directly to a PSU account, controlled by PSU to avoid government transfer delays inside DMCR bureaucracy, which could be considerable. This is an important step to avoid delay in the expenditure system. To ensure fiscal rectitude, project advisors or managers would only be paid with joint DMCR and PSU joint approval. The project will employ a PSU accountant to account for the money. Financial reporting periods will be agreed in conjunction with MFF secretariat but are suggested at three month intervals, including bank statements. It is expected that there will be no external audit and no budget is provided for one, but IUCN accountants would be able to audit the accounts when appropriate.
23
5
MONITORING
5.1
Monitoring System
The DMCR and PSU have been working together extensively in the RBR for many years. This work has produced significant baseline data for some of the objectives already, or data that will be helpful including: ďƒ˜ quantitative mapping and assessment of the current, unsustainable exploitation of resources ďƒ˜ Attitudinal research looking at public and commercial attitudes to mangroves (DMCR 2008) MFF staff will be invited to join the RBR management committee meetings and mangrove restoration training to view progress and activities for themselves. The project team will either be implementing this training or providing technical assistance to community restoration efforts, and therefore will be in a good position to monitor the work and provide feedback to the committee. Subject to discussion with MFF secretariat, mid and final project reviews will be held to account for progress and fiscal activity.
24
5.2
Indicators and Means of Verification
Ranong Biosphere Reserve Goals
1. RBR Management Committee Established
2. Training and capacity building for the local people so they can restore their own mangrove
Partners consulted and a list of possible committee members drawn up and agreed.
List
Candidates join, representing all stakeholders.
Diversity of committee members. Appropriate representation of women’s groups, Chao Lay etc
Committee meet, run effective meetings, coordinate projects, avoid duplication and target help to where it is most needed.
Meeting notes. Balanced output. Most vulnerable groups assisted (perhaps with activity from other projects)
Sub groups established to handle specific issues more efficiently
Lists. Output of sub groups
Mangrove restoration, ecology etc training run by DMCR / RMFRC staff Additional discussions about NR use, exploitation, livelihoods from mangrove products. Training by specific experts to improve techniques used by local people in their livelihoods M&E techniques. Value and reasons for M&E discussed. Simple techniques taught, while integrated local knowledge of ecosystems health. List of locations of degraded mangrove provided by RMFRC staff. Discussed and prioritise with the committee and a consensus formed (including local people) With technical input and advice and encouragement from RMFRC and other stakeholders, designated areas of degraded biosphere mangrove are restored.
3. Selected areas of degraded mangrove restored
5.3
Indicators and Means of Verification
Objectives & Sub Objectives
Event itself. Signatures of attendees Training notes. Specialists engaged. Eventually income uplift from improved livelihood activity. Possible study tour if appropriate Notes and training output. Eventually, M&E plots established
Approved list
Restored areas. Photography. Community mapping. Records.
Community patrolling if necessary, as discussed in the training sessions.
Patrols
Monitoring and evaluation of areas restored and areas of concern by local people
M&E records Presence of a demonstration site. Interpretation etc Meetings. Comms. Documentation
Other local ecosystems enhanced. Eg demarcation of seagrass areas. Community regulations and patrolling established where appropriate. Endorsement by local OBT
Facilitation where necessary and perhaps capacity training. Community regulations published on boards near NR
Reporting
Reporting and feedback on the progress of the project will take various forms. ďƒ˜ An amended outline of the work plan will be published after consultation and agreement with stakeholders. This will include comment on progress against indicators and be continuously updated as the project is implemented 25
Progress reports every four months, including a financial statements, provided to IUCN and NCB subject to NCB approval of report timings It is hoped that staff from MFF and NCB will have time to visit the sites themselves and join committee meetings to see progress first hand and meet involved parties First draft final report of the activities at an agreed date. Final report submitted at an agreed date (at the end of the project).
26
6
REFERENCES
Aksornkoae, S. (1993) Ecology and Management of Mangroves. The IUCN Wetlands Programme. IUCN Press, IUCN Southeast Asia Regional Office, AIT, Bangkok, Thailand. Bamroongrugsa, N. Purintavarakul, C. Kato, S. Stargardt, J. (2004) Production of sugar-bearing sap from Nypa palm in Pak Phanang Basin, Southern Thailand. Bull. Soc. Sea Water Sci. Japan., 58, 304-312. Charuppat, T. Charuppat, J. (1997) Application of LANSAT-5 (TM) for monitoring the changes of mangrove forest area in Thailand. In: Proc. 10th National Seminar on Mangrove Ecology. National Research Council of Thailand, Songkla:1-18 Coastal Resource Institute. (1991) Coastal Management in Pak Phanang. A Historical Perspective of the Resource and Issue. Prince of Songkla University. Thailand. 96 pages. Department of Marine and Coastal Resources. (2003) Draft, Thailand’s National Coastal and Marine Policy (2003-2010). Ministry of Natural Resources and Environment, Thailand. Kalang-ek, A. (1996) Socio-economic parameters in mangrove ecosystems. Symposium on Significance of Mangrove Ecosystems for Coastal People, Hat Yai, Songkla, Thailand, 1920Aug. Kansai Electric Power’s Global Environmental Action Report. (2003) Kansai Electric Power Co. ONC.,OSAKA, Japan. Macintosh, D.J. Ashton, E.C. Tansakul, V. (2002) Utilisation and knowledge of Biodiversity in the Ranong Biosphere Reserve, Thailand. ITCZM monograph No. 7 Royal Forestry Department. (1997) Forestry statistics of Thailand. Natural Forest Analysis Section, Royal Forestry Department, Bangkok, Thailand. Stevenson, N.J. Lewis, R.R. Burbridge, P.R. (1999) Disused Shrimp Ponds and Mangrove Rehabilitation. 277-297 in Kluwer Academic Publishers, Netherlands. Suphawajruksakul, A. (2005) Coastal erosion at the Pak Phanang river basin, Changwat Nakorn Si Thammarat. MSc Thesis, Chulalongkorn University. Tomlinson, P.B. (1986) The botany of mangroves. Cambridge University Press. Cambridge, UK. UNEP East Asian Seas Regional Coordinating Unit, GEF Project. (2004) Reversing Environmental Degradation in South China Sea and Gulf of Thailand. DMCR, Ministry of Natural Resources and Environment, Bangkok, Thailand.
27
ANNEX I
Project Team
Executing agencies contact personnel are 1. Dr. Wijarn Meepol, Head , RBR ,Ranong Department of Marine and Coastal Resources Ministry of Natural Resources and Environment E-mail : wijarn_m@hotmail.com Phone : 086 0965218
2. Assoc. Prof. Dr. Prawit Towatana, Director: Marine and Coastal Resource Institute, PSU Prince of Songkla University 15 Karnjanavanit Road, Hat Yai, Songkla 90110 THAILAND E-mail : prawit.t@psu.ac.th Tel.+66 (0) 744282321, 66 -0835196002
DMCR Team Dr. Wijarn Meepol, mangrove specialist, Head of Ranong MFRC and manager or Ranong Biosphere Reserve Mr. Jeerasak Chu-kwamdee, mangrove specialist, Director: Mangrove Research and Development Division, Mangrove Conservation Office, DMCR PSU Team Assoc. Prof. Prawit Towatana, Director: Marine and Coastal Resource Institute, PSU, soil Assoc. Prof. Noparat Bamroongrugsa, mangrove expert, Coastal Resource Institute, PSU Assoc. Prof. Chorthip Purintavarakul, Biology Dept, PSU mangrove specialist
28
ANNEX II
Job Descriptions for Key Staff and CVs
For an explanation of how the teams work together please see the organogram on the attached excel file. The two key staff who will be the main day-to-day contact between partners are Dr Wijarn Meepol of DMCR and Assoc. Prof. Noparat Bamroongrugsa of PSU. The project coordinator, as mentioned in the detailed budget (see Annex IV) is Assoc Prof Noparat Bamroongrugsa. CVs of some of the key staff will be added later
29
ANNEX III
Additional Site Details
Ranong Biosphere Reserve The RBR incorporates a large proportion of Ranong’s mangrove forests. These grow in the soft muddy soils of the Kra Buri River delta. These mangrove forests are the largest concentration remaining in Thailand and one of the most extensive in the Indo-Pacific region. Those in the reserve are mainly secondary forests that have been previously harvested for the production of charcoal. The remaining virgin, old-growth forest is now zoned for research. The reserve contains more than 27 species of mangrove trees, shrubs and vines. One area, Had Sai Khao, comprises a stand of Rhizophora apiculata estimated to be 200 years old. RBR’s Natural Resources and Biodiversity The inland forests of the RBR play an important role as a habitat for numerous animal species that move between the mangroves and the upland areas. Mangroves are also important for people who use them as a source of medicinal herbs, honey, wild fruit, rattan and bamboo. Seagrass beds are located in isolated patches throughout the reserve, and are important for fish, prawns and small animals. They also bind the mud together, protecting against erosion and providing a source of food for the endangered dugong and certain species of sea turtles. Within the reserve it is possible to see otters, bats, crab-eating macaques, tree squirrels, civets and slow lorets, while endangered species like the dugong have also been sighted. Turtles, monitor lizards and many species of land and sea snake live there, while many bird species migrate to the RBR from all over Thailand and abroad to raise their young or stop off to feed. Among the most common are kingfishers, hawks, plovers and ducks. As a result of the high biodiversity and presence of human settlements the RBR has become a centre for research, monitoring, education and training, and represents a movement away from a cadastral to a bioregional approach. A biosphere reserve maximises the conservation of an area's natural environment and biodiversity while managing people's use of its resources for sustainable socio-economic development. UNESCO views these reserve areas as part of an integrated landscape rather than pockets of protection from which people are excluded, as in a traditional national park. This is achieved by forming a partnership between the government and the local people, and zoning.
30
ANNEX IV Area
Budget Line A B C
Project Expenses
Estimated Budget Item Expert co-ordinator Dr NB (part time) Advisory team, NGO consultants or experts for specific training tasks (as required or on a part time basis)
4,000
Personnel employment (Project Manager) Full time
8,000
3
Objective 2
Objective 3
4,000
D
PSU project accountant and PSU support
7,000
E
Travel and accommodation, fuel, project motorbike
4,000
F
Office expenses. Fax. Post. Rent. Wifi/internet connection, utilities bills.
4,000
G H
Final Report inc translations costs Miscellaneous. Contingency
2,000 2,000
SUB TOTAL Objective 1
US$
35,000
1
Management Committee costs. Meetings costs (drinks, snacks etc). Capacity building and training as appropriate for committee members. Travel. Per Diems etc. Co-ordination between MFF project partners and implementers. Interaction with the media to talk about the project, PR campaign etc.
15,000
2
Training for local people to restore degraded ecosystems. Venue, transport, food per diems etc. Study tours to Ban Talay Nok, Bang Lang Da etc. Training for M&E of their areas and local ecosystems. Small scale livelihood training using existing mangrove products. Costs of specific experts as trainers as appropriate. Capacity building and facilitation of local NR community zonation and establishment of community regulations
25,000
3
Rehabilitation preparation. Mapping, site visits, soil testing, spot height measurements. Community mangrove restoration activities (re-grading, seedlings, transport, planting labour, hydrological restoration), weeding, tending, hydro channel maintenance. Demarcation materials. Annotation costs (photography, signs etc)
25,000
SUB TOTAL
65,000
TOTAL
100,000
3
Assumes no external audit
31
ANNEX V
Logical Framework
To be completed once concept paper approved
32
ANNEX VI
Timing Plan
Year Quarter
Q 1
Q 2
RBR management committee established
Q 3
Q 4
RBR Committee start to manage the reserve and co‐ordinate activities
Mangrove Training
Community restoration projects start
33
MFF Thailand Work Plan 2011 Objective Regional Governance National Governence
Project Facilities New SGFs Projects
New LGFs Projects
Regional Studies (2yrs)
Activity
Jan‐11 Feb‐11 Mar‐11 Apr‐11 May‐11 Jun‐11
Jul‐11 Aug‐11 Sep‐11 Oct‐11 Nov‐11 Dec‐11
RSC Meetings Conferences/ Symposia NCB Agreement for 2011 Joint Workshop to Develop 5 years Master Plan for Mangrove Research, Conservation and Management with DMCR NCB Meetings (4) NCB Working groups ‐ Flagship WG NCB Working groups ‐ Strategy WG (Plan Workshop /Forum) Set up of Coordnitation unit and function Revision of NSAPs and National Processes for Phase 2 workplan for 2012 National Forum on Coastal Issues Coastal Biodiversity Report: Situation Analysis in Thailand Disseminate results + lesson learned from SGF projects Phase 1 Disseminate results + lesson learned from LGF projects Phase 1 SGF Lessons Learns Workshop Call for proposal and selection process Contracting of SGF Projects Implementation of SGF Projects Revise RECOFTC Proposal and development of new medium grant (Ranong Biosphere Reserve Revise RECOFTC Proposal and development of new medium grant (Ranong Biosphere Reserve by PSU and DMCR) External Review New Project Contracting of Large Projects Implementation of Large Projects
X X X X X
X
X X X X
X X X
X X
X
X
X X
X
X
X X X X X
X
X
X
X
X X X X
X X
X X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X
X X X
Coordinate with Institional partner who take lead in development of regional studies
X
X
X
X X X
X
X
X
X
Contracting of Regional Studies Implementation of Studies Communication, Knowledge Mangement and Outreach Study tours Training Courses ICM Training with AIT (Regional)
X
X X
X
Update National Comms. Strategies & Action Plans Knowledge Management activities Capacity Needs Assessment for NCBs/Project Grantee Key International and Regional Events Monitoring Learning & Evaluation MLE (field visits ‐ planned number of visits) by MFFS MLE by NCB (4 LGF projects and New SGF) Regular Project Visit MFF‐TH Operations Support National Coordinators and NCB's
X
X X X
X X
X
X X
X
X
X X X
X
X X
X
X
X
X X X
การศึกษาดูงานเรื่องการผลกระทบจากการ ทองเที่ยวในอาวพังงา 24-25 มกราคม 2554
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2553 นายจอรน เกรย ผูประกอบการทองเทีย่ วโดยเรือแคนูและผูอํานวยการบริษัทจอรนเกรยซีแคนูได นําเสนอเรื่องผลกระทบตอสิ่งแวดลอมจากการทองเที่ยวในอาวพังงาจากประสบการณที่ตนไดทําธุรกิจทองเที่ยวอยูในจังหวัด ภูเก็ตและพังงามากวา 20 ป ใหกับเจาหนาที่สถาบันสิ่งแวดลอมไทย ผูแทนองคกรระหวางประเทศเพื่อการอนุรกั ษ ทรัพยากรธรรมชาติ (IUCN) ผูแทนสถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดลอม (GSEI) ผูแทนโครงการปาชายเลนเพื่อ อนาคต (Mangroves for the Future: MFF) รวมผูเขารับฟงทั้งสิ้นกวา 20 คน1 โดยนายจอรน เกรยเปนผูค นพบเกาะหอง ในจังหวัดพังงาเมื่อป 2534 และเปนผูริเริ่มการทองเที่ยวเชิงนิเวศโดยการพายเรือ แคนูเนื่องจากเปนวิธีการที่สงผลกระทบตอธรรมชาตินอยทีส่ ุด แตดวยการทองเที่ยวในประเทศไทยนั้นยังขาดการจัดการอยางมี ทิศทางทําใหไมมีมาตราการจํากัดจํานวนนักทองเที่ยว นอกจากนี้ผูประกอบการจํานวนมากที่ไมมคี วามรูความเขาใจในเรื่อง 1
http://issuu.com/mffthailand/docs/tourismimpactoncoastal
การทองเที่ยวเชิงนิเวศอยางยั่งยืนทําใหเกิดผลกระทบตอสิ่งแวดลอมในอาวพังงาอยางมากทั้งปญหาขยะ คราบมลพิษจาก น้ํามันเครื่องเรือสปดโบท การคาสัตวปา โดยไดแสดงหลักฐานภาพถายประกอบ
ตารางสรุปปญหาและแนวทางการแกไข/ปรับปรุงในการจัดการการทองเที่ยวในพังงาและภูเก็ต ปญหา การคาสัตวปา เชน งูเหลือม นก สัตวเลื้อยคลาน โดยสัตวปาเหลานี้ สามารถหาซื้อไดที่หาดปาตอง จังหวัดภูเก็ต
การลักลอบตัดไมในพื้นที่อุทยาน
การใหอาหารลิง ที่อยูอาศัยตามเกาะทําใหเปลี่ยนพฤติกรรมลิง ทํา ใหมีพฤติกรรมกาวราว โดยคนทีท่ ํางานกับบริบัทนําเที่ยวจํานวนมาก ยังไมบรรลุนิตภิ าวะ และมีฐานะยากจน ไมไดรับการอบรมในดาน อาชีพ บางคนไมมีพื้นฐานการปฐมพยาบาลเบือ้ งตน และไมสามารถ วายน้ําไดด ี ผลกระทบตอสิ่งแวดลอมจากกิจกรรมพายเรือแคนูในทะเล เกิดขึ้น จากขาดการควรคุมปริมาณนักทองเที่ยว โดยใชเรือเร็ว และ Travel ั นํานักทองเที่ยวเขามาโดยขาด Agents จํานวนมาก หลายบริษท ความรูความเขาใจเกี่ยวกับการทองเที่ยวที่ไมสงผลกระทบตอ สิ่งแวดลอม ดังนี้ ปาชายเลน เนื่องมาจากจํานวนนักทองเที่ยวทีม ่ ากในแตละ วันและการนําเรือแคนูลากจอดในพื้นที่เปนรากหายใจของ ตนไมทําใหปาชายเลนเกิดความเสื่อมโทรม
แนวทางการแกไข/ปรับปรุง เพิ่มการลาดตระเวนตรวจตราการลักลอกนําสัตวปา เจาหนาที่รัฐตองเครงครัดในการบังคับใชกฎหมาย รณรงคใหขอมูลผานสื่อประชาสัมพันธตางๆ (หลายภาษา) เพิ่มการลาดตระเวนตรวจตรา มีการติดปายทะเบียนเรือ โดยเรือที่เขามาในเขต จะตองแสดงเลขทะเบียนไม (lumber certification) อบรมและใหความรูแกผูนําเที่ยว ทั้งเรื่อง การปฐม พยาบาลเบื้องตน การชวยชีวิต การวายน้ํา สิ่งแวดลอม ควรมีเจาหนาทีอ่ ยูในพื้นที่ในชวงเวลาที่มกี าร ทองเที่ยวโดยเรือแคนู การรณรงคปลูกปาชายเลนในเกาะหอง จะทําให เกิดการกระตุนจิตสํานึกของผูประกอบการและ นักทองเที่ยว ใหความรู และสรางความเขาใจใหกับ ผูประกอบการ ผูน ําเที่ยว และเจาหนาที่อุทยาน ใน หลักการเบื้องตนของการเที่ยวชมธรรมชาติในทะเล โดยเรือแคนู และคูมือการเทีย่ วโดยใชเรือเร็ว โรงพยาบาลและคลีนิคควรมีบนั ทึกรายงานผูที่
ปญหา ผูนําเที่ยวทีม ่ ีความคึกคะนอง โดยแสดงความโลดโผนโดย การโหนตนไมเพือ่ เรียกความสนใจและทิปจาก นักทองเที่ยว สงผลทําใหตนไมเกิดความเสียหาย ความเสียหายในถ้ํา เนื่องจากนักทองเที่ยวชาวตะวันออก เชน ชาวจีน มักชอบหักหินงอกหินยอยภายในถ้าํ เปนของที่ ระลึก ปญหาขยะ ทั้งจากนักทองเทีย่ วและครัวเรือน (50/50) และกวา 80% ของโฟมที่ลอยอยูในทะเลมาจากฟารมกุง
แนวทางการแกไข/ปรับปรุง ไดรับบาดเจ็บจากการถูกลิงทําราย
การจราจรทางน้ําการจราจรทางน้ําที่วุนวายและไมมีการจัดการ โดย เรือที่ทําใหเกิดผลกระทบตอสิ่งแวดลอมมากที่สดุ คือมลพิษทางเสียง จากเรือหางยาว และเรือเร็ว Speed boat สองจังหวะ ที่ทิ้งคราบ น้ํามันเปนปริมาณมาก
o
o
o
จํานวนนักทองเที่ยวที่ไมมกี ารจํากัดใหเหมาะสม
o
o
o
การจัดเก็บเงินคาเขาอุทยานอยางมีประสิทธิภาพ เนื่องจากในแตละ ปมีนักทองเทีย่ วเดินทางสูจังหวัดภูเก็ตกวา 6,500,000 คน ตอป แต จากขอมูลจากอุทยานแหงชาติมรี ายงานเพียง 39,000 คนตอป
o
ใหความรูและสรางความเขาใจใหกับผูประกอบการ นักทองเที่ยว และผูนําเที่ยวเรื่องปญหาจากขยะ และของเสีย ตรวจสอบนากุงเพื่อหาสาเหตุวาโฟมหลุดลอยออก มาจากนากุงไดอยางไร และควรหามาตราการใน การดูแล เชน การวางตาขายกั้น นํากฎหมาย California 2‐cycle law มา ประยุกตใช สรางความรูความเขาใจใหกับผูป ระกอบการและ เจาของเรือเร็ววาเรือเร็วสองจังหวะสงผลกระทบใด ตอสิ่งแวดลอมบาง และประโยชนที่จะไดหากไดใช เครื่องยนตชนิด 4 จังหวะ รณรงคใหเรือหางยางติดตั้งเครืองกรองเสียง สราง ความรูความเขาใจกับผูขับเรือหางยาววาเรือจะ ทํางานไดเต็มประสิทธิภาพหากไมไดถูกดัดแปลง เอาเครื่องกรองเสียงออก จํากัดจํานวนนักทองเที่ยวเปน 100 คน ตอวันตอ บริษัท กําหนดมาตราฐานการทองเที่ยวโดยมีการอบรม หลักสูตรการทองเที่ยวที่เปนมิตรตอสิ่งแวดลอม สรางความรูความเขาใจแกนักทองเที่ยว โดยอาจ อยูในรูปของวีดที ัศนในระหวางการเดินทาง (In‐ flight video) สื่อตางๆ ปรับปรุงระบบการจัดการเก็บคาเชาอุทยานและ การบริหารจัดการอุทยานฯ
โดยหลังจากทางนั้นทางโครงการปาชายเลนเพื่ออนาคตก็รับเรื่องมาประสานงานตอโดยมี ดร.จําเนียร วรรัตนชัยพันธ ผูอํานวยการอาวุโสเปนฝายประสานงานหลัก โดยไดนัดหมายกับทางทีมงานของนายจอรน เกรยเพื่อดูพื้นที่ที่เปนปญหา ระหวางวันที่ 24 -25 มกราคม พ.ศ. 2554 โดยไดเชิญผูแทนจากคณะกรรมการประสานความรวมมือระดับชาติที่เกี่ยวของ และมีความสนใจกับเรื่องการทองเที่ยวและทรัพยากรทางทะเลและชายฝง ทางทีมงานซึ่งประกอบไปดวย 1.
ดร. จําเนียร วรรัตนชัยพันธ สถาบันสิ่งแวดลอมไทย
2.
นางพีรนุช ดุลกุล แคพเพลา ผูแทนกรมอุทยานแหงชาติสตั วปาและพันธุพืช
3.
ดร. นาโอมิ ดาก ผูแทนองคการระหวางประเทศเพื่อการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติ (ผูแทนโครงการประเมิน ประสิทธิภาพการจัดการอุทยานแหงชาติทางทะเล MEE)
4.
นางสาวสายสุนยี จักษุอินทร กองทุนสัตวปาโลก (WWF)
5.
นางสาวศิริพร ศรีอราม โครงการปาชายเลนเพื่ออนาคต
6.
นายจอรน เกรย ผูประกอบการ Sea Canoe
7.
นายเดวิด ฟาเบกา ชางภาพ co‐funder จากโครงการ David Without Borders2
8.
นายเดวิด ไอเม
co‐funder จากโครงการ David Without Borders
เดินทางสูจังหวัดพังงาเพื่อศึกษาสภาพปญหาทีเ่ กิดจากการทองเที่ยวในอาวพังงา “อุทยานแหงชาติอาวพังงา มีพนื้ ที่ครอบคลุมในทองที่อําเภอตะกั่วทุง อําเภอ เมือง อําเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา เปนอุทยานแหงชาติประเภทชายฝงทะเล
เกาะหอง
มีความงดงามของทิวทัศน ชายฝง และทิวทัศนเหนือผิวน้ํา อุดมสมบูรณดวย ปาชายเลน ประกอบดวยเกาะทางดานทิศตะวันออกของเกาะภูเก็ตประมาณ 40 เกาะ และเอกลักษณทางธรรมชาติทส ี่ วยงาม เชน เขาพิงกัน เขาตะปู ถ้ํา
ลอด รวมทั้งหาดทรายสวยงาม อุทยานแหงชาติอาวพังงามีเนื้อที่ทั้งหมด ประมาณ 250,000 ไร หรือ 400 ตารางกิโลเมตร3”
เกาะเขาตะปู
ทางทีมศึกษาดูงานไดไปสถานที่ทองเที่ยวตางๆ ในอาวพังงา ดังรูปที่ 1
2
http://www.davidwithoutborders.com/web‐documentaries/ http://www.dnp.go.th/parkreserve/asp/style1/default.asp?npid=197&lg=1
3
เกาะพํานัก
รูปที่ 1 เสนทางการศึกษาดูงาน โดยเริ่มจากเกาะ หอง เกาะพํานัก เกาะเขาตะปู (James Bond Island) จ.พังงา
สภาพปญหาทีพ ่ บคือ 1.
ปญหาขยะ โดยสวนมากเปนชิ้นสวนโฟมและพลาสติก
2.
ขาดการจัดการเรื่องจํานวนนักทองเที่ยว โดยมีจํานวนนักทองเที่ยวเกินความสามารถในการรองรับ สงผลกระทบ ทางตรงตอทรัพยากรธรรมชาติ
(ภาพลาง) นายจอรน เกรย อธิบายปญหาที่เกิดจากการทีผ่ ูนําเที่ยวลากเรือแคนูมาจอดในชวงน้ําลงทําใหไปทําลายราก หายใจของตนไม
3.
ผูประกอบการและผูนําเที่ยวไมมีความรูค วามเขาใจเกี่ยวกับการทองเที่ยวเชิงนิเวศอยางแทจริง ไมมีการใหความรูนัก เที่ยวและขาดความใสใจในเรื่องของน้ําขึ้นน้ําลง ซึ่งทําใหเกิดความเสีย่ งเนื่องการการเขาชมปาชายเลนในถ้ํานัน้ หาก ไมคํานึงถึงระดับน้ําอาจทําใหนักทองเที่ยวติดอยูในถ้ําไดเปนเวลาหลายชั่วโมง
จากนั้นทีมงานจึงไดเขาหรือกับเจาหนาที่ประจําอุทยานแหงชาติอาวพังงาและไดขอตกลงวาทางอุทยานจะสงเจาหนาที่ไป อบรมกับทางทีมงานของจอรน เกรย เรื่องการทองเที่ยวโดยเรือแคนูและเรียนรูเขาใจถึงสภาพปญหาที่มีตอ สิ่งแวดลอม เนื่องจากจํานวนนักทองเที่ยวทีเ่ กินขีดความสามารถที่ทองที่จะรับไดและพฤติกรรมของผูประกอบการนําเที่ยวที่สงผลกระทบ ตอธรรมชาติ
แผนงานตอไป ทางทีมงานไดประชุมเพื่อหาแนวทางในการประสานงานใหเกิดกระบวนการแกไขปญหาการ ทองเทีย่ วในอาวพังงาดังนี ้ แนวทางแกไข การจัดการอุทยานแหงชาติทางทะเล โดยประสานกับทางกรมอุทยานฯ เพื่อให เจาหนาที่เขารววมอบรมกับทางบริษัทจอรน เกรย ซีแคนู
ผูประสานงาน นางพีรนุช ดุลกุล แคพเพลา ผูแทนกรม อุทยานฯ
ประสานงานกับภาคสวนที่เกีย่ วของคือ กรมอุทยานฯ กรมพัฒนาการทองเที่ยว สมาคมผูประกอบการนําเที่ยว (ภูเก็ต) กรมประมง องคกรปกครองสวนทองถิ่นใน การสงเสริมใหเกิดสรางมาตราการเพื่อควบคุมจํานวนนักทองเที่ยวเพื่อใหสงผล กระทบตอสิงแวดลอมนอยที่สดุ โดยถอดบทเรียนจากอุทยานแหงชาติธารโบกขรณี โครงการรวมกันในเชื่อมโยงกับโครงการการจัดการการทองเที่ยวเพื่อเปนมิตรตอ สิ่งแวดลอม กับ Tour Operator Initiative (ToI) เผยแพรประเด็นปญหาและแนวทางแกไขผานสื่อสังคมออนไลน Social Network และประสานงานกับผูม ีสวนเกี่ยวของอื่น
ดร.จําเนียร วรรัตนชัยพันธ สถาบัน สิ่งแวดลอมไทย นางพีรนุช ดุลกุล แคพเพลา ผูแทนกรม อุทยานฯ
นางสาวสายสุนยี จักษุอินทร WWF โครงการปาชายเลนเพื่ออนาคตและ จอรน เกรย
กําหนดการสมัชชาปฏิรูประดับชาติ ครัง ้ ที่ ๑ วันที่ ๒๔-๒๖ มีนาคม ๒๕๕๔ ฮอลล ๙ อิมแพค คอนเวนชั่น เซ็นเตอร และ หองแกรนด ไดมอนด บอลรูม วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๔ ๐๗.๓๐-๐๘.๓๐ น.
ผูเขารวมประชุมลงทะเบียน
๐๘.๓๐-๐๙.๐๐ น.
การเตรียมความพรอมการประชุม
๐๙.๐๐-๑๐.๐๐ น.
พิธีเปด: - การแสดงศิลปวัฒนธรรม และวิดีทัศนนํา -เปดการประชุมสมัชชาปฏิรูประดับชาติ ครั้งที่ ๑ โดยประธาน คสป. ปาฐกถาพิเศษในหัวขอ “ประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (ป.ป.ป.)” โดย ๑. ตัวแทนภาคประชาชนทีไ ่ ดรบ ั ผลกระทบ/ปญหา โดย................................................... ๒. ตัวแทนภาคประชาชนที่เสนอมุมมองเชิงโครงสราง โดย.....................................................
๑๐.๐๐-๑๑.๐๐ น.
รับรองระเบียบวาระการประชุม โดย ประธาน คจสป.
๑๑.๐๐-๑๒.๐๐ น.
การประชุมพิจารณารางมติ
๑๒.๐๐-๑๒.๔๕ น.
พักรับประทานอาหารกลางวัน
๑๒.๔๕-๑๔.๐๐ น.
ประชุมวิชาการ (หองยอย)
๑๔.๑๕-๑๗.๐๐ น.
