Forweb i eng 187 [ฝึกพูดอังกฤษจากเรื่องรอบตัว]

Page 1

¡ÒÃѹµÕàÅ‹Á¹Õéʹء Í‹Ò¹áÅŒÇà¡‹§ ¾Ù´ÀÒÉÒÍѧ¡ÄÉ䴌ṋ¹Í¹!

อยากพูดอังกฤษเกง ตองเริ่มจากเรื่องใกลตัว

ÃŒÍÂàÃÕ§â´ÂµÑÇáÁ‹ÀÒÉÒÍѧ¡ÄɵÑǨÃÔ§

English is all Around

!

บางสวนของเนื้อหาที่รีวิวในเพจ I Get English MagAzine เรารวมมาไวที่นี่แลว

English is all Around ฝกพูดอังกฤษจากเรื่องรอบตัว

˹ѧÊ×ÍàÅ‹Á¹Õé¤×ًͤÁ×ͪÑé¹ÂÍ´«Öè§àÃÕ§ÌÍÂà¹×éÍËÒ áÅÐ㪌ÀÒÉÒ·ÕèÍ‹Ò¹áÅŒÇࢌÒ㨧‹Ò ã¹àÅ‹Á»ÃСͺ´ŒÇ 24 º·ãËÞ‹ 148 àÃ×èͧÃͺµÑÇ «Öè§áµ‹Åк·ä´ŒÃǺÃÇÁ»ÃÐ⤠Êӹǹ ¤ÓÈѾ· ÊáŧÊØ´à·Ã¹´Õé·ÕèäÁ‹ÁÕÊ͹㹵ÓÃÒ ÃÇÁ¶Ö§â¤Ã§ÊÌҧ»ÃÐ⤠à¾×èÍãËŒÊÒÁÒö¹Óä»»ÃѺ㪌䴌Í‹ҧËÅÒ¡ËÅÒ ¾ÃŒÍÁ¤ÓÍ‹Ò¹ ·Õè¶Í´àÊÕ§½ÃÑè§ÁÒà´ Ðæ ãËŒ¤Ø³½ƒ¡ÍÍ¡àÊÕ§䴌àËÁ×͹਌ҢͧÀÒÉÒ ÃѺÃͧ䴌NjÒËÒ¡Í‹Ò¹àÅ‹Á¹Õ騺 ÀÒÉÒÍѧ¡Äɢͧ¤Ø³¨Ð¾ÅÔéÇ Å×è¹äËÅ ¨¹¤Ø³àͧÂѧµŒÍ§·Öè§

ฝกพูดอังกฤษ จากเรื่องรอบตัว

ÃÇÁÊáŧà´ç´ Êӹǹⴹ ·Õè äÁ‹ÁÕ ã¹µÓÃÒ

ÀÒ¾»ÃСͺ¹‹ÒÃÑ¡ Í‹Ò¹§‹ÒÂʺÒµÒ

gle. I’m siซิn งเกิ�ล อายมฺ-

ฉันโสด (โปรดจีบ)

เนื้อหา วย เขาใจงายMดap Mind

9

786165

279260

หมวด : ภาษาศาสตร

รราาคคาา

ISBN 978-616-527-926-0

ราคา 169 บาท

า 116699 บบาทท

¤ÓÍ‹Ò¹¶Í´àÊÕ§ÀÒÉÒÍѧ¡ÄÉẺ¾ÔàÈÉ ãËŒ¤Ø³ÍÍ¡àÊÕ§䴌àËÁ×͹਌ҢͧÀÒÉÒ 169.-

โดย อารดา

กันทะหงษ ผูเขียนคอลัมนดังแหง I Get English ผูใชภาษาอังกฤษในตางแดนไดคลองเหมือนภาษาแม



English is all Around

ฝกพูดอังกฤษ จากเรื่องรอบตัว


English is All Around

ฝึกพูดอังกฤษจากเรื่องรอบตัว ISBN 978-616-527-926-0 ราคา 169 บาท คณะผู้จัดท�ำ บรรณาธิการส�ำนักพิมพ์ ชิดพงษ์ กวีวรวุฒิ บรรณาธิการ บุษกร กู้หลี, ดุจเดือน กลั่นคูวัด ผู้เขียน อารดา กันทะหงษ์ ศิลปกรรม วณิชยา ตันเจริญลาภ พิสูจน์อักษร บุษกร กู้หลี ประสานงานสื่อสิ่งพิมพ์ บุษกร กู้หลี ฝ่ายการตลาด วราลี สิทธิจินดาวงศ์ พิมพ์ที่ บริษัท พิมพ์ดี จ�ำกัด ผู้พิมพ์/ผู้โฆษณา เสริม พูนพนิช

สงวนลิขสิทธิต์ ามพระราชบัญญัตลิ ขิ สิทธิ์ (ฉบับ เพิม่ เติม) พ.ศ. 2558 โดยส�ำนักพิมพ์เอ็มไอเอส ห้าม น�ำส่วนหนึง่ ส่วนใดของหนังสือเล่มนี้ไปลอกเลียนแบบ ท�ำส�ำเนา ถ่ายเอกสาร หรือน�ำไปเผยแพร่บน อินเตอร์เน็ตและเครือข่ายต่างๆ ไม่ว่าจะในรูปแบบ ใดๆ นอกจากจะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จากทางส�ำนักพิมพ์เท่านั้น ชื่อผลิตภัณฑ์และเครื่องหมายการค้าต่างๆ ที่ อ้างถึงเป็นของบริษัทนั้นๆ

จัดพิมพ์โดย : ในเครือบริษัท ส�ำนักพิมพ์เอ็มไอเอส จ�ำกัด 213/3 ซอยพัฒนาการ 1 (สาธุประดิษฐ์ 34 แยก 6) แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ 10120 โทรศัพท์ 0-2294-8777 (สายอัตโนมัติ) โทรสาร 0-2294-8787 www.MISbook.com จัดจ�ำหน่ายโดย : บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จ�ำกัด (มหาชน) 1858/87-90 ชั้น 19 อาคารทีซีไอเอฟ ทาวเวอร์ ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260 โทรศัพท์ 0-2739-8000 โทรสาร 0-2739-8609 www.se-ed.com กรณีต้องการสั่งซื้อจ�ำนวนมาก กรุณาติดต่อฝ่ายการตลาด ส�ำนักพิมพ์เอ็มไอเอส โทรศัพท์ 0-2294-8777 เพื่อรับส่วนลดพิเศษ หากหนังสือเล่มนี้ผลิตไม่ได้มาตรฐาน อาทิ หน้ากระดาษสลับกัน หน้าซ�้ำ หน้าขาดหาย ทางส�ำนักพิมพ์ยนิ ดีรบั ผิดชอบเปลีย่ นให้ใหม่ โดยส่งมาเปลีย่ นตามทีอ่ ยูด่ า้ นบน หรือติดต่อ ส�ำนักพิมพ์เอ็มไอเอส โทรศัพท์ 0-2294-8777 (สายอัตโนมัติ)