- การประชุมพิจารณารางมติ - การกลาวแสดงความมุงมั่นในการรวมพลังปฏิรูปประเทศไทย ใน นามเครือขาย โดย ผูแทนเครือขายสมัชชาปฏิรูป
๑๗.๓๐-๑๘.๔๕ น.
ประชุมวิชาการ (หองยอย)
วันศุกรที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๔ ๐๗.๓๐-๐๙.๐๐ น. ๐๙.๐๐-๑๒.๐๐ น.
ผูเขารวมประชุมใหมลงทะเบียน ผูเขารวมประชุมรับเอกสารเพิ่มเติม -ประชุมพิจารณารางมติ -การกลาวแสดงความมุง มั่นในการรวมพลังปฏิรูปประเทศไทย ใน นามเครือขาย โดย ผูแทนเครือขายสมัชชาปฏิรูป
๑๒.๐๐-๑๒.๔๕ น.
พักรับประทานอาหารกลางวัน
๑๒.๔๕-๑๔.๐๐ น.
ประชุมวิชาการ (หองยอย)
๑๔.๑๕-๑๗.๐๐ น.
- ประชุมพิจารณารางมติ - การกลาวแสดงความมุงมั่นในการรวมพลังปฏิรูปประเทศไทย ใน นามเครือขายโดย ผูแทนเครือขายสมัชชาปฏิรูป
วันเสารที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๔ ๐๗.๓๐-๐๙.๐๐ น. ผูเขารวมประชุมรับเอกสารเพิ่มเติม ๐๙.๐๐-๑๐.๓๐ น. ๑๐.๓๐-๑๑.๑๕ น. ลอมวงคุยกัน “รวมพลังปฏิรป ู ประเทศไทย” โดย ๑๑.๑๕-๑๒.๐๐ น. ๑.ตัวแทนภาคประชาชน/ประชาสังคม ๒.ตัวแทนภาครัฐ ๓.ตัวแทนภาควิชาการ ๔.ตัวแทนองคกรปกครองสวนทองถิน ่ ๕.ตัวแทนสือ ่ มวลชน ๖.ตัวแทนภาคธุรกิจ รับรองรางมติที่ผานการพิจารณาแลว รับมอบมติจากสมัชชาปฏิรูป และแสดงความคิดเห็น โดย นายอานันท ปนยารชุน ประธานกรรมการปฏิรูป ศ.นพ.ประเวศ วะสี ประธานกรรมการสมัชชาปฏิรป ู -พิธิปดงานสมัชชาปฏิรูประดับชาติ ครัง้ ที่ ๑ โดยประธาน คสป. -การแสดงศิลปวัฒนธรรม หมายเหตุ มีการจัดตลาดนัดปฏิรูปประเทศไทยเพื่อเปนเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรูเกี่ยวกับการปฏิรูป ของเครือขาย ภาคีทุกภาคสวน ณ บริเวณ ฮอลล ๙ ตลอดงานทัง้ ๓ วัน
หองระดมสมอง (เวทีวิชาการ) ในการประชุมสมัชชาปฎิรปู ระดับชาติ ครั้งที่ 1 ระหวางวันที่ 24 ถึง 26 มีนาคม 2554 ณ ศูนยประชุมอิมแพค เมืองทองธานี 1.
2.
ชื่อเรือ่ งที่จะจัดหองระดมสมอง (วิชาการ) ทะเล...ของใคร? คําเชิญชวนที่จะเผยแพรใหกับภาคีเครือขาย (ไมเกิน 10 บรรทัด) ใครจะเชื่อวันนี้ทะเลที่ไมเคยมีใครคิดวาจะมีเจาของ...แตวันนี้กลับมีเจาของ
ชายทะเลที่ชาวประมงเคยหาหอย หาปู หาปลา กลับถูกรีสอรทหามเขาเพราะบดบังทัศนียภาพนักทองเทีย่ ว ทะเลอันเคยเปนที่จอดเรือและวางอวน วางลอบ ฯลฯ กลับถูกยึดไปทํามารีนาสําหรับจอดเรือยอจช ทางสาธารณะชายทะเลที่เคยสัญจรมาชั่วนาตาปกลับถูกออกเอกสารสิทธิทับไปเสีย มิเพียงเทานั้นในหลายพื้นทีท่ ะเลอันเปนแหลงทํามาหากินของชุมชนประมงพื้นบานกําลังถูกคุกคามจากการพัฒ นาดานอุตสาหกรรม ในขณะที่ทะเลอาวบานดอนถูกแปลงเปนทุน ปลอยใหยึดถือจับจองและซือ้ ขายทะเลกันเปนวาเลน พรอมปกปายประกาศ “หามเขา” ประกาศอิทธิพลเหนือพื้นที่ ในขณะที่มอแกนและอูรกั ละโวย ยิปซีทะเลที่เคยรอนแรม มีชีวิตและและวัฒนธรรมอยูกับทองทะเลอันกวางใหญมานับพันป กลับถูกจํากัดสิทธิเพราะกฎหมายอุทยานแหงชาติ สําหรับพวกเขาไมเพียงแตการทํามาหากินที่ยากลําบากเทานั้น แตยังหมายถึงการสูญเสียวิถีชีวิต และการเสื่อมถอยของประเพณีและวัฒนธรรมอยางยากจะฟนคืน วันนี้ทะเลเปนของใคร? 3.
4.
5.
6.
จํานวนกลุมเปาหมายที่ตอ งการ จํานวน 30-50 คน รูปแบบการนําเสนอ วันที่ 24 มีนาคม 2554 เวลา 13.00-15.30 น. ● นิทรรศการ ● นําเสนอ VDO 10 นาที ● เวทีเสวนา นําเสนอกรณี 15 นาที ● แสดงความคิดเห็น รูปแบบการจัดหองประชุม เวทีเสวนา (จัดเวทีรูปครึ่งวงกลม) ชื่อวิทยากรหลักและผูดาํ เนินรายการ
ผูดําเนินรายการ: เรวดี ประเสริฐเจริญสุข ผูรว มเสวนา ● กรณีผลกระทบจากคอกหอยอาวบานดอน โดย ตัวแทนชาวบานอาวบานดอน จังหวัดสุราษฎรธานี ● กรณีผลกระทบจากการขยายตัวดานการทองเที่ยว โดย ตัวแทนเครือขายประมงพืน ้ บาน
จังหวัดพังงา-ภูเก็ต (ประสานงานพีธ่ นู) ● กรณีอาวปตตานี โดย นายสะมะแอ เจะมูดอ ประธานสมาพันธประมงพื้นบานภาคใต ● กรณีผลกระทบตอกลุมชาติพันธุ (มอแกน/อูรก ั ละโวย) โดย ดร.นฤมล อรุโณทัย สถาบันวิจยั สังคม จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ● กรณีผลกระทบจากการประกาศอุทยานแหงชาติทางทะเล ● กรณีการไลรอ ื้ ชุมชนชายฝง (โดยกรมเจาทา) โดย ตัวแทนชุมชนคลองสน จังหวัดประจวบ กรณีปากบารา/นิคมอุตสาหกรรมขนอมสิชล โดย ตัวแทนชุมชน ● ผลกระทบตอผูหญิงตอการลดลงของทรัพยากรธรมชาติ ● ประมวลผลและวิเคราะห โดย อ.ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม 7.เอกสารประกอบ 7.1 จดหมายขาวรักษอาวบานดอน (วิกฤตอาวบานดอน) 7.2 รวบรวมเอกสาร ขอมูลแตละกรณี ถายเอกสารและจัดทําเปนรูปเลม
8.ชื่อภาคีเครือขายเจาภาพหลัก 8.1 มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยงั่ ยืน 8.2 องคการความรวมมือเพือ่ การฟน ฟูชายฝงทะเลอันดามัน (ARR) 8.3 สมาพันธประมงพื้นบานภาคใต 8.4 องคการพื้นที่ชุมน้ํานานาชาติ-ประจําประเทศไทย
9.ชื่อผูประสานงาน ที่อยู หมายเลขโทรศัพท email 9.1 เรวดี ประเสริฐเจริญสุข มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่อยู 86 ลาดพราว110 แยก 2 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม
10310โทรศัพท..02 9353561-2 มือถือ 081-9125725
9.2 ธนู แนบเนียน องคการความรวมมือเพื่อการฟนฟูชายฝงทะเลอันดามัน (ARR) มือถือ 081-8915509 9.1 ประทีป มีคติธรรม องคการพืน้ ที่ชุมน้าํ นานาชาติ-ประจําประเทศไทย ที่อยู1 80/4 ม.1 ต.คอหงส อ.หาดใหญ จ.สุราษฎรธานี 8400 โทรศัพท/โทรสาร 077-222725 มือถือ 086-0939976
10.อุปกรณที่ตอ งการให คจสป.ไดจดั เตรียมไวให อัดเทปการพูดคุยเสวนา คจสป. เตรียม ● ● ●
จัดเตรียมหองประชุมใหเหมาะสมกับจํานวนกลุมเปาหมายและรูปแบบการประชุม จัดประชาสัมพันธใหกับภาคีเครือขายที่เขารวมงานสมัชชาปฏิรปู ระดับชาติ ครั้งที่ 1 จัดเตรียมอุปกรณพื้นฐานประจําหอง ปายชื่อหอง และฉากดานหนาเวที เครื่องคอม เครื่องฉาย LCD จอภาพ อื่น ๆ
11. พื้นที่จดั ตลาดนัดนิทรรศการ กําแพงธรรมชาติเพื่อความมัน่ คงทางอาหาร
นิทรรศการ แสดงโปสเตอร สิ่งพิมพ วีดีทศั นพื้นที่แสดงโมเดลภูมิปญ ญาทองถิน่ ในการจัดการกับปญหาการกัด เซาะชายฝง (ลูกเตายางรถยนตและบานปลาจากชุมชนเปร็ดใน และแนวไมไผกนั กัดเซาะตนแบบจากโคกขาม) และมุมเสวนา เรื่อง ทะเลเปนของโคร (2 ชั่วโมงครีง) โดยมีสาธิตการทําอาหารจากปาชายเลนโดยกลุมสตรี โครงการความมั่นคงอาหาร จ.พังงา ตลอด 3 วัน องคกรผูร ว มจัดนิทรรศการ มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โครงการปาชายเลนเพื่ออนาคต (MFF) องคการระหวางประเทศเพื่อการอนุรักษ ธรรมชาติ (IUCN) และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝง WWF, RECOFTC องคการพื้นที่ชุมน้ํานานาชาติ สํานักงานประเทศไทย UNDP (MFF SGF) โครงการความมั่นคงทางอาหาร เครือขายรักษอาว ก.ไก มูลนิธริ ักษ ไทย สมาพันธประมงพื้นบานภาคใต กลุมอนุรักษปาชายเลนบานเปร็ดใน สถาบันสิ่งแวดลอมไทย
(ราง) โครงการสัมมนาวิชาการ เรื่อง การจัดการทรัพยากรทะเลและชายฝงเพื่ออนาคต วันที่ -------ณ -------- จ.สุราษฎรธานี
1. หลักการและเหตุผล การเสื่อมโทรมของทรัพยากรทะเลและชายฝงของประเทศไทยเปนปญหาที่เกิดขึ้นมาอยางตอเนื่อง รูปธรรมที่เห็นไดชัดคือ การที่ชุมชนชายฝงที่อาศัยอยูในหลายพื้นที่ตองเผชิญกับปญหาในการประกอบอาชีพประมงอยางตอเนื่อง
ทั้งการทํา
ประมงโดยใชเครื่องมือประมงที่ไมเหมาะสมและขาดการควบคุมที่มีประสิทธิภาพ เชน การใชอวนรุนอวนลาก อวนตาถี่ใน การจับสัตวน้ํา การลากอวนหรือคราดหอยลายในเขตหวงหาม 3 กิโลเมตร ซึ่งเปนเขตทําการประมงแบบพื้นบานสงผลให ทรัพยากรสัตวน้ําลดลง และมีผลตอระบบเศรษฐกิจและสังคมของชาวประมงพื้นบานซึ่งตั้งถิ่นฐานอยูบริเวณชายฝงทะเล รวมทั้งระบบนิเวศชายฝงยังถูกคุกคาม เพราะเครื่องมือหรือการทําประมงที่ผิดรูปแบบเชนนี้มีผลตอการทําลายหญาทะเล แนวปะการัง และปาชายเลน อันเปนเปนที่พักอาศัยของสัตวน้ําวัยออนหลายประเภท เมื่อถิ่นที่อาศัยถูกรุกราน ก็จะสงผล ตอการลดลงของทรัพยากรสัตวน้ําเชนกัน นอกจากนี้ การขยายตัวของพื้นที่อุตสหกรรม การทองเที่ยว และการขยายตัวของเมือง ทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงเรื่องการ ใชประโยชนที่ดินบริเวณพื้นที่ชายฝงทะเล มีการกอสรางโรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม บานพักตากอากาศในบริเวณชายฝง ทะเลเพิ่มขึ้น ปญหาที่ตามมาคือ การบุกรุกพื้นที่สาธารณะจากกลุมผูมีอิทธิพล ปญหาสิทธิในที่ดินทํากิน ปญหาของเสีย และมลพิษที่เพิ่มสูงขึ้น ฯลฯ รวมทั้งปญหาการเปลี่ยนแปลงดานกายภาพของพื้นที่ชายฝง เชน การกัดเซาะชายฝง การทับ ถมของตะกอนเลน การเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ชายหาด สาเหตุที่ทําใหเกิดปญหาเหลานี้สวนหนึ่งเกิดจากการใชประโยชน ที่ดินที่ไมเหมาะสม
เนนการพัฒนาโครงสรางพื้นฐานและเปลี่ยนแปลงพื้นที่ชายฝงเพื่อรองรับภาคอุตสาหกรรมจนทําให
กายภาพของพื้นที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอยางรวดเร็ว ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรทะเลและชายฝงอยางรวดเร็วทั้งดานกายภาพและระบบนิเวศวิทยา มีนัยยะสําคัญตอความ หลากหลายทางชีวภาพ
ซึ่งมีวงจรชีวิตที่พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันระหวางมนุษยและทรัพยากรทะเลและชายฝง
สิ่งที่
เกิดขึ้นตามมา คือการลดลง หรือ การสูญเสีย พันธุสัตวน้ํา พันธุพืช ชนิดประการัง ชนิดหญาทะเล และชนิดของปาชาย เลน ผลกระทบที่ตามมาก็จะเปนลูกโซ กลาวคือ เมื่อทรัพยากรธรรมชาติเสื่อมโทรม ลดลง หรือสูญหาย ก็จะสงผลตอ กายภาพพื้นที่ ระบบนิเวศทะเลและชายฝง สงผลตอเนื่องตอความมั่นคงในงานอาชีพและการดําเนินวิถีชีวิตชุมชนชายฝง และทายที่สุดก็จะสงผลกระทบตอทุกชีวิตที่มีวิถีชีวิตและการดําเนินชีวิตเชื่อมโยงและสัมพันธกัน จากสถานการณดังกลาวขางตน
ไดสะทอนถึงการบริหารและจัดการทรัพยากรทะเลและชายฝงของประเทศไทยวา
หนวยงานหรือองคกรที่เกี่ยวของกับจัดการทรัพยากรทะเลและชายฝงของประเทศไทย ยังขาดความเขาใจที่ลึกซึ้งถึงบริบท 3/10/2011-1
ของการจัดการอยางมีสวนรวมโดยภาคประชาชน รวมทั้งหลักธรรมาภิบาลของการกําหนดนโยบาย การออกกฏหมายและ กฎระเบียบตางๆ ที่เกี่ยวของกับการจัดการทรัพยากรทะเลและชายฝง ดังจะเห็นไดจากการออกนโยบายสาธารณะของ ประเทศที่ไมไดสงเสริมการมีสวนรวมและการกระจายอํานาจใหชุมชนและทองถิ่นเปนสวนหนึ่งในการบริหารจัดการ ทรัพยากร ดังนั้นทิศทางการกระจายอํานาจใหกับทองถิ่นและชุนชนจึงไมเปนจริงในทางปฏิบัติ จําเปนอยางยิ่งที่จะตองมี การปรับปรุงและทําความเขาใจกับหนวยงานหรือองคกรที่เกี่ยวของเพื่อใหระบบการบริหารจัดการที่
ตอบสนองตอการ
แกไขปญหาของชุมชน และเอื้อตอการพิทักษ ฟนฟู และอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม อันเปนปจจัยสําคัญ ตอการสรางความมั่นคงของฐานอาชีพ เศรษฐกิจและสังคมของชุมชน สถานการณความเสื่อมโทรมของทรัพยากรทะเลและชายฝงเปนปญหาเดิมที่เราเผชิญอยู แตขณะเดียวกันปจจุบันนี้พบวา สภาวะความแปรปรวนและความรุนแรงของสภาพภูมิอากาศ หรือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไดกลายเปนปญหาที่ นานาประเทศกําลังใหความสําคัญเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากหลายประเทศตองประสบกับภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น ทั้งอุทกภัย ดินถลม พายุกระหน่ํา รวมทั้งภาวะแหงแลง สรางความเสียหายตอชีวิตและทรัพยสินมากมาย หลายเหตุการณในหลาย ประเทศไดปลุกกระแสการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมเพิ่มมากขึ้น สําหรับประเทศไทยนั้นภูมิศาสตรของประเทศตั้งอยูใกลจุดศูนยกลางความแปรปรวนของระบบภูมิอากาศโลกที่สําคัญ คือ ปรากฏการณเอนโซและลมมรสุมโซนรอนที่เกิดจากปฏิสัมพันธระหวางมหาสมุทร บรรยากาศ และพื้นดิน ในบริเวณเสน ศูนยสูตรระหวางมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟก ซึ่งเปนองคประกอบสําคัญของระบบภูมิอากาศโลก ที่มีแนวโนม จะทวีความรุนแรงและความถี่ของการเกิดเพิ่มขึ้น ตามสัดสวนการเพิ่มขึ้นของกาซเรือนกระจกและอุณหภูมิของโลก การ คาดการณดังกลาวคอนขางสอดคลองกับสถานการณในประเทศไทยที่มีการเปลี่ยนแปลงอยางชัดเจนของอุณหภูมิอากาศ และปริมาณน้ําฝน ตลอดจนจํานวนวันฝนตกทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งสงผลกระทบโดยตรงตอคุณภาพชีวิตของคน เศรษฐกิจและความหลากหลายทรัพยากรชีวภาพของประเทศ ชุมชนชายฝงเปนอีกกลุมหนึ่งที่มีความลอแหลมอยางสูงตอความแปรปรวนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากการดํารงชีวิตของชุมชนชายฝงโดยรวม ตองพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติในการทํามาหากิน จึงมีความเสี่ยงที่อาหาร และรายไดจะลดลงหากเกิดความแปรปรวนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เชน การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิและคลื่น ความรอน ที่นับวันจะทวีความรุนแรงและมีความถี่ของการเกิดบอยครั้งขึ้น คาดวาจะสงผลใหเกิดการกัดเซาะชายฝง การ เพิ่มขึ้นของระดับน้ําทะเล การเปลี่ยนแปลงของความหลากหลายชีวภาพ สถานการณที่กลาวมาเหลานี้สงผลใหเกิดความ เสียหายตอชีวิต ทรัพยสิน สภาพเศรษฐกิจและสังคมของชุมชนชายฝงเปนมูลคามหาศาลในแตละป การตั้งรับปรับตัว หรือ การเตรียมความพรอม เปนอีกประเด็นที่ประเทศไทยจะมีการเตรียมการ โดยเฉพาะอยางยิ่งการ ปองกันความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการแปรปรวนหรือเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ
รวมทั้งภัยพิบัติ 3/10/2011-2
ทางธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้นไดตลอดเวลา เพราะสิ่งเหลานี้มีผลโดยตรงตอการเปลี่ยนแปลงของทรัพยากรและระบบนิเวศ ทะเลและชายฝง ที่ผานมาพบวา มีหนวยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา และองคกรตางๆ ไดทําการศึกษาและรวบรวม ขอมูลดานวิทยาศาสตรเกี่ยวกับเรื่องนี้ไวมาก แตสิ่งที่เปนองคความรูทองถิ่น หรือภูมิปญญาทองถิ่น หรือชุดขอมูลชุมชน ดานการจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่เกี่ยวของกับการตั้งรับปรับตัวยังไมไดถูกนํามาสรุปบทเรียน แลกเปลี่ยนสื่อสารและ เผยแพรใหกับสาธารณะชนไดรับทราบ ดังนั้นเพื่อเปนการเเชื่อมโยงภูมิปญญาทองถิ่น และนวัตกรรมดานการฟนฟู อนุรักษ พิทักษและการจัดการทรัพยากรทะเล และชายฝง เขากับงานดานวิทยาศาสตรของหนวยงานราชการและสถาบันการศึกษา และเปนการเตรียมความพรอมของ ชุมชนชายฝงการเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงดานทรัพยากรและระบบนิเวศทะเลและชายฝง อันเปนผลสืบเนื่องมาจากการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติในอนาคต ทางเครือขายภาคประชาชนที่ทํางานดานการจัดการทรัพยากรทาง ทะเลและชายฝงจึงไดจัดใหมีการสัมมนาวิชาการ เรื่อง การจัดการทรัพยากรทะเลและชายฝงเพื่ออนาคต ขึ้น เพื่อใหเวทีนี้เปนเสมือนเวทีวิชาการของชุมชนในการแลกเปลี่ยนสื่อสารและเผยแพรใหกับสาธารณะชนไดรับทราบ
และ
เปนการรวบรวมและจัดทําขอเสนอแนะเชิงนโยบายเรื่องการฟนฟู อนุรักษ พิทักษ และจัดการทรัพยากรทะลและชายฝง และแนวทางการตั้งรับปรับตัวตอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติของชุมชนชายฝง เพื่อใหหนวยงานภาครัฐ และองคกรทองถิ่นไดนําไปปรับใชสําหรับการทํางานในอนาคตตอไป 2. วัตถุประสงค 2.1 เพือ่ นําเสนอนวัตกรรม องคความรูและภูมิปญญาทองถิ่นในการฟนฟู อนุรักษ พิทักษ ทรัพยากรทะลและชายฝง 2.2 เพื่อนําเสนอแนวทางการตั้งรับปรับตัวของชุมชนชายฝงเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศทะเลและชายฝง และ สรางความตระหนักเรื่องการตั้งรับปรับตัวของชุมชนชายฝงตอสถานการณการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภัย พิบัติในอนาคต 2.3 เพื่อรวบรวมและจัดทําขอเสนอแนะเชิงนโยบายสําหรับหนวยงานภาครัฐและองคกรทองถิ่น เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติ สําหรับการฟนฟู อนุรักษ พิทักษ ทรัพยากรทะลและชายฝง และแนวทางการตั้งรับปรับตัวตอการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศและภัยพิบัติของชุมชนชายฝงในอนาคต 3. เนื้อหาการสัมมนาวิชาการ 3.1 การจัดการองคความรูทองถิ่น และนวัตกรรมในฟนฟู อนุรักษ พิทักษ และการจัดการปาชายเลน ประกอบไปดวย - การฟนฟูปาชายเลนในพื้นที่นากุงราง จ. สุราษฎรธานี - การอนุรักษปาชายเลนทรัพยากรทางทะเลและชายฝงอาวทองตม จ.ชุมพร - การอนุรักษพื้นที่ชุมน้ําแนวชายฝงทะเลอันดามัน จ.ระนอง - การจัดการอาหารทองถิ่นรักษาปาชายเลน จ.ภูเก็ต - การฟนฟูปาชายเลนและปาชายหาด ต.คลองประสงค จ.กระบี่ 3/10/2011-3
3.2 การจัดการทรัพยากรทะเลและชายฝงแบบบูรณาการบนฐานระบบนิเวศ ประกอบไปดวย - การจัดการจากภูสูเล ลุมน้ําตาป – พุมดวง จ. สุราษฎรธานี - การเสริมสรางศักยภาพเครือขายชุมชนเพื่อการจัดการทรัพยากรชายฝง จ.ภูเก็ต - การเสริมสรางจิตสํานึกและสงเสริมภูมิปญญาการจัดการนิเวศนชายฝงทะเลโดยการมีสวนรวมของชุมชน อาวพังงา จ.พังงา - การคุมครองหญาทะเล การอนุรักษพะยูน และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมอยาง ยั่งยืน จ.ตรัง 3.3 การตั้งรับปรับตัวของชุมชนตอการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศและการจัดการ ภัยพิบัติ ประกอบไปดวย - การปรับตัวเมื่อระบบนิเวศเปลี่ยน (พื้นที่ชายหาดเปลี่ยนเปนพื้นที่ปาชายเลน จ. นครศรีธรรมราช) - การปรับตัวดานการประกอบอาชีพและวิถีการผลิต
(การปรับตัวและตอรองกับโรงแรมเพื่อพัฒนาสูการ
ทองเที่ยวเชิงนิเวศ จ.ภูเก็ต) - การปรับตัวเมื่อสภาพอากาศแปรรวนและเปลี่ยนแปลง ??????? 3.4 การฟนฟู อนุรักษ พิทักษ และจัดการทรัพยากรทะลและชายฝง และแนวทางการตั้งรับปรับตัวตอการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติของชุมชนชายฝงในอนาคต - ยุทธศาสตรและบทบาทของภาครัฐ - ยุทธศาสตรและบทบาทของสถาบันวิชาการ - ยุทธศาสตรและบทบาทขององคกรสวนทองถิ่น - ยุทธศาสตรและบทบาทของภาคเอกชน - ยุทธศาสตรและบทบาทขององคกรพัฒนาเอกชน 4. รูปแบบการสัมมนา รูปแบบการสัมมนาประกอบดวย 3 ลักษณะคือ -
การบรรยาย การอภิปราย การนําเสนอนวัตกรรมและองคความรูทองถิ่น
5. ผูเขารวมสัมมนา ผูเขารวมประชุมจํานวน 250 คน ประกอบดวย 5.1 ผูแทนจากหนวยงาน จํานวน 30 คน - สํานักงานนโยบายและแผน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม - กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝง - กรมสงเสริมคุณภาพสิ่งแวดลอม - กรมประมง 3/10/2011-4
5.2
5.3 5.4
5.5 5.6 5.7
- กรมปองกันและบรรเทาสาธารณภัย - กรมอุตุนิยมวิทยา ผูแทนจากสถาบันวิชาการ จํานวน 20 คน - SEA START - มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร - มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ - มหาวิทยาลัยทักษิณ - มหาวิทยาลัยราชภัฎสุราษฎรธานี - มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตจังหวัดตรัง ผูแทนจากองคกรปกครองสวนทองถิ่น 20 คน ผูแทนจากองคกรชุมชนและเครือขายชาวบาน จํานวน 120 คน - เครือขายอนุรักษอาวบานดอน - เครือขายองคกรชุมชน จ.สุราษฎรธานี - เครือขรายประมงพื้นบานอาวทาศาลา - ชมรมประมงพื้นบานจังหวัดตรัง - เครือขายอาวพังงา - โครงการขนาดเล็กที่ไดรับการสนับสนุนจาก MFF และ UNDP - ????? ผูแทนจากองคกรพัฒนาเอกชนและเครือขาย จํานวน 20 คน องคกรสนับสนุนงบประมาณและผูสังเกตการณ จํานวน 20 คน คณะทํางาน จํานวน 20 คน
6. ระยะเวลาในการสัมมนา 2 วัน (กรกฎาคม – ตุลาคม 2554) 7. สถานที่ในการประชุม จังหวัดสุราษฎรธานี 8. งบประมาณ 9. หนวยงานที่รับผิดชอบ คณะทํางานจากโครงการที่สนับสนุนโดย MFF และ UNDP
3/10/2011-5
แนวทางจัดการป่ าชายเลนเพื่อลดการกัดเซาะชายฝั่ง เสนอโดย รศ. ดร. นพรัตน์ บารุ งรักษ์ สถาบันทรัพยากรทะและชายฝั่ง มหาวิทยาลัยสงขลานคริ นทร์
(พะยอม รัตนมณี และคณะ มอ,หาดใหญ่)
การกัดเซาะชายฝั่งบริ เวณ อ. หัวไทร จ.นครศรี ธรรมราช
Types of coast in Thailand Department of Mineral Resources, Ministry of Natural Resources and Environment
การกัดเซาะชายฝั่งอ.ปากพนัง (ถ้าคลื่นลมรุ นแรงนิยมใช้มาตราการแบบแข็งป้ องกัน)
Taller seedlings of S. caseolaris planted in SK lake
ปลูกลาพูที่ ทะเลสาบสงขลา( ถ้าคลื่นลมไม่รุนแรงนิยมใช้มาตรการแบบอ่อน)
ห่วงโซ่อาหารในระบบนิเวศป่ าชายเลน
• จากการศึกษา และสั งเกตในหลายพีน้ ทีข่ องประเทศไทย โดยปลูก พันธุ์ไม้ ป่าชายเลน เพือ่ ลดอัตราการกัดเซาะชายฝั่ง อาจสรุปได้ ดงั นี:้ • 1. ควรทราบสาเหตุทแี่ ท้ จริงของการกัดเซาะ เพราะจะจัดการได้ ถูกวิธี • 2. บริเวณทีค่ ลืน่ ปะทะไม่ รุนแรง เช่ นในอ่ าว บริเวณปากนา้ ริมแม่ นา้ ลาคลอง ทีน่ า้ กร่ อย การปลูกป่ าชายเลนจะช่ วยลดอัตราการกัดเซาะได้ • 3. เลือกชนิดพืชให้ เหมาะกับ พืน้ ที่ และสภาพทางอุทกวิทยา การสั งเกตชนิด พืชทีข่ นึ้ อยู่ตามธรรมชาติ จะช่ วยให้ มีความสาเร็จในการฟื้ นฟูสูง • 4. พันธุ์ไม้ แต่ ละชนิด มีระบบของรากทีร่ ูปร่ างต่ างกัน ควรปลูกแบบคละกัน ไป โดยคานึงถึงโซนของพืน้ ทีเ่ ช่ น โกงกาง ลาพู แสม ต้ นจาก ชอบริมนา้ แต่ ห่ างฝั่งขึน้ ไปจะมีพวก ตาตุ่ม ตะบูน ไม้ ถั่ว ไม้ โปรงเป็ นต้ น
• 5. ปลูกให้ ถูกฤดูกาล เช่ น ระดับนา้ ในฤดูฝนสู ง กล้ าไม้ อาจตายได้ แต่ หน้ าแล้ งความเค็ม มาก กล้ าไม้ หลายชนิดในวัยอ่ อน ไม่ ทนความเค็ม • 6. การปลูกป่ าชายเลน ต้ องอาศัยเทคนิค พืชแต่ ละชนิดมีวธิ ีการปลูกไม่ เหมือนกัน ต้ อง ศึกษาหาความรู้ เช่ น ขนาด อายุกล้ าที่ เหมาะสม ส่ วนของพืชทีใ่ ช้ ปลูก ความเค็มของ นา้ และความเค็มของนา้ ในดิน ณ วันปลูก ความถี่ของการท่ วมของนา้ ระยะเวลานา้ ท่ วมขัง แนวปะทะของคลืน่ ความขุ่นของนา้ ความเร็วกระแสนา้ เป็ นต้ น • 7. ศึกษาลักษณะพืน้ ที่ ได้ แก่ ความลาดชัน หาดเลน หรือ หาดทราย ถ้ าเป็ นหาดทราย ใช้ พืชปลูกให้ แน่ นเป็ นแนว ได้ แก่ เตยหรือลาเจียก จิกทะเล บางพืน้ ทีต่ าตุ่มก็ขนึ้ ได้ • 8. การทับถมของดินเลนหรือดินทรายหลังปลูก โดยเฉพาะขีเ้ ลนจากนากุ้งทับถมราก นานๆจะตาย • 9. ปลูกแล้ วต้ องบารุ งรักษา ปลูกซ่ อม เช่ น กล้ าถูกทาลายโดยเรือประมงขนาดเล็ก เศษ ขยะ หรือท่ อนไม้ ทลี่ อยมา เพรียง ปูกดั ลาต้ น และหนอน เป็ นต้ น
In the Tong King delta, Vietnam.
ในบริ เวณที่มีป่าชายเลนขนาดเล็ก ลดแรงปะทะคลื่นได้นอ้ ยแต่บริ เวณที่ มีขนาดของป่ าชายเลนโตเต็มที่ สามารถลดอัตราของคลื่นต่อ 100 เมตรได้ 20 % In Malaysia ประมาณ 30 % ของชายฝั่งถูกกัดเซาะ ได้ใช้เทคนิคต่างๆปลูกป่ าชาย เลนเพื่อลดแรงปะทะของคลื่น
ที่ประเทศเวียตนาม มีรายงานว่า ในจัดการกับชายฝั่งที่ถกู กัดเซาะสิ่ งแรกต้องเข้าใจคือ: 1 ) สาเหตุของปั ญหา เช่น การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล ทิศทางและความแรงของลม ความแรงของคลื่นและทิศทาง รู ปแบบของกระแสน้ าชายฝั่ง รวมทั้งควรรู้วา่ ปัจจัย เหล่านี้กระทบกับรู ปร่ างของชายฝั่งอย่างไรบ้าง 2) การคัดเลือกพันธุ ์พืชป่ าชายเลนให้เหมาะกับสภาพของพื้นที่ ในปัจจุบนั บริ เวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ าโขง ปลูกโกงกางเป็ นส่ วนมาก แต่พบว่าถ้า ปลูกร่ วมกับพันธุ์ไม้อื่นที่มีรูปแบบของรากแตกต่างกันจะยีดชายฝั่งได้ดีกว่า โดยเฉพาะใน พื้นที่ดินเลนงอกใหม่พบว่า ไม้ ลาพูและแสม ดีกว่าโกงกาง และในหลายพื้นที่พบว่า ไม้ ลาพู ทาหน้าที่ได้ดีกว่าไม้ชนิดอื่น
Singapore:The first stage in the restoration process will be to fill the eroded parts below the mangrove berm with mudfilled biodegradable sacks.Next, loosely-placed stones will be placed in front of the berm as a shoreline stablisation measure. Around 8,000 mangrove saplings will be planted in front of the stones to help deflect the waves.The saplings will also serve to increase the biodiversity of the mangroves population.
การปลูกป่ าชายเลนป้ องกันชายฝั่งในมาเลเซี ย โดยสร้างแนวปะทะของ คลื่นเพื่อปลูกป่ าชายเลนภายใน Http://test.esmology.com/water/images/pdf/did4.pdf
หลักเขตบางขุนเทียนในอดีตบนดิน ปัจจุบนั อยูใ่ นทะเล
Photo: Apiradee Treerutkuarkul/IRIN
การปลูกป่ าชายเลนป้ องกันชายฝั่งในอินโดเนเซียโดยใช้กอ้ นคอนกรี ตวาง เรี ยงทาเป็ นกาแพงกั้นแล้วปลูกป่ าชายเลนด้านหลัง
ลักษณะ รากไม้ป่าชายเลนชนิดต่างๆช่วย ป้ องชายฝั่ง เช่น รากไม้ถว่ั รากหงอนไก่ ทะเลเป็ นพูพอน(กลาง ) และรากตะบูน (ล่าง)
ปลูกป่ าชายเลน เพื่อป้ องกัน การกัดเซาะชายฝั่ง หน้าและ ในบริ เวณพื้นที่นากุง้ ร้าง จ. นครศรี ธรรมราช
ต้นจากมีลาต้นใต้ดิน รวมทั้งราก ช่วยยึด พื้นเลนได้เหนียวแน่น
ภาพการทดลองฟื้ นฟูนากุ้งร้ าง ใน จ . สุ ราษฎร์ ธานี และ จ. นครศรีธรรมราช
รากโกงกาง
ปลูกลาพูบริ เวณทะเลสาบสงขลา ใช้กล้าไม้สูงกว่า 1 เมตร และปลูกช่วงน้ าจืด ถ้า ความ เค็มสูง(มากกว่า 20 ppt) กล้าอาจตายหรื อ ชงักการเติบโต
ลักษณะรากหายใจของ โกงกางและแสม ช่วย ลดแรงปะทะคลื่นได้ดี
การทารั้วกันคลื่นเพื่อ ปลูกป่ าชายเลน ใน ทะเลสาบสงขลา พบว่ามีเพียงไม้ลาพู ที่เจริ ญได้ ไม้ชนิด อื่นเช่นโกงกาง แสม ตายหมด เนื่องจากน้ า ท่วมสู งเวลานาน และ เพรี ยง กัดกินลาต้น
ลักษณะรากไม้ ชนิดต่างๆ เช่น ไม้ถวั่ ไม้โปรง และแสมทะเล เมื่อถอนขึ้นมา ศึกษา
รากลาพูในน้ าจะโผล่ เป็ นกอ เรี ยกว่าฝาก ส่ วนบนพื้นดินที่เป็ น หาดทราย ไม้เตยหรื อ ลาเจียก รวมทั้ง จิกทะเล ขึ้นได้ดี
• การมีความรู ้ เรื่ องโครงสร้างราก ของชนิดไม้ จะทาให้สามารถ คัดเลือกได้เหมาะกับพื้นที่และ ลักษณะน้ า
• ป่ าชายเลน จะช่วยรักษาชายฝั่ง ทั้งบริ เวณพื้นที่เคยทานากุง้ และ ชุมชน หากปราศจากป่ าชายเลน การกัดเซาะจะรุ นแรงและรวดเร็ ว
แสดงให้เห็นความสามารถของรากไม้ป่าชายเลนในการช่วยป้ องกันชายฝั่ง
รากตาตุ่มช่วยยึดดินที่เป็ นหาดทรายได้ดี
รากไม้ตาตุ่ม ในดินเลน ช่วย ยึด และป้ องกันชายฝั่ง ได้ ดีเช่นกัน ถึงแม้ส่วนที่เป็ น พื้นดินหายไป แต่ตาตุ่มยัง สามารถ เจริ ญเติบโตในที่ น้ าขังได้
พืชชนิดแรกที่เป็ นไม้เบิกนาในภาคใต้นิยมใช้ ไม้แสม โกงกาง หรื อลาพู (ถ้าน้ าไม่เค็มจัด)
หลังปลูกระยะหนึ่งการแพร่ พนั ธุ์ตามธรรมชาติจะเกิดขึ้นเอง
ขอบคุณครับ
การสัมมนาเรื่อง รับมือภัยพิบต ั ิ ลดการกัดเซาะชายฝงทะเลไทย วันที่ 26 มีนาคม 2554 เวลา 09.00 – 12.00 น. หองประชุม CC-404 อาคารศูนยประชุมอุทยานวิทยาศาสตรประเทศไทย (CC) เวลา 09.00 – 12.00
การบรรยายเรื่อง/วิทยากร/หนวยงาน ประเด็น ปญหาและประสบการณในการจัดการพืน ้ ที่ชายฝงของชุมชน กรณีศึกษาพื้นที่ ชุมชนบางขุนเทียนและ ชุมชนแหลมฟาผา จังหวัดสมุทรสาคร นโยบายและยุทธศาสตรของภาครัฐในการแกปญหาและวางแผนการจัดการพื้นที่ ชายฝง การบูรณาการองคความรูและแนวทางการจัดการเพือ ่ ลดการกัดเซาะชายฝงทะเล อาวไทยในมุมมองของนักวิชาการ รวมเสวนาโดย ดร. พิจิตต รัตตกุล Asian Disaster Preparedness Center (ADPC)
ดร. อรพิมท พิมเจริญ กองควบคุมการผังเมือง กรุงเทพฯ
คุณสมศักดิ์ พิรย ิ โยธา สํานักการจัดการปองกันการกัดเซาะชายฝงทะเลและพื้นที่ชายฝงทะเล กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝง
ดร. นพรัตน บํารุงรักษ สถาบันทรัพยากรทางทะเลและชายฝง และคณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร
คุณปญญา ชางเจริญ ผูแทนชุมชนบางขุนเทียน กรุงเทพฯ
ผูแทนชุมชนแหลมฟาผา จังหวัดสุมทรสาคร
BUILDING COASTAL RESILIENCE IN VIET NAM, CAMBODIA, AND THAILAND PROJECT SUMMARY February 2011
Background Climate change is a global challenge but a lot can be done at the local level to minimize impacts and capture opportunities. While every effort must be made to stabilize atmospheric greenhouse gas concentrations, we must also accelerate efforts to prepare for those changes that are inevitable. The world must learn to “avoid the unmanageable and manage the unavoidable.” Adaptation will make a major difference to how hard the impacts of climate change are felt. Adaptation involves reducing vulnerability (or increasing resilience) by reducing exposure to climate risks, reducing sensitivity to those risks, and/or increasing capacity to cope with those risks. The conservation and restoration of natural ecosystems are increasingly recognised as fundamental to effective adaptation. Community-based approaches are equally important.
Objectives and approach The project will strengthen the ability of local government and local people to plan for, and adapt to, future climate risks in eight coastal provinces between Ho Chi Minh City and Bangkok: Can Gio, Ben Tre, Soc Trang, and Kien Giang in Vietnam; Kampot and Koh Kong in Cambodia; and Trat and Chanthaburi in Thailand (see map). Ben Tre and Soc Trang are located in the Mekong Delta, which is one of the areas of the world that is predicted to be most affected by sea level rise. IUCN and project partners will work together to build capacity in these provinces so that local government agencies can conduct vulnerability assessments; identify pilot activities to reduce vulnerability; design, implement, monitor the success of these activities; and carry out cost-benefit analysis and feasibility assessments for replicating pilot actions over a wider coastal area. The project will identify best practices being developed by local people and provide opportunities for communities in different parts of the coastline to learn from each other. The project will use topdown and bottom-up approaches to ensure policy messages are disseminated at all levels. Networking, study visits, and an annual forum will be used
to share knowledge with the other 12 provinces that make up the coastal corridor between Ho Chi Minh City and Bangkok.
Partners The main donor to the project is the European Union, which has provided a grant of € 2,450,000 (or about 80% of the total budget) from its Environment Thematic Programme.
INTERNATIONAL UNION FOR CONSERVATION OF NATURE
EUROPEAN UNION
In Vietnam, the project will partner with MONRE’s Vietnam Administration of Seas and Islands, which is responsible for implementing the National Target Trang and Kien Giang. The project will also collaborate with WWF in Ben Tre, the Institute of Tropical Biology in Ho Chi Minh City, MONRE’s Department of Meteorology, Hydrology, and Climate Change, and Can Tho University.
Program to Respond to Climate Change in coastal provinces; and GIZ, which is implementing integrated coastal area management projects in Soc learned to improve future planning at the local and provincial levels.
Provincial Development Plans and planning processes
In Thailand, the project will partner with the Sustainable Development Foundation, which is already a partner in Mangroves for the Future (MFF) and specializes in improving community resilience to natural and human-induced disasters and building capacity of professionals for integrated coastal management. The project will also collaborate with the Department of Marine and Coastal Resources.
Policy Advocacy at local, national and regional levels
Share approaches, methods, results, lessons, through Coastal Forum, communications, and exchange visits,
Increasing Adaptive Capacity
Implement pilot actions and assess results, considering feasibility and cost‐ benefit analysis of scaling‐up
In Cambodia, the project will work with the National Climate Change Office and the Department of Wetlands and Coastal Resources.
Assess Vulnerability at Coastal Stretch and Provincial Scale
Participatory selection of Pilot Communities and assessment of vulnerability at local level Participatory Identification and design of pilot adaptation actions to reduce vulnerability/ increase resilience
Activities Assessment of vulnerability: working together with scientists, local governments, and local communities, the project will develop and apply methodological and analytical frameworks for climate change and disaster risk reduction (DRR) vulnerability assessments. The Southeast Asia System for Analysis, Research, and Training (SEA-START) regional centre in Bangkok will support this process by downscaling climate change models. Capacity development of the different stakeholders: the project will provide tools and methodologies, processes, technical advice, and training to: conduct vulnerability assessments in target provinces; develop provincial adaptation approaches; implement and evaluate pilot actions in selected communities; climate-proof sectoral investments; and mainstream these into development plans of the eight focal provinces. Implementation of pilot actions in selected communities: in each province, communities will be selected where the project will work with local people and local government to identify and implement pilot actions. This will subsequently be subject to participatory evaluation to capture lessons
Design and implementation of multi-sector plans and strategies: the project will support the formulation of short and long-term adaptation options that are cost-effective and locally appropriate and can be integrated into provincial development and sectoral plans. Existing methods and tools will be refined on the basis of experience and a toolkit to support vulnerability assessments and adaptation planning in coastal communities will be developed. The project will deliver policy recommendations to planners and decision-makers based on implementation experience. Cooperation with neighbouring provinces and countries on climate change adaptation and DRR: the project will support networking among the coastal provinces to ensure sharing of ideas and approaches between sites as the basis for developing a coordinated approach. A regional coastal forum for information sharing and exchange amongst local communities, civil society, scientists, and government agencies will be held annually. Duration The project will run from January 2011 to December 2014. It will be managed by IUCN’s Asia Regional Office in Bangkok.
Contacts Project manager Thailand contact Vietnam contact Cambodia contact
Dr. Robert Mather, Bangkok, IUCN Ravadee Prasertcharoensuk, SDF Nguyen Duc Tu, Hanoi, IUCN Sreng Kong, Phnom Penh, IUCN
robert.mather@iucn.org ravadee.praertcharoensuk@gmail.com tu.nguyenduc@iucn.org kimsreng.kong@iucn.org
This document has been has been produced with the financial assistance of the European Union. The contents of this document are the sole responsibility of IUCN and can under no circumstances be regarded as reflecting the position of the European Union.
รายงานความกาวหนาโครงการ เสนอตอคณะกรรมการ NCB ครั้งที่ 14 มีนาคม 2554 โครงการความรวมมือเพื่อการจัดการอนุรักษ ศูนยศึกษาเรียนรูระบบนิเวศปาชายเลนสิรินาถราชินี อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ ประเทศ องคกรปฏิบัติการ องคกรภาคี หมายเลขโครงการ ระยะเวลาดําเนินการ งบประมาณที่อนุมัติ รายงานความกาวหนา
ไทย IUCN ประเทศไทย ศูนยศึกษาเรียนรูระบบนิเวศปาชายเลนสิรินาถราชนี เทศบาลตําบลปากน้ําปราณ องคการบริหารสวน ตําบลปากน้ําปราณ โรงเรียนในตําบลปากน้ําปราณ ชุมชน 6 ชุมชนในปากน้ําปราณ MFFPOW15-87006-010 และ MFFSS 77092-000 มิถุนายน 2552-มีนาคม 2554 5,301,900 บาท (MFF2,650,950 บาท/ SixSenses 2,650,950 บาท) เปาหมายของโครงการ: เพื่อรวมมือกับภาคธุรกิจและผูมีสวนเกี่ยวของในการเสริมสรางความเขมแข็ง ใหกับกรรมการของศูนยศึกษาเรียนรูระบบนิเวศปาชายเลนสิรินาถราชินีเพื่อประยุกตเทคนิคการบริหาร จัดการศูนยฯ ที่ยั่งยืน กลยุทธในการสงเสริมความเขมแข็งของศูนยที่ยั่งยืน ภายใตกระบวนการมีสวนรวมกับคณะกรรมการฯ สรุปกลยุทธผานการดําเนินโครงการ 7 กิจกรรมที่ ครอบคลุมวัตถุประสงคหลัก 2 ขอ คือ 1) สนับสนุนใหเกิดการจัดการศูนยศึกษาเรียนรูระบบนิเวศปาชายเลนที่ดีขึ้น 2) เพื่อเก็บรวบรวมและแลกเปลี่ยนการเรียนรูจากการทํางานของโครงการกับนักทองเที่ยวและผูมีสวน เกี่ยวของอื่น ๆ โครงการ ประกอบดวย 1) โครงการศึกษาการบําบัดน้ําเสียชุมชน เพื่อลดผลกระทบตอคุณภาพน้ําในปาชายเลน ศูนยฯสิรินาถ ราชินี 2) โครงการพัฒนาฐานขอมูลความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อสงเสริมจัดการศูนยฯ สิรินาถราชินี 3) โครงการศึกษาจัดการขยะในพื้นที่ 4) โครงการศึกษาวิถีชีวิตและภูมิปญญาชาวประมงชุมชนปากน้ําปราณ 5) โครงการพัฒนาศักยภาพการมีสวนรวมแบบพหุภาคีของชุมชน เพื่อศึกษาความหลากหลายของพันธุ พืชและสัตวในพื้นที่นากุงราง (บทเรียน/กรณีศึกษาเปรียบเทียบศูนยศึกษาเรียนรูระบบนิเวศปาชายเลน สิรินาถราชินี 6) โครงการสํารวจเชิงปริมาณปูทะเลในพื้นที่ศูนยฯ สิรินาถราชินีหลังการฟนฟูปาชายเลนอายุ 12 ป 7) โครงการศึกษาฤดูกาลการเปลี่ยนแปลงเสนทางการไหลเวียนของน้ําในปาชายเลนของศูนย ฯ สิรินาถ ราชินี อยางไรก็ดี ที่สุดมีการดําเนินงานทั้งหมด 5 โครงการ ตามรายละเอียดดังนี้ -1-
การดําเนินงานระยะที่ 1: พัฒนาเอกสารโครงการ งบประมาณ ทําสัญญา 2 โครงการ คัดเลือก จัดจาง ผูป ระสานงานในพื้ น ที่ รวบรวมขอมูลและทีม งานของแต ล ะโครงการ วางแผนดําเนิน งาน ตั้ ง คณะกรรมการบริหารจัดการโครงการ การดําเนินงานระยะที่ 2: ดําเนินโครงการ ประชุมเครือขาย ทบทวน เยี่ยมเชียร สงเสริม ลงปฏิบัติ ตื่นตัวเต็มที่ ปรับกลุมเปาหมายไปสูชุมชนปากน้ําปราณ จากเดิมแคผูมีสวนเกี่ยวของในศูนยฯ สิรินาถ ราชินี การดําเนินงานระยะที่ 3-4: พิษเศรษฐกิจโลกสงผลถึงภาคธุรกิจ โครงการชะลอ ชะงัก การเงินสะดุด เกิดการเปลี่ยนถายผูรับผิดชอบงานภายใน ตัดโครงการสองโครงการหลังออก ทําสัญญาเพิ่มเติม 2 โครงการตามที่ตกลงไวและเจรจาหาทุนสนับสนุนเพิ่มแกโครงการที่ทําสัญญาใหม ยกเลิกสัญญากับ ผูรับผิดชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการมีสวนรวมแบบพหุภาคีของชุมชน เพื่อศึกษาความหลากหลาย ของพันธุพืชและสัตวในพื้นที่นากุงราง (บทเรียน/กรณีศึกษาเปรียบเทียบศูนยศึกษาเรียนรูระบบนิเวศปา ชายเลนสิรินาถราชินีและทําสัญญาใหมเพื่อดําเนินโครงการตอไป การดําเนินงานระยะที่ 5: แหลงทุนตัดเงินสนับสนุนประมาณ 30% เนื่องเพราะปญหาทางการเงินที่ สงผลกระทบทั้งเครือ Sixsense Resort and Spa ทั่วโลก ทบทวนและปรับแผนการทํางานใหม ลดทอน การติดตาม เยี่ยมเชียร สงเสริมเพื่อประหยัดงบประมาณที่เหลืออยู การดําเนินงานระยะที่ 6: บริหารการจัดการดานการเงินอยางใกลชิด ขยายระยะเวลาสัญญาการ ดําเนินโครงการทั้งหมดใหสอดคลองกับการชะลอการเบิกจายตาง ๆ เก็บ รวบรวมติดตามผลการทํางาน ของทุกโครงการ และหาแนวทางสงเสริมการตอยอดของกลุมการทํางานที่เขมแข็ง รายละเอียดโครงการ 1. ชื่อโครงการ
ศึกษาการบําบัดน้ําเสียชุมชน เพื่อลดผลกระทบตอ คุณภาพน้ําในปาชายเลนศูนยฯ สิรินาถราชินี
หลักการและเหตุผล ปาชายเลน เปนทรัพยากรที่มีคุณคาทางประวัติศาสตรนอกจากจะเปนแหลงอาหารและขยายพันธุสัตวน้ําวัยออนแลว ยัง เปนแหลงเรียนรูของนักเรียน และเยาวชนในตําบลปากน้ําปราณ ปจจุบันปาชายเลน ประสบปญหาน้ําเสียไหลเขามาในแปลงเปนจํานวนมาก โดยน้ําเสียจะไหลรวมกับน้ําทะเลในเวลาน้ําขึ้น -2-
และไหลเขามาในปาชายเลน จากการศึกษาพบวาน้ําเสียสวน ใหญ มาจากชุมชนในเขตเทศบาลตําบลปากน้ําปราณ ซึ่งเกิดจาก กิจกรรมทําหมึกในพื้นที่ โดย น้ําจากการลางหมึกจะถูกทิ้งลงสูคลองสาธารณะที่ตอเชื่อมตอกับเสนทางการไหลของน้ําธรรมชาติ ที่ ไหลเขาในแปลงปาชายเลน ทําใหน้ําเสียตกคางในปาสงผลกระทบตอการเจริญเติบโตของตนไม และการขยายพันธุสัตวน้ําในปาชาย เลน นอกจากนี้คลองสาธารณะมีลักษณะเปนสีดําและยังสง กลิ่นเหม็นเปนระยะทางยาว ทําใหชุมชนที่อาศัยอยูแนวริมคลองตอง ประสบปญหาดานสุขภาพอยูตลอดเวลา วัตถุประสงค 1.เพื่อศึกษาวิธีการบําบัดน้ําเสียที่เกิดจากชุมชนกอนทิ้งลงสูคลองสาธารณะ 2.เพื่อศึกษารูปแบบและระยะเวลาที่เหมาะสมตอการบําบัดน้ําเสีย 3.เพื่อศึกษาเปรียบเทียบปริมาณน้ําเสียจากชุมชนที่ไหลลงสูคลองสาธารณะและปาชาย เลนทั้งกอนและหลังการใช EM ในการบําบัด 4.เพื่อศึกษาแนวคิดดานจิตสาธารณะและรณรงคสรางจิตสํานึก ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ดานการจัดการน้ําเสียของชุมชน 5.เพื่อเผยแพรองคความรูจากการศึกษาวิจัยแกสาธารณชนและบุคคลที่สนใจ
พื้นที่เปาหมายโครงการ สถานที่ดําเนินโครงการศึกษาการบําบัดน้ําเสียชุมชน ที่สงผลกระทบตอคุณภาพน้ําในปา ชายเลน ไดแก บริเวณคลองสาธารณะ ดานทิศตะวันออก ซึ่งเปนคลองสาธารณะที่มีความกวางประมาณ 6-10 เมตร ติดกับเขตเทศบาลตําบลปากน้ําปราณ และโรงเรียน ปากน้ําปราณ
หมายเหตุ ้นที่ศึกษาการบําบัดตามโครงการอาจขยายไดตามปริมาณน้ําเสียของชุมชน ขั้น***ตอนการดํ าเนินพืงานโครงการ
ลักษณะคลองสาธารณะที่ชุมชนทิ้งน้ําเสียไหลผานลงสูปาชายเลน วิธีการดําเนินงาน 1.ศึกษาสภาพของน้ําเสียและปริมาณการเกิดน้ําเสียจากชุมชนแนวคลองสาธารณะ -3-