Be trendy! Trendy Easy English

ภาษาอินเทรนด์ ถึงหลายประเทศจะใช้ภาษาอังกฤษเหมือนกัน แต่อาจจะมี ค�ำสแลงและส�ำนวนต่างกันที่ใช้กันเฉพาะกลุ่ม เฉพาะวัย เฉพาะถิ่น เฉพาะอาชีพ หรือแม้แต่เฉพาะประเทศ ประเทศอังกฤษเองถือเป็นเจ้า แห่งค�ำสแลงและส�ำนวนมาหลายร้อยปีแล้ว แต่เริม่ มีบนั ทึกไว้จริงๆ ใน ช่วงศตวรรษที่ 16 นี้เอง ค�ำแสลงและส�ำนวนภาษาที่ ใช้กันในประเทศอังกฤษ มักจะ เป็นที่รู้จักและนิยมใช้ในประเทศที่มีวัฒนธรรมภาษาใกล้เคียงกัน อย่างเช่น สกอตแลนด์ ไอร์แลนด์เหนือ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ จนในปัจจุบันนี้หลายๆ ค�ำก็ถูกหยิบยืมมาใช้ข้ามไปฝั่งอเมริกา จนกลายเป็นที่รู้จักทั่วไปแล้วก็มี หรือที่เริ่มนิยมใช้กันทางฝั่งอเมริกา แล้วกลายมาเป็นที่นิยมใช้ในฝั่งอังกฤษก็มีเช่นกัน ค�ำสแลงเป็นภาษาง่ายๆ ที่เกิดขึ้นใหม่และเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ หลายค�ำเป็นที่นิยมมากจนกลายเป็นค�ำศัพท์หลักไปเลยก็มี ค�ำสแลง และส�ำนวนท�ำให้สิ่งที่เราพูดถึงทุกวันกลายเป็นเรื่องไม่น่าเบื่อ ท�ำให้ ภาษามีชวี ติ ชีวาขึน้ แล้วยังท�ำให้คนที่ใช้ดเู ป็นคนทันโลกและรูจ้ กั ภาษา นั้นลึกซึ้งขึ้น หากเรารูจ้ กั ค�ำสแลงและส�ำนวนภาษาอังกฤษมากเท่าไร เราก็จะ ยิง่ คุยกับเจ้าของภาษาได้สนุกขึน้ และสามารถเชือ่ มต่อความคิดกับเขา ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย อารดา กันทะหงษ์


Content Chapter 1 Let’s say “Hi!” (ทักทาย สบายดีไหม) 22 - ทักทาย 24 - ตอบรับค�ำทักทาย 31 36 Chapter 2 Nice to meet you (ยินดีที่ได้ร้จู ัก) - แนะน�ำตัวเอง 39 - แนะน�ำตัวด้วยฉายา 42 - แนะน�ำผู้อื่นให้ร้จู ักกัน 43 - คุยอะไรดี 46 52 Chapter 3 Time to say “Goodbye” (ลาก่อนนะ) - แบบทางการ 54 - แบบกันเอง 56 64 Chapter 4 Hello, there! (เซย์ฮัลโหลบนโทรศัพท์) - ส�ำหรับคนโทรไป 66 - ส�ำหรับคนรับสาย 69 - ว้า...โทรผิดซะแล้ว 74 78 Chapter 5 I don’t get it (ฟังไม่เข้าใจ เอาไงดี) - เมื่อเป็นคนฟัง 80 90 Chapter 6 Love it or hate it (ชอบ/ไม่ชอบ บอกยังไงดีนะ) - ประโยคแบบไหนดี 92 108 Chapter 7 Help me! (วิธีขอและเสนอความช่วยเหลือ) - เสนอความช่วยเหลือ 110 - ขอความช่วยเหลือ 114 120 Chapter 8 I’m so thankful (ขอบคุณส�ำหรับเรื่องดีๆ) - เอ่ยค�ำขอบคุณ 122 - ตอบค�ำขอบคุณ 126


Chapter 9 Oops, I’m sorry! (ขอโทษที ฉันผิดไปแล้ว) 130 - เอ่ยขอโทษ 132 - ขอโทษส�ำหรับบางอย่าง 134 - ประโยคขอโทษแบบอื่นๆ 136 - ไม่เป็นไร 138 142 Chapter 10 May I? (ขอ (อนุญาต) หน่อยจะได้ไหม) - ขออนุญาตหน่อยนะ 144 - ประโยคขออนุญาตแบบอื่นๆ 145 - ขอถามความเห็นหน่อยนะ 146 - จะตอบยังไงดี 149 154 Chapter 11 Catch a flick! (หนังที่ชอบ) - ชอบดูหนังไหม 156 - ชวนไปดูหนัง 157 - ชอบสไตล์ไหน 157 - คิดยังไง 158 - หนังฟิน (เว่อร์) 160 - หนังแป้กอ่ะ 162 - ก็พอโอเคนะ 163 166 Chapter 12 All That Jazz (เพลงที่ ใช่) - เพลง/ดนตรี 168 180 Chapter 13 Wanna hang out? (ใครจะไปยกมือขึ้น) - วิธีชวน 182 - วิธีตอบตกลง 188 - วิธีปฏิเสธ 190 196 Chapter 14 Hit the shops! (ชวนกันช้อป) - ชวนเพื่อนไปช้อป 198 - ขอดูเฉยๆ 198 - มีขายไหม 199


มีทางเลือกอื่นไหม 200 ยังไม่ใช่นะ 201 ตกลงใจใช่เลย 201 ยังไม่เอาดีกว่า 202 จ่ายเงินด้วยบัตรเครดิต 203 ชวนคุยนอกรอบ 204 ค�ำถามเพิ่มเติมส�ำหรับขาช้อป 206 210 Chapter 15 Money Talks (ส�ำนวนเงินทอง) - หน่วยเงินแบบบริติช 212 - หน่วยเงินแบบอเมริกัน 216 - ส�ำนวนโดนๆ เกี่ยวกับเงิน 220 - ส�ำนวนแบบอื่นๆ 222 224 Chapter 16 A Bite to Eat (เรื่องกินเรื่องใหญ่) - หิวแล้ว 226 - ชวนกันกิน 226 - ที่ร้านอาหาร 227 - ขอดูเมนูหน่อย 228 - คุยเรื่องอาหารทั่วไป 230 - คุยเรื่องอาหารที่ทาน 230 - เช็กบิลด้วย 233 - จ่ายเงินยังไงดี 234 238 Chapter 17 Love Story (เมื่อรักอินเลิฟ) - ส�ำนวนเรื่องหัวใจ 240 - คุยเรื่องสถานะ 242 - คุยเรื่องความสัมพันธ์ 244 - วิธีบอกรัก 244 - รักโอเคแล้วนะ 247

-


Chapter 18 Lovesick (เมื่อรักร้าย) - เมื่อรักมาถึงทางแยก - เมื่อเขางอน - เมื่อต้องง้อ - ขอแก้ตัว - เมื่อต้องเลิก - ขอให้ โชคดี Chapter 19 Congratulations! (ยินดีกับเรื่องดีๆ) - ยินดีด้วยนะ - โชคดีนะ Chapter 20 Don’t worry, be happy (ก�ำลังใจให้เธอ) - ก�ำลังใจเมื่อสูญเสีย - ก�ำลังใจเมื่อผิดหวัง Chapter 21 What mood you are in? (อารมณ์ไหนเนี่ย) - รู้สึกดีใจ - รู้สึกตื่นเต้น - รู้สึกกระปรี้กระเปร่า - รู้สึกเศร้า - รู้สึกผิดหวัง - รู้สึกเหนื่อย - รู้สึกเซ็ง/เบื่อ - รู้สึกหงุดหงิด - รู้สึกโกรธ - รู้สึกกระวนกระวาย - รู้สึกกังวล - รู้สึกกลัว

250 252 255 255 257 257 260 264 266 271 276 278 280 288 290 291 292 293 295 296 297 299 300 301 302 303


Chapter 22 Who are you? (คุณคือใคร) 306 - สาวสวย 308 - หนุ่มหล่อล�่ำ 308 - หนุ่ม/สาวน่ารัก 309 - ยัยหน้าปลวก 309 - คาสโนวา/คนเสน่ห์แรง 310 - เสือผู้หญิง 310 - ตัวเกะกะ/ก้างขวางคอ 311 - คนขี้ โกง 311 - ถ่านไฟเก่า 312 - ไอ้ขี้ โอ่ 312 - ไอ้ห่วยแตก 313 - เจ้าเล่ห์ 314 - คนงี่เง่า 314 - คนสอพลอ 315 - ไอ้ตัวตลก 316 - เกรียนในอินเตอร์เน็ต/นักเลงคีย์บอร์ด 316 - ตัวสร้างปัญหา 317 - ไอ้ โรคจิต 318 - ไอ้ขี้ขลาด 318 - คนสร้างภาพ/คนขี้อวด 319 - เซียน 319 Chapter 23 Trendy Talk! (บอกด้วยส�ำนวนมันๆ) 322 - เรื่องเฟลสุดๆ 324 - ท�ำไม่ร้ไู ม่ช ี้ 325 - ก็เรื่องของเธอ 325 - ตามสบายเลย 326 326 - เอาเลย


เจ๋งอ่ะ/ถูกต้อง 327 ใจเย็นไว้ก่อน 327 ค่อยยังชั่ว 328 เธอเป็นบ้าอะไรเนี่ย 328 อย่าล�้ำเส้นนะ/ให้มันน้อยๆ หน่อย 329 อย่ามายุ่ง 329 ไปให้พ้น 330 ห่วยแตก/แย่ว่ะ 331 จะไปรู้เรอะ 331 แล้วแต่/ยังไงก็ได้ 332 ระวังปากไว้หน่อย 333 หุบปากได้แล้ว 334 งานเข้าแล้ว 334 ได้เลย 335 ว่าแล้วเชียว 336 ก็บอกเธอแล้วไง 336 พูดอีกก็ถกู อีก 337 สมน�้ำหน้า 338 เสียของชะมัด 338 มุกเสี่ยว 339 เร่งท�ำคะแนน 340 342 Chapter 24 Trendy Chat! (แชทโดนใจ วัยรุ่นต้องรู้) - ศัพท์แชทตัวเลข 344 - ศัพท์แชทท�ำความรู้จัก 345 - ศัพท์แชททักทาย-ลา 348 - ศัพท์แชทชิวชิว 352

-


แนะน�ำกันหน่อย การออกเสียง หนังสือเล่มนีอ้ งิ การออกเสียงภาษาอังกฤษแบบบริตชิ (British English) ที่ถือเป็นส�ำเนียงมาตรฐานในประเทศอังกฤษ (ซึ่งแน่นอน ว่าเป็นประเทศต้นก�ำเนิดของภาษาอังกฤษทีเ่ ราใช้กนั ทัว่ โลกด้วย) ทัง้ ส�ำเนียง รูปแบบภาษา และวัฒนธรรมของอังกฤษได้รบั การยอมรับและ ถูกปรับน�ำไปใช้กบั หลายประเทศทีเ่ ป็นส่วนหนึง่ ของสหราชอาณาจักร (United Kingdom) อย่างเช่น สกอตแลนด์ ไอร์แลนด์เหนือ และ เวลส์ รวมทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ที่ได้รับอิทธิพลรูปแบบการ ใช้ภาษาอังกฤษแบบบริติชด้วย การออกเสียงพยัญชนะและสระภาษาอังกฤษต่างจากภาษาไทย เราจึงไม่สามารถใช้ภาษาไทยเทียบเคียงหรือทดแทนได้ทกุ ตัว และก็ ไม่ได้เหมือนร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนัน้ หนังสือเล่มนีจ้ ะใช้พยัญชนะ และสระไทยทีม่ เี สียงใกล้เคียงภาษาอังกฤษมากทีส่ ดุ โดยจะปรับทอน ให้อ่านได้เข้าใจง่ายที่สุดด้วยเช่นกัน ภาษาอังกฤษแบบบริติชมีการออกเสียงทุกพยัญชนะท้ายค�ำ (ยกเว้นเสียง “r”) โดยกระดกลิ้นเบาๆ แล้วปล่อยลมผ่านช่องปาก และบางครัง้ ก็ผา่ นจมูกด้วย คล้ายกับจบเสียงด้วย “สระอึ” แต่เบากว่า

10


ภาษาไทยไม่มีระบบนี้ จึงท�ำให้หลายคนมักจะลืมออกเสียง เช่น เสียง k ใน pick

ออกเสียงว่า

พิก-คึ

เสียง t ใน it

ออกเสียงว่า

อิท-ทึ

เสียง g ใน dog

ออกเสียงว่า

ด้อก-กึ

แต่เพือ่ ให้หนังสือเล่มนีอ้ า่ นสะดวกและง่ายทีส่ ดุ เราจึงขอเน้นเฉพาะเสียงพยัญชนะ ท้ายค�ำที่คนไทยมักลืมบ่อยๆ ซึ่งอาจท�ำให้ความหมายเปลี่ยนไป เช่น เสียง “ซ”, “ล”, “ฟ” โดยจะแทนเสียงสระ “อึ” ของพยัญชนะท้ายค�ำ ด้วยจุด (.) เล็กๆ ด้านล่างแทน เช่น is

อิซ-ซึ

all

ออล-ลึ

อิซฺ

ออลฺ

รวมถึงเสียงพยัญชนะซ้อน หรือพยัญชนะที่ภาษาไทยไม่มี และจ�ำเป็นต้อง ออกเสียงชัดๆ ไม่อย่างนั้นอาจเปลี่ยนความหมายได้ เช่น down

ดาว-นึ

pick

พิก-คึ

11

ดาวนฺ พิกคฺ


รวมถึงการออกเสียง “d” และ “t” เวลาอยู่ในรูป “ed” ของกริยาช่องที่ 2 ด้วย เช่น

listened

ลิเซิ่น-ดึ

picked

พิกคฺ-ทึ

ลิเซิ่นดฺ

พิกคฺทฺ

แต่ไม่รวมถึง wanted

วอน-ทึด

shredded

เชร็ด-ดึด

เราจะใช้จุดเล็กๆ ใต้เสียงพยัญชนะท้ายกับค�ำที่เขียนด้วยรูปย่อ เพื่อเชื่อมเสียง ระหว่างประธานกับกริยาช่วยของประโยคด้วย เช่น I had/would

You had/would

It is/has

I’d

You’d

It’s

อาย-ดึ

ยูวฺ-ดึ

อิท-ซึ

อายดฺ

ยูวฺดฺ

อิทซฺ

12


ชาวอังกฤษจะไม่ออกเสียง “r” ทีพ่ ยัญชนะท้ายค�ำ และจะออกเสียงเบามากๆ จน แทบไม่ได้ยนิ หากเป็นพยัญชนะกลาง แต่ถา้ เป็นพยัญชนะควบกล�ำ้ ขึน้ ต้นก็จะออกเสียง “r” อยู่ ซึ่งไม่เหมือนกับภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน (American English) ที่จะออกเสียง “r” ชัดเจนมากไม่ว่าต�ำแหน่งไหนของค�ำ เพราะฉะนั้นเราจะไม่ใช้เสียง “ร”ฺ ถ้า “r” อยู่ในต�ำแหน่งที่ไม่ออกเสียง หรือออก เสียงเบามากจนแทบไม่ได้ยิน เช่น car