2.ศึกษารูปแบบการบําบัดน้ําเสียโดยใชจุลินทรียบําบัดที่เหมาะสมกับสภาพของน้ําเสีย 3.จัดทําแปลงทดลองบําบัดน้ําเสียโดยการใชจุลินทรียบําบัด 2-3 แปลง 4.ศึกษาจุลินทรียที่เหมาะสมกับสภาพของน้ําเสีย อยางนอย 2 ประเภท 5.ศึกษาระยะเวลาที่เหมาะสมกับการบําบัด 6.บันทึกผลการดําเนินงานเปนระยะๆ 7.ปรับปรุงรูปแบบและแนวทางใหเหมาะสมมากขึ้น 8.สรุปรายงานผลการดําเนินงานในแตละสัปดาห 9.รณรงคและเผยแพรองคความรูแกสาธารณชนและบุคคลที่สนใจ ผลที่คาดวาจะไดรับ 1.ไดชุดขอมูลดานการจัดการน้ําเสียจากชุมชนเพื่อเผยแพรแกสาธารณชนและบุคคลที่สนใจ 2.น้ําเสียจากชุมชนตลอดแนวคลองสาธารณะที่เกิดจากการประกอบอาชีพผาหมึกและ อาชีพอื่นๆ ไดรับการบําบัดใหเปนน้ําที่มีคุณภาพดี กอนทิ้งลงสูคลองสาธารณะ 3.น้ําที่ไหลเขาสูปาชายเลนมีคุณภาพดี เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชและสัตว 4.ชุมชนแนวคลองสาธารณะมีจิตสํานึก ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดานการจัดการน้ําเสียกอน ทิ้งลงคลอง 2. ชื่อโครงการ โครงการพัฒนาฐานขอมูลความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อ สงเสริมการจัดการศูนยศึกษาเรียนรูระบบนิเวศปาชายเลนสิรินาถราชินี หลักการและเหตุผล ศูนยศึกษาเรียนรูระบบนิเวศปาชายเลนสิรินาถราชินี เปนปาชายเลนที่มีการพัฒนาการมาจากพื้นที่แปลงปลูกปา FPT 29 และ FPT 29/3 บนพื้นที่ปาสงวนแหงชาติปาคลองเกา-คลองคอย อําเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ อันเปนผลจากโครงการ ปลูกปาถาวรเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชยปที่ 50 ในป พ.ศ.2539 ซึ่งดําเนินการโดย บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) รวมกับชุมชนปากน้ําปราณ ซึ่งหลังจากไดนอมเกลานอมกระหมอมถวายแดพระบาทสมเด็จพระ เจาอยูหัวเมื่อป 2545 แลว เพื่อใหปาแหงนี้คงอยูอยางยั่งยืน ปตท.จึงไดพัฒนาเปนศูนยศึกษาธรรมชาติและหองเรียนรูเกี่ยวกับ ทรัพยากรปาชายเลนระดับประเทศและระดับภูมิภาค โดยไดรับพระราชทานนามวา “ศูนยศึกษาเรียนรูระบบนิเวศปาชายเลนสิรินาถ ราชินี” จากระยะเวลา 2 ปที่ผานมา หลังจากการเปดบริการของศูนยฯ ในบทบาทดานกระบวนการศึกษาวิจัย ซึ่งเปนบทบาท สําคัญที่จะนํามาซึ่งองคความรูที่จะนําไปสูการอนุรักษและพัฒนาปาชายเลนในพื้นที่ศูนยฯ รวมถึงเปนแบบอยางแกปาชายเลนใน ทองถิ่นอื่น ยังมีอยูนอยมาก โดยเฉพาะการสรางองคความรูในการถอดบทเรียนจากการพลิกฟนนากุงรางกลับมาเปนปาชายเลนอีกครั้ง ไดทําใหเกิดความ สมบูรณและความหลากหลายทางชีวภาพอยางไร เพื่อใหเกิดกระบวนการเรียนรูดังกลาว คณะกรรมการบริหารศูนยศึกษาเรียนรู ระบบนิเวศปาชายเลนสิรินาถราชินี จึงไดจัดทําโครงการสํารวจและจัดระบบฐานขอมูลความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ปาชาย เลนในศูนยฯ สิรินาถราชินีขึ้น อันจะเปนกระบวนการที่ทําใหเกิดฐานขอมูลความหลากหลายทางชีวภาพทองถิ่นที่ถูกตอง และนํา ขอมูลไปใชในการตัดสินใจในการอนุรักษและจัดการปาชายเลน รวมถึงการสรางศักยภาพการบริการการเรียนรูของศูนยฯ ตอไป วัตถุประสงค 1.เพื่อพัฒนาทักษะทางการศึกษาวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพปาชายเลนแกบุคลากรในเครือขาย 2.เพื่อสรางฐานขอมูลเชิงระบบเกี่ยวกับฐานขอมูลความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ปาชายเลนศูนยศึกษาเรียนรูระบบ นิเวศปาชายเลนสิรินาถราชินี ในหัวขอตอไปนี้ 2.1 ความหลากหลายดานพรรณไมและการศึกษาชีพลักษณ -4-
2.2 ความหลากหลายดานสัตวทะเลหนาดิน 2.3 ความหลากหลายดานนก 3.เพื่อนําฐานขอมูลความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ปาชายเลนศูนยศึกษาเรียนรูระบบนิเวศปาชายเลนสิรินาถราชินี ไปใชในการตัดสินใจในการอนุรักษและพัฒนาทรัพยากรปาชายเลน รวมถึงการสรางศักยภาพการบริการของศูนย ดังนี้ 3.1 ฐานขอมูลสารสนเทศสําเร็จรูปความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อการศึกษาดวยตนเอง 3.2 หลักสูตรทองถิ่น “ปาชายเลนศึกษา” จํานวน 4 ชวงชั้น 3.3 คูมือประกอบการเรียนรูเสนทางศึกษาธรรมชาติศูนยศึกษาเรียนรูระบบนิเวศปาชายเลนสิรินาถราชินี เปาหมายในการดําเนินงานโครงการ เชิงปริมาณ 1.จัดการฝกอบรมทักษะการศึกษาวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพในทองถิ่น 1 ครั้ง โดยมีเยาวชนที่เขารับการฝกอบรม จํานวน 60 คน 2.ดําเนินการศึกษาสํารวจความหลากหลายทางชีวภาพ ในพื้นที่ จํานวน 4 หัวขอเรื่อง 3.จัดสัมมนาสรางหลักสูตรทองถิ่น “ปาชายเลนศึกษา” จํานวน 4 ชวงชั้น จํานวน 1 ครั้ง เชิงคุณภาพ 1.บุคลากรที่ผานการฝกอบรมมีทักษะความสามารถในการศึกษาวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพในทองถิ่น และสามารถนํา ประสบการณไปใชในการปฏิบัติจริงในพื้นที่เปาหมาย 2.ศูนยฯ มีฐานขอมูลความหลากหลายทางชีวภาพในทองถิ่นที่ถูกตองสําหรับใชในการตัดสินใจในการอนุรักษและพัฒนาสิ่งแวดลอม ในพื้นที่อยางถูกวิธี 3.ศูนยฯ มีการบริการทางการศึกษาเรียนรูที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ขั้นตอนการดําเนินงานโครงการ ขั้นวางแผนและประสานงาน 1.กําหนดรายละเอียดโครงการ 2.เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ 3.ประสานงานบุคคลและหนวยงานที่เกี่ยวของ ขั้นดําเนินการ 1.จัดฝกอบรมทักษะการศึกษาวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพในปาชายเลน 2.ดําเนินการศึกษาวิจัยหัวเรื่องดังนี้ 2.1 ความหลากหลายดานพรรณไมและการศึกษาชีพลักษณ 2.2 ความหลากหลายดานสัตวทะเลหนาดิน 2.3 ความหลากหลายดานนก 3.จัดสัมมนาสรางหลักสูตรทองถิ่น “ปาชายเลนศึกษา” จํานวน 4 ชวงชั้น จํานวน 1 ครั้ง และทดลองการใชหลักสูตร 1 ครั้ง 4.จัดทําเอกสารและสื่อประกอบหลักสูตร 4 ชวงชั้น ขั้นสรุป 1.จัดทําเอกสารรายงาน 2.จัดทําสื่อนําเสนอขอมูลความหลากหลายทางชีวภาพในศูนยฯ ผลที่คาดวาจะไดรับ 1.บุคลากรของศูนยฯ ไดรับการพัฒนาทักษะทางการศึกษาวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพปาชายเลนและสามารถขยายผลสูผูอื่น ได -5-
2.ศูนยไดรับฐานขอมูลเชิงระบบเกี่ยวกับฐานขอมูลความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ปาชายเลนศูนยศึกษาเรียนรูระบบนิเวศปา ชายเลนสิรินาถราชินี ในหัวขอตอไปนี้ 2.1 ความหลากหลายดานพรรณไมและการศึกษาชีพลักษณ 2.2 ความหลากหลายดานสัตวทะเลหนาดิน 2.3 ความหลากหลายดานนก 3.ศูนยฯ ไดรับฐานขอมูลความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ปาชายเลนศูนยศึกษาเรียนรูระบบนิเวศปาชายเลนสิรินาถราชินี ไปใช ในการตัดสินใจในการอนุรักษและพัฒนาทรัพยากรปาชายเลน รวมถึงการสรางศักยภาพการบริการของศูนยฯ ดังนี้ 3.1 ฐานขอมูลสารสนเทศสําเร็จรูปความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อการศึกษาดวยตนเอง 3.2 หลักสูตรทองถิ่น “ปาชายเลนศึกษา” จํานวน 4 ชวงชั้น 3.3 คูมือประกอบการเรียนรูเสนทางศึกษาธรรมชาติศูนยศึกษาเรียนรูระบบนิเวศปาชายเลนสิรินาถราชินี
4. ชื่อโครงการ
ศึกษาวิถีชีวิตและภูมิปญญาชาวประมงชุมชนปากน้ําปราณ
หลักการและเหตุผล ตําบลปากน้ําปราณเปนชุมชนที่มีมาตั้งอยูริมแมน้ําปราณบุรีบริเวณปากน้ํา ซึ่งมีมาแตสมัยอยุธยาขึ้นกับเมืองปราณไดมีการ กลาวไวในอดีต ครั้งที่มีการยกทัพไปทําศึกกับพมาดานดานสิงขร ประชาชนในชุมชนนี้มีอาชีพการประมงโดยการใชเครื่องมือเกิด จากภูมิปญญาทองถิ่น เชน แรว ลอบ ซิบ สวิง และแห จับสัตวน้ํามาบริโภค ตอมามีการพัฒนาเปนการทําโปะเรือฉลอมการคาขาย สินคากับทองถิ่นอื่นดวยสวนการจับสัตวน้ําใชเรือใบออกทําการประมงหากินไมไกลจากฝงมากนัก เมื่อมีความเจริญมากขึ้นก็เปลี่ยน จากเรือใบเปนเรือยนต ทําใหสามารถออกไปจับสัตวน้ําไดไกลขึ้น และไดปริมาณมากขึ้นในขณะที่ประชากรก็เพิ่มมากขึ้น ทําให บางครั้งไมสามารถจับสัตวน้ําไดพอกับการบริโภค จึงตองมีการคิดคนพัฒนาเครื่องมือทําการประมงใหทันสมัยขึ้นดวย การพัฒนาเครื่องมือการทําประมงที่มีคุณภาพประสิทธิภาพมากขึ้นจึงเปนสาเหตุใหมีการใชทรัพยากรอยางฟุมเฟอยเกินความจําเปน อันเปนสาเหตุใหวิถีชีวิตของชาวประมงชุมชนปากน้ําปราณเปลี่ยนแปลงจากการทําประมงเพื่อครอบครัวเปนการทําประมงเพื่อ การคา เมื่อทําไปไดเพียงระยะหนึ่งจึงเกิดการขาดแคลนทรัพยากร ไมสามารถจับสัตวน้ําไดพอกับการบริโภคในครัวเรือน จนตอง เปลี่ยนอาชีพมาเปนลูกจางในสถานประกอบการที่เกิดขึ้น อันเปนสาเหตุใหการประกอบอาชีพประมงพื้นบานลดนอยลง หากไมมี การศึกษาคนควาอาจจะทําใหในอนาคตคนรุนหลังไมรูจักเครื่องมือ และอาชีพประมงพื้นบานจะหายไปในที่สุด จากสภาพปญหาดังกลาว จึงมีความจําเปนตองศึกษา ขอมูลพื้นฐานของชุมชนทองถิ่นในบริบทดานกายภาพ ทุนทาง ทรัพยากรธรรมชาติ ดานเศรษฐกิจ สังคม วิถีชีวิตและวัฒนธรรม การเมือง ทุนสังคม ภูมิปญญาทองถิ่นจากอดีตถึงปจจุบัน วิถีชีวิต และภูมิปญญาอาชีพการประมง และการพัฒนาเครื่องมือการทําประมงในบริเวณลุมน้ําปราณ เพื่อเก็บรวบรวมและแลกเปลี่ยนการ เรียนรูจากการทํางานของโครงการกับนักทองเที่ยวและผูมีสวนเกี่ยวของอื่นๆ อันจะนําไปสูการอนุรักษสืบทอดและเผยแพรภูมิ ปญญาของอาชีพประมงในบริเวณลุมน้ําปราณบุรีตอไป วัตถุประสงค 1.เพื่อศึกษาขอมูลพื้นฐานของชุมชนทองถิ่นในบริบทดานกายภาพ ทุนทางทรัพยากรธรรมชาติ ดานเศรษฐกิจ สังคม วิถีชีวิต วัฒนธรรม และการเมือง ทุนดานสังคมและภูมิปญญาทองถิ่นจากอดีตถึงปจจุบัน 2.เพื่อศึกษาวิถีชีวิต ภูมิปญญาและการพัฒนาเครื่องมือการทําประมงในบริเวณชุมชนปากน้ําปราณ -6-
3.เพื่อเผยแพรวิถีชีวิตและภูมิปญญาของชาวประมงชุมชนปากน้ําปราณสูสาธารณชนและผูสนใจ พื้นที่เปาหมายโครงการ 1.ชุมชนในเขตเทศบาลตําบลปากน้ําปราณ 6 ชุมชน พื้นที่จํานวน 2.2 ตารางกิโลเมตร 2.หมูบานในเขตองคการบริหารสวนตําบลปากน้ําปราณ 5 หมูบาน พื้นที่จํานวน 47.7 ตารางกิโลเมตร โดยมีกลุมประชากรในการทําการศึกษาคือกลุมผูประกอบอาชีพประมง ไดแก 1.การทําประมงขนาดใหญอวนลอม 2.การออกเรือไดรหมึก 3.การออกเรือประมงชายฝง 4.การหากินในปาชายเลน เชน การขุดปู งมกุง กะเทาะหอย
80 300 200 30
ลํา ลํา ลํา คน
ขั้นตอนการดําเนินงานโครงการ 1.จัดทํากรอบแนวความคิด (Conceptual Framework) ของการดําเนินงาน การบริหารงานโครงการฯ การมอบหมายงาน ดานบุคลากร โดยใชแนวทางการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบ มีสวนรวม (Participatory Action Research) และดําเนินการทั้งวิธี การศึกษาเชิงคุณภาพ และเชิงปริมาณ 2.รวบรวมและทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ําและการบริหารจัดการประมงชายฝง ขอมูลทาง อุทกวิทยา แผนงาน / โครงการ /กิจกรรมการบริหารจัดการน้ํา ขอมูลชุมชน กระบวนการมีสวนรวมของชุมชนในพื้นที่ศึกษาปจจัย ดานเศรษฐกิจและสังคมที่มีความสัมพันธกับการใชประโยชนทรัพยากรน้ํา รวมถึงระเบียบที่เกี่ยวของ และการศึกษาโครงการการ เสริมสรางและพัฒนากระบวนการมีสวนรวมของชุมชนทองถิ่นในการบริหารจัดการทรัพยากรชายฝงทะเลอาวคุงกระเบนและ การศึกษาความเปลี่ยนแปลงชายฝงปากแมน้ําเพชรบุรี 3.คัดเลือกตัวแทนจากชุมชนเปาหมาย 4.จัดทํา VCD ขอมูลดานตาง ๆ ของชุมชนเปาหมายรวมถึงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ําและปาตนน้ําที่ชุมชนเปาหมาย ของกรมทรัพยากรน้ํา มีสวนรวมสําหรับนําไปเผยแพร 5.จัดใหมีการระดมความคิดเห็นประเด็นตาง ๆ ในรูปแบบของ 5.1 การสนทนากลุมของชุมชนที่เขารวมโครงการฯ 5.2 จัดสัมมนาเพื่อถายทอดผลการวิจัยและองคความรูสําหรับตัวแทนชุมชนทองถิ่นเขารวมโครงการฯ รวมถึงแนวทางเสริมสราง การมีสวนรวมของชุมชนทองถิ่น ผลที่คาดวาจะไดรับ 1.ไดชุดขอมูลพื้นฐานของชุมชนทองถิ่นในบริบทดานกายภาพ ทุนทางทรัพยากรธรรมชาติ ดานเศรษฐกิจ สังคม วิถีชีวิต วัฒนธรรม และการเมือง ทุนดานสังคมและภูมิปญญาทองถิ่นจากอดีตถึงปจจุบันสําหรับเผยแพรแกสาธารณชนและผูสนใจ 2.ไดชุดขอมูลถีชีวิต ภูมิปญญาและการพัฒนาเครื่องมือการทําประมงในบริเวณลุมน้ําปราณสําหรับเผยแพรแกสาธารณชนและ ผูสนใจ 5. ชื่อโครงการ การศึกษาพัฒนาและบทเรียนการพลิกฟนนากุงรางใหเปนปาชายเลน -7-
หลักการและเหตุผล รากฐานของความเสื่อมโทรมของปาชายเลน มักเกิดจาก “คน” มากกวาภัยธรรมชาติ เพราะเมื่อกลไกการพัฒนาประเทศ เนนที่ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งสะทอนใหเห็นรายได จึงเปนที่มาของการเผาผลาญทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อใชเปนวัตถุดิบ หรือปจจัยที่เอื้อใหเกิดการไดมาซึ่งรายไดนั้น โดยไมไดคํานึงถึงตนทุนของทรัพยากรและสิ่งแวดลอมที่ตองสูญเสียทั้งในวันนี้และวัน หนา การฟนฟูปาชายเลนบนพื้นนากุงราง ไมใชสิ่งที่ยากเกินกวาที่จะทํา สะทอนไดจากผลแหงความพากเพียรและพลังความ รวมมือระหวางภาคเอกชน หนวยงานภาครัฐ องคกรปกครองสวนทองถิ่น ภาคการศึกษา และภาคประชาชน ซึ่งไดแก ชุมชนบาน ทาลาดกระดาน บานปากน้ําปราณ บานหัวแหลม และบานกิ่ว การมีสวนรวมของภาคีในชุมชน ที่ปรับสภาพพื้นที่จากนากุงราง ใหมีทางสําหรับน้ําเขาและ ออกไดอยางสม่ําเสมอ การลงมือ ปลูกโกงกางใบเล็ก และแสมกอน ความเขาใจธรรมชาติของระบบ น้ําขึ้นน้ําลง เปนกลไกสําคัญอีกอยางหนึ่งที่ชวยในการฟนฟูปาชาย เลน เพราะ น้ําเปนตัว ชวยพัดพาใหลูกไม เชน แสม เปนทัพหนาชวยเบิกนําสภาพพื้นที่ใหพรอมสําหรับตนโกงกางจะไดเติบโต ตอไป การอนุรักษและพัฒนา จึงตองมีความสัมพันธเกี่ยวของกับภาคีในชุมชน เพราะการอนุรักษที่แทจริง คือ การรูจักใช ประโยชนตามวิถีทางอยางพอเพียง มิใชเก็บรักษาแตเพียงอยางเดียว โดยไมไดเกื้อกูลประโยชนตอการดํารงชีวิตของคนในชุมชน หากชุมชนไดใชประโยชนจากผืนปาชายเลน ชุมชนก็ยอมเกิดความหวงแหนอูขาวอูน้ําของตนเอง เปน “ การปลูกปาในใจคน ” ซึ่ง เปนการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมในชุมชนปากน้ําปราณใดอยางยั่งยืนตอไป วัตถุประสงค 1.เพื่อการศึกษาเก็บรวบรวมขอมูล จากผูมีสวนเกี่ยวของ ในการศึกษาพัฒนาการการพลิกฟน นากุงรางใหเปนปาชายเลน โดยจัดทําเปนบทเรียน 2.เพื่อจัดกิจกรรมแสดงศักยภาพการมีสวนรวมของภาคีทุกฝาย ในการศึกษาพัฒนาการใน พื้นที่นากุงรางใหเปนปาชายเลน แตชวงของการพัฒนา 3.เพื่อพัฒนาศูนยศึกษาเรียนรูระบบนิเวศปาชายเลนสิรินาถราชินี ใหมีศักยภาพใหการศึกษา เรียนรูแกเยาวชนและบุคคลทั่วไป พื้นที่เปาหมาย ปาชายเลนในตําบลปากน้ําปราณ อําเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ เนื้อที่ทั้งหมด 786 ไร ขั้นตอนการดําเนินงานโครงการ ผลที่คาดวาจะไดรับ 1 กิจกรรมที่ 1.1 การวางแผนงานโดยประชุมคณะกรรมการฯและเจาหนาที่ศูนยฯ กิจกรรมที่ 1.2 การศึกษาขอมูล เพื่อการออกแบบงานวิจัย การศึกษาพัฒนาการและบทเรียน การพลิกฟนนากุงรางใหเปนปาชาย เลน กิจกรรมที่ 1.3 การเก็บขอมูลเบื้องตน จากภาคีในชุมชน และที่เกี่ยวของ กิจกรรมที่1.4 กิจกรรมเวอรกชอป ผูที่เกี่ยวของ ครั้งที่ 1 -เชิญผูที่ปลูกปาชายเลน รุนแรก จํานวน 15 คน -เชิญผูที่ปลูกปา ชวงพัฒนาการ จํานวน 15 คน -เชิญภาคีทุกฝายที่เกี่ยวของ จากจํานวนชุมชน ขอ 1 – 5 จํานวน 20 คน กิจกรรมที่ 1.5 กิจกรรมเวอรกชอป ผูที่เกี่ยวของ ครั้งที่ 2 - นักเรียนในเขตอําเภอปราณบุรี และมัคคุเทศกนอย จํานวน 50 คน -8-
กิจกรรมที่ 1.6 กิจกรรมเวอรกชอป ผูที่เกี่ยวของ ครั้งที่ 3 -บุคคลทั่วไป จํานวน 30 คน ผลที่คาดวาจะไดรับ 2 กิจกรรมที่ 2.1 การวางแผนงานโดยประชุมคณะกรรมการและผูมีสวนเกี่ยวของ กิจกรรมที่ 2.2 คณะทํางานจัดทําคูมือและผลงานการวิจัย กิจกรรมที่ 2.3 การประชุมทบทวนผลการปฏิบัติงานจากผลสรุปวิจัยและจากคูมือ กิจกรรมที่ 2.4 สรางบทเรียนและพัฒนาE-Learning การศึกษาพัฒนาการและบทเรียนการพลิกฟนนากุงรางใหเปนปาชายเลน กิจกรรมที่ 2.5 สรางและสรุปแบบสํารวจความพึงพอใจของเยาวชนและบุคคลทั่วไปในการศึกษาบทเรียน
ผลการดําเนินการ 1.โครงการการศึกษาบําบัดน้ําเสียชุมชนเพื่อลดผลกระทบตอคุณภาพน้ําในปาชายเลนศูนยฯสิรินาถราชินี ผลการดําเนินงานระหวาง ก.ค-ก.ย 8 ก.ค.53 ประชุมเชื่อมแผนงานการดําเนินโครงการการจัดการ ขยะ และน้ําเสีย โดยมีคณะดําเนินงานโครงการสองโครงการ เจาหนาที่ศูนยฯ และ IUCN เขารวมประชุมวางแผนการดําเนินงาน ณ โรงเรียนบานปากน้ําปราณ ผูเ ขารวม 8 คน 20 ก.ค. 53 ตัวแทนนักเรียนโรงเรียนปากน้ําปราณวิทยา ระดับชั้น ม.4/1 จํานวน 18 คนออกพื้นที่ทําการตรวจวัดคุณภาพน้ํา ตามจุดที่กําหนดไว 6 จุดคือ 1 ใตสะพานทาลาดกระดาน 2 แพโสภา 3 ที่จอดเรือกลุมประมงเรือเล็ก 4 ศาลกรมหลวงชุมพร 5 จุดระบายน้ําเทศบาล(ทอน้ําทิ้ง) 6 หนาโรงแรมโกเดนพาย จํานวนผูเขารวม 22 คน 22 ก.ค. 53 โครงการการมีสวนรวมจัดการขยะและน้ําเสียของ ชุมชนเพื่อปากน้ําปราณที่สะอาดและนาอยู ณ หอประชุมโรงเรียน บานปากน้ําปราณกิจกรรมของงานคุณจิรัฎฐ ปรานณประสิทธิ ผูอํานวยการสํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอม จ.ประจวบฯ บรรยายในหัวขอ “ความสําคัญของการ รวมมือของหนวยงานภาครัฐและชุมชนในการจัดการปญหา สิ่งแวดลอม การนําเสนอผลการตรวจคุณภาพน้ําในแมน้ําปราณบุรี และ ริมหาด -9-
ผลการดําเนินงานระหวาง ต.ค. – ธ.ค. 18 ต.ค. 53 ประชุมวางแผนการศึกษาดูงานโดยมีคณะดําเน โครงการและ IUCN เพื่อหาขอสรุปเรื่องเวลาและสถานที่ศึกษา จํานวนผูเขารวม 4 คน 28 ต.ค.53 หัวหนาโครงการและสมาชิกเดินทางสํารวจพื้นท ประสานงานการศึกษาดูงานที่ชุมพรคาบานารีสอรท 1พ.ย.53 ประชุมเพื่อมอบหมายและแบงการทํางานกิจกรรม ตัวแทนชุมชนศึกษาดูงานที่ชุมพรคาบานารีสอรทจํานวนผูเขา คนมีคณะดําเนินโครงการ IUCN และเจาหนาที่ศูนย 9-10 พ.ย. 53 นําตัวแทนชุมชนไปศึกษาดูงานที่ ศูนยกสิกร ธรรมชาติเพลิน (ศาสตรแหงพระราชา)ณ ชุมพรคาบานารีสอร ทิว จ.ชุมพร จํานวนผูเขารวม 36 คน โดยตัวแทนชุมชน 6 ชุม นักเรียนโรงเรียนปากน้ําปราณวิทยา IUCN ศูนยฯสิรินาถราชินี 19 พ.ย. 53 หัวหนาโครงการไดนําตัวแทนชุมชนและเจาหน สิรินาถ พรอมทั้งเจาหนาที่ IUCN ไปพบ อ.วิวัฒน ศัลยกําธร ประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และ ประธานสถาบันเศ พอเพียง สืบเนื่องมาจากการที่ไดนําชุมชนไปศึกษาดูงานที่ศูน รมธรรมชาติเพลิน ชุมพรคาบานารีสอรท ซึ่งจากการดูงานครัง้ ใหไดรูจักกับอ.วิวัฒน ทางหัวหนาโครงการและผูที่รวมไปศึกษ ความประทับใจในแนวคิดของอาจารยอยางมาก หัวหนาโครงก ตองการพบ อ.วิวัฒน เพื่อเชิญเขารวมเปนที่ปรึกษาโครงการฯ
ในเขตเทศบาลตําบลปากน้ําปราณ บรรยายในหัวขอ ชุมชนจะมีสวนรวมชวยแกไขปญหาขยะและน้ํา เสียไดอยางไร โดยใชประสบการณจริงจากผผูใหญอําพล ธานี ครุฑ (ผูใหญหรัง่ ) เกาะพิทักษ จ.ชุมพรแบงกลุม 6 กลุม เพื่อ วิเคราะหปญหาดานสิ่งแวดลอม เรื่องขยะและน้ําเสียตลอดแนว ทางแกไขของชุมชนตนเอง และวางแผนในการจัดการ จํานวน ผูเขารวม 200 คน
ดําเนินงานโครงการศึกษาการบําบัดน้ําเสียฯ จํานวนผูเขารวม 9 คน มี ตัวแทนชุมชน เจาหนาทีศูนยฯสิรินาถราชินี IUCN
2.โครงการศึกษาวิถีชีวิตและภูมิปญญาชาวประมงชุมชนปากน้ําปราณ ตําบลปากน้ําปราณ อําเภอปราณบุรี จังหวัด ประจวบคีรีขันธ ผลการดําเนินงานระหวาง ก.ค-ก.ย ผลการดําเนินงานระหวาง ต.ค. – ธ.ค. 27 ต.ค. 53 ประชุมวางแผนการดําเนินงานโดยมีคุณสุดารา มูลนิธิเล็กฯ ที่ปรึกษาโครงการ หัวหนาโครงการและสมาชิกดํา และ IUCN จํานวน 6 คน ณ ที่วาการอําเภอสามรอยยอด 3.โครงการพัฒนาฐานขอมูลความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อสงเสริมการจัดการศูนยศึกษาเรียนรูระบบนิเวศปาชายเลน สิรินาถราชินี ผลการดําเนินงานระหวาง ก.ค-ก.ย ผลการดําเนินงานระหวาง ต.ค. – ธ.ค. 30 – 31 ตุลาคม 2553 การเก็บขอมูลภาคสนามโดยออกสํา 17-19 ก.ค. 53 การฝกอบรมทักษะการศึกษาวิจัยความ หลากหลายทางชีวภาพในทองถิ่นใหกับนักเรียนโรงเรียนปากน้ํา ขอมูลสัตวหนาดินในพื้นที่ศูนยฯสิรินาถราชินี มีนักเรียนเขารว ปราณวิทยาตามหัวขอดังนี้ 11 คน -การฝกปฏิบัติการสํารวจสัตวหนาดิน โดยวิทยากรจาก ศูนยวิจัยฯ ชุมพร -การฝกปฏิบัติการสํารวจนก โดยวิทยากร อ.สุพจน สุขพัฒน และ คณะ -การฝกปฏิบัติการสํารวจชีพลักษณพืช โดยวิทยากร จาก สถานี วนวัฒนวิจัยประจวบฯ นักเรียนที่เขาอบรมจํานวน 47 คน 4.โครงการการจัดการขยะจากชุมชนเพื่อลดผลกระทบในพื้นที่ปาชายเลนศูนยฯสิรินาถราชินี ผลการดําเนินงานระหวาง ก.ค-ก.ย 8 ก.ค.53ประชุมเชื่อมแผนงานการดําเนินโครงการการจัดการ ขยะ และน้ําเสีย โดยมีคณะดําเนินงานโครงการสองโครงการ เจาหนาที่ศูนยฯ และ IUCN เขารวมประชุมวางแผนการดําเนินงาน ณ โรงเรียนบานปากน้ําปราณ 22 ก.ค. 53 โครงการการมีสวนรวมจัดการขยะและน้ําเสียของ ชุมชนเพื่อปากน้ําปราณที่สะอาดและนาอยู ณ หอประชุมโรงเรียน บานปากน้ําปราณกิจกรรมของงานคุณจิรัฎฐ ปรานณประสิทธิ
- 10 -
ผลการดําเนินงานระหวาง ต.ค. – ธ.ค. 25 พ.ย.53ดําเนินการรณรงคในชุมชนในเขตเทศบาลตําบล ปราณครั้งที่ 1 ชุมชนบานกิ่ว และ ชุมชนบานหัวแหลม ในวันที พฤศจิกายน2553 ผูรวมงาน 153 คน ทั้งชุมชน ตัวแทนเทศบ อบต. นักเรียนโรงเรียนเมืองปราณ และโรงเรียนปากน้ําปราณ IUCN ศูนยฯสิรินาถราชินีทั้งนี้ไดรับเกียรติจากคุณเนาวรัตน พ เจาหนาที่จากสํานักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมใหเกีย พูดคุยและใหความรูกับผูที่มารวมงาน ไมวาจะเปนประเภทขอ
หรือ อันตรายจากขยะ และยังมีเกมเชิงวิชาการมาสรางความสนุกใหกับ ผูอํานวยการสํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอม จ.ประจวบฯ บรรยายในหัวขอ “ความสําคัญของการ ผูท่มี ารวมงานอยางมาก ทั้งนี้มีการมอบถุงดําใหกับชุมชนเพื่อใชเก็บ รวมมือของหนวยงานภาครัฐและชุมชนในการจัดการปญหา ขยะอีกดวย และปดทายดวยกิจกรรมลงเรือไปเก็บขยะตามจุดตางๆ สิ่งแวดลอม การนําเสนอผลการตรวจคุณภาพน้ําในแมน้ําปราณบุรี และ ริมหาด ในเขตเทศบาลตําบลปากน้ําปราณ บรรยายในหัวขอ ชุมชนจะมีสวนรวมชวยแกไขปญหาขยะและน้ํา เสียไดอยางไร โดยใชประสบการณจริงจากผผูใหญอําพล ธานี ครุฑ (ผูใหญหรัง่ ) เกาะพิทักษ จ.ชุมพรแบงกลุม 6 กลุม เพื่อ วิเคราะหปญหาดานสิ่งแวดลอม เรื่องขยะและน้ําเสียตลอดแนว ทางแกไขของชุมชนตนเอง และวางแผนในการจัดการ จํานวน ผูเขารวม 200 คน 5.โครงการ การศึกษาพัฒนาและบทเรียนการพลิกฟนนากุงรางใหเปนปาชายเลน ผลการดําเนินงานระหวาง ก.ค-ก.ย ผลการดําเนินงานระหวาง ต.ค. – ธ.ค. 15 ก.ย. 53 ประชุมวางแผนงานการเก็บรวมรวมและเรียบเรียง 12 ต.ค. 53 เริ่มเรียบเรียงขอมูลจากรูปภาพที่ได ขอมูลโดย IUCN และหัวหนาโครงการ จํานวน 2 คน 20 ก.ย. – 10 ต.ค.53 รวบรวมรูปภาพการพลิกฟนนากุงราง 1. ติดตาม เก็บรวบรวมผลการทํางานของทุกโครงการ เพื่อจัดทํารายงานโครงการฉบับสมบูรณ และ แผนการดําเนินการ แลกเปลี่ยนเรียนรูกับเครือขายของ MFF โดยเฉพาะอยางยิ่งในเรื่องของประสบการณและบทเรียน ระยะตอไป จากการพลิกฟนนากุงรางใหกลับมาเปนปาชายเลน 2. สงเสริม ตอยอดและหาแนวทางสนับสนุนการทํางานอนุรักษสิ่งแวดลอมของ กลุมอนุรักษปากน้ํา ปราณ และกลุมเยาวชนรักษปากน้ําปราณ 1. ผลกระทบจากธุรกิจการทองเที่ยวของโลก สงผลตอการหมุนเวียนของรายไดที่ลดลง ทางซิกสเซ็นต ปญหาและอุปสรรค รีสอรทแอนดสปาจําเปนตองตัดลดงบประมาณสนับสนุนจากขอตกลงเดิม ซึ่งสะเทือนและสะดุดตอ การบริหารจัดการโครงการ ที่เสริมสรางความเขมแข็งของกรรมการฯ ผานการสนับสนุน งบประมาณดําเนินโครงการขนาดเล็กแกกรรมการศูนยฯ จํานวนทั้งหมดเดิม 7 โครงการตองลดลง เหลือ 5 โครงการ และยังตองเจรจาขอลดงบประมาณสนับสนุนเดิมของแตละโครงการ ทําให โครงการดําเนินการไมราบรื่นตามที่ตั้งใจ จึงถือเปนบทเรียนหนึ่งที่สําคัญที่ควรคํานึงถึงความเสี่ยง ในความรวมมือกับภาคธุรกิจเอกชน 2. คณะกรรมการศูนยฯ ที่รับผิดชอบโครงการฯ สวนใหญเปนพนักงานขาราชการ อาทิ ครูโรงเรียน เจาหนาที่อบต. สมาชิกเทศบาล ซึ่งมีหนาที่รับผิดชอบประจําอยู ถึงแมทุกโครงการจะเกิดขึ้นจาก ความตองการของกรรมการเอง แตศักยภาพบนเงื่อนไขของเวลาที่มีนอกเหนือจากเวลางานมีอยาง จํากัด อีกทั้งกิจกรรมของศูนยฯ และชุมชนที่ทางคณะกรรมการตองภาวะความรับผิดชอบมาก นอกจากนี้ยังมีผลกระทบดานสุขภาพของผูรับผิดชอบงานดวยจึงทําใหการดําเนินโครงการแตละ โครงการเปนไปอยางลาชา 3. เปรียบเทียบลักษณะการทํางานของผูรับผิดชอบโครงการฯ ระหวางผูที่เปนพนักงานขาราชการครู อบต.เทศบาลกับตัวแทนชุมชนผูประกอบการ ที่ยังมีประสบการณการทํางานดานการอนุรักษ - 11 -