คา

later

เล้เท่อะ

girl

เกิลฺ

นอกจากนี้หากมีพยัญชนะที่ไม่ออกเสียงเลย (silent sounded consonant) อยู่ ในค�ำหรือประโยค ก็จะถูกตัดทิ้งไปเช่นกัน เพื่อให้ง่ายต่อการอ่านและออกเสียงใน ภาษาไทย ตัวอย่างเช่น talk

ท้อค (ตัดเสียง “l” หรือ “ล” ออก)

dumb ดัม (ตัดเสียง “b” หรือ “บ” ออก)

13


การเชื่อมเสียง (Sound link) การเชือ่ มเสียงในหนังสือเล่มนีจ้ ะขอแนะน�ำในภาพรวมเท่านัน้ เพราะหากเราพูด แบบไม่มีจังหวะหยุดในหนึ่งประโยค การเชื่อมเสียงระหว่างค�ำก็จะเกิดขึ้น การเชื่อมเสียง เราจะเชื่อมเสียงท้ายค�ำด้านหน้าเข้ากับเสียงขึ้นต้นของค�ำถัดไป เพราะฉะนั้นศัพท์ค�ำเดียวกันจึงออกเสียงไม่เหมือนเดิมในประโยคต่างๆ กัน ซึ่งภาษา ไทยก็มีการเชื่อมเสียงแบบนี้เหมือนกัน อย่างเช่น เป็นอะไร

ออกเสียงเร็วๆ จะคล้าย

เป็น-นะ-ไร

จริงๆ แล้วการสือ่ สารแบบธรรมชาติก็ไม่จำ� เป็นต้องลืน่ ไหลเสมอไป บางครัง้ อาจ มีจังหวะหยุด (pause) ระหว่างประโยคบ้าง อย่างเวลาที่ต้องใช้ความคิด และถ้าเป็น แบบนี้ การเชื่อมเสียงระหว่างค�ำที่มีจังหวะหยุดมาคั่นพอดีก็จะไม่เกิดขึ้น ข้อสังเกต

ปกติแล้วการเชือ่ มเสียงทีค่ วรเกิดขึน้ เมือ่ พูดแบบไม่มจี งั หวะ หยุด แต่เพือ่ ความเข้าใจวิธกี ารออกเสียงจริงๆ ของค�ำศัพท์แต่ละ ค�ำ หนังสือเล่มนี้จะไม่เชื่อมเสียงให้ดู แต่ผู้อ่านสามารถสังเกต และฝึกเชื่อมค�ำเองได้ โดยใช้เทคนิคง่ายๆ ในหน้าถัดไป

14


ในหนังสือเล่มนี้เราจะใส่ (ร) เข้าไปท้ายค�ำของต�ำแหน่งที่ต้องเชื่อมเสียง เพื่อช่วยให้อ่านง่ายขึ้น ดูค�ำอธิบายเพิ่มในหน้า 18

เชื่อมเสียงพยัญชนะกับสระ

ถ้าค�ำด้านหน้าลงท้ายด้วยเสียงพยัญชนะ และค�ำถัดไปขึ้นต้นด้วยเสียงสระ การเชื่อมเสียงจะเกิดขึ้นแบบอัตโนมัติ อย่างเช่น แบบที่ 1

one = วัน apple = แอ้พเพิ่ลฺ one apple

one apple

วัน-แอ้พเพิ่ลฺ

วัน-แน้พเพิ่ลฺ

อย่าลืมว่าพยัญชนะบางตัวอาจเป็นเสียงสระก็ได้ อย่างเช่น แบบที่ 2 one = วัน hour = อาวเออะ one hour

one hour

วัน-อาวเออะ

วัน-นาวเออะ

ข้อสังเกตอีกอย่างคือ ถึงบางครั้งตัว “h” จะแทนเสียง “ฮ” แต่เป็นเสียง พยัญชนะที่ค่อนข้างเบาหรือบางทีก็ไม่ออกเสียงเลยในศัพท์บางค�ำ เมื่ออยู่ใน ประโยคจึงมักจะถูกเชื่อมเสียง

15


รู้

ทิปน่า

เราจะเชื่อม “เสียง” เป็นหลัก ไม่ใช่ “ตัวอักษร” ดังนั้นอาจมีค�ำที่เสียง ไม่ตรงกับตัวอักษร หรือเขียนด้วยพยัญชนะ แต่ออกเสียงเป็นสระ เช่น pay = เพยฺ

ค�ำนี้ลงท้ายด้วยตัวอักษร y = หรือคล้ายพยัญชนะ ย แต่จริงๆ ลงท้ายด้วยเสียง a = หรือคล้ายเสียงสระ เอยฺ

เชื่อมเสียงสระกับสระ ถ้าค�ำด้านหน้าลงท้ายด้วยเสียงสระ และค�ำถัดไปขึ้นต้นด้วยเสียงสระ การ เชื่อมเสียงจะเกิดขึ้นเช่นกัน แต่ต่างกันตรงที่เราจะใส่เสียง “y-ย” หรือ “w-ว” เข้าไป เชื่อมระหว่างค�ำ ซึ่งแล้วแต่ลักษณะริมฝีปากของเราว่าเป็นแบบไหนตอนออกเสียง สุดท้ายของค�ำด้านหน้า วิธีสังเกตง่ายๆ คือ

ริมฝีปากเหยียดกว้าง ถ้าออกเสียงค�ำด้านหน้าที่ลงท้ายด้วย เสียงสระ แล้วริมฝีปากเราเหยียดกว้างเหมือน เวลาออกเสียงสระ “เอ”, “แอ”, “อี” หรือ “ไอ” ในภาษาไทย เราจะใส่เสียง “y” หรือ “ย” เข้าไป เชื่อมกับค�ำถัดไป อย่างเช่น

16


pay all payyall

pay ลงท้ายด้วยเสียงสระ เอ

เพยฺ-ยอลฺ / เพ-ยอลฺ

all ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ ออ

หรือ the end the ลงท้ายด้วยเสียงสระ อี end ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ เอ

theyend ธิ-เยนดฺ

ริมฝีปากกลม ถ้าออกเสียงค�ำด้านหน้าที่ลงท้ายด้วยเสียงสระ แล้วริมฝีปากเราห่อกลมเหมือน เวลาออกเสียงสระ “โอ”, “ออ” หรือ “อู” ในภาษาไทย เราจะใส่เสียง “w” หรือ “ว” เข้าไป เชื่อมกับค�ำถัดไป อย่างเช่น who is

หรือ

who ลงท้ายด้วยเสียงสระ อู

whowis

is ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ อิ

ฮูวฺ-วิซฺ

you are you ลงท้ายด้วยเสียงสระ อู

youware

are ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ อา

ยูวฺ-วา / ยู-วา

17


เชื่อมเสียง “r”

ภาษาอังกฤษแบบบริติชไม่ออกเสียง “r” เวลาเป็นพยัญชนะท้ายค�ำ แต่ถ้าค�ำถัด ไปขึ้นต้นด้วยเสียงสระ เราจะใส่เสียง “r” หรือ “ร” เข้าไปเชื่อมกับค�ำถัดไป อย่างเช่น There is there ออกเสียงว่า แธ (ไม่ออกเสียง ร) is

ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ อา

thereris แธ(ร)-อิซฺ/แธ-ริซฺ

เสียงหนัก-เบา (stressed and unstressed words) จริงๆ แล้วหลักการออกเสียงภาษาอังกฤษมีอยู่หลายข้อ แต่เราจะไม่ลง รายละเอียดในหนังสือเล่มนี้ มีเคล็ดลับอย่างหนึ่งที่ช่วยให้การออกเสียงของเราเป็น ธรรมชาติเหมือนเจ้าของภาษา นั่นคือการลงเสียงหนัก-เบาในประโยค หรือบางทีการ ใช้เสียงสูง-ต�่ำก็ช่วยเน้นในสิ่งที่เราอยากจะบอก หรือช่วยแยกหน้าที่ของค�ำได้ด้วย ในทุกค�ำที่มีสองพยางค์ขึ้นไปจะมีเสียงหนัก-เบาเสมอ เราไม่ควร ออกเสียงชัดเจนเท่ากันทุกพยางค์ในหนึ่งค�ำ และไม่ควรเท่ากันทุกค�ำ ในหนึ่งประโยค อย่างเช่น ค�ำบุพบท (preposition-ค�ำที่บอกต�ำแหน่ง เวลา สถานที่ ทิศทาง) จะลงเสียงเบา (schwa) เสมอ ค�ำที่ออกเสียง เบามักจะฟังคล้ายเสียงสระ “อิ”, “อึ” หรือ “เออะ”

18


เสียงประหลาด สระ เสียงสระบางตัวเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของภาษาอังกฤษแบบบริติช ไม่มีใน ภาษาไทย ซึ่งเราปรับแทนด้วยสระไทยบางตัวให้ใกล้เคียงได้ ยกเว้นบางตัว เช่น

เสียง /u / ที่คล้ายกึ่งๆ ระหว่างเสียง อู + อิ = อูวฺ หรือ อิวฺ

อย่างเช่น

you = ยูวฺ (ยู) do = ดูวฺ (ดู)

เสียง /ә Ω/ ที่คล้ายกึ่งๆ ระหว่างเสียง เออ + โอ + อู = เออวฺ

อย่างเช่น

go = เกอวฺ (โกวฺ)

old = เออลดฺ ฺ (โอลฺดฺ)

***แต่ถ้ารู้สึกว่ายังออกเสียงตามได้ไม่คล่อง หรือยังไม่คุ้นเคย จะเริ่มด้วย การฝึกออกเสียงคล้ายแบบอเมริกันโดยแทนด้วยเสียงสระ “โอ” (แบบใน วงเล็บ) ก็ได้

19


การใช้วรรณยุกต์ เสียงวรรณยุกต์ ในเล่มนี้จะเทียบเคียงกับเสียงหนัก-เบาในภาษาอังกฤษไว้เป็น แนวทางเท่านั้น เพราะในชีวิตจริง เราจะขึ้นเสียงหนักหรือเสียงสูงที่ค�ำใดก็แล้วแต่ว่า ตอนนั้นเราก�ำลังอารมณ์ ไหน และอยากจะเน้นเรื่องอะไรด้วย อย่างเช่น ฉันเพิ่งให้ อาหารเสือตัวใหญ่สีด�ำ

สมมุตวิ า่ ตัวทีเ่ น้นสี คือค�ำทีเ่ ราใช้เสียง หนักหรือเสียงสูง

I just fed the big tiger. อ๊าย-จัซทฺ-เฟด-เธอะ-บิ๊ก-ทายเกอะ

I just fed the big tiger. อาย-จัซทฺ-เฟ่ด-เธอะ-บิ๊ก-ทายเกอะ

I just fed the big tiger. อาย-จัซทฺ-เฟด-เธอะ-บิ๊ก-ทายเกอะ

I just fed the big tiger. อาย-จัซทฺ-เฟด-เธอะ-บิ๊ก-ท้ายเกอะ

(เน้นว่า “ฉัน” เป็นคนให้อาหารนะ ไม่ใช่คนอื่น)

(เน้นว่าฉัน “ให้อาหาร” นะ ไม่ได้ท�ำอย่างอื่น)

(เน้นว่าเป็นเสือ “ตัวใหญ่” นะ ไม่ใช่ตัวเล็ก)

(เน้นว่าฉันให้อาหาร “เสือ” นะ ไม่ใช่สตั ว์ชนิดอืน่ หรืออาจเป็น ค�ำถามว่า “ฉันเพิง่ ให้อาหารเสือตัวใหญ่สดี ำ� จริงๆ เหรอเนีย่ ”)

20


ตัวอย่างพยัญชนะ/เสียงที่คนไทยไม่คุ้นเคย พยัญชนะ สระ และเสียงทีค่ นไทยไม่คนุ้ เคยและมักออกเสียงผิดมีอยูห่ ลายตัว ซึง่ เราจะไม่ลงรายละเอียดในหนังสือเล่มนี้ แต่จะยกตัวอย่างเสียงที่มักเจอบ่อยๆ คือ V (ไม่ใช่เสียง “ว”) วิธีออกเสียงจะใช้ฟันบนแตะริมฝีปากล่างเล็กน้อย แล้วพ่นลมออก มา เหมือนจะออกเสียง “ฟ” แต่ออกเสียงคล้าย “ว” แทน เพราะฉะนั้น ในเล่มนี้เราจะแทนด้วยพยัญชนะ “ฟวฺ” และออกเสียงควบติดกัน TH (ไม่ใช่เสียง “ท” หรือ “ด” หรือ “ต”) วิธีออกเสียงจะยื่นปลายลิ้นออกมาระหว่างฟันบนและล่าง แล้วพ่น ลมออกมา พร้อมออกเสียง “ต” ในเล่มนี้เราจะแทนด้วยพยัญชนะ “ธ” X (ไม่ใช่เสียง “ก”) วิธีออกเสียงจะออกเสียงเหมือน “ก” แล้วตามด้วยการพ่นลมออก มาระหว่างฟัน คล้ายจะออกเสียง “ซ” ในเล่มนี้เราจะแทนด้วยพยัญชนะ “กซฺ” และออกเสียงควบติดกัน

21


C

1

r

h a pt e

Let’s say “Hi!“ ทักทาย สบายดีไหม

เคยได้ยินประโยค “You had me at hello.” กันไหม ซึ่งเขาก�ำลังบอกเราว่า “เธอได้ใจฉันไปตั้งแต่วันที่เราทักทายกันครั้งแรกแล้ว” อย่างนี้ก็แปลว่าความประทับใจ แรกส�ำคัญไม่ใช่เล่นเลย แต่ในความเป็นจริงเวลาถูกทัก “How are you?” ทีไร หลายคนยังตอบไป ว่า “I’m fine, thank you. And you?” เหมือนเดิมทุกที บางทีเผลอลุกขึ้น ยืนตรงแล้วโค้งค�ำนับด้วย ทั้งที่ประโยคคลาสสิกนี้ก็ออกจะจ�ำง่าย จะใช้ทักทายแบบ ทางการ หรือวันสบายๆ ก็ได้เหมือนกันด้วย แต่บางทีเราก็อยากได้ศัพท์ใหม่ๆ มา อัพสไตล์การพูดภาษาอังกฤษของตัวเองบ้างใช่ไหมล่ะ มาดูกันว่าจะมีประโยค หรือส�ำนวนโดนๆ อะไรบ้าง ที่ช่วยให้การ “Say, Hi! (ทักทาย)” ของเรากลายเป็น ความประทับใจแรก (แล้วก็ไม่น่าเบื่อ) อีกต่อไป

ค�ำศัพท์น่าสนใจ glad (adj.)

แกล้ด

ยินดี

meet (v.)

มี้ท

พบ, เจอ

happen (v.)