ทรัพยากรอยางมีสวนรวมกับชุมชนไมมากนัก พบวาความตั้งใจและตื่นตัว จริงจังในการอนุรักษ โดยคํานึงถึงการมีสวนรวมของชุมชนของกลุมหลังจะมีมากกวา อีกทั้งวัฒนธรรมความคุนชินกับ ระบบการสนับสนุนอยางเต็มที่จากบริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) ที่มีงบประมาณมหาศาลในการ สนับสนุนการจัดการศูนยฯ ทําใหการพัฒนาศักยภาพจึงอยูบนฐานของเม็ดเงินมากกวาฐานของการ คนหา คนควา ตอยอดความรูเพื่ออนุรักษชุมชนอยางมีสวนรวมดวยกันทั้งชุมชน และยังคงมุง พัฒนาอยูเพียงในกรอบของพื้นที่ศูนยฯ ที่ยังพบวามีการแยกสวนกับชุมชนอยูมาก 4. ทัศนคติ ความเขาใจขององคกรบริหารจัดการศูนยฯ ที่กอตั้งขึ้นมาจากโครงการพลิกฟนนากุงรางสู ปาชายเลน ผานโครงการปลูกปาเฉลิมพระเกียรติ ที่ประสบความสําเร็จและถือเปนศูนยฯ เรียนรูมี ชื่อเสียง แมหนึ่งในคณะกรรมการของศูนย คือ เอวาซอน รีสอรทแอนดสปา หัวหินจะเชิญทาง IUCN ไปรวมพัฒนาและเสริมสรางศักยภาพความเขมแข็งของคณะกรรมการฯ ศูนย คงมีชองวาง ของความรวมมือในระดับพื้นที่ ที่เกิดจากความหวาดระแวงในการเด็ดยอดความสําเร็จขององคกร อื่น ๆ ตลอดระยะเวลาการดําเนินโครงการ แมจะใชกลยุทธจัดจางเจาหนาที่จากปากน้ําปราณ เพื่อ ถือเปนการพัฒนาศักยภาพของคนในพื้นที ตามแนวคิดสงเสริมการรักถิ่นฐานบานเกิดก็ตามที
- 12 -
รายงานความกาวหนาโครงการ เสนอตอคณะกรรมการ NCB ครั้งที่ 14 มีนาคม 2554 โครงการบูรณาการจัดการขยะและน้ําเสียอยางมีสวนรวม เพื่ออนุรักษทรัพยากรปะการังเกาะเตาอยางยั่งยืน ประเทศ องคกรปฏิบัติการ องคกรภาคี หมายเลขโครงการ ระยะเวลาดําเนินการ งบประมาณที่อนุมัติ รายงานความกาวหนา
รายละเอียดโครงการ
ไทย IUCN ประเทศไทย องคการบริหารสวนตําบลเกาะเตา ชมรมรักษเกาะเตา โรงเรียนบานเกาะเตา สถานีอนามัยเกาะเตา สํานักงานสิ่งแวดลอมที่ 14 กรมทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝง และหนวยงานที่เกี่ยวของ
12 เดือน ตั้งแต 1 กันยายน 2553 ถึง 31 สิงหาคม 2554 2,002,525 บาท จากบริษัท เชพรอน (สํารวจและผลิต) จํากัด อานรายละเอียดในเอกสารแนบ 1.รายงานผลความกาวหนาเบื้องตน 2.1st progress report (September –November 2010) 3.รายงานผลการศึกษาดูงานการจัดการขยะและน้ําเสียอยางมีสวนรวม เกาะเตาเปนเกาะที่มีขนาดใหญรองลงมาจากเกาะสมุยและเกาะพะงันของจังหวัดสุราษฎรธานี มีเนื้อที่ ประมาณ 21 ตารางกิโลเมตร เปนเกาะที่ตั้งอยูหางฝงประมาณ 70 กิโลเมตร น้ําคอนขางใส เนื่องจาก ไดรับอิทธิพลของตะกอนจากแมน้ําที่ไหลพัดพาลงสูทะเลนอยมาก ทําใหมีปะการังที่สวยงามและอุดม สมบูรณแหงหนึ่งของอาวไทย แนวปะการังกอตัวไดเกือบรอบเกาะยกเวนบริเวณปลายแหลม แนว ปะการังกอตัวไดดีทางดานฝงทิศตะวันตกและทิศใตของเกาะ รวมถึงในเวิ้งอาวที่หลบลมทางดานฝงทิศ ตะวันออกของเกาะ โดยเฉพาะอยางยิ่งทางดานทิศตะวันตก แนวปะการังมีความกวางมากกวาบริเวณ อื่นๆ ลักษณะเปนแนวปะการังริมฝง (fringing reef) สวนบริเวณปลายแหลมของเกาะเปนปะการังกอตัว บนโขดหิน หรือโขดหินที่มีปะการังขึ้นอยูเล็กนอย ขนาดพื้นที่แนวปะการังรอบเกาะประมาณ 1.9 ตาราง กิโลเมตร เนื่องดวยแนวปะการัง และความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลที่ยังคงความสมบูรณ เกาะเตาไดรับ ความนิยมอยางมากแหงหนึ่งในการทองเที่ยวดําน้ําชมปะการังทั้งการดําน้ําลึกและดําน้ําตื้น และยังขึ้น ชื่อวาเปนแหลงเรียนดําน้ําที่มีผูมีเรียนติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกอีกดวย ดังนั้นจึงสงผลใหมีการพัฒนา เพื่อรองรับการทองเที่ยวอยางตอเนื่องและไมมีทิศทาง กอใหเกิดปญหาดานสิ่งแวดลอมที่เริ่มเห็นเดนชัด ขึ้น อาทิเชน ปญหาขยะลนเกาะ ปญหาน้ําเสีย การขาดแคลนน้ํา เปนตน เหลานี้ลวนเปนปญหาและภัย คุกคามทําใหแนวปะการังเสื่อมโทรมลงอยางรวดเร็ว อย า งไรก็ ต ามทางองค ก ารบริ ห ารส ว นตํ า บลเกาะเต า ร ว มกั บ ชมรมรั ก ษ เ กาะเต า องค ก รอนุ รั ก ษ -1-
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมทองถิ่นไดดําเนินการแกไขปญหาดังกลาวในระยะตน โดยเฉพาะ อยางปญหาน้ําเสีย ซึ่งไดมีการรณรงคใหความรูแกผูประกอบการรานคา เพื่อปรับปรุงระบบบําบัดน้ําเสีย ระดับครัวเรือนใหถูกตอง ทวายังคงขาดองคความรูจากผูเชี่ยวชาญเฉพาะดานแกชุมชนอยางทั่วถึง จริงจัง และที่สําคัญปญหาน้ําเสียถือเปนปญหาใหญที่จําเปนตองมีการแกไขจัดการอยางเรงดวน เพราะ กอใหเกิดผลเสียหายที่รุนแรงมาก เริ่มตั้งแตสภาพลําคลองที่ไมนาดู สงกลิ่นเนาเหม็น เมื่อไหลไปสู ชายหาดทรายที่ชายหาดก็เกิดเปนสภาพทรายตาย คือ เปลี่ยนเปนสีดํามีกลิ่นเหม็น เปนสาเหตุสําคัญที่ ทําใหนักทองเที่ยวไมสามารถนอนอาบแดดได เมื่อน้ําเสียไหลลงสูทะเลสงผลกระทบตอชีวภาพทางทะเล ไมวาจะเปน ปะการังเกิดการฟอกขาว สัตวทะเลบางชนิดไมสามารถดํารงชีวิตอยูได สารเคมีจากการซัก ลางที่มิไดรับการบําบัด เปนตัวเรงใหสาหรายทะเลที่มีพิษเจริญเติบโตไดรวดเร็ว ซึ่งเปนอันตรายตอสัตว น้ําและรวมถึงมนุษย เฉกเชนเดียวกับปญหาขยะมูลฝอย ที่มีปริมาณวันละ 5 ตันตอวันในชวงฤดูกาล ทองเที่ยว และสะสมกอตัวปะปนอยูบนภูเขาขยะพื้นที่เกือบ 4 ไร ซึ่งไมมีการจัดการคัดแยกประเภทของ ขยะ ทั้งพลาสติก โฟม ขวด ขยะมีพิษอยางถูกวิธี นําพาสูปญหาดานสาธารณสุข เปนแหลงเพาะเชื้อ กอ มลพิษลงแหลงน้ําธรรมชาติและสรางทัศนะอุจาดแกแหลงทองเที่ยวทางทะเลที่สําคัญแหงนี้ จากผลเสียหายที่กลาวมาเบื้องตน จึงมองวาการจัดการปญหาขยะและน้ําเสียเพื่ออนุรักษปะการังเปน เรื่องจําเปน ทวาตองใชงบประมาณการจัดการมหาศาลเกินศักยภาพและความสามารถในระดับทองถิ่นที่ จะจัดการไดเอง ทั้งนี้เพื่อฟนฟูคุณภาพน้ํา ลบทัศนะอุจาดจากสภาพขยะและน้ําเนาเหม็น และมีการ จัดการปญหาสิ่งแวดลอมในบริเวณแหลงทองเที่ยวทางทะเล เพื่อพัฒนาการทองเที่ยวเกาะเตาใหยั่งยืน ดังนั้นชุมชนเกาะเตาเล็งเห็นมีความจําเปนอยางยิ่งที่ตองมีการจัดการปญหาดังกลาวนี้รวมกันในทุกภาค สวน ทั้งนี้เพื่อมุงพัฒนาใหเกาะเตาเปนเกาะตนแบบของการทองเที่ยวเกาะอยางยั่งยืนของประเทศไทย ตอไป มีเปาหมายหลักเพื่อการฟนฟูสิ่งแวดลอมและอนุรักษทรัพยากรทะเลและปะการัง ภายใตกระบวนการมี สวนรวมของชุมชน ซึ่งสอดคลองกับยุทธศาสตรการอนุรักษและจัดการใชประโยชนทรัพยากรธรรมชาติ เปนไปอยางสมดุลและสอดคลองกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ผนวกกับยุทธศาสตรการบริหารจัดการ และการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรธรรมชาติและคุณภาพสิ่งแวดลอมโดยการมีสวนรวมและมีบูรณาการ ในทุกระดับ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม วัตถุประสงค 1 เพื่อจัดการปญหาขยะและน้ําเสียของชุมชนอยางมีสวนรวมและเปนรูปธรรม 2 เพื่อปลูกจิตสํานึกในการดูแลรักษาแหลงน้ําธรรมชาติและสิ่งแวดลอม 3 เพื่อกําหนดมาตรการและแนวทางจัดการปองกันปญหาขยะและน้ําเสีย อันนําไปสู การอนุรักษทรัพยากรปะการังและสิ่งแวดลอมเกาะเตาอยางยั่งยืน ผลที่คาดวาจะไดรับ 1.ประชาชนเกาะเตาไดมีสวนรวมในการตัดสินใจเลือกแนวทางการจัดการขยะและน้ําเสีย บน พื้นฐานของขอมูลและบทเรียนจากผูเชี่ยวชาญเฉพาะดานขยะและน้ําเสีย 2.มีการจัดการขยะและน้ําเสียอยางเปนรูปธรรม ภายใตความรวมมือของชุมชน หนวยงาน ภาครัฐและทุกภาคสวนที่เกี่ยวของ 3. ประชาชนเกาะเตาเกิดจิตสํานึกและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดปญหาขยะและน้ําเสีย และรวม -2-
ผลการดําเนินการ
แผนการดําเนินการ ระยะตอไป
ปญหาและอุปสรรค
อนุรักษทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม 4. เกิดขอตกลง กฎกติกาชุมชนเพื่อจัดการและปองกันปญหาขยะและน้ําเสียอยางยั่งยืน ในชวงหกเดือนที่ผานมา ความรวมมือขององคกรหลักที่รับผิดชอบดานการจัดการขยะและน้ําเสีย เชน อบต.เกาะเตา มี ความกระตือรือลนที่จะแกไขปญหาอยางจริงจังรวมกับตัวแทนชุมชน ภายหลังจากการศึกษาดู งานเมื่อตนเดือนมกราคม เกิดคณะทํางานการจัดการขยะและน้ําเสีย ขึ้นอยางเปนธรรมชาติ โดยมีนายอําเภอเกาะพะงัน ที่ประกาศแตงตั้ง “คณะกรรมการรวมพัฒนาเกาะเตา” เปนคณะที่ จัดตั้งอยางเปนทางการรองรับสงเสริมแนวทางปฏิบัติดวย สํานักงานสิ่งแวดลอมภาคที่ 14 รวมเปนภาคีความรวมมือในการดําเนินงานดานการจัดการน้ํา เสียเกาะเตา ภายใตงบสนันสนุนจากจังหวัดสุราษฎรธานี ชุมชนเกิดความตื่นตัวกับการลงมือปฏิบัติงานอยางจริงจัง โดยมุงการปฏิบัติเปลี่ยนแปลง แกไขและสงเสริมใหเห็นเปนรูปธรรม การจัดการของเสียเหลือศูนย...เพื่ออนุรักษปะการังรอบเกาะเตา เปนประเด็นการรณรงคใน งานเทศกาลเปดโลกทะเลเกาะเตา ป 2554 25-26 มีนาคม : นําเสนอและจําลองการจัดการขยะและน้ําเสีย ในรูปแบบของซุมนิทรรศการที่มี ชีวิต ใหเห็นวงจรการจัดการขยะอินทรียดวยสัตว การคัดแยกขยะ การอบรมทําน้ําหมักชีวภาพ การ ทําน้ํายาลางจานและน้ํายาอเนกประสงค และเสวนา “ของเสียเหลือศูนย...ชวยทะเลเกาะเตา อยางไร” ณ สวนมะพราวตาโอ ตาเอื้อม หาดทรายรี เกาะเตา มีนาคม-เมษายน ทําโรงเรือนสัตวเพื่อจัดการขยะอินทรีย และทําลานคัดแยกขยะ (งบอบต.) บน หลุมขยะเกาะเตา 9-13 พฤษภาคม: จัดเสวนาชาวเกาะ และ “Green Resort workshop” เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรูแนว ทางการประกอบธุรกิจที่ใสใจสิ่งแวดลอม ฯลฯ 1.สถานการณคัดคานการสํารวจขุดเจาะปโตรเลียมในชวงระยะแรกของการดําเนินงานคอนขางคุ กรุนระหวางประชาชนชาวเกาะสมุย เกาะพะงันและเกาะเตา แตดวยทุกขั้นตอนของการพัฒนา โครงการผานกระบวนการมีสวนรวม รับรู แกไข ปรับปรุง สอบถามความคิดเห็นอยูเปนระยะ ใน บางชวงชะลอระยะเวลาการตัดสินใจเปนป เพื่อใหแนใจวาทุกคนยอมรับความรวมมือในการ สนับสนุนการทํางานครั้งนี้ และทางชมรมรักษเกาะเตาก็มีจุดยืนและแนวทางเงื่อนไขที่ชัดเจนกับ ความรวมมือ ดังนั้นการทํางานจึงดําเนินอยูบนฐานของประโยชนที่จะไดรับจากการดําเนินโครงการ เปนสําคัญ กระนั้นก็มีความเขาใจกันในเรื่องการประชาสัมพันธการสนับสนุนของบริษัทเชพรอน ฯ ในพื้นที่วาควรอยูในระดับที่พอเหมาะพอควร เพราะทัศนคติของชุมชนคงมีความหลากหลายทาง ความคิดอยูดวยเชนกัน 2.ปญหาความขัดแยงภายในระหวางหนวยงานภาครัฐที่เกี่ยวของกับชุมชน ที่มีความเสื่อมศรัทธา และแยกสวนการทํางาน เปนเรื่องที่ตองคํานึงและพยายามคลี่คลาย เชื่อมรอยความรวมมือของทุก ภาคสวนเพื่อใหเกิดการทํางานอยางมีสวนรวมอยางแทจริง
-3-
รายงานผลการดําเนิ นงานเบือ งต้น
โครงการบูรณาการจัดการขยะและนํ าเสียอย่างมีส่วนร่วม เพื ออนุรกั ษ์ปะการังรอบเกาะเต่า Participatory integrated waste management for conserving Coral Reef around Koh Tao
ผลการดําเนิ นงาน กิจกรรมและผลการดําเนินงานระหว่างวันที 1 กันยายน ถึง 31 ตุลาคม พ.ศ 2553 1. การทําความเข้าใจกับแกนนําชุมชน เกี ยวกับโครงการภายใต้การสนับสนุน
ของบริษทั เชพรอน สํารวจปิ โตรเลียม จํากัด เนื องด้วยบางส่วนของประชาชนเกาะเต่าได้เข้าร่วมการคัดค้านการสํารวจขุดเจาะปิโตรเลียมกับ ทางประชาชนเกาะสมุยและเกาะพะงัน การแนะนําโครงการทีอ ยูภายใต้ ภ่ ายใต้การสนับสนุ นของบริษทั เชฟรอน สํารวจปิโตรเลียม จํากัด ต่อชาวเกาะเต่าในช่วงเวลานี+ จึงเป็ นเรือ งเปราะบางต่อความรูส้ กึ และ ความเข้าใจถึงความร่วมมือนี+ในวงกว้าง ดังนัน+ ทาง IUCN จึงเลือกทีจ ะแจ้งและชีแ+ จงแก่ผนู้ ําและแกนนํา ของเกาะเต่า และประสานความร่วมมือกับกลุ่มและหน่วยงานราชการทีด ําเนินการแก้ไขปญั หาขยะและ นํ+าเสียอยู่ เพื อวิเคราะห์และประเมินผลการทํางาน โดยมุง่ เน้นเพื อต่อยอดแนวทางการทํางานทีม กี าร ริเริม ทํากันมา และวิเคราะห์ปญั หาหรือข้อจํากัดด้านต่าง ๆ ของเกาะในการดําเนินงานแต่ละช่วงเวลา ตลอดจนรวบรวมข้อมูลการทํางานทีเ กี ยวข้อง ซึง คํานึงถึงแผนการทํางานพัฒนาเกาะเต่าอย่างยังยื นใน ภาพรวม และใช้ผงั ความเป็ นมาของการพัฒนาโครงการฯ เป็นสื อในการอธิ ในการอธิบายพูดคุย นอกจากนี+ยงั ใช้ จดหมายแจ้งข้อกังวลของชมรมรักษ์เกาะเต่าในวันที 24 กรกฎาคม 2552 และรายงาน Due Diligence ของ IUCN เป็ นเอกสารยืนยันขัน+ ตอนการพิจารณาความร่วมมือ จากการพูดคุยกับแกนนําของเกาะ จึงสามารถกล่าวได้ว่าชาวเกาะเต่าตระหนักถึงประโยชน์ท ี ได้รัรบั จากการดําเนินการจัดการแก้ไขปญั หาขยะและนํ+าเสีย ซึง นับวันจักกลายเป็ นปญั หาใหญ่ทล ี ด คุณค่าความสวยงามและความสมดุลต่อระบบนิเวศทางทะเล ต้นทุนหลักทางเศรษฐกิจของชาวเกาะเต่า เป็นสําคัญมากกว่า
สนับสนุนโดย
2. วิ เคราะห์ประเมิ นปัญหาขยะและนํ าเสียเกาะเต่ าเบือ งต้น 2.1) สภาพขยะและนํ าเสียปัจจุบน ั
นํ าเสีย: ทางกายภาพ คลองหลักทีห าดทรายรี ยังคงดําและส่งกลิน เหม็น แต่มคี วามพยายามแก้ไข ปญั หาโดยการทําบึงประดิษฐ์ใส่ปล่องซีเมนต์วางกลางคลอง คลองทีโ ฉลกบ้านเก่า มีการตัดทําลายปา่ ชายเลน สภาพคลองเหม็นเน่าเมือ นํ+าลง
คงมีกลิน และแมลงวัน เนื องเพราะไม่ได้ฉีด ขยะ: มีการปรับเกลีย ฝงั กลบลานหลุมขยะ ดูเรียบร้อยขึน+ แต่คงมี พ่นนํ+าหมัก EM ตามทีเ คยแก้ปญั หาในระยะแรก ในกระบวนการคัดแยก มีพนักงานคัดแยก 3-4 คน ใช้ เวลาค่อนวันกว่าจะคัดแยกเสร็จ เครือ งบดแก้วไม่ได้ใช้งาน เพราะมีพนักงานไม่เพียงพอ เตาเผาขยะมี
สนับสนุนโดย
การทํางาน โดยแรงงานพม่าเป็นผูค้ วบคุมเครือ งเผา เจ้าหน้าทีอ บต.ใหม่ยงั ไม่เข้าใจการทํางานของ เตาเผาและมีความต้องการได้รบั การอบรมในเรือ งนี+ เพื อควบคุมการทํางานให้มปี ระสิทธิภาพขึน+ กระนัน+ ยังมีขอ้ กังวลถึงภาระผูกพันในการบํารุงดูแลรักษา ซึง มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
การจัดการ: มีเจ้าหน้าทีอ บต.ทีรัร บั เข้ามาใหม่ มีความตัง+ ใจจะร่วมเป็นส่วนหนึ งของการจัดการปญั หา แต่ ยังขาดประสบการณ์และความรู้ 2.2) ปัญหา อุปสรรคและข้อจํากัดของการแก้ ของการแก้ไขปัญหาขยะและนํ าเสียโดยชุมชน
นํ าเสีย จากการทีช มรมรักษ์เกาะเต่าหยิบหยกประเด็นปญั หานํ+าเสียเป็ นประเด็นปญั หาใหญ่ท ี จําเป็ นต้องมีการจัดการอย่างเร่งด่วน ตัง+ แต่ปี 2551 จึงร่วมมือกับผูน้ ําท้องถิน ประกอบด้วย ผูใ้ หญ่บา้ น และผูช้ ่วยทัง+ 3 หมูบ่ า้ น อบต. โดยมีคุณอรุณ ฉายสะบัด อดีตผูอ้ ํานวยการสาธารณสุขสิง แวดล้อมจังหวัด สุราษฎร์ธานี ผูม้ คี วามเชีย วชาญด้านการจัดการขยะและนํ+าเสีย เป็นทีป รึกษาในการให้ความรูผ้ นู้ ําและ
สนับสนุนโดย
ผูป้ ระกอบการเกี ยวกับระบบบําบัดนํ+าเสีย และลงพืน+ ทีส าํ รวจแต่ละหมูบ่ า้ นไปพร้อมกันอย่างแข็งขัน โดย มีการสํารวจแนวคลองหลักและท่อนํ+าของแต่ละหมูบ่ า้ น มีการสาธิตวิ ตวิธกี ารบําบัด โดยยึดหลักการบําบัด นํ+าเสียระดับครัวเรือนมาปรับประยุกต์กบั ขนาดของธุรกิจ เริม ต้นจากการแยกขยะอินทรียจ์ ากครัวของ ร้านอาหาร เพื อนําไปทํานํ+าหมัก EM ชีวภาพ ทําบ่อดักไขมัน และบ่อเกรอะ บ่อกรอง บ่อซึมตามรูปแบบ ความเหมาะสมด้านพืน+ ทีแ ละงบประมาณของแต่ละแห่ง จากการประเมินของผูป้ ฏิบตั งิ านรณรงค์ให้ความรูเ้ รือ งการบําบัดนํ+าเสียอย่างต่อเนื อง สรุปความ ได้ดงั นี+ หมู่ 1 หาดทรายรี ผูใ้ หญ่บา้ นให้ความสําคัญ และมีการประสานงานอย่างใกล้ชดิ เมือ มีเรือ งร้องเรียน จะ ลงจัดการแก้ไขทันที • ผูป ้ ระกอบการทําการบําบัด เพราะไม่สะดวกทีจ ะเรียกรถมาดูด เพราะค่าใช้จา่ ย ค่อนข้างสูง (ครัง+ ละ 1000 บาท) • คิดเป็ นร้อยละ 40 ทีม กี ารบําบัดแก้ไข แต่ถา้ ได้รบั ความร่วมมือจากอบต.และผูใ้ หญ่บา้ น ชาวบ้านจะเข้มงวดกับการจัดการแก้ไขอย่างจริงจัง หมู่ 2 บ้านแม่หาด • มีเพียง 1 บ้านทีม กี ารติดตัง+ ระบบบําบัด ภายหลังการได้รบั คําแนะนําให้คาํ ปรึกษา • มีผป ู้ ระกอบการดําเนินการของตัวเอง เช่น จามจุรรี สี อร์ท แซนซีรสี อร์ท เป็ นต้น ั หาทีพ บคือ มีธุรกิจทีห ลากหลายและคนแม่หาดไม่ค่อยให้ความร่วมมือ แต่อย่างไร • ปญ ก็ตามมีทมี งานรณรงค์ทเ ี ข้มแข็ง •
หมู่ 3 โฉลกบ้านเก่า • ร้อยละ 10 ของผูป ้ ระกอบการทีท ําระบบบําบัด • ไม่มผ ี ปู้ ระสานงานของหมู่บา้ น และผูใ้ หญ่บา้ นร่วมลงพืน+ ทีเ พียงครัง+ เดียว ข้อคิ ดเห็นและโอกาสการจัดการปัญหานํ าเสีย • ช่างทําระบบบําบัดบนเกาะมีความเชีย วชาญมากยิง ขึน+
สนับสนุนโดย
•
• •
• •
•
• •
พนักงานของรีสอร์ทไม่มคี วามเข้มงวดในการปฏิบับตั ติ ่อเนื อง เช่น ไม่ค่อยตักไขมัน และ เติม EM ทางเจ้าของไม่มกี ารติดตามอย่างจริงจัง ทําอย่างไรจะให้ทุกคนติดตัง+ บ่อบําบัดและดูแลรักษาอย่างต่อเนื อง ผูน้ ําท้องถิน และอบต. ไม่ให้ความสําคัญในการติดตามประเมินผล และไม่มรี ะบบการ บริหารจัดการอย่างต่อเนื องเป็นรูปธรรม อบต.จะเป็ นหน่วยงานทีเ ร่งการปฎิบตั ทิ เ ี ป็นรูปธรรม มีการประสานเบือ+ งต้นกับผูเ้ ชีย วชาญด้านการทําบ่อบําบัดแบบบึงประดิษฐ์ จากกรม ควบคุมมลพิษ เพื อทําการวางแผนและออบแบบบ่อบัดในคลองหน้า Lotus หาดทรายรีได้ หน่วยงานราชการลงมาปฎิบตั งิ านในพืน+ ที แต่มกั ไม่สานต่อและไม่สง่ ผลการทํางานให้ พืน+ ที มีการแนะนําไส้เดือนเพื อมาแก้ปญั หา แต่ไม่มกี ารสานต่ออย่างเป็นรูปธรรม พบว่า EM Ball สามารถแก้ไขปญั หาการเน่ าเหม็นได้ ตามคําแนะนําของผูเ้ ชีย วชาญจาก เกาะพิทกั ษ์ แต่มตี น้ ทุนสูงและต้องนําเข้าวัตถุดบิ มาจากข้างนอกเป็ นส่วนใหญ่
ขยะ ช่วงเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม ปีพ.ศ. 2552 ทางชุมชนเกาะเต่าได้รวมตัวกันเพื อจัดการขยะมูล ฝอยบนหลุมขยะโดยเร่งด่วน มีชมรมรักษ์เกาะเต่าร่วมกับสํานักงานสิง แวดล้อมที 14 เป็นหลักในการ ขับเคลื อน โดยมีวตั ถุประสงค์ 1) เพื อจัดระเบียบบริเวณทีท ง+ิ ขยะส่วนรวมของเกาะเต่าให้เป็นระบบ 2) เพื อลดการแพร่เชือ+ โรคและมลพิษแก่ประชาชน 3) เพื อเกาะเต่าปลอดขยะและเป็นแหล่งท่องเทีย วทีย งยื ั น มีการตัง+ คณะทํางานจัดการขยะมูลฝอยเฉพาะกิจ แบ่งเป็นฝา่ ยแผนและประสานงาน ฝา่ ยประชาสัมพันธ์ ฝา่ ยการจัดเก็บ ฝา่ ยบุคลากรทีป ฏิบตั งิ าน ฝา่ ยกําจัดขยะ และฝา่ ยการเงิน เพือดํ อ ดําเนินงานตามแนว ทางการลดและใช้ประโยชน์จากขยะมูลฝอยของชุมชนเกาะเต่า กระนัน+ การปฎิบตั ติ ามข้อแนะนําทัง+ กระบวนการคัดแยก จัดเก็บสามารถดําเนินการอยูไ่ ด้เพียงระยะหนึ ง จากนัน+ เตาเผาขยะทีเ พิง รับมาก็ รับภาระหนักในการเผาขยะทุกประเภทเหมือนเดิม ซึง มีค่าใช้จ่ายการดูแลรั ลรักษา โดยเฉพาะค่านํ+ามัน เดือนละ 3 แสนบาท จากการวิเคราะห์ปญั หาและสาเหตุ ในช่วงดังกล่าวนัน+ พร้อมข้อเสนอแนะและโอกาสสําหรับการ ปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการ สรุปความว่า
สนับสนุนโดย
ปัญหาและสาเหตุ 1) ยังไม่มน ี โยบายหรือแนวทางการปฏิบตั งิ าน
•
• •
2) ขาดงบประมาณ
•
3) ขาดบุคคลากรทีม คี วามรูค้ วามเข้าใจ
•
•
บุคลากรทีร บั ผิดชอบบนหลุมขยะไม่ เพียงพอ เพราะอบต.มีขอ้ จํากัดในการจัด จ้างคนมารองรับ
•
• •
•
•
4) ทีด นิ สําหรับใช้เป็ นสถานทีก ําจัดไม่เหมาะสม
•
5) ประชาชนขาดความเข้าใจ
•
ข้อเสนอแนะและโอกาส อบต.ควรทําแผนการจัดการทีช ดั เจน และ มีความต่อเนื องในการทํางานตามแนวทาง ทีก ําหนดไว้ ควรมีกม.ควบคุมด้านขยะ ควรทําให้ทมี งานอบต.แข็งก่อน ด้วยการ ทําแผนงานและมีความจริงใจในการแก้ไข ปญั หา มีงบประมาณสนับสนุนจากหน่วยงาน ภายนอก มีหน่วยงานพีเ ลีย+ งให้การสนับสนุ นติดตาม และให้ความรู้ เจ้าหน้าทีแ ละพนักงานทีร บั ผิดชอบยังขาด ความรูค้ วามเข้าใจในการบริหารจัดการ ปญั หาขยะ อยากให้มคี นมารับเหมาการคัดแยกก่อน เข้าสู่ระบบการเผา อยากมีพนักงานเทศกิจ เพื อตรวจสอบ ประเมินผลการทิง+ ขยะ และจ้างพนักงาน กวาดถนน เพื อลดการแอบอ้าง แรงงานคนคัดแยกและจัดเก็บ ส่วนใหญ่ยงั เป็นแรงงานต่างด้าว ซึง อยูม่ านานและไม่ ปฏิบตั ติ ามหน้าที มีเจ้าหน้าทีอ บต.รุ่นใหม่ไฟแรงทีพ ร้อมจะ ทํางานให้สาํ เร็จเรียบร้อย แต่อยากให้ ผูบ้ ริหารให้ความสําคัญเรือ งสวัสดิการของ เจ้าหน้าทีพ นักงาน แม้จะมีขอ้ กําจัดแต่ยงั สามารถจัดการได้ การรณรงค์ระหว่าง 20-23 ตุลาคม 2552 กับ
สนับสนุนโดย
6) ไม่ปฏิบต ั ติ ามข้อตกลงร่วมกันในแนวทางการลด
•
และการใช้ประโยชน์จากขยะมูลฝอยในชุมชนเกาะ เต่า เดือนตุลาคม 2552
•
•
• 7) ระบบเตาเผาขยะทีไ ม่สมบูรณ์
•
ประชาชนทัง+ 3 หมูบ่ า้ นเกิดผลสําเร็จ และ สร้างความตระหนักรูใ้ นเรือ งการจัดการ ขยะมูลฝอยแก่ชุมชนมากขึน+ ยึดแนวปฏิบตั วิ ่า “ไม่แยก...ไม่เก็บ” โดย ตัง+ คณะกรรมการตรวจสอบ ต้องการให้ทุกคน/ผูป้ ระกอบการเปลีย น พฤติกรรมให้ลดขยะ โดยจะเก็บ ค่าธรรมเนียมกิโลละ 1 บาท แนวทางการจัดการบนหลุมขยะ โดย พยายามลดการใข้เตาเผาขยะให้มากทีส ุด สามารถทําได้โดย 1) ฝงั กลบ 2) คัดแยก3) ไส้เดือนช่วยย่อยสลาย 4) ทําปุ๋ย EM และ จัดซือ+ เครือ งบดอัดขยะอินทรีย์ ราคา ประมาณ 4-5 ล้านบาท เน้นว่าต้องลดขยะจากต้นทาง มีการสํารวจ วิเคราะห์พร้อมข้อเสนอแนะ แนวทางแก้ไขปญั หา จากดร.พล สาเก ทอง ผูเ้ ชีย วชาญเตาเผาขยะชุมชน ใน เอกสารแนบท้าย
แผนงานการจัดเก็บ (เดือนตุลาคม 2552) รถจัดเก็บ มีทงั + หมด 3 คัน (รถ 6 ล้อ 1 คัน รถบดอัด 1 คัน รถ 4 ล้อเล็ก 1 คัน (เสีย)) และอดีตผูว้ ่าฯ ดํา ริห์ มอบรถสีล อ้ เล็กอีก 1 คัน มีคนขัยรถ 2 คัน เด็กท้ายรถ 4 คน รถสําหรับฝังกลบ รถแม๊คโคร ขนาด 80-100 แรง เพื อฝงั กลบเป็นลักษณะหน้าตัก หลังขุดอีก 1 ตัว วิ ธีการจัดเก็บ • •
ขยะเปียก ขยะรีไซเคิล และขยะทัวไป ต้องเก็บทุกวัน ขยะอันตรายและขยะมีพษิ ต้องเก็บทุกอาทิตย์ จากคลีนิค โรงพยาบาล โดยใช้ถุงแดง
สนับสนุนโดย
•
ขยะทัง+ หมดไม่ให้ใส่ถุงดํา ใช้ถงั สีและลังกระดาษ ให้รถเข้าถึงทุกจุด
เวลาจัดเก็บ •
• •
ขยะเปียก เริม การจัดเก็บเวลา 23.00 น. (ทดลองไม่ได้ผล เพราะผูป้ ระกอบการไม่ให้ความร่วมมือ ร้านค้ายังไม่ปิด เวลาการทํางานไม่ลงตัว จึงปรับเป็นเวลาตี 3) ขยะรีไซเคิล และขยะทัวไป เก็บเวลา 24.00 น. ขยะอันตรายและขยะมีพษิ นํ+ามันพืชเก่า เก็บเวลา 24.00 น. แต่ยงั ไม่ได้ทํา Bio-diesel
วิ ธีการส่งออกเพื อจําหน่ าย • • • • •
กระดาษ มัดรวมกัน พลาสติก ใช้เครือ งอัดรวมกัน ขวดแก้ว บดใส่ถุง วัสดุก่อสร้าง บดรวมกัน ยางรถยนต์กบั เบาะทีน อนเก่า ยังไม่รวู้ ธิ กี ําจัด
วงจรการจัดการ เลือกหลักการแยกขยะมูลฝอยเป็น 4 ประเภท • • • •
ขยะเปียก ลงหลุมหมักและบ่อไส้เดือน ขยะรีไซเคิล แยกตามโรงเรือนเพื อจําหน่ าย ขยะทัวไปเผาหรื อฝงั กลบ ขยะมีพษิ และขยะอันตราย ส่งออกไปชุมพรเพื อจํากัด
นอกจากนี+อาสาสมั อาสาสมัครสาธารณสุขเกาะเต่ายังมีเก็ เก็บข้อมูลและอบรมให้ความรูผ้ ปู้ ระกอบการ ร่วมกับสํานักงานสิง แวดล้อมภาคที 14 แต่ขอ้ มูลยังต้องมีการสังเคราะห์และสรุปวิเคราะห์ 3.การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนเกี ยวข้อง
ด้วยสํานักงานสิง แวดล้อมภาคที 14 มีการดําเนินงานด้านสิง แวดล้อมในพืน+ ทีเ กาะเต่าอย่าง ต่อเนื อง โดยเฉพาะด้านขยะ เมือ ปลายปี 2552 ทีผ ่านมา ทัง+ เรือ งเตาเผาขยะและการรณรงค์เพื อลดขยะ
สนับสนุนโดย
ขณะเดียวกันในปีน+ที างสํานักงานสิง แวดล้อมภาคยังมีแผนการดําเนินงานจัดการเรื องนํ+าเสีย เป็ นเวลา12 เดือน (ตุลาคม-กันยายน) ภายใต้งบประมาณจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี IUCN จึงขอประสานความร่วมมือ เพื อบูรณาการแผนการทํางานเพื อเสริมการมีส่วนร่วมในระดับหน่วยงานภาครัฐ จากการหารือพบว่าแนวทางการทํางานมุง่ เน้นในหลักการความพยายายจะผลักดันให้เกาะเต่า เป็นเกาะปลอดของเสีย หรือ ZERO WASTE และเห็นด้วยกับการประสานความร่วมมือ แต่อย่างไรก็ดจี าก ประสบการณ์การทํางานในพืน+ ทีห ลายโครงการ เห็นพ้องกันว่าการทํางานจํากัดอยูเ่ พียงคนอยูไ่ ม่กก ี ลุ่ม ผูนํน้ ํามักไม่ค่อยให้ความร่วมมือในทางปฏิบตั เิ ท่าทีค วร และยังคงขาดความต่อเนื องในการทํางาน ซึง ส่งผลต่อการผลักดันทีเ ป็ นรูปธรรมในเชิงนโยบาย กฎระเบียบทีไ ม่เกิดขึน+ จริง จึงมีการปรับกลยุทธ์การ ทํางานเพื อให้เกิดประสิทธิภาพการทํางานทีเ ป็ นรูปธรรมชัดเจนในทุกระดับ รูปแบบนําเสนอการแต่งตัง+ คณะกรรมการบริหารจัดการขยะและนํ+าเสียเกาะเต่า ในระดับต่างๆ เพื อประสิทธิภาพการทํางาน ตัง+ แต่ระดับปฎิบตั สิ ่รู ะดับนโยบาย ทีส อดคล้องกับแผนแม่บทการพัฒนา เกาะเต่าอย่างยังยื น จึงกําลังมีการพิจารณาจัดตัง+ ขึน+ ภายใต้มติการประชุมของอบต. วันที 24 กันยายน ทีผ ่านมา และการหารือกับผูน้ ําเกาะเต่า ทัง+ นี+การรายละเอียดการพิจารณารูปแบบแต่งตัง+ อํานาจและ หน้าทีต ่าง ๆ นัน+ ผูอ้ ํานวยการสํานักงานสิง แวดล้อมภาคที 14 กําลังพิจารณาในรายละเอียดเพื อยืน เสนอ แก่ผวู้ ่ารายการจังหวัดสุราษฎร์ธานี อย่างไรก็ดก่กี ่อนจะยืน เสนอผูว้ ่าราชการจังหวัด จะมีการนําเสนอรายชื อในการประชุมกับกลุ่ม ผูน้ ําเกาะเต่า อันประกอบด้วยผูน้ ําโดยตําแหน่งปจั จุบนั และผูน้ ําในอนาคต อาทิ คณะผูบ้ ริหารอบต. ประธานสภาตําบล สาธารณสุข กรมประมง ตํารวจ กรมเจ้าท่า ปลัดอําเภอส่วนหน้า กํานัน/ผูใ้ หญ่บา้ น และผูช้ ่วย กรรมการหมูบ่ า้ นหมูล่ ะ 1 คน ประชาคมหมูบ่ า้ นหมูล่ ะ 1 คน สมาคมท่องเทีย วเกาะเต่า ชมรม รักษ์เกาะเต่า ครูโรงเรียนบ้านเกาะเต่า ชมรมผูส้ งู อายุ ศูนย์ฯ เด็กเล็ก ชมรมแอโรบิค ชมรมเรือหาง ชมรมแท๊กซี เป็นต้น ตามมติของทีป ระชุมอบต. ณ วันที 8 ตุลาคม ทีผ ่านมาให้เน้นการทํางานกับกลุ่มผูน้ ํา เพราะหาก ผูน้ ํามีความเข้มแข็งในการปฏิบตั หิ น้าทีแ ล้ว ลูกบ้านก็จะปฎิบตั ติ าม และการรณรงค์ทผ ี ่านมานัน+ ประชาชนผูป้ ระกอบการให้ความร่วมมือเป็ นอย่างดี แต่ผรู้ บั ผิดชอบไม่สานต่องานตามทีต กลงกันอย่าง เคร่งครัดและต่อเนื อง จึงเกิดความเสื อมศรั มศรัทธาผูน้ ํา และยากจะเชิญชวนให้ปรับเปลีย นพฤติกรรม จนกว่าชาวเกาะเต่าจะเห็นความตัง+ ใจจริงทีแ ท้ของผู ของผูน้ ํา ในการจัดการปญั หาดังกล่าว สุดท้ายจึงเล็งเห็น
สนับสนุนโดย
ว่าการพัฒนาศักยภาพของผูน้ ําท้องถิน จึงเป็ นหัวใจหนึ งทีส าํ คัญในการขับเคลื อนกระบวนการแก้ไข ปญั หาขยะและนํ+าเสีย ซึง จะเป็นประเด็นปญั หาที หาทีจ ะหยิบหยกเป็นประตูส่กู ารพัฒนาศักยภาพผูน้ ําเกาะ เต่าในภาพรวมต่อไป
การประชุมโครงการบูรณาการจัดการขยะและนํ+าเสียอย่างมีส่วนร่วม เพื ออนุรกั ษ์ปะการังรอบ เกาะเต่านัน+ จึงจําเป็นต้องปรับเปลีย นกลยุทธ์ เพื อการทํางานทีม ปี ระสิทธิภาพและเกิดการสร้างผูน้ ํา อย่างแท้จริง ประกอบกับสํานักงานสิง แวดล้อมภาคที 14 มีแผนการดําเนินงานเพื อแก้ไขปญั หานํ+าเสีย เกาะเต่าในปีงบประมาณนี+ดว้ ย IUCN จึงจะจับมือประสานแผนการปฎิบตั งิ านร่วมเพื อการบูรณาการสู่การ แก้ไขปญั หาทีต รงจุดและมีประสิทธิภาพ โดยจะดําเนินงานเป็ นเสมือน “องค์กรอํานวยการประสานงาน” ซึง จะส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนและพัฒนาศักยภาพของผูน้ ํา ในภารกิจการบริหารจัดการ ขยะและนํ+าเสีย เพื ออนุรกั ษ์ปะการังรอบเกาะเต่าในช่วง 10 เดือนต่อไปนี+
สนับสนุนโดย
4.แผนการดําเนิ นงานในระยะต่อไป
แผนการดําเนินงานระยะต่อไป พฤศจิกายน 2553 ถึงมกราคม 2554 คือ ั หา ผลกระทบ เปรียบเทียบรูปแบบและวิธจี ดั การปญั หาขยะและนํ)าเสียเกาะเต่าอย่าง 1) ศึกษาทีม าปญ เป็นรูปธรรม ภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมตัดสินใจของชุมชนเกาะเต่า 1.1) จัดประชุมพัฒนาศักยภาพผูน ้ ํา เพื อการจัดการขยะและนํ+าเสีย และตัง+ คณะกรรมการจัดการ ขยะและนํ+าเสีย (พฤศจิกายน) 1.2) จัดการศึกษาดูงาน แลกเปลีย นความรู้ แนวทางการจัดการขยะและนํ+าเสียของคณะกรรมการ จัดการขยะและนํ+าเสีย ตลอดจนพัฒนาศักยภาพของผูม้ สี ่วนเกีย วข้องในการจัดการปญั หาขยะ และนํ+าเสีย เช่น อบรมการใช้เครือ งมือ GPS และการอ่านแผนที การอบรมเชิงเทคนิคในการ ควบคุมดูแลรักษาเตาเผาขยะ เป็นต้น (ธันวาคม) ั หา รูปแบบและแนวทางการจัดการปญั หาขยะและนํ+าเสียทีป ระสบ 1.3) รวบรวมข้อมูล ปญ ความสําเร็จ (พฤศจิกายน- ธันวาคม) 1.4) ผูน ้ ําและคณะกรรมการจัดการขยะและนํ+าเสียลงพืน+ ทีแต่ แ ต่ละหมูบ่ า้ นเพื อแก้ไขปญั หา (มกราคม) 2) ออกแบบและวางผังบําบัดนํ)าเสีย และเทคนิควิธก ี ารจัดการขยะทีเ หมาะสมกับชุมชนเกาะเต่า 2.1) หารือกับผูเ้ ชีย วชาญเพื อสํารวจพืน+ ที และพูดคุยกับเจ้าของทีเ พื อหาแนวทางการจัดการที เหมาะสม (พฤศจิกายน) 2.2) ผูเ้ ชีย วชาญเฉพาะด้านออกแบบ เทคนิคและวางผังการจัดการนํ+าเสีย (ธันวาคมถึงมกราคม)
ภาคผนวก
สนับสนุนโดย
สนับสนุนโดย
สนับสนุนโดย
รายงานผลการศึกษาดูงาน เพื อพัฒนาศักยภาพท้องถิ นด้านการจัดการขยะและนําเสีย 12-13 มกราคม 2554
โดย ผูป้ ระสานงาน โครงการบูรณาการจัดการขยะและนําเสียอย่างมีสว่ นร่วม เพือ( อนุ รกั ษ์ปะการังรอบเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี
ความเป็ นมา เกาะเต่าเป็นเกาะทีม ขี นาดใหญ่รองลงมาจากเกาะสมุยและเกาะพะงันของจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีเนื%อ ั
ทีป ระมาณ 25 ตารางกิโลเมตร เป็ นเกาะทีต งั % อยู่ห่างฝงประมาณ 70 กิโลเมตร นํ%าค่อนข้างใส เนื องจาก ได้รบั อิทธิพลของตะกอนจากแม่น%ํ าที ไหลพัดพาลงสู่ทะเลน้ อยมาก ทําให้มปี ะการังที สวยงามและอุดม สมบูรณ์แห่งหนึ งของอ่าวไทย แนวปะการังก่อ ตัวได้เกือบรอบเกาะ ยกเว้นบริเวณปลายแหลม แนว ั ศตะวันตกและทิศใต้ของเกาะ รวมถึงในเวิง% อ่าวทีห ลบลมทางด้านฝงทิ ั ศ ปะการังก่อตัวได้ดที างด้านฝงทิ ตะวันออกของเกาะ โดยเฉพาะอย่างยิง ทางด้านทิศตะวันตก แนวปะการังมีความกว้างมากกว่าบริเวณ อื นๆ ลักษณะเป็ นแนวปะการังริมฝงั (fringing reef) ส่วนบริเวณปลายแหลมของเกาะเป็ นปะการังก่อตัว บนโขดหิน หรือโขดหินทีม ปี ะการังขึน% อยู่เล็กน้อย ขนาดพืน% ทีแ นวปะการังรอบเกาะประมาณ 1.9 ตาราง กิโลเมตร เนื องด้วยแนวปะการัง และความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลที ยงั คงความสมบูรณ์ เกาะเต่า ได้รบั ความนิยมอย่างมากแห่งหนึ งในการท่องเทีย วดํานํ%าชมปะการังทัง% การดํานํ%าลึกและดํานํ%าตื%น และยัง ขึน% ชื อว่าเป็ นแหล่งเรียนดํานํ% าที มผี ู้มเี รียนติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกอีกด้วย ดังนัน% จึงส่งผลให้มกี าร พัฒนาเพื อรองรับการท่องเทีย วอย่างต่อเนื องและไม่มที ศิ ทาง ก่อให้เกิดปญั หาด้านสิง แวดล้อมทีเ ริม เห็น เด่นชัดขึน% อาทิเช่น ปญั หาขยะล้นเกาะ ปญั หานํ%าเสีย การขาดแคลนนํ%า เป็ นต้น เหล่านี%ลว้ นเป็ นปญั หา และภัยคุกคามทําให้แนวปะการังเสื อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามทางองค์การบริหารส่วนตําบลเกาะเต่า ร่วมกับชมรมรัก ษ์เกาะเต่า องค์กรอนุ รกั ษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิง แวดล้อมท้องถิน ได้ดําเนินการแก้ไขปญั หาดังกล่าวในระยะต้น โดยเฉพาะ ปญั หานํ%าเสีย ซึง ได้มกี ารรณรงค์ให้ความรูแ้ ก่ผปู้ ระกอบการร้านค้า เพื อปรับปรุงระบบบําบัดนํ%าเสียระดับ ครัวเรือนให้ถูกต้อง ทว่ายังคงขาดองค์ความรูจ้ ากผูเ้ ชีย วชาญเฉพาะด้านแก่ชุมชนอย่างทัวถึ
งจริงจัง และ ทีส าํ คัญปญั หานํ%าเสียถือเป็นปญั หาใหญ่ทจ ี าํ เป็นต้องมีการแก้ไขจัดการอย่างเร่งด่วน เพราะก่อให้เกิดผล เสียหายที รุนแรงมาก เริม ตัง% แต่สภาพลําคลองทีไ ม่น่าดู ส่งกลิน เน่ าเหม็น เมื อไหลไปสู่ชายหาดทรายที
ชายหาดก็ เ กิด เป็ น สภาพทรายตาย คือ เปลี ย นเป็ น สีดํ า มีก ลิ น เหม็น เป็ น สาเหตุ สํ า คัญ ที ทํ า ให้ นักท่องเทีย วไม่สามารถนอนอาบแดดได้ เมือ นํ%าเสียไหลลงสู่ทะเลส่งผลกระทบต่อชีวภาพทางทะเลไม่ว่า จะเป็น ปะการังเกิดการฟอกขาว สัตว์ทะเลบางชนิดไม่สามารถดํารงชีวติ อยู่ได้ สารเคมีจากการซักล้างที
มิได้รบั การบําบัด เป็ นตัวเร่งให้สาหร่ายทะเลที มพี ษิ เจริญเติบโตได้รวดเร็ว ซึ งเป็ นอันตรายต่อสัตว์น%ํ า และรวมถึงมนุ ษ ย์ เฉกเช่นเดียวกับป ญั หาขยะมูล ฝอย ที มปี ริมาณวันละ 5 ตันต่ อ วันในช่ว งฤดูก าล ท่องเทีย ว และสะสมก่อตัวปะปนอยูบ่ นภูเขาขยะพืน% ทีเ กือบ 4 ไร่ ซึง ไม่มกี ารจัดการคัดแยกประเภทของ
ขยะ ทัง% พลาสติก โฟม ขวด ขยะมีพษิ อย่างถูกวิธ ี นําพาสู่ปญั หาด้านสาธารณสุข เป็ นแหล่งเพาะเชือ% ก่อ มลพิษลงแหล่งนํ%าธรรมชาติและสร้างทัศนะอุจาดแก่แหล่งท่องเทีย วทางทะเลทีส าํ คัญแห่งนี% จากผลเสียหายทีก ล่าวมาเบือ% งต้น จึงมองว่าการจัดการปญั หาขยะและนํ%าเสียเพื ออนุรกั ษ์ ปะการังเป็ นเรือ งจําเป็ น เพื อฟื%นฟูคุณภาพนํ%า ลบทัศนะอุจาดจากสภาพขยะและนํ%าเน่าเหม็น และมีการ จัดการปญั หาสิง แวดล้อมในบริเวณแหล่งท่องเทีย วทางทะเล เพื อพัฒนาการท่องเทีย วเกาะเต่าให้ยงยื ั น โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทัง% นี%เพื อมุง่ พัฒนาให้เกาะเต่าเป็ นเกาะต้นแบบของการท่องเทีย ว เกาะอย่างยังยื
นของประเทศไทยต่อไป ทัง% นี%ทางสํานักงานสิง( แวดล้อมภาคที( 14 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิง( แวดล้อม และ IUCN, องค์การระหว่างประเทศเพื(อการอนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กําลังดําเนินโครงการจัดการขยะ และนําเสียอย่างมีส่วนร่วมของชุมชนเพื(ออนุรกั ษ์แนวปะการังรอบเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนตําบลเกาะเต่า ชมรมรักษ์เกาะเต่า กํานันผูใ้ หญ่บา้ น ผูป้ ระกอบการ โรงเรียนบ้าน เกาะเต่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝงั ( และหน่วยงานทีเ( กี(ยวข้องต่าง ๆ ดังนันเพื(อพัฒนาศักยภาพท้องถิน( ด้านการจัดการขยะและนําเสีย จึงเล็งเห็นว่าการศึกษาดูงาน ในพืนทีท( ม(ี กี ารจัดการทีด( ี เพื(อนํามาประยุกต์ส่กู ารบริหารจัดการขยะและนําเสียทีเ( ป็ นรูปธรรม ครบวงจร จะเป็ นประโยชน์ อย่างยิง( ทังแก่ผู้บริหารและเจ้าหน้ าที(ผู้ปฏิบตั ิงานองค์การบริหารส่วนตําบลเกาะเต่า อนามัยเกาะเต่า ตลอดจนผูน้ ําจากภาคส่วนสําคัญต่างๆ ในพืนที( วัตถุประสงค์ ้ ําท้องถิน( ผ่านการเรียนรูแ้ นวทางการบริหารจัดการขยะและนําเสียจากพืนทีท( (ี 1) เพื(อพัฒนาศักยภาพผูน มีการจัดการขยะและนําเสียทีป( ระสบความสําเร็จ 2) เพื(อนําความรูม ้ าประยุกต์ วางแผนเพื(อการจัดการขยะและนํ าเสียเกาะเต่าอย่างครบวงจร 3) เพื(อเสริมสร้างความสามัคคีของผูน ้ ํา เจ้าหน้าทีแ( ละชุมชนเกาะเต่า
วันเวลา สถานที วันที( 11 -14 มกราคม พ.ศ. 2554 ณ เทศบาลเมืองแกลง จังหวัดระยอง ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอือม จังหวัดชลบุร ี ศูนย์ของเสียเหลือศูนย์ จังหวัดกรุงเทพ และเอวาซอน รีสอร์ทแอนด์สปา หัวหิน
องค์กรร่วมจัด สํานักงานสิง( แวดล้อมภาคที( 14 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ, สํานักงานปลัดอําเภอเกาะพะงัน และ IUCN องค์การระหว่างประเทศเพื(อการอนุ รกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สรุปผลการศึกษาดูงาน 1. ผูเ้ ข้าร่วมศึกษาดูงาน
ด้วยมีจุดมุง่ หมายเพื(อพัฒนาศักยภาพของผูน้ ําท้องถิน( ด้านการจัดการขยะและนําเสีย ทางคณะผูจ้ ดั โดยสํานักงานสิง( แวดล้อมภาคที( 14 ได้จดั ทําหนังสือเรียนเชิญผูน้ ําท้องถิน( อันประกอบด้วยองค์การ บริหารส่วนตําบลเกาะเต่า กํานัน ผูใ้ หญ่บา้ น ชมรมรักษ์เกาะเต่าและอาสาสมัครสาธารณสุข สถานี อนามัยเกาะเต่า ซึง( ถือเป็นตัวแทนผูน้ ําเกาะเต่าทีจ( ะนําไปสู่การเปลีย( นแปลงแก้ไขอย่างเป็ นรูปธรรม อย่างไรก็ดที า้ ยทีส( ุดมีตวั แทนของทุกภาคส่วนสําคัญเข้าร่วม จํานวนทังหมด 19 คน (ดูรายชื(อแนบท้าย) • คณะผูบ้ ริหารและเจ้าหน้าทีอ( บต.เกาะเต่า
จํานวน 4 ท่าน
• อาสาสมัครสาธารณสุขเกาะเต่า
จํานวน 2 ท่าน
• ตัวแทนชมรมรักษ์เกาะเต่า
จํานวน 3 ท่าน
• เจ้าหน้าทีส( ํานักงานสิง( แวดล้อมภาคที( 14
จํานวน 2 ท่าน
• ทีป( รึกษาเกาะเต่าและนักศึกษาปริญญาเอก
จํานวน 2 ท่าน
• เจ้าหน้าที( IUCN
จํานวน 4 ท่าน
• ตัวแทนจากบริษทั เชพรอน สํารวจและผลิต (ประเทศไทย) จํากัด
จํานวน 2 ท่าน
ในการดูงานทีเ( ทศบาลแกลงนัน มีผเู้ ข้าร่วมศึกษาดูงานจากปากนําปราณบุร ี จํานวน 22 ท่าน จาก โครงการจัดการขยะและนําเสีย ปากนําปราณ ซึง( ประกอบด้วยสมาชิกเทศบาลปากนําปราณ ผูป้ ระกอบการและผูน้ ําชุมชนจาก 6 ชุมชนด้วย 2.กระบวนการศึกษาดูงาน เพื(อบรรลุจดุ มุง่ หมายของการศึกษาดูงานครังนี กระบวนการเรียนรูใ้ นระหว่างการศึกษาดูงานมีความสิง( สําคัญไม่ยงิ( หย่อนไปกว่าผูเ้ ข้าร่วมศึกษาดูงาน จึงมุง่ เน้นการกระชับสร้างความสัมพันธ์ภายในกลุ่ม แลกเปลีย( นแนวความคิด สนทนา ทีม( าทีไ( ปของแต่ละคน ผ่านการเรียนรูด้ งู าน ในเวลากลางวันและมีการ สนทนาทบทวน ระดมความคิด โดยมีขอ้ ตกลงให้ทุกคนมีความเท่าเทียมในการเสนอความคิดเห็นเชิง สร้างสรรค์ ไม่มงุ่ วิพากษ์วจิ ารณ์เชิงลบ ในเวลากลางคืน ดังนันผลสัมฤทธิ Kจากการศึกษาดูงานทีช( ดั เจน คือ เกิดความสามัคคีภายในคณะศึกษาดูงานและเกิดแรงบันดาลใจทีจ( ะนําแนวคิดการจัดการของเสียไป ประยุกต์ส่กู ารจัดการขยะและนําเสียเกาะเต่า 3. เนื อหาสาระ 3.1) การจัดการเมืองและสิ งแวดล้อม เทศบาลเมืองแกลง จ.ระยอง โดย นายสมชาย จริยเจริญ นายกเทศมนตรีแกลง จ.ระยอง ประสบการณ์และบทเรียน • เมืองแกลงมีพนที ื ( 9,000 กว่าไร่ มีประชากร รวมทังประชากรในทะเบียนบ้านและประชากรแฝง จํานวน 40,000 กว่าคน เดิมมีปริมาณขยะ 20 กว่าตัน ต้องเสียงบประมาณค่าจัดการขยะปีละ กว่า 8 ล้านบาทจากงบบริหารเมืองแกลง 40 กว่าล้าน ภายหลังจากมีการจัดการขยะทีเ( ป็ นระบบ มากขึนทางเทศบาลประหยัดค่าใช่จ่ายในเรือ( งนีเหลือเพียง 6 ล้านบาทต่อปี ปริมาณขยะลดลง เหลือ 18 ตันกว่า
• เทศบาลเคยทํากิจกรรมรณรงค์ อบรมชาวบ้านเรือ( งการจัดการขยะ พบว่าทางเทศบาลต้องเริม( ลงมือปฏิบตั จิ ดั การเองด้วย ตอนนีมีเจ้าหน้าไปรับซือขยะรีไซเคิลทุกสัปดาห์ อย่างต่อเนื(องและ เลิกการรณรงค์อบรม • นายกเทศมนตรีเข้ามารับงานตังแต่ปีพ.ศ.2544 เพราะมีความไม่เชื(อถือระบบราชการ แต่ก็ ผลักดันให้เทศบาลแกลงมีการส่งเสริมการใช้ระบบการจัดการเพื(ออนุรกั ษ์พลังงานและ สิง( แวดล้อมจนได้รบั การรับรอง ISO 14001 ในปีพ.ศ.2547 และปีพ.ศ.2550 ภายใต้การ สนับสนุ นคําปรึกษาของสถาบันสิง( แวดล้อมไทย โดยมีการดําเนินกิจกรรมหลักอยู่ 9 โครงการ - โครงการรณรงค์ประหยัดนํามัน - โครงการประหยัดไฟฟ้า (อาคารสํานักงาน) - โครงการพนักงานร่วมใจประหยัดไฟฟ้า - โครงการนักเรียนร่วมใจประหยัดไฟฟ้า - โครงการคัดแยกขยะโรงเรียน - โครงการคัดแยกขยะอาคารสํานักงาน - โครงการปรับปรุงภูมทิ ศั น์เมืองแกลง - โครงการอนุ รกั ษ์แม่นําประแส - โครงการประหยัดไฟฟ้าและควบคุมคุณภาพนําประปา (อ่านรายละเอียดเพิม เติมได้ทhี ttp://www.muangklang.com/isonews/iso_14001.htm) • หลักคิดในการทํางานระยะเริม( ต้น คือ “จะรอให้เกิ ดปัญหาหรือจะแก้ปัญหาล่วงหน้ า” • นายกฯ แนะให้หาหลักธงของการพัฒนาพืนที( ว่า “อีก 3 ปี 5 ปี เราอยากให้เกาะเต่าเป็นอะไร เป็นอย่างไร ความเป็นเกาะเต่าอยูท่ ไ(ี หน 1) ต้องหา “หลัก” ว่าอยูต่ รงไหน พัฒนาอย่างไรให้ สอดคล้องกับภาพพืนที( 2) ให้เหมาะสมกับความเป็ นอยู่ 3) ใช้ประโยชน์จากส่วนต่าง ๆ ของ เกาะ • ให้ใช้โครงสร้างทางการเมืองให้เป็นประโยชน์ ไม่ผดิ วัตถุประสงค์ โดยเราต้องสื(อสารกับ ประชาชนให้มากทีส( ุด ในทุกช่องทาง • ทําอย่างไรให้เมืองน่ าอยู่? : เริม( จากการหาทีโ( ล่ง (Space) ทีแ( กลงมีอยู่ 13 ชุมชนทีม( คี วาม แตกต่างกัน แต่ยงั ขาดพืนทีน( นั ทการ ออกกําลังกายและผ่อนคลาย ทางเทศบาลจึงมีการหาเช่า พืนทีเ( ริม( จาก 55 ไร่ ในปีพ.ศ. 2548 และซือทีเ( พิม( อีกกว่า 100 ล้าน จนปีพ.ศ. 2552 เจ้าของที( เห็นความตังใจและประโยชน์การพัฒนาพืนทีเ( พื(อส่วนรวมจึงอุทศิ ทีด( นิ เพิม( ให้อกี 23 ไร่ รวม ปจั จุบนั มีพนที ื เ( พื(อการนันทนาการทัง 132 ไร่ โดยตังอยูบ่ นหลักการทีไ( ม่เน้นการสร้าง
โรงพยาบาล แต่สร้างพืนทีว( ่างโล่งและพืนทีส( เี ขียวเพื(อสุขภาพของชุมชนแทน ตามมาตรฐาน คุณภาพชีวติ ทีด( ขี องคนในชุมชน ประชากร 1 คนควรจะมีพนที ื ส( เี ขียวประมาณ 13 ตร.เมตร ตอนนีอยูใ่ นระหว่างการปรับพืนทีแ( ละมีแผนจะสร้างโรงเรียนของเทศบาลเร็ว ๆ นี พืชทีป( ลูกจะเน้น ปลูกไม้ใช้สอย ไม้เศรษฐกิจและไม้กนิ ได้
• การเลือกรถรางมาบริการสาธารณกลางเมืองแกลง: จากแนวคิดว่า ‘city for man, not city for cars’ (เมืองสําหรับคน ไม่ใช่เมืองสําหรับรถ) เริม( เก้บข้อมูลว่าแนนแต่ละสายมีรถวิง( กีค( น แล้วทดลองเอารถไฟฟ้ามาใช้ ออกกม.ท้องถิน( ให้จอดรถทีบ( า้ น สนับสนุ นเอกชนให้ทําทีจ( อดรถ ให้เช่า จึงเป็ นทีม( าของ “ขนส่งเมืองแกลง: ขสมก” โดยมีแนวความคิดว่าควรใช้เวลาในการ เดินทางไปตามสถานทีต( ่างๆ ในบริเวณเมืองแกลงไม่ควรเกิน ๑๕ นาที ในเบืองต้นจึงได้จดั รถรางเพื(อรับส่งนักเรียนไปโรงเรียน และรับส่งผูส้ งู อายุไปยังสถานทีอ( อกกําลังกาย • การจัดการขยะ: การจัดการจากต้นนํา ด้วยการรณรงค์สร้างจิตสํานึกอย่างเดียว ไม่พอ เพราะ ขยะไม่มวี นั หยุด ฉะนันการจัดการทีป( ลายนํา คือ “กระบวนการจัดการ” จึงเป็นเรื(องทีส( าํ คัญ มาก เพราะขยะไม่มวี นั หยุด
แกลงมีพนที ื ห( ลุมขยะ 80 ไร่ มีขยะจากในเขตเทศบาลเอง และอีก 12 อบต.มาทิงทีห( ลุม ขยะนี โดยเก็บค่าบริการตันละ 670 บาท ค่าขยะทีจ( ดั เก็บกับทีเ( สียไปกีเ( ปอร์เซ็นต์ บันทอน ( งบประมาณทัวไปของเทศบาล ( หากไม่มกี ระบวนการจัดการทีช( ดั เจน เขตปลอดถังขยะ: มีการเปลีย( นแปลงการเก็บขยะ เป็ นการเก็บในเวลากลางคืน เวลา กลางวันคนงานก็พกั ไป ทีย( กเลิกถังขยะ เพราะซือกันทุกปี และทําให้บา้ นเมืองดูสวยงาม ตลาด สดก็ทาํ เอารถขยะไปจอดรอรับเลย ปรากฏว่านําหนักขยะลดลง ก็มกี ติกาว่าให้เอาภาชนะอะไร ก็ได้แล้ววางไว้แต่หวั คํ(า จะเห็นว่าพอเขาเห็นว่าอะไรแยกขายได้เขาแยกเลย ก็พบว่าขยะหายไป 300 กิโลกรัมต่อวันต่อเทีย( ว แต่จะเริม( ค่อย ๆ ทําเป็นถนนๆ ไป นอกจากนันทางเทศบาลจะรับซือขยะตามโรงเรียนทุกสัปดาห์ โดยจ่ายให้กโิ ลกรัมละ 1 บาทให้โรงเรียน หรือจะใช้ขยะแลกแต้ม 1 บ้าน= 2 แต้ม ทุกวันเสาร์กจ็ ะมีรางวัลมาเป็นสิง( ล่อใจ คือถ้าเห็นว่าขยะมีค่า เขาจะลดทันที สรุปกุศโลบายทังหมดนี มาจากแนวคิดทีว( ่า “จะให้เมืองสะอาดนัน) ชุมชนต้อง สะอาดก่อน ซึง/ หมายถึงว่าคนในบ้านก็จะต้องทําบ้านของตัวเองให้สะอาดก่อน”