แฮ้พเพิ่น

เกิดขึ้น

matter (n./v.) แม้ทเทอะ สิ่งส�ำคัญ, ส�ำคัญ same (adj.)

เซม

22

เหมือนเดิม


ine Guidel

ทักทาย สบายดีไหม ทักทาย

ตอบรับค�ำทักทาย

ทักเมื่อพบครั้งแรก

สบายดี

Hello.

ไม่สบายเท่าไร

ยินดีที่ได้รู้จกั นะ ทักคนรู้จัก ดีใจที่ได้พบอีก

ไม่ดีไม่ร้าย Hi!

Long time no see!

. Can’t complain

เป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้น

What’s up? Hey u p!

ทักแบบเด็กแนว แบบอเมริกัน

Terrible .

แบบบริติช

Howdy!

23


Chapter 1 : Let’s say “Hi!”

ทักทาย เวลาจะเอ่ยทักทายใคร นอกจากดูความสนิทกันแล้ว ยังต้องดูกาลเทศะด้วย เพราะ ถึงจะสนิทสักแค่ไหน แต่ถา้ ก�ำลังอยู่ในสถานการณ์เป็นงานเป็นการกันทัง้ คู่ ความสุภาพ ก็ตอ้ งมาก่อนอยูด่ ี และถ้าไม่ได้สนิทเลย แต่ทกั กันซะกันเองมากๆ ... คนฟังอาจมีเคือง ทีหลังก็ได้ แล้วยังไงถึงจะไม่มากไม่น้อยไปล่ะ

ทักเมื่อพบครั้งแรก เวลาจะทักทายคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกคงต้องสุภาพสักหน่อย ถึงจะอายุเท่ากัน หรือมากกว่าก็ตาม ยิง่ ถ้าเป็นแบบทางการ อย่างในทีท่ ำ� งาน หรือสัมภาษณ์งาน รับรอง สามประโยคคลาสสิกนี้ไม่มีวันเอาต์ หยิบมาใช้ได้ตลอดๆ เลย Good morning. กุด-ม้อนิ่ง สวัสดีค่ะ/ครับ

Good afternoon. กุด-อ้าฟฺเทอะนูน Good evening. กุด-อี้ฟฺเวินนิ่ง

รู้ไหมว่า

จริงๆ แล้วการออกเสียงแบบชาวอังกฤษ ส�ำหรับค�ำว่า “good” คือ กึ่งๆ ระหว่าง “กุด” กับ “กึด” แต่เพื่อให้ง่ายต่อการอ่าน ในเล่มนี้เราจะใช้ “กุด” แทน

24


Hello. เฮอเล่อวฺ

สวัสดีค่ะ/ครับ

รู้ไหมว่า

การออกเสียงสระตัวนี้คือกึ่งๆ ระหว่าง “โล” + “เลอ” + “ลู” ที่รวมๆ แล้วจะคล้ายเสียง “เลอว”ฺ ซึ่งเป็นเสียงเฉพาะของชาวอังกฤษ แต่ถ้าจะ ออกเสียงแบบอเมริกันก็คือ “โลว”ฺ ได้เลย

ยินดีที่ ได้รู้จักนะ How do you do?* ฮ้าว-ดึ-ยูวฺ-ดูวฺ

Nice to meet you. น้ายซฺ-ทึ-มี้ท-ยูวฺ

Pleased to meet you. พลี๊ซฺทฺ-ทึ-มี้ท-ยูวฺ

25

Chapter 1 : Let’s say “Hi!”

ส�ำหรับบางคนที่รู้สึกว่าไม่อยากได้ความรู้สึกทางการขนาดนั้น ถึงจะเป็นการพบ กันครั้งแรกก็ตาม เราสามารถใช้ค�ำนี้ที่เป็นแบบกึ่งทางการ กึ่งสบายๆ โดยไม่ได้ออก เสียงว่า “ฮัลโหล” เหมือนเวลาเราโทรศัพท์นะ แต่จะพูดว่า


Chapter 1 : Let’s say “Hi!”

รู้ไหมว่า *ประโยค “How do you do?” ฟังเหมือนเป็นค�ำถาม แต่จริงๆ แล้วเป็นการทักทายเฉยๆ ถ้าใครใช้ประโยคนี้ทักมา เราก็ต้องทักกลับว่า “How do you do?” เช่นกัน

ทิปภาษ

ค�ำว่า “pleased” ทีเ่ ห็นในประโยคเป็นคนละตัวกับ “please” ที่แปลว่า “ได้โปรด/กรุณา” เพราะค�ำนี้เป็นค�ำกริยาที่ย่อมาจาก ประโยค “I’m pleased...” แปลว่า “ฉันรูส้ กึ ดีใจ...” เพราะฉะนัน้ เวลาเขียนค�ำนี้ต้องเติม “-ed” ด้านหลังเสมอ

ทักคนรู้จัก การทักทายเพื่อนแบบสบายๆ ทั้งแบบที่เจอกันอยู่แล้วทุกวัน และแบบบังเอิญ เจอคนคุ้นเคยที่ไม่ได้เห็นกันนาน เราก็เปลี่ยนมาใช้ค�ำง่ายๆ แบบนี้ได้ Hello! เฮอเล่อวฺ หวัดดี

Hi! ฮ้าย Hey! เฮ้ยฺ

26


ในสถานการณ์ทอี่ ยากทักทายให้ดูไม่ “เยอะ” และไม่ “น้อย” เกินไป เราก็สามารถ ใช้ประโยคเหล่านี้ได้

It’s been a long time.

อิทซฺ-บีน-เออะ-ล้อง-ทายมฺ

Nice to see you again.

ดีใจจังที่ได้พบกันอีก

น้ายซฺ-ทึ-ซี้-ยูวฺ-เออะเก้น

Glad to see you. แกล้ด-ทึ-ซี้-ยูวฺ

Long time no see!

ล้อง-ทายมฺ-เนอวฺ-ซี

It’s been a while.

ไม่เจอกันนานเลยนะ

อิทซฺ-บี้น-เออะ-วายลฺ

How come I never see you? ฮาว-คัม-อาย-เน้ฟฺเวอะ-ซี้-ยูวฺ

27

Chapter 1 : Let’s say “Hi!”

ดีใจที่ ได้พบอีก


Chapter 1 : Let’s say “Hi!”

เป็นยังไงบ้าง

อยากรู้ว่าเพื่อน “สบายดีไหม” และ “เป็นยังไงบ้าง” นอกจากประโยค “How are you?” ที่เราได้ยินบ่อยมากถึงมากที่สุดแล้ว ยังมีส�ำนวนสั้นๆ ง่ายๆ แบบอื่นที่เราหยิบ มาใช้แทนได้อีกเพียบ ฟังแล้วเหมือนเจ้าของภาษามาเองด้วยนะ อย่างเช่น How’s life?

ฮาวซฺ-ล้ายฟฺ

How’ve you been? ฮาวเวิฟวฺ-ยูวฺ-บี้น

How’s it going?