เศษอาหารและขยะอิ นทรีย:์ คิดเป็นประมาณ 64% ของขยะทังหมด ถือเป็นขุมทรัพย์ทองคํา เรามีวธิ กี ารจัดการ ด่านแรกเอาไปทํานําหมักอีเอ็ม เพื(อทําปุ๋ยนํา ใส่ถงั หยดตามท่อระบายนํา ก่อนลงสู่หว้ ยหนองคลองบึง ช่วยลดกลิน( และทําให้ระบบนิเวศดีขนึ วิธกี ารจัดการอีกวิธหี นึ(งทีน( ่ าสนใจ คือแนวคิดทีจ( ะหนีจากรถขนขยะ 6 ล้อ ทําไมจ้องใช้รถขน ขยะ 6 ล้อ...เราเปลีย( นมาใช้รถซาเล้ง ทุกวันนีก็เอาไว้ขนผักผลไม้ วันละ 1500 กิโลกรัม ขนพวก กิง( ไม้ทจ(ี ะเอามาใส่เครือ( งบดย่อย (ตัวละ 1.5 แสน) ทําปุ๋ย ขายนําหมักอีเอ็มคืนกลับมาได้อกี เครื องย่อยมีชีวิต...ประหยัดพลังงาน จากดิ นคืนสู่ดิน...จากนําคืนสู่นํา ทางเทศบาลแกลงมีการนําสัตว์มาช่วยจัดการเศษอาหาร ขยะอินทรียอ์ ยูห่ ลายชนิด โดยมีการทํา โรงเรือนเป็นสัดเป็ นส่วน และสามารถนําขายในรูปแบบต่าง ๆ ได้อกี ด้วย
ไส้เดือน กินผักผลไม้ เดือนละไม่ต(าํ กว่า 3000 กิโลกรัม ถ่ายออกมาเป็ นมูลไส้เดือน ขายที( กรุงเทพได้ กก.ละ 70 บาท ทีแ( กลง ขายได้ กก.ละ 30 บาท นําจากไส้เดือนก็เป็ นชาไส้เดือน ก้ ขายได้อกี http://www.muangklang.com/SS_environment/GasAward53/4MayGasAward53.html
แพะ เครือมือบดย่อยทีท( รงพลัง และเป็นโรงงานปุ๋ยอัดเม็ด จะนําเศษผักทีแ( พะกินใส่บ่อเลียง ไส้เดือนทุกวัน เพราะแพะเป็นสัตว์เคียวเอือง สามารถกินผัก 4 กม.และขีออกมาเหลือ 1 กก. เป็ ด กินเศษอาหารชันดีเหมือนกัน เราอาจจะหาแหล่งรับซือไข่ เนือ คืนกําลังให้รา้ นค้าทีใ( ห้ อาหารเป็ดได้ ฉะนันการสร้างกระบวนการจึงเป็ นเรือ( งสําคัญ หมู กําจัดเศษอาหาร เอาปุ๋ย ทําเป็ นคอกหมูหลุม ต้องเน้นดินและนํา กว้าง 3 เมตร ยาว 6-8 เมตรเลียงได้ประมาณ 10 ตัว กระต่าย วัว เอาปุ๋ยขีวัวมาขาย ตอนนีเลียงไว้ 16 ตัว ก็ได้จากการทําบุญไถ่ชวี ติ โค- กระบือ
เครื องมือช่วย สายพาน ใช้ไฟเท่าทีจ( าํ เป็ น เป็นเครือ( งมือในการคัดแยก ก็ดดั แปลงให้สะดวกแก่การคัดแยก เครือ/ งอัดกล่องนม ราคา 8 หมืน( กว่าบาท ขายได้กโิ ลกรัมละ 5 บาท นําเสีย ปญั หาส่วนใหญ่มาจากเศษอาหารและคราบนํามันจากครัวเรือน เพราะคนชอบคิดว่าท่อก็ คือคลอง ทิงอะไรท่านก็ได้อย่างนัน จึงมีออกข้อบัญญัตกิ ารติดตังถังดัไขมันครัวเรือน บ้านใหม่ท(ี ต้องการบ้านเลขทีจ( ะไม่ออกให้หากไม่ตดิ ถังดักไขมัน
ไบโอกาซ จากก้นขยะ 40 กิโลกรัม สร้างพลังงานได้ 5 ตันต่อวัน จากขีวัวขีควาย http://www.muangklang.com/SS_environment/GasAward53/4MayGasAward53.html
ข้อมูลอ้างอิ งเพิ มเติ ม แกลงโมเดล...ฟื น แกลงเมืองเก่า บอกเล่าแกลงมุมใหม http://www.iloverayong.com/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%A5klaengmodel%E0%B8%9F%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8 %A5%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7/1197/
คิดง่าย ๆ ทําง่ายๆ แต่ยงั ยืน http://gotoknow.org/blog/dome-env/327498
หมายเหตุ* มีการเปลีย นแปลงกําหนดการ เนือ งเพราะระยะเวลาและความสนใจของผูศ้ กึ ษาดู งานทีเ ทศบาลแกลงตลอดทัง* วัน จึงจําเป็นต้องยกเลิกการเยีย มชมงานทีศ ูนย์กสิกรรมธรรมชาติ มาบเอื*อม
3.2 โครงการของเสียเหลือศูนย์ (Zero Waste) โรงเรียนรุง่ อรุณ
ก่อนทีจ( ะมีวธิ กี ารจัดการกับ "ขยะ" อย่างเหมาะสมนัน โรงเรียนรุง่ อรุณมีขยะเกิดขึนใน แต่ละวันเป็นจํานวนมาก เฉลีย( วันละ ๒๐๖ กิโลกรัม (กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗) เนื(องจากไม่ได้มกี าร คัดแยกขยะก่อนทิง โดยทางกทม.สามารถเข้ามาจัดเก็บขยะให้ได้เพียงสัปดาห์ละ ๑ ครัง จึง ปรากฏกองขยะขนาดใหญ่สะสมอยูใ่ นคอกขยะของโรงเรียนกว่า ๑ ตัน ทุกช่วงสัปดาห์ ทีส( ร้าง ทัศนะอุจาด ส่งกลิน( เหม็น เป็นแหล่งแพร่พนั ธุแ์ มลงวัน สร้างความอึดอัดใจแก่ทุกคน ทังยัง รบกวนชุมชนทีอ( ยูต่ ดิ กันกับอาณาเขตโรงเรียน
ฐานคิ ดในการคิ ดออกแบบโครงการ ของเสีย หรือ ขยะ นัน* ไม่มอี ยูโ่ ดยตัวเอง หากคือส่วนทีเ( หลือมาจากการอุปโภคบริโภค "ทรัพยากร" ต่างๆ ดังนัน ในธรรมชาติ เดิมแท้ จึงยังคงคุณค่าแห่งความเป็ นทรัพยากรอยูแ่ ต่ดว้ ยสายตาแห่งความ "ไม่ร"ู้ และ "ไม่ ต้องการ" ก็ได้ถูกทิงให้กลายเป็น "ของเสีย" หรือ "ขยะ" ซึง( จะสามารถถูกกําจัดให้หมดสินลงได้
โดย ๒ วิธกี าร คือ นํากลับไปใช้ประโยชน์ หรือ หยุดการบริโภคทีจ( ะทําให้เกิด "ของเสีย" หรือ "ขยะ" เหล่านัน
ปลุกจิ ตสํานึ กสาธารณะ ปญั หาขยะ นันคล้ายกับปญั หาสาธารณะอื(นๆ ตรงที( คนทังหมดเป็นผูร้ ว่ มกันสร้างขึน แต่เกือบทังหมดมักไม่รบั รูว้ ่าเป็นเรือ( งทีต( นต้องมีส่วนยุง่ เกีย( ว หรือ ร่วมแก้ไข เพราะอยูห่ ่างจาก ผลกระทบจึงไม่เดือดร้อน แนวทางการแก้ไขจึงไม่ใช่เพียงการ ให้ความรู้ ทีห( มายถึงตัว "ข้อมูล" เพียงอย่างเดียว หากจําเป็ นต้อง ปลุกจิตสํานึกสาธารณะ ให้ต(นื ขึนอย่างจริงจังและต่อเนื(อง ด้วยวิธกี าร "เร้า กุศล" เพื(อก่อเกิดความตระหนักในบทบาทของเราแต่ละคนในการเป็ นทัง ผูส้ ร้างปญั หา และ ผู้ ร่วมแก้ไข อันเป็ นผลลัพธ์เชิงคุณค่าทีส( าํ คัญ ปรับเปลี ยนพฤติ กรรม ผ่าน "วิ ถีชีวิต" แต่เพื(อให้เกิดผลลัพท์เชิงปริมาณของขยะทีล( ดลงอย่างเป็นรูปธรรม สมํ(าเสมอ และเป็น จริง ก็จาํ เป็ นต้องก้าวไปให้ถงึ กระบวนการ "ปรับเปลีย( นพฤติกรรม" ของทุกๆ คน โดยอาศัยการ กํากับด้วยรูปแบบของ "วิถชี วี ติ " ทีเ( อือต่อการฝึกฝน บ่มเพาะลักษณะนิสยั แห่งการดูแลรักษา สิง( แวดล้อมให้ค่อยๆ บังเกิดขึน พัฒนาคุณภาพภายในจากเรื องจริง โครงการของเสียเหลือศูนย์เป็นโอกาสดีของโรงเรียนรุง่ อรุณ ในการหยิบยกปญั หาจริงที( เกิดขึนมาใช้เป็ นเงือ( นไขจัดการเรียนรู้ เรือ( งการดูแลทรัพยากรและสิง( แวดล้อม ให้แก่ทุกคน ภายในชุมชนของโรงเรียน ทังนักเรียน ครู บุคลากร ตลอดจนผูป้ กครอง อันสอดคล้องกับ แนวทางจัดการเรียนรูแ้ บบวิถพี ุทธ ทีม( งุ่ เน้นการพัฒนา "คุณภาพภายใน" ผ่านการงานในกิจวัตร ประจําวันของโรงเรียนรุง่ อรุณ เป้ าหมายของโครงการของเสียเหลือศูนย์
๑.เป็นชุมชนทีส( ามารถจัดการขยะและของเสียด้วยตนเอง ด้วยวิธกี ารทีเ( หมาะสมและเป็นมิตร กับสิง( แวดล้อม เป็นกิจวัตรประจําวัน สามารถลดปริมาณ "ขยะ" ทีโ( รงเรียนต้องทิงออกสู่ สิง( แวดล้อมภายนอก (กทม.) ให้ลดลงได้อย่างเป็นรูปธรรม และมีนยั สําคัญทีช( ดั เจน ๒.เป็นพืนทีเ( รียนรูน้ อกห้องเรียนในเรือ( งการรักษาสิง( แวดล้อม ในลักษณะ "สถานีกจิ กรรม สิง( แวดล้อม" ทีพ( ร้อมสนับสนุนชันเรียนต่างๆ ให้สามารถบูรณาการหน่วยวิชาของตนเข้า กับ การงานจริง ทีเ( กิดขึนเป็ นปกติทุกวัน ของสถานีต่างๆ เหล่านันได้ ๓.เสริมสร้าง วัฒนธรรมแห่งการร่วมกันดูแลรักษาสิง( แวดล้อม โดยปรากฎเป็นพฤติกรรม และ แบบแผนการใช้ทรัพยากร และจัดการของเสีย ด้วยวิธที เ(ี หมาะสม คุม้ ค่า และเป็นมิตรต่อ สิง( แวดล้อม อยูใ่ นวิถชี วี ติ ประจําวันของชาวรุง่ อรุณ ทังครู นักเรียน บุคลากร และ ผูป้ กครอ
กระบวนการพลังเล็กๆ ...ที สร้างปาฏิ หาริ ยอ์ นั ยิ งใหญ่ •
ขันที ๑ "สํารวจปัญหา พัฒนาระบบ" สํารวจข้อมูลขยะและของเสียต่างๆ ทังประเภท และ ปริมาณ วางระบบการคัดแยก สร้างหรือ ปรับปรุงสาธารณูปโภคทีจ( าํ เป็น ได้แก่ โรงคัดแยกขยะ โรงหมักปุ๋ย เพื(อจะสามารถทําหน้าที( รวบรวม จัดการแปรรูป และ/หรือ ส่งต่อขยะและของเสียทังหมดทีเ( กิดขึนในโรงเรียน (ยกเว้น ขยะพิษ/อันตราย) ให้กลับกลายเป็ นทรัพยากรทีม( คี ุณค่า และเริม( ประชาสัมพันธ์เพื(อสร้างความ เข้าใจในวิธกี าร "เปลีย( น ขยะ เป็น ทรัพยากร" อย่างถูกต้อง
•
ขันที ๒ "รวมพลังอาสา เผชิ ญปัญหาร่วมกัน" ชักชวนกลุ่มครู และ บุคลากร เข้าร่วมกิจกรรม " อาสาสมัครพิทกั ษ์สงิ( แวดล้อม " คัดแยกขยะ ของโรงเรียนทีเ( กิดขึนในชีวติ ประจําวัน เพื(อรวบรวมข้อมูลสถิตขิ ยะประจําเดือน และเป็นการ ร่วมกันรับรูแ้ ละแก้ไขปญั หาของส่วนรวม
•
ขันที ๓ "สถานี สิ งแวดล้อม" จัดพืนทีก( จิ กรรมเรียนรูน้ อกห้องเรียนในลักษณะ "สถานีสงิ( แวดล้อม" ต่างๆ ได้แก่ สถานีคดั แยก ขยะ ทําปุ๋ยหมัก นําหมักชีวภาพ แปลงผักอินทรีย์ เชิญชวน ครูให้พานักเรียนเข้ามาร่วมทํา กิจกรรม โดย บูรณาการกิจกรรมของสถานีต่างๆ ทีเ( ป็น "การงานจริง" ในโรงเรียน เข้ากับ เนือหาวิชาของแต่ละชันเรียน
•
ขันที ๔ "ศูนย์จดั การขยะชุมชน" เปิดตัวโรงคัดแยกขยะเป็ น "ศูนย์จดั การขยะชุมชน" เพื(อขยายกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมไปยัง กลุ่มผูป้ กครอง โดยให้บริการรองรับขยะจากครัวเรือนของทัง ผูป้ กครอง ครู และ บุคลากร เพื(อ ชักชวนให้ผทู้ ส(ี นใจกิจกรรมรักษาสิง( แวดล้อมกับทางโรงเรียน ลงมือจัดระบบคัดแยกขยะขึนที( บ้าน จากนันก็จะสามารถนํามาส่งให้โรงเรียนรับไปจัดการต่อได้
•
ขันที ๕ "ซือ - ขาย ไม่สร้างขยะ" รณรงค์ ลด - ละ - เลิก วิถบี ริโภคทีก( ่อให้เกิด "ขยะ" ทีไ( ม่อาจนํากลับมาใช้ได้อกี ได้แก่ การเลิก ซือ - ขาย อาหาร เครือ( งดื(มทีต( อ้ งใช้บรรจุภณ ั ฑ์ชนิด "ใช้แล้วทิง" ได้แก่ ขวด - ถุง - ถ้วย กล่อง ทีเ( ป็นพลาสติก รวมทังกล่องโฟม ภายในบริเวณโรงเรียน สนับสนุนให้เปลีย( นไปใช้ ภาชนะทีส( ามารถนํากลับมาใช้ซาได้ ํ อกี อาทิ ถุงผ้า ตะกร้า ปิ(นโต เป็นต้น
•
ขันที ๖ "ชันเรียนปลอดขยะ" ชักชวนครูและนักเรียนลงมือจัดและปรับปรุงระบบคัดแยกขยะประจําแต่ละชันเรียนให้สมบูรณ์ ชัดเจน และสวยงาม เอือต่อการใช้งานอย่างสะดวก สร้างบรรยากาศของ "ชันเรียนปลอดขยะ" ที( ทังครูและนักเรียนร่วมกันดูแลรักษาสิง( แวดล้อมในพืนทีข( องตนเอง ด้วยการคัดแยกขยะได้อย่าง ละเอียด ถูกต้อง จนกระทังทั ( งชันเรียนไม่ม ี "ขยะทิงกทม." เลย
•
ขันที ๗ "โรงเรียนนี ไม่มี ถังขยะ" เมือ( คนส่วนใหญ่ตระหนักในวิถแี ห่งการร่วมรักษาสิง( แวดล้อมในโรงเรียน มีพฤติกรรม และทักษะ ในการแยกขยะก่อนทิงได้ถูกต้องพอสมควรแล้ว จึงเริม( ทยอยเก็บ "ถังทิง กทม." ออกจาก บริเวณสาธารณะ เช่น ริมทางเดิน และ โรงอาหาร เหลือไว้แต่ "ถังทรัพยากร"ประเภทต่างๆ คือ ถังเพื(อทําปุ๋ยหมัก เพื(อรีไซเคิล จากนันจึงประกาศวัฒนธรรม "ไม่สร้างขยะ" ในโรงเรียน ทีท( ุกคน จะตังใจปฏิบตั ริ ว่ มกัน
ผลลัพท์จากกระบวนการ ๑.ระบบสาธารณูปโภคเพื อจัดการขยะของโรงเรียนอย่างครบวงจร ได้แก่ ชุดถังแยกขยะริมทางเดิน โรงคัดแยกขยะ และ แปลงปุ๋ยหมักชีวภาพ ซึง( มีเจ้าหน้าทีด( แู ลดําเนินการเป็ น ประจําทุกวัน เพื(อรองรับ "ทรัพยากร" ๓ ประเภท ทีถ( ูกคัด แยกออกมาเพื(อนํากลับไปใช้ใหม่ แปรรูป หรือ ขาย ได้แก่ ๑.๑ เศษอาหาร บริจาคให้บ่อเลียงปลา และเป็น อาหารสัตว์ในโรงเรียน
๑.๒ ย่อยสลายง่าย ส่งไปเป็นวัตถุดบิ ให้แก่ แปลงหมักปุ๋ยชีวภาพ ของโรงเรียน
๑.๓ รีไซเคิล ส่งให้ โรงคัดแยกขยะ บางส่วนกลับไปเป็นอุปกรณ์การเรียนการสอน ส่วนใหญ่ส่งขายเพื(อรี ไซเคิล
และ "ขยะ" ๓ ประเภท ทีจ( ะต้องถูกกําจัดอย่างเหมาะสม หรือ ยังคงถูกทิงให้แก่ กทม. ได้แก่ ๑.๔ ย่อยสลายยาก ไม่อาจทําปุ๋ยหมัก หรือ รีไซเคิล ได้ ต้องทิง กทม. จนกว่าจะมีแนวทางยกเลิกการใช้อย่าง เด็ดขาด ๑.๕ ขยะห้องนํา ได้แก่ ทิชชู ผ้าอนามัย ฯลฯ ต้องเผาทิงทําลาย หรือ ทิง กทม. ๑.๖ ขยะพิษ/อันตราย ตามรายการทีร( ะบุโดย กทม. ว่าต้องมีการแยกจัดเก็บและทําลายด้วยวิธกี ารพิเศษ ยังคงส่ง ให้แก่ กทม. ๒.อาสาสมัครพิ ทกั ษ์สิ งแวดล้อม ร่วมกิจกรรมคัดแยกขยะ เก็บสถิตริ ายเดือนอย่างต่อเนื(องตลอด ๒ ภาคการศึกษา โดยมีกลุ่มครู และบุคลากรของโรงเรียนเป็ นแกนนํา และต่อมามีผปู้ กครองจํานวนหนึ(งเข้ามาร่วมด้วย จํานวน กว่า ๘๐คน ซึง( นอกจากจะได้ขอ้ มูลสถิตขิ ยะในแต่ละเดือนแล้ว ยังเป็นกิจกรรมทีส( ร้าง "chang agent" ทีช( ่วยปลุกกระแส และบรรยากาศของการร่วมรณรงค์เรือ( งการคัดแยกขยะให้เกิดขึนใน โรงเรียนได้อย่างรวดเร็ว
๓.สถานี สิ งแวดล้อม ได้แก่ สถานีทาํ ปุ๋ยหมัก สถานีผลิตนําจุลนิ ทรีย์ สถานีคดั แยกขยะ แปลงปลูกผักอินทรีย์ ที( สามารถใช้เป็ นฐานกิจกรรมการเรียนรูน้ อกห้องเรียนทีบ( ูรณาการเข้ากับเนือหาวิชาของแต่ละชัน เรียนอย่างหลากหลาย อาทิ คณิตศาสตร์ สังคม ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ฟิสกิ ส์ ชีววิทยา สารสนเทศ เป็นต้น ในทุกระดับชัน ตังแต่อนุบาล จนถึง มัธยม
>>> >>>>>>>>>> คณิตศาสตร์ ฝึกทักษะการ ชัง( จัดกลุ่ม ค่าเฉลีย( สถิติ จากการแยกทรัพยากร วิทยาศาสตร์ <<<<<<<<<<<<<< ทํานําจุลนิ ทรียจ์ ากสับปะรด ทดลองใช้ปรับสภาพนําในบึงของโรงเรียน ๔.การศึกษาเรียนรู้ "เชิ งลึก"
ในศาสตร์การจัดการสิง( แวดล้อมสาขาต่างๆ ได้แก่ การทําปุ๋ยหมักชีวภาพ การทํานําหมัก ชีวภาพ การจําแนกประเภทพลาสติกรีไซเคิล เป็นต้น แก่บุคลากรทีร( บั ผิดชอบ ตลอดจนครูและ นักเรียนทีร( ว่ มกิจกรรม อันเนื(องมาจากกระบวนการลงมือปฏิบตั อิ ย่างจริงจัง และต่อเนื(อง
๕.ศูนย์จดั การขยะชุมชน
เปิดรับขยะจากบ้าน เพื(อกระตุน้ ให้เกิดการจัดระบบคัดแยกขยะในครัวเรือนของครู พนักงาน และ ผูป้ กครอง ได้รบั ความสนใจและความร่วมมือทีด( ี โดยมีจาํ นวนผูม้ าใช้บริการเพิม( ขึนเรือ( ยๆ ๖.ชมรมครอบครัวเกษตรอิ นทรีย์ เกิดชมรมครอบครัวเกษตรอินทรียอ์ ย่างไม่เป็ นทางการ มี การจัดเสวนาเรือ( ง "เศษอาหาร ฟืนดิน ฟืนชีวติ " และให้การสนับสนุ นเรื(อง พืนที( ตลอดจนดินและปุ๋ยหมักชีวภาพทีโ( รงเรียนผลิตขึน แก่ผทู้ เ(ี ข้าร่วมกิจกรรมปลูกผักอินทรีย์ กลุ่มผูส้ นใจเป็นครู และบุคลากรในโรงเรียน
๗.ชุบชีวิต "ขยะกล่องนม" สู่ "กรีนบอร์ด" จัดเสวนาเรือ( งการรีไซเคิลขยะกล่องนมเป็นกรีนบอร์ด ตามด้วยการรณรงค์ "ชุบชีวติ ขยะกล่องนมสู่กรีนบอร์ด" ทีโ( รงเรียนเล็กร่วมนําร่อง และ มีการจัดสร้างตู้ "สถานีรไี ซเคิล" ที( สร้างจากกรีนบอร์ด เพื(อประชาสัมพันธ์ และ รองรับวัสดุกล่องนมทีล( า้ งและผึง( แห้งแล้ว จํานวน ๒๐ จุด ทัวบริ ( เวณโรงเรียน ส่งผลให้ จํานวนขยะกล่องนม ลดลงจาก ๔๖๖ชิน ต่อวัน (กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗) คงเหลือเพียง ๔๕ ชิน ต่อวัน (พฤศจิกายน ๒๕๔๗)
๘.ซือ - ขาย ไม่สร้างขยะ มีการรณรงค์ "ซือ - ขาย ไม่สร้างขยะ" อย่างเป็นทางการ เพื(อปรับเปลีย( นพฤติกรรมผู้ ซือ และผูข้ ายในชุมชน ในการทีจ( ะลดการสร้างขยะ และของเสีย ด้วยการออกมาตรการยกเลิก การใช้ถุงพลาสติก และโฟมในร้านค้า และตลาดนัดภายในบริเวณโรงเรียน และนําภาชนะใช้ซาํ (reused) อาทิ ปิ(นโต ตะกร้า ถุงผ้า มาใช้ทดแทน ได้รบั ความร่วมมือทังจากร้านค้าและผูซ้ อื ด้วยดี ส่งผลให้จาํ นวนขยะถุงพลาสติกลดลงจากวันละ ๑,๖๖๙ใบ (กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗) เหลือ เพียงวันละ ๕๙๓ ใบ (มีนาคม ๒๕๔๘)
๙.ลดปริ มาณขยะทิ ง กทม. สามารถลดปริมาณขยะทิง กทม. ต่อวันลงได้อย่างมาก เฉพาะในช่วง ๔ เดือนแรก เหลือประมาณ ๔๖ กิโลกรัมต่อวัน (มิถุนายน ๒๕๔๗) เมือ( เทียบกับก่อนเริม( การรณรงค์ (กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ - ๒๐๖ ก.ก.ต่อวัน) พบว่าลดลงถึง ๗๘% และในปจั จุบนั (พฤษภาคม ๒๕๔๘) ยังมีขยะทิง กทม. อยูร่ าววันละ ๒๔ ก.ก. (ลดลง ถึง ๘๘% เทียบกับก่อนรณรงค์) นอกจากนียังสามารถรวบรวมเศษอาหารเพื(อบริจาคให้แก่บ่อเลียงปลา รวมถึงการนํา กลุ่มขยะอินทรียไ์ ปทําปุ๋ยหมัก ตลอดจนขายขยะรีไซเคิลได้อกี เป็นจํานวนมาก ๑๐.เครือข่ายศูนย์จดั การขยะชุมชน ได้ทดลองขยายเครือข่ายศูนย์จดั การขยะชุมชน โดยการได้แลกเปลีย( นความรูแ้ ละ ประสบการณ์กบั กลุ่มโรงเรียนต่างๆ ทีต( ดิ ต่อเข้ามาเยีย( มชมโครงการคัดแยกขยะของโรงเรียน อย่างต่อเนื(อง ได้แก่ โรงเรียนบางมดตันเปาว์ (กรุงเทพฯ) โรงเรียนเทศบาลบ้านหนองใหญ่ (จ. ขอนแก่น) โรงเรียนเทศบาลหนองคู (จ.ขอนแก่น) เป็นต้น
๑๑.บรรยากาศการร่วมกันดูแลรักษาสิ งแวดล้อม เกิดบรรยากาศของการร่วมกันดูแลรักษาสิง( แวดล้อมขึนภายในโรงเรียน โดยการ แสดงออกของชาวชุมชนรุ่งอรุณ ทังครู บุคลากร นักเรียน ตลอดจนผูป้ กครอง ทีร( ว่ มกัน ระมัดระวัง คิดหาวิธ ี ทังการใช้ประโยชน์ และ ป้องกันไม่ให้ก่อเกิด "ขยะ" หรือ "ของเสีย" ขึนใน โรงเรียน และปฏิบตั เิ ป็นกิจวัตร ไม่ว่าจะเป็น การแยกขยะเศษอาหาร และขยะอินทรีย์ เพื(อส่ง ทําปุ๋ยหมัก การทําความสะอาดบรรจุภณ ั ฑ์ใส่อาหารและเครือ( งดื(มก่อนคัดแยกใส่ถงั รีไซเคิล ต่างๆ การจัดมุมคัดแยกขยะประจําแต่ละชันเรียนทีไ( ม่ม ี "ถังขยะทิงกทม." การพยายามคิด ดัดแปลงซ่อมแซมของเสียเพื(อนํากลับมาใช้งาน ตลอดจนการแสดงความคิดสร้างสรรค์ของกลุ่ม
ผูป้ กครอง ครู และ ผูค้ า้ ในโรงเรียน ในการปรับเปลีย( นพฤติกรรม และวิถกี ารบริโภค และ ซือ ขาย เช่น การหันกลับมาใช้ตะกร้า ถุงผ้า กระทงใบตอง ในการทีจ( ะสามารถช่วย ลด ละ เลิก การสร้างขยะต่างๆ ลงได้อย่างแท้จริง *ข้อมูลจากhttp://sites.google.com/site/razerowaste/
* ข้ อ มู ล จ า ก
ครูปุ้ย-ปราณี หวาดเปีย เจ้าหน้าทีฝ่ ่ายทรัพยากร ดูแลศูนย์ทรัพยากรรีไซเคิล เล่าที่มาของโครงการ ของเสียเหลือศูนย์ ทําให้คณะดูงานตระหนักถึงคุณค่าของ’ขยะ’ ด้วยการลงมือปฏิบัติด้วยตัวเอง จาก ของว่าง ที่ต้องจัดการให้เรียบร้อย ตั้งแต่ทาน เก็บล้าง ตามกระบวนการเช่นเดียวกับเด็ก ๆ และครูทุก คนในโรงเรียนที่ทําอยู่เป็นกิจวัตร ซึ่งสร้างความประทับใจและจดจําได้อย่างน่าชื่นชม
บน: สถานีรีไซเคิลแบบจัดการตัวเอง...ขั้นตอนง่าย ๆ นําไปปฏิบัติได้เลย...”อยากเห็นโรงเรียนบ้านเกาะเต่าของเราทําบ้าง”...เสียงจาก คนกําลังล้างจาน คว่าํ แก้ว ล่าง: สถานีรไี ซเคิลและชั้นเรียนแยกขยะ...ทุกคนชื่นชมในการคัดแยกและจัดแยกอย่างละเอียด ที่สามารถ นําเอากลับไปใช้ใหม่
3.3 การจัดการสิ งแวดล้อม ของ Evason Resort&Spa ปราณบุรี ด้วยเกาะเต่าเป็ นแหล่งท่องเทีย( วของผูค้ นจากทัวโลก ( ผูร้ ่วมศึกษาดูงานกว่าครึง( เป็นเจ้าของรี สอร์ทบังกะโล ดังนันการศึกษาแนวทางการจัดการสิง( แวดล้อมของเอวาซอน รีสอร์ทและสปา ซึง( ถือว่าเป็นรีสอร์ทชันนําของโลกทีม( นี โยบายการดําเนินธุรกิจทีเ( ป็นมิตรต่อสิง( แวดล้อม และยังเป็ น ภาคพันธมิตรกับ IUCN อีกด้วย คุณศรีจนั ทร์ มนรักขารมย์ ผูจ้ ดั การแผนกสังคมและสิง( แวดล้อมของเอวาซอน ปราณบุรนี ําเสนอ แนวคิดและแนวทางการปฏิบตั งิ านด้านการจัดการสิง( แวดล้อม นับจากแนวคิดการพักผ่อนทีเ( อ วาซอนที( ยึดหลักให้ลกู ค้าคํานึงถึง S-L-O-W Life ทีห( มายความว่า ชีวติ ทีเ( นิบช้า...นีว่า มาจาก S-Sustainable ความยังยื ( นถาวรในการพักผ่อนแบบไม่ทาํ ลายสิง( แวดล้อม เพื(อคงไว้ซง(ึ แหล่ง ท่องเทีย( วให้สวยงามอย่างยังยื ( น L-Local ความเป็ นพืนเมืองทีร( สี อร์ทใช้วตั ถุดบิ ในท้องถิน( นํามาทําเป็นอาหารหรือข้าวของ เครือ( งใช้ในห้องพัก O-Organic เน้นอาหารปลอดสารเพื(อให้ได้ความสดอร่อยจากธรรมชาติ W-Wholesome การรับ สิง( ทีเ( ป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ L-Learning การเรียนรูจ้ ากการพักผ่อนเพื(อเพิม( พูนสติปญั ญา I-Inspiring แรงบันดาลใจผ่านการพักผ่อนและกิจกรรม ตลอดจนถึงสถานทีท( จ(ี ะสร้างความ ประทับใจน่าจดจํา F-Fun ได้ความสนุกสนาน และ E-Experience ประสบการณ์ทแ(ี ตกต่างจากการพักผ่อนท่องเทีย( วแบบธรรมดา จากนันพาเยีย( มชมแปลงปลูกผักปลอดสารพิษ และโรงเรือนจัดการขยะ ทําปุ๋ยหมัก รวมถึง ระบบบําบัดนําเสียของรีสอร์ท ซึง( เป็นทีป( ระทับใจและมีการสอบถามถึงรายละเอียดของวิธกี าร ต่าง ๆ อย่าละเอียด
สรุป จากผลการศึกษาดูงาน ประเมินว่าผูเ้ ข้าร่วมศึกษาดูงานได้รบั ประโยชน์ตามทีค( าดไว้ ดังนี 1) ผูร้ ว่ มศึกษาดูงานได้เรียนรูแ้ นวทางการบริหารจัดการขยะและนําเสียจากพืนทีท ( ม(ี กี ารจัดการขยะและ
นําเสียทีป( ระสบความสําเร็จ 2) ผูร้ ว่ มศึกษาดูงานนําความรูม ้ าประยุกต์ เพื(อวางแผนการจัดการขยะและนําเสียเกาะเต่าอย่างครบวงจร
และเป็นรูปธรรม 3) ผูร้ ว่ มศึกษาดูงานเกิดความสามัคคีในการทํางานร่วมกันมากยิง( ขึน
ผลการประชุมวางแผนการจัดการขยะและนําเสีย วันที( 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554 ณ สํานักงานอบต.เกาะเต่า จากผลการศึกษาดูงาน ทางคณะศึกษาดูงานมีความแข็งขันในการนําไปสู่การปฏิบตั แิ ก้ไข จัดการปญั หาขยะและนําเสียให้เกิดเป็นรูปธรรม โดยมีการระดมความคิดเห็นของทุกคน ซึง( ยึดหลักของ ความเท่าเทียมและคิดอย่างสร้างสรรค์ สรุปมีแนวคิดเดียวกันว่า “เราไม่ได้ทําเพือ ตัวเอง...แต่กําลังทํา เพือ เกาะเต่า” และเห็นตรงกันว่า เริม( ทําจากสิง( ทีท( ําได้งา่ ย ๆ และทําได้เลย คือ การทําคอกหมูหลุม และ ปุ๋ยหมัก บ่อดักไขมัน และเก็บผักผลไม้ จากร้านผักมาแยกทํานําหมัก EM โดยอยูบ่ นพืนฐานของการ จัดการควรจะอยูบ่ นฐานความคิดทีม( กี ารจัดการแบบครบวงจร ประกอบกับผลจากศึกษาองค์ประกอบของขยะเกาะเต่า (ตามผังด้านล่าง)
ทางคณะศึกษาดูงาน ซึง( มีความตังใจและเล็งเห็นความสําคัญของการแก้ไขปญั หาร่วมกันทุกภาคส่วน โดยมีอบต.เกาะเต่า เป็นหัวเรือหลัก นําโดย ไชยันต์ ธุระสกุล รองนายกฯ, จักรกฤษณ์ แนวหาญ เจ้าหน้าทีอ( บต. ผูร้ บั ผิดชอบด้านการจัดการขยะและวีระ เกือสกุล สมาชิกสภาตําบลเกาะเต่า ร่วมกับ อาสาสมัครสาธารณสุข ชมรมรักษ์เกาะเต่า ซึง( เป็ นผูป้ ระกอบการ และมีบทบาท ศักยภาพทีพ( ร้อมใจเป็ น แรงขับเคลื(อนหลัก ในรูปแบบของคณะทํางานจัดการขยะ ดังนันจึงมีการประชุมหาแนวทางการจัดการ ขยะในเบืองต้นทีเ( ป็ นรูปธรรม ดังนี ขยะอินทรย์ 54% จากผลการศึกษาองค์ประกอบขยะ ซึง( ถือเป็นขยะส่วนใหญ่และเป็ นปญั หาในการ จัดการ เนื(องจากเป็ นขยะเปียกทีต( อ้ งใช้เชือเพลิงในการเผาไหม้มาก และสินเปลืองพลังงาน ทีท( างอบต. ต้องจ่ายเดือนละไม่ต(าํ ว่า 2-3 แสนบาท จึงเล็งเห็นพ้องกันว่าเป็ นประเภทของขยะทีจ( าํ เป็ นต้องจัดการ อย่างเร่งด่วน แนวทางการจัดการ 1. ใช้สตั ว์เป็ นตัวย่อยขยะอิ นทรีย์ โดยคัดเลือกสัตว์ดงั นี หมูปา่ แพะ ไก่ กระต่าย และตะกวด 2. จัดระเบียบหลุมขยะเกาะเต่า ภายใต้ฐานการจัดการหลุมขยะทีว( ่า “ระบบ ระเบียบ ร่มรืน ” อบต.จะทํา “ลานคัดแยกขยะ” จากการ จัดสรรงบประมาณจากงบสะสม โดยจะมีลานคัดแยก รางระบายนํ า บ่อบําบัดนําเสีย ซึง( ทางหัวหน้าวิ ศกรโยธา เป็นผูอ้ อกแบบ จากมติการจัดการขยะอินทรียโ์ ดยใช้สตั ว์ จึงจะมีการจัดทําโรงเรือนเลียงสัตว์ ตามเหมาะสมกับสภาพ ของสัตว์ชนิดต่าง ๆโดยใช้งบจากโครงการบูรณาการจัดการขยะและนําเสียอย่างมีส่วนร่วม ซึง( ทางปลัด อบต.และเจ้าหน้าทีอ( บต. จะรับผิดชอบประสานผูอ้ อกแบบ จัดหาสัตว์และจัดทํางบประมาณ เพื(อ ดําเนินการต่อไป ทังนีคาดว่าประมาณเดือนมีนาคมจะสามารถเริม( ดําเนินการได้ 3. การทําความเข้าใจและขอความร่วมมือจากร้านผัก ผลไม้และร้านอาหาร (ที ไม่ได้อยู่ในรี สอร์ท) เมือ( วิเคราะห์กนั ถึงแหล่งทีม( าของขยะอินทรีย์ คือ เศษอาหาร ผัก ผลไม้ว่ามาจากไหน จึงมุ่งไปทีร( า้ น จําหน่ายผักและผลไม้ และร้านอาหารทีไ( ม่ได้อยูใ่ นรีสอร์ท ซึง( เป็นแหล่งใหญ่ของขยะอินทรีย์ จึงวางแผน ทีจ( ะลงเดินเพื(อสํารวจและขอความร่วมมือในการจัดการกับขยะดังกล่าว โดยส่วนหนึ(งจะส่งเสริมให้