ฮาวซ-ฺ อิท-เก้อววฺ ิ่ง

สบายดีไหม/ เป็นยังไงบ้าง

How’s everything? ฮาวซฺ-เอ้ฟวฺริธิง

What’s new? ว้อทซฺ-นูวฺ

*How’s things going (with you)? ฮาวซฺ-ธิงซฺ-เก้อววฺ ิ่ง-(วิธฺ-ยูวฺ)

ทิปภาษ

มีใครเห็นบ้างว่า “How’s things” เป็นประโยคทีผ่ ดิ ไวยากรณ์นะ เพราะ จริงๆ แล้วประธานกับกริยาต้องสอดคล้องกันเสมอ เพราะฉะนั้นประโยคนี้ ต้องเป็น How’re things going with you? แต่เวลาฝรัง่ ออกเสียงเร็วๆ จะกลายเป็นเสียง “’s” ไป แต่ถา้ เวลาเขียน เรายังต้องใช้ “’re” อยู่นะ

28


ถ้าไม่ได้ถามไปอย่างงัน้ ๆ แต่ถามกันจริงๆ อย่างเวลาทีเ่ รารูส้ กึ ว่าอาจมีบางอย่าง เกิดขึ้น หรืออาจต้องคุยกันยาวก็ได้ ให้ใช้ประโยคเหล่านี้ What’s up? ว้อทซฺ-อัพ

เกิดอะไรขึ้น/ มีอะไรหรือเปล่า

What’s happening? ว้อทซฺ-แฮ้พเพินนิ่ง

What’s the matter?

ว้อทซฺ-เธอะ-แม้ทเทอะ

ทักแบบเด็กแนว นอกจากประโยคและส� ำ นวนข้ า งต้ น ที่ ใ ช้ ไ ด้ กั บ ทุ กวั ฒ นธรรมแล้ ว ยั ง มี ส�ำนวนทักทายในแบบ “street language” หรือภาษาเด็กแนวส�ำหรับใช้กับเพื่อนด้วย ส�ำนวนเหล่านี้นิยมใช้เฉพาะในวัฒนธรรมอังกฤษหรืออเมริกัน แต่ก็มีประเทศอื่นๆ ที่ รับอิทธิพลภาษาเหล่านี้มาด้วย ถ้าเราอยากใช้ส�ำนวนไหนก็เลือกใช้ให้ถูกที่และถูกคน ละกันนะ

แบบอเมริกัน

แบบนี้ใช้ทักคนไม่สนิทก็ได้ แต่เป็นสไตล์กันเองๆ หน่อย ย่อมาจาก “How do you do?” หวัดดี/ว่าไง

Howdy! ฮ้าวดี

29

Chapter 1 : Let’s say “Hi!”

เกิดอะไรขึ้น


Chapter 1 : Let’s say “Hi!”

แต่ถ้าแบบนี้เก็บไว้ใช้กับเพื่อนสนิท หรือทักเพื่อนเฉพาะกลุ่มจะดีกว่า What’s up! วั้ทซฺ-แซ่พ *ออกเสียงแบบอเมริกัน

Sup! แซ่พ

หวัดดี/ว่าไง

*ออกเสียงแบบอเมริกัน

Yo! โย่

แบบบริติช

ทัก “หวัดดี” เฉยๆ ใช้ได้กับทุกคน ไม่เฉพาะกับเพื่อนสนิทก็ได้ Hiya!* ฮ้ายย่ะ

หวัดดี/ว่าไง

Hey up!/Ayup! เฮ้ยฺ-อั่พ/เอ้ยั่พ

หรือแบบนี้ก็คล้ายๆ กับ “ว่าไง” แต่ไม่ได้ต้องการค�ำตอบเป็นเรื่องเป็นราว จริงๆ แล้วเหมือนแค่ “หวัดดี” เฉยๆ เราก็ตอบกลับสั้นๆ ก็พอ อย่างเช่น “good”, “yeah” หรือจะทักกลับก็ได้ Wotcha! ว้อทเฉอะ

หวัดดี/ว่าไง

Alright?/Alrigh’? อัลร้ายทฺ/อัลร้าย

30


Chapter 1 : Let’s say “Hi!”

ทิ

ปวัฒนธรร

“What’s up!” กับ “What’s up?” ใช้ได้ในสองบริบท ใน วัฒนธรรมอเมริกนั มักใช้ทกั กันเฉยๆ ส่วนในวัฒนธรรมอังกฤษ ประโยคนี้ใช้ถามกันจริงๆ ถ้าเพือ่ นอเมริกนั ทักแบบชิวชิว เราก็ ไม่ต้องตอบซะยาวจริงจัง แต่ถ้าเพื่อนอังกฤษถาม เราจะตอบ แบบลงรายละเอียดสักนิดหน่อยก็ได้ การตอบแบบไหนดีที่สุด ก็ต้องดูที่บริบทและโทนเสียงคนถามด้วย

ตอบรับค�ำทักทาย

การตอบก็ไม่ได้มีแค่ “I’m fine. Thank you.” แต่มีให้เลือกใช้อีกเพียบเหมือนกัน ส�ำหรับการทักทายกันแค่พอหอมปากหอมคอ เราใช้ค�ำตอบสั้นๆ ตามตัวอย่างด้าน ล่างนี้ก็ได้

สบายดี

สมมุติว่าช่วงนี้ชีวิตแฮปปี้ ท�ำอะไรก็ดีก็บวกไปหมด สามารถใช้ประโยคเหล่านี้ ได้ ประโยคแรกจะออกทางการหน่อยๆ แต่ก็ใช้แบบกันเองได้เหมือนกัน I’m doing well, thanks. How about you? สบายดี ขอบใจนะ แล้วเธอล่ะ

อายมฺ-ดู้วิ่ง-เวลฺ แธ้งคฺซฺ ฮาวฺ-เออะเบ่อวฺทฺ-ยูวฺ

I’m good/great, thanks. And you? อายม-ฺ กุ้ด/เกร้ท แธ้งคฺซฺ แอนดฺ-ยู้วฺ

Pretty good, thanks. You? พรี้ที-กุ้ด แธ้งคฺซฺ ยู้วฺ

31

อา


Chapter 1 : Let’s say “Hi!”

ไม่สบายเท่าไร

ถ้าไม่ค่อยสบายเท่าไร ก�ำลังอารมณ์ไม่ดี ที่บ้านน�้ำไม่ไหล ไฟไม่มา อากาศร้อน นอนไม่หลับ แต่ไม่อยากบ่นยาว ก็ต้องใช้แบบรวบรัดว่า Not so good. น้อท-เซอวฺ-กุ้ด

Could be better.

ไม่ค่อยดีเลย/แย่อ่ะ

คุด-บี-เบ้ทเท่อะ

Terrible.

เท้เรอะเบิ่ล

รู้ไหมว่า การออกเสียงแบบบริติช ส�ำหรับค�ำว่า “not” คือกึ่งๆ ระหว่าง “น้อท” กับ “โน้ท” แต่เพื่อให้ง่ายต่อการอ่าน ในเล่มนี้เราจะใช้ “น้อท” แทน

ไม่ดี ไม่ร้าย

แต่ถ้าเรารู้สึกไม่ดีไม่ร้าย ชีวิตเรียบๆ ง่ายๆ ไปวันๆ ก็ต้องใช้ประโยคแบบนี้ Not bad. น้อท-แบ้ด

Can’t complain. ค้านทฺ-คัมเพล่น

ก็งั้นๆ แหละ

Just the usual.

จัซทฺ-เธอะ-ยูวฺเชิลฺ

Not much. น้อท-มัทฉฺ

32


พอเสียง “d” (ด) หรือ “t” (ท) จากท้ายค�ำ อย่างเช่น “and” หรือ “about” มาเจอกับเสียง “y” (ย) ของค�ำว่า “you” จะเกิดการเชือ่ มเสียงขึ้น ระหว่างสองตัวอักษร และกลายเป็นเสียงคล้าย “ช” ในภาษาไทย แต่เป็น “ช” ที่ต้องยื่นริมฝีปากออกมาอีกหน่อย และพ่นลมออกมามากกว่าด้วย อย่างเช่น How about you?

ฮาวฺ-เออะเบ่อวฺทฺ-ยูวฺ

ฮาวฺ-เวอะเบ่อวฺ-ชู้วฺ

And you?

เมื่อพูดแบบเชื่อมเสียงแล้ว จะออกเสียงคล้ายๆ กับ

แอนดฺ-ยู้วฺ

แอน-ชู้วฺ

เมื่อพูดแบบเชื่อมเสียงแล้ว จะออกเสียงคล้ายๆ กับ

คนทีม่ อี ธั ยาศัยดีมกั จะเป็นคนมีเสน่ห์ไปด้วย ความจริงใจสัมผัสกันได้จากแววตา และน�้ำเสียงนะ ถึงไม่ทั้งหมดแต่ก็ระดับหนึ่งละ ถ้าเราสบตาอีกฝ่ายเวลาทักทาย พูด ด้วยน�ำ้ เสียงทีห่ นักแน่น กระตือรือร้นทีจ่ ะรับฟังและตอบค�ำถาม ถึงจะเป็นประโยคง่ายๆ แต่ว่าถ้าเราจริงใจแล้ว ก็ไม่ต้องพูดกันยาว รับรองว่า “You had me at hello.” ชัวร์!

33

Chapter 1 : Let’s say “Hi!”

รู้ไหมว่า


ทิ

Chapter 1 : Let’s say “Hi!”

ปวัฒนธรร

ทักแล้วอย่าเผลอแปะมือ ไฮไฟว์ (Hi Five) หรือโชว์ โค้ดลับระหว่างเพื่อนเหมือน ในหนังวัยรุ่นเมื่อกาลครั้งหนึ่ง นะ เพราะฝรั่งต้นต�ำรับเทรนด์ เขาบอกว่าตอนนี้มัน “เอาต์” สุดๆ แล้ว อย่ า เอ่ ย ทั ก กั น ด้ ว ยเรื่ อ ง สุขภาพและรูปลักษณ์ทันทีที่เจอ หน้า เช่น “อ้วนขึ้นนะ” “ผอม ไปรึเปล่า” “ท�ำไมวันนี้โทรมจัง” วัฒนธรรมฝรัง่ ถือเป็นเรือ่ งส่วนตัว มากๆ เก็บความห่วงใยไว้ถามตอน ที่สนิทกันแล้วจะดีกว่า การทักทายเพือ่ นฝูงทีเ่ จอ กันบ่อยๆ ไม่จ�ำเป็นต้องจับมือ หรือ “shake hand” กันทุกครั้ง ก็ได้ นอกจากไม่เจอกันนาน มากๆ หรือจับมือเพื่อทักทาย เพื่อนใหม่ก็พอ

34


เลือกค�ำตอบที่ถูกต้องที่สุด

1. A: This is Mr. Chou from Taiwan. He’s in Thailand for the first time. B: Good morning, Mr. Chou. ___________________ a. How’s life? b. How’ve you been? c. How do you do? d. What’s new? 2. A: Yo, man! B: __________________. a. What’s up! c. Pretty good.

b. Good evening! d. How about you?

3. A: Hello, John! How’s life? B: __________________. A: Great! a. Long time no see. c. Could be better.

b. Nothing much. d. I’m doing well.

4. A: Good afternoon, Khun Thana. Nice to see you again. B: Good afternoon, Paul. Nice to see you, too. ______________ a. How do you do? b. How’s things going? c. Can’t complain. d. Alright? 5. A: Hi, Tom. B: Hey, Tin. How come I never see you? How’s life? A: ________________ a. Nothing much. How about you? b. Could be better. How do you do? c. Pleased to see you again. What’s up? d. Great! What’s going on? เฉลย : 1. c 2. a 3. d 4. b 5. a

35

Chapter 1 : Let’s say “Hi!”

แบบฝึกหัด


¡ÒÃѹµÕàÅ‹Á¹Õéʹء Í‹Ò¹áÅŒÇà¡‹§ ¾Ù´ÀÒÉÒÍѧ¡ÄÉ䴌ṋ¹Í¹!

อยากพูดอังกฤษเกง ตองเริ่มจากเรื่องใกลตัว

ÃŒÍÂàÃÕ§â´ÂµÑÇáÁ‹ÀÒÉÒÍѧ¡ÄɵÑǨÃÔ§

English is all Around

!

บางสวนของเนื้อหาที่รีวิวในเพจ I Get English MagAzine เรารวมมาไวที่นี่แลว

English is all Around ฝกพูดอังกฤษจากเรื่องรอบตัว

˹ѧÊ×ÍàÅ‹Á¹Õé¤×ًͤÁ×ͪÑé¹ÂÍ´«Öè§àÃÕ§ÌÍÂà¹×éÍËÒ áÅÐ㪌ÀÒÉÒ·ÕèÍ‹Ò¹áÅŒÇࢌÒ㨧‹Ò ã¹àÅ‹Á»ÃСͺ´ŒÇ 24 º·ãËÞ‹ 148 àÃ×èͧÃͺµÑÇ «Öè§áµ‹Åк·ä´ŒÃǺÃÇÁ»ÃÐ⤠Êӹǹ ¤ÓÈѾ· ÊáŧÊØ´à·Ã¹´Õé·ÕèäÁ‹ÁÕÊ͹㹵ÓÃÒ ÃÇÁ¶Ö§â¤Ã§ÊÌҧ»ÃÐ⤠à¾×èÍãËŒÊÒÁÒö¹Óä»»ÃѺ㪌䴌Í‹ҧËÅÒ¡ËÅÒ ¾ÃŒÍÁ¤ÓÍ‹Ò¹ ·Õè¶Í´àÊÕ§½ÃÑè§ÁÒà´ Ðæ ãËŒ¤Ø³½ƒ¡ÍÍ¡àÊÕ§䴌àËÁ×͹਌ҢͧÀÒÉÒ ÃѺÃͧ䴌NjÒËÒ¡Í‹Ò¹àÅ‹Á¹Õ騺 ÀÒÉÒÍѧ¡Äɢͧ¤Ø³¨Ð¾ÅÔéÇ Å×è¹äËÅ ¨¹¤Ø³àͧÂѧµŒÍ§·Öè§

ฝกพูดอังกฤษ จากเรื่องรอบตัว

ÃÇÁÊáŧà´ç´ Êӹǹⴹ ·Õè äÁ‹ÁÕ ã¹µÓÃÒ

ÀÒ¾»ÃСͺ¹‹ÒÃÑ¡ Í‹Ò¹§‹ÒÂʺÒµÒ

gle. I’m siซิn งเกิ�ล อายมฺ-

ฉันโสด (โปรดจีบ)

เนื้อหา วย เขาใจงายMดap Mind

9

786165

279260

หมวด : ภาษาศาสตร

รราาคคาา

ISBN 978-616-527-926-0

ราคา 169 บาท

า 116699 บบาทท

¤ÓÍ‹Ò¹¶Í´àÊÕ§ÀÒÉÒÍѧ¡ÄÉẺ¾ÔàÈÉ ãËŒ¤Ø³ÍÍ¡àÊÕ§䴌àËÁ×͹਌ҢͧÀÒÉÒ 169.-

โดย อารดา

กันทะหงษ ผูเขียนคอลัมนดังแหง I Get English ผูใชภาษาอังกฤษในตางแดนไดคลองเหมือนภาษาแม


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.