จัดการโดยการทํานําหมักชีวภาพ และอีกส่วนหนึ(งเก็บแยกเศษอาหารส่งตรงให้พนักงานเก็บขยะ ซึง( จะ มีการลงพืนทีพ( ูดคุยและนัดหมายเพื(ออบรมเฉพาะด้าน โดยแยก 1) อบรมการทํานําหมักชีวภาพ 2) อบรมสุขาภิบาลอาหาร โดยนักวิชาการสาธารณสุข ทังนีเสนอให้มกี ารประสานกับผูใ้ หญ่บา้ น/ผูช้ ่วยผูใ้ หญ่บา้ น เพื(อร่วมลงพืนทีส( าํ รวจพูดคุยกับคณะทํางาน ซึง( มีรองนายกอบต.เกาะเต่า เป็นคนนําคณะ เพราะการแก้ไขปญั หาต้องอาศัยความร่วมมือขงอทุกภาค ส่วน โดยเฉพาะผูน้ ําท้องถิน( กําหนดการลงพืนที ทงั 3 หมูบ่ ้าน คือ วันที( 22-23 กุมภาพันธ์ 2554 กําหนดการอบรมร้านอาหาร เรื อง สุขาภิ บาลอาหาร คือ วันที( 25 กุมภาพันธ์ 2554 ณ ศาลาสํานัก สงฆ์เกาะเต่า (กําหนดการแนบท้าย) กลุ่มเป้าหมาย คือ ร้านอาหารทีไ( ม่ได้อยูใ่ นรีสอร์ท กําหนดการอบรมนําหมักชีวภาพ จะยืนยันวันทีฝ( ึกอบรมอีกครัง โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ ร้านผักและ ผลไม้ และพนักงานจัดการขยะเกาะเต่า 4. การเผยแพร่แนวทางการจัดการขยะและนําเสียเกาะเต่า ในเทศกาลงานรักษ์เกาะเต่า (เปิ ด โลกทะเลเกาะเต่า) มีมติทจ(ี ะนําเสนอแนวทางการจัดการขยะและนําเสียต่อชุมชนเกาะเต่า ในงานเทศกาลรักษ์เกาะเต่า (เปิด โลกใต้ทะเล) วันที( 25 -26 มีนาคม ศกนี ณ สวนตาโอ-ตาเอือม หาดทรายรี โดยจะมีรปู แบบการนําเสนอ 2 ทางคือ 1) ซุม้ นิทรรศการทีจ( าํ ลองรูปแบบการจัดการขยะ รวมถึงเส้นทางขยะ การจัดเก็บ การจัดการ รวมถึง รณรงค์ให้ความเข้าใจเรือ( งผลกระทบจากขยะและนําเสียต่อเกาะเต่า 2) การจัดการขยะในบริเวณงาน เพื(อจําลองการทํางานให้เห็นจริงและเป็ นรูปธรรม 5. อื น ๆ ภายหลังเดือนมีนาคม จะมีการประชุมเพื(อวางแผนการปฏิบตั งิ านต่อเนื(อง ทังนีจะมีการจัดอบรมเชิง ปฏิบตั กิ ารณ์ ‘Green Resort workshop’ เนือหารายละเอียดจะมีการประชุมหารือในการประชุม คณะทํางานฯ เดือนเมษายนอีกครัง
ภาคผนวก รายชื อผู้เข้าร่วมศึกษาดูงาน ที(
ชื(อ 1 2 3 4 5 6 7 8 9
ไชยันต์ ธุระสกุล วีระ เกือสกุล รสสุคนธ์ ญาติชาวสวน จักรกฤษณ์ แนวหาญ อาภรณ์ สุขผล เสาวนีย์ จิระพงษ์ อรุณ ฉายสะบัด ทิพวรรณ โชติช่วง อายะ บาเลาะ
10 อโณทัย ธีรสิงห์ 11 คุณาสิน ไวยรัตน์
12 รัฎดา ลาภหนุน 13 Raj Kumar 14 ศิรพิ ร ศรีอร่าม 15 ณัชนิชา บุญเกิด 16 ไอศูรย์ ภาษยะวรรณ์ 17 ปานวาด วงษ์ทอง 18 สรรสนา มาลัยอริศนู ย์ 19 สาริน พีรบูลย์
ตําแหน่ง/หน่วยงาน รองนายกอบต.เกาะเต่า สมาชิกสภาอบต.เกาะเต่า หัวหน้าวิศวกรโยธาเกาะเต่า ผูช้ ่วยเจ้าหน้าทีน( โยบายและแผน อบต.เกาะเต่า อาสาสมัครสาธารณสุข สถานีอนามัยเกาะเต่า (อสม.) อาสาสมัครสาธารณสุข สถานีอนามัยเกาะเต่า (อสม.) ทีป( รึกษาชมรมรักษ์เกาะเต่า กรรมการชมรมรักษ์เกาะเต่า สมาชิกชมรมรักษ์เกาะเต่า นักวิชาการชํานาญการ 7 ว.สํานักงานสิง( แวดล้อมภาคที( 14 กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิง( แวดล้อม เจ้าหน้าทีส( าํ นักงานสิง( แวดล้อมภาคที( 14 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิง( แวดล้อม ผูป้ ระสานงาน โครงการบูรณาการจัดการขยะและนําเสียอย่างมีสว่ นร่วม เพื(ออนุรกั ษ์ปะการังรอบเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี, IUCNประเทศไทย, เลขาธิการ ชมรมรักษ์เกาะเต่า เจ้าหน้าที( IUCN, องค์การระหว่างประเทศเพื(อการอนุรกั ษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิง( แวดล้อม สํานักงานภูมภิ าคเอเซีย ผูป้ ระสานงานโครงการปา่ ชายเลนเพื(ออนาคต (MFF), IUCN ประเทศไทย ผูป้ ระสานงานภาคสนาม โครงการพัฒนาศักยภาพกรรมการศูนย์ศกึ ษา เรียนรูร้ ะบบนิเวศปา่ ชายเลนปากนําปราณ, IUCN ประเทศไทย รองหอการค้าจังหวัดชุมพร ทีป( รึกษาชมรมรักษ์เกาะเต่า นักศึกษาปริญญาเอก มหาวิทยาลัยจากประเทศออสเตรเลีย เจ้าหน้าทีส( ว่ นความร่วมมือด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิง( แวดล้อม บริษทั เชพรอน (สํารวจและผลิต) ประเทศไทย จํากัด เจ้าหน้าทีส( ว่ นความรับผิดชอบต่อสังคมและสิง( แวดล้อมบริษทั เชพรอน (สํารวจและผลิต) ประเทศไทย จํากัด
ตารางอบรมสุขาภิ บาลอาหารสําหรับผู้ประกอบการจําหน่ ายอาหาร วันที( 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2554 ณ ศาลาสํานักสงฆ์เกาะเต่า เวลา 08.00-08.30 08.30-09.00 09.00-10.00
10.00-12.00 12.00-13.00 13.00-14.30
14.30-16.00
16.00-16.30
วิชา วิทยากร ลงทะเบียน พิธเี กิดการอบรมและนโยบายอาหารปลอดภัยใน นายกอบต.เกาะเต่า แหล่งท่องเทีย( ว หลักการสุขาภิบาลอาหาร นายสุวทิ ย์ ไพรัชวรรณ นักวิชาการสาธารณสุขชํานาญ การพิเศษ ศูนย์อนามัยที( 11 การจัดการขยะมูลฝอยและการควบคุมแมลง นายอรุณ ฉายสะบัด นักวิชาการ พาหะของโรคในร้านอาหาร สุขาภิบาล 8 ข้าราชการบํานาญ พักรับประทานอาหารกลางวัน มาตรฐานอาหารสะอาดรสชาติอร่อย (Clean นายสุวทิ ย์ ไพรัชวรรณ Food, Good Taste) นักวิชาการสาธารณสุขชํานาญ การพิเศษ ศูนย์อนามัยที( 11 มาตรฐานกรมอนามัยระดับ 5 ดาว (เมนูสุขภาพ, นายสุวทิ ย์ ไพรัชวรรณ ช้อนกลาง, ล้างมือ, สุขาน่ าใช้และครอบครัว นักวิชาการสาธารณสุขชํานาญ อบอุ่น) การพิเศษ ศูนย์อนามัยที( 11 อภิปรายปญั หาทัวไปและปิ ( ดการประชุม
TABLE OF CONTENTS
Participatory Integrated Waste Management for conserving Coral Reef I. Executive Summary around Koh Tao Summary Project Description
II. Results/Accomplishments by Focus Area A.
1st Progress Report September-November 2010 ProAgro Indicators
B. Banana Value Chain
Submitted by C. Potato Value Chain IUCN Thailand D. Coffee Value Chain E. Support Services and Markets
30 November 2010
F. Cross Cutting Activities
for
TABLE OF CONTENTS TABLE OF CONTENTS......................................................................................................... i I.
EXECUTIVE SUMMARY .............................................................................................. 1
II.
MAJOR ACTIVITIES ACCOMPLISHED TO DATE ................................................... 1
III. RESULTS / ACCOMPLISHMENTS ............................................................................ 2 IV. CHALLENGES & EVENTS HAVING SIGNIFICANT IMPACT ................................. 4 V. LESSONS LEARNED ................................................................................................... 4 VI. PLANNED ACTIVITIES FOR NEXT 6-MONTHS [December 2010-May 2011]...... 4 VII. DETAILED SUMMARY OF EXPENDITURES ........................................................... 9
Summary Project Description: General Information: Country Project Title
Implementing Agency Report Author Focus Area Strategic Theme within Focus Area [PARTNER PROJECT LEAD TITLE] Effective Date of Award Date of Termination
Thailand Participatory Integrated Waste Management for conserving Coral Reef around Koh Tao IUCN Thailand Radda Larpnun Waste Management Waste Management IUCN 01 October,2010 30 September, 2011
Financial Data Total Estimated Project Amount Chevron Thailand Exploration and Production Ltd. Contribution Obligated Amount (to date)
THB 2,002,525/THB 2,002,525/-
Expenses (till 30 November 2010) Total Expenses (to date) Balance of Obligated Funds Balance of Total Funding
THB 247,240/THB 247,240/THB 553,770/THB 1,755,285/-
THB
801,010/-
I. EXECUTIVE SUMMARY In the first quarter, the project focused on three main activities: 1) developing an understanding among project stakeholders and the local communities about collaboration with Chevron; 2) understanding about the existing waste management, and building capacity of local authority on community perspective in related issues; and, 3) building partnerships. Consequently, community leaders developed a great level of understanding and agreed with the project objectives and in terms of collaborating with Chevron. The existing management system and the recent effort of community and Save Koh Taoâ&#x20AC;&#x2122;s waste management were documented, and self-analysis of local authority team (like the Koh Tao Tambon Authority Organization) was undertaken. Apart from Department of Marine and Coastal Resource, the Regional Environmental Office 14 was also taken into confidence, which has been working closely with Koh Tao over decade as part of co-implementation partnership in waste management, particularly on water waste.
II. MAJOR ACTIVITIES ACCOMPLISHED TO DATE Activity description 1. Collect relevant information including current problem, successful waste management case studies 2. Formal introduction of the participatory integrated waste management for conserving coral reef around Koh Tao project to Regional Environment Office 14 and the Koh Tao Tambon Authority Organization (TAO)
Period
Responsible
IUCN, Koh Tao 17-14 Sep TAO and Save Koh Tao
Accomplishment 1. Done
2. Done
7-8 October
IUCN, Koh Tao TAO
1
Activity description 3. Collect information of existing waste management system and study on solid waste structure on landfill 4. Co-organize a meeting with the Koh Tao development committee endorsed by Head of District in preparing a Koh Tao Green Development Master Plan with Koh Tao TAO and the secretary permanent of district 5. Organize a meeting in hazard rubbish management with Koh Tao health and welfare office
Period
22-26 November
Responsible
Accomplishment 3. Done 4. Done 5. Postponed
IUCN, Koh Tao TAO, Regional Environment Office 14 and Koh Tao health and welfare Office
III.RESULTS / ACCOMPLISHMENTS 1. Collect relevant information including problem, successful waste management case studies Result Collect relevant information in waste management practices from external sources for example key concerned government agencies and national/international Non-government organizations (Department of Pollution Protection, GTZ, TAOs) through websites search engines and individual discussion. 2. Formal introduction of the participatory integrated waste management for conserving coral reef around Koh Tao project to Regional Environment Office 14 and the Koh Tao Tambon Authority Organization (TAO) Result On 7th October, IUCN introduced the project and held discussions with co-partner to solve the waste problem on Koh Tao with Mr.Jumpol Sirisavad, the Director of Regional Environment Office 14 and Khun Anothai Teerasing, the Senior Officer. They dealt with the solid waste management in Koh Tao in 2008 and are moving forward with initiation of the Koh Tao water waste management project this year funded by Suratthani province’s governor. We, therefore, agreed to collaborate with them in order to develop a joint action plan for solid waste management and to achieve the same goal. On the 8th of October, IUCN organized the project introduction meeting with Koh Tao leaders including Koh Tao’s TAO officers and Koh Tao Public Health Office head, in total 11 attendees. 2
The crucial suggestion was to involve the authorized leaders in project implementation.. It was agreed that the local authority in Koh Tao TAO should be the key stakeholder to set up proper waste management system before raising awareness on the issue among Koh Tao residents. Initiated setting up of a structure of ‘the Koh Tao Waste management committee’ under the Surattani Waste management project of the governor. Koh Tao will be one in 7 sites selected by the governor. 3. Collect information of existing waste management system and study on solid waste structure on landfill Result Apart from the external source information, information from internal source was also collected. Rapid self-evaluation was conducted and interviews held in Koh Tao with Save Koh Tao members and Koh Tao TAO officers in order to improve practices in water and solid waste management issues. This exercise helped understand various points of view in terms of lesson learned, group attitude and expectations. Details were summarized in Thai language in the inception report and shared with Koh Tao leaders. 4. Co-organized a meeting with the Koh Tao development committee endorsed by Head of District in preparing a Koh Tao Green Development Master Plan with Koh Tao TAO and Assistant district Officer Result About 20 people attended the meeting, discussed about the background of the Koh Tao Green Development Master Plan committee and linked to the waste management project which will be a part under the Koh Tao Green development concept. Head of district does support the concept and would like to keep it in the official loop as well as the Surattani Governor. The endorsed committees were unclear in the role and responsibility with in short notice; therefore, they requested to reorganize the meeting at December, 20th, 2011 with full team in 33 people. 5. Organize a meeting in hazard rubbish management with Koh Tao health and welfare office Result Due to short notice, most of the Koh Tao clinic representatives were not available for the meeting. However, we will organize the meeting in April, 2011.
3
IV.
CHALLENGES & EVENTS HAVING SIGNIFICANT IMPACT
Developing an understanding among project stakeholders and the local communities about collaboration with Chevron: Due to the current controversy related to the petroleum exploration around the adjacent Islands, there has been some resistance by the communities to accept Chevron’s involvement. However, through mutual consultation and effective persuasion, IUCN developed a good understanding with selected Koh Tao leaders on the issue. The result was that the communities rather realized the importance of the project objectives and gaining benefits from the project which is committed to deal with significant threats of the marine natural resources of the economic capital of Koh Tao. Internal conflict: Due to internal conflict among various groups, we are trying to work closely with the key stakeholder such as Koh Tao’s TAO, which has the authority to take action on waste management issue. The communities, including Save Koh Tao members and local enterprises felt lack of interest and support from TAO’s officers in TAO to resolve waste management issues last year. Therefore, the issue will be discussed with the TAO’s officers separately during the first quarter of the project implementation period. The new local stakeholders will also be invited to join the planning and implementation as the waste management working team. Increasing manpower of Koh Tao’s TAO will have enough support to achieve project results. Building capacity will be the first priority in the first quarter.
V. LESSONS LEARNED
VI.
Stakeholder analysis and theory of ‘Conflict management’ was adapted in the project implementation in first quarter.
PLANNED ACTIVITIES FOR NEXT 6-MONTHS [December 2010-May 2011]
Activity description
Period
Responsible
Waste structure study
24 December, 2010
Koh Tao’s TAO, REO14, IUCN
Outputs To understand and identify the structure of rubbish at the landfill 4
Activity description
Period
Responsible
Koh Tao Green Island development meeting
20 December, 2010
Koh PhaNgan District, Koh Tao TAO, IUCN
Waste Management study trip
12-13 January, 2011
Regional Environment Office 14, Koh Tao TAO, IUCN
Post-study trip waste management plan
25 Jan,3-5 February 2011
Regional Environment Office 14, Koh Tao TAO, IUCN
Feb-March 2011
Koh Tao TAO, Regional Environment Office 14, IUCN
Implement the plan with the working group
Outputs 1) Koh Tao Green Island management committee will do brainstorming and understand the ultimate goal 2) The project will become a part of Island development 3) establish the Koh Tao waste management working group and inform about the study trip 1) To learn in best practices in waste management from Klang municipality, the Natural agriculture Centre, the Rungaroon school and Evason resort &spa in order to making a practical waste management plan for Koh Tao 2) Build capacity and unite the key stakeholders. 1) Report to Koh tao Green development Committee 2) Making the waste management action plan 3) finalize the waste management working team To action follow the action plan
5
Activity description Water waste expert visit the island for design the appropriate constructed wetland
Design waste management communication material
3 days Green Resort workshop
Period
Responsible
Feb, 2011
Koh Tao TAO, Regional Environment Office 14, IUCN
Feb, 2011
Koh Tao TAO, Regional Environment Office 14, IUCN, DMCR
March, 2011
Koh Tao TAO, Regional Environment Office 14, IUCN, DMCR, Save Koh Tao
Outputs To assist the village stakeholders and design the appropriate constructed wetland To educate and raise awareness in zero waste
To share and educate in how to be practical green resorts through 3 days workshop and small talk on the Island
6
7
8
VII. DETAILED SUMMARY OF EXPENDITURES Description/Activities
Budget in THB
Budget in USD
Actual Expenditure Local USD Currency Equivalent
1.1.1) Set up Koh Tao Waste management Committee/ Inception meeting 56,350
1,878
57,515
1,885
1.1.2) Collect relevant information including problem, successful waste management case studies
67,275
2,243
24,275
804
1.1.3) Special experts*organization present waste management techniques and methods for local decision and making action plan together
68,275
2,276
9,320
309
68,350
2,278
16,350
542
75,275
2,509
24,275
804
175,275
5,843
48,350
1,612
16,350
542
25,000 115,000
833 3,833
5,525
188
-
-
1.2.1) Site survey and prepare the waste sites (Had Sai Ree and Damp site) 1.2.2) Special expert design waste water system and rubbish management technique 1.3.1) Construct community waste water treatment and implement the rubbish management 2.1.1) Collect existing data, develop the guidebook structure and write up the book 2.1.2) Design the mini-guidebook of rubbish and waste water management 2.1.3) Print and distribute to local 2.2.1) Establish 'Community Water resource research team"
9
